ตอนที่แปด : stay high
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไปทั้งตัวอย่างกับว่าร่างมันกำลังจะแหลกสลายไปให้ได้ เมื่อปรับโฟกัสสายตาแล้วสิ่งที่พบก็คือฝ้าเพดานสีขาวและรอบๆห้องนั้นก็มีแต่สีขาว
นี่มันไม่ใช่ห้องผมนี่หว่า…
โอ้ยยยยยยย!!
พอกำลังจะลุกเท่านั้นแหละรู้สึกหมดแรงและเจ็บไปตามเนื้อตามตัวหมดเลย
เดี๋ยวนะขอประมวลผลสักครู่…
เมื่อคืนนี้หลังจากเล่นใหญ่ทำซึ้งเป็นพระรองต่อหน้าพี่เพลงนี่ก็เดินออกมา มาเรื่อยๆ แล้วก็เรื่อยๆ แล้วกูก็มานึกได้ว่า จะมาเดินทำห่าอะไร โทรให้แม่งคนมารับสิวะ! สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะโทรให้ไอ้เสือมันมารับแล้วหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีใครไม่รู้อยู่ๆก็
ลงจากรถมาล็อคตัวผมไว้ เออเออง่ายๆแม่งโดนรุมกระทืบสัด! ทีแรกก็งงว่าใครไอ้ฉิบหายแฟนเก่าพี่เพลง ผีมากกก ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยตีกับใครเลยครับหัวหน้า แล้วนี่เสือกมาโดนรุมกระทืบ คือที่ตื่นมาได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้วอ่ะ
เฮ้ออออ พูดแล้วอยากจะร้องไห้ เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆหน่อยดิ
เดี๋ยวนะ…ว่าแต่เมื่อคืนนี้รอดมาได้ยังไงวะ หรือว่าไอ้ห่านั่นพอมันซ้อมเสร็จก็เอากูมาทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาล…ตลกละใครจะมาใจดีขนาดนั้น
“ตื่นแล้วเหรอ?”
อ่าว…ไอ้เสือนี่หว่า แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ทำไมมันถึงเดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนี้ได้
“…” ผมไม่ได้ตอบแต่ตอนนี้กำลังอ้าปากช้ำค้างไว้อยู่เพราะว่างง
“ไม่ต้องทำหน้าหมางงขนาดนั้นหรอก กูเป็นคนไปช่วยมึงไว้เอง” มันตอบเพื่อไข้ข้อข้องใจผมจากนั้นก็ลากเก้าอี้ไม้มานั่งข้างๆเตียง
“อ่อ…” ผมตอบรับไปเพียงแค่เท่านั้น ไม่ได้ถามอะไรให้มากความผิดกับนิสัยที่ชอบเป็น
“เห็นหมอบอกว่าจะเข้ามาตรวจอีกที ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากก็กลับบ้านได้เลย”
“อือ…”
“หิวอะไรไหม?”
“หึ…”
“มึงโอเคใช่ไหม?”
“อือ…”
“แต่กูว่าไม่ว่ะ”
“อือ…”
“สรุปมึงโอเคหรือไม่โอเค”
“อือ…”
“ปิง!”
กำลังใจลอยเรื่องพี่เพลงอยู่แล้วนี่แม่งมาตะคอกกูหาพระแสงอะไรวะ!
“อะไร” แม้ในใจกำลังจะคิดอะไรที่แม่งโคตรเกรี้ยวกราด แต่เอาเข้าจริงๆแล้วก็ตอบกลับไปได้แค่นั้นแหละ มันไม่มีอารมณ์ไม่มีแรง ยังไม่อยากจะคุยกับใคร
“ถามว่าโอเคไหม?” คราวนี้ไอ้เสือมันมาแปลกๆนะ ถามแล้วก็ทำหน้าตาจริงจังใส่ปกติเห็นทำแต่หน้าไร้อารมณ์
“โอเคเรื่องอะไร?” ก็ถามกลับทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องของผมไหมแต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะรู้ว่ะ
“ทุกเรื่อง” ตอบเสียงเรียบๆ พอๆกับสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติเลย เสือคนเดิมอิสคัมแบ็ค
“คงจะโอเคแหละ”
“กูไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรมึงถึงโดนเขากระทืบมาแบบนี้ แต่กูเป็นห่วงมึงนะ… ไอ้หมากก็ห่วง ไอ้ฟาร์มก็ห่วง มีแต่คนห่วงมึง เมื่อคืนพอมันสองคนรู้เรื่องว่ามึงโดนกระทืบก็จะออกมาหามึงกันท่าเดียวดีที่กูห้ามไว้ได้ นี่เดี๋ยวมันสองคนก็คงจะมาหามึงแล้ว เตรียมตัวตอบคำถามเอาก็แล้วกัน”
“…”
“ถ้ามีอะไรอยากจะเล่าให้กูฟังก็ได้นะไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว ถึงกูจะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่อย่างน้อยกูก็อยู่ข้างๆคอยรับฟังเสมอ”
“…”
“เข้าใจที่กูพูดหรือเปล่า…” คนข้างๆเอ่ยถามผมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม
“ปิง…” และน้ำเสียงทุ้มๆก็ถูกกดต่ำเพื่อนเรียกชื่อผมอีกครั้ง
“อือ…เข้าใจแหละ” เพิ่งเข้าใจจริงๆถึงการอกหัก ไอ้ตอนอกหักตอนนั้นแม่งสู้ตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิด
ใครก็ได้พาผมออกไปจากตรงนี้ที ไม่โอเคเลย…
ตอนนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาถึงบ้านก็นอนหมดสภาพเป็นผักเหี่ยวๆที่แม่ค้าขายไม่หมด อย่างที่ไอ้เสือมันพูดจริงๆด้วย พอพี่หมากกับไอ้ฟาร์มมันเข้ามาเท่านั้นแหละ โดนง้างปากตอบคำถามแทบไม่ทัน แล้วตอนไอ้ฟาร์มรู้เรื่องนะแทบจะรั้งตัวไว้ไม่ทัน ไม่ใช่อะไรมันจะไปต่อยไอ้เปอร์แฟนเก่าพี่เพลงยังไงล่ะ ดีนะที่ห้ามไว้ได้
จริงๆก็แอบเคืองๆพี่เพลงเหมือนกันนะ ทำไมกับไอ้แค่จะพิสูจน์ว่าเค้ายังรักอยู่ไหม? นี่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?ใจคนทั้งคนเลยนะเว้ย หมายถึงใจกูเนี่ย!ความรู้สึกกูด้วยเสียไปหมดแล้ว ถ้าเขาบอกผมสักนิดว่ามีคนในใจแล้วก็ยังดี ผมจะได้เผื่อใจไว้บ้าง จะได้ยับยั้งชั่งใจตัวเองสักหน่อย
แต่ก็นั่นแหละครับ คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง…โทษใครไม่ได้
“ปิงโว้ยยยย แดกข้าว!” เสียงไอ้ฟาร์มครับไม่มีใครหรอก มันยังไม่กลับเห็นมันบอกว่าจะกินข้าวอยู่นี่ก่อนค่ำๆค่อยกลับ
“กินข้าว!” มันเดินเข้ามาเปิดประตูห้องผม
“ยังไม่หิว…กินก่อนเลย” นี่ก็ได้แต่ตอบเสียงเบาหวิว เพราะขยับปากมากไม่ได้ไงเดี๋ยวแผลปริ
“มาแดกเร็วๆอย่ามาใจเสาะ กูซื้อโจ๊กมาให้ด้วยเนี่ย”
“ใจเสาะห่าอะไร ก็กูไม่หิวจริงๆ”
“อย่างมึงแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว มาแดกเร็วๆอย่าให้กูลาก”
เออครับ…สรุปจะเป็นพ่อจริงๆไม่ได้เป็นเพื่อนใช่มั้ย ครุ่นครีสสสส
สุดท้ายก็เสนอหน้าแห้งๆของกูมานั่งตรงโต๊ะอาหารนี่แหละ เพราะไอ้ฟาร์มแม่งคนจริงถ้ามันบอกจะลากนี่คือลากไม่มีการพยุงแต่อย่างใด ส่วนสองพ่อลูกนั่นก็ไม่อยู่หรอกสงสัยจะไปทำงานแล้ว พี่หมากนี่ก็ไม่เห็นไปไม่รู้ไปไหน เลยมีแค่ผมกับไอ้ฟาร์มที่อยู่กันแค่สองคน
และการแดกข้าวที่ทรมานที่สุดในโลกก็สิ้นสุดลงตบท้ายด้วยยาหลังอาหารที่โรงพยาบาลจัดมาให้ เสร็จสิ้นกิจทุกอย่างก็ได้เวลาอันขออันเชิญตัวเองไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้ว… ง่วงบรรลัย ระทมสุดชีวิต
สองวันต่อมา…
ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วพอสมควร วันนี้ก็เพิ่งหอบสารร่างมามหาลัยได้นี่แหละ พวกไอ้โก้ไอ้เจมส์มันก็พอรู้เรื่องอยู่บ้างมันเลยคอยช่วยจดเลกเชอร์และตามงานไว้ให้อยู่
“สรุปเรื่องพี่เพลงนี่ยังไงวะ?” โก้มันเดินมาถึงวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะจากนั้นก็ถามขึ้นทันที เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้เล่าให้มันสองคนฟังไงคงจะอยากรู้กันใจจะขาดแล้วล่ะมั้งนั่น
“เออๆไหนๆเล่ามาสิเพื่อนอุตส่าห์อดกลั้นไว้รอฟังกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา” เจมส์ครับไม่ค่อยเสือกเลยนะครับเพื่อน
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนแรกก็คิดว่าพี่เพลงแม่งก็คงจะชอบกูบ้างแหละแต่สุดท้ายที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากประชดแฟนเก่า อยากจะพิสูจน์ความรักบ้าบออะไรนั่นก็ไม่รู้ แล้วแฟนเก่าเขาแม่งก็เสือกหึงไงมารุมกระทืบกูตอนทีเผลอก็แค่นั้น…”
“ไม่แค่แล้วนะกูว่า…ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนใสใส ไหงทำไมเป็นงี้วะ?” เจมส์
“กูจะไปรู้เหรอ…ช่างแม่งเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว”
“แล้วใครเป็นคนช่วยมึงวะ?” โก้
แหม…เอาซะกูไม่อยากพูดเลย
“ไอ้เสือน่ะ” สุดท้ายก็พูดนั่นแหละครับ...ก็มันไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วนี่นา อีกอย่างเรื่องนั้นถ้าผมไม่พูดมันไม่พูดก็ไม่มีใครรู้หรอก…
”เสือไหนวะ?” เจมส์
“เออ…เสือไหนวะ?” โก้
โว้ยยยยยยพวกควายทีอย่างนี้ละทำมาเป็นไม่รู้ ห่านนนนนนนน
“ก็เสือคนที่กูเมาแล้วเสนอหน้าไปนั่งกินเหล้ากับเขาตอนนั้นไง ที่มึงบอกว่าเมียแม่งสวยๆไง ไอ้โก้มึงจำได้ไหม?” ว่าแล้ว
ไอ้โก้มันก็ทำหน้าตาครุ่นคิดสักพักก่อนจะร้องอ๋อออกมา อารมณ์แบบว่าถึงบ้างอ้อออออออออ
“แล้วเขาไปช่วยมึงได้ไงวะ?” เจมส์
บางครั้งนี้ก็เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยอยากจะเล่าด้วยน่ะนะ ไม่อยากตอบเยอะพวกมันชอบถามแบบล้วงลึกเจาะลึกไง
“จำที่กูเคยบอกได้ไหมว่าจะแบ่งบ้านให้คนมาเช่า” แต่สุดท้ายก็ต้องเล่า จะเล่าแบบคร่าวๆแล้วกัน
“อาหะ…จำได้” เจมส์
“นั่นแหละ เป็นไอ้เสือเป็นคนที่มาเช่า แล้ววันนั้นกูเห็นว่ามันมีรถก็เลยโทรมันมารับไง ก็แค่นั้น…”
“อ๋อออออออออออ”
แล้วมันก็ถึงบางอ้อด้วยกันอย่างพร้อมเพียง
วันนี้อาจารย์ยกคลาสเลยเป็นอะไรที่โคตรดี แต่แม่งก็เหงาเพราะไม่รู้จะทำอะไรไงไอ้ฟาร์มก็ติดเรียนไอ้โก้ไอ้เจมส์ก็ไม่รู้ไปตายห่าที่ไหนสุดท้ายด้วยความฟุ้งซ่านเลยหนีมานั่งดูหนังอยู่คนเดียวนี่แหละ สภาพช่วงนี้อาจจะหมดอาลัยตายอยากมากก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ…แม่งยังทำใจไม่ได้เลย
คนรอบข้างอาจจะมองว่าผมเหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปไม่ได้มานั่งเศร้าร้องไห้ฟูมฟายในทางกลับกัน กลับหัวเราะและปล่อยมุขทำตัวเฮฮาปาร์ตี้เหมือนเดิม แต่อยากจะบอกว่าที่จริงแม่งไม่ใช่เลยยอมรับก็ได้ว่าฝืน… แม่งฝืนโคตรๆ
เพราะไม่อยากที่จะให้ใครมาห่วง มายุ่งวุ่นวายมาปลอบใจ แม่งมันไม่คูล…เจ็บเองก็ต้องหายเองสิวะ
แต่ตอนนี้หัวใจผมกำลังถูกเหยียบย่ำลงที่พื้นดินอีกครั้งเข้าจนได้…
ในระหว่างที่กำลังนั่งรอรอบหนังด้วยสภาพแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิตชีวาอย่างกับผีตายซากอยู่ที่หน้าโรงหนังผมก็ได้เจอกับชายหญิงคู่หนึ่ง…
พี่เพลงกับแฟนเก่าที่ท่าทางตอนนี้จะกลายมาเป็นแฟนใหม่แล้ว
ท่าทางพี่เพลงตอนนี้ดูมีความสุขมากเขาเดินเคียงคู่กันมาพร้อมๆกับรอยยิ้มที่กำลังประดับอยู่บนใบหน้า และรอยยิ้มนั่นก็ทำให้ผมแทบละสายตาไม่ได้เลย…เหมือนกับเฉกเช่นทุกครั้ง
เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะรับรู้…
ทำไมเขายังคงมีความสุขได้ทั้งที่ผมแม่งเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ววะ…
ทำไม…
บันทึกของเสือ
ผมเพิ่งกลับมาจากร้านอาหารที่ไปทำงานพาร์ทไทม์ด้วยสภาพที่โคตรสะบักสบอม ไม่ใช่ว่าไม่ตีกับใครมานะครับแต่เพราะวันนี้งานมันเยอะมากต่างหากอีกอย่างมีงานที่มหาลัยที่ต้องรับผิดชอบ โห...กะจะเล่นกันให้ตายไปข้าง แถมวันนี้ต้องมานั่งทบทวนความรู้ที่จะต้องเอาไปติวให้รุ่นน้องที่มาจ้างไปติวพรุ่งนี้ด้วย เอาเวลาไหนนอนถามใจดู…ตอนนี้เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการให้หนึ่งวันไม่ได้มีแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงอยากจะให้มีสักร้อยชั่วโมง เพราะยี่สิบสี่ชั่วโมงสำหรับผมเห็นได้ว่ามันคงไม่พอ
วันนี้เนื่องจากทั้งงานราษงานหลวงต่อแถวเรียงรายมาไม่ขาดสายผมเลยต้องฝากน้องกวางไว้กับน้าเล็กแทน คืนนี้เลยกะว่าจะรีบเคลียร์งานให้หมดและเริ่มรับงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามา เพราะนี่ก็ใกล้สิ้นเดือนแล้วค่าบ้าน ค่านมลูกแพมเพิร์สและอีกมากมาย ไหนจะของผมอีกต่างหาก ไอ้เงินที่หามาได้ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นเพียงแค่ตัวเลขเห็นด้วยตาแต่สัมผัสไม่ได้ เข้ามาแล้วก็ไหลออกไป เดือนนึงจะเจียดมาเก็บก็ยังยาก
แต่ก็ต้องเก็บให้ได้เพราะอนาคตมองๆดูแล้วก็นั่นแหละครับ…ภาระอันหนักหน่วงมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เพราะอีกสองปีน้องกวางก็ต้องเริ่มเข้าเตรียมอนุบาลแล้ว แต่ถ้าถึงตอนนั้นผมก็คงจะดีหน่อยเพราะคงจะใกล้เรียนจบแล้ว ก็จะได้มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที… ก็คิดไว้เหมือนกันแหละว่าถ้าทำงานได้สักพักมีเงินเก็บสักก้อนก็อยากจะออกมาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองหรือธุรกิจอะไรสักอย่างอยากเป็นนายตัวเอง อยากจะสร้างรากฐานไว้ให้ลูก โตขึ้นมาจะต้องไม่ได้มาลำบากแบบผม แต่ก่อนนั้นผมก็คงจะสอนเรื่องความลำบากในชีวิตให้เขาได้รู้ให้เขาต้องเผชิญบ้าง ไม่งั้นก็คงจะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง อดทนไม่ได้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รอด…
แต่ตอนนี้ผมควรปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไว้ก่อนดีกว่า เพราะคงต้องขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เนื่องจากชุดนักศึกษาตอนนี้โคตรเหม็นเหงื่อและก็เหนียวตัวขั้นสุดยอด
บ้านเงียบอย่างนี้ไอ้ปิงคงยังไม่กลับมาแน่ๆ ไอ้หมากเองก็เหมือนกัน ทั้งบ้านตอนนี้ก็มีแค่ผมนี่แหละ จะว่าไปไอ้หมากมันก็ค่อนข้างเป็นเพื่อนร่วมบ้านที่ดีเหมือนกันพอว่างๆมันก็ชอบมาช่วยนั่งเลี้ยงน้องกวาง มันเคยบอกว่าปกติจะไม่ค่อยสันทัดกับเด็กน้อยเท่าไร แต่กับน้องกวางนี่คือข้อยกเว้น กลับกันมันชอบมาเล่นกับน้องกวางมากวันไหนนึกคึกนี่ถึงกับขอน้องกวางไปนอนด้วยเลย แต่ก็ให้ไปนอนนั่นแหละเพราะยัยเด็กอ้วนก็ดูเหมือนว่าจะถูกคอกับไอ้หมากไม่น้อยเลย จนตอนนี้คงลืมไปแล้วมั้งว่าใครเป็นพ่อ…พูดแล้วก็แอบน้อยใจลูก
ส่วนไอ้อีกคนน่ะเหรอ…หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ไม่สิตั้งแต่ที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างหากก็ดูเหมือนว่ามันแม่งโคตรจะใจลอย ข้าวน้ำไม่กินพูดน้อยกว่าปกติเหมือนว่ามันพยายามทำให้ตัวเองมีความสุขแต่ใครมันจะไปเชื่อวะ ถ้าให้มันเป็นแบบนี้สู้ขอฟังเสียงมันตอนเวลามันปากหมาซะยังจะดีกว่า ช่วงนี้เลยเป็นช่วงของคนอกหักอย่างเต็มรูปแบบมันก็คงจะเฮิร์ทพอตัว ได้ข่าวว่า
นี่เป็นรักแรกของมันด้วยนี่…
ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ก็บอกมันเสมอว่าจะคอยอยู่ข้างๆไม่ไปไหน ที่บอกว่าจะอยู่ข้างนี่พูดจริงๆนะครับไม่ได้สักแต่จะพูดเอาแค่ปลอบใจ ขอแค่มันพูดมาผมก็พร้อมจะรับฟัง ปิงน่ะถึงจะนิสัยแย่ยังไงแต่ตอนนี้มันก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วนะ ผมมีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมือนช่วงแรกๆที่ผมได้เจอแล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาขัดเกลามันสักหน่อยเพื่ออะไรๆที่ดีกว่าเดิม
แต่ก่อนมันแม่งโคตรน่าหมั่นไส้อันนี้ยอมรับ แต่พอมาเห็นสภาพมันตอนนี้แล้วโคตรน่าสงสาร…ก็คนมันเคยเป็นมาก่อนไง โคตรเข้าใจความรู้สึก ถึงแม้ว่ามันจะคนละรูปแบบคนละเหตุการณ์แต่ยังไงซะถ้ามันเป็นเรื่องที่มีสาเหตุมาจากความรักมันก็ต้องลงท้ายความเจ็บปวดดีๆนี่เอง ซึ่งมันบอกไม่ได้เลยว่าแบบไหนเจ็บมากกว่ากัน บางเรื่องสำหรับเรามันอาจจะเล็กน้อยแต่สำหรับเขามันคือเรื่องใหญ่ เพราะงั้นผมเลยมักจะเลี่ยงคำพูดที่ประมาณว่า ‘กูโดนมากนักกว่ามึงเยอะ แค่นี้ชิลๆ ’ ซึ่งผมจะไม่พูดมันออกมาเลย เอาล่ะครับตอนนี้ผมควรที่จะเลิกพูดมากสักทีแล้วไปจัดการตัวเองเพื่อที่จะได้มานั่งเคลียร์งานให้เสร็จได้แล้วนะผมว่า
Rrrrrrrrrrrrrr
พอกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที... ทำไมก่อนหน้านี้ไม่โทรมาวะ พอถึงจุดไคลแม็กซ์ทีไรนี่โดนขัดจังหวะตลอด…
เบอร์ไอ้ปิงนี่หว่า… มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย?
[ฮัลโหลใช่คุณเสือรึเปล่าครับ] พอผมกดรับคนที่โทรมาก็ถามขึ้นทันที แต่เสียงนั้นแปลกไปรู้เลยว่าไม่ใช่ปิงแน่ๆ
“ใช่ครับนั่นใครครับ…ทำไมโทรศัพท์น้องผมถึงได้”
[อ๋อ ผมไม่รู้จักน้องคนนี้หรอกครับพอดีผ่านมาแล้วเห็นเขากำลังนอนอยู่ตรงสวนสาธารณะซอยชื่นฤดี ดูท่าทางว่าเขาจะเมาด้วย ผมปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่นคุยยังไงก็คุยไม่รู้เรื่องเลยถือวิสาสะเอาโทรศัพท์น้องเขาโทรมานี่แหละครับ ไม่รู้จะโทรเบอร์ใครเลย
กดโทรออกเบอร์ล่าสุดเลย]
“อ่า…ขอบคุณมากครับเดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เป็นบ้าอะไรอีกวะเนี่ยทำไมไปนอนเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนั้นได้
ทันเท่าความคิดหลังจากวางสายแล้วผมก็รีบวิ่งออกมาเพื่อที่จะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ทันที…แต่แม่ง
สตาร์ทไม่ติดว่ะ…น้ำมันหมด
ขับมาเมื่อกี้แม่งก็ลืมเติม ฉิบหายแล้วจะทำยังไงล่ะไอ้ซอยชื่นฤดีนี่ก็ไม่ได้ใกล้ๆนะถ้าสำหรับคนเดินไปแต่ถ้าขับรถแม่งก็แป้บเดียวไง ดึกขนาดนี้แล้วร้านค้าขนาดย่อมที่จะขายน้ำมันเป็นขวดๆก็ปิดแล้วซะด้วย
ก็มีทางเดียวนั่นแหละ…เดิน
ก็ได้วะเดินก็เดิน!!
อย่าเรียกว่าเดินเลยครับเรียกว่าวิ่งดีกว่าเพราะว่าก็กลัวจะมีใครมาทำอะไรมันเข้า เมาที่ไหนไม่เมาเสือกมาเมาที่สวนสาธารณะ
โว้ยยย จะบ้าตายถ้าเมาที่บ้านนี่จะไม่อะไรเลยนะ เมาๆแล้วก็นอนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วนี่ดูดิ! ทำตัวแม่งให้เป็นห่วงตลอด ให้ตายสิวะ! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวจะสวดให้ยับเลยคอยดู!
แฮ่กๆ! เหนื่อยฉิบหายหอบแดกเลย ทำไมต้องมาคอยทำอะไรแบบนี้ด้วยวะเนี่ยเป็นลูกกูหรือไง?
“น้องใช่คนที่ชื่อเสือหรือเปล่าครับ” พอมาถึงตรงสวนสารธารณะซอยชื่นฤดีก็มายืนเกาะอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่เพื่อหายใจหายคอก่อน แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถามท่าทางจะอายุเยอะกว่าผมอยู่พอตัว
“ค ครับ”
“โอเค…ดูแลน้องดีๆล่ะท่าทางจะอกหักมานี่ก็เพ้อใหญ่เลย”
เขาพูดพร้อมกับเดินมาตบไหล่และยื่นโทรศัพท์ไอ้ปิงให้ผม
“คราวหลังก็อย่าปล่อยให้มาเมาแบบนี้ล่ะ ถ้าโชคไม่ดีเจอพวกเลวๆก็ซวยเลยนะ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่” ผมพูดแล้วก็ยกมือไหว้เขาก่อนที่เขาจะเดินออกไป
ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ขอบคุณที่คนดีๆแบบพี่แม่งมาเจอไอ้ปิงมันได้ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าพวกเหี้ยๆมันมาเจอจะเกิดอะไรขึ้น…
“ปิง” ผมเรียกชื่อมันพร้อมกับเดินมานั่งยองๆใกล้มันซึ่งกำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้า รอบๆตัวเกลื่อนกราดไปด้วยขวดเบียร์
“ฮือออออออ” มันพลิกตัวหนีทันทีที่ผมจับและครางอื้ออึงออกมาด้วยท่าทีที่โคตรจะบ่งบอกว่ารำคาญ
“ปิงลุกขึ้นมาก่อน…” ผมดึงแขนมันให้ลุกขึ้น แต่มันก็ยังคงนอนทำตัวอ่อนปวกเปียกอยู่เหมือนเดิมเลยจัดการเอากระเป๋าเป้ของมันมาสพายไว้ข้างหน้าและดึงไอ้ปิงให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง อย่าหาว่าตัวมันเบาเชียวไอ้นี่แม่งตัวโคตรหนัก!
“ฮืออออ แม่จ๋าปิงจานอนนนนนน” มันบ่นเสียงยานคางอื้ออึงในลำคอแต่ผมก็พอที่จะจับใจความออกว่ามันพูดว่าอะไร
พอไม่ได้สติทีไรแล้วคิดถึงแม่ทุกทีเลยมันเนี่ย แต่ก็เข้าใจแหละมันคงจะคิดถึงแม่มากจริงๆผมเองก็ยังคิดถึงเลย
“ลุกมานี่ก่อน เดินไหวไหม?” พอผมจับมันลุกขึ้นมาได้ก็ประคองร่างอันปวกเปียกของมันไว้แทบจะจมอก สูงเกือบพอๆกันก็จริง แต่ตัวมันบางกว่าเลยดูเล็กกว่าไปอย่าถนัดตาเลย
“ปิงเดินดีๆ” เห็นท่าว่าพยุงมันเดินกลับจะไม่เวิร์คเอาซะแล้ว…
“จานอนแล้ววว อย่ามากวนนนนน” แม้ลิ้นจะพันกันขนาดไหน แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดพูด
“มานี่มา!”
ฮึบบบ!
ผมตัดสินใจอาศัยตอนที่ปิงกำลังเคลิ้มๆและไม่มีแรงพลิกเอามันมาอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็จัดการอุ้มให้อยู่บนหลังผมพอดี
อืม…สุดท้ายก็ต้องแบกเด็กขี้เมากลับ บอกแล้วไงซอยชื่นฤดีเวลาที่ขับรถมาน่ะมันก็ใกล้แต่ถ้าได้เดินแล้วนั้นแม่งโคตรไกล
“ฮืออออออ ทามมายมานแข็งจางกูนอนอยู่โบนปูนนนเหรอออออ” ขี้เมาแล้วก็ยังคงปากหมาเหมือนเดิม หลุดมาจนได้สิน่า สำนึกไว้บ้างนะมึงว่ากูอุตส่าห์มาแบกมึงกลับบ้านเนี่ย
“แข็งแต่แม่งงงงงก้อออออู่นนนนนนนนนน” คราวนี้มันไม่พูดเฉยแต่กับอ้าสองแขนที่แทบจะไม่มีแรงของมันให้กว้างขึ้นแล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบลำตัวตรงช่วงหน้าอกผมแทน… มันใช้สองแขนนั่นโอบรัดตัวผมจนเกือบมิด
ผมรู้สึกถึงอัตราการเต้นแรงหัวใจของตัวเองที่มันมีมากขึ้นกว่าปกติ
และมันก็เต้นแรงมากว่าเดิมเมื่อลมหายใจร้อนๆที่มีกลิ่นของแอลกอฮอลล์ผสมปนเปอยู่กำลังรินลดลงบนต้นคอผม…
“ป ปิงมึงเอาหน้าออกไปไกลๆดิ” ผมไม่ปล่อยให้ตัวจมอยู่กับความคิดแปลกๆนี้โดยเด็ดขาด ยิ่งอยู่อย่างนี้ยิ่งคิดเตลิดเปิดเปิง กลัวว่าถ้ามันไกลออกไปมากว่านี้มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ… จะทำอะไรก็คิดถึงหน้าลูกเข้าไว้
ฮึกกกก… ฮืออออออ
และความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านที่ตีรวนอยู่ภายในอกก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงสะอื้นของคนบนหลังที่กำลังแบกอยู่
“ปิงเป็นอะไร?” ก็ยังคงถามมันทั้งที่คิดอยู่แล้วว่าคงจะไม่ได้คำตอบ
“ฮืออออออ…” เอาแล้วครับมันร้องไห้ใหญ่เลย น้ำตานี่เปื้อนเต็มหลังผมแล้ว
“น เหนื่อย…” นี่เป็นคำตอบหรือว่ามันละเมอกันนะ…
“เหนื่อยก็พักสิ” พอผมตอบกลับไปเสียงสะอื้นนั้นก็หยุดลง…อืมละเมอสินะ
ดูท่าว่ามันจะหลับไปแล้ว…ตอนนี้ก็คืองงใจมากว่าทำไมมันถึงไปนั่งกินเหล้าอยู่ที่สวนสารธารณะข้างนอกได้ ทำไมไม่กลับมากินที่บ้านดีๆ ถ้าเครียดมากถึงกับขนาดต้องพึ่งเหล้าน่ะนะ
ผมแบกมันมาถึงบ้านแล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องเลยทันที สภาพตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงทั้งผมและทั้งมันบอกได้คำเดียวว่า…เละ!เหงื่อท่วมตัว ทั้งเหม็นทั้งเหนียวตัวไปหมดแล้ว โคตรร้อนอยากอาบน้ำ แต่ก็ยังทำไม่ได้ต้องจัดการไอ้คนที่กำลังนอนเมาอยู่บนเตียงนี่ก่อน รู้สึกเหมือนได้ลูกเพิ่มอีกคนเลย
“ปิงนอนดีๆ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้” พูดออกมานี่ก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เหมือนผมกำลังนั่งพูดคนเดียวหันหน้าเข้ากำแพงอะไรทำนองนี้ เพราะมันไม่ฟังผมเลยตั้งท่าจะดิ้นหนีอย่างเดียว
สุดท้ายจับไปจับมาเสือผ้าก็หลุดออกหมดจากตัวเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์เก่าๆสีซีดๆที่มันชอบใส่เป็นประจำ ปล่อยให้ปิงนอนอยู่อย่างนั้นได้ไม่นานผมก็ออกมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำที่เอาเช็ดตัวให้อย่างน้อยก็จะได้ไม่เหนียวตัว
ฮือออ…ฮึก…
นั่นไงเสียงสะอื้นมันมาอีกแล้ว ผมที่กำลังไล้ผ้าชุบน้ำเปียกๆไปตามตัวมันจนเกือบจะเสร็จแล้วกลับต้องหยุดชะงักเพราะมันเล่นสะอื้นออกมาอีกแล้ว
อย่าร้องไห้ได้ไหมวะ…
“ปิง…เป็นอะไร?” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงและเอื้อมมือไปเช็ดน้ำสีใสที่กำลังไหลออกมาจากหางตาให้
“เหนื่อยจังเลย ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้” มันพึมพำเสียงเบามากแต่เพราะห้องนี้เงียบเกินไปได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศมันก็เลยทำให้ผมได้ยินประโยคเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน
“บอกแล้วไงว่าเหนื่อยก็ให้พัก”
“ทำไม…มันเจ็บแบบนี้” คราวนี้ไม่พูดเปล่า มือนิ่มนั่นก็คว้าหมับเข้าที่มือของผมซึ่งตอนนี้กำลังคอยเช็ดน้ำตาให้อยู่แล้วเอาเข้าไปแนบที่ข้างแก้มของเจ้าตัว
ฮึก…
มีแค่เสียงสะอื้นของมันที่ยังคงอยู่ คราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าผมเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดออกให้
“ไอ้เสือ…”
“อยู่นี่…” ผมตอบกลับไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหูมันรึเปล่า ตอนนี้มือของผมทั้งสองข้างเปลี่ยนจากที่กำลังเช็ดน้ำตาและให้มันได้จับไว้มาเป็นกำลังกอบกุมใบหน้าน่ารักไว้ในมืออุ้งมือทั้งสองข้างแทน
ฮืออออออ…
หมับ!
ในเมื่อมันยังไม่หยุดร้องผมก็คว้ามันเข้ามากอดและกดหน้ามันเข้าที่แผงอกจนน้ำตาที่กำลังไหลซึมออกมานั้นเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อนักศึกษาผมเลย พอเสียงสะอื้นนั้นหยุดลงผมก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระทันที
เจ็บมากล่ะสิมึง...ทนหน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว ผมก็ได้แต่บอกมันในใจเพราะถึงตอนนี้บอกมันไปยังไงก็คงไม่รับรู้
แต่สิ่งหนึ่งในตอนนี้ผมก็ได้รู้ว่า… ผมละสายตาจากปิงไม่ได้เลย
ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งอยากครอบครอง…
และทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้…
หรือผมจะชอบผู้ชายงั้นเหรอ?…เพราะว่าตอนนี้ผมรู้สึกอยากจูบไอ้ปิงมาก
ไม่รอช้าที่จะนั่งให้ความอยากมันครอบครอง ตอนนี้ความปรารถนาของผมมันสั่งให้ผมทำตามที่ใจต้องการให้ได้ในที่สุด ผมประกบปากจูบริมฝีปากบางนั่นอย่างอดไม่ได้ บดขยี้มันลงไปด้วยความกระหายแต่ก็ยังคงไม่ได้ลุกล้ำมันเข้าไป
ทั้งที่บอกตัวเองไว้แล้วว่าแค่จูบแต่ตอนนี้ทำไม ไอ้สิ่งที่ทำอยู่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่พอ…อยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัวเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม กลิ่นและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในโพรงปากและปลายลิ้นของปิงมันทำให้ผมเคลิบเคลิ้มและมัวเมายิ่งกว่ากินเหล้าเพรียวๆซะอีก
อือ…
คนใต้ร่างที่กำลังโดนครอบครองริมฝีปากอยู่นั้นครางอื้ออึงออกมาด้วยความขัดใจ และไอ้ปฏิกิริยาแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมโคตรมีอารมณ์ ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันเตลิดเปิดเปิงไปหมดยากที่จะควบคุม ยิ่งนึกถึงลมหายใจร้อนๆของมันที่เคยรินรดตรงต้นคอ มันยิ่งทำให้จินตนาการตอนนี้ก้าวไปไกลมากกว่าเดิม…คิดไม่ออกเลยว่าถ้ามันมารินรดอยู่บนตัวผมอีกครั้งมันจะเป็นยังไง มันจะร้อนมากขนาดไหน…
จากจูบที่แค่บดขยี้แต่ไม่รุกล้ำตอนนี้นั้นผมส่งเรียวลิ้นซอกซอนเข้าไปในโพรงปากของคนใต้ร่างอย่างอดไม่ได้ เจ้าตัวที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้สติเท่าไรก็จูบตอบรับผมกลับมาด้วยความเงอะงะไม่ประสีประสา ผมสำรวจภายในโพรงปากนั่นจนทั่วทุก
ซอกมุมดูดดึงคราบแอลกอฮอล์ออกมาจนเกือบหมดสิ้นกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังมัวเมาซะเอง
มือไม้ของปิงตอนนี้ก็ไม่อยู่นิ่งมันปัดป่ายและลูบไร้ไปทั่วแผงอกและแผ่นหลังของผมก่อนจะวกกลับเข้ามากอดที่ลำคอผมไว้แน่น บดเบียดแนบชิดแผ่นอกของมันที่ว่างเปล่าไร้ซึ้งสิ่งปิดกั้นเข้าหาผมอย่างแนบชิด
อ่า…ผมทนไม่ไหวแล้ว
TBC...
Rewrite 16/7/60