♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)  (อ่าน 23460 ครั้ง)

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 




*************************************************************************************


เนื้อห้าตั้งเเต่บทนำถึงตอนที่14  ได้กระทำการRewrite เมื่อวันที่ 16/7/60 : 1.36


*****************************************************************************

บทนำ



     ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน มันมืดมิดไปหมดไร้ซึ่งแสงสว่าง รู้สึกเหมือนกำลังตกจากที่สูง จากนั้นก็ลอยขึ้นไปใหม่
   
     ในหัวของผมนั้นหมุนโครงเครงไปมาจนประมวลผลทุกอย่างไม่ได้ รู้แค่ว่าตอนนี้มีความสุขมาก ความรู้สึกบางอย่างกำลังไหลเวียนและปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกาย ช่องท้องบิดเกร็งด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสียวซ่านและตื่นเต้นในคราเดียวกัน

เหมือนตอนนี้กำลังมีสัมผัสบางอย่างที่ชื้นแฉะไล้เล็มตั้งแต่ช่วงลำคอและไล่ลำดับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปลายคาง จากนั้นก็เปลี่ยนที่ไปเป็นช่วงแนวสันกรามและไหปลาร้าด้วยความอ้อยอิ่ง  ริมฝีปากถูกสัมผัสเข้าหากัน เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกเหย้ากันไปมา  ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของริมฝีปากนั้นคือใคร รู้แค่ว่าอยากจะกดเน้นย้ำอยู่ที่ตรงนี้ไม่ไปไหน อยากจะครอบครองเป็นเจ้าของให้รู้แล้วรู้รอด เพราะว่ามันรู้สึกดีเวลาที่ได้สัมผัสและตอบสนอง
     
ริมฝีปากยังคงถูกกดเน้นย้ำและดูดดึงอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน  ต่อมาก็ถูกถอดถอนและเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นช่วงหน้าอกที่ยังคงมีเสื้อผ้าคั่นกลาง  แต่ไม่นานก็ถูกไล่แกะกระดุมไปเรื่อยๆตั้งแต่บนลงล่างจนสาบเสื้อหลุดออกจากกัน พร้อมกับเรียวลิ้นที่ไล้เล็มลงมาตั้งแต่แผงอกถึงแอ่งกลางสะดือ หยอกล้อกับจุดนั้นได้ไม่นานก็ถูกเปลี่ยนตำแหน่งเลื่อนขึ้นไปยังจุดอ่อนไหวต่อสัมผัสทั้งสองข้าง คนถูกสัมผัสแอ่นอกขึ้นรับริมฝีปากและลิ้นร้อนที่กำลังไล้เลียอยู่ตรงนั้นด้วยความกระสัน 

สองมือยกขึ้นมาสอดแทรกและกอบกุมกลุ่มผมนุ่มไว้ในมืออย่างสุดจะทน  ช่วงท้องหดเกร็งและเสียวแปลบมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อปลายลิ้นยังคงหยอกเย้าอยู่กับยอดอกทั้งสองข้าง มือสากลูบไล้ไปตามร่างกายของคนใต้ร่าง ไล่ตั้งแต่แผ่นหลังจนมาถึงช่วงท้อง 

จากนั้นก็ไล่ลงไปเรื่อยๆ และหายลับเข้าไปในขอบกางเกง มืออีกข้างที่กำลังสาละวนอยู่กับผิวนุ่มนิ่มที่ส่วนข้างบนนั้น ก็จัดการย้ายลงมาเพื่อที่จะถอดเข็มขัดเส้นหนาออกจากสะโพกสอบ เนื่องจากมันรัดแน่นจนเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถที่จะล่วงล้ำเข้าไปได้


เมื่อสามารถถอดกางเกงยีนส์ของคนใต้ร่างออกไปแล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะสัมผัสยังส่วนที่ไวต่อสัมผัส  ยามที่มือใหญ่ได้สัมผัสส่วนตรงนั้น มันก็ตอบสนองสู้มืออย่างทันท่วงที น้ำสีใสไหลเยิ้มออกมายังส่วนปลาย ค่อยเลื่อนขึ้นลงเพื่อนปลุกอารมณ์คนใต้ร่างอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป เสียงลมหายใจหอบหนักของเขาทั้งคู่ดังสลับกันจนแยกไม่ออกมาว่ามันเป็นของใคร ริมฝีปากพบกันที่กลางทางจากนั้นก็ดูดดันแลกลิ้นกันไปมาด้วยความกระหาย


ในขณะนี้ทั้งสองต่างก็ไม่สนใจแล้วว่าใครจะเป็นใครและมาจากไหน ฤทธิ์ของความมึนเมาจากแอลกอฮอล์กำลังทำให้พวกเขานั้นยากที่จะควบคุมตัวเอง


     เมื่อความต้องการมีมากกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว จะมีใครที่ไหนมานั่งสนใจว่าอะไรถูกหรือผิด  อันเป็นที่รู้กันดีว่าความปรารถนาของคนเรานั้นสามารถทำให้ขาดสติยั้งคิดยั้งทำได้แค่เพียงชั่วพริบตา ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้สิ่งที่ต้องการมาตอบสนองความต้องการของตนเอง
เเละเมื่อความกระสันเดินทางมาถึงจุดสูงสุด มือใหญ่ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเร่งเร้าจังหวะเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ให้คนใต้ร่างนั้นเสร็จสมอารมณ์หมายล่วงหน้าไปก่อน


     อ๊ะ!!

     ร้องเสียงหลงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อความร้อนระอุถูกปลดปล่อย   อ้าปากหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ กอบโกยเอาอากาศเข้าปอดราวกับคนกำลังขาดอากาศหายใจ 
จากนั้นก็ถูกทาบทับริมผีปากอีกครั้งอย่างตะกละตะกลามโดยคนอยู่ข้างบน  ไม่นานกางเกงยีนส์ของทั้งคู่ก็ถูกถอดออกมาพร้อมๆกัน 

     ขณะนี้ร่างเปลือยเปล่ากำลังแนบชิดเข้าหาจนแทบจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง เหงื่อกาฬผุดซึมขึ้นตามผิวหนัง มือที่เคยใช้ปนเปรอคนใต้ร่างนั้นถูกแปลเปลี่ยนลงมาเป็นช่องทางรักด้านหลัง นิ้วแรกถูกสอดแทรกเข้าไปอย่างช้าๆ

คนถูกกระทำสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แต่จากนั้นก็ถูกปลุกเร้าจากส่วนอื่นจนเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามอีกครั้ง กลิ่นคละคลุ้งของแอลกอฮอล์และบุหรี่ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น  เมื่อริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสกันก็ยิ่งทำให้คนทั้งสองนั้นมัวเมามากขึ้นกว่าเดิม


โลกหมุนวนไปมา รู้สึกราวกับว่ากำลังตีลังกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเริ่มเวียนหัว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกับว่ามันล่องลอยออกไปนอกร่าง จนเรียวนิ้วถูกเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากหนึ่งไปสองจากสองไปสามเพื่อขยายช่องทางรัก และเมื่อความต้องการนั้นมีมากขึ้นกว่าเดิมจนเริ่มทนไม่ไหว ส่วนที่แข็งขึงก็ถูกนำจดจ่ออยู่กับทางเข้า


     อ๊ะ!!   

     คนถูกสอดใส่ร้องออกมาเสียงหลง เมื่อถูกบางสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วกำลังจะขับเคลื่อนเข้ามาภายในร่าง ดูเหมือนว่าผู้กระทำนั้นไม่ค่อยได้สนใจว่าคนที่กำลังรองรับความต้องการตนอยู่จะทนไหวหรือเปล่า? และเจ็บมากขนาดไหน เขารู้แค่เพียงว่ามันกำลังตอดรัดและอุ่นแน่นจนแทบอยากจะระเบิดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า


     อ๊า!!!

     ร้องเสียงหลงขึ้นมาอีกครั้ง แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ถูกสอดใส่เข้ามาจนสุดทาง หยาดน้ำตาค่อยๆรินไหลออกมาจากหางตาด้วยความเจ็บอย่างไม่รู้ตัว สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น นิ้วเท้าทั้งสองข้างถูกเกร็งและจิกลงยังที่นอนโดยอัตโนมัติ 

ร่างหนาค่อยเคลื่อนสะโพกสอบด้วยความยากลำบาก  เพราะอีกคนนั้นไม่เคยผ่านใครมาก่อน ช่องทางรักถูกเกร็งแน่นเพราะความเจ็บแต่ในทางกลับกันกับเป็นการเร่งเร้าอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างมาก 

     ตัดสินใจเคลื่อนสะโพกเข้าออกด้วยความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ความเจ็บนั้นเพิ่มขึ้นพันเท่าทวีคูณ แต่ก็ถูกหลอกหล่อด้วยความเสียวซ่านจากมือหนาที่กอบกุมส่วนแข็งขืนไว้ในอุ้งมือ เลื่อนมันขึ้นลงตามจังหวะที่เขาได้สวนกระแทกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง


     แต่สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา  พวกเขาทั้งคู่กำลังจะถึงฝั่งฝัน…


     จังหวะถูกเพิ่มขึ้นอย่างถี่รัว ความเจ็บแสบยังช่องทางด้านหลังนั้นยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงสุขสมเพราะถูกเล้าโลมจากส่วนนั้น จนในที่สุดช่วงโค้งสุดท้ายของความหฤหรรษ์เดินทางเข้ามาถึง สองร่างของทั้งคู่กระตุกเกร็ง ธารรักอุ่นร้อนไหลออกมาอย่างรวดเร็วจนถอดถอนออกมาแทบไม่ทัน เลยทำให้มันเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งช่องทางด้านหลังอย่างห้ามไม่ได้ ในส่วนมือใหญ่นั้นก็เลอะไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลทะลักออกมารอบที่สอง 


     ทั้งคู่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันอย่างหมดแรง เสียงหอบหายใจในคราแรกที่ดังขึ้นของทั้งสอง ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ และก็เริ่มอย่างสม่ำเสมอในที่สุด พร้อมกับสติอันน้อยนิดที่ค่อยๆเลือนรางไป

● ● ●


     แสงแดดตอนเช้านั้นปลุกผมให้ตื่นลืมตาขึ้นมา อาการปวดเมื่อยเข้าเล่นงานทันทีที่ได้สติ แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดอาการเจ็บแปลบที่แสดงออกมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมแทบสะดุ้ง ขยี้ตาสองสามครั้งเพื่อขจัดความพร่ามัวของดวงตา มองดูรอบๆห้องจากนั้นก็หยุดลงตรงที่ร่างของใครบางคนที่นอนหันหลังให้อยู่ 


     ฉิบหายแล้ว!! นี่มันอะไรวะ?

     ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนล่ะครับเนี่ย? เพราะเมื่อมองไปรอบๆห้องแล้วหัวคิ้วนี่ถึงกับกระตุก เนื่องจากว่ามันไม่ใช่ห้องของผม

 
     แล้วไอ้ข้างๆผมนี่เป็นใคร?


     ทำไมถึงมาอยู่กันในสภาพแบบนี้ได้?   หน้าผมตอนนี้เครื่องหมายเควสชันคงเด่นหราอยู่แน่ๆ  แต่ก็สงสัยอีกอย่างหนึ่ง…
ทำไมผมถึงได้เจ็บก้นอย่างนี้ครับ?

 
     คิดแล้วก็ก้มลงมองทั่วทั้งร่างกายของตัวเอง สลับกับคนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ  ห เห้ย ย อย่าบอกนะว่า ว่า…


     ชัดเลย!!  ชัดเลยไอ้เหี้ย!


     อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!


     จะไม่อะไรเลยครับถ้าคนที่นอนข้างๆนี้มันไม่ใช่ผู้ชาย แล้วเป็นผู้ชายไม่เท่าไรผมยังเสือกโดนกระทำ คงไม่ต้องสืบให้มากความเจ็บก้นอย่างนี้จะมีอะไรได้วะนอกจากการเป็นผู้ถูกกระทำ 

     ใจร้ายมากมึงใจร้ายกับกูมาก เกิดมาร้อยวันพันปีไม่เคยแม้แต่จะเสียตัวให้สาวแต่ดันมาเสียตัวให้ผู้ชายซะได้

     โอ้ยยยย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น  ฮืออออแม่จ๋าช่วยปิง  ไม่นานผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆก็ได้ขยับตัวไปมาเล็กน้อย เสร็จแล้วก็ก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาในที่สุด จากนั้นก็หันมามองผมที่นอนอยู่ข้างๆด้วยหน้าตาที่เดาอารมณ์ไม่ถูก แค่เสี้ยววินาที เรียวคิ้วของคนตรงหน้าก็ขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะงงๆเหมือนกันว่าผมเป็นใครสงสัยสมองที่มีแต่ขี้เรื่อยของคงจะยังประมวลผลไม่ได้ 


     “มองอยู่นั่นแหละไอ้เหี้ย!!  แม่งเอ้ย!”  ด้วยความโกรธผมเลยขยับตัวลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยความเจ็บ คว้าหมอนใบใหญ่ที่ใช้หนุนอยู่ปาเข้าไปใส่หน้าหล่อๆนั่นอย่างจัง เออเอาทำตัวอย่างกับนางเอกนิยายน้ำเน่าไปได้ อย่าลืมดิว่ามึงแม่งแมนๆเตะบอลนะโว้ย!!   


     จะมีวันไนท์แสตนด์ทั้งที ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วยครับ!? ผมไม่เข้าใจ โอ้ยยยย


     “ออกไปเลยไอ้เหี้ย!!”   เมื่อคนตรงหน้ายังไม่มีท่าทีว่าจะลุก ผมก็เลยต้องคว้าหมอนอีกใบมาระดมตีเข้าใส่คนตัวใหญ่กว่าอย่างไม่ยั้งมือ เลยกลายเป็นนางเอกคูณสองเข้าไปอีก


     “จะออกไปได้ยังไง นี่ห้องผม?”  ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นพร้อมกับคว้าหมอนที่อยู่ในมือผมออกไป
ก็ลืมไปครับว่านี่ไม่ใช่ห้องผมมัวแต่โมโหจนเผลอปล่อยไก่ไปเล้าใหญ่…เวรกรรมจะโวยวายเค้ายังพลาด


     “ไม่รู้แหละมึงออกไปก่อนเลย กูจะแต่งตัวไอ้เหี้ย!”  ว่าพร้อมกับท่าทางโวยวาย   
ไม่ถึงสามวินาทีเขาก็ลุกขึ้นจากที่นอนทันที อาจจะเป็นเพราะว่าทนผมโวยวายไม่ไหว แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป เขาก็หันหน้ากลับมาและถามผมว่า “ให้ผมรับผิดชอบดีไหม?”


     “ไม่ต้อง ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ แต่มึงช่วยออกไปก่อนได้ไหม!?” ตอบกลับอย่างทันควัน ด้วยความหงุดหงิดและหัวเสีย   


     “จะให้ออกไปไหน?ห้องก็แค่นี้”   คู่สนทนาถามกลับ เออนั่นสิวะห้องแม่งไม่ได้แบ่งเป็นโซน มันรวมกันไปหมดเลยมีแค่ห้องน้ำที่แยกออกมา


     “ไม่รู้แหละมึงจะออกไปไหนก่อนก็ได้!”  ตอนนี้ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแค่อยากให้มันออกไปพ้นๆหน้าสักที


     “…”  สิ้นประโยคเขาก็ลุกขึ้นจากที่นอน ด้วยสภาพโป๊เปลือยเดินล่อนจ้อนไปเข้าห้องน้ำ ผมซึ่งนั่งอยู่นั้นปิดตาแทบไม่ทัน ขนลุกไปหมดแล้วไอ้สัด!


     ฉิบหายละ.. ทำไมมันเจ็บขนาดนี้วะ ซี้ด!! โอ้โหกูนี่ลุกแทบไม่ได้ มันเจ็บ ฮืออออ เจ็บไปหมดแล้วโว้ยยยยยย


     ตุบ!!


     โอ้ย! เหี้ย! 

     เผลอสบถออกมาด้วยความเจ็บเนื่องจากขณะที่กำลังพาร่างที่โคตรจะระบมของตัวเองคลานลงมาจากเตียง แต่เพราะเรี่ยวแรงที่แทบจะไม่มันเลยทำให้ผมกลิ้งตกลงเตียงซะได้ เจ็บมากไหมถามใจดู นี่อยากจะนอนลงไปบนพื้นให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่านี่ไม่ใช่บ้านตัวเองนะ


     ฮือออ…โคตรทรมาน 

     ไม่เอาแล้วต่อไปนี้จะไม่ไปกินเหล้าเมาที่ไหนอีกแล้ว จะไม่ไปมีวันไนท์แสตนด์กับผู้ชายที่ไหนอีกแล้ว แต่ที่จริงก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนะครับ แล้วก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันด้วย เพราะผมไม่ใช่เกย์ ไม่ได้เป็นสายเหลือง  ละทำไมผมต้องมาเจอเรื่องเหี้ยไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ทำม๊ายยยทำไม!!  อยากจะบ้าตาย โอ้ยยยย!!


     น้ำตาจะไหลแล้วครับ  เนื่องจากว่ามันเจ็บมากจนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นเองได้

     นั่งโอดครวญอยู่ในใจได้ไม่นานขณะนี้เจ้าของห้องมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วพร้อมกับผ้าขนหนูที่ติดตัวมาด้วย สองขายาวก้าวออกมาพร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กซับหยดน้ำบนศีรษะไปมา ทันใดนั้นดวงตาเรียวรีของเขาก็มองมาที่ผมซึ่งกำลังนั่งกองอยู่ข้างๆเตียง

     ได้โปรดอย่ามองกูอย่างนั้น กูเจ็บมาก กูลุกไม่ได้ และกูก็อายมากด้วย   นั่นไง! นั่นไง!! มันเดินตรงมาแล้วครับ มันเดินมาแล้ว! หลังจากนั้นก็…


     หมับ!


     พยุงผมขึ้นมา แต่มึงครับมึงใจเย็นครับ กูไม่ได้มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นเลยนะเว้ย ท้ายที่สุดด้วยความไวว่องก็เลยคว้าผ้าห่มผืนหนาที่อยู่บนเตียงติดมือมาคลุมตัวด้วยความรวดเร็ว ดีนะที่มันไม่มอง
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีเขาก็พยุงผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ แต่ก่อนจะไปเขาก็หันมาพูดทิ้งท้ายว่า“เข้าไปอาบน้ำก่อน ถ้าเดินออกมาไม่ไหวก็เรียก” 


     ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากมันครับ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเพราะผมไม่สามารถจริงๆ ตอนนี้เลยได้แต่เจ็บไปทั้งตัวเจ็บทั้งใจเลย แม่งเอ้ย!

     “จะนั่งนั่นอีกนานไหม? พอดีต้องไปทำธุระ จะให้ไปส่งหรือเปล่า? หรืออยากกลับเอง?” มันหันมาถามผมเมื่อเห็นว่าผมยังนั่งเจ็บใจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ที่เดิมไม่ยอมลุก

 
     แต่เอาจริงๆไหม?  คือกูลุกไม่ได้ กูเจ็บ!!


     “ต้องให้ช่วยไหม?”   ช่วยสิมึงสมควรช่วยมึงคือผู้กระทำกู


     “ก็ช่วยสิวะ!!”  นี่อายจนอยากจะเอาหน้ามุดชักโครกตายอยู่แล้วครับหัวหน้า มีวันไนท์แสตนด์ก็เสือกได้มีกับผู้ชาย โธ่… อยากร้อง


     “อย่าใกล้กูมากกูขนลุก!!”  แค่มันมาโดนตัวภาพเมื่อคืนที่เหมือนจะเลือนรางก็ลอยเข้ามาในหัวเป็นฉากๆเลย ตอนแรกก็คิดว่าความฝัน ที่ไหนได้ตื่นมาแล้วคือความจริง ช่างเป็นเรื่องจริงที่เลวร้ายนัก 


     “งั้นจะเอายังไง? เดินเองไหม?”   สิ้นประโยคผมไอ้คนตัวสูงมันก็หันหน้ามามองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ โหยไอ้เหี้ยใจเย็นกูแค่ประชด กระฟัดกระเฟียดไปงั้นมึงก็รู้ว่ากูเดินเองไม่ได้  พูดนิดพูดหน่อยนี่จะปล่อยกันลงพื้นเลยเว้ย!


     “เร็วๆเถอะ กูอยากกลับบ้านแล้ว!”   ผมตอบไม่ตรงคำถามเพราะว่าที่พูดไปนั้นก็แค่ประชดจะให้เอาแรงจากไหนมาเดินถามใจดู  เข้าใจด้วยว่าแค่ประชด!

ระหว่างทางที่เดินลงมานี่มันช่างทรมานหัวใจเหลือเกินมีแต่บันได ลิฟท์ก็ไม่มี สวรรค์ช่างทำร้ายผมมาก แล้วระยะเวลาที่เดินลงมาไอ้ห่านี่มันก็เงียบกริบเลยครับ แต่ก็ดีแล้วถึงมันคุยผมก็จะไม่คุยกับมัน  ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังไม่รู้จักกัน แต่ก็ดีแล้วอีกนั่นแหละ เพราะไม่คิดจะเจอมันอีกแน่นอนในชาตินี้


     “เดี๋ยวขับรถไปส่ง”  พูดแล้วก็จะพาผมเดินไปยังลานจอดรถของอพาร์ทเมนต์มัน แต่เดี๋ยวครับไม่ต้องครับกูกลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่งกับกู


     “ไม่ต้องเดี๋ยวกูกลับเอง!”   ก่อนที่จะพยุงพาเดินไป ผมก็เลยพูดปฏิเสธขึ้นมาก่อน ดูหน้าด้วยครับเกรี้ยวกราดมาก ถ้าตอนนี้ผมมีแรงอยู่และมีความสามารถมากพอ นะมันโดนไปแล้ว!! โดนขาคู่กูหน่อยเป็นไงครับหัวหน้า


     “อืม..ตามใจ”  ว่าแล้วก็ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ไม่ได้ช่วยพยุงอีกแล้ว จากนั้นมันก็สาวเท้าเก้ายาวๆเดินออกห่าง ตอนนี้ผมเลยกำลังยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวที่หน้าหอ และไม่นานผมก็เห็นมันขับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าผมออกไป 


     โว้ยยยยย!


     หัวร้อนโว้ยยย! หงุดหงิดมากด้วย ตอนนี้จะเตะกระป๋องโค้กที่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าเพื่อระบายความคับแค้นในใจยังทำไม่ได้ เพราะว่าเจ็บไง! แรงจะเดินยังไม่มี สาบานเลยว่าเลิกกินเหล้าตลอดชีวิต!
ไอ้น้ำเปลี่ยนนิสัยคน ไอ้น้ำไม่มีประโยชน์ เพราะมึงแท้ๆ เพราะมึงเลย!


● ● ●


มีต่อข้างล่างนะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2018 21:57:27 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: รักของเสือ - อินโทรดัคชัน
«ตอบ #1 เมื่อ11-03-2017 23:27:46 »

โลกทั้งกลมทั้งแคบเลยนะนี่

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
Re: รักของเสือ - บทนำ
«ตอบ #2 เมื่อ15-03-2017 22:18:23 »

ต่อค่ะ


อีกด้านของใครอีกคน…


     กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถามว่ารู้สึกอะไรไหม อยากบอกเหมือนกันว่ารู้สึก…ถ้าถามว่าเคยมีวันไนท์แสตนด์ไหม? เคยมีครับ แต่.. ผมไม่เคยมีกับผู้ชาย 

ผมเองก็ตกใจเหมือนกันที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็เจออะไรแบบนี้ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้ว จะย้อนเวลากลับไปก็เห็นทีว่าจะไม่ได้

     ว่าไปแล้วก็สงสารเด็กนั่นเหมือนกัน ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งมันให้รอแท็กซี่คนเดียวที่หน้าหอนะ แต่ดูอารมณ์กับท่าทางของเขาแล้ว ก็ไม่คงไม่ได้สุนทรีสักเท่าไร 

ผมเองก็เข้าใจ เพราะว่าถ้าเป็นผมที่โดนทำแบบนั้นบ้างก็คงทั้งโกรธ ทั้งหัวเสียไม่น้อย เลยเลือกที่จะไม่อยู่ให้มันเห็นหน้าดีกว่า  เขาเองก็คงจะรำคาญใจที่เห็นผมอยู่ใกล้ๆ 
 


     เมื่อคืนจุดเริ่มต้นมันเป็นยังไงก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก จำได้แค่ว่าไปเลี้ยงสายรหัส ตอนแรกก็กะว่าจะแค่ไปเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับ แต่พวกมันดันเร้าหรือให้ผมดื่มมากขึ้น  ยังไงซะผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวและสังสรรค์พอเหล้าเขาปากแล้วก็เลยติดลมซะได้

และยิ่งดึกก็ยิ่งวุ่นวายไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  ผมเองก็เมามากด้วย นั่นเลยทำให้จำไม่ค่อยได้นักว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร อาจจะมีคนพาผมมาส่งที่ห้องเพราะแน่นอนว่าผมนั้นขับรถกลับเองไม่ไหว แล้วรถนี่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมายังไง ขนาดเมื่อคืนยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง แล้วก็อย่างที่เห็นภาพทุกอย่างมันฟ้องหมดตอนที่ตื่นขึ้นมา
ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง และไม่รู้ว่าควรที่จะเริ่มพูดอะไรด้วยซ้ำ เพราะไอ้ตัวขาวนั่นมันก็เอาแต่โวยวายจนไม่ได้พูดอะไรกันให้มากความ


     คิดว่ามันเองก็คงไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน สงสัยว่าเราต่างก็เป็นครั้งแรกของกันและกัน หมายถึงว่าครั้งแรกที่มีอะไรกับผู้ชาย
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้ชายแต่ถ้าให้รับผิดชอบผมก็จะทำเพราะว่าเขานั้นเป็นคนเสียหาย แต่ก็ต้องดูเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาจะให้รับผิดชอบว่ามันเหลือบ่ากว่าแรงหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ทำ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ต้องพยายาม ตกลงกันให้ได้ในที่สุด


     ผมจอดรถลงที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง เพราะวันนี้ผมนัดไอ้ฟาร์มรุ่นน้องต่างมหาลัยที่รู้จักกันให้มาคุยธุระกันทีนี่


     “หวัดดีพี่”  ทันทีที่เลื่อนเก้าอี้ทางฝั่งตรงข้ามออกมานั่ง รุ่นน้องตรงหน้าก็เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้


     “อืม…”ส่งเสียงตอบรับในลำคอ   
     นี่น่ะมันชื่อฟาร์ม เป็นรุ่นน้องผมเอง ค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะแม่ของมันเคยจ้างผมไปสอนพิเศษก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะสอบเข้าปีหนึ่ง หลังจากนั้นก็เลยสนิทกันตลอดมา


     “อะนี่ สัญญาเช่าห้อง”  ผมรับกระดาษมาจากคนตรงหน้า ซึ่งมันคือสัญญาเช่าห้อง จากนั้นก็นั่งไล่อ่านทุกตัวอักษร เมื่ออ่านและทำความเข้าใจกับข้อตกลงเสร็จแล้วก็จัดการจรดปลายปากกาเซ็นต์ลงไปทันที

     เป็นสัญญาเช้าบ้านใหม่ผมเอง หอที่อยู่นั้นบรรยากาศมันไม่ค่อยดี อยากจะหาเช่าบ้านที่เขาแบ่งให้เช่า และบ้านหลังนี้มันก็ค่อนข้างถูกใจ บรรยากาศดี มีพื้นที่กว้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ย้ายออกมาก็เพราะเจ้าของหอไม่ค่อยโอเคเท่าไร ก็เลยย้ายออกมาซะยังจะดีกว่า เนื่องจากเขาชอบเอารัดเอาเปรียบแล้วก็โกงค่าน้ำไฟ  แล้วบ้านที่จะย้ายใหม่เข้าไปนี่ก็ราคาถูกกว่าหอเดิมมาก


     “นี่เงิน” ผมพูดแล้วก็ยื่นเงินมัดจำให้คนตรงหน้า แต่ที่เห็นฟาร์มมันคอยมาเอาเงิน คอยเอาสัญญามาให้เซ็นต์เป็นธุระให้น่ะมันไม่ใช่เจ้าของบ้านนะครับ เป็นเพื่อนเจ้าของบ้านต่างหาก


     “โอเค”  “แล้วพี่จะย้ายเข้าไปวันนี้เลยไหม?” 


     “วันนี้เย็น รถกระบะเพื่อนกูว่างพอดี เลยว่าจะยืมมาขนของ รอบเดียวก็น่าจะขนหมดเพราะของไม่เยอะเท่าไร จะมีก็แต่ของน้องกวาง”


     “โอเคๆ ไว้เดี๋ยวตอนเย็นผมมาช่วยย้ายนะ ตอนนี้ขอไปเรียนก่อน”


     “อืมโอเค…”  สิ้นประโยคสุดท้ายของบทสนทนา ผมก็บอกลาและลุกขึ้นเดินออกมาทันที   

ก็หวังว่าเจ้าของบ้านนั้นจะไม่น่ารำคาญ และหน้าเลือดอย่างที่เคยเจอมานะครับ แต่เท่าที่รู้มา ก็รู้แค่ว่าเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง


ตกเย็น


     ขนข้าวของมาหมดแล้วและตอนนี้กำลังอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ก่อนจะเช่าผมเคยมาดูแล้วและบ้านหลังนี้ค่อนข้างถูกใจผมพอสมควร มีพื้นที่กว้างมากที่หน้าบ้านและรอบๆ มีสามห้องนอนสองห้องน้ำ แต่รู้มาว่าเหมือนจะมีอีกคนด้วยที่มาเช่าอยู่ด้วยแต่ก็ยังไม่เคยเห็น


     “แล้วน้องกวางล่ะพี่?” 


     “อยู่กับน้ากูน่ะ เดี๋ยวกะว่าขนของลงเสร็จเดี๋ยวจะไปรับ เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ไปรับกลับบ้านคิดถึงฉิบหาย”


     “ฮ่าๆ น่ารักขนาดนั้นเป็นผม ผมก็คิดถึง”  “นั่นไงพี่พอดีเลย เพื่อนผมมันอยู่บ้านพอดี เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก”  รุ่นน้องคนสนิทพูดพร้อมกับเลื่อนประตูรั้วบ้านให้เปิดออกแล้วก็เดินนำเข้าไป


     “ปิงโว้ยยย!!”   ฟาร์มมันตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดังลั่น


     “เออๆเข้ามากูลุกไม่ไหวปวดหัว”  จากนั้นก็มีเสียงร้องตอบกลับมาทันควัน และเสียงนี้ทำให้ผมรู้สึกคุ้นๆหูอย่างน่าประหลาด เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน


     ฟาร์มเดินนำหน้าพาผมเข้าไป ตอนนี้เรากำลังเรากำลังยืนอยู่ตรงกลางบ้านซึ่งเบื้องหน้าผมได้มีโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตั้งอยู่มันกำลังฉายรายการตลกอยู่บนหน้าจอและโซฟาหนังสีน้ำตาลขนาดยาว มีร่างของใครบางคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเข้าของบ้านกำลังนอนอยู่ตรงนั้น แต่เพราะพนักโซฟาบังไว้ผมเลยไม่รู้ว่าเขามีรูปร่างลักษณะอย่างไร จะมีก็แต่ปลายเท้าที่โผล่พ้นออกมาจากปลายโซฟานิดหน่อย


     “ปิงนี่พี่เสือคนที่จะมาเช่าบ้านมึง!”  ฟาร์มร้องบอก และเดินไปหาเพื่อนของเขาซึ่งกำลังนอนอยู่

     คนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ค่อยๆดันตัวลุกขึ้นมา กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างจากนั้นก็เงียบหายไป “หวัดดีครั...”

     ยังไม่ทันที่จะพูดจบ อารมณ์แห่งความตกใจของคนตรงหน้านั้นฉายแววขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็ตกใจเช่นกัน แต่ก็ยังคงรักษาสีหน้าไว้ดังเดิม ไม่เหมือนเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ยิ่งแสดงความตกใจออกมามากยิ่งขึ้น ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยก็หยุดชะงักอ้าไว้อย่างนั้น


     จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร เพราะคนตรงหน้านี้คือคนที่เป็นวันไนท์แสตนด์ของผมยังไงล่ะ…


     เพิ่งตระหนักได้ถึงความกกลมของโลกก็วันนี้นี่เอง…


  “ไอ้ฟาร์มกูไม่เอา กูไม่ให้ไอ้เหี้ยนี่มันเช่าบ้าน!”   
 


Rewrite 16/7/60




     



   









รัก
กิงก่องโก๊ะ

11/3/60








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 02:28:43 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มีแววจะได้อยู่แบบพ่อแม่ลูก ว่าแต่แม่แท้ ๆ นี่ยังไง

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
   
ตอนที่หนึ่ง : เเขกคนใหม่ ผู้ร่วมเรียง เคียงใต้ชายคา



หลายวันก่อนหน้านี้


     ‘ไอ้เหี้ยฟาร์มกูจะทำยังไงดีวะ แม่งไม่มีเงินใช้แล้วว่ะ!’  ผมนั่งบ่นโอดครวญให้ไอ้เพื่อนรักฟัง หลังจากที่เห็นมันโผล่หน้าลงมาจากตึกคณะรัฐศาสตร์ 

     ‘ก็ทำงานสิวะ! มึงจะมานั่งบ่นทำซากอะไร เดี๋ยวก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมหรอก’ ฟาร์มมันพูดแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามผม พร้อมกับปลดเป้บนบ่าวางไว้ข้างๆตัว

     ‘กูไม่รู้จะทำงานอะไรนี่สิ’ ตอบกลับไปพร้อมกับพรั่งพรูลมหายใจด้วยความปลงตก

     ‘กูว่ามึงไม่รู้จะทำงานอะไรหรอก  มึงแค่ขี้เกียจแล้วก็ทำอะไรไม่เป็น!’   ก็จริงอย่างที่มันพูด 

     ‘อย่าเพิ่งด่า… มึงช่วยกูคิดหน่อยเด้’   

     ‘ไม่รู้โว้ย!! ปัญหาใครปัญหามัน’  สงสัยมันคงจะรำคาญผม เพราะเมื่อสิ้นประโยคแล้วคู่สนทนาก็ลุกเดินหนีผมทันที ไวเท่าความคิดผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบลุกขึ้นและก้าวเดินตามมันไป

เมื่อประชิดตัวแล้วเลยคว้าหมับเข้าที่แขนพร้อมกับอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักทันที ‘โหยยย ไรว้า ช่วยกูหน่อยนะๆๆ ’ เพราะไอ้ฟาร์มนี่ที่เพิ่งสุดท้ายแล้วนะครับหัวหน้า 


     ป๊าบ!!

     เท่านั้นแหละครับ มือใหญ่ๆของมันก็ตบลงเข้าที่หัวผมทันที ถ้าตบแรงกว่านี้อีกนิดนี่สมองคงจะไหลออกมาแล้วแหงๆ

     ‘มึงน่ะหัดช่วยเหลือตัวเองซะบ้าง!’  จริงๆเรื่องช่วยตัวเองไม่ต้องห่วงหรอกช่วยมาบ่อยแล้ว (อ่าวนั่นมันคนละช่วย!!)‘โว้ยยยยก็เพราะกูช่วยแล้วนี่ไง แต่ว่ามันไม่รู้จะช่วยยังไงนี่สิ’ นี่ก็นั่งคิดนอนคิดมาแล้วนะว่าจะทำยังไงดี ขอพูดตรงๆเลยนะ ว่าถ้าให้ไปทำงานคงไม่ไหว เพราะผมทำอะไรไม่เป็นเลยแหะๆ

     ‘ที่จริงกูก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะทำยังไง…’ พูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ และมองมาที่ผมอย่างใช้ความคิด

     ‘จริงเหรอวะ!?’

     ‘อือ’

     ‘แล้วทำไงล่ะ?’

     ‘คืองี้…บ้านมึงมีสามห้องนอนสองห้องน้ำใช่ไหม?’
 
     ‘อือฮึ… แล้ว?’  พยักหน้ารับด้วยความสงสัย เกี่ยวอะไรกับบ้านผมวะ?

     ‘มึงก็แบ่งอีกสองห้องให้คนมาเช่าดิ’ จบประโยคของคนตรงหน้าผมก็ถึงบางอ้อทันที

     ‘เฮ้ยเดี๋ยวนะ!?  มันจะดีเหรอวะ?’ นั่นสิมันจะดีเหรอ นี่คิดว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำนะ เพราะไม่ชอบอยู่ร่วมกันกับใครมันน่าอึดอัด

     ‘ก็แล้วแต่มึงแล้วกัน กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้แหละ’  ฟาร์มพูดทิ้งท้ายไว้จากนั้นก็เดินออกไปปล่อยให้ผมยืนคิดหนักอยู่ตรงที่เดิม
นี่คิดหนักจริงๆนะครับ

     แต่ก็ถูกของมัน… บ้านของผมมีสามห้องนอนสองห้องน้ำ แล้วแบ่งสัดส่วนได้ดีมาก อีกอย่างก็มีแค่ผมที่อยู่บ้านนี่นา มันคงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง? 

     เพราะถ้ามาเช่าผมจะเก็บเงินเดือนละสี่พัน ถ้ามาเช่าสองคนหนึ่งเดือนก็จะตกแปดพัน บวกลบคูณหารแล้วมันก็จะเข้าท่าอยู่หน่อยๆ… จะได้เดือนละแปดพันโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วเดี๋ยวค่อยๆหางานทำทีหลังก็ได้

     ทันเท่าความคิดเมื่อสมองประมวลผลได้แล้วผมก็รีบวิ่งตามไอ้ฟาร์มไปด้วยความไวว่อง‘ฟาร์มโว้ยยยย!! รอด้วยย’  เกาะบ่ามันไว้และหอบหายใจแฮ่กๆเนื่องจากเมื่อครู่ได้วิ่งสี่คูณร้อยตามมันมา

     ‘กูยอมก็ได้!’  จะไม่ยอมได้ยังไงพอนึกถึงเงินที่จะได้ในแต่ละเดือนแล้วมันก็ตาลุกวาว ‘ว่าแต่กูจะไปหาใครที่ไหนมาเช่าล่ะวะ?’  เออนั่นสิ จะรู้ได้ไงว่าใครจะอยากมาเช่า

     ‘ที่จริงกูก็พอจะหาให้ได้ เพราะรุ่นพี่ที่กูรู้จักมันกำลังหาบ้านเช่าอยู่’   

     ‘นี่มึงมีคนคบด้วยเหรอ นอกจากกูเนี่ย?’  เออนี่สงสัยนะ เพราะนอกจากผมแล้วไอ้ฟาร์มมันไปคบใครที่ไหนอีกวะ

     ‘เอ้า! ไอ้นี่ กูก็ต้องมีดิ’ เป็นเรื่องน่าแปลกใจมาก อยากจะจารึกไว้ที่ไหนสักที่ให้โลกได้รู้เลย เพราะคนอย่างไอ้ฟาร์มเนี่ย ไม่ค่อยมีใครอยากคบมันหรอก แล้วอีกอย่างไม่ใช่อะไรไอ้นี่น่ะมันแปลกๆเข้ากับคนยากมาก นี่ก็ไม่รู้มาสนิทกับมันได้ยังไงตั้งนาน

     ‘แล้วจะมาเช่ากี่คน?’

     ‘ก็อาจจะสอง  เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้พี่มันได้ห้องเช่าหรือยัง’

     ‘พี่มึงนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ?’

     ‘ผู้ชายสิ หน้าอย่างกูเคยมีผู้หญิงมายุ่งเหรอ?’   เออกูก็ลืมไปว่ะ…  แต่ว่ามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดที่ไม่มีใครคบนะครับ เป็นเพราะมันต่างหากที่ไม่ยอมคบใคร

     ‘เออๆ ขอบคุณมึงมากนะเพื่อนรัก ปะเดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้า’

     ‘เอาเงินแดกเหล้าของมึงเก็บไว้เถอะ ไม่มีจะแดกอยู่ละ’ 


     จึก!

     เจ็บดีครับ โดนใครด่าก็ยังไม่เจ็บเท่าเพื่อนด่า ก็แปลกทั้งที่มันด่าผมก็ออกจะบ่อย ทำไมถึงยังไม่ชินสักที
 และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของผู้เช่าบ้านรายนี้…

● ● ●


ปัจจุบัน


     “ไอ้ฟาร์มกูไม่เอา กูไม่ให้ไอ้เหี้ยนี่มันเช่าบ้าน!” ผมตอบกลับขึ้นมาโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้เห็นหน้าของคนที่จะมาเช่า จะไม่อะไรเลยครับถ้าหากเขาไม่ใช่คนที่เป็นวันไนท์แสตนด์ของผม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไอ้ฟาร์มมันรู้จักกับไอ้คนนี้ได้ยังไง   

     “อะไรของมึง? เสียมารยาทนะมึงน่ะ” ถามขึ้นมาด้วยความฉงนจนคิ้วนั้นขมวดเป็นปม และพูดขึ้นต่อว่า “ทำความรู้จักกับพี่กูซะสิ”

     “ไม่ได้!” ผมตอบปฏิเสธ นี่ค้านหัวชนฝาเลย คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันแล้วนะ ทำไมยังถึงต้องมาเจอมันอีกเนี่ย!
ผมแอบเหลือบตามองไอ้คนนั้นเล็กน้อย มันก็ยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้ดังเดิม

     “อะไรของมึงวะ!?”  “มานี่ดิ!”  ว่าแล้วมันก็เดินนำหน้าผมเพื่อที่จะได้ออกไปคุยกันข้างนอก แต่มึงครับเข้าใจกูด้วยนี่เจ็บก้นมาก กูไม่ยากเดิน ไม่อยากขยับตัวเว้ย!   

     “ไหนมึงเป็นไรพูดมาดิ! ทำไมถึงไม่ให้พี่เขาเช่าบ้าน?”  เมื่อเดินออกมาคุยกันยังจุดที่คิดว่าไอ้คนนั้นมันจะไม่ได้ยินแล้วตอนนี้เพื่อนรักมันเลยยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าแล้วยิงคำถามใส่ผมทันที

     “ค คือ…”   ใครจะกล้าพูดล่ะวะ ว่าเสียตัวให้มัน

     “…”
     แล้วเอาไงดีล่ะเนี่ย มันเล่นยืนเงียบกดดันรอคำตอบผมฉิบหายเลย

     “คือ ก กู…” 

     “คืออะไร?” ถามเสียงเรียบ และยังคงตั้งหน้าตั้งตารอฟังเหมือนเดิม 

ตอนนี้เหงื่อกำลังไหลตามฝ่ามือและไรผมจนมันเปียกชื้น หัวใจผมเต้นตุบตับเพราะกำลังวิตกกังวล ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้มันสมเหตุสมผลที่สุด “กูไม่รู้โว้ย เอาเป็นว่ากูไม่อยากให้มันมาเช่า!” ท้ายที่สุดแล้วก็หลับหูหลับตาตอบ โวยวายและแถๆไปอย่างจนปัญญา

     “มึงเคยเจอกับพี่กูก่อนเหรอวะ?”  ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด และมันก็จ้องมาที่ผมอย่างจับผิด

     “บ บ้ากูจะไปเคยเจอมันได้ยังไง”   แล้วผมจะเสียงสั่นทำห่าอะไรล่ะวะเนี่ย!

     “แล้วทำไมมึงถึงเรียกพี่กูว่าไอ้ แล้วก็มัน”  “แสดงว่าเคยมีเรื่องกัน?”  โอ้ยยยยย อย่าถามกูเยอะนักสิครับเพื่อรัก

     “ก กูจะไปเคยมีได้ยังไง ก็เพิ่งเคยเจอกันนี่แหละ”

     “ถ้าเพิ่งเคยเจอกันแล้วมึงมีปัญหาอะไร? ทำไมถึงให้พี่มันเช่าไม่ได้” คราวนี้ไม่พูดเปล่า มันกำลังเดินวนไปวนมาอยู่รอบๆตัวผมอย่างจับผิด  เหงื่อกาฬยังคงแตกพลั่กออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนไอ้ขาเจ้าปัญหานี่มันก็ติดสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่อะไรเนื่องจากตอนนี้มันเริ่มจะทรงตัวไม่ค่อยอยู่แล้ว  เพราะมันก็เริ่มจะเจ็บแผลหน่อยๆ 


     “กู ม มีเหตุผลส่วนตัว”  ยังมาหายปากสั่นเลยครับ พอดีเป็นคนควบคุมอารมณ์ตอนตื่นเต้นไม่ได้

     “มึงก็บอกเหตุผลมาสิ ว่ามันเรื่องอะไร?” ไอ้ฟาร์มตอนนี้ยังคงกดดันผม แถมยังเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความสงสัย แสดงว่าอยากรู้มาก เพราะปกติไอ้นี่มันหน้าเดียว ไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรอก คิดแล้วก็อยากถ่ายรูปไว้เลยนานๆทีจะได้เห็น  พอๆออกทะเลไปไกลแล้ว

     เอาไงดีล่ะครับ ตอนนี้เลยได้แต่ยืนกัดปากตัวเองจนเลือดแทบจะไหลอยู่แล้ว


     คิดสิคิด…


     คิด


     คิด


     คิด…ไม่ออก

     “ว่าไง?”   ห่านนน!! เสียงทุ้มต่ำของเพื่อนฟาร์มถามย้ำขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมที่กำลังจมอยู่ในภวังค์สะดุ้งขึ้นมาดวยความตกใจ ยังอีกยังไม่เลิกกดดันกูอีก

     “ก กูแค่ไม่ชอบหน้ามัน!”   ตอนนี้สีข้างถลอกหมดแล้ว เสร็จแล้วพาไปหาหมอด้วยนะครับ

     “แค่นี้?”

     “อ อือ”

     “ใช่เหรอวะ? กูว่าไม่นะ”  ถามขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงแสดงออกมาว่ายังไม่ได้ปักใจเชื่อสักเท่าไร

     “ก ก็แค่นี้เหละ!”  ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ขมับด้วยความรวดเร็วอาศัยตอนนี้ไอ้ฟาร์มมันไม่ได้จ้องหน้าจับผิดผมเหมือนตอนแรกๆ

     “มึงอย่าเรื่องมากสิ เลือกเอาจะยอมไม่มีแดกหรือจะยอมให้พี่มันเช่าบ้าน กูบอกเลยนะถ้ามึงฉีกสัญญาตอนนี้มึงต้องจ่ายค่ามัดจำคืนให้มันสองเท่า ระบุไว้แล้วในสัญญา”  “แล้วอีกอย่างกูก็เอาเงินค่ามัดจำมาแล้วด้วย”   

     โคตรซวย นี่กูต้องยอมอย่างเดียวเลยใช่ไหม

     “…”  เอาไงดีวะ

     ปากกูห้อเลือดเรียบร้อยแล้วครับ กัดมันเข้าไป

     “เอาไง?” 

     ถามมาได้ว่าเอาไง ขนาดนี้แล้วก็ต้องยอมสิวะ!

     “เออแล้วแต่มึง!!”   

     พูดเสร็จแล้วผมก็เดินหนีเข้าห้องด้วยความหงุดหงิด  แล้วนอกเหนือจากนั้นเดี๋ยวไอ้ฟาร์มมันจะซักไซ้เหตุผลมากกว่านี้ แล้วนี่อะไรเดินผ่านไอ้คนนั้นแล้วมันก็ยังยืนทำหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก 
เหอะ! เบื่อโว้ยย เจอแต่พวกหน้าเดียวตอนแม่พวกมันท้องคงจะไม่ค่อยยิ้มแน่ๆ พอคลอดออกมาแล้วหน้าเลยเป็นแบบนี้!

● ● ●


     เวลาล่วงเลยมาจนเกือบสองทุ่ม ผมก็ยังคงนอนแห้งเป็นผักเหี่ยวอยู่ในห้อง หลังจากไอ้ฟาร์มมันช่วยรุ่นพี่มัน หรือไอ้คนนั้นขนของเสร็จแล้ว มันก็กลับเลยเห็นบอกว่าวันนี้ม๊าจะพาไปทานข้าวก็เลยขัดไม่ได้ต้องกลับก่อน
ก่อนไปมันก็เข้ามาบอกแต่ผมนอนหลับอยู่ เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ดีนะที่มันไม่ได้ซักไซ้อะไรมากมาย 

ถ้าเยอะไปกว่านี้ก็กลัวว่าความลับจะแตกเอา เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บความลับและซ่อนอาการไม่อยู่ เวลาโกหกมันทีไรนี่โดนจับได้ตลอด  ก็คิดอยู่ว่าทุกวันนี้มันเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อ รู้ใจผมดีซะยิ่งกว่าใคร

แต่ตอนนี้เนี่ย แล้วก็ต่อๆไปนี้ควรจะเอายังไงดี โลกมันกลมไปไหม? ทำไมผมกับเขาต้องโคจรมาเจอกันอีกด้วย พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็หงุดหงิดทุกที เมื่อคืนไม่รู้เลยว่าอะไรยังไงกับไอ้คนนั้นที่สุดท้ายถึงได้มาลงเอยกันในสภาพนี้ จำได้แค่ว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนอีกกลุ่มที่อยู่ในคณะเดียวกัน แถมยังเมามากไม่รู้ว่ามาคุยกันได้ยังไง จำได้แค่… แค่ตอนที่นั่งคุยกันแล้วแม่งก็มีคนพามาที่ห้อง จากนั้นก็จำอะไรไม่อีกเลย ขนาดเมื่อคืนตอนที่… ตอนที่… นั่นแหละตอนนั้นแหละ ผมยังไม่รู้เรื่องเลย รู้แค่ว่ามันรู้สึกดี

     เออยอมรับก็ได้วะว่ารู้สึกดี แต่ก็เจ็บฉิบหาย คิดว่าแต่มันคือความฝัน ที่ไหนได้แม่งเอ้ย!! เรื่องจริง

คิดแล้วก็แค้น ไม่ใช่แค้นอะไรหรอก แค้นที่ว่าทำไมผมถึงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้วยต่างหาก พระเจ้าช่างไม่เข้าข้างถ้าเมื่อคืนนี้นี่เป็นฝ่ายกดมันจะไม่อะไรเลยนะ!

     “แง๊!!”  เอ๊ะ? มือที่กดโทรศัพท์อยู่ถึงกับชะงัก… เสียงเด็กที่ไหนมาร้องแถวนี้วะ…ถ้าของคนข้างบ้านก็ไม่น่าจะดังมาถึงบ้านผมนี่นา

ทันเท่าความคิด ผมวางโทรศัพท์ไว้แล้วลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยสภาพที่ทุลักทุเลมาก ไม่ใช่อะไรหรอกผมไม่ชอบเด็กน่ะ แค่ได้ยินเสียงก็หงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว 

และนี่ทำไมมันถึงปวดหัวอย่างนี้วะตอนผมลุกพรวดจากที่นอนก็แทบจะล้มพับลงไป รู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังหมุนตีลังกาไปมา แต่ก็ได้อยู่ผมยังประคองตัวเองไว้ได้อยู่


     “แง๊!!”  นั่นไงชัดเลย ยิ่งผมเดินออกมาเสียงของเด็กนี่ยิ่งชัดเจนขึ้นในโสตประสาท อย่างกับอยู่ในบ้านของผม 

     เดี๋ยวนะ… บ้านผม?

     “แง๊!!!!!!”   
     จริงๆด้วย ต้นตอขอเสียงนั้นอยู่ในบ้านผม  ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก็เจอเข้าเด็กคนหนึ่งที่ไอ้คนนั้นมันกำลังอุ้มอยู่ เขาหันมามองหน้าผมแค่เพียงแวบหนึ่ง 


     ผมกำลังจะอ้าปากขึ้นถามแต่แล้ว…

     ก็รู้สึกเหมือนว่าโลกของผมค่อยๆถูกความมืดมิดคืบคลานเข้ามา

     แล้วมันก็ดับวูบไป

     เฮ้ย!!!

● ● ●


บันทึกของเสือ   


     เฮ้ย!!

     ด้วยความตกใจผมเลยเผลออุทานออกมาเสียงดังลั่น ก็เพราะว่าคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องและกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างนั้นอยู่ๆก็เป็นลมล้มพับไปเลย ทำให้ตอนนี้ผมไม่สามารถเข้าไปช่วยไว้ได้ทันเนื่องจากว่ากำลังอุ้มน้องกวางที่กำลังร้องไห้งอแงด้วยความเจ็บเนื่องจากเจ้าตัวดันปีนขึ้นเล่นบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางบ้าน คาดสายตาผมนิดเดียวเจ้าเด็กอ้วนนี่ก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นซะแล้ว

     “แง๊!!” 

     “โอ๋ๆๆๆ  เงียบนะครับคนเก่ง พ่อมาแล้วๆๆ”   พูดปลอบเด็กอ้วนพร้อมกับลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบประโลม จากนั้นก็รีบพาไปนั่งไว้บนรถโดนัทล้อเลื่อนซึ่งเอาไว้ให้หัดเดิน  เพราะมีไอ้เด็กอีกคนที่น่าห่วงด้วยเช่นกันและเขากำลังนอนเป็นลมอยู่หน้าห้อง

     “แง๊!!” เด็กน้อยร้องไห้ งอแงหนักมากกว่าเดิม จนมันทำให้ผมสับสนว่าควรจะช่วยใครก่อนดี!

     “โอ๋ เดี๋ยวพ่อมานะคะคนเก่ง พ่อขอช่วยคุณเจ้าของบ้านเขาแป้บนึง”   ก็ได้แต่พูดไปเท่านั้น ดูเหมือนว่าลูกผมคงจะไม่รู้เรื่องอะไรหรอก  แต่ด้วยความที่ชอบพูดกับลูกอยู่แล้ว ตอนนี้มันก็เลยติดเป็นนิสัยไปโดยปริยา ไม่ว่าจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องผมก็ชอบพูดกับเธอเอาเรื่องราวต่างๆนาๆ สัพเพเหระดินฟ้าอากาศมาพูดด้วย

     หลังจากนั้นแล้วผมก็จัดการอุ้มไอ้ตัวขาวนี่เข้าไปในห้องมันทันทีและพาน้องกวางเข้ามาในห้องพร้อมกัน เพราะไม่อยากที่จะให้คลาดสายตา  เอามืออังหน้าผากเจ้าของบ้านเพื่อวัดอุณหภูมิ เลยทำให้ได้รู้ว่าเขาตัวร้อนมาก สงสัยว่าจะโดนพิษไข้เล่นงานเข้าให้แล้ว ส่วนสาเหตุก็คงมากจาก… เรื่องเมื่อคืน 


     ทันเท่าความคิดผมก็รีบจัดการหาผ้า หาน้ำเอาน้ำใส่กะละมังเพื่อที่จะได้เอามาเช็ดตัวให้ ส่วนน้องกวางก็ยังคงไม่หยุดร้อง จนต้อนนี้ผมนี่วิ่งวุ่นไปหมด ไหนจะคอยโอ๋ลูกไหนจะคอยเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ไอ้หน้าอ่อนนี่เลยยังไม่เสร็จสักที เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยไว้เดี๋ยวไข้จะขึ้นสูงกว่าเดิมแล้วช็อคเอาได้


     เฮ้อออออ!!

     แล้วก็จัดการคนป่วยเสร็จในที่สุด หลังจากที่เช็ดตัวและเอายาให้ทาน สถานีต่อไปก็คือเจ้าเด็กอ้วนที่ร้องไห้งอแงจนหน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหูน้ำตา ทำให้เป็นคราบเต็มหน้า แป้งเด็กที่ทาให้ในตอนแรกก็หายหมด เลยต้องเอาผ้าชุบหน้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ใหม่  คงจะใช้พลังไปมากหลังจากที่ชงนมให้ดื่มน้องกวางก็ดูดไปซะเกือบหมดขวดและผล็อยหลับคาขวดนมไปเลย 


     เฮ้อออออ ซิงเกิ้ลแด็ดนี่ไม่ได้ง่ายๆเลย แต่ก็รู้สึกดีนะที่เขาได้มีเขามาเป็นลูก เหมือนได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากพระเจ้าเลยอะไรประมาณนั้น

     ที่จริงยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ ผมชื่อเสือ เรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ปีสาม และผมมีลูกแล้วครับ…
เธอชื่อน้องกวางอายุหนึ่งปีแปดเดือนแล้วถ้าจำไม่ผิดนะครับ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเท่าไรเพราะทำงานจนลืมวันลืมคืน จำเวลาและวันที่ไม่ค่อยได้  น้องเป็นเด็กน่ารัก แล้วก็อารมณ์ดีมากด้วย แถมยังเลี้ยงง่ายอีกต่างหาก

ถามว่าเลี้ยงลูกไปด้วยเรียนไปด้วยยากไหมน่ะเหรอ? อืม… ก็ยากนะ ยากมากด้วย เหนื่อยมาก แต่ก็มีความสุขดี ก็นั่นลูกผมทั้งคน
ไม่ได้เลี้ยงคนเดียวจัดการเองคนเดียวทั้งหมดหรอก ยังมีน้าเล็กน้องสาวของคุณแม่ผมเองที่ท่านช่วยเลี้ยงในเวลาที่ผมไปเรียนหรือไปทำงาน โชคดีหน่อยที่เขารักเด็กมาก  เลยได้น้าเล็กคอยช่วยผมดูแลน้องกวางเป็นอย่างดี…


     ผิดกับพ่อของผม… ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าในส่วนของภรรยาและพ่อของผม ควรจะเก็บไว้อย่างนี้แหละอย่าสนใจมันเลย คิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องที่น่าให้ความสนใจสักเท่าไร และผมเองก็ไม่ได้อยากสนใจหรือรื้อฟื้นขึ้นมาเหมือนกัน 


     ตอนนี้น้องกวางก็หลับไปแล้ว ผมก็เลยออกมาดูเจ้าของบ้านที่ชื่อว่าปิงสักหน่อยเดี๋ยวมันจะตาย… เห็นแบบนี้ก็มีความรับผิดชอบมากพอนะครับ ถึงแม้ว่า… เขาจะเป็นผู้ชายไม่ได้เป็นผู้หญิงก็ตาม แต่ยังไงก็เป็นผู้ถูกกระทำอยู่ดี 

จริงๆมันก็นานแล้วที่ไม่ได้ไปมีเวลาทำเรื่องอย่างว่ากับใครที่ไหน ก็ตั้งแต่มีลูกเรื่องแบบนั้นก็ไม่ได้อยู่ในหัวอีกเลย วันๆก็เอาแต่ทำงาน ไหนจะเรื่องเรียนแล้วก็ต้องเลี้ยงลูก จะเอาเวลาที่ไหนไปคิด เมื่อคืนเลย.. เลย.. อาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย และเป็นเหตุทำให้ปิงมันไม่สบายเอาได้

จากอุณหภูมิร่างกายที่ลดลงแล้ว ก็ค่อยวางใจหน่อย ไม่อยากให้เป็นอะไรไปมากกว่านี้ เพราะก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าโลกนี้กำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่ ถึงได้เหวี่ยงให้ผมกับไอ้เด็กนี่มาเจอกันอีกครั้ง 


     แต่จะว่าไปโลกมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ มักจะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นเสมอ อาจจะดีบ้างร้ายบ้าง ส่วนเราก็แค่เตรียมตัวตั้งรับกับมันแค่นั้นเอง และจะรับได้หรือไม่ได้นั่นก็อีกเรื่องเพราะเราไม่รู้ว่าเรื่องที่มันจะเกิดขึ้นกับเราจะหนักหนาสาหัสมากขนาดไหน
และผมก็เคยเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายผมก็ยังคงอยู่ อยู่เพื่อลูกของผม 


จบบันทึกของเสือ


● ● ●


เหตุเกิดจากบุหรี่…


     เหยดดดดแม่ม!!  นี่โลกหรือม้าหมุนครับหัวหน้าทำไมมันโคลงเคลง หมุนไปหมุนมาขนาดนี้
สงสัยว่าตอนนี้กำลังโดนความเมาเข้าเล่นงานแล้วแน่ๆ รู้สึกโลกเริ่มโคลงเคลง ไม่อยู่กับที่ เนื่องจากวันนี้ไอ้เจมส์เพื่อนที่คณะ มันอกหักเลยลากคอผมกับเพื่อนมาฉลองในความโสด แล้วนี่ไม่รู้พวกมันหายไปไหนกันหมด ผมก็เลยแอบเดินออกมาข้างนอกเพื่อที่จะสูบบุหรี่สักหน่อย 


     อ่า… โคตรเมาเลย มึนหัวฉิบหาย จะกลับบ้านยังไงล่ะคราวนี้

     ทันทีที่เคาะเอาบุหรี่ออกมาจากซองเตรียมที่จะดูดแล้วนั้นกลับต้องสะดุดลงเพราะสองมือที่คลำหาไปแช็คตามตัวแล้วไม่พบ 

     โว๊ะ!! แล้วจะสูบยังไงล่ะวะ ลืมไปว่าไอ้โก้มันเอาไฟแช็คไป

     ว่าแล้วก็มองซ้าย มองขวาสักหน่อย 

     เอาวะ…

     “พี่ๆ ขอต่อไฟหน่อยได้ไหม?”   หลังจากที่มองซ้ายมองขวาแล้วก็เลยตัดสินใจเดินไปขอต่อไฟกับไอ้หน้าหล่อที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผม   

     “เอาดิ”  ว่าแล้วมันก็ยื่นปลายบุหรี่หันมาทางผม  จากนั้นก็เลยเอาปลายบุหรี่ที่ยังไม่ได้ติดไฟ ไปต่อชนวนไฟจากคนตรงหน้าที่กำลังคาบไว้ในปาก

     “ขอบคุณพี่”    พูดพร้อมกับพ่นกลุ่มควันออกมา เมื่อต่อไปสำเร็จ

     “นี่มึงเข้าผับมาได้ยังไงเนี่ย การ์ดไม่กันออกเหรอ?”  อยู่ๆคนตัวสูงกว่าก็พูดขึ้น ในขณะที่เราสองคนกำลังยืนสูบบุหรี่เงียบๆอยู่ข้างๆกัน

     “เพื่อนมันเป็นหลานเจ้าของผับน่ะพี่ เลยเข้าได้”     

     “ก็ว่าอยู่หน้ามึงเหมือนเด็กมอต้นหนีพ่อเที่ยว”  ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างติดตลก

     “แหม…พี่ก็ว่าไป ผมนี่อายุสิบเก้าแล้วนะ ปีหน้าก็ไม่ต้องใช้เส้นละ”   “ว่าแต่พี่เถอะนี่อายุเท่าไรละ?”   

     “ยี่สิบสอง” เสียงทุ้มตอบกลับมาและขยี้ปลายนิโคตินลงบนจานที่ใช้สำหรับทิ้งเศษซากของบุหรี่ 

     “โห…ถ้าไม่บอกนี่คิดว่าสามสิบ”

     “กวนตีนละ”  พี่มันพูดและก็หันหน้ามามองผม   

     เช้รดดดดโด้! พอได้มองหน้ามันชัดๆแล้วนี่… หล่อว่ะสาดดดด นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกันยังขอชมเลย   

     เอ๊ะ หรือว่ากูเมาเกินวะ…

     แล้วนี่ก็ลืมไปว่าไม่ได้รู้จักกันกับเขาทำไมผมยังยืนคุยอยู่ได้ล่ะเนี่ย 

     “หยอกน่ะพี่”   “ว่าแต่พี่เรียนที่ไหนวะ?”   เออครับเลยคุยกันแบบไม่ต้องรู้จักหรอกกันหรอก 

     “เรียนมอXXน่ะ… มึง?”   คนตัวสูงถามกลับพร้อมกับคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นเล็กน้อยในเชิงถาม 

     “ใกล้กับพี่นั่นแหละ นี่เรียนXX”    ก็ถามไปงั้นแหละครับคงไม่ได้เจอกันหรอก

     “แล้วมึงเรียนคณะอะไร?”   

     “เรียนวิด’วะ… แล้วพี่?”   

     “กูเรียนรัฐศาสตร์”   

     “มึงนั่งแถวไหน?ไปนั่งกับกูไหม?”   อ้าวเชี่ยชวนผมเฉย นี่รู้จักกันยังมาชวนกันแบบนี้?

     “พี่ชวนผมนี่รู้จักกันยัง?” 

     “ไม่ต้องรู้หรอก คุยกันแบบนี้แหละ”  คนข้างๆตอบกลับ และผินหน้ามองไปรอบๆ

     “ฮ่าๆ โอเคตามนั้น”  “แล้วมาคนเดียวไง๊ ถึงมาชวน?”   

     “มากับเพื่อนแล้วก็รุ่นน้อง มาเลี้ยงสายรหัส”   

     “โว๊ะ! ใครจะกล้าไปนั่งล่ะ เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย”

     “ไปเถอะ  ไปนั่งกับกูหน่อยแม่งคุยกับใครไม่รู้เรื่องสักคน พวกมันเริ่มเมาละ” 

     “แล้วพี่คุยผมรู้เรื่องไง๊?” เพราะนี่ก็เมาเหมือนกัน

     “ก็รู้เรื่องกว่าคนในโต๊ะ ว่าไงไปไหม?”  “ถือว่ากูขอ แลกเปลี่ยนกันกับค่าต่อไฟ”    หืม… ได้เหรอ? แบบนี้ก็ได้เหรอ…

     “เออๆ ก็ได้…” 


และคืนนั้นถ้าไม่มีใครชวนหรือมีคนปฏิเสธไป เหตุการณ์วันไนท์แสตนด์ก็คงไม่เกิดขึ้น…  เพราะอย่างนั้น ครั้งหน้าที่คิดจะเมาก็ควรเมาอย่างมีสติ… และอย่าใจง่ายเพียงเพราะเขาทวงเรื่องค่าต่อไฟ!


TBC...

   









     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 02:03:00 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
รักของเสือตอนที่สอง : สมาชิกใหม่

 
     แง๊!!   

 
     แง๊!!


     ไอ้เสียงนี้นี่มันตามมาหลอกหลอนผมถึงในความฝันเลยรึไง ทำไมมันยังคงวนเวียนอยู่อย่างนี้ เอาหมอนอุดหูก็แล้ว พลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้ว แต่ก็ยังคงได้ยินอยู่ และตอนนี้ก็ยิ่งดังเข้ามาเรื่อยๆ  เรื่อยๆ และเรื่อยๆ


     แม่งเอ้ย!!


     ในที่สุดผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญ ถ้าปวดหัวหนักเหมือนเมื่อคืนนี่กูลุกไปด่าแน่ๆเพราะรำคาญ แล้วนี่ทำไมผมถึงมานอนตรงนี้ได้วะ จำได้ว่าเมื่อคืนเดินออกมาจากห้อง… 

     เดินออกมาจากห้อง…

     เดินออกมาทำไมวะ!?    เออนั่นสิแล้วผมเดินออกมาทำไมวะ?   

     อ่อ… เมื่อคืนได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้  ก็เลยเดินออกมาดูแล้วก็… ดับวูบไปเลย  สติกูเนี่ยครับดับวูบไปเลย อย่างกับกดชัตดาวน์

     แล้วต่อจากนั้นล่ะวะ? 

แต่ก่อนหน้านั้นที่จะเป็นลมเห็นไอ้คนนั้นมันยืนอุ้มเด็กน้อยที่ไหนไม่รู้อยู่นี่หว่า…   หรือว่าผมฝันไปเพราะมันก็คลับคล้ายคลับคลาไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่า เดี๋ยวนะ เด็กน้อยเหรอ? 


     แล้วมันเด็กน้อยที่ไหนล่ะครับ?

     ทันเท่าความคิดผมรีบติดเกียร์หมาลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความไวว่อง ไม่ห่วงสภาพตัวเองเลยว่าดีขึ้นหรือยัง เพราะความสงสัยมันมีมากกว่า   เปิดประตูออกมาแล้วรีบตรงดิ่งไปหาไอ้คนนั้นทันที นี่ก็ยังเช้าอยู่เลยมันคงจะยังไม่ไปไหน

แล้วก็นั่นไงครับ มันกำลังนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ที่เก้าอี้ตรงลานหน้าบ้าน และไอ้อะไรสักอย่างที่ผมว่านั้นก็คือการป้อนข้าวเด็ก
จริงๆด้วยเมื่อคืนไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย  นี่บ้านผมมีเด็กจริงๆเหรอ!


     “เด็กที่ไหนน่ะ?”  ถามขึ้นทันทีที่ดวงตาเรียวรีของอีคนมองมา เขาหยุดการกระทำในขณะนั้นลงพร้อมกับตอบว่า “ลูกกูเอง” 

     “อ๋อลูก…”   เห้ยอะไรวะเนี่ย!?

     ขอตกใจก่อนแล้วก็ขอตั้งสติแป้บนึงคือไม่รู้จะช็อคเพราะเหตุผลอะไรก่อนดี หนึ่งคือมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแถมยังมีลูกแล้ว สองต้องอยู่ในบ้านที่มีเด็ก ลำพังอยู่กับมันก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว นี่ต้องมีเด็กมาอยู่ด้วยเหรอวะ

     “แล้วดีขึ้นหรือยัง?  เมื่อคืนมึงเป็นลม” 

     ดีกับผีน่ะสิเป็นหนักว่าเดิมอีกเนี่ย  จะอะไรซะอีกล่ะ? ก็เพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบเด็กน่ะสิ ถ้าเลี่ยงได้คือเลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็จะเลี่ยง เพราะโคตรไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบเอามากๆ

     “นี่ลูกกูนะชื่อน้องกวาง”   เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำ และจัดการป้อนข้าวเด็กน้อยตรงหน้าต่อ
แต่ประทานโทษนะครับ…กูไม่ได้อยากรู้ กูอยากให้มึงย้ายออกจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ และเวลานี้เลย!!!

     “มีอะไรหรือเปล่า?”   ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมยังคงทำท่าทีอ้ำอึ้ง อยากจะพูดแต่ไม่พูด ไอ้เรื่องที่จะพูดก็คือเรื่องลูกมันนี่แหละ แล้วถ้าพูดออกไปแล้วผลลัพธ์ที่ออกมามันจะเป็นยังไงเหรอครับ ผมควรที่จะพูดดีไหม?


     พูด


     ไม่พูด


     แล้วถ้าพูด ควรจะเริ่มที่อะไรดี?  คือเด็กมันก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยไง แต่มันผิดที่ผมเอง เพราะผมไม่ชอบเด็ก
ตายแน่ๆกูตายแน่ๆ


     เอายังไงดีวะ!!!

     “ว่าไง? มีไร? หรือยังไม่ดีขึ้น?” เจ้าของเสียงทุ้มถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

     “อะ เอ่อ กะ กู… ไม่มีไร” สุดท้ายคำพูดที่อยู่ในใจก็ต้องเก็บพับเข้าไว้ที่เดิม ถึงแม้ว่าเกลียดเด็กขนาดไหนแต่พอได้เห็นความไร้เดียงสาของเขาผมก็ไม่กล้าพูดเลยครับ

     กูนี่แม่งดูใจร้ายมากเลยว่ะ 

     แต่ก็นะเรื่องนี้ไอ้ห่าฟาร์มต้องรับผิดชอบ เพราะมันก็รู้ว่าผมไม่ชอบเด็กน้อย แล้วยังจะเสือกพามันมาเช่าบ้านผมอีก 


     “เดี๋ยว!”  อยู่ๆมันเรียกผมขึ้นมา ก่อนที่ผมจะเดินออกไป

     “อะไรวะ?”

     “กูชื่อเสือนะ เผื่อจะจำไม่ได้” 

     “แล้ว?”  เออนั่นสิ แล้วไงวะคือกูจำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยากจะจำซักเท่าไร

     “ไม่มีไร กูคิดว่าเรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันจริงๆจังๆสักที”

     “กูไม่อยากรู้โว้ย!”   

     กูไม่อยากรู้จักกับมึ๊งงงงงงง รู้เอาไว้ซะ!!

     ว่าแล้วผมก็เดินหนีเพื่อที่จะได้รีบอาบน้ำแต่งตัวไปมหาลัย ต้องไปเคลียร์กับไอ้ฟาร์มมันสักหน่อย เปล่านั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก  ที่จริงลืมไปเลยว่าวันนี้มีควิซคาบแรกก็เลยต้องระเห็จมาอาบน้ำด้วยความเร่งรีบแบบนี้ไงครับ มัวแต่อึ้งเรื่องน้องกวางอยู่จนลืมว่ามีควิซ   


ใช้เวลาในการจัดการร่างกายตัวเองไม่ถึงห้านาที เพราะอาบน้ำก็อาบแบบวิ่งผ่านเอา แต่งตัวก็ใช้เวลาแค่ไม่เท่าไร ผมนี่ไม่มีคำว่าเซ็ทหรอกครับ พอดีหัวเถิกเลยไม่อยากเซ็ทขึ้นเดี๋ยวเขาจะว่าพระอาทิตย์ดวงที่สองของโลก  เสร็จแล้วก็รีบติดเกียร์หมาออกจากบ้านเลยเดี๋ยวไม่ทันรถเมล์คนยิ่งเยอะๆอยู่ แถมรถตอนนี้ก็โคตรติด ตายแน่จะทันไหมวะเนี่ย!?   


     “ไปด้วยกันไหม?” ผมที่กำลังนั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่หน้าบ้านด้วยความเร่งรีบ เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงเพียงครู่หนึ่งซึ่งมันกำลังยืนอุ้มลูกอยู่ตรงหน้า แต่ผมไม่สนใจครับก้มหน้าก้มตาใส่รองเท้าเหมือนเดิม

     ถ้าให้ไปกับมันผมยอมนั่งรถติดๆไปดีกว่าคือแบบ กูไม่ชอบเด็กโว้ยยยยย ไม่ชอบพ่อมันด้วย! 

     “ถามได้ยินหรือเปล่า? ช่วงนี้รถกำลังติดนะ แล้วรถเมล์ก็คงจะแน่น”

     “ไม่ไปโว้ยยยย!!”    จะเซ้าซี้ทำอะไร? ไม่ไปก็ไม่ไปสิวะ 
     เมื่อใส่รองเท้าได้แล้วผมก็รีบเดินหนีซะเลยไม่อยากอยู่นานเหม็นขี้หน้า(เปล่าที่จริงรีบ) ไล่มันออกจากบ้านก็ไม่ได้ด้วยเบื่อโว้ยยย 

     “ล็อคประตูรั้วบ้านด้วยกุญแจอยู่ใต้กระถางต้นโป๊ยเซียน!!”   ผมตะโกนบอกมันก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาทันที ไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะมันจะรู้สึกคันๆและขนลุกเวลาอยู่ใกล้เด็ก


     ฟิ้ว!! 

     ระหว่างที่กำลังทั้งเดินทั้งวิ่งสองพ่อลูกก็ขับรถผ่านหน้าผมไปแล้ว  ตอนแรกก็แอบสงสัยว่ามันจะเอาลูกมันไปยังไง เพราะเด็กยังนั่งเบาะหลังไม่ได้ แต่ก็ถึงบางอ้อเมื่อกี้แล้วล่ะ เพราะมันเอากระเป๋าเป้ที่ไว้ใช้อุ้มเด็กสะพายลูกมันไว้ข้างหน้า

     ดูท่าทางมันจะรักลูกมันมากนะ นี่แหละพวกชอบไม่ป้องกัน เป็นยังไงล่ะก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองน่ะสิ ว่าแต่แม่ของลูกเขาไปไหนล่ะครับ ทำไมไม่เห็น  แต่ก็ช่างมันเถอะไม่ยุ่งหรอกเพราะไม่ใช่เรื่องของผม มันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรในชีวิตสักหน่อย มีก็แต่ค่าบ้านนี่แหละที่มันต้องเสียให้ผม 

     นี่ก็เกือบลืมไปเลยนะครับว่าจะมีเพื่อนบ้านอีกคนมาเช่า ไม่รู้ว่าเป็นใครรู้แค่ว่าเป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาร์ม ว่าไปแล้วไอ้นี่มันก็คบคนอื่นด้วยว่ะ แปลกใจฉิบหาย

     แต่ผมว่าก่อนจะแปลกใจเรื่องไอ้ฟาร์มเนี่ย ผมขอแปลกใจกับตัวผมก่อนเถอะ…ก็แปลกใจว่าทำไมกูไม่ได้ขึ้นรถสักทีวะ!

     ห่านนนนน!! 

     นี่แม่งก็คันที่สามละขึ้นไม่เคยทันสักที แล้วนี่อะไรกำลังโคฟเวอร์เป็นเทรนทูปูซานอยู่หรือยังไง วิ่งกรูกันขึ้นรถอย่างกับหนีซอมบี้  ทำอย่างกับไม่เคยขึ้นรถกันไปได้  แล้วจะเอายังไงดีล่ะเนี่ยเดี๋ยวปั๊ดเดินไปมหาลัยแม่ง ท่าทางจะถึงเร็วกว่า


     ประชดครับประชด!!

     อย่าอินเกินก็แค่ประชด!!  หมายถึงกูเนี่ยอย่าอินเกิน 

     ยังไงถ้าขึ้นรถตอนนี้มันต้องไม่ทันแน่ๆเลย เอาไงดี?  เมื่อกี้ก็คีพลุคจังเลยกูเนี่ย น่าจะยอมขึ้นๆไปจะได้ไม่สาย

   

     “จะไปด้วยกันไหม?”   ขุ่นพระ!! 
 
     เชี่ย!! ตกใจหมดจนเกือบอุทานออกมาเสียงดังแล้วไหมล่ะ? หัวใจนี่แทบร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  เพราะอยู่ๆไอ้พ่อลูกอ่อนมันก็ขับรถมาจอดอยู่ตรงหน้าผมซึ่งกำลังยืนรอรถอยู่ป้ายรถเมล์อยู่น่ะสิครับ                                                               

แล้วลูกมันก็ยังอยู่ที่เดิมนั่นเหละ อยู่ในเป้สะพายเด็ก มึงนี่พาลูกตากลมตากฝนมากเดี๋ยวก็ไข้แดกหรอก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องอะไร ก็เล่นหลับคาอกพ่อเธออยู่อย่างนั้น

     แล้วเอาไงดีวะ จะหยิ่งในศักดิ์ศรีหรือจะยอมให้มันไปส่งดี? 

     “แล้วกลับมาทำไมอีกวะ?”   เออนั่นสิกลับมาทำไม คงไม่ใจดีขนาดย้อนรถกลับมาดูกูหรอกมั้ง

    “ลืมของไว้ที่บ้านเลยกลับมาเอา”   มันตอบเสียงเรียบๆ และถามผมขึ้นอีกครั้งเพราะเห็นว่ายังลีลา “สรุปจะไปไหม พอดีทางที่กูไปมันต้องผ่านทางมหาลัยมึงพอดี”


     เดี๋ยวนะมันรู้ได้ยังไงว่าผมเรียนมหาลัยไหน?  อ่อ…ลืมไปมันรู้นี่หว่าว่าไอ้ฟาร์มนั้นเรียนที่ไหน


     สรุปเอาไงดี?…

     เออๆ!!ก็ได้ ไปก็ไป


     “อ อือ.. ไป”   “ขอหมวกด้วย”  พูดแล้วก็พยักพเยิดหน้าไปยังหมวกนิรภัยซึ่งห้อยอยู่ตรงที่ห้อยของรถมอเตอร์ไซค์ ผมกระโดดขึ้นรถฮอนด้าซูโม่เอ็กซ์สีดำของมันด้วยความไวว่องพร้อมกับการสวมใส่หมวกกันน็อค จะไม่ให้ว่องได้ยังไงก็คีพลุคไปงั้นแหละที่จริงกูรีบจะตายห่าอยากให้มันบิดจนมิดคันเร่งเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นท่าว่าจะไม่ได้มันมีลูกอยู่ด้วย                                                             
แล้วนี่ซ้อนรถกันสามคนอย่างกับพ่อแม่ลูกเลยนะครับหัวหน้า คงไม่มีใครจังไรคิดว่าเป็นครอบครัวสุขสันต์หรอกนะ   

     แหม… บอกเลยถ้าไม่จำเป็นนี่จะไม่นั่งนะโว้ย!!

     กูรีบครับ จำไว้ให้แม่นๆว่ากูรีบ

     ขับรถแซงซ้ายแซงขวาบนถนนใหญ่ได้ไม่นานก็พาผมลัดเลาะมายังตรอกซอยเล็กๆซึ่งผมไม่แม้แต่จะรู้จักหรือเคยผ่านมา


     “เรากำลังจะไปไหนวะ?”  ถามครับกูสงสัยเดี๋ยวแม่งหมั่นไส้แล้วแกล้งพาผมขับรถอ้อมเสียเวลา ให้เข้าเรียนสายอีก

     “ไปส่งที่มหาลัยนั่นแหละ นี่มันทางลัดคงไม่เคยมา”



     “แง๊!!”   


     โป๊ก!! 


     เชี่ย! อยู่ๆก็เบรกรถกะทันหันจนผมนี่ไหลลื่นไปตามแนวเบาะเลยทำให้ด้านหน้าทั้งหมดของผมชิดกับแผ่นหลังของมันพอดี ดีนะใส่หมวกกันน็อคไม่งั้นหน้าผากโนแน่ๆ  แล้วนี่อะไรจะแกล้งกูไง๊! 


     “มีไรวะอยู่ๆก็เบรก!?” 

     “ชู่ว!”  “ขอเวลาแปปนึง”

     “แต่...”

     “ไม่พาสายหรอก”   


     แง๊!! 

     นั่นไงตัวการที่ทำให้มันต้องเบรกรถกะทันหันขนาดนี้    ลูกมันยังไงล่ะครับ


     “โทษทีว่ะ น้องกวางนอนละเมอร้องไห้น่ะ”   มันพูดพร้อมกับกอดปลอบและโอ๋ลูกทั้งในท่าเดิม ไม่ได้อุ้มออกจากเป้ 


     แอ๊!!!!!   

     “โอ๋… พ่ออยู่นี่แล้วครับ”  ทั้งพูดแล้วก็โอ๋เด็กในอ้อมอกอยู่อย่างนั้น   

     ยิ่งเห็นยิ่งขนลุก อยากจะบอกสักล้านรอบแหละว่าเด็กมันไม่ได้ผิดอะไร มันผิดที่ผมเองที่ไม่ชอบเด็ก แล้วนี่ยิ่งเสียงร้องของเด็กผมยิ่งเกลียด มันหงุดหงิดโว้ยย!! 

     “น้องเป็นไรวะ?” ถามไปงั้นแหละคืออยากไปมหาลัยแล้วโว้ยยยย กูรีบ

     “น้องกวางชอบนอนละเมอร้องไห้ สงสัยจะฝันร้าย”   สงสัยฝันว่าตกรถหรือเปล่า เพราะนอนหลับบนรถไง แล้วก็รถมอเตอร์ไซค์ด้วย  คิดได้นะกูเนี่ย

     “อ่อ… ”  อ่อไปงั้นแหละกูแสดง และตอนนี้อยากหนีจากจุดจุดนี้มาก แล้วนี่เสียงร้องแม่กวางน้อยก็โคตรทำให้ผมรำคาญจนเริ่มทนไม่ไหว เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วย้อนศรกลับเข้ามาเหมือนเดิม


     แอ๊!!

     “ชู่ว! พ่ออยู่นี่แล้ว” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆพร้อมกับมือหนาที่ทั้งกอดและลูบที่ศีรษะและหลังของน้องกวางไปมาอย่างปลอบประโลม

     แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าเสียงของเด็กที่ทำให้เริ่มหงุดหงิดก็คือสายตาของคนที่ไม่ว่าจะเดินหรือขับรถผ่านมาก็ต่างมองกันเป็นตาเดียว  โอ้ยยยยกูอายโว้ย ก็เลยได้แต่ทำตัวลีบอยู่ข้างๆรถนี่แหละ                                                                                           
 
     ยิ่งได้เข้าใกล้เด็กมากเท่าไรยิ่งคิดได้และขอปฏิญาณเอาไว้เลยว่า ชาตินี้ผมจะไม่ขอมีลูกผมพูดเลย!!

● ● ●


     สุดท้ายก็มาถึงมหาลัยในเวลาอันรวดเร็วแล้วครับ ดีนะที่เข้าห้องทัน ไม่งั้นวันนี้ควิซไม่ทันแน่ จนตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนแถวตึกวิศวะ ยังไม่ได้กินข้าวหรอกครับ ได้แค่มาม่าคัพคนละกระป๋องมานั่งซัดกันอยู่นี่แหละ   


     “ไอ้ปิงทำไมเมื่อวานมึงไม่มาเรียนวะ?  อย่าบอกนะว่าเมาจนแฮงค์”  ไอ้เจมส์เพื่อนอีกกลุ่มในคณะผมเอง  มันถามขึ้นมาหลังจากนั้นก็ยกกระป๋องมาม่าขึ้นมาซดน้ำจนเกิดเสียงดังบางคนอาจจะว่ามันน่ารังเกียจแต่ด้วยความอร่อยแล้วไอ้ปิงได้หาแคร์ไม่

     อร่อยมากไหมถามใจดู…

     “เออ กูปวดหัวนิดหน่อยว่ะ”  ถ้าจะให้บอกว่าไม่สบายเพราะโดนอะไรๆมามันคงจะไม่ใช่เรื่องดี

     “เออ ว่าแต่วันนั้นมึงกลับยังไงวะ?”  ไอ้โก้ครับ เพื่อนของผมอีกคนเองมันถามผมขึ้นหลังจากที่ผมตอบคำถามของไอ้เจมส์

     “กูให้ไอ้ฟาร์มมันมารับน่ะ”  ฟาร์มห่าอะไร แม่งตื่นขึ้นมาก็นอนแก้ผ้าอยู่ข้างๆผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ซึ่งตอนนี้มันมาเช่าบ้านกูอยู่นี่ไง!

     “กูก็คิดว่าแต่มึงให้ไอ้พี่หล่อคนนั้นไปส่ง ก็เห็นคุยกันถูกคอดีนี่หว่า”   เดี๋ยวนะ?  ไอ้เจมส์มึงจำได้ด้วยเหรอวะ มันเห็นไอ้ห่าเสือด้วยเหรอวะ     

ฉิบหายแล้ว แล้วมันจะสงสัยอะไรไหมวะเนี่ย! แต่ผมว่าคงไม่หรอก  แล้วนี่อะไรทำไมกูต้องเป็นคนแบบนี้วะ? กินเหล้าเยอะเมาหนักๆทีไรจำอะไรก็ไม่ได้ทุกที


     “ใครวะ? จำไม่เห็นได้เลย”   ขอถามลองเชิงมันไปก่อน เผื่อมันจะรู้อะไรไปมากกว่านี้

     “กูก็ไม่รู้ กูเห็นแต่มึงเสนอหน้าไปนั่งโต๊ะเขาว่ะ ทั้งที่คนในกลุ่มเขาก็มีตั้งเยอะมึงก็ยังหน้าด้านไปนั่ง” ไอ้เจมส์ตอบ
เออนั่นสิ แล้วผมไปรู้จักมันได้ยังไง?  ถึงได้เสนอหน้าไปนั่งกับมันได้ นี่จำไม่ได้จริงๆนะเนี่ย  มันแบบเหมือนจะจำได้แต่ก็ไม่

     “กูว่าถ้ากูจำไม่ผิด นั่นมันชื่อพี่เสือที่เรียนอยู่มหาลัยXX”   โห… ไอ้โก้มึงยังเสือกรู้จักอีกเหรอ แล้วนี่ถ้าวันไหนมันไปบ้านผมแล้วเจอไอ้เสือล่ะวะ?  ไม่รู้แหละร้อนรนไว้ก่อนเดี๋ยวถ้าเกิดมันจับผิดได้ขึ้นมาคนซวยมันคือกู รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แถมไอ้นี่มันยังมีลูกแล้วด้วย   

     “แล้วมึงรู้ได้ไงวะ?”  เจมส์

     “อ๋อ… เคยเจอเมื่อหลายปีก่อนนี้ สองปีเห็นจะได้มั้ง ตอนนั้นพี่มันมาเตะบอลที่โรงเรียนกูไง ทีเด็ดยิ่งกว่านั้นนะเว้ย!แฟนพี่เขาแม่งโคตรสวย สวยฉิบหาย!!”

     “แล้วแฟนเขาไปไหนล่ะวะ?”    ผมถามเองครับ คือก็อยากเสือกนิดนึงนั่นแหละ ถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นแม่ของลูกมันก็ได้ 

     “ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่ค่อยได้เห็นพี่เค้าด้วย เพิ่งมาเห็นล่าสุดก็คืนนั้นแหละที่มึงเสนอหน้าไปนั่งโต๊ะเขา กูก็ว่าอยู่ทำไมหน้าคุ้นๆ” 

     “แล้ววันนั้นพวกมึงกลับไงวะ ก็เมามากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”  ผมแกล้งทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง วันนั้นแบบสุดเหวี่ยงมากขอบอก กินเหล้าอย่างกับไม่เคยกิน ไม่ใช่อะไรไอ้เจมส์มันอกหักครับ เลยพาเพื่อนมากินเหล้าย้อมใจ แต่ก็ไม่ได้ไปกันแค่สามคนนะ
ยังมีอีกสามสี่ห้าคน เมาเป็นหมาเลยวันนั้น 

เพราะมึงไอ้เจมส์ถ้ามึงไม่ชวนกูไปกูก็ไม่เมา พอกูไม่เมาแล้วกูก็จะได้ไม่เสียตัว เรื่องนี้แค้นจนตายเลยครับ แค้นสุดก็ไอ้คนนั้นนั่นแหละ!


     ฮึ่ยยย!   


     โว้ยคิดแล้วก็หงุดหงิด พอๆเลิกคิดๆ เดี๋ยวจะอดไล่มันออกจากบ้านไม่ได้ แถมยังมีลูกมาอยู่ด้วย นี่กำลังอดกลั้นอยู่นะ เดี๋ยวยังไงก็ต้องไปเคลียร์กับไอ้ฟาร์มมันให้รู้เรื่อง 

     “กูไม่รู้ว่ะ ตื่นมาอีกทีกูนี่นอนอยู่ในตู้โทรศัพท์ ส่วนไอ้เจมส์แม่งหลับอยู่ตรงป้ายรถเมล์  น่าอายฉิบหายตอนตื่นขึ้นมาแล้วมีแต่คนมอง”   

ไอ้โก้นี่ก็พูดออกมาซะเห็นเป็นฉากๆเลย แต่ถ้าเป็นกูนะโก้กูขอเลือกแบบมึงสองคนเถอะ ตื่นขึ้นมาในตู้โทรศัพท์หรือไม่ก็เก้าอี้ตรงป้ายรถเมล์ดีกว่าตื่นมาในห้องใครสักคนแบบกูล่ะไอ้เหี้ย

     “พวกมึงๆ ดูแก้วเด็กนิเทศดิวะ แม่งทีเด็ดว่ะ”   ไอ้เจมส์มันพูดพร้อมกับท่าทางที่โคตรจะไม่คีพลุคสักนิดเลยครับ ปากนี่อ้ากว้างจนขากรรไกรค้างแล้วมั้งนั่น   นี่เพื่อนผมมันกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนี้เลยเหรอ?
 
     “แหม…ไอ้ห่ากูได้ข่าวว่ามึงเพิ่งอกหักมาไม่ใช่ไง…?”  ถามและเบะปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้
อาการที่จะเป็นจะตายวันนั้นอย่าบอกนะว่ามึงแสดง 

     “โอ้ยยย คนอย่างไอ้เจมส์มันก็ทำไปงั้นแหละมึง หาข้ออ้างแดกเหล้า!”  โก้พูดขึ้นมาอย่างรู้ทาง ก็มันสองคนนั้นสนิทกันม๊ากกกมากอย่างกับเป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปี


 ไลน์!!   เสียงไลน์ผมเองแหละ  นี่ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นไอ้ฟาร์ม

     ใช่จริงๆด้วย ไม่ถูกแต่หวย
     กำลังอยากคุยด้วยพอดี ว่าแล้วก็นัดเจอมันสักหน่อยแล้วกัน ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ร้านน้ำปั่นหลังมอนั่นแหละ

     “พวกมึง เดี๋ยวกูไปหาไอ้ฟาร์มก่อนนะ ไว้เจอกันคาบบ่าย”   ทันทีที่พูดจบแล้ว ผมก็เดินออกมาจากโต๊ะเลย  ปล่อยให้พวกมันกัดกันตายอยู่สองคน วันๆไม่ทำไรหรอกนั่งส่องแต่สาวแล้วก็ตีกันเอง ตีกันว่าใครจะจีบติดก่อน แต่ก็แห้วรับประทานทั้งคู่   

● ● ●


     ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่ร้านน้ำปั่นหลังมอแล้ว ชื่อร้านว่าไอ้เบิ้มปั่นแหลก!! เป็นร้านไม่ได้หรูอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นนะ เป็นที่สำหรับนั่งคุยนั่งทำงาน หรือจับกลุ่มเม้ากันได้สบายเลย  บรรยากาศนี่ก็ดีสุดๆมีแต่ต้นไม้ ดอกไม้                     

ทีเด็ดนี่อยู่ที่น้ำปั่น แม่งโคตรไม่อร่อยปั่นอย่างกับเอาตีนปั่น มันเด็ดตรงที่ไม่อร่อยนี่แหละฮ่าๆ สิ่งสำคัญคนปั่นนี่ปากหมาฉิบหาย ปั่นแบบตามใจคนปั่น สั่งน้ำส้มปั่นเสือกได้น้ำส้มปั่นใส่ละมุด คิดเอาดูละกัน ไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อค้ามันด่า ก็ไม่รู้ทำไมว่าคนก็ยังเข้าร้านมันเย๊อะเยอะ แถมยังเปิดมานานแล้วด้วย เหมือนจะเจ๊งแต่ก็ไม่ แม่งเสือกขายได้เฉยเลย 


     “พี่เบิ้มเอาน้ำแตงโมปั่นแก้ว”   ร้านนี้มีธรรมเนียมครับ เดินเข้ามาก็ต้องมาสั่งไม่สั่งก็ห้ามเข้าร้านไม่ว่าจะมีเพื่อนนั่งอยู่ก่อนแล้วก็ตามก็ต้องสั่งห้ามเข้ามาเฉยๆเพราะงี้มั้งเลยไม่เจ๊ง นั่นอาจจะไม่ใช่ประเด็นเพราะพี่มันถึงจะปากหมาแต่นิสัยดีนะ แล้วก็มาคอยดูกันครับว่าจะได้น้ำแบบไหนมาดื่ม

     “วันนี้ลูกค้าเยอะรอนานนะกูบอกก่อน”    นั่นแหละครับก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนี่ยังเรียกมึงๆกูๆ  นี่แค่ความปากหมาระดับเริ่มต้นนะครับ   

     “โอเคพี่!”   

     ว่าแล้วก็เดินไปที่มุมประจำร้าน เห็นไอ้ฟาร์มหัวโล้นนั่งทำหน้าไม่เข้าใจโลกอยู่ที่โต๊ะนั่นแหละครับ แต่ห้ามเรียกมันว่าหัวโล้นนะไม่งั้นมันโกรธ มันบอกให้เรียกว่าสกินเฮ้ด แต่สกินเฮดยังไงมันก็เกือบโล้นอยู่ดีไหมล่ะ เหมือนมีเส้นบางๆกันอยู่ระหว่างโล้นกับสกินเฮ้ด


     “กูมานั่งคิดๆดูแล้ว มึงกับกูจำเป็นต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วยเหรอ? ไว้เจอกันตอนเลิกเรียนก็ได้”   แหม… อย่าบอกนะว่าไอ้ที่นั่งทำหน้าไม่เข้าใจโลกเพราะนั่งคิดเรื่องที่กูนัดมึงออกมาเจอ   

     “ช่างแม่งเถอะ กูมีเรื่องจะคุยกับมึงเนี่ย!”   ตอบปัดๆไปพร้อมกับนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อนรัก

     “เรื่องไรวะ?”  มันถามตอบกลับมา โทษนะมึงช่วยทำหน้าเหมือนคนอยากรู้จริงๆได้ไหมวะ? ให้เหมือนเมื่อวานตอนซักไซ้กูหน่อยไม่ได้ไง หน้าไอ้ห่านี่โคตรไร้อารมณ์สุดๆ   

     “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเด็ก?”  ผมพูดเปิดประเด็น

     “แล้วไง?”   แอบเห็นมันกระตุกหัวคิ้วนิดหนึ่ง หน้ามันคงจะเริ่มมีปฏิกิริยาความสงสัยแล้วครับ

     “ทำไมมึงไม่บอกกูวะ!? ว่าไอ้ห่านี่มันมีลูกแล้ว รู้งี้กูจะไม่ให้มาเช่าบ้านกูเลย”   

     “อ่อ…เรื่องนี้”    พูดแล้วก็ยกแก้วน้ำปั่นมันขึ้นมาดูดแบบหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

     “เออเรื่องนี้!”  ผมย้ำคำตอบของมัน แหม…พูดมาแค่นี้กูนี่ไปต่อไม่เป็นเลยครับหัวหน้า
 
     “ก็เรื่องนี้ไง” ฟาร์มมันตอบกลับมา จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเฉยเลย

     “เรื่องนี้แล้วยังไงต่อล่ะวะ!?”  เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะครับ ก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไงแต่มันก็อดไม่ได้ เวลาซีเรียสล่ะชอบทำเล่นน่าตบนัก

     เวลาคุยกับมันนี่เหมือนคุยกันคนละเรื่องเดียวกันเลย เหมือนจะสื่อสารกันเข้าใจ แต่แม่งก็ไม่เข้าใจ

     “ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า แค่พี่เสือมันมีลูก” แค่เหรอวะ? มึงใช้คำว่าแค่เหรอ! แล้วตอบกูได้แบบหน้านิ่งมาก ก็เพราะว่ามันมีลูกนี่ไงไอ้ควายกูเลยจะมาพูดกับมึง

     “โว้ยยย ไอ้เหี้ยช่วยตั้งใจฟังที่กูจะพูดด้วย!!” ด้วยความรำคาญผมเลยหลุดเสียงดังใส่มันไปด้วยความหงุดหงิด เวลาแบบนี้ยังจะมากวนตีนได้อีกนะมึง!   

     “…” เมื่อจบประโยคที่ผมพูดมันก็ยังคงเงียบ แต่เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามองผมเล็กน้อย

     “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเด็ก แล้วทำไมมึงยังให้มันมาเช่าบ้านกูอีก!” 

     “แล้วยังไงวะ หรือมึงจะยอมอดตาย”  “คนอย่างมึงมันจะไปทำอะไรได้อย่าเรื่องมาก” มันตอบและก็กลับไปกดโทรศัพท์เล่นต่อ 


     “แต่...”   

     “มึงไม่ต้องมาแต่!”  มันเองก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังไม่แพ้กัน  ใจเย็นครับตอนนี้คนในร้านเริ่มมองเราแล้ว 

     “ก็...”

     “ไม่ต้อง ก็ แล้วก็ไม่ต้องเถียงกูด้วย”  ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคมันก็พูดแทรกผมขึ้นมาทันที

     “ฟังกูนะ” คนตรงหน้าผมพูดแล้วก็ทำหน้าตาจริงจัง และวางโทรศัพท์ในมือลง


     -_-  ส่วนผมก็ได้แต่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

     “ถ้ามึงได้รู้เรื่องของพี่เสือมึงจะรู้ว่าพี่มันกับลูกน่ะ--”   


     มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 02:26:39 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อค่ะ


 Rrrrrrrrr!!   

     โทรศัพท์ของไอ้ฟาร์มดังขึ้นขัดจังหวะ แต่ก็ดีแล้วไม่ได้อยากมานั่งฟังมหากาพย์ชีวิตของใคร ลำพังเรื่องตัวเองกูยังเอาไม่รอดเลย  แหม… พูดแล้วก็หัวใจกระตุก 

มันคุยโทรศัพท์แค่สองสามประโยคแล้วก็กดวาง หลังจากนั้นก็หันมาพูดกับผมต่อว่า “คนที่จะมาเช่าบ้านมึงอ่ะ เค้าบอกเดี๋ยวดึกๆจะย้ายเข้ามานะ”   

ผมพยักหน้าตอบรับ แต่ถึงมันจะบ่นจะด่ายังไงก็ไม่ได้โกรธหรอกครับ ก็ดูมันสิช่วยผมทุกอย่างทุกเรื่อง เรื่องคนที่มาเช่าบ้านผมเหมือนกัน ก็มีแต่มันนี่แหละที่เป็นธุระให้คอยหาให้ ว่าแล้วก็หัวใจกระตุกอีกรอบเลย ซึ้งไงมีเพื่อนแบบมัน 

     แต่มึงครับกูรู้ว่ามึงหวังดีและเป็นห่วง แต่กูไม่ได้อยากให้สองพ่อลูกมันมาเช่าบ้านไง!!

     “อ่อ…ว่าแต่พี่เขาเป็นใครมาจากไหนวะ?”   ขอถามหน่อยก็แล้วกัน นี่ไม่เคยรู้เรื่องผู้ร่วมบ้านทั้งสองเลย แต่ไอ้อีกคนเนี่ยไม่ต้องก็ได้ไม่อยากรู้

     “เป็นรุ่นพี่กูนี่แหละ อยู่หมู่บ้านถัดไปจากกูสองซอย  ชอบมานั่งกินข้าวที่บ้านกูก็เลยรู้จักกัน”  มันพูดขึ้นแล้วก็ยกแก้วน้ำปั่นขึ้นมาดูด

     อ้อ…พอดีบ้านไอ้ฟาร์มมันเปิดร้านอาหารตามสั่งด้วยน่ะครับ     

     “แล้วทำไมต้องย้ายมาอยู่บ้านกูด้วยวะ ในเมื่อก็มีบ้านอยู่นี่หว่า…”

     “มีปัญหากับครอบครัว ก็เลยจะย้ายออกมาอยู่ข้างนอกและกูก็เลยไซโคให้เขามาเช่าบ้านมึงเลย” 


     แหม… ดีมากทำดีแล้ว…               

     “เฮ้ยๆ!!! ไอ้หน้าอ่อนที่นั่งตรงโต๊ะสุดท้ายมึงเดินมาเอาน้ำปั่นดิ!” อยู่ๆเสียงเจ้าของร้านก็ดังขึ้นบอกให้ผมลุกไปเอาน้ำที่สั่งไว้
นี่ไงครับ บริการของร้านพี่เบิ้มแม่งติดลบสัดๆ  แต่ก็ต้องลุกไปเอานั่นแหละ

     “เท่าไรพี่?”   ถามพร้อมกับรับแก้วน้ำปั่นมาถือไว้ นี่มันน้ำแตงโมเวอร์ชันอะไรล่ะเนี่ย ทำไมสีมันเละแบบนี้

     “เท่าเดิม”

     “ยี่สิบน่ะนะ” 

     “กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ?” 

     ก็ไม่นะ  พี่มึงแก่กว่าผมตั้งเยอะ

     “แหะๆ ล้อเล่น”  ว่าแล้วก็ควักเงินออกมาสามสิบแล้วยื่นให้  จากนั้นก็เดินมานั่งที่เดิม

     “มึงสั่งน้ำเหี้ยไรมาวะ?”  ไอ้ฟาร์มมันถามขึ้นทันทีที่ผมทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม

     “กูสั่งแตงโมปั่น แต่มึงดูสิ่งที่กูได้”  พูดและยกแก้วน้ำขึ้นโชว์ไอ้ฟาร์ม แต่ดูๆแล้วของมันเองก็ไม่แพ้กันกับผมหรอก  ว่าแล้วก็ลองชิมเลยครับ ดูดขึ้นมาชิมนิดๆพอได้แตะปลายลิ้นจะได้รู้ว่าเป็นยังไง 

อืม…ก็ไม่ค่อยเท่าไรนะ พอได้อยู่อร่อยแบบแปลกๆ เหมือนแตงโมผสมมะม่วงแล้วก็ แล้วก็อะไรวะ มันติดอยู่ที่ปากนี่แหละเรียกชื่อไม่ถูก


     “เดี๋ยวกูเล่าเรื่องพี่เสือต่อ...” 

     “เฮ้ย!! ได้เวลาเข้าเรียนกูแล้วว่ะ เดี๋ยวกูไปก่อนนะ”  ทันทีที่ไอ้ฟาร์มมันจะพูดขึ้นต่อผมก็เลยพูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะไม่ได้อยากรู้แล้วก็ไม่ได้อยากฟังเท่าไร

ผมลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แทบไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหยิบน้ำปั่นรสแปลกติดมือมา จากนั้นแล้วก็ติดเกียร์หมา แต่ก่อนจะไปก็พูดทิ้งทายว่า…   “ไว้เจอกันที่บ้านกูนะมึง!”   


     “เออๆ” และเราสองคนก็แยกย้ายกัน
เหตุผลที่ไม่อยากนั่งต่อนี่ก็เรื่องของไอ้นั่นน่ะแหละครับ  ไม่อยากรับรู้น่ะเข้าใจใช่ไหม? ถ้ายกเลิกสัญญาได้แล้วไม่มีอะไรเสียหาย
ผมนี่จะรีบฉีกสัญญาทันที แล้วก็หงุดหงิดไอ้ฟาร์มตรงนี้แหละ คือมึงจะทำสัญญาเช่าหาหอกอะไรวะ มันยากกูไหมล่ะ?
แต่ก็ช่างมันเถอะ ทนๆเอาก็ได้วะ เดี๋ยวสักวันมันก็ต้องย้ายออกแต่ไอ้ที่ต้องทนนี่ไม่รู้ว่าต้องทนนานเท่าไรนี่สิ ถ้ามันเช่าก็ดี ดีตรงที่ได้เงิน แต่ถ้ามันออกก็ดี ดีที่ไม่ต้องมาเห็นหน้ามันแล้วก็ลูก แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนก็มีผลต่อผมหมดเลยว่ะ ทั้งผลร้ายและผลดีไปพร้อมๆกัน

     ร้องไห้….

● ● ●


     ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดและผมก็กลับมาจากมหาลัยได้สักพัก วันนี้ก็เพิ่งได้เงินค่ามัดจำบ้านจากพี่อีกคนที่โอนมาให้ เลยอยากจะเลี้ยงข้าวไอ้ฟาร์ม ตอบแทนอะไรให้มันสักหน่อย  ขณะนี้ก็อยู่โลตัสใกล้บ้านครับว่าจะซื้อของไปทำสุกี้กินกับไอ้ฟาร์มดีกว่า                              ว่าแล้วก็โทรหามันก่อนไม่รู้ตอนนี้จะถึงบ้านผมหรือยัง เนื่องจากจะให้มันแวะมารับที่โลตัสด้วย วันนี้ฟาร์มจะแวะเข้ามาหาผมเพราะรุ่นพี่มันจะย้ายมาคืนนี้ และบางทีอาจจะนอนบ้านผมเลยก็ได้

     ตู๊ด…

     “มึงอยู่ไหน?”  ต่อสายหามันได้ไม่นานก็กดรับ ผมเลยถามขึ้นทันที

     [กำลังขับรถไปบ้านมึงเนี่ย] ปลายสายตอบกลับมา

     “ใกล้ถึงยังวะ?”

     [ใกล้แล้ว]

     “มึงจอดรับกูที่โลตัสตรงหน้าตลาดบ้านกูหน่อยนะ พอดีแวะมาซื้อของ”

     [เออๆ รอแป้บแล้วกัน]   มันตอบกลับมาเพียงเท่านี้จากนั้นการสนทนาก็สิ้นสุดลง
ใช้เวลาซื้อของรอมันไปพลางๆและไม่ถึงสิบห้านาทีเพื่อนรักก็มาจอดรถมอเตอร์ไซค์รอผมอยู่ทางฝั่งตรงข้ามของโลตัส

     “มึงซื้ออะไรเยอะแยะวะ?” ถามขึ้นทันทีที่ผมข้ามฝั่งมาแล้วกำลังยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับของที่พะลุงพะลังเต็มมือ เพราะมันยังคงไม่รู้ว่าผมจะทำสุกี้ให้กิน จริงๆไม่ใช่ผมที่ทำหรอกครับ เพราะเป็นแค่คนซื้อและคนที่ทำก็คือไอ้ฟาร์ม

     “ซื้อไปทำสุกี้”  ผมชูของในมือให้มันดู จากนั้นก็กระโดดขึ้นสกู๊ปปี้ไอสีขาวของมัน

     “มึงจะทำให้กูกินจริงๆเหรอ?”  ถามขึ้นมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

     “ไม่ๆ กูแค่ซื้อมึงอ่ะทำ”

     “กูว่าแล้ว”  เราคุยกันเพียงแค่เท่านี้  จากนั้นสกู๊ปปี้สีขาวก็เคลื่อนตัวออกไปทันที   


     ไม่ถึงห้านาทีก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านผม ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่มีพื้นที่รอบๆค่อนข้างเยอะ เพราะแม่ไม่ได้ต่อเติม แต่กลับตกแต่งไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิดที่ผมไม่ค่อยจะรู้จักและสันทัดเท่าไร

แม่ผมท่านเป็นคนชอบต้นไม้และดอกไม้มากเลยไม่ต้องแปลกใจถ้าหากบ้านจะเต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้และความสดใสจากดอกไม้ ว่าแล้วก็คิดถึงแม่นะครับ เก้าอี้ชิงช้าตรงสนามหญ้าขนาดย่อมที่แม่ชอบนั่งเห็นแล้วก็ยิ่งคิดถึง

แม่ของผมเป็นพนักงานบริษัทและตอนนี้ท่านก็เสียไปแล้ว ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย จริงๆตอนเป็นแม่ไม่ได้บอกให้ผมรู้เลยด้วยซ้ำ ผมมารู้เอาตอนสุดท้ายที่อาการแม่หนักๆ ผมช่างเป็นลูกที่แย่เอาซะจริงๆ ที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไร… และหัวใจผมแทบสลายเมื่อรู้ว่าแม่มีเวลาแค่อีกไม่นานที่ได้อยู่ด้วยกัน  ผมต้องฝืนข่มตานอนหลับในทุกๆคืน เพราะมันเครียด สมองว้าวุ่นไม่รับอะไรทั้งนั้น ไม่อยากจะไปเรียนเลยด้วยซ้ำอยากจะอยู่กับแม่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้ใช้เวลากับท่านให้นานที่สุด แต่แม่กลับบอกมาว่า

     ไม่เป็นไร…

     ผมยังจำวันนั้นได้ดี… วันที่กลับมาจากโรงเรียนแล้วไม่เห็นแม่

     และนั่นเป็นวันสุดท้ายที่เราได้พบกัน

     ผมเกือบไปไม่ทันก่อนที่ลมหายใจของแม่จะหมด…

     ส่วนพ่อ ผมเสียท่านไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ที่ยังอยู่ในท้อง ไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลกเลยด้วยซ้ำ มีเพียงแค่รูปใบเก่าที่แม่มักจะเอามาให้ว่าหน้าตาของพ่อเป็นอย่างไร ผมเห็นรูปใบนั้นอยู่ในมือแม่จนนาทีสุดท้ายของลมหายใจ
ตอนนี้ผมว่าพ่อกับแม่คงจะกำลังมีความสุขกันอยู่บนสวรรค์แน่ๆ


     จริงๆผมก็แค่คิดถึง…


     “พี่เสือมันยังไม่กลับมาเหรอวะ?”  แล้วบรรยากาศของการลำลึกนึกถึงความหลังของผมก็ถูกขัดจังหวะด้วยคำถามที่มีชื่อของไอ้คนนั้น

    “กูจะไปรู้เหรอ ตัวไม่ได้ติดกัน”  ตอบพร้อมกับเลื่อนประตูรั้วบ้านออกมา จากนั้นก็เดินเปิดประตูบ้านเข้าไปและเอาของวางไว้ตรงโซนครัว


     “กูก็เห็นอยู่บ้านเดียวกัน”  “อีกอย่างนะ เขาอายุเยอะกว่ามึงนะ มึงก็เคารพเขาหน่อย”  มันเดินตามผมเข้ามาติดๆและก็ยังคงพูดเรื่องไอ้เสืออยู่

     “เลิกบ่นเถอะกูขอ รีบๆไปทำของเลยไปกูหิวแล้ว!” ผมพูดและดันหลังให้มันเข้าไปในครัว เพื่อที่จะได้เป็นการตัดบทสนทนาเรื่องที่ไม่ค่อยจะรื่นหูซักเท่าไร  เพราะงั้นเลยต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่งั้นหูชาแน่ๆ 


     หลังจากยัดทุกสิ่งอย่างลงท้องเสร็จแล้วก็ได้เวลาอันสมควรแก่การนอนตีพุงอยู่บนโซฟาและเข้าสู่โหมดสังคมก้มหน้าไปตามระเบียบ  นี่ก็จะสี่ทุ่มแล้วยังหนังสือหนังสือหาไม่แตะสักนิดยังนอนใจเย็นเล่นโทรศัพท์อยู่ได้  ไม่ใช่อะไรครับหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน จะว่าไปนี่ก็ดึกแล้วนะสองพ่อลูกมันยังไม่กลับมาอีก แต่ก็ดีแล้ว ที่พูดถึงนี่ไม่ได้อยากเจอนะ แต่ดีใจอยากให้ไปนานๆเลยได้ยิ่งดี


     ติ๊งต่อง!!

     สองมือที่กำลังไถอยู่หน้าจอโทรศัพท์นั้นหยุดชะงัก เพราะเสียงกริ่งหน้าบ้านได้ดังขึ้น

     ใครมากดอะไรตอนนี้วะ? 

     เลยต้องระเห็จลุกขึ้นมาจากโซฟาที่กำลังนอนได้ที่ บิดขี้เกียจสองสามครั้งไล่ให้ความเมื่อยออกไป จากนั้นก็เดินออกไปเปิดประตู  ไม่ใช่อะไรครับ ไม่อยากใช้ไอ้ฟาร์มเดี๋ยวมันบ่นอีก


     ทันทีที่เดินออกมาผมก็พบกับผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งท่าทางเซอร์ๆซึ่งเข้าขั้นคนหน้าตาดีเลยก็ว่าได้ กำลังยืนหอบอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดและเขาอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาลัยXXX  หน้าตาก็เป็นมิตรอยู่หน่อยๆ


     “ใช่ปิงหรือเปล่าครับ?”   เขาถามขึ้นเมื่อผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซึ่งมีรั้วบ้านกั้นอยู่ แต่ดูจากสัมภาระที่หอบมาแล้วผมว่าต้องเป็นรุ่นพี่ไอ้ฟาร์มที่มาเช่าบ้านแน่ๆ

     “ใช่ครับ” “พี่คงเป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาร์ม”   พูดพร้อมกับเปิดประตูเข้าให้พี่มันเข้ามาในบ้าน

     “ใช่ พี่เป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาร์มที่จะมาเช่าบ้านน้อง”   

     “อ่อ…งั้นเข้ามาก่อนครับ” พูดและหลีกทางให้พี่มันเข้ามา “มาพี่ผมช่วย”  ว่าแล้วก็ช่วยเอากระเป๋าของพี่เขามาถือไว้ จากนั้นก็เดินนำเข้ามาในบ้าน


     ครืด!!

     ผมเลื่อนประตูมุ้งลวดให้เปิดออก พาคนเช่าบ้านคนใหม่เดินเข้ามาและร้องบอกไอ้คนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟากลางบ้าน

     “ฟาร์ม พี่มึงมาแล้วเนี่ย!”

     “เอ้าพี่หมากหวัดดีพี่!”   พอได้ยินประโยคที่ผมพูดไอ้ฟาร์มมันก็ดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาทันที พร้อมกับยกมือไหว้คอายุเยอะกว่า

     “เออๆ หวัดดี” พี่มันตอบรับและยกมือขึ้นเป็นเชิงไม่อะไร จากนั้นก็แนะนำให้ผมกับรุ่นพี่ของมันให้ได้รู้จักกัน

     “พี่นี่ไอ้ปิงแล้วก็ไอ้ปิงนี่พี่หมาก” 

● ● ●


ตกดึก…


     นอนหลับตาไปได้ไม่นานดิ้นแล้วดิ้นอีก พลิกซ้ายก็แล้วพลิกขวาก็แล้วก็ยังไม่หายปวดฉี่สุดท้ายก็เลยต้องลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องของผมเอง เมื่อเสร็จแล้วก็เลยเดินออกมาข้างนอกตรงตู้เย็นเพื่อนที่จะได้หาน้ำดื่มดับความกระหายซักหน่อย ขณะที่กำลังกระดกน้ำเข้าปากก็ได้ยินเสียงของรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงประตูรั้วที่ถูกเปิดออก

     ก๊อกๆ!

     สงสัยไอ้เสือมันคงจะมาแล้ว แต่ทำไมมันมาดึกงี้วะครับ? แล้วใครดูลูกให้มันล่ะเนี่ย ละนี่กูจะไปยุ่งเรื่องของเขาทำไมล่ะครับหัวหน้า!?

     ผมวางขวดน้ำอยู่ในมือลงในตู้เย็นดังเดิม จากนั้นก็เดินมาเปิดประตูบ้านให้เพราะว่ายังไม่ได้เอากุญแจประตูบ้านข้างในไปปั๊มให้มันเลย

     “ยังไม่นอนเหรอ?”  พอเปิดประตูออกมาแล้วเห็นว่าเป็นผม คนตัวสูงตรงหน้าก็ถามขึ้นมา

     “ถ้านอนเเล้วจะมาเปิดประตูให้ได้ไหมล่ะ?”  ไม่ได้กวนตีนนะครับ แค่ไม่อยากพูดดีด้วย เลยพูดพร้อมกับหลีกทางให้มันเดินเข้ามา

แล้วดูแบกน้องกวางใส่เป้อุ้มเด็กมาในสภาพหลับปุ๋ย มือก็ถือของและสัมภาระพะรุงพะรัง เลยอดไม่ได้ที่จะแย่งของจากมือมันมาถือไว้  “เดี๋ยวถือให้” 

     “ขอบคุณ”  เสียงทุ้มตอบกลับจากนั้นก็เดินนำหน้าเข้าไปในห้องของตัวเองทันที   
เดิมทีนี่น่ะเป็นห้องเก่าของผม แต่พอแม่เสียแล้วจะให้คนเข้ามาเช่าก็เลยย้ายไปห้องแม่แทน  และสภาพของห้องเก่าผมตอนนี้นี่
ไม่เหลือเค้าเดิมเลย เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็ก มีแต่ของเล่นเด็กหรืออะไรที่มันเกี่ยวกับเด็กอยู่เต็มไปหมด  ข้างๆเตียงหลังขนาดพอดีที่ผมเอาไว้ให้ก็มีเปลสีฟ้าสวยตั้งอยู่  และทันใดนั้นก็มีร่างของเด็กอ้วนที่พ่อมันเพิ่งเอานอนลงไป   
ขี้เซานะครับไม่แม้แต่จะขยับตัวลืมตาขึ้นมาสักนิดเลย   

     เตรียมตัวจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องต้องบอกก่อน

     “วันนี้มีเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่ย้ายเข้ามานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแนะนำให้รู้จัก”

     “อืม..”  และเขาก็ตอบแค่เพียงสั้นๆ ก็สั้นๆนี่แหละครับจะเอายาวขนาดไหน


     TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 02:32:27 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
สงสารพี่เสือกับน้องกวาง
ปิงใจร้าย


 :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปิง มีความอึมครึมมาตลอด
มีปัญหาการเงิน ให้ฟาร์มช่วย
เลยได้พี่เสือ กับพี่หมาก มาเช่าห้อง
แต่ก็ยังไม่วายเจอคู่กัด วันไนท์แสตนด์ซะอีก
เท่าน้นไม่พอ พี่เสือมีลูกเล็กเด็กอ้วนน้องกวางมาด้วย
ปิงก็เกลียดเด็ก มาแต่ไหนแต่ไร แถมไม่ชอบพ่อ
ไปๆมา ตัวปัญหาคือปิงเองน่ะแหละ ที่เรื่องมาก
งานพิเศษ ก็หาไม่ได้ รายได้ไม่มี
ฟาร์มช่วยจนมีรายได้ ก็ยังเรื่องมาก
คราวนี้เอาไงล่ะ พี่เสือได้ยินหมดละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ปิง มีความอึมครึมมาตลอด
มีปัญหาการเงิน ให้ฟาร์มช่วย
เลยได้พี่เสือ กับพี่หมาก มาเช่าห้อง
แต่ก็ยังไม่วายเจอคู่กัด วันไนท์แสตนด์ซะอีก
เท่าน้นไม่พอ พี่เสือมีลูกเล็กเด็กอ้วนน้องกวางมาด้วย
ปิงก็เกลียดเด็ก มาแต่ไหนแต่ไร แถมไม่ชอบพ่อ
ไปๆมา ตัวปัญหาคือปิงเองน่ะแหละ ที่เรื่องมาก
งานพิเศษ ก็หาไม่ได้ รายได้ไม่มี
ฟาร์มช่วยจนมีรายได้ ก็ยังเรื่องมาก
คราวนี้เอาไงล่ะ พี่เสือได้ยินหมดละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




ฮือออออ อย่าว่าลูกเราาาาาาาาา  55555555555555555555555555  :monkeysad:
ขอบคุณมากนะคร้าบบบบ ที่อ่านนนนนน   :pig4:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฮาาาาาาาาาาา ๏0๏ พี่เสือได้ยินแล่วววว

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สาม : ซวยเเล้ว



     เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สายตื่นมาก็ร้องเพลง…

     ร้องห่าอะไรล่ะครับสังคม!!! 

     โธ่เว้ยย!
     คือผมจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าไม่มีเสียงยัยน้องกวางเนี่ยลอยดังเข้ามาในหู เอาหมอนอุดก็แล้วพลิกซ้ายพลิกขวาก็แล้วก็ยังได้ยิน

    โว้ยยยย จะตายอยู่แล้ว!!
     ไม่ใช่เสียงร้องไห้งอแงหรืออะไรหรอก มันเป็นเสียงหยอกกันของพ่อลูกมันไง  คือแค่ได้ยินเสียงเด็กก็หงุดหงิดแล้วว่ะ ผมจะบ้าตาย!! 

สุดท้ายก็ทนไม่ไหวไปตามระเบียบต้องแหกขี้ตาลุกขึ้นมาตั้งแต่หกโมงจนได้ ทั้งที่วันนี้มีเรียนสายก็ว่าจะเข้าเรียนสายสักหน่อย แล้วนี่อะไรก็ไม่รู้! รบกวนเวลานอนกูเหลือเกิน 


     แล้วไอ้ฟาร์มมันไปไหนของมันเนี่ย? 

     นี่ตื่นมาก็ไม่เห็นหัวอยู่ในห้องเลย…

     ฮ้าวววว!!  หาวยาวไปถึงดาวอังคารเลย 

     กูง่วงครับหัวหน้า!!!

วันนี้มีเรียนสี่โมง แล้วกูตื่นขนาดนี้ควรจะทำอะไรดีล่ะ? ปกติตื่นเช้าแบบนี้ที่ไหน สุดท้ายก็ลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน  เดี๋ยวว่าจะออกไปหาอะไรกินที่ตลาดเช้าแถวบ้านสักหน่อย   

     “โอ้โ!ห วันนี้เพื่อนกูตื่นเช้าได้ กูว่าฝนต้องตกแน่ๆ”   ทันทีที่ออกมาไอ้ฟาร์มที่กำลังนั่งคุยอยู่กับพี่เสือและพี่หมากของมันนั้นก็พูดแซวผมขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

     ทำไมวะนี่ตื่นเช้าถึงกับแปลกใจเลยหรือไง 
     แหม…จะไม่ให้กูตื่นเช้าได้ยังไงก็มีเสียงเด็กผีดังลั่นบ้านขนาดนี้ แถมยังทะลุเข้ามาในห้องอีก ไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไป 

     “…”   ไม่ตอบมันหรอกครับ เบื่อไม่มีอารมณ์ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น เงียบแล้วก็เดินหนีออกมาเลย ถ้ามองไม่ผิดก็แอบเห็นไอ้ที่นั่งอยู่สามคนกับอีกหนึ่งชีวิตเล็กนั่นถึงกลับมองตามด้วยความสงสัยกันเลยทีเดียว  แหม่… เดดแอร์สัดๆ   

ไอ้ฟาร์มมันคงจะแนะนำไอ้เสือกับพี่หมากให้รู้จักกันแล้วแหงๆ  ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานเห็นตรามหาลัยของพี่หมากมันตราเดียวกับไอ้เสือเลยนะ คงจะอยู่มอเดียวกันแน่ๆ…  แต่ก็ช่างมันเถอะไม่เกี่ยวอะไรกับผมนี่หว่า


     สุดท้ายก็ไปนั่งกินโจ๊กท้ายตลาด แล้วตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือยของโปรด พอเสร็จแล้วก็เดินกลับบ้านมาด้วยความจุกจนแทบอยากคลาน  ทันทีที่เข้ามาในบ้านก็ไม่เห็นพวกมันนั่งอยู่กันแล้ว เห็นก็แต่ไอ้เสือที่มันอุ้มลูกออกมาจากห้องน้ำ ก็คงจะเพิ่งอาบน้ำให้ลูกเสร็จนั่นแหละ  พอเห็นหน้าผมมันก็มองเล็กน้อย  ตอนแรกก็เหมือนมันจะไม่พูดอะไรแล้ว แต่อยู่ๆมันก็หยุดตรงหน้าและบอกผมว่า “กับข้าววางอยู่บนโต๊ะนะ  จะกินก็ได้” สิ้นประโยคแล้วก็เดินอุ้มลูกผ่านหน้าผมเข้าห้องไป


     “มึงไปไหนมาวะ?”   เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ไอ้ฟาร์มที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนที่นอนก็ถามขึ้นทันที   

     “ไปหาไรกินมา”   พูดพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนูติดมือเพื่อที่จะได้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว นี่ก็เหลือเวลาอีกสามชั่วโมง ไปหาเดินดูงานดีกว่า     

     “มึงเป็นไรป้ะเนี่ย?”  ก่อนที่ผมจะเดินเข้าห้องน้ำไป ฟาร์มมันก็ถามขึ้นมา
เอาจริงๆมันก็คงจะสงสัยแหละ ว่าผมเป็นอะไร ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นแบบนี้   แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ แค่ไม่มีอารมณ์นิดหน่อย ไหนจะต้องมาเจอเด็กนั่นอีก เสียอารมณ์เปล่าๆ แล้วตกลงกูเป็นหรือไม่เป็นวะเนี่ย!?  สังสัยตัวเองเหมือนกัน

     “ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบกลับ

     “แน่นะ?” 

     “ก็เออสิวะ จะให้กูเป็นอะไรล่ะ?”   

     “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เป็นอะไรก็บอกกูไม่ใช่มาเงียบใส่แบบนี้” 

     “เอออ กูรู้แล้ว หน้าอย่างกูมันเคยเป็นอะไรด้วยหรือไง!?”   ถึงมีก็ไม่พูดหรอก  พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจ อีกอย่างผมคงจะกล้าพูดหรอกว่าที่ไม่ชอบไอ้เสือเพราะเคยมีอะไรกันมาก่อน   

     “แล้วนี่มึงจะไปไหนแต่เช้า วันนี้มึงไม่มีเรียนเช้านี่หว่า”   รู้จังนะมึง เห็นไหม? ไอ้นี่น่ะมันพ่อผมชัดๆ ไม่ใช่เพื่อนหรอก

     “ไปนั่งรอที่มอแหละ กูไม่อยากอยู่บ้าน”    ที่จริงก็ว่าจะไปหาสมัครงานด้วย  ดูๆไว้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่อยากทำเท่าไรก็เถอะ

     “เออๆ ไปๆ ไปอาบน้ำไปมึง”   พอหมดคำพูดที่จะถามมันก็โบกมือไล่ผมทันที พร้อมกับหันไปสนใจโทรศัพท์อย่างเดิม


     อาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ระเห็จออกมาจากบ้านทันที ทิ้งไว้ให้ไอ้ฟาร์มมันอยู่กับรุ่นพี่ของมันซะเลย เพราะวันนี้ไอ้ฟาร์มมันมีเรียนสายกว่าผม เลยไม่ได้กระตือรือร้นที่จะไปเท่าไร
พอเดินมาถึงป้ายรถเมล์นั่งรอได้ไม่นานรถก็มาทันที และไม่ว่าจะยังไงคนแม่งก็ยังเต็มรถตลอดเวลา นี่ก็ยืนจนขาแข็งหมดแล้วไหมล่ะ? เมื่อยเหมือนกันนะครับ   เห็นหน้าตาแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นคนอดทนนะ ยอมรับก็ได้ว่าเหยาะแหยะ  บางครั้งก็ไม่อยากหลอกตัวเองหรือหาข้ออ้างสักเท่าไร ก็เลยต้องยอมรับมันทั้งแบบนั้นเลย แต่ถึงจะรู้จักนิสัยตัวเองดีกว่าใครก็ใช่ว่ามันจะแก้หายนี่หว่า… รู้แต่มันทำไม่ได้!! 
    

    เมื่อรถมาจอดถึงป้ายสุดท้ายผมก็ลงทันที ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เหลืออีกเกือบสองชั่วโมงที่จะเข้ามอ แถวนี้เป็นย่านร้านอาหารแหล่งที่เที่ยวที่คนชอบมา ตอนกลางวันก็เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟทั่วๆไป แต่ตอนกลางคืนบ้างก็เปลี่ยนเป็นร้านเหล้านั่งชิลมีดนตรีสด  แล้วผมควรที่จะทำงานอะไรดีครับ อะไรก็ทำไม่เป็นสักอย่าง

     อืม… ถ้าพูดถึงร้านอาหารร้านเหล้า ง่ายๆก็คงจะเป็นเสิร์ฟ   

     อ่า… ทำเป็นเด็กเสิร์ฟสินะ คงไม่ยากเกินไปหรอก (มั้ง?)   มันก็งานง่ายๆนี่หว่า ไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก 


     ไม่ยุ่งยากแต่… แม่งเด้ยยยยย   ทำไมงานมันหายากจังวะ นี่ก็เดินเข้าเดินออกสมัครเป็นว่าเล่นแต่ก็ไม่ได้สักร้าน ที่สมัครนี่ก็สมัครเป็นเด็กเสิร์ฟแหละครับ ไอ้ร้านที่เปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้าก็ไม่รับ   

อยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรก็หางานนี่แหละ ชีวิตที่ไม่มีแม่คอยอยู่ด้วยนี่มันลำบากยากเย็นเหลือเกิน ไม่อยากสกิปตัวเองไปข้างหน้าหรอกครับเผื่ออนาคตมันอาจจะยุ่งยากมากกว่าเดิม เพราะงั้นขอย้อนเวลากลับไปตอนเกิดดีกว่า  เพราะถ้ารู้ว่าเกิดมาแล้วมันจะใช้ชีวิตยากขนาดนี้ก็ขอไม่เกิดเลยซะยังดีกว่า 


ผมเบื่อ ผมเซ็งมากในวันนี้ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆถึงเป็นได้ ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะเหวี่ยงบทเรียนแบบไหนมาให้เราเจอ บทเรียนที่หนักที่สุดในชีวิตของผมก็คงจะเป็นเรื่องแม่…อยู่ๆก็มาเสียแม่ไปใครมันจะไปทำใจได้   
ส่วนบทเรียนที่สองนี่ขอยกให้เรื่องไอ้เสือก็แล้วกัน คือแบบจะเหวี่ยงอะไรมาก็ได้นะ แต่ขอแหละ อย่าเหวี่ยงมันกับลูกเข้ามาหาผมเลย   


     เห้อ…เหนื่อยนะครับการใช้ชีวิตเนี่ย

● ● ●



     ฮ้าววววววว

     จะไม่ให้อ้าปากหาววอดๆได้ยังไง  ก็โดนรบกวนตั้งแต่เช้า  ไอ้คนที่ตื่นสายอย่างผมพอได้มาตื่นเช้าๆแล้วนั่งสับพะหงกอยู่อย่างนี้ก็คงไม่แปลก 

และตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่บนรถสองแถวเพราะเพิ่งเลิกเรียนกำลังจะกลับบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะให้ไอ้ฟาร์มมันมาส่งสักหน่อย แต่พอโทรหามันแล้วดันโทรไม่ติดก็เลยนั่งรถสองแถวกลับเอง

ใช้เวลาสักพักก็มาถึงบ้านในที่สุด  คิดว่ากลับมาแล้วบ้านจะเงียบเหงา แต่ก็เปล่าเลยครับพี่หมากกำลังยืนรถน้ำต้นไม้ของแม่ผมที่ท่านเคยปลูกไว้ให้อยู่  ส่วนอีกคนน่ะเหรอ…ก็กำลังนั่งเล่นกับลูกมันอยู่ยังไงล่ะ  แล้วนี่ไม่รู้จักมีงานมีการทำหรือไงถึงได้มานั่งเสนอหน้าอยู่นี่ 

     “อ้าว กลับมาแล้วเหรอปิง?”   พี่หมากมันพูดขึ้นเมื่อผมเดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามา 

     “หวัดดีพี่”  พูดทักทายตามมารยาทของคนอายุน้อยกว่า  แต่ไอ้อีกคนน่ะเหรอ… เหอะ!! ผมเมินครับไม่อยากมองหน้าไม่อยากคุยด้วยไม่อยากได้ยินเสียง ก็เลยเดินผ่านมันกับลูกเข้ามาในบ้านเลย แต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้สนใจหรอกครับว่าผมจะมีอาการยังไง จะมีก็แต่พี่หมากที่มองมาด้วยความสงสัย  คงจะแปลกใจมั้งครับที่ว่าทำไมผมถึงเมินใส่ไอ้นี่  แล้วผมจะไม่อะไรเลยถ้าตอนเดินเข้ามาแล้วไม่ได้ยินเสียงของเด็กนั่นกำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข
โว้ยยย กูหงุดหงิด!!


ตอนนี้ง่วงนอนมากไม่ไหวแล้ว เพิ่งหกโมงอยู่เลย น้ำท่ายังไม่อาบเสื้อผ้ายังไม่เปลี่ยนหรอก พอเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็ทิ้งตัวลงที่นอนในทันที  ของีบสักหน่อยแล้วกัน แล้วจะลุกขึ้นมาอ่านหนังสือทำการบ้านต่อ
สี่ทุ่มสามสิบห้า 


     โอ้ยยยยย  ไม่รู้ว่านี่หลับหรือซ้อมตาย อยากจะบอกว่าหลับลึกจริงๆแม้แต่ตอนนอนก็ยังไม่ฝัน ถึงกลับหลับสนิทไม่รู้เวล่ำเวลา คว้าโทรศัพท์ที่วางไว้อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเช็คสักหน่อย จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นอนบิดขี้เกียจสองสามครั้งและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างร่างกาย

     หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ออกมาหาอะไรกินในครัวสักหน่อย จำได้ว่าซื้อมาม่ามาตุนไว้อยู่นี่หว่า

     เจ๊ดดแหมงงง!! กะว่าจะออกมาต้มมาม่ากินก่อนอ่านหนังสือให้อารมณ์ดีสักหน่อยตอนนี้กลับอารมณ์เสียไปโดยปริยา     ก็เพราะ ไอ้เสือมันกำลังยืนล้างขวดนมให้ลูกมันอยู่ตรงอ่างล้างจานนั่นไง   

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆร่างสูงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหรือส่งเสียงให้รู้ว่ามีคนมา ที่จริงก็ตั้งใจจะทำให้มันไม่อยู่ในสายตา เขามองมาแค่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันหน้าหนีไป   

ผมเดินหามาม่าตามชั้นตามที่ต่างๆแต่ก็ยังไม่เจอ  จนที่สุดท้ายที่คิดว่าจะมีก็คือชั้นข้างบนสุดของตู้เก็บอุปกรณ์ครัวที่อยู่พอดีกับที่ไอ้เสือกำลังยืนอยู่ เป็นไปตามคาดเพราะตอนนี้นั้นมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำใสเจ้าเก่าเจ้าเดิมรสโปรดและรสเดียวที่ชอบกินกำลังอยู่ในมือผม  พอได้ของมาแล้วก็มองหาหม้อต้ม แต่ก็ไม่มีหม้อใบเล็กๆสักใบเลยวุ้ย!

ท้ายที่สุดก็เลยต้องปีนเอาหม้อที่เก็บไว้บนตู้สูงๆ คือแบบผมไม่เข้าใจทำไมต้องเก็บสูงขนาดนี้ มันลำบากคนเอาไหมล่ะ?  แต่เรื่องนี้ก็ต้องถามแม่ผมคนเดียวนั่นแหละเพราะแม่เป็นคนเก็บ แต่จะถามได้ยังไงแม่ไม่อยู่ให้ถามแล้ว 

ตอนนี้ก็เลยต้องไปลากเก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารมาเป็นขาต่อเพื่อปีนขึ้นไปเอาหม้อใบเล็กซึ่งถูกเก็บไว้อยู่ข้างบน คือแค่มาม่าห่อเดียวจะให้ผมใช้หม้อเบอร์สามสิบสองต้มก็ยังไงๆอยู่     

     แต่แม่มมม! ทำไมมันหยิบยากหยิบเย็นอย่างนี้วะเขย่งเอาจนสุดแล้วแต่ก็ยังหยิบไม่ได้ถ้ากูตกเก้าอี้ขึ้นมา

     เหี้ยยยยยยย!!!

     ตุบ!!

     เหี้ยแล้ว  ตายแล้วหัวต้องแตกแน่ๆแล้วแข้งขาจะหักจะเสียความทรงจำเหมือนในหนังไหมครับ!! เนื่องจากเมื่อกี้ผมดันพลาดท่าเลยตกจากเก้าอี้แบบไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันที่จะพูดจบเลยแหม่… สมพรปากกูดีจังไอ้ห่า 
แต่เอ้ะ!?   ทำไมผมไม่รู้สึกเจ็บเลยวะ?   

     ทำไมปูนมันไม่แข็งอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับออกไปทางนิ่มๆเสียด้วยซ้ำ แล้วนี่อะไรปูนมันมีมือวิเศษหรือไงถึงได้เลื้อยมารัดพันเอวผมซะแน่น  เลยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆเพราะก่อนหน้านี้ตอนตกลงมาจากที่สูงผมปิดตาลงด้วยความกลัว

     พอลืมตาขึ้นมาดูผมนี่แทบจะเด้งตัวออกมาไม่ทันเพราะพื้นปูนที่ควรจะเป็นมันกลับไม่ใช่!


     เจ๊ดดดดแหมงงง! 

     อ อ ไอ้เสือครับหัวหน้า ไอ้เสือมันเป็นคน ม มารับผมไว้และตอนนี้ก็เป็นมันที่เป็นฝ่ายอยู่ข้างล่างรองรับตัวผมไว้ทั้งหมด ก็ว่าอยู่ทำไมไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย 

     “ม มึงเป็นอะไรมากไหม!?”   ผมถามด้วยความร้อนรน มันจะเป็นอะไหมวะเนี่ย อย่ามาตายในบ้านกูนะถึงมึงจะช่วยกูก็เถอะ

     “ฮ เฮ้ยย!!”   ผมเขย่าตัวมันยิกๆพร้อมกับส่งเสียงเรียกกลัวว่าจะเป็นอะไรไป เพราะแม่งเล่นนอนอยู่เฉยๆไม่มีท่าทีอะไรเลย

     “กูรู้แล้ว กูขออยู่ท่านี้สักพักนะมันยังขยับไม่ได้”  ตอบกลับมาด้วยเสียงเบาๆ คงเพราะว่าผมกำลังรนรานอยู่
ฟู่!  ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง คิดว่ามันจะเป็นอะไรซะแล้ว นี่ถ้าเป็นอะไรมาผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะครับ อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวเอาตัวเองมารับผมไว้เนี่ย
ราวประมาณหนึ่งนาทีได้ ไอ้เสือมันก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นกระเบื้องอย่างช้าๆ  แอบได้ยินมันซี๊ดปากซี๊ดคอด้วยความเจ็บ

     “ใครบอกให้มึงเข้ามารับกูล่ะวะ!?”   อยากจะด่าให้ คิดว่าทำแบบนี้แล้วเป็นฮีโร่ไง๊?   เปล่าเลยถ้าเป็นไรขึ้นมาก็ผมไงครับที่รู้สึกผิดไอ้สัด

     “ไม่ขอบคุณแล้วยังจะซ้ำเติม”   มันพูดเบาๆพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากจุดนั้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  นี่แอบเห็นมันนวดหลังนวดไหล่ในขณะที่กำลังเดินเข้าห้องด้วยแหละ   

     เอาไงดีวะ… ถึงจะยังเหม็นขี้หน้ามันอยู่แต่มันก็ช่วยผมเลยนะเว้ย!   
     สุดท้ายไอ้ความรู้สึกผิด สามัญสำนึกที่พอจะมีอยู่บ้างก็สั่งให้ผมเดินไปหยิบยาทาแก้ฟกช้ำที่อยู่ในห้องไปให้

     ยืนอยู่หน้าห้องตั้งนานสองนานกว่าจะทำใจให้เคาะประตูได้ก็หลายต่อหลายครั้งบางครั้งมันก็กล้าแต่มันก็ไม่กล้าจนต้องลดมือลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็กล้าเคาะนี่แหละ


     ก๊อกๆ!
     ไม่นานคนที่อยู่ภายในห้องก็เปิดประตูออกมา 


     “อะไร?”  เจ้าของเสียงทุ้มถามขึ้น พร้อมกับเรียวคิ้วที่เลิกขึ้นน้อยๆ

     “ก กูเอายามาให้”   พูดพร้อมกับยื่นยานวดแก้ปวดแก้ช้ำให้คนตรงหน้า   แล้วก็พูดต่อไปว่า “ข ขอบคุณ ท ที่ช่วยกูนะ”   แล้วนี่เสียงจะสั่นทำห่าอะไรวะ กะไอ้แค่พูดขอบคุณ

     “อือ…”  ตอบรับแค่สั้นๆจากนั้นก็เดินแทรกตัวออกมาจากหลังประตูแล้วมานั่งตรงโซฟาหน้าทีวีกลางบ้าน
ทันทีที่นั่งลงคนเจ็บก็ถอดเสื้อออกพร้อมกับบีบยาลงบนฝ่ามือเพื่อที่จะได้เอาทาหลังตรงบริเวณที่ฟกช้ำ   

     “แล้วทำไมไม่เข้าไปทาข้างในดีๆกลัวคนอื่นไม่เห็นเหรอ?”  ผมตั้งคำถามและยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน อยากอวดหุ่นตัวเองล่ะสิ


     ชิชะ!


     “กลิ่นยามันแรง กูไม่อยากให้น้องกวางได้กลิ่น” คนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่ตอบกลับมา 

      อ้าว! นี่กูก็คิดไปเองซะไกลเลย 

     พอตอบคำถามผมแล้วมันก็ตั้งอกตั้งใจทายาต่อ แต่ดูท่าว่ารอยช้ำนั้นจะอยู่ไกลเกินกว่าที่มือมันจะเอื้อมถึง 
     เห็นแล้วก็อดที่จะเข้าไปช่วยไม่ได้ ยืนคิดอยู่นานสองนานว่าจะเข้าไปช่วยดีไหม แต่สุดท้ายแล้ว…
 

     เอาก็เอาวะ!   คิดซะว่าตอบแทนที่มันยอมเจ็บตัวเพื่อผมก็แล้วกัน   

     “มากูทาให้”   ผมเดินเข้ามานั่งใกล้คนตัวสูงที่นั่งหันหลังอยู่ แล้วก็แย่งหลอดยามาจากมือของเคนเจ็บจากนั้นก็ป้ายยาลงยังบริเวณที่กำลังขึ้นรอยช้ำซึ่งปรากฏอยู่บนผิว 

     “…”

     “…”

     “…”
     ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากผมและเขา มีแค่เสียงลมหายใจเท่านั้นที่คงอยู่ให้ได้ยิน

     “กูขอโทษนะ สำหรับเรื่องนั้น” อยู่ๆในขณะที่กำลังตั้งใจทายาให้ ไอ้เสือก็พูดขอโทษผมขึ้นมา ที่จริงควรเป็นผมไหมครับที่ต้องขอโทษมัน  อะไรครับงงในงง

     “…”  แต่ก็เงียบก่อนรอดูว่ามันจะพูดอะไรต่อ

     “วันนั้นกูยอมรับว่าเมามาก ขอโทษจริงๆไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้” 

     “…”   อ่อออ ไอ้สัด!! ที่จริงก็เรื่องนี้ กูก็งงอยู่ว่ามึงมาขอโทษกูเรื่องอะไร แล้วนี่มึงจะมารื้อฟื้นหาพระแสงอะไรครับ กูว่าจะไม่คิดแล้วเชียว!!

     “ถ้ามึงอยากให้กูรับผิดชอบก็ได้นะ”   

     “มึงจะบ้าเหรอ! จะมารับผิดชอบกูทำไมกูไม่ได้ท้องสักหน่อย”   ผมเถียงขึ้นมาทันควัน แหม่…จะมารับผิดชอบห่าอะไรกู รับผิดชอบตัวเองกับลูกมึงดีกว่าอย่ามายุ่งกับกูเลย

     “ก็ถ้าอยากให้กูทำอะไรก็บอกนะ เพราะ… มึงเองก็เป็นฝ่ายเสียหายนี่ ”   ไอ้ห่านถ้ากูจะขอให้มึงย้ายออกจากบ้านกูได้ไหมล่ะ ไสหัวมึงกับลูกออกจากบ้านกูไปเพื่อเป็นการรับผิดชอบได้ไหมล่ะ!?     

      ก็ได้แค่คิดนั่นแหละ ไม่กล้าพูดหรอกครับ 

     “กูขออย่างเดียว…ขอให้มึงอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง”  พูดไปแบบนั้นก็คงจะเป็นการดีที่สุด

     “อืม…จะไม่เล่า”     

     “อย่างนั้นก็ดี”   “อะเสร็จแล้ว”  และบทสนทนาก็จบลงแต่เพียงเท่านี้พร้อมกับการทายาที่เสร็จพร้อมกันพอดี
และในจังหวะนั้น…

     “ขอบใจ”   


     ที่มันพูดขอบคุณ

     เชี่ย…สตันท์สัด!!

     กูเนี่ยสตันท์  อยู่ๆก็หันหน้ามา หน้าเราเลยอยู่ใกล้กันแค่คืบจากนั้นก็เผลอสบตากันโดยบังเอิญ ผมไม่ได้ขยับตัวหนีไอ้เสือเองก็เช่นกัน…อย่างกับตกอยู่ในภวังค์ 


     ตึกตักๆ…
     แล้วมึงจะเต้นแรงทำห่าอะไรวะไอ้หัวใจไร้ประสิทธิภาพ!
   

     ฮึ่ยยยย!! ควบคุมตัวเองไม่ได้สักพักหนึ่งพอได้สติแล้วก็เลยพูดแทรกความเงียบขึ้นมาทันที “ก กูไปนอนละ”  เสร็จแล้วก็รีบติดเกียร์หมาเข้าห้องไป 

     ที่สตันท์นี่ไม่ได้ว่าเพราะพิศวาสหรืออะไรเลยนะอย่าเข้าใจผิด คือไม่ค่อยได้เข้าใกล้มันระยะเผาขนแบบนี้ไง (ถ้าไม่นับรวมวันนั้น)   มันเลยขนลุกขนชันขึ้นมาโดยปริยา

● ● ●


     หลังจากวันนั้นมาเราก็ไม่ได้คุยกันสนิทอะไรกันมากขึ้นกว่าเดิมหรอกนะ ตอนนี้เรื่องวันไนท์แสตนด์ของผมกับมันน่ะก็จบลงไปแล้ว ถึงแม้บางครั้งจะมีคิดๆบ้างก็ตาม  แต่ยังไงซะมันก็เป็นเพราะความเมาและไอ้ความเมานั้นมันก็มาจากตัวผมทั้งสองคน
ก็เลยโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ยอมปล่อยให้แอลกอฮอล์กับความต้องการมันอยู่เหนือการควบคุม แต่ถามว่ายังเกลียดขี้หน้ามันอยู่ไหม? ก็คงจะขอตอบว่ามีบ้าง จะทำไงได้ความคิดความรู้สึกใช่ว่ามันจะเปลี่ยนกันได้วันสองวันนี่ครับ แต่ตอนนี้เรื่องนั้นค่อนข้างที่จะไม่ใช่ปัญหาหลักแล้ว

     ปัญหาของผมที่คิดว่ามันควรกำจัดออกตอนนี้ก็คือเรื่องลูกของมันนั่นแหละ!

     ต้องให้พูดอีกสักกี่ล้านรอบดีว่าไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบเอามากๆ ไม่ช๊อบบบไม่ชอบบบ 
     เหตุผลที่ไม่ชอบนี่ก็คงจะเป็นแต่ก่อนตอนที่แม่พาไปบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด  คือเพื่อนแม่ผมเขามีลูกสองคนผมจำได้ดี คนน้องสามขวบคนพี่ห้าขวบ แล้วรู้อะไรไหมครับ?   ระหว่างที่แม่ไปคุยธุระกับเพื่อนของเขาอยู่ เด็กผู้หญิงสองคนนี้ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานในตอนแรกแม่งก็ตีกันเฉยเลย  แล้วดันเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองกันทั้งคู่  พอตีกันเสร็จก็ร้องไห้โวยวายจนกูรำคาญ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไรสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแล้วก็คนมันไม่ชอบไปแล้วน่ะนะ ตั้งแต่เจอฤทธิ์เดชของมนุษย์เด็กเข้าไปจากนั้นก็ไม่เคยชอบอีกเลย  และประสบการณ์เรื่องการเจอเด็กเปรตก็มีมากขึ้นเรื่อยๆจนมันสะสมมานานและมากพอสมควรที่จะทำให้ผมไม่ชอบเด็กเอาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะลูกเล็กเด็กแดงที่ไหนก็ตาม


    มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 11:13:28 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อค่ะ




 นี่มันก็อยู่กับผมมาได้สองอาทิตย์แล้ว พยายามหลบหลีกให้ได้มากที่สุดก่อนที่ความอดทนจะหมดลง เคยคิดและคิดมาตลอดว่ายังไงเด็กก็คือเด็กไม่อยากจะอะไรให้มากความ แต่จนแล้วจนรอด… ก็ทำไม่ได้สักที พยามที่จะระงับอารมณ์ตัวเองเสมอๆไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ความอดทนของผมมันกำลังจะระเบิดออกมา เพราะปัญหาเดิมๆเรื้อรังของผมเอง ยอมรับและรับผิดมากว่าไม่สามารถที่จะปรับตัวเข้ากับเด็กได้เลยจริงๆ  ทุกวันนี้ซะส่วนมากไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกก็มีลูกไอ้เสือมันคอยปลุกให้  ที่จริงไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกแต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ผมหัวใจกระตุกอยากไล่มันออกจากบ้านแล้วเหลือเกิน


     วันนี้ก็เป็นอีกวันที่โดนปลุกให้ลุกแหกขี้ตามาตั้งแต่เช้า และก็ไม่รู้ว่าไอ้เสือไปไหนถึงได้ปล่อยลูกไว้อย่างนี้ นี่ก็ตื่นมาแล้วยังไม่เห็นใครเลย จะมีก็แต่ไอ้เด็กอ้วนซึ่งกำลังนั่งอยู่ในรถล้อเลื่อน ไอ้พี่หมากก็ไม่เห็นสงสัยจะยังไม่เข้าบ้าน เพราะเมื่อคืนตีสามลุกมาเข้าห้องน้ำก็ยังไม่เจอเลย 

     “แง๊!!”  เอาอีกแล้ว เด็กมันแหกปากร้องอีกแล้วครับหัวหน้า!!   
พอเห็นผมเดินออกมาจากห้องก็ร้องซะดังลั่นเลย  แล้วนี่พ่อเธอหายไปไหนวะ คิดว่าร้องแบบนี้แล้วกูจะทำอะไรได้!

     “แง๊!!”
     แน่ะ! ยังอีก พอเห็นหน้าผมเจ้าเด็กนี่มันก็ยิ่งร้องไห้งอแงใหญ่เลย พร้อมกับยกแขนสั้นๆป้อมทั้งสองข้างเหมือนกับว่าจะให้ผมอุ้ม

     “แง๊!!!”

     เชร้ดดด แล้วผมควรทำไงดีครับ คราวนี้น้องกวางร้องพร้อมกับเดินเตาะแตะๆในรถล้อเลื่อนเข้ามาหาผม   

     โว้ยย อย่าเข้ามาใกล้นักสิวะ 

     “แง๊!!”   
     สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม สองมือป้อมๆน้อยๆก็พยายามไขว่คว้าเข้าหาผม   

     และครั้งนี้เสียงเล็กๆก็ยิ่งร้องไห้กระจองอแงมากกว่าเดิม น้ำตาหยดน้อยๆไหลกลิ้งบนแก้มอวบอูมนั่นอย่างน่าสงสาร อ้าปากร้องซะจนเห็นฟันหน้าสองซี่บนล่าง   

     แล้วกูควรเอาไงดีฟระ!!!   

     แม่งเด้ยยย

     สุดท้าย แล้วก็ท้ายสุดด้วยก็ต้องยอมจำใจอุ้มน้องกวางขึ้นมาจากรถนั่น 
โอ้ยย หัวใจกูจะวาย เกิดมายังไม่เคยเข้าใกล้เด็กระยะประชิดขนาดนี้  หัวใจกระตุกเลยครับจนกลิ่นแป้งเด็กลอยมาแตะจมูก นี่ผมก็ยอมอุ้มขึ้นมาจากรถแล้วนะ ทำไมน้องมันยังไม่หยุดร้องอีก 


     แง๊!!

     มาร้องใกล้ๆหูผมด้วย  เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ!    พออุ้มแล้วเธอก็ดิ้นๆไม่รู้จะดิ้นทำไม  แล้วจะเอาอะไรอีก แค่อุ้มขึ้นมานี่ก็ดีแค่ไหนแล้วรู้ไหมไอ้เด็กอ้วน

     จะทำยังไงล่ะครับทีนี้   ไอ้ห่าเสือตอนนี้มึงไปไหนของมึง!!

     “แง๊!!!”    ครั้งนี้น้องมันร้องแหกปากเสียงดังมากกว่าเดิมอีก  และรู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างนั้นเปียกๆอยู่ที่ตัวของเธอมันส่งมาถึงผม 

     เห้ยยยย อะไรมันเปียกๆวะ  ทันเท่าความคิดผมยกร่างเล็กที่กำลังอุ้มอยู่ออกห่างตัวเล็กน้อยเพื่อสำรวจดูความผิดปกติ
ฉิบหายไหมล่ะครับ! เยี่ยวแตกใส่ผมอีก   

     แล้วนี่ทำไมไม่รู้จักใส่แพมเพิร์สให้ลูกมึงเลยวะไอ้เสือ! 

     ปู้ดดดดด! 

     นั่นไง… เยี่ยวไม่พอยังขี้ใส่กูอีก 

     น้องกวางงงงงง!!!

     ฮึ่ยยยยยยย
     ผมหงุดหงิดแบบเต็มแม็กซ์แล้วนะ เมื่อไรไอ้ห่านั่นมันจะมาสักทีเล่า!

     “เฮ้ยยยย!”  ชาตินี้คงจะตายยากนะครับขนาดด่าอยู่ในใจเพียงแค่ไม่กี่นาทีมันก็โผล่มา สองสามนาทีได้มั้ง ถ้านับไม่ผิดน่ะนะ

     “มึงไปไหนมาวะ ทำไมปล่อยให้ลูกมึงร้องอยู่อย่างนี้!”  ผมโวยวายใส่มันทันทีเมื่อพ่อของเด็กที่กำลังอุ้มอยู่นั้นเดินตรงมาทางผม

    “โทษที พอดีนัดให้เค้ามารับงานบ้านที่หน้าหมู่บ้าน ว่าจะออกไปแค่แป้บเดียวเอง” มันพูดพร้อมกับรับตัวน้องกวางไปอุ้มแทน   
ไงล่ะเกลียดยังไงก็ได้อย่างนั้นไหมล่ะกู  ทั้งขี้ทั้งเยี่ยว... มาเต็มมาก เอาซะนี่เข็ดขยาดเด็กน้อยไม่กล้าเข้าใกล้อีกนานเลย


     ฮืออ…หัวหน้าครับช่วยผมด้วย!
   
     “โอ๋ๆๆ พ่อมาแล้ว”  เขาเดินอุ้มน้องกวางที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอกพร้อมกับพูดปลอบประโลม จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
ผมเองก็ไม่ต่างกันครับ…ต้องหอบสาระร่างเข้าไปล้างตัวเหมือนกัน เหม็นขี้เหม็นเยี่ยวหมดแล้วสาด! 

● ● ●

     ขณะนี้ทั้งบ้านก็ไม่เหลือใครแล้วนอกจากผม ไอ้เสือมันก็ขับรถออกกับลูกได้เมื่อห้านาทีที่แล้วนี่เอง พอทางโล่งโปร่งสบายก็รีบต่อสายหาไอ้เพื่อนรักด้วยความเร่งรีบ  ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องโทรหาตอนนี้รู้แค่ว่าอยากพูดมากไม่ไหวแล้ว กูอัดอั้น!
 

 “ไอ้เหี้ยฟาร์ม มึงช่วยกูหาทางไล่รุ่นพี่มึงออกจากบ้านกูไปเลยนะ กูทนไม่ไหวแล้วโว้ยยย มึงก็รู้ว่ากูเกลียดเด็ก กูทนไม่ไหวแล้วที่กูจะต้องมาอยู่ร่วมกับเด็ก!!”

     เมื่อปลายสายกดรับผมก็กรอกเสียงลงไปด้วยความสุดจะทน 
เพราะตอนนี้ได้ทนสุดความสามารถแล้ว เมื่อเช้าก็อยากจะโวยวายครั้งละหลายๆรอบมาก ผมไม่ทนแล้วผมเบื่อแล้ว หาคนเช่าคนใหม่ก็ได้

     แต่...ในนาทีนั้นขณะที่ผมกำลังจะพูดขึ้นต่อ กลับต้องอ้าริมฝีปากค้างไว้กลางอากาศจนแมลงวันแทบจะบินเข้ามาไข่อยู่รอมร่อเมื่อผมหันหน้ามาทางประตู

     เหี้ยย!!   

     ซ ซวย ล แล้ว… 

     ฉิบหายแน่ๆ เมื่อต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องอาปากค้างนั้นกำลังอยู่ตรงหน้าประตู  นอกจากจะอ้าปากค้างแล้วหัวใจยังเต้นแรงอีกด้วย 

     ไม่ได้เขินหรืออะไรนะ… มันตกใจ
     เพราะคนที่กำลังยืนต่อหน้าผมนั้นคือ… ไอ้เสือ

     ท ทำไม อ ไอ้เสือมันมา ย อยู่ตรงนี้ ด ได้วะ   

     สายตาและสีหน้าของคนตัวสูงตอนนี้นั้นโคตรนิ่ง เดาไม่ได้เลยว่ากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์แบบไหน ผมจะโดนมันตีหัวไหมครับ…

     เงียบอย่างนี้แสดงว่าได้ยินหมดสินะ…

     “อ เอ่อ” 

     “ตอนแรกคิดว่าที่มีท่าทีใส่กัน ก็คิดว่าเรื่องที่เรามีอะไรกันซะอีก…”  ยังไม่ทันที่ผมจะค้นหาเสียงของตัวเองเจอ เจ้าของเสียงทุ้มก็พูดขึ้นมาก่อนด้วยความราบเรียบ “แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด…มึงไม่ชอบน้องกวาง”   

     “…”  ผมหลบสายตาคู่นั้นไม่กล้าแม้แต่จะมอง คำพูดแก้ตัวก็ไม่แม้แต่จะพูดออกไป ฝ่ามือที่เริ่มชื้นเหงื่อกำโทรศัพท์ที่ยังคงไม่ได้วางสายจากไอ้ฟาร์มไว้แน่น  คาดว่ามันคงจะได้ยินหมดแล้ว

     แข้งขาสั่นพับๆ เหงื่อผุดซึมขึ้นมากกว่าเดิมอย่างห้ามไม่ได้

     “ไม่ต้องหาเรื่องไล่ออกหรอก เดี๋ยวจะไปเอง…”  พูดจบคนตรงหน้าก็เดินหายเข้าไปเอาของอะไรสักอย่าง จากนั้นก็เดินออกมา และก่อนจะไปทิ้งท้ายให้ผมรู้สึกผิดด้วยคำว่า   “ขอโทษอีกทีนะ ที่กูกับลูกอยู่ให้มึงอึดอัดใจมาตั้งหลายอาทิตย์








     TBC


     rewrite 16/7/60


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 11:15:33 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ชอบๆๆๆ กำลังไล่อ่านอยู่น่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปิง ปากเบา ไม่มีความอดทน
แต่ตอนนี้คงรู้สำนึก เสียใจที่พูดออกไปไม่คิด
เลยได้แต่ขอโทษเสือ
ว่าแต่ไฟดับตัวเปียก ลื่นล้มกอดกัน
เสือจะยกโทษ หรือยกอย่างอื่น
เพราะเสียงเสือ เอ่อ....แปลกๆนะ
แต่คนอ่าน ใจสั่น แบบชอบบบ นะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ปิงนี่สันดานเสียมาก  อ่านอืมมมมไม่ควรมีเพื่อนคบ  ปากเปราะ พูดไม่คิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2017 00:11:46 โดย rainiefonnie »

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ปิงนิสัยไม่ดีในเรื่องตรงนี้ แต่ปิงมีการปรับปรุงตนค่ะ เรารู้ เพราะเราก็นิสัยไม่ได้ดี ในหลายๆอย่างก็เคยทำผิด อารมณ์ร้อนยิ่งกว่าอากาศประเทศไทย เราเข้าใจอารมณ์แบบนี้นะเว้ย
ดีที่ปิงคิดได้ แบบคิดได้จริงๆอ่ะนะ
ส่วนพี่เสือนั้นเขามีควาทเป็นสามีสูงมาก..(อาจจะเป็นเพราะมีลูกหนึ่ง) นี่สงสัยในตัวเมียเก่าพี่เสือสุดๆอ่ะ ได้แต่อุทานว่าใครวะ อืม

ออฟไลน์ fyfh34

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกดีค่ะ จะตอยติดตามนะคะ

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สี่ : รู้สึกผิด



     เช้าแรกของวันที่ไม่มีน้องกวาง

     ฮ้าวววววว  หาวยาวไปถึงดาวอังคารเลยไหมล่ะ?

     กี่โมงกี่ยามแล้วครับทำไมนาฬิกามันยังไม่ปลุกหรือว่าถ่านจะหมด ทันเท่าความคิดผมคว้านาฬิกาบนหัวเตียงขึ้นมาดูว่าตายหรือยัง อ้าว… ยังหกโมงยู่เลยนี่หว่า…  แล้วทำไมผมต้องตื่นเช้าขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย


     อ่า…
     คงจะเคยตัวมาจากที่ลูกของไอ้เสือมันชอบปลุกแน่ๆ  ขนาดว่าย้ายออกไปแล้วก็ยังชินที่จะตื่นเช้าเลย นี่กลายเป็นคนแบบนี้
ตั้งแต่เมื่อไร  เหลือเชื่อฉิบหาย

    เมื่อวานตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เห็นหน้าไอ้เสืออีกเลย มารู้อีกทีก็ตอนกลับบ้านมาข้าวของในห้องไม่มีเหลือเลยสักอย่าง เห็นก็แต่โพสอิทสีเขียวมะนาวที่แปะไว้ว่า ไม่ต้องหาค่ามัดจำบ้านมาให้กูหรอก ถือว่าเป็นค่าขอโทษที่กูกับลูกทำให้มึงอึดอัดใจซะนาน เล่นเอาซะผมรู้สึกผิดเลยไหมล่ะ… ไอ้ฟาร์มมันก็ยังไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะเมื่อวานตอนอยู่ในสายดันโดนม๊าเรียกใช้เลยไม่ได้ยินถือว่าเป็นโชคดีไป แต่ก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามันรู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น…


     แต่ที่แน่ๆผมต้องตายศพไม่สวยแหงๆ!!

     “มึงตื่นเช้าจังเลยวะปิง?” ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากห้อง  คนที่นั่งอยู่หน้าทีวีก่อนแล้วอย่างพี่หมากก็เอ่ยทักขึ้น

     “ผมก็ตื่นเช้าทุกวันไหมล่ะพี่?”

     “นั่นเพราะน้องกวางปลุกมึงหรือเปล่า ฮ่าๆ”  “ว่าแต่นี่ไอ้สองพ่อลูกมันไปไหนวะเช้านี้ยังไม่เห็นหน้าเลย?” 

     “ม ไม่รู้อ่ะ”    กูโกหกที่จริงนี่รู้อยู่เต็มอกว่าไปไหน แล้วทำไมถึงไป

     “เดี๋ยวเย็นๆก็คงกลับมาแหละมั้ง”  พี่มันพูดแล้วก็หันไปสนใจข่าวในโทรทัศน์ต่อ 

     “อ อือ”  ผมตอบเสียงรับในลำคอ ซึ่งมันค่อนข้างเบาหวิวเหมือนกับขนนกที่กำลังล่องลอย เมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

มันคงจะกลับมาอยู่หรอก  ย้ายข้าวของออกไปซะหมดแบบนี้  เฮ้อออ ก็ควรรู้สึกดีไม่ใช่เหรอวะ ทำมันกลับรู้สึกแปลกๆแบบนี้ จะดีใจก็ดีไม่สุด…

     โว้ยยยย!

   
  เช้าที่สองของการไม่มีน้องกวาง 

     ก๊อกๆ!!

     “ปิง!”     
     และเช้านี้ก็ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูห้องผม โดยไอ้พี่หมาก แล้วนี่มีอะไรมาเรียกแต่เช้าขนาดนี้!? 

     “ฮ้าวววว  มีไรอ่ะพี่?”    ลุกขึ้นมาเปิดประตูพร้อมกับหาววอดๆใส่คนตรงหน้า

     “รู้ยังว่าไอ้เสือมันขนของออกไปแล้ว”   
 
     อ่อ…เรื่องนี้นี่เอง

     “ก็.. อ อืม รู้แล้ว” 

     “แล้วมันย้ายไปไหนวะ?” พี่หมากถามขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับเท้าแขนลงที่กรอบประตูห้องผม

     “ม ไม่รู้เหมือนกัน”   กูคงกล้าพูดหรอกว่าย้ายไปเพราะกู

     “พี่มีไรหรือเปล่า?”   

     “ก็ไม่หรอก แค่รู้สึกว่าขาดน้องกวางไปแล้วบ้านมันเงียบมากก็เท่านั้นเอง”  “กูไปละมึงนอนต่อซะ แค่อยากรู้เฉยๆว่ามันย้ายไปไหน” 

     “อ่อ… โอเคๆ” 

     และบทสนทนาก็สิ้นสุด พร้อมกับพี่หมากที่เดินเข้าห้องของตัวเองไป

     บ้านมันก็เงียบจริงๆนั่นแหละ… แต่ก็ดีแล้วไม่หนวกหูดี แล้วก็ไม่ต้องทนอยู่กับเด็กด้วย 
     แต่ถ้ามันดีอย่างที่ว่าแล้วทำไมผมถึงไม่ดีใจอย่างที่ควรจะเป็นล่ะครับ…!? 

● ● ●



     ยังไงซะตอนนี้ความรู้สึกผิดมันก็มีมากว่าความรู้สึกดี ไม่น่าเลยกู โธ่…
     เมื่อได้นั่งคิดทบทวนแล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะอดทนมากกว่านี้  จะให้ตัวเองใจเย็นลงกว่านี้ไม่วู่วาม ฮือออ.. แต่ใครมันจะไปรู้ล่ะวะว่าแม่งจะกลับเข้ามาเอาของที่บ้าน   


     ป๊าปปปป!!

     “กว่าจะหาตัวเจอนะมึง!”  นั่นไง เสียงที่กูไม่อยากได้ยิน… ไอ้ห่าฟาร์ม นี่อุตส่าห์หลบหน้ามันมาตั้งแต่ที่ไอ้เสือมันย้ายออกจากบ้านไป  สุดท้ายก็ไม่พ้นว่ะเจอตัวจนได้ 

     “…”  เงียบก่อนไม่กล้าตอบเดี๋ยวพ่อตบ

     “มึงจะเงียบหาอะไร!!”   “มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงผิด!”    มันพูดแล้วก็นั่งลงเก้าอี้ข้างๆผม ส่วนพวกไอ้เจมส์ ไอ้โก้นี่ก็งงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ๆไอ้ฟาร์มมันก็มาเกรี้ยวกราดใส่แบบนี้

     “ก กูรู้”  ผมนี่กูตอบเสียงเบาหวิวมาก  ใช้เงินประกันแม่หมดยังไม่รู้สึกผิดเท่าเรื่องนี้เลย  นี่กูทำอะไรลงไปวะ

     “รู้แล้วก็ดี!”   แล้วมึงจะตะคอกหาอะไรพูดเบาๆก็ได้   

     “เฮ้ยย เดี๋ยวกูมานะมึง”   ไอ้สองคนที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ก็พูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆแล้วก็ลุกออกไปเลย

     “…” 

     “กูเข้าใจนะ ว่ามึงเกลียดเด็กมาก”  “แต่มึงทำเกินไปไหม? นั่นมันเด็กตัวเล็กๆที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยนะเว้ย!”
     ทันทีที่ไอ้สองคนนั้นเดินออกไปแล้วไอ้ฟาร์มมันก็โพล่งขึ้นมาทันที 

     “…”  ผมยังคงเงียบแล้วไม่กล้าตอบ

     ก ก็กูผิดไปแล้ว

     “มึงรู้อะไรไหม?  พี่เสือมันน่าสงสารนะ กูจะบอกให้มึงได้ฟัง เผื่อมึงจะได้เห็นใจเขาบ้าง” 

     “มึงไม่ต้องลุกไปไหนเลย!”    ฟาร์มมันพูดขึ้นเสียงดังทันควันเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะลุกหนี   

     “ก กูแค่จะเขยิบไปนั่งตรงนู้น”  เปล่าที่จริงกูจะลุกหนี แม่งโมโหเกินจริงว่ะ กูกลัวนะไอ้เหี้ย 

     “มึงนั่งนี่แหละ!”  “นั่งแล้วก็ฟังเรื่องที่กูจะพูดให้ดี!” 

     “…”   ตอนนี้แม่งก็นั่งแกะขี้เล็บจนจะไม่มีให้แกะแล้วสัด

     “จริงๆแล้วถึงพี่เสือมันจะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันน่าสงสารมากนะ”

     “…”

     “ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียว แถมเมียก็ยังมาทิ้งไปอีก”

     “…”

     “ทั้งที่บ้านก็รวยมีเงินพ่อเป็นถึงนายทหารยศใหญ่ แต่ก็ไม่เคยหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้”  “แม่ก็หนีไปอยู่ที่เมืองนอกไม่เคยติดต่อกลับมา”

     “…”

     “พี่มันหนีออกมาจากบ้านเพราะมีปัญหากับพ่อเรื่องลูก เพราะแม่เลี้ยงที่บ้านคอยเป่าหูให้พ่อทะเลาะกับพี่เสือตลอดเวลา”

     “…”

    “ทำทุกอย่างเพื่อลูก ทำงานหามรุ่งหามค่ำงานหนักงานเบาพี่มันเอาหมด… ก็เพราะว่าลูก” 

     “…”

     “ที่จริงกูก็ไม่มีอะไรจะพูดมากหรอก แต่กูอยากบอกแค่ว่ามึงแม่งโคตรแย่เลยว่ะไอ้ปิง”

     “…” 

     “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงมีปัญหาอะไรกับพี่มัน ถึงมึงจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่กูก็ดูออก มึงอย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี” 

     “…”

     “แต่มันใช่เรื่องเหรอวะ?  น้องกวางเป็นแค่เด็กนะเว้ย เด็กที่เพิ่งเกิดมายังไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ!” 

     “…”

     “กูไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนกูจะเป็นคนแบบนี้…น้องกวางน่าสงสารมากนะ ถ้ามึงเปิดใจบ้างมึงคงจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ เพราะที่กูพูดไปมันก็คงจะไม่เข้าหูมึงเท่าไร ลองมึงได้รู้จักพี่มันมากกว่านี้แล้วมึงจะเข้าใจเอง”   

     “…”

     “ก็คิดเอาแล้วกันนะว่าควรทำยังไง…”

     “…”

     “ถึงมึงจะไม่ได้ให้พี่มันเช่าบ้านต่อ แต่มึงก็ควรที่จะขอโทษเขา…”

     “…”

     “ไม่มีพ่อคนไหนหรอกนะเว้ย ที่อยากเห็นคนอื่นเกลียดลูกตัวเอง”  “ก็ลองนึกสภาพตอนที่มึงมีลูกดู”   
   
     ใครบอกกูอยากมีลูก จ้างให้กูก็ไม่มี คิดในใจไหมล่ะ?  ถ้าคิดออกเสียงนี่ไอ้ฟาร์มมันตบกะโหลกแตกแน่ 
   
     “เข้าใจที่กูพูดไหม?”   

      “อือ” 
     ถึงขนาดนี้แล้วกูจะไม่เข้าใจได้ยังไงล่ะ รู้สึกผิดเหี้ยๆเลยครับ

● ● ●


     นั่งคิดมาแล้วทั้งวันจนไม่มีกระจิตกระใจเรียน สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็คือจะไปขอโทษมันแล้วก็ตามกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม หลังจากที่เลิกเรียนแล้วก็เลยระเห็จมาอยู่หน้ามหาลัยของไอ้เสือ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่หรือเปล่า กลับบ้านหรือยัง

ผมเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรหาไอ้ฟาร์มเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหรือติดต่อไอ้เสือได้ยังไง เบอร์โทรก็ไม่มี แต่ทันใดนั้นที่ต่อสายไป เสียงสัญญาณของการฝากข้อความเสียงก็ดังขึ้น

     เฮ้อ… มันปิดเครื่องครับ แล้วผมควรทำยังไงดี

     อ่า!!! คิดออกละ! 

     พี่หมากไง พี่หมากมันอยู่มหาลัยเดียวกับไอ้เสือนี่หว่า… 

     ไม่รอช้าที่จะรีบต่อสายหาคนที่กำลังอยู่ในความคิด

     [ว่าไงปิง?] ปลายสายถามขึ้นทันทีที่กดรับ

     “พี่อยู่มหาลัยเดียวกับไอ้เสือใช่ไหม?”

     [อือ..  มีอะไรหรือเปล่า?]   

     “ตอนนี้พี่พอจะเห็นมันบ้างไหม?”   

     [ก็เห็นผ่านๆอยู่คณะมันอยู่นะแต่ก็ยังไม่ได้คุยด้วยสักที  ตอนนี้กูว่ามันคงจะกลับแล้วแหละ เพราะมันเคยบอกว่าตอนเย็นต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร]

     “แล้วร้านอาหารนี่มันแถวไหนล่ะพี่?” 

     [แถวXXXน่ะ…มีเรื่องอะไรรึเปล่า? จะให้กูช่วยอะไรไหม?]

     “อ๋อ…ไม่มีฮะ”   “ขอบคุณมากพี่”  การสนทนาจบลงพร้อมกับเส้นทางที่เปลี่ยนไป 


     สุดท้ายตอนนี้ก็เลยหอบสารร่างมาถึงร้านอาหารที่ไอ้เสือมันทำในที่สุด แต่ยังคงไม่กล้าเข้าไปถามหาก็เลยนั่งรออยู่แถวๆร้านไม่ไปไหน ว่าจะรอดักเจอเอาตอนเลิกงาน



     21:05 pm

     ฮ้าววววว   ง่วงนอนฉิบหายเลย ทำไมวันนี้มันง่วงนอนอย่างนี้วะ  ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วไอ้เสือก็ยังไม่เลิกงานเลย แม้แต่หน้าก็ไม่โผล่ออกมาบ้าง นั่งรอจนรากงอกแล้ว


     23:00 pm   

     ฮ้าววววว  ขณะนี้กาแฟหมดสองแก้วแล้วครับ ตามันเลยสว่างขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแอบง่วงอยู่หน่อยๆ อ้าปากหาววอดๆแล้วก็เลยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู  เข็มสั้นและเข็มยาวที่ปรากฏบนหน้าปัดนั้นก็ทำให้ผมถึงบางอ้อเลยทันที ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงง่วงเหงาหาวนอนขนาดนี้ 

ก็มันจะห้าทุ่มแล้วนี่ครับ  ทำไมเดี๋ยวนี้รู้สึกตัวเองดัดจริตยังไงก็ไม่รู้เลย ง่วงนอนตั้งแต่หัวค่ำตลอดทั้งที่แต่ก่อนก็นอนดึกจนบางวันนี่นอนเช้า  ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมห้าทุ่มสำหรับผมถึงถือได้ว่าเป็นหัวค่ำ ก็อย่างที่บอก ไม่ดึกเราไม่นอน

ว่าไปแล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวอีกเลย ไม่ใช่ว่าเข็ดเรื่องไอ้เสือเลยไม่อยากไป  แต่เพราะพอจะไปเที่ยวทีไรก็เหนื่อยหลับคาชุดนักศึกษาเลยคิดเอา  การบ้านก็เยอะหนังสือก็แยะ ต้องพยายามลากคอตัวเองให้ลุกขึ้นมาอ่านให้ได้ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เข้าหัวซักเท่าไร  สุดท้ายก็เลยนอนอยู่บ้านไม่อยากออกไป วันไหนพอมีเวลาหน่อยก็แค่ไปนั่งกินเหล้ากับพวกไอ้โก้ที่หอ หรือไม่ก็ไปนั่งกินกับไอ้ฟาร์มที่บ้าน  ชีวิตก็วนเวียนอยู่แค่นี้แหละครับ ในตอนนั้นตื่นมาก็จะมีเสียงน่ารำคาญคอยปลุก  ส่วนตอนนี้มันก็เงียบแปลกๆ 

     “โทษนะคะ น้องมารอใครหรือเปล่าคะ?” สมองที่กำลังล่องลอยปล่อยความคิด และสายตาที่ทอดมองไปเรื่อยๆกลับต้องหยุดชะงักลงเพราะอยู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกดังขึ้นมา

     “อ อ เอ่อมารอไอ้เสือน่ะครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับหันหน้าไปทางเจ้าของเสียง  เพื่อที่จะได้คุยกันและตามมารยาทผมก็ต้องมองหน้าเธอ 

     “อ๋อ… เสือออกไปนานแล้วนะวันนี้เขามาทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”

     “ฮะ!! จริงเหรอครับ มันออกไปตั้งแต่ตอนไหน”  หน้าผมตอนนี้คงเหวอมากน่าดู  ผมก็นั่งเฝ้ารอมันตลอดนะครับ ไม่ได้เผลอหลับในเลยแต่อย่างใด ทำไมถึงไม่รู้ว่าไอ้เสือมันกลับไปแล้ว

     “ก็ชั่วโมงที่แล้วเอง สงสัยออกทางหลังร้านเราเลยไม่เห็น”   

     “ล แล้วมันจะกลับมาไหมครับ?”  แล้วคำถามโง่ๆก็หลุดออกมาจากปากกผมจนได้ 

     “ไม่กลับมาแล้วจ้า  ร้านปิดแล้ว
     เออนั่นสิร้านก็ปิดแล้ว จะกลับมาได้ยังไงตลกอีกแล้วกูเนี่ย

     “แล้วพรุ่งนี้มันจะมาทำงานที่นี่ไหมครับ?”   

     “มาสิ เสือมาทำงานที่นี่ทุกวันแหละ” 

     “อ๋อ… โอเคครับขอบคุณครับ”

     “ว่าแต่ให้พี่บอกเสือไหมว่าเรามาหา?” 

     “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาอีกที”   

     “โอเคจ้า” 

     เมื่อคุยเสร็จแล้วผมก็บอกลาและเดินออกมาทันที เฮ้อ…ง่วงก็งวงเหนื่อยก็เหนื่อย  ผมก็นั่งรอได้นะครับตั้งนานสองนาน
แต่ก็ไม่เป็นไร…เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่!


     หลายวันต่อมา…

     “น้องคะ…”  “น้อง”   

     ฮึ้ยยย 
     ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ ขยี้ตาสองสามครั้งเพื่อไล่ความพร่ามัวและใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำลายที่ไหลออกมาเปื้อนแก้ม… นอนกำลังอร่อยเลยครับหัวหน้า

     “ค ครับ”

     “มาหาเสือหรือเปล่าคะ?”  พี่คนเดิมที่ได้เจอกันครั้งแรกครับ ตอนนี้เรากำลังสนทนากันอยู่ 

     “ครับ” “ตอนนี้มันอยู่ไหนเหรอครับ?”  พูดพร้อมกับมองซ้ายมองขวาและรอบๆเพื่อหาเจ้าของชื่อที่ผมถามหาอยู่กับคนตรงหน้า

     “วันนี้เสือไม่ได้มาทำงานนะ”   “ว่าแต่เรามีอะไรรึเปล่า…พี่เห็นมาหลายวันแล้ว” 

     “อ เอ่อ ป เปล่าครับถ้ายังไงเห็นไอ้เสือแล้วก็บอกมันหน่อยนะครับว่าปิงมาหา” 

     “ได้จ้ะ โอเค”  เสร็จแล้วผมกับพี่เขาเราก็แยกกันเมื่อสิ้นสุดบทสนทนา ยิ้มให้น้อยๆอย่างขอบคุณและเป็นการแก้เก้อของตัวเอง


     นี่ก็สี่วันแล้วที่มาดักรออยู่ที่ทำงาน  พอไปหาที่มหาลัยก็ไม่ได้เจอสักครั้งพอถามหากับไอ้ฟาร์มก็บอกว่าไม่รู้ แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมว่ามันรู้ แต่ไม่ยอมบอกมากกว่า ว่าจะถามหากับพี่หมากนี่ก็ยังไม่ได้เจอหน้าสักที  พอโทรหาก็โทรไม่ติด รอเจอที่บ้านก็คลาดกันตลอดทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ นี่แหละครับพอตั้งใจจะทำอะไรเข้าหน่อยทุกอย่างมันก็ยากไปหมดเลย 
     
     ตอนนี้จะไปตามหาไอ้เสือได้ที่ไหนล่ะเนี่ย… เฮ้อ

     แล้วทำไมผมต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ เอาเวลาที่เสียไป ไปหาอ่านหนังสือหรือไม่ก็หางานทำไม่ดีกว่าเหรอวะ  หรือว่ามันจะรู้ครับว่าผมกำลังตามหามันอยู่เลยเล่นตัว 

     แหม…  ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะมึง! 
     โว้ยยย เบื่อ แค่จะมาขอโทษคนทำไมมันต้องยุ่งยากขนาดนี้ ทีตอนมันมาได้ยินที่ผมคุยโทรศัพท์นี่บังเอิญจังเลยนะครับ แล้วทำไมตอนนี้ที่ผมอยากเจอมันถึงไม่บังเอิญบ้าง! 



     เห้ย! นั่นมัน…
     เหมือนสวรรค์จะได้ยินเสียงตัดพ้อของผมเลย

     ตลกเกินไปไหมวะ…
     ก็นั่นมัน…

     เชร้ดดดดดด ในที่สุดความบังเอิญก็เข้าข้างผม!  ถ้ารู้ว่าบ่นแล้วได้เจอมันนี่บ่นไปตั้งนานแล้ว  ในขณะที่ผมกำลังข้ามฝั่งไปรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์อีกฝั่งซึ่งตั้งอยู่แถวกับร้านที่ไอ้เสือมันทำงาน ด้วยความตาดีหรือเพราะโลกกำลังเล่นตลกผมก็ไม่รู้นะครับ เพราะดันหันหน้าเข้าไปเจอกับร่างสูงคุ้นตาที่กำลังนั่งใส่หมวกกันน็อคอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์เพื่อเตรียมตัวที่จะขับออกไป 
เสี้ยววินาทีนั้น ผมก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยไปหาคนที่กำลังจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็วแบบไม่คิดชีวิต


     “เดี๋ยวก่อนนนนน!!!!”     

     หมับ! 

     พอประชิดตัวได้เท่านั้นก็คว้าหมับเข้าที่แขนไอ้เสือไว้แทบไม่ทัน  แล้วเมื่อครู่ผมก็เล่นตะโกนซะเสียงดังลั่น ไม่ต้องแปลกใจเลยคนถึงมอง  ก็แอบอายอยู่หน่อยๆ

     “…”   
     ตอนแรกสีหน้ามันก็ดูตกใจเล็กน้อยที่ได้เห็นผม แต่ตอนนี้นั้นก็ได้กลับกลายมาเป็นหน้าตาที่ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิมเพียงเสี้ยววินาที

     แฮ่กๆ   ผมยังคงเกาะท่อนแขนมันไว้อยู่อย่างนั้นพร้อมกับยืนพักหอบหายใจแฮ่กๆอยู่ข้างๆ ยังไม่สามารถที่จะรวบรวมคำพูดให้เป็นประโยคขึ้นมาได้ เมื่อครู่ตอนวิ่งมานี่ก็สี่คูณร้อยหน้าเกือบคว่ำทิ่มฟุตบาท 

     “… ”

     “ม มึงหายไปไหนมาวะ?” และพอได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวันเต็มๆตา คำพูดที่ได้เตรียมไว้นั้นก็หายไปในบัดดล รู้สึกเหมือนปากมันจะหนัก สมองไม่ประมวลผลเลยกลับกลายมาเป็นการถามอะไรโง่ๆแทน

     “มาทำไม?”  แทนที่จะตอบคำถามกลับกลายเป็นเสียงทุ้มที่ถามกลับมาแทน     

     “ก ก็”  อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นไม่กล้าพูด  ยิ่งตอนนี้ได้สบตากันก็รู้สึกราวกับว่าสมองไม่ทำงาน อย่างกับว่ามันกดชัตดาวน์ตัวเองไปแล้ว

     “…”   

     “ถ้าไม่มีอะไรจะกลับแล้วนะ” คนตัวสูงพูดขึ้นมาอีกครั้งจากนั้นก็ขยับแขนของมันเล็กน้อยให้หลุดออกจากการเกาะกุมอันละหลวมของผม   

     “ห เห้ยยย เดี๋ยว!”  รั้งไว้แทบไม่ทัน  พูดห้ามขึ้นมาพร้อมกับสองมือที่จับยึดท่อนแขนของคู่สนทนาไว้อีกรอบ

     “มีอะไรก็พูดสักที”  เสียงทุ้มพูดขึ้นมาด้วยโทนเสียงปกติไม่ได้รำคาญหรือเกรี้ยวกราดแต่อย่างใด พร้อมกับสีหน้าที่เรียบเฉย ซึ่งมันยากมากต่อการเดาอารมณ์ ผมไม่สามารถรู้เลยว่าคนตรงหน้านั้นกำลังคิดอะไรอยู่และอยู่ในอารมณ์ไหน

     “ก กู ขอโทษ!!”  ท้ายที่สุดแล้วก็เลยโพล่งขึ้นมาได้ในที่สุด  “ย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ”

     “…”
     ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบกลับมา มีแค่เพียงดวงตาทั้งสองข้างที่ยังมองมาที่ผมอย่างเรียบเฉย ดูไม่ออกเลยว่ากำลังมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกแบบไหน

     แล้วนี่มันจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ ผมอุตส่าห์ตามหาตั้งหลายวันเพื่อขอโทษมันเลยนะเว้ย!

     “จะไม่พูดไรหน่อยเหรอวะ?”  และก็เป็นผมที่โพล่งถามขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศตอนนี้ที่มันค่อนข้างจะออกไปทางอึดอัด

     “ก็ไม่มีอะไรจะพูดไง เพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องยกโทษให้”  ไอ้เสือตอบกลับ และยังไม่ละสายตาที่โคตรจะเย็นชาไปจากผม 

     “น นี่มึงโกรธกูมากเลยเหรอวะ?”   เวลาง้อคนนี่ทำไมมันจะต้องยากเย็นอะไรขนาดนี้ครับ  ไม่เข้าใจ

     “กูไม่ได้โกรธมึงเลย กูเข้าใจคนเรามันก็มีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น อีกย่างกูไม่ขอกลับไปหรอกเพราะมันก็คงไม่ดีซักเท่าไร มึงเองก็จะอึดอัด กูเองก็เหมือนกัน เข้าใจใช่ไหม”  “อีกอย่างนะถ้าไอ้ฟาร์มมันบอกกูซักนิดว่ามึงไม่ชอบเด็กก็จะไม่ย้ายเข้าไปเลย” 

     “ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่ย้ายกลับมาล่ะ!” ผมแย้ง

     “อย่าเลย อย่าพยายามอยู่กับสิ่งที่ตัวมึงเองไม่ชอบ ก็บอกแล้วไงมันจะอึดอัดใจเปล่าๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดนะไม่เป็นไร”

     “…”   ผมจุกในคำพูดเพราะผมไปต่อไม่เป็น ไม่รู้ว่าควรที่จะพูดยังไงต่อไปดี ยิ่งที่มันบอกไม่ให้ผมรู้สึกผิด ที่มันบอกว่าไม่เป็นอะไร ความรู้สึกตอนนี้นั้นกลับสวนทางกับสิ่งที่คนตรงหน้าบอกผมมาเป็นอย่างมาก


     ผมรู้สึกผิด…

     “กูไปแล้วนะ”  พูดพร้อมกับขยับมืออกจากการเกาะกุมของผมอีกครั้ง   

     “ไม่ต้องคิดมากนะ กูเข้าใจ”   ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนี้  ปล่อยให้ผมยืนเอ๋อและรู้สึกผิดตรงหน้าเซเว่นดังเดิม ไม่นานก็ขยับเท้าก้าวขาเดินออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ติดตามตัว เหมือนมันรั้งผมไว้ทำให้การก้าวเท้าเดินในแต่ละก้าวมันช่างยากลำบากนัก

     ทำไมไอ้คำที่บอกว่าไม่เป็นไร ไม่โกรธ กูเข้าใจ ของมันเมื่อครู่ถึงทำให้ผมหน่วงๆแปลกๆแบบนี้ ทั้งที่ตอนแรกยอมรับเลยก็ได้ว่าอยากให้มันกับลูกย้ายออกไป แต่ทำไมขณะนี้ผมถึงรู้สึกว่าอยากให้มันย้ายกลับมา… 

     นั่นสิ…ทำไมวะ?   



  มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 11:36:44 โดย กิงก่องโก๊ะ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อค่ะ 



   วันต่อมา

     “มึงอยู่ไหน”   ทันทีที่เลิกเรียนผมก็ต่อสายหาไอ้ฟาร์มทันที เนื่องจากไม่ได้เห็นหน้ามันมาหลายวันแล้ว พอมาหาที่คณะก็ไม่เจอ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องจะไปหาที่บ้านก็ไม่มีเวลา  เพราะมัวแต่ไปตามง้อคนนั่นแหละ แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่จะไปก็เลยต้องโทรขอความช่วยเหลือจากไอ้ฟาร์มสักหน่อย

     ใช่ครับ…ผมยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะง้อ เพราะนอนคิดนั่งคิดมาแล้วทั้งคืนว่าไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้

     [อยู่ข้างนอกมึงมีไร?]   ปลายสายตอบและถามสวนกลับมา

     “มีเรื่องจะคุยด้วย”

     [ว่ามา]

     “บ บ้านรุ่นพี่มึงอยู่ตรงไหนวะ?”  เสียงที่เปล่งออกไปมันดันแปล่งๆขึ้นซะได้ เพราะความไม่มั่นใจที่ยู่ๆก็โผล่มาเอาดื้อๆ นิ้วชี้เคาะไปมาที่หลังโทรศัพท์ด้วยความกระวนกระวาย

     [พี่หมากมันก็อยู่กับมึงไง มึงถามเหี้ยอะไรเนี่ย!?]

     “มึงนั่นแหละตอบเหี้ยอะไรเนี่ย! กูหมายถึงไอ้เสือ”   ผมแทบจะพ่นลมหายใจออกไปด้วยความปลงตก ไม่รู้ว่ามันแกล้งหรือไม่รู้นะครับ

     สาดดดดด

     [แล้วนี่มึงสนิทกันเหรอมึงเรียกเค้าไอ้ๆ?]    โว้ยยยยไอ้ควายแทนที่จะตอบแต่เสือกถามกูกลับ ตอนนี้จากความกระวนกระวายเลยเปลี่ยนมาเป็นอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด

     “เอออช่างมันเถอะ ตอนนี้มึงควรตอบคำถามกูมาเร็วๆ”  ก็เลยตอบปัดๆกลับไป และเร่งเร้าคำตอบจากคนปลายสายแทน

     [ตอนนี้กูไม่รู้ ตั้งแต่ที่พี่มันย้ายออกไปกูก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่มันเลย เพราะมึงนั่นแหละ!]

     “เออๆ ก็เพราะกูนี่แหละ”

     [แล้วมึงไปขอโทษเขายัง?’]

     “ขอโทษแล้ว”

     [แล้วพี่มันว่าไง?]

     “ว่าไงไม่รู้ตอนนี้ช่างแม่งก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน” 

     [เอ้า!ไอ้ห่า]

     ยังไม่ทันที่ฟาร์มจะพูดจบผมก็ลดโทรศัพท์ลงและกดตัดสายทันที บางทีมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าอยู่ไหน แต่ก็ไม่บอกไงมันอยากแกล้งผม ไอ้นี่น่ะมันร้ายยยยยย

     เฮ้อ แล้วควรไปทางไหนดีล่ะครับ หรือว่าจะไปหาไอ้เสืออยู่ที่ทำงานอีกที

     สุดท้ายก็ระเห็จมาอยู่แถวๆร้านอาหารที่ไอ้เสือทำงานจนได้ ที่เห็นมาตามง้อมันอยู่นี่ใช่อะไร ถึงจะบอกว่าไม่โกรธ ไม่อะไร แต่ผมกลับรู้สึกว่าเหมือนว่าจะมีเส้นบางๆกั้นอยู่ตลอดเวลา แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักๆหรอก ที่จริงก็จะมาตามให้มันย้ายกลับไปอยู่บ้านด้วยกันน่ะครับ  เพราะตอนนี้มันไม่ได้แค่รู้สึกผิดอย่างเดียว มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง บ้านมันโล่งๆ

     เอออก็คิดถึงนั่นแหละ!  คนเคยอยู่ๆด้วยกันนี่หว่า ไม่ใช่แค่สองคนพ่อลูกหรอก ลองพี่หมากย้ายออกไปนี่ก็คิดถึงเหมือนกัน  ตอนนี้เลยได้แต่รอเวลายืนรอพี่มันเลิกงานเหมือนเดิม ด้วยการนั่งรอยู่ข้างร้านที่เก่าที่เคยนั่ง  และก็ฆ่าเวลาด้วยการล้วงเอา
โทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดเล่นเกมส์รอ 


     เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วหลายชั่วโมง จนในขณะนี้ที่ทำงานของไอ้เสือมันปิดแล้ว ผมหยุดการกระทำทุกอย่างในโทรศัพท์แล้วก็เก็บมันลงไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม   

     นั่นไงครับ…นั่นไง

     ไอ้เสือออกมาเล้ว…

     “ไอ้เสือ!”  ผมตะโกนเรียกเสียงดังลั่นพร้อมกับวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปหา จนพนักงานของร้านที่เดินออกมาพร้อมๆนี่หันมามองผมกันเป็นตาเดียว

     “อ้าวน้องคนนั้นนี่ คนที่ก้อยเล่าให้เสือฟังน่ะ ที่ชอบมานั่งรอเสือแต่ก็คลาดกันทุกที”   ทันทีที่มาหยุดอยู่ตรงหน้ามัน พี่สาวคนที่ผมเห็นทุกครั้งที่มาที่นี่ ก็พูดขึ้น

     “อ่อ..นี่ปิงรุ่นน้องเสือเอง  ปิงนี่ก้อย”  เจ้าของเสียงทุ้มพูดแนะให้ได้รู้จักกันเสร็จแล้วก็หันมาถามผมต่อว่า “มีไรหรือเปล่า?”   

     “อ เอ่อๆ…มีเรื่องจะคุยด้วยว่ะ”  แล้วจะเสียงสั่นทำไมวะครับ เดี๋ยวปั๊ดตบปากแตก หมายถึงปากผมน่ะ

     “เรื่องด่วนไหม? พอดีวันนี้มีธุระ”    ไหนมันบอกไม่โกรธไงวะแล้วไอ้ท่าทีแบบนี้แม่งอย่างกับโกรธกูเป็นสิบชาติเลยนะครับหัวหน้า

     “อ เอ่อ…ไม่ด่วนหรอก มึงไปทำธุระเถอะ”  ไม่รู้ว่าทำไมต้องพูดออกไปแบบนั้นทั้งที่ในใจอยากจะล็อคคอมันไว้แล้วคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย 

     “โทษทีนะ ไว้ค่อยคุยกัน”  เสียงทุ้มกลับมาด้วยความราบเรียบเหมือนอย่างเคยและหน้าตาที่เดาอารมณ์ไปถูก จากนั้นก็หันไปพูดกับคนข้างๆว่า “ป้ะก้อย  ไปกันเลยไหม?”   

     และธุระของมันก็คือการไปส่งพี่สาวคนนั้น… นี่ผมควรจะง้อมันต่อดีไหมครับเนี่ย ไอ้ฟายยยยย เล่นตัวจังนะมึง! 

● ● ●

     เปรี้ยง!!!!!

     ไอ้ฉิบหาย ยังไม่ทันได้ออกจากตรงนี้เลย  เสียงฟ้าร้องก็ส่งสัญญาณมาว่าอีกไม่นานฝนจะต้องตกแน่ๆ แล้วก็นั่นไงยังไม่ทันขาดคำฟ้าร้องยังไม่ถึงหนึ่งนาทีฝนแม่งก็เล่นเทลงมาอย่างไม่ให้ได้ตั้งตัว  ตอนนี้ผมก็เลยต้องติดแหง็กอยู่ที่ป้ายรถเมล์แถวๆร้านมัน จริงๆคราวหลังถ้าจะให้สัญญาณกูไม่ถึงหนึ่งนาทีแบบนี้แล้วไม่ต้องก็ได้เว้ย มึงตกลงมาเลย!

     แล้วนี่อะไรครับพายุเข้าหรือไง ตกแรงฉิบหายจนปอยฝนมันกระเด็นมาโดนตัวผมจนหนาวไปหมดละ!



     สามสิบนาทีผ่านไป

     มึงจะหยุดหรือไม่หยุด ถ้าไม่หยุดกูจะเกรี้ยวกราดแล้วนะ!  คือตอนนี้อยากกลับบ้านมาก กูง่วง! 
     โอยยยยยย ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันหนาว!!  ฟันกระทบกันเสียงดังกึกๆแล้วสาดด ปากนี่ก็สั่นอย่างกับแผ่นดินไหว  เสื้อกันหนาวก็ไม่มี ร่มก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี มีแต่กระเป๋านั่งกอดอยู่เนี่ย   

     ฮือออ แม่จ๋าปิงหนาวววววววววววววว

     ง่วงก็ง่วงหนาวก็หนาว รันทดจริงจริ๊งงงงมีใครให้ได้มากกว่านี้อีกไหมครับหัวหน้า!
 
     แหมะ… 

     เฮ้ยยยย!
     ทันใดนั้นที่กำลังนั่งกอดเข่าด้วยความหนาว อะไรบางอย่างที่มันค่อนข้างชื้นแฉะก็ถูกโยนมาวางไว้ข้างๆกับตัวผม และมีเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยพูดขึ้นมาว่า “รีบใส่ซะ จะได้กลับบ้าน”  ถึงบางอ้อเลยครับ จะใครซะอีกล่ะก็ไอ้เจ้าของซูโม่เอ็กซ์นั่นไง

     “ม มา ด ได้ ง ไงวะ?”   ไม่ใช่อะไรตอนนี้ที่เสียงสั่นไม่ใช่เพราะผมประหม่านะครับ แต่ะมันหนาว 

     “รีบใส่ซะจะกลับไหมบ้าน?”  ไอ้เสือนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม สภาพมันตอนนี้คือใส่เสื้อกันฝนลายทหาร กำลังยืนตีหน้านิ่งไร้ซึ่งอารมณ์เช่นเคย

     ผมหยิบเสื้อกันฝนขึ้นมาสวมใส่ จัดแจ้งทุกยอย่างให้มิดชิดจากความเปียกถ้าหากว่าลุยน้ำไปแล้วก็จะได้ไม่โดน

     “มึงจะไปส่งกูเหรอ?”  เมื่อใส่เสื้อกันฝนเสร็จเลยดินตามคนตัวสูงไปที่มอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดอยู่ตรงริมฟุตบาทท่ามกลางสายฝน

     “ขึ้นมาเร็วๆ”    มันไม่ตอบแต่กลับเร่งให้ผมขึ้นรถ เลยต้องกระโดดขึ้นซูโม่เอ็กซ์ด้วยความไวว่อง  เอาวะก็ดีกว่าต้องอยู่แถวๆนี้คนเดียวเยอะเลย

     ไม่ถึงห้านาทีไอ้เสือมันก็ขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไป  ผมเลยกระโดดลงจากรถไปเปิดประตู้รั้วบ้านให้อย่างรู้งาน เพื่อที่มันจะได้เอารถเข้าบ้านไป 

     พอจอดรถอะไรเรียบร้อยแล้วก็จัดการถอดเสื้อกันฝนที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนออก แต่แม่ง…ใส่เสื้อกันฝนก็ไม่ได้ช่วยอะไรกูเล้ยยยย  มันก็เปียกอยู่ดี 

     “อยู่นี่ก่อนแล้วกัน มันดึกแล้วถ้าจะไปส่งที่บ้านมึงมันก็ไกลไป”   คนหน้าไร้อารมณ์พูดแล้วเดินนำหน้าผมเข้าบ้านไป ก็เลยเดินตามมันเข้าไปแบบติดๆ

     “บ้านใครวะ?” เมื่อมองไปรอบอย่างสำรวจแล้วก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ 

     “…”  เอ้า! ถามแล้วก็ไม่ตอบว่ะครับ

     “เสือมาแล้วเหรอลูก…พาใครมาด้วยล่ะนั่น?”  พอเดินเข้ามาในตัวบ้าน ก็มีคุณป้าเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่งและทักทายขึ้นพร้อมกับหันมามองผมที่ยืนอยู่ข้างหลังไอ้คนตัวสูงกว่า

     “รุ่นน้องครับน้า ชื่อปิง” เสือพูดและหันมาพูดต่อว่า “ปิงนี่น้าเล็ก” 

     “สวัสดีครับน้าเล็ก”  ผมยกมือขึ้นไหว้น้าเล็ก เขาเองก็รับไหว้และส่งยิ้มตอบกลับมาให้

     “พอดีฝนตกน่ะครับ  กลับบ้านไม่ได้ให้มันค้างคืนหน่อยนะ” 

     “ได้เลย ตามสบาย บ้านน้าก็เหมือนบ้านเสือนั่นแหละจะมาขอกันทำไม น้าชวนมาอยู่ด้วยก็ไม่ยอมมาอยู่ ไอ้หลานคนนี้นี่”

     “เอาน่าผมไม่อยากรบกวนน้า ว่าแต่น้องกวางหลับหรือยังครับ?”

     “หลับอยู่จ้ะ วันนี้พาเดินเล่นที่หน้าหมู่บ้านมา ดื้อมากๆเลย  คงจะเล่นซะเพลินจนหมดแรง หลับแต่หัวค่ำเลย” 

     “ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวน้าดูให้ ตอนนี้พาปิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม?เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ เสร็จแล้วค่อยไปดูน้องกวาง”

     “ก็ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะออกมาดูน้องกวางหน่อย”   พูดกับน้าเล็กเสร็จมันก็หันหน้ามาบอกกับผมว่า“ตามมานี่”   เออน่าจะพากูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งนานแล้วไหมล่ะไอ้ห่า หนาวก็หนาว…ปล่อยให้ผมยืนไข่สั่นอยู่นั่นแหละ

     “นี่ห้องกู เสื้อผ้าก็หาเอาในตู้เลยนะ ส่วนห้องน้ำอยู่ข้างนอกมีห้องเดียว วันนี้มึงก็นอนกับกูก่อนแล้วกัน ห้องรับแขกตอนนี้มันกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”    พอเดินเข้ามาในห้องมันก็แนะนำเสร็จสรรพ 
จากนั้นก็เดินออกไปทันทีแบบไม่ได้เปิดโอกาสให้ผมได้ถามอะไรต่อ ก็เลยจัดการหาใส่เอาเองแบบที่มันบอก เมื่อได้ชุดที่จะใส่แล้วก็จัดการเปลี่ยนไปตามขั้นตอน 

     พอเสร็จแล้วผมก็กำลังยืนวนเวียนอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกบางอย่าง บางอย่างที่เรียกว่าหิว… ท้องรองดังมาก ดังแข่งกับเสียงฟ้าเลย แล้วนี่ไอ้เสือมันไปไหนของมันทำไมถึงนานอย่างนี้  ที่ถามหาไม่ใช่อะไรนะมันหิวแต่ก็นะ บ้านเค้าใครจะกล้าออกไปรื้อค้นหาอะไรกิน  ยิ่งมีวีรกรรมกับหลานเจ้าของบ้านเขาไว้อยู่


     โว้ยยยยยย!
     หิวจริงหิวจังมากตอนนี้ และพายุฝนก็ยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย

     เปรี้ยง!!

     แค่เสี้ยววินาทีที่มีเสียงฟ้าผ่าลงมาดังลั่น หลอดไฟที่กำลังเปิดอยู่นั้นถึงกับหยุดการใช้งานลงไปทันที

     พรึบ!!

     เชี่ย!!

     ไฟดับครับหัวหน้า…มองไม่เห็นอะไรเลย มันมืดไปหมด ได้ยินแค่เสียงประตูที่เปิดเข้ามา

     ตุบ!!!
     จากนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ชนเข้ากับผมอย่างจัง

     โอ้ยยยยย

     หลังผมหักแล้วไหมล่ะ ชนเข้ากับอะไรวะ เอาซะผมหงายเลยดีนะหัวไม่กระแทกพื้น แล้วนี่อะไรมันมาทับผมอยู่วะ ไม่ได้เบาๆเลยนะ หรือว่าจะเป็น…

     “มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?”   นั่นไงคิดไม่มีผิด อย่างกับละครหลังข่าว ไอ้ห่าเสือจริงๆด้วย ตอนนี้มันกำลังทับผมอยู่  ไอ้ฟายยยย ตัวก็ไม่ได้เล็กๆล้มลงมาได้

     “จะเป็นก็ตอนนี้แหละ ล้มลงมาได้ตัวมึงเบาซะที่ไหน!”    พูดพร้อมกับผลักตัวเปียกๆของมันให้พ้นๆไป แล้วมันก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี   

     “มึงไปเล่นน้ำที่ไหนมาวะ? เปียกเชียว!”     ตอนนี้ผมมองไม่เห็นมันมืดไปหมด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะจากคนตัวสูง

     “กูไป”
     เห้ยยยย!!!

     ตุบ!!

     ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคเหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง  เพียงแต่ครั้งนี้เป็นผมที่อยู่ข้างบนไม่ใช่ข้างล่าง
และสาเหตุของครั้งนี้ก็มาจากความเปียกปอนของไอ้เสือมันเอง  สภาพที่เปียกมะลอกมะแลกหยดนำที่ยังคงเกาะตัวจนเปียกชุ่มนั้นส่งผลให้พื้นกระเบื้องตรงที่เรากำลังยืนอยู่นั่นลื่นขึ้นมาทันควัน

     สภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็น…
 
     “…”   แต่ทำไมคราวนี้กลับเงียบ หรือว่าไอ้เสือมันจะหัวแตกตายไปแล้ววะ!?   

     “เฮ้ยยย ไอ้เสือมึงเป็นไรเปล่าเนี่ย!?”   

     “ม เป็นไร อยู่แบบก่อนแป้บนึง มันลุกไม่ได้”   เสียงทุ้มพูดออกมาเบาๆ มันคงจะเจ็บจริงๆ  ขนาดเมื่อครู่ยังเล่นทำเอาผมแทบตายเลย
     อยู่ๆไอ้เสือมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้…ใกล้จนผมรู้สึกลมหายใจ เหมือนว่าหน้าเราอยู่ห่างกันไม่กี่คืบ

     เฮ้ยย!! ไม่ได้ๆ จะยอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้

     “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาถึงนี่กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง…แต่ตอนนี้เนี่ยช่วยลุกขึ้นก่อนได้ไหม?” รีบหาทางเอาตัวรอดทันควันด้วยการพูดทำลายสถานการณ์     

     “โทษที” ไอ้คนตัวใหญ่มันพูดเสียงตะกุกตะกัก “จะคุยเรื่องอะไร?”  ไอ้เสือถามขึ้นเมื่อเราสองคนต่างก็ลุกขึ้นจากพื้นและกำลังยืนประจันหน้ากันท่ามกลางความมืดจนแทบมองไม่เห็น  แต่รู้สึกว่าผมกำกับมันกำลังยืนหันหน้าเข้าหากัน   

     “มึงย้ายกลับไปอยู่กับกูได้ไหมวะ?…” พูดแทรกขึ้นมาอยู่ท่ามกลางของความมืด

     “บอกแล้วไง ว่าอย่าฝืนใจอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ มึงไม่ได้ชอบเด็กมึงจะอึดอัดใจเปล่าๆ ถ้ามึงมาเพราะไอ้ฟาร์มมันสั่งมึงก็ไม่ต้องหรอก บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” มันตอบเสียงเรียบ ปรกติก็เดาอยากอยู่แล้วว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เดาอยากกว่าเดิมอีกได้ยินแต่เสียง

     “มึงฟังนะ…วันนั้นกูตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆกูไม่มีอะไรจะแก้ตัว แล้วอีกอย่างที่กูมาขอโทษมึงแบบนี้ไม่ใช่ไอ้ฟาร์มสั่งแต่เป็นเพราะกูเอง กูรู้สึกผิดกูพูดตรงๆ   จริงอยู่ที่กูไม่ชอบเด็กแต่กูก็ทำเกินไปทั้งที่น้องกวางเป็นแค่เด็กที่เกิดมายังไม่ถึงสองปี กูน่าจะใจเย็นมากว่านี้ ”   ที่พูดมาเนี่ยจริงๆนะครับ ไม่ได้แสดง

     “…” 

     “แต่ที่กูมาในวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดทั้งหมดทีเดียว… ก กูรู้สึกว่าบ้านกูมันเงียบเหงาแปลกๆไม่มีเสียงเด็กคอยปลุกกูตอนเช้า  พี่หมากมันก็คิดถึงน้องกวางเหมือนกัน”

     ก็คนมันเคยอยู่ด้วยกัน ถามว่าคิดถึงไหมบอกเลยว่าคิดถึง

     “แล้วถ้ากูย้ายกลับเข้าไปมึงจะอยู่กับน้องกวางได้ยังไง ในเมื่อมึงไม่ชอบเด็ก กูเองก็ลำบากจะนะที่ต้องทำให้คนอื่นอึดอัด ไม่อยากเห็นใครเกลียดลูกตัวเองมึงคงเข้าใจนะ”

     “กูก็จะพยายามปรับตัวไง…ไม่ว่ามันจะช้าหรือเร็วแต่กูก็จะพยายามทำให้ได้”

     “…”

     “เพราะงั้นมึงย้ายกลับคืนเถอะนะ”     



     Rewrite 16/7/60
 








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 11:38:17 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
บทพิสูจน์ปิงมาแล้ววววว
พี่เสือน้องกวางย้ายไปอยู่ด้วยแล้ว
แบบนี้ก็ได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น อิอ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รบกวนไรท์ ช่วยลงวันที่กำกับเวลาลงตอนใหม่  คือสับสนว่าเก่าใหม่
แบบ  ❤️ รักของเสือ ❤️ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ) ☆☆☆☆P.1☆☆☆☆5/04/2560

เสือ ยอมย้ายกลับไปอยู่กับปิง และ
ปิงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองแล้ว
น้องกวาง น่าจะเป็นขวัญใจทั้งบ้าน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
รบกวนไรท์ ช่วยลงวันที่กำกับเวลาลงตอนใหม่  คือสับสนว่าเก่าใหม่
แบบ  ❤️ รักของเสือ ❤️ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ) ☆☆☆☆P.1☆☆☆☆5/04/2560

เสือ ยอมย้ายกลับไปอยู่กับปิง และ
ปิงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองแล้ว
น้องกวาง น่าจะเป็นขวัญใจทั้งบ้าน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




ได้เลยคร้าบบบบบบ  ขอบคุณนะคร้าบที่เเนะนำ   :mew1:  :mew2:

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ปิงต้องรักน้องกวางนะ จะได้เลื่อนขั้นเป็นภรรยาของพี่เสือ o13

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่ห้า : กลับไม่กลับ?

 บันทึกของเสือ

     “เสือ…น้องคนนั้นมาหาเสืออีกแล้ว จะไม่ออกไปหาหน่อยเหรอ?”   ก้อยเพื่อนร่วมงานของผม เธอเดินเอาของมาวางไว้ และร้องบอกผมที่กำลังยืนเตรียมของอยู่หลังครัว 

     “ไม่หรอก”  ผมตอบแค่เพียงสั้นๆ ไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ 

     “ทำไม” เธอถาม

     “พรุ่งนี้เสือไม่เข้ามาทำงานนะ แต่ก็บอกพี่บีมไว้แล้ว” ผมรีบตัดบทเธอขึ้นมาดื้อๆ เพราะว่าไม่ได้อยากที่จะพูดเท่าไร ลำพังแค่น้าเล็กถาม ว่าทำไมถึงย้ายออกมา ก็หาข้ออ้างมาพูดจนเหนื่อยแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาคิดมากกับปัญหาของผม เลย
เลือกที่จะโกหกไปไม่ต้องให้น้าเล็กได้รับรู้ เขาจะได้สบายใจ

     “อ่อ…โอเค” เธอพูดเสียงเยา พยักหน้าน้อยๆเหมือนเข้าใจ  ทั้งที่สีหน้าเธอแสดงความมึนงงออกมาเล็กน้อย “แล้ววันนี้จะให้ไปบอกน้องเขาว่ายังไงล่ะ?”

     “บอกอะไรก็ได้บอกไปเถอะ”
     ไม่ได้โกรธอะไรนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาเจอกันทำไม ในเมื่อไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพบกันแล้ว เพราะยังไงไหนๆออกมาแล้วก็ออกมาเลย ไม่ต้องมารู้จักและเกี่ยวข้องกันอีกจะดีกว่า…  ไม่ได้โกรธจริงๆนะ


     วันต่อมา

    วันนี้ที่ผมหยุดเพราะตอนเย็นต้องไปทำธุระ มีนัดคุยงานที่ผมหาทำเสริมเพิ่มเติมกันไป และไหนๆเลยก็หยุดซะนี่ ดีหน่อยงานพาร์ทไทม์ที่ทำอยู่ร้านอาหารผมไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญอะไร เลยไม่ต้องมีคนมาทำแทนก็ได้เลยหยุดได้ง่ายหน่อย

ตอนนี้คุยธุระเรื่องงานเสร็จแล้ว  งานที่ว่านี่ก็คือผมรับจ้างติวหนังสือ มีกลุ่มรุ่นน้องที่กำลังจะสอบเข้ามหาลัยติดต่อให้ผมไปช่วยติวให้  เลยนัดกันมาจัดตารางสอน ทำความรู้จักพบปะพูดคุยและแนะนำตัวกันหน่อยก่อนที่จะเริ่มสอน  ซึ่งตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้วได้เวลากลับบ้าน เลยแวะไปบ้านของที่บ้านไอ้โอ๊ดเพื่อนของผมที่มหาลัย และไปคุยเรื่องงานที่ต้องพรีเซนต์ในอีกไม่กี่วันนี้ด้วย 

ผมจอดรถแวะเข้าเซเว่นแถวที่ทำงานสักหน่อย เนื่องจากมันเป็นทางผ่านไปบ้านน้าเล็กพอดี  เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็เตรียมตัวจะขับรถออกไป แต่แล้ว…


     “เดี๋ยวก่อนนนน!”  อยู่ๆก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมกับมือปริศนาที่มาคว้าหมับไว้ที่แขนผมอย่างรวดเร็วจนตกใจก็เล่นมาด้วยความรวดเร็วเลยไม่ทันไม่ได้มองว่านั่นคืออะไร 

     และใครคนนั้นที่ทำให้ผมค่อนข้างตกใจนิดหน่อยก็คือ…ปิง

     “ม มึงหายไปไหนมาวะ?”
     ปิงยืนหอบแฮ่กๆอยู่ต่อหน้าผม หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถามขึ้น แล้วผมจะไปไหนเกี่ยวอะไรกับมันล่ะ?

     “มึงมาทำไม?”  ผมเลี่ยงที่จะตอบแต่กลับเป็นฝ่ายถามแทน

     “ก ก็”  มันดูอ้ำอึ้ง  เห็นอ้าปากน้อยๆอย่างกับว่าพูดไม่ออก

     “…”  ผมยังคงเงียบรอฟังคำตอบอยู่ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่พูดสักที

     “ถ้าไม่มีอะไรจะกลับแล้วนะ”  ผมขยับแขนเล็กน้อยเพื่อให้หลุดจากฝ่ามือของปิงที่จับผมไว้หลวมๆ

     “ห เห้ย เดี๋ยว!!”  แต่พอผมกำลังจะเตรียมตัวขับรถออกไปเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็รีบรั้งแขนผมไว้ด้วยความรวดเร็ว

     “มีอะไรก็พูดสักที”    จริงผมก็เริ่มรำคาญเล็กน้อย แต่หน้าคงนิ่งไปเลยดูไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกยังไง

     “ก กูขอโทษ!”   คนตรงหน้าพูดออกมาอย่างรวดเร็วจนผมฟังแทบไม่ทัน  “ย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ”
หะ? อะไรนะ… ขอโทษเหรอ?  มันเนี่ยนะ?  แถมยังชวนผมกลับไปอยู่ด้วย

     “…”  ผมเงียบและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จริงๆผมก็ไม่มีอะไรจะพูดนะ  แล้วผมควรจะพูดอะไรล่ะ? 

     “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ?”  อืม…ก็คิดว่าจะไม่พูดนะ

     “ก็ไม่มีอะไรจะพูด เพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องยกโทษให้”   ผมไม่ได้โกรธมันนะ จริงๆโกรธก็ได้ แต่มันก็แค่วันแรกเท่านั้นแต่ตอนนี้ผมเข้าใจ ก็คนมันไม่ชอบเด็กนี่  จะไปโทษเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน

     “นี่มึงโกรธกูมากเลยเหรอ?”  สีหน้าปิงดูซีดลงนะ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะสงสัยหรือยังไง

     “กูไม่ได้โกรธมึงเลย กูเข้าใจคนเรามันก็มีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น อีกย่างกูไม่ขอกลับไปหรอกเพราะมันก็คงไม่ดีซักเท่าไร มึงเองก็จะอึดอัด กูเองก็เหมือนกัน เข้าใจใช่ไหม”  “อีกอย่างนะถ้าไอ้ฟาร์มมันบอกกูซักนิดว่ามึงไม่ชอบเด็กก็จะไม่ย้ายเข้าไปเลย”   ถ้ารู้สักนิดจะไม่ทำให้ลำบากใจเลย 

     ผมพูดความในใจออกมาจนหมด และทั้งหมดนั่นก็คือสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ในตอนนี้จริงๆ  ผมคิดแบบนั้น

     “ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่ย้ายกลับมาล่ะ!”   ปิงพูดแย้ง
     ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากทำให้ลำบากใจ ไม่เขาใจหรือยังไง

     “อย่าเลย อย่าพยายามอยู่กับสิ่งที่ตัวมึงเองไม่ชอบ มันจะอึดอัดใจเปล่าๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดนะไม่เป็นไร” 
     ไม่เป็นไรจริงๆนะ แต่ในทางกลับกันถ้าหากย้ายกลับไปคืน ตอนนั้นมันคงจะเป็นผมที่รู้สึกผิดและอึดอัดแทน เพราะยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนแก้วนั่นแหละ พอมันแตกแล้วถ้าจะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกผมก็เช่นกัน

     “…”  ปิงยังคงเงียบและไม่พูดอะไรออกมา
     ตอนนี้มันก็คงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องกลับบ้าน ก็เลยบอกลาคนตรงหน้าด้วยคำพูดที่ราบเรียบตามประสา

     “กูไปแล้วนะ” ผมบอก

     “…”

     “ไม่ต้องคิดมากกูเข้าใจ”  และทิ้งท้ายไว้ ไม่อยากให้มันคิดมากนะ   
     ผมเข้าใจจริงๆนะ จะต้องให้พูดอีกสักกี่ครั้ง เพราะดูเหมือนว่ามันยังจะไม่เชื่อ พูดได้เลยว่าถ้าหากผมไม่เข้าใจ ตอนนั้นคงต้องมีเรื่องแล้วแน่ๆ  อาจจะถึงขึ้นเจ็บตัวไม่คนใดก็คนหนึ่ง

● ● ●

     “น้าเล็กน้องกวางหลับยังครับ”  ถามพร้อมกับวางถุงเซเว่นที่บรรจุของใช้และของกินไว้ในนั้นลงบนโต๊ะอาหาร และเดินไปหาน้ำในตู้เย็นดื่มเพื่อดับกระหายให้ชื่นใจ

     “นอนแล้ว เพิ่งนอนเมื่อครู่นี้เอง ก่อนหน้านี้น้องกวางไม่ยอมนอนเลยตั้งท่าจะรอเสืออยู่ท่าเดียว แต่เพราะตอนเย็นซนไปหน่อย เล่นจนเหนื่อยหันมาอีกทีก็เห็นหลับคาขวดนมซะแล้ว”

     “งั้นวันนี้เสือเอาน้องกวางมานอนด้วยนะ” ผมบอกและวางแก้วน้ำลง

     “จ้าพ่อคนหลงลูก…แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยังจ๊ะ?”  น้าเล็กถาม

     “เรียบร้อยแล้ว…แล้วน้าล่ะ?”

     “เรียบร้อยตั้งแต่เย็นแล้ว…ไปอาบน้ำไปลูกไปจะได้เข้านอนเร็วๆ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

     “เอางั้นก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวเข้าไปหาน้องกวางนะครับ”

     เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืน หลังจากอาบน้ำชำระล้างจนความสกปรกและความเหนื่อยล้าออกไปจนหมด ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
     ผมค่อยๆเปิดประตูห้องน้าเล็กด้วยความเบามือ เพราะกลัวว่าเสียงดังแล้วน้องกวางจะตื่นเอาได้ 

     “น้าครับ ผมเอาน้องกวางไปแล้วนะ” ผมกระซิบเสียงเบาบอกให้น้าเล็กที่กำลังหลับอยู่ได้รู้ว่าผมเข้ามาแล้ว และกำลังจะออกไป

     “เบาๆนะลูกเดี๋ยวน้องกวางจะตื่น”  น้าเล็กหันมาตอบเสียงเบาเช่นกัน
     ผมค่อยๆอุ้มน้องกวางออกมาจากเปลด้วยความเบามือ แต่ก็ยังไม่วายที่เจ้าเด็กอ้วนจะส่งเสียงอ้อแอ้ๆออกมาอยู่ดี 
ผมประคองศีรษะเล็กนั่นไว้ในฝ่ามือ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ประคองหลังไว้ด้วยความถะนุถนอม ทำทุกอย่างให้เบามือที่สุด เพราะถ้าน้องกวางตื่นขึ้นมาแล้วรับรองได้เลยว่าผมคงไม่ได้นอนทั้งคืน  เธอจะร้องโวยวายและงอแงเนื่องจากโดนขัดตอนกำลังนอน
ค่อยๆวางน้องกวางลงบนที่นอนเล็กของเธอที่ผมเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ปากเล็กขยับสองสามครั้งเหมือนกับกำลังดูดขวดนมอยู่ ก็คงจะฝันน่ะ 


      ตอนนี้ผมยังคงไม่ปิดไฟ เพราะกำลังนั่งมองหน้าลูกสาวคนเดียวอยู่ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแก้วตาดวงใจของผมที่กำลังหลับปุ๋ยด้วยความสบาย

     เห็นแล้วก็คิดถึงพ่อกับแม่… 
     น้ำตามันพาลจะไหลออกมาทุกทีเลยว่ะ

     ถ้าพูดถึงเรื่องครอบครัวผมค่อนข้างอ่อนไหวนะ

     ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี  มัน…มันจุกไปหมด สมองประมวลผลออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย แต่สามารถรู้สึกและรับรู้ถึงมันได้  และตอนนี้เองผมก็รู้อยู่หนึ่งอย่าง… ผมอยากร้องไห้ 

     อ่อนแอสิ้นดี...
     มันอาจจะดูไม่เข้มแข็งที่เป็นถึงผู้ชายอกสามศอกแต่มานั่งร้องไห้เพียงเพราะแค่ว่านั่งมองหน้าลูกและมันทำให้ผมคิดถึงครอบครัวที่เคยอบอุ่นของผม แต่คิดว่าบางครั้งน้ำตาก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นนะ


     เราแค่ต้องผ่านจุดที่อ่อนแอที่สุดมาก่อน ถึงจะก้าวสู้ความเข้มแข็งนี้ได้
     เห็นลูกแล้วก็ได้แต่นึกโทษตัวเอง ทำให้เขาเกิดมาแล้วยังให้ชีวิตดีๆกับเขาไม่ได้อีก

     พ่อขอโทษนะน้องกวางที่พ่อให้ครอบครัวที่อบอุ่นและพร้อมหน้าพร้อมตากับลูกไม่ได้ แต่พ่อสัญญานะ ว่าพ่อจะทดแทนทุกอย่างด้วยตัวของพ่อเอง 

     ผมจะเป็นทุกอย่างให้ลูก ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือพ่อ ผมจะทำให้เขาไม่รู้สึกว่ากำลังขาดอะไรเลย ผมรักน้องกวางมาก เวลาท้อหรือหมดแรงที่จะก้าวต่อไป ผมยังคงมีน้องกวางเป็นกำลังใจ เหมือนน้องกวางคอยเตือนผมและบอกผมเสมอว่าผมอยู่เพื่ออะไร และทั้งหมดนี้ผมทำเพื่อใคร

     ครอบครัวของผมประกอบไปด้วยพ่อแม่และบ้านหลังหนึ่ง  บ้านที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าทั้งหมดนั่นมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป

     เมื่อนานวันเข้ายิ่งผมได้เติบโตขึ้นทุกอย่างก็ค่อยๆหายไปและความร้าวฉานเริ่มเข้ามาเยือน  ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้  ผมไม่เคยรู้อะไรเลย…

     จากความรักความอบอุ่นก็กลายเป็นความอึดอัด พ่อกับแม่ก็แยกทางกันในที่สุด ซึ่งตอนนั้นผมเองก็อายุราวๆสิบห้าปีได้ กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมเองก็เขวไปพักใหญ่ แม่หนีไปไหนซึ่งไม่มีใครรู้ แม้แต่น้าเล็กเองก็ยังไม่ทราบ  ผมไม่สามารถติดต่อ
หาแม่ได้เลย ไม่ว่าจะหนทางไหน ส่วนพ่อนั้นก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้านมาแทนที่ของแม่ แถมยังพ่วงลูกติดมาอีกหนึ่งคน และแน่นอนว่าผมกับเธอเรามีปัญหากัน 

ปัญหาของแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงคาราคาซังมาอยู่นานสองนาน ผมทะเลาะกับพ่อแทบทุกวันก็เพราะเธอ และตอนนั้นถ้าหากไม่มีแก้ม ผมก็คงจะเหลวแหลกมากกว่านี้

     แก้มคือแฟนของผม เราคบกันมาตั้งแต่มอปลาย แรกๆเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน ด้วยความที่สนิทกันมากจากความเป็นเพื่อนก็พัฒนากลายมาเป็นคนรู้ใจ 

     เราคบกันตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปีหนึ่ง  และไม่นานความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของผมก็เกิดขึ้น
 
     แก้มท้อง…

     ผมพาแก้มเข้าไปหาพ่อแต่สิ่งที่ได้กลับมามันช่างน่าเสียใจ พ่อบอกผมว่า ให้ไปเอาเด็กออกหรือไม่ก็ย้ายออกจากบ้านไป อย่ามาอยู่เป็นความอับอายของบ้านให้เสียชื่อเสียงของพ่อ

     และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายที่ผมกับพ่อได้คุยกัน

     ผมเลือกที่จะเก็บเด็กไว้

     ผมไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของพ่อ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นย้ายเข้ามาอยู่บ้านและมาแทนที่ของแม่

     ผมเหมือนขอนไม้ที่ลอยอยู่กลางทะเล ตอนนั้นทุกอย่างมันน่ากลัวไปหมดสำหรับผมที่อายุแค่เพียงสิบเก้าปี  ต้องออกมาใช้ชีวิตข้างนอกไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากพ่อแม่ แถมยังมีภรรยาที่ต้องรับผิดชอบกับอีกหนึ่งชีวิตที่ยังไม่แม้แต่จะลืมตาดูโลก

แก้มต้องออกเรียนกลางคันระหว่างที่กำลังตั้งท้องและจะกลับไปเรียนใหม่เมื่อคลอดลูกเสร็จ ในทีแรกผมเองก็จะออกเหมือนกัน จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่เพราะเจ้าตัวดันขอไว้ไม่อยากให้ผมออกจากมหาลัยเลยต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบมากกว่าเดิมหลายร้อยพันเท่า กับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบนี้ ทั้งชีวิตแก้ม ชีวิตผมและชีวิตลูก 

     ถึงแม้เขาจะเกิดด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะตั้งใจเลี้ยงเขาด้วยความรักทั้งหมดที่พ่อคนหนึ่งจะมอบให้ได้

     จริงอยู่ที่ผมมีน้าเล็กที่คอยอ้าแขนต้อนรับพร้อมจะช่วยเสมอ แต่ผมก็ไม่สามารที่จะรับมันไว้ได้ทั้งหมด ในเมื่อในเมื่อชีวิตมันเป็นของผม ผมก็ต้องดูแลและจัดการเอง ไม่ควรที่จะลากใครมาลำบากด้วย แต่ถ้ามันสุดความสามารถที่ผมพึ่งตัวเองไม่ได้จริงๆความช่วยเหลือของเขาผมก็จะรับไว้

     เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ผมเฝ้านับวันรอที่จะได้เห็นหน้าลูกและเรียกตัวเองว่าพ่อได้อย่างเต็มปาก

     จำได้ว่าวินาทีนั้นน้ำตาของผมมันไหลออกมาด้วยความดีใจ น้องกวางเป็นเหมือนสิ่งสวยงามท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามของชีวิตผม

     ผมไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดเลย มันอาจจะเพราะผมพูดไม่เก่ง หรือตื้นตันจนพูดไม่ได้ก็ไม่แน่ใจ แต่ผมพูดได้อย่างหนึ่งว่า…แม้จะทุกข์แต่ก็มีความสุขมาก

     คิดกันไว้แล้วว่าหลังจากคลอดลูกเราจะไปหาพ่อกับแม่ของแก้มที่ต่างจังหวัด…แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับผมอีกครั้ง หลังจากที่น้องกวางลืมตาดูโลกได้แค่เพียงหนึ่งเดือน แก้มก็มาทิ้งไป…โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม  หรือเขาจะทนความลำบากกับผมไม่ได้ซึ่งก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่สามารถเอาอะไรมาตัดสินเธอได้เลย เธอเล่นหายไปแบบไร้ร่องรอย ไร้ซึ่งการติดต่อใดใดทั้งสิ้น


     ไม่มีคำบอกลา

     ไม่มีเหตุผล

     ไม่มีอะไรเลย   

     วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นผมเกือบทำลายชีวิตของผมด้วยการฆ่าตัวตาย แต่แล้วเสียงร้องไห้ของน้องกวางก็ดังขึ้น เหมือนเป็นเสียงระฆังของชีวิต ผมรีบทิ้งมีดในมือลงด้วยความรู้สึกผิดและอุ้มลูกมากอดไว้ในมือทั้งน้ำตา รู้สึกผิดต่อลูกมาจนถึงทุกวันนี้  คิดไม่ออกเลยว่าถ้าผมตัดสินใจไปในตอนนั้น  ลูกที่น่ารักของผมจะอยู่ยังไงในตอนนี้   ไม่มีใครรักลูกเราและดูแลลูกเราดีได้เท่ากับตัวเรา นั่นคือสิ่งที่ผมตระหนักได้ 

     เอาล่ะผมคงจะดราม่ามากเกินไปแล้ว นี่เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบตีหนึ่งผมควรนอนได้แล้วสินะ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเจอเรื่องอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวตั้งรับกันต่อไป…

     ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนกอดลูกเหมือนอย่างทุกวัน 

     ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี

● ● ●



    มีต่อนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 11:53:11 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คืออะไร... ค้างค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
คือ........ค้างเลยอ่ะ
หนูกวางน่ารัก ปิงหลงอ้วนแล้วอ่ะดิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai3:


อ้วนนนนนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด