♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)  (อ่าน 25525 ครั้ง)

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อจากตอนที่ห้าหน้าที่หนึ่งค่ะ

 ได้เวลาเลิกงานแล้ว หลังจากเลิกงานก็ว่าจะไปส่งก้อยเพราะรถของเธอส่งซ่อมอยู่เธอเลยไม่มีรถขับ ด้วยความที่เป็นคนปฏิเสธคนไม่เป็นเลยต้องไปส่ง อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงหรอกน่า ปล่อยให้กลับคนเดียวมันก็อันตรายด้วย ช่วยได้ก็ช่วยกันไป

     “ไอ้เสือ!”  เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้น…และคนคนนั้นก็คือไอ้ปิง

     “อ้าวนั่นน้องคนนั้นนี่ คนที่ก้อยเล่าให้เสือฟังน่ะ ที่ชอบมานั่งรอเสือแต่ก็คลาดกันทุกที”   ก้อยเดินตามผมมาติดๆ ทันทีที่เห็นหน้าไอ้ปิงเธอก็พูดขึ้น 

     อืม…ช่างรับมุขจริงๆ  ทั้งที่ก้อยเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมให้เธอเป็นคนมาบอกไอ้ปิงว่าผมไม่อยู่

     “อ่อ..” ผมครางรับในลำคอเบาๆก่อนจะเอ่ยแนะนำให้เขาสองคนรู้จักกันสักหน่อย “นี่ปิงรุ่นน้องเสือเอง ปิงนี่ก้อย”   

     “มึงมีอะไรหรือเปล่า?”   ผมถาม ทั้งที่วันนั้นก็คุยรู้เรื่องแล้วนะ หรือมันยังคิดว่าผมยังโกรธอยู่

     “อ เอ่อมีเรื่องจะคุยด้วยว่ะ” คนตรงหน้าพูดเสียงเบา

     “เรื่องด่วนไหม? พอดีวันนี้มีธุระ”   ก็ต้องไปส่งก้อยไง  ผมก็ไม่อยากให้เธอรอ ทำงานมาก็เหนื่อยใครๆก็อยากพักกลับบ้านนอน

     “อ เอ่อ…ไม่ด่วนหรอกมึงไปทำธุระเถอะ”  ปิงตอบ  ฟังแล้วเสียงดูแปร่งๆนะ

     “โทษทีนะไว้ค่อยคุยกัน”    ทำแบบนี้แล้วมันจะคิดว่าผมโกรธมันอยู่หรือเปล่าวะ  แต่มันมีธุระจริงๆ อีกย่างฝนก็กำลังจะตกแล้วด้วย ถ้าไปส่งก้อยไม่ทันเดี๋ยวได้ขับรถตากฝนกลับบ้านแน่

     “ป้ะก้อยเสร็จแล้ว เดี๋ยวเสือไปส่ง”




     เปรี้ยง!!
     ฉิบหายแล้วไหมล่ะ สุดท้ายก็ไม่ทันฝนซะได้ก็เลยเปียกไปตามระเบียบ 
     ยังส่งก้อยไม่ถึงบ้านเลย


     แหมะ…
     ฟ้าร้องยังไม่ทันไรฝนก็ตกลงมาทันที ลำบากให้ผมต้องจอดรถข้างทางและเปิดเอาเสื้อกันฝนออกมาสวมใส่พร้อมกับก้อยด้วยความรวดเร็ว  จริงๆมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักหรอก แต่ก็ดีกว่าเปียกหมดตัวก็แล้วกัน

ตอนนี้เม็ดฝนก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้ว แถมยังสาดซัดลงมาอย่างแรงจนแสบหน้าไปหมด นี่ก็ไม่ได้เอาหมวกกันน็อคมาซะด้วยสิ แสบหน้าฉิบหายเลย

     “ขอบคุณนะเสือ เข้ามาหลบฝนในบ้านก่อนไหม?”  ทันทีที่ส่งเธอถึงหน้าบ้านก็เอ่ยขอบคุณและชวนผมเข้าบ้าน

     “ไม่เป็นไร ก้อยรีบเข้าไปเถอะ”  ผมปฏิเสธ และรีบหันทิศทางรถกลับทันที เชื่อเถอะว่าบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสายฝนแบบนี้คงไม่มีใครอยากมาคุยกันเท่าไรหรอก

     ครึ่งชั่วโมงให้หลัง
     แล้วป่านนี้ไอ้เด็กนั่นมันจะกลับไปหรือยัง ไม่ใช่ไปติดฝนที่ไหนหรอกนะ

     เดี๋ยวนะ?   

     นั่นมันไอ้ปิงหรือเปล่าที่กำลังนั่งกอดเข่าหลบฝนอยู่ตรงนั้น แล้วนี่มันมาทำอะไรแถวนี้ไม่กลับบ้านหรือไง?   แค่มองก็รู้เลยลักษณะท่าทางของมันผมจำๆได้ 

      อ่า…ใช่จริงๆด้วย 
      เอาไงดี? จะให้มันติดรถกลับดีไหม?  นี่ขับรถอีกห้านาทีก็ถึงบ้านผมแล้ว 
สุดท้ายก็จอดที่ข้างทางก่อนจะเปิดเอาเสื้อกันฝนอีกอันออกมา เพื่อที่จะได้เอาไปให้มันใส่ 

     “ม มา ด ได้ไงวะ?”  ทันทีที่ผมโยนเสื้อกันฝนไปให้มัน ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้สังเกตว่าผมจอดรถอยู่ตรงนี้ พอมันเงยหน้าขึ้นมา หน้ามันฉายแววความตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลย 

     “รีบใส่ซะจะกลับไหมบ้าน?”  ไอ้นี่มันเด็กจริงๆนะ คิดว่าตัวเองโตแล้วขนาดไหนเชียวอยากด่าให้นัก ดึกๆมาเดินอะไรแถวนี้ ดีนะมันเป็นทางผ่านของบ้านผมพอดี!

     “มึงจะไปส่งกูเหรอ?”  ปิงใส่เสื้อกันฝนเสร็จแล้วก็เดินตามผมมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่กลางสายฝน

     “ขึ้นมาเร็วๆ” ผมไม่ตอบคำถามแต่เร่งให้มันขึ้นรถเร็วๆ เพราะเดี๋ยวตากฝนนานกว่านี้มีหวังไข้หวัดถามหาแน่ 
ห้านาทีต่อมาผมก็ขับรถถึงบ้านในที่สุด ดีหน่อยที่บ้านน้าเล็กกับที่ทำงานผมมันอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร

พอผมจอดรถที่หน้าประตูบ้านคนซ้อนอยู่ข้างหลังก็ลงไปเลื่อนเปิดประตูบ้านทันทีโดยที่ผมยังไม่พูดอะไร  จอดรถเสร็จสรรพผมกับมันก็ถอดเสื้อกันฝนที่ชุ่มน้ำออก  ใส่ยังไงก็ยังเปียกอยู่ดี แต่แค่เปียกน้อยกว่าเดิมก็เท่านั้น 

     “อยู่นี่ก่อนแล้วกัน มันดึกแล้วถ้าจะไปส่งที่บ้านมึงมันก็ไกลไป”    เพราะมันคนละทางเลยไง  ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าจากมหาลัยมันมาที่ทำงานผมมันก็ไกลอยู่ ทำไมมันถึงได้มาหาผมอยู่ได้ทุกวัน  ว่าแล้วก็เดินนำเข้ามาในบ้าน

     “บ้านใครวะ?” ปิงเดินตามผมเข้ามาติดๆพร้อมกับเอ่ยถาม

     “…” จริงๆก็ไม่อยากตอบคำถามนี้เลยถามมาได้ว่าบ้านใคร ผมคงจะแอบเข้าบ้านคนอื่นหรอก

     “เสือมาแล้วเหรอลูก…พาใครมาด้วยล่ะนั่น”   พอเห็นหน้าผมน้าเล็กก็เดินออกมาหาทันที 

     “รุ่นน้องน่ะครับน้า ชื่อปิง” และหันไปมองหน้าคนด้านหลัง “ปิงนี่น้าเล็ก”

     “สวัสดีครับน้าเล็ก”   พอผมแนะนำเสร็จมันก็ยกมือขึ้นไหว้น้าเล็ก 

     “พอดีฝนตกน่ะน้า กลับบ้านไม่ได้ให้มันค้างคืนหน่อยนะ”

     “ได้เลย ตามสบายบ้านน้าก็เหมือนบ้านเสือนั่นแหละจะมาขอกันทำไม น้าชวนมาอยู่ด้วยกันก็ไม่ยอมมา ไอ้หลานคนนี้นี่”   น้าเล็กก็เป็นแบบนี้แหละครับอยากให้ผมมาอยู่ด้วยตลอด ลำพังแค่ฝากน้องกวางไว้กับเขาผมก็เกรงใจจะแย่ ลูกน้าเล็กก็มีนะครับแต่
เขาไปทำงานที่เมืองนอกนานๆทีจะกลับมา สงสัยน้าเล็กเองก็คงจะเหงา เลยอยากให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ผมไม่มาหรอกนะ  แค่นี้ก็รบกวนเขาจะแย่อยู่แล้ว นี่ก็อยู่รอเฉยๆรอให้มีเวลาไปหาห้องใหม่สักที

     “เอาน่าผมไม่อยากรบกวนน้า” ปฏิเสธอย่างเช่นทุกครั้ง “ว่าแต่น้องกวางหลับหรือยังครับ?” 

     “หลับอยู่จ้ะ วันนี้พาเดินเล่นที่หน้าหมู่บ้านมา ดื้อมากๆเลย  คงจะเล่นซะเพลินจนหมดแรง หลับแต่หัวค่ำเลย” 

     “ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวน้าดูให้ ตอนนี้พาปิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม? เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ เสร็จแล้วค่อยไปดูน้องกวาง” 

     “ก็ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะออกมาดูน้องกวางหน่อย”  และหันไปบอกคนข้างหลัง “ตามมานี่”  ว่าแล้วผมก็เดินนำปิงเข้าห้อง   

     “นี่ห้องกูเสื้อผ้าก็หาเอาในตู้เลยนะ ส่วนห้องน้ำอยู่ข้างนอกมีห้องเดียว วันนี้มึงก็นอนนี่กับกูก่อนแล้วกัน ห้องรับแขกตอนนี้มันกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”

     หลังจากผมแนะนำมันเสร็จสรรพก็เดินออกมาจากห้องทันทีปล่อยให้มันจัดการเอาเอง เสร็จแล้วผมก็เดินเข้ามาห้องน้าเล็กแง้มประตูเปิดออกอย่างเบามือก่อนจะเข้าไปดูน้องกวางที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล บรรยากาศดีอย่างนี้แล้วไม่หลับยาวก็ให้มันรู้ไปสิ… 

     ตอนนี้ปิงมันคงจะแต่งตัวเสร็จแล้วไม่รู้ว่ามันกินอะไรมาหรือยัแต่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยหิวมาก ก็เลยว่าจะทำไปเผื่อมันสักหน่อยเดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจ แล้วนี่ถ้าไม่ใช่เพราะหิวไม่มาอยู่แถวหลังครัวให้น้ำฝนมันสาดใส่แน่ๆ  พอดีครัวอยู่หลังบ้านก็เลยต้องลำบากแบบนี้แหละ ดีหน่อยที่ไฟไม่ดับ   


     พรึบ! 
     นั่นไง…พูดยังไม่ทันขาดคำ 

     ไฟดับอีกแล้ว พอฝนตกหนักทีไรเป็นอย่างนี้ทุกทียังต้มมาม่าไม่เสร็จเลย   ไอ้ปิงมันคงไม่ตกใจหรอกมั้ง 
ผมละมือจากการทำอาหารตรงหน้าและค่อยๆคลำทางเข้าไปที่ห้องของตัวเองเพื่อที่จะได้ไปเอาไฟฉาย เผื่องูเงี้ยวเขี้ยวขอจะเข้ามาในบ้าน เนื่องจากมันเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ดีนะที่ตอนนั้นผมอยู่กับน้าเล็กด้วยไฟดับแบบนี้เลย พอไฟติดเท่านั้นแหละ งูนอนขดอยู่หน้าบ้านแล้ว
     
     ค่อยๆคลำทางเอา เพราะมันโคตรจะมืด   แต่แล้ว..

     ตุบ!!!

     โอ้ยยยยย   

     ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามา ก็ดันลื่นล้มซะได้และชนเข้ากับอะไรบางอย่างและนั่นก็คือไอ้ปิง ลืมไปตัวผมมันเปียก น้ำเลยหยดลงพื้นกระเบื้องนี่ก็เลยลื่นล้มซะได้ ดีนะที่ผมยั้งแรงไว้ทัน ไม่งั้นคนที่อยู่ใต้ร่างนี้มันขี้แตกแน่

     “มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?”   ถึงจะยั้งแรงไว้ทันแต่ผมก็กลัวมันเป็นอะไรเหมือนกันนะ ยังไงตัวเรามันก็ต่างไซส์กันเยอะ ถึงแม้ว่าความสูงจะไล่เลี่ยกันน่ะนะ

     “จะเป็นก็ตอนนี้แหละ ล้มลงมาได้ตัวมึงเบาซะที่ไหน!”   จริงๆมันพูดได้ขนาดนี้ ก็แสดงว่าไม่เป็นไรมาก ยังคงความปากหมาไว้เหมือนเดิม   

     ผมก็เลยลุกขึ้นมาทันทีกลัวมันจะตายซะก่อน 

     “มึงไปเล่นน้ำที่ไหนมาวะ? เปียกเชียว!”

     “กูไป” 

     เห้ยยยย!!!

     ตุบ!!

     นั่นไงเอาอีกแล้ว ลื่นอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่ผมนะ เป็นไอ้ปิงต่างหากด้วยอารมณ์ตกใจผมเลยรีบคว้าตัวมันไว้แต่ดันผิดท่าเลยล้มลงมาทั้งคู่และตอนนี้ก็เป็นมันที่กำลังนอนทับผมอยู่

     “…”

     “เฮ้ยยยย ไอ้เสือมึงเป็นไรเปล่าเนี่ย!?”   

     อืม…ก็ค่อนข้างเจ็บ แต่ผมก็ยังตอบกลับไปว่า “ม เป็นไร อยู่งี้ก่อนแปปนึง อย่าเพิ่งลุก”  เพราะมันยังลุกไม่ได้ขอเวลาปรับตัวครู่หนึ่ง

     ผมรู้สึกแปลกๆ ตอนแรกผมก็รู้สึกหนาวๆเย็นๆเพราะเสื้อผ้าของผมมันเปียก แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันร้อน พอได้มีไอ้ปิงมันมานอนทับอยู่ข้างบน  และที่ผมเสียงสั่นตอบกลับไปนั่นไม่ใช่เพราะผมเจ็บแต่เป็นเพราะผมกำลังประหม่า 

     กลิ่นของมันหอมจนติดจมูก… ที่จริงกลิ่นนี้มันก็ตามหลอนผมมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว
     ทันเท่าความคิดผมก็เผลอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆมันซะแล้ว ผมอยากจะดมกลิ่นนี้ให้มันเต็มปอดสักครั้ง แต่ทำไมยิ่งเข้าใกล้กลับยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนดึงดูด

     อ่า…ความรู้สึกนี้กลับมาอีกแล้วสินะ

     “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาถึงนี่กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง” และก่อนที่ผมจะเผลอทำอะไรไปมากกว่านี้คนบนร่างก็พูดขัดขึ้นมา
และผมก็ได้สติขึ้นมาตอนนั้น

     ไม่แน่…ไม่ดีแน่ๆถ้าทำแบบนั้น

     “โทษที” ผมปล่อยให้มันเป็นอิสระหลังจากที่เผลอตัวเองไปครู่หนึ่ง  ผมจะให้อารมณ์มาอยู่เหนือการควบคุมไม่ได้ปิงมันเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหายก็จริง ถ้าเสียหายก็มีต้องเป็นความรูสึกของมันและนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมควรทำ

     “จะคุยเรื่องอะไร?” ทันทีที่ต่างฝ่ายต่างทรงตัวได้แล้วผมก็ถามขึ้น   

     “มึงย้ายกลับไปอยู่กับกูได้ไหมวะ?”   
     นั่นไงเอาอีกแล้ว มันคงคิดว่าผมยังโกรธอยู่สินะ จะโกรธก็ตอนนี้แหละ พูดอะไรไม่เคยรู้เรื่องเลยหรือไง

     “บอกแล้วไง ว่าอย่าฝืนใจอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ มึงไม่ได้ชอบเด็กมึงจะอึดอัดใจเปล่าๆ ถ้ามึงมาเพราะไอ้ฟาร์มมันสั่งมึงก็ไม่ต้องหรอก บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”

     “มึงฟังนะ…วันนั้นกูตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆกูไม่มีอะไรจะแก้ตัว แล้วอีกอย่างที่กูมาขอโทษมึงแบบนี้ไม่ใช่ไอ้ฟาร์มสั่งแต่เป็นเพราะกูเอง กูรู้สึกผิดกูพูดตรงๆ   จริงอยู่ที่กูไม่ชอบเด็กแต่กูก็ทำเกินไปทั้งที่น้องกวางเป็นแค่เด็กที่เกิดมายังไม่ถึงสองปี กูน่าจะใจเย็นมากว่านี้ ”

     “…”   ผมไม่รู้ว่าที่มันพูดออกมานั้นจะมาจากใจจริงมากน้อยขนาดไหน  เพราะผมมองไม่เห็นสีหน้าและท่าทางของมัน แต่ผมว่าผมสัมผัสได้จากน้ำเสียงของมันที่กำลังเอื้อนเอ่ย 

     มันคงจะสำนึกผิดจริงๆ 
     แต่ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธมันแล้ว

     “แต่ที่กูมาในวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดทั้งหมดทีเดียว… ก กูรู้สึกว่าบ้านกูมันเงียบเหงาแปลกๆไม่มีเสียงเด็กคอยปลุกกูตอนเช้า  พี่หมากมันก็คิดถึงน้องกวางเหมือนกัน”

     “แล้วถ้ากูย้ายกลับเข้าไปมึงจะอยู่กับน้องกวางได้ยังไง ในเมื่อมึงไม่ชอบเด็ก กูเองก็ลำบากจะนะที่ต้องทำให้คนอื่นอึดอัด ไม่
อยากเห็นใครเกลียดลูกตัวเองมึงคงเข้าใจนะ”

     “กูก็พยายามปรับตัวไง…ไม่ว่ามันจะช้าหรือเร็วแต่กูก็จะพยายามทำให้ได้”

     “…”   ผมจะเชื่อมันได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ

     “เพราะงั้นมึงย้ายกลับคืนเถอะนะ” 
      แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะ ผมกลัวจะซ้ำรอยรอบสองนี่สิ

     “ให้โอกาสกูนะ กูโคตรผิดกูรู้ตัว”

     ควรจะให้โอกาสมันดีไหม…?     
     ก็ได้…จะลองให้โอกาสดูสักครั้ง

     “กูยอมลดค่าบ้านให้หนึ่งพันเลยอะ!” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากตอบกลับไป คนตรงหน้าก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน   
นี่เห็นผมหน้าเงินมากเลยหรือไง…?

     “กูย้ายกลับก็ได้”    เออกลับก็ได้ ไม่ได้หน้าเงินนะแค่ไม่อยากห้าบ้านเช่าใหม่เหมือนกัน   

     “แหม…ไม่ค่อยเท่าไรเลยนะมึง รู้งี้กูลดให้ตั้งนานแล้วไหมล่ะ!?”  มันแซะ 

     ที่จริงก็ไม่ใช่คนแบบนั้นแค่อยากลองดูอีกสักครั้ง ตอนแรกก็จะตอบตกลงแล้วไง แต่เพราะมันยื่นข้อเสนอให้ก่อน เลยรู้สึกคุ้มหน่อยก็เลยตกลง นี่ไม่ได้เห็นแก่เงินเลยยยยย สาบานได้จริงๆนะครับ

จบบันทึกของเสือ


Rewrite 16/7/60

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 11:55:29 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่หก : ชีวิตดีๆ...มันดีจริงๆเหรอวะ?


   
     ถ้าถามว่าชีวิตช่วงนี้เป็นยังไงน่ะเหรอ…ก็เรื่อยอ่ะนะ  อะๆสงสัยกันล่ะซี๊ว่ากับน้องกวางเป็นยังไงบ้าง
     อืม…ก็กำลังพยายามปรับตัวอยู่นั่นแหละ แม่งเหมือนบททดสอบความอดทนกูดีๆเลยครับ  มันก็มีบ้างบางครั้งที่ยังหงุดหงิดโมโห และวิธีการแก้ปัญหานี่ก็คือการถอยออกมาห่างๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่พยายามเข้าใกล้เลย แต่ก็ไม่ได้ไม่อะไรเหมือนตอนแรกๆนะ นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะนั่งเล่นกลางบ้านร่วมกับไอ้เสือแล้วก็น้องกวางได้แล้ว   

     เออ…ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ดีฮ่าๆ 
     นี่ก็เป็นอีกวันที่เหมือนว่าพระเจ้าจะขว้างบททดสอบมาให้อีกแล้วครับหัวหน้า…  ก็ไม่รู้ตอนนี้ไอ้ห่าเสือมันไปไหนนี่สิ ทิ้งลูกไว้ให้นอนหลับอยู่ในเปลแล้วตอนนี้เป็นไง กูเลยต้องจิกหัวตัวเองลุกขึ้นมาจากที่นอนเพื่อที่จะได้มาดูน้องกวางเพราะน้องมันแหกปากร้องเสียงดังลั่นบ้านเลย สงสัยว่าจะตื่นมาแล้วไม่เห็นใคร นี่ก็ยืนทำใจอยู่นานมากกว่าจะอุ้มขึ้นมาโอ๋ให้หยุดร้อง ดีนะที่
วันนี้มันเสาร์ไม่มีเรียน

     แล้วนี่ไอ้พี่หมากก็หายหัวไปไหนเนี่ยไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ก็ช่างหัวพี่มันเถอะครับตอนนี้กูควรถามตัวเองว่าจะเอายังไงกับน้องกวางดีกว่า ดูสิพอหยุดร้องแล้วก็หันหน้ามามองผมตาแป๋วเลย

พอถึงตอนนี้แล้วก็ขอแอบยอมรับแบบสักนิดนึงเลยว่า น้องกวางแม่งก็เป็นเด็กที่น่ารักดี อ้วนๆตัวนี่ขาวจั๊วะเหมือนพ่อมันเลย แก้มนี่ย้วยจนอยากจะฟัดหลายๆรอบ

จริงๆก็อยากจะฟัดน่ะนะ แต่ก็กลัวพ่อน้องด่าอีกอย่างยังทำใจไม่ได้เท่าที่ควร เออเอ้าย้อนแย้งดีจังเลย ก็นั่นแหละอยากจะหยอกอยากจะฟัดแต่ก็ยังทำใจคลุกคลีกับเด็กไม่ได้ เอาเป็นว่าจะพยายามให้มากกว่านี้แล้วกันได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วสาดดด ปรกติกูไม่เคยทำอะไรที่มันฝืนใจตัวเองเลยนะเนี่ย

     เอ้า!!ดีใจกับกูหน่อยครับหัวหน้า

     แล้วน้องมันกินข้าวกินนมหรือยังอ่ะตื่นมาแบบนี้แล้วกูควรจะทำยังไงล่ะ? นี่เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายโมงแล้วนะ  ต้องอาบน้ำไหม? หรือยังไง แต่ยังไงก็ช่างตอนนี้กูควรโทรหาไอ้พ่อของน้องกวางก่อนว่ามันอยู่ไหน 

     ว่าแล้วก็ทั้งกระเตงอุ้มน้องกวางเดินไปเอาโทรศัพท์ในห้อง ดีนะที่เจ้าตัวหยุดร้องแล้วไม่งอแง ไม่งั้นผมตายแน่ๆ แล้วไม่ใช่อะไรวันนี้ดันมีงานกลุ่มที่ต้องทำด้วยนะ ตอนเย็นนัดกันไว้แล้วแต่ไอ้เสือมันคงจะมาทันอยู่หรอกมั้ง? 

     “มึงอยู่ไหน?” พอมันรับโทรศัพท์ยังไม่ถึงสองวิ ผมนี่ก็ถามมันอย่างกับกลัวว่าเครือข่ายจะล่ม สัญญาณจะหายทันที

     [ออกมาข้างนอกแป้บนึง มึงมีไร?]   
     ไอ้ควายเผือกมึงถามมาได้ว่ามีอะไร นี่มึงลืมไปหรือไงว่าทิ้งลูกไว้นี่

     “น้องกวางตื่นแล้วเนี่ยมึงจะกลับมาตอนไหน?”   

     [อ๋อ… เมื่อกี้นี้ฝากน้องกวางไว้กับไอ้หมากนะ มันไม่อยู่เหรอ?]
     หมากกับผีน่ะสิครับมีแต่ไอ้ปิงเนี่ย!

     “ไม่รู้ตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว เห็นแต่น้องกวางนอนร้องไห้อยู่ในเปล”

     [เออๆ ขอบคุณมาก กูขอฝากน้องกวางก่อนได้ไหม?  รอเขาบรีฟงานอยู่ไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้]

     “เออๆ ตามสบาย แต่รีบกลับมาก่อนสี่โมงนะมึง”

     [โอเค] 

     “เฮ้ยยย! เดี๋ยวอย่าเพิ่งวาง”   รีบพูดห้ามไว้ก่อนหลังจากบทสนทนาหลักๆ เพราะกลัวว่าจะวางสายไปก่อน 

     [ทำไม?] 

     “นี่น้องกวางก็ตื่นเเล้ว  ต้องทำไงต่อ? ป้อนข้าว? อาบน้ำ? หรือกินนม หรือไม่ต้องทำอะไร” 

     [อ๋อ… มึงเอาน้ำให้น้องกวางดูดหน่อย แล้วก็ชงนมไว้ให้ เพราะหลังจากตื่นนอนน้องกวางจะหิว เสร็จแล้วก็ปล่อยให้เล่นอยู่แถวนั้นแหละ ไปเอาของเล่นในห้องออกมาก็ได้ อ้อ…อีกอย่างฝากเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้น้องกวาง ทาแป้งเปลี่ยน
เสื้อผ้าให้ด้วยนะ แล้วก็อีกอย่างนี่สุดท้ายจริงๆละ ดูแพมเพิร์สที่ใส่ด้วยว่าเต็มรึยัง ถ้าเต็มแล้วก็ฝากเปลี่ยนด้วยเวลาน้องจะอึ๊หรือฉี่จะได้ไม่ลำบากมึง  เฮ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะ] 

     ติ๊ด!!
     ยังไม่ทันที่จะได้ทวนซ้ำเลย…
     แล้วแม่งก็วางสายไป สั่งงานกูอย่างกับกูจะจำได้ไอ้เหี้ยแล้วแต่ละอย่างนี่กูทำเป็นทั้งนั้นเลย… ไอ้ฟายยยยยย!! 

     เห็นไหมยังไม่ทันสามวิกูก็ลืมแล้ว  สมองปลาทองจริงๆ ไอ้ที่เห็นว่าสอบเข้าวิด’วะได้ไม่ใช่ว่าเก่งนะ แต่เพราะโชคช่วย
รู้อะไรไหมครับว่าถึงสอบเข้าได้แต่ชื่อกูเนี่ยอยู่รั้งท้ายเขาเลย ท้ายสุดแบบสุดเลย เออเอาช่างมันเถอะตอนนี้มาเรียบเรียงงานที่ไอ้เสือมันสั่งก่อนดีกว่า เอ…อย่างแรกนี่ได้ทำอะไรวะ กินนม หรือ กินน้ำวะ?   

     สงสัยจะกินนม เดี๋ยวนะ…แล้วนมมันชงยังไงล่ะเนี่ย กูทำเป็นที่ไหน ห่ารากสั่งมาแต่ละอย่างนี่กูทำเป็นทั้งนั้นเห็นกูเคยทำงานพาร์ทไทม์เป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือไงสาดดด

     งั้นเอาน้ำให้น้องกวางดูดก่อนแล้วกัน รองท้องไปก่อน ว่าแล้วก็เอาน้องกวางไปนั่งลงบนเบาะอันเล็กที่วางกางไว้ข้างๆเปล แล้วก็เดินไปเอาของเล่นจากในห้องไอ้เสือเอาออกมาให้ 

เอออออ…ไอ้เด็กคนนี้มันเลี้ยงง่ายเว้ย นี่พอวางไว้ก็มองมาที่ผมตาแป๋วเลย ก่อนจะไปคว้าของเล่นที่ผมเอามาให้ถือไว้ในมือน้อยๆนั่น แถมยังหันหน้ามามองแล้วก็ส่งเสียงอ้อแอ้ๆหาผมอีก

เสร็จแล้วก็กดโทรศัพท์ไลน์หาไอ้เสือมันก่อน  เดี๋ยวนี้นี่มีพัฒนาการแลกไลน์แลกเบอร์โทรกันไว้นะขอบอก บอกแล้วว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี

     เหรอวะ?  ฮ่าๆ


     ปิง : ชงนมไม่เป็น?
     
     ไลน์! 
     เสือ : ลืมบอกๆ โทษที แป้บนึงนะ
     เสือ : นมผงสี่ช้อน เอาน้ำร้อนใส่เข้าไปหนึ่งออนซ์เสร็จแล้วเขย่าๆให้นมผงมันแตกไม่เป็นก้อน แล้วก็ตามด้วยน้ำอุ่นอีกสี่ออนซ์ แล้วก็ดูด้วยว่ามันร้อนเกินไปไหม 

     โอเคครับกูเข้าใจ

     .
     .
     .
     เข้าใจว่าต้องทำไม่เป็นแน่ๆ  ช่างแม่งงมๆเอาเดี๋ยวก็ได้เอง

     พออ่านข้อความมันเสร็จก็จัดการเสียบกระติกน้ำร้อน  เอ… นมเท่าไรนะ  สี่หรือห้าช้อนวะ? 

     อ่อ สี่ช้อน
     แล้วก็ตามด้วยน้ำร้อน แต่น้ำยังไม่ร้อนเพราะงั้นรอก่อน ว่าแล้วก็วางขวดนมไว้ แล้วเดินมาดูน้องกวางที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ที่เดิม

     “หิวนมไหมอ้วน”
 
     “แอ๊!! จะจะจ้า!”   นั่นไงครับพอเธอได้ยินเสียงผมก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับชูของแล่นในมือเธอใส่ผม ส่งเสียงอ้อแอ้ๆมาหาผม

     “ไรอ้วน?  ให้เหรอ?”   ผมนั่งลงข้างๆน้องกวางแล้วก็รับของในมือเธอมาถือไว้

     “จะจะจ้า!!”  สงสัยจะบอกว่าให้ผมจริงๆนั่นแหละ  พยายามยัดใส่มือผมจัง

     “โอเคๆ ให้แล้วจะเล่นอันไหน” 

     “จะจ้า”  นั่นไงแล้วก็แย่งของในมือผมไป 

     เฮ้ยยยยย!! เดี๋ยวนะ… ท ทำไมผมนั่งอยู่กับน้องกวางได้ขนาดนี้วะเฮ้ยยยยย!!  เดี๋ยวๆผมตกใจคือแบบก่อนหน้านี้มันลืมตัวไปหมดเลยอ่ะ

     เชร้ดดดดด 
     เอ้าปรบมือแสดงความยินดีกับกูสิครับหัวหน้า!

     “รอนี่ก่อนนะอ้วน เดี๋ยวไปชงนมให้” 
     ดีนะที่อ้วนมันไม่ร้อง ถ้าร้องล่ะมึงเอ้ยยยยยยยย  ต้องตายแน่ๆ!    นี่น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบเลยนะ ฟันก็ยังไม่ได้แปรง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน  หิวมากไหมถามใจดู

     คร่อก…  นั่นไงเสียงท้องผมเอง
     ว่าแล้วก็จัดการชงนมให้น้องมันก่อน ผมหิวน่ะไม่เป็นไรพอทนได้อยู่ แต่ถ้าอ้วนมันหิวนี่สิ ไม่ดีแน่ๆ จริงๆอยากมีกล้องถ่ายรูปบันทึกภาพตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ของตัวเองจังครับ คือแบบ…ไม่เคยทำอะไรแบบนี้น่ะนะ  มันรู้สึกแปลกๆ ไม่ต้องมาบอกให้ฝึกไว้เผื่อเลี้ยงลูกในอนาคตนะ คือคิดไว้แล้วว่าจะไม่เอาลูก ยังไงก็ไม่เอาแน่ๆ

เมื่อชงนมเสร็จสรรพผมก็เดินออกมายังจุดเดิมที่เจ้าอ้วนนั่งอยู่ “อ้วนมากินนม”   ว่าแล้วก็ยื่นขวดนมให้น้องกวาง  เอ่อ…คือก็ลืมไปว่าต้องป้อนให้ไหม 

     “จะจะจ้า”  แหม…นี่ขนาดยังพูดไม่ได้นะเนี่ยส่งซิกส์ หาทางสื่อสารกับกูตลอด  ฟันกระต่ายน้อยๆสองซี่บนล่างนั่นก็น่าหมั่นไส้เหลือเกิน แก้มก็ย้วยๆ ตัวอ้วนๆ  กินเก่งจริงๆนั่นแหละครับ แล้วพ่อมันหาแต่ของดีๆมาให้ลูก สังเกตุดูมาแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงลูกมันต้องได้กินก่อน และของทุกอย่างที่หามาให้น้องกวางต้องเป็นของดีๆไม่ว่าจะของใช้เสื้อผ้า ของกิน มันก็รักลูกของมันจริงๆนั่นแหละ…   
 
แล้วนี่อะไรล่ะเนี่ยอ้วน!!  เธอไม่รับขวดนมนะครับแต่ดันคลานเข้ามานั่งในตักผมก่อนจะเอาขวดนมที่ยื่นให้จับมาดูดเอง  แล้วก็นอนในตักผมอยู่อย่างนี้แหละ แหม…เหิมเกริมไปแล้วนะอ้วน นี่อยู่ด้วยแค่วันเดียวเข้ามานอนตักกันเลยหรือไง?  ถ้าเป็นเด็กคนอื่นด่าพ่อมันไปแล้วนะเว้ย! 

หลังจากอ้วนมันซัดนมหมดไปหนึ่งขวดก็กลิ้งลงจากตักผมก่อนจะคลานไปกองของเล่น หาของเล่นตามประสาเขาแหละ เล่นไปเล่นมาสักพักผมก็เลยจัดการเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ ตอนแรกก็จะแหกปากร้องอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆก็ยอมเฉยเลย

แล้วด่านสุดท้ายก็มาถึงการเปลี่ยนแพมเพิร์สนี่แหละครับ แล้วแบบไหนที่เรียกเต็มไม่เต็มล่ะ  สุดท้ายด้วยความไม่มั่นใจก็จัดการเปลี่ยนแพมเพิร์สให้อ้วนมันเลย  ใส่ผิดด้านติดผิดติดถูกบ้างตามประสาคนทำไม่เป็น  หลังจากนั้นก็จัดการใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ แล้วก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น แต่พอคิดสภาพดูนะครับ ว่ากองผ้าเกลื่อนกราดรอบตัว แป้งหกเต็มที่นอนแถมยังเพิ่มเอฟเฟ็คด้วยการลอยคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ จำเริญล่ะพ่อคุณทั้งตัวมีแต่กลิ่นแป้งเด็ก 

     แล้วตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้วล่ะเนี่ย ทำไมไอ้เสือมันยังไม่มาอีก!


     นั่นไงบ่ายสามแล้ว แล้วคือต้องไปหาเพื่อนที่คอนโดตอนสี่โมง  หมายถึงให้ถึงนู่นสี่โมงนะไม่ใช่ออกจากบ้านสี่โมง 

     ตู๊ด…
     กำลังต่อสายหามันอยู่ครับ จะโทรถามว่าถึงไหนแล้ว คือมีธุระ

     แต่…จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่รับครับ โว้ยยสายที่เท่าไรแล้ววะเนี่ย!  เอาไงดีวะ?
     เออใช่!! ต้องให้พี่หมากมันมาเอาน้องกวาง แล้วพี่มันจะว่างไหมวะ? ขนาดไอ้เสือฝากไว้พี่มันยังออกไปข้างนอกเลย
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก  นั่นประไร กูว่าแล้ว อย่าบอกนะว่าเบื้องบนกำลังจะส่งบททดสอบมาให้กูอีกเนี่ย
   
     บร๊ะ!!   
     เออ!! ไอ้ฟาร์มไง

     [ว่าไง] แหม…ทำลายสถิติกูอีกแล้ว  รับกูด้วยเวลาหนึ่งวิ มึงเจ๋งมากสาดดด

     “อยู่ไหนวะ?”  ผมถาม

     [อยู่ต่างจังหวัดไง มาทำธุระกับม๊า]   กูก็ลืมไป…

     [ทำไม มีปัญหาอะไร?] 

     “ไม่มีๆ แค่นี้แหละ!”   

     เห้อออออ…กูล่ะเหนื่อยใจ แล้วจะเอาไงฟระ!  นี่นัดกันแกล้งกูหรือเปล่าเนี่ย?  แต่กูขอร้องแหละอย่าคาดหวังอะไรจากตัวกูเยอะนักเลย  ได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว 

     เห้อออออออ… ถอนหายใจยาวๆออกมาจนไปถึงดาวอังคารเลยได้ไหม? 

     .
     .
     .

     เชร้ดดดด คิดออกแล้วว่าต้องทำไง  นั่งคิดไปคิดมาถอนไปใจไปรอบระบบสุริยะแล้วจึงได้คำตอบมาว่า ทำไมกูต้องไปหาพวกมันด้วยล่ะ  ให้มันมาหาไม่ดีกว่าเหรอ? 

     จัดการต่อสายหาก๊วนเพื่อนวิศวะที่ต้องทำรายงานด้วยกันทันที เมื่อมันกดรับเลยพูดสิ่งที่อยู่ในใจขึ้นมาว่า

     [ฮัลโหล!!  พวกมึงย้ายฐานทัพมาบ้านกูด่วนเลย]   



บันทึกของเสือ

     ผมรีบบิดคันเร่งฮอนด้าซูโม่เอ็กซ์มาด้วยความรวดเร็ว นี่ต้องนั่งฟังเขาบรีพงานใหม่ทั้งหมด เพราะไอ้ที่ทำไปมันดันไม่ถูกใจคนจ้างเลยต้องมาโดนสั่งให้มาแก้งานใหม่ทั้งหมด ลำพังที่มาคุยเรื่องรายละเอียดนี่มันไม่ค่อยนานหรอก แต่รุ่นพี่ผมที่มันหางานมาให้อีกทีนี่สิ บ่นจบหูดับตับไหม้เพราะพี่มันบอกว่า กูต้องนั่งฟังเขาบ่นอีกที เพราะงั้นมึงต้องมารับกรรมต่อจากกูด้วย เดี๋ยวกูจะบ่นทุกอย่างที่เขาพูดมาให้มึงฟัง   

นั่นแหละครับ…มันเลยนานอย่างที่เห็น ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาทุ่มกว่าๆแล้ว  รู้ตัวครับว่าผิดมากๆ แต่ก็ไม่รู้ไงว่าไอ้หมากมันจะไปไหน คือที่จริงผมฝากน้องกวางไว้กับไอ้หมากนะ  ก่อนออกมาก็รับปากซะดิบดีแล้วว่าจะดูให้ ถ้ามันไม่ว่างผมก็จะได้เอามาฝากไว้กับน้าเล็ก แต่เพราะมันบอกว่าว่างไม่มีธุระอะไร แต่ก็ไม่ได้โกรธมันหรอก ก็เข้าใจแหละ มันน่าจะมีธุระจริงๆ คงจะคิดว่าปิงมันอยู่บ้านแล้วจะไม่เป็นไร 

     ไม่ใช่มันจะกินหัวลูกผมไปแล้วเหรอ?  น้องกวางจะช้ำตรงไหนบ้างไหมวะ อยากจะบิดรถไปหาอย่างสุดพลังแสง แต่ก็เพราะรถติดเลยทำไรไม่ได้  ที่มานั่งฟังรุ่นพี่ผมบ่นนี่ก็ไกลจากบ้านเหลือเกิน รถยังเสือกมาติดผมก็เลยได้แต่รอต่อไป   

     ทั้งที่จริงจิตใจนี่ลอยไปอยู่ที่บ้านแล้ว เพราะเตรียมตัวโดนรับคำด่าจากไอ้ปิง เชื่อว่ามันต้องปล่อยหมาในปากออกมาเพ่นพ่านข้างนอกแน่ๆถ้าเห็นผมโผล่หน้าไปที่บ้าน  เพราะตอนสี่โมงมันมีธุระนี่  ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว

     เห้ออออออ… ทำไงดีวะ โทรศัพท์ก็แบ็ตหมดด้วยเลยติดต่อมันไม่ได้
     ก็ภาวนาขอให้มันไปล่อยหมาออกมาจากปากมากจนเกินไปก็แล้วกัน… แล้วอีกอย่างเลยสำคัญมาก อย่าให้น้องกวางเป็นอะไรเถอะ! 


     เวลาต่อมา…   
     ในที่สุดก็ฝ่ามรสุมรถติดมาได้พอมองเข้าไปในบ้านก็รู้สึกเหมือนว่าบ้านจะเงียบและมืดมาก มีแสงไฟจากหน้าบ้านเท่านั้นที่เปิดไว้

     ปิงมันออกไปไหนของมัน  แล้วมันได้ปล่อยน้องกวางไว้ที่นี่หรือเปล่า?   ไม่ได้ว่ามันเป็นคนไม่ดีหรืออะไรอย่างนั้นนะ แต่อย่างปิงอะไรๆก็เกิดขึ้นได้  กลัวจังเลยกลัวว่ามันจะทิ้งลูกผมไว้ที่บ้านคนเดียว   
   
     ทันเท่าความคิดเลยผมรีบเดินเข้าบ้านด้วยความรวดเร็ว
     พรึบ!! 

     แต่แล้วทันทีที่ผมเปิดประตูบ้านออกพร้อมกับกดสวิชต์เปิดไฟ  เมื่อความสว่างปรากฏขึ้น ภาพตรงหน้าก็ฉายชัด…
และนั่นคือภาพของปิงที่กำลังนอนหลับอยู่กลางบ้าน รอบตัวมันเต็มไปด้วยของเล่นของน้องกวางที่วางเกลื่อนกราด กลิ่นแป้งลอยคละคลุ้งตลบอบอวนไปทั่ว ดูเหมือนว่าแป้งจะหกเลอะเทอะไปทั้งบ้านเลย ทั้งบนเบาะนอนของน้องกวาง ตามพื้นและตามตัวของทั้งสอง

     และที่สำคัญ…น้องกวางนอนหลับคาอกปิงอยู่

     เป็นภาพที่อยากจะบันทึกไว้ซะจริง…

     เห้ออออ…ผมก็ดันคิดมากไปต่างๆนาๆว่ามันจะปล่อยให้น้องกวางอยู่คนเดียว  สรุปคิดมากไปเอง…  โทษทีก็คนมันกลัวนี่หว่า…

จบบันทึกของเสือ



     ฮ้าววววววววววว
     เสียงหาวกูเองครับหัวหน้า หาวยาวไปถึงดาวอังคารพร้อมกับหมุนวนรอบดวงอาทิตย์อีกสองรอบ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ววะ
ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน จำได้แค่ว่าพอทำงานกันเสร็จเพื่อนมันก็กลับไปเลย นั่งเฝ้าน้องกวางมันเล่นสักพัก ก็ดันเผลอหลับเอาซะได้ ข้าวก็ยังไม่ได้ป้อนน้อง นี่ก็ให้กินแค่นม จะให้มานั่งป้อนได้ยังไงงานก็ต้องทำ และอีกอย่างผมทำอาหารเด็กไม่เป็นนะสิ 

     ว่าแต่…ก้อนอะไรหนักๆมันมานอนทับหน้าอกอยู่วะ

     เชร้ดดดดด!! ไอ้เด็กอ้วนนี่หว่า! ฉิบหายก็คิดว่าแต่ผีอำ แล้วไปไงมาไงมานอนทับผมได้วะ แต่ก็ช่างเถอะ
แล้วไอ้เสือมันกลับมายังล่ะเนี่ย? 

ดีนะที่เปลี่ยนแผนทันให้เพื่อนมันมาหาที่บ้าน  ไม่งั้นคงไม่ได้ทำงานแน่ อีกอย่างนี่ต้องโดนพวกเพื่อนสวดยับแหงๆ… เพื่อนก็ไม่ค่อยมีใครหรอกครับถ้าในคณะก็มีแค่ไอ้โก้กับไอ้เจมส์ ตอนพวกมันมานี่ก็ถามกันซะยกใหญ่ซักไซ้จนน่ารำคาญว่านี่ลูกใครๆ ก็เลยบอกไปว่าเพื่อนที่มาเช่าบ้านเขาขอฝากไว้ แต่ไม่ได้บอกนะว่าคนที่เช่านั้นคือใคร จำได้ไหมครับที่ไอ้โก้มันเคยบอกว่ารู้จักไอ้เสือ ถึงจะไม่ได้รู้จักกันจริงๆจังๆน่ะนะ  แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ไม่อยากจะบอกมันด้วย  ขืนถ้ามันรู้เรื่องที่ผมกับไอ้เสือมันเคย…  ก็นั่นแหละ เคยนั่นแหละ ทั้งที่ไม่มีทางที่มันสองคนหรือใครคนไหนจะรู้ได้ แต่ผมก็กลัวไว้ก่อนแหละ บอกแล้วไงว่ารู้ถึงไหนอายถึงนั่น…

     “ตื่นแล้วเหรอ?”   
     ผีหลอก!! 
     ไอ้ฉิบหาย อยู่ๆก็เดินโผล่ออกมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง กูตกใจไหมล่ะไอ้ควายยย คิดว่าแต่ผีห่าราก คนกำลังเพิ่งตื่นนอนสมองเพิ่งประมวลผล คิดอะไรเพลินๆ 

     “เฮ้ยยๆ มึงจะทำไรเฮ้ย!!”   ผมแม่งรีบถามมันขึ้นมาทันควัน เพราะว่ามันก้มหน้าโน้มตัวลงมาใกล้ผมซะจนขนลุก

    “กูแต่จะอุ้มน้องกวางออกมึงจะได้ลุกสักที…คิดอะไรอยู่เนี่ย?”  อ้าวหน้าแตกเฉยสัด ก็เล่นโน้มตัวมาหากูซะขนาดนี้กูก็กลัวสิวะ  ไม่รู้ว่าจะทำอะไรนี่มันตัวกู กูก็มีสิทธิ์กังวลนะว้อยยยย

     “ไปกินข้าวไปกูทำไว้ให้… มึงคงยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม?”    มันพูดพร้อมกับอุ้มน้องกวางออกจากตัวผม  และก็หายเข้าไปในห้อง


     คร่อก… 
     เสียงท้องกูเองแหละครับพี่น้อง ร้องดังไปจนถึงหน้าปากซอยเลย   

     โอ้ยยยยยยยยยย!! เมื่อยโว้ยยยยย ปวดหลังฉิบหายเลย ตอนที่พวกไอ้โก้มันมานี่ไม่รู้แม่เจ้าประคุณรุนช่องเขาไปดีดอะไรมา เปลี่ยนจากลูกหมูเป็นลูกลิงได้ภายในพริบตา จนผมนี่อยากจะตะโกนออกมาด้วยความรำคาญ แต่ก็ดีนะที่ไอ้เจมส์มันรักเด็กชอบเล่นกับเด็กมันเลยช่วยผมได้เยอะเลย  แถมผมยังต้องมารับมือกับเจ้าหล่อนหลังจากที่เพื่อนผมกลับแล้วด้วย เลยหมดสภาพอย่างที่เห็นนี่ไง วันนี้เลยรู้สึกทึ่งตัวเองมากที่ทำได้ขนาดนี้ กูไม่ได้ดีใจ…กูเหนื่อย 


     ฮือออออ ไม่เอาแล้วชาตินี้กูจะไม่เอาลูกแน่ๆ!! จะไม่เข้าใกล้เด็กที่ไหนให้มากเกินไปด้วย (ยอมยกเว้นน้องกวางให้คนหนึ่ง)   
แล้วไอ้ห่าเสือนี่มันเป็นผู้ชายที่โคตรครบเครื่องเลย ดูสิอาหารก็ทำเป็น โหยยยยยปรบมือให้มันหน่อยครับหัวหน้า!!
ถึงมันจะเป็นกับข้าวเบสิกอย่างกระเพราไก่ ไข่เจียว ต้มจืดตำลึง แต่แม่งโตรอร่อยเหาะ นี่กินไปกินมาจนจะหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่ามันกินข้าวมาหรือยังเลยไม่ได้เรียกเลย เวรกรรม!!   

     ตะกละเองครับ ขอโทษด้วย นี่สันดานไม่ใช่นิสัย…

    “อร่อยล่ะสิมึง ล่อซะเกลี้ยงเลย”   นั่น! พูดชื่อมันอยู่ในใจได้ไม่นานแม่งก็โผล่หน้าออกมา แล้วก็นั่งลงตรงเก้าอีกฝั่งตรงข้ามผม

     “กูหิวเฉยๆหรอก…”  ด้วยความปากหมาของตัวเองเลยพูดออกไปซะ ของเขาอร่อยจริงก็ยังไปกวนตีนเขาอยู่ได้

     “เออๆ หิวกูไม่เถียง”   มันพูดติดตลกนิดหน่อย พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ   
     ขุ่นพระ!! ไอ้หน้าเดียวมันยิ้ม!   กูตกใจ! 

     “เอาข้าวอีกไหม?”

     “เอา!”  พอมันถามก็ตอบด้วยความเร็วแสงแบบไม่ต้องคิดเลย  ไม่ใช่อะไรเสียดายของ เขาอุตส่าห์ทำให้กินเนี่ย เออแล้วก็ลืมถามมันไปเลยว่ามันกินไรมายัง “แล้วมึงกินไรมายัง?”   ถามทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปากนี่แหละ เรื่องซกมกขอให้บอก ไอ้ปิงกินขาด พี่หมากก็ทำไม่ได้ ไอ้เสือเหรอ? อย่าหวังเลย

     “ไม่ค่อยหิว เดี๋ยวกินผลไม้เอา”   มันพูดพร้อมกับส่งจานข้าวกลับคืนมาให้ผม จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาแอปเปิ้ลแดงขึ้นมากัด พร้อมกับถือกล่องนมจืดออกมา  “มึงเอาด้วยไหม?”  มันถามพร้อมกับยกกล่องนมขึ้นโชว์ นี่ก็เลยส่ายหน้าปฏิเสธไปเพราะพูดไม่ได้ เนื่องจากข้าวเต็มปาก ยอมรับครับว่าหิวมาก…วอนคนอ่านอย่าด่าเยอะ เพราะหิวไปแล้ว

     “มึงนี่กินข้าวมูมมามจังวะ?”   

     เอ้า!!  ไอ้ควาย
     ยังด่าในใจไม่ทันเสร็จ คนตรงหน้าอยู่ๆก็ยื่นมือมาและการกระทำหลังจากนั้นทำให้ผมตกใจยิ่งกว่า ปากที่กำลังเคี้ยวข้าวกลับต้องหยุดชะงัก เพราะมันกำลังเช็ดบางอย่างออกจากมุมปากให้ผม

     เดี๋ยวขอสตันท์ก่อนสักครึ่งชั่วโมง 
     ตึกตักๆๆๆ… แล้วทำไมหัวใจถึงเต้นแรงอย่างนี้     
ไอ้สัดนี่ผู้ชายด้วยกันนะเว้ย!! มึงจะมาใจเต้นแบบนี้ไม่ได้  รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างมันหยุดหมุนไปหมดเลย มีแต่หัวใจของผมที่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป… แถมยังทำเกินกว่าหน้าที่ด้วย รู้สึกว่าเต้นแรงเกินไป 

     นี่กูเป็นโรคหัวใจเหรอวะ
     ผมนิ่งอ้าปากค้างจนข้าวในปากแทบร่วงออกมา ช้อนที่กำลังตักน้ำแกงขึ้นมาซดก็ค้างอยู่อย่างนั้น  รู้สึกว่ามันเองก็เหมือนกัน ผมมองคนตรงหน้าด้วยความอึ้งๆ ปะปนด้วยความสับสนมึนงง  เมื่อเราได้สบตากันไอ้เสือก็หยุดทุกอย่างลง มือมันหยุดที่มุมปากผมอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเอาออกไป 

     สายตาเราประสานเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แต่เพียงแค่ไม่นานเราก็ผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว เหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้เวลาแม่งหยุดหมุนไปทันที ทั้งที่เราเผลอสบตากันไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันนานราวกับว่าเป็นชั่วโมง

     “โทษที ข้าวมันติดปากนะ กูชินกูคิดว่ามึงเป็นลูกกู”   พูดพร้อมกับโชว์หลักฐานที่ติดอยู่ตรงหัวแม่มือที่ใช้เกลี่ยข้าวออกจากปากให้ดู

     โธ่… ไอ้สัด คิดว่ากูเป็นลูก ไอ้ห่ารากกกกก! กูแค่เป็นคนซกมกไม่ใช่เด็กน้อยโว้ยยยย
     แล้วหัวใจกูนี่มันเป็นอารายยยยย มึงจะเต้นแรงทำไมไอ้สาดดด  สองครั้งแล้วนะมึง สองครั้งแล้ว

● ● ●


     “ปิงๆ มึงไปแถวๆตึกนิเทศเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”   เสียงไอ้เจมส์มันพูด พออาจารย์ปล่อยลงมามันก็เดินกออดคอผมแล้วลากไปเฉยเลย  คือต่อไปมึงไม่จำเป็นต้องถามกูก็ได้เว้ย 

     “ไปทำไมวะ?”   

     “ไปหาเด็ก  อิอิ”   ว่าแล้วก็มาทำหน้าตาทุเรศๆใส่ผม  ไหนตอนนั้นมึงยังอกหักอยู่เลยวะ…  บอกว่าจะไม่มีความรักอีกตลอดไป  โธ่!!!  ไอ้ตอแหล!

     และแล้วมันก็ลากคอผมมาจนถึงตึกคณะนิเทศศาสตร์

     “เด็กมึงคนไหนวะ?”     ไม่ใช่อะไรเพราะตั้งแต่มันอกหักตอนนั้นมันก็ไม่ได้อัพเดตเรื่องหัวใจให้ฟังเลย อยู่ๆแล้วมาบอกว่ามีดงมีเด็กผมก็ตกใจสิครับหัวหน้า!

     “นู่นไงๆ เดินมาแล้ววว”   

     “ไหนกูไม่เห็น!”  จะไปเห็นได้ยังไงล่ะไอ้เหี้ย!   แม่งเดินออกมาจากตึกเป็นร้อยๆคน ไอ้ควายยยยยยยย 

     “นั่นไง ในกลุ่มนั้นน่ะ!!”   มันพูดพร้อมกับชี้มือไปที่กลุ่มผู้หญิงที่มีประมาณที่ห้าคนได้  “คนนั้นน่ะ ที่สะพายกระเป๋าสีแดงน่ะ ตัวเล็กๆ เห็นยัง?”  “ทีเด็ดไหมมึง?”  มันถามต่อ 

     แต่สิ่งที่มันถามไม่ได้เข้าหูผมแม้แต่น้อยเพราะ… ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้นต่างหาก

     น นั่น ม มัน

     “อ เออ..เห็นแล้ว…ทีเด็ดมากด้วย…”   ถึงแม้จะบอกว่าทีเด็ด แต่สายตาของผมกลับไม่ได้ไปยังคนที่ไอ้เจมส์กำลังพูดถึงเลย

     นั่นไง…เจอแล้ว… ในที่สุดผมก็เจอเขา

     แม่ครับผมเจอเขาแล้ว

     ก กู จ เจอเขาแล้วโว้ยยยยยยยย  สงสัยมันเป็นพรหมลิขิต ใช่มันต้องใช่ เขาเป็นเนื้อคู่ เป็นคนเดียวในใจที่กูตามหามานาน

     และใครคนนั้นเขาคือพี่เพลง…

     คนที่ผมแอบชอบมานานแสนนาน…

     และไอ้คคนที่ว่าเป็นเด็กของไอ้เจมส์ก็เดินแยกอกมาจากกลุ่มของพี่เพลง ตรงมาหาพวกผมทั้งสองคน แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเธอที่เดินมาเลย ผมสนใจคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นมากกว่า 

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีๆ ก็ทำให้ผมละสายตาออกจากเขาไม่ได้เลย คิดมาเสมอว่าตัวเองเลิกชอบแล้ว แต่ทำไมพอได้มาเห็นพี่เพลงในวันนี้ผมถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เลย  ในหัวใจผมยังคงมีพี่เพลงเสมอมา เพียงแค่มันถูกซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด

     “หวัดดีค่ะเจมส์ เอ่อแล้ว…นี่?”   

     “เพื่อนเจมส์เอง ชื่อปิง”   เจมส์มันแนะนำผมให้เด็กมันรู้ แต่คือตอนนี้จิตใจผมมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว มันลอยตามพี่เขาไป 

     “หวัดดีปิง เราแยมนะ” 

     “ไอ้ปิง!!”   พอเห็นผมไม่ตอบอะไรเจมส์มันก็กระทุ้งศอกใส่สีข้างผมยิกๆ 

     “หะๆๆ อะไร?”   เอออ กูกำลังล่องลอยอยู่อย่าเพิ่งขัดอารมณ์กู

     “นี่แฟนกู ชื่อแยม!!” 

     “อ๋อออ… เอ่ออสวัสดีแยม เราปิงนะ”   แหะๆ  ว่าแล้วก็ยิ้มแห้งๆไปให้เธอ  ไม่ใช่อะไร ตอนนี้สมองไม่สั่งการว่ะไม่ค่อยรับรู้เรื่องอะไรเลย  เหมือนมันประมวลผลไม่ทัน  เหมือนเครื่องมันรวน เพราะมันเอาแต่พูดชื่อพี่เพลงซ้ำไปซ้ำมา สายตาหยุดที่พี่เพลงคนเดียว

     เขากำลังยืนยิ้มยืนหัวเราะกับเพื่อนอยู่… แม่งโคตรน่ารัก ฮาร์ทแอทแทคสัดๆ 

     สงสัยใช่ไหมว่าพี่เพลงคือใคร…?

     พี่เพลงน่ะคือ…

     TBC...


     Rewrite 16/7/60
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 12:07:37 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อนาคตปิงจะกลายเป็นคุณแม่เอง :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รู้ไวๆๆดีแล้วปิง พี่เสืออยู่นี้ไง อิอิ

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
        แสนสงสารปิง          หญิงเพลงรักลวง
แฟนเก่าเขาหวง               รุมกันซ้อมปิง
        เสือมารับทัน            มั่นคงคนจริง
อีกคนช่วยปิง                   พาไปโรงบาล

ชะนีเพลงทำแสบ
ปิงน้อยแสนซื่อ เลยโดนหลอก
พี่เสือ มีแวบๆกับปิง รู้ใจเร็วๆหน่อย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
        แสนสงสารปิง          หญิงเพลงรักลวง
แฟนเก่าเขาหวง               รุมกันซ้อมปิง
        เสือมารับทัน            มั่นคงคนจริง
อีกคนช่วยปิง                   พาไปโรงบาล

ชะนีเพลงทำแสบ
ปิงน้อยแสนซื่อ เลยโดนหลอก
พี่เสือ มีแวบๆกับปิง รู้ใจเร็วๆหน่อย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ขออนุญาติโควทนิดนึงนะคะ  คือชอบกลอนนี้จังเลยค่ะ 555555555555555555   
ขอบคุณนะคะ  o13 

*กระโดดกอด 

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่เจ็ด : my first love is coming back to me



     ถ้าหากพูดถึงรักแรก…ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีกันทั้งนั้น บางคนอาจจะยังรู้สึกคิดถึงเขาอยู่ บางคนก็ไม่คิดถึงมันแล้วแต่ยังคงเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้เป็นความทรงจำ ตอนแรกผมเองก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ แต่ตอนนี้…ความทรงจำของผมทั้งหมดกำลังถูกรื้อค้น ถอนรากถอนโคนออกมาจนหมด  ความทรงจำที่มาจากสมอง และความรู้สึกที่มาจากหัวใจกำลังจะกลับมา

ตอนนี้เหมือนโลกของผมกำลังหยุดหมุนด้วยรอยยิ้มของใครบางคน  หัวใจของผมผลิบานราวกับดอกไม้แรกแย้มที่กำลังบาน
สะพรั่ง 

     โอ้ยยยย…หยุดคิดถึงพี่เพลงไม่ได้เลยครับหัวหน้า คิดถึงแม่งมันทั้งวัน หลังเวลาอาหารสามมื้อ แล้วตอนนี้รู้อะไรไหมครับ?  ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่เพลงแล้ว ก็เดือนที่แล้วหลังจากที่เจอพี่เพลงพอตกคืนนั้นไอ้เจมส์ไอ้โก้มันลากคอผมไปร้านเหล้า
ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าแยมเขาไปด้วย  รู้สึกเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างมาก เพราะพี่เพลงก็ไปด้วยน่ะสิ นั่นแหละครับเลยเป็นโอกาสที่ได้คุยกัน  แล้วที่โคตรดีใจที่สุดก็คือ… พี่เพลงแม่งจำผมได้เว้ย!!   


     หัวใจผมนี่ลิงโลดดีใจยิ่งกว่าถูกหวยอีกไม่ต้องถามว่าผมเวอร์ไปมั้ย เออครับยอมรับว่าเวอร์ จะไม่ให้เวอร์ได้ยังไงนี่รักแรกเลยนะครับแล้วก็ไม่สมหวังด้วย… จำได้ว่าตอนนั้นโคตรเฮิร์ท ไม่ใช่อะไรเพิ่งมารู้ว่าพี่เขามีแฟนแล้ว เหี้ยมากกก!!

     วันนั้นที่ได้คุยกับพี่เขานะ หลังจากที่กลับบ้านแล้วนี่โทรหาไอ้ฟาร์มแทบไม่ทัน โทรไปพร่ำเพ้อพรรณนาถึงพี่เพลงให้มันฟัง เพราะมันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเรื่องราวและความรู้สึกของผมมันเป็นยังไง คุยไปคุยมาแม่งน้ำตาแทบไหล…ไมใช่เพราะซึ้งนะ แม่งหลับคาโทรศัพท์ใส่กู สันดานมากกกกก  กูอุตส่าห์ไม่หลับไม่นอนมานั่งพูดจนน้ำลายเหนียว

     แต่ก็นั่นแหละครับหลังจากนั้นมาผมก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่เพลงมากขึ้นจนเดี๋ยวนี้ถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน อย่างเช่นทานข้าว ดูหนัง พาไปซื้อของ ไปเที่ยวบ้างเป็นบางครั้ง นั่นแหละครับชีวิตแฮปปี้ดี มีความสุข สุขจนลืมไปว่าพี่เขามีเจ้าของหัวใจแล้วหรือยัง แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี่ก็ยังไม่เห็นพี่เพลงเขามีท่าทีเลยว่าจะมีแฟน หรือมีคนในใจบ้างแล้วเลยนะครับ แต่ก็ช่างมันเถอะ  ถ้ายังไม่มีอะไรชัดเจนผมก็ยังคงจีบพี่เขาได้อยู่  คราวนี้แหละรักแรกของผมจะต้องสมหวังแน่นอน  อาจารย์ปิงฟันหัก!! 


     ครืดๆๆ   

     นั่นไง…..คิดถึงรัก รักก็โทรมาหา ชื่อของคนในใจปรากฏขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ผมฉีกยิ้มออกมาแบบว่าปากนี่แทบจะฉีกถึงหู จนพี่หมากกับไอ้เสือที่นั่งอยู่ข้างๆมองตามด้วยความสงสัย พากันขมวดคิ้วเป็นปมจนนี่อยากจะเอานิ้วโป้ตีนไปนวดคลายปมให้

     ไม่ต้องสงสัยหรอกครับพี่น้อง คนกำลังมีความรักก็งี้ แค่เห็นชื่อเขาโชว์อยู่บนหน้าจอก็มีความสุขแล้ว   ฮิ้วววววววววว 

     “ฮัลโหลครับเพลง”   นั่นไง พอมีความรักอะไรๆก็เกิดขึ้นได้กับกูอย่างเช่นเสียงที่สอง

     [ปิงอยู่ไหน? วันนี้ว่างไหม?] 

     “ว่างครับ เพลงมีอะไรหรือเปล่า?”     

     [ช่วยไปเลือกของขวัญเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?  แล้วก็ว่าจะชวนไปงานวันเกิดเพื่อนเพลงน่ะ ว่างไหม? ถ้าไม่ก็ไม่เป็นไรนะ]   

     “ได้ๆ แล้วจะเจอกันที่ไหน?”  นั่น!! เรื่องทำคะแนนจีบสาวขอให้บอก แต่เรื่องทำคะแนนสอบไม่ต้องมาคุยกับกู!

     [อีกหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวเพลงไปรับที่บ้านนะ โอเคไหม?]   

     “โอเคครับ ถึงแล้วโทรมาบอกนะ”   
     เสร็จแล้วก็วางสายไป เรื่องเรียนอ่านหนังสือหนังหาเคยจริงจังแบบนี้ไหมถามใจดู… คุยโทรศัพท์เสร็จก็รีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาแทบไม่ทัน   ไอ้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาที่กำลังกินขนมอยู่นี่คว้าถุงขนมไว้แทบไม่ทัน อีกคนที่กำลังเล่นกับลูกอยู่ก็แทบทำลูกล่วงจากมือ พอเห็นผมลุกพรวดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย   

     “มึงเป็นห่าอะไรของมึงวะ?  เดี๋ยวนี้ทำตัวแปลกๆนะมึง”   

     “แปลกไรพี่ช่วงนี้ก็เหมือนเดิม”   

     “ใช่เหรอวะ?”  นั่นไงผสมโรงด้วยไอ้พ่อลูกอ่อน แล้วนี่ไม่มีการไม่มีงานทำหรือยังไง มานั่งรวมหัวกันถามกูเนี่ย เดี๋ยวปั๊ดขึ้นค่าเช่าเลยนี่   

     “ก็ใช่สิวะ เป็นไรกันเนี่ย ยุ่งกับผมทำแมะ?”  อย่างพี่มันและไอ้เสือนี่ต้องเปิดเสียงโหมดที่สามออกมาใช้เพื่อตอบสนองความเสือกของพี่มันแล้วก็มัน 

     จนถึงตอนนี้ต้องขอประทานอภัยที่ยังทำใจเรียกไอ้เสือว่าพี่ไม่ได้  คือมันชินปาก แหะๆ 

     “เอ้าไอ้นี่ ถ้าจะตอบแบบนี้มึงจะไปไหนก็ไปปะ”  พูดแล้วก็โบกมือไล่กูชิ่วๆเลย สรุปนี่บ้านใคร? ส่วนไอ้อีกคนนี่ก็เดินหนีด้วยการอุ้มเด็กอ้วนเข้าไปในห้อง   

     บทจะเสือกก็รวมหัวกันเสือก บทไม่เสือกก็ทิ้งกูแบบล่องลอยมาก  กูก็อยากอวดเหมือนกันนะว่ากำลังมีความรัก!



     ถึงห้างชื่อดังโดยเวลาประมาณที่พระอาทิตย์ตรงอยู่กลางหัว ก็ตอนเที่ยงนั่นแหละแล้วจะพูดทำไมให้มันยาวๆจังวะ พี่เพลงคนสวยเธอขับรถมารับผมในเวลาที่กำลังเป่าผมพรมน้ำหอมอยู่พอดี  ผมนี่วิ่งสี่คูณร้อยออกจากบ้านแทบไม่ทัน แต่พอถึงรถแล้วก็ต้องคีพลุคไว้นิ่งๆไว้ เดี๋ยวเขารู้ว่าเป็นคนยังไง

     เอาล่ะตอนนี้ขอออกทะเลสักหน่อย เพื่อไขข้อข้องใจของใครหลายๆคน   สงสัยกันใช่ไหมว่าทำไมก่อนหน้านี้ที่ผมคุยโทรศัพท์แล้วเรียกพี่เพลงด้วยชื่อเฉย  คือไม่ได้ปีนเกลียวแต่อย่างใดนะครับขอแถลงการณ์ตรงนี้เพื่อให้ประชาชีได้ทราบ ที่ต้องเรียกพี่เพลงด้วยชื่อแบบนี้เพราะพี่เขาขอมา  คืองี้เรื่องมันมีอยู่ว่า… พี่เพลงซิ่วจากมหาลัยอื่นมาเรียนที่มหาลัยนี้ ซึ่งเหตุผลว่าทำไมถึงซิ่วผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ขี้เสือกขนาดนั้นถึงแม้ว่าลึกๆแล้วในใจก็อยากที่จะรู้เรื่องของเขาใจแทบขาดน่ะนะ   
อ่าว…ย้อนแย้งสัดๆ


     นั่นแหละสรุปก็คือยากรู้แต่ไม่อยากถาม  และนั่นเลยเป็นที่มาให้พี่เพลงมาเรียนปีหนึ่งใหม่ ด้วยความที่ไม่อยากให้ผมเรียกผิดแปลกไปจากใครพี่เขาเลยให้ผมเรียกว่าเพลงเฉยทั้งที่ผมเองก็ค้านหัวชนฝาว่าไม่เอา  สุดท้ายก็ต้องตามน้ำครับเพราะพี่แม่งบอกว่าถ้ายังเรียกพี่อยู่จะไม่คุยด้วยอีกเลย ตอนนั้นกูนี่กระดกลิ้นกลับลำคุยกันด้วยสรรพนามที่เหมือนเพื่อนกันแทบไม่ทัน   
เรื่องที่ขอออกทะเลมาก็เป็นอย่างนี้นี่แหละครับ ไม่ได้มีอะไรมากแค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ 

     “ปิงว่าเพลงจะซื้ออะไรไปให้เพื่อนดี?”   เธอหันมาถาความเห็น ในขณะที่เรากำลังย่างเท้าก้าวเข้ามาในห้างจนแอร์เย็นๆตีแสกกลางเข้าหนังหน้า

     “แล้วเพื่อนของเพลงชอบอะไรหรือมีอะไรอยากได้เป็นพิเศษไหมล่ะ?”   ถามไปงั้นแหละจริงๆก็ไม่ค่อยเป็นคนมีรสนิยมเท่าไรไม่ค่อยอะไรกับเรื่องพวกนี้ด้วย แต่คือพี่ต้องคีพลุคไงครับหัวหน้า!   ต้องทำเป็นคนมีสาระเข้าไว้ ให้ความช่วยเหลือกับพี่เพลงได้เสมอในทุกๆเรื่อง ทั้งที่จริงแล้วนี่มีความรู้เท่าหางอึ่ง… ช้ำสัดดดด 

     “อืม…”   

     “อ๋อออออ คิดออกแล้ว เห็นเฟิร์นมันบอกเคยบอกว่าอยากได้น้ำหอมของวิคตอเรียซีเคร็ท…ไปดูกันเถอะ”   พี่เพลงพูดแล้วก็ลากแขนผมเดินตามไปเลย…แหม ต้องยกความดีความชอบให้ผมนะครับหัวหน้า  อุตส่าห์จุดประกายความคิดให้เขา  ถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดก็ตามน่ะนะ 

     สุดท้ายของที่ได้ก็คือน้ำหอมของ วิค วิคอะไรนะชื่อแม่งโคตรยาว ที่ราคาเท่ากับค่าข้าวหนึ่งเดือนของกูเลยครับ…ขานี่อ่อนทันทีพอได้เห็นราคาแล้ว 

แต่ถึงราคาแพงนี่ก็ไม่ได้ช่วยจ่ายนะคร้าบบไม่ใช่สายเปย์ แล้วอีกอย่างพี่เพลงเธอไม่ให้ยุ่งด้วย ตอนแรกก็ทำทีใจป๋าจะควักเงินจ่ายให้ ในใจก็ภาวนาให้พี่เพลงไม่ตอบตกลง แล้วก็เหมือนสวรรค์แม่งเป็นใจให้คนจนๆอย่างกูที่คิดจะเด็ดดอกฟ้าครับ ด้วยพลังแต้มบุญทั้งหมดที่มี พี่เพลงเลยตอบปฏิเสธกลับมา แถมยังบอกอีกว่าคราวหลังอย่าทำอย่างนี้นะ ถ้าทำแบบนี้อีกจะไม่ชวนไปไหนมาไหนด้วยอีก นั่นปะไร! กูนี่เก็บประเป๋าเงินเน่าๆทั้งเก่าทั้งแบนเข้าไปคืนด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องแทบไม่ทัน 

พอเลือกของเสร็จแล้วยังมีเวลาเหลือเฟือก็เลยชวนพี่เพลงกินข้าวเที่ยงด้วยกัน  แล้วก็ตบท้ายด้วยการดูหนังเพื่อฆ่าเวลา และเรื่องที่ดูก็เป็นหนังรักซะด้วย คนกำลังมีความรักก็ดูหนังรักแบบนี้เป็นธรรดา… แต่หนังรักที่ว่าแม่งตอนจบพระเอกตายสัด
แบดเอนด์ มากก ออกมาจากโรงพี่เพลงนี่ยื่นผ้าซับน้ำตาให้แทบไม่ทัน 

     หมดกันภาพลักษณ์ที่สั่งสมมานาน

     เสร็จแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็นก็เป็นอันว่ากลับบ้านเข้ามาแต่งตัว พี่เพลงเองก็กลับบ้านเพื่อไปแต่งตัวเหมือนกัน เห็นบอกว่าเสร็จแล้วจะขับรถมารับ…   

     จริงๆช่วงนี้เองก็แอบแปลกใจเหมือนกันนะว่าทำไมพี่เพลงถึงเข้าหาผมแปลกๆทั้งที่พอได้คุยกันในช่วงแรกๆเป็นผมซะมากกว่าที่จะชวนพี่เพลงไปไหนมาไหน แต่ตอนนี้มันกลับสวนทางกันอย่างชัดเจน  ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนจะเป็นพี่เพลงที่ชวนเสมอ เวลาจะทำอะไรก็ชอบโทรมาชวนผม อย่างเช่นกินข้าวดูหนังและอีกบลาๆ  แต่ถามว่าดีใจไหม?...บอกเลยครับว่าดีใจมากกก

     แหม…ไม่ใช่พี่เพลงเขาเริ่มชอบผมบ้างแล้วเหรออออออออออออ ถึงแม้ผมจะไม่ได้พูดมันออกไปแต่ผมมั่นใจว่าการกระทำของผมมันต้องแสดงออกมาแน่ๆว่าผมชอบเขามากแค่ไหน… 

   

     “ไปไหนวะ แต่ตัวซะหล่อเชียว กลิ่นตัวหอมฟุ้งเหมือคนกำลังมีความรัก”   เสียงเสือกของคนที่หนึ่งจากพ่อลูกอ่อน

     “เดี๋ยวนี้มีฟามรักเหรอมมมมน้องปิงงงงง”   เสียงของคนเสือกสองพันสิบเจ็ดคนที่สอง 

     “ว่าจะไปงานวันกิเดเพื่อน”  นี่ตอบแล้วก็เดินเข้าไปหาผู้ชายตัวยักษ์ทั้งสองที่กำลังนั่งโซ้ยข้าวเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย  อ้ออมีเด็กอ้วนด้วยอีกคนที่พ่อมันกำลังจับป้อนข้าวไปพร้อมๆกัน   

     “อ้วน!!”  พูดแล้วก็ยื่นมือไปจับแก้มย้วยๆของน้องกวาง  อ้อ! ลืมอัพเดตหลังจากวันนั้นไปก็ดูเหมือนว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก
     มันมีสัญญาณที่ดีขึ้นคอยแจ้งเตือน  คือสามารถเข้าใกล้เด็กน้อยในประยะประชิดได้แล้วนะครับ  ค้นพบว่าเด็กบางคนก็ไม่ได้เปรตเสมอไป กูขออย่างเดียว อย่างเดียวที่ขอ  คือย่ามาร้องแหกปากโวยวายให้กูได้ยิน ไม่งั้นเด็กก็เด็กเถอะพ่อจะตบบ้องหูให้นับดาวแทบไม่ทันเลย 

     “อย่าไปจับแก้มสิวะ น้องกินข้าวอยู่!”    แหม…พูดเสียงดังซะกูตกใจเลยนะห่าราก แถมยังปัดมือกูออกแบบไม่ใยดีด้วย 

     “เออมึงนี่ไม่รู้เรื่อง!”   โห...แล้วนี่ไปสนิทกันตอนไหนวะ สุมหัวรวมกันแกล้งกูจัง อย่าให้กูเรียกเพื่อนฟาร์มกูมานะครับ แต่โทษทีวันนี้พี่ไม่ว่าง 

     “อะไรเนี่ย รุมเหรอ?”   นี่ยืนค้ำหัวถามเลย ให้รู้บ้างว่าที่นี่ใครใหญ่   


     ปิ๊น!!!!
     พี่หมากมันกำลังอ้าปากพูดขึ้นแต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงแตรรถ และนั่นก็คงจะเป็นเสียงจากรถของพี่เพลง ว่าแล้วก็ไปดีกว่า เดินออกมาทิ้งให้มันสองคนสงสัยกันเล่นๆ

     ตอนออกมาก็แอบได้ยินเสียงไล่ตามหลังมาของคนในบ้านทั้งสองคน แต่ก็จับใจความไม่ได้ว่าอะไร เพราะตอนนี้สติและหัวใจไปอยู่กับคนบนรถหน้าบ้านหมดแล้ว


     เห็นพร่ำเพ้อถึงพี่เพลงแบบนี้ถามว่ารักจริงไหม? บอกเลยว่ารักจริงมาก  จริงจังมากด้วย ก็นี่รักแรกเลยนะถึงก่อนหน้านี้ที่จะไม่ได้เจอกันพี่เขาก็ยังอยู่ในใจตลอดเลยนะ แค่ไม่พูดถึงเท่านั้นเอง…เพราะแม่งเดี๋ยวจะฟีลแบบเพลงเกือบของพี่บุรินทร์ 

ผมแอบชำเรืองมองพี่เพลงนิดหน่อยระหว่างที่พี่กำลังขับรถอยู่ วันนี้เธอมาในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เปิดเปลือยโชว์ลาดไหล่ขาวเนียน แล้วพี่เพลงเป็นคนผิวขาวมากพอได้เดรสสีแดงมาใส่แล้วยิ่งโคตรดูขลับผิวให้สว่างขึ้น…หวงงงง                         

แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่ได้โปรดอย่าถามว่าทำไมกูถึงไม่ขับรถ…เพราะใดใดในโลกนี้ที่เป็นรถยนต์ทุกชนิดกูล้วนขับไม่เป็น  เลยต้องนั่งหน้าบางอยู่แบบนี้ไง คิดอยู่ว่าเดี๋ยวจะไปเรียนขับรถ ทุกวันนี้ขับจักรยานให้ไม่ล้มได้ก็ถือว่าเก่งมากโข 


     และแล้วก็มาถึงร้านเหล้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่เปิดเป็นทั้งโซนผับโซนร้านเหล้าในพื้นที่เดียวกัน แต่สงสัยว่างานของเพื่อนพี่เพลงจะจัดที่โซนฝั่งผับ เพราะตอนนี้เรากำลังเดินเข้ามานี่ไง 

     “วร้ายยยย นั่นไงนังเพลงมาแล้ว แหม…จะแต่งตัวมาแย่งซีนเจ้าของงานเหรอยะ”  พอเดินเข้ามาถึงโต๊ะของเพื่อนพี่เพลง ผู้หญิงคนหนึ่งก็ลุกจากเก้าอี้ออกมาทักทายพี่เพลงทันที ก่อนจะหันมามองผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เห็นสีหน้าพี่เขาแล้วกูรู้เลยว่าอยากแซว   


     “อ้อ เฟิร์นนี่ปิง ส่วนปิงนี่เฟิร์น” 

     “หวัดดีจ้ะปิง”

     “หวัดดีครับ”แหะๆ  ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแบบเป็นมิตรให้ไปนี่แหละ 
นี่แก๊งนี้ไม่ใช่แก๊งที่มหาลัยนะ  เห็นพี่เพลงบอกว่าเพื่อนจากมหาลัยเก่าที่ซิ่วมา  นี่ก็เลยต้องทำตัวไม่ปีนเกลียวเรียกพวกเขาว่าพี่ 
แต่ถ้าเจอกันที่มอผมก็จะเรียกเพลงเฉยๆ 

     “เเล้วนั่นก็ปรางกับอ้อม”  พี่เพลงแนะนำเพื่อนอีกสองคนต่อ ส่วนผมก็ยิ้มแบบคนที่มาอย่างเป็นมิตรจนปากแทบจะฉีกถึงหูเห็นฟันครบทุกสามสิบสองซี่ยันฟันคุด  และน้ำลายกูก็เริ่มแห้ง…

     “มาๆนั่งค่ะน้องปิง มานั่งข้างพี่นี่มะ”  ผู้หญิงคนสวยๆที่ชื่ออ้อมพูดพร้อมกับตบลงบนเก้าอี้ที่ว่างข้างกายเธอเบาๆ 

     “อะไรของพวกเธอเนี่ย ปิงนั่งนี่แหละ”  พี่เพลงพูดแล้วก็เลื่อนเก้าอี้อีกตัวมาให้ผม และกลายเป็นพี่เพลงที่นั่งลงข้างพี่อ้อมแทน   


     นั่นแน่!!! หวงอ่ะดิ๊ 
     ให้พื้นที่กูมโนหน่อยครับหัวหน้า


     “แหม… เบื่อจริงๆพวกหวงของเนี่ย”  พี่ปรางเธอพูดแล้วก็เบะปากจนหน้าเบี้ยวเลยครับ ถ้าทางจะหมั่นไส้จริงๆ

     “พอเลิกคุยกะพวกเธอละ  ชั้นคุยกับนังเฟิร์นดีกว่า”  ว่าแล้วพี่เพลงก็หยิบกล่องของขวัญในกระเป๋าออกมาให้เพื่อน   
แล้วบทสนทนาของบรรดาสาวๆที่กูไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมก็เกิดขึ้นภายในบัดดล…  จนทำให้กูนึกคิดขึ้นมาได้ว่านี่กูมาทำอะไรอยู่ที่นี่ฟระ!



     หนึ่งชั่วโมงให้หลัง

     ตอนนี้ยังไม่เมาเลยครับเพราะไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไร แต่สาวๆตอนนี้นี่กำลังได้ที่ โดยเฉพาะคนข้างๆกูเนี่ยเมาแล้วเลื้อยมาก ไซร้คอ ซบไหล่กูตลอด คือก็ไม่ได้อยากจะยอมน่ะนะแต่ไหนๆก็ไหนๆยอมก็ได้  เอะอะก็มากระซิบข้างหูกูมั่ง จับไม้จับมือกูมั่ง 
คือนี่ถ้าพี่เพลงเมาแล้วเป็นแบบนี้ไม่กล้าปล่อยให้ไปกินเหล้ากับใครเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าแต่ก่อนที่เวลาไปกินเหล้าเป็นแบบนี้หรือเปล่า
คือยากถามมากรอดมาได้ยังไง?   

     “อีเพลง!!”  นั่นไงพอเมาแล้วสรรพนามก็เริ่มเปลี่ยนจากเธอจากเราเป็นอีเป็นมึง 

     “ไรของมึง!”    พี่เพลงตอบกลับด้วยเสียงดังพอๆกับลิ้นที่พันกัน 

     “มึงดูนู่น”  พี่เฟิร์นเธอพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปยังโต๊ะที่อยู่เยื้องๆกัน

     “ช่างมันดิ”  พอหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำสมชายชาตรีผิดกับกูมาก  ว่าแต่เกี่ยวไรกับพี่เพลงวะ  แล้วไอ้ผมที่เหงี่ยหูรอฟังแม่งก็นกสิครับ พอพี่เพลงบอกช่างมันทุกเสียงในโต๊ะก็เงียบลงถนัดถี่..คือมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกวะเนี่ย


     หลังจากนั้นได้ไม่นานประมานสองนาทีได้พี่เพลงก็ฝากกระเป๋าสะพายไว้กับผม และลากพี่เฟิร์นไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนด้วยทันที  ด้วยความเสือกของกูก็เลยแอบหันกลับไปมองไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ แต่พอกูมองกลับไปเท่านั้นแหละครับหัวหน้า แม่งเล่นส่งสายตาพิฆาตอำมหิตมาให้กูเฉย…นี่คือเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกไหม? 


     “พี่ปรางครับ ขอถามได้ไหมว่านั่นใคร?” ด้วยความสงสัยหรือเรียกแบบหยาบคายสไตลส์กูว่าเสือกนั่นแหละ มันอดไม่ได้ก็เลยที่จะถามพี่เขา 
 
     “อย่าว่างั้นงี้เลยนะ พี่ก็ไม่ค่อยอยากตอบเท่าไรอ่ะ”   เธอพูดแล้วก็ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม 

     “มึงจะกลัวอะไรวะกับไอ้แค่แฟนเก่าอีเพลงมัน!!”   

นั่นประไร!! ว่าแล้วทำไมมันแหม่งๆ  สงสัยพี่อ้อมจะเมาถึงพูดออกมาได้ เลยโดนพี่ปรางคนที่มีสติอยู่ครบกว่าปิดปากไว้แทบไม่ทัน 


     “แล้ว”
 
     ครืดๆ   พอกำลังจะถามต่อเสียงโทรศัพท์พี่เพลงที่ฝากไว้กับผมก็สั่นขึ้น  และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอนั่นก็คือ ป๊า  ของพี่เพลง 
เอาไงล่ะ…กูคงจะกล้ารับอยู่หรอก แล้วนี่ทำไมไปเข้าห้องน้ำกันนานจังเลยล่ะเนี่ย   ทำยังไงดี…

     “เดี๋ยวผมมานะ เอาโทรศัพท์ไปให้พี่เพลงก่อน”  สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาพี่เพลงที่ห้องน้ำ เพราะดูท่าทีว่าโทรศัพท์มันจะไม่หยุดสั่นสักที   

     ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำได้ไม่เกินสองนาทีผมก็เห็นร่างคุ้นตาของพี่เพลงแล้วก็พี่เฟิร์นเดินออกมา  “พี่เพลง”   แต่…พอผมเรียกแล้วสงสัยจะไม่ได้ยินกันแน่ๆ  เพราะว่าเห็นเดินออกมานอกร้านกันเฉยเลย แล้วนี่ทำไมคนตรงนี้มันแออัดจังเลยวะ ดูดิเนี่ยเดินตามพี่เพลงไม่ทันแล้ว  ไอ้โทรศัพท์นี่ก็สั่นรอบที่สามสิบแปดแล้วมั้ง  ไม่ใช่อะไร คือกลัวพี่เขาโดนพ่อด่า 

     “มึงคิดดีแล้วเหรอวะที่ทำแบบนี้?”   ทันทีที่เดินตามมาจนทัน ผมเห็นพี่เพลงกับพี่เฟิร์นยืนคุยกัน อยู่ข้างๆร้านที่มันเป็นตรอกซอย มีรถจอดอยู่บ้างประปราย แถมยังไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาด้วย มันเลยทำให้ผมได้ยินบทสนทนาของเขาชัดเจนหน่อย

     “อืม…กูเองก็อยากรู้ว่าไอ้เปอร์มันยังรักกูอยู่ไหม?”   พี่เพลงพูดพร้อมกับจุดบุหรี่สูบ   
   
     พี่เพลงสูบบุหรี่ด้วยเหรอวะ?   

     แล้วนี่เขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย เปอร์นี่คือใคร…
และแล้วความเสือกก็ไม่เคยยอมแพ้ให้กับความถูกต้อง นี่เลยแอบขยับเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับหลบอยู่ข้างๆถังขยะเพื่อแอบฟังเขาคุยกัน 

     “แล้วความรู้สึกของน้องเขาล่ะวะ ดูก็รู้ว่าน้องมันชอบมึงมันกำลังจีบมึงอยู่!”   

     “ไม่รู้ แต่มึงก็เห็นนี่ตอนที่กูแกล้งเมาแกล้งนัวเนียปิงไอ้เปอร์แม่งก็ทำท่าทีหึงกูใหญ่เลย แสดงว่ามันยังรักกูอยู่” 

     “เรื่องนั้นมันสำคัญกับมึงกูก็พอรู้ แล้วปิงล่ะวะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนะเว้ย มึงจะเอาน้องเขาเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้!”   

     “เหอะ!! กูไม่สนใจหรอก คนที่กูสนใจมีแค่ไอ้เปอร์ กูอยากให้มันกลับมา!”   

     ฮะ…  ด เดี๋ยวนะ น นี่ผมหูฝาดเหรอวะ…หรือว่ากำลังเมา  ค คือเรื่องมันเป็นยังไง นี่งงไปหมดแล้ว   

     “อีเพลงมึงอย่าเห็นแก่ตัว!!” 

     “ทำไม! กูแค่รักไอ้เปอร์มันมากอยากให้มันกลับมากูผิดมากนักรึไง!  ฮือออ…”   ผมได้ยินเสียงสะอื้นของพี่เพลง พี่เพลงกำลังร้องไห้…และน่าจะร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้น   

     “มึงไม่ต้องร้อง! มึงจะทำยังไงก็ได้ให้ไอ้เปอร์กลับมานั่นเป็นสิทธิ์ของมึง แต่มึงจะใช้น้องปิงมันเป็นเครื่องมือไม่ได้ เพราะเขาก็มีหัวใจเหมือนกันกับมึง เจ็บได้ร้องไห้เป็น แค่กูเห็นสายตาที่น้องเขามองมึงกูก็รู้แล้วว่าน้องเขารักมึงมาก!”   

     อึก…


     ผมพอที่จะเข้าใจและประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว หลังจากที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ออกมาจากปากของพี่เฟิร์น 
ผมเป็นแค่คนที่พี่เพลงใช้เป็นเครื่องมือสินะ…

     เจ็บว่ะ…

     ทำไมมันเจ็บแบนี้

     “ปิง…”  สุดท้ายผมก็ทนหลบซ่อนไม่ไหว เลยตัดสินใจค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังถังขยะนี่  พี่เพลงที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ถึงกับหน้าถอดสี พร้อมกับเรียกชื่อผมออกมาด้วยเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้เบาพอที่ผมจะไม่ได้ยิน   

     “พ่อพี่โทรมาครับ”   ผมกลับมาเรียกเธอว่าพี่เหมือนเดิม ก่อนจะเดินเอากระเป๋าสะพายและโทรศัพท์ยื่นให้เธอไป

     “ป ปิง  พ พี่”   เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ

     “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” ผมพูด เม้มริมฝีปากแน่น “ยังไงก็…ขอให้พี่เขากลับมานะครับ”


     จากนั้นผมก็เดินออกมาพร้อมกับหัวใจที่กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ   จนคิดว่าถ้ามันเป็นแก้วมันก็คงจะร่วงหล่นลงพื้นกระจัดกระจายแตกละเอียดไปหมด  ที่ผมไม่ได้พูดสิ่งที่ใจกำลังคิดอยู่ออกมา ทั้งที่จริงอยากพูดใจแทบขาดแต่เพราะว่าทั้งความรู้สึกและความคิดมันกำลังตีกันให้วุ่น ทั้งสับสนและเจ็บแปลบจนคำพูดที่อยากจะพูดมันเรียบเรียงออกมาเป็นประโยคไม่ได้ 

     งี่เง่าสิ้นดี…
     
     เลยได้แต่เดินหันหลังออกมาพร้อมกับความเงียบ 
     ผู้ชายคนนั้นคงจะชื่อเปอร์สินะ… ก็หลงผิดคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพี่เพลงจะมีใจให้กันบ้าง คิดไว้ว่าไม่สักวันใดก็วันหนึ่งพี่เขาจะรู้ถึงความจริงใจและความรักที่ผมมีให้ ตั้งแต่ที่เรียนมอปลายจนตอนนี้เรียนมหาลัย แต่ก็เปล่าเลย


     หนึ่งเดือนเต็มๆสำหรับคนอื่นอาจจะน้อยไป แต่สำหรับผมคนที่แอบรักเขามาตลอดอย่างผมขอพูดเลยว่ามันมีค่ามาก สำหรับผมไม่ว่าจะหนึ่งนาที สองนาที หรือไม่กี่วินาทีมันก็มีค่ามาก แล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงถึงจะเป็นคนตลกโปกฮา ดูเหมือนเป็นคนไม่มีอะไรแต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย

     การที่ได้มีพี่เพลงเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ผมไม่ได้เผื่อใจไว้เลย…ตอนนั้นก็แค่อกหักไปตามประสาเด็กน้อย คิดว่าอีกไม่นานคงจะเลิกชอบได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ พอได้เจอหน้าเขาอีกครั้งมันยิ่งทำให้ผมตัดใจไม่ได้

     ผมอยากถามพี่เพลงมากว่า   

     แล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันคืออะไร…?

     แต่ผมก็มีความกล้าไม่มากพอ ผมกลัวคำตอบที่จะได้ฟัง สู้หันหลังหนีออกมาเงียบๆดีกว่า

     ยอมแล้ว ผมเข็ดแล้ว ไม่คิดเลยว่าความรักมันจะน่ากลัวขนาดนี้… 



มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 12:22:15 โดย กิงก่องโก๊ะ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อจากตอนที่เจ็ดค่ะ


บันทึกของเสือ


     ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน น้องกวางนี่ก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ส่วนผมหลังจากเคลียร์อะไรๆเสร็จแล้วทั้งหมดก็เพิ่งได้มีเวลาเข้าไปอาบน้ำล้างตัวหน่อย เสร็จแล้วก็ว่าจะมานั่งยิงยาวเคาท์ดาวน์ทำงานจนถึงเช้าเหมือนเดิม ทั้งงานราษงานหลวงไม่เคยขาด เรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องลูก  เครียดพอตัวเลยครับ

     ครืดๆ 

     และอยู่ๆเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดความเครียดที่กำลังบังเกิด  คนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…ไอ้ปิง 

     “ฮัลโหล”  ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่กดรับ ปกติถ้าไม่มีอะไรก็จะไม่โทรมานี่   อืม…หรือว่าจะมี

     [อยู่ไหนวะ?]   น้ำเสียงของปิงที่ใช้ถามผมมันติดสั่นเครือนิดๆ   
     มันเป็นอะไรของมัน?

     “อยู่บ้านสิ จะให้ไปไหนล่ะ” ก็ตอบกวนตีนมันแบบที่ทุกทีมันชอบกวนตีนผมนั่นแหละ

     [มารับหน่อยได้ไหม]  แต่ทำไมวันนี้มาแปลก ปกติถ้าไม่ด่าก็จะกวนตีนผมกลับนี่

     “รับที่ไหน?”   สงสัยจะไม่มีอารมณ์เล่น ผมเองก็เป็นพวกที่พอจะรู้กาลเทสะอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรุ่นน้องก็ตาม  ยังไงซะ เราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ลองนึกสภาพตอนที่เรากำลังไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นอะไรสิ แล้วมาเจอคนที่กวนตีนใส่เรามันน่าหงุดหงิดขนาดไหน

      [ที่XXX] 

     “โอเคๆ”   ว่าแล้วก็กดวางสายไป  แต่วันนี้มาแปลกจริงๆนะมันต้องเป็นอะไรแน่ๆ ตอนเย็นยังเห็นอารมรณ์ดี ดี๊ด๊าอยู่เลย
ก๊อกๆ  “หมาก!”   


ก่อนผมจะออกไปก็เดินมาเคาะประตูห้องไอ้หมากมันก่อน ว่าขอฝากน้องกวางไว้สักแป้ปไปรับไอ้เจ้าของบ้านตัวปัญหาก่อน สงสัยว่าคงจะมีปัญญาเที่ยวแต่ไม่มีปัญญากลับ

     “อะไร?”    พอมันเปิดประตูห้องออกมา เสียงเพลงร็อควงโปรดของมันก็ดังออกมาทันที 

     “ฝากน้องกวางหน่อย เมื่อกี้ปิงมันโทรมาบอกว่าให้ออกไปรับ” 

    “มันอยู่ไหน?”   

     “อยู่XXXน่ะ  สังสัยหารถกลับไม่ได้”   

     “เออๆ  ไปๆรีบไปรับมันเดี๋ยวแม่งโดนฉุดเอาถึงมันจะเป็น ผู้ชายแต่แม่งก็สเป็คเกย์เลยไอ้สัด!” เสียงไอ้หมากดังไล่ตามหลัง     
หือ…ตอนเดินออกมาขาแทบเดินสะดุดกัน

     แล้วแบบผมนี่ถือว่าเป็นเกย์ไหมนี่ยังไม่รู้เลย เพราะจริงๆก็ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนนะครับ ไม่เคยมีอะไรด้วยเลย(ก็ยกเว้นปิงไว้คนหนึ่ง) ส่วนสาวสวยๆนี่ก็ยังมีใจสั่นอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้คิดจะอะไรกับเขานะครับ  ยังไงซะผมก็มีลูกแล้วแค่น้องกวางคนเดียวก็พอ สาวๆคนไหนผมก็ไม่ต้องการแล้ว



     สิบนาทีให้หลัง

     ผมขับรถมาถึงผับที่ไอ้ปิงมันบอกแล้ว ดีหน่อยที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรแต่แถวนี้ถ้าเป็นตอนกลางวันแล้วรถติดนี้เผื่อเวลาไว้เลยเป็นชั่วโมง

     ผมขับซูโม่เอ็กซ์ลูกรักมารอไอ้ปิงอยู่หน้าผับได้ห้านาทีแล้ว  เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาก็ปรากฏว่าเพิ่งเตลิดเที่ยงคืนมาหน่อยๆ  หลังจากนั้นผมก็กดโทรศัพท์โทรหาปิงมันทันที 

     “ถึงแล้ว”  พอมันกดรับสายผมก็บอกมันให้ได้รู้ว่ามาถึงแล้ว

     [ขับรถเตลิดจากร้านมาหน่อยนะ  นี่กำลังเดินรออยู่]   
     เดี๋ยวนะเป็นคนบอกให้ผมมารับแล้วมันจะไปเดินรอทำไม?   

     “อืม”  ผมตอบรับเสียงในลำคอ
     ก็ได้แต่เก็บความแปลกใจไว้ ขับรถออกมาจากหน้าผับตามที่มันบอก  มองหาร่างคุ้นตาของมันที่คงจะกำลังเดินอยู่บนฟุตบาท 


     แล้วก็เจอครับ…

     เจอใครก็ไม่รู้สองสามคนที่กำลังยืนทำอะไรกันสักอย่างอยู่ที่ข้างทาง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นไอ้ปิงมัน เพราะลักษณะท่าทางและรูปร่างนี่โคตรเหมือน… เดี๋ยวนะ เหมือนจริงๆว่ะ   

     เหมือนจนผมที่ขับรถเตลิดผ่านมาแล้วต้องรีบจอดรถไว้ข้างฟุตบาทแล้วหันไปดูแทบไม่ทัน 

     นั่นไง ไอ้ปิงจริงๆด้วย!!   

     เฮ้ยยยยยยย!!   แล้วทำไมมันถึงโดนเขารุมกระทืบแบบนี้

     ทันเท่าความคิดผมกระโดดลงจากรถมอ’ไซค์ด้วยความรวดเร็วไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  เพราะปิงมันกำลังโดนทำร้าย ถึงมันจะปากหมานิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาทำมันแบบนี้นะ 

     “เห้ยยย!! ปล่อยมันนะเว้ย!!”   ผมวิ่งเข้าไปทันในขณะที่อีกคนมันกำลังล็อคแขนปิงไว้จากทางด้านหลัง และอีกคนตรงหน้าก็กำลังระดมหมัดเข้าใส่ใบหน้าของปิง

     “มึงเป็นใคร!!!”   มันหันมาถามผมด้วยความเกรี้ยวกราด แต่คิดเหรอว่าผมจะกลัว 

     “มึงนั่นแหละเป็นใคร มาทำเหี้ยอะไรน้องกู!?”   ผมพยายามตอบกลับไปด้วยความใจเย็น  ถึงปิงมันจะเคยทำไม่ดีกับผมและน้องกวางไว้แต่ผมก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับมันนะ เพราะตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้วจริงๆ  ผมไม่อยากเห็นคนใกล้ตัวมาเจอเรื่องแบบนี้

     “อ้อ!! นี่น้องมึงเหรอ? คราวหลังก็สั่งสอนมันหน่อยนะว่าไม่ควรมายุ่งกับเมียคนอื่น!”   
ฮะ…เมีย?

     พอได้ฟังคำตอบก็อดมองไปหาปิงที่เริ่มจะสลบยืนคอหักคอห้อยรอยเลือดและรอยช้ำกระจายไปทั่วใบหน้า  มองสลับกันกับไอ้คนตัวใหญ่ตรงหน้า เผื่อว่ามันจะเล่นผมทีเผลอ 

     “กูไม่รู้หรอกนะว่ามันทำอะไรกับมึงไว้ แต่มาทำมันอย่างนี้ก็ไม่เกินไปหน่อยเหรอ? คนนะเว้ยไม่ใช่สัตว์ที่คิดจะทำร้ายกันแบบนี้”   แต่ถึงเป็นสัตว์แม่งก็ไม่ควรว่ะ  มันเกินไปจริงๆ 

     “หรือมึงจะเอาด้วย มึงอยากเจ็บตัวใช่ไหม!!”   คราวนี้มันพูดพร้อมกับชี้หน้าผมและเดินเข้ามาหมายจะต่อย  แต่แล้ว…

     “เฮ้ยน้องทำไรกัน นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ!!” 
     สิ้นเสียงคำพูดเสียงดังของชายคนหนึ่ง ไอ้คนที่กำลังล็อคตัวปิงไว้ถึงกับปล่อยลงแทบไม่ทัน จนร่างมันนี่เกือบจะลงไปนอนกองที่พื้น ดีที่ผมวิ่งเข้าไปรับไว้ทัน   มันสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่ถึงสองวินาทีก็วิ่งไปขึ้นรถตัวเองในทันที และรีบขับออกไปด้วยความรวดเร็ว 

     “น้องเป็นไรหรือเปล่าครับ?”   ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาดูอาการไอ้ปิง และถามอาการผม

     “ผมไม่เป็นไรครับ แต่น้องผม…”   

     “ไปโรงพยาบาลไหม เดี๋ยวพี่พาไป” 

     “ไปครับไป ขอบคุณมากครับ”   ว่าแล้วผมก็อุ้มร่างปวกเปียกที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยช้ำของไอ้ปิงไปขึ้นรถพี่เขาทันที 

โดนขนาดนี้ไม่สลบก็ให้มันรู้ไป ไม่รู้ว่าจะช้ำในตรงไหนบ้าง แต่ก่อนตอนอยู่ปีหนึ่งก็เคยมีเรื่องมาบ้างเจ็บเอาการเลย ขนาดไม่ได้โดนเยอะขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างไอ้ปิง 

     “เดี๋ยวมอ’ไซค์ของน้อง พี่จะให้น้องชายพี่ขับตามไปนะไม่ต้องห่วง”  เขาหันมาพูดกับผม และหันไปพูดกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้ารถข้างๆเขาว่า “มึงไปขับมอ’ไซค์คันนั้นตามมาหน่อยนะ”   

     ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกทันที  ที่จริงผมก็เป็นห่วงรถเหมือนกันแต่ที่ห่วงมากกว่ารถตอนนี้คือปิง  มึงอย่างเป็นอะไรนะไอ้เด็กปากดี   ก็ได้แต่ภาวนาในใจ ผมลูบศีรษะมันด้วยความปลอบประโลม อย่างน้อยก็มันได้รู้สึกตัวว่าเป็นผมที่อยู่ข้างๆมัน ซึ่งตอนนี้มันเอนลงมาซบไหล่ผมอย่างไร้สติ       

     “ขอบคุณพี่มากนะครับ”   ถึงน้ำเสียงและสีหน้าของผมมันจะดูราบเรียบแต่คำขอบคุณผมก็พูดมันออกมาจากใจจริง

     “ไม่เป็นไร แต่พี่ก็ไม่เข้าใจคนอื่นเขาขับรถผ่านไปได้ยังไงไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือยังไง”  พี่เขาบ่นด้วยความโมโห

     “แล้วพี่เป็นตำรวจจริงๆหรือเปล่าครับ?”   ถ้าเป็นตำรวจจริงๆนี่ต้องทำอะไรบ้างสิ

     “ไม่ใช่หรอก พี่ขู่มันเฉยๆ ดีที่มันเชื่อ นี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามันไม่เชื่อจะทำยังไงดี”   
 

     แม่ครับผมเจ็บ…

     ปิงมันละเมอขึ้นมาเสียงเบาผะแผ่ว และสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้คือสัมผัสที่ชื้นแฉะตรงบริเวณไหล่ผม มันคงจะละเมอออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลซึม  ท่าทางจะเจ็บมาจริงๆ แล้วไม่รู้ว่ามันโดนเรื่องอะไรกระทบจิตใจมา ถึงละเมอหาแม่และร้องไห้ขนาดนี้

     “ปิงกูอยู่นี่”  ผมรวบตัวปิงเข้ามากอด กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เพื่อให้มันรู้ว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้ 
ผมไม่สนว่าจะมีคนอยู่ในรถ ไม่ได้สนว่าคนอื่นจะคิดยังไงที่ผู้ชายด้วยกันมานั่งกอดปลอบกันแบบนี้ ยังไงซะมันก็เหมือนน้องผม
คนหนึ่ง

     ตอนนี้ถ้าใครได้เห็นสภาพของปิงแล้วก็คงจะอยากทำแบบผมเหมือนกัน… มันเป็นเด็กที่น่าสงสารนะ ถ้าถูกขัดเกลานิสัยมีคนคอยบอกคอยสอนอีกสักหน่อยมันก็จะเป็นผู้ชายนิสัยดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงมันจะกวนตีน ปากหมา กะโหลกกะลา พูดไม่คิดก็เถอะ คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวันมันก็ได้เห็นได้สัมผัสอะไรๆที่มากกว่าคนอื่นได้เห็น และความคิดที่ล่องลอยไปไกลก็คืนกลับมาด้วยเสียงละเมอกับการตอบสนองของปิงด้วยการกอดตอบผมแน่นขึ้น     

     อ่า…ไอ้เด็กปากหมา มึงรีบตื่นขึ้นมาเลยนะ อย่าใจเสาะ  กูยังอยากฟังเสียงมึงคอยกวนตีนกูอยู่

     “นี่แฟนน้องหรือเปล่า?”   อยู่ๆพี่เขาก็ถามขึ้น สงสัยจะเห็นว่าผมทำกับมันเกินกว่าที่คนเป็นพี่น้องเขาจะทำกัน

     “ไม่ใช่หรอกครับ รุ่นน้องผมเอง” 

     “ไม่ต้องอายหรอกน่า  สมัยนี้แล้วรู้สึกยังไงก็พูดออกมา พี่ก็มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งอายุก็เข้าขั้นหลักสี่แล้วแต่เพิ่งมารู้ใจตัวเองว่าเป็นคนยังไง”   

     “ตะ แต่”

     “เอาน่า ถ้ายังไม่รู้ใจตัวเองอยู่ต่อไปเดี๋ยวก็รู้ ลองปล่อยใจให้ทำตามที่มันเรียกร้องซะบ้าง”

     “เอ่อ…”   ก็ได้แค่เอ่อ…ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง พูดไปก็คงไม่เข้าใจ ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปซะยังไงก็คงไม่ได้เจอกันหรอก  อีกย่างผมมีลูกแล้วผมคงจะมานั่งทำตามใจตัวเองเหมือนที่เขาบอกไม่ได้หรอก ถ้าเกิดน้องกวางโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าเขามีพ่อที่มีรสนิยมไม่เหมือนใคร ชอบผู้ชายด้วยกัน เขาคงจะอายน่าดู อาจจะรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 

     แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง…ผมว่าผมไม่ได้ชอบปิงมันหรอก   ถึงบางครั้งอาจจะมีใจเต้นแรงบ้างบางครั้งที่ได้เข้าใกล้ ยอมรับเลยก็ได้ว่าพักหลังๆนี้เป็นบ่อย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  แต่ก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวความรู้สึกมันก็คงจะหายไปเอง อาจจะเป็นเพราะครั้งแรกที่เราเจอกันมันคือวันไนท์แสตนด์ ก็คงเป็นเพราะแบบนั้นที่ทำให้ผมแอบไขว้เขวไปบ้าง 

     แต่ก็หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกนะ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้  มันคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ…


จบบันทึกของเสือ




 Rewrite 16/7/60
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 12:23:46 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ใจเย็นๆๆๆเสือ ปล่อยปิงไปก่อน ถ้าได้ตอนนี้อีกมีหวังบ้านแตก
ช้าๆๆแล้วค่อยตะครุบจับกินทั้งตัวทั้งหัวใจ อร่อยสุดๆๆๆน่ะ อิอิ
ฉากที่รอคอย หึหึ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปิงเอ๊ย......ไปคิดถึงนาง ทำไม  :fire:
สงสัยนาง ไม่รู้ด้วยว่า เปอร์ แฟนเก่า ที่ได้มาใหม่ ซ้อมปิง
ด้วยวิธีพิสูจน์บ้าๆบอๆ เล่นกับความรู้สึกคน นางเลวววววว
ปิง ตั้งตัวใหม่ได้และ เลิกรักคนที่เขาไม่เห็นคุณค่าเรา
คิดด้วยว่าใครที่ดีกับปิง ยังไงก็ดีเสมอ
เสือ อย่าตบะแตก เดี๋ยวความสัมพันธ์จะเลวร้าย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่แปด : stay high
 



     ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไปทั้งตัวอย่างกับว่าร่างมันกำลังจะแหลกสลายไปให้ได้  เมื่อปรับโฟกัสสายตาแล้วสิ่งที่พบก็คือฝ้าเพดานสีขาวและรอบๆห้องนั้นก็มีแต่สีขาว 

     นี่มันไม่ใช่ห้องผมนี่หว่า… 
     
     โอ้ยยยยยยย!! 

     พอกำลังจะลุกเท่านั้นแหละรู้สึกหมดแรงและเจ็บไปตามเนื้อตามตัวหมดเลย

     เดี๋ยวนะขอประมวลผลสักครู่…

     เมื่อคืนนี้หลังจากเล่นใหญ่ทำซึ้งเป็นพระรองต่อหน้าพี่เพลงนี่ก็เดินออกมา มาเรื่อยๆ แล้วก็เรื่อยๆ  แล้วกูก็มานึกได้ว่า จะมาเดินทำห่าอะไร โทรให้แม่งคนมารับสิวะ! สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะโทรให้ไอ้เสือมันมารับแล้วหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีใครไม่รู้อยู่ๆก็
ลงจากรถมาล็อคตัวผมไว้ เออเออง่ายๆแม่งโดนรุมกระทืบสัด!  ทีแรกก็งงว่าใครไอ้ฉิบหายแฟนเก่าพี่เพลง ผีมากกก ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยตีกับใครเลยครับหัวหน้า แล้วนี่เสือกมาโดนรุมกระทืบ คือที่ตื่นมาได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้วอ่ะ 


     เฮ้ออออ   พูดแล้วอยากจะร้องไห้  เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆหน่อยดิ

     เดี๋ยวนะ…ว่าแต่เมื่อคืนนี้รอดมาได้ยังไงวะ หรือว่าไอ้ห่านั่นพอมันซ้อมเสร็จก็เอากูมาทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาล…ตลกละใครจะมาใจดีขนาดนั้น


     “ตื่นแล้วเหรอ?”   
     อ่าว…ไอ้เสือนี่หว่า แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ทำไมมันถึงเดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนี้ได้

     “…”   ผมไม่ได้ตอบแต่ตอนนี้กำลังอ้าปากช้ำค้างไว้อยู่เพราะว่างง 
 
     “ไม่ต้องทำหน้าหมางงขนาดนั้นหรอก กูเป็นคนไปช่วยมึงไว้เอง”  มันตอบเพื่อไข้ข้อข้องใจผมจากนั้นก็ลากเก้าอี้ไม้มานั่งข้างๆเตียง

     “อ่อ…” ผมตอบรับไปเพียงแค่เท่านั้น ไม่ได้ถามอะไรให้มากความผิดกับนิสัยที่ชอบเป็น 

     “เห็นหมอบอกว่าจะเข้ามาตรวจอีกที ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากก็กลับบ้านได้เลย”

     “อือ…” 

     “หิวอะไรไหม?” 

     “หึ…”

     “มึงโอเคใช่ไหม?” 

     “อือ…” 

     “แต่กูว่าไม่ว่ะ” 

     “อือ…”

     “สรุปมึงโอเคหรือไม่โอเค” 

     “อือ…” 

     “ปิง!” 
     กำลังใจลอยเรื่องพี่เพลงอยู่แล้วนี่แม่งมาตะคอกกูหาพระแสงอะไรวะ! 

     “อะไร”   แม้ในใจกำลังจะคิดอะไรที่แม่งโคตรเกรี้ยวกราด แต่เอาเข้าจริงๆแล้วก็ตอบกลับไปได้แค่นั้นแหละ  มันไม่มีอารมณ์ไม่มีแรง ยังไม่อยากจะคุยกับใคร 

     “ถามว่าโอเคไหม?”   คราวนี้ไอ้เสือมันมาแปลกๆนะ ถามแล้วก็ทำหน้าตาจริงจังใส่ปกติเห็นทำแต่หน้าไร้อารมณ์

     “โอเคเรื่องอะไร?”  ก็ถามกลับทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องของผมไหมแต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะรู้ว่ะ 

     “ทุกเรื่อง”  ตอบเสียงเรียบๆ พอๆกับสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติเลย เสือคนเดิมอิสคัมแบ็ค   

     “คงจะโอเคแหละ”   

     “กูไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรมึงถึงโดนเขากระทืบมาแบบนี้  แต่กูเป็นห่วงมึงนะ… ไอ้หมากก็ห่วง ไอ้ฟาร์มก็ห่วง มีแต่คนห่วงมึง เมื่อคืนพอมันสองคนรู้เรื่องว่ามึงโดนกระทืบก็จะออกมาหามึงกันท่าเดียวดีที่กูห้ามไว้ได้ นี่เดี๋ยวมันสองคนก็คงจะมาหามึงแล้ว เตรียมตัวตอบคำถามเอาก็แล้วกัน” 

     “…”

     “ถ้ามีอะไรอยากจะเล่าให้กูฟังก็ได้นะไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว ถึงกูจะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่อย่างน้อยกูก็อยู่ข้างๆคอยรับฟังเสมอ” 

     “…”

     “เข้าใจที่กูพูดหรือเปล่า…”  คนข้างๆเอ่ยถามผมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม 

     “ปิง…”  และน้ำเสียงทุ้มๆก็ถูกกดต่ำเพื่อนเรียกชื่อผมอีกครั้ง

     “อือ…เข้าใจแหละ”  เพิ่งเข้าใจจริงๆถึงการอกหัก ไอ้ตอนอกหักตอนนั้นแม่งสู้ตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิด 

     ใครก็ได้พาผมออกไปจากตรงนี้ที ไม่โอเคเลย…

     ตอนนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาถึงบ้านก็นอนหมดสภาพเป็นผักเหี่ยวๆที่แม่ค้าขายไม่หมด อย่างที่ไอ้เสือมันพูดจริงๆด้วย พอพี่หมากกับไอ้ฟาร์มมันเข้ามาเท่านั้นแหละ โดนง้างปากตอบคำถามแทบไม่ทัน  แล้วตอนไอ้ฟาร์มรู้เรื่องนะแทบจะรั้งตัวไว้ไม่ทัน ไม่ใช่อะไรมันจะไปต่อยไอ้เปอร์แฟนเก่าพี่เพลงยังไงล่ะ ดีนะที่ห้ามไว้ได้

จริงๆก็แอบเคืองๆพี่เพลงเหมือนกันนะ ทำไมกับไอ้แค่จะพิสูจน์ว่าเค้ายังรักอยู่ไหม? นี่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?ใจคนทั้งคนเลยนะเว้ย หมายถึงใจกูเนี่ย!ความรู้สึกกูด้วยเสียไปหมดแล้ว  ถ้าเขาบอกผมสักนิดว่ามีคนในใจแล้วก็ยังดี  ผมจะได้เผื่อใจไว้บ้าง จะได้ยับยั้งชั่งใจตัวเองสักหน่อย 

     แต่ก็นั่นแหละครับ คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง…โทษใครไม่ได้ 

     “ปิงโว้ยยยย แดกข้าว!”   เสียงไอ้ฟาร์มครับไม่มีใครหรอก มันยังไม่กลับเห็นมันบอกว่าจะกินข้าวอยู่นี่ก่อนค่ำๆค่อยกลับ 

     “กินข้าว!”  มันเดินเข้ามาเปิดประตูห้องผม

     “ยังไม่หิว…กินก่อนเลย”   นี่ก็ได้แต่ตอบเสียงเบาหวิว เพราะขยับปากมากไม่ได้ไงเดี๋ยวแผลปริ

     “มาแดกเร็วๆอย่ามาใจเสาะ กูซื้อโจ๊กมาให้ด้วยเนี่ย”   

     “ใจเสาะห่าอะไร ก็กูไม่หิวจริงๆ” 

     “อย่างมึงแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว มาแดกเร็วๆอย่าให้กูลาก”   
     เออครับ…สรุปจะเป็นพ่อจริงๆไม่ได้เป็นเพื่อนใช่มั้ย  ครุ่นครีสสสส
 
     สุดท้ายก็เสนอหน้าแห้งๆของกูมานั่งตรงโต๊ะอาหารนี่แหละ เพราะไอ้ฟาร์มแม่งคนจริงถ้ามันบอกจะลากนี่คือลากไม่มีการพยุงแต่อย่างใด ส่วนสองพ่อลูกนั่นก็ไม่อยู่หรอกสงสัยจะไปทำงานแล้ว พี่หมากนี่ก็ไม่เห็นไปไม่รู้ไปไหน เลยมีแค่ผมกับไอ้ฟาร์มที่อยู่กันแค่สองคน

และการแดกข้าวที่ทรมานที่สุดในโลกก็สิ้นสุดลงตบท้ายด้วยยาหลังอาหารที่โรงพยาบาลจัดมาให้ เสร็จสิ้นกิจทุกอย่างก็ได้เวลาอันขออันเชิญตัวเองไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้ว… ง่วงบรรลัย ระทมสุดชีวิต



     สองวันต่อมา…

     ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วพอสมควร วันนี้ก็เพิ่งหอบสารร่างมามหาลัยได้นี่แหละ  พวกไอ้โก้ไอ้เจมส์มันก็พอรู้เรื่องอยู่บ้างมันเลยคอยช่วยจดเลกเชอร์และตามงานไว้ให้อยู่

     “สรุปเรื่องพี่เพลงนี่ยังไงวะ?”   โก้มันเดินมาถึงวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะจากนั้นก็ถามขึ้นทันที เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้เล่าให้มันสองคนฟังไงคงจะอยากรู้กันใจจะขาดแล้วล่ะมั้งนั่น

     “เออๆไหนๆเล่ามาสิเพื่อนอุตส่าห์อดกลั้นไว้รอฟังกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา”  เจมส์ครับไม่ค่อยเสือกเลยนะครับเพื่อน

     “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนแรกก็คิดว่าพี่เพลงแม่งก็คงจะชอบกูบ้างแหละแต่สุดท้ายที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากประชดแฟนเก่า อยากจะพิสูจน์ความรักบ้าบออะไรนั่นก็ไม่รู้ แล้วแฟนเก่าเขาแม่งก็เสือกหึงไงมารุมกระทืบกูตอนทีเผลอก็แค่นั้น…” 

     “ไม่แค่แล้วนะกูว่า…ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนใสใส ไหงทำไมเป็นงี้วะ?”  เจมส์

     “กูจะไปรู้เหรอ…ช่างแม่งเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว” 

     “แล้วใครเป็นคนช่วยมึงวะ?”  โก้ 

     แหม…เอาซะกูไม่อยากพูดเลย 

     “ไอ้เสือน่ะ”   สุดท้ายก็พูดนั่นแหละครับ...ก็มันไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วนี่นา อีกอย่างเรื่องนั้นถ้าผมไม่พูดมันไม่พูดก็ไม่มีใครรู้หรอก…

     ”เสือไหนวะ?”  เจมส์

     “เออ…เสือไหนวะ?”  โก้ 
     โว้ยยยยยยพวกควายทีอย่างนี้ละทำมาเป็นไม่รู้ ห่านนนนนนนน

     “ก็เสือคนที่กูเมาแล้วเสนอหน้าไปนั่งกินเหล้ากับเขาตอนนั้นไง ที่มึงบอกว่าเมียแม่งสวยๆไง  ไอ้โก้มึงจำได้ไหม?”   ว่าแล้ว
ไอ้โก้มันก็ทำหน้าตาครุ่นคิดสักพักก่อนจะร้องอ๋อออกมา อารมณ์แบบว่าถึงบ้างอ้อออออออออ

     “แล้วเขาไปช่วยมึงได้ไงวะ?”   เจมส์ 
     บางครั้งนี้ก็เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยอยากจะเล่าด้วยน่ะนะ ไม่อยากตอบเยอะพวกมันชอบถามแบบล้วงลึกเจาะลึกไง

     “จำที่กูเคยบอกได้ไหมว่าจะแบ่งบ้านให้คนมาเช่า”  แต่สุดท้ายก็ต้องเล่า จะเล่าแบบคร่าวๆแล้วกัน

     “อาหะ…จำได้”  เจมส์

     “นั่นแหละ เป็นไอ้เสือเป็นคนที่มาเช่า แล้ววันนั้นกูเห็นว่ามันมีรถก็เลยโทรมันมารับไง ก็แค่นั้น…”

     “อ๋อออออออออออ” 
     แล้วมันก็ถึงบางอ้อด้วยกันอย่างพร้อมเพียง


     วันนี้อาจารย์ยกคลาสเลยเป็นอะไรที่โคตรดี แต่แม่งก็เหงาเพราะไม่รู้จะทำอะไรไงไอ้ฟาร์มก็ติดเรียนไอ้โก้ไอ้เจมส์ก็ไม่รู้ไปตายห่าที่ไหนสุดท้ายด้วยความฟุ้งซ่านเลยหนีมานั่งดูหนังอยู่คนเดียวนี่แหละ  สภาพช่วงนี้อาจจะหมดอาลัยตายอยากมากก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ…แม่งยังทำใจไม่ได้เลย 

     คนรอบข้างอาจจะมองว่าผมเหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปไม่ได้มานั่งเศร้าร้องไห้ฟูมฟายในทางกลับกัน กลับหัวเราะและปล่อยมุขทำตัวเฮฮาปาร์ตี้เหมือนเดิม แต่อยากจะบอกว่าที่จริงแม่งไม่ใช่เลยยอมรับก็ได้ว่าฝืน… แม่งฝืนโคตรๆ 
     เพราะไม่อยากที่จะให้ใครมาห่วง มายุ่งวุ่นวายมาปลอบใจ แม่งมันไม่คูล…เจ็บเองก็ต้องหายเองสิวะ 
     แต่ตอนนี้หัวใจผมกำลังถูกเหยียบย่ำลงที่พื้นดินอีกครั้งเข้าจนได้…
   
     ในระหว่างที่กำลังนั่งรอรอบหนังด้วยสภาพแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิตชีวาอย่างกับผีตายซากอยู่ที่หน้าโรงหนังผมก็ได้เจอกับชายหญิงคู่หนึ่ง…

     พี่เพลงกับแฟนเก่าที่ท่าทางตอนนี้จะกลายมาเป็นแฟนใหม่แล้ว   
     ท่าทางพี่เพลงตอนนี้ดูมีความสุขมากเขาเดินเคียงคู่กันมาพร้อมๆกับรอยยิ้มที่กำลังประดับอยู่บนใบหน้า และรอยยิ้มนั่นก็ทำให้ผมแทบละสายตาไม่ได้เลย…เหมือนกับเฉกเช่นทุกครั้ง

     เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะรับรู้… 
     ทำไมเขายังคงมีความสุขได้ทั้งที่ผมแม่งเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ววะ…
     
     ทำไม…
 

   บันทึกของเสือ

     ผมเพิ่งกลับมาจา
กร้านอาหารที่ไปทำงานพาร์ทไทม์ด้วยสภาพที่โคตรสะบักสบอม ไม่ใช่ว่าไม่ตีกับใครมานะครับแต่เพราะวันนี้งานมันเยอะมากต่างหากอีกอย่างมีงานที่มหาลัยที่ต้องรับผิดชอบ โห...กะจะเล่นกันให้ตายไปข้าง แถมวันนี้ต้องมานั่งทบทวนความรู้ที่จะต้องเอาไปติวให้รุ่นน้องที่มาจ้างไปติวพรุ่งนี้ด้วย เอาเวลาไหนนอนถามใจดู…ตอนนี้เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการให้หนึ่งวันไม่ได้มีแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงอยากจะให้มีสักร้อยชั่วโมง เพราะยี่สิบสี่ชั่วโมงสำหรับผมเห็นได้ว่ามันคงไม่พอ 

วันนี้เนื่องจากทั้งงานราษงานหลวงต่อแถวเรียงรายมาไม่ขาดสายผมเลยต้องฝากน้องกวางไว้กับน้าเล็กแทน คืนนี้เลยกะว่าจะรีบเคลียร์งานให้หมดและเริ่มรับงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามา เพราะนี่ก็ใกล้สิ้นเดือนแล้วค่าบ้าน ค่านมลูกแพมเพิร์สและอีกมากมาย ไหนจะของผมอีกต่างหาก  ไอ้เงินที่หามาได้ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นเพียงแค่ตัวเลขเห็นด้วยตาแต่สัมผัสไม่ได้ เข้ามาแล้วก็ไหลออกไป เดือนนึงจะเจียดมาเก็บก็ยังยาก

แต่ก็ต้องเก็บให้ได้เพราะอนาคตมองๆดูแล้วก็นั่นแหละครับ…ภาระอันหนักหน่วงมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เพราะอีกสองปีน้องกวางก็ต้องเริ่มเข้าเตรียมอนุบาลแล้ว แต่ถ้าถึงตอนนั้นผมก็คงจะดีหน่อยเพราะคงจะใกล้เรียนจบแล้ว ก็จะได้มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที…  ก็คิดไว้เหมือนกันแหละว่าถ้าทำงานได้สักพักมีเงินเก็บสักก้อนก็อยากจะออกมาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองหรือธุรกิจอะไรสักอย่างอยากเป็นนายตัวเอง  อยากจะสร้างรากฐานไว้ให้ลูก โตขึ้นมาจะต้องไม่ได้มาลำบากแบบผม แต่ก่อนนั้นผมก็คงจะสอนเรื่องความลำบากในชีวิตให้เขาได้รู้ให้เขาต้องเผชิญบ้าง ไม่งั้นก็คงจะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง  อดทนไม่ได้  อยู่ที่ไหนก็ไม่รอด… 

แต่ตอนนี้ผมควรปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไว้ก่อนดีกว่า  เพราะคงต้องขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เนื่องจากชุดนักศึกษาตอนนี้โคตรเหม็นเหงื่อและก็เหนียวตัวขั้นสุดยอด 


บ้านเงียบอย่างนี้ไอ้ปิงคงยังไม่กลับมาแน่ๆ ไอ้หมากเองก็เหมือนกัน ทั้งบ้านตอนนี้ก็มีแค่ผมนี่แหละ จะว่าไปไอ้หมากมันก็ค่อนข้างเป็นเพื่อนร่วมบ้านที่ดีเหมือนกันพอว่างๆมันก็ชอบมาช่วยนั่งเลี้ยงน้องกวาง  มันเคยบอกว่าปกติจะไม่ค่อยสันทัดกับเด็กน้อยเท่าไร แต่กับน้องกวางนี่คือข้อยกเว้น กลับกันมันชอบมาเล่นกับน้องกวางมากวันไหนนึกคึกนี่ถึงกับขอน้องกวางไปนอนด้วยเลย แต่ก็ให้ไปนอนนั่นแหละเพราะยัยเด็กอ้วนก็ดูเหมือนว่าจะถูกคอกับไอ้หมากไม่น้อยเลย จนตอนนี้คงลืมไปแล้วมั้งว่าใครเป็นพ่อ…พูดแล้วก็แอบน้อยใจลูก 


ส่วนไอ้อีกคนน่ะเหรอ…หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ไม่สิตั้งแต่ที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างหากก็ดูเหมือนว่ามันแม่งโคตรจะใจลอย ข้าวน้ำไม่กินพูดน้อยกว่าปกติเหมือนว่ามันพยายามทำให้ตัวเองมีความสุขแต่ใครมันจะไปเชื่อวะ ถ้าให้มันเป็นแบบนี้สู้ขอฟังเสียงมันตอนเวลามันปากหมาซะยังจะดีกว่า  ช่วงนี้เลยเป็นช่วงของคนอกหักอย่างเต็มรูปแบบมันก็คงจะเฮิร์ทพอตัว ได้ข่าวว่า
นี่เป็นรักแรกของมันด้วยนี่…

ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ก็บอกมันเสมอว่าจะคอยอยู่ข้างๆไม่ไปไหน ที่บอกว่าจะอยู่ข้างนี่พูดจริงๆนะครับไม่ได้สักแต่จะพูดเอาแค่ปลอบใจ ขอแค่มันพูดมาผมก็พร้อมจะรับฟัง  ปิงน่ะถึงจะนิสัยแย่ยังไงแต่ตอนนี้มันก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วนะ ผมมีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมือนช่วงแรกๆที่ผมได้เจอแล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาขัดเกลามันสักหน่อยเพื่ออะไรๆที่ดีกว่าเดิม

แต่ก่อนมันแม่งโคตรน่าหมั่นไส้อันนี้ยอมรับ แต่พอมาเห็นสภาพมันตอนนี้แล้วโคตรน่าสงสาร…ก็คนมันเคยเป็นมาก่อนไง โคตรเข้าใจความรู้สึก ถึงแม้ว่ามันจะคนละรูปแบบคนละเหตุการณ์แต่ยังไงซะถ้ามันเป็นเรื่องที่มีสาเหตุมาจากความรักมันก็ต้องลงท้ายความเจ็บปวดดีๆนี่เอง ซึ่งมันบอกไม่ได้เลยว่าแบบไหนเจ็บมากกว่ากัน บางเรื่องสำหรับเรามันอาจจะเล็กน้อยแต่สำหรับเขามันคือเรื่องใหญ่ เพราะงั้นผมเลยมักจะเลี่ยงคำพูดที่ประมาณว่า ‘กูโดนมากนักกว่ามึงเยอะ แค่นี้ชิลๆ  ’  ซึ่งผมจะไม่พูดมันออกมาเลย  เอาล่ะครับตอนนี้ผมควรที่จะเลิกพูดมากสักทีแล้วไปจัดการตัวเองเพื่อที่จะได้มานั่งเคลียร์งานให้เสร็จได้แล้วนะผมว่า


     Rrrrrrrrrrrrrr
     พอกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที... ทำไมก่อนหน้านี้ไม่โทรมาวะ พอถึงจุดไคลแม็กซ์ทีไรนี่โดนขัดจังหวะตลอด…

     เบอร์ไอ้ปิงนี่หว่า…   มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย? 

     [ฮัลโหลใช่คุณเสือรึเปล่าครับ]  พอผมกดรับคนที่โทรมาก็ถามขึ้นทันที  แต่เสียงนั้นแปลกไปรู้เลยว่าไม่ใช่ปิงแน่ๆ 
 
     “ใช่ครับนั่นใครครับ…ทำไมโทรศัพท์น้องผมถึงได้” 

     [อ๋อ ผมไม่รู้จักน้องคนนี้หรอกครับพอดีผ่านมาแล้วเห็นเขากำลังนอนอยู่ตรงสวนสาธารณะซอยชื่นฤดี ดูท่าทางว่าเขาจะเมาด้วย ผมปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่นคุยยังไงก็คุยไม่รู้เรื่องเลยถือวิสาสะเอาโทรศัพท์น้องเขาโทรมานี่แหละครับ ไม่รู้จะโทรเบอร์ใครเลย
กดโทรออกเบอร์ล่าสุดเลย]

     “อ่า…ขอบคุณมากครับเดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
     เป็นบ้าอะไรอีกวะเนี่ยทำไมไปนอนเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนั้นได้
   
     ทันเท่าความคิดหลังจากวางสายแล้วผมก็รีบวิ่งออกมาเพื่อที่จะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ทันที…แต่แม่ง
     
     สตาร์ทไม่ติดว่ะ…น้ำมันหมด 
     ขับมาเมื่อกี้แม่งก็ลืมเติม ฉิบหายแล้วจะทำยังไงล่ะไอ้ซอยชื่นฤดีนี่ก็ไม่ได้ใกล้ๆนะถ้าสำหรับคนเดินไปแต่ถ้าขับรถแม่งก็แป้บเดียวไง  ดึกขนาดนี้แล้วร้านค้าขนาดย่อมที่จะขายน้ำมันเป็นขวดๆก็ปิดแล้วซะด้วย


     ก็มีทางเดียวนั่นแหละ…เดิน 

     ก็ได้วะเดินก็เดิน!!



     อย่าเรียกว่าเดินเลยครับเรียกว่าวิ่งดีกว่าเพราะว่าก็กลัวจะมีใครมาทำอะไรมันเข้า เมาที่ไหนไม่เมาเสือกมาเมาที่สวนสาธารณะ
โว้ยยย จะบ้าตายถ้าเมาที่บ้านนี่จะไม่อะไรเลยนะ เมาๆแล้วก็นอนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วนี่ดูดิ! ทำตัวแม่งให้เป็นห่วงตลอด ให้ตายสิวะ! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวจะสวดให้ยับเลยคอยดู!

     แฮ่กๆ! เหนื่อยฉิบหายหอบแดกเลย ทำไมต้องมาคอยทำอะไรแบบนี้ด้วยวะเนี่ยเป็นลูกกูหรือไง? 

     “น้องใช่คนที่ชื่อเสือหรือเปล่าครับ”  พอมาถึงตรงสวนสารธารณะซอยชื่นฤดีก็มายืนเกาะอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่เพื่อหายใจหายคอก่อน  แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถามท่าทางจะอายุเยอะกว่าผมอยู่พอตัว

     “ค ครับ” 

     “โอเค…ดูแลน้องดีๆล่ะท่าทางจะอกหักมานี่ก็เพ้อใหญ่เลย”
     เขาพูดพร้อมกับเดินมาตบไหล่และยื่นโทรศัพท์ไอ้ปิงให้ผม

     “คราวหลังก็อย่าปล่อยให้มาเมาแบบนี้ล่ะ ถ้าโชคไม่ดีเจอพวกเลวๆก็ซวยเลยนะ” 

     “ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่” ผมพูดแล้วก็ยกมือไหว้เขาก่อนที่เขาจะเดินออกไป
     ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ขอบคุณที่คนดีๆแบบพี่แม่งมาเจอไอ้ปิงมันได้ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าพวกเหี้ยๆมันมาเจอจะเกิดอะไรขึ้น…
 
     “ปิง”  ผมเรียกชื่อมันพร้อมกับเดินมานั่งยองๆใกล้มันซึ่งกำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้า รอบๆตัวเกลื่อนกราดไปด้วยขวดเบียร์ 

     “ฮือออออออ”  มันพลิกตัวหนีทันทีที่ผมจับและครางอื้ออึงออกมาด้วยท่าทีที่โคตรจะบ่งบอกว่ารำคาญ

     “ปิงลุกขึ้นมาก่อน…”   ผมดึงแขนมันให้ลุกขึ้น แต่มันก็ยังคงนอนทำตัวอ่อนปวกเปียกอยู่เหมือนเดิมเลยจัดการเอากระเป๋าเป้ของมันมาสพายไว้ข้างหน้าและดึงไอ้ปิงให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง  อย่าหาว่าตัวมันเบาเชียวไอ้นี่แม่งตัวโคตรหนัก!

     “ฮืออออ แม่จ๋าปิงจานอนนนนนน”   มันบ่นเสียงยานคางอื้ออึงในลำคอแต่ผมก็พอที่จะจับใจความออกว่ามันพูดว่าอะไร 
พอไม่ได้สติทีไรแล้วคิดถึงแม่ทุกทีเลยมันเนี่ย แต่ก็เข้าใจแหละมันคงจะคิดถึงแม่มากจริงๆผมเองก็ยังคิดถึงเลย

     “ลุกมานี่ก่อน เดินไหวไหม?”  พอผมจับมันลุกขึ้นมาได้ก็ประคองร่างอันปวกเปียกของมันไว้แทบจะจมอก สูงเกือบพอๆกันก็จริง แต่ตัวมันบางกว่าเลยดูเล็กกว่าไปอย่าถนัดตาเลย 

     “ปิงเดินดีๆ”   เห็นท่าว่าพยุงมันเดินกลับจะไม่เวิร์คเอาซะแล้ว…

     “จานอนแล้ววว อย่ามากวนนนนน”   แม้ลิ้นจะพันกันขนาดไหน แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดพูด   

     “มานี่มา!” 


     ฮึบบบ! 
     ผมตัดสินใจอาศัยตอนที่ปิงกำลังเคลิ้มๆและไม่มีแรงพลิกเอามันมาอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็จัดการอุ้มให้อยู่บนหลังผมพอดี 
อืม…สุดท้ายก็ต้องแบกเด็กขี้เมากลับ บอกแล้วไงซอยชื่นฤดีเวลาที่ขับรถมาน่ะมันก็ใกล้แต่ถ้าได้เดินแล้วนั้นแม่งโคตรไกล 

     “ฮืออออออ ทามมายมานแข็งจางกูนอนอยู่โบนปูนนนเหรอออออ”  ขี้เมาแล้วก็ยังคงปากหมาเหมือนเดิม หลุดมาจนได้สิน่า สำนึกไว้บ้างนะมึงว่ากูอุตส่าห์มาแบกมึงกลับบ้านเนี่ย 

     “แข็งแต่แม่งงงงงก้อออออู่นนนนนนนนนน”   คราวนี้มันไม่พูดเฉยแต่กับอ้าสองแขนที่แทบจะไม่มีแรงของมันให้กว้างขึ้นแล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบลำตัวตรงช่วงหน้าอกผมแทน…  มันใช้สองแขนนั่นโอบรัดตัวผมจนเกือบมิด

     ผมรู้สึกถึงอัตราการเต้นแรงหัวใจของตัวเองที่มันมีมากขึ้นกว่าปกติ   
     และมันก็เต้นแรงมากว่าเดิมเมื่อลมหายใจร้อนๆที่มีกลิ่นของแอลกอฮอลล์ผสมปนเปอยู่กำลังรินลดลงบนต้นคอผม…

     “ป ปิงมึงเอาหน้าออกไปไกลๆดิ”   ผมไม่ปล่อยให้ตัวจมอยู่กับความคิดแปลกๆนี้โดยเด็ดขาด ยิ่งอยู่อย่างนี้ยิ่งคิดเตลิดเปิดเปิง กลัวว่าถ้ามันไกลออกไปมากว่านี้มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ… จะทำอะไรก็คิดถึงหน้าลูกเข้าไว้


     ฮึกกกก… ฮืออออออ
     และความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านที่ตีรวนอยู่ภายในอกก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงสะอื้นของคนบนหลังที่กำลังแบกอยู่ 

     “ปิงเป็นอะไร?”   ก็ยังคงถามมันทั้งที่คิดอยู่แล้วว่าคงจะไม่ได้คำตอบ

     “ฮืออออออ…”  เอาแล้วครับมันร้องไห้ใหญ่เลย น้ำตานี่เปื้อนเต็มหลังผมแล้ว 

     “น เหนื่อย…”  นี่เป็นคำตอบหรือว่ามันละเมอกันนะ…

     “เหนื่อยก็พักสิ”  พอผมตอบกลับไปเสียงสะอื้นนั้นก็หยุดลง…อืมละเมอสินะ
ดูท่าว่ามันจะหลับไปแล้ว…ตอนนี้ก็คืองงใจมากว่าทำไมมันถึงไปนั่งกินเหล้าอยู่ที่สวนสารธารณะข้างนอกได้ ทำไมไม่กลับมากินที่บ้านดีๆ ถ้าเครียดมากถึงกับขนาดต้องพึ่งเหล้าน่ะนะ


ผมแบกมันมาถึงบ้านแล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องเลยทันที สภาพตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงทั้งผมและทั้งมันบอกได้คำเดียวว่า…เละ!เหงื่อท่วมตัว ทั้งเหม็นทั้งเหนียวตัวไปหมดแล้ว โคตรร้อนอยากอาบน้ำ แต่ก็ยังทำไม่ได้ต้องจัดการไอ้คนที่กำลังนอนเมาอยู่บนเตียงนี่ก่อน รู้สึกเหมือนได้ลูกเพิ่มอีกคนเลย

      “ปิงนอนดีๆ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้”   พูดออกมานี่ก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เหมือนผมกำลังนั่งพูดคนเดียวหันหน้าเข้ากำแพงอะไรทำนองนี้ เพราะมันไม่ฟังผมเลยตั้งท่าจะดิ้นหนีอย่างเดียว

     สุดท้ายจับไปจับมาเสือผ้าก็หลุดออกหมดจากตัวเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์เก่าๆสีซีดๆที่มันชอบใส่เป็นประจำ ปล่อยให้ปิงนอนอยู่อย่างนั้นได้ไม่นานผมก็ออกมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำที่เอาเช็ดตัวให้อย่างน้อยก็จะได้ไม่เหนียวตัว   

     ฮือออ…ฮึก…

     นั่นไงเสียงสะอื้นมันมาอีกแล้ว ผมที่กำลังไล้ผ้าชุบน้ำเปียกๆไปตามตัวมันจนเกือบจะเสร็จแล้วกลับต้องหยุดชะงักเพราะมันเล่นสะอื้นออกมาอีกแล้ว


     อย่าร้องไห้ได้ไหมวะ… 

     “ปิง…เป็นอะไร?”  ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงและเอื้อมมือไปเช็ดน้ำสีใสที่กำลังไหลออกมาจากหางตาให้ 

     “เหนื่อยจังเลย ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้”  มันพึมพำเสียงเบามากแต่เพราะห้องนี้เงียบเกินไปได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศมันก็เลยทำให้ผมได้ยินประโยคเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน

     “บอกแล้วไงว่าเหนื่อยก็ให้พัก”   

     “ทำไม…มันเจ็บแบบนี้”  คราวนี้ไม่พูดเปล่า มือนิ่มนั่นก็คว้าหมับเข้าที่มือของผมซึ่งตอนนี้กำลังคอยเช็ดน้ำตาให้อยู่แล้วเอาเข้าไปแนบที่ข้างแก้มของเจ้าตัว

     ฮึก… 

     มีแค่เสียงสะอื้นของมันที่ยังคงอยู่ คราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าผมเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดออกให้

     “ไอ้เสือ…”   

     “อยู่นี่…”  ผมตอบกลับไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหูมันรึเปล่า ตอนนี้มือของผมทั้งสองข้างเปลี่ยนจากที่กำลังเช็ดน้ำตาและให้มันได้จับไว้มาเป็นกำลังกอบกุมใบหน้าน่ารักไว้ในมืออุ้งมือทั้งสองข้างแทน


     ฮืออออออ…

     หมับ! 

     ในเมื่อมันยังไม่หยุดร้องผมก็คว้ามันเข้ามากอดและกดหน้ามันเข้าที่แผงอกจนน้ำตาที่กำลังไหลซึมออกมานั้นเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อนักศึกษาผมเลย พอเสียงสะอื้นนั้นหยุดลงผมก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระทันที

     เจ็บมากล่ะสิมึง...ทนหน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว  ผมก็ได้แต่บอกมันในใจเพราะถึงตอนนี้บอกมันไปยังไงก็คงไม่รับรู้ 

     แต่สิ่งหนึ่งในตอนนี้ผมก็ได้รู้ว่า… ผมละสายตาจากปิงไม่ได้เลย

     ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งอยากครอบครอง…

     และทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้…

     หรือผมจะชอบผู้ชายงั้นเหรอ?…เพราะว่าตอนนี้ผมรู้สึกอยากจูบไอ้ปิงมาก

     ไม่รอช้าที่จะนั่งให้ความอยากมันครอบครอง  ตอนนี้ความปรารถนาของผมมันสั่งให้ผมทำตามที่ใจต้องการให้ได้ในที่สุด ผมประกบปากจูบริมฝีปากบางนั่นอย่างอดไม่ได้ บดขยี้มันลงไปด้วยความกระหายแต่ก็ยังคงไม่ได้ลุกล้ำมันเข้าไป

     ทั้งที่บอกตัวเองไว้แล้วว่าแค่จูบแต่ตอนนี้ทำไม ไอ้สิ่งที่ทำอยู่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่พอ…อยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัวเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม กลิ่นและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในโพรงปากและปลายลิ้นของปิงมันทำให้ผมเคลิบเคลิ้มและมัวเมายิ่งกว่ากินเหล้าเพรียวๆซะอีก


      อือ… 

     คนใต้ร่างที่กำลังโดนครอบครองริมฝีปากอยู่นั้นครางอื้ออึงออกมาด้วยความขัดใจ และไอ้ปฏิกิริยาแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมโคตรมีอารมณ์ ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันเตลิดเปิดเปิงไปหมดยากที่จะควบคุม ยิ่งนึกถึงลมหายใจร้อนๆของมันที่เคยรินรดตรงต้นคอ มันยิ่งทำให้จินตนาการตอนนี้ก้าวไปไกลมากกว่าเดิม…คิดไม่ออกเลยว่าถ้ามันมารินรดอยู่บนตัวผมอีกครั้งมันจะเป็นยังไง  มันจะร้อนมากขนาดไหน…


     จากจูบที่แค่บดขยี้แต่ไม่รุกล้ำตอนนี้นั้นผมส่งเรียวลิ้นซอกซอนเข้าไปในโพรงปากของคนใต้ร่างอย่างอดไม่ได้ เจ้าตัวที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้สติเท่าไรก็จูบตอบรับผมกลับมาด้วยความเงอะงะไม่ประสีประสา ผมสำรวจภายในโพรงปากนั่นจนทั่วทุก
ซอกมุมดูดดึงคราบแอลกอฮอล์ออกมาจนเกือบหมดสิ้นกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังมัวเมาซะเอง 

มือไม้ของปิงตอนนี้ก็ไม่อยู่นิ่งมันปัดป่ายและลูบไร้ไปทั่วแผงอกและแผ่นหลังของผมก่อนจะวกกลับเข้ามากอดที่ลำคอผมไว้แน่น บดเบียดแนบชิดแผ่นอกของมันที่ว่างเปล่าไร้ซึ้งสิ่งปิดกั้นเข้าหาผมอย่างแนบชิด


     อ่า…ผมทนไม่ไหวแล้ว




     TBC...

      Rewrite 16/7/60











 

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 12:34:54 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใช่แล้ว ปิง หมดเวลาเศร้าโศกเสียใจแล้ว
ไม่ดีทั้งกับตัวเอง เพื่อน คนรอบข้าง
ชะนีเพลง ก็ไม่ได้มารับรู้อะไรเลย
ฟาร์ม ก็อยากให้ปิง ดีขึ้นก็เฮิร์ทไปและ
เพราะปิง เก็บตัว ไม่บอกเพื่อน ถอยห่างเพื่อนๆ
การเรียนก็เสีย ไม่ไปเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง
พี่เสือ เก่งมากควบคุมอารมณ์หวั่นไหวได้
ให้คำแนะนำที่ดีกับปิง การสู้ชีวิต
การก้าวผ่านความทุกข์ จนปิงยอมรับความดี
ยอมเรียกเสือ ว่า "พี่เสือ" แล้ว
จริงควรเรียกพี่เสือตั้งนานแล้ว เพราะวัยวุฒิ คุณวุฒิ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารน้องจังแต่ก็เข้าใจอารมณ์นี้นะว่าเป็นยังไง ขอให้ดีขึ้นไวๆ นะน้องปิง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่เก้า : ยอมรับ ก้าวผ่าน เเละเริ่มต้นใหม่




     อ้วกกกก!!

     ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาสมองที่กำลังประมวลผลอยู่นั้นก็ถูกขัดขึ้นมาด้วยอาการบางอย่างที่เรียกว่าอาเจียน… แหม่หมดไส้หมดพุงเลยครับหัวหน้า

     อ้วกกกก!!

     ยังอีก…ยังไม่หยุดอ้วกอีก
     โอยยยยยย…หมดแรงเลยสภาพตอนนี้ไม่ต้องบรรยายเลยอยากให้นึกถึงความเหี้ยเข้าไว้นั่นแหละไอ้ปิงในตอนนี้  นี่ก็นั่งกอดโถส้วมประหนึ่งว่ามันคือคู่ชีวิต โอยยยยยกูเกลียดการอ้วกที่สุดในโลก ช่วยด้วยยยยยยยยย

     อ้วกกกกกก!!

     และในที่สุดอะไรต่างๆที่กินมาเมื่อวานก็ขย้อนอกมาจนหมดไส้หมดพุงจนตอนนี้นี่ขมคอไปหมดน้ำหูน้ำตาไหลออกมาจนเช็ดแทบไม่ทัน

     เมื่อวานพอกลับมาจากไปดูหนังก็เลยหอบสารร่างมานั่งเหงาๆคนเดียวที่สวนสาธารณะซอยชื่นฤดีซึ่งมันอยู่ใกล้ๆแถวบ้านผมนี่แหละ ตอนแรกนั่งไปนั่งมาก็ดันมาฟุ้งซ่านสาเหตุไม่ต้องถามมากก็เพาะคิดถึงพี่เพลงไง ภาพตอนที่เขาเดินมาพร้อมกับแฟนของเขานั้นลอยวนเวียนอยู่ในหัวผมไม่ไปไหนก็เลยต้องหาอะไรทำให้ตัวเองเลิกคิดเลิกฟุ้งซ่านสักที แต่พอฟังเพลงก็แล้วเอาหนังสือเรียนในกระเป๋ามาอ่านก็แล้ว สมองโง่ๆของผมก็ยังไม่หยุดคิดสักทีและที่พึ่งสุดท้ายที่หวังว่าจะพึ่งนั่นก็คือแอลกอฮอล์ เลยเดินไปหาซื้อเบียร์มากระแทกปากซะเลยตอนแรกก็กะไว้ว่าขวดเดียวไปๆมาๆ อ่าว…นับไม่ถ้วนเลยครับหัวหน้า หลังจากนั้นคือจำอะไรไม่ได้คือแบบๆนั่งๆอยู่งี้แล้วก็ดับวูบไปเลย…สมองกูเนี่ยดับวูบไปเลย พอตื่นขึ้นมาอีกทีนี่ก็อยู่…


     อยู่ไหนล่ะเนี่ย!?
     พอมองสำรวจไปรอบๆแล้วก็พบว่า…

     อ่อบ้านกูเอง
     เฮ้ยยยยย!! เดี๋ยวนะ!? ผมกลับมาอยู่ที่บ้านได้ยังไงวะ? นี่คงไม่เดินละเมอมาหรอกนะ?

     คิดสิ…คิดสิ
     สาดดดดดดคิดไม่ออก!

     แต่ก่อนที่จะคิดเนี่ยขอจัดการล้างหน้าล้างตาล้างปากตัวเองก่อนนะ  แต่เอ๊ะ? นี่ผมละเมอเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเหรอวะเมื่อวานจำได้ว่ายังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลยนี่หว่า…

     แต่ก็ช่างมันก่อนเถอะตอนนี้ขมคอมากขอจัดการตัวเองแป้บ



     ห้านาทีต่อมา
     พอขย้อนของเก่าออกมาจนหมดไส้หมดพุงแล้วนั้นก็ถึงเวลาไปหาของมาประทังชีวิตสักหน่อยเพราะตอนนี้ท้องมันกำลังร้องออกมาประหนึ่งว่ามันคือสัญญาณกันขโมยยังไงอย่างนั้น

     “ตื่นแล้วเหรอ?” 
     พอเดินออกมาเท่านั้นแหละเสียงคุ้นหูของใครบางคนมันก็พูดขึ้นมา  ไม่ต้องสงสัยมีคนเดียวนั่นแหละ…ก็เสือไงจะใครล่ะ?

     “อือ”

     “ทำผัดกระเพราไก่ไว้ในจานนะถ้าจะกินก็กิน” 

     “อือ…ขอบใจ”  ผมพูด “ว่าแต่เมื่อวานกูกลับมาได้ยังไงวะ?”  และถามในสิ่งที่คั่งค้างภายในใจ 

     “กูเป็นคนไปรับเองแหละ…ไปก่อนนะเดี๋ยวค่อยคุยกัน”   พอพูดจบประโยคมันก็ขนสัมภาระอะไรของมันก็ไม่รู้รีบเดินออกไปไม่นานเสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นและก็ค่อยๆหายไปทันที 

 
     Rrrrrrr
     ยังไม่ทันที่จะตักข้าวใส่จานมากิน เสียงโทรศัพท์ของผมที่อยู่ไหนก็ไม่รู้มันก็แผดเสียงดังขึ้นทันที ให้ตายสิวะ!ขัดจังหวะจริงๆ!

     และคนที่โทรมาก็คือ…ไอ้ฟาร์ม

     [ตายยัง?] พอกกดรับสายเท่านั้นแหละแม่งก็ถามกูด้วยความเป็นสิริมงคลมาก

     “ตายห่าอะไรยังอยู่”  ผมตอบกลับมันไปด้วยเสียงเนือยๆ ถึงแม้จะยังอยู่แต่สภาพตอนนี้กูพร้อมตายมากครับหัวหน้า

     [ไม่ตายแล้วทำไมไม่มาเรียนเดินมาหาที่ตึกคณะมึงก็ไม่เห็น] เออ…เตลิดเวลาเรียนภาคเช้ามามากแล้วไงก็เลยโดดแม่งเลย

     “ตื่นไม่ทัน…แฮงค์” 

     [ไปแดกเหล้าที่ไหนมาอีกนี่มึงอกหักจนถึงกับต้องทำตัวเหลวไหลแบบนี้เลยหรือไง!?]   

     “อย่าพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม? กูมีเรียนตอนบ่ายเดี๋ยวกูเข้าไป”

     [มึงก็เป็นอย่างนี้แหละเป็นเหี้ยอะไรก็ไม่อยากพูดไม่อยากเล่าเก็บไว้แบบนี้แล้วมันดีขึ้นไหมล่ะ!?] 

     “ให้กูอยู่คนเดียวสักพักเถอะ กูยังไม่อยากคุยกับใครว่ะ”  ผมยังไม่อยากคุยจริงๆนะ ยิ่งกับเรื่องนี้แล้วยิ่งไม่อยากพูดถึง

     [ไม่อยากคุยกับใครแม้กระทั่งกูเลยหรือไง? ทำไมกูไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอ?] 

     “มันไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย…”  โอยยยย กูเหนื่อย

     [ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหน? กูก็แค่เป็นห่วงมึงเนี่ยกลัวมึงจะตายเอาได้ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยใช่ไหม!?]   


     คือกูปวดหัวจริงๆนะ…

     “ก็เพราะว่าแม่งเป็นเพื่อนกูไง!กูเลยไม่อยากพูดไม่อยากเอาเรื่องเหี้ยๆ ปัญหาเหี้ยๆพวกนี้ไปยัดใส่สมองมึงเข้าใจไหม!?”
นั่นแหละเหตุผลของผม…

     [ถ้ามึงจะคิดอย่างนี้ก็ตามใจมึงนะปิง]


     ติ๊ด! 
     แล้วแม่งก็ตัดสายไป

     เออเอา…ช่วงนี้มันเป็นห่าอะไรนักหนาวะ มีแต่เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้เบื่อโว้ยยยยย!

     ตอนแรกก็หมดอารมณ์มานั่งเรียนก็กะว่าจะโดดเรียนภาคบ่ายไปด้วยเลยแต่เพราะไอ้โก้กับไอ้เจมส์มันโทรตามก็เลยมานั่งหน้าแห้งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องเรียนนี่แหละ แต่ถึงมาเรียนก็สารภาพเลยว่าไม่ได้สนใจเรียนเลย เวลาที่อาจารย์สอนนี่พูดเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาตลอดทั้งชั่วโมงทั้งวันเลยก็ว่าได้ จนตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วว่าจะโทรชวนไอ้ฟาร์มไปหาอะไรกินให้ใจเย็นๆสักหน่อยเพราะตอนนี้มันกำลังโกรธผมอยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหายหรือยัง

      แต่…จนแล้วจนรอดมันก็ไม่รับโทรศัพท์ผม เออ!มึงจะเออย่างนี้ใช่ไหม!  อยากโกรธอะไรก็โกรธไปเลยก็เหนื่อยเหมือนกันล่ะวะ ว่าแต่กูไม่เข้าใจๆๆๆ แล้วมึงแม่งเข้าใจกูขนาดไหนกัน?   ผมก็แค่ไม่อยากให้มันต้องมาคอยเป็นห่วงคอยช่วยทั้งที่เรื่องของมันก็ปวดหัวมากพอแล้ว เวลาเจอกันคุยกันก็อยากให้คุยอะไรที่มันเจริญหูหน่อยไม่ต้องมานั่งพูดเรื่องอะไรที่มันไม่จรรโลงใจอย่างเช่นเรื่องของผมไงล่ะ สรุปก็คือไม่อยากเอาเรื่องของตัวเองไปยัดใส่สมองของใครนี่ไง!

     โดนเทมายังไม่พอต้องมาทะเลาะกับเพื่อนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก!

     บัดซบจริงๆ!

     แล้วสุดท้ายจะไปไหนได้ล่ะครับพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็กลับเข้าบ้านสิมานอนแห้งเหี่ยวเป็นผักอยู่เหมือนเดิมทีแรกก็ว่าจะชวนไอ้โก้ไอ้เจมส์ไปเตะบอลพวกมันก็ไม่ว่างอีกไง ไอ้ฟาร์มนี่ไม่ต้องไปพูด นี่ถึงจะโกรธมันยังไงทะเลาะกันยังไงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกผมก็มักจะเข้าไปง้อมันเสมอก็เลยตัดสินใจไปง้อมันในที่สุด พอไปรอถึงที่บ้านมันก็ไม่อยู่นั่งรอจนนานสองนานก็ยังไม่กลับ  โทรไปหาก็ไม่รับ ไลน์ไปแล้วก็อ่านไม่ตอบ เอออ…เอาที่มึงสบายใจเลยกูอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องมีเพื่อน กูอยู่คนเดียวได้ตามสบายเลย

     สบายมาก…

     กูโคตรสบาย!!

     ไม่เป็นเหี้ยอะไรเลย ไม่เหงาเลย กูโอเคทุกอย่าง

     ฮึก… ก กู โอ ค เค

     โอเคเหี้ยอะไรกูหลอกตัวเอง… กูประชด!ตอนนี้อยากจะประชดให้แม่งหมดทุกอย่าง…โคตรเบื่อ เหี้ยอะไรแม่งก็มีอุปสรรคตลอด เกลียดตัวเองเบื่อตัวเองที่แม่งทำเหี้ยอะไรก็เป็นไม่ได้สักอย่าง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไม่ได้เรื่องห่าอะไรเลย!

     แม่งเอ้ยย!!


     เพล้ง!!

     อดไม่ได้ที่ระบายอารมณ์ตัวเองออกมาด้วยน้ำตาและการทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะไม่ได้ทำร้ายตัวเอง
     ขอหน่อยเถอะ ขอให้ผมได้ร้องหรือได้ระบายออกมาหน่อยเถอะตอนนี้แม่งโคตรอัดอั้น เป็นแบบนี้แล้วก็คิดถึงแม่ฉิบหายถ้าแม่ยังอยู่ก็คงจะเดินเข้ามากอดผมและปลอบว่า ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเรามาเริ่มกันใหม่…

ตอนเป็นเด็กที่เริ่มหัดขับจักรยานใหม่ๆผมยังจำได้ที่ขับรถล้มเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้และผมก็ร้องไห้ออกมาเมื่อมันไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นอย่างที่ใจคิดถอดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะหัดขับจักรยานแต่แล้วแม่ก็เดินเข้ามาปลอบด้วยคำพูดที่ว่า…ไว้เรามาเริ่มใหม่ด้วยกันนะลูก

     แต่ตอนนี้ไม่มีแม่แล้วผมจะเริ่มใหม่ได้ยังไง…
 
     ฮึก… ฮือ

     เรื่องเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ทำเกิดมาแล้วต้องมีปัญหาด้วยผมไม่เข้าใจ  เราเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรคงั้นเหรอ? แต่ถ้าผ่านมันไปได้แล้วยังไงสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี   เค้าบอกว่าคนเราอยู่ได้เพราะความหวังแต่ผมในตอนนี้มันไม่มีหวังแล้ว

     ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายนะ…แต่กำลังคิดว่าจะทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร

     แต่ก่อนเคยคิดว่าถ้าเรียนจบก็อยากที่จะรีบหางานดีๆทำเพื่อที่จะได้หาเลี้ยงแม่ได้อย่างสบายๆ แต่เพราะแม่ไม่อยู่ทุกวันนี้เลยดูเหมือนว่าจะเริ่มใช้ชีวิตไปวันๆ  ไม่ได้มีความฝันหรือความหวังมาหล่อเลี้ยงจิตใจเลย

ที่มาเสียศูนย์แบบนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะพี่เพลง พอเสียศูนย์แบบนี้แล้วเรื่องเหี้ยอะไรไม่รู้ที่คั่งค้างอยู่ภายในใจที่ถูกเก็บไว้ในซอกลืบตามส่วนต่างๆของความรู้สึกก็ไหลเทมารวมกันจนตอนนี้มันตีรวนกันไปหมด


     โธ่เว้ย!!!

     ก๊อกๆ!!

     “ปิง” อยู่ไอ้เสียงที่แม่งโคตรจะคุ้นเคยก็มาดังขึ้นอยู่ที่หน้าห้องผมพร้อมกับเสียงเคาะประตู

     “มีอะไร”  ผมเดินมาถึงตรงบานประตู แต่ก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่ได้เปิดออกไป…ออกไปสะภาพนี้แม่งโคตรน่าอาย ยอมให้ทุกคนเห็นสภาพตอนที่ทำตัวไร้สาระยังดีกว่าให้มาเห็นตอนนี้ซะอีก 

     “มากินข้าว…”
     มันตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงไม่เหมือนกับทุกครั้งที่มันชอบพูด

     ไม่รู้ว่าคิดไปเองมไหมแต่ทำไมถึงสัมผัสได้ถึง…ความเป็นห่วงที่ซ่อนไว้ภายในน้ำเสียงที่เอ่ยถาม 

     “มะ ไม่หิว”  ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือมันยากเกินกว่าผมจะควบคุม

     “งั้นรอยู่ข้างนอกนะ”  มันเองก็คงจะพอรู้ว่าผมนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนเลยไม่ได้เซ้าซี้ผมให้มากความ
ทำไมคำว่า ‘รอ’ ของมันถึงได้ทำให้ผมคิดตามได้ขนาดนี้ มันจะดีกับผมไปถึงไหน ผมไม่เคยทำอะไรให้มันเลยตั้งแต่ที่รู้จักกันมา 

     ขอยอมรับแบบไมบ่ายเบี่ยงเลยว่าเป็นคนที่โคตรแย่แต่ดูสิ่งที่มันตอบแทนมาให้ผมสิ มีแต่สิ่งดีๆทั้งนั้น…ทำไมวะ 
     แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ที่จะไม่ออกไปเพราะไอ้คำว่า ‘รอ’ ของไอ้เสือทำให้ผมคิดแล้วคิดอีกเลยตัดสินใจเปิดประตูออกมาในที่สุด


     แต่…

     หมับ!

     ทันทีที่เปิดประตูออกมาไอ้คนที่ผมคิดว่ามันจะเดินออกไปจากหน้าห้องแล้วกลับยังคงอยู่…และมันก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้แบบไม่ทันตั้งตัว

     ไม่มีคำพูด…ไม่มีคำใดๆหลุดออกมา มีแค่เพียงมือหนาที่คอยลูบศีรษะผมอยู่

     เอาอีกแล้วสิน่า…

     ฮึก…

     กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว

     ฝ่ามือใหญ่จากที่คอยลูบศีรษะก็เปลี่ยนมาเป็นลูบแผ่นหลังผมไว้อย่างปลอบประโลม

 บันทึกของเสือ

     วันนี้เป็นอีกวันที่ผมฝากน้องกวางไว้กับน้าเล็กเพราะว่างานที่มีมันเยอะเกินไปผมเคลียร์ไม่ทันและกำหนดเวลาผิด ขอย้อนรอยเรื่องเมื่อวานในตอนนั้นสักหน่อยนะ คือผมไม่ได้ทำอะไรไอ้ปิงมันผมยังคงห้ามความรู้สึกตัวเองได้ฝืนออกมาทั้งที่อยากจะเข้าไปขยี้มันใจแทบขาด แต่แล้วก็ต้องใช้สติอันน้อยนิดเตือนขึ้นมาว่าถ้าพรุ่งนี้มันตื่นขึ้นมาอะไรๆก็จะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะความรู้สึกของปิงซึ่งมันคงจะรับไม่ได้แน่ๆ

เพราะตอนนี้คงไม่ต้องบอกว่ามันกำลังอยู่ในสภาวะไหนถ้าผมทำลงไปจริงๆก็คงจะเป็นคนที่เหี้ยพอตัว แต่ถึงจะอยู่ในสภาวะที่โอเคผมก็ไม่ควรที่จะทำ เนื่องจากมันก็ควรมาจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายอยู่ดี

ขอบคุณสติอันน้อยนิดที่ยังมีอยู่ จะพยายามไม่เข้าใกล้ปิงให้มากเพื่ออะไรหลายๆอย่างโดยเฉพาะความรู้สึกของผม คงไม่ดีแน่ๆถ้าหากผมคิดกับมันเกินเพื่อนร่วมบ้าน รุ่นน้องหรืออะไรก็ตามแต่เพราะฉะนั้นผมควรที่จะหยุดความรู้สึกตัวเองไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ  ไอ้อาการใจเต้นแรงบ้างเป็นบางครั้งตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ใจผมนั้นเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้มัน     

ช่วงที่ปิงมันกำลังแย่ๆแบบนี้ก็อยากจะเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยช่วยและคอยดูแลแต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างซึ่งประเด็นหลักก็คือผมมีลูกแล้ว…ผมควรที่จะห้ามความรู้สึกตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้  เพราะถ้าน้องกวางเติบโตขึ้นมามากกว่านี้แล้วเขาสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ และมารู้ว่าผมชอบผู้ชายด้วยกัน ก็กลัวว่าเจ้าตัวยังคงจะรับไม่ได้และ จะอายเพื่อน อายผู้คนที่มีพ่อเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นและไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามผมควรที่จะหยุดได้แล้ว หยุดความรู้สึกที่เอาแต่ทำตามใจตัวเองไม่ใช่ความถูกต้อง หลังจากเมื่อวานมาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าให้เลิกคิดๆ จนมาถึงตอนนี้…


     พอผมเดินเข้ามาในบ้านที่ไม่รู้ว่ามีใครอยู่หรือเปล่าเพราะมันทั้งเงียบและมืดไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยจนกระทั่งสองขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องกลับต้องหยุดชะงักเมื่อ


     เพล้ง!!
     และเสียงของอะไรสักอย่างที่ผมคิดว่าปิงมันน่าจะขว้างเพื่อระบายอารมณ์… คนหนอคนดูเหมือนจะไม่อะไรแต่ก็มาตกม้าตายเอาได้เพราะเรื่องความรัก

     ผมยืนอยู่ตรงหน้าห้องมันรอตั้งนานสองนานแต่ก็ดูเหมือนว่าพายุอารมณ์ของมันจะยังไม่หมดไป
 

     ก๊อกๆ!   
     จนกระทั่งผมตัดสินใจเคาะประตูห้องของเจ้าของบ้านในที่สุด

     “ปิง”

     “มีอะไร”  มันตอบผมกลับมาด้วยเสียงเรียบๆ เหมือนจะพยายามทำเองให้เป็นปกติซึ่งผมรู้ว่ามันไม่ใช่

     “มากินข้าว…”  ผมตอบเสียงอ่อนลงมากกว่าทุกครั้ง ผมรู้ว่าตอนนี้มันต้องยืนอยู่ตรงประตูแต่ก็ยังคงไม่เปิดออกมา
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะคุยกับมันเรื่องอะไรผมเลยพูดประโยคโง่ๆออกมาจนได้ทั้งที่ไม่ได้มีอาหารรออยู่อย่างที่บอกไว้เลย เพราะตอนนี้รู้แค่ว่าอยากจะได้ยินเสียงมันอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงอยากที่จะคว้าตัวมันเข้ามากอดเพื่อให้กำลังใจ

     “มะ ไม่หิว” คนที่อยู่หลังประตูตอบผมกลับมาด้วยเสียงที่สั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
อย่าร้องสิวะ! 

     “งั้นรออยู่ข้างนอกนะ”   

     รอของผมก็คือรอถึงบางครั้งมันจะชอบพูดว่าอยากอยู่คนเดียวแต่ผมเชื่อว่าลึกๆแล้วมันก็ต้องการใครสักคนให้มาอยู่ข้างๆ ซึ่งวันนี้ไอ้ฟาร์มมันก็โทรมาหาผมบอกว่าฝากเพื่อนมันหน่อยตอนนี้ทะเลาะกันอยู่ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าปัญหาอะไร แต่ถึงมันไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว… เพราะว่าหัวใจมันสั่ง

     ผมยืนรออยู่นานสองนานยังไม่ไปไหนและก็จะไม่ไปไหนจะรอจนกว่ามันจะออกมา

     จนกระทั่ง…

     แอด…

     ประตูไม้ถูกเปิดออกมาโดยคนที่กำลังยืนหลบอยู่ข้างหลัง

     หมับ!

     และผมก็ไม่รอช้าที่คว้าตัวมันเข้ามากอดไว้อย่างเต็มอก ลูบศีรษะทุยนั่นอย่างปลอบประโลมและให้กำลังใจ ไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปากผม มีแคเพียงสัมผัสที่ผมใช้ถ่ายทอดทุกคำพูดและความรู้สึกออกมาให้มันได้สัมผัสว่ายังมีผมอยู่ข้างๆ 

     ฮึก…

     คนในอ้อมกอดผมสะอื้นไห้อีกครั้งจนลาดไหล่วูบไหว น้ำตาเริ่มรินไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนชุดนักศึกษาของผม
เลื่อนมือออกจากศีรษะและเปลี่ยนมาเป็นลูบแผ่นหลังบอบบางนั่น

     ไม่รู้ว่าตอนนี้มึงจะรู้สึกอะไรอยู่ จะเหนื่อย จะเหงา จะเศร้า จะอ้างว้างโดดเดี่ยวหรือยังไงก็ตามอยากให้รู้ไว้นะว่ายังมีกูคอยอยู่ตรงนี้เสมอ…



     สามชั่วโมงต่อมา

     ชั่วโมงของคราบน้ำตาได้หมดไปทิ้งไว้ก็เพียงแต่ความเงียบงันตอนนี้เราสองคนผมกับปิงกำลังนั่งเงียบๆกันอยู่ข้างนอกซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่ไหนมันบอกว่าไม่อยากอยู่บ้าน  ผมก็เลยพามันขับรถมาเรื่อยๆและเรื่อยๆแบบไม่มีจุดมุ่งหมายจนมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าบรรยากาศมันดี ดีจนคนข้างๆผมตอนนี้น่าเริ่มจะโอเคขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม มีแค่เพียงกระป๋องเบียร์ที่ถูกยกเอาๆ

     “ไงสบายใจหรือยัง?”  ดูท่าทางมันคงจะดีขึ้นแล้วผมเลยกล้าถามมันออกมา

     “ก็ดี…”  มันตอบแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบ ก่อนจะลดกระป๋องเบียร์ลงแล้วพูดต่อขึ้นมาว่า “ขอบใจมึงนะ”   
     ผมเองก็อดที่จะหันไปมองคนข้างๆไม่ได้ แต่เพราะว่ามันไม่ได้มองมาทางผมก็เลยได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของเจ้าตัวอยู่

     “ไม่เป็นไร”  ผมตอบแล้วก็กระดกเบียร์ที่ไปซื้อมากันคนละกระป๋องขึ้นมาดื่มบ้าง

     “มะ มึงดีกับกูจังเลยวะดีจนกูแม่งอายตัวเองที่เคยทำไม่ดีกับมึงแล้วก็ไม่เคยช่วยอะไรมึงเลย” 

     “กูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก กูยังไม่เคยช่วยอะไรมึงเลย”

     “อย่ามาพูดปลอบใจหน่อยเลย รู้อยู่แก่ใจนี่ว่าช่วยอะไรกูบ้าง”

     “…”

     “กูอยากเป็นแบบมึงบ้างจัง”

     “ทำไมถึงอยากเป็นแบบกูล่ะ มันไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ?”   อย่างผมน่ะ…ไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ 

     “มึงแม่งอยู่มาได้ยังไงวะ? เลี้ยงลูกตัวคนเดียวรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้วก็ลูกได้ เรียนก็ต้องเรียนงานก็ต้องทำลูกก็ต้องเลี้ยงแม่งโคตรเก่ง”  พอปิงพูดจบก็วางกระป๋องเบียร์ลงข้างๆ ล้วงเอาบุหรี่จากในกระเป๋ากางเกงมันออกมาจุดสูบ

     “กูไม่ได้เก่งหรอกนะ…ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี” 

     “…”  คู่สนทนาข้างๆเงียบเพราะรอฟังผมพูด ปล่อยควันบุหรี่ออกมาจากริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง จนกลุ่มควันลอยคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ

     “ในเมื่อมึงมีชีวิตเป็นของมึงแล้วมึงก็ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้”   

     “…”

     “ตัวมึง ชีวิตมึงมันเป็นของมึงถ้ามึงไม่ทำแล้วใครจะมาทำให้ ไม่มีใครมาประเคนทุกอย่างในชีวิตหรอกนะ ก็ไม่ได้จะสอนให้มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรอก แต่สำหรับกูแล้วโลกใบนี้ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับคนอ่อนแอ”

     “หึ…กูคงอ่อนแอเกินไป”   

     “โทษที…ไม่ได้ว่ามึงนะแต่มันเป็นวิธีการฮีลตัวเองของกูอย่างหนึ่ง เลาท้อกูมักบอกตัวเองเสมอว่าห้ามท้อ”  เว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง “เพราะฉะนั้นมึงท้อก็ต้องรีบหายแล้วกลับมาสู้ใหม่ถึงแม้มันจะผ่านไปได้ยากแต่สักวันมึงจะผ่านไปได้และปัญหาต่อๆไปมันจะเล็กนิดเดียวสำหรับมึง” 

     “ขอบใจ…”  “ที่จริงมันไม่ใช่แค่เรื่องความรักหรอกนะที่ทำให้กูเป็นถึงได้ขนาดนี้”

     “…”  ผมเงียบรอฟังคำต่อมาที่ปิงมันจะพูด
     
     “แต่มันก็มีส่วนด้วยนั่นแหละ จะพูดยังไงดีวะ… กูเองที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เอาเรื่องราวทุกสิ่งอย่างมาผสมปนเปตีกันไปหมดจนแม่งออกมาเป็นอย่างที่เห็น”  “ทั้งท้อทั้งเหนื่อยทั้งเหงาแล้วก็เบื่อ เบื่อที่ตัวเองแม่งไม่มีอะไรดีสักอย่าง”

     “ถ้าอยากมีอะไรดีๆมึงก็ทำสิวะจะไปยากอะไร มึงอยากฉลาดมึงก็ตั้งใจเรียนขวนขวายหาความรู้ อยากมีเงินก็ทำงานอยากเป็นแบบไหนก็ทำแบบนั้น ต้องหัดที่จะเรียนรู้ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่เก่งสิ่งไหนทำอะไรไม่ได้แต่อยากทำมึงก็แค่เรียนรู้” 

     “…”

     “ส่วนเรื่องความรักมึงก็อย่าให้มันเป็นทั้งหมดของชีวิต เมื่อความรักพังชีวิตมึงจะพังด้วย ไม่ได้จะบอกให้ไม่ต้องมีความรัก แต่จะบอกว่ารู้จักรักให้เป็น เดี๋ยวโตขึ้นมาหน่อยได้เจออะไรมากมายพอมึงย้อนกลับมามองตัวมึงในอดีตกับเรื่องราวที่ผ่านมาแม่งจะตลกตัวเองมากกูพูดเลย”   “อยู่กับความจริงซะ ยอมรับก้าวผ่านและเริ่มต้นใหม่”

     “อือ…เข้าใจแล้ว” 
     ก็หวังว่ามันจะเข้าใจจริงๆ ผมเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากมายที่จะมาสอนใครต่อใครหรอก แต่ก็อยากจะช่วยได้เท่าที่ช่วยอย่างน้อยได้เปิดอกคุยกันก็ยังดี

เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องได้รับการระบายบ้างไม่งั้นมันก็คงจะเน่าเสียส่งผลกระทบต่ออย่างอื่นมากมาย เหมือนกับการถ่ายอุจจาระนั่นแหละถ้าเราท้องผูกก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร

     “เห้ออออออ…คุยเรื่องมึงดีว่าขอถามบ้างได้ไหม?”   ปิงหันหน้ามาถามผมพร้อมกับขยี้ปลายบุหรี่ลงพื้น

     “ว่ามาสิ” 

     “แม่น้องกวางไปไหนวะ?” 

     “ไม่รู้สิอยู่ๆก็ทิ้งกันไป”   จะว่าไปก็นานแล้วนะที่ไม่ได้คิดถึงแก้มเลย จนไอ้ปิงมันมาถามเนี่ยแหละ

     “ทำไมทิ้งล่ะ?”

     “ไม่รู้สิ”

     “แล้วตอนนั้นทำยังไงวะ? อยู่ไหวเหรอ?” 

     “ไม่ไหวก็ต้องไหว ทำยังไงได้เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ถ้ามัวมานั่งเสียใจแล้วชีวิตกูกับลูกจะเดินยังไงต่อไปได้” 

     “อ่อ..” มันพยักหน้าไปมาและถามต่อว่า“ไม่คิดถึงพ่อกับแม่บ้างเหรอ?” 

     “ก็คิดถึงแต่ทำยังไงได้ ไม่ได้มีใครต้องการกูเลยนี่นา” 
     ถ้าต้องการแม่คงไม่มาทิ้งไปแบบนี้  ส่วนพ่อก็คงต้องมาดูดำดูดีผมบ้างแต่นี่หายเงียบไปเลยเขาคงจะมีความสุขอยู่กับครอบครัวใหม่ของเขา ส่วนผมก็มีความสุขอยู่กับครอบครัวผมที่มีแค่น้องกวาง 

     แค่น้องกวางก็พอแล้ว…

     หรืออาจจะมีใครบางคนเพิ่มเข้ามาอีก ก็แค่อาจจะน่ะนะ…

     “ใช้ชีวิตแบบนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง?” 

     “ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ ดีบ้างร้ายบ้าง เหนื่อยบ้างท้อบ้างบางเวลา” 

     “เวลาท้อทำยังไงวะ?” 

     “มองหน้าลูก”

     “เอ้า! แต่กูไม่มีลูกกูต้องทำไงอ่ะ?”

     “มึงก็หาอะไรทำสิวะ ให้รางวัลตัวเองบ้างหรือไม่ก็ฮีลตัวเองเข้าไว้ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามอย่าไปคิดในแง่ลบ เปิดใจคุยกับคนอื่นบ้างเก็บไว้คนเดียวน่ะมันไม่ดีหรอกนะอึดอัดใจตัวเองเปล่าๆ”

     “…”

     “กูจะบอกให้นะ บางครั้งหรือบางอย่างก็อย่าไปคาดหวังกับมันให้มากเพราะยิ่งสูงก็ยิ่งตกลงมาเจ็บแต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีหวังเลย เวลาจะทำอะไรก็ให้นึกถึงผลกระทบที่มันจะตามมาในภายหลังด้วยว่ามึงจะเจ็บมากน้อยแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วบางครั้งความ
เจ็บปวดมันก็ทำให้เราโตขึ้น มันก็ขึ้นอยู่กับทางที่เราจะเลือกเดิน” 

      ซึ่งข้อนี้ผมก็คอยบอกตัวเองเสมอและย้ำซ้ำๆให้จำขึ้นใจ

     “อือ…”

     “หมดเรื่องจะถามแล้วว่ะ แต่ก็ขอบคุณมากนะสำหรับวันนี้และทุกอย่างก่อนหน้านี้”

     “…”

     “พี่เสือ



      TBC...

     rewrite 16/7/60


   

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 12:50:41 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หวั่นไหว หวั่นไหว  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สิบ : ลมหายใจ...



     “แล้วเรื่องฟาร์มจะเอายังไง ไปขอโทษมันหน่อยไหม?”   อยู่ๆไอ้พี่เสือที่กำลังขับรถอยู่เงียบๆก็ถามขึ้นมา 

     “ก็ต้องไปสิ ก่อนหน้านี้ก็ไปมาแล้วแต่ไม่เจอโทรไปก็ไม่รับไลน์ไปก็ไม่ตอบ”   มันคงโกรธผมจริงๆแหละ ต่อไปนี้จะพยายามไม่ให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลย จะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

     “แล้วจะทำยังไงล่ะ?”   

     “ไม่รู้”  ผมตอบเสียงดังโต้กับลมที่กำลังตีเข้าหน้า เพราะว่าตอนนี้เรากำลังขับรถกลับบ้านกันหลังจากที่ได้พร่ำเพ้อพรรณาความในใจออกมาจนหมดกับไอ้พี่เสือ 

     ไม่ต้องสงสัยครับกูเรียกมันพี่ก็จริงแต่ก็ขอมีสักนิดสักหน่อยด้วยการเรียกว่าไอ้พี่เสือ พอดีกูไม่ชินปากครับหัวหน้า
     นั่นไงปิงคนเดิมอิสคัมแบ็คหยาบคายปากหมาและกากกรัง… คนก่อนหน้านี้คือใครไม่รู้จัก 

     “ให้ช่วยไหม?”   ไอ้คนที่กำลังขับรถอยู่มันถามกลับมา ด้วยความที่กลัวว่ามันจะไม่ได้ยินนี่ก็เลยต้องเอาหนังหน้าเข้าไปใกล้ๆหูมันแล้วตอบกลับไปว่า “ช่วยยังไง?” 

     “ก็มันหนีหน้าไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวจะเรียกมันออกมาให้”

     “อ่อ…โอเคๆ!”  ผมตะโกนตอบกลับไป


     และแล้วก็มาถึงบ้านหลังเดิมที่ผมมาเมื่อตอนเย็นแต่ก็ไม่เจอไอ้ฟาร์ม ไอ้พี่เสือมันจอดรถตรงหน้าบ้านไอ้ฟาร์มจากนั้นก็เอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาโทรหาเพื่อนรักของผม 

     “มึงอยู่ไหน?” คนช่างคิดแผนการถามขึ้น  เมื่อปลายสายกดรับ

     “ออกมาหาหน่อยดิ มีเรื่องให้ช่วย”

     “ไม่ต้องกูอยู่หน้าบ้านมึงแล้วเนี่ย เออๆแค่นี้” 


     ติ๊ด
     แล้วก็วางสายไป

     “ที่เหลือเป็นหน้าที่ของมึงแล้วจัดการเอาเอง”   ว่าแล้วพี่มันก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม เหลือพื้นที่และความเป็นส่วนตัวให้ผมเพื่อที่จะได้คุยกับไอ้ฟาร์ม

     ไฟหน้าบ้านถูกเปิดขึ้นและไม่นานก็เห็นร่างคุ้นตาเดินออกมาจากข้างใน 

      “มึงมาทำไม?”  ทันทีที่มันเดินมาถึงหน้ารั้วแล้วเห็นผมก็ถามขึ้นทันที แต่ก็ยังคงไม่ได้เปิดประตู้รั้วบ้านออกมา

     “ก กูมาหามึงไง”  อดเสียงสั่นไม่ได้เลยโว้ยยยย ปกติผมกับไอ้ฟาร์มไม่ค่อยมีปัญหากันหรอก พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง

     “แล้วมาทำไมล่ะ?”   นั่น! งอนเหมือนเมียกูเลยห่านนนนน

     “กูมาขอโทษ”
 
     “…”

     “กูรู้แล้วว่ากูผิด กูเอาแต่อารมณ์ตัวเองมากเกินไปกูคิดว่าการอยู่คนเดียวมันอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้น แต่สำหรับกูแล้วมันไม่ใช่เลย” เม้มริมฝีปาก ชั่งใจเพียงแค่ไม่กี่วินาทีและพูดประโยคที่มันคั่งค้างอยู่ในใจ “กูขอโทษนะมึง กูไม่มีคำแก้ตัวหรอกมีแต่คำขอ
โทษที่จะให้เพราะกูยอมรับว่ากูผิด มึงอย่าโกรธกูนะ” 

     “…”  คนตรงหน้าที่อยู่ข้างหลังรั้วบ้านก็ยังคงไม่ตอบผมเหมือนเดิมได้แต่มองหน้าผมนิ่งๆซึ่งเดาอารมณ์ไม่ได้เลย และไม่ถึงหนึ่งนาทีที่มันยืนมองผมอยู่อย่างนั้น อยู่ๆมันก็หันหลังและเดินหนีเข้าบ้านไปเฉยเลย

     “ไอ้ฟาร์ม”   ผมเรียกชื่อมันเสียงเบา ที่จริงอย่าพูดว่าเรียกเลยเรียกว่าพึมพำดีกว่าเพราะมันเบามาก

     โห….หน้าสั่นเลยครับหัวหน้า     
     น้ำตาแทบคลอ…นั่นมันเพื่อนที่สนิทกันมาเป็นสิบๆปีรู้ไส้รู้พุงกันเลยนะเว้ยยยยยย จะไม่หายโกรธกูจริงๆเหรอ 
ตัดสินใจยืนรอมันไม่ถึงหนึ่งนาทีนี่ก็เลยหันหน้าไปหาไอ้พี่เสือที่ยืนรออยู่ไม่ไกลแล้วทำหน้าหงอยใส่มัน


     ครืดดดดดดดดด!! 

     แต่…

     ทันทีที่หันหลังเตรียมจะเดินกลับไปทางคนตัวสูงที่ยืนรอผมอยู่ที่รถตรงฝั่งตรงข้ามกับบ้านไอฟาร์ม เสียงประตูรั้วจากทางข้างหลังก็ดังขึ้น

     ไม่รอช้าที่ผมจะรีบหันหลังกลับไป “ไอ้ห่า กูหายไปหากุญแจมาไขบ้านแป้บเดียวเองจะกลับแล้วหรือไง!”

     “…”

     “กูเองก็ผิด ผิดที่เอาแต่เซ้าซี้มึงมากเกินไปจนลืมไปว่ามึงเองอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้ กูก็ขอโทษเหมือนกันแต่ทุกอย่างที่กูทำไปกูอยากบอกให้มึงรู้ไว้ว่ากูเป็นห่วงจริงๆ เพราะถ้ากูไม่ห่วงจ้างให้กูก็ไม่เข้าไปยุ่งกับมึงหรอก”   

     ใช่ครับไอ้ฟาร์มน่ะมันเป็นคนแบบนี้  ถ้ามันไม่ห่วงมันจะไม่แม้แต่เหลียวแลเลย

     “มึงเองก็ยกโทษให้กูด้วยได้ไหมล่ะ?” เพื่อนรักผมถาม

     ฮือออออออออออออออ!!!
     เลยไม่รอช้าที่จะกระโจนเข้าไปกอดมัน  กอดแบบที่เพื่อนกอดกันน่ะนะ อย่าคิดลึกไม่เหมือนกับกอดใครบางคน
นั่นแหละคนที่คุณก็รู้ว่าใคร..

     “ฮึ่ยยยย!ออกไปได้แล้วกูขนลุก!”   ว่าแล้วมันก็ผลักอกผมอกมาเบาๆ แหม…เมื่อกี้ยังกอดกูแน่นอยู่เลยนะมึงน่ะ

     “ไอ้ห่า! กูตกใจแทบแย่คิดว่าแต่มึงจะโกรธกูจนจะตัดเพื่อนแล้ว”   ผมพูดพร้อมกับตบเข้าที่ไหล่มันอย่างแรง

     “ตอนแรกก็โกรธแต่ตอนหลังกูโกรธตัวเองมากกว่าที่เข้าไปยุ่งกับชีวิตมึงมากจนเกินไป”

     “เฮ้ยยยย ไม่เป็นไรเว้ยยสำหรับมึงน่ะจะเยอะกับกูขนาดไหนก็ได้ กูเองก็เอาอารมณ์เป็นใหญ่มากเกินไปยังไงกูก็ขอโทษมึงอีกทีนะ” 

     “ไม่หรอก… กูต่างหากที่ต้องขอโทษ” 

     “เห้ยยย ไม่เอาน่ากูเอง” ผมแย้ง 

     “ก็บอกว่ากูไง”  และไอ้ฟาร์มมันก็ยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

     “บอกว่ากูก็กูสิวะมึงจะ”

     “เฮ้ยยยยย  ขอโทษกันเสร็จยังพวกมึงเนี่ย! กูมีงานต้องทำอีกนะเว้ย!”   ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ก็มีเสียงตะโกนดังแทรกขึ้นมา เป็นเสียงไอ้พี่เสือเอง

     แหม…นานๆทีพวกกูจะทะเลาะกันหรอกครับหัวหน้า  เวลาขอโทษกันเลยรู้สึกแปลกๆ

     “เอ้า! หวัดดีตอนดึกๆนะพี่ ผมเลยลืมธุระของพี่ไปเลยว่ะ”  ไอ้ฟาร์มตะโกนโต้ตอบพร้อมกับยกมือไว้รุ่นพี่มัน

     “ที่จริงธุระน่ะไม่มีหรอกกูอยากให้มึงสองคนได้คุยกัน”   ไอ้พี่เสือมันตะโกนตอบกลับมา แล้วมึงจะตะโกนหาหอกอะไรวะ เดินมาคุยกันดีๆก็จบไหม… หมาเห่ากันเกรียวกราวแล้วนั่น

     “โห…แผนพี่อ่อ?”  ฟาร์มเท้าเอว 

     “กูไม่ได้วางแผนอะไร แค่โทรให้มึงออกมาหาเฉยๆ”  ”แล้วมึงจะกลับกันได้ยังกูมีงานต้องทำอีกนะเว้ย”   
     นั่นแหละครับหลังจากจบประโยคนั้นผมก็รีบบอกลาไอ้ฟาร์มและรีบข้ามถนนไปหามันแทบไม่ทัน 



     ไม่ถึงยี่สิบนาทีเราก็มาถึงบ้าน เห็นรองเท้าไอ้พี่หมากมันถอดอยู่ตรงตู้รองเท้าหน้าบ้านนั่นก็แสดงว่าพี่มันกลับมาแล้วและก็คงจะนอนแล้วด้วยเพราะพอมองไปตรงที่หน้าต่างห้องก็มืดสนิท จะว่าไปเหมือนว่าไอ้พี่หมากจะดูเข้าถึงง่ายน่าสนิทมากกว่าไอ้เสือแต่ทำไมเอาเข้าจริงๆแล้วผมกลับรู้สึกว่าไอ้พี่เสือน่ะกลับดูเข้าถึงง่ายมากกว่าวะ
เอ๊ะ! หรือว่าจะคิดไปเอง

     “ฝันดีนะมึงเอ้ย!พะ พี่เสือ”  ก่อนจะแยกย้ายกันตรงหน้าห้องผมก็ไม่ลืมที่จะบอกฝันดีไอ้พี่มัน

     “จริงๆจะเรียกเหมือนเดิมก็ได้นะกูไม่ว่า” 

     “เอ่อ…”   ใครจะกล้าวะ เห็นอย่างนี้ก็เป็นคนมีมารยาทสัมมาคาราวะอยู่นะเว้ยยยยย (เหรอออออ)  ถึงแม้ว่ามันจะน้อยมากก็ตาม

     “เรียกได้ไม่เป็นไร”  มันตอบกลับมาด้วยเสียงติดตลก คือมึงโอเคเหรอที่จะให้กูเรียกแบบเพื่อนเนี่ย

     “เออองั้นกูไม่เกรงใจนะเว้ย  นอนละฝันดี” 

     “เออ ฝันดีอย่านอนร้องไห้ล่ะมึง มีไรอยากพูดก็พูดรับฟังเสมอ”  ไอ้เสือมันพูดแล้วก็ตบเข้าที่ไหล่ผมปุๆ หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน จนตอนนี้ผมอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะคลานขึ้นเตียงเพื่อไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ตามนัดหมายเมื่อได้เวลา

     เห้อออออออออ…
     ขอสารภาพเลยว่าตอนอยู่กับไอ้เสือแม่งโคตรโล่งสบายใจมาก หมายถึงพอได้ระบายอะไรออกไปแล้วน่ะนะต้องขอบคุณมันมากที่คอยอยู่ข้างๆผมในวันนี้   

     อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับหัวหน้า… ตอนนี้รอยสัมผัสตรงหัวไหล่ผมที่ไอ้เสือมันตบปุเมื่อกี้นี้มันยังอยู่อยู่เลย และแน่ๆที่สำคัญ…ทำไมรอยกอดของไอ้เสือเมื่อตอนเย็นมันยังคงอยู่แบบนี้… รู้สึกเหมือนมีรอยอุ่นๆอยู่ตรงที่ผิวเราสัมผัสกันในตอนที่มันคว้าผมเข้าไปกอด

      บ้าน่า… ผมคงจะอุปประทานหมู่ไปเอง
     โอ้ยยยยกูอ่ะคิดมากกกกกกก นอนแล้วนอนแล้ว!! 

     .
     .
     .

     สัด! นอนไม่หลับ!!!   นอนไม่หลับก็เพราะนึกถึงแต่ตอนที่มันคว้าตัวผมเข้าไปกอดนี่ไง ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นมันฉายชัดซ้ำไปซ้ำมาจนข่มตานอนไม่ได้เลยเนี่ยพลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้วนับแกะจนมันจะตัวที่ล้านแล้วครับหัวหน้าก็ไม่มีท่าทีว่าความง่วงจะเข้ามาครอบงำได้เลย

     ทำไมอัตราการเต้นของหัวใจผมมันถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ แล้วก็เสียวแปลบที่ช่องท้องแปลกๆตอนที่ภาพนั้นมันฉายซ้ำวนกลับมา

เป็นบ้าไปแล้วววว กูเนี่ยเป็นบ้าไปแล้ววววววว สงสัยอกหักจนเป็นบ้ากูจะไปใจเต้นแรงกับมันได้ยังไงเพิ่งช้ำรักมานะว้อยยยย  อีกอย่างมันเป็นผู้ชายด้วย ผู้ชายไม่เท่าไรผู้ชายลูกหนึ่งไอ้สาดดดด จะคิดอะไรก็นึกถึงหน้าลูกเขาเข้าไว้ ถึงจะเคยเป็นวันไนท์แสตนด์กูก็เถอะนะ เห้ยยยยไม่เอาอย่าพูดถึงเรื่องนี้ ไม่พูดๆๆๆ 

     เฮ้ออออออนี่เวลาล่วงเลยมาถึงตีสี่แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับ  โอยยยยยหัวหน้าครับช่วยผมด้วย!!



      เช้านี้ที่ไม่ค่อยโอเคหน้าตาไม่แจ่มแจ้งสดใสเหมือนแสงแดดเลยรู้สึกเหมือนราหูจะอมขอบตาเพราะตาดำมาก ก็นอนไม่ถึงห้าชั่วโมงมันคงจะดีอยู่หรอก…   

     ฮร่อววววว ง่วงงงงงงเด้ง่วงเด้

     วันนี้ภาคเช้าเสือกมีสอบย่อยด้วยไงเลยต้องหอบสารร่างที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนซอมบี้มามหาลัย! และตอนนี้ก็เพิ่งได้ออกจากห้องเรียน ไม่ได้ตรงไปหาของกินนะครับตรงมาหาที่นอน เมื่อได้ที่เหมาะเจาะแล้วจากนั้นก็ฟุบหน้าลงตรงม้าหินอ่อนที่ประจำเลย

     “ตื่นๆๆๆๆๆๆ!!”  พักสายตายังไม่ถึงห้านาทีมารผจญอย่างไอ้เจมส์มันก็เสนอหน้ามาทันที…
     โอยยยย อย่ากวนกู 

    “ตื่นโว้ยยยยยยยยย!”   เมื่อเห็นว่าผมยังไมเงยหน้าขึ้นมาไอ้เจมส์มันก็ก่อกวนด้วยการตะโกนใส่หูผมดังๆ 
     ป๊าบบบบบบบบ!!
   
     “ไอ้ควายยยยกูจะนอนนน!!”   ไม่รอช้าที่จะประเคนฝ่ามืออรหันต์ใส่หัวสมองขี้เรื่อยของมันเพื่อสั่งสอน

     “ฮ่าๆๆๆๆ”  “มึงก็ไปหาแกล้งมัน เป็นยังไงล่ะสมองไหลเลย”  เสียงไอ้โก้หัวเราะลั่นอย่างถูกอกถูกใจจนถึงกับที่ผมต้องเงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าที่ใช้รองตอนฟุบและมองหน้ามันประมาณว่า เงียบสัดกูจะนอน!

     “แกล้งห่าอะไรกูแค่จะมาชวนไปซื้อหนังสือมาอ่านเฉยๆ เพราะถ้าคะแนนสอบเทอมนี้กูเหี้ยนะโดนม๊าตัดค่าขนมแน่!”   
ผมยังคงฟุบหน้าอยู่แต่หูก็ยังคงได้ยินเพราะไม่ได้เข้าไปเฝ้าพระอินทร์อย่างในตอนแรก

     “โหหหห…เดี๋ยวนะนี่คือกูหูฝาด…” 
     แต่สุดท้ายแม่งก็ข่มตาให้หลับเหมือนในตอนแรกไม่ได้ ห่านนนนน!! กูต้องบิวด์อารมณ์ใหม่หมดเลยสัดเจมส์ 

     “เฮ้ยยย มึงตื่นขึ้นมาตกใจกับกูหน่อยสิวะปิง”   ว่าแล้วไอ้โก้มันก็มาสะกิดแขนผมยิกๆ

     “โว้ยยยยยกูไม่นอนแล้วโว้ยยยย!” 
     นั่นแหละครับ…กูไม่นอนแล้วก็ได้ 

     “ไหนมึงจะไปซื้อหนังสืออะไร มึงลุกขึ้นมาเลยเดี๋ยวกูพาไปซื้อ!”   ผมนี่โวยวายเลยครับประชดแม่ง อยากกวนกันดีนัก ก็รู้ๆอยู่ถ้ามากวนผมเวลานอนแม่งจะโคตรหงุดหงิดเลย

     “ไปสิวะ! นั่งทำห่าอะไรอยู่”   จนนี่ต้องเป็นฝ่ายเร่งมันแทนเพราะพวกมันยังนั่งทำหน้างงๆกันอยู่ 

     “มึงไม่ต้องมานั่งงงกันแม่งทำให้กูตื่นแล้วก็มารับผิดชอบด้วยสัด!” 
     และวันนี้ก็ผ่านความง่วงๆมาด้วยการอัดกาแฟกระป๋องมันทั้งวัน  เห็นหน้าอย่างนี้ก็กินแค่กาแฟกระป๋องครับช่วงนี้ไม่มีปัญญาไปกินสตาร์บัค พอดีการเงินมันมีปัญหาใสชุดนักศึกษาไปหาใครก็ไม่ได้ก็เลยต้องประหยัดๆเอา  เห็นไม่พูดถึงเรื่องเงินน่ะไม่ใช่ว่าจะมีนะครับ…จนเหมือนเดิม ไอ้หอกหัก

      จนตอนนี้ก็กลับมาถึงบ้านในเวลาสี่ทุ่มเศษๆไม่ใช่อะไรไปหาไอ้ฟาร์มให้มันเลี้ยงข้าว บอกแล้วว่าจนจริงๆไม่ติงนัง ก็คิดไว้อยู่ว่าจะหางานทำแล้วรอเงินค่าเช่าบ้านจากพี่มันอย่างเดียวคงไม่พอไหนจะค่าเทอมอีก แต่ตอนนี้ขอตั้งตัวก่อน 

อะๆ เห็นไม่พูดถึงพี่เพลงก็ใช่ว่าจะลืมนะครับก็ยังเจ็บอยู่นั่นแหละ…เรื่องมันก็เพิ่งผ่านมาเนอะยังลืมไม่ลงหรอกแต่ก็ไม่รู้จะเอามาคิดทำไม หาทางเริ่มต้นใหม่ดีกว่า นั่นไงพอแล้วๆเลิกพูดถึงพี่เขาได้แล้ว 

แล้วนี่ทั้งบ้านก็เงียบอีกเหมือนเคยยังไม่มีใครกลับมาเลยไอ้เสือมันคงยังไม่เลิกจากงานพาร์ทไทม์จะว่าไปก็หลายวันแล้วนะเนี่ยที่ไม่ได้เห็นเจ้าเด็กอ้วน ก็แอบคิดถึงเหมือนกันนะไม่ได้หยอกหลายวันแล้ว ยังหรอกครับก็ยังไม่เลิกเกลียดเด็กหรอกแต่มันก็ลดลงบ้างก็แค่นั้น

แต่น้องกวางนี่ให้สิทธิพิเศษที่จะเข้าใกล้มากกว่าเด็กคนไหน ไม่ใช่เพราะว่าเป็นลูกไอ้พี่เสือมันหรอกนะ  เพราะน้องกวางน่ะน่ารักกว่าที่คิดไว้อีกไง  ส่วนไอ้พี่หมากน่ะเหรอ…หายครับ คือตั้งแต่ที่พี่มันมาอยู่เนี่ยไม่ค่อยเห็นยู่บ้านสักเท่าไรเลย ไม่รู้วันๆออกไปไหนนักหนา แต่ก็เคยได้ยินไอ้ฟาร์มมันพูดนะว่าพี่หมากมันก็ทำงานเหมือนกัน ส่วนทำอะไรนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้หรอก ทั้งบ้านก็คุยกับไอ้พี่เสือมากที่สุดแล้ว


     ครืด…
     และเสียงประตูรั้วบ้านก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซค์ในขณะที่ผมกำลังยืนดื่มน้ำอยู่ตรงหน้าตู้เย็น ไม่มีใครหรอกครับ…ก็
เสือไงจะใครล่ะ?


     ไม่นานก็ปรากฏร่างคุ้นตาที่โผล่มาทางประตูบ้าน  “น้องกวางเป็นไรวะนั่น”  ทันทีที่มันอุ้มน้องกวางเดินเข้ามาผมก็อดที่จะถามไม่ได้ เพราะว่าแอบเห็นแผ่นคูลฟีเวอร์ติดอยู่ตรงหน้าผากของเธอ

     “ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ”  มันตอบแล้วก็รีบเดินเข้าห้องไป  ส่วนผมก็เคลื่อนย้ายร่างมานั่งตรงหน้าทีวีเพื่อย่อยเนื้อย่างสักหน่อยก่อนที่จะไปอาบน้ำ  และไม่นานคนตัวสูงก็ออกมาพร้อมกับถามว่า “มึงกินอะไรหรือยัง?”  แล้วก็เดินผ่านหน้าผมไปเสียบปักน้ำร้อนตรงโต๊ะกินข้าว

     “เรียบร้อยแล้วนั่งย่อยอยู่”   ผมตอบแล้วก็แอบไปมองมันนิดๆ เอ๊ะ! แล้วทำไมต้องแอบมองด้วยวะ!  “ทำไมมีไรจะเลี้ยงข้าวเหรอ?”   ตอนนี้ไม่แอบมองแล้วแต่มองเต็มๆเลย ที่มองเต็มตาเพราะมันหันหลังทำอะไรสักอย่างอยู่แถวนั้นน่ะสิ

     “พอดีน้าเล็กเอาแกงฝากมา ถ้าอยากกินก็อุ่นเอานะอยู่ในตู้เย็น”  เสร็จแล้วก็เห็นมันเอาถุงแกงไปใส่ไว้ในตู้เย็น 

     “อ่อ…”   คิดว่าแต่จะเลี้ยง

     “กินกาแฟแบบนี้แล้วจะนอนตอนไหนล่ะวะ?”   ก็อดที่จะถามไม่ได้เหมือนเดิม จัดกาแฟดำขนาดนี้วันนี้มึงได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็ให้มันรู้ไป

     “ต้องเร่งงานน่ะ เมื่อวานงานยังทำไม่ถึงไหนเลย”
     ไอ้ฉิบหาย…รู้สึกผิดเลยว่ะครับ

     ก็เมื่อวานมันมาคอยอยู่เป็นเพื่อนผมไง แล้วอีกอย่างกว่าจะได้กลับบ้านก็ตีหนึ่งแล้ว สงสัยเมื่อวานงานไม่เดินเพราะผมแน่เลย เอาไงดีวะ?  ช่วยอะไรมันได้บ้างไหมเนี่ย 

     “ให้กู”   ช่วยอะไรไหม?

     “เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนนะเหนียวตัวฉิบหายเลย”  ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อเลยมันก็ยกกาแฟรสเข้มขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป  ก็เลยต้องกลืนคำถามทั้งหมดนั่นลงคอไปดังเดิม



     เที่ยงคืนสี่สิบห้านาที


     แอ๊!! 
     และเสียงคุ้นเคยก็ส่งเสียงดังลั่นบ้านจนมันทะลุออกมาถึงห้องผม   
     เอ…น้องกวางเป็นอะไรน่ะ ปกติไม่เคยร้องไห้ตอนกลางคืนแบบนี้เลยนี่หว่า 

     แอ๊!!   
     และเสียงร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมที่กำลังนอนไถโทรศัพท์โง่ๆอยู่บนที่นอนนั้นอดที่จะลุกไปดูไม่ได้   
     แต่… พอเปิดประตูออกมาแล้วก็ไม่พบใครเห็นก็แต่น้องกวางที่เอาแต่ร้องไห้โยเยอยู่บนที่นอน 
ไอ้เสือมันไปไหนของมันทำไมปล่อยให้น้องกวางนอนร้องไห้อยู่แบบนี้


     “โอ๋ออออๆ มาแล้วมาแล้ว”   สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินเข้าไปอุ้มน้องกวางงขึ้นมาอุ้มไว้ จนรู้สึกได้ว่าน้องกวางไม่ได้ไม่สบายแค่นิดหน่อยแล้วมั้ง เพราะไอร้อนจากตัวมันส่งมาถึงผมนี่ไง 

     ฉิบหายแล้ว ทำไงล่ะทีนี้พ่อน้องมันก็ไม่อยู่อีกแล้ว


     บื้นนนนน! 
     นั่นไงแค่คิดก็มาพอดี ดึกขนาดนี้แล้วมันขับรถไปไหนมาวะ ลูกมึงไม่สบายก็รู้อยู่ยังจะออกไปคือบอกกูก็ได้ไหม? เดี๋ยวดูให้ไม่ได้ใจดำขนาดนั้น

     แอ๊!! 

     “โอ๋ๆ อยู่นี่แล้ว”  ผมปลอบเด็กอ้วนในอ้อมอกที่กำลังร้องไห้งอแง  ขนาดเวลาผู้ใหญ่อย่างเราๆไม่สบายก็ยังแทบตายเลยแล้วนับประสาอะไรกับเด็กที่ช่วยอะไรตัวเองไม่ได้วะ 

     “มาแล้วๆ!”   เสียงของไอ้เสือมันดังขึ้นพร้อมกับรางใหญ่ๆของมันที่พรวดพราดเข้ามาในห้อง 

     “ไปไหนมาวะ?”  ผมหันมาถามทั้งที่ยังลูบหลังปลอบน้องกวางอยู่แล้วยิ่งที่เธอได้ยินเสียงของพ่อ เธอก็ยิ่งร้องไห้ใหญ่เลยจนน้ำตานี่ไหลออกมาชนิดที่ว่าเช็ดแทบมาทัน   


     แอ๊!!!

     “ไปซื้อยามาน้องกวางไม่สบาย มาเดี๋ยวอุ้มเอง”  มันพูดแล้วก็ยื่นมือทำท่าจะอุ้มน้องกวาง ผมก็เลยพูดไปว่า “เดี๋ยวกูอุ้มให้ มึงจะทำอะไรก็รีบทำ ป้อนยาไหม? หรือเช็ดตัว?” 

      “มันจะลำบากมึงเปล่าๆมานี่เดี๋ยวอุ้มเอง”  ยังอีกมันยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวปั๊ดตีแขนขาด

     “มึงจะไปทำไรก็ทำ เดี๋ยวช่วยดู เร็วๆไข้ขึ้นขึ้นมาแล้วจะลำบาก”  ขอดีใจสักนิดหนึ่งคือว่านานๆทีจะได้เป็นคนแบบจริงจังต่อหน้ามันขึ้นมาบ้าง

     “งั้นฝากแป้บนึงนะ”  ว่าแล้วมันก็เดินออกไปไหนก็ไม่รู้กลับมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำหมาดๆ จากนั้นก็เอามาเช็ดตามตัว เสร็จแล้วก็เอาแผ่นคูฟีเวอร์มาติดหน้าผากน้อยๆนั่นไว้  แล้วก็ตบท้ายด้วยการป้อนยาแก้ไข้  ตอนแรกก็ปล้ำกันอยู่นานสองนานกว่าจะได้โดยที่มีผมเป็นคนอุ้มและแน่นอนว่าไอ้เสือมันเป็นคนป้อน อะๆไม่ต้องกังวลครับนี่ไม่ใช่คนป้อนเพราะกูป้อนไม่ได้แน่ๆครับหัวหน้า ไปทำลูกเค้าสำลักยาขึ้นมาจะทำยังไง ลำพังทุกวันนี้จะตักข้าวเข้าปากตัวเองไม่ร่วงออกจากปากก็ดีแค่ไหนแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับการป้อนยาหรือป้อนข้าวเด็ก   

     “มาเดี๋ยวกูดูต่อเอง มึงไปนอนเถอะ”   เสร็จภารกิจแล้วมันก็ทำท่าจะเข้ามาอุ้มน้องกวาง 

     “มึงทำงานเสร็จยังถ้ายังไม่เสร็จก็ไปทำซะเดี๋ยวดูให้เอง”   เพราะตอนนี้น้องกวางก็ไม่ได้งอแงแล้ว แต่กำลังเริ่มเคลิ้มหลับด้วยฤทธิ์ยาที่เพิ่งป้อนเข้าไป

     “ไม่เป็นไร มึงน่ะไปนอนเดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พออีก”   จ้าพ่อคุณคนนอนครบแปดชั่วโมงงงงง ถุยยยย

     “มึงไปทำงาน เดี๋ยวจะดูให้โอเค๊ ถ้าไม่โอเคกูจะปลุกให้น้องกวางตื่นแม่ง!”   กูโหดครับ ก็อยากจะช่วยมันดูด้วยนั่นแหละ เมื่อวานมันก็ยังทิ้งงานแล้วมาคอยอยู่ข้างๆผมนี่ แล้วทำไมผมจะช่วยมันบ้างไม่ได้ล่ะ

     “เอออ!!” มันตอบเสียงค่อนข้างประชดหน่อยเสร็จแล้วก็นั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นปลายเตียงที่มีโน้ตบุ๊คตั้งไว้อยู่  ผมเลยเลือกที่จะไม่กวนมันแต่เดินอุ้มน้องกวางออกมาข้างนอก น้องกวางเองก็เริ่มมีท่าทีเคลิ้มไปแล้ว ผมไม่รู้วิธีการกล่อมแต่ก็เอาวิธีการที่แม่เอามาใช้กับผมในตอนเด็ก ถึงแม้ว่าจะจำแทบไม่ได้ก็ตามแต่ก็จะนึกออกให้ได้เท่าที่จะนึก ตอนนี้ผมก็เลยอุ้มน้องกวางอยู่เดินไปเดินมามือข้างที่ว่างก็ลูบหลังและศีรษะเล็กไปมา บางครั้งก็เปลี่ยนจาการเดินมาเป็นการโยกตัวบ้าง  สุดท้ายเจ้าเด็กอ้วนก็หลับไป 



     ฮ้าวววววว!

     กูหาวเองครับหัวหน้า หาวยาวจนเป็นสะพานทอดไปถึงแอสการ์ดได้เลยมั้งครับ ดูท่าว่าน้องกวางจะหลับแล้วผมก็เลยพาเดินเข้ามาในห้องของอไอ้เสือ “นอนแล้วเหรอ?”  มันเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามา

     “อือ…ให้เอาน้องนอนตรงไหน?  เอานอนลงที่เดิมเลยนะ”  ถามไปงั้นแหละกูไม่รอฟังคำตอบหรอกครับเอาวางลงเลย
อ่า…เหน็บกินครับหัวหน้า!

     “ขอบใจมึงมาก” 
   
     “ไหนผ้าชุบน้ำล่ะ?” 

     “มึงไปนอนได้เลย เดี๋ยวกูดูเอง” 

     “ผ้าชุบน้ำ?”   นั่น!! เก่งเข้าไปอีกกูเนี่ย

     “บอกให้ไปนอน”   ห่านนนเก่งไม่ได้แล้ว พอมันกดเสียงต่ำลงแล้วมองมานิ่งๆใจกูนี่บ่ดีเลย

     “เออๆจะไปนอนแต่เอาผ้าชุบน้ำมาก่อนแล้วจะไปนอน”   
พอได้ฟังคำตอบผมแล้วมันก็โยนผ้าชุบน้ำสีขาวมาให้ผม นี่ก็เลยถือวิสาสะปีนขึ้นมาบนเตียงของไอ้เสือ(ที่มีกูเป็นเจ้าของ)แล้วก็มานั่งข้างน้องกวางที่นอนฝั่งติดกำแพง จากนั้นก็ค่อยๆใช้ผ้าเปียกคอยเช็ดไปตามแขนตามขาของน้องไปเรื่อยๆ

     เรื่อยๆ และ เรื่อย…


     เช้าต่อมา…


     ฮ้าวววววววววววววววว

     คราวนี้เสียงหาวนี่ยาวไปถึงดวงอาทิตย์เลยมั้ง ไม่ใช่อะไรพระอาทิตย์มันขึ้นแล้วนี่ไงเลยได้เวลาที่ต้องตื่น แต่ไม่เป็นไรวันนี้มีเรียนสาย 

     กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย… พอกำลังควานมือไปหานาฬิกาที่ชอบวางไว้หัวเตียงแต่กลับไม่เจอนั่นก็เลยทำให้ผมสำนึกได้ว่า… 
เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช้ห้องกูนี่หว่า 

     ห้องใครวะ?   
     อ่อห้องไอ้เสือ   ใช่แล้วเมื่อคืนมาคอยดูน้องกวางให้มันนี่หว่า แล้วก็…หลับไปตอนไหนก็นึกไม่ออกเลยครับหัวหน้า 


     ฮ้าวววววววว ขอหาวอีกรอบก่อน ง่วงขนาดเลย

     เห้ย!! 
     ว่าแต่อะไรมันหนักๆวะ…อย่าบอกนะว่าผีอำ!

     นี่ยังไม่ตื่นดีเหรอ ใช่แน่ๆต้องเป็นผีอำแน่ๆรัดคอกูแน่นขนาดนี้ 
     
     แต่… เดี๋ยวนะ?  ผีมีลมหายใจด้วยอ่อ?   

     ห่านนนนนน!!   ตกใจแทบตายกูเกือบยันตกเตียงแล้วไหมล่ะ?  ก็ไอ้ห่าเสือมันนอนอยู่ข้างๆผมนี่ไงเตียงก็ไม่ได้หลังใหญ่นะยังจะเบียดมานอนอีก ทำไมจะขึ้นมานอนแล้วไม่ปลุกกูดีๆวะ ดีนะไม่ทับน้องกวางเอาได้

     มีแต่กูเนี่ยแหละหนักสุดนอนตรงกลางไงตอนนี้เลยโดนทั้งพ่อทั้งลูกมันเบียดจนกูคิดว่าแต่ผีอำ 
     น้องกวางก็เล่นเข้ามาเบียดแล้วเอาเท้าพาดช่วงท้องผมอย่างสบายใจ ส่วนไอ้เสือนั้นไม่ต้องพูด แขนยาวๆของมันพาดตรงลำคอผมไว้แล้วกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ขาข้างหนึ่งก็พาดเข้ามาเกาะมาก่ายอยู่ที่ขาผมนี่เกาะกูไว้อย่างกับกลัวจะตกเตียง   
แต่มองๆดูแล้วแม่งก็น่าตกจริงๆนั่นแหละ เหลือพื้นที่แค่นิดเดียวเอง ยังมองไม่เห็นครับแต่กูสัมผัสได้

     “ไอ้เสือ”  ผมกระซิบเรียกมันเสียงเบาๆ เพราะกลัวว่าน้องกวางจะตื่นเอาได้ สงสัยมันต้องพึ่งได้นอนแน่ๆ 

     “เสือ…”  ผมยังคงกระซิบเรียกมันใกล้ๆหู  คือกูจะได้ลุกแล้วมึงจะได้นอนดีๆไง

     “ฮือออออออ” มันครางฮือในลำคอตอบรับผม แต่ยังก็ไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา  หนำซ้ำยังเอาหน้ามาซุกตรงซอกคอผมอีก…

     ตึกตักๆ…

     แล้วทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย…แค่ลมหายใจอุ่นๆเอ๊งงงงงงงง

     อุ่นจนจะเผากูไหม้แล้วไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย




    TBC...

     rewrite 16/7/2560
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 13:01:43 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่เสือเริ่มทำให้น้องหวั่นไหวแล้วสินะ อิอิ ลุ้นๆ เวลาแห่งครอบครัว

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ค่อยๆสนิทใจกันมากขึ้นแล้วว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เวลาไม่สบาย จะเห็นน้ำใจจากคนใกล้ตัว
และเห็นความรู้สึกแท้จริงของคนป่วย
เสือ แสดงออกให้เห็นว่าต้องการสัมผัสจากปิง ซึ่งมาจากส่วนลึกในใจของเสือ
และเสือก็เห็นน้ำใสใจจริงของปิงเช่นกัน
เห็นความน่ารักของปิง การดูแลลูกกวาง ทั้งที่ปิงเป็นคนไม่ชอบเด็ก
ก็น่าที่ทั้งคู่จะรู้ใจกัน  รอดูตอนตื่นละกัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
รักของเสือ ตอนที่สิบเอ็ด : ไม่สบาย




     เพี๊ยะ!!

     “ไอ้เสือ!!”   สะกิดก็แล้วอะไรก็แล้วเจ้าของอ้อมกอดมันก็ยังไม่ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ เลยฟาดเข้าที่แขนยาวๆของมันจนเกิดเสียง และตอนนี้เจ้าตัวก็ลืมตาปรือๆตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย สภาพตอนนี้ของไอ้เสือนี่แทบดูไม่ได้ผมเผ้ายุ่งเหยิงคราบน้ำลายเต็มแก้ม ไม่ใช่ว่ามันไหลโดนผมไปแล้วเรอะ!

     อี๋!! ไม่ได้ไม่ชอบนะแต่รังเกียจ 

     ขนาดแค่นั่งทำงานเฉยๆนะ เมื่อคืนนี้ล่ะทำเก่งบอกจะดูน้องกวางเอง ผมว่าถ้าเป็นอย่างนั้นตอนนี้มันคงมีสภาพไม่ต่างกับคนที่เพิ่งโดนรุมโทรมมาแหงๆ ขอบตานี่ดำอย่างกับกำลังปลอมตัวเป็นหมีแพนด้า ปากซีดเซียวหน้าโทรมขนาดหนัก   

     “อะไร…” เมื่อเพื่อนร่วมเตียงเปิดเปลือกตาขึ้น มันก็ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย 

     “ทำไมเมื่อคืนไม่ปลุกให้กูไปนอนห้อง?” 

     “เห็น… เออช่างมันเถอะ”  เหมือนว่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด เดี๋ยวปั๊ดโบกหลังแหวนเลยนี่!   

     “ปล่อยได้แล้วกูจะลุกแล้ว” ผมเอ่ยบอกคนที่เอาแต่กอดไม่ยอมปล่อย
เออมึงปล่อยกูได้แล้วว้อยยยนี่ไม่ได้กำลังถ่ายโฆษณายาสีฟันเดนทิสเต้นะที่จะได้เอาหน้ามาใกล้แล้วพ่นกลิ่นปากให้กันฟังตอนเช้าเนี่ย   

     “โทษที…”  คุณพ่อลูกอ่อนตอบเสียงเนือยๆแล้วก็เอาแขนขาออกจากตัวผม เลยไม่รอช้าที่จะเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนโดยอัตโนมัติตอนนี้เลยกำลังยืนอยู่ข้างๆเตียงแทน   

     “นอนต่อซะเดี๋ยวถ้าน้องกวางตื่นแล้วจะมาดูให้”  พอเห็นสภาพมันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร มันยังนอนอยู่ที่เดิมแล้วใช้มือนวดขมับและกระบอกตา

    “ไม่มีเรียนหรือไง?”   

     “มีสายๆนี่ก็หกโมงอยู่เลย” ผมพูดและหันไปมองคนที่เอาแต่นวดกระบอกตาไปมา “มึงก็นอนซะเดี๋ยวถ้าน้องตื่นจะมาดูให้ถ้าไปมอแล้วจะมาปลุก” 

     “ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ลุกแล้ว”  ว่าแล้วไอ้เสือมันก็ทำท่าจะลุกขึ้นมา จนผมอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปผลักอกให้มันล้มลงที่เดิม

     “นอนเถอะมึง สภาพอย่างกับคนโดนรุมโทรมมา”

     “ไม่เป็นไรกูไหว”  นั่น! หน้ามึนอีก! (อย่างมันน่ะไม่เหมาะกับคำว่าดื้อครับ หนังหน้าไม่ให้กร๊ากกกก)  แล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกครั้ง

     ถ้ารุ่นเดียวกันนี่กูตบหัวคว่ำคะมำลงพื้นไปแล้วนะครับหัวหน้า บอกอะไรก็ไม่รู้จักฟัง

     “เมื่อคืนนอนตอนไหน?”  ผมถาม

     “ตีสาม…ทำไม”


     ตุบ! 
     ไม่รอให้คนหน้ามึนบนเตียงได้พูดจบผมจัดการผลักศีรษะที่มีเส้นผมฟูฟ่องละอองซิ่วของมันให้ล้มลงบนหมอนอีกครั้ง   

     “นอน!”  เปิดโหมดเสียงแข็งใส่คนบนเตียง

     “…”

      คราวนี้ไอ้เสือไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้หลับตานอนลงไป แต่กลับมองผมกลับมานิ่งๆ นิ่งซะจนแบบว่าไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ คือบับ…


     ตึกตัก…
     ใจกูสั่นอีกทำไมล่ะครับสังคม…
 
     “นอน…” ผมพูดอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ได้เสียงแข็งอย่างตอนแรก ก็… ก็เพราะ… มันมองหน้าผมไง ไม่รู้จะมองทำไมก็เลยรู้สึกแปลกๆ

     อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากไว้เพราะความประหม่าเมื่อคนบนเตียงยังไม่เลิกมอง สุดท้ายก็เลยจัดการเอื้อมมือไปตรงหน้าพร้อมกับปิดตาของไอ้เสือไว้ราวกับว่าคนที่นอนตายตาไม่หลับแล้วเอามือไปลูบลงอะไรทำนองนี้

คราวนี้มันยอมผมง่ายๆแต่โดยดี ใต้ฝ่ามือผมสัมผัสได้ถึงการที่เปลือกตาได้ปิดลงเนื่องจากเส้นขนตานั้นสัมผัสเข้ากับผิวเนื้อที่มือของผม 


     ฮือ…

     กูจั๊กจี้…

     แต่ทว่า…

     หมับ!
     อยู่ๆผมที่กำลังจะละมือออกจากตรงนั้นกลับต้องหยุดชะงักทันที ไม่ใช่ว่าเพราะหยุดเอง…แต่เพราะคนบนที่นอนต่างหากที่หยุดไว้ ฝ่ามือของไอ้เสือใหญ่กว่าผมนิดหน่อยและมันก็อบอุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว 

     รอบข้อมือของผมรู้สึกถึงความอุ่นร้อนน้อยๆ เพราะเจ้าตัวกำจับอยู่ที่ส่วนนั้นไม่ยอมปล่อย
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาไม่ว่าจะผมหรือจะไอ้เสือ แม้ว่ามันได้ปิดเปลือกตาไว้อยู่แต่ผมก็รู้…ว่ามันน่ะ ยังไม่ได้หลับหรอก!


     แหม…

     หกโมงเช้านั้นฉันตาย!!

     .
     .
     .


     ถ่อสังขารตัวเองออกมาจากห้องไอ้เสือได้แล้วก็จัดการล้างหน้าแปรงฟันสักนิดเพื่อว่าจะได้ไปตลาดไปหาอะไรมากินแล้วก็หาเผื่อไอ้คนที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงนั่นด้วย

     แต่เดี๋ยว!!

     หมดสภาพนั่นไม่ใช่เพราะนี่ไปกระทำชำเราอะไรมันนะ หมายถึงมันโหมงานหนักจนหมดสภาพเนี่ย พอเห็นแล้วก็มองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วก็หน้าสั่นแปลกๆ ทุกคืนผมนอนก็ดึกดื่นแต่กลับไม่ได้เรื่องอะไรเลย ผิดกับไอ้เสือที่นอนดึกไม่มีเวลานอนก็เพราะว่าทำงาน…

     ทำไมมันละอายใจแปลกๆวะ ว่าไหมครับหัวหน้า…

     ก๊อก!!

     “พี่หมาก!”  พอดีแอบเห็นรองเท้าพี่หมากมันถอดอยู่ที่ประตูหน้าบ้านเลยจะเข้ามาถามว่าจะเอาอะไรไหม? พอดีจะออกไปซื้อของกิน ไอ้พี่คนนี้ก็เหมือนกันไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาหรอก ทำแต่งาน ทั้งบ้านมีกูคนเดียวมั้งที่รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีอะไรกับเขาเนี่ย  หน้าสั่นไปตามระเบียบ… 

     “ไร…”   มันตอบเสียงกลับมางัวเงียจนผมแทบไม่ได้ยิน นี่ประตูก็ยังไม่ออกมาเปิดให้ก็เลยถือวิสาสะลองหมุนลูกบิดดูปรากฏว่ามันไม่ล็อคก็เลยเปิดเข้าไปซะเลย

     “จะเอาอะไรไหมจะออกไปตลาด?” 

     “ไม่เอา…”  นั่นและครับแล้วบทสนทนาของเราก็จบแต่เพียงเท่านี้

     เดี๋ยวนะ…

     เหมือนลืมอะไรไปเลยหว่า…

     นั่นไง!

     ลืมน้องกวางไปสนิทเลย อุตส่าห์บอกพ่อเขาว่าจะดูให้ ไม่ใช่ป่านนี้ตื่นแล้วเหรอวะ?

     ทันเท่าความคิด ผมรีบสาวเท้ายาวๆก้าวไปยังหน้าประตูห้อง คงไม่ต้องบอกนะว่าห้องใคร…
     นั่นไง…จริงๆด้วยพอเปิดประตูเข้ามาแล้วก็เห็นน้องกวางนอนลืมตาแป๋วอยู่บนที่นอน ส่วนไอ้คนเป็นพ่อนั้นก็นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ใกล้ๆเด็กอ้วนไม่ไปไหน

ชะชะชะปานนั้นแล้วยังจะตีมึนบอกไม่นอนๆ ขอเบะปากแรงๆสักทีหน่อยเถอะ คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหนวะคนเรามันก็ต้องพักผ่อนกันบ้างสิน่า!  ทำอย่างกับโลกทั้งใบนี่อยู่แค่กับลูกสองคน ชิชะเดี๋ยวปั๊ดตบให้กะโหลกแตก เรื่องของคนอื่นนี่ช่วยจังแต่เรื่องของตัวเองแล้วไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่ง


     “ตื่นแล้วเหรออ้วน!”  ว่าแล้วก็คลานขึ้นเตียงไปหาน้องกวางที่กำลังนอนเล่นยิ้มแย้มให้เพดานบนห้องอยู่ ดูท่าแล้วจะเป็นเด็กยิ้มง่ายไม่เหมือนพ่อมันที่เอาแต่ทำหน้าเดียวหน้าไร้อารมณ์ที่แบบว่ามองทีไรแล้วหมดอารมณ์น่ะนะ

     หมายถึงอารมณ์สนทนาด้วย

     จะคิดลึกอะไรกัน

     “ไหนดูสิหายไม่สบายหรือยัง”  อืม…ดีขึ้นเยอะกว่าเมื่อวานเยอะเลยนะ ตอนนี้ตัวก็อุ่นๆขึ้นแล้วแต่ก็ยังเห็นมีน้ำมูกไหลอยู่

     “ดีขึ้นแล้วนี่หว่า…มานี่มาเดี๋ยวพาไปเที่ยว”   ผมอุ้มน้องกวางลุกขึ้นมาจากเตียงจากนั้นก็จัดการทุกอย่างตามลำดับขั้นตอนที่ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าล้างตาซึ่งก็ทำไม่เป็นหรอกแต่เห็นไอ้เสือมันเคยทำก็เลยลองๆทำดูผิดบ้างถูกบ้างตามประสา 

เอาน้ำเอานมให้ดื่มรองท้องก่อนส่วนให้กินอาหารเช้ายังไงนั้นผมไม่รู้เดี๋ยวรอให้พ่อน้องมันตื่นขึ้นมาป้อนดีกว่า ก็บอกแล้วไงทุกวันนี้ป้อนข้าวใส่ปากตัวเองแล้วมันไม่ร่วงออกมาก็ดีเท่าไรแล้ว

     หลังจากนั้นก็เอากระเป๋าเป้สะพายเด็กเอามาใช้สะพายน้องกวางไว้เพราะถ้าให้อุ้มคงไม่ไหว  เดินเตร็ดเตร่หาของกินตอนเช้าไปมาสุดท้ายเลยได้พะแนงมาหนึ่งถุงผัดกระเพราะปลาดุกกรอบแล้วก็แกงจืด แถมยังได้ของหวานติดไม้ติดมือมาอีกหนึ่งอย่าง เพราะผมถือคติกินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่..  เปล่าที่จริงมันนิสัยกูเองครับหัวหน้ากินคาวแล้วไม่กินของหวานตบท้ายคือจะอยู่ไม่ได้  มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

แล้วตอนที่พาน้องกวางเดินออกมาซื้อของนะคนนี่ก็มองใหญ่เลยส่วนป้าคนไหนที่คุ้นหน้ากันหน่อยก็แซวผมตลอดว่าไปทำใครเขาท้องมา  คิดเหรอครับว่าคนอย่างไอ้ปิงนั้นจะเอาลูกในอนาคต เมียน่ะเอาอยู่แต่ที่แน่ๆไม่เอาลูกแน่ๆ

ผมว่ามันก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ดีนะที่เราได้มีลูก แต่ยังไงซะก็ขอค้านหัวชนฝาเลยครับ ยังไงก็ไม่เอา!  ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเด็กมากมายอะไรขนาดนั้นเหมือนแต่ก่อนหรอกนะ แต่ก็…ไม่รู้ว่ะ  ไม่อยากได้ลูก สรุปคือไม่อยากมีภาระ ฮ่าๆๆๆ

     “ไปไหนมา?”  พอเดินเขามาในบ้านเท่านั้นแหละไอ้พ่อลูกอ่อนมันก็เดินหน้าซีดโซซัดโซเซออกมาจากห้องแล้วก็ถามด้วยอาการเมาขี้ตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     “ไปซื้อกับข้าวมา” ผมตอบและชูของในมือให้ดู 

     “จะไปข้างนอกแล้วทำไมไม่ปลุก เอาน้องกวางไปทำไม?”  คู่สนทนาพูดแล้วก็หาววอดๆสองมือก็เกาหัวตัวเองไปมา 

     “สภาพอย่างนี้อย่าว่าแต่ดูน้องกวางเลย ดูตัวเองให้ได้ก่อนเถอะมึง” ขอแซะหน่อยเถอะ เกลียดดดดดดดดด

     “ก็ไม่อยากให้หอบกันไป” มันพูด “ลำบากไหมล่ะดูดิ” พยักพเยิดหน้ามาทางน้องกวาง ที่ผมกำลังกระเตงๆอยู่ 

     “ลำบากห่าอะไรไร้สาระ ไป๊ๆ ไปทำข้าวมาให้ลูกมึงกินไปดูดิดูดนิ้วเล่นจนน้ำลายหกเต็มแล้วเนี่ย”  สุดท้ายก็เลยตัดบทด้วยการไล่ให้มันไปหาข้าวให้น้องกวางกิน ไม่ใช่อะไรเดี๋ยวเรื่องจะไม่จบ  ก็บอกแล้วไงไอ้เสือน่ะมันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบขอความช่วยเหลือใคร หรือไม่ชอบให้ใครมายิบยื่นความช่วยเหลือให้ด้วย 

     อะๆ!! ไม่ต้องสงสัยครับทำไมถึงรู้เพราะว่าก็อยู่ด้วยกันมานานพอสมควรไง ก็พอที่จะรู้นิสัยมันบ้าง  มันน่ะเป็นคนอีโก้สูง ศักดิ์ศรีค้ำคอเลยแปลกที่จะไปแบกหน้ากลับบ้านไปหาพ่อยังไงล่ะ ไม่ต้องสงสัยอีกเช่นเคยว่าทำไมถึงรู้ ก็เพราะว่าเคยเสือกเรื่องของมันมาเหมือนกัน  แหะๆ

     ทานข้าวเช้าเสร็จอะไรเรียบร้อยก็ได้เวลาถ่อมามหาลัยในที่สุด มานั่งเสนอหน้ากันที่เก่าเจ้าเดิมพร้อมกับพักพวกอีกสามคนที่เพิ่มเติมเสนอหน้ามานั่งด้วยคือไอ้ฟาร์มสงสัยยังไม่ถึงเวลาเรียน

     “ปิดเทอมนี้ไปไหนดีว๊า!?”  ขณะที่แต่ละคนกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเข้าสู่โลกสังคมก้มหน้าไอ้เจมส์มันก็ถามขึ้นมาทำลายความเงียบ

     “ไม่รู้ว่ะ…มึงถามทำไม?”   โก้

     “หางานทำมั้ง?” คือก็คิดๆไว้อยูนะว่าจะหางานทำเดี๋ยวค่าเทอมมาแล้วไม่มีจ่ายจะโดนไล่ออก

     “หึ…ไม่รู้”   ฟาร์ม

     “ไม่ไง…คือกูเนี่ยมีบ้านพักต่างอากาศอยู่ที่เสม็ดคือบับ…ก็อยากชวนพวกมึงไปไง…ป๊าม๊าไม่อยู่ช่วงปิดเทอม อยากไปปล่อยผี”

     อืม…เหตุผลที่แท้ทรู   

     “เออๆๆน่าสน”   ไอ้โก้เออออห่อหมกพยักหน้าเห็นด้วย อย่างมึงเนี่ยเรื่องเที่ยวไม่เคยไม่เห็นด้วยเหรอ?ถามใจดู

     “มึงสองคนว่าไง…” นั่นไงแล้วก็หันมาถามผมกับไอ้ฟาร์ม คราวนี้ก็เลยมองหน้ากับไอ้ฟาร์มแบบงงๆ คือแบบว่าก็ยังไม่รู้น่ะนะว่าจะไปดีรึเปล่า

     “หึ…ยังไม่รู้ว่ะ”  คราวนี้ก็ส่ายหัวแล้วตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

     “โด่!! ไรว๊านอกจากรับน้องนอกสถานที่แล้วก็ยังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกับมึงเลยนะโว้ยยยย”  แหม…ตัดพ้อกูอีกนะไอ้เจมส์ 

     “ยังไม่รู้บอกแล้วไงว่าจะหางานทำเดี๋ยวบอกอีกทีก็แล้วกันไม่คอนเฟิร์ม”  อย่าชวนกูหลายเพื่อน…เดี๋ยวจะตะบะแตก ก็อยากไปเหมือนกัน แต่ก็แอบบอกตัวเองในใจไว้แล้วว่าต้องหางานทำให้ได้ ไรสาระมาพอแล้ว (เหรอวะ?)

     “ไว้ไปแล้วค่อยกลับมาหางานก็ได้ไง…ทำอย่างกับจะไปอยู่นู่นเป็นเดือน แล้วมึงอ่ะไอ้ฟาร์มไปด้วยกันป้ะ?”  บักอันนี้แหม…ยังไม่หยุดไซโคพวกกูอีก

     “จริงๆก็ไม่ได้มีแพลนอะไรน่ะนะ แต่ถ้าไอ้ปิงมันไปกูก็ไป” 
     นั่นไง… สุดท้ายความกดดันก็มาตกอยู่ที่กู

     สารเฬววววว

     แล้วไอ้ตัวยุแยงคอยอยากให้ผมไปมันก็หันหน้ามามองมาจ้องผมอย่างคาดคั้นรอเอาคำตอบ กูบอกแล้วไงว่าขอดูก่อนนนนนน

     “เออๆๆ ไปก็ได้!” 

     ไม่ดูแม่งละหน้าตานี่จริงจังกว่าตอนฟังผลสอบอีกผีปอบ

     .
     .
     .
     และวันนี้พวกเราก็วางแพลนไว้กันเรียบร้อยแล้วว่าหลังจากปิดเทอมสอบไฟนอลนั้นฉันตายได้ผ่านพ้นไปพวกเราก็จะไปเสม็ดสามวันสองคืน ไม่รู้มานึกคิดผีบ้าผีบออะไรของมันที่อยู่ๆก็อยากไปทะเล นี่ก็ว่าจะเอารถของไอ้เจมส์ไปสงสัยกระสันอยากที่จะเที่ยวขนาดหนัก ตัวสั่นริกๆเลยเวลาพูดถึงแพลนที่วางกันไว้

     ยังไม่ได้ไปเที่ยวแต่ก็วางแพลนล่วงหน้าไว้ตั้งนาน ถึงเวลาแล้วต่างคนต่างติดธุระไม่ได้ไปแล้วกูจะหัวเราะให้ฟันหัก 
ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสองทุ่มแล้ว มองเข้ามาในบ้านก็แอบเห็นไฟเปิดไปทั่วบ้านเลย สงสัยไอ้เสือมันคงจะอยู่นี่ก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่แต่พี่หมากอยู่ไหม?นี่ไม่รู้


      แอ๊!
     ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านเสียงคุ้นหูก็ดังเข้ามาในโสตประสาททันที  ก็เสียงน้องกวางไงจะใครล่ะครับหัวหน้า ผมเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดูสักหน่อย…

     แอด…
     แต่สิ่งที่ได้พบหลังจากเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วภาพที่ฉายชัดอยู่ตรงหน้าคือน้องกวางกำลังนอนร้องไห้งอแงอยู่บนเปล ส่วนพ่อของเธอนั้นก็นอนอยู่บนเตียงเหมือนไม่สนใจลูกไม่ได้ยินเสียงร้องไห้อะไรเทือกๆนี้
นั่นเลยยิ่งทำให้หัวคิ้วผมขมวดมุ่นมากกว่าเดิม แต่ก่อนที่จะผูกโบว์ให้คิ้วตัวเองผมก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องตรงดิ่งไปยังเปลของเจ้าเด็กอ้วนทันที 

     แอ๊!!
     เสียงร้องไห้ดังออกมาไม่ขาดสายไอ้เสือมันก็ยังไม่ตื่น

     “เป็นไรอ้วนนนนน”  ว่าแล้วก็วางกระเป๋าลงข้างตัวก่อนจะอุ้มน้องกวางลุกขึ้นมาจากเปล สภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงไม่รู้ว่าร้องมานานขนาดไหนแล้วเพราะน้ำหูน้ำตานี่ไหลนองหน้าเลย แล้วนี่อะไรทำไมไอ้เสือมันยังไม่ลุกอีก? แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญปล่อยมันไปก่อนเพราะตอนนี้นี่ควรจัดการน้องกวางก่อน ดูสิเนี่ยฉี่ล้นเต็มแพมเพิร์สหมดเลย เดี๋ยวเอาไปจัดการก่อนแล้วจะมาดูคนหน่อยว่ามันเป็นอะไร

     นอกจากจะฉี่ล้นแพมเพิร์สแล้วยังขี้แตกเต็มแพมเพิร์สอีกครับหัวหน้า!!  โอยยยยยยยยยยยยย คือบับ…เข้าใจไหมครับคนไม่เคยทำมันก็จะไม่โอเคหน่อยๆ 

     แต่ก็ช่างมันเถอะได้อะไรละ ก็นั่นแหละพอเปลี่ยนแพมเพิร์สเสร็จแล้วไม่รู้ว่าเด็กอ้วนมันหิวรึเปล่าแต่พอลงเอานมให้ดื่มก็คว้าหมับเข้ามาดื่มแบบทันท่วงที จ้า…ไม่ค่อยหิวเลย  นี่ก็เลยเอาเบาะนอนของน้องมาปูให้นอนเล่นในห้องไปก่อนเสร็จแล้วก็เลยมาจัดการไอ้เด็กโข่งที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง 

     “ไอ้เสือ” ผมพูดและยืนค้ำหัวคนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียง   

     “…”  ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

     “ไอ้เสือ…”  พอใช้เสียงอย่างเดียวแล้วไม่ตื่นไงนี่ก็เลยต้องเขย่าตัวมันสักนิดพอเป็นพิธี
 
     แต่…ไอ้ฉิบหายทำไมตัวมันร้อนขนาดนี้วะเนี่ย!? 

     อย่าถามว่าทำไมตกใจ…คือก็ไม่ได้คิดว่าผู้ชายถึกแบบมันจะไม่สบายน่ะครับ แล้วแม่งก็ตัวร้อนมากด้วย จะทำยังไงดี… 

     “ไอ้เสือ!!!”  คราวนี้ไม่ได้ทำใจเย็นเรียกเสียงเบาแล้วนะ ผมนี่ตะโกนเลยครับหัวหน้าแล้วก็เขย่าตัวมันเร่าๆ ไม่ใช่ไรกลัวว่ามันจะตาย

     “อือ…”  มันครางตอบรับในลำคอแล้วก็ปรือตาขึ้นมาช้าๆ

     “ไม่สบายเหรอมึง?” 

     “อืม…ปวดหัวนิดหน่อย” เจ้าตัวขยี้ตาไปมาและตอบด้วยเสียงที่แหบพร่า ที่ผมคิดว่าเพราพิษไข้แน่ๆที่ทำให้เป็นแบบนี้
แต่ก็แหม…ไอ้ฟายตัวร้อนอย่างกับกองไฟ ยังบอกว่านิดหน่อย ทำตัวให้อ่อนแอบ้างก็ได้หรอกไม่ได้มีใครว่า เดี๋ยวปั๊ดตบกะโหลกแตก


     “ไม่นิดแล้วมั้ง ตัวร้อนฉิบหายเลย”  อดไม่ได้ที่จะเอามือไปอังหน้าผากมันเพื่อวัดไข้อีกรอบ

     “ไม่เป็นไรมากหรอก”  แล้วมันก็เลื่อนศีรษะออกจากมือของผมที่กำลังกระทำการวัดไข้

     “โว๊ะ! ลุกมากินข้าวกินยาหน่อยมานี่ซื้อมาพอดี”     

     “ไม่เป็นไร…”  ยังอีกถ้ามึงจะพูดคำนี้อีกเดี๋ยวกูตบปากแตกนะครัชชชชช

     “แล้วน้องกวางล่ะ?”   

     “นอนกินนมอยู่”

     “อืมขอบใจ…แล้วมึงกลับมานานยัง?”

     “ก็สักพักแล้ว กลับมาก็เห็นน้องกวางนอนร้องไห้อยู่ในเปลเนี่ย ไปหาหมอไหมมึงท่าทางจะเป็นหนักนะ!?” 

     “ไม่เป็นไรมากหรอกน่า กินยาเดี๋ยวก็หาย”

     “งั้นมึงลุกไปกินข้าวจะได้กินยา เดี๋ยวจะดูน้องกวางให้”

     “ไม่เป็นไรเดี๋ยวดูเอง มันจะรบกวนเวลามึงเปล่าๆ”

     “จะปฏิเสธกูอะไรนักหนา!? ถ้าน้องกวางติดไข้มึงอีกจะทำยังไงถึงกูจะไม่ค่อยได้เรื่องแต่ก็ดูน้องกวางให้ได้อยู่นะเว้ยอย่าดูถูก”

     “ไม่ใช่แบบนั้น…”  มันพูดเสียงอ่อนลง 

    “แล้วมึงหมายความแบบไหน ตกลงจะไปกินข้าวกินยาดีๆหรือจะไปกินด้วยน้ำตา!?”   นี่ไงขู่แม่งมันเลย อ่อนแอแบบนี้แหละกูชอบ ข่มง่ายดีกร๊ากกกกก

     “เออ!...”  แหมดูตอบเข้า ประชดประชัน


     นั่นแหละครับหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วบังคับให้ไอ้คนหน้ามึนกินข้าวกินยาแล้วไสหัวกลับเข้าไปนอนในห้อง จากนั้นก็มาดูแลน้องกวางต่อกว่าจะเอาเข้านอนได้ก็ปาไปแล้วเกือบตีหนึ่ง ไม่ใช่อะไรหรอกอาจจะเป็นเพราะว่าคุณเธอเล่นตื่นตั้งแต่หัวค่ำก็เลยตาสว่างกว่าจะนอนหลับก็เล่นเอาแทบแย่เหมือนกัน การเลี้ยงเด็กมันเป็นอะไรที่โคตรยาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้เสือมันเลี้ยงลูกคนเดียวได้ยังไงวะกูนี่ขอชาบู!

ก็อดที่จะมองย้อนลับมาดูตัวเองทุกครั้งไม่ได้เลยสิน่า… จริงๆก็แอบเอามันเป็นไอดอลในการใช้ชีวิตนะ ไอ้เสือแม่งเจ๋งสัดอาจจะไม่ได้เจ๋งไม่ได้ดีสำหรับใครนะแต่สำหรับผมมันใช่ไง คือแบบ…มึงแม่งโคตรสู้ ยกนิ้วเลย เอาสี่นิ้วโป้จากมือทั้งสองข้างและบาทาทั้งสองข้างของกูไปเลยขอคาราวะ! 

นี่เลยเอาน้องกวางเข้ามานอนด้วยในห้องเพราะกลัวว่าถ้าเอาเข้าไปนอนในห้องไอ้เสือเดี๋ยวจะติดไข้ อีกย่างน้องก็เพิ่งหายจากไข้หวัดนะ ถ้าป่วยทั้งพ่อทั้งลูกแล้วคือนี่ก็อาจจะแย่กว่าเดิม ส่วนสาเหตุของไอ้เสือที่ป่วยนี่ไม่ใช่อะไรหรอกผมว่ามันมีสองประเด็นรวมกัน หนึ่งโหมงานหนักไป สองติดไข้จากน้องกวางด้วยแต่ผมว่าน่าจะสองประเด็นรวมกันนะ 

ก่อนจะขอตัวลาไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็เลยขอตัวมาดูไอ้เสือมันสักหน่อย เห็นสภาพละก็อดสงสารไม่ได้เลยนอนขดเป็นกุ้ง กลายเป็นเสือหมดสภาพไปโดยปริยา


     ไหนดูดิว่าตัวยังร้อนเหมือนเดิมหรือเปล่า…

     ว่าแล้วก็ใช้ฟหลังมืออังที่หน้าผากคนป่วยอีกรอบ แต่อุณหภูมิที่ส่งผ่านมายังผิวผมนั้นทำเอาผมแทบสะดุ้ง 

     ฉิบหาย…ยังไม่หายร้อนเลยว่ะ ทำไงล่ะคราวนี้!?

     “ไอ้เสือ…”   

     “…” 

     “เสือ…”

     “อืม…”  พอเรียกมันครั้งที่สองถึงจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ คือแบบก็กลัวมันไข้ขึ้นจนช็อคว่ะครับ   

     “ได้ยินกูหรือเปล่า?”

     “มีไร…”  พอได้ยินเสียงมันแล้วนี่ก็แทบจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแทบไม่ทัน จากเสียงทุ้มกลายเป็นเสียงคัฟเวอร์ศิริพร อำไพพงษ์กันเลยทีเดียว   อ๋ออเสียงมันแหบน่ะ

     “มึงตัวร้อนอีกแล้วไปหาหมอไหม?” 

     “ไม่ไป…”   ไอ้หานี่สงสัยมันกลัวหมอนะครับผมว่า

     “งั้นลุกมากินยาก่อน”

     “…”  อ้าวฉิบหายแล้วแม่งก็เงียบไม่ หลับใส่กูเฉยเลย


     ฮัลโหลๆๆๆ!
     ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเอิ้นค่ะ  ซอรี่!!

     แล้วมันจะตายไหมวะเนี่ย คือกูไม่เคยดูแลคนป่วยโว้ยยยยยยยยยยยยย 
     สุดท้ายก็เลยได้ผ้าชุบน้ำมาหนึ่งผืนมาคอยเช็ดตามตัว เช็ดหน้าเช็ดตา คราวนี้ก็ถึงที่จะเอายามาให้มันกินแต่กินยังไงนี่สิตอนนี้ ก็มันไม่ลืมตาขึ้นมาคุยกับผมเลย โอยยยยยย คือกูไม่เอานะแบบที่ในนิยายเขาจะใช้ปากป้อนยากันเนี่ย!!

     “ไอ้เสือ…”
     ลองเรียกมันอีกสักครั้ง แต่…จนแล้วจนรอดก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น 

     เอาวะ!!  ก็ได้กูยอมก็ได้ เห็นว่าเป็นมึงเฉยหรอกนะ!


     อะๆ อย่าคิดว่าจะเอาปากป้อนยาครับ ไม่มี๊ไม่มีไม่ได้เซียนขนาดนั้น นี่ก็แค่เอาเม็ดยาไปละลายน้ำเฉยๆจากนั้นก็จัดการแหกปากมันออกมาแล้วค่อยๆใช้ช้อนตักน้ำให้ไหลเข้าไปในลำคอนั่นแหละครับจนมันหมด…
ต่อมาก็เลยนั่งเช็ดตัวให้สักพักหนังตาของผมก็เริ่มหย่อนแล้ว คือจะไม่หย่อนได้ยังไงเวลาก็ปาเข้าไปแล้วตีสอง


     ฮ้าวววววววววว!!

     คราวนี้หาวจากโลกไปสู่ดวงจันทร์แล้วอ้อมไปเดินเล่นที่ทางช้างเผือกอีกรอบ
     สัญญาณเตือนนั้นมาแล้วว่าผมควรที่จะไปนอนได้ละ แต่พอกำลังจะลุกเท่านั้นแหละ…


     หมับ!!
     ฝ่ามือใหญ่ๆของคนที่กำลังนอนอยู่ก็มาจับข้อมือผมไว้เฉยเลย…

     มาเป็นพล็อตน้ำเน่าเลยนะเอ็ง

     “อะไรของมึง?”  ผมถามทั้งที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คำตอบ แต่ก็ยังคงพูดออกไป

     “…”   
     นั่นไงไม่จับเปล่ามันเอามือของผมไปกอดไว้จนผมที่ลุกขึ้นมาจากที่นอนแล้วต้องกลับไปนั่งแหมะลงที่นอนมันเหมือนเดิม เอามือนี่ไปกอดไว้ไม่พอนะครับหัวหน้าริอาจเอาไปซุกไซร้ไว้ที่ซอกคอของมันจนไอร้อนๆนั้นส่งผ่านมาถึงมือผม

     ส่งถึงมือแล้วก็ลามไปถึงหนังหน้ากูเนี่ย…ร้อนตามเลยสาดดดดด

     ฮ้าวววววววววว!!

     สุดท้ายแล้วก็ลุกไปไหนไม่ได้ก็เลยต้องเอนตัวลงนอนข้างๆคนป่วยมันซะเลย อะๆนอนแต่ก็พยายามหันหน้าหนีนะครับไม่ได้หันหน้าไปหามัน เดี๋ยวถ้างานนี้กูเป็นไข้ขึ้นมามึงต้องรับผิดชอบนะไอ้เสือ!!   

     ที่ยอมนอนเพราะเอามือออกไม่ได้เฉยหรอกนะไม่มีอะไรเล๊ยยยยยยยยยยย *เสียงสูง

     ฮ้าววววววววว
     หาวยาวขนาดที่ว่าวนอ้อมโลกได้แล้วสองสามรอบแล้ว ง่วงแค่ไหนถามใจดู เพราะงั้นขอตัวไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนแล้วกัน…


     คร่อก…



     TBC...

     rewrite 16/7/60
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 13:21:27 โดย กิงก่องโก๊ะ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด