ตอนที่ 11 (1) : งานเลี้ยงต้อนรับ “แม่นึกว่างานเล็กๆ” คุณกมลวรรณเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดกังวลทันทีที่มีคุณพาเข้ามานั่งคุยในห้องนอน ไม่คิดว่างานต้อนรับหลานแฝดจะจัดใหญ่โตถึงเพียงนี้
“ผมก็คิดแบบนั้น” มีคุณทราบว่าจะมีอะไรบ้างในงาน เช่นดอกไม้ ลูกโป่ง อาหารจากโรงแรม แต่เมื่อสถานที่ถูกจัดเขาถึงเห็นว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่คิด ทุกที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง ซุ้มอาหารมากมาย แสงสีครบเต็มรูปแบบ
“แม่กับป้าวาดดูเป็นไงบ้าง” คุณกนลวรรณรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา ยกมือขึ้นลูบเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่
“ดูดีแล้วครับแม่อย่ากังวลไปเลย” มีคุณให้ความมั่นใจมารดา ในสายตาของเขาถึงจะเป็นชุดตัดขึ้นเองแต่ด้วยแบบและเนื้อผ้าที่มารดาเลือกใช้เขาเชื่อว่าเทียบร้านดังๆ ได้สบาย
“นั่นสิแม่วรรณ ชุดที่เราตัดให้พี่กับตัดใส่เองออกสวยจะกลัวอะไร ที่เห็นๆ ยังไม่มีใครสวยสู้” แม่ของหมออิกผู้มีศักดิ์เป็นป้าของมีคุณเอ่ยขึ้น
“เรื่องยอคนในครอบครัวขอให้บอกแม่พี่” อธิชาติยักคิ้วให้มีคุณ
“เกินไปย่ะตาอิก น้าแกตัดสวยจริงแม่ก็ต้องชม” คุณปานวาดหันไปค้อนลูกชายที่ชอบพูดขัดคอเธออยู่เรื่อย
“ผมไม่ได้หมายถึงน้าวรรณตัดไม่สวย ผมหมายถึงยังไม่มีแขกมางานสักคนใครจะสวยสู้ได้ล่ะครับ”
“ตาอิก”
“ครับๆ” อธิชาติกลั้นยิ้มจนตาพราว ขืนยังแซวต่อมารดาของเขาคงได้ใช้กระเป๋าในมือแพ่นกบาล
“แล้วเจ้าตัวเล็กอยู่นี่เป็นไงกันบ้างชอบไหม สนุกไหม ไหนบอกยายสิ”
“สนุกครับ” ชอบคับ” สองแฝดเงยหน้าจากหนังสือในมือที่อธิชาติซื้อมาฝากส่งยิ้มจนตาหยีให้ยายวาด
“พ่อเราเขาเป็นไงบ้างเอาใจใส่บ้างไหม ดูแลดีหรือเปล่า”
“แม่ครับอย่าถามหลานอย่างนั้น” อธิชาติรีบห้ามปรามมารดา เมื่อเห็นสองแฝดเอียงคอมองด้วยความสงสัย
“อ้าว! ไม่ถามแม่จะรู้เหรอว่าหลานเป็นไงบ้าง เผื่อดูแลไม่ดีแม่จะได้พาหลานกลับบ้าน”
“ถ้าไม่ดีคุนจะอยู่หรือครับ”
“น้องอาจจะไม่กล้าพูดขึ้นก่อนก็ได้ แม่เป็นป้าก็ต้องพูดต้องถาม นี่ถ้าแม่วรรณไม่ปฏิเสธตอนพ่อของแฝดกับพ่อแม่เขาจะไปเชิญด้วยตัวเองที่บ้านป่านนี้คงได้คุยกันรู้เรื่องไปแล้ว ไม่รู้จะเกรงใจทำไม เราเป็นผู้ใหญ่เป็นยายของแฝดเขามาหาถึงบ้านก็ถูกแล้ว”
“ผมว่าน้าวรรณไม่ได้เกรงใจคุณภูริชหรอก น้าวรรณกลัวแม่ซักคุณภูริชมากกว่า” อธิชาติหัวเราะชอบใจ เขาเดาความคิดของน้าสาวได้ไม่ยาก
“ไม่ใช่ตาอิก น้าเกรงใจพ่อของภูริชจริงๆ” คุณกมลวรรณรีบปฏิเสธแต่ก็อดหัวเราะตามหลานชายไม่ได้
“แล้วตกลงเป็นยังไงบ้างคุน อยู่กันได้ใช่ไหม” คุณปานวาดยังไม่ลืมเรื่องที่ต้องการรู้
“ป้าวาดไม่ต้องห่วงครับพ่อสองแฝดดูแลอย่างดี” อะไรดีมีคุณก็ว่าดี ส่วนอะไรไม่ดีนั้นเขาจะเก็บไว้จัดการเอง
“ได้ยินอย่างนี้ป้าก็สบายใจ มีอะไรก็บอกแม่บอกป้ามาหรือบอกตาอิกก็ได้ ถึงเราไม่รวยแต่ก็ไม่จำเป็นต้องง้อใคร อยู่ที่ไหนมันคับข้องใจก็กลับบ้านเรา”
“ครับป้าวาด ขอบคุณมากครับ” มีคุณยกมือขึ้นไหว้ผู้มีศักดิ์เป็นป้า ที่ผ่านมาป้าของเขาพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วย แต่มีคุณเห็นว่าเขายังไหวจึงไม่เคยรบกวน
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะดังเบาๆ มาจากประตูเชื่อมระหว่างสองห้อง ทำให้ทุกสายตาหันไปมอง
“คุนพี่เข้าไปได้ไหม”
“เชิญครับ” มีคุณตะโกนตอบภูริช เพียงครู่เดียวประตูห้องก็เปิดออก
“สวัสดีครับ” ภูริชยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ เขาส่งยิ้มนอบน้อมไปให้
“พี่ภูมิครับนี่คุณป้ากับแม่ผมครับ ส่วนนี่พี่อิกลูกของป้าวาดเป็นญาติผู้พี่ผมพี่ภูมิเคยเจอแล้ว”
“สวัสดีครับ” ภูริชยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้ง ก่อนส่งมือไปจับกับอธิชาติ
“คุณลุงคุณป้ามาแล้วหรือครับ” มีคุณถามถึงอีกสองท่าน ภูริชกับบิดามารดาออกไปทำธุระตั้งแต่เช้าจึงยังไม่ได้เจอกับครอบครัวของเขา
“มาแล้ว ฝากพี่ขึ้นมาเชิญคุณป้ากับทุกๆ คนลงไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน ขอโทษที่ต้องเร็วหน่อยเพราะบ่ายๆ ข้างล่างคงยุ่งกันมาก”
“ครับ” มีคุณรับคำ
“วันนี้ไม่มีใครคิดถึงพ่อหรือครับนั่งกันเงียบเชียว” ภูริชแซวลูกชายทั้งสองที่นั่งมองเขาตาปริบๆ จากบนเตียง
“ภูคิดถึง” เด็กชายภูรีบยืนขึ้น ชูแขนสองข้างออกให้พ่อเข้ามาอุ้ม
“ลิดก๊ะคิดถึง ผู้หย่ายคุย”
“อะไรนะครับ” ภูริชพยายามทำความเข้าใจคำพูดของลูกชายคนเล็ก เด็กชายดลฤทธิ์พยายามรวบรวมคำพูดแล้วบอกบิดาอีกครั้ง
“ลิดคิดถึง พูดมะดี”
“ดีครับ ริชพูดได้พ่อชอบฟัง”
“อื้อ” เด็กชายดลฤทธิ์ทำหน้าขัดใจตัวเองที่ไม่สามารถพูดให้พ่อเข้าใจได้
“น้าคุนบอกพูดแทรกผู้ใหญ่ไม่ดี” เด็กชายตัวอ้วนกลมที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อต้องช่วยน้องชายอธิบาย ทำเอาภูริชยิ้มกว้างถูกใจความฉลาดเฉลียวและมีมารยาทเกินเด็กของลูกชาย
“เก่งจริงๆ ลูกพ่อ ตัวแค่นี้รู้จักคิด”
“ต้องชมคนสอน คุนเอาใจใส่สอนซ้ำๆ พูดบ่อยๆ เด็กมันถึงจำได้” คุณปานวาดพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในตัวหลานชาย มีคุณเลี้ยงหลานด้วยความเอาใจใส่ ไม่เคยมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพื่อหวังให้หลานชายตัวน้อยเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
“คุนเก่ง ขอบคุณมากครับ” ภูริชหันไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้มีคุณ ทำเอาเจ้าตัวเผลอหน้าแดง
“ลงไปกันดีกว่าครับเดี๋ยวคุณลุงคุณป้ารอ” มีคุณแก้เขินด้วยการชวนทุกคนลงไปข้างล่าง
“ไปสิ ป้าก็อยากคุยมานานแล้ว”
“พี่วาด!” “แม่ครับ” เสียงน้องสาวอุทานด้วยความตกใจ ในขณะที่ลูกชายกลับทำเสียงอ่อนใจ
“ทำไมล่ะแม่พูดผิดตรงไหน”
“ไม่ผิดครับคุณป้า คุณพ่อกับคุณแม่เองก็อยากคุยครับ” ภูริชรีบออกตัวให้เพราะคุณกมลวรรณมีสีหน้าลำบากใจ
“เห็นไหมจะตกใจอะไรกันนักหนา” คุณปานวาดบ่นอุบ เธอรอเวลานี้มานานให้น้องสาวพูดจะไปได้เรื่องอะไร ใจอ่อนเป็นที่หนึ่ง ขี้เกรงใจก็เท่านั้น นาบุญเองก็ได้นิสัยแม่มาเต็มๆ เรื่องมันถึงได้เป็นอย่างนี้ แต่วันนี้เมื่อเธอมาเยือนถึงถิ่นเธอจะจัดการให้น้องสาวกับหลานเอง
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“แหมไม่ต้องขอโทษขอโพยค่ะคุณภารวีเรื่องมันผ่านไปแล้ว เข้าใจผิดกันทังนั้น” คุณปานวาดพูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากได้ร่วมรับประทานอาหารและย้ายมานั่งคุยกันเป็นกิจจะลักษณะที่ห้องรับแขกได้เกือบครึ่งชั่วโมง อธิชาติแอบสบตาขำกับมีคุณ ตั้งท่ามาอย่างดีสุดท้ายก็อ่อนให้พ่อกับแม่ของภูริชจนได้
“ถ้าผมทราบเร็วกว่านี้..” ภูริชพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด จนคุณปานวาดต้องรีบห้าม
“อย่าคิดมากพ่อภูมิ เราไม่รู้ถ้ารู้แล้วไม่ทำอะไรก็ว่าไปอย่าง”
“แม่ครับให้น้าวรรณตอบบ้างก็ได้ครับ” คุณปานวาดหันไปค้อนลูกชาย เรื่องขัดคอแม่ขอให้บอก
“แม่วรรณก็คิดเหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยผ่านไป ถ้าถามว่าใครผิดทางเราก็คงผิดเหมือนกันที่เก็บเงียบไปบอก”
“ใช่”
“หึหึ” อธิชาติหัวเราะแต่ต้องติดเบรคเมื่อเจอสายตากำราบจากมารดา เขานึกอยากแซวว่าก่อนมาใครบอกว่าฝั่งภูริชผิดอยู่ฝ่ายเดียว
“ตาอิกออกไปเล่นกับหลานไป”
“อ้าว!” อธิชาติเกาหัว เมื่อจู่ๆ ก็โดนมารดาไล่ออกจากห้อง สองแฝดไม่ได้เข้ามาในห้องรับแขกด้วยเพราะผู้ใหญ่เห็นตรงกันว่าไม่ควรให้เด็กๆ เข้ามาฟัง จึงปล่อยให้ฝ้ายพาไปเล่นที่อื่น
“มันนานแล้วเดี๋ยวหลานจะเหงา” เอากับมารดาของเขาเหตุผลฟังไม่ขึ้นสักนิด แต่จากสายตาคิดว่าอย่างไรก็ต้องลุกอยู่ดี
“ครับ” อธิชาติลุกขึ้นยืน ดีเหมือนกันเขาอยากมีเวลาคุยกับหลานเพื่อดูพัฒนาการของแต่ละคน
“น่าจะอยู่ในห้องนั่งเล่นครับพี่อิก เดินออกไปเลี้ยวซ้ายถัดไปอีกห้องก็ถึงครับ” มีคุณอยากลุกไปส่งแต่คิดว่าไม่ควรปล่อยให้คุณปานวาดและมารดาอยู่กับครอบครัวภูริชเพียงสองคน
“อืม ตอนเดินลงมาพี่เห็นแล้ว”
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนครับ” ภูริชรีบลุกขึ้นยืน ถึงอย่างไรอธิชาติก็ยังเป็นแขกที่เขาควรดูแล
“ไม่ต้องๆ ภูมินั่งเถอะป้ายังมีอะไรอยากคุยด้วยอีกตั้งเยอะ”
“ผมไปเองได้ครับคุณภูมิ สู้ๆ นะครับ” อธิชาติยิ้มกว้างให้ภูริชเป็นเชิงล้อและให้กำลังใจไปในตัว
“ดูๆ ลูกคนนี้ ไปไหนถึงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นหมอ แฟนก็หาไม่ได้แล้วยัง..”
“ผมไปแล้วครับ” อธิชาติแกล้งยกมือขึ้นไหว้มารดา ค้อมศีรษะลงต่ำจนถึงเอว แม้แต่คุณสัณณ์ยังอดหัวเราะไม่ได้
“เห็นไหมคะ ลูกดิฉันล้นจริงๆ” นั่นคือประโยคชื่นชมจากมารดาที่ดังตามหลังเขาออกมา
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“อยู่นี่เอง” อธิชาติเดินเข้าไปหาหลานๆ ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะสังเกตว่ามีคนอื่นที่เขาไม่รู้จักนั่งอยู่ด้วย
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มทักทาย แต่ได้รับการมองจากหางตาเป็นการตอบกลับ
“คุณข้าวคะนี่คุณหมออิกค่ะเป็นญาติกับพี่คุน ส่วนคุณข้าวเป็นญาติกับคุณภูมิค่ะ” ฝ้ายทำหน้าที่แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน เมื่อเห็นว่าบรรยากาศชักไม่ค่อยดี
“สวัสดีอีกครั้งครับ” อธิชาติเห็นว่าอีกฝ่ายเด็กกว่าจึงใช้วิธียื่นมือไปให้จับ
“สวัสดีครับ” แต่เด็กหนุ่มดันยกมือขึ้นไหว้เขา ทำเอาชายหนุ่มต้องแก้เก้อด้วยการยกมือขึ้นขยับแว่นตาและเปลี่ยนเป้าหมายไปหาหลานๆ แทน
“เล่นอะไรกันอยู่ครับ”
“ไม่ได้เล่นค่ะ!” เสียงและใบหน้าตื่นๆ ของฝ้ายที่รีบปฏิเสธทำให้อธิชาติสงสัย ว่าก่อนเขาเข้ามาสองแฝดกำลังทำอะไรอยู่
“ไม่ได้เล่นแล้วทำอะไรกันครับ”
“คือ..” สายตาของฝ้ายที่เหลือบไปมองใบหน้าของคนที่นั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากขึ้น
“ว่าไงครับ ไหนใครจะตอบลุง” อธิชาติหันไปเอาคำตอบจากสองแฝดแทน เพราะรู้ว่าจะได้ความจริงแน่นอน
“อาข้าวสอนตอบคำถามครับ” เด็กชายภูตอบลุงอิกอย่างฉะฉาน
“น่าสนใจ ภูสอนลุงอิกบ้างสิครับ” ชายหนุ่มลงนั่งบนพรมกับหลานๆ มีเพียงชโนทัยเท่านั้นที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ภู ลุงเขาโตแล้วตอบเองได้ไม่ต้องสอน” ชโนทัยขัดขึ้นเพราะไม่อยากให้หลานพูด
“สอนเถอะลุงอยากเรียนด้วย” ชายหนุ่มคะยั้นคะยอหลาน เปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิอุ้มแฝดน้องขึ้นมานั่งบนตัก
“มาครับลุงพร้อมเรียนแล้ว” อธิชาติรู้ดีว่าเขาจะกระตุ้นหลานชายได้อย่างไร
“อาข้าวบอกถ้าสาวโตๆมาถามเยอะๆ” เด็กชายภูเรียบเรียงคำพูดที่ได้ฟังจากคุณอา
“ครับ”
“ให้ตอบ..ยุ่ง!”
“ยู่ง” เด็กชายริชรีบพูดตามพี่ชาย อวดให้ลุงฟังว่าเขาจำที่อาข้าวสอนได้เหมือนกัน
“อะไรนะครับ!” อธิชาติมองหน้าหลานชายก่อนหันไปมองหน้าคนสอนที่ไม่ยอมสบตาเขา ทำทีเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ยู่งงง” เด็กชายริชลากเสียงยาวยิ้มหวานให้คุณลุง แม้ยังพูดได้ไม่ชัดถ้อยชัดคำหากแต่เต็มเสียงจึงได้ยินชัดเจน อธิชาติเข้าใจแล้วว่าทำไมฝ้ายจึงทำหน้าเจื่อนเมื่อเขาถาม
“เด็กๆ ฟังลุงอิกครับ อาข้าวแค่คุยเล่นไม่ได้สอนจริงๆ เอาไปพูดไม่ได้ครับ”
“คุยเล่น” เด็กชายภูพูดตามคุณลุง
“ใช่ครับไม่เชื่อถามอาข้าวดูสิ อาข้าวแค่คุยเล่นสนุกกับภูกับริชเท่านั้นเองจริงไหม” อธิชาติหันไปหาคนต้นเหตุ
“อืม” ชโนทัยตอบรับแบบขัดใจ ใครว่าล้อเล่นเขาตั้งใจสอนเลยทีเดียว คนนอกไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่มีข่าวว่าภูริชเป็นพ่อม่ายลูกติด สาวๆ ตื่นเต้นกันแค่ไหน มีคนวิเคราะห์ว่าหยิ่งอย่างนิลยาไม่น่าจะยอมรับได้ง่ายๆ เรื่องนี้จบไม่สวยแน่ คนมีความหวังจึงเพิ่มขึ้นดูจากการตอบรับมางานนี้ได้ เดี๋ยวก็มายุ่งวุ่นวายกับหลานเขา ชโนทัยไม่ชอบ
“เห็นไหมครับลุงบอกแล้วว่าอาข้าวพูดเล่น ภูกับริชอย่าเอาไปพูดกับใครนะ”
“ครับ” เด็กชายภูพยักหน้า ถึงแม้จะยังงงๆ อยู่ก็ตาม
“ดีมากครับ ใครถามห้ามตอบว่ายุ่งเด็ดขาด”
“ยู้งม่ายด้าย” เด็กชายดลฤทธิ์ทวนคำคุณลุง
“เก่งมากครับริช” อธิชาติลูบหัวเล็กๆ ของหลานชาย เห็นสีหน้าโล่งอกของฝ้ายเขารู้สึกขำจนเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้หนุ่มน้อยที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าหงิกขึ้นมา
ตาลุงนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครมาหัวเราะขำเขา เหอะนี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพี่ภูมิพี่คุนเขาไม่มีทางลงให้ ไอ้ลุงตี๋หน้าจืดเอ๊ย
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
เอาไปครึ่งหนึ่งก่อนนะคะ ^^ พักนี้ยุ่งจริงๆ ตบตีกันครึ่งหลังนะคะ เอ๊ย!ไม่มี 555
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin