บทส่งท้าย ‘พี่ไปป์จะไม่มาจริงเหรอ อีกนานเลยนะกว่าจะได้เจอกัน’
‘พอดีงานเข้าอะเซ’
‘เดี๋ยวเซโทรหา’ อย่างน้อยถ้าไม่มาส่งก็ควรโทรคุยกันก่อนสิ ทว่าพอโทรออกกลับพบว่าไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้
“พี่ไปป์แม่ง!!!” ผมกำโทรศัพท์แน่น ไม่เคยหงุดหงินพี่ไปป์เท่านี้เลยให้ตายเถอะ ถ้าโทรติดผมคงอดไม่ได้ที่จะพูดจาไม่ดีใส่เขา ก็ช่วยไม่ได้นี่นาคนมันกำลังหงุดหงิดและน้อยใจอะ
‘ขอโทษนะ’ กดเข้าไปในไลน์อีกครั้งก็เจอคำว่าขอโทษ สั้นๆ แต่โคตรจะทำร้ายจิตใจกัน
ผมน่ะ ชอบคำว่า ‘รัก’ จากปากพี่ไปป์มากแค่ไหนก็เกลียดคำ ‘ขอโทษ’ จากเขามากเท่านั้น
เสียงประชาสัมพันธ์เรียกขึ้นเครื่องยิ่งทำให้ผมเดือดดาลมากเท่านั้น ผมกดวางสายพร้อมความกรุ่นโกรธที่กำลังประทุในอก ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องยิ้มบอกลาครอบครัวที่มาส่งกันอย่างพร้อมหน้า
ถ้าแม่พาหมาน้อยที่รับมาเลี้ยงอีก 5 ตัวมาได้ล่ะก็ แน่นอนว่าคุณนายต้องพามาแน่
“เซมองกล้องหน่อยลูก” คุณนายแม่กำลังไลฟ์ไอจี แม้ไม่มีอารมณ์ยิ้มแต่ก็ต้องทำเป็นร่าเริงเข้าไว้พร้อมกับโบกมือทักทายเหล่าบรรดาเพื่อนๆ ของคุณนายแม่ที่กำลังรับชมกันอยู่ “ทักทายเพื่อนๆ แม่หน่อยสิลูก”
“สวัสดีครับ”
“นี่ๆ มีคอมเมนท์บอกว่าลูกชายแม่หล่อมากๆ ด้วยแหละ”
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มแหยยกมือไหว้อย่างรู้ดีว่าต้องทำยังไงแม่ถึงจะพอใจ ไม่กล้าขัดใจเขาหรอกครับเดี๋ยวถูกยึดบัตรเครดิต ซึ่งการใช้ชีวิตในต่างแดนโดยไม่มีเงินนี่มันคงลำบากเกินจะคาดเดา
แค่คิดก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้วอะ
“ไปขึ้นเครื่องได้แล้ว” พ่อตบไหล่ผมบอกลาอีกครั้ง “ตั้งใจเรียนด้วย”
“เซจะพยายามครับ”
“ฉันหวังอะไรจากแกได้บ้างเนี่ย”
“เอาน่าพ่อ เซอาจจะเรียนไม่เก่งเหมือนพี่โซ่ แต่เชื่อเถอะว่าเซเอาถ่านกว่าพี่สองแน่ๆ” คนถูกผมข่มหันมาแยกเขี้ยวใส่แล้วดึงผมเข้าไปกอด
“ที่นั่นหนาวมาก อย่าแข็งตายก่อนเรียนจบก็พอ” โหย คำพูดคำจา นี่ขู่น้องใช่มั้ย
“ไม่ตายหรอก เซจะกลับมาแบ่งมรดกกับสองแน่นอน”
“ถึงที่พักแล้วติดต่อกลับมาด้วย”
“ครับ” ผมหันไปรับคำพี่โซ่ สวมกอดคนที่สูงที่สุดในบ้านแล้วหันไปกอดแม่ซึ่งตอนนี้เก็บมือถือใส่กระเป๋าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ไปแล้ว
“อย่าลืมดูไลฟ์ไอจีแม่ด้วยนะ”
“คร้าบ” ช่วงนี้แม่ติดโซเชียลหนักมากเลย ดูข่าวที่สามีฆ่าภรรยาเพราะติดโซเชียลแล้วก็แอบหวั่นๆ กลัวสักวันพ่อจะทนไม่ไหว
ตอนแรกผมไม่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศเพราะไม่อยากห่างพี่ไปป์ แต่เอาเข้าจริง เมื่อต้องบอกลาครอบครัว ผมก็ได้รู้ว่าการห่างพวกเขาทำให้ผมรู้สึกเหงามาก ไล่สายตามองหน้าทุกคนแล้วอยู่ๆ น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาให้ต้องมองไปบนเพดานเพื่อเลี้ยงน้ำใสๆ นั้นเอาไว้
“ขี้แยจริงลูกชายคนเล็กชั้น” แม่ก้าวเข้ามาหาผมอีกครั้ง ฝ่ามือบอบบางวางลงบนแก้มของผม ก่อนดึงผมเข้าไปสวมกอดแน่น ก่อนที่ทุกคนจะเข้ามารุมกอด เหมือนครั้งก่อนๆ ที่มาส่งพี่โซ่และพี่สองไปเรียน
การจากลาทำให้ทุกข์ใจและเหงาเสมอ
แต่เชื่อเถอะว่าการจากลาจะทำให้หัวใจเข้มแข็งขึ้น
ลอนดอนช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูที่ดอกไม้กำลังผลิบาน ถึงแม้ว่าอากาศโดยรวมจะทำให้รู้สึกดีแต่เวลาในการบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาก็ไม่ได้ช่วยเยียวยาความหงุดหงิดและน้อยใจของผมที่มีต่อพี่ไปป์ได้เลย
ผมส่งข้อความหาคนที่บ้านบอกว่ามาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพแล้ว ตลอดเวลาบนรถที่กำลังแล่นไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่บ้านพักผมพยายามติดต่อพี่ไปป์ แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเบอร์โทรของเขาไม่สามารถติดต่อได้เลย ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน
ทำงานยุ่งจนลืมแฟนไปแล้วหรือไง
ไม่อยากจะคิดเลยว่าระยะทางที่ห่างไกลจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราห่างกันด้วยหรือเปล่า
แค่วันแรกก็ห่างกันแล้วอะ ผมไม่อยากจะคิดถึงอนาคตเลย
แท็กซี่จอดที่หน้าบ้านของครอบครัวผมซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ไม่ได้หลังใหญ่มากแต่ในอดีตที่นี่ถูกใช้เป็นที่พักของเหล่านักเรียนทุนของบริษัทมาหลายต่อหลายรุ่น แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือพี่ไปป์ด้วย
เพราะพ่อเลิกใช้ที่นี่เป็นหอพัก บ้านทั้งหลังจึงเงียบสงัด แค่เปิดประตูเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความว้าเหว่แล้ว
กระเป๋าลากถูกวางไว้ในห้องรับแขก ผมเดินสำรวจบ้านที่สะอาดทุกซอกทุกมุมเพราะบริษัททำความสะอาดเข้ามาดูแลอยู่ทุกๆ เดือน บ้านจึงพร้อมอยู่อาศัยเสมอ แต่ผมไม่คิดว่าบริษัททำความสะอาดจะมาทำอาหารไว้รอผมนะ ไม่มีทางเลย อีกอย่างอาหารบนโต๊ะก็มีแต่ของโปรดทั้งนั้น
ที่จริงก็หิว แต่ผมก็ละความสนใจจากอาหารบนโต๊ะ ขาทั้งสองข้างพาตัวเองก้าวขึ้นไปที่ชั้นบนซึ่งมีทั้งหมด 3 ห้องนอน
กระเป๋าเดินทางถูกวางไว้บนพื้นในห้องแรกที่ผมเปิดประตูเข้าไปดู
เอ ไหนพ่อบอกว่าไม่มีใครพักอยู่ในบ้านไง หรือว่าจะเป็นนักเรียนทุนของพ่อที่ถูกส่งมาอยู่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพื่อจะได้เป็นเพื่อนกัน
อาหารบนโต๊ะในห้องครัวก็เป็นฝีมือเขาด้วยสินะ
ผมสำรวจชั้นบนจนครบทั้ง 3 ห้อง เลือกห้องเสร็จก็เดินลงบันไดเพื่อขนกระเป๋าขึ้นไปข้างบน
ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกในตอนที่ผมก้าวพ้นบันได้พอดี
แสงสว่างที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เห็นแผ่นหลังของผู้มาใหม่อย่างชัดเจน แม้จะเป็นช่วงฤดูใบไม่ผลิแต่เข้าก็ใส่เสื้อโค้ทให้รู้ว่ายังไม่ชินกับอากาศของที่นี่ซักเท่าไหร่ แปลกแฮะ ตอนที่มองแผ่นหลังของเขาอยู่ๆ หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาเหมือนตอนเจอพี่ไปป์
“พี่ไปป์มาหาเซเหรอ” ผมเรียกคนที่หันมามองหน้ากันราวกับละเมอ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองให้รู้ว่าตรงหน้านี้ไม่ใช่ความฝัน พี่ไปป์อยู่กับผมที่นี่จริงๆ
ผมกอดเขาแน่นกว่าครั้งไหนๆ ไม่สนใจช่อดอกไม้ที่อีกฝ่ายกอดเอาไว้แนบอก
“มาหาลูกหนี้”
“หืม ใครลูกหนี้”
“คุณไง ถึงสัญญายืมเงิน 500 จะหายไปกับมือถือเครื่องเก่าแล้วแต่ผมไม่ลืมหรอกนะ” อ๋อ ผมจำได้แล้ว ตั้งแต่ช่วงแรกที่เรารู้จักกันในฐานะพี่เลี้ยงกับน้องฝึกงาน เวลาก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วยังจำได้อีกนะคนเรา
“ไม่คืน”
“อะไร จะเบี้ยวกันรึไง”
“เซไม่คืนเงินต้นนะ แต่จะให้พี่ไปป์เก็บดอกเบี้ยจากตัวเซได้ทุกวันเลย” ผมกอดเขาแน่นอีกจนอีกฝ่ายจมไปกับอก ไม่คิดเลยว่าเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ห่างกัน ไม่ได้คุยกันจะทำให้ผมคิดถึงเขามากขนาดนี้
“ดอกไม้แบนหมดแล้ว” มือเรียวจับที่เสื้อของผมพยายามบอกผ่านการกระทำให้ผ่อนแรงกอดลงหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้อะ ก็คนมันคิดึง
“คิดถึงอะ แล้วนี่พี่ไปป์มาได้ไง ไม่บอกเซเลย”
“แจวเรือข้ามทะเลมามั้งครับ”
“กวนอีกละ ที่โทรไม่ติดเพราะมารอเซที่นี่เหรอครับ”
“อือ”
“คิดถึงพี่ไปป์นะ” ผมกดปลายจมูกลงบนหน้าผากของคนที่หลับตารับความคิดถึงที่ผมส่งไปให้ “อยู่ด้วยกันที่นี่จนกว่าเซจะเรียนจบไม่ได้เหรอ”
“งอแงอีกแล้ว”
“งอแงกับพี่ไปป์คนเดียวแหละ”
“หิวข้าวยัง”
“อาหารบนโต๊ะนั่นฝีมือพี่ไปป์หมดเลยเหรอ”
“ใช่แล้ว” มองไปยังอาหารบนโต๊ะแล้วก็ยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น
“โห นี่มันซุเปอร์เชฟ”
“ลองกินดูก่อนแล้วค่อยชม”
“ที่จริงเซก็หิวนะแต่ยังไม่อยากกินอาหารฝีมือเชฟอะ” ผมมองเข้าไปในดวงตาเขาอย่างมีเลศนัยก่อนก้มลงไปกระซิบเสียงพร่าข้างหู “ตอนนี้อยากกินเชฟมากกว่า”
“เซ!!!”
ดอกไม้ที่พี่ไปป์ซื้อเข้ามาร่วงลงบนพื้นเมื่อผมแบกเขาขึ้นบ่า ก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ชั้นสอง พี่ไปป์ดิ้นขลุกขลักกระทั่งผมขึ้นคร่อมเขาบนเตียงและตรึงร่างกายเขาเอาไว้ในพันธนาการ
ไล้ปลายจมูกไปทั่วทั้งกรอบหน้าและลำคอก่อนขยับขึ้นมาจูบที่ริมฝีปาก ความโหยหาทำให้รสจุมพิตครั้งนี้ร้อนแรงและเร่งเร้าความครั้งไหนๆ
เสื้อผ้าไม่จำเป็นสำหรับการแสดงความรักอีกต่อไป
ไม่นานร่างกายของเราก็เปลือยเปล่าเหมือนตอนแรกเกิด เสียงครางพร่าและเสียงความเคลื่อนไหวบนเตียงดังประสานกันเป็นท่วงทำนองความรัก โหยหาและคิดถึง
ผมโคตรคิดถึงพี่ไปป์เลยว่ะ การแสดงออกของพี่ไปป์เองก็ให้ความหมายว่าเขาเองก็คิดถึงผมมากเช่นกัน
[จบจริงๆ แล้ว]ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
หวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้งใน #หมามิล เพื่อนที่รัก 5555
ตามมานะ