A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )  (อ่าน 23992 ครั้ง)

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 ชอบบุคคลิกของปูนปั้น น่ารัก
  ความจริงไม่มีเงินก็เอาเกร็ดของเจ้าชายไปขายสิน่าจะได้ราคาสูงเป็นหมื่นเป๋นแสนอะ 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทำไม ลุงมองปูนปั้นคน เป็นรูปปั้น   :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 8
เจ้าชายพิโรธ

‘ฮึก…ฮือ  แม่…แม่จ๋า’
เสียงร้องไห้เล็กๆดังมาพร้อมเสียงสะอื้นภายในงานศพที่ถูกจัดขึ้นเล็กๆมีแขกไม่กี่คน 
‘ก้าน’  เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีที่เพิ่งมาถึงงานเดินตรงไปยังที่มาของเสียง  ‘ปูนปั้น’ ที่ตอนนี้เพิ่งจะอายุได้เพียงห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้ด้วยความคิดถึงแม่ที่จากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคร้าย  เด็กน้อยนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในมุมมืด
‘รูปปั้น  เป็นอะไรเหรอ?’
‘พี่ก้าน  ฮือออออ’
ปูนปั้นหันมากอดเด็กหนุ่มทันที  สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้ม  ก้านลูบหลังเล็กๆนั่นอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน   ตัวเขาเองช่วยเลี้ยงปูนปั้นมาตั้งแต่เด็กน้อยเกิด  เสมือนว่าตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆ
‘ไม่ร้องนะรูปปั้น  อย่าร้องเลยนะ’
‘แม่ไม่อยู่แล้ว  พ่อบอกว่าแม่จะไม่มาหาปั้นแล้ว  ฮืออออ’
ก้านอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนตัก  ค่อยๆใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้ด้วยความรัก  เป็นเพราะปูนปั้นยังเด็ก  เลยยังไม่เข้าใจว่าการตายเป็นเช่นไร  ทำให้ยังไม่เข้าใจว่าที่แม่ของตัวเองไม่สามารถกลับมาหาได้อีกแล้วมันเป็นเพราะอะไร
‘ไม่ต้องห่วงนะ  ถึงแม่จะไม่มาหา  แต่รูปปั้นก็ยังมีพี่ก้านอยู่นะครับ’
‘แต่พี่ก้านไม่ใช่แม่ของปั้นนี่นา  พี่ก้านไม่มีหน่มน๊มใหญ่ๆด้วย’
เด็กน้อยว่าพลางบีบเข้าที่หน้าอกแบนราบของเขา
ก้านยิ้มแหยๆพลางคาดโทษพ่อของตัวเองไว้ในใจว่าคงสอนเรื่องแปลกๆให้ปูนปั้นอีกแล้ว
‘รูปปั้นอยากมีแม่ที่มีหน่มน๊มใหญ่ๆเหรอ’
‘ก็แม่ทุกต้องมีหน่มน๊มใหญ่ๆ  ใส่กระโปรงสวยๆ  ผมยาวๆ  ไม่ใช่เหรอครับ’
เด็กน้อยถามตาแป๋วทั้งที่ยังมีน้ำตารื้นอยู่รอบๆ  ก้านยิ้มหวาน  ก่อนจะดันปูนปั้นให้ซบลงกับอกกว้าง  เอนตัวไปมาราวกับต้องการจะกล่อมเด็กน้อยคนนี้ให้พนจากความเศร้าเสียใจ
‘เอาแบบนั้นก็ได้’
‘…’
‘พี่ก้านจะเป็นแม่ให้รูปปั้นเองนะ  นอกจากความสุขของรูปปั้น  พี่ก้านจะไม่คิดถึงอะไรอีก  ดีไหมครับ’
‘จะ…จริงเหรอครับ!  พี่ก้านเป็นแม่ให้ปั้นได้จริงๆเหรอ’
เด็กน้อยเงยหน้าถามตาวาว
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ  รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนใบหน้าของปูนปั้น   มันช่างเปรียบเหมือนสายน้ำเย็นมาชโลมหัวใจของเขาจริงๆ

“เมื่อวานตอนที่พ่อบอกว่ารูปปั้นยังไม่ได้  พี่ก้านดีใจมากเลยนะ  ตั้งใจว่าวันนี้จะทำอาหารแสนอร่อยไปให้อยู่พอดี  คิดไม่ถึงเลยว่ารูปปั้นจะคิดถึงพี่มากเสียจนต้องมาหาเองถึงที่แบบนี้”
ตาลุงโรคจิตจีบปากจีบคอพูดจนน่าหมั่นไส้
ทำไมกันนะ  ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะเป็นพี่ชายที่เท่แสนเท่  มีผู้หญิงตามจีบเยอะยิ่งกว่าแบคทีเรีย  แต่ไม่รู้ทำไม…  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่  จู่ๆพี่ชายที่ผมเคยรักและใฝ่ฝันอยากจะเดินตามรอยของเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!
พี่ก้านที่เคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียนและชุมชน  พี่ก้านที่สุดยอดของความหล่อและความเท่  พี่ก้านที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่เด็กๆ  ทว่า…
พอขึ้นมหาวิทยาลัย  จู่ๆพี่ก้านก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นฝ่าเท้า!  ลุกขึ้นมาแต่งหญิงและไว้ผมยาวทั้งที่เมื่อก่อนแค่เส้นผมระต้นคอหน่อยก็บอกว่ารำคาญแล้ว  แถมยังฝึกแต่งหน้าแล้วก็เอาอะไรไม่รู้ไปยัดไว้ที่หน้าอก  พอถามตรงๆว่าเป็นกะเทยไปแล้วเหรอก็กลับตอบมาว่า…

‘พี่ก้านเป็นแม่ต่างหากล่ะ’

แม่บ้าอะไรกันฟะ!
ไปเป็นแม่ของใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“ปล่อยๆๆ  อึดอัด!”
“แต่พี่ก้านคิดถึงนี่นา  ตอนที่คิดว่ารูปปั้นตายไปแล้ว  พี่ก้านแทบขาดใจเลยนะ   กจะโกนผมบวชตลอดชีวิตอยู่แล้วเชียว!”
“เว่อร์ไปละๆ”
“จริงๆนะ  กะจะให้รูปปั้นเกาะชายผ้าขาวขึ้นสวรรค์”
“มันต้องชายผ้าเหลืองไม่ใช่หรือไง!”
“แต่พี่ก้านเป็นแม่นี่  จะเป็นชายผ้าเหลืองได้ยังไงล่ะ”
“ทำไมต้องอายม้วนต้วนแบบนี้ด้วย”
ผมหรี่ตามองคนตัวสูงกว่าด้วยความละเหี่ยใจ  ท่าทางพี่ก้านคนเดิมของผมคงจะถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปแล้วจริงๆ
“ว่าแต่…พี่ก้านสังเกตมาสักพักหนึ่งแล้ว…”
ขวับ…
“ไอ้หมอนี่ใคร”
พี่ก้านถามคำถามพร้อมกับหันขวับไปทางเจ้าชาย  ซ้ำยังมองตาขวางอีกต่างหาก
เป็นแบบนี้เสมอแหละ  ถึงจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง  แต่ถ้าหากมีใครมารังแกหรือใครที่ดูแล้วไม่น่าไว้ใจมาเข้าใกล้ผม  พี่ก้านจะเปลี่ยนเป็นเข้าสู่โหมดดาร์คในทันที
“ข้า  เอ๊ย  ฉันเหรอ?”
“เอ่อ  นี่เพื่อนผมเอง   ชื่อไคโอ  เขาจะมาอยู่ด้วยสักพัก  แต่พอดีหมอนี่ดันลืมกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ทีไหนก็ไม่รู้  เลยไม่มีเสื้อผ้าใส่  พี่ก้านพอจะมีเสื้อผ้า…คือผมหมายถึงเสื้อผ้าเก่าๆสมัยที่พี่ยังไม่ได้แต่งตัวแบบนี้น่ะ  พอจะมีเหลือสักสองสามชุดไหมครับ”
“เสื้อผ้าเหรอ  พี่ก้านไม่แน่ใจหรอก  ถึงจะมีก็คงเล็กไปสำหรับเพื่อนรูปปั้นนะ”
จะว่ไปก็จริง
ถึงเจ้าชายจะขนาดตัวใกล้เคียงพี่ก้านในตอนนี้  แต่ว่าตอนนี้พี่ก้านไม่ได้แต่งตัวเป็นผู้ชายแล้วก็เลยมีแต่ชุดผู้หญิงเต็มบ้านไปหมด
เวรล่ะสิ  เอาไงดีล่ะ
“แต่ถ้าเป็นเสื้อผ้าของพ่อก็น่าจะพอใส่ได้นะ  พ่อพี่ก้านก็ตัวใกล้ๆกัน  ใส่ได้ไหมล่ะ”
“จริงด้วย  เสื้อผ้าลุงกิ่งน่าจะได้นี่นา”
ชักเห็นแสงแห่งความหวังขึ้นมานิดหนึ่งแล้วสิ
เจ้าชายกะพริบตาปริบๆมองผมสลับกับพี่ก้านไปมาด้วยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หมับ!
“เข้าไปรอในร้านดีกว่านะ  เดี๋ยวพี่ก้านจะทำของอร่อยๆให้กิน”
“ผมเดินเองได้น่า  ไม่ต้องจับหรอก”
“แต่ตอนเด็กๆก็จับแบบนี้ตลอดนี่นา”
“นั่นมันกี่ปีมาแล้วล่ะพี่  ผมโตแล้วนะ!”
“แต่…”
“ไม่ต้องมาแต่  ปล่อยเลยๆ”
ผมแงะมือกาวของพี่ก้านออกแล้วเดินนำลิ่วๆเข้าบ้านไป
ตราบใดที่ไม่ยอมเอาพี่ก้านแสนเท่คนเดิมกลับมา  ผมจะไม่มีทางสนิทสนมกับตาลุงโรคจิตนี่ไปมากกว่านี้แน่ๆ  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงยอมทิ้งตัวตนที่น่าใฝ่ฝันขนาดนั้นของตัวเองไป  แล้วไปคว้าตัวตนป้าที่ไหนก็ไม่รู้มา  อยากจะควักสมองออกมาผ่าดูจริงๆเลยโว้ยยยย!

คล้อยหลังปูนปั้นที่เดินเข้าไปในร้านแล้ว  เจ้าชายที่กำลังจะเดินตามเข้าไปก็ถูกก้านขวางเอาไว้  ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มอย่างใจดีตลอดเวลาเปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างน่ากลัว  เขาถลึงตามองเจ้าชายราวกับต้องการประกาศสงครามอะไรสักอย่าง
“นายเป็นใครกันแน่  ปกติรูปปั้นไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้านหรอก  เพราะหมอนั่นไม่อยากต้องเสียเงินซื้อข้าวสารเพิ่มหากเพื่อนมาค้าง”
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดหรอกนะ  แต่…ปูนปั้นบอกไว้ว่าห้ามพูดอะไรกับใครทั้งนั้น  ขอตัวล่ะ”
“อะไรนะ?  ฉันชักจะสงสัยจริงๆแล้วสิว่านายเป็นใครกันแน่”
“งั้นเหรอ”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม  ถ้าฉันเห็นว่านายไม่น่าไว้ใจและดูเหมือนจะมาทำให้ปูนปั้นเสียใจเมื่อไหร่  ฉันจะจัดการนาย”
“อันนี้ฉันเข้าใจ  เพราะงั้นขอตอบไว้เลยละกัน”
“…”
“นายไม่มีวันได้จัดการฉันหรอก”
“…”
“เพราะฉันไม่มีทางจะทำให้ปูนปั้นเสียใจ”
“…”
“นายต่างหาก  เลิกหวังเสียเถอะ  เพราะปูนปั้นเป็นของฉัน”
เจ้าชายเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะผลักอีกฝ่ายออกให้พ้นทางแล้วตามปูนปั้นเข้าไป  ก้านทำได้แค่มองตามหลังเขาไปด้วยความสงสัยว่าผู้ชายผมสีเขียวคนนี้เป็นใครกันแน่

“เสร็จแล้ว”
เจ้าชายที่หายไปในห้องน้ำนานสองนานเพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของลุงกิ่งเอ่ยขึ้น  เขาเดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ดูดีขึ้นกว่าตอนแรกจมเลย
“เป็นยังไง  ดูดีไหม”
“เยี่ยมครับ”
ผมชูนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วให้เขา  เจ้าชายขมวดคิ้วมุ่น  ก่อนจะค่อยๆยกนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วขึ้นเพื่อทำตามผม
“เยี่ยม…เหรอ?”
“ใช่แล้ว  เยี่ยมครับ”
ผมทำให้เจ้าชายดูอีกครั้ง  ค่อยๆสอนการเป็นมนุษย์ให้เขาไปทีละนิดๆคงจะพอฝึกกันได้  เพราไม่แน่ว่าหมอนี่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปอีกนานก็ได้
“มานั่งนี่สิครับ”
ผมเรียกให้เจ้าชายไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งของพี่ก้าน  ส่วนพี่ก้านตอนนี้ก็แปรงร่างเป็นแม่ครัวโชว์เสน่ห์ปลายจวักอยู่
เจ้าชายเดินตามมานั่งอย่างว่าง่าย
“จะทำอะไรเหรอ”
“มัดผมไงครับ   จะให้คุณปล่อยผมสีแปลกๆให้ยาวสะดุดตาชาวบ้านแบบนี้นานๆไม่ได้หรอก  อย่างน้อยก็ต้องมัดเอาไว้”
“ทำไมล่ะ  มันดูไม่ดีเหรอ”
“เปล่าหรอกครับ  เพียงแต่บนโลกของผมไม่มีใครมีสีผมแบบนี้กันหรอก  หนำซ้ำเส้นผมของคุณ  เวลาโดนแสงแดดจะส่องประกายระยิบระยับออกมาด้วย  มัดผมเอาไว้หน่อยจะดีกว่า  อย่างน้อยก็ทำให้ไม่เห็นชัดมากนัก  คนจะได้ไม่สังเกต”
อธิบายไปพลางมัดผมให้เจ้าชายไปพลาง
เส้นผมของเขานุ่มและสวยมากจริงๆ  ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผมของผู้ชาย  ขนาดพี่ก้านที่รักสวยรักงามสุดๆยังเทียบไม่ติดเลย  ทั้งที่ผมยาวเหมือนกันแท้ๆ  แต่รายนั้น…เส้นผมหยาบกร้านเหมือนชื่อไม่มีผิด  เคยจับครั้งหนึ่งนึกว่าเป็นไม้กวาด!
“หอมจัง”
พูดพลางก้มหน้าลงไปดมเส้นผมเจ้าชายเล็กน้อย
อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ามันหอมเพราะอะไร  ในตัวของเจ้าชายไม่ได้มีแค่กลิ่นน้ำทะเลเท่านั้น  แต่ยังมีกลิ่นอื่นๆที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและดึงดูดผมเหลือเกิน
“นี่เจ้า…”
“…”
“ไม่ระวังเสียเลยนะ!  มาดมข้าแบบนี้ได้ยังไง  คิดจะยั่วกันอีกแล้วเรอะ!”
“เปล่าสักหน่อย  ก็ผมคุณหอมจริงๆนี่นา”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่หยุด”
“ถ้าเจ้าไม่หยุด  ข้าจะกินเจ้าจริงๆด้วย”
เจ้าชายแหงนหน้าขึ้นมองผมที่ก้มลงไปพอดีด้วยสายตาจริงจัง  มือข้างหนึ่งของเขาจับแขนผมที่กำลังจะจับเส้นผมของเขาอยู่ไว้
จมูกที่กำลังจะซุกลงบนเส้นผมของเจ้าชายอีกครั้งถึงกับชะงักเลยทีเดียว  ผมรีบกลับไปยืนท่าเดิมแทบไม่ทัน  มะ…เหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเลย
พักหลังชักจะเอาใหญ่แล้วนะไอ้เงือกชีกอ!
“จ๊ะเอ๋~  กลับข้าวเสร็จแล้วจ้ารูปปั้น  หิวหรือยังเอ่ยยย”
พี่ก้านโผล่มาช่วยชีวิตได้พอดิบพอดี
ผมผละตัวออกห่างจากเจ้าชาย  ประจวบเหมาะกับมัดผมให้เขาเสร็จพอดีด้วย  แต่ดูเหมือนว่าผมจะออกแรงผละตัวมากไปนิด  ก็เลยกลายเป็นเหมือนกระโดดหนีจากเจ้าชายออกมาด้วยความตกใจ
“เอ่อ…มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า  ว่าแต่…ทำไมรูปปั้นหน้าแดงจังล่ะ  ไม่สบายหรือเปล่า!” 
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
สายตาของไอ้เจ้าชายเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ในหัว  มันดูจริงจังมากๆเสียจนผมอดระแวงไม่ได้ว่าถ้ากลับไปที่บ้านแล้วเขาจะลงมือปล้ำผมจริงๆหรือเปล่า
และที่คิดหนักกว่านั้นก็คือ…
คราวนี้ถ้าเขาปล้ำ  แล้วผมจะ…
ยอมไหม?
น่ากลัวว่าตัวเองจะยอมนี่แหละ  อ๊ากกกกกก  คิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ฟะเนี่ยยยย!
“ผมหิวแล้ว   ไปกินข้าวดีกว่านะ”
“ได้สิ  พี่ก้านเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว  ไปเถอะ”
พี่ก้านยิ้มหวานอย่างใจดีแบบที่ชอบทำ  ก่อนจะเดินโอบไหล่พาผมไปที่โต๊ะหน้าบ้าน  ซึ่งเป็นที่ที่พี่ก้านไว้ใช้กินข้าวเป็นประจำทุกวัน
ไม่ไหวแฮะ  พักหลังมานี้รู้สึกหัวใจจะเต้นแรงผิดปกติ  มักจะเป็นบ่อยๆเวลาอยู่กับไอ้เงือกชีกอนั่น  เป็นความรู้สึกที่เหมือนจะเคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว  นานจนผมเองก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยไปรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
แฟนก็ไม่เคย  ความรักก็ยังไม่เคยสัมผัส
แล้วจะไปเคยมีอากรใจเต้นแรงกับใครที่ไหนฟะ!
“เป็นไง   มีแต่ของโปรดรูปปั้นทั้งนั้นเลยน้า  ปลากะพงนึ่งมะนาว  ปลาทับทิมทบ  ฉู่ฉี่ปลา  ต้มยำปลา  แล้วก็น้ำพริกปลาทู”
กึก!
คำอธิบายเมนูอาหารต่างๆทำเอาเจ้าชายที่เพิ่งเดินตามมาถึงชะงัก  เขาเบิกตากว้างมองอาหารมากมายบนโต๊ะ  สีหน้าช็อกแบบสุดๆไปเลย
“นี่มัน…”
“เจ้า… เอ่อ  ไคโอ  คือว่า…”
“พวกพ้องของข้า…”
“เฮ้ย!”
“อุ๊บ!”
ผมพุ่งเข้าตะครุบพร้อมอุดปากเจ้าชายไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่เขาจะหลุดพูดอะไรออกมาอีก  พี่ก้านมองเราสองคนด้วยความสงสัย  หากแต่ผมไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลยสักอย่าง
“คือว่า…ขอบคุณมากนะครับพี่ก้านสำหรับอาหาร  แต่มื้อนี้คงต้องขอตัวจริงๆ”
“อ้าว  ทำไมล่ะ  พี่ก้านอุตส่าห์ทำสุดฝีมือเพื่อรูปปั้นเลยนะ”
“ไว้ผมจะอธิบายแล้วกันนะครับ  แต่ตอนนี้ขอบอกให้พี่รู้ไว้อย่างหนึ่งเลยว่าผมไม่ชอบกินปลาอีกแล้ว  ไม่สิ  อาหารทะลุทกอย่างเลย พี่ห้ามทำมาให้ผมเด็ดขาดนะ!”
“ฮะ?!  แต่นั่นมันเป็นของที่รูปปั้นโปรดปรานมาตั้งแต่เด็กๆเลยนะ”
“เอาเถอะน่า!  ตอนนี้ผมไม่ชอบแล้ว  ถ้าพี่จะทำให้มาให้ก็แค่เป็นพวก หมู ไก่ ไข่ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารทะเลก็แล้วกัน”
“พี่ก้านไม่เข้าใจ”
“ตามนี้แหละ!”
ผมตัดบท  เพราะไอ้เจ้าชายมันจะเริ่มจะดีดดิ้นอยากจะพุ่งเข้าหาพวกพ้องแทบขาดใจ  ผมรีบลากเขาออกมาก่อนที่ความจะแตกเรื่องที่เขาไม่ใช่มนุษย์
ต้องมาเห็นพวกพ้องของตัวเองนอนตายเหลื่อนอยู่ในจานอาหารของมนุษย์  เขาคงสะเทือนใจไม่น้อยเลยสินะ
ผมก็ลืมคิดไปสนิทเลยว่าพี่ก้านจะต้องทำของโปรดของผมมาให้แน่ๆ  และเนื้อปลาก็เป็นอาหารที่ผมชอบมากที่สุดเสียด้วย 
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ  ข้าจะไปจัดการมัน  มันบังอาจฆ่าพวกพ้องของข้ามากมายเช่นนั้น!”
ทันทีที่ถูกปล่อยให้ปากเป็นอิสระ  เจ้าชายตัวดีก็โวยวายลั่นด้วยสีหน้าโกรธจัดสุดๆ  ฉิบหายล่ะสิ  ถ้าเกิดมาพิโรธแล้วปล่อยพลังทำลายล้างโลกขึ้นมาจะทำไงกันวะเนี่ย
ไอ้เจ้าชายบ้านี่จะมีพลังเหมือนองค์ราชาหรือเปล่าก็ไม่รู้!
ครืน…ครืน…
ความคิดยังไม่ทันไปถึงไหน  ท้องฟ้าที่เคยสดใสก็กลับมืดครึ้มพร้อมกับเสียงคำรามอันดังลั่น  ลมกรรโชกพัดมาจากในทะเลจนผมต้องรีบหันไปมองคนข้างตัว
“เฮ้ยยยย!”
ดูท่างานฉิบหายจะมาแล้วจริงๆ  อ๊ากกกกก!


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วเน้ออ  วันนี้อัพดึกไปนิดเพราะเริ่มทำงานค่ะ  แง้ๆๆ TOT  จากนี้จะอัพวันเว้นวันแล้วน้า สลับกับอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องอัพเช่นกันค่ะ  ตอนนี้มาเอาใขช่วยปูนปั้นกันเถอะว่าตะหยุดความพิโรธของเจ้าชายได้หรือไม่  ต้องมาเห็นพวกพ้องของตัวเองนอนตายเรียงกันอย่างสวยงามขนาดนั้นคงจะโกรธไม่น้อยเชียวล่ะ  แต่ว่า…แต่งไปก็หลงรักพี่ก้านไป ช่างอบอุ่นใจดีมีโหมดดาร์คอะไรเช่นนี้  อร๊ายยยยย >///////<

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์ 
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link

หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ

http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ช่างเป็นความทุ่มเทของพี่ชายที่รักน้องเสียจริง... เสียดายก็แต่ปูนปั้นจำไม่ได้สินะว่าตอนเด็กพูดอะไรไว้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
555 เจ้าชายต้องเรียนรู้เพื่ออยู่รอดนะ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 9
ใครบางคน…ในใจ
 
“ดะ…เดี๋ยวสิ  ใจเย็นๆก่อนครับ!”
ผมตรงเข้าไปจับตัวเจ้าชายเอาไว้หวังจะให้เขาใจเย็นขึ้น  หากแต่ดวงตาวาวโรจน์นั้นไม่ได้ดูอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
บรรลัยแน่ๆงานนี้  ดูจากท้องฟ้าแล้ว  สงสัยเจ้าชายจะเรียกพายุมาถล่มโลกชัวร์ๆ
อ๊ากกก  ทำยังดีล่ะวะไอ้ปูนปั้น!
ครืน!  ครืน!
ฟ้ายังคงร้องเปรี้ยงปร้างประหนึ่งปืนกล  ผมดิ้นพล่านเป็นหนูติดจั่น  คิดหาวิธีช่วยโลกแบบเร่งด่วน  ขืนปล่อยให้เจ้าชายโกรธต่อไป  ที่นี้ต้องเกิดน้ำท่วมใหญ่จากฝนตกแน่นอน  เผลอๆอาจพ่วงพายุมาด้วยอีก  ไอ้พี่ก้านนะไอ้พี่ก้าน  ของกินมีเยอะเสือกมาทำเมนูปลานานาชนิดให้เจ้าชายเห็น!
มึงไม่รู้หรือไงว่าโลกจะถึงกาลอวสานแล้วววว!
“เจ้าชาย  ผมขอร้อง  หยุดเถอะ!”
“ไม่!  ข้าจะเข้าไปสั่งสอนมันที่บังอาจมาฆ่าพวงพ้องที่แสนน่ารักของข้าแบบนั้น!”
“ไม่ได้นะครับ!”
เพราะมึงไมได้จะฆ่าแค่มัน
แต่มึงยังจะฆ่าคนทั้งโลกอีกด้วย!
หมับ!
เมื่อไม่รู้จะรั้งเจ้าชายด้วยวิธีไหรดี  ผมก็เลยสวมกอดเขาพร้อมกับออกแรงดันเอาไว้  ใบหน้าซุกกับอกหอมกรุ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
มะ…ไม่ใช่เวลามาดมกลิ่นตัวของมันนี่หว่า!
“ปล่อยข้า!”
“ผมไม่ปล่อย!”
ใครจะปล่อยให้มึงไปทำลายล้างโลกกันล่ะ!
“ข้าบอกให้ปล่อยไง!”
ครืน!!!  ครืน!!!
ยิ่งเจ้าชายตะเบ็งเสียงมากเท่าไหร่  ท้องฟ้าก็ยิ่งร้องดังมากขึ้นเท่านั้น  มีฟ้าแล่บจนเกิดประกายแสงไปทั่วทั้งที่บรรยากาศมืดครึ้มเพราะเมฆฝน
ไม่ได้!    มึงจะมาเปลี่ยนโลกกูเป็นทะเลตอนนี้ไม่ได้  กูยังไม่พร้อม!
“ปล่อยข้านะปูนปั้น!  ปล่อยข้า!!!”
ครืนนนน!!!!!!
เอาวะ!
“ก็บอกว่าไม่ปล่อยไงเล่า!”
หมับ!
“อุ๊บ!!!!”
ผมโน้มคอไอ้เจ้าชายตัวปัญหาลงมาแล้วประกบจูบอย่างแนบแน่น!
มืออีกข้างจับท่อนแขนของเขาเอาไว้  ส่วนดวงตาปิดสนิทเพราะไม่อยากรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องบัดสีอะไรอยู่หน้าบ้านพี่ก้าน
ขออย่าให้มีใครมาเห็นฉากนี้เลย….
กูทำเพื่อมวลมนุษยชาติเลยนะเนี่ย!!!
“นี่เจ้า…”
หลังจากจูบกันเนิ่นนานจนเริ่มจะขาดอากาศหายใจ  ผมก็ค่อยๆถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่ง  รู้สึกว่าร่างกายที่เคยเกร็งด้วยความโกรธของเขาจะไม่เกร็งแล้วแฮะ
แบบนี้แสดงว่าอารมณ์เย็นขึ้นแล้วสิ!
ครืน!!!! ครืน!!!
เปรี้ยง!!!
“โอ๊ะ!  ฝนตกเหรอเนี่ย”
เจ้าชายที่เหมือนเพิ่งรู้สึกจัวสะดุ้งพลางเงยหน้ามองฟ้าอย่างตกใจ
“ก็อยากจะดีใจที่เจ้าจู่โจมข้าเมื่อกี้ต่ออยู่หรอกนะ  แต่ฝนตกขนาดนี้ท่าทางตะมีพายุเข้า  ข้าว่าพวกเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า”
แล้วก็ก้มหน้าลงมาพูดกับผมหน้าตาเฉย
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ  มึงกำลังจะบอกกูว่า…ไอ้ที่ท้องฟ้ามันมืดครึ้ม  และฝนก็เท่ลงมาอย่างกับห่าฝนแบบนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  ไม่ใช่ฝีมือของมึงงั้นเรอะ!
ถะ…ถ้างั้น…
ไอ้ที่กูจูบมึงไปเมื่อกี้ก็…
“ไว้ไปต่อกันที่บ้านแล้วกันนะ”
พูดแค่นั้น  คนตัวโตกว่าก็จับมือพาผมวิ่งไปที่รถแล้วจัดการสตาร์ทให้ด้วยความเร็ว  ขณะที่ผมยังคงวิญญาณหลุดออกจากร่างไม่ยอมกลับ
อายไหมไอ้ปูนปั้น…
คิดเองเออเองว่าเจ้าชายกำลังจะทำให้น้ำท่วมโลกถึงกับลงทุนทำเรื่องแบบนั้นเพื่อหยุดเขา
เรื่องนี้น่ะ…จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยยยย!
 
“นี่ๆ  ไม่ต่อเรื่องเมื่อกี้แล้วเหรอ  ข้ายังเคลิ้มอยู่เลยนะ”
“เงียบไปเลยครับ   ลืมมันไปได้ยิ่งดี”
“แต่ข้า…”
พลั่ก!
“โอ๊ย!  ตีหัวข้าทำไมเนี่ย”
เจ้าชายบ่นอุบพลางลูบหัวป้อยๆ
หลังจากพากันผ่าพายุฝนกลับมาถึงบ้าน  ผมก็รีบบังคับให้เจ้าชายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะไม่สบาย  และตอนนี้ก็ต้องมานั่งทำตัวเป้ฯแม่นมเช็ดผมที่เปียกปอนของเจ้าชายให้แห้งอีก
ตกลงกูแต่งงานเพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงของเจ้าชายสินะ  เฮ้ออออ
“แล้วเจ้าไม่อาบน้ำบ้างเหรอ  ไปอาบน้ำสิ  ข้าจะได้เช็ดผมให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ  ผมอึดจะตาย  เจ้าชายต่างหากที่ต้องได้รับการดูแล”
“ข้าเป็นสวามีนะ  ข้ามีหน้าที่ดูแลต่างหากล่ะ  อย่าเห็นข้าเป็นเด็กจะได้ไหม”
มือหนาดึงมือผมที่กำลังเช็ดหัวเขาอยู่ไปจับไว้ก่อนจะจุมพิตลงมาเบาๆ
การกระทำอันรวดเร็วนั้นทำเอาผมนั่งตัวแข็งทื่อตกใจกับสิ่งที่เขาทำ  ยิ่งนานวันไป  พวกเราจะยิ่งมีชีวิตความเป็นอยู่ประหนึ่งสามีภรรยากันเข้าไปทุกที
ไม่ได้การแน่ๆ  ต้องเป็นเพราะเขาชอบพูดว่าเราแต่งงานกันแล้วชัวร์ๆ  ผมถึงได้เผลอทำอะไรที่เหมือนกับการใช้ชีวิตคู่แบบนี้!
“เจ้าน่ะ  ช่วยอยู่เฉยๆให้ข้าดูแลบางจะได้หรือเปล่า  ข้าอยากเป็นฝ่ายดูแลเจ้ามากกว่านะ”
“เจ้าชาย…”
“…”
หมับ…
“ขอบคุณนะครับ  นอกจากพ่อ  ลุงกิ่ง  แล้วก็พี่ก้าน  เพิ่งมีคุณนี่แหละที่พูดว่าอยากจะดูแลผม  แต่ว่า…ที่นี่คือโลกของผม  ให้ผมเป็นฝ่ายดูแลเองจะดีกว่า  ไว้อยู่ในโลกของคุณเมื่อไหร่  คุณค่อยดูแลผมนะครับ”
“แสดงว่าเจ้าจะกลับไปกับข้าอีกครั้งใช่ไหม”
“ถ้าคุณยังอยากให้ผมกลับไปด้วยล่ะก็นะ”
“อยากสิ  อยากมากๆเลยด้วย”
“งั้นก็ช่วยรอหน่อยนะครับ  รอจนกว่าวันที่ผมจะได้กลับไปพร้อมกับคุณจะมาถึง”
ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น  แผ่นหลังของเขากว้างและอบอุ่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
ให้ตายสิ  ผมรู้สึกอบอุ่นเสียจนไม่อยากให้เจ้าของแผ่นหลังนี้จากไปไหนเสียแล้ว
จะในฐานะอะไรก็ตาม  ถ้าได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป  คงจะดีไม่น้อยเลย
 
Special Part :
ทำไมเงียบนักวะ?!
คำถามแรกที่ผุดขึ้นาหลังจากที่พายุฝนสงบลงแล้วผมจึงรีบออกจากบ้านเพื่อมาดักรอดูว่าคนที่มากับไอ้ปั้นคือใคร
ผู้ชายตัวขาวเหมือนแสงออโรร่ากับผมสีเขียวแปลกตานั่น…
“เด็กไม่ดีจริงๆเลยนะ”
“เฮ้ย!!!”
ร้องเสียงหลงจนหัวใจแทบหยุดเต้นกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของคนที่ไม่คาดคิด!
“มาด้อมๆมองๆอะไรหน้าบ้านคนอื่นเหรอครับน้องจ้าว”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง!”
ผมตวาดใส่คนถามอย่างรังเกียจพลางเดินหนีไปอีกทาง
หมับ!
“พี่ยังไม่อนุญาตให้น้องจ้าวไปไหนเลยนะครับ  เดินหนีผู้ใหญ่แบบนี้ได้ยังไง  มันน่าลงโทษไหมเนี่ย”
“ปล่อยกู!”
ผมดึงมือออกมาจากการเกาะกุมเต็มแรงพลางมองหน้าไอ้คนที่มันถือวิสาสะจับมือผมไว้อย่างโกรธจัด  อยากจะปล่อยหมัดหนักๆเน้นๆลงบนหน้าหวานๆนี่ชะมัด  ถ้าไม่ติดว่า…
ต่อยแม่งไป…
กูก็เจ็บเอง
“เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่สักทีครับเนี่ย  เป็นแบบนี้ตลอดไปไม่อึดอัดเหรอ”
“เรื่องของกู”
“น้องจ้าว”
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!”
“…”
“นับแต่วันที่มึงเปลี่ยนตัวเองเป็นแบบนี้  ก็เท่ากับมึงปล่อยกูไปแล้ว  เพราะงั้นก็ไม่ต้องมาพูดอะไรทั้งนั้น  กูไม่อยากฟัง”
“พี่รักน้องจ้าวนะครับ”
คำบอกรักอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายทำเอาร่างกายนิ่งสนิท  หัวใจเต้นแรงจนผมกลัวเหลือเกินว่าเขาจะได้ยินเสียงของมัน
“คำว่ารักของมึง…ไม่เหมือนที่มึงให้ไอ้ปั้นสินะ”
“…”
“มึงรักกูกับมัน  แต่รักที่มึงให้มัน  ไม่เหมือนที่มึงให้กู”
“ใช่ครับ  ไม่เหมือน…”
ร่างสูงตอบกลับอย่างชัดเจนพร้อมกับสบตาผมแบบไม่ยอมหลบตา
ก็แบบนี้ทุกที…
ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน  ไม่ว่าจะเรื่องอะไร  ต่อให้มึงให้มันกับกูมาเท่ากัน  แต่ความรู้สึกที่ได้จากมึงมา…ต่างจากที่มันได้เสมอ
“พอเหอะ  กูไม่อยากฟังอีกแล้ว”
“รู้ไหม  สิ่งหนึ่งที่ร้องจ้าวกับรูปปั้นต่างกันคืออะไร”
“กูไม่อยากรู้”
“ถึงรูปปั้นจะโกรธพี่ไม่ต่างไปจากที่น้องจ้าวโกรธ  แต่รูปปั้น…ยังเชื่อมั่นในตัวพี่เสมอ  และไม่เคยทิ้งพี่ไปเหมือนน้องจ้าว”
แววตาเจ็บปวดของคนตรงหน้ามันช่างกรีดลึกลงในหัวใจจริงๆ
อะไรกันล่ะ  คนที่จู่ๆก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนไปก่อนอย่างมึงสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ!
อย่ามาทำเหมือนกูเป็นคนผิดหน่อยเลย  ใครทิ้งใครก่อนกันแน่  มึงนั่นแหละควรคิด!
“เพราะมึงมันหมดประโยชน์  ไร้ค่าไม่ต่างไปจากไอ้ปั้นหรอก  พวกเศษขยะ!”
“…”
พะ…พูดออกไปแล้ว!
เผลอพูดคำที่มันเกลียดที่สุดในชีวิตออกไปแล้ว!
“น้องจ้าว…”
“อะ…อะไร!”
“ดูท่าทางพี่คงต้องสั่งสอนเด็กไม่ดีอย่างจริงจังสักหน่อยแล้วสินะ”
รอยยิ้มปิศาจผุดขึ้นบนใบหน้าหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำตาล
ผมกลืนน้ำลายลงคอ  ค่อยๆถอยหลังไปทีละก้าวเพื่อหาจังหวะที่จะวิ่งหนี  งานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้จ้าว  ไอ้ปากไม่มีหูรูด!
“มะ…มึงจะทำอะไรกู  ไอ้ก้าน!  ไอ้ตุ๊ด!”
“แน่ะ  ยังจะปากเก่งอยู่อีก  เห็นทีต้องสั่งสอนให้หลาบจำจริงๆเสียแล้ว  คำก็ตุ๊ด  สองคำก็ตุ๊ด  ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งกันครับว่าพี่น่ะ…”
“…”
“ตุ๊ดสายรุก”
“ยะ…อย่าเข้า  อุ๊บ!!!”
ก้าวเดียวถึงตัว
ผมเบิกตากว้างพลางดิ้นพล่าน  มือหนาอุดปากผมไว้แน่น  ทุกสัดส่วนในร่างกายถูกตรึงเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
แม้แต่ขนแขนยังปลิวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
“โทรศัพท์อยู่ไหนน้า…”
“อื้อๆๆๆ”
จะทำเหี้ยอะไรอีกวะเนี่ย!
พี่ก้านล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดอะไรสักอย่างอยู่ที่หน้าจอ
ไม่ไหว…
ถึงจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงยังไง  แต่ร่างกายก็ยังเป็นพี่ก้านคนเดิมที่แรงเยอะเหมือนควายถึก!
 
‘คืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะ  จะไปค้างบ้านเพื่อน’
 
“ส่งแล้วนะครับ”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยบอกก่อนที่หน้าจอจะถูกกดส่งข้อความไปยังเบอร์ของป๊า
เฮ้ยยยย!
“เอาล่ะ…คืนนี้ไปค้างกับพี่ดีกว่านะครับ  จะได้สั่งสอนให้รู้กันไปเลยว่า…ไม่ควรหือกับพี่”
กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  ความกลัวแล่นปราดไปทั่วทั้งใจ
สายตาปิศาจของมันจ้องมองเลือนร่างของผมก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองราวกับว่าผมคือเหยื่ออันโอชะของมันในค่ำคืนนี้
กะ…กูขอถอนคำพูด
ชาตินี้ทั้งชาติกูจะไม่พูดคำว่าเศษขยะอีกแล้ว!
“ไปครับ”
ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!!
 
“!!!”
ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก  รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของไอ้จ้าวตะโกนดังอยู่หน้าบ้าน
มะ…ไม่มีทางน่า  ไอ้จ้าวมันเกลียดผมยิ่งกว่าขี้  มันจะมาหน้าบ้านผมทำไม  ฝันไปแหงๆ
“หืม?”
ที่ข้างตัวว่างสนิทไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต  ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าความจริงข้างตัวผมจะต้องมีเจ้าชายนอนอยู่  ไปไหนของเขากันนะ?
สายตากวาดมองไปรอบห้องเล็กๆที่มืดสนิทเพื่อหาเขา
ไม่มี…
ไปไหนกันนะ?
ผมคลานออกจากมุ้งเพื่อจะไปหาเจ้าชาย  รู้สึกเป็นห่วงและใจหายขึ้นมา  หวังว่าคงจะไมได้กลับไปที่ดินแดนเงือกหรอกนะ  เขาคงไม่กลับไปโดยทิ้งผมเอาไว้คนเดียวใช่ไหม
“ประตู…”
ประตูหลังบ้านทีเป็นทางเดินไปห้องน้ำเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย  ผมรีบเปิดประตูออกไปดูด้วยมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือเจ้าชายแน่ๆ
ฝนหยุดตกไปแล้ว  และท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งจนเห็นดวงจันทร์  ใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โขดหินริมหาดเพียงลำพัง  ผมย่องลงไปอยู่ด้านหลังของเจ้าชายโดยใช้หินที่ขึ้นตามธรรมชาติอยู่ด้านหลังบ้านเป็นฐาน  เบื้องหน้าของเราสองคนคือทะเลในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ
สายตาของเจ้าชายทอดมองไปไกลแสนไกล  ยิ่งกว่านั้น…มันกลับดูอ้างว้างและเจ็บปวดเหลือเกิน
“เจ้าอยู่ที่ไหนกันนะ”
“…”
“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
“…”
“ประกายดาว”
“!!!”
ประกายดาว?
นะ…นั่นมัน…
ชื่อพี่สาวของผม!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วเน้ออออ  หายไปหลายวันเพราะมีงานเข้า  เดี๋ยวหลังจากนี้สงกรานต์อีก  น่าจะหายยาวๆ TOT  แต่ถ้าแบกคอมพ์ไปด้วยได้ก็จะพยายามไม่หายนะคะ เรื่องนี้บิวจะแต่งสลับไปมาระหว่างคู่หลักคือเจ้าชายกับน้องปูนปั้น  แล้วก็คู่รองพี่ก้านกับน้องจ้าวน้า  รักใครเชียร์คู่ไหน  คอมเม้นต์คุยกันได้จ้า
 
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link

หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/


ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ้าวเจ้าชาย จะทำให้มีดราม่าอีกงัย อยู่กับปั้นแล้วเรียกหาประกายดาวนะ
  รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอาละไง... พี่สาวมาจากไหน ไหนว่าอยู่กับพ่อสองคนไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เอาแล่วๆเจ้าชายเอาแล่ว ชอบคู่รองจังง :pig4: :L1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวๆ.....เจ้าชาย ร้องหาพี่สาวปูนปั้น  :katai1:
มันยังไงกันเนี่ย เคยรักกับประกายดาวมาก่อนเหรอ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 10
เมียจ๋า
 
จะว่าพี่สาวก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว
พี่ดาวเป็นพี่สาวที่โตมาด้วยกันกับผม  พี่ก้าน  และไอ้จ้าว  พวกเราเป็นเพื่อนเล่นกันสี่คนมาตั้งแต่เด็ก  แต่พี่ดาวร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง  มักจะออกมาตากลมทะเลนานๆเหมือนพวกผมไม่ได้  เป็นพี่สาวที่จิตใจดีและน่ารักมาก  พวกเราสนิทกันจนเหมือนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันไปแล้ว
แต่จู่ๆ  เมื่อสองปีก่อนพี่ดาวก็หายตัวไป  มีคนพบผ้าพันคอของพี่ดาวอยู่ในทะเลไม่ไกลจากชายฝั่งมากนัก  หลังจากเฝ้าตามหากันมาแรมเดือน  สุดท้ายตำรวจจึงสรุปว่าพี่ดาวน่าจะตายไปแล้ว  ถ้าไม่ใช่การฆ่าตัวตายก็คงจะเป็นเกิดอุบัติเหตุจนตกทะเลไป
การค้นหาพี่ดาวจึงสิ้นสุดเพียงแค่นั้น…
แล้วทำไม…หมอนี่ถึงได้?
“แฮ่ม!”
กระแอมไอออกไป  เจ้าชายสะดุ้ง  หันกลับมาส่งยิ้มอันแห้งเหือดประหนึ่งทะเลทรายซาฮาร่าให้
ผมจะต้องรู้ให้ได้  ว่าเจ้าชายรู้จักกับพี่ดาวได้ยังไง  และถ้าหาก…ถ้าหาก…การที่เขารู้จักกับพี่ดาว จะไปเกี่ยวข้องกับการที่พี่ดาวหายสาบสูญไปเมื่อสองปีก่อน  ผมก็…
อยากจะรู้ความจริงให้ได้!
“เจ้า…ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ผมออกมาเข้าห้องน้ำน่ะครับ  ก็เลยเห็นว่าเจ้าชายยังไม่นอน  มีอะไรหรือเปล่า  ท่าทางไม่ค่อยดีเลยนะ”
ถามพลางเดินไปหย่อนขานั่งลงข้างๆ  ไม่แน่ว่าบางที  การที่เขาชอบทำหน้าตาเหม่อลอยเหมือนคนว้าเหว่อยู่บ่อยครั้ง  อาจมีสาเหตุมาจากพี่ดาวก็ได้
รู้จักกันได้ยังไงนะ
แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ข้าแค่กำลังคิดถึงใครบางคนน่ะ”
“ใครบางคน?”
“คนที่หนีจากข้าไปไกลแสนไกล  คนที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น”
ฉึก!
ผมฝืนยิ้มให้แม้ว่าเจ้าชายจะไม่ได้มองมาก็ตาม
อะไรกันความรู้สึกแบบนี้  เหมือนหัวใจถูกของมีคมกรีดเข้าจนเจ็บปวด  ในอกมันโหวงๆแต่ก็อัดแน่นจนอึดอัด
ไม่เข้าใจเลย
ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!
“คงจะเป็น…คนสำคัญของคุณมากๆสินะครับ”
“สำคัญสิ  สำคัญจนข้าไม่คิดว่าชาตินี้จะมีใครมาแทนที่คนๆนั้นๆได้  แม้กระทั่ง…”
“…”
“เจ้า”
“…”
“ขอโทษนะ  แต่ข้าคิดว่าควรบอกทุกอย่างในใจให้เจ้ารู้  ข้ามีความรู้สึกดีๆมากมายให้แก่เจ้าจนตัวข้าเองก็ยังแปลกใจ  แต่ถึงอย่างนั้น  ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะแทนที่คนๆนั้นได้”
“ผมเข้าใจครับ”
เข้าใจ  แต่ก็…
เจ็บปวดแฮะ
ไม่ใช่ที่หนึ่ง  ไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความรู้สึกมากมายแบบนั้นจากเขา
อ่า…ไอ้ความเห็นแก่ตัวที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจผมมันคืออะไร  การที่รู้สึกว่าดีแล้ว   ที่พี่ดาวหายไปแบบนี้…
โคตรน่ารังเกียจเลย!
“แต่ข้าสัญญา”
“…”
“คนๆนั้นจะเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ล้ำค่าของข้าเท่านั้น  ปัจจุบันในใจของข้ามีเพียงเจ้า  ข้าเป็นของเจ้าเท่านั้น”
เจ้าชายหันมาสบตาผมตรงๆ    ความแน่วแน่และมุ่งมั่นฉายชัดในแววตาสีน้ำทะเลของเขา
จะบ้าหรือไง  จู่ๆก็มาพูดท่าทีจริงจังแบบนี้  ผมกับเขาน่ะ…  พวกเราสองคนน่ะ…  ก็แค่แต่งงานกันหลอกๆเท่านั้น
ผมไม่คิดอะไรกับเขาทั้งนั้น  นอกจากเอาเขาเป็นตัวยึดเหนี่ยวชีวิตผมในตอนนี้  ชีวิตที่ไม่เหลือใครเลยสักคน…
“ไม่ได้ต้องการสักหน่อย”
“หา?”
ร่างสูงส่งเสียงร้องเมื่อถูกผมทำลายบรรยากาศโรแมนติกอย่างย่อยยับ
ทะ…ทำไงได้ล่ะวะ!   จะให้นั่งสบตาฟังคำพูดหวานๆพวกนั้นต่อไป  ผมก็เสียเปรียบพอดีน่ะสิ!  ถึงจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน  แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ
ไม่สิ…
ผมไม่คิดจะไปชอบสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์หรอก!
“เจ้านี่นะ  ข้าอุตส่าห์พูดความในใจไปขนาดนี้แล้ว  หัดมีความโรแมนติกในหัวใจบ้างสิ”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย”
ตอบกลับทันควันพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ถ้าหากพี่ดาวจะเป็นเพียงความทรงจำของเขา  ผมก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง  ที่ต้องสืบหาให้ได้คือเขารู้จักกับพี่ดาวได้ยังไง  และการหายสาบสูญไปถึงสองปีของพี่ดาวนั้น…เกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่?
 
“ออกค่าย?”
“ใช่แล้ว  ที่ชุมชนของเราได้เข้าร่วมกับทางจังหวัด  ทางผู้ใหญ่บ้านก็เลยคัดเด็กหนุ่มที่ดูแข็งแรงและมีฝีมือให้ไปช่วยกันน่ะ  พี่ก้านว่าดีออกน้า  ทุกคนจะได้สนิทกัน  แล้วก็เป็นการทำเพื่อชุมชนด้วย”
ไอ้อาการกระดี๊กระด๊าเป็นผู้หญิงแบบนี้น่ะ  ขอทีเหอะ  หยุดได้ไหม!
“แล้วผู้ใหญ่บ้านส่งชื่อใครไปมั่ง”
“แน่นอนว่ามีพี่ก้านไปเป็นแม่ครัวเบอร์หนึ่งของค่าย  มีรูปปั้น  มีเด็กๆในชุมชนอีกสองสามคน  มีน้องจ้าว…”
“เดี๋ยว!  ไอ้จ้าวก็ไปด้วยเรอะ”
“ไปสิครับ  ก็พ่อของน้องจ้าวเป็นสปอนเซอร์หลักนี่นา  ก็มีเท่านี้แหละ  เพราะมีคนจากชุมชนอื่นไปด้วย  รวมๆกันแล้วค่ายนี้ก็เกือบร้อยคนเชียวนา”
“งั้นผมไม่ไป”
“ทะ…ทำไมล่ะ!”
พี่ก้านถามหน้าตาตื่นหลังจากจีบปากจีบคอพูดมาพักใหญ่
เมื่อสิบนาทีก่อน   ผมเพิ่งจะตื่นนอนได้ไม่นานและยังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟันใดๆ  พี่ก้านคนนี้ก็โผล่พรวดเปิดประตูเข้ามาแบบไม่เคาะ  โชคดีแค่ไหนที่เจ้าชายมันไม่ได้กลับร่างเดิมเพื่อจะอาบน้ำ  ไม่งั้นล่ะงานงอกเงยงดงาม!
“ผมจะไปได้ยังไงถ้าไคโอไม่ได้ไป  คิดสิพี่คิด”
“หมอนี่เป็นเด็กทารกหรือไงถึงต้องคอยดูแลตลอดน่ะ”
อีก่ายถามกลับพลางมองหน้าเจ้าชายอย่างไม่พอใจ  แต่มีเหรอที่เจ้าชายจะสน  สิ่งที่หมอนั่นทำคือการนอนกระดิกเท้าผิวปากอย่างอารมณ์ดีต่อไป
ผมไม่ชอบสายตาที่เจ้าชายกับพี่ก้านมองกันเลยจริงๆ  มันเหมือนทั้งคู่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาแต่ปางก่อน
“ผมมีเหตุผลของผมแล้วกัน  เอาเป็นว่าผมไม่ไป”
“ไม่ได้นะรูปปั้น!  งานนี้เป็นงานอาสาของชุมชนก็จริง  แต่ทางผู้ใหญ่บ้านบอกจะสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษาให้รูปปั้นด้วยนะ”
คำว่า ‘ทุนการศึกษา’ ทำเอาผมต้องคิดใหม่อีกรอบ
ตอนนี้ผมจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าเดิมรวมถึงต้องประหยัดเงินมากกว่าเดิม  ถึงจะได้ทุนเรียนฟรีอยู่แล้ว แต่ค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะค่าหอพัก  ค่ากิน ค่าอยู่อีก  ค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก  ถึงจะประหยัดมากมายยังไงก็ไม่น่าจะพอใช้แน่ๆ
เอาวะ!
“ถ้างั้นผมขอพาไคโอไปด้วยได้ไหมล่ะ”
“จะพาไปทำไม!  พี่ก้านไม่ชอบหน้าหมอนี่เลย  ดูลามกยังไงก็ไม่รู้นะรูปปั้น”
ไม่พูดเปล่า  ไอ้คนว่าคนอื่นว่าลามกยื่นมือมาดึงผมเข้าไปกอดแล้วเอาแก้มมาถูไถกับแก้มผมไปมาเหมือนที่ชอบทำเมื่อตอนเด็กๆ
กูว่ามึงเองก็ลามกไม่แพ้มันกรอก  ศีลเสมอกันฉิบหาย!
“ถ้าไคโอไม่ได้ไป  ผมก็ไม่ไป  พี่เลือกเอาแล้วกัน”
“แหมๆ  เล่นพูดแบบนี้แล้วพี่ก้านจะไปทำอะไรได้ล่ะ”
“งั้นฝากที่เหลือด้วยนะครับ  ช่วยบอกทางผู้ใหญ่บ้านให้ด้วย  แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวสิ  อะไรกัน  จะไล่พี่ก้านกลับแล้วเหรอ  พี่ก้านยังไม่หายคิดถึงรูปปั้นเลยน้า”
“ไปๆๆๆๆ  ไม่ต้องวุ่นวายมากนักจะได้ไหม  ผมรำคาญ”
รีบฉุดไอ้พี่ก้านให้ลุกขึ้นเพื่อจะโยนออกไปจากบ้าน  แต่มันแม่งก็ตูดเหนียวหนึบติดทนนานสุดๆ   สงสัยต้องเอาชะแลงมางัด!
“ฉันเอง”
“กรี๊ด  นั่นนายจะทำอะไรฉัน”
พลั่ก!  โครม!!!
ไม่ถึงสามวินาทีดีเสียด้วยซ้ำ…
ปัง!
“เท่านี้ก็เรียบร้อย”
เจ้าชายหันมายิ้มแป้นหลังทำการปิดประตูใส่กลอนอย่างแน่นหนาเพื่อกันไม่ให้พี่ก้านเข้ามาได้อีก  เมื่อกี้เขาเพิ่งจะใช้เท้ายันพี่ก้านออกจากประตูจนกลิ้งตกบันไดห้าขั้นลงไปข้างล่างในเวลาไม่ถึงสามวิฯ!
เห็นร่างกายผอมบางมีกล้ามอยู่เล็กน้อยเท่านั้น  แต่นึกไม่ถึงเลยว่าแรงจะเยอะขนาดนี้…
“รุนแรงไปหรือเปล่าครับเจ้าชาย  พี่ก้านแก่แล้วนะ”
เกิดกระดูกกระเดี้ยวหักขึ้นมาจะแย่เอา
หมายถึงกูเนี่ยจะแย่!  ต้องมานั่งดูแลพี่ก้านเพิ่มอีกคน  แค่เจ้าชายคนเดียวก็จะตายแล้วเหอะ
“เจ้าอย่าห่วงคนอื่นเลยน่า  สำหรับเจ้าน่ะ  ห่วงแค่ข้าก็พอแล้ว”
“แต่ว่า…!”
“ข้าไม่ชอบเวลามนุษย์ตนนั้นเข้าใกล้เจ้า  เหมือนจะถูกแย่งเมีย…”
“เมีย?!  ไปเอาคำพูดนี้มาจากไหนครับเนี่ย!”
“ลุงข้างบ้านสอนมาน่ะ”
ไปสอนกันมาตอนไหนล่ะเนี่ย!
ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากด้วยความเครียด  พาเจ้าชายมายังไม่ทันข้ามอาทิตย์เลย  ได้ศัพท์แปลกๆมาใส่หัวเสียแล้ว  ลุงนะลุง  คำอื่นมีตั้งมากมายทำไมไม่เอามาสอนฟะ!
“เอาเป็นว่าห้ามพูดคำนี้อีกนะครับ  มันไม่ดีหรอก”
“ไม่ดียังไง  ลุงบอกว่ามันใช้เรียกคนที่เรารัก  คนที่แต่งงานอยู่กินด้วยกัน  ข้ากับเจ้าเองก็แต่งงานกันแล้ว  เท่ากับเจ้าต้องเป็นเมียข้าสิ”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะครับ!”
กูจะเอาตรงไหนไปให้มึงทำเมียได้ล่ะโว้ยยยย!
ถ้าคิดจะหมายถึงไอ้ช่องทางการสอดใส่ที่มึงเคยพูดในวันแรกที่เจอกันล่ะก็…ฝันไปเถอะไอ้เจ้าชายเฮงซวย!  มันใช่ที่ที่เอาไว้ทำแบบนั้นเมื่อไหร่กันล่ะ  ใครโดนเข้านี่เจ็บยันเหลนบวช!
“เมียจ๋า…”
หมับ!
“จะ…เจ้าชาย!”
นี่ก็จำมาจากลุงข้างบ้านแน่ๆ!
ตั้งแต่ผมเด็กยันโต ผมเห็นลุงแม่งชอบอ้อนป้าว่าเมียจ๋าๆแล้วกอดจากด้านหลังแบบนี้อยู่หน้าบ้านเป็นประจำ!
ในบ้านมีแม่งก็ไม่เคยเข้าไปอี๋อ๋อกันหรอก  ทำแต่ข้างนอกนี่แหละ  ฮึ่มมมม!
“ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”
“คุณนี่มันเจ้าชายจอมเอาแต่ใจจริงๆ”
บ่นพึมพำเบาๆแต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออกหรือทำอะไรมากกว่านั้น  จนกระทั่ง…
ลูบ….คลำ…บีบ…
บั้นท้ายกลมๆทั้งสองข้างถูกสัมผัส  ไม่ว่าจะเป็นการลูบไล้อย่างแผ่วเบา  การคลำราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง  และปิดท้ายด้วยการบีบนวดคลึงในเวลาอันสั้น...
อะ…ไอ้เจ้าชาย…
“อยากตายใช่ไหม!”
“แว๊กกกกกกก  ข้ากลัวแล้ว เมียจ๋า!!!”
โครม!!!
เหตุการณ์หลังจากนี้ค่อนข้างรุนแรงไปจนถึงนองเลือด  ขออนุญาตเซ็นเซอร์เอาไว้แล้วกันนะครับ!!!
 
“ให้ตายสิ  เป็นเจ้าชายที่หื่นกามและไว้ใจไม่ได้ที่สุดในโลกเลย”
เดินบ่นมาตลอดทางหลังจากทำการลงโทษเจ้าชายตัวดีไปเรียบร้อยแล้ว  แต่ผมคงหนักมือมากไปหน่อยเลยถึงขั้นเลือดตกยางออก  เดือดร้อนต้องเสียเงินออกมาซื้อยาให้มันอีก
อ๊ากกกกกกกกกกก
ค่าพลาสเตอร์กับยาพวกนั้น  มันซื้อไข่มาทอดกินได้หลายมื้อเลยนะเฟ้ยยย
กึก!!!
เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตานึกคำด่าไอ้เจ้าชายในใจ  เลยไม่ทันได้สังเกตว่าข้างหน้ามีอะไรอยู่  ขาขาวๆของใครบางคนยกขึ้นยันกำแพงเพื่อขวางทางผมเอาไว้
“ไอ้จ้าว”
มีอยู่คนเดียวนั่นแหละที่ให้ ‘เกลียด’ ผมได้ขนาดนี้
“ได้ข่าวว่ามึงเองก็จะไปออกค่ายด้วยเหรอวะ”
“เรื่องของกู  หลบไป”
“กูไม่หลบ  พ่อกูใหญ่เสียอย่าง  มึงจะทำไมฮะ  ไอ้ลูกไม่มีพ่อ!  ฮ่าๆๆๆๆ”
ไอ้จ้าวขำพลางมองผมด้วยสายตาดูถูก
“หลบไปไอ้จ้าว กูไม่มีธุระอะไรกับมึง”
“ทำไมวะ  หรือพอเห็นกูแล้วรู้สึกได้ถึงความไร้ค่าของตัวเอง  แหงสิ  มึงมันอยู่ใกล้ใครก็มีแต่นำความเดือดร้อนมาให้  แม่ก็ตายห่าตั้งแต่มึงเด็กๆ  ไอ้ก้านก็กลายเป็นตุ๊ดเพราะมึง  พี่ดาวก็หายไปเพราะมึง  แล้วยังจะมาพ่อมึงอีก”
“เดี๋ยวนะ  มึงหมายความว่ายังไงที่ว่าพี่ดาวหายไปเพราะกู!”
เรื่องอื่นที่มันด่าผมไม่สนใจทั้งนั้น  แต่กับเรื่องนี้  เป็นครั้งแรกที่ไอ้จ้าวมันพูดแบบนี้ออกมา!
“อะไร  กูไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย  หูฝาดแล้วมึงอ่ะ”
“มึงพูด!”
“กูไม่ได้พูด”
ไอ้จ้าวรีบเอาขาที่กั้นทางผมอยู่ลงแล้วเดินจ้ำอ้าวหนีผมยกใหญ่
จะว่าก็ว่าเหอะ  กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี  เป็นศัตรูกันมาอีกกี่ปี  ทำไมกูจะไม่รู้ว่าเวลามึงโกหกหรือมีอะไรปิดบังนิสัยมึงจะเป็นยังไง!
“ไอ้จ้าว!  กูบอกให้มึงหยุด!”
ในที่สุดผมก็คว้าตัวมันเอาไว้ได้ตรงร้านขายของที่ตั้งใจจะมาพอบดิบพอดี  ไอ้จ้าวสะบัดมือผมออกและทำตาขวางใส่
“อย่ามาแตะต้องตัวกู!”
“กูไม่ได้อยากจับมึงนักหรอก  แต่มึงต้องบอกกูมาเรื่องพี่ดาว!”
“ก็ไม่มีอะไรจะบอกมึงทั้งนั้น”
“ไอ้จ้าว!”
ผมคว้าแขนมันที่ตั้งท่าจะเดินหนีไว้อีกรอบพร้อมกับกดตัวมันให้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อจะล็อกหนทางหนีเอาไว้  ทว่า…
“อ๊ากกก!”
มันกลับร้องเสียงหลงขึ้นมาอย่างเจ็บปวดพลางลุกพรวดขึ้นไม่ยอมนั่งท่าเดียว
“ไอ้จ้าว  เป็นไรวะ”
“มะ…ไม่ใช่เรื่องของมึง!”
ไอ้จ้าวตอบเสียงสั่น  น่าแปลกที่จู่ๆแก้มมันกลับขึ้นริ้วสีแดงเหมือนกำลังอายอะไรสักอย่างก่อนที่มือข้างหนึ่งของมันจะเลื่อนไปจับบั้นท้ายตัวเองเอาไว้
“ไอ้จ้าว  อย่าบอกนะว่ามึง…”
ผมเบิกตากว้าง  ชี้ไปที่ตูดของมันด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดแน่นอน  กะ...กูไปล่ะ!”
แล้วก็เผ่นแน่บไปประหนึ่งตีนติดไฮสปีด…
“แค่เป็นฝีที่ตูดมึงถึงกับต้องทำหน้าอายขนาดนั้นเลยเหรอ”
พูดไล่หลังพลางเกาท้ายทอกยิกๆด้วยความแปลกใจ  ช่างมันเหอะ  เดี๋ยวต้องไปออกค่ายด้วยกันอีกตั้งเป็นอาทิตย์  ค่อยหาเวลาจากตอนนั้นถามเรื่องพี่ดาวเอาก็ได้!
แต่ว่า…
หมายความว่ายังไงกันนะ  พี่ดาวหายไปก็เพราะผม  ทำไมถึงเป็นผมกันล่ะ  ในเมื่อ…สองปีก่อนตอนช่วงที่พี่ดาวหายตัวไป…
ผมตกเรือหัวและขากระแทกกับท้องเรือจนต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วเน้ออออ  หายไปหลายวันเพราะต้องทำงานบวกไปเที่ยวสงกรานต์ที่ภูเก็ตมา  วันนี้มีเวลาว่างแล้วเลยมาอัพให้ได้อ่านนะคะ  ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจด้วยว่าไม่มีเซอร์วิสฉากบทลงโทษอันแสนหวานของพี่ก้านและน้องจ้าวนะเออ 55555+  เอาไว้คราวหลังเนอะ!  ตอนนี้ชมความมุ้งมิ้ง เมียจ๋งเมียจ๋าของเจ้าชายไปก่อนแล้วกันค่า
 
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link
หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 11
เจ้าชายกับค่ายอาสา (1)

“ทำยังไงดีปูนปั้น  ข้าตื่นเต้นเหลือเกินที่จะได้ไปค่ายอาสากับเจ้า”
เจ้าชายที่กำลังนั่งเก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋าบอกท่าทางดีใจสุดๆ
เมื่อวานพอกลับมาจากซื้ออุปกรณ์ทำแผล  ผมก็อธิบายถึงการไปออกค่ายอาสากับชุมชนในครั้งนี้ให้เจ้าชายฟังอย่างละเอียดว่าเราต้องไปทำอะไรบ้าง  และสิ่งที่เขาควรระวังมากที่สุดคืออะไร
“อย่ามัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนลืมสิ่งที่ผมบอกไปนะครับ  ห้ามให้ความลับที่เจ้าชายเป็นเงือกแตกเด็ดขาด  ใครพูดใครถามอะไรก็ไม่ต้องตอบ  อยู่ใกล้ๆผมอย่างเดียว  ที่เหลือผมจัดการเอง”
“ข้าเข้าใจแล้วน่า  เจ้าอย่าทำเหมือนข้าเป็นเด็กสิ”
“ผมแค่เป็นห่วง  ถ้าคุณไม่อยากให้ผมเป็นห่วงก็ไม่เป็นไร”
“โกรธอีกแล้วเหรอ   พักหลังเจ้าทำตัวเหมือนผู้หญิงจังเลยนะ  ข้าล่ะตามอารมณ์ไม่ทัน”
ว่าพลางสั่นศีรษะไปมา
เดี๋ยวเหอะมึงๆ  กล้าทำหน้าเอือมระอากูงั้นเรอะ  เดี๋ยวพ่อก็จับขอดเกล็ดทำต้มยำกินเสียเดี๋ยวนี้เลยดีไหม!
“รูปปั้น  เสร็จหรือยัง  พี่ก้านมารับแล้วน้า”
“มนุษย์ตนนั้นเป็นขนจั๊กกะแร้ของเจ้าหรือไง  ถึงได้ตามติดกันนัก”
ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งในบัดดล
มาถามกูแล้วกูจะรู้เรอะ  ตั้งแต่เด็กยันโตไอ้พี่ก้านมันก็เป็นของมันแบบนี้มาตั้งนานแล้วเหอะ!
“รีบๆเข้าเถอะครับ  ให้คนอื่นรอนานมันเสียมารยาทนะ”
“รู้แล้วน่า”
เจ้าชายรับขำแต่หน้าตายังบ่งบอกถึงความไม่พอใจที่พี่ก้านมาวอแวกับผมอีกแล้ว
พวกเรารีบเก็บกระเป๋าและลงมาสมทบกับพี่ก้านที่จอดรถรออยู่ก่อนแล้ว  ความจริงมันก็แค่รถสามล้อที่ต่อพ่วงออกมาเท่านั้นแหละครับ  ไม่ใช่รถยนต์หรูหราอะไรหรอก  อย่าเพิ่งจินตนาการไปไกล
“พวกเราไปเองได้  พี่ไม่เห็นจำเป็นต้องมารับเลย”
“เอาน่า  ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน  จะแยกกันไปทำไมให้เปลืองน้ำมันล่ะครับ”
“แต่…”
“…”
“ทำไมไอ้จ้าวถึงไปกับเราด้วยล่ะครับ”
ผมถามพลางมองไปที่ไอ้จ้าวที่นั่งหน้ามุ่ยซ้อนท้ายพี่ก้านอยู่
“กูไม่ได้อยากจะนั่งนักหรอกเว้ยไอ้รถเส็งเคร็งเหมือนขุดมาจากถังขยะแบบนี้น่ะ!”
“แหมๆ  น้องจ้าวล่ะก็  พูดไม่เพราะอีกแล้วน้า  เดี๋ยวพี่ก้านก็ตีปากเลยนี่”
ว่าพลางทำมือทำไม้เหมือนจะตีปากไอ้จ้าวจริงๆ 
แปลก…
มีบางอย่างแปลกไปในตัวของสองคนนี้  อะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ข้า  เอ๊ย  ฉันว่าเรารีบไปกันดีกว่านะ”
“อ๊ะ  นั่นสินะครับ  เดี๋ยวจะสายไปมากกว่านี้”
เจ้าชายรีบกระโดดขึ้นรถไปนั่งยิ้มแป้นเหมือนเด็กประถม  ดูท่าทางจะตื่นเต้นไม่น้อยเลย  เมื่อคืนก็เอาแต่ถามว่าโลกภายนอกเป็นยังไง   สวยเหมือนดินแดนเงือกไหม?
คือก็เข้าใจนะว่าชุมชนที่ผมอยู่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากวัดกับบ้านหลังเล็กๆติดกันเป็นพรืดและน้ำทะเล     การที่เจ้าชายจะไม่นับรวมว่าชุมชนนี้เป็นโลกภายนอกก็คงไม่แปลก
“กูสงสัยมานานละ  ไอ้ปั้น  หมอนี่ใครวะ”
“เรื่องของกู  เสือกทำไม”
“อ้าว  ไอ้เหี้ย!  กูถามดีๆนะเนี่ย”
“กูก็ตอบดีๆเหมือนกันว่าอย่าเสือก  จบไหม?”
ผมเลิกคิ้วสูงมองหน้ามันอย่างตั้งคำถาม
จำเป็นต้องตัดบทจบแบบกวนตีนเพราะถ้าเกิดแนะนำให้รู้จักกันไปก็มีแต่จะทำให้กังวลกลัวว่าเจ้าชายมันจะทำความลับแตก
“กูไม่ถามก็ได้  ไม่ได้อยากรู้นักหรอก!”
“ก็ดี”
“เดี๋ยวสิๆ   ทั้งสองคนทำไมต้องทะเลาะกันทุกทีด้วยนะ  เมื่อก่อนออกจะรักกันมากแท้ๆ”
“หุบปากไปเลยไอ้ตุ๊ด!!!”
ผมและไอ้จ้าวตะโกนใส่พี่ก้านพร้อมกัน  เล่นเอาตาลุงแก่จอมโรคจิตถึงกับเหวอไปเลย
“จ้าๆ  กลัวแล้วจ้า  พี่ก้านกลัวจนหัวหดแล้วเนี่ย”
“มึงเลิกพูดเรื่องเก่าๆสักทีเหอะไอ้พี่ก้าน  กูขนลุก!”
“ผมเห็นด้วยกับไอ้จ้าว  พี่เลิกเสี้ยมเหอะว่ะ”
แล้วผมกับไอ้จ้าวต่างก็สะบัดหน้าหันตูดใส่กัน  เป็นอันประกาศความเป็นศัตรูอย่างแน่วแนวถาวร  ผมไม่มีทางเป็นเพื่อนกับคนที่มันย่ำยีจิตใจของผมด้วยคำพูดว่า ‘ลูกไม่มีพ่อ’ เด็ดขาด!

สถานที่ที่เราต้องไปคือหมู่บ้านแสงจันทร์  หมู่บ้านที่อยู่บนภูเขาสูงและค่อนข้างห่างไกลจากเทคโนโลยียิ่งกว่าชุมชนของผม  หน้าที่ของอาสาสมัครในแต่ละชุมชนของจังหวัดคือจะร่วมด้วยช่วยกันสร้างโรงเรียนเล็กๆให้กับเด็กในหมู่บ้านนี้  เพราะจะมีครูอาสามาสอนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆที่พอจะอำนวยความสะดวกให้กับคนในหมู่บ้านนี้ได้  โดยงบประมาณทั้งหมดทางจังหวัดเป็นคนออก  เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ทำอะไรดีๆเพื่อสังคมแบบนี้
“สวยจังเลยนะ”
เจ้าชายที่นั่งเงียบไม่พูด ไม่แซะ ไม่แกะ ไม่เกา อะไรทั้งสิ้นมาตลอดเอ่ยขึ้น  เขายื่นหน้ามาหาผมที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาอีกที  จนเกือบกึ่งๆจะเกยคางลงบนไหล่ผมอยู่รอมร่อ  น้ำเสียงแหบเสน่ห์ที่กระซิบข้างหูทำเอาสมองปั่นป่วนไปหมด
พักหลังไม่ว่าเจ้าชายจะทำอะไรผมก็รู้สึกรับมือได้ยากตลอดเลยแฮะ!
กลับเป็นตัวเองได้แล้วไอ้ปั้น!
“ชะ…ชอบไหมล่ะครับ”
“ชอบสิ  ชอบมาก  แต่ไม่เท่ากับที่ชอบเจ้าหรอกนะ”
ต้องขอบพระคุณเสียงลมที่เกิดจากการขับรถของพี่ก้านมากๆที่กลบเสียงพูดของเจ้าชายได้จนหมด  ถ้าพี่ก้านหรือไอ้จ้าวได้ยินเข้ามีหวังงานงอก!
“หยุดพูดบ้าๆได้แล้วครับ  ดูนู่นดีกว่า  วิวตรงนั้นสวยดีนะครับ”
“หึๆ  เข้าใจเปลี่ยนประเด็นนะเด็กน้อย”
“ผมเด็กกว่าคุณแค่ปีเดียว  อย่ามาเรียกกันแบบนี้สิ!”
“โอ๊ะ!  ตรงนั้นสวยจริงๆด้วย  แต่สวยน้อยกว่าเมียข้านิดหนี่ง”
“คุณ!”
กูอยากจะบ้าตาย!
รู้งี้ให้พี่ก้านไปเช่ารถตู้คอนเทนเนอร์มารับเสียก็ดี จะได้จับไอ้ปลาลามกนี่ยัดเข้าไปแม่งเลย!!!

Special Part :
“ทำไมนั่งห่างแบบนั้นล่ะครับ  เขยิบมาใกล้ๆพี่ก้านอีกก็ได้นะ  พี่ก้านไม่กัดหรอก…”
“ไม่…!”
“แต่จะกินทั้งตัวเลยต่างหาก”
สาบานได้ว่าผมแทบจะพุ่งหลาวรถจากรถแม้ว่าตอนนี้รถมันจะวิ่งอยู่ก็ตาม
ไอ้ตุ๊ดโรคจิตมองผมผ่านกระจกด้านข้างของรถมอเตอร์ไซค์ด้วยรอยยิ้มขำขัน  แต่สายตาโลมเลียของมันไม่ต่างจากเมื่อคืนนั้นเลย!
คืนที่ผมกับมัน…
มีอะไรกัน
และน่าเจ็บใจตรงที่สุดท้ายคืนนั้นผมก็ยอมเอนอ่อนตกเป็นของมันแต่โดยดีไร้การบังคับขืนใจใดๆนี่แหละ
อ๊ากกกกก!!!
เจ็บใจตัวเองชะมัด  แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของมันก็ทำเอาสมองเลิกสั่งการไปเลย
หมับ!
“ถ้าเขยิบมากไปกว่านี้จะตกรถนะ”
น้ำเสียงจริงจังและทุ้มต่ำเป็นการบ่งบอกว่าได้ว่ามันกลับมาเป็นไอ้พี่ก้านคนเดิม  ไม่ใช่พี่ก้านที่แต่งหญิงทำตัวตุ้งติ้งน่าตบกะโหลกให้ร้าวคนนั้น
สายตาตำหนิเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบใช้เวลาผมทำผิดหรอเล่นซนเกินเหตุกลายเป็นสิ่งที่ผมต่อต้านไม่ได้ไปแล้ว  มือหนาที่จับต้นขาผมไว้บีบแน่น
“รู้แล้วเว้ย”
ตอบอ้อมแอ้มก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้จนอะไรต่อมิอะไรมันต้องกระแทกโดนกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนด้านหน้าเหยียดยิ้มอย่างพอใจที่ทำให้ผมยอมได้อีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจนับได้  ผมแยกเขี้ยวใส่เขา  หมั่นไส้ที่สุดท้ายก็ต้องแพ้อีกแล้ว
จะมีวิธีไหนสามารถเอาชนะไอ้ตุ๊ดตัณหากลับคนนี้ได้บ้างนะ!
เพราะไม่อยากมองหน้ากับไอ้พี่ก้านไปมาผ่านกระจกรถ  ผมก็เลยเลือกที่จะมองไปทางอื่นแทน  ส่วนหนึ่งก็เพื่อระงับอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำของตัวเองด้วยนั่นแหละ
เวรกรรมจริงๆเล้ยไอ้จ้าว!
แต่…
พอหันไปมองทางซ้ายมือของตัวเองก็ต้องเจอกับอะไรที่น่าเบื่อยิ่งกว่า!
ไอ้การชี้โบ๊ชี้เบ๊แล้วหัวเราะคิกคักๆกันสองคนของไอ้ปั้นกับไอ้หัวเขียวนี่มันคืออะไรกันฟะ  คิดว่ากำลังถ่ายมิวสิคฯกันอยู่หรือไง!
ผมเบะปากกับภาพที่เห็น  ไอ้หัวเขียวและไอ้ปั้นต่างก็ชี้นู่นชี้นี่ให้กันและกันดูก่อนจะหัวเราะดี๊ด๊าท่าทางมีความสุข  พวกมันชี้แม้กระทั่งหมายืนฉี่ใส่เสาไฟฟ้าอ่ะคิดดู!
แม่งมีอะไรให้ประหลาดใจวะ?
หมับ!
“ไอ้…!”
“ชู่  เดี๋ยวสองคนนั้นได้ยินนะ”
ไอ้พี่ก้านขยิบตาหนึ่งทีก่อนจะทำหน้าที่ขับรถต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทั้งที่มือมันกำลังลูบไล้ต้นขาผมไปมาและกำลังจะลามไปถึงจุดอันตรายแล้วด้วย!
เหี้ยเอ๊ย!  กูไม่น่าใส่กางเกงขาสั้นธรรมดาๆมาเลย!
ดูดิ  เปิดช่องว่างให้แม่งล้วงเข้าไปถึงลำไส้แล้วเนี่ย!
“เราสองคนได้นอนห้องเดียวกันด้วยน้า  พี่ก้านล่ะอยากให้ถึงตอนกลางคืนเร็วๆจังเลย”
“ไม่มีทาง  กูไม่นอนกับมึงแน่นอน”
“น้องจ้าวคิดว่าจะหนีพี่ก้านพ้นเหรอครับ?”
เอียงคอกลับมาพูดเล็กน้อยเพื่อให้ผมได้ยินทุกถ้อยคำของมันอย่างชัดเจน
“พี่ก้านๆ  อีกนานไหมกว่าจะถึง”
เพราะไอ้ปั้นหันมาคุยด้วย  ไอ้พี่ก้านเลยรีบชักมือกลับไป  นั่นทำให้ผมหายใจได้สะดวกขึ้นเยอะเลย
นึกว่าจะโดนมันลูบมาถึงตรงนั้นเสียแล้ว  อ๊ากกกกก!
“หึ!”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันหน่อยๆดังมาจากคนที่นั่งข้างๆ  ผมก้มลงมองเจ้าของเสียงหัวเราะนั่นด้วยความไม่ชอบใจ  แต่พอเห็นสายตาที่มันโฟกัสอยู่ก็ถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว
ไอ้หัวเขียวกำลังมองไปยังจุดที่มือของไอ้พี่ก้านมันลูบคลำอยู่เมื่อกี้!
บรรลัยแล้วไง  อย่าบอกนะว่ามันเห็น!
“ใกล้แล้วล่ะ  ทำไมล่ะ  รูปปั้นเมื่อยแล้วเหรอ  พี่ก้านนวดให้เอาไหมๆ”
“ถ้าพี่มานวดให้ผมแล้วใครจะขับรถล่ะครับ”
“อ่า  นั่นสิเนอะ”
ผมกัดฟันแน่น
โมโหกับท่าทีของไอ้พี่ก้านจนไม่รู้จะเอาไประบายที่ไหนดี
เมื่อไรห่จะเลิกทำตัวแต๋วแตกแบบนี้สักที  เม่อไหร่จะกลับมาเป็นคนเดิมแบบจริงๆจังๆสักที!  ถ้าตราบใดที่ยังตัดใจจากไอ้ปั้นไมได้  มึงก็ไม่คิดจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเลยสินะ
ถ้างั้น…
มึงมาทำเรื่องอย่างว่ากับกูทำไม
ถ้ากูไม่ได้เป็นที่หนึ่งสำหรับมึง  แล้วเราจะมีเซ็กส์กันไปเพื่ออะไร…
สุดท้ายผมก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ไม่อาจทนมองภาพไอ้พี่ก้านที่ยอมลงทุนเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ผมได้   เพราะถ้ามองมากไปกว่านี้  ผมกลัว…
กลัวตัวเองจะเจ็บปวดจนร้องไห้ออกมา
กลัวจะเก็บความรู้สึกมากมายที่มีให้มันไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ผมกลัว…
กลัว…
“ไอ้จ้าว…ไอ้จ้าว!!!”
“ฮะ!!!! อะ…อะไร”
ผมเอ่ยถามอย่างลนลานด้วยตกใจกับเสียงเรียกอันดังลั่นของไอ้ปั้น
“มึงเป็นอะไรวะ  ทำหน้าตาเหมือนคนกำลังจะฆ่าตัวตายเลย”
“เรื่องของกูไหม?  มึงอย่าเสือก!”
“กูก็ไม่ได้อยากเสือกำนักหรอก  ถ้ามึงไม่ทำหน้าน่าสมเพชขนาดนั้น!”
คำตอบของไอ้ปั้นทำให้ผมต้องมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกรถทันใด
บ้าน่า  ทำไม…
ทำไมผมถึงได้แสดงใบหน้าที่เจ็บปวดออกมาได้ขนาดนี้  ทำไม!!!
“น้องจ้าว…”
เหมือนไอ้ตัวต้นเหตุจะพอรู้แล้วว่าผมเป็นอะไร  มันมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำอธิบาย  แต่ใครจะไปสนกันล่ะ
ยังไงเสียคำตอบของมันก็คงจะเหมือนทุกๆครั้ง
ไอ้ปั้น  ไอ้ปั้น  และไอ้ปั้น!
ชาตินี้ทั้งชาติ  ผมไม่มีวันเทียบกับไอ้ปั้นได้หรอก…
ไม่รู้ทำไมพี่ก้านถึงได้รักมันขนาดนั้น  ทำไมต้องเสียสละทำเพื่อมันขนาดนั้น  น้องแท้ๆก็ไม่ใช่  ญาติกันก็ไม่ใช่  ก็แค่เพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันแค่นั้น
ทำไมต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้เพื่อมันด้วย!
“ไฟเขียวแล้วไอ้สัตว์  ไม่ไปกันหรือไง!”
ผมเปลี่ยนประเด็นแล้วชี้ไปที่สัญญาณไฟ  ไอ้พี่ก้านรีบออกรถทันทีเพราะรถด้านหลังเริ่มบีบแตรไล่แล้ว  ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง…
ไม่สิ
ไม่ปกติเลยสักนิด
ไอ้พี่ก้านมันจ้องผมผ่านกระจกมองหลังตาไม่กะพริบเลยต่างหาก!!!
ไอ้เหี้ย!  มองทางเว้ยมองทาง  จะมามองกูหาพระแสงอะไรเล่า!
“พี่ก้านๆ  ทางเลี้ยวนะพี่!  จะตรงลงเหวทำบ้าอะไรเนี่ย!”
หวังว่าจะถึงหมู่บ้านแสงจันทร์อย่างปลอดภัยนะ  เฮ้อ!!!

“ถึงสักที  ไชโย!”
ผมชูสองแขนขึ้นฟ้าอย่างดีใจ  สูดอากาศที่บริสุทธิ์ของชุมชนนี้เข้าปอดอย่างเต็มที่
ว่าแล้วเชียว  ที่ภูเขานี่กลิ่นหอมเย็นสบายสุดๆไปเลย  ถึงทะเลที่อยู่ชอบจะสวยงามแค่ไหนก็เถอะ  แต่ทะเลสำหรับคนที่ทำประมงนะ  ส่วนใหญ่ก็มีแต่กลิ่นคาวปลาทั้งนั่นแหละ
“ที่นี่สุดยอดไปเลยนะ  ต้นไม้เยอะมากเลย”
“ใช่ไหมล่ะครับ”
“เอาล่ะทุกคน  พี่ก้านว่าเราไปหาพ่อเฒ่าของหมู่บ้านกันก่อนดีกว่านะ”
“แล้วคนจากชุมชนอื่นล่ะครับ”
“คงแยกย้ายกันไปแล้วน่ะ  เพราะอาสาของแต่ละชุมชนต่างก็มีหน้าที่ต่างกัน  คนที่ช่วยทำฝายกัน้ำก็จะไปพักอีกจุดหนึ่ง  คนที่ช่วยทำทางก็ไปอีกจุดหนึ่ง  ส่วนพวกเราสี่คนจะช่วยกันทำโรงเรียนเล็กๆและสร้างห้องสมุดให้กับเด็กๆร่วมกับอาสาจากชุมชนอื่นประมาณสิบคน  เอาล่ะ  ถ้าเข้าใจแล้วก็เข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ถึงยังไงกูก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคนรวยๆอย่างกูทำไมจะต้องมาเป็นอาสาด้วยเนี่ย”
ไอ้จ้าวบ่นไม่เลิก
แต่ก็จริงของมัน  ผมเองยังแปลกใจเลยที่รู้ว่าไอ้จ้าวจะมาด้วย  เพราก็อย่างที่มันบอกนั่นแหละ คือมันรวย  มันเป็นคุณชาย  พ่อแม่งมีอิทธิพลคับฟ้า  แต่ไหงถึงยอมส่งลูกชายให้มาลำบากที่นี่ได้
แปลกใจจริงๆ
“มา  ฉันถือให้”
เจ้าชายที่เพิ่งเสร็จจากการดื่มด่ำในธรรมชาติหันมาคว้ากระเป๋าจากผมไปถือเอง   อะไรคือการมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษกับสุภาพบุรุษเหมือนกันอย่างผมล่ะเนี่ย!
“ปะ…ไปกันดีกว่าครับ”
ตัดบทมันดื้อๆแบบนี้นี่แหละ
พี่ก้านเดินนำพวกเราทุกคนไปยังบ้านที่เป็นจุดศูนย์กลางของที่นี่  มีชาวบ้านมากมายยืนรอกันอยู่แล้ว  เด็กๆในชุดแปลกๆเองก็ยืนออกันอยู่เพียบ  ภายในบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นศาลาเสียมากกว่ามีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่
หรือว่าคนๆนี้ก็คือ…พ่อเฒ่าที่พี่ก้านพูดถึง
“สวัสดีครับพ่อเฒ่า  พวกผมเป็นอาสาจากชุมชนน้ำทะเลครับ  ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า  พอดีรถขึ้นเขาสูงๆไม่ค่อยได้ก็เลยใช้เวลานานพอสมควรเลย”
อันนี้จริง  ทางขึ้นมาหมู่บ้านค่อนข้างชัน  กว่าจะขึ้นมาถึงนี่ได้พวกผมต้องลงแรงไปเข็นรถกับเส้นเอ็นในกายแทบจะขาด!
“ไม่เป็นไรหรอก  ขอบคุณมากๆเลยนะที่ยอมเสียสละเวลามาเพื่อหมู่บ้านเล็กๆของเรา”
“พ่อบังคับมาต่างหากล่ะตา”
“ไอ้จ้าว!”
ผมถลึงตาใส่มัน  เจ้าตัวเลิ่กลัก  ดูแปลกใจมากว่าทำไมตัวเองถึงถูกโกรธใส่
ไอ้เวรเอ๊ย  พูดะไรไม่คิด!
“พวกเราจัดบ้านที่จะใช้สำหรับพักไว้ไห้แล้วล่ะนะ  อาจจะไม่ใหญ่โตอะไรเป็นเพียงแค่กระท่อมเล็กๆ  แต่ก็จะพยายามดูแลพวกคุณอย่างดีเลยล่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมกับพี่ก้านยกมือไหว้ขอบคุณ  เหลือก็แค่ไอ้เจ้าชายผู้ไม่ค่อยเข้าใจมารยาทของมนุษย์เท่าไหร่นักกับไอ้คุณชายจอมหยิ่งผยองเท่านั้น
เฮ้อ… จะรอดไหมเนี่ย
“ห้องพักของคุณทั้งสี่อยู่ปลายหมู่บ้านตรงโน้นนะ  มีที่กว้างขวาง มีทุ่งหญ้าด้วยล่ะ  เชิญตามสบายเลยนะ”
“ขอบคุณมากครับพ่อเฒ่า”
“จริงสิ  ก่อนอื่นต้องจับสลากไม้นี่ก่อนนะ  เพื่อแบ่งว่าใครจะได้นอนคู่กับใคร  มันเป็นประเพณีของหมู่บ้านที่ต้องปล่อยให้เจ้าป่าเจ้าเขาท่านเป็นผู้ตัดสิน”
คำพูดของผู้เฒ่าทำเอาพวกผมสี่คนมองหน้ากันโดยพลัน  สลากไม้เล็กถูกคุณลุงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อเฒ่ามาตลอดส่งให้
“เชิญเลยจ้าๆ  เลือกกันคนละ 1 อันนะ  ใครได้สีที่ปลายไม้เหมือนกันก็นอนด้วยกันเลย”
“เอ่อ  แต่ว่าพวกผม”
“รูปปั้น  ไมเป็นไรหรอก”
พี่ก้านค้านเอาไว้
ไม่เป็นไรห่าอะไรล่ะ!  พวกมึงไม่เป็นแต่กูเนี่ยเป็น!  ถึงกระท่อมสองหลังมันจะไม่ได้ห่างกันถึงสองร้อยเมตรก็เหอะ  แต่ถ้าได้นอนแยกห้องกับเจ้าชายจริงๆมันก็อดเป็นห่วงว่าความจะแตกไม่ได้อยู่ดี!
ฉิบหายแล้วไอ้ปั้นเอ๊ย
“เอาสิ  จับเลย”
คุณลุงเร่งอีกครั้ง  สุดท้ายพวกเราต่างก็ต้องจับไปที่ด้ามไม้กันคนละหนึ่งอัน  ก่อนที่จะดึงขึ้นมาดูสีที่ตนได้และรูมเมทของตัวเอง!
“เฮ้ยยย!”
นรกขุมไหนกลั่นแกล้งผมถึงขนาดนี้!!!

ผม VS ไอ้จ้าว…
เจ้าชาย VS พี่ก้าน…

เอาจริงดิ?!!!



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วนะค้า   ความซวยกำลังจะบังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีการสลับคู่เกิดขั้น  ก๊ากกกก 5555+  แต่ละต่างก็เป็นศัตรูคู่กัดกันเสียด้วย  แล้วต้องมาเป็นรูมเมทกันเป็นอาทิตย์แบบนี้  จะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย  ที่สำคัญคือ…เจ้าชายจะไม่ทำโก๊ะจนความลับแตกจริงเหรอ??  มาเอาใจช่วยน้องปั้นกับเจ้าชายกันด้วยน้า

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link
หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ฝากติดตามด้วยจ้าา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 12
เจ้าชายกับค่ายอาสา (2)

“เข้าใจแล้วนะครับ   ห้ามพูด ห้ามตอบอะไรพี่ก้านเด็ดขาด  แล้วก็ท่องให้ขึ้นใจเลยว่าห้ามใช้สรรพนามข้ากับเจ้าเด็ดขาด!”
“แต่ข้าอยากหลับนอนกับเจ้ามากกว่านะ”
“นอนหลับก็พอครับ”
ผมขัด
“ก็นั่นแหละ  เรื่องอะไรข้าต้องนอนกับมนุษย์คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าด้วยล่ะ”
“ผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้หรอกครับ  แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ  ยังไงก็แล้วแต่  คุณห้ามทำความลับเรื่องที่เป็นเงือกแตกเด็ดขาดนะครับ  แล้วก็อย่าชมวิวเพลินจนเผลอห่างจากผมเกินสองร้อยเมตรล่ะ”
“แต่ว่า…”
“ถือว่าผมขอร้อง  การมาที่นี่ผมไม่สามารถตัวติดกับคุณและดูแลคุณตลอดเวลาได้  อย่างน้อยๆก็ขอแค่ระวังตัวเองไม่ให้ถูกจับได้ก็พอ  ช่วยผมเร่องนี้ได้ไหมครับ”
“เจ้าเล่นพูดมาซะขนาดนี้ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ”
เจ้าชายหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ
ก็พอเข้าใจหรอกนะว่าเขารู้สึกยังไง  ผมเองก็ไม่ได้อยากแยกกันนอนแบบนี้เสียหน่อย  แต่ในเมื่อมันคือความเชื่อของหมู่บ้านนี้  ผมจะไปทำอะไรได้
“ไปกันเถอะครับ”
ส่งยิ้มหวานให้เจ้าชาย  ไม่ใช่แค่เจ้าชายเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง  ตัวผมเองก็รับศึกหนักไม่แพ้กันเลย  ต้องมาเป็นรูมเมทกับไอ้จ้าวเนี่ยนะ…
จะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ไหมยังไม่แน่ใจ
มันอาจจะฆ่าผมตายคามือในตอนที่อยู่กันสองคนก็ได้
แต่…! นับว่าเป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกัน  เพราะผมจะได้มีเวลาค้นหาความจริงเรื่องพี่ดาวมากขึ้น  เพราะผมมั่นใจว่าไอ้จ้าวต้องปิดบังอะไรไว้!

โครม!!!
กระเป๋าเป้ราคาแพงถูกเจ้าของโยนทิ้งไปมุมห้องเต็มแรง  ก่อนที่มันจะเดินสำรวจไปทั่วกระท่อมสี่เหลี่ยมแคบๆด้วยสายตาดูถูก
“โสโครกชะมัด  ใครจะไปอยู่ได้กันวะ”
“ถ้ามึงคิดจะมองหาโรงแรมแถวนี้ล่ะก็กูบอกเลยว่าไม่มี  ได้แค่นี้ก็บุญหัวแล้วเหอะ  ถ้าเรื่องมากนักจะมาทำซากแมวอะไรตั้งแต่แรก!”
“ต้องให้กูแหกปากกี่รอบมึงถึงจะเข้าใจว่ากูโดนบังคับมา!  เต็มใจเสียที่ไหนล่ะ”
“นึกว่าเต็มใจมาเพราะพี่ก้าน”
ผมลอยหน้าลอยตาตอบอย่างรู้ทัน
คนถูกรู้ทันหันขวับมาจ้องตาเขม็งใส่ราวกับจะกินเลือดแทะเนื้อ
“มึงก็เหมือนกันนั่นแหละ  กับไอ้หัวเขียวนั่น  ดูยังไงก็ผัวเมียชัดๆ”
“มะ…ไม่ใช่นะเว้ยย!”
“เออ  ของกูก็ไม่เหมือนกัน”
“กูไม่เชื่อ  ท่าทางของมึงกับพี่ก้าน ดูก็รู้ว่าได้เสียกันแล้ว!”
“อ๊ากกก  ไอ้เหี้ยปั้น  มึงจะเสียงกังหาพ่อมึงเหรอ!”
ไอ้จ้าวปรี่เข้ามาอุดปากผมพลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวง
ความจริงก็แค่ทำปากหมาพูดไปงั้นๆเพราะหมั่นไส้ความเรื่องเยอะในหลาๆยเรื่องของมัน  แต่ดูท่าว่าเรื่องหมาๆที่ผมพ่นออกไปด้วยความมั่วนั้นจะเริ่มมีมูลขึ้นมาแล้วสิ
ไอ้จ้าวกับพี่ก้าน…
ตีลากาคิดก็ยังนึกภาพไม่ออกว่ามันจะไปได้กันอีท่าไหน!
“มองอะไรวะ”
อีกฝ่ายเอ่ยคำถามเมื่อสัมผัสได้ว่ากำลังถูกผมจ้องตาไม่กะพริบ
มันค่อยๆเอามือที่อุดปากผมอยู่ออกแล้วมูฟตัวไปยืนเก้ๆกังๆที่มุมห้อง  ผมพยายามที่จะสบตากับมันแต่มนก็หลบตาตลอด
ให้ตายสิ  ปากบอกว่าไม่แต่การกระทำมึงชัดเจนฉิบหาย
“ไอ้จ้าว  เอาจริงดิ?”
“มึงพูดเรื่องอะไร”
“พี่ก้านไง  ถ้ากูเดาไม่ผิด  มึงกับพี่ก้าน…”
“…”
“…”
“…”
“…”
“เพราะแบบนี้แหละ”
“…”
“เพราะแบบนี้กูถึงเกลียดมึง”
“…”
“เพราะมึงมันรู้ทันกูทุกเรื่อง  และกูไม่เคยโกหกมึงได้เลย”
ไอ้จ้าวทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนสุดๆ  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็น  ปกติแล้ว  คนเดียวบนโลกใบนี้ที่เคยเห็นน้ำตาของมันก็คือพี่ดาว  ไอ้จ้าวมันเกลียดการถูกเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นมากที่สุด  ก็เลยชอบเข้มแข็งห้าวหาญเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคน  ทั้งที่ความจริงแล้วตัวมัน…
อ่อนแอและต้องการคนเคียงข้างตลอดเวลา
ไม่สงสัยเหรอว่าลูกคนรวยอย่างไอ้จ้าวทำไมถึงเคยเป็นเพื่อนกับคนจนๆอย่างผม  นั่นก็เพราะ…ชีวิตของมันโดดเดี่ยวมาตลอด  แม่ก็เอาแต่ออกงานสังคมเพื่อเพิ่มบารมีให้กับวงศ์ตระกูล  ส่วนพ่อก็ทำงานงกๆไม่เคยสนใจไยดีอะไรนอกจากให้เงิน  ชีวิตของไอ้จ้าว…มีความว่างเปล่าเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก  และพี่ก้าน…คือคนแรกที่ดึงมันเข้ามาในกลุ่ม  พวกเราคือเพื่อนกลุ่มแรกของมัน
“อย่ามองกูนะ”
“…”
“มึงห้ามมองกูตอนนี้เด็ดขาดเลย”
ไอ้จ้าวดูตัวเล็กกว่าเดิมมาก
มันนั่งชันเข่าขึ้นมาแล้วซบหน้าลง  น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเมื่อครู่สั่นเครือจนผมรู้สึกได้ว่าคนพูดกำลังร้องไห้
ร้องไห้จากภายใน…
ไอ้พี่ก้าน…
มึงทำเหี้ยอะไรกับไอ้จ้าววะเนี่ย!!!
ปัง!!!
ผมปิดประตูกระท่อมอย่างแรงจนสั่นไปทั้งกระท่อม  เดินดุ่มๆพุ่งตรงไปยังกระท่อมข้างๆ  พอเปิดเข้าไปก็ต้องพบกับบรรยากาศอันสุดแสนจะอึมครึม  นี่ถ้ามีภาพประกอบก็คงจะเห็นควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากกระท่อมหลังนี้เลยล่ะ
“ปูนปั้น!”
เสียงเจ้าชายเรียกชื่อมผอย่างดีใจก่อนจะพุ่งเข้าหาเป็นเด็กๆ
ต่างจากไอ้พี่ก้านที่มองตามตาเขียวปั๊ด
“พี่ก้าน”
ผมเรียกไอ้พี่ชายตัวดีเสียงเขียว  คนถูกเรียกเหวอไปเล็กน้อยเพราะเป็นอันรู้กันว่าหากผมทำน้ำเสียงแบบนี้เมื่อไหร่  แสดงคนถูกเรียกกำลังจะงานเข้า
“จ๋าจ้ะ  ทำน้ำเสียงน่ากลัวเชียว  มีอะไรกันน้า~”
“ไม่ต้องมาทำแบ๊ว!  พี่ทำอะไรไอ้จ้าวไว้ฮะ”
“น้องจาวเหรอ?  เอ…ก็เปล่านะ  พี่ก้านไม่ได้…”
“มึงได้”
“ฮะ?”
“มึงได้มันแล้วใช่ไหม”
ผมจ้องตาพี่ก้านอย่างไม่ลดละ  ถ้าวันนี้กูคาดคั้นเอาความจริงจากใครไม่ได้คงจะอกแตกตาย  ถึงผมกับไอ้จ้าวจะเป็นศัตรูกันสานานมากกว่าตอนเป็นมิตร  แต่ไม่ว่ายังไง  ผมก็คิดว่าไอ้จ้าวคนเดิมน่ะดีที่สุด  การที่มันดูหมดอาลัยตายอยากเหมือนคนอมทุกข์แบบวันนี้โคตรเป็นอะไรที่น่ารำคาญ!
“ไม่มีอะไรหรอกรูปปั้น  มันก็แค่เรื่องผิดพลาดนิดหน่อย  พี่ก้านไม่เห็นใครสำคัญไปกว่ารูปปั้นแน่นอน  พี่ก้านมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อรูปปั้นเท่านั้นนะ”
ไอ้พี่ก้านพูดเสียงอ่อน  ตรงเข้ามาหาผมพร้อมโปรยยิ้มอ่อนโยนเหมือนที่ชอบทำ
“มันพูดถูก”
“ไอ้จ้าว!”
“น้องจ้าว…”
“มีคนมาตามให้ไปดูที่ที่จะต้องสร้างห้องสมุดกัน  กูแค่แวะมาบอกเท่านั้น”
“มึงได้ยิน…”
“อ้อ!  แล้วึมงก็ไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องของกูนะไอ้ปั้น  สิ่งที่ไอ้ก้านพูดน่ะถูกแล้ว  ก็แค่เรื่องผิดพลาด  ไม่มีอะไรที่มึงต้องมาสนใจหรือว่าให้ค่าหรอก”
“ไอ้จ้าว”
“น้องจ้าว  คือว่า…”
“ชีวิตกู  ร่างกายกู  ยังไงมันก็ไม่มีค่าตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว  จะไปมีปัญหาอะไรมากมายถ้าจะมีเพิ่มมาอีกสักคนเพื่อมาทำร้ายมัน”
น้ำเสียงของไอ้จ้าวนิ่งทว่าอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดจนหัวใจผมปวดร้าวตามไปด้วย
“กูมันโง่เอง  ที่ปล่อยตัวให้กับมัน  เพราะยึดติดความคิดตั้งแต่เด็กของตัวเองว่ามันคือเทวดาประจำตัวของกู  มันเข้ามาเพื่อมอบความสุขที่กูไม่เคยได้รับให้กับกู  แต่ไม่ใช่  กูผิดคิด”
“…”
“ไม่ว่าจะมันหรือว่ามึง  ทุกคนล้วนแล้วแต่มาเพื่อสร้างบาดแผลยิ่งกว่าที่ป๊ากับม๊าทำไว้ให้กูทั้งนั้น  นอกจากพี่ดาวแล้ว  ไม่มีใครสักคนที่มองเห็นค่าชีวิตกูจริงๆ  ทุกคนเห็นกูเป็นตัวตลก  เป็นของเล่น  เป็นที่ระบายอารมณ์เวลาหาทางออกไม่ได้  กูมันก็เป็นได้แค่นั้น”
“มึงเข้าใจผิดแล้วไอ้จ้าว  ไม่ว่ามึงจะคิดยังไง  แต่สำหรับกู  กูไมเคยคิดแบบนั้นกับมึง”
“หุบปาก!”
“…”
“มึงนั่นแหละตัวดี”
“…”
“มึงนั่นแหละทำลายความสุขของกู  ไอ้ปั้น!!!”
ไอ้จ้าวตะโกนกร้าวด้วยแววตาวาวโรจน์ก่อนจะวิ่งหายออกไป  พี่ก้านที่ยืนนิ่งอึ้งกับความในใจครั้งแรกของมันก็รีบวิ่งตามไปติดๆ
วันนี้มันวันส้นตีนอะไรกัน
ผมไม่เคยรู้เลยว่าที่ผ่านมาไอ้จ้าวคิดแบบนั้นมาตลอด  มันมองโลกใบนี้ในแง่ร้ายขนาดนั้นเชียวเหรอ
“ปูนปั้น…”
“ผมเกลียดมัน”
“…”
“ผมเกลียดไอ้จ้าว  เกลียดเพราะมันเกลียดผม  เกลียดเพราะมันไม่ยอมเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิม  เกลียดคำพูดร้ายกาจของมัน  เกลียดทุกอย่าง  ทั้งที่เกลียดมันขนาดไหน  แต่ทำไม…ทำไมผมถึงเจ็บปวดเวลาทีเห็นมันเจ็บ  ผมไม่เข้าใจเลย”
ผมตั้งคำถามใส่เจ้าชาย
หมับ…
“ไม่เห็นจะยากตรงไหน  คำตอบมันก็ตายตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดแนบแน่น  ฝ่ามือใหญ่กดลงบนหัวแล้วลูบไปมาอย่างอ่อนโยน  ผมค่อยๆยกแขนขึ้นกอดเขากลับ  ซุกหน้าลงกับอกกว้างเพื่อหาที่พึ่งพิง
“เจ้าน่ะ  ชอบหมอนั่น”
“…”
“เพราะว่าชอบมาก  ถึงได้เจ็บปวดที่ถูกเกลียดไม่ใช่หรือไง”
“ไม่จริงหรอก  ผมน่ะเหรอ…”
ผมน่ะเหรอ  จะชอบมัน…

พลั่ก!
‘อ๊ากกก  ไอ้จ้าว  มึงเตะกูทำไมวะ!’
‘แล้วมึงทำอะไรล่ะ  ใครอนุญาตให้มึงแกล้งไอ้ปั้น!’
‘ไอ้จ้าว…’
ปูนปั้นวัยหกขวบที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะถูกแกล้งและถูกล้อเรื่องไม่มีแม่มองหน้าเพื่อนรักที่มาช่วยด้วยความซาบซึ้งใจ
‘มึงจะไปสนใจเด็กไม่มีค่าอย่างมันทำไม  จนก็จน แม่ก็ไม่มี  เนื้อตัวก็มอมแมมอย่างกับขอทาน  มึงไม่ต้องไปให้ค่ามันหรอก!’
‘ไอ้ปากหมา!   ถึงใครจะมองไอ้ปั้นไม่มีค่าก็ช่าง  แต่สำหรับกู  ไอ้ปั้นมีค่า  มันเป็นเพื่อนรักของกู  ใครก็ห้ามแตะต้อง!’
‘มึงมันบ้าไปแล้วไอ้จ้าว!  พ่อกับแม่มึงต้องไม่พอใจแน่ที่มาคบกับขยะอย่างมัน’
‘มึงจะไม่หยุดเห่าใช่ไหม  งั้นเจอหมัดทะลวงไส้ของกูหน่อยเป็นไงฮะ  เอาไหม!’
‘ปะ…ไปเว้ย!  ไอ้จ้าวมันบ้าไปแล้วพวกเรา!’
บรรดาลูกคนรวยแต่เกเรพากันวิ่งหนีจ้าละหวั่นเมื่อเห็นท่าทางของจ้าวเอาจริง
‘ไอ้จ้าว…’
‘ไม่เป็นไรใช่ไหมปั้น  เจ็บหรือเปล่า’
‘ไม่หรอก  ขอบใจมากนะที่มาช่วย  แต่ว่า  ทำแบบนี้แล้วจ้าวจะไม่เดือดร้อนเหรอ  ถ้าพวกนั้นไปฟ้องพ่อกับแม่ของจ้าวล่ะ’
‘ก็ช่างสิ  สำหรับฉัน  ปั้น  พี่ก้าน  แล้วก็พี่ดาวต่างหากที่เป็นครอบครัว  คนอื่นฉันไม่สนหรอก’
จ้าวฉีกยิ้มอย่างใจดีให้กับปูนปั้น  ก่อนจะช่วยพยุงเพื่อนรักขึ้นมาท่ามกลางสายตาของหญิงชายคู่หนึ่งที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล
‘ปั้น  จ้าว  พวกพี่มารับกลับบ้านครับ’
‘พี่ก้าน  พี่ดาว!’
เด็กน้อยทั้งสองรีบวิ่งไปหาผู้มาเยือนด้วยความดีใจ  เสียงหัวเราะเล็กๆเกิดขึ้นและเต็มไปด้วยความสุขที่ทุกคนคิดว่ามันจะคงมีอยู่ตลอด
แม้ว่าสุดท้ายแล้ว  โชคชะตาจะพลิกผันไปตลอดกาลก็ตาม…

นั่นสินะ 
จำได้แล้วล่ะ
ผมจำความรู้สึกตอนที่ชอบไอ้จ้าวได้แล้ว 
“จะทำยังไงดี  ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ไม่เข้าใจไอ้จ้าวที่จู่ๆก็เกลียดผม  ไม่เข้าใจพี่ก้านที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป”
ผมระบายทุกสิ่งออกมาอย่างหมดเปลือก
หลังจากเหตุการณ์ที่ไอ้จ้าวมาช่วยผมคราวนั้น  ผ่านมาอีกสองปี  พี่ก้านก็เปลี่ยนไปเป็นคนละตุ๊ด  กลายมาเป็นลุงตุ๊ดอย่างในทุกวันนี้  ส่วนไอ้จ้าวก็เกลียดผมทันทีในเวลาไล่เลี่ยกับที่พี่ก้านเปลี่ยนไป  และเป็นตอนนั้นเองที่พี่ดาวอาการทรุดจนต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยขึ้น  จนสดท้ายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลอีกเพราะร่างกายอ่อนแอมาก
ความสุขที่เคยมีเราสี่คนหายไปในพริบตา…
จะว่าไป  รู้สึกว่าจะเป็นตอนนั้นสินะ  ที่เด็กคนนั้นปรากฏตัวขึ้น  ก่อนจะหายตัวไปและไม่กลับมาอีกเลยหลังจากพวกเรารู้จักกันได้เพียงสองอาทิตย์…
คนที่ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา  แต่คิดว่าน่าจะเป็นลูกของชาวประมงที่มาพักแถวนั้นชั่วคราว  เพราะเจอกี่ทีๆก็ว่ายน้ำอยู่ตลอดเลย
“เงียบทำไมล่ะ  คิดอะไรอยู่เหรอ?”
เสียงของเจ้าชายทำให้ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง
การนึกถึงความหลังในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ตัวเองลืมไปแล้วขึ้นมาได้ตั้งแต่เรื่อง  เพราะเรื่องเหล่านั้นมีแต่สร้างความเจ็บปวดให้  ผมก็เลยพยายามลบมันออกไปและไม่คิดถึงมันอีก  เกือบลืมไปจนหมดแล้วสิ  ว่าในชีวิตของผม  ยังมีเรื่องราวของเด็กคนนั้นอยู่ด้วย 
เด็กผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่ผมไม่เหลือใคร…
ที่สำคัญ…เหมือนเราจะมีสัญญาบางอย่างต่อกันเสียด้วยสิ  สัญญาอะไรกันนะ  มันนานเสียจนผมจำไม่ได้แล้ว  ก็แหงล่ะ  ผ่านมาสิบสองปีแล้วนี่นา  ใครจำได้ก็ฝังเมมโมรี่ไว้ในหัวสมองแล้วเหอะ!  แค่พยายามนึกว่าเจอกับเด็กคนนั้นที่ไหนและเมื่อไหร่  ผมยังนึกไม่ออกเลย
สมองของเด็กแปดขวบในตอนนั้น…
เคยคิดจะจำอะไรบ้างไหมเนี่ย  อ๊ากกก!
“เจ้าชาย…”
“จ๋า  เมียจ๋า”
เอิ่ม…
ตอบกลับเสียจนกูลืมเรื่องที่จะพูดเลยไอ้เจ้าชายชีกอ!!!
“คุณ…”
“ทุกคนครับ!  คืนนี้จะมีพายุเข้า  ผู้เฒ่าให้ผมมาเตือนว่าอย่าออกไปนอกบริเวณหมู่บ้านนะครับ  เพราะในป่ามีทางลาดชันเยอะ  จะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ…”
“…”
“เอ่อ…แล้วอีกสองคน…ไปไหนแล้วล่ะครับ?”
ชาวบ้านที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในกระท่อมพูดค้างไว้แค่นั้นพลางมองไปรอบๆเพื่อหาตัวพี่ก้านและไอ้จ้าว
“สองคนนั้น…”
ผมชี้ออกไปทางด้านนอกซึ่งเป็นทางไปนอกหมู่บ้าน
ทั้งผมและเขามองหน้ากัน  ก่อนที่ชาวบ้านคนนั้นจะรีบวิ่งกลับไปทางบ้านของผู้เฒ่าด้วยท่าทางร้อนรน
ฉิบหายแล้วไง  พี่ก้านกับไอ้จ้าว!
หมับ!
“ไปกันเถอะครับเจ้าชาย”
“เดี๋ยวสิ  เจ้าจะไปไหน?”
“ถามได้  ก็ตามหาพี่ก้านกับไอ้จ้าวไง  ไม่ได้ยินเหรอว่าคืนนี้จะมีพายุ  แล้วสองคนนั้นก็ออกไปนอกหมู่บ้านแล้วด้วยนะ!”
พูดไปพลางจับมือพาเจ้าชายวิ่งไปพลาง
หวังว่าคงยังไปไม่ได้ไกลหรอกนะ  พี่ก้าน  ไอ้จ้าว…


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วนะค้า   มีดราม่าเบาๆสำหรับตอนนี้  พี่ก้านช่างใจร้ายกับน้องจ้าวจริงๆ  แล้วแบบนี้คู่นี้จะลงเอยกันยังไงล่ะเนี่ย  ส่วนน้องปั้นกับเจ้าชาย…โมเม้นโรแมนติกเอ็งสองคนจะเยอะไปไหนฟะ  แบ่งให้คู่รองเขามั่งเหอะ  นั่นดราม่าน้ำจาจะท่วมโลกแล้ว 5555+  ดูเหมือนว่าน้องปั้นของเราจะพอนึกเรื่องราวตอนเด็กๆออกบ้างนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด  เด็กในความทรงจำลึกๆของน้องปั้นคือใคร  แล้วเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง?  อยากรู้ต้องติดตามกันต่อไปจ้า

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link
หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ฝากติดตามด้วยจ้าาา ^^

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 13
เจ้าชายกับค่ายอาสา (3)
ค่ำคืนที่มีแค่ ‘เรา’
 
ครืน…ครืน…
เสียงฟ้าคำรามและมืดมิดบ่งบอกได้ว่าพายุได้มาเยือนเป็นที่เรียบร้อย  ขณะที่ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ก้านหรือว่าไอ้จ้าว  เจ้าชายเองก็ชวยผมแหกปากตะโกนเรื่องสองคนนั้นจนเสียงแทบจะไม่เหลือแล้วแต่ก็ไร้วี่แวว
บ้าเอ๊ย!
วิ่งหนีกันไปจนถึงไหนแล้วเนี่ย!
“ไอ้จ้าว!  พี่ก้าน!  เฮ้!  ได้ยินไหม  ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วย  เฮ้!”
“พอเถอะน่า  เจ้าตะโกนมาร่วมชั่งโมงแล้วนะ  อีกอย่างนี่ก็เริ่มค่ำแล้วด้วย  ข้าว่าเราหาที่พักก่อนฝนจะตกดีกว่า  หาไม่เจ้ากับข้านี่แหละที่จะหลงป่าเสียเอง”
“แต่ว่า…”
“เชื่อข้า  สองคนนั้นเองก็คงไม่โง่พอที่จะเดินต่อไปท่ามกลางพายุหรอก”
ก็จริงอย่างที่เจ้าชายว่า
ยังไงเสียพี่ก้านก็ไม่ยอมให้ไอ้จ้าวเป็นอะไรไปแน่  ผมพยักหน้ารับคำพูดของเจ้าชาย  เราสองคนพากันสอดสายตามองหาสถานที่ที่พอจะพักอาศัยและหลบฝนได้
เจ้าชายมองซ้ายมองขวาก่อนจะไปหยุดอยู่ที่น้ำตกตรงหน้า  เขาจ้องมองไปตรงผิวน้ำอยู่เนิ่นนาน  สงสัยจะคิดถึงบ้านเกิด  เมื่อคิดแบบนั้นผมก็ตัดสินใจที่จะเป็นคนหาที่พักในคืนนี้เองเพราะอยากจะให้เจ้าชายได้รำลึกความหลังต่ออีกหน่อย
“ทางนั้น”
เจ้าชายชี้ไปในป่าที่แสนมืดมิดจนมองไม่เห็นว่าด้านในมีอะไรอยู่  แต่ยังไม่ทันจะได้ท้วงถาม  เขาก็คว้ามือผมพาเดินไปทางนั้นอย่างมั่นอกมั่นใจ
เราสองคนเดินไปในความมืด  สายฝนโปรยปรายลงมาพอให้ตัวเปียก  เพียงไม่นานก็มาถึงปากถ้ำเล็กๆที่ด้านในเป็นทางตันแต่ก็พอจะให้หลบฝนและนอนพักได้ในคืนนี้
“ทะ…ทำไมคุณถึงรู้ล่ะว่ามีถ้ำอยู่ในนี้  เมื่อกี้คุณพาผมเดินมาอย่างมั่นใจเลยนะ!”
“ปลาในน้ำตกนั่นบอกข้าน่ะสิ”
“ปลา?”
“อย่าลืมสิว่าข้าก็เป็นปลานะ  ภาษาปลานอกจากข้าแล้วจะมีใครฟังออกบ้างล่ะ?”
ที่แท้ไอ้ที่จ้องน้ำตกจนตาแทบจะถลนนั่นก็ไม่ใช่เพราะคิดถึงบ้านเกิด  แต่เพราะกำลังสนทนาประสาปลากันอยู่หรอกเรอะ!
เหอะๆ  ผมควรดีใจหรือตกใจดีนะ
ซ่า!!!
หลังจากเข้ามาหลบฝนในถ้ำได้ไม่ถึงนาที  พายุก็เทกระหน่ำลงมาพร้อมฝนอย่างหนักจนเราสองคนต้องเบียดเสียดกันแนบชิดกับผนังถ้ำเพื่อไม่ให้น้ำฝนกระเด็นมาโดนมานัก
เอิ่ม…
บรรยากาศชวนเสียตัวแบบนี้คืออะไรฟะ!
“ทะ…ที่แคบเนอะ”
ไม่ต้องมาเนอะเลยมึง!
ความมืดทำให้ผมมองไม่ค่อยออกนักว่าเจ้าชายกำลังทำสีหน้ายังไง  แสงจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาก็ไม่อาจต้านทานพายุได้  ผลสุดท้ายเราต่างก็เห็นอีกงฝ่ายเป็นเพียงเงาดำลางๆเท่านั้น
“เจ้าหนาวหรือเปล่า”
“ไม่”
ตอบทันควัน
กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่  กะจะใช้มุกหนาวแล้วเอาเนื้อห่มเนื้อล่ะสิ  เสียใจ กูไม่โง่โว้ยยย!
“แต่ข้าหนาว”
ว่าพลางเบียดตัวเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม  ซ้ำยังถือวิสาสะตวัดวงแขนโอบผมเข้าไปในอ้อมกอดอีกด้วย!
“นี่คุณ!  คุณเป็นเงือกนะ  จะมาหนาวอะไร  เกิดในน้ำไม่เหรอครับ!”
“ข้าเกิดในน้ำทะเลไม่ใช่น้ำฝน  โดนน้ำฝนมากมายก็มีสิทธิ์ไม่สบายเหมือนมนุษย์เฉกเช่นเจ้านั่นแหละ”
“เงือกก็ไม่สบายได้ด้วยเหรอครับ?”
“ข้าทำได้ทุกอย่างและเป็นได้ทุกอย่างเหมือนมนุษย์  แม้แต่เรื่องอย่างว่า  ข้าก็ทำเหมือนมนุษย์เช่นกัน”
“คุณรู้ได้ไงว่ามนุษย์เขาทำกันแบบไหน…”
“หึๆ…”
“ยะ…อย่าบอกนะว่าลุงข้างบ้านผมเปิดอะไรให้ดูน่ะ!”
“เขาเรียกว่าศึกษาต่างหากล่ะปูนปั้น”
ขะ…ขอกรี๊ดจะได้ไหม…!
ไอ้ลุงบ้านั่นสอนอะไรให้เจ้าชายอีกแล้วล่ะเนี่ย!  นับวันยิ่งสูบด้านลบของมนุษย์เข้าสมองเรื่อยๆแล้วสิ  ไม่มีอะไรดีๆเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจ้าชายทำตามเลยแม้แต่เรื่องเดียว!
“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะครับ  ผมไม่ชอบ”
“แต่ข้าชอบ”
“แต่ผมไม่ชอบไง!”
ฟังแล้วหัวใจมันสยิวกิ้วแปลกๆ  ในท้องก็โหวงเหวงเหมือนถูกขโมยลำไส้อีกด้วย!
สุดท้ายเราสองคนก็จมลงไปในความเงียบโดยที่นอกถ้ำยังคงมีห่าฝนถล่มอยู่  ไม่รู้ป่านนี้ไอ้พี่ก้านกับไอ้จ้าวจะเป็นยังไงบ้าง  ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ก็คงดี  ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมพี่ก้านต้องทำเหมือนผมสำคัญมากจนถึงขั้นยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อผมได้  ทั้งที่ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความเป็นพี่น้อง  และพี่ก้านเองก็ไม่เคยมีท่าทีจะคิดกับผมมากเกินกว่าพี่น้องเลยสักครั้ง  แต่ว่า…เพราะอะไรกันนะ?
ถ้าผมคิดไม่ผิด  คนที่พี่ก้านรักมาตลอดก็คือไอ้จ้าวนั่นแหละ  เพราะว่าคืนนั้น…ตอนพวกเราอายุเจ็ดขวบ  ผมเห็น…
ผมจำทุกได้แม่นแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
เฉพาะเรื่องนั้น…
แค่เรื่องเท่านั้นที่ลืมไม่ลง
 
‘เจอไหมรูปปั้น  ดาว’
‘ไม่เจอเลย  ไปไหนของเขากันนะ?’
‘ผมก็ไม่เจอเหมือนกัน  พี่ก้าน  ผมเป็นห่วงไอ้จ้าว  จ้าวจะเป็นอะไรไหม?’
‘ไม่ต้องห่วงนะ  พี่ไม่ยอมให้จ้าวเป็นอะไรไปแน่  แยกย้ายกันหาอีกรอบเถอะ’
ก้านบอกทุกคนแล้วออกตัววิ่งเพื่อตามหาจ้าวต่อ  การกระทำของเขาอยู่ในสายตาน้อยๆของปูนปั้นตลอดเวลา  สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล  อาการเป็นห่วงที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนนั้น…
เด็กน้อยอมยิ้ม  แม้จะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายมากนัก  แต่การที่มีใครสักคนแสดงออกว่ารักและเป็นห่วงเพื่อนของเขามากขนาดนี้ก็ทำให้ปูนปั้นมีความสุขไม่น้อย
ร่างเล็กวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพื่อนรักที่ทะเลาะกับพ่อจนหนีออกจากบ้านมาหลังถูกักบริเวณไม่ให้ออกจากห้องมาสามวันเต็ม  แต่สุดท้ายจ้าวก็หนีออกมาจนได้  พอทุกคนทราบเรื่องจึงช่วยกันตามหาจ้าละหวั่น
ปูนปั้นวิ่งวนตามหาทั่วหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบ  เขาตะโกนเรียกชื่อเพื่อนมาตลอดทางที่จะกลับไปรวมตัวกับคนอื่นๆที่แยกย้ายกันไปตามหา  แต่ระหว่างนั้นเอง  เด็กน้อยก็บังเอิญหันไปเห็นร่างคุ้นเคยของคนสองคนอยู่บนโขดหินริมชายหาดท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปบนท้องทะเล
‘อุ๊บ!’
สองมือยกขึ้นปิดปากแน่นด้วยตกใจกับสิ่งที่เห็น
จ้าวที่สภาพเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักจนเหนื่อยจึงผล็อยหลับไปในอ้อมกอดและนั่งอยู่บนตักของก้านถูกชายหนุ่มก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบาด้วยความอ่อนโยน  ความรักส่งผ่านแววตาของเด็กหนุ่มวัยสิบหาปีอย่างชัดเจน
กร๊อบ!
ด้วยความตกใจ  ปูนปั้นจึงเผลอถอยหลังเหยียบกิ่งไม้เข้าอย่างจัง  ส่งผลให้ก้านรู้ตัวว่าถูกมอง  เขาเงยหน้ามองมาทางต้นเสียงก่อนจะเอียงคอส่งยิ้มให้คนแอบดูอย่างอ่อนโยน
‘ความ-ลับ-นะ-ครับ’
ก้านพูดเน้นทีละพยางค์แบบไม่มีเสียง  แต่ปูนปั้นก็อ่านปากเขาออก
เด็กน้อยพยักหน้ารับทั้งที่ในใจยังอึ้งกับสิ่งที่เห็นอยู่ไม่น้อย
 
แล้วทำไมกันนะ  ทั้งที่ในใจของพี่ก้านเองก็คิดแบบเดียวกันกับไอ้จ้าว  แต่ทำไมต้องเลือกที่จะทำเพื่อผม  คิดยังไงก็คิดไม่ออกโว้ยยย!
“ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นนิดหน่อยแล้วนะ”
เจ้าชายที่ยังตีเนียนนั่งแนบชิดสนิทข้างตัวเอ่ยขึ้น
ถึงฝนจะยังคนตกอยู่  แต่ดูเหมือนว่าเมฆฝนที่บดบังแสงจันทร์ในตอนแรกจะทยอยกันหายไปแล้ว  จากที่เห็นกันเป็นแค่เงาดำๆก็เริ่มจะมองเห็นส่วนอื่นๆบนใบหน้าบ้างแล้ว  และแน่นอนว่า…
การมองเห็นกันชัดขึ้นแบบนี้โคตรอันตราย!
ขวับ!
อ๊ากกกกกกก
แล้วมึงจะหลบตาทำไมซากแมวน้ำอะไรเนี่ยไอ้ปั้น!
ผมอยากจะเขกหัวตัวเองแรกๆสักล้านทีที่จู่ๆก็หันหน้าหนีเจ้าชายที่หันมามองเอาเสียดื้อๆ  แบบนี้มันแสดงออกอย่างชัดเจนมากว่าประหม่า!
บ้าเอ๊ย  ปกติก็นอนกันสองคนที่บ้านตลอดแท้ๆ  แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรถึงได้มาตื่นเต้นเป็นคนบ้าแบบนี้!
“เจ้า…หันหน้ามาเดี๋ยวนี้นะ”
“มะ…ไม่”
“จู่ๆก็หันหน้าหนีข้าแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน  ข้ามันน่ารังเกียจเสียจนเจ้าไม่อยากมองหน้าเลยรึ!”
เข้าใจกันไปคนละความหมายเลยนี่หว่า
ไม่ได้น่ารังเกียจถึงขั้นไม่อยากมองหน้า  แต่มันมองไม่ได้เพราะหัวใจมันจะเกินอำนาจการควบคุมของหัวสมองโว้ยย  เข้าใจอะไรง่ายๆเสียมั่งสิฟะ!
“นี่…หันมาสิ”
“ก็บอกว่าไม่ไง  คุณเลิกเซ้าซี๊ได้ไหมครับ”
“เจ้าก็เป็นแบบนี้ทุกที  มีอะไรไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ  ข้าไม่ได้มีพลังพิเศษในการอ่านใจคนนะ  ข้าไม่สามารถเข้าใจความคิดเจ้าได้ทุกเรื่องหรอกหากเจ้าไม่พูดมันออกมา”
“เปล่านะครับ  ไม่ใช่แบบนั้น”
มึงอย่ามาดราม่าอีกคนจะได้ไหม
แค่คู่ของไอ้พี่ก้านกับไอ้จ้าวกูก็จะบ้าตายแล้ว!
“ข้าน่ะ  ไม่ชอบ…แบบนี้เลย…”
ตุ้บ!
“!!!”
ผมเบิกตากว้าง  หัวใจตกไปที่ตาตุ่มกับเสียงที่ได้ยิน  เหมือนมีอะไรบางอย่างตกลงบนพื้นอย่างแรง…
“เจ้าชาย”
“…”
“เจ้าชายครับ”
“…”
ยังคงไร้เสียงตอบรับ  ผมค่อยๆหันกลับไปมองทางเขาก่อนจะต้องตกใจเพราะว่าตอนนี้เจ้าชายฟุบหน้าร่วงไปกับพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติงไปแล้ว!
“เจ้าชาย!!!”
หมับ!
“เฮ้ยยย!”
ตะ…ตัวร้อนจี๋เลย!!!
ร่างสูงหอบหายใจแฮ่ก  มีไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากตัวอย่างน่ากลัว
“เจ้าชาย  ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะครับ  จู่ๆเป็นไข้ได้ไงเนี่ย”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าชายที่ผมเรียก  เขานอนหายใจพะงาบๆประหนึ่งตะพาบน้ำเกยตื้น
ดันมาไม่สบายในที่แบบนี้เสียได้  แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะเนี่ย  ขืนพาฝ่าฝนกลับไปที่หมู่บ้านตอนนี้ก็มีแต่จะพากันไปตายทั้งคู่  แต่จะให้ทิ้งเอาไว้แล้วผมไปตามคนที่หมู่บ้านมาช่วยก็คงไม่ได้อีกเหมือนกัน  เกิดระหว่างนั้นอาการหนักถึงขั้นชักกระแด่วๆก็งานงอกอีก
องค์ราชาคงตามมาเสกผมให้กลายเป็นปรสิตปลาแน่ๆถ้าเจ้าชายทรงเป็นอะไรไป!
“หนาว…”
“ฮะ?  อะไรนะครับ?”
“หนาว…”
“…”
“ข้าหนาว…”
“หนาวเหรอครับ  หนาวงั้นเหรอ…”
ผ้าห่มก็ไม่มีสักผืน  ไฟสักกองก็ไม่มี  ถึงจะเคยเห็นในหนังว่าเอาหินไม่ทุบกันหรือเอาไม้มาสีกันแล้วจะเกิดไฟ  แต่มืดอย่างนี้ผมจะไปหาของพวกนั้นจากที่ไหนกันล่ะ  ลำพังตัวเองก็หนาวจนไข่หดแล้วเหอะ  จะเอาปัญญาที่ไหนมาช่วยคนอื่นเล่า
“หนาว…”
“เอาวะ!”
ได้เวลาโชว์ความแมนอย่างเต็มรูปแบบแล้วไอ้ปั้น!
ผมจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วเอามันห่มให้กับเจ้าชายพร้อมกับกางเกงที่สวมอยู่ก็เอาสวมทับให้เจ้าชายอีกชั้นด้วยเช่นกัน  และแน่นอนว่าตอนนี้ผม…
เกือบล่อนจ้อนเพราะเหลือแต่กางเกงใน!
ฟิ้วววว~~~~
ลมหนาวพัดมาอย่างไม่สงสารร่างกายน้อยๆของผมเลยสักนิด
ทีอย่างนี้ล่ะพัดกันมาจัง!  ตอนกูอยู่บ้านร้อนจนตับแล่บไม่เห็นแม้แต่ขนลมเลยไอ้สัตว์!
กึกๆๆๆๆ
เสียงฟันกระทบกันช่างไพเราะยิ่งนัก  ทั้งที่อุตส่าห์เสียสละเสื้อผ้าทั้งยวงให้เจ้าชายไปแล้ว  แต่ทำไมเขาไม่มีท่าทีจะอาการดีขึ้นเลย  ซ้ำยังนอนขดตัวหนักยิ่งกว่าเดิมราวกับอยู่ในขั้วโลกเหนืออีกด้วย  ผมควรทำยังไงต่อไปดี  นี่ก็ไม่มีอะไรจะถอดให้นอกจากกางเกงในแล้วนะ!
ให้ถอดสวมหัวให้เลยไหมเล่า  เผื่อจะดีขึ้น!
ล้อเล่นนะ  กูแค่ประชดในใจ  ใครอย่าบ้าจี้จริงจังล่ะ!
“หนาว…”
“หนาวอะไรล่ะครับ  ผมสิหนาวกว่า”
ว่าพลางจับไปที่ตัวของเจ้าชายเพื่อจะหาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาหนาวก่อนจะถึงบางอ้อเพราะชุดที่เขาสวมอยู่ในตอนนี้มันเย็นยะเยือกจากน้ำฝนทำให้เสื้อผ้าดูดซับน้ำและความเย็นสะสมเอาไว้!
ทะ…ที่แท้ก็เพราะแบบนี้เอง  เขาหนาวกว่าเดิมก็เพราะผมดันเอาความเย็นจากเสื้อผ้าของผมไปเพิ่มให้เขา
ฉิบหายละ  ตายขึ้นมากูซวยแน่ๆ!
ผมรีบถอดเสื้อผ้าที่ตัวเจ้าชายออกทั้งหมดแบบไม่คิด  ถอดแม้กระทั่งกางเกงในเพราะกลัวว่ามันจะไปทำให้น้องชายของเขาเป็นปอดบวมตาย
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ  ทั้งที่กำลังไม่สบายหนักแท้ๆ  แต่ทำไมน้องชายถึงตื่นตัวพร้อมรบอย่างนี้ฟะ!
หมับ!
เลื่อนมือมาจับของตัวเองบ้างก็พบว่ามีสภาพไม่ต่างไปจากของเจ้าชายคือพร้อมรบเช่นกัน  ไม่นะ  ผมยังไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย  แล้วทำไม…
ฟิ้ววว~~~
สายลมมาอีกระลอกจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
รู้ละ  ว่าอะไรคือสาเหตุให้น้องชายของผมกับเขาตื่นตัวขึ้นมา  มันเพราะความหนาวเย็นในตอนนี้นั่นเอง!
“เอายังไงต่อดีล่ะทีนี้”
แก้ผ้าเขาแล้ว  แก้ผ้าตัวเองแล้ว  แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ  เจ้าชายเองก็ยังไม่ได้สติ  ผมเองก็ลืมไปเสียสนิทว่าถึงเขาจะดูแข็งแรง  แต่เจ้าชายก็คือเจ้าชาย  จะมาถึกและบึกบึนเหมือนผมได้ยังไง
“หนาว…”
รู้แล้วโว้ยว่าหนาว!!!
 
‘เจ้าหนาวหรือเปล่า’
‘ไม่’
ตอบทันควัน
กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่  กะจะใช้มุกหนาวแล้วเอาเนื้อห่มเนื้อล่ะสิ  เสียใจ กูไม่โง่โว้ยยย!
 
ความคิดในตอนนั้นแวบกลับเข้ามาในหัวสมอง
อย่าบอกนะว่า  ผมจะต้อง…
เนื้อห่มเนื้อกับเจ้าชาย!!!
สองตาเบิกกว้างจนแทบถลน  ก้มมองเจ้าชายที่อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ  หายใจก็แรงขึ้นจนน่ากลัว ขืนปล่อยไว้แบบนี้เขาต้องไม่รอดแน่  ปลากับมนุษย์ภูมิต้านทานจะต่างกันมากน้อยแค่ไหนผมก็ยังไม่รู้  บ้าเอ๊ย  จะมามัวคิดเล็กคิดน้อยอะไรนักหนา  สิ่งสำคัญที่มึงควรห่วงคือสมรรถภาพชีวิตของเจ้าชายเว้ย  ถ้าแม่งตายห่าขึ้นมาพระบิดาของมันมากระชากวิญญาณมึงแน่ๆ
“ขะ…ขออนุญาตนะครับ”
บอกเสียงสั่นก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงนอนข้างๆเจ้าชาย  สอดแขนไปใต้ท้ายทอยเขาเพื่อให้เขาใช้หนุนแทนหมอน  พลิกตัวเจ้าชายให้นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน  ใบหน้าของอีกฝ่ายซุบลงตรงหน้าอกพอดิบพอดี  ส่วนท่องล่างผมก็เอาขาเกี่ยวขาเขาไว้อีกทอด
ช่างเป็นท่าที่ชวนให้คิดลึกถึงรูขุมขนจริงๆ
ความร้อนของผิวเนื้อทำให้ตัวของเจ้าชายอุ่นขึ้นมาบ้าง  ผมลูบไล้มือไปตามเส้นผมของเจ้าชายอย่างลืมตัว  ขณะที่อีกฝ่ายเองก็โอบเอวผมเอาไว้ทั้งที่ยังไม่ได้สติ
หัวใจเต้นแรงจนน่ารำคาญเลยแฮะ
“ดาว…”
“…”
“ประกายดาว”
ได้ยินชัดแบบไม่ต้องเงี่ยหูฟังเลย
เพราะเรานอนกอดกันจนแทบจะรวมร่าง  ผมเลยได้ยินสิ่งที่เจ้าชายละเมอออกมาอย่างชัดเจน
“ประกายดาว…”
ก้มหน้ามองเจ้าชายที่พึมพำชื่อนั้นออกมาจากปากไม่หยุด  ผมเชยคางเจ้าชายขึ้นเล็กน้อยเพราอยากจะมองหน้าเขาแบบเต็มๆ  ร่างสูงหลับสนิท  ริมฝีปากพร่ำเอ่ยชื่อพี่ดาวซ้ำไปซ้ำมา
น่าแปลกที่…
หัวใจผมมันเจ็บปวดเหลือเกิน
“ปูนปั้น…”
“ประกายดาว…”
“ปูนปั้นสิ”
“ประกายดาว…”
“ผมชื่อปูนปั้น  เรียกชื่อผมสิครับ”
นี่กูกำลังทำบ้าอะไร  พูดกับคนไม่ได้สติเนี่ยนะ?!
“ประกาย…อื้ม…”
ผมชื่อปูนปั้นต่างหาก…
ริมฝีปากของเจ้าชายถูกปิดด้วยริมฝีปากของผมเพื่อหยุดคำพูดเสียดแทงหัวใจเหล่านั้น
ไม่ยกให้…
ผมไม่ยกเจ้าชายให้พี่ดาวหรอกนะ!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพตอนต่อไปแล้วนะคะ  ทำไมรู้สึกว่าน้องปั้นจะแมนกว่าเจ้าชาย  มีความถึกและบึกบึนกว่าเยอะนัก 55555+ หนำซ้ำตอนนี้ยังมีความหึงหวงอีกด้วยแน่ะ  อยากรู้นักว่าระหว่างเจ้าชายกับน้องปั้น  พี่ก้านกับน้องจ้าว  คู่ไหนจะลงเอยได้ก่อนกัน!
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ฝากติดตามด้วยจ้าา

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 14

เจ้าชายกับค่ายอาสา (4)

ความทรงจำในวันวาน

 



Special  Part :

“น้องจ้าว!  เดี๋ยวก่อนครับน้องจ้าว!  ฟังพี่ก่อน!”

ผมวิ่งหนีสุดชีวิต  ไม่สนใจอีกฝ่ายที่กำลังวิ่งตามมาแม้เราจะออกมาไกลจากหมู่บ้านมากแล้วก็ตาม

ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้มันได้เห็น  น้ำตาและความเสียใจที่ผมมีอยู่ตอนนี้  ผมไม่อยากให้มันรู้ความในใจของผมอีกแล้ว!

“พี่บอกให้หยุดไงน้องจ้าว!”

หมับ!!!

ร่างสูงคว้าตัวผมไว้ได้ในที่สุด  พละกำลังที่มากกว่าของมันกระชากตัวผมให้หันกลับไปหา  ผมกัดฟันแน่น  เงยหน้ามองมันอย่างเจ็บปวดทั้งที่น้ำตาไหลพราก  คำถามมากมายถูกส่งผ่านทางแววตา

ทำไม…

ทำไม…

กูทำอะไรผิด!  ทำไมมึงถึงใจร้ายกับกูขนาดนี้!  กูไปขี้รดบนหัวมึงเหรอ  ชาติก่อนกูเคยไปเผาบ้านมึงหรือไง   เจ้ากรรมนายเวรของกูถึงได้มาในรูปแบบของมึงอย่างนี้!

“น้องจ้าว…”

อีกฝ่ายมีสีหน้าตกใจอย่างมาก

แหงล่ะ  เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นน้ำตาของผม  เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นนอกจากพี่ดาว

“พอใจมึงแล้วใช่ไหม”

“…”

“กูเป็นได้ถึงขนาดนี้พอใจมึงหรือยัง!”

ผมผลักอกมันจนเซไปข้างหลัง  ไอ้พี่ก้านสั่นศีรษะเล็กน้อย  ใบหน้าและแววตาของมันแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน

“ถ้านี่คือสิ่งที่มึงอยากเห็น  การที่กูร้องไห้เพราะชอบมึงมากจนแทบบ้าคือสิ่งที่มึงเห็น  ก็นี่ไง!  กูปลดปล่อยทุกอย่างออกมาให้มึงเห็นแล้ว  มึงพอใจหรือยัง  มึงรู้สึกดีหรือยังไอ้พี่ก้าน!”

ตุ้บ! ตุ้บ!

ผมยังคงทุบอกมันและร้องไห้เหมือนคนบ้าโดยที่อีกฝ่ายไม่ปัดป้องอะไรเลย

ครืน…ครืน…

ฟ้าร้องพร้อมกับรอบข้างที่มืดลงอย่างรวดเร็วไม่ได้เรียกความสนใจจากผมได้เลย  ไอ้ตุ๊ดร่างยักษ์ในชุดกระโปรงบานเหมือนซินเดอเรลล่าคนนี้ต่างหากที่ผมสนใจ

“พี่ขอโทษ”

“มึงก็พูดได้แค่นี้!  กับกูมึงเอาแต่พูดคำว่าขอโทษ  ในขณะที่มึงทำทุกอย่างได้เพื่อไอ้ปั้น  แล้วทำไม…ทำไมมึงทำเพื่อกูแบบนั้นบ้างไม่ได้   เพราะกูไม่ได้สำคัญกับมึงเท่ามันใช่ไหม  เพราะกูไม่ได้มีค่าสำหรับมึงใช่ไหม!”

“พี่อธิบายอะไรไม่ได้ทั้งนั้น  พี่ขอโทษ  เรื่องคืนนั้น…พี่ขอโทษ  พี่…”

“ผิดพลาด  มึงแค่โมโหกูจนขาดสติเลยข่มขืน  ไม่สิ  สุดท้ายกูเองที่สมยอมมึง  แล้วกูจะเรียกร้องอะไรได้  จะให้มึงรับผดชอบแบบผู้หญิงก็คงไม่ได้อีกเหมือนกัน  สรุปก็คือ…กูทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องทนเสียใจและปล่อยมึงไป”

“…”

“ใช่ไหม?”

ผมยังหวังนะ

ยังแอบหวังว่ามันจะปฏิเสธและขอร้องให้ผมรอ  แม้ว่าผมจะต้องรอโดยไม่รู้เหตุผลว่าทำไม  แต่ผมก็ยังหวังแบบนั้นจริงๆ

แค่มันพูดออกมาเท่านั้น

ก็แค่ขอร้องกูออกมาด้วยปากของมึงเอง  มึงพูดสิวะ!!!

“ใช่”

พลั่ก!!!

ผมกระโดดถีบขาคู่ไอ้พี่ก้านจนหงายหลังล้มตึงไปกับพื้น  ก่อนจะขึ้นคร่อมมันแล้วระรัวหมัดใส่ใบหน้าหวานนั้นไม่ยั้ง

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

“ไอ้เหี้ย!  มึงมันเหี้ยกว่าที่กูคิด  มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง!  ไหนวันนั้นมึงสัญญากับกูเองว่าจะอยู่เคียงข้างกู  จะไม่มีวันทำให้กูเสียใจ  สิบสามปีก่อนมึงเป็นคนสัญญากับกูเอง  มึงลืมไปหมดแล้วหรอไง  ฮะ!  ลืมไปหมดแล้ว!”

“…”

“พี่ลืมไปแล้วเหรอพี่ก้าน  ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้  ฮึก…”

หมัดต่อไปค้างเติ่งอยู่อากาศพร้อมหัวใจที่ได้สลายหายไปไม่มีเหลือ

ผมทิ้งตัวซบอกพี่ก้านร้องไห้แบบลืมอาย  ความเจ็บปวดที่ได้รับเกินกว่าที่ผมจะทนได้อีกต่อไป  คำสัญญาในวัยเด็กของเขายังดังก้องอยู่ในหัวใจไม่ลืมเลือน

 



‘ฮึก… ฮือ   ฮือ…’

ตึกๆๆๆๆๆ

‘น้องจ้าว!’

เสียงเรียกที่ปนไปด้วยความเป็นห่วงดังขึ้น  จ้าวหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นก้านในชุดนักเรียนสภาพเหงื่อโชกไปทั้งตัว

เด็กหนุ่มยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ในที่สุดเขาก็เจอคนที่ตามหาเสียที

‘พี่กะ…’

หมับ!

‘อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ  พี่แทบบ้าตายเลยรู้ไหม’

‘พี่ก้าน…’

‘อย่าทำร้ายพี่ด้วยวิธีนี้เลย  การที่ไม่รู้ว่าน้องจ้าวหายไปอยู่ที่ไหน  มันเหมือนการฆ่าพี่ทั้งเป็นเลยรู้หรือเปล่า’

‘จะ…จ้าวไม่เข้าใจ  พี่ก้านหมายความว่ายังไงเหรอ’

เด็กน้อยแถมเสียงสั่นเพราะก่อนหน้านี้ร้องไห้อย่างหนักจึงยังคงหลงเหลือเสียงสะอื้นอยู่  ก้านยิ้มอย่างใจดีก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโขดหินแล้วดึงจ้าวขึ้นมานั่งบนตักของตัวเองแทน  สองแขนโอบกอดเด็กน้อยเอาไว้เพรากลัวจะหายไปอีก

‘พี่ก้าน  ไม่เอา  ไม่นั่งแบบนี้  มันน่าอายออก  จ้าวไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ’

‘ครับๆ  น้องจ้าวไม่เด็กแล้ว  ถึงได้ทำให้พี่ก้านหลงได้ขนาดนี้ไง’

‘พี่ก้านหลงทางมาเหรอ?  เพราะต้องตามหาจ้าวเลยหลงทางใช่ไหม?’

‘คงงั้นมั้ง  เอาล่ะ  บอกพี่ก้านมาซิครับ  ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ทำไมน้องจ้าวต้องหนีออกมาด้วย’

เด็กหนุ่มเข้าเรื่อง  ทันทีทีถามคำถามออกใหม่  เด็กน้อยก็หน้ามุ่ย  ก่อนที่น้ำใสๆจะรื้นขึ้นมารอบดวงตาอีกครั้ง  เล่นเอาก้านทำอะไรไม่ถูก  รีบเช็ดน้ำตาให้จ้าละหวั่น

‘จ้าวไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกแล้ว  ป๊ากับม๊าไม่รักจ้าว  จ้าวไม่มีใครเลย  จ้าวกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว  เวลาฟ้าร้องจ้าวไม่เคยมีป๊าหรือม๊ามากอดตอนกลัวเหมือนคนอื่นๆ  ตอนจ้าวกลัวปีไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำกลางดึกก็ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนจ้าว  จ้าวกลัวการอยู่คนเดียว  จ้าวเกลียดมัน  ฮืออออ’

‘น้องจ้าว…’

ก้านรีบกดหัวเด็กน้อยให้ซบลงกับแผงอกเพื่อปลอบโยน  หัวใจของเขาบีบคั้นกันอย่างเจ็บปวดที่เห็นน้ำตาของเด็กคนนี้  แม้ว่าเขาจะอยากทะนุถนอมมากเท่าไหร่  แต่เขาก็ไม่อาจลบล้างบาดแผลในใจของจ้าวได้

‘ไม่มีใครต้องการจ้าวเลยสักคน  พี่ก้าน  จ้าวไม่อยากอยู่แล้ว’

‘ไม่ได้นะครับ  อย่าพูดแบบนี้สิ  พี่ก้านไงที่ต้องการน้องจ้าว  พี่รักน้องจ้าว  รักมากด้วย’

‘จริงเหรอครับ’

‘จริงสิ’

ก้านยิ้มหวาน  ค่อยๆไล้ปลายนิ้วมือไปที่แก้มนวลนิ่มอย่างแผ่วเบา

‘พี่สัญญา  พี่จะรัก   จะอยู่เคียงข้างน้องจ้าวตลอดไป  จะไม่จากไปไหน  จะไม่ทิ้งน้องจ้าวไว้คนเดียว  จะไม่ทำให้น้องจ้าวเสียใจ  น้องจ้าวจะเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของพี่นะ’

‘อื้อ  สัญญานะครับ’

เด็กน้อยชูนิ้วก้อยขึ้นทั้งน้ำตา

ความใสซื่อไร้เดียงสาและโหยหาความรักของจ้าวทำให้เขาอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

ก็แค่ต้องรอให้โตกว่านี้  อีกแค่ไม่กี่สิบปี  เมื่อไหร่ที่จ้าวโตพอ…

เขาจะเด็กน้อยคนนี้มาเป็นเจ้าสาวให้ได้

 



“ขอรองล่ะ  จำได้ทีเถอะ  คำสัญญาพวกนั้น  ฮืออออ”

ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆที่จะต่อยมันอีกแล้ว  ทุกหมัดที่กระทบใบหน้าของเขก็เหมือนผมทำร้ายหัวใจของตัวเอง

ไม่ว่าจะทำอะไร

ท้ายที่สุดคนที่เจ็บปวดก็กลายเป็นผมคนเดียวอยู่ดี

“อย่าเงียบสิวะ!  พูดอะไรบ้างเซ่!”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ  ไม่มีแม้กระทั่งอ้อมกอดอันอบอุ่นที่มักจะกอดผมเอาไว้ยามผมเสียใจ  ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ

ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

เทวดาคนเดียวในชีวิต  แสงสว่างในชีวิต…

ถ้าขาดคนๆนี้ไป ผมก็หมดสิ้นทุกสิ่ง

“พอเถอะครับน้องจ้าว”

“ฮึก…”

“พี่ยอมแพ้ไปแล้ว  น้องจ้าวก็ควรยอมแพ้เหมือนกัน”

“…”

“เรื่องระหว่างเรา  ยอมแพ้เถอะนะ”

น้ำเสียงของพี่ก้านเศร้าจนหัวใจเจ็บปวดยามที่ได้ยิน

ผมไม่รู้อะไรเลย  แล้วก็ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น  คนๆนี้ไม่อธิบายอะไรสักอย่าง  ราวกับว่าเขากำลังแบกบางสิ่งไว้คนเดียว

ทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้มีแค่ผมที่กำลังเจ็บปวดแทบตาย  แต่เขาเองก็กำลังเจ็บปวดไปกับผมด้วย

ทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกแบบนี้…

แล้วผมควรทำยังไง  ผมจะไปโกรธใครได้หากตัวเองยังคิดแบบนี้อยู่

“ครั้งสุดท้ายได้ไหม?”

“…”

“กอดกูอีกครั้ง  แล้วกูจะยอมแพ้สักที”

ผมยันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบตากับมันอย่างจริงจัง  ไอ้พี่ก้านมองผมนิ่งก่อนจะค่อยๆยพักหน้ารับท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาพอดี

 





“แน่ใจนะครับ  ว่าจะทำแบบนี้”

“ไม่ต้องพูดมากน่า”

ผมตอบกลับเสียงแข็งทั้งที่ใบหน้าร้อนฉ่า

มือใหญ่เลื่อนมาจับใบหน้าของผมให้หันไปมองก่อนที่อีกฝ่ายจะถอดเสื้อของตัวเองออกตามด้วยกระโปรง  เพียงไม่นานไอ้พี่ก้านก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเหมือนกับผม  คนด้านบนมองผมอย่างอ่อนโยนไม่ต่างจากเมื่อก่อน

“น้องจ้าวน่ารักมากเลยครับ”

รอยยิ้มหวานทำให้หัวใจเต้นแรง  ผมอยากจะหลบตาแต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะตักตวงความสุขในช่วงเวลาที่สายตาของพี่ก้านมีแค่ผมเท่านั้นเอาไว้

“อื้อ…”

ริมฝีปากถูกประกบอย่างนุ่มนวล  ช่างเป็นจูบที่ต่างจากคืนแรกของเราเหลือเกิน  คนนั้นมันเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนราวกับที่เขาทำก็เพื่อต้องการจะกำราบให้ผมยอมศิโรราบ  ไม่เหมือนครั้งนี้…

ทุกจุดที่เขาสัมผัส…

ที่ที่ที่เขาลิ้มรส…

มันเต็มไปด้วยความอ่อนหวานชวนให้หัวใจละลาย

“อื้ม…”

เผลอแอ่นอกขึ้นตอบสนองสัมผัสจากริมฝีปากที่รุกล้ำเข้ามา  ปลายยอดที่ถูกลิ้มรสด้วยลิ้นร้อนของเขาซ่านเสียวอยู่ในความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

ปลายนิ้วมือนั้นร้ายยิ่งกว่า  มันปาดป่าย ลูบไล้  สร้างความอิ่มเอมและทวีความต้องการให้พุ่งทะยานจนผมอยากจะให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากกว่านี้

รวมทั้ง        …

อยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้ตลอดไปด้วย

แผล่บ…

พี่ก้านไล่ลิ้มชิมไปทั่วเรือนร่าง  ท่อนขาถูกเขาลากลิ้นเลียวนไปทั่วอย่างไม่รังเกียจก่อนจะไปหยุดพรหมจูบที่ปลายนิ้วเท้า  มันทำให้ผมนึกถึงสุนัขที่พร้อมจะจงรักและภักดีกับเจ้านายของมันเพียงผู้เดียวตลอดไป

แม้ตัวไม่อยู่  แต่ใจยังคงพันผูก…

 





‘ฮือออออออ  ข้าวหอม  ข้าวหอม  ฮืออออออ’

‘น้องจ้าว  ร้องไห้ทำไมกันครับ  เกิดอะไรขึ้นเหรอ?’

จ้าวในวัยห้าขวบเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง  ก้านที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบห้าปีรีบดึงเด็กน้อยเข้ามากอดปลอบอย่างเป็นห่วง

‘ข้าวหอมไม่อยู่แล้วพี่ก้าน  ข้าวหอมทิ้งจ้าวไปแล้ว  ฮือ…’

ข้าวหอมที่ว่าคือหมาสุดรักของจ้าวนั่นเอง

ก้านมองเลยไปที่หลุมฝังศพตรงหน้า  คนของที่บ้านจ้าวคงจัดการฝังศพข้าวหอมให้เรียบร้อยแล้ว  ทว่าเด็กน้อยยังคงเสียใจที่ต้องสูญเสียเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็กของตัวเองไปอย่างไม่มีวันกลับ

‘เมื่อคืน..ฮึก  เมื่อคืนข้าวหอมยังมาเลียขาเลียเท้าจ้าวอยู่เลย  แล้วทำไมวันนี้ถึงได้  ฮือ…’

‘น้องจ้าว  ไม่ร้องนะครับ  อย่างร้องแบบนี้สิ  พี่ใจไม่ดีเลย’

‘จ้าวคิดถึงข้าวหอม  ข้าวหอมกลับมาหาจ้าวเถอะ  จ้าวจะไม่ดื้ออีกแล้ว  จะพาข้าวหอมไปเดินเล่นทุกวันด้วย  ฮือ…’

เด็กน้อยร้องหนักขึ้นกว่าเดิม

ก้านมองไปยังหลุมฝังศพของข้าวหอมอีกครั้ง  เขาไม่คิดจะโทษข้าวหอมหรอก  เพราะข้าวหอมเป็นหมาแก่ที่อยู่มานานหลายปีตั้งแต่จ้าวยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ  ถ้าตามอายุขัยของสัตว์ก็ถือว่าข้าวหอมอายุยืนแล้ว  ที่ผ่านมามันคงพยายามฝืนตัวเองมาตลอดเพราะอยากจะอยู่เคียงข้างเด็กน้อยที่ไม่มีใคร  แต่สุดท้ายก็ฝืนไม่ไหว

‘น้องจ้าวครับ  รู้ไหมว่าการที่ข้าวหอมมาเลียขาเลียเท้าของน้องจ้าวมันมีความหมายว่ายังไง?’

‘เพราะข้าวหอมคิดว่าเป็นกระดูกไก่ใช่ไหมครับ  ฮึก!’

‘ฮะๆ  ไม่ใช่  แต่เป็นเพราะข้าวหอมรักน้องจ้าวมากต่างล่ะ’

‘เพราะรักมาก  ข้าวหอมถึงทำแบบนั้น  เพื่อเป็นการบอกว่าจะจงรักภักดีกับน้องจ้าวตลอดไป  แม้ตัวจะไม่อยู่  แต่หัวใจก็พันผูก  ข้าวหอมไม่ได้จากไปไหน  แต่ยังมีชีวิตอยู่ตลอดไปในความทรงจำของน้องจ้าวไม่ใช่เหรอครับ?’

‘ครับ  ฮึก…’

‘ตราบใดที่น้องจ้าวยังไม่ลืมข้าวหอม  ตราบนั้นข้าวหอมก็ไม่มีวันตายและยังอยู่เคียงข้างน้องจ้าวตลอดไป…’

 



“อ๊ะ!  อื้อ…!”

ร่างกายที่เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ในตอนนี้  ตอกย้ำให้ผมยิ่งคิดว่า…พวกเราใจตรงกัน

ที่เขาลิ้มรสผมไปทั่วร่างกาย  พรมจูบไปทุกส่วนเป็นเพราะเขาต้องการจะบอกผมเป็นนัยๆเหมือนตอนที่เขาบอกเรื่องข้าวหอมใช่หรือเปล่า

“อื้ม  น้องจ้าว…”

คนด้านบนครางเรียกชื่อผมไม่หยุด

ทุกนาทีที่ร่างกายสอดประสานเข้าหากันอย่างแนบแน่น  ผมอยากจะอ้อนวอนฟ้าขอให้ช่วยหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้

ให้ผมได้อยู่กับเขานานกว่านี้

ให้เราได้มีกันนานกว่านี้…

“จ้าวรักพี่ก้านนะ”

ความรักทั้งหมดของผม…

ร่างกายของผม…

เป็นของพี่ก้านเพียงคนเดียว

 

วิ้ง…วิ้ง…

แสงแดดยามเช้าที่ทแยงเข้าตาบอกให้รู้ว่าค่ำคืนแห่งพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เมื่อคืนได้ตักตวงความสุขเอาไว้หลายครั้งจนเสียงแหบแห้ง

“พี่ก้าน…”

เอ่ยชื่อของคนที่อยากเจอที่สุดออกมา  ทว่าข้างกายกลับว่างเปล่าไร้เงาของคนที่อยากเจอ  ถึงจะทำใจไว้แล้วว่าหลังจากตื่นขึ้น  ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม  และระหว่างผมกับเขาจะไม่มีวันมาบรรจบกันอีก  แต่ว่ามันก็…

เจ็บ…

เจ็บจนจุก  และรู้สึกว่ารอบข้างมืดไปหมด  ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของแสงสว่าง

“หือ?”

สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่บนหมอนที่พี่ก้านใช้นอนเมื่อคืน

ผมลุกขึ้นนั่ง  รีบคว้ากระดาษแผ่นนั้นมาอ่านทันที

 

‘ชาวบ้านบอกว่ารูปปั้นกับไคโอออกไปตามหาเราสองคนที่นอกหมู่บ้านเมื่อคืนจนป่านนี้ยังไม่กลับ  พี่จะออกไปตามหาพวกเขา  ถ้าตื่นแล้วรออยู่ที่กระท่อมเฉยๆห้ามตามออกไปเด็ดขาดเพราะมันอันตราย  พี่ก้าน.’

 

สุดท้าย  เรื่องของไอ้ปั้นก็ทำให้พี่ก้านทิ้งผมไปได้ในทันทีเหมือนอย่างเคย

ทำไมนะ…

ทำไมไม่หายๆไปซะ  ตอนนั้น…ทำไมถึงไม่ตกทะเลตายไปจริงๆเสียเลยล่ะ

ไอ้ปั้น…





บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

ฉากที่รอคอย (รึเปล่า 5555+)  พี่ก้านผู้ชอบนุ่งกระโปรงในฐานะฝ่ายรุก! เอิ่ม...ช่างเข้ากันจริงๆเลยเนอะ 55555  รู้สึกสงสารน้องจ้าวจับใจ  รักพี่ก้านมากมายเหลือเกิน แต่ทำไมอิพี่ก้านถึงใจร้ายันกก็ไม่รู้  หรือมันจะมีตื้นลึกหนาบางอะไรมากกว่านั้นอีก???  เอาเป็นว่าติดตามกันต่อไปจ้า

อีกสองวันจะปิดพรี+ปิดโอนแล้วนะคะ  ใครยังสนใจสั่งซื้ออยู่อินบ๊อกเพจโลดดดด

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ตอนที่ 15

เจ้าชายกับค่ายอาสา (5)

ความแตก!

 

“เจ้า…”

เจ้าชายครางเสียงแผ่ว  พยายามส่งเสียงเรียกและจะลืมตามองผม  หากแต่พิษไข้ทำให้เขาทำได้เพียงแค่ปรือตามองผมเล็กน้อยเท่านั้น

ทะ…ทะ…ทำยังไงดี  ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเจ้าชายเซ็กซี่ชะมัด!

“อย่าพูดชื่อผู้หญิงคนอื่นเวลาอยู่กับผมสิ  ยังไงเราก็แต่งงานกันแล้วนะ”

“เจ้าว่าอะไรนะ”

ถามกลับเสียงแหบพร่า

ท่าทางจะไม่สบายหนักจริงๆแฮะ  ฝนบ้านี่ก็ไม่หยุดตกสักที  ขืนปล่อยไว้แบบนี้เจ้าชายมีหวังอาการทรุดหนักแน่ๆ

เคยได้ยินว่าเวลาไม่สบายหนักๆ ถ้าทำให้เหงื่อออกแล้วไข้จะลด

แต่อืม…ในสถานที่และสถานการณ์แบบนี้  ผมจะให้เจ้าชายทำอะไรเพื่อเป็นการเรียกเหงื่อได้กันล่ะ?

“เจ้าชาย  ไหว…อ๊ะ!”

“น่าอร่อยจัง…”

เสียงนุ่มทุ้มพึมพำพร้อมกับริมฝีปากที่เคลื่อนเข้าครอบครองยอดอกสีหวานของผม  เจ้าชายซุกใบหน้าและขบเม้มมันราวกับกำลังกระหายน้ำอย่างหนัก  วงแขนโอบรอบตัวผมไว้แน่นให้ขยับหนีไปไหน

“จะ…เจ้าชาย  อื้อ…”

พยายามดันตัวเขาออกแต่ไม่เป็นผล  จุดที่ถูกสัมผัสวาบหวามและเร่าร้อนเกินจะต้านทานไหว  ท้ายที่สุด  สองมือที่เคยผลักไส  กลับกลายเป็นโอบกอดเขาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“อ๊ะ…”

ไอร้อนจากภายในปากของเขาทำให้ยามถูกสัมผัสกระตุ้นความต้องการในส่วนลึกที่พยายามเก็บงำเอาไว้ให้ทะลักออกมา

ปลายลิ้นร้อนไล้วนเลื่อนต่ำไปจนถึงช่องท้อง  หยอกล้อเล่นกับสะดือของผมราวกับว่ามันคือเด็กทารกตัวน้อย  มือหนาบีบเค้นบั้นท้าย  เพิ่มความใจเต้นจนไม่สามารถอ้อนวอนขอให้เขาหยุดได้

ต้องการอีก…

ผมอยากได้มากกว่านี้อีก  ถ้ามันจะทำให้เจ้าชายเป็นของผมคนเดียว

“อื้มมมมม!”

เมื่อส่วนนั้นถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากอันร้อนระอุ

ผมผวาเฮือกเกร็งปลายนิ้วจิกลงบนหลังของเจ้าชาย  เขาจุดชะงักจ้องมองผมเล็กน้อยก่อนจะเผยอยิ้มออกมา

“ไม่ต้องกลัวนะ  ข้าแค่จะทำให้เจ้ารู้สึกดีเท่านั้น”

ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าหมายความว่าอะไร

ผมค่อยๆนอนหงายและอ้าข้าออกเพื่อให้เจ้าชายทำอะไรได้ถนัดถนี่ขึ้น  สองมือของเขาสอดเข้าใต้ข้อพับตรงหัวเข่าของผมแล้วยกขึ้น  ส่วนนั้นถูกโลมเลียไปทั่วอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ

ผมลืมตามองการกระทำทุกอย่างของเจ้าชายด้วยหัวใจที่เต้นรัว

ในหัวจินตนาการล่วงหน้าไปถึงช่วงเวลาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

สัมผัสจากเขาอ่อนโยนกว่าที่คาด   ไม่มีแม้วินาทีเดียวที่ผมจะนึกกลัวความเจ็บปวดทางร่างกายหากจมดิ่งในกามรสที่เขามอบให้  กลับกัน…  ผมได้รับความหวานหอม  ความนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน  และรู้สึกว่า…

เท่านี้มันยังไม่พอ

“อ๊ะ!  อื้อ!”

ไม่สามารถหยุดเสียงครางให้ความสุขเอาไว้  ความอุ่นร้อนภายในช่องปากรูดขึ้นลงตามลักษณะส่วนอ่อนไหวของผม  ดูดดุนอย่างดุดันและอ่อนหวานสลับกันจนผมเกร็งไปทั้งตัว

“เจ้าชาย  เจ้าชายครับ…”

อึก! อึก!

“เจ้าชาย  อื้อ!!!”

ผมไม่กล้าลืมตามองภาพนี้จริงๆ  มันเขินเสียจนไม่อยากจะรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองปลดปล่อยอะไรออกมา  ทว่า…คนด้านบนก็ช่วยทำความสะอาดทั้งหมดให้อย่างดี

เขาไม่รังเกียจสิ่งที่ออกมาจากตัวผม

หนำซ้ำยังแสดงออกว่าพอใจและรับได้กับทุกอย่างที่ผมมี

“มีความสุขไหม”

เจ้าชายเคลื่อนตัวมาทาบทับ  น่าแปลกที่มันไม่ได้รู้สึกหนักอย่างที่คิดเวลามีคนมานอนทับอยู่บนตัวเรา

เขาดึงขาผมให้ขึ้นไปพาดเอวตัวเองเอาไว้ขณะที่เราต่างก็นอนตะแคงเข้าหากันโดยที่เจ้าชายสอดแขนมาใต้หัวผมเพื่อให้ใช้หนุนแทนหมอน

ทันทีที่เอาขาผมไปเกี่ยวเอวเอาไว้ได้  มือหนาก็ลูบไล้ไปตามต้นขาและบั้นท้ายด้วยสีหน้าหลงใหลจนผมอดไม่ได้ที่จะเขิน

“ยะ…อย่าลูบแบบนี้สิครับ”

“ทำไมล่ะ  เจ้าไม่ชอบให้ข้าสัมผัสหรือ”

“ก็เปล่า…”

“แปลว่าชอบ”

ร่างสูงยิ้มหวาน  แววตาอ่อนโยนจ้องมองผมไม่กะพริบ

ราวกับมีแรงดึงดูดอันมหาศาล  ผมและเขาค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าหากันก่อนที่ริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง  รู้สึกได้ว่าไอร้อนจากในตัวและช่องปากของเขาลดลงไปเยอะ  เราต่างกอดกันและกัน  ส่งผ่านความรู้สึกที่มีอยู่มากล้นในใจผ่านจูบนี้...

แม้จะรู้ว่ามันผิด  แม้จะรู้ว่าการรักร่วมเพศไม่ใช่เรื่องธรรมชาติของโลกใบนี้

แต่ว่า…

ผม…ขอรักคุณได้ไหม?

รักกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์  แต่กลับทำให้หัวใจของผมเต้นแรงได้จนน่าตกใจ

“เจ้าชาย…”

ผมซุกหน้าลงกับอกเข้าอย่างออดอ้อนทันทีที่เราจูบกันเสร็จ  แม้จะยังเขินอายอยู่บ้าง  แต่ผมกลับรู้สึกอยากจะอ้อนเขาให้มากกว่านี้

“นี่เป็นความจริงหรือข้าฝันไปกันนะ  เจ้าทำตัวน่ารักเสียจนข้าคิดว่าต่อให้วันพรุ่งนี้ต้องตายก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว”

คำพูดของเขาเรียกรอยยิ้มจากผมได้เป็นอย่างดี

“แล้ว…คืนนี้จะ…ไม่ทำเหรอครับ?”

“ทำ?  ทำอะไรเหรอ”

“ก็…เรื่องอย่างว่า”

ตอบเองก็เขินเอง

ผมแทบจะมุดหัวเข้าไปในปากของเขาอยู่แล้วเพราะความอาย!

“เจ้ากำลังยั่วยวนข้าใช่ไหม  ให้ตายสิ  ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ข้าเป็นไข้จนแค่จะอ้าปากพูดก็ยังเหนื่อย  เจ้าโดนจัดหนักแน่”

“รอแทบไม่ไหวแล้วสิ”

“เจ้าน่าจะพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนนะ”

ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

ผมอยากจะตบปากตัวเองให้ฟันร่วง  ไม่เข้าใจเลยว่ากล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไง  แต่ว่า…เพียงแค่ผมคิดว่าในหัวใจของเจ้าชายยังมีพี่ดาวอัดแน่นอยู่เต็มไปด้วย

ผมก็กลัวจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

จะทำยังไงถ้าเจ้าชายยังรักพี่ดาว

จะทำยังไงถ้าผมไม่สามารถแทนที่พี่ดาวได้

ผมกลัว  กลัวเหลือเกินว่าสักวันเจ้าชายอาจจะทิ้งผมไป  และถ้าร่างกายของผมคือสิ่งเดียวที่จะผูกมัดเขาเอาไว้ได้  ผมก็พร้อมที่จะมอบมันให้กับเขา

“อยู่กับผม  อย่าทิ้งผมไปนะครับเจ้าชาย”

“พูดบ้าๆ  ข้าจะไปได้ยังไงกัน  การทิ้งเจ้า  คือสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ข้าไม่เคยคิดจะทำ  รู้ไว้เสียล่ะ”

“อื้ม!”

แค่นี้แหละ…

ขอแค่นี้  ผมก็…อุ่นใจแล้ว

 





“ฝนก็หยุดตกแล้ว  ไข้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง  เป็นเพราะได้ยานี้จากร่างกายเมียนะเนี่ย”

เจ้าชายที่อาการดีขึ้นและกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเคยเอ่ยขึ้นก่อนจะมองมาทางร่างกายของผมด้วยแววตากะลิ้มกะเหลี่ย

“อย่ามาทะลึ่งนะครับ!”

“อะไรกันๆ  คนเริ่มเมื่อคืนมันก็เจ้านะ  อย่ามาทำเป็นโบ้ยสิ  จะต้องให้ข้าสาธยายไหมว่าเมื่อคืนเจ้ายั่วยวนคนป่วยอย่างข้าขนาดไหน!  กับปลาป่วยยังไม่เว้นเลย  มนุษย์หนอมนุษย์”

พูดพลางทำปากบาอย่างน่าหมั่นไส้

ผมรีบใส่เสื้อผ้าเพราะขืนล่อนจ้อนต่อหน้าเจ้าชายที่หายดีแล้วนานมากไปกว่านี้ต้องเกิดอันตรายแน่ๆ  สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำเอาผมไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าทำลงไปได้ยังไง!  คงเพราะความกลัวที่จะต้องสูญเสียเจ้าชายบวกกับบรรยากาศมันพาไปแน่ๆ!

ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อคืนเจ้าชายมันเป็นไข้หนักจนไม่มีแรงจะทำอะไรกับผมมากไปกว่าแค่ใช้ปากช่วย  ถ้าหากเมื่อคืนเขายังพอมีแรงเหลืออยู่  ป่านนี้เราสองคน…

คงใช้คำว่าผัวเมียได้จริงๆไปแล้ว

อ๊ากกกกก!

“คุณรีบใส่เสื้อผ้าเถอะครับ  เราจะได้ไปตามหาพี่ก้านกับไอ้จ้าวกันต่อ”

“เดี๋ยวสิ  เมื่อคืนข้าส่วนเสียพลังไปเยอะมาก  ขอลงไปแช่น้ำตกสักหน่อยได้ไหม”

“หมายถึง…จะกลับร่างเป็นเงือกตอนนี้น่ะเหรอครับ?”

“ใช่  ถึงไข้ข้าจะลดแล้ว  แต่พละกำลังก็ยังไม่กลับคืนมา  ข้ายังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เลย  ทางเดียวที่จะรักษาข้าได้ตอนนี้คือข้าต้องอยู่ในน้ำ…”

“…”

“ด้วยร่างเงือกของข้า”

เจ้าชายตอบอสีหน้าจริงจัง

ผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยกังวล  จริงอยู่ว่าพวกเราเข้ามาในป่าลึกมากๆแล้วหลังจากที่ออกตามหาสองคนนั้นเมื่อคืน  แต่ผมก็ยังไม่ไหวใจอยู่ดีว่าจะไม่มีใครมาเห็นได้หากเจ้าชายกลับร่างเงือก

เอายังไงดีนะ…

มองหน้าเจ้าชายที่ยืนมองตาปริบๆอย่างรอคำตอบ  ใบหน้าของเขายังซีดเซียวอยู่  ดูท่าคงจะไม่ได้โกหกจริงๆเรื่องที่ต้องอยู่ในน้ำในร่างของเงือกเท่านั้นพละกำลังจึงจะกลับมา  แบบนี้ทางเดียวที่จะทำให้เขาฟื้นตัวได้โดยเร็วและออกเดินทางกันต่อก็คือต้องให้เขาได้แช่น้ำ

เอาวะ!

“ก็ได้ครับ  แต่ขอเร็วที่สุดนะครับ  เพราะไม่แน่ว่าบางทีพวกชาวบ้านที่ช่วยกันตามหาสองคนนั้นอาจจะมาหาทางนี้ด้วยก็ได้”

“ได้เลยจ้ะเมียจ๋า”

“แล้วก็ช่วยหยุดใช้คำนี้สักทีเถอะครับ!”

เจ้าชายยักคิ้วทำหน้ายียวนใส่  ทั้งที่มันออกจะน่ากระทืบแท้ๆ  แต่ผมกลับมองว่ามันน่ารักน่ามันเขี้ยว

ให้ตายเหอะ  หลงจนโงหัวไม่ขึ้นไปแล้วสินะไอ้ปั้นนน!

เมื่อเจ้าชายลงไปในน้ำ  ผมก็จัดการเก็บเสื้อผ้าของเขาที่กองอยู่ในถ้ำมาพับแล้วเดินตามออกไปเพื่อดูต้นทาง  ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ก้านกับไอ้จ้าวจะอยู่ที่ไหน  จะปลอดภัยจากพายุเมื่อคืนไหมนะ?

ผมเดินไปนั่งบนรากไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมน้ำตก  ส่วนเจ้าชายที่กลับมาอยู่ในร่างเงือกก็กำลังว่ายวนไปวนมาอย่างสนุกสนาน  บางครั้งก็มีหยุดคุยกับพวกปลาที่อยู่ในน้ำ

สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นปลามากระจุกกันอยู่ในน้ำตกนับสิบตัว  พวกมันคงมาเพื่อทักทายเจ้าชายแน่ๆเลย

ภาพหาดูได้ยากขนาดนี้   ถ้าแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปขายคงได้หลายตังค์…

“ปูนปั้น  ยู้ฮู!”

เจ้าชายส่งเสียงเรียกพร้อมโบกมือให้จากอีกฝั่งของน้ำตก

ตรงจุดที่เจ้าอยู่ตะมีแสงสีเขียวเรืองรองส่องสว่างมาจากใต้น้ำ  น่าจะเป็นผลพวงมาจากหางของเจ้าชายที่มีเกล็ดเป็นสีเขียวมรกตสวยส่องประกายยามต้องแสงแดดคล้ายกับสีผมของเขา

ถ้าตอนนี้กลางคืนคงมีตกใจคิดว่าเป็นลำแสงจากมนุษย์ต่างดาวแน่ๆ

ผลุ่บ!

เจ้าชายดำกลับลงไปใต้น้ำ  คราวนี้คงไปทัวร์ใต้น้ำอย่างสนุกสนานทักทายประชาชนปลาด้วยกันอย่างมีความสุข  ผมมองไปรอบๆเพราะไม่รู้จะทำอะไรดีระหว่างที่รอเจ้าชายฟื้นพลัง  ไม่อยากเชื่อเลยว่าบริเวณรอบหมู่บ้านเล็กๆอย่างหมู่บ้านแสงจันทร์จะมีสถานที่แบบนี้ด้วย

สงบแล้วก็ร่มเย็นสุดๆ  น่าเสียดายที่ทางมาค่อนข้างลึกและอันตรายเกินไป

เพราะแบบนี้สินะถึงได้ถูกตั้งให้เป็นเขตอันตรายและห้ามใครเข้ามาหรือออกนอกหมู่บ้าน

กร๊อบ!

“ใครน่ะ!”

“รูปปั้น!!!”

“พี่ก้าน!”

ผมเบิกตากว้าง  ตกใจถึงขีดสุดจนแทบจะหงายหลังตกน้ำ

พี่ก้านที่แบกกระเป๋าใบใหญ่มากลางหลังวิ่งดุ่มๆกระโปรงพลิ้วไหวไปตามแรงลมเข้ามาหาผมด้วยท่าทางดีใจ

ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น

“ค่อยยังชั่ว  พี่ก้านนึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับรูปปั้นเสียแล้ว  ไม่เป็นอะไรสินะ  ไม่บาดเจ็บใช่ไหม”

“เอ่อ…พี่ก้าน”

ก็ซึ้งใจอยู่หรอกนะที่เป็นห่วงกันมากขนาดนี้

แต่ผมมีเรื่องที่ห่วงมากกว่านั้นอยู่โว้ยยยยย!

สองตาเหลือบมองไปในน้ำที่ยังนิ่งสนิทไม่มีวี่แววว่าเจ้าชายจะกลับขึ้นมา

ทะ…ทะ…ทำยังไงดีวะ  ถ้าโผล่มาตอนนี้ล่ะก็มีหวังความแตกแน่ๆ

“ทำไมทำแบบนี้ละรูปปั้น  ออกมาตามหาพี่ก้านทำไม  ไม่ห่วงตัวเองเลยเหรอ”

“กะ…ก็ห่วง  แต่ผมก็เป็นห่วงพี่กับไอ้จ้าวด้วยไงก็เลยออกมาตามหา”

“โถๆๆ พ่อยอดขมองอิ่มของพี่ก้าน  ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้  มามะ  มาให้พี่ก้านปลอบรับขวัญ”

ว่าพลางดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบแล้วเอาหน้ามาถูไถกับหน้าผม

วิธีรับขวัญประเทศไหนกันฟะ!

“จริงสิ  แล้วไอจ้าวล่ะครับ  มันอยู่ไหน”

ผมพลิกตัวพี่ก้านให้หันมายืนอีกทางโดยหันหลังให้กับน้ำตก  ส่วนผมก็หันหน้าให้น้ำตกแทน  ถ้าเป็นแบบนี้เวลาเจ้าชายโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำก็คงจะพอส่งซิกและบอกให้หลยหรือกลางร่างกลับเป็นมนุษย์ได้ทัน

ขอให้แผนนี้สำเร็จทีเถอะ!

“น้องจ้าวอยู่ที่กระท่อมเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ  พี่ก้านกับน้องจ้าวไม่ได้เตลิดไปไกลถึงขั้นเข้าป่าเสียหน่อย  รูปปั้นต่างหากที่มโนไปเอง  แล้วก็เข้ามาในป่าเสียลึกขนาดนี้”

“แหะๆ  ผมคงคิดมากไปหน่อยมั้ง”

ไอ้เจ้าชาย  มึงจะดำน้ำนานเกินไปไหมเนี่ย!  กูใจเต้นระทึกยิ่งกว่าดูฟาสต์แปดอีกตอนนี้!

“แต่ว่าปลอดภัยก็ดีแล้ว  คราวหลังไม่เอาแล้วนะครับ  ไม่ว่าพี่ก้านหรือใครจะหายไปไหน  แต่รูปปั้นจะต้องอยู่แต่ในที่พักเท่านั้น  ไม่ต้องเสี่ยงตายออกมาตามหาเด็ดขาด  เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วน่า  ผมก็ไม่ได้หลงทางหรือเป็นอะไรสักหน่อย  เพียงแต่เมื่อคืนพายุมันเข้า  ฝนตกหนักมาก  ก็เลยไปหาที่หลบฝนเท่านั้น”

เอาเข้าไป  นี่มึงลงไปหลับอยู่ใต้น้ำหรือเปล่าเนี่ยไอ้เจ้าชาย!

ผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข  เพราะผิวน้ำยังคงนิ่งไม่มีแม้แรงสั่นไหว  บ่งบอกว่าเจ้าชายยังอยู่ห่างไกลนัก  ขืนเป็นแบบนี้ผมจะถ่วงเวลาพี่ก้านไม่ได้นานน่ะสิ  ถ้าเขาถามหาเจ้าชายขึ้นมาแล้วผมจะตอบว่ายังไงล่ะ!  โอ๊ยยยย  เครียด!

“จริงสิ  แล้วไค….”

“เอ้อออออออ!  พี่ก้าน!”

ผมแสร้งส่งเสียงดังคั่นประโยคที่อีกฝ่ายจะพูดจนพี่ก้านสะดุ้งตกใจ

ได้ยินคำว่า ‘ไค’ ก็รู้แล้วล่ะว่าพี่ก้านกำลังจะถามอะไร!

“เป็นอะไรไปรูปปั้น  ทำไมต้องเสียงดังด้วย”

“ผะ…ผมเมื่อยน่ะพี่  ผมว่าพวกเราไปหาที่นั่งคุยกันทางด้านโน้นนนนน  ดีกว่านะ”

ชี้ไปยังที่ไกลๆที่ห่างจากน้ำตกพอสวมควรแต่ก็ไม่เกินสองร้อยเมตร  การพาพี่ก้านออกไปให้พ้นจากบริเวณน้ำตกนี่คงปลอดภัยที่สุด

“นั่งตรงที่ที่รูปปั้นนั่งเมื่อกี้ก็ได้นี่  พี่ก้านว่านั่งสบายดีออกนะ”

หมับ!

“แต่ผมไม่อยากนั่งตรงนี้แล้ว!  อยากไปนั่งตรงโน้นนนนนนนน  มากกว่า”

สองมือยกขึ้นจับใบหน้าของพี่ก้านและรั้งเอาไว้ไม่ให้หันกลับไปทางน้ำตกเด็ดขาดก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงพี่ก้านให้เดินตามผมออกไป

หวังว่าถ้าเจ้าชายกลับขึ้นมาจากน้ำแล้วจะกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วออกตามหาผมนะ

อย่างน้อยก็ดีว่ามาเสี่ยงทายหัวทายก้อยยืนรอกันอยู่ตรงนี้แหละวะ  ถ้าพี่ก้านจับได้ขึ้นมาเรื่องจบไม่สวยแน่ๆ!

“เดี๋ยวสิรูปปั้น  จะรีบไปไหนเนี่ย  แล้วไคโอล่ะ  พี่ก้านยังไม่เห็นไคโอ”

“ขะ…เขาไปสำรวจแถวนี้น่ะครับ  เดี๋ยวก็มา  พี่ก้านไม่ต้องห่วงหรอก”

“แต่ว่า…”

“ผมบอกว่าไม่ต้องห่วง…”

ซ่า!!!!

สองตาเบิกกว้างเป็นไข่ไดโนเสาร์  มองไปทางด้านหลังพี่ก้านด้วยหัวใจที่หล่นตุ้บไปยังตาตุ่ม  และต้นเสียงของน้ำตกที่พุ่งกระจายขึ้นฟ้านั่นก็เรียกความสนใจจากพี่ก้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ร่างสูงหันขวับกลับไปมองทันทีโดยที่ผมเองก็ห้ามไม่ทัน!

“นะ…นั่นมัน…”

พี่ก้านพึมพำเสียงเบา  นิ้วชี้อันสั่นเทาชี้ไปยังสิ่งที่เห็น

เจ้าชายที่จู่ๆก็กระโดดขึ้นมาจากน้ำเหมือนพวกปลาที่ชอบกระโดดเวลาเล่นน้ำก็มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกัน  เขาลอยละลิ่วอยู่ในอากาศประมาณสามวินาที  สบตากับผมและพี่ก้านอย่างชัดเจนก่อนจะ…

ตู้ม!!!

ล่วงกลับลงไปในน้ำทันที

“รูปปั้น…”

“…”

“พี่ก้านไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”

“…”

“ไคโอ  หมอนั่น…”

“…”

“เป็นเงือกเหรอ!!!”

ไม่นะ…

ความลับ…แตกจนได้

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ความลับแตกจนได้สินะเจ้าชายกับน้องปั้น 55555+  ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะวุ่นวายแค่ไหนกันนะ  ใครที่สั่งซื้อไม่ทัน รอรอบสต๊อกหรือไปซื้อในงานเจนวายได้ค่า  จุ๊บๆๆๆ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด