A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )  (อ่าน 22372 ครั้ง)

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




==========================================================


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

สวัสดีค่า  ชื่อบิวนะคะ  เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องที่สองที่นำมาลงในเล้า  หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้าเลยนะคะ  เรื่องนี้เป็นแนวเลิฟคอเมดี้อีกเช่นเคย  ขำๆ  ฮาๆ  มีซึ้งบ้างเล็กน้อย  แต่เน้นฟีลกู๊ดจ้า  ใครที่เข้ามาอ่านเร่องนี้ก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  จะพยายามอัพบ่อยๆไม่หายไปไหน  และขอสัญญาว่าอัพจนจบแน่นอนค่าาา


ตามมาเม้ามอยกันได้ที่เพจเลยนะคะ    https://www.facebook.com/bewjuliet/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2017 17:34:00 โดย WwW »

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




A Mermaid
รักนี้...สีน้ำทะเล

 
บทนำ
เจ้าสาว?

 
ซ่า…ซ่า…
เสียงคลื่นซัดเข้าหาชายฝั่งดังมาเป็นระลอก
การที่ผมเริ่มได้ยินเสียงรอบกายแบบนี้ก็แสดงว่า…ผมฟื้นคืนสติกลับมาแล้วสินะ  แต่เดี๋ยวก่อน  อะไรเป็นอะไรยังไงตอนนี้สมองของผมยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก  คล้ายกับว่าหลับไปนานจนความจำมันเลอะเลือน
เกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้?
และที่สำคัญ…
เกิดอะไรขึ้นกับผม?
“อ่า…ปวดหัวแฮะ”
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา  ก็ต้องพบกับแสงอาทิตย์ที่โอบล้อมไปทั่วทุกสารทิศ  ความร้อนแผ่นกระจายจนแสบหน้าไปหมด  ผมมานอนแอ้งแม้งให้แดดเลียผิวอยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ  โดยปกจิผัวก็หยาบกร้านกว่าชาวบ้านเขาอยู่แล้ว  ยังมีหน้ามานอนอาบแดดอีกเรอะ!
“ตื่นแล้วเหรอเจ้ามนุษย์”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางปลายเท้าซึ่งเป็นทางลงไปน้ำทะเล  ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง  แต่ให้ตายเถอะ!  ปวดไปหมดทั้งตัวเลยโว้ย!
“ไง  เจ้าหลับไปนานมากเลยนะ”
คนตรงหน้าพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม
ผมยาวถึงกลางหลังสีเขียวเหมือนสาหร่ายทะเลหรือตะไคร่น้ำอะไรเทือกนั้นๆ  นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนตัดกับผิวที่ขาวใสราวกับไม่เคยต้องแสงแดดมาก่อน  ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้ม  สองมือของอีกฝ่ายพาดอยู่บนก้อนหินก้อนยักษ์  ขณะที่ช่วงลำตัวผมเดาเอาว่าคงจะอยู่ในน้ำทะเล  ร่างกายเปียกปอนไปด้วยน้ำ…
“คุณ…”
ยกมือขึ้นกุมหัวเพื่อระลึกบางสิ่งที่หลงลืมไป  ภาพเหตุการณ์บางอย่างฉายชัดเข้ามาในหัวทีละนิดๆ
ภาพตอนผมกำลังช่วยพ่อวางอวนเพื่อดักจับปลาเมื่อตอนตีสอง…
ภาพที่จู่ๆก็มีลมพายุและห่าในที่ไหนไม่รู้จู่โจมเรือเล็กๆของเราสองพ่อลูกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว…
ภาพที่พ่อกำลังจะหล่นจากเรือแต่ผมเข้าไปช่วยไว้ได้ทันทำให้ตัวเองต้องตกลงไปในทะเลแทน!
และ…
 
ช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มอ่อนล้า  ลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆด้วยสำลักน้ำทะเล  เรี่ยวแรงที่มีไม่สามารถต้านทานแรงของพายุและเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำอย่าบ้าคลั่งนี้ได้เลย  ตอนนั้นเอง...  ขณะที่ลมหายใจสุดท้ายกำลังจะหมดลง  ดวงตาพร่าเลือนค่อยๆปิดสนิท...
อะไรบางอย่างกำลังแหวกว่ายผ่านฝูงปลาเข้ามาทางผม
บางอย่างที่มีขนาดใหญ่พอๆกับมนุษย์
ฉลามหลงถิ่นหรือเปล่านะ?
ผมอาจจะไม่ต้องตายเพราะจมน้ำ  แต่กำลังจะได้เป็นอาหารของฉลามแทน  ช่างน่าภูมิใจอะไรเช่นนี้  ลูกชาวประมงที่จับปลาเพื่อหากิน  กลับต้องกลายมาเป็นอาหารปลาเสียเองแบบนี้…
หมับ!
ข้อมือที่ถูกฉลามงับ ( คิดเอาเอง ) และลากเข้าไปใกล้  ผมหลับตาลงและภาวนาถึงพระเจ้าอะไรก็ตามที่กำลังมองผมอยู่  แต่ขอเน้นไปทางเทพโพไซดอนเจ้าแห่งท้องทะเลมากเป็นพิเศษก็แล้วกัน  ถ้าร่างกายของผมจะสามารถต่อชีวิตของฉลามตัวนี้ไปได้อีกสักมื้อ  ผมก็ขอให้ตอนถูกเคี้ยวไม่เจ็บมากนัก  ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยงับครั้งเดียวแล้วตายในทันทีก็จะดีมาก
‘…’
ความคิดฟุ้งซ่านถูกหยุดลงด้วยสัมผัสอันแสนนุ่มนวลที่ริมฝีปาก  เท่านั้นยังไม่พอ  ผมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรนิ่มๆสอดเข้ามาในโพรงปากอีกด้วย!
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ  ฉลามมันกินคนด้วยวิธีไหนกันเนี่ย  เอาลิ้นแยงเข้ามาในปากเพื่อลิ้มรสก่อนแล้วค่อยเคี้ยวเรอะ!
หมับ…
ผมลืมตาโพลงเมื่อบั้นท้ายถูกบางอย่างที่เหมือนฝ่ามือคนบีบขยำอย่างอย่างเมามันส์  ไม่ใช่ละ  ฉลามบ้าอะไรจะกินคนด้วยวิธีลามกแบบนี้กันวะ!
‘อื้อๆๆ’
เริ่มดิ้นเมื่อริมฝีปากและร่างกายถูกคุกคามมากขึ้น  ผมเบิกตากว้าง  ตกใจถึงขีดสุดจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว  เมื่อสิ่งที่สองตากำลังเห็นอยู่ตอนนี้มันน่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าความคิดในตอนแรกที่ว่าผมกำลังจะถูกฉลามกินเสียอีก!
ก็ไอ้สิ่งที่กำลังคุกคามผมอยู่ตอนนี้มันมีท่อนบนเป็นคนท่อนล่างเป็นปลาน่ะสิ!
หรือเรียกภาษาคนง่ายๆก็คือ…
เงือก!!!
 
ความทรงจำทั้งหมดกลับมาครบโดยพลัน  ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายผมสีตะไคร่น้ำคนเดิมอีกครั้งก่อนจะร้องออกมาสุดเสียง
“นึกออกแล้วสินะเจ้ามนุษย์”
“งะ…งะ…งะ…งะ…”
อยากจะพูดว่าเงือกแต่ก็ตกใจจนพูดไม่ออก  อ๊ากกกก!
“ข้าไม่มีเวลามาอธิบายอะไรให้เจ้าฟังตอนนี้หรอกนะ  สิ่งที่เจ้าต้องทำเพื่อตอบแทนที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ก็คือ…”
“…”
“จงมาเป็นเจ้าสาวของข้าซะ”
“อะ…อะไรนะ?!”
“มาเป็นเจ้าสาวของข้า  แล้วข้าจะยอมพาเจ้ากลับไปยังที่ที่เจ้าเคยอยู่”
สิ้นคำ  เขาก็ใช้สองข้างยันเอาไว้กับก้อนหินเพื่อเหยียดตัวขึ้นมา  ส่วนล่างที่เป็นหางปลาของเขามีเกล็ดสีเขียวมรกตเงางามราวกับเพชรที่กำลังต้องแสงแดด!
ผมนิ่งค้าง  ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้มาเห็นสิ่งที่อัศจรรย์เกินกว่ามนุษย์จะคาดคิดได้ขนาดนี้!  เขาไม่ใช่แค่เงือกธรรมดา  แต่เกล็ดของเขายังระยิบระยับสวยจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย…
ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมกับความงามของเกล็ดเงือกให้สมใจยาก  ตรงจุดที่เขานั่งอยู่ก็มีแสงสว่างวาบออกมา  ผมหลับตาลงไปครู่หนึ่ง  รอจนมั่นใจว่าแสงสว่างนั้นได้หายไปแล้วก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“เฮ้ยยยย!”
ร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่อัศจรรย์กว่าการเห็นเงือกตัวเป็นๆ  นั่นก็คือ…
เงือกที่กลับมาเป็นมนุษย์ที่มีขาเหมือนผม!
แต่ประทานโทษเถอะ…
“ตกใจเหรอ ของข้าใหญ่กว่าของเจ้าเยอะเลยใช่ไหมล่ะ?”
ร่างสูงกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจก่อนจะมองส่วนนั้นของตัวเองสลับกับช่วงล่างของผม  คำพูดและสายตาของเขาทำให้ผมต้องก้มมองสภาพของตัวเองตอนนี้ทันที
เหี้ย!
ทำไมผมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลยล่ะเนี่ย!
แล้วที่สำคัญ…
“ไปได้แล้ว  เจ้าสาวของข้า”
ผู้ชายผมสีตะไคร่น้ำที่พอกลายร่างจากเงือกมาเป็นมนุษย์ก็เลยมีสภาพไม่ต่างจากผมเลยแม้แต่นิดเดียวคนนี้…
คิดจะเอาผมไปเป็นเจ้าสาวจริงๆเรอะ!
มันจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
อัพบทนำก่อนจ้า  เตอนนีเสร็จภารกิจทุกอย่างหมดแล้ว  เรื่องนี้จะพยายามอัพให้ได้ทุกวันวันละ 1 ตอนนะคะ  ฝากติดตามด้วยจ้าา ^^


 


ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




ตอนที่ 1
เจ้าสาวจำเป็น
 
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ   หมายความว่ายังไง  อธิบายมาหน่อยสิเว้ย  จู่ๆตื่นมาก็เห็นเงือกตัวเป็นๆแถมยังบอกจะมาเอาไปเป็นเจ้าสาวอีก  นี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม  เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์แน่ๆ!”
“งั้นข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจกับเจ้าด้วย  เพราะว่าที่นี่…”
“…”
“คือโลกมนุษย์”
“…”
“โลกกลมๆที่มีทั้งอากาศ น้ำ และต้นไม้สำหรับสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์  เจ้ายังอยู่บนโลกใบนั้นนั่นแหละ”
“อ๊ากกกกก!  นี่คุณกำลังจะบอกผมว่า  บนโลกที่ผมอยู่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเงือกอาศัยอยู่จริงๆเรอะ!”
“แล้วเจ้าเห็นข้าเป็นปลาการ์ตูนหรือไงหนุ่มน้อย”
คำพูดและรอยยิ้มที่เหมือนกำลังกลั้นขำเต็มที่ของเขาทำให้ผมต้องมองดูรูปร่างของเขาชัดๆอีกครั้งหนึ่ง  ขาทั้งสองข้างที่เคยมีค่อยๆกลับเป็นหางและมีเกล็ดสวยงามตามเดิมอย่างในตอนแรกที่ผมเห็น
อื้ม…
ไม่ว่าจะมองมุมไหนองศาไหนก็…
เงือกชัดๆ!
“ขะ…ขอแตะได้ไหม”
“…”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น  อีกฝ่ายเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับคิดไม่ถึงว่าผมจะขออะไรแบบนี้  ก่อนที่รอยยิ้มอ่อนโยนจะผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา
“มานี่สิ”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ  แม้จะยังกล้าๆกลัวๆว่าจะโดนจับกินหรือเปล่า  แต่ความอยากรู้บวกกับรอยยิ้มหวานๆนั่นก็ทำให้ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้เขาตามคำสั่ง
กลิ่นทะเลโชยออกมาตัวคนตรงหน้า
ยิ่งกับผมที่โตมากับทะเลและรักทะเลมากๆ  การที่เขามีกลิ่นของทะเลแบบนี้มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ
“เจ้าอยากจะแตะตรงไหนของข้าดีล่ะ”
“อะ…เอ๊ะ?”
มือข้างขวาถูกดึงขึ้นไปวางแหมะอยู่ตรงแผงอกที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆขวางกั้น  มือถูกกดให้ระนาบไปกับผิวกายจนนิ้วทั้งห้ากางออก  สัมผัสที่เนินเนื้อนุ่มร้อนระอุอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้ายอมให้เจ้าสัมผัสได้ทุกที่  ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเจ้าสาวของข้าในค่ำคืนนี้”
ใบหน้างดงามก้มลงมาใกล้  นัยน์ตาสีสวยจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม  รู้สึกเหมือนกำลังถูกเขาอ่านใจเลย
“ผมแค่อยากลองแตะ”
“…”
“ไม่ได้บอกจะยอมเป็นเจ้าสาวให้คุณสักหน่อย  แล้วที่สำคัญ…ผมเป็นผู้ชายนะ  จะไปเป็นเจ้าสาวได้ยังไง!”
“ใครสนเรื่องนั้นล่ะ  แค่ในร่างกายของเจ้ามีช่องทางสำหรับให้ข้าสอดใส่เข้าไปได้ก็พอแล้ว”
“ดะ…เดี๋ยวนะ”
พูดเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!
ช่องทางสำหรับสอดใส่อะไร  แล้วมึงจะสอดอะไรเข้ามา!
ผมนั่งหน้าแดงเถือกร้อนฉ่าไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย  เจ็บใจตรงที่ตัวเองก็ดันเผลอจินตนาการไปตามทีไอ้เงือกชีกอนี่มันพูดนี่แหละ!
ช่องทาง…
สอดใส่…
ช่องทาง…
สอดใส่…
อ๊ากกกก  หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะโว้ยยยยยย
“และข้าก็ได้เห็นช่องทางที่ว่านั่นแล้วด้วย”
เพราะร่างกายของผมตอนนี้กำลังเปลือยเปล่า  สายตาหื่นๆของมันที่โฟกัสไปยังบั้นท้ายของผมตอนนี้เลยกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ
ที่บอกว่าได้เห็นแล้วนั่นน่ะ  อย่าบอกเด็ดขาดเลยนะว่า…
ระ…รู…รู…ตรงนั้น…
ของผม…
“ที่สำคัญ  ข้าลองดมๆตรงช่องทางนั้นดูแล้ว  มีกลิ่นน่าดึงดูดแสนประหลาดไม่ต่างจากตอนข้ากลายร่างจากหางเป็นขาแบบมนุษย์เลยสักนิด”
ไปตายซะเหอะไอ้เงือกเวร!
ผมนี่แทบกัดลิ้นตัวเองตายเมื่อคนตรงหน้าพูดประโยคล่าสุดออกมา
ไม่ใช่แค่ดู…
แต่มันยังดมอีก…
จบสิ้นแล้ว  เอกราชที่รักษากันมานมนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีฯ  มึงทำลายมันย่อยยับในขณะที่กูไม่ได้สติ  เดี๋ยวพ่อก็จับขอดเกล็ดทำต้มยำปลาแม่งเลย!
“เอาล่ะ  ข้าไม่มีเวลามาอธิบายไปมากกว่านี้หรอก  ยังไงเสียตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะมาเป็นเจ้าสาวของข้า  หากสำนึกในบุญคุณที่ข้าได้ช่วยชีวิตเจ้าไว้และอยากกลับไปในโลกของเจ้า  เจ้า…ต้องช่วยข้า”
แบบนี้ไม่ใช่แค่ทวงบุญคุณแล้ว  แต่มันยังข่มขู่ไปในตัวด้วยเหอะ!
แต่…ถ้าไม่ยอมช่วยเขา  ผมก็ (อาจ) จะไม่ได้กลับไปในที่ที่ผมจากมาอีกเลย
แต่ (อีกรอบ) ถ้าผมช่วยเขา  ก็ไม่มีอะไรมาการันตีความปลอดภัยของบั้นท้ายผมได้เลย
พับผ่าสิ!  มีแต่เสียกับเสียเลยนี่หว่า!
“มะ…มีข้อแม้”
“หืม?”
“ผมมีข้อแม้  ไม่สิ  ต้องเรียกว่าข้อตกลงหากคุณอยากให้ผมช่วย”
“ว่ามาสิ  ข้าพร้อมรับฟังข้อตกลงของเจ้าอยู่แล้ว  แต่จะทำตามหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าข้อตกลงของเจ้าข้ายอมรับได้มากน้อยแค่ไหน”
ทำไมผมสึกรู้สึกหมดหวังกับคนๆนี้มากขึ้นทุกทีนะ  ทำไม…
“คุณห้ามทำอะไรผมเด็ดขาด  ห้ามแตะต้องตัว ห้ามทำอะไรเกินเลย”
“อะไรเกินเลยที่เจ้าว่าหมายถึงอะไรกันล่ะ”
“ก็ไอ้นั่นน่ะ”
“ไอ้นั่น?”
“เรื่องแบบนั้นไงเล่า  ต้องให้พูดอีกเรอะ”
“แล้วถ้าเจ้าไม่พูดข้าจะเข้าใจได้อย่างไรล่ะ”
อีกฝ่ายตอกกลับมาอีก  เรื่องแบบนี้จะให้พูดชัดเจนถึงรูขุมขนเลยหรือไงฟะถึงจะเข้าใจ!
“ผมหมายความว่า..ผมจะยอมเป็นเจ้าสาวให้คุณก็ได้  แต่…!  เราจะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกันเด็ดขาด”
“เจ้าหมายถึง…เรื่องอย่างว่าน่ะเหรอ”
อื้อหือ!  ไม่พูดเปล่า  อย่างเปรยตามองร่างกายผมด้วยเหอะ!
ไอ้ปลาโรคจิต  สักวันกูจะจับมึงขอดเกล็ดทำต้มยำ!
“ชะ…ใช่”
“ไม่เอา  ขืนเป็นแบบนั้นก็ลำบากร่างกายข้าแย่เลยน่ะสิ  มีอย่างที่ไหน  มีเจ้าสาวแล้วแต่กลับทำเรื่องอย่างว่ากับเจ้าสาวของตัวเองไม่ได้  ไม่เห็นใจลูกชายข้าบ้างเลยรึ”
ลูกชายที่ว่าก็คือ ‘ไอ้นั่น’ ของเขานั่นเอง
แวบแรกที่เห็นแอบตกใจนึกว่ามันไปเอาขอนไม้ที่ไหนมาห้อยไว้ตรงหว่างขา  จนได้เห็นชัดๆแบบเต็มสองตา ไม่มีเซ็นเซอร์  ไม่มีตัวแสดงแทน  ผมถึงได้รู้ว่าเข้าใจผิด  สิ่งที่เห็นมันคอของจริงไร้มโนใดๆ
“ถ้างั้นผมขอตายอยู่ตรงนี้ดีกว่า  คุณไม่รู้หรือไงว่าไอ้ช่องทางที่คุณเห็นและบอกว่ามันใช้ได้นั่นน่ะ  สำหรับบนโลกมนุษย์แล้ว  มันไม่ได้มีเอาไว้เพื่อใช้ทำสิ่งนั้นหรอกนะ”
“แล้วมีไว้ใช้ทำสิ่งใดกันล่ะ  จากที่ข้าพิจารณาดูจากการมองและการดม  ช่องทางนั้นของเจ้าใช้ได้และเหมาะสมที่สุดกับลูกชายของข้าเลยนะ!”
พะ…พอเถอะ
ได้โปรดอย่าพูดอะไรมากไปกว่านี้  ไอ้คนฟังที่เผลอคิดภาพตามอย่างผมมันอยากจะร้องไห้  ฮึก…
“งั้นเอาอย่างนี้  ข้าจะไม่ล่วงเกินร่างกายของเขาแม้แต่นิดเดียวตราบใดที่เรายังไม่มีสัมพันธ์ทางใจต่อกัน”
“หา?”
“แต่ถ้าเมื่อใดที่เจ้าตกหลุมรักข้าและยอมที่จะให้ข้าล่วงเกินเจ้า  อันนั้นข้าก็ช่วยไม่ได้นะ”
“มะ…ไม่มีทางหรอกเว้ย!”
ปฏิเสธเสียงแข็งทันที   ทว่าไอ้เงือกชีกอกลับไม่สลด  ซ้ำยังทำสีหน้าเหมือนมั่นใจมากๆว่าผมจะต้องตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน
ไม่มีทางเสียหรอก  คนอย่างไอ้ ‘ปูนปั้น’  ไม่มีวันตกหลุมรักปลาตัวผู้แน่นอน!
 
“แปลว่าวางไข่ไม่ได้สินะ”
น้ำเสียงทรงพลังบ่งบอกถึงความมีอำนาจเป็นอย่างยิ่งของชายผู้เป็นเจ้าของประโยคด้านบนเรียกความหวาดกลัวจนตัวสั่นให้ผมได้ดียิ่งนัก
งะ…เหงื่อนี่ไหลเป็นก๊อกเลย
“ครับท่านพ่อ  แม้ว่าเจ้าสาวของผมผู้นี้จะวางไข่ไม่ได้  แต่ก็มีช่องทางสำหรับการสอดใส่เสมือนเจ้าสาวทั่วไปตามกฏมณเฑียรบาลของเรานะครับ”
“จริงรึ  น่าแปลก  มีช่องทางสำหรับสอดใส่  แต่ไม่สามารถวางไข่ได้  เป็นบุตรตรีจากตระกูลไหนกัน”
บุตรตรี?!
ผมตาโต  เงยหน้ามองไอ้เงือกชีกอที่สูงกว่าเป็นคืบอยู่ข้างๆพร้อมส่งคำถามผ่านทางสายตาไปมากมาย  คงไม่ใช่ว่าไอ้บ้านี่มันกำลังหลอกพ่อของมันว่าผมเป็นผู้หญิงหรอกนะ  มิน่าล่ะถึงได้พาผมไปใส่เสื้อแปลกๆก่อนจะพามาที่นี่!
ขอเล่าหน่อยเหอะ  หลังจากที่ตกลงช่วยกันเสร็จสรรพแล้ว  เขาก็ให้ผมขึ้นหลังของเขาก่อนจะว่ายน้ำพาผมทะลุมายังหลังเกาะทีเต็มไปด้วยหมอกควัน  และเมื่อผ่านพ้นหมอกควันมาได้ก็ต้องพบเจอกับเมืองๆหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่ทันสมัยและมีเทคโนโลยีก้าวล้ำเหมือนโลกมนุษย์สมัยนี้  แต่คุณค่าของที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าที่ชาวเมืองสวมใส่ก็ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย  หนำซ้ำไอ้เงือกชีกอตัวนี้ยังเป็นถึงเจ้าชายของเกาะเงือก  และพ่อของเขาก็คือพระราชาของที่นี่  วังที่เขาอยู่ถูกสร้างมาจากปะการังชั้นดี  ประดับประดาไปด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่ที่คงจะแพงไม่น้อยถ้าไปอยู่ในโลกของผม  แม้จะไม่มีแก้ว แหวน เงิน ทอง  แต่ทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่ล้วนมีค่าและคู่ควรแก่การรักษาไว้
ทว่า  ถ้าหากมีใครรู้ว่าบนโลกนี้มีดินแดนของเงือกอยู่จริงๆ  ผมคิดว่าเรื่องน่าอัศจรรย์นี้คงถูกทำลายลงในพริบตา  และอาจก่อให้เกิดสงครามที่คาดไม่ถึงตามมาก็ได้
ถ้าอย่างนั้น…
ผมควรปล่อยให้มันกลายเป็นเพียงเรื่องจินตนาการของมนุษย์ต่อไปคงดีกว่าสินะ
หลังจากที่ตกตะลึงกับความงามของเมืองนี้อยู่นาน  ไอ้เงือกชีกอก็พาผมไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่มีใครอยู่เลยก่อนจะหยิบเสื้อผ้าในตู้มาให้ผมใส่  มันเป็นชุดสีขาวที่คลุมพาดกันไปมาและมีสายเชือกสีน้ำตาลผูกทับตรงเอวแทนเข็มขัดเท่านั้น  ใส่แล้วดูไม่ออกเลยว่าเป็นเพศหญิงหรอชายกันแน่  เพราะยังมีฮู้ดปิดทับลงไปอีกต่างหาก
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ  ว่าตัวเองจะต้องอยู่ที่นี่ในเพศไหน!
“เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอกท่านพ่อ  เอาเป็นว่าข้าหาเจ้าสาวมาได้แล้ว  ล้มเลิกที่จะจับข้าอภิเษกกับแม่นางปลาปักเป้านั่นเสีย  เพราะข้ามีเจ้าสาวของข้าอยู่แล้ว”
ว่าพลางดึงผมเข้าไปโอบกอดไว้  ส่วนผมก็กำลังเรียบเรียงประโยคของเขาอยู่
แม่นางปลาปักเป้า…
อย่าบอกนะว่าที่แทบจะกราบเท้าอ้อนวอนขอให้ผมมาเป็นเจ้าสาวนี่ก็เพราะไม่อยากแต่งงานกับปลาปักเป้า?!
ก๊ากกกกกก  กูขำ!
เอาเสียกูนึกภาพออกเลย…
ปลาปักเป้า ฮ่าๆๆๆๆ
“เข้าใจแล้ว  ข้าจะส่งคนไปบอกยกเลิกกับทางตระกูลปลาปักเป้าให้เอง  ในเมื่อเจ้ามีเจ้าสาวมายทนยันให้ขาเห็น  ก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องบังคับฝืนใจเจ้า  ขอแค่เจ้ายอมอภิเษกเพื่อให้การครองราชย์ของเจ้าครั้งนี้สมบูรณ์ก็พอ”
“ข้าทำตามที่ท่านพ่อต้องการแล้ว  หวังว่าจะพึงพอใจ”
“ดี!  ต้องแบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกของข้า  เจ้าพาเจ้าสาวของเจ้าไปพักผ่อนเสียเถิด  อีกเพียงสามวันงานอภิเษกของเจ้าก็จะมาถึง  พักผ่อนให้สบายทั้งคู่เลยนะ  เรื่องงานข้าจะจัดการเอง”
“วะ…ว่าไงนะ?”
งานอภิเษกเลยเรอะ!
แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะเนี่ย  อยู่ดีไม่ว่าดีต้องกลายมเป็นเจ้าสาวของปลา!   จะมีเรื่องอะไรน่าเหลือเชื่อไปกว่านี้บ้าง
ไม่มีอกแล้ว!
“ไปกันเถอะ  เจ้าสาวยอดรักของข้า”
ไม่ต้องมายิ้มกรุ้มกริ่มเลยไอ้เงือกชีกอ!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่ 1 แล้วจ้า  และแล้วนายเอกของเราก็เข้ามาสู่เมืองเงือก  แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น  โลเคชั่นของนิยายเรื่องนี้จะอยู่แค่ในเมืองหรือไม่  ต้องติดตามกันต่อไปน้า  ตอนนี้บิวเสร็จงานแล้ว  จะมาอัพทุกวันนะคะ  ใครไม่อยากพลาดแม้แต่ตอนเดียวกดไลค์แฟนเพจบิวไว้เน้อออ
ปล. นิยายเรื่องนี้กำลังจะเปิดพรีฯนะคะ  ตอนนี้อยู่ในขี้นตอนวาดปกแล้วจ้า



ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ปูนปั้นเรียกว่าที่เจ้าบ่าวเสียน่ารักเชียวนะ ปลาโรคจิตเอย เงือกชีกอเอย (หัวเราะ)
ว่าแต่แต่งงานเพื่อจะได้ขึ้นเป็นราชานี่ ไม่มีลูกก็ได้เหรอ หรือค่อยรับสนมทีหลังได้

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เสียดายจุงมีลูกไม่ด้ายย  :hao7: :hao6: :z1:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เดี๋ยวๆ นายเอกชื่ออะไรนะ ???

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 2

ช่วงเวลาของการ…สืบพันธุ์! (1)

 

“ที่นี่คือห้องนอนของเราสองคน  ไงล่ะ  เจ้าชอบไหม”

ไอ้เงือกชีกอถามเสียงทุ้มหลังจากพาผมเดินทะลุสวนปะการังเข้ามาถึงวังด้านในซึ่งคงเป็นโวนสำหรับเจ้าชายเพราะมีขนาดเลกกว่าวังใหญ่ที่มันพาผมไปเมื่อกี้พอสมควร

“ก็สวยอยู่หรอกนะ  แต่…”

“แต่?”

“อะไรคือห้องนอนของเราสองคน   ผมไม่นอนกับคุณหรอกนะ!”

กับคนที่อันตรายสุดๆต่อประตูหลังกูแบบนี้  แม้แต่วินาทีเดียวกูก็จะไม่หันหลังหรือหลับตาให้!

“มันเป็นกฎนะ  บ่าวสาวที่จะเข้าพิธีจะต้องอยู่แต่ในห้องหอด้วยกันตลอดสามวันสามคืนเพื่อเป็นการสาบานต่อพระเจ้าว่าเราจะไม่แยกแจกกันตลอดไป”

“แต่ผมกับคุณไม่ได้จะแต่งงานจริงๆสักหน่อย!”

“การที่อีกสามวันเจ้ากับข้าจะเข้าพิธีอภิเษก  นั่นก็หมายถึงเราจะแต่งงานกันจริงๆนั่นแหละ”

“ก็แค่แต่งไหมล่ะ  แต่งแค่ในนามเฉยๆ”

“เจ้านี่เข้าใจเสียจริง  เอาเถอะ  วันนี้เหนื่อยกันมากแล้ว  ข้าว่าเจ้าพักผ่อนดีกว่า  พรุ่งนี้มีงานสำคัญรอเจ้าอยู่”

“งานสำคัญ?”

“เจ้าไม่รู้เหรอว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร”

“ไม่รู้  วันอะไรล่ะ”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ได้รู้แน่”

ใบหน้าหล่อยกยิ้มแฝงความชั่วร้ายสุดๆ  ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วเสมองไปรอบห้อง  บรรยากาศมันน่าสะพรึงกลัวยังไงชอบกล

หมับ…

“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ!”

“อะไรกัน  ข้าแค่จะพาเจ้าเดินไปนั่งพักบนเตียงก็เท่านั้นเอง”

“บอกเอาก็ได้เว้ย  ไม่ต้องมาจับ!”

ขวัญเอ๊ยขวัยมา  แค่มันโดนตัวนิดเดียวผมก็สะดุ้งสุดโต่งแล้ว  ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่กับมันในนี้เป็นเวลาสามวันสามคืนในสภาพไหน?!

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…

งานสำคัญในวันพรุ่งนี้ที่ว่านั่น…

“เจ้าอยากอาบน้ำไหม  ข้าจะช่วยถูตัวให้เอง”

“ไม่ต้อง”

“งั้นอยากผ่อนคลายด้วยการดมสาหร่ายไหมล่ะ  ข้าจะให้คนจัดเตรียมมาให้”

“ไม่เอา”

“หรือว่าอยากกินอะไรไหม  ในวังของข้ามีอาหารมากมายเลยนะ”

“ไม่! ไม่! ไม่!  ไม่เอาอะไรทั้งนั้น  อยากอยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่า  เข้าใจไหม!”

ผมตวาดไอ้เงือกชีกอกลับไป  โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพยายามเข้ามาชวนคุยหรือทำดีด้วยแค่ไหน  พอเอาเข้าจริงผมก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าตอนนี้ตัวเองจะอยู่ในดินแดนของเงือก  แถมกำลังจะแต่งงานกับเจ้าชายของเมืองนี้ในอีกสามวันข้างหน้า  ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน

พ่อ…ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง  จะปลอดภัยหรือเปล่า  คงไม่ได้คิดว่าผมตายไปแล้วก็เลยจัดงานศพร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรหรอกนะ

หมับ…

“ทำไมว่าที่เจ้าสาวของข้าถึงได้ทำหน้าเศร้านักล่ะ”

“ปล่อยนะเว้ย”

“ไม่ปล่อย”

“คุณไม่มีสิทธิ์แตะตัวผมนะ”

“ทำไมจะไม่มี  ตอนนี้เจ้าอยู่ในความดูแลของข้านะ  อย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ใช่โลกของเจ้า  และเจ้าก็พึ่งพาใครไม่ได้นอกจากข้าคนเดียว”

ร่างสูงกระซิบที่ข้างหูขณะที่วงแขนแกร่งยังคงกอดรัดร่างกายผมไว้อย่างแนบแน่น  คางกลมมนเกยลงบนไหล่ของผม  คิดไปเองหรอเปล่านะที่ผมรู้สึกว่าคนที่กำลังพึ่งชาวบ้านเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ผม  แต่เป็น…

คนๆนี้

เมื่อเห็นว่าให้ปล่อยยังไงก็คงไม่ฟัง  ผมเลยลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่แม้ว่าจะกอดผมอยู่  หากแต่สายตาของเขากลับทอดมองไปไกลแสนไกล  ไกลจนผมเดาไม่ออกเลยว่าที่ที่เขาอยากจะมองให้เห็น…มันมีอยู่จริงหรือไม่

อ้อมกอดที่แสนเศร้า…

นัยน์ตาที่ว้าเหว่นั้น…

“นี่…คุณน่ะ…”

“…”

“ไม่ได้มีคนที่อยากจะแต่งงานด้วยอยู่แล้วเหรอครับ”

“!!!”

“…”

“จะ…เจ้าพูดอะไรน่ะ  จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”

มีแล้วแน่ๆ

ชักแหม่งๆแล้วสิ  ที่ให้ผมมาเป็นเจ้าสาวจำเป็นให้คงไม่ใช่เพราะไม่อยากแต่งงานกับแม่นางปักเป้าอะไรนั่นแล้วล่ะ  มันต้องมีสาเหตุอื่น  มีบางอย่างที่ไอ้เงือกชีกอตัวนี้กำลังปิดบังผมเอาไว้!

“โกหก”

“ข้าเปล่าโกหกนะ  ตอนนี้ข้ามีแต่เจ้าคนเดียว  ข้าตัดสินใจเลือกเจ้ามาเป็นเจ้าสาวแล้ว  ข้าจะไปมีคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ”

“เดี๋ยวๆ  ไม่ต้องทำท่าจริงจังขนาดนั้นก็ได้  คุณกับผมน่ะมันแค่เรื่องหลอก  ที่ผมถามก็เพราะจะได้รู้ว่าหน้าที่ของผมจะหมดลงเมื่อตัวจริงของคุณกลับมาใช่หรือเปล่า”

“…”

“…”

“ไม่กลับมาหรอก  ไม่มีใครกลับมาทั้งนั้น”

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเจ็บปวดตอบกลับมา  อ้อมกอดที่ว่าแน่นแล้วกลับแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าจนกระดูกผมแทบละเอียด  ร่างสูงที่ซ้อนอยู่ข้างหลังผมตอนนี้กำลังสั่นเทา

“คุณ…”

“ขอโทษนะ  ข้าขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”

“…”

“ไม่รู้ทำไม  แต่…ข้ารู้สึกดีที่ได้กอดเจ้า  รู้สึกดีมากจริงๆ”

คงเพราะเป็นคำอ้อนวอนที่มาจากใจจริงไม่ได้แฝงความเจ้าเล่ห์เพทุบายอะไร  ผมถึงเผลอปล่อยตัวพิงนาบไปกับลำตัวแข็งแกร่งของเขา  ให้อีกฝ่ายได้ควานหาไออุ่นที่เขาต้องการอย่างเต็มที่

แปลกจัง…

จู่ๆก็รู้สึกอยากนอนขึ้นมา  หรือร่างกายของผมจะเพลียอย่างที่เขาบอกจริงๆ

 

‘ฮึก  หายไปแล้ว  ไม่มาแล้ว  ฮืออออ’

‘ปูนปั้น  เป็นอะไรไปลูก’

‘ไม่อยู่แล้ว  รอมาสามวันแล้วครับพ่อ  ไม่มาแล้ว  ฮืออออ’

‘อะไรหาย  อะไรไม่มาลูก  เป็นอะไรเหรอ?’

‘สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ  สัญญาแล้วนี่  ฮืออออ’

 

เฮือก!!!

สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด  ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้งไหลย้อยลงมา  หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ  ภาพเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้คนนั้น…  เด็กที่นั่งร้องไห้อยู่บนโขดหินริมทะเลมันผมตอนประถมชัดๆ!

“อะไรกัน  ฝันประหลาดชะมัด”

ตั้งแต่จำความได้ผมยังไม่เคยร้องไห้แบบนั้นมาก่อน  ภาพในความฝันตัวผมเองก็ไม่ได้เด็กถึงขั้นจะจำความอะไรไม่ได้  ถ้าหากมีเรื่องให้ผมต้องไห้อย่างหนักจนแทบจะขาดใจตายแบบนั้น  ผมไม่มีทางลืมแน่นอน  แต่ว่านี่มันกลับ…

ไม่มีอะไรอยู่ในความทรงจำผมเลยสักนิด

แปลว่ามันแค่ความฝันจริงๆสินะ

ฝันบ้าอะไรกัน  ไม่มีที่มาที่ไปเลยแม้แต่น้อย  มาถึงก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมกำลังร้องไห้นั่งคร่ำครวญอยู่กับน้ำทะเลราวกับญาติเสีย

หมับ…

“มีอะไรเหรอ”

สติที่กระเจิงไปเพราะความฝันกลับมาเพราะคนข้างตัว

ผมเหลือบมองค้อนใส่ไอ้เงือกชีกอที่ถือวิสาสะนอนกอดก่ายเคียงข้างผมอย่างกับคู่ผัวตัวเมียกันจริงๆ  แต่ว่านะ…

ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าอีกแล้วล่ะเนี่ย  ไอ้ปลาโรคจิตเอ๊ยยย!

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าเนี่ย!  แล้วถอดตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“ก็อากาศมันร้อนนี่  ข้าเลยถอดตั้งแต่ที่เจ้าหลับซบอกข้านั่นแหละ”

“งั้นก็รีบๆใส่สิ!  ถ้าคุณไม่ได้กลายร่างเป็นเงือก  คุณห้ามถอดเสื้อผ้าเด็ดขาดเลยนะ”

“ไม่เอาอ่ะ  ข้าชอบแบบนี้มากกว่า  เวลาจะใช้งานก็สะดวกดีด้วย”

“มะ…หมายถึงเวลาปวดฉี่สินะ”

“ข้าหมายถึงเวลาจะสอดใส่ในตัวเจ้าต่างล่ะ”

“อะไรนะ!!!!”

“ฮ่าๆๆๆ  ข้าชอบเวลาเจ้าทำหน้าแบบนี้เสียจริง  ตอนที่แก้มขาวๆนี่แดงเหมือนปะการังสีแดง  น่ารักเสียจนข้าอยากจะฟัด”

“ปะ…ไปไกลๆเลยนะเว้ย!”

ผมเขยิบหนีไปจนชิดกำแพงหรืออีกความหมายก็คือหมดทางหนี!  ตายๆๆ  ขืนเป็นแบบนี้สักวันคงได้พลาดท่าเสียทีมันแน่ๆ  เล่นแก้ผ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้ใครมันจะไปทนอยู่ด้วยได้วะ!  ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมจะยังไม่เคยมีแฟนหรือแม้แต่ตกหลุมรักใคร  แต่ผมก็ยังไมได้ฟันธงว่าตัวเองชอบเพศไหนหรอกนะ!

พออยากจะลองรักใครสักคนขึ้นมา  ก็รู้สึกเหมือนว่าทำไม่ได้ทุกที

คล้ายกับ…ผมกำลังรอใครบางคนอยู่

อ๊ากกกก!  หยุดคิดเรื่องพวกนั้นก่อน  ที่ต้องคิดคือจะจัดการยังไงกับไอ้เงือกชีกอนี่ดีต่างหาก  สายตามันโคตรไม่ประสงค์ร้ายต่อร่างกายของผมเลย!

“อีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว  วันสำคัญที่ข้าบอกเจ้าจะมาถึงแล้วนะ”

“วันสำคัญ?   สำคัญยังไง”

“ข้าจะค่อยๆอธิบายให้เจ้าฟัง  แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้อย่างว่ามันอาจจะทำให้ข้าหลงลืมสติของตัวเองไปบ้างเพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติ  ถ้าหากข้าเผลอทำอะไรรุนแรงไป  ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ”

“เดี๋ยวก่อนนะ  ตกลงมันคือวันอะไรกันแน่  ทำไมฟังดูแปล่งๆพิกล”

ชักเสียวๆแล้วสิ

ร่างกายผมจะปลอดภัยไม่มีส่วนไหนถูกสอดเสียบก่อนกลับบ้านไหมเนี่ย!

ยังไม่ทันที่ไอ้เงือกชีกอจะได้อธิบายความหมายของคำว่า ‘วันสำคัญ’  บางอย่างในร่างกายของหมอนี่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น  ทำเอาผมตกใจจนแทบเสียชีวิต!

“เฮ้ย…เฮ้ย  นะ….นี่มันหมายความว่ายังไง”

“นี่แหละที่ข้าอยากจะบอกเจ้า”

“อะ…อะไร”

“วันสำคัญที่ว่าก็คือ…”

“…”

“วันแห่งการสืบพันธุ์”

“วันแห่งการสืบพันธุ์?!!!”

“ใช่  ข้าจำต้องสอดใส่ตัวเองเข้าไปในตัวของเจ้า  ว่าที่เจ้าสาวของข้า”

“จะบ้าเรอะ!”

ผมลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียงประหนึ่งเฉินหลงมาประทับร่าง  ขณะที่ไอ้เงือกชีกอเริ่มจะสติเลือนหายไปทุกที ดวงตาที่เคยสวยงามก่อนหน้านี้กลายสภาพเหมือนคนเป็นต้อกระจกก็ไม่ปาน

อ้าวเฮ้ย!  วิญญาณที่มีสติสัมปชัญญะของมึงบินหนีไปแล้วหรือไง!

“อย่าหนีข้าเลย  ช่วยปลดปล่อยข้าที”

มือหนาสาวเอาน้องชายของตัวเองที่กำลังแข็งชูชันอย่างเต็มที่ให้ผมดูพลางวิ่งเข้ามาหา  ผมรีบวิ่งหนีไปอีกทางเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของร่างกายตัวเองสุดกำลัง

กูอยากจะบ้าตาย!

เพิ่งตกลงเป็นเจ้าสาว (ปลอมๆ) ให้ยังไม่ทันข้ามคืน  ต้องมาเจองานหินเป็นช่วงเวลาการสืบพันธุ์ของปลาไม่ต่างอะไรกับหมาที่ติดสัตว์!

เวรกรรมของกูจริงๆ

แล้วคืนนี้ผมจะหนีจากไอ้เงือกบ้ากามนี้ยังไงถึงจะพ้นเล่า!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย : มาอัพตอนที่ 2 แล้วจ้า  เอาล่ะสิ  งานเข้าปูนปั้นของเราอีกแล้ว  เมื่อเจ้าชายดันเกิดอาการติดสัตว์!  55555+  แล้วแบบนี้ปูนปั้นจะแก้ไขสถานการณ์อันตรายต่อประตูหลังของตัวเองในครั้งนี้อย่างไรดี  ยิ่งไปกว่านั้น…ใครบางคนที่ดูเหมือนทั้งปูนปั้นและเจ้าชายต่างก็เฝ้ารอเป็นใครกันแน่?

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  ปูนปั้นก็มีคนอยู่ในใจสินะ

ออฟไลน์ เมื่อนั้นฝันว่า

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คนที่ทั้งสองคนคอยก็คือพวกเขาเองหรือเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จะเสร็จเขาไหมหนอ (หัวเราะ)

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 3

ช่วงเวลาของการ…สืบพันธุ์! (2)

 

“ก็บอกว่าอย่าเข้ามาไงเล่า!”

โครม! โครม!

เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาร่วมครึ่งชั่วโมง  เพราะผมไม่สามารถยืนอยู่กับที่เฉยๆได้เนื่องจากไอ้เงือกชีกอที่ติดสัตว์มันได้สติหลุดไปเป็นที่เรียบร้อย  วิ่งไล่เสียบบั้นท้ายผมไม่หยุดเสียที!

ผลก็เลยกลายเป็นว่า…

ผมต้องวิ่งหนีมันโดยที่สองมือก็คว้าเอาของข้างตัวมาเขวี้ยงใส่มันไปด้วย

“ซี๊ด…ช่วยข้าหน่อย  ไม่ไหวแล้ว  ขอข้าเข้าไปเถอะนะ”

“ไม่ได้โว้ยยย!”

ทำอย่างกับขอเข้าบ้าน  แค่เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย!

ไอ้ห่า  ที่มึงกำลังขอเข้ามาเนี่ย  ตูดกูนะเฟ้ยยย!  ใครจะยอมให้เข้ามาง่ายๆกันฟะ

“แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!”

นะ…เหนื่อยจริงๆ

ผมคว้าเสาสักต้นที่เรียงรายกันอยู่พอสมควรในห้องๆนี้เพื่อใช้เป็นที่ยึด  รู้สึกว่าร่างกายหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก  เวรกรรมอะไรของกูกันวะ  ต้องลุกมาวิ่งสู้ฟัดหนีปลาติดสัตว์เอาตอนตีห้าเนี่ย!

“เจ้าสาวของข้า  ช่วยข้าด้วย”

“อ๊ากกกกกก!”

ตึกๆๆๆๆๆๆ

ให้กูพักเหนื่อยสักห้านาทีก็ไม่ได้  อะไรมึงจะอยากขนาดนั้นฮะ!

ผมตั้งหน้าตั้งตาวิ่งวนไปวนมาอยู่ให้ห้องเพื่อหนีไอ้เงือกชีกอที่น้องชายชี้โดชี้เด่ไปมา  ดูจากขนาดของมันแล้ว  ผมไม่เสี่ยงจะดีกว่า  ถ้าขืนเคลิบเคลิ้มยอมให้เข้ามาล่ะก็มีฉีกขาดกันไปข้างแน่ๆ  เดี๋ยวนี้ของปลามันใหญ่กว่าของมนุษย์แล้วเหรอ

ระ…รู้สึกแพ้อย่างย่อยยับ…

ตุ้บ!

เสียงเหมอนมีอะไรบางอย่างกระแทกพื้นที่ด้านหลังเรียกความสนใจจากผมได้มาก   สองเท้าหยุดวิ่ง ค่อยๆหันกลับไปมองที่มาของเสียง

“เฮ้ย!”

ร้องลั่นเมื่อต้นเสียงที่ได้ยินคือไอ้เงือกชีกอที่สลบแน่นิ่งไปบนพื้นแล้ว

เดี๋ยวสิ!  มึงจะมาตายเพราะอดซั่มตอนนี้ไม่ได้นะเว้ย  มึงยังไม่ได้พากูกลับไปโลกมนุษย์เลย เพราฉะนั้นมึงจะตายไม่ได้!

ห้ามตายเด็ดขาด!

ผมรีบวิ่งกลับไปหาไอ้เงือกชีกอด้วยความเป็นห่วงกลัวตัวเองจะไม่ได้กลับบ้าน  ใบหน้าที่เคยขาวนวลผ่องบัดนี้ซีดเซียวพอๆกับริมฝีปาก

สาบานทีว่านี่คืออาการของปลาติดสัตว์…

แค่ไม่ได้ซั่ม…แต่ท่าทางมึงเหมือนโดนวางยาพิษมากกว่าเสียอีก!

“นี่คุณ!  คุณเจ้าชาย  เฮ้!”

ผมเขย่าตัวเรียกเขา  แต่เพราะไม่รู้ว่าชื่ออะไรก็เลยต้องอาศัยเรียกว่าคุณเจ้าชายไปก่อน

จะว่าไป…ทั้งผมและเขายังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเลยนี่หว่า

หมับ!

“คิดว่าจะไม่เป็นห่วงข้าเสียแล้ว”

“เฮ้ยยย!”

ตุ้บ!!!

หะ…เหี้ยแล้วไง!

พลาดท่าจนได้  ไม่น่านึกห่วงกลัวจะตายแล้วจับตัวเองใส่พานถวายให้มันถึงที่แบบนี้เลย!

ผมตาลีตาเหลือกมองร่างสูงที่ตอนนี้ได้โอกาสขึ้นคร่อมทับผมเอาไว้เรียบร้อย  หนำซ้ำมันยังฉลาดล้ำ  นั่งทับขาผมไว้เพื่อที่ผมจะได้ไม่สามารถใช้ขาในหารหนีหรือดิ้นได้อีก  สองมือถูกตรึงไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวของอีกฝ่ายอยู่เหนือหัว

ทะ…ท่านี่มัน

ดูยังไงกูก็จะโดนปล้ำชัดๆ!

“จะ…จะ…จะ…จะทำอะไรน่ะ!”

“ก็บอกแล้วไง  ว่าขอเข้าไปหน่อย”

ไม่พูดเปล่า  มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยังลูบไล้เข้าไปใต้ร่มผ้าอีกต่างหาก  โคนขาถูกสัมผัสนวดคลึงเบาๆจนรู้สึกร้อนวูบวาย

นี่มึงยังไม่เข้าใจอีกเรอะ  ว่าไอ้รูที่มึงสำรวจและดอมดมไปก่อนหน้านี้มันไม่ใช่รูสำหรับทำเรื่องแบบนั้น  แต่กูเอาไว้ขี้!  ไอ้เวรเอ๊ย  เข้าใจไหมคำว่าขี้น่ะ!

“ปล่อยนะ!”

“ข้าไม่ปล่อย  เวลานี้ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน”

“ไหนสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ทำอะไรผมเด็ดขาดน่ะ!”

“!!!”

“คุณสัญญาแล้วนะว่าเราจะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกัน  หากผมยังไมได้ตกหลุมรักคุณ!”

ร่างสูงชะงัก  นัยน์ตาที่เหมือนเป็นต้อกระจกชั่วคราวค่อยๆกลับมาเหมือนอย่างเก่า

แสงของสีฟ้าจากดวงตาส่องสว่างออกมาเล็กน้อย  แต่มันก็ทำให้ผมโล่งใจขึ้นเมื่อคิดว่าเขาน่าจะกลับมาเป็นอย่างเดิมแล้ว

“ข้า…”

“…”

“ข้าขอโทษ   ข้าเกือบทำผิดสัญญากับเจ้า”

เขารีบปล่อยผมให้เป็นอิสระแล้วลุกถอยห่างไปไกล  คนตัวโตกว่านั่งชันเข่าก้มหน้าราวกับต้องการปิดบังเจ้าน้องชายที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ดีของตัวเอง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ  แต่ข้าคุมสติไม่อยู่จริงๆ  ท่านพ่อเคยบอกว่า  ยามใดที่ข้าอายุครบยี่สิบปี  ยามนั้นบางอย่างในตัวข้าจะเริ่มเปลี่ยนแปลง  ข้าจะเข้าสู่ฤดูการผสมพันธุ์เหมือนปลาตัวอื่นๆ  และข้าจะไม่สามารถต้านทานมันได้”

โอ้โห… ตกลงมันคือการติดสัตว์หรือคำสาปที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์กันแน่  ฟังดูรุนแรงยิ่งนัก!

“แล้ว…มันเป็นยังไงเหรอครับ”

เมื่อเห็นว่าสติของเขาน่าจะกลับมาครบถ้วนแล้ว  ผมเลยผ่อนคลายและกล้าพูดคุยกับเขามากขึ้น  ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังซีดเซียวไม่สู้ดีอยู่ก็ตาม

“ทรมาน”

“…”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเป็นอย่างนี้  ข้าไม่เคยต้องตกอยู่ในอารมณ์ความต้องการแบบนี้มาก่อน  ไม่คิดเลยว่ามันจะดึงสติของข้าไปจนหมด  และจะทรมานร่างกายข้าจนแทบแหลกสลาย”

บรรยายความเจ็บปวดออกมาได้ชัดเจนดีแฮะ

แต่ถ้าตามภาษามนุษย์ก็คงประมาณว่ามีความต้องการที่จะปลดปล่อยสูงมาก  แต่พอปลดปล่อยไม่ได้ก็เลยจะรู้อึดอัดในร่างกาย  ยิ่งถ้าถูกกระตุ้นด้วยยาแต่กลับไม่ได้ปลดปล่อยก็จะยิ่งทรมานมากขึ้นไปอีก

อาการของเขาในตอนนี้…รุนแรงถึงขั้นนั้นหรือเปล่านะ

ผม…ในฐานะทีเป็นผู้ชายนี่เข้าใจดีเลยแหละว่าทรมานแค่ไหน  เหมือนตอนที่ถูกไอ้เพื่อนแกล้งจับมัดไว้กับเก้าอี้จนขยับไม่ได้แล้วเปิดหนังโป๊ให้ผมดูโดยที่พวกมันออกไปเตะบอลกันสบายใจเฉิบ

สาบานได้เลยว่าเป็นช่วงวินาทีที่โคตรทรมาน  จุดนั้นของผมตั้งโดเด่และแข็งจนปวดหนึบไปทั้งร่าง  แต่ก็ทำอะไรไมได้เลยเพราะถูกมัดอยู่  มันเป็นช่วงวินาทีที่ทรมานเจียนตายสำหรับผู้ชายจริงๆนะครับ

“ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ  ทำไมคุณ…เอ่อ…ไม่ลองช่วย…”

“ช่วย?”

“ช่วย…ตัวเองดูล่ะครับ”

“…”

“…”

“…”

“…”

“เจ้าหมายถึงอะไร?”

หลังจากเงียบอยู่นาน  ไอ้เงือกชีกอก็เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสุดฤทธิ์

ฉิบหายละ  อย่าบอกนะว่าปลาไม่รู้จักการช่วยตัวเอง!  เวลาติดสัตว์ต้องหาทางปลดปล่อยด้วยการสอดใส่เข้าไปในกายของใครสักคนเท่านั้น?!

แบบนี้ไอ้ปลาตัวผู้ที่ยังหาเมียไม่ได้มันไม่ช็อกตายไปเลยเรอะ

“มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากน่ะครับ  แต่มันสามารถทำให้คุณดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ได้  ที่คุณต้องทนก็แค่ทนเมื่อยแขนนิดๆหน่อยๆเท่านั้น”

“ข้าไม่เข้าใจ  ช่วยทำเป็นตัวอย่างได้หรือไม่  ข้าจะได้ทำตาม”

“หา?!”

ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน  เรื่องแบบนี้มันทำเป็นตัวอย่างให้ดูได้ที่ไหนกันเล่า  ดีไม่ดีไอ้ช่วงที่กำลังทำเป็นตัวอย่างนั่นแหละ  อาจจะทำให้มันสติขาดผึงแล้ววิ่งไล่ปล้ำผมอีกครั้ง

ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า

“ขอร้องล่ะ  ทำให้ข้าดูที  ถ้ามันสามารถทำให้ข้าหายทรมาน  ข้าก็อยากจะลองทำดูสักครั้ง”

“มะ…ไม่ได้จริงๆครับ”

“ข้าขอร้อง  ข้าไม่ไหวแล้ว  มันทรมานจนแทบขาดใจ  ข้า…ข้า…”

ตุ้บ!

ร่างสูงที่ทำท่าเหมือนจะคลานเข้ามาหาถึงกับหมดแรงหน้าคะมำทิ่มพื้นไปอย่างสวยงาม  กล้ามเนื้อที่แผ่นหลังและกล้ามต้นขาของเขาทำให้หดหู่ใจเหลือจะบรรยาย

เพราะอะไร…เพราะอะไรสวรรค์ถึงไร้ความบุติธรรมกับผมขนาดนี้  ทำไมถึงให้ไอ้ปลาที่แปลงกายเป็นคนได้มีหุ่นที่งดงามขนาดนี้กัน!  แล้วดูผมสิ  ผอมเป็นไม้เสียบผีอันเนื่องมาจากบ้านยากจนไม่มีอันจะกินนั่นเอง  สรุป…

ผมสู้ไม่ได้แม้กระทั่งปลาในทะเล

“ให้ตายสิ  ถ้าไม่ใช่เพราะผมกลัวคุณจะตายก่อนที่จะได้กลับบ้าน  ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายผมก็ไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน”

พูดใส่ร่างสูงที่หมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยใบหน้าร้อน)ประหนึ่งเอาไปผิงไฟมา

ตามเนื้อตัวและใบหน้าของไอ้เงือกชีกอเต็มไปด้วยเหงื่อ  ท่าทางจะทรมานจริงๆแฮะ

“ฮึบ!”

ผมจับร่างสูงที่คว่ำอยู่ให้พลิกง่าย  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียว  เพียงแต่เขาดูไม่ค่อยมีแรงก็เท่านั้น

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

ลมหายใจที่หอบถี่รุนแรงขึ้นของเขาทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเพดานเพราไม่สามารถมองสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ตอนนี้!

ไม่คิดไม่ฝันว่าเกิดมาชาตินี้จะได้มาทำอะไรแบบนี้ด้วย

“อื้อ  ซี๊ด…”

เวรเอ๊ย  เสือกครางเหมือนคนอีก!

ผมหลับหูหลับตาใช้สองมือประคองแก่นกายขนาดใหญ่ของไอ้เงือกชีกอเอาไว้แล้วสาวขึ้นลงตามความยาวที่มีหวังจะช่วยปลดปล่อยสิ่งมันอึดอันอยู่ให้ออกมาจากร่างกายบ้าง

รู้ถึงไหนคงอายถึงนั่น  เพราะงั้นนี่จะเป็นความลับของผมไปชั่วชีวิต

หมับ!

“เฮ้ย!”

“เร็ว…อีก…”

ยังมีหน้ามาสั่งอีกเหรอฮะ!

ผมชักสีหน้าใส่ด้วยไม่พอใจ   หากแต่ก็ช่วยเร่งความเร็วให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ  ไอ้เงือกชีกอห่อปากร้องครางอย่างถึงใจ

น้ำเสียงและท่าทางของเขาทำให้ผมวูบหวามในช่องท้องแปลกๆ  หัวใจก็เต้นระรัวจนแทบจะระเบิดตาย

คงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาทำอะไรแบบนี้  แถมยังมีคนมาทำสีหน้ารัญจวนพึงพอใจอยู่ตรงหน้าอีก   ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนที่อารมณ์กำลังพุ่งทะยานถึงขีดสุดจะทำสีหน้ามีความสุขได้มากขนาดนี้

“อื้ม…ซี๊ด…”

มือหนาที่จับแขนผมไว้อีกต่อบีบแขนผมแน่น  แถมยังเด้งสะโพกสวนกลับเข้ามาอีกต่างหาก

โชคดีจริงๆที่กูตัดสินใจใช้มือช่วยมึงเสียก่อน  ถ้ายอมให้มึงสอดใส่เข้ามาด้วยน้องชายไซส์บิ๊กบอสของมันบวกกับแรงกระแทกสวนไปมาที่มันทำอยู่ตอนนี้…

พัง!  บั้นท้ายกูพังยับแน่ๆ!

“อีกนิด…อีกนิดเดียว…”

ฟุ่บ  ฟุ่บ  ฟุ่บ

ความเร็วถูกเร่งจนผมปวดแขนไปหมด  แต่เพราะอยากให้เร่องนี้มันจบๆเสียที  ผมสูดหายเข้าปอด  รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายพ้อมเร่งจังหวะ!

“อื้อ!!!”

“อ๊ะ!”

ทำคุณบูชาโทษจริงๆเลยกู!

ช่วยมันจนสามารถปดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในแก่นกายออกมาได้ทั้งหมดแล้ว  ยังมิวายซวยเพราะส่งที่พุ่งทะลักออกมามันฉีดใส่หน้าผมเต็มๆ!

ไม่รีรออะไร  ผมรีบคว้าชายเสื้อผ้าที่สวมอยู่ของตัวเองมาเช็ดหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคาวสวาทของไอ้เงือกชีกอ  โดยที่อีกฝ่ายยังนอนหอบหายใจแฮ่กๆ  สีหน้าปริ่มความสุขอยู่

นอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังทำกูแปดเปื้อนอีกนะไอ้เวร!

“ไม่อยากเชื่อเลย  ว่าเจ้าจะทำให้ข้ามีความสุขได้ถึงเพียงนี้”

กูจำใจบ้างเหอะ!

“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ  ลืมได้ก็ลืมซะจะเป็นพระคุณมาก”

“ไม่มีวัน  ข้าจะไม่มีวันลืมค่ำคืนนี้ของเราอย่างแน่นอน”

“เดี๋ยวๆๆๆ  ไอ้คำพูดชวนให้เข้าใจผิดนี่มันคืออะไร!”

กูแค่ช่วยตัวเองให้มึงเฉยๆนะ  ไม่ได้เอากับมึง!  กรุณาทำความเข้าใจใหม่และอย่าตีความผิดสิเว้ยเฮ้ย!

หมับ!

“เหวอออ!

ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆก็ถูกไอ้เงือกชีกอฉุดแขนจนต้องล้มทับนอนอยู่บนตัวมันอย่างเลี่ยงไม่ได้  วงแขนแกร่งโอบกอดผมไว้แน่น

“ข้าเลือกเจ้าสาวไม่ผิดจริงๆเสียด้วย”

“ปล่อยนะเว้ย  ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แบบนั้น”

“นี่…รู้อะไรไหม”

“…”

“เจ้าทำให้ข้าหลง…หัวปรกหัวปรำเสียแล้วล่ะ”

พับผ่าสิ!

สิ่งที่กูต้องการไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  งานเข้าปูนปั้นรัวๆแล้วสิ   ตอนนี้เจ้าชายของเราหลงปูนปั้นหัวปรักหัวปรำไปแล้ว  อย่างนี้จะจะรอดพ้นเงื้อมมือเจ้าชายไปได้สักกี่ ‘น้ำ’ กันนะ 5555+  มาเอาใจช่วยปูนปั้นกันด้วยเถอะ >__<


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ฮ่า ๆ ปูนปั้นกับเงือกชีกอเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เกือบโดนเงือกข่มขืนล่ะ 555 รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




ตอนที่ 4

นามของข้าคือ…

 

“ฮะๆๆ  ดูตรงนั้นสิ  สวยดีเนอะ”

“ฮื้มม~  ฮืมมม~”

“จะว่าไป  อีกแค่คืนเดียวสินะ  พวกเราก็จะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว”

“ฮื้มม~  ฮืมมม~”

“ให้ตายเถอะ  นี่คิดจะกวนโมโหกันหรือไงฟะ!”

ตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทน

ผมถลึงตาใส่ไอ้เงือกชีกอที่วันนี้ทั้งวันมันเอาแต่นั่งจ้องหน้าผมแล้วฮัมเพลงไม่หยุด  ไม่อยากจะบอกหรอกนะ  แต่สายตาที่มันใช้มองผมเหมือนจะมองทะลุไปถึงตับไตไส้พุงแล้ว!

เป็นสายตาที่ให้ความรู้สึกขนลุกได้ดีกว่าตอนเบ่งอึเสียอีก!

“อะไรกันเล่า  ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”

“แต่คุณเอาแต่จ้องหน้าผมทั้งวัน!”

“ใครอยากให้เจ้าน่ารักน่ามองกันล่ะ  ข้ามีของสวยๆงามๆอยู่ข้างกาย  ชายใดเล่าจะอดใจไหว”

“ขอย้ำให้ทราบอีกครั้งนะครับว่าผมเป็นผู้ชาย!”

กูอยากจะมุดดินหนีแล้วไปโผล่เอาแกนโลกจริงๆ!

“ข้าไม่สนเรื่องเพศหรอก  บอกแล้วไงว่าขอแค่มี…”

“หยุด!  ไม่ต้องพูด  ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร”

ยกมือห้ามพร้อมกับส่งสายตาข่มขู่ไอ้เงือกบ้าที่ชะโงกมองบั้นท้ายผมด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยสุดๆ  ขืนปล่อยไว้สักวันต้องถูกมันขืนใจแน่ๆ  อีกอย่างผมไม่รู้ด้วยว่าไอ้อาการแบบเมื่อคืนมันจะเกิดขึ้นตอนไหนบ้าง  อย่างน้อยก็ขอให้แค่ปีละครั้งก็พอนะ

แต่…คงเป็นไปไม่ได้หรอก  สัตว์โลกที่ไหนจะมีช่วงเวลาติดสัตว์แค่ปีละครั้งกันวะ!

“จริงสิ  พวกเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย  ผมชื่อปูนปั้นนะครับ  จะเรียกปูนหรือปั้นก็ได้  แล้วคุณล่ะ?”

เพื่อลบบรรยากาศหื่นกามที่จ้องจะมาคุมอยู่ตลอดเวลา  และเพื่อเบี่ยงเบนสายตาของเขาไปจากประตูหลังที่ตกอยู่ในอันตรายของผม  ก็เลยหาเรื่องคุยขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน

อย่างน้อยก็ขอให้รอดปลอดภัยจนกว่าจะได้กลับบ้านล่ะนะ

“ปูนปั้นงั้นเหรอ  เป็นชื่อที่แปลกจริงๆเลย  ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“จะไปเคยได้ยินได้ยังไงกันเล่า  นี่มันชื่อในโลกที่ผมอยู่นะ”

“ปูนปั้น…ข้าชอบชื่อของเจ้านะ”

ว่าพลางยิ้มจนตาหยี  ผมรีบหลบตาเพราะเมื่อกี้เหมือนตัวเองจะเห็นออร่าวิ้งวับบางอย่างเปล่งประกายออกมาจากตัวของเขา

กะ…กะอีแค่ยิ้มนิดยิ้มหน่อยถึงกับมีออร่าเชียวเรอะ!

เกิดเป็นเจ้าชายจะทำอะไรก็ดูงดงามไปหมดเลยสินะ  กูหมั่นไส้โว้ยยยย!

“ระ…รีบๆบอกชื่อของคุณมาเหอะน่า”

กูจะได้เลิกเรียกมึงว่าไอ้เงือกชีกอในใจสักที  แม่งยาวฉิบหาย!

“ครับๆ  นามของข้าคือ…”

“…”

“ไวโอเทเซียส มิลาเบลล่า  พี แคชเนอร์ เดอมองคาล ฟีการ์โด้ รีเซฟบรา ไคโอ”

“หะ…หา?”

“นั่นแหละนามของข้า”

ยังมีหน้ามายิ้มแป้นอีกเรอะ!

คนบ้าอะไรจะชื่อยาวเป็นทางช้างเผือกแบบนั้นกันฟะ!

อ๊ะ! ไม่สิ  ลืมไปว่าหมอนี่ไม่ใช่คน  แต่ถึงจะไม่ใช่คนก็เหอะ  เป็นแค่ปลาต้องชื่อยาวเป็นกิโลฯแบบนี้เลยหรือไงฮะ

“ขะ…ขออีกรอบได้ไหม”

จำไมได้สักคำเลยเหอะ!

“ไม่ได้หรอก  เพราะข้าเองก็จำไมได้เหมือนกัน  กลัวจะพูดได้ไม่เหมือนรอบแรก”

“อ้าว!”

“เอาเป็นว่า…เรียกข้าว่าไคโอก็แล้วกันนะ สั้นๆง่ายๆ  ชื่อนี้ข้าให้เรียกเฉพาะคนสำคัญเท่านั้นนะ  และเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น  จงยิ้มออกมาด้วยความดีใจเสียเถิด”

ใครจะไปดีใจกับเรื่องแบบนี้กันล่ะเฟ้ยยย!

ว่าแต่…เมื่อกี้เขาให้ผมเรียกว่าอะไรนะ  ไข่โต?  ใช่ไหม?

แต่ใครจะไปมีชื่อแปลกๆแบบนั้นกันล่ะ

“อะ…โอเค  ขะ…ไข่โตะ…”

“ไคโอ”

“อ้อ!  ไคโอสินะ  ฮะๆ”

เกือบไปแล้วไหมล่ะกู  เกือบหลุดชื่อสองแง่สองง่ามนั่นออกไปแล้ว!

“ข้าว่าวันนี้เจ้าพักผ่อนเอาแรงหน่อยเถอะ  พรุ่งนี้ก็จะถึงพิธีอภิเษกของพวกเราแล้ว  ในงานเจ้าจะเหนื่อยยิ่งกว่านี้หลายเท่านัก   โดยเฉพาะ…”

“…”

“ตอนเข้าหอ”

“เฮ้ยยยย!”

ตั้งแต่เจอไอ้เจ้าชายไข่โตนี่  ผมแทบจะกลายร่างเป็นนักยิมนาสติกไม่ก็นักกระโดดสูงเลยเหอะ  เจอมันพูดมาแต่ละประโยค  กระโดดหนีแทบไม่ทัน!

“ล้อเล่นน่า  ข้าไม่ขืนใจเจ้าแน่นอน  อย่ากังวลไปเลย”

“คนอย่างคุณพูดแบบนั้นได้ด้วยเหรอฮะ!”

คิดเรื่องเมื่อคืนแล้วก็เสียววาบที่ตูดไม่หาย  ถ้าเขาไม่สติกลับมาเสียก่อน  ป่านนี้บั้นท้ายผมคงยับเยินไปหมดแล้ว  ดีไม่ดีอาจต้องเอาเข็มกับด้ายมานั่งเย็บกันทีหลังก็ได้  เพราะขนาดของมันน่ะ…!

คะ…คิดแล้วก็พูดไม่ออกนอกจากหวาดกลัวอยู่ลึกๆ

ผมควรให้เขาไปผ่าออกสักซีกหนึ่งดีไหมนะ  บางทีผมอาจจะไม่ต้องเจ็บมาก…

อะจ๊ากกกก!  กูคิดอะไรอยู่ในหัวกันเนี่ย  ไปให้ผ่าออกก็เท่ากับว่าผมยอมที่จะเสียบน่ะสิ!  ไม่มีทางเสียหรอก  เอาไว้แบบเดิมนั่นแหละ  เพราะยังไงก็ไม่มีวันที่มันจะสมใจแน่นอน!

“เจ้าไม่ไว้ใจข้าเลยเหรอ  ข้าเป็นถึงเจ้าชายเชียวนะ  เป็นบุตรแห่งราชาดินแดนนี้  ข้าไม่มีทางเสียคำสัตย์ของตัวเองอย่างแน่นอน”

“…”

“เชื่อใจข้า  ข้าไม่มีวันทำอะไรเจ้า”

“…”

ไอ้สายตาจริงจังแบบนั้นมันหมายความว่ายังกันฮะ!  ไมได้การละ  ต้องรีบหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง  ก่อนที่ผมจะเผลอถลำตัวเข้าไปมากกว่านี้!

“ระ…เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ  ผมมีเรื่องที่สงสัยอีกเรื่องต้องถามคุณ”

“อะไรหรือ?”

“ถ้าหลังจากวันพรุ่งนี้แล้ว  พอเสร็จพิธีแต่งงานของพวกเรา  แล้ว…ระหว่างเราจะเป็นยังไงต่อไป?”

“…”

“คุณจะพาผมกลับไปส่งที่ดินแดนของผมเอง  ส่วนคุณก็กำลับมาที่นี่ใช่ไหม  ถ้าแบบนั้น….การแต่งงานครั้งนี้จะมีความหมายอะไร  จัดขึ้นเพื่อสิ่งใดกันแน่”

“ระ…เรื่องนั้น…”

ไอ้เจ้าชายไข่โตหลบตาอย่างมีพิรุธ  เขามองไปทางซ้ายทีทางขวาทีราวกับกำลังนึกหาคำพูดที่จะบอกผมอยู่

ให้ตายสิ  ชักรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแปล่งๆซะแล้ว

“เรื่องนั้นไว้ข้าจะจัดการเอง  เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”

“แต่ว่า…”

“นอนเถอะ  หากเจ้าไม่นอนข้าอาจจะเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกก็ได้นะ  เพราะตัวเจ้าตอนยังไม่หลับมันช่างยั่วยวนข้าได้ดียิ่งนัก”

พรึ่บ!

ผมลุกขึ้นเดินไปที่เตียงในทันทีโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ  หลังจากเอนตัวลงนอนไปได้ห้านาที  ก็ต้องแปลกใจเพราะไอ้เจ้าชายไม่ยอมตามมานอนด้วยเหมือนเมื่อคืน  ด้วยทนสงสัยไม่ไหว  ผมก็เลยค่อยๆพลิกตัวจากที่ตอนแรกนอนหันหลังให้มันอยู่เพื่อดูว่าเขากำลังทำอะไร

“…”

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก

ไอ้เจ้าชายที่ผมคิดว่าคงกำลังนั่งชมนกชมไม้อยู่ที่เดิมความจริงแล้วไปนอนจุ้มปุ้กขดตัวอยู่ตรงประตูทางออก  เขาชันเข่าขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้ทั้งที่นอนหลับสนิทไปแล้ว

ท่าทางจะเพลียสุดๆไปเลยแฮะ

ทั้งที่เพลียขนาดนั้น  แต่กลับไปนอนบนพื้นแข็งๆที่ทั้งหนาวและไม่สบายตัว  เป็นเจ้าชายไม่ใช่หรือไง  เจ้าชายที่ใช้ชีวิตสุขสบายมาตลอด  แล้วทำไม…

 

‘เชื่อใจข้า  ข้าไม่มีวันทำอะไรเจ้า’

 

หรือว่าหมอนั่น…

จะทำเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผม

“เจ้าบ้าเอ๊ย  เป็นแค่ปลาแท้ๆ”

พึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางไคโอพร้อมด้วยผ้าห่มที่มีเพียงผืนเดียวซึ่งก็คือผืนที่ผมใช้ห่มอยู่บนเตียงติดมือมาด้วย

“อย่าดูถูกลูกชาวประมงเชียวนะ  ผมน่ะ…อึดแล้วก็ถึกเกินกว่าที่คุณจะต้องมาเสียสละอะไรแบบนี้”

“…”

“คุณเป็นเจ้าชาย  ก็ควรใช้ชีวิตในแบบของเจ้าชายต่อไป  เรามาจากคนละโลกคนละฐานะ แต่ก็…ขอบคุณนะครับที่พยายามรักษาสัญญา

“…”

“อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมดีใจ   ที่คำพูดของผมสำคัญต่อใครบางคนจนเขาต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้   ผมดีใจจริงๆ”

ผมยิ้มให้กับไคโอที่ยังหลับสนิทก่อนจะกางผ้าห่มออกแล้วห่มให้เขา

ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย  จากสีหน้าที่ดูทรมานเพราความเย็นจากพื้นเมื่อครู่ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ  เวลาหลับเฉยๆก็ดูน่ารักดีอยู่หรอกนะ

เห็นแบบนี้แล้วอยากให้หลับตลอดไปชะมัด

“อ่า…เราเองก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันแฮะ”

ช่างเป็นวันที่เหนื่อยจริงๆเลยนะ…

 

“ปูนปั้น  นี่…ปูนปั้น”

“หืม  แจ้บๆๆๆๆ”

“ปูนปั้น  ต่นเร็วเข้า  ปูนปั้น…”

“หืม  อะไรเหรอครับ  เช้าแล้วเหรอ”

ขานรับทั้งที่ยังไม่ลืมตาดี  ผมปิดปากหาวด้วยความง่วงแบบยากจะอธิบาย  ปรือตาหันไปมองทางต้นเสียงที่มาปลุกทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันสว่างด้วยพระอาทิตย์

พูดให้ถูกคือมันสว่างนั่นแหละนะ  แต่สว่างเพราแสงจันทร์จากบนฟ้าต่างหาก

“พวกเราต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้  ดวงจันทร์ขึ้นเต็มด้วยแล้วนะ”

“ดวงจันทร์”

“ใช่ เร็วเข้า  เดี๋ยวจะไม่ทันพิธี”

“ดะ…เดี๋ยวสิครับ  หมายความว่ายังไงกันเนี่ย!”

ไอ้เจ้าชายไม่รอให้ผมพูดจบ  เขาคว้ามือแล้วพาผมออกจากห้องไปทันทีด้วยท่าทีเร่งรีบ  หนำซ้ำยังทำตัวแบบหลบๆซ่อนๆราวกับไม่ต้องการให้ใครเห็นอีก

เฮ้ๆ นี่มันยังไงกันแน่ล่ะวะ!

“หลบเร็ว!”

“อ๊ะ!”

แค่กูตัวเล็กกว่าก็ใช่ว่ามึงนึกอยากจะดึงกูตอนไหนก็ดึงนะเว้ย!

ไอ้เจ้าชายดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นเพื่อซ่อนตัวจากพวกทหารเฝ้ายามที่เดินผ่านไป  หลังจากที่พวกทหารเดินหายไปจนลับตา  เขก็พาผมออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งไปเรื่อยๆจนเริ่มไกลออกมาจากวัง  แม้ว่าจะมีคำถามผุดขึ้นในหัวมากมาย  แต่ผมก็ไม่สามารถถามอะไรออกไปได้เพราะสีหน้าของคนที่วิ่งนำหน้าอยู่ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก  และคงไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นเกมถามตอบอะไรตอนนี้ด้วย

“ถึงแล้ว”

เจ้าชายปล่อยมือผมออก  ที่ที่เขาพามาคือลานทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา  เหนือหัวของเราคือดวงจันทร์สีนวลกลมโตขนาดใหญ่ราวกับว่าแค่เอื้อมมือออกไปผมก็จะคว้าดวงจันทร์มาได้  ที่ทุ่งหญ้ามีอยู่จุดหนึ่งที่วางปะการังเอาไว้ล้อมรอบเป็นวงกลม  และนอกวงกลมก็มีใครบางคนยืนอยู่!

“นั่นมัน…”

“ไปหาท่านพ่อกันเถอะ”

เจ้าชายจับมือพาผมเดินเข้าไปใกล้องค์ราชาของดินแดนแห่งนี้

มันเรื่องอะไรกันแน่นะเนี่ย  ผมงงไปหมดแล้ว

“เจ้ามาช้านะไคโอ  เกือบจะไม่ทันเวลาอยู่แล้ว”

“ข้าขอโทษท่านพ่อ  เป็นเพราะเจ้าสาวของข้าขี้เซาไปหน่อย  ก็เลยล่าช้า”

“ช่างเถอะ  ไม่มีเวลาแล้ว  พวกเจ้าต้องทำพันธะสัญญาต่อกันเดี๋ยวนี้”

“ดะ…เดี๋ยวนะครับ  พัน…พันอะไรนะครับ”

“พิธีอภิเษกไงล่ะ  เดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเอง”

ไอ้เจ้าชายหันมาอธิบาย  แต่ประทานโทษเหอะ!  ไม่ได้ทำให้กูเข้าใจขึ้นมาเลยสักนิด!

“เจ้าทั้งสองเข้าไปยืนในวงแหวนเร็วเข้า  ก่อนที่แสงจันทร์จะหายไป”

องค์ราชาเร่ง  ผมได้อ้าปากเหวอเพราะจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก  เจ้าชายเดินเข้าไปยืนอยู่ในวงแหวนปะการังเป็นคนแรก  เห็นแบบนั้นผมเลยเดินตามเข้าไปแบบงงๆ

ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนงงจริงๆเลยกู

“ข้าจะเริ่มพิธีแล้วนะ”

องค์ราชาหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาก่อนจะเริ่มท่องคาถาที่ผมไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว  หากแต่ยิ่งองค์ราชาท่องคาถานานขึ้นเท่าไหร่  วงแหวนปะการังก็ยิ่งส่องแสงสว่างมากขึ้นเท่านั้น

พรึ่บ!

“นะ…นี่มัน…”

ผมเบิกตาโพล่งอย่างไม่เชื่อสายตา  วงแหวนปะการังปล่อยลำแสงสีขาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับเป็นแสงนำทางอะไรสักอย่าง  แสงจากปะการังรวมเป็นหนึ่งกับแสงจากดวงจันทร์  ก่อนที่ของในมือขององค์ราชาจะลอยขึ้นสู่ฟ้าและแสงพวกนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเข้าไปในสิ่งของนั้นแทนราวกับว่าของสิ่งนั้นดูดกลืนแสงสว่างทั้งหมดเข้าไปในตัวเอง!

“อะไรกัน…”

หมับ…

เจ้าชายคว้ามือผมไปจับไว้แน่น  เราสบตากันโดยที่ผมปล่อยคำถามมากมายไปทางสายตานั้น  ทว่ายังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ย  ร่างของมก็ถูกอีกฝ่ายกระตุกเข้าหาก่อนจะ…

“อุ๊บ!”

ประกบปากลงมา!

เบิกตากว้างเป็นรอบที่สอง  ทันทีที่ริมฝีปากของเจ้าชายประทับแนบแน่นลงบนริมฝีปากของผม  วงแหวนปะการังก็ส่องแสงขึ้นมาอีกครั้ง

 

‘ฝากเจ้าชายด้วย  มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น  ที่จะปกป้องชีวิตของเจ้าชายเอาไว้ได้’

 

สะ…เสียงนี้มัน…

เสียงขององค์ราชา!

หมายความว่ายังไงกัน  ตกลงสิ่งที่ผมกำลังเผชิญและทำอยู่ตอนนี้มันคือเรื่องอะไรกันแน่!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :





มาอัพแล้วจ้า  ต้องขออภัยที่หายไปหลายวัน  พอดีมีงานบวชญาติก็เลยไม่ได้มาอัพนิยายเลย  ตอนนี้เปิดปมขึ้นมาอีกแล้วจ้า  เกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะเนี่ยยยย  เจ้าชายไข่โตของเรามีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?  มาเอาใจช่วยปูนปั้นกันด้วยนะค้า  ปล. เปิดพรีฯแล้วนะคะ  ติดตามได้ในเพจเล้ยยย  ใครไม่อยากพลาดตอนพิเศษในเล่มล่ะก็…อย่าลืมอุดหนุนน้า


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ว่าละไง... จะไปเข้าพิธีอภิเษกทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่แท้จะหนีไปอยู่บนโลกมนุษย์สินะ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
ปักจ้า  o13

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
แนวแฟนตาซีกับปลา น่าสนใจมากค่ะ สู้ๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 5
พันธะสัญญาผูกวิญญาณ
 
“แล้ว…สรุปว่า…”
“…”
“เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะครับเนี่ย!!!”
ผมแผดเสียงลั่นพลางชี้ไปทางเจ้าชายที่ยืนทำตาวิ้งๆมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้นที่ได้ขึ้นมาเหยียบบนโลกมนุษย์เป็นครั้งแรก!
“ถามได้  ก็ข้ากับเจ้าทำพันธะสัญญากันแล้วนี่  พวกเราอภิเษกกันแล้วนะ”
“ไอ้การทำแบบนั้นมันเรียกว่าแต่งงานตรงไหนกันฟะ!”
ในหัวคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประมาณสักห้านาทีเห็นจะได้…
วินาทีกำไรกัลปังหามันถูกสวมลงบนคอของผม!  ไม่สิ  ใช้คำว่าสวมไม่ได้  ต้องเรียกว่ายัด (เยียด) เสียมากกว่า!
 
ผมยืนตาค้าง  มองแสงสว่างที่ค่อยๆจางหายไปในสิ่งของที่องค์ราชาปล่อยลอยขึ้นฟ้ากัน  เพียงไม่นาน  เจ้าสิ่งนั้นก็ลอยต่ำลงมาอยู่ตรงหน้าผมกับเจ้าชาย
นี่มัน…กัลปังหาที่ถูกทำให้กลายเป็นเครื่องประดับแล้วนี่นา  ลักษณะเหมือนกำไล  ทว่ามันกลับดูใหญ่เกินกว่าที่จะสวมข้อมือของคนได้  ถ้างั้น…
สวมตรงไหนกันล่ะ?
‘สิ่งนี้คือของแทนใจของเจ้าทั้งสอง  หลับตาลงซะ  อีกไม่นานพิธีก็จะเสร็จแล้ว’
องค์ราชาสั่ง  ผมรีบหลับตาตามที่ท่านบอก  รู้สึกได้ว่ามีแสงสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่ผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบีบคอ!
‘อะ…อะไรกัน’
‘ห้ามลืมตานะ!  หลับตาเอาไว้!’
และเพราะคำสั่งนี้ผมจึงไม่กล้าลืมตาขึ้น  แม้ว่าจะรู้สึกหายใจไม่ออกเพราะลำคอถูกบีบด้วยบางสิ่งก็ตาม  ราวกับว่า…มีใครกำลังพยายามที่จะใส่อะไรให้กับอย่างนั้นแหละ
อะไรกันล่ะ?
สร้อยเหรอ?  แต่มันเจ็บและแข็งเกินกว่าที่จะเป็นสร้อยได้  หรือว่า…กัลปังหา!
‘เรียบร้อยแล้ว  เพียงเท่านี้  พวกเจ้าก็ทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณต่อกันอย่างสมบูรณ์’
‘ผูกวิญญาณ!  หมายความว่ายังไงกัน?’ 
‘ไคโอจะค่อยๆอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังเอง  เอาล่ะ  รีบไปเข้าหอกันได้แล้ว  ก่อนที่พวกกบฏจะรู้เรื่อง’
‘ท่านพ่อ  ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะทำแบบนี้’
‘ข้าแน่ใจที่สุด  ไคโอ…เจ้าต้องดูแลตัวเองและเจ้าสาวของเจ้าให้ดีที่สุด  วิญญาณของพวกเจ้าเชื่อมโยงถึงกันแล้ว  เหลือก็แต่…’
‘ข้าทราบดีท่านพ่อ  ข้าจะรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง  แล้วข้าจะกลับมา  กลับมาทวงทุกสิ่งที่ควรเป็นของเราคืน’
‘ดีมาก!  ส่วนเจ้า…’
องคราชาเบนเข็มทิศมาทางผมที่ยังยืนคิ้วชนกันอยู่  ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย  งงไปหมดแล้วนะ!
‘ดูแลไคโอให้ดี  ปกป้องเขาให้ได้  เพราะถ้าหากเขาเป็นอะไรไป…’
‘…’
‘เจ้าก็จะตายเช่นกัน!’
 
จบการระลึกชาติแต่เพียงเท่านี้
หลังจากนั้นองค์ราชาก็หลับตาร่ายมนตร์อีกรอบ  พายุลมฝนปั่นป่วนไปทั่วทั้งดินแดน  ก่อนที่จะมีหลุมดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นดูดผมและเจ้าชายเข้าไป  และ…
ลืมตาอีกทีก็มาโผล่ที่นี่เสียแล้ว
ริมชายหาดแถวบ้านผม!
“เอาน่าๆ  ถือเสียว่าเรามาฮันนีมูนกันที่บ้านของเจ้าไง”
“กี่วัน?”
“หืม?”
“คุณจะมาอยู่ที่บ้านผมกี่วัน?”
ถามเสียงเครียด  บ้านผมเป็นเพียงบ้านไม้ผสมสังกะสีเก่าๆแทบไม่ต่างอะไรกับเพลิงหมาแหงน  อยู่กันกับพ่อแค่สองคน  ลำพังเงินหาปลาจากอาชีพชาวประมงของพ่อก็แทบจะไม่พอกินกันอยู่แล้ว  โชคดีที่ผมเรียนดีเลยได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัย  ไม่อย่างนั้นผมคงหมดสิทธิ์ที่จะเรียนต่อ
แล้วถ้าต้องเอาไอ้เจ้าชายชีกอนี่มาอยู่ด้วยอีกคนก็เท่ากับผมจะต้องแบกภาระเพิ่ม…
ใครจะไปยอมกันเล่า!
“เอ่อ…ข้าคิดว่าคงไม่อาจนับเป็นวันได้น่ะนะ”
“มะ…หมายความว่ายังไง”
“ก็แบบ…”
“อย่าบอกนะว่าเดือน!”
“…”
“ปะ…ปะ…ปีเรอะ!  ไม่มีทาง!  ผมไม่ยอมแน่ๆ!”
ว่าพลางเดินหนี  ตั้งใจจะถึงไอ้เจ้าชายบ้ามันไว้ตรงนี้เพราะไม่อยากหาเหามาใส่หัว  อีกอย่างพ่อต้องจับผมโยนลงทะเลแน่ๆถ้ารู้ว่าผมพาตัวภาระมาเพิ่ม!
“อ๊ะ!”
“หยุดเดินเดี๋ยวนี้นะปูนปั้น!”
“โอ๊ยยย!”
ผมทรุดตัวลงกับพื้น  สองมือกุมที่ต้นคอ  ดิ้นทุรนทุรายด้วยเจ็บปวดราวกับกำลังถูกมือที่มองไม่เห็นบีบคอจนหายใจไม่ออก
“ข้าบอกให้ยุดเดินไงเล่า!”
“แฮ่ก!”
หอบหายใจแฮ่กทันทีที่ไคโอเดินเข้ามาถึงตัว  ผมรีบสูดเอาลมหายใจที่หายไปร่วมนาทีเข้าปอด  นะ…นึกว่าจะต้องตายเสียแล้ว!
“อย่าอยู่ห่างจากข้าเกินสองร้อยเมตรเด็ดขาด”
“มะ…หมายความว่ายังไง  เกิดอะไรขึ้น  ไอ้ปลอกคอบ้านี่มันรัดคอผมจนเกือบตาย!”
“มันคือพันธะสัญญาของเรา”
“หา?”
“พิธีที่เราทำไปเมื่อครู่คือพิธีผูกวิญญาณ  วิญญาณของข้ากับเจ้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว  โดยมีวงแหวนที่ทำจากกัลปังหาอาบแสงจันทร์เป็นตัวเชื่อมวิญญาณของเรา  หากอยู่กันเกินสองร้อยเมตร  กัลปังหาจะรัดคอเราทั้งคู่  หรือหากเกิดอันตรายขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่ง  อีกฝ่ายจะถูกวงแหวนรัดแน่นเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้ทำพันธะสัญญากับเรากำลังมีภัย”
ผมอ้าปากหวอฟังที่เจ้าชายอธิบายน้ำตาแทบจะไหลพราก
นี่กู…หลงทำพิธีกรรมบ้าๆนั่นไปแล้วสินะ
เอาโซ่มาคล้องคอตัวเองเรียบร้อย!
“คุณกำลังจะบอกว่า…ถ้าผมไม่อยากตายเพราะถูกปลอกคอนี่รัดคอ  ทางเดียวก็คือผมจะต้องมีคุณอยู่ข้างตัวตลอดเวลา  ใช่ไหม…?”
“ถูกต้อง”
กูอยากตาย…
ไม่สิ  ถ้ากลับไปโดยมีเจ้านี่ติดสอยห้อยต่องแต่งไปด้วย  ยังไงผมก็โดนพ่อฆ่าตายอยู่ดี
ถ้างั้นก็ตายมันซะตรงนี้เลยเป็นไง!
“อย่ามาล้อเล่นนะ  การที่ต้องตัวติดกับคุณคลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยห่างกันเกินสองร้อยเมตรไม่ได้นี่มันนรกชัดๆเลยนะเว้ย!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าอึดอัด  แต่ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ  เพื่อรอเวลาที่พลังของข้าจะตื่นขึ้นมาทั้งหมด  ข้าต้องมีที่ที่ปลอดภัยในการหลบซ่อนตัว  ไม่เช่นนั้น…ดินแดนที่แสนสงบสุขของข้าจะต้องถูกพวกชั่วร้ายยึดครองแน่”
“คุณจะบอกว่าไอ้การแต่งงานบ้าบอนั่นความจริงก็แค่ฉากบังหน้าสินะ  ไม่สิ  มันคือการหลอกให้ผมหลวมตัวทำพันธะสัญญานี่ด้วย  โดยที่คุณจะใช้โลกของผม  ไม่ๆๆๆ ใช่บ้านของผมเป็นหลุมหลบภัยสำหรับคุณ  ผมพูดถูกไหม”
“จะว่าถูกก็ถูก  แต่จะว่าไม่ถูกมันก็…ต้องเรียกว่าไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวน่ะ”
“แล้วมันยังไง!  เพราะผลสรุปสุดท้ายคือคุณกำลังจะไปที่บ้านผม  และผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปฎิเสธอะไรได้เพราะปลอกคอบ้าๆนี่มันคอยแต่จะรัดคอผมตาย!”
ผมตะโกนใส่หน้าเขาอย่างหงุดหงิด
เรื่องสงครามของพวกเงือก  แต่กลับดึงผมทีเป็นมนุษย์เข้าไปรับรู้และเสี่ยงอันตรายด้วย  มันใช่เรื่องซะที่ไหนกันล่ะ
โลกกูก็ไม่ใช่  สงครามของโลกกูก็ไม่ใช่
อยากจะบ้าตายจริงๆเลยโว้ยยยย!
“จริงอยู่ที่ข้าต้องใช้บ้านของเจ้าเป็นหลุมหลบภัยจากพวกกบฏเพื่อรอวันที่พลังในตัวข้าจะตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่  แต่ว่า…เรื่องพิธีอภิเษกของเราน่ะ  มันคือเรื่องจริง”
“…”
“ข้าเลือกเจ้าเป็นเจ้าสาวของข้าจริงๆ  เพียงแต่การทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณในพิธีอภิเษกมันทำให้ข้ามีผลพลอยได้ที่จะสามารถมาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าในโลกนี้ได้ก็เท่านั้นเอง”
“…”
“ในโลกของข้า  ชนชั้นสูงจะต้องทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณกับคู่ชีวิตในพิธีอภิเษก  เพื่อแทนคำสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
กะอีแค่แต่งงานกันเนี่ยนะ  ถึงกับต้องทำเรื่องอันตรายอยากผูกวิญญาณนี่!  มึงจะใช้วิญญาณใครวิญญาณมันไม่ได้หรือไง  มันไม่ใช่ของที่จะเอามาแชร์แล้วหารสองเพ่อใช้ร่วมกันเลยนะเฟ้ย
“แล้วมีวิธีแก้ไหม  มีทางไหนบ้างที่จะยกเลิกไอ้พันธะสัญญาการผูกวิญญาณนี่น่ะ”
“จะว่ามีก็มีหรอกนะ”
“ยังไง  บอกผมมาสิ  ผมจะทำ!”
กูจะไม่ยอมตัวติดมึงสองร้อยเมตรแบบนี้แน่ๆ!
“วิธีที่จะยกเลิกพันธะสัญญาผูกวิญญาณก็คือ…”
“…”
“เจ้ากับข้าจะต้องผูกพันกันด้วยหัวใจแทน”
“ฮะ!!!”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใจของเจ้าและข้าผูกพันกัน  เมื่อนั้น…พันธะสัญญาการผูกวิญญาณจะถูกปลดปล่อย  แล้วพวกเราก็จะเป็นอิสระ”
ไอ้เจ้าชายตอบหน้าตาย  ส่วนผมวิญญาณลอยออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว…
แบบนี้ก็เท่ากับว่า…ผมจะเอาปลอกคอนี่ออกได้ก็ต่อเมื่อ…ผม…และเขา…
รักกัน…
เท่านั้นสินะ!
ใช้หัวใจผูกพันกันแทนดวงวิญญาณ  เมื่อนั้น…หัวใจถึงจะปลดปล่อยวิญญาณของเราให้เป็นอิสระ  เรื่องแบบนี้น่ะ…
โคตรจะแฟนตาซีเลยให้ตาย!
“งั้นเราต้องอยู่แบบนี้ไปตลอดเหรอ  ถ้าวันหนึ่งคุณจัดการกับพวกกบฏได้  ถึงตอนนั้นผมไม่ต้องตามคุณไปอยู่ที่นั่นเหรอครับ”
“ถ้าเจ้าไม่อยากไป  งั้นเจ้า…”
“…”
“ก็ตกหลุมรักข้าเสียสิ”
ไอ้เจ้าชายก้มหน้าลงมายิ้มแป้นให้ผม
กูล่ะอยากจะเอาบาทายันหน้ากวนๆของมันจริงๆ!
“ฝันไปเหอะ!”
“งั้นเราก็อยู่กันแบบนี้ตลอดไป  ข้ายังไงก็ได้อยู่แล้ว  เพราะว่าเจ้าคือเจ้าสาวของข้า  อีกอย่าง…”
“…”
“ข้าคงตกหลุมรักเจ้าได้ไม่ยาก  ไม่มีอะไรต้องห่วง”
อีกฝ่ายยักไหล่ท่าทางสบายสุดๆ  ดูท่าผมคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว  เพราะพันธะสัญญาก็ดันหลวมตัวทำไปแล้วอีก  ถ้าอยู่ห่างเขาเกินสองร้อยเมตรมีหวังได้กลายเป็นศพปริศนาอยู่ริมหาดแน่ๆ
ให้ตายสิ  ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ!
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?”
“บ้านของผมไง  คุณคงไม่คิดว่าเราจะนอนกันตรงนี้หรอกนะ”
ตอบเสียงอ่อน  เหนื่อยที่จะพูดและไม่อยากที่จะฟังอะไรอีกแล้ว  อุตส่าห์คิดว่าแค่แต่งงานด้วยแล้วทุกอย่างจะจบ  กลับคืนสู่สภาพใครสภาพมัน  ที่ไหนได้ล่ะ…
มันดันกลายเป็นห่วงโซ่อันเท่าบ้านมาคล้องคอผมซะงั้น
ปีนี้ปีชงของกูหรือเปล่าวะ  ฮึกกก!
 
จ้อกแจ้กๆๆๆๆๆ
เสียงพูดคุยดังระงมราวกับว่าที่แห่งนี้คือห้องประชุมอะไรสักอย่าง  มีกลิ่นคาวของปลาลอยคะคลุ้งปะปนในอากาศจนแยกไม่ออกว่าอันไหนคออกซิเจน  อันนั้นคือกลิ่นเน่าอันไม่พึงประสงค์  ผมพาเจ้าชายมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านซึ่งเป็นเพียงบ้านไม้ที่หลังคาเป็นสังกะสีพอกันแดดกันฝน  โดยที่ทางขึ้นเป็นบันไดชันๆห้าขั้น  ในละแวกนี้บ้านุทกหลังก็เป็นแบบนี้เหมอนกันหมด  ซึ่งแต่ละหลังจะอยู่ติดกันจนแทบจะกระโดดข้ามไปบ้านของอีกหลังได้สบายๆ
“อ้าว  หยุดทำไมล่ะ”
“ถึงแล้ว”
“ถึงแล้ว?  ที่นี่คือบ้านของเจ้าล่ะ  ใช้ได้เลยนะ  มีหลายห้องเลยด้วย”
เจ้าชายตาลุกวาว  มองไปบ้านหลังนู้นทีหลังนี้ทีราวกับกำลังเลือกว่าจะอยู่บ้านหลังไหนดี
“เปล่าหรอก  ไม่ใช่”
“หืม?”
“บ้านของผม  หรือก็คือบ้านที่คุณจะต้องอยู่จนกว่าคุณจะได้กลับไปน่ะก็คือ…หลังนี้ต่างหาก”
ผมชี้ไปยังบ้านที่อยู่ตรงหน้าของเราสองคน  เจ้าชายยิ้มหวานมองตามก่อนจะกะพริบตาปริบๆอยู่ร่วมนาที  และ…
“นะ…นี่น่ะเหรอบ้านของเจ้า!   มันเล็กพอๆกับห้องเก็บของในวังข้าเลยนะ!”
ไอ้เจ้าชายตะโกด้วยท่าทางตกใจแบบคาดไม่ถึงสุดๆ
ขอโทษแล้วกันที่บ้านกูมันเป็นได้แค่ห้องเก็บของของมึงน่ะ  ไอ้เวรเอ๊ยย!
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามนุษย์จะอยู่กันอย่างอัตคัดขัดสนเช่นนี้!  ต่างจากที่ข้าคิดไว้ลิบลับ”
“ก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนหรอกครับที่จะอยู่แบบนี้”
ปากหมาแบบนี้ไม่น่าเกิดเป็นปลาเลยนะ  สมควรไปเกิดเป็นไอ้ตูบหลังวัดมากกว่า!
“ขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ”
“บันไดบ้านเจ้าหักหรือ  ดูเหมือนจะหายไปสามขั้น”
“เปล่าหรอกครับ  ไม้ที่แข็งแรงพอจะสร้างบันไดให้คงอยู่นานๆมันแพง  ผมมีปัญญาซื้อมาได้แค่ห้าแผ่นเท่านั้น  ก็เลยทำได้ห้าขั้น  ส่วนที่มันเว้นว่างๆทิ้งระยะห่างนั่น…มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก”
“นะ…นี่เจ้าโตมาได้ยังไงกันล่ะเนี่ย  ข้าสงสัยเหลือเกิน!”
จะโตมายังไงมันก็เรื่องของกูเว้ย!
อยากจะร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือด  ผมเดินนำเจ้าชายขึ้นไปบนบ้านก่อน  โดยที่อีกฝ่ายกำลังตะเกียกตะก่ายกับขั้นบันไดที่ชันสุดๆของบ้านผมขึ้นมา  พอขึ้นมาได้ก็ยกมือขึ้นทาบอกด้วยท่าทางใจหายสุดฤทธิ์
กูขอโทษที่บันไดบ้านกูเสือกมีแค่ห้าขั้น!
“พ่อผมคงออกไปขายปลาข้างนอก  ผมจะพาคุณมาดูแล้วกันว่าเราต้องนอนตรงไหน”
“เจ้าหมายถึงห้องหอของพวกเราใช่ไหม”
ตาเป็นประกายขึ้นมาอีกรอบ
มึงอย่าใช้คำว่าห้องหอเลย  กูฟังแล้วจักจี้  เรียกว่าพื้นที่(เกือบจะ)ส่วนตัวดีกว่า
“นี่ไง  ที่นอนของผมกับคุณ”
ผายมือไปยังที่นอนอันแสนหรูหราของตัวเองให้เจ้าชายดู  เขายืนนิ่งอยู่สามวินาทีก่อนจะพุ่งเข้าไปดึงเสื่อของผมขึ้นมาถือไว้
“จะ…เจ้าสิ่งนี้คืออะไร  มันใช้นอนได้ด้วยเหรอ  นีก็อีก  ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“ไอ้ที่คุณถืออยู่เรียกว่าเสื่อครับ  ส่วนที่คุณชี้น่ะมันคือมุ้ง  เวลานอนก็กางมุ้งเพื่อเอาไว้กันยุง”
“ยุง?”
“สัตว์ตัวเล็กมีชีวิตอยู่ได้เพียงเจ็ดวัดแต่ก็อันตรายมากถึงมากที่สุดสำหรับมนุษย์!”
“ชะ…ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
เจ้าชายทำหน้าตื่นตูมก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเสื้อผืนหมอนใบของผมต่อ  ภายในบ้านขนาดเพียงสี่เสื่อของผมนั้น  พ่อได้เอาแผ่นไม้บางๆมากั้นให้เพื่อแบ่งออกเป็นสองห้อง  โดยฝั่งที่พ่อนอนนั้นจะเป็นทั้งห้องรับแขก ห้องครัว  และห้องนอนของพ่อ  ส่วนอีกฝั่งของแผ่นไม้ก็เป็นห้องของผม  มีตู้เสื้อผ้าเล็กๆอยู่ตรงปลายเท้าสำหรับใส่เสื้อผ้า
ว่าแต่…นี่ก็เย็นมากแล้ว  ทำไมพ่อถึงยังไม่กลับมาอีกนะ
“นี่ๆ  ข้าอยากแช่น้ำแล้วน่ะ  ห้องอาบน้ำของเจ้าอยู่ไหนเหรอ  ว่าแต่…มีดอกไม้สวยๆโรยบนอ่างให้ข้าไหม”
“เหอะๆ  อ่างอาบน้ำงั้นเหรอครับ…”
บ้านกูมีแต่ห้องน้ำสังกะสีที่มีแค่โอ่งกับขันหนึ่งในห้องน้ำแล้วก็ส้วมหลุมในตัวเท่านั้นแหละเฟ้ยยยยย!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่ 5 แล้วจ้า ตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงสงสารน้องปูนปั้นของเรา  บอกตรงๆว่าเพิ่งเคยแต่งนายเอกจนขนาดนี้เป็นครั้งแรก 555555+  แล้วแบบนี้เจ้าชายไข่โตผู้ใช้ชีวิตสุขสบายมาตลอดจะอยู่ได้ไหมล่ะเนี่ย  มาถึงก็ถามหาอ่างอาบน้ำซะแล้ว  งานนี้คงได้นอนแช่น้ำในโอ่งไปก่อนแน่ๆ  สงสารก็แต่ปูนปั้น  อยู่ห่างเจ้าชายเกินสี่ร้อยเมตรก็ไม่ได้เพราะวงแหวนจะรัดคอจนตาย  งานนี้กลายสภาพเป็นพี่เลี้ยงเต็มตัวแน่ๆ  มาเอาใจช่วยปูนปั้นกันด้วยนะค้า *O*
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เจ้าชายตกยากเสียแล้วสิ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 ทนๆหน่อยเจ้าชาย โลกมนุษย์เวลาหมุนเร็วกว่าโลกเงือกมั้ง แป๊บๆก็ผ่านไปล่ะ
 รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ปูนปั้นให้อารมณ์ที่คุ้นเคย เราเข้าใจ เราก็จน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ประหลาดมาก
ตกลงเจ้าชายเงือกลี้ภัยมาอยู่โลกมนุษย์
ที่บ้านหลังเล็กๆบันไดมีไม่ครบ
นอนบนเสื่อ กางมุ้งกันยุงกัด
นี่เจ้าชายตกจากวังชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 6
เสียงร้องไห้ของเจ้า

“ทำไมอ่างอาบน้ำของโลกมนุษย์มันถึงแคบแบบนี้ล่ะ   ข้าขยับตัวไม่สะดวกเลย”
เจ้าชายจอมเรื่องมาก ( สรรพนามสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามอารมณ์ของผมและการกระทำของหมอนี่! )  บ่นพึมพำพลางก้มลงมองโอ่งมือสองที่ผมกับพ่อลงทุนไปเบียดเสียดผู้คนประมูลมาได้จากวัดในราคาถูกแสนถูกเมื่อสองปีก่อน
“ของที่โลกของผมกับโลกของคุณจะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ  สำหรับโลกของผม  อ่างนี้ถือเป็นอ่างที่หรูที่สุดแล้วคุณรู้ไหม”
“จริงเหรอ  แสดงว่าเจ้าก็มีฐานะพอสมควรเลยสินะ  ถึงได้ใช้ของหรูหราอย่างอ่างนี้ได้”
“ก็…นะ”
โกหกพวกไม่รู้นี้มันง่ายจริงๆ
เจ้าชายยิ้มเผล่เมื่อหลงเชื่อว่าโอ่งที่ตัวเองกำลังลงแช่น้ำอยู่ตอนนี้คืออ่างอาบราคาแพงระยับจริงๆ  ปลายส่วนของหางม้วนขึ้นมาพาดอยู่กับขอบโอ่งเล็กน้อยเพราะเจ้าชายตัวสูงพอสมควร  อาจเพราะเป็นเงือก  เวลาขาดน้ำหรือไม่ได้โดนน้ำนานๆเลยจะดูไม่ค่อยมีแรง  พอโดนน้ำทีก็เลยต้องกลายร่างกลับเป็นเงือกอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
โชคดีที่พ่อยังไม่กลับมาและไม่มีใครมาเห็น  ถ้าความแตกว่าหมอนี่เป็นเงือกล่ะก็มีหวัง…
ถูกชาวบ้านแถวนี้จับล่ามโซ่เอาไปออกตามงานวัดแหงๆ!
“คุณแช่น้ำอยู่ในนี้ก่อนนะครับ  ผมขอออกไปหาพ่อก่อน  ห้ามออกมาจนกว่าผมจะมาเรียก  หรือถ้าอยากจะออกมาจริงๆก็ต้องกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ก่อน  เข้าใจไหมครับ”
“ข้ารู้แล้วน่า”
“ที่โลกของผมคุณต้องใช้คำว่าคุณกับผม  หรือไม่ก็ฉันกับนาย ห้ามใช้ข้ากับเจ้า  แล้วก็ห้ามใช้ศัพท์แปลกๆด้วย  ต้องเรียนรู้คำศัพท์ของโลกมนุษย์  ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย”
“ข้า…”
“…”
“เอ่อ…ฉัน…รู้แล้วน่า”
“รู้แล้วก็ดีครับ  ไว้ผมจะซื้ออะไรกลับมาให้กิน”
“ข้า…! เอ๊ย  ฉันอยากกินสาหร่ายจากใต้ทะเลลึกหนึ่งพันฟุต…”
“ไม่มีครับ!”
ผมตัดบทไปทันที
ให้ตายสิ  ไอ้เจ้าชายบ้านี่มันเข้าใจสถานะของตัวเองในตอนนี้บ้างไหมเนี่ย!  บ้านที่เขาลี้ภัยมาหลบกบฏอยู่ตอนนี้คือบ้านของผมที่จนโคตรจน  จนแบบชาตินี้คงไม่มีใครคิดว่าจะจนได้เท่านี้อีกแล้ว  มากที่สุดที่ผมจะหาให้เขากินได้ตอนนี้ก็คงเป็น…
ไข่! เท่านั้นแหละนะ
รู้สึกในกระปุกจะเหลือเงินอยู่แค่ห้าบาทเท่านั้น  ซื้อได้ฟองเดียวสินะ
ผมเดินไปเปิดดูถังข้าวสาร  เหลือติดถังอยู่แค่นิดหน่อยเท่านั้น  พอกินสำหรับแค่คนๆเดียว  แปลกแฮะ  แล้วพ่อผมหายไปไหน  ถ้าพ่อปลอดภัยและกลับมาที่บ้านก่อนก็น่าจะเอาปลาที่ได้ไปขายแล้วมาซื้อข้าวสารเพิ่มสิ  แต่ดูเหมือนว่าข้าวสารจะยังเหลือเท่าเดิมนับจากวันที่ออกไปวางอวนกัน
มันยังไงกันแน่ฟะ!
ผมจุดฟืนตั้งเตาเพื่อหุงข้าวทิ้งเอาไว้แล้วรีบวิ่งออกไปตามหาพ่อ  แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่เจอพ่อเลย  บ้าน่า!  ปกติเวลานี้พ่อผมจะมานั่งถักแหกับเพื่อนๆเพื่อหารายได้เพิ่มนี่นา!
“ลุงกิ่ง!  ลุงกิ่งครับ  พ่อผม…”
“ไอ้ปั้น!  เอ็งยังไม่ตายเรอะ!”
ลุงกิ่งเพื่อนสนิทของพ่อและเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของผมตะโกนลั่นอย่างตกใจก่อนจะวิ่งเข้ามากอดผมทั้งน้ำตา 
คำถามของลุงทำให้ร่างกายผมชาวาบไปหมด
“ละ…ลุงหมายความว่ายังไงครับ  แล้วพ่อ…พ่อผมล่ะ”
“ไอ้ปั้น  ทำใจดีๆไว้นะ  ไอ้ปืนพ่อเอ็ง…ตายแล้ว”
“!!!”
“หลังจากที่เรือของพวกเอ็งเจอพายุแล้วไม่กลับเข้าฝั่งมาอีกเลย  ข้าก็ระดมพวกชาวบ้านออกตามหาพวกเอ็งอยู่เป็นอาทิตย์แต่ก็ไม่เจอ  จนกระทั่งไปเจอเรือของพวกเอ็งกลายเป็นซากลอยไปติดเกาะอยู่นั่นแหละ  ทั้งเอ็ง  และพ่อเอ็ง  ข้าหาศพใครไม่เจอเลย  พวกชาวบ้านเลยลงความเห็นกันว่าเอ็งสองคนพ่อลูกคงถูกคลื่นซัดจมหายไปแล้ว” 
“ไม่…ไม่จริงใช่ไหมลุง!  ไม่จริงใช่ไหม!  ก็คืนนั้น…คืนนั้นผมช่วยพ่อไว้ได้  พ่อผมปลอดภัยอยู่บนเรือก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายตกเรือไปเอง  แล้วทำไม…ทำไม!”
“ถ้าเป็นอย่างทีเอ็งเล่า  ข้าคิดว่าไอ้ปืนมันคงกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเอ็งนั่นแหละ  แต่คงพลาดท่าจนถูกทะเลเอาชีวิตไป”
ตุ้บ…!
ผมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง  น้ำตาไหลพรากออกมา   ในหัวมีแต่ภาพของพ่อที่มักยิ้มให้ผมอย่างใจดีเสมอ  ภาพของพ่อที่ทำงานหนักมาตลอดเพ่อส่งเสียให้ผมเรียน  พ่อ…ที่คอยทำทุกๆอย่างให้  ทำหน้าที่ของแม่  เป็นทุกสิ่งสำหรับผม
“พ่อ…พ่อ…ฮือออ”
“ไอ้ปั้น…ร้องออกมาลูก  ร้องออกมา!”
ลุงกิ่งตบบ่าผมก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแน่น 
ไม่อยากจะเชื่อเลย  ทำไม…ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้  อย่างน้อยๆถ้าจะเอาชีวิตพ่อผมไปก็น่าจะให้ผมได้ร่างของพ่อกลับมาทำพิธีอย่างถูกต้องสิ  ไม่ใช่เอาพ่อผมไปทั้งหมดแบบนี้
ใจร้าย  สวรรค์ใจร้ายกับผมมากเกินไปแล้ว!
“เอ็งต้องอยู่ให้ได้นะไอ้ปั้น  อย่าทำให้พ่อเอ็งต้องเป็นห่วงเด็ดขาด  ไอ้ปนมันลำบากมามาก  อย่างน้อยก็ให้มันจากไปอย่างหมดห่วงเถอะนะ”
คำพูดของลุงกิ่งผมเข้าใจดีทุกอย่าง
ผมไม่อยากร้องไห้  และผมรู้ว่าตัวเองควรเข้มแข็งเพื่อไม่ให้พ่อจากไปอย่างเป็นกังวล  แต่ไม่ว่ายังไง…การถูกพรากจากกันของเราสองพ่อลูกครั้งนี้มันก็เร็วเกินไปจนผมตั้งรับไม่ทัน  ผมไม่สามารถโกหกไดเว่าตัวเองไม่เป็นไร
พ่อ…พ่อครับ
พ่ออยู่ที่ไหน  ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าพ่อจะจากผมไปแล้ว
ไม่อยากเชื่อ…

กว่าจะสงบจิตสงบใจให้หายคลั่งได้ก็กินเวลาพอสมควร  ผมรีบไปซื้อไข่ไก่มาหนึ่งฟองแล้วขอตัวกลับมาที่บ้านก่อนเพราพวกชาวบ้านเอาแต่รุมสัมภาษณ์ผมว่าหายไปไหนมาตั้งหนึ่งอาทิตย์  ถึงจะช็อกกับการจากไปของพ่อ  แต่ผมก็ยังไม่ลืมสิ่งสำคัญที่ผมได้รับมอบหมายมา  นั่นก็คือ…
ต้องคอยดูแลเจ้าชาย
ลุงกิ่งบอกว่าลุงกิ่งได้จัดงานศพของพ่อและผมขึ้นมาถึงแม้ว่าจะไม่มีศพก็ตาม  และก็มีป้ายและโกศของผมกับพ่ออยู่ในวัด  ตั้งใจว่าพ่อให้อาหารเจ้าชายเสร็จก็จะไปกราบที่โกศของพ่อเหมือนกัน  เพราะถ้าเมื่อกี้ผมเลยไปที่วัดเลยระยะห่างระหว่างผมกับเจ้าชายคงเกินสองร้อยเมตรแน่ๆ  เพราะแบบนี้ไม่ว่าจะอยากไปไหนตามลำพังก็ตาม  ผมก็ไม่สามารถทำได้  ต้องวกกลับมาเอาไอ้เจ้าชายบ้าติดสอยไปด้วยทุกที่
“ข้าวสุกพอดีเลยแฮะ”
ผมยกข้าวที่หุงใส่ในหม้อปกติลงมา  แล้วเอากระทะขึ้นไปวางแทน  หยอดน้ำมันลงไปเล็กน้อยพอให้ไข่ไม่ติดกระทะก่อนจะตอกไข่ลงไปเพื่อทอดไข่ดาว
การกระทำขอตัวเองตอกย้ำให้ผมยิ่งคิดถึงพ่อมากขึ้นไปอีก  ภาพที่พ่อคอยหุงข้าวทำกับข้าวให้กิน  ภาพที่พ่อเสียสละข้าวมือสุดท้ายให้ผมกินโดยที่ตัวเองยอมอดเสมอ  ทุกอย่างมันชัดอยู่ในความทรงจำ  แต่ว่า…พ่อผมก็ไม่อยู่แล้ว
ไม่มีอีกแล้ว…
ผมไม่มีพ่ออีกต่อไปแล้ว
“ฮึก…พ่อครับ…”
น้ำตาไหลออกมาอีกรอบ  เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเมื่อร้องไห้ในบ้านของตัวเองแล้วคงไม่มีใครเห็น  ผมเสียใจ  ผมเจ็บปวด  ผมทรมานจนไม่รู้ว่าจะบรรยายมันออกมายังไงดี
คิดถึงพ่อ  อยากเจอ  อยากกอด อยากขอกำลังใจให้ผมก้าวเดินต่อไป
พ่อ…พ่อครับ
กลับมาผมเถอะ
“พ่อ…   ฮือ…”
หมับ…
ไม่มีคำพูดหรอคำถามใดๆหลุดออกจากปากผู้มาเยือน  กลิ่นน้ำทะเลอันเป็นกลิ่นประจำตัวของเจ้าชายลอยมาแตะจมูก  เขาสวมกอดผมจากด้านหลัง  วงแขนประคองใบหน้าผมเอาไว้ก่อนจะก้มลงมาใกล้จนใบหน้าแนบชิดกัน
“ไคโอ…”
“…”
“พ่อของผม…”
“…”
“พ่อไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว”
“…”
“ผมจะไม่ได้เจอพ่ออีกแล้ว  ฮือ…”
ยกมือขึ้นจับท่อนแขนล่ำของอีกฝ่ายแล้วทิ้งตัวเอนซบเขาอย่างหมดแรง  อ้อมกอดของไคโอรัดแน่นขึ้น  ทว่าผมกลับไม่รู้สึกเจ็บหรืออึดอัด  กลับกัน…มันทำให้ผมผ่อนคลายราวกับว่าอ้อมกอดนี้ผมสามารถพึ่งพิงมันได้   ไม่ไหวแล้ว…
ไม่ไหวแล้วจริงๆ
หมับ!
หันกลับไปกอดร่างสูงจนอีกฝ่ายหงายหลังตึงนอนราบไปกับพื้น  แต่ผมก็ยังคงซึกใบหน้าลงกับแผงอกกว้างที่แสนอบอุ่นนั้นอย่างโหยหา
แม้จะไม่มีคำพูดใดๆปลอบโยน  ไม่มีคำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยใดๆ
แต่อ้อมกอดของเขา…
อ้อมกอดของไคโอทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  ราวกับว่าผมกลับไปเป็นเด็กๆและมองเห็นเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้
“ไคโอ…”
“…”
“อย่าทิ้งผมไปนะครับ”
“…”
“ผมไม่เหลือใครแล้ว  คุณอย่าทิ้งผมไปอีกคนนะ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดออกไปแบบนั้น  แต่เวลานี้…ผมไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว  คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ให้ไคโอต้องลี้ภัยตามมาอยู่กับผม  แล้วผมต้องกลับมาเจอกับความจริงที่ว่าพ่อได้จากผมไปแล้วคนเดียว  ผมจะมีสภาพเป็นยังไง
จิตใจของผมจะรับความเจ็บปวดเหล่านี้ไหวไหม?
ไคโอ…ไคโอ…
อยู่กับผม…ตลอดไปนะครับ

ฉ่า!!!
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเขียวยางถึงกลางหลังเทน้ำใส่กระทะที่มีไข่ดาวสีดำปี๋อยู่ในนั้น  กระทะที่ถูกตั้งไฟไว้นานจนไหม้ถูกจัดการเรียบร้อย  ไคโอค่อยๆอุ้มปูนปั้นไปนอนบนเสื่อที่มีหมอนและผ้าห่มวางอยู่ก่อนจะจัดการห่มผ้าให้  ทว่าเขาไม่รู้วิธีการกางมุ้ง  และในบ้านก็มียุงบินอยู่จำนวนไม่น้อย  สิ่งที่เขาพอจะทำได้ตอนนี้ก็คือ…
พรึ่บ! พรึ่บ!  พรึ่บ!
ไคโอเอาผ้าที่วางอยู่แถวนั้นมาปัดไล่ยุงให้ปูนปั้นที่ร้องไห้จนอ่อนเพลียและหลับไป  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในจิตใจแต่ไม่สามารถพูดมันออกมาได้
“ปูนปั้น…”
“…”
“เสียงร้องไห้ของเจ้า  กรีดหัวใจข้าเหลือเกิน”
พึมพำเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่ยังติดอยู่ตรงหางตาของร่างเล็กทิ้ง  คำขอโทษและความเสียใจส่งผ่านแววตาของเขา  ทว่า…คนที่ยังหลับใหลไม่อาจรับรู้ได้
“ข้าขอโทษ   ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“…”
“แต่ข้าก็บอกเจ้าไม่ได้  ข้ามันเห็นแก่ตัวใช่ไหม”
“…”
“ทั้งที่เจ้าเจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้  แต่ข้าก็ยัง…”
ไคโอหลับแต่แน่น  มือกำเป็นหมัดจนเส้นเลือดปูด  ความอัดอั้นภายในใจใกล้ถึงขีดจำกัดที่จะปะทุออกมาเต็มทน

‘ขอร้องล่ะ…สวรรค์  ช่วยข้าจบเรื่องทั้งหมดโดยเร็วด้วย’

ก่อนที่ดวงใจของเขา…ปูนปั้น…
จะต้องเสียใจไปมากกว่านี้

“พ่อ…พ่อ…พ่อ!!!”
ผมสะดุ้งสุดตัว  ผงะตัวลุกขึ้นในสภาพเหงื่อท่วมตัว  ลมหายใจหอบถี่และหัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว
ฝัน…
ผมฝันเห็นภาพพ่อกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในทะเลที่คลื่นโหมกระหนำชักนำร่างของพ่อให้จมลงสู่ใต้ทะเลลึก  ก่อนที่พ่อของผมจะค่อยๆหมดลมและถูกคลื่นกลืนหายไป…
“ฝันบ้าอะไรวะ”
สบถกับตัวเองก่อนจะใช้มือนวดที่ขมับเพื่อคลายความปวดหนึบในหัว
หลังจากที่อาการเริ่มดีขึ้น  ผมก็เริ่มจำอะไรขึ้นมาได้เลือนรางว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น  รู้สึกว่าตอนที่กำลังทอดไข่ดาวให้เจ้าชาย  ผมจะถูกความอ่อนโยนอันแสนสยดสยองของหมอนั่นครอบงำจนเผลอปล่อยตัวกอดกับมันอยู่นานสองนาน  และ…
ก็จำอะไรไม่ได้อีก
เมื่อนึกทุกอย่างขึ้นมาได้  ผมก็รีบก้มลงไปมองข้างตัวแล้วก็เจอกับคนที่เพิ่งนึกถึงไปเมื่อครู่นอนหลับสนิทอยู่  ก่อนจะสำนึกได้ว่าที่ต้นขามันหนักๆชอบกล
ขวับ!
“เฮ้ยยยย!”
ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อสิ่งที่สายตาเห็นตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องจรรโลงใจนัก!
ทะ…ทะ…ทะ…ทำไมผมกับไอ้เจ้าชายถึงนอนเปลือยด้วยกันทั้งคู่ฟะ!!!
แถม…แถมไอ้เจ้าชายยัง…เอาขนกอดพาดทับจุดอันตรายของผมไปพอดีอีก!!!
เมื่อคืนนี้มึงทำอะไรกับกูไปเนี่ยยย  ไอ้เงือกชีกอ  อ๊ากกกก!

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
ดราม่าเบาๆสำหรับตอนนี้  แต่มิวายแฝงความฟินและทิ้งปมไว้อีกแล้ว 5555  ดูท่าเจ้าชายไข่โตของเราจะมีบางอย่างปิดบังเอาไว้จริงๆด้วย  แต่มันคืออะไรกันนะ?  นอกจากจะสงสารเจ้าชายที่ต้องอาบน้ำในโอ่งมือสองและกินข้าวกับไข่ดาวไหม้ๆแล้ว  ยังต้องมาคอยลุ้นกันอีกว่าความลับที่เจ้าชายปิดบังเอาไว้  จะกลายมาเป็นจุดแตกหักของเจ้าชายกับน้องปูนปั้นหรือเปล่า???  อยากรู้ต้อฃติดตามอ่านกันต่อไปน้า จุ๊บๆๆๆ
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์ 
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไคโอปิดบังอะไรไว้นะ

ปล. คนเขียนจะลงจนจบไหมคะ หรือจะลงเว็ปแค่บางส่วน

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอบจ้า

ลงจนจบนะคะ  สำหรับที่เปิดพรีฯในส่วนของรูปเล่มนั้นจะมีตอนพิเศษเพิ่มเข้าไปค่า  แต่เนื้อหาหลักจะลงจนจบจ้าาา

 :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังไง เกิดอะไร ค้างงงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 7
พาเจ้าชายสู่โลกกว้าง

“เฮ้!  นี่เจ้า  เอ่อ…นายจะโกรธฉันไปถึงไหนเนี่ย  ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไรเกินเลยจริงๆ  ฉันแค่เห็นเสื้อผ้านายมันชุ่มเหงื่อก็เลยถอดให้เท่านั้นเอง”
ไอ้เจ้าชายยังคงกระเง้ากระงอดไม่เลิกหลังจากที่เมื่อเช้าถูกผมต่อว่าและโวยวายใส่ไปอย่างหนักที่บังอาจมาทำเรื่องบัดสีแบบนั้นในบ้านของผม  หน้าต่างห้องกับประตูบ้านก็ไมได้ปิดเหอะ  เกิดมีชาวบ้านแถวนี้แวะมาหาแล้วมาเจอภาพนั้นเข้ามันจะเกิดอะไรขึ้น!
มีหวังได้เอาโอ่งมือสองมาครอบหัวเดินกันแน่ๆ
“คุณรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะครับ  โกศพ่อผมไมได้อยู่ห่างเกินสองร้อยเมตร  ไม่ต้องตามเข้าไปก็ได้”
“แต่ฉันอยากไปกับนาย”
“ไม่ต้องครับ”
ยืนยันอีกครั้งก่อนจะเดินทิ้งห่างออกมา
ผมมาที่วัดหลังหมู่บ้านเพื่อมากราบโกศของพ่อ  เป็นอย่างที่ลุงกิ่งพูดจริงๆ  ที่ข้างโกศพ่อมีโกศของผมอยู่ด้วย  ดูเหมือนทุกคนจะคิดว่าเราสองพ่อลูกตายไปแล้วทั้งนั้น
นั่นสินะ   ทำไมผมถึงไม่ตายล่ะ  ถ้าผมตายไปด้วยอีกคนก็คงจะดี  อย่างน้อยพ่อก็จะได้ไม่ต้องจากไปคนเดียว
“ว้าว…อะไรกันเนี่ย  มีนายอยู่ข้างในนั้นด้วย!”
ขนาดบอกไม่ให้ตามเข้ามามึงก็ตามมาจนได้นะ!
ผมถอยหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  มองไอ้เจ้าชายที่ยืนลูบคลำรูปของผมที่ติดอยู่ตรงโกศด้วยความใคร่รู้  จะว่าไป  เขายังไม่รู้จักอะไรหลายๆอย่างในโลกของผมนี่นา  แค่รูปถ่ายก็คงจะไม่รู้จักด้วย
“นั่นเรียกว่ารูปถ่ายครับ  บนโลกของผมจะมีอุปกรณ์หนึ่งที่จะใช้ถ่ายรูปออกมาได้  ซึ่งเรามีรูปถ่ายพวกนี้เอาไว้ก็เพื่อเป็นความทรงจำของช่วงเวลานั้นๆที่เราได้ถ่ายรูปเอาไว้  อย่างน้อยมันจะไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่ผ่านเลยไป  แต่เรายังมีรูปถ่ายได้เก็บไว้เป็นความทรงจำน่ะครับ”
“จริงเหรอ! ฉันอยากถ่ายรูป  อยากถ่ายรูปกับนาย”
“เสียใจนะครับ  บ้านผมจนมากอย่างที่เห็น  พวกเราไม่มีกล้องหรอก”
ถ้าหวังจะพึ่งกล้องจากมือถือล่ะก็ขอบอกเลยว่าโทรศัพท์ของผมทำได้แค่โทรเข้าโทรออกกับรับส่งข้อความเท่านั้น
รุ่นเก่ากึกมากบอกเลย!  เป็นของตกทอดจากพ่อสมัยหนุ่มๆล่ะ
“งะ…งั้นเหรอ”
เจ้าชายก้มหน้าจ๋อยสนิท  พลางหันไปลูบรูปผมด้วยใบหน้าเสียดายแบบไม่ปิดบัง
ให้ตายสิ!  ลำบากอีกจนได้!
“อันที่จริง  ถึงผมจะไม่มีกล้อง  แต่ผมก็รู้จักคนๆหนึ่งที่มีกล้องนะ  น่าจะขอให้เขาถ่ายรูปให้พวกเราได้”
“จริงเหรอ  งั้นพาฉันไปหน่อยสิ  พวกเราจะได้ถ่ายรูปคู่กัน  นะๆๆๆ”
“แต่…”
ผมไม่ค่อยถูกกับตาลุงนั่นสักเท่าไหร่เลยแฮะ!  เขาอายุสามสิบสอง  เป็นลูกชายของลุงกิ่ง  เปิดร้านถ่ายรูปเล็กๆอยู่ที่หน้าหาด  เพียงแต่…
ไอ้บ้านั่นกับผมมีอดีตที่ไม่ค่อยจะดีต่อกันเท่าไหร่นัก!
“นะๆๆ  ไปเถอะ  ฉันอยากถ่ายรูป”
เจ้าชายทำตาวิ้งๆเป็นประกายออดอ้อน  น่าแปลกที่มันทำให้หัวใจผมเต้นแรงและรู้สึกว่ากูไม่สามารถปฏิเสธคำขอของมันได้
อ๊ากกกกก!  เป็นอะไรไปแล้ววะไอ้ปูนปั้น!  แค่อ้อมกอดเมื่อวานนี้เท่านั้น  มึงถึงกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปเลยเรอะ!
“กะ…ก็ได้  งั้นขอผมไหว้พ่อแป๊บหนึ่งแล้วกันนะ”
สุดท้ายก็ต้องยอม…
ผมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของเจ้าชายมีรอยยิ้มแห่งความสุขประดับขึ้นมา  ตั้งแต่ที่ตัดสินใจให้เจ้าชายลี้ภัยตามมาด้วย  ผมก็คิดตลอดว่าลำพังผมจะทำให้เจ้าชายมีความสุขได้ไหม  เขาต้องจากชีวิตที่เคยหรูหราในวังมาอยู่ในบ้านที่เรียกได้ว่ายากจนเกินจะบรรยาย  ก็เลยกลุ้มใจว่าเขาจะทนอยู่ได้หรือเปล่า  แต่ว่า…พอไดมาเห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขจากรเองเล็กๆอย่างจะได้ถ่ายรูปของเขาแล้ว ผมก็…
ดีใจ…
ถ้าสามารถทำให้ยิ้มออกมาได้บ่อยๆแบบนี้ก็คงดีน่ะสิ
ผมยกมือขึ้นไหว้พ่อ  มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะคุยและขอคำปรึกษา  ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าจากนี้ไปควรจะทำยังไงกับชีวิตดีก็เถอะ  แต่อย่างน้อย…ช่วงเวลานี้  ในตอนนี้  ผมมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่คือการดูแลและปกป้องเจ้าชาย  ไม่อยากเชื่อเลยว่าหน้าที่นี้จะกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวผมเอาไว้ได้  มาคิดๆดู  ถ้าผมไม่ได้พาเจ้าชายมาด้วย  ป่านนี้ผมอาจจะตายตามพ่อไปแล้วก็ได้
ก็ผมน่ะ…
ไม่ได้มีจิตใจที่เข้มแข็งอะไรเลย
ผมก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง  ที่ทั้งชีวิตมีแต่พ่อเป็นที่พึ่ง  แต่เมื่อวันที่ไม่มีพ่ออีกต่อไปมาถึง  ผมก็ไม่รู้เลยว่าควรจะดำเนินชีวิตของตัวเองไปในทิศทางไหน  และอยู่เพื่อใคร?
แต่ตอนนี้…
ผมรู้แล้ว
ผมรู้ว่าตัวเองจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร  กับเจ้าชายชีกอที่ดูเหมือนเด็กอนุบาลเวลาอยู่ในโลกมนุษย์คนนี้น่ะ… ถ้าไม่มีผม  เขาก็คงอยู่ไม่ได้
หมับ…
“อ๊ะ!”
ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆคนข้างตัวก็ยกมือขึ้นปิดตาผมเอาไว้
ทำอะไรของมันฟะเนี่ย!
“มะ…มองนานไปแล้วนะ  จ้องฉันขนาดนั้นคิดจะอ่อยกันหรือไง”
“ผมปะ…!”
“เดี๋ยวก็กินเสียจริงๆเลยนี่”
รับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เหมือนโลกทั้งใบจะหยุดหมุนกันไปเลยทีเดียว  ผมนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ  ในใจภาวนาขออย่าให้เขาเอามือที่ปิดตาผมอยู่ตอนนี้ออกเลย  ไม่งั้น…
เราคงได้สบตากันตรงๆแน่
“เจ้าน่ะ…”
“…”
“อย่าร้องไห้อีกเลยนะ  ข้าทำอะไรไม่ถูกจริงๆตอนที่เห็นน้ำตาของเจ้า”
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน  ที่เขาเอาแต่เงียบ  ไม่มีคำพูดใดๆปลอบผมนอกจากกอดผมเอาไว้อย่างนั้นเป็นเพราะ…
เขาทำอะไรไม่ถูกล่ะสินะ
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ  จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้วล่ะครับ”
“ว่าง่ายแบบนี้ก็ลำบากข้าแย่น่ะสิ”
“ลำบากยังไง?”
“มันทำให้ข้าอยากเข้าหอกับเจ้าเร็วๆไงล่ะ  พิธีอภิเษกของเรายังไม่สมบูรณ์ก็เพราะยังไม่ได้เข้าหอนี่แหละ”
พลั่ก!!!
“ในหัวคุณคิดแต่เรื่องแบบนี้หรือไงเนี่ย!”
ผมยกเท้าถีบไอ้เจ้าชายจนหงายหลังล้มตึงแล้วรีบลุกขึ้นถอยหลังทิ้งระยะห่างจากมัน
เห็นว่าดูไร้เดียงสาเมื่ออยู่บนโลกมนุษย์  แต่ที่ไหน…นิสัยยังชีกอเหมือนเดิม!  สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่าไม่ควรไว้ใจผู้ชายหน้าซื่อตาใสอย่างหมอนี่
“เจ้าจะรีบไปไหนน่ะ  รอข้าด้วยสิ  เดี๋ยวห่างกันเกินสองร้อยเมตรขึ้นมาก็ได้ตายหรอก!”
คำเตือนของเจ้าชายทำผมชะงัก  รีบลดกำลังความเร็วที่ฝีเท้าลงอย่างฉับพลัน
บ้าเอ๊ย!  แบบนี้เกิดวันดีคืนดีทะเลาะกันจนไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆ  ผมก็ไม่มีวันไปไหนได้น่ะสิ  ลองคิดภาพตามนะ  ทะเลาะกัน งอนกันเกือบตาย แต่ก็ยังต้องมานั่งทนมองหน้ากันอยู่น่ะ  มันจะอึดอัดแค่ไหน!
“ต้องแบบนี้สิ  เดินข้างๆกันอุ่นใจกว่าเยอะ”
“นี่คุณ!”
ผมรั้งเขาไว้  เพราะอีกฝ่ายเอานิ้วก้อยของตัวเองมาคล้องกับนิ้วก้อยของผม  ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้  โตป่านนี้แล้วใครเขาจะมาเดินเกี่ยวก้อยกันฟะ!
“ปูนปั้น”
ตู่ๆก็เรียกชื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ผมต้องเป็นฝ่ายหยุดพูดไปเสียเอง  ทั้งที่เมื่อกี้ตั้งใจจะโวยวายเรื่องเกี่ยวก้อยเสียหน่อย
“ครับ?”
“ทำไม…คนอื่นๆต้องมองข้าด้วยสายตาแปลกๆด้วยล่ะ  ข้ามีอะไรแปลกงั้นเหรอ?”
ว่าพลางก้มลงมองสภาพของตัวเองตอนนี้ด้วยใบหน้าฉงน
ส่วนผมถึงกับปิดปากขำพรืด  ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้เจ้าชายอยู่ในสภาพไหน  ฮ่าๆๆๆๆ
“เจ้าหัวเราะอะไรน่ะ  มีอะไรน่าขันนักหรือไง”
“ปะ…เปล่าหรอกครับ  ก็แค่…อุ๊บ!”
โอ๊ยยย!  แค่จะอธิบายยังพูดไม่ออกเลยได้แค่ยืนขำอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้เจ้าชายไข่โตผู้หล่อเหลาแห่งดินแดนเงือกตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กไม่เต็มเต็ง  เพราะชุดที่เขาใส่มาจากวังไม่สามารถใช้ได้ในโลกนี้  ผมเลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา  โดยให้เขาใส่เสื้อผ้าของผมก่อน  แต่หมอนี่ก็ดันตัวใหญ่ล่ำกว่าผมตั้งไม่รู้เท่าไหร่  กางเกงเทียมเข่าที่ผมใส่เป็นประจำกลายเป็นขาสั้นเมื่อเขาใส่  และเสื้อที่เวลาผมใส่จะยาวปิดตูดก็กลาเยป็นเสื้อเอวลอยสำหรับเขา!
บอกได้คำเดียวว่าเจ้าชายในตอนนี้น่ะ…
ทุเรศลูกตาคนมองมาก…
“โทษทีๆ  ผมว่าตอนนี้ผมคงต้องพาคุณไปหาเสื้อผ้าที่พอดีกว่านี้ใส่แล้วล่ะ”
ท่าทางเจ้าชายจะตัวใกล้ๆกับตาลุงนั่นแฮะ  ยังไงก็ต้องแวะไปที่นั่นอยู่แล้ว  ไปขอเสื้อผ้ามาสักสองสามชุดด้วยเลยดีกว่า
“เจ้าหมายความว่ายังไง  เสือ้ผ้าที่ข้าใส่อยู่ตอนนี้ไม่ดีเหรอ”
“มันจะไปดีได้ยังไงกันเล่า”
“แต่มันเป็นเสื้อผ้าของเจ้า…”
“เพราะเป็นของผมนี่แหละถึงได้ไม่ดี  เอาล่ะ  ผมกำลังจะพาคุณไปพบมนุษย์คนอื่นนอกจากผม  เพราะฉะนั้น…เลิกใช้คำว่าข้ากับเจ้าได้แล้วนะครับ  ถ้ามีคนจับได้ว่าคุณไม่ใช่มนุษย์ล่ะก็…คุณถูกจับไปออกงานวัดแน่!”
“งานวัดคืออะไร?”
ถามกลับหน้าซื่อ
เอาเถอะ   ถ้าต้องมาตอบคำถามกันทุกข้อผมคงบ้าตายแน่ๆ  ค่อยๆให้ได้สัมผัสและเรียนรู้ไปเงอทีละนิดดีกว่า ผมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะลี้ภัยอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน  ไม่แน่ว่าตอนนี้องค์ราชาอาจจะกำลังกวาดล้างกบฏอยู่ก็เป็นได้  วันนี้พรุ่งนี้เจ้าชายอาจจะได้กลับดินแดนเงือก…
กลับ…
งั้นเหรอ…
เท่ากับว่าผมก็จะต้องอยู่คนเดียวงั้นสิ  แบบนั้น…ไม่เอาหรอกนะ
หมับ…
“หืม?”
“จะ…จับแบบนี้ดีกว่านะครับ”
ผมตอบอ้อมแอ้มไม่มองหน้าเจ้าชาย  ขณะที่เจ้าชายเองก็ค่อยๆสอดนิ้วมือเข้ามาประสานกับนิ้วมือของผมจนแนบแน่น…
ตะ…ตอนแรกผมแค่จะจับมือเขาฝ่ายเดียวเท่านั้นเองนะ  ไม่ได้คิดว่า…
“มือของเจ้านี่…ทำให้ข้าคิดถึงวันนั้นเลยแฮะ”
“วันไหน?!”
“ก็วันที่เจ้า…”
เจ้าชายพูดค้างไว้พลางก้มมองน้องชายขนาดยักษ์ของตัวเอง
ตู้มมม!
รู้สึกเหมือนมีระเบิดในร่างกายถูกปลดชนวน…
“เรื่องแบบนั้นน่ะ…ลืมมันไปได้แล้วไอ้เจ้าชายบ้า!”

แถ่ดๆ!  แถ่ดๆ!
เสียงเครื่องยนต์ที่ฟังดูทรมานมากๆดังระงมไปทั้งหมู่บ้าน  หลังจากผ่านมาร่วมครึ่งชั่วโมงที่ผมพยายามจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพของที่บ้านเพื่อใช้เป็นยานพาหนะขับไปไหนมาไหน  แต่ดูท่าว่าเพราะไม่ได้ใช้งานมาหลายวัน  มันก็เลยไม่ยอมติดสักที
ให้ตายสิ  ถ้าต้องเดินเท้าไปบ้านตาลุงนั่นมีหวังขาหลุดก่อนแน่ๆ
“เจ้า  เอ่อ  นายทำอะไรเหรอปูนปั้น”
“สตาร์ทมอเตอร์ไซค์น่ะครับ”
“มอเตอร์ไซค์?”
“มันคือยานพาหนะที่จะช่วยให้เราไปไหนมาไหนได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้แรงของตัวเองมากนักน่ะครับ”
“แต่ที่นายทำอยู่ฉันคิดว่ามันใช้แรงไปเยอะมากเลยนะ…”
“กรณีนี้เป็นข้อยกเว้นน่ะครับ”
เพราะรถคันนี้เก่ามาก  อยู่มาตั้งแต่สมัยพ่อเพิ่งจะจีบแม่ใหม่ๆ  รอบคันเต็มไปด้วยสนิมที่ถึงผมกับพ่อจะดูแลอย่างดีแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยอะไร  ด้วยเราสองคนไม่มีเงินที่จะซื้อคันใหม่นั่นแหละนะ  ก็เลยต้องดูแลคันนี้เป็นอย่างดี
“ให้ฉันลองดูได้ไหม”
“ทำเป็นเหรอครับ”
“ฉันดูนายทำมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ  แค่เอาเท้าเหยียบเจ้านี้ลงไปแรงๆก็พอใช้ไหมล่ะ”
“ครับ”
ว่าแล้วก็หลีกทางให้เจ้าชายได้โชว์ออฟ  เขาจับมอเตอร์ไซค์เอาไว้แบบที่ผมจับเมื่อกี้เป๊ะๆ  ก่อนจะง้างเท้าแล้วกดลงไปเพื่อสตาร์ทเครื่อง
แถ่ดๆๆๆๆๆๆ!
อ่า…อนิจจังมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ  ช่วยติดหน่อยเถอะ  ขอร้องล่ะ!
“ว้าว  มอเตอร์ไซค์ของนายปลูกต้นไม้ได้ด้วยเหรอ”
เจ้าชายดึงบรรดาเห็ดและสาระแหน่มากมายที่บังอาจมางอกเงยอย่างงดงามบนมอเตอร์ไซค์ของผมขึ้นมาให้ดูอย่างตื่นเต้น
ของแบบนั้นช่วยทิ้งๆมันไปเหอะ!  น่าอายจะตายไป  ฮืออออ
บรืน!  บรืน!
“ติดแล้ว!”
เจ้าชายร้องบอกอย่างดีใจ  ส่วนผมนี่แทบทรุดร่วงไปกับพื้น  เป็นการสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เวลานานที่สุดในโลกเลยทีเดียว
“เศษเหล็กแบบนี้  เอาไปทุบทิ้งขายดีกว่ามั้ง  อ้อ  ลืมไป  อย่างมึงคงไม่มีเงินซื้อสินะ  ฮ่าๆๆๆๆๆ”
‘ไอ้จ้าว”  หัวโจกของกลุ่มวัยรุ่นปากหมาที่ชอบแขวะผมมาตลอดตั้งแต่เด็กเอ่ยขึ้น  พวกมันนั่งมองผมจากในศาลาเล็กๆสำหรับไว้นั่งพักผ่อนมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ
อุตส่าห์ทำเป็นมองไม่เห็นพวกมันแล้วเชียวนะ  ยังจะแขวะกันไม่เลิกอีก!
“คนพวกนั้นพูดอะไรน่ะ  ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจ  แต่จากน้ำเสียงและสีหน้าของพวกมันต้องไมได้พูดเรื่องดีๆแน่”
“ช่างมันเถอะครับ  เรารีบไปกันดีกว่า”
ผมดันตัวเจ้าชายไปที่ด้านหลังแล้วขึ้นคร่อมทำหน้าที่คนขับเอง  พวกมันมีกันตั้งเยอะ  ถ้าไปมีเรื่องด้วยก็มีแต่เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  อีกอย่าง  ผมจะให้เจ้าชายตกอยู่ในอันตรายไม่ได้  ถ้าองค์รัชทายาทเพียงคนเดียวของดินแดนเงือกต้องมาเจ็บตัวที่นี่…
ผมอาจจะถูกจับประหารชีวิตก็ได้นะ
“ขาดหัวเรือหลักอย่างพ่อมึงไปแล้วแบบนี้  ต่อไปมึงคงอดตายไม่ต่างจากหมาข้างถนน!”
คำดูถูกสุดท้ายถูกตะโกนไล่หลังมา  ผมกัดฟันแน่น  เจ็บใจที่ทำได้แค่ทนฟังพวกมันด่าทอและดูถูกด้วยถ้อยคำเหี้ยแสนเหี้ย
แต่คนอ่อนแอแบบผม
มันก็เป็นได้แค่คนอ่อนแอวันยันค่ำนั่นแหละ
“พวกมันพูดไม่ดีใช่ไหม  ฉันสัมผัสได้”
“ช่างมันเถอะครับ  คุณไม่ต้องสนใจหรอก”
“แต่…”
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ  ตราบใดที่ยังมีคุณอยู่ด้วยแบบนี้”
ตอบเสียงแผ่ว  ใช่แล้ว  ถึงพ่อจะไม่อยู่  แต่ผมก็ยังมีเจ้าชายจอมป่วนคนนี้อยู่เป็นเพื่อน  ยังมีเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับผม
ยังไงก็ไม่เป็นไรแน่นอน
“ว่าแต่…ฉันสงสัยมาพักหนึ่งแล้วล่ะ   มอเตอร์ไซค์นี่ยอดไปเลยนะ  พาฉันไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องออกแรงเดินเองให้เมื่อย”
“ใช่ไหมล่ะ”
“แต่…ฉันอยากให้ปลูกสาหร่ายทะเลด้วยได้ไหม”
“ปลูกสาหร่าย?”
“ทีเมื่อกี้ยังมีพืชอื่นๆงอกขึ้นมาได้เลย  แค่ปลูกสาหร่ายเพิ่มไปคงจะได้สินะ”
น้ำตาไหลพราก…
ไอ้เห็ดกับสาระแหน่เมื่อกี้กูไม่ได้เป็นคนปลูกโว้ยยย  มันงอกขึ้นมาเองโดยที่กูไม่ได้สั่งเหอะ!
มึงเห็นมอเตอร์ไซค์คู่ชีพของกูเป็นอะไรกันกันแน่ฮะ!
ผมไม่ตอบอะไรกลับไป  ขณะที่สองมือของเจ้าชายกอดเอวผมไว้แน่น  ไม่รู้ว่ากลัวตกหรือหาเรื่องลามกมาแต๊ะอั๋งกันแน่  แต่ตราบใดที่ไม่ได้เลื่อนลงต่ำกว่านั้นก็คงไม่เป็นไร
แถ่ดๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงเครื่องยนต์ยังคงดังต่อไป  พร้อมกับพืชผักสวนครัวนานาชนิดที่งอกออกมาซอกรถกำลังปลิวว่อนไปตามแรงลม…

เอี๊ยด!!!
ขนาดเสียงเบรกยังดังสนั่นอ่ะคิดดู
ผมเบรกรถที่หน้าร้านของตาลุงพอดี  เจ้าชายรีบกระโดดลงมองทุกอย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ  เพราะส่วนนี้เป็นชายหาดสำหรับให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวพักผ่อน  เลยค่อนข้างมีสิ่งดึงดูดเยอะ  ท่าทางผมจะต้องเหนื่อยนั่งอธิบายนู่นนี่นั่นอีกหลายอย่างแน่เลย
ตุ้บ….!
เสียงเหมือนมีของหล่นดังขึ้นที่ด้านข้าง  พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นตาลุงที่ผมเกลียดขี้หน้ามากที่สุดกำลังยกมือขึ้นปิดปากมองผมด้วยความตกใจ  รอบดวงตารื้นขึ้นด้วยน้ำใสๆ  ส่วนเสียงของตกก็คือถุงใส่ของบางอย่าง  ท่าทางคงเพิ่งกลับจากตลาดแน่ๆ
“ระ…รูปปั้น!  รูปปั้นจริงๆด้วย!”
ร่างสูงพุ่งเข้ามากอดผมด้วยความดีใจ  กระโปรงยาวพลิ้วไหวของเขาทำเอาแทบจะอ้วกออกมาด้วยความสยอง
“ปะ…ปล่อยนะเว้ย   ไอ้ตาลุงโรคจิตชอบแต่งหญิง!”
ใช่แล้ว…
อ่านไม่ผิดหรอกครับ
ตาลุงที่ผมพูดถึงเป็นผู้ชายก็จริง  แต่เขา…
…ชอบแต่งหญิง


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพอีกตอนแล้วน้า  ตอนนี้เปิดตัวอีกสองตัวละครแสนน่ารัก  รับประกันว่าจะเป็นคู่ที่ทุกคนอ่านแล้วต้องแอบเชียร์ให้ได้คู่กันแน่ๆ  นั่นก็คือ…จ้าวกับตาลุงโรคจิตค่า 5555+  บอกแบบไม่ต้องใบ้เลยว่าเป็นคู่รองและตาลุงชอบแต่งหญิงคนนี้เป็นรุกนะจ๊ะ =..=  ตอนนี้เปิดรับบริจาคเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เจ้าชายและน้องปูนปั้นใหม่ด้วยการสั่งจองนิยายนิยายนะคะ  ใครอยากช่วยทั้งสองคนคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเล้ยยยยย

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link



ภาพปกจ้า

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด