ตอนที่ 2
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ามึง
รักหนอแท้จริงหน้าตาเป็นยังไง หน้าโง่ๆ แบบไอ้ค่ายมั้ยผมอยากรู้
หลังจากคิดแผนและทำบอร์ดกับไอ้ทูมาทั้งคืน ผลสุดท้ายกลับจบเห่ไม่เหลือซากแห่งความหวัง แถมมันยังดึงผมเข้าไปกอดด้วยความดีใจอีกต่างหาก มึงคิดว่าที่ยอมให้กอดนี่คือยินดีเหรอไอ้สัด แม่มมมมมมม
พอกอดจนหนำใจมันก็ชักจูงผมเข้าไปในห้องครับ ไม่ได้กะทำมิดีมิร้ายอะไรกันหรอก เพราะไอ้นี่มันแอดวานซ์กว่าคนอื่นเยอะ แม่งเล่นเดินเข้าครัว หยิบมาม่ามาถุงใหญ่แถมใช้เวลาปรุงอย่างพิถีพิถัน เสร็จสรรพเดินมายื่นให้ด้วยสายตามุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจ
ผมนี่ปริ่มในอกจนแทบร้องไห้โฮออกมา
ให้กูแดกมาม่าดิบ
สัด! ทำอะไรให้เกียรติกระเพาะอันอ่อนโยนของกูด้วยไอ้เหี้ย แต่ด้วยความรักเพื่อนกูต้องทำไงครับ นั่งขัดสมาธิจกแดกอยู่หน้าทีวีให้มันสบายใจ ตายตาหลับมั้ยล่ะมึง
“เอาอีกมั้ย ต้มยำกุ้งนี่ของโปรดมึงเลย”
“ครั้งหน้ากูขอหมูสับ” ครั้งนี้เค็มจนกระพุ้งแก้มกูชา
แก๊งโหดชอบมีของกินประจำกลุ่มเวลาเรารวมตัวกันที่ห้องเสมอ ดูหนังทีไรเมื่อมีแอลกอฮอล์ก็มักจะมีของกินเล่น ซึ่งไอ้มาม่าดิบนี่ก็เป็นของกินยอดฮิตในกลุ่มเหมือนกัน ยิ่งไอ้โบนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เลียแดกยันถุงข้างใน โรคไตพร้อมจะถามหาอยู่รอมร่อ
และเนื่องจากมันเป็นของกินเล่นชนิดเดียวที่เรามีบ่อยๆ ไอ้ค่ายมันเลยทึกทักเอาว่าผมก็ชอบเหมือนกัน เลยซื้อติดตู้ทีเป็นสี่ห้าแพ็ค มึงจะเก็บไว้ทำสังฆทานหมู่เหรอ
“ได้เสมอ ถ้ามึงต้องการอะไร”
“มันก็ควรเป็นแบบนั้นมั้ย กูอุตส่าห์ช่วยมึงขนาดนี้” จริงๆ ไม่ได้ช่วยเลย กูทำเพื่อตัวเองล้วนๆ แต่ในเมื่อมันเข้าใจผิด...เออก็ได้ ช่างแม่งไป
ไอ้ค่ายมันก็หัวเราะมีความสุข ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับคำพูดพราวด์ๆ ของมัน
“แต่ความจริงถึงมึงไม่เสนอวิธีจีบ กูก็มีปัญญาจีบว่ะ”
“จ้าไอ้คนหล่อ พ่อคนฮอตของสังคัง”
“สังคมมั้ยมึง คารมกูดี ลีลากูก็ไม่เบา” ผมหันไปหรี่ตาใส่มันอย่างเหนื่อยใจ เกลียดความผีบ้าของมันฉิบหายแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่เคยเถียงชนะมันสักที
“กูยอมใจในความเหี้ยของมึง”
“ผู้หญิงชอบคนเลวเว้ย” อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย กูเอง...กูชอบ
“แล้วน้องคนที่มึงจะจีบล่ะ ชื่ออะไรวะ” หลังเจ็บใจจากน้องมิลค์ที่เล่นไปคุยซ้อนกับเดือนมอ ไอ้ค่ายก็ตัดอกตัดใจอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมันเล่นๆ แบบนี้กับทุกคนด้วยมั้ง ผมเลยเห็นมันเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยและไม่คิดจริงจังหรืออยู่กับใครนานๆ สักที
“น้องกิ่ง พยาบาลปีสอง”
“เจอกันได้ยังไง”
“เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที เห็นนมใหญ่ดีกูเลยชอบ”
“แฟนมึงนี่นมใหญ่ทุกคนเนอะ เห็นแล้วใจแตกแบบปุบปับ”
“คนนี้ไม่ได้กะคบเป็นแฟนว่ะ เหนื่อยแล้ว”
“ฮะ!” พูดเชี่ยอะไรของมันเนี่ย ไม่คบเป็นแฟนแล้วมึงจะจีบเขาเพื่ออะไร คำตอบนี้ดูย้อนแย้งมากครับ แต่ก็ไม่คิดถามออกไปอีกนอกจากเงียบ แล้วรอให้เจ้าตัวชี้แจ้งแถลงไขด้วยตัวเอง
“กูกะไม่สร้างความสัมพันธ์หรือมีสถานะแบบผูกมัดกับใครแล้ว มีแฟนก็เหนื่อยตามเอาใจ แถมต้องลำบากรายงานสถานการณ์ตลอด เล่นอยู่แบบควงคนอื่นไปเรื่อย ไม่ผูกมัดกัน ถึงเวลาก็แยกย้ายมันดีกว่าเยอะ”
โอ้โห! ทุกวันนี้ก็ว่าหนักแล้วนะ ต่อไปไอ้ค่ายมันจะกลายเป็นผู้ชายพันเมียที่โด่งดังของคณะมั้ย แค่คิดผมก็เสียวสันหลังวาบๆ ไอ้ตอนมีอะไรป้องกันตลอดก็จริงแต่กูก็ไม่ชอบให้มันยุ่งกับคนอื่นอยู่ดี
แม้การไม่ตั้งสถานะของมันกับใครจะพอทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้างก็ตาม
“มึงคิดว่าไง กูทำแบบนี้ดีมั้ย”
“เหี้ยดี ชอบๆ” ผมต้องไปบอกไอ้ทูว่ายังไงดีวะ ‘ตอนนี้ไอ้ค่ายมันอาการหนักแล้วนะเว้ย’ อย่างนี้เหรอ
“รับรู้แต่เรื่องรักของกู ว่าแต่มึงเหอะปฏิเสธคนจนชิน ไม่คิดจะมีใครบ้างเหรอ” ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเสือกเรื่องนี้ของกูเลยนะ แต่ผมก็ยินดีจะตอบกลับไปด้วยคำโกหกกลวงๆ ของตัวเอง
“ไม่ว่ะ”
“มึงเคยชอบใครป่ะวะ”
“เคย” มึงไงไอ้สัด เสือกโง่ ให้บอกโต้งๆ อีกก็คงไม่ทำแล้ว พอดีเป็นคนหน้าบาง...
“ได้บอกชอบไปมั้ย”
“ไม่”
“ทำไม”
“เป็นมึงก็คงไม่กล้าบอกหรอก”
“ไอ้เติร์ด นี่มึง...”
“…”
“ชอบเมียคนอื่นเหรอวะ”
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยไอ้เวร พอเหอะ รักใครไม่ได้ของกูก็ไม่ได้หมายถึงเมียคนอื่นมั้ย ทำไมสมองแม่งคิดได้แต่เรื่องอัปรีย์แบบนี้วะ
“กูไม่ได้รักหรือบอกรักใครง่ายๆ อย่างมึงนะ”
“กูก็ไม่ได้รักใครง่าย ที่มึงเห็นนี่แค่ความชอบส่วนบุคคล”
จ้า เอาที่มึงสบายใจเลยจ้า
ได้แต่นั่งทำหน้าเอื่อมระอา แดกมาม่าดิบเสร็จก็เดินจากมาอย่างหงุดหงิดใจ ซึ่งเหตุผลนี้ก็ควรยอมรับได้แล้ว เพราะไม่งั้นคงแอบชอบแบบนี้ถึงสองปีไม่ได้ และเมื่อกลับถึงห้องตัวเองผมก็เห็นว่าไอ้ทูกำลังนั่งมีความหวังอยู่ตรงโซฟาพร้อมประโยคโคตรเสือกของมัน
“เป็นไงบ้างมึง สมหวังมั้ย แชร์กูด้วย”
“สมหวังเหี้ยไรล่ะ ตอนนี้มันจะไปจีบคนใหม่แล้วเนี่ย”
“เอ้า ไอ้เวร ไหงเป็นงั้นวะ”
“มึงก็ไลน์ไปถามมันสิ” จัดการดีดรองเท้าใส่ข้างฝาเสร็จ ก็สาวเท้าไปยังโซฟาแล้วนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ใกล้ๆ หนุ่มเซอร์ของกลุ่ม
หมดกันที่วางแผนกันมา
“อะไรยังไง เล่าให้กูฟังหน่อยเดี๋ยวกูช่วย”
“แผนแอดวานซ์มึงยังไม่รอดเลย น่าจะเอะใจแต่แรกว่าไอ้ค่ายมันโง่ แม่งเสือกเข้าใจว่าที่กูไปเคาะประตูสารภาพรักนั่นคือวิธีบอกรักที่กูเสนอให้มันเอาไว้ใช้จีบสาวเฉย”
“โง่ฉิบหาย”
“ใช่มั้ย”
“กูหมายถึงมึงเนี่ย มันเข้าใจผิดก็รีบแก้สิไม่ใช่เออออไปตามมัน”
“ตอนนั้นสมองกูตื้อไปหมด คิดห่าไรไม่ออกสักอย่าง ที่สำคัญคือตอนนี้มันดันมาบอกกูอีกว่าจะไม่ผูกมัดกับใคร จะแรดไปเรื่อยๆ แบบทัวร์นาเมนท์ มึงก็คิดดูแล้วกันว่ากูจะไปอยู่ตรงไหนในเวิล์ดทัวร์ของมัน”
“ไม่ผูกมัดก็ดีสิวะ อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องรู้สึกผิดที่มันมีเมีย”
“ปลอบใจกูโคตรดีเลยไอ้เหี้ย”
“กูจะคิดแผนใหม่ให้มึง รับรองได้ผล”
“แผนเหี้ยอะไรอีก แค่นี้มันยังด้านไม่พอดีเหรอ”
“ทิ้งความบางของหน้ามึงออกไปแล้วจะดีเอง เชื่อกู”
ไอ้ทูมันไม่สนเรื่องวิธีการหรอกครับ มันสนใจแต่ผลลัพธ์ แล้วสุดท้ายมันก็ช่วยคิดแผนให้ผมไปใช้จริงๆ พร้อมกับแอคติ้งความตอแหลเต็มขั้นในเช้าวันถัดมา...
“เป็นอะไรวะไอ้เติร์ด”
“คือกู...”
“มีอะไร ทำหน้าเหมือนไม่ได้ขี้” ไอ้ค่ายถามอีก พร้อมกับการกระหน่ำตีนของไอ้ทูอยู่ใต้โต๊ะ นี่คือจะให้กูพูดออกมาจริงดิ ละอายใจตัวเองเหลือเกินครับพี่น้อง
“คือช่วงนี้ที่บ้านกูมีปัญหาทางการเงินเลยไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าคอนโด แล้วตอนนี้เจ้าของห้องเลยให้ผู้เช่ารายใหม่เข้ามาแล้ว” ผมพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลดตามแบบฉบับรายการวงเวียนชีวิต เกิดมาก็เพิ่งสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เนี่ยแหละ
“เชี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วทำไมมึงไม่บอกเพื่อน” คราวนี้ไอ้โบนเป็นทุกข์เป็นร้อนขึ้นมาบ้าง กูอยากจะบอกเหลือเกินว่ามันเกิดขึ้นเมื่อคืนตอนกูคิดแผนกับไอ้ทู แต่ด้วยความร้ายของหัวใจนั้นกูเลยต้องตอบกลับไปว่า...
“เกือบเดือนแล้วมึง”
เศร้าอีก ทำหน้าให้เสมือนทุกคนบนโลกได้ตายห่าตายเหวลงตรงหน้า ถึงแม้ไม่ได้เรียนการแสดงแต่เด็กภาพยนตร์ก็ควรมีทักษะและฟิลลิ่งจากข้างในบ้าง
ปีนี้อย่าลืมมอบออสการ์ให้กูนะ ลาลาแลนด์จะต้องหลั่งน้ำตา
“เก็บไว้ทำไมวะ มึงไม่เห็นพวกกูเป็นเพื่อนเหรอ” ไอ้ทูจัดเต็มบ้าง ปีนี้สาขานักแสดงสมทบอย่าลืมเสนอชื่อมันให้เข้าชิงด้วยนะครับ กูกราบ
“ไม่อยากให้ลำบากกัน แต่ตอนนี้กูจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเลยจะมาขออาศัยพวกมึงสามคนสลับกันไปอาทิตย์ละวันสองวัน จนกว่าบ้านกูจะพ้นวิกฤต”
“ห้องไอ้ค่ายมั้ยล่ะ คอนโดมึงมีตั้งสองห้องนอน” ไอ้โบนโพล่งขึ้น เจ้าของชื่อมันเลยกรอกตาคิดอยู่พักนึง
คือมันไม่ใช่คนไม่เอื้อเฟื้อเพื่อนครับ กับไอ้นี่มันให้เต็มร้อยหมด แต่ที่เห็นคิดนานๆ นี่กลัวจะเป็นเพราะผู้หญิงที่แม่งชอบพามาที่ห้องมากกว่า เหยด กูไม่อยากเจ็บแต่กูต้องไปให้สุดทาง
“ถ้ามึงลำบากใจก็ไม่เป็นไรเว้ยไอ้ค่าย เดี๋ยวกูจะขออยู่กับไอ้เหี้ยทูกับไอ้โบนไปก่อน ถึงแม้ว่าของของกูมันอาจกระจัดกระจายไปตามห้องของพวกมึงบ้าง อะไรหายก็ช่างมันเถอะเดี๋ยวซื้อใหม่”
เนียนมั้ย น่าสงสารพอยัง
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเห็นอกเห็นใจของไอ้ค่ายผมก็นึกยิ้มกริ่มในอก ไอ้ทูบอกความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก แค่นี้กูก็ชิดจนแทบไม่เหลือที่ว่างละ แต่ไม่เป็นไร อยากชิดอีก
“หรือกูจะขายรถแล้วเอาเงินมาจ่ายค่าห้องดี แต่ช่างเหอะกูยอมเหนื่อย นั่งแท็กซี่กับขึ้น BTS ก็สบายเหมือนกัน” พูดไปก็เหลือบตามองไอ้หนุ่มฮอตข้างๆ ไป ตกหลุมพรางกูหรือยังว้า???
“เออๆ มาอยู่กับกู”
“ไอ้ค่ายมึงพูดจริงดิ” เยสๆ
“จริง กูคงไม่ปล่อยให้มึงไปตกระกำลำบากหรอกเพื่อนยาก แต่มึงต้องทำใจเรื่องผู้หญิงของกูหน่อยนะ”
“สบ๊าย”
“งั้นวันนี้ไปช่วยขนของ”
“กูด้วย!” ไอ้เพื่อนรักสองคนที่เหลือพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“โห...มันจะดีนะ” แต่เมื่อคืนกูเก็บของรอไว้แล้ว เหลือแต่ขนย้ายอย่างเดียว เหยดดดด
หลังเลิกเรียนเราเลยขนทัพย้ายของจากห้องผมไปยังคอนโดไอ้ค่าย สถานที่ซึ่งเป็นรังรักของมันกับใครไม่รู้ ผมคงทำใจยากมากถ้ามันพาผู้หญิงเข้าห้อง แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
ไอ้ทูกับไอ้โบนช่วยขนของเสร็จมันก็แยกย้ายกลับห้องของตัวเอง คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่ช่วยกันจัดของให้เข้าที่เข้าทางร่วมชั่วโมง รู้ตัวอีกทีร่างสูงของเพื่อนรักก็ไม่อยู่ในห้องนี้แล้ว ผมเลยเดินออกไปดูเห็นมันยืนสูบบุหรี่ทำตัวคูลๆ อยู่ตรงระเบียง
“ช่วยกูจัดของแค่นี้เครียดเลยเหรอมึง”
“กำลังคิดอยู่ว่าถ้าผู้หญิงกูเข้ามาในห้องมึงจะรู้สึกอึดอัดมั้ย”
“มึงเป็นเพื่อนกับกูมากี่ปีแล้ววะ อีกอย่างกูนอนคนละห้องกับมึง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“แต่ห้องน้ำมีห้องเดียวไงครับเพื่อนเติร์ด” แถมอยู่ในห้องนอนมันด้วย
ผมยื่นมือไปขอบุหรี่จากมัน เจ้าตัวเลยส่งต่อมวนที่อยู่ในปากมาให้ ซึ่งผมก็รับมาสูบต่อโดยไม่พูดอะไรนอกจากพ่นควันออกมา พอดีหัวตื้อเหมือนกัน เออว่ะ! ถ้าแม่งกำลังเอากับผู้หญิงตอนกูปวดขี้ขึ้นมาล่ะ ใจสลายเลยนะคราวนี้
“กูลงไปเข้าข้างล่างได้เว้ย”
“ได้ไงล่ะไอ้สัด ช่างเหอะ ถึงเวลาค่อยว่ากัน”
“เออ”
“อาบน้ำมั้ย”
“บ้า มึงมาชวนกูอาบน้ำทำไม”
“คิดอะไรของมึงเนี่ยไอ้ควาย กูใช้ให้มึงไปอาบก่อน ไม่ได้จะอาบด้วยกัน”
“เหรอๆ” นึกว่าจะได้อาบดูแม่งซะแล้ว เสียดาย~
“เอาบุหรี่มา จะสูบต่อ”
“จุดมวนใหม่ดิ”
“ขี้เกียจ มึงก็สูบแค่นั้นพอแล้ว อย่าเยอะ”
“อ่ะๆ ขี้หวงจริงโว้ย” ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยื่นบุหรี่สีขาวในมือให้กับเจ้าของ ความจริงมันก็ชอบสั่งผมเหมือนกัน ถ้าวันไหนที่เราสูบบุหรี่ มันสูบสอง ผมจะถูกจำกัดเหลือเพียงหนึ่งมวน ลดหลั่นไปตามปริมาณในแต่ละวัน
ผมถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ในตะกร้า ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูออกมาพันแล้วเดินเข้าห้องน้ำ พร้อมกับไอ้ค่ายที่กำลังเดินเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน ผมเองก็ไม่ได้เริ่มอาบน้ำหรอกเพราะกำลังจ้องมองของใช้ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ล้างหน้าอย่างสนใจ ปกติเวลามาห้องมันก็ไม่ได้มีเวลามาจ้องหรอกว่าแม่งซื้ออะไรมาใช้บ้าง จนกระทั่งได้ร่วมชายคาเดียวกันในวันนี้
“สกินแคร์นี่ขอแบ่งครึ่งใช้กับมึงได้ป่ะ” ผมถามติดตลก ร่างสูงที่ชะโงกหน้าเข้ามาในส้วมเลยตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ตามสบาย”
“น้ำหอมก็ดี”
“พ่นได้เต็มที่ แต่อย่าทำให้ผู้หญิงกูงงว่าคนไหนมึง คนไหนกูแล้วกัน”
“เจลเซตผม เชร้ดดดด”
“จะขอใช้?”
“อ่าฮะ”
“แชร์กับกูทุกอย่างขนาดนี้ เดี๋ยวเอาตัวมึงมาแลกเลยนะ”
“โอ้โหได้เลยครับ มึงจะเอาตัวหรือจะเอาหัวใจด้วย” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง ไอ้ค่ายมันเลยส่ายหัวไปมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ หน้าเหี้ยนี่แม่งโคตรเลว อารมณ์แบบพร้อมจะฟันสาวได้ตลอดเวลาอ่ะ
“อ่อยสัด”
“ไม่ได้อ่อย กูพูดเล่นมั้ย”
“อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะ”
“ทำไมวะ”
“เดี๋ยวเขาจะหลงเอา” ง่อววววววววววว ทุกคนหลงกูครับยกเว้นมึง ไอ้เหยดเข้ของพี่!
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมได้ใช้ชีวิตในห้องไอ้ค่ายแบบไม่มีกำหนด ปกติมักจะนอนอยู่ห้องมันไม่เกินสองวันตอนแฮงก์เหล้ากับทำโปรเจ็กต์ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป บรรยากาศทุกอย่างเริ่มคุกรุ่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แผนของไอ้ทูผุดขึ้นมาในหัวมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดเอามาใช้นอกจากรอดูสถานการณ์ไปก่อน
ยังไงไอ้ค่ายมันก็เพื่อนผม เพราะงั้นผมเลยไม่อยากเสียมันไป
เช้าวันแรกอากาศสดชื่นมากครับ ผู้หญิงคนแรกเคาะประตูห้องตอนหกโมงเศษๆ ด้วยชุดนิสิตรัดนมของเธอ แถมกระโปรงทรงเอยังสั้นกุดจนแทบเห็นกางเกงในอยู่รอมร่อ เกิดมาเคยได้ยินแต่แม่เดินมาปลุกตอนเช้า นี่ผู้หญิงนมโตครับผลัดกันมาปลุกไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวัน เจ็ดวันก็เจ็ดคน มาแบบทุกเฉดสีประหนึ่งทีโอเอ
แถมผมยังได้เห็นความเสือของมันขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงของไอ้ค่ายเด็ดดวงทุกคน แต่ถ้าวันไหนที่ผมไม่ได้ออกไปดูหนังหรือเที่ยวเล่นกับไอ้โบนและไอ้ทู ผมก็จะไม่เห็นผู้หญิงของมันในห้องเลย เว้นแต่ตอนเช้าที่ยืนอยู่หน้าประตูปลุกเท่านั้น แตกต่างจากวันนี้
ก๊อกๆ
ผมขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่งก่อนจะมองหาเจ้าของห้อง แต่เสียงจากฝักบัวทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังอาบน้ำอยู่ แถมตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ปกติถ้าไอ้โหดสองตัวโผล่มามันจะโทรบอกพวกผมก่อน เพราะงั้นตัดประเด็นนี้ไปได้เลย
ด้วยไม่อยากตะโกนถามไอ้ค่าย ผมเลยเป็นฝ่ายลุกจากโซฟาเดินไปเปิดประตูต้อนรับคนด้านนอกแทน
“ขุนพล ฮั๊ลโหล่~”
ฉิบหายแล้ว ใครวะเนี่ย เพราะพอเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละบึ้มเลย ไม่ใช่ระเบิดนะครับ นม! นมใหญ่กว่าหัวกูอีกไม่อยากจะพูด
“เอ่อ...”
“อ้าวเติร์ด ขุนพลไปไหนเหรอ” รู้จักกูด้วย แต่จะบอกว่ากิ๊กกับไอ้ค่ายแล้วไม่รู้จักสมาชิกโหดมันก็แปลกเกินไปหน่อย เอาไงดีวะ
“ไอ้ค่ายอาบน้ำอยู่”
“หวายยยยย ทำไมเพิ่งอาบน้ำอ่า ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”
“ก็...ได้มั้ง” ร่างสมส่วนนมเป็นนมตูดเป็นตูดเดินนวยนาดเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะทิ้งแก้มก้นสวยๆ ลงบนโซฟาแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม แหม่...ตาถึงฉิบหาย คนนี้ดีที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาละ
“เอาน้ำมั้ย” ผมถาม ตั้งท่าจะหมุนตัวแต่ก็ต้องชะงักเท้าฉับพลัน
“ไม่เป็นไรค่า เดี๋ยวรอขุนพลออกมาก่อน ว่าจะออกไปพร้อมกัน” อ้าว นัดกันไว้เหรอวะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละครับ เรื่องผู้หญิงของมันผมจะไม่ยุ่ง ได้แต่แอบชอบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แบบนี้
เราเข้าสู่สภาวะเดดแอร์เกือบสิบห้านาที เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ก่อนผมจะเห็นร่างสูงของไอ้ค่ายเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพผ้าขนหนูคาดเอวเพียงตัวเดียว
“ขุนพล อุ๊บส์!” สาวของมันก็กระแดะฉิบหาย รีบยกมือปิดปากแต่ตานี่โตเป็นไข่ห่าน
“มาได้ไงเนี่ย เคยบอกแล้วว่าถ้าจะมาให้โทรบอกก่อน” เสียงทุ้มพูดอย่างเครียดๆ ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นเพื่อนอย่างมันพูดแบบนี้กับผู้หญิงสักทีนะครับ
“ก็อยากมาเจอ เธอบอกว่าอยู่ที่ห้องนี่”
“อยู่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเวลาไหนก็ได้ บอกแล้วว่าออกไปเจอข้างนอกไง แต่ที่ห้องเพื่อนอยู่”
“เฮ้ย กูไม่เป็นไร ตามสบายเลย” กูจะนั่งจ้องอยู่ตรงนี้แหละ ดูซิว่ามันจะกล้าฟิตทะลึ่งกันต่อหน้ากูมั้ย เพราะถ้ากล้าจริงก็คงใจหมาสุดๆ แล้วล่ะครับ
“เห็นมั้ย เติร์ดไม่แคร์”
“เพื่อนไม่แคร์แต่เราแคร์ไง เธออย่าล้ำเส้นเราสิ”
“ไหนเธอบอกว่าชอบเรา”
“เราชอบเธอ แต่เราก็ชอบคนอื่นด้วย” โคตรเหี้ยเลยกูยอมแล้ว ยอมล้าวววววววววว นี่มึงบอกชอบใครไปบ้างแล้ววะเนี่ย หรือชี้เอาก็ได้เลย
แต่ตอนนี้สนใจผู้หญิงก่อนครับ ทำหน้างอคอหักอยู่ตรงนี้ละ
“แล้วตกลงจะออกไปข้างนอกมั้ย”
“ทำไมต้องหงุดหงิด ปกติค่ายไม่พูดกับเราแบบนี้”
“เราหงุดหงิดเธอเพราะเธอล้ำเส้น ต่อไปถ้าเราไม่บอกก็อย่าเข้ามาในห้องโดยพละการอีก”
“งั้นวันนี้เราไม่ไปละ งอน”
“โอเค ตกลงตามนั้น”
จากนั้นไอ้ค่ายมันก็เดินลากตีนเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูขังตัวเองทันที เกิดมาไม่เคยเห็นโมเมนต์เกรี้ยวกราดของเพื่อนรักขนาดนี้มาก่อน ไอ้ค่ายมันรักเพื่อน แคร์ทุกคนในกลุ่มก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะหวงพื้นที่ห้องให้เพื่อนขออาศัยอย่างผมมากขนาดนี้
หรือเป็นเพราะว่าช่วงหลังมานี้มันไม่คิดปักใจคบใครเป็นจริงเป็นจัง เงื่อนไขและการเอาใจบางอย่างเลยเปลี่ยนไป กลายเป็นอย่างที่เห็น
“เอ่อ...”
“เรากลับแล้วนะ ไว้เจอกันวันหลัง” ไม่ทันได้ตอบอะไรเธอก็เดินจากไปอีกคน คงเหลือผมที่นั่งเคว้งอยู่หน้าทีวีเพียงลำพัง ซึ่งไม่เกินห้านาทีหลังจากนั้นร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนเรียบร้อย
“ป่ะ”
“ไปไหนวะ”
“โทรบอกไอ้โบนกับไอ้ทูละ ไปหาข้าวแดกกัน”
“ที่ไหน”
“ร้านเหล้า”
“พ่องสิ”
“ถึงอารมณ์กูจะไม่ดี แต่น้องโคโยตี้ต้องมีกิน”
“ไม่ออกไปกับคนเมื่อกี้วะ”
“กูไม่ชอบคนไม่เคารพกฎ เลิกพูด”
“ตั้งแต่กูมาอยู่ด้วย กูทำให้มึงลำบากใช่มั้ย” พูดแล้วก็รู้สึกผิดเลย หรือจะตัดใจยกเลิกแผนการที่ทำมาทั้งหมดดี เพราะตอนนี้ผมทั้งสงสารและเห็นใจไอ้ค่ายมากๆ
“มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ”
“ก็คนเหี้ยๆ คนนึง”
“สัด”
“กูพูดตามที่เห็น”
“แล้วมึงก็น่าจะเห็นมาตลอดว่าถ้าให้กูเลือกระหว่างเพื่อนกับผู้หญิง กูจะเลือกใคร”
“มึงเลือกเพื่อนเหรอ”
“เปล่า กูเลือกผู้หญิง”
“พูดทำไมครับไอ้ควาย”
“แต่ถ้าให้กูเลือกระหว่างมึงกับผู้หญิง”
“มึงเลือกกูเหรอ”
“กูก็เลือกผู้หญิงเหมือนเดิม”
“สัด! พูดเพื่อ? แล้วกูอยู่ตรงไหนไม่ทราบ”
“อยู่ที่เดิม ขึ้นอยู่กับการใช้สอย”
“ยังไง”
“ผู้หญิงใช้ร่างกาย กับมึงต้องใช้หัวใจ” “ง่อววววววววว”
“พอใจยังครับ เร็วๆ รีบออกไป ถ้าไอ้สองตัวมันรอนาน มึงจ่ายนะ เห็นมันบอกจะคุยเรื่องกิจกรรมคณะด้วยหนิ”
“เออ!”
คารมเชี่ยนี่ดีเสมอแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ามันชอบพูดกับคนอื่นเหมือนกันแต่กูไม่สนหรอก แค่ได้ฟังก็ดีใจแล้ว
อ่านต่อด้านล่างค่ะ