พิมพ์หน้านี้ - ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Jittirain12 ที่ 26-02-2017 21:12:31

หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 26-02-2017 21:12:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


ทฤษฎีจีบเธอ
THE THEORY OF มึง




สารบัญ

อินทะโลดักฉัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3587383#msg3587383)
ตอนที่1 Love actually (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3612993#msg3612993)
ตอนที่2 สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ามึง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3623221#msg3623221)
ตอนที่3 เป็นคนตลกไม่ใช่ตัวตลก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3640986#msg3640986)
ตอนที่4 โง่เซ่อบ้าเพราะว่าความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3646786#msg3646786)
ตอนที่5 ตัดใจแล้วไปต่อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3650416#msg3650416)
ตอนที่6 Begin again (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3655336#msg3655336)
ตอนที่7 Circle of (Boy) Friend (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3658191#msg3658191)
ตอนที่8 ความพยายามมีค่าติดลบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3661575#msg3661575)
ตอนที่9 เราเป็นเพื่อนกัน (ไม่ได้อีกแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3664541#msg3664541)
ตอนที่10 เพราะชอบเลยต้องจีบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3667826#msg3667826)
ตอนที่11 เกรี้ยวกราดเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3671028#msg3671028)
ตอนที่12 ถ้าอยากจะรุกทำไมต้องปิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3673837#msg3673837)
ตอนที่13 ตื๊อไม่ได้ครองโลก ตื๊อครองใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3687265#msg3687265)
ตอนที่14 อาย เลิฟ ยู (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3690013#msg3690013)
ตอนที่15 รักที่เธอบอกมา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3692485#msg3692485)
ตอนที่16 สิ่งที่ไม่เคยบอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3694407#msg3694407)
ตอนที่17 ชีวิตเดิมเริ่มใหม่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3696957#msg3696957)
ตอนที่18 ทฤษฎีจีบเธอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58495.msg3699359#msg3699359)

THE END


ติดตามตอนพิเศษได้ในเล่ม

1. ปฏิบัติการยกพลขึ้นเตียง
จะทำอย่างไรเมื่อค่ายกับเติร์ดคบกันนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าค่ายจะได้ทำศึกใหญ่สักที
2. อย่าบอกใครว่าเราได้กัน
หลังศึกคืนนั้นผ่านพ้น เมียรักก็เป็นอันป่วยจนต้องนอนซม แทนที่ค่ายจะมีเวลาดูแลเติร์ดอยู่ที่ห้อง เพื่อนรักทั้งสองกลับหาเรื่องพาเขาทั้งคู่ออกไปทำภารกิจด่วนซะอย่างนั้น
3. Perk of being together
บางความสัมพันธ์ บางความรู้สึกก็อธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร อั้นกับทูก็เช่นกัน...
4. วันง่ายๆ ของค่ายกับเติร์ด (ภาคเมียโหด)
สี่ปีหลังจากค่ายกับเติร์ดคบกัน สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงก่อนจะพบว่า...ค่ายได้กลายเป็นคนกลัวเมียโดยสมบูรณ์แบบซะแล้ว


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 26-02-2017 21:13:46
อินทะโลดักฉัน



   “สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกครั้งทุกวันพฤหัส เวลาสองทุ่มเป๊ะๆ ไม่ขาดไม่เกิน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ตอบแฟนเพจเลย ต้องขอโทษจริงๆ ครับ พอดีว่าผมติดภารกิจเรื่องเรียนนิดหน่อยแต่ตอนนี้ก็ได้เคลียร์ตัวเองมาเป็นที่เรียบร้อย”

   สัดกล้องเบี้ยว ไอ้ห่ากล้องเบี้ยวเพิ่งสังเกต แต่ด้วยความที่ขี้เกียจลุกออกจากเตียงเดินไปปรับให้เสียเวลา เลยจำต้องถ่ายมันทั้งอย่างนี้นี่แหละ

   “มาเริ่มกันเลยดีกว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนน้องที่คณะหรือแม้แต่เพื่อนๆ เองก็ตามได้บิ๊วให้ผมไปดูหนังเรื่องหนึ่ง”
   ผมหยุดชะงักไปชั่วครู่ สร้างบรรยากาศให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก...

   “ใช่แล้วครับ หนังเรื่องนั้นก็คือ...The girl that never stopped laughing 2 หรือชื่อไทยที่ทุกคนคุ้นหูกันดีอย่าง ‘เด็กหญิงผู้ฮาดั้น’ ภาคสองครับ”

   รัวมือสิไอ้สัด! เดี๋ยวคลิปกร่อย

   แต่ก็เหมือนว่าหน้าม้าที่อุตส่าห์ไปกอดเข่าขอร้องให้มาช่วยจะหายไปจากสารระบบหรือไม่ก็ตายห่าไปก่อนแล้ว ผมเลยต้องรีบขึ้นประเด็นใหม่อย่างเร็วรี่

   “ตอนแรกเรื่องนี้มันไม่ได้ดึงดูดผมเลยนะ แถมเขาบอกว่าเรื่องราวไม่ได้เกี่ยวกับภาคแรกด้วย แล้วมึงจะทำภาคต่อทำเชี่ยอะไร แต่พอไปดูเท่านั้นแหละรู้เรื่อง! หนังเล่าเรื่องราวของเด็กหญิงไฮสคูลปีสุดท้ายคนหนึ่งที่ชื่อเอมี่ ซึ่งเธอมีอาการป่วยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่ได้หัวเราะจะหยุดไม่ได้ครับ จริงๆ จะเรียกว่าโรคกรามค้างก็คงไม่ผิด แต่ผมจะไม่สปอยต่อว่ามันเป็นยังไง ทุกคนต้องไปโดนกันเอง มาพูดถึงบท ภาพ และเพลงประกอบก่อน...”

   หลังจากนั้นกระบวนการร่ายยาวก็เริ่มต้นขึ้นผ่านการเล่าเรื่องของผม

   งงกันล่ะสิว่าผมเป็นใคร ถ้าไม่รู้ก็จะย้ำให้ฟังชัดๆ อีกครั้ง ผมชื่อ ‘เติร์ด’ เป็นยูทูบเบอร์มือสมัครเล่น แต่จะบอกว่ามือสมัครเล่นก็คงไม่ถูกซะทีเดียวเพราะผมได้สร้างแอคเคาท์นี้มาเกือบปีแล้ว และถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะมียอดสับตะไคร้อยู่ที่สามหมื่นกว่าคน ส่วนแฟนเพจที่บอกไปก่อนหน้ามียอดไลค์ปัจจุบันอยู่ที่สามหมื่นสี่พันคนถ้วน

   รู้สึกเป็นไอดอลเว่อร์

   หลังจากอัดคลิปพูดคุยเรื่องหนังกันไปก็จะเข้าสู่กระบวนการตัดต่อ ใส่เสียง ใส่เพลง และอัพโหลดลงยูทูบให้ทุกคนได้ดูกันเสร็จสรรพ นี่ถือเป็นงานอดิเรกของผม และบุคคลสำคัญที่มักมีส่วนช่วยในงานอดิเรกเสมอก็คือเพื่อนรักคนนี้...

   “มึง คลิปก่อนมีคนดูกูเยอะมากกกกกก” ถ้าถามว่ามันช่วยอะไรผม ก็ทุกอย่างนั่นแหละครับ แต่หลักๆ เห็นจะเป็นการนั่งฟังคนอย่างกูพล่ามเป็นน้ำไหลไฟดับเหมือนวันนี้

   “สามร้อยวิว”

   “ฮะ”

   “สามร้อยวิว กูเพิ่งเปิดเข้าไปดูเมื่อสิบห้านาทีก่อน

   “ยูทูบมึงมีปัญหาแน่นอน ลองดูใหม่นะ”

   “ชื่อชาแนลมึงเลย รีวิวหนังเด็กหญิงผู้ฮาดั้น คนดูปัจจุบัน 314 วิว นี่คือเยอะของมึง?”

   ห่า กูนึกว่ายังไม่กดเข้าไปดู

   “ถ้าอยากให้คนดูหลักหมื่นวันหลังมึงก็มาช่วยกูรีวิวสิวะ เห็นมีมึงในคลิปทีไรยอดคนดูพุ่งพรวดๆ ตลอด” และคำพูดนี้ก็มักเป็นจริงเสมอ

   เราทั้งคู่เรียนนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ ใครๆ ต่างก็เรียกเราว่าเด็กฟิล์ม ตอนนี้ผมก็อยู่ปีสามแล้วทั้งเรียนและทำกิจกรรมจนแทบไม่มีเวลาว่าง แต่แปลก...มีสิ่งหนึ่งที่ผมกับเพื่อนสนิทอย่างมันมักทำด้วยกันแบบไม่ขาดตกบกพร่อง นั่นคือการตีตั๋วเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ นั่งดูจนกว่าหน้าจอที่ปรากฎเอนด์เครดิตจะเปลี่ยนเป็นสีดำเราถึงจะเดินออกโรง พร้อมกับคำวิจารณ์และการแลกเปลี่ยนทัศนคติอย่างออกรสออกชาติ

   ผลพลอยได้จากการทำอะไรแบบนี้ ทำให้ผมต้องเจียดเวลามาทำช่องยูทูบเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนดู ผมแค่อยากรู้ว่าชาวบ้านเขาจะคิดเหมือนกันมั้ยหลังจากดูหนังเรื่องนั้นจบ เหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้สวยใช่มั้ยครับ เออ...แต่บางครั้งก็เหมือนจะไปได้แบบง่อยๆ ซะมากกว่า

   วิดีโอของผมมักมีคนสนใจเข้ามาดูไม่มาก แต่ที่มากเป็นปกติเห็นจะเป็นวิดีโอที่มีเพื่อนของผมเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ถ้าเรื่องไหนมีมันมานั่งข้างๆ รีวิวหนังด้วย ฟันธงไว้เลยว่าวิวหลักหมื่นขึ้นแน่นอน

   “ช่องมึง มึงก็รีวิวเองสิสัด”

   “ก็ถ้ามีมึงมันก็ดังกว่ามั้ยล่ะ”

   “อย่ามาเกาะกระแสกูดังครับคุณเติร์ด กูไม่ใช่คนหล่อใจดีสำหรับมึง” ผมถูกมือหนาผลักหัวแรงๆ ไปที ก่อนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจะเดินจ้ำอ้าวไปยังทางเดินเชื่อมตึก เร่งให้ผมต้องรีบสับเท้าตามอีกฝ่ายไปไม่ห่าง

   “แล้วมึงหล่อสำหรับใครไม่ทราบ”

   “หล่อสำหรับแฟนกูดิ”

   จึ่ก! เหมือนโดนมีดปักลงตรงกลางใจ ความรู้สึกที่ว่าเจ็บจนพูดไม่ออกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

   “แล้ววันนี้ว่างป่ะ จะชวนไปดูหนัง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

   “ไม่ว่ะ พอดีกูนัดกับแจมไว้ว่าจะพาไปกินข้าว ยังไงถ้ามึงอยากดูเรื่องไหนก็ดูไปก่อนได้เลย” เคว้ง คงเป็นประโยคเดียวที่อธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้

   สำหรับผม...คำว่าเพื่อนสนิทมันก็แค่สถานะที่เราสร้างเอาไว้เพื่อปกปิดความรู้สึกอะไรบางอย่างของตัวเองเท่านั้นแหละ ความจริงกูเกลียดคำนี้จะตาย ถ้ามันหายไปจากโลกนี้ได้ก็คงดี เพราะผม...กำลังแอบชอบเพื่อนสนิทข้างเดียวอยู่

   ซึ่งบุคคลคนนี้ก็ใช่ว่าจะเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปเสียเมื่อไหร่ ไอ้นี่มันมีสิ่งที่เหนือกว่าชาวบ้านเขาอีกเยอะ และผมก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมันไปซะหมด

   เพื่อนสนิทผมคนนี้ชื่อ ‘ค่าย’ ชื่อจริงชื่อนายขุนพล กริชภิรมย์ เกิดวันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ.เกิดขอไม่บอก แต่ พ.ศ. ตายคือปีนี้แน่นอนเพราะกูจะฆ่ามัน

   ไอ้ค่ายเป็นคนกวนตีน มีพฤติกรรมแปลกประหลาดบางอย่างเช่น ชอบกินข้าวกลางวันเวลาเที่ยงตรง เพราะกระเพาะของมันเป็นอวัยวะที่เที่ยงตรงที่สุดในโลก

   “เฮีย! เหมือนเดิม”

   “รอก่อนอาค่าย วันนี้ลูกค้าเยอะ”

   “ท้องผมร้องหนักมาก นี่เที่ยงแล้วเฮีย”

   “งั้นวันนี้ลื้อก็ต้องไปแดกร้านอื่น ขี้เกียจลัดคิว”

   “เฮียมีอะไรเหลือบ้าง แบบที่ตักกินเลยโดยไม่ต้องทำให้เสียเวลาอ่ะ”

   “เฮ่อออออ~”

   “มีใช่มั้ยเฮีย”

   “อากิมฮวย ลื้อไปเอาข้าวเปล่าคลุกน้ำปลาให้อาค่ายที”

   “อีกแล้วเหรอ เดือนนี้เฮียค่ายกินน้ำปลาหมดไปสองขวดแล้วนะเตี่ย”

   แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นมันกินข้าวคลุกน้ำปลา เจ้าตัวก็ไม่เคยบ่นให้ได้ยินสักครั้งว่าไม่อร่อย มีแต่บอกว่าโชคดีที่ยังกินทันเวลาซะอย่างนั้น ผมกลัวจริงๆ กลัวว่ามันจะตายห่าด้วยโรคไตมากกว่าแก่ตายไปพร้อมกัน








   ไอ้ค่ายเป็นหนุ่มฮอต ถึงแม้ไม่ได้มีตำแหน่งการันตี แต่ด้วยความเจ้าชู้ประตูดินบวกกับหน้าตาที่เข้าขั้นอปป้าของสาวๆ ก็ทำให้มันมีแฟนมาแล้วเกือบทุกคณะ

   “มึง ถามจริง ตั้งแต่คบกันมาเนี่ย มึงได้นับมั้ยว่าเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน”

   “ไม่ว่ะ เยอะเกิน”

   “สักนิดก็จำไม่ได้เหรอ”

   “แล้วมึงมาเสือกเรื่องเมียกูทำไมเนี่ยไอ้เติร์ด”

   “เอ้า เพื่อนสนิทไม่มีสิทธิ์รู้เลยหรือไง”

   “กูจำไม่ได้”

   “เอางี้ ถ้ากูพูดชื่อคณะอะไรมา มึงพอจะบอกกูได้มั้ยว่าเคยมีแฟนอยู่คณะนี้หรือเปล่า” เพราะกับบางคน บางช่วงเวลา ผมก็ไม่รู้ไงว่ามันซุกกิ๊กเอาไว้อีกหรือเปล่า ที่ควงออกหน้าออกตาว่าเยอะแล้ว แต่ที่ไม่บอกอีกนี่คงมีอีกเป็นขบวน

   “ว่ามาสิ”

   “บริหาร”

   “สามคนอ่ะ ชอบสุดคือน้อยหน่า” ฉาก ‘เจี๊ยบ ตัดยางเราทำไม’ ผุดขึ้นมาในหัวทันที

   “สถาปัตย์”

   “เด็กเออาร์ ติสท์ดีแต่ขี้อ่อย ไม่ชอบ”

   “ศึกษา”

   “ดาวคณะที่ชื่อปอยไง”

   “เกษตรล่ะเกษตร” เท่าที่รู้จักกับมันมา ผมไม่เคยเห็นมันควงสาวคณะนี้เลย

   “นางงามคันไถปีก่อนอ่ะ”

   จึ่ก! ขนาดนางงามคันไถมึงยังฟาดเขามาแล้วเลยเหรอ

   “สายสุขภาพล่ะ แพทย์ ทันตะ เภสัช สหเวช พยาบาล”

   “น่าจะครบแล้วนะ”

   “นิติ สังคม วิศวะ วิทยา”

   “อืม”

   “อืมคือส้นตีนไรวะ”

   “คบหมดแล้ว”

   “ไอ้ค่าย นี่มึงล่าแต้มเหรอไอ้สัด”

   “แต่มีคณะเดียวและเมเจอร์เดียวที่กูไม่คบนะ”

   “อะไร” ผมถามอย่างตื่นเต้น เพราะนี่อาจเป็นความหวังที่ทำให้ผมได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันก็เป็นคนเลือกคบคนเหมือนกัน...

   “เด็กฟิล์ม กูถือคติไม่แดกเพื่อนร่วมเมเจอร์ว่ะ เข้าใจกูใช่มั้ย”

   อีกฝ่ายตบบ่าผมปุๆ พร้อมกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์เหมือนอย่างเคย จะให้กูเข้าใจอะไร เข้าใจว่าถึงแม้จะแอบชอบเพื่อนสนิทแค่ไหนแต่ก็ไม่มีวันได้ลงเอยอยู่วันยังค่ำน่ะเหรอ เจ็บสัด แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าเข้าใจทั้ง...น้ำตา









   ไอ้ค่ายเป็นคนไม่หวงของ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันหวงมากๆ และใครก็แตะต้องไม่ได้นอกจากสาวๆ ในสต๊อกของมัน นั่นคือบิ๊กไบค์ KTM 1190 ลูกรักที่ชื่อว่าชาร์ล

   “สรุปวันนี้ไปดูหนังด้วยกันมั้ย”

   “ไปดิ”

   “เอารถใครไป”

   “มึงก็ขับรถของมึง ส่วนกูจะเอาชาวีไป”

   “ชาวีไหน”

   “ชาร์ลเป็นชื่อเล่น ชาวีเป็นชื่อจริง”

   “มึงตลกเหรอ”

   “กูจริงจัง”

   “ขอซ้อนท้ายชาวีมึงไปได้มั้ย”

   “คงไม่ได้ว่ะ คันนี้ให้ได้แค่สาวนั่งเท่านั้น เข้าใจตรงกันนะครับเพื่อน”

   เหมือนจะงงนิดหน่อยนะครับ แต่กูไม่เข้าใจมากๆ











   ไอ้ค่ายเคยบอกกับผมว่า...การจะรักใครสักคน ถ้าเขาชอบเราจริงเขาก็ต้องมาหาเรา นั่นเลยเป็นเหตุผลที่มันไม่เคยจู่โจมเข้าหาเป้าหมายก่อน มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่ตบเท้าเข้ามาให้มันไม่ขาดสาย

   “มนุษย์เมียไลค์ว่ะ”

   “ไลค์อะไร”

   “รูปสาวที่กูคุย”

   “นั่นไง แชทเด้งละ ตอบซะสิ”

   Mint Supreeya พี่คะ นี่ใครอ่ะคะ ไลค์รูปพี่เต็มไปหมดเลย แถมมีเพื่อนร่วมกันกับพี่ด้วย
   Khunpol Krichpirom อ๋อ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะครับ


   ปลิ้นปล้อนกะล่อนตอแหลนี่แหละนิสัยของมัน









   และที่สำคัญ...มันเป็นคนสลัดทุกอย่างในชีวิตได้ง่ายมากกกกกก มากจนผมคิดว่าคนทั้งมหา’ลัยคงไม่มีใครเกิน

   Rrrrrrr..!

   “ครับ กำลังไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเพื่อนรักดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ที่คิดย้อนกลับไปไกลโขกลับมาที่ปัจจุบันอีกครั้ง

   ใช่ ตอนนี้เรากำลังอยู่ตรงทางเดินเชื่อมตึก อีกสิบเมตรข้างหน้าเป็นลานจอดรถและผมกับไอ้ค่ายก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง

   “แจมมีอะไร”

   “...”

   “มันใช่เหรอ อย่างี่เง่าดิ”

   “...”

   “อย่าชวนทะเลาะ เบื่อ” เอาแล้วไงพ่อมึงเอ๊ย หนังม้วนเดิม เล่นมาจนถึงฉากเดิมซ้ำๆ ไม่ไปไหน ผมว่าผมเคยดูฉากนี้มามากว่าสิบรอบแล้วนะ ซึ่งทุกครั้งไอ้ค่ายก็จะเป็นเหมือนเดิมนั่นคือ…

   “ท้าเลิกอีกแล้วเหรอ เอองั้นไปเลยครับพี่ไม่ว่า” จากนั้นมันก็วางสายไป คงเป็นผมที่ต้องเดินเข้าไปตบบ่าปลอบใจเหมือนอย่างเคย

   “มึง...โอเคป่ะวะ”

   “ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่” มันพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลด ไม่เป็นไรนะมึง กูยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ถ้ามึงไม่มีใครก็ยังมีกูเนี่ยแหละที่คอยปลอบใจ กู...รัก...มึง

   ติ๊ง!

   เสียงไลน์เด้ง อย่านะมึง อย่าหยิบมือถือขึ้นมานะไอ้เพื่อนเหี้ย อย่า!!

   “น้องมิลค์บัญชีว่ะ” กูว่าตอนนี้หน้าของตัวเองคงเจื่อนกว่าไอ้ค่ายเป็นร้อยเท่า ขณะที่มือยังคาบ่าอีกฝ่ายอยู่เลย

   “แล้ว...แล้วทำไมวะ”

   “ส่องอยู่”

   “แต่มึงเพิ่งเลิกกับแจม อย่าบอกนะว่า...”

   “กูไม่ได้คบซ้อนเว้ย ยังไม่ทันจีบน้องเขาเลย แต่ตอนนี้โสดคิดว่าจีบได้แล้ว”

   “...!!”

   “กูไปก่อนนะ ขอตัวไปสร้างสัมพันธ์กับความรักครั้งใหม่แป๊บ เจอกันพรุ่งนี้เช้า ฝากซื้อมาม่าคัพรสต้มยำกุ้งให้กูด้วย โคตรรักมึงเลยว่ะ”    

   “เดี๋ยวไอ้ค่าย ไอ้เหี้ย!” สุดท้ายก็เหลือตัวคนเดียวเหมือนเดิม

   ผมจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผมชอบมันไม่เคยมีวันไหนเลยที่มันจะหันกลับมามอง อาจเป็นเพราะผมไม่กล้าที่จะบอกความใจในให้อีกฝ่ายรู้ด้วยล่ะมั้งเรื่องมันเลยจบลงตรงที่ผมเสียใจอยู่ฝ่ายเดียว

   พรุ่งนี้มันก็จะมีคนใหม่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของมันเหมือนอย่างเคย พรุ่งนี้จะมีเพียงผมที่เดินเข้าไปหามันพร้อมกับของกินที่มันชอบ แต่มันไม่เคยรับรู้ว่าคนให้รู้สึกยังไง

   พรุ่งนี้ความลับยังคงเป็นเพียงความลับ ถ้าไม่อยากเสียมันไปผมก็คงทำได้แค่ปิดปากเงียบและแอบรักข้างเดียวอย่างที่เคยทำมาตลอด เศร้าว่ะ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินคอตกกลับไปที่รถ

   และทุกครั้งอีกเช่นกันที่เวลารู้สึกหดหู่ ผมจะกลับมาที่ห้องเพื่อเปิดเพลงในแล็ปท็อปเครื่องเก่าของตัวเอง แล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันที

   ปล่อยให้เพลงเศร้าค่อยๆ ดังคลอเข้าไปในหู ผมร้องไห้ ไม่ได้ฟูมฟายแต่ก็ยังเสียใจ มือข้างหนึ่งดันผนังเอาไว้ ส่วนอีกข้างหมุนวาว์ลเปิดน้ำเพื่อให้ความเย็นช่วยคลายความเศร้า

   เอ็มวีมา!

   “ไอ้สัด น้ำไม่ไหล”

   หมดมู้ดละไอ้เวร ต้องรีบวิ่งออกไปรีพีทเพลงเก่าก่อนหันไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นออกมา น้ำไม่ไหลก็แกะจากขวดน้ำดื่มเนี่ยแหละ สาดลงมา เอาให้ใจพังกันไปเลย

   ซ่า!!

   ไอ้ค่ายมึงควรรู้ไว้ ว่ามึงทำให้กูสูญเสียน้ำดื่มไปแล้วเท่าไหร่ เปลืองบรรลัยเลยว่ะ...







อินโทรมาแล้ว
นี่จิตติเป็นคนชิคชิคไงจำได้มั้ย
ฝากติดตามค่ายกับเติร์ด เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowlism ที่ 26-02-2017 21:16:37
ตื่นเต้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-02-2017 21:21:02
เรื่องใหม่ :mc4: :mc4: :mc4:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 26-02-2017 21:21:14
จิ้มมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-02-2017 21:21:38
ว้าววววววววววดีใจๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 26-02-2017 21:22:09
ดีใจจัง  มีเรื่องใหม่มาแล้ว  ติดตามค่ะ  มาต่อบ่อย ๆ นะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 26-02-2017 21:23:36
ค่ายย หันมาจีบเติร์ดหน่อยลูก อย่ามัวแต่จีบคนอื่นสิจะสงสารเติร์ดก็สงสารไม่สุด ขำปนเอ็นดู ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natchaya ที่ 26-02-2017 21:24:22
หูยยย รอๆ แค่ตอนแรกก็รู้สึกได้ถึงความฮาปนดราม่าแล้วว ปล.พึ่งเคยเม้นครั้งแรก มีอะไรผิดพลาดขออภัยด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 26-02-2017 21:25:28
โอ๊ยชอบแนวนี้ o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bravo!! ที่ 26-02-2017 21:25:40
หนอยยย นังค่าย มีแววหมั่นไส้ จำวรั้ย ชั้นจะไม่เชียร์เธอ :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JwangPTW ที่ 26-02-2017 21:27:02
ชอบจัง คุณจิตติไม่ทำให้ผิดหวังเลย


.
ว่าแต่ว่า.... เรื่องนี้จะมีแก็งค์จัง×× แก็งค์ใหม่มั้ยคะ 555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-02-2017 21:28:56
 :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 26-02-2017 21:31:14
 ติดตามเหมือนเดิมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 26-02-2017 21:31:44
 :mew1: รอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 26-02-2017 21:36:40
เย่  :hao7:
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-02-2017 21:39:05
ดีย์ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 26-02-2017 21:43:23
ดีงามพระรามแปดดด มาปักรอเลยค่ะ
งุ้ยยยยยย งงนิดหน่อยไม่เข้าใจมากๆ
*เอามือทาบหน้าผากแบบจุ๋ม*

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: flyerrr ที่ 26-02-2017 21:44:04
ติดตามค่าาา❤
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ปาปริก้า ที่ 26-02-2017 21:45:59
ค่ายยยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 26-02-2017 21:46:19
จิ้มๆๆๆๆ ตามมาให้กำลังใจจิตติค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 26-02-2017 21:46:59
ค่ายดูเป็นคนอินดี้มากเลย555555
รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 26-02-2017 21:52:28
 :3123: :3123: :3123:
ติดตามกันเลยทีเดียวเชียว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 26-02-2017 21:54:16
เริ่มมาซะดราม่าเลย แง 555555555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 26-02-2017 21:58:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-02-2017 22:03:22
ว้ายๆๆๆ เรื่องใหม่ดีงามม ปูเสื่อรออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 26-02-2017 22:05:56
 :mc4: เย้ๆๆ เรื่องใหม่ ติดตามมมมมม :katai4: รอครับผมมมม :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-02-2017 22:06:36
ตามมมมมมม :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 26-02-2017 22:15:32
เรื่องใหม่มาแล้ว ติดตามเลยจ้าคุณจิตติ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-02-2017 22:16:14
แนวเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนี้มาแรง /me รัวมือรอเลยค่ะ  :haun5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 26-02-2017 22:28:26
เติร์ดดูเป็นคนฮาๆนะ รอติดตามต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-02-2017 22:28:42
คือเรื่องมันก็ฮานะแต่อ่านแล้วสงสารเติร์ดมาก ไปหาใหม่ดีไหมลูก อย่าไปเอาอิค่ายมันเลย อิผีบ้ากลัวเป็นกระเพาะแต่ไม่กลัวเป็นไตนี่อะ จะบ้าตาย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 26-02-2017 22:30:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 26-02-2017 22:31:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 26-02-2017 22:42:19
ฮาตรงไหน(วะ) ทำไมเราไม่ฮาด้วยสักนิด  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 26-02-2017 22:46:04
สมัครสมาชิกมาเพื่อพี่จิตติ ฮ่าาาาา แค่เปิดมาก็เห็นความคอมเมดี้มาแต่ไกลและดราม่านิดๆ หน่วงหน่อยๆ ยังไงก็รอติดตามตอนต่อไปนะคะ สู้ค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Shin b ที่ 26-02-2017 22:47:35
เรื่องใหม่มาแล้ว  :ling1: :ling1: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TOEISPTRY ที่ 26-02-2017 22:49:59
 :katai1: พี่ค่ายยยยย ทำไมแรดแบบนี้ฮ่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 26-02-2017 22:54:23
ไปหาชอบคนอื่นดีมั้ย
ตัดใจซะเถอะรูกกกก
ผู้ไม่ได้มีคนเดียวนะเหวยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 26-02-2017 23:13:24
แบ่งอารมณ์ไม่ถูกเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะฮาหรือดราม่าดี มันเศร้าปนฮา ถ้าจะหัวเราะก็คงหัวเราะทั้งน้ำตาอ่ะค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 26-02-2017 23:16:02
เรื่องใหม่  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 26-02-2017 23:34:02
งืมมม นังค่ายนี่มึนๆคล้ายๆสารวัตรเลยอ่ะ แต่เจ้าชู้โคตรรรรร อยากรู้แล้วว่าเรื่องจะเป็นไงต่อ เติร์ดจะจีบค่ายรึเปล่า หรืออะไร ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 27-02-2017 00:02:40
ขำ น้ำไม่ไหล 5555
ค่ายคงอาจจะมั่วหญิงสักพักต้องหาไม้เท้ามาเคาะหัวให้หันมาล่ะมั้งงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-02-2017 00:12:38
เติร์ดเอ๊ย ภาวนาให้มีผู้มาจีบหนูนะ อิค่ายมันจะได้เห็นความสำคัญสักที
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 27-02-2017 00:18:21
บรรยายคอมเมดี้นะคะ แต่เนื้อเรื่องดราม่า  :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 27-02-2017 00:31:58
รอติดตามค่าาาา :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 27-02-2017 00:48:23
เรื่องนี้ท่าทางผมจะอ่านได้ งั้นก็มาเจอกันอีกครั้งนะครับคุณจิตติ หลังจากห่างหายกันไปตั้งแต่ปลาบนฟ้า (หัวเราะ)

ชื่อเรื่องมาแบบเก๋ๆตามยุคสมัย แต่จากประสบการณ์งานคุณจิตติ เนื้อเรื่องต้องคอเมดี้ชนิดฮากันไปข้างแน่นอน (หัวเราะ) แค่เปิดตัวค่ายมานี่ผมก็อึ้งแล้วนะครับ โอ้โห ลื่นไหลสะบั้นสัมพันธ์ได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติ อะไรคุณมึงจะเปลี่ยนอารมณ์กันเร็วขนาดนี้ แถมยังเฟรนด์โซนหนักสุดๆ คำพูดคำจาแต่ละคำนี่ก็ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของสายใยผูกพัน เบาะมอไซค์ก็โดนหวงไว้ให้แต่หญิง แถมยังชัดเจนว่าไม่คบคนเอกเดียวกันอีก ผมเป็นเติร์ดนี่คงเหมือนโดนลากไปตบหน้ากลางสี่แยกทุกวันอะ (ฮา) เพราะว่าค่าเฉลี่ยของค่ายนี่ท่าทางจะเลิกกับสาวทุกๆไตรมาศ (หรืออาจเร็วกว่านั้น?) ส่วนเติร์ดเองก็คาแรกเตอร์น่าสนใจนะครับ ความคิดรั่วๆแบบปีแต่ไม่ห่ามเท่า มีมุมน่ารักๆอยู่เยอะกว่า สุภาพกว่า แต่ก็บ๊องๆอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) เคมีน่าสนใจครับคู่นี้ เดาทางพล็อตไม่ออกจริงๆ รอเจอกันตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 27-02-2017 00:52:18
เติร์ดน่าสงสารไรเบอร์นั้นนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 27-02-2017 00:59:29
มาเจิมมมมม  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 27-02-2017 01:05:02
 :hao7:  ชอบค่ะ. รอดูเลยใครจะตกหลุมใครก่อน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 27-02-2017 01:25:25
อือหือ ทั่วถึงเหลือเกินนะค่ายยย
เดี๋ยวพาเติร์ดใส่พานไปให้คนอื่นเลย #อุ๊ยลืมเพิ่งเปิดตัว555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 27-02-2017 01:45:40
แล้ววจะรักกันยังไงล่ะเนี่ยยนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-02-2017 01:47:26
ตาม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-02-2017 02:11:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 27-02-2017 07:02:30
นี่เติร์ดเศร้าจริงๆใช่มั้ย ทำไมอ่านแล้วขำ ฮ่าาๆๆ เอาใจช่วยให้ค่ายหันมาเห็นความติสของเติร์ดนะ

ติดตามจ้าา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 27-02-2017 07:50:05
แนวแอบรักที่ชอบ+แนวตลก   o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-02-2017 07:55:03
ดักฉันได้อยู่หมัดเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 27-02-2017 07:56:19
เรื่องใหม่  :katai2-1:
สู้เขานะเติร์ด เป็นกลจให้ ✌✌✌
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 27-02-2017 10:16:28
มาครับมา หอบผ้าหอบหมอนนอนรอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 27-02-2017 10:36:26
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ammriss ที่ 27-02-2017 13:21:13
กรี้ดดดดดดดรัดยัดนีะพีรืาวเีะนกีันเึบตกุรกรดนึกะึี
เนีดคะบ
ดีใจมากที่เหนเรื่องใหม่ของพี่ รอๆๆๆๆๆนะคะ อยากให้แอบรักไปนานๆก่อนแล้วอีกฝ่ายค่อยสนใจ55555 ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 27-02-2017 14:32:37
น่ารักกกกกกกกกกกกกกก รองับ  o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: therappizdrum ที่ 27-02-2017 15:13:29
โอ๊ยยยย เติร์ดนี่มัน!! 555555

ติดตามคุณจิตติเจ้าเดิมค่ะ ดิชั้นเน้นเสพย์ความไร้สาระ


55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 27-02-2017 16:54:54
รอเลยยย :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompink ที่ 27-02-2017 17:46:48
คุณจิตติมีเรื่องใหม่มาให้ติดตามแล้ววววว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-02-2017 17:49:34
มารอเปนกำลังใจให้เติร์ด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Parkaoms ที่ 27-02-2017 18:01:22
ค่ายนี่โคตรความติสอ่ะส่วนเติร์ดนี่ตลกโปกฮามาก 55555555555555  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 27-02-2017 19:28:31
รู้สึกว่าอยากเป็นเด็กค่ายขึ้นมา...ฮ่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 27-02-2017 21:20:00
อินทะโลดักฉัน = อินโทรที่เอาไว้ดักคนอ่านไม่ให้ไปไหนจงอ่านแต่เรื่องนี้ใช่ไหม?
รู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 27-02-2017 21:35:09
มาแล้วววววว
สู้ต่อไปเพื่อน เดี๋ยวช่วยออกค่าน้ำเอง 55555
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: paramouth ที่ 27-02-2017 21:40:25
รออ่านวันที่ หนูเติร์ด เอาคืน ค่ายนะลูกกกก
เคะราชินี ต้องเป็นของหนู  มงมาๆๆๆๆๆ
เอาให้อีค่ายมันชีช้ำกะหล่ำปลีไปเลยลูกกกกก :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 27-02-2017 21:50:42
พี่ค่ายเลี้ยงง่ายขนาดนี้ มาอยู่กับเราไหม เลี้ยงดีกว่าข้าวคลุกน้ำปลาอีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: farafang ที่ 27-02-2017 22:00:13
เติร์ดลูกกกกกกกกกกก  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: maplecakes ที่ 27-02-2017 22:08:45
แค่ชื่อเรื่องก็โดนแล้วอ่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 27-02-2017 22:49:38
ติดตามจ้าาา  o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 27-02-2017 22:57:14
 :z3:ฮากว่าอะไรคือใช้น้ำดื่ม  ค่ายรู้ไหมว่ามันเปลืองน้ำอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryunosuke ที่ 27-02-2017 23:00:40
เจิมมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ๋Justtmo ที่ 27-02-2017 23:16:04
รออออออค้าาาาา :z2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-02-2017 23:18:20
หูยย~เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 28-02-2017 00:00:06
ค่ายนี่หญิงเยอะเนอะ คบหญิงครบทุกคณะละ -0-
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 28-02-2017 01:46:46
เติร์ดเอ้ยย แอบรักเพื่อน ชีช้ำแท้
ค่ายเปลี่ยนสาวบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในอีก
เปลี่ยนบ่อยขนาดนี้เป็นคนจริงๆเป็นกามโรคตายไปแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-02-2017 06:28:41
#ค่ายเติร์ด บริหารกาม เอ้ยยยย กราม รอเลย บรรยากาศกำลังเซ็งได้ที่พอดี คอมมานดี้จิตติมาถูกที่ถูกเวลาเลย ดี๊ดี ลุย!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-02-2017 10:03:33
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 28-02-2017 10:46:06
ทำไมเปิดเรื่องมา มันแอบเศร้าๆอ่ะ ไม่มีมาม่าแน่นะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 28-02-2017 11:04:38
#ทีมพระรอง ก่อนได้ไหม ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 28-02-2017 12:33:14
 :hao3: มาติดตามแบบตามติด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 28-02-2017 13:18:07
ว้าวๆๆรออย่างใจจดจ่อเลยค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 28-02-2017 15:32:15
ตามเลยจ้ะ อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 28-02-2017 20:23:26
 :hao5: รอคุณจิตติ มาอัพนะคะ..  :z10:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 28-02-2017 21:46:31
กรี้ดดดดดดด มารอซับน้ำให้น้องเติร์ด   :mew1: มาฝากตัวเป็นแฟนนิยายพี่ด้วยคน อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-02-2017 21:55:50
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 01-03-2017 05:20:25
เรื่องใหม่มาแล้ว รอออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 01-03-2017 10:47:02
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 01-03-2017 11:59:42
รอเลย แต่เท่าที่ติดตามมา จิตติไม่ค่อยเขียนพระเอกขี้หึงเท่าไหร่นะ ขี้หึงแบบขี้หึงมากๆ อ่ะ เออ บรรยายความหึงไรงี้ ซึ่ง...เรารออ่านอยู่นะ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sunny1426 ที่ 01-03-2017 14:30:47
 :mew1:มันดีต่อใจมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 01-03-2017 21:21:48
อีค่ายนี่ไม่ใช่พระเอกตัวจริงใช่มะ ดาวมอหลอกเราใช่มะ ใช่มะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerLK ที่ 01-03-2017 23:47:05
กิ้สสสสสสสสสสส มารอเลยยนยยนยยย น้องเติร์กกับความเฟรนโซนของน้องเขาา พี่เข้าใจหนูลู้กกกกก แชแนลไหนบอกพี่มา พี่ปั่นวิวเก่งมากกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 04-03-2017 15:56:12
จิตติ comeback!!!
เอาเติร์ดค่ายมาให้ส่อง แล้วอย่าหายไปอีกน๊าาาา~~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 04-03-2017 21:57:24
มีความไม่ชอบนิสัยการคบผู้หญิงของค่าย และรู้สึกอินกับความรู้สึกรักข้างเดียวของเติร์ดมาก มีความเป็นไปได้ว่าสำหรับเรื่องนี้ของคุณจิตติดาวมอ...ดิฉันจะต้องด่าพระเอกกับการกระทำของเขาในอนาคต หลังจากในเรื่องผ่านๆ มามีแต่กรีดร้องเพราะชื่นชอบพระเอก แน่นอนว่าตั้งแต่อินทะโลดักฉัน...ดิฉันก็เข้าข้างน้องเติร์ดทันที นี่แค่เริ่มยังเสียน้ำเย็นตั้งหนึ่งขวด แล้วตอนต่อๆ ไปล่ะ? สู้ๆ นะคะน้องเติร์ด

กำลังพยายามคิดว่า...อะไรทำให้ค่ายต้องพยายามมีรักขนาดนี้ คือเลิกกับอีกคนแล้วหาคบกับอีกคนทันที คือถ้าคิดในแง่ที่ว่า ก็ผู้หญิงเขาเข้ามาหาก่อน...หรือเพราะความกะล่อนของค่ายที่ไปกดไลค์เขาก่อน แล้วทำเป็นไขสือตอนเขาทักมา ก็คงเรียกว่าเป็นการยื่นหมูยื่นแมว จะอะไรก็แล้วแต่...ดิฉันจะต้องติดตามให้ได้ว่า เหตุใดค่ายจึงเป็นเสือผู้หญิง ขอตามต่อไปนะคะคุณจิตติ...แต่ขออย่างเดียว อย่าใจร้ายกับน้องเติร์ดมากเกินไปนะคะ จิตใจดิฉันอ่อนไหวมากๆ นี่จิตติออกตัวว่าเป็นคอมิดี้...แต่ไม่รู้ว่าจะตลกร้ายหรือตลกเคล้าน้ำตาหรือเปล่า?

ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับนิยายเรื่องใหม่ของปีนี้ ^_____^

ป.ล. เป็นคนแพ้แนวเรื่องเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่สุด เห็นเรื่องไหนแนวนี้เป็นต้องกระโดดเข้าหา แม้จะเจ็บเพราะมีดเฉือนหัวใจ แต่ก็ยอมกล้ำกลืน...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 05-03-2017 07:49:47
โอ๊ย​จิตติ~~~
เจ้ว่ามันเก๋นะพล็อตนี้

นานๆทีจะได้อ่านเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อสักที
ปกติไม่ค่อยนิยมแนวนี้ เพราะลางว่าจะม่าหนัก
แต่ของจิตตินี่ท่าทางจะสไตล์อกเดาะแต่ยิ้มได้สินะ

ดีๆ ฟีลกู๊ดแบบดรามาติกดี
ติดตามนะจ้ะ อยากรู้ความในใจน้องค่าย
ไม่ใช่จริงๆแล้วใจตรงกันนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 05-03-2017 09:08:05
รอค่ะมาลงไวๆนะค่ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 05-03-2017 11:35:23
อินโทรมาล้าวววว ปักๆๆ กลัวดราม่าละเกิน แต่คนเขียนบอกว่าคอมเมดี้ เราก็จะเชื่อ :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-03-2017 11:46:42
มาเป็นกำลังใจให้น้องเติร์กให้พิชิต (ใจ) ค่าย ได้ค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 05-03-2017 16:22:31
ดราม่าไหมถ้าใช่จะได้ไม่อ่าน เบื่อมากดราม่าอ่านแล้วไม่มีความสุข5555
ไม่ชอบอิค่ายละนี่แค่อินโทรนะ
แต่ที่ไม่ชอบสุดคือน้องเติร์ดนี่แหละลูก
อาจเพราะเราเป็นประเภทเมื่อเมิงไม่แคร์กูก็ไม่ง้อล่ะมั้งเลยขัดใจน้องเติร์ด โอ้ยลูกเอ้ยไม่ต้องไปสนใจคนที่ไม่ให้ความสำคัญกับเราหรอกลูก
หาหลัวใหม่ไปเลยง่ายดีเอาคนเทคเก่งๆมาให้เติร์ดที เกลียดอิค่ายมั่นมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minduen ที่ 05-03-2017 21:26:26
สงสารเติร์กแต่นางก็ยังทำดราม่าให้ฮาได้ มาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-03-2017 21:35:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 06-03-2017 01:41:24
เกือบเศร้าตามแล้วไหมลูกเอ๊ยยย  ชื่อเติร์ตแสดงว่ามีพี่เฟิร์ส เซคั่น  ด้วยป่ะจ๊ะ 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 06-03-2017 14:49:07
ปูเสื่อรอนิยายเรื่องใหม่ของจิตติค่าาา :mew1:

**แก้ไขคำผิดค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 06-03-2017 14:49:25
 :really2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 06-03-2017 15:30:49
น่าจะเปลี่ยนชื่อคนเขียนนะคะ เป็นบ่วง อ่านทีไรก็บ่วง แง 55555 มาต่อที
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 06-03-2017 23:52:51
ตอนแรกที่บอกว่าแอบชอบเพื่อนสนิทนี่เหมือนจะม่านะ แต่ไปๆมาๆเหมือนจะกลายเป็นตลกอะฮือ เกลียดความค่ายมากค่ะโอ๊ย555555 รอค่ะรอ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 07-03-2017 01:53:55
เนื้อเรื่องมาอย่างดราม่าเลย
แม่งงง เติร์ดอย่างฮา ชอบตอนทำเอ็มวีในห้องน้ำ
5555555 ทำไมมันฮาจังว่ะ ชอบๆๆๆๆ
 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: thepoe ที่ 07-03-2017 02:41:04
เปืดเรื่องมาก็หน่วงๆปนขำเบยยย
ปูเสื่อรอออ

 :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-03-2017 13:01:37
ถึงคุณจิตติเป็นคนชิคชิค ค่ะ อยากบอกว่า เข้ามาดูทุกวัน เลยค่ะ..
คิดถึง เติร์ด กับ ค่าย แล้วค่ะ..  :hao5:
ว่าแล้ว ก็กลับไปฟังเพลง scrubb
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-03-2017 13:52:30
แปะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 08-03-2017 21:05:50
 :z3: :z3: รอร๊อรออออ อ อ   :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 08-03-2017 22:57:12
ในที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดดด ก็มีเวลาตามอ่านเรื่องนี้แล้วหลังจากเค้าฮาตอนท้ายกันไปหมดละเด้อ
5555555555 รอนะคะคุณจิตติ มาแค่นี้ก็รู้เลยนะคะ

แต่ค่ายนี่จะใช่พระเอกใช่มั้ย ไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 10-03-2017 18:18:26
เปิดเรื่องมาหรรษามากค่ะน้องจิตติ
โอย~ ไม่รู้จะขำหรือสงสารน้องเติร์ดดี
เอาเป็นว่าเอาใจช่วยให้เจ้าค่ายหันมารับรู้ความรู้สึกของน้องเติร์ดไวๆละกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 10-03-2017 21:04:09
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 14-03-2017 14:29:10
คุณจิตติค่ะ.. มีความรอ ค่ะ..  :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 15-03-2017 13:43:01
 :really2: เข้ามารอเติร์ดกับค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 25-03-2017 08:18:35
รอค่ะรออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 26-03-2017 01:26:26
จิตติ~~~~นี่รอจนอิเติร์ดตัวจะเปื่อยไปกับน้ำแล้วนะมาอัพเร็วเร้ววววววว :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 26-03-2017 01:35:12
ว้ายยย เราชอบแนวแอบรัก รอออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-03-2017 09:29:40
 :hao7: :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 26-03-2017 12:18:25
รอค่าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-03-2017 12:39:10
มารอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-03-2017 16:55:39
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 26-03-2017 21:42:44
เรื่องใหม่ๆ :katai2-1:

รอตอนต่อไปนะค้าาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SaypaiSayma ที่ 29-03-2017 19:50:14
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 30-03-2017 16:38:09
 :katai5: ยังเฝ้ารอคอยยยยยยยยยย อย่างโหยหาาาา  รอด้ายยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 03-04-2017 17:35:10
ได้ข่าวว่าไอ้ค่ายนี่มันเจ้าชู้ประตูเหล็ก สาวๆ บ่นเกลียดขี้หน้ามันกันให้ลึ่ม
วันนี้เลยแวะมาทักทายไอ้ค่ายซะหน่อย หึ คิดว่าแน่ไง๋ ?
ชะหน็อย อย่าให้น้องเติร์ดมีแควนนะ จะหัวเราะเอ็งให้ฟันหักเลยไอ้ค่ายหวย กร๊อบ /เสียงหักนิ้ว

ไม่มีไร ไม่ได้แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ไง จบปร๊ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-04-2017 22:09:46

ตอนที่ 1
Love Actually



ผมกับไอ้ค่ายเป็นเพื่อนกันมานาน นับแล้วตอนนี้ก็สองปี สี่เดือน กับอีกสิบหกวัน มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน...นานจนเพื่อนที่เคยแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งได้เสียกันจนเตียงหักไปหลายหลัง ส่วนตัวเองนั้น...ยังไม่เฉียดกลายคำว่า ‘แฟน’ สำหรับมันเลยสักนิด

คิดแล้วก็เศร้า เดินน้ำตาตกกลับเข้ามาในห้อง หยิบเอาขวดน้ำจากในตู้เย็นมาสาดย้อมใจไปก่อน เทไปได้สองขวดน้ำก็หมด หากแต่ความเสียใจยังคงตกค้างไม่หายไปไหน ผมเลยรีบหาทางออกให้กับตัวเองด้วยการคว้าโทรศัพท์บ้านที่ิอยู่ตรงหัวเตียงขึ้นมาต่อสายหาใครคนหนึ่ง

“พี่...น้ำไม่ไหลมาซ่อมหน่อย”

“…”

“กำลังเศร้าอยู่ครับ อยากสาดน้ำย้อมใจ”

“…”

“พี่รีบพาช่างมาเร็วๆ เลยนะครับเดี๋ยวผมจะรีพีทเพลงรอ” พูดจบก็รีบตัดบทด้วยการวางสายก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ชื้นไปหมดแล้วเตียงกู...

วันนี้ไอ้ค่ายกำลังเดินหน้าจีบใครคนใหม่อยู่ ถามว่าเจ็บมั้ย จะตอบว่าไม่เจ็บมันก็คงโกหกกันเกินไป แต่ระยะเวลาสองปีไม่ได้ทำให้ผมเข็ดหลาบกับแอบการรักข้างเดียวเลยสักนิด ก็เคยบอกกับตัวเองเป็นสิบๆ ครั้งเหมือนกันว่าพอละ เลิกชอบ หนีไปอเมริกาเหมือนในละครดีกว่า แต่ในความเป็นจริงกูก็ยังเรียนไม่จบ

ลองหายไปจากชีวิตอีกฝ่ายดูเผื่อมันจะคิดถึง แต่อีกวันแม่งก็เสือกเจอกันในคลาสตอนแปดโมงเช้าแบบมึนๆ

ถ้าย้ายคณะ แล้วกูจะไปเรียนเหี้ยอะไร

อยากไปหาคนชอบใหม่เผื่อจะได้ลืมๆ ไปบ้างก็ไปไม่รอดเหมือนอย่างเคย

วันไหนอยากหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน ผมกลับพบว่ากิจกรรมนั้นมักมีไอ้ค่ายเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเสมอ เช่นไปดูหนัง มันก็มักโผล่ไปด้วย กินข้าว เราก็มีร้านประจำร้านเดียวกัน ยิ่งแอลกอฮอล์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พี่ค่ายโต๊ะสิบแปด ส่วนพี่เติร์ดแน่นอน...

โต๊ะสิบแปดเหมือนกัน รำคาญไอ้สัด!

สรุปแล้วก็อยู่นี่แหละ อยู่ดูหนามตำใจตัวเองไปเรื่อยๆ

เบื่อคำว่าเพื่อนสนิทแต่ทำอะไรไม่ได้ เหมือนมันเป็นคำที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ชายมาก และถ้าเป็นไอ้ค่ายด้วยแล้ว ผมบอกเลยว่ามันบูชาคำนี้เอาไว้เหนือหัว ใครก็ห้ามเปลี่ยนสถานะมัน ไม่ว่าจะจากเพื่อนเป็นคนรัก หรือแม้แต่เพื่อนกลายเป็นศัตรูก็ตาม

ผมกับมันเรียนนิเทศฯ เราคบกันหมดไม่ว่าจะเป็นเพศไหนเพราะต้องทำงานร่วมกัน ยิ่งปีท้ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง งานกลุ่ม โปรเจ็กต์กลุ่มดาหน้าเข้ามาให้ทำจนล้นมือ

ติ๊ง! โทรศัพท์มือถือที่ถูกปาลงบนเตียงดังขึ้น ผมหันขวับไปมองชั่วครู่พร้อมกับบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าห้ามกดเข้าไปดูเด็ดขาด ที่ทำได้คือรอช่างมาซ่อมท่อกับเปิดเพลงเดิมๆ วนไปเพื่อบิ๊วอารมณ์เท่านั้น

ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

ร้องเพลง กูต้องร้องเพลง ต้องไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในนั้น


“เก็บอารมณ์ เก็บเอาเรื่องราวนั้นทิ้งไป
เก็บเอาแรงที่จะใช้รักใครไว้กับตัวเอง
ดีกว่าเอาไปเสียน้ำตา…”



หนึ่งนาทีผ่านไป...ช่างยังไม่มา


“เก็บเอาใจ เก็บเอารักที่ให้เขาไป
เก็บเอาความตั้งใจ
และฝันที่เคยวาดไว้กับเขา   
เก็บคืนมาอย่าเปลืองหัวใจ”



ห้านาทีผ่านไป...กูฟังเพลงเดิมไปสองรอบ…


“ฝืนใจเอาหน่อย ถึงยังรักแต่เขาไม่รัก
เราคงต้องปล่อย ปล่อยให้เขาไปดีกว่า

แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี
แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป
แล้ววันหนึ่งเขาจะหายไป
แม้วันนี้จะยังรู้สึก แม้จะยังคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ…”



ตอนนี้สิบนาทีละ กูทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยย ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการหยิบมือถือบนเตียงขึ้นมาแล้วกดปุ่มโฮมตามสเต็ป เสือกแม่งให้ตายกันไปเลย

แน่นอน คนที่อยู่ในแจ้งเตือนเมื่อสิบนาทีก่อนยังคงเป็นเพื่อนสนิทของผม เพราะกรุ๊ปไลน์ ‘ชายฉะกัน’ กำลังสนุกกับการคุยประเด็นของไอ้ค่ายกันอย่างเมามันแม้จะมีสมาชิกอยู่เพียงสี่คนก็ตาม
   

BoneChone
มึงโสดทีไรนี่แอดสาวระนาวเลยนะเชี่ยค่าย

Tatt’oo
เรียกได้ว่านั่งไล่แอดแบบเป็นจริงเป็นจังจะดีกว่าไอ้สัด

BoneChone
ประกาศเพื่อนโสดโปรดรับแอด


แล้วดูไอ้ตัวดีมันตอบ เคยปฏิเสธอะไรกับเขาซะที่ไหน


K.Khunpol
อะไร กูไม่ได้แอด เค้ามาเอง

Tatt’oo
กูว่าเดี๋ยวมึงก็ไม่โสดอีก ไอ้เติร์ดมึงหัดปรามที่รักมึงบ้าง


ซึ่งประโยคที่ผมตอบได้ก็มีแค่...


เติร์ดที่แปลว่าสาม
เกี่ยวไรกับกูวะสัด


มันจะรักกับใครไม่เห็นเกี่ยวกับกูเลย ผมไม่ใช่แฟนมันซะหน่อยแม้ในใจจะแอบหวังมานานแล้วก็ตาม แถมยังเคยฝันอีกว่าวันหนึ่งมันอาจแชทมาบอกชอบผมในกรุ๊ปไลน์ ฝันมานานตั้งสองปีจนตอนนี้ไอ้ค่ายเปลี่ยนเมียไปเป็นสิบ กว่าจะตกมาถึงกูได้คงเหลือแต่กระดูก


K.Khunpol
เกี่ยวดิ
มึงคือเพื่อนที่อยู่กับกูเสมอตอนที่ไม่เหลือใครนะ

เติร์ดที่แปลว่าสาม
มึงไม่ต้องมาพูดดีไอ้เหี้ย
มีช่วงที่มึงไม่เหลือใครด้วยเหรอ กูจำไม่ได้


Tatt’oo
555555555555555555555



บทสนทนาถูกตัดไปหลังจากเลขห้านับไม่ถ้วนถูกพิมพ์กลับมา ผมไม่ลืมหรอกว่าวันนี้มันหนีไปคุยกับใครบ้าง เพราะงั้นถึงต้องถอยกลับมารักษาแผลใจก่อน แม้มันจะเกิดขึ้นปีละหลายครั้งก็ตาม

Rrrrrr...!

สิ้นเสียงเตือนจากไลน์ไม่เท่าไหร่ผมก็ต้องขมวดคิ้วกับเสียงเรียกเข้าจากมือถือแทน ซึ่งเจ้าของเบอร์ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นไอ้เพื่อนรักหน้าหม้อที่ผมกำลังนึกด่าในใจเมื่อครู่นี่เอง

แปลกดี ผมไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ปฏิเสธสายของมันได้เลยสักครั้ง ไม่รู้ไอ้ค่ายมันทำเสน่ห์เอาไว้หรือเปล่า แต่ทั้งน้ำเสียง ทั้งคำพูด ทั้งเสียงหัวเราะที่ได้ยินแม่งก็ทำให้คนฟังหลงไปตามๆ กัน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหรอก กูก็คือหนึ่งในนั้น!

“มีไร” ทันทีที่รับสายเสร็จ ก็กรอกเสียงลงไปห้วนๆ ทันที จะทำตัวอ่อนโยนกับมันไม่ได้ เดี๋ยวแม่งก็ได้ใจอีก

[ว่างป่ะ อยากชวนออกมาข้างนอก]

“อะไรของมึง ไหนบอกจะไปสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับน้องมิลค์บัญชีไง”

[ก็เออไง แต่เหมือนกูจะเจอเรื่องทะแม่งๆ ว่ะ] เสียงทุ้มตอบกลับอย่างเร็วรี่

“ทะแม่งตรงไหน”

[ยังไม่ชัวร์ ตอนนี้กูนัดเจอกับน้องแล้ว เลยอยากให้มึงแวะมาหาหน่อย]

“นัดเจอน้องแล้วจะเรียกกูไปเป็นก้างขวางคอทำไม แค่นี้นะ ที่ห้องน้ำไม่ไหล” จากนั้นผมก็รีบวางสาย ไม่เปิดโอกาสให้มันได้พูดอะไรออกมาอีก แค่นี้ก็เจ็บสัดๆ อยู่แล้ว มีคนปกติที่ไหนบ้างที่จะมานั่งดูคนที่ตัวเองชอบจีบคนอื่นอย่างหน้าชื่อตาบาน มึงไปหาในเอ็มวีเพลงไทยเถอะไอ้สัด

รักแท้ไม่ใช่การครอบครอง ไม่ใช่พ่อง!

ถ้าไม่รักแล้วมีความรู้สึกว่าไม่ได้อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขามันไม่เรียกว่ารักหรอก มันก็แค่คำพูดของคนที่รักไม่พอแล้วพูดว่าตัวเองเป็นคนดีเท่านั้น หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือมึงโกหกตัวเองเหมือนที่ผมมักทำ

ตบบ่าปลอบใจ พร่ำแต่พูดไม่เป็นไรทุกครั้งตอนที่ไอ้ค่ายเลิกกับคนเก่า แล้วได้แต่ยิ้มปั้นหน้าน้ำตาตกในตอนมันเปิดตัวแฟนใหม่ในอีกไม่กี่วันต่อมา ทุกอย่างในชีวิตผมวนลูปแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ถามว่าอยากหาใหม่มั้ยมันก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นมาบ่อยเหมือนกัน แต่สุดท้ายผมก็ไปไม่รอดเพราะความซื่อตรงของตัวเอง

ถ้าเป็นคนลืมอะไรง่ายๆ เหมือนไอ้ค่าย ตอนนี้ผมคงมีความสุขไปแล้ว ไม่ต้องจมปรักกับคนๆ เดียวมาถึงสองปีหรอก

คิดแล้วก็ได้แต่นอนซึม รอให้ช่างมาซ้อมท่อและร้องเพลงต่อไป

“เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วแม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย...”

พูดแล้วก็เปลี่ยนไปเปิดเพลงใหม่ เอาให้ชอกช้ำระกำใจแล้วพรุ่งนี้ผมจะกลับไปเป็นไอ้เติร์ดคนเดิมที่ยอมรับทุกอย่างได้และทำตัวเท่ๆ ของกูต่อไป














เช้าวันรุ่งขึ้นผมมาเรียนตามปกติ เด็กนิเทศฯ ชอบมีที่สิงสถิตอยู่ไม่กี่ที่ หนึ่งโรงอาหารนิเทศฯ และสองใต้ต้นไม้หน้าลานกิจกรรมที่จะมีโต๊ะไม้เรียงรายเต็มไปหมด ทุกคนคือเจ้าที่!

พวกผมจะมีโต๊ะประจำอยู่ เช้ามาก็ต้องมานั่งที่นี่ กินข้าวก็กินที่นี่ ทำทุกอย่างเสมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัว อย่างที่บอกว่ากลุ่มผมมีกันอยู่สี่คน คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแต่กว่าจะเหวี่ยงคนมาครบได้ขนาดนี้ก็ใช้เวลาเกือบหมดเทอมถึงจะลงตัว

เมื่อก่อนผมไม่ได้อยู่แก๊งนี้หรอก แต่คนที่นิสัยเหมือนกันมักจะอยู่ด้วยกันได้ เพราะงั้นหลังจากอยู่กับแก๊งเก่าไม่รอดผมเลยต้องวิ่งมาซบอกกลุ่มใหม่ ซึ่งก็คือไอ้พวกนี้แหละ

หลายคนชอบเรียกเราว่า ‘แก๊งโหด’

หน้าตาเราไม่ได้โหด แต่นิสัยเฉพาะบางอย่างของแต่ละคนต่างหากที่โหดจนเป็นที่กล่าวขาน รุ่นพี่และรุ่นน้องในมหา’ลัยส่วนใหญ่ที่ไม่สนิทด้วยแทบไม่เรียกชื่อพวกเราเลยด้วยซ้ำ แต่จะใช้คำว่าโหดแทนชื่อทั้งสี่คนแทน สรุปแล้วผมสี่คนแม่งชื่อโหดหมด สัด!

แต่ถ้ามองดีๆ เรียกไอ้โหดก็ดีกว่าเรียกไอ้เหี้ยไปหลายขุม เวลามีข่าวลือหนาหูเรื่องไอ้โหดทีไรก็จำต้องมาวิเคราะห์แล้วแหละว่าหมายถึงใครคนไหน เพราะแต่ละคนก็รวมพวกคนดีที่สังคมหวาดกลัวทั้งนั้น

“ไอ้สัด มึงมาสาย” เสียงที่เอ่ยขึ้นเป็นเชิงล้อเลียนนี้เป็นของ ‘ไอ้ทู’ สมาชิกคลาส VIP ของความโหด

เจ้าของทรงผมสุดเซอร์ที่ยาวจนต้องมัดเป็นมวยไว้ด้านหลัง วันนี้มันสวมชุดนิสิตแขนสั้นมาแถมยังไม่ชอบผูกไทด์เหมือนเดิม เอาจริงในกลุ่มเราแทบไม่รู้จักการผูกไทด์ด้วยซ้ำหลังจากขึ้นปีสอง

ไอ้ทูเป็นคนมีความสามารถ โดยเฉพาะเรื่องถ่ายภาพต้องยกให้มันเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น ความโหดที่ทุกคนกล่าวขานไม่ได้อยู่ที่ความเก่งของแม่งหรอก หากแต่อยู่ที่รสนิยมในการถ่ายภาพมากกว่า เพราะคุณทูเขาถ่ายแต่แนวเซ็กซี่ เน้นผู้หญิงทรงตู้มสะบึ้มฮึ่มเท่านั้น ภาพธรรมชาติ วิว ต้นไม้ห่าอะไรอย่าถามมัน ไอ้นี้รู้อย่างเดียวคือการหามุมหน้าและมุมนม

นิสัยส่วนตัวคือกินจุ ขี้เรื้อน แต่สาวก็ติดมันตรึมเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มเซอร์มีเสน่ห์หาตัวจับยาก แถมในแกลอรี่ผลงานภาพถ่ายของมันยังเต็มไปด้วยนางแบบสวยๆ ซึ่งส่วนใหญ่นั้น...เคยเป็นแฟนของมันมาก่อน

“โทษทีว่ะมึง เมื่อคืนกว่าช่างจะซ่อมท่อน้ำได้ก็เอาซะดึก” ผมพูดพลางนั่งลงตรงเก้าอี้ ก่อนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังก้มหน้าแดกข้าวอยู่นั้นจะเงยขึ้นมาถามบ้าง

   “ซ้อมท่อหรือซ่อมแอร์ในตำนาน”

   “ไอ้โบน ไอ้เหี้ย”

   “ฮ่าๆๆ ผมไม่เล็กนะครับคุณเติร์ด”

   ไอ้ปากหมานี่ชื่อ ‘โบน’ หนึ่งในสมาชิกยุคแรกที่ก่อตั้งแก๊งโหดขึ้นมา จริงๆ มันสนิทกับไอ้ค่ายมากกว่าผมอีก เพราะเป็นคนไปไหนไปกันได้ทุกที่ ถ้าเขาบอกให้ไปนรกมันก็จะไป

   ไอ้โบนเป็นผู้ชายผิวแทนที่ตัดสกินเฮดคนเดียวในกลุ่ม ด้วยลุคแบดบอยประกอบกับนิสัยยียวนกวนตีนทำให้ใครหลายๆ คนตกหลุมพรางมานักต่อนัก

การหลีสาวคืองานอดิเรกของมัน แต่แปลกเหมือนกันที่มันไม่เคยลงมือจีบใครสักคน ไม่ใช่เพราะกำลังรอคอยรักแท้หรอก หากแต่ผู้หญิงไม่เปิดโอกาสให้มันได้จีบเพราะมักเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเองเสียมากกว่า

“แล้วนี่คุณชายขุนพลไม่มาอีกเหรอ”

“ไม่รู้มัน สงสัยติดสาวอยู่เลยนอนตื่นสาย”

“ติดสาวหรือติดสัด” ไอ้ทูเสริมทันที

“คงพอๆ กับมึงนั่นแหละ ปล่อยๆ มันไปเหอะ” ปลงละ ไม่อยากเอาใจเข้าไปยุ่ง...

“พูดถึงกูอยู่เหรอ”

ตายยากตายเย็นฉิบหายเลยเว้ย เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะทำให้ผมกับเพื่อนอีกสองคนต้องหันไปมอง วันนี้ไอ้ค่ายสวมชุดนิสิตแขนยาวที่พับแขนเสื้อไปครึ่งหนึ่งกับกางเกงยีนลูกรักตัวละหลายหมื่นของมัน แม่งเคยบอกกับผมเว้ยว่าใส่แล้วเป้าจะมีเสน่ห์ และทุกวันนี้เป้ามหาประลัยของมันก็โคตรมีเสน่ห์ต่อทุกเพศจริงๆ

สำหรับไอ้ค่าย ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของมัน ฝันเปียกครั้งแรกในชีวิต แฟนคนแรก อกหักครั้งแรก และสารพัดที่เป็นเรื่องส่วนตัวผมก็เสือกจนรู้หมด มันเป็นเจ้าของรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนื่องจากมีเสี้ยวจีนอยู่ แต่ทรงผมและการแต่งตัวของมันบอกเลยว่าห่างไกลจากคำว่าตี๋เยอะ

ไอ้นี่ก็สายโหดของกลุ่มเหมือนกันในเรื่องของความหน้าหม้อ เจ้าชู้ ดีที่หล่อและมีตังค์เยอะ ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็กต์แต่บอกเลยว่ามันโง่ครับ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ควรโง่

“มึงมาก็ดีละไอ้ค่าย ไหนมาให้เพื่อนสัมภาษณ์หน่อยเร๊ว” เมื่อมากันครบองค์ บทสนทนาถามตอบเรื่องสาวๆ ก็ถูกจุดประเด็นขึ้นอย่างรวดเร็ว

“สัมภาษณ์เหี้ยอะไรล่ะ”

“เมื่อคืนได้จึ๊กๆ กันยัง” ไอ้โบนถาม ใจผมก็เหมือนถูกมีดคมๆ ปักลงกลางใจ

“ไม่ได้ว่ะ”

“ห่า ไอ้คนไม่มีน้ำยา”

“จับได้ซะก่อน น้องแม่งคุยกับคนอื่นอยู่เว้ย มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเป็นตัวสำรองของใคร” ใช่! ทุกคนรู้ดี ไอ้ค่ายค่อนข้างมีความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองพอสมควร ทุกครั้งที่มันเดินเข้าหาใครก็แทบไม่เคยถูกปฏิเสธ แล้วยิ่งถ้ามารู้ว่าคนที่คุยอยู่กำลังจัดมันเข้าไปอยู่ในโหมดคุยเผื่อเลือกล่ะก็...

อย่าหวังเลยว่าจะได้คุยกับมันอีก

“แล้วทำไง”

“เทสิถามได้ เจ็บใจฉิบหาย บอกรุ่นพี่คนนั้นเขาก็ดี เออ...ดีสินั่นเดือนมอ” มันสบถเสียงเครียด นานมาแล้วที่ผมไม่เห็นท่าทางแบบนี้

“เดือนมอแล้วไง เดือนมอกากๆ ก็เยอะ” ผมปลอบใจเพื่อนรักด้วยการพูดให้กำลังใจ แม้ลึกๆ จะแอบรู้สึกดีที่เจ้าตัวไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์กับน้องเขา

“ไม่เหมือนมึงเนอะ ไม่เป็นเหี้ยอะไรก็ยังกาก”

“สัด” กูล่ะเกลียดไอ้ทูฉิบหาย มีห่าอะไรก็แซะกูหมด

ผมเป็นสมาชิกคนที่สี่ของแก๊งโหด ตอนแรกก็สงสัยว่ากูโหดตรงไหน แต่พอไปถามน้องรหัสหรือเพื่อนรหัสดูทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ผมโหดในเรื่องชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น

เอาตามจริงตั้งแต่เข้ามาเรียนปีหนึ่ง มีคนเข้ามาในชีวิตผมค่อนข้างมาก และทุกคนก็หวังประโยชน์ว่าจะได้พัฒนาความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายผมก็มักตัดเขาออกจากชีวิตด้วยการปฏิเสธตรงๆ ทุกคนเลยชอบด่าว่าผมมันเหี้ยที่ทำให้เขาเสียใจ

ก็ถ้าไม่ติดว่ากูชอบไอ้ค่าย กูมีเมียไปเป็นร้อยละไอ้เหี้ย!

เวลารักหรือชอบใครผมจะไม่แสดงอาการ ไม่บอก ไม่พูดอะไรทั้งนั้น บางครั้งเหมือนจะเป็นพวกปากแข็งแต่เมื่อดูสถานการณ์แล้วประเมินว่าคนคนนั้นไม่มีทางชอบเราผมจะไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วยการบอกชอบ เหมือนที่ผมกำลังทำอยู่กับไอ้ค่ายทุกวันนี้

เพราะถ้าบอกชอบมันในวันที่มันยังไม่หยุดตัวเอง และก็ไม่แน่ใจว่าจะพร้อมเปิดรับเราหรือเปล่า สุดท้ายผมอาจจะเสียมันไป

   “วันนี้โดดมั้ย...” ไอ้ค่ายพูดออกมาสั้นๆ เราสามคนที่เหลือเลยมองหน้ากันลอกแลก

   “ก็ดีนะ กูไม่อยากเรียนของสมพงษ์พอดี”

   “กูก็ด้วย”

   “เอาก็เอาวะ”

   เราสี่คนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก และความคิดหลายอย่างก็ตรงกันอย่างน่าใจหาย เวลาใครขอโดดเราก็พากันยกไปทั้งก๊วน ไม่เคยมีคนใดคนหนึ่งห้ามหรือทักท้วงอะไร เจริญมันเข้าไปสิมึง

   ดังนั้นหลังจากเรียนในคาบเช้าเสร็จพวกผมก็โดดกันมาเดินเล่นห้างให้สบายอารมณ์ นั่งแดกข้าว หลีสาว แชร์เฟซบุ๊ก แอดไลน์ผู้หญิงกันอย่างมีความสุข ใกล้ค่ำหน่อยทุกคนก็แยกย้ายเพราะมีนัดส่วนตัว คงเหลือผมกับไอ้ค่ายเท่านั้นที่นั่งมองหน้ากันอยู่สองคน

   “ไอ้เติร์ด”

   “ไร”

   “ไปตัดผมกัน กูอยากเปลี่ยนลุค” ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไร แต่ผมคิดว่าสาเหตุอาจมาจากการที่มันรู้สึกเสียเซลฟ์กับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งผมก็ไม่สามารถขัดมันได้นอกจากพยักหน้าแล้วเดินตามมันเข้าไปที่ร้านทำผม

   เดิมทีไอ้ค่ายผมค่อนข้างยาวเพราะมันกะเลี้ยงไว้แข่งกับไอ้ทูด้วยภารกิจพิชิตส้นตีนอะไรของมันก็ได้รู้ แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อมันได้ย้ายก้นตัวเองไปนั่งบนเขียง

   ใช้เวลานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่ร้านเป็นชั่วโมงสุดท้ายไอ้ค่ายคนเก่าก็ได้ตายไปทันทีที่เจ้าตัวลุกออกจากเก้าอี้ หลังจากพนักงานทำการสระไดร์ทุกอย่างให้เสร็จสรรพ

   “เป็นไง” มันถามพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้

   “ดูสารเลวกว่าเดิมร้อยเท่า” ผมจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้น จ้องจนแทบจะแดกหัวอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ อาจเพราะไม่ชินหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันเร็วเกินไป โลกของผมถึงได้โคลงเคลงไปมาไม่หยุด

   ไม่มีแล้วนายขุนพลที่ตั้งใจเลี้ยงผมยาวๆ เพราะต้องการจะคีปลุคเซอร์ เหลือเพียงไอ้ค่ายผู้ชายหน้าเลวๆ คนหนึ่งเท่านั้น

   ไม่รู้มันพูดกับที่ร้านว่ายังไง แต่อันเดอร์คัตสูงแถมยังทำ straight line ตรงบริเวณที่ไถผมออกยิ่งสร้างลุคแบดบอยของมันได้เป็นอย่างดี จิวหูสีดำที่เจาะขึ้นไปสามรูติดสร้างเสน่ห์ให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก ทำเอาคนในร้านหันมาชื่นชมมันไม่ขาดปาก

   น้องดีอย่างงั้น งานดีอย่างนี้ เออ! ยอมรับก็ได้




อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-04-2017 22:17:13
“ไปดูหนังกัน”

   “ฮะ” มันเอ่ยชวนผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

   “ไปดูหนัง พอดีวันนี้ตัดผมแล้วอารมณ์ดี” แล้วพรุ่งนี้มึงก็จะไปหลีหญิงใหม่ กูรู้หรอก แต่ด้วยความที่ผมคือไอ้เติร์ด ไอ้เติร์ดที่ชอบไอ้ค่ายอยู่ข้างเดียวก็คงไม่กล้าปฏิเสธ

   “ไปดิ”

   “วันนี้มีเรื่องอะไรเข้าฉายบ้างวะ”

   “ไม่แน่ใจ ไปดูโปรแกรมก่อนแล้วกัน”

   สุดท้ายเราก็มานั่งในโรงหนังเรียบร้อย ที่นั่ง E9 กับ E10 มักเป็นมุมประจำในวันที่พื้นที่ในโรงหนังเหลือเยอะเหมือนกับวันนี้เพราะเป็นรอบสุดท้ายของวัน เราทั้งคู่ตัดสินใจเลือกหนังรอมคอมจากอังกฤษเรื่องหนึ่งด้วยเหตุผลที่เกิดจากความเบื่อหน่ายหนังแนวอื่น

   กิจกรรมที่เรามักทำในโรงภาพยนตร์ก็คือดู...ดูกันอย่างเงียบๆ รอจนเอนด์เครดิตขึ้นเราก็จะนั่งอ่านชื่อของทีมผู้สร้าง แล้วมาถกเถียงกันในวันต่อมาว่าหนังดีหรือไม่ดี ไอ้ค่ายบันทึกทุกอย่างไว้ด้วยสมุดจดของมันหลังจากดูจบ ส่วนผมบันทึกทุกอย่างด้วยวิดีโอแล้วอัพโหลดลงยูทูบ

   แม้ช่อง ‘มูฟวี่ซี้เว่อร์’ จะมีคนดูเพียงน้อยนิดก็ตาม

   “ป๊อปคอร์นของมึง” มือหนายื่นกล่องกระดาษมาให้ ขณะจอด้านหน้ายังอยู่ในช่วงโฆษณา

   “ถือไป กูขี้เกียจ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนมันจะถามอีก

   “จะเอาชีสหรือหวาน”

   “ชีส” พูดแค่นั้นป๊อปคอร์นรสชีสจำนวนมากในฝ่ามือของไอ้ค่ายก็ประกบปากผมเข้าให้ เรามักทำแบบนี้ประจำ มันป้อนป๊อปคอร์น ผมป้อนน้ำให้ เหมือนคู่รักแต่เหตุผลไม่ใช่คู่รัก

   ซื้อมาทีไรก็แดกไม่หมด เปลือง!

   จบมั้ย ถ้ามันบอกว่าจบกูก็จบ หลังๆ ยัดใส่ปากกันจนติดคอแต่ก็แดกหมดทุกที

   “หนังเริ่มละ ภาพเหมือนหนังหว่องเลยว่ะ”

   “เออ”

   แล้วทุกเสียงก็เงียบลงถนัดตา เราทั้งคู่นั่งดูกันเงียบๆ แม้ทั้งโรงจะไม่มีคนเลยก็ตาม มีหันมาคุยกับบางเล็กน้อยแต่ก็กลับมาสนใจกับตัวหนังต่อ

   หนังเล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบชอบเพื่อนสนิทของตัวเองแต่ไม่กล้าบอก สัด! ตรงกับชีวิตกูฉิบหาย ดูไปก็อินไป ตรงข้ามกับไอ้ค่ายที่ดูจะไม่สบอารมณ์กับตรรกะของตัวละครเท่าไหร่

“เบื่อนางเอกว่ะ”

“เป็นอะไรของมึง” ผมถาม

“แม่งปากแข็งฉิบหาย”

“...”

“ชอบก็บอกว่าชอบสิวะ จะเก็บไว้ทำซากอะไร” ผมหันขวับไปมองคนข้างๆ ทันที

“มึงคิดอย่างนั้นเหรอ”

“เออดิ ถ้าไม่บอกแล้วไอ้พระเอกมันจะรู้มั้ย ถ้าไม่บอกจะมีโอกาสสมหวังเหรอ ประสาทว่ะ”

“แต่เขาอาจจะไม่อยากเสียอีกฝ่ายไปไงมึง สองคนนี้เป็นเพื่อนกันนะเว้ย” พูดไปก็เหมือนชีวิตตัวเองสัดๆ ไอ้ผู้กำกับนี่มานั่งอยู่ตรงกลางใจกูแน่ๆ พูดไปก็แทบสะอื้น

“ก็ต้องลองเสี่ยงดู ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

“เหรอวะ” แม้ไอ้ค่ายจะเคยบอกกับผมว่าไม่ชอบเพื่อนหรือคนในคณะเดียวกัน แต่กูก็อยากเสี่ยงดูสักตั้ง แม้จะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสมหวังในรักครั้งนี้หรือเปล่า

โอเค...ถ้ามึงพูดแบบนี้ ถ้ามึงบอกกับกูว่าควรพยายาม

กูจะบอกชอบมึง













ผมคิดจนหัวแทบแตกว่าจะหาวิธีบอกชอบไอ้ค่ายมันยังไงให้ดูจริงใจและมันไม่โกรธ วิธีการที่พอจะหาได้ก็มาจากแผ่นหนังที่ผมมักซื้อมาเก็บไว้ในห้องเนี่ยแหละ นี่ก็นั่งดูจนตาแฉะมาได้สามวันแล้วจนกระทั่งเจอหนังเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า Love actually ผมเลยหยิบมันมาปัดฝุ่นและนั่งดูอีกครั้ง

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ตกหลุมรักแฟนของเพื่อนสนิทตัวเอง ทำให้ไม่สมหวังในความรัก ดูเหมือนจะเป็นหนังเศร้าๆ แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นความเศร้าที่สวยงาม

ผมหยิบเอาความทรงจำทุกอย่างที่เคยทำกับไอ้ค่ายขึ้นมา ภาพถ่ายทุกช่วงเวลาในอัลบั้มที่เอาไปอัด ตั๋วหนังทุกใบที่แปะอยู่ในสมุดอาร์ตเล่มหนา พร้อมกับความรู้สึกที่ได้ดูหนังเรื่องนั้น ไฟล์ฟุตเทจที่เก็บเอาไว้ในแล็ปท็อปเมื่อสมัยทำหนังสั้นกากๆ ด้วยกันตอนปีหนึ่ง

ทุกอย่างที่เป็นมัน ผมเก็บเอาไว้หมด

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมสะดุ้ง รีบตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงลนลานเล็กน้อย

“ใครคร้าบบบบบบ”

“กูเอง” คนด้านนอกตอบเสียงเรียบ

“ไอ้ทูเหรอ”

“เออ เปิดประตูที” พอรู้ว่าเพื่อนรักมาเยือนถึงห้องผมก็รีบใช้ตีนเขี่ยๆ ความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับไอ้ค่ายไว้ใต้โซฟาพร้อมกับโยนอัลบั้มรูปซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มผืนบางด้วย พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วถึงได้เดินไปเปิดประตูตามลำดับ

“ช้าจังวะไอ้เหี้ย” มันทำหน้าหงุดหงิดพลางเดินเข้ามานั่งตรงพื้น ใช้หลังพิงโซฟาจ้องมองดูหนังตรงหน้าไม่กะพริบ

“มาทำไมดึกดื่นวะ”

“ห้องมึงอยู่บนหัวกูมั้ย ทำไมกูจะขึ้นมาหาไม่ได้”

“เวรเถอะ” มึงจะขึ้นมาตอนไหนก็ได้ครับ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้!!

แก๊งโหดสามคนเช่าอยู่คอนโดเดียวกันหมดแต่คนละชั้น ยกเว้นไอ้ค่ายที่แม่มันซื้อคอนโดให้ไปอยู่เดี่ยวๆ แถมไกลโพ้น เวลาว่างไอ้สองตัวมักจะชอบเดินมาเคาะประตูห้องผมเสมอ จุดประสงค์ก็มีหลายอย่าง คุยเรื่องสาว ลอกการบ้าน ทำรายงาน ชวนดูหนัง หาแดกของฟรี รวมถึงใช้ส้วม

แต่วันนี้ไม่รู้ว่าไอ้ทูมันมีจุดประสงค์อะไร

“มีอะไรว่ามา อย่าอ้อมค้อม”

“ยืมคอมหน่อย ของกูเจ๊งไปแล้ว”

“สัด” เห็นบ่นมาหลายวันว่ามีปัญหาก็ไม่ยอมซ่อมสักที ดันทุรังใช้จนเกิดเรื่องเลยมั้ยล่ะ

เด็กนิเทศฯ กับคอมก็เป็นอะไรที่ขาดกันไม่ได้ เพราะงานส่วนใหญ่เราก็ต้องพึ่งพามัน ไอ้ทูมึงมีคอมตัวนึงกับแลปท็อปลูกรักอีกเครื่อง แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนน้องแมคบุ๊กลูกรักได้เดินไปเซย์ฮัลโหลช่างที่ไอสตูดิโอเรียบร้อย มันเลยจำต้องบากหน้ามาหาผม

“เร็วดิมึง สาวๆ จะเอารูปแล้วกูต้องรีบแต่ง”

“กับการเรียนมึงทุ่มเทขนาดนี้มั้ย”

“เรียนก็แค่ได้เกรด รักมันได้หัวใจมึงว่าอย่างไหนน่าลงทุนกว่ากัน” อ้วกแป๊บ กูไม่เห็นมึงจะรักใครจริงจังสักคน มีแต่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

“เอาแล็ปท็อปกูไปแล้วกัน”

“เออ” ไอ้ทูแบมือรอรับอย่างจดจ่อ แต่พอหยิบขึ้นมาผมก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังเปิดดูวิดีโอฟุตเทจที่บันทึกเรื่องราวของไอ้ค่ายเอาไว้อยู่

ฉิบหายละ!

“มึงทำอะไรเชี่ยเติร์ด เปิดดูวิดีโอเก่าๆ เหรอ”

“เออ” ผมรีบปิดหน้าจอทันทีก่อนจะยื่นให้มัน ไอ้ทูก็รับมาแบบไม่สงสัยอะไรนอกจากนั่งพิงโซฟาอยู่ที่เดิมเพื่อดูหนัง

“ไม่รีบไปแต่งรูปให้สาววะ”

“กำลังคิดอยู่ ทำไมมึงชอบดูหนังรักจังวะ แอบชอบใครป่ะเนี่ย” ผมสะดุ้งเฮือก รีบปฏิเสธเสียงลนลาน

“ไม่ๆ กูไม่ได้ชอบใครเลย กูก็มีอารมณ์อยากดูอะไรอย่างนี้บ้างสิวะ ไม่เคยอ่ะ...โมเมนต์แอบชอบอะไรแบบนี้”

“เออเข้าใจ ร้อนตัวทำไมเนี่ย” ว่าแล้วก็ยกแขนวางไว้ตรงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ ขณะตาคู่นั้นยังจับต้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์อยู่

“มึงวางอะไรไว้แถวนี้วะ” พูดเพียงเท่านั้น มือหนาก็จับผ้าห่มผืนบางทิ้งลงพื้น ก่อนจะคว้าเอาอัลบั้มรูปที่ผมอัดขึ้นมาดูอย่างสงสัย

โอ๊ยยยยยยยยยยยไอ้ทู ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย

“มึงอย่า!” พูดไปแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เมื่ออีกฝ่ายคว้าอัลบั้มนั้นไปพลิกดูเรียบร้อย นอกเหนือจากนั้นมันยังมองซอกแซกไปทั่ว ก่อนก็ยิ้มกริ่มหยิบเอาสมุดอาร์ตที่สอดอยู่ใต้โซฟาออกมาด้วย

“อะไรของมึงวะเชี่ยเติร์ด”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากยืนหลังชื้นเหงื่ออยู่จุดเดิม

“มึง...ชอบไอ้ค่ายเหรอ”

“คะ...ใครบอกวะ กู...กูไม่ได้ชอบมันเว้ย”

“แล้วนี่ควายตัวไหนมันเขียน ดูก็รู้ว่ามันเป็นตัวหนังสือของมึง”

ผมทรุดตัวนั่งยองๆ มองไปที่หน้าไอ้ทูอย่างขอร้อง

“อย่าบอกมันนะ”

“มึงก็รู้ว่าไอ้ค่ายมันมีกฎไม่ชอบเพื่อน แต่มึงก็ยัง...”

“ก็นั่นไง กูถึงปิดไว้ตลอด ตอนนี้มึงรู้ความจริงแล้วก็ช่วยกูปิดเถอะ” พูดไปก็เหมือนจะร้องไห้ มีหลายครั้งที่ผมอยากมีความกล้าที่จะบอกชอบมัน แต่ก็มีอีกหลายครั้งเช่นกันที่ผมไม่กล้าแม้แต่อ้าปากพูดกับมัน

“นานเท่าไหร่แล้ววะ” ไอ้ทูทำหน้าจริงจัง ไม่มีเสี้ยวของความขี้เล่นเหมือนทุกที บอกตามตรงว่ามันคงอึ้งไม่น้อย อยู่มาวันหนึ่งต้องมารับรู้เรื่องไม่เหมาะไม่ควรในกลุ่มเพื่อน

“ก็ไม่นานหรอก”

“กูถามว่านานเท่าไหร่ไอ้สัด ช่วยตอบให้ตรงคำถามกูด้วยไอ้เติร์ด”

“สองปีกว่าแล้ว”

“ฮะ!”

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอมัน”

“แล้วมึงก็เก็บไว้ทั้งที่ไม่แสดงออกเนี่ยนะ ถ้าวันนี้กูไม่มาเห็นกูก็คงไม่รู้ เชี่ยเก็บโคตรเก่ง ถึกสัด”

“นี่มึงจะชมหรือจะด่ากูเนี่ย”

“ไอ้เติร์ดอันนี้กูจริงจังนะ มึงรู้ใช่มั้ยว่าไอ้ค่ายชอบผู้หญิง”

“อืม...” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เหตุผลนี้อีกข้อที่ทำให้ความรักของผมกับไอ้ค่ายไม่มีทางลงเอยกัน คิดแล้วก็เจ็บเหี้ยๆ

“แล้วมึงเคยคิดมั้ยว่าจะปิดมันไปตลอดรอดฝั่ง”

“เดี๋ยวก็จบแล้วป่ะวะ สองปีกูยังเก็บมาได้เลย”

“มึงก็รู้ว่าวงการมันแคบ เราสี่คนยังไม่มีใครตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อ คำสัญญาของแก๊งโหดคือเป็นเพื่อนกันไปจนวันตายนะเว้ย ไม่ใช่เพื่อนกันแค่ตอนเรียนมหา’ลัย”

“...” ซึมไปเลยกู เหมือนมีพ่อมานั่งสอนอยู่ในห้อง

“เอางี้ เดี๋ยวกูช่วย”

“ฮะ!!”

“การชอบใครแล้วบอกไม่ได้นี่มันทรมานว่ะ กูถึงตัดสินใจบอกชอบผู้หญิงที่กูเลือกไง”

“แต่มึงบอกชอบทุกคนที่เป็นนางแบบของมึงไอ้เหี้ย”

“เอาน่า มึงเชื่อโหดอย่างกู แล้วโหดอย่างมึงจะสมหวังเอง”

“มึงมาช่วยกูทำไมวะ มึงยอมรับได้เหรอที่กูเป็นแบบนี้”

“ยอมรับได้ดิ เพราะมึงเป็นเพื่อนกูไง”

“แล้วไอ้ค่ายล่ะ”

“ไอ้ค่ายก็เพื่อนกู มันไม่เคยรักใครจริง กูก็แค่อยากรู้ว่าถ้ามันรักใครจริงจังขึ้นมา คนคนนั้นจะเป็นมึงได้มั้ย”

“แล้วจะช่วยกูยังไง ตอนนี้กูไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกว่าชอบมัน”

“บอกไปเลยกล้าๆ หน่อยเพื่อน” ไอ้ทูตบบ่าให้กำลังใจ

“บอกแบบไหนวะ”

“ก็แบบนี้ไง...”

เราทั้งคู่หันไปมองยังจอโทรทัศน์ซึ่งยังฉายหนัง Love actually อยู่ หรือวิธีนี้อาจเป็นการบอกรักที่แม้ไม่ต้องพูดอะไรแต่ก็แสดงความรู้สึกได้ทั้งหมดกัน
















ก๊อกๆๆ

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดขณะยืนอยู่หน้าห้องของไอ้ค่าย ไอ้ทูตัดสินใจต่อสายหามันเมื่อสิบห้านาทีก่อนถึงได้รู้ว่าเจ้าตัวยังคงอยู่ในห้อง

ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปกติเวลาเคาะห้องแล้วรออีกฝ่ายมาเปิดไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้ จนกระทั่งวันที่ตัดสินใจว่าจะบอกชอบมัน แถมยังลุยเดี่ยวมาเองอีกต่างหากเพราะถูกไอ้ทูทิ้งไว้กลางทาง

เอาวะ ตายเป็นตาย

แกร๊ก!

“อ้าว! ไอ้เติร์ด มึงมาทำไมเนี่ย” ใบหน้าหล่อเหลามองมาอย่างสงสัย

แต่ผมไม่พูดอะไรทั้งนั้น นอกจากยิ้มแล้วถือแผ่นบอร์ดสีขาวหลายใบเอาไว้ในมือ และค่อยๆ เปิดมันออกทีละแผ่นด้วยมือสั่นเทา เมื่อคืนไอ้ทูมันนอนเขียนให้ ยอมสละความนิยมที่ต้องรีบส่งรูปให้สาวของมันมาช่วยผม

แผ่นที่หนึ่งมีข้อความเขียนว่า...


‘หวัดดี’


ผมเลื่อนแผ่นบอร์ดวางไว้กับพื้น ก่อนข้อความแผ่นที่สอง สาม และต่อๆ มาจะปรากฏ


‘วันนี้เป็นเหมือนวันธรรมดา แต่กูมีสิ่งที่ไม่ธรรมดาจะบอกมึง’

‘มึงเป็นเหมือนสิ่งพิเศษ’

‘ไม่ได้พิเศษแบบนี้นะ’



ป้ายต่อมาปรากฏรูปยอดมนุษย์หลายตัว เช่น แบทแมน ซูปเปอร์แมน หรือแม้แต่กัปตันอเมริกา


‘แต่มึงพิเศษกว่านั้น’

‘วันนี้กูเลยอยากจะบอกกับมึงถึงสิ่งพิเศษสำหรับกู’



บอร์ดสามแผ่นสุดท้ายที่อยู่ในมือบอกความรู้สึกทุกอย่างที่ผมมีต่อไอ้ค่ายหมดแล้ว


‘กู’



‘ชอบ’



‘มึง’



หลังจากเปิดผ่านป้ายทุกแผ่นหมด ผมทำได้แค่ยืนนิ่งแล้วส่งยิ้มให้มัน ดูเหมือนคนตัวสูงกว่าตรงหน้าจะอึ้งอยู่หน่อยๆ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงบางเบาออกมา


“ไอ้เติร์ดมึง...”

“มึงรับรู้ถึงความรู้สึกกูแล้วใช่มั้ยไอ้ค่ายกู...”

“…”

“โคตรเจ๋งเลยไอ้สัด! กูขอยืมมุกนี้ไปจีบสาวนะ ก็คิดอยู่นานว่าจะจีบด้วยวิธีแหวกแนวแบบไหนดี”

“เอ่อ...”

“มึงรู้จากไอ้โบนใช้มั้ยว่ากูกำลังหาวิธีจีบสาวอยู่ ขอบใจมากเพื่อนเติร์ด มึงทำให้กูนึกถึง love actually เลยว่ะ”


มึงก็ทำให้กูนึกถึงความพังพินาศเหมือนกัน


“รักมึงนะเว้ย”


แต่กูโคตรเกลียดมึงเลยสัด


แต่สิ่งที่ตอบได้กลับมีแค่...

“ไม่เป็นไร” และถูกมันดึงเข้าไปกอดอย่างรักใคร่

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เวร! ผมเชื่อแล้วครับว่าคนโง่อย่างมันบอกอะไรไปมันก็คงโง่อยู่อย่างนั้น กูล่ะอยากเดินเข้าไปในส้วมแล้วเอาหัวมุดคอห่านตาย ไอ้ค่าย ไอ้ส้นตีน นี่กูชอบมึงได้ยังไงวะถามจริง!!

เพลีย...





กลับมาแล้วนะ อยากบอกว่าคิดถึงมาก
ตอนนี้อิงฉากบอกรักจากหนัง love actually ค่ะ หนังในตำนานของใครหลายคน

(http://www.motherjones.com/files/to-me-you-are-perfect.jpg)

ส่วนพระเอกของเรื่องนี้ที่สงสัยกันคือพี่ค่ายเองค่ะ
พระเอกเรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องไหนเพราะโง่บรรลัยเลย ยังไงก็ฝากเอาใจช่วยเติร์ดด้วยนะคะ
แนวนี้ไม่ดราม่าค่ะ จิตติอยากเขียนความรักของคนแอบรักในแนวคอมมิดี้บ้างเท่านั้น
ก่อนไปแปะรูปทรงผมของนิวค่ายซะหน่อย (แบดบอยตามรูปเลย)

(https://www.uppic.org/image-EE9A_58EA4F41.jpg)



หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 09-04-2017 22:28:08
กรี๊ดกร๊าด มาแล้วววววว
โถ่เติร์ด เจ็บมากไหมลูก  :hao5:
ค่ายนี่ก็นะ....
เปลี่ยนทูให้เป็นพระเอกแทนได้ไหมคะ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 09-04-2017 22:37:58
กรี๊ดดดดดดดดดดดด :katai2-1: ในที่สุดก็มาแล้วววววววว :impress2: ดีจายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2017 22:40:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-04-2017 22:55:04
ค่ายมันโง่จริงจัง

น้องเติร์ดของพี่สติหักพังหมดเจอโหมดค่ายคนโง่เข้าไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-04-2017 23:14:54
โอ้ยยยยยยอิค่ายยย เกลียดดดดดดนี่โง่จริงๆหรือตีมึนห่ะ!!! เห็นชื่อเรื่องตอนแรกก็คิดว่าพระเอกจีบแต่พอมาอย่างนี้แล้วนายเอกจีบแน่ๆเลย สงเติร์ดหนักมากเติร์ดควรไปหาผู้ใหม่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 09-04-2017 23:25:03
ค่าย แกจะโง่ขนาดนี้ไม่ได้!!
คงต้องหามุขใหม่แล้วเติร์ด 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 09-04-2017 23:32:53
ค่ายเติร์ดนี่เอง อะเติร์ดมีทูมาเป็นกำลังเสริมแล้ว จะช่วยให้สมหวังใช่ไหม แต่แค่ภารกิจแรกก็ล่มแล้ว  เอาใจช่วยเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-04-2017 23:45:09
นี่แกล้งโง่หรือโง่จากใจจริง :ruready
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-04-2017 00:14:48
ค่าย...... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-04-2017 00:24:04
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 10-04-2017 00:25:53
โอ้ยยย

รู้สึกเหนื่อยแทนเติร์ดเลยอ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-04-2017 00:28:29
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 10-04-2017 00:30:11
โง่จริงๆแหละ555 จู่ๆใครจะมาแกล้งบอกชอบแบบนี้วะ
 แถมยังจะเอาวิธีเค้าไปจีบคนอื่นอีก แหม พ่อคุณ เดี๋ยว :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-04-2017 00:34:25
โอ้ยยค่ายโง่จริงโง่จัง อยากบ้าตายแทนเติร์ดเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 10-04-2017 02:15:00
โธ่ค่ายเอ้ยยยยย สงสารเติร์ดเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-04-2017 07:06:50
หา(ว่าที่)ผัวใหม่เถอะเติร์ด อะไรจะโง่ขนาดนั้นวะค่าย!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-04-2017 08:20:20
เราว่าหาคนใหม่เถอะ 555
อ่านแรกๆแล้วเศร้าจิต รอซักตอนที่ 10 จะกลับมาอ่านใหม่ 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-04-2017 08:43:59
เป็นพระเอกแล้วโง่ขนาดนี้ได้ไงเนี่ยค่าย  :katai1:จ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 10-04-2017 09:10:07
ไอ้ค่าย!! ไอ้ส้นตีน!!

ไอ้ค่าย!! ไอ้ส้นตีน!!

ไอ้ค่าย!! ไอ้ส้นตีน!!    :m20: :m20:


กร๊ากกกกก   555555555555


เติร์ดเอ้ยยยยย เอายาแก้ปวดซักร้อยปุกมั้ยลูกกกกก  เดียวแม่ไปเหมาร้านยามาให้   :laugh: :laugh: :laugh:



หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-04-2017 09:25:09
เอิ่ม อิค่ายค่ะ เอ็งกินอะไรทำไมถึงบื้อ !!!

เพลียจิต
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 10-04-2017 09:29:59
ค่ายโง่จริงจังใช่มั้ย โธ่....
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 10-04-2017 09:39:17
ค่าย นี่ไม่รู้จริงหรืออะไรรรร  :m16:

ยังไงก็มีคนช่วยแล้วนะเติร์ด ครั้งหน้าเอาใหม่  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 10-04-2017 10:36:55
 :hao3: ความโง่ของค่ายทำร้ายพี่เติร์ดนะคะ55555  :katai1: :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 10-04-2017 11:27:40
เครียดแทนเติร์ดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-04-2017 11:33:38
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-04-2017 11:55:39
สงสารเติร์ด ไม่ใช่ว่าเพราะแอบรักเพื่อนมานานนะ
แต่สงสารเพราะขนาดบอกรักไป อีกฝ่ายยังไม่รับรู้ 5555
ว่าแต่เติร์ดจะท้อการบอกรักค่ายเมื่อไรนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 10-04-2017 11:59:05
คนโง่ 2017 ที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 10-04-2017 12:53:18
-ขุนพลคนโง่ 2017  o13

รอนะครับพี่จิตติ :katai5:

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 10-04-2017 13:01:14
เพลียค่ายมากเลยค่าา โอ้ยยยยย
คือเราหวังว่าค่ายมันคงรับรู้แต่มันแสดงไปแบบโง่ๆว่าไม่รู้แล้วกันนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 10-04-2017 13:13:27
โอ้ยค่าย!!!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-04-2017 13:29:01
 :เฮ้อ: น่าสงสารน้องเติร์ด รักคนโง่ต้องหมั่นทำให้มันฉลาดขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-04-2017 14:23:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-04-2017 16:03:33
กำลังคิดว่าแมร่งไม่ได้โง่

แต่ไม่อยากยอมรับ


แมร่งย้ำอยู่ได้ ย่ำทั้งเรื่อง

มึงเพื่อนดูนะเว้ย กูไม่เอาเด็กฟิลม์ กูไม่แดกเพื่อน


ไอ้ห่าโง่ ชอบเค้าทำไมไม่บอก ลำคาญวะ



ทั้งหลายแหล่นี่ เหมือนมันรู้แต่ไม่อยากยอมรับ แค่เพื่อน โอเค๊?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 10-04-2017 18:35:58
โอ้ยยยย ไอ้พี่ค่ายทำไม...ขนาดนี้55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-04-2017 19:21:41
โอ๊ยยยยย อิค่าย!! แกกินอะไรเป็นอาหารห๊าาาา  หาผัวใหม่เถอะเติร์ดเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 10-04-2017 20:00:59
สงสารเติร์ด กว่าจะกล้าทำขนาดนี้โง้ย ค่ายนี่โง่ในโง่มากฮือ :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 10-04-2017 21:11:54
โอยยยย ไอ้ค่าย ไม่รู้จะด่าอะไแกแหละ
เขาอุส่าบอกชอบ ไอ้หอยเฮ้ยยย :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-04-2017 13:22:03
ค่าย แกมีดีแค่หน้าตากับรวยจริงๆ ทำไมโง่อย่างนี้ โอ้ยยยยยยยยย สงสารเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 11-04-2017 13:25:00
น้องเตริร์ดจะสมหวังใช่มั้ยคะ อิพี่ค่ายดูท่าทางไม่รู้อะไรเลย /แนบเพลงช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย 5555

ปล. จะอยู่ทีม #อยากได้น้องโบน ชอบผู้ชายผิวแทน กรี๊ดดดดด  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-04-2017 15:14:47
โอ้ยยย อิค่ายยนี่โง่จริงๆใช่มั้ยย
สงสารเติร์ดดด ฮืออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 11-04-2017 15:28:50
ถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง!!! :ling1:

สงสาร อุตส่าห์แบกความกล้าไปบอกรัก

ดั๊นนนน เข้าใจผิดเต็มๆ

เฮ้อ พระเอกเรื่องนี้ไม่โง่ก็ซื่อบื้ออ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 11-04-2017 16:04:04
โถๆน้องเติร์คของพี่มาฟาพี่ดีกว่ามา  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 11-04-2017 16:13:24
เราว่าค่ายอาจไม่ได้โง่อาจจะรู้ด้วยซ้ำว่าเติร์คแอบบรัก แต่ไม่กล้ายอมรับ เพราะความเป็นเพื่อน เลยแกล้งโง่ จนกว่าเติร์คจะมีอีกคนเข้ามหาเติร์คและเขาพร้อมจะมอบหัวใจมอบความรักให้เติร์คนั่นแหละ อีค่ายถึงจะยอมรับหัวใจตัวเองว่าค่ายก็รักเติร์คและไม่ยอมเสียเติร์คไปให้ใคร โดยการใช้ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการจีบเติร์คเหมือนเริ่มจีบใหม่ แต่กลับกันตอนแรกเติร์คจีบค่าย แต่ตอนเติร์คมีคนใหม่เข้ามา ค่ายรู้ใจตัวเองจะเป็นค่ายเองที่จะใช้ทฤษฎีต่างๆในการจีบเติร์ค ทวงหัวใจตนเอง :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 11-04-2017 17:45:31
สงสารเตริด อิค่ายโง่เหลือเกินนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-04-2017 18:25:17
รู้แล้วแต่เนียนเปล่าค่าย?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 12-04-2017 02:09:52
เอ่อะ พระเอกโง่จริงหรือกลบเกลื่อน แบบ ปฏิเสธกลายๆ แต่ไม่อยากเสียเพื่อนงี้
หาคบอื่นคบเป็นแฟนดูเถอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-04-2017 02:17:35
ล่ม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 12-04-2017 16:43:08
เราว่าค่ายไม่โง่ รับรู้ความรู้สึกความรู้สึกของเติร์ดนะ แต่เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้หรือเปล่า
รอๆตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 12-04-2017 17:34:37
ก็โง่ปายยย โง่จนสงสารอะ o7 o7
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 12-04-2017 21:28:30
เจ็บไปอีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 14-04-2017 16:31:38
หาหลัวใหม่ให้ลูกชายหน่อยรำพระเอกมากค่ะ55555
ส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่เอียงไปข้างเดียวแบบนี้จริงๆ เช่นการแอบรักนี่แหละแบบอีกฝ่ายทุ่มเทใจอยู่ฝ่ายเดียวทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เอานี่เกลียดมาก555
อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งตัวดิฉันเป็นประเภทถ้าให้ความรู้สึกไปแต่อีกฝ่ายไม่เห็นคุณค่าก็พอจบเลิกจะไปไหนก็ไปผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกมั้ง โอ้ยไม่ชอบความรู้สึกแบบให้เขาอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เกลียดด
ยังดีที่คุณจิตติบอกเป็นแนวคอมเมดี้มีปล่อยมุขให้ฮาเป็นช่วงๆ คลายเครียดดีค่ะ จะรอดูน้ำหน้าอิตาค่าย ทีมลูกชายเต็มที่ หาหลัวใหม่ไปเลยลูกเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 14-04-2017 17:46:13
ตอนแรกสงสัยนะว่าค่ายมันโง่จริงๆหรือตีมึนเพื่อรักษาน้ำใจ แต่พอคุณจิตติบอกว่าโง่บรรลัยเราก็จะเชื่อค่ะว่าค่ายโง่จริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 18-04-2017 10:31:51
โว้ยยย นังค่ายย ทำไมแกบื้อยังงี้   :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 19-04-2017 01:23:32
คิดลึกๆ บ้างก็ได้นะค่าย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 19-04-2017 17:28:49
น้องค่ายลูกกก ควายน้อยของป้า  :serius2:
ทำเอาน้องเติร์ดอยากเอาหัวมุดส้วมเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-04-2017 13:18:30
ไม่โง่ธรรมดาด้วยค่ะ แบบว่าโง่มากว่านี้ไม่มีแล้ว
คือคิดว่าเพื่อนไม่จริงจังว่างั้น ก็พยายามคิดนะคะว่าค่ายทำมึนแค่นั้นเอง 5555

แล้วทูที่ลงทุนช่วยน่ะ คุ้มไหม

ปลอบใจเติร์ด เจอเรื่องหนักมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 25-04-2017 23:02:26

ตอนที่ 2
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ามึง



   รักหนอแท้จริงหน้าตาเป็นยังไง หน้าโง่ๆ แบบไอ้ค่ายมั้ยผมอยากรู้

   หลังจากคิดแผนและทำบอร์ดกับไอ้ทูมาทั้งคืน ผลสุดท้ายกลับจบเห่ไม่เหลือซากแห่งความหวัง แถมมันยังดึงผมเข้าไปกอดด้วยความดีใจอีกต่างหาก มึงคิดว่าที่ยอมให้กอดนี่คือยินดีเหรอไอ้สัด แม่มมมมมมม

   พอกอดจนหนำใจมันก็ชักจูงผมเข้าไปในห้องครับ ไม่ได้กะทำมิดีมิร้ายอะไรกันหรอก เพราะไอ้นี่มันแอดวานซ์กว่าคนอื่นเยอะ แม่งเล่นเดินเข้าครัว หยิบมาม่ามาถุงใหญ่แถมใช้เวลาปรุงอย่างพิถีพิถัน เสร็จสรรพเดินมายื่นให้ด้วยสายตามุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจ

   ผมนี่ปริ่มในอกจนแทบร้องไห้โฮออกมา

   ให้กูแดกมาม่าดิบ

   สัด! ทำอะไรให้เกียรติกระเพาะอันอ่อนโยนของกูด้วยไอ้เหี้ย แต่ด้วยความรักเพื่อนกูต้องทำไงครับ นั่งขัดสมาธิจกแดกอยู่หน้าทีวีให้มันสบายใจ ตายตาหลับมั้ยล่ะมึง

   “เอาอีกมั้ย ต้มยำกุ้งนี่ของโปรดมึงเลย”

   “ครั้งหน้ากูขอหมูสับ” ครั้งนี้เค็มจนกระพุ้งแก้มกูชา

   แก๊งโหดชอบมีของกินประจำกลุ่มเวลาเรารวมตัวกันที่ห้องเสมอ ดูหนังทีไรเมื่อมีแอลกอฮอล์ก็มักจะมีของกินเล่น ซึ่งไอ้มาม่าดิบนี่ก็เป็นของกินยอดฮิตในกลุ่มเหมือนกัน ยิ่งไอ้โบนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เลียแดกยันถุงข้างใน โรคไตพร้อมจะถามหาอยู่รอมร่อ

   และเนื่องจากมันเป็นของกินเล่นชนิดเดียวที่เรามีบ่อยๆ ไอ้ค่ายมันเลยทึกทักเอาว่าผมก็ชอบเหมือนกัน เลยซื้อติดตู้ทีเป็นสี่ห้าแพ็ค มึงจะเก็บไว้ทำสังฆทานหมู่เหรอ

   “ได้เสมอ ถ้ามึงต้องการอะไร”

   “มันก็ควรเป็นแบบนั้นมั้ย กูอุตส่าห์ช่วยมึงขนาดนี้” จริงๆ ไม่ได้ช่วยเลย กูทำเพื่อตัวเองล้วนๆ แต่ในเมื่อมันเข้าใจผิด...เออก็ได้ ช่างแม่งไป

   ไอ้ค่ายมันก็หัวเราะมีความสุข ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับคำพูดพราวด์ๆ ของมัน

   “แต่ความจริงถึงมึงไม่เสนอวิธีจีบ กูก็มีปัญญาจีบว่ะ”

   “จ้าไอ้คนหล่อ พ่อคนฮอตของสังคัง”

   “สังคมมั้ยมึง คารมกูดี ลีลากูก็ไม่เบา” ผมหันไปหรี่ตาใส่มันอย่างเหนื่อยใจ เกลียดความผีบ้าของมันฉิบหายแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่เคยเถียงชนะมันสักที

   “กูยอมใจในความเหี้ยของมึง”

   “ผู้หญิงชอบคนเลวเว้ย” อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย กูเอง...กูชอบ

   “แล้วน้องคนที่มึงจะจีบล่ะ ชื่ออะไรวะ” หลังเจ็บใจจากน้องมิลค์ที่เล่นไปคุยซ้อนกับเดือนมอ ไอ้ค่ายก็ตัดอกตัดใจอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมันเล่นๆ แบบนี้กับทุกคนด้วยมั้ง ผมเลยเห็นมันเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยและไม่คิดจริงจังหรืออยู่กับใครนานๆ สักที

   “น้องกิ่ง พยาบาลปีสอง”

   “เจอกันได้ยังไง”

   “เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที เห็นนมใหญ่ดีกูเลยชอบ”

   “แฟนมึงนี่นมใหญ่ทุกคนเนอะ เห็นแล้วใจแตกแบบปุบปับ”

   “คนนี้ไม่ได้กะคบเป็นแฟนว่ะ เหนื่อยแล้ว”

   “ฮะ!” พูดเชี่ยอะไรของมันเนี่ย ไม่คบเป็นแฟนแล้วมึงจะจีบเขาเพื่ออะไร คำตอบนี้ดูย้อนแย้งมากครับ แต่ก็ไม่คิดถามออกไปอีกนอกจากเงียบ แล้วรอให้เจ้าตัวชี้แจ้งแถลงไขด้วยตัวเอง

   “กูกะไม่สร้างความสัมพันธ์หรือมีสถานะแบบผูกมัดกับใครแล้ว มีแฟนก็เหนื่อยตามเอาใจ แถมต้องลำบากรายงานสถานการณ์ตลอด เล่นอยู่แบบควงคนอื่นไปเรื่อย ไม่ผูกมัดกัน ถึงเวลาก็แยกย้ายมันดีกว่าเยอะ”

   โอ้โห! ทุกวันนี้ก็ว่าหนักแล้วนะ ต่อไปไอ้ค่ายมันจะกลายเป็นผู้ชายพันเมียที่โด่งดังของคณะมั้ย แค่คิดผมก็เสียวสันหลังวาบๆ ไอ้ตอนมีอะไรป้องกันตลอดก็จริงแต่กูก็ไม่ชอบให้มันยุ่งกับคนอื่นอยู่ดี

   แม้การไม่ตั้งสถานะของมันกับใครจะพอทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้างก็ตาม

   “มึงคิดว่าไง กูทำแบบนี้ดีมั้ย”

   “เหี้ยดี ชอบๆ” ผมต้องไปบอกไอ้ทูว่ายังไงดีวะ ‘ตอนนี้ไอ้ค่ายมันอาการหนักแล้วนะเว้ย’ อย่างนี้เหรอ

   “รับรู้แต่เรื่องรักของกู ว่าแต่มึงเหอะปฏิเสธคนจนชิน ไม่คิดจะมีใครบ้างเหรอ” ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเสือกเรื่องนี้ของกูเลยนะ แต่ผมก็ยินดีจะตอบกลับไปด้วยคำโกหกกลวงๆ ของตัวเอง

   “ไม่ว่ะ”

   “มึงเคยชอบใครป่ะวะ”

   “เคย” มึงไงไอ้สัด เสือกโง่ ให้บอกโต้งๆ อีกก็คงไม่ทำแล้ว พอดีเป็นคนหน้าบาง...

   “ได้บอกชอบไปมั้ย”

   “ไม่”

   “ทำไม”

   “เป็นมึงก็คงไม่กล้าบอกหรอก”

   “ไอ้เติร์ด นี่มึง...”

   “…”

   “ชอบเมียคนอื่นเหรอวะ”

   โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยไอ้เวร พอเหอะ รักใครไม่ได้ของกูก็ไม่ได้หมายถึงเมียคนอื่นมั้ย ทำไมสมองแม่งคิดได้แต่เรื่องอัปรีย์แบบนี้วะ

   “กูไม่ได้รักหรือบอกรักใครง่ายๆ อย่างมึงนะ”

   “กูก็ไม่ได้รักใครง่าย ที่มึงเห็นนี่แค่ความชอบส่วนบุคคล”

   จ้า เอาที่มึงสบายใจเลยจ้า

   ได้แต่นั่งทำหน้าเอื่อมระอา แดกมาม่าดิบเสร็จก็เดินจากมาอย่างหงุดหงิดใจ ซึ่งเหตุผลนี้ก็ควรยอมรับได้แล้ว เพราะไม่งั้นคงแอบชอบแบบนี้ถึงสองปีไม่ได้ และเมื่อกลับถึงห้องตัวเองผมก็เห็นว่าไอ้ทูกำลังนั่งมีความหวังอยู่ตรงโซฟาพร้อมประโยคโคตรเสือกของมัน

   “เป็นไงบ้างมึง สมหวังมั้ย แชร์กูด้วย”

   “สมหวังเหี้ยไรล่ะ ตอนนี้มันจะไปจีบคนใหม่แล้วเนี่ย”

   “เอ้า ไอ้เวร ไหงเป็นงั้นวะ”

   “มึงก็ไลน์ไปถามมันสิ” จัดการดีดรองเท้าใส่ข้างฝาเสร็จ ก็สาวเท้าไปยังโซฟาแล้วนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ใกล้ๆ หนุ่มเซอร์ของกลุ่ม

   หมดกันที่วางแผนกันมา

   “อะไรยังไง เล่าให้กูฟังหน่อยเดี๋ยวกูช่วย”

   “แผนแอดวานซ์มึงยังไม่รอดเลย น่าจะเอะใจแต่แรกว่าไอ้ค่ายมันโง่ แม่งเสือกเข้าใจว่าที่กูไปเคาะประตูสารภาพรักนั่นคือวิธีบอกรักที่กูเสนอให้มันเอาไว้ใช้จีบสาวเฉย”

   “โง่ฉิบหาย”

   “ใช่มั้ย”

   “กูหมายถึงมึงเนี่ย มันเข้าใจผิดก็รีบแก้สิไม่ใช่เออออไปตามมัน”

   “ตอนนั้นสมองกูตื้อไปหมด คิดห่าไรไม่ออกสักอย่าง ที่สำคัญคือตอนนี้มันดันมาบอกกูอีกว่าจะไม่ผูกมัดกับใคร จะแรดไปเรื่อยๆ แบบทัวร์นาเมนท์ มึงก็คิดดูแล้วกันว่ากูจะไปอยู่ตรงไหนในเวิล์ดทัวร์ของมัน”

   “ไม่ผูกมัดก็ดีสิวะ อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องรู้สึกผิดที่มันมีเมีย”

   “ปลอบใจกูโคตรดีเลยไอ้เหี้ย”

   “กูจะคิดแผนใหม่ให้มึง รับรองได้ผล”

   “แผนเหี้ยอะไรอีก แค่นี้มันยังด้านไม่พอดีเหรอ”

   “ทิ้งความบางของหน้ามึงออกไปแล้วจะดีเอง เชื่อกู”

   ไอ้ทูมันไม่สนเรื่องวิธีการหรอกครับ มันสนใจแต่ผลลัพธ์ แล้วสุดท้ายมันก็ช่วยคิดแผนให้ผมไปใช้จริงๆ พร้อมกับแอคติ้งความตอแหลเต็มขั้นในเช้าวันถัดมา...












   “เป็นอะไรวะไอ้เติร์ด”

   “คือกู...”

   “มีอะไร ทำหน้าเหมือนไม่ได้ขี้” ไอ้ค่ายถามอีก พร้อมกับการกระหน่ำตีนของไอ้ทูอยู่ใต้โต๊ะ นี่คือจะให้กูพูดออกมาจริงดิ ละอายใจตัวเองเหลือเกินครับพี่น้อง

   “คือช่วงนี้ที่บ้านกูมีปัญหาทางการเงินเลยไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าคอนโด แล้วตอนนี้เจ้าของห้องเลยให้ผู้เช่ารายใหม่เข้ามาแล้ว” ผมพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลดตามแบบฉบับรายการวงเวียนชีวิต เกิดมาก็เพิ่งสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เนี่ยแหละ

   “เชี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วทำไมมึงไม่บอกเพื่อน” คราวนี้ไอ้โบนเป็นทุกข์เป็นร้อนขึ้นมาบ้าง กูอยากจะบอกเหลือเกินว่ามันเกิดขึ้นเมื่อคืนตอนกูคิดแผนกับไอ้ทู แต่ด้วยความร้ายของหัวใจนั้นกูเลยต้องตอบกลับไปว่า...

   “เกือบเดือนแล้วมึง”

   เศร้าอีก ทำหน้าให้เสมือนทุกคนบนโลกได้ตายห่าตายเหวลงตรงหน้า ถึงแม้ไม่ได้เรียนการแสดงแต่เด็กภาพยนตร์ก็ควรมีทักษะและฟิลลิ่งจากข้างในบ้าง

   ปีนี้อย่าลืมมอบออสการ์ให้กูนะ ลาลาแลนด์จะต้องหลั่งน้ำตา

   “เก็บไว้ทำไมวะ มึงไม่เห็นพวกกูเป็นเพื่อนเหรอ” ไอ้ทูจัดเต็มบ้าง ปีนี้สาขานักแสดงสมทบอย่าลืมเสนอชื่อมันให้เข้าชิงด้วยนะครับ กูกราบ

   “ไม่อยากให้ลำบากกัน แต่ตอนนี้กูจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเลยจะมาขออาศัยพวกมึงสามคนสลับกันไปอาทิตย์ละวันสองวัน จนกว่าบ้านกูจะพ้นวิกฤต”

   “ห้องไอ้ค่ายมั้ยล่ะ คอนโดมึงมีตั้งสองห้องนอน” ไอ้โบนโพล่งขึ้น เจ้าของชื่อมันเลยกรอกตาคิดอยู่พักนึง

   คือมันไม่ใช่คนไม่เอื้อเฟื้อเพื่อนครับ กับไอ้นี่มันให้เต็มร้อยหมด แต่ที่เห็นคิดนานๆ นี่กลัวจะเป็นเพราะผู้หญิงที่แม่งชอบพามาที่ห้องมากกว่า เหยด กูไม่อยากเจ็บแต่กูต้องไปให้สุดทาง

   “ถ้ามึงลำบากใจก็ไม่เป็นไรเว้ยไอ้ค่าย เดี๋ยวกูจะขออยู่กับไอ้เหี้ยทูกับไอ้โบนไปก่อน ถึงแม้ว่าของของกูมันอาจกระจัดกระจายไปตามห้องของพวกมึงบ้าง อะไรหายก็ช่างมันเถอะเดี๋ยวซื้อใหม่”

   เนียนมั้ย น่าสงสารพอยัง

   แต่เมื่อเห็นสีหน้าเห็นอกเห็นใจของไอ้ค่ายผมก็นึกยิ้มกริ่มในอก ไอ้ทูบอกความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก แค่นี้กูก็ชิดจนแทบไม่เหลือที่ว่างละ แต่ไม่เป็นไร อยากชิดอีก

   “หรือกูจะขายรถแล้วเอาเงินมาจ่ายค่าห้องดี แต่ช่างเหอะกูยอมเหนื่อย นั่งแท็กซี่กับขึ้น BTS ก็สบายเหมือนกัน” พูดไปก็เหลือบตามองไอ้หนุ่มฮอตข้างๆ ไป ตกหลุมพรางกูหรือยังว้า???

   “เออๆ มาอยู่กับกู”

   “ไอ้ค่ายมึงพูดจริงดิ” เยสๆ

   “จริง กูคงไม่ปล่อยให้มึงไปตกระกำลำบากหรอกเพื่อนยาก แต่มึงต้องทำใจเรื่องผู้หญิงของกูหน่อยนะ”

   “สบ๊าย”

   “งั้นวันนี้ไปช่วยขนของ”

   “กูด้วย!” ไอ้เพื่อนรักสองคนที่เหลือพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

   “โห...มันจะดีนะ” แต่เมื่อคืนกูเก็บของรอไว้แล้ว เหลือแต่ขนย้ายอย่างเดียว เหยดดดด

   หลังเลิกเรียนเราเลยขนทัพย้ายของจากห้องผมไปยังคอนโดไอ้ค่าย สถานที่ซึ่งเป็นรังรักของมันกับใครไม่รู้ ผมคงทำใจยากมากถ้ามันพาผู้หญิงเข้าห้อง แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว

   ไอ้ทูกับไอ้โบนช่วยขนของเสร็จมันก็แยกย้ายกลับห้องของตัวเอง คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่ช่วยกันจัดของให้เข้าที่เข้าทางร่วมชั่วโมง รู้ตัวอีกทีร่างสูงของเพื่อนรักก็ไม่อยู่ในห้องนี้แล้ว ผมเลยเดินออกไปดูเห็นมันยืนสูบบุหรี่ทำตัวคูลๆ อยู่ตรงระเบียง

   “ช่วยกูจัดของแค่นี้เครียดเลยเหรอมึง”

   “กำลังคิดอยู่ว่าถ้าผู้หญิงกูเข้ามาในห้องมึงจะรู้สึกอึดอัดมั้ย”

   “มึงเป็นเพื่อนกับกูมากี่ปีแล้ววะ อีกอย่างกูนอนคนละห้องกับมึง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

   “แต่ห้องน้ำมีห้องเดียวไงครับเพื่อนเติร์ด” แถมอยู่ในห้องนอนมันด้วย

   ผมยื่นมือไปขอบุหรี่จากมัน เจ้าตัวเลยส่งต่อมวนที่อยู่ในปากมาให้ ซึ่งผมก็รับมาสูบต่อโดยไม่พูดอะไรนอกจากพ่นควันออกมา พอดีหัวตื้อเหมือนกัน เออว่ะ! ถ้าแม่งกำลังเอากับผู้หญิงตอนกูปวดขี้ขึ้นมาล่ะ ใจสลายเลยนะคราวนี้

   “กูลงไปเข้าข้างล่างได้เว้ย”

   “ได้ไงล่ะไอ้สัด ช่างเหอะ ถึงเวลาค่อยว่ากัน”

   “เออ”

   “อาบน้ำมั้ย”

   “บ้า มึงมาชวนกูอาบน้ำทำไม”

   “คิดอะไรของมึงเนี่ยไอ้ควาย กูใช้ให้มึงไปอาบก่อน ไม่ได้จะอาบด้วยกัน”

   “เหรอๆ” นึกว่าจะได้อาบดูแม่งซะแล้ว เสียดาย~

   “เอาบุหรี่มา จะสูบต่อ”

   “จุดมวนใหม่ดิ”

   “ขี้เกียจ มึงก็สูบแค่นั้นพอแล้ว อย่าเยอะ”

   “อ่ะๆ ขี้หวงจริงโว้ย” ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยื่นบุหรี่สีขาวในมือให้กับเจ้าของ ความจริงมันก็ชอบสั่งผมเหมือนกัน ถ้าวันไหนที่เราสูบบุหรี่ มันสูบสอง ผมจะถูกจำกัดเหลือเพียงหนึ่งมวน ลดหลั่นไปตามปริมาณในแต่ละวัน

   ผมถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ในตะกร้า ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูออกมาพันแล้วเดินเข้าห้องน้ำ พร้อมกับไอ้ค่ายที่กำลังเดินเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน ผมเองก็ไม่ได้เริ่มอาบน้ำหรอกเพราะกำลังจ้องมองของใช้ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ล้างหน้าอย่างสนใจ ปกติเวลามาห้องมันก็ไม่ได้มีเวลามาจ้องหรอกว่าแม่งซื้ออะไรมาใช้บ้าง จนกระทั่งได้ร่วมชายคาเดียวกันในวันนี้

   “สกินแคร์นี่ขอแบ่งครึ่งใช้กับมึงได้ป่ะ” ผมถามติดตลก ร่างสูงที่ชะโงกหน้าเข้ามาในส้วมเลยตอบกลับอย่างรวดเร็ว

   “ตามสบาย”

   “น้ำหอมก็ดี”

   “พ่นได้เต็มที่ แต่อย่าทำให้ผู้หญิงกูงงว่าคนไหนมึง คนไหนกูแล้วกัน”

   “เจลเซตผม เชร้ดดดด”

   “จะขอใช้?”

   “อ่าฮะ”

   “แชร์กับกูทุกอย่างขนาดนี้ เดี๋ยวเอาตัวมึงมาแลกเลยนะ”

   “โอ้โหได้เลยครับ มึงจะเอาตัวหรือจะเอาหัวใจด้วย” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง ไอ้ค่ายมันเลยส่ายหัวไปมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ หน้าเหี้ยนี่แม่งโคตรเลว อารมณ์แบบพร้อมจะฟันสาวได้ตลอดเวลาอ่ะ

   “อ่อยสัด”

   “ไม่ได้อ่อย กูพูดเล่นมั้ย”

   “อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะ”

   “ทำไมวะ”

   “เดี๋ยวเขาจะหลงเอา”

   ง่อววววววววววว ทุกคนหลงกูครับยกเว้นมึง ไอ้เหยดเข้ของพี่!













   คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมได้ใช้ชีวิตในห้องไอ้ค่ายแบบไม่มีกำหนด ปกติมักจะนอนอยู่ห้องมันไม่เกินสองวันตอนแฮงก์เหล้ากับทำโปรเจ็กต์ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป บรรยากาศทุกอย่างเริ่มคุกรุ่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แผนของไอ้ทูผุดขึ้นมาในหัวมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดเอามาใช้นอกจากรอดูสถานการณ์ไปก่อน

   ยังไงไอ้ค่ายมันก็เพื่อนผม เพราะงั้นผมเลยไม่อยากเสียมันไป

   เช้าวันแรกอากาศสดชื่นมากครับ ผู้หญิงคนแรกเคาะประตูห้องตอนหกโมงเศษๆ ด้วยชุดนิสิตรัดนมของเธอ แถมกระโปรงทรงเอยังสั้นกุดจนแทบเห็นกางเกงในอยู่รอมร่อ เกิดมาเคยได้ยินแต่แม่เดินมาปลุกตอนเช้า นี่ผู้หญิงนมโตครับผลัดกันมาปลุกไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวัน เจ็ดวันก็เจ็ดคน มาแบบทุกเฉดสีประหนึ่งทีโอเอ

   แถมผมยังได้เห็นความเสือของมันขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงของไอ้ค่ายเด็ดดวงทุกคน แต่ถ้าวันไหนที่ผมไม่ได้ออกไปดูหนังหรือเที่ยวเล่นกับไอ้โบนและไอ้ทู ผมก็จะไม่เห็นผู้หญิงของมันในห้องเลย เว้นแต่ตอนเช้าที่ยืนอยู่หน้าประตูปลุกเท่านั้น แตกต่างจากวันนี้

   ก๊อกๆ

   ผมขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่งก่อนจะมองหาเจ้าของห้อง แต่เสียงจากฝักบัวทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังอาบน้ำอยู่ แถมตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ปกติถ้าไอ้โหดสองตัวโผล่มามันจะโทรบอกพวกผมก่อน เพราะงั้นตัดประเด็นนี้ไปได้เลย

   ด้วยไม่อยากตะโกนถามไอ้ค่าย ผมเลยเป็นฝ่ายลุกจากโซฟาเดินไปเปิดประตูต้อนรับคนด้านนอกแทน

   “ขุนพล ฮั๊ลโหล่~”

   ฉิบหายแล้ว ใครวะเนี่ย เพราะพอเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละบึ้มเลย ไม่ใช่ระเบิดนะครับ นม! นมใหญ่กว่าหัวกูอีกไม่อยากจะพูด

   “เอ่อ...”

   “อ้าวเติร์ด ขุนพลไปไหนเหรอ” รู้จักกูด้วย แต่จะบอกว่ากิ๊กกับไอ้ค่ายแล้วไม่รู้จักสมาชิกโหดมันก็แปลกเกินไปหน่อย เอาไงดีวะ

   “ไอ้ค่ายอาบน้ำอยู่”

   “หวายยยยย ทำไมเพิ่งอาบน้ำอ่า ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”

   “ก็...ได้มั้ง” ร่างสมส่วนนมเป็นนมตูดเป็นตูดเดินนวยนาดเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะทิ้งแก้มก้นสวยๆ ลงบนโซฟาแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม แหม่...ตาถึงฉิบหาย คนนี้ดีที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาละ

   “เอาน้ำมั้ย” ผมถาม ตั้งท่าจะหมุนตัวแต่ก็ต้องชะงักเท้าฉับพลัน

   “ไม่เป็นไรค่า เดี๋ยวรอขุนพลออกมาก่อน ว่าจะออกไปพร้อมกัน” อ้าว นัดกันไว้เหรอวะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละครับ เรื่องผู้หญิงของมันผมจะไม่ยุ่ง ได้แต่แอบชอบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แบบนี้

   เราเข้าสู่สภาวะเดดแอร์เกือบสิบห้านาที เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ก่อนผมจะเห็นร่างสูงของไอ้ค่ายเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพผ้าขนหนูคาดเอวเพียงตัวเดียว

   “ขุนพล อุ๊บส์!” สาวของมันก็กระแดะฉิบหาย รีบยกมือปิดปากแต่ตานี่โตเป็นไข่ห่าน

   “มาได้ไงเนี่ย เคยบอกแล้วว่าถ้าจะมาให้โทรบอกก่อน” เสียงทุ้มพูดอย่างเครียดๆ ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นเพื่อนอย่างมันพูดแบบนี้กับผู้หญิงสักทีนะครับ

   “ก็อยากมาเจอ เธอบอกว่าอยู่ที่ห้องนี่”

   “อยู่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเวลาไหนก็ได้ บอกแล้วว่าออกไปเจอข้างนอกไง แต่ที่ห้องเพื่อนอยู่”

   “เฮ้ย กูไม่เป็นไร ตามสบายเลย” กูจะนั่งจ้องอยู่ตรงนี้แหละ ดูซิว่ามันจะกล้าฟิตทะลึ่งกันต่อหน้ากูมั้ย เพราะถ้ากล้าจริงก็คงใจหมาสุดๆ แล้วล่ะครับ

   “เห็นมั้ย เติร์ดไม่แคร์”

   “เพื่อนไม่แคร์แต่เราแคร์ไง เธออย่าล้ำเส้นเราสิ”

   “ไหนเธอบอกว่าชอบเรา”

   “เราชอบเธอ แต่เราก็ชอบคนอื่นด้วย” โคตรเหี้ยเลยกูยอมแล้ว ยอมล้าวววววววววว นี่มึงบอกชอบใครไปบ้างแล้ววะเนี่ย หรือชี้เอาก็ได้เลย

   แต่ตอนนี้สนใจผู้หญิงก่อนครับ ทำหน้างอคอหักอยู่ตรงนี้ละ

   “แล้วตกลงจะออกไปข้างนอกมั้ย”

   “ทำไมต้องหงุดหงิด ปกติค่ายไม่พูดกับเราแบบนี้”

   “เราหงุดหงิดเธอเพราะเธอล้ำเส้น ต่อไปถ้าเราไม่บอกก็อย่าเข้ามาในห้องโดยพละการอีก”

   “งั้นวันนี้เราไม่ไปละ งอน”

   “โอเค ตกลงตามนั้น”

   จากนั้นไอ้ค่ายมันก็เดินลากตีนเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูขังตัวเองทันที เกิดมาไม่เคยเห็นโมเมนต์เกรี้ยวกราดของเพื่อนรักขนาดนี้มาก่อน ไอ้ค่ายมันรักเพื่อน แคร์ทุกคนในกลุ่มก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะหวงพื้นที่ห้องให้เพื่อนขออาศัยอย่างผมมากขนาดนี้

   หรือเป็นเพราะว่าช่วงหลังมานี้มันไม่คิดปักใจคบใครเป็นจริงเป็นจัง เงื่อนไขและการเอาใจบางอย่างเลยเปลี่ยนไป กลายเป็นอย่างที่เห็น

   “เอ่อ...”

   “เรากลับแล้วนะ ไว้เจอกันวันหลัง” ไม่ทันได้ตอบอะไรเธอก็เดินจากไปอีกคน คงเหลือผมที่นั่งเคว้งอยู่หน้าทีวีเพียงลำพัง ซึ่งไม่เกินห้านาทีหลังจากนั้นร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนเรียบร้อย

   “ป่ะ”

   “ไปไหนวะ”

   “โทรบอกไอ้โบนกับไอ้ทูละ ไปหาข้าวแดกกัน”

   “ที่ไหน”

   “ร้านเหล้า”

   “พ่องสิ”

   “ถึงอารมณ์กูจะไม่ดี แต่น้องโคโยตี้ต้องมีกิน”

   “ไม่ออกไปกับคนเมื่อกี้วะ”

   “กูไม่ชอบคนไม่เคารพกฎ เลิกพูด”

   “ตั้งแต่กูมาอยู่ด้วย กูทำให้มึงลำบากใช่มั้ย” พูดแล้วก็รู้สึกผิดเลย หรือจะตัดใจยกเลิกแผนการที่ทำมาทั้งหมดดี เพราะตอนนี้ผมทั้งสงสารและเห็นใจไอ้ค่ายมากๆ

   “มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ”

   “ก็คนเหี้ยๆ คนนึง”

   “สัด”

   “กูพูดตามที่เห็น”

   “แล้วมึงก็น่าจะเห็นมาตลอดว่าถ้าให้กูเลือกระหว่างเพื่อนกับผู้หญิง กูจะเลือกใคร”

   “มึงเลือกเพื่อนเหรอ”

   “เปล่า กูเลือกผู้หญิง”

   “พูดทำไมครับไอ้ควาย”

   “แต่ถ้าให้กูเลือกระหว่างมึงกับผู้หญิง”

   “มึงเลือกกูเหรอ”

“กูก็เลือกผู้หญิงเหมือนเดิม”

“สัด! พูดเพื่อ? แล้วกูอยู่ตรงไหนไม่ทราบ”

   “อยู่ที่เดิม ขึ้นอยู่กับการใช้สอย”

   “ยังไง”

   “ผู้หญิงใช้ร่างกาย กับมึงต้องใช้หัวใจ”

   “ง่อววววววววว”

   “พอใจยังครับ เร็วๆ รีบออกไป ถ้าไอ้สองตัวมันรอนาน มึงจ่ายนะ เห็นมันบอกจะคุยเรื่องกิจกรรมคณะด้วยหนิ”

   “เออ!”

   คารมเชี่ยนี่ดีเสมอแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ามันชอบพูดกับคนอื่นเหมือนกันแต่กูไม่สนหรอก แค่ได้ฟังก็ดีใจแล้ว


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 25-04-2017 23:04:55

   ชีวิตของเด็กปีสามเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ปีๆ หนึ่งนิเทศศาสตร์จัดงานหนักราวกับว่านิสิตไม่ได้จ่ายค่าเทอมเข้ามาเรียน แต่เปย์เงินเผื่อทำกิจกรรมกลุ่มซะมากกว่า อย่างตารางที่ลิสต์ไว้ตั้งแต่ต้นเทอมซึ่งกำหนดวันแน่ชัดเลยก็คือ ละครเวทีนิเทศฯ หนังสั้นชั้นปีของแต่ละกลุ่ม กิจกรรมงานสงกรานต์คอมอาร์ต นี่ยังไม่ได้รวมงานปลีกย่อยที่ไม่ได้กำหนดในตารางอีกมากมาย เรียกได้ว่าปาดเหงื่อตายกันไปตามๆ กัน

   อย่างสัปดาห์นี้เจองานช้างอีกหนึ่งครับ นั่นคือ ‘Nitade Fair’ งานกิจกรรมที่รวมเอาเด็กนิเทศฯ มาออกบูทจัดกิจกรรมและเอนเตอร์เทนเด็กในมหา’ลัย หาเงินเข้ากองกลางสโมสรคณะสำหรับหาทุนทำละครเวทีประจำปี ดังนั้นแก๊งโหดเลยไม่พลาดต้องทำบูทกับเขาด้วย

   “ได้เลขอะไรวะ” ไอ้โบนถาม ก่อนได้ทูจะเปิดหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏภาพถ่ายให้ดู

   “บูท B17 อยู่ติดอัฒจันทร์ ขนาบข้างด้วยบูทสอยดาวของพี่บรีสปีสี่ กับสาวน้อยตกน้ำของน้องปีหนึ่ง”

   “ฉิบหายเลยไอ้เหี้ย เราจะแพ้เขาไม่ได้” ไอ้ค่ายเริ่มผสมโรง

   ที่เราต้องออกมาคิดอะไรจริงจังแบบนี้เพราะมีการแข่งขันเรื่องยอดเงินหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วด้วย ประโยชน์ของมันคือร้านที่ชนะยอดสูงสุดห้าอันดับแรกจะได้รับเลือกให้ขึ้นไปอยู่ในนิตยสารรายเดือนของคณะ และมีสิทธิ์ใช้สตูดิโอโดยไม่ต้องจองหรือต่อคิวเป็นระยะเวลาสามเดือน

   ของแบบนี้ไม่ใช่ขี้ๆ ชิงรักหักสวาทกันมาหลายปีไม่ใช่เพราะแย่งห้อง แต่มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีที่ต้องประกาศกร้าวให้พี่น้องชาวนิเทศฯ รู้ว่า กูนี่แหละคือตัวจริงของคณะต่างหาก

   “กูพอไปสืบมา พวกไอ้เดือนชั้นปีส่วนใหญ่ขายของเว้ย ขายน้ำ ขายลูกชิ้น ขายขนม ทำบูทถ่ายภาพ แบบเจ๋งๆ หน่อยก็ถึงกับเปิดหมวกหาตังค์กันเลยนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “เชร้ดดดดดดดดด แล้วเราจะทำอะไร”

   “รีวิวหนังฉบับโหดๆ มั้ย” ผมเสนออีก เพื่อนมันเลยถามต่ออย่างสงสัย

   “แบบไหนวะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายถาม ผมหันไปมองหน้าเพื่อนรักอย่างไอ้ค่ายที่เป็นเจ้าประจำโรงหนังรอบดึก ไม่ต้องพูดอะไรมากแต่ก็รู้กันดีว่าจะต้องทำยังไง ดังนั้นผมจึงรีบปรับอารมณ์ตัวเองก่อนจะส่งยิ้มตอแหลสัดๆ ไปให้ไอ้โบนกับไอ้ทู

    “สวัสดีครับทุกคน นิเทศแฟร์ได้มาเยือนทุกคนอีกครั้งในรอบหนึ่งปี วันนี้ผมมากับแขกรับเชิญที่ทุกคนไม่ได้ตั้งตารอ เขาคือ ขุนพล อน...อน...อน...”

   “สวัสดีคร้าบ” ไอ้ค่ายยกมือไหว้ ข้างกายมีองครักษ์พิทักษ์ความอัปรีย์อยู่สองคนนั่นคือไอ้ทูกับไอ้โบนที่ต้องมาทนฝืนปรบมือประกอบรายการให้อย่างงงๆ

   “เอาล่ะครับ จะบอกว่าเมื่อวันก่อนมีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้ไปดูตามกระแสโลกโซเชียล เลยเกิดกิจกรรมรีวิวหนังฉบับฮาร์ตคอร์ขึ้น แค่เสียเงินคนละห้าบาทมาทำกิจกรรมกับเรา ตอบถูกรับไปเลยตุ๊กตา ตอบผิดเสียเงินฟรี เรามาเริ่มกันเลยมั้ยครับ” ผมมองหน้าไอ้ทูซึ่งรับบทเป็นคนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

   “อ่ะจัดมา”

   “คุณต้องตอบให้ได้ ว่าหนังที่คุณค่ายพูดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไร เริ่ม!” ผมโยนหน้าที่ไปให้ไอ้หน้าหล่อข้างๆ ก่อนมันจะรับมุกฉึบฉับและตอบกลับอย่างฉะฉาน

   “หนังเรื่องนี้สำหรับผมเหรอ ดีครับ ดีออก”

   “…”

   “แม่งอยากจะเดินไปลูบหลังคนที่ดูแล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะ มันก็แค่หลุมดำในชีวิต มึงต้องก้าวต่อไป แสงสว่างยังรออยู่แค่ต้องผ่านฝันร้ายนี้ไปให้ได้”

   “มันขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

   “คุณมึงครับ หนังเหี้ยมาก พล็อตกลวงสัดหมา หนังห่าอะไรให้นางเอกต่อเรือออกแม่น้ำหวงโห มึงคิดว่าอะแด็ปไททานิคแล้วมันโรแมนติกเหรอ นี่กูเสียดายตังค์ฉิบหาย ขนาดได้บัตรลดราคามาครึ่งนึงกูยังต้องหลั่งน้ำตา” ไอ้ค่ายพูดจบ ผมก็รับช่วงต่อในทันที

   “อ่า จบไปแล้วสำหรับการรีวิวคุณต้องตอบแล้วครับคุณทู หนังเรื่องนี้ชื่อว่า...อะไร”

   “ไอ้ฉิบหาย”

   “ผิดครับ หนังชื่อเรื่องว่าโสดเหงา เขาไม่เข้าใจครับ”

   “กูไม่ได้ทายชื่อหนัง กูด่ามึงอยู่เนี่ยไอ้ฉิบหาย กิจกรรมหัวฟวยอะไรวะ เลิกๆ”

   และกิจกรรมแรกนั้น...ก็ล่มไม่เป็นท่าเหมือนอย่างเคย

   คิดหาวิธีด้วยกันเกือบครั้งชั่วโมงก็หาข้อสรุปไม่ได้ ไอ้โบนมันเลยปิดประเด็นแบบง่ายๆ ด้วยการบังคับ

   “ขายของไปเถอะสัด เรื่องมาก”

   “มันไม่ซิกเนเจอร์ มันต้องมีสตอรี่ดิ”

   “สตอรี่เหี้ยอะไร ร้านนี้ไม่เน้นของ เน้นหน้าตาล้วนๆ แค่กูคนเดียวสาวก็แห่กันมาซื้อครึ่งมอละ” ไอ้หลงตัวเอง ไอ้บ้านไม่มีกระจกส่อง

   “ถ้าขายแบบนี้มันก็เหมือนร้านอื่นดาษๆ ทั่วไป ใครมันจะไปอยากซื้อ ของอย่างนี้มันต้องมีแรงจูงใจ” ไอ้ทูพูดต่อ แต่สีหน้ามันนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าได้ไอเดียใหม่ให้ทำมาหากินแล้ว

   “แรงจูงใจยังไง”

   “มันต้องเอาตัวเข้าแลกนิดหน่อยนะ”

   ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าเอาตัวเข้าแลกของมันหมายถึงอะไร จนกระทั่งวันงานมาถึงทุกอย่างก็กระจ่างแจ้ง...


   ‘ร้านชายฉะกัน ขายไส้กรอกทุกชนิด สั้นๆ พอดีคำ หรือฟุตลองอร่อยสาด โดยคนขายที่อร่อยสาดจนต้องร้องขอเพิ่มอีก’


   นี่มันสโลแกนขายของหรือโฆษณาขายดิลโด้วะ เข้าข่ายเรท ฉ 18+ มาก เคยได้ยินแต่ผู้ชายขายน้ำ กูนี่ผู้ชายขายไส้กรอก แต่เพื่อห้าอันดับแรกเราก็จำต้องแลกกับอะไรหลายๆ อย่างแม้กระทั่ง...

   “กรี๊ดดดดดดพี่โหด ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”

   “ได้คร้าบ” ไอ้ค่ายยื่นหน้าแนบกับน้องผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งพร้อมกับฉีกยิ้มจนปากแทบแหกถึงใบหู ไอ้ทูกับไอ้โบนก็โดนสาวเขียนเสื้ออยู่ ส่วนกูนั้นมีหน้าที่เดียวคือปิ้งไส้กรอก ไอ้สัด ไอ้แดกแรงเพื่อน

   “พี่เติร์ด เท่าไหร่เหรอคะ” น้องผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้ายิ้มอ่อน แถมท่าทางยังดูขี้อายแบบสุดๆ อีก เธอไม่ได้มาคนเดียวครับ เพราะได้พ่วงเพื่อนสาวอีกสองคนมายืนขวยเขินด้วย

   “ถุงนี้สี่สิบบาทครับ” ว่าแล้วก็รีบยื่นถุงไส้กรอกไปให้น้องเขาทันที

   “อะไรนะค้า”

   “สี่สิบ” ผมตอบห้วนๆ

   “ไม่ได้ยินเลยอ่า”

   “จะกินไม่กินครับ เดี๋ยวพี่แดกเองนะ” พูดเท่านั้นแหละน้องแม่งรีบยัดเงินใส่มือกูทันที อย่าอ่อยครับเดี๋ยวของขึ้น ยิ่งโมโหเพื่อนที่มันกินแรงอยู่

   ผมเคยขึ้นชื่อว่าปฏิเสธคนอื่นโหดแค่ไหนในวันนั้น วันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าใครจะมาขอให้เซอร์วิสอะไรผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ขอแค่อย่าเยอะเท่านั้นพอ

   หลักการตลาดที่ไอ้ทูเป็นคนคิดคือนอกจากขายไส้กรอกแล้วยังต้องขายหน้าตาแถมต้องเปลืองตัวกันนิดหน่อย อันเนื่องมาจากพวกแม่งสามตัวมีแฟนคลับเยอะ ทุกคนสามารถขอให้มันทำอะไรก็ได้ เช่นร้องเพลงให้ฟัง ถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยกัน ขอกอด ขอหอม หลังๆ มีคนมาขอเขียนเสื้อ ตอนนี้บอกเลยว่าเสื้อนิสิตขาวๆ ลายพร้อยเป็นเสื้อสงกรานต์แฟนตาซีไปละ

   ไอ้ค่ายโดนหนักสุดจนไม่มีพื้นที่เขียนบนเสื้อ ส่วนใหญ่ก็บอกความในใจที่มีมาแต่นานนม ผมเองก็ไม่น้อยหน้าโดนเหมือนกัน น้องแม่งเขียนจนปลายหมึกแทบจะจิ้มลงร่องตูดกูหลายที ดีที่เบรกทันก่อน

   “พี่ค่ายร้องเพลงให้ฟังหน่อยค่า” เสียงเซ็งแซ่ที่ดังขึ้นใกล้ๆ หู ทำให้ผมต้องปิ้งไส้กรอกไป เงี่ยหูฟังไป

   “เธอสวย~ ทุกนาทีที่เคยสัมผัส”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดด พี่ค่าย บ้า!”

   “ฮ่าๆ” หยอดได้เป็นหยอด บอกกูขี้อ่อยมันแม่งคูณสิบไปเลยครับพี่น้อง

   คุยกับลูกค้าได้สักพัก ร่างสูงก็กลับมาช่วยผมปิ้งไส้กรอกต่อ ทิ้งไอ้ทูกับไอ้โบนให้ร่วมด้วยช่วยกันเปลืองตัวกันอยู่สองคน

   “ขายดีฉิบหายเลย” เจ้าตัวพูดอย่างภูมิใจ

   “ฝีมือกูล้วนๆ”

   “เพราะกูเหอะ แต่มึงปิ้ง กูเลยยอมก็ได้”

   “ดีใจตายห่ามากๆ เลยครับ”

   “ปากดีกับกูจัง อ่ะให้ขออะไรได้หนึ่งอย่าง เลือกมาเลยครับคุณเติร์ด”

   “เล่นเหี้ยอะไรมึงเนี่ย”

   “เอาน่ะ เลือกมา”

   “ร้องเพลงให้ฟังหน่อย” มันกรอกตาไปมาเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อยเปล่งเสียงอันกวนตีนออกมา

   “ทะเลสีดำ ไม่มีเสาไฟ~”

   “เสาไฟพ่อง!”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ฮาเหรอ”

   “ฮากริบเลยมึง”

   “น้องค่าย น้องเติร์ด พี่ขอไส้กรอกหน่อยค่า ขอแบบยาวๆ ตามขนาดน้องสองคนเลยนะ”

   “เดี๋ยวนะครับ ขนาดอะไร”

   “ขนาดตัวค่า เห็นสูงชะลูดตูดปอดกันขนาดนี้จะให้พี่คิดถึงอะไร บัดสีบัดเถลิงที่สุด เดี๋ยวขอเขียนเสื้อน้องค่ายด้วยนะคะ”

   “เต็มแล้วดีออก ขอเขียนเสื้อเติร์ดแทนได้มั้ย”

   “จัดเลยครับ”

   “โฮร่ลลลลลลลลลลล”

   หลังจากแก๊งพี่กะเทยมาบุกรัง พวกผมสี่คนจากแก๊งโหดก็แทบไม่ได้หายใจหายคอกันอีกเลย กิจกรรมนิเทศแฟร์จัดขึ้นตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม เราจัดกันสองวันเต็มๆ แน่นอนว่าพรุ่งนี้กูก็ต้องมาอีก เรียกได้ว่าขายกันจนไม่มีอะไรจะขายกันเลยล่ะ

   ตรงเวทีกลางมีการแสดงของเด็กเอกการแสดงที่กำลังสร้างเสียงฮือฮาเป็นระยะ กิจกรรมนันทนาการหรือเกมส์สนุกสนานรายล้อมอยู่เต็มพื้นที่ ทุกคนมาเพื่อชิงความเป็นหนึ่งและโกยเงินเข้าบูทเป็นกอบเป็นกำ ชายฉะกันก็ไม่ต่าง ตอนนี้แค่สองทุ่มเองไส้กรอกเราก็ขายหมดเกลี้ยง เหลืออยู่ชิ้นเดียวที่มีคนลืมมาเอา ผมเลยต้องยืนแดกระหว่างรอเก็บร้าน

   “อร่อยมั้ย ขอกัดคำนึง” ไอ้ค่ายถามเสียงเรียบ

   “กูกัดไปละ พรุ่งนี้ค่อยรอแดกใหม่เหอะ”

   “กินได้” ว่าแล้วมันก็คว้าไส้กรอกที่ถูกไม้เสียบในมือของผมยัดใส่ปากเข้าไปแบบหน้าด้านๆ

   “กูถุยน้ำลายใส่ละ ลืมบอก” หน้ามันเปลี่ยนสีทันที แต่ก็ยังไม่วายตอบกลับทันควัน

   “ไม่เป็นไร กินน้ำลายมึงกูไม่รังเกียจ”

   โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ฆ่ากูเถอะสัด! ฆ่ากูให้ตายตรงนี้ แล้วจะให้ผมเลิกชอบมันได้ยังไง ที่ผ่านมาแม่งเสือกทำตัวแบบนี้ตลอดเลยไง ยกมือทาบอก ยกตีนทาบหน้า ร้องเหี้ยหนักมากแต่ก็ฟินเหลือเกิน ฮือออออออ













   งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ปลาร้าย่อมมีวันหนอนไช

   หลังจากผมได้รวบรวมเก็บของใส่รถไอ้โบนเรียบร้อยแล้วทุกคนก็เตรียมแยกย้าย พอดีว่าไอ้ค่ายติดรถผมมาด้วยเนื่องจากกลัวชาวีลูกรักโดนอุ้มเพราะไม่มีที่จอดรถเป็นสัดส่วน ส่วนไอ้ทูมากับไอ้โบน มันสองตัวกลับไปก่อนเพราะต้องรีบไปหมักไส้กรอก คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถ แต่เท้าก็เป็นอันต้องชะงัก

   “ค่าย” โอ้ฉิบลอส สาวคนใหม่หน้าตาไฉไล ไฮไลท์ผมสีชมพู

   “ครับผม” ไอ้ควายเพื่อนรักมันก็ตอบด้วยน้ำเสียงแพรวพราว ขนาดขายไส้กรอกเสร็จยังจะมีศึกวันธงชัยกันอีก จิตใจของไอ้เติร์ดนั้นเลยห่อเหี่ยวเป็นไส้กรอกข้ามปีในทันที

   “ที่คุยกันไว้อ่าว่าจะไปส่ง”

   “พอดีมากับไอ้ลิง” มันชี้มาที่ผม คือกูเป็นลิงไปละ

   “เสียใจ”

   “แต่จริงๆ ก็ไปได้ ไอ้เติร์ดมึงไปที่รถก่อนเลยนะ” ท้ายประโยคหันมาคุยกับผม ซึ่งกูก็ห้ามอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินผละออกมาด้วยอาการคอตก

   ไอ้ทู เผื่อมึงยังไม่รู้

   วันนี้มันไปกับผู้หญิงผมสีชมพูอีกคนแล้วว่ะ

   คือที่ผ่านมาคิดเข้าข้างตัวเองหมด บอกจะไม่เสียใจที่มันไปกับคนอื่นแต่สุดท้ายก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้อยู่ดี เป็นงี้ตลอดตั้งแต่เริ่มชอบมันจนถึงปัจจุบัน กูไม่ได้แกร่งขึ้นเลยจริงๆ

   ผมเดินไปเรื่อยๆ คิดทุกอย่างอยู่ในหัว มันตื้อไปหมดคล้ายกับถูกคนปิดสวิตช์ลง แต่จู่ๆ มันก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งจากน้ำเสียงกึ่งเรียกกึ่งตะโกนจากใครคนหนึ่งที่ดังเข้ามาในโสตประสาท

   “ไอ้เติร์ด มึงเดินเลยรถแล้วครับ”

   “หา”

   “อีกนิดเดียวมึงถึงปทุมธานีละไอ้สัด” ประชดกูจัง

   “ยังไม่ไปอีกเหรอวะ” ผมถามด้วยความสงสัย

   “ไปแล้ว แค่ส่งเขาที่รถ”

   “แค่นี้?”

   “ถามมากน่า เร็วๆ กูอยากกลับไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวฉิบหาย” ความเสียใจที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครู่อันตรธานหายไปจนไม่หลงเหลือ ดีใจอ่ะที่สุดท้ายมันก็เลือกผม

   เราเลยจำต้องเดินย้อนกลับไปที่รถ โดยมีไอ้ค่ายนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ขามากูขับ ขากลับให้มันจัดเถอะครับเพราะแขนกูเปลี้ยจากการปิ้งไส้กรอกไปหมดแล้ว

   “เหี้ยฉิบหาย เสื้อพังไปตัวนึง” ยังไม่ทันสตาร์ทรถมันก็บ่นอีก แถมมือยังเอื้อมไปเปิดไฟในรถเพื่อสำรวจลายเส้นสุดแอ็บสแตรกบนเสื้อนิสิตสีขาวด้วย

   “บ่นเพื่อ มึงดูกูก่อน”

   “ฮอตเว่อร์”

   “ของกูอ่ะนิดเดียว แต่ที่ลามมาจักแร้น่ะเขาเขียนถึงมึง” เพราะเสื้อไอ้ค่ายไม่มีพื้นที่เหลือให้เขียนแล้วครับ แม้แต่กระดุมเม็ดใสแฟนคลับมันก็ยังพยายามบรรจงเขียนลงไปจนได้

   แล้วสุดท้ายลำบากที่ใคร ก็ผมไง

   “ก็หล่อ”

   “หน้าหม้อด้วยมึงอ่ะ”

   “เขาเรียกเพลย์บอยครับเพื่อน ไม่งั้นจะมีคนบอกรักกูบนเสื้อมึงเหรอ” มือหนาพยายามดึงปกเสื้อด้านหลังขึ้นมา ผมเองที่เหลือบตามองถึงได้เห็นรางๆ ว่าเป็นข้อความอย่างที่ไอ้มั่นหน้ามันว่าจริงๆ

   ‘รักขุนพล’

   “ใครมันหน้ามืดตามัววะ โดนของแน่ๆ”

   “ต้องเข้าใจนะครับว่ากูฮอต ไก่อ่อนอย่างมึงคงต้องฝึกฝีมือไปอีกนาน ยังไงก็อย่าเพิ่งรีบซักนะครับ ฝากเก็บคำว่ารักให้กูไว้ก่อน”

   “กูไม่ได้ไก่อ่อนครับ มึงดูนี่ก่อนเลย” เรื่องเกทับก็อย่าคิดสู้ ผมรีบโชว์ตัวหนังสือสีชมพูที่เขียนไว้ตรงกระเป๋าเสื้อให้อีกฝ่ายดูทันที

   “ชอบพี่เติร์ด แค่เนี๊ยะ!”

   “มีอีก เดี๋ยวก่อนมึง” ผมกวาดตามองรอบเสื้อตัวเองแต่ก็มองไม่ออกเท่าไหร่เพราะต้องอ่านแบบกลับหัว กระทั่งเสียงทุ้มของเพื่อนรักโพล่งขึ้นมาอีกครา

   “พี่เติร์ดน่ารัก” ดูอีน้องลูกค้าชมกูเข้า...

   “แล้วไง”

   “เออก็จริง” ไอ้ค่ายย้ำอีก ใจสั่นเลยกู แต่ผมต้องพยายามบอกกับตัวเองว่าคำพูดพวกนี้เป็นสิ่งที่มันมักพูดเป็นนิสัยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างออกไป

   “ปากดี”

   “ปากดีอยู่ละ”

   “เดี๋ยวมึงก็ไปชมคนอื่นต่อ”

   “แล้วไง”

    “คนน่ารักมีเป็นร้อย กูรู้ไอ้ควาย”

   “ไม่นะ”

   “...”

   “แค่มึงคนเดียวก็พอ”

   ตอนนั้นเองที่หัวใจของผม...

   บึ้ม!!

   ระเบิดตายห่าไปเลย แค่-มึง-คน-เดียว-ก็-พออออออออออออออออออออออออ
   



กิจกรรมแต่ละคณะเค้าก็มีอะไรให้เล่นสนุกเยอะ
เรื่องก่อนเป็นดนตรี คราวนี้มานิเทศฯ
จิตติจำได้ว่าปีก่อนไปสอยดาวที่งานนิเทศฯ เนี่ยแหละ
ได้ฝอยขัดหม้อมาอันนึง ร้องไห้...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 25-04-2017 23:27:29
เป็นเติร์กเราจะคิดเข้าข้างตัวเองงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 25-04-2017 23:43:50
โอ้ยยยย ความหลัวของน้องค่ายนี้
ทำเอาน้องเติร์ดตัวระเบิดบึ้มไปหลายรอบแล้ว   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 25-04-2017 23:52:39
อื้อหื้มม ขยันอ่อยกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-04-2017 23:53:48
ค่ายแม่งอ่อยแบบนี้เติร์ดไม่มีทางขึ้นจากหลุมได้อ่ะ
เรามีแผนมาเสนอ บอกเลยให้มอมแล้วจับทำฝาชี แล้วค่อยเคลียร์น่าจะง่ายกว่านะ 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 26-04-2017 00:03:39
จริงๆค่ายรู้เรื่องหมดแต่แค่เก็บไว้ใช่ป่ะ ขยันหยอดจริ๊งงงง


เห็นน้องโบนเลียกินมาม่าดิบก็อยากจะเปย์เพื่อให้น้องอยู่ดีกินดีเหลือเกิน  ติดแต่ป้าเงินเดือนยังออกไม่ตรงเวลาเลย 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 26-04-2017 00:06:13
ค่ายแอบคิดอะไรกับเติร์ดรึเปล่า :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 26-04-2017 00:17:12
ทำไมค่ายเป็นคนอยางนี้ ที่พูดไปทั้งหมดนั้นอ่อยหรือไม่ได้คิดอะไร เราสงสารเติร์ดอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 26-04-2017 00:19:33
ค่ายโง่จริง หรือรู้แต่ทำเป็นไม่รู้กันแน่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 26-04-2017 00:58:26
ถา้ค่ายทำแบบนี้โดยไม่ได้คิดอะไรกับเติร์ดเลย เราจะร้องไห้แทนเติร์ดมันเศร้าฮื้อออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-04-2017 02:06:37
อิค่ายนี่มันนนนน พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยค่ะ
เปนพวกแบบ พี่ไม่มั่วแค่ทั่วถึงอะ
ขี้อ่อยเบอร์แรง สงสารเติร์ดเลย
ทำขนาดนี้เปนใครก้คิดมะอะ
อยากอ่านพาร์ทค่าย อยากรู้ว่าโง่จริงๆใช่มั้ยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-04-2017 02:07:33
เหมือนค่ายจีบเติร์ดอยู่เลยอ่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 26-04-2017 06:22:51
ค่ายนี่อ่อยไปเรื่อยได้จริงๆ เราสงสารเติร์ดว่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 26-04-2017 07:33:31
เราว่าค่ายต้องรู้ แต่เนียนๆทำโง่ไง ใช่ป่ะ5555555555555555 อ่อยไปอีก~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 26-04-2017 07:48:11
หัวใจของเติร์ดคงทำงานหนักมาก โดนอ่อยอยู่ร่ำไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 26-04-2017 08:13:59
ค่ายมันร้ายยย.. จิงๆแล้ว อาจรอให้น้องเติร์ดเรา ตายใจก่อนเป่า.. แล้วจับเฉียดทีเดว.. ว่ะฮ่ะฮ่ะ..
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 26-04-2017 08:14:06
เราเข้าใจเตริ์ดดด เกลียดโมเม้นท์แบบนี้ที่สุดเลย ถถถถถถ จะว่าใช่มันก็ไม่ชัดแบบนั้น จะว่าไม่ใช่มันก็ดูมีเค้า โว้ยยย กูอยากชัดเจน!  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-04-2017 08:14:48
ค่ายขยันอ่อยจริงๆ เติร์ดไหวมั้ยยยย หัวใจน่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-04-2017 08:15:03
รถอ้อยคว่ำ again&again กร๊าก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 26-04-2017 08:43:42
ค่ายจะมาให้ความหวังเติร์ดแบบนี้ไม่ด้ายยยยยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-04-2017 09:13:19
แมร่งก็สมควรตัดใจไม่ได้อะ

แมร่งหยอดทุกดอก

ลูกคู่กันดีมาก

มีรับมีส่งมุขกัน

อืมดี ไม่ต้องตัดใจ

แฮปปี้แบบวันเว้นวันเอาละกัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 26-04-2017 10:09:13
นี่นังค่ายมันหยอกลูกฉันใช่ม้ายนตย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-04-2017 10:32:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-04-2017 10:41:30
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 26-04-2017 10:54:44
ค่ายยยขี้อ่อยยยย  น้องทูของเขา :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 26-04-2017 11:00:58
เราว่าค่ายใจร้ายอ่ะ อ่อยแรงจริงจัง จริงอยู่ว่าสำหรับคนที่แอบชอบมันทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ แต่ถ้าดูดีๆ การอ่อยของค่ายไม่มีความชัดเจนอะไรเลย กลัวสักวันคนที่แอบชอบจะเหนื่อยและถอยไปเองนี่แหละ

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 26-04-2017 12:28:51
อยากให้มีผู้ชายที่ดูอบอุ่นโปรไฟล์ดี รักเติร์คจริงๆ มารุกหนักจีบเติริ์ค อยากจะดูนะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงค่ายจะเลิกแอ๊บแกล้งไม่รู่แกล้งหลอกตัวเองหรือยัง ว่าค่ายรักเติร์ดคนเดียวมาตลอดๆๆ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-04-2017 13:25:07
เค้าไม่ได้จีบกันอยู่ใช่ป่ะ ทำไมมันหวานนนนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 26-04-2017 13:40:04
เนี่ยยยยค่ายก็หยอดก็อ่อยแบบนี้อ่ะใครจะไปคิดแค่เพื่อนได้หื้มมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 26-04-2017 13:42:26
เหมือนอ่อยๆ กั๊กๆ หมันไส้ขุพลเว่อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 26-04-2017 14:30:04
ทำไมค่ายชอบพูดแบบนี้กับเติร์ดคะ
ว้อยยยยย ไม่เห็นพูดแบบนี้กับเพื่อนคนอื่นเลยว้อยยยย
ค่ายรู้ค่ายเห็นรึป่าวว :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-04-2017 15:34:27
ค่าย นายจะอ่อยเติร์ดเพื่อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ELFpt ที่ 26-04-2017 19:02:03
อิพี่ค่ายยยย แม่งพูดให้ใจโลเล
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 26-04-2017 19:40:55
ค่ายอ่อยตลอด มีอะไรใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 26-04-2017 20:02:21
น้องค่ายขี้อ่อยจัง :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-04-2017 21:08:13
ใครอ่อยเก่งกว่ากัน?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-04-2017 21:17:10
แกกกกกกกกกก อย่าอ่อยเรี่ยราด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Smilesdr ที่ 27-04-2017 02:02:38
อ้อยกันไปอ้อยกันมา ฆ่าฉันเถอะ มาฆ่าฉันที!
/มือทาบอก ตีนทาบหน้า กำมีดแน่น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-04-2017 02:22:42
กำลังคิดว่าค่ายแม่วทำเป็นไม่รู้ป่าววะ
อาจจะชอบนะ แต่ติดอะไรในใจซักอย่าง
แอบเซ็งชอบมาอ่อย ให้เติร์ดคิดอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 27-04-2017 03:04:29
ไปเเรดไกลๆ เลยอีค่าย
ไหนว่าคอมเมดี้ไง๊คนเขียน
เเต่นังนี่อ่านไปสงสารนุ้งเติร์ดไป
หวานอมขมกลืนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 27-04-2017 09:28:33
อิค่าย หยอดอีกแล้วววว :ruready
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 27-04-2017 11:10:49
เป็นการอ่อยที่มีนัยยะแอบแฝง รู้สึกกลัวใจน้องค่าย :katai1:

น้องเติร์ดอย่าเพิ่งฟินไกลนะคะ ดูเชิงไปเรื่อยๆ ก่อน พี่กลัวน้องเสียใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Pikzyxxx ที่ 27-04-2017 15:17:14
อยากรู้ว่าค่ายโง่จริงๆหรือแกล้งโง่กันแน่
 :m16: :z3: :hao4: :ruready
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 27-04-2017 16:51:03
อยากจะเดินไปบ้องกระบาลแล้วบอกให้เลิกแรดมากอ่ะอีค่าย

กับหญิงอ่ะโหดจริงนะคะเฮียเติร์ด
มิน่าที่มิมีใครเอา
จึงต้องมาเป็นทาสรักในเรือนเบี้ยของอีค่ายอยู่อย่างนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 27-04-2017 18:44:52
ค่าย แม่งงงง!!!!!!
หยอดหลายรอบแล้วนะ แล้วยังงี้จะไม่ให้ชอบได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: PEAKT_ ที่ 27-04-2017 23:44:32
ฮือ บรรยายไม่ถูกเลย
อึมครึมในใจคนเดียวแพร้บ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ อย่าลืมมาต่อน้าา :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-04-2017 23:51:25
อิค่ายยยยยถ้าแกไม่คิดอะไรก็อย่าอ่อยโว้ยยยยยยสงสารอีกฝ่ายบ้าง เดี๋ยวตบเลยนี่  :m16:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-04-2017 00:24:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 28-04-2017 04:43:49
ก็พี่ค่ายเป็นอย่างเงี๊ย ชอบอ่อยเติร์ดอย่างเงี๊ย ใครจะตัดใจได้ รับผิดชอบโดยการเป็นแฟนเถอะ สงสารใจเพื่อนหน่อย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 28-04-2017 11:30:57
จริงๆไม่อยากเชียร์เลยนะ ไม่ชอบคนโง่ ขี้เกียจสงสารคนแอบรัก
แต่เติร์ดน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ เติร์ดสู้ๆจ้า55555555 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 29-04-2017 03:11:10
ค่ายหยอดเติร์ดบ่อยนะ คิดจริงป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 30-04-2017 06:29:46
จริงๆค่ายอาจจะชอบเติร์ดอยู่บ้าง  แต่ไม่อยากล้ำเส้นความเป็นเพื่อนไรงี้ป่าว..
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-04-2017 10:27:19
ตกลงค่ายมันอ่อยเติร์ดจริงๆหรืออ่อยเล่นๆล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 30-04-2017 11:41:41
อิค่ายนี่ยังไงงงงง ชอบเขาเหมือนกันแต่กลัวเขาไม่ชอบเหรอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 04-05-2017 21:54:39
อ่อยคอมโบขนาดนี้จะตัดใจไงเนี่ย o12 o12
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 11-05-2017 23:42:14
โถ อิเพื่อนปากหวาน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 2 [25/04/60] *หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Vivin ที่ 13-05-2017 10:11:30
 :-[ :-[ โอ๊ยยยยยยย นางค่ายยยยยยยยยยยยฉันไม่รู้จะสันหาคำไหนมาบรรยาย

    สนุกมากเลยนะคะ รีบมาต่อเร็วๆนะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 24-05-2017 23:09:41
ตอนที่ 3
เป็นคนตลกไม่ใช่ตัวตลก



   นิเทศแฟร์วันที่สองเริ่มต้นขึ้น

   เหมือนอะไรๆ ที่คิดว่าจะดีกว่าเดิมกลับวุ่นวายเป็นเท่าตัวเมื่อเพื่อนรักอย่างไอ้ค่ายและไอ้โบนผนึกกำลังเสนอโปรโมชั่นเรียกเงินเข้าบูท แน่นอนว่า ‘ชายฉะกัน’ ย่อมไม่ทำให้สาวๆ ผิดหวัง ซื้อครบสองร้อยเมื่อไหร่รับสิทธิพิเศษหอมแก้มฟรีหนึ่งครั้ง

   แล้วคนเหี้ยอะไรจะแดกไส้กรอกตั้งสองร้อยวะ ประสาท

   “พี่เติร์ดคะ ขอไส้กรอกสองร้อยค่ะ”

   “หา!”

   “น้องเติร์ดลูก ไอ้กรอกสองร้อยจ้า”

   “ที่รักขา ไส้กรอกหกร้อย พอดีมาสามคน”

   ไอ้ฉิบหาย! ลงทุนกันขนาดนี้ถือได้ว่าแผนการตลาดบ้าๆ นี่ได้ผลอย่างดีเยี่ยม เกิดมาไม่เคยซื้อไส้กรอกต้นทุนยี่สิบบาทในราคาสองร้อยสักที เป็นบุญไอ้เติร์ดแล้วที่ได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่ แถมยังมีส่วนร่วมทุกส่วนไม่ว่าจะย่าง ขาย ทอนเงิน กูทำเองหมด ส่วนไอ้สามตัวที่เหลือก็ปล่อยให้มันเต้นเป็นโคโยตี้เรียกแขกกันไป

   บันเทิงเริงใจฉิบหายเลยครับกู

   “พี่ค่ายหอมแก้มทีนะคะ” น้องผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งพูดเสียงหวาน สายตากับน้ำเสียงนั้นมันทำให้เคลิ้มเหมือนอยู่ในฝันเลยจริงๆ

   นี่ไม่ใช่เหยื่อรายแรกของไอ้ค่าย แต่เป็นคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่มันกำลังเซอร์วิสอยู่ ได้หมดทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา ขอเบอร์หรือไลน์มันทำหมด เหลืออย่างเดียวคือพากันไปที่ห้องซึ่งไม่แน่ว่าคืนนี้อาจจะมี

   ผมไม่เห็นว่าเราจะเสียประโยชน์ตรงไหนนอกจากได้กับได้ เงินก็มี เบอร์หญิงก็ได้มาครอบครอง บรรลุแล้วล่ะครับงานนี้

   “ข้างไหนครับ”

   “สองข้างได้มั้ยคะ ขอถ่ายเซลฟี่ด้วย”

   “อ่ะจัดมา”

   ไอ้ค่ายคือบิดาแห่งการอ่อยทุกสถาบัน มันไม่ได้อ่อยแค่ผมหรอกครับ แต่มันทำกับทุกคนไม่เลือกหน้า แค่ช่วงหลังนี้มาลงที่ผมหนักไปหน่อย แล้วเป็นไง คนอย่างไอ้เติร์ดก็เจ็บอีกตามเคย ได้แต่เก็บเกี่ยวกับความสุขในตอนนั้นมาเป็นกำลังใจในการแอบชอบ ทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งไหนกันแน่ที่เป็นความจริงกับความฝัน

   “ไอ้เติร์ดใกล้ยังวะ ลูกค้าต่อคิวยาวมาก” ไอ้ทูหันมาถามผม แต่สีหน้าก็ระริกระรี้กับสาวๆ ที่กำลังยกนมเบียดแขนแม่งอยู่ พอกันทั้งแก๊ง จะมีก็แต่ไอ้โบนเนี่ยแหละที่เห็นใจเดินเข้ามาช่วย

   “ขอบใจมึงมากเลยว่ะ”

   “อืม ชิ้นนี้สุกยัง”

“ยัง อีกนิดนึง”

“ทำยังไงให้สุกเร็วๆ วะ กูจะเอาไปให้น้องคนนั้น แม่งเอ็กซ์ฉิบหายเลยโว้ย”

   “...” โอ้โห! กูก็นึกว่ามึงมีน้ำใจไอ้สัด

เอาที่มึงทั้งสามสบายใจเลยนะ ไอ้เติร์ดไม่ขัดศรัทธาเพราะงานนี้กูเป็นขี้ข้าให้แบบไม่หวังทุนคืน เนื่องจากใครมาขอถ่ายรูปขอหอมผมก็ปัดปฏิเสธหมด ไม่ได้ฟรีกับทุกเรื่องเพื่อเงินขนาดนั้น

   ร้านไส้กรอก ‘ชายฉะกัน’ ของเราขายดีมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงของก็หมด เป็นอันยุติสงครามการหากำไรภายในคณะเพียงเท่านี้ จะรอสรุปผลอีกทีก็พรุ่งนี้ถึงจะได้รู้ผู้ชนะ ดังนั้นผมกับเพื่อนจึงรีบเก็บของทั้งหมดให้เสร็จ ก่อนไอ้ทูจะดึงตัวผมแยกออกมาเพื่อพูดคุยอะไรบางอย่าง

   “กูว่าจะคุยกับมึงหลายทีละ”

“มีไร”

“ช่วงนี้กูว่ามีบางอย่างมันแปลกๆ ว่ะ”

   “ยังไง”

   “เหมือนไอ้ค่ายกับไอ้โบนมีความลับอะไรสักอย่างที่ไม่ได้บอกเรา มึงลองจับตาดูแล้วกัน”

   “ความลับอะไร ทำไมกูไม่เคยสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ของมึงสักที”

   “กูก็ไม่แน่ใจ ช่วงหลังมานี้มันชอบปรึกษาห่าอะไรกันไม่รู้ บางวันก็โทรมากระซิบกระซาบทำตัวลับลมคมใน นี่กูเพิ่งรู้ตอนไปนั่งเล่นที่ห้องมันเมื่อคืนเนี่ยแหละ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว ไม่รู้เป็นเพราะการหยอดของไอ้ค่ายที่มีมากขึ้นหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็เลือกไม่พูดออกไป

   “ยังไงมึงช่วยดูอีกแรงแล้วกัน ส่วนกูจะหลอกถามไอ้ค่ายอีกที บางทีอาจเป็นเรื่องผู้หญิงที่มันหวังฟัน”

   “เอาตามนั้น”

“โอเค” พูดจบคนตรงหน้าก็ยกกล้อง DSLR ที่คล้องคออยู่ขึ้นมาจ่อที่ดวงตาอย่างรวดเร็ว

“จะถ่ายกูเหรอ”

   “ใครมันจะอยากถ่ายวะ มึงบังนมน้องเขา ไปไกลๆ”

   “ขอให้มึงชวดไอ้ควาย”

   “เดี๋ยวมันจะเข้าตัวเอง หลบไป”

   ผมได้แต่ถอนหายใจและเดินออกมาจากโฟกัสของเพื่อนรัก บางทีกูก็สงสัยนะครับว่าถ้าให้เลือกระหว่างผมกับผู้หญิงนมใหญ่พวกมันสามตัวจะเลือกอะไร แต่ในใจเกรงว่ามันจะเลือกผู้หญิงกันทั้งหมดมากกว่า

   ผมยืนเคว้งมองบรรยากาศของงานนิเทศฯ ได้ไม่นาน ร่างสูงของใครคนหนึ่งก็ถลาเข้ามาเกี่ยวคอพร้อมกับเอ่ยชวนให้ไปทำอะไรสักอย่างด้วยประโยคขี้เล่นของมัน

   “เติร์ดจ๋า ดูหนังกลางแปลงกันมั้ยครับ”

   “เชี่ย ขนลุกว่ะ เรียกชื่อกูดีๆ ก็ได้มั้ง”

   “ให้เรียกไร ไอ้สัดเหมือนเดิมมั้ย”

   “ปากดีฉิบหายเลย ว่าแต่หนังเรื่องอะไรล่ะ”

   “แฟนฉัน โอ้เย...โอ้เยโอ้ๆ เย” แค่ได้ฟังเสียงฮัมเพลงจากลำคอของคุณชายขุนพล ผมก็คิดถึงบรรยากาศที่ตัวเองปั่นจักรยานเล่นตามหมู่บ้านทันที และคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะอยากรำลึกความทรงจำในวัยเด็กหรอก แต่นี่จะทำให้ผมได้ใช้เวลาอยู่กับไอ้ค่ายมากขึ้นต่างหาก

   “สองตัวนั่นล่ะ”

   “เหี้ยทูถ่ายรูป ส่วนไอ้โบนกำลังสนุกกับการปาบอลซุ้มสาวน้อยตกน้ำอยู่ มึงไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มากับกูนี่ดีกว่า” มือหนาคว้าข้อมือของผมแน่น ก่อนจะพาเดินไปยังฝั่งตรงข้ามของเวทีการแสดง ซึ่งบริเวณนี้มีการขึงจอสีขาวขึ้นมา พร้อมกับปูเสื่อแบบบ้านๆ เพื่อให้ชาวนิเทศฯ และนิสิตได้มานั่งดูหนังกัน

   “ต้องซื้อตั๋วมั้ยวะ” ผมถาม คนข้างๆ เลยส่ายหน้าไปมา

   “ไม่ต้อง แต่ต้องเล่นเกมเพื่อรับบัตรเข้าชมฟรี” พูดแค่นั้นมันก็ลากผมให้เดินไปยังโต๊ะเล็กๆ ด้านข้างที่มีทีมงานยืนประจำอยู่ รุ่นพี่ปีสี่ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะทักทายพวกเราอย่างสนิทสนม พร้อมกับแนะนำวิธีการเล่นเกมเพื่อแลกตั๋วเข้าชม และชิงของรางวัลไก่กาอาราเล่

   “เป็นเด็กฟิล์ม คำถามยากหน่อยน้า”

   “เบย์ๆ”

   “บอกชื่อหนังไทยที่เข้าฉายในปี 2546 โดยห้ามบอกชื่อแฟนฉัน” เหยดแหม่มึงเอ๊ย ปีนั้นหนังดังมีไม่กี่เรื่องหรอก ยังมาลิดรอนสิทธิ์ในการตอบของคนดูอีก

   “กุมภาพันธ์มะ?”

   “ถูก” ไอ้ค่ายพูดจบ รุ่นพี่ก็ยื่นบัตรหนังให้กับมันในทันที

“คิดเหมือนกูไอ้สัด”

“ว้ายยยยย ก็มึงช้าเอง” ผมได้แต่ทำหน้าเอือมระอา กรอกตายืนระลึกชาติไปอีกพักหนึ่งถึงค่อยตอบ

“Sexphone”

“ขอชื่อเต็มค่ะ” ใครมันจะไปจำได้วะ ตั้งแต่เรียนรู้ที่จะดูหนัง ผมเสพหนังไทยน้อยมากซึ่งไอ้เพื่อนรักที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คงรู้ดีเมื่อเห็นท่าทีอึกอัก จึงอาสาตอบให้อย่างภูมิใจ

“Sexphone คลื่นเหงา สาวหน้าบ้าน”

“สาวข้างบ้านค่ะน้องค่าย”

“เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยย”

หมดกันที่กูคาดหวังในตัวมึง ปล่อยให้รุ่นพี่แม่งหัวเราะจนสะใจถึงได้ยื่นบัตรหนังอีกใบให้กับผม ก่อนเราจะเริ่มกิจกรรมชิงรางวัลตามคำเชื่อเชิญของพี่ปีสี่

“รับกระดาษไปคนละใบแล้วเขียนคำตอบลงในนั้นค่ะ เนื่องจากวันนี้เราฉายหนังรักเลยอยากให้น้องเขียนชื่อหนังรักในดวงใจของตัวเองมาหนึ่งเรื่อง แล้วส่งกลับมาให้พี่ หนังฉายจบเมื่อไหร่เรามีรางวัลสำหรับคนที่ตอบชื่อหนังเหมือนกันด้วยน้า อย่าลอกกันล่ะ”

ก็ไม่ได้อยากได้เท่าไหร่หรอกไอ้รางวัลเนี่ย แถมไม่เซียนแนวนี้ซะด้วยเพราะดูน้อย ดังนั้นผมแทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าจะเขียนชื่อหนังรักอะไรลงไป ไอ้ค่ายเองก็เหมือนกัน หลังจากเขียนเสร็จเราทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ด้านหน้าเพื่อรอการฉายหนังในวัยเด็กของเรา

“มึงเขียนเรื่องอะไร”

“กูเหรอ ทำไมกูต้องบอกมึงด้วยวะ”

“กูเขียนเรื่อง one day แล้วมึงล่ะ” คนตัวสูงพูดความในใจออกมา แต่ผมเองก็ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะชอบอะไรแบบนี้ เอาจริงตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสามปีใช่จะไม่รู้เลยว่ามันเป็นคนยังไง และ...ชอบอะไร

“มึงอย่ามาตอแหล กูรู้หรอกมึงไม่ได้เขียนเรื่องนี้”

“ฉลาดเป็นกรด ให้กูทายมึงมั้ย”

“ไม่ต้อง กูชอบ Love, Rosie”

“โรแมนติกมากครับเพื่อน เชื่อตายแหละ”

“หนังฉายแล้ว”

ผมรีบตัดปัญหาด้วยการบุ้ยปากไปยังจอขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ข้างกายเรารายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างพากันมาย้อนรำลึกวันเก่าๆ ไปด้วยกัน วันที่ผมได้รู้จักเจี๊ยบกับน้อยหน่า ก่อนหน้าจะรู้จักกับไอ้ค่ายตั้งหลายสิบปี

“เจี๊ยบตัดยางเราทำไม” ผมพูดติดตลก

   “ยังไม่ตัดไอ้สัด”

   “แล้วมึงเสือกอะไร”

เราเป็นแบบนี้เสมอ ตีกันบ้าง เถียงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้างแต่ไม่เคยนาน ไอ้ค่ายเป็นเพื่อนสนิทของผม เราสนิทกันจนรู้สึกกลัวว่าถ้าเผลอบอกความในใจกับอีกฝ่ายออกไป ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม นั่นเท่ากับว่า...ผมคงเสียมันไปแล้ว

ซึ่งแม่งคงเป็นเรื่องที่ทำใจไม่ได้เลย

แฟนฉันเล่าเรื่องราวของเด็กชายและเด็กหญิงข้างบ้านที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก โดยที่บ้านของทั้งคู่ห่างกันเพียงคูหาเดียว เรานั่งดูกันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกนอกจากจดจ่ออยู่กับหน้าจอของหนังเก่าที่สีฟิล์มเองก็ผิดเพี้ยนไปตามเวลาที่หนังถ่ายทำ

จนกระทั่งฉากไคลแม็กซ์ซึ่งอยู่เกือบตอนจบของเรื่องมาถึง ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ดูหนังเรื่องนี้คือเมื่อไหร่ แต่มันคงนานมาแล้ว เมื่อก่อนตอนเพิ่งมาเรียนฟิล์มแรกๆ ผมย้อนดูบ่อยมากนับสิบครั้งแต่ก็ไม่ชินกับฉากนี้สักที

ฉากที่เจี๊ยบวิ่งตามรถของน้อยหน่าเพื่อคืนยาง...

“ขี้แยจังวะ”

   “อะไร” ผมหันไปเผชิญกับใบหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพบว่ามันกำลังยิ้มสนุกใส่อยู่

   “ร้องไห้”

   “ประสาทเหรอ ฝุ่นเข้าตา”

“โอ๋ๆ เพื่อนผมฝุ่นเข้าตาเลยร้องไห้ ไหนมาให้กูดูฝุ่นหน่อยเร๊ว”

“เสือกกูจัง”

   ผมดันหัวของมันออกห่างก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้ม แม่งน่าอายฉิบหาย แต่พอหันไปดูข้างหลังผมก็พบว่าคนดูส่วนใหญ่ก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน จะมีตายด้านก็เพื่อนกูเนี่ยแหละที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โคตรโรคจิตฉิบหายเลยครับ

   “ถ้ามึงเป็นเจี๊ยบมึงจะทำยังไง หมายถึง...ถ้าวันนึงมึงได้รับการ์ดแต่งงานจากน้อยหน่า” คำถามนี้ดูมีสาระที่สุดแล้วตั้งแต่นั่งดูกับไอ้ตัวเหี้ยนี่มา

   “กูคง...ปล่อยให้เขาได้เจอคนดีๆ ส่วนตัวเองก็จะยินดีอยู่ตรงนี้”

   “โคตรพระเอก”

   “แล้วมึงอ่ะ”

   “กูเหรอ กูจะล่มงานแต่ง”

   “ประสาท”

   “ฮ่าๆ กูทำจริงนะเว้ย”

   “เออ รู้หรอก” อะไรที่ไอ้ค่ายอยากได้มันต้องได้ เชี่ยนี่เกิดมาเพื่อเกลียดคำว่าพ่ายแพ้ เหมือนตัวร้ายในละครภายใต้หน้ากากหล่อสัดของมัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมมันถึงโกรธและรู้สึกเสียหน้ามากที่ผู้หญิงที่กำลังคุยอยู่เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น

   กับเพื่อนก็คงเหมือนกัน ไอ้ค่าย...เป็นคนหวงเพื่อน

   หลังจากหนังจบลงและเอนเครดิตเริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าจอ พิธีกรก็เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับไมค์หนึ่งตัว ต่างคนต่างลุ้นเพราะรู้ดีว่านี่คือช่วงประกาศรางวัลที่ทุกคนเฝ้ารอ

   “เอาล่ะค่ะคงถึงเวลาที่เราจะประกาศผู้ชนะในการเล่นเกมส์ก่อนฉายหนังแล้ว ผู้ชนะจะได้รับบัตรดูละครเวทีนิเทศฯ ปีนี้ฟรีสองใบ เย่ๆ”

   “ดีใจตรงไหน” ผมหันไปมองคนตัวสูงข้างๆ ซึ่งกำลังถอนหายใจเหมือนกัน

   คือมึง...ได้หรือไม่ได้รางวัลเกี่ยวอะไร ในเมื่อปีนี้เราเป็นคนทำละคร มึงจะให้กูวิ่งมาดูที่หน้าเวทีหรือไงวะสาดดดดดดด

   “มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เขียนชื่อหนังรักในดวงใจได้ตรงกัน คนแรกก็คือ แท่มแทมแท๊มมมมมม น้องเตชภณ นิเทศศาสตร์ปีสามค่า”

   “วิ้ดวิ้วววววววว”

   “ขึ้นมารับรางวัลได้เลยค่ะ”

   “รีบขึ้นไปดิ” ไอ้ค่ายพยักเพยิดให้ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือและการจับตามองของนิสิตหลายคณะ

   “แนะนำตัวสั้นๆ หน่อยค่ะ” พิธีกรยื่นไมค์มาถามผม

   “สวัสดีครับ ชื่อเติร์ดครับ”

   “น้องเติร์ดพอจะเดาได้มั้ยว่าอีกคนที่ตอบเหมือนเราเป็นใคร”

   “เอ่อ...” ผมกวาดตามองลงไปด้านล่างเวที คนเป็นร้อยขนาดนี้กูจะไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นใคร แถมไอ้หน้ากวนบาทาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างล่างยังเอาแต่ขยับปากพูดคำว่า ‘one day’ ไม่หยุด

   หรือแม่งจะตอบว่าวันเดย์จริงวะ ถ้าอย่างนั้นมันก็เลือกไม่ตรงกับผมอ่ะดิ

   “ไม่รู้เหมือนกันครับ” ไม่อยากคิดแล้ว ปวดหัว รีบเฉลยมาดีกว่า

   “งั้นเราจะประกาศผู้โชคดีอีกคนนะคะ ผู้โชคดีคือน้องขุนพล นิเทศศาสตร์ปีสามเช่นกันค่า”

   “กรี๊ดดดดดดดดด”

   ไอ้เหี้ย! เขียนเหมือนกันทำไมไม่บอก ลอกกูแน่ๆ

   ผมมองดูร่างสูงในชุดนิสิตที่ไม่มีส่วนถูกระเบียบเลยแม้แต่ส่วนเดียวกำลังเดินขึ้นมาบนเวที ผู้หญิงก็กรี๊ดให้มันยกใหญ่เพราะความฮอตและทรงผมน่ากระทืบของมัน ทันทีที่เจ้าตัวเดินขึ้นมายืนประชิดกับผม เขาก็ส่งไมค์อีกตัวให้ไอ้ค่ายอย่างรวดเร็ว

   “ไม่ต้องแนะนำตัวก็คงรู้เนาะ น้องค่ายเขียนหนังเรื่องอะไรลงไปคะ”

   “ผมเขียน Flipped ครับ” เจ้าตัวจ้องหน้าผมยิ้มๆ แต่กูเนี่ยแหละที่ไม่อยากพูดอะไรนอกจากยืนใจเต้นอยู่ตรงนี้

   “ถามทั้งสองคนบ้างดีกว่า ทำไมถึงเลือกหนังเรื่องนี้”

   “ผมชอบการเล่าความสัมพันธ์และความรู้สึกของคนสองคน แรกเริ่มต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกัน”

   “แต่สุดท้ายเขาก็ใจตรงกัน” ประโยคนี้ไอ้ค่ายเสริมต่อ

   “ผมชอบเพลงด้วยครับ Let it be me”

   “แต่ท่อนที่ร้องIf you must cling to someone, Now and forever, Let it be me ซึ่งมันแปลว่า ถ้าเธอต้องการมั่นใจในใครสักคนในตอนนี้และตลอดไป ก็ขอให้เป็นฉันเถอะ...ซึ่งผมว่ามันน้ำเน่าอยู่นิดหน่อย” เราต่างพูดสลับกันไปมาเหมือนเป็นการเติมประโยคให้สมบูรณ์ แต่มันก็ค่อนข้างเละเทะ เพราะแต่ละประโยคของไอ้ค่ายแม่งย้อนแย้งกับผมทุกอย่าง

   “ผมชอบความคิดของนางเอกด้วย ตอนแรกเขาชอบพระเอกฝ่ายเดียว”

   “สุดท้ายพระเอกก็ตามจีบนางเอก”

   “มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นมั้ย” ผมถามมัน ลืมไปด้วยซ้ำว่าเราไม่ได้อยู่กันสองคน ลืมไปเลยว่าเรากำลังยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางสายตาของคนมากมายแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพูดต่อ

“มีอีกหลายฉากที่ชอบ อย่างซีนนางเอกเอาไข่ไก่ไปให้พระเอกที่บ้าน”

   “โคตรเชยเลย”

   “จริงๆ มันก็เป็นหนังรักธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา”

   “มันคือหนังธรรมดา”

   “นักแสดงทำได้ดี”

   “ตามมาตรฐานนักแสดงฮอลลีวูดน่ะครับ”

   “ถึงแม้จะมีจุดบกพร่องบ้าง แต่ถ้าใช้ความรู้สึกวัดแทนความคิดทางวิชาการ ยังไงผมก็ชอบหนังเรื่องนี้”

   “ในทางวิชาการผมว่ายังมีหลายจุดที่ไม่โอเคอยู่ แต่ถ้าในความรู้สึก”

“...”

“อืม...ชอบเหมือนกัน”

   นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้ค่ายตอบตรงกับผม เพราะไม่ว่าเราจะคิดไม่เหมือนกันยังไง สุดท้าย...เราก็ยังตอบเรื่องเดียวกันอยู่ดี แม้ผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอย่างนั้น

    “กูว่าความจริงมึงไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้”

   “ก็รู้หนิ” ใช่ เพราะปกติไอ้ค่ายไม่ชอบดูหนังรักโรแมนติก แถมชีวิตมันยังโชกโชนล้ำหน้าหนังไปเยอะมาก แต่ผมก็ยังสงสัยว่าทำไมมันถึงยังตอบเรื่องนี้อยู่

   “แล้วมึงตอบ flipped ทำไมวะ กลัวไม่ได้รางวัลเหรอ”

   “รางวัลที่ได้คงน่าสนใจมากสินะ กูรู้หรอกว่ามึงชอบเรื่องนี้ เพราะเห็นมึงชอบ...”

   “...”

   “กูเลยอยากตอบเหมือนมึง”











   “โบน มึงรีบเปิดดิ กูรอจนรากงอกแล้วเห็นมั้ย”

   “ใจเย็นสัด มึงดูวันนี้หรือพรุ่งนี้ผลมันก็ไม่เปลี่ยนหรอก”

   “เปลี่ยนดิ รู้ผลวันนี้แดกเหล้าวันนี้ รู้ผลพรุ่งนี้กูไปไม่ได้”

“ทำไม”

“เลี้ยงสาวหมด”

   “ไอ้นรก”

   บทสนทนาระหว่างไอ้ทูกับไอ้โบนดังเข้าหูแว่วๆ ผมเลยรีบล้างจานตรงซิงก์น้ำให้หมดก่อนจะปราดมานั่งข้างพวกมันเพื่อดูรายชื่อร้านที่ทำเงินสูงสุดห้าร้านแรกหลังจบนิเทศแฟร์ไปหมาดๆ

   คณะกรรมการสโมสรจะนำรายชื่อขึ้นแฟนเพจคณะในช่วงสองทุ่ม ดังนั้นเราทุกคนเลยตื่นเต้นว่าจะได้เป็นหนึ่งในห้านั้นหรือเปล่า จะมีก็แต่ไอ้ค่ายนี่แหละที่มัวแต่แต่งตัวอวดหล่อ พ่นน้ำหอมจนฉุนอย่างอารมณ์ดีอยู่คนเดียว

   “มึงไม่มานั่งดูผลวะเชี่ยค่าย”

   “ดูทำไม ยังไงก็ได้อยู่แล้ว นี่กูแต่งตัวรอเลยนะเนี่ย” พูดจบมันก็ยืนผิวปากอย่างมีความสุข เชี่ยนี่ความมั่นใจล้นเหลือมากครับ บางทีก็อยากให้เหลือเผื่อแผ่มาถึงเกรดที่มันควรได้ตอนสิ้นเทอมด้วย โคตรโง่

   “เลิกสนใจมันเถอะ กูจะเปิดแล้วนะ ไอ้โบนสะกิดไหล่ผมยิกๆ มือข้างขวาเลื่อนเม้ากดไปยังหน้าแฟนเพจของคณะ ในวินาทีนั้นเองข้อความที่ปักหมุดเอาไว้บนสุดก็ปรากฏในม่านสายตา

   ผ่าง!!

   “อันดับหนึ่งซุ้มสาวน้อยตกน้ำ อันดับสองสอยดาวหาคู่”

   “มึงจะอ่านทำเพื่อ นี่ไงชื่อของพวกเรา”

“ชอบบบบบบบบบ”

“ชายฉะกัน ไส้กรอกยาวใหญ่ ชื่อแม่งทุเรศฉิบหาย!”

“กูชอบนะ”

“คิดว่ามันตลกเหรอ”

   “เอาน่า ชนะแล้วไง ชื่อเหี้ยไรก็ไม่มีผลกับชีวิตกู” ไอ้ทูตบบ่าผมพลางยิ้มแหย กูรู้หรอกในใจมึงคงรู้สึกไม่ต่างกัน เป็นถึงหนุ่มฮอตของนิเทศฯ ปกติเวลาใครพูดชื่อแก๊งโหดจะนึกถึงหน้าหล่อๆ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วครับ

   นึกถึงพวกกู...นึกถึงไส้กรอกยาวใหญ่

   และก็เป็นไปตามคาด รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของร้านชายฉะกันในงานนิเทศแฟร์ตลอดสองวันอยู่ในอันดับที่สี่ ซึ่งก็ต้องกราบไอเดียการเปลืองเนื้อเปลืองตัวของไอ้ค่าย ที่ลำพังแค่ขายไส้กรอกก็คงไม่ได้เงินมากขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเย็นนี้เราเลยนัดกันไปฉลองความสำเร็จที่ร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นชื่อดัง แล้วต่อด้วยการกระดกแอลกอฮอล์เข้าสายเลือดตามสเต็ป

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 24-05-2017 23:12:25

ชีวิตมหา’ลัยมันจะมีอะไรมากวะ กิน ขี้ ปี้ นอน ตัดเรื่องเรียนออกไปก็มีอยู่แค่นี้แหละ หลังจากยัดห่ากันเสร็จไอ้ค่ายก็มุ่งหน้าไปที่ร้านพร้อมกับชาวีลูกรักของมันก่อนเพราะกลัวว่าการโทรไปจองโต๊ะจะไม่ชัวร์ ส่วนผม ไอ้โบน รวมถึงไอ้ทูได้ตามไปหลังจากนั้นยี่สิบนาที


Khunpol K.
แวะเข้าห้องน้ำ – ที่ On the Rock


เข้าห้องน้ำพ่อง! ย้ำอีกครั้ง นี่แค่ยี่สิบนาทีเองนะ แม่งไปพาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มานั่งเต็มโต๊ะ โอ้โห มองคราวแรกกูนึกว่างานมอเตอร์โชว์ สาวสวยๆ รุมกันให้เพียบ

   “อะไรกันครับเพื่อนค่าย” ไอ้โบนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางแทรกเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมกับไอ้ทูมองหน้ากันอย่างรู้ทันว่าคืนนี้งานอาจจะเข้าอีกแล้ว ผมมักบอกเสมอว่าทำใจได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องมานั่งมองคนที่ตัวเองรักกำลังจีบคนอื่นอยู่

   “เชี่ยเติร์ด มึงจะมัวยืนอีกนานมั้ย นั่งดิ” เสียงทุ้มต่ำของคนที่ชอบเอ่ยขึ้น ดึงให้ผมหลุดออกจากภวังค์และเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ที่ซึ่งแทบไม่เหลือที่ว่างให้หมาหัวเน่าอย่างกูเลย ตอนขายไส้กรอกผมก็เป็นคนย่าง แล้วทำไมตอนฉลองความสำเร็จด้วยกันถึงมีแค่เพื่อนไม่ได้วะ

   “งานนี้กูสั่งแบล็คเพื่อมึงเลย”

   “เพื่อกูหรือเพื่อใคร” ผมย้อนกลับไป ก่อนไล่สายตามองผู้หญิงที่ส่งยิ้มหวานมาให้ผมทีละคน ให้ตาย...

   “เพื่อมึง แต่มึงก็ห้ามกินเยอะ เดี๋ยวเมาอย่างหมาไม่มีใครพากลับ”

   “ก่อนจะบอกคนอื่น มึงช่วยเอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ” แก้วทรงสูงถูกเลื่อนมาอยู่ด้านหน้าของผมพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่บรรจุอยู่เต็มแก้ว เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นการเลี้ยงฉลองและยุติปัญหาที่อาจทำให้ผมกับไอ้ค่ายตีกันก่อนกลับ

   เราเริ่มแนะนำตัวกับแขกไม่ได้รับเชิญอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนั่งคุยและดื่มกันเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเพลงที่คลออยู่เบาๆ ผมพยายามไม่คิดอะไรมากเพราะเข้าใจธรรมชาติของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นอย่างดี แต่มันก็อดไม่ได้เหมือนกันที่จะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของรุ่นน้องคนหนึ่งที่ทำตัวติดไอ้ค่ายมากเกินไป

   ใช่ น้องเป็นเด็กมหา’ลัยเดียวกันผม ส่วนที่นั่งรายล้อมอยู่นี่ก็เพื่อนเขาที่ยกพลขึ้นบกกันมาเพราะไอ้ค่ายหาโต๊ะไม่ได้ตอนมาถึงร้านเลยขอมานั่งแจมด้วย ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกผมให้แม่งเปลี่ยนร้านไปนานละ ไม่ต้องมานั่งอึดอัดอยู่ตรงนี้หรอก

   ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดเลยยกเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียวแทบหมดแก้ว แต่ไอ้สามตัวมันเฮี้ยนกว่าตรงที่ชอบดื่มเพียวๆ แบบออนเดอะร็อคเสียมากกว่า มีกูเนี่ยแหละที่แดกเยอะแบบนั้นไม่ได้ แพ้...เออแพ้แต่ก็หยุดตัวเองไม่ได้ แถมไอ้ทูกับไอ้โบนยังขยันชงเหล้าให้แบบไม่มีขาดตกบกพร่องอีก

   “ไอ้เติร์ดกูว่ามึงพอก่อน” มือหนาเอื้อมมาจับแก้วเหล้าของผมเอาไว้ ก่อนที่มันจะถูกกรอกของเหลวลงคอเหมือนทุกที

   “ยุ่งน่า”

   “เป็นไร เพลงไม่สนุกเหรอ”

   “เออ” ผมตอบส่งๆ ไป

   “งั้นให้กูร้องให้ฟังมั้ย รับรองอารมณ์ดีขึ้นมาทันที” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังยกมือขึ้นมายีหัวกูเล่นอย่างมีความสุข มันก็เป็นซะอย่างนี้ไง อ่อยอยู่ได้จะเอาเวลาที่ไหนไปตัดใจวะ

   “มึงร้องกูได้ตายห่าคาโต๊ะพอดี อยู่เฉยๆ ไปเถอะว่ะ”

   “เคๆ แต่มึงก็อย่าทำหน้าบูด”

   “เกี่ยวเหี้ยไร แดกของมึงไปสิ”

   “เกี่ยวดิ ไม่แคร์มึงจะให้กูแคร์ใครล่ะครับ” ไอ้ค่ายกอดคอผมเอาไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างถือแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย

   “พี่ค่าย เดี๋ยวมานะ” แล้วรุ่นน้องที่ตัวติดกับมันก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม ไอ้ควายค่ายนี่ถึงกับรีบปล่อยคอผมแล้วหันไปสนใจเขาทันที

   “ไปไหนอ่ะครับ ให้พี่ไปส่งมั้ย”

   “จะไปขอมิกซ์บัคเก็ตนิดหน่อยค่ะ”

   “เดี๋ยวพี่จ่ายให้” เพื่อนรักเพื่อนแค้นกูนี่รีบกุลีกุจอจะควักกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาจ่ายพัลวัน ดีที่เขาปฏิเสธก่อนไม่งั้นคืนนี้มีหมดตัวกันแน่

   “ไม่เป็นไรค่ะ ไปขอหน้าบาร์ฟรี”

   “โอเคครับ งั้นรีบมาน้า”

   โคตรตอแหลเลยครับ ไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไอ้เหี้ยค่ายเนี่ยแหละ ระริกระรี้จนกูอยากกระทืบ ร้านเหล้าบางร้านมีธรรมเนียม ถ้ามีเหล้าก็สามารถเดินไปของมิกซ์ฟรีได้ที่หน้าบาร์ จริงๆ มันไม่ได้ฟรีหรอกครับ แต่เป็นพฤติกรรมที่นักท่องราตรีบางคนมักทำด้วยการส่งสาวๆ สวยๆ ไปยั่ว ถึงจะได้ของแลกมา

   ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะไม่นานน้องผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมาพร้อมกับถังเครื่องดื่ม ด้านในมีของเหลวสีชมพูบรรจุอยู่ แถมมีหลอดปักเอาไว้เต็มไปหมด

   “พี่เติร์ด กินได้นะคะ” ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร แต่เมื่อเธอชวนผมเลยไม่ปัดปฏิเสธ แค่ดูดไปอึกหนึ่งเท่านั้นแหละ ลิ้นกูเสียรสเลย ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย ขม!

   “บัคเก็ตนี่ใส่อะไรบ้างเนี่ย” กูแทบจะดึงลิ้นออกมาทำความสะอาดข้างนอกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

   “โต๊ะข้างเวทีให้แบล็คมา อีกโต๊ะนึงให้เรด นี่ผสมกระทิงแดงด้วย หน้าบาร์เลยใส่น้ำลิ้นจี่ผสม เป็นไงคะรสชาติดีมั้ย” คุณจะหลอกเติร์ดด้วยสีชมพูหวานแหววแบบนี้ไม่ได้ ดีกับผีอ่ะสิ! นี่มันส่วนผสมของเหี้ยอะไรวะ แล้วคือกูจะตายมั้ย

“...” ผมเลยไม่ตอบอะไรนอกจากนั่งดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองต่อไป

   ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะและวุ่นวาย เพลงที่เคยดังคลออยู่ตอนแรกยิ่งเร่งระดับขึ้นเป็นการบิลด์อารมณ์คนในร้านให้สนุกสนานตาม ยิ่งอัดแอลกอฮอล์เข้าไปเยอะๆ คราวนี้วิ่งแข่งกันเข้าห้องน้ำกันจ้าล่ะหวั่น กระทั่งไอ้ค่ายเอ่ยกับผมเป็นรอบที่สาม

   “เดี๋ยวกูมานะ”

   “ไปเข้าส้วมอ่ะดิ”

   “เออ มึงไปมั้ย” ผมส่ายหัว มันเลยหันไปหาเพื่อนในกลุ่มอย่างไอ้โบนแทน “ไอ้โบนมานี่หน่อย”

   “ไม่ไป ขี้เกียจเยี่ยว”

   “มา...นี่...หน่อย” เสียงทุ้มย้ำชัดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนทั้งคู่จะผละออกไปเหลือเพียงผมกับไอ้ทูที่นั่งมองหน้าอย่างงุนงง พอเห็นอย่างนั้นเพื่อนทูเลยรีบย้ายตูดมาแปะตรงเก้าอี้ข้างผมทันที ส่วนน้องผู้หญิงแก๊งนี้เขาก็ดื่มกันอย่างมีความสุขไม่ได้มายุ่มย่ามอะไรกับผมมาก นอกจากนัวกับไอ้ค่ายเท่านั้น

   “กูว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อกี้กูเห็นมันตอบไลน์กัน”

   “ไลน์อะไร อยู่กันแค่นี้คุยกันก็ได้มั้ง”

   “นั่นสิ แต่กูเห็นไอ้โบนแม่งคุยกับไอ้ค่ายในไลน์ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่ามันอาจมีความลับกับเรา” ตัวเสี้ยมของจริงก็ไอ้คนข้างๆ นั่นแหละ

   ผมก็สังเกตเห็นบ้างเวลาที่เพื่อนตัวสูงหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นอะไรของมัน แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าจะคุยกับใคร ต่างกับตอนนี้ที่เริ่มคิดหนักแล้ว

   “เรื่องผู้หญิงมั้ง แบบ...คืนนี้จะหิ้วใครกลับ” ปกติแม่งก็เป็นอย่างนี้ประจำ

   “แต่ถ้ามันจะหิ้วใครกลับก็ไม่จำเป็นต้องปรึกษาป่ะวะ ไอ้ค่ายมันเคยบอกเราด้วยเหรอว่าเออ...คืนนี้ถ้ากูจะหิ้วน้องนมใหญ่ต้องทำยังไง เห็นแต่มันยิงโชะเดียวยันเช้าตลอด”

   ยิ่งไอ้ทูพูดผมก็ยิ่งอยากรู้ เลยขอตัวเดินไปด้อมๆ มองๆ แถวห้องน้ำหน่อยว่ามันนัดแนะอะไรกันแน่ พอไปถึงผมก็เห็นเพื่อนสนิทสองคนยืนอยู่หน้ากระจกภายในห้องน้ำและกำลังล้างมือกันอยู่ ดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรจนกระทั่งไอ้ค่ายเป็นฝ่ายพูดขึ้น

   “เลิกคิดมากได้แล้วเชี่ยโบน ข้อสันนิษฐานมึงแม่งมั่วสัด”

   “ไอ้เหี้ยกูสังเกตมาหลายทีแล้วจริงๆ นะ ไม่งั้นจะให้มึงไปลองพิสูจน์เหรอ”

   “แล้วไง กูก็พิสูจน์แล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย”

   “แต่...”

   “ยัง ยังไม่หยุดอีก”

   “กูรู้สึกมานานแล้วว่าไอ้เติร์ดมันชอบมึง”

   ...!!

   คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของไอ้โบนทำให้ผมยืนมองตาค้าง ตัวสั่นปากสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ได้แต่ลอบมองอาการของไอ้ค่ายพร้อมกับคาดหวังว่ามันจะไม่เกลียดผมที่เผลอรู้สึกแบบนั้นกับมัน

   “มึงใช้ประสาทส่วนไหนรับความรู้สึกวะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้น นี่กูลองอ่อยมันหลายทีแล้วก็ไม่เห็นไอ้เติร์ดจะทำท่าทีเขินอายอะไรเลย เราสี่คนยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเว้ย”

   “งั้นมึงถามไอ้ทูมั้ยล่ะว่าไอ้เติร์ดมันได้คิดกับมึงแค่เพื่อนหรือเปล่า”

   “มึงคิดเหรอว่าไอ้ทูจะรู้ คนอย่างไอ้เติร์ด...มีอะไรมันไม่ค่อยบอกใครหรอก”

   “นั่นไง ถ้ามันชอบมึงแม่งจะบอกให้โง่เหรอวะ”

   “เลอะเลือนแล้วครับเพื่อน ขืนมึงยังพูดเรื่องนี้อีกคืนนี้กูไม่ยกน้องมายด์ให้มึงพาไปกกนะ”

   “สัด เอาผู้หญิงมาล่อกูก็ต้องหยุดมั้ย” ผมได้ยินเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ดังขึ้นมาสักพัก ก่อนจะรีบพาตัวเองหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

   ตัวผมชา สมองของผมแม่งว่างเปล่าไปหมด ทุกการกระทำที่ไอ้ค่ายเคยทำดีกับผม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการพิสูจน์ข้อสงสัยโง่ๆ เพียงเท่านั้น

   ล้มทั้งยืนน่าจะเป็นสิ่งที่อธิบายตัวตนของผมในตอนนี้ได้ดีที่สุด

   ผมกับไอ้ค่ายรู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่ง มันเป็นผู้ชายกวนตีนแต่ก็นิสัยเจ้าชู้ คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า ตลอดสามปีมันไม่เคยเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร เหี้ยยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้

   ผมพูดเสมอว่าตัวเองชอบที่มันเป็นแบบนั้น ยอมรับได้ทุกอย่างขอแค่ได้ชอบ บางทีความรักแม่งก็ไม่มีเหตุผล ไม่ต้องสนใจตรรกะ ชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก ผลสุดท้ายเป็นไง...

   เจ็บคนเดียวมาตลอดสามปีโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้เลย

   บางทีก็อยากเดินไปตะโกนใส่หน้ามันให้สาแก่ใจนะครับว่ากูเสียใจมากที่หลงชอบมัน และชอบมาตลอด แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำอย่างนั้น ได้แต่เจ็บใจอยู่คนเดียว ยอมเป็นตัวตลกให้มันเล่นกับความรู้สึกจนพอใจและก็เดินจากไปเท่านั้น

   เหรอวะ แค่นั้นเหรอ?

   ผมส่งข้อความบอกกับไอ้ทูว่าจะขอกลับก่อน แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้พาตัวเองกลับห้องหรอก ผมยังเมากว่านี้ได้อีก เลยขับรถไปนั่งทำตัวโง่ๆ อยู่อีกร้านหนึ่ง เสียงโทรเข้าจากไอ้โบนกับไอ้ค่ายกระหน่ำเข้ามาไม่ขาดสายซึ่งผมไม่รับ ความรู้สึกมันตื้อไปหมด จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ปล่อยมันจุกอยู่ในอกโดยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ดีขึ้น

   จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ตีสามถึงค่อยๆ พาสังขารตัวเองกลับไปทั้งที่เมาแทบสิ้นสติ และทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมก็ได้เห็นร่างสูงของคนที่แอบรักข้างเดียวมาตลอดนั่งหน้านิ่งอยู่ตรงโซฟา

   มันไม่ง่ายเลยนะที่เวลากลับมาเจอหน้าอีกฝ่ายแต่ต้องทำตัวให้เป็นปกติ ทั้งที่ความจริงเมาจนเดินแทบเป๋ คือเละ แต่ก็ยังพึมพำเสียงเบาๆ แม้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะได้ยินหรือเปล่าออกมา

   “กูไม่เมา กูโอเค”

   “ไปไหนมาวะ”

   “แค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้” โคตรเฟคเลย เหนื่อยว่ะ

   “ไอ้เติร์ด กูถามว่ามึงไปไหนมา แล้วที่ไอ้ทูบอกมึงขอกลับห้องก่อนทำไมมึงถึงมาเอาป่านนี้วะ” คนตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียง พลางเดินเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็ว

   “แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย!”

   “แล้วมึงเป็นห่าอะไรเนี่ย บอกกูสิจะได้ทำตัวถูก”

   “มึงเอาความรู้สึกของกูมาเล่นเหรอ”

   “มึงพูดเหี้ยอะไรวะ”

   “ถ้ามึงไม่รู้ว่าเพราะเหี้ยไรก็อย่ามายุ่งกับกู” ผมจะตัดใจ เป็นตายยังไงก็จะไม่ชอบมันแล้ว แต่ทำไมถึงต้องรั้งมือกูเอาไว้ด้วยวะ ผมไม่อยากให้มันเห็นว่าตอนนี้ผมกำลังแย่ขนาดไหนและร้องไห้หนักยังไง ผมยังอยากให้มันเห็นว่านี่คือเติร์ด เพื่อนที่สดใสและร่าเริงของมัน

   “ไอ้เติร์ดมึงเป็นอะไร”

   “กู...แค่เมา โทษที แต่คนของมึงคงรอแล้วล่ะ” ผมก้มหน้าปาดน้ำตาออกจากแก้มพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายแล้วรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าห้องนอนตัวเองทันที

   วันนี้มันพาผู้หญิงมานอนด้วยเพราะประตูห้องนอนเปิดแง้มอยู่ ผมเห็นรุ่นน้องคนนั้นนอนอยู่บนเตียงไอ้ค่าย แค่นี้มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่ผมควรหยุดสักที

   เพื่อนคนนี้ไม่มีทางชอบผม เหมือนที่ผมควรหยุดหลอกตัวเองสักทีจะได้ไม่ต้องเจ็บซ้ำซากอีก

   เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาสามปี ชอบดูหนังเหมือนกัน ไปไหนไปกันตลอด มันรู้ใจผม ขณะที่ผมก็รู้ใจมัน แต่แปลก...

   ที่เราไม่เคยใจตรงกันเลย












   นี่เป็นเช้าที่ปวดหัวหนักสุดในรอบหลายเดือน เมื่อคืนอัดเข้าไปทั้งเหล้าและบัคเก็ตเลยแฮงก์หนักจนถึงตอนนี้ ผมต้องตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกซึ่งบอกว่าเป็นเวลาสิบโมงแล้ว โชคดีที่วันนี้เข้าเรียนบ่ายเลยไม่ต้องฝืนสังขารไปเรียนตั้งแต่เช้า

   ค่อยๆ พาตัวเองคลานลงจากเตียง หยิบเอาผ้าขนหนูที่แขวนเอาไว้หน้าตู้เสื้อผ้าออกมา ย่างเท้าออกไปด้านนอกก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าห้องนอนของใครคนหนึ่ง

   โชคร้ายฉิบหายที่ดันมีส้วมอยู่ห้องเดียวแล้วดันมาอยู่ในห้องนอนของมัน

   ก๊อกๆๆ

   ลองออกแรงเคาะประตูอยู่สักพักคนตัวสูงก็เดินมาเปิดประตู ไอ้ค่ายสวมผ้าขนหนูคาดเอวผืนเดียวขณะที่ปลายเตียงของมันยังมีรุ่นน้องผู้หญิงคนนั้นนั่งกดมือถืออยู่

   “อาบน้ำเหรอ” มันถาม ผมเลยพยักหน้าแล้วเดินเข้ามาในห้อง “เดี๋ยวกูขออาบก่อน”

“รีบๆ เลยกูต้องรีบออกไปข้างนอกก่อนเข้าเรียน”

   “ไปไหน”

   “เสือกน่า”

   “รอกูอาบน้ำก่อน”

   “งั้นกูออกไปรอข้างนอก”

   “ไม่ต้อง เดี๋ยวน้องเขาก็กลับแล้ว”

   “ให้กูไปส่งเขามั้ย”

   “ใช่หน้าที่มึงที่ไหนล่ะ เดี๋ยวเพื่อนเขามารับเอง”

   ทันทีที่ไอ้ค่ายเดินเข้าห้องน้ำ สภาวะเดดแอร์ก็เข้าแทรก ได้แต่ส่งยิ้มไปให้น้องผู้หญิงเป็นระยะ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งตรงเก้าอี้ทำงานอย่างเงียบๆ ไม่นานน้องเขาก็ลุกขึ้นไปเคาะประตูห้องน้ำและคุยกับคนด้านใน สักพักถึงได้หันมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง

   “กลับก่อนนะคะพี่เติร์ด เพื่อนมารับแล้ว”

   “ครับๆ ให้ไปส่งหน้าห้องมั้ย”

   “ไม่เป็นไรค่า ไว้เจอกันใหม่น้า” ไม่ได้หวังจะเจอหรอก แค่นี้กูก็เจ็บฉิบหายแล้วครับ

   “เติร์ด ไอ้เชี่ยเติร์ดเข้ามาในนี้หน่อย!” เสียงของไอ้ค่ายแทรกเข้ามาในโสตประสาท มันดังอย่างนี้อยู่หลายครั้งจนความอดทนของผมหมด เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ

   “มีไร”

   “เข้ามาอาบน้ำด้วยกันสิ กูไม่ได้ล็อก เร็วเดี๋ยวไม่ทัน”

   “ทันแหละ”

   “มึงบอกกูเองว่ารีบ อย่าลีลา” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งอีกฝ่ายแต่โดยดีด้วยการเดินเข้าไปด้านใน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่อาบน้ำด้วยกันตอนวันเร่งรีบ

   ไอ้ค่ายมันก็หันมามองกูนะครับเหมือนจะพูดอะไรด้วย แต่โอ้โห ชะว้าว!

   “มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย”

   “ปลดปล่อยหน่อย มันอึดอัด”

   “เดี๋ยวกูถีบกระเจี๊ยวหลุด” เรียกกูเข้ามาดูภาพอุบาทว์แบบนี้เพื่อ? แล้วคือกูต้องทำยังไง ร้องเพลงให้ฟังเหรอ

   “มึงไปใช้ห้องอาบน้ำโน่น เดี๋ยวกูขอใช้ชักโครกแป๊บ”

   “ตามสบาย” สโตรกให้พอใจไปเลยลูกพี่ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะพูดแซะออกไป “เอาสาวมาทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์”

   “ไม่ถึงใจ”

“อืม”

“แต่ความจริงก็นอนไม่หลับ”

   “คงได้หลับหรอกเมื่อคืนอ่า”

   “อันนี้จริงจัง มึงโกรธกู เครียดฉิบหายเลย”

   “เปล่าหรอก มึงจะถือสาอะไรกับคนเมาวะ”

   “ปกติมึงไม่ได้เป็นแบบนี้”

   “หึ!” อยากถามออกไปจริงๆ ว่าปกติผมเป็นแบบไหน สิ่งไหนที่มันมองเห็นเป็นตัวตนของผม ก็ได้แค่หัวเราะในลำคอแล้วถอดเสื้อแขวนไว้กับราวเพื่ออาบน้ำเท่านั้น และถึงแม้จะรูดม่านไปแล้วไอ้ค่ายก็ยังถามเหมือนรู้ทันทุกที

“รู้ว่าเมาหนักแล้วผื่นขึ้นก็ยังจะเมานะมึง”

   “เรื่องของกู” ผมเปิดน้ำจากฝักบัวเพื่อกลบเสียงสั่นๆ ของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะได้ผลมั้ย แต่อย่างน้อยมันก็ปกปิดความเสียใจในส่วนลึกของผมได้บ้าง

   “โกรธอะไรกูเนี่ย ไม่สนุกเลยว่ะ”

   “โง่อย่างมึงไม่ต้องมารู้อะไรกับกูหรอก”   

“มึงก็โง่เหมือนกันแหละว้า”

   “เกรดเทอมก่อนกูเยอะกว่ามึงเห็นๆ”

   “ใช่เรื่องนั้นที่ไหนล่ะ ปากดีจังนะมึงเนี่ย”

   “ไม่เท่ามึงหรอกครับ ตอแหล”

   “กูไปตอแหลตอนไหนช่วยบอกกูที”

   “แฮงก์สัด” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดด้วยแหละมั้ง จุดนี้จะตัดก็ควรต้องตัด กลับไปเป็นเพื่อนกันถึงจะเจ็บแต่ก็ต้องพยายาม ยิ่งนึกถึงตอนที่มันเอาความรู้สึกของผมมาทดสอบข้อสงสัยของมันผมก็ยิ่งรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่ของเล่นสำหรับใครอีกแล้ว แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนก็ตาม

   “ช่วยมั้ยเดี๋ยวหายเลย”

   “ไม่เสือกสักเรื่องได้มั้ยวะ”

   “เมื่อคืนหนีกลับก่อนทำไมไม่บอก”

   “บอกไอ้ทูแล้ว”

   “บอกมันคงช่วยได้หรอก สุดท้ายมึงก็ลากสังขารกลับห้องมาคนเดียวทั้งที่เมาแอ๋”

   “ทำอย่างกับมึงดูแลกูดีตายแหละ”

   “อย่างน้อยก็พามึงกลับได้แล้วกัน”

   “เมื่อคืนกูก็กลับได้”

เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกนอกจากใช้เวลากับการอาบน้ำ โดยผมเป็นฝ่ายเดินออกมาก่อนเพราะรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ในนั้น ซึ่งแม่งก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลยเพราะสุดท้ายไอ้ค่ายก็เดินตามออกมาอยู่ดี

“ตัวมึงแดงหมด เดี๋ยวกูทายาให้”

   “เอาเวลาไปทาให้ผู้หญิงของมึงเถอะ”

   “กูไม่เคยทิ้งรอยไว้บนตัวใคร”

   “ไม่ได้อยากรู้มั้ย”

   “ถามจริงมึงเป็นอะไร มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นะเว้ย”

   “เลิกถามกูได้ละ ถ้าเป็นไปได้ก็เลิกสนใจกูไปเลยมันคงจะดีกว่านี้ ใช้ชีวิตของมึง มีความสุขของมึง แล้วเลิกเอากูเข้าไปยุ่งแค่นั้นพอ”

ไม่จำเป็นต้องบอกหรือพูดอะไรอีกแล้ว พูดไปก็กลัวจะเข้าตัวเอง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อ ความสัมพันธ์ที่สร้างมาจะไม่เหลืออะไรเลย แค่คำว่าเพื่อนก็จะไม่เหลือ…














 ผมนัดไอ้โบนกับไอ้ทูที่ร้านกาแฟในมหา’ลัยโดยไม่ได้บอกกล่าวไอ้ค่ายเอาไว้ รวมถึงไม่ได้พูดเรื่องที่แอบไปได้ยินมาเมื่อคืนให้ใครฟังด้วย ทุกการกระทำของไอ้ค่ายที่มีให้ผมตลอดเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำ แล้วจะให้ผมไว้ใจใครได้อีก ไม่มีแล้ว

   “เติร์ด มึงไม่ชวนเพื่อนรักมึงมาด้วยวะ”

   “ชวนมาทำไม”

   “โกรธอะไรมันนักหนา มีอะไรที่กูไม่รู้หรือเปล่า นี่ก็ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ” มึงแหละตัวดีเลยไอ้โบน ไอ้ฉิบหาย

   “กูไม่ได้โกรธมัน”

   “มันเพิ่งโทรมาหากูว่ามึงไม่เหมือนเดิม มีอะไรก็เคลียร์กันเถอะว่ะ เป็นแบบนี้ต่อไปมันจะแย่”

   “ไม่มีใครอยากให้มันแย่หรอก แต่ถ้ามึงเป็นกูมึงจะรู้” ว่ามันเจ็บแค่ไหน...

   “เดี๋ยวไอ้ค่ายแวะเข้ามานะ กูอยากให้มึงสองคนได้เปิดอกคุยกัน” คราวนี้เป็นไอ้ทูที่เสนอตัวบ้าง มันตบบ่าเป็นการปลอบใจแม้ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มันน่าจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของคนแอบรักข้างเดียวอย่างผมมากที่สุด

   มันรู้ว่าผมรักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

   มันรู้ว่าผมพยายามสารภาพ แต่ก็ไม่เคยได้ผล

   สิบนาทีหลังจากนั้นร่างสูงของเด็กนิเทศฯ ปีสามก็เดินเข้ามาในร้าน เจ้าตัวสั่งเครื่องดื่มตรงเคาน์เตอร์ชั่วครู่ก่อนผินตัวเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของเรา

   “ว่าไงมึง แฮงก์กันบ้างป่ะ” บทสนทนานั้นยังเอ่ยทักทายเหมือนเดิม แม้เราต่างรู้ดีว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป

   “ไม่ว่ะ สาวแจ่มจนตากูสว่างยันเช้าเลย” ไอ้โบนพยายามพูดสร้างบรรยากาศแต่มันก็เท่านั้น

   “ถ้าแฮงก์ต้องจัดนี่ ออเร้นจิน่าใส่ราสเบอร์รี่สองปั๊ม”

   “แดกตอแหลจังนะ” ผมพูดลอยๆ จนทุกเสียงเงียบลงถนัดตา ถ้าอยากจะเคลียร์มันก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการถอยออกมาเพื่ออยู่ในจุดเดิมอย่างที่มันควรเป็นตั้งแต่แรกหรอก

   “กูอยากย้ายห้อง”

   “เติร์ด”

   “เป็นไปได้ก็อยากย้ายวันนี้เลย”

   “มึงไม่โอเคอะไรวะ เรื่องสาวเหรอ เฮ้ยกูโอเคถ้ามึงจะไม่ให้เค้าเข้ามาในห้อง” ไอ้ค่ายพูดด้วยน้ำเสียงลนลาน แต่เหตุผลนั้นมันไม่ใช่หรอก

   มันคือมึง...ที่ทำกับกูเหมือนเป็นตัวตลกต่างหาก

   “กูขอไปอยู่ห้องกับมึงได้มั้ยวะไอ้ทู”

   “เติร์ดมึงคุยกับกูก่อน มึงไม่พอใจอะไร”

   “เปล่า กูแค่อยากย้ายมึงจะได้มีอิสระไม่ต้องอึดอัดอีก”

   “กูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะเว้ย”

   “ตอนเย็นกูไปย้ายของนะ”

   พูดแค่นั้นผมก็รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พาตัวเองออกจากร้านแล้วเข้าไปอยู่ในห้องน้ำทันที ผมเป็นผู้ชาย และผมไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นตัวเองที่กำลังร้องไห้ ต้องทนมาตลอดเพื่อเก็บความรู้สึกรักเอาไว้ข้างใน แต่วันหนึ่งกลับรู้ความจริงว่าเพื่อนที่เรารักนั้นกำลังเล่นกับความรู้สึกเราอยู่

   ทุกการกระทำที่ผ่านมาของไอ้ค่ายเหมือนให้ความหวังผมอยู่เสมอ มันเลยปล่อยไม่ได้สักทีเพราะอีกใจหนึ่งก็คิดว่ามันอาจจะมีใจให้เหมือนกัน พอวันที่รู้ความจริงทุกอย่างก็สายเกินไป ผมถลำลึกจนกู่ไม่กลับแล้ว

   เสียใจ คงเป็นประโยคเดียวที่ผมรู้สึกกับมัน

   Rrrrr…!

   อาการสั่นของมือถือในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นของไอ้ทู และมันเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของผม เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่กดรับ

   ยังไม่ทันได้กรอกเสียงลงไป ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาเสียก่อน

   [กูไม่รู้ว่ามันโกรธอะไรกูเว้ย มันไม่ยอมบอก] เสียงนั้นเป็นของไอ้ค่าย และผมจำได้ดีแม้จะไม่ดังมากก็ตาม

   [อืม...]

   [มันก็รู้ว่ากูโคตรแคร์มัน]

   [ปากมึงแคร์แต่การกระทำมึงไม่ใช่ไง] แล้วก็มีเสียงของไอ้ทูแทรกเข้ามาเป็นระยะ ผมเดาได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังเปิดลำโพงเพื่อให้ผมได้ยินอยู่

   [แล้วมันไม่ใช่ยังไงวะ กูแม่งมืดแปดด้านไปหมดละ]

   [ไม่รู้ดิ เรื่องผู้หญิงป่ะ กูก็ไม่อะไรหรอก เราต่างเป็นแบบนี้มานานแล้วแต่ก็อย่าให้มันกระทบถึงเพื่อน]

   [กูรู้ตัวเองตลอดและก็แยกออกว่าควรให้เพื่อนเท่าไหร่ ให้ผู้หญิงเท่าไหร่ แน่นอนกูให้เพื่อนมากกว่าอยู่แล้วเพราะผู้หญิงเขาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ไอ้เติร์ดมันเป็นตลอดไปไง]

   [เหรอ แต่กูก็เห็นมึงเหี้ยกับมันมานานแล้วเหมือนกันว่ะไอ้ค่าย]

   [อย่างกับพวกมึงไม่เหี้ย]

   [เออกูยอม]

   [ถ้ามันบอกให้กูเลิกเหี้ยกูก็จะเลิก]

   [ใคร]

   [เติร์ด]

   [เพื่ออะไรวะ]

   [เพื่อที่กูจะได้ไม่เสียมันไป]

   […]

   [ถ้าต้องแลกหรือสลัดอะไรในชีวิตทิ้งไปบ้าง คนคนนั้นต้องไม่ใช่มัน]

   ตอนนั้นเองที่ผมได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำพร้อมกับความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แล้วผมต้องทำยังไง จะเลิกชอบมันได้ยังไง...




กลับมาอีกครั้ง โอ๊ยขอโทษที่หายไปนานค่ะ
เรียนจบใหม่คือชีวิตเคว้งมากเข้าสู่สภาวะหดหู่ เดือนนึงนี่เพิ่งปรับตัวได้
ตอนนี้จะค่อนข้างดึงดาวน์นิดนึงแต่ไม่มาก เพราะฟีลนิยายไม่ได้ดราม่า
เราเศร้าเพื่อปูสู่ความฟินนะคะทุกคน รอพี่ค่ายก่อยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Le_Let ที่ 24-05-2017 23:45:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 24-05-2017 23:47:22
อาจเป็นเพราะอิชั้นกดดันให้คุณจิตติอัพในใจทุกวัน ทำให้เกิดมาม่าขึ้นมาดั่ย *ปาดน้ำตา เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เติร์ดอาจจะเข้าใจผิดหรือถูก? ค่ายอาจจะจริงใจหรือซุงแหล อรุมเด้อ :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-05-2017 23:49:46
โอ้ยยยยอิค่ายยยยยขอกระโดดถีบแรงๆได้มั้ย นิสัยไม่ดีวะถึงจะแค่ต้องการพิสูจน์แต่มาเล่นกับความรู้สึกแบบนี้มันไม่โอเคเว้ย จะร้องแทนเติร์ด ไม่เอาแล้วเติร์ดเทอิค่ายเลยลูกไปหาผู้ใหม่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 24-05-2017 23:56:25
โถ่อิพี่ค่ายยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 25-05-2017 00:05:11
ช่างหัวค่ายมัน

แต่ทู โอ้ยยยย ฮือ ทู ดีมาก นายทำดีมากๆ กู้ดๆ

/แต่พอกลับมานึกอีกทีค่ายนี่มันน่าบ้องหูจริงๆค่ะ เติร์ดรูกกกกกกกกหนูอย่าไปยอมมันง่ายๆรูก ฮือ ถึงจะยากก็เถอะ โอ้ย ค่าย!!! โกรธ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 25-05-2017 00:21:12
งงใจอิพี่ค่ายมากค่ะ ตกลงชอบมั้ยเนี้ยยยย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 25-05-2017 00:29:37
ตายไปซะอิค่าย ทำเติร์ดเสียใจใจร้องไห้  ถามจริงๆนะ ปากบอกแคร์งู้นงี้
แต่คนเราถ้าใส่ใจกันจริงๆเรื่องบางเรื่องมันมองเห็นง่ายมากนๆ
แต่นี่คือไม่รู้อะไรเลยนอกจากว่าเค้าโกรธ
เหมือนเด็กหวงตุ๊กตามากกว่า  ที่ยอมทิ้งผู้หญิงคนอื่นไปง่ายๆ
คงเพราะตัวเองก็ไม่ได้รักอะไรมากมายมั้ง  ส่วนเติร์ดที่เคยอยู่ใกล้ร่าเริงดีตลอด
พอจะไป เลยหวงขึ้นมามั้ง 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: tamji ที่ 25-05-2017 00:50:50
โอ้ยย เสียใจ ค่ายรับรู้ทีเถอะ สงสารทั้งคู่ :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 25-05-2017 01:16:20
อยากให้เติร์ดแยกห้องจากค่าย กลัวว่าถ้ากลับไปมันจะวนอยู่จุดเดิมๆ
หวังว่าอิค่ายจะคิดอะไรได้บ้าง ไม่งั้นก็ให้เติร์ดเจอคนใหม่ๆน่าจะดี
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-05-2017 01:30:19
เอาจริง เราโกรธทั้งโบนทั้งค่ายนะ
โคตรเสียความรู้สึก
เราเคยเจองี้อะ ตอนนั้นแบบ อิเหี้ย
แต่ก็เพื่อนอะ ทิ้งไม่ลง
เอาตัวออกมาอะดีแล้วเติร์ด รักษาใจตัวเองบ้าง
ดีขึ้นเมื่อไหร่ค่อยกลับมา
หรือจะพาตัวเองพ้นๆไปเลยได้ก็ดี
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 25-05-2017 01:31:12
ค่ายนี่ยังไง   :katai1: :ling1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 25-05-2017 01:32:44
โอ้โห อิค๊ายยยย คือตอนนี้ขออย่าให้ทูบอกเรื่องของเติร์ดกับโบนเท่านั้นเลย กลัวใจมากอ่ะ ให้เติร์ดย้ายห้องด้วยอย่าไปอยู่กับอิค่าย(สักพัก)เลย :m31: :m31: :m31:

แอบเพิ่มนิดนึงคือ จะบอกว่าเขียนดีมากเลยค่ะ เหมือนรับรู้ความรู้สึกของเติร์ดที่ประคองความรักมาเกือบ3 ปีแต่โดนเพื่อนทำให้มันพัง เหมือนเติร์ดผิดหวังมากๆ แต่ก็สุดท้ายก็ยังรักอยู่ดี :sad4: :sad4:  เป็นคนตลก แต่ไม่ได้เป็นตัวตลก เข้าใจไหมอิค๊ายยย :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 25-05-2017 01:34:24
แง แง ปลอบน้าาา ค่ายแม่งเง้อ เริ่มจะอยากให้เติร์ดเลิกรักค่ายแล้วซะงั้น งื้อออ ค่าย สันดานนาย แน่ใจอ่อว่าจะทำได้ หึ นายเอกกูเจ็บอีกแน่ทรู เจ็บปานมดลูกหายก่อนฟินนิ ถ้าฟินแล้ว เติร์ดมันจะเชื่อใจค่ายไหมเนี่ยถ้ามันแค่คุยกะผญ. มันต้องมีระแวงแน่ๆ อึ๊บสาวเป็นว่าเล่นอย่างงั้น ที่นี้ค่ายงานงอกนายแล้วละ เมียไม่เชื่อใจ..เห่อๆ
 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-05-2017 01:35:27
โอ้ยย สงสารเติร์ดความรู้สึกไม่ใช่เรื่องตลกนะเว้ยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-05-2017 02:25:16
สวสารเติร์ดอะ อิค่ายกับโบนทำงี้คือโคตรแย่
อยากรู้นี่วิธีพิสูจน์มีล้านแปดอะ
ทำไมต้องมาเลือกวิธีที่เอาความรู้สึกเพื่อนตัวเองมาล้อเล่น
ถ้าเติร์ดไม่ได้คิดอะไรแต่แรก แล้วเจอค่ายไปอ่อยใส่งี้
แล้วเกิดมาหวั่นไหวทีหลังตอนนั้นอะ จะไปโทษใคร
ยังไงเติร์ดก้พังอยู่คนเดียวอยู่ดี
ปากบอกแคร์แต่การกระทำมันไม่ใช่ มันแค่หวงเพื่อนอะ
คนที่หวงของ กับคนที่รักของชิ้นนั้นจนไม่อยากเสียไปอะ
มันคล้ายกันนะวิธีแสดงออกอะ แต่มันไม่เหมือนกันเลย
และดูไม่ออกว่าค่ายเป็นแบบแรก หรือแบบหลังที่ยังโง่อยู่
ส่วนโบนนี่ไม่มีไรจะพูด เติร์ดก้เพื่อนมั้ย เสนอวิธีอะไรมาเหมือนไม่ใช่คนที่ต้องแคร์อะ
ทูนี่คือทำดีอะ รู้งานสุด นี่อะคือคนที่แคร์คนอื่นจริงๆ
สงสารเติร์ดอยู่ดี อยากให้ถอยออกมายังตัดใจไม่ได้ก้จริงอะ
แต่ถอยออกมาให้ตัวเองแข็งแรงก่อน ให้ไม่ต้องเจ็บกับเรื่องเดิมๆ
ให้อิค่ายมันได้ดิ้นบ้าง ตอนที่เรากำลังจะเสียของสำคัญไปอะ
เดี๋ยวก้รู้ว่าจริงๆแค่หวง หรือรักจนไม่อยากเสียไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 25-05-2017 02:52:27
โอ้ยแบบ ไม่รู้จะพูดอะไรกับค่าย สงสารเติร์ดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 25-05-2017 04:06:00
บอกไม่ถูก แต่ถ้าเราเป็นเติร์ดถึงเราไม่ได้ชอบค่าย เราก็โกรธอ่ะ
วิธีอื่นก็มี แต่นี่ความรู้สึกคนทั้งคน อะไรคือแคร์พูดดด
จากที่อ่านฝั่งเติร์ด ดูไม่ออกเลยจริง นึกซะละว่าอิค่ายก็มีใจ แกนะแก
โบนก็อีกคน เสี้ยมนักนะะ เติร์ดลูกกกฮึบไว้ฮึบ ตอนนี้ชอบทูมากเลยจย้า -/-
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ชอบจริงๆเลย เรื่องหน่วงๆแนวนี้._ . เติร์ดนี่นิสัยคล้ายเราเลย งือให้ใจเลยจ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 25-05-2017 04:48:44
สงสารเติร์ด เรื่องนี้จะโหดร้ายเกินไปแล้ว
เป็นเราก็จะเข้าใจว่าค่ายมีใจ พอได้ยินว่าแค่ลองใจ คงช็อกอ่ะ ล้อเล่นแรงไปรึเปล่า
แล้วค่ายจะลองไปเพื่อ???
ถ้าไม่ชอบเติร์ดก็อย่าทำให้เจ็บเลยสงสาร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 25-05-2017 05:48:21
โคตรเข้าใจเติร์ดเลย
แต่ถ้าเป็นเรา เราคงถอยออกมาก้าวนึงนานแล้ว
ไม่ยอมเข้าไปใกล้ๆให้เจ็บขนาดนี้หรอก

แต่นี่เป็นเติร์ดไง ตัดสินใจดีๆนะ
แต่เชียร์ให้เทอีค่ายมัน เทให้หมดทุกสิ่ง
เทมัน! เทมัน! เทมัน!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-05-2017 07:26:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 25-05-2017 07:32:35
อิค่าย อิพี่ควายยยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 25-05-2017 07:46:27
โอ๊ยยยยยยยยย อ่านแล้วอยากโบกค่ายสักสองสามที ความรู้สึกไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ต่อให้เติร์คไม่ได้ชอบค่าย ในฐานะเพื่อนก็ไม่ควรทำป่ะ  :z6: :z6:

อยากให้เติร์คดึงตัวเองออกมาจากค่ายหน่อย คือสุดท้ายรักใครก็ได้นะแต่อย่าลืมรักตัวเอง อย่าลืมให้ความสำคัญกับหัวใจตัวเองนะ

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-05-2017 07:49:21
เห็นใจเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 25-05-2017 07:53:55
สงสัยนิดๆ ว่าค่ายก็แอบชอบเติร์ดหรือเปล่า แต่ไม่รู้ตัวอะไรแบบนี้ หรือนี่คือพฤติกรรมของคนหวงเพื่อนตามปกติของมัน อิค่ายยยยยยย

สงสารเติร์ด จิตติเขียนดีมากเลย รู้สึกเสียใจไปกับเติร์ดด้วยเลยอะ อิค่ายยย


ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน ไม่รักไม่ต้องมาหวงไม่ต้องมาห่วงใยฉัน เพราะใจฉันยังอ่อนแอ
มาเป็นเพลงเลย บอกมันไปลูกน้องเติร์ด บอกมันไป 

อยากอ่านต่ออย่างแรงเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 25-05-2017 07:54:50
 :hao3: ได้อย่างใจเฮียมั๊ย เติร์ดมันจะถอดใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-05-2017 07:58:51
สงสารเติร์ดอะ อิค่ายกับโบนทำงี้คือโคตรแย่
อยากรู้นี่วิธีพิสูจน์มีล้านแปดอะ
ทำไมต้องมาเลือกวิธีที่เอาความรู้สึกเพื่อนตัวเองมาล้อเล่น
ถ้าเติร์ดไม่ได้คิดอะไรแต่แรก แล้วเจอค่ายไปอ่อยใส่งี้
แล้วเกิดมาหวั่นไหวทีหลังตอนนั้นอะ จะไปโทษใคร
ยังไงเติร์ดก้พังอยู่คนเดียวอยู่ดี
ปากบอกแคร์แต่การกระทำมันไม่ใช่ มันแค่หวงเพื่อนอะ
คนที่หวงของ กับคนที่รักของชิ้นนั้นจนไม่อยากเสียไปอะ
มันคล้ายกันนะวิธีแสดงออกอะ แต่มันไม่เหมือนกันเลย
และดูไม่ออกว่าค่ายเป็นแบบแรก หรือแบบหลังที่ยังโง่อยู่
ส่วนโบนนี่ไม่มีไรจะพูด เติร์ดก้เพื่อนมั้ย เสนอวิธีอะไรมาเหมือนไม่ใช่คนที่ต้องแคร์อะ
ทูนี่คือทำดีอะ รู้งานสุด นี่อะคือคนที่แคร์คนอื่นจริงๆ
สงสารเติร์ดอยู่ดี อยากให้ถอยออกมายังตัดใจไม่ได้ก็จริงอะ
แต่ถอยออกมาให้ตัวเองแข็งแรงก่อน ให้ไม่ต้องเจ็บกับเรื่องเดิมๆ
ให้อิค่ายมันได้ดิ้นบ้าง ตอนที่เรากำลังจะเสียของสำคัญไปอะ
เดี๋ยวก้รู้ว่าจริงๆแค่หวง หรือรักจนไม่อยากเสียไป

คิดเหมือน ทั้งของรี บน , คุณ Namgern กระทู้ที่ 1985 และคุณทั่วหล้า กระทู้ที่ 1045
สงสารเติร์ด ตัดใจเหอะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuan ที่ 25-05-2017 08:34:14

หึยยยยย โคตรเข้าใจเติร์ดเลย
มาพิสูจน์อะไรแบบ เสียความรู้สึกมาก ๆ
ถ้ารู้ว่าเติร์ดชอบค่ายจะทำยังไงต่อ ถ้าค่ายไม่ชอบ เติร์ดก็พัง คำว่าเพื่อนก็พัง
ไม่น่าทำแบบนี้เลย น่าจะให้เติร์ดงอนโบนไปด้วย ผู้เสี้ยมที่แท้จริง
ค่ายก็ไม่ชัดเจนแม่ง พูดอะพูดได้ว่าไม่อยากให้เสียไป แต่คนที่ชอบได้ยินมันก็คือความหวัง
อินมากกกก แอบน้ำตาคลอ ๆ ไปตอนเติร์ดร้องไห้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-05-2017 08:56:32
แงงงงงงงงงง ฮืออออออออออออ ฮึกๆๆๆ ปรึ้ดดดด #เช็ดๆๆๆ

ครืออออ ตอนนี้มันแบบว่า ตะเตือนใตมากกกก บอกแล้วเรื่องนี้มันคือตำนานรักระทมของอิฉันถอดมาเป็นนิยายชัดๆ เข้าใจฟีลนี้ของนังเติร์ดที่สุด แม่งงงง มันบอกแคร์กู รักกู เวลามีปัญหาหรือสุขนึกถึงกู โทรหากูคนแรก ชีวิตนี้มันขาดกูไม่ได้ กูเป็นทุกอย่างสำหรับมัน ยกเว้น .. แฟน !! ไอ้อิบอ๋ายยย นั่นแหละที่กูอยากให้เป็น เมิงเข้าใจม๊ายยยย   :ling3:  calm down , calmmmmm หายใจเข้าลึกกกกๆๆๆๆๆๆ ฟึดดดดดดด อึ๊บ!

ณ จุดนี้ ขอยุให้เติร์ดถอยออกมา คนอย่างอิค่ายแค่คำพูดอ้อมๆมันไม่สำเหนียกหรอก #ยัง! ยังอินไม่เลิก!  ต้องให้ค่ายมันรู้สึกด้วยตัวเองว่าตอนที่ขาดเติร์ดแล้วเป็นยังไง ตอนนั้นหล่ะ มันจะเข้าใจตัวเองเองว่าจริงๆแล้วเติร์ดคือสถานะไหนของมัน #มันต้องไม่ใช่แค่เพื่อนรักอย่างฉันแน่ๆ แอร๊ยยยยยยย ฉันไม่ไหว ฉันขอไปพัก #ถลาปีกหักไปพักใจ

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 25-05-2017 09:27:02
555555 โคตรเหี้ยเลยกับฟีลแอบรักเพิ่อนสนอทหนอ ถ้ามองในมุมค่ายเติร์ดก็ไม่ทีเหตุผลนะเว้ย แต่เราโคตรเข้าใจเติร์ดลยว่ะ อารมณ์ประมาณไหน  แบบจะตัดใจก็ตัดไม่ขาดจริงๆสักที ทำไมเราโกรธโบนจังเล้ยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 25-05-2017 09:53:39
หน่วงไปอีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 25-05-2017 10:01:40
เออ ทำดีแล้วลูก หนูต้องสู้มะนตัดใจให้ได้ ย้ายออกไปเลย ค่ายกับโบนไม่น่สทำงี้อะ รู้ไหมว่าทำแบบนี้เพื่อนเสียใจแค่ไหนยังจะเอาความรู้สึกเพื่อนมาเล่น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-05-2017 10:05:40
อีค่ายยยยยยยยยยยยย!!!!! :angry2: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 25-05-2017 10:12:46
อยากกระโดดถีบสองตีนคู่อีค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 25-05-2017 10:48:29
เลิกชอบเหอะ ค่ายไม่เหมาะกับเติร์ดหรอก เจ็บแทนอ่ะ  :z6: สำหรับค่าย ที่มาล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 25-05-2017 11:00:19
ย้ายห้องด่วนค่ะ ออกมาอยู่คนเดียวก่อน ตั้งหลักทบทวนก่อนเดินหน้า ให้ค่ายแดดิ้นสักพัก
ใกล้กันเกินมองไม่เห็น ต้องอยู่ในระยะโฟกัส 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 25-05-2017 12:01:45
อย่าเพิ่งด่าค่ายยยยยยยยย เลาว่าค่ายต้องมีอัลไลแน่ๆ เอ๊ะ หรือไม่มีนะ 555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: venuz ที่ 25-05-2017 12:05:12
โอยยย สงสาร แอบชอบเพื่อสนิทยังไม่พอ ยังโดนเพื่อนสนิทรวมหัวกันเล่นลองใจอีก ไม่ตลกกกกกกก
ฮืออออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 25-05-2017 12:11:56
สมกับการรอคอย สรุปอิค่ายไม่ได้คิดอะไรกับเติร์ดเลยหรอ หน็อยยย แกล้งกันได้ แต่นี่คิดว่าที่เติร์ดได้ยินที่ค่ายกับโบนคุยกันอาจจะไม่ทั้งหมด ยังไงก็ตามตอนนี้ให้คะแนนอิค่ายติดลบไปเลย เติร์ดหาคนใหม่มาดามใจเลย เอาแจ่มๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 25-05-2017 12:29:56
สงสารเติร์ดอ่ะ ต้องเจ็บอีกแล้ว นอกจากค่ายจะติดโผพระเอกโง่ที่สุดแห่งปีแล้วมันยังติดโผพระเอกเฮ็งซวยที่สุดแห่งปีอีกด้วย ฮรือออออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 25-05-2017 12:48:06
 ชื่อตอนตอบทุกอย่างจริงๆ เป็นคนตลก ไม่ใช่ตัวตลก
การที่ถูกเพื่อน2คนเอาความรู้สึกมาลองใจเล่นอย่างนี้ ยิ่งกว่าเป็นตัวตลกให้หัวเราะลับหลังซะอีก

ถ้าค่ายไม่ได้ชอบเติร์ดจริงๆ
แต่จำเป็นเหรอที่จะต้องลองใจด้วยวิธีอ่อย
ก่อนทำคิดบ้างมั้ย ถ้าอีกฝ่ายชอบค่าย ยิ่งอ่อยก็เท่ากับยิ่งทำร้าย
ถ้าอีกฝ่ายไม่ชอบค่าย และถ้ามารู้ทีหลังว่าถูกเพื่อนรักคิดลองใจเล่นอย่างนี้ ไม่จริงใจใส่ ก็เสียความรู้สึกป่ะวะ

และถ้ารู้ไปแล้วจะได้อะไร? ก็ถ้าบอกว่าไม่อยากเสีย
เติร์ด และบอกว่าถ้าเพื่อนกันเป็นแฟนกันก็ไม่ได้ มันย้อนแย้งในตัวเองป่ะวะ
ถ้าไม่อยากเสียเติร์ด และไม่อยากเป็นแฟนกับเติร์ด ก็แค่ทำตัวปกติ อย่าอ่อย อย่าอยากรู้ความรู้สึกเติร์ด อย่าลองใจอะไรอย่างนี้

และถ้าจริงๆลึกๆค่ายชอบเติร์ด แต่มาทำตัวเหี้ยอย่างนี้ เอาผู้หญิงมานอนประจำ ถีบหัวเติร์ดเวลามีผู้หญิง ทำเพื่ออะไร?
อ่านจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้สึกว่าค่ายจะรักเติร์ด ก็แค่เพื่อนสนิทหวงเพื่อน แต่เพื่อนก็ไม่ได้สำคัญที่สุดสำหรับตัวเอง

ถ้าเติร์ดไม่ถอยออกมาเอง เจ็บต่อไปเอง ก็เพราะเติร์ดเลือกเองทำตัวเอง โดนขนาดรี้แล้วถ้ายังดักดานเป็นเหมือนแต่ก่อน ก็ไม่สงสารแล้ว

ปล. เกลียดโบน!!! เกลียดนิายเพื่อนอย่างนี้ ทำเหมือนไม่เห็นเติร์ดเป็นเพื่อนเลยสิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 25-05-2017 14:00:08
รู้สึกแย่มากๆเลย ขนาดไม่ได้เป็นเติร์ด
แค่แอบชอบก็อึดอัดพออยู่แล้ว
ฮือออ อยากให้เติร์ดไปหลบพักใจกับใครสักคนที่ดีพอสำหรับเติร์ดมากกว่าค่าย
ขนาดรู้ว่าเพื่อนโกรธยังเอาชะนีมาซั่มเลย เหอะๆ  :katai5: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: DPAENGD ที่ 25-05-2017 14:10:58
เอาจริงโคตรสงสารเติร์ดเลย คนที่เคยเจอแบบนี้จะยิ่งเข้าใจความรู้สึกอ่ะ
มันจะโคตรเสียใจแต่ที่เสียยิ่งกว่าคือความรู้สึกอ่ะ ยิ่งมาได้ยิดเองกับหูงี้อีก
เป็นเราคงทั้งโกรธทั้งเสียใจเสียความรู้สึกโคตรเข้าใจความรู้สึกเติร์ดเลย
ส่วนอิค่ายไปทบทวนความรู้สึกตัวเองก่อนไประหว่างแคร์กับหวงกลัวสูญเสีย
 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-05-2017 14:11:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 25-05-2017 14:56:30
นึกว่าตัวเองเป็นเติร์ด นี่ร้องไห้เลย
มันจุก มันแค้นอ่ะ เฟลกับความรู้สึกแบบนี้  :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 25-05-2017 15:03:14
ค่ายกับโบนนี่ยังไง เกลียดการลองใจมาก
เพื่อนนะ ไม่ใช่สาวคนอื่นๆ ที่จะมาทดสอบแบบนี้
คือเสียความรู้สึกมาก เข้าใจเติร์ดนะ อยากให้ออกมารักษาแผลใจก่อน
ระหว่างนั้นก็ปฏิสัมพันธ์กับค่ายโดยขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจน
ไม่อย่างนั้นก็ให้เติร์ดไปจีบคนอื่นให้ค่ายรู้ว่าไม่ใช่ตัวตลก และของตาย  :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 25-05-2017 15:19:12
อีค่ายย พูดแบบนี้เมื่อไหร่เติร์ดจะตัดใจได้ว่ะ
โกรธเหมือนกันนะที่รู้ว่าตอนที่อ่อยนั้นแค่ลองใจอ่ะ

อยากให้เติร์ดได้ตัดใจสักที ไม่ใช่กลับมาแค่เพราะคำพูดไม่กี่คำของค่ายอ่ะ ถึงตอนสุดท้ายจะพูดจากความรู้สึกจริงๆก็เถอะ มันำม่แฟร์กับความเจ็บของเติร์ดเว้ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-05-2017 15:31:17
ค่ายก็แทำตัวเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 25-05-2017 16:24:05
ผิดทั้งโบน ค่าย และเติร์ด โดยเฉพาะโบน เป็นคนเสนอวิธีบ้าๆมาเอง ส่วนเติร์ดก็เป็นคนพาตัวเองให้ไปอยู่กับคนที่ตัวเองจะต้องเสียใจ แถมเก็บอาการได้ไม่เก่งเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 25-05-2017 16:24:32
  [เพื่อที่กูจะได้ไม่เสียมันไป]

   […]

   [ถ้าต้องแลกหรือสลัดอะไรในชีวิตทิ้งไปบ้าง คนคนนั้นต้องไม่ใช่มัน]

่ก่อนจะพูดคำเหล่านี้ออกมาค่ายคิดก่อนหรือยังว่าพูดออกมาด้วยความรู้สึกแบบใหน ค่ายไม่เคลียร์เลย  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 25-05-2017 17:57:48
ดาวมอมาสักที #จุดพลุสิคะรออะไร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-05-2017 18:15:41
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-05-2017 18:45:39
คนอย่างค่ายนี้มัน :m16:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 25-05-2017 20:04:51
สงสารเติร์ด :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ZomZaa^^ ที่ 25-05-2017 20:12:54
แอบเสียน้ำตาเล็กๆ สงสารรรรรรร :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-05-2017 21:04:20
มันหน่วงจัง น้องเติร์ดน่าสงสารมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-05-2017 21:42:26
สงสารใจเติร์ดมาก อยากปลอบ อยากกอดแน่นๆ คือเข้าใจเติร์ดเลยอ่ะว่ามันเจ็บมากๆ ไม่ว่าอิค่ายจะชอบเติร์ดเหมือนกันหรือไม่ชอบแกก็ไม่ควรเล่นกับความรู้สึกเพื่อนแบบนี้ป่ะวะ วิธีพิสูจน์มีตั้งเยอะตั้งแยะอ่ะ ทำไมไม่เลือกวิธีอื่น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Pakbung ที่ 25-05-2017 22:57:08
 อิเหี้ยยยพี่ค่ายยย อุ้ยโทษๆมือลั่นว่ะ
 สงสารเติร์ดคงนอยด์หนักมาก ที่คนที่ตัวเองชอบมาเล่นกับความรู้สึกแบบนี้
 อยากให้ย้ายไปอยู่กับทู จะได้สมน้ำหน้าอิพี่ค่าย>> โทษๆนั้นพระเอกเนาะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-05-2017 07:33:33
คืออะไรว่ะค่าย เพื่อนกันเค้าแคร์กันขนาดนี่จริงหรอ
อยากให้เติร์ดตัดใจไปชอบคนอื่น อิค่ายมันจะได้สำนึกซะบ้างงง

มาต่อไวๆ ได้ไหมค้าาาา หรือนี่เป็นนิยายรายเดือน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2017 08:51:57
โหย ถ้าเป็นเติร์ดนะก็ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน ตัดใจไม่ง่ายจริงๆ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 26-05-2017 10:31:22
งือออออออ แงงงงงง อยากอ่านต่อแล้วนะค้า :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 26-05-2017 12:19:40
ขอถามค่ะ เรื่องนี้จะมาแนวเดิมๆเหมือนปลาบนฟ้ากับคั่นกูมั้ยคะ? เราอยากอ่านเรื่องที่ฉีกออกไปปกติคุณจะเขียนหลายแนวอยู่ เราตามนิยายคุณทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องแรก จนคุณมาพีคกับปลาบนฟ้าซึ่งเราก็ชอบมากกกก. แต่พอมาคั่นกูเราเฉยมากๆเพราะมันเหมือนปลาบนฟ้าในความรู้สึกของเรา เรืีองนี้พอเห็นชืีอเรื่องเราเลยอยากรู้ว่ามันจะเหมือนอีก2เรื่องที่ผ่านมามั้ยคะ อ้อเราตามที่คุณเขียนอีกเรื่องอยู่เราชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 26-05-2017 16:51:29
ขอถามค่ะ เรื่องนี้จะมาแนวเดิมๆเหมือนปลาบนฟ้ากับคั่นกูมั้ยคะ? เราอยากอ่านเรื่องที่ฉีกออกไปปกติคุณจะเขียนหลายแนวอยู่ เราตามนิยายคุณทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องแรก จนคุณมาพีคกับปลาบนฟ้าซึ่งเราก็ชอบมากกกก. แต่พอมาคั่นกูเราเฉยมากๆเพราะมันเหมือนปลาบนฟ้าในความรู้สึกของเรา เรืีองนี้พอเห็นชืีอเรื่องเราเลยอยากรู้ว่ามันจะเหมือนอีก2เรื่องที่ผ่านมามั้ยคะ อ้อเราตามที่คุณเขียนอีกเรื่องอยู่เราชอบมากๆค่ะ

ที่คนอ่านถามมาจิตติไม่แน่ใจว่าความเหมือนที่คนอ่านพูดหมายถึงด้านไหน คือจิตติเป็นคนเขียนได้แค่สองแนวที่มันค่อนข้างสุดโต่ง ดราม่าก็ดราม่าไปเลย ฟีลกู๊ดก็จะเป็นแบบนั้นทั้งเรื่อง เลยคิดว่าถ้าเป็นแนวนี้ฟีลมันจะคล้ายๆ กันทุกเรื่องค่ะ ในเรื่องภาษา รวมถึงไดอาล็อกต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่าความแตกต่างของแต่ละเรื่องอยู่ที่พล็อตซึ่งได้วางเอาไว้ จิตติเลยไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองเขียนอยู่นี้มันจะเหมือนเรื่องที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า แต่รายละเอียดหรือพล็อตเราว่าแตกต่างกันแน่นอน อาจจะรบกวนให้คนอ่านอ่านต่อไปอีกสักพัก ถ้าไม่โอเคหรือเหมือนกับที่ผ่านๆ มาก็ขอโทษด้วยค่ะ แต่จะพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆนะคะ กอดๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-05-2017 19:24:41
อิค่ายยยยยยยยยยย ชั้นโกรธแกรรร แกทำน้องเติร์ดอย่างนี้ได้ยังไงงงงงง  :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 26-05-2017 21:04:47
ขอถามค่ะ เรื่องนี้จะมาแนวเดิมๆเหมือนปลาบนฟ้ากับคั่นกูมั้ยคะ? เราอยากอ่านเรื่องที่ฉีกออกไปปกติคุณจะเขียนหลายแนวอยู่ เราตามนิยายคุณทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องแรก จนคุณมาพีคกับปลาบนฟ้าซึ่งเราก็ชอบมากกกก. แต่พอมาคั่นกูเราเฉยมากๆเพราะมันเหมือนปลาบนฟ้าในความรู้สึกของเรา เรืีองนี้พอเห็นชืีอเรื่องเราเลยอยากรู้ว่ามันจะเหมือนอีก2เรื่องที่ผ่านมามั้ยคะ อ้อเราตามที่คุณเขียนอีกเรื่องอยู่เราชอบมากๆค่ะ

ที่คนอ่านถามมาจิตติไม่แน่ใจว่าความเหมือนที่คนอ่านพูดหมายถึงด้านไหน คือจิตติเป็นคนเขียนได้แค่สองแนวที่มันค่อนข้างสุดโต่ง ดราม่าก็ดราม่าไปเลย ฟีลกู๊ดก็จะเป็นแบบนั้นทั้งเรื่อง เลยคิดว่าถ้าเป็นแนวนี้ฟีลมันจะคล้ายๆ กันทุกเรื่องค่ะ ในเรื่องภาษา รวมถึงไดอาล็อกต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่าความแตกต่างของแต่ละเรื่องอยู่ที่พล็อตซึ่งได้วางเอาไว้ จิตติเลยไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองเขียนอยู่นี้มันจะเหมือนเรื่องที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า แต่รายละเอียดหรือพล็อตเราว่าแตกต่างกันแน่นอน อาจจะรบกวนให้คนอ่านอ่านต่อไปอีกสักพัก ถ้าไม่โอเคหรือเหมือนกับที่ผ่านๆ มาก็ขอโทษด้วยค่ะ แต่จะพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆนะคะ กอดๆ


รับทราบค่าาาา  :katai2-1: เราอาจโหยหาความดราม่า? 5555 จะลองอ่านค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 26-05-2017 21:12:15
เล่นแรง
คือต้องทำอะไรแบบนี้เลยเหรอ
สงสารเติร์ดนะ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างนึงว่า..
ตัวเองก็ทำตัวเองอ่ะ
ค่ายบอกถ้าจะสลัดอะไรสักอย่าง แต่ต้องไม่ใช่เติร์ด นี่หมายถึง เพื่อน ถูกมั้ย
ลองถ้าเป็นอีกสองคน ค่ายก็คงคิดเหมือนกัน
ถึงตอนนี้ มันอยู่ที่เติร์ดอะ ว่าจะเอายังไง
เลือกเพื่อน ก็ปากแข็งต่ออย่าพูดออกมา
เลือกใจตัวเอง ลองรวบรวมความกล้าเปิดปากสารภาพไปเลย
คนเรามีขีดจำกัด ถามดูสิว่าพอหรือยัง สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 27-05-2017 03:36:49
อย่านะเติร์ด อย่าใจอ่อนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-05-2017 10:17:56
ค่ายคนโง่ อยู่ใกล้มากไป หรือสนใจเรื่องอื่นด้วย เลยไม่เคยรู้ตัว

เติร์ดก็ชัดเจนเกิน ตอนชอบก็ทำปกติใจหาย พอตอนแอบรู้ว่าถูกหลอก ดันสวิงมากมาย
เติร์ดน่าสงสารนะ มากด้วย เรื่องแอบรักนี่ไม่หายเลย ยิ่งกับเพื่อนสนิท แบบสนิทมากเวอร์ด้วย

ทูรู้เรื่องนะ ค่ายคนบื้อ ขนาดโบนยังสงสัยเลย

รอดูว่าค่ายจะทำไง ในเมื่อเติร์ดออกอาการว่า จะตัดใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 3 [24/05/60] *หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-06-2017 11:21:52
อ่านไปพร้อมกับเปิดเพลงช่างไม่รู้เลย สงสารเติร์ด อินมาก น้ำตาไหล  :hao5:
เริ่มสงสัยว่าทฤษฎีจีบเธอนี่ใครจีบใคร ต่อจากตอนนี้อิค่ายอาจจะ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 03-06-2017 23:39:26

ตอนที่ 4
โง่เซ่อบ้าเพราะว่าความรัก



   หลังวางสายจากไอ้ทู ผมใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานเพื่อคิดถึงเรื่องสับสนในหัว ทั้งความรู้สึกของผมเอง หรือแม้แต่ความรู้สึกของไอ้ค่ายก็ตาม ผมอยากรู้...ว่ามันแคร์ผมแบบไหนกันแน่ แบบที่คนรักกัน

หรือแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น

   ผมรู้สึกสมเพชตัวเองอยู่นิดหน่อยที่อ่อนแอได้ขนาดนี้ ทันทีที่เดินออกมายืนอยู่หน้ากระจก สิ่งแรกที่ปรากฎในม่านสายตาก็คืออาการบวมแดงที่ดูยังไงก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาหนักแค่ไหน แล้วอย่างนี้จะมีหน้าออกไปเจอเพื่อนได้ยังไงกันวะ

   ดังนั้นแทนที่จะเข้าคลาสพร้อมกับเพื่อนในกลุ่ม ผมกลับปลีกตัวออกมาเพื่อหลีกหนีการเผชิญหน้ากับไอ้ค่าย ขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดเพื่อเก็บข้าวของและเตรียมพร้อมสำหรับการขนย้าย ผมไม่อยากอยู่กับมันอีกแล้ว การแอบชอบมาตลอดสองปีนั้นว่างเปล่า และมันก็สร้างบาดแผลในใจเอาไว้มากมาย

   ตลอดเวลาที่เก็บเสื้อผ้าและของใช้ เสียงจากมือถือที่ถูกโยนทิ้งไว้บนเตียงก็ดังระงมไม่ขาดสาย สามถึงสี่สายแรกเป็นของไอ้ค่ายกับไอ้โบนที่โทรสลับกันมาและไม่นานก็ดับไป สายที่ห้าแผดเสียงขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับชื่อของคนโทรเข้า เมื่อเห็นว่าเป็นของไอ้ทูผมเลยตัดใจรับสายอย่างจำใจ

   [ไอ้เติร์ดมึงอยู่ไหน ทำไมไม่เข้าเรียน] น้ำเสียงที่ส่งผ่านมาดูร้อนรนมาก

ผมไม่อยากเป็นเพื่อนงี่เง่าในสายตาพวกมันที่เอะอะก็หนีปัญหา แต่ครั้งนี้มันโคตรหนักหนาสำหรับผม การเผชิญหน้ากับคนที่เล่นกับความรู้สึกของเราโดยพยายามไม่แสดงท่าทีใดๆ เป็นเรื่องยากเย็นมาก ซึ่งผมก็ควบคุมไม่ได้

   “กูอยู่ห้องไอ้ค่าย”

   [ไปทำอะไรที่นั่นวะ]

   “เก็บของ ส่วนมึง ถ้าเลิกคลาสแล้วเก็บชีทเรียนไว้ให้ด้วยนะ”

   [เดี๋ยวๆ มึงจะย้ายจริงดิ ใจเย็นก่อนไอ้เหี้ย]

   “กูจะกลับไปอยู่คอนโดเดิม ถึงห้องเก่ากูจะปล่อยเช่าใหม่ไปแล้วแต่ก็ยังพอมีห้องว่างของชั้นอื่นอยู่”

   [เติร์ดกูถามจริง มึงไปได้ยินหรือเจออะไรมากันแน่]

   “กูต้องเก็บของแล้ว ยังไงเลิกเรียนเสร็จมึงก็มาเจอกันที่ล็อบบี้แล้วกัน”

   ผมจบประเด็นทุกอย่างลงก่อนจะกดวางสาย อาจเพราะตอนนี้ยังไม่พร้อม และก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ทูมันยังนั่งอยู่กับสองคนนั้นหรือเปล่าผมถึงไม่โพล่งออกไป

   สำหรับไอ้ค่าย ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องบอกกับมันว่าบังเอิญได้ยินอะไรไม่เข้าหูมาบ้าง เพราะกลัว...กลัวว่าถ้ารู้แล้วจะกลายเป็นมันต่างหากที่รับผมไม่ได้ คนที่ชอบผู้หญิงและมีกำแพงสูงกับเพื่อนเรื่องความรักมาตลอด มันจะรับได้เหรอว่าเพื่อนสนิทที่พร่ำบอกว่ารักนักหนากำลังคิดไม่ซื่ออยู่

   จะรับได้เหรอที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแปรเปลี่ยนเพราะคนอย่างผม ไอ้ค่ายรับไม่ได้หรอกถ้ารู้ว่าสิ่งที่มันแสร้งทำลงไปนั้นได้ผลเกินคาด คนเหี้ยๆ อย่างมันรักใครไม่เป็นหรอก และคนโง่ๆ อย่างผมก็คงไม่คู่ควรกับเพื่อนคนนี้เช่นกัน

   ผมใช้เวลาเก็บของจุกจิกใส่กล่องกระดาษอย่างลวกๆ รวบเอาเสื้อผ้าบนราวแขวนยัดใส่กระเป๋า คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็จัดการแพ็คใส่กล่อง ข้าวของแม้ไม่มากก็จริงแต่ก็กินเวลาค่อนข้างนาน วันนี้มีหลายวิชาที่ต้องเรียน กว่าเจ้าของจะกลับมาถึงห้องผมก็คงย้ายทุกอย่างไปหมดแล้ว

แต่ผิดคาดที่ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เสียงขลุกขลักจากประตูหน้าห้องกลับดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของคนที่ผมไม่อยากเจอมาตลอด

ไอ้ค่ายยืนกระหืดกระหอบอยู่ตรงประตูห้องนอน สีหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มหน้าผากแถมเสียงลมหายใจที่พรูออกมาถี่ขนาดนั้นก็ทำให้เดารางๆ ได้ว่าเจ้าตัวคงรีบรุดมาที่นี่อย่างสุดกำลัง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงใจอ่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจใช้เวลาทบทวนและปรับความเข้าใจกับมันอีกครั้ง แต่มันสายไปแล้ว ไอ้ค่ายพังทุกอย่างด้วยมือของมันเอง

ที่เคยบอกว่ารักกัน ที่เคยบอกว่าผมเป็นเพื่อนสนิทของมัน บอกตลอดว่ายังไงมันก็เลือกผม แม่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ กับคนเห็นแก่ตัวแบบนี้กูอยู่ไม่ได้หรอก

“เก็บของทำไม” ร่างสูงถามเสียงเรียบ พลางยกมือขึ้นมาเสยผมที่ปรกหน้าแรงๆ

“กูจะย้าย”

“มึงจะไปอยู่ไหน ตอนนี้ที่บ้านมึงมีปัญหาก็อยู่ด้วยกันที่นี่ก่อนดิ”

“ไปอยู่กับกูก็ได้ เดี๋ยวกูช่วย” ไอ้ทูที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบแทรกขึ้นพัลวัน สงสัยมันยังจำได้ว่าก่อนหน้าผมกับมันกุแผนโกหกอะไรขึ้นมาบ้าง แต่มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ขอแค่ไม่ต้องอยู่ในห้องนี้ผมยอมทำทุกทาง

“เงียบไปเลยไอ้ทู กูขอเคลียร์กับไอ้เติร์ดสองคน”

“เชิญๆ” เจ้าของชื่อรีบปิดประตูห้องนอนอย่างมีมารยาท ทิ้งให้ผมกับไอ้ค่ายยืนจ้องหน้ากันอยู่เท่านั้น

   “เติร์ดกูแค่อยากรู้ว่ากูผิดอะไร”

   “มึงจะมาอยากรู้ทำไมตอนนี้”

   “ก็ถ้ากูทำผิดต่อไปก็จะได้แก้ไขไง มึงไม่อยากให้กูพาผู้หญิงเข้ามาในห้องใช่มั้ย ได้! ต่อไปกูไม่พามาเลย มึงโอเคมั้ย”

   “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกว่ะ เรื่องนี้มันแก้ไขไม่ได้แล้วกู...ผิดเอง” ใช่! ผมผิดเองที่รักเพื่อนสนิท ผิดตั้งแต่คิดไม่ซื่อกับมันแล้ว พอมารู้ความจริงว่าการกระทำทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำดีด้วยเป็นเพียงแผนทดสอบ ผมก็ผิดหวังไปเอง ดิ้นไปเองอยู่คนเดียว

   “กูขอถามหน่อยว่าเรารู้จักกันมากี่ปี”

   “สองปีกว่าๆ”

   สองปี สี่เดือน เป็นช่วงเวลาที่กูรักมึงข้างเดียวมาตลอด

   “มึงบอกว่ากูเป็นเพื่อนสนิท”

   “ใช่ เรามีกันอยู่สี่คน มึงคือเพื่อนรักของกู”

   แต่มึงไม่เคยรู้เลยว่ากูไม่ได้คิดกับมึงแบบนั้น กูมีเพื่อนสนิทสองคน ส่วนมึงคือคนที่กูรัก

   “มึงรู้ว่ากูชอบอะไรและเกลียดอะไร”

   “ใช่ กูรู้ทุกอย่าง”

   สิ่งหนึ่งที่มึงไม่เคยรู้ คือมึงได้กลายเป็นสิ่งที่กูรักและเกลียดในเวลาเดียวกันไปแล้ว

   “มึงบอกว่ามึงแคร์กูมาก แต่การกระทำมันไม่ใช่ เรายังรักกันอยู่ใช่มั้ยวะ”

   “กูรักมึง” แต่สิ่งที่ไอ้ค่ายกับไอ้โบนทำมันไม่เรียกว่าความรัก ไม่รู้ว่าพวกมันเคยคิดมั้ยว่าถ้าวันหนึ่งผมรู้ความจริงขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น และถึงแม้ว่าผมไม่ได้รักไอ้ค่ายจริงความรู้สึกที่เหมือนถูกตบหน้าก็ยังฝังอยู่ในหัวไม่มีวันจาง

   “เพื่อนไม่ทำกันแบบนี้หรอก”

   “กูทำอะไรลงไป ถ้าไม่พอใจกูขอโทษ กูไม่รู้จริงๆ”

   “ให้กูย้ายจากที่นี่”

   “เติร์ด...” ไอ้ค่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ผมเจ็บยิ่งกว่าตรงที่เผลอร้องไห้ออกมาแล้ว เป็นเพื่อนกันมาก็ตั้งหลายปี ไม่เคยมายืนทำอะไรงี่เง่าแบบนี้เลยสักครั้ง ผมเกลียดตัวเองที่ทำตัวน่ารำคาญ

   “กูต้องย้ายกระเป๋าก่อน เดี๋ยวขึ้นมาเอาพวกของใช้นะ” ผมคว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่เตรียมเดินออกจากห้อง แต่ไอ้ค่ายเร็วกว่านั้นเมื่อมันคว้ามือผม และยึดเอาไว้อย่างแรงจนข้อมือแทบหัก

   “กูไม่ให้มึงไป”

   “คีย์การ์ดกูจะคืนไว้ให้ที่เคาน์เตอร์ ของทุกอย่างที่เคยใช้กูจะคืนให้หมดนะไม่ต้องห่วง”

   “...”

   “ส่วนใจของมึงก็คงไม่ต้องคืนให้ เพราะมึงไม่ได้ให้กูตั้งแต่แรกแล้ว”

   “เติร์ด มึงเป็นเพื่อนกู กูไม่ให้มึงไป!”

   “เลิกยุ่งกับกูสักที! กูไม่เคยเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนเข้าใจมั้ย” ไม่เคยมองเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง

   “มึงพูดอะไรออกมา ความเป็นเพื่อนของกูกับมึงมันต้องจบลงแค่นี้เหรอวะ แค่กูทำเหี้ยอะไรไม่รู้ผิดไปมึงถึงกับต้องตัดเพื่อนเลยเหรอ”

   “...” ผมพูดไม่ออก นอกจากยืนกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้สุดความสามารถ

   ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจแบบนี้ต่อไป

   “เออ มึงไม่ใช่เพื่อนกู เพราะกูไม่เคยมีเพื่อนงี่เง่าแบบนี้”

   “...”

   “จะไปไหนก็ไป”

   ถ้าเลือกตัดใจตั้งแต่วันนี้ ต่อไปก็คงไม่ต้องเจ็บอีก มันดีที่สุดแล้ว...












   การย้ายที่อยู่แบบฉุกละหุกในรอบที่สองของเดือนทำเอาเพื่อนรักอีกคนอย่างไอ้ทูนอนปาดเหงื่ออย่างหมดอาลัยตายอยาก หลังไอ้ค่ายปล่อยให้ผมออกมามันก็ไม่ได้ช่วยเหลือเรื่องการขนย้ายแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ผม ไอ้ทู กับไอ้เหี้ยโบนเท่านั้นที่หัวหมุนช่วยกันอยู่สามคน

   ด้วยความที่ไอ้ทูกลัวแผนการที่วางเอาไว้ก่อนหน้าจะแตกซะก่อน ดังนั้นผมเลยต้องมาอาศัยห้องของมันอยู่อีกสักพักใหญ่ๆ เมื่อต่างคนต่างแยกย้าย ผมกับเจ้าของห้องรายใหม่ก็เริ่มต้นบทสนทนาที่ค้างคาใจมาตลอดสองวัน

   “สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ เอาจริงๆ เรื่องที่มึงผิดใจกับไอ้ค่ายไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุเลยนะ” เจ้าของเสียงถามอย่างสงสัย ขณะเราทั้งคู่กำลังนั่งพิงหลังโง่ๆ อยู่ตรงโซฟา ด้านหน้าฉายภาพหนังเก่าของเคเบิ้ลช่องหนึ่งวนซ้ำอยู่อย่างนั้น

   “จะให้เริ่มตรงไหนก่อนดี”

   “เอาที่มึงสะดวกจะเล่า จะตั้งแต่ต้นหรือกลางเรื่องก็ได้ แค่ขอให้กูหายโง่ที”

   “เมื่อคืนตอนเราไปกินเหล้า กูแอบไปได้ยินไอ้ค่ายกับไอ้โบนคุยกันในห้องน้ำเรื่องของกู”

   “ทำไม มันชอบมึงเหรอ” ร่างหนาผงกหัวขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างตื่นเต้น โธ่ไอ้ควาย ถ้ามันชอบจริงกูจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้มั้ย

   “คิดว่ากูกำลังพูดเรื่องตลกอยู่เหรอ”

   “ใครแม่งจะไปรู้วะ แล้วสรุปมึงโกรธมันเรื่องอะไรกันแน่”

   “เรื่องที่บังเอิญได้ยินมันสองตัวพูดถึงกูในห้องน้ำ ไอ้โบนจับสังเกตกูได้ มันสงสัยว่ากูจะชอบไอ้ค่ายเลยไปบอกให้มันคิดแผนลองใจกู ซึ่งการกระทำทุกอย่างที่กูรู้สึกสุดท้ายแม่งก็เป็นแค่เรื่องล้อเล่นของพวกมัน”

   “ไอ้ระยำตำบอน”

   “เป็นมึงมึงจะให้อภัยมันมั้ยวะ เป็นมึงมึงจะยังชอบมันอยู่หรือเปล่า”

   “…”

   “ส่วนใจกูอ่ะ มันพังไปตั้งแต่วันที่รู้ความจริงแล้วว่ะ”

   ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่นั่งเคียงข้าง ไอ้ทูไม่ได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาอีกนอกจากจ้องมองจอโทรทัศน์ที่มีภาพเคลื่อนไหวไปมา เกือบสิบนาทีที่เราเป็นแบบนั้นกระทั่งเจ้าตัวพูดทำลายบรรยากาศตึงเครียดลง

“หนังไม่สนุกเลยเนอะ”

   “นั่นหนังโปรดมึงหนิ” The perk of being a wallflower เป็นหนังที่มันบอกเสมอว่าอยากได้นางเอกมาเป็นเมีย และมันก็นั่งดูวนซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น

   “ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว มึงล่ะ จะทำยังไงต่อไป”

   “กูจะถอยออกมา และก็...จะตัดใจแล้วนะ”

   “แล้วความเป็นเพื่อนของพวกเราสี่คนล่ะ”

   “มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม แค่กูขอเวลาอีกหน่อย” แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม แต่มันจะกลับมาเป็นเหมือนวันนั้น...ที่เรากอดคอและไปไหนไปกันตลอด ยินดีและมีความสุขที่เพื่อนได้เจอความรักดีๆ และไม่ต้องมานั่งเสียใจเพียงลำพัง

   คงจะมีวันนั้น

   “จะทำได้เหรอวะ ชอบมาตั้งนาน”

   “ชอบได้ก็ต้องเลิกชอบได้เหมือนกัน”

   “เออ ยังไงกูก็อยู่ข้างมึง ช่วยมึงจีบไปแล้วตอนนี้กูก็คงต้องช่วยมึงให้ตัดใจจากมัน จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก”

   “กูอาจต้องการเวลา”

   “เวลาอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นหรอก นี่กูจะบอกให้นะ พยายามหาข้อเสียของมันดิ ถ้ามึงค้นพบข้อเสียของมันไปเรื่อยๆ แล้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มึงรับไม่ได้ เดี๋ยวก็คงเลิกชอบไปเอง สู้มึง”

   “ขอบใจ”

   เที่ยงคืนแล้วไอ้ทูหนีไปคอลวิดีโอกับสาวในห้องนอน มันบอกกับผมว่าระหว่างที่อยู่ด้วยกันมันจะไม่พาผู้หญิงมาที่ห้องเพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวของผม ซึ่งตอนที่ได้ยินกูก็แทบก้มลงไปกราบที่หน้าตัก

ไอ้ทูบอกให้ผมพยายามงัดเอาข้อเสียของอีกฝ่ายออกมา ที่พอจะนึกออกก็มีอยู่หลายข้อ

ข้อหนึ่ง ขับรถเร็ว

ผมคิดว่านี่คือข้อเสียของไอ้ค่ายนะ แม้ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของมันเลยก็ตาม อาภัพสัดๆ

ข้อสอง ไม่รู้จักความพยายาม นิดหน่อยไม่ได้ดั่งใจก็ถอดใจไปซะก่อน

   เมื่อก่อนอาจจะยอมรับได้ ตอนนี้ผมยอมรับข้อเสียนี้ไม่ได้แล้ว ดูหลอกตัวเองมั้ย เออนั่นแหละยอมรับว่ามันคงไม่ง่ายที่เราจะเปลี่ยนจากรักใครสักคนเป็นเกลียด ได้แต่หวังว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างเอง

ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ห้องนั่งเล่นด้านนอก สักพักจึงถือโอกาสหยิบกล้องวิดีโอที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาเช็ดและทำความสะอาดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะวางลงบนขาตั้งกล้องพร้อมกับกดถ่าย

   ถ้ายังจำได้ดีผมมีชาแนลในยูทูบเป็นของตัวเอง คนติดตามหลักหมื่นหากแต่คนดูมีแค่หลักร้อย วันนี้จะเป็นอีกวันที่ผมต้องทำหน้าที่รีวิวหนัง แม้จะรู้สึกหดหู่มากมายแค่ไหนก็ตาม

   “สวัสดีครับสัปดาห์นี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งในช่องมูฟวี่ซี้เว่อร์ แต่นี่อาจจะเป็นวิดีโอสุดท้ายของปีนี้แล้วนะครับที่ผมจะทำ ใจหายเลย ครั้งนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่องหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ชื่อเรื่องว่า Crazy, Stupid, Love ครับ”

   ผมใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีเพื่อพูดทุกอย่างที่อยู่ในหัวออกมา บันทึกมันเอาไว้และอัพโหลดลงคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการตัดต่อ ยูทูบช่องมูฟวี่ซี้เว่อร์จะยังอยู่ต่อไปแค่ไม่ได้อัพเดตการรีวิวหนังอีกแล้ว และวิดีโอสุดท้ายนี้ก็ไม่ได้เปิดสาธารณะให้คนทั่วไปได้ดู

   ผมตั้งใจเก็บเอาไว้...เป็นความทรงจำของตัวเอง และมันจะไม่หายไปตราบใดที่ช่องนี้ยังอยู่


(https://www.mx7.com/i/1e4/5czpZ8.jpg)











ชีวิตของแก๊งโหดอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เรามักบอกว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว เราเคยมีกันสี่คนตอนนี้ก็ยังอยู่ครบ แต่ที่ไม่ครบคือเศษซากความรู้สึกที่เก็บมาไม่หมดในวันที่มันแตกลง และกระจัดกระจายไม่เป็นทิศทาง

   ผมกับไอ้ค่ายคุยกันบ้าง ยังคงออกไปเที่ยวสังสรรค์และเรียนด้วยกัน แต่ทุกครั้งนั้นล้วนมีไอ้ทูกับไอ้โบนเกาะเกี่ยวไปด้วย เราไม่ค่อยได้อยู่กันตามลำพังเท่าไหร่เพราะมันค่อนข้างอึดอัด หลังๆ เลยพยายามเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้นด้วยการไปทำตัวเกาะหนึบไอ้ทูเป็นปลิงแทน

   ยังดีที่กิจกรรมของเด็กนิเทศฯ สุมหัวจนไม่ปล่อยให้มีเวลาคิดอะไร สัปดาห์หน้าเราต้องนัดประชุมใหญ่กันทั้งคณะด้วยเรื่องของละครเวทีนิเทศฯ แถมสิ้นเดือนก็ยังมีงานครบรอบ 42 ปีคณะอีก คาดว่างานคงหนักหนาเกินกว่าจะมีเวลามานั่งคิดเรื่องส่วนตัวกันแล้ว

   แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นนี่สิที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ผมกับไอ้ค่ายต่างมึนตึงต่อกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาผมโกรธหรือไม่พอใจ อีกฝ่ายจะตามตื๊อขอโทษขอโพยจนกว่าผมจะให้อภัย แตกต่างจากตอนนี้ที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว

   คล้ายกับว่าเราตัดขาดจากความเป็นเพื่อนกันจริงๆ

   “เดี๋ยวเลิกเรียนไปไหน” ผมถามไอ้ทูที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอย่างขะมักเขม้น จะว่าไปช่วงหลังมานี้ผมก็เริ่มสนิทกับไอ้ทูมากขึ้น ขณะที่ไอ้ค่ายเองก็เริ่มไปไหนมาไหนกับไอ้โบนสองคน

   “ถ่ายรูป”

   “นัดสาวไว้ว่างั้น”

   “พยาบาล โคตรน่ารักไอ้เหี้ย คนนี้กูพลาดไม่ได้เลย” ไอ้ทูยืดตัวตรง จัดการรวบผมมัดตึงใหม่ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง

   “กูไม่เคยเห็นมึงพลาดสักคน แบ่งให้กูคนนึงสิ”

“ไม่แบ่ง กระดูกมันคนละเบอร์ครับไอ้น้อง”

“เออจะไปไหนก็ไปเหอะ”

   “ไปด้วยกันมั้ย”

   “ไปเป็นก้างขวางคอมึงอ่ะนะ ตามสบายเลยครับเพื่อน”

   “งั้นดึกๆ เจอกันที่ห้องนะครับคุณเติร์ด”

   “จะกลับหรือเปล่ากูยังไม่แน่ใจมึงเลยสัด” พรุ่งนี้วันเสาร์ซะด้วย คงได้กลับห้องหรอก

   นับตั้งแต่ที่ผมย้ายออกมาจากห้องไอ้ค่ายวันนั้น เราก็ไม่ได้สังสรรค์ในคืนวันศุกร์อีกเลย หลังเลิกเรียนต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปตามทางของตัวเองเฉกเช่นวันนี้

   ผมนั่งเก็บกล่องปากกาและหนังสือใส่กระเป๋าเงียบๆ ไม่นานไอ้โบนก็แตะไหล่ผมเบาๆ พร้อมกับเอ่ยชักชวน

   “หาอะไรกินกันมึง มีร้านบุฟเฟ่ต์เปิดใหม่ว่ะ น่าแดกมากกกกกกก” มันลากเสียงยาวเพื่อสร้างบรรยากาศให้กับคนที่เหลือ ใจจริงก็อยากไปอยู่หรอกติดที่มีไอ้ค่ายเนี่ยแหละ ผมเลยเตรียมอ้าปากปัดปฏิเสธไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ใครอีกคนพูดออกมาเหมือนกัน

   “โบนวันนี้กูไม่ว่างนะ”

   “ไปไหนวะเชี่ยค่าย”

   “มีนัดว่ะ” พูดแค่นั้นเจ้าตัวก็หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายบ่าข้างหนึ่งแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้อง ผมมองตามแผ่นหลังนั้นจนลับสายตาก่อนจะเลื่อนมาจ้องมองไอ้โบนพร้อมกับส่ายหน้า

   “กูต้องไปดูหนัง ไว้วันหลังนะมึง”

   “เออไม่เป็นไร ความจริงกูก็ไม่ได้อยากไปหรอก แต่เห็นว่ากลุ่มเรามันเริ่มไม่เหมือนเดิมก็เลย...รู้สึกไม่ค่อยโอเคว่ะ” เจ้าของทรงผมสกินเฮดมีสีหน้าหมองลง แต่ก็ไม่ยอมเดินจากไปไหนนอกจากทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะเลกเชอร์ข้างๆ ผม

   “ไม่รีบไปหาสาวเหรอ”

   “อยากคุยกับมึงสักพักก่อน” นิสิตเริ่มทยอยออกจากห้องเรื่อยๆ จนกระทั่งโดยรอบเข้าสู่ความเงียบ มีเพียงผมกับไอ้โบนเท่านั้นที่นั่งอยู่ตรงบริเวณสโลป

   “มีอะไร” เห็นไอ้โบนเงียบไปนานผมเลยถามขึ้น

   “มึงโกรธอะไรไอ้ค่ายวะ”

   “ไม่มีอะไรหรอก อย่าพูดถึงมันเลยว่ะ”

   “แล้วมึง...โกรธกูด้วยมั้ยวะ”

   “คิดอะไรอย่างนั้น” ถึงแม้จะโกรธแค่ไหนเราก็เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่างถึงแม้ไอ้โบนจะเป็นคนแนะนำเรื่องบ้าบอนั้นกับไอ้ค่าย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามซะอย่างเรื่องก็คงไม่เกิด ผมเลยไม่รู้จะโกรธเชี่ยโบนมันไปทำไม แค่นี้ความรู้สึกมันก็เผาใจจนอยู่ไม่สงบแล้ว

   “คือถ้ากูทำอะไรไม่ดีกับมึงลงไป กูขอโทษนะ” คนเคียงข้างพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ซึ่งดูยังไงก็ไม่เหมือนมันเลย คนสี่คนที่ตลกเฮฮาพอถึงวันเครียดๆ กลับกลายเป็นพวกดราม่าแบบสุดโต่งเหมือนกัน

   “แล้วมึงทำอะไรผิดกับกูล่ะ”

   “เฮ้อ เอาเป็นว่ากูขอโทษสำหรับทุกอย่างแล้วกัน กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะว่ะ แก๊งโหดที่เป็นแบบนี้แม่งโคตรไม่คูลเลยสัด”

   “กูพยายามอยู่ นี่ก็ห้าโมงกว่าละไม่มีนัดที่ไหนเหรอ” ผมแสร้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะเบี่ยงประเด็นอีกครั้งเพื่อที่เราจะได้ไม่พูดถึงมันอีก

   “วันนี้ไม่มี ว่าจะกลับไปขอตังค์ที่บ้าน มึงกลับคนเดียวได้นะ”

   “ห่วงกูจัง ปกติกูก็กลับคนเดียวตลอด”

   “มึงเป็นคนที่น่าห่วงที่สุดในกลุ่มแล้ว ไม่งั้นไอ้ค่ายมันไม่ห่วงมึงหรอก” ทันทีที่พูดชื่อใครอีกคน ผมก็ถูกใบ้กินอีกรอบ

   “...”

   “กูไปก่อนนะ เจอกันวันจันทร์ ขอเวลากูไปรีดไถแม่สักสองวันก่อน”

   “เออ จะไปไหนก็ไป” โบกมือไล่เสร็จก็ได้แต่นั่งมองดูเพื่อนในกลุ่มอีกคนเดินผละห่างกระทั่งลับสายตาไป หลงเหลือเพียงผมคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้

   เป็นห่วงเหรอ หึ! ตลกดี

   คนเป็นห่วงกันมันไม่ทำแบบนี้หรอก ตั้งแต่วันนั้นไม่มีวันไหนที่ไอ้ทูไม่บ่นถึงไอ้ค่ายเรื่องควงผู้หญิงเลยสักวัน มันไม่เคยเปลี่ยนไป ยังคงหิ้วหญิงไปที่ห้องและทำตัวเจ้าชู้เหมือนเดิม แล้วผมยังจะหวังความจริงใจจากความห่วงใยจอมปลอมนั้นได้อีกเหรอ ไม่มีทางเลย

   บอกว่ายังแคร์กู ทั้งที่ยังมีผู้หญิงคนอื่นนอนอยู่บนเตียงของมัน ตลกฉิบหายเลยว่ะ

   ปกติช่วงเย็นผมมักเดินเล่นและกินข้าวที่ห้าง ก่อนจะใช้เวลาที่เหลือด้วยการซื้อตั๋วหนังเข้าไปนั่งดูในรอบสุดท้ายของวัน จะติดก็แต่วันนี้ที่ต้องเข้าไปคุยงานกับรุ่นพี่ปีสี่นิดหน่อย เรื่องฝากฝังหน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับงานละครเวทีคณะซึ่งจะมีประชุมใหญ่ช่วงอาทิตย์หน้า

   กว่าจะหนีจากงานส่วนนี้ได้ก็เล่นเอาปาดเหงื่อ ผมแวะกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นจนอิ่ม ช่วงสามทุ่มครึ่งเลยขึ้นมานั่งรอตรงโซฟาหน้าโรงหนัง

   ดีหน่อยที่ผมเป็นพวกไม่ชอบดูหนังไปด้วยกินไปด้วย เลยประหยัดค่าน้ำและป๊อปคอร์นไปเยอะโข ผมไม่ชอบให้มีเสียงรบกวนและทำลายสมาธิตอนดูหนังเท่าไหร่ นี่เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกดูหนังรอบสุดท้ายของวันเพราะคนน้อย หรือบางที...ก็แทบไม่มีคนเลย

   Rrrrr…!

   เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาขัดจังหวะการคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมเลยไม่รอช้ากดรับอย่างรวดเร็วเพราะปลายสายเป็นเจ้าของห้องที่ผมซุกหัวนอนด้วยนั่นเอง

   “มีไรวะ”

   [คืนนี้ไม่กลับนะ]

   “พาสาวไปกกอีกล่ะสิมึง”

   [เหยื่อติดเบ็ดจะให้กูปล่อยไปเหรอ] เนื่องจากคอนโดไอ้ทูมีห้องนอนอยู่ห้องเดียว แถมมีผมเข้ามาอยู่อาศัยด้วยอีก ทุกครั้งที่เห็นมันต้องพาสาวไปเปิดห้องใหม่ คนอาศัยอย่างผมเลยรู้สึกไม่ดี แต่มันก็ไม่เคยถือสาและยินดีจะให้เป็นแบบนี้ไปอีกพักใหญ่จนกว่าผมจะพร้อมและตัดใจจากไอ้ค่ายได้

   “เออ เอาที่มึงสบายใจ”

   [กูไม่อยู่อย่าก่อเรื่อง]

   “บอกตัวเองก่อนมะ...มั้ย” ท้ายประโยคเบาหวิวจนแทบปลิดปลิวไปในอากาศ เมื่อม่ายสายตาของผมปะทะเข้ากับใครบางคนเข้า

   เป็นไอ้ค่ายไม่ผิดแน่

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 03-06-2017 23:42:37

มันมากับผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนิสิต เธอผมยาวแถมยังตัวเล็กมากๆ ทั้งคู่เดินไปหยุดอยู่ตรงเคาน์เตอร์ซึ่งขายขนมและเครื่องดื่ม ผมถือสายค้างอยู่นานก่อนจะครางอืออาทั้งที่แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนกำลังพูดอะไร

   ในใจผมหวาดหวั่น เอาแต่นั่งภาวนาว่าเราคงไม่ได้ดูหนังโรงเดียวกัน ดีที่ไอ้ค่ายมองไม่เห็นผม เพราะหลังจากซื้อป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มเสร็จคนทั้งคู่ก็เดินไปยังจุดที่พนักงานตรวจตั๋วยืนอยู่ ก่อนจะเข้าไปด้านใน ทิ้งให้คนมองนั่งคอตกอยู่ลำพัง

   การตัดใจจากเพื่อนสนิทที่แอบรักมาร่วมสองปีไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย เวลาสองอาทิตย์ไม่ได้ทำให้ความเจ็บที่เกิดขึ้นในใจลดน้อยลง จนผมไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าวันนั้นจะมาถึง

   หนังใกล้ฉายแล้ว ผมปิดโทรศัพท์มือถือแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยื่นตั๋วหนังให้พนักงานแล้วเดินเข้าไปในโรงหนัง ด้านในปิดไฟมืดสนิทแล้วเพราะตัวอย่างหนังเริ่มฉาย ผมเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งตรงเบาะตามหมายเลยของตัวเอง วันนี้คนน้อยเหมือนทุกที เพราะทั้งโรงมีแทบไม่ถึงสิบคน

   เสียงกุกกักของเก้าอี้แถวหน้าที่นั่งเยื้องกับผมหนึ่งตำแหน่งสร้างความรำคาญให้เล็กน้อย แต่เมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีเริ่มบรรเลงขึ้น ความรำคาญที่เกิดขึ้นในตอนแรกก็เริ่มแผ่ซ่านเข้ามาภายในใจ

   ผมจำส่วนสูงของคนตรงหน้าได้ดี แม้จะนั่งเยื้องและมองเห็นเสี้ยวหน้าเพียงเล็กน้อย ผมก็ยังรู้ว่าคือคนเดียวกัน

   ทำไมมึงต้องมาอยู่ที่นี่ในวันที่กูอ่อนแอ

   เพลงจบแล้ว ทุกคนทิ้งตัวลงนั่งจุดเดิม มีเพียงผมที่ยืนค้างมองดูร่างสูงค่อยๆ ลดตัวลง เสี้ยววินาทีนั้นเราหันมาสบตากันชั่วครู่ก่อนเวลาบนโลกนี้จะหยุดเดินในความรู้สึก

   จะทำยังไงเหรอ ทักทายหรือส่งยิ้มให้กูมั้ย เอ่ยถามหรือทำอะไรก็ได้ให้รู้สึกดีกว่านี้หน่อย แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเพียงไม่กี่วินาทีที่เรามองตากันและต่างฝ่ายต่างเพิกเฉยจนอดคิดไม่ได้ว่า...นี่เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ ใช่มั้ย

   “น้องคะ ช่วยนั่งลงด้วยค่ะ”

   “อ้อ ขอโทษครับ” เสียงที่พุ่งลงมาจากด้านหลังเร่งให้ผมกุลีกุจอนั่งลงพัลวัน

   ใจยังคงเต้นแรงอยู่เลย มันดังจนแทบจะกลบเสียงเคี้ยวป๊อปคอร์นจากคนข้างหน้า ปกติไอ้ค่ายไม่ชอบซื้ออะไรพวกนี้มากินระหว่างดูหนังเหมือนกัน แต่ผิดที่วันนี้มันอาจกำลังเอาใจใครบางคนอยู่

   หนังเริ่มฉาย แปลกดีที่คนชอบดูหนังอย่างผมกลับจดจ่ออยู่ที่เบาะสีแดงตรงหน้าเสียมากกว่า และก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ ศีรษะที่โผล่โพ้นขึ้นมาทำให้ผมจับจ้องทุกการเคลื่อนไหว ตอนแรกมันยังตั้งตรงดีอยู่ แต่ไม่นานมันก็เริ่มเอนเอียงเข้าหาคนข้างๆ

   ผมกำหมัดแน่นเพื่อกักกับอารมณ์บางอย่างที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน ปล่อยให้ปลายเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นไอ้ค่ายอยู่กับผู้หญิง แต่เหตุผลที่ครั้งนี้เจ็บกว่าทุกทีก็เพราะเราไม่ได้รักกันเหมือนก่อน

   ผมเริ่มควบคุมตัวเองด้วยการมองตรงไปยังจอขนาดยักษ์แทนที่จะเป็นเก้าอี้ข้างหน้า แต่เชื่อหรือเปล่าว่ามันไม่ได้ช่วยให้ผมดูหนังรู้เรื่องขึ้นเลย ตามองก็จริงแต่กลับเลือนรางเต็มแก่ แม่งโคตรเกลียดตัวเองที่อ่อนแอฉิบหาย

   หลายครั้งที่ผมสังเกตพวกเขา ไอ้ค่ายกระซิบคุยกับผู้หญิงคนนั้นเบาๆ พร้อมกับป้อนขนมกัน เพิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินครั้งแรก น่าแปลกที่ร่างกายกลับทรยศด้วยการนั่งนิ่งแทบไม่ขยับเขยื้อน ระยะเวลาสองชั่วโมงยาวนานราวกับตกลงในขุมนรก

   ความเข้มแข็งที่เคยมีมาตลอดพังทลาย ปิดฉากความหวังในการแอบชอบมาตลอดสองปีกับอีกสี่เดือนลงในพริบตา สมองส่วนที่ลึกที่สุดพยายามเค้นหาเหตุผลทั้งข้อดีและข้อเสียที่ทำให้ผมต้องรีบตัดใจในเร็ววัน อย่างน้อยก็ตอนนี้ ตอนที่ไม่มีแรงแม้แต่การควบคุมลมหายใจของตัวเอง

   “ค่าย เมื่อกี้นางเอกพูดว่าอะไรนะ ฟังไม่ทัน” เสียงกระซิบที่ดังแทรกขึ้นมาเบาๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ผมเงี่ยหูฟังอย่างอยากรู้

   โชคดีที่ในโรงหนังมีคนน้อย และทุกคนก็นั่งกระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ จนสามารถกระซิบคุยกันได้โดยไม่รบกวนใครยกเว้น...กู

   “เขาบอกว่า I wanna be the one you drunk text first”

   “แปลหน่อย”

   “อยากเป็นคนแรกที่คุณส่งข้อความมาหาเวลาเมา”

   “ต่อไปถ้าเมา เราส่งหาค่ายได้มั้ย”

   “ได้ดิ ส่งมาได้ตลอดเลยครับ”

ระหว่างบทสนทนาอันโคตรเสียดแทงใจ ผมได้ค้นพบข้อเสียข้อต่อมาของมันที่สมองพอจะกลั่นออกมาได้...

ข้อสาม นิสัยเจ้าชู้และอ่อยไปทั่ว

   “เดี๋ยวดูหนังเสร็จไปไหนต่อ”

   “ที่ห้องเรามั้ย”

   ข้อสี่ เห็นทุกคนเป็นแค่วันไนต์แสตนด์

   “โอเค แล้ว...”

   “ชู่วววววววว” เสียงผะแผ่วที่ส่งออกมาของคนตัวสูงทำให้บริเวณโดยรอบกลับมาเงียบอีกครั้ง จะมีก็แต่เสียงที่ส่งผ่านมาจากหนังเรื่องดังตรงหน้าเท่านั้นที่ดำเนินต่อไป ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

   เออ หนังแม่งพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันแน่วะ เพราะเท่าที่ดูและได้ฟังกลับค้นพบว่าทุกอย่างล้วนมีแต่เรื่องของไอ้ค่ายทั้งหมด ผมเลยปล่อยให้ภาพของมันครอบงำความรู้สึกเหล่านั้นไปเรื่อยๆ

   ข้อห้า ผู้หญิงเก่าๆ ของมันล้วนเป็นปัญหา   

   นอกจากคนเก่าตบตีคนใหม่แล้ว ยังลามมายุ่มย่ามกับเพื่อนในกลุ่มจนไม่เป็นอันทำอะไรอีก หนักสุดตอนนั้นก็มาขอให้ผมช่วยเป็นพ่อสื่อให้คืนดีกัน และแน่นอนว่าถ้ามันแก้ปัญหาได้เพื่อนก็คงไม่เดือดร้อน

ข้อหก มันไม่ฉลาด   

เออมันไม่ฉลาด แล้วผมก็โง่งมอยู่นาน

   นี่กูเจ็บซ้ำซากมานานแค่ไหนแล้ววะเนี่ย แผลเหวอะหวะเต็มไปทั้งหัวใจแล้วไอ้สาด

   แม้แต่ความเป็นเพื่อนเรายังให้กันไม่ได้ แล้วที่ทนเจ็บมาโคตรนานเพื่อให้รู้ว่าสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลยเนี่ยนะ คนเรานี่ก็แปลกรู้ว่าวันหนึ่งต้องเจ็บปวดแต่ก็อยากรู้จักกับความรัก ตอนผมเจอไอ้ค่ายครั้งแรก ใจมันก็รั้นท่าเดียวว่าถ้าได้ทำความรู้จักก็คงดี ต่อให้เจ็บฉิบหายแค่ไหนก็ยอม

   ความอดทนนั้นลากยาวจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ยอมรับได้ทุกอย่างว่าอีกฝ่ายจะรักใคร มองดูมันมีแฟนและเลิกรากันไปคนแล้วคนเล่า เฝ้าแต่พูดกับตัวเองว่าสักวันมันคงจะหยุด และคนที่อยู่เคียงข้างในตอนนั้นยังไงก็ยังเป็นผม ซึ่งมันเป็นความคิดที่น่าสมเพชมาก

   ผมเหมือนวิ่งมาไกลแต่ไม่มีเส้นชัยและจุดหมาย วิ่งไปเรื่อยๆ เหมือนคนหลงทาง วิ่งจนกว่าจะหมดแรงและเลิกราไปเอง ซึ่งวันนั้นมันก็มาถึงแล้ว

   หนังแอคสุดท้ายดำเนินมาถึง ผมนั่งตัวเกร็งขึ้นอีกระดับเมื่อเห็นเส้นผมสีดำขลับที่โผล่ขึ้นมาจากเก้าอี้เริ่มเคลื่อนไหว จนอดไม่ได้ที่จะกัดปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นริมฝีปากของคนที่แอบชอบมาตลอดสัมผัสกับผู้หญิงเบาะข้างๆ

   ทั้งคู่กำลังจูบกัน โดยมีไอ้หน้าโง่ตัวหนึ่งลอบมองผ่านซอกเก้าอี้ หัวใจก็เต้นกระหน่ำจนแทบระเบิด เขาจูบกันนานมาก นานจนได้ยินเสียงที่เล็ดรอดออกมาให้คนฟังด้านหลังนั่งน้ำตาตกใน เสียงดนตรีจากหนังไม่ได้ช่วยเยียวยาอะไรเลย

จำวันนั้นได้มั้ย วันที่มึงบอกว่าแคร์กู และกูเป็นเพื่อนรักคนหนึ่งของมึง ทำไมวันนี้มึงถึงเลือกทำลายกูได้ลงคอ ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมเต็มไปหมด แม้แต่ตอนที่หนังจบผมก็ยังคงตั้งคำถาม

ไอ้ค่ายลุกขึ้นยืนพร้อมกับแสงไฟที่เริ่มส่องสว่างขึ้น ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบลุกตาม แค่ได้เห็นแผ่นหลังของคนตัวสูงผมก็เอื้อมมือออกไปข้างหน้าโดยไม่มีเหตุผล แต่ร่างกายของอีกฝ่ายกลับขยับหนี

ผมนิ่งอยู่นาน รู้ตัวอีกที...

   ไอ้ค่ายก็ได้เดินจากไปไกลแล้ว

มือของผมค้างเติ่งคล้ายอยู่กลางอากาศ ก่อนจะลู่ตกมาอยู่ตรงหน้าขาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง เอนเครดิตที่ปรากฎอยู่ด้านหน้ากลายเป็นภาพแสนรางเลือน คล้ายกับความหวังที่หมดลงเหลือเพียงน้ำตาที่กลิ้งลงมาบนแก้มทั้งสองข้าง

   และตอนนั้นเองที่ผมค้นพบความจริงอีกข้อที่ว่า...

   ข้อเจ็ด มันไม่เคยรักใครจริง
   










   ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมเดินคอตกออกมาจากโรงฉายเพียงลำพังหลังจากตัดพ้อชีวิตตัวเองจนพอใจ พรุ่งนี้จะไม่มีไอ้เติร์ดคนเดิมอีก ถึงแม้วันนี้ต้องร้องไห้ให้ตาย ผมก็จะให้มันเป็นเพียงครั้งสุดท้ายที่น้ำตาของผมมีไว้สำหรับมัน

   “ไอ้เติร์ด” ก้าวเท้าออกมาได้ไม่กี่ก้าวใครคนหนึ่งก็เรียกชื่อผม ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมามองผมก็เห็นไอ้โบนยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

   “เชี่ยโบน มึง...มาได้ไงวะ” ผมถามอย่างสงสัย รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าลวกๆ เพราะกลัวว่ามันจะจับไต๋ได้

   “ก็มึงบอกจะมาดูหนัง เจอไอ้ค่ายด้วยก็เลย...”

   “เหรอๆ มันออกไปแล้วล่ะ เดี๋ยวกูว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน”

   “มึงโอเคมั้ย”

   “โอเคดิ หนังแม่งสนุกดีว่ะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อร่างของผมก็ถูกเพื่อนตัวสูงกว่าดึงเข้าไปกอดอย่างแรง แรงถึงขนาดที่ทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก

   “ไอ้เติร์ดกูขอโทษ”

“เฮ้ย ขอโทษอะไรวะ ฮ่าๆ”

“ขอโทษที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้”

“...”

“กูไม่ได้ตั้งใจ กูขอโทษจริงๆ” ไอ้โบนไม่ยอมปล่อยผม มันเอาแต่พูดคำว่าขอโทษไม่หยุดจนทำให้คนฟังอดน้ำตาไหลอีกรอบไม่ได้

“โบนมึง...”

   “วันนั้นมึงได้ยินที่กูพูดใช่มั้ย” เป็นไปตามคาด ไอ้โบนรู้ความจริงจนได้ ไม่รู้ว่าไอ้ทูบอกหรือมันรู้ด้วยตัวเองกันแน่

ผมไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเพราะยังไงเพื่อนก็คือเพื่อน จะมีก็แต่ไอ้ค่ายเนี่ยแหละที่พยายามตัดใจ พร้อมเมื่อไหร่สัญญาว่าจะกลับมาเป็นคนเดิม

   “ใช่ กูได้ยินทุกคำที่มึงพูด แต่มันผ่านไปแล้ว”

   “กูไม่รู้ไอ้เหี้ย กูผิดเอง”

   “...”

   “ถ้าใครสักคนต้องผิด คนคนนั้นขอให้เป็นกู” ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกเพื่อนหันหลังให้ อย่างน้อยก็ไอ้โบนอีกหนึ่งคนที่เริ่มหันมาแคร์ความรู้สึกกันบ้าง

   “กูคิดไม่ซื่อกับเพื่อนด้วยแหละ สมควรแล้ว”

   “ไอ้ค่ายมันรักมึงมากนะ”

   “แบบไหน”

   ในใจผมกำลังคาดหวังอะไรอยู่วะ ต้องการคำตอบแบบไหนถึงจะพอใจ...

   “เพื่อน”

   “ระ...เหรอ”

   “ร้องออกมาเถอะว่ะ แล้วพรุ่งนี้กูก็จะยังอยู่กับมึง”

   อย่างน้อยได้โบนก็ทำให้ผมตาสว่าง เจ้าตัวกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเพื่อกอดปลอบผม ในเวลาที่อ่อนแอฉิบหาย ขอบใจที่มึงยังอยู่เคียงข้าง ผมจะร้องไห้ให้กับไอ้ค่ายแค่วันนี้

   เพื่อพรุ่งนี้...จะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป












   การประชุมใหญ่ของคณะเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายของวันอังคาร เฮดของแต่ละสาขาตามชั้นปีนั่งเรียงอยู่ในห้องประชุมกว้าง โต๊ะรูปตัวยูมีนิสิตจับจองพื้นที่จนเต็มอัตรา ผมกับเพื่อนอีกสามคนจากฝั่งฟิล์มปีสามเป็นตัวแทนของสาขามารับฟังข่าวสารแล้วไปขยายต่อ

   งานใหญ่ประจำปีที่เป็นหน้าตาของคณะนั่นก็คือละครเวทีนิเทศใกล้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่อย่างนั้นงานนิเทศแฟร์ครั้งก่อนเราคงไม่ขนพลกันมาจัดกิจกรรมโกยเงินเข้าคณะกันจนหัววุ่น วันนี้ประธานรุ่นปีสี่ที่เป็นเฮดใหญ่แกเลยรีบประชุมและแบ่งหน้าที่กัน เพราะต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกนาน

   การทำละครไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะองค์ประกอบและหน้าที่ค่อนข้างเยอะ ไหนจะต้องมี stage manager, back stage, co-stage, คอสตูม ทำฉาก PR สารพัดจะคัดคนมาทำ ซึ่งประธานปีสี่แกก็ได้แบ่งสันปันส่วนคร่าวๆ ไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องมารองานหลักที่ถ้าไม่เสร็จงานก็เดินต่อไม่ได้อย่างการเขียนบทแทน

   และหวยก็มาออกที่ผมกับรุ่นพี่อีกสองคนที่เคยคุยเรื่องนี้กันไว้คร่าวๆ หน้าที่ของทีมเขียนบทคือต้องสร้างเส้นเรื่องและรายละเอียดการแสดงทั้งหมดในละครเวที เอาจริงๆ จินตนาการในหัวตอนนี้เท่ากับศูนย์ นั่นทำให้ทุกฝ่ายต้องจ่ายเวลาให้ผมได้คิดและเขียนมันออกมาในเวลาตั้ง...เดือนครึ่ง

   เยอะมากเลยแสรดดดดดดดด

   เวลาแค่นี้เนี่ยนะ กับสภาพจิตใจแบบนี้เนี่ยนะ ฆ่ากูเหอะว่ะ

   หลังออกมาจากห้องประชุม ผมก็โทรนัดไอ้ทูมาข้างนอกเพื่อเริ่มต้นเขียนพล็อตคร่าวๆ แม้ดูรวมๆ แล้วงานหลักของมันจะเป็นงานภาพซะมากกว่า เพราะเฮดถ่ายภาพแกพูดชื่อไอ้ทูในที่ประชุมไม่หยุดเลย

   สองชั่วโมงให้หลังผมขับรถกลับมายังคอนโด จัดการโยนกระเป๋าและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องของไอ้โบนตามที่ได้นัดหมายกันไว้

   ก๊อกๆๆ

รอไม่นาน เจ้าตัวก็เดินมาเปิดประตูให้ด้วยใบหน้าระรื่น พลางเอ่ยถามน้ำเสียงติดกวนตีน

   “เป็นไง พ่อคนเขียนบท”

   “ตอนแรกโอเค แต่พอเห็นหน้ามึงแล้วสมองกูแบลงค์มากครับไอ้ควาย”

   “กูหล่อก็บอก”

   “รำคาญ แล้วผีไหนเข้าสิงมึงให้ใส่กางเกงแบบนี้วะ” กางเกงบอลครับ แต่ขาดจนแทบลามไปถึงรูดาก

   “เหมาะกันป่ะ”

   “เออเหมาะ กางเกงแม่งขาดเหมือนสติของมึงเลย ขาดๆ เกินๆ”

   “วันนี้อยากให้กูซัดฟันซี่ไหนมึงทิ้งดีครับ”

   “ไปกวนตีนไกลๆ แล้วนี่จะให้กูเข้าไปมั้ย”

   “เชิญ” บุคคลที่สองซึ่งนั่งกดเกมส์อยู่หน้าทีวีก็คือไอ้ทู มันหันมายิ้มให้แว๊บหนึ่งก่อนจะจดจ่อกับเกมส์ต่อ แล้วพอไอ้โบนเดินกลับไปนั่งขัดสมาธิข้างๆ พร้อมกับหยิบเกมส์กดขึ้น มันสองตัวก็เริ่มต้นฆ่าล้างผลาญกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทิ้งให้ผมนั่งเหงาอยู่คนเดียว

   “แล้ว...ไอ้ค่ายล่ะ” จริงๆ ก็อดถามไม่ได้ เชี่ยโบนหันมาจ้องตาผม ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับเกมส์ตามเดิม

   “มันมีนัดน่ะ” ถึงแม้ไม่บอกตรงๆ เดาว่ามันคงไปกับผู้หญิงคนใหม่อีกตามเคย บ่อยครั้งที่ผมมักเห็นคนตัวสูงพาผู้หญิงหน้าตาสะสวยซ้อนท้ายบิ๊กไบท์อยู่บ่อยๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกทุรนทุรายเหมือนกัน

   ไอ้ค่ายไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเราแล้ว ตอนนี้แก๊งโหดเหมือนเหลือไว้แค่ชื่อและสมญานาม มีแค่ผมสามคนเท่านั้นที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ จะมีก็แต่ไอ้โบนเนี่ยแหละที่เป็นเหมือนกาวใจผสาน คอยดึงไอ้ค่ายให้กลับเข้ากลุ่มตามเดิม แต่มันก็เปล่าประโยชน์ในเมื่อเราไม่สนิทใจกันเหมือนเดิม

   “ถามจริง ตอนนี้มึงให้อภัยมันหรือยังวะ” ไอ้โบนถามต่อ

   “กูไม่อะไรแล้ว แค่...พยายามกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่มันเนี่ยดิ”

   “ได้ยินอย่างนี้กูก็ดีใจ ไอ้ค่ายมันแม่งฟอร์มไปงั้นแหละ เห็นมึงไม่บอกเหตุผลอะไรเลยหาเรื่องโกรธมึงกลับบ้างแค่นั้นเอง” เออได้ผล เพราะกูเจ็บจนพูดไม่ออกเลยล่ะ

   “ก็ถ้ากูบอกมันก็คงไม่เหมือนเดิม”

   “เข้าใจ”

   “พวกมึงจะไม่บอกมันเรื่องนี้ใช่มั้ย” มันสองตัวมองหน้ากันนิ่งก่อนไอ้ทูจะเป็นฝ่ายพูดบ้าง

   “เรื่องมันไม่เกี่ยวกับพวกกูป่ะวะ กูให้สิทธิ์เจ้าของความรู้สึกเป็นคนบอกเองดีกว่า”

   “ขอบใจว่ะ”

   “...”

   “แต่ไม่มีวันนั้นหรอก ปีหน้าอีกปีก็เรียนจบแล้ว” เราคงจะไกลกันมากขึ้น เจอกันยากขึ้น ที่สำคัญ...ไม่วันใดก็วันหนึ่งทุกคนก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ไอ้ค่ายถึงแม้จะเจ้าชู้แต่สักวันมันก็คงหยุดที่ผู้หญิงดีๆ สักคน

   ผมแค่อยากแต่งตัวไปงานแต่งของมันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบไม่ต้องฝืน หรือยืนเคียงข้างมันในตำแหน่งของเพื่อนเจ้าบ่าว มันต้องมีวันนั้นที่ความรักของเราหมายถึงมิตรภาพของคำว่าเพื่อนมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น

   ยังอยากเป็นเพื่อน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของมัน

   “เหย เรียนจบแต่ความเป็นเพื่อนไม่จบนะเว้ย เดี๋ยวกูขอเล่นตานี้จบก่อนแล้วจะไปเอาเบียร์มาให้”

   “เอาที่มึงสะดวกเถอะ อยู่ห้องคนเดียวก็เหงา”

   เรานั่งจิบเบียร์กันไปเรื่อยๆ ปรับทุกข์บ้างตามประสาเพื่อน ดีที่อย่างน้อยตอนที่รู้สึกแย่ก็ได้มันสองตัวเนี่ยแหละคอยพยุงไว้ไม่ให้ล้ม

   ก๊อกๆๆ

   “ใครวะ” เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะอีกครา ผมเงยหน้ามองหน้าปัดนาฬิกาฝาผนัง ตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว

   “ไปเปิดสิ”

   “ขี้เกียจลุก มึงไปเปิดดิไอ้เติร์ด”

   “กูควรได้รับการปลอบใจมั้ย นี่กูอกหักนะไอ้เหี้ย” อกหักทั้งที่ยังไม่ได้คบกัน แปลกดี

   “มึงแหละไป กางเกงกูขาดเนี่ยเห็นมั้ย” เอาเรื่องกางเกงมาต่อรองนับเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนที่สุด ผมเลยต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินตรงดิ่งไปที่หน้าประตู

   ทันทีที่ตัดสินใจหมุนลูกบิด ผมกลับพบว่าคนที่ยืนเผชิญหน้าอยู่เป็นคนคนเดียวกับที่ไม่อยากเจอมาตลอด

   “ไอ้ค่าย...”

   “ไอ้โบนเรียกกูมา กินเบียร์กันอยู่เหรอ” ไอ้ควายโบน ไอ้สารเลว!

   ผมยืนค้างอยู่หน้าประตู มองดูร่างสูงเดินผ่านเข้ามาภายใน คงจะดีกว่านี้ หากมืออีกข้างของมันไม่ได้เกี่ยวข้อมือของใครอีกคนเอาไว้

   “เข้ามาเลย นี่เพื่อนพี่เอง”

   “โอ๊ยยยยยยคนสวย เชิญครับ เชิญ” คนแรกที่กุลีกุจอลุกขึ้นมาจนน่าตบบ้องหูเลยก็คือไอ้ทู มันรีบจัดแจงเคลียร์พื้นที่ ก่อนจะเชิญให้เขานั่งตรงโซฟาอย่างมีมารยาท

   “ลมอะไรหอบมาวะ”

   “พาน้องไปกินข้าวเสร็จ เชี่ยโบนก็โทรชวนเลยแวะมา”

   “อ๋อ น้องกินเบียร์มั้ยครับ” รุ่นน้องคนนั้นส่ายหน้าไปมา เพื่อนในกลุ่มเลยวิ่งหาน้ำเปล่ากันพัลวัน จะมีก็แต่ไอ้โบนที่จับสังเกตได้และมองเห็นว่าผมยังยืนนี่อยู่ที่เดิม

   “ไอ้เติร์ดปิดประตู กลับมานั่งนี่”

   “คือกูว่า...จะกลับ”

   “เหรอ งั้นก็กลับเถอะ มึงคงเมาแล้วเนอะ” พอเห็นว่าผมทำหน้าหงอยๆ ไอ้โบนเลยเข้าใจด้วยการไล่ตะเพิดกรายๆ แต่เชี่ยค่ายเนี่ยดิที่พูดแทรกออกมาซะก่อน

   “นั่งด้วยกันก่อนดิ”

   ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดด้วยการเดินกลับไปนั่งขัดสมาธิอยู่กับพวกมัน โชคดีที่เบียร์ยังไม่หมดขวดเลยพอดื่มย้อมใจไปได้บ้าง ถึงแม้ไอ้ค่ายจะรั้งให้ผมอยู่ต่อ แต่มันก็ไม่ได้ทักทายหรือพูดคุยอะไรกับผมสักคำ

   และมันก็เข้าสเต็ปเดิมคือเดดแอร์

   “ค่ายมึงรู้ยัง โปรเจ็กต์ละครเวทีเริ่มแล้วนะ จองหน้าที่อะไรไว้” ไอ้โบนกับไอ้ทูมักสลับกันหาเรื่องคุยไปเรื่อยเพื่อไม่ให้งานกร่อย เห็นแล้วก็สงสารพวกมันนะครับ พยายามกันจนปาดเหงื่อ

   “ผู้ช่วยผู้กำกับ”

   “โหยยยยยย หน้าที่นี้ปีสี่จองไปแล้วครับ อย่าโง่สิ”

   “กูคุมแสงสีเสียงได้”

   “เข้าแก๊บอยู่ กูก็อยากมาทำส่วนนี้ แต่ไอ้เติร์ดนี่หนักกว่าเพื่อนหน่อย”

   “ทำไม”

   “เขียนบท นั่งคิดไปสิว่าจะให้ใครรักกัน”

   “มึงรู้ได้ไงว่ากูจะเขียนเรื่องความรัก เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้กูไม่ศรัทธาละ” ผมอดค่อนแขวะไม่ได้ ซึ่งคนที่ถูกพาดพิงก็หันมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

   “คนอย่างมึงเคยศรัทธาอะไรด้วยเหรอ” และไม่นานมันก็ตอกกลับมาเจ็บแสบเช่นกัน

   “กูไม่ใช่มึงที่จะศรัทธากับความรักไปทั่ว คั่วไปทั่วเหมือนทุกวันนี้”

   “ไอ้เติร์ด!”

   “ใจเย็นเพื่อน ใจเย็น...” ไอ้ทูกับไอ้โบนรีบตะโกนสงบศึก ผมเลยไม่พูดอะไรออกไปอีกนอกจากดื่มเงียบๆ ไม่รู้ว่าเพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปตั้งแต่หัวค่ำหรือเปล่า ทำให้มองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด แม้กระทั่งเสียงเจื้อยแจ้วของรุ่นน้องผู้หญิงที่ตอนนี้ได้ไถลตัวเองลงมานั่งกับไอ้ค่ายเรียบร้อย

   “พี่ค่ายอย่าดื่มเยอะเป็นห่วง”

   “ไม่เยอะครับ”

   “ไม่ให้สูบบุหรี่ด้วย”

   “โอเค”

   “เชื่อฟังแบบนี้สิ”

   “คิดเหรอว่ามันจะเชื่อฟังน้องแค่คนเดียว” เหมือนทุกคนกำลังเข้าสู่โหมดอึ้งกันอยู่ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพลั้งปากพูดแบบนั้นออกไป แต่มันก็ทำไปแล้ว

   “พี่หมายความว่าไงคะ”

   “ก็ไอ้ค่ายมันมั่วไง เดี๋ยวได้แล้วมันก็ทิ้ง”

   “ไอ้เหี้ยเติร์ด!” ร่างสูงถลาเข้ามากระชากคอเสื้อของผมอย่างแรง ไอ้ทูที่นั่งอยู่ข้างๆ เร็วพอเลยเข้ามาแยกจนผมถูกผลักให้หงายหลัง

   “ใจเย็นมึง มึงเมาแล้วใช่มั้ย กลับห้องกันนะ”

   “กูไม่เมา แม่งพูดความจริงก็ผิดเหรอ” ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มันอัดอั้นอยู่เต็มอกจนแทบระเบิด แค่เราไม่คุยกันมันก็แย่อยู่แล้ว แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือมันพาใครไม่รู้มาหยามกันต่อหน้าซึ่งผมทนไม่ได้

   “แล้วไง อย่างน้อยกูก็รักใครเป็น ไม่เหมือนมึงหรอก งี่เง่า ไร้เหตุผลฉิบหาย”

   “มึงกล้าพูดจริงๆ เหรอว่าสิ่งที่เป็นอยู่ของมึงมันคือรัก”

   “ใช่รัก แล้วกูก็รู้ว่าจะยกมันให้ใครที่ไม่ใช่เพื่อนเหี้ยๆ อย่างมึง” เสียงตะคอกก่อนหน้าดังก้องไปทั้งกกหู พร้อมกับร่างกายที่ซวนเซเพราะถูกผลักอย่างแรง น้ำตาหยดแรกไหลกระทบพื้นห้อง ผมก้มหน้ามองนิ่งๆ จนหยดที่สองและสามตามลงมาไม่ขาดสาย

   ไอ้ทูพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะยืน ได้แต่นั่งก้มหน้ามองพื้นและปิดปากเงียบอยู่อย่างนั้น

   “ไอ้ค่าย เติร์ดมันเมาอย่าถือสามันเลย”

“เมาแต่ปากก็หาเรื่องฉิบหาย”

“แคร์มันหน่อย ช่วงนี้มันไม่โอเค”

“มึงคิดว่ามันเป็นเมียกูหรือไงถึงต้องแคร์!”

“เฮ้ยกูว่ามึงพูดดีๆ กับมันก็ได้นะไอ้ค่าย”

“ไว้มันมานอนให้กูเอาเมื่อไหร่ กูถึงจะพูดดีด้วย พอใจยัง!!”

ผั่วะ!!

เสียงของแข็งกระทบกันดังขึ้น ก่อนสถานการณ์จะชุลมุนวุ่นวายเมื่อไอ้โบนถลาเข้าไปชกหน้าคนปากมอมอย่างแรงจนล้มหงาย โชคดีที่มีไอ้ทูคอยแยกเอาไว้เรื่องเลยจบลงเพียงหมัดเดียว

“ไอ้ค่ายนี่เพื่อนนะ เพื่อนที่รักมึง”

“...”

“ไอ้เติร์ดมัน...มัน...”

“โบนพอเหอะว่ะ” ผมรีบเข้าไปขวางไอ้โบนเอาไว้ไม่ให้มันพูดอะไรออกมา แม้น้ำตาที่ไหลอยู่ตรงนี้ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดก็ตาม

ระหว่างผมกับไอ้ค่ายคงไม่มีทางเป็นไปได้ ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองผมกลับ แต่ภาพเหล่านั้นก็ฝ้าฟางเต็มแก่ ผมไม่สามารถมองมันได้อย่างชัดเจนจากตรงนี้อีกแล้ว

“กู...ขอโทษนะ กูไม่ดีเอง” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

เพื่อปกป้องคำว่าเพื่อนของเรา ผมก็จำต้องเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ตลอดไป...






เหยยยยยย มันกลายเป็นดราม่าไปได้ยังไง
ก็ตามชื่อตอนเลยค่ะ โง่เซ่อบ้า เพราะว่าความรัก
มันก็จะติดรำคาญอยู่หน่อยๆ หวังว่าทุกคนจะให้อภัยเติร์ด คนกำลังสับสนอยู่
จะตัดก็ตัดไม่ขาด คาราคาซังเว่อร์ ส่วนเพื่อนในกลุ่มฉลาดหมดแล้วนะคะ
ตอนนี้เหลือค่ายโง่อยู่คนเดียว 55555555555555555555
#ทฤษฎีจีบเธอ

ปล.ภาพใน youtube ของมูฟวี่ซี้เว่อร์น้องเนส (icloudn) วาดให้เมื่อนานมาแล้วค่ะ
เลยขอเอามาใช้

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 04-06-2017 00:16:27
โอ้ยยยยย อึดอัดมาก โคตรชอบการดึงอารมณ์ดราม่าของจิตติเลยอะ เจ็บปวดหัวใจหนึบๆไปกับน้องเติร์ด

อิค่ายยยยย ชั้นโกรธแกมากจริงๆ อิคนผีบ้า ฮือๆๆ ตบตีๆ ไม่รู้แหละ เห็นพฤติกรรมแล้วอยากตี นี่เข้าข้างน้องเติร์ดหนักมาก ตัดใจไปลูก ตัดใจไปเลยย ไม่รำคาญด้วย สงสารน้อง ฮือออ อิค่ายยย เอ็งนะเอ็ง!!!!

อยากอ่านต่อเป็นอย่างมาก อยากอ่านแบบทุกวัน 55555
จะมาเฝ้ารอทุกวันเลยนะ 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-06-2017 00:20:25
อึดอัดมาก โคตรอึดอัดเลย เหมือนหายใจไม่ออก จะร้องด้วย ฮือออออ ไอ้ค่าย!!! ไอ้คนปากมอม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 04-06-2017 00:21:41
อีค่ายยยย! บุคคลที่ไม่สมควรเป็นพระเอกแห่งปี  :m31: :m31: :m31:
ถ้ามีรางวัลนี้ขอยกให้มันนนน ละแถมรางวัลโง่ยอดเยี่ยมให้ด้วย 10 10 10 ไปเลยจย้าาาาาา
สงสารแต่เติร์ด :m15:  :m15: :m15:
ตัดมันให้ขาดเลยลูกกกกก หาผู้ใหม่ที่ฉลาดๆไปเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: แมวฉำฉา ที่ 04-06-2017 00:21:54
สงสารเติร์ดอ่ะ เข้าใจความรู้สึกเลย มันอึดอัดใจมากๆ จะร้องไห้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 04-06-2017 00:22:41
ถ้าค่ายยังโง่อยู่เรานี่แหละจะเข้าไปต่อยมันอีกคน นี่เติร์ดเพื่อนไง ทำไมพูดจาเลวใส่เพื่อนอ่ะ ไม่รักก็ไม่ได้ว่าแล้วนี่ไง ทำไมต้องมาเหยียบซ้ำอีก ไม่รู้อะไรทำไมต้องปากดีวะ ทีแรกก็คิดว่าเติร์ดคิดไปเองว่าพี่ค่ายมันเหี้ย จริงๆแล้วมันก็เหี้ย ฮรุกกก//ไหนคุณจิตติบอกไม่ม่าไงคะ! จริงๆก็เตรียมน้ำร้อนไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้ว แต่ทำไมมันมาแบบโบ้มๆเลยล่ะคะ น้องเวรี่แซรด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-06-2017 00:31:35
โหย...นี่ร้องไห้เลย ดราม่าหนักมาก!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 04-06-2017 00:35:38
 :z3: :z3: :z3:
ทั้งค้างทั้งเศร้าเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 04-06-2017 00:36:12
ตอนนี้เติร์ดแอบทำตัวน่ารำคาญนิดหน่อยนะ แต่เรายังให้อภัยถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำให้เฮิร์ท แผลยังใหม่ สติเลยยังมาไม่ครบดี แต่หลังจากนี้หวังว่าจะมีอะไรเปลี่ยน จมปลักนาน นังค่ายก็ยังโง่เหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ จะบอกให้หายโง่หรือจะตัดใจแล้วไม่แคร์ได้จริงเอาสักทางนะ
ส่วนนังค่ายตอนแรกว่าจะไม่ด่าล่ะ เพราะตอนนี้ถือว่านางไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าทำร้ายจิตใจเติร์ดแถมยังมาโดนขอตีตัวออกห่าง กำลังจะสงสารล่ะ แต่พอปากหมามาตอนท้าย โอเคจ้าาา ด่าเลย // นานๆทีมีเวลาคอมเมนท์ ห้วนไปนิด แต่เราติดตามนะคุณจิตติ นี่คืออิน ฮาๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 04-06-2017 00:40:56
โอ้ยยยยย ใจพังหมดแล้ว จิตติ๊~คนใจร้ายยยยย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 04-06-2017 00:46:17
เมื่อไหร่จะเข้าช่วงทฤษฎีจีบเธอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 04-06-2017 00:50:26
จุก อึดอัดกับเติร์ดมาก สงสารที่ต้องมารักคนแบบนี้ พอเถอะ ปล่อยอีนี่ไปกับชะนีเถอะ ให้มันมั่วให้พอ ให้เติร์ดได้ตัดใจ มองหาใครใหม่ๆมาแทน
โทษนะ ขนาดไม่รู้อีค่ายยังชั่วขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเติร์ดชอบคงเล่นใหญ่สุดๆไปเลย
หึ ตัดอีค่ายออกจากการเป็นพระเอกไปเลย ชั่วเกิน
 :beat:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-06-2017 00:50:53
เกลียดค่ายอะ เกลียดจนไม่อยากให้ใครได้คนนี้ไป มีดีแต่หน้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-06-2017 00:53:47
โอยเกินจะเอ่ยอยากโดดถีบค่าย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 04-06-2017 00:55:21
แบบ ไม่รู้จะพูดไงเลย
เติร์ดหนูลูก ยังไงดี ฮือ อาจจะดูแรง
แต่หนูเองก็ไม่มีสิทธิ์พูดกับเขาแบบนั้นเนาะ
เรามันไม่สำคัญกับเขาขนาดนั้นอะ
อย่าไปแคร์มันเลย เหมือนเติร์ดยังจมอยู่
ยังไม่เดินไปข้างหน้าอะ 
ไม่มีใครช่วยแกได้นั แกต้องช่วยตัวเองนะเติร์ด
นี่อยากจะเทค่ายแล้วอะ รำคาญสายตามาก
หาคนดีๆให้เติร์ดใหม่ได้ไหมคะ5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 04-06-2017 01:06:18
เธอหลอกฉันทำไม ไหนเธอบอกว่าเรื่องนี้ใสๆไง ไม่อยากให้ดราม่า แล้วนี้อะไร ทำไมต้องทำร้ายเติร์ด  :serius2:  :o12: ทำไมต้องทำร้ายเรา เติร์ดเศร้า เราก็เศร้า  :m15: ตอนนี้บอกเลย ไม่ชอบการกระทำของไอ้ค่ายมาก คำพูดน่าทุบด้วยท่อนเหล็กมาก แม่งพูดไม่ได้คิดถึงใจคนฟังเล๊ยยยยย อิผีเจาะปากมาพูด ขอให้แม่งเอดส์แดกตาย สงสารเติร์ดที่ต้องมายืนอยู่จุดจุดนี้ ยิ่งอ่านยิ่งแค้นมัน  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 04-06-2017 01:15:10
เศร้าไปอีก ค่ายแย่มากเลย คิดกับเพื่อนที่คบกันมาสองปีกว่าแบบนี่ได้ไง  :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-06-2017 01:46:35
คือเรื่องนี้แบบค้างมาก หน่วงมากก อยากให้มาต่อเร็วๆค้างแต่ละฉากนี่ใจจะขาดดด
อิค่ายคือโง่ อิโง่อะ รักแต่ปาก แคร์แต่ปากมากๆ
ปกติไม่เคยด้าพระเอกเลยนะไม่ว่าเรื่องไหน นี่ให้มันประเดิมคนแรกเลย
บอกว่ารักเพื่อนแคร์เพื่อน แต่เพื่อนนิสัยแปลกไป กำลังจะตัดเพื่อนกะเรา ด้วยเหตุผลที่โคตรไม่น่าเชื่อ
ละมันก้โง่เชื่อ ไม่พยายามหาเหตุผลอะไรต่อเลย หาเรื่องโกรธคืนเพื่อกลบความรู้สึกตัวเองว่ากูไม่ได้ผิดคนเดียวงี้
คือถ้าลองพยายามหาเหตุผลจริงๆมันจะไม่เจอซักข้อเลยหรอ ขนาดโบนที่ไม่ได้โดนโดยตรงยังรู้เลยอะว่าชนวนคืออะไร
นี่อะคือเพื่อนที่แคร์ ที่ใส่ใจ รู้ว่าเพื่อนแปลกไป สำนึกว่าตัวเองทำอะไรไป
ค่ายคือโคตรไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธเตริร์ดอะ โมโหห สงสารเติร์ด
ต้องเจ็บเพราะอิค่ายอีกแค่ไหนอะ จะตัดใจก้มาวนเวียนคอยกรีดแผลให้ลึกขึ้นไปอีก
ถ้าซักวันแผลมันรักษาหายได้จริงๆ แผลลึกเหวอะหวะขนาดนี้ยังไงก้เป็นแผลเป็นเถอะ
ถ้ามารักกันที่หลังแต่เติร์ดต้องมีแผลในใจเรื่องนี้ไปตลอดนี่อิค่ายมันจะรับไหวมะ
จะยอมรับผลกรรมที่ตัวเองจงใจก่อไหวมั้ย ไม่อยากเป็นเพื่อนกันแล้วก้เลิกยุ่งสิ ทำร้ายกันทำไม
สงสารเติร์ด โมโหอิค่ายแต่ก้ไม่ได้อยากเปลี่ยนพระเอก
อยากให้อิค่ายได้รับความทรมานและสำนึกผิดในวันที่รักเติร์ดไปแล้ว
รอออออค่าาา มาเรวววๆๆนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-06-2017 01:54:12
โอ้ยยย สงสารเติร์ด เมื่อไหร่ค่ายจะหายโง่ เขาจะได้รักกันตอนไหนคะคุณขา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-06-2017 02:50:12
ไหนว่านิยายฟีลกู๊ดไง #คุณหลอกดาว โอ้ยยยยย เกลียดๆๆๆๆๆๆอิค่ายไม่เคยเกลียดพระเอกของจิตติคนไหนเท่ามันมาก่อนเลย เรื่องนี้เราไม่โทษเติร์ดการแอบรักมาสองปียิ่งเป็นเพื่อนกันมาด้วยมันย่อมมีความผูกพันจะให้ตัดใจไปง่ายๆมันไม่ได้หรอกนะ หลายคนอาจจะมองว่าเติร์ดทำตัวเอง ซึ่งมันก็ใช่ในส่วนนึงแต่ในความเป็นเพื่อนอะถึงจะมีอยู่น้อยนิดก็ไม่ควรพ่นคำเลวๆแบบนั้นออกมาป่าว คือพ่นมาเพื่อความสะใจแต่ไม่คิดถึงใจเพื่อนเลยต่อให้คนไม่รู้สึกอะไรกันมาเจอประโยคแบบนี้ก็จุกอะ ถ้าเป็นเราเจอแบบนี้โคตรอยากตบมันเลย จริงๆหมัดเมื่อกี้อยากให้คนต่อยเป็นเติร์ดมากกว่านะ คงสะใจพิลึก ร้องตอนนี้ให้พอนะเติร์ด หลังจากนี้ก็พยายามตัดซะ เพื่อนเหรี้ยๆอย่างไอ่ค่ายไม่ต้องมีหรอก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 04-06-2017 03:02:58
โอ้โห ค่าย
อยากให้ค่ายรักเติร์ดในวันที่เติร์ดไปรักคนอื่นสุดๆ แต่ทฤษฎีจีบเธอนี่จะเป็นเติร์ดจีบค่ายหรือค่ายจีบเติร์ดหรือจะมีคนอื่นมาจีบเติร์ดล่ะ
ยังไงก็แล้วแต่ขอมอบ :z6: :z6: :z6: ให้ค่าย อ่ะ :beat: :beat: :beat: อีกที รับไปล่วงหน้าก่อน อนาคตค่อยว่ากัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/05/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 04-06-2017 03:06:09
โอ้โหหห ขึ้น ๆ ขึ้นมาก ขึ้นแทนเติร์ดดดดด
ไอ้ค่าย ไอ้ปากหมา ปากมอม
ทำอะไรผิดก็ยังไม่รู้ตัว พูดจาแบบนั้นออกมาได้ไง ไหนว่าเป็นห่วง ไหนว่าเพื่อนรัก โมโหทีสมองมันหายมันหายไปไหน
ฮึ้ยยยย แกไม่เหมาะกับความรักที่เติร์ดมีให้เลย ไม่สมควรได้รับเลย  :katai1:

แต่เติร์ดจะไปแอบหวังอะไรกับความรู้สึกค่ายมัน ในเมื่อมันไม่ได้มองเติร์ดในสถานะอื่น นอกจากเพื่อน  :กอด1:

ยิ่งอ่านยิ่งเข้มข้นด้านอารมณ์ ยิ่งเกลียดนิสัยแบบนี้ของค่าย  :m31:
ขอบคุณสำหรับตอนที่ทำให้อินได้ขนาดนี้
#ทีมเติร์ดไม่เอาค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 04-06-2017 03:46:46
อ่านตอนนี้แล้วอึดอัดมากเลย หัวร้อนกะค่ายสุดๆ

อยากอ่านต่อออออออออออ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: TK323 ที่ 04-06-2017 04:32:18
ทำไมอ่านแล้วมันหนึบหนับ ปวดตุ๊บๆในใจ :katai1: :katai1: :katai1:
อิพระเอกก็โง่งี่เง่าเต่าตุ่นมาก อิค่ายว้อยยยยยยย เกลียดแม่ม ดูคำพูดที่พ่นมาแต่ละคำซิ นี่อยากจะเสี้ยมให้หนูเติร์ดไปเจอรักใหม่ที่ดีกว่านี้มาก แต่ก็เนอะค่ายมันพระเอก เมื่อไรจะหายโง่สักทีวะ แล้วนิสัยพาผญมาไม่ซ้ำหน้านี่เลิกสักทีเถอะ เกลียดโว๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 04-06-2017 04:46:32
เอาจริงๆ ก็ทั้งสงสารและไม่สงสารเติร์ดนะ ตอนนี้ออกแนวกึ่งๆ สมน้ำหน้า ไม่ถึงขนาดนั่นขอใช้คำว่าสมควรแล้วละกัน เพราะเรามองว่ามันเป็นความรู้สึกเติร์ดที่เกิดขึ้นเอง และควรจัดการด้วยตัวเอง อย่าได้เอาการกระทำ หรือความรู้สึกใดๆ ของใครมาเป็นปัจจัย อย่างตอนท้าย เรามองว่าเติร์ดงี่เง่าก่อนด้วยซ้ำ ถึงแม้สาเหตุจะมาจากค่าย แต่เจ้าตัวเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยนี่ เป็นเราคงรู้สึกเหมือนค่ายเพราะคิดว่าถูกโกรธด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้แถมยังถูกด่าฟรี มีอะไรก็ไม่พูดแล้วจะรู้หรือจะทำตัวถูกได้ยังไง (อันนี้คือมุมมองในความรู้สึกของค่าย ไม่ได้คิดไปถึงผลกระทบหากเติร์ดบอกความจริงไป)

ส่วนค่าย ยอมรับว่าเรื่องลองใจนี่ผิดจริง ผิดในที่นี้หมายถึงผิดต่อความรู้สึกของเติร์ด แต่แน่นอนว่าค่ายไม่ได้คิดเผื่อว่าถ้าเติร์ดรู้เข้าจะรู้สึกยังไง จริงๆ มันก็แค่ต้องการพิสูจน์อ่ะนะ ค่ายยังเถียงโบนด้วยซ้ำว่าเติร์ดไม่ได้เป็นอย่างที่โบนคิด คงไม่ได้มีเจตนาจะล้อเล่นกับความรู้สึกอะไร แต่ถามว่าผิดมั้ย นางผิดจริง
อีกข้อก็คือค่ายเป็นคนทิฐิสูงนะ เพราะคิดว่ากูขอโทษแล้วแต่มึงยังไม่ให้อภัยก็ช่างแม่ง ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูผิดอะไร เออ งั้นก็เรื่องของมึงละกัน แล้วก็เมินเฉย กลายเป็นย็นชาใส่คนคนนั้นเลย  แล้วก็ตอนสุดท้ายพูดแรงไปจริง แต่ก็เข้าใจเพราะตามที่บอกไว้ข้างบนว่ามันเกิดจากความงี่เง่าของเติร์ดก่อนเอง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 04-06-2017 04:55:07
อึดอัดอ่ะ มันยิ่งกว่าแย่
จากที่มันก็แย่อยู่แล้ว ตอนนี้เหมือนจะกู่ไม่กลับเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: -I....IIว่u- ที่ 04-06-2017 07:41:13
 :hao3: :hao3: เหมือนโดนพี่จิตติทำร้ายจิตใจ
งื้อออ อยากอ่านต่อแล้ว คงต้องรอไปอีกเป็นเดือนซินะ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 04-06-2017 08:12:57
เห็นด้วยกับความเห็นที่ #343
เราว่าเติร์ดผิด สงบใจไม่ได้แล้วพาล
นี่คือเพื่อนนะ ยังสติลเพื่อนเนาะ ไม่ใช่ผัว กรุณาให้สิทธิ์ค่ายได้อธิบายมั่งเหอะ แม้นางจะพูดแรงไปก็อารมณ์ขึ้นทั้งคู่

ทำไมคนแอบรักต้องได้รับการให้อภัยมากกว่าคนอื่น คือพาร์ทนี้เติร์ดนางอินกับบทนางเอกผู้ถูกกระทำมากไปนะ

แต่ที่ไม่เข้าจายสุด อารายคือทฤษฎีจีบเธออ่ะคะจิตติ ไหนคือใสๆ ที่ปูมาในตอนแรก ตอนนี้น้องจะกลับลำเอ่อ อย่านะพี่ไม่พร้อมมมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: mony ที่ 04-06-2017 08:13:54
คิดเองโกรธเองอยู่คนเดียว

ทำตัวไม่มีเหตุผลเลย มองแต่มุมตัวเองตลอด โกรธแล้วก็ไม่บอกอะไร คิดว่าคนอื่นเค้าจะรู้เองว่าทำผิดตรงไหน คนมันไม่ได้รู้อะไรไปซะทุกอย่างหรอกนะ

ไม่กล้าบอก เพราะกลัวเสียเพื่อน คิดหน่อยก็ดีนะ ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เสียเพื่อนจริงเหรอ

ค่ายไม่ได้ทำตัวแย่ลงเลยนะ ก็ทำเหมือนเดิม เจ้าชู้เหมือนเดิม พยายามง้อก็แล้ว ถามเหตุผลก็แล้ว ดันโดนด่าเพราะไม่รู้เรื่อง

ไม่ชอบเลยค่ะ เหมือนเห็นผู้หญิงง้องแง้ง ต้วเติร์ดตอนต้น ๆ ที่ฮา น่ารักกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-06-2017 08:38:39
ค่ายจำเป็นต้องพูดต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ
ว่าๆนะถึงเติร์ดจะไม่ได้แอบรักค่าย
แต่ถ้ารู้ว่าที่ผ่านมาความใส่ใจ ความรัก
ที่ค่ายพยายามทำ มันคือไม่ใช่ความจริง
เป็นใครก็เสียใจทั้งนั้น หลงคิดว่าตัวเอง
เป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่จริงๆเป็นแค่ความลวง
พิสูจน์เพื่อ ได้คิดไว้มั้ย ว่าถ้ารู้ว่าเติร์ดรักเกินเพื่อน
ค่ายจะทำอย่างไร แล้วจะแกล้งพิสูจน์ไปถึงเมื่อไร
หรือจนกว่าจะทั่นใจว่าเติร์ดไม่ได้คิดไรอย่างโบนว่า
หลังจากนั้นที่ทำว่าเติร์ดคือเพื่อนคนสำคัญก็จะจาวไปเหรอ

อิอิ เอาซะยาวเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 04-06-2017 09:11:32
‪ไม่รู้สึกว่าเติร์ดงี่เง่าเลยอะ คือก็มีบ้างที่ชอบไปแซะค่ายตอนมันอยู่เฉยๆ
อยากตัดใจได้ต้องไม่ไปพูดไปแซะค่ายมันจะยืดยาว และเอาความผิดหวังไปลงกะค่าย
ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวด้วยซ้ำ แต่เราเคยเจอแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะปรับใจมีเหตุผลได้เร็วๆหรอก
คนมันรักอะ สามวันหายหรอ ไม่ใช่มั้ง อย่าลืมว่าค่ายกะโบนทำให้เติร์ดหลงคิดไปไกล
มันไม่ใช่ว่าค่ายอยู่เฉยๆละเติร์ดหาเรื่องอะ ถ้าค่ายไม่ทำไรลองใจแบบนี้เติร์ดคงไม่คิดไปไกล
แต่คำพูดค่ายคือเกินเบอร์คนหัวร้อน ไม่รู้ว่านะคิดอะไรอยู่แต่ที่พูดมาคือชั่วฉีกคำพูดตัวเองตอนที่แล้วไปแบบสุดๆ
ไม่รู้ว่าจริงๆเป็นคนแบบนี้หรือว่าอยู่ๆเกิดบ้าขึ้นมา ละค่ายเนี่ยถ้าคิดจริงๆทำไมจะคิดไม่ได้ว่าตัวเองทำไรผิด
ทำไมโบนถึงคิดได้อะ นั่นโดนแค่ผลกระทบนะ ยังนึกขึ้นมาได้เลย เพราะโบนไม่ได้รักเพื่อนแค่ปาก
สรุปคือจะเข้าใจค่ายมากกว่านี้ถ้าไม่พูดจาแบบตอนสุดท้ายออกมา ‬
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 04-06-2017 09:26:38
ตอนนี้น้ำตาไหลพรากเลย สงสารเติร์ด อิค่ายนี่ไม่มีอะไรในก่อไผ่จริงๆด้วยสินะ ที่คิดว่าอาจจะชอบเติร์ดนี่เราคิดมากไปเอง เห้อมม เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นทฤษฎีถีบค่าย
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 04-06-2017 09:42:08
เกลียด ค่าย :angry2:
และต่อให้อนาคตค่ายจะรักเติร์ดมากแค่ไหน ก็อยากให้เติร์ดจำวันนี้ไว้ :katai1: :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 04-06-2017 09:42:28
โอ้โหววววววววววววว พี่จิตติทำไมทำกับเราแบบเน้ นั่งอ่านบนรถน้ำตาหยดแหมะ พ่อมองมาทางกระจกหลังถามเป็นไร ตอบไม่ถูกเลยค้า55555555 อิพี่ค่ายคนโง่วววว ปล่อยโง่ไปคนเดียวเถอะค่ะ เชียร์ให้มีพระเอกคนใหม่ไฉไลกว่าอิพี่ค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Phetploy ที่ 04-06-2017 10:13:28
โอยยยย ปวดใจเหลือจะกล่าว สงสารเติร์ด ฮือ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 04-06-2017 11:08:23
คำถามต่อไป. ถามพี่ค่าย
ทุกคนฉลาดแล้ว คุณฉลาดหรือยัง?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 04-06-2017 11:10:08
โคตรชอบอ่ะแบบชอบมาก เอาจริงตอนอ่านพาร์ทแรกก็คิดนะว่าค่ายกับโบนไม่ฉุกคิดถึงเรื่องที่ทำให้เติร์ดโกรธเลยเหรอ คือถ้าใส่ใจก็ต้องฉุกคิดกันได้บ้างอ่ะ แต่ในที่สุดโบนก็คิดได้คือรู้เลยอ่ะว่าโบนสนใจไปหาสาเหตุจริงๆ ความจริงบอกไปมันก็ไม่แย่ไปกว่านี้หรอก แต่ยังไงเติร์ดก็สู้ๆนะ(อย่าถามว่าอินแค่ไหน) รอตอนต่อไปอย่าจดจ่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-06-2017 11:15:09
ทำไมค่ายถึงแสดงออกชัดเหลือเกิน ทั้งคำพูดและการกระทำ เหมือนเติร์ดไม่มีความสำคัญอะไรกับค่ายเลยไม่ว่าสถานะใดๆก็ตาม ตัดขาดกันได้ง่ายๆโดยทันที ไม่มีลังเล ไม่มีแคร์ ระยะทำใจนี่มันช่างสาหัสนักเติร์ดเอ้ยยยย สู้ๆลูก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 04-06-2017 11:15:43
ปาดน้ำตา
ขอให้เติร์ดเข้มแข็ง ตัดใจซะ แล้วไม่ต้องหาใครมาคลายเหงาด้วย
มันรังแต่ละสร้างปัญหามากขึ้นอีก
ปิดตา ปิดหู ไปอย่างละข้าง ไม่ต้องรับรู้อะไรที่มันปวดใจนะ
มีโบนกับทูอยู่ข้างๆ แล้ว

ในส่วนของค่ายก็สงสารเค้านะคะ
ก็คนมันไม่รู้อ่ะ ให้ทำยังไง
โดนแอบรักก็ไม่รู้ โดนจีบ โดนน้อยใจ โดนนอยด์ โดนโกรธ ไม่รู้สักอย่าง
คงยังงงกับชีวิตอยู่หรอก ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
นี่ยังมาโดนแซะอี๊กกกกกก วงวารรรร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 04-06-2017 11:25:13
หน่วงดีค่ะ
ตามตลอดเลย นานแค่ไหนก็รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-06-2017 11:44:54
นะ เติร์ดก็งี่เง่า แต่ค่ายพูดไม่ดีเลย ไม่น่ารัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 04-06-2017 12:07:46
เกลียดอีบ้าค่าย ง่าวชะมัด สงสารเติร์ดจัง ไปชอบคนแบบนี้ ทรมานตัวเองชัดๆ :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 04-06-2017 12:38:06
มองแบบกลางๆ เลยนะ เราว่าเติร์ดอ่ะถูกโอ๋มากไป เข้าใจว่าเพื่อนทุกคนรู้ความรู้สึกของเติร์ดหมด เหลือแค่ค่ายคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ค่ายก็ไม่ผิดที่จะทำแบบนั้น มองลักษณะนิสัยของค่ายแล้ว ค่ายจะควงใครก็ได้ ไม่ใช่เรื่องของเติร์ด เพราะประกาศลั่นแล้วว่าไม่มีเพื่อนงี่เง่าแบบนี้ การที่เพื่อนทุกคนรู้ว่าเติร์ดรู้สึกยังไงกับค่าย พากันโอ๋เติร์ด ก็เข้าใจอีกแหละว่าเติร์ดอกหัก แล้วค่ายล่ะ? ค่ายคนโง่ไง ค่ายไม่รู้อะไรเลยไง เพื่อนรักกันอยู่ดีๆ ก็โดนโกรธทั้งที่ไม่รู้สาเหตุ ถามก็ไม่ตอบ เป็นใครใครก็เอ๋อก็งงกันไปบ้าง เรื่องตัดใจเนี่ย รักมาสองปีก็คงยากที่จะตัดใจ เจอกันทุกวันคงทำได้ยาก เคยโดนรักโดนแคร์ พอวันนึงไม่ได้แบบนั้นก็คงนอยด์ แต่ก็ลองย้อนไปดูว่าทำไมถึงโดนทำแบบนี้ ก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น ค่ายก็ผิดที่คิดลองใจเพื่อน

ปล. อยากอ่านพาร์ทของค่ายบ้าง จะได้รู้ว่าค่ายคิดอะไร เพราะตอนนี้อ่านแค่ในส่วนของเติร์ดคนเดียว
ปล2. ขอโทษที่อินเกิน ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-06-2017 12:58:56
นี่ร้องไห้ตามละ คนโง่ก็ยังคงโง่อยู่วันนังค่ำ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: jingyo88 ที่ 04-06-2017 13:47:48
 :m31: ค่ายเลวได้โล่ห์ เปลี่ยนพระเอกเถอะค่ะ ใจร้ายแบบนี้ไม่ไหวค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Pikzyxxx ที่ 04-06-2017 14:48:56
แม่ง อีค่าย มึงสมควรแล้วกับคำว่าสารเลว ไปตายซะ ไม่อยากให้จบสมหวังเลย :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 04-06-2017 16:01:47
อยากจะแบบ  :katai1: โอ้ยเด้อออ เบิ๊ดคำสิเว่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Timechicky ที่ 04-06-2017 16:16:55
โอ้ยยยยยย อ่านแล้วอยากจะร้องไห้ตามเติร์ดมาอะ สงสาร รักข้างเดียวมาตลอด เข้าใจความรู้สึกเลยยยย T^T
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 04-06-2017 17:33:54
สงสารเติร์ด ตัดให้ขาดไปเลยลูกก
สงสารตอนที่ไปดูหนังอ่ะ ร้องไห้เลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-06-2017 18:47:56
ไหนว่าจะไม่ม่าไง ไมน้ำตาท่วมจอเลย
สงสารเติร์ดนะ แต่ก็เข้าใจคนแอบรักโอกาสสมหวังมันก็น้อย
แต่ค่ายแกก็ไม่ควรทำอย่างงี้ปะวะ ทำลายความรุ้สึกกันไม่พอ ตามมากระทืบแผลซ้ำๆอีก ใครมันจะทนไหววะ
เติร์ดก็น่าจพูดออกไปเลย ไหนๆตอนนี้พูดไม่พูดยังไงอะไรก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว สู้ลองเสี่ยงครั้งสุดท้ายถ้าไม่ได้ค่อยพยายามตัดใจอีกที
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: puengmimsweety ที่ 04-06-2017 20:47:29
คิดถูกแล้วที่เกลียดอิค่ายมาตั้งแต่อินโทร  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 04-06-2017 20:53:07
ทำไมทำกันอย่างนี้คะ?
ไม่ได้ถามค่ายหรือเติร์ดค่ะ
แต่ถามคุณจิตติค่ะเล่นเขียนให้เราร้องไห้แล้วก็จากไปตรงนี้แบบนี้เหรอ อีกเมื่อไหร่จะมาอัพต่อล่ะเนี่ย
โปรดเห็นใจกับน้ำตาหยดนี้มาอัพต่อไวๆนะคะพลีสสสสสสสสสสสสสสส

ถ้ามองกันตามจริงแล้วก็ไม่โกรธค่ายนะเพราะค่ายไม่ผิด ก็แค่ไม่รักไม่เห็นจะผิดอะไร
แต่ถ้าจากใจก็เกลียดค่ะเกลียดแรง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ELFpt ที่ 04-06-2017 21:28:05
จะร้องไห้สงสารเติร์ด แต่ติดแนวดราม่าแบบนี้แล้วอ่ะ พี่จิตติ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 04-06-2017 22:20:50
โอ้ยยยย หงุดหงิดหัวใจ จะรักกันยังไงวะเนี่ยยยย ต่อเลยได้มั้ยคะ แง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 04-06-2017 22:40:21
เอาจริงๆ เติร์ดควรเมินค่ายไปเลยอะ
คือแค่ไม่รับรักตอบก็แย่มากๆพอแล้ว และค่ายก็โง่ด้วย
ให้โบนมันกันไว้อย่างงี้ก็ดี อยากให้มีบุคคลที่ 3 เข้ามาทำให้ค่ายหายโง่อะ
จีบเติร์ดก็ได้ หรือจะเป็นคนที่เติร์ดอยู่ด้วยแล้วสบายใจเป็นพระรองงี้อะ
รู้สึกว่าตัวละครค่ายถ้าไม่มีแรงกระตุ้นก็จะไม่คิดอะไรใดๆทั้งสิน เราอ่านละเหนื่อยแทนเติร์ดเป็นบ้าไปคนเดียวจริงอะ สมกับชื่อตอน
ยิ่งร้องไห้ก็เหมือนยิ่งอาลัยอาวรณ์อะ คือยังไงอะ ค่ายพูดขนาดนี้แล้วหวังว่าเติร์ดจะคิดได้เนอะ
ชอบมาแค่ 2 ปีเองตัดใจได้อยู่แล้ว สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-06-2017 23:05:25
เติร์ด ตัดใจไปเลย
ใครมาจีบเติร์ด ก็ลองศึกษาไปเล้ย
เลิกสนใจไอ้ปากมอมค่าย

ค่าย มันพูดโยงไปถึงเรื่องเมียได้ยังไง
แถมต่ออีก  “ไว้มันมานอนให้กูเอาเมื่อไหร่ กูถึงจะพูดดีด้วย พอใจยัง!!”
อ้าวๆ.......ใช้สมอง หรือส้นเท้าคิด
แต่มันบอกว่าพูดออกมายังไง  ใจต้องคิดอย่างนั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2017 23:07:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: nihao ที่ 04-06-2017 23:14:48
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 05-06-2017 04:26:20
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
พูดไม่ออก มาม่าเต็มปาก ต่อเลยได้ไหมง่า ค้างหนักมาก ;w;
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-06-2017 09:43:57
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-06-2017 11:35:21
ก็ค่ายมันไม่อยากคิดให้มุมนั้น มันก็ปฏิเสธอย่างเดียว

ไม่ใช่หรอกๆ แมร่งก็เลยเหมือนไม่รู้เรื่องเชี่ยอะไรเลย

คนอื่นเค้าจับได้ทั้งกลุ่มแล้วเว้ยยย

เพื่อนที่สนิทกันมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยู่ดีๆเปลี่ยนไป แล้วบอกว่าไม่เคยคิดว่ามุงเป็นเพื่อนมาก่อนเลย นี่คือพูดความจริง


เอ่อดีงามพระราม 8


ดาม่าครอบงำ  จงเสพดาม่าอย่างมีสติ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 05-06-2017 12:32:24
โอ้โหหหหหห ไอ้เหี้ยยยย (คำอุทานเราเอง) ทำไมมันมีเงื่อนงำแบบนี้ เจ็บแทนเติร์ดเพราะเราเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เอาจริงผงเราก็อยากเป็นเพื่อนใช่ป่ะ แต่ไงหล่ะเวลาจะตัดใจมันก็ไม่ได้สักที จนมันยืดเยื่อเกินไป จิตติกำลังทำให้เราย้อนความหลัง ค้างอีกแล้ว มาไวไวเด้ออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 05-06-2017 12:39:47
ก็ต้องยอมรับว่าไอ้ค่ายมันอาจจะเอี้ยเรื่องผู้หญิงจริง แต่คิดตามมุมมันเติร์ดก็เริ่มงี่เง่าก่อน คือโกรธเรื่องแผนทดสอบน่ะใช่ แต่การมาแซะเค้าก่อนมันก็เลยเริ่มเรื่องให้ลุกลาม คือตอนนี้บอกตรงๆ ผีทั้งคู่ กูไม่รู้จะอยู่ข้างใครเลยค่ะ จะว่าค่ายเอี้ยก็เอี้ยจะว่าเติร์ดงี่เง่าหลักฐานมันเต็มตัวอักษร เพราะฉะนั้น เติร์ด.....ยอมนอนให้ไอ้ค่ายซะจะได้จบๆ ชอบประโยคนี้จริงๆ เอาซะอยากถีบยอดหน้าพระเอกเลย

มีแววจะหวานมั้ยคะ คือมาม่าอืดเต็มท้องแล้วอ่ะ 55555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 05-06-2017 15:26:57
ร้องไห้เลยอ่ะ สงสารเติร์ด  :hao5: :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-06-2017 18:29:37
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 05-06-2017 20:17:17
โอ๊ยยยยยยยยยย อึดอัดดด :ling1: :ling1: :ling1:  อีค่าย อีขุนพล!!!!!!!!!
แกกล้าพูดทำร้ายจิตใจน้องเติร์ดของฉันได้ยังงายยยยย :angry2:  :angry2:
คุนจิตติคะ ไหนว่ามันฟีลกู๊ดดดดงายค่ะ :hao5: เหตุใดจึงทำร้ายใจเคะน้อยเช่นนี้ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: orndemii ที่ 05-06-2017 23:24:21
ค่ายยยยยยย แกมัน.....่าสก่้ะานยเนยหไ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-06-2017 06:56:41
อิค่ายยยยยย คืออะไรหมดช่วงทดสอบแล้วกล่ยเป็นคนแบบนี้เหรอว่ะ
น่าจะให้โบนต่อยอีกสัก 2-3 หมัด เพื่อสติจะเข้าร่าง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-06-2017 10:09:00
สนุกมากกกก หน่วงด้วย แงงงงงง
สงสารเติร์ดดด อยากตบบ้องหูอิค่ายมากก  :katai1:
ถ้าวันไหนค่ายมาตามจีบเติร์ดมั่งนะ จะหัวเราะเยาะให้เข็ด -^-!
รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 06-06-2017 11:14:52
หน่วงมาก
หายใจไม่ออก
ช่วยด้วยข่ะะะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 06-06-2017 12:19:46
ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 06-06-2017 19:30:43
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
อยากตอนต่อไปปปปปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 06-06-2017 19:57:52
แต่ทำไมเราคิดต่างนะ
เราว่าค่ายน่าสงสาร เค้าคงรู้สึกดีกับเติร์ดละ อย่างน้อยก้เพื่อนรัก แต่อยู่ๆเติร์ดก้มาทำตัวเย็นชาใส่ย้ายหนี
โดยที่เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำไรผิด เพราะนังเติร์ดไม่ยอมบอกเหตุผล เค้าถึงได้ผิดหวังมากจนโกรธ
และก็เกลียด ซึ่งเราว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ เพราะถ้ามีใครทำแบบนี้ใส่เราเราก็คงโกรธเหมือนกัน

ส่วนเติร์ดเราว่าเค้าทำตัวเองนะ คิดเองเออเองและก็เจ็บเอง หวังกับเค้าไว้มากมายแต่ไม่ยอมบอกว่ารักเค้า
พอสิ่งที่หวังกับสิ่งที่เจอมันต่างกันมากไปก็รับไม่ได้ถึงจะบอกว่าค่ายแกล้งหลอกให้ความหวังก็เถอะ
แต่ในเมื่อไม่พูดค่ายมันก็ไม่รู้ปะ มันยิ่งโง่ๆอยู่ เลยทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมดยิ่งตอนหลังก็กระทบไปถึงเพื่อนคนอื่นด้วย

ไม่รู้สินะยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเติร์ดมันน่ารำคาญอ่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 07-06-2017 10:53:41
แงงงงงงงงงงงงงง เค้าค้างงง มาต่อเร็วๆนะค้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: khunpisda ที่ 07-06-2017 15:54:52
ร้องเหี้ยหนักมาก ปกติจิตติเขียนนิยาย feel good ได้ดีมาก อ่านแล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจ แต่จากการได้อ่านเธอที่ร้าย หัวใจเราก็อ่อนแอลง นี่คิดเเล้วพล๊อตเพื่อนรักเพื่อนนี่แม่งต้องมีดราม่าชัวๆ แล้วมันก็จริงๆ ฮรืออออ ร้องเหี้ยหนักมาก แม่งเอ้ย! ต้องตอกตะปูลึกลงไปขนาดไหน ถึงจะเจ็บพอจะเข้าใจความรู้สึกของเติร์ด เชี่ยค่าย ควาย แดกหญ้า และอาหารเม็ดผสมเหล้า ง้วยย //ขอแค่เช็ดน้ำตาเธอเบาเบา  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-06-2017 16:20:22
 :hao5: มันหน่วง.. อะฮือๆ...
อยากให้อิค่าย รุหัวใจตัวเองซักที
และเติร์ด ต้องใจแข็งนะลูก.. อย่าไปยอมมัน ต้องสวย ต้องเชิด..
หาหนุ่มหล่อๆมาจีบเติร์ดเลย..อิค่ายได้รุสึก ชิ..
ไรท์มาต่อเร็วๆนะคะ..  :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 08-06-2017 14:57:57
ส่วนตัวรู้สึกน่ารำคาญหมด
ทีแรกก็ค่อนข้างเข้าใจฟีลค่ายนะเพราะมันไม่รู้จริงว่าที่เติร์ดทำเหมือนต้องการตัดเพื่อนนี่เพราะเหตุผลอะไร
แต่ถ้าอ่านดีๆเหมือนเติร์ดก็ยังพยายามจะรักษาสถานะเพื่อนไว้อยู่แต่ขอหลบมุมทำใจกับตัวเอง
แต่อิค่ายนี่คือเอ้ามึงจะตัดเพื่อนกับกูเหรอเออตัดเลยกูไม่แคร์ไม่มีเพื่อนแบบมึงก็ได้อะไรแบบนี้อันนี้คือหงุดหงิดกับค่ายตรงนี้
คือปากบอกรักเพื่อนแคร์เพื่อนแต่การกระทำสวนทาง
ส่วนเติร์ดก็น่าหงุดหงิดตรงที่รู้ว่ามันไม่รักก็ยังเก็บไปคิดเองแล้วก็เจ็บเอง
รู้ว่ามันเจ้าชู้มั่วไปทั่วอันนั้นมันก็สิทธิ์ของมันอีกแหละต้องสะกดจิตตัวเองให้ได้อะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องนี้
แต่นี่เกลียดอย่างที่บอกว่าเรื่องผญของค่ายจนลามมาสร้างความยุ่งยากให้เพื่อนในกลุ่มนี่เกลียดมากอะ
เรื่องมึงมึงเริ่มก็ควรจัดการเองให้ได้ไม่ใช่ให้มาระรานเพื่อนฝูง
อ่านจบค่อนข้างให้ท้ายเติร์ดนิดนึงคือระดับความเข้าข้างทีแรกค่อนข้างไปทางค่ายมากกว่าอยู่นะเพราะมันไม่รู้ว่ามันทำอะไรผิด
แต่หลังจากอ่านตอนสี่จบให้เติร์ดมากกว่าค่ายหนึ่งระดับ
ตรงที่ค่ายมันทำเหมือนเพื่อนไม่มีความหมายอะไรสำหรับมันแล้ว
ในขณะที่เพื่อนทุกคนพยายามรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ได้
เติร์ดทำเฉยชาใส่ก่อนก็จริงแต่ก็ไม่ได้ตัดฉับความสัมพันธ์แบบที่ค่ายทำอยู่
แต่ค่ายนี่ไม่เอาเลยตัดไปเลยทั้งที่มันพร่ำบอกเองว่าแคร์เพื่อนอย่างเติร์ดมาก
จะรอดูว่าเรื่องจะไปทิศทางไหนค่ายจะหายโง่เมื่อไหร่และเติร์ดจะตัดใจได้ตอนไหน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-06-2017 20:44:09

ตอนที่ 5
ตัดใจแล้วไปต่อ

   คำพูดของไอ้ค่ายวนเวียนในหัวของผมจนสลัดไม่ออก...

   แม้วินาทีที่เดินโซเซกลับมายังห้อง สมองของผมก็เอาแต่จดจำได้เพียงประโยคนั้น น้ำเสียงของมัน สีหน้าที่แสดงอารมณ์ของมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายตั้งใจพูดแค่ไหน

   ผมสูญเสียมันทั้งหมดแล้ว ทั้งฐานะคนพิเศษ และความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อน ไม่เหลือ...แม้แต่อย่างเดียว

   น้ำตามากมายที่ไหลลงมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ได้แต่สะอื้นอยู่คนเดียวโดยไร้ซึ่งเงาของไอ้ทูและไอ้โบน ผมไม่สนหรอกว่าใครจะปลอบใจหรือไม่ นอกจากสาวเท้าเข้าไปยังห้องน้ำ น้ำตาทำให้ผมมองไม่เห็นแม้แต่ความหวังของตัวเอง เพราะความเสียใจเอาแต่ครอบงำไว้จนหมด

   เวลานี้ผมเจ็บจนไม่มีอารมณ์หาเพลงมาเปิดบิวด์อีกแล้ว เมื่อก่อนอาจเป็นเพียงเรื่องตลก แตกต่างจากตอนนี้ที่รู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่า และคงไม่มีหน้ากลับไปคุยกับไอ้ค่ายได้อย่างสนิทใจอีก

   สายน้ำเย็นเฉียบจากฝักบัวที่ตกกระทบใบหน้าทำให้ผมกล้าที่จะร้องไห้ อย่างน้อยเสียงน้ำก็ดังพอที่จะกลบเสียงสะอื้นจากความเจ็บปวดไปได้บ้าง

   เคยมีคนบอกว่าสักวัน...เราจะเจอคนที่ชอบที่เราเป็นเรา ยอมรับที่เราเป็นตัวของตัวเอง สักวันคนที่มีอะไรเหมือนกันจะโคจรมาพบกัน ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอดถึงแม้ไม่รู้ว่าคนที่เคยบอกนั้นเป็นใครก็ตาม

   แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รู้จักกับไอ้ค่าย มันแนะนำตัวกับผมว่าขุนพล ส่งยิ้มให้ผม ซื้อขนมมาให้ ชวนกันเข้ามาอยู่ในกลุ่มและหลังจากนั้นผมกับมันก็ตัวติดกันเป็นตังเม เราต่างชอบอะไรคล้ายๆ กัน อ่านใจกันออกทุกเรื่อง มีความลับอะไรก็แชร์กันตลอด เรียกได้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้ว

   แตกต่างก็ตรงที่ไอ้ค่ายมองความสัมพันธ์แบบนี้แค่เพื่อน ขณะที่ผมคิดเป็นอื่น...

   เสียงน้ำยังคงชโลมลงมาบนหน้าของผมไม่หยุด ความหนาวเย็นแผ่ซ่านเข้ามาสุดขั้วหัวใจ ร่างกายของผมสั่นเทิ้ม เสื้อผ้าเปียกปอนไปทั้งตัวแต่ก็ไม่คิดพาตัวเองออกมา เอาแต่นั่งคุดคู้และเจ็บปวดเพียงลำพัง

   พรุ่งนี้...ผมจะเป็นคนใหม่ได้เหรอ

   พรุ่งนี้...จะมองหน้าอีกฝ่ายได้อย่างจริงใจได้เหรอ เพราะแค่เห็นหน้าของไอ้ค่าย คำพูดเสียดแทงใจต่างๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวแล้ว ในเมื่อมันไม่แคร์และไม่รู้สึกอะไร ทำไมถึงเป็นผมที่ทรมานอยู่ฝ่ายเดียว

   “ไอ้เติร์ด! เติร์ดมึงอยู่ห้องน้ำเหรอ” เสียงไอ้ทูแว่วเข้ามาในโสตประสาท แม้จะไม่ชัดเจนแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงนั้นขยับใกล้เข้ามาทุกที

   ผมไม่ตอบอะไรกลับไปนอกจากนั่งเงียบๆ กลางสายน้ำจากฝักบัว

   “เติร์ด มึงออกมาคุยกับกูหน่อย”

   “...”

   “นอนแช่น้ำอย่างนั้นมันเปลือง” ไม่ได้ห่วงกูเลยสักนิด

   ซึ่งผมก็เลือกที่จะไม่โต้ตอบอีก ไอ้ทูเงียบไปอึดใจหนึ่ง คิดว่ามันคงปล่อยให้ผมได้อยู่ตามลำพังเพื่อคิดทบทวนเรื่องต่างๆ แต่เปล่าเลย...น้ำหยุดไหลแล้ว ที่สำคัญคืออารมณ์กูชะงักค้างเหมือนยืนอยู่กลางหน้าผา แม่งโมโหจนอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกไป

   “ไอ้ทู ไอ้ควาย! มึงสับคัตเอาท์ลงทำไม”

   ปั้งๆๆ

   ไม่มีการตอบรับใดๆ นอกจากเสียงตบประตูห้องน้ำที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย

   “กูอยากอยู่คนเดียว”

   “ออกมา กูปวดขี้ รีบออกมา!” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดทำให้ผมต้องยันร่างกายให้ลุกขึ้นยืน แอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือดหายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมพาตัวเองมาด้านหน้า หมุนลูกบิดประตูเพื่อเผชิญหน้ากับคนข้างนอกด้วยจิตใจสั่นไหว

   “ท้องเสียเหรอ” ผมพูดทั้งน้ำเสียงติดสั่น ไม่รู้ว่าหน้าตาอยู่ในสภาพทุเรศขนาดไหน แต่ทันทีที่ไอ้ทูเห็นมันก็ดึงผมเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว

   “ไม่เป็นไรนะมึง ไม่เป็นไร...”

   ตอนแรกก็ว่าจะหยุดแล้ว ไอ้นี่มันดันมาสะกิดต่อมน้ำตาอีกรอบ ผมโชคดีที่มีไอ้ทูกับไอ้โบน ต่อให้ต้องเจอกับความเจ็บปวดแค่ไหนพวกมันก็ยังอยู่เคียงข้างผมเสมอ

   “ตัวมึงเปียกหมดแล้วสัด” ผมพูดเสียงอู้อี้

   “ก็ใครบอกให้มึงไปยืนเปิดน้ำใส่หัวแบบนี้ล่ะ ควายจริง”

   “กูเจ็บ”

   “ไอ้ค่ายไม่ได้ตั้งใจ”

   “ไม่ เจ็บที่มึงด่ากูเนี่ย ขอกูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ” ผมเปลี่ยนประเด็นเพื่อทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น ไอ้ทูพยักหน้าเข้าใจก่อนทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเป็นการฆ่าเวลา กลับออกมาอีกทีเจ้าตัวก็ยังอยู่ที่เดิม แถมถอดเสื้อยืดเน่าๆ ติดชื้นทิ้งไว้กับพื้นอีกต่างหาก

   “ดีขึ้นยัง” มันถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่ากำลังห่วงหรือรำคาญกันแน่

   “อืม”

   “ตาบวมเลยไอ้เหี้ย อุบาทว์”

   “เออกูขอโทษ”

   “มานั่งนี่ดิ คุยกันหน่อย”

   “มีอะไรต้องคุยอีกล่ะ”

   “เออน่ะ เพื่อนบอกให้นั่งก็นั่งสิ ลีลาทำไมเยอะแยะ น่ามคาญ” บางทีผมก็เกลียดไอ้ทูนะครับ แต่ก็ไม่อยากเถียงกับมันมากนอกจากทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างจำยอม

   “จะพูดอะไรก็พูดมา แต่บอกเลยว่าตอนนี้กูไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะเล่นตลกกับมึง”

   “ไอ้ค่ายมันบอกกูว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น...” แค่ได้ยินชื่อของใครอีกคน หัวใจก็เอาแต่บีบรัดจนรู้สึกจุก

   “เหรอ”

   “มึงแม่งยั่วโมโหมัน”

   “กูผิดเอง”

   “เติร์ด กูเป็นเพื่อนมึงมั้ย” คำถามนั้นทำให้ผมต้องพยักหน้า “เพราะงั้นฟังกูนะ”

   เอาแต่จ้องมองหน้าของคนข้างๆ ไม่กะพริบ คราวนี้ไอ้ทูดูจริงจังกว่าทุกครั้ง จนผมอดหวั่นใจว่าจะรับไม่ได้หากอีกฝ่ายพูดประโยคทำร้ายจิตใจออกมา

   “ให้กูฟังอะไร ตอนนี้กูรับไม่ไหวแล้วว่ะ”

   “มึงจะผ่านมันไปได้ มึงก็เห็นอยู่ว่าทุกวันนี้คำว่าเพื่อนของเรามันแทบไม่เหลือแล้ว ถ้ามึงไม่ทำใจยอมรับทุกอย่างก็พัง มึงคงไม่อยากให้เราทุกคนต้องพังกันหมดใช่มั้ย” ประโยคก่อนหน้าเสียดแทงใจฉิบหาย ใช่! ไม่ได้มีแค่ผมที่เจ็บ แต่ตัวของไอ้ทูกับไอ้โบนก็ต้องรับผลกระทบนี้ด้วย

   “กูขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายขนาดนี้”

   “ไอ้ค่ายผิดด้วยที่พูดเหี้ยๆ แบบนั้นออกมา แต่มึงก็ผิด...คนโง่อย่างมันไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่มึงโกรธคืออะไร มันยังใช้ชีวิตทุกอย่างที่เป็นตัวเองอยู่เหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกว่ามึงเปลี่ยนไปอยู่คนเดียว”

   “...”

   “ยิ่งวันนี้ที่มึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เรื่องถึงได้ลุกลามขนาดนี้ แล้วรู้อะไรมั้ย...นอกจากมึงที่เจ็บ คนพูดมันก็เจ็บไปด้วยนะเว้ย” คำพูดของไอ้ทูทำเอาผมซึมไปเลย ได้แต่นั่งก้มหน้ารับฟังเพียงอย่างเดียว

   ความวุ่นวายทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากตัวของผมทั้งสิ้น แรกเริ่มเดิมทีผมคิดว่าจะเก็บความรักข้างเดียวเอาไว้ตลอดไป ถึงได้แอบชอบมาตลอดสองปีและก็อดทนได้เสมอตอนที่เห็นไอ้ค่ายคบหากับผู้หญิงมากมาย ไม่เคยออกตัวห้ามหรือเข้าไปก้าวก่ายในชีวิตของมันสักครั้ง

   จนกระทั่งวันที่แอบได้ยินว่าการกระทำหลายอย่างของมันเป็นเพียงการลองใจ ความรู้สึกของผมก็พังไม่เป็นท่า ความเสียใจนั้นไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้คนเดียวอีกแล้ว ผมรู้สึกเหมือนคนโง่ที่โดนเพื่อนสนิทหักหลัง มันเคว้งไปหมด ได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไรซ้ำๆ ทั้งที่รู้ว่าอาการตอนนั้นสาหัสแค่ไหน

   นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้ และเลือกระเบิดมันออกมาอย่างที่เห็น

   “มึงจะเอายังไงต่อไป” เสียงขอไอ้ทูดึงสติของผมอีกรอบ

   “หมายความว่าไง”

   “ความรู้สึกของมึงกับไอ้ค่าย”

   “กู...จะเก็บเอาไว้ ไม่พูดออกไปอีก”

   “ไม่ตัดสินใจบอกเหรอ”

   “ไม่มีประโยชน์หรอก บอกไปก็ไม่รู้ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่า มึงก็รู้จักเพื่อนมึงดีหนิ มันเป็นคนมั่นใจในตัวเองและไม่เคยมีใครเปลี่ยนความคิดมันได้ กูอยู่กับมันในสถานะเพื่อนตั้งแต่แรก ต่อไปก็คงเป็นมากกว่านั้นไม่ได้หรอก” เหมือนไฟ อยู่ข้างนอกก็อบอุ่นดีแล้ว จะเดินเข้าไปให้มันเผาใจอีกทำไม

   “อืม กูเอาใจช่วย”

   “ขอบใจ”

   “มึงเป็นคนเดียวในแก๊งโหดที่ไม่ได้โหดเลย ใครเขาก็ต้องมาดูแลมึงเนี่ย เด็กน้อยฉิบหาย” ไอ้ทูยีหัวที่ติดเปียกของผมอย่างรำคาญ ซึ่งผมก็ไม่ได้โวยวายอะไรนอกจากทำหน้ารำคาญใส่

   ผมเหมือนเป็นแกะดำของแก๊งโหดจริงๆ คอนเส็ปเราคือต้องโหดและฮอต ทุกคนมีลุคแบดบอยหมดยกเว้นกู...

   บางทีสิ่งนี้มั้งที่ทำให้ผมแตกต่างจากไอ้ค่าย

   “ดูหนังมั้ย” ไอ้ทูถามต่อ

   “เรื่องอะไร”

   “แล้วแต่มึงจะจัดเลย มีแผ่นเต็มไปหมด เดี๋ยวคืนนี้กูดูเป็นเพื่อน จัดแบบบุฟเฟ่ต์ไปเลยครับ”

   “จริงดิ งั้นดู Her”

   “เลือกเองก็เปิดเองสิวะ”

   ในค่ำคืนที่รู้สึกถึงความเศร้า เหงา และหนาว ผมมีไอ้ทูคอยอยู่ปลอบใจอยู่ตรงนี้ มันไม่เคยใช้คำพูดสวยหรูอย่างที่เพื่อนร่วมคณะส่งมาให้ แต่การกระทำของมันบ่งบอกทุกอย่าง ในวันที่ผมเสียใจที่สุด ผมมีมัน...กับหนังอีกหลายสิบเรื่องคอยอยู่เป็นเพื่อนไม่ไปไหน

   ไอ้ค่ายขอเวลากูหน่อยนะ ต่อไป...กูจะเข้มแข็ง

   เลือกที่จะตัดใจจากมึง แล้วเดินหน้าต่อโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก















   เสียงผิวปากดังแว่วเข้าหูเป็นระยะ แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านปลุกให้ผมต้องขยี้ตาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนขดอยู่ในกองผ้าห่มผืนหนาราวกับถูกโยนใส่แบบลวกๆ ที่ตู้เสื้อผ้ามีร่างของเพื่อนรักซึ่งกำลังกลัดกระดุมชุดนิสิตอย่างใจเย็นอยู่ ไอ้ทูมองผมผ่านกระจกก่อนจะเปรยขึ้นเบาๆ

   “กูไปเรียนแล้วนะ”

   “ทำไมไม่ปลุกกู”

   “กูปลุกมึงเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนละ แม่งบอกไม่ไปเอง”

   “สัด! กูพูดตอนไหนวะ”

   “เอาน่า นอนไปเถอะ กว่าจะดูหนังจบก็เกือบตีห้า อีกอย่างมึงคงไม่พร้อมเผชิญหน้ากับมันหรอก ใช่มั้ย” ผมรับฟังนิ่งๆ ตารางเรียนวันนี้มีสองวิชา ไม่ได้หนักหนามาก และที่สำคัญก็คงเป็นอย่างที่ไอ้ทูว่า คือผมยังไม่พร้อมจะเจอกับไอ้ค่ายตอนนี้

   “ห่วงแต่กู มึงเถอะ เพิ่งนอนเองไม่ใช่เหรอ”

   “เพื่อนครับ กูนัดสาวไว้ด้วย”

   รักกูฉิบหาย กับเรื่องผู้หญิงไอ้ทูนี้แหกทุกกฎแห่งความขี้เกียจ ยิ่งเห็นร่างสูงหมุนตัวมาหยิบกระเป๋ากล้องกับสมุดเล็กเชอร์สองเล่มแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้ เป็นแบบมันก็ดีนะครับ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องฝากใจไว้กับใคร เพราะสุดท้ายความรักของคนเราก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะยั่งยืนอย่างที่หวัง

   “นมอยู่ในตู้เย็น ซีเรียลอยู่ตรงเคาน์เตอร์” สุดเซอร์ของกลุ่มย้ำอีกครั้ง

   “เออ ขอบใจ”

   “ตอนกลางวันถ้าขี้เกียจลงไปตรงช่องฟรีซมีข้าวกล่อง มึงเอาไปเวฟแดกได้”

   “ทำอย่างกับกูเป็นลูกน้อย”

   “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง กูไปแล้วนะ”

   “อืม เจอกันเว้ย”

   ไอ้ทูโบกมือให้ก่อนจะหอบหิ้วกระเป๋าของมันเดินออกจากห้อง ตอนนี้ก็เหลือผมคนเดียวแล้วที่นอนโง่ๆ อยู่บนเตียง หยิบมือถือมาเลื่อนดูผ่านๆ ราวกับคนไม่รู้จะทำอะไร

   ถามว่าเหงามั้ยคงตอบได้ว่าโคตรเหงา แต่คิดว่าเดี๋ยวก็คงเคยชินกับความรู้สึกแบบนี้ ผมไม่ได้รับการติดต่อจากใครอีกตลอดระเวลาหนึ่งวันที่ทำตัวเหมือนคนว่างอยู่ห้องไอ้ทู จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาเกือบห้าโมงเย็น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

   ก๊อกๆๆ

   ผมที่ตอนนั้นนั่งดูหนังอยู่ตรงโซฟาเลยจึงต้องลุกไปเปิดให้ ในใจก็นึกอยากอ้าปากด่าไอ้ทูที่มีกุญแจแล้วเสือกขี้เกียจไข แต่ความคิดเหล่านั้นก็เป็นอันกลืนหายไปในลำคอ เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เจ้าของห้อง แต่เป็นใครอีกคนต่างหาก

   “ไอ้ค่าย...” ผมพึมพำชื่อของมันเบามาก เจ้าตัวสวมชุดนิสิตหลุดลุ่ยกำลังส่งสายตาเรียบเฉยมาให้ผม

   “เอ่อ”

   “เอ่อ คือ...” ต่างคนต่างมึนงงใส่กันอยู่นาน ผมเองก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป เพราะเรียนรู้การปกป้องตัวเองจากการเงียบเรียบร้อยแล้ว

   “กูเอาชีทเรียนวันนี้มาให้” สุดท้ายคนที่เอ่ยออกมาก็คือมัน

   “ขอบคุณ” ผมยื่นมือไปรับชีทปึกหนึ่งจากมืออีกฝ่าย และหลังจากนั้นสภาวะเดดแอร์ก็เข้าแทรกอีก เราไม่สนิทกันถึงขนาดจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในหัวแล้ว

   “มึงไม่สบายเหรอ”

   “เปล่า แค่ขี้เกียจ มึง...เข้ามาข้างในมั้ย” คนตัวสูงพยักหน้า ผมเลยเดินนำมานั่งที่โซฟา ซึ่งด้านหน้ามีทีวีที่กำลังฉายหนังเก่าๆ อยู่ ไอ้ค่ายทิ้งระยะห่างในการนั่งกับผมค่อนข้างมาก ซึ่งผมก็ไม่ได้ทั้งท้วงอะไร

   “ที่กูมา ไม่ได้ตั้งใจจะเอาชีทมาให้มึงอย่างเดียว”

   “...”

   “กูจะมาขอโทษ ที่เมื่อวานพูดไม่ดีกับมึง กูไม่ได้ตั้งใจ”

   “ไม่เป็นไร กูเองก็ขอโทษด้วยนะที่ทำให้มึงโมโห”

   คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการขอโทษกันแล้วล่ะ ผมอยากขอบคุณจริงๆ ที่ไอ้ค่ายยอมโอนอ่อนออกตัวพูดกับผมก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าพอจะเผชิญหน้ากันมัน

   “เติร์ด มึงกับกู...เรามาเริ่มกันใหม่ได้มั้ยวะ”

   ไอ้ค่ายไม่ได้ถามเหตุผลที่ผมโกรธมัน ซึ่งผมเองก็ตั้งใจเก็บไว้เป็นความลับตลอดไป ฉะนั้นเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ

   “เอาสิ โกรธกับมึงแม่งไม่สนุกเลย” แต่คงไม่เอาใจตัวเองเข้าไปเจ็บอีกแล้ว

   “ถ้ามึงยกโทษให้กูแล้ว เรากลับมาอยู่ด้วยกันได้มั้ย ห้องไอ้ทูมันค่อนข้างอึดอัดเหมือนกันนะ”

   “ไม่หรอก ไอ้ทูเองก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยคิดว่าจะไม่ย้ายไปไหนแล้ว” ในเมื่อบอกว่าจะออกมาผมก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ถ้ากลับไปอยู่กับไอ้ค่ายอีกผมไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องเผชิญกับอะไร ที่แน่ๆ ห้องนั้นต้องมีความเจ็บปวดรออยู่

   ใกล้เกินไปก็เจ็บ รักษาระยะห่างแบบนี้อาจจะดีกว่า

    “กูไม่ได้เร่งให้มึงย้าย แค่อยากให้กลับไปคิด”

   “งั้นกูขอคิดก่อนแล้วกัน”

   “เออ แล้วบทละครไปถึงไหนละ” พอเริ่มผ่อนคลายขึ้นเราต่างก็มีหัวข้อใหม่ๆ ผุดขึ้นมา กล้าพูด และกล้าสบตาแถมอาการเกร็งก็ค่อยๆ ลดลงด้วย

   “ยังไม่ได้อะไรเลย”

   “ตอนกลางวันพี่เชนทร์ถามถึงมึงอยู่”

   “ทำไมพี่มันไม่โทรมาหากูวะ”

   “กูไม่ให้โทรเองแหละ บางทีมึงอาจอยากอยู่โง่ๆ คนเดียว” เนี่ย ไอ้ค่ายแม่งเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมทุกอย่าง ถ้าต้องเสียมันไป สู้เจ็บอยู่คนเดียวโดยมีมันอยู่ตรงนี้ผมก็จะทำ อย่างน้อยก็ดึงคำว่าเพื่อนกลับมาได้บ้าง

   “ไอ้ค่ายขอบคุณนะ”

   “มึงเป็นเพื่อนกู”

   ขอบคุณที่ยังมองเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ กู...จะตัดใจ
















   ผมถูกไอ้ทูตีตูดให้กลับมาเรียนในอีกวัน ส่วนไอ้โบนกับไอ้ค่ายก็ผนึกกำลังเกาะติดผมหนึบยิ่งกว่าปลิง นี่ก็เพิ่งได้ฤกษ์งามยามดีแยกตัวออกมาเพราะต่างคนต่างมีธุระของตัวเอง จิตใจของผมดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก แค่คิดว่าแก๊งโหดใกล้จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็มีกำลังใจจะทำหลายๆ อย่างต่อไป

   ไอ้พี่เชนทร์ รุ่นพี่ปีสี่ร่างหมีที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับละครเวทีเป็นปีแรก แถมยังเข้ามาอยู่ในทีมเขียนบท เป็นตัวตั้งตัวตีที่ทำให้ผมต้องปลีกตัวออกจากเพื่อน มานั่งหน้ามุ่ยเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียกับพี่มันที่หอสมุดแทน

   เราคุยกันเยอะมาก เสนอไอเดียร้อยแปดพันเก้าแต่ก็ถูกปัดตกหมด ดีที่พี่ย้งยี้หนึ่งในทีมเขียนบทอีกคนติดเรียน ไม่งั้นคงวุ่นวายมากกว่านี้แน่

   “แซะการศึกษาไทยมั้ย ช่วงนี้กำลังมาแรง” ผมจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นไอเดียที่เท่าไหร่ แต่ดูจากสีหน้าคนร่างหมีแถมเคราครึ้มคนนี้กูบอกเลยว่าไม่ผ่านอีกแน่ๆ

   “มึงเป็นอะไรกับเรื่องพวกนี้มากมั้ย มันไม่แมสต์”

   “ก็ทำสายอินดี้ไปเลย”

   “คนดูมันเข้าใจยาก เขียนเรื่องความรักดิ”

   “ไม่ศรัทธา”

   “มึงไม่ศรัทธาคนเดียว แต่คนดูต้องการอะไรที่ไม่ต้องคิดหลายชั้น เราต้องการความฟิน” คนตรงข้ามพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เด็กมหา’ลัยนะเว้ยไอ้เติร์ด ชีวิตประจำวันมันก็เครียดอยู่แล้ว เราไม่ได้จะทำหนังสั้นแต่กำลังทำละครเวทีให้นิสิต เอาแต่ใจตัวเองแล้วใครจะมาดู”

   ผมรู้สึกเหมือนมีพ่อคนที่สองกำลังบ่นอยู่ใกล้หู ได้แต่ก้มหน้าขีดเขียนดินสอใส่กระดาษแบบมั่วๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเลือกนำเสนอในด้านไหน

    “ขอโทษนะคะ พี่โหด...” แล้วนางฟ้าก็ได้โปรยตัวลงมาอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่ ส่งผลให้พี่เชนทร์เงียบเสียงลงก่อนหันไปมองคนมาใหม่ทันที

   เธอเป็นเด็กปีหนึ่ง ดูได้จากป้ายคล้องคอที่ยังแขวนอยู่ ร่างขาวสวมเสื้อนิสิตโอเวอร์ไซส์ กะแล้วคงใหญ่กว่าตัวประมาณสามไซส์ได้ มัดผมรวบตึง หน้าใสมากเพราะไม่ได้แต่ง และที่สำคัญเธอกำลังยื่นบางอย่างให้กับผม

   “ครับ” ผมขานรับอย่างงงๆ

   “เพื่อนฝากมาให้ค่ะ อยากให้พี่ฝากให้พี่โบน”

   “เพื่อน?”

   “ใช่ค่ะ เพื่อนไม่กล้ามาเลยให้หนูเอามาให้ ไปก่อนนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็เผ่นแน่บออกไปทันที ทิ้งให้ผมกับพี่เชนทร์นั่งมองหน้ากันอยู่นาน

   “เปิดดิ” เสียงควายๆ ของมนุษย์หมีพูดขึ้น

   “ของไอ้โบน”

   “เพื่อนสนิทมึงเอง นิดหน่อยน่า” กว่าจะรู้สึกตัวก็เผลอเปิดกระดาษแผ่นเล็กที่พับไปมาเป็นรูปบ้าอะไรก็ไม่รู้ออกมาแล้ว ไอ้โบนกูขอโทษ
   

   พี่โหด ชอบพี่นะคะ


   ผมแทบขำพรืดออกมาเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดจบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนทำแบบนี้ เพราะนอกจากข้อความแล้วบางครั้งผมก็จะได้รับขนมจากรุ่นน้องที่ฝากแจกจ่ายถึงสมาชิกในกลุ่มด้วย คล้ายกับว่าผมเป็นคนกลางที่มองดูไอ้โหดอีกสามตัวกำลังล่าแต้มทำสถิติชิงอันดับหนึ่งของสายกันอยู่

   “เด็กสมัยนี้ จีบกันเชยฉิบหาย” รุ่นพี่หน้าหมีพูดติดตลก

   “ไอ้โบนแม่งมีโมเมนต์ก๊องแก๊งแบบนี้ด้วยเหรอวะ”

   “ขอดูหน่อยดิ” มือหนายื่นมาข้างหน้า ผมเลยวางกระดาษใส่มือของแกแล้วหันมาคิดพล็อตละครต่อ

   “มันจะโอเคมั้ยถ้าเราจะเขียนความรักที่เกิดขึ้นในหอสมุด” คำพูดของพี่เชนทร์ทำให้ผมชะงักมือที่กำลังขีดเขียนอยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงข้ามอีกครั้ง

   ความรักในหอสมุด...

   “มันไม่ธรรมดาไปเหรอพี่”

   “นี่ไง กูถึงต้องการคนเขียนบทเทพๆ อย่างมึงมาช่วย เรื่องพล็อตธรรมดากูไม่กลัว อยู่ที่ว่าเราจะเขียนให้มันมีความน่าสนใจแค่ไหนมากกว่า”

   “นั่นแหละปัญหา”

   “มึงคิดดูนะไอ้เติร์ด ปีๆ นึงเด็กมหา’ลัยใช้หอสมุดเยอะมาก อย่างพวกไม่เอาอ่าวเลยหนึ่งปีมันก็ต้องมาสักครั้ง มึงไม่คิดเหรอว่าการมาหอสมุดที่น่าเบื่ออาจมีสีสันขึ้นถ้าเราเล่าเรื่องความรักควบคู่ไปด้วย”

   ผมคิดตามสิ่งที่รุ่นพี่ปีสี่แกเสนอ สำหรับผม การมาหอสมุดเป็นเรื่องที่น่าจำเจ เพราะใช้เฉพาะช่วงสอบแถมยังชอบจองห้องติวแบบไพรเวทเอาไว้มากกว่าจะนั่งกองๆ อยู่ด้านนอก มันเลยทำให้ผมไม่ได้เจอกับใครเท่าไหร่นอกจากเพื่อนในคณะ

   แต่ถ้าเราลองมองอีกมุม ใช้เวลาว่างมานั่งสังเกตชีวิตของคนกลุ่มอื่นบ้าง บางทีพล็อตแบบนี้อาจจะเวิร์กก็ได้ เห็นบางคนก็ยังเหล่ๆ มองกันอยู่ทั้งที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ

   “น่าสนใจ”

   “ลองมั้ย แล้วมาแชร์ไอเดียกัน”

   “เดี๋ยวช่วงอาทิตย์นี้ผมเซอร์เวย์ก่อนแล้วกัน ส่วนพี่ก็ลองคิดโครงเรื่องคร่าวๆ ไว้ แล้วมาปรับกันอาทิตย์หน้าเพราะมันจะไม่ทันแล้ว” เวลาที่กระชั้นทำให้เราตัดสินใจทำอะไรเร็วขึ้น รีบแบ่งสันปันส่วนหน้าที่ไว้อย่างดี เพราะละครจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องมาจากบทที่ดีด้วย

   “ตกลงตามนั้น เดี๋ยวกูบอกย้งยี้เอง อีนี่มันเก่งเรื่องไดอาล็อก”

   “...”

   “โรแมนติกแต่ไม่มีผัว”

   “กับเพื่อนไม่ต้องแซะขนาดนั้นก็ได้”

   “มึงก็อย่าบอกมันดิ โอเคสรุปตกลงตามนี้ ส่วนชื่อเรื่องเดี๋ยวรอดูพล็อตโดยรวมอีกที”

   “ครับ”

   “แยกย้ายๆ” พี่เชนทร์เป็นคนทำอะไรรวดเร็ว สั่งอะไรเสร็จก็หายหัว แกเป็นรุ่นพี่ที่เก่งมากในสายฟิล์ม หน้าตาไม่หล่อ แต่แฟนโคตรสวย เพื่อนร่วมรุ่นต่างก็อิจฉาเพราะเกิดมาไม่เคยรู้จักคำว่าแห้ว แค่คารมกับความเก่งของแกหญิงก็แทบวิ่งมาสยบตรงปลายเท้าแล้ว

   ส่วนกูอ่ะ...ก้มลงมองตัวเองแป๊บ

   อยู่แก๊งโหดแต่ไม่โหด ความฮอตระดับเบสิก หน้าตาจะออกตี๋ด้วยซ้ำไป ความเก่งก็ไม่ได้โดดเด่น ติดท็อปลิสต์บุคคลผู้มีปฏิสัมพันธ์ยอดแย่กับคนแปลกหน้า เออ! สมควรที่ไม่มีใครเอา

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-06-2017 20:46:07

ช่วงหนึ่งสัปดาห์มานี้ผมยังคงเทียวเข้าเทียวออกหอสมุดเป็นว่าเล่น แต่ทุกครั้งก็มักพาไอ้สามตัวติดสอยห้อยตามมาด้วย เพราะความสัมพันธ์ของเรากลับมาเกือบเป็นปกติแล้ว ผมเองก็ควบคุมความรู้สึกตัวเองเก่งขึ้น เลิกคาดหวังและก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของไอ้ค่าย เลยทำให้ความเจ็บลดลงได้บ้าง

   แม้จะไม่หายขาด แต่ก็ดีขึ้นกว่าตอนแรกเยอะโข

   วันนี้ผมกับแก๊งโหดนัดแนะกันมานั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งกลางหอสมุด ซึ่งรายล้อมไปด้วยนิสิตหลากหลายคณะ หลายคนมองมาที่เราและอมยิ้ม ซึ่งตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงที่นั่งคุยกันล้วนมีพลังงานบางอย่างส่งมาเสมอ

   ไอ้โบนลุกขึ้นจากโต๊ะเป็นคนแรก เห็นบอกขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ตอนเดินออกมากลับผิวปากอย่างมีความสุขเพราะได้ไลน์สาว ไอ้ค่ายกับไอ้ทูก็ไม่น้อยหน้า หนึ่งสัปดาห์มานี้ มันสามตัวฟันสาวไปแล้วหลายคนเพียงเพราะการมานั่งหอสมุดเล่นๆ

   เข้าสู่สัปดาห์ที่สองทีมเขียนบทเริ่มดิสคัสกัน เราเสนอไอเดียและร่างพล็อตเรียบร้อย ผมกับพี่เชนทร์จึงช่วยกันเขียนทรีตเมนท์ในแต่ละองก์ แต่ละฉาก โดยมีพี่ย้งยี้เขียนไดอาล็อกและปรับแก้ให้สมบูรณ์ขึ้น

   งานเขียนบทยังห่างไกลจากคำว่าเสร็จอยู่มาก แต่เราก็พอจะมีชื่อเรื่องอยู่ในหัวด้วยการเอาคำสองคำมาผสมกัน นั่นคือคำว่า Library ที่แปลว่าห้องสมุด กับคำว่า Like ที่แปลว่าชอบ สุดท้ายเราเลยใช้ชื่อละครเวทีประจำปีว่า

   ‘Likebrary’

   ซึ่งทุกคนในที่ประชุมต่างลงความเห็นว่ามันต้องเป็นที่จดจำของคนดูแน่นอน

   Rrrr…!

   หลังประชุมเฮดแต่ละฝ่ายเสร็จ ไอ้ค่ายก็โทรเข้ามาอย่างรู้งาน ผมมองหน้าจอที่ปรากฏชื่อมันชั่วครู่ราวกับใช้ความคิด แต่สุดท้ายก็ยอมกดรับสายแต่โดยดี

   “ว่าไงมึง”

   [ว่างมั้ย วันนี้ไปกินข้าวกับดูหนังกัน]

   “อืม...เอาดิ” ใจของผมเต้นแรง รู้สึกดีใจทุกครั้งที่มันชวนออกไปข้างนอก แม้จะบอกตัวเองเสมอว่าทุกอย่างที่คนตัวสูงทำไปเพราะความเป็นเพื่อน ผมก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี

   ถึงไม่ได้ครอบครอง แค่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนที่รักมาตลอดมันก็คุ้มค่าแล้ว

   [งั้นออกมาที่ลานจอดรถคณะเลย ขับตามๆ กันไป] เสียงทุ้มตอบกลับมาอีก ผมเลยอดถามถึงบุคคลหาตัวจับยากอีกสองคนด้วย

   “ไอ้ทูกับเชี่ยโบนล่ะ”

   [มีนัด เหลือแต่มึงกับกูเนี่ย เร็ว! รีบออกมากูหิว]

   ไอ้ค่ายตัดสาย ผมจึงสับเท้าไปข้างหน้า ตรงดิ่งไปยังลานจอดรถที่ซึ่งมีร่างสูงรออยู่ตรงนั้น ผมมองดูมันที่ยืนพิงชาวีลูกรักด้วยรอยยิ้ม มันเองก็ยิ้มกลับมาก่อนจะชวนกันไปยังสถานที่นัดหมาย

   เราแวะที่ร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนแห่งหนึ่ง สั่งของกินกันมาซัดจนหนำใจก็เดินทางต่อ ไอ้ค่ายจูงมือผมเข้าไปในร้านเครื่องสำอางขนาดใหญ่ ที่ซึ่งมีแต่ผู้หญิงเดินอยู่กันเต็มไปหมด ทำเอาคนไม่คุ้นอย่างผมยืนตัวลีบไปพร้อมๆ กับคนข้างๆ เนี่ยแหละ

   “มึงจะซื้ออะไรวะ แล้วทำไมแม่งต้องมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยเนี่ย” การมายืนอยู่หน้าแผนกลิปสติกเป็นอะไรที่ผมอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

   “กูอยากซื้อลิป เอาไปให้หญิง” หน้าของผมตึงขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะยอมรับไอ้ค่ายที่เปย์ผู้หญิงไปทั่วอยู่แล้ว ปกติผมก็เห็นมันตามซื้อน้ำหอมและเครื่องสำอางให้สาวๆ ประจำ แต่ปกติมันไม่เคยเรียกให้เพื่อนคนไหนมาช่วยเลย ยกเว้นวันนี้

   “ทำไมไม่ให้เขามาเลือกเองวะ”

   “ไม่รู้ดิ อยากเลือกให้ จะได้ดูเหมือนใส่ใจ” ครับ กับคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลิปสติกอย่างกูเนี่ยนะ แล้วมันก็ถามต่ออีก “สีนี้สวยมั้ย”

   ผมมองลิปสติกสีชมพูในมือของเพื่อนสนิท ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

   “อืม”

   “แล้วนี่อ่ะ”

   “นี่ก็สวย”

   “แล้วอันนี้อ่ะ สามอันนี้อันไหนสวยกว่ากัน”

   “เขามีปากเดียวมั้ย เลือกทำไมตั้งหลายแท่ง”

   “ผู้หญิงไม่ได้คิดเหมือนมึงเว้ย เลือกมา!”

   “นี่ชมพู นี่ก็ชมพู อันนี้...ก็ชมพู ต่างกันตรงไหน”

   “ใช่มะ?” เหมือนควายสองตัวยืนเลือกลิปสติกเลยครับ แน่นอนว่าผมกับไอ้ค่ายแยกไม่ออกว่าอันไหนสวยหรือแตกต่างกันยังไง จนกระทั่งพนักงานเดินเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

   “ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายต้องการลิปแบบไหนคะ” ไอ้ค่ายสะกิดไหล่ผมยิกๆ ให้เป็นฝ่ายตอบ ส่วนตัวเองก็เหม่อมองหลอดไฟและเพดานเป็นการหนีปัญหา โธ่ไอ้ควาย!

   “แบบที่ทาปากครับ” โฮร่ลลลลลลล นับเป็นคำตอบที่สิ้นคิดมาก

   “ลิปสติกจะมีหลายรูปแบบนะคะ ทั้งแบบแท่งและลิควิด แบบเนื้อแมทต์ เนื้อซาติน หรือจะเป็นทินท์ไว้ทาบางๆ ใสๆ” โอ้โหที่พูดออกมานั้นไม่เข้าใจเลยครับ ผมจึงชี้ไปที่ลิปสติกที่เลือกกับไอ้ค่ายก่อนหน้านั้น

   “เอาแบบนี้ครับ”

   “ถ้าอยากรู้ว่าชอบสีแบบไหนลองสวอชได้นะคะ” สวอช?

   สักพักเธอก็ถูกดึงตัวไปให้แนะนำสินค้ากับลูกค้าคนอื่น ทิ้งให้ควายสองตัวมองหน้ากันพร้อมกับคำถามที่ว่า สวอชในที่นี้หมายถึงอะไร

   “เติร์ด”

   “ไร”

   “กูขอลองกับมึงหน่อยดิ” เท่านั้นแหละครับ ลิปสติกตัวอย่างก็ถูกละเลงลงปากจนกูอยากร้องไห้ เห็นไอ้ค่ายหัวเราะชอบใจกูยิ่งน้ำตาตกใน ส่องกระจกทีไรสติแทบกระเจิง ปล่อยให้อีกฝ่ายลองผิดลองถูกอยู่นานจนพนักงานคนเดิมเดินกลับมา

   “มีสีที่ชอบมั้ยคะ”

   “แบบบนปากเพื่อนผมนี่ครับ โอเคมั้ย”

   “หา!” เล่นเอาตะลึงกันไปทั้งร้าน ปากบนโทนสีชมพู ปากล่างมีความเป็นเกาหลีออกสีส้มนิดๆ โอ๊ยไอ้เหี้ย ต่อไปถ้าชวนมาทำอะไรแบบนี้ไม่ต้องเรียกกูครับ เป็นเพื่อนไม่ใช่หนูทดลอง กว่าจะเช็ดสีออกพี่เขาต้องหาพวกคลีนซิ่งมาให้วุ่นวายกันทั้งร้าน จ่ายตังค์เสร็จผมนี่รีบวิ่งออกมาแทบไม่เห็นฝุ่นเลย

   แน่นอนว่าไอ้ค่ายได้สิปสติกดั่งใจอยู่หลายแท่ง หมดเงินไปก็เยอะ แต่เพื่อนรักหักเหลี่ยมแค้นไม่ได้หยุดแค่นี้น่ะสิ มันยังลากผมเข้าไปในช็อปแบรนด์เนมช็อปหนึ่งเพื่อเลือกซื้อกำไลข้อมือด้วย

   “ไอ้สัดโคตรแพง”

   “ก็ดูเฉยๆ อันนี้สวยมั้ย” มือหนายื่นกำไลสีเงินวงหนึ่งให้ผมดู

   “กูเลือกกำไลไม่เป็นหรอก มึงเลือกเถอะ” ไอ้ค่ายไม่ได้รบกวนผมอีกนอกจากยืนเลือกของเงียบๆ เมื่อจ่ายเงินเสร็จเราก็ออกมา แวะซื้อโน่นนี่นั่นอยู่หลายอย่าง กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงร้านหนังสือขนาดใหญ่ มีหนังสือหลายเล่มที่ผมอยากได้แต่ก็เลือกได้แค่บางเล่มเท่านั้น

   “คิดอะไร” ร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังถามขึ้น

   “กำลังคิดว่าจะซื้อเล่มไหนดี”

   “ก็เอามันไปทั้งหมดเนี่ยแหละ”

   “ห่า กูซื้อมาสี่เรื่องแล้วเนี่ย ห้าเล่มคือหมดโควตาแล้ว เอาเล่มนี้ละกัน” ตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายด้วยการหยิบหนังสือเกี่ยวกับการทำหนังขึ้นมา ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์

   “ไปเร็ว เดี๋ยวดูหนังไม่ทัน” ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ เราเลยเดินคู่กันไปที่โรงหนังพร้อมของในมือเยอะแยะเต็มไปหมด

   มึงรู้มั้ย...ว่าวันนี้กูมีความสุขแค่ไหน

   ได้กินข้าวกับมึง ซื้อของกับมึง เดินเล่นและได้ดูหนังด้วยกัน ถึงแม้จะตัดใจไม่ขาดในตอนนี้ แต่สิ่งที่ผมกับมันเป็นอยู่ดีที่สุดแล้ว

   เรานั่งข้างกันในโรงหนัง เหตุการณ์มันแตกต่างจากวันนั้นมากที่ผมทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ข้างหลัง ตอนโกรธกันแม่งโคตรแย่ และผมรู้ดีว่าจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นอีก

   ตั้งแต่เริ่มเรื่องจวบจนเอนเครดิตปรากฎ เวลาแค่สองชั่วโมงหล่อเลี้ยงหัวใจที่เคยขาดน้ำของผมให้ชุ่มชื้นขึ้นมา แม้หนังจะไม่ได้โรแมนติกเลยก็ตาม

   “หนังคลีเช่นะ แต่ทำออกมาดีมาก” ทั้งโรงเหลือเพียงผมกับไอ้ค่ายที่ยังคงนั่งอยู่ คุยกันไป มองดูชื่อที่เลื่อนผ่านสายตาอย่างเพลินๆ

   “คิดเหมือนกัน ชอบตัวบทกับแอคสุดท้ายมาก”

   “ตราตรึงสาดดดด”

   “แล้วนี่เดี๋ยวไปไหนต่อ” ผมถาม

   “เที่ยงคืนกว่าแล้วมั้ยครับคุณเติร์ด กลับห้องสิวะ”

   “เออ กูลืม”

   “ฝากของไว้ที่ล็อกเกอร์ใช่มั้ย เดี๋ยวแวะเอาแล้วกลับกันเลย” อยากหยุดเวลาเอาไว้ให้นานอีกหน่อย แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ จะโลภทำไมแค่ได้อยู่กับเพื่อน

   ผมเดินคิดอะไรเพลินๆ โดยมีไอ้ค่ายก้าวเท้าเคียงข้างไม่ห่าง เราจอดรถไว้คนละที่เลยต้องแยกกันตรงชั้นอันเดอร์กราวด์ ก่อนไปมือหนายื่นถุงพลาสติกสีขาวใส่มือของผม โดยไม่เฉลยว่าสิ่งที่ให้นั้นคืออะไรกันแน่

   “อะไร”

   “เออน่ะ”

   “ให้กูเหรอ”

   “ใช่ เจอกันพรุ่งนี้นะ อย่าตื่นสายซะล่ะ” ไอ้ค่ายยกมือขึ้นมายีหัวของผมอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะปลีกตัวเดินไปอีกทาง ปล่อยให้ผมจ้องมองถุงพลาสติกในมือเงียบๆ และเมื่อลองแง้มดูนั้นผมก็ได้เห็น...

   หนังสือเล่มที่ผมอยากได้บรรจุอยู่ในนั้น

   รู้มั้ยว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน ถึงไม่ได้ใจของอีกฝ่าย แต่ถ้าได้รับการใส่ใจ มันก็เพียงพอแล้ว

   ซึ้ง น้ำตากำลังไหล ต้องรีบเดินไปก่อนจะดราม่ากว่านี้ ฮืออออออ














   ทีมเขียนบทพยายามทำงานอย่างแข็งขัน สุดท้ายสิ่งที่เราพยายามมาตลอดหนึ่งเดือนกว่าๆ ก็สำเร็จ เมื่อบทสำหรับละครเวทีเสร็จสิ้น พี่เชนทร์กับพี่ย้งยี้เลยถือโอกาสพากันไปฉลอง โดยมีไอ้เพื่อนสามคนของผมเป็นติ่งติดสอยห้อยตามไปด้วย

   สถานที่ก็เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง เราสั่งอาหารและเบียร์มาค่อนข้างเยอะ นั่งกันตั้งแต่สองทุ่มจนตอนนี้ห้าทุ่มก็ยังไม่มีท่าทีว่าใครจะกลับ

   ผมแทบไม่แตะแอลกอฮอล์เลยเพราะกลัวว่าจะปากพล่อยพูดอะไรไม่เข้าท่าอีก อย่างที่รู้กันดี ช่วงหลังมานี้ไอ้ทูกับไอ้โบนจึงคอยปลามผมอีกทางด้วย แม้จะเป็นผู้ห่วงใยที่ดี แต่สภาพพวกมันตอนนี้ไม่ต่างจากหมาข้างทางเท่าไหร่ เพราะเสือกไปเจอสายแข็งอย่างมนุษย์หมีเข้า

   ชนกันตั้งแต่เริ่มแดกข้าวยันร้านแทบปิด หมดก็รินเติมไม่ปล่อยให้ขาด สภาพเลยทุลักทุเลอย่างที่เห็น ดีที่พี่ย้งยี้แกชิงกลับก่อน ไม่งั้นคงต้องมารับกรรมนั่งแบกร่างควายเผือกหลายตัวขึ้นรถทั้งน้ำตานองหน้าแน่ๆ พี่รอดไปได้ เพราะงั้นกรรมหนักจึงตกมาอยู่ที่ผม

   โอ้โห กูจะทำยังไงกับสี่ชีวิตนี้ดีวะเนี่ย

   “พี่เชนทร์ ผมว่าพอก่อนเหอะว่ะ เดี๋ยวพี่จะกลับไม่ได้” ถ้าจะเบรกก็ต้องเบรกที่ไอ้คนที่เป็นหัวโจกเนี่ยแหละ

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเมียมารับ” เออขอบคุณ มึงเอาตัวรอดกันได้เก่งมาก

   “พวกมึงสามตัวก็พอได้ละ กูไม่หามกลับนะเว้ย”

   “ตากูยังใสแจ๋วอยู่เลย” ไอ้โบนยังคงปากดีอยู่ เมื่อกี้เห็นวิ่งไปล้วงคออ้วกกับไอ้ทูมา รอดก็บ้าแล้วครับไอ้เวร

   ผมต้องคอยเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้พวกมันกินเพื่อให้หายสร่างเมา ซึ่งก็พอช่วยได้บ้าง จะมีก็แต่ไอ้ค่ายเนี่ยแหละที่เดินโซซัดโซเซคลำกำแพงไปเข้าห้องน้ำทั้งหน้าแดงก่ำ ปกติมันไม่ค่อยเป็นอย่างนี้นะครับ ผิดก็ตรงที่มาเจอคนพูดภาษาเดียวกันแถมบิวด์อารมณ์เก่งอย่างพี่เชนทร์เข้า ทุกอย่างเลยเป็นอย่างที่เห็น

   ผมนั่งรอไอ้ค่ายกลับมานั่งที่โต๊ะอยู่นาน แต่มันก็ไม่ยอมกลับมาสักที จิตใจที่เอาแต่ว้าวุ่นเร่งให้ต้องรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปยังห้องน้ำชาย

   โล่งอกไปทีที่เห็นร่างสูงยืนโงนเงินอยู่ตรงโถฉี่

   “เยี่ยวนานฉิบหาย”

   “อือ”

   “รู้ตัวป่ะเนี่ย พูดจะไม่รู้เรื่องแล้วมึง” ปากว่า แต่มือก็มองไอ้ค่ายพยายามรูดซิบกางเกงทั้งสังขารเปลี้ยๆ แบบนั้น ผมเห็นแล้วสงสารจึงรีบเข้าไปพยุงอีกฝ่ายให้ล้างมือจนเสร็จ

   “มึงโอเคมั้ย นี่กี่นิ้ว” ผมชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขึ้นมา ไอ้ค่ายก็ยืนมองทั้งตาปรือแบบนั้น

   “...”

   “สงสัยจะเมามากจริงๆ เดี๋ยวกูพากลับ รถมึงเดี๋ยวกูบอกผู้จัดการร้านให้ดูแลก่อน ส่วนไอ้สอง...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อผมก็ถูกร่างหนาหนักดันติดกับกำแพงจนต้องร้องโวยวายออกมา “เฮ้ยอะไรวะเนี่ย!”

   ใบหน้าของอีกฝ่ายเลื่อนเข้ามาประชิดจนได้กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วจมูก สมองแม่งว่างเปล่าไปหมดไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก่อน นอกจากยืนตาโปนมองดูไอ้ขี้เมาอยู่นิ่งๆ

   นานอยู่หลายนาทีเหมือนกันกว่าจะรวบรวมสติได้ ตั้งใจจะผลักคนตัวสูงกว่าออกแต่ไอ้ค่ายเร็วกว่า เมื่อมันใช้สองมือดันผนังเอาไว้แล้วล็อกให้ผมอยู่กับที่

   “ไอ้ค่าย มึงเมาแล้วนะเว้ย ไอ้...อื้อ!”

   เสี้ยววินาทีนั้นโลกของผมถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนไร้ทิศทาง ริมฝีปากของคนตรงหน้าประกบลงบนปากของผมแทบไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาความคิดที่อยู่ในหัวกระเจิดกระเจิงจนหมด

   ผมหายใจไม่ออก และไอ้ค่ายก็ยังคงบดเบียดริมฝีปากอยู่อย่างนั้น

   คำถามแรกที่โผล่เข้ามาในหัวเลยก็คือ มึงตั้งใจจะจูบกูใช่มั้ย ผมคิดอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมานอกจากเสียงครางอืออาแทบไม่ได้ศัพท์

   ด้วยความมีชั้นเชิงของคนเมาอย่างไอ้ค่าย การตระโบมจูบของมันจึงชักนำความรู้สึกคนอย่างผมได้อย่างง่ายดาย ผมไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีกแล้ว แม้จะบอกตัวเองว่าคนตรงหน้าเป็นเพื่อนแต่ผมก็ยังเห็นแก่ตัว

   ยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าอาจไปได้ไกลกว่านั้น

   ริมฝีปากได้รูปประกบจูบเปลี่ยนองศา ใช้ความช่ำชองของมันทำให้ผมยอมเปิดปากและแทรกลิ้นร้อนเข้ามาภายใน เหงื่อมากมายผุดซึมไปทั่วใบหน้าและกลางหลัง

   ผมรู้สึกไม่ชินเมื่อถูกลิ้นกวาดเข้ามาในโพรงปาก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าต้องหายใจทางไหน เลยปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนนำทาง ความรู้สึกวาบหวานแล่นปราดเข้ามาในอก มือหนาเลื่อนจากกำแพงขึ้นมาจับหน้าของผมเอาไว้ ก่อนจะเชยขึ้นเพื่อให้รับจูบอย่างถนัดถนี่

   “อืออออ” ผมเริ่มร้องประท้วงเมื่อการหายใจติดขัดหนักหน่วงกว่าเดิม

   แต่คนเอาแต่ใจก็ยังคงมุ่งมั่นกับการจูบแลกเปลี่ยนน้ำลายจนชุ่ม เกี่ยวกระหวัดไปมาจนน้ำใสๆ ไหลเอ่อตรงมุมปาก ไอ้ค่ายดูดดึงทุกอย่างออกไปจากผมคล้ายกับต้องการกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่าง

   รสฝาดปนกลิ่นคาวไหลผ่านเข้ามาในลำคอ ความเจ็บจี๊ดแผ่ซ่านไปทั้งซีกหน้า ผมถูกกัด ถูกจูบอย่างหนักจนปากระบม เมื่อปล่อยให้ทำอย่างพอใจแล้วไอ้ค่ายถึงยอมผละออกและมอบอิสระให้

   แรงหอบหายใจของผมดังไปทั่วบริเวณ ขณะที่คนเมายังคงมองด้วยสายตาฉ่ำปรืออยู่ เจ้าตัวแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมาแต่ก็ไม่ยอมขยับหนี

   “ค่าย...”

   “แพรว”

   “...!!” ราวกับมีค้อนหนักๆ กระแทกตรงกกหูอย่างแรง ผมนิ่งค้างทันทีที่ได้ยินว่ามันกำลังเรียกชื่อคนอื่นต่อหน้า แถมคนตัวสูงยังไม่หยุดแค่นั้นเมื่อมันก้มหน้าลงมาจูบผมอีกรอบและหนักหน่วงกว่าเดิม

   ผมรู้ว่าตัวเองอาจไม่มีความหมายสำหรับมันมากนัก แต่ผมก็ยังอยากทำดีกับมันให้มากที่สุด ผมสามารถทนต่อถ้อยคำและการกระทำแย่ๆ ของมัน ทนได้ที่ถูกหลอกใช้ให้เป็นเพียงบททดสอบ ทนได้ที่ต้องตามติดมันเลือกซื้อของให้คนอื่น เพราะผมเชื่อว่าความรู้สึกที่มีให้ไอ้ค่ายเพียงพอต่อความสุขที่เกิดขึ้นในใจของผมแล้ว

   แต่ดูสิ่งที่คนโง่ๆ อย่างผมได้รับสิ

   ผมก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ตอนที่ถูกจูบ...

   ช่วยเรียกชื่อกูสักครั้งได้มั้ย

   “แพรว แพรว...”

   หลังจากริมฝีปากของคนตรงหน้าผละออก มันก็เอาแต่เรียกชื่อคนอื่น ขณะที่คนฟังได้แต่ยืนน้ำตาตกใน นี่สินะความรู้สึกของคนแอบรัก

   เพราะต่อให้ชอบมากแค่ไหน ก็รั้งคนคนนั้นเอาไว้เป็นของตัวเองไม่ได้

   นี่แหละคือความเจ็บปวด...ที่หนักหนาสุดตั้งแต่แอบรักมันมา

   กระทั่งเช้านี้ผมก็ยังเข้าเรียนตามปกติ หลังพากันกลับเราต่างไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก ผมเองก็ไม่ ทุกคนจะรู้แต่เพียงว่าไอ้เติร์ดตามไปหามไอ้ค่ายออกมาจากห้องน้ำ มีแค่นั้นจริงๆ

   คลาสแรกเริ่มต้นขึ้นตอนสิบโมงเช้า ผมนั่งข้างคนตัวสูง มันหันมาขอโทษขอโพยผมยกใหญ่เรื่องที่เมาหนักจนเป็นภาระให้ต้องแบกกลับมา ผมได้แต่ยิ้มแหย บอกว่าไม่เป็นไรซ้ำๆ ทั้งที่ข้างในแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี

   คำว่าไม่เป็นไร แท้จริงแล้วอาจพูดขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเองมากกว่า

   “พวกมึง เดี๋ยววันนี้ตอนเที่ยงเลิกคลาสแล้วอย่าเพิ่งแยกกันนะ” เสียงทุ้มของคนเคียงข้างแทรกขึ้น ดึงความสนใจจากจอโปรเจ็กเตอร์กลับไปที่เจ้าตัวอีกครั้ง

   “มีอะไรวะเชี่ยค่าย กูมีนัดกับรุ่นน้องชมรมถ่ายภาพ” ไอ้ทูถามด้วยความสงสัย วันนี้ไม่มีคลาสบ่าย ปกติมักจะแยกย้ายตัวใครตัวมัน ส่วนผมก็ต้องเข้าไปคุยกับทีมละครเวทีต่อ

   “สำคัญมั้ย” ไอ้โบนถามบ้าง

   “ก็ไม่เชิง แต่กูอยากให้พวกมึงกินข้าวด้วยกันก่อน”

   “โอเค”

   “แล้วมึงล่ะเติร์ด กินข้าวด้วยกันก่อนได้มั้ย” ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ พลางก้มหน้าจดข้อความต่อโดยไม่สนใจไอ้ค่ายอีก

   คงไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ ถ้ามันจะเจ็บ ก็ให้เจ็บหนักตั้งแต่วันนี้เถอะนะ ผมต้องทนต่อไปเพื่อที่วันพรุ่งนี้ตัวเองจะเข้มแข็งขึ้น ไม่ต้องร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาอีก

   ยิ่งเรื่องราวของเมื่อคืนฝังอยู่ในหัวนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมัน ที่ผ่านมาผมไม่ได้เสียอะไรเลยแค่ได้ใจตัวเองกลับมาดูแลอีกครั้ง แม้อีกฝ่ายไม่ได้รับมันไปดูแลตั้งแต่แรกก็ตาม

   คลาสเรียกเลิกก่อนเวลาสิบห้านาที เราเดินไปยังโรงอาหารของคณะเพื่อจับจองที่นั่ง แก๊งโหดแยกย้ายกันสั่งอาหารก่อนจะกลับมานั่งรวมตัวกันอีกครั้งตรงม้านั่งตัวยาว จะมีก็แต่ไอ้ค่ายที่หายหัว

   “มันไปไหนวะ” ผมพูดลอยๆ

   “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เดินไปสั่งข้าวกับกูด้วยนะ” ไอ้ทูตอบ

   “ว่าแต่เมื่อคืนเถอะ ไอ้ค่ายมันได้ก่อเรื่องอะไรมั้ย” เป็นเชี่ยโบนที่แทรกขึ้นเพื่อให้ผมตอบ เนื่องจากไอ้ทูไม่ได้สนใจจะตอบคำถามนั้นนอกจากก้มหน้าก้มตาแดกข้าว

   “ไม่นะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปเบาหวิว

   ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้แต่กูเองก็ยังเหมือนเดิม

   เจ็บเหมือนเดิม...

   “ต่อไปกูว่างดเหล้าหรือเบียร์เหอะว่ะ พังฉิบหาย”

   “ก็ว่าอยู่”

   “แล้วตอนนี้มึงโอเคหรือยังไอ้เติร์ด”

   “กูเหรอ เรื่องอะไร”

   “ก็เรื่องไอ้ค่ายไง”

   “อ้อ กูกำลังทำใจน่ะ อาจต้องใช้เวลาอยู่นิดหน่อย”

   “คนเจอกันทุกวันก็ยากอย่างนี้แหละ แต่มึงเก่งมากแล้ว ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ทุกอย่างมันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง” มันจะดีแน่เหรอ ผมถามตัวเองอยู่อย่างนั้น ทว่าสิ่งที่กำลังถามกลับได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว

   “พวกมึง” เสียงของไอ้ค่ายส่งผลให้เราทั้งสามคนต้องหันไปมองยังต้นเสียง ร่างสูงยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ข้างกายมีผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งอยู่ด้วย

   เธอแต่งตัวเรียบร้อยมาก ดูแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่ไอ้ค่ายเคยควง จู่ๆ ความรู้สึกของผมก็วูบโหวงเมื่อเห็นกำไลข้อมือราคาแพงที่ออกไปซื้อกับมันเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนอยู่บนตัวเธอ ตอนนั้นมันตั้งใจเลือกมาก เราอยู่ในช็อปเกือบชั่วโมงเพื่อเลือกของชิ้นเดียว ซึ่งช่างเหมาะกับเธอที่ได้เป็นเจ้าของจริงๆ

   ผมไม่ได้อิจฉาหรอก หนังสือที่ไอ้ค่ายซื้อให้ในวันนั้น ผมเปิดอ่านซ้ำๆ ทุกวัน วางมันไว้ใต้หมอน คุณค่าของมันไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่ว่าใครเป็นคนให้ต่างหาก

   “เฮ้ย พาสาวที่ไหนมาวะ”

   “สาวคณะข้างๆ”

   แต่ที่แปลกกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ไอ้ค่ายพามาแนะนำกับเพื่อน มากกว่าจะปล่อยให้รู้กันเองเหมือนทุกที…

   “แล้วไงต่อ ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักหรือไง”

   “ก็จะแนะนำนี่ไง”

   “...”

   “นี่แพรว แฟนกู”

   “หวัดดี เราชื่อแพรว อยู่อักษรปีสาม ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

   เธอแนะนำตัวอย่างน่ารัก พลางนั่งลงตรงเก้าอี้ตามไอ้ค่ายอย่างว่าง่าย ผมส่งยิ้มให้เธอแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป อาจเพราะจุกเกินกว่าจะเอ่ยแต่ละคำออกไปได้ล่ะมั้ง

   ไอ้ทูยื่นมือมาตบขาของผมใต้โต๊ะเหมือนเป็นการปลอบใจ ผมเลยได้แต่ยิ้มและหยิบเอาหูฟังขึ้นมาใส่เพื่อจะได้ไม่ต้องฟังเสียงของผู้หญิงคนนี้กับไอ้ค่ายอีก ส่วนมือก็เอาแต่ตักข้าวเข้าปากไม่หยุด ผมรู้สึกได้ถึงอาการสั่นของมือที่จับช้อนและส้อม

   ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ตีตื้นเข้ามาในอก ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว ถึงอย่างนั้นก็ยังคงก้มหน้าไม่ยอมเผชิญหน้าคุยกับใคร

   “เพื่อนค่ายเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงของเธอแทรกผ่านหูฟังเข้ามา น้ำตาของผมหยดลงบนจานข้าวโดยไม่สามารถควบคุมได้

   “ไอ้เติร์ด มึงเป็นอะไรมั้ย” ไอ้ค่ายถาม ผมเลยรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

   “เพลงเศร้ามาเว้ย อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหล ฮ่าๆ”

   “เติร์ด พี่เชนทร์เรียกใช่มั้ย ไปกับกู”  ไอ้โบนเร็วมาก พูดแป๊บเดียวมันก็รั้งข้อมือของผมให้ลุกขึ้นยืนแล้ว ผมเดินตามแรงรั้งของเพื่อนสนิทไปแต่สุดท้ายก็ต้องชะงักเท้าเมื่อไอ้ค่ายวิ่งตามมา

   “ไอ้โบนกูขอคุยกับไอ้เติร์ดหน่อย”

   “มันมีนัดกับรุ่นพี่”

   “กูขอแป๊บเดียว ห้านาที” ไอ้โบนยอมรับคำขอ มันยืนห่างจากผมกับไอ้ค่ายไม่ไกลนัก หน้าของผมในตอนนี้คงแดงก่ำและดูแย่มากแน่ๆ

   “มึงมีอะไรหรือเปล่า”

   “ร้องไห้ทำไม”

   “คือกูฟังเพลงเศร้าน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

   “เติร์ด ถึงแม้ว่ากูจะมีแฟนแต่เงื่อนไขของเราก็ยังเหมือนเดิมนะเว้ย”

   “หมายความว่าไง”

   “ก็เรื่องที่กูอยากให้มึงย้ายมาอยู่ด้วยกันไง ถึงแม้กูจะมีแฟนแต่กูไม่พาเขาเข้ามาที่ห้องแน่นอน มึงจะได้สบายใจ” ผมสูดลมหายใจเข้าปอด กัดปากตัวเองแน่นจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือด ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกัน ไอ้ค่ายไม่เคยรู้อะไรเลย

   “ค่าย...เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ววะ”

   “...”

   “สองปีกว่าแล้วมั้ย” ผมหยุดพูดชั่วขณะเพราะเสียงที่เปล่งออกมาสั่นมาก รอจนควบคุมอารมณ์ได้ครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดปากพูดต่อ “ถ้ามึงกลัวว่าความเป็นเพื่อนของเราจะหายไป วางใจเถอะ กูยังอยู่ที่เดิมแหละ”

   “...”

   “มึงไม่ต้องทำดีกับกูขนาดนี้ก็ได้เว้ย ถ้ามึงจะรักใครก็เลือกได้เลย กูไม่กลับไปแล้ว”

   กลับไปก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจ็บอีกเท่าไหร่ สูญเสียอีกมากแค่ไหน เพราะขนาดคนที่ร่าเริงมาตลอดอย่างผม ยังสูญเสียภูมิต้านทานของตัวเองไปจนหมด

   หากวันนี้มันเลือกแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะหลอกตัวเอง

   “โอเค”

   “ไอ้ค่าย”

   กูรักมึง...

   “แฟนมึงน่ารักดีนะ”

   กูรักมึง…

   “ขอบใจ”

   กูรักมึง แต่พูดออกไปไม่ได้เลย...
   
   


แง้งงง เคยบอกกับคนอ่านไว้ว่าคู่นี้ไม่มีมือที่สาม
คือตอนนั้นคิดว่าฝั่งเติร์ดอ่าไม่มีจริงๆ แต่ฝั่งค่ายอย่าเรียกมือที่สามเลย
เรียกเป็นคนในชีวิตประจำวันของมันจะดีกว่า
ที่บอกว่าฟีลกู๊ดนั้นจิตติไม่ได้หลอกจริงๆ นะคะ มันจะค่อยๆ ดีต่อใจขึ้นค่ะ
ปกติเขียนดราม่าคือตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ค่อยๆ ลุ้นกันไปนะคะ
อยู่ด้วยกันก่อน #ทฤษฎีจีบเธอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 09-06-2017 21:06:13
รักเพื่อนในกลุ่มนะ ทั้งโบนและทู ตอนแรกก็แบบไม่ชอบโบนเท่าไหร่ที่คิดทดสอบเพื่อน เรื่องนี้ไม่แฮปปี้เอนเราก็โอเคอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-06-2017 21:12:52
ฮือออออ จะร้องไห้ตามเติร์ด โคตรเจ็บเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 09-06-2017 21:18:11
แงง ไม่ไหวความรู้สึกนี้ เข้าใจเลย ต้องเจ็บอีกนานไหมมมมม  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 09-06-2017 21:19:47
ค่อยๆฟิลกู๊ดอาจจะใช้เวลาซัก10ตอน เพราะตอนนี้ใจเราก็แหลกไปแล้วเหมือนกัน อินมันทุกอย่าง เจ็บที่สุด พี่ค่ายมันแค่โง่แต่เลิกพูดจาเลวๆแล้ว เจ็บจี๊ดๆแบบไม่มีน้ำตา เพื่อนทูแอนด์เพื่อนโบนก็ดีเหลือเกิน สงสารน้องเติร์ดตลอดเวย์ ทำไมต้องโดนทำร้ายซ้ำๆด้วยนะ แต่ต่อไปคงจะ คำถาม ชินไปไหน? ตอบ ชินไปเอง ด้วยรักซ์และปด.มานานแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 09-06-2017 21:23:07
อิค่ายยยยยยยยยย หาเรื่องมาอีกแล้ว  :fire: :m31: :m16: :z3: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-06-2017 21:26:57
อ่านจบแล้วแบบอึ่งไปเลยอ่ะ ทำไมมันวนกลับไปที่เดิมอ่ะ
เติร์ดไม่รักตัวเองเลย /เสียใจ
หรือจริงๆค่ายลองใจเติร์ดอยู่ใช่ป่ะ นี้ว่าค่ายมันรู้ว่าเติร์ดรักค่ายอ่ะ หรือยังไง????????????
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 09-06-2017 21:30:46
เมื่อไหร่เติร์ดจะพอสักทีทำตัวเองเจ็บมากี่ครั้งแล้ว จนเราแบบ...เฮ้ย เติร์ดแบบนี้มันไม่ได้อ่ะ...ตัดใจคือตัดใจนะเติร์ดนะ ตอนแรกเข้าข้างเติร์ดเต็มที่ตอนนี้ก็ว่าพอกันทั้งคู่ เติร์ดคือรู้ทั้งรู้ก็ไม่จำ ค่ายก็ปากบอกแคร์ๆแต่จริงๆก็ไม่ใส่ใจความรู้สึกใคร เฮ้อ เหนื่อย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 09-06-2017 21:31:53
จิตติ ได้โปรด พลีสสส กรุณา มาต่อไวๆเถิด

อ่านจบแล้วใจจะขาดไปกับน้องเติร์ด
เจ็บมาก อ่านแล้วเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย
จูบเค้าแต่เรียกคนอื่น พามาแนะนำด้วย ว่าแฟน
โอ้ยยยยยย หัวใจแม่ น้องเติร์ดลูกกกก
เอาเลยลูก รักให้พอ เจ็บให้สุด แล้วฟื้นขึ้นมาอย่างนกฟีนิกซ์ เชื่อพี่นะลูก โอ้ยยยย อยากให้มีคนที่เติร์ดจะให้ความสำคัญได้พอๆกับอิค่ายจริงๆ

เป็นพระเอกที่ต้องเรียกอิ บอกเลย คะแนนติดลบล้านไปแล้ว ชั้นรอเวลาแกกลับมากอบกู้คะแนนอยู่

อินมากอะไรมาก ได้โปรดเถิด มาต่อไวๆ ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-06-2017 21:33:15
รักคนหลายใจ ใครรักมากกว่า แต่อ่อนแอมากกว่าก็แพ้ไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-06-2017 21:47:50
ดีใจที่เติร์ดกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้
การแอบรักเพื่อนก็แบบนี้ล่ะนะ
ถ้าไม่อยากเสียเขาไป
ก็ต้องทนเจ็บต่อไปแบบนี้แหละ
เรื่องมันค่อยๆดีขึ้นนี่ จะดีขึ้นยังไงอะคะ
อิค่ายมันจะรู้ตัวขึ้นหรอ
ดูไม่ค่อยจะมีหนทางอะไรเลย
ก็เห็นยังทำตัวแบบเดิม
แล้วจะมาหันมองเติร์ดอีกแบบได้ตอนไหนล่ะ
มือที่สามมีบ้างก็ดีนะคะ
เอาให้เติร์ดน่ะ ให้น้องมีตัวเลือกบ้างก็ดีค่ะ555
ไม่ใช่เป็นแค่ของตายของคนเดิมๆ
ทีอิค่ายยังเลือกได้ เอ๊ รึว่าไม่เลือกดีนะ
สงสัยคลำไม่มีหางก็เอาหมด

5555555 รู้สึกตัวเองจะแค้นฝังหุ่นอิค่ายมาก
มาจูบเขาแล้วยังพูดชื่อคนอื่นอีกงี้
โอ้โห ไม่รู้จะพูดคำไหน โง่ในโง่ โง่ในโง่ในโง่ในโง่

ปล.เรื่องลองสีลิป จริงๆเอาtester มาลองกับปากเราไม่ดีนะคะ มันค่อนข้างจะสกปรก เสี่ยงกับเชื้อโรค แฮ่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-06-2017 21:49:41
มันจะค่อยๆดีขึ้นจริงๆใช่ไหม //  มองด้วยแวว
ตามีความหวังง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-06-2017 21:55:19
ไม่ไหวอะใครมีเบอร์โทรเติร์ดบ้างเราจะโทรไปบอกว่าพอเหอะถอยออกมาชีวิตนี้ไม่มีค่ายก็ต้องอยู่ให้ได้เปล่าวะไม่ต้องคิดว่าแค่อยู่ข้างๆก็พอแบบนี้มันไม่ใช่อะสุดท้ายแล้วใงเจ็บไม่มีชิ้นดีเพื่อนสองคนก็ได้แต่ปลอบว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น แล้วรู้บ้างหรือเปล่าว่าเติร์ดต้องเจออะไรบ้างเป็นเราใจพังไปตั้งแต่โดนล้อเล่นกับความรู้สึกครั้งก่อนแล้วไม่กลับไปแล้วมันก็ถูกที่ว่าเพื่อนสำคัญแต่ถ้าเพื่อนทำให้เราต้องเจ็บต้องฝืนมีความสุขแบบนี้ไม่ต้องมีก็ได้ไหมวะ ค่ายโง่หรือค่ายเลวกันแน่ถึงได้ไม่เอะอะไรเลยว่าเติร์ดรู้สึกยังใง
"โอยเม้นท์ต่อไม่ไหวมันจุกแทนเติร์ดอะ" :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2017 21:56:37
ค่าย มีคนในชีวิตประจำวันตลอด แต่ไม่ใช่แฟน
แต่ตอนนี้มีแแพรว เป็นแฟน พามาแนะนำกับเพื่อนแล้ว

เติร์ด ไม่มีใครเลย เพราะแอบรักมาตลอด
แล้วจะมีใครเข้าหาได้ยังไง ไม่มอง ไม่สนใจ
แล้วจะตัดใจจากค่ายได้ซักที เมื่อไหร่กัน  :katai1: :katai1: :katai1:
ที่ผ่านมาค่ายมีคนเข้าหาตลอด ก็เลยเจ็บซ้ำซาก

ก็ถ้าไม่มีใครเข้าหาเติร์ดเลย
เติร์ด ก็เจ็บไปคนเดียว  งั้นเติร์ดหักดิบ
แล้วเติร์ดจะด้านชา แล้วไม่เจ็บอีกเลย
เอาใจช่วยให้เติร์ดตัดใจได้อย่างรวดเร็ว
ไม่อยากได้ค่ายมาเป็นคนรักของเติร์ดแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 09-06-2017 21:58:24
คุณจิตติ.. คะ
ทำอย่างนี้อีกแล้วนะคะ..
ใจกระตุกหมดแล้ว....
ฮืออออ...  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-06-2017 22:02:40
เราไม่โอเค คือตอนนี้รู้สึกแย่มากและอึดอัดใจที่สุด อึดอัดใจกับการแอบรัก อึดอัดใจกับการกระทำของอิค่าย อึดอัดใจกับการตัดใจของเติร์ดที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ จากนี้คงปล่อยอิค่ายแล้วคือยังเกลียดอยู่ดีอะไม่ไหวกับมันจริงๆ ส่วนเติร์ดนั้นอยากให้สตรองเร็วๆ ถ้าไม่สบายใจก็อย่าไปพัวพันกับอิค่ายมันมากนัก ถอยออกมาอยู่ห่างๆเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้หมายความว่าตัวต้องติดกันตลอดนี่ คงสถานะเพื่อนไว้แต่ก็ใช้ชีวิตของตัวเองไปก็พอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-06-2017 22:05:05
ดราม่าตลอด เมื่อไหร่จะหานมาม่า ไม่ก้อเปลี่ยนคู่เลย ไม่อาวววว ไม่เข้ากับชื่อเรื่องเลยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 4 [03/06/60] *หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-06-2017 22:07:26
แต่ทำไมเราคิดต่างนะ
เราว่าค่ายน่าสงสาร เค้าคงรู้สึกดีกับเติร์ดละ อย่างน้อยก้เพื่อนรัก แต่อยู่ๆเติร์ดก้มาทำตัวเย็นชาใส่ย้ายหนี
โดยที่เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำไรผิด เพราะนังเติร์ดไม่ยอมบอกเหตุผล เค้าถึงได้ผิดหวังมากจนโกรธ
และก็เกลียด ซึ่งเราว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ เพราะถ้ามีใครทำแบบนี้ใส่เราเราก็คงโกรธเหมือนกัน

ส่วนเติร์ดเราว่าเค้าทำตัวเองนะ คิดเองเออเองและก็เจ็บเอง หวังกับเค้าไว้มากมายแต่ไม่ยอมบอกว่ารักเค้า
พอสิ่งที่หวังกับสิ่งที่เจอมันต่างกันมากไปก็รับไม่ได้ถึงจะบอกว่าค่ายแกล้งหลอกให้ความหวังก็เถอะ
แต่ในเมื่อไม่พูดค่ายมันก็ไม่รู้ปะ มันยิ่งโง่ๆอยู่ เลยทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมดยิ่งตอนหลังก็กระทบไปถึงเพื่อนคนอื่นด้วย

ไม่รู้สินะยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเติร์ดมันน่ารำคาญอ่ะ :pig4:

ถ้าจำไม่ผิดเติร์ดเคยบอกชอบค่ายไปแล้วนะคะแต่กลายเป็นว่าค่ายกลับเอาข้อความนั้นไปเป็นมุกจีบหญิงต่อโดยที่ไม่ถามเติร์ดเลยว่าอะไรยังใงเป็นเราก็คงอึ้งไม่กล้วพูดอะไรไปอีกนานเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 09-06-2017 22:12:28
นี่เพิ่งจบอินโทรใช่ไหมคะ ค่ายไม่ใช่พระเอกเนาะ พระเอกตัวจริงยังไม่โผล่มา ยังไงก็รอได้ค่าา  //ปาดน้ำตา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 09-06-2017 22:14:39
ถึงสนิทก็เฟดตัวออกมาได้นะจริงๆ รักคนอื่นแล้วก็อย่าลืมรักตัวเองด้วย หน่วงจน :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 09-06-2017 22:18:09
จะไม่อยู่กับจิตติต่อนะ โกรธ
อ่ะล้อเล่นๆ
แต่เห้อออ หน่วงหัวใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: firstlove ที่ 09-06-2017 22:29:16
คุณจิตติ เขียนวนในน้ำมาม่ามา 5 ตอนแล้ว
ดูเหมือนจะไม่ยาวนะคะ
แต่ตอนนึงของคนเขียนเท่ากับ 3  ตอนของเรื่องอื่น
ยืดเยื้อเกินเหตุมาก
อย่างน้อยๆถ้าออกหนังสือเราคงคิดดูก่อน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-06-2017 22:32:46
เจ็บและจุกสุดๆ น้ำตาจะไหลไปกะเติร์ด
ตัดใจมันยากก็รู้ ยิ่งต้องเจอต้องเห็นทุกวัน มันจะทำใจได้ยังไง
ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนเจอซ้ำๆตอกย้ำความช้ำอยู่อย่างงี้ เลิกเสียใจได้ก็เทพและ
ก็หวังว่าเติร์ดจะเข้มแข็งขึ้นในสักวันนึง แอบรักมานานก็จริงแต่เมื่อถึงที่สุดก็ต้องตัดใจนะ
จะว่าค่ายเลวก็ไม่ได้ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ทำไรผิดอะนะ แต่เราอ่านจากมุมของเติร์ดไงเลยเข้าใจเติร์ดมากกว่า อิค่ายมันเลยเลวซะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-06-2017 22:33:04
เจ็บและจุกสุดๆ น้ำตาจะไหลไปกะเติร์ด
ตัดใจมันยากก็รู้ ยิ่งต้องเจอต้องเห็นทุกวัน มันจะทำใจได้ยังไง
ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนเจอซ้ำๆตอกย้ำความช้ำอยู่อย่างงี้ เลิกเสียใจได้ก็เทพและ
ก็หวังว่าเติร์ดจะเข้มแข็งขึ้นในสักวันนึง แอบรักมานานก็จริงแต่เมื่อถึงที่สุดก็ต้องตัดใจนะ
จะว่าค่ายเลวก็ไม่ได้ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ทำไรผิดอะนะ แต่เราอ่านจากมุมของเติร์ดไงเลยเข้าใจเติร์ดมากกว่า อิค่ายมันเลยเลวซะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 09-06-2017 22:41:23
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-06-2017 22:45:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 09-06-2017 22:47:04
อะเครค่ะจิตติ ถ้าน้องว่างั้นพี่ก็จะทนกรีดน้ำตาต่อไปอีกสิบตอนเพื่อรอเสพความฟิลกู๊ด

ตอนนี้เราชมเชยเติร์ดนะที่นางกลับมามีสติได้อีกครั้ง
ความเจ็บปวดนี่เราว่าเป็นธรรมดาของการแอบรักคนที่ไม่ได้รักเรานะ

เราว่าค่ายแคร์เติร์ดมากนะ ต้องเข้าใจค่ายด้วยนะ นางแคร์นะแต่ในฐานะเพื่อนไง นางยังไม่ได้รักไง นางเลยพยายามเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะทำได้เพื่อเพื่อน

เราว่ากว่าเรื่องจะฟิลกู๊ด มีโมเมนต์ที่อิค่ายรู้ตัวก็ต้องให้มีใครมาจีบเติร์ดนั่นแหละ นางถึงจะเริ่มหวั่นไหว ว่าเติร์ดจะไม่ใช่ของตายที่จะอยู่ข้างๆ นางอีกต่อไป วินาทีนั้นอารมณ์หึงโหดจงมา~~~~

ขี้มโนกว่าเติร์ดก็กรูละ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 09-06-2017 22:54:00
ร้องไห้ไปกับเติร์ดเลยอ่ะ มันบีบมาก เศร้ามาก จะรอวันที่ทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นนะคะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 09-06-2017 23:21:24
เกลียดค่ายวะ แล้วเติร์คเจ็บเเล้วทำไมไม่จำ อยากให้มีผู้ชายที่เข้ามาและให้เติร์คเป็นคนสำคัญ และเติร์คยอมที่จะยกใจให้คนนั้นแทนค่าย อยากให้ค่ายมันรู้สึกบ้างเจ็บกว่าเตริ์คหลายเท่า ว่าการที่จะเสียคนรักให้คนอื่นมันเป็นยังไง อยากให้อีค่ายมันทรมาน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 09-06-2017 23:23:24
นี่ขนาดคนแต่งบอกว่าไม่ดราม่า เรายังอึดอัดแทบทุกตอน อร๊ายยยย หามือที่สามมาให้เติร์ดหน่อยเถอะค่ะ พระเอกใช้ผู้หญิงเปลืองจริงๆ การแอบรักเพิ่อนแบบนี้มันช่างน่าสงสารมากอ่ะ จะรอดูวันที่ค่ายรู้ใจตัวเองเมื่อสายนะ หล่อแต่โง่ ไม่น่าได้ครอบครองเติร์ดนะ เคืองแทนอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-06-2017 23:33:44
อึดอัด หน่วง อยากด่าค่ายนะ แต่แบบคนมันไม่คิดอะไร ก็คือไม่คิดไง
ส่วนคนที่คิดก็เจ็บวนไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-06-2017 23:37:28
เติร์ดเข้มแข็งขึ้นมาก ทุกคนยังโอ๋เติร์ดเหมือน ชอบวิธีการที่นำเสนอความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เหนียวแน่นให้เห็นมากขึ้น ชอบวิธีการ
หลอกล่อเติร์ดออกจากห้องน้ำของทู มาตอนนี้รู้สึกว่าถ้าจะตัดใจจริงๆ เติร์ดต้องใช้เวลาอีกเยอะ ตัวแปรฝั่งค่ายไม่เคยลดน้อยลงเลย และยังยืนยันคำเดิมว่าอยากอ่านในพาร์ทของค่าย

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 10-06-2017 00:07:34
อึดอัดแทนโอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 10-06-2017 00:30:00
เอิ่ม......ไปกันใหญ่แล้วว
คือไม่ไหวแล้ว มันอึดอัดมากจริงๆ
เป็นไปได้ นี่จะให้เปลี่ยนพระเอกแล้วนะ 55555
แต่มันคงไม่เป็นอย่างนั้น
คือ อ่านตอนนี้ แล้วรู้สึกว่าค่ายให้ความรู้สึกแค่เพื่อนจริงๆอ่ะ ไม่ได้มากไปกว่านั้น เลยไม่รู้ว่าสุดท้าย ค่ายจะหันมาชอบได้ยังไง ถึงจะดูเป็นห่วงมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆก็เถอะ กว่าจะรักกันได้ เติร์ดนี่น่าจะเจ็ยแล้วเจ็บอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 10-06-2017 00:32:17
หน่วงแบบไม่ไหวแล้ว :ling1: :ling1: :ling1:
มาต่อไวๆนะค้า :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 10-06-2017 01:05:25
จะสงสารเติร์ดก็สงสารไม่สุด นางทำตัวเองล้วนๆเลยหลังๆมานี้อะ คือแบบ ถ้าเป็นเพื่อนนี่คงได้มีด่า
รักมันอะไรนักหนา รักคนอื่นรู้จักรักตัวเองมั่งป่ะ
ใจพังก็เพราะตัวเองอะเติร์ด รู้ไว้
ถ้าอีค่ายมันลองใจไม่เลิกคงได้โดนยำทีน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 10-06-2017 01:18:54
อ้ากกกกกกก ตอนนี้เราเกลียดความไม่รู้ของค่ายสุดๆ แบบร้องเชี่ยหนักมาก
อยากให้อัพวันนี้พรุ่งนี้เลยจริงๆ เดี๋ยวนี้สวดมนตร์เพิ่มจากขอให้พนผ่านไปด้วยดี+ขอให้อัพด้วยแล้วฮ่าๆ
ก็มันคาใจข้างในลึกๆ(พี่เจก็มา) momentแอบรักสำหรับเรากับคนที่เจอกันทุกวันใกล้กันขนาดนี้เจ็บหนักแถมมีพ่วงคนรอบข้าง
ที่แล้วมาเราเข้าใจเติร์ดนะ มันคงเขวไปเลยแหละ เก็บมานาน เจอเข้าจังๆมันจะระเบิดให้ได้แต่ก็ต้องยั้งไว้อีก เป็นนี่บะไหวเด้อออ
คนเรารับความเสียใจได้ไม่เท่ากัน ก็เห็นใจค่ายนะคนมันไม่คิดไปขั้นนั้นอ่ะ แต่เข้าข้างเติร์ดหน่อยๆแฮะ
ไม่หน่อยอ่ะ มากเลย555 ยังดีที่กลับมาเริ่มใหม่กันได้ อยู่ที่เติร์ดละล่ะ อยากให้เติร์ดตัดใจได้จริงๆ
จูบแรกของกันและกันแต่เจ็บชะมัดเลย เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 10-06-2017 01:46:07
ถึงกับจูบเลยหรอออออ แค่ปากแตะปากเราก็คิดแล้ว ค่ายใจร้ายมาก จิตติเอาซะเราเจ็บปวด เฮ้ยยยย อยากให้เติร์ดลองเปิดใจให้คนอื่นบ้าง เติร์ดดดดดด โอ๊ยยยย เหมือนเห็นร่างโคลนนิ่งตัวเอง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-06-2017 01:50:23
ค่ายมั่วไปเปล่า
ถ้าคนที่เข้าไปตามในห้องน้ำไม่ใช่เติร์ด
แต่อาจจะเป็นทู โบน พี่เชน หรือคนอื่นๆ
ค่ายก็จะมองเป็นแพรว แล้วไล่จูบหมดเลยดิ
แบบนี้เมาแล้วน่ากลัวนะ น่ากลัวจะตายก่อนวัยอันควร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 10-06-2017 05:10:02
เกียดโว้ยยยยยยย :katai1: หน่วงให้สุดดด เจ็บให้ตายไปเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-06-2017 06:02:54
แงงงงง ตอนช่วงแรกของตอนยังโอเคอยู่เลยย  แล้วช่วงท้ายนี่มันอะไรรร ร้องไห้ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 10-06-2017 07:17:34
ไม่สงสารเติร์ดอ่ะ รักเอง เจ็บเอง.เสียใจเพราะเขามากมายหลายครั้ง เจอมาขนาดนี้. ยังไม่รักตัวเอง. บอกจะตัดใจ. แต่เท่าที่ดูยังไม่ได้ทำจริงจัง อยากตัดใจ ต้องหาไรทำ หาคนดามใจ

อยากเจ็บนัก. ก็รักเข้าไป อยากให้เข้มแข็งกว่านี้อ่อนแอเกิน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 10-06-2017 07:21:25
นี่มันFeel Darama goodรึเปล่าจิตติ5555555 หน่วงมากกกก เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-06-2017 09:23:34
อยากเปลี่ยนพระเอก  :mew6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 10-06-2017 09:55:59
ควรให้ค่ายเป็นแค่อดีตที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อยากให้เติร์ดตัดใจจริงจังแล้วเลือกมองหาคนใหม่ๆ
นึกไม่ออกจริงๆว่าคู่นี้จะลงเอยกันได้ โง่ๆอย่างค่ายชาติหน้าจะรู้ตัวรึเปล่าไม่รู้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-06-2017 10:24:11
เฮ้ออออออออ ถอนหายใจหนักมากกกกก เติร์ด..แกทำได้ไงวะ? ฉันละทึ่งแกจริงๆ แกเลือกที่จะกลับไปยืนข้างค่ายอีกครั้ง ทั้งที่แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าแกจะต้องเจอกับอะไรบ้าง? เห็นภาพอะไรที่มันจะเฆี่ยนแกซ้ำอีกบ้าง?

การตัดใจจากใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะเลือกถอยออกมา ถอยมากกว่าแค่ย้ายห้อง อาจจะต้องถอยมากขนาดออกมาจากกลุ่ม ฉันคงต้องหาพื้นที่เซฟโซนให้ตัวเองเพื่อเยียวยา อาจต้องใช้เวลาสักพัก จนกว่าจะพอมองหน้าค่ายแล้วน้ำตาไม่ไหลได้ วันนั้นมาถึง ฉันค่อยจะขอกลับมายืนข้างค่ายในสถานะเพื่อนสนิท .. อีกครั้ง (ถ้า 3 โหดยังต้อนรับ)

หัวใจแกทำด้วยอะไรวะเติร์ด? แกยอมให้ค่ายจูบซ้ำหลังจากที่ค่ายเพ้อชื่อแพรวออกมา ... #จุกแทน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 10-06-2017 11:04:38
เติร์ดในตอนนี้เข้มแข็งนะ การที่จะต้องกลับมาพยายามยืนข้างคนที่ตัวเองแอบชอบโดยที่มีอาการผิดปกติน้อยที่สุดนี่มันต้องใช้พลังใจมากเลยนะ ไม่ว่าค่ายจะมีแฟนหรือไม่ก็ตามก็อยากให้เติร์ดรักตัวเองให้มากกว่านี้ อย่าเอาความสุขของตัวเองไปอยู่กับค่ายเลย รู้ว่ามันยากแต่อยากให้เติร์ดทำให้ได้

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-06-2017 11:08:04
แงงงงงงงงงง ว้ากกกกกกก
@**#)₩($$#(@€@
เจ็บแทนเติร์ดเลย TT ตั้งแต่จูบแล้วเรียกชื่อคนอื่นละนะอิค่าย ว่าละว่าต้องเรียกไปเปิดตัวแฟน ม่างง  :katai1:
สงสารเติร์ดมากก ฮือออ ต้องเสียน้ำตาอีกกี่ลิตร อิค่ายถึงจะรู้ตัว แงงง
รอตอนหน้านะคะ มาต่อไวๆ น้า TT
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-06-2017 11:14:59
เฮ้อออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-06-2017 11:21:53
อีค่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้องเติร์ดมานี่ลูก

กอดปลอบ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 10-06-2017 13:08:36
 :mew4: เห้อๆๆๆ ถอน หาย ใจ ให้ กับ ความ รัก ของ เติร์ด
อยาก ให้ เข้ม แข็ง เร็วๆ
อยากให้ มี คน คน นึง เข้า มา สน ใจ
อยาก ให้ คน คน นั้น เอา ใจ ใส่ เติร์ด
อยาก ให้ เติร์ด ลอง เปิด ใจ และ ใช้ เวลา ร่วม กับ คน อื่นๆ บ้าง นอก จาก กลุ่ม ตัว เอง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-06-2017 13:24:09
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Beerr_jh ที่ 10-06-2017 14:07:13
ทฤษฎีจีบเธอคงไม่ใช่เติร์ดจีบหรอกมั้ง แต่น่าจะเป็นตอนค่ายจีบเติร์ดตอนรู้ตัวว่าชอบเติร์ดรึป่าว(มั่วสุดๆ55)
ตอนนี้สงสารเติร์ด ตัดใจให้แน่วแน่กว่านี้ะเติร์ด จะได้ไม่เจ็บซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-06-2017 14:57:48
ค่ายแม่งเหมือนคนโง่แบบไม่น่าเชื่อ
เจอค่ายทำดีด้วยขนาดนี้ พยายามเข้าล่ะเติร์ด เข้าใจเลยว่ายากมากที่จะตัดใจได้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 10-06-2017 15:05:12
เป็นตอนแรกที่รู้สึกว่าค่ายแม่งเหี้ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 10-06-2017 15:13:59
ตกลงทฤษฎีจีบเธอนี่ใครจีบใครคะ พระเอกยังไม่ออกใช่มั้ย โอ๊ยเจ็บปวดกับน้องเติร์ด ถ้ามันแย่ขนาดนั้นก็ห่างออกมาน่ะดีแล้วมั้ย มัวคิดแค่ว่าได้อยู่ข้างๆ ก็โอเคมันจะยิ่งตัดใจยากนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 10-06-2017 15:29:29
มันอาจจะค่อยๆดีขึ้น แต่ตอนนี้ใจมันพังไปหมดแล้ว
เมื่อเจ็บจนถึงที่สุดแล้ว อยากให้เติร์ดลองมองคนอื่น ลองเปิดใจดูบ้าง อาจจะยังรักค่ายเหมือนเดิม แต่การเริ่มมองคนอื่นคงจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อค่ายเจือจางลง ไม่ได้หายไป แต่เบาบางลง
ทำไมต้องทนขนาดนี้ มีแต่ทำร้ายตัวเอง ต่อให้อนาคตค่ายจะมองเติร์ดแต่เติร์ดจะลืมความรู้สึกของตอนนี้ได้จริงๆเหรอ ความสุขที่มองไม่เห็น กับความทุกข์ที่กอดอยู่ทุกวัน อยู่ที่เติร์ดเลือกเองนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: SheGame ที่ 10-06-2017 15:50:34
อ่านแล้วร้องหนักมาก ไม่ไหวอ่ะ เรียกน้ำตาอะไรขนาดนี้
รอตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 10-06-2017 18:33:05
เย้ๆๆ ตอนต่อไปมาแล้ว เม้นก่อนอ่านเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 10-06-2017 18:56:08
นี้แอบคิดได้ไหม ว่าคนอื่นเป็นพระเอกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 10-06-2017 19:07:22
 :z3: :z3: :z3:
ชอบจริงๆมาม่าแบบนี้เนี่ย/////เค้าเป็นมาโซ!!5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 10-06-2017 19:22:42
ได้แต่ติดตามต่อไป วอนจิตติอย่าปล่อยไว้นาน คือตอนนี้มันดราม่ามากๆ และมันค้างมากถึงมากที่สุด แบบเซ็งมาก เศร้ามาก อิน หงิด หงิดมากกก อะไรเนี่ย ทำไมต้องน่าสงสารเบอร์นี้ มาต่อไวๆ นะคะ พรีสสสสสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 10-06-2017 19:36:36
อ่านจนจบถึงตอนที่5แล้ว พูดอะไรไม่ออกเลยแหะ

อีค่ายนอกจากโง่ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ต่ำตม และเหี้ยแล้ว ยังขยันทำให้เติร์ดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า เติร์ดอาจจะผิดที่ไม่ยอมบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกไป แต่นั้นก็เพราะการพยายามรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนเอาไว้ เติร์ดหรือจะใครก็ตามไม่มีใครอยากเสียคนที่รักไปหรอก ไม่มีใครที่อยากจะมองหน้าคนที่เรารักไม่ติด ยิ่งเป็นเพื่อนด้วยแล้ว ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันพังทลายลงโดยง่ายถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเราคิดไม้ซื่อ ยิ่งเพื่อนคนนั้นเป็นผู้ชายแล้วเราก็เป็นผู้ชายอีก เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเค้าจะมองเราเหมือนเดิม เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเค้าจะไม่เกลียดเรา อะไรๆมันน่ากลัวไปซะหมดนั้นแหละ


เป็นกำลังใจให้เติร์ดมากๆเลยลูกกกกก พี่ทีมหนูนะ #ทีมเติร์ด มันเจ็บปวดมาก เจ็บปวดเกินไป ถ้าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว หนูก็ควรจะเดินออกมานะลูก อย่าทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้อีกเลย เข้าใจอีกแหละว่าเจอกันทุกวันมันคงยากที่จะตัดใจ แต่หนูก็ควรจะเปิดใจให้คนอื่นบ้างนะลูก ไม่อยากเห็นหนูเจ็บปวดแบบนี้เลย


เป็นกำลังใจให้คุณจิตติเช่นกันนะครับ อยากรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้เร็วๆ เพราะตอนนี้มันค้างมากครับ 5555555

รีบๆมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 10-06-2017 20:05:23
ไม่อยากให้ค่ายเป็นพระเอก อ่านจบแล้วเหอๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-06-2017 21:28:15
ไม่ต้องจบแบบคู่กัน

ขอจบแบบเติร์ดตัดใจได้ได้ไหม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: datytime ที่ 10-06-2017 23:23:05
ค่ายต้องรักเติร์ดแล้วแน่นอน แค่เอาแพรวเป็นข้ออ้าง มโนก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 11-06-2017 01:13:06
อยู่ๆเราก็รู้สึกว่าค่ายมันอาจจะรู้ว่าเติร์ดชอบอะ
คือมาถึงขนาดนี้ละ พฤติกรรมเติร์ดคิดยังไงมันก็ออกไปทางนี้ทางเดียว :katai1:
ที่มีแฟนเอาแฟนมาเปิดตัวเนี่ย คืออาจจะเอามาให้เติร์ดตัดใจ
ในฐานะเพื่อนค่ายก็คงรักเติร์ดมาก คิดว่าในใจลึกๆนางคงรู้สึกดีด้วยแหละ แต่สับสนไม่รู้ใจตัวเอง
ไม่ก็รู้สึกดีๆแบบเพื่อนจริงๆ แต่ยังไงก็คงไม่อยากเสียเพื่อนแบบเติร์ด
นี่คงเป็นวิธีแบบโง่ๆในความคิดค่ายว่าให้เพื่อนตัดใจกลับมาเป็นเพื่อนรักมาอยู่หอเดียวกะนางเหมือนเดิม
แต่ไม่ไง ต่อไปถ้าเติร์ดตัดใจถอยออกมา นางก็คงจะได้รู้ว่าที่ผ่านมาที่เติร์ดดูแลอยู่ข้างๆขนาดนี้
เพราะเค้ารักโว้ยยยย ถึงทีนี้ค่ายก็คงจะสำนึกว่าตัวเองเสียอะไรไป  :katai3:

ทั้งหมดนี่เดาล้วนนนนนนน เอามาจากเรื่อง Flipped ด้วย พระเอกก็ประมาณนี้
หาเรื่องในนางเอกเกลียด พอเค้าเกลียดจริงถึงค่อยไปง้อเค้า:call:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: jittrawa ที่ 11-06-2017 01:13:51
ส่วนใหญ่คำว่าไม่ดราม่าของนักเขียน มักจะไม่จริง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 11-06-2017 01:48:50
 :katai1:

คือมันอึนมากกก จะว่าค่ายโง่ก็ไม่ถูกนะ จิติเขียนนิสัยค่ายชัดเจนมาก
ส่วนเตริด์ก็แอบรักข้างเดียวแบบเพื่อนมาตลอด ค่ายไม่เคยรู้
ตอนนี้ยังไม่รู้เหมือนเดิมก็ไม่แปลก น่าสนใจมากสำหรับเรื่องนี้
ว่าค่ายจะมาชอบเตริด์ยังไง น่าตื่นเต้น เพราะมีแพรวเข้ามาแล้วด้วย
และดูท่าค่ายจะจริงจัง  อยากให้ค่ายเป็นฝ่ายวิ่งตามบ้าง
ห้าตอนแรกนี่ก็หนักสำหรับเตริด์มากแล้ว น้ำตาตกในทุกตอนเลยอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-06-2017 08:25:03
น้ำตาไหลรัวๆค่ะ สงสารเติร์ด รักข้างเดียวว่าเจ็บแล้ว รักเพื่อนสนิทอีก หนักกว่า
เติร์ดรักมานาน ทำใจก็ต้องใช้เวลา แถมอยู่ด้วยกันตลอด จะรอดได้ไง

ค่ายก็ทำดีด้วยตลอด ทำดีไปเหอะ แต่ที่ทำอะเพื่อทำเผื่อคนอื่นด้วย เลยไม่รู้ว่าค่ายจริงจังไหม หรือไม่รู้ตัวจริงๆ

โบนทูงานเข้าอีกรอบแล้วค่ะ ตอนนี้มีตัวตนด้วยนะ ไม่ใช่แค่ 4 คนแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 11-06-2017 14:20:55
มันจะเป็นจะใดต่อน่ออ5555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 11-06-2017 15:37:14
ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี
อย่ามีอะไรให้เสียใจ
ส่วนตัวฉันจะลืม ว่าเคยร้องไห้
ลืมว่าเคยต้องเป็นใคร ที่เธอไม่เอา
:กอด1:


เติร์ด... เป็นแผลสดมา 2 ปีกว่า วันนี้เพิ่งจะได้เริ่มทายาจริงๆ จังๆ แต่แผลใหญ่ ต้องรักษา ต้องทายาเยอะหน่อยเนอะ
รู้ตัวว่ามีแผล ก็อย่าไปวิ่งล้มซ้ำบ่อย ๆ นะ :กอด1:


ทู เอ็งก็ไม่น่ายุ วางแผนไปขออาศัยห้องค่ายมันเล้ยยย
โบน เอ็งก็น่าไม่เล่นลองใจกับความรู้สึกเพื่อนเล้ยยย
ค่าย แกก็ไม่น่าเอาหญิงมาที่ห้องเล้ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-06-2017 17:27:08
โธ่...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 11-06-2017 22:32:46
 :hao5:
ขอพระเอกคนอื่นได้ไหมคะ
 :mew6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-06-2017 01:32:28
ตอนนี้คือไม่ได้โกรธหรือรำคาญทั้งค่ายทั้งเติร์ดอะ
เติร์ดคือคนที่เลือกแล้วที่จะหยุด และพยายามจะทำให้ได้
เจ็บมาเยอะช้ำมาเยอะจนได้บทเรียน
ส่วนค่ายยิ่งไม่ผิด เพราะไม่รู้ ไม่มีใครบอกค่ายว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน
ถ้าค่ายจะเจอใครซักคนที่เค้ารุ้สึกว่าใช่ แล้วจะเริ่มต้นด้วย มันก้ไม่ได้ผิดอะไร
นี่รู้สึกว่าในตอนแรกอะ ทุกอย่างมันดูเป็นโซนที่ชัดเจนเกินไป
ค่ายเห็นเติร์ดเป็นเพื่อนอย่างชัดเจนไม่มีวันเปลี่ยนได้ ไม่มีทางที่เจิร์ดจะหนีไปไหนอะ
ความรู้สึกของเติร์ดก้คือแอบชอบแต่ไม่คิดที่จะบอกออกไปแน่ๆ เนี่ยทุกอย่างมันชัดไปและไม่มีตัวกระตุ้น
เหตุการณ์ที่brokeกันเหมือนแบบมาทำให้ทุกอย่างมันหลวมขึ้นเพื่อให้มีช่องว่างของความสัมพันธ์
ค่ายกับเติร์ดไม่ได้สนิทกันเท่าเมื่อก่อนแล้ว ไม่ใช่เพื่อนที่แน่นอฟ้นจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนได้อีกแล้ว
เติร์ดเข้มแข็งขึ้น เค้าว่ากันว่าคนเราใักจะเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วจะเข้มแข็งขึ้น
นี่คือเติร์ดที่เจ็บจนตัดสินใจได้ ยิ่งเจ็บมากเท่าไหร่ตอนฟื้นกลับมายิ่งเข้มแข็ง
นี่ได้แต่หวังว่าความฟิลกู๊ดจะเริ่มออกมา อย่าได้ไปลงเอยรักกันในวัยทำงานอะไรแบบนี้เลยยย
แฟนใหม่ค่ายดูจริงจังมาก แต่ผญเรียบร้อยจริงๆนี่จะมาคบผชที่มีข่าวว่าเสือผญหรอ นี่น่าสงสัยอะ
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 12-06-2017 10:38:11
รอตอนต่อไปค่ะ เมื่อไหร่จะรักกันอ่ะ ลุ้นค่า :ruready
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-06-2017 15:55:39
ถ้ามันจะขนาดนี้

ไม่รู้จริงๆหรอ หรือเราอ่านนิยายมาไป จนคิดว่าการแสดงออกขนาดนี้คือการบอกชอบแล้ว

เรื่องจริง ช + ช เรื่องแบบนี้คือเพื่อนทำให้กันปกติ

ไอ้ค่ายไม่ยอมรับ หรือ อยากยืนยันสถานนะนี้ หรือ มันกำลังปรับตัวอยุ่ ในเมื่อเตริดบอกว่ามันไม่จริงใจกับใครหรอก งั้นลองมีแฟนดูละกันเผื่อเพื่อนจพเหมือนเดิม นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งยังไง ถ้าเรื่องนี้ฝั่งเตริดไม่มีมือถือสาม แปลว่าไม่มีตัวแปลร่วมให้รู้สึกว่าว่าค่ายหึง


แล้วเมื่อไหรมันจะรู้ตัว



ยากจัง


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 12-06-2017 16:03:26
หรือจริงๆค่ายไม่ได้โง่อย่างที่คิด นางรู้และพยายามจะให้เติร์ดตัดใจ
เพราะอยากกลับไปเพื่อนกันตลอดไปเหมือนเดิม แต่ในใจก็รู้สึกดีแต่ไม่รู้ตัวป่ะ
เริ่มคิดเองไปไกล ความเผ็ดร้อนของมาม่านี้มันค้างคาเหลือเกิน แต่งงใจตรงเมาแล้วไปจูบเค้าเข้านี่แหละ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 12-06-2017 22:15:23
ิอินตามเติร์ดมาก หน่วง จุกจนพูดไม่ออก ขอวอนคนเขียนรีบมาต่อเร็วๆ นะ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: Phetploy ที่ 13-06-2017 00:42:19
ฮือ สงสารเติร์ดมากค่ะ
อยากให้เติร์ดตัดใจ
ไม่ต้องไปชมไปชอบแล้วค่ายเนี่ย!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 13-06-2017 00:47:11
เข้าใจความรู้สึกเติร์ดมากอ่ะ ฮืออออ น้ำตาคลอเลย มันเจ็บจี๊ดๆในใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: moomj ที่ 14-06-2017 03:22:08
ที่บอกทฤษฎีจีบเธอนี้ หมายถึงโบนจีบเติร์ดป่าวคะ ไม่ได้กวนนะ แต่เจ็บแทน คิดว่าคู่กับเพื่อนคนอื่นเถอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 5 [09/06/60] *หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 14-06-2017 16:04:12
ฮรืออออออออ ช้ำาาาาา!!!

แต่เราว่าค่ายรู้นะ รู้สึกเลยด้วยแหละ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 17-06-2017 20:03:16

ตอนที่ 6
Begin Again



   หนังสือเกี่ยวกับการตัดใจเล่มหนึ่งเคยบอกว่า เวลาไม่ใช่สิ่งที่ช่วยให้เราตัดใจได้เร็วขึ้น แต่การทำงานหนักต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นให้เราลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ

   เพราะงั้นผมจึงใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งที่เขาให้ทำ หรือสาระแนไปทำเอง งานคณะ รายงาน กิจกรรมพิเศษ อีเว้นท์มหา’ลัยผมจัดหมด อย่างน้อยตอนที่ทุ่มเทกับอะไรสักอย่าง เรื่องของไอ้ค่ายก็ได้หายไปจากสมองของผมบ้าง

   สำหรับงานละครเวทีประจำปีก็ใกล้เริ่มแล้ว แถมต้องเข้าประชุมบ่อยขึ้น สัปดาห์หนึ่งก็หลายครั้งเพราะเราต้องดีลงานใหญ่ๆ ให้กับหลายฝ่าย ก่อนจะมีการประชุมใหญ่ครั้งแรกในอาทิตย์หน้าเพื่อแบ่งงานเฉพาะเจาะจงกับทุกคน

   สถานการณ์ของแก๊งโหดเองก็เหมือนกับน้ำนิ่ง ผมไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของใคร นอกจากรับฟังอยู่ห่างๆ ความรักของไอ้ค่ายกับแฟนเป็นไปได้สวย หลายครั้งที่ผมเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เจ็บนะ แต่พอคิดถึงเรื่องงานที่ต้องทำผมก็ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว

   ไอ้ทูออกไปถ่ายภาพภาคสนามกับชมรมบ่อยขึ้น ส่วนไอ้โบนก็ใช้ชีวิตอยู่กับฝ่ายเสียงและผู้หญิงของมัน เราต่างมีหน้าที่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนไม่ได้เข้มข้นเหมือนเมื่อก่อนอีก รักกันแต่ไม่จำเป็นต้องตัวติดกัน เราต่างมีความฝันและแน่นอนว่าคงเป็นคนละเส้นทาง

   ในอดีตผมเคยวาดฝันว่าจะได้คบหากับใครสักคนที่ผมรักและใช้ชีวิตคู่ไปจนแก่ แค่ยืนอยู่ระเบียง แชร์บุหรี่หนึ่งมวนในมือ จากนั้นเราก็จูบกัน เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นเพื่อทำงานขณะที่ใครคนนั้นก็กุลีกุจอลุกจากเตียงอย่างรีบเร่ง วันหยุดมีโปรแกรมเที่ยวต่างประเทศหรือต่างจังหวัด เราไม่ต้องมีเงินในบัญชีเยอะๆ ขอแค่ไม่ลำบากในภายภาคหน้าก็พอ

   แล้วดูความฝันตอนนั้นสิ เหมือนพวกโลกสวยคนหนึ่งที่ไม่เคยเรียนรู้กับคำว่าเจ็บปวด

   ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้ว ความฝันในอดีตถูกวาดใหม่ ผมใช้เวลาอยู่กับรุ่นพี่มากขึ้นเพื่อพูดคุยกับเขา ผมอยากทำงานเขียนบท อยากลองสร้างหนังสักเรื่อง และเมื่อทำเสร็จแล้วผมก็จะนั่งดูวนซ้ำอยู่อย่างนั้นสักห้าสิบรอบ ก่อนปลีกตัวไปทำเรื่องใหม่อีกเรื่อยๆ พอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้วก็เอาไปเที่ยวรอบโลก

   ไม่แน่ สามสิบหรือสี่สิบปีข้างหน้าผมอาจอยู่คนละซีกโลกกับเพื่อนแก๊งโหดก็ได้ เป็นตาแก่คนหนึ่งที่เฝ้ามองความเป็นไปของโลก ไม่กลัวว่าจะตายอย่างโดดเดี่ยวอีก เพราะได้เรียนรู้แล้วว่าการมีความรักเจ็บปวดกว่านั้นหลายเท่านัก

   นี่ซีนดราม่าหลังดูลาลาแลนด์เหรอ?!

   เอาเถอะ อนาคตยังอีกยาวไกล ตอนนี้คงต้องพาสังขารตัวเองให้พ้นปีสามไปก่อน แถมวันนี้ยังต้องวิ่งวุ่นเก็บของกับไอ้ทูอีกเนื่องจากผมกำลังย้ายที่อยู่เป็นรอบที่สาม

   สิ้นเดือนก่อนผมได้ติดต่อเจ้าของคอนโดปล่อยเช่าเอาไว้ และพร้อมที่จะย้ายเข้าไปอยู่หลังทำสัญญาเสร็จ เรื่องห้องก็ไม่ได้ไกลจากเพื่อนพ้องอะไรเลย แค่ขึ้นลิฟต์ไปอีกห้าชั้น ฮัลโหล...

   ผมไม่ได้บอกไอ้โบนกับไอ้ค่ายเรื่องนี้ เพราะคิดว่าพวกมันอาจยุ่งกับเรื่องส่วนตัวเลยไม่อยากรบกวน นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้ทูเป็นเจ้าของห้องที่ปล่อยให้ผมอาศัยได้เป็นเดือนๆ ผมก็คงไม่บอกมันด้วย

   ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกขนย้ายในเวลาไม่นาน ผมมีห้องเป็นของตัวเองอีกครั้ง และเงื่อนไขของไอ้ทูที่เคยรับปากว่าจะไม่พาหญิงเข้าห้องตลอดการอยู่ร่วมกันจึงถือเป็นโมฆะ ดูเหมือนแม่งจะดีใจมาก ออกปากรีบขนย้ายจนกูอยากกระทืบ

   “เหนื่อยฉิบหายเลยโว้ยยยยยย” เพื่อนสุดเซอร์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพลางตะโกนเสียงดังลั่นห้อง ผมเลยได้แต่เท้าเอวมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเอือมระอา

   “ก็กูบอกแล้วว่าจะขนย้ายเอง”

   “มึงเป็นเพื่อนกูมั้ย จะนั่งมองให้มึงเทียวเข้าเทียวออกคนเดียวได้ไง ประสาท”

   “ไม่ใช่เพราะรีบเคลียร์ทางให้นางแบบคนใหม่เหรอวะ”

   “อย่ามาทำเป็นรู้สันดานกูดี”

   “เมื่อไหร่จะเลิกเจ้าชู้” ผมถาม เหมือนเป็นคำถามที่รู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีคำตอบให้

   “มึงถามสิ้นคิดว่ะ เหมือนคำถามเมื่อไหร่จะเลิกหายใจอะไรแบบนี้” กูว่าแล้ว จะหาสาระอะไรจากคนอย่างแม่งวะ อย่าว่าแต่ไอ้ค่ายเลย แม้แต่ไอ้ทูกับไอ้โบนก็เหี้ยพอกัน คือไม่มีทางหยุดที่ใครคนไหนแน่นอน

   “เออกูขอโทษ สมองกูกรองไม่ดีเอง”

   “จริงๆ มันจะมีวันนึงเว้ยที่เราเหนื่อย มึงคิดเหรอว่าคนเรามันจะวิ่งสนุกไปเรื่อยโดยไม่มีทางหยุดพัก”

   “มึงไง”

   “กูคนครับไม่ใช่เดอะแฟลชจะได้วิ่งไม่มีวันเหนื่อย สักวันก็ต้องหยุดอยู่ที่ใครสักคนอยู่ดี”

   “ขอเหตุผลของการหยุดหน่อย”

   “เวลาและโอกาส เวลาคือกูแก่จนวิ่งไม่ไหวแล้ว แม่งเหนื่อย”

   “...”

    “ส่วนโอกาสก็เหมือนกับ...ตอนที่มึงเจอใครสักคน เขาตรงสเป็กมึงมาก แต่มึงกับเขาเจอกันผิดเวลาเพราะมึงยังไม่ยอมหยุดตัวเอง สุดท้ายความรักก็ไปไม่รอด ฉะนั้นโอกาสของกูคือใครสักคนที่ตรงใจและเขาเข้ามาในเวลาที่กูเหนื่อยจะวิ่งเล่นพอดี มันก็หยุด แค่นั้น...”

   “งั้นถ้าอีกสิบปีเรามาเจอกันแล้วมึงหยุดตัวเองพอดี มึงจะเลือกกูมั้ย”

   “งี้ถ้ากูเจอวัวตัวนึง กูไม่ต้องเลือกวัวเป็นเมียเลยเหรอครับ”

   “อ้าว”

   “มึงพูดเหมือนกูไม่เลือก นมไม่ใหญ่หลบไป” ขอโทษที่ความเจ๋อของกูทำให้มึงหงุดหงิดนะ

   ผมไม่รู้ว่าคนเจ้าชู้นี่มีความคิดเหมือนๆ กันมั้ย แต่คิดว่าคนเราเกิดมาต่างความคิด ต่างครอบครัว ยังไงก็คงคิดไม่เหมือนกันหรอก อย่างไอ้ค่ายผมว่ามันคือร่างโคลนของเดอะแฟลชเลยล่ะ วิ่งไปเรื่อยๆ โฉบไปตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่สุดท้ายก็ไม่มีวันหยุดอยู่ที่ใคร

   “คิดอะไร” คนที่นอนเกลือกลิ้งอยู่บนเตียงถามเหมือนรู้ทันความคิด

   “เปล่า”

   “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันเลยเนาะ เรียนเสร็จก็ตัวใครตัวมันตลอด”

   “กิจกรรมเยอะกูก็เข้าใจ แล้วนี่ไอ้ค่ายกับแฟนเป็นไงบ้าง ช่วงนี้ไม่เห็นอัพเดตข่าวคราว” เดี๋ยวนี้ผมไม่เจ็บถึงขนาดต้องร้องไห้เวลาพูดถึงเรื่องนี้แล้วล่ะ

   “ถ้าตอบแล้วมึงจะเสียใจมั้ยล่ะ”

   “กูห่างกับมันมาเยอะพอสมควร ไม่ได้เอาใจไปไว้ที่มันแล้ว”

   “อืม ก็เห็นยังรักกันดี”

   “เหรอ” ผมตอบเสียงแผ่ว คือถ้าหยุดที่ผู้หญิงคนนั้นได้ผมก็ยินดี เธอแตกต่างจากทุกคน และดูจากการทุ่มเทของเพื่อนรักแล้วคิดว่ายังไงก็ไปได้สวย “มีแฟนน่ารักอย่างนั้นกูเทคแคร์ตายเลย”

   “ก็เหมือนที่แม่งเคยทำกับทุกคนนั่นแหละ แต่ที่ไม่เหมือนก็คือ...เพื่อนเรามันโง่จริงๆ ว่ะ”

   “โง่ยังไง”

   “ก็ตั้งแต่วันนั้น มันไม่เคยพาใครเข้าห้องอีกเลย”

   “...”

    “ทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายมึงก็ไม่มีทางกลับไป”













   ละครเวทีประจำปีอย่างไลค์บรารี่ใกล้เริ่มขึ้นแล้ว การประชุมใหญ่จัดขึ้นในช่วงหกโมงเย็นหลังเลิกเรียน นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ที่มีส่วนร่วมในการทำละครทุกคนนัดกันมารวมพลอย่างคับคั่ง โดยใช้หอประชุมคณะเป็นที่นัดหมาย เฮดใหญ่คือพี่เชนทร์ซึ่งนั่งตำแหน่งผู้กำกับและทำหน้าที่แจกจ่ายหน้าที่ให้แต่ละคน

   ผมนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงพื้นพร้อมกับแก๊งโหด และถึงแม้ว่าผมจะนั่งข้างกับไอ้ค่าย แต่เราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรเลยนอกจากมองหน้ากันนิ่ง จากนั้นก็หันไปสนใจกับคนที่ยืนอยู่ด้านบนเวทีแทน

   “ละครเวทีปีนี้กำลังเริ่มขึ้น หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าเราเพิ่งเขียนบทจบไปไม่นาน ผมทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ มีไอ้คุณเนมปีสี่เป็นผู้ช่วย ส่วนทีมเขียนบทได้ย้งยี้กับเติร์ดมาเขียนให้ เอ้า! ปรบมือหน่อย” ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะค้อมตัวเป็นการขอบคุณทันทีที่พี่น้องชาวนิเทศช่วยกันปรบมือให้

   “ต่อจากนี้จะเป็นรายชื่อเฮดของแต่ละฝ่าย และต้องไปหาคนเข้าทีมกันเอง เริ่มที่ แบ็กสเต็จก่อน...” จากนั้นรุ่นพี่หุ่นหมีแกก็ร่ายรายชื่อมายาวเหยียดราวกับสวดสรภัญญะ

   ฉากใหญ่ของละครเวทีทางคณะจ้างทำเพื่อจะได้ประหยัดเวลางานที่เนี้ยบ ส่วนพร็อพเล็กๆ ก็ให้เด็กในคณะที่มีหัวศิลป์หน่อยมาช่วยทำให้

   เมคอัพกับคอสตูมมีรุ่นพี่หลีดและแก๊งสาวประเภทสองออกตัวทำด้วยความเต็มใจจนเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้องประชุม ฝ่ายประสานงานที่ต้องติดต่อสถานที่ต่างๆ ก็ได้ประธานรุ่นปีสามมารับช่วงต่อ สวัสดิการนี่คนเยอะหน่อยเพราะสายแดกแหลกเสนอตัวกันพรึบพรับ

   เพื่อนผมอย่างไอ้ทูรับหน้าที่เป็นตากล้องร่วมกับรุ่นน้องอีกสองสามคน ส่วนไอ้ค่ายกับไอ้โบนก็รับทำส่วนของการควบคุมแสงและเสียงไป

   “พีอาร์ครับ ได้จุ๊บแจงปีสามมาเป็นเฮด ซึ่งต้องทำเพจรวมถึงประชาสัมพันธ์งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลย ตากล้องหรือใครที่มีภาพระหว่างทำกิจกรรมก็ส่งเข้าเพจหน่อย จะได้ช่วยสร้างกระแสในปีนี้ด้วย”

   ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ เพราะงานอื่นๆ ได้รับการแจกจ่ายจนหมดแล้ว จะเหลือก็แต่...

   “สุดท้ายแล้ว เบิ้ม!”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดด ไอ้หมี ชื่อใบบัวค่า” รุ่นพี่กะเทยคนหนึ่งหวีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อได้ยินผู้กำกับขานชื่อแกผิดไปไกลโข

   ชื่อเล่นอ่ะเบิ้มจริง แต่ชื่อในวงการคือบัว กูจะร้อง

   “เออกูขอโทษ ไอ้ใบหนาด เอ๊ย! ใบบัวจะมาเป็นเฮดของทีมคัดนักแสดงและสอนแอคติ้ง อันนี้หนักหน่อยนะและก็อยากให้เร่งทำด้วย กว่าจะเวิร์คช็อปอะไรกันเสร็จ โน่นชาติหน้าถึงได้เล่น” เสียงประชดของพี่เชนทร์ส่งผลให้ทีมคัดนักแสดงส่งเสียงไม่พอใจ กระทั่งใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากแถว

   “พรุ่งนี้ประชาสัมพันธ์เลยค่าาาาาา อาทิตย์หน้าได้นักแสดงแน่นอน”

   “ให้มันได้อย่างนี้ เลือกคนมาเล่นนะไม่เอากระสือเหมือนพวกมึง”

   “ไอ้เชนทร์มึงลงมาตบกับกูข้างล่างเลยค่ะ” ท่ามกลางความขัดแย้งนั้น ผมได้แต่หัวเราะกับความบ้าบอของทีมทำละครจนรู้สึกเหนื่อย เห็นทีปีนี้กองของไลค์บรารี่อาจจะต้องทำงานหนักกว่าปีก่อนๆ หลายเท่า

   “มึงเขียนบทก็จบแล้วอ่ะดิ” แล้วเสียงทุ้มของใครบางคนก็ทำให้ผมหยุดหัวเราะ จำได้ดีวันมันเป็นเสียงของใคร แม้เราจะไม่ได้คุยกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนก็ตาม

   “เปล่าหรอก ต้องไปช่วยพี่บัวคัดนักแสดงอีก”

   “ดีว่ะ งั้นคัดคนสวยๆ เข้ามาด้วยนะ” ผมค้อนขวับใส่อีกฝ่ายทันที

   “กูต้องเลือกตามคาแร็คเตอร์ที่เขียนมั้ย มึงก็ห่วงสวยอย่างเดียวเลย ทำไม จะหากิ๊กเพิ่มเหรอ”

   “ยังไม่มีกิ๊กเลย จะหาเพิ่มได้ไง”

   “รักเดียวใจเดียวเลยล่ะสิ”

   “ก็...สำหรับกู แพรวแม่งสวยอยู่คนเดียวเลย” พูดจบมันก็ส่งยิ้มหวานมาให้ ผมเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน

   ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ได้ยินประโยคที่มันพูด ผมอาจรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ ครั้งนี้มันกลับเบาไปเลย จะบอกว่าไม่รู้สึกก็ดูโกหกเกินไป สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดใจ แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย ในเมื่อวันนี้...

   ก็เกือบทำสำเร็จแล้ว

   “ไม่ให้เขามาแคสต์ล่ะ”

   “ไม่ให้มาหรอก หวง”

   “เข้าใจ แฟนใครใครก็ต้องหวง ขอให้รักกันนานๆ นะ กูยินดีด้วย”

   “ขอบใจเพื่อน”

   “ยังไงเดี๋ยวกูขอตัวก่อนแล้วกัน พอดีต้องคุยกับพี่เชนทร์เรื่องบทอีกนิดหน่อย”

   “ตามสบาย” ไอ้ค่ายไม่ได้รั้งผมเอาไว้ ดังนั้นหลังจากทุกคนแยกย้ายผมจึงผละไปอีกทางเพื่อหลีกหนีบทสนทนาชวนอึดอัดใจ พรุ่งนี้ผมคงต้องทำงานหนักเหมือนเดิม เพื่อให้ความรู้สึกเจ็บนั้นหายไปจากใจอย่างคงทนถาวร...

   เช้าวันรุ่งขึ้นงานประชาสัมพันธ์เรื่องการแคสต์นักแสดงละครเวทีคืบหน้าไปไกลมาก โปสเตอร์ต่างๆ ถูกติดไว้ตามอาคารเรียนทั่วมหา’ลัย หลังเรียนเสร็จนิสิตที่ว่างงานก็ต้องเข้าฝ่ายโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งผมก็ใช้ช่องว่างตรงนี้ปลีกตัวออกมาจากเพื่อนในกลุ่ม แล้วขลุกอยู่กับมนุษย์หมีอย่างพี่เชนทร์แทน

   จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนตอนนี้หลายวันแล้วที่ผมกับแก๊งโหดไม่ได้กินข้าวหรือไปไหนมาไหนด้วยกันนอกจากเอ่ยทักทายในคลาสเรียน อีกไม่นานต้องเริ่มแคสต์นักแสดงกันแล้ว แต่ละวันที่ว่างเว้นผมใช้มันหมดไปกับการเดินตามไอ้พี่เชนทร์ร่างหมีที่ต้องตรวจดูความเรียบร้อยของฝ่ายต่างๆ อยู่เสมอ

   ซึ่งวันนี้ก็เป็นคิวของทีมทำพร็อพประกอบฉาก

   ถึงแม้เราจะจ้างทำฉากใหญ่ แต่งบที่ได้จากสปอนเซอร์ก็ไม่เพียงพอขนาดนั้นทำให้เราต้องยืมมือเด็กคณะข้างๆ อย่างสถาปัตย์มาช่วยขึ้นนั่งร้านทาสีให้

   “ยังไม่แห้งครับไอ้ควายเติร์ด เขยิบตีนมึงออกไป” ผมหรี่ตามองขวางเพื่อนร่วมสาขาที่กำลังถือแปรงโวยวายใส่

   “มานี่ ไม่ต้องไปยืนเกะกะพวกมัน” พี่เชนทร์กวักมือเรียกผมให้ไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งด้านบนกำลังลงสีฉากกันขะมักเขม้น

   “สวยดีนะ” ผมพูดขึ้น

   “อืม เมื่อวานมะปรางมาดูแม่งยืนปากหวอเลยเว้ย” มะปรางนี่ชื่อแฟนแกครับ ผู้หญิงที่สวยจนผู้ชายในคณะต้องร้องขอชีวิต จะคิดสั้นก็ตรงมาคบผู้ชายหุ่นหมีอย่างพี่มันเนี่ยแหละ

   “พี่คบกันมากี่ปีแล้ววะ”

   “สาม”

   “เจอกันได้ไง จริงๆ แล้วเขาไม่เอาคนเหี้ยๆ อย่างพี่มาเป็นแฟนก็ได้นะเว้ย”

   “ตบปากตามอายุตัวเองเดี๋ยวนี้!” ผมรูดซิปปากทันที อย่าว่าแต่ผมเลย ใครเขาก็อยากรู้กันทั้งนั้น หรือว่าตอนเจอกันแรกๆ พี่มันใช้กำลังเพื่อยัดเยียดความเป็นแฟนให้เขากันแน่วะ

   “กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร แม่งไม่มีตุ๊ยท้องแล้วลากเข้าส้วมแน่นอน”

   “รู้ดีไปอีก ฉลาดฉิบหาย”

   “กูแอบชอบเขามานานแล้วเว้ย แต่กูไม่กล้าเข้าหาเพราะตอนนั้นคนจีบมะปรางต่อแถวยาวแทบถึงหัวลำโพง แล้วมึงดูหน้ากู ดูหุ่นกูซะ”

   “แล้วสุดท้ายทำไมเขาเลือกพี่วะ”

   “กูเก่ง” กระทืบกูเถอะ ไม่ได้ช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้ใครเลย “จริงๆ ก็คอยเทคของ คอยดูแลอยู่ห่างๆ แหละ คนเรามันผูกพันกันด้วยเวลาเว้ย กับความรักก็เหมือนกัน เมื่อถึงเวลาถ้าเขารักก็คือรัก แต่ถ้าเขาไม่รักนั่นหมายความว่าเวลาเหี้ยไรก็ไม่มีผล”

   “หมายความว่าใช้ได้กับบางเคสเท่านั้น”

   “เออดิ มึงเคยชอบใครมั้ย”

   “...” ผมอึกอัก ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธออกไป

   “ถ้ามีก็รอเวลาที่เขารักมึงกลับ แต่ถ้าเขาไม่รักมึงก็อย่ารอ มันเสียเวลา”

   “แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าตอนไหนควรรอหรือถอดใจ”

   “มันอยู่ที่ตรงนี้เว้ย” รุ่นพี่ปีสี่ใช้นิ้วชี้แตะที่หัวตัวเองเบาๆ

   “เส้นผมเหรอวะ”

   “สมองครับไอ้เหี้ย”

   “โทษๆ”

   “ร่างกายคนเรามีกลไกการป้องกันตัวของตัวเอง เหมือนมนุษย์ไงที่มีความแข็งแรงไม่เท่ากัน ทนความเจ็บปวดได้ไม่เท่ากัน ความเสียใจจากการเฝ้ารอเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้สมองได้รับบาดเจ็บ ทนได้แสดงว่ารอได้ แต่ถ้าทนไม่ได้นั่นคือร่างกายรับไม่ไหว ตอนนั้นแหละที่มึงจะรู้ว่าควรรอต่อไป หรือตัดใจซะ”

   “ทำไมต้องใช้สมองวะ คนเราไม่ได้ใช้หัวใจในการตัดสินเหรอ”

   “เอาอย่างนี้นะ ถ้าสมมติมีคนจ่อปืนมาที่มึง สมองสั่งการให้มึงวิ่งหนีและมีชีวิตรอด แต่หัวใจไม่ใช่อย่างนั้น มันแค่สั่งการให้สูบฉีดเลือดเร็วขึ้น ขณะที่เท้ามึงยังยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอให้ลูกกระสุนปลิวมาเจาะ”

   “...”

   “ดังนั้นสมองจึงสอนให้มึง ‘เอาตัวรอด’ จากความเจ็บปวด ขณะที่หัวใจแค่สอนให้มึง ‘รู้จัก’ กับความเจ็บปวดเท่านั้น”

   “...”

   “อย่างไหนเหี้ยกว่ากันล่ะ การรักใครสักคนใช้ใจอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ มึงต้องปกป้องตัวเองด้วยการใช้สมองคิดให้เยอะๆ ด้วย” มือหนาตบลงบนบ่าของผมด้วยแรงอันหนักหน่วงก่อนปลีกตัวออกไปยืนคุมงานอีกด้านอย่างเท่ๆ

   ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่มะปรางถึงเลือกผู้ชายหุ่นหมีคนนี้มาเป็นแฟน

   บางทีคนเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าคนเข้มแข็งที่สามารถปกป้องเราได้ คนที่เข้มแข็งทั้งสมอง และจิตใจ…











   ไอ้ค่ายหายไปจากสารระบบตั้งแต่วันพฤหัสฯ มันทิ้งไลน์เอาไว้ว่าต้องการสะสางปัญหาส่วนตัว หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่โผล่มาเรียนอีกเลย และไม่ติดต่อหาใครตลอดสุดสัปดาห์

   ผม ไอ้โบน และไอ้ทูเลยได้แต่คาดคะเนไปสารพัด ตอนนี้ความเห็นของเราเอนเอียงไปทางแฟนของมัน บางทีไอ้ค่ายอาจจะติดแฟนจนพากันไปกกอยู่ที่ไหนสักแห่ง

   วันจันทร์แม่งก็ยังไม่โผล่ เราเลยโทรไปที่บ้านของตัวปัญหาเพื่อถามไถ่ความเป็นไป ไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า แต่แม่ของมันก็ตอบกลับมาแค่ว่าลูกชายสุดที่รักขอลาพักร้อน

   จะไปแต่ไม่ยอมไม่บอกเพื่อนเนี่ยนะ!

   วันอังคารทั้งวันยังคงไร้ซึ่งวี่แววของมันเหมือนเดิม หลังจากสะสางงานของคณะเรียบร้อยผมเลยลากสังขารกลับมาที่ห้องพร้อมกับบทที่ต้องใช้สำหรับแคสต์นักแสดงในวันพรุ่งนี้ ถามว่าห่วงคนที่หายไปมั้ยก็ห่วง แต่พอคิดว่ามันอาจหนีเที่ยวกับแฟนผมเลยวางใจไปหลายเปราะ

   ตั้งแต่เรียนรู้ที่จะใช้สมองให้มากขึ้น เดี๋ยวนี้ผมแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเยอะ แม่งต้องขอบคุณพี่เชนทร์แกจริงๆ

   ผมทิ้งตัวลงบนเตียง นอนคว่ำหน้าอย่างหมดแรงจากการเสียพลังที่ทุ่มกับงานที่ทำลงไป ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็มืดหมดแล้ว ไฟในห้องดับสนิท ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็ก้าวเท้าลงจากเตียงเพื่อคลำทางไปยังสวิตช์ไฟ

   แกร๊ก!

   “เฮ้ย!!” แสงสว่างภายในห้องทำให้ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังนั่งหมุนตัวไปมาอยู่ตรงเก้าอี้ทำงาน

   ไอ้ห่า กูนึกว่าชัตเตอร์

   “มะ...มาได้ไงวะเนี่ย” ผมถามอย่างลนลาน ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อเหลาของไอ้ค่ายไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ด้วยแล้วก็อดหวั่นใจไม่ได้ หรือมันจะมาเป็นสสารที่ทำให้มนุษย์สามารถมองเห็นได้วะ

   “กูยังไม่ตาย ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยวะ” คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่มืออีกข้างก็ยกกระดาษสีขาวปึกหนึ่งขึ้นมา แน่นอนว่ามันคือบทที่จะใช้แคสต์นักแสดงเข้ามาเล่นในละครเวทีปีนี้

   “นั่นบทกู”

   “มึงเป็นคนคิดคาแร็คเตอร์พระเอกเหรอ”

   “ไม่ใช่ พี่เชนทร์ต่างหาก มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เข้ามาที่ห้องกูได้ยังไงวะ” ผมสาวเท้ากลับมาที่เตียง ทิ้งตัวลงนั่งช้าๆ และพยายามทำตัวให้ใจเย็นที่สุด

   “ไอ้ทูให้มา” ไอ้เพื่อนนรก! การที่กูให้คีย์การ์ดอีกอันนึงกับมึงไม่ได้หมายความว่าแม่งจะยกให้ใครก็ได้นะโว้ย!

   “แล้วหลายวันมานี้มึงหายหัวไปไหน”

   “ทบทวนตัวเอง”

   “...” ผมไม่ได้พูดแทรกอะไร นอกจากปล่อยให้ร่างสูงเล่าจนจบประโยค

   “เติร์ด นี่เราไม่ได้พูดกันด้วยประโยคยาวๆ มานานเท่าไหร่แล้ววะ” ผมไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของไอ้ค่ายเท่าไหร่ บางทีมันก็ทำตัวงงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ วันดีคืนดีก็หายไป แต่บทจะกลับมาก็เป็นอย่างที่เห็น บอกตามตรงว่าเดาอารมณ์ไม่ทันเท่าไหร่

   “ไม่รู้ดิ กูจำไม่ได้แล้ว”

   “ตั้งแต่ที่กูแนะนำแพรวให้พวกมึงรู้จักใช่มั้ย”

   “จริงๆ ก็ไม่หรอก เราต่างมีเรื่องให้ต้องคิดต้องทำเยอะแยะต่างหาก”

   “ไอ้เติร์ด...ตอนนี้กู...”

   “...”

   “เลิกกับเขาแล้วนะ”

   ประโยคแสนราบเรียบเปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูป ผมนั่งอึ้ง ยิ่งเห็นคนตัวสูงไม่แสดงท่าทีเสียใจใดๆ ผมก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก ปกติจะต้องลุกไปตบไหล่มันแล้วปลอบใจว่าไม่เป็นไร แต่คราวนี้ผมกลับนั่งเฉยๆ
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 17-06-2017 20:05:04

   “ทำไมถึงเร็วขนาดนั้นวะ” ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้ดูน่าจะเข้ากับมันมากกว่าคนที่ผ่านๆ มาด้วยซ้ำ

   “กูเพิ่งรู้ว่าตัวเองแม่งโคตรเหี้ย”

   จริงๆ มึงก็น่าจะรู้ตัวตั้งนานแล้ว แต่ผมไม่พูดหรอก กลัวเพื่อนจะเสียใจ

   “เจอคนใหม่ล่ะสิ”

   “ก็ไม่เชิง” สำหรับไอ้ค่าย มีไม่กี่เหตุผลหรอก ไม่เจอคนใหม่ก็เบื่อของเก่า “กูชอบมองผู้หญิงเป็นเหมือนของเล่น แค่คิดว่าเรามีเซ็กซ์กัน ต่างคนต่างวินมันก็จบ” เจ้าตัวเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนเหลือบตามองมาที่ผม

   “ต่อดิ ฟังอยู่”

   “กูเป็นคนเบื่อง่าย อยากลอง แต่ไม่อยากผูกมัด กูมีเซ็กซ์กับคนมากมายแต่มึงรู้อะไรมั้ย อีกวันเราก็กลายเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับกันอยู่ดี”

   “ก็เพราะมึงไม่หยุดไง”

   “นั่นสินะ” ความเงียบได้ปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง กระทั่งเวลาผ่านไป เสียงทุ้มจึงเปล่งออกมาอีกหน “เออ! บทนี้ดีว่ะ กูชอบ”

   “น้ำเน่านิดหน่อยว่ะ”

   “มึงเขียนเองเหรอ”

   “อืม”

   “ขอลองอ่านออกเสียงได้มั้ย

   ผมขมวดคิ้วเข้าหากันแทบเป็นปม มองดูมือหนาซึ่งจับกระดาษขาวเอาไว้แล้วพยายามอ่านทุกตัวอักษรที่ถูกพิมพ์ลงไป

   “เราเป็นคนหน้าแบบนี้ หุ่นแบบนี้ ซึ่งเราคงเปลี่ยนตัวเองเพื่อเธอไม่ได้มาก เรามีเงินในบัญชีไม่เท่าไหร่ อาจจะซื้อของแพงให้เธอไม่ได้ แต่เราขอทดแทนมันด้วยของที่มีประโยชน์สำหรับเธอ”

   “...”

    “เราไม่ใช่อัจฉริยะ แถมติดจะโง่ด้วยซ้ำ แต่เราจะใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดเพื่อดูแลเธอให้ดีที่สุด”

   “...”

   เนื้อความตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมเขียนขึ้นจากความคิดเบื้องลึกของตัวเอง แม้คนที่เป็นเจ้าของประโยคพวกนี้จะเป็นพระเอกของเรื่องก็ตาม

   “แล้วเธอเชื่อมั้ย ต่อให้ชีวิตของเธอมีคนมากมายแวะเวียนเข้ามา เธอก็จะยังเห็นเราเฝ้ามองอยู่ที่เดิมเสมอ”   

   “ไอ้ค่าย กูว่า...”

   “แล้วเธอเชื่อมั้ย ต่อให้ชีวิตของเรามีผู้คนมากมายแวะเวียนเข้ามา เราก็ยังคงเห็น ‘เธอ’ เฝ้ามองอยู่ที่เดิมเสมอ”

   เนื้อความถูกสรรพเปลี่ยนสรรพนาม นั่นทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนแปลงไปด้วย

   คำว่าเฝ้ามองนั้น รู้สึกอบอุ่นอยู่ลึกๆ

   ผมกับไอ้ค่ายเป็นเพื่อนกัน ไม่รู้หรอกว่าประโยคก่อนหน้ามีความหมายแอบแฝงหรือเป็นแค่การอ่านประโยคหวานเลี่ยนแสนธรรมดา แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้...

   ไม่มีใคร...ละสายตาจากใครไปได้เลย












   การแคสต์นักแสดงละครเวทีเริ่มต้นขึ้นแล้ว นิสิตหลายคนให้ความสนใจและหลั่งไหลเข้ามาสมัครท่วมท้นจนแน่นถนัด เล่นเอาต้องหาเก้าอี้เสริมให้นั่งรอด้านนอกหอประชุมกันเลยทีเดียว ผม พี่ใบบัวและทีมแคสต์อีกหลายคนต่างทำการบ้านมาอย่างดี เพื่อให้การเลือกนักแสดงในวันนี้ตรงกับบทที่เขียนมาให้มากที่สุด

   เราใช้ห้องประชุมขนาดเล็กเป็นสถานที่แคสต์นักแสดง โดยลำดับนั้นเราจะให้ผู้สมัครเข้ามาทีละสามคนตามบทที่ต้องการเล่น เริ่มที่นางเอกของเรื่องก่อน รองลงมาก็พระเอก ตามด้วยนักแสดงสมทบไปเรื่อยๆ

   “หูยยยยยยยย ผู้หญิงสวยๆ เพียบ นั่นดาวบริหาร ดาวทันตะ ดาวนิติ แม่มึ๊ง!!” เสียงของไอ้ทูแทรกเข้ามาเป็นระยะ ดูเหมือนมันจะมีความสุขมากกับการยลโฉมดอกไม้งามที่กำลังนั่งรวมตัวกันด้านนอก เพราะเมื่อเก็บภาพกรรมการคัดเลือกนักแสดงอย่างพวกผมเสร็จ มันก็วิ่งหิ้วกล้องออกไปจากห้องทันที

   ความสุขของมึงรออยู่ตรงนี้แล้วครับ นี่อาการหนักถึงขนาดพกเมมโมรี่สำรองมาถึงสองอัน โธ่...ไอ้หื่นกามเอ๊ย

   ส่วนไอ้โบนกับไอ้ค่ายไม่น้อยหน้า วันนี้สาระแนแย่งหน้าที่สวัสดิการด้วยการแจกขนมและน้ำดื่มให้ผู้สมัคร คือมึงคงลืมไปว่าตัวเองมีหน้าที่จัดไฟและคุมเสียง! แต่ผมก็ไม่มีเวลามาใส่ใจมากนักเพราะผู้หญิงสามคนแรกได้เดินเข้ามาที่ห้องเรียบร้อยแล้ว

   “แนะนำตัวเลยค่ะ” พี่เบิ้ม เจ๊ใหญ่ของการคัดเลือกพูดผ่านไมค์

   “สวัสดีค่ะ ชื่อชา นิชา เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคเคมีค่ะ”

   “มีตำแหน่งอะไร หรือความสามารถพิเศษอะไรบ้าง ช่วยพรีเซนต์ให้เราดูหน่อยค่ะ”

   “หนูเป็นดาวคณะวิศวะชั้นปีที่สองค่ะ ความสามารถคือร้องเพลงและเล่นกีตาร์ค่ะ”

   “งั้นก่อนจะลองต่อบท ไหนร้องเพลงให้พี่ฟังหน่อย”

   ขั้นตอนการแคสต์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไอ้โบนกับไอ้ค่ายที่อยากมีส่วนร่วมเลยหาเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ ผม สงสัยคงอยากนั่งมองน้องเขาจนขาหนีบสั่นผับ ส่วนไอ้ทูไม่ต้องถามหาครับ แม่งซูมเลนส์จนแทบแทงดั้งน้องดาวอยู่รอมร่อ

   คนแล้วคนเล่าเดินเข้ามา โชว์การแสดงตามบทบาทที่ได้รับอย่างดี บางคนเล่นดีทั้งคำพูด รวมถึงภาพลักษณ์ที่ตรงตามบท แต่ก็ยังไม่มีคนไหนที่โดดเด่นออกมา จนผู้หญิงอีกสามคนเดินเข้ามาในห้อง

   “สวยสาดดด ไอ้เติร์ดเลือกคนนี้แน่” เสียงของไอ้โบนแม่งแทรกเข้ามาเป็นระยะจนรู้สึกรำคาญ เห็นมันเดาสถานการณ์กับไอ้ค่ายมาพักใหญ่แล้วครับ และก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพล่ามด้วย

   “ยังๆ”

   “ไปอีกคน คนโน้น” ไอ้ค่ายบู้ยปากไปยังรุ่นน้องผู้หญิงลำดับที่เก้า ซึ่งเป็นคนเดียวที่ผมมองตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามา เพราะคาแร็คเตอร์เป๊ะมาก

   “คิดอะไรบอกกูหน่อย” ไอ้โบนสะกิดผมอีก

   “เงียบไปเลยมึงสองตัวอ่ะ”

   “เดี๋ยวจะให้น้องลองเล่นบทนี้ให้ดูหน่อย พระเอกจะร้องเพลงที่เป็นธีมหลักของเรื่องเพื่อจีบน้อง บทสนทนาก็ตามนี้เลย” พี่ใบบัวยื่นบทให้กับน้องผู้หญิงหมายเลขหก ก่อนเพื่อนรักสองตัวจะถกประเด็นกันเงียบๆ แต่รำคาญหูกูฉิบหาย

   “เพลงของวงโอเอซิสเหรอ แม่งเก่ามาก”

   “Wonderwall เพลงโปรดเชี่ยเติร์ด” ไอ้ค่ายรู้ดีเสมอว่าผมชอบอะไร จนบางทีก็รู้สึกดีนะครับที่ความเป็นเพื่อนของเรายังมาจากความใส่ใจอยู่บ้าง

   “มึงเลือกเหรอ” คำถามจากไอ้โบนส่งมาถามผม

   “เออ”

   “ถ้าแทงหวยนี่ไอ้ค่ายถูกไปละ”

   “หวยก็แทงไม่เสียวเท่ากูหรอก”

   “ขอโทษนะ พวกมึงช่วยสนใจข้างหน้าหน่อยได้มั้ย กูรำคาญ” สิ้นเสียงสบถของผม ไอ้โหดสองตัวก็ไม่ได้พูดแทรกอะไรออกมาอีก สุดท้ายคนที่เราลงคะแนนเสียงเลือกก็เป็นไปตามที่ไอ้ค่ายได้ทำนายไว้ก่อนหน้า เมื่อน้องหลีดศึกษาเบอร์เก้าคว้าตำแหน่งนางเอกไปครอง

   แม้ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ แต่คะแนนที่ได้รับอย่างสูงลิ่งจากใบคะแนนของแต่ละคนก็ทำให้ไม่ต้องลุ้นตัวโก่งกันอีก

   จากนางเอกที่แคสต์เสร็จไปเป็นที่เรียบร้อยก็ย้ายมาที่ฟากพระเอกบ้าง แน่นอนว่าการแคสต์ในครั้งนี้รวมเอาเดือน และหลีดคณะ รวมถึงคนหน้าตาดีจากทั่วมหา’ลัยเอาไว้ในที่เดียว ซึ่งเราก็ยังใช้กระบวนการเหมือนเดิมคือให้ทำการแสดงตามบทที่ได้มอบหมายให้

   ตัวคาแร็คเตอร์ของพระเอกได้ไอ้ผู้กำกับหน้าหมีเป็นคนคิดให้ แต่บอกเลยว่าวันนี้พี่มันไม่มา ความหวังทั้งหมดเลยฝากไว้กับคนที่เหลือ

   การคัดเลือกยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาหยุดพักเมื่อทำการแคสต์บทพระเอกเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว แต่ก็เลือกไม่ได้ว่าควรเป็นใคร มันเลยมาถึงจุดที่เราต้องคุยกันคร่าวๆ

   “หลายคนเล่นได้แต่ไม่มีเสน่ห์เลย” ผมที่ทำได้แค่รับฟังเงียบๆ ปล่อยให้คนมีประสบการณ์วิจารณ์กันไป

   “นี่คิดเหมือนกัน คือบทของตฤณเป็นเพลย์บอยและเจ้าชู้มากไง”

   “อืม เรามองว่าคนที่เล่นได้ต้องเหี้ยมาจากข้างในจริงๆ มันต้องมีอินเนอร์แบบนั้น” โห...พระเอกไม่ได้เหี้ยครับ แค่เจ้าชู้ พวกพี่แม่งสับกันแหลกมาก

   “ไม่ได้ละ ถึงหล่อมากแต่ก็ไม่ได้จริงๆ”

   “เลือกมาก่อนแล้วค่อยรอเวิร์คช็อปมั้ยเผื่อจะดีขึ้น”

   “คาแร็คเตอร์ไม่ได้นี่สิ ดูเป็นคนแสนดีหมดเลย จะมาเล่นเป็นคนเหี้ยๆ ได้เหรอ อุ๊ย!” เสียงของพี่ใบบัวสะดุดกึกคล้ายหยุดอยู่ตรงปากทางสวรรค์ ทุกสายตาค่อยๆ เบี่ยงตามเจ้าของเสียงนั้นไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงร่างสูงของใครคนหนึ่งที่นั่งกดเกมในมือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย

   “น้องค่ายยยยยยยยยยยย”

   “หา มีอะไรครับ” งานเข้าแล้วไอ้ควาย เสือกไม่รู้ตัวอีก

   “ทำหน้าที่อะไรในละครเวทีคะ”

   “คุมเสียงกับไฟครับ”

   “ให้คนอื่นทำค่ะ ไหนลองมาเอาบทนี้ไปอ่านหน่อย”

   “อ่านทำไมครับ คุมเสียง ไม่ได้พากย์เสียงสักหน่อย”

   “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่อยากให้ค่ายลองแคสต์ดู บทนี้เลย แล้วอีปริมไปไหนเนี่ย พอแคสต์ผู้ชายหล่อๆ จบล่ะหายหัวเฉย เติร์ดไปช่วยเข้าบทกับเพื่อนหน่อย”

   “ฮะ? อะไรนะครับ”

   “ช่วยเพื่อนหน่อย” ได้แต่นั่งทำหน้างงอยู่พักใหญ่ ไอ้ค่ายก็ฉุดข้อมือผมให้ลุกขึ้นยืน พลางเดินตามขายาวไปด้านหน้าโต๊ะกรรมการ

   มันยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผมอ่านคร่าวๆ ซีนนี้เป็นตอนที่นางเอกตั้งคำถามเพื่อให้พระเอกเลือกว่าต้องการอย่างไหน แล้วทำไมกูต้องสวมบทเป็นนางเอกด้วยวะ พี่ปริม พี่มึงหายหัวไปไหน!

   “ค่ายอ่านบทเสร็จยัง”

   “ครับ”

   “เติร์ดล่ะ”

   “ผมอ่านกระดาษนะ”

   “แล้วแต่เลย พี่ดูค่ายคนเดียว” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ จ้องมองตัวหนังสือฟอนต์ Cordia New ขนาด 16 พอยท์ในมือ ก่อนจะขยับปากอ่านบทออกมา

   “ตฤณ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”

   “ครับ” ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสาวน้อยวัยขบเผาะขนาดนี้วะ

   “ถ้าให้เลือกระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ นายจะเลือกอะไร”

   “เลือกดวงอาทิตย์ เพราะจะได้มองเห็นคุณชัดเจน” ไอ้ค่ายพูดตรงตามบทเป๊ะๆ แถมสายตาที่มันส่งมาให้ยังทำให้คนมองอย่างผมรู้สึกขนลุกอีกต่างหาก

   “แล้วเวลากับเงินล่ะ”

   “เวลา ผมจะได้จ่ายมันเพื่อคุณ”

   “ความจริงกับความฝัน”

   “ความจริง เพราะที่ตรงนั้นมีคุณรออยู่”

   “กินกับนอน”

   “นอน อย่างน้อยก็เพียงพอสำหรับเจอคุณในฝัน”

   “แล้วระหว่างฉันกับการนอนล่ะ คุณเลือกอะไร” นี่เป็นบรรทัดสุดท้ายที่เราต้องต่อบทกันแล้ว ซึ่งคำตอบของตฤณก็คือเลือกนางเอก ดังนั้นผมจึงละสายตาจากตัวอักษรตรงหน้า เพื่อฟังคำตอบนั้นชัดๆ อีกครั้ง

   “นอน”

   “เชี่ย มึงเลือกผิด เอาใหม่” 

   “...” ผมรวบรวมสติและย้ำคำถามนั้นอีกครั้ง

   “แล้วระหว่างฉันกับการนอนล่ะ คุณเลือกอะไร”

   “ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับนอน ผมเลือกนอนนะ”

   “...”

   “นอนกับคุณ”

   บู้ม!!

   ตายห่าตายเหวกันไปเลย








   และการเพิ่มบทแบบมั่วๆ ของไอ้ค่ายก็ทำให้มันได้บทพระเอกละครเวทีไปแบบมั่วๆ เช่นกัน แก๊งพี่ใบบัวแกส่งเสียงกรี๊ดจนคอแทบแตกหลังจากไอ้ค่ายเล่นมุก ‘นอนกับคุณ’ ไป เรียกได้ว่าความเจ้าชู้แพรวพราวของมันส่งผลให้ทุกคนเทคะแนนให้อย่างไม่ต้องสงสัย

   ความช็อกระรอกสองพุ่งจู่โจมผมอีกรอบเมื่อแขกที่ไม่อยากรับเชิญให้มาแคสต์บทดันโผล่มาที่นี่

   แพรว แฟนเก่าไอ้ค่าย

   เธอตรงเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มแจ่มใสและการตอบคำถามที่ฉะฉาน ดังนั้นบทเพื่อนนางเอกเลยตกไปอยู่ที่เธอโดยไม่มีใครกังขา

   แม้จะรู้ว่าไอ้ค่ายกับแพรวต้องอึดอัด แต่ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้มากกว่านั้น

   เราประกาศผลทันทีที่การคัดเลือกเสร็จสิ้น เพราะชั่วโมงต่อมาทีมงานต้องใช้เวลาไปกับการชี้แจงนักแสดงทุกคนถึงตารางการซ้อมและกำหนดการต่างๆ ซึ่งเฉพาะเวิร์คช็อปก็ใช้เวลาถึงสามเดือนเต็มๆ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจึงเริ่มกิจกรรมละลายพฤติกรรมตั้งแต่ต้น

   ผมที่ไม่มีหน้าที่ในส่วนนี้เลยนั่งพิงผนังง่อยๆ มองดูกลุ่มนักแสดงกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเย็น ไอ้ทูที่ยังวุ่นวายกับการถ่ายภาพ ไอ้โบนหายต๋อม ส่วนไอ้ค่ายก็ทำกิจกรรมกับทีมนักแสดง ทำให้ผมไม่รู้ว่าจะเข้าไปก่อกวนใครดี ขนาดพักเบรกยังไม่กล้าขยับไปไหนนอกจากกดมือถือฆ่าเวลา

   ช่วงพักหลายคนนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น ขณะที่ทีมสวัสดิการยังคงทำงานกันอย่างแข็งขัน แจกทั้งขนมและเครื่องดื่มไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่นานร่างสูงของพระเอกป้ายแดงก็เดินตรงดิ่งเข้ามาหา พร้อมกับนั่งลงข้างๆ พลางยื่นซองขนมกับน้ำส้มมาให้

   “ให้เหรอ เออขอบใจ” ผมรับมาโดยไม่ให้เสียกำลังใจ แต่ก็ไม่ยอมแกะอะไรกินเช่นกัน อาจเป็นเพราะไอ้ค่ายชอบดูแลทุกคนแบบนี้ ผมเลยไม่อยากคิดไปไกล และพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอีก

   “รีบแกะกินดิ”

   “ยังไม่หิว”

   “เดี๋ยวก็มีคนมาแย่งหรอก”

   “มึงก็เอาไปให้คนอื่นตั้งเยอะหนิ บ่นไร”

   “เห็นมึงเหนื่อยมาทั้งวัน”

   “มึงเองก็เหมือนกันเหอะ”

   “อยากกินอะไร เดี๋ยวกูออกไปซื้อให้”

   “ไม่กินอะไรทั้งนั้น” ผมเบี่ยงตัวเล็กน้อย แล้วก้มลงกดมือถือเพื่อเบี่ยงประเด็น

   “เล่นอะไรอ่ะ”

   “ROV”

   “ขอเล่นหน่อย”

   “คนจะเล่นเกม รีบไปทำกิจกรรมเถอะ เริ่มแล้วนะนั่น” ทำไมเดี๋ยวนี้ไอ้ค่ายมันมาแปลกวะ ตั้งแต่เมื่อวานที่โผล่มาที่ห้องของผม บรรยากาศอึมครึมก็เปลี่ยนไป ผมไม่อยากนึกว่านี่อาจเป็นสภาวะน้ำนิ่งไหลลึก ที่พออีกหน่อยก็เกิดคลื่นยักษ์ซัดเข้ามาที่ใจผมอีก

   กับการกระทำบางอย่างของไอ้ค่าย ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว

   ดูเหมือนมันจะไม่ได้เซ้าซี้ผมให้มากความ ไม่นานก็เลิกวุ่นวายและหันไปทำกิจกรรมต่อเป็นชั่วโมง เล่นเอาคนที่ไม่มีอะไรทำอย่างผมรู้สึกง่วงงุนขึ้นมาทันที สุดท้ายก็ทนไม่ไหวล้มตัวลงนอนตรงพื้นไปโดยปริยาย

   รู้ตัวอีกทีนาฬิกาฝาผนังก็ชี้ไปที่เลขเก้ากับเลขสิบสองแล้ว เชี่ยยยยยยย สามทุ่ม ที่ตื่นขึ้นมาไม่ใช่เพราะเสียงที่ดังจนกระทบหูอะไรหรอก แต่เพราะกระเพาะที่กำลังบีบตัวอยู่ต่างหากทำให้ต้องตื่นขึ้นมา

   ผมมองไปยังทีมนักแสดงที่ทำความรู้จักและร่วมกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ไอ้ทูก็ดูมุ่งมั่นกับการถ่ายภาพ มีไอ้โบนคอยเป็นผู้ช่วยอยู่กรายๆ เห็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าเอ่ยปากชวนไปกินข้าววะ
 
   แต่โชคก็เหมือนเข้าข้าง เมื่อขนมและน้ำดื่มที่ไอ้ค่ายเอามาให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงยังวางอยู่ใกล้ๆ แถมคราวนี้มีข้าวกล่องวางแอบอยู่ด้วย ผมรู้สึกอยากขอบคุณทีมสวัสดิการเพราะทำงานดีจนน้ำตาไหล จัดการเปิดกล่องข้าวกินอย่างอิ่มหนำสำราญเบิกบานใจ แล้วกองก็เลิกพอดี เยสสสสส

   กลับเถอะครับ กูจะได้หายเบื่อสักที รอเหมือนคนโง่แบบนี้ไม่ดีเลยว่ะ

   ทุกคนเริ่มเก็บข้าวของและแยกย้ายคนละทิศละทาง ส่วนตัวเองก็ขอเวลาแวะเข้าห้องน้ำก่อนกลับเพราะซัดน้ำเปล่าหมดไปทั้งขวด แต่เมื่อเดินออกมาด้านนอกผมกลับต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง ทั้งที่พยายามหลบเลี่ยงมาตลอด

   “เอ่อ...หวัดดีแพรว” ผมทักเธออย่างเก้ๆ กังๆ

   “หวัดดีเติร์ด ไม่ได้คุยกันเลยเนาะ” ผมเข้าใจถึงความอึดอัดนี้ ขนาดตัวเองเป็นแค่เพื่อนสนิทของไอ้ค่าย แล้วคิดดูว่าเวลาเพื่อนรักอย่างมันต้องทำกิจกรรมร่วมกับแฟนเก่า แม่งจะรู้สึกแย่สักแค่ไหน

   “ใช่”

   “นายสบายดีมั้ย”

   “ก็โอเค แพรวล่ะ” ดูเป็นคำถามสิ้นคิดแต่ผมก็นึกอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ออกแล้ว

   “ก็ดีนะ”

   “...”

    “เออนี่ก็ดึกแล้ว แฟนเราน่าจะมารับแล้วล่ะ” เธอก้มลงมานาฬิกาขณะพูดรัวไม่หยุด แต่เอ๊ะ! แพรวบอกว่าแฟนมารับ

   อย่าบอกนะว่าที่เลิกกันเพราะมือที่สาม อะไรจะมาไวไปไวปานนั้น

   “แพรวมีแฟนใหม่แล้วเหรอ”

   “คบกันนานแล้วล่ะ”

   “...!” อะไรวะ งง

   “อืม อย่าบอกค่ายนะ”

   “มีอะไร”

   “ค่ายขอให้เราช่วยน่ะ ความจริงแล้ว...”

   “...”

   “เราไม่ได้คบกันหรอก”

   ขอเถอะนะ ขอหน่อย นี่มันเหี้ยอะไรวะแสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

   แพรวเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงควายโง่ๆ ตัวหนึ่งที่กำลังยืนเกาหัวตัวเองไม่หยุด ประโยคที่ได้ยินก่อนหน้าหมายความว่าอะไรกันแน่ แพรวกับไอ้ค่าย ทั้งคู่ไม่ได้คบกันตั้งแต่แรกเหรอ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเพื่อนในกลุ่มขนาดนี้ด้วยวะ

   คำถามมากมายตีวนอยู่ในหัว ผมเดินกลับไปยังห้องประชุมที่ซึ่งมีเพื่อนสนิทสามคนยืนรออยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดหรือถามเรื่องแพรวออกไป ได้แต่เก็บงำเอาไว้และคิดหาเหตุผลอยู่ลำพัง

   ท่ามกลางความมืดของห้องนอน ผมยังคงกังวลถึงเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อชั่วโมงก่อนไม่หยุด อยากถามแต่ก็ไม่กล้าพอเพราะคิดว่าคงไม่เกี่ยวกับเรามากนัก แต่อีกใจกลับคิดว่าเราก็คือหนึ่งในคนที่ถูกหลอกมาตลอด และคนที่รู้คำตอบนั้นดีก็คือไอ้ค่าย

   Rrrr…!

   ซึ่งมันตายยากมากครับ เมื่อปลายสายเป็นเบอร์ของมัน

   “ว่าไง”

   [วันนี้เพจลงรูปเยอะเลย]

   “เพจอะไร”

   [ก็ละครเวทีไง] โทรมาเพื่อพูดถึงเพจเนี่ยนะ นับวันยิ่งไร้สาระเข้าไปทุกที

   “อืม...แล้วไง”

   [มีคนลงรูปมึงด้วย]

   “คือกูต้องตื่นเต้นมั้ย”

   [อือ งั้นไม่กวนละ เจอกันพรุ่งนี้เช้า ฝันดี]

   “ไอ้ค่าย...” ผมเรียกชื่ออีกฝ่าย ในใจอยากถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในหัว แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกไปทั้งที่ปลายสายเงียบเหมือนรอฟังคำตอบอยู่

   [ไอ้เติร์ด ว่าไง]

   “ไม่มีอะไร ฝันดี”

   สายถูกตัดไปหลังจากนั้น ผมจึงนอนกลิ้งอยู่ที่เตียงและคิดอะไรเพลินๆ สักพักนึกขึ้นได้เลยเปิดเข้าไปที่เพจละครเวทีนิเทศ แน่นอนว่าวันนี้เป็นการเปิดตัวนักแสดง แต่ละคนก็แอคท่าสุดเท่พร้อมแคปชั่นแนวๆ จากแอดมินเพจช่วยเรียกเรตติ้ง จะมีก็แต่...

   “เชี่ย!” ผมสบถออกมาเสียงดังเมื่อหนึ่งในนั้นมีภาพของผมที่กำลังนั่งจ้วงข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย แถมแคปชั่นยังสะพรึงจนอดคิดไม่ได้ว่า ใครแม่งเป็นคนคิดกันแน่วะ!!
   


   LakornNitade
   ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับกิน ผมขอเลือก ‘กิน’
   ...กินคุณ
   #สายแดก #ทีมคนเขียนบท




 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-06-2017 20:11:41
 :z13:
 :a5:
อมกกกกกกก
อิค่ายดูท่าจะไม่โง่วแล้ววววววววว
กราบพี่เชนทร์รัวๆ พี่แกเมพมากก
นังค่ายมันวางแผนเรื่องคบไว้นี่เองงงง คาดไม่ถึงง
ตอนนี้นางท่าจะเริ่มรู้ตัวแล้วสิน้า หุหุ ชอบการเปลี่ยนบทมากๆ 5555555555
รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 17-06-2017 20:34:17
จะเริ่มแล้วใช่มั้ยยยย กรี๊ดดดดดดด สงสารเติร์ดจริงๆ คงกินอย่างอร่อยอยู่แน่ๆ55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 17-06-2017 20:50:52
 :o8: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดคือไร เซอร์ไพส์มากกก
คือตกลงค่ายกำลังจะทำอะไรกันแน่อ่ะ
อย่าทำให้เติร์ดเสียใจอีกก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 17-06-2017 20:57:56
มันคือเค้าลางของความฟินใช่มั้ยคะ?
แบบค่ายรู้ตัวว่าชอบเติร์ดงี้? แล้วก็ตามเต้าะ แล้วที่แพรวบอกว่าค่ายขอให้ช่วยคือค่ายแค่อยากจะรู้ว่าเติร์ดรู้สึกยังไง
แล้วตอนนี้ก็รู้ตัวเองแล้ว ใช่มั้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ

เลาจะรอฟินนะจิตติิิิิิ จะรอๆๆๆๆๆๆ มาต่อตอนต่อไปเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-06-2017 21:02:59
เอ๊ะ!
ยังไงคะ? ยังไงค่าย?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 17-06-2017 21:03:14
อยากซื้อพวงมาลัยมากราบพรี่ ดีแล้วค่ะ งานดี ในที่สุดเรื่องนี้ก็กลับมาสดใสหัวใจสี่ดวงเหมือนเดิม แง้ รักซ์
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-06-2017 21:11:07
แคปชั่นนี้ท่าทางจะไม่ใช่แอดมินพิมพ์ละมั้ง น่าจะเป็นพระเอกของเรื่องซะมากกว่า 5555555555 ค่ายกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-06-2017 21:23:21
 :katai2-1: :katai5: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 17-06-2017 21:24:50
ในที่สวดดดดดด ค่ายก็เคลื่อนไหวสักที
อยากให้เติร์ดเล่นตัวเยอะๆ สมให้กับความเจ้าชู้ของนาง  :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 17-06-2017 21:25:49
โอ้ยยย

สงสารน้องเติร์ด


ค่ายเธอเริ่มแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-06-2017 21:33:24
"เริ่มแล้วเหรอทฤษฎีจีบเธอ"  :hao3:อย่าใจอ่อนนะเติร์ดต้องจัดการให้ค่ายรู้สึกสะบ้าง :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 17-06-2017 21:42:34
เริ่มเห็นแววแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Memari ที่ 17-06-2017 21:55:45
เริ่มแล้วๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 17-06-2017 22:05:12
อีค่ายไม่โง่เเล้ว อีค่ายจะรุกจีบเติร์คแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 17-06-2017 22:10:33
ตอนแรกนึกว่าเติร์ดจะเป็นคนดำเนินทฤษฎีการจีบนี้เสียอีก

ค่ายไปเจออะไรมา ทำไมถึงทำแบบนั้น
ยังรอพาร์ทของค่ายอยู่ ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 17-06-2017 22:12:51
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-06-2017 22:16:28
คือไร ค่ายเริ่มใช้ทฤษฎีจีบเติร์ดแล้วสินะ
หวังแต่ว่าเติร์ดอย่าใจอ่อนง่ายๆนะ เจ็บมาเยอะจำซะบ้าง
เป็นfcพี่เชนทร์ได้มั้ย ชอบความคิดแก ชอบผชร่างหมี  :impress3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-06-2017 22:19:29
ชอบตอนอีค่ายต่อบทมากค่ะ
ให้ความรู้สึกว่าคนที่คิดคำตอบแบบนี้ได้ต้องอีค่ายเท่านั้นอ่ะ5555555555

ค่ายควรภูมิใจนะคะเพราะถ้าค่ายไม่เลวจากข้างในคงไม่มีทางได้บทนี้ไปแน่นอน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 17-06-2017 22:20:29
พี่ค่ายลองใจอีกแล้วเหรอ
ได้คำตอบ หายโง่แล้วดิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-06-2017 22:20:41
ว้ายตายแล้ววว ค่ายแกหายโง่แล้วใช่มั้ยยะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 17-06-2017 22:31:39
จะเริ่มทฤษฎีแล้วใช่ไหมมมมมม  :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-06-2017 22:33:39
ขอบคุณ :
)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 17-06-2017 22:47:38
คือตอนแรกๆ นี่อ่านไป ปาดน้ำตาไป โค่ดเศร้า โค่ดหน่วง อยากจะตั๊นหน้าอิค่ายยยย
แต่พอตอนนี้....มันดีย์ต่อใจ เห็นแสงรำไรๆ ที่ปลายอุโมงค์

คิดไปถึงตอน "นอนกับคุณ" แล้วนะเนี่ยยยยยยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 17-06-2017 22:58:00
ค่ายคะ .. เพิ่งจะหายโง่หรอ?
5555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 17-06-2017 23:07:00
ยังไม่วางใจเท่าไหร่ เติร์ด อย่าเพิ่งวางใจนะๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 17-06-2017 23:07:17
ส่ใครก็ได้มาจีบนายเอกทีเอาให้พระเอกครั่งเลย หึหึ ทำเจ็บมาเยอะก็ลองดูบ้างจะเป็นไร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 17-06-2017 23:07:54
วรั้ยยย ในหัวมีแต่คำว่า ผ่าม พามม
เดาไม่ถูกว่าทำไมถึงหลอกว่าคบกับแพรวง่ะ ดูอาการเติร์ดหรอ
อะไรง่ะ นังค่าย น้องงงและสงสัยย แต่ก็ดี เค้าลางแห่งความฟินมาล้าววววว
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: SimplyDelicious ที่ 17-06-2017 23:23:36
อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนเติร์ดเลย นี่มันเรื่องอะไรวะ 5555555
คือค่ายไปคิดทบทวนอะไรมา เรื่องความรัก เรื่องผู้หญิง
เรื่องเพื่อน เรื่องเติร์ด หรือเรื่องอะร๊าย
ละที่เปลี่ยนบทตอนอยู่ในห้องนี่คือมันมีความนัยถูกมะ
แต่ก็ไม่รู้กับนางอยู่ดีว่านางลึกซึ้งแค่ไหน
คือนางเพิ่งมองเห็นว่ายังมีเพื่อนคนนึงอยู่ข้างๆเสมอ
หรือนางเริ่มเอะใจเรื่องเติร์ดว่ามันมากกว่าเพื่อนละ ช่วยน้องด้วยน้องสับสนกับนาง
ละยังเรื่องคบกับแพรวหลอกๆอีก อะไรอ่ะ ทำไปทำไม 'นี่มันเรื่องอะไรวะ' อะเกน 5555

เติร์ดเหมือนเพิ่งมาดีขึ้นจริงๆหลังคุยกับพี่เชนทร์
ฮือ ดีมาก เห็นเติร์ดคิดได้ละปลื้มปริ่ม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Kkhingg ที่ 17-06-2017 23:28:11
กรี๊สสสสสสส อีพี่ค่ายหายโง่แล้วแน่ๆ อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ มาเร็วๆนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 17-06-2017 23:29:10
OMG!! นี่สินะ คุณค่าที่อิชั้นคู่ควร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-06-2017 23:34:08
"เริ่มแล้วเหรอทฤษฎีจีบเธอ"  :hao3:  อย่าใจอ่อนนะเติร์ดต้องจัดการให้ค่ายรู้สึกสะบ้าง :z6:

ทฤษฎีจีบเติร์ด ของค่ายสินะ  :L2: :L2: :L2:
ว่าแต่พี่เชนทร์ ได้คิดรูปแบบพระเอก ด้วยตัวเอง หรือมีคนขอร้องพี่กันนะ
เพราะมันตร๊ง ตรงกับค่ายจริงๆ
งั้นที่พี่เชนทร์ไม่อยู่ตอนคัดตัว พี่ใบบัวก็รู้เรื่องนี้ด้วยสินะ

ค่ายรู้ตัวได้ยังไง ตอนไหน ว่าผูกพันกับเติร์ด ติดกับเติร์ดเกินเพื่อน     :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อยากอ่านพาร์ทค่าย อ่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:

แล้วรู้ตัว กับขอให้แพรวแสดงเป็นแฟนนี่   :katai1: :katai1: :katai1:

เติร์ด ใจเต้นกับค่ายหรือเปล่า
 “ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับนอน ผมเลือกนอนนะ”
   “...”
   “นอนกับคุณ” อะจ๊ากกกกกก ชอบบบบบ   :z3: :z3: :z3:

ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับกิน ผมขอเลือก ‘กิน’
   ...กินคุณ / บู้ม!!  ตายห่าตายเหวกันไปเลย  ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
โอ๊ย...........ดีต่อใจจริ๊ง จริง   :sad4: :hao5: :heaven
        :L1: :L1: :L1:
   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 17-06-2017 23:34:28
งี้ตอนที่เมาจูบเติร์ดแล้วเรียกชื่อแพรวก็หลอกดิ
สรุปคือตั้งใจจูบ ??
อยากอ่านพาร์ทค่าย พ่อหนุ่มเมาออกซิเจน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 17-06-2017 23:36:33
ค่ายมีเงื่อนงำๆ เติร์ดทำดีใจแข็งนานๆเลยนะ พอใช้สมองนำความรักทำให้เติร์ดไม่เจ็บและเราก็ไม่เจ็บ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-06-2017 23:37:11
เดี๋ยวววววว เดี๋ยวววววว อะไร? ยังไงค่าย? ตกลงว่า แกล้งคบ มันคือทฤษฎีวัดใจของแกใช่ไหมนังค่าย?  น่อวววววววว หน้ากากพระเอกกลับมาแล้วค้าบบบพี่น้องง้องง้องงงงงงง ค่ายไม่ควายนะค้าบทุกโคนนนน  FCค่ายหันหัวเรือกลับมาด้วยค้าบบ (ทันไหม?)

ปลื้มปริ่มน้ำตาไหลแหมะๆกับทฤษฎีป้องกันตัวเองของพี่เชนทร์ พี่คะ? พี่-หล่อ-มาก  #ปรบมือ  นอกจากโดนใจจนอิเติร์ดต้องเอาไปปรับใช้กับชีวิตตัวเองแล้ว หนูขอน้อมนำคำสอนของพี่มาจำไว้สอนตัวเองเลยอ่ะค่ะพี่ #มอบมง #ดีเลิศ #หัวอกเดียวกะอิเติร์ด  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 17-06-2017 23:41:33
ทำไปเพื่ออะไร ไม่เข้าใจค่าย
บอกเลยว่ายังไม่เชียร์ เติร์ดอย่าใจอ่อนนะ เจ็บมาเยอะต้องหนักแน่นไว้

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-06-2017 23:50:15
อะไรกันจะหมดดราม่าแล้วเหรอ เดี๋ยวๆๆๆ ล้อเล่นน่ะ หืมมม อิค่ายยยยยไปทำอะไรมาคะทำไมดูฉลาดขึ้นมีใครบอกอะไรรึเปล่า แล้วไหนจะเรื่องแกล้งคบกับแพรวอีกต้องการอะไรอะ และถึงแม้ความฟินจะรออยู่ข้างหน้าแต่เราก็ยังอยากให้เติร์ดถอยออกไปก่อนอยู่ดีนะ ยังไม่อยากให้อิค่ายได้ใจไม่งั้นมันจะเหลิงไปมากกว่านี้ เติร์ดทำดีแล้วที่ห่างๆออกมาบ้าง เป็นเพื่อนกันก็ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันนี่ ใช้ชีวิตของตัวเองกันไปและขอบคุณพี่เชนทร์สำหรับคำแนะนำที่ทำให้เติร์ดเข้มแข็งขึ้นมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 17-06-2017 23:51:27
omggggg ดีนะไม่ออกตัวแรงด่าค่ายไว้ก่อน ทั้งที่ตอนก่อนหน้านี้โมโหนางไปหมดทุกสิ่ง เหมือนนางจะฉลาดขึ้นแล้วนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 17-06-2017 23:53:20
หวีดดดดดดดดดดดดดดด
ความฟินกะลังจะมาาาาาาาาา
รอค่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
มาไวๆน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-06-2017 23:57:42
กลับมารอบนี้ดูค่ายแปลกไป 
 
#ขออนุญาตกอดเติร์ดแน่นๆเราจะผ่านมันไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 18-06-2017 00:10:36
ทำไมอยู่ดีๆค่ายก็หายโง่หละะ 5555555555555
อย่าไปยอมใจอ่อนง่ายๆนะเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 18-06-2017 00:31:57
 :hao7:่
ขอเป็นสายแดกด้วยคนจิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 18-06-2017 00:49:55
โอ๊ย ทายผิดๆๆ พี่ค่ายยังคงเป็นพระเอกสิน่ะ

เราจะรรรรรรรรรรร อ่านต่อไป :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 18-06-2017 01:21:16
อันนี้ นี้คือ เริ่มทฤษฎีแล้วใช่มะ??
ดูแบบมีความวอแวอ่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: piinkchompoo ที่ 18-06-2017 01:36:36
อยากอ่านต่อแล้วววกรี๊สสส ;____;
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 18-06-2017 03:04:04
ดีนะยังไม่ได้ด่าค่ายเพราะแอบติดใจเรื่องนางชอบเต๊าะเติร์ดบ่อยๆ 555555555

บางทีค่ายอาจรู้สึกเหมือนกันอะ แต่คิดแบบเติร์ดว่าเป็นเพื่อนกันเลยไม่ควรพูดปะ

ต้องรออ่านอาทิตย์ละตอนฟีลลิ่งเดียวกับรออ่านมังงะที่ชอบเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 18-06-2017 08:18:51
อยากหวีดร้องงงงงงงงงงงง อิพี่ค่ายรู้ใจตัวเองแล้วใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 18-06-2017 09:21:02
อิค่ายเริ่มไม่โง่ แต่วางแผนแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่ เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 18-06-2017 10:17:34
ตอนก่อนๆ ๆ ทำน้ำตาเราหยดแหมะ ๆ เพิ่งจะเริ่มเหือดก็้ตอนนี้นี่เอง แต่อยากเห็นตอนหน้าเร็ว ๆ กลัวว่าน้ำตาที่ยังไม่แห้งของเรา จะต้องกลับมาหยดอีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-06-2017 10:47:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 18-06-2017 11:20:07
ยังไงค่ายยังไง แต่บทนี้บอกเลยพี่เชนทร์โคตรวิน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-06-2017 12:06:23
ค่ายเลิกโง่จริงๆแล้วใช่มั้ยยย
เกือบจะเสียไปเลยรู้ตัวงี้สินะ
เข้าสู่ช่วง ทฤษฎีจีบแล้ว
ใสขณะที่เติร์ดเริ่มตัดใจได้แล้ว
ค่ายก้งานเข้าอยู่หน่อยๆอะนะ555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 18-06-2017 12:29:42
เอากงๆ นะคับ
ผมคิดว่า พี่ค่ายไม่ธรรมดานะ..
มันจิต้องมีพลังงานอะไรบางอย่าง.. เจนสัมผัสได้เค๊อะ.. :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 18-06-2017 12:31:36
ได้แต่อุทานว่าอ้าวววว อะไรวะ แต่ก็ไม่อยากให้เติร์ดใจอ่อน เพราะที่ค่ายเหี้ยนั่นก็คือเหี้ยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 18-06-2017 12:53:38
ยังไงคะคุณ ยังไงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-06-2017 14:03:05
อิค่ายมันจะทำอะไร!?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 18-06-2017 14:35:56
อย่าหลอกเราให้ฟินเก้อนะ  เราใจบางมากตอนนี้   :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 18-06-2017 15:59:41
นังค่ายกลับมาเต๊าะลูกสาวชั้น อย่าโดดลงหลุมที่นังค่ายขุดไว้นะลูก
เอาคืนให้หายแค้น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 18-06-2017 16:10:34
ใครจะจีบใครหนิ ฮื้มมมมมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 18-06-2017 16:11:53
ครั้งนี้เหมือนการเปลี่ยนฝั่ง คนไล่ตามไม่ใช่เติร์ดแล้ว เพราะเติร์ดใช้สมองมากขึ้น ชอบบบบบ อยากให้เติร์ดเก่งอย่างนี้ไปนานๆ ไปวิ่งตามค่ายเดี๋ยวจิเหนื่อย อยู่หล่อๆแบบนี้ไปเราชอบ อยากให้มีหล่อกว่ามาชอบเติร์ดด้วยฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-06-2017 16:47:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 18-06-2017 19:58:15
เราว่าเราสงสารค่ายอ่ะ คือนางนิสัยเจ้าชู้ตั้งแต่แรก แล้วก็โดนโกรธแบบงงๆ จนปั่นป่วน ถูกมองเป็นตัวร้ายสุดขีด (จริงๆนางร้ายระดับธรรมดา) พอนี่นางเริ่ทเข้าใจตัวเอง เดี๋ยวก็ถึงช่วงที่เติร์ดทำใจได้พอดี เฮ้อออออ  :ling2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-06-2017 20:11:13
หลงด่าค่ายมาตั้งนาน คือจริงๆ ค่ายรู้ แต่อยากลองใจหรอ หรืออยากรู้ใจตัวเอง

ตอนนี้เริ่มทำใจได้บ้างแล้ว จะมาทำให้งงเพื่ออะไร เติร์ดคงคิดแบบนี้

กรีดร้องโวยวาย แคปชั่นจัดว่าเด็ด จัดว่าโดนค่ะ กินคุณ 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 18-06-2017 20:22:07
อ่านตอน6จบแล้วว ได้แต่บอกเติร์ดลูกชายว่าา

No matter what happen อย่า! ใจ! อ่อน! นะลู๊กกกกกก!!


ตอนนี้หนูเริ่มใช้สมองมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี อย่าไว้ใจใครง่ายๆ อย่าพาตัวเองไปสู่วังวนแห่งความเจ็บปวดอีก หนูมีประสบการณ์แล้ว ถึงเวลาใช้สมองนี่ถูกต้องมากที่สุดแล้วลูกกก อย่าใช้หัวใจให้มากนัก กราบแทบอกของพี่เชนทร์รัวๆ พี่เชนทร์สอนลูกชายเติร์ดดีมาก ฮื่อออออ จำไว้นะลูก อย่า! ใจ! อ่อน !

#ทำไมอินขนาดนี้ โอ๊ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 18-06-2017 20:37:02
โอ่ยยยยย ค่ายยยยย
หงุดหงิดนิสๆเหมือนโดนปั่นหัวเอง5555
น้องเติร์ดอย่ายอมมันง่ายๆนะลูกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 18-06-2017 21:15:20
 :hao3: :hao3:
ไรอ่ะ ไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 18-06-2017 21:54:29
ไม่อยากหวังกับอิค่ายเยอะเลย แต่คิดว่าอิค่ายคงวางแผนมาสักพักแล้ว
เพื่อนตัวดีของเติร์ดเนี่ยแหละรู้เห็น
แต่อยากให้ค่ายรู้ใจตัวเองด้วยตัวเองนะ ไม่อยากให้เพื่อนบอก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 18-06-2017 22:26:39
 :hao4: เกิดไรขึ้นเหรอค่าย?  จะมารู้ใจอะไรตอนนี้ละห๊าาา
น้องเติร์ดเค้าเริ่มคิดได้ ใช้สมองมากกว่าหัวใจแล้วเฟร่ยยยย!!  :m16:
.
.
.
ปล. อินแรงไปนิด ยังจำความเจ็บปวดของเติร์ดได้ดี.. ใจแข็งเข้าไว้นะ #ทีมเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-06-2017 08:24:47
อ้าว แล้วที่หัองน้ำในผับ
จูบเติร์ดแต่ละเมอถึงแพรว
มันคือแผนหรือทฤษฏี
ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-06-2017 09:28:48
ค่ายอะไรยังไง รู้ตัวแล้วหรืออะไร คิดตามไม่ทันแล้วนะอะไรคืออะไร หรือว่ามันเริ่มสงสัยแล้ว ว่าที่เตริดชอบจริงๆไหม  แล้วยังไงต่อ แล้วแพรวมาบอกทำไม ให้ช่วยแกล้งเป็นแฟนเพราะอยากหลอกเพื่อน แล้วมาบอกเพื่อนเนี่ยนะ มีแผนไรปะนิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 19-06-2017 18:51:26
อยากรู้มากว่าค่ายทำแบบนั้นทำไม คือจะจีบเติร์ดแบบจริงจังแล้วหรอหรือว่ายังไง นี่ถ้าเริ่มจีบจริงๆ จะยุให้เติร์ดเล่นตัวนานๆ นะ โทษฐานที่ทำเติร์ดเสียใจมาหลายตอน #ทีมเติร์ด :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 19-06-2017 22:27:56
คือไร  ค่ายจะทำอะไร ระแวง   :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Numai ที่ 19-06-2017 23:08:02
อยากให้เขาคบกันแล้ว ...... อยากฟิน

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 20-06-2017 03:21:16
สิ่งที่อยากให้มีในนิยายจิตตินั่นคือ ฉากหึง  :ling1: หึงแบบไม่ใช่นิดๆ หน่อยๆ แล้วจบ มาแบบยังไม่ทันรู้สึกตัวหรือแค่บอกให้รู้ว่าหึงนะ หวงนะ แล้วก็จบงี้ แต่อยากให้หึงแบบ รุนแรง แสดงออก ฟึดฟัด (นี่คนหรือวัว) นั่นแหละ สรุปก็คือ อยากให้ค่ายหึงเติร์ดแบบหนักๆ หนักหน่วง รุนแรง ฟึดฟัด อะเฮื่อออออ  :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: ppapple ที่ 20-06-2017 08:03:50
ค่ายจะทำอะไรรรรร? :hao4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: eeroww ที่ 20-06-2017 09:54:26
ค่ายวางแผนจีบเติร์ดแล้วใช่ป่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 6 [17/06/60] *หน้า17
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 21-06-2017 13:48:59
เข้าเนื้อหาแล้วใช่มั๊ย   :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-06-2017 17:05:34

ตอนที่ 7
Circle of (Boy) Friend



   คนเราเวลาจะดูหนังสักเรื่องเราเลือกจากอะไร

   เนื้อหา

   ชื่อผู้กำกับ

   ความหน้าตาดีของนักแสดง

   กระแส

   หรือเพราะ...รสนิยม

   ผมเลือกมันจากความชอบของตัวเอง ไม่ต้องเป็นกระแสก็จะเลือกถ้ารู้สึกว่าเรื่องนั้นเป็นแนวที่ดูมาตลอด ผมมักหลีกเลี่ยงแอนิเมชั่นหรือการ์ตูนปัญญาอ่อน ขณะเดียวกันก็เลือกเสพงานแนว Sci-fi thriller ซ้ำซากมากขึ้นเรื่อยๆ

   รุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกว่า การเลือกดูหนังแม่งก็เหมือนกับการเลือกคนรักนั่นแหละ น้อยมากที่เราจะดูแนวที่เราไม่ชอบ อาจเพราะถูกตั้งกำแพงเอาไว้แล้วว่ามันไม่ดี ไม่สนุก และไม่ได้รับการเปิดใจยอมรับ ทั้งที่มันอาจดีก็ได้...

   ...ถ้าได้ลอง










   เรื่องราวมันเกิดขึ้นตอนไหนผมจำก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้เติร์ดนับวันก็ยิ่งแย่ลงทุกที จนกระทั่งมันแตกหักในวันที่เรานั่งจิบเบียร์อยู่ที่ห้องของไอ้โบน แค่จิบเบียร์ ไม่รู้เป็นเหี้ยไรแต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า

   “ไอ้ค่าย...” คนตรงหน้าเรียกชื่อผม ไอ้เติร์ดยืนนิ่งๆ อยู่หน้าประตูอย่างเก้ๆ กังๆ ผมเลยทำลายบรรยากาศตึงเครียดลงด้วยการพูดออกไป

   “ไอ้โบนเรียกกูมา กินเบียร์กันอยู่เหรอ” ซึ่งมันก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยืนค้างอยู่ที่เดิม ความสัมพันธ์ของเราไม่โอเคเท่าไหร่ จำได้ว่าไอ้เติร์ดเปลี่ยนไปหลังเรากลับมาจากคลับในคืนนั้น และมันก็ไม่ยอมบอกเหตุผลว่าที่โกรธอยู่เนี่ยเกิดจากอะไรกันแน่

   คือกูก็ไม่รู้มั้ย ถามเชี่ยทูกับไอ้ควายโบนมันก็เอาแต่ส่ายหน้า กลายเป็นว่าปัญหาที่แก้ไม่ตกตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนกว่าผมจะรู้ว่าได้ทำอะไรผิดไป

   “เข้ามาเลย นี่เพื่อนพี่เอง” ผมเลือกสลัดความคิดในหัวออก ก่อนจะคว้าข้อมือขาวของรุ่นน้องคนหนึ่งเข้าไปด้านใน ความจริงผมไม่ได้อยากพาน้องเขามาหรอก แต่ไอ้โบนนี่สิที่โทรมาชวนในช่วงเวลาที่ผมกับเธอกำลังจะกลับพอดี แถมยังเป็นทางผ่านอีก สุดท้ายเลยจำต้องพาแวะมาก่อนกลับจนได้

   “โอ๊ยยยยยยคนสวย เชิญครับ เชิญ” เพื่อนผมมันก็เหี้ยไม่ต่างกัน พอเห็นผู้หญิงสวยหน่อยรีบกุลีกุจอหาที่นั่งกันพัลวัน

   “ลมอะไรหอบมาวะ” ไอ้ทูถาม

   “พาน้องไปกินข้าวเสร็จ เชี่ยโบนก็โทรชวนเลยแวะมา”

   “อ๋อ น้องกินเบียร์มั้ยครับ” ระหว่างที่กำลังถามสนุ๊ก ผมก็หันไปมองคนที่ยืนห่างออกไปตรงประตู ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้โบนตะโกนขึ้น   

   “ไอ้เติร์ดปิดประตู กลับมานั่งนี่”

   “คือกูว่า...จะกลับ”

   “เหรอ งั้นก็กลับเถอะ มึงคงเมาแล้วเนอะ” เชี่ยไรของมันวะ! เพื่อนบอกจะกลับก็ให้ไปกันง่ายๆ อย่างนี้เหรอ ผมไม่ปล่อยให้ไอ้เติร์ดทำสำเร็จ รีบสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว อย่างน้อย...ก็ขอให้เราได้คุยกันบ้าง

   “นั่งด้วยกันก่อนดิ”

   และถึงแม้ไอ้เติร์ดจะกลับมานั่งข้างๆ จริง เราก็ยังคงเงียบใส่กันอยู่ บอกตามตรงว่าผมอึดอัดมาก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงทุกอย่างถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

   “ค่ายมึงรู้ยัง โปรเจ็กต์ละครเวทีเริ่มแล้วนะ จองหน้าที่อะไรไว้” ยังดีที่เพื่อนรักสองคนคอยถามไถ่และหาเรื่องคุยอยู่ตลอด การนั่งแดกเบียร์วันนี้เลยไม่กร่อยอย่างที่คิด

   “ผู้ช่วยผู้กำกับ”

   “โหยยยยยย หน้าที่นี้ปีสี่จองไปแล้วครับ อย่าโง่สิ”

   “กูคุมแสงสีเสียงได้” จริงๆ ก็คงเป็นงานหลักที่ผมต้องทำเนี่ยแหละ

   “เข้าแก๊บอยู่ กูก็อยากมาทำส่วนนี้ แต่ไอ้เติร์ดนี่หนักกว่าเพื่อนหน่อย”

   “ทำไม”

   “เขียนบท นั่งคิดไปสิว่าจะให้ใครรักกัน”

   “มึงรู้ได้ไงว่ากูจะเขียนเรื่องความรัก เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้กูไม่ศรัทธาละ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังหันมามองหน้าผมขณะพูดอีกต่างหาก คือยังไงวะ ต้องการกระแทกแดกดันกูเหรอ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยรู้สึกไม่พอใจ สวนกลับไปอย่างรวดเร็ว

   “คนอย่างมึงเคยศรัทธาอะไรด้วยเหรอ”

   “กูไม่ใช่มึงที่จะศรัทธากับความรักไปทั่ว คั่วไปทั่วเหมือนทุกวันนี้”

   “ไอ้เติร์ด!”

   “ใจเย็นเพื่อน ใจเย็น...” ยังดีที่เพื่อนคอยเบรกเอาไว้เรื่องเลยไม่ใหญ่โตอย่างที่คิด แม่งอยากตอกกลับไปฉิบหายว่ากูไปมั่วบนหัวมันเหรอ ทุกวันนี้เวลามันต้องการอะไรผมก็ทำให้ตลอด ถ้ามันขอให้ผมไม่พาผู้หญิงเข้าห้องผมก็จะทำ ยอมทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้

   แล้วดูมันดิ ไม่แม้แต่จะพยายามยื้อเอาไว้เลย คอยแต่จะทำให้พังลงเรื่อยๆ

   เรานั่งดื่มต่อ สนุ๊กเองก็มักคอยเอาใจถามโน่นถามนี่ให้ผมอารมณ์ดีอยู่เสมอ

   “พี่ค่ายอย่าดื่มเยอะเป็นห่วง” บอกตามตรงว่าคนนี้คุยไลน์กันได้แค่อาทิตย์เดียว และก็เพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อวาน ความสัมพันธ์เราเกิดขึ้นไว และก็จบไวเหมือนกันเพราะผมไม่คิดปักหลักหรือฝากใจไว้ที่ใคร

   รักแบบนี้มันดีกว่าเยอะ เอาใจในบางครั้ง ไปกันไม่ได้ก็แยกทาง ต่างคนต่างไม่เสียประโยชน์มันก็จบ

   “ไม่เยอะครับ”

   “ไม่ให้สูบบุหรี่ด้วย”

   “โอเค”

   “เชื่อฟังแบบนี้สิ”

   “คิดเหรอว่ามันจะเชื่อฟังน้องแค่คนเดียว” จู่ๆ อารมณ์ก็สะดุดกึกอีกหนเมื่อเสียงของใครคนหนึ่งแทรกขึ้น ซึ่งผมก็ไม่รอช้าหันไปมองคนคนนั้นด้วยสายตาเอาเรื่อง ไอ้เติร์ด...นี่มึงต้องการอะไรกันแน่วะ   

   “พี่หมายความว่าไงคะ”

   “ก็ไอ้ค่ายมันมั่วไง เดี๋ยวได้แล้วมันก็ทิ้ง”

   “ไอ้เหี้ยเติร์ด!” ผมถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อของมันเพราะทนไม่ไหว ในใจได้แต่เดือดดาลก่นด่ามันไม่หยุดว่าต้องการเหี้ยอะไรซ้ำๆ เออ! แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร!

   “ใจเย็นมึง มึงเมาแล้วใช่มั้ย กลับห้องกันนะ” ไอ้ทูแยกเราทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนหันไปถามความเห็นของคนที่หน้าแดงก่ำเพราะแอลกอฮอล์ แต่สภาพนี้ไม่ได้เรียกเมาไม่ได้สตินี่หว่า ดูยังไงก็รู้ว่าต้องการหาเรื่องกันชัดๆ

   ไอ้เติร์ดไม่เคยเป็นแบบนี้ สองปีที่เรารู้จักกันมาไม่ว่าผมจะมีใครหรือทำอะไร มันก็เข้าใจและมีเหตุผลเสมอ ผิดกับตอนนี้ที่งี่เง่าฉิบหาย

   “กูไม่เมา แม่งพูดความจริงก็ผิดเหรอ” มันพูดออกมาอีก จนผมอดไม่ได้รีบตอกกลับไปอย่างรวดเร็ว

   “แล้วไง อย่างน้อยกูก็รักใครเป็น ไม่เหมือนมึงหรอก งี่เง่า ไร้เหตุผลฉิบหาย”

   “มึงกล้าพูดจริงๆ เหรอว่าสิ่งที่เป็นอยู่ของมึงมันคือรัก”

   “ใช่รัก แล้วกูก็รู้ว่าจะยกมันให้ใครที่ไม่ใช่เพื่อนเหี้ยๆ อย่างมึง” ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออด พร้อมกับผลักร่างคนตัวเล็กกว่าอย่างแรงด้วยความโมโห รู้ตัวอีกทีไอ้เติร์ดก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอยู่ก่อนแล้ว

“ไอ้ค่าย เติร์ดมันเมาอย่าถือสามันเลย”

“เมาแต่ปากก็หาเรื่องฉิบหาย”

“แคร์มันหน่อย ช่วงนี้มันไม่โอเค”

“มึงคิดว่ามันเป็นเมียกูหรือไงถึงต้องแคร์!” ไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกูเลย แม้แต่คำว่ามิตรภาพยังให้กันไม่ได้ แล้วทำไมผมถึงต้องแคร์มันด้วยวะ

“เฮ้ยกูว่ามึงพูดดีๆ กับมันก็ได้นะไอ้ค่าย”

“ไว้มันมานอนให้กูเอาเมื่อไหร่ กูถึงจะพูดดีด้วย พอใจยัง!!”

ผั่วะ!!

เสี้ยววนาทีนั้นภาพในม่านสายตาของผมก็สั่นไหว ร่างกายล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับความเจ็บชาที่ค่อยๆ แผ่ซ่านเข้ามาเรื่อยๆ

ไอ้โบนยืนหอบหายใจไม่ห่างและตั้งท่าเงื้อมืออีกรอบเพื่อซัดผมแรงๆ แต่ไอ้ทูเข้ามาขวางไว้ซะก่อนผมเลยไม่โดนสวนเข้ามาอีกหมัดจนหน้าแหกอย่างที่คิด

“ไอ้ค่ายนี่เพื่อนนะ เพื่อนที่รักมึง”

“...” ผมเงียบ เลือกที่จะไม่ตอบโต้กลับไป แล้วทำไมเพื่อนอย่างมันไม่แคร์กูบ้าง

มันอึดอัดแค่ไหนแต่ไม่เคยมีใครเข้าใจเลย

“ไอ้เติร์ดมัน...มัน...”

“โบนพอเหอะว่ะ”

“...”

“กู...ขอโทษนะ กูไม่ดีเอง”

ไอ้เติร์ดเงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตาอาบแก้ม ทำเอาใจคนมองกระตุกวูบด้วยความรู้สึกผิด กูขอโทษนะนี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกออกไปแต่ลิ้นกลับด้านชาเกินกว่าจะขยับ ได้แต่มองดูคนตรงหน้าค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วเดินจากไปเท่านั้น   

ผมถูกเพื่อนลากคอให้ไปคุยกันที่ระเบียงทันทีเพราะไม่ต้องการให้สนุ๊กมาได้ยินปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกลุ่ม แต่มันก็ไม่ช่วยให้ผมเข้าใจอะไรขึ้นเลยหลังจากพูดกันจบ จำได้ขึ้นใจก็แค่เรื่องที่มันสองตัวพยายามออกโรงปกป้องไอ้เติร์ดเท่านั้น แล้วกูล่ะ

ไม่เคยมีใครเข้าใจผมสักคน ไม่มีใครเข้าใจความอึดอัดที่สุมอยู่ในอกและโยนทิ้งไม่ได้ ผมเสียใจที่ทำร้ายไอ้เติร์ด แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครพูดออกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมกูถึงต้องรู้สึกผิดอยู่คนเดียวด้วยวะ

โคตรไม่แฟร์เลย

ทำไมผมถึงเป็นคนเดียวที่รู้สึกโง่ พวกมันมีความลับผมรู้ ผมเห็นแม้กระทั่งวันนั้น...ที่โรงหนัง เห็นไอ้โบนกอดไอ้เติร์ดที่ร้องไห้ไม่หยุด ผมรู้สึกผิดที่ทำอะไรไม่ดีลงไป ทว่าสุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีกว่าสิ่งไม่ดีนั้นคืออะไรกันแน่

เพื่อนทุกคนเลือกมีความลับกับผม จนอดคิดไม่ได้ว่ากู...คงไม่สำคัญกับใครอีกแล้ว












เช้าวันต่อมาไอ้เติร์ดไม่มาเรียน ถามไอ้ทูมันก็ตอบแค่ว่ามันอยากนอนโง่ๆ เท่านั้น ผมจึงไม่สนใจแต่ความรู้สึกผิดเนี่ยสิที่ตีตื้นเข้ามาไม่หยุด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปหาอีกฝ่ายที่ห้องหลังเลิกเรียน ผมไม่ได้ถามมันว่าโกรธผมเรื่องอะไร เพราะมันคงไม่บอก

สิ่งเดียวที่พูดได้จึงเหลือแค่ ‘ขอโทษ’ คำเดียวที่ผมพูดออกมาจากใจ

ซึ่งมันได้ผล ความสัมพันธ์เรากลับมาดีขึ้นอีกครั้งและยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ไอ้เติร์ดต้องเขียนบทละครเวที เราตัวติดกันเหมือนเดิม ไปไหนไปกันสี่คนตลอด ทั้งการนั่งสังเกตการณ์หอสมุด รวมไปถึงชวนเจ้าตัวออกไปดูหนังหรือซื้อของด้วยกัน

ไอ้เติร์ดช่วยผมเลือกลิปสติกให้สาว มันรู้ดีว่าผมต้องเทคแคร์ผู้หญิงทุกคนที่เริ่มเข้ามามีสัมพันธ์แบบฉาบฉวยอยู่แล้ว แต่ไอ้กำไลแอร์เมสที่ไปเลือกกันน่ะผมซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่สาว ‘พี่เคลียร์’ คือแพงขนาดนี้กูคงลงทุนให้คนอื่นหรอก แต่ก็ไม่ได้บอกมันไป

แปลกมั้ย เพื่อนอย่างไอ้เติร์ดแม่งเสือกเป็นคนเดียวที่ผมอยากให้อยู่ด้วยในทุกช่วงเวลา

ต่อให้เป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหนผมก็จะนึกถึงมันเป็นคนแรกๆ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราคบกันยาวและกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด

แล้วเย็นวันหนึ่ง...ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...

เราสี่คนยังคงปักหลักอยู่หอสมุดเพราะไอ้เติร์ดพยายามหาไอเดียในการเขียนบท พวกที่เหลือเลยหยิบแล็ปท็อปกับมือถือขึ้นมาเล่น แต่ผมสือกซวยที่แบตมือถือหมด พาวเวอร์แบงก์ก็ไม่เหลือหรอเลยขอยืมแล็ปท็อปของไอ้เติร์ดมาเล่นและฟังเพลงฆ่าเวลา

ตอนนั้นผมนึกพิเรนทร์ด้วยการกดไปที่ชาแนล ‘มูฟวีซี้เว่อร์’ เพื่อดูกระแส ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วที่คนเราเวลาล็อกอินอะไรเอาไว้จะไม่ยอมล็อกเอาท์ออก แน่นอนว่าไอ้เติร์ดคือหนึ่งในนั้น แอคเคาต์ของมันยังคงเด่นหราอยู่ตรงหน้า ผมกดเข้าไปดูเล่นๆ แต่คลิปล่าสุดที่ปรากฏอยู่เนี่ยสิที่ยุให้คนมือบอนอย่างผมกดเข้าไป

ชื่อวิดีโอนั้นใช้ชื่อว่า ‘รีวิวหนัง - โง่..เซ่อ..บ้า เพราะว่าความรัก’ ความยาวไม่กี่นาทีเอง แต่แปลกที่มันกลับถูกตั้งให้เป็นไพรเวทมากกว่าจะเผยแพร่ให้คนติดตามดู

ช่วงเวลาที่วิดีโอถูกเล่น ผมเห็นไอ้เติร์ดยิ้มให้กับกล้องเหมือนทุกที...

   “สวัสดีครับสัปดาห์นี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งในช่องมูฟวี่ซี้เว่อร์ แต่นี่อาจจะเป็นวิดีโอสุดท้ายของปีนี้แล้วนะครับที่ผมจะทำ ใจหายเลย ครั้งนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่องหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ชื่อเรื่องว่า Crazy, Stupid, Love ครับ”

   ผมเงยหน้ามองตัวจริงที่นั่งเขียนบทขยุกขยุยลงบนกระดาษ ก่อนจะก้มมองวิดีโอบนจออีกครั้ง โชคดีจริงๆ ที่ใส่หูฟัง ไม่งั้นคงโดนด่าที่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของมันแน่ๆ

   “ชื่อภาษาไทยคือโง่ เซ่อ บ้า เพราะว่าความรัก”

   “...” คนพูดเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจา กระทั่งเจ้าตัวถอนหายใจออกมาแล้วเงยหน้ามองกล้องใหม่

   “ผมในตอนนี้โง่และก็บ้ามากจริงๆ ผม...รักเพื่อนสนิทของตัวเองข้างเดียวมาตลอด”

   ไอ้เติร์ดไม่ได้พูดเกี่ยวกับหนัง!

   มือที่เลื่อนอยู่ตรงแป้นพิมพ์กดสเปซบาร์เพื่อหยุดวิดีโอ เลื่อนสายตามองไปยังเพื่อนสองคนที่กดมือถือกันอย่างมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ออกซะดื้อๆ แต่ความเสือกไม่อาจหยุดยั้งเลยกดเล่นวิดีโอต่อ

   “เราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน คบกันมาสองปีกว่าแล้ว แต่เพราะความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนทำให้เราไปไกลจากนี้ไม่ได้อีก ผมรู้สึกว่าตัวเองคาดหวังอะไรลมๆ แล้งๆ มากเกินไป บอกว่าจะตัดใจหลายครั้งแต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมเพราะต้องเจอกันทุกวัน”

   รอยยิ้มของคนพูดนั้นเจือความเศร้า จนผมไม่อยากจินตนาการเลยว่าลึกๆ นั้นมันเศร้าขนาดไหน

   “จริงๆ ผมอาจหลีกหนีจากมันได้แต่ผมไม่ทำเอง ไอ้ค่าย...”

   หน้าของผมชาไปทั้งซีกเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองดังเข้ามาในหู สายตาของไอ้เติร์ดที่มองมายังกล้องเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

   “กูขอโทษที่รักมึง”

   “...!!”

   “กูพยายามมาตลอดเพื่อเก็บความลับนี้เอาไว้ แต่กูเหี้ยเอง...แม่งเหี้ยเองที่พอรู้ว่ามึงทำดีกับกูเพราะต้องการพิสูจน์ความจริงกูก็เสือกทนไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วกูรู้สึกดีมากที่มึงทำดีมาตลอด รู้สึกดี...จนรับไม่ได้ถ้าทุกอย่างพังทลายลงมา กูขอโทษนะ”

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็ยังทนดูต่อจนจบ

   “ขอโทษที่ทำให้มันดีขึ้นกว่านี้ไม่ได้ กูบอกมึงไม่ได้หรอก เพราะถ้าบอก กูจะไม่เหลืออะไรเลย”

   “...”

   “...แม้กระทั่งมึง”

ใช่! มันไม่เหลืออะไรแล้วในวันที่รู้ความจริง มึงทำลายความเชื่อใจของกูจนหมด

หน้าของผมชาเหมือนโดนตบ ร่างกายเองก็ชาไปทั้งร่างจนขยับเขยื้อนไม่ได้ ผมชอบผู้หญิง และรับไม่ได้ที่ไอ้เติร์ดคิดเกินกว่าเพื่อน นี่เหรอวะความลับที่เก็บมาตลอดสองปี เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากรับรู้ เป็นไปได้เราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนกัน

ผมเงยหน้าขึ้น ไล่สายตามองเพื่อนสนิทสามคนในกลุ่ม ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเดาว่าพวกมันรู้ว่าไอ้เติร์ดคิดไม่ซื่อกับผมแต่ไม่ยอมบอก ทำกับผมเหมือนไอ้โง่ตัวหนึ่งซึ่งก็ใช่ โง่มาตลอดสองปีขนาดนี้ก็หาเขามาใส่หัวให้กูเถอะ

สำหรับไอ้เติร์ดมันคือเพื่อนสนิท ทั้งแคร์และห่วงใย แต่นั่นก็เกิดจากความรู้สึกตามประสาเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ผมไม่อยากเสียมันไป ขณะเดียวกันก็ไม่พร้อมเปลี่ยนสถานะของเพื่อนเป็นอย่างอื่น เย็นวันนั้นหลังกลับจากหอสมุดผมจึงรีบกลับมาที่ห้อง ครุ่นคิดวิธีต่างๆ ที่ทำให้มันเลิกคาดหวังและตัดใจจากผม

แน่นอนว่าผมยังต้องการมัน ต้องการเพื่อน...

อยากได้เพื่อนคนเดิมกลับมาเหมือนเก่า ผมคิดจนหัวแทบแตก อยู่กับตัวเองด้วยความอึดอัดและฟุ้งซ่าน ผมไม่ได้ชอบผู้ชายและมันจะไม่มีวันนั้น

หนึ่งคืนเต็มๆ ที่ผมใช้เวลาติดต่อหาผู้หญิงที่เคยเข้ามาในชีวิต หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่เคยมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันเมื่อสมัย ม.ต้น และตอนนี้ก็เรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกันด้วย ผมขอร้องเธอถึงจุดประสงค์ที่ต้องการ นั่นคือการอุปโลกน์เพื่อนเก่าอย่างแพรวมาเป็นแฟน

อย่างน้อยก็ช่วยตบตาไอ้เติร์ดให้มันตัดใจจากผมให้ขาดซะ เพราะไม่ว่ายังไงระหว่างเราก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี

โชคดีที่พี่เชนทร์ปีสี่แกเลี้ยงฉลองคนเขียนบทที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมเลยใช้โอกาสนี้สร้างสถานการณ์ซะ คืนนั้นเลยจัดเหล้าไปซะหนัก เรียกได้ว่าแทบไม่หยุดพักตั้งแต่เข้าร้าน อาจด้วยความเครียดที่สะสมมาตลอดสัปดาห์ และการครุ่นคิดแต่เรื่องของไอ้เติร์ดทำให้ผมต้องหาทางออกด้วยตัวเอง

   หลังจากดื่มมาอย่างหนักหน่วง ผมหาเวลาปลีกตัวเข้าห้องน้ำและไม่ยอมออกไปไหน รอจนกว่าอีกฝ่ายจะออกมาตาม แน่นอนว่าไอ้เติร์ดคือคนนั้น มันบ่นเหมือนทุกครั้งแต่ที่ไม่เหมือนคือความรู้สึกของคนฟัง 

   “เยี่ยวนานฉิบหาย”

   “อือ”

   “รู้ตัวป่ะเนี่ย พูดจะไม่รู้เรื่องแล้วมึง” ผมพยายามรูดซิบกางเกง มือขาวเลยปรี่เข้ามาช่วยพยุงไม่ให้ล่มด้วย ทำไมวะ ทำไมถึงไม่ไปรักคนอื่น

   “มึงโอเคมั้ย นี่กี่นิ้ว” มันถาม แต่ผมไม่ตอบทั้งที่ยังพอมีสติอยู่

   “...”

   “สงสัยจะเมามากจริงๆ เดี๋ยวกูพากลับ รถมึงเดี๋ยวกูบอกผู้จัดการร้านให้ดูแลก่อน ส่วนไอ้สอง...” ไม่รอให้เสียเวลาผมจัดการดันร่างบางของเพื่อนสนิทไปติดตรงกำแพง จนเจ้าตัวโวยวายยกใหญ่ ผมจึงไม่รอช้ากลั้นใจประกบจูบลงไป

   “ไอ้ค่าย มึงเมาแล้วนะเว้ย ไอ้...อื้อ!”

   ไอ้เติร์ดดิ้นขลุกขลักไปมาสักพัก ไม่นานก็แน่นิ่งยอมให้ผมจูบทั้งเนื้อตัวสั่นเทา สั่น...จนสัมผัสได้และรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ แต่ผมก็ไม่ย่อท้อประกบริมฝีปากอีกฝ่ายไม่ปล่อยโอกาสให้คนตรงหน้าได้หายใจ

   พยายามสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของมันอย่างจาบจ้วงเพื่อให้รู้สึกอาย แต่เปล่าเลย เป็นผมต่างหากที่ไม่ละจากมัน แถมยังเอาแต่บดเบียดแลกเปลี่ยนความหวานจนสติแทบขาดผึง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าตัวดิ้นรนหาอากาศหายใจผมเลยจำต้องปล่อย

   “ค่าย...” ไอ้เติร์ดเรียกชื่อผม และผมเสียใจที่ต้องพูดออกไปแบบนี้...

   “แพรว”

   ผมจูบมันอีกรอบ แต่คราวนี้กลับเป็นจูบที่มีแต่รสขม คนถูกรุกตรงหน้าเนื้อตัวสั่น เสียงสะอื้นดังเล็ดลอดไม่ขาดสาย หัวใจคนฟังเองก็เจ็บตาม น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ายังคงไหลลงมาสัมผัสกับหน้าของผม กูขอโทษที่ทำให้มึงร้องไห้ กูขอโทษ...

   “แพรว แพรว...”

ที่เรียกชื่อเขาต่อหน้ามึง แต่เพราะไม่เห็นทางออกแล้ว กูเลยทำได้แค่นี้จริงๆ

เติร์ด...ตัดใจจากกูเถอะนะ














การทำใจยอมรับกับความจริงบางครั้งก็โคตรเจ็บปวด ผมต้องฝืนตัวเองเป็นคนโง่ไม่รู้อะไรต่อไปจนกว่าการแสดงนี้จะจบลง แน่นอนว่าความพยายามหลายครั้งหลายคราของผมทำให้อีกฝ่ายเสียใจ

ผมต้องเห็นน้ำตาของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย ยังคงนั่งข้างกัน พูดถึงเรื่องแฟนใหม่ของผม มองเห็นมันส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ด้วยความรู้สึกฝืน ทั้งอึดอัดและเจ็บปวด

หลังประชุมใหญ่ของละครเวทีเสร็จผมจึงตัดสินใจเปิดตัวแพรวกับเพื่อนอย่างเป็นทางการ ก่อนเก็บของบึ่งรถไปซุกหัวอยู่ที่บ้านพักของรุ่นพี่นิเทศฯ คนหนึ่งเพื่อหนีปัญหา

แกชื่อพี่ต้น เรียนอยู่ปีสี่แต่คนละมหา’ลัยกัน ปีนี้แกทำธีสิสแม่งเลยออกมาเช่าบ้านทำสตูดิโอกับเพื่อนอีกสามสี่คนข้างนอก ผมเลยพอมีที่ซุกหัวนอนอยู่บ้าง แน่นอนว่าผมหวังมากกว่านั้น ไม่ได้มองว่าพวกพี่มันจะมาแก้ปัญหาอะไรให้หรอก ขอแค่ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องนี้ก็พอ

“จะมาก็ปุบปับเลยนะมึง” ผู้ชายหุ่นผอมหน้าหนวดทักทายขึ้น ผมมากับกระเป๋าเป้ใบเดียว มีไอ้ชาวีเป็นสารถีพามาส่งเหมือนทุกครั้ง

“เครียดว่ะพี่ แดกเหล้าดิ”

“ไอ้เหี้ยค่าย บ้านกูเป็นสตูดิโอไม่ใช่แหล่งซ่องสุม”

“มีหญิงมาแจมป่ะ”

“นี่มึงฟังกูป่ะเนี่ย”

“เข้าไปข้างในเลยนะ แล้วให้ผมนอนห้องไหน”

“ปลายเตียงกูอ่ะ”

“เคๆ”

ผมอยู่ที่นี่หลายวัน ใช้พวกพี่มันเป็นที่ปรับทุกข์ แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรที่ลึกกว่านั้น แต่ละวันหมดไปกับเหล้าและบุหรี่ เปลืองถึงขนาดเอามาเรียงหน้าบ้านก็ตั้งโรงงานขายของเก่าได้เลย เวลาว่างหลังจากตื่นผมนั่งดูพวกพี่มันตัดต่อหนังและทำคลิปกันสนุกสนาน ตอนเย็นก็ก๊งเหล้ากันเหมือนเดิม

เหมือนกับวันนี้ คืนวันที่ห้าของการอยู่อาศัยแบบมัดมือชก

“เดี๋ยวรุ่นน้องที่มอกูแวะเข้ามานะ” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น ต่างคนต่างก็พยักหน้าเข้าใจ

สิบห้านาทีให้หลัง เสียงรถยนต์ดังขึ้นตรงหน้าบ้านก่อนเสียงเจื้อยแจ้วจากคนด้านนอกจะแว่วเข้าหู พี่ต้นอาสาลุกไปเปิดประตูให้ก่อนผู้หญิงสี่ห้าคนจะเดินเข้ามาทักทาย

“สวัสดีค่ะ คืนนี้ขอแจมด้วยคนนะ”

และบ้านที่ไอ้พี่ต้นมันบอกตลอดว่าไม่ใช่แหล่งซ่องสุมก็กลายเป็นอย่างที่ปากมันพูดไม่มีผิดเพี้ยน ต่างคนต่างดื่มและสังสรรค์ไปเรื่อยๆ ยิ่งดึกเพลงที่เปิดก็ยิ่งทวีความสนุก ผมมัวเมาไปกับแอลกอฮอล์ รู้ตัวอีกทีน้องผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามานั่งเบียดด้วยเรียบร้อย

มือของผมปัดป่ายไปบนตัวเธอ เรานัวเนียกันอยู่อย่างนั้นค่อนข้างนานก่อนจะจับหน้าขาวนั้นเอาไว้พร้อมกับประกบริมฝีปากลงไป เราจูบกันเงียบๆ แทนที่จะเหมือนกับที่ผมจูบผู้หญิงคนอื่น ทำไม...

ถึงมีภาพของไอ้เติร์ดฉายชัดขึ้นมา

ปากของเรายังประกบกัน ผมตั้งใจและอดทนเพื่อไปข้างหน้าต่อและดูเหมือนอีกฝ่ายจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายกลับชะงักค้าง

ผมคิดถึงจูบของไอ้เติร์ด นึกถึงหน้าของมันตอนร้องไห้ นึกถึง...ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน

“โธ่เว้ย!!” ความอัดอั้นตันใจที่มีมาตลอดทำให้ผมผละออกจากรุ่นน้องคนนั้น และเอาแต่สบถเสียงดังจนคนโดยรอบหันมามองเป็นตาเดียว

ทำไมวะ! ทำไมถึงกลายเป็นกูที่ลืมไม่ได้!

ผมได้แต่นั่งก้มหน้าเพราะทำอะไรไม่ถูก จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวตรงกระบอกตา ไม่หรอก ผมไม่ได้กำลังร้องไห้ ผมแค่เมา...

โลกที่ไม่มีไอ้เติร์ดมันไม่ใช่ไม่ดีหรอก แต่มันเหี้ย เหี้ยมากเกินไป


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-06-2017 17:07:43

“ไอ้ค่าย มากับกูหน่อย” เสียงของพี่ต้นฉุดให้ผมต้องลุกขึ้น เราเดินไปหลังบ้าน มือหนาส่งบุหรี่ให้ผมมวนหนึ่งก่อนเราจะยืนสูบกันเงียบๆ

ควันสีขาวลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ผมมองมันค่อยๆ สลายไปกับความมืดแบบนั้นไม่รู้กี่ครั้งกระทั่งบุหรี่ในมือลดลงครึ่งหนึ่ง

“ที่หนีมามุดหัวอยู่บ้านกูไม่ใช่เครียดเรื่องเรียนใช่มั้ย”

“...” ผมไม่ตอบ

“คนมาบ้านกูส่วนใหญ่ไม่หนีร้อนก็หนีรัก”

“บ้านพี่มึงไม่ใช่ทะเล ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น”

“อาการแม่งฟ้อง”

“ดูออกขนาดนั้นเลย” หรือบางทีพี่ต้นอาจเป็นที่ปรึกษาที่ดีของผมในตอนนี้วะ ที่ผ่านมาคือมองความติสท์และเก่งของมันไม่น่าจะช่วยอะไรได้ กับความรักมันเซนสิทีฟกว่านั้น

“ไอ้ค่าย ทำอย่างกับกูไม่รู้จักมึง”

“จริงๆ ก็หนีรักมาอย่างที่ว่าแหละ พอดีมีปัญหากับเพื่อนนิดหน่อย”

“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อว่างั้น” ไอ้ห่า ฉลาดฉิบหาย เรื่องเสือกๆ นี่รู้ทันตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ยอมคุยกันตั้งแต่วันที่มาแรกๆ แล้ววะ

“เพื่อนสนิทผม...เป็นผู้ชายว่ะ”

“อืม กูก็ไม่เห็นมึงสนิทกับผู้หญิงคนไหน ส่วนใหญ่จับแดกหมด”

“ฆวย”

ใครต่างก็รู้ว่าผมแยกสถานะของเพื่อนกับคนรักไว้อย่างชัดเจน ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นเพื่อนกับผม แน่นอนว่าเราไปไกลกว่านั้นไม่ได้แน่ กรณีไอ้เติร์ดก็เหมือนกัน คาราคาซังฉิบหาย

พี่ต้นคีบบุหรี่ในมือขึ้นมาสูบอีกรอบก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมา ผมมองอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ แล้วตัดสินใจถามต่อ

“รับได้เหรอ เพื่อนเป็นเกย์”

“ทำไมจะไม่ได้ก็นั่นเพื่อน”

“แต่ตอนนี้เพื่อนไม่ได้คิดอย่างนั้น”

“แล้วรู้สึกยังไงกับมัน รังเกียจมั้ย อยากตีตัวออกห่าง หรือรู้สึกอะไร...”

“ไม่รู้ดิ ถามว่ารังเกียจมั้ยก็ไม่ แต่เรื่องตีตัวออกห่างมันมาเป็นบางครั้งว่ะ เหมือนสิ่งที่เราคิดกับมันคิดไม่เหมือนกัน บางทีก็อยากปลีกตัวออกมา อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่พี่รู้มั้ย นับวันมันก็ยิ่งทำได้ยาก”

“...”

“ที่ผมหนีมาอยู่กับพี่ก็เพื่อที่จะลืมมัน แต่สุดท้าย...กลับคิดถึงมากกว่าเดิม คิดถึงหน้ามัน คิดถึงจูบของมัน ทั้งที่ปากบอกว่าอยากให้มันตัดใจและเป็นแค่เพื่อน โคตรย้อนแย้งเลยว่ะ” ความคิดไม่ได้ขาวหรือดำ มันเทาๆ คลุมเครือจนหาคำตอบไม่ได้

   “งั้นกูถามหน่อย” ร่างผอมทิ้งบุหรี่ลงพื้น พลางใช้เท้าเหยียบจนไม่เหลือควัน “เวลามึงจะดูหนังสักเรื่องมึงเลือกจากอะไร เนื้อหา ชื่อผู้กำกับ ความหน้าตาดีของนักแสดง กระแส หรือว่ารสนิยม”

   คำถามยาวเหยียดนั้นถูกส่งออกมา คนทำหนังเราจำเป็นต้องดูหนังหลากหลายแนว แต่ในบางครั้งเราก็เลือกดูมันจากความชอบเพื่อตอบสนองความต้องการทางจิตใจ มากกว่าดูเพื่อศึกษาหาความรู้

   “ถ้าเป็นผมก็คงเลือกตามรสนิยม ชอบแนวไหนก็จะดูแนวนั้นบ่อยๆ”

   “ถูกมั้ย แล้วมึงชอบแนวไหน”

   “Sci-fi thriller ดิวะ”

   “แล้วแนวที่มึงไม่ชอบล่ะ”

   “แอนิเมชั่น เลือกได้ก็จะไม่ดู”

   “เมื่อก่อนกูแม่งคิดเหมือนมึงเด๊ะเลย แต่พอวันนึงที่เติบโตขึ้นมึงจะเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกเยอะ”

   “...”

   “การเลือกดูหนังแม่งก็เหมือนกับการเลือกคนรักนั่นแหละ น้อยมากที่เราจะดูแนวที่เราไม่ชอบ เพราะมึงตั้งกำแพงเอาไว้ว่ามันไม่ดี ไม่สนุก แต่ถ้ามึงลองเปิดใจบางทีมันอาจจะดีก็ได้”

   ปรัชญาเว่อร์

   น้ำเสียงเอื่อยๆ พล่ามมายาวเหยียด โดยที่ตัวคนพูดเองก็ไม่ได้หันมาสบตากับผมสักนิด พี่มันยังเอาแต่มองแมกไม้ มองท้องฟ้าตามอารมณ์ศิลปินของมัน แต่ทุกประโยคนั้นกลับค่อยๆ ฝังเข้าไปในจิตใจของผมเรื่อยๆ

   “ทุกวันนี้กูดูแอนิเมชั่นตลอดเลยนะ ไม่ได้โดนบังคับให้ดูด้วย แต่ใจแม่งเลือกเอง”

   “พี่ก็พูดได้ดิ หนังกับชีวิตจริงมันก็ต่างกันเยอะอยู่นะ ผมคงรับไม่ได้หรอกว่ะ”

   “นี่มึงรับไม่ได้ หรือต้องการหนีความจริงที่สังคมไม่ยอมรับกันแน่”

   จุก! จุกจนพูดไม่ออก

   “รักในชีวิตจริงแม่งไม่เป็นไปตามบทหรอกไอ้เหี้ย ขืนมึงเอาบรรทัดฐานของสังคมเข้าว่า ต่อให้มึงรักผู้หญิง มึงก็ต้องเจอปัญหาที่เขาว่าเหมือนกัน”

   “...”

   “คิดดูนะ เลือกให้คนด่าเพราะมั่วผู้หญิงไปเรื่อย หรือจะถูกนินทาว่ารักผู้ชายแต่คบแค่คนเดียว โดนด่าเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกันนะเว้ย”

   “พี่ต้น ผม...”

   “นี่กูไม่ได้บอกให้มึงไปชอบผู้ชายนะ แต่อยากให้มึงตัดสินใจด้วยตัวเองโดยไม่เอาสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง มึงโตละ จะเป็นผู้ใหญ่แล้วเนี่ย”

   “...”

   “เลิกเหี้ยได้แล้ว”

   ผมรู้สึกอยู่อย่างหนึ่งหลังจากเวลาได้หมุนเวียนไป แม้โลกจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ความเป็นพี่น้องและผองเพื่อนของเรายังคงเหมือนเดิม ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจไม่เตือนผม ไม่กล้าบอกหรือด่า แต่กับพี่มัน...คำว่าเหี้ยคำเดียว ทำเอาจุกอยู่ที่อกจนสลัดไม่ออกเลยว่ะ

   หรือบางที...ผมควรโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ววะ











   คืนนั้นผมคิดซ้ำๆ ถึงเรื่องของไอ้เติร์ด เลื่อนดูฟุตเทจมากมายที่ถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ในนั้นมีวิดีโอของไอ้เติร์ด ไอ้โบน และไอ้ทูที่เราเคยทำด้วยกัน รอยยิ้มของไอ้เติร์ด เสียงหัวเราะของมัน ท่าทางบ้าๆ บอๆ ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง

   เราอยู่ด้วยกันมาตลอดสองปี ผมรักมันมากและไม่เคยคิดอยากเลิกคบมันแม้แต่วันเดียว ผมคิดว่านั่นเป็นความรู้สึกของเพื่อนมาตลอดจนกระทั่งวันที่ได้จูบกับมัน ตอนที่เห็นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มและพูดแค่คำว่าขอโทษ แม่งกลับทำให้คนเหี้ยๆ อย่างผมลืมไม่ลงซะอย่างนั้น

   ทุกอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ จากตอนแรกที่มักคบหากับใครเป็นตัวเป็นตน แต่เพราะไอ้เติร์ดถูกก่อกวนโดยแฟนเก่าของผมมากขึ้น สุดท้ายผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่คบกับใครยืดยาวอีก หนักว่านั้นคือผมเลือกไม่พาใครเข้าห้องอีก เพราะเอาแต่คิดว่าวันหนึ่งเพื่อนคนนี้จะกลับมา และเราได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

   “นอนเถอะไอ้ค่าย พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้ว” แม้ภายในห้องจะปิดไฟจนมืดสนิท แต่หน้าจอแล็ปท็อปที่ส่องสว่างอยู่ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงผงกหัวขึ้นมาปรามกลางดึก

   “อืม แป๊บนึงพี่ แต่พรุ่งนี้...ผมยังไม่อยากไป”

   “นี่มึงอยู่บ้านกูมาห้าวันแล้วนะ พรุ่งนี้วันที่หก”

   “นับด้วยเว้ย”

   “จะทำอะไรก็คิดดีๆ เพื่อนมึงคงเป็นห่วง แล้วอย่าคิดว่าเรียนไม่สำคัญ นิเทศฯ กิจกรรมหนักด้วย จะทำอะไรก็นึกถึงส่วนรวมหน่อยนะ ไม่ใช่เอาแต่ตัวเอง”

   “บ่นจังวะ” เหมือนพ่อกูเลยว่ะ ที่เลือกไม่กลับบ้านก็กลัวจะโดนด่าเนี่ยแหละ ไหงไอ้พี่ต้นมันเป็นซะเอง

   “กูไม่ยุ่งละ รำคาญ” เสียงที่กวนประสาทหายไป ผมหันมาจดจ่อตรงหน้าจออีกครั้งพร้อมกับเปิดดูรูปเก่าๆ มากมาย แปลกดีเหมือนกันที่ทุกช่วงเวลาในชีวิตมหา’ลัยของผม ล้วนมีไอ้เติร์ดอยู่ในนั้น

   ไอ้โบนกับไอ้ทูนี่เหมือนหมาหัวเน่าในยุคหนึ่ง เพราะต่างคนต่างมีแฟน แต่ไอ้เติร์ดไม่มีใคร การเสียสละของผมเลยเป็นการใช้ชีวิตเกาะติดมันและชวนแม่งทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเหงา

   ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ทำเรื่องเหี้ยๆ กับไอ้โบนด้วยการลองใจมัน เพราะคิดว่ายังไงไอ้เติร์ดก็ไม่มีทางรู้ แต่ความลับไม่มีในโลก สุดท้ายผมก็ทำให้เพื่อนคนหนึ่งต้องเจ็บปวดอยู่ดี

   ผมปิดมือถือมาตลอดหลายวันหลังจากบอกทุกคนว่าขอเวลาพัก นั่นทำให้โซเชียลต่างๆ ก็ต้องปิดตามไปด้วย แม้แต่แล็ปท็อปที่เอาติดตัวมาก็เพิ่งได้เปิดใช้เป็นวันแรก

   ผมเลื่อนมือกดไปยังแอพพลิเคชั่นสีเขียวตัวหนึ่ง มันชื่อว่าไลน์ ที่ที่มีผู้คนมากมายติดต่อเข้ามา และเมื่อระบบทำการซิงก์ข้อมูลจนเสร็จ หนึ่งในข้อความนับร้อยก็มีของเพื่อนแก๊งโหดด้วย

   ‘กลับมาได้แล้ว เพื่อนรออยู่’

   นี่เป็นข้อความจากไอ้โบน และสติ๊กเกอร์จากไอ้ทูส่งมาตามหลัง ไร้ซึ่งข้อความของใครอีกคน

   ห้าวันมานี้ผมได้แต่นั่งคิดว่ามันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนกันบ้างมั้ย ถ้าคิดถึงกันบ้างก็คงจะดี เพราะผม...ก็คิดถึงมันเหมือนกัน

   ในไลน์ของผมมีข้อความเป็นร้อยเป็นพันข้อความ หลังอ่านข้อความในกลุ่มเสร็จก็กดมาดูข้อความส่วนตัวบ้าง มีผู้หญิงมากมายทักเข้ามา และหลายคนก็กำลังอยู่ในช่วงการสานสัมพันธ์ต่อ ผมอ่านทุกข้อความอย่างตั้งใจ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้นนอกจาก...

   ลบทุกข้อความทิ้ง และตัดสินใจเริ่มต้นใหม่

   เย็นวันอังคารผมโทรหาไอ้ทูกับไอ้โบน นัดหมายพวกมันมาเจอที่ห้องเพื่อคุยถึงสิ่งที่ค้างคามานาน ความจริงที่ว่าไอ้เติร์ดแอบรักผมมาตลอดสองปี รวมถึงการที่ผมหาแฟนอย่างแพรวมาหลอกพวกมันด้วย สุดท้ายแล้วไง...ดูแม่งไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เหมือนพวกมันรู้อยู่แล้ว

   “มึง กูจะหยุดว่ะ” ผมนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หมุน ส่วนเพื่อนรักทั้งสองนั่งอยู่ที่เตียงอย่างคนจับผิด

   “กินอะไรผิดสำแดงมาวะ หยุดของมึงคืออะไร”

   “เลิกคุย เลิกมั่ว”

   “กูเห็นมึงพูดครั้งนึงตอนปีสอง ทำได้อาทิตย์เดียวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แม่งกูคงเชื่อหรอก” ตอนนั้นไม่เคยคิดด้วยซ้ำ แค่มีแฟนและอยากลอง แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่ได้ตั้งใจจะรักใครแค่คนเดียว ซึ่งต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

   “ตอนนี้ว่าจะตั้งใจจริงๆ คือกู...อยากจีบใครคนนึง”

   ไอ้โบนกับไอ้ทูมองหน้ากันเลิกลัก ก่อนจะประสานเสียงออกมาพร้อมกัน

   “ใครวะ!”

   “ไอ้เติร์ด”

   “นั่นเพื่อนกู กูไม่ให้!” คำสบถเสียงดังลั่นออกมาจากปากของไอ้ทู มันทำหน้าถมึงทึงจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อผมให้ได้

   “กูนอนคิดมาตลอดหลายวัน คิดอย่างจริงจังแบบไม่หลับไม่นอน กูอยากดูแลมัน”

   “ดูแลแบบเพื่อนก็ได้ เหมือนพวกกูเนี่ย” คราวนี้เป็นไอ้โบนที่ออกความเห็นบ้าง

   “กูเพิ่งรู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ความรู้สึกของมึงกับไอ้เติร์ดกูมีให้ไม่เหมือนกันว่ะ”

   “เติร์ดมันตัดใจจากมึงแล้ว”

   “...!”

   “และตอนนี้มันก็ทำเกือบสำเร็จ กูไม่อยากให้มันต้องเสียใจอีก”

   ความจริงจากปากของไอ้ทูทำเอาผมอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหน้าผมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้อีกฝ่ายตัดใจ แต่พอมาได้ยินคำตอบนั้นอีกครั้งผมกลับไม่ดีใจเลยสักนิด

   “กูอยากแก้ตัว อยากขอโอกาสอีกครั้ง แค่ขอให้มึงช่วย” ผมพูดต่อ

   “แล้วมึงจะรับประกันได้ไงว่าจะไม่ทำให้ไอ้เติร์ดต้องเสียใจอีก มันร้องไห้เพราะมึงมาเยอะแล้วนะเว้ย”

   “กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ”

   มันสองคนสลับกันพูดอย่างเข้าขา หากแต่สายตากลับฉายแววเป็นกังวลอยู่

   “มึงจะเชื่อหรือเปล่าไม่รู้ กูไม่มีอะไรมารับประกัน”

    “...”

   “แต่ไอ้เติร์ดเป็นคนแรกที่ทำให้กูอยากมี...”

   “...”

   “คู่ชีวิตดีๆ สักคน”











   ภารกิจเปลี่ยนเพื่อนเป็นแฟนได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากตกลงกับเพื่อนรักอีกสองคน เย็นวันเดียวกันผมแวะไปหาคนที่อยู่ในหัวผมตลอดหลายวัน มันกำลังนอนอยู่ที่ห้องในสภาพเนื้อตัวอ่อนปวกเปียก แค่ได้เห็น ความรู้สึกอยากดูแลก็พุ่งจู่โจมเข้ามาเรื่อยๆ

   ผมเดินหน้าจีบมันอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่วันเริ่มแคสต์นักแสดงจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ดีมีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะสนใจ ระยะห่างของผมกับไอ้เติร์ดเริ่มมากขึ้นทุกที ปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด เดี๋ยวนี้แค่เดินเข้าใกล้เจ้าตัวก็เป็นอันขยับหนี ไอ้ทูเลยเสนอว่าการจีบแบบผมอาจใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างมัน

   เพราะงั้นก่อนจีบใหม่ ผมเลยต้องเปลี่ยนตัวเอง

   “อันดับแรกเลยนะ ลบคอนแท็กผู้หญิงทั้งหมดที่มึงมี เหลือไว้แค่เพื่อนกับรุ่นพี่ที่มึงสนิทพอ” วันนี้มีนัดทำรายงานที่ห้องผม พอมาถึงมันสองตัวก็ออกคำสั่งให้เปิดคอมและยืนคุมสถานการณ์อยู่ห่างๆ

   “เริ่มที่เฟซบุ๊กเลยแล้วกัน” ว่าแล้วก็กดเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นตัวเอฟ

   ผ่าง!! เพื่อนเกือบห้าพัน ติดตามอีกเป็นหมื่น

   “ปิดติดตาม” ไอ้โบนบอก และผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย

   “ปิดละ”

   “ต่อมาคือลบเพื่อน” แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยาก เลยนั่งลบแบบไม่คิดชีวิตจนกระทั่ง...

   “คนนี้นมใหญ่จัง” เห็นแล้วก็เสียดาย ไซส์นี้คือหายากมาก เต็มไม้เต็มมือกูสุดๆ ไปเลยครับ แต่คือคนจะเริ่มต้นใหม่ก็ต้องตัดใจสิวะ

   “เชี่ยค่าย อย่าเพิ่งลบ” แต่แล้วไอ้ทูกลับเบรกมือของผมซะก่อน

   “ทำไมวะ”

   “ขอกูแอดเฟรนด์เขาแป๊บ เสร็จแล้วมึงจะลบก็ลบไปเลย”

   “โหยไอ้ควายยยยยยยย”

   จากเพื่อนเกือบห้าพัน ตอนนี้เหลืออยู่ร้อยกว่าคนเท่านั้น กูนั่งร้องไห้แป๊บ สะอื้นในใจได้ห้านาทีโทรศัพท์ก็ถูกยัดใส่มืออย่างรวดเร็ว หน้าจอปรากฏรายชื่อที่ผมฟอลโล่อยู่ในอินสตาแกรม คือแบบว่า...

   “อันฟอลให้หมด”

   “บางคนแทบไม่ใส่เสื้อถ่ายรูปเลย เสียดายว่ะ”

   “งั้นก็เลิกจีบเพื่อนกูนะ”

   “เออ อันฟอลเลย เห็นมั้ย กดรัวเลยเนี่ย” แทบไม่รอให้บอกซ้ำผมก็ซัดซะเต็มเหนี่ยวจนเหลือคนติดตามอยู่ไม่กี่คน ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น

   ในไลน์หลังจากลบบทสนทนาผมก็ทำการบล็อกเบอร์และปิดการติดต่อกับผู้หญิงทุกช่องทาง เรียกได้ว่าตอนนี้ผมตัดขาดจากทุกอย่างที่ชีวิตประจำวันเคยทำมาอย่างสิ้นเชิง

   “ต่อไปมึงคงรู้นะว่าควรจัดการชีวิตยังไง กูจะช่วยอยู่ห่างๆ แต่มึงเองก็ต้องช่วยตัวเองด้วย”

   “รู้แล้ว ขอบใจมาก”

   “แล้วนิสัยขี้เอาของมึงก็เหมือนกัน ไม่มีหญิงมาซั่มแล้วก็หาวิธีเอง”

   “โลกสวยด้วยมือเราก็ได้วะ” ผมพูดอย่างปลงตกพลางชูมือขึ้นมาอย่างสั่นๆ

   คือเรื่องเจ้าชู้มันก็วนเวียนอยู่ไม่กี่เรื่อง ปัญหาหนักๆ ที่ผมหยุดตัวเองไม่ได้ก็เพราะนิสัยขี้เอานั่นแหละ ถ้ายังมั่วไปเรื่อยเหมือนเมื่อก่อนไอ้เติร์ดได้ขุดหลุมฝังกลบกูแน่ๆ ดังนั้นผมจึงต้องหาทางออกสำหรับปัญหานี้ด้วยตัวเอง

   “เดี๋ยวเตรียมทำรีพอร์ตเลย ไอ้เติร์ดไลน์มาบอกว่าถึงคอนโดมึงละ”

   “เหรอๆ กูต้องทำยังไงวะ กูไปเปลี่ยนเสื้อดีมั้ย”

   “มึงเป็นฆวยไร ทำตัวให้เป็นปกติสิวะ” ผมก้มมองสารรูปตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาว กับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวแถมไม่ใส่กางเกงในอีกต่างหาก

   โทงเทงไปอีกกู แต่ไม่เป็นไร ใหญ่!

   ก๊อกๆๆ

   ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมตั้งท่าจะวิ่งไปเปิดแต่ก็ถูกไอ้ทูขวางเอาไว้ซะงั้น มันส่งสายตาให้ผมถอยไปก่อนตัวเองจะเดินอาดๆ ไปหมุนลูกบิดให้คนที่รอด้านนอก

   ข้อจำกัดของผมอีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนกำหนดไว้ก็คือ อยู่ในระยะที่ห่างกับไอ้เติร์ดพอสมควร อย่างน้อยมันจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดและถูกรุกมากจนเกินไป

   “มานานแล้วเหรอวะ” คนที่อยู่ในชุดนิสิตถามขึ้น เราเลยพยักหน้ากันหงึกหงัก มองดูร่างขาวโปร่งหยิบเอาแล็ปท็อปขึ้นมาตั้งตรงโต๊ะญี่ปุ่นด้านล่าง

   “นั่นของไอ้โบนกับไอ้ทู มึงขึ้นไปนั่งบนเตียงไป” ผมบอกเสียงเรียบ ทำใจให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

   “อืม เริ่มทำงานกันเถอะ เสร็จเร็วจะได้กลับเร็ว”

   “พรุ่งนี้ไม่มีซ้อมละครเวทีหนิ ทำไมรีบจังวะ” ผมถามอย่างสงสัย

   “ไม่อยากอยู่ห้องใครนานน่ะ อยากกลับไปพักที่ห้อง”

   คำตอบนั้นคงเป็นแค่กับห้องของผมล่ะมั้ง...

   “หิวมั้ย”

   “กินมาแล้ว”

   “เหรอ แต่ถ้าหิวบอกได้ กูออกไปซื้อให้”

   “ไม่ต้องหรอก ทำงานกันเหอะว่ะ” คนตรงหน้าปิดโอกาสผมไม่ให้พูดอะไรอีก เราเลยนั่งทำงานกันไป เปิดเพลงฟังกันไป จนเวลาล่วงเวลาเกือบสองทุ่ม ไอ้ทูกับไอ้โบนบ่นหิวบ่อยจนน่าตบเลยอาสาออกไปซื้อของกินมาให้ ดังนั้นห้องทั้งห้องเลยอยู่ในสภาวะเดดแอร์อีกครั้ง

   ผมกับไอ้เติร์ดมองหน้าสลับกันไปมา สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไรจนผมต้องทำใจกล้าเป็นฝ่ายเริ่มต้น

   “เห็นในเฟซบุ๊กละครเวทีเมื่อวันก่อน ตลกเนาะ”

   “...” มันเงยหน้าขึ้นมามอง

   “รูปที่ถ่ายมึงนั่งกินไง” ความจริงผมบอกแอดมินให้ใช้แคปชั่นนั้น แถมเหมือนจะได้ผลเพราะคนไลค์เป็นพัน จะมีก็แต่มันเนี่ยแหละที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

   “ก็ไม่ตลกหนิ ว่าแต่...แพรวอ่ะ ทำงานร่วมกันได้เหรอ” บทสนทนาถูกเปลี่ยนอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่พลางคิดหาข้อแก้ตัวในหัว

   “ได้ดิวะ ก็ไม่ได้คบกันแล้ว”

   “อ่อ”

   “ทำไม มึงห่วงกูเหรอวะ”

   “ก็ห่วงตามประสาเพื่อน” คำว่า ‘เพื่อน’ มันเสียดแทงใจจนรู้สึกเจ็บ เหมือนมีดที่มองไม่เห็นพุ่งมาแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรู้สึกนี้สินะที่กูเอาแต่ย้ำเตือนมึงตลอดเวลาที่ผ่านมา

   เรานั่งทำงานกันต่ออย่างเงียบๆ กำแพงไอ้เติร์ดสูงขึ้นมาก จะคุยอะไรทีผมก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะพูดออกไปดีมั้ย แต่พอกรองผ่านสมองได้ผมก็รู้ว่าไม่ควรพูดออกไป เลยทำได้แค่ผินหน้าเข้ากำแพง และตั้งหน้าตั้งตาทำงานเช่นกัน

   เวลาสองทุ่มเลื่อนผ่านเป็นสามทุ่ม ไอ้เควี่ยสองตัวยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าหนีไปติดนมหญิงที่ไหน ด้วยความเป็นห่วงผมจึงหันไปถามใครอีกคนว่าหิวหรือเปล่า

   “เติร์ดถ้า...” พูดไม่จบประโยคดี คนที่เป็นห่วงมาตลอดก็ฟุบหลับไปกับเตียงแล้วเรียบร้อย

   ผมผละออกจากโต๊ะทำงาน เดินอย่างเหม่อๆ ไปหาคนขี้เซา ผมไม่กล้าเสียงดัง ไม่กล้าทำกระโตกกระตากจนรบกวนการนอน ที่ทำได้เลยเป็นการก้มหน้าจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ เท่านั้น

   “เวลามองอย่างนี้มึงก็น่ารักดีนี่หว่า” ผมพึมพำเบาๆ เลื่อนสายตามองไปยังริมฝีปากสีสดที่เม้มเข้าหากันและคลายออกเป็นบางครั้ง มันทำให้ผมนึกถึงจูบของเราเมื่อไม่นานมานี้

   ดวงตาที่เศร้าหมองของมันปิดลง ขนตาสีดำงอนยาวจนผมประหลาดใจ ทั้งคิ้ว ทั้งจมูก ผมไม่เคยสังเกตเลยสักครั้ง หรือเพราะเคยชินเลยไม่เคยมองลึกถึงรายละเอียด

   เออน่ารักว่ะ!

   มีเพื่อนน่ารักอยู่กับตัวเสือกไม่รู้ มองหาแต่คนไกลให้เหนื่อยทำไมตั้งนาน ยิ่งคิดใจมันก็อดเลื่อนหน้าเข้าไปมองมันใกล้ๆ ไม่ได้ เราใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจที่สม่ำเสมอ อยาก...

   จู่ๆ ความรู้สึกเหี้ยๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง มึ๊งงงงงงงงง ไอ้อาการขี้เอานี่มันรักษายังไงวะ แค่มองหน้าน้องชายกูก็แข็งโด่ขึ้นมาละ นี่อยู่กับไอ้เติร์ดมานานไม่เคยเป็น พอวันหนึ่งคิดไม่ซื้อขึ้นมาเสือกมาถี่เชียว

   แล้วตอนนี้เล่นใส่แค่บ็อกเซอร์ด้วย นี่ตุงจนกางเกงปริ ทำได้แค่เอามือกุมไว้และตั้งท่าจะขยับออกมา แต่คนจะซวยช่วยไม่ได้เมื่อคนที่หลับไม่รู้เรื่องก่อนหน้าลืมตาขึ้นมาซะก่อน

   “ไอ้ค่าย...”

   “ฮะ! อะไรนะ กูออกกำลังกาย” เสี้ยววินาทีผมใช้จังหวะนั้นกระเด้งตัวออกมาจากเตียงด้วยความเร็วเหนือแสง ก่อนจะคว่ำหน้าลงแล้ววิดพื้นไปมาเพื่อให้หายจากอาการฟุ้งซ่าน

   แป๊บๆ นอนเด้าพื้นแม่งเลย

   “เป็นส้นตีนอะไรเนี่ย มาออกกำลังกายอะไรตอนนี้” คนที่ค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งถามอย่างงัวเงีย ไอ้เหี้ยนี่มันกวนตีนครับ มองกูอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็ได้เห็นหรรมขยายขนาดของกูหรอก

   “กูฟิตไง สร้างกล้ามเนื้อ”

   “ฟิตเนสคอนโดมึงก็มี”

   “แบบนี้คือประหยัดเวลาไง เดี๋ยวกูมานะ” พูดเท่านั้นก็รีบลุกขึ้นสาวเท้าเข้าส้วมทันที การจะปลดปล่อยโลกสวยด้วยมือเรานั้นเหมือนจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่อย่าลืมนะครับว่าไอ้เติร์ดอยู่ในห้องนอนผม ที่สำคัญคือถ้าเล่นแผลงๆ จนส่งเสียงดังออกไปไก่ตื่นแน่นอน

   สิ่งที่ทำได้คืออะไรเอ่ย?

   ผมหันไปมองตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เห็นกระปุกครีม ขวดโรลออนและน้ำหอมมากมายเรียงรายอยู่ การจะทำให้อารมณ์อยากลดลงนั้นบางทีอาจเป็นการเพ่งสมาธิไปที่สิ่งได้สิ่งหนึ่ง และเลิกคิดถึงเรื่องทางเพศซะ

   ชิ้นแรกที่หยิบขึ้นมาเลยคือน้ำหอม ผมหมุนดูโลโก้อย่างละเอียดก่อนจะวางลงตรงจุดเดิม ใช่! ที่วิธีทำให้ตัวเองหายจากอาการหื่นคือกูต้องนั่งเรียงขวดเครื่องสำอางให้โลโก้หมุนมาอยู่ตรงกลางทีละขวดอย่างใจเย็น ไอ้สัด! เหงื่อนี่ซึมอย่างกับก๊อก

   เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมเลยเดินไปที่ฝักบัว เปิดน้ำจนสุดให้เสียงดังๆ แล้วบริกรรมคาถาต่อด้วยห้านิ้วของตัวเอง สัด! สุดท้ายทำเหี้ยอะไรก็ไม่ได้ผลแถมตัวเปียกอีกต่างหาก

   ผมเดินออกมาจากส้วมพร้อมผ้าเช็ดตัว ทำทีว่าไปอาบน้ำ เห็นไอ้โบนกับไอ้ทูกลับเข้ามาแล้วเลยชวนมันคุยแก้เซ็ง จะมีก็แต่ไอ้เติร์ดเนี่ยดิที่กุลีกุจอลุกจากเตียงตรงดิ่งเข้าห้องน้ำเฉย

   ไม่ถึงนาทีมาแล้วครับเสียงของคนที่อยู่ด้านใน เจ้าตัวเดินออกมายืนหน้าถมึงทึงอยู่ตรงประตู เล่นเอาผมและไอ้โหดทั้งสองมองหน้ากันอย่างงุนงง

   “ไอ้ค่าย”

   “มีอะไร” มั่นใจว่าไม่ทิ้งหลักฐานไว้แน่ๆ ผมเลยไม่กังวลเรื่องนี้ 

   “ขนหรรมมึงกระจายเต็มพื้นเลยเนี่ย ไปเคลียร์ด้วย”

   ฟ้าคคคคคคคคคคคค!!

   “มึงไปทำอะไรในส้วมวะไอ้ค่าย” ไอ้โบนถามต่ออย่างรู้ทัน

   “มึงไม่ต้องเสือก พอดีช่วงนี้ฤดูใบไม้ร่วงมันเลยร่วงเยอะไปหน่อย”

   “ไม่ใช่มึงสีมันเยอะเหรอ”

   “นี่พวกมึงจะลามกกันอีกนานมั้ย รีบไปเคลียร์เลยกูเยี่ยวไม่ลง” เสียงของไอ้เติร์ดยุติความหื่นกามที่มีทั้งหมดลง ก่อนผมจะตั้งท่าเดินเข้าส้วมไปอย่างรีบเร่ง

   ปกติระหว่างผมกับไอ้เติร์ดเราค่อนข้างเปิดเผยกับเรื่องนี้นะครับ แต่ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้กูถึงกลายเป็นสาวน้อยวัยขบเผาะ รู้สึกอายทุกครั้งเวลาที่มันล่วงรู้ความจริงของการช่วยตัวเอง

   “ไอ้ค่าย” ผมหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวขาว

   “มีอะไร”

   “ต่อไปเวลาช่วยตัวเองเบาเสียงหน่อยนะ ไม่มีสมาธิทำงานเลยว่ะ”

   “ค...ครับ”

   ฟ้าคคคคคคคค ฟ้าคคคคคคคคค ไอ้เหี้ยฆ่ากูเหอะสัด ฆ่ากู!!!

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-06-2017 17:10:35

   ภาพลักษณ์ที่ปรับโฉมใหม่พังทลายไม่เป็นท่าหลังจากกูบ้าช่วยตัวเองในส้วม วันนี้เลยเอาใหม่ แต่งตัวอย่างดีด้วยการผูกไทด์ใส่ชุดนิสิตเต็มยศ เผื่อไอ้เติร์ดมันจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้บ้าง

   เรานัดเจอกันที่ได้ถุนตึกตามปกติ แต่วันนี้ผมจะเริ่มเปลี่ยนตัวเองด้วยการขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ไอ้เติร์ดมันเคยบ่นผมบ่อยๆ ว่าชอบขับรถเร็ว ซึ่งตอนนี้กูเริ่มทำได้แล้วนะ

   พอไปถึงคณะไอ้เพื่อนรักสามตัวก็นั่งทำหน้ายักษ์ใส่ทันที

   “มึงขับไปเขาใหญ่มาเหรอ พวกกูรอนานแล้วเนี่ย” เมื่อไอ้ทูเห็นผมเดินเข้ามา มันก็จัดการใส่ยับทันที

   “หรือว่าเพิ่งตื่น” ไอ้โบนจี้อีก

   “ก็ออกมาตามปกตินั่นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ขับชาวีช้าลง กลัวอันตราย” ผมตอบกลับอย่างใจเย็น สองตาก็มองไปยังคนตัวขาวที่นั่งอยู่กับไอ้หมาสองตัวนี่ด้วย

   “มึงขับเท่าไหร่ครับเพื่อน นี่เลทมาชั่วโมงนึงเลยนะ”

   “สี่สิบ”

   “บิ๊กไบค์พ่องขับสี่สิบ ไอ้ควาย มึงคิดว่ามึงนั่งสล็อตเคลื่อนที่อยู่เหรอ” โอ้โหด่าซะกูเสียหมาเลย นี่ถ้าไม่ติดที่พวกมันรับปากจะช่วยผมจีบไอ้เติร์ดนะ กูเดินไปตบกะโหลกปลิวไปนานแล้ว

   “เอาเถอะ ไหนๆ ไอ้ค่ายมันก็มาแล้วเรารีบขึ้นห้องเหอะว่ะ” ยังดีที่ไอ้เติร์ดช่วยเปลี่ยนประเด็นทัน ผมเลยไม่โดนยำหนักอย่างที่คิด   

   วันนี้เราเรียนห้องสโลป แถวหลังสุดแก๊งโหดมักจองเพราะไม่ชอบอยู่หน้า แม้อาจารย์จะมองเห็นได้ชัดที่สุดก็ตาม ผมเดินนำไปก่อน ทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะเลกเชอร์ตัวหนึ่ง พอเห็นว่าร่างโปร่งของไอ้เติร์ดเดินตามมาก็เบาใจ ยังไงเราก็คงนั่งติดกันเหมือนเดิม แต่เปล่าเลย…

   แม่งเสือกเดินตัวปลิวไปนั่งโต๊ะถัดไปถึงสองตัวโน่น!

   ไอ้โบนกับไอ้ทูเห็นเลยไอ้แต่ส่งยิ้มแหยมาให้ผม ก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โดยไม่พูดอะไร เราเรียนไปกันเรื่อยๆ แทนที่จิตใจของผมจะอยู่ตรงจอโปรเจ็กเตอร์ ตอนนี้มันกลับลอยไปอยู่ที่ใครบางคนซะมากกว่า

   “ไอ้ทู ขอยืมลิควิดหน่อย” สิ้นเสียงไอ้เติร์ดผมรีบเปิดกระเป๋าดินสอ แล้วหยิบลิควิดส่งไปให้เจ้าตัวทันที

   “นี่ๆ กูมี”

   “เออ ขอบใจ”

   ห้านาทีต่อมา...

   “ไอ้ทู สไลด์ก่อนหน้าอาจารย์บอกอะไรวะ ตรงบรรทัดที่สองอ่ะ”

   “กูจด เอาของกูไปดู” ผมไม่รอช้าโยนชีทให้อีกฝ่ายทันที มันก็มองหน้ากูเหมือนสงสัยเต็มแก่แต่ก็ไม่พูดอะไร รอกระทั่งอาจารย์เลิกคลาสไอ้โบนที่นั่งเงียบดูสถานการณ์อยู่นานเลยถามผมขึ้น

   “ไอ้ค่าย พรุ่งนี้มีเติร์สเดย์เทียร์เตอร์ไปดูกันมั้ย”

   “ไม่ไปอ่ะ เบื่อ” Thursday Theater เป็นกิจกรรมที่เด็กฟิล์มจัดขึ้นทุกวันพฤหัสฯ เพื่อให้นิสิตทุกคณะในมหา’ลัยมาดูและวิจารณ์หนังกันตามสไตล์เด็กฟิล์ม ซึ่งผมก็ดูจนตาแฉะไปหมดละ

   เมื่อเห็นว่าผมปฏิเสธมันก็หันไปถามคนที่นั่งถัดไปอย่างไอ้ทูทันที

   “มึง พรุ่งนี้ไปดูวิจารณ์หนังกัน”

   “อืม...ไปดิ ได้ข่าวว่าเขาจะเปิดประมูลแผ่นหนังด้วยหนิ หาเงินเข้าคณะไว้ทำละครเวที”

   “แล้วมึงอ่ะเติร์ด ไปมั้ย” จากที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ ผมรีบหันขวับจนคอแทบเคล็ด

   “เรื่องอะไรวะ”

   “Lost in translation”

   “ไปๆ”

   “เฮ้ยกูไปด้วย อะไรวะไม่ชวนกันเลยพวกมึงเนี่ย!” ผมโพล่งขึ้นทันควันหลังจากได้ยินว่าไอ้เติร์ดจะไป กูเกลียดตัวเองฉิบหายที่ย้อนแย้งได้ขนาดนี้ เพื่อนมันก็ส่ายหน้าเอือมระอาใส่นะครับ แต่กูไม่แคร์หรอก ผมยอมเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อไอ้เติร์ด และผมก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มันคืนมา

   ดังนั้นตอนเย็นผมเลยให้ไอ้โบนไปขนหนังเก่าๆ ที่อยู่ในกล่องออกมาร่วมกิจกรรมประมูล วันพฤหัสฯ ช่วงบ่ายสองเป็นเวลาว่างของเด็กฟิล์มปีสาม หลังเรียนเสร็จผมมองหาไอ้เติร์ดหน้าห้องฉายหนังอยู่นานเพราะมันปลีกตัวออกไปหลังเลิกคลาส แต่เจ้าตัวก็ยังไม่โผล่มาซะที

   “เชี่ยค่าย เข้ามารอข้างในก็ได้” ไอ้ทูสะกิดไหล่ผมยิกๆ

   “มันไปไหนวะ”

   “หาพี่เชนทร์ คุยเรื่องละคร”

   “ทำไมมันบอกมึงแต่ไม่บอกกู”

   “ทำอะไรกับมันไว้บ้างล่ะ มันคงอยากอยู่ใกล้กับมึงหรอก”

   “ก็พยายามแก้ไขอยู่นี่ไง”

   “ทำให้ได้ตลอดรอดฝั่งนะมึง นั่นไง มันมาละ” เพื่อนรักบุ้ยปากไปยังร่างโปร่งที่กำลังเดินมาเงียบๆ ผมโบกมือไปมาเป็นการเรียก สักพักไอ้เติร์ดก็เดินมาถึง

   “ไม่เข้าไปดูก่อนวะ”

   “รอมึงอ่ะ นี่กูซื้อขนมมาให้มึงด้วย เผื่อดูแล้วหิว” ผมยื่นถุงพลาสติกให้กับคนตรงหน้า ซึ่งมันก็รับมาอย่างงงๆ ก่อนเดินนำเข้าไป

   ทันทีที่ไอ้เติร์ดทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ ผมก็รีบเดินตามไปนั่งข้างๆ อย่างไม่รอช้า แต่ไม่ถึงนาทีต่อจากนั้นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ขยับตัวนั่งห่างออกไปอีกสองตำแหน่ง เล่นเอากูงงแตกไปเลยครับ

   “แอร์ตก มึงนั่งตรงนั้นแหละ”

   โอ้โห! เหมือนโดนเบรกอย่างแรงจนหน้าแทบคะมำ สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ครับนอกจากนั่งมองเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างเงียบๆ เท่านั้น

   ไอ้เติร์ดเป็นคนที่เวลาดูหนังจะตั้งใจมาก มันไม่แตะต้องขนมและน้ำที่ผมซื้อให้เลยแม้แต่น้อย ไม่นานคนมาใหม่ก็ทยอยเดินเข้าห้องระหว่างฉายหนังมากขึ้นเรื่อยๆ และก็โชคร้ายอีกที่เด็กใหม่เสือกมานั่งคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้เติร์ดเข้า

   “เฮ้ยพี่เติร์ด วันนี้มาดูหนังด้วยเหรอวะ” ไอ้ทอยปีสอง ร่าเริงไปทั่วอ่ะไอ้เหี้ยนี่

   “เห็นเขาบอกมีประมูลแผ่นหนังด้วย เลยอยากช่วยหาเงินเข้าคณะ”

   “ดีว่ะ นี่ผมก็เอามาเหมือนกัน เชี่ยยยยย เอาขนมมากินด้วยเหรอ”

   “อืม”

   “ขอกินหน่อยดิ”

   ไอ้ทอย ไอ้หน้าด้านนนนนน เติร์ดนั่นขนมกูครับ อย่ายกให้ใคร! ผมได้แต่บิดเร่าๆ มองดูทั้งคู่อย่างไม่สบอารมณ์ ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่ทำแบบนั้น

   “อือ เอาไปดิวะ” เหยดแหม่!

   ต่อยกับกูเหอะว่ะเพื่อนรัก นี่อย่างเดียวไม่พอมันเล่นยกให้ทั้งถุง

   ผมเลยได้แต่เก็บความอัดอั้นตันใจไว้คนเดียวจนกระทั่งหนังจบ รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรของงานเดินขึ้นมาบนเวทีก่อนจะดำเนินกิจกรรมต่อไป

   “เอาล่ะครับนิสิตทุกท่าน อย่างที่ทราบกันดีว่าวันนี้จะมีการประมูลแผ่นหนังกันขึ้นเพื่อหาเงินสมทบให้กับทางละครเวทีนิเทศศาสตร์ประจำปี และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มที่แผ่นแรกกันเลยครับ”

   ภาพถูกฉายขึ้นบนจอ เป็นแผ่นหนังเก่าๆ ที่ถูกหยิบมาวางโชว์ไว้บนเครื่องฉาย

   “Happy together ของน้องบูปีหนึ่งคณะสังคมครับ ราคาเริ่มที่สิบบาท เริ่มประมูลได้” การประมูลดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นหนังเรื่องหนึ่งถูกฉายบนจอจนเกิดเสียงฮือฮาคับคั่ง

   “อันนี้เป็นของไอ้คุณค่ายปีสาม เด็กฟิล์มของเรานั่นเอง”

   “...”

   “เป็นแผ่นหนัง AV ของแท้จากญี่ปุ่น SuperXX104 หน้าปกเป็นรูปน้องยูอิใส่เสื้อในที่ไม่ใช่เสื้อในด้วย ใครเป็นแฟนคลับน้องยูอิต้องจัดนะครับ ราคาเริ่มต้นที่ 0.99 บาท เริ่มประมูลได้”

   โหยยยยยยไอ้เหี้ย!

   ผมนี่รีบถลาเข้าไปตั๊นท้ายทอยของไอ้โบนทันที พ่องมึงตาย ใครสั่งใครสอนให้คุ้ยหนังโป๊กูมาประมูลวะ ผมไม่น่าไว้ใจให้มันเลือกเลยจริงๆ

   “มึงจะตีกูไม่ได้นะไอ้ค่าย ก็มึงเป็นคนบอกเองว่าให้กูจัดการแผ่นหนังเก่าๆ”

   “กูหมายถึงหนังทั่วไป ไม่ใช่ลับสิบแปดบวก ไอ้สัด”

   “เอาน่า นี่กูช่วยมึงนะเนี่ย ไหนๆ มึงจะเลิกเจ้าชู้แล้วก็ช่วยเลิกเสพอะไรแบบนี้ด้วยก็ดี”

   “มึงไม่ต้องมาพูดดี” เพราะตอนนี้ไอ้เติร์ดหน้าเปลี่ยนสีเรียบร้อยแล้ว

   สายตาที่มันมองผมเปลี่ยนไป หลงเหลือแต่ความสมเพชเวทนา โอ๊ยยยยยย กูจะบ้าตาย พออ้าปากจะแก้ตัวมันก็รีบผินหน้าหนีกลับไปมองเวทีซะอย่างนั้น

   “269”

   “โอ้โห ตอนนี้อยู่ที่ 269 แล้วครับใครให้อีก”

   “300”

   “300 แล้วครับ”

   โหลดดูอยู่บ้านดีกว่ามั้ยราคานี้ นี่ได้มาจากเว็บเถื่อน 18+ เว็บหนึ่ง ซื้อเหมาสิบแผ่นราคาแค่ 199 บาทเอง นี่ยอดขึ้นพรึบพรับ ไม่รู้ว่าอยากช่วยคณะหรือเห็นนมน้องเขาใหญ่ดีกันแน่

   “แล้วก็เสร็จสิ้นไป แผ่นของน้องยูอิขายได้ในราคา 300 บาทกับอีก 25 สตางค์ครับ เดี๋ยวติดต่อรับแผ่นได้ข้างเวทีเลยนะ ส่วนอันนี้เป็นบ็อกเซตหนัง AV สิบแผ่นจากไอ้น้องค่ายเจ้าเก่าคร้าบ คอลเล็กชั่นนี้รวมดาวสุดสวยทั้งนั้น ดูทีมีเสียวทั้งคืน ราคาเริ่มต้นที่ 19 บาทครับ ใครสนใจยกเลย” ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย

   ฟังแล้วล่ะเหี่ยใจ ไม่รู้จะมุดหน้าไปไว้ตรงซอกขาหนีบไหน นี่มึงขนมาทั้งกรุกูเลยถูกมั้ยไอ้โบน แล้วดูเด็กคณะอื่นครับ มองหาแต่กูกันเลิกลัก มึงจะมองหาความหล่อกูเหรอสาดดดดดดด ไอ้แต่นั่งไปด่าเพื่อนเลวๆ ไปจนกระทั่งบ็อกเซตนั้นถูกขาย

   “และนี่คือแผ่นสุดท้ายของน้องค่ายครับ มึงเอามาเยอะจังเลยนะ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า Circle of friends ราคาเริ่มต้นที่ห้าบาทครับ เริ่มประมูลได้”

   หน้าของผมชาไปทั้งซีก หลังจากเห็นแผ่นหนังเรื่องหนึ่งปรากฏสู่สายตา ถึงแม้พยายามกะพริบตาอยู่หลายครั้งผมก็ยังพบเหมือนเดิม

   นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ไอ้เติร์ดซื้อให้ผมตอนปีหนึ่ง และผมเก็บไว้ตลอดจนมาวันนี้ มันถูกนำขึ้นประมูลโดยที่ผมไม่เคยรู้เลย และมีไอ้โบนที่ไม่รู้เหี้ยอะไรเหมือนกันนำพาความหายนะมาให้

   “ไอ้เติร์ด กูไม่ได้จะขายนะ” ผมรีบบอกกับคนที่นั่งข้างๆ มันมีสีหน้าเจื่อนลงแต่ก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม

   “ไม่เป็นไร มันนานแล้ว ขายเถอะ”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย คือไอ้โบน...”

   “299 บาทครั้งที่สอง” เสียงของพิธีกรแทรกเข้ามาในโสตประสาท วินาทีนั้นยังไม่พร้อมแก้ต่างอะไรนอกจากยกมือขึ้นและโพล่งเสียงดังกลับไป

   “500 ครับ”

   “น้องค่ายซื้อหนังตัวเองนะครับ มีใครให้อีกมั้ย”

   “599 บาท” แล้วใครคนหนึ่งก็แทรกขึ้นอีก กูไม่ยอมหรอก แผ่นหนังเรื่องนี้ต้องกลับมาที่ผมให้ได้

   “599.89 เดี๋ยวโอนเข้าธนาคารให้เลย!”

   “มีใครให้มากกว่านี้มั้ยครับ งั้น 599.89 ครั้งที่หนึ่ง 599.89 ครั้งที่สอง และ 599.89 ครั้งที่สาม ปิดประมูล ไอ้น้องค่ายเอาแผ่นมึงกลับไป”

   ผมรีบวิ่งไปกระหืดกระหอบไปยังหน้าเวทีเพื่อรับแผ่นหนังเรื่องนั้นคืน ฮือ น้ำตากูจะไหล แพงกว่าซื้อมือหนึ่งอีกสัด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มันสำคัญที่ว่าคนให้กำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่

   ไอ้เติร์ดยังคงนั่งหน้านิ่งไม่หือไม่อือ ผมเองก็ว้าวุ้นใจแต่พูดแก้ต่างออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งลงเงียบๆ รอดูแผ่นหนังเรื่องต่อไปปรากฎบนหน้าจอ

   “เรื่องต่อไป Flipped ของน้องเติร์ดเด็กฟิล์มปีสาม ราคาเริ่มต้นที่สิบบาท เริ่มประมูลได้เลยครับ”

   “ไอ้เติร์ด...” นับเป็นประโยคที่พูดขึ้นหลังจากเห็นแผ่นหนังที่ตัวเองซื้อให้มันเมื่อปีก่อนกำลังถูกประมูล ใจคนดูกำลังพังไม่เป็นท่า มันบอกว่ารักหนังเรื่องนี้มาก ขณะเดียวกันมันก็สัญญากับผมไว้เป็นอย่างดีว่าจะเก็บเอาไว้อย่างดีที่สุด

   “กูเห็นว่ามันเก่าแล้ว เลยอยากเอามาประมูล”

   “แต่มึงจำไม่ได้เหรอว่ากูซื้อให้”

   “มึงไม่ใส่ใจอยู่แล้วหนิ อีกอย่างมึงก็ไม่ได้ชอบดูหนังเรื่องนี้ด้วย เอาเถอะ ช่วยคณะ” แต่มึงไม่ได้ช่วยกูเลย...

   ไอ้เติร์ดแม่งทำร้ายผมอย่างเจ็บแสบ แต่แค่นี้ก็คงไม่ได้ครึ่งกับสิ่งที่มันเจอมาตลอดสองปี ผมยินดีชดใช้ให้ทุกอย่าง อีกทางหนึ่งผมก็ไม่ยอมปล่อยมันไปเช่นกัน

   วันนี้มันกำลังตัดผมออกจากชีวิต ตรงข้ามกับผมที่กำลังดึงมันกลับเข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ กรรมตามสนองมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

   “ตอนนี้ 200 ครับมีใครให้อีก”

   “พันนึง!!” ผมตะโกนเสียงดังจนคนด้านหน้าหันมามองเป็นตาเดียว

   “ไอ้น้องค่าย มึงรวยจากการขายหนังโป๊ใช่มั้ย เอาเถอะมีใครให้เยอะกว่านี้อีกมั้ยครับ” รุ่นพี่แม่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมเคาะโต๊ะไปมาด้วยความตื่นเต้น “หนึ่งพันบาทครั้งที่หนึ่ง หนึ่งพันบาทครั้งที่สอง...”

   “พันห้าครับ”

   ไอ้เชี่ยทู ไอ้เลววววววววววววววว

   ทันทีที่เพื่อนรักหักกระดูกอย่างไอ้ทูยกมือขึ้น เลือดของผมก็ขึ้นหน้าทันที ไอ้ควายนี่ส่งยิ้มมาให้เหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมรู้ครับว่ามันตั้งใจแกล้งผม

   “มีใครให้มากกว่านี้อีกครับ”

   “สองพัน!” หมดตัวละแสรด เดือนนี้กูต้องแดกมาม่า ขออย่ายกมือแกล้งกูอีกเลย เพราะยังไงผมก็ต้องซื้อแผ่นหนังเรื่องนี้กลับมาให้ได้อยู่ดี

   และถือเป็นโชคดีของผมที่เพื่อนเห็นใจไม่ยกมือเพิ่ม ราคาปิดประมูลแผ่นหนัง 499 บาทในวันวานเลยพุ่งทะยานสู่สองพันบาทในวันนี้ ชีวิตกู...ร่อแร่สิ้นดี

   หลังจากได้แผ่นหนังมาครอบครอง กิจกรรมการประมูลก็เริ่มต่อจนจบ ไอ้โบนกับไอ้ทูขอตัวออกไปก่อน ผมเลยมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังกับไอ้เติร์ดบ้าง

   “ได้แผ่นหนังมาแล้ว”

   “อืม”

   “ตอนนี้ไม่มีเงินเลยเนี่ย วันนี้ขอไปกินข้าวเย็นกับมึงนะ”

   “กูจะออกไปคุยงานกับพี่ย้งยี้ต่อ”

   “เหรอ งั้นพรุ่งนี้ว่างมั้ย”

   “ไม่ว่างว่ะ นัดกับพี่เชนทร์” ผมทำหน้าละห้อยใส่ หากแต่มือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ไปยังบุคคลที่เพิ่งถูกพาดพิงถึง รอไม่นานเจ้าตัวก็ตอบรับ

   “พี่เชนทร์เหรอ พรุ่งนี้มีนัดอะไรกับไอ้เติร์ดอ่ะ เหรอ อ๋อ...เข้าใจ โอเคครับ...ครับ” พูดเสร็จก็วางสายทันที คนข้างๆ เลยชะงักเท้ามองหน้าผมนิ่ง

   “โทรหาพี่เชนทร์ทำไม”

   “ก็เห็นมึงบอกมีนัด พี่มันบอกแล้วว่าไม่มี”

   “...”

   “เอ้า ว่างเฉย!”

   “สัด”

   “งั้นพรุ่งนี้ไปกินข้าวที่คอนโดมึงนะ ส่วนแผ่นหนังนี่ก็เก็บไว้ซะ” ผมยัดซีดีเรื่อง Flipped เข้าใส่มือของคนตัวขาว ก่อนจะพูดกรอกหูอีกครั้ง “เอาไว้แลกของขวัญปีใหม่กับกูก็ได้ แต่อย่าทิ้งเลย”

   “ไม่ได้จะทิ้ง แค่อยากให้คนอื่นได้ดูเหมือนกัน”

   “ก็ปล่อยพวกมันไปหาเองดิ”

   “รำคาญมึงว่ะ จะไปไหนก็ไป กูจะกลับ”

   “ไหนบอกไปคุยกับพี่ย้งยี้ โกหกกูเหรอ”

   “โอ๊ยยยยยยยย รำคาญไอ้สัด กูจะไม่คุยกับมึงแล้ว!”

   “เกรี้ยวกราดทำไมน่ารัก”

   “ไอ้สัด”

   “เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราด”

   ตั้งแต่เรียนรู้ที่จะยอมรับความรู้สึกเบื้องลึกของตัวเอง ไอ้เติร์ดก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าแกล้งในสายตาของผมไปเลย











   ผมกลับมาที่ห้อง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงเล่นมือถือ ปกติมักพาสาวออกไปตีขลุมกันข้างนอก เดี๋ยวนี้ชีวิตเลิกยุ่งเลยมีเวลาว่างเย้อออออ

   ซึ่งบอกเลยว่าแฮปปี้ดี๊ด๊ามาก เพราะมันทำให้ผมได้มีเวลาคุยกับใครอีกคน

   นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้ไลน์คุยกัน...


K.Khunpol
เติร์ด


ผ่านไปห้านาที ขึ้น Read แต่ไม่มีการตอบกลับ


K.Khunpol
มึงทำไรอยู่
ไอ้เติร์ด



สเต็ปเดิมครับ อ่านแต่ไม่ยอมตอบ เหนื่อยใจจนอยากซุกหน้าร้องไห้ เกิดมาผมไม่เคยตามจีบใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ส่วนใหญ่ทักไปเขาก็อ่อยกลับ ส่งรูปนมมาสู้ยังไงก็มี แต่นี่...

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากความรักที่ท่านเรียก


K.Khunpol
มึงโกรธอะไรกูเหรอ
ขอโทษนะ



อ่านแล้วคราวนี้ก็ยังไม่ยอมตอบอีก หมดกำลังใจ ต๊อแต๊และสิ้นหวัง นี่ถอดเขี้ยวถอดเล็บหมดแล้วผมมันก็แค่ผู้ชายกากๆ คนหนึ่ง แต่กูไม่ยอมแพ้หรอกนะ คราวนี้ต้องเรียกร้องความสนใจมากกว่าเดิม


K.Khunpol
ทำ
ไม
ถึง
ไม่
ยอม
ตอบ
กู
ครับ
ที่
รัก

เติร์ดที่แปลว่าสาม
แชทมาทำเหี้ยไรนักหนา
คนจะนอน
K.Khunpol
เอ้าเหรอ งั้น...
ฝันถึงกูด้วยนะ



ชีวิต...รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยวัยขบเผาะ แค่พิมพ์คำว่าฝันถึงกูส่งกลับไป ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเขินจนตัวบิดแค่ไหน สัด! นี่เหมือนรักครั้งแรกของเด็กชายขุนพลเลย ผมเห็นข้อความ Read ปรากฏอยู่ตรงหน้า ได้แต่ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไร

และในวินาทีนั้น...


เติร์ดที่แปลว่าสาม
olo
   

   โอ๊ยยยยยยยยยย ดีใจเอ๊าะ ไม่รู้ทำไม แค่ไอ้เติร์ดส่งโคยให้จิตใจคนที่เฝ้ารอก็เต็มตื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เลยรีบส่งสติ๊กเกอร์กลับไปอย่างไวว่อง


K.Khunpol
(≧0≦)


ความรัก...ไม่เคยรู้สึกกับใครเท่านี้มาก่อนเลย มีความสุขเฟร่อ โอ้โห นอนเด้าหมอนข้างกันไป

ฝันเห็นกู ฝันเห็นฆวย

เลสโกจย้าที่รัก!






เมื่อวานวันเกิด บ.ก.มุก แล้วมุกก็อยากอ่านค่าย ลงให้แล้วน้า (Happy Birthday ค่า)
และก็ลงให้คนอ่านที่คิดถึงไอ้ค่ายกับนุ้งเติร์ดด้วยค่ะ
ตอนนี้ใครโง่ใครฉลาดไม่รู้แหละ รู้แต่ว่าเติร์ดไม่ง่ายแล้วนะคะ เชร้ดดดด
#ทฤษฎีจีบเธอ เจอกันตอนหน้านะคะ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 22-06-2017 17:25:13
หมั่นไส้อิค่าายยยย  นอนเด้าหมอนไปนะ  :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 22-06-2017 17:39:54
55555555 ค่ายยยย ทำไมเป็นคนที่ฮาแบบนี้ว้าา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 22-06-2017 17:48:18
โอ๊ยยยยยยยยยยยอิพี่ค่าย   ท๊นทนเน๊อะ  เติร์ดอย่าใจอ่อนง่ายๆลูก  เล่นตัวไว้ๆ    :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 22-06-2017 17:54:39
และแล้วก็ถึงเวลาที่ค่ายทำตัวมุ้งมิ้ง 5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 22-06-2017 18:02:13
มีประมาณแสนล้านอารมณ์ตอนอ่านตอนนี้ โง้ย น้องเติร์ดคลเย็นชาของพรี่ สมหน้าพี่ค่ายมัน ว๊ายๆ ทีตอนแรกมาให้เขาตัดใจ ทีงี้แหละดันมาชอบเขาเอง สมหน้า2
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 22-06-2017 18:08:46
จริงใจกว่านี้คงไม่มี จังไรกว่านี้คงไม่เจอ ได้ใจมากจ้ะค่าย รีบๆ กู้คะแนนกลับมานะถ้าไม่อยากสนิทกับนวลนางทั้งสองข้างของตัวเอง กร๊ากกกกกกกก  :laugh: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 22-06-2017 18:12:04
มีความสมน้ำหน้ามอบให้อิพี่ค่าย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-06-2017 18:15:54
#ทีมเติร์ด
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-06-2017 18:30:13
โฮะๆๆๆๆๆ  :haun5: :haun5: :haun5: :haun5: ได้แต่หัวเราะด้วยความสะใจเป็นไงละอิค่ายทำเขาไว้เยอะดีนัก ถึงจะแอบเห็นใจในเรื่องความโง่ของแกนิดๆก็เถอะนะ แต่เสียใจด้วยนี่ทีมเติร์ดย่ะ สะใจมากตอนทูบอกว่าเติร์ดตัดใจแล้ว คือมุมปากยิ้มหยันเลยอะ ต่อจากนี้ก็พยายามวนไปนะ แต่คงอีกนานเพราะตอนนี้ถึงแม้จะยังมีอาการอยู่บ้างแต่ก็เหมือนๆเติร์ดเริ่มหมดใจแล้วอะ สะใจโว้ยยยยย!!!!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 22-06-2017 18:31:56
สมน้ำหน้าค่าย สะใจมากๆ เติร์ดเอาคืนให้หนักเลยลูก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 22-06-2017 18:37:33
เกลียดการเรียงฝาขวดมากอะ
ทำไมเป็นคนตลกแบบนี้55555555555555555
ตลกจนสงสาร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-06-2017 18:39:19
ตอนนี้คือเยอะมากกกก ชอบบบบบ อ่านแบบจุใจดิ้นตายกับนายขุนพล 5555 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 22-06-2017 18:41:26
นี่ทีมเติร์ดลูกชายตั้งแต่แรกและ as always นะ พูดเลย

ตอนได้อ่านพาร์คของค่ายแล้วน้านนน รู้สึกสงสารลูกจับใจ ทำไมหนูต้องไปรักกับคนเหี้ยๆแบบนั้นด้วยลูกเอ้ยยยยยยยยยยยยย ตอนนี้หนูดีมากแล้วลูกที่ใจแข็ง เริ่มตัดใจ เริ่มใช้สมองมากกว่าหัวใจ เป็นอะไรทื่ดีงามจริงๆเลยทีเดียวเชียว สะใจมากตอนลูกเอาแผ่นหนังที่แม่งซื้อให้ไปประมูลเพื่อหาเงินช่วยเข้าคณะ

ส่วนมึงนะค่าย กูพูดเลยว่ากูสะใจมาก 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555 โดยเฉพาะตอนที่ทูบอกมึงว่าเติร์ดเริ่มตัดใจจากมึงได้แล้วอ่ะ โอ๊ยยยยยยยย 5555555555555555555555555555555555555555

โลกสวยด้วยมือเราไปตลอดชั่วกัปป์ชั่วกัลป์เถอะนะพ่อมหาจำเริญ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 22-06-2017 18:53:46
โถ่อิค่ายยยยยยยยยยยน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-06-2017 19:05:30
ไม่คิดว่าพี่ค่ายจะมีมุมแบบนี้
ทีแรกคิดว่ารู้เอง ที่ไหนได้เพราะเผือกล้วนๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 22-06-2017 19:11:51
โอ้ยยย อิค่ายยย รอเติร์ดไปเหอะ  จังไรจริง
สงสารเติร์ดจะมีแฟนหื่นอย่างเอ็งเนี่ยยยย
#ทีมเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 22-06-2017 19:19:46
โอ๊ย จมน้ำตามาหลายตอนนนน กว่าจะกลับมาดี๊ด๊าตามเดิม แต่ไม่เห็นใจค่ายหรอก ตอนนี้เราทีมเติร์ดเต็มสองขา อยากให้มันร้อนรน สมน้ำหน้า 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-06-2017 19:38:07
ให้นังค่ายมันนอนเด้าหมอนข้างไปสักสองปี เท่ากับระยะเวลาที่น้องเติร์ดของเจ๊ แอบรักนังค่ายจะดีไหมน้าาาา :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 22-06-2017 19:38:50
555
โคตรฮา ... ไหนใครว่า ค่ายโง่ ... ค่ายนี่ ไสย์ไสย์ เลย


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-06-2017 19:43:55
ค่ายเอ้ยย สงสารว่ะ555555 แต่หัวเราะอย่างสะใจนะ หึหึ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2017 19:44:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-06-2017 20:04:20
ขำอิค่ายหนักมาก 
เป็นตอนที่ฮาที่สุดตั้งแต่อ่านมา 5555555   
ความโชคดีของค่ายเติร์ดคือมีเพื่อนที่ดีอย่างทูกับโบน
ดีขนาดที่ว่าเอาหนังโป๊มาปล่อยประมูลหมดคลัง สะใจดีจริงๆ ฮ่าาา

 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 22-06-2017 20:11:25
นังค่าย ทำไมแกเป็นคนแบบเนี้ย
 หมดกันมาดพระเอก (_ _ ")
 :ling1:  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 22-06-2017 20:11:39
 :laugh: อยากจะหัวเราะด้วยความสะใจ... พยายามต่อไปนะนังค่าย !!
#ทีมเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 22-06-2017 20:19:53
โอ๊ยยอมใจในความตื๊อของค่ายเลย
ฮาดีจริงๆ
กว่าจะรู้ใจตัวเองเนอะ
เอาเป็นว่าที่ผ่านมาที่เจ้ว่าอะไรค่ายไปก็อย่าถือสาเลยเนอะ
ขอให้จีบน้องเติร์ดให้สำเร็จนะ ฮิ้วๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 22-06-2017 20:32:56
ค่าย o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 22-06-2017 20:51:13
จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดีเนี่ย

แต่ในใจก็สะใจดี 555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 22-06-2017 21:03:30
สรุปว่า ทฤษฎีจีบเธอ นี่คือ อีตาค่ายต้องตามจีบน้องเติร์คของเราสินะ 555
ดีมาก ๆ ค่ะ ตอนนี้สะใจที่สุด พูดได้แค่ว่า สมน้ำหน้า นะค่ายนะ แหม ทำน้องเติร์คของเราไว้ซะแสบนิ
ชอบเพื่อนทูกับเพื่อนโบนมากอ่ะ เหมือนได้ช่วยน้องเติร์คแก้เผ็ดเจ้าค่ายได้สะใจจริง ๆ
เติร์คใจแข็งดีมาก ๆ ดีแล้วค่ะ อย่าเพิ่งใจอ่อนง่าย ๆ นะ อยากรู้เหมือนกันว่าเราจะสงสารค่ายได้เมื่อไหร่น้อ
ยังไงก็อยู่ทีมน้องเติร์คนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-06-2017 21:09:25
ทำไมอ่านแล้วขำ ตอนประมูลแผ่นหนัง 555
สีหน้า ตอนบรรยายเติร์ดมองค่ายอย่างสมเพช 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: kratair ที่ 22-06-2017 21:11:29
สู้ๆนะค่าย :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 22-06-2017 21:18:13
 :laugh:
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 22-06-2017 21:31:49
ค่ายคงใช้โชคดีไปหมดแล้วสินะ.....
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 22-06-2017 21:40:38
โอ้ยหมั่นไส้อิค่ายยยยยยย คือช่วงแรกอ่านละแบบก็ด่านะว่าเลวงู้นงี้ สมน้ำหน้า
แต่พอช่วงหลังๆมานี่มีความเอ็นดูนาง :m20: มีความเขินอายแบบสาวน้อยหัดรักกกกกกก 
จะไม่ซ้ำเติมและไม่สนับสนุน จะรอดูไปก่อนนะจ๊ะค่าย :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 22-06-2017 21:48:55
ยังไม่รู้สึกเห็นใจหรือสงสารค่ายนะ เราทีมน้องเติร์ด ใจแข็งต่อไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 22-06-2017 21:52:11
ใช้เวลาหน่อยนะค่าย เติร์ดเค้าไม่ยอมง่ายๆแล้วนะ หึหึ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 22-06-2017 21:53:29
ตอนประมูลหนังนี่แบบ น้ำตาซึมเลยเรา
แต่ก็ไม่ได้เห็นใจอะไรค่ายมากขึ้นหรอกนะ
เพราะทำเติร์ดร้องไห้ไว้เยอะ
เราเป็นทีมโบนกับทู หวงเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-06-2017 22:22:00
ฮากะอิค่ายจริงๆ แต่สมน้ำหน้าด้วย แหมพอทำใจยอมรับได้นี่จีบเอาๆเลยนะ เติร์ดอย่ารีบใจอ่อนล่ะ   
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-06-2017 22:45:49
นี่ทีมเติร์ดลูกชายตั้งแต่แรกและ as always นะ พูดเลย

ตอนได้อ่านพาร์คของค่ายแล้วน้านนน รู้สึกสงสารลูกจับใจ ทำไมหนูต้องไปรักกับคนเหี้ยๆแบบนั้นด้วยลูกเอ้ยยยยยยยยยยยยย ตอนนี้หนูดีมากแล้วลูกที่ใจแข็ง เริ่มตัดใจ เริ่มใช้สมองมากกว่าหัวใจ เป็นอะไรทื่ดีงามจริงๆเลยทีเดียวเชียว สะใจมากตอนลูกเอาแผ่นหนังที่แม่งซื้อให้ไปประมูลเพื่อหาเงินช่วยเข้าคณะ

ส่วนมึงนะค่าย กูพูดเลยว่ากูสะใจมาก 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555 โดยเฉพาะตอนที่ทูบอกมึงว่าเติร์ดเริ่มตัดใจจากมึงได้แล้วอ่ะ โอ๊ยยยยยยยย 5555555555555555555555555555555555555555

โลกสวยด้วยมือเราไปตลอดชั่วกัปป์ชั่วกัลป์เถอะนะพ่อมหาจำเริญ
เห็นด้วยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-06-2017 22:49:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 22-06-2017 23:01:19
ทำไมชุ้น เอ็นดูอิค่าย!!!  :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 22-06-2017 23:26:07
แหมมมมมม คุณค่าย ตั้งลำได้นี่ใส่มาเต็มเลยนะ  :hao3:

แต่ตลกอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 22-06-2017 23:35:42
คุณจิตติขา อิฉันปรับอารมณ์ไม่ทัน อ่านๆ อยู่กำลังอินกับน้องเติร์ดผู้อาภัพ กำลังบิลด์อารมณ์ตัวเองอยู่เลย แล้วไฉนต้องตัดฉากมาที่ไอ้น้องค่ายแสดงอารมณ์อย่างกับสาวน้อยแรกรัก อิฉันปรับโหมดบ่ทันนนนน

ต้องบอกจิตติก่อนว่า เพราะเนื้อเรื่องดำเนินในมุมมองของเติร์ดมาตลอด ทำให้อินกับเรื่องราวของเติร์ดมาก และช่วยไม่ได้เลยที่จะ sympathize กับเขาและรู้สึกไม่ชอบสิ่งที่ค่ายทำไว้หลายๆ อย่าง (แน่นอนว่ารวมตอนที่จูบเติร์ดแล้วเรียกชื่อแพรวด้วย แม้ว่าภายหลังจะเฉลยว่าทำไปเพราะอยากให้เติร์ดตัดใจได้ก็ตาม) ด้วยเหตุนั้นและเหตุนี้...อิฉันจึงมีความรู้สึกว่า เติร์ดก็ควรจะเปลี่ยนบทบาทเป็นอย่างค่ายเมื่อก่อนบ้าง ไม่ใช่ว่าให้คบใครไม่เลือก แต่ให้ทำตัวอย่างเพื่อนกับค่าย และคิดอย่างเพื่อนกับค่าย ไม่ว่าค่ายจะทำอะไร และไม่ว่าจะใช้ทฤษฎีไหนมาจีบก็ขออย่าหวั่นไหวง่ายๆ และอย่ายอมใจอ่อน ต้องรำลึกเสมอว่าตัวเองผ่านอะไรมาบ้าง แล้วเจ็บมากเพียงใด ถ้าปล่อยให้ใจหลุดลอยไปกับค่าย...แน่ใจหรือว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นจะไม่กลับมา...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

เอาจริงๆ อิฉันก็เชียร์ค่ายให้จีบเติร์ดได้สำเร็จเหมือนกันนะ แต่เครื่องหมายเท่ากับก็ควรจะมีจำนวนตัวเลขทั้งสองฟากเท่ากัน รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแฟร์ แต่อย่างน้อยอยากให้ค่ายได้เข้าใจความรู้สึกของเติร์ดสักหน่อย เพื่อที่ว่าความเข้าใจจะได้นำมาซึ่งการตระหนักรู้ ว่าต้องปฏิบัติตัวเช่นไรเพื่อให้คนที่ตัวเองอยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตนั้นมีความสุข ซึ่งคงไม่ใช่จูบเขาแล้วเรียกชื่อคนอื่นแน่ๆ และอิฉันก็เชื่อว่าค่ายทำได้เพราะก่อนหน้านั้นก็คอยเอาใจใส่ดูแลเติร์ดอยู่ตลอดอยู่แล้ว เพียงเปลี่ยนจากดูแลแบบเพื่อนมาดูแลแบบแฟนเท่านั้นเอง โฮะๆๆ

ขอชื่นชมคุณจิตติเลยว่าเขียนเก่งจริงๆ ทำเอาอิฉันเสียศูนย์ไปเลย ไม่ได้เสียน้ำตาเพราะนิยายมาสักพักแล้ว อ่านเรื่องนี้อินถึงขนาดร้องไห้ไปกับน้องเติร์ด ดังนั้นพอมาได้อ่านมุมมองของค่าย อิฉันก็เลยยืนมองกอดอก รอคอยว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนกันแน่ จริงๆ แล้วอยากจะให้มีคนมาติดพันน้องเติร์ดด้วยซ้ำ (โดยที่เติร์ดไม่ต้องมีท่าทีอะไรด้วยก็ได้ค่ะ) อยากให้ค่ายเข้าใจไงคะ ว่าตอนเห็นคนที่ตัวเองรักนั้นอี๋อ๋อกับคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร (ว้าย เหมือนอิฉันเป็นนางร้ายเลยนะคะ)

ขอบคุณดาวมอมากๆ เลยนะคะที่เขียนเรื่องสนุกๆ อย่างนี้มาให้อ่าน จะขอติดตามดูวิธีการจีบของอีตาค่ายต่อไปค่ะ นี่เกาะหน้าจอคอมเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-06-2017 23:44:59
ช่วงเวลาสมน้ำหน้าค่าย มาถึงรวดเร็วมากกกก ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตลก ที่เห็นค่าย ตามประมูลหนัง ทั้งที่เติร์ดให้ และตัวเองให้เติร์ด

ว้ายๆ....... ค่าย แค่มองเติร์ดนอนหลับ ก็เกิดอารมณ์และ  :z3: :z3: :z3:
แก้ตัวพัลวัน สุดท้ายทำขนหรรมกระจายในห้องน้ำ ให้เติร์ดเห็นซะอีก

ยังไม่สะใจ อยากให้มีใครมาจีบเติร์ด ให้ค่ายอยู่ไม่สุข ซะมั่ง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 22-06-2017 23:56:30
สงสารค่ายยยู5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 23-06-2017 00:02:44
“ผมชอบความคิดของนางเอกด้วย ตอนแรกเขาชอบพระเอกฝ่ายเดียว”
“สุดท้ายพระเอกก็ตามจีบนางเอก”

ก็ว่าแล้ววววววววว

แต่ไอ้ค่าย!
เราจะไม่ยอมยกเติร์ดให้แกง่ายๆหรอกนะ
เติร์ดของเรา เราหวง!! :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 23-06-2017 00:17:26
โอ้ยอิค่าย!!! ตลก55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-06-2017 00:25:44
เอาให้สุดค่ะเติร์ด อย่าไปยอมอิค่ายมัน!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Memari ที่ 23-06-2017 01:22:26
จัดหนักนางค่ายเลยค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 23-06-2017 02:08:27
ตอนนี้ค่ายดูตอลแล 5555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 23-06-2017 02:12:33
สนุกๆๆๆ
มาส่ะใจและขำค่ายด้วยคน

นี้ล่ะอยากให้มีคนมาแยกจีบเติร์ด
แล้วเติร์ด ทำให้อีค่ายผิดหวังบ้าง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-06-2017 02:21:28
ค่ายก้จงเจ็บต่อไปปป
ลิ้มรสชาติของคนโดนเทซะ
คือค่ายเพี้ยนขนาดนี้ เติร์ดไปรักมันได้ไงอะ
ละอยู่ดีๆเปลี่ยนขนาดนี้ เติร์ดจะว่าไงนะ
ฉากที่เติร์ดเอาแผ่นหนังมาประมูลนี่จุกๆแทนค่ายเลย
คาดว่าอีกไม่กี่ตอนคงใจอ่อนให้พระเอกอีกตามเคย เห้อมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 23-06-2017 03:24:29
ค่ายฉันสงสารแกทั้งตลกและสงสาร ฮืออออ5555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-06-2017 06:07:41
ชอบที่ค่ายเล่าเรื่อง อิอิ
ค่ายขี้เอางี้ เติร์ดต้องรับศึกหนักแหงเลย :hao6:
โคตรหน่วงตอนที่อิค่ายจูบเติร์ดอ่ะ อยากตื้บเลย  :z6:
แล้วคือนางกากมาก 555555 มุ้งมิ้งขึ้นมาทันทีเชียวนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 23-06-2017 06:43:01
คือตอนแรกเกลียดค่ายมากๆนะ ตอนนี้รู้สึกว่าค่ายไม่ได้ชั่วร้ายเลวทรามมากเท่าแต่ก่อน แต่เราก็ยังอยากให้เติร์ดใจแข็งต่อไปอีกนานๆเลยต้องเอาให้ค่ายเข้าใจความรู้สึกของเติร์ดอ่ะ ความรู้สึกของคนที่อดทนรักมาตลอดสองปีแล้วสุดท้ายก็เจ็บจนไม่ไหวต้องตัดใจ คิดๆดูแล้วต้องเจ็บขนาดไหนถึงยอมตัดใจจากคนที่รักมาตลอดได้กันล่ะ แต่ก็มีนะส่วนเล็กๆที่อยากให้ค่ายกับเติร์ดคบกันอยากให้เติร์ดมีความสุข ซึ่งยังไม่ใช่ในตอนนี้แน่ๆ 555 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 23-06-2017 07:07:45
อยากให้มีผู้ชายโปรไฟล์ดีคู่แข่งที่น่ากลัวของค่าย มาจีบเติร์คไวๆจัง คนนี้รักเติร์คจากใจจริงให้เติร์คเป็นคนที่สำคัญที่สุดไรงี้ อยากให้นางค่ายคั่ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-06-2017 08:54:11
หมั่นไส้มัน!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-06-2017 09:31:32
ค่ายทำไมมุงจังไรขี้วะ


เตริดไปชอบได้ยังไงเนี่ย ไม่ไหววะ


55555555



หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 23-06-2017 09:41:58
หึๆ.. สรุป ทฤษฏีจีบเธอ.. นี้ของของคุณค่าย ชิมิ..
555+
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 23-06-2017 09:58:15
โอ้ยย ชอบใจนังค่ายโคตรตลกเลยอะ
อะไรคือความใส่บอกเซอร์ไม่ใส่กนน.แล้วบอกไม่เป็นไร ใหญ่! ด้วย โอ้ยชอบแล้วตอนฝันถึงกู ฝันถึงตื้ดดดด ด้วยฮ่าๆๆ โคตร feel good เลยอ่า ชอบมากจิงๆนังค่ายมุ้งมิ้งมากมาย  :hao7:  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 23-06-2017 10:58:01
ที่ผ่านมาก็เข้าใจนะว่าค่ายโง่อยู่
แต่อ่านตอนนี้แล้วสะใจมากก สมน้ำหน้า5555555
น้องเติร์ดที่รักของชุ้นทำดี แต่คงงงอ่ะว่าอิค่ายเป็นไร
แบบกูตัดใจได้แล้ว(?)นะหนิมึงทำอะรายยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 23-06-2017 13:02:53
เย้ๆ กลับมาฟีลกู๊ดแล้ว   งืออออ -/////- สรุปแล้วเรื่องนี้สงสารค่ายที่สุดอ่ะ  555555 สู้ๆนะค่าย สู้ๆนะจิตติ เราเชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 23-06-2017 14:01:15
555555555 สมน้ำหน้านังค่าย โดนน้องเติร์ดของเจ้เอาคน ตอนแรกว่าจะสงสารแต่ตอนนี้ไม่ล่ะ สมควรโดน หึหึ  :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 23-06-2017 14:01:49
ขอให้มีคนเข้ามาในชีวิตเติร์ด ถึงค่ายตะมุ้งมิ้ง คนที่่วางสถานะไว้แค่เพื่อนแล้วจะกลับมาเนี่ย คนไม่อยู่รอตลอดวุ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 23-06-2017 14:28:40
หลับมาตามจนตอนล่าสุดแล้ว สู้ต่อไปนะค่าย นี่รอดูวิธีการการจีบเติร์ดแบบอื่นๆของแกอยู่  :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 23-06-2017 15:07:18
ถถถถนังค่าย ตลก555555555 หื่นไรเบอร์นั้นล่ะเอ็ง
ที่แท้ก็เผือกเค้าจนรู้ ปัดถ่อออ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีนะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-06-2017 16:08:17
อ่านช่วงแรกๆหมั่นไส้ค่ายมาก จำเป็นต้องทำกับเพื่อนขนาดนั้นเชียวเหรอ
แต่หลังจากที่ค่ายรู้ว่าเติร์ดชอบ แล้วพยายามทำเพื่อให้ให้ตัดใจ
ก็พอได้อยู่ เพราะพยายามทำให้เติร์ดตัดใจ ซึ่งแต่ล่ะวิธีมันน่าโดนสมหน้าก็จริง
แต่อย่างว่าผู้ชายดิบๆ คงจะไม่คิดอะไรละเอียดมากนักหรอก

แต่พอมาช่วงที่รู้ว่า เออ จริงๆตัวเองรู้สึกกับเติร์ดเหมือนกันก็เร่งทำคะแนน
ไอ้ช่วงนี้แหล่ะ บางทีอ่านไปก็ฮาค่ายไปนะ ต่างกับผู้ชายเลือกได้มากมาย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 23-06-2017 16:45:43
โอ้โห ในที่สุดก็เข้าแก๊บเรื่องสักที #ทฤษฎีจีบเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 23-06-2017 17:25:38
ไม่รู้จะหน่วงหรือขำดี แต่ที่แน่ๆ อย่าไปง่ายกับอิค่ายมันลูก  o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 23-06-2017 20:35:33
ในที่สุดก็เป็นค่ายที่ต้องเป็นฝ่ายคิดค้นทฤษฎี  :laugh:
สาแก่ใจยิ่งนักค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: แพรพลอย ที่ 23-06-2017 22:15:12
โอโห ค่ายยย ทีงี้ละเปลี่ยนอย่างไวเลยนะ จากหลังที-นเป็นหน้ามือทันทีเลย 555555
ส่วนเติร์ดอย่าเพิ่งเลิกรอนะ เนี่ยค่ายรักกลับแล้ว อยากให้ครองคู่ชูชื่นน
เอาใจช่วยให้ได้คบกันไวๆเน้อออ  :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 23-06-2017 23:01:06
 :angry2:
นังค่ายแกอย่าทำเป็นร้ายตาใสร้ายบริสุทธิร้ายแบบไม่รู้ตัว ทั้งๆที่การกระทำแกมันตั้งใจทำเพราะแกมั่นใจมั่นหน้ามั่นเป้าไม่สนใจคสรอบข้างอยู่แล้วแกควรรู้ว่าความรักจริงๆแล้วไม่ได้ใช้แค่sex ขอจงเซ็กซ์เสื่อมไปสักพัก  :laugh:
แกจะมาไม้ไหนชั้นจะรอดู #ทีมเติร์ด ลูกแม่ .. จงสตรองต่อไปเฉยๆดูว่าจะมีความพยายามถึง2ปีเท่าลูกชั้นไม๊ ..
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-06-2017 14:24:50
ตอนก่อนหน้านี่หน่วงๆเศร้าๆไปกับเติร์ด พอตัดมาพาร์ทของอิค่ายทำไมมันป่วงอย่างนี้ โอ้ยยย 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-06-2017 16:23:38
ค่ายย ความเสื่อมไม่ได้ลดเลย 55555 แต่ยอมเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ พยายามต่อไปนะ

เติร์ดมีงง แต่ไม่ง่ายแล้วนะ

โบนทูตลกอะ คือห้ามมยิ่งกว่าคนโดนจีบอีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 24-06-2017 16:51:36
ขำอิค่าย5555555 โอ้ยทำไมต้องเป็นคนตลกขนาดนี้วะ55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 24-06-2017 18:40:24
เหยยย
นี่มันใช่ค่ายคนที่เราเคยด่าไหมอ่ะ5555
มีความถอดเขี้ยวถอดเล็บ
จากเสือก็กลายเป็นลูกแมวดีๆนี่เอง
ขอให้ชดใช้กรรมให้สมใจ
เติร์ดเอาคืนให้หนัก55
#ค่ายคนกาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 24-06-2017 19:02:11
โถไอ้ค่าย ไอ้เหี้ย55555555555555555555555

feeling - สะใจ

สะใจไม่ไหวแล้วโว้ย555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 24-06-2017 21:33:14
ค่ายเหมือนคนใกล้บ้า 555 ทพอะไรก็เูผิดที่ผิดทาง ผิดสถานการณ์ไปหมด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: jupjiper ที่ 25-06-2017 00:43:59
 :sad11: :sad11: :sad11:มารอออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 25-06-2017 00:46:40
อยากอ่านตอน 8 แล้วววว ฮือออ  ช่วยลงเป็นกำลังใจให้มนุษย์เงินเดือนได้อ่านก่อนวันจันทร์ทีนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 25-06-2017 02:05:05
ค่ายจีบได้น่ารักมาก... เทใจให้เลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Rebtur ที่ 25-06-2017 02:56:31
อย่าไปยอมอีจิ้งจอกนี่ง่ายๆนะเติร์ด!!! ไม่ต้องเอามันได้ยิ่งดีค่ะ!!
ใครทำเราเจ็บ เขาต้องเจ็บกว่าเราร้อยเท่า ฮึ่มมมม :katai4: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 25-06-2017 12:01:31
นังค่าย นังหน้าด้าน นังรู้ตัวเมื่อสาย นังวัวหายล้อมคอก
เติร์ดลูกแม่อย่าไปคุยกับอิค่ายมันนะลูก
เราจะโสดๆ เริ่ดๆ ของเราไปอย่างงี้ ไม่ต้องรักใคร ไม่เจ็บใจฟรีค่ะ
ปล่อยให้มันบ้าไป ช่างหัวมัน ไม่ต้องใจอ่อน(ตอนนี้)เลยนะลูกแม่
เอาให้สาแก่ใจ ใกล้ตายเมื่อไหร่ค่อยกลับมาดูใจนังเติร์ดมัน
พี่โบนพี่ทูต้องดูแลเติร์ดดีๆนะ อย่าให้นังค่ายมันได้เข้าใกล้แตะเนื้อต้องตัวน้องได้ เดี๋ยวน้องจะมัวหมอง

อิค่าย นี่ฉันคาดหวังกะแกนะ ถ้าดีแตก จะยุให้เติร์ดหาผัวใหม่
พี่ทูก็ได้ ใกล้ตัวดี 555555

ขอบคุณจิตติมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ เพิ่งมาอ่านรวดเดียว
จะรอต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 25-06-2017 18:34:09
ดีแล้วเติร์ดตั้งกำแพงสูงๆหนาๆเข้าไว้ อย่าเพิ่งให้นังค่ายมันได้ใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 25-06-2017 22:57:04
เรื่องน่ารัก ตามต่อไปค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 26-06-2017 18:52:05
ตอนแรกเฉยๆกับค่ายนะไม่เกลียดแต่ก็ไม่ได้ชอบมากมาย
อาจเป็นเพราะยังไม่รู้จัก ไม่รู้ความคิดและจิตใจของค่ายก็ได้
แต่บางคนก็ไม่ควรรู้จักจริงๆ
คือค่ายก็ไม่ผิดนะที่คิดหาวิธีทำให้เพื่อนรักที่แอบรักตัวเองตัดใจ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องไม่ใช่วิธีนี้อ่ะ
ไอ้วิธีจูบเขาแล้วเรียกชื่อคนอื่นแม่งโคตรเลวเลยว่ะ
ไอ้เรียกชื่อคนอื่นน่ะไม่เท่าไหร่
แต่จูบเขาทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้คิดอะไรเนี่ยนะ
เหี้ยอ่ะ
ค่ายแม่งมีไอคิวเรื่องเลวๆสูงจริงๆ

สงสารเติร์ด โคตรเข้าใจความรู้สึกเติร์ดเลย
แล้วพอจะตัดใจอีค่ายก็ยังหันกลับมาชอบ
เชอะ!เชิดใส่แรงๆเลยค่ะน้องเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-06-2017 19:42:05

ตอนที่ 8
ความพยายามมีค่าติดลบ



   “จะเที่ยงแล้วหิว จะเที่ยงแล้ว”

   “บ่นห่าไรมึง รำคาญ”

   “อีกสองนาที กระเพาะกูจะเริ่มบีบตัวละ ถ้าอาจารย์ไม่ปล่อยกูลงไปก่อนนะ”

   “ไอ้เวร มึงแม่งไม่มีความอดทนเลยว่ะไอ้ค่าย”

   จะด่าอะไรกูก็เชิญตามสบายพวกมึงเลยครับเพราะกูไม่สน ตอนนี้ได้แต่ทุรนทุรายนั่งแทบไม่ติดเบาะ รออาจารย์ทวดแกเลื่อนสไลด์กระดึ๊บๆ อยู่บนโปรเจ็กเตอร์ คนนี้แม่งตรงเวลาด้วยดิ ไม่เที่ยงไม่เลิก

   “นิสิตคะ วันนี้อาจารย์ขอเลทนิดนึงนะ อยากให้จบสไลด์จริงๆ”

   “ครับ/ค่า”

   ม่ายยยยยยยยยยย มีกูคนเดียวที่ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ชีทเหลืออีกหนึ่งหน้า สี่สไลด์ กับรูปแน่นๆ ที่ไม่มีตัวหนังสือเลยนั่นหมายความว่ายังไงครับ หมายความว่าเราต้องจดกันอีกยาว แล้ววันนี้ผมเสือกรีบมากจนลืมหาของกินติดกระเป๋ามาอีก

   “กูขออนุญาตออกไปก่อนดีมั้ยวะ” ผมถามไอ้โบนอย่างร้อนรน

   “ถ้ามึงออกไป คลาสนี้คือมึงจะถูกกาหัวว่าไม่ได้เข้าเรียนเลยนะ นั่งต่ออีกนิดเดียว”

   “นิดพ่องดิ”

   “เฮ้ยเติร์ด มึงมีของกินติดกระเป๋ามาบ้างมั้ยวะ ไอ้ค่ายแม่งบ่นยิกๆ เลยเนี่ย” เจ้าของชื่อที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนหันมามองคนถามอย่างไอ้ทู เมื่อก่อนเวลาผมหิวไอ้เติร์ดจะชอบพกของกินเล่นมาให้เสมอ นี่เลยเป็นอีกเหตุผลที่ผมติดนิสัยไม่ชอบพกอะไรมาเอง หวังจะกินจากมันแค่คนเดียว

   “ไม่แน่ใจนะ ดูก่อน” ว่าแล้วก็ไม่รอช้าล้วงมือลงไปในกระเป๋าเป้แล้วยื่นของสิ่งหนึ่งให้ไอ้ทู ส่งต่อให้ไอ้โบน ก่อนจะมาถึงผมในเวลาเพียงไม่กี่วิ

   น้ำตาจะไหล มีข้าวปั้นญี่ปุ่นติดมาด้วย

   รู้หรอกว่าไอ้เติร์ดก็ห่วงผม แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวมันจะเขิน เลยได้แต่ก้มหน้าแอบกินเงียบๆ เพื่อไม่ให้อาจารย์รู้ พอกัดเข้าไปคำแรกเท่านั้นล่ะความรู้สึกแหม่งๆ ก็แผ่ซ่านเข้ามาในปากทันที

   “ข้าวปั้นยี่ห้อเหี้ยไรเนี่ย ทำไมข้าวมันแฉะๆ วะ” ผมกินไปบ่นไป แต่ก็ไม่คิดหยุดเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องดังนั้นคำที่สองและสามจึงตามมาติดๆ

   “ข้าวญี่ปุ่นก็เงี้ย มันจะเหนียวหน่อย”

   “เหรอวะ”

   คือกูก็กลั้นใจแดกต่อจนหมดนะครับแม้รสชาติจะหมาไม่แดกแค่ไหนก็ตาม แต่พอกินจนเหลือแค่ห่อพลาสติกใสในมือเท่านั้นแหละหน้ากูชาทันที

   “เติร์ด มึงซื้อมาเมื่อไหร่”

   “จำไม่ได้ ติดกระเป๋าเป็นอาทิตย์ละ”

   ฟัค!

   “ไอ้สัดหมดอายุ!” เสียงสบถดังก้องทั่วห้อง อาจารย์ทวดแกเลยหันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง ผมรีบก้มหัวขอโทษขอโพยแกยกใหญ่ ส่วนไอ้เติร์ดก็พูดแก้ต่างออกมาทั้งที่สายตาไม่ได้จดจ่ออยู่กับผม

   “โทษที ไม่รู้ว่าหมดอายุแล้ว”

   ปากบอกสำคัญแต่การกระทำกลับตรงข้าม เหมือนไอ้เติร์ดพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าความพยายามเหล่านั้นมันเรียกว่าฝืน เพราะเราเริ่มห่างไกลกันมากทุกที

   ยิ่งผมขยับเข้าใกล้มากเท่าไหร่ มันก็จะถอยห่างออกไปมากเท่านั้น

   รู้สึกแย่ แต่ก็ใช่ว่าจะเรียกร้องอะไรได้ เออ! กูทำตัวเองมาตลอดทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว

   พักกลางวันเราลงมาที่โรงอาหารคณะ ผมที่ยัดข้าวปั้นบูดไปแล้วก้อนหนึ่งเลยเบาใจ ได้แต่ภาวนาว่าตอนบ่ายกูจะไม่ชิงปวดขี้ในคลาสอีก เราสี่คนแยกย้ายเดินไปสั่งข้าวตามร้านโปรดของตัวเอง ก่อนเดินกลับมาสุมหัวอีกครั้งพร้อมของแดกเต็มจาน

   และที่พิเศษกว่านั้น...คือผมซื้อน้ำเปล่าให้ไอ้เติร์ดมันด้วยครับ แต่ไม่กล้าให้ตรงๆ เพราะกลัวมันไม่รับเลยได้แต่เลื่อนขวดน้ำไปไว้ใกล้ๆ มือของมันแทน

   ไม่รู้ความหน้าด้านหน้าทนที่เคยมีมาตลอดหายไปไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่มีความกล้าพอจะจีบใครเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ต้องคิดซ้ำคิดซ้อนวนเวียนอยู่แบบนั้นจนรำคาญตัวเอง

   “ข้าวร้านนี้อร่อยมั้ยวะ ขอชิมหน่อย” ผมทำท่าจะจิ้มส้อมลงบนหมูในจานของคนข้างๆ แต่ไอ้เติร์ดไวกว่านั้น มันรีบขยับจานหนีทันที

   “ซื้อเองดิ”

   “แค่ชิม”

   “ไม่ได้”

   “หวงทำไม แค่หมู”

   “กูหวงทุกอย่างแหละ อยากกินก็ไปซื้อเอง” ไอ้โบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเตะขาผมไปมา ในใจคงกำลังก่นด่าถึงวิธีการเข้าหาที่ดูปัญญาอ่อนสิ้นดี นี่กูยังดูไม่เป็นธรรมชาติอีกเหรอวะ ผมคิดในใจครู่หนึ่ง ก่อนร่างบางของเพื่อนสนิทจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำท่าจะเดินออกไปที่ไหนสักแห่ง

   “ไอ้เติร์ด” และผมก็ทนไม่ได้ต้องรั้งเจ้าตัวเอาไว้

   “อะไร” มันถามหน้ามึน โคตรน่ารักเลยไอ้สัด

   “จะออกไปไหน”

   “ซื้อน้ำ”

   “แต่นี่น้ำมึง” ว่าแล้วก็รีบชี้นิ้วไปยังขวดน้ำที่ผมตั้งใจซื้อให้อีกฝ่ายตั้งแต่แรก

   “กูมีตังค์”

   “ไม่ แต่กูซื้อให้แล้วไง”

   “พอดีกูอยากกินชามะนาว” พูดจบก็เดินตัวปลิวไปกับฝูงชนในโรงอาหาร เล่นเอาผมกับไอ้โหดสองตัวมองหน้ากันอย่างสิ้นหวัง

   “หมดแล้วไอ้ค่าย มึงใช้สิทธิ์ความเห็นใจจากมันหมดแล้ว” ไอ้ทูพูดไปก็ส่ายหน้าไป นั่งเขี่ยข้าวในจานด้วยอาการปลงตก

   “ทำไงดีวะมึง”

   “จะถอนตัวมั้ยล่ะ”

   “ไม่!”

   “กูว่าบางทีมึงอาจถามตัวเองเร็วไป จริงๆ มึงอาจจะไม่อยากเสียมันเพราะคำว่าเพื่อนก็ได้ ลองคิดใหม่มั้ย”

   “กูคิดแล้ว คิดจนหัวแทบแตก และกูก็คงทนไม่ได้ที่มันหนีไปคบกันคนอื่นด้วย พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีเลย ไอ้ทู มึงไปสืบให้กูหน่อยสิว่าไอ้เติร์ดมันคุยกับใครอยู่” ช่วงหลังมานี้เราต่างแยกย้ายไปทำงานส่วนสำคัญของละครเวที ไอ้เติร์ดก็เริ่มปลีกตัวเข้ากลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น ที่สำคัญมันไปกับไอ้พี่เชนทร์ปีสี่บ่อย

   แล้วไอ้พี่เชนทร์เนี่ยตัวดีเลย เพื่อนมันมีเป็นพรวน ตัวเอ้ๆ คารมดีแถมฉลาดกว่ากูทั้งนั้น ผมกลัวจะมารู้เอาทีหลังก็ตอนที่ไอ้เติร์ดหนีไปคบกับแก๊งนี้เนี่ยแหละ หวั่นใจฉิบหาย

   “สืบยังไงวะ กูไม่ชอบเสือกเรื่องส่วนตัวของเพื่อน”

   “เหรออออ ที่ผ่านมามึงไม่เสือกเลยนะ”

   “มันบอกเหอะกูถึงรู้”

   “สรุปว่าจะไม่ช่วย แล้วความเป็นเพื่อนของเราอ่ะ”

   “โธ่ไอ้ค่าย ไอ้ควาย มัดมือชกกูอย่างนี้ตลอด”

   “แล้วทำมั้ย”

    “เออ! เดี๋ยวกูหลอกดูในมือถือมันให้จบยัง”

   “ตอนเย็นไม่ว่าง มีซ้อมละคร” กูรีบเปลี่ยนเรื่องแทบจะทันทีที่ร่างโปรงเดินเข้ามาประชิด ไอ้เติร์ดวางชามะนาวในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนแทรกตัวนั่งลงตรงตำแหน่งเดิมเพื่อกินข้าวไม่พูดไม่จา

   “ไอ้เติร์ด เลิกเรียนแล้วไปห้องซ้อมด้วยกันเลยมั้ย” ผมจุดประเด็นใหม่ กะชวนคนที่นั่งเงียบคุยไร้สาระกันบ้าง ช่วงหลังมานี้มันพูดน้อยลง และก็ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนด้วย

   “เอาดิ กูนัดกับพี่เชนทร์ด้วย”

   “คำก็พี่เชนทร์ สองคำก็พี่เชนทร์ นี่พวกมึงกิ๊กกันหรือเปล่าวะ”

   “เดี๋ยวเมียเขาได้มาลากมึงไปตบ” ฉิบหาย ไอ้เติร์ดเกรี้ยวกราดอีกจนได้ คือกูก็ไม่ชอบให้มันอยู่กับเขามากๆ ป่ะวะ ไม่ได้หวงกับพี่เชนทร์นะ กูหวงกับเพื่อนพี่มันต่างหาก

   “แล้ว...”

   “กูให้โอกาสมึงถามให้จบ คนจะกินข้าว วุ่นวายจังวะ”

   “วันนี้กูไปกินข้าวห้องมึงได้ใช่มั้ย”

   “...”

   “ตอบกูก่อน”

   “อืม คำถามต่อไป”

   “พรุ่งนี้ว่างมั้ย ไปกินชาบูกัน”

   “ไม่อ่ะ”

   “ไปไหน”

   “หลายที่ จบยัง”

   “ที่ไหนบ้าง”

   “แล้วทำไมมึงถึงถามกูไม่หยุดเลยวะ ปกติก็แยกย้ายตัวใครตัวมันไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงของมึงอ่ะ ไหนจะกิ๊กอีก ไม่ไปเที่ยวกับเขาวะ จะตามติดกูทำไม” คำพูดยาวเหยียดหลุดออกมาจากปากของคนข้างๆ จังหวะการหายใจหอบๆ นั้นทำให้เพื่อนผมอีกสองคนมองหน้ากันเหลอหลา

   ผมจึงหันไปสบสายตากับเจ้าของคำพูด ไม่รู้หรอกว่าไอ้เติร์ดจะแปลความหมายพวกนี้ว่ายังไง แต่ผมก็อยากบอกถึงความตั้งใจของตัวเองอยู่ดี

   “ที่ถามไม่หยุดเพราะอยากรู้ ที่ไม่แยกไปไหนเพราะไม่มีใครแล้ว ผู้หญิงก็ไม่มี กิ๊กก็ตัดหมด”

   “...”

   “กูเลยว่างมากมาตามติดมึง”

   “...”

   “ก็สำคัญกับกูมากเลยเลือกแค่มึง”
   












   ในหนึ่งสัปดาห์นักแสดงทุกคนจะต้องมาซ้อมแอคติ้งกันอย่างน้อยสามถึงสี่วันแล้วแต่ตารางที่ปีสี่จัด ผมเดินมาที่ห้องซ้อมกับไอ้เติร์ดสองคน เพราะไอ้ทูต้องไปเก็บภาพรับบริจาคที่ตลาดนัดนิสิต ส่วนไอ้โบนแยกไปกับรุ่นพี่คุมซาวนด์

   ก่อนเริ่มบทเรียนการแสดง เราจะมีการวอร์มอัพกันก่อนทั้งออกกำลังกายและฝึกสมาธิ โดยพวกโค้ชได้สั่งให้เรานั่งเป็นวงกลม แจกกระดาษคนละห้าแผ่นพร้อมกับดินสอและสีไม้ให้เลือกสรรอีกหลากหลาย

   “ทุกคน นี่เป็นกิจกรรมที่เราจะได้รู้ความคิดเห็นและทัศนคติของนักแสดงก่อนเริ่มฝึก โดยพี่จะให้ทุกคนวาดภาพจากคำพูดที่พี่พูดขึ้น เช่น ถ้าพี่บอกว่าหมี น้องไม่จำเป็นต้องวาดหมี อาจจะเป็นอีอ้วนสักคนในความคิดของน้อง อันนี้เป็นการยกตัวอย่างเฉยๆ นะ แค่วาดสิ่งที่เราต้องการสื่อจากคำคำนั้นแทน เข้าใจยัง”

   ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง แต่ผมแม่งก็อดใจไม่ได้หันกลับไปมองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับทีมเขียนบทด้านหลังอยู่ดี ไอ้เติร์ดไม่ได้สนใจกลุ่มผมเท่าไหร่ เอาจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่มันต้องสนใจด้วยซ้ำ แต่กูหวังอะไรอยู่วะ

   “คำแรกเลยนะคะ คำว่าบ้านค่ะ”

   ต้องบอกเลยว่ากับการวาดรูปนี่อย่ามายุ่งกับกู เพราะนับเป็นศาสตร์ที่ด้อยพัฒนาที่สุดในหัวแล้ว ให้มาคิดเลขทำอย่างอื่นยังพอทน มีศิลปะอยู่ในหัวก็จริงแต่พอเป็นเรื่องวาดปุ๊บสมองจะโล่งขึ้นมาทันที

   ดังนั้นบ้านในความคิดของผมเลยเป็นแค่...

   ชาร์ล หรือชาวีเท่านั้น

   “ค่าย...” พิงค์ซึ่งรับหน้าที่เป็นนางเอกของเรื่องเรียกชื่อผม

   “หืม”

   “บ้านของค่ายเป็นตั๊กแตนตำข้าวเหรอ น่ารักจัง” โหยกูอยากเอาหัวโขกพื้น บิ๊กไบค์กูแปลงร่างเป็นตั๊กแตนตำข้าวซะงั้น นี่ต้องระบายสีเขียวด้วยเลยมั้ยจะได้รีบขับไปไต่ใบไม้ต่อ

   นี่ถ้าไม่ติดว่าสวยนะ พ่อจะด่าสวนกลับไปให้หน้าชาเลย แต่ด้วยความเป็นเพลย์บอยเพิ่งหยุดตัวเองใหม่ เราจำพูดได้แค่ว่า...

   “ขอบคุณน้า”

   “น้องๆ วาดและลงสีเสร็จแล้ว หยิบกระดาษเปล่าแผ่นใหม่ขึ้นมาเลยค่ะ คำต่อมาที่พี่จะพูดก็คือ...ดวงดาวค่ะ” สมองผมโล่งทันที เพราะจะให้วาดดาวห้าแฉกมันก็ดูไม่คูล อยากคิดอะไรที่มันแตกต่างแต่ผิดเองที่เสือกโง่ เลยได้แต่ชะโงกหน้าแอบดูของชาวบ้านเขา

   หลายคนก็วาดภาพคน วาดการ์ตูน วาดดอกไม้ ดูแล้วไม่น่าจะลอกได้ จึงใช้เวลาครุ่นคิดอีกพักใหญ่แล้วภาพภาพหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในหัว มันคือภูเขาลูกหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหนังจะฉาย

   พาราเมาต์พิกเจอส์ เกร๋แสรดดดดดดด


(https://www.mx7.com/i/1ef/8I46Ip.jpg)

   
   “คำต่อมาเลยค่ะ ด้ายแดง”

   อ๋อ อันนี้ง่าย รีบจรดปลายดินสอลงบนกระดาษวาดอย่างรวดเร็ว แถมมีเวลาเยี่ยมชมผลงานของคนอื่นอีกต่างหาก   

   “มาต่อที่คำที่สี่เลย...เพื่อน” สิ้นสุดคำพูดของพี่เบิ้ม ผมก็ก้มลงวาดรูปอย่างตั้งใจแม้สภาพที่ออกมานั้นจะเละเทะแค่ไหนก็ตาม รู้สึกโชคดีฉิบหายที่ตอน ม.6 ไม่ได้ตัดสินใจเรียนต่อในสายวาด ไม่งั้นกูตายหยั่งเขียดแน่ๆ

   “เสร็จกันหรือยังคะ”

   “ค่าาาาาา/คร้าบบบบบบ”

   “และคำสุดท้ายคือคำว่า...นาฬิกา” โจทย์พวกพี่มึงโคตรยาก นี่จะฝึกสมองกูไปแข่งวิชาการเหรอ แค่เล่นละครเวทีทำไมต้องเข้าใจอะไรแบบนี้ด้วย ในใจก็ทำได้แค่บ่นๆ ไปงั้นแหละครับ คิดอะไรไม่ออกเลยหันไปลอกเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้ครีเอทอะไรเลย จนกระทั่งสายตาหันไปเจอใครคนหนึ่งเข้า...

   ภาพนั้นจึงลอยเข้ามาในหัวฉับพลัน

   หลังจากรวบรวมผลงานของตัวเองเสร็จ แอคติ้งโค้ชปีสี่เลยให้เราจัดแถวใหม่เป็นแถวตอนห้าแถว เสร็จสรรพไอ้พี่เบิ้มก็เริ่มพูดคุยกับเราอีกครั้ง

   “เอาล่ะค่ะทุกคน หลังจากที่เราได้ทำกิจกรรมก่อนหน้าไปแล้ว หลายคนคงอยากได้ฟีดแบ็กใช่มั้ยล่ะคะ ที่พี่ต้องการคืออยากรู้ทัศนคติของแต่ละคน มันจำเป็นมากในการทำกิจกรรมร่วมกัน เริ่มที่คนแรกก่อนเลย น้องค่ายพระเอกของเรื่องค่า” เสียงปรบมือดังขึ้น ก่อนคนตรงหน้าจะพยักพเยิดให้ผมเดินออกจากแถวไป

   “ให้ทำอะไรนะครับ”

   “เอากระดาษที่วาดมาด้วยนะคะ”

   “อ๋อ”

   “เมื่อเรียบร้อยแล้ว ช่วยนำเสนอให้เพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ รู้หน่อยว่าสิ่งที่เราวาดนั้นสื่อถึงอะไร” ขุ่นพระ!! ราวกับมีคนเอารองเท้าเสริมส้นสามนิ้วตบจนหน้าพัง

   เรื่องหล่อนี่ไม่หวง แต่เรื่องวาดรูปกูอยากตาย

   “ไม่สวยนะครับ”

   “โอ๊ยยยไม่เป็นไรค่า คนเขาก็รู้กันหมดว่าน้องค่ายเป็นยังไงเนาะ” ที่จะบอกคือรู้ว่ากูโง่งี้เหรอ พี่มึ๊ง ได้แต่กัดฟันยื้อแย่งกระดาษห้าแผ่นในมือกันอุตลุด แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อแรงของพี่เบิ้มอยู่ดี จากนั้นพี่มันก็จับภาพวาดมาโชว์ให้ทุกคนดูอย่างเด่นหรา สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่เหลือเป็นอย่างมาก

   “ภาพแรกคือคำว่าบ้าน น้องค่ายวาดก้อนอิฐมอนเหรอคะลูก” เหยดแหม่! หนักกว่าตั๊กแตนตำข้าวก็พี่มึงเนี่ยแหละ

   “ไม่ใช่ครับ นี่ภาพบิ๊กไบค์ผม ชาวี”

   “ทำไมถึงวาดภาพชาวีคะ”

   “รถที่ผมขับทุกวันก็เหมือนบ้านอีกหลังของผม”

   “เคยได้เสียกับผู้หญิงบนรถเหรอคะ”

   “ไม่ใช่โว้ยยยยย”

   “ฮ่าๆ” ไอ้เรื่องทำให้น้องเสื่อมเสียและหน้าแตกนี่ถนัดนัก แก๊งนักแสดงละครเวทีไม่ได้มีแค่เด็กนิเทศฯ นี่หว่า แต่รวมทุกคณะในมหา’ลัย คนก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งตัวหลักและสมทบแล้วก็ตั้งสามสิบสี่คน คงตั้งใจหักหน้าคนโหดอย่างกูมานานละ

   “มาที่ภาพที่สองดีกว่า คำว่าดาว”

   “ตรงตัวเลยครับ ดาวที่อยู่บนโลโก้หนังค่าย Paromount เห็นบ่อยที่สุดในชีวิตผมละ”

   “ภาพที่สามต่อ ด้ายแดงค่ะ”

   “ที่ผมวาดคือเนื้อครับ สเต๊กสองชิ้น”

   “เกี่ยวอะไรกันคะ น้องค่ายชักจะแอบสแตร็กส์จนพี่ปวดหัวแล้วนะลูก” กูปวดหัวกับพี่มึงเยอะกว่าภาพที่วาดลงบนกระดาษอีกสัด

   “ก็เวลาคนพูดถึงด้ายแดงก็มักจะนึกถึงเนื้อคู่ นี่ไง เนื้อเป็นคู่”

   “โอ๊ยยยยยยยยยยย” เสียงโวยวายดังลั่นทั่วห้อง แม้แต่ไอ้พี่เชนทร์ที่นั่งหลังห้องยังไม่วายตะโกนด่ามาแต่ไกล เอ้า! ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ เรียนรู้ที่จะมีความรัก แต่ก็ไม่ได้ละเอียดอ่อนอะไรขนาดนั้น

   “มาที่ภาพที่สี่เลยแล้วกัน เดี๋ยวจะปวดหัวกันมากกว่านี้ ที่วาดคือ...ขวดเหล้าเหรอคะ”

   “ใช่แล้ว เพื่อนของผมก็เหมือนกับเหล้า มีทั้งประโยชน์และโทษแต่ไม่มีวันหมดอายุ”

   “หูยยยยยยยยย” ผมยักคิ้วส่งให้กลุ่มเพื่อน เป็นไง กูกอบกู้ความหล่อได้ละ

   “ดูฉลาดขึ้นมาทันทีเลยน้องค่าย มาที่ภาพสุดท้ายดีกว่า...นาฬิกาในความหมายของเราคืออะไร พี่จะโชว์ภาพแล้วนะคะ

   ผ่าง!!


(https://www.mx7.com/i/b9f/lZsUMk.jpg)

 
   เสียงฮือฮาดังระงมไปทั่ว ที่ตื่นตะลึงกันอยู่ตรงนี้อาจเป็นเพราะศิลปะที่มนุษย์ธรรมดาอาจเข้าไม่ถึงก็เป็นได้ ผมภูมิใจมากครับกับการวาดรูปนี้ น้ำตาจะไหล

   “รูปนี้คืออะไรคะ”

   “รูปนี้เหรอ...เติร์ด”

   “...!!”

   จู่ๆ เสียงเจื้อยแจ้วก็เงียบงันในพริบตา ผมมองตรงไปยังหลังห้อง เห็นเจ้าของชื่อนั่งตาโปนอยู่กับรุ่นพี่ปีสี่และกำลังมองผมกลับเช่นกัน กับภาพนี้ผมคิดอย่างหนักสุดท้ายก็เห็นแค่มันเนี่ยแหละที่เป็นความหมายของคำว่านาฬิกา

   “ช่วยบอกหน่อยว่าทำไมคำว่านาฬิกาถึงเป็นน้องเติร์ด”

   “ก็นาฬิกาบอกบอกเวลาทั้งในตอนหลับ และก็ปลุกให้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า”

   “...”

   “เติร์ดก็เหมือนกัน มันบอกให้รู้ถึงการมีตัวตนทั้งในฝันและความเป็นจริง”

   เพราะในฝันผมมองเห็นมัน ตื่นขึ้นมาก็ยังมีมันอยู่ในชีวิต

   เหมือนอย่างเคย...

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-06-2017 19:43:17

   พาร์ทหลังของการทำกิจกรรมเริ่มเข้าสู่การซ้อมแอคติ้งจากบทคร่าวๆ โดยไอ้เติร์ด พี่ย้งยี้ และก็ไอ้พี่เชนทร์เป็นคนช่วยดูแลเรื่องรายละเอียดและอารมณ์ของบทให้ในกรณีแอคติ้งโค้ชไม่เคลียร์กับฉากนั้นๆ และนักแสดงยังสื่ออารมณ์ในตอนนั้นไม่ได้

   ผมรับกระดาษในมือของเพื่อนรักมา มันเคยแจกให้ผมแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ซีนที่กำลังลองเล่นในวันนี้แตกต่างออกไป

   ตัวคาแร็กเตอร์ของตฤณเรื่องไลค์บรารี่นั้นดูภายนอกเหมือนจะไม่แตกต่างจากพระเอกหนังหรือละครทั่วไป คือหล่อ เท่ แบดบอย และใช้เสน่ห์จีบสาวได้แพรวพราวมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่แตกต่างนั่นก็คือนิสัยจำเพาะเจาะจง คือแม่งเป็นคนที่ถ้าชอบใครแล้วมันจะทำตัวปรัชญาด้วยเว้ย

   เออฟังไม่ผิด สร้างปรัชญาทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ และพยายามทำเรื่องนั้นให้ดูดราม่าด้วย ตอนได้บทมาครั้งแรกนี่ถึงกับนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก คนคิดคาแร็กเตอร์คือไอ้พี่เชนทร์ คนเขียนพล็อตคือได้เติร์ด ส่วนไดอาล็อกเป็นเจ๊ย้งยี้ นี่แม่งรวมพลคนหายนะทั้งนั้น

   ผมถูกเรียกให้ไปซ้อมบทอยู่นาน นับแล้วก็เกือบสองชั่วโมงจนไม่ได้พัก พอปีสี่หันไปโฟกัสคนอื่นบ้างผมเลยเดินมานั่งพิงผนังเคียงข้างกับคนตัวขาวที่อยู่หลังห้องอย่างหมดสภาพแทน

   “ไง จะตายแล้วเหรอ”

   “นี่คือคำให้กำลังใจกูชะ?”

   “ตั้งใจหน่อยดิ ได้เป็นพระเอกทั้งที” นี่จะให้กำลังใจหรือประชดวะ แยกไม่ออกจริงๆ

   “ร้อนมาก เหนื่อย” ผมบ่นออกมาอีก มือก็พยายามเสยผมหน้าสุดเท่ขึ้นจนสุดเพราะเหงื่อที่ไหลลงมาสร้างความรำคาญให้ชีวิตค่อนข้างมาก

   “ผมยาวมากแล้วมึง รุงรัง” บ่นเหมือนแม่กูเลยครับ

   “ถ้ามึงตัดให้กูก็ยอม”


   “เออ เดี๋ยวตัดให้”

   “ตัดผม?”

   “ตัดหัวมึงออกเนี่ย”

   “ง่ายขนาดนั้นเลย”

   “ก็ไม่ยากเท่าตัดใจอ่ะ”

   อาจจะดูเหมือนไอ้เติร์ดพูดเล่น แต่สีหน้าและแววตาที่ส่งออกมากำลังบอกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอย่างนั้นจริงๆ นี่ถ้าวันนั้นไม่เข้าไปเสือกวิดีโอของมันในยูทูป ผมคงได้ทำร้ายใจมันต่อไปอีกเรื่อยๆ

   คิดแล้วก็ได้แต่ก้มมองปากกาในมือของอีกฝ่ายนิ่ง ลองใส่ความรู้สึกของพระเอกเข้าไปเหมือนเป็นการท่องบทไปพลางๆ

   “ทำไมคนเราถึงชอบพรากชีวิตของคนอื่น ขนาดปากกาเรายังค่อยๆ พรากชีวิตของมันลงไปทีละนิด และเมื่อไหร่ที่หมึกหมด เราก็จะสูญเสียมันไปตลอดกาล”

   “ดราม่าปากกา?” ไอ้เติร์ดเอียงคอถาม ผมเลยพยักหน้าเศร้าๆ

   “ลมที่พัดเอื่อยจากเครื่องปรับอากาศ พัดพาความเย็นเข้ามาให้เรารู้สึกในตอนนี้ และครั้งหนึ่ง...มันก็เคยพัดลมหายใจของเราเอาไว้ด้วยกัน”

   ดราม่าแอร์ อิอิ

   ผมเลื่อนสายตามองไปรอบตัวของไอ้เติร์ด เห็นโทรศัพท์มือถือนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงพื้นก็รู้สึกหนาวจับใจ

   “มือถือเครื่องโปรด มันจะรู้สึกสงสารกูมั้ย ทุกครั้งที่สัมผัสหน้าจอทัชสกรีน ทำไมน้ำตาของกูถึงชอบไหลกระทบจออยู่ทุกครั้ง นี่เรียกว่าความเศร้าอย่างนั้นเหรอ”

   “มือถือก็มา เก่งแล้วเนี่ย เป็นพระเอกได้ละ”

   “จริงดิ”

   “แต่ภาษามึงกากเว่อร์ ไปปรับใหม่”

   “เอ้าทุกคนพักเบรกได้ค่ะ เดี๋ยวสวัสดิการจะเข้ามาแจกของว่าง” เสียงที่แทรกขึ้นมาทำให้ผมหยุดชะงัก ผลไม้และไอศกรีมถูกเข็นเข้ามาพร้อมกับการมารุมมาตุ้มของมนุษย์ผู้หิวโหย

   “ไหนช่วยดราม่าเรื่องส้มหน่อย” คือผลไม้วันนี้มีส้มครับ ส่วนของหวานเป็นไอติม

   “นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้กินส้ม นึกกลับไปก็ใจหาย จนทุกวันนี้เกือบจะจำกลิ่นและรสชาติของมันไม่ได้แล้ว จำได้แต่ความสุขที่เคยได้รับจากผลไม้ที่ชื่อว่าส้ม”

   ผมรอฟีดแบ็กกลับมา แต่ไอ้เติร์ดไม่ได้บอกนอกจากกุมขมับ กูเลยต้องดราม่าไอศกรีมต่อ

   “โธ่...ไอติม เขาไม่น่าพรากมึงมาจากตู้เย็นเลย มึงคงเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ มิน่า...ถึงได้ตรอมใจละลายไปก่อนที่กูจะได้สัมผัสลิ้นลงไป ไอติมผู้น่าสงสาร...”

   ก่อนมันจะเหลวเป๋วกลายเป็นน้ำ ว่าแล้วก็รีบแดกเถอะครับ เรานั่งกินกันเงียบๆ ไอ้เติร์ดไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาปล่อยให้ผมได้โชว์สกิลดราม่าบวกปรัชญาพิลึกลั่นของตัวเองไม่หยุดหย่อน

   “ความน่ารัก เรานิยามคำนี้จากอะไรกันแน่ ใช่ความรู้สึกที่เกิดจากแต่ละคนมั้ย ตุ๊กตาสำหรับกูมันไม่น่ารัก ผู้หญิงบางคนก็ไม่ หมาบางพันธุ์ก็น่ากลัว อะไรคือนิยามคำว่าน่ารักอย่างจริงจัง”

   “...”

   “สำหรับกู ชาวีน่ารัก หนังบางเรื่องน่ารัก แมวน่ารัก และ...”

   “...”

   “มึงน่ารัก”

   ผมตลกหน้าไอ้เติร์ดตอนนี้ฉิบหายเลยว่ะ เออ! ทำตาโตๆ แบบนี้ยิ่งเข้าข่ายคำว่าน่ารักเลย แถมหูยังแดงอีกต่างหาก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวพยายามจะเก็บอาการไว้ไม่แสดงออกมา ผมเลยปรัชญาต่อแม่งเลย

   “นาฬิกา ช่วยลดความห่างของแต่ละวินาทีลงเถอะ กูแทบจะรอต่อไปไม่ไหวละ”

   “รออะไรไม่ทราบ” คนเคียงข้างถามขึ้น

   “รอไปกินข้าวเย็นห้องมึง”

   “เนียนเลยนะ แต่เลิกแล้วใช่ว่าจะกลับเลย กูต้องคุยเรื่องแก้บทกับพี่มันอีกนิดหน่อย”

   “รอได้” ผมบอกอย่างสบายใจ

   “ไม่บ่นอีกเหรอ ปกติไม่ใช่อย่างงี้”

   “ปกติเป็นแบบไหน”

   “ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย”

   “กูเป็นคนใจร้อนนะ แต่กับเรื่องบางเรื่องจะใจช้าขึ้นมาทันที”

   “...”

   “และก็แปลกด้วยที่เรื่องบางเรื่องนั้น...เสือกเป็นมึง”










   หลังซ้อมการแสดงเสร็จทุกคนก็แยกย้าย ผมปลีกตัวมานั่งรอไอ้เติร์ดกับรุ่นพี่ถกเถียงกันเรื่องแก้บทบางส่วนอยู่ แม่งนานจนเวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่ม แถมข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินกันสักคน ผมไม่เท่าไหร่หรอกเพราะยัดมาหนักแล้ว แต่ไอ้เติร์ดเนี่ยดิ ทำให้ห่วงได้ตลอดเวลา

   “เติร์ด มึงใกล้เสร็จยัง” ผมกระเถิบตัวนั่งซ้อนหลังของมัน พร้อมกับกระซิบถามเบาๆ

   “ยังเลย เดี๋ยวไปถกกันที่ห้องกูต่อ”

   “หา”

   “มึงหิวข้าวก็ไปกินก่อนเลย”

   “ได้ไง ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปกินที่ห้องมึง”

   “งั้นก็ไปพร้อมกัน” คำพูดแม่งทำเอากูหน้างอเลยสัด นึกว่าจะได้อยู่กันแค่สองคน ไหงกลายเป็นว่าลากไอ้พี่เชนทร์มาเป็นก้างขวางคออีกวะ เสียเวลาได้โบนกับไอ้ทูเคลียร์ทางให้ฉิบหาย

   แถมไม่หยุดอยู่แค่นั้นเมื่อเพื่อนสนิทผู้ชายหุ่นหมีอย่างพี่อั้นเสือกแวะมาที่ห้องด้วย ผมเลยกลัวว่าจะได้ยินประโยคที่ไม่อยากฟังหลุดออกมาจากปากของใครบางคน

   “เติร์ด เดี๋ยวไปกันเลยมั้ยวะ” พี่เชนทร์ถามขึ้น หลังจากพี่ย้งยี้สละเรือไปแดกข้าวกับเพื่อน

   “ได้ๆ ผมขอเก็บของก่อน”

   “ให้ซื้ออะไรเข้าไปมั้ย”

   “ที่ห้องมีของสดกับของกินตุนไว้เยอะอยู่นะ แต่ถ้าจะซื้ออะไรก็แล้วแต่พี่เลย”

   “โอเค...เออนี่ พาไอ้อั้นไปด้วยได้มั้ย พอดีมันมากับกู”

   อย่านะไอ้เติร์ด ผมได้แต่ส่งสายตาเป็นเชิงขอร้อง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเลยหันกลับไปพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตกลง

   “เอาดิ”

   ม่ายยยยยยยยยยยย แผนการจีบไอ้เติร์ด มีก้างขวางคอเต็มไปหมดเลยว่ะ

   ผมมาถึงห้องไล่เลี่ยกับเพื่อนรัก ส่วนไอ้ปีสี่สองคนตามมาหลังจากนั้นไม่นาน ซึ่งผมรำคาญมาก ไลน์หาแก๊งโหดอีกสองคนเพื่อให้มันมาช่วยแก้ปัญหาแต่คำตอบที่ได้คือคุณชายเขากำลังมั่วหญิงอยู่ กูนี่อยากจะตาย แต่ไม่วายต้องทำคะแนนด้วย

   “ให้ช่วยอะไรมั้ยวะ” ว่าแล้วก็ปรี่เข้าไปถามเจ้าของห้องที่กำลังง่วนกับการทำอะไรสักอย่างตรงเคาน์เตอร์

   “ไม่มีอ่ะ”

   “มีดิ ให้ช่วยล้างผักมั้ย”

   “งั้นก็เอาไปล้าง” แม้เจ้าตัวจะพยายามผลักไส ผมก็ยังพาตัวเองเข้าไปเสือกจนได้

   “ล้างนานมั้ย” จริงๆ ก็อยากคุยกับมันนั่นแหละ จะจีบแล้วได้คุยไม่พอ ต้องได้ใจด้วยสิวะ

   “ดูเอง” คนที่กำลังง่วนอยู่กับการหมักหมูในชามเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ “วันนี้ไม่เห็นแพรว ไม่มาซ้อมเหรอ” เอาแล้วววววววว ช่วงนี้ทำไมถามหาแพรวบ่อยจังวะ ส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขาหรอก เพราะหลังจากยกเลิกคำขอเราก็ใช้ชีวิตตัวใครตัวมันตลอด

   “อาจจะติดเรียนมั้ง ไม่ได้คุยอ่ะ”

   “อืม สมมติถ้าแพรวมีคนใหม่แล้วมึงจะโกรธหรือเปล่า”

   “โกรธทำไมอ่ะ เราเลิกกันแล้ว จะคบใครใหม่ก็ได้”

   “เหรอ” คำถามแปลกๆ แฮะ แปลกจนกลัวว่าไอ้เติร์ดคงไม่เผลอรู้อะไรอีก ส่วนตัวถามจากไอ้โบนกับไอ้ทูมาแล้ว มันยืนยันเสียงแข็งด้วยเกียรติลูกผู้ชายว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับไอ้เติร์ด ส่วนแพรวเองก็สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ คงไม่เกิดเรื่องซ้ำสองอีกหรอกนะ

   อาจเพราะกลัวความผิดของตัวเองหรืออะไรไม่รู้ ผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกันใหม่อย่างรวดเร็ว

   “ให้หั่นผักเลยมั้ย”

   “อือ” ไอ้เติร์ดตอบมาสั้นๆ ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักเสี้ยว

   “แล้วนี่เหลือแก้บทอีกเยอะเหรอ”

   “อือ”

   “คงดึกเลยดิวะ”

   “อือ”

   “นี่มึงไม่คิดจะตอบอย่างอื่นบ้างเหรอ”

   “อือ”

   “งั้นคืนนี้ขอนอนด้วยนะ”

   “อือ เฮ้ย! ไม่ต้อง กลับห้องมึงไป”

   “คงอยู่ดึกมาก ขับรถตอนกลางคืนโคตรอันตราย มึงเคยบอกกูอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ” คนข้างๆ กรอกตาไปมาราวกับกำลังใช้ความคิด ไม่นานก็ตอบกลับเสียงเรียบ

   “ห้องไอ้ทูกับไอ้โบนอยู่ชั้นล่าง ลงไปเคาะดูดิ”

   “มันไม่อยู่ ไลน์ไปหาแล้วเห็นบอกว่าเหยื่อกำลังติดเบ็ด”

   “กูไม่สะดวกว่ะ ยังไม่ได้เก็บเตียงเลย”

   “ปกติกูก็นอนห้องมึงได้ไม่ใช่เหรอ ห้องรกแค่ไหนก็นอนมาแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ด้วยไม่ต้องรีบไปเรียน กูขอซุกหัวนอนแค่คืนเดียวเอง”

   “...”

   “นะไอ้เติร์ด น้า...” เชื่อว่าสกิลตอแหลที่ตัวเองเคยทำกับผู้หญิงมาตลอดชีวิตต้องใช้ได้ผลบ้างล่ะ อย่างน้อยก็ขอให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง

   “เออ ถ้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนก็เอาของกูไปใส่แล้วกัน”

   เยส! น่ารักมากครับเตชภณ

   ผมช่วยมันทำอาหารง่ายๆ  ตามประสาผู้ชายสกิลต่ำ เสร็จสรรพก็เอาออกไปประเคนให้ปีสี่ที่นั่งหน้าสลอนอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวเล็กๆ

   “เออเติร์ด อังคารหน้าเขาจะให้สต๊าฟไปประชาสัมพันธ์กับขอรับเงินบริจาคที่ตลาดนัดนิสิตอีกรอบ ไปด้วยกันดิ” ไอ้พี่อั้นที่นั่งแดกเงียบๆ อยู่นานเอ่ยขึ้น ผมชักรู้สึกตงิดกับมันมาสักพักละ เด็กฟิล์มปีสามกับปีสี่สนิทกันน่ะพอรู้ แต่ที่รู้อีกอย่างคือนิสัยเจ้าชู้ของมันด้วย

   “วันอังคารเหรอ”

   “อังคารไม่ว่าง มึงต้องไปร้านต้นฉบับกับกู” ผมรีบแทรกทันทีเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ร้านต้นฉบับเป็นร้านขายแผ่นหนังตั้งแต่รุ่นเดอะ แต่นิเทศฯ ทุกรุ่นรู้จักกันดีเพราะเจ้าของร้านแกอินดี้มาก แถมอยากหาเรื่องไหนหรือเก่าเท่าไหร่แม่งก็ยังหามาให้ได้

   “กูจะไปพรุ่งนี้ เพราะงั้นวันอังคารไปได้ครับพี่”

   “งั้นดีเลย อังคารเจอกัน”

   หกเด็กฟิล์มในแบล็กลิสต์ที่หลายคนบอกต่อว่าอย่าเอาตัวเข้าไปยุ่ง เพราะความเหลี่ยมจัดทำให้เหยื่อตกหลุมพรางมานักต่อนัก คนแรกกูเอง คนแม่งด่าขรมทั้งคณะแต่ก็ยังรู้สึกปลอดภัยที่ผมเลือกกินแต่คนนอกไม่ลากคนในเข้าไปมีสัมพันธ์ลับ

   คนที่สองคือไอ้ทู เชี่ยนี่สายโหดอยู่แล้ว ไม่เว้นเด็กคณะตัวเองด้วย เรียกได้ว่าลากหมดตั้งแต่ปากซอยยันลูกสาวอธิการ เห็นใครหุ่นดีเป็นต้องหยอดทิ้งไว้ให้เขามาถ่ายแบบที่ห้อง สุดท้ายก็ไม่เหลือรอดกลับมาสักราย

   คนที่สาม ไอ้โบน เวลาใครเรียกไอ้หัวสกินเฮด คนเดียวที่หมายถึงคือสมาชิกแก๊งโหดอย่างมัน รายนี้ไม่ต่าง ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เปลี่ยนสาวน้อยกว่าผมสองคนก็จริงแต่ความดิบของการฟันแล้วทิ้งอีกวันกลายเป็นคนแปลกหน้านี่มันโหดกว่าผมหลายเท่า

   คนที่สี่เป็นเด็กปีสอง ฮอตมากเพราะครองตำแหน่งเดือน ฟันรุ่นพี่หลีดในคณะมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนใครต่างเล่าต่อกันเป็นทอดๆ ส่วนคนที่ห้าอยู่ปีสี่ เพื่อนกลุ่มเดียวกับไอ้พี่เชนทร์หุ่นหมี หน้าตาพอไปวัดไปวาแต่ซิกแพคแน่นมาก ใช้ความตลกพ่วงความคารมดีเข้าสู้ สุดท้ายแดกสาวเยอะสุดในบรรดาทั้งหมด

   และคนสุดท้าย...ก็กลุ่มไอ้พี่เชนทร์อีกเหมือนกัน ไอ้พี่อั้น!

   นี่ยิ่งกว่าสามทหารเสือเพราะมันคือกลุ่มทหารหมา หมาล่าเหยื่อของจริงแบบไม่มีใครกล้าสู้ ลึกๆ เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน มองภายนอกสร้างภาพเป็นคนจิตใจดี สนุกสนาน รักเพื่อนฝูง แถมยังร่าเริงกับทุกคนโคตรๆ

   เรื่องหน้าตาก็ไม่มีใครอยากเอาไปสู้เพราะเท่แบบผู้ชายด้วยกันต้องร้องโอ้โห ยิ่งเอาผิวแทนกับความสูงชะลูดมาไฝว้แล้ว ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยถึงกับต้องยอมสยบ ปล่อยมันแดกเรียบแทบไม่เหลือกระดูก แต่นิสัยแอ๊บเป็นคนดีของมันก็ยังใช้ได้กับทุกคนเสมอ ถ้าไม่ใช่คนวงในที่รู้ว่ามันกินเหยื่อไปเยอะเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่ามันจะเจ้าชู้ระยำตำบอนได้ขนาดนี้

   ในวงการคนเหี้ยๆ มันมีไม่กี่คน และเราต่างรู้จักกันหมด แต่ทำไมมึงต้องเสือกเข้ามาในชีวิตไอ้เติร์ดตอนนี้ด้วยวะ พวกผมเคยร่วมงานกับพี่มันก็จริง แต่ตอนนั้นแม่งไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดมาทำตำแหน่งสูงๆ ปีนี้เลยเป็นปีซวยของผมซะงั้น

   “อันนี้มึงทำเหรอวะ อร่อยดี” นั่นไง มันเริ่มเผยธาตุแท้ออกมาละ

   “ผมช่วยทำ จริงๆ ไอ้เติร์ดทำกับข้าวไม่อร่อยหรอก” จะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับไอ้เติร์ดทั้งนั้น กูจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง

   “มึงก็ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอวะไอ้ค่าย”

   “แน่นอน”

   “ทำไปอ่อยหญิงอ่ะดิ” พี่มันพูดพลางหัวเราะร่วน ไอ้สัดนี่ตัดกำลังกูชัดๆ

   “ฝึกไว้ทำให้เพื่อนกินต่างหาก”

   “เหรอ แต่อร่อยดี กูชอบ”

   “พี่อั้นเอาข้าวอีกมั้ยวะ เดี๋ยวผมตักให้” ไอ้เติร์ดพูดแทรกขึ้นมาอีก ผมเลยหันไปมองหน้ามันทั้งที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่

   “เอาๆ อร่อย อยากมากินบ่อยๆ เลยกู”

   “ข้าวจะหมดหม้อแล้วนะ กินแค่นี้ก็น่าจะพอมั้ง”

   “มึงนี่ตลกว่ะไอ้ค่าย ข้าวห้องมึงเหรอ”

   จึ่ก! เจ็บราวกับโดนมีดแทงอก หวงโว้ยยยยยยยยย มึงไม่ไปหาเหยื่อคนอื่นวะ ทำไมถึงต้องเป็นเพื่อนกู

   “ผมกลัวไอ้เติร์ดไม่อิ่ม”

   “ไม่เป็นไร กูกินจนอิ่มแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็ยื่นมือมารับจานของคนตรงหน้าไป ไอ้พี่เชนทร์ปลีกวิเวกออกไปคุยโทรศัพท์กับแฟนก่อนหน้า งานนี้เลยกลายเป็นสงครามประสาทระหว่างผมกับไอ้อั้นแทน

   “งั้นกูขอข้าวเพิ่มด้วย” ผมรีบพูดอย่างเร็วรี่

   “เอาเยอะๆ ไอ้เติร์ดกูยังไม่อิ่ม”

   “ของกูก็เอาให้พูนจาน หิวมาก!”

   หลังกินข้าวเสร็จเราต่างช่วยกันล้างจาน เก็บกวาดและทำความสะอาดโต๊ะ ก่อนจะย้ายไปนั่งถกประเด็นเรื่องบทละครเวทีกันต่อ คนที่ไม่มีหน้าที่อย่างผมเลยเดินออกมาสูบบุหรี่ตรงระเบียงด้านนอก ไม่นานประตูเลื่อนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของรุ่นพี่ปีสี่

   “มีไฟแช็คมั้ย” มันถาม ผมเลยล้วงกระเป๋ากางเกงส่งไปให้

   มือหนาคีบบุหรี่มาไว้ที่ปากแล้วจุดไฟแช็คอย่างช่ำชอง ควันสีขาวที่พ่นออกมาแข่งกับผมทำให้บริเวณนี้ปกคลุมไปด้วยความขมุกขมัว

   “ได้ข่าวว่ามึงเลิกแล้ว” จู่ๆ เสียงทุ่มต่ำก็ถามขึ้น เป็นประโยคลอยๆ ที่ดูจับต้นชนปลายไม่ถูก

   “เลิกอะไร”

   “มั่ว” ผมก็ไม่ได้บอกใครเรื่องนี้นะ แต่คนวงในก็คงรู้ดี ตอนนี้กูถอดเล็บละ

   “ชีวิตมันก็ต้องจริงจังบ้าง โตแล้วป่ะวะ”

   “ได้ยินแบบนี้ก็ดี แต่ส่วนใหญ่คนที่คิดจะหยุดมันไม่หยุดได้ในทีเดียวหรอก มึงก็เห็นๆ กันอยู่ เหี้ยกันจนเป็นสันดาน”

   “เหมือนพี่มึงอ่ะนะ”

   “ฮ่าๆ กูเหี้ยน้อยกว่ามึงอีก” ฉิบหาย กลายเป็นว่าตอนนี้ผมและมันต่างแข่งกันว่าใครจะพ่นคำด่าได้เจ็บแสบกว่ากันซะมากกว่า สำหรับพี่อั้น มันเหี้ยเรื่องผู้หญิงก็จริง แต่กับรุ่นพี่รุ่นน้องและความเป็นเพื่อนในคณะมันก็ให้ใจอยู่ แต่การให้ใจของมันนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ในระดับไหน

   และจะจัดใครบางคนเข้าไปอยู่ในโหมดไหนบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉิบหายทุกรายแน่นอน

   “ถามจริง ทำไมถึงเลิก”

   “พอดีเจอคนที่อยากจริงจังด้วยแล้ว”

   “เชร้ด ดีว่ะ”

   “แล้วพี่อ่ะ ไม่เคยคิดเรื่องนี้บ้างเหรอ”

   “คิดอยู่ ก็เลยลองดูกันไป” จู่ๆ ลำคอของผมก็รู้สึกแห้งผาก ไม่กล้าแม้จะหันกลับเข้าไปในห้องซึ่งมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ เพราะกลัวว่าคนที่พี่มันอยากลองดูจะกลายเป็นคนคนเดียวกับที่ผมหวง

   “ทำไมจู่ๆ ถึงคิดอย่างนั้นวะ ทำตัวเหี้ยมาตั้งสี่ปี หรือเพราะเพิ่งรู้ตัว”

   “มึงไม่น่าถามคำถามนี้นะ ใจมึงเองยังรู้ดีเลยว่าตอนไหนควรหยุดหรือทำตัวเลวไปเรื่อยๆ กูก็ไม่ต่างกัน ว่าแต่มึงเถอะ ไปตกหลุมพรางเด็กคณะไหนเข้าล่ะ”

   ผมยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ เพราะมันช่วยให้สมองโล่งและมีความกล้าจะทำอะไรหลายอย่างมากกว่าตอนที่อยู่ในอารมณ์ปกติ

   “คณะเราเนี่ยแหละ”

   “โหย แหกกฎของตัวเองด้วยว่ะ” รู้ลึกถึงไส้ถึงพุงกูดีจัง

   “พี่รู้จักผมดี เพราะงั้นพี่ก็คงรู้อีกอย่าง ใครยุ่งกับคนของผมผมเอาตาย”

   “กูก็เหมือนกัน” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าคมของรุ่นพี่ปีสี่ ดวงตาคู่นั้นมองออกไปด้านนอก แต่รู้ดีว่าสองหูคงกำลังรอฟังถ้อยคำบางอย่างจากผมอยู่

   “พี่อั้น...”

   “ไร”

   “ผมชอบเติร์ด”

   “...”

   “เพราะงั้นใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง”











   สี่ทุ่มกว่าแล้วไอ้เติร์ดกับพี่เชนทร์เพิ่งคุยงานกันเสร็จ แต่แทนที่จะรับกลับแม่งกลับนั่งยึดโซฟาหาหนังมานั่งดูอย่างอารมณ์ดี กูล่ะเกลียดฉิบหาย ทำได้แค่ปั้นหน้าไม่พอใจอยู่กับพวกแม่งมัน แถมต้องนั่งข้างล่างอีกต่างหาก

   “อันนี้เป็นหนังสั้นปีก่อน อิโรติกหน่อยนะ แต่โคตรอาร์ตเลย” เอ็กเทอนอลถูกต่อเข้ากับจอโทรทัศน์โดยตรง รีโมทคอนโทรลที่อยู่ในมือถูกกดไปเรื่อยๆ และไม่นานหนังเรื่องหนึ่งก็เริ่มต้นฉาย

   นี่เป็นหนังสั้นเด็กฟิล์มปีก่อน และได้รับรางวัลด้วยแต่จำไม่ได้ว่าอันดับที่เท่าไหร่

   เรานั่งดูกันไปเรื่อยๆ ปากก็ร้องซีดซ๊าดออกมาจนห้ามไปอยู่ อะโหยยยยยย พวกมึงคนหนึ่งควรจะรู้ว่ากูอดอยากปากแห้งกับเรื่องเซ็กซ์มาพักใหญ่แล้ว พอได้มาดูหนังแนว 18+ แม้จะมองว่ามันคืองานศิลปะแต่อารมณ์กูไม่ศิลปะด้วย

   น้องชายที่หลับใหลพร้อมจะตั้งเด่อยู่ตลอดเวลา ได้แต่ควานหายาดมมาซุกรูจมูกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์แม้มันจะไม่ได้ผลก็ตาม แป๊บๆ ทนไม่ไหวกูหนีเข้าส้วมก่อนเลย

   “เดี๋ยวมา ปวดฉี่”

   “ไม่น่าใช่ อยากล่ะสิมึง” ไอ้พี่เชนทร์ ไอ้หัวฆวย

   “แดกน้ำเยอะเว้ย” พูดจบก็รีบสับเท้าเข้าไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของไอ้เติร์ดทันที จัดการจนพาลูกชายกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเสร็จผมก็เปิดประตูออกมา แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำเอาชะงักเท้าในทันที

   “เข้าส้วมเหรอ” ผมถามพี่เชนทร์

   “เออจะเข้า แล้วก็มาคุยกับมึงด้วย”

   “คุยอะไร”

   “สัพเพเหระ”

   “คุยข้างนอกก็ได้ เนี่ยจะออกไปแล้ว”

   ผมตั้งท่าเดินออกไป แต่กลับถูกผลักอกให้ยืนอยู่ที่เดิมอย่างงงๆ

   “พี่ต้องการอะไรกันแน่วะ”

   “กูไม่อยากให้มึงรีบเข้าไปขัดจังหวะ คือจะบอกว่าไงดี...”

   “ก็บอกมาสิ!” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปฉายแววความโกรธจัด และผมก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้แล้ว แม่งกลัวไปหมด ขณะเดียวกันก็อยากรู้คำตอบใจแทบขาด

   “เพื่อนกูชอบเพื่อนมึง”

   “...!”

   “ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิท”

    “...”

   “กูขออนุญาตมึงเปิดทางให้ไอ้อั้นจีบไอ้เติร์ดได้มั้ยวะ”
   

   

โฮร่ลอีค่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น่าสงสารจังค่ะ
 o22
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 27-06-2017 20:01:49
กอดนะคะ โอ๋ๆ สงสารแต่ก็สะใจอ่ะ โทษทีนะค่ายนะ สู้สู้ 55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 27-06-2017 20:05:08
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี 555555555555555 ท่ดๆ
แต่เติร์ดนี่ตัดแล้วตัดเลยจริงๆ เราเข้าใจนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 27-06-2017 20:12:24
เป็นไงละค่าย
สมน้ำหน้าว้อยยยยยยยยย
วันหลังอย่ารู้ใจตัวเองช้าไปอีกนะ ไม่ต้องวันหลังละ วันนี้เลย
คิดถึงพาร์ทเติร์ดจัง รักเติร์ดคนดี สมน้ำหน้าไอ้ค่ายคนจริง วรั้ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-06-2017 20:18:35
 :laugh: พยายามเข้านะค่าย5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-06-2017 20:25:58
สู้ๆนะค่าย

/กลั้นขำ อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-06-2017 20:26:11
เช้ดดดด อิค่าย ศัตรูมาถึงเรือน จะนิ่งให้มันหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ ฆ่ามัน ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 27-06-2017 20:29:09
เอาละค่าย งานยากละทีนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 27-06-2017 20:39:12
ควรสงสารค่ายไหมตอนนี้
จะรู้ใจตัวเองทั้งทีคู่แข่งก็ดันมีซะได้ :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 27-06-2017 20:40:22
ค่ายเอ๊ยยยยยยยยยยยย  o22
มีคู่แข่งและเมิงงงง เค้าคารมณ์ดี ไม่มีคดีติดตัวด้วย
สงสารนังค่ายขึ้นมาเลย.. เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 27-06-2017 20:43:57
ม่ายยยยยยยยยย

ถึงอิค่ายมันจะเฟี้ยมากก่อน แต่มันก็คิอพระเอกของเรา
หนึ่งเดียวในใจ อย่าตัดกำลังมันเลยพี่อั้นนนนน

โอ้ยย อกอีแม่จะแตก ลูกฮอท
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 27-06-2017 20:46:05
โอ๊ย ค่าย จะสรรหาคำพูดอะไรดี
ตอนที่แล้วด่าไปเยอะ ตอนนี้เจ้ขอเชียร์ค่ายละกัน
สู้ๆแล้วกันนะลูกขอให้ได้ขอให้โดนเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 27-06-2017 20:46:11
โอ้ยยยย เหมือนจะสงสารนาง แต่ตอนเติร์ดเจ็บนี่ก็เจ็บด้วย เฮ่อ ถ้าไอ้พี่อั้นไรนั้นชอบจริง จริงดิ ดูไม่มีเหตุ รอดูล่ะกัน อิค่ายสำนึกซะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 27-06-2017 20:47:04
อัยย่ะ คู่แข่งโผล่ออกมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-06-2017 21:00:23
เอาแล้วววววววว ค่ายมีคู่แข่งแล้วโว้ย 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 27-06-2017 21:04:16
เอาแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 27-06-2017 21:07:26
อื้อหือ!!! น้องค่าย อีพี่อั้นกำลังหยามค่ะ กำลังหยาม
จัดการเขี่ยให้พ้นทางเลยค่ะลูก  :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-06-2017 21:10:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 27-06-2017 21:10:59
ไหนคุณจิตติบอกไม่มีมือที่สามไงคะ :ling2: น้องนี่ปลงตกแรงมากเด้อ ผ่านมากี่ตอนทำไมน้องเติร์ดพึ่งมาโซฮ็อทเอาตอนนี้ ทีแรกก็จะบอกว่าไม่ยกเติร์ดให้พี่ค่ายหรอกแต่เจองี้แล้วบับ รุกไปเลยจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา พี่ค่ายต้องอ่อยให้หมดยันหยดสุดท้าย อ่อยจนโดนไล่ให้ไปสร้างโลกใหม่ที่ดาวอังคาร รอว์
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 27-06-2017 21:12:28
หว่ายยยย หว่ายยยยยยยย วงวารเค้านะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-06-2017 21:20:52
ก๊ากกกก สมน้ำหน้า วะฮะฮ่าๆ  :hao7:
ค่ายดูเป็นพระเอกขึ้นนะ แต่เราไม่ยกเติร์ดให้ง่ายๆหรอก -^-
นังค่ายรถอ้อยคว่ำมากกก หมั่นไส้ 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 27-06-2017 21:21:17
โอ้ยยยสงสารอิพี่ค่ายยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-06-2017 21:25:44
หูยยยยยย หูยยยยยยยยยย
ดุเดือดเลือดพล่าน
ศึกนี้ไม่ง่ายเลยนะค่าย ชั้นควรจะเชียร์แกดีไหมเนี่ยะ
เอาเป็นว่าหลังจากที่เห็นตอนหลังๆ
แกทุกข์ระทมเหลือเกิน
จะคอยเอาใจช่วยแล้วกัน55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 27-06-2017 21:29:33
ค่ายอย่ายอมๆ จัดการอิพี่สองคนนี้ไปเลย  :z6: :z6:



ปล. มีความรู้สึกแปลกๆกับอิพี่เชนทร์ เหมือนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น  :laugh5: :laugh5:

fc.ค่าย #พระเอกคนซึน#รู้ตัวช้า#แต่รู้ใจตัวเอง  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-06-2017 21:31:05
โอ้ยยสงสารนังค่าย โง่แล้วยังจะนกอีกหรอ
พี่เค้าชอบเติร์ดจริงดิ อยุดัๆก้มาบอกทีหลังงี้หรอ
ตอนค่ายบอกว่าชอบเติร์ดทำไมไม่พูดออกมาเลย
โอ้ยยวูบบเลยย ใจอ่อนมาเชียร์นังค่ายแล้วเนี่ย
กลัวดราม่า ค่ายโดนเมินในช่วงที่เติร์ดกำลังสนิทกับอีกฝ่าย
โคตรเจ็บแทนนนอะ
รอเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-06-2017 21:42:50
คืออ่านๆไปก็เริ่มสงสารอิค่ายละนะแต่ก็รู้สึกว่ามันยังไม่พอ อย่างที่อิค่ายบอกว่ามันทำไว้เยอะทั้งที่รู้และไม่รู้ตัว เพราะงั้นคงต้องพยายามอีกมากๆเลยแหละเพราะตั้งแต่ค่ายบอกจะจีบเติร์ดนอกจากที่ค่ายเทกิ๊กทั้งหมดแล้วค่ายยังไม่ทำไรเลยนะมีแต่สกิลเต๊าะกากๆไปวันๆ ไหนจะเรื่องแพรวอีก ถ้ายังไม่ยอมยอกตรงๆเติร์ดก็คงยังถอยห่างอะ แต่เอ้...ถ้าบอกไปตรงๆแล้วเติร์ดจะถอยห่างกว่าเดิมรึเปล่าน้อ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 27-06-2017 22:00:10
อ้าวค่าย  o22 ทำไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 27-06-2017 22:02:56
เราว่ามันต้องมีอะไร
หรือเติร์ดมีแผน?  :hao4:

ที่เติร์ดไม่ยอมโอนอ่อนหลงคารมครั้งนี้
คงเป็นเพราะรู้ว่าแพรวไม่ได้คบกับค่ายจริงๆ
คงกลัวค่ายมาหลอกอีกครั้ง

ปกติจะเป็นทีมนายเอกคอยถือหางตลอด
แต่เรื่องนี้ไม่อยู่ทีมใคร
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ทุกคนทำตัวเอง...

ขอบคุณที่มาต่อจ้ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 27-06-2017 22:18:29
กว่าจะรู้ตัว ก็มีคนมาชอบเติร์ดซะละ หึหึ  :m12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-06-2017 22:19:47
ยังไม่สงสารหรอกนะค่ายแต่ยังใงก็สู้สู้นะ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-06-2017 22:23:42
งานยากแล้วพี่มึง   :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 27-06-2017 22:27:12
เอาแล้วๆ ทำอย่างไรล่ะเธอ 555 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 27-06-2017 22:27:28
ทำไมพี่อั้นนี่ต้องมาชอบเติรดตอนค่ายรู้ใจตัวเองงงด้วยย  :katai1: :katai1: โอ้ยย แต่ละคนที่มายุ่งกับเติรดแต่ละคนนี่นิสัยดีๆทั้งนั้นเลยคะ ดีแบบดีเควี่ยๆ 555555 ฮอลลลลล พยายามนะน้องค่าย ว่าแต่อีพี่แชมป์นี่เพื่อนแกคงจะไม่ได้จะเล่นๆกับเติรดใช่มั้ยยย เราเชื่อแกนะเพราะบทที่แล้วแกบอกว่าพี่มันเป็นคนดี!! ปล.แอบคิดว่าเป็นแผนง่ะ ทำไมมันดูแปลกๆ 5555555  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-06-2017 23:00:37
ป่วงมากต่าย

ปรัชญาพามึนสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 27-06-2017 23:20:30
 :เฮ้อ:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-06-2017 23:47:04
มีคู่แข่งก็ดี แต่กลัวอิพี่อั้นเลวอ่ะ
ไม่อยากให้เติร์ดเจอคนไม่ดี
กลัวอิพี่อั้นมาหลอก
เติร์ดสวยๆโสดๆค่ะลูก เริ่ดกว่า  :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-06-2017 23:49:24
ค่ายเอ๊ย........เอาละสิ  :ling1:
ก่อนหน้าที่ยังไม่รู้ตัวว่าชอบเติร์ด
ก็ไม่มีใครมาจีบเติร์ดเลย
พอค่ายเอาจริง โผล่มาเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ค่ายกลัวพี่อั้ม จีบเติร์ด ก็จีบจริงซะด้วย
ทั้งที่ค่าย บอกพี่อั้มไปแล้วว่าค่ายชอบเติร์ด

นี่แสดงว่าพี่อั้มไปคุยกับพี่เชนทร์ล่ะสิ
ว่าให้ค่ายเปิดทางให้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 28-06-2017 00:38:25
เอาแล้ว นังค่าย ศัตรูปรากฏตัวแล้ว กากๆแบบเอ็งจะสู้เค้าได้ไหม  :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 28-06-2017 00:44:44
 :katai2-1: เริ่ดค่ะนุ้งเติร์ด..มีแต่คนมะรุมมะตุ้มมารุมรัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 28-06-2017 05:09:39
มีปุ่มสะใจมั้ยคะ 55555555555555555555555555555
ไม่รู้สวนกระแสเขาเปล่า ทำไมไม่สงสารค่ายเลย ถึงจะโง่มาก็เถอะ แต่แบบน้องเจ็บมาเยอะกว่าอ่ะ ทีมเติร์ดเว้ย
แต่ก็ต้องดูใจเติร์ดด้วยล่ะ ปฏิเสธคนมานาน ถ้ารับคนนี้แปลว่าหมดรักค่ายโดยสมบูรณ์
ถ้าไม่ก็ดีใจด้วยนะค่าย แสดงความยินดีด้วย แต่เราไม่ทีมนายว่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 28-06-2017 07:49:14
เป็นไงละค่ายยยย สมช้าดีนัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2017 08:27:22
มีคู่แข่งซะแล้วค่าย~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-06-2017 09:09:13
อ่าวเห้ยย ไม่ได้นะเว้ย จะจีบตอนนี้ไม่ได้ หนัง 18+อยู่เห็นไหม ไปจีบตอนอื่นเว้ยยย


ตอนนี้ต้องวิ่งไปปกป้องก่อน ไอ้พี่เชนหัวขวด เพื่อนมุงตัวพ่อนะเว้ย แมร่งมาหลอกน้องทำไงวะ


ไม่ได้ ไม่ได้ หนีไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: a-dragon ที่ 28-06-2017 09:31:47
มีความสะใจแต่ก็แอบสงสารอิค่ายอยู่ลึก ๆ

เมื่อก่อนมันเกิดการทำร้ายจิตใจกันจากความไม่รู้มันเลยทำให้ทั้งเติร์ดและค่ายต่างก็ดูน่าสงสารกันอย่างต่างบริบท แต่ที่รู้สึกสะใจเพราะเมื่ือตอนที่ค่ายรู้แล้ว แล้วตัดสินใจดำเนินการเรื่องแพรว ค่ายควรต้องรู้ว่าเติร์ดจะรู้สึกยังไงบ้าง

แต่เหนือสิ่งอื่นใดอยากอ่านมุมของเติร์ดบ้างแล้วค่ะ ภายใต้หน้ากากชาเย็นในใจของเติร์ดจะคิดอะไรอยู่ พี่ค่ายคนคูลถอดหน้ากากเป็นอิค่ายคนกากแล้ว อยากถอดหน้ากากชาเย็นของน้องบ้าง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 28-06-2017 11:11:33
 :hao5: ยังไงๆ คุณค่ายคับ..
เจอคู่แข่ง แรงเกินร้อย.. แถมมีแบคด้วย.. กร๊ากกก
โดนซะบ้าง.. ชิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 28-06-2017 11:39:16
โถๆๆๆๆนางค่ายเจอคู่แข่งแบ๊คใหญ่ซะด้วย :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-06-2017 12:56:23
ไม่ได้โว้ยยย ไม่ปงไม่เปิดอะไรทั้งนั้นนน นี่ตอบแทนค่ายเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 28-06-2017 13:13:11
หุหุ ไม่ทีคำพูดใด นอกจากยิ้มอย่างมีเลศนัย ขอโทษนะค่าย เราทีมเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 28-06-2017 13:47:28
แล่วๆๆๆๆ เอาแล้วค่ายย พี่อั้นตอนนี้ภาษีดีกว่าเยอะด้วยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 28-06-2017 14:21:46
อืมม อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว เราอยากจะขอบอกก่อนเลยว่าตอนที่8ในความรู้สึกของเรามันเป็นความฮาที่ซ่อนเร้นด้วยความหน่วง อะไรหลายๆอย่างมันบอกเราแบบนั้น ตอนอ่านก็ฮาและสงสารอีค่ายไปพลางๆ แต่พออ่านจบเหมือนมันได้ตกตะกอนทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วตอนนี้มันมีความหน่วงซ่อนอยู่

จะพูดยังไงดีล่ะ...

เอาจริงๆกูก็ไม่ได้เข้าข้างมึงนะค่าย แต่เห็นแล้วเริ่มรู้สึกสงสารค่ายขึ้นมาแล้วจริงๆ ถ้ามึงรักน้องเติร์ดจริง มึงต้องทำให้เค้าเห็นนะค่าย ทำให้เค้าได้รับรู้ กำแพงในใจของน้องเติร์ดตอนนี้สูงมาก สูงมากกว่าเดิมมากๆ น้องมีประสบการณ์การได้รับความเจ็บปวดจากมึงซ้ำๆๆๆ เป็นเวลาสองปี ดังนั้นมึงต้องปีนกำแพงของน้องเติร์ดเข้าไปหาเค้าให้ได้ ถ้ามึงรักน้องเติร์ดจริงๆนะค่ายนะ

ตอนนี้ทำให้เรารู้อีกอย่างนึงว่าเติร์ดน่าสงสารแค่ไหนที่แวดล้อมด้วยผู้คนที่ติดอยู่blacklistsของคณะนิเทศศาสตร์ด้านความมั่วและม่อ ทำไมรอบตัวหนูถึงมีแต่คนแบบล่ะลูกเอ้ยยยยยยยย ฮื่อออ  :seng2ped:

ตอนแรกที่ได้อ่านแบบskimingก็ดีใจแหละที่จะมีคนมาจีบเติร์ด ใจจริงนึกอยากจะเชียร์ให้เติร์ดเปิดใจรับคนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตด้วยซ้ำไป แต่พอมาลองอ่านดูดีๆแล้ว คนที่จะเข้ามาจีบเติร์ดมันไม่ได้ต่างอะไรจากอีค่ายเลย ถ้าเป็นแบบนั้นหนูก็อย่าเอาใครเป็นแฟนเลยลูก เห็นละเพลีย สงสารด้วยที่หนูจะต้องรับความเจ็บปวดแบบซ้ำๆ มันก็อย่างที่พี่อั้นว่านั่นแหละ หลายคนคิดจะเลิกเหี้ย เลิกมั่ว แต่สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้เพราะมันติดเป็นสันดานความชั่วไปแล้ว ดังนั้นแล้วมันจึงไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าถ้าหนูเป็นแฟนกับพี่อั้นจริง เค้าจะไม่เหี้ยใส่หนูอีก แม้แต่อีค่ายก็ตาม

และต่อให้หนูบอกกับพี่อั้นว่า ผู้ชายคนเดียวที่หนูรัก/ชอบมีแค่คนเดียวคืออีค่าย มันก็ไม่มีหลักประกันใดๆมารับรองอีกว่าพี่อั้นมันจะไม่เหี้ยใส่หนูอันเกิดจากความไม่ได้ "ใจ" ของหนู หรือ "ตัว" ของหนูนะลูกเติร์ด

เอาเป็นว่าตอนนี้เราให้กำลังใจแกนะค่ายนะ แต่เราไม่เข้าข้างแกหรอก เราทีมเติร์ดตลอดแหละ ลูกอยู่กับใครแล้วมีความสุข เราก็สนับสนุนนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 28-06-2017 14:39:52
เกลียดอิค่ายมาทุกตอน แต่มาสงสารมันตอนนี้นี่แหละค่ะ
โอ้ยยยยยยย พอไม่รู้ตัวว่าเค้าชอบก็ไม่มีมือที่สามเนาะ
พอรู้ตัวเองเท่านั้นแหละ อุปสรรคพุ่งเข้ามาหาเลยอ้ะ ตายแล้วว้อยยยยยย
ขึ้นอยู่กับเติร์ดล้วนๆเลยอะ ไม่งั้นต้องผนึกกำลังแก๊งค์โหดให้โบนให้ทูช่วยแล้ว ไม่งั้นไม่รอดอิพี่อั้นแน่ๆ
โอ้ยยย พระเอกของเราาาาาาาาา อิค่ายสู้ๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-06-2017 16:33:49
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 28-06-2017 17:53:21
สมน้ำหน้าาาาา5555 เติร์ดน่ารักเลือกได้นะคะ คุณค่ายผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-06-2017 18:30:06
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-06-2017 18:57:46
จะสงสารอิค่ายดีมั้ย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 28-06-2017 20:42:27
สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 28-06-2017 22:44:40
เติร์ดสู้ๆ ทำให้ค่ายสำนึกซะบ้าง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 28-06-2017 22:56:28
เริ่มแอบสงสารค่ายนิดๆ แต่ก็ยังไม่อยากให้เติร์ดใจอ่อนง่ายๆ 5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 28-06-2017 23:15:19
 :katai2-1:
 :katai1:
สู้ๆนะคะทุกคน...ลงสนามก็ต้องมีคู่แข่งซินะถึงจะมันท์และเห็นคุณค่ากะรางวัลที่จะได้มา
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 29-06-2017 00:12:10
สนุกกว่าที่ึิคิดไว้มากเลยยยยย. พาร์ทดราม่ารี่ทำเอาน้ำตาไหลไปหลายตอน. รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 29-06-2017 10:03:09
เฮียค่าย อย่ายอมแพ้ครับ ลุกขึ้นสู้ครับเพ่
จีบต่อไปอย่าท้อ
 :hao7:

ปล. ชอบเม้นท์ของ XII
กดเป็ดน้อยชื่นชม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 29-06-2017 12:04:20
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าค่ายดี ได้แต่หวังว่า.. โชคดีนะค่าย สู้ๆ เด้ออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 29-06-2017 14:05:17
โอ๊ยยยยยยย ขำ วางแผนกกันรึจีบบจริง ใจนึงก็อยากให้อิพี่ค่ายช้ำใจเล่นๆ อีกใจก็สงสาร 5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 29-06-2017 16:57:22
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 29-06-2017 17:52:31
ยังไงเราก็เชื่อว่าเติร์ดตัดใจจากค่ายไม่ได้หร๊อกก ค่ายวินตั้งแต่ยังไม่แข่งเว้ยยย ฮืออ เราสงสารอิค่ายแล้วอ่ะ
ิไฟต์หน่อยนะค่าย ฉันรู้ว่าแกทำได้ อิอิ ทีมอิค่ายเว้ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 29-06-2017 17:58:59
เอ๋าาาาา ผิดเองที่รู้ตัวช้า
ก็สงสารนะ แต่สงสารเติร์ดมากกว่า

จะไม่เชื่อคำว่านิยายฟีลกู้ดของคุณจิตติอีกแล้ว
ตอนเติร์ดร้องไห้หนักมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-06-2017 20:02:57
ตอนแรกที่เชียร์ให้มีคนมาพัวพันกับเติร์ด ตอนนี้อยากจิถอนคำพูด อะไรคือให้คนในแบล็กลิสต์มาจีบน้องเติร์ด?! ทำไมน้องต้องเจอแต่คนแบบนี้คะ โธ่...หนูไปทำอะไรมาจ๊ะ คือจะฟันธงอะไรลงไปก็ไม่ได้เพราะนี่อ่านจากมุมมองของค่าย หรือแม้แต่อ่านจากมุมมองของเติร์ดก็ไม่กล้าสรุปว่าอั้นเป็นคนดีหรือไม่ดี ต้องอ่านความคิดของอั้นนั่นแหละจึงจะรู้ว่าที่เข้ามาจีบเพราะต้องการอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้ยอมรับว่าไม่อยากให้อั้นจีบ เพราะเท่าที่ฟังจากค่ายสาธยายมาแล้ว...น้องเติร์ดควรออกห่างจากคนเหล่านี้ให้มากที่สุด เจ็บเพราะอกเดาะยังดีกว่าแบบนี้เลยค่ะ

ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่เจอแบบนี้ก็อยู่คนเดียวดีกว่าจ้ะน้องเติร์ด ไม่มีแฟนตอนเรียนก็ไม่เห็นเป็นไร มีแฟนตอนทำงานยังได้เลย ใช่ว่าน้องจะขี้ริ้วขี้เหร่

ป.ล. ดาวมอทำร้ายน้องเติร์ดจังเลยยยย  :ling1:
ป.ป.ล. ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ รอตอนต่อไปเด้อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 30-06-2017 08:20:55
คือ....อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่ามันคล้ายเรื่องราวความรักของตัวเองแต่เราเป็รไอ้เชี่ยค่ายนะ....ความรู้สึกเดียวกันเลยคือ...พยายามให้เขากลับมาชอบตัวเอง....เราพยายามมา 1 ปี 3 เดือน สุดท้ายก็ไม่สมหวัง.........แต่อยากให้ไอ้เชี่ยค่ายสมหวังนะ
#รักจิตติเรนมากเลย อ่านกี่เรื่องไม่ผิดหวัง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 30-06-2017 08:34:30
คือ............... :seng2ped:
มีคนมาแข่งไอ้ค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 30-06-2017 15:07:29
ค่ายเจองานหนักมากกกก  o22
คู่แข่งนี่ท่าทางจะร้ายไม่เบา
เอาหน่ะ สู้นะ คว้าใจเพื่อนมาให้ได้ o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 30-06-2017 15:52:18
น่าเห็นใจค่ายเขานะครับ
พอคิดจะทำตัวดีขึ้นทุกอย่างก็ไม่เป็นใจซักอย่าง
น่าเห็นใจ..น่าเห็นใจ
แต่ไม่สงสารนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 30-06-2017 16:40:07
พี่อั้นนี่ชอบจริงหรอ?? หรือว่าเป็นแผนของเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-06-2017 23:21:44
อิค่าย สมน้ำหน้าวะ 5555
แต่อิพี่อั้นชอบจิงป่าว นิสัยไม่ธรรมดา กันหมดทุกคนเลยืเติร์ดหนูอยู่ในดงอะไรเนี่ยะ
แต่อย่าเพิ่งใจอ่อนกะใครล่ะ เชิดๆเริ่ดๆไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 01-07-2017 10:45:52
สม :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-07-2017 21:25:31
อ่าน 8 ตอนรวด  :sad4: ทิชชู่แทบหมดม้วน  :mew4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-07-2017 08:48:10
เอิ่มมมม ทำไมฝั่งตรงข้ามชัดเจนจัง ทีมเพื่อนมาเอง

ทีมค่าย ทีมเติร์ดคะ มาหน่อยจ้า อย่าปล่อยค่ายสู้เองในเวลานี้
เติร์ดไม่ได้ใจแข็งนะ แต่เจ็บแล้วจำ จนไม่อยากกลับไปเวลานั้นอีก

ค่ายต้องพยายามให้หนักกว่านี้อีก มีคู่แข่งโผล่มาซะงั้น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 8 [27/06/60] *หน้า22
เริ่มหัวข้อโดย: VaLyn_TM ที่ 02-07-2017 13:25:23
เราอ่านทีเดียว 8 ตอนรวด คือตาบวนฉึ่งมากกกกกกกกกกกกกก สงสารเติร์ดมาก
เข้าใจหัวอกคนแอบรักเพื่อน แล้วต้องมาทนเห็นเค้าได้กับคนอื่น มันชอกช้ำระกำใจอ่ะ
แล้วยิ่งมาเจอคนที่แอบรักแกล้งจีบใส่เพราะแค่อยากพิสูจน์ นี่แบบ เอามีดมาฟันยังเจ็บน้อยกว่า :m15:
คือ ไม่แปลกอ่ะที่เติร์ดต้องการตัดใจแล้วก็ป้องกันตัวเองขนาดนี้ คงคิดไปแล้วว่าเจ็บต้องจำ อย่าหวั่นไหวอีกทำนองนั้น

ส่วนอิค่าย ความเลวทั้งหมดที่มีมา มันทำใจได้ยากจริงๆที่เติร์ดจะเชื่อว่ารัก
ทำกับเค้าไว้เยอะอ่ะ เจอกำแพงสูงลิ่วก็สมควรอ่ะ แต่ก็ยังไม่หมดหวัง
คนมันเคยรักมาตั้งนาน ตัดใจก็ยังไม่ขาดยังไงก็ต้องเดินหน้า
แกมัวจีบเค้า แต่ไม่พูดตรงๆเติร์ดมันไม่รู้หรอกว่าแกเปลี่ยนไปแล้ว ว่าเอาจริง จีบจริง ชอบจริง
แล้วนี่กำลังจะโดนหมารุ่นพี่คาบไปแดกละ บอกตรงๆไปเลย สู้!!!!!!!!!!!!! :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 02-07-2017 19:54:16
ตอนที่ 9
เราเป็นเพื่อนกัน (ไม่ได้อีกแล้ว)



   รุ่นพี่ปีสี่กลับไปแล้ว ผมนั่งอยู่ตรงปลายเตียงมองดูไอ้เติร์ดหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยหลังจากพี่เชนทร์กับเพื่อนตัวเหี้ยกลับไป รู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกขี้แพ้เลยว่ะ เพราะเอาแต่นั่งคิดถึงประโยคขอร้องจากใครบางคนไม่หยุด

   เปิดทาง? นี่คิดว่ามันตลกมากหรือไง

   ผมไม่ได้ตอบตกลงคำขอนั้น เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้อีกฝ่ายเลิกถามไปเอง หากแต่ในใจกลับเดือดปุดๆ จนเลือดพล่าน กับไอ้เติร์ดผมไม่ยอมปล่อยมันให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น แม้จะช็อกที่ได้ยินว่าพี่อั้นชอบมันแค่ไหนก็ตาม

   ขนาดผมออกตัวแล้วนะว่าชอบไอ้เติร์ด เชี่ยนี่ก็ยังเจ้ากี้เจ้าการไปขอให้เพื่อนมันช่วย เอาจริงๆ ก๊วนแก๊งปีสี่ที่ใครต่างเคารพก็มีไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือพี่เชนทร์ที่เวลาเอ่ยปากขอใครทุกคนก็ต้องยอมให้หมด ยกเว้นกู

   ไอ้เติร์ดอาบน้ำไม่นาน สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบอลเน่าๆ ตัวเก่า บนหัวมีผ้าขนหนูแปะอยู่เหมือนทุกครั้ง เพราะเป็นคนชอบสระผมตอนกลางคืน ผมจึงมักบ่นเรื่องนี้เป็นประจำ

   “เช็ดหัวให้แห้ง”

   “เดี๋ยวมันก็แห้งเองป่ะวะ” ยังจะเถียงหน้าตายอีก

   “เตียงแม่งชื้น แถมหมอนมึงราแดกหมดละ”

   “งั้นก็อย่านอนหมอนกูสิ”

   “หวง?”

   “เออ”

   “หวงไม่เข้าเรื่อง” เจ้าตัวเบะปากใส่ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายด้วยการใช้ผ้าขนหนูผืนเดิมขยี้หัวอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแทน ภาพเหล่านี้เหมือนกับเดจาวู ฉายขึ้นมาซ้ำๆ ตลอดสองปีกว่าๆ ที่เราเป็นเพื่อนกันมา

   “ไปอาบน้ำสิ มึงอยากใส่เสื้อตัวไหนก็ไปหยิบในตู้เอา” เมื่อเห็นว่าผมนั่งจ้องการกระทำของมันอยู่นาน ไอ้เติร์ดก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธนอกจากลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปหาคนตรงหน้า

   “ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย”

   “ในตู้อ่ะ”

   “เปล่า จะใช้บนหัวมึงเนี่ย” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมรีบคว้าผ้าขนหนูสีขาวในมือของอีกฝ่ายออกไปทันที นั่นเลยทำให้ไอ้เติร์ดไม่ค่อยพอใจรีบยกมือขึ้นมาฟาดหัวผมแรงๆ จนสติแทบวูบ

   “อันนี้เช็ดหัว กูไม่อนุญาตให้มึงเอาไปเช็ดหรรม” มันโวยวายเต็มที่

   “เช็ดที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ พูดมากน่ามคาญ”

   “ผืนใหม่ก็มีในตู้ทำไมไม่รู้จักใช้วะ สันดาน”

   “เป็นเมียอ่อมาสั่ง” พูดเท่านั้นแหละความเงียบมาเยือนทันที คนตรงหน้าเลือกเบี่ยงตัวออกห่าง แล้วหนีกระโดดขึ้นเตียงเหมือนเด็กๆ ส่วนผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากรีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะจะได้มีเวลาที่เหลือทำเรื่องบนเตียงกับมันต่อ

   ไอ้อั้น อย่างน้อยวันนี้กูก็นำมึงไปก้าวหนึ่งแล้วล่ะ ใครจะมีบุญอย่างไอ้ค่ายกันที่ได้มีโอกาสมานอนเตียงเดียวในอารมณ์เปลี่ยวๆ กับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแบบนี้

   กลับออกมาอีกทีผมก็เห็นร่างสูงโปร่งนอนเล่นมือถืออยู่ที่เตียง เลยรีบคลานตามขึ้นไปนอนข้างๆ ชะโงกหน้าไปดูว่าเพื่อนรักกำลังทำอะไรอยู่ และก็เห็นว่ามันกำลังไถอย่างโซเชียลสนุกสนานไม่มีอะไรจริงจังเท่าไหร่ เลยสบโอกาสหาเรื่องคุยด้วย

   “นี่กูไม่ได้มานอนห้องมึงนานเท่าไหร่แล้ววะ” ผมเปรยเสียงเรียบ แต่ก็ยังได้รับความสนใจกับคนข้างๆ เพราะมันหันมามองหน้าแว๊บหนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจมือถือต่อ

   “ไม่รู้ ไม่ได้จำ”

   “แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยเนาะ”

   “เวิ่นเว้ออะไรของมึง” ใบหน้าขาวหันมาสบถใส่เงียบๆ พลันไถตัวลงนอนกับหมอนขณะสองมือเลื่อนมือถือไม่หยุด ผมเลยไถลตัวนอนหนุนหมอนข้างๆ ตามอย่างไม่รีรอ

   “เดี๋ยวนี้ผมมึงหอมมากเลยนะ ไหนบอกว่าไม่ชอบแชมพูกลิ่นแอปเปิ้ลไง” ผมชอบกลิ่นแชมพูยี่ห้อนี้มาก เวลาไปห้างทีไรก็มักบิวด์ให้มันซื้อเสมอ แต่แม่งก็ไม่เคยซื้อ บ่นว่าแพงไม่พอแถมบอกว่าไม่ใช่สไตล์มันอีกต่างหาก

   “ใครบอกกูชอบ แชมพูขวดเก่ามันหมดแล้วต่างหาก”

   “ก็นั่นไง ขวดเก่าหมด มึงก็ยังซื้อยี่ห้อนี้มา”

   “กูไม่ได้ซื้อ”

   “...”

   “มึงเอามาทิ้งไว้จำไม่ได้เหรอ”

   “จริงดิ”   

   “แต่มึงคงจำไม่ได้หรอกว่ะ สงสัยเอาไปทิ้งไว้หลายห้อง” อีกฝ่ายพูดประชดประชัน ผมจึงรีบแก้ตัวอย่างไม่ยอมแพ้ ความจริงก็รู้สึกดีใจลึกๆ นะครับที่ไอ้เติร์ดไม่ได้ตัดเยื่อใยถึงขนาดโละทุกอย่างของผมทิ้งถังขยะ

   “ใช่ที่ไหน กูเข้าใจว่ามึงคงเอาขวดนั้นไปทิ้งแล้วต่างหาก”

   “ของมันยังไม่หมดอายุ ทิ้งก็โง่ละ” ผมยิ้มออกมา ดวงตาคู่โตเหลือบมองตาม แต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าแตกต่างออกไปจากตอนแรกมากนักนอกจากเฉยเมย

   “ว่าแต่มึงเถอะ เดี๋ยวนี้ไม่ทำยูทูบแล้วเหรอ” ผมแสร้งถามไปอีก รู้ว่ามันคงเข็ดกับการแอบรักผมแบบลับๆ มาตลอด แต่ผมก็อยากรู้คำตอบจากปากของเจ้าตัวอยู่ดี

   “มึงเห็นกูว่างมั้ยล่ะ แค่ละครเวทีก็จะตายห่าอยู่ละ”

   “แล้วถ้าเกิดกูมาช่วยมึงล่ะ”

   “มึงเคยบอกว่าไม่ชอบทำรีวิวให้เป็นกระแส ช่องใครก็ดูแลแม่งเอง จำไม่ได้เหรอ” 

   “แล้วคนเราเปลี่ยนใจไม่ได้หรือไงวะ อะไรที่เคยตั้งใจว่าจะไม่ทำ อะไรที่เคยตั้งใจว่าจะไม่ชอบ วันนึงก็อาจเปลี่ยนแปลงได้นะเว้ย มึงจะคาดหวังอะไรกับใจคนเราวะ”

   “นั่นดิ ใจคนเรา...” จู่ๆ คำพูดแผ่วๆ นั้นก็กระตุ้นให้ผมรู้สึกหนาวยะเยือก การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นยังไงมันก็โอเคอยู่แล้ว แต่ถ้าการเปลี่ยนทำให้ไอ้เติร์ดเลิกชอบผม เห็นทีคงไม่ดีแล้วว่ะ

   “สรุปให้ช่วยมั้ย”

   “ไม่อ่ะ กูว่าจะหยุดไปอีกพักใหญ่เลย มึงก็ไปเปิดช่องใหม่เถอะ”

   “มันเหมือนกันที่ไหนเล่า”

   “พรุ่งนี้กินอะไร” นั่นไง ไอ้เรื่องเบี่ยงประเด็นนี่โคตรถนัดเลย แต่ก็เอาเถอะ ชีวิตของผมน้อยครั้งที่จะถูกปฏิเสธ แต่ถ้าคนที่ปฏิเสธนั้นเป็นไอ้เติร์ดผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

   คนมันชอบไปแล้วนี่หว่า ชอบจนยอมผิดหวังเอง แต่ก็กับแค่บางเรื่องเท่านั้นนะ

   “อยากกินซีเรียลรูปดาวกับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว”

   “มึงไม่ชอบกินนี่หว่า”

   “กูชอบกินตามมึงไปแล้วไงจำไม่ได้เหรอ”

   “กูนึกว่ามึงกระแดะ”

   “ส้นตีนอะไรล่ะ ก็เห็นมันอร่อยกว่าซีเรียลรสช็อกโกแลตอยู่นะ หวานๆ ดี พรุ่งนี้ทำให้กินหน่อยดิ” ผมพูดอย่างอ้อนๆ ขยับตัวเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้น แต่มันก็ขืนตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะ

   “แค่เทใส่ชามผสมนมมันยากตรงไหน”

   “ก็กูชอบให้มึงทำไงจำไม่ได้เหรอ”

   “แล้วกูก็บอกตลอดว่าขี้เกียจไง จำไม่ได้เหรอ”

   “เหรอออออออ”

   และเราก็แข่งกันเอาชนะกันในหัวข้อ ‘จำไม่ได้เหรอ’ ตลอดทั้งคืน

   เรื่องอื่นผมอาจจะโง่ แต่ความทรงจำที่มีไอ้เติร์ดผมจำได้ทุกอย่างนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกัน หรือเพราะมันพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ กับไอ้ทูหรือไอ้โบนผมยังไม่ค่อยใส่ใจเลย

   แล้วดูไอ้คนที่นอนข้างๆ นี่ดิ

   แม่งได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกคนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว










   คำขอของพี่เชนทร์เหมือนเป็นประโยคหูทวนลมของผมเท่านั้น ศึกนี้กูจะไม่ยอมเป็นผู้แพ้ เพราะถ้าไอ้พี่อั้นมันแน่จริงก็ให้สู้กันตรงๆ เนื่องจากผมคงไม่หลีกทางให้อีกฝ่ายแน่ๆ

   ผมกับไอ้เติร์ดตื่นเกือบสิบโมง นั่งกินซีเรียลเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก วันนี้ผมต้องตามติดเพื่อนรักไปที่ร้าน ‘ต้นฉบับ’ ร้านขายซีดีและดีวีดีหนังที่ดังที่สุดย่านมหา’ลัย

   และด้วยความสำออยเข้าขั้น ไอ้ชาวีจึงกลายเป็นหมาหัวเน่าเพราะผมขอติดรถไอ้เติร์ดออกมาแทน เผื่อจะได้เป็นข้ออ้างกลับมาที่คอนโดมันอีก

   เท่าที่รู้ ร้านต้นฉบับมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ เพิ่งมารีโนเวทร้านใหม่ก็เมื่อสองสามปีก่อนเพราะเปลี่ยนมือเจ้าของกิจการ จากเฮียโบ๊มาเป็นลูกชายแกแทน ซึ่งลูกชายคนนี้ก็ค่อนข้างมีสไตล์ที่เด่นชัด ฉะนั้นร้านเก่าๆ ที่รวมแผ่นหนังอัดไว้เป็นกองๆ เหมือนของราคาถูกเลยอัพเกรดขึ้นมามากโข

   เราเดินลงมาจากรถ สาวเท้าเข้าไปด้านในร้านที่ถูกทำขึ้นใหม่ในสไตล์ลอฟท์ บริเวณร้านประกอบด้วยสองชั้น มีบันไดเหล็กสีดำพาดผ่านจากด้านนอกขึ้นไปยังด้านบนซึ่งเป็นพื้นที่กึ่งอินดอร์และเอาท์ดอร์ ผนังแต่ละด้านทำจากวัสดุต่างชนิดกัน อย่างฟากหนึ่งทำเป็นผนังปูนเปลือย อีกด้านก็ก่ออิฐบล็อกให้ดูดิบแต่อบอุ่น

   ชั้นวางแผ่นหนังถูกทำขึ้นจากไม้สีน้ำตาลอ่อนขัดเงา คล้ายกับถูกสั่งทำมาโดยเฉพาะเนื่องจากชั้นวางนั้นพอดีกับกำแพงและเพดาน

   เรามีมุมโปรด และมักขลุกอยู่ที่นี่กันค่อนวันเพื่อเลือกแผ่นหนังสักเรื่อง หรือทำตัวดราม่านั่งรับบรรยากาศกันสบายๆ เพราะไม่ค่อยมีลูกค้าคนอื่นมากวนใจเท่าไหร่ อย่างว่า...ตอนนี้ธุรกิจแผ่นหนังมันไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนแต่ก่อนแล้ว คนเราก็อยากทำอะไรที่มันง่ายๆ เช่นการโหลดมาดู แถมช่องทางการดูหนังออนไลน์ยังมีอีกเพียบ

   ดังนั้นคนที่มักเข้าออกร้านนี้เลยมีแค่เด็กฟิล์มเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น

   “อ้าวไอ้ค่าย ไอ้เติร์ด”

   “หวัดดีเฮีย” เสียงทักทายส่งมาเป็นการต้อนรับ ผมกับไอ้เติร์ดเลยตอบกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกมือไหว้

   “ไม่เจอกันนาน กูนึกว่าตายห่าซะละ”

   “โธ่...ทั้งเรียนทั้งละครเวที มีเวลามาวันนี้ก็บุญแล้ว”

   “เออๆ อยากได้หนังเรื่องไหนก็ไปเลือกเอา แต่ถ้าหนังแรร์ก็มาถามที่หน้าเคาน์เตอร์ได้ ตามสบายพวกมึง” ไอ้เติร์ดพยักหน้ารับรู้ก่อนสับเท้าขึ้นไปยังบันไดชั้นสอง ชั้นนี้เก็บหนังเก่าเอาไว้ค่อนข้างมาก น่าจะตั้งแต่ปีสองพันลงมา แถมมีมุมสงบและเบาะนุ่มๆ ให้นั่งตรงข้างหน้าต่างกระจกบานกว้างด้วย

   ร่างขาวหยุดอยู่ที่ชั้นวางแผ่นหนังมุมหนึ่ง ผมไม่ได้เข้าไปเสือกกับมันเลยเลือกยืนอยู่อีกล็อกอย่างผู้มีมารยาท เสียงตลับใส่แผ่นหนังถูกหยิบขึ้นและวางลงแบบนี้ซ้ำๆ อยู่นานกระทั่งผมพาตัวเองไปนั่งตรงเบาะและมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

   “ช่วงนี้อยากดูเรื่องอะไรบ้างวะ” นับเป็นคำถามที่โพล่งขึ้นในรอบสิบห้านาทีเลยก็ว่าได้

   “ยังไม่รู้เลยว่ะ ก็เลือกไปเรื่อยๆ บางเรื่องดูแล้วอยากเก็บแผ่นก็มี” สักพักไอ้เติร์ดก็เดินกลับมาพร้อมหนังเรื่อง The Silence of the Lambs ตรงชั้นหนังปี 1991 และสมุดรายชื่อหนังของทางร้าน

   “เดี๋ยวนี้ชอบอะไรจิตๆ เหรอ”

   “ไม่เหมือนมึง มีแต่แผ่นหนัง AV” จึ่ก! แม่งวกเข้ามาสู่อดีตที่มืดสนิทของกูอีกจนได้ มันเลยมาซึ่งคำถามที่เผลอพลั้งปากพูดออกไปอย่างลืมตัว

   “ทำไมมึงถึงยังคบกู ทั้งที่กูเหี้ยขนาดนี้วะ”

   “เพื่อนป่ะวะ”

   “...” คำตอบของมันทำเอาคนฟังหน้าหงอยลงทันที ใจกูแม่งฝ่อไปหมดละ

   “มีเหตุผลอื่นอีกมั้ยเนี่ย”

   “มึงต้องการคำตอบแบบไหน นี่ก็โคตรตอบดีแล้วนะ ไม่กระทบกับความเหี้ยของมึงด้วย”

   “สัด”

   “เป็นเพื่อนนี่ดีที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์แม่งยืนนาน”

   “กูกับมึงเป็นเพื่อนกันนานตรงไหนวะ แค่สองปีกว่า”

   “...”

   “แต่ถ้ามาเป็นแฟนนี่ยาวนานเลย กูแม่งดูแลตลอดชีวิตอ่ะ”

   “จะเอามุกนี้ไปจีบสาวเหรอ ไม่ผ่านนะ โคตรแป้ก” เวรกรรมของกูฉิบหาย จริงจังขนาดนี้มันกลับคิดว่าผมกำลังเอาไปใช้จีบคนอื่น ทั้งที่ผมก็กำลังใช้กับมัน

   ไอ้เติร์ดไม่ได้สนใจจะฟังคำแก้ตัวของผมต่อ นอกจากไล่นิ้วไปตามสมุดจดรายชื่อหนังที่แยกเป็นหมวดหมู่ของทางร้านอย่างตั้งอกตั้งใจ

   ไม่นานเสียงฝีเท้าของคนมาใหม่ก็แว่วเข้ามา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเฮียเติมเจ้าของร้านที่แบกกล่องลูกฟูกขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยบอกพวกผม

   “ไม่ต้องเกรงใจ นั่งกันไปเถอะ กูแค่เอาแผ่นหนังที่ได้มาใหม่ขึ้นมาจัดเฉยๆ”

   “ครับ”

   “แล้วรอบนี้ได้เรื่องอะไรบ้างอ่ะ”

   “ยังไม่รู้เลย” ไอ้เติร์ดตอบเสียงเอื่อย

   “ลองเลือกหนังที่ตรงกับอารมณ์พวกมึงในช่วงนี้ดูสิ”

   “โหย ถ้าชีวิตเศร้าแล้วให้มาดูหนังเศร้าอีก แม่งไม่ดาวน์สัดๆ เลยเหรอวะ” ผมแทรกขึ้นเป็นการทักท้วง

   “กูเห็นพวกมึงก็อินกันอยู่ดี” เฮียแกพูดพลางสายหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นวางเพื่อเรียงแผ่นหนังของแกโดยไม่สนใจพวกเราเท่าไหร่ ดังนั้นผมเลยพูดเป็นเชิงขอร้องกับคนที่นั่งอยู่ในระยะประชิดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ แทน

   “เติร์ด...เลือกหนังให้หน่อยดิ”



   ‘ไอ้เติร์ด เลือกหนังให้หน่อยสิวะ เอาที่ตรงกับชีวิตกูช่วงนี้อ่ะ’
   ‘แล้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน’
   ‘เอาน่า มึงรู้ เลือกให้หน่อยจะเอาไปเปิดดูคืนนี้’
   ‘อ่ะ เอานี่ไป’
   ‘มึงคิดว่ากูกำลังตลกเหรอ’
   ‘เอ้า! มึงไม่ตลกสินะ งั้น...เรื่องนี้’
   ‘ญาติกูไม่ได้เสีย’
   ‘นี่อ่ะ’
   ‘นี่มึงเดาอารมณ์กูตอนนี้ไม่ออกจริงดิ’
   ‘แล้วใครมันจะว่างถึงขนาดนั่งเดาอารมณ์มึงวะ เรื่องนี้เรื่องสุดท้ายแล้วนะ’
   ‘เชร้ดดดดด เพื่อนเติร์ด มึงแม่งเจ๋งว่ะ ตรงใจกูเป๊ะ’
   ‘ทำไมวะ ช่วงนี้มึงกำลังมีความรักเหรอ’
   ‘อืม...ก็มีคนนึง กำลังเดินหน้าจีบอยู่’




   “ไอ้ค่าย...เชี่ยค่าย มึงฟังกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย” แรงตบจากฝ่ามือที่ทำเอาหัวสะบัด ประกอบกับน้ำเสียงที่มีความโมโหเจือปนอยู่ฉุดให้ผมตื่นจากความทรงจำในอดีตกลับมาที่ปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อปีก่อนเราเคยมาที่นี่ คุยเรื่องหัวข้อเดิมๆ เหมือนวันนี้

   “ฮะ! มึงว่าไงนะ”

   “กูบอกว่าแล้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน”

   “มึงรู้ เลือกให้หน่อย เดี๋ยวซื้อกลับไปดูคืนนี้เลย” ไอ้เติร์ดพยักหน้า พลันลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปยังชั้นวางหนังหลายพันเรื่อง ไม่นานร่างโปร่งก็เดินกลับมาพร้อมแผ่นหนังจำนวนหนึ่ง ถ้าให้เดาผมคิดว่ามันคงขี้เกียจเดินหลายรอบเลยคว้ามาแม่งหมด

   “อันนี้โอเคมั้ย”

   “ช่วงนี้กูไม่ตลกว่ะ”

   “นี่อ่ะ”

   “กูก็ไม่ได้รู้สึกดราม่าเหมือนกัน” ผมได้ยินเสียงจิ๊ปากไม่พอใจดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง แต่คนตรงหน้าก็พยายามยื่นหนังเรื่องใหม่ให้ผมเรื่อยๆ

   “อันนี้ชัวร์เลย” คราวนี้เป็นหนังรอมคอม (โรแมนติก - คอมมิดี้)

   “เติร์ด...” ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ผมรีบคว้าข้อมือของมันขึ้นมาอย่างถือวิสาสะ ปล่อยให้ฝ่ามือขาวประทับอยู่ตรงอกข้างซ้ายของผมอย่างแนบแน่น

   “ใจเต้นแรงเหรอวะ” มันถามอย่างน่าเอ็นดู ผมเลยตอบว่า...

   “เปล่า หัวนมแข็งแล้วเนี่ย”

   “โคตรเหี้ย!”

   “ก็เรื่องที่มึงเอามามันรอมคอมอย่างเดียวซะที่ไหน แม่งดูแล้ว ฉากอย่างว่าเยอะกว่าตอนกูเก็บแต้มเยมาครึ่งปีอีกไอ้สัด”

   “แล้วใครจะไปคิดว่ามึงจะหมกมุ่นขนาดนี้วะ ดูก็เพื่อศึกษางานศิลป์มั้ย มึงนี่แม่ง! เรื่องนี้เรื่องสุดท้ายแล้วนะ” จากนั้นมันก็ยัดแผ่นหนังเรื่องหนึ่งใส่มือให้

   “มึงนี่น่ารักว่ะ เลือกมาตรงใจกูเด๊ะเลย”

   “ถ้าลองไม่ตรงกูจะต่อยให้หน้ายุบตรงนี้แหละ”

   “โคตรโหด”

   “ดูหนังแอบรักแบบนี้มึงไปร่านรักใครเข้าอีกล่ะ”

   “ก็มีคนนึง...”

   “...”

   “แต่ไม่กล้าจีบหนักๆ กลัวจะเสียมันไป” เราจ้องมองกันนิ่งๆ ไม่นานไอ้เติร์ดก็เป็นฝ่ายหลบสายตาพร้อมกับพึมพำเบาๆ

   “เหรอ”

   “เดี๋ยวกูไปเลือกหนังให้มึงบ้าง นั่งก่อนนะ”



   ‘ไอ้ค่าย นี่มึงไปเลือกหนังหรือไปออกกองสร้างหนังเอง นานฉิบหาย’
   ‘บ่นเป็นเมียกูเลยนะ อ่ะ! เรื่องนี้พอได้มั้ย’
   ‘ตอนนี้หน้ากูคงอยากบู๊มากสินะ แอคชั่นหนักขนาดนี้มึงคิดว่ากูจะเอาไรเฟิลไปซุ่มยิงอาจารย์หรือไง’
   ‘ก็เห็นมึงเครียดเรื่องเกรด’
   ‘ถ้ากูเครียดเรื่องเกรด มึงไม่ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนเลยเหรอ เกรดมึงนี่อย่างกับเศษเลขทศนิยม’
   ‘ห่า ใครมันจะไปเรียนเก่งเหมือนมึงวะ แล้วนี่อ่ะ’
   ‘หนังโกงข้อสอบ กูว่ามึงเก็บเอาไว้ดูเองเถอะ’
   ‘กูเลือกมาสามเรื่อง อันนี้เรื่องสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ใช่กูงอน’
   ‘มึงมีสิทธิ์งอนกูด้วยหรือไง’
   ‘ตกลงเรื่องนี้โอเคมั้ยอ่ะ’
   ‘อืม...ใช้ได้’
   ‘หนังแอบรักเนี่ยนะ นี่ไปตกหลุมพรางสาวคนไหนวะเนี่ยไอ้เติร์ด’
   ‘พูดมาก แล้วรู้ได้ไงว่าชีวิตกูตรงกับหนังเรื่องนี้’
   ‘ก็เราเป็นเพื่อนกันไง’




   “มาแล้ว...เรื่องนี้แน่นอน” ผมพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แล้วยื่นแผ่นหนังแนวดราม่าไปให้ เห็นมันเศร้าๆ เลยคิดว่าคงประมาณนี้แหละมั้ง

   “เคยอยู่ในอารมณ์นี้ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” เจ้าตัวช่วยไขความกระจ่าง ผมจึงรีบยื่นหนังอีกแผ่นในมือไปให้อย่างเร็วรี่ เรื่องนี้เป็นแนวสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตครับ ชื่อเรื่องว่า Whiplash

   “แล้วนี่อ่ะ ตอนนั้นที่เราดูด้วยกันไง”

   “มึงอย่ามาเนียน เรื่องนี้เราไม่ได้ดูด้วยกัน มึงไปกับแฟน” น้ำเสียงแสนราบเรียบของไอ้เติร์ดตอบกลับมา นัยน์ตาไม่มีไหวเอนแม้แต่เสี้ยว

   “เหรอ จำไม่ได้ว่ะ”

   “...”

   “จำได้แต่ตอนนั่งดูกับมึงในวันเกิดไอ้ทู”

   “อืม สรุปกูต้องดูอีกครั้งใช่มั้ย”

   “แล้วมันตรงกับที่มึงอยากดูมั้ยล่ะ”

   “เออ เก่งนี่หว่า”

   “ก็เราเป็นเพื่อนกัน” ไม่ได้อีกแล้ว...

   ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ กระทั่งเสียงลมยังแทบไม่ได้ยิน อดีตที่เคยเกิดขึ้นกับปัจจุบันที่เป็นอยู่เหมือนแตกต่างแต่ก็ไม่แตกต่าง เรายังอยู่ที่ร้านหนังร้านเดิม เลือกหนังจากอารมณ์ตอนนี้เหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนคือความรู้สึก...

   เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

   “อะแฮ่ม!” สักพักเสียงของบุคคลที่สามก็ดังขึ้น ผมแทบลืมไปซะสนิทว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่เฮียเติมที่ยืนเรียงแผ่นหนังอยู่ตรงซอกหลืบด้านในสุดของร้านก็อยู่ด้วย

   “อะไรติดคอวะเฮีย”

   “คำพูดของพวกมึงไงติดคอกู เห็นอย่างนี้ก็แปลกดีว่ะ”

   “แปลกยังไงวะ”

   “มึงสองคนคุยกันอย่างกับไม่ใช่เพื่อน”

   “...”

   “คุยกันเหมือนคนเป็นแฟน นี่คิดอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย”

   “เฮ้ยไม่!” ไอ้เติร์ดปฏิเสธ

   “เฮ้ยใช่!”

   ขณะที่ผมเลือกจะตอบตกลง...

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 02-07-2017 19:56:01

   เช้าวันอังคารที่แสนมึนงงเริ่มต้นขึ้น ผมยังต้องฝืนสังขารตัวเองไปเรียนตามปกติ จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงซ้อมละครเมื่อวานเล่นเอาเส้นเสียงแทบอักเสบ เช้านี้เลยสำออยลงจากเตียงแบบไม่คูลเท่าไหร่

   ผมคร่อมมอเตอร์ไซค์เตรียมไปมหา’ลัยเหมือนทุกวัน จะติดก็ตรงตอนนี้มีสายจากเพื่อนรักอย่างไอ้ทูแทรกเข้ามาซะก่อน

   “กูรีบไปแล้วเนี่ย ไม่ต้องโทรมาตามยิกๆ หรอกน่า” รู้หรอกว่าต้องการอะไร ช่วงหลังมานี้ผมขับรถช้าลง แก๊งโหดมันเลยชอบโทรมาจิกอยู่เรื่อย

   [ไม่ใช่เรื่องนั้น มึงขับรถไปรับไอ้เติร์ดหน่อยดิ กูกับไอ้โบนถึงมอแล้วเลยไปไม่ได้]

   “เฮ้ยไอ้เติร์ดเป็นอะไรวะ” ผมถามอย่างร้อนรน

   [หม้อน้ำแทบไหม้ เห็นมันบอกขับออกมาควันโขมงเลย]

   “เออเดี๋ยวรีบไปรับ มันอยู่ไหน”

   [หน้าคอนโด ดีนะที่ขับไปไม่ไกล ยังไงมึงก็รีบหน่อยแล้วกันเดี๋ยวมันด่าเช็ด] ว่าแล้วก็ตัดสายไป ผมเลยรีบบึ่งรถไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่รีรอ เห็นมันยืนอยู่กับลุงยามตรงทางเข้า แต่พอเจอกันมันกลับถามถึงคนอื่นซะงั้น

   “ไอ้ทูอ่ะ กูโทรให้มันมารับไม่ใช่เหรอ” ที่ไม่ยอมโทรหาก็เพราะอย่างนี้เอง...

   “มันถึงมอแล้ว เลยให้กูมารับแทน แล้วนี่ขับรถยังไงวะให้หม้อน้ำไหม้”

   “ไม่ได้ดูว่ะ ขับเพลินไปหน่อย”

   “คราวหลังดูแลตัวเองด้วย แล้วศูนย์ไม่เติมน้ำให้หรือไง”

   “รอบนี้ลืมเอาไปเช็กระยะ”

   “มันน่าต่อยคว่ำจริงๆ”

   “แล้วนี่ไปยังไง” ไอ้เติร์ดถามอีก นี่มึงตลกเหรอ

   “บิ๊กไบค์กูดิ มึงคิดว่าเราจะเหาะไปเหรอ”

   “แต่มึงไม่ให้ใครนั่งนอกจากสาว” โอเคเก็ทแล้วว่าทำไมถึงถามอย่างนั้น

   “เมื่อก่อนอาจจะใช่แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

   “นอกจากแฟนแล้วเดี๋ยวนี้ให้เพื่อนนั่งได้ด้วยเหรอ ขนลุกว่ะ”

   “ก็ไม่ได้ให้เพื่อนนั่งหนิ”

   “...”

   “มีแต่แฟนที่นั่งได้เหมือนเดิม เร็วรีบขึ้นเดี๋ยวไปสาย” ไม่รอให้เจ้าตัวได้คิดอะไรนานผมก็ยื่นหมวกกันน็อคให้ พร้อมกับสตาร์ทรถรอให้อีกฝ่ายปีนขึ้นมา

   ไอ้เติร์ดทำท่ากล้าๆ กลัวๆ อยู่อึดใจหนึ่งแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นมานั่งซ้อนอย่างจำยอม ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยชินเท่าไหร่ สัมผัสได้จากเสียงลมหายใจที่รถต้นคอของผมอยู่หืดหาด

   “ไม่ต้องกลัว กูขับไม่เร็ว สี่สิบอ่ะ” ผมพูดปลอบใจคนด้านหลัง

   “ยี่สิบพอ”

   “เติร์ดครับ นี่มึงจะไปเรียนวันนี้ถูกมั้ย แค่กูขับสี่สิบเพื่อนมันก็แทบรุมด่าอยู่ละ ไม่ต้องกลัว”

   “มึงก็พูดได้หนิ มึงเป็นคนขับ”

   “ถ้ากลัวก็กอดเอวกูไว้สิ”

   “หึ! ไม่อ่ะ” ผมไม่คิดตื๊อให้มากความ เร่งเครื่องเสร็จก็รีบออกตัวอย่างรวดเร็ว แต่มองทางกระจกหลังทีไรก็เห็นไอ้เติร์ดนั่งตัวเกร็งจนเหงื่อซึม มองแล้วโคตรสงสารเลยว่ะ นี่คงเป็นครั้งแรกที่มันได้นั่งชาวี แม้ไม่ใช่คนแรก แต่นี่แหละคนสุดท้ายที่จะได้นั่ง

   “ไม่กอดเอวก็เกาะไหล่กูแทนได้ เดี๋ยวมึงตกกูไม่กลับมารับนะ” ย้ำไปอีกรอบเผื่อมันจะใจอ่อนบ้าง และคราวนี้ก็ได้ผลเมื่อฝ่ามือขาวค่อยๆ วางบนไหล่ทั้งสองข้างของผมอย่างเชื่อใจ

   วันนี้กูนอนฝันดีละ อย่างน้อยก็เข้าใกล้ความจริงที่ว่า...การจีบไอ้เติร์ดอาจสำเร็จในสักวัน

   เรามาถึงมหา’ลัยพร้อมกับเหงื่อโซมหน้าของคนซ้อน ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดอะไรแต่ผมก็อดสงสารมันไม่ได้ แม่งเหมือนจะร้องไห้ออกมาหลายทีแล้ว

   “โอเคมั้ย” ผมเอ่ยถามออกไป

   “แทบตาย” มันพูดพลางพ่นลมออกมาจากปาก

   “ต่อไปกูจะขอรถยนต์ที่บ้านมาใช้”

   “ทำไม จะอวดรวยเหรอ”

   “กลัวมึงนั่งไม่สบายต่างหาก”

   “ไม่ต้องห่วงกูหรอกน่า คงครั้งนี้แค่ครั้งเดียว”

   “งั้นกูคงเป็นห่วงแน่ๆ เพราะกูถือนิยามมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป ทำใจให้ชินไว้นะ”

   “นิสัย!”









   ตอนเย็นผมพยายามเกลี้ยกล่อมไอ้เติร์ดอย่างหนักไม่ให้มันอาสาไปทำงานรับบริจาคหาเงินเข้าคณะ ด้วยความคิดที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ถ้ามันได้เจอไอ้พี่อั้นเลยทุกอย่างก็จบ ความสัมพันธ์ยังไงก็ไม่คืบแน่ๆ แต่ทุกอย่างกลับเลวร้าย เพราะหลังจากเลิกคลาสตอนห้าโมงเย็น คนที่ซุ่มรออยู่ก่อนหน้าก็นั่งยิ้มแฉ่งส่งมาให้แล้ว

   ไอ้พี่เชนทร์ กูเกลียดมึง

   มึงจะมาเป็นก้างขวางคอแทนเพื่อนขนาดนี้ไม่ได้นะเว้ย!

   สุดท้ายผมเลยต้องติดสอยห้อยตามไอ้เติร์ดไปที่ตลาดนัดนิสิต ส่วนเพื่อนรักอีกสองตัวเหรอครับ ส่งกำลังใจทางไกลจากอาบอบนวดโน่น ไอ้ควาย ทิ้งผมให้เผชิญชะตากรรมสองรุมหนึ่งอยู่ลำพัง

   ตลาดนัดนิสิตก็เหมือนตลาดนัดทั่วไปเนี่ยแหละ เพียงแค่จัดขึ้นในมหา’ลัย ที่สำคัญคือให้สิทธิ์นิสิตเท่านั้นที่สามารถจับจ่ายและขายของได้ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าหลายร้านมีแต่ของแปลกๆ มาวางขายทั้งนั้น เช่นร้านน้องสุดสวยที่อยู่ขวามือ แม่งโล๊ะเอาเสื้อเที่ยวผับมาออกเร่ขาย ผู้ชายนี่มุงกันเต็มกะซุ่มดูนมกันสนุก

   ผมกับคนในคณะยืนอยู่ตรงที่ว่างล็อกหนึ่งซึ่งได้ทำการลงทะเบียนขอสถานที่เรียบร้อยแล้ว เรามีกล่องรับบริจาคอยู่สองกล่อง และป้ายประชาสัมพันธ์อีกหลายใบ ไอ้เติร์ดกับพี่เชนทร์ถือไว้คนละกล้อง โดยมีผมและพี่อั้นถือป้ายยืนยิ้มแป้นให้กับคนที่เดินผ่านไปมา ส่วนคนอื่นๆ ก็ป่าวประกาศประชาสัมพันธ์ให้ทางคณะไปเรื่อยๆ

   “ไอ้เติร์ด ขอบใจมากที่มาช่วย มึงด้วยนะไอ้ค่าย” มาละ มารผจญอย่างไอ้พี่อั้นมันกำลังมาไม้ไหนกันแน่วะ

   “ขอบคุณทำไม งานคณะก็ต้องช่วยกันดิพี่”

   “ใช่ๆ” ผมพูดสนับสนุนเพื่อนรัก งานนี้ขัดได้เป็นขัด ทำทุกวิถีทางให้พี่มันเลิกยุ่งกับคนของผมสักที แต่เหมือนยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ยืนรับบริจาคไปเลื่อยขาเก้าอี้กันไปไม่หยุด

   “เออไอ้เติร์ดวันนี้มึงมาเรียนยังไง ได้ข่าวว่ารถเสีย”

   “มันมากับผม” ไม่รอช้ารีบสวนกลับไปเร็วพลัน ทั้งที่รู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้ชื่อเติร์ด ก็จะตอบอ่าทำไม!   

   “อ๋อมาด้วยกันเหรอ ไอ้ค่ายเวลาขับรถก็ระวังหน่อยแล้วกัน มึงบิดทีแทบไม่เห็นฝุ่น”

   “เดี๋ยวนี้ผมขับช้าแล้วพี่ไม่ต้องห่วงหรอก”

   “ตามนั้น” ไอ้เติร์ดพูดเสริมเบาๆ ความจริงก็แอบหวั่นใจเหมือนกันว่าไอ้พี่อั้นจะชวนเพื่อนผมกลับไปด้วย แต่โชคดีที่พี่มันไม่ได้ถามเลยรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

   “งั้นถ้าถึงแล้วมึงก็ตอบไลน์กูให้เร็วๆ ด้วยจะได้สบายใจ”

   “ครับ”

   “...!” ผมยืนนิ่ง พยายามย้อนความคิดของตัวเองว่าเสียงที่ได้ยินนั้นผิดเพี้ยนหรือเปล่า อะไรคือตอบไลน์? นี่คือมึงสองคนติดต่อกันมาตลอดเลยเหรอวะ

   วินาทีนี้ในหัวแม่งโคตรแบลงก์ ครั้งหนึ่งไอ้ทูก็เคยรับปากว่าจะแอบสอดส่องเรื่องโทรศัพท์ของไอ้เติร์ดให้ แต่สุดท้ายเราก็ชะล่าใจ นั่นหมายความว่าตลอดหลายวันที่ผมเดินหน้าทำคะแนนอยู่ ไอ้เติร์ดก็คุยกับพี่อั้นไปด้วย

   แทบล้มทั้งยืน

   ทำได้แค่เงียบและเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนข้างๆ อย่างเดียว เพราะผมกับพี่เชนทร์เหมือนถูกตัดออกจากวงโคจรของคนทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

   “วันนี้ต้องได้เงินบริจาคเยอะเลยว่ะ ความฮอตของไอ้ค่ายแน่ๆ หญิงทุ่มเงินให้เพียบ” กูก็ยืนเงียบไม่โต้ตอบมาเป็นชั่วโมงแล้วมั้ย ไหงวกกลับมาสุมไฟกันอีกละไอ้นี่

   “แล้วทำไมอ่ะครับ” ผมถามกลับอย่างยียวน

   “เปล่า ก็นับเป็นเรื่องที่ดี”

   “นี่ก็นับเป็นเรื่องดีๆ เหมือนกัน คนนั้นเหยื่อเก่าพี่ป่ะวะ หน้าคุ้นๆ”

   “ไม่คุ้นเลย กิ๊กเก่ามึงหรือเปล่า เยอะจนจำหน้าไม่ได้”

   สัด! ถ้าไม่ติดอยู่กลางตลาดนัดกูแลกหมัดกับมันไปละ โลกนี้มีคนที่ผมเกลียดอยู่ไม่กี่แบบ หนึ่งในนั้นคือพวกชอบขุดอดีตชาวบ้านเขามาพูดเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นมา

   “อย่างไอ้ค่ายนี่สเป็คสาวเลยเนาะ”

   “ดูเลวๆ อ่ะนะ” ไอ้เติร์ดพูดเสริม

   “แหม...พูดอย่างกับไม่เคยชอบคนเลว” อย่างน้อยครั้งหนึ่งมันก็แอบชอบกูล่ะว้า

   สิ้นสุดประโยคนั้นเดดแอร์ก็เข้าแทรกทันที ไอ้เติร์ดเม้มปากเข้าหากันไม่หยุดหลังจากผมพลั้งปากพูดประโยคก่อนหน้าออกไป การขอรับบริจาคยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างดี จนเข้าสู่ชั่วโมงที่สามสองขาก็เริ่มเมื่อยล้าเลยเป็นจุดที่เราต้องยุติกิจกรรมนี้ลง

   “เดี๋ยวกลับไปนับยอดกันที่คณะ ระหว่างนี้ใครจะไปหาซื้ออะไรแดกก็ตามสบายเลย” พี่เชนทร์แจ้งกับทุกคนเสร็จสรรพ พี่อั้นมันก็เสนอหน้ามาถามไอ้เติร์ดทันที

   “ออกไปเดินหาอะไรกินมั้ย”

   “ไปด้วยคนดิ” ด้วยไม่อยากให้ทั้งคู่ออกไปกันตามลำพัง ผมจึงทำทุกทางเพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่คนมีบุญก็มักมีกรรมมาบังเสมอเมื่อผู้กำกับหุ่นหมีถลาเข้ามาขัดขวางเอาไว้ซะก่อน

   “ไอ้ค่าย มาช่วยกูก่อน”

   “มีเหี้ยอะไรอีกพี่เชนทร์ คือผมหิวมากเลยจะไปเดินกับไอ้เติร์ด”

   “งั้นเติร์ด ฝากซื้อของกินมาให้เพื่อนมึงหน่อยนะ กูขอยืมตัวไอ้ค่ายแป๊บนึง” คนฟังก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินฝ่าฝูงชนไปกับรุ่นพี่ปีสี่ ว็อทเดอะฟัคคคคคคคคคค

   “พี่มีไรวะ!” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จิตใจเองก็ว้าวุ่นจนอยู่ไม่สุข

   “ไม่มีอะไร แค่อยากขอความร่วมมือให้มึงอยู่ห่างจากคู่นั้นหน่อย มันกำลังไปได้สวย”

   “เพื่อ? ผมแม่งไม่เข้าใจพี่เลยว่ะ”

   “ไอ้อั้นเป็นเพื่อนกู ส่วนไอ้เติร์ดเป็นน้องกู เหตุผลแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ”

   “แล้วกูอ่ะ กูไม่ใช่น้องพี่เหรอวะ” มันอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับรุ่นพี่ตรงหน้าจริงๆ ถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันพี่อั้นมันจะไม่เคยเล่าให้ฟังเลยเหรอว่าผมเคยพูดยังไงไว้ ผมเคยบอกชอบไอ้เติร์ด เคยบอกว่าใครหน้าไหนก็เอาไอ้เติร์ดไปจากผมไม่ได้ แล้วดูตอนนี้ดิ

   “น้อยใจกูว่างั้น โอ๋ๆ นะ” พี่เชนทร์ตั้งท่าเข้ามาปลอบ แต่ผมสะบัดตัวออกราวกับนางเอกหนังไทย

   “ผมบอกเลยว่าไม่พอใจ”

   “โอเคๆ กลับไปสงบสติอารมณ์ที่คณะนะมึง เนี่ยเดี๋ยวพวกมันสองคนก็กลับมาแล้ว ทำเป็นห่วงเพื่อนไปได้” กูไม่ได้หวงเพื่อนโว้ยยยยยยยยย กูหวงไอ้เติร์ด แล้วไอ้เติร์ดคือเมียในอนาคตครับ

   พอตั้งท่าอ้าปากพูดความในใจออกไป เพื่อนคนอื่นก็เดินเข้ามาขัดซะก่อน เลยเอากูยืนทึ้งหัวตัวเองอยู่นาน ก่อนพี่เชนทร์จะกลับมาพร้อมกับท่าทีจริงจัง

   “ช่วยอยู่นิ่งๆ ด้วยครับน้องมึง แสดงท่าทางฮึดฮัดขัดใจแบบนี้คนข้างๆ เขาจะทำตัวลำบาก”

   “พี่ไม่เข้าใจหรอก”

   “เข้าใจดิ แล้วก็รู้ด้วยว่ามึงแม่งเด็กขนาดไหน ไอ้ค่าย...มึงไม่ใช่ศูนย์กลางของโลกนะ และก็ไม่มีเหตุผลด้วยที่ทุกคนต้องหมุนรอบตัวมึง” มือหนาตบบ่าของผมไปมา แววตาของคนตรงหน้าฉายแววเย็นยะเยือกจนรู้สึกตาม

   “หมายความว่าไง”

   “ไอ้เติร์ดกำลังเดินไปข้างหน้า กูเห็นมีแต่มึงที่ฉุดให้มันกลับมาอยู่ในจุดเดิม ซึ่งมึงรู้ดีว่าจุดนั้นเพื่อนมึงไม่เคยมีความสุข”

   “แล้วพี่รู้ได้ไงว่าถ้าเดินไปข้างหน้าแล้วจะมีความสุข”

   “ไม่มีใครรู้หรอก มันอาจจะสุขหรือทุกข์ก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าอยู่ที่เดิมแล้วรู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็ต้องเสียใจ สู้เดินไปข้างหน้าไม่ดีกว่าเหรอ”

   “...”

   “มึงก็เหมือนกัน อย่ารั้งไอ้เติร์ดเอาไว้เลย มันกับไอ้อั้นเริ่มต้นกันได้ดีแล้วถ้าไม่มีมึงเข้าไปแทรก”

   “แต่ไอ้เติร์ดเป็นเพื่อนผม ถ้าผมจะห่วงมันผิดตรงไหน”

   “หึ! ไม่ผิด แต่เอากลับไปคิดนะว่าจริงๆ แล้วห่วงเพื่อน หรือห่วงตัวเองกันแน่”

    สิบห้านาทีให้หลังคนที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจเดินมากับรุ่นพี่พร้อมของกินในมือ พี่เชนทร์เดินผละไปอีกด้านเพื่อพูดคุยกับคนที่เหลือ มีเพียงผมที่กำลังจดจ่อกับมือขาวที่กำลังยื่นถุงไส้กรอกมาให้

   “ของมึง”

   “ซื้อมาให้กูเหรอ”

   “ก็เออดิ อือ! มีอีกอย่าง ขากลับจากตลาดกูไปกับพี่อั้นนะ เจอกันที่คณะเลยแล้วกัน”

   “แล้วทำไมไม่กลับด้วยกันวะ หรือกูขับรถเร็วเกินไป คราวนี้ช้ากว่าเดิมแน่” ผมพยายามยื้ออีกฝ่ายเอาไว้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าระหว่างที่หายไปคนทั้งคู่คุยอะไรกันไปบ้าง

   “ไม่ใช่อย่างนั้น กูต้องช่วยพี่เขาขนกล่องรับบริจาคกับอุปกรณ์ด้วย ยังไงเดี๋ยวก็ต้องไปเจอกันอยู่ดี”

   “ขนไปรถกูได้”

   “มอ’ไซค์ป่ะวะ มันลำบากมึงก็รู้ เจอกันที่คณะแล้วกัน” ว่าแล้วมันก็ผละไปอีกทางพร้อมกับรุ่นพี่ปีสี่ ทิ้งผมยืนเคว้งทำเอ็มวีอยู่ลำพังเกือบสิบนาที นี่เหรอความรู้สึกของคนโดนทิ้ง ความรู้สึกของคนที่พยายามแต่เขาไม่รักตอบ

   ได้แต่มองตามแผ่นหลังของมันเดินห่างออกไปเรื่อยๆ โดยที่ผมเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย

   ว่าแล้วก็จัดการจิ้มไส้กรอกใส่ปากขณะย่ำสองเท้าไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ข่าวดีอย่างหนึ่งในวันนี้ที่ผมเพิ่งค้นพบคือไอ้เติร์ดยังคงจำได้ว่าผมชอบกินไส้กรอก แต่สิ่งหนึ่งที่มันลืมไปซะสนิทคือกูไม่แดกมายองเนส แถมเล่นใส่มาซะแน่นจนกูแทบอ้วก

   บรรยากาศใต้ถุนคณะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะเราต้องรีบนับยอดให้เสร็จและลงบัญชีเอาไว้ก่อนถึงจะกลับบ้านได้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแต่คนที่มีหน้าที่เท่านั้นนั่นคือปีสี่ แต่ไอ้เติร์ดเนี่ยสิที่ไม่ยอมกลับเพราะให้เหตุผลว่าต้องรอพี่เชนทร์ทำงานเสร็จก่อนถึงจะไปได้

   ดูเป็นน้องที่น่ารักนะครับ ขนาดเมียพี่มันยังไม่ดูแลขนาดนี้เลย

   “นี่ก็สี่ทุ่มแล้วนะ เรากลับกันก่อนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” ผมพูดอย่างไม่เข้าใจ ยอมรับว่าเมื่อก่อนกูมีเหตุผลมากกว่านี้เยอะ แต่พอมีเรื่องของไอ้เติร์ดเข้ามาเอี่ยวด้วยกูก็กลายเป็นคนงี่เง่าทันที

   “มึงอยากกลับก็ไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอกูหรอก”

   “ได้ไงวะ มาด้วยกันก็กลับด้วยกันดิ”

   “พี่เชนทร์กับพี่อั้นก็อยู่ เขาไปส่งกูได้มึงไม่ต้องห่วง”

   “ไอ้พี่อั้นเนี่ยแหละตัวดีเลย กูไม่ชอบให้มันวุ่นวายกับมึง”

   “มึงก็วุ่นวายกับกูไม่ต่างกันนั่นแหละ”

   “เออ! ขนาดกูยังไม่ชอบตัวเองเลย เป็นเหี้ยอะไรกับมึงนักหนาก็ไม่รู้”

   “...” ผมทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้ทุกอย่างที่อยู่ในใจทะลักจนแทบเขื่อนแตก เพราะกลัวว่าจะเสียมันไป กลัว...ว่าทุกอย่างจะสายไป

   “แล้วเรื่องไส้กรอกเหมือนกัน มึงลืมไปแล้วเหรอว่ากูไม่ชอบมายองเนส”

   “พี่อั้นเป็นคนซื้อให้ กูไม่ได้มอง”

   “แล้วมึงก็เอามาให้กูเนี่ยนะ ทำไมมึงไม่เลือกให้กูเอง”

   “มันก็เหมือนกันป่ะวะ”

   “เหมือนกันตรงไหน รสชาติอ่ะเหมือน แต่ความรู้สึกแม่งไม่ใช่เลย แล้วเรื่องนี่อีก...มึงคุยไลน์กับเขาด้วยเหรอ”

   “เรื่องงาน”

   “งานก็คุยที่คณะได้”

   “มีเรื่องส่วนตัวด้วย”

   “ไหนมาให้กูสแกนซิ เป็นกูแม่งไม่ให้หรอก ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ”

   “ทีมึงยังแจกให้ผู้หญิงทั้งมอเลย มีสิทธิ์บอกกูเรื่องนี้ได้ด้วยเหรอ”

   “ลืมไป กูไม่มีสิทธิ์นี่หว่า” ก็หวงอ่ะ ไม่มีสิทธิ์แต่ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ดี ผมเลยเงียบใส่แล้วหันหลังให้มันแทน และพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างสุดความสามารถ ไอ้เติร์ดตัดใจจากผมไปแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมารักใหม่ บางทีการเอาแต่ใจตัวเองก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก

   เรานั่งรออยู่ที่โต๊ะใต้ถุนอาคารเกือบชั่วโมง ก่อนปีสี่จะพากันเข้าไปคุยงานที่ห้องสโมสรทิ้งไว้เพียงมนุษย์ปีสามสองคนที่นั่งหันหลังชนกัน ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่หันกลับไปมอง แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้จริงๆ

   “เติร์ด”

   “...”

   “ทำ...” เท่านั้นแหละครับผมรูดซิบปากอย่างรวดเร็ว ประโยค ‘ทำอะไรอยู่วะ’ หายไปในลำคอก่อนจะพบว่าไอ้เติร์ดฟุบลงกับโต๊ะและหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แก้มข้างหนึ่งแนบลงกับแขนจนปากเผยอ ดูแล้วก็ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ เท่าไหร่ แต่ผมก็นั่งมองอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตา

   บางทีตอนมึงหลับนี่ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ให้กูได้มีเวลามองมึงอยู่ใกล้ๆ บ้าง นี่ถ้ามึงกลายเป็นของคนอื่นกูจะเป็นยังไงวะ จะทนได้มั้ย ไม่อยากจะคิดเลย



    ‘ไอ้ค่ายเวลาดูหนัง มึงคิดว่าการแสดงความรักรูปแบบไหนลึกซึ้งสุดวะ’
   ‘เยแน่นอน’
   ‘มึงกลับไปเยที่ห้องไป’
   ‘มันเป็นมุกเหอะ สำหรับกูก็คงเป็นจูบมั้ง’
   ‘...’
   ‘จูบเสร็จแล้วก็สบตากัน’
   ‘น้ำเน่าฉิบหาย’
   ‘แต่มึงก็ชอบเหอะ’
   ‘ธรรมดาป่ะวะ เวลามึงจูบคนที่รักมึงไม่ชอบเหรอ’
   ‘ไว้รักใครสักคนจริงจังก่อนนะ เดี๋ยวมาบอกคำตอบให้’
   
   


   ในหัวของผมคิดถึงแต่เรื่องจูบ จูบ แล้วก็จูบเต็มไปหมด สายตาที่จ้องมองริมฝีปากของคนหลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดึงดูดคนมองได้ชะงักงัน ครั้งหนึ่งเราเคยจูบกันอย่างลึกซึ้งแต่กลับไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความสับสนและไม่เต็มใจของอีกฝ่าย

   ตอนนั้นไอ้เติร์ดร้องไห้หนักมาก ดวงตาของมัน ริมฝีปากของมัน รวมไปถึงเสียงสะอื้นในคืนที่เมาแทบคลั่งนั้นไม่สามารถลบออกจากหัวไปได้

   แล้ววันนี้ผมก็รู้สึกโลภที่อยากได้มากกว่านั้น อยากทำ...ให้มันดีขึ้น

   ความดีความชั่วตีกันไปมาในหัว สุดท้ายความชั่วในใจก็ชนะทุกอย่าง ผมใช้จังหวะนั้นโน้มหน้าเข้าหาใบหน้าขาว ลมหายใจของไอ้เติร์ดกระทบกับปลายจมูก เสี้ยววินาทีนั้นผมถือวิสาสะประทับริมฝีปากลงไป

   ขอแค่แตะ ไม่คิดจะล่วงล้ำเข้าไปใดๆ ทั้งนั้น

   แค่นิดเดียวที่ส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกัน คนที่หลับอยู่ก็เริ่มงัวเงียขึ้น ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและผมไม่สามารถถอนริมฝีปากออกมาได้ทัน

   ได้เติร์ดค่อยๆ ปรือตาขึ้น แต่ในระยะประชิดแบบนี้การมองเห็นคงแย่มากจนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร ผมคิดว่ามันรู้สึกได้ว่ากำลังอยู่ในสภาพไหน และสมองของผมก็พยายามประมวลผลเพื่อหาคำแก้ตัวเพื่อไม่ให้แม่งอาละวาดใส่

   “อือ...”

   ผมผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น...

   วันนั้นที่เราเคยคุยกัน ถ้าวันหนึ่งได้รักใครจริงจังสักคนกูจะบอกกับมึง และวันนี้ผมก็ได้คำตอบแล้วนั่นคือชอบ เพราะกูรักมึงกูถึงชอบที่จะจูบมึง

   “เติร์ด กู...”

   “คิดว่ากูเป็นใครเหรอ”

   “...”

   “กูไม่ใช่อีตัวที่มึงชอบมั่วนะ”

   “...!!”

   ราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางความรู้สึก ร่างกายชายิบไปซะทุกส่วน รู้ตัวอีกทีผมก็ค่อยๆ ผละห่างจากคนตรงหน้าไปทีละน้อย แม้กระทั่งสองเท้ายังเซไปข้างหลังโดยอัตโนมัติ

   ไอ้เติร์ดเหมือนพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา พอปรับสายตาได้มันก็เห็นผมที่ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผม...ที่ไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงส่งไปให้

   “กูเป็นผู้หญิงคนไหนในสต๊อกของมึงเหรอ” เสียงนั้นแผ่วเบามาก แต่ผมกลับได้ยินอย่างชัดเจน

   “เมื่อกี้กูจูบมึงเพราะกู...” ผมตัดสินใจพูดความจริงออกไป

   “อย่าทำอย่างนี้อีก อย่าทำให้กูต้องตัดเพื่อนกับมึงอีกเลย”

   “เติร์ด จริงๆ แล้ว...”

   “แค่นี้มึงก็น่ารังเกียจสำหรับกูเกินพอแล้ว”

   “มึงรู้สึกอย่างนั้นเหรอ”

   “...”

   “มึงไม่เคยบอกว่ารังเกียจกู ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกกูจะได้ปรับปรุงตัว นี่กู...เป็นตัวน่ารังเกียจของมึงมานานแค่ไหนแล้ววะ”

   สมองตอนนี้ว่างเปล่าจนน่ากลัว ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ไม่นานเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก๊วนแก๊งปีสี่กำลังเดินออกมาขณะที่ผมเริ่มถอยห่างออกจากเพื่อนรักมากขึ้นเรื่อยๆ

   “เสร็จแล้วเว้ย กลับกันได้เลยนะ” สิ้นเสียงของพี่เชนทร์ผมหันไปเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ปีสี่อีกคนอย่างไอ้อั้นทันที ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากกำหมัดแน่น เราไม่ได้พูดอะไรกันแต่สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ด้วยการเบี่ยงตัวเดินไปที่ลานจอดรถ

   ตอนนี้ไอ้เติร์ดคงไม่อยากกลับกับตัวรังเกียจอย่างผมหรอก

   ขนาดตอนจูบกันมันยังคิดว่าผมมั่วกับอีตัวอยู่เลย ตลกฉิบหาย ฮ่าๆ

   แทบไม่รอให้เสียเวลาผมจัดการสตาร์ทบิ๊กไบค์คันเก่ง พร้อมเร่งเครื่องอย่างแรงเพื่อพาตัวเองไปให้ไกลจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ยอมฝ่าความมืดยามค่ำคืนไปยังเส้นทางที่ทำขึ้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความเร็วของรถอยู่ที่เท่าไหร่ รู้แค่ว่าใบหน้ากับกระบอกตาที่ร้อนผ่าวนั้นบ่งบอกได้อย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความเสียใจเอาไว้มากแค่ไหน

   พรุ่งนี้เราจะยังเป็นเหมือนเดิมมั้ยวะ พรุ่งนี้มึงจะยังเป็นเพื่อนกูหรือเป็นของคนอื่นไปแล้ว

   ทั้งหมดเป็นความผิดของผมที่รู้ตัวช้าไป ผมที่ผมเหี้ยกับไอ้เติร์ดมาตลอดแต่สุดท้ายก็ไม่เคยทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่จะให้ทำยังไง สำหรับผมเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแล้ว



   ‘ถ้าวันหนึ่งกูหลงทางมึงจะทิ้งกูมั้ยไอ้ค่าย’
   ‘ไม่มีทาง’
   ‘แล้วถ้ากูเสียใจมึงจะอยู่ปลอบกูมั้ย’
   ‘ทุกเวลา’
   ‘มึงพูดแล้วนะว่าจะไม่ทิ้งกู’
   ‘สัญญา’




   โครม!!

   ภาพในม่านสายตาพลิกคว่ำพลิกหงายหลายตลบ ร่างทั้งร่างรู้สึกชาดิกแต่ไม่นานก็รับรู้ได้ถึงอาการสั่นอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะฝ่ามือ กลิ่นคาวลอยคว้างเตะจมูก ผมพยายามปรับระดับสายตาของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่ก็พบเพียงเงาเลือนรางของตันไม้ท่ามกลางความมืด

   ความรู้สึกเวียนหัวมีอิทธิพลเหนือกว่าทุกสิ่ง แต่ก็ยังกัดฟันดันตัวเองให้ลุกขึ้นพร้อมกับความเจ็บซ่านที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในความรู้สึกทีละน้อย

   ชาวีตอนนี้ล้มไถลไปกับพื้นถนน ตัวของผมห่างจากรถคันโปรดค่อนข้างไกล จำไม่ได้แล้วว่าเพราะเหตุอะไรรถถึงล้มลง เพราะตอนนั้นผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับการขับรถเลยเนื่องจากกำลังคิดถึงเรื่องใครบางคนอยู่

   ใครบางคน?

   ภาพของไอ้เติร์ดฉายวาบเข้ามาในหัว ผมพยายามอย่างหนักเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มสองขา แม้มันจะสั่นมากมายแค่ไหนก็ตาม วินาทีนี้ผมไม่มีแม้แต่แรงจะพลิกบิ๊กไบค์ขึ้นมาขับได้อีกแล้ว ชุดนิสิตที่สวมใสอยู่ขาดวิ่น สีสันมองไม่ชัดว่าสกปรกแค่ไหนเพราะแสงไฟไม่เพียงพอต่อการมองเห็น

   ผมเดินกึ่งวิ่งกลับไปยังเส้นทางเดิม ด้วยความคิดที่ว่าครั้งหนึ่งเราเคยสัญญากัน ผมจะไม่ทิ้งมันไปไหน...

   เท้าที่ก้าวไปแต่ละก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก ความเจ็บลึกแผ่ซ่านราวกับจะหักกระดูกเป็นท่อนๆ ของเหลวที่ไหลซึมบนหัวเริ่มอาบลงมาบดบังการมองเห็น หรือจริงๆ แล้วมันคือน้ำตาที่ไหลลงมากันแน่ ภาพตรงหน้ากึ่งมืดกึ่งสว่างคล้ายอาการเมาจนประคองสติไม่อยู่

   พรุ่งนี้ระหว่างผมกับไอ้เติร์ดจะเป็นยังไงไม่มีใครรู้ แต่ผมก็ไม่อยากเสียมันไปแม้จะกลายเป็นตัวน่ารังเกียจแค่ไหนก็ตาม

   ดึกแล้ว รอบกายมีแต่ความเงียบงัน ผมเดินกะเผลกไปเรื่อยๆ และเฝ้าแต่ภาวนาว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ไปไหน เพราะผมจะไม่เป็นอะไรจนกว่าจะได้ทำตามสัญญา

   โชคดีที่เดินกึ่งวิ่งไปอีกหน่อยแสงไฟจากตึกคณะวิศวะฯ ก็ช่วยส่องสว่างนำทางให้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผมเห็นสภาพตัวเองได้ชัดเต็มสองตาแล้ว ทั้งกางเกงและเสื้อผ้าขาดจากแรงไถลบนพื้นถนนจนมีเลือดไหลซึม ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ด้วย และที่สำคัญของเหลวสีแดงฉานที่ไหลลงมาบนเปลือกตาจนเหนียวหนืดก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหัวคงแตกยับ

   กลิ่นคาวเลือดทำให้ผมอยากอ้วก แต่ผมหยุดไม่ได้ต้องเดินหน้าต่อไปจนถึงตึกคณะ พลันร่างของใครคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินมายังปากทางคณะพร้อมกับพี่อั้นปรากฎในม่านสายตา

    “เฮ้ยไอ้ค่าย!!” เสียงร้องกึ่งตกใจดังขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากใครแต่คงไม่ใช่ไอ้เติร์ดแน่ๆ

   คนตรงหน้ามองผมด้วยสายตาโปนๆ แต่น่ารักของมัน เสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นส่งผลให้ผมไม่สามารถพูดสิ่งที่อยากพูดออกไปได้ในตอนนี้ นอกจากขยับเท้าให้เข้าใกล้กับใครคนนั้นมากกว่าเดิม

   จากนั้นก็รวบรวมสติที่มีอยู่อันน้อยนิดเพื่อบอกกับมัน

   “เติร์ด...กูกลับมารับมึงแล้ว”

   “...”

   “ขอโทษนะที่ทำให้รอนาน”

   “...”

   “อย่ารังเกียจกูเลย เรา...กลับด้วยกันเถอะนะ”




ทุกคน ขอโอกาสให้ค่ายได้แก้ตัวหน่อยนะคะ
เห็นแล้วสงสารมาก ฮืออออ
#ทฤษฎีจีบเธอ

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-07-2017 20:11:33
 :z13:
ตอนนี้สงสารค่ายมากก ฮือออ  :hao5:
คำที่เติร์ดพูดเล่นเอาจุกไปเลยเหมือนกัน แงงง
หวังว่าหลังเหตุการณ์นี้ทุกอย่างจะดีขึ้นนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 02-07-2017 20:22:40
ค่ายคนกากกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-07-2017 20:26:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 02-07-2017 20:33:21
โอ้ยยยย ใจแม่

สงสารอิค่ายมากจริงๆ เข้าใจว่าเติร์ดฝังใจมาก
คืออิค่ายก็ทำไว้เยอะ แต่ตอนนั้นมันโง่อยุ่

ฮือออออ ตอนนี้มันทำดีมาก อิค่าย จงทำดี จงทำดี

สงสารรรรรร เจ็บใจแล้วยังเจ็บตัวอีก สู้นะเอ็งนะ

อยากอ่านต่อแบบจะลงแดง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 02-07-2017 20:38:29
ฉากล้มเลือดท่วมนี่ พี่หลิวแห่งผู้หญิงข้าใครอย่าแตะลอยมาเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 02-07-2017 20:39:51
 :o12: :o12: :o12: สงสารอีค่ายคนโง่ จุกตรงคำว่ารังเกียจมาก โอย
เข้าใจเติร์ดว่าเจ็บแล้วจำอะ แต่อีค่ายหายโง่ละน้า สนใจมันนิดนึงส์
ยังไงก็ไม่ไว้ใจอิพี่ปี4 เพราะว่าชั่วเหมือนอีค่ายนี่แหละ เลยไม่ไว้ใจ
ตรงฉากรถล้ม นี่แบบ จุกที่ใจเลยอะ ฮือ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 02-07-2017 20:49:21
 :hao5: สงสารนังค่ายแล้วตอนนี้ เข้าใจหัวอกของคนที่พยายามสักทีนะค่าย ว่ามันต้องสู้ขนาดไหน  :hao5: :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: fugtong ที่ 02-07-2017 20:52:56
ใจนึงก็สมน้ำหน้าอิค่ายนะ แต่ก็สงสารมันเหมือนกัน กลัวใจเติร์ดมากอ่ะ
แอบอึดอัดกับการกระทำของพี่เชนทร์อยู่นะ พี่อั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าอิค่ายป่ะ? แต่ก็เพื่อนกันนี่เนอะ
 ไม่อยากเดาตอนต่อไปเลยกลัวใจจิตติมากสุด55555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-07-2017 20:59:40
ชอบคำพูดพี่เชนทร์นะแต่ไม่ชอบการกระทำค่ะออกตัวแทนเพื่อนได้ไง เรื่องแบบรี้ต้องให้เจ้าตัวทำเองและให้คนกลางอย่างเติร์ดตัดสินใจนะคะไม่ใช่มาสร้างโอกาสให้กันแบบนี้ ส่วนอิค่ายนั้นรถล้มขนาดนี้ยังลุกมาวิ่งได้แกสตรองมากค่ะ แต่ถ้านี่เป็นเติร์ดคงช็อกอะคือแกเหมือนผีมากค่ายสภาพนั้น อีกอย่างกับคำพูดแกนี่จะแกจริงจังกว่านี้มันอาจจะดูจริงใจก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 02-07-2017 21:03:27
สงสารค่ายยยยยย โฮฮฮฮฮฮ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-07-2017 21:08:14
โอ๊ยยยย หัวใจ~~ // สงสารทั้งคู่เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-07-2017 21:10:17
แงงงงงงง สงสารค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 02-07-2017 21:12:22
น่างสานนนนนน รำอิพี่อั้นมากบอกเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 02-07-2017 21:15:44
 :katai1: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 02-07-2017 21:23:02
ความสะใจมันหายไป เหลือไว้เพียงความสงสาร โฮกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: AmiTiel ที่ 02-07-2017 21:23:52
ฮืออออ ค่ายยยย นายทำเราเสียน้ำตา  :o12:

ตอนของเติร์ดเสียน้ำตาไปเท่าไหร่ ตอนของค่ายจะต้องเสียมากกว่านั้นใช่ไหม ฮรึก

รอคอยวันที่เค้าสองคนรักตรงกัน :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 02-07-2017 21:27:00
 สงสารอิค่ายขึ้นมานิดหน่อย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 02-07-2017 21:33:48
"แม่งได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกคนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
เจอคำนี้ไปนึกสงสารค่ายอยู่นะ มันก็แค่ไม่รู้อะไรเลย รู้ตัวช้าและสกิลกากนิดหน่อย
อ่านตอนนี้จบหน่วงตามคนกากอ่ะ ได้กันไวๆ นะ :ling3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 02-07-2017 21:34:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 02-07-2017 21:35:20
ค่ายคนโง่ น่าสงสารมาก
อ่านเสร็จมันตื้อไปหมด
ต้องทนขนาดไหนกันนะ...
ถึงพาร่างตัวเองไปหาเติร์ดได้

เจ็บมั้ยค่าย?
ตอนนี้เติร์ดจิตใจเข้มแข็งมากเลยนะ

อ่านตอนนี้จบอยากอ่านตอนต่อไปไวๆ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 02-07-2017 21:40:03
สงสารค่าย :sad4:
แต่เข้าใจเติร์ดจริงๆนะ
รอตอนต่อไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-07-2017 21:40:18
คนเขียนใจร้าย ต้องให้อิค่ายเอาเลือดเข้าแลกเชียว สงสาร ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 02-07-2017 21:45:22
สงสารแล้วๆ ถึงจะไม่หน่วงแต่ก็หนัก :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 02-07-2017 21:49:40
ค่าย น่าสงสาร :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 02-07-2017 21:52:44
ค่าย รถล้มขนาดนั้น ยังลุกเดินกลับมาได้ แกมันไม่ใช่คนนนนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 02-07-2017 21:54:21
เราอึดอัดแทนทั้งคู่ อยากให้ค่ายพูดตรงๆ เราเป็นเติร์ดเราก็ไม่แน่ใจ(พยายามไม่คิดเลยดีกว่า)ว่าที่ค่ายพูดที่ค่ายแสดงต่างจากอดีตตรงไหน ปล.ตอนนี้สงสารค่ายมาก แต่เราก็ทีมเติร์ดอยู่ดี ฮ่าาา เรื่องดูเรียลดี เราว่าคนปกติ พยายามตัดใจก็คงเป็นแบบเติร์ดเนี่ยแหละ แล้วก้าวต่อไป แต่พอดีว่าเรื่องนี้คนที่เราพยายามตัดดันกลับมารู้สึก อินทำไมขนาดนี้ก็ไม่รู้ สงสัยเราแอบชอบคนบ่อย ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 02-07-2017 22:11:30
มากกว่ารำคาญอั๋นก็อ้วนเชนทร์นี้แหละ ปากดีจริงๆ :fcuk: :fcuk: :fcuk:

อย่าว่าแต่ค่ายความรู้สึกช้าเลย เติร์ดก็เหมือนกัน เป็นคนพิเศษของค่ายมาตั้งแต่เป็นเพื่อนกันจนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเลย :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-07-2017 22:19:07
สภาพค่ายจะออกแนวสยองมาก :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 02-07-2017 23:02:05
ค่าย แล้วพวกเติร์ดกับพี่อั้นจะไม่คิดว่าค่ายจะทำเพื่อเรียกร้องความสนใจหรอ
ไปล้มอิท่าไหนยังเดินมาหาเค้าอีกเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 02-07-2017 23:04:17
โอ้ยยย พี่ค่าย.. คนอึด 2017
เติร์ดคับ.. ยังไงดีคับ..
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 02-07-2017 23:09:47
โถพี่ค่ายยย ตอนนี้สงสารพี่ค่ายจากใจจริง
นุ้งเติร์ดจะว่ายังไงน้อออ อยากอ่านฝั่งนุ้งเติร์ดอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 02-07-2017 23:15:27
แง้~~~ ค่ายอ่า สงสาร ฮืออออออ ทำยังไงดี
อิค่ายเอ็งก็ระห่ำไปนะบางที เอ็งเจ็บอยู่น้าา แล้วยังไงเนี่ยขับไปชนใครหรือใครชนมึงเนี่ยยย รออ่านต่อไม่ไหวแล้วววว

ได้โปรดผู้เขียนที่น่ารักขอตอนต่อไปด้วยค่ะ นักอ่านสั่นเสือกมากเลยค่ะ แง้ อิค่ายเอ็งทำใจดีๆ ไว้เว้ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 02-07-2017 23:16:18
ทนเข้าไว้นะค่าย เราอยู่ข้างนาย :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 02-07-2017 23:22:24
เฮ้ออออ หน่วงหนักมากกก
ยังทีมเติร์ด แต่เริ่มเห็นใจค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Phetploy ที่ 02-07-2017 23:34:49
โอยยย ตอนแรกก็สงสารเติร์ด ตอนนี้เริ่มมาสงสารพี่ค่ายแทนแล้ว ฮือ มะรุมมะตุ้มอะไรกันเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-07-2017 23:35:50
ลองมองกลับไปดูในสิ่งที่ตัวเองทำในอดีตนะค่ายแล้วจะเจ็บกับคำว่ารังเกียจจากเติร์ดน้อยลง :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 02-07-2017 23:37:21
คือ...ดีใจที่ได้อ่านตอนที่ 9 และก็เริ่มใจอ่อนสงสารไอ้ค่าย ยิ่งช่วงท้ายแล้วเรียกน้ำตาจากเราไปอีก เอาหัวใจไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 02-07-2017 23:40:26
เราร้องไห้ไปกับค่ายอ่ะ ฮือออออออ เราเป็นค่ายคงรู้สึกแบบแม่งโคตรเจ็บเลยว่ะ ฮือออ พี่ค่ายยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Once ที่ 02-07-2017 23:47:44
สำหรับตอนหน้าขอแบบนี่ได้ไหม~
ทุบให้แตก ให้แหลกไปเลย~
(http://www.pipattana.ac.th/summer56/saint/965.jpg)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 02-07-2017 23:53:33
าทีมค่าย แต่พฤติกรรมอิค่ายมันไม่ชึดเจนเลยในมุมเติร์ดอ่ะ เติร์ดปักใจเชื่อว่าอิค่ายคิดกับตัวเองแค่เพื่อนไปแล้ว พออิค่าบทำตัวเหมือนหมาหยอกไก่ เติร์ดมันสับสนหมดหล่ะ ยิ่งจะพยายามถอยหลังออกมา ค่าย เอ้ยย สู้เขาลูก เดี๋ยวพี่อั้นเจ้จะจัดให้เอง 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 02-07-2017 23:54:11
จุกแทนค่ายยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 03-07-2017 00:07:41
สงสารค่ายไปรพ เร็วววววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: wochima ที่ 03-07-2017 00:28:54
คือถามหน่อยมีบทไหนที่เติร์ดบอกค่ายว่าชอบหรือยังเพราะเท่าที่อ่านมาค่ายไปรู้จากยูทูปที่เติร์ดเก็บไว้  คือไม่บอกค่ายว่าชอบจนถึงก่อนหน้าจะดูคลิปก็ยังไม่รู้ ตอนนี้เหมือนค่ายผิดนักหนา แปลกใจมาก เอาจริงๆเราว่าใครจะผิดคนนั้นต้องเติร์ดป่าวอ่ะ  ตอนนี้เหมือนบทให้ทุกคนมายำค่ายสะงั้น  คือมีบทไหนที่เติร์ดบอกชอบค่ายบอกหน่อยกลัวว่าอ่านผิดพลาดไป เพราะสงสัยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 03-07-2017 00:39:03
ไอ้ค่ายเอ้ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-07-2017 00:46:51
สวสารค่ายมาก ฮือออออ
อ่านตอนนี้ละก้หน่วงๆมาตลอดทั้งตอนเลย
พอเติร์ดบอกว่านึกว่าจูบใครอยู่ บอกว่ารังเกียจนี่จุกเลยอะ
สงสารค่ายมากๆๆๆ เข้าใจว่าเข็ดอะ
แต่อิค่ายมันโง่ไงเติร์ดก้รู้ ตัดใจได้ แต่ไม่ควรโกรธอะเพราะมันไม่เคยรู้อะไรเลย
คนที่รู้ก้ปิดบัง ทำทุกอย่างลับหลังแล้วค่ายก้ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว
กลายเป็นคนที่ทำอะไรก้ผอดก้ดหี้ยไปหมดเลนอะ ฮืออออ พอฉลาดขึ้นมาก้เจอของแรงเลยอะ แต่ละอัน
ฉากชาวีล้มแล้วค่ายกะเสือกกะสนเดินกลับมานี่พูดไม่ออกอะ
บิดไปเร็วน่าจะไปได้ไกลขนาดรถล้มไม่มีใครได้ยินเสียง สภาพผ้าขี้ริ้วมาก แล้วเดิมกลับมาหาเติร์ด
นี่ว่าเติร์ดต้องช้อคกับสภาพแน่ๆ แต่กลัวใจนางหลังจากนั้นมากกว่า
อยากให้เรื่องนี้มาถี่ๆๆๆ ฮืออ ค้างงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-07-2017 00:47:53
ค่าย เราหายหมั่นไส้เธอแล้ว อย่าเป็นอะไรไปนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 03-07-2017 00:51:53
ฉากสุดท้ายจุกสุดๆเลย ฮืออ สงสารอิค่ายยยย TT
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-07-2017 01:51:38
อิค่ายยยยยย ล้มขนาดนี้ยังมีแรงเดินไปอีกหรอ โอ้ยแก เลือดหมดตัวแล้วมั้งน่ะ เป็นซีนที่บีบหัวใจมาก สงสารค่ายและก็เข้าใจความรู้สึกเติร์ดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 03-07-2017 02:26:08
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 03-07-2017 02:43:09
ค่ายคงเข้าใจความรู้สึกของเติร์ดแล้วใช่ไหมว่ามันเจ็บขนาดไหน
พยายามต่อไปนะค่าย สักวันเติร์ดคงใจอ่อนให้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 03-07-2017 03:04:06
ไม่รู้จะพูดยังไงดีนะจุดๆนี้ เพราะเราเข้าใจความรู้สึกของเติร์ดดี555
ตามมาอ่านทันแล้วว แต่ละตอนนี้จุใจมาก555 วางไม่ลงติด อินมากจริงๆ5555
ถ้าอีพี่ค่ายทำขนาดนี้แล้วจริงๆ ให้โอกาสก็ได้ เนอะ
ก็ได้แต่หวังว่าน้องเติร์ดจะใจอ่อนเร็วๆแล้วกัน เพราะถ้าเป็นเราเราก็คงฝังใจเจ็บเหมือนกัน สู้วๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 03-07-2017 03:05:26
สงสารทั้งคู่เลย
แต่กลัวใจเติร์ดมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-07-2017 07:26:20
 :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 03-07-2017 07:43:06
 :o12: :sad4: แหง่วๆๆ เริ่มสงสารอีค่ายแล้ว ตอนต่อไปน้องเติร์ตจะเห็นใจน้องค่าย ไหม อยากรู้แล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-07-2017 07:50:18
 :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 03-07-2017 08:07:57
โธ่ค่ายยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 03-07-2017 09:55:31
นี่คิดว่าค่าย กลายเป็นวิญญาณแค้นกลับมาแล้วน่ะนี่

  :sad4: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-07-2017 10:01:36
พยายามเข้านะค่าย!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 03-07-2017 11:58:11
ตอนนี้รู้สึกสงสารอีค่ายมากๆอะ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 03-07-2017 12:36:10
เอาจริงๆ เติร์ดก้อใจกระตุกกับสภาพค่ายบ้างแหละนะ
เปิดใจคุยกันเลยเถอะ พูดกันคนละที คิดเอง  เออเอง ก้อจบแบบเจ็บๆ ศพไม่สวยกันพอดี  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 03-07-2017 12:39:15
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 03-07-2017 13:55:16
พูดเลยว่าตอนนี้สงสารค่ายที่สุด ฮือออออ ตอนที่รถล้มแล้วกระเสือกกระสนกลับมาหาเติร์ด คำพูดที่นางพูด

"อย่ารังเกียจกูเลย...กลับด้วยกันเถอะนะ" คือถ้าเราเป็นเติร์ดฟังคำนี้จากปากค่ายที่อยู่ในสภาพแบบเละเทะแบบนั้น เป็นเราเราก็ใจกระตุกแถมด้วยอาการเป็นห่วงระคนตกใจ

เท่าที่อ่านคอมเม้นของหลายๆคนดูเราก็สนับสนุนให้ทั้งสองคนเปิดอกเปิดใจคุยกันนะ พูดกันคนละที พูดกันคนละตอน มันก็ไม่รู้เรื่องหรอกจริงๆ

ถ้าถามหาคนผิดจากเรื่องนี้ เราก็ต่างผิดกันทั้งหมดนั้นแหละ เติร์ดผิดที่พูดแบบนั้นออกไป ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ค่ายผิดที่มัวแต่ใจลอยตอนขับรถ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เข้าใจน่ะนะ เข้าใจจริงๆ เข้าใจทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งความรู้สึกของเติร์ดที่ไม่อยากจะเสียความเป็นเพื่อนกับค่ายไปและค่ายเองที่ไม่เคยรู้เลยว่าเติร์ดรู้สึกยังไงก็มองเติร์ดว่าเป็นเพื่อนมาโดยตลอด

สงสารแกว่ะค่าย เราเห็นความพยายามของแกแล้ว ใจนึงเราก็อยากให้นุ้งเติร์ดใจอ่อนกับแกไวๆ แต่ด้วยความที่เติร์ดเข็ดขยาด มันคงยากหน่อยแล้วนะแกเอ้ยย เอาใจช่วยเน้อออ เห้ออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: tamji ที่ 03-07-2017 14:05:00
รังเกียจ คำนี้รุนแรงมากจริงๆ
บีบใจเหลือเกิน แต่มันคือสิ่งที่ค่ายเคยทำไว้ แล้วผลมันก็ย้อนกลับมา อยากอ่านต่ออ่ะฮือ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-07-2017 14:49:33
รอตอนหน้า ฟ้าอาจใส
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 03-07-2017 14:57:45
ตอนนี้กลัวใจเติร์ดและสงสารค่ายมากอะเป็นเราคงนอนไม่ลุกจมน้ำตาอยู่นั้นแหละ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-07-2017 16:11:46
โอ๊ยยย ค่ายเอยยยย เอ็งบ้าไปแล้ว พูดได้คำเดียวเลย


เตริดแมร่งโคตรใจเย็น พอมาอ่านมุมมองค่าย ทนได้ยังไงกับการที่ค่ายมีสาวเป็นร้อย


ลำพังแค่ ไอ้พี่อั้น ไอ้ค่ายจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว นี่รู้สึกตัวเองเหมือนเป็นร่างอวตาลของค่าย

ตอนไอ้พี่เชนพูดปล่อยมันเดินหน้าไป   อยากจะตะโกนใส่หน้า " อย่าเสือก"



555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-07-2017 16:45:24
พี่ค่าย ทุ่มสุดตัวแล้วนะ น้องเติร์ดว่าไง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 03-07-2017 17:19:15
โอ๊ยยยย!!!! นังค่าย นังค่ย นังค่าย!!!
อยากจะกระชากหัวมาแล้วจับตบสั่งสอน
ร้องไห้เพราะอินังค่ายอีกแล้ววว
สงสารนางแต่ก็เข้าใจความรู้สึกหนูเติร์ดเลยยังไม่เชียร์ให้ได้กัน...เอ่อรักกัน เร็วๆ นี้หรอก
แต่ตอนนี้ค่ายน่าสงสาร หนูเติร์ดไปดูว่าที่สามีหน่อยสิลูก เดี๋ยวคนเขาจะนินทาเอาว่าหม้ายยังซิง ยังไม่ทันเป็นเมียผัวเสือกชิ่งตายก่อน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 03-07-2017 17:19:35
ค่ายรักกับเติร์ดได้แล้วค่ะ เราให้อภัยแล้ว แต่ก่อนอื่นไปโรงบาลก่อนนะพ่อหนุ่ม :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 03-07-2017 18:15:17
ค่าย อย่าเป็นอะไรนะแก  พระเอกคนกากของฉัน  แกต้องอยู่ให้ฉันซ้ำเติมแกไปอีกนาน ๆ นะ ยังด่าไม่สะใจเลย   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-07-2017 19:12:55
สงสารทั้งค่ายทั้งเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 03-07-2017 19:33:24
สงสารค่ายอ่าาา :m15: แต่ที่พี่เชนทร์พูดมันก็ถูกนะ แต่ก็แบบ.. อดสงสารค่ายไม่ได้ อยากให้เติร์ดลองให้โอกาสค่ายดู สู้ๆ นะค่ายนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 03-07-2017 20:09:51
 :z3:
อิแม่ใจบ่อดีเลย ทำไมลูกพูดจาอย่างงั้น ลูกผิดที่คิดรักเพื่อนไม่บอกแล้วยังเก็บไปคิดเอง ถ้าค่ายไม่ได้ดูคลิปนั้นก็ไม่รู้ ลูกเสียใจที่อิค่ายมันจูบแล้วคิดว่าเป็นแพรว ก็เข้าใจ แต่ลูกจะมาพูดว่ารังเกียจค่ายทั้งๆที่พยายามทำตัวเป็นเพื่อนสนิทอย่างนี้ไม่ได้
เลือดเย็นกว่าอิค่ายก็ลูกแม่นี้ละ!!!
อิค่ายมันโง่ และมันก็จะทำอะไรโง่ๆเพื่อได้ลูกมา ลูกปั่นหัวอิค่ายแรงมากกกก  :heaven  แม่ย้ายฝั่งทันไม๊

 :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 03-07-2017 22:14:51
เรื่องในอดีตมันแย่มากเลยเนาะ เป็นกำลังใจให้ค่ายคนกากนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 03-07-2017 23:22:21
เหนือกว่าอิพี่อั้นคือรำคาญไอ้พี่เชนท์
ค่ายจ๋าาาา รักตัวเองดีกว่าน้าาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 03-07-2017 23:24:00
สงสารค่ายนะ ที่รักคนงี่เง่าแบบเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 04-07-2017 15:04:10
อ่ะ เจอตอนนี้เข้าไป แทบจะกลับไปอีดิทตัวเองที่เคยบอก
ว่าไว้อิค่ายใกล้ตายค่อยให้ลูกเติร์ดกลับไปดูใจ
สมพรปากเลยกรู ไงอ่ะ ลูกจะเป็นหม้ายก็เพราะเม้นต์กรูนี่แหละ
จิตติคนใจล้าย orz

ถามว่ารุนแรงมั้ย รุนแรงมาก สงสารอิค่าย แต่เอ็งมันเจ็บตัว ลูกฉันเจ็บใจไง
ความผิดของค่าย ไม่ได้อยู่ตรงที่ไม่รู้และไม่รักเติร์ดแต่แรกหรอก
มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ลองใจเติร์ดทีแรกนั่นแหละค่ะค่าย จำ!
ตอนนั้นยังพอเข้าใจได้นะ ว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย แค่อยากรู้ความรู้สึกเติร์ด ก็โอเค
แต่ที่คิดว่าไม่โอเคมาก คือที่เอาแพรวมากุเป็นแฟนเพราะอยากให้เติร์ดเลิกรัก
แย่กว่าคือที่ทำเป็นเมา จูบเติร์ด แล้วทำเป็นเรียกคนอื่น บอกว่าไม่มีสติจริงๆ ยังดีซะกว่ามากกกกกก
นี่จงใจทำลายหัวใจเติร์ดกับมือตัวเองเลย ไม่ว่าจะเพราะสับสนหรือเพราะอะไรก็เหอะ
ที่ทำตอนนั้นอ่ะ เลวมากค่ะค่าย

เพราะฉะนั้น จะบอกว่ามันสาสมก็ไม่เต็มปากหรอก เพราะที่รถล้มนั้นเจ็บแต่ตัว
ค่ายเจ็บใจแค่ รังเกียจ คำเดียว กับที่พี่เชนทร์พูดใส่กับที่พี่เชนทร์ทำเท่านั้นเอง
แหม เบๆอ่ะ อย่าสำออยค่ะค่าย

เลิกเจ็บเลิกตาย แล้วมาจีบต่อด้วยค่ะ ได้โอกาสทำคะแนนแล้ว

อ่อ แล้วอิชาวีอ่ะ เห็นแล้วแสลงสายตามาก พังๆ ทิ้งๆ ไปซะได้ก็ดีนะคะ
/ดิฉันรังเกียจมันพอกับที่เติร์ดรังเกียจพ่อมัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-07-2017 16:26:58
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-07-2017 21:21:42
เรื่องเป็นแรงผลักกันค่ะ พอจะรักอีกคนก็ถอยห่าง พอตอนไม่รักอีกคนก็วิ่งเข้าใส่
แล้วแบบนี้จะรอดไหม คนตอบก็ต้องเป็นเติร์ดอะเนาะ
แล้วไม่เข้าใจจะมาฮอตอะไรตอนนี้ ตอนมีคนอยากจริงใจด้วย ดันมาพร้อมกันอีก

โอ๊ยยยย ค่ายพยายามมากนะ กลับมาจากไหน แล้วสภาพคือร่วงขนาดนั้น ไม่รู้จะได้ใจเติร์ดไหมด้วย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 04-07-2017 22:22:05
น้องค่ายยยยย หลอนมากกกกก
นี่เรามโนว่า ที่เดินมาคือวิญญาณ ร่างอยู่บนถนน ค่ายตายแล้วไม่รู้ตัว เติร์ดเป็นม่าย เสียใจปางตายว่าครั้งสุดท้ายที่ได้คุยคือทะเลาะกัน แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นตำนานของมหาลัย  :katai1:
ไม่ใช่แบบนี้ใช่มั้ยคะ 5555

จะว่าเติร์ดที่พูดจาแรง ๆ ไม่ได้ ค่ายมันทำไว้เยอะนะ เติร์ดก็มีกลไกป้องกันตัวเองเหมือนกัน ใครจะไปรู้ จริงๆเขินจะตายแล้วแต่แสดงออกด้วยความก้าวร้าวแทนก็เป็นได้ เออ นี่ก็มโนอีกแล้ว ไม่รู้สิ

แต่ถ้าเติร์ดค่ายยังเป็นงี้ต่อไป หมดแรงเลย นี่มันดราม่า ดราม่าเกินไปแล้ววว

อย่าแย้งเรา เราไม่เชื่ออีกแล้ว นี่มันนิยายดราม่าาาาา  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-07-2017 22:56:59
คือค่ายก็น่าสงสารนะ แต่ว่านะเลวมาเยอะอยู่ๆจะให้เตริ์ดลืมมันก็ไม่ใช่ป่ะ สิ่งที่เป็นมาตลอดกับช่วงรุกจีบไม่กี่วัน เติร์ดมันจะเชื่อใจได้ไง อิค่ายเองก็ไม่ชัดเจนเหอะ กลับเข้ามาเหมือนเพื่อน แล้วมาคอยๆหยอดเค้าเนี่ยะ คนมันเจ็บมาเยอะก็ต้องระแวงแหล่ะ

แต่อย่างก็ตามเค้ารักพี่เชนทร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 05-07-2017 08:27:23
โหยยยยยย อิพี่ค่ายยย  :katai1:
ตอนหน้านี่เป็นฉากวัดใจเติร์ดเลยนะเนี่ย
อิค่ายจะทำคะแนนความน่าสงสารได้หรือไม่ 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 06-07-2017 16:10:44
ค่ายน่าสงสารก็จริงอยู่ แต่เรากลับไม่ได้รู้สึกอินตามกับความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียคนที่ชอบของค่ายซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะพาร์ทของค่ายมันมีความฮาปนมาค่อนข้างมาก เลยยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซนต์ว่าค่ายเสียใจจริงๆ หรือแค่ทำเอาฮา ไม่ให้เสียฟอร์มว่าคนที่คิดถึงตัวเองตลอดอย่างเติร์ดกำลังจะไปหาคนอื่น แถมบรรยายในมุมมองเศร้าๆของคนอกหักอย่างเติร์ดมาตั้งหกตอน เราเลยยังปรับอารมณ์จากหน่วงๆจุกๆ แล้วมาเชียร์ค่ายอย่างเต็มที่ไม่ได้

ตอนนี้ก็รออ่านในมุมมองของเติร์ดอย่างเดียวเลยว่าเติร์ดคิดยังไง เพราะดูท่าเเล้วเติร์ดยังคงตัดใจได้ไม่ขาด ที่คุยกับพี่อั้นก็คงคิดว่าอาจจะช่วยให้ความรู้สึกที่มีต่อค่ายหายไปได้เร็วขึ้น แต่เอาจริงๆนะ ยังไม่อยากให้เติร์ดกลับไปเปิดใจให้ค่ายได้ในเร็วๆนี้ เพราะเติร์ดเจ็บมาเยอะ เราเองก็เสียน้ำตาเพราะอินกับบทไปมากอยู่ เสียดายความรู้สึกเศร้าที่เสียไปอ่ะ รู้สึกยังใช้มันไม่คุ้มเลย ถ้าเติร์ดจะกลับมากรักค่ายอีกรอบง่ายๆ กะอิแค่ค่ายเจ็บตัว คือห่วง ก็เข้าใจ แต่ในเมื่อคุณจะตัดใจเเล้วก็ควรทำให้สุด มัวลังเลอยู่อย่างนี้ก็รู้เลยว่ายังไงก็กลับไปรักค่ายแน่ๆ มันเลยจะดูเป็นละครน้ำเน่าไปหน่อยมั้ย อีกอย่างถ้าพี่อั้นคิดจะจีบเติร์ดจากใจจริง ไม่ใช่จีบเล่นๆ แล้วเติร์ดกลับไปใจอ่อนให้ค่ายง่ายๆแบบนี้ งั้นพี่อั้นก็แพ้ตั้งแต่เพิ่งก้าวขาลงสนามน่ะสิ แบบนี้มันไม่น่าสงสารเกินไปหน่อยเหรอ เพราะในเมื่อเค้าคิดจะจริงจังเเล้ว กลับตัวกลับใจมารักเติร์ดจริงๆ อย่างน้อยเค้าควรจะได้รับอะไรดีๆตอบแทนที่ยอมถอดเขี้ยวถอดเล็บมารักคนๆนึงมั่งมั้ยอ่ะ

แต่ก็นะ ไม่อยากอะไรเยอะ เพราะไม่อยากให้ความคิดเราไปส่งผลต่อคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เขียนมาตั้งแต่แรก เราอยากอ่านตอนต่อไปที่แบบมีความเป็นตัวตนของตัวละครจริงๆ ไม่ใช่เอาจากความคิดคนอ่านเป็นหลัก  คือตอนนี้กลัวใจเติร์ดมากอ่ะ ก็นะ คนมันเคยรักมาตั้งสองปี เพิ่งจะตัดใจ แต่ยังตัดไม่ขาด ค่ายก็ดันมาเจ็บตัว แถมสาเหตุที่เจ็บตัวก็เพราะคิดถึงเรื่องเติร์ดอีก แบบนี้ไม่ให้เติร์ดเขวจะไหวเหรอ?

เอาจริงๆบ่นมาเยอะ แต่ยังไงก็จะรออ่านนะ แม้ว่ามันจะออกมาตรงใจหรือไม่ตรงใจก็ตาม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 06-07-2017 16:23:12
คือถามหน่อยมีบทไหนที่เติร์ดบอกค่ายว่าชอบหรือยังเพราะเท่าที่อ่านมาค่ายไปรู้จากยูทูปที่เติร์ดเก็บไว้  คือไม่บอกค่ายว่าชอบจนถึงก่อนหน้าจะดูคลิปก็ยังไม่รู้ ตอนนี้เหมือนค่ายผิดนักหนา แปลกใจมาก เอาจริงๆเราว่าใครจะผิดคนนั้นต้องเติร์ดป่าวอ่ะ  ตอนนี้เหมือนบทให้ทุกคนมายำค่ายสะงั้น  คือมีบทไหนที่เติร์ดบอกชอบค่ายบอกหน่อยกลัวว่าอ่านผิดพลาดไป เพราะสงสัยจริงๆ

เติร์ดบอกค่ายเเล้วค่ะ ในตอนแรกๆ จำไม่ได้ว่าตอนที่เท่าไหร่ แต่ไม่ได้พูดบอกชอบออกมาตรงๆ เขียนใส่ป้ายกระดาษเปิดอ่านเป็นแผ่นๆ ให้ค่ายที่หน้าห้องแทน แต่ค่ายเข้าใจผิดว่าเป็นมุกจีบสาวที่เพื่อนเอามาเสนอ(คือเป็นคนไม่คิดอะไรเลยจริงๆ ชอบตรงนี้ที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มองเพื่อนเป็นอื่น) เติร์ดเลยจุกและจะตัดสินใจจะไม่พูดหรือแก้ความเข้าใจผิดใดๆอีก

อีกรอบคือ ที่ไปรู้จากยูทูปนั่นแหละค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 9 [02/07/60] *หน้า25
เริ่มหัวข้อโดย: daisyskies ที่ 06-07-2017 18:27:43
อ่านถึงตอนนี้ละนึกถึงที่จิตติบอกว่าพระเอกเรื่องนี้โง่บรรลัยมาก อื้มมม จริง55555
ที่มันหน่วงๆอึนๆจะบอกว่าค่ายผิดก็ไม่ได้ เติร์ดผิดก็ไม่ได้
เติร์ดเองก็ไม่คิดจะบอกค่าย และอิค่ายเองก็รู้ตัวช้า
แต่ว่าพอค่ายรู้ตัวแล้วพยายามเข้าหาเติร์ด ตัดผู้หญิงออกจากชีวิตหมด เคลียร์ตัวเองเรียบร้อย
ตอนนี้คือแบบ เออ น่าเชียร์ละ โอเค เป็นพระเอกก็ต้องผ่านช่วงเวลาโง่ๆบ้าง พยายามต่อไปนะค่ายนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 07-07-2017 19:55:09
ตอนที่ 10
เพราะชอบเลยต้องจีบ



   ไอ้เติร์ดยืนตัวแข็งทื่อ ผมรอฟังคำตอบจากมันอย่างจดจ่อ พยายามก้าวเท้าต่อไปอีกนิดทั้งที่แทบไม่เหลือแรงเดินต่อไปแม้แต่เซนเดียว

   “รอก่อนได้มั้ย กู...จะกลับไปเอารถ” ชาวีล้มอยู่ไม่ไกล อย่างน้อยก็แค่ตึกคณะแพทย์เอง

   แค่อีกฟากของมหา’ลัย...

   “ไอ้ค่ายพอแล้ว” ดวงตาพร่าเลือนส่งผลให้ผมมองสีหน้าของมันไม่ออก สัมผัสได้แค่ฝ่ามืออบอุ่นที่จับแขนเอาไว้เท่านั้น

   “อย่าไปกับเขา”

   “มึงต้องไปโรง’บาลนะ ต้องไปเดี๋ยวนี้ พี่อั้นช่วยผมหน่อยครับ”

   “ไม่ๆ กูปกติดี เติร์ดกูขอร้อง” ผมพยายามยกมือติดสั่นของตัวเองลูบบนขากางเกงไปมา อย่างน้อยเลือดสกปรกนี่อาจไม่ทำให้คนตรงหน้าผะอืดผะอมมากนัก

   ผมคิดมาตลอดว่าการกระทำเหี้ยๆ ที่ผ่านมาจะทำให้ผมด้านชาทางความรู้สึก ผมไม่เคยร้องไห้ให้กับความรัก ไม่เคยเสียใจ ไม่เคยคิดจะทุ่มเทแล้วพอไม่สมหวังก็มานั่งฟูมฟาย ความรู้สึกของผมมีภูมิต้านทานเสมอ แต่สุดท้ายไอ้เติร์ดกลับพังมันลงทุกอย่าง

   ตอนนี้ขาข้างซ้ายเจ็บจนเหมือนมีคนกำลังจับมีดมาเลาะกระดูกของผมและสับเป็นชิ้นๆ จนผมหวั่นใจว่าจะไม่สามารถทำตามสัญญาและพาไอ้เติร์ดกลับไปได้ แค่รู้ว่ามันต้องไปกับคนอื่นผมก็...

   “ค่ายมึงได้ยินกูมั้ย รอก่อนนะ รอพี่อั้นก่อน” น้ำเสียงนั้นดูร้อนรน ผมเซถอยหลังไปหลายก้าว อย่างน้อยก็เพื่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องรอนานนัก

   “กู...กูจะกลับไปเอารถ”

   “แต่มึงไปไม่ได้ไอ้เหี้ยมึงได้ยินมั้ย มึงไปไม่ได้!”

   “ได้ยินแล้ว เข้าใจแล้ว” นี่อาจเป็นประโยคที่ผมเค้นอยู่นานกว่าจะเปล่งออกมาได้ แต่เพราะฝืนวิ่งมาไกลเกินไป  เหนื่อยมากเกินไป ความอดทนเลยสิ้นสุด ปล่อยให้ภาพในม่านสายตาค่อยๆ พร่ามัวก่อนจะปิดลงอย่างจำยอม...

   ยังดีที่เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงของไอ้เติร์ด อย่างน้อยผมก็ดีใจที่ได้พยายามแม้ไม่ได้รับคำตอบเป็นเชิงตกลงก็ตาม

   “พี่อั้นเบาแอร์ให้หน่อยได้มั้ย ไอ้ค่ายสั่นไม่หยุดเลย” เสียงที่แว่วเข้าโสตประสาททำให้ผมพยายามปรือตาขึ้น แต่เหมือนเลือดที่เกาะอยู่ตรงเปลือกตาแม่งโคตรเป็นอุปสรรคจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้

   ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หลับไปนานเท่าไหร่ แต่ความเย็นที่ตกกระทบสลับกับความอุ่นจากร่างกายของใครอีกคนมันทำให้รู้สึกวางใจขึ้นมาได้บ้าง

   หัวของผมคงหนุนอยู่บนตักของมัน ฝ่ามืออุ่นๆ ที่แนบแก้มอยู่ตอนนี้ก็ด้วย

   ไม่รังเกียจใช่มั้ย

   “ค่าย มึงตื่นอยู่หรือเปล่า” เสียงนั้นช่างนุ่มหูราวกับห่วงใย เป็นน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานแล้วตั้งแต่เราทะเลาะกัน

   “...” ผมอยากตอบว่าตื่นอยู่ แต่ก็ไม่เหลือแรงเพื่อตอบสนองใดๆ อีก

   “อดทนนะ จะถึงโรง’บาลแล้ว”

   อืมกูจะอดทน ขอแค่มีมึงอยู่ตรงนี้ก็พอ

   ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจกัน วันนี้เรา...

   ได้กลับด้วยกันแล้ว


   ‘มีคนตั้งข้อสงสัยเรื่องบทละครเก่าๆ เรื่องหนึ่งว่าเป็นผลงานของเชกสเปียร์จริงมั้ย’
   ‘แล้วไงต่อ’
   ‘นักสถิติเลยต้องตรวจสอบด้วยการพิสูจน์อักษรแล้วนับจำนวนคำ เช็กสเปียร์มักใช้ชุดคำเดิมๆ และจำนวนใกล้เคียงกันไม่ว่าจะเขียนเรื่องไหนก็ตาม แต่มีคำนึงที่เขาไม่เคยพูดเลยในงานเขียน’
   ‘อะไรวะ’
   ‘คำว่ารัก’
   ‘คำนี่แม่งเป็นชุดคำในสมองกูเลยนะ’
   ‘ใช่ การใช้คำบ่งบอกว่าคนๆ นั้นเป็นคนยังไง บางคนพูดคำหยาบบ่อย หรือบางคนพูดคำว่ารักพร่ำเพรื่อ การพิสูจน์คำในประโยคนั้นเลยสามารถระบุตัวตนคนเขียนหรือคนพูดได้’
   ‘แล้วมึงอ่ะเติร์ด ชอบพูดคำไหนบ่อยสุด’
   ‘ไม่รู้ดิ มึงอ่ะ คำว่ารักเหรอ’
   ‘คงงั้นมั้ง’


   ตอนนั้นประโยค ‘ผมรักคุณ’ อาจเป็นคำพูดติดปากที่ผมมักใช้กับคนอื่นเสมอ แต่วันนี้ผมรู้คำตอบแล้ว ตัวตนที่เป็นผม กับคำเดิมๆ ที่พูดมาตลอดหลายปี

   นี่คือตัวตนของคนชื่อค่าย เป็นเจ้าของคำพูดที่จดลิขสิทธิ์ทางความรู้สึก...

   เติร์ด
 










   ผมรู้สึกตัวตอนได้ยินเสียงคนหลายคนคุยกัน แม้จะเบามากๆ แต่ก็รบกวนการนอนของผมไม่น้อย เลยจำต้องค่อยๆ ฝืนเปลือกตาขึ้น แสงที่วาบเข้ามาในตาแม่งทำเอาไม่กล้ามองชั่วขณะ ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะปรับโฟกัสให้ชัดและมองเห็นเป็นปกติ

   นั่นแหละครับ ภาพแรกที่ผมเห็นคือหัวของมนุษย์แก๊งโหดสามคน กำลังชะโงกหน้าเข้ามาในเฟรมพร้อมกับส่งยิ้มให้ ความเจ็บชาที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในความรู้สึกดันให้ผมต้องเบ้หน้าอยู่หลายครั้ง ก่อนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนจะเอ่ยประโยคกวนๆ เป็นการทักทาย

   “เป็นไงบ้างครับคุณขุนพล ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก มึงนอนยาวหนึ่งวันเต็มๆ เลยรู้ตัวป่ะ” สิ้นเสียงของไอ้โบน ไอ้ทูก็รับไม้ต่อทันที

   “แถมกลับมาคราวนี้มีเกราะใหม่ด้วย โคตรเท่เลยว่ะ” เกราะ?

   ความสับสนเร่งให้ผมกวดตามองไปยังร่างกายของตัวเอง แต่เพราะนอนอยู่ในแนวระนาบ สิ่งเดียวที่เห็นชัดที่สุดในตอนนี้เลยมีแค่เท้าข้างซ้าย ไอ้เหี้ย! ใครโบกปูนบนขากูวะ แถมห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศเพราะถูกเชือกรั้งกับคานเหล็กเอาไว้อย่างแน่นหนา

   “ไม่เอาไม่ช็อกครับเพื่อน แค่ขาหัก”

   ขาหัก!

   “ใส่เฝือกสามเดือน ห้ามวิ่งหกเดือน หรรษาจังเล้ย”

   “หัวแตกเย็บหกเข็ม”

   “ข้อศอกกับหัวเข่าถลอก ตามตัวมีแต่แผล ไอดอลโคตรๆ”

   “แถมแอ๊บทำหน้าซีดเหมือนตีนไก่ที่ชอบกินประจำได้ด้วย”

   ทำไมกูรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นลมอีกรอบวะ โชคดีที่ไอ้เติร์ดพูดขัดเพื่อนสารเลวทั้งสองลงก่อน ไม่งั้นคงถูกแซวจนสลบคาเตียงอีกแน่ๆ

   “มึงสองคนพอได้ละ ค่ายมึงได้ยินกูมั้ย” เจ้าของใบหน้าขาวถามผม มองจากมุมนี้ขนตาของมึงยาวมากเลยว่ะ

   “...”

   “ไอ้ค่าย ถ้าได้ยินส่งเสียงหน่อย หรือจะกะพริบตาก็ได้”

   คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกสนใจใบหน้าของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ แล้วกลับมาจดจ่อกับการพยายามอ้าปากเปล่งเสียงอย่างสุดความสามารถ แม้ลำคอจะแห้งผากจนเหมือนกลืนทรายเอาไว้ทั้งกำมือก็ตาม

   “ไอ้...เติร์ด”

   “เฮ้ออออ โล่งอกไปที เดี๋ยวรอพยาบาลก่อนนะ” เจ้าของชื่อถอยห่างออกจากขอบเตียงพร้อมกับไอ้ทูและไอ้โบน แต่คนที่โผล่เข้ามาในม่านสายตากลับไม่ใช่พยาบาล หากแต่เป็นแม่กับพี่สาวของผม ไม่สิ! พ่อเองก็ยืนอยู่ตรงปลายเตียงด้วย

   นี่มันวันครอบครัวชัดๆ

   “แม่ควรภูมิใจมั้ยที่ลูกแม่เหมือนไอรอนแมน” น้ำเสียงติดตลกทักทายกลับมาด้วยรอยยิ้ม พ่อกับพี่สาวก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน โธ่...คำพูดนี้เหมือนเป็นการสมน้ำหน้ากรายๆ เลย

   “ผมเจ็บอยู่นะ ไม่คิดจะปลอบใจสักคำเลยหรือไง”

   “แม่ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าแกดี เคยเตือนหลายครั้งแล้วกับบิ๊กไบค์ว่าอย่าขับเร็ว แล้วตอนนี้เป็นไง”

   “ชาวี ชาวีผมเป็นไงบ้าง!” พอนึกถึงลูกรักที่ขับประจำใจก็หล่นลงไปกองที่ตาตุ่ม จำได้ว่าผมทิ้งมันไว้ตรงถนนระหว่างคณะแพทย์กับทันตะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีชะตากรรมเป็นยังไงบ้าง

   “ไม่ต้องห่วงนะค่าย” แม่พูดปลอบ พ่อเลยเสริมต่อ

   “พังยับทั้งคัน”

   “ส่งศูนย์แล้วจ้า”

   “ม่ายยยยยยยยยยยย”

   “ต่อจากนี้พ่อจะให้แกเลิกขับบิ๊กไบค์ อย่างน้อยก็สักปีนึงจะได้รู้ตัวว่าทำอะไรผิดลงไปบ้าง” คนที่ยืนอยู่ปลายเตียงปรับน้ำเสียงให้เคร่งขรึมขึ้น

   จริงๆ ครอบครัวผมไม่มีใครเนี้ยบนักหรอก บ้านเราทำธุรกิจส่วนตัว เรื่องสปอยลูกนี่ก็ตั้งแต่เด็ก ผมเพิ่งมาถูกดัดนิสัยไม่ให้ทำตามใจตัวเองก็ตอน ม.ปลายนี่เอง ซึ่งก็คงไม่ทันเท่าไหร่เพราะนิสัยใจร้อนและอยากได้อะไรก็ต้องได้กลายเป็นสันดานติดตัวไปโดยปริยาย

   แต่พี่สาวผมอย่างพี่เคลียร์ไม่เป็นนะ บ้าของแบรนด์เนมก็จริง แต่ทำงานคุ้มค่าเงินเดือนที่พ่อแม่จ่ายให้มาก พูดแล้วก็น้ำตาจะไหล ไม่ได้เสียใจเรื่องนิสัยต่างกับพี่นะ กูเสียใจเพราะรถ

   ซื้อมาตั้งล้านสาม กว่าจะขอพ่อกับแม่มาได้เลือดตาแทบกระเด็น ทำเกรดเทอมก่อนให้เยอะขึ้นจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน สุดท้ายความพยายามก็เป็นผล เกรดเพิ่มขึ้น 0.2 จากการช่วยติวของไอ้เติร์ด เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์แม่งมีจริง

   “พ่อ ผมไม่ได้ขับเร็วเลยนะ แค่ทางมันมืดเฉยๆ”

   “ตามไปดูกล้องวงจรปิดที่คณะแพทย์แล้ว พุ่งมายังกับจรวด นั่นเรียกว่าช้าแล้วเหรอ”

   เบิ้ดคำซิเว่า ได้แต่ยอมจำนนต่อหลักฐาน และตอนนี้ทุกอย่างก็ได้สลายหายไปราวกับอากาศ

   “ถ้าไม่ให้ผมขับชาวี งั้นพ่อกับแม่ซื้อดูคาติให้ผมใหม่ก็ได้” ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มจากคนในครอบครัวก็ส่งมาให้ หัวใจของผมอุ่นวาบราวกับได้รับการเอาใจใส่ โดยเฉพาะพี่เคลียร์ พี่คงจำได้ว่ากำไลข้อมือแอร์เมสที่ใส่แรดๆ อยู่นี่น้องอย่างผมก็ซื้อให้ เพราะงั้น...

   “ค่าย”

   “ครับแม่”

   “ลูกควรเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพนะ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”

   “โธ่แม่! แล้วผมจะอยู่ยังไง”

   “ช่วงนี้แกขาหัก ยังไงคงต้องรบกวนเพื่อนๆ อย่างเติร์ด ทู แล้วก็โบนก่อนนะลูก ถือซะว่าสมเพชเวทนาเด็กใจแตกคนหนึ่ง” พ่อผมหันไปหาแก๊งโหดทั้งสามคน พวกมันพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนความหวังทั้งหมดจะพังทลายลงทันทีที่พยาบาลเดินเข้ามาในห้อง

   ผมถูกตรวจร่างกายและให้ยาอีกรอบ มีคนที่บ้านคอยเฝ้าไข้ให้ตลอด ขณะที่เพื่อนรักก็ยังอยู่กันครบ กระทั่งเวลาล่วงเลยไปพักใหญ่แม่ก็เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง

   “เดี๋ยวแม่กลับแล้วนะค่าย พรุ่งนี้จะแวะเข้ามาใหม่” มือเรียวเอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆ เป็นการบอกลา

   “ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ไอ้เติร์ดจะดูแลผมอย่างดี” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ต้องใช้แม่เป็นข้ออ้างในการรั้งตัวมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

   “งั้นแม่ฝากค่ายด้วยนะเติร์ด รายนี้ตามใจจนเคยตัว ใครก็เอาไม่อยู่”

   “ครับ”

   หลังจากกลับกันหมด ทั้งห้องเลยเหลือเพียงสามลิงที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้กรายๆ ไอ้เติร์ดกับพี่อั้นพาผมมาที่โรงพยาบาลตั้งแต่คืนก่อน และไม่นานไอ้ทูกับไอ้โบนก็ตามมา พวกมันเล่าว่าสภาพผมเละเทะมาก เลือดนี่แทบอาบไปทั้งตัวและใบหน้า ร่างกายสั่นราวกับเจ้าเข้าทรง ทุกคนอยู่ในภาวะตื่นตระหนกกลัวว่าผมจะตายกลางทาง แต่พอถึงมือหมอก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก

   แม่ผมอยู่เฝ้าไข้ตลอดทั้งคืน ไอ้เติร์ดเองก็ไม่ได้ไปไหน ต่างคนต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล ซื้อผลไม้กับของกินมาฝาก แม้หมอจะบอกให้งดอาหารหลายอย่างก็ตาม

   “ถ้าพวกมึงเบื่อจะกลับกันเลยก็ได้นะ มีเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ” ผมบอกเพื่อน เข้าใจว่าพวกมันก็คงเหนื่อยไม่น้อย

   “ก็เลิกเรียนแล้วเนี่ยถึงแวะมา มีแต่ไอ้เติร์ดเนี่ยแหละที่เฝ้ามึงทั้งคืน เรียนก็ไม่ได้ไป กราบตีนมันซะ” ไอ้ทูโบ้ยปากไปยังร่างโปร่งที่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงโซฟาสีครีมข้างๆ ไอ้โบน

   “ขอบคุณมากนะเว้ย”

   “เออ ไม่เป็นไรหรอก คราวหลังก็อย่าขับรถเร็ว”

   “ไม่ทำอีกแล้ว” ผมตอบกลับเสียงอ่อน ไม่บอกหรอกว่าคนที่ทำให้ผมสมาธิหลุดจนไม่มองทางเป็นใคร เพราะพูดไปก็คงเท่านั้น

   มันคงกำลังสานสัมพันธ์ต่อกับพี่อั้น ขณะเดียวกันก็คงรู้สึกรังเกียจผมด้วย แต่ใจไม่รักดีของผมมันก็เอาแต่หลอกตัวเองและพยายามรั้งอีกฝ่ายไว้ให้มากที่สุด แม้ตอนนี้ที่เหนื่อยจนไม่มีแรงก็ไม่คิดปล่อยให้ใครทั้งนั้น

   “กูต้องนอนโรง’บาลอีกนานแค่ไหนวะ”

   “หมอบอกสี่ห้าวันมั้ง รอดูอาการมึงก่อน”

   “ที่คณะเขาจะไม่ว่ากูเหรอ ไหนจะซ้อมละครเวทีอีก”

   “ไอ้ค่าย ตอนนี้ทางทีมเขาเปลี่ยนพระเอกแล้ว มึงเล่นมาขาหักแบบนี้จะซ้อมต่อได้ยังไง” ไอ้โบนเป็นคนให้ความกระจ่างในคำถามนี้

   ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จากคืนก่อนจนถึงตอนนี้ ความจริงผมไม่ได้อยากเล่นละครเวที ไม่ได้อยากรับบทพระเอกหรือตัวประกอบใดๆ ทั้งนั้น ผมแค่อยากอยู่กับไอ้เติร์ดเพราะคนเขียนบทกับนักแสดงคงต้องทำงานร่วมกันอีกเยอะ แต่การกลับไปเป็นคนคุมซาวน์เหมือนเดิมก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเวลามาเป็นไม้กันหมาบางตัวที่จ้องจะงาบกระดูก

   Rrrr...!

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมหันขวับไปยังต้นเสียงก็เห็นว่าไอ้เติร์ดกำลังหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง หลังจากกดรับไม่นานมันก็เดินออกห้องไป คนที่นั่งใกล้ที่สุดอย่างไอ้โบนเลยพูดขึ้น

   “พี่อั้น” ฉิบหายนี่ ตามจองล้างจองผลาญกูไม่หยุด

   “ไอ้เหี้ยทู ไหนมึงบอกจะช่วยกูสอดส่องเรื่องมือถือของไอ้เติร์ดไง” ผมหันไปจวกคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้พิงพนัก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เพราะความชะล่าใจ แผนการจีบของผมเลยไม่คืบหน้าเท่าไหร่

   “ก็ใครจะไปรู้ว่ามันจะคุยกับไอ้พี่อั้นวะ ที่ผ่านมาก็ดูท่าไม่สนใจใครนอกจากมึง”

   “ก็ตอนนี้มันสนแล้วไง”

   “เออๆ เดี๋ยวจัดการให้”

   “อย่าบอกว่าเดี๋ยว เรื่องนี้รอไม่ได้นะเว้ย”

   “โอเคคร้าบบบบบ แต่มีอีกอย่างที่กูอยากถาม คืนก่อนมึงไม่ได้รถล้มเพราะขับเร็วใช่มั้ย ดูยังไงมึงก็ไม่น่าประมาทขนาดนั้นอ่ะ”

   “คือกู...จูบไอ้เติร์ด แล้วมันตื่นขึ้นมาพอดี”

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยยย ทำไมมึงง่าวขนาดนี้วะเชี่ยค่าย ตกลงมึงชื่อค่ายหรือควาย” ตอนกูผิดนี่ก็รีบเหยียบให้จมดินเลยนะพวกเพื่อนเวร

   “ก็มันอดใจไม่ไหวนี่หว่า” ความหื่นไม่เคยเข้าใครออกใคร ยิ่งผู้ชายกลัดมันที่ขาดหญิงด้วยแล้วจะเหลือความอดทนอะไรกับกูวะ

   “แล้วไงต่อ จูบมันแล้วขับรถหนีงี้เหรอ”

   “เปล่า ไอ้เติร์ดมันบอกว่ารังเกียจกู คือกูรับไม่ได้”

   “แหมมมม ทำมาเป็นกระแดะรับไม่ได้ ปกติหน้ามึงไม่ได้บางขนาดนี้นะ”

   “มึงไม่เข้าใจน้ำเสียงกับฟีลลิ่งเพื่อนมึงในตอนนั้นหรอกไอ้ทูว่ามันจริงจังขนาดไหน ไอ้เติร์ดไม่เคยพูดและแสดงท่าทีแบบนั้นกับกูเลยสักครั้ง ไหนจะเรื่องพี่อั้นอีก แม่งตีกันจนกูทนไม่ไหวขับรถไปแหกโค้งเลย”

   “ปัญญาอ่อนฉิบหาย”

   นี่คือเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างและปลอบใจยามหกล้มถูกมั้ย? เพราะเท่าที่สัมผัสได้แม่งมีแต่ล้มแล้วเหยียบกูซ้ำแถมฝังดินกลบร่างให้อีกต่างหาก

   “กูจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ เวลาไอ้เติร์ดมันโกรธหรือน้อยใจอะไรหัดเข้าใจมันด้วย มึงจูบมันก่อน มันด่าเช็ดกลับมาก็สมควรแล้ว”

   “...”

   “ที่สำคัญมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงคิดยังไง ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปดิวะ ใจร้อนแบบนี้ก็ตายห่าหมด”

   ผลั่ก! ผมเผลอกลั้นหายใจอัตโนมัติเมื่อประตูเปิดออก ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ทั้งสองท่านรีบยกมือถือขึ้นมากดอย่างเนียนๆ ลืมไปซะสนิทว่าก่อนหน้าเราพูดเรื่องอะไรอยู่ บอกเลยว่างานตอแหลไม่มีใครสู้พวกโหดอย่างผมได้หรอก

   “ใครโทรมา” เหยื่อมาแล้วต้องรีบต้อนให้จนมุม

   “รุ่นพี่”

   “รุ่นพี่ไหนอ่ะ”

   “ไม่เสือกสิครับ”

   “ก็อยากเสือกอ่ะ”

   “มันน่าจะล้มให้ฟันหัก จี้อยู่นั่นแหละ” โอ้โหเดี๋ยวนี้โคตรแสบ อารมณ์มาเต็มซะด้วย ผมเลยไม่คิดจะเถียงนอกจากมองดูร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งตรงจุดเดิม สักพักไอ้ทูก็เดินเข้าไปนั่งเบียดด้วย ยันไอ้โบนให้กระเตงสังขารมาที่เก้าอี้แทน

   “เชี่ยเติร์ด”

   “หืม...”

   “ยืมมือถือหน่อยดิ พอดีแบตหมด” นี่สิเพื่อนยาก ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ ขอร้องปุ๊บไอ้ทูก็จัดให้อย่างเร็วรี่ด้วยการปฏิบัติภารกิจเสือกระดับชาติ

   “กูเอาที่ชาร์จมา” แต่จู่ๆ ความฝันก็ดับวูบ โธ่...ไอ้เวร

   “ไม่! เอ่อกูอยากยืมดูแอพสโตรมึงด้วยอ่ะ ช่วงนี้เป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ เวลาจะโหลดแอพใหม่ก็ทำไม่ได้”

   “ก็เอาไปชาร์จดิ เดี๋ยวจะช่วยดูให้”

   “ไม่ได้ นี่หมดแบบหมดจริงจังเลย กว่าจะชาร์จขึ้น กว่าจะเปิดเครื่องโคตรเสียเวลา ทำไม...แค่นี้ให้เพื่อนไม่ได้เหรอ” ไอ้ทูเริ่มยัดดราม่าเข้ามาอย่างเนียนๆ แต่หน้าของมันตอนนี้ต้องบอกเลยนะครับว่าตอแหลสุดๆ

   ไอ้เติร์ดเหมือนชั่งใจอยู่พักหนึ่ง สายตาก็กวาดมองผมกับไอ้โบนสลับกันไปมา แต่ด้วยความกะล่อนปลิ้นปล้อนตอแหลที่มีมากกว่าปกติ เราเลยไหวตัวทันรีบพูดตัดช่องทางทันที

   “ไม่ต้องมาขอกูน้า เล่นเกมอยู่อย่าเสือกครับ”

   “อุ๊ย! แม่ไลน์มามีอะไรอ่ะ”

   “อ่ะๆ”

   เสร็จโก๋! สุดท้ายมือถือของไอ้เติร์ดก็ตกอยู่ในมือของไอ้ทูจนได้ ผมไม่รู้หรอกว่าเพื่อนรักมันเสือกอะไรบ้าง แต่จากการหุบถ่าง เลื่อนๆ สไลด์บวกปาดมั่วอย่างเนียนๆ นั้นคงทำให้รู้ความลับของไอ้เติร์ดมาบ้างเหมือนกัน

   ไม่นานแขกไม่ได้รับเชิญก็โผล่เข้ามาสร้างความร้าวฉานในชีวิตอีก ผมถอนถอยหายใจทันทีที่เห็นพี่เชนทร์หุ่นหมีกับศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างพี่อั้นยืนอยู่ตรงประตู

   “หวัดดีครับพี่ ลมอะไรหอบมาวะเนี่ยยยยยยย” เสียงทักทายของไอ้โบนถือเป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สามภายในห้อง

   “จะมาดูสภาพพระเอกละครหน่อย เป็นไงมึง เฟี้ยวจนได้เรื่อง” คนมาใหม่เดินมาหยุดอยู่ตรงขอบเตียง พี่เชนทร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ส่วนพี่อั้นวางถุงผลไม้ไว้ในมือแล้ววกกลับไปนั่งแทรกไอ้เติร์ดตรงโซฟาอย่างถือวิสาสะ เฮ้ย! กูไม่ยอม ลุกเดินไปได้พ่อจะตบให้กะโหลกแยก เย็บแผลให้หนักกว่ากูร้อยเท่า

   “ไอ้ค่าย กูถามก็ช่วยสนใจด้วย ไม่ใช่มองแต่โซฟา” คนที่เกาะอยู่ข้างๆ ดึงสติผมอีกรอบ

   “พี่ถามว่าไงอ่ะ” ผมตอบอย่างหงุดหงิด สายตาก็เหลือบมองไอ้เติร์ดไม่หยุด

   “มึงเป็นไงบ้าง”

   “ก็อย่างที่เห็น ขาหัก หัวแตก แผลเต็มตัว ต้องการคนดูแลและใส่ใจ ไม่ใช่นั่งคุยกับคนอื่นโดยไม่สนใจคนเจ็บอยู่แบบนี้ มันไม่โอเค” ประโยคยืดยาวถูกจุดออกมาจากสมองอันฉลาดน้อยของผมเรื่อยๆ เพื่ออะไรน่ะเหรอ ก็เผื่อใครบางคนที่นั่งเต๊าะกันอยู่ตรงนั้นจะได้หันมาสนใจกันบ้างไง

   แต่สุดท้ายครับ กูก็หมาหัวเน่าอยู่ดีเพราะไอ้เติร์ดไม่คิดจะใส่ใจ

   “มีตัดพ้อเว้ย แล้วรู้ยังเรื่องละครเวที”

   “รู้แล้ว ได้ใครมาเล่นแทนล่ะครับ”

   “เดือนนิติปีหนึ่ง ถึงจะเล่นได้แต่ก็ไม่เหมือนมึง บทมันต้องชั่วมาจากข้างในไง”

   “ถ้าจะพูดกันขนาดนี้ก็ด่ามาตรงๆ เถอะ ผมรู้ว่าผมเลว ทำตัวแย่ๆ และเอาแต่ใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่มาทีหลังจะดีกว่านี่หว่า” พูดไปก็เหลือบมองไปยังโซฟาอยู่หลายครั้ง

   เห้อมมมมมมม กูไม่อยากจะทนแต่กูก็ต้องทนงี้

   “ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาพิสูจน์”

   “บางทีเวลาก็ไม่ได้ช่วยอะไร”

   “ก็ต้องดูที่ความตั้งใจแล้วล่ะ”

   “จะดีเร้อ”

   “มึงขาหักอยู่ ให้เดินกะเผลกไปคงไม่ไหว”

   เอ้า! นี่เราคุยเรื่องละครเวทีกันอยู่เหรอ ลืมไปซะสนิท เข้าใจว่าเป็นเรื่องของไอ้เติร์ดกับรุ่นพี่เพลย์บอยเขี้ยวงอกมากกว่า

   “นี่พี่มาเยี่ยมผมจริงดิ” ผมถามพี่เชนทร์อีก

   “เออสิวะ”

   “มาเยี่ยมผมหรือเยี่ยมไอ้เติร์ดอ่ะ” เป็นอันรู้กัน คนถูกพาดพิงถึงเลยหันมาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

   “มาหาไอ้เติร์ด”

   “...”

   “จะคุยเรื่องงาน”

   “คุยกันในไลน์ไม่พออีกหรือไง หรือต้องเห็นหน้ากันด้วย”

   “งั้นไอ้เติร์ด ไปคุยกันข้างนอกดิ”

   “ไม่ให้ไป ไอ้เติร์ดต้องดูแลผม ตอนนี้อาการผมแย่มาก”

   “ก็เห็นพูดไม่หยุด แถมเพื่อนมึงก็อยู่อีกตั้งสองคน”

   “ไอ้เติร์ดมันสัญญากับแม่ผมเอาไว้แล้วว่าจะดูแลผมอย่างดี ถึงตอนนี้คิดจะหนีไปอย่างนั้นเหรอ ช้ำใจว่ะ” ผมแสร้งทำหน้าหงอยลง จนคนมองลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้ง

   ถึงจะทำตัวน่ารำคาญ แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ให้มันต้องไปกับเขาผมก็จะทำเหี้ยๆ แบบนี้ต่อไปนั่นแหละ

   “ทำตัวเด็กฉิบหายเลย นี่ไอ้ค่าย...คืนนี้เขานัดซ้อมพิเศษเพราะเราเปลี่ยนพระเอกกะทันหัน ไอ้เติร์ดมันต้องคุยเรื่องงาน ช่วยเข้าใจด้วย” ไม่นานพี่เชนทร์ก็ช่วยไขความกระจ่างให้ ความรู้สึกผิดเลยแทรกเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว

   “ผมขอโทษพี่ ฝากขอโทษทุกคนในกองด้วยที่ทำให้ลำบาก”

   “มันเป็นอุบัติเหตุป่ะวะ ไม่มีใครโทษมึง มีแต่คนสงสัยเพราะเล่าต่อๆ กันมา...ขาหักขนาดนั้นวิ่งมาจากคณะแพทย์ได้ไงวะ มึงเป็นแรมโบ้เหรอ”

   “ตอนนั้นมันชาๆ มั้ง เลยไม่คิดว่าขาจะหัก”

   “แต่ปลอดภัยมาก็ดีละ”

   “อ่าฮะ”

   “หน้าที่ของมึงก็กลับไปคุมซาวน์เหมือนเดิมแล้วกัน เพื่อนมันก็รอเข้าทีมอยู่”

   “อ่าฮะ”

   “ยังไงไลค์บรารี่ก็ยังต้องการคนคุมซาวน์เก่งปฏิบัติแต่โง่ทฤษฎีอย่างมึง”

   “อ่าฮะ”

   “นี่สรุปจะคุยกับกูหรือจะดูคนข้างๆ”

   “คุยกับพี่ดิ”

   “คุยกับกูแต่ตามึงหักเหมุมหน้ากูฉิบหาย ถ้าไอ้เติร์ดเป็นปลากัดแม่งคงตั้งท้องไปนานแล้วไอ้ควาย อารมณ์เสีย!”

   “อ่าฮะ”

   “จะอ่าฮะทำเหี้ยไรนักหนาไอ้สัด”

   พี่เชนทร์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ ใครจะมีอารมณ์มาสนใจวะ สำคัญที่สุดคือคนที่นั่งห่างจากเตียงออกไปโน่น แม่งไม่รู้ว่าคุยเหี้ยอะไรกับไอ้พี่อั้นบ้าง เห็นหงุงหงิงๆ กันอยู่สองคน อยากเตะปากคนโว้ยยยยยยยย
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 07-07-2017 19:59:04
   ผมได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เนื่องจากร่างกายลุกไม่ไหวไม่งั้นคงต่อยปากหมาบางตัวสำเร็จแล้ว ไอ้เฝือกที่ใส่ก็เริ่มแสดงอาการ นอกจากความเจ็บที่รู้สึกมันยังมีความคันคะเยอแฝงมาอีกต่างหาก สิ่งเดียวที่ทำจึงเป็นการอดทนมองดูคนที่ชอบกำลังสนใจคนอื่นเท่านั้น

   สรุปคือมาเยี่ยมกูหรือไอ้เติร์ดกันแน่ นั่งแช่เป็นชั่วโมงกว่าจะกลับ และผมดีใจมากที่ได้ยินประโยคนี้...

   “กูกลับก่อนนะ”

   “ครับ” ไปเล้ยยยย ไปทั้งไอ้พี่หมีทั้งมึงเลยไอ้อั้น

   “งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” ไอ้เติร์ดลุกขึ้นยืน อาสาเดินไปส่งถึงที่

   “ทำไมต้องไปส่ง” นี่มันเป็นแขกกิตติมศักดิ์สำหรับกูและผองเพื่อนไปแล้วเหรอ ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่น้องร่วมคณะผมนึกว่ามันมาเยี่ยมเพราะอยากรู้ว่าผมตายหรือยังมากกว่า

   “ไอ้โบน เชี่ยทู กูฝากดูไอ้ค่ายด้วยนะ” คนตัวขาวไม่ยอมฟังคำทัดทาน สุดท้ายมันก็รั้นเดินออกไปพร้อมกับรุ่นพี่อีกสองคนจนได้ เวลาเปลี่ยนหลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อก่อนเราสนิทกันอยู่แค่สี่คน แต่ตอนนี้ไอ้เติร์ดกลับสนิทกับคนอื่นและมีแนวโน้มว่าจะไปกับอีกกลุ่มมากว่า

   ถึงแม้เราจะเรียนเมเจอร์เดียวกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไอ้เติร์ดจะอยู่กับผมตลอดไป

   “หงอย...หงอยเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง” สัดโบน เดี๋ยวกูตบคว่ำ

   “เขาก็ทิ้งไปจริงๆ แล้วเนี่ย” ไอ้ทูเสริม

   คือมึงสองตัวควรหายไปจากสารระบบของกูตอนนี้เลย เห็นแล้วเกรี้ยวกราดอยากอาละวาด

   “ไปไกลๆ ตีนกูป่ะ รำคาญ”

   “ไม่อยากฟังเรื่องที่กูไปเสือกมือถือไอ้เติร์ดเหรอ”

   “งั้นมึงอยู่ต่อเลยครับ กูกราบ”

   ยังไม่ทันที่เพื่อนรักจะเผยอปากพูดออกมา คนที่กำลังพูดถึงก็เดินเข้าห้องอย่างรู้งาน นี่มึงเป็นญาติกับเจนญานทิพย์หรือเปล่าวะ เหยดแหม่

   “ทำไมมาเร็วจังวะ” ด้วยความสงสัยเลยถามออกไป

   “ส่งแค่ข้างนอกมั้ย”

   “นึกว่าจะเดินตามลงไปถึงลานจอดรถ”

   “มาต่อยกันเถอะจะได้จบๆ”

   “ไม่ต่อยหรอก มึงน่ารักกูต่อยไม่ลง” หยอดไปหนึ่งดอก!

   แต่ปฏิกิริยาตอบสนองเท่ากับศูนย์ โอเครอบนี้กูแพ้

   “มีอีกอย่างที่อยากบอก คืนนี้กูคงนอนเฝ้าไข้มึงไม่ได้นะพอดีมีงาน” นอกจากแพ้แล้วมันยังตีตัวออกห่างผมอีกต่างหาก

   “ไม่ให้ไป”

   “สัด ฟังก่อน”

   “ฟังมาตลอดแหละ เออไม่ต้องอยู่ก็ได้ มึงคงเหนื่อยมากแล้ว”

   “...”

   “ถ้าเข้าห้องน้ำไม่ได้กูก็จะลำบากเดินไปเองเพราะเกรงใจพยาบาล”

   “...”

   “เวลาเจ็บกูก็จะอดทนไว้เพราะไม่อยากให้ใครต้องลำบาก หิวกูก็จะไม่ปริปากพูด มึงไม่ต้องห่วงกูนะ ไปทำงานเถอะ” ผมขว้างระเบิดลงห้องพยาบาลบึ้มใหญ่ อย่างน้อยก็เรียกคะแนนความสำออยกลับมาได้บ้าง แม้สีหน้าของไอ้เติร์ดนั้นจะไม่แสดงท่าทีร้อนรนใดๆ ก็ตาม

   “ให้ไอ้โบนกับไอ้ทูอยู่แทนได้มั้ย”

   “โนครับ กูสองคนมีนัด เพื่อนก็รักนะแต่บางอย่างมันต้องมีขอบเขต มึงพึ่งพาพยาบาลไปแล้วกันนะไอ้ค่าย” ว่าแล้วมันก็ตบบ่าอย่างเข้าใจกันอยู่สองคน ก่อนขอตัวกลับแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทิ้งให้ผมหยั่งเชิงกับไอ้เติร์ดเพียงลำพัง

   “จริงๆ กูพูดเล่นแหละ ทำงานละครเวทีต่อใช่มั้ย อย่าลืมกินข้าว เลิกแล้วรีบกลับไปนอนร่างกายจะได้ไม่ทรุด”

   “มึงทรุดหนักกว่ากูอีก”

   “เป็นห่วงเข้าใจป่ะ”

   “รู้แล้วๆ” ไอ้เติร์ดตอบส่งๆ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเก็บกระเป๋าเป้ที่ยัดเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นหลายอย่างกลับเข้าไปที่เดิม ผมดีใจและอยากขอบคุณมากที่ไม่ทิ้งกันไปไหน เมื่อคืนก็นอนเฝ้าทั้งที่ผมไม่ได้สติ วันนี้มันคงเหนื่อยมากแล้ว ดังนั้นแผนการเรียกร้องความสนใจคงต้องพับเอาไว้ก่อน

   “จะไปแล้วเหรอ”

   “อืม เจอกันพรุ่งนี้ มีอะไรก็เรียกพยาบาลล่ะ กูไปละ”

   ปัง! ติ๊ง!!

   เสียงปิดประตูดังขึ้น สลับกับแจ้งเตือนทางมือถือ ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมากดก็เห็นข้อความจากไอ้ทูปรากฎขึ้นทางไลน์กลุ่ม


Tatt’oo
เล่าในนี้แล้วกัน จะได้ไม่กระโตกกระตากเกินไป
K.Khunpol
มันออกไปแล้ว
แต่ถ้าจะเล่ามึงก็รีบพิมพ์มา รออ่านอยู่
BoneChone
พร้อมเสือกเต็มกำลัง
Tatt’oo
จากการไปสอดแนมข้อมูลในโทรศัพท์
ไม่มีอะไรน่าสงสัย
ทวิตเตอร์ไม่ได้เล่นมาเป็นเดือนแล้ว
อินบ็อกซ์เฟซคุยแต่เรื่องงาน
ไอจีลงรูปเป็นปกติ ไม่มีอินบ็อกซ์ส่วนตัว
คอมเมนต์ใต้รูปไม่มีใครน่าสงสัย
K.Khunpol
แล้วไลน์อ่ะ
Tatt’oo
ไลน์คุยหนักๆ มีพี่ย้งยี้
พี่เชนทร์ และก็ไอ้พี่อั้น
K.Khunpol
คุยเรื่องอะไรกัน
Tatt’oo
หนักๆ ไปทางเรื่องงาน
ปรึกษาเรื่องกินข้าวกับเที่ยวบ้าง
โดยเฉพาะกินข้าวกับออกไปเที่ยว มึงระวังไว้เลย
ไอ้อั้นไม่หยุดแค่นี้แน่
K.Khunpol
เจออะไรอีกบอกมาให้หมด
Tatt’oo
ประวัติการโทรมีสายเข้าออกไม่กี่สาย
หนึ่งบ้านมัน สองพวกเรา และสาม...
K.Khunpol
ไอ้อั้นอีกอ่ะดิ
Tatt’oo
ใช่ มึงเจองานหนักแล้วล่ะเพื่อน
ยิ่งมาเป๋แบบนี้อีก
K.Khunpol
ทำไมเป็นอย่างนี้ได้วะ!!
นี่กูกำลังปล่อยแกะน้อยให้หมาขี้เรื้อนขย้ำเหรอ
กูไม่พอใจ
ใครหน้าไหนก็ยุ่งของของกูไม่ได้ทั้งนั้น
หวงโว้ยยยยย หวงมากกก
อยากออกโรงบาลไปคุม
เติร์ดที่แปลว่าสาม
คุมใครเหรอ
K.Khunpol
ก็คุมไอ้เติร์ดไง


เท่านั้นแหละครับ หน้าเปลี่ยนสีทันที ได้แต่จ้องมองตัวเลขที่โชว์จำนวนคนอ่านไปมาอยู่หลายรอบ เลขสี่ แต่ในกลุ่ม ‘สายฟันยันรุ่งสาง’ มีสมาชิกอยู่สามคนไม่ใช่เหรอวะ

พอลองเลื่อนสายตาขึ้นไปอีกนิด ทั้งรูปและโปรไฟล์ใช่เลย!

ผิดกลุ่ม ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้ทู ไอ้นรก! กลายเป็นมึงมานั่งโพสต์ในกลุ่มชายฉะกันซึ่งรวมคนถูกพาดพิงอย่างได้เติร์ดเข้าไปด้วย โคตรโง่ โง่จนไม่สามารถสรรหาคำไหนมาเทียบได้

แล้วกูต้องทำยังง้ายยยยยยยยยย

ติ๊ง!!


เติร์ดที่แปลว่าสาม
(。◕‿‿◕)
K.Khunpol
ว้ายต๋ายแล่ววววววว
(◉◞౪◟◉。)
เติร์ดที่แปลว่าสาม
(๑・‿・๑)
K.Khunpol
(╥﹏╥)


   หลังจากแชตนั้น ฉันตาย...












   นอนร้องไห้หนักมาก กว่าจะเคลียร์กันเสร็จทำเอาร่างกายช่วงแขนกูระบมอีกรอบเพราะต้องรีบแก้ตัวอย่างด่วน ถามว่าเพื่อนรักทั้งสองคนที่ช่วยกันก่อเรื่องหายไปไหน ไม่ต้องถามครับ ตอนนี้คงอยู่แถวป่าหิมพานต์ เวลากูลำบากไม่เคยโผล่หัว

   ผมเลยได้แต่แก้ตัวว่าเป็นห่วง กลัวเพื่อนโดนรุ่นพี่หลอก ไอ้พี่อั้นเลวอย่างนั้นอย่างนี้กูใส่ไฟเต็มที่ แต่ได้เติร์ดกลับบอกว่ากูคิดมากไป มันไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขา โธ่...กับมึงอ่ะใช่ แต่กับพี่อั้นกูคงเชื่อหรอก การกระทำชัดซะขนาดนั้น

   ทำได้แค่กระวนกระวายและขอโทษไปเพื่อให้เรื่องจบ ทั้งที่สิ่งที่คาใจไม่เคยจบตามไปด้วย

   คืนนั้นผมนอนไม่หลับ นาฬิกาหมุนไปเกือบเที่ยงคืน พยาบาลเข้ามาฉีดยาให้ผมก่อนจะเดินจากไป ความเงียบและความมืดปกคลุมพื้นที่จนมองไม่เห็น ไม่นานเสียงผลักประตูก็ดังขึ้นอีกครา

   “คุณพยาบาลครับ มีอะไรหรือเปล่า”

   “ยังไม่หลับอีกหรือไง”

   “ไอ้เติร์ด!” ท่ามกลางความมืดสนิทนั้น ผมได้ยินเสียงมันส่งผ่านมาทางอากาศ

   “เออกูเอง”

   “ไหนบอกจะไม่มาเฝ้าวะ”

   “สมเพชมึงไงเลยต้องมา รีบนอนไปเถอะกูเองก็ง่วงแล้ว”

   “อืม วันนี้เหนื่อยมากใช่มั้ย ฝันดีนะ”

   ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีก คืนนี้...คำว่าฝันดีรู้สึกจะเป็นคำที่เพราะที่สุดที่ผมเลือกพูดออกไป และมันมาจากใจของผมล้วนๆ ฝันดี...












   “มึง เพื่อนกูชอบเพื่อนมึง”

   “อะไรนะ เพื่อนคนไหน”

   “คนนั้นไงที่ตัวขาวๆ สูงๆ แต่หุ่นดีอ่ะ”

   “อ๋อ คิดออกละ เห็นเคยคุยกัน แต่มันสองตัวแม่งคิดไม่เหมือนกันว่ะ”

   “ยังไงวะ”

   “จริงๆ ต้องลองถามมันเอง”

   บทสนทนาระหว่างไอ้ทูกับไอ้โบนจบลง ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนมึง หรือเพื่อนกูสำหรับพวกมันคือใครกันแน่ แต่สาบานได้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับผมและก็ได้เติร์ดไม่มากก็น้อย

   “มึงสองคนพูดมากจังวะ กูหิว ออกไปซื้อขนมให้กินหน่อย” จริงๆ ไม่อยากกินหรอก อยากไล่พวกมันให้พ้นทางมากกว่า

   “งั้นกูไปซื้อให้” ไอ้เติร์ดอาสา

   “ไม่ต้อง มึงอยู่กับกู”

   “กูสะดวก เดี๋ยวลงไปซื้อให้”

   “ไม่ให้ไป”

   “เอาแต่ใจตัวเอง”

   “ก็จะเอาแต่ใจกับมึงอ่ะ ทำไม”

   ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ห้องพักผู้ป่วยเดี่ยวของผมไม่เคยเงียบ เพราะนอกจากครอบครัวแล้ว ไอ้เพื่อนรักร่วมถึงเพื่อนร่วมคณะเล่นขนพลกันมาป่วนให้เพียบ ทำเอาไม่ได้หลับได้นอน โดนพยาบาลด่าก็แล้ว ตักเตือนไปก็หลายที กว่าจะเงียบได้ก็วุ่นวายกันเป็นแถบๆ

   ไอ้โบนแบกกีตาร์มาเล่นให้ฟัง ไอ้ทูกับเพื่อนคนอื่นๆ หาปากกาสีมานั่งเขียนเฝือกที่ขาผมจนลายพร้อย ส่วนไอ้เติร์ดกับแม่ก็ยัดของกินให้จนอิ่มหนำสำราญ แถมแบกงานมาให้ทำถึงที่ เล่นเอาหลายวันมานี้แทบลืมไปเลยว่าเคยเป็นคนป่วย

   จนกระทั่งถึงวันที่ผมต้องย้ายออกจากโรง’บาลไปนอนพักรักษาตัวที่บ้าน เมื่อคืนโทรไปบอกแม่แล้วว่าไม่ต้องมารับ เลยเป็นภาระให้ไอ้เติร์ดพากลับ จริงๆ หลายวันมานี้มันโคตรเหนื่อยกับผม แต่คนเหี้ยๆ อย่างไอ้ค่ายนี้ก็ยังเห็นแก่ตัวอยากอยู่กับมันให้มากขึ้นเรื่อยๆ

   บุรุษพยาบาลช่วยเข็นรถเข็นมาเทียบกับรถยนต์สีดำที่ไอ้เติร์ดขับประจำ หลังจากจัดแจงข้าวของรวมถึงท่าทางการนั่งของผมเสร็จประตูก็ถูกปิดลง ผมนั่งนิ่งๆ มองดูมือขาวที่จับพวงมาลัยชะงักค้าง

   “คาดเบลท์ด้วย” เจ้าตัวออกคำสั่งเสียงเรียบ แต่ผมก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะทำ

   “คาดให้หน่อย ปวดไหล่”

   “ลำบากเพื่อนฝูงจริงๆ เลยมึงอ่ะ” เหมือนจะบ่นๆ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ด้วยการเอี้ยวตัวมาจนสุดแล้วคว้าเอาสายเข็มขัดนิรภัยพาดลงบนลำตัวผม

   “อุ๊ย จมูกเผลอไปโดน” ผมพูดติดตลก ทันทีที่ปลายจมูกสัมผัสกับแก้มขาว

   “ตอแหลจัง นั่งดีๆ เดี๋ยวกูไม่มีสมาธิขับรถ” จากนั้นรถก็ออกตัวไป บรรยากาศภายในไม่ได้เงียบอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกัน แต่เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่นั้นก็ลดความอึดอัดและตึงเครียดลงไปได้บ้าง

   “เบื่อว่ะ”

   “เป็นห่าไร”

   “ฟังแต่เพลงเดิมๆ” ว่าแล้วผมก็เอื้อมมือไปกดเปลี่ยนเพลงทันที

   “เชี่ยยย จะกดอะไรช่วยขออนุญาตเจ้าของรถด้วย”

   “ปกติก็ไม่เคยขอนะ นี่เดี๋ยวจะร้องเพลงให้ฟัง แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...” เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความยียวน ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยไปด้วย ซึ่งมันเองก็เหลือบมองผมกลับอยู่เหมือนกัน

   “ไม่ต้องมาเขินฉันพูดไม่จริง~”

   “เวรเถอะ”

   “เธอมีเสน่ห์มากมาย ดูน่ารักเหมือนควาย มองไกลๆ เหมือนลิง....ยิ่งดูยิ่งโคตรขี้เหร่”

   “โคตรเหี้ย”

   “ร้องให้มึง ชอบป่ะ”

   “ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่กูจะยันมึงลงจากรถเดี๋ยวนี้แหละ รำคาญ” แปลกดี น้ำเสียงติดหงุดหงิดของไอ้เติร์ดไม่ได้ทำให้ผมสำนึกเลย หนำซ้ำยังรู้สึกมีความสุขที่ได้แกล้งด้วย เห็นนิ้วเรียวพยายามกดเปลี่ยนเพลงไปอีกพักใหญ่ จนกระทั่งได้เพลงที่มันชอบ อารมณ์เลยค่อยๆ ดีขึ้น

   “นี่เพลงอะไรอ่ะ” ผมถามคนเคียงข้าง

   “The only one ของ Part time musicians”

   “แล้วนี่อ่ะ” ผมกดเปลี่ยนเพลงอย่างถือวิสาสะอีก

   “ไอ้สัด คนกำลังฟังเพลิน”

   “แล้วมันคือเพลงอะไรวะ”

   “Attention”

   “สนใจกูอ่ะนะ”

   “ชื่อเพลงครับเพื่อนค่าย อย่าเกรียน”

   “แล้วเพลงนี้อ่ะ” ผมยังคงจิ้มนิ้วลงบนปุ่มเปลี่ยนเพลงอย่างไม่มีเบื่อหน่าย แต่เหมือนไอ้เติร์ดจะเริ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงแล้ว

   “I need you”

   “นั่นไง บอกรักกันทางอ้อมอีกแล้ว”   

   “ประสาท ถามจริง มึงทิ้งสติไว้ที่โรง’บาลเหรอ” แกล้งถามไปงั้นแหละ เพลงนี้ของวง M83 บางทีแนวเพลงของไอ้เติร์ดก็สะเปะสะปะ ฟังได้ทุกแนวจนเดาอารมณ์ไม่ถูก

   “แต่เพลงนี้คุ้นว่ะ” ผมยังคงเปลี่ยนเพลงแบบตามใจชอบ โดยไม่คิดฟังเสียงบ่นแง้วๆ ข้างหูเลยสักนิด

   “The one ของ Kodaline” อีกฝ่ายช่วยให้ความกระจ่าง

   “อ๋อคุ้นละ ที่ท่อนนึงมันร้องว่า Tell me…Tell me that you want me ป่ะ”

   “อืมใช่”

   “And I’II be your completely For better or for worse” ผมร้องเพลงต่อโดยไม่รอฟังจังหวะเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ ก่อนจะค่อยๆ หรี่เสียงวิทยุลง “แล้ว...”

   “มึงจะอะไรนักหนาวะ”

   “กูจะบอกว่ากูชอบเพลงนี้”

   “แล้วไง”

   “ตรงท่อนจบบอกว่า That why I know you are the one”

   “ใช่”

   “นี่ไม่ได้ถามนะ อันนี้บอกมึง”

   นั่นทำให้ทำให้ฉันรู้ว่าเธอคือหนึ่งเดียวของฉัน...













   ผมกลับมาเรียนอีกครั้งพร้อมกับความลำบากแบบคูณสอง เพราะนอกจากจะแบกไม้ค้ำยันมาแล้ว ยังต้องเท้าอัดเฝือกหนักๆ มาด้วยอีกต่างหาก กางเกงยีนขาเดฟก็ใส่ไม่ได้ เลยต้องโล๊ะตู้หาทรงกระบอกมาใส่อย่างทุลักทุเล

   “โหยยยย แฟชั่นใหม่มาว่ะ ใส่กางเกงขาสั้นข้างยาวข้าง ฮิปฮอปบอยมากครับ โย่วๆ” เช้ามาก็วอนหาส้นตีนกันเลย

   ตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่คอนโด ไอ้เติร์ดก็ได้กลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของผมไปแล้วเรียบร้อย เพราะมันต้องคอยไปรับไปส่ง รวมถึงจัดแจงภารกิจในชีวิตให้อีกต่างหาก จะบอกว่าไม่ใช่เมียก็ดูเป็นการแทงกั๊กเกินไป แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็มีแค่มโนเท่านั้นเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรับ

   วันนี้เราต้องเรียนตึกเรียนรวมในคาบแรก ไอ้ทูกับไอ้โบนเลยล่วงหน้ามารอที่โรงอาหารเพื่อซัดข้าวเช้ากันก่อน และหลังจากที่เราตามมาถึง ว่าที่เมียก็จัดแจงที่นั่งและเตรียมสั่งอาหารไว้อย่างดี

   “อยากกินอะไรมึงอ่ะ”

   “กินเหมือนมึง”

   “แล้วน้ำอ่ะ”

   “ก็เหมือนมึงอีกนั่นแหละ

   “งั้นรอแป๊บ” ร่างสูงโปร่งเดินไปยังร้านอาหารเจ้าประจำ จึงเหลือผมสามคนนั่งอัพเดตสถานการณ์ความคืบหน้า ตอนนี้ถือว่าทฤษฎีจีบกำลังไปได้สวย แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่รู้ว่าไอ้เติร์ดยังคุยกับไอ้พี่อั้นอยู่หรือเปล่า เนื่องจากมันไม่ปล่อยให้ใครได้จับโทรศัพท์อีกเลย

   “เชี่ยยยย มารผจญมึงมาได้ไงวะ” สิ้นเสียงของไอ้โบนเราทุกคนต่างหันขวับไปยังเป้าหมาย เพราะคนที่ผมกำลังกลัวเดินผ่านมาพอดี และตอนนี้มันก็พาตัวเองเข้าไปคุยกับไอ้เติร์ดที่ยืนรอกับข้าวหน้าร้านอาหารเสร็จสรรพ

   “กูไม่ยอม กูจะไปขัดขวาง” ไม่พูดเปล่า ผมรีบคว้าไม้ค่ำยันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต้องใช้เทคนิคพิเศษโดยเอาจักแร้หนีบให้แน่นแล้วดีดตัวขึ้นมาด้วยแรงที่มากที่สุด

   นี่คือสิ่งที่คิด VS ความเป็นจริง

   คือกูยังไม่สามารถเอาตีนออกมาจากโต๊ะได้เลย ไอ้ควายยยยยยยย

   “ไม่ต้องไปละ มาแล้วนั่น” ไอ้เติร์ดถือจานข้าวเอาไว้ในมือพร้อมกับน้ำดื่ม ส่วนอีกจานไอ้พี่อั้นถือมา และกำลังเดินตรงดิ่งมาหาเรา

   “หวัดดีพวกมึง” คำทักทายแรกเอ่ยขึ้น ไอ้โบนกับไอ้ทูเลยยิ้มแหยพลางตอบกลับไป

   “หวัดดีพี่”

   “ขอนั่งด้วยคนนะ”

   “เพื่อนพี่ไปไหนวะ” เพราะความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด ฉะนั้นผมจึงเงียบต่อไปไม่ไหว

   “ก็คนละทิศคนละทาง เดี๋ยวก็ไปเจอกันในคลาสเองแหละ นี่ข้าวมึง” มือหนายื่นข้าวในจานพร้อมกับน้ำดื่มมาให้ ผมเลยยกมือไหว้และขอบคุณเสียงแผ่ว

   เรากินข้าวกันอย่างอึนๆ อยู่เกือบสิบนาที บทสนทนาก็เกิดขึ้นแค่คนสองคนนั่นคือพี่อั้นกับไอ้เติร์ด แม่งคุยแต่เรื่องละครเวทีห่าเหวอะไรไม่รู้ คือชีวิตมันมีอะไรมากกว่านี้ป่ะ แล้วคนโดยรอบก็อยู่กันหลายคนด้วย แต่เหมือนพี่มันจะนั่งทางในมาเสือกจนรู้ เนื่องจากนินทาในใจปุ๊บมันก็ชวนคุยปั๊บเลย

   “วันนี้มีซ้อมบทตามฉากแล้ว มึงแวะเข้าไปดูได้นะ แล้วทีมซาวน์ก็ฝากกูมาบอกด้วยว่าให้มึงเข้าไปคุยรายละเอียดกันหน่อย”

   “โอเค ยังไงเลิกเรียนแล้วผมจะเข้าไปกับแก๊งโหด”

   “ยังมีอีกอย่างนึง”

   “อะไร”

   “มีน้องผู้หญิงคนนึงเขาฝากกูมาขอไลน์มึงอ่ะ” ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย แล้วมาคุยเรื่องนี้ต่อหน้าไอ้เติร์ดเนี่ยนะ! กูถึงกับนั่งตัวแข็งลอบมองดูคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวไม่พูดไม่จา

   นี่พี่มึงต้องการประกาศศึกกับกูชะ?

   เลื่อยขาเก้าอี้คู่แข่งนี่คืองานถนัดมึงชะ?

   “ผมเลิกยุ่งแล้ว”

   “แต่น้องบอกว่าเคยขอมึงมาสักพักละ สงสาร บางทีเขาอาจจะอยากคุยงาน” หราาาาาาาาา

   “ผมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น”

   “คิดอะไรมากวะแค่ให้ไลน์ ปกติมึงแจกจ่ายแทบจะทั่วมอ” ผมมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่ซึ่งตีหน้ามึนใส่อยู่ แต่วินาทีนี้มึงได้จุดไฟให้โหมกระหน่ำในใจของกูเรียบร้อย

   “งั้นผมแจกก็ได้ ฝากบอกน้องผู้หญิงคนนั้นด้วยนะครับว่าไอดีไลน์พี่ค่าย แอดที-เอช-ไอ-อาร์-ดี-สาม-สาม”

   “เอาใหม่ดิ”

   “ดูปากผมนะครับ แอดที-เอช-ไอ-อาร์-ดี แล้วก็สามสองตัว”

   “Third33 เติร์ดเหรอ”

   “ใช่ครับ มีอะไรปรึกษาเมียพี่ค่ายได้เลยครับ ขอบคุณ”






Cr. บทความเกี่ยวกับเชกสเปียร์มาจากหนังสือ ‘จริงตนาการ ของ Mister Tompkin’
กลัวคนอ่านจะเป็นไบโพลาร์จัง อารมณ์ขึ้นสุดลงสุด
ตอนนี้บอกเลยว่าค่ายจะยังหน้าด้านต่อไปแม้เติร์ดจะไม่ค่อยใยดีก็ตาม
สู้ค่ะ เกิดมาเป็นคนเจ้าชู้แต่ดันมาอาภัพรักแท้ก็คงต้องดั้นต่อไป
ตอนหน้ามาลุ้นทฤษฎีจีบจากพี่ค่ายคนกากอีกนะคะ ดูว่าแกจะมาไม้ไหน
#ทฤษฎีจีบเธอ

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 07-07-2017 20:17:02
ไม่รู้ดิ ไม่ชอบอิพี่อั้นอะ ถ้าอีค่ายเลวอีพี่อั้นก็ไม่ต่าง. รำคาญอีพี่เชนทร์ด้วย. จีบเองไม่เป็นรึไง. ให้เพื่อนมากันท่าอีก. รำโว้ยย
ถ้าเติร์ดหวั่นไหวกับอีพี่นี่เรามีเลิกอ่านอะ5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 07-07-2017 20:35:01
ตอนแรกก็สงสารค่ายอยู่นะ
แต่เจ้ว่ายิ่งเจ็บตัวปากคอยิ่งร้ายขึ้นนะคะลูกก
เรื่องตัดพ้อเติร์ทนี่ที่หนึ่งเลย
ทำไงได้ไปทำเค้าไว้ก่อนก็ต้องยอมรับในผลกรรมเนอะ (ตบบ่าเบาๆ) :bye2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 07-07-2017 20:35:37
ค่ายมาแบบเหนือเมฆ มาแบบเนียน ๆ มาแบบมโน 5555

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 07-07-2017 20:40:58
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-07-2017 20:43:49
ลำไยพี่อั้นไปไกลๆดิ๊

ตลกตอนแชต555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-07-2017 20:45:57
 :mew5: ค่ายจีบเติร์ด  อยากรู้ความรู้สึกเติร์ดบ้าง นิ่งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 07-07-2017 20:46:56
 :z6:อีพี่อั้นแม่งไม่แฟร์เลยคอยแต่จะขุดเรื่องเก่าๆของค่ายมาพูดตลอดเวลาก็รู้นะว่าที่ผ่านมาค่ายทำเลวขนาดไหนเพราะงั้นควรสู้กันแบบลูกผู้ชายดิทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-07-2017 20:52:09
อิเหี้ยค่ายยยยย 55555  ฮาลั่นมากตอนไลน์นินทาชนิดเผาขน แต่...ผิดกลุ่ม ฉันเข้าใจแกค่าย #ตบบ่า  ฉันผ่านจุดนั้นแล้ว ณ โมเม้นท์นั้น อยากจะให้โลกนี้กลับไปอยู่ในยุคที่ยังไม่มีมือถือเหลือเกินนน อ๊าคคคค #อายเกินบรรยาย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-07-2017 21:00:41
โถวววว นี่ชั้นไม่ควรหวังอะไรจากอิค่ายเลยใช่ไหม ตอนที่แล้วจบอย่างหล่อมาดพระเอกพุ่งเต็ม มาตอนนี้จบอย่างกาก มาดพระเอกหดหายเหลือแค่อิค่ายคนกากคนเดิม ฮ่าๆๆๆ เออ สู้ๆละกันนะ หัดทำอะไรให้มันดูจริงจังบ้าง เล่นมากไปเติร์ดมันจะไม่เชื่อเอา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 07-07-2017 21:10:45
ฮาตรงมีไรแรึกษาเมียพี่ค่ายนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 07-07-2017 21:11:46
เมียพี่ค่าย เมียพี่ค่ายย เมียพี่ค่ายยย  :laugh: :laugh: :laugh:
ถถถถ นังค่ายขี้มโน คีพลุคเท่ห์ๆหน่อยลูกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 07-07-2017 21:12:13
พี่อั้นจีบเตริดนี่ไม่ว่านะ แต่ไม่ควรเอาเรื่องแย่ของคนอื่นมาตัดกำลังเน่ออ มันดูไม่ใจอะ อีกอย่างตัวเองก็ใช่ว่าจะต่างนี่นา แย่กว่าค่ายอีกมั้ง แถมยังใช้เรื่องงานกับเพื่อนตัวเองเป็นข้ออ้างในการเข้าหาเตริดอีก ลำไยสองเพื่อนซี้ปีสี่นี่จริงๆ -*-  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-07-2017 21:15:44
ค่าย... แจ่มมาก.. 55+
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-07-2017 21:26:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 07-07-2017 21:27:09
โอ้ยยย ถึงจะเคยด่าอิค่ายไว้มากมาย
แต่เห็นแบบนี้ ก็อยากให้เติร์ดมีอาการอะไรให้อิค่ายมันได้กระชุ่มกระชวยบ้าง

เอาแต่ใจมากมันจะดีเหรอคุณขุนพล ว้อยยยยยย

พี่อั้นเหรอ หึ /ล็อกเป้าเตรียมยิง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-07-2017 21:30:30
แก๊งโหดเวลาคุยกันเองฮามากค่ะ คือตอนนี้ขำมากเลย โดยเฉพาะตรงคุยไลน์กลุ่ม
แต่สถานการณ์หัวใจยังไม่ค่อยคืบเลย ช่วงนี้เปลี่ยนมาสงสารค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-07-2017 21:31:13
อิค่ายคนกลบ ปะทะ พี่อั้นคนขุดคุ้ย

พี่อั้นนี่ทำรายการคนค้นค่ายหรือเปล่า? ทำใจเชียร์พี่ไม่ลงเพราะนิสัยเอาเรื่องของอีกฝ่ายมาย้ำให้ตัวเองดูดีเนี่ยแหละ

แล้วค่ายก็นะ เล่นรุกแรงอย่างนี้คิดว่าเติร์ดจะทนเหรอ

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 07-07-2017 21:54:52
ฉันทั้งตลกและสงสารอิค่ายตั้งแต่ไลน์ผิดกลุ่มละ :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 07-07-2017 22:24:09
อยากอ่านฝั่งเติร์ดจัง :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 07-07-2017 22:29:13
พอป่วยแล้ว ต่อมสำออยอิค่ายกำเริบทันที  :hao7:
ตลกตอนผิดแชทมาก 55555555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 07-07-2017 22:47:00
 :m20: :laugh: :pigha2: :jul3: ไม่ได้มีความสงสารค่ายสักนิด 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 07-07-2017 22:57:07
ชักเริ่มลำไยอิพี่อั้นล่ะนะ คือแบบ.. หมั่นไส้อะ ตอนแรกๆ ก็ว่าจะทีมเติร์ด แต่ตอนนี้สงสารค่ายล่ะ ย้ายมาทีมค่ายดีกว่า 55555555 /// หายไวๆ นะค่าย :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 07-07-2017 23:05:32
55555555 ผิดแชท โคตรแย่ โอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-07-2017 23:10:06
พยายามต่อไปนะค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 07-07-2017 23:13:46
ชอบที่ค่ายเถียงเพื่อนซี้ปีสี่  :laugh5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 08-07-2017 00:03:07
 :seng2ped: โอ้ยยยยยยย..........นี่เราโคตรอึดอัดใจเลย เมื่อไหร่เติร์ดจะใจอ่อนนะ แล้วเมื่อไหร่ค่ายจะจีบแบบคนฉลาดสักที แล้วนี้ก็ไม่อยากให้จบเลย อ่านแล้วเพลิน เผลอมีอารมณ์ร่วมกับค่ายเข้าไป อ่านไปก็เกรียวกราดไป......อ่านแล้วอารมณ์มันขึ้นจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 08-07-2017 00:32:07
รำคาญพี่อั้นนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-07-2017 00:41:41
คือไม่ชอบอิพี่อั้นอะ โคตรไม่แฟร์เลย ขุดอยู่ได้เรื่องเก่าๆอะ กลัวสู้ไม่ได้หรอ
เลื่อยขาเก้าอี้คู่แข่งอยู่นั่น ไม่สู้แฟร์ๆอะ รู้สึกได้ถึงความเลวตั้งแต่วิธีการเข้าหาเติร์ดละ
พี่เชนทร์ก้น่ารำคาน รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนตัวเองก้เหี้ยอะนะ ยังจะให้มายุ่งกะเติร์ด ถึงจะไม่รู้ว่าค่ายชอบก้เถอะ
แต่ทำไมไม่ให้เพื่อนตัวพยายามเอง แล้วเพื่อนเติร์ดกันขนาดนี้ยังจะเอาตัวไปสอดช่วยเพื่อนอีก
อิค่ายก้มทเดี้ยงซะเกือบจะพิการอยู่ละ สภาพ!!! จังหวะนี้ทำได้อย่างเดียสคือสำออยอะนะค่ายนะ
เติร์ดบอกไม่ได้คิดอะไรกับพี่อั้นคุยแต่เรื่องงาน เพราะยังตัดใจไม่ได้หมดอะแหละ
แต่เวลาและโอกาสของอิค่ายจะเหลืออยู่แค่ไหนอะ โพล่งบอกๆเติร์ดไปเลยก้จะดูล้อเล่นอีก โอ้ยยย วงวารรร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 08-07-2017 00:56:08
ขาหักไม่พอ หน้าด้านไปอีก อิเติร์ดดดดด ฉันทีมแกได้ไงฮะ โว๊ย ตื้อเท่านั้นืี่ครองโลก ตื้อต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 08-07-2017 01:23:38
โอ้ยพี่อั้นนนลำไยยยยยมากกกกก
นุ้งเติร์ดก็นิ่งจนนน อยากรู้ในใจเธอคิดยังไง55555
อากอ่านพาร์ทนุ้งเติร์ดจังค่ะ แต่คงอีกนานใช้มั้ยย
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: su40747 ที่ 08-07-2017 01:30:05
ชอบบบบบบบ
ตอนนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก อ่านแรกๆยังสงสารค่ายอยู่เลย เลื่อนลงมาหน่อยต้องนั่งหัวเราะและ โอ้ยยยยยย หาสาระจากค่ายได้สั้นมากจริงๆ 555
อีกนานไหมกว่าจะได้อ่านพาร์ทเติร์ดอีก ดูใจแข็งมาก อยากรู้หวั่นไหวกับค่ายอีกรอบยัง
ช่วงนี้อ่านแล้วรู้สึกเติร์ดเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย แรกๆ น่ารักๆ เฮฮาสาวัยรุ่น แต่หลังๆนี่นิ่งมาก ขรึมมาก ดูโตขึ้นเยอะเลย
ผิดกับค่ายแรกๆ มามาดเพลย์บอยแบบแบดๆ แต่หลังๆ ดูต๊องๆ สุด 5555
ไม่ชอบพี่อั้นเลย อยากให้หายไปจากสารบบไวๆ  :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 08-07-2017 01:43:40
ฮาตอนผิดแชท5555555555 ยิ้มไม่หยุดเลย แต่อ่านแล้วเหมือนไม่สุด คงเพราะความสัมพันธ์มันไม่คืบหน้าแถมยังมีอิพี่อั้นมาให้น่ารำคาญด้วยแหละ ไม่แมนเลยว้อยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2017 02:06:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 08-07-2017 02:55:44
ตลกอ่ะคุยผิดแชท 55555555555 ดีนะแถเนียนๆ
ค่ายคนกากก็พยายามต่อไป อยากรู้ว่าตอนนี้เติร์ดคิดอะไรอยู่
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 08-07-2017 04:56:57
รู้ว่าต้องสงสารเพราะเปิดฉากมาซะอยากดึงอิค่ายไปปลอบ แต่... :m20:
โอ๊ยยยย อินังค่ายและผองเพื่อนคือแบบ...#ทฤษฎีจีบเธอ เป็นนิยายตลก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 08-07-2017 05:57:22
เขาว่ากันว่า
"คนเจ้าชู้มักจะกากกับคนที่คิดจะจริงจัง"
ตัวตนของพี่ค่ายคือข้อเท็จจริงของทฤษฎีนี้สินะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 08-07-2017 06:18:34
ตอนเติร์ดเล่า ดีใจที่เติร์ด ตัดใจ ตอนนี้พี่ค่ายกลับใจแล้วเปลี่ยนทีมแปร๊บนะเติร์ด เชียร์พี่ค่ายค่ะ แต่ก็ชอบเติร์ดแบบนี้ เบื่ออีพี่เชนร์ขอให้มันได้เป็นเมียพี่อั๋น 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 08-07-2017 06:49:14
ชอบสิ่งที่คิดVSความเป็นจริง 555555 #ทำไมต้องมาขำกับอะไรแบบนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: nuch_852 ที่ 08-07-2017 06:56:42
อ่านตอนแรกๆชอบเติร์ด อ่านตอนต่อๆมาชอบค่าย
อ่านมาถึงตอนนี้ชอบทั้งคู่เลยจ้า  :mew3: :mew2: :mew1:

รอๆตอนต่อไป จะชอบจิตติ คิๆ ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 08-07-2017 07:16:08
ลำไยพี่อั้นมากกกกกกก  จะจีบก็ตั้งใจจีบไปสิ นี่มาคอยขัดขาคนอื่นอีก  :angry2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 08-07-2017 07:41:44
คือเข้าใจว่าพี่อั้นจะจีบเติร์ด แต่ไม่ควรเอาข้อเสียของคนอื่นมาพูดมั้ย พี่ควรจะนำเสนอข้อดีของตัวเองอ่ะ แต่ก็นะจะดีจะแย่สุดท้ายถ้าเติร์ดไม่รักก็คือเติร์ดไม่รักอ่ะ เข้าใจบ่ มาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้สึกอะไรกับค่ายเรื่องที่ทำไว้แล้วเติร์ดว่าไงเราว่างั้น 5555 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 08-07-2017 08:36:17
โอ๊ยขำ เราว่าเติร์ดจะใจอ่อนเพราะความกากของอีค่ายเนี่ยแหละ 555555
รำคาญอีพี่เชนทร์มาก ยิ่งกว่าพี่อั้นอีก เอาไปไกลๆได้มะ นิสัยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-07-2017 10:19:42
แชทผิดกลุ่ม ลั่นเลย 5555555555555555
รำคาญพี่อั้นมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 08-07-2017 11:25:40
ค่ายคนกากเอ๊ย ดีๆ เอาความกากเข้าสู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 08-07-2017 11:47:21
เบื่อพี่อั้นว่ะ นิสัยเสีย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 08-07-2017 11:59:01
อิพี่อั้น อิพี่เชน แกได้กันเองเลยไป๊  น่ารำคาญทั้งคู่     :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 08-07-2017 12:30:21
เข้าใจรู้สึกเเชทไลผิดคนเลย โคตรอับอายขายขี้หน้่า  :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-07-2017 13:01:25
ไม่รุ้จะเอาใจช่วยหรือจะสมเพชกับการจีบของอิค่ายดี  แต่ละมุขนี่หน้าด้านๆมาก เติร์ดมันคงรุ้ตัวเหมือนกันอะนะว่าถุกจีบ แต่เติร์ดเล่นตัวไว้ก่อนนะลูก อย่าไปใจอ่อนง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 08-07-2017 13:57:18
อยากอ่านความคิดเติร์ดตอนท้ายที่โดนหยอดแต่ละอันตอนท้ายของแต่ละพาราการ์ฟจังเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 08-07-2017 16:50:06
อยากอ่านความคิดเติร์ดตอนท้ายที่โดนหยอดแต่ละอันตอนท้ายของแต่ละพาราการ์ฟจังเลย
+1 ครับ เห็นด้วยมากๆ อยากอ่านความคิดของเติร์ดหลังโดนหยอดในแต่ละช่วงตอน ฮื่ออออ อยากเห็น อยากรู้ว่าลูกรู้สึกยังไงภายใต้หน้ากากอันเย็นชานั้น 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 08-07-2017 17:03:22
ตอนแรกก็ดีใจน่ะนะว่าจะมีคนมาจีบลูก เติร์ดจะได้ตัดใจจากอีควายเอ้ยยอีค่ายได้ แต่แบบหลังจากที่อ่านมาหลายๆตอนแแล้วรู้สึกวลำไยแม่งทั้งพี่เชนทร์ ทั้งพี่อั้น คือแม่งงงงงง ไม่แฟร์ ไม่แฟร์มากกๆๆ อีพี่เชนทร์ก็รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นยังไงแต่ก็ยังดันทุรัง ส่วนพี่อั้นก็แบบบบบ โอ๊ยยยยยยยยยยย ขุดเก่ง เลื้อยขาเก้าอี้อีค่ายเก่ง ลำไย  :katai1: :katai1:


ค่ายเอ้ยย ส่วนมึงก็ดันมาเดี้ยงแบบนี้อีก แล้วจะจีบ จะทำอะไรยังไงให้ลูกนี่เห็นได้ยังไงว่ามึงจริงจังจริงๆ คงต้องสำออยไปก่อนแล้วม้างงง ช่วงนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ZomZaa^^ ที่ 08-07-2017 17:36:18
ตอนนี้อ่านแล้วฟีลแบบอึดอัด อัดอั้นตันใจมาก บวกด้วยรำอิพี่อั้น  :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-07-2017 00:08:11
ค่ะ ค่ายพยายามมากจริงๆ 5555 ถึงวันประกาศตัว

เติร์ดจะไม่รู้สึกอะไรเลย จริงหรอ

แล้วทู ไม่ได้แกล้งใช่ไหม แชทผิดกลุ่ม กวนประสาทเหลือเกิน
ตลกโบน มีความเผือกชัดเจน

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-07-2017 00:33:56
อิพี่อั้นก็นะ!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Yeonmi ที่ 09-07-2017 01:58:59
ชอบมากกก​ น้ำตาไหลจิงไม่มีตัวแสดงแทน :hao5: เอาใจช่วยค่ายยย​  ลำไยพี่อั้น​ อวยพรให้พี่อั้นนกฟีนิกซ์ค่ะ​ ค่ายๆๆเราเอาใจช่วยนะ​  :mew2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 09-07-2017 04:15:41
หูยยยยย อิค่ายมาแรงมาก
ใส่ทุกช็อตหยอดทุกหลุมเลย
แต่คุยไลน์ผิดกลุ่มนี่คือไร จะบร้า 555
อุตส่าห์เจ็บตัวขนาดนี้ ก็ขอให้เติร์ดใจอ่อนนะ

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-07-2017 04:58:26
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 09-07-2017 14:28:26
โอ้ยยยย ไม่มีสติกันทั้งกลุ่ม55555555555
อิค่ายเต้าะหนักมาก รำคุณพี่อั้นเวอร์มากก ขัดขวางมันเยลูกค่าย555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-07-2017 15:12:25
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: MatsaPOP ที่ 09-07-2017 17:08:58
อิค่ายต้องทำใจ ว่าที่เมียเมินใส่ต้องอดทน!!55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 09-07-2017 21:59:28
ใครก็ได้ช่วยถีบพี่อั้นออกไปทีค่าาา รำมากมาย
คือ ชอบตอนที่ค่ายเป็นคนเล่าเรื่องมากค่ะ
มีความฮา ความพร่ำเพ้อ และมีความกากค่าา 55555
สู้ต่อไปนะค่ายเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 09-07-2017 22:05:01
เกลียดความมโนระดัย 10 ที้ไม่มีใครเกิน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: panie ที่ 10-07-2017 05:37:46
อ่านถึงตอนนี้แล้วเราเฉยๆกับพี่อั้นอ่ะ. แต่ก็ไม่เชียร์ค่ายเหมือนกัน บอกว่าตัวเองโง่แล้วยังไง ไม่รู้ใจตัวเองแล้วยังไง มันไม่ใช่เหตุผลที่จะทำตัวเหี้ยๆกับคนอื่นเปล่า มันฟังไม่ขึ้น บางอย่างที่ค่ายทำมันไม่เหมือนอยากขอโทษอ่ะ แต่มันคือการทำไปให้ตัวเองพ้นจากความรู้สึกผิด นี่เลยไม่เชียร์ อิน สงสาร แต่ไม่เชียร์ ทำตัวเองก็ต้องรับผลที่ตามมาให้ได้
สุดท้ายให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะ ความรักความพยายามกับบางอย่างต้องมีล้มเหลวบาง แบบนั้นอาจจดีกว่าก็ได้

จริงๆสองโหดกับพวกพี่อั้นดูมีลับลมคมใน มีนัยยะลึกซึ้ง สงสัยต้องรอลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 11-07-2017 21:28:02
อ่านรวดยาวๆ ตอนแรกดราม่าน้ำตาซึม
ตอนหลังกากเกรียนละเกินค่ายเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Lastfriday.01 ที่ 12-07-2017 00:01:52
ติดตามนิยายของจิตติมาหลายเรื่องแล้ว คือเรื่องนี้อ่านแล้วหน่วงมากสงสารทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-07-2017 10:09:08
ค่ายตอนนี้ ลั่นหนักมากกก


นี่นั้งขำทั้งตอน แมร่งเหมือนคนลุกลิกอะ หวาดระแวง ต้องการความรัก


อ้อนหนักมาก ไม่ใช่แค่เตริด สองหน่อก็โดนไปด้วย



จีบแบบป่วงๆๆ นี่อยากรู้อีกฝั่งเลย รู้สึกไงบ้าง หลังโดน skill เหล่านี้ไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Lord Art ที่ 12-07-2017 13:02:27
ติดงอมแงม  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 10 [07/07/60] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 12-07-2017 18:02:35
สู้ต่อไปนะอิค่าย ต้องด้านและต้องหนาเข้าไว้
ตอนนี้ก็แค่เริ่มต้นใหม่ เติร์ดก็เริ่มต้นใหม่ เหมือนกันแฟร์ๆ
แผลที่เติร์ดได้รับมันต่างกับของค่าย
คนนึงเจ็บภายในอีกคนก็เจ็บภายน้อง
ผู้ชายที่สำนึกแล้วคิดได้นี้ละเจ๊ชอบ
 :laugh:
เติร์ดนิ่งๆสู้ทุกสถานะการณ์
รอตอนต่อไปเด้อ :3123:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 12-07-2017 20:10:52

ตอนที่ 11
เกรี้ยวกราดเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง



   การโต้เถียงของผมกับพี่อั้นจบลงเพราะได้เวลาเข้าเรียนซะก่อน ไม่งั้นกูดีเบตกับแม่งยาวๆ เอาให้รู้กันไปเลยว่าใครจะชนะ เพื่อนผมมันก็ออกโรงช่วยบ้างนะครับ แต่ด้วยความเท่และเป็นสุภาพบุรุษการพาเพื่อนมารุมด่าไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชาย ดังนั้นผมเลยฉายเดี่ยวโต้กับพี่มันจนน้ำลายแตกฟอง

   สงสารก็แต่ไอ้เติร์ดที่เขี่ยข้าวในจานไปมากว่าสงครามประสาทจะยุติลง

   และเหมือนเดิม จากการเรียนรู้แบบมั่วๆ มาหลายครั้ง ถ้าต้องการจะนั่งใกล้ไอ้เติร์ดผมต้องเปิดโอกาสให้เจ้าตัวได้เลือกเก้าอี้ก่อน ดังนั้นตอนเข้าห้องผมจึงเลือกเดินรั้งท้ายเพื่อนทั้งสามคนอย่างมีแผน

   เมื่อเห็นว่าเป้าหมายนั่งประจำที่แล้ว ไอ้ทูกับไอ้โบนก็หันหน้ามามองผมเหมือนรู้ทัน แล้วเปิดโอกาสให้ผู้ชายขาหักที่น่าสงสารอย่างนายขุนพลนั้นเยื้องย่างเข้าไปในแถว พร้อมกับทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เคียงข้างเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

   ไอ้เติร์ดหันหน้ามามองผมแว๊บหนึ่ง แถมอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ด้วยความเหี้ยสุดกำลังผมจึงรีบตัดโอกาสนั้นด้วยการโพล่งออกไป

   “ขาเจ็บน่ะ ไม่อยากขยับตัวมาก ขอนั่งตรงนี้ได้มั้ย” ต้องทำหน้าละห้อยด้วยครับ เพราะตอแหลเท่านั้นที่ครองโลก

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร” มันตอบเสียงเอื่อย

   “เห็นมึงเหมือนจะพูดอะไรก่อนหน้านั้น”

   “เปล่าหนิ” ปากแข็ง!

   ตอบจูบก็เห็นนุ่มดีนี่หว่า กูแม่งอยากพิสูจน์อีกรอบเลยว่ายังนุ่มอยู่มั้ย

   “นิสิตคะช่วยเงียบเสียงหน่อย เดี๋ยวเราจะเริ่มเรียนแล้ว ก่อนอื่นเรามาเช็กชื่อกัน กิตติพงษ์...” อาจารย์เจ้าของวิชาเป็นฝ่ายยุติบทสนทนาของเราลง ต่างคนต่างหยิบชีทเรียนจากครั้งก่อนขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเรียนซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้ตั้งใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่สนใจคนข้างๆ อยู่

   “คลาสวันนี้เราจะมาต่อที่เรื่อง Screenplay และ Shooting script และ Storyboard ไหนมีใครพอรู้บ้างว่า Screenplay คืออะไร”

   ทุกคนในคลาสเงียบกริบ อาจารย์ซึ่งถือไมค์หน้าห้องเลยได้แต่กวาดตาไปมาคล้ายกำลังหาผู้กล้า และคนคนนั้นก็คือไอ้เติร์ด เชร้ดดดด ว่าที่เมียกูนี่มีความเป็นผู้นำมากครับ ดูฉลาดหลักแหลม ตรงข้ามกับกูทุกอย่างเลย

   “เตชภณว่าไงคะ”

   “มันคือบทภาพยนตร์ที่มีทั้งโครงเรื่องและบทพูดครับ จริงๆ มันก็คือบท (Script) ซีเควนส์หลัก (Master scene)หรือซีนาริโอ (scenario) นั่นแหละครับ”

   “ถูกต้องค่ะ แล้ว Shooting script ล่ะ มันก็คือบทเหมือนกันถูกมั้ย สรุปแล้วมันแตกต่างจาก Screenplay ยังไงคะ”

   ผมตอบได้! เรื่องถ่ายทำต้องกูครับ

   “ว่าไง”

   “มันคือบทถ่ายทำครับ แตกต่างตรงที่มันจะบอกตำแหน่งกล้อง การเชื่อมซ็อต และเอฟเฟ็กอื่นๆ เข้าไปในการเขียนด้วย”

   “ดูฉลาดขึ้นมาเลยนะขุนพล” อาจารย์ชมด้วยรอยยิ้ม

   “พอดีมีกำลังใจที่ดีครับ”

   “ฮิ่ววววววววววว”

   เขินง่อวววว เพื่อนโห่แซวกันทั้งห้องเลยโดยเฉพาะไอ้โบนกับไอ้ทูที่ยกตีนขึ้นมาสะกิดยิกๆ รู้สึกภูมิใจเหมือนย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ใครๆ ก็อยากดูเก่งและฉลาดในสายตาของคนที่ชอบ ตอนนี้ไอ้เติร์ดคงนึกชื่อชมผมอยู่ในใจแน่ๆ

   การเรียนวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน คลาสของเด็กฟิล์มมันจะมีบางวันที่เราเครียดมาก หรือบางวันก็ไร้สาระสิ้นดี ตลอดเวลาในการเรียนทั้งอาจารย์และนิสิตสลับการถามตอบเป็นระยะแทรกกับการให้ความรู้ กระทั่งภาพหนึ่งปรากฎขึ้นบนจอโปรเจ็กเตอร์

   “ถ้าดูรูปนี้เราจะเปรียบมันเป็นอะไรคะ เอาตามทัศนคติของนิสิตเลย”

   บนจอเป็นภาพดอกกุหลลาบสีชมพูอ่อนต้นหนึ่ง ด้วยความคิดที่ว่ากูอยากดูหล่อในสายตาของไอ้เติร์ด สมองเลยผลักดันให้ตัวเองยกมือขึ้นฉับพลัน

   “เปรียบเป็นความรักครับ”

   “หูยยยยยยยยยยยย” เสียงของเพื่อนดังระงมไปทั่วห้อง ก่อนผมจะกระแอมไอเล็กน้อยแล้วพูดต่อ

   “ความรักก็เหมือนกับกุหลาบ สวยงามแต่ก็มีหนามแหลมคม และถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าถ้าจับมันยังไงก็คงถูกหนามตำ แต่คนเราก็ยังอยากรู้จักความรักเหมือนกับอยากครอบครองกุหลาบสวยๆ อยู่ดี”

   “น้ำเน่าฉิบหาย” ไอ้ทูแทรกขึ้น คนฟังนี่แทบถลาไปต่อยปากให้หายข้องใจ

   “แหมคำตอบเหมือนหนังยุค 70 เลยนะคะ แต่อาจารย์จะบอกขุนพลอย่างหนึ่ง กุหลาบพันธุ์ในรูปไร้หนามนะคะ”

   “ฮ่าๆ บักง่าว!”

   ไอ้ฉิบหาย! กูอุตส่าห์บิวด์มาตั้งนาน

   “นี่เป็นข้อเสียอีกอย่างหนึ่งที่คนเขียนบทควรคำนึง นั่นคือการศึกษาและสังเกต ใช้เวลาและลงรายละเอียดกับมันมากๆ เข้าใจที่พูดมั้ยคะ”

   “คร้าบ” เสียงหัวเราะยังคงดังขึ้นไม่มีท่าทีว่าจะเงียบ แม้อาจารย์จะหยุดพูดถึงประเด็นนี้แล้วก็ตาม แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่าไอ้เติร์ดที่มองผมด้วยสายตาล้อเลียนนี่หรอก

   จี๊ดดดด ไปถึงขั้วหัวใจ

   “บางทีความรักมันก็เหมือนกับเห็บหมาเนาะเพื่อนเนาะ” เชี่ยโบนพูดขึ้น

   “ทำไมอ่ะ” ก่อนไอ้ทูจะตบมุกอย่างรวดเร็ว

   “ก็ทำให้เจ็บไม่พอ ยังทำให้เขารังเกียจด้วยไง”

   “โหยยย อย่างนี้ไม่หมาอย่างเดียวนะมึง หมาหัวเน่าด้วย”   

   ฟายเอ๊ย! อายไม่รู้จะมุดหน้าไว้ตรงไหน

   “มึงหัวเราะทำไมไอ้เติร์ด” ตอนนี้สมองไม่ได้โฟกัสที่เพื่อนโหดสองคนแล้วครับ กูมองคนที่นั่งถัดไปทางขวามือมากกว่า

   “เปล่า กูหัวเราะเหรอ”

   “มึงไม่ต้องมาเนียน เขาถึงบอกไงว่าผิดเป็นครู”

   “แต่ผิดมากๆ ก็เป็นควายได้นะ”

   “งั้นยอมเป็นควายก็ได้”

   “ไม่เถียงกูแล้วเหรอ” ไอ้เติร์ดขมวดคิ้ว พลางถามอย่างแปลกใจ

   “ก็ถ้ามึงอยากให้เป็นอะไรกูก็จะเป็น”

   “...”

   “พอดีอยากเป็นทุกอย่างสำหรับมึง”

   ปุ้ง! มุกนี้น่าจะผ่าน...

   “ไอ้ค่าย”

   “จ๋า”

   “งั้นเป็นกระโถนให้กูหน่อยสิ พอดีอยากอ้วกว่ะ”

   ไอ้ฉิบหาย! มึงเคยอินอะไรกับกูบ้างมั้ยเตชภณ นี่มาทุกไม้แล้วนะ สุดท้ายเหมือนตัวเองย่ำอยู่ที่เดิม แถมมีท่าทีว่าจะเดินถอยหลังอีกต่างหาก

   พูดแล้วก็จะร้อง...















   เย็นวันนี้หลังเลิกเรียนไอ้เติร์ดต้องรับหน้าที่เป็นขี้ข้าพาผมไปล้างแผลที่โรงพยาบาล โชคดีหน่อยเพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชนเลยไม่ต้องปวดหัวกับคนไข้ที่มีเยอะๆ แถมยังสามารถอ้อนให้เพื่อนรักหักเหลี่ยมแค้นเข้ามาในห้องตรวจได้อีกด้วย

   พยาบาลทำหน้าที่ล้างแผลให้จนเสร็จ สักพักผมก็ถูกเข็นเข้าไปยังห้องตรวจซึ่งผมดึงมือคนตัวขาวเข้าไปด้วย เรานั่งหน้าสลอนอยู่ต่อหน้าหมอที่ทำการรักษาและผ่าตัดให้ผม ก่อนแกจะถามขึ้น

   “พยาบาลบอกว่าคนไข้ดื้อ”

   “ผมทำอะไรครับ”

   “แผลโดนน้ำมาเหรอ” นั่นไงกูโดนอีกละ

   “ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ แต่มันทุลักทุเลมากเพราะไม่มีใครช่วย” พูดไปก็แสร้งทำหน้าละห้อยไป ถือซะว่าฝึกสกิลความตอแหลต่อหน้าไอ้เติร์ดก็แล้วกัน

   “คนที่บ้านไม่อยู่เหรอ”

   “พอดีผมขอออกมาอยู่คอนโดคนเดียวเพราะต้องไปเรียนมหา’ลัยครับ ที่บ้านเลยมาดูแลตลอดเวลาไม่ได้ แต่ว่า...” ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆ ก่อนจะพูดต่อ “ก็มีเพื่อนสนิทอยู่”

   “ไอ้ทูกับไอ้โบนไง” คนถูกพาดพิงรีบเถียงทันที

   “มันก็ไม่เหมือนมึงมั้ย ที่ผ่านมาไอ้สองตัวมันช่วยอะไรกูได้บ้างนอกจากทำให้ปวดหัว” จริงๆ มันก็ช่วยได้แหละแต่พอดีอยากให้ไอ้เติร์ดดูแลมากกว่า

   “แล้วจะให้กูทำไง ย้ายไปเฝ้ามึงเลยมั้ย”

   “จริงดิ”

   “กูประชดโว้ย”

   “นั่นไงหมอ ดูเพื่อนผมดิ ต่อไปผมงดอาบน้ำเลยได้มั้ยครับ” ผมหันไปคุยกับคนอายุมากกว่าที่นั่งส่ายหน้าระอาไปมา คือเขาคงคิดว่ากูใช้ห้องนี้เป็นห้องทำสงครามกับไอ้เติร์ดไปแล้ว

   “ไม่ดีมั้ง อดทนนิดหน่อย ช่วงนี้พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำก็พอ ถ้าผ่านช่วงล้างแผลไปแล้วก็จะโอเคกว่านี้”

   “ระหว่างนี้สิครับที่ไม่มีคนดูแล ต่อไปคงไปไหนไม่ได้มากเพราะขาหักอีก”

   “งั้นอย่าทิ้งเพื่อนนะครับ เป็นกำลังใจให้กัน” คราวนี้หมอหันไปบอกกับไอ้เติร์ด ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ทำตาปริบๆ และฝืนพยักหน้าอย่างจำใจ

   “มันท้อแท้ครับหมอ” เอาให้สุดแล้วหยุดที่เตียง ผิด! 

   “อีกสามเดือนกระดูกก็คงผสานกันสนิท”

   “แผลกายรักษาหาย แล้วเมื่อไหร่แผลใจจะหายบ้างครับ”

   “คือหมอปวดหัวกับคุณจริงๆ”

   “แต่ผมก็สงสารเพื่อน ไม่อยากให้มันต้องตื่นเช้าไปรับไปส่งทุกวัน”

   “ทางที่ดีคือควรตื่นพร้อมกันและไปเรียนด้วยกันถูกมั้ย” หมอเหมือนถามเป็นเชิงเปิดทาง แถมสีหน้าแกยังบ่งบอกเป็นเชิงถามว่าพอใจหรือยังอีก

   เอาน่า! เป็นเรือผีให้ไอ้ค่ายได้บุญนะ

   “ถูกต้องเลยครับ เนี่ยไอ้เติร์ด ขนาดหมอยังบอกเลยว่ามึงควรย้ายมาดูแลกูที่ห้อง” ผมหันไปมัดมือชกกับคนข้างๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีท่าทีลังเลใจใดๆ นอกจากตอบกลับอย่างรวดเร็วแทบไม่เสียเวลาคิด

   “ให้สาวมึงมาเฝ้าสิ”

   “ก็บอกเลิกไปหมดแล้ว”

   “มึงก็หาใหม่สิ คนก่อนที่มาขอไลน์อ่ะ รีบให้ไปเลยจะได้มีคนดูแล ไม่ต้องเป็นภาระกูอีก”

   “เขาไม่ใช่มึง กูอยากเป็นภาระแค่มึงเข้าใจยัง”

   “เอ่อ...คนไข้เคลียร์กันก่อนมั้ย หมอจะได้เดินออกไป” สิ้นเสียงบุคคลที่สามซึ่งนั่งหน้าสลอนอยู่ในห้อง ผมกับไอ้เติร์ดเลยจำต้องเลิกโต้เถียงไปโดยปริยาย แต่ในใจเรื่องของเรามันยังไม่จบ เพราะฉะนั้นหลังจากพยาบาลเข็นรถพาผมออกมาด้านนอก ไอ้เพื่อนรักก็ปั้นหน้าบึ้งใส่ทันที

   “นี่ถ้าไม่อยากให้กลับด้วยบอกได้เลย เดี๋ยวกูโทรเรียกแท็กซี่เอง” ปากพล่อยไปแล้ว

   ไม่รู้ไปจำตัวอย่างมาจากหนังเรื่องไหน แต่ถ้าไอ้เติร์ดบ้าจี้ขับรถกลับเองนี่เรียกซวยฉิบหายเลยนะครับ ก็ได้แต่หวังว่าความเป็นเพื่อนของเรายังจะเหลือเยื่อใยให้คนขาหักอยู่บ้าง

   “จะโทรเรียกเหรอ” นั่นไง งานเข้า!

   “เดี๋ยวนี้แท็กซี่ก็ไม่ค่อยปลอดภัยด้วยดิ บางทีก็ส่งรถ เติมแก๊ส ให้ไปส่งที่ไหนก็ไม่ค่อยไปอีก กูคงต้องอดทนรอแบบเจ็บขาต่อไปนี่แหละ”

   “งั้นกูเรียกแกร๊บให้”

   “บางทีคนแปลกหน้าก็ไม่น่าไว้ใจอ่ะ วันก่อนอ่านข่าวเหมือนผู้โดยสารโดนทำร้ายอยู่เลย”

   “กูโทรเรียกพี่สาวมึงมาให้ละกัน”

   “เคลียร์แม่งติดแฟน โทรไปรบกวนมันเดี๋ยวก็โดนด่ากราดกลับมาหรอก”

   “ให้แม่หรือพ่อมึงมารับมั้ย”

   “เขาอายุมากแล้วนะมึง จะให้ออกมาตอนรถเยอะๆ อย่างนี้ได้ยังไง” ผมได้ยินไอ้เติร์ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันก้มหน้ามองผมที่นั่งหน้าสลอนอยู่บนรถเข็น จ้องอยู่อย่างนั้นเกือบนาทีก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา

   “สรุปแล้วอยากไปด้วยกัน”

   “อืม”

   “แค่เนี้ยะ จะฟอร์มจัดทำไม ไม่ได้ดูเท่เลย” ก็ชอบมึงนี่หว่า แถมไม่เคยต้องมาจีบใครขนาดนี้ด้วย

   อย่างที่รู้กันดีว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจของบ้าน เป็นลูกชายที่ไม่ค่อยเอาไหนเพราะถูกพ่อแม่สปอยมาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ต้องได้ ชอบใครเขาก็ชอบตอบ ทุกอย่างได้ดั่งใจหมดจนไม่ต้องพยายามให้เสียแรง

   แต่พอชีวิตพลิกผันต้องมาจริงจังกับอะไรเป็นครั้งแรก ผมกลับไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง ขั้นตอนที่อยู่ในหัวก็โคตรว่างเปล่า มีแค่เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าต้องชนะใจไอ้เติร์ดเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าเป้าหมายไม่ได้สำคัญแล้วล่ะ อยู่ที่ปัจจุบันกูจะหาทางเต๊าะไอ้เพื่อนคนนี้ยังไงดีกว่า เพราะเหมือนจะเป็นงานหนักที่สุดในชีวิตของผมแล้ว

   เช่นเคย ไอ้เติร์ดยังคงเป็นสารถีพาผมไปทุกที ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถอย่างทุลักทุเลเราก็มุ่งหน้าไปยังมหา’ลัยเช่นเดิม เพราะวันนี้ผมต้องทำงานกับทีมซาวน์ครั้งแรกในรอบเดือน ทั้งการเลือกเพลง การตัดต่อ จังหวะที่โคกับบท เรียกได้ว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างซีเรียสพอสมควร

   “ไม่ต้องเปลี่ยนเพลงกูอีก” ความเงียบปกคลุมได้สักพักคนขับที่นั่งข้างก็โพล่งขึ้น และผมก็พบว่าตัวเองกำลังเคาะนิ้วไปมาใกล้ๆ ปุ่มกดเปลี่ยนเพลงอยู่

   “ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เกรี้ยวกราดทำไมเนี่ย” คือกูเคาะเฉยๆ มั้ย...

   “กูกำลังฟังเพลง อย่ายุ่ง”

   “...” ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับนอกจากจ้องมันทั้งตัวด้วยความรู้สึกบางอย่าง อาจเป็น...ชื่นชมในความน่ารักที่เพิ่งมองเห็นชัดๆ ตรงนี้ล่ะมั้ง

   “ทำไมมือมึงขาวจัง”

   “ไม่ต้องมายุ่ง”

   “ตามึงก็สวยด้วย เป็นแฟนพี่มั้ยครับน้อง”

   “เลิกม่อไปทั่วให้ได้ก่อนเถอะ” แว๊บหนึ่งไอ้เติร์ดหันมามองผมตาขวาง ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับถนนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

   “เลิกแล้ว”

   “ก็เห็นยังทำอยู่เนี่ย”

   “อันนี้ไม่ได้ม่อ อันนี้จริงจัง”

   “เพื่อนเล่นเหรอ”

   “ก็เล่นด้วยกันมาสองปีกว่าแล้วอ่ะ ตอนนี้เบื่อๆ เลยว่าจะหยุดเล่น”

   “...”

   “เปลี่ยนมาดูแลแทน”

   “มึงยังเอาตัวไม่รอดเลย”

   “งั้นก็ดูแลกันและกัน”

   ผมไม่อยากมีความทรงจำเป็นภาพที่อีกสิบปีมาเจอกันแล้วถ่ายรูปรวม แต่อยากมีแค่ตัวตนของเราที่มีความทรงจำร่วมกันจริงๆ โดยไม่ต้องมีภาพถ่ายเก็บไว้ เจอกันทุกวันอาจเบื่อไปบ้าง แต่ถึงเวลานั้นคงผูกพันกันฉิบหาย

   รถแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเพลงดังคลออยู่ในหูตลอดทาง แต่เราไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น คล้ายกับว่า...ต่างคนต่างวาดฝันอนาคตของตัวเองอยู่ ผมไม่รู้ว่าอนาคตของไอ้เติร์ดมีผมอยู่ในนั้นมั้ย แต่สำหรับผม...

   มันคือวัตถุดิบชั้นยอดที่แต่งเติมฝัน และหวังว่ามันจะเป็นจริงในสักวัน














   บรรยากาศในห้องซ้อมวันนี้เต็มไปด้วยความครึกครื้น เพราะรวมสต๊าฟหลายฝ่ายมาโคงานกับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ฝ่ายเสียง แสง บล็อกกิ้ง ช่างภาพ แม้ความสมบูรณ์ของมันจะมีอยู่แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

   “ค่าย! น้องค่ายยยยยย” หลังจากก้าวเท้าเข้าไปด้านในพร้อมกับไอ้เติร์ด เสียงของพี่ทีมแอคติ้งก็ร้องเรียกผมเสียงดัง สีหน้าแต่ละคนดูตื่นเต้นมาก มีนักแสดงหลักหลายคนนั่งอยู่หน้าจอแล็ปท็อปคล้ายกำลังทำกิจกรรมสนุกๆ สักอย่าง

   “ค่ายมานี่หน่อยค่า ตอนนี้เรากำลังไลฟ์สดกับแฟนละครเวทีอยู่”

   “ผมไม่ใช่พระเอกแล้ว”

   “ก็มาแถลงการณ์ก่อน แฟนคลับเป็นห่วงแน่ะ” ผมหันไปทางไอ้เติร์ดเป็นเชิงถาม ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าเป็นคำตอบ เดี๋ยวนี้จะไปไหนต้องถามเมียครับ ผมเลยคีบไม้ค้ำยันเดินกะเผลกไปหาพี่ปีสี่กับรุ่นน้องนักแสดงหลายคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจอพอดี

   “ค่าย นี่น้องฟานปีหนึ่งที่จะมารับบทพระเอกแทนแกนะ”

   “สวัสดีครับพี่” คนตรงหน้ายกมือไหว้ หน้าตามันไม่ได้ขี้ริ้วเลย หุ่นดี สูง แถมไม่ใช่หนึ่งในคนที่มาแคสต์บทพระเอกก่อนหน้าด้วย ไม่รู้พี่ใบบัวมันไปหามาจากไหน

   “เดี๋ยวคนอื่นๆ ออกไปซ้อมก่อนนะ ถ้าค่ายไลฟ์เสร็จแล้วพี่จะเรียกอีกที” กลายเป็นว่าพอผมมา ทุกคนก็เผ่นแนบกันหมด

   “นั่งเลยน้องค่าย ตอนนี้คนอื่นเขาพูดคุยกับคนดูไปหมดแล้ว เดี๋ยวพี่จะมีคำถามให้เราชี้แจงก่อน แล้วค่อยตอบคำถามคนดูนะ” ผมขยับเข้าไปนั่งเก้าอี้ซึ่งเว้นว่างเอาไว้ในตอนแรก สุดท้ายกูก็อยู่กลางจอมองดูหน้าตัวเองที่เด่นหราราวกับส่องกระจก

   พี่ใบบัวไม่ได้เข้ามาด้วย แต่เป็นคนถือสคริปต์คำถามอยู่หลังแล็ปท็อป และเนื่องจากไม่มีใครบอกล่วงหน้าสักคำว่าวันนี้จะมีไลฟ์สดผ่านแฟนเพจ มันเลยทำให้ผมกลัวว่าพี่แกจะคิดคำถามเหี้ยๆ ให้ตอบอีก รายนี่แม่งรู้ความลับกูเยอะซะด้วย

   “แนะนำตัวเลยค่า” เสียงรุ่นพี่ปีสี่ส่งมาให้ ผมจึงกล่าวทักทายทุกคนผ่านหน้าจอ

   “สวัสดีครับ ค่ายขุนพลเอง”

   “มีหลายคนสงสัย ทำไมเราถึงเปลี่ยนพระเอกคะ หรือทำเลวเอาไว้” เดี๋ยวพ่อมึงถลาเข้าไปเตะให้ข้อพับหักนะครับพี่เบิ้ม เรื่องเหี้ยๆ โยนใส่คนหล่อตลอด

   “พอดีประสบอุบัติเหตุครับ ขาหักใส่เฝือกหลายเดือน ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง” ข้อความมากมายเด้งขึ้นมาบนหน้าจอรัวๆ เป็นห่วงบ้างล่ะ ดูแลตัวเองบ้างล่ะ บางคนก็พิมพ์มาด่ากูนะครับ คู่กรณีเก่ากูทั้งนั้น

   ปาดเหงื่อแป๊บ

   “ถ้ามีโอกาสมาเล่นละครอีกรอบ อยากรับบทเป็นใคร” คำถามถูกส่งมาหลังจากผมตอบคำถามแรกจบ

   “เป็นแฟนคนเขียนบทครับ”

   “...!”

   “ผมหมายถึงคนเขียนบทสามารถเขียนให้เราดูหล่อและเป็นคนดีได้ไง”

   “อ๋อออออออออ” รอบข้างส่งเสียงเป็นเชิงหยอกล้อ มีแต่พี่ใบบัวเท่านั้นที่เบะปากใส่ผม คือกูจะตอบแบบนี้แล้วทำไม

   “คติประจำใจของค่ายคืออะไร”

   “ถึงผมจะโง่ไปหน่อย แต่ผมก็อร่อยกว่าทุกคน”

   หนึ่งดอก!

   “เกร้ดดดดดดดดดดด” คราวนี้แหละครับคอมเมนต์พุ่งพรวดพราด คือไม่ใช่ชมกูนะครับ ด่ากันระงม กิ๊กเก่าเพียบก่อนจะโดนน้องใหม่หลายคนดันโพสต์ลงไปด้านล่างเพราะไม่เคยเจอฤทธิ์กระบี่ไร้เทียมทานของผม และยังหลงมัวเมากับหน้าตามีระดับอยู่

   “คำถามพี่หมดแล้ว แกมีเวลาสิบนาทีสำหรับตอบคำถามแฟนคลับนะค่าย จัดโลด” ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนทุกคนที่ยืนมองอยู่ห่างๆ จะสลายโต๋ไปซ้อมละคร ทิ้งให้ผมนั่งคุยเหมือนคนบ้าอยู่ตรงหน้าจอแล็ปท็อปคนเดียว

   “เอาล่ะ ตอนนี้มาตอบคอมเมนต์กันเถอะ ไหนๆ ก็มีเวลาตั้งสิบนาที ใครอยากถามอะไรจัดมาเลย” พูดเท่านั้นแหละ มารัวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมณ์ ผมจึงต้องเลือกเฉพาะบางข้อความมาตอบเท่านั้น และข้อความที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอันดับแรกๆ ก็คือพวกกิ๊กเก่าที่ผมตัดขาดการติดต่อแบบไม่บอกกล่าวไป


   ‘จะได้เจอพี่ค่ายตามร้านเหล้ามั้ยคะ’
   “ไม่เจอครับ ขาหักหมอให้งดของแสลง”
   

   ‘แนะนำหนังที่พี่ค่ายชอบดูให้หน่อย’
   “Star war”


   ‘ชาวีไปไหน’
   “ส่งซ่อมครับ อยู่ศูนย์”


   ‘ค่ายดูแลตัวเองด้วย เป็นห่วง ขอให้หายไวๆ นะ’
   “กำลังใจดีหายไวแน่นอน”


   ‘ขาเจ็บแบบนี้ให้อาสาไปรับไปส่งมั้ยคะ’
   “พอดีมีคนไปรับไปส่งแล้ว” ว่าแล้วก็หันไปมองคนที่กำลังยืนกอดอกคุยกับผู้กำกับอย่างพี่เชนทร์อยู่ แต่ในม่านสายตาของผมก็ยังเห็นศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างไอ้พี่อั้นยืนแทรกให้รำคาญใจเล่นด้วย

   มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ โคตรหงุดหงิด!


   ‘ต่อไปเราจะเจอนายได้ที่ไหน ร้านเหล้าก็ไม่ไปแล้ว’
   “ตึกนิเทศฯ เลย สุมหัวอยู่ที่นี่ตลอด”


   ‘แก๊งโหดเท่มาก โดยเฉพาะพี่โบน’
   “ไปบอกมันเองครับ เห็นตอนนี้กำลังติดอ่างอยู่”


   ‘สนิทกับใครที่สุดในแก๊งโหด’
   “เตชภช เติร์ดน่ะ...”


   ‘ดอกกุหลาบไร้หนามเปรียบเหมือนอะไร’
   “โห ไอ้สัด!”

   พลันเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากหลังห้อง เพื่อนร่วมเมเจอร์ผมยืนสุมหัวกันกลุ่มใหญ่ คาดว่ามันคงกำลังสนุกกับการแกล้งกูอยู่ ซึ่งแน่นอน ไม่คีปลุคแม่งแล้ว หงุดหงิดฉิบหาย

   กระทั่งข้อความที่เด้งขึ้นมาไม่หยุดนั้นมีแต่คำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ได้บอกเหตุผลของการหายไป จริงๆ ตอนนั้นมันโคตรเยอะ และบางคนเราต่างไม่จริงจังด้วยกันทั้งคู่ผมเลยตัดการติดต่อง่ายๆ พอมาตอนนี้ถึงรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย...

   ดังนั้นหากจะตัดปัญหาที่มีจริงก็คงต้องตอบคำถามนี้ให้จบ
   

   ‘พี่มีแฟนยัง’
   “ยังไม่มีครับ”


   ‘บล็อกเบอร์กับไลน์ทำไม’
   “เลิกแล้ว พอดีเจอคนที่อยากจริงจังแล้ว”


   ‘เคยเชื่อเรื่องดวงมั้ย’
   “ไม่เชื่อ”
   

   ‘ใครเหรอคนที่จริงจัง’
   “ไม่บอก”


   ‘เขาบอกถ้าพับดาวให้ครบพันดวงแล้วให้คนที่ชอบ รักจะสมหวัง’
   “เขานี่ใคร ผมพับดาวไม่เป็นอ่ะ ไม่ละเอียดอ่อนขนาดนั้น”


   เราตอบคำถามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอคำถามนี้...

   ‘เคยทำสิบวินาทีกับคนที่ชอบเหมือนหนังเพื่อนสนิทมั้ย’
   “ไม่เคย”


   คือในหนังเพื่อนสนิทเชื่อว่า หากนับเลขหนึ่งถึงสิบในใจกับคนที่กำลังหลับอยู่ แล้วคนคนนั้นตื่นขึ้นมาพอดีแสดงว่าเขาเองก็ชอบเรา


   ‘เล่นเถอะ’
   “ไม่มีใครในห้องหลับเลย”


   ‘เล่นกับคนดูหน่อย’
   “ตื๊อจริง ถือว่าเป็นการนับเคาท์ดาวน์แล้วกันนะ คงใกล้หมดเวลาพอดี” ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ในใจก็ได้แต่คิดว่าทำไมกูต้องมาเล่นอะไรแบบนี้ด้วยวะ โคตรปัญญาอ่อนเลย

   “หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้า...” สายตายังคงต้องมองหน้าจอ และการนับเลขนั้นก็ดูเร็วเกินกว่าปกติ

   มีคอมเมนต์ผุดขึ้นมาอีกมากมาย คล้ายกับช่วยกันนับเลขไปด้วย เออ! ตลกดีว่ะ

   “หก...”

   “เจ็ด...” 

   เราต้องจริงจังขนาดนี้มั้ย

   “แปด”

   ใครเชื่อก็บ้าละ

   “เก้า”

   “สิบนาทีแล้วไอ้ค่าย”

   ผมหันขวับไปยังต้นเสียงที่ยืนอยู่เหนือหัว ใบหน้าของไอ้เติร์ดโผล่เข้ามาในจอ คอมเมนต์ถูกส่งกระหน่ำเข้ามามากมาย แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ยืนหน้านิ่งก็ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

   “มึงนับสิบให้กูเหรอ”

   “นับเหี้ยอะไร พี่ใบบัวให้มาบอกว่าหมดเวลาแล้ว เดี๋ยวให้ฟานกับพิงค์มาคุยต่อ” ว่าแล้วมันก็เดินผละออกไป โดยไม่รู้เลยว่าข้อความมากมายที่ถูกส่งมานั้น มีแต่ชื่อของมัน...   


   ‘พี่เติร์ดดดดดดดดดดดดด’
   ‘เติร์ดนับสิบ OMG’
   ‘ทฤษฎีนี้เป็นจริงเหรอ ม่ายยยยยยยย’
   ‘เติร์ดชอบค่ายเหรอ’


   สำหรับเติร์ดไม่รู้หรอก แต่ค่ายชอบเติร์ดนะ...
   
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 12-07-2017 20:13:24

หนึ่งวันหมดลงพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่โหมเข้ามาเต็มอัตรา วันนี้ทุกคนทำงานหนักจริงๆ แม้แต่ไอ้ทูกับไอ้โบนก็ไม่น้อยหน้า สงสารแม่งที่ต้องถือกล้องจนแขนล้า ไอ้เติร์ดกับอยู่กับทีมเขียนบท มีผมไปแทรกบ้างตอนพี่อั้นเดินมาหาเพื่อตัดคู่แข่ง ส่วนตัวเองนั้นก็ไม่ได้ว่างอะไรกับเขาเลย

   ทั้งเลือกเพลง ตัดเพลง เทสเสียง หาเอฟเฟ็ก เหี้ยไรเยอะแยะเต็มไปหมด ข้าวก็กินข้าวกล่องที่สวัสดิการหาให้ กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีกลับห้องก็ปาไปโน่นเลยครับ สามทุ่ม! คุณค่าที่คนขาหักคู่ควร

   ไอ้เติร์ดขึ้นลิฟท์ตามผมมาถึงหน้าห้อง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่มีท่าทีว่าจะก้าวเข้าไปข้างในเลย ผมถึงได้ยืนอยู่หน้าประตูที่เปิดออกแล้วอย่างเก้อๆ

   “ไม่เข้ามาเหรอ”

   “ไม่อ่ะ” มันพูดพลางส่ายหน้า

   “สรุปไม่อยู่ดูแลกันจริงดิ” ผมถามเสียงอ่อย

   “ก็ดูมึงมาทั้งวันแล้วเนี่ย ให้กูพักบ้างเหอะสัด”

   อารมณ์ตอนนี้เหมือนเด็กขี้อายหัดมีความรัก ปกติเห็นใครน่ารักกูพุ่งเข้าใส่แทบละเลงกันคาที่ แต่นี่บอกเลยแม้แต่มือก็ยังไม่กล้าแตะ งุ้ยยยยยย

   “งั้น...อย่านอนดึกล่ะเดี๋ยวตาโหล” ย้ำกลับไปอีกครั้ง

   “มึงก็อย่าให้แผลโดนน้ำ”

   “ก่อนนอนเช็ดผมให้แห้งด้วย มึงมันพวกขี้เกียจ”

   “มึงก็เดินให้ระวัง อย่าไปเตะขาเตียงจนพังล่ะ”

   “พรุ่งนี้เช้าก็ไม่ต้องรีบตื่นแล้วขับรถเร็วๆ มารับกูนะ”

   “ถ้ามารับช้าก็ช่วยกินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”

   “หมดแล้วที่อยากบอก”

   “เออ”

   “พรุ่งนี้เจอกัน”

   “เจอกัน...”

   “ถึงแล้วโทรหาด้วย” หลังจบประโยคนี้ไอ้เติร์ดก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกนอกจากโบกมือส่งๆ เป็นเชิงไล่ แล้วผินตัวเดินกลับไปทางเดิมทิ้งให้เพื่อนคนนี้มองตามหลังจนกว่าจะลับสายตา

   ผมอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างระวัง พาตัวเองมานอนบนเตียง เปิดทีวีดูรายการบ้าบอคอแตกทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนติดทีวี ที่ผ่านมากูดูแต่หนัง เหนื่อยจนตาจะปิดฉิบหายแต่ก็ยังหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ว่างอยู่ข้างๆ แต่กลับไร้สัญญาณวี่วาวจากคนที่รอ

   อยากโทรไปถามนะครับว่าเป็นยังไง จะนอนหรือยังแต่ก็กลัวว่าไก่จะตื่น ได้แต่พะว้าพะวงอยู่คนเดียว หนักเข้าทนไม่ไหวเลยโทรไปเช็กสถานการณ์กับเพื่อนสนิทในกลุ่มอย่างไอ้โบนแทน

   รอสายไม่นานเจ้าตัวก็รับ...

   [ไง อดอยากเหรอมึง] เชี่ยนี่ก็คิดแต่เรื่องอกุศล แม้ความเป็นจริงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ

   “อยากเหี้ยอะไรล่ะ กูจะโทรมาถามว่าไอ้เติร์ดกลับมาหรือยัง เป็นห่วง ตอนนี้มันยังไม่โทรมาบอกกูเลยว่าถึงห้องแล้ว” คำพูดยาวเหยียดพ่นออกมา แต่ปลายสายก็ยังเชื่องช้าไม่กระตือรือร้นจะตอบ

   [...อืม ไม่รู้เหมือนกัน]

   “มึงอยู่คอนโดเดียวกับมันอ่ะ ทำไมไม่รู้วะ”

   [ไอ้ค่ายครับ อยู่คอนโดคนละชั้น จอดรถเสร็จก็ตัวใครตัวมันละ]

   “ทำไงดีวะ ไม่กล้าโทรไปรบกวนอ่ะ”

   [เดี๋ยวกูถามไอ้ทูให้] ว่าแล้วไอ้โบนก็เงียบเสียงไป ดีหน่อยที่ห้องของไอ้ทูอยู่ถัดไปไม่กี่ห้อง และมันก็เป็นคนเดียวที่ไอ้เติร์ดยอมเปิดใจจนหมดเปลือกด้วย ยังไงซะอีกฝ่ายก็ต้องรู้อะไรบ้างล่ะ

   [โหลมึง]

   “เออว่าไง”

   [แม่งนอนดูหนังอยู่ห้องไอ้ทูเนี่ย จะคุยกับมันมั้ย]

   “เชี่ยจริงดิ ตั้งตัวไม่ทัน กูตื่นเต้น”

   [จะเป็นส้นตีนอะไรก็คุยกันเองแล้วกัน] หัวใจของผมเต้นตึกตัก ไม่เคยคิดว่าเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันสองปีจะส่งผลต่อความรู้สึกได้มากมายขนาดนี้ แค่คิดว่าต้องคุยกับไอ้เติร์ด ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว

   ต่อหน้าก็ตื่นเต้นอย่าง ลับหลังแค่คุยโทรศัพท์ประสาทกูก็จะแดกแล้วครับ

   [ว่าไง] เชร้ดดดดดดดดดดดดดดด คนที่คุณรู้ว่าใครตอบมาแล้ว

   ทำไงให้หายจากอาการตื่นเต้นดี ร้องเพลงได้มั้ย ร้องเพลง...

   “เอ้าออกมาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ ตื่นออกจากรัง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่”

   […]

   “ของอร่อยที่สุดก็คือ….เมล็ดทานตะวัน”

   [กูควรรู้สึกยังไง] และสุดท้ายผมก็ได้รับน้ำเสียงโคตรเหม็นเบื่อเป็นการตอบกลับมา หัวใจกูแทบฝ่อ แต่ดีที่ลดอาการตื่นเต้นไปได้บ้าง

   “ทำไมไม่โทรบอกกูว่าถึงแล้ว คนแม่งเป็นห่วงไม่เข้าใจเหรอ” พอถึงนึกเหตุผลที่ตัดสินใจโทรหาไอ้โบน ผมก็งัดมาฉะกับอีกฝ่ายทันที

   [ไอ้ทูบอกมึงรู้แล้ว]

   “รู้เหี้ยไร กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ไอ้ทู ไอ้เพื่อนนรก!

   แม่งทำกูประสาทแดกไปหลายทีแล้วครับ สบโอกาสหน่อยมันจะหาเรื่องให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจ และครั้งนี้ก็ได้ผลอีก มีแต่กูเนี่ยแหละที่โง่ให้เพื่อนปั่นหัวเล่น โอ้โหของขึ้น หันไปเจอรีโมทเลยปาลงพื้นแม่งเลย

   [เออถึงแล้ว วางสายได้ยัง]

   “อาบน้ำแล้วเหรอ” ว่าแล้วก็หาเรื่องคุยต่ออีก

   [อาบแล้ว นอนดูหนังกับไอ้ทูเนี่ย]   

   “นอนตรงไหน โซฟาหรือเตียงห้องมัน”

   [เตียง]

   “กลับห้องไปเลย”

   [เป็นอะไรของมึงอีกเนี่ย]

   “แล้วดูเรื่องอะไรกัน”

   [Fifty shades of Gray] เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่ไอ้เติร์ด แต่เป็นเจ้าของห้องที่ผมอยากจะปารีโมทตรงพื้นข้ามคอนโดไปกระทบหัวมันอีกรอบ แล้วดูมัน ดูหนังเหี้ยอะไรแบบนั้นวะ!

   “ไอ้สัดทู มึงรีบปิดหนังแล้วไล่ไอ้เติร์ดไปนอนเดี๋ยวนี้” ในเมื่อพูดดีๆ ไม่ฟังก็จำต้องออกคำสั่งอย่างเหลืออด

   [อะไรวะ เพื่อนอยากดูหนัง]

   “หนังบ้าหนังบออะไรของมึง พรุ่งนี้มีเรียนเช้ารีบแยกย้ายเลย”

   [พรุ่งนี้เรียนบ่าย มีเวลานอนอีกเยอะ ยังไงแค่นี้นะ]

   “ไอ้ควายทูมึงอย่าริอาจวางสาย ให้กูอยู่ในสายต่อไปไม่งั้นกูจะลงไปโบกแท็กซี่ตามจิกหัวมึงเดี๋ยวนี้แหละ”

   [เออ! งั้นมึงควรขออนุญาตไอ้โบนแล้วกัน เพราะนี่เป็นมือถือมัน โอเค๊]

   แน่นอนว่าไอ้โบนอนุญาต ผมเลยสั่งมันให้ปักหลักอยู่ที่ห้องอีกแรง ดีที่มือถือเปิดลำโพงเอาไว้ ส่วนผมก็เอาหูฟังมาใส่ขณะดูทีวีไปสลับกับฟังเสียงคนคุยกันผ่านโทรศัพท์ไป

   ไอ้เติร์ดพูดน้อยมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่พูดจ้อไม่หยุด จะมีก็แต่เพื่อนรักสองคนเท่านั้นที่อู้ซี๊ดอ๊าซ์ออกมาไม่หยุดหลังจากดูหนังอิโรติกสะเทือนตับของพวกมัน

   นาฬิกาบนฝาผนังล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน จู่ๆ สายก็ตัดไป ผมตกใจมากพยายามกดโทรนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับเล่นเอาหงุดหงิดไปพักใหญ่ สักพักเบอร์เดิมก็ติดต่อกลับมาแต่เป็นการวิดีโอคอลหาแทน และภาพแรกที่ปรากฎในจอก็คือไอ้โหดสองตัว

   “พวกมึงเล่นเหี้ยไรกัน วางสายกูเพื่อ”

   [ชู่ววววววว..! หลับไปแล้ว บนเตียงกูด้วย โถๆ] เสียงที่ตอบกลับมาลดระดับลงมา ก่อนกล้องจะแพนไปที่ร่างขาวของใครบางคนที่ฟุบหลับบนเตียงไปแล้ว

   “คงจะเหนื่อย มึงอย่ากวนมันล่ะ”

   [เตียงกูมั้ยครับเพื่อน]

   “ตอนนี้เป็นเตียงไอ้เติร์ดแล้ว มึงไสหัวไปนอนโซฟาข้างนอกเลย”

   [ประสาท ปกติมันก็นอนกับกูอย่ามาทำตัวโง่]

   “รำคาญ”

   [อิจฉาอ่ะดิ คนไม่ได้อยู่ด้วยก็งี้แหละ ง่อววววววว] คนแรกที่ผมจะต่อยคว่ำในเช้าวันรุ่นขึ้นก็คือไอ้ทู จากนั้นตามมาที่ไอ้โบน กูจะเอาให้เลือดกบปาก โทษฐานทำให้รู้สึกริษยาอยู่ในใจแต่พูดออกไปไม่ได้เดี๋ยวจะเสียศักดิ์ศรี

   “อย่ายุ่งกับมัน ปล่อยแม่งนอนไป”

   [เหอะน่า แบตจะหมดละ มีอะไรอีกมั้ย] กล้องยังคงโฟกัสไปยังใบหน้าของคนที่หลับไม่รู้อิโหน่อิโหน่ และผมก็รู้สึกชอบทุกครั้งที่ได้มองหน้ามัน แม้จะผ่านทางจอมือถือก็ตาม

   “ฝันดีนะ เอ่อ ไอ้เติร์ด...”

   “...”

   “ทำไมน่ารัก”

   “...”

   “ขอรักได้มั้ย”

   [ไม่ได้นี่เพื่อนกู ไสหัวไปไกลๆ]

   ภาพสุดท้ายที่ปรากฏตรงหน้าก่อนจอจะดับไปไม่ใช่ใบหน้าขาวๆ ของไอ้เติร์ดอีก หากแต่เป็นง่ามตีนของไอ้ทูที่โผล่เข้ามาเพียงเสี้ยววินาที และนั่นทำให้ผมรีบปาหมอนข้างลงเตียงด้วยความโมโหอีกตามเคย

   ทำไมต้องกวนตีนกูตลอดด้วยวะไม่เข้าใจ

















   เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาตามปกติ แต่ที่ไม่ปกตินิดหน่อยคือขาที่ใส่เฝือกหนาหลายเซนซึ่งกำลังเป็นตัวถ่วงร่างกายตอนนี้มากกว่า บอกตามตรงว่าชีวิตแบบนี้กูเข็ดขยาดฉิบหาย ไม่เอาอีกแล้วครับลื่นไถลดุจสายชล ขาก็หัก รถก็พัง พ่อแม่ก็ด่า นี่กูเหลืออะไรบ้างในชีวิต

   พอลากสังขารลงจากเตียงได้ก็เดินกึ่งเขย่งไปยังห้องน้ำ ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง เมื่อก่อนมีเวลานั่งโบกครีมใส่น้ำหอม แต่ตอนนี้ขอแค่อาบน้ำแล้วออกมาแต่งตัวได้ก็บุญแค่ไหนแล้ว

   อาหารเช้าปกติผมจะกินนมกับขนมปัง บางวันก็อาหารอุ่นที่แม่ชอบซื้อมายัดใส่ตู้เย็นไว้ แต่...

   ด้วยความที่ขาหัก กินก็กินอย่างเดียวไม่ได้ซื้อของมาตุนเพิ่ม เช้านี้ข้าวกล่องและขนมปังเลยหมด อย่างที่รู้กันดีว่ากระเพาะของนายขุนพลซื่อตรงที่สุดในโลก กูจะไปเรียนแบบไม่แดกอะไรเลยไม่ได้

   ให้ลงไปซื้อข้างล่างก็ขี้เกียจเดินขึ้นๆ ลงๆ อีก แต่งตัวก็ยังไม่เสร็จเพราะใส่แต่เสื้อ กางเกงมีแค่บ็อกเซอร์ สภาพน่าสมเพชเวทนาไม่สมกับเป็นหนุ่มฮอตของนิเทศฯ เลย

   ผมเปิดตู้เย็นสำรวจของที่พอประทังชีวิต เจอไข่สองฟองกับแครอทดิบหนึ่งหัว หรือว่ากูจะลองแทะแครอทดิบๆ ดูวะ คิดได้เท่านั้นก็จัดการเอามันออกมาล้างจนสะอาด จากนั้นก็กัดไปคำหนึ่ง

   โอ้โห...ความแข็งนี่อยู่ในระดับที่หินแกรนิตเองยังต้องเรียกพี่ ไอ้สัด แข็งไม่พอเสือกไม่อร่อยอีกต่างหาก

   แดกแบบนี้กลัวลำไส้จะครากในสักวัน เลยเปลี่ยนไปจัดการไข่สองฟองที่เหลือในตู้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองทอดดูสักครั้งก็แล้วกัน

   ผมเป็นพวกโง่และไม่มีฝีมือในการทำอาหาร ที่อยู่รอดทุกวันนี้ได้ก็เพราะอาหารสำเร็จรูปพวกกดน้ำร้อน หรือยัดใส่ไมโครเวฟแล้วแดกแค่นั้น จะให้มานั่งต้มๆ แกงๆ แม่งโคตรไม่ใช่ทาง

   แต่วันนี้จะลองดูสักตั้ง

   ในห้องมีเตาไฟฟ้าที่ไม่เคยเปิดใช้ กับน้ำมันพืชขวดเล็กเท่าหรรมหมาพร้อมไข่อีกสองฟอง ทดลองทำไข่ดาวก่อนเป็นฟองแรก

   ผมเทน้ำมันใส่ จากนั้นก็ตอกไข่ลงไป

   เงียบกริบ ไม่มีแม้เสียงน้ำมันสาดกระเด็น...เศษไข่นี่ล่องลอยอยู่ในธารน้ำมันจนแทบผสมเป็นเนื้อเดียวกันเลย อ๋อ น้ำมันไม่ร้อนนี่เอง ไอ้ควายยยยยยยยยยยยย

   ก๊อกๆๆ

   ใช้เวลาก่นด่าตัวเองพักหนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมปิดเตาไฟฟ้าแล้วเดินเขย่งไปยังหน้าประตู นี่แม่งเหมือนทางของสวรรค์เลยว่ะ เพราะมันได้นำพาไอ้เติร์ดให้มายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

   “เติร์ด”

   “เออ เสร็จยัง” คำถามแรกจู่โจมเข้ามา แต่มึงช่วยดูสภาพกูตอนนี้ด้วยครับ

   “ยังเลย กูกำลังทำไข่ดาวอยู่”

   “ไข่ดาว ทำเป็นเหรอ”

   “เพิ่งลอง แต่ไข่แม่งไม่สุกอ่ะ” สิ้นสุดประโยคของผมร่างโปร่งก็เดินเข้าไปในครัวขนาดเล็ก ก้มหน้ามองวิญญาณไข่ที่อยู่ในน้ำมันอย่างเหนื่อยหน่าย

   “น้ำมันไม่ร้อน มึงรีบตอกไข่ลงเพื่อ?”

   “ก็ว่าอยู่”

   “ไข่แตกด้วย แม่งปนกันไปหมดแล้วเนี่ย”

   “แล้วทำไง”

   “เททิ้ง” ไม่ปล่อยให้กูได้ตั้งตัวเพื่อนรักก็จัดการเทลงซิงก์น้ำใกล้ๆ แล้วหันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ กับใบหน้าโคตรน่ารักของมัน “เดี๋ยวกูทำให้ ไปนั่งที่โต๊ะไป”

   “ใส่พริกไทยด้วย”

   “รู้แล้ว”

   “กูเอาซอสมะเขือเทศนะ”

   “กูเป็นขี้ข้ามึงหรือไง” ผมไม่ได้หนีไปนั่งตามคำสั่ง แต่ยืนมองคนตรงหน้าทำอาหารอย่างกระฉับกระเฉง แก๊งโหดเรามีกันอยู่สี่คน คนที่คอยเป็นพ่อครัวให้อิ่มท้องยามลำบากเสมอก็คือไอ้เติร์ดเนี่ยแหละ เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเลย แต่ตอนนี้ถ้ามีคนทำให้กินแบบนี้ทุกเช้าก็คงจะดี

   ไข่ดาวหนึ่งฟองวางอยู่บนโต๊ะ หน้าตามันดูดีมาก ไม่ได้ไหม้เกรียม และที่สำคัญเป็นไข่ดาวที่ผมโคตรชอบ

   “มึงจำได้ด้วยว่ากูชอบไข่แดงสุก”

   “เออ แดกไป”

   “หอมกลิ่นพริกไทย แถมมีซอสมะเขือเทศให้ด้วย”

   “จะกินอย่างหรู แต่ต้นทุนโคตรยาจกไง”

   “กินด้วยกันมั้ย”

   “แค่นี้ก็จะไม่พอยาไส้มึงแล้วครับ รีบกินจะได้รับแต่งตัวไปเรียน”

   “นั่งก่อนดิ ยืนเมื่อยนะเว้ย” ผมไม่ละความพยายามจนกว่าคนตรงหน้าจะทำตามคำสั่ง และถึงแม้ว่าไอ้เติร์ดจะทำหน้าไม่พอใจแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยอมจำนนให้กับคำขอของผมอยู่ดี

   ตอนนี้เลยได้แต่ตัดไข่ดาวกินไปคำ ชวนอีกฝ่ายพูดไปพลางเท่านั้น

   “เมื่อคืนดูหนังเหรอ”

   “อืม ดูกับไอ้ทูแล้วก็ไอ้โบน” ผมจำได้แต่เสียงไอ้สองตัวนั่นกำลังพากย์ฉากดุเดือดอย่างเมามัน

   “เรื่อง Fifty shade อ่ะนะ คิดอะไรกันอยู่วะ”

   “กูไม่ได้ลามกเหมือนมึง”

   “แล้วนอนห้องไอ้ทูถึงกี่โมง”

   “เช้า”

   “ต่อไปห้ามค้างห้องใคร ถ้ารู้ว่าดึกต้องรีบกลับก่อน”

   “เป็นพ่อหรือไงมาสั่ง”

   “เป็นพ่อทูนหัวได้มั้ย”

   “ปากอย่างนี้ดิถึงได้เกี้ยวสาวมาเยอะ บอกเลยมึงกลับไปเหี้ยได้เต็มที่ เอาให้สุด”

   “ว้า จริงๆ ไข่แดงมันไม่สุก” นอกจากหล่อแล้วก็ควรใช้ความกะล่อนปลิ้นปล้อนให้เป็นประโยชน์ การสนทนานั้นต้องทำยังไงก็ได้เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นอยู่ไม่กี่ประเด็น หนึ่งผู้หญิง และสองความเหี้ยในอดีต

   “กวนตีนฉิบหาย”

   “ชอบๆ รสชาติดีมาก”

   “อีกอย่างที่อยากบอก วันนี้ตอนเย็นกูคงมาส่งมึงไม่ได้ เลยฝากไอ้โบนไว้”

   “อะไรยังไง” ผมวางส้อมในมือลง แล้วหันไปสบสายตากับเจ้าของคำพูด กำลังอารมณ์ดีอยู่แล้วแม่งทำให้ขัดใจอีกจนได้

   “พี่เชนทร์ชวนไปกินข้าว”

   “ที่ไหน มึงซ้อมละครไม่ใช่เหรอจะออกไปได้ไง”

   “หลังจากนั้น”

   “มีใครอีก”

   “แล้วมึงจะถามเพื่อ”

   “มีไอ้พี่อั้นด้วยใช่มั้ย” ไอ้เติร์ดเงียบ ผมเลยเดาคำตอบได้ว่าใช่จริงๆ แล้วทำไมตอนที่ผมตั้งใจจะจีบมันต้องมีก้างขวางคอเข้ามาตลอดเลยวะ เมื่อวานก็ทำให้โมโหหลายทีจนหงุดหงิด วันนี้ยังมาชวนไอ้เติร์ดออกไปข้างนอกอีก

   “เติร์ด”

   “กูจะไปไหนก็เรื่องของกูป่ะวะ ทีตอนมึงจะเที่ยวไม่เห็นเพื่อนคนไหนจะว่ามึงเลย”

   “ก็ตอนนี้กูไม่ทำแล้วไง หรือถ้ากูจะไปไหนมึงก็ห้ามได้เต็มที่”

   “เพื่อนไม่ล้ำเส้นกันนะเว้ย เพราะงั้นกูจะไม่ทำอะไรไร้สาระอย่างนั้น”

   ความกรุ่นของอารมณ์ลากยาวตั้งแต่ช่วงเช้ามาจนถึงตอนเย็น ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ต่างๆ ในกองละครเวที ส่วนผมก็ต้องช่วยฝ่ายซาวน์ แต่ต้องยอมรับว่าสติมันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เพราะมองไปที่ไอ้เติร์ดทีไรมันก็อยู่แต่กับพี่อั้นซึ่งผมไม่ชอบ

   ตลอดทั้งวันวันนี้เราไม่ได้คุยกันมากนัก ต่างคนต่างตีมึนใส่กันขณะที่ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แม่งเรียกอาการนี้ว่ายังวะ หึงเหรอ เออ! หึงก็ได้

   “ฟาน ฉากนี้ฟานจะต้องเดินมาแต่สายตามองอีกทางนะ พอถึงตัวนางเอกก็ชนเลย” เสียงของพี่ใบบัวแทรกเข้ามาในหูเป็นบางครั้ง เนื่องจากแกเป็นคนที่มีเอเนอจี่สูงเพราะงั้นเลยดูไม่เหน็ดเหนื่อยอะไร

   พี่เชนทร์ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลในส่วนของการแสดงอยู่ ผมคุมเสียงให้เข้ากับฉากนั้นๆ ส่วนไอ้เติร์ดกับพี่อั้นแม่งยืนอยู่ด้วยกัน คอยดูการแสดงของพระนางในฉาก

   “เดี๋ยวๆ พิงค์ก็ยังไม่ได้ ลองใหม่” พี่เชนทร์ออกคำสั่ง

   พระเอกในเรื่องชื่อตฤณ ส่วนนางเอกชื่อข้าวโพด เวลาคนเรียกก็จะเรียกว่าโพดๆๆๆๆ แบบนี้ซ้ำๆ จนน้ำลายฟูมปาก ทั้งคู่เจอกันที่หอสมุด เดินชนกันเหมือนพล็อตน้ำเน่าทั่วไปนี่แหละครับ แต่ที่ไม่เหมือนคือฉากเดียวแสดงเป็นสิบรอบ

   “ฟานมึงเอาใหม่”

   ห้านาทีให้หลัง...

   “ยังไม่ได้ พิงค์ต้องไม่มองหน้าพระเอกสิ เราไม่เห็นกัน ต้องชนกันก่อน แล้วดึงอินเนอร์ออกมา” ยิ่งนานเข้านักแสดงก็ยิ่งเครียด พี่เชนทร์เลยสั่งหยุดชั่วขณะ

   “เติร์ดมึงเป็นคนเขียนบทนางเอก มาเล่นให้น้องดูหน่อย ไอ้ค่ายมานี่ดิ ยืมตัวพระเอกเก่าแป๊บ” แล้วขากูหักอยู่เนี่ยนะ แต่พอเห็นไอ้เติร์ดเท่านั้นแหละ ค่ายจิไม่สนหินสนแดดใดๆ

   รีบหยัดยืนเต็มความสูง วิ่งเขย่งๆ โดยไม่ใช้ไม้ค้ำยันไปด้านหน้า

   “ขาหักไม่เป็นไร กูจะให้มึงสื่ออารมณ์แค่หน้า อารมณ์ของคนที่กำลังจดจ่อกับอะไรสักอย่างแล้วไม่มองทางอ่ะ ส่วนมึงก็เหมือนกันเติร์ด ช่วยทำให้น้องมันดูหน่อย” คำขออันยืดยาวจากผู้ชายหุ่นหมีส่งมาให้เราทั้งคู่

   พี่เชนทร์แม่งเป็นคนฉลาด แต่วันนี้มันโง่มากครับที่ให้คนอารมณ์กรุ่นเหมือนภูเขาไฟเตรียมปะทุสองคนมาเผชิญหน้ากัน

   “เติร์ด เอาบทมานี่เดี๋ยวกูถือให้” พี่อั้นอาสา ผมนี่เหลือบตามองบนทันที

   แน่นอนว่าผมไม่สามารถเก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ได้

   “ฟาน พิงค์ดูไว้นะ มึงสองคนพร้อมหรือยัง”

   “ครับ”

   “งั้นเริ่มเลย”

   ผมกับไอ้เติร์ดเดินเร็วๆ มาจากคนละฟาก ก่อนจะถึงจุดปะทะเราไม่ได้มองหน้ากันเพราะกำลังทำการแสดงอยู่ กระทั่งช่วงไหล่ของผมกระแทกเข้ากับไอ้เติร์ดอย่างจังจนเหมือนจะเซ ตอนนั้นแหละที่เราได้สบตากันอีกครั้งแล้วกล่าวขอโทษไปตามบท

   “ขอโทษ” ผมพูดก่อน

   “ไม่เป็นไร” มันตอบกลับ หลังจากนั้นเราต้องเดินสวนกันเพื่อจบฉากนี้แต่เปล่าเลย ผมเหี้ยกว่านั้นเพราะเดินชนไหล่มันอีกรอบจนร่างโปร่งต้องหันกลับมามองตาขวาง

   “เฮ้ยโทษ” ผมรีบพูดแก้ต่างทันที แม้จะตั้งใจก็เถอะ

   ไอ้เติร์ดก็เหมือนไม่ยอมเมื่อมันนอกบทหันตัวกลับมาคล้ายจะเดินไปอีกทาง แต่เท้าของมันเสือกเหยียบตีนข้างที่ไม่เจ็บของผมอย่างแรง

   “อุ๊ยโทษ! เผลอเหยียบตีน”   

   แล้วคิดเหรอว่าคนอย่างกูจะยอม จัดการเอื้อมมือไปผลักกะหม่อมบางทีหนึ่งพร้อมกับพ่นคำพูดสุดตอแหลใส่

   “ขอโทษน้า มือเผลอไปโดน”

   “โทษๆ”

   แต่คราวนี้มันเล่นผลักไหล่จนผมแทบหงายหลัง ถ้าไม่ติดว่าขาที่พยุงเอาไว้ยังพอมีแรงยึดอยู่บ้าง ตอนนี้คงได้หน้าหงายไปแล้วจริงๆ

   ผมหันไปจ้องหน้าไอ้เติร์ดแน่นิ่ง กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมหยุดเพราะเล่นเอาหัวมาโขกหน้าผากผมอย่างแรงจนเกิดเสียงดังกึก...

   “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”

   วินาทีนั้นสติกูขาดผึงรีบคว้าหน้าไอ้เติร์ดเอาไว้ ก่อนจะกดปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากนุ่มอย่างแรง

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”

   เสียงหวีดร้องของคนที่อยู่บริเวณนั้นดังขึ้น ผมผละจากไอ้คนดื้อด้านหลังจากนั้นไม่นานก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดกวนตีน

   “ขอโทษ”

   “...”

   “พอดีตั้งใจ”

 


ง่อวววววว ค่ายเอ๊ย
โดนดีแน่ค่ายเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 12-07-2017 20:24:05
 :z13:
อ่านแล้วยิ้มไม่หยุดเลย ฮืออ หมั่นไส้ค่ายมาก 5555555555
ชอบพอดีตั้งใจจัง  :hao7:
อิค่ายน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ยังกากอยู่ดี 5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 12-07-2017 20:26:35
ค่ายมีความน่ารัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-07-2017 20:28:29
ถ้าอีค่ายจะไม่ตั้งใจละเป็นงี้ต้องไม่ตั้งใจบ่อยๆแล้วล้าาาา  :katai2-1: :katai3:
ตบหน้าอีหอยพี่อั้นรัวๆ
เติร์ดอย่าด่านะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 12-07-2017 20:36:43
เป็นนิยายสายมึนสมกะจิตติละ5555
เหมือนจะหึงแล้วดราม่า เอ้าา!ตลกเฉย  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 12-07-2017 20:46:50
นังค่ายยยยยย  :m20:
ตอนนี้เหมือนจะหวานนะแต่ตลกไปหมดเลยอ่ะ โอยยยยย
อาจารย์อย่าแกล้งค่ายสิคะ หวัยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 12-07-2017 20:47:49
ง่อววววว ต่อด่วน ง่อววววว

อิค่ายยย จงทำดี จงทำดี เฮ่!!

โดนแน่ๆ เอ็งงงงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 12-07-2017 21:25:26
โว้ยยยยยยยยยยย ค่ายวินเด้องานนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 12-07-2017 21:27:08
โอ๊ยยยย นังค่ายยยย!!! ทำดีลูก ทำต่อไป!

รำอิพี่อั้นมากค่ะ จะเข้ามาก็ไม่มีปัญญาเข้ามาดีๆ ทำไมต้องสุมไฟ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-07-2017 21:31:38
ฮี่ฮี่ สาแก่ใจแม่ยกค่าย (เปลี่ยนมาเชียร์ตอนมันเดี้ยงนี่แหละ) เติร์ดดื้อนักต้องเจอสั่งสอน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 12-07-2017 21:37:12
ค่าย เริ่มเกรียนหนักขึ้นทุกวัน
เริ่มลำไยพี่อั้น

เติร์ดก็เหมือนตั้งกำแพงสูงไปอีก
ไม่อยากเจ็บล่ะสิ
แต่โดนจูบอีกแล้วนะ

ขอบคุณที่มาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-07-2017 21:47:53
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 12-07-2017 21:49:34
ง่อววววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 12-07-2017 21:51:47
มีความกล้ามาก55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 12-07-2017 21:56:27
พี่พ่าย สู้เขานะ เชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-07-2017 21:57:31
 :katai1: :katai1: :katai1:อ่าจะอ่านอีกอะ :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: VaLyn_TM ที่ 12-07-2017 22:03:34
โอ้โห ชนะเลิศ!!!!!! ทำดีค่ะอิค่าย เอาอีกๆ  :hao6: :hao6:
ต้องให้ได้อย่างนี้สิ เอาให้รู้กันทั้งมหาลัยเลยว่าเติร์ดของใคร 55 o13 o13
ถึงแม้จะยังกินแห้ว แต่กันคนนอกไว้ก่อนดีที่สุด
ยิ่งตอนนี้อิพี่อั้นก็ป้วนเปี้ยนไม่ห่าง ไปไกลๆเมียคนอื่นค่ะ รำคาญสุดจะทน :katai4:
สู้ค่ะอิค่าย เติร์ดมันปากแข็งไปงั้นแหละ ตอนนี้ใจมันสั่นไม่เหลือแล้ว เรารู้นะ ฮิๆๆ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 12-07-2017 22:07:37
โอ้หม่ายก้อดดดด พิค่ายยยย  :hao7: :hao7: :hao7:

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 12-07-2017 22:10:05
อีค่ายยยยยย อีผี อีบ้า มันต้องอย่างนี น้องค่ายตัวจริงของเจ้ 5555555555 ต้องหน้าด้านขนาดไหนถามใจตัวเองดู
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-07-2017 22:11:59
กร๊าสสสสสสสสสสส กรี๊ดดดดดดดดด กร๊าดดดดดดด

ไม่ใช่สแปมแต่พูดไรไม่ได้แล้วนอกจาก

การี๊ดดดดดดดดดดดดด :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 12-07-2017 22:14:16
โอ๊ยยยยน้องค่ายยยลูกกกกก
ก่อเรื่องอีกแล้ววว
เกือบจะดีอยู่แล้วอ่ะ
ตอนหน้าอย่ามาร้องไห้ นั่งซึมนะ ไม่โอ๋จริงๆด้วย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-07-2017 22:36:16
โดนแน่ๆอิค่ายเอ้ย หาเรื่องให้ตัวเองอีกละ เดี๋ยวเถอะจะเจอดราม่าอีกรอบแล้วอย่ามาหงอนะ

ปล. ฉากไปหาหมอนี่ ถ้าเราเป็นหมอคงไล่ตะเพิดมันออกนอกห้องอะ รำคาญ!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 12-07-2017 22:36:46
โอ้ยยย อิค่าย คุณมึงจะเป็นคนดีบ้างไหมเนี่ยยย ทำแต่ละอย่างง จ๊ะ เอาเลยจ่ะ แล้วเติร์ดมันจะโกรธม้ะะไปจูบเค้ากลางสาธาระณะเนี่ยย  ถถถถถ เติร์ดหอมแก้มกลับเลอะ 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 12-07-2017 22:42:03
ค่ายสู้ว้อย สกิลยังกากอยู่เล้ยย  :fire:
พี่อั้นมันทำคะแนนไปถึงไหนแล้ววว  :m16:
ทูกับโบนเร่งหน่อยโว้ยยยยยยยย  :angry2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ก๊าบก๊าบ ที่ 12-07-2017 22:52:33
เอาล่าววววววววว ขุนพลคนจริง โดนพี่เติร์ดเล่นแน่ๆ 55555555  :z2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-07-2017 23:00:57
ค่ายควรโดนตบนะ

นอกจากกากแล้ว ยังแกล้งเขาแบบไม่น่ารักเลย ทำเขาอายต่อหน้าคนมากมาย ไม่ดีนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 12-07-2017 23:04:18
คือตึงๆ ใส่กันอยู่จริงดิ ทำไมอยู่ดีๆ  แล้วมาเต๊าะกันได้หว่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 12-07-2017 23:08:46
ค่ายทำดีแล้ว ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 12-07-2017 23:43:50
อ่านคู่ค่ายเติร์ดแล้วชอบนึกถึง...มาร์คมีน.....มันใช่เลยถ้าพี่จิตติเอาสองคนนี้มาเป็นอิมเมจคงเหมาะค่ะ.....สำหรับตอนนี้คิดว่าค่ายเมื่อไรจะหายกากนะ..อยากรู้ความรู้สึกของเติร์ดด้วยค่ะว่าคิดไงกับความเยอะที่ค่ายมีให้...จะเริ่มรู้หรือยังว่าค่ายพยายามจีบตัวเองอยู่...แต่ดูท่าแล้วจะไม่รู้แน่ๆ...แต่หวั่นไหวด้วยหรือเปล่านะ...นานๆทีพี่จิตติจะอัพตอนใหม่ก็ขอเม้นท์เยอะหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 12-07-2017 23:57:08
ความกาก ความเกรียน ความกวนตีนนี้ อีค่ายเอ๊ย
เติร์ดว่าไง ถ้าค่ายโดนตบก็จะไม่สงสัยเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 13-07-2017 00:02:23
เจ๋งมากค่ายเราเชียร์นาย o13 o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-07-2017 00:20:39
อิค่ายทำอะไร!! (จิกหมอนขาด งื้อ~)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 13-07-2017 00:37:02
แกรรรรรร๊ อิค่ายยย แกทำอาร๊ายย
อร๊ายยย กรี๊ดดดด ท่ามกลางฝูงชน
นุ้งเติร์ดไม่เอาไว้แน่ๆ 5555
ช่วงนี้อิค่ายกล้าและหน้าด้านมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 13-07-2017 01:00:28
เอาแล้วเว่ยยย  ค่ายรุกหนักจัดเต็มมากวุ้ยยยย  ฮ่าาาาๆๆๆๆ
อยากอ่านความคิดของเติร์ดจังเลยยยย  เติร์ดเริ่มกลับมาหวั่นไหวกับมุกจีบจริงจังของค่ายคนนี้รึยังจ๊ะ 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 13-07-2017 01:13:38
ยังๆ ยังไม่เข็ดนะค่าย เดี๋ยวเติร์ดก็โกรธอีกหรอก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 13-07-2017 01:17:13
อิค่ายนอกบทไปดาวอังคารแล้ววว ชอบอิมเมจพระเอกเอาแต่ใจมากๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 13-07-2017 01:18:54
เกลียดอิค่าย สงสารอิค่าย แต่ชั้้นก็รักนางงงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: tamji ที่ 13-07-2017 03:33:38
เปิดเผยที่ซู้ดดดดดด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-07-2017 06:50:29
นี้มันช่วงเวลาเอาคืนชัดๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-07-2017 08:17:16
เติร์ดเอ้ยยยย ใจแข็งกับอิค่ายว่ายากแล้ว ยังต้องทำใจให้ได้อีกว่า ถ้าคบกับมันแล้วมันยังจะพริ้วเป็นปลาไหลติดล้อแบบนี้อันเป็นปกติของมัน เติร์ดจะไหวไหม? 5555 แต่เชื่อในความตอแหลของอิค่ายจริงๆ บทจะรัก บทจะเอ็นดูเติร์ดมันขึ้นมา อิค่ายนี่เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลัง....มือมากอ่ะ ทั้งหมั่นใส้ ทั้งเอ็นดูมัน 55555 เอ้าสู้ๆ นะค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 13-07-2017 09:37:03
ค่ายยยยย ทำอารายแบบนั้นนนนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 13-07-2017 10:51:50
 :hao3: หลังจากนี้น่ะสิ น่าสนใจ! คงจะโดนดีมิใช่น้อย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 13-07-2017 11:18:32
มอบให้ค่าย 1 คะแนนค่า 5555555 จบจากนี้แล้วมีคนโดนโกรธแน่นอนค่ะ อิอิ ป.ล. ค่ายมันร้ายกาจยิ่งนัก ><
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 13-07-2017 11:48:06
อิค่ายทำฉันสาแก่ใจมาก พักหลังๆ เริ่มรำลูกเติร์ด ท่ามากเหลือเกินอิหนู 5555
ก็ลุ้นกันต่อไปค่ะ ว่าตอนหน้าอิค่ายจะหัวแตกหรือตาช้ำ วิบากกรรมอ่ะเนาะค่ายเนาะ ทำใจ /ตบบ่า

ยังไม่หายรำพี่เชนทร์นะ น่ารำคาญกว่าทุกผู้ทุกคน 5555
แอบเดาไว้ไว้นิดนึงในใจว่าอิพี่มันน่าจะอยากช่วยน้องสุดที่รักมากกว่า แต่พี่ไม่ยั่วโมโหอีค่ายคนเดียวสิพี่ พี่ยั่วโมโหหนูด้วยเนี่ย รำำำำ
 รีบเคลียร์แต่ละประเด็นไวๆ เถ๊อะ เดี๋ยวได้เกลียดพี่เชนทร์จริงๆ 5555 กวนตีนไม่ใช่เล่น แม้ตอนนี้จะมีความดีความชอบ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 13-07-2017 12:38:17
อื้อหื้ออ.. อิค่าย...
ขาหักยังไม่เจียม.. ไปดูดปากเขาอี๊กกก...
จะโดนเติร์ด ตบกระบาลมั้ยเนี้ยยย..
เห้ออออ.. :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Snowy-p ที่ 13-07-2017 13:01:18
อิพี่ค่ายยยย รุกหนักมากจริงๆ ยอมล้าวววว
ปล.อยากอ่านฝั่งน้องเติร์ดแล้ว ตัดใจจากอิพี่ได้จริงๆเหรอ หวั่นไหวกับพี่มันหน่อยนะ สงสารพี่มัน :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 13-07-2017 13:06:13
โอ๊ยยยยยชอบค่ายมาก 5555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: gulnie ที่ 13-07-2017 14:17:54
โอ๊ยยยชอบมากกกก มาต่อไวๆนะคะ รักกกกกก :ling1: :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-07-2017 14:30:20
นี่น้อยใจแทนค่าไปสามร้อยสี่สิบรอบ

แต่มั่นไส้มันไง เมื่อก่อนน้องเตริดของเบนก็รู้สึกแบบนี้แหละ 55555



มุงเละแน่ค่าย ทำอะไรไม่อายประชาชี  :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 13-07-2017 17:24:05
ตอนหน้าอีค่ายเป็นศพอ่ะ พูดเลย  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 13-07-2017 18:29:41
อิค่ายแบบนี้ก็ได้หรอ55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 13-07-2017 19:27:04
ค่าย :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: Lord Art ที่ 13-07-2017 19:27:50
รู้สึกเหมือนได้ลอยไปในอากาศน่ารัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 13-07-2017 19:57:10
นังค่ายยยย คนผีทัลเล๊  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-07-2017 20:36:31
กรี๊ดดดดดดดด อีค่าย  คนอ่านยังไม่ได้ตั้งกล้อง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-07-2017 21:27:27
อิค่ายรุกได้รุกเอาเลยนะ ยังไม่ได้หวานกันเลยแอดวานซ์ไปจุบเค้าซะละ
ขอแช่งให้อิเติร์ดโกรธหมั่นไส้ ไม่ทันทำดีกับเค้าเท่าไหร่จะมาเรียกร้องอะไรกับเค้าเยอะแยะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 13-07-2017 22:00:06
ช็อคกันไปหมดแล้วม้างงงงงงงงไม่ธรรมดาจริงๆค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-07-2017 22:15:15
โหหหหหห เด็ดมากอิค่าย 55555555 เอาอีกๆ รุกเยอะๆ รุกบ่อยๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 13-07-2017 22:19:31
 :oo1:่
มันต้องอย่างงี้ซิลูก
เป็นพระเอกหล่อเลว แนวเรามันต้องอย่างงี้ 5555
จีบแบบกากๆกวนทีน มิสนหินมนแดดใดๆ  :laugh:
มันด้านจริงๆ โดนใจแม่ยกนัก :m20:
แอบคิดว่าทั้งหมดที่ค่ายทำเติร์ดรู้ทุกอย่างแต่ต้องแอ๊บไว้เพื่อดัดนิสัยอิค่ายมัน จริงม่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 13-07-2017 22:47:51
อิค่ายยย อิค่ายยยย ฮืออออออ เขินนน อมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 13-07-2017 23:10:43
โอ้ย อิค่ายยยยย
ใจเย็นสิว้อยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 13-07-2017 23:28:02
อิค่ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: miejhx_ ที่ 14-07-2017 03:19:13
เออ คนก็บอกค่ายน่ารักแต่พ่วงยศให้ว่าอีค่ายทุกคนเลย ด้วยรักและเกลียดชังที่แท้จริง55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 14-07-2017 10:32:11
 :hao6: โอ้ยยยย ชอบมากๆๆ ชอบตอนอิพระเอกรุกเนี่ยแหละ นี่แหละน้า คนรู้ตัวช้า ที่จริงรักเทอซั่มเหมอ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-07-2017 10:39:38
อ่านไปด้วยความหวั่นใจว่าอิค่ายจะโดนอะไรอีกมั้ย
แต่ตอนนนี้อิค่ายทำดีค่าาาาาาาา
รำคาญพี่อั้นอะ ไปไกลๆเติร์ดเลยนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 14-07-2017 16:48:12
วรั้ยตรั่ยแล้วววนังค่ายย เป็นเรื่องแน่แก เดี๋ยว3มีปั้นปึ่งนะเหวยย :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-07-2017 16:50:34
ใครจะไปคิดว่าแกจริงจังคะอีค่าย
ทำเป็นเล่นตลอด
เดี๋ยวแถ เดี๋ยวแหล เดี๋ยวแรด แถมยังไปกวนตีนเขาอีก
โอ๊ยยยยยยยยยยย..ปวดกบาล
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 14-07-2017 21:53:48
อิค่ายเป็นเอามาก ประกาศศักดาสุดดดดดด  555555555555
แต่ชั้นเชียร์แกอยู่นะ หวังว่าน้องเติร์ดจะไม่ใจร้ายกับแกอีก

ส่วนน้องเติร์ดคะ มันทำเราเจ็บมาเยอะ อย่าไปใจอ่อนให้ง่ายๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 14-07-2017 23:46:28
สู้ๆ นะ ค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: KM8WS ที่ 15-07-2017 07:32:40
อิพี่ค่ายทำดีมากกก ทำต่อไป กรี๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: daisyskies ที่ 15-07-2017 16:19:22
ในตอนนี้บอกได้เลยว่า
เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ!'
ในที่สุดดดด พระเอกก็เริ่มทำอะไรๆแบบพระเอกทั่วไปแล้ว55555
พยายามเข้านะอิค่ายเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 15-07-2017 18:31:33
จะโดนเติร์ดซัดหน้าเอาไม๊อ่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-07-2017 22:22:18
55555 สมใจค่ายเลยทีเดียว หลังจากหงุดหงิดมาข้ามวันข้ามคืน

เติร์ดไม่ได้ใจแข็งหรอก แต่ใจอ่อนไม่ลงมากกว่า ค่ายทำแต่ละอย่าง น่ายอมมาก

ค่ายตลก หึงบ้าบอ หวงไปเรื่อย พอรู้ว่ารักแล้วไม่มีเก็บอาการเลยนะ

ฮาโบนทูมาก จะแหย่ค่ายไปทำเพื่อ แต่เห็นแล้วคงสนุกจริง 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 17-07-2017 20:37:24

ตอนที่ 12
ถ้าอยากจะรุกทำไมต้องปิด



   ตุบ!

   ร่างของผมถูกผลักจนก้นจ้ำเบ้า และคนที่ลงมืออุกฉกรรจ์ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะมันคือคนเดียวกันกับที่ผมบี้ปากจนพอใจตรงหน้านี่แหละ สังเกตจากสีหน้ามันตอนนี้แม่งคงโกรธจนอยากเผาผมให้ตายทั้งเป็น

   “ทำเหี้ยไรวะ!” ยังไม่ทันได้หยัดกายขึ้น ไอ้เติร์ดก็ตั้งท่าถลาเข้ามาซ้ำผมอีกรอบ ดีที่ได้สต๊าฟที่อยู่โดยรอบมาช่วยชีวิตเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากคิดสภาพตัวเลยว่าจะเละด้วยตีนมันแค่ไหน

   พี่ใบบัวเข้ามาช่วยผมคนแรก ก่อนพี่เชนทร์จะเข้าไปแยกไอ้เติร์ดออกบ้าง

   “มึงนอกบททำไมวะไอ้ค่าย” หลังถูกพยุงให้ลุกขึ้นยืนด้วยสองขา คนที่โพล่งประเด็นนี้ขึ้นมาก็คือพี่อั้น เห็นแม่งจ้องกูมานานแล้วบวกกับความขุ่นข้องหมองใจที่มีตั้งแต่แรก ส่งผลให้ผมตอกกลับไปแบบไม่ถนอมน้ำใจคนฟังเท่าไหร่ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่ากวนตีนนั่นเอง

   “ผมไม่ได้นอกบทนะ ก็เห็นคุ้นๆ ว่ามันมี”

   “คุ้นมาจากไหนไม่ทราบ กูไม่เคยเขียน” ไอ้เติร์ดเถียงกลับปากสั่นคอสั่น เห็นแล้วสงสารมากครับ อยากเดินเข้าไปหาแล้วขยี้ปากอีกรอบให้ระบม เกลียดการเบะปากของแม่งฉิบหาย น่ารักไม่บันยะบันยังสายตากูเลย

   “คุ้นมาจากบทพระเอกที่เคยท่องเมื่อนานมาแล้วไง อะไรว้า พลาดนิดพลาดหน่อยจะซ้ำกันเลยเหรอ” ผมตีหน้าตอแหลใส่ไปทีนึง ทุกคนก็พร้อมให้อภัยและแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน จะมีก็แต่ไอ้โบนเนี่ยแหละที่ยึดผมเอาไว้พร้อมกับกระซิบประโยคหนึ่งอย่างรู้ทัน

   “ทำดีว่ะ”

   “กูใครครับ กูเพื่อนมึง”

   “แต่ระวังไอ้ทูด้วย แม่งจ้องเหมือนจะแดกหัวมึงได้อยู่ละ” ผมหันขวับไปยังบุคคลที่สาม อูย...แม่งจ้องจะเอากูหนักจริงๆ ไม่รู้เป็นห่าอะไร ช่วงหลังมานี้แม้ไอ้ทูจะบอกว่าอยากช่วยผมจริงๆ แต่ใจมันกลับเป็นปรปักษ์เพราะสุดท้ายมันก็เข้าข้างไอ้เติร์ดมากกว่า   

   “มันไม่อยู่ทีมกูแล้วเหรอวะ”

   “มันก็ช่วยมึงเนี่ยแหละ แต่มึงก็อย่าโง่สิ ไอ้เติร์ดเป็นเพื่อนรักมันนะ” จึ่ก! คำว่าโง่เสียดแทงเข้ามาในหัวใจ เอาจริง ตั้งแต่รู้หัวใจตัวเอง มีใครไม่ด่ากูว่าโง่รัวๆ บ้างวะ

   “แล้วกูไม่ใช่เพื่อนรักเหรอ”

   “คนเหี้ยๆ อย่างมึงยังกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับไอ้เติร์ดอีกนะ” จึ่กที่สอง

   “ก็คนมันผิดไปแล้ว กำลังแก้ไขตัวเองอยู่นี่ไง”

   “งั้นรีบเลย แม่งเดินงอนไปโน่นละ” ไอ้โบนตบบ่าให้กำลังใจ ผมเลยรีบก้าวเท้าตามเพื่อนสนิทที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งออกจากห้องซ้อมอย่างรีบเร่ง ไอ้เติร์ดหนีมาที่ห้องน้ำ ผมเห็นมันเอาแต่วักน้ำลูบหน้าไปมาหากแต่สายตาที่เงยมองกระจกเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ

   “ล้างหน้าแรงขนาดนั้นเดี๋ยวผิวก็แดงหมดหรอก” ไม่รู้หรอกว่าระดับความโกรธของไอ้เติร์ดอยู่ในจุดไหน แต่ก็คิดว่าคงมากพอจะต่อยปากผมแรงๆ ได้

   แต่กูไม่กลัวหรอก นอกจากเดินเข้าใกล้กับอีกฝ่ายพร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ พลางมองคนที่อยู่ข้างๆ ไม่คลาดสายตา

   ผมชอบมันจริงๆ นะ ชอบจนอดใจไม่ไหว ผู้ชายต่างรู้กันดีว่าเสือหิววัยกลัดมันถ้าไม่ได้ปลดปล่อยอาการมันจะเป็นยังไง และผมก็คือไอ้เสือตัวนั้น

   “โกรธกูเหรอ” ผมพูดเสียงอ้อน ถ้ามีแจกรางวัลให้เด็กสาขาภาพยนตร์ก็ต้องยกให้กูเนี่ยแหละเพราะผมคงคว้ารางวัลตอแหลแห่งปีไปแบบไม่มีเงื่อนไข

   “ไปไกลๆ ตีนไป”

   “โกรธจริงว่ะ ง้อ~” พูดไปก็สะกิดไหล่ไอ้เติร์ดยิกๆ

   “มึงทำเหี้ยอะไรลงไปวะ” อารมณ์มาเต็ม สิ่งที่ทำได้คือการเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ดีที่ตัวเองมีทักษะแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น ไม่งั้นคงเกี้ยวสาวไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้มันยากกว่าตรงที่คนข้างๆ ไม่ใช่ใครอื่น มันคือเพื่อนสนิทแถมยังรู้สึกจริงจังจนไม่อยากเสียมันไปอีกต่างหาก

   “กูขอโทษที่ทำให้มึงรู้สึกอาย”

   “มันไม่ใช่เรื่องนั้น ไอ้ค่ายกูจะถามย้ำมึงอีกสักครั้ง เราเป็นเพื่อนกันมานานเท่าไหร่แล้ววะ” นัยน์ตานั้นแฝงความจริงจัง ผมเลยไม่กล้าเล่นอีก

   “สองปีกว่า”

   “นั่นดิ กูเป็นเพื่อนมึงมานานขนาดนี้ มึงยังทำร้ายกูไม่พออีกเหรอวะ”

   “เดี๋ยวเติร์ด มึงหมายถึงอะไร”

   “ก็เรื่องเหี้ยๆ ที่มึงทำกับกู เล่นกับความรู้สึกของกูอยู่นี่ไง เพื่ออะไรวะ ต้องการให้กูรู้สึกหวั่นไหว ต้องการปั่นหัวกูเล่นนี่คือสิ่งที่มึงต้องการใช่มั้ย”

   “มันไม่ใช่แบบนั้น” ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์แล้วหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เติร์ดตรงๆ

   “กูรู้แล้วว่ามึงกับแพรวไม่ได้คบกัน มึงตั้งใจจะปั่นหัวกู”

   “กูก็รู้แล้วว่ามึงไม่ได้ชอบกูแค่เพื่อน”

   “…!”

   การโต้เถียงหยุดชะงัก เราต่างเงียบใส่กันแต่ผมก็ยังสังเกตเห็นดวงตาที่ไหวระริกของคนตรงหน้าอยู่ ผมไม่อยากหลอกไอ้เติร์ดอีกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้มันเชื่อใจ อยากให้มันเป็นคนสำคัญที่สุด

   ผมเอะใจมาพักใหญ่แล้วว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของมันอาจเกิดมาจากความลับเรื่องแพรว ซึ่งแม่งก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ วันนี้เมื่อได้โอกาสก็ไม่อยากยื้อเอาไว้อีก ถึงพูดไป...ต่อให้ไอ้เติร์ดเหมือนเดิมหรือเกลียดผมมากขึ้น มันก็คงถึงจุดที่ควรยอมรับความจริงได้แล้ว

   “ไอ้เติร์ด เราหันหน้ามาคุยกันดีๆ เหอะว่ะ” ดวงตาที่มองกลับมาฉายแววแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ ผมสงสารเลยดึงมันมากอดแต่เจ้าตัวก็ผลักอกผมอย่างแรงไม่ให้เข้าใกล้

   ความเป็นเพื่อนของเรามันหมดไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันที่กูรู้ใจตัวเองว่าไม่ได้รักมึงแค่เพื่อน

   แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ผมได้สูญเสียไอ้เติร์ดไปเพราะความเหี้ยของตัวเอง ผมแค่อยากแก้ไข เพื่อที่สุดท้ายเราจะกลับมารักกันได้

   “กูรู้แล้วว่ามึงชอบกู รู้ตั้งแต่วันที่ได้ดูวิดีโอบอกรักของมึงในยูทูบ รู้ทุกอย่าง...”

   “แล้วมึง...ก็รังเกียจกูใช่มั้ย” ใบหน้ากับรอยยิ้มเย็นของไอ้เติร์ดกำลังบอกกับผมว่ารู้สึกสมเพชตัวเองมากแค่ไหน

   “ใช่”

   “...!”

   “ใช่กูเคยคิดอย่างนั้น กูรู้สึกแย่มากที่มึงคิดกับกูเกินเลย รู้สึกแย่ที่เพื่อนในกลุ่มปกปิดความจริงจนกูเหมือนคนโง่ มึงรู้อะไรมั้ยว่ากูผ่านอะไรมาบ้างในการตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆ อยู่คนเดียว กูขอให้แพรวช่วยมาเป็นแฟนปลอมๆ กูแกล้งจูบมึงแล้วเรียกชื่อเขา ทุกอย่างที่ทำไปกูตั้งใจ”

   “เพื่ออะไรวะ” คนฟังถามกลับ ดวงตาที่แดงก่ำในคราแรกมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ แต่เจ้าตัวก็พยายามกะพริบตาถี่เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

   “เพื่อให้มึงตัดใจไง ทุกอย่างที่ทำไปเพราะความโง่ของกูล้วนๆ แล้วมึงรู้อะไรมั้ย...กูหนีตัวตนของตัวเอง กูพยายามกลับไปทำตัวเหี้ยๆ เหมือนเดิม มั่วผู้หญิงเหมือนเดิมเพื่อปลอบใจตัวเองว่ากูไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายกูก็คิดถึงมึง”

   “...”

   “เพราะขาดมึงไม่ได้กูเลยต้องกลับมา เพราะความสัมพันธ์บ้าๆ ของเรามันเปลี่ยนเป็นรักไปแล้วกูถึงกลับมาแก้ตัว มาขอโอกาสจากมึงแม้มันจะสายไปแล้ว”

   “ทั้งที่รู้ว่ากูชอบมึงก็ยังปกปิด มีความสุขใช่มั้ยที่เห็นกูโง่ขนาดนี้”

   “นั่นเพราะกูไม่อยากเสียมึงไปต่างหาก เพราะมึงเปลี่ยนไปกูถึงไม่พูด ไอ้ทูแม่งบอกว่ามึงตัดใจแล้วกูเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเรื่องโง่ๆ เหมือนที่เป็นอยู่นี่ไง”

   “ใช่ กูตัดใจจากมึงแล้ว งั้นเลิกทำเรื่องโง่ๆ นี่สักทีเหอะว่ะ” น้ำเสียงขึ้นจมูกตอบกลับมา ผมอยากกอดมันอีกครั้งแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ฟังความคิดเห็นของคนตรงหน้าต่อไป “ไอ้ค่ายกูรู้จักมึงดี ความจริงแล้วมึงไม่ได้ชอบกูหรอก”

   “รู้จักกูดีแค่ไหนถึงพูดแบบนี้ออกมาวะ” บางทีผมก็อยากจับไอ้เติร์ดมาตีก้นแรงๆ ขนาดกูกว่าจะรู้ใจตัวเองยังแทบตายเลย แต่ไอ้บ้านี่เสือกบอกว่ารู้ดีไปกว่ากูอีก

   “มึงมันพวกโลเลเปลี่ยนใจไปตามสถานการณ์ ถ้าไม่บังเอิญรู้ว่ากูแอบชอบ มึงไม่มีทางชอบกูกลับหรอก”

   “อาจเป็นอย่างนั้น แต่สักวันกูก็คงรู้ด้วยตัวเองอยู่ดี ความสัมพันธ์เราเป็นแบบไหนวะ ผูกพันแบบเพื่อนสนิทในกลุ่มแค่นั้นเหรอ มึงพิเศษกว่านั้นแต่เมื่อก่อนกูแค่ไม่รู้ว่ามันพิเศษยังไง”

   “...”

   “กูไม่เคยคิดถึงอนาคตที่ไม่มีมึง เรียนจบไปแล้วก็คิดว่าต้องทำงานกับมึง เจอกันทุกวัน ในหัวกูคิดแบบนั้นและก็ได้แต่ถามว่าถ้าไม่มีมึงกูจะอยู่ได้มั้ย คำตอบที่ได้คือช่วงเวลาหลายวันที่กูหายไป...กูอยู่ไม่ได้หรอก” ผมพูดประโยคยืดยาวเท่าที่สมองไร้รอยหยักนี้จะกลั่นออกมาได้ อย่างน้อยก็เพื่อยื้อให้ไอ้เติร์ดทนฟังประโยคบ้าบอของผมต่ออีกสักหน่อย

   “ตั้งแต่เรารู้จักกันมาไม่มีวันไหนที่มึงบอกชอบหรือตัดสินใจคบกับใคร รู้มั้ยว่ากูรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มึงยังอยู่ข้างๆ กูคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางเสียมึงไป แต่พอวันหนึ่งที่มึงตัดสินใจจะออกจากชีวิตของกูแล้วมีใครคนหนึ่งเข้ามาแทนที่ กูแม่งก็ทนไม่ได้และเอาแต่ดิ้นพล่านอย่างที่เห็น เติร์ด...”

   ผมอยากขอโอกาส แม้ความหวังแทบไม่เหลือแล้วก็ตาม...

   อย่างน้อยก็ขอให้คนที่เหี้ยมาตลอดชีวิตอย่างผมได้พยายามทำอะไรดีๆ อย่างที่ควรจะทำบ้าง

   “เรามาเริ่มกันใหม่ได้มั้ยวะ”

   “แต่กูไม่อยากเจ็บอีกแล้วว่ะ” คำตอบนั้นไม่ได้แย่เท่าไหร่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมทำกับมัน ซึ่งคนหน้าด้านอย่างผมคงไม่ยอมแพ้กับคำตอบแค่นี้แน่

   “งั้นไม่เป็นไร แต่กูก็อยากปรับปรุงตัว”

   “...”

   “มึงว่าถ้ากูเลิกเจ้าชู้ เลิกหม้อไปทั่ว เลิกคบซ้อนแล้วเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นมันจะโอเคมั้ยวะ”

   “อืม” คนตรงหน้าตอบสั้นๆ

   “ถ้ากูทำขนาดนี้มึงว่าใครสักคนจะชอบกูป่ะ”

   “ชอบดิ”

   “งั้นมึงก็ชอบกูเหรอ”

   “...”

   “กูจะรอนะ วันที่มึงกลับมาชอบกูอีกครั้ง”

   วันที่กูเป็นคนที่ดีพอสำหรับมึง...

   ไอ้เติร์ดไม่ได้ตอบตรงๆ นอกจากกะพริบตาช้าๆ เป็นเชิงตอบรับ แค่นั้นแม่งก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้แล้ว บรรยากาศในห้องน้ำมันอาจไม่โรแมนติกเท่าไหร่

   แต่ผมกลับค้นพบว่า ที่ไหนมีไอ้เติร์ด ที่นั่นมักเรียกว่าความสุขเสมอ...
   








   ปฏิบัติการจีบเพื่อนสนิทยังคงเป็นไปเรื่อยๆ แม้ไม่มีความคืบหน้ามากนักแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองขนาดหมดหนทาง โชคดีที่มีไอ้ทูกับไอ้โบนคอยช่วยผมเลยพอทำคะแนนได้บ้างเมื่อเทียบกับพี่อั้นที่มีพี่เชนทร์เป็นพ่อสื่อ

   ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับสมาชิกโหดสองคนแน่นแฟ้นขึ้นเพราะเราผนึกกำลังทำภารกิจเดียวกันอยู่ ส่วนอีกหนึ่งโหดที่โคตรใจแข็งก็ทำเอาผมเลือดตาแทบกระเด็น สถานะของเรายังคงเป็นเพื่อนเพื่อนสนิท แต่มันก็แค่ชื่อเท่านั้นแหละ ส่วนความสัมพันธ์แท้จริงแล้วมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างความไว้วางใจกับความกลัว

   ช่วงนี้งานละครเวทีต้องหยุดชะงัก เพราะเป็นเวลาที่เราต้องอ่านหนังสือสอบมิดเทอมจนหัวยุ่ง ประธานเมเจอร์ฟิล์มเลยนัดรวมกลุ่มติวสำหรับคนโง่ๆ ซึ่งแน่นอนมีกูอยู่ในนั้น...

   เกลียดความโง่ที่ทำให้เราต้องเสียใจ ร้องเพลงต่อไปเผื่อสักวันจะฉลาดขึ้น

   เราใช้ห้องไพรเวทในหอสมุดเป็นสถานที่ติว หลังจากอาบน้ำกินข้าวเสร็จสรรพ สองทุ่มเป๊ะๆ ทุกคนต้องมาเจอกันหน้าห้อง รวมแล้วก็สิบสองชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้โหดที่ผมตามจีบมาเป็นคนติวให้ด้วย

   ไอ้เติร์ดใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่า สวมรองเท้าแตะสบายๆ ให้ความรู้สึกเป็นเมียที่ทำงานบ้านรอผัวอย่างกูสุดๆ และสิ่งแรกที่คนหน้าด้านอย่างผมจะทำคือเดินเข้าไปนั่งแทรกกลางเพื่อนในกลุ่มเพื่อให้ได้นั่งติดกับไอ้เติร์ดอย่างเนียนๆ

   “แหมมมมม ที่นั่งก็มีเป็นสิบนะ ยังจะมานั่งตรงนี้อีก” ประธานเอกพูดเสียงดัง ผมเลยหันไปถลึงตาใส่ให้

   “กูคาดว่าเบาะมันน่าจะนุ่ม ทำไม นั่งไม่ได้เหรอ”

   “ตามสบายมึงเลยครับไอ้ค่าย กูไม่อยากยุ่งอะไรกับคนขาหัก”

   “รอกูถอดเฝือกก่อนแม่งจะเอามาแกว่งตบปากมึงเล่น”

   “กลัวจังเลยครับขุนพล ลำพังจะพาตัวเองวิ่งยังทำไม่ได้เลย”

   “ไอ้สัด!” ตัวเอ้ของเอกฟิล์มก็รวมผีทั้งนั้นแหละครับ อย่าคิดว่าฟิล์มจะมีแต่แก๊งโหด ไอ้พี่เชนทร์ หรือเชี่ยอั้น มนุษย์ผู้ชายคนอื่นก็บ้าบอสติไม่ปกติเหมือนกัน เรียกได้ว่ารวมติสต์ที่ทุกคนไม่อยากยุ่งเลยก็ว่าได้

   “พอๆ ติวกันเถอะ” เสียงเมียในอนาคตเบรกเราได้ชะงัก ก่อนผมจะเห็นร่างขาวโปร่งลุกจากเก้าอี้ แล้วหยิบปากกาไวท์บอร์ดเดินไปที่กระดานด้วยสายตามุ่งมั่น

   แม่งเก่งที่สุดในเอกแล้วครับ ใครหน้าไหนก็เอามันไม่อยู่

   “วันนี้กูติวภาษาอังกฤษบวกเก็งข้อสอบ essay สั้นๆ วิชาที่เหลือไอ้โมจะเป็นคนติวให้นะ” ทุกคนพยักหน้าพลางหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาจดอย่างตั้งใจ

   มีสลับถามตอบกันไปมาเรื่อยๆ ก็ผลัดกันตอบถูกบ้างผิดบ้างตามความรู้ที่หลงเหลืออยู่ในหัว แต่กูนี่ดิ...

   “ค่าย ข้อนี้ตอบไร” ไอ้เติร์ดถามผม ขณะติวกันไปได้เกือบครึ่งทาง

   “ดีด็อกมั้ย”

   “ผิด กูถามทีไรมึงก็ผิดทุกรอบเลย ตั้งใจหน่อยดิ” กูโง่ไม่พอยังเสือกไม่มีสมาธิด้วยไงเพราะมองแต่หน้ามึง น่ารักขนาดนี้ใจพี่เริ่มสั่นไหว

   “ก็ตั้งใจไง”

   “กูสอนไม่รู้เรื่องเหรอ”

   “เปล่า มึงสอนโคตรดีแต่กูโง่เอง”

   “กาก”

   “แต่ถึงแม้กูจะทำข้อสอบไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีอยู่นะ”

   “มึงค้นพบไสยศาสตร์ของการมั่วหรือไง”

   “ใช่ที่ไหน วันนี้กูได้มองหน้ามึงนานๆ ต่างหาก”

   “ฮิ่ววววววววววว อะไรยังไง” เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้ห้องที่เคยเงียบสงบเต็มไปด้วยความครึกครื้น คนในเอกมันก็พอระแคะระคายอยู่บ้างเพราะช่วงหลังมานี้ผมตามหยอดไอ้เติร์ดไม่เว้นวัน หลายคนรู้ หลายคนพอเดาออก แต่ก็ไม่เคยบอกกับใครว่ากูจะจีบนะ เดี๋ยวไอ้เติร์ดแม่งโมโหใส่อีก

   “เอาเวลาที่พูดไร้สาระของมึงมาทำข้อสอบให้ถูกก่อนมั้ย” สุดท้ายคนที่ทำลายความฝันของผมก็คือเพื่อนสนิทคนนี้อีกตามเคย

   “ถ้ากูตอบถูกจะได้อะไร” ผมเริ่มต่อรอง

   “ก็ได้คะแนนเก็บไง”

   “ไม่อยากได้คะแนนเก็บ แต่อยากได้ใจใครบางคนนี่มีโอกาสป่ะ”

   “หนึ่งดอก!” ไอ้โบนคอยพากย์เสียงอยู่ใกล้ๆ

   “ใจคงให้ยาก แต่ตีนนี่ได้เร็วเลยจะเอามั้ย” เงียบกริบไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ต่างคนต่างรูดซิบจากอย่างรวดเร็วแล้วตั้งหน้าตั้งตาติวแบบลืมตาย

   ในเอกไม่มีใครกล้าหือกลับมัน เวลาฮาไอ้เติร์ดฮาสุด เวลาตั้งใจหรืออยู่ในอารมณ์เคร่งเครียดบอกเลยมันมาเต็มเหมือนกัน ดังนั้นแม้แต่ประธานเอกผู้เก่งกาจอย่างไอ้โมยังไม่กล้าไฝว้

   เราใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงครึ่งในการจดๆ เขียนๆ ก่อนจะได้เวลาอิสระยี่สิบนาทีในการพักเบรก เพื่อนในห้องเลยแยกตัวออกไปหาน้ำและของกินด้านล่างประทังชีวิต ส่วนผมที่กำลังลุกออกจากโต๊ะน่ะเหรอ...

   “จะไปไหน” นั่นไง ความรักเรียกหา

   “ลงไปหาอะไรกิน จะแอบซื้อกลับมาให้มึงด้วย”

   “นั่งลง เดี๋ยวกูติวให้ มึงสองคนจะลงไปหรือจะอยู่ด้วยกันที่นี่” เจ้าของเสียงหันไปหาสองสมาชิกของแก๊งโหด แต่ดูจากสีหน้าเหมือนมันไม่ได้ถามครับ แม่งกำลังบังคับพวกกูมากกว่า

   “ทำหน้าแบบนี้กูก็ต้องอยู่มั้ย” ไอ้ทูนั่งลงกับที่ ตามด้วยไอ้โบนที่ตอนแรกเหมือนจะหนีออกไปแชตกับสาว

   “งั้นดูชีทนี้ใหม่ โดยเฉพาะมึงไอ้ค่าย ตอบเหี้ยไรไม่ได้เลย” ผมยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ไอ้เติร์ดกลับมานั่งข้างผม อธิบายแต่ละเรื่องใหม่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น สมองของผมเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ส่วนใหญ่ก็เสียเวลาไปกับมองเสี้ยวหน้าตั้งอกตั้งใจของมันซะมากกว่า

   “น่ารักว่ะ” สัด! ปากพาซวย

   “มึงว่าอะไรนะ” เจ้าตัวส่งตาขวางมาให้ ผมจึงรีบบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย

   “เปล่า กูพูดถึงเรื่องหนัง”

   “ตั้งใจฟัง ถ้าสอบตกขึ้นมากูจะตบกะโหลกพวกมึงสามตัวให้สลบเลย” กลัวตายแหละ แต่ที่ไม่ปริปากพูดแค่ไม่อยากเถียงเท่านั้น โด่...

   ไอ้เติร์ดเป็นสมาชิกแก๊งโหดมาสองปีกว่า คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนตอนสังสรรค์ เป็นครูตอนใกล้สอบ เป็นเจ้ามือในวันเกิด เป็นขี้ข้าในงานกิจกรรม เป็นคนคอยรับฟังความทุกข์ของเพื่อนทุกคน แต่มันไม่เคย...เล่าเรื่องทุกข์ใจให้ใครฟังเลย

   ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นเพื่อนเหี้ยๆ สำหรับมันแค่ไหน ผู้หญิงของผมวุ่นวายกับมัน ตอนลำบากเราช่วยเหลือกันก็จริง แต่ถ้ามันไม่บอกเราก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ได้สนใจมันมากนัก ผมเลยรู้สึกแย่ทุกครั้งเวลาคิดถึงอดีตที่ผ่านมา และอยากสร้างความทรงจำที่ดีในวันนี้แทน

   “อันนี้ทำไมถึงตอบเอวะ ชอยส์บีก็เหมือนจะถูกไม่ใช่เหรอ”

   “ไม่ถูก ประโยคนี้เป็นอดีตใช้คำนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง...” แล้วไอ้เติร์ดก็ร่ายยาวเป็นมหากาพย์ กว่าจะจบไอ้โบนก็แทบเลื้อยตัวไปบนเก้าอี้ แล้วยกตีนขึ้นมาก่ายหน้าผาก

   “อ่านหนังสือมันเครียดว่ะ คืนนี้พากูไปอ่างหน่อยซิ”

   “ไปด้วย เสี้ยนอยู่พอดี”

   “อ่างคืออะไร ใช่ร้านนมหรือเปล่า” กูตอแหลถามไปงั้น ทันทีที่ไอ้ทูกับเชี่ยโบนจุดประเด็น ไอ้เติร์ดก็หันขวับมามองเราสามคนด้วยสายตาอ่านไม่ออกทันที ซึ่งคิดว่าสายตานี้ไม่ได้น่ายินดีเท่าที่ควร

   “ใช่ นมเต็มไปหมดเลย สนใจมั้ยไอ้ค่าย”

   “ให้กูไปมั้ย” ผมหันไปถามติวเตอร์เฉพาะกิจ

   “เรื่องของมึงสิ”

   “ทำหน้าเหมือนไม่พอใจ มึงสองคนไปกันเถอะ เติร์ดไม่ให้ไป”

   “กูยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย”

   “ปากไม่ได้พูดแต่สายตามึงฟ้อง เอาเถอะ กูเลิกทำตัวเหี้ยๆ แบบนี้ละ” พูดไปก็กะพาดพิงถึงเพื่อนอีกสองคนด้วย แต่เหมือนไอ้โบนกับไอ้ทูจะไม่สะเทือนจิตใจเท่าไหร่ แถมตั้งท่าโดดติวพาร์ทหลังไปเที่ยวอ่างอีกต่างหาก

   “ถึงมึงจะพูดแบบนั้นกูก็ไม่แคร์หรอก เบื่อติวฉิบหาย เจอกันพรุ่งนี้”

   “แล้วเจอกันเพื่อนยาก”

   ไอ้เติร์ดทำท่าจะทักท้วงแต่ก็ไม่ทันความเร็วของมันสองตัวอยู่ดี

   “เพราะมึงเลย”

   “เกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย มันเที่ยวก็ปล่อยมันไปดิ อีกอย่างกูรู้หรอกว่าแม่งฉลาดพอจะเอาตัวรอด เห็นสอบทีไรมันก็ผ่านตลอด” ไม่งั้นคงโดนไอ้เติร์ดกักตัวไว้เหมือนกับผมแหง

   “ใช่! มีแต่มึงเนี่ยที่เอาตัวไม่รอด ได้ข่าวไอ้โบนบอกมึงเคยเป็นสังคังด้วยหนิ”

   “โหยนานแล้วมั้ย สมัยกูยังไม่หย่านมแม่”

   “กูเป็นเพื่อนก็ได้แค่เตือน”

   “ต่อไปด่าเลยเถอะ ไม่ได้อยากเป็นเพื่อน มึงรู้ดีว่ากูหมายถึงอะไร”

   “...”

   “อยากได้เป็นเมียจัง”

   “ไปตายป่ะ”

   “งงจุงเบย”

   “ไอ้กวนตีน”

   “ชอบๆ คนรักกันเวลาด่าแปลว่ารัก”

   “ที่กูให้โอกาสมึงไม่ได้หมายความว่ากูจะเปิดใจคบกับมึงนะ” น้ำเสียงนั้นดูไม่จริงจังเท่าไหร่ ออกจะติดรำคาญหน่อยๆ ซึ่งก็เป็นนิสัยของไอ้เติร์ดอยู่แล้ว ผมเลยไม่กลัวหยอกต่ออย่างมีความสุข

   “โอเคมึงยังไม่ต้องใจอ่อนก็ได้ ไม่เป็นไรเนาะๆ” ปากว่าหากตัวกลับโน้มลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายเลยถือโอกาสนอนตักแม่งเลย ไอ้เติร์ดทั้งบิดหูทั้งตบหน้า บางทีก็จิกผมแรงๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กูก็ยังคงสตรองกอดเอวนั้นไว้แล้วลุยต่อหน้าตาเฉย

   เสียงประตูถูกเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าของใครหลายๆ คนที่เดินเข้ามา และเสียงที่ผมได้ยินชัดเจนที่สุดคงเป็นไอ้โมประธานเอก

   “ไอ้ค่ายหลับเหรอ เมื่อกี้เห็นไอ้ทูกับไอ้โบนข้างล่าง หนีเที่ยวอ่างซะละ”

   “ความเหี้ยของพวกมันอ่ะดิ”

   “ว่าแต่ไอ้ค่ายเถอะ เก้าอี้เหลือตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไปซุกนอนตักมึงได้วะ”

   “สำออยไง”

   “เห็นมันวอแวกับมึงก็ตลกดี นี่ถ้าเป็นแฟนกันจริงกูเชื่อเลยนะเนี่ย”

   “มึงอย่าพูดมั่ว!” เสียงของไอ้เติร์ดดังแทรกเข้ามาในหู ผมเลยกอดกระชับเอวบางเข้ามามากขึ้น

   “กูพูดตามที่เห็นไง”

   “ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

   “เออ”

   “ไอ้ค่ายเป็นแค่เพื่อน นี่มันนอนเฉยๆ กูเลยไม่ว่าอะไร”

   “อ่า”

   “แต่ตอนที่มาช่วยติวเสริมเพราะเห็นมันโง่แค่นั้น”

   “เข้าใจ”

   “เชื่อกูดิไม่มีอะไร มันยังทำข้อสอบข้อง่ายๆ ผิดอยู่เลย กูถึงมาช่วยติว”

   “...”

   “อย่างข้อนี้ควรตอบเอมันก็ตอบซี กูเลยงงว่าทำไมมันถึงคิดแบบนั้น มึงรู้ใช่มั้ย”

   “ไอ้เติร์ด...กูรู้แล้ว มึงจะร้อนตัวทำไมเนี่ย เอ้ออออ”

   เท่านั้นแหละครับ มือขาวที่เคยจิกหัวเล่นในคราแรกก็หันมาลงแรงกับใบหูของผมย่างเกรี้ยวกราด จนกูต้องกัดฟันร้องโอดโอยอยู่ในใจ ไอ้เหี้ย! ร้อนตัวเองแล้วผิดอะไรที่กูวะเนี่ย โอ๊ยยยยยยย

   บ้าจริง

   พรหมลิขิตบันดาลให้เรามาเจอกัน หลังจากนั้นเวรกรรมกูล้วนๆ เลย แม่มเอ๊ย!


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 17-07-2017 20:40:04
Khunpol Krichpirom
มาละครับวิชาแรก ผจญภัยใต้มีน

Manut Molitkul ชีวิตมึงเคยมีขึ้นบ้างมั้ยไอ้ค่าย สงสารอาจารย์
Bone Chone สงสารไอ้เติร์ดที่สอนมึงดีกว่า
Khunpol Krichpirom จะร้องไห้มั้ยน้า จะโกรธมั้ยน้า ง้อ - Third Thachapol



“ปากดีจริงมึงเนี่ย” เจ้าของชื่อที่ถูกแท็กล่าสุดลดมือถือลงจนเห็นใบหน้าถมึงทึง คะแนนวิชาแรกออกแล้วหลังจากมิดเทอมผ่านพ้นไปแค่หนึ่งสัปดาห์ แถมคะแนนที่ออกมาก็เหี้ยสลดอีกต่างหาก

   “โกรธเหรอ”

   “กูจะโกรธทำไม คะแนนของมึง อนาคตก็ของมึงอีกนั่นแหละ”

   “แต่กูผ่านครึ่งนะ แค่ต่ำกว่ามีนเอง ดีกว่าปกติเย้ออออ”

   “เรื่องของมึง”

   “สนุกหน่อยดิ นี่มาปาร์ตี้นะเว้ย”

   ตู้ม!!

   เสียงกระโดดน้ำดังแว่วจากสระที่อยู่ด้านหน้าของเรา แน่นอนว่าทุกคนนัดรวมตัวกันอีกครั้งตามธรรมเนียมของเด็กฟิล์ม หลังสอบเสร็จเรามักมีงานเลี้ยงเพื่อผ่อนคลายความเครียด เพื่อที่ทุกคนจะได้มีแรงและคิดไอเดียดีๆ ไปลุยโปรเจ็กต์กันต่อ

   ปาร์ตี้พูลถูกจัดขึ้นเป็นการส่วนตัว แต่ก็รวมเอานิสิตตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ของเอกฟิล์มมาพบปะสังสรรค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นด้วย

   ผมนอนเปื่อยๆ อยู่ตรงเบาะเพราะยังไม่ได้ถอดเผือกเลยหนีไปแหวกว่ายกับสาวๆ ที่ใส่บิกินี่ในสระไม่ได้ แม่งน่าเสียดายฉิบหายที่บรรยากาศซึ่งเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์เคล้าเสียงเพลงขนาดนี้ แต่กลับพาตัวเองออกไปกระโดดโลดเต้นไม่ได้อย่างใจคิด ถ้าเทียบกับไอ้ทูและไอ้โบนแล้ว กูนี่อยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที

   แหม...ดำผุดดำว่ายเกี้ยวสาวในสระอย่างดี๊ด๊าเชียวนะ

   ตัดภาพกลับมาที่ขุนพลครับ กางเกงขาสั้นตัวเดียว เสื้อไม่ใส่ ขาข้างซ้ายใส่เฝือกพาดอยู่บนเบาะผ้าใบ ขณะที่ข้างตัว ไม่ได้มีแค่ไอ้เติร์ด แต่ยังมีพี่เชนทร์กับเหี้ยอั้นนั่งคุมความประพฤติกูอยู่ด้วย รำคาญ

   “ไอ้ค่ายเหล้าหน่อยมั้ย” เหมือนพี่มันจะรู้ตัวว่าผมกำลังนินทาในใจอยู่ มนุษย์หมีเลยถามขึ้น

   “ก็ดีพี่”

   “แชมเปญหรือว้อดก้า”

   “ว้อดก้า” เครื่องดื่มถูกรินใส่แก้วขนาดพอดีมือก่อนส่งมาให้ผมแบบไม่ปรุงแต่งอะไรเลย แม้แต่น้ำแข็งก็ไม่ใส่ให้กู

   “เพียวเลย”

   “เออ” ผมกระดกแอลกอฮอล์ลงคอจนหมดแก้ว ความร้อนผ่าวแทรกเข้ามาในท้อง ความขมแล่นพล่านไปทั่วก้านสมองจนต้องเบ้หน้าด้วยความสะใจ นานแค่ไหนแล้ววะที่ไม่ได้กินเหล้า พอได้แตะทีเลือดในร่างกายก็พลุ่งพล่านเต็มกำลัง

   ไอ้เติร์ดไม่ได้ห้ามผม เพราะในมือของมันก็ถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้เหมือนกัน เรานั่งดื่มกันเงียบๆ คลอกับเสียงเพลงและเสียงหัวเราะมีความสุขของคนในสระ ไม่นานเพื่อนสองคนในแก๊งโหดที่ตัวเปื่อยกับการว่ายน้ำแต๊ะอั๋งสาวจนพอใจก็เดินขึ้นมาร่วมวงกัน

   แน่นอนยิ่งดึกยิ่งคึก ยิ่งดื่มก็ยิ่งบ้า ผู้ชายวัยกลัดมันที่เรียกว่าพวกพ้องเลยมารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ ในปาร์ตี้มีหลายกลุ่มหลายวง พวกปีหนึ่งกับปีสองก็จะสนิทกัน ปีสามก็จะสนิทกับปีสี่อย่างที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้

   “ว้อดก้าอีกมั้ย”

   “จัดมา!” ผมเป็นพวกคอทองแดง ถ้าไม่กินปนกับเบียร์หรือพวกบักเก็ตที่สาวๆ ถือแดกไปทั่วสระ ต่อให้ยกซดทั้งคืนก็ยังไหว

   “นี่ครับเพื่อนโหด” เพื่อนในวงเหล้ายื่นแก้วคืนมาให้

   “เดี๋ยวนี้กูไม่โหดแล้ว รักเดียวใจเดียว”

   “โว้ววววว จะเปลี่ยนชื่อกลุ่มว่างั้น”

   “ไม่เปลี่ยน แค่ไม่โหด”

   “เปลี่ยนเถอะ เป็นคำว่ากากมั้ยเพื่อน”

   “อย่าเสือก เดี๋ยวเหงือกสั่น”

   “ปากดีฉิบหาย”

   “ก็ดีแค่กับบางคน” ไม่พูดเปล่าผมหันไปมองคนข้างๆ ที่นั่งดื่มด้วย เดิมไอ้เติร์ดมันเป็นคนตลกครับแต่พออยู่กับผมไม่รู้ทำไมต้องคีปเคร่งขรึมตลอดเวลาด้วย เซ็ง

   “กากก็ยอมรับว่ากาก ไม่เห็นต้องอายเลย”

   “เออกูยอมรับว่ากูแม่งเหี้ย กาก สำส่อน โง่ ไม่เอาไหน แต่หน้าตาดี”

   “จนได้อ่ะมึง ไอ้ควาย”

   “โธ่...ปรีชา”

   “ไอ้สัดนั่นพ่อกู” แม่งเล่นจนพ่อนอนจามอยู่บ้านแล้วมั้ง เกลียดฉิบหายนิสัยล้อชื่อพ่อแม่เนี่ย แถมพวกมันยังสนุกหัวเราะกันอย่างมีความสุขอีก

   เราดื่มกันไปเรื่อยๆ ร้องเพลง ดีดกีตาร์ด้วยความเมา นานทีก็สลับผลัดเปลี่ยนกันไปโดดน้ำแก้ร้อน พอกลับมาก็รินเหล้าแดกกันใหญ่ ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ต่อให้แฮงก์จนตายยังไงก็ไม่มีใครด่า กระทั่งเวลาย่างเข้าสี่ทุ่มปาร์ตี้ก็ยิ่งสนุก สาวๆ วิ่งมาชักชวนเราไปแดนซ์บ้าง เสิร์ฟเครื่องดื่มให้บ้าง และคราวนี้...

   “หูยยยยย มีอะไรเหรอครับหนูนา” บิกินี่สีชมพูแสบตาพี่มว้าก

   รุ่นน้องปีสองมาพร้อมกับกระดานในมือ ส่วนข้างๆ ก็มีอีกกระดานหนึ่งพร้อมด้วยสาวนมโตแน่นม่านสายตาอีกหลายคน ถ้าเป็นเมื่อก่อนแข็งแล้วครับ รีบถลาเข้าไปคว้าให้หายอยาก แต่ตอนนี้แม้แต่แข็งยังไม่กล้าเพราะว่าข้างกายมียักษ์หนึ่งตัวคอยเฝ้าอยู่ ไอ้เติร์ด...

   ถึงกูจะเหี้ยแต่ว่าที่เมียกูน่ารักนะ

   ลองถ้าได้คบกับไอ้เติร์ดผมแม่งจะโพสต์ Happy anniversary ทุกสองนาทีเลยคอยดู เอาให้ใครบางคนแถวนี้กระอักเลือดตาย

   “คืนนี้มีโหวตหนุ่มฮอตและสาวฮอตของฟิล์มปาร์ตี้พูลด้วย แบ่งเป็นฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง พี่ๆ ถูกใจคนไหนแปะสติ๊กเกอร์ไว้ที่ชื่อได้เลย”

   “เหย้ดดดดด แปะบนตัวน้องได้ป่ะครับ”

   “ไม่ได้ค่ะ แปะบนกระดานพอ” หน้าหม้อกันฉิบหาย

   แต่ละกระดานจะมีรายชื่อที่ถูกคัดเลือกมาก่อนหน้านั้นประมาณสิบชื่อ ฝ่ายหญิงผมรู้จักทุกคน สวยๆ เซ็กซี่ทั้งนั้น ส่วนฝั่งชายแก๊งโหดเข้ารอบทุกคน ที่เหลือก็ประปรายเป็นปีอื่นบ้าง แต่คู่แข่งสำคัญอย่างไอ้พี่อั้นนี่ดิที่ติดโผมาด้วย

   งานหนักไม่ได้อยู่ที่ใครครับ อยู่ที่ไอ้เติร์ดเนี่ยว่าจะโหวตใครกันแน่

   เราได้สติ๊กเกอร์คนละสามดวง แปะให้ใครก็ได้ที่ชอบ ฝั่งสาวๆ ผมไม่เครียดใครนมใหญ่สุดก็ได้ไป พอหันมาฝั่งผู้ชายแน่นอนว่าต้องเป็นไอ้เติร์ด ผมเลยขอสติ๊กเกอร์จากไอ้โบนกับไอ้ทูมาเพิ่มคะแนนความพิศวาสให้ด้วย

   เติร์ด : ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

   แปะหัวใจให้เยอะๆ เลย

   แค่กูก็เก้าดวงแล้วอ่ะ แต่ที่ลุ้นกว่าคือผมกำลังรอดูว่าคนตัวขาวข้างๆ จะแปะสติ๊กเกอร์ให้ใครกันแน่ เอาให้สมกับหัวใจที่กูให้ไปนะครับมึง

   “ไอ้เติร์ดจัดไปครับเพื่อน โหวตใคร”

   มือขาวเอื้อมไปที่กระดานรายชื่อตรงหน้า ก่อนจะแปะสติ๊กเกอร์สีแดงเล็กๆ ไว้บนชื่อของใครคนหนึ่ง

   “ไอ้ทูหนึ่งดวง!” คนที่อยู่รายรอบคอยอัพเดตสถานการณ์

   ดวงที่สองเป็นของไอ้โบน ส่วนอันที่สามนั้น...

   “อะแฮ่ม” ผมกระแอมไอเล็กน้อยเป็นการเรียกร้องความสนใจ ไอ้เติร์ดเลยหันมามองด้วยสายตาน่ารักน่าชังของมันก่อนจะแปะสติ๊กเกอร์ลงบนกระดานอย่างจำยอม

   ค่าย : ♥

   “แค่อันเดียวอ่ะ” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง

   “อันเดียวก็บุญละ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” นี่คือคำตอบที่หักหาญน้ำใจเป็นที่สุด เพื่อนที่นั่งลุ้นกันมันส์หยดเลยพากันสมน้ำหน้ากูยกใหญ่

   “จะบอกว่ารักเดียวใจเดียวก็พูด”

   “ดีกว่ามึง ให้มาเยอะแบบนี้เรียกหลายใจ”

   “ก็หลายใจนะ แต่ก็ให้มึงคนเดียวเห็นป่ะ”

   หนึ่งดอก!

   “ฮิ่วววววววววว อะไรยังไงครับมึงสองตัว”

   “ไม่ต้องอาย คนเยอะแยะ” เท่านั้นแหละครับคนถูกพาดพิงเลยไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน ผมจึงต้องแก้ต่างให้มันอยู่นานกว่าจะกลับมานั่งแดกเหล้าเหมือนเดิมโดยไม่โดนด่าเช็ด เหนื่อยนะ แต่ถ้ามันแลกกับการทำให้พี่เชนทร์กับพี่อั้นเจ็บยอกในใจได้ผมว่ามันก็คุ้มค่าอยู่ดี

   ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วใครคือหนุ่มฮอตในคืนนี้ สำหรับผม...ไอ้เติร์ดเป็นคนนั้น

   ดึกแล้ว แอลกอฮอล์ยิ่งไหลเวียนในกระแสเลือดมาขึ้น เราทั้งร้องและเต้นตามประสาผู้ชายห่ามๆ ก่อนจะโดนดึงตัวมาเล่นเกมวงเหล้าพิสดารมากมาย เรียกว่าจัดมาตั้งแต่ไพ่ยันล้วงความลับ นี่ก็เกมที่สามแล้ว ใครแพ้หมดแก้ว เดาว่ากูคงไม่รอดเหมือนกัน เพราะโลกเริ่มโคลงไปมาหลายทีจนจะอ้วก

   Never have I Ever

   “กูไม่เคยสวิงกิ้ง”

   “กูเคย!”

   “ไอ้เหี้ยยยยยย” เสียงกระดกเครื่องดื่มดังขึ้นมาหลายครั้งหลายครา เราหมุนวนผู้เล่นตามเข็มนาฬิกา โดยคนพูดเริ่มต้นว่า ‘ไม่เคย’ ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ แต่ถ้าคนไหนเคยก็ให้ยกเหล้าขึ้นมาดื่ม เกมนี้จับไต๋ความเหี้ยได้ทุกงาน ตอนเมาแม่งมักตอบความจริงเสมอมันเลยสนุก

   “กูไม่เคยเยี่ยวใส่ที่นอน”

   “กูเคย!” แสรดดดดด ยกแดกทั้งกลุ่ม คือมึงเกิดมาในโลกนี้ได้ยังไงวะโดยไม่เยี่ยวรดที่นอน

   “กูไม่เคย...มีแฟนน้อยกว่าสิบคน”

   “แต่กูเคย!” มีหลายคนยกแก้วขึ้นมากระดกรวมถึงไอ้เติร์ดด้วย ส่วนผม ไอ้ทู ไอ้โบน ไอ้พี่อั้นงี้เหรอ นั่งนิ่งมองหน้ากันเลิกลักเชียว

   อย่าให้นับว่าที่ผ่านมามีใครบ้าง กูจำไม่ได้จริงๆ ขออภัย แต่ดูเหมือนว่าอดีตที่ผ่านมาจะตามหลอกหลอนทั้งผมและไอ้เติร์ด สายตาขี้เล่นของมันจางหายไป เหลือเพียงรอยยิ้มเฝื่อนๆ จนผมอยากคว้าตัวแม่งมากอดปลอบฉิบหาย

   เออกูขอโทษ กูผิดไปแล้ว

   “ต่อๆ กูไม่เคยได้เกรดเอ”

   “กูเคย!” คราวนี้ก็ยกดื่มกันพร้อมเพรียงยกเว้น...ผม   

   “โหยไอ้ค่าย เกิดมาเป็นสังคังไม่พอยังง่าวอีก ไม่เป็นไรนะน้องรักอย่าร้องไห้ ฮ่าๆ” ไอ้สัด เจ็บกว่านั่งเงียบๆ ก็ตอนโดนรุ่นพี่แซวเนี่ยแหละ ไอ้เชนทร์ ไอ้หมีหมา!

   เกลียดตัวเองที่เกิดมาโง่

   คราวนี้เป็นตาไอ้โบนบ้าง มันหันมองไปรอบวงเหล้าพลางกรอกตาไปมาเหมือนใช้ความคิด คำถามนั้นยิ่งทำให้คนยกดื่มได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ที่สำคัญคำถามนั้นต้องล้วงความลับคนในกลุ่มมากพอด้วยมันถึงจะสนุก

   “กูไม่เคย...ชอบเพื่อนสนิท”

   “กูเคย” น้ำเสียงราบเรียบของไอ้เติร์ดแทรกเข้ามาในโสตประสาท มือขาวหยิบแก้วบรรจุว้อดก้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะกระแทกก้นแก้วลงกับโต๊ะ ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไม่นานไอ้ทูก็พูดขึ้น

   “แดกดิไอ้ค่าย หรือจะให้ใส่น้ำแข็ง”

   “เออ กูเคย” ว่าแล้วก็แดกรวดเดียวหมดแก้ว สายตาของเพื่อนในกลุ่มเลยละล่ำละลัก กลุ่มผมมีกันอยู่แค่สี่คนเราเลยสนิทกันมาก ถ้าบอกว่าเพื่อนสนิทก็คงมีแค่นี้

   นี่ยกแดกไปสอง คงไม่มีใครโง่คิดว่ากูชอบไอ้โบนหรอกนะ

   ลำดับเวียนไปถึงไอ้เติร์ด เราต่างรอฟังคำพูดจากมันอย่างจดจ่อ...

   “กูไม่เคยสอบตก”

   “ไอ้เติร์ด ไอ้สาดดดดดดดดด” ไปแม่งทั้งโต๊ะ เหลือเจ้าของคำพูดชนะอยู่คนเดียว

   หลังๆ เริ่มมีคนระวังตัวไม่พูดความลับสุดยอดให้ใครรู้เลยมีหัวโจกปีสี่เสนอให้เปลี่ยนเกมส์ใหม่ แน่นอนว่าความมึนเมาทำให้ใครหลายคนตอบตกลง และเพิ่มกฎบังคับไม่ให้ออกจากเกมก่อนเวลา

   วิธีเล่นคือคนเริ่มเกมส์จะต้องพูดถึงสิ่งของ สถานที่ หรือคำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับคนในวงเหล้าขึ้นมา ถ้าใครตอบถูกก็จะรอด ที่เหลือยกแดกรวดเดียวให้สำลักตาย

   คนแรกที่เริ่มคือพี่อั้น

   “Leica M”

   “พี่เชนทร์”

   “ผิด”

   “ไอ้ทู”

   “ถูก” เยส! กูดูฉลาดกว่าชาวบ้านก็คราวนี้แหละ เลยนั่งดูคนเมาดื่มเหล้าจนหมดแก้วอย่างมีความสุข Leica M เป็นกล้องฟิล์มตัวเก๋าของไอ้ทู แต่ที่ไม่เห็นมันเอาออกมาใช้เพราะเป็นของหวงไว้เก็บสะสม ซึ่งก็งงเหมือนกันว่าพี่อั้นแม่งรู้ได้ไง สงสัยนั่งทางในมาเสือกเรื่องพวกกูอีกแน่ๆ

   “ไอ้มายด์มึงตอบผิดคนแรก เอาหัวเขกโต๊ะสามที”

   “แรงจังไอ้สัด”

   “อย่าโอ้เอ้น่า” เสียงหัวโขกกับโต๊ะดังขึ้นมาสามรอบติด หลายคนปรบมือมีความสุขที่ได้เห็นหน้าผากเพื่อนแดงเป็นปื้น แต่พวกมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด วนถามคำถามต่อเรื่อยๆ

   “AV480XX”

   “ไอ้ค่าย”

   “ผิด!”

   “ไอ้โบน”

   “ถูกต้องนะคร้าบบบบ” โหย เหี้ยๆ อะไรโยนใส่กูคนแรกก่อนเลย นี่มันหนังโป๊เรื่องโปรดของไอ้โบนครับ ผมไม่รู้จักอะไรเลย น้องมิคามิ น้องมายูโกะ กูไม่รู้จักเลยทำไมต้องใส่ร้ายค่ายด้วยไม่เข้าใจ

   ด้วยความคับแค้นฝังลึก ผมเลยสั่งปีสี่ที่ตอบชื่อกูให้แม่งว่ายน้ำไปกลับหนึ่งรอบถ้วน ดีจุง

   คราวนี้ก็ถึงตาผมออกโรงบ้างละ

   “Flipped ปี 2010”

   “พี่เชนทร์เหรอ หรือไอ้บีม”

   “ผิด”

   “เมธีๆ แม่งชอบอะไรโรแมนติก”

   “ผิด”

   “ไอ้อั้น มึงเหรอ”

   “ผิดครบสามครั้งแล้ว คำตอบคือเติร์ด”

   “โอยยยยยยยย” จะมีกี่คนที่รู้ว่าไอ้เติร์ดชอบหรือไม่ชอบอะไร แม้แต่ไอ้ทูกับไอ้โบนก็รู้ความชอบของเพื่อนคนนี้แค่บางอย่าง แต่กับผมทุกอย่างของมัน...คือเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ

   คนเมาเรื้อนสามคนโดนส่งไปปั่นจิ้งหรีดยี่สิบรอบ เดินตกน้ำไปคนนึงก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นมาเล่นต่อ ซึ่งคำถามต่อไปเป็นของไอ้ทู

   “เมียเป็นเด็กคณะวิดยา”

   “ไอ้ต้อง” ผมตอบอย่างมั่นใจ

   “ผิด”

   “เมียไอ้มายด์”

   “ถูกต้องนะคร้าบ เมียวิดยานะครับไม่ใช่วิดแพทย์ ควายจัง” เหมือนโดนตีนตบหน้าไปอีกหนึ่งที ทำกับคนอื่นไว้เยอะคงโดนเล่นหนักแน่

   “อ่ะ จะให้กูทำอะไรก็ว่ามา” ให้แดกเหล้าไม่หยุดกูยังผ่านมาได้เลย แค่นี้จิ๊บๆ

   “จูบไอ้โบนทีนึงพอ”

   “เหี้ย!” โหดสัดรัสเซีย คนโดนพาดพิงเตรียมยกเท้าขึ้นมาสกัด แต่เพราะผมโดนแรงยุหนักเข้าเลยกลั้นใจถลาเข้าไปกุมหน้าอีกฝ่ายแล้วจุ๊บเหม่งแรงๆ ทีนึง ได้ทีต้องเอาให้คุ้มครับ

   “ไอ้ควาย มึงต้องทำกับไอ้โบนโว้ย” เพื่อนแม่งโวยวายใหญ่ ก็ใช่สิ ข้างไอ้โบนคือเชี่ยเติร์ด ผมเห็นแล้วทนไม่ไหวเลยเปลี่ยนไปกระทำชำเราซะเลย

   เห็นตอนนี้เจ้าตัวได้แต่ทำตาโปนอยู่ผมก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาทันที คนเกรี้ยวกราดทำไมน่ารัก

   “เอ้า! ลืมอ่าทำไงดี”

   “ตอแหล”

   “โทษที คนมันตาลาย”

   “ตาลายเหี้ยไร”

   “ขอโทษน้าเติร์ด มาวววววไม่ไหวแร้ว”

   “ไปปั่นจิ้งหรีดอีกยี่สิบรอบเลยสัด รำคาญ” เราเล่นเกมส์กันอีกพักใหญ่ จนกระทั่งลำดับเวียนมาถึงไอ้โบนอีกครั้ง คราวนี้มันมองหน้าผมด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มเพราะน้ำเมา ก่อนจะโพล่งประโยคหนึ่งขึ้นมา

   “คนที่ไอ้ค่ายชอบ”

   “มัดหมี่” พี่อั้นตอบเสียงเข้ม คิดว่ามันคงรู้ความลับกูมาเยอะ แต่ขอโทษครับ มัดหมี่นั่นยังไม่ถึงไหนเลยเพราะกูเลิกมั่วก่อน

   “ผิด”

   “น้องพิงค์นางเอกละครเวที”

   “ผิด”

   “มะปราง”

   “ผิด ครบสามรอบแล้ว”

   “เดี๋ยวๆ กูขอตอบใหม่ ฟ้าเศรษฐศาสตร์”

   “ผิด มีใครทายอีกมั้ย”

   “กูเอง” พี่เชนทร์เสนอตัว

   “อ่ะจัดมาครับพี่”

   “ไอ้เติร์ด”

   เชี่ยโบนไม่ยอมเฉลย ปล่อยให้ทุกสายตาจดจ้องมาที่ผมและไอ้เติร์ดสลับกันไปมา ก็ในเมื่อคำถามนี้เกี่ยวกับผม เพราะฉะนั้นผมก็ควรตอบป่ะวะ

   “เออถูก กูชอบเติร์ด”

   “...”

   “เพราะงั้นใครกล้ายุ่งกูเอาตาย”

   “เหยดดดดดดดดดดดดเข้!”
   

   

ถ้าจะบ้าๆ บอๆ ไปหน่อย
แต่ก็เป็นทีมพี่ค่ายค่ะ #ทฤษฎีจีบเธอ ง้างงงงงงง

 :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-07-2017 20:53:59
 :z13:
ค่ายชัดเจนดีค่ะ เจ้ชอบ 555555555555555  ออร่าความเป็นพระเอกเริ่มมาแล้วว แม้จะยังโง่ไป (ไม่) นิด  :hao7:
อย่างน้อยตอนนี้เติร์ดก็ให้โอกาสค่ายแล้วนะ อย่าทำให้เติร์ดเสียใจอีกล่ะะ
รอตอนหน้าค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 17-07-2017 21:03:59
หึๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 17-07-2017 21:08:40
เกร้ดดดดดดดดดด  :katai2-1:
มันต้องยังงี้แหละอีค่ายยย คนจริง2k17
่หยอดเติร์ดได้เป็หยอด ถ้าจะหยอดขนาดนี้ก็เป็นแฟนกันเลยค่าาา  :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 17-07-2017 21:09:54
555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 17-07-2017 21:15:31
นังค่ายยยยยยย เขินทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ยยย บ้าๆๆๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 17-07-2017 21:19:02
โห่ฮิ้วววว~~~พี่ค่ายคนแมนกลับมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 17-07-2017 21:24:57
พี่ค่ายไม่กากแล้วเด้ออออออ 5555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-07-2017 21:30:51
รำเชนทร์ =_=
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-07-2017 21:31:08
แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่เลยนะยะนังค่าย จีบบ่อยๆ รุกบ่อย หยอดบ่อยๆให้ละลายกันไปข้างเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-07-2017 21:33:35
  :katai1: :katai1: :katai1:ยังไม่สะใจเลย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 17-07-2017 21:37:22
แอร๊ยย เปิดตัวต่อหน้าสื่อแล้วววว ค่ายย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 17-07-2017 21:41:32
ฮิ้ววววว ค่ายเอาจริงว่ะ
ออกตัวแรงขนาดนี้
ขอให้ได้ของให้โดนนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Lastfriday.01 ที่ 17-07-2017 21:42:20
 :z3: พี่ค่ายยยย ขอสักคน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 17-07-2017 21:42:33
หมั่นไส้อิค่าย อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วเหมือนเป็นไบโพลาร์ เมื่อไม่กี่ตอนที่แล้วยังน้ำตาซึมสงสารค่ายมันอยู่เลย พอตอนนี้นี่เบะปากรัวๆ 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 17-07-2017 21:43:03
ออกตัวแรงไว้ก่อนเนอะค่าย  :a2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 17-07-2017 21:43:30
ค่ายคนจริง

ทำไมเราตงิดเรื่อง Leiga M ของพี่อั้นกับทู
หรือจะคิดไปเอง  o18
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 17-07-2017 21:44:53
ฤทธิ์น้ำเมา 55555

ตอนนี้ฮีลลิ่งมากๆ เยี่ยวยาสุดๆ :heaven
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-07-2017 21:45:55
อิค่ายย ทั้งแหล ทั้งเนียน ทั้งแถ มาครบเลยน้าาาา พอรุกได้นี่รุกใหญ่เลยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 17-07-2017 21:51:23
โบนกับทูเป็นเพื่อนที่รวมพลังกันจะเกิดคำว่าเหี้ยขึ้นมาทันที
โบนชอบทำอะไรแผลงๆ ตลอด

สนุกจ้า รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 17-07-2017 21:52:28
อิค่ายคนใหม่  อิค่ายจะไม่กากอีกต่อไป
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 17-07-2017 21:56:30
ในขณะที่คนอื่นหวีดอิค่าย หนูแอบเห็นพี่อั้นทู!!!!! ความมโนนี้เพื่อ ช่วยตัดกำลังคู่แข่งให้ค่ายอีกทาง55555555555
//ยัดเยียดทูให้พี่อั้นเลยค่ะ อย่ามาแข่งกะอิค่ายเลย สงสารนางงงงง
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: TOEISPTRY ที่ 17-07-2017 21:59:52
ค่ายทำดี ขอให้เขาได้กัน เอ้ยยย คบกันเร็วเถ้อออออ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 17-07-2017 22:02:34
อื้อหือ!!!!! นังค่าย
แข็งแกร่งยิ่งกว่าโจรใต้อีกลูกกกก
ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ก๊าบก๊าบ ที่ 17-07-2017 22:25:47
พี่ค่ายนางไม่กากแล้ว นี้มันขุนพลคนจริง //ปรบมือออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 17-07-2017 22:26:58
นังค่ายมันมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
55555 ตอนนี้นางทำแต้มรัวๆคร่า ความชัดเจน คือชนะ ยอม

เติร์ดก็เติร์ดเหอะ ต้องมีใจย้วยบ้างละเว้ยยยยยย
ไอ้ค่ายคนกาก คืนฟอร์ม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-07-2017 22:45:25
เติ์ดลูก ใจอ่อนแล้วใช่มะ ทำมาเก็กๆกั๊กๆ อย่าใจอ่อนง่ายๆสิ เค้าหยอดนิดหยอดหน่อยอย่ามาทำใจอ่อนยวบ
อิค่ายมันร้าย เพราะงั้นเอาคืนให้สาสมก่อนดิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 17-07-2017 22:47:05
นับจากวันที่ค่ายรู้ตัว ก็ผันตัวเองมาอยู่ทีมค่าย ค่ายรุกหนัก ถึงจะบ้าบอแต่น่ารัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 17-07-2017 22:51:21
ทำไรของเอ็งวะค่ายบ้าจัง  o13 o13 o13
แต่พี่อั้นนี่ตกลงมันยังไง รู้สึกได้ถึงเงี่ยนงำไรบางอย่าง o8 o8 o8
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 17-07-2017 22:54:22
ดีมาก อิค่ายย ทำดีมากกกก
เต๊าะเข้าไป อธิบายไปแล้ว ทำให้เติร์ดเชื่อให้ได้นะเอ็งงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 17-07-2017 22:55:41
อีค่ายนี่นิดหน่อยก็ไม่เว้น แต่ตอนนี้พบเงื่อนงำอั้นทูนะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 17-07-2017 23:00:13
ตอนนี้ค่ายตลกมาก ชอบ หยอดได้แบบเรายิ้มแก้มปริเลย ปวดแก้มมม น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 17-07-2017 23:06:45
อิค่ายยยยยยย 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 17-07-2017 23:08:45
เอาใจช่วยแกนะค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 18-07-2017 00:36:46
หวีดแรงงง ค่ายน่ารักมาก คนหลงเมีย2017 เวลาบรรยายถึงเติร์ดแต่ละทีทำเอานี่หลงเติร์ดไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-07-2017 00:36:53
อิค่ายนี่มันตัวอย่างของพ่อบ้านใจกล้าเลยนี่หว่า แต่ละสิ่งอย่าง เข้าใจแล้วว่าทำไมเติร์ดชอบบอกว่ารำคาญ เออ มันน่ารำคาญจริงๆแหละแต่เป็นแบบน่าตบสักป๊าบอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-07-2017 03:32:42
อิค่ายเริ่มทำตัวสมกับเป็นพระเอกแล้วว
ออร่าพระเอกเลยเริ่มมาาาา
ถึงจะเป็นพระเอกกากๆก้เถอะค่ะ
แต่เรื่องหน้าด้านเนียนนี่ต้องยกให้เค้าเลยอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-07-2017 06:16:52
มุกจีบเสี่ยวได้อีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 18-07-2017 06:53:07
คนเกรี้ยวกราดประกาศศักดา2017มาแล้วจ้าาาา ขุนพลนั่นเองงงอยากจะรุกต้องรุกให้สุด สินะ 5555 ชอบจังงงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: หมูราชา ที่ 18-07-2017 07:20:21
บางทีพี่อั้นอาจจะเข้าหาเติร์ดเพราะทูก็ได้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 18-07-2017 07:53:29
ได้โอกาสแล้วนะค่าย คิดว่าโอกาสได้มาจากไหน......แต่ต้อง congratulation กับพี่จิตติด้วยนะคะ ที่เป็นพี่บัณฑิตเต็มตัวแล้ว.. :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 18-07-2017 08:14:14
 o13 เอ่อ! ให้มันได้ยังงี้สิค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-07-2017 08:34:16
เอ้อๆๆๆๆๆ ให้ได้อย่างงี้ซินังค่ายยยยยยย
จริงใจๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-07-2017 09:06:40
น้องเติร์ดไหวมั้ยลูก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 18-07-2017 09:19:36
ค่ายดูกากแต่ทำไมน่ารักจังงงงงงงงงงงงงง
เติร์ดต้องน่ารักมากแน่ๆดูค่ายบรรยายแต่ละที หลงสุดไรสุด  :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 18-07-2017 09:48:38
ค่ายปักธงแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 18-07-2017 11:51:15
ค่ายก็เหยียบมิดไมล์เรยนะ.. 55+
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 18-07-2017 12:37:30
ค่ายทำดีเว้ยยยยยยย  สารภาพตรงๆแบบนี้เอาใจเติร์ดไปเล้ยยยยยย
ใกล้ใจอ่อนล๊าวววว สู้ๆ!!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 18-07-2017 12:54:04
มาไม่ตรงจังหวะอ่ะ นี่ก็เห็นจิตติสปอยว่า
มาได้ครึ่งทางแล้ว ??  เราก็เอาวะ เร่งสปีดรวดเดียวจบ
จากด่าอิค่ายมาตั้งแต่ต้นเรื่อง จนสงสารมันแล้วเนี่ย
พอไปส่อง #ทฤษฎีจีบเธอ เอ้า!!!! จิตติลายาว
อาวล้าวววววววววว!!!!  :sad4: :sad4: :sad4:
แต่ก็ยังดีนะ ที่เป็นยิ้มค้าง ถ้ามาม่าละอิค่ายเอ๊ย!!
แกปลูกไร่ใบบัวบกรอไว้กินแก้ช้ำในเลย  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 18-07-2017 15:27:54
อืมม อิค่าย ก็ใช้ความกากไถมาจนถึงตอนนี้ได้
ยอมใจอิค่ายค่าาาา
สู้ต่อไปนะค่าย เติร์ดก็ได้รู้ในสิ่งที่สงสัยแล้ว เส้นชัยไม่เกินเอื้อมม
ถ้าอิพี่อั้นมันไม่เสือกทำอะไรก่อนอะ หมั่นไส้ๆๆๆๆๆ พี่อั้นๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 18-07-2017 15:42:03
พี่ค่ายหยอดทุกเม็ดจริงๆ  :laugh: :laugh:
ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 18-07-2017 15:55:55
ดุ้ววว หยอดขนาดนี้ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 18-07-2017 16:46:24
ค่ายสู้เขาลูก :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 18-07-2017 21:08:19
ตอนนี้มันนนส์จริงๆ 55555
เติร์ดอย่าเพิ่งยอมนะ เอาอีกๆ เลาชอบ
ค่ายคนกากหว่ะ 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-07-2017 22:53:35
ขำตอนจุ๊บเหม่งเติร์ด
เนียนได้อีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 19-07-2017 00:49:12
สองจิตสองใจมากจะเชียร์อิค่ายหรือไม่เชียร์ดี แบบพอคิดถึงเติร์ดมนอดีตแล้วยังไงก็ไม่ชอบอะ555555555555555แต่บางมุมอิค่ายก็กากจริงน่ารักดี งุ้ยยยเอาเป็นว่าให้นุ้งเติร์ดตัดสินใจโน้ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 19-07-2017 07:29:32
อ๊ายยยย น้องเติร์ดจะต้่านทานการหยอดรัวๆ ของน้องค่ายได้นานแค่ไหนเรามารอดูกัน ที่แน่ๆ ตอนจบตอนน้องโบนชงให้น้องค่ายได้เข้มมากค่าาา //me standing ovation ให้

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-07-2017 09:22:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-07-2017 09:29:04
ชัดเจนมากค่าย!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-07-2017 14:12:03
เพื่อนนี่ชงกันดีชิบ


55555 น่ารักดี


ตลกสุดก็ตอนเตริดแก้ตัวนี่แหละ ร้อนรนไปไหน นี่ฮาหนักมาก


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 19-07-2017 19:44:13
จะเปลี่ยนแ๊ปป #ทีมอีค่ายย แป๊ปปป :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 19-07-2017 21:08:59
ค่ายประกาศจองแล้วเว้ยยย แหมม
อิค่ายกวนตีนอ่ะ ทั้งตลกทั้งน่ารัก 555
เติร์ดจะหนีหัวใจตัวเองพ้นหรอแบบนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-07-2017 21:38:59
ดักทางคนอื่น แหล่ม จีๆนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 20-07-2017 08:47:00
ช่วงดราม่าของเติร์ดนี่เสียน้ำตาตามไปหลายปิ๊บ
แต่ไม่เข้าใจว่า..พออิค่ายกลับมาหลงรักเติร์ด ทำไมมันถึงได้บรรเทิงสะใจจัง!!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 20-07-2017 20:52:39
เออ!! ค่าย.. คนกากคนจริง 2017  :katai2-1:

เอาใจช่วยค่ายนะลูก ประกาศออกไปขนาดนี้แล้วขอให้เติร์ดใจอ่อนสักที
อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-07-2017 12:34:48
ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันสินะนังค่าย 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-07-2017 16:01:06
55555 ค่ายประกาศตัวแล้วค่ะ เติร์ดจะว่าไง

ค่ายรุกแบบบื้อๆ เนียนๆ แต่ก็ยังทำไปได้เนาะ
ใช้โอกาสความเป็นเพื่อน รู้จักรู้ใจดีเหลือเกิน เอาใจช่วยค่ายนะ 55555

เติร์ดจะตอบรับไหมนะ ตอนนี้ก็ไม่ได้ปิดโอกาส แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเปิด จะยอมให้ค่ายสู้ศึกรึป่าว

ลุ้นมากค่ะ เปิดตัวกลางวงแบบนี้ มีทั้งคนเฮ คนด่าอะนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: netto007 ที่ 27-07-2017 01:00:11
ออกตัวแรงงง รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ChocoPop ที่ 27-07-2017 18:18:30
อ่านแล้วก็ยอมใจในความกากของค่ายจริงๆ
แต่ให้อภัยเพราะความขี้ตื้อของนางด้วยเช่นกัน 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ujangzaa ที่ 28-07-2017 09:48:08
 :impress2: ค่ายเริ่มอ่อยบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ujangzaa ที่ 29-07-2017 09:29:36
อร๊าย!! ค่ายชัดเจนมาก  :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Ploypailin112 ที่ 29-07-2017 19:58:50
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทันน!!!(น้ำตาจะไหล5555)
 พี่จิตติมาต่อด่วนเลยค่าาาา นี่อินกับค่ายเติร์ดจนไม่อ่านหนังสือสอบกันเลยทีเดียว 5555 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: funnyvix ที่ 07-08-2017 21:44:25
สนุกมากๆเลย ทำไมเพิ่งมาอ่านเนี่ย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: ButteflyBeBe ที่ 10-08-2017 00:29:41
งื้ออ :impress2:รู้สึกหลงรักค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-08-2017 08:51:37
งื้อออ

ทำไมหายไปเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 11-08-2017 19:54:22

ตอนที่ 13
ตื๊อไม่ได้ครองโลก ตื๊อครองใจ



   ‘เออถูก กูชอบเติร์ด เพราะงั้นใครกล้ายุ่งกูเอาตาย’

   ประโยคเดียวทำเอาตะลึงงันกันยกกลุ่ม ไม่รู้ว่าพอตื่นขึ้นมาทุกคนยังจำได้อยู่มั้ย แต่สำหรับผมแม่งจำได้จนขึ้นใจว่าไอ้ค่ายพูดอะไรออกไปบ้าง ถึงจะเมาก็ยังพอมีสติ แต่คนปากมอมที่พูดประโยคก่อนหน้าออกมานี่สิที่ดูเหมือนไม่มีสติเหลือเลย ไม่อย่างนั้นมันคงไม่โพล่งประโยคนี้แน่

   ที่สำคัญคือผมถูกซักไซ้ไล่เรียงให้ตอบคำถามมากมายทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ใช่! เราเคยตกลงกัน ผมเคยพูดกับไอ้ค่ายว่าจะให้โอกาสมันได้พิสูจน์ตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบเรียบมาโดยตลอดจนกระทั่งเกิดเรื่องในคืนนี้ โชคดีที่เพื่อนอย่างมันยังพอมีความรับผิดชอบบ้างเลยเป็นฝ่ายยกเลิกเกมส์ ก่อนทุกคนจะแยกย้ายตัวใครตัวมัน

   “ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้ค่ายจะใจเด็ดขนาดนี้ ออกตัวหวงมึงโคตรแรง”

   ผมล้มตัวลงนอนบนเบาะผ้าใบริมสระ ข้างๆ มีพี่เชนทร์คนเดียวที่เป็นคู่สนทนาด้วย ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ดื่มเหล้าเมาเยี่ยงหมาอยู่กลางฟลอร์เต้นอีกด้าน ดังนั้นจึงไม่มีใครรบกวนผมมากนัก

   “พี่รู้มานานแค่ไหนแล้วว่าผมกับไอ้ค่าย...” ไม่ทันพูดจบประโยคผมก็หันไปมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่ที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว

   “ตั้งแต่แรกที่เริ่มละครเวที”

   “ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

   “เมื่อก่อนกูก็เคยสงสัยนะ เห็นมึงตัวติดกันมากเลยคิดว่าคงสนิทกันตามประสาเพื่อน แต่มันมาหนักตรงช่วงที่มึงตามติดพวกปีสี่แจและหมางเมินเพื่อนในกลุ่มเนี่ยแหละ คนเราเวลาทนกับอะไรไม่ได้จะเฟดตัวเองออกมา และมึงก็เลือกเฟดตัวออกจากไอ้ค่ายมากที่สุด”

   “แหม ชีวิตรุ่นน้องนี่รู้ดีจังนะ”

   “ก็มึงเป็นน้องกูป่ะวะ”

   “จริงๆ ผมไม่ได้อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์งงๆ ที่เราเป็นอยู่เท่าไหร่ บอกตรงๆ ก็คือผมไม่มีความมั่นใจในตัวไอ้ค่ายเลย” ใครก็รู้จักมันดี เวลานึกถึงแก๊งโหด ทุกคนมักนึกถึงไอ้ค่ายคนแรกเสมอ

   ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาได้รับการตอบสนองกลับ

   ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันมีแฟนมาแล้วกี่คน ช่วงแรกมีเวลานั่งนับดูสนุกๆ แต่หลังจากนั้นก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำเพราะเริ่มไร้สาระเต็มทน

   ช่วงปีหนึ่งถึงปีสามตอนต้นไอ้ค่ายเสียเงินมากสุดไปกับการซื้อถุงยาง รองลงมาเสื้อผ้าและลิปสติกของผู้หญิง

   มันไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเองเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็มักบอกว่าทุกอย่างเสียไปเพราะได้ผลประโยชน์ชั่วข้ามคืนเป็นการตอบแทน เซ็กซ์คือชีวิตหยำเปที่มันชอบ ขณะที่ผมโคตรเกลียดสิ่งที่มันเป็นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น

   แล้วจู่ๆ วันหนึ่งมันก็เดินมาบอกว่าชอบผม มาบอกว่าจะเดินหน้าจีบทั้งที่ผมกำลังตัดใจ สำหรับเพื่อนคนนี้ผมไม่มีความมั่นใจอะไรเลย

   ไม่มั่นใจว่าไอ้ค่ายหยุดตัวเองจริงมั้ย และก็ไม่มั่นใจว่าวันหนึ่งผมจะกลับไปร้องไห้อีกหรือเปล่า ไม่มีใครรับประกันได้เพราะงั้นผมจึงไม่กล้าเสี่ยง

   “กูเข้าใจ ไอ้ค่ายเหี้ยยังไงทำไมกูจะไม่รู้ แต่ตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปมากแล้วเหมือนกัน”

   “...”

   “เปลี่ยนไปจนกูตกใจ”

   “และแล้วก็ถึงช่วงเวลาสำคัญกันแล้วค่า” บทสนทนาถูกตัดไปเมื่อเสียงใสแจ๋วของรุ่นน้องปีสองที่อยู่อีกฟากของสระดังขึ้น เจ้าตัวถือไมค์เอาไว้ในมือ แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

   เสียงดนตรีจากลำโพงถูกหรี่เกือบสุด นิสิตฟิล์มทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจกับเจ้าของคำพูดนั้น ก่อนเธอจะกรอกเสียงลงไมค์อีกครั้ง

   “เราจะมาประกาศรางวัลหนุ่มฮอตและสาวฮอตจากฟิล์มปาร์ตี้พูลในคืนนี้กันค่ะ ทางฟากของสาวๆ ผู้ชนะได้แก่...น้องเมย์สุดสวยจากชั้นปีที่หนึ่งนั่นเอง ปรบมือค่า” บรรยากาศที่แสนครึกครื้นกลับมาอีกครั้ง ผมมองตามรุ่นน้องปีหนึ่งที่โคตรน่ารักวิ่งอ้อมจากอีกฟากของสระเพื่อไปรับสายสะพาย ก่อนการประกาศรางวัลอีกรอบจะเริ่มขึ้น

   “ส่วนฟากหนุ่มๆ ก็ไม่น้อยหน้าเพราะคะแนนสูสีกันมาก แต่ขอบอกเลยว่าคนนี้หล่อใสสไตล์น่ารัก ขอแสดงความยินดีกับพี่เติร์ดปีสาม หนึ่งในแก๊งสี่โหดของเอกฟิล์มด้วยนะค้า”

   เอ้า! กูเหรอ

   “นี่ไง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับไอ้ค่าย ทุ่มโหวตให้มึงจนชนะอ่ะคิดดู” พี่เชนทร์พยักเพยิดให้ผมลุกขึ้นไปรับรางวัลซึ่งใจจริงก็ไม่อยากได้เท่าไหร่เพราะเป็นแค่สายสะพายทำจากกระดาษแข็ง

   “กรี๊ดดดดดดดดดดด”

   “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ” ยังไม่ทันพาตัวเองไปรับรางวัลขวัญใจมหาชน ทุกคนก็พุ่งประเด็นไปอีกด้านหนึ่งทันที

   รุ่นพี่ปีสี่กลุ่มใหญ่วิ่งลงบันไดไปยังด้านล่างซึ่งเป็นห้องน้ำ ก่อนปีสามบางส่วนจะกรูตามกันไปราวกับมด ผมมองหน้าผู้ชายร่างหมีบนเบาะผ้าใบก่อนจะพากันวิ่งไปดูสถานการณ์ด้านล่าง

   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นิสัยไทยมุงแม่งติดตัวจนสลัดไม่ออก ต้องเสือกให้บรรลุก่อนไม่งั้นกลัวจะนอนไม่หลับ

   บรรยากาศหน้าห้องน้ำเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีปีสูงกำลังเคลียร์ทางให้ปีต้นๆ เดินออกจากบริเวณนั้น พี่เชนทร์แหวกทางให้ผมเข้าไปข้างในก่อนจะพบว่าไอ้ค่ายกับพี่อั้นถูกเพื่อนยื้อตัวห้ามไว้ไม่ให้ก่อเรื่องชกต่อย ตอนนี้สภาพที่เห็นคือไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ปกติสักคน

   เลือดที่ติดอยู่ตรงมุมปากและหางคิ้วของไอ้ค่าย กับเบ้าตาที่เขียวช้ำของพี่อั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่มีปัญหากันมาก่อนแน่

   “มันเกิดอะไรขึ้นวะ” พี่เชนทร์แทรกตัวไปยืนข้างพี่อั้น ส่วนผมก็มองดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ กับไอ้โบน ซึ่งมันก็กำลังรั้งตัวไอ้ค่ายที่กำลังคลั่งเป็นหมาบ้าอยู่

   “เชี่ยค่ายดิ ไม่รู้เป็นเหี้ยไร อยู่ๆ ก็มาต่อยกูหน้าตาเฉย”

   “มึงสิเป็นเหี้ย กูเห็นนะว่ามึงกำลังทำอะไร”

   “แล้วกูทำอะไรไม่ทราบ!”

   “มึงพาเด็กปีสองมานัวในส้วมทำไมกูจะไม่รู้”

   “เกี่ยวอะไรกับมึง กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกูอย่าเสือกให้มาก”

   “ไม่เสือกได้ไงวะ ไอ้เติร์ดมึงดูให้ดีๆ เลย ไอ้พี่อั้นแม่งเหี้ยแค่ไหนมึงมาดู!” และผมก็ถูกดึงเข้าไปฟังเหตุผลของคนเมาสองคน ทั้งที่ไม่รู้เลยว่ากูเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย

   “แล้วไง มึงจะให้กูดูอะไร” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ไอ้ค่ายเลยสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเพื่อน แล้วขยับมายืนประชิดกับผมพลางชี้หน้าด่ารุ่นพี่ปีสี่เสียงแข็ง

   “ก็พี่มันแม่งจูบกับผู้หญิงคนอื่นมึงเห็นมั้ย”

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ”

   “ก็มันจีบมึงอยู่ไงไอ้สัด ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้”

   “มึงนั่นแหละโง่ เขาไม่ได้จีบกู” เรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้ว แถมคำหยาบยังมารัวๆ จนรุ่นน้องที่มุงอยู่ห่างๆ ให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม

   “มึงอย่าออกตัวปกป้องมัน โดนหลอกอยู่ยังทำเป็นปากดีอีก”

   “มึงสิปากดีมาออกตัวเพื่อกูทำไม”

   “ก็กูหึงมึงอ่ะไอ้เหี้ย”

   “แล้วมึงมาหึงกูทำส้นตีนไรวะ”

   “เอ้ากูชอบมึงก็ต้องหึงมึงดิ ทำไมถามโง่ๆ งี้วะเติร์ด”

   ฮือฮา...

   เกิดเสียงเซ็งแซ่ไปทั่วพื้นที่ ผมยืนตัวแข็ง มองดูไอ้ค่ายที่เอาแต่ดึงทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แม่งอยู่ในสภาพเมาเละเป็นหมาไม่พอสติยังเลอะเลือนอีกต่างหาก

   คำพูดทุกคำ ประโยคทุกประโยคที่พ่นออกมาไม่ได้มีแค่ผมกับมันที่รับรู้ แต่หมายถึงเด็กฟิล์มทุกชั้นปีที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย

   “สงบสติอารมณ์ก่อนมั้ยมึง” ผมพูดเสียงเรียบ

   “จะให้สงบได้ไง กูจะบ้าตายเพราะมึงอยู่แล้วเนี่ย”

   “เดี๋ยวไอ้ค่าย มึงต่อยกูเพราะกูจูบผู้หญิงเนี่ยนะ” คราวนี้เป็นพี่อั้นที่เริ่มออกความเห็นบ้าง เห็นหน้าช้ำเลือดน้ำหนองแล้วก็อดสยองแทนไม่ได้

   “เออ!” คนตัวสูงตอบกระแทกกระทั้น

   “และเพราะกูจีบไอ้เติร์ดกูเลยจูบผู้หญิงคนอื่นไม่ได้”

   “ก็เออไง! จะมาแข่งกับกูทำตัวเองให้ดีก่อนมั้ย”

   “ไอ้ควายกูไม่ได้จีบไอ้เติร์ด”

   “มึงไปหลอกหมาที่บ้านป่ะ ที่ผ่านมามึงจีบไอ้เติร์ด”

   “กูได้บอกตอนไหนว่าจีบ กูเป็นพี่มันจะมาจีบแม่งทำฆวยไร”

   “แต่ไอ้พี่เชนทร์บอกมึงจีบ”

   ขวับ!!

   ทุกสายตาหันไปมองมนุษย์หุ่นหมีที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง หลังจากถูกจับไต๋ได้พี่มันก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยมาให้พร้อมกับคำแก้ตัวที่โคตรน่ากระทืบสิ้นดี

   “อุ๊ย! รู้แล้วเหรอ ฮ่าๆ”

   “ไอ้เชนทร์!!”

   “กูไม่ผิดที่จะปกป้องน้องกู ไอ้ค่ายมันไม่ชัดเจนเองนี่หว่า สรุปทุกวันนี้มึงคิดกับไอ้เติร์ดแบบไหนกันแน่วะ” งานโบ้ยขี้นี่ของถนัดรุ่นพี่หุ่นหมีนี่เลย ส่วนไอ้ค่ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมก็พ่นลมหายใจที่มีแอลกอฮอล์ออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน

   “เป็นเพื่อน”

   ว่าแล้ว สุดท้าย...

   “เป็นครอบครัว เป็นว่าที่แฟน เป็นที่ปรึกษา”

   “...”

   “เป็นทุกอย่างสำหรับกู พอใจยัง”

   “โอเคพอใจแล้ว เจ๊าๆ กันไปเนาะ”

   เจ๊าบ้านพี่มึงสิ...













   ปาร์ตี้พูลในคืนนั้นไม่มีอะไรน่าจดจำไปกว่าการชกต่อยของไอ้ค่ายกับพี่อั้นอีกแล้ว และทุกคนก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครอื่นนอกจากกู...ที่กลายเป็นจำเลยของสังคมแบบงงๆ

   พี่เชนทร์ออกมาสารภาพความผิดกับผม ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้ไอ้ค่ายรู้ใจตัวเองเลยจัดแจงทุกอย่างจนหมด แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างพี่อั้นก็ยังไม่รู้ โง่ให้โดนหลอกอยู่นาน แถมไอ้พี่หมีมันยังฉลาดใช้การกระทำหวังดีตามประสาพี่น้องมาเป็นเหตุผลว่าอีกฝ่ายกำลังจีบผมอยู่ ไอ้ค่ายเลยน็อตหลุดก่อปัญหาขึ้นอย่างที่เห็น

   ตอนนี้เลยต้องออกมาขอโทษขอโพยกันอย่างเป็นทางการ แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็แลกหมัดกันไปหลายแผล พ่วงด้วยคำเอ่ยแซวของเด็กฟิล์มที่พอเห็นผมกับไอ้ค่ายที่ไหนก็มักออกตัวกันเอิกเกริกเสมอ แม้กระทั่งโรงอาหารคณะ...

   ผมกับไอ้ค่ายยืนอยู่หน้าร้านข้าว ไม่นานปีสี่กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาต่อแถวด้านหลังทันที

   “เสือร้ายจะขย้ำเหยื่อละต้องช่วยกันปกป้อง” เสียงหักนิ้วมือดังกรอดๆ แทรกเข้ามาในโสตประสาท สักพักรุ่นพี่ก็พูดต่ออย่างใจเย็น

   “อย่าเข้าใกล้โหดน้อยของพวกกูมากนะครับ หวง!”

   “ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยพี่” เสียงทุ้มต่ำของคนด้านหลังพูดขึ้น เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้วครับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์

   พวกปีสี่ที่รู้ข่าวว่าไอ้ค่ายกำลังตามจีบผม เริ่มหันมาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย กลุ่มแรกอยู่ทีมหวง ขัดขวางไม่ให้ไอ้ค่ายเข้าใกล้ผมมากเกินไปเพราะจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของคณะ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ทีมกากของไอ้ค่าย ส่วนใหญ่เป็นปีสาม

   ทุกวันนี้ผมไม่ซีเรียสอะไรหรอกยกเว้นชื่อที่แม่งเรียกกูเนี่ย

   ไอ้ค่าย เป็นทีมโหดกาก

   ส่วนกูเหรอ ทีมโหดน้อย

   ถุย! ขอความสตรองให้กันหน่อยเถอะ จะบ้าตาย

   “อยู่ห่างๆ ก็ดี แถวนี้แม่งเถื่อน” ฟังแล้วตลก ความจริงเด็กฟิล์มก็ติงต๊องเหมือนกันนะ สงสัยว่างมากเลยมานั่งเจือกชีวิตคนอื่น

   “ได้ข้าวแล้วใช่มั้ย กูถือให้” ไม่รู้เพราะต้องการหลีกหนีรุ่นพี่หรือเปล่า ไอ้ค่ายถึงรีบคว้าจานข้าวของผมไปถือไว้ ส่วนตัวมันก็เลือกไม่สั่งอาหารแล้วเดินกะเผลกตรงไปที่โต๊ะทันที

   “ไม่กินข้าวเหรอวะ” สุดท้ายก็อดถามออกไปไม่ได้

   “ทีมผู้พิทักษ์มึงเยอะขนาดนั้นใครจะกล้าสั่งวะ ขอกินจานเดียวกับมึงได้มั้ย” เจ้าตัวถามกะลิ้มกะเหลี่ย จนกูล่ะอยากจิ้มตาแตก

   “ไปหาแดกร้านอื่นเองสิ”

   “โอเคๆ แต่นี่กูถือจานมาให้มึงและคิดว่าจะไปซื้อน้ำให้ด้วย”

   “แล้วไง”

   “มึงติดหนีกูแล้ว เพราะงั้นพรุ่งนี้พากูไปกินบุฟเฟต์หน่อยดิ”

   “ทำดีหวังผลฉิบหาย”

   “ไม่ได้หวัง กูตั้งใจเลย”

   “ต้องถามพี่เชนทร์กับพี่อั้นก่อนว่าพรุ่งนี้มีงานอะไรอีกมั้ย”

   “โอยยยยย มันกล้ามีเหรอ เดี๋ยวกูจะบุกไปต่อยปากมันคาห้องเรียนเลย ทำกูฟุ้งซ่านตั้งนานห่าเอ๊ย” จานข้าวถูกวางไว้บนโต๊ะ ก่อนไอ้ค่ายจะหมุนตัวไปยังร้านน้ำที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก

   ไอ้โบนกับไอ้ทูมองเหตุการณ์ตรงหน้าไปมาพลางจ้วงข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในคืนนั้นไอ้สองตัวนี่แหละที่ขำไม่หยุดหลังจากหามไอ้ค่ายกลับไปทำแผลที่ห้อง ไม่รู้ว่าสรุปตอนนี้อยู่ทีมใครกันแน่ ดูแล้วไว้ใจไม่ได้สักคน

   “โดนรุ่นพี่แซวมาอีกอ่ะดิ” ไอ้ทูถาม ผมเลยพยักหน้าเป็นคำตอบ

   “ทำใจนะ ปีสี่เอฟซีมึงเยอะด้วย แต่ยังไงกูก็เชียร์ค่ายกากมากกว่าโหดน้อยนะ” รู้ละว่าจะตบบ้องหูใครคนแรก ไอ้โบนนี่เอง สาระแน

   ผมแทรกตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวยาวตรงข้ามกับมันสองตัว ไม่นานไอ้ค่ายก็ได้เดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่าในซอกจักแร้สองขวด และข้าวในมืออีกหนึ่งจาน

   จริงสิ ใกล้เที่ยงแล้วสงสัยกระเพาะประท้วงอีกแหงๆ

   “น้ำมึง”

   “เท่าไหร่”

   “ซื้อให้ ไม่ต้องยัดใส่กระเป๋ากูนะ ในนั้นมีแมงป่องยักษ์อยู่” ดูคำขู่มัน

   “กลัวจังเลยอ่ะครับ”

   “กลัวแมงป่องยักษ์หรือกลัวหนอนค่ายยักษ์มากกว่ากันครับ”

   “ไอ้สัด” เรื่องกามนี่งานถนัดมันเลย แต่นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นไร้สาระ เนื่องจากประธานเอกอย่างไอ้โมแจ้งข่าวในคลาสตอนเช้า เด็กฟิล์มปีสามหลายคนเลยต้องกระตือรือร้นเริ่มต้นโปรเจ็กต์ที่ใกล้เข้ามาอย่างรีบเร่ง   

   “เป็นงานเป็นการหน่อย โปรเจ็กต์ไฟนอลของปีสามที่ต้องทำหนังสั้นอ่ะ กูคิดว่าเราน่าจะเริ่มคิดกันได้แล้วนะ เดี๋ยวถึงเวลามันจะไม่ทันเอา ใครมีไอเดียดีๆ มั้ย”

   “กูเคยคิดไว้คร่าวๆ ตอนไปถ่ายรูปนอกรอบกับชมรมโฟโต้อ่ะ” ไอ้ทูเสนอขึ้น

   “เออว่าไง”

   “คอนเส็ปความสัมพันธ์ระหว่างการนั่งรถไฟไปทะเล”

   “ฟังดูดีว่ะ คือถ้าให้ไอ้เติร์ดเขียนความสัมพันธ์ของคนเราที่มันแปลกๆ ขึ้นมา แล้วใช้แบ็กกรานด์ของรถไฟกับวิวข้างทางประกอบมันคงดีมากเลยนะ” ผมเพิ่งเห็นไอ้ค่ายดูฉลาดก็วันนี้แหละ

   “กูเสนออีกนิด นั่งรถไฟไปทะเลหน้าฝนดิ เหมือนใช้ธีมหลักของเรื่องคือรถไฟกับฝน” ไอ้โบนยกมือเสนอความคิดเห็นบ้าง

   “แล้วความสัมพันธ์อ่ะ คู่รักมั้ย”

   “เพื่อนเถอะ รู้สึกคำนี้มีมนต์ขลัง”

   “นี่พวกมึงพูดเหมือนจะใช้คอนเส็ปนี้เลย”

   “หรือมึงคิดอะไรที่เจ๋งกว่านี้ครับเพื่อนเติร์ด เรื่องไซไฟอวกาศอะไรไว้เก็บไว้ทำตอนปีสี่นะ” ฉิบหายนี่รู้ใจกูอีก ผมมีความคิดอยากทำอะไรที่แหวกแนวดู แต่คิดว่าคงต้องยกยอดไปทำโปรเจ็กต์จบของตัวเองปีหน้าแทน

   “คือถ้าจะลงมือก็ค่อยๆ คิดตั้งแต่ตอนนี้ แต่เราต้องไปดูโลเคชั่นที่จะใช้ถ่ายด้วย”

   “แนะนำตอนปิดเทอมหนึ่งเลย ช่วงมรสุมเนี่ยแหละ” โหยไอ้เวร ชีวิตกูกำลังแขวนอยู่บนอะไรวะเนี่ย

   “เอาเป็นว่าลองยึดที่เราคิดไว้คร่าวๆ ก่อน แต่ถ้าใครมีไอเดียจะทำหนังสั้นแนวอะไรก็เสนอมาได้อีก แต่กูชอบคอนเส็ปที่เสนอมานะ”

   “เหมือนกัน Friends I Train I Rain แปลกดี” คำพูดของไอ้ทูทำให้เราสี่คนนั่งมองตากันเหมือนเจอจุดลงตัวอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องบอกเป็นคำพูด แต่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก

   ผมคิดว่าคงไม่มีใครคิดพล็อตอื่นมาโต้งแย้งแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่คิดอยู่นี้ดีสำหรับเราแล้ว

   “งั้นกูเสนออีกอย่าง ความสัมพันธ์นี่เริ่มต้นรักแบบเพื่อน ตอนจบรักแบบแฟนดีมั้ย” ไอ้ค่ายดูจะตื่นเต้นกับการทำหนังเรื่องนี้มาก แต่ดูจากสีหน้าที่มองมายังผมแล้วกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาฉับพลัน

   “ยังไง” เชี่ยโบนถาม

   “ก็เอาเรื่องกูกับไอ้เติร์ดไปเขียนดิ ตอนจบได้คบกันแน่นอน”

   “สัด” นี่คลังสมองมึงมีปัญหาถูกมั้ย

   “แบบ...กูเลิกเจ้าชู้แล้วตั้งแต่รู้ว่าไอ้เติร์ดโหดเหมือนปืนไรงี้”

   “ยิงกลับดิมึง”

   “ยิงกลับได้กูจัดพรุนไปละ”

   “พูดเหี้ยอะไรกันเนี่ย”

   “เอ้า! ยังไม่รู้อีกเหรอ”

   “...”

   “เติร์ด สำหรับมึงกูถือคติได้ก็ดี ฟรีก็เบิ้ล เพราะงั้นอย่ามาน่ารักแถวนี้เดี๋ยวคุมไม่อยู่”

   “อู้วววววววววว” เป็นอันจบบทสนทนาหลังจากความกามคุกคามเป็นวงกว้าง

   ไอ้ค่ายมันเหมือนคนอื่นซะที่ไหน นอกจากความเจ้าชู้ที่ไม่รู้จะหยุดจริงหรือเปล่า มันยังมีความหื่นติดตัวมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นด้วย ใครจะอยากไปไฝว้กับมันวะ ผมคนหนึ่งที่คงไม่ไหวกับความบ้าเซ็กซ์ของมัน เพราะงั้นก็ไม่ต้องเปิดใจรับมันมากกว่านี้เป็นพอ

   กลัวว่าสุดท้าย...คนจะซวยอาจเป็นกู












   ผมกลับมาถึงห้องหลังจากพาคุณชายค่ายลากสังขารไปที่คอนโด จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งเล่นคอมเงียบๆ ไม่นานไอ้ทูก็เดินมาเคาะประตูห้อง แล้วถือวิสาสะกระโดดขึ้นเตียง นอนกดมือถือเล่นราวกับเป็นห้องของตัวเองสักพัก กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีเริ่มประเด็นขึ้นมา

   “พรุ่งนี้ว่างป่ะ”

   “เอ่อ...น่าจะไม่ มีนัดกับพี่เชนทร์ ละครเวทีมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วไง” จริงๆ พรุ่งนี้ไม่มีนัดหรอก คือผมดันไปตบปากรับคำว่าจะไปกินบุฟเฟ่ต์กับไอ้ค่ายเนี่ยดิ

   แต่เพื่อไม่ให้เสียฟอร์มจนเกินไปผมจึงเลือกที่จะไม่พูด

   “แล้วนี่ไอ้ค่ายรู้ยัง”

   “รู้แล้วมั้ง”

   “ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้มันนัดมึงด้วยหนิ”

   “หึ! กูไม่ไปหรอก”

   “จริงดิ บางทีก็สงสารมันนะ มาบอกกูว่าพรุ่งนี้จะพามึงไปกินบุฟเฟ่ต์”

   “มันก็ควรรู้ป่ะวะว่ากูยังไม่ยอมรับมันขนาดนั้น”

   “อ้าว แล้วที่ผ่านมาคือยังไม่เปิดใจให้มันเหรอ”

   “กูตัดใจจากมันแล้ว”

   “อ๋อ กูพอเข้าใจ มึงเจ็บกับมันมาเยอะนี่หว่า”

   “กูเลยใช้สมองให้มากกว่าหัวใจอย่างที่พี่เชนทร์บอก” อย่างน้อยก็ปกป้องตัวเองในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะหนีเลย แต่อย่างน้อยก็เป็นเกราะป้องกันในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างหวัง

   ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ ยิ่งพวกโลเลอย่างไอ้ค่ายด้วยแล้วยิ่งเป็นไปได้ยากมาก

   “พี่เชนทร์บอกให้มึงใช้สมองมากกว่าหัวใจ”

   “อืม”

   “แล้วมึงรู้มั้ย ทุกวันนี้พี่มันใช้หัวใจมากกว่าสมองอีกนะ”

   “...!”

   “ไม่งั้นมันจะอ้อนเมียหนักขนาดนั้นเหรอวะไอ้เติร์ด ไอ้โง่”

   เจ็บกว่าโดนหลอก คือตอนที่ถูกเพื่อนด่านี่แหละ

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 11-08-2017 19:56:39

   แก๊งโหดแยกย้ายหลังเลิกคลาสช่วงห้าโมงเย็น ผมบอกกับทุกคนว่าจะไปส่งไอ้ค่ายที่คอนโดเพราะงั้นวันนี้จะไม่มีใครรู้ว่าเราแวะไปกันต่อที่ไหน พอถามเพื่อนตัวสูงเพื่อเช็กความมั่นใจมันก็บอกว่าไม่ได้พูดต่อให้ใครฟัง ดังนั้นผมจึงสบายใจมากที่ไม่ต้องถูกไอ้ทูกับไอ้โบนด่าเรื่องกลืนน้ำลายตัวเอง

   “ไปหาไรกินก่อนมั้ย เลิกเรียนแล้วหิว” ไอ้ค่ายเชิญชวน ผมก็พยักหน้าตามคำขอ

   “อยากกินร้านไหน”

   “บุฟเฟ่ต์ร้านนี้อร่อย”

   “เออ”

   เราเข้ามาด้านใน ไอ้ค่ายพิงไม้ค้ำยันของมันไว้ข้างๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เรานั่งตรงโซนเคาน์เตอร์ที่มีอาหารเลื่อนตามสายพาน อย่างน้อยก็สะดวกเวลาจะหยิบคีบอะไรที่อยากกิน

   “อยากได้น้ำอะไรเดี๋ยวกูไปเอาให้”

   “ไม่ต้อง เดินลำบากแล้วยังทำเก่งอีก”

   “ปกติก็ทำให้มึงตลอด” ผมไม่ฟังอีกฝ่ายโต้เถียง รีบผละออกมาหยิบแก้วและกดเครื่องดื่มไปประเคนให้คนขาหักถึงที่

   “อีกไม่นานก็ถอดเฝือกละ จะได้หายรำคาญสักที” เสียงทุ้มบ่นอยู่ใกล้หู มือก็หยิบจานใส่อาหารบนสายพานออกมา ทั้งคีบแดกเอง ทั้งเทใส่หม้อต้ม สรุปจะกินหรือจะพูด

   “แต่ก็ยังวิ่งไม่ได้” หมอบอกหลังถอดเฝือกสามเดือนให้งดวิ่ง กูล่ะสะใจฉิบหาย

   “รู้แล้วน่า ต่อไปมึงคงไม่มารับกูแล้ว”

   “มันก็ควรเป็นอย่างนั้นป่ะวะ”

   “กูเลยขอรถที่บ้านมาใช้ คันนี้กว้างมากมึงจะได้นั่งสบาย”

   “รถกูก็มีป่ะ เกี่ยวไรกับมึง”

   “ก็จะได้เท่าเทียมกับที่มึงไปรับไปส่งกูไง คราวนี้กูจะทำบ้าง” โถพ่อสารถีของเติร์ด ถุย! ไม่อยากได้หรอกครับ ทำดีหวังผลแน่ถ้ามาไม้นี้

   “ไม่ต้อง”

   “มึงตกลงแล้วนะ ดีเลยๆ”

   “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

   “ก็ไม่ได้ฟังภาษาคน นี่ฟังตามเสียงหัวใจตัวเอง”

   ไหน ขอกระโถนหน่อยซิ

   “จะขับไปๆ กลับๆ ทำไมวะในเมื่อมหา’ลัยแม่งใกล้คอนโดมึงขนาดนั้น ถ้ากูลำบากเชี่ยโบนกับเชี่ยทูก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”

   “มันไม่เหมือนกัน ตอนแรกกูก็คิดนะว่าจะย้ายไปอยู่กับพวกมึง แต่ตอนนี้ไม่เอาดีกว่า เผื่อวันนึงมึงย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”

   “ฝันเหรอ”

   “คนเราก็ต้องมีความหวังนะมึง” เห้ออออออ เอาที่มึงสบายใจ

   ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาหยิบจานอาหารจากสายพาน หลังเสียเวลาโต้เถียงเรื่องไร้สาระกับไอ้ค่ายอยู่นาน แต่พอตั้งท่าเอื้อมมือจะหยิบจานไหน จานนั้นเป็นอันต้องถูกฉกจากคนใจบาปอย่างมันตลอดเลย

   “นี่มึงตั้งใจแกล้งกูป่ะเนี่ย” ถามออกไปเสียงขุ่น แต่คนฟังกลับยิ้มร่า

   “ไม่ได้แกล้ง”

   ผมเอื้อมมือหยิบจานใหม่อีก

   “นี่ไง” สุดท้ายก็โดนฉกไปอย่างรู้ทัน

   “บ่นอะไรแง้วๆ ข้างหู รำคาญจังครับ”

   “กูหิว กูจะกินเนี่ย!”

   “ก็นี่ไง หยิบมาให้ ไม่ได้จะกินเองซะหน่อย” หลังจากนั้นมันก็ลอบหัวเราะเหมือนมีความสุข

   ผมก้มมองของกินหลายๆ จานครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่าทุกอย่างที่ไอ้ค่ายหยิบมาเป็นของที่ผมชอบกินทั้งนั้น ปกติของที่จะไม่ชอบผมจะไม่หยิบเลย และในทุกจานที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีอาหารที่ผมเกลียดแม้แต่อย่างเดียว

   “กุ้งนี้ลวกนะ เดี๋ยวแกะให้” มันพูดอย่างอารมณ์ดี

   “ไม่ต้อง จะแกะเอง”

   “เจ็บมือน้า กว่าจะได้กินลำบากเลย”

   “เค็มขี้มือของมึง กูไม่อยากกิน”

   “งั้นเอามือจุ่มน้ำร้อนก่อน”

   “เฮ้ยทำไรวะ” ผมแหวขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าฝ่ามือหนากำลังจ่ออยู่ตรงปากหม้อร้อนๆ เหี้ยนี่ต้องเล่นสงครามประสาทกับผมแน่ๆ มันจะอะไรนักหนาวะ

   สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย กินไปเถียงกันไป แถมโชคดีมีคนแกะกุ้งให้ด้วย รวมๆ แล้วไอ้ค่ายแทบไม่กินอะไรเลยนอกจากบริการให้ผม

   “ค่าย” และจู่ๆ ความสุขในการกินของผมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อใครคนหนึ่งเรียกชื่อของคนตัวสูง

   ถ้าจำไม่ผิดคนนี้น่าจะเคยไปไหนมาไหนกับไอ้ค่ายช่วงหนึ่งเลยมั้ง แค่ผมไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร เพราะบรรดากิ๊กของเพื่อนคนนี้เยอะจนนับนิ้วไม่ครบ

   “อ้าว หวัดดี”

   “มากินบุฟเฟ่ต์เหรอ”

   “อืม แล้วนี่มากับใคร” มันถามต่อ

   “กับเพื่อนน่ะ งั้นไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะ”

   “โอเค”

   “บาย”

   “บาย”

   อาลัยอาวรณ์กันจังวะ

   “เป็นอะไร โหดน้อยหึงผมเหรอ” พอหลุดโฟกัสจากเขาหน่อยก็มาเขี่ยคางกูเล่นเลยนะ บอกเลยไม่ตลก ผมรีบสะบัดมืออีกฝ่ายออกอย่างเร็วรี่

   “กูได้แสดงออกว่าหึงเหรอ ประสาท”

   “โอเคไม่หึงก็ได้ เมื่อกี้โจทก์เก่า”

   “เออ พอจำได้”

   “มึงนี่เก่งเนาะ เอาจริงกูยังจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮ่าๆ” โคตรเหี้ย เหี้ยบรม นี่เหรอวะคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจีบผม ไม่ใช่พอวันนึงห่างหายกันไป มันไม่ลืมชื่อไปด้วยเหรอ

   “ไอ้ค่าย กูถามอะไรหน่อยสิ”

   “ว่ามา” ปากว่า หากแต่มือกำลังขะมักเขม้นกับการแกะกุ้งเค็มๆ ใส่จานผมอยู่

   “คนที่ผ่านมาใครเป็นที่สุด กูหมายถึงผู้หญิงที่มึงรักและเคยคบอ่ะ” ไม่รู้ดิ ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่มั่นใจในตัวมัน เพราะลึกๆ ยังรู้สึกกลัวความไม่แน่นอนในใจของไอ้ค่ายอยู่ ดังนั้นเลยถือโอกาสถามถึงสิ่งที่ค้างคาในใจมาเนิ่นนาน

   “ก็ไม่มีใครเป็นที่สุดนะ”

   “แล้วผู้หญิงคนก่อนที่มึงตัดสินใจคบเป็นแฟนอ่ะ”

   “แจมเหรอ ที่เวลางอนแล้วให้กูเดาใจว่าผิดอะไรอ่ะนะ กูถามก็ไม่ยอมบอก ชอบท้าเลิกเป็นประจำ พอกูรำคาญบอกเลิกกลับก็โกรธ แม่งจำได้ขึ้นใจเลย”

   สัด ที่พูดมามีแต่ข้อเสีย

   “ความจริงแจมก็ดีนะ เอาใจใส่ดีถึงจะขี้งอแงอยู่นิดหน่อย แต่เพราะกูไม่หยุดเรื่องแจมก็เลยจบลงง่ายๆ ที่ผ่านมากูเหี้ยแค่ไหนมึงก็รู้ เขาควรเจอคนที่ดีกว่ากู”

   “ก็รู้ตัวหนิ”

   “ไม่เหมือนมึงที่ไม่อยากให้เจอคนดีๆ เลย”

   “...”

   “อยากให้อยู่กับคนเหี้ยๆ อย่างกูต่อไปเนี่ยแหละ” ฟังแล้วอยากจะตบหูหลุด

   “รำคาญ เดี๋ยวกูสาดน้ำร้อนใส่หน้ามึงนะ”

   “แลกกันมั้ย ให้กูทำรอยบนคอมึงเป็นการตอบแทน” ไอ้เห็บหมา มึง…หยาบโลนเกินมนุษย์มนา เมื่อก่อนตอนเป็นเพื่อนมันก็ไม่เคยจาบจ้วงกับผมหนักขนาดนี้นะ ตอนนี้ไม่รู้เป็นห่าอะไรแสดงสันดานดิบออกมาทุกสองนาที

   ต่อไปผมคงต้องสมัครเว็บ 18+ ออนไลน์เอาไว้ซื้อเซ็กซ์ทอยบำบัดอาการหื่นกามขั้นสุดของมันซะละ

   “กินต่อๆ โอ๋นะ...กูพูดเล่น” แต่หน้าแม่งจริงจังมาก

   กินได้แป๊บๆ มันก็สะกิดอีก ผมที่กินไม่อิ่มกับไอ้ค่ายที่นั่งอืดถ่วงเวลาทำให้ผมต้องหันไปมองคนเจ้าปัญหาตาขวาง

   “มีไร”

   “ขอดูมือถือหน่อย” มาล้วงความลับอะไรอีกล่ะ คราวก่อนที่ให้ไอ้ทูมาแอบเช็กไลน์กูยังไม่ได้คิดบัญชีเลย

   “ไม่ให้”

   “ขอบคุณนะ” เท่านั้นแหละครับมือแม่งตะปบลงบนกระเป๋ากางเกงผมทันที หน้าด้านแค่ไหนถึงขนาดล้วงมือเข้ามาฉกมือถือของชาวบ้านไปหน้าตาเฉยขนาดนี้ กดไปได้สักพักมันก็บ่นอีก “เปลี่ยนรหัสเหรอ”

   “ใครจะใช้รหัสเดิมให้โง่วะ”

   “นี่ไง ได้ละ”

   “เชี่ย มึงรู้ได้ไง”

   “ตัวเลขในชีวิตมึงจะมีกี่ตัวกันเชียว”

   Rrrr..!

   “มีคนโทรมา ส่งมือถือมาให้กูเดี๋ยวนะ” ผมกระดิกนิ้วรัวแต่เหมือนไอ้ค่ายจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เมื่อมันเอาแต่ส่ายหน้าและหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมามองชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอ

   “เสียงจากเครื่องกูต่างหาก”

   “แต่มึงควรคืนของกูมาก่อนมั้ย”

   “ไอ้โบนว่ะ มึงรับให้หน่อย” มือหนาส่งต่อมือถือของมันมาให้ผม

   “ทำไมกูต้องรับด้วยวะ มึงนั่นแหละรับ แล้วห้ามบอกด้วยว่ากำลังอยู่กับกู” ผมย้ำเสียงเข้ม ก่อนคนตัวสูงจะทำตามคำสั่งพลางกรอกเสียงลงไป

   “ว่าไง...อยู่ข้างนอก”

   “บอกไปว่าไม่ได้อยู่กับกู” พยายามกระซิบบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

   “ไอ้เติร์ดไม่อยู่ มึงโทรมามีอะไร อ๋อ...ไว้วันหลังแล้วกัน แค่นี้นะพอดีกำลังยุ่ง” จากนั้นก็กดตัดสายไป ผมจึงถามต่ออย่างอยากรู้

   “ไอ้โบนโทรมาทำไมวะ”

   “มันบอกจะชวนกูมาหาอะไรกินข้างนอก แต่ไม่ต้องห่วงปฏิเสธไปละ”

   “เออดี” ถ้ามันรู้ไอ้ทูก็ต้องรู้ เมื่อวานยังทำตัวเย่อหยิ่งบอกจะไม่มากินข้าวกับไอ้ค่ายเด็ดขาด ขืนมันรู้ว่านั่งอยู่ด้วยกันก็หน้าแตกกระจายกันหมดดิ

   “เฮ้ย ใครเอ่ย”

   แต่ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์แกล้งนะครับ ร้านก็มีเป็นร้อย ทำม๊ายทำไมลูกค้ารายใหม่ที่เดินเข้ามาถึงได้หน้าตาคุ้นเคยขนาดนี้

   “ไอ้ค่าย ไอ้เติร์ด มาได้ไงว้าาาาาา” ผีเปรตเจาะปากมันมาพูดชัวร์ เพราะมาทีเล่นเป็นแพ็คคู่ทั้งไอ้ทูและไอ้โบน จะมุดโต๊ะตอนนี้ก็คงไม่ทันเลยได้แต่เนียนๆ ไปกับไอ้ค่าย

   “อ้าววววววววว มึงสองตัวก็มาเหรอ เฮ้ย! บังเอิญว่ะ ฮ่าๆ”

   “บังเอิญจริงๆ นี่เมื่อกี้กูยังโทรหาไอ้ค่ายอยู่เลยกะชวนมันมาหาไรกินที่ร้านนี้แหละ”

   “ดีเนอะ”

   “ว่าแต่มึงเถอะไอ้เติร์ด ไหนบอกมีนัดกับพี่เชนทร์”

   “เลิกเร็วไงเลยออกมาหาไรกิน แล้วบังเอิญเจอไอ้ค่ายอีก แย่จัง”

   “ใช่ๆ ทำไมโลกกลมขนาดนี้วะ มึงสองคนก็นั่งด้วยกันดิ” คนตัวสูงช่วยพูด แต่เหมือนทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้นเลย

   “ไม่ๆ ขี้เกียจบังเอิญนั่งด้วยกันอีก เดี๋ยวกูขอจองมุมโน้นแล้วกัน”

   “กูขอบังเอิญตามมึงไปด้วยนะไอ้โบน รอด้วย”

   แล้วมันสองตัวก็เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของร้านซึ่งเป็นที่นั่งส่วนตัว ในใจกูก็คิดนะว่าโดนเข้าให้แล้วแต่ทุกอย่างยังไม่หนักหนาเท่ากับตอนที่ไลน์ในมือถือของผมกับไอ้ค่ายเด้งขึ้นมาพร้อมกัน

   ติ๊ง!

   วินาทีนั้นผมรีบคว้าโทรศัพท์จากมือหนาทันควัน ก่อนจะเปิดแจ้งเตือนที่โชว์หราตรงหน้าโฮมอย่างไวว่อง เท่านั้นแหละครับ
   

BoneChone
ไอ้สัดไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่

Tatt’oo
กูเห็นตั้งแต่มึงเดินเข้าร้านแล้ว
*แนบรูป*


BoneChone
แกะกุ้งมันยากขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถึงต้องแกะให้กันด้วย
*แนบรูป*


Tatt’oo
ล้วงกางเกงกันคาร้านก็มี
*แนบรูป*


BoneChone
ยังจะมาเนียนบอกบังเอิญเจอกันอีก
มึงคิดว่ากูแดกหญ้าเหรอ ไอ้ฟาย



แสรดดดดดดดดดดดดดดด พอแล้วเลิกตอกย้ำกู พอ! อายจนไม่รู้จะมุดหน้าไปไว้ที่ไหน ไอ้เหี้ยสองตัวมันเล่นถ่ายมาทุกช็อตราวกับจะรวมอัลบั้มทำโฟโต้บุ๊ค แม่งยังมีน่ามาเล่นเกมตอแหลกับกูตั้งนานสองนาน นี่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ย

หักหน้าแล้ว หักหน้าอีกจนไม่เหลือสภาพ

แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่าข้อความใหม่ที่เด้งขึ้นมาจากใครบางคน



K.Khunpol
แผนแตกแล้วทำไงดี
เปิดตัวเป็นแฟนกันเลยมั้ยไอ้เติร์ด

(✿◕‿◕)


   แฟนพ่องดิสาด!










   บรรยากาศตอนขับรถกลับเต็มไปด้วยความขมุกขมัว รู้สึกอารมณ์ยังไม่คงที่เลยเปิดเพลงเสียงดังเพื่อทำลายความรำคาญที่เกิดขึ้นจากคนข้างๆ

   ไอ้ค่ายมันก็พูดติดตลกไม่หยุด ก่อนจะกดเปลี่ยนเพลงของผมจนเผลอเอื้อมมือไปตบหัวมันฉาดใหญ่ ก็บอกแล้วว่าฟอร์มจัดกับไอ้ทูไปเยอะ สุดท้ายพอมันมารู้อย่างนี้ผมเลยอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

   “งอนเหรอ” ยังมีหน้าเอานิ้วมาจิ้มแขนกูอีก พ่อจะหลังแหวนให้

   “เงียบไป”

   “เพื่อนในกลุ่มป่ะวะ อายไร”

   “ก็กูบอกไอ้ทูว่าจะไม่มากับมึง”

   “เอ้า สุดท้ายเปลี่ยนใจไม่ได้เหรอ เพื่อนมันล้อไม่เกินสองวันหรอก” เรื่องเก่าตอนไอ้ค่ายฝันเปียกเชี่ยโบนยังเล่ามาจนถึงทุกวันนี้

   ลืมห่าอะไร สมองมันจำเรื่องเหี้ยๆ แม่นจะตาย

   “ฟังเพลงดีกว่า นี่กูชอบเพลงนี้มาก She will…be loved ฟังตอนขับรถนี่อารมณ์ดีขึ้นเลยนะเว้ย”

   “อย่าร้อง กูรำคาญเสียงมึง”

   “พรุ่งนี้พาไปเลี้ยงหนัง”

   “พอ พรุ่งนี้กูมีนัดกับพี่เชนทร์จริงๆ ส่วนมึงก็ทำงานทำการบ้าง”

   “งั้นมึงอยากได้อะไร กูจะซื้อมาให้”

   “กูไม่เคยอยากได้อะไรและก็ไม่ต้องซื้อให้กูเหมือนที่มึงชอบทำกับคนอื่น แค่ดูแลกูเหมือนเพื่อนก็พอ” เบื่อนิสัยชอบซื้อของเพื่อมัดใจฉิบหาย มันอาจจะได้ผลเฉพาะบางคนแต่กับผมไม่ใช่อย่างนั้น

   ไอ้ค่ายเติบโตมาในครอบครัวที่มีกินมีใช้เหลือเฟือ โดนเลี้ยงดูปลูกฝังด้วยวัตถุนิยมเป็นสำคัญ ดังนั้นตอนเจอมันครั้งแรกตอนปีหนึ่ง ผมถึงได้เห็นมันชอบเอาขนมหรือของต่างๆ มาซื้อใจเพื่อนเต็มไปหมด

   “มึงกับกูเราเลยจุดจะดูแลกันเหมือนเพื่อนไปแล้ว”

   “มันต่างกับที่มึงทำกับกูเมื่อก่อนตรงไหน” บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมไม่มีสมาธิในการขับรถเลย เพราะเอาแต่จมจ่อมกันการฟังคำตอบจากคนข้างๆ มากกว่า

   “ก็ต่างตรงความรู้สึกเนี่ยแหละ นี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง”

   “อืม”

   “จะเลยแยกหน้าแล้ว ตบเลี้ยวซ้ายสิ” เออว่ะ มัวแต่ขับเพลินจนลืมว่าควรไปไหน “เล่าต่อ...”

   “เดี๋ยว ไม่ใช่เรื่องที่กูขับเลยแยกเหรอ”

   “ใช่ที่ไหนล่ะ กูจะเล่าสิ่งที่กูชอบในตัวมึงให้ฟัง คงไม่ใช่เพราะเราชอบอะไรเหมือนกันอย่างเดียวหรอกถึงมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้”

   “จริงๆ กูต่างกับมึงแค่เลเวลความหื่น มึงควรอยู่ในหมวดไอ้ทูกับไอ้โบน”

   “สัด! หมดโรแมนติกเลย”

   “มีงี้ด้วย”

   “ตอนเจอแล้วได้คุยกับมึงครั้งแรกกูเหมือนได้เปิดโลกนอกกะลาของกูเยอะมาก โลกของเพื่อนที่ชอบชวนกูไปทำโน่นทำนี่ที่มีสาระ เวลากูบอกว่าไม่ชอบอะไร มึงจะบอกให้กูเปิดใจและลองทำมัน และสุดท้ายกูก็ชอบเหมือนกัน”

   “...”

   “อย่างกูบอกมึงตลอดว่าไม่ชอบหนังรัก แต่มึงก็ชอบลากกูไปดูหนังรัก”

   “แล้วชอบมั้ย”

   “บางเรื่อง ดีกว่าแต่ก่อนเพราะเกลียดทุกเรื่อง”

   “ก็ดีแล้ว”

   “ปีหนึ่งช่วงรับน้องกูเกลียดระบบรุ่นพี่ เขาให้ใส่เสื้อดำกูใส่เสื้อขาว เขาสั่งให้ใส่รองเท้าผ้าใบขาวกูใส่สีดำ แต่มึงบอกให้กูเปลี่ยนและพยายามทำความเข้าใจกับระบบมากกว่า” นึกย้อนกลับไปตอนนั้นก็ตลก รุ่นพี่นิเทศฯ มักแปะรูปของไอ้ค่ายในตำนานนั้นเอาไว้ตามบอร์ดกิจกรรมเสมอ

   รูปที่มันแปลกแยกกว่าชาวบ้าน ขาวอยู่คนเดียวในกลุ่มเสื้อดำ ตัดผมทรงกวนตีน ใส่ต่างหูรูปไม้กางเขนอันมหึมา ด้วยหน้าตาและความแบดของมันทำให้รุ่นพี่ผู้ชายหมั่นไส้กันครึ่งคณะ ผมไม่ได้อยากให้มันเรียนรู้ระบบ แต่ผมแค่อยากให้มันเอาตัวรอดในช่วงเวลานั้นต่างหาก

   จุดประสงค์มีอยู่แค่นี้ แต่คิดว่าปล่อยให้รู้แบบนั้นต่อไปก็คงไม่ต่างกัน

   “กูยังคิดด้วยซ้ำว่าตอนเลือกเมเจอร์ก่อนขึ้นปีสามกูจะชอบฟิล์มจริงๆ อย่างที่ปากพูดมั้ย”

   “แล้วชอบจริงป่ะ หรือพลาด”

   “ชอบจริงดิ ตกหลุมรักเลย” ผมเหลือบมองร่างสูงที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ สายตามันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่

   “ชอบก็ดีแล้ว มันจะเป็นอาชีพของมึงตลอดชีวิต”

   “งั้นกูจะชอบต่อไป ช่วยอยู่กับกูตลอดชีวิตด้วย”

   “มาอ้อนวอนกับอาชีพทำไมตอนนี้”

   “กูไม่ได้หมายถึงอาชีพ กูหมายถึงมึง”

   “หยอดได้ตลอดเวลาเลยนะมึง ถึงว่าสาวติดตรึม” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เลี้ยวรถเข้าคอนโดของไอ้ค่ายก่อนจะเดินส่งมันถึงหน้าห้องตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากแม่และพี่สาวของมัน

   “เดี๋ยวกูกลับละ เจอกันพรุ่งนี้” ผมโบกมือลา ตั้งท่าเดินหันหลังกลับแต่มือหนาของคนตรงหน้าไวกว่านั้นเมื่อมันคว้าข้อมือผมและยืดเอาไว้ให้อยู่ที่เดิม

   “ยังไม่ดึกเลย เข้ามาก่อนดิ พอดีมีแผ่นหนังที่ได้จากร้านต้นฉบับมา”

   “...”

   “อยากให้”

   ผมยืนชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็ตกหลุมพรางคนเจ้าเล่ห์จนได้ หลังจากทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาไอ้ค่ายก็กุลีกุจอหาแผ่นหนังของมันอย่างตั้งใจก่อนจะยื่นให้กับผม

   “Spirit Away”

   “ใช่ กูเคยดูไปก่อนหน้านั้นจากช่องเคเบิ้ล แต่เพิ่งหาซื้อแผ่นนึงมาให้มึง”

   “ปกติมึงไม่ชอบดูแอนิเมชั่นนี่หว่า”

   “ตอนนี้เริ่มเปิดใจแล้วว่ะ” ร่างสูงนั่งแปะตรงโซฟาเคียงข้างผม มือข้างหนึ่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ส่วนสายตาก็จ้องมองจอไม่ลดละ

   “เติร์ด...กูเป็นคนยังไงในสายตามึง” จู่ๆ ผมก็ได้ยินคำถามที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากของไอ้ค่ายซะอย่างนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ดึกคงไม่ง่วงมาก เมาก็คงไม่ใช่เพราะไม่ได้แตะแอลกอฮอล์แม้แต่ปลายลิ้น คนที่ไม่แคร์ใครอย่างมันทำไมถึงถามแบบนี้ได้วะ

   “แคร์ด้วยเหรอ”

   “คนอื่นไม่แคร์ แต่กับมึงเลยอยากรู้”

   “อย่างมึงเหรอ ก็คนเหี้ยๆ คนหนึ่งอ่ะ ใช้ความหล่อ ความรวย และคารมไว้มัดใจคน” นี่คือความจริงที่ใครก็สังเกตเห็น เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าตัวเป็นแบบนั้น

   “แล้วความหล่อ ความรวย และคารมมันไม่ดีเหรอวะ” ทีวียังถูกกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนอกจากตอบคำถาม

   “มันดีถ้ามึงรู้จักใช้ แต่ที่ผ่านมามึงใช้พร่ำเพรื่อเกินไป”

   “ตอนนี้เลิกแล้ว”

   “เออ”

   และทีวีก็มาหยุดอยู่ที่ช่องฉายหนังเก่าช่องหนึ่ง แต่เราต่างรู้ว่าไม่มีใครจดจ่อกับหนังที่กำลังฉายหรอก สายตามองตรงไปก็จริง หากแต่สมองกลับคิดวนเวียนคิดแต่เรื่องที่คุยกัน

   “เติร์ด...”

   “อะไรอีก”

   “มึงเคยจูบใครมั้ย”

   “...” ก็มึงไง แต่ผมเลือกที่จะไม่พูด เรื่องแย่ๆ จะพูดถึงมันทำไม

   “คงมีแค่กูแน่ๆ ที่จูบมึงหลายครั้ง และทุกครั้งมึงก็ร้องไห้ตลอด”

   “ความเหี้ยของมึงล้วนๆ” ผมเถียงกลับ ครั้งแรกตอนที่มันจูบผมแล้วเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่น ครั้งที่สองคือตอนที่รอแก๊งปีสี่ที่ใต้ถุนคณะและผมพูดว่ารังเกียจมัน

   ใครจะรู้ว่าในใครลึกๆ แม่งก็เจ็บไม่ต่างกันนั่นแหละ

   “แล้วมึงเคยจูบใครแบบไม่ร้องไห้ป่ะ”

   “...”

   “เดาว่าไม่เคยแน่ๆ”

   “...”

   “อยากรู้มั้ยว่าจูบแบบมีความสุขเป็นยังไง เดี๋ยวสอนให้”

   “ไม่ต้อง” ผมรีบปัดปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเย็นกับท่าทางคุกคามที่ส่งผลให้ผมต้องทำตัวลีบแทบติดกับโซฟา

   ไอ้ค่ายเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นจนลมหายใจแทบเป่ารดหน้า กายสูงเลื่อนตัวประชิดและล็อกผมเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนหัวใจจะเต้นโครมครามหนักขึ้นเมื่อมันพูดประโยคหนึ่งออกมา

   “จูบแบบมีความสุขมือต้องผสานกันแบบนี้” มือหนาสอดนิ้วทั้งห้าของมันเข้ามาตรงช่องว่างระหว่างนิ้วของผมจนแนบสนิท พลางดันร่างผมจนหลังติดกับผนักโซฟา จากนั้นก็กดมือที่ผสานกันอยู่นั้นฝังเอาไว้กับความนุ่มจนไม่เหลือช่องว่าง

   “มองตากันแบบนี้”

   ผมไม่กล้ามอง ให้ตายยังไงก็ไม่มอง

   “เติร์ด มองตากูหน่อย”

   “ปล่อยได้ละ กูจะกลับห้อง”

   “งั้นมองตากูก่อนสิเดี๋ยวจะปล่อย” ผมใช้เวลาคิดทบทวนประโยคของคนตรงหน้าในหัวครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ

   แววตาของไอ้ค่ายไม่เหมือนกับทุกครั้งที่มอง มันไม่ได้เมา แต่คิดว่าคงเสียสติพอประมาณที่ทำแบบนี้ เพียงเสี้ยววินาทีที่สายตาสบกัน ความร้อนผ่าวก็แผ่ซ่านเข้ามาบนใบหน้าของผม หนักหน่วงถึงขนาดรู้สึกได้เลยว่าหน้าคงแดงมากหากมองใกล้ๆ

   และผมรู้ในตอนนั้นว่าโดนหลอกซะสนิท

   “จูบอย่างมีความสุขไม่ต้องใช้อะไรมากแค่ขอให้มึงเปิดใจและรับความรู้สึกของกู ส่วนกูก็จะรับความรู้สึกจากมึงแบบนี้”

   ก่อนที่โลกทั้งใบจะขาดอากาศหายใจ...

   ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโอนอ่อนให้กับการกระทำของเพื่อนคนนี้ไปมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ทันแล้ว

   ริมฝีปากร้อนประกบจูบนิ่มนวลไม่มีท่าทีเร่งเร้า ให้โอกาสเราได้สัมผัสกันเพื่อซึมซับความรู้สึกบางอย่าง หรือบางทีอาจเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าโหยหา

   ผมได้แต่หลับตา ปล่อยให้คนเหนือร่างเป็นฝ่ายควบคุมอย่างช่ำชอง ก่อนลิ้นร้อนจะค่อยๆ แทรกเข้าไปภายใน ร่างกายผมกระตุกวูบในช่วงแรกแต่สมองก็ว่างเปล่าเกินกว่าจะคิดอะไรออก รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่ถูกจูบแบบนี้แล้ว

   เรียวลิ้นร้อนชื้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออย่างชำนาญและเต็มไปความรู้สึกหลากหลาย คราแรกแผ่วเบา แต่ไม่นานกลับหนักหน่วงขึ้นราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่าง เร่งเร้าให้ผมทนไม่ไหวจนเผลอเปล่งเสียงครางผะแผ่วตอบรับอย่างลืมตัว

   มันน่าอายแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้

   อยากผลักอีกฝ่ายออก แต่อีกใจหนึ่งก็โหยหา ซึ่งแม่งเป็นความย้อนแย้งที่ผมก็ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองเข้าใจได้เหมือนกัน

   ริมฝีปากได้รูปยังคงตะโบมจูบปนขบกัดเบาๆ ไม่ยอมปล่อยให้ผมได้พักหายใจ มากกว่านั้นยังใช้ปลายลิ้นร้อนนั้นสัมผัสกับสบฟันก่อนชักนำและหยอกล้อแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปาก

   ฝ่ามือหนากระชับแน่นขึ้น เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเอียงองศาของใบหน้าเพื่อให้เราได้สัมผัสกันมากกว่าเดิม ทั้งดวงตา จมูก ริมฝีปาก ทุกอย่างแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว กระทั่งออกซิเจนในร่างกายก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ลมหายใจของคนอ่อนประสบการณ์อย่างผมเริ่มติดขัด ถึงได้ร้องประท้วงด้วยเสียงอู้อี้ออกมา

   ไอ้ค่ายยอมผละริมฝีปากอย่างว่าง่ายก่อนจะปล่อยให้ผมได้หายใจด้วยตัวเอง หากแต่ดวงตาที่มองสบมานั้นยังคงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์มากมาย

   ผมปล่อยให้มันจูบอีกครั้งและทำแบบนี้ซ้ำๆ โดยไม่โต้แย้งใดๆ เพราะเพิ่งได้สัมผัสกับความสุขจากการจูบครั้งแรก ความสุขที่ไอ้ค่ายทำให้ผมได้รู้จักมัน

   “ร้องไห้อีกแล้ว จูบของกูมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงทุ้มแทรกเข้ามาแทนที่ความอื้ออึงในหู ก่อนจะค้นพบว่าริมฝีปากของตัวเองถูกคนตรงหน้าปล่อยเป็นอิสระแล้ว แถมมันกำลังเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อีกต่างหาก

   “ก็มึง...”

   “แย่ก็เก็บไว้ในใจ ถ้ามีความสุขก็เก็บไว้”

   “แต่กู...”

   “ชู่ววววว กูเป็นคนหวงวิชา ห้ามไปใช้กับคนอื่นนะ”

   “...”

    “เพราะงั้นเราต้องเก็บไว้ใช้ด้วยกันสองคน”





หายไปนานกลับมาเจอกันอีกครั้ง
คราวนี้พี่ค่ายจิไม่ยอมให้ใครว่าได้ว่ากาก แต่ก็ยังกากอยู่นั่นแหละ
ขอกำลังใจจากทุกคนหน่อยค่า ช่วงนี้ชีวิตเพลียมาก
รักและคิดถึงเสมอ #ทฤษฎีจีบเธอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 11-08-2017 20:24:09
 :z13:
กรี๊ดดด โอ้ละหนอ ฉากจูบ หวานดีจัง ชอบจังเลยย :-[
อิค่ายนี่หื่นดีจริงๆ 555555 :hao7:
เนียนเว่อร์ พูดเยอะแยะ อยากจูบเติร์ดก็บอกตรงๆ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 11-08-2017 20:26:05
โอ๊ย เหม็นความรัก :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 11-08-2017 20:26:44
เย้ๆ กลับมาแล้ววววว กลับมาพร้อมความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น(?) ของค่ายกับเติร์ด
แล้วก็ความจริงที่ว่า พี่เชนทร์หลอกค่ายเรื่องพี่อั๋น 55555555
เป็นกำลังใจให้นุ้งค่ายยยย~~ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้าา
 :mew1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-08-2017 20:28:01
เติร์ดปากช้ำไปหมดแล้วมั้ง  :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 11-08-2017 20:46:20
 :hao7: :hao7: :hao7: เขิน55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: AmiTiel ที่ 11-08-2017 21:02:13
ช่วงที่เค้าจูบกันมันควรจะเขินใช่ไหมอ่ะ ทำไมเราอ่านแล้วร้องไห้ รู้สึกอินไปกับเติร์ดมากเลย  :hao5: ได้อ่านพาร์ทของเติร์ดแล้ว ก็รู้สึกว่าเติร์ดรักค่ายมากจริงๆอ่ะ ถึงจะบอกว่าตัดใจแล้วก็เหอะ  :mew6: เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนเลย ชอบความรักแบบนี้นะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ปรับเข้าหากันทีละนิดทีละหน่อย (ถึงค่ายจะออกตัวแรงขนาดนั้นก็ตาม555)

ขอบคุณจิตติมากๆเลยสำหรับนิยายดีๆอีกตอน  :heaven
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 11-08-2017 21:08:24
 :z3:  :z3: :z3: :z3:
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย อีค่ายโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฮื่ออออ ทำลุกชุ้นล้องห้ายอีกล้าววววว (ถึงจะเป็นน้ำตาแห่งความปีติสุขก็เถอะ) แต่แหมมม แกเอ้ยยยยยยย ทำมาเปงสอนจูบแบบมีความสุข กูนี่เขิลสุด นอกจากจะเขิลแล้วยังอินกะลูกเติร์ดด้วยย ฮื่อออ ในที่สุดหนูก็จะมีความสุขจริงๆซักทีใช่ไหมลูกกกก ใช้สมองมาเยอะแล้วบางทีหนูก็ควรเปิดใจบ้าง โอ๊ยยยย ดีใจมากที่ลูกชุ้นจะมีความสุขกะเค้าซักที ฮื่อออออ ส่วนอีค่าย หมั่นไส้มึงว่ะ 5555555555555555


ส่วนอีพี่เชนทร์นี่คือวางแผนทุกอย่าง พอโป๊ะแตกแล้วแบบ อีเหี้ยยยย 555555555555555

อยากอ่านตอนที่14ล้าววว รอไม่ไหวล้าวววววว  :katai4: :hao7:

 :z3: :z3: :z3:

ปล.เหม็นความรักว่ะะะะะะ :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 11-08-2017 21:16:10
อ่านแล้วเขิน พี่ค่ายรุกหนักมากค่ะ อิอิ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-08-2017 21:19:38
เราทีมโหดกาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 11-08-2017 21:28:27
มีพัฒนาการรรรรรร ฉากจูบหวานมากกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-08-2017 21:29:13
โอ้โหหหหหหหหหหหหหหห ค่ายยยยยยยยยยยยยยยย เติร์ดน้อยของพี่อย่าพึ่งยอมมันลูก
ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 11-08-2017 21:32:04
ทีมค่ายคนเลิกกาก โหดน้อยระวังหัวใจไว้ให้ดี  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 11-08-2017 21:32:21
โอ้ย กลัวค่าย หื่นได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-08-2017 21:33:28
ค่ายว่ากากแล้ว
เจอเตืร์ดไม่เนียนได้กากยิ่งกว่า

ปรบมือรัว ๆ ให้เพื่อนชั่วสองคนที่กระหน่ำซ้ำเติมแบบไม่มีบันยะบันยัง ขอให้ชีวิตนี้ไม่เจอแบบนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

แหม่ บทจะหวานพี่ค่ายก็ไม่น้อยหน้าใครนะครัช :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 11-08-2017 21:49:33
จบตอนได้กรี๊ดมากค่ะ ค่ายก็รุกหนักมากเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-08-2017 21:58:04
ฟิน~~~~~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-08-2017 22:19:29
แอร๊ยย มาแบบไม่ตั้งตัวเลยนึกว่าจะมาต้นเดือนหน้าซะอีกค่ะ เห็นชื่อตอนนี้ละคิดว่าเติร์ดใจอ่อนยอมคบกับอิค่ายแล้วซะอีกแต่ก็ไม่ใช่ แต่...ยังไงก็ได้หลายจูบละนะ แหมมมม อิค่ายยยยได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 11-08-2017 22:29:58
อิค่าย ผู้เชี่ยวชาญ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 11-08-2017 22:49:21
 :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: KSSR ที่ 11-08-2017 22:59:38
รอจ้า กิ๊บกิ้ว :haun4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-08-2017 23:07:37
พี่อั้นไม่ได้จีบเติร์ดจริงดิ พี่เชนทร์นะพี่เชนทร์ทำให้หลงเข้าใจผิดไปตั้งมากมาย
แต่ก็เป็นผลดีทำให้อิค่ายแทบเป็นบ้า
อิค่ายมันเชี่ยวเติร์ดระวังตัวให้ดี
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 11-08-2017 23:11:37
ฉากจูบหวานมากกกกก 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 11-08-2017 23:15:46
เราอยู่ทีมโหดน้อยแต่ก็เป็นกำลังใจให้คนกากด้วย  :laugh:
เป็นกำลังใจให้คุณจิตติด้วยน้าา ขอบคุณมากๆค่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-08-2017 23:21:02
วันนี้อีพี่ค่ายมาดีเว่อร์ สู้ๆไปทีมโหดกาก :z13:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 12-08-2017 00:57:05
ช่วงทำคะแนน แถมได้เลาะเล็มนุ้งเติร์ดอีก :-[
ทีมค่ายคนกาก สู้ต่อไปนะยู :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 12-08-2017 01:05:04
คิดถึงค่าย+เติร์ด..
คิดถึงจิตติ..
สู้ๆนะคะ..
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 12-08-2017 01:15:00
พี่ค่ายโหดกากคนเดิม เพิ่มเติมคนฉวยโอกาส
น้องเติร์ดต้องระวังนะลูก เดี๋ยวถูกเลียล้มจะหาว่าแม่ไม่เตือน
:p
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-08-2017 02:24:46
กลับมาแล้ววววว
เติร์ดดูอ่อนลงเยอะมากก
ความสัมพันธ์เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้นแล้ว
สุดท้ายนี่สงสารพี่อั๋นมากค่ะ โดนด่าไปขนาดนั้นแล้ว
เพื่อจะพบว่าพี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย อิพี่เชนทร์!!!
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 12-08-2017 05:47:30
คนกากไม่กากมากแบ้วจ้าได้กินปากเค้าแล้ว555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 12-08-2017 08:09:07
ค่ายไม่กากแล้วนะ อ่านแล้วเขินอ่ะ เอาใจไปเลยค่ะค่าย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 12-08-2017 08:24:50
นั่นแหน่  พี่ค่ายคนกาก  ต่อไปไม่กากแล้วจ้า
ตะล่อมจนได้นะแกนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 12-08-2017 09:10:15
ค่ายนี่นะ หาเรื่องจูบน้องเติร์คของเราจนได้ แหม  :o8:
พี่เชนทร์ พี่ชายที่แสนดี ห่วงเติร์คมาก คิดแผนไม่ปรึกษาใครเลย
สงสารพี่อั้น โดนต่อยฟรีแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่แผนก็ถือว่าสำเร็จอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 12-08-2017 10:03:30
มีพัฒนาการนะค่าย ได้จูบแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-08-2017 13:29:01
ขอจูบกันง่ายๆงี้เลย เติร์ดละลายไปแล้วมั้ง ถึงยังเชื่อใจไม่ได้เต็มที่แต่ก็ถอนตัวถอนใจไม่ได้แล้วละมั้ง
อิค่ายแก ได้มาแล้วก็รักษาดีๆล่ะ ทำเสียใจอีกจะพาเตริ์ดหนี
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-08-2017 15:48:19
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-08-2017 16:49:19
ถึงจะกากก็ได้จูบล่ะวะ เนอะค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-08-2017 18:21:29
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

ค่าย ทำไมร้าย ทำไมเนียน รุกได้ทุกเวลา ทุกอณู แถมตอนนี้มาช่วงชิงลมหายใจไปอีก
แล้วแบบนี้จากที่หนี เติร์ดจะไปไหนรอด

เติร์ดก็ไม่เต็มร้อย ก็อยากให้โอกาส แต่ก็กลัว ต้องเผื่อใจ
แต่เจอค่ายปล่อยมุกไป ถึงกับจอดเลยทีเดียว 55555

ตลกโบนทู ทำไมรู้ทัน ตามมาล่ะสิ ค่ายบอกไปแล้ว ทำเนียน เติร์ดหลบไม่พ้นหรอก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-08-2017 19:40:57
 :o8:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 12-08-2017 23:50:34
อะไรอ่ะะะะะะะ
เหมือนยิ่งอ่านยิ่งไม่พอ

งุ้ยยยยยยยยยยยยยยยย
ขอบคุณที่มาต่อจ้ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 13-08-2017 01:04:46
อ่านความคิดเติร์ดแล้วก้อินๆหน่อย ดูรักค่ายมากทั้งที่ปากแข็งบอกจะตัดใจ5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 13-08-2017 03:52:04
คิดถึงจิตติมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 13-08-2017 07:42:30
ยิ้มแก้มจิแตกแล้วววววว  น่ารักว้อยยยยย :mew3: :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 13-08-2017 08:22:25
ทีมค่ายคนกากค่ะ เวลาอ่านมุมค่าย มันกาก และฮาแม้จะดราม่าอยู่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 13-08-2017 11:33:04
งื้อ คิดถึงมากเลย อดทนรอค่ายกับเติร์ด แล้วก็กลับมาให้ได้อ่าน สมหวังสักที ขอบคุณนะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 13-08-2017 11:37:56
ค่ายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว เติร์ดเอ๊ย ไม่อยากจะคิดตอนเป็นแฟนกัน  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 13-08-2017 11:54:29
ค่ายคนกากเอ้ยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 13-08-2017 16:52:49
ฮือออ สรุปพี่อั้นซวยมาตลอดทั้งเรื่องเลยนะคะ อิพีเ่ชนทร์ ว้อยยย
อิค่ายไม่กากแล้ววว ยกความดีย์ให้เลยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 14-08-2017 08:03:40
ค่ายไม่กากแล้วน้า ฮิ้วววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 14-08-2017 12:12:38
อร้ายยยยยยย ฟินมากกกกก :-[
อิค่ายมันร้ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 16-08-2017 21:15:52

ตอนที่ 14
อาย เลิฟ ยู



   ชีวิตเรามันจะมีสักกี่ครั้งวะที่เหมือนตื่นขึ้นมาจากฝันแต่ความจริงเรายังไม่ตื่น ผมคือหนึ่งในนั้น ตอนนี้ผมกลับถึงห้องตัวเองแล้ว แต่กลิ่นไอของไอ้ค่ายก็ยังติดตรึงไม่หายไปไหน

   ผมจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากกี่รอบ ความทรงจำทุกอย่างยังชัดเจนอยู่เลย ที่สำคัญกูแม่งเสือกรู้สึกดีกับการกระทำของมันด้วย เชี่ยเอ๊ย

   แม้จะพยายามสลัดทุกอย่างออกจากหัว ยกข้อเสียที่ผ่านมาของมันขึ้นมาคิดซ้ำๆ หรือย้ำบอกตัวเองว่าให้ตัดใจสักแค่ไหน สุดท้ายผมกลับค้นพบว่าภาพใบหน้าของมันยังคงติดอยู่ในความทรงจำจนฝังลึก ผมโคตรเกลียดตัวเอง เกลียดที่วิ่งหนีแค่ไหนสุดท้ายก็ใจอ่อนอีกจนได้

   ลืมไปซะสนิทว่าเคยเจ็บยังไง ร้องไห้มามากแค่ไหน กว่าจะเข้มแข็งได้เลือดตาก็แทบกระเด็น พาตัวเองออกไปอยู่กับรุ่นพี่ ขอคำปรึกษาจากเขามากมายก่ายกอง แต่พอไอ้ค่ายกลับมาทุกอย่างก็พังครืนไม่เป็นท่า จำได้แม้กระทั่งช่วงเวลาที่มันเดินโชกเลือดมาหาผมถึงคณะ ทำเอาผมอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

   ไอ้ค่ายในตอนนั้นไม่เหลือสภาพคนฮอตที่พยายามพร่ำบอกเลย เลือดข้นไหลอาบตั้งแต่หัวลามมาจนถึงใบหน้า ข้อศอกและหัวเข่าถลอกปอกเปิก ฝ่ามือขาวที่มักจับและวุ่นวายกับคนอื่นไปทั่วเต็มไปด้วยสีแดงฉาน ผมมองทุกการกระทำของมันในตอนนั้นที่เอาแต่พร่ำบอกว่าจะมารับกลับห้องด้วยจิตใจกระวนกระวาย

   …แม่งโคตรเจ็บ

   เจ็บจนความรู้สึกที่อยากแข็งใจต่ออีกสักหน่อยอ่อนปวกเปียกไปหมด แล้วหลังจากนั้นมันก็ทำตัวเรียกร้องความสนใจอีกหลายอย่าง ปากบอกว่าชอบ แต่การกระทำเหล่านั้นไม่มีจุดไหนที่แสดงความจริงใจของมันได้เลย จนผมกลัวว่าจะต้องเจ็บอีกถ้าถลำลึกลงไป

   กระทั่งวันนี้ ตอนที่ได้จูบกัน ไอ้ค่ายได้สลัดความกลัวในใจของผมออกไปจนหมด มันมอบความกล้ามาให้ จนตอนนี้ผมเริ่มเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเริ่มต้นใหม่กับมันอีกครั้ง แม้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็ตาม ก็แค่อยาก...ลองเสี่ยงดูสักตั้ง เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าที่ผ่านมาแล้วมั้ง

   Rrrr..!

   จิตใจของผมเต้นรัวหนักกว่าเก่าเมื่อหันไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวซึ่งกำลังสั่นครืดจากสายเรียกเข้า และเบอร์ของใครคนนั้นก็คือไอ้ค่าย เลยได้แต่นั่งทำใจว่าจะรีบรับเร็วๆ หรือเล่นตัวอีกสักหน่อยดี

   ฮือออออ เมื่อกี้มึงเพิ่งจูบกูไปเองนะ ตอนนี้ยังจะโทรมาระรานกันอีกเหรอ ปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านอยู่นานก็ตัดสินใจรับก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสาย

   “วะ...ว่าไงมึง” สัด เสียงสั่นอย่างกับโดนไฟดูด

   [ถึงแล้วเหรอ อาบน้ำยัง]

   “ถึงแล้วแต่ยังไม่ได้อาบน้ำ โทรมามีไร” ขนาดเค้นเสียงเข้มกลับไป ใจยังสั่นไม่หวาดไม่ไหว กูตายแน่ๆ นี่เหรอความรู้สึกของคนกำลังมีความรัก

   [ก็มึงไม่ยอมโทรบอกกูอ่ะ กูก็เป็นห่วงดิ]

   “เออถึงแล้ว วางสายเลยนะ”

   [เดี๋ยวๆ งานอาจารย์เปรมศิณีเสร็จหรือยัง]

   “เสร็จแล้ว”

   [กูยังไม่เสร็จ ขอลอกหน่อย]

   “พรุ่งนี้เอาไปให้ แค่นี้ใช่มั้ย” ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง จนผมคิดว่ามันคงไม่พูดอะไรแล้วเลยตั้งใจตัดบทดื้อๆ แต่แล้วเจ้าตัวก็กรอกเสียงลงมาอีกครั้ง

   [แล้วหิวมั้ย]

   “เพิ่งแดกกับมึงไปไง จะกินอะไรนักหนาล่ะ”

   [มึงง่วงแล้วเหรอ]

   “กูยังไม่ได้อาบน้ำเลยจะนอนได้ไง” ดูเหมือนว่าคนประหม่าที่สุดในสถานการณ์นี้จะไม่ใช่ผมแล้วว่ะ แต่เป็นไอ้ค่ายที่ดูลนลานมากกว่า

   [งั้นมึงไปอาบน้ำก่อนเลย]

   “อืม วางสายแล้วนะ”

   [ไม่วางดิ อาบไปคุยไปได้มั้ย]

   “มึงบ้าเหรอ ทำไมต้องทำอะไรเหมือนเด็กๆ ด้วย” ถึงแม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในความรู้สึกกลับพองโตจนแทบระเบิด

   ไม่คิดไม่ฝันว่าเพื่อนที่แอบชอบมาตลอดหลายปีจะมีความรู้สึกดีๆ ตอบกลับมาด้วย เพราะทุกครั้งที่คาดหวัง ผมมักจะคิดว่ามันคือฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง แต่แปลกนะ ที่ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นแค่ฝันเราก็ยังมีความหวังว่าวันนึงมันจะเกิดขึ้นจริงเสมอ

   [เติร์ด มึงฟังกูอยู่ป่ะเนี่ย] เสียงทุ้มต่ำปลุกให้ผมสะดุ้ง ก่อนกลับมาจดจ่อกับปลายสายอีกครั้ง

   “มึงว่าไงนะ”

   [ถือสายไว้นั่นแหละ ไม่ต้องวางหรอก มึงอาบน้ำเสร็จค่อยกลับมาคุย]

   “วางสายดีกว่ามั้ย ไม่ได้คุยจะปล่อยให้เปลืองค่าโทรศัพท์เล่นทำไม แม่มึงรวยเหรอ”

   [ก็รวยนะ] เออกูไม่สู้ มันใช่เรื่องนั้นที่ไหนวะแสรดดดดดดดดดดดด

   อยากด่าแต่ก็คงเปลืองน้ำลายเปล่า เลยเลือกเดินเข้าไปในห้องน้ำ วางมือถือไว้ตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ซึ่งผมก็ยังคงได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาไม่ขาดสายว่าให้เปิดลำโพงไม่หยุด

   อีตอนแปรงฟันไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้ค่ายมันเงียบ นานๆ ทีจะได้ยินเสียงกุกกักเหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นการรื้อตู้แผ่นหนังออกมาปัดฝุ่นซะมากกว่า เพราะนี่คืองานอดิเรกของมัน   

   ทุกอย่างที่เป็นไอ้ค่ายผมรู้หมด แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยรู้เลยก็คือใจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของมัน เพราะงั้นการที่จะเริ่มต้นความรักกับคนแบบนี้ ผมก็ควรต้องเสี่ยงไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม

   [เติร์ดทำอะไร] เงียบได้แป๊บๆ มันมาอีกละ

   “นี่กูต้องรายงานสถานการณ์ให้มึงรู้ตลอดเลยหรือไง”

   [ก็แล้วมึงทำอะไรอ่ะ]

   “จะอาบน้ำ”

   [อู้หูวววววว ใจเต้นแรงเว่อร์ เปิดกล้องให้ดูหน่อยซิ พอดีกูอยากเสียว]

   “ไปตายไป”

   ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดมาจากอีกฝ่ายไม่ขาดสาย ไอ้เรื่องลามกจกเปรตนี่ต้องยกให้คุณชายขุนพลเป็นคนแรกเลยครับ ทำแต่เรื่องชั่วๆ แถมหาความดีไม่ค่อยได้

   กว่าจะปลีกตัวออกมาจากการโต้เถียงทางโทรศัพท์ก็เล่นเอาเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลากระโดดขึ้นเตียง ปกติผมจะนั่งเล่นแลปท็อปประมาณครึ่งถึงสองชั่วโมง หรือไม่ก็ดูหนังจนหลับไปเลย แต่วันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนทุกครั้ง

   “อาบน้ำเสร็จแล้ว จะวางสายได้ยังวะ” ผมถาม ไอ้ค่ายเลยตอบกลับมาเสียงอ่อย

   [จะหลับแล้วจริงดิ กูยังไม่อยากวางเลย]

   “ปัญญาอ่อน ปกติมึงทำอย่างนี้กับผู้หญิงทุกคนป่ะ”

   [ก็ไม่นะ คนอื่นไม่อยากคุย อยากเยอย่างเดียว]

   “สัด”

   [นี่นั่งค้นหนังอยู่ อยากดูกับมึง อย่าวางสายได้มั้ยวะ]

   “แล้วกูจะได้อะไรจากการดูหนังผ่านมือถือของมึง”

   [ก็ได้ใจของกูไงครับ]

   “พอดีไม่อยากได้”

   [เป็นเพื่อนดูหนังก็ได้]

   “กูไม่ได้อยากดูหนังตอนนี้”

   [อุต๊ะ! เปิดแล้วอ่ะทำไงดี] เวรเอ๊ย อย่างนี้จะทำอะไรได้ล่ะ กดตัดสายไปเลยก็ดูใจร้ายเพราะลึกๆ ก็อยากคุยกับมันอยู่ สุดท้ายเลยปล่อยเลยตามเลย เปิดลำโพงคุยกันปล่อยให้เสียงจากหนังเรื่องหนึ่งแทรกเข้ามาเป็นครั้งคราว ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ค่ายกำลังดูเรื่องอะไรอยู่เพราะมันไม่ได้บอก เลยได้แต่นอนฟังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ

   นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่เสียงทุ้มของเพื่อนรักหายไป มีเพียงเสียงเพลงและไดอาล็อกจากหนังเท่านั้นที่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีสะดุด เปลือกตาของผมใกล้ปิดลง แต่ก็ยังฝืนลืมเอาไว้เพื่อรอฟังคำบอกลาในคืนนี้จากอีกฝ่ายอยู่

   สิบนาทีผ่านไป ผมค่อนข้างมั่นใจว่าแม่งคงหนีหลับไปก่อนแล้วเลยกรอกเสียงติดง่วงงุนลงกับปลายสาย โดยที่ไม่คาดหวังว่ามันจะตอบกลับ

   “ค่าย กูนอนแล้วนะ”

   [จะหลับแล้วเหรอ สรุปดูหนังรู้เรื่องมั้ย]

   “รู้ก็เหี้ยละ” ไม่ได้หลับไปแล้วเหรอวะ...

   [ให้ทาย] ง่วงจะตายห่ายังมาเล่นอีก ผมได้แต่ดึงทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ไม่ยอมตอบอะไรกลับไปนอกจากเงียบเพื่อรอให้ไอ้ค่ายยอมแพ้และตัดบทไปเอง [ถ้าทายถูกมีรางวัลด้วยน้า]

   ได้คืบจะเอาศอก คราวนี้มีข้อเสนอให้อีกต่างหาก กูนี่กลัวเลยครับ กลัวว่ามันจะคิดอะไรแผลงๆ ให้น้ำตานองกันอีก

   “รางวัลคืออะไร”

   [มึงจะได้เพื่อนคู่คิดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอัตรา เป็นที่ปรึกษาให้มึงได้]

   “ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วหนิ”

   [มึงจะมีแผนกการเงิน ปล่อยเงินกู้ให้มึงใช้ตลอดชีวิตด้วย]

   “เงินกูก็มีมั้ย ทำไมต้องเกาะมึงกินด้วย ประสาท”

   [แต่กูมีโปรโมชั่นนะ ตอบถูกภายในสิบนาทีนี้มึงจะมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น มีแม่สองคน พ่อสองคน และก็มีพี่สาว] ผมแทบหลุดหัวเราะกับประโยคก่อนหน้าของไอ้ค่าย มันเป็นคนคารมดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้

   ครอบครัวที่มีสมาชิกเพิ่มเหรอ ผมไม่เคยคิดเรื่องนั้น แต่พ่อแม่ของมันดีกับผมมากจริงๆ

   “งั้นกูตอบแล้วกัน หนังที่ดูชื่อเรื่องว่า Once”

   [มึงแกล้งตอบผิด] ไอ้สัด เสือกรู้กูไปอีก บางทีการเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแม่งก็เหี้ยนะครับ เหี้ยตรงที่ต่อให้แกล้งโกหกแค่ไหนมันก็รู้ทันอยู่ดี

   “กูไม่รู้โว้ย”

   [อ่ะเดี๋ยวเพิ่มข้อเสนอให้ เผื่อมึงอยากได้รางวัล] กูไม่ได้อยากได้เลย...แต่ใครจะไปสู้ความหน้าด้านหน้าทนของไอ้ค่ายที่พยายามพรีเซนต์ตัวเองกัน [ถ้าตอบถูกมึงจะได้สารถีขับไปรับไปส่งตลอด]

   “กูไม่ชอบนั่งบิ๊กไบค์”

   [อันนี้ๆ ตอนที่มึงเศร้าหรือท้อกูจะอยู่เคียงข้างมึงเสมอ]

   “…” ฟังดูดี

   [กูจะช่วยมึงทำตามความฝัน ขณะเดียวกันก็สร้างฝันของตัวเองไปด้วย และถึงแม้ที่ผ่านมากูจะทำตัวเหี้ยๆ มาเยอะ กูก็ให้สัญญาว่าจะหยุดทุกอย่างเพื่อมึงนะเว้ย] โอ้โหมาทียาวประมาณสองหน้ากระดาษ แล้วแต่ละประโยคปั้งเข้าที่ใจเต็มแรงทั้งนั้น

   และถึงแม้ว่าประโยคชวนฝันพวกนี้จะทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มแค่ไหน มันก็เป็นแค่คำพูดอยู่ดี...

   “พูดแล้วทำให้ได้นะ” ผมย้ำเตือนอีกรอบ

   [แน่นอนดิ แล้วพอจะตอบได้หรือยัง ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็นหนังเกี่ยวกับดนตรี มึงเคยดูแล้วสองรอบ นางเอกชื่อเคียร่า ที่ร้องเพลงฮิตอย่าง lost star] โอ้โห มึงใบ้มาขนาดนี้กูตอบไม่ได้เลยครับไอ้เหี้ย

   ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ตอบเลยแล้วกัน

   “Begin Again”

   [ถูกต้องนะคร้าบบบบบ เพราะงั้นเราเริ่มต้นกันใหม่แล้วนะ]

   “…”

   [หลังจากนั้นทุกอย่างที่พูดไปก่อนหน้าจะเป็นของมึงทั้งหมด ตกลงมั้ย]

   “…”

   [ตกลงมั้ย] ไอ้ค่ายถามย้ำอีกรอบ

   “อืม”

   เป็นเพลงประโยคตอบรับสั้นๆ ที่ความรู้สึกเอ่อล้นไปหมด ผมเลื้อยลงเตียง เลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าและลอบยิ้มอยู่ในนั้นจนกว่าจะหลับไป

   ไอ้ค่าย มึงสัญญากับกูแล้วนะ

   ความจำกูดีมาก ฉะนั้นกูไม่มีทางลืมหรอกว่าคืนนี้เราคุยอะไรกันบ้าง สัญญาอะไรไว้ และมีความสุขมากแค่ไหน...   












   วันนี้ที่กองละครเวทีนิเทศฯ ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย หลายคนสาละวนอยู่กับการทำหน้าที่ของตัวเองจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น จะมีก็แต่ผมที่เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทซึ่งหมดหน้าที่ลงแล้วเพราะไม่ต้องแก้ไขหรืออธิบายรายละเอียดของฉากอะไรอีก เพราะงั้นเวลาที่ว่างแสนว่างเลยหมดไปกับการนั่งประกบพี่เชนทร์กับพี่อั้นที่กำลังคุมการแสดงอยู่

   “ฟานมึงไปทำอารมณ์มาใหม่ป่ะ ตอนนี้ฝืนเล่นไปก็ไม่ได้” มนุษย์ร่างหมียื่นคำขาด เล่นเอาเด็กปีหนึ่งที่ต้องรับบทหนักด้วยการเป็นพระเอกตั้งแต่เรื่องแรกถึงกับเครียด เดินคอตกไปหาทีมแอคติ้งที่อยู่ไม่ไกลนัก

   “ถ้าไอ้ค่ายมาเล่นแม่งคงดีกว่านี้”

   “พี่อย่าบ่นเลย ไอ้ค่ายเล่นก็ใช่ว่าจะดี น้องมันก็พยายามมากนะ” พูดไปก็ตบบ่าปลอบใจรุ่นพี่ไป แม้ว่างานจะเริ่มในต้นเทอมหน้าก็จริง แต่ระยะเวลาแบบนี้ก็วางใจไม่ได้อยู่ดี

   “เดี๋ยวนี้ไม่เข้าข้างแฟนมึงแล้วเหรอ”

   “ไอ้ค่ายไม่ใช่แฟนผม”

   “เคๆ แต่สรุปก็เปิดใจแล้วใช่มั้ย”

   “นิดหน่อยว่ะพี่ รอดูพฤติกรรมก่อน”

   “เออช่วยรีบดูด้วย ไม่ใช่มาดึงกูเป็นมือที่สามอีก แม่ง...” เสียงสบถที่แทรกเข้ามาเป็นของพี่อั้น แม้ปากจะพูดแต่มือยังคงเลื่อนมือถือด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดอยู่

   ต้องบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากพี่เชนทร์เพียงคนเดียว ด้วยความที่เป็นคนมองขาด แกเลยอยากช่วยให้ผมสมหวังจนลืมไปว่า...นี่เรื่องของกู พี่มึงอ่ะเสือกเลย แถมดึงเพื่อนเข้ามาเอี่ยวโดยที่เขาไม่รู้อีก ผมเลยนึกสงสารพี่อั้นจับใจ เพราะถูกไอ้ค่ายมองในด้านลบไปนานมาก

   “อั้น...เชนทร์ขอโทษน้า”

   “มึงไม่ต้องมาลูบแขนกู ขนลุกสัด” เจ้าของชื่อรีบสะบัดตัวหนี พี่เชนทร์แกเลยหันมายิ้มเยาะกับผม ก่อนจะเริ่มประเด็นใหม่อย่างรวดเร็ว

   “แล้วไอ้ค่ายนี่ยังไง พฤติกรรมดีป่ะ มีปัญหาตรงไหนก็บอกกูได้”

   “มันยังไม่แผลงฤทธิ์นะ”

   “ถ้ามันเปลี่ยนก็ถือเป็นโชคดีของมึง เพื่อนกูที่เจ้าชู้แล้วหยุดก็มีเยอะนะ”

   “กี่คนอ่ะพี่”

   “สี่”

   “จากสิบเหรอวะ”

   “จากห้าสิบ” ฆวย...

   ผมอยากรู้จริงไอ้ความเจ้าชู้นี่มันเลิกยากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอวะ โอเคผมอาจจะเกิดมาไม่ได้ผาดโผนและบ้าคลั่งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เหมือนเพื่อนในกลุ่ม เลยไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่พยายามหยุดและรักใครแค่คนเดียว

   แม่งอยากพอๆ กับเลิกบุหรี่มั้ยวะถามจริง

   “อยากรู้ชีวิตสี่คนที่เหลือของเพื่อนพี่อ่ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างวะ” ผมคิดว่าสี่คนนี้คงเป็นพี่น้องนิเทศฯ ที่เจอกันอยู่บ่อยๆ เนี่ยแหละ แต่ก็ไม่เคยรู้รายละเอียดเรื่องชาวบ้านเขาเท่าไหร่

   “ก็มีสามคนใช้ชีวิตอยู่กับแฟนแบบหลงจนโงหัวไม่ขึ้นจนเพื่อนสงสัยว่าโดนของ ส่วนอีกคนนึงแฮปปี้สุดกู่”

   “ทำไมวะ ชีวิตคู่ดีมากเลยเหรอ”

   “ใช่ แต่กับแฟนใหม่นะ”

   “…!!”

   “มันจะมีบางคนเว้ยที่บอกว่าตัวเองหยุดและการกระทำหยุดตามไปด้วย แต่มันก็จะมีบางคนที่มโนดิบว่าจะซื่อสัตย์และรักแค่คนคนเดียวแต่สุดท้ายก็ดีแตก กูถึงบอกตลอดไง จะเอาอะไรกับใจคน”

   นั่นสิวะ ขนาดผมที่บอกจะใจแข็งให้นานสุดท้ายก็ต้องยอมให้กับความขี้อ่อยของไอ้ค่าย แล้วมันล่ะ...คนที่เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เริ่มวัยรุ่น มีความรักกับคนมานับไม่ถ้วน สุดท้ายอยากจะหยุด มันจะทำได้จริงเหรอวะ

   “ตั้งแต่วันที่ได้คุยกับพี่ ผมก็ใช้สมองมากกว่าหัวใจตลอดนะ” ไม่รู้อะไรผลักดันให้พูดออกไปแบบนั้น คงเป็นเพราะผมกำลังพยายามปกปิดความโง่ของตัวเองกับทุกคนอยู่มั้ง

   พี่เชนทร์มันก็เอาแต่มองหน้ายิ้มๆ มีไอ้พี่อั้นพยักหน้าเข้าใจก่อนก้มลงเลื่อนมือถือต่อเหมือนตัดขาดจากโลก พี่เชนทร์มีแฟนที่ดีและความรักที่ดีไปแล้ว ส่วนพี่อั้นยังเป็นพวกลอยไปตามลมอยู่ ทุกคนมีจุดมุ่งหวังเป็นของตัวเอง แต่สำหรับไอ้ค่าย ผมไม่สามารถรู้ได้เลยจนกว่าเจ้าตัวจะพิสูจน์ให้เห็น

   “กลัวอ่ะดิ” พี่มันพูดต่อ

   “กลัวอะไร ผมไม่ได้กลัว”

   “เหรอ แต่สีหน้ามึงบอกกูซะหมดเปลือกเลย”

   “พี่แม่งมั่วสัด”

   “เออ มั่วก็มั่ว แต่ถ้าวันไหนไอ้ค่ายเหี้ยใส่มึงเมื่อไหร่ก็มาขอเป็นเมียน้อยกูได้” เหี้ยฉิบหาย ใครมันจะอยากมีแฟนหุ่นหมีอย่างพี่มึงวะ

   “ผมไม่ได้จะให้ใจใครเร็วๆ นี้ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียใจหรอก” พูดย้ำไปอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจ ไม่รู้เพื่อใคร แต่คนฟังก็พยักหน้าตอบรับส่งๆ ให้เท่านั้น

   ไม่นานฟานกับพิงค์ก็พร้อมกลับเข้ามาเล่นฉากสำคัญอีกรอบ ซึ่งเป็นการแสดงที่มีแค่เพลงประกอบฉากเบาๆ แต่ต้องแสดงอารมณ์ที่ค่อนข้างลึกเพราะเป็นฉากไคลแม็กซ์ของเรื่อง

   ฉากบอกรักโดยไม่มีประโยคพูดแม้แต่ประโยคเดียว

   ไอ้พี่เชนทร์แม่งเป็นคนเขียนฉากนี้ แม่งโง่หรือโง่วะที่เล่นใหญ่กับงานละครเวที แถมมีนักแสดงมือใหม่มาเจิมงานกันทั้งคู่ พอได้ยินเสียงห้า...สี่...สาม...สอง เราก็นั่งลุ้นกันตัวเกร็ง

   ฉากบอกรักในซอกชั้นหนังสือ โอ้โห กูนึกว่าหมอกปีจากปลาบนฟ้ามาทรีตบทเอง น้ำเน่าฉิบหายแต่ก็จำต้องดูเพราะผู้กำกับเขียนเอง กูเถียงไม่ได้ ที่สำคัญคือเจ้าตัวเล่นบอกว่ามันคือซีนที่คนดูต้องจำไปจนวันตาย

   แม่งคิดว่าจะส่งเข้าชิงออสการ์เหรอ ลืมคิดไปหรือเปล่าว่าถ้าเล่นไม่ถึงมึงก็แป้กได้เหมือนกัน

   “ข้าวโพด....” ทั้งซีนมีประโยคพูดแค่ชื่อของนางเอก ร่างสูงของรุ่นน้องปีหนึ่งเดินเข้ามาประชิดกับนางเอกอย่างพิงค์ สายตาทอดมองร่างบางที่อยู่ตรงหน้า พยายามเค้นคำว่ารักออกมาทางสายตา แต่...

   “คัต! ทั้งคู่เลย มานี่หน่อย” คนที่ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับกวักมือเรียกรุ่นน้องไหวๆ ก่อนแกจะเปิดคอร์สบิวด์อารมณ์ระยะสั้นแบบงงๆ

   “พี่ไม่อินว่ะฟาน พิงค์ก็ด้วย เล่นแข็งเป็นฟอสซิลเลย” น้ำเสียงปนเหนื่อยหน่ายบ่นออกมา ทำเอาคนฟังก้มหน้างุด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากคนตรงหน้าอยู่ดี

   “ฉากบอกรักโดยไม่พูดเนี่ยแม่งทำยังไงก็ไม่ได้หรอกพี่ คนดูจะเข้าใจได้ยังไงถ้าไม่พูดออกมา”

   “เอ้า แล้วตอนที่มึงร้องไห้โดยไม่ฟูมฟายคนอื่นรู้มั้ยว่ามึงเสียใจ”

   “คะ...ครับ”

   “เหมือนกัน ไม่พูดไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้ เพราะคนบางคนชอบเข้าใจว่าการสื่อสารคือการพูดอย่างเดียวไงเลยโฟกัสแต่การท่องบท ถึงจะเงียบเราก็ยังสื่อสารกันได้ แม้ขยับท่าทางก็เรียกว่าการสื่อสาร กรอกตาไปมาก็สื่อสาร อาร์ยูโอเค๊?” ผู้อาวุโสถามเสียงสูง ไอ้ฟานเลยพยักหน้าหงึกหงักแม้ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจดีหรือเปล่า

   การแสดงละครเวทีแม่งยากจริง เพราะเราเล่นสด พลาดคือพลาดเลย ต้องแสดง จำบท ถ่ายทอดอารมณ์ ร้อง เต้น ทำแม่งทุกอย่าง แถมยังต้องทำการแสดงอีกหลายรอบในแต่ละปี มันเลยเปลืองพลังงานนักแสดงมากๆ

   นี่ก็ซ้อมกันมาเป็นเดือนแล้ว ใครจะลาตายก็ไม่ได้ จริงจังกว่าสอบเข้ามหา’ลัยอีกนะเนี่ย

   “เดี๋ยวเริ่มใหม่ แล้วจะใช้ซาวน์ประกอบด้วยเผื่อดีขึ้น ไอ้ค่ายมาทำหน้าที่มึงหน่อย ซีน 23 บอกรักในหอสมุด” เจ้าของชื่อที่นั่งแกว่งเฝือกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลวิ่งกะเผลกมาอย่างรู้งาน โดยมีเพื่อนในฝ่ายซาวน์ยกแล็ปท็อปและลำโพงตามมาไม่ห่าง

   ด้วยเป็นการซ้อมแบบไม่จริงจัง ดังนั้นเราเลยไม่ใช้ห้องโสตในการกระจายเสียง แต่เป็นการควบคุมจากแล็ปท็อปเพียงเครื่องเดียวแทน

   ส่วนใหญ่เห็นไอ้ค่ายบอกใช้ซาวน์สำเร็จรูป จะมีบางเสียงเท่านั้นที่อัดใหม่ ส่วนเพลงก็หามาและตัดใส่ให้เข้ากับบรรยากาศในฉากนั้นๆ และที่พิเศษกว่าเห็นจะเป็นการแต่งเพลงเฉพาะกิจสำหรับละครเวทีด้วย คนแต่งก็เด็กนิเทศฯ เนี่ยแหละ แต่นักร้องคงต้องออดิชั่นกันอีกที

   “พร้อมนะ ห้า สี่ สาม สอง แอคชั่น” เสียงของผู้กำกับดังขึ้น เป็นฉากหวานๆ ที่เล่นรอบหนึ่งล้านแปดแสนแต่ก็ยังไม่ถูกใจ

   ตฤณและข้าวโพดยืนมองหน้ากันในซอกตู้หนังสือ (มโน) มือหนาเอื้อมมือไปจับฝ่ามือขาวอย่างช้าๆ พร้อมกับเพลงรักหวานซึ้งที่กำลังเปิดคลออยู่

   นี่คือฉากบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักที่แท้จริง

   ผมมองการแสดงตรงหน้าอย่างลุ้นๆ กระทั่งรู้สึกถึงแรงสะกิดจากใครบางคนจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าไอ้ค่ายกำลังจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

   “อะไร” ผมถามเสียงแผ่ว เบาจนแทบไม่ได้ยิน ซึ่งคนตัวสูงแม่งก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากเอื้อมมือมาจับมือผมตามบทเป๊ะๆ

   เล่นเหี้ยอะไรเนี่ย!

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 16-08-2017 21:18:41

   “ดีมาก ต่อเลย...” เสียงพี่เชนทร์แทรกเข้ามา เสี้ยวหนึ่งผมเห็นรุ่นน้องที่กำลังทำการแสดงอยู่เริ่มมีปฏิกิริยาเคลื่อนไหว ตฤณค่อยๆ จับมือข้าวโพดด้วยสองมือของตัวเอง

   ไอ้ค่ายก็เริ่มจับมือของผมด้วยสองมือของมันเช่นกัน

   มือหนาของตฤณเลื่อนขึ้นมาตรงหน้าอก ก่อนจะแนบมือของพวกเขาไว้ตรงหัวใจ

   ส่วนกูกับไอ้ค่ายนั้น...

   เลื่อนต่ำลงไปตรงเป้ากางเกงของมันแล้วใช้ฝ่ามือของผมบดคลึงน้องชายที่กำลังโป่งพองได้ที่ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย

   “ต่ำตมไม่หยุดจริงๆ มึง” ผมจิ๊ปากเสียงดังก่อนจะชักมือกลับราวกับต้องของร้อน ไอ้ควายนี่ถนัดเหลือเกินเรื่องทำอนาจารในที่สาธารณะเนี่ย ที่สำคัญยังมีหน้ามาต่อปากต่อคำกับผมอีกนะ

   “ไม่อินเหรอ ฉากบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักไง”

   “ถุย! รักพ่อง”

   “เอ้า ความรักเริ่มต้นที่เตียง หน้าระเบียง และห้องซ้อมละคร”

   “มึงไปไกลๆ ตีนกูป่ะ”

   “ไปไม่ได้กลัวขาดความรักตาย” โรแมนติกจังเล้ย ประสาท

   “สวีตจังเลยอ่ะครับ กูคัตนานแล้วไอ้ฟาย เมื่อไหร่เพลงของมึงจะจบสักที!” เสียงเกรี้ยวกราดของพี่เชนทร์ที่ส่งมาให้คนคุมเสียงขาหักอย่างไอ้ค่ายทำให้เราต้องหันกลับมาสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ซึ่งแน่นอนนักแสดงเล่นจบไปแล้ว แต่ที่ไม่จบคือเพลงและอารมณ์กูเอง แสรด

   “ขอโทษได้ป่ะล้า”

   “กูไม่ให้อภัย ให้เพื่อนมึงมาคุม ส่วนมึงก็ไปไกลๆ” คนตัวสูงโดนไล่ให้ไปนั่งสงบเสงี่ยมโดยไม่ก่อกวนคนอื่นอีกมุมหนึ่งของห้อง สักพักก็เห็นมันไปป่วนไอ้ทูแถมอาสามาเป็นตากล้องทำเพจแทนฝ่าย PR อีกต่างหาก

   เพราะงั้นผมจึงเห็นร่างสูงที่เอาแต่เดินกะเผลกไปทั่วห้องกำลังถือกล้องเก็บภาพบรรยากาศของการซ้อมละครเวทีอยู่ไม่ห่าง ตอนแรกก็เริ่มที่นักแสดง ผู้กำกับ สวัสดิการ และหลังๆ ก็มาป้วนเปี้ยนอยู่แต่กับกู

   “ไอ้เติร์ดยิ้มหน่อย” กล้องตัวใหญ่แนบอยู่กับดวงตาของคนพูด ส่วนมือก็เตรียมกดชัตเตอร์อยู่ตลอดเวลา แต่มันติดตรงที่ผมไม่อยากให้ความร่วมมือเท่าที่ควร

   “ไปถ่ายคนอื่นไป กูไม่อยากมีหน้าเด่นหราอยู่ในเพจเพราะมึง”

   “ยิ้มหน่อยๆ ท้องฟ้าวันนี้สดใสมากเลย” สดใสพ่อง! อยู่แต่ในห้องซ้อม มีโอกาสเห็นเดือนเห็นตะวันมั้ยก็ไม่ แถมยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ยิ่งผมไม่ทำตามคำสั่งไอ้ค่ายก็เร่งกดชัตเตอร์รัวๆ จนคิดว่าคงได้ภาพไปแล้วร้อยกว่าช็อต

   “นี่ถ้าไม่ติดว่าขาเป๋อยู่กูจะเตะให้ข้อพับหัก รำคาญ”

   “เกรี้ยวกราดจังวะ”

   “คนเขาทำงานอยู่มึงเห็นมั้ย”

   “ก็เห็นไง กูเองก็ทำงานถ่ายรูปโปรโมตเพจอยู่นี่ไง”

   “เชื่อตายล่ะ นั่นไงข้าวกล่องมาแล้ว ไปกินก่อนเลย อยู่ตรงนี้ก็เกะกะ” ผมปัดมือไล่เจ้าตัวอย่างไม่ใส่ใจ ไอ้ค่ายเลยหรี่ตาใส่แต่ก็ยอมทำตามคำสั่ง เดินกะเผลกไปสมทบกับเพื่อนรักอีกสองคนที่วิ่งหูตั้งเมื่อเห็นของกินมาประเคนถึงที่ ไอ้โบนคว้าไปสองกล่อง เสมือนรักเพื่อนแต่เปล่าเลยเพราะแม่งแดกเบิ้ล

   ไอ้ทูตามไปติดๆ คว้าข้าวกล่องกับน้ำดื่มเสร็จมันก็สาระแนไปนั่งเบียดกับผู้หญิงสวยๆ อย่างมีความสุข เห็นแล้วเลยได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา มองดูผู้กำกับอย่างพี่เชนทร์ซ้อมนักแสดงในฉากจนเสร็จ พี่แกถึงปล่อยพักแล้วแยกย้ายหาอะไรรองท้อง

   ผมเดินกลับมาพร้อมพี่อั้น ส่วนป๋าเชนทร์แกหนีไปหาแฟนที่คณะดังนั้นเราเลยไม่ได้ยินเสียงหมีควายบ่นอยู่ใกล้หูเหมือนที่ผ่านมา

   “ไอ้เติร์ดนี่ของมึง” พี่อั้นหยิบข้าวกล่องให้ ก่อนผมจะยื่นมือไปรับโดยไม่ให้เสียน้ำใจ

   “ขอบคุณครับพี่”

   “ไอ้เติร์ดไม่กินแกงเขียวหวาน พี่ไม่รู้เหรอวะ” แล้วเสียงหนึ่งก็แหวกอากาศเข้ามาขัดจังหวะ ไม่นานไอ้ค่ายก็เดินเข้ามาแทรกกลาง หยิบเอากล่องโฟมในมือของผมออก พลางยัดกล่องโฟมอีกกล่องหนึ่งให้อย่างรวดเร็ว

   “นี่หมูกระเทียมที่มึงชอบ”

   “เออ ขอบใจ”

   “ไปนั่งกันเถอะ อยู่ตรงนี้กูกลัวจะได้เตะคนเพิ่ม” หางตาของเพื่อนรักเหลือบมองรุ่นพี่ปีสี่ ผมหันไปสบตากับพี่อั้นเห็นแกบอกเป็นนัยๆ ว่าให้เลิกแล้วต่อกันผมจึงเปลี่ยนไปเดินตามหลังไอ้ค่ายไปนั่งด้วยกันอีกฟากหนึ่ง

   เชี่ยนี่มันเจ้าคิดเจ้าแค้นครับ รู้อยู่ว่าพี่อั้นโดนหลอกมาเป็นมือที่สาม แต่ไอ้ค่ายก็ยังผูกใจเจ็บไม่ยอมพูดดีกับเขาสักที จะมีก็แต่ผมที่ต้องลำบากเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์ให้คนทั้งคู่อยู่นี่แหละ

   “เดี๋ยวแกะให้”

   “ไม่ต้อง”

   “ก็จะแกะให้อ่ะ” ขวดน้ำที่เพิ่งวางพื้นถูกคว้าไป ไม่นานมันก็ถูกวางไว้ที่เดิมเพราะอีกฝ่ายแกะฝาขวดออกให้แล้ว นี่กูเป็นเพื่อนครับไม่ได้เป็นง่อย รู้สึกพิเศษจนตัวสั่นเลย

   “กินดิวะ มองหน้าหาความหล่อกูเหรอ” พอผมจ้องมันก็กวนตีนใส่ ยั่วให้กูตอบกลับแบบกระแทกกระทั้น

   “เออ!”

   จ้วงข้าวใส่ปากได้ไม่ถึงสองนาที เสียงควายๆ ก็พูดก่อกวนอีก

   “ขนตายาวจัง”

   “คนจะกินข้าว เลิกวอแว”

   “นี่เป็นเพื่อนกันมาสองปีกว่า เพิ่งเห็นความน่ารักของมึงมากขนาดนี้นะเนี่ย”

   “...”

   “อุ๊ยเขินเหรอ อันนี้พูดจริงนะ เขินได้”

   “สัด”

   “คำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก ง่อวววววว”

   “ประสาท”

   “บอกรักกันอีกแล้ว”

   “ผีเข้าสินะ”

   “เขินเลยสัด พอๆ”

   “นี่มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”

   “มีความรักอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ ขนาดคำด่าของมึงยังดูเพราะขึ้นมาเลย”

   “เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน” เกินเยียวยาละสำหรับไอ้ค่ายในตอนนี้ ผิดกับเมื่อก่อนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

   ใครๆ ก็จำไอ้ค่ายสมัยปีหนึ่งหรือปีสองได้ หน้าตาแบดๆ นิสัยเลวๆ จีบหญิงไปทั่ว หม้อได้ทุกคน และก็ฟันฉึบฉับอีกวันกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าก็มีถมเถ

   ชื่อเสียงของไอ้ค่ายลือไปทั้งคณะจนลามไปคณะข้างๆ ผมยังมานั่งคิดอยู่บ่อยๆ ว่าการแอบชอบมันมีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บ แล้วดูภาพของมันในวันนี้ดิ ต่างกันราวฟ้ากับเหว กูนึกว่าเด็กสิบขวดหัดมีรักครั้งแรก

   เอาความคูลในอดีตของมึงคืนมา...

   “กินข้าวต่อสิ หรืออยากกินกู”

   “มึงไม่กวนตีนกูสักนาทีได้มั้ยไอ้ค่าย”

   “ก็ชอบอ่ะ อยากกวน” ข้าวในกล่องของมันพร่องลงเกือบหมดแล้ว น้ำในขวดก็เหลือแค่น้อยนิด ผมเหลือบมองมือหนาซึ่งกำลังหยิบกล้อง DSLR ของเพื่อนกลุ่ม PR ขึ้นมาเช็กรูป มันเลื่อนไปขำไปอยู่พักใหญ่ก่อนจะยื่นมาให้ผมดูภาพๆ หนึ่ง

   “น่ารักป่ะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ขณะตรงจอปรากฏภาพของผมที่กำลังทำหน้าบึ้งใส่อยู่

   “ลบ”

   “คิดว่าสั่งแล้วจะทำตามเหรอ รูปพวกนี้ต้องเก็บไว้โปรโมทเพจนะ เรื่องงานจะลบมั่วๆ ไม่ได้” ว่าแล้วก็ปิดหน้าจอ จากนั้นก็วางกล้องไว้ด้านข้างตัวไม่เปิดโอกาสให้ผมโต้แย้ง

   “เติร์ด” น้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อของผมอ่อนลงมาก ไม่พอ เจ้าตัวยังหันมาสบตากับผมด้วย

   “อือ”

   “พรุ่งนี้หลังเลิกเรียน เราไปดูหนังกันมั้ย”

   “ไม่รู้ดิ ดูก่อน”

   “กูให้โอกาสมึงคิดใหม่ ดูหนังกับกูดีนะ ดูฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย” ว่าแล้วมือหนาก็ตบลงไปที่กระเป๋ากางเกงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ โอเคมึงรวยมาก ขนาดบิ๊กไบค์โดนยึดมันยังมีปัญญาขอรถยนต์ที่บ้านมาขับสบายใจเฉิบได้ แม้ตอนนี้คนขับจะเป็นขี้ข้าอย่างกูก็ตาม

   “ดูก่อน”

   “ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก”

   “โว้ยยยยยยย เออ! ไปก็ไป”

   “ฮ่าๆ โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ”

   “อยากให้ถึงพรุ่งนี้มาก” ผมเขี่ยข้าวในจานไป พูดเสียงแผ่วไป

   “ดีใจที่จะได้นั่งข้างกูใช่มั้ย”

   “เปล่า หนังของโนแลนเข้าแล้ว กูตื่นเต้น”

   “แล้วกูอ่ะ”

   “มึงสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “…”

   เดดแอร์เข้าแทรก แต่กูไม่แคร์หรอก ยังคงตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากโดยไม่หันไปมองคนข้างๆ ไม่นานไอ้ค่ายก็พูดประโยคหนึ่งออกมา แม้จะเบามากแต่ผมก็ได้ยินชัดเจนทุกคำ

   “กูไม่หึงโนแลนหรอก เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่มีทางมานั่งดูหนังข้างๆ มึงได้”

   “...”

   “กูต่างหากที่อยู่ข้างมึง แล้วนั่งดูหนังทุกเรื่องไปด้วยกัน”

   ผมอาจแปลความหมายของประโยคก่อนหน้าไม่ชัดนัก แต่นี่หรือเปล่า...ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักที่แท้จริง












   วันนี้กองละครเวทีนิเทศฯ เลิกเร็วกว่าที่คิด ต่างคนต่างแยกย้ายกลับห้องตั้งแต่สองทุ่ม ผมแวะกินข้าวและไปส่งไอ้ค่าย กลับถึงห้องอาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็สามทุ่มกว่า หลังจากนั้นกิจวัตรเดิมๆ ที่มักทำอยู่ตลอดนั่นคือการกระโดดขึ้นเตียงพร้อมแล็ปท็อป

   แค่เลื่อนดูสถานการณ์ในโซเชียลเรื่อยๆ บางครั้งก็จะหาหนังมาเปิดดูจนกว่าจะหลับไป ดังนั้นครึ่งชั่วโมงแรกจึงหมดไปกับการเล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอ่านกระทู้ชาวบ้าน ช่วงหลังเบื่อหน่อยก็ลงไปค้นแผ่นหนังที่ซื้อเก็บไว้เป็นคลังเอามาปัดฝุ่นและนอนเปิดดูอย่างมีความสุข

   หนังบางเรื่องก็แปลก ดูครั้งเดียวแล้วไม่คิดจะดูอีกเลย ถามว่าเป็นหนังที่ดีมั้ยต้องบอกว่าดีมาก แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหนังดีจำเป็นต้องดูหลายรอบ ส่วนบางเรื่องกลับหยิบมาดูได้ทุกครั้งเพราะรู้สึกสนุก แม้ไม่ได้มีคุณค่าทางจิตใจมากเท่า แต่ก็เยียวยาจิตใจในวันเหนื่อยหน่ายได้โคตรๆ เหมือนกัน

   ส่วนใหญ่เวลาดูหนังผมจะไม่เปิดกับแล็ปท็อป แต่เปลี่ยนเป็นการเปิดผ่านเครื่องเล่นและทีวีแทนเพราะจอใหญ่สะใจ ดังนั้นหลังจากนอนดูได้สักพักเปลือกตาก็พร้อมจะปิดเต็มที ถ้าไม่ติดว่าไอ้สารเลวค่ายมันโทรมาป่วนประสาทซะก่อน

   “มีไร” ผมกรอกเสียงเนือยๆ ไปยังปลายสาย

   [หลับแล้วเหรอวะ เปิดเฟซหน่อย มีข่าวอัพเดตจากแฟนเพจละครนิเทศ]

   “สำคัญมั้ย ถ้าสำคัญก็บอกกูตรงนี้เลย แต่ถ้าไม่ขอเป็นพรุ่งนี้เช้า”

   [สำคัญ]

   “งั้นพูดมาเลย ขี้เกียจเปิด”

   [มึงต้องอ่านเองว่ะ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก]

   “งั้นมึงวางสายเลย กูจะดูในมือถือ”

   [มึงก็เอาแมคบุ๊กมาเปิดสิวะ กูมีเรื่องจะถามต่อ ถือสายไว้ห้ามวาง!] อยากถามว่าเป็นพ่อเหรอมาสั่ง แต่ก็กลัวมันย้อนกลับมาแบบเจ็บๆ อีกเลยได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ โน้มตัวไปหยิบแล็ปท็อปที่วางอยู่ตรงโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงขึ้นมาเปิด

   ปกติผมเป็นพวกที่ถ้าใช้คอมตัวเองแล้วจะไม่ชอบล็อกเอาท์เท่าไหร่ ดังนั้นหลังจากเปิดเข้าไปในเฟซบุ๊กเลยเห็นแจ้งเตือนมหาศาลที่แดงหราอยู่ตรงหน้า

   แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ง่วงขนาดนี้ไม่มีเวลามาดูหรอกครับว่าใครแจ้งอะไรไว้บ้าง นอกจากรีบกดเข้าไปหน้าวอลของเพจละครเวทีนิเทศฯ ซึ่งแน่นอนช่วงหลังมานี้ทีม PR ได้มีการประชาสัมพันธ์ทางเพจโบ้มๆ จัดหนัดจัดเต็มจนคนอยากดูละครกันทั้งมหา’ลัย แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น

   “ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่ข่าวโปรโมท” พูดไปก็รู้สึกหงุดหงิดไป ไอ้ค่ายเลยตอบอย่างเร็วรี่

   [ก็ข่าวโปรโมทล่าสุดนั่นแหละที่อยากให้มึงดู]

   “เออๆ”

   ผมตัดสินใจวางมือถือแล้วเปิดลำโพงแทน จากนั้นจึงเปลี่ยนมาจัดการเลื่อนดูข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุดจากทางแฟนเพจ ซึ่งมีรูปภาพชุดใหญ่มากกว่าสิบรูป โดยใช้แคปชั่นว่า ‘เรามีอะไรจะบอก’ กำกับเอาไว้สั้นๆ

   “แผนการโปรโมทใหม่เหรอวะ”

   [แล้วอ่านยังอ่ะ]

   “ก็กำลังอ่านอยู่นี่ไง”

   ผมเลื่อนกดเข้าไปที่ภาพแรกซึ่งเป็นภาพหนังขาวดำเรื่องหนึ่ง ด้านข้างมีแคปชั่นประกอบและคิดว่ามันคงมีอยู่ทุกรูป คล้ายกับทีมทำเพจพยายามจะสร้างสตอรี่เพื่อดึงดูดความสนใจคนดู เผื่อจะหลงซื้อตั๋วเข้ามาในอนาคต


   ภาพที่หนึ่ง...
   รู้หรือไม่? หนังเรื่องแรกของโลกชื่อเรื่องว่า Arrival of a train at La Ciotat ซึ่งฉายเมื่อปี ค.ศ.1895

   ภาพที่สอง...
   ปี 1906 เกิดหนังยาวเรื่องแรกของโลกชื่อ The story of the Kelly gang

   ภาพที่สาม...
   ปี 1923 เรามีหนังเรื่องแรกที่ฉายในไทยคือเรื่อง นางสาวสุวรรณ

   ภาพที่สี่...
   ปี 1986 ละครเวทีเรื่องแรกของไทยได้ถือกำเนิดขึ้นในชื่อ ไร่แสนสุข

   ภาพที่ห้า...
   ปี 2017 มหา’ลัยของเราก็กำลังมีละครเวทีที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครในชื่อ Likebrary (ไลก์บรารี่)


   ด้วยความที่เรายังไม่ได้ถ่ายโปสเตอร์สำหรับโปรโมท ดังนั้นใบปิดแรกที่ใช้สำหรับงานละครเวทีปีนี้จึงเป็นรูปห้องสมุดที่ถูกวาดขึ้นด้วยลายเส้นเป็นระเบียบของหนึ่งในทีมทำละคร กับฟอนต์เท่ๆ ที่ใส่เข้ามาดึงดูดความสนใจเท่านั้น

   [อ่านถึงไหนแล้ว] ไอ้ค่ายคอยถามสถานการณ์อยู่ไม่ห่าง

   “รูปที่ห้าแล้ว”

   [ตื่นเต้นจัง]

   “มึงเป็นบ้าเหรอ”

   [อ่านต่อเถอะ]

   “มึงก็อย่ากวนกูดิ” คราวนี้ถึงกับเร่งอ่านจะได้จบๆ ไป เพราะตอนนี้กูง่วงฉิบหายเลยครับ

   
   ภาพที่หก...
   ที่บอกว่ายิ่งใหญ่นั้นคือเรื่องจริงไม่ว่าจะเป็นฉาก


   ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นแบ็กดรอปที่ทีมทำเอาไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งบอกเลยว่ายิ่งใหญ่อลังการมาก ในรูปมีไอ้พี่เชนทร์โบกมือให้กับกล้องด้วยเพราะแม่งคุมทุกหน้าที่อย่างจริงจัง


   ภาพที่เจ็ด...
   ออร่าที่แผ่ออกมาของนักแสดง เอมี่ อดัมส์หลบไป ลีโอนาร์โดเหรออย่าสู้เลย นาทีนี้ต้องฟานกับพิงค์เท่านั้น

   ภาพที่แปด...
   ทีมตากล้องและช่างภาพมืออาชีพที่ใช้กล้องราคาแพงจากงบตัวเองล้วนๆ


   แป๊บ! กูขออนุญาตขำหน้าเหี้ยๆ ของไอ้ทูสิบวิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า


   ภาพที่เก้า...
   ทีมซาวน์โคตรเมพที่ร่วมงานกับฮอลลีวูดมาแล้วมากมาย (โม้)

   ภาพที่สิบ...
   ผู้กำกับมือฉมังที่มีประสบการณ์มานับไม่ถ้วน Interstellar, Gone girl, Avengers, La la land ยอดเยี่ยมใช่มั้ยครับ แต่ผู้กำกับเราไม่เคยมีส่วนร่วมในหนังพวกนี้เลย


   ไอ้ฉิบหาย! พูดทำไม

   คนทำเหมือนเกลียดไอ้พี่เชนทร์ เออ แต่ก็อ่านแล้วขำดี ไม่พอทุกรูปที่มีหน้าของไอ้พวกนี้ปรากฏมักจะถูกแท็กชื่อเฟซบุ๊กเอาไว้ด้วย นั่นเลยเป็นวิธีที่สร้างชื่อเสียงและความอับอายให้คนทำในเวลาเดียวกัน


   ภาพที่สิบเอ็ด...
   เรามีทีมเขียนบทที่เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์งานชิ้นยอดเท่านั้น นำทีมโดย เชนทร์ ย้งยี้ และโหดน้อยของวงการ...เติร์ด
   
   ภาพที่สิบสอง...
   ทีมเขียนบททำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะทำให้คนตกหลุมรัก



   ใจผมเต้นตุบตับแทบทะลุออกมา เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นใบหน้างอง้ำของผมที่ไอ้ค่ายรัวชัตเตอร์ถ่ายไปเมื่อตอนเย็น แต่ตอนนี้มันกลับมาโผล่อยู่ในแฟนเพจละครเวทีนิเทศฯ แบบงงๆ

   ผมยังคงกดเลื่อนดูภาพต่อไปแม้ความรู้สึกในการดูภาพเหล่านี้จะไม่เหมือนเดิม มือสั่น ใจก็สั่นไปหมด เรียกได้ว่าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยก็ได้ ดีที่ภาพหลังจากนั้นไม่มีหน้าของผมเด่นหราอยู่อีกแล้ว แคปชั่นก็ไม่มี เพราะข้อความเหล่านั้นถูกเปลี่ยนไปเป็นรูปภาพที่มีตัวอักษรสีชมพูเข้มบนพื้นแบ็กกรานด์สีขาวแทน
   

   ภาพที่สิบสาม...
   ปี 1995 Circle of Friends เข้าฉาย แต่แผ่นของมันถูกซื้อเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้คนคนหนึ่งในปี 2015

   ภาพที่สิบสี่...
   ปี 2010 หนังรักชื่อ Flipped เข้าฉายครั้งแรกในโลก และมันคือเรื่องที่คนเขียนบทชอบที่สุด

   ภาพที่สิบห้า...
   ปี 2015 เราเจอกันครั้งแรก มึงกับกูคือสมาชิกแก๊งโหดที่ร่วมกันก่อตั้งอย่างเป็นทางการ

   ภาพที่สิบหก...
   ปี 2017 มึงคือชีวิตของกู

   ภาพที่สิบเจ็ด...
   ปัจจุบัน - ตลอดไป มึงก็ยังเป็นชีวิตของกู


   ภาพสุดท้ายจบลง แต่ผมยังคงจ้องมองหน้าจออยู่อย่างนั้น ข้างใต้มีเครดิตเล็กๆ เขียนเอาไว้ว่า ‘แอดมินขุนพล’ บนโลกนี้คงมีคนชื่อขุนพลมากมาย แต่ขุนพลคนนั้นคงไม่ได้เรียนนิเทศฯ และกำลังทำละครเวทีอยู่แน่ๆ

   ผมเงียบไปอึดใจหนึ่ง รอบข้างก็เงียบไปด้วย ไม่นานเสียงของใครคนหนึ่งก็แทรกจากปลายสายเข้ามา ไอ้ค่ายยังไม่ได้วาง...

   [อ่านจบแล้วใช่มั้ย]

   “อืม” ไม่รู้จะตอบอะไรให้มากกว่านี้อีกมั้ย ความจริงผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ลึกๆ ความรู้สึกนี้ก็ออกมาในด้านบวกมากกว่าลบ

   [ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากบอก]

   “เอาเพจคณะมาทำเรื่องส่วนตัว พี่เชนทร์เอามึงตายแน่”

   [ขออนุญาตทุกคนแล้ว เขาก็เอาใจช่วยกันหมดนะ] ยังมีหน้ามาทำเสียงสดใส [แล้วมึงอ่ะ]

   “อะไร”

   [เชื่อใจกูมั้ย]

   “ยังไม่แน่ใจ”

   [งั้นเดี๋ยวเล่าไทม์ไลน์หนังชีวิตให้ฟัง หนังเรื่องแรกชื่อครีม เรื่องที่สองและสาม ชื่อลัลลากับเบียร์ เรื่องต่อๆ มาจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ถ้าไม่เรียงตามไทม์ไลน์ก็มีนุ่ม มินนี่ แป้ง แจม]

   “...”

   [นี่หนังรายเดือนนะ ยังมีหนังรายวันอีกหลายเรื่อง ชื่อการ์ตูน ปัน กุ๊กไก่ ฟรัง แอปเปิ้ล โอ้โหเยอะว่ะ]

   “ชั่วชีวิตนี่ทำหนังมาเยอะเนาะ” ผมพูดประชด ขนาดกูยังจำชื่อผู้หญิงแทนมึงได้ไม่หมดเลยสัด

   [แต่กับมึงไม่ใช่แบบนั้นนะ]

   “มึงจะมาเล่นมุกว่ากูเป็นหนังที่เล่นไปตลอดชีวิตว่างั้นเถอะ กูจะบอกอะไรให้นะไอ้ค่าย ไม่มีหนังเรื่องไหนฉายไปตลอดชีวิตหรอก สักวันมันก็ต้องจบอยู่ดี มึงสร้างหนังที่เป็นชื่อของกู เชื่อว่าวันหนึ่งถึงมึงไม่สร้างเรื่องอื่นแต่หนังชื่อกูก็ต้องจบในสักวัน”

   ผมพูดไปยาวเหยียด แต่ไอ้ค่ายกลับตอบมาแค่เพียง...

   [ไม่จบนะ]

   “...”

   [เพราะมึงไม่ใช่หนัง มึงคือความเป็นจริง]

   บึ้ม!

   ทำไมกูยังไม่วาร์ป!!


   


พี่ค่ายต้องทำคะแนนนะคะ
ไปค่ะ ไปสู้เพื่อให้ได้เติร์ดมา ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 16-08-2017 22:00:31
อ่านจบแล้วร้อง ฮิ้ววววว อกมาไม่รู้ตัวเลย 555
นี่เป็นเติร์ทคงน๊อคไปแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 16-08-2017 22:03:54
              บึ้ม!!!! ตอนท้าย "เพราะมึงไม่ใช่หนัง มึงคือความเป็นจริง "  คนอื่นพูด ไม่ซึ้งเท่าอิค่ายพูด บอกเลย (เหรอ)5555
 
                                ก็ยังไม่อยากให้เติร์ดใจอ่อน  ยังอยากเห็นคนใจบาปอย่างอิค่ายจีบเติร์ดต่อ

                                                  แด่พี่ค่ายคนกาก 2017
             
           มุกบอกรักตอนพี่เชนให้แสดง จัญไรมากค่ะอิค่าย 55555 ขนาดไม่ได้เป็นแฟน ยังขนาดนี้

        :haun4: ถ้านุ้งเติร์ดตบรับเป็นแฟนเมื่อไหร่ จะไม่ตายคาอกอิค่ายเหรอค่ะ แด่ให้อีค่ายอีกหนึ่งอัตรา อิค่ายคนหื่น 2017   :hao6:

                         
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 16-08-2017 22:05:02
อิค๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย คารมมากกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 16-08-2017 22:07:15
พี่ค่าย คนจริง2107 ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 16-08-2017 22:13:52
ค่ายมาแรงมาก โอ๊ย ปากหวาน แอบทำซึ้งอีก เติร์ดจะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-08-2017 22:21:31
บอกรักแบบไม่มีคำว้ารักใช่มั้ยค่าย จัดหนักจัดเต็มมากกก เตริ์ดจะใจแข็งยังไงไหว แม้ว่าบางทีมันจะกากไปบ้างแต่นี่แหล่ะตัวตนใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 16-08-2017 22:39:06
 :hao5:โอ้ยอีค่าย เหม็นฟามรัก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-08-2017 22:44:18
จ้ะ

ใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อธุระส่วนตัวให้สบายใจเลยจ้ะ

เขินแทนนุ้งเติร์ด และอยากจะถุยใส่ความกากในการบอกรักด้วยเป้าตุง!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-08-2017 22:52:57
แอร๊ยยย~~ โว้ยยยยย อิค่ายยยยหมดคำจะกล่าว ไม่ใช่อะไรนะเขินอยู่แต่ก็หมั่นไส้มากกว่า ฮ่าๆๆๆ แหมๆๆแต่ละอย่างที่สรรหามาทำให้เติร์ดนี่เรีนกคะแนนได้จริงๆ เขาถึงว่าคนเจ้าชู้นี่มันมักโรแมนติกเห็นจะจริง เอาๆๆยอมแล้วๆจีบเติร์ดให้ติดเร็วๆนะ จะเอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 16-08-2017 22:58:03
โอยยย นังค่ายหวานมาก เขินนน  :-[
ค่ายทำดีค่ะ ชอบบบบ 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-08-2017 23:13:27
อยากจะโดดถีบยอดหน้าค่ายก็ตรงหนังที่มันทำมาทั้งหมดนี่แหละเฮ่อ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: K.PanPan ที่ 16-08-2017 23:14:15
หัวหน้าคะ อิค่ายมันร้ายมากค่ะ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 17-08-2017 00:03:25
เติร์ดใจอ่อนยัง คนอ่านใจอ่อนแล้วเด้อออออ555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-08-2017 02:07:26
ค่ายคะแนนขึ้นมารัวๆๆๆๆ
เร่งทำคะแนนอย่างต่อเนื่องง
เพราะมึงไม่ใช่หนัง มึงคือความจริง
เขินนนสุดดดด เติร์ดก้ม้วนไปเลยย
รอค่าาา อิค่ายสมกับเป็นพระเอกซะที
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-08-2017 06:11:05
ค่ายมันร้ายจนิงๆค่ะทำคะแนนใหญ่เลย5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 17-08-2017 07:52:12
บอกเลยขุนพลคนจริง จิมๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 17-08-2017 08:02:42
ทำขนาดนี้ก็ยอมๆพี่ค่ายเค้าไปเต๊อะนุ้งเติร์ด
ป้ายไฟพี่ค่าย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: daisyskies ที่ 17-08-2017 10:07:33
น่อวววว พอความเป็นพระเอกองค์ลงปั๊ปก็ดีเลยอ่ะค่าย55555555
ลุยเลยลูกลุ้ยยยยยยย #เอาเติร์ดมาเป็นเมีย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 17-08-2017 11:05:18
โอโห อิค่าย มีชั้นเชิงขนาดนี้ สารภาพมานะว่าพี่เชนทร์เทรนมากี่เดือนคะ  :katai2-1:
อือหืออ เขินตัวจะแตกแล้วค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-08-2017 11:14:27
ทำไมมั่นไส้

รู้สึกค่ายนางชักจะลื่นไหลนะหลังๆ


นี่ค้นพบแล้วใช่ ว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทคลูๆ

ต้องจังไรแบบนี้ 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 17-08-2017 15:34:59
ค่ายโคตรป่วน น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 17-08-2017 16:17:36
 ค่ายทำคะแนนหนักมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 17-08-2017 17:16:29
ทำไมเติร์ดไม่บีบไข่อิค่ายให้แหลกไปเลย 5555555 อิค่ายคนกากเอ๊ยยยยย :jul3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 17-08-2017 18:27:03
ค่ายว้อยยยยยยย
555555555555555 :katai3: :katai2-1: :katai4: :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-08-2017 20:07:56
แดดิ้นเลยทีเดียว ประโยคบอกรักของขุนพลลลลลล :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 17-08-2017 20:40:07
 :กอด1:b ยอมใจพี่ค่ายคนกากเลยิ่ะ วันนี้เค้าไม่กากแล้วเค้ากล้าหาญชาญชัยประกนึ่งเด็ดผักยอดใบให้หนอนกิน555555เขินอ่ะ ชอบด้วยยยย ชอบจริงๆๆๆ มันดีอ่ะะะ เค้าคือชีวิตของค่ายเลยคุณโหดน้อยเอ้ย45555 ทำยังไงจะมีพี่ค่ายเป็นของตัวเองงงแง้ะๆๆๆๆ ไรท์ทำดีจังเลยอบอุ่นหัวใจแบบบกากกๆๆและหื่นๆๆ5555
ปล.งงใจพี่ค่ายเอาฮา โรแมนติก หรือหื่นกามมมว้ะ555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 17-08-2017 21:33:18
ฮี๊ววววววววววว :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: sasithornae ที่ 17-08-2017 21:45:19
กี๊ดดดดดดดดด แอดมินขุนพลนี่หยอดทุกสามวิเลยอ่ะ เขินเบอร์แรงมาก เขินมาก บู้มเลยหัวใจ เติร์ดใจอ่อนยังน้าา บอกเลยคนอ่านคนนี้ใจอ่อนยวบแล้ว ทีมค่ายคนกากค่ะ เรามาเพื่อชนะใจโหดน้อย กัปตันไปไปไป  o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 17-08-2017 22:03:19
สู้นะลูกก! ค่ายต้องสู้!!!  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-08-2017 22:57:54
 o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-08-2017 23:51:54
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 17-08-2017 23:56:33
พี่ค่าย คนจริง2107 ฮ่าๆๆ

อ้ะ อันนี้เห็นด้วย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 18-08-2017 09:16:44
ง่ออออออออออออออว ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-08-2017 09:28:30
ทำไมทีมซัพพอร์ตอิค่ายเยอะจัง 5555555
ค่ายเล่นใหญ่ขนาดนี้เติร์ดไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะพูดไงแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-08-2017 10:08:31
ทำคะแนนอย่างต่อเนื่องนะค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 18-08-2017 21:59:19
โถ่ค่ายย รุกหนักมากก เติร์ดจะใจอ่อนแล้ว
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 19-08-2017 11:19:32
NC จงมา NC จงมา NC จงมา NC จงมา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: amornthip ที่ 19-08-2017 15:05:43
 :pighaun:ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ เม้นครั้งแรกในเล้า ทำงี้ป่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-08-2017 17:14:59
55555 จะซึ้งก็ไม่ไหวอะ ฮานำหน้าไปไกลแล้ว ดึงกลับไม่ทัน

ค่ายเอ้ยย ไปฝึกมาจากสำนักไหน ทำไมเกรียนแบบนี้ มาแต่ละมุก จบท้ายทำเติร์ดสงบไปเลย
เติร์ดอย่าพึ่งยอมแพ้นะ อย่าพึ่งใจพองให้ค่ายได้ใจนะ รอดูค่ายจีบไปก่อน

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 20-08-2017 11:04:42
ค่ายยยยยย ฮื้อออ เขินว่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 21-08-2017 20:00:27

ตอนที่ 15
รักที่เธอบอกมา



Khunpol Krichpirom
ค่อยๆ รักกันเบาๆ – กับ Third Thachapol


   ‘แฮร่! ไอ้ค่ายมึงมันร้ายยยยยยยย’
   ‘อะไรยังไงครับ เบาจริงเหรอ กูว่าน่าจะหนักนะนั่น’
   ‘ไอ้เหี้ย อย่าทำโหดน้อยกูระบม’
   ‘กูจะไปเตะปากมึง #ทีมต่อต้านสันดานไพร่ของไอ้ค่าย’
   ‘ไอ้เติร์ดยังอยู่มั้ย กูกลัวมันจะพังคามือไอ้ค่ายว่ะ’

   

   “พังพ่อง!” ผมสบถกับตัวเองหลังจากเลื่อนอ่านข้อความในมือถือจนจบ นี่แค่ส่วนน้อยของการแสดงความคิดเห็นที่ถึงแม้ไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ แต่พี่น้องนิเทศฯ ก็พากันมาระดมยิงจนแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาไม่หยุด

   ตั้งแต่เมื่อวานที่ไอ้ค่ายก่อเรื่องในแฟนเพจขึ้น สายตาที่ทุกคนมองผมก็เปลี่ยนไป จากที่เคยแยกเป็นสองทีมในตอนแรก เดี๋ยวนี้ยิ่งหนักหนากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ฝั่งหนึ่งเชียร์ไอ้ค่าย ฝั่งหนึ่งปกป้องผม ส่วนอีกฝั่งก็กำลังเสือกอย่างเมามันส์ เรื่องของกูมันกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

   แม้กระทั่งตอนที่เดินเข้าคลาสในเช้าวันต่อมาก็เช่นกัน ด้วยวันนี้ตัดสินใจทิ้งไอ้ค่ายไว้โรงอาหารกับไอ้โบน ผมกับไอ้ทูเลยต้องเผชิญหน้ากับสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนเอกฟิล์มปีสามก่อนเป็นคนแรก

   “โอ้ความรักโอบกอดฉัน บางเวลาเราพบกันเมื่อวันช้ำใจ~”

   “เพลงนั้นมันใช้ได้ที่ไหนล่ะ ต้องเพลงนี้ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น~”

   “เขารักกันแล้วไอ้ฟาย ต้องเพลงนี้สิ! หยุดหยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน~”

   “เติร์ดมึงเลือกเลยว่าชอบเพลงไหน”

   “แล้วทำไมกูต้องเลือกด้วยวะ โว้ยยยยยย” ผมแหกปากลั่น เดินก้มหน้าก้มตาขึ้นบันไดสโลปไปยังที่นั่งหลังสุด ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของเพื่อนๆ

   รอคอยก็แต่อาจารย์ประจำวิชาเข้ามาสอนเนี่ยแหละ แต่ก็เหมือนว่าเราจะมาก่อนเวลาค่อนข้างมาก เลยได้แต่นั่งมองเด็กฟิล์มคนแล้วคนเล่าเปิดประตูทักทายเพื่อนๆ แต่ไม่มีคนไหนไม่พุ่งเป้ามาที่ผม โดยไม่พูดชื่อไอ้ค่ายออกมาเลยสักคน

   สารเลวทั้งหลายเอ๊ย!

   แอ๊ด~ และเหยื่อรายต่อไปก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงแร้งของเอกฟิล์ม

   ไอ้ค่ายกับไอ้โบนเดินเข้าสู่สมรภูมิรบ ไม่นานเสียงจอแจของเพื่อนแต่ละคนก็ค่อยๆ โหมดังขึ้นทีละนิด ขนาดผมที่ต้านแรงแซวของเพี่อนไม่ไหวต้องรีบเดินมานั่งประจำที่อย่างเร็วที่สุด แต่กับไอ้ค่ายไม่ใช่อย่างนั้นครับ เมื่อมันไปยืนอยู่กลางห้องท่ามกลางเสียงปรบมือชอบอกชอบใจอย่างล้นหลาม

   “คนจริงแห่งเอกฟิล์มโว้ย กูไม่รู้จะแซวอะไรเลย ฮ่าๆ” เสียงจากเพื่อนแถวหน้าดังขึ้น ก่อนอีกคนจะแทรกถามขึ้นมาอีก

   “ไหนบอกไม่กินเพื่อนไงไอ้ค่าย ไอ้คนไม่รักษาคำพูด”

   “ก็ถ้าเพื่อนไม่น่ากินกูจะแดกมั้ยล่ะ”

   “ฮ่าาาาาา ชอบๆ” พวกเหี้ยทั้งหลาย สุดท้ายกลายเป็นกูที่โดนระดมยิงทางอ้อม

   “ขอสัมภาษณ์หน่อยค่า จะคบกันเมื่อไหร่คะ”   

   “ถามเติร์ดเลย” ญุ๋งหญิงอดีตเพื่อนรัก ตอนนี้เริ่มกลายเป็นเพื่อนแค้นสำหรับผมละ ทำอะไรให้มันมีสาระหน่อยดิ เพราะตอนนี้ไอ้ค่ายได้โบ้ยภาระอันหนักอึ้งมาทิ้งไว้ที่กูเรียบร้อย

   “กูไม่รู้! พวกมึงจะอยากรู้ทำไมนักหนา”

   “ก็เพื่อนอ่า อยากยินดีกับเพื่อน”

   “ไม่ได้อยากให้ใครมายินดี”

   “งั้นถามไอ้ค่ายใหม่ อยู่กันมาตั้งนาน มีของน่ากินอยู่ใกล้ตัวทำไมโง่กินช้าขนาดนี้วะ” คำถามใหม่จู่โจมเข้ามาแทบไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ท้วงติงจากคำถามเก่า

   “เมื่อก่อนผลมันยังไม่สุกกินไม่ได้ มันต้องรอเวลาก่อน”

   “ไม่ใช่มึงคัฟเวอร์เป็นควายอยู่เหรอถึงรู้ตัวช้า”

   “อย่าว่าไอ้ค่ายเป็นควายสิ มันเป็นกวางต่างหาก”

   “ทำไมวะ”

   “เขายาวกว่าควายอีก ฮ่าๆ” มุกนี้ผ่าน! กูชอบ เอาไปเลยสิบ สิบ สิบ แม้แต่ไอ้ทูกับไอ้โบนเองยังหัวเราะชอบใจยกไม้ยกมือเห็นด้วยจนน่าหมั่นไส้

   “โธ่เพื่อนครับ ถึงทุกคนจะบอกว่าเขากูยาว แต่อย่างอื่นกูก็ยาวด้วยนะ”

   “อะไรยาวกูอยากรู้”

   “ถามเติร์ด” โหยไอ้เห้ สุดท้ายก็วกกลับมาที่กูอีกจนได้

   “ไม่ต้องมาถามกู! ไอ้ค่าย เมื่อไหร่มึงจะกลับมานั่งที่วะ รำคาญ”

   “โอเค เมียเรียกกลับแล้วกูก็ต้องทำตามคำสั่งนะเพื่อนๆ ใครมีอะไรถามทิ้งไว้ในอินบ็อกซ์เลยเดี๋ยวกูไปตอบ”

   “จัดไปเพื่อนค่าย กิ้วๆ”

   พวกเวร...

   เอกฟิล์มก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ชีวิตหรรษาในแต่ละวันล้วนเป็นเรื่องของคนอื่น ส่วนใหญ่ถ้าคนในเอกมีความรักก็มักเกิดกระแสและเสียงแซวจากเพื่อนทุกคนแบบนี้เป็นประจำ

   อย่างว่า เราอยู่กันเป็นครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เวลาใครมีความสุขก็อยากมีส่วนร่วมในความสุขนั้นด้วย พอถึงคราวทุกข์มันก็เฮกันมานั่งปลอบให้หายกังวล แต่บางทีเพื่อนมันก็ลืมคิดไปนะครับว่าเรื่องบางเรื่องกูขอเก็บเอาไว้เป็นการส่วนตัวดีกว่า ไม่งั้นมันจะเป็นเหมือนวันนี้

   ห้านาทีให้หลังอาจารย์เข้ามาในห้องเรียน แกเก่งมากที่จับอาการของนิสิตได้ดังนั้นหัวข้อสนทนาเลยเป็นการแซวผมกับไอ้ค่ายอีกหลายระรอก ฟังแล้วแทบอยากมุดหน้าลงซอกขาหนีบไอ้ทูให้มันรู้แล้วรู้รอดไป กว่าจะเลิกคลาสก็เล่นเอาผมแทบละลายติดเก้าอี้ ส่วนไอ้ค่ายเหรอ ยิ้มแย้มมีความสุขอยู่คนเดียว

   ช่วงดึกผมกับมันมีนัดดูหนังด้วยกัน เพราะงั้นตอนเย็นเลยซัดโฮกข้าวแถวห้างและซื้อตั๋วรอบสุดท้ายของวันเพราะชอบบรรยากาศที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ผมเป็นคนดูหนังแล้วต้องการสมาธิค่อนข้างมาก เผื่อจับไปวิเคราะห์และใช้ในการเรียนรวมถึงการทำงานในอนาคต

   แต่ก่อนเข้าโรงหนัง เพื่อนรักกลับถามคำถามที่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น

   “น้ำกับป๊อปคอร์นมั้ย”

   “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกินอะไรตอนดูหนัง ถ้ามึงอยากกินก็ซื้อไป” สงสัยจะติดมาจากผู้หญิงทุกคนที่มันชอบควง เวลาดูหนังทีไรก็มักเซอร์วิสเขาด้วยของกินแบบนี้ตลอด

   จะว่าไป ภาพๆ นั้นยังติดตาของผมอยู่เลย โรงหนังในวันนั้นและน้ำตาของผม...

   “คิดมากอะไร กูไม่ได้จะซื้อ แค่ถามเผื่อมึงหิวไง” สุดท้ายมือหนาก็ขยี้หัวผมไปมาจนยุ่งเหยิงเป็นการเปลี่ยนเรื่องและพากันเดินเข้ามาด้านในทันที

   “เรานั่งแถว E เขาบอกว่าที่นั่ง E13 เอาไว้ให้เจ้าที่นั่ง”

   “ประสาทเหรอ เขากันไว้ฉุกเฉินเผื่อน้ำแอร์ตกหรือเบาะนั่งไม่ได้เว้ย” กะจะบิวด์กูรอชาติหน้าเถอะ ผมไม่ใช่พวกกลัวผีจนหัวหดขนาดนั้น หนังสยองขวัญก็ดูมาไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง

   “แย่จัง มึงไม่อิน”

   “ไปหัดมาใหม่นะ”

   ผมทิ้งตัวลงนั่งเบาะด้านใน ส่วนไอ้ค่ายก็เดินกะเผลกมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ เดี๋ยวนี้แม่งแอดวานซ์แล้วนะครับ ไม่ต้องมีไม้ค้ำยันก็เดินปร๋อ แผลหายช้าก็เพราะพฤติกรรมแผลงๆ ของแม่งนี่แหละ

   “เอาพนักขึ้นทำไม” ผมถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นมือหนาดึงพนักวางแขนที่กั้นเราเอาไว้ขึ้น

   “มันไม่มีแก้วน้ำให้วางก็ต้องเอาขึ้นดิ อึดอัด”

   “งั้นมึงย้ายไปนั่งไกลๆ เลยก็ได้ สามสี่เบาะติดไม่มีคนนั่งหรอก” อย่างที่บอก รอบดึกสุดไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่

   “ไม่เอา กูชอบนั่งกลางจอเหมือนตอนนี้”

   “ข้างหน้าเลยครับ”

   “ชู่ววววว เดี๋ยวหนังฉายแล้วเงียบหน่อย” ความกะล่อนปลิ้นปล้อนไม่เคยมีใครทุบสถิติไอ้ค่ายได้สักคน ดีที่วันนี้มาดูหนังสงคราม อีกฝ่ายจะได้ไม่หาเรื่องมายุ่งกับผมอีก

   พอหนังเริ่มฉาย สิบนาทีผ่านไปมือเริ่มเลื้อย

   ผมหันไปจ้องหน้ามันเป็นชิงปราม แต่ไอ้ค่ายก็ทำหน้าเหมือนคนไม่เข้าใจผสานฝ่ามือของผมแน่นหนากว่าเดิม จนซอกนิ้วกูเปียกไปหมดแล้วสัด

   “กูจะดูหนัง”

   “ก็ดูไปดิ ใครปิดตาไว้”

   “มันไม่มีสมาธิ”

   “หวั่นไหวก็บอก กูเข้าใจ...” ผมเลือกเงียบ ไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่เสี้ยว เพราะกลัวว่าจะโดนหยอดจนเสียค่าตั๋วมาดูหนังที่เก็บอะไรไม่ได้นอกจากคำพูดบ้าๆ บอๆ ของไอ้ค่าย

   “น่ารักเนอะ ทำไมโง่มาตั้งนาน”

   “หนังสงครามน่ารักตรงไหน”

   “ไม่ได้หมายถึงหนัง แต่เป็นมึง”

   “เงียบ”

   “ไม่อินเหรอ”

   “เออ”

   “โนแลนดีกว่ากูตรงไหน”

   “ทุกตรง”

   “แต่โนแลนจับมือมึงเหมือนกูไม่ได้ หึๆ” ยอมรับสภาพแต่โดยดี ด้วยไม่อยากเถียงให้เหนื่อยเลยทำให้ผมจำต้องนั่งจับมือกับไอ้ค่ายจนหนังจบ กระทั่งเอนเครดิตขึ้น ร่างสูงถึงได้ยอมปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ แล้วต่างคนต่างหันไปจดจ่อกับจอหนังขนาดใหญ่แทน

   “คงจะดีถ้ามีชื่อมึงกับกูอยู่บนนั้น” คราวนี้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้เป็นเชิงล้อเล่นเหมือนอย่างเคย

   “ไว้รอเรียนจบมึงก็มีโอกาสได้เดินตามฝันแล้ว”

   “ในนั้นต้องมีมึงด้วยนะ”

   “ใครจะไปรู้ กูอาจเบนสายไปทำอย่างอื่น”

   “ทั้งที่หนังคือทั้งชีวิตของมึงอ่ะนะ” รู้กูดีจัง ใช่! ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาเรียนนิเทศฯ จนปีสามที่มีโอกาสได้เลือกสายเฉพาะ ผมก็คิดเสมอว่าตัวเองเลือกไม่ผิดที่เรียนภาพยนตร์ ขณะที่ไอ้ค่ายยังดูงงๆ กับชีวิต แต่สุดท้ายก็ชัดเจนกับตัวเองเหมือนกัน

   “ก็โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนไง”

   “แต่มึงที่อยู่กับกูต้องแน่นอนอยู่แล้ว”

   “มั่วฉิบหาย”

   “เอ้า! ขนาดกูขาหักเดินลำบากมึงยังช่วยกูไม่ไปไหนเลย”

   “กูจำใจสัด แม่มึงเล่นโทรมาขอร้องกูเช้าเย็นขนาดนั้น ไม่ช่วยก็รู้สึกเกรงใจยังไงอยู่”

   “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คิดซะว่าเป็นครอบครัวของมึง” รู้สึกอบอุ่นจังเล้ย เอาเข้าจริงผมกับไอ้ค่ายก็เป็นเพื่อนกันมานานพอสมควร ไอ้สองโหดที่เหลือก็สนิทกับครอบครัวไอ้ค่ายเป็นอย่างดี ไม่เห็นว่าตัวเองจะพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหนเลย

   “รู้แล้วๆ กลับได้ยัง เอนด์เครดิตจบแล้วเนี่ย”

   “กลับตอนมึงตกลงเป็นแฟนกูอ่ะ”

   “คงได้นอนที่นี่ยันแก่เลยมั้ง กูกลับก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นเต็มความสูง เดินนำไปยังทางออกของโรงหนังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

   ดึกแล้วครับ กูกลัว...

   “เมื่อไหร่จะใจอ่อนคบกับกูอ่ะ” เสียงของไอ้ค่ายยังดังตามหลังไม่ห่าง

   “เวลาจะพิสูจน์มึงเอง”

   นี่แหละคำตอบที่ผมให้ได้ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเล่นตัว แต่ผมยังไม่เห็นความจริงใจที่มันมีต่อผมเลยสักนิด ถ้าไม่นับที่เดินเป็นผีเลือดสาดมารับที่คณะ ไอ้ค่ายก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่งที่ปากบอกว่าจะหยุด แต่การกระทำยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมเลย

    ผมเคยบอกว่าจะลองเสี่ยงดู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหน้ามืดตามัวกระโจนลงไปในเหวทั้งที่ไม่รู้ว่าตรงนั้นมีน้ำอยู่หรือเปล่าหรอก บางทีก่อนตกอาจค้นพบว่าตรงพื้นเป็นแค่ดินแข็งๆ ไม่ตกลงมาเจ็บ ก็คงตายอยู่ตรงนั้น...













   วันมรณะของกองละครนิเทศฯ มาถึง งานหนักไม่ได้อยู่ที่ผมซึ่งเป็นคนเขียนบท แต่ไปอยู่ที่คอสตูม ทีมช่างภาพ และฝ่ายโสต

   พี่เชนทร์กับพี่อั้นนัดคนที่เกี่ยวข้องให้แหกขี้ตาขึ้นมารวมตัวที่คณะตั้งแต่เช้า แม้จะเป็นวันเสาร์เราก็จำใจต้องตื่น อย่างที่บอกไปคร่าวๆ แม้ผมจะไม่มีหน้าที่แต่ก็ต้องติดสอยห้อยตามแก๊งโหดทั้งสามออกมาอยู่ดี

   ไอ้ทูเป็นตากล้องมือหนึ่งที่รับหน้าที่ถ่ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ละครเวที ส่วนไอ้ค่ายกับไอ้โบนก็เตรียมความพร้อมสำหรับออดิชั่นนักร้องที่จะมาร้องเพลงประกอบละครในปีนี้ ผมจึงคิดว่านี่อาจเป็นงานยุ่งแห่งชาติอีกหนึ่งวัน

   เราแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง ผมที่ไม่ค่อยถนัดงานภาพเลยได้แต่ยืนดูไอ้ทูทำหน้าที่เป็นตากล้อง และคอยช่วยเหลือหยิบอุปกรณ์เล็กน้อยให้กับทีมตบเอ็ฟเฟ็กต์และจัดแสง นักแสดงก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการถ่าย ทั้งเสื้อผ้า หน้า และทรงผม

   “ธีมโปสเตอร์นี่แนวไหนวะ” ผมถามเพื่อนตัวสูงที่ถือกล้องสีดำหนักๆ อยู่

   “ไอ้พี่เชนทร์อยากได้อะไรที่ดูหวานๆ ฟุ้งๆ แม่งไม่ใช่สไตล์กูเลย”

   “เอาน่า มึงเก่งอยู่ละ ถ่ายเสร็จให้ทีมกราฟิกไปจัดการต่อได้”

   “มันก็ไม่ได้ยากหรอกเรื่องฝืนถ่ายเนี่ย แต่คงจะดีถ้าน้องพิงค์แม่งใส่ยกทรงตัวเดียวมาถ่ายแทน” หรรม! กับงานมึงก็ยังจะหื่นนะเชี่ยทู

   “กูฟ้องพี่เชนทร์แน่”

   “ฟ้องเลย ขนาดพี่อั้นเพื่อนมันยังเห็นด้วยกับกู” ผมแทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากอย่างปลงตก ไม่อยากจะคิดว่าอนาคตเมียมันจะหน้าตาเป็นยังไง รู้สึกสงสารขึ้นมาครามครัน

   “กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรในใจ” เสียงทุ้มขัดจังหวะ

   “กูคิดไร”

   “คิดว่าทำไมกูหล่อใช่มั้ย ช่วงนี้ใช่ครีมดี น้องนางแบบเอามาฝาก ทาอย่างเดียวจะไม่เห็นผลนะ ต้องเอานมถูหน้าแทนนิ้วมือด้วย”

   “ไอ้สัด” คนเหี้ย 2017 ก็มันเนี่ยแหละ

   “ขอบคุณครับเพื่อน น้องพิงค์ยืนตรงกลางได้เลยครับ ไอ้เหี้ยฟานมึงรีบเดินมาว่องๆ!” เปลี่ยนเรื่องเร็วฉิบหาย งานสองมาตรฐานนี่สันดานไอ้ทูมันเลย ผมจึงยอมหลีกทางให้เจ้าตัวไอ้ทำงานอย่างเต็มที่ ก่อนร่างสูงของเพื่อนรักจะหันมาบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “ตรงนี้ไม่มีอะไรทำ ไปดูแฟนมึงที่ห้องออดิชั่นได้”

   “ใครแฟน!” ผมแหวใส่เสียงดัง

   “ก็ไอ้ค่ายไง”

   “มันไม่ใช่แฟนกูเว้ย”

   “เออนั่นแหละ บางทีตรงโน้นอาจต้องการความช่วยเหลือ ฝั่งกูไม่มีอะไรละรีบเฉดหัวไปเลยเกะกะ” โอ้โห้เจ็บกระดองใจ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินฮึดฮัดออกจากสตูดิโอถ่ายภาพ แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องออดิชั่นที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก

   และทันทีที่ฝ่ามือจับลูกบิดประตูและออกแรงผลักเข้าไป ผมก็ได้ยินเสียงเพราะๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาในโสตประสาท

   โชคดีที่ประตูอยู่ด้านหลังกรรมการที่คัดเลือก เลยไม่มีใครหันมาสนใจผมแม้แต่คนเดียว และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผมจึงแง้มประตูฟังอยู่ตรงจุดเดิม ไม่คิดเข้าไปภายในให้คนอื่นเสียอรรถรส
   

♪ So open your eyes and see
The way our horizons meet
And all of the lights will lead
Into the night with me ♪


   “หูยยยยยยยย น่ารัก”

   เสียงของใครหลายๆ คนที่อยู่ภายในห้องต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ผมจ้องมองผู้หญิงที่ขึ้นไปนั่งเก้าอี้บนสเตจซึ่งยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เธอถือกีตาร์ไว้ในมือและกำลังเล่นมันอย่างมีความสุข


♪ And I know these scars will bleed
But both of our hearts believe
All of these stars will guide us home ♪


   เพราะมาก เพราะจนลืมหายใจ

   เป็นเพลง All of the stars ของ Ed Sheeran ในเวอร์ชั่นผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยฟังมา

   ผมคิดว่าคนคนนี้คงถูกเลือกให้มาร้องเพลงประกอบเวทีแน่ๆ แม้ตัวเองจะไม่ได้ฟังคนที่เริ่มต้นออดิชั่นตั้งแต่คนแรกก็ตาม แต่เมื่อดูจากปฏิกิริยาของคนที่เข้ามาออดิชั่น กับท่าทางของทีมที่คัดนักร้องเข้ามาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเสียงนี้ต้องเป็นตัวเต็งของงานแน่นอน

   จวบจนเพลงจบลง    เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างล้นหลาม ผมเห็นไอ้ค่ายนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ เป็นหนึ่งในคนที่คัดเลือกนักร้องสำหรับละครเวที แม้จะไม่เห็นว่ามันกำลังทำหน้ายังไงอยู่ แต่ผมคิดว่าเจ้าตัวคงพอใจไม่น้อย

   “เดี๋ยวคิวต่อไปขึ้นมาเตรียมตัวเลยนะครับ” อารมณ์คนฟังเริ่มซาลงแล้วจดจ่อกับการฟังเพลงใหม่ ผมเองก็เหมือนกัน ยืนอยู่ที่เดิมไม่คิดขยับไปไหน

   คนแล้วคนเล่าผ่านไปจนหมด เลยมีเวลาสำหรับพักเบรกเล็กน้อยก่อนประกาศผล แน่นอนว่าผู้ชนะคือเจ้าของเสียงหวานที่ร้องเพลง All of the stars ตามคาด หลายคนทยอยออกมาจากห้องหลังเสร็จสิ้นการคัดเลือกนักร้อง ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนไปป่วนไอ้ทูที่กำลังเคร่งเครียดกับการถ่ายโปสเตอร์อย่างแข็งขันบ้าง

   “พ่อมึงแคสต์เสร็จแล้วเหรอ” ปากถามไป มือก็ถ่ายรูปไปด้วย

   “เออ คนได้นี่เสียงสวรรค์มาก น่ารักด้วย”

   “นมใหญ่มะ เผื่อกูจองตัวเขาไปถ่ายแบบ”

   “มึงไม่หื่นสักนาทีได้มั้ย ไม่ได้สวยเซ็กซี่เว้ย แต่น่ารักเหมือนตุ๊กตาอ่ะ”

   “หมดสิทธิ์ ถ้าเป็นไอ้ค่ายได้อยู่ เชี่ยนี่ชอบแบบโมเอะๆ” ผมสตั๊นไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากมองไอ้ทูถ่ายภาพไปเรื่อยๆ กว่าจะเสร็จก็ปาไปอีกเกือบสองชั่วโมงเพราะส่งรูปให้กราฟิกนั่งแต่ง ณ เดี๋ยวนั้นเลย รากงอกฉิบหายกู

   คิดดู ขนาดผมช่วยทุกคนเก็บของและเคลียร์สตูดิโอจนเสร็จ แม่งก็ยังไม่เห็นเงาไอ้ค่ายกับฝ่ายโสตโผล่หัวมาทักทายสักราย ทั้งที่การออดิชั่นเสร็จสิ้นไปตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแล้วนี่หว่า

   “เดี๋ยวแยกย้ายกันเลยนะทุกคน ขอบคุณมากๆ เว้ย” พี่เชนทร์ซึ่งเป็นเป็นฝ่ายสำรวจในขั้นตอนสุดท้ายเอ่ยขอบคุณ ก่อนพี่น้องนิเทศฯ ที่เหนื่อยกันมาหลายชั่วโมงจะแยกย้ายกลับ เหลือแต่ผมกับไอ้ทูเนี่ยแหละที่ยืนมองหน้ากันนิ่ง

   “เอาไง”

   “มึงนั่นแหละไอ้เติร์ดไปตามเพื่อนมึงอีกสองตัวมา เดี๋ยวไปแดกข้าวพร้อมกัน”

   “มึงก็มาด้วยกันสิวะ”

   “ปวดเยี่ยว ถ่ายมาหลายชั่วโมงยังไม่ได้พักเยี่ยวเลย หรือมึงจะไปส่งกูที่ส้วมก่อน”

   “ไม่อ่ะ เสียเวลา”

   “งั้นก็รีบไปตาม กูจะลงไปรอที่ลานจอดรถโอเคนะ”

   “เออ” ไอ้ทูแยกไปเข้าส้วมทางขวามือ ผมเดินไปทางซ้ายกลับเข้าไปยังห้องออดิชั่น พอลองแง้มประตูดูก็เห็นว่าไฟยังเปิดสว่างอยู่ และคนที่อยู่ด้านในก็คือพวกสิงห์สาราสัตว์ที่เหลือเนี่ยแหละ แต่ที่แปลกคือน้องผู้หญิงที่ได้รับเลือกก็ยังอยู่ตรงนั้นด้วย

   ฝ่ายโสตที่อยู่ในห้องทั้งหมดเป็นผู้ชาย ผมแปลกใจมากที่ทำไมผู้หญิงคนเดียวถึงอยู่ในห้องที่มีพวกเหี้ยๆ นี่ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

   “น้องชิงชิงเพื่อนพี่ชอบ!” เพื่อนปีสามที่อยู่ในกลุ่มโพล่งเสียงดังพลางหัวเราะร่วน เจ้าของชื่อก็อายม้วนต้วนส่งยิ้มมาให้อย่างเขินๆ

   หืม...หม้อสาวอยู่นี่เอง แล้วผู้หญิงฝ่ายโสตมันหายไปไหนกันหมดวะ งงใจ

   “คนนี้นะครับน้อง เผื่อสนใจ” ดวงตาของผมเบิกโพลง จิตใจเต้นรัวขึ้นมาดื้อๆ ทันทีที่รุ่นพี่ปีสี่ชี้นิ้วไปที่คนตัวสูงอย่างไอ้ค่าย

   “อ๋อพี่ค่าย”

   “รู้จักด้วย ฮิ้วววววว เพื่อนกูมีหวังแล้วโว้ย” หลายคนยังคงคอยเชียร์คอยหยอดให้ไม่ขาด ซึ่งไอ้เพื่อนรักก็ไม่ได้มีท่าทีโต้แย้งใดๆ เสียดายที่ผมไม่เห็นหน้าของมันว่ากำลังยิ้มหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรหรือเปล่า ไม่งั้นพัง!

   “เพื่อนพี่เจ้าชู้หน่อยนะน้อง”

   “เจ้าชู้หนูก็คิดว่าเอาอยู่นะ”

   “โหยยยยยยยยย ปั้งๆๆ ไปเลยครับ ค่ายมึงเอาไง” ผมหวังจะฟังประโยคซื่อสัตย์ของมัน ครั้งหนึ่งไอ้ค่ายเคยพูดเอาไว้ว่ามันจะจริงใจกับผมแค่คนเดียว มาวันนี้ผมยังไม่ลืมนะ

   แต่ก็ไม่ได้มีประโยคใดตอบกลับมานอกจากเสียงของไอ้โบนที่แทรกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน...

   “เชี่ยเติร์ด มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ทุกสายตาหันมามองที่ผมเป็นจุดเดียว เล่นเอากูทำตัวไม่ถูกนอกจากผลักประตูเข้ามาและยืนตอบอย่างเก้ๆ กังๆ

   “เอ่อ...กะ...กูเพิ่งมา โปสเตอร์ถ่ายเสร็จแล้ว”

   “จริงดิ”

   “ไอ้ทูก็รออยู่ข้างล่างแล้วด้วย แต่ถ้ามึงสองตัวยังไม่เสร็จก็อยู่ต่อเลยนะ”

   “เสร็จแล้ว! ไปได้” คราวนี้ไอ้ค่ายเป็นฝ่ายพูดออกมาบ้าง มันรีบสาวเท้าที่ติดเฝือกมาถึงตัวผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโบกมือให้เพื่อนและรุ่นพี่เป็นการบอกลา

   ไอ้โบนรีบตามมาขนาบข้างอย่างไวว่อง มันแอบกระซิบถามผมว่าเห็นหรือไอ้ยินอะไรมั้ย แต่ผมก็ตอบปฏิเสธกลับไปเพื่อความสบายใจ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า แค่ผู้ชายเถื่อนๆ ที่ชอบแซวผู้หญิงด้วยความสนุกปาก ขนาดเรื่องของผมกับไอ้ค่ายยังถูกเพื่อนล้อเป็นอาทิตย์ นับประสาอะไรกับคนน่ารักแบบนั้นวะ

   แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

   “คนที่ออดิชั่นได้ชื่ออะไรวะ” ตอนนี้เราอยู่กันที่ร้านข้าวข้างมหา’ลัย โดยมีแก๊งโหดนั่งอยู่กันพร้อมหน้า

   “ชื่อชิงชิง อยู่ปีสอง”

   “ชิงชิงบัญชีอ่ะเหรอ หูยยยยย ของเด็ดของดี” แม้แต่ไอ้ทูยังรู้จัก

   “ไหนมึงบอกไม่ชอบคนน่ารักยังไงวะ” ผมถามอย่างข้องใจ

   “ไม่ชอบคนน่ารักที่นมเล็ก แต่คนนี้เต็มไม้เต็มมือมากครับเพื่อน ว่าแต่เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกมาเพราะคะแนนความน่ารักของน้องเขาใช่มั้ย”

   “อะแค่กๆ ไม่ใช่” ไอ้ค่ายรีบปฏิเสธอย่างไวว่อง

   “ปากดี คะแนนส่วนใหญ่ก็มาจากมึง” ไอ้โบนแซะบ้าง อ๋อ...ชอบแบบนี้นี่เอง อ๋อ...

   “เขาร้องเพลงเพราะ ถ้ามึงได้ฟังก็คงคิดเหมือนกัน”

   “กูไปฟังมาแล้ว แต่ไม่ได้แวะเข้าไปด้านในน่ะ ร้องเพราะอย่างที่พวกมึงพูดจริงๆ” เพื่อตัดปัญหาและจบประเด็นนี้ลงผมจึงเลือกบอกความจริง

   “จริงดิ แล้วทำไมไม่เข้าไปนั่งฟังด้วยกันวะ”

   “ต้องออกมาช่วยไอ้ทูไง”

   “อ้าว แต่มึง...” ผมรีบเตะเท้าไอ้ทูยิกๆ ก่อนที่มันจะโพล่งอะไรออกมาจนจับไต๋ได้อีก ความจริงก็คือผมยืนฟังจนออดิชั่นครบทุกคนเลยล่ะ ส่วนเรื่องโกหกเหรอ...กูมาแป๊บเดียว

   ชิงชิงเป็นใครผมไม่สนใจหรอก ผมสนแต่ความรู้สึกของไอ้ค่ายที่ตอนนี้เอนเอียงไปหาเขาหรือยัง น่ารักแบบนี้สเป็คมึงด้วยสิ ร้องเพลงเพราะอีกต่างหาก ต่อไปถ้ามาร้องเพลงให้ละครเวทีต้องดังเปรี้ยงปร้างชัวร์ ถึงตอนนั้นทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ยวะ

   อดีตที่ไอ้ค่ายเคยเป็นมันลบออกจากหัวไม่ได้จริงๆ ว่ะ

   เรื่องรักง่ายหน่ายเร็ว เลิกกับคนนี้และคบกับอีกคน มีความสัมพันธ์แบบวันไนต์สแตนด์ยุ่งเหยิงเต็มไปหมด แต่ผมเคยคิดเอาไว้แล้ว หากวันไหนก็ตามที่ไอ้ค่ายมีอะไรกับใครชั่วข้ามคืนในระหว่างที่จีบผมอยู่ ผมก็พร้อมจะตัดมันในฐานะคนรักเหมือนกัน

   จริงๆ เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้แย่ แค่เจ็บ

   “แล้วเดี๋ยวไปไหนกันต่อ”

   “ขอตัวไปนอน ตื่นเช้าไม่ไหวจะเคลียร์” เชี่ยทูพูดเสียงงัวเงียพร้อมกับตักข้าวใส่ปาก ไอ้โบนก็พยักหน้าเห็นด้วย คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่นั่งมองหน้ากันไปมา สุดท้ายอีกฝ่ายก็หมดความอดทนเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

   “มึงจะกลับไปนอนมั้ยเติร์ด”

   “ถ้ากูบอกว่าจะกลับล่ะ มึงจะเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ห้องตัวเองได้มั้ย”

   “ไม่อ่ะ กูจะให้มึงมานอนห้องกูแทน”


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 21-08-2017 20:01:56

   ไอ้สัด! เกลียดคำพูดแม่งไม่พอต้องมาเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันอีก แล้วสุดท้ายปฏิเสธได้มั้ย ไม่ได้ครับ นอกจากเป็นขี้ข้าพาคุณชายขุนพลขาหักมาส่งที่ห้อง ผมก็ถูกอีกฝ่ายกักตัวให้นอนโง่ๆ ที่อยู่บนเตียงของมันเกือบค่อนวัน ตื่นมาอีกฟ้าก็มืดซะแล้ว

   ผมได้ยินเสียงเจ้าของห้องผิวปากอยู่ในครัว เลยตั้งใจจะเดินไปดูสักหน่อยว่าแผลงฤทธิ์อะไรอีก แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงของมันเข้า หน้าจอที่ล็อกเอาไว้มีแจ้งเตือนค้างอยู่
 
   เท่าที่รู้ไลน์ของไอ้ค่ายมีไว้สำหรับติดต่อเพื่อนในกลุ่มและรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทของนิเทศฯ ส่วนคู่กรณีเก่าก็ลบไปหมดแล้ว ผมไม่เคยมีความคิดจะเสือกหรือเข้าไปยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของมัน แต่ทุกครั้งที่รู้คือเจ้าตัวเป็นฝ่ายบอกเองว่าอยากลบและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบ

   แต่ทำไมวันนี้ถึงมีไลน์ที่ชื่อ ChingChing ได้

   ความจริงอาจจะคุยกันเรื่องเพลงมั้ง คิดได้เท่านั้นก็รีบสะบัดหัวให้หายฟุ้งซ่าน เดินไปหาคนตัวสูงที่กำลังฮัมเพลงสลับผิวปากราวกับคนบ้า

   “ทำอะไร” เอ่ยถามพลางก้มลงมองบางอย่างในกระทะ

   “เจียวไข่”

   “คราวก่อนแค่ทอดไข่ดาวยังเละเลย คราวนี้ยังมีหน้ามาทำอีกเหรอ”

   “ไว้กินข้าวเย็นกับมึงไง”

   “งั้นก็ทำมาเถอะ แดกไม่ได้ก็แค่ทิ้ง” สุดท้ายทิ้งจริงครับ กูเนี่ยแหละต้องมายืนทำให้มันซะทุกอย่าง คุณชายเขาอยากกินไข่เจียวกับผัดผัก เวรกรรมกูฉิบหายเลยครับ

   กว่าจะเสร็จกว่าจะตั้งโต๊ะแดกทุ่มนึงพอดี ไอ้ค่ายวิ่งก้นขวิดเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินขาเป๋ออกมาอย่างอารมณ์ดี เรานั่งกินข้าวกันไปทะเลาะกันไปตามประสา จะมีก็แต่เสียงจากไลน์เนี่ยแหละที่ดังขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อน ลองเหลือบไปดูทางเห็นตาเห็นชื่อชิงชิงเด่นหราอยู่เลยกดเสียงต่ำถามออกไป

   “ใครวะ”

   “เปล่า ไม่มีไร”

   “สำคัญมั้ย ถ้าสำคัญคุยให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกิน”

   “ไม่ว่ะ มึงก็กินเยอะๆ” มือหน้าเอื้อมมาผลักหัวผมเล่นไปทีหนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ไอ้สัด! เรื่องกลบเกลื่อนอ่ะเก่งจัง

   ถ้าไม่มีอะไรมึงคงบอกกูแต่แรกแล้วใช่มั้ยว่าคุยกับน้องเขา ต้องปล่อยให้กูโง่ไปอีกนานแค่ไหนกัน

   ผมพยายามบอกตัวเองว่าให้คิดเป็นกลางเข้าไว้ ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวหรืออะไร ถ้าไอ้ค่ายไม่ต้องการบอกนั่นก็เพราะมันไม่อยากให้ผมรู้ อาจจะเพื่อความสบายใจหรืออะไรบางอย่าง ดังนั้นเรื่องของนักร้องคนใหม่ที่ชื่อชิงชิงเลยไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องกังวล แต่...
   


   ตอนที่มากองละครเวที ผมมักเห็นน้องเขาอยู่กับไอ้ค่ายเสมอ

   “ชิงชิงนี่เติร์ดเพื่อนสนิทพี่ ส่วนไอ้เติร์ดนี่นักร้องที่จะมาร้องเพลงประกอบละครปีนี้”

   “หวัดดีค่ะพี่เติร์ด”

   “หวัดดีครับ แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่วะ”

   “ดูน้องแม่งซ้อมร้องเพลง พรุ่งนี้อัดเสียง”

   “อ่อ...”
   






   ตอนที่กำลังกินข้าวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ที่โรงอาหาร

   “น้องชิงชิงมานั่งนี่ได้”

   “นั่งได้เหรอคะ”

   “ที่สาธารณะนั่งได้ แล้วนี่ลมอะไรหอบมากินข้าวที่ตึกนิเทศฯ เนี่ย”

   “ข้าวที่ตึกบัญชีไม่อร่อย”

   “งั้นขอให้ข้าวไม่อร่อยทุกวันเลยนะ จะได้มากินด้วยกันที่นี่”

   ท่ามกลางความครื้นเครงในกลุ่มเพื่อน กลับมีผมคนเดียวที่รู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย ถึงแม้ไอ้ค่ายจะไม่ใช่คนเอ่ยชวน ถึงมันจะไม่ได้เอ่ยปากคุยกับเขา แต่สายตาที่ทั้งคู่มองกันมันทำให้ผมรู้สึก

   ว่าหัวใจของไอ้ค่ายไม่ได้เปลี่ยนไป มันยังเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ยังรักใครไม่เป็น...










   ตอนที่ไอ้ค่ายถอดเฝือกออกจากขา และตัดสินใจโพสต์รูปลงเฟซบุ๊กของมัน

   ‘เพื่อนผมหล่อแล้วครับ อย่างนี้ต้องฉลอง’
   ‘เฮ่ๆ ดีใจ’
   ‘อ้าว ขุนพลไม่เป๋แล้วเหรอครับ แย่จัง’
   ‘หล่อเลย’


   ผมเลื่อนข้อความมากมายมหาศาล แต่สุดท้ายสายตาก็มาหยุดที่คอมเมนต์ของใครคนหนึ่งที่มีชื่อของ ‘ชิงชิง’ ปรากฏอยู่

   มีสิ่งที่กูยังไม่รู้อยู่มากมายสินะ แต่นั่นไม่ใช่สิทธิ์ที่กูจะรู้ต่อไป







   แล้ววันนี้...

   “มีเลี้ยงฉลองฝ่ายโสตจริงเหรอวะ” ไอ้ทูเอ่ยถามเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ทำหน้าที่สำคัญทางฝ่ายโสต ศุกร์หรรษามาถึงเร็วมาก แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักที

   “เออดิ มึงสองตัวก็อยู่ดูหนังแล้วนั่งดื่มสงบๆ ที่ห้องแล้วกัน” ไอ้ค่ายเป็นฝ่ายตอบคำถาม เท้าสองข้างก้าวมาด้านหน้าพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเคียงข้างกับผม

   “ขยับไปไกลๆ เหม็นบุหรี่ฉิบหาย”

   “ไอ้โบนเลย กูบอกว่าเหม็นมึงก็ยังจะสูบนะ”

   “โอ๊ยไอ้เหี้ย เรื่องโบ้ยขี้นี่งานถนัดมึงเลยสัด”

   “โหดน้อย ไอ้โบนบังคับกูสูบ” พอเถียงไม่ชนะก็แถข้างๆ คูๆ ทำอย่างกับรู้ไม่รู้ไส้รู้พุงมึงเลย ไอ้ค่ายมักสูบบุหรี่จัดอยู่ไม่กี่ช่วง ตอนเครียด ตอนดื่มเหล้า และตอน...เซ็กซ์จัดเท่านั้น

   ฟาย กูขอให้มึงแค่เครียดนะขอร้อง

   “แล้วไปกี่โมง” ผมถามอีก

   “นัดกันสองทุ่ม”

   “ก็ใกล้เวลาแล้วหนิ ไปเถอะ ศุกร์หรรษาของแก๊งโหดมันวนมาทุกศุกร์อยู่แล้ว” ถือเป็นการปลอบใจไม่ให้ไอ้สองตัวมันรู้สึกผิด แต่หลังจากที่ไอ้ค่ายกับไอ้โบนออกจากห้อง ก็เหลือผมกับไอ้ทูที่นั่งมองหน้ากันเลิกลัก

   คิวถูกเปลี่ยนมาใช้ที่ห้องของผม ในตู้ตรงเคาน์เตอร์มีน้ำแข็งและโซดาพร้อมสรรพ กับแกล้มก็ด้วย ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว แต่เสือกมารู้ว่าเขานัดกันก็ตอนสี่โมงเย็น ถ้าบอกแต่แรกกูคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้อ่ะ

   “เอาไงต่อดีวะ” แววตาของเพื่อนติสต์แตกถามเหมือนอยากออกเริงร่าข้างนอกสุดใจขาดดิ้น

   “แล้วมึงเอาไง”

   “กินกันสองคนไม่สนุกหรอก ไปร้านเหล้ากันมั้ย”

   “ก็ดีนะ อยู่ที่ห้องสองคนนั้นมันเนือยๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ” ไม่คิดอย่างเดียวกูทำเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปร้านเหล้าแถวมอ จะบอกร้านเหล้าก็ไม่เชิงเพราะมันเป็นผับ มีโซนนั่งชิลล์และโซนแดนซ์แยกกันอย่างเป็นระบบ ดึกๆ เวลาคึกก็ไปเต้น แต่ผมสายปลีกวิเวกก็นั่งยกดื่มอยู่ตรงนี้แหละ

   “กูว่าจะถามมึงนานละ เห็นเดือนหลังๆ มานี้มึงเหมือนมีเรื่องค้างคาใจ มีอะไรบอกกูได้นะ” พอเริ่มดื่มกันได้สักพัก ไอ้ทูก็เป็นฝ่ายเริ่มคำถาม จะว่าไปในสี่แก๊งโหด ถ้าตัดไอ้ค่ายออกไอ้ทูก็เป็นคนที่อยู่กับผมเสมอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์

   คิดดู ตอนที่ร้องไห้เพราะความรักฉิบหายมันก็ยังอยู่ข้างๆ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมเลือกไม่ปกปิดความลับกับมัน

   “มึงรู้จักกับน้องชิงชิงเป็นการส่วนตัวมั้ยวะ”

   “ชิงชิงบัญชีอ่ะนะ ไม่ว่ะ แต่ก็พอได้ยินข่าวอยู่บ้าง”

   “เขาเป็นไง”

   “พอตัวนะ นมน่ะพอตัวเลย”

   “กูไม่ตลก” ตอนเครียดแม่งก็ยังสรรหาคำพูดมากวนประสาทกูอยู่ได้ ไอ้เรื่องนมใหญ่แต่น่ารักนี่รู้อยู่แล้ว ไม่งั้นพวกผู้ชายกองละครเวทีไม่หลงกันจนโงหัวไม่ขึ้นหรอก นี่ขนาดพิงค์ที่เป็นนางเอกยังตกกระป๋องไปแล้วเลย

   “โอเคจริงจังละ ที่บอกว่าพอตัวนี่พอตัวจริงๆ”

   “...” ผมเอียงคอมองเป็นเชิงถาม ซึ่งเพื่อนคนนี้มันก็รู้งานรีบไขความกระจ่างให้อย่างเร็วรี่

   “แบบเก่งในเรื่องมัดใจผู้ชาย เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรแบบนี้เนี่ยแหละ”

   “ชิงชิงเนี่ยนะ”

   “มึงอย่ามองคนที่หน้าตา เรียบร้อยน่ารักแบบนี้ไม่ได้เหมือนภายนอกที่มึงเห็นนะเว้ย”

   “ขนาดนั้น?”

   “แล้วนี่ถามถึงเขาทำไม อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับไอ้ค่าย”

   “มั้ง”

   “อย่าไปคิดมาก ไอ้ค่ายมันบอกจะหยุดก็คือหยุด”

   “กูไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นเลย มึงรู้ดี สันดานเจ้าชู้ไม่ได้เลิกกันง่ายๆ ไม่งั้นมึงก็หยุดไปแล้วดิ”

   “ก็กูยังไม่เจอคนที่ชอบนี่หว่า ใช้กรณีไอ้ค่ายไม่ได้หรอก” ผมกระดกเบียร์ลงคอจนหมดแก้ว ไม่นานไอ้ทูก็เป็นฝ่ายหยิบแก้วใส่ๆ ไปเติมน้ำแข็งและรินแอลกอฮอล์ให้จนเต็มเหมือนเดิม

   “มันมีความลับกับกู” เสียงที่เค้นออกมาติดสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก “หรือกู...ไม่ควรให้ใจมันแต่แรกวะ”

   “เดี๋ยวใจเย็น มึงแม่งชอบคิดเป็นตุเป็นตะ”

   “กูเห็นหลายครั้งละ ไอ้ค่ายมันคุยไลน์กับน้องชิงชิงแล้วไม่ยอมบอกกู เวลามีเหี้ยไรกูก็มักเจอมันอยู่กับน้องเขาตลอด”

   “ก็แม่งทำงานด้วยกันไง”

   “มึงกำลังเข้าข้างไอ้ค่ายอยู่ รู้ตัวมั้ย”

   “เชี่ยเติร์ด กูไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ถ้ามึงสงสัยก็ควรเปิดใจคุยกันนะเว้ย” ก็ถ้ามันบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรบอกให้รู้ป่ะวะ ผมก็ไม่อยากเป็นพวกก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรอกถึงได้เงียบมาจนถึงทุกวันนี้

   “มันจะมองว่ากูงี่เง่ามั้ยวะ” พูดไปก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมากระดกไป

   “ทำแบบนี้แหละที่เรียกว่างี่เง่า ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ” เหมือนโดนแม่นั่งสั่งสอนให้ฟัง โอเค ถ้าพรุ่งนี้ได้เจอไอ้ค่ายผมก็จะคุยกับมันตรงๆ เหนื่อยจะเดาสถานการณ์ต่อไปละ

   อย่างน้อยมันก็ต้องมีเรื่องที่ดีบ้างแหละ อย่างผมเข้าใจผิดไปเอง ไอ้ค่ายกับชิงชิงไม่ได้มีอะไรกัน อะไรประมาณนั้น...

   “แต่ถ้าจะระวังกูว่าระวังน้องเขาดีกว่า เหมือนน้องก็ค่อนข้างแรงในเรื่องนี้นะ”

   “ถ้าไอ้ค่ายไม่เล่นด้วย อ่อยแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ผลป่ะวะ นอกจากมันนั่นแหละที่สนองเอง”

   “เออน่ะเชื่อกู ไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอก อ้าวเฮ้ย พี่เคน!”

   “อะไรวะ”

   “ไอ้พี่เคนแม่งมั่วหญิงอยู่บนฟลอร์เต้น โลกกลมสัด” ชื่อที่ไอ้ทูโพล่งขึ้นนั้นเป็นรุ่นพี่ปีสี่ซึ่งทำงานอยู่ฝ่ายโสต ถ้ารุ่นพี่แกนัวกับผู้หญิงที่ฟลอร์ขนาดนี้ก็หมายความว่าฝ่ายโสตที่เหลือก็อยู่ที่ร้านนี้ด้วยน่ะสิ

   โลกกลมจริงอะไรจริง เพราะไม่ได้ถามไอ้ค่ายกับไอ้โบนก่อนว่ามีฉลองกันที่ไหนผมเลยไม่รู้ สุดท้ายแจ็กพอร์ตหวยดันมาออกที่ร้านเดียวกัน

   “ต้องไปทักทายมั้ยวะ” ผมเอ่ยถามความเห็นไอ้ทูไป มันก็คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวไปมา โอเคบางทีเราควรแดกกันสองคนไปเรื่อยๆ

   เบียร์หกขวดหมดไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เวลายังอยู่ที่สี่ทุ่มครึ่งอยู่เลย เพื่อนรักโบกมือเรียกบริกรเพื่อสั่งเบียร์เพิ่ม ผมกับมันเลยได้จัดหนักกันต่ออีกสามขวดยาวๆ เล่นเอาตาปรือไปเลยครับ ปกติจะค่อยๆ จิบทำให้เมาช้า วันนี้ไม่รู้เป็นห่าอะไร หรือเพราะเมาแสงไฟจัดร่างกายถึงได้อ่อนยวบไปหมด

   “ไอ้ทูกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วก็รีบลุกออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

   “เดินไหวมั้ยนั่น”

   “ได้อยู่ แรงยังมีเหลือเฟือ”

   “กูหมายถึงสติของมึงต่างหากไอ้เติร์ด รีบไปรีบมา กูกลัวโดนสาวอุ้ม” ไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรเลยส่งนิ้วกลางไปให้เป็นการตอบแทน

   ผมเดินฝ่านักท่องราตรีไปเรื่อยๆ ภาพตรงหน้ามีเอนเอียงบ้างเป็นบางครั้ง แต่หลังจากชะงักเท้าและปรับโฟกัสอีกนิดหน่อยก็สามารถเดินตรงได้อย่างไม่มีปัญหา

   “ไอ้เติร์ด” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนฝ่ามือของเขาจะรั้งหัวไหล่ของผมเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่ ผมหันไปมองยังต้นเสียงก็เห็นพี่เคนรุ่นพี่ปีสี่ยืนอยู่ด้านหลังแล้ว

   “อ้าวพี่”

   “มาเที่ยวที่นี่เหรอวะ แล้วมากับใคร”

   “ไอ้ทูอ่ะ”

   “บังเอิญฉิบหาย เพื่อนมึงสองตัวก็นั่งอยู่ที่โต๊ะกู ไปแจมด้วยกันดิ”

   “ไม่ดีกว่าครับ พี่มาฉลองกับพวกโสตนี่หว่า”

   “คนกันเองมั้ยวะ โน่นโต๊ะกูอยู่ตรงโน้น ซอกร้านมุมสุด โต๊ะ 113 นะ เดี๋ยวกูขอตัวไปเต้นก่อนแล้วจะตามไป” พี่มันชี้นิ้วฝ่าฝูงชนไปยังความมืดที่ไม่เห็นเหี้ยอะไรสักอย่าง เลยกะหันไปถามให้แน่ใจอีกรอบ แต่กลับพบว่าแกมุดเข้าไปในฟลอร์เต้นเรียบร้อยแล้ว

   หลังจากยืนคิดอยู่พักหนึ่งผมก็ตัดสินใจเดินคลำทางเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างจากการสาดของแสงไฟในผับไปยังมุมหนึ่งของร้าน แน่นอนว่าผมเห็นพี่น้องนิเทศฯ กำลังสนุกกับการดื่มและเต้นอยู่ที่โต๊ะ แต่สิ่งที่ทำเอาตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงตักของไอ้ค่ายและกำลังนัวจูบกันอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจคนรอบข้าง

   กูนึกว่ามึงจะเปลี่ยน แต่สุดท้ายแม่งก็กลับมาใช้สันดานเดิมๆ

   ผมแทบล้มทั้งยืนในวินาทีนั้น ความเชื่อใจที่มีมาตลอดพังทลายไม่เป็นท่า กว่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครก็ใช้เวลายืนกัดฟันมองอยู่นาน

   ใช่คนเดียวกับที่ร้องเพลงประกอบละครใช่มั้ย ใช่คนที่ชื่อชิงชิงที่ไอ้ค่ายบอกว่าเสียงเพราะมากคนนั้นหรือเปล่า

   เท้าทั้งสองข้างค่อยๆ เซถอยหลัง คิดอะไรไม่ออกเพราะสมองตื้อไปหมด ที่ทำได้คือพาตัวเองออกไปให้ห่างจากจุดนั้น รู้ตัวอีกทีผมก็ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องน้ำตรงส่วนเอาท์ดอร์เรียบร้อยแล้ว

   สิงห์รมควันหลายคนยืนสูบบุหรี่ในจุดที่เตรียมไว้ของทางร้าน ด้านหน้ามีผู้หญิงกลุ่มใหญ่กำลังเต้นไปมาอย่างเมามาย ผมมองหาทางออกของตัวเอง ก่อนจะพบแสงสว่างที่พาดผ่านมาในม่านสายตาจนเผลอละเมอออกไปอย่างลืมตัว

   “ไอ้โบน...”

   “เฮ้ยไอ้เติร์ด มาได้ยังไงวะ” เสียงทุ้มของเพื่อนในกลุ่มเอ่ยถาม

   น้ำตาเหมือนจะไหล แต่สุดท้ายก็ไม่ไหลอย่างที่คิด ได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าเดินเข้ามาประชิดและถามประโยคสารพัดซึ่งผมจับใจความอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่า...

   “โบน”

   “เมาหนักแล้วนะมึง เดี๋ยวกูพากลับ”

   “จูบกู”

   “สัดเติร์ด มึงเป็นอะไรเนี่ย”

   “จูบกู กัดกู ทำรอยบนตัวกู มึงทำได้มั้ย” ผมเงยหน้าถาม ไม่รู้ว่าคิดบ้าอะไร แต่จูบกับใครแม่งก็คงเหมือนกัน

   เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะทำตามคำสั่ง ผมจึงใช้จังหวะนั้นคว้าต้นคอคนตรงหน้าลงมาแล้วประทับริมฝีปากทันที มันเจ็บไปหมดแล้วไอ้เหี้ย ความรัก ความเชื่อใจ หมดลงในวันนี้ วันที่มาเห็นทุกอย่างกับตา

   ผมแม่งโคตรโง่เลย โง่ซ้ำซากกับเรื่องเดิมๆ ไม่รู้จักหลาบจำ สุดท้ายก็ต้องน้ำตาตกกับความจริงที่ได้รู้ สำหรับหุบเหวของไอ้ค่ายข้างใต้ไม่มีน้ำอยู่จริงๆ มีแต่ดินแข็งๆ ที่ทำเอาเจ็บจนทนไม่ไหว

   ลิ้นที่มีกลิ่นของแอลกอฮอล์พยายามแทรกเข้าไปในโพรงปากของเพื่อนสนิท ไอ้โบนพตั้งท่าจะดึงผมออกแต่ผมดื้อด้านกว่านั้น ยังตั้งหน้าตั้งตาจูบต่อไปอย่างลืมอาย

   ตรงนี้มีคนเยอะแล้วไง ให้มันรู้ไปสิว่ากูเป็นเกย์!

   ให้มันรู้ไปสิว่าคนหน้าไม่อายอย่างกูทำอะไรได้บ้าง

   ผั่วะ!

   เสี้ยววินาทีนั้นผมค้นพบว่าตัวเองเสียศูนย์ถึงขนาดเซถอยหลังไปหลายก้าว เสียงหมัดหนักๆ ดังแหวกเข้ามาในแก้วหู แต่คนที่โดนและล้มลงไปกลับไม่ใช่ผม

   ผั่วะ! ผั่วะ! ผั่วะ!

   “ไอ้เหี้ยโบน มึง!” เสียงเข้มดังก้องไปทั้งบริเวณ สายตาที่ค่อนข้างเบลอในคราแรกกระจ่างชัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้ค่ายกำลังต่อยไอ้โบนอย่างแรงจนร่างสูงล้มลงกับพื้น

   ผมรีบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนไอ้ค่ายจะหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง แล้วหันมาใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของผมเอาไว้ จากนั้นก็ดันร่างไปติดกับกำแพงห้องน้ำ

   แรงบีบนั้นรุนแรงจนทำให้หายใจไม่ออก น้ำตาไหลเป็นทาง พูดไม่ได้ บอกไม่ได้ ทำได้แค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะขาดอากาศหายใจ ผมมองหน้ามัน มองไม่กะพริบด้วยความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แค่ว่าเจ็บมาก เจ็บเพราะโดนหักหลัง

   “โธ่เว้ย!”

   “อะแค่กๆ” ผมไอโขลกออกมาอย่างหนักหลังจากไอ้ค่ายยอมปล่อยมือให้ผมเป็นอิสระ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังแทรกเข้ามาในกกหูอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบว่ากำปั้นหนักๆ กำลังต่อยเข้ากับกำแพงไม่ยั้งจนเลือดอาบฝ่ามือ

   กลิ่นคาวเลือดลอยคว้างอยู่ใกล้จมูกจนอยากอาเจียน แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับพยายามรั้งกำปั้นที่กระหน่ำชกอย่างบ้าคลั่งเอาไว้สุดความสามารถ ด้วยการจับข้อมือของคนตรงหน้าไว้แน่นพร้อมกับเค้นเสียงที่เหลืออยู่ออกมา

   “ต่อยกูเถอะ ต่อยแรงๆ เลย”

   “ไอ้เติร์ด มึง...”

   “กูจูบไอ้โบนไปแล้วเพราะงั้นมึงต่อยกูเถอะ”

   “...”

   “แล้วเราจบกันเถอะนะ กูไม่อยากรักมึงแล้ว กูเจ็บฮือออออออ กูเจ็บ” เหมือนความอัดอั้นตันใจที่มีมาทั้งหมดได้พังครืนลงมา พังลงตรงหน้าของคนที่แอบรักมานาน

   สุดท้ายก็สูญเปล่า สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร บอกว่าเผื่อใจเอาไว้มากมายแต่เอาเข้าจริงก็หนีความเจ็บปวดไม่พ้น ไอ้ค่ายไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย มันไม่ได้รักผมอย่างที่พูด ไม่ได้รัก...แม้แต่เสี้ยว

   “เติร์ดกูขอโทษ”

   “...”

   “กู...ขอโทษ” ข้อมือที่ผมจับอยู่กำลังสั่น ไอ้ค่ายเอ่ยขอโทษผมทั้งน้ำเสียงสั่นเครือ และตอนนี้ผมก็กำลังเห็นว่าใบหน้าแดงก่ำ...มีน้ำตาไหลออกมา

   ร้องไห้ทำไมไอ้ค่าย ไม่ต้องร้องให้คนอย่างกูหรอก ไม่มีประโยชน์ที่ต้องทำอย่างนั้น

   “กูสามารถจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงได้”

   “...”

   “กูสามารถมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงได้ กูอยากเป็นเหมือนมึงที่ไม่ต้องรักใคร ไม่ต้องเสียใจที่ต้องสูญเสียไปเหมือนตอนนี้ มึงรู้สึกเสียใจบ้างมั้ยที่กำลังเสียกูไป มึงรู้สึกเสียใจบ้างมั้ยที่กูจูบคนอื่น”

   “เติร์ดกูขอโทษ” ร่างของผมถูกดึงเข้าไปกอด เป็นอ้อมกอดที่แน่นมากแต่กลับรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ วันนั้นที่เคยบอกเอาไว้ว่าจะเป็นทั้งครอบครัวและที่ปรึกษา

   เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าสุขหรือเศร้า

   เป็นคนที่พร้อมจะสร้างฝันไปด้วยกันจนกว่าจะสำเร็จ

   และก็เป็นคนที่สัญญากับปากว่าจะหยุดทุกอย่างเพื่อกู

   “ที่กูเป็นขนาดนี้ เสียใจขนาดนี้ก็เพราะรักมึง”

   “...”

   “แต่มึงไม่รู้สึกอยากรักษาความรักของกูเอาไว้บ้างเลยเหรอ”

   คำถามเดียวที่อยากถาม แม้ผมจะได้คำตอบตั้งแต่เห็นเจ้าของอ้อมกอดนี้กำลังมีความสุขกับคนอื่นแล้วก็ตาม...






ถ้าใครสักคนจะโดนด่า
ขอให้คนนั้นเป็นค่ายเถอะค่ะไม่ใช่จิตติ ฮ่า
ตอนนี้อยากบอกคำเดียวว่า “พาพี่โบนไปส่งโรงบาลก่อน” คนอะไรซวยแท้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 21-08-2017 20:32:20
อีค่ายอีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย :beat: :beat: :beat: โกรธ มากกกกก
ชั้นจะเลิกทีมแกแล้ว ชั่วอินฟินิตี้จริงๆ
สงสารเติร์ดอะ เห็นภาพเหี้ยๆงี้ต่อหน้าต่อตา โอ้ย เสนียดลูกตาเว่อ
อยากตีอีค่าย และอยากตบอิชะนีให้แหก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 21-08-2017 20:35:55
ดีค่ะ เติร์ดจะได้รู้ๆ กันไปเลย ส่วนค่ายก็ควรเปลี่ยนจริงๆ สักที
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Pook_zaa ที่ 21-08-2017 20:41:38
น้ำตาไหลเลย ปวดหัวใจ  :sad11: :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: plafishy ที่ 21-08-2017 20:45:36
ฮือออออออออออออ
ตอนท้ายๆบีบหัวใจเรามาก อินมากจนร้องไห้เอง
ไม่เข้าใจค่ายเลย ทำไมเป็นคนแบบนี้ คิดว่าจะกลับใจได้แล้ว แต่ก็ไม่เลย
ยิ่งอ่านยิ่งเจ็บอ่ะ สงสารเติร์ดมาก อยากเข้าไปกอดปลอบ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 21-08-2017 20:46:55
ปวดใจแทนเติร์ด คนเราสมควรจะโดนคนๆ เดิมทำร้ายหัวใจสักกี่รอบกัน  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 21-08-2017 20:47:28
อีสันดานเสียยยยย อีคนไม่รักษาคำพูด สงสารเติร์ด ร้องไห้ตามแล้วเนี่ยยยย     ตัดใจเหอะเติร์ดดดดดดดดด  จิติค้าาเปลี่ยนพระเอกทันไหมมมอะ ไม่อยากได้ค่ายเเล้ว  ไม่เอาเเล้ว ไม่ไหวแล้ว ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 21-08-2017 20:51:48
 :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 21-08-2017 20:53:51
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 21-08-2017 20:54:28
ไม่อยากด่าค่ายแล้ว ขอกระทืบอย่างเดียวเลยละกัน
สงสัยว่าเติร์ดให้โอกาสเร็วไป อยากถามค่ายจริงๆว่าคิดอะไรอยู่ สิ่งที่ทำมาพังหมดในครั้งเดียวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 21-08-2017 20:54:37
ไอ้ค่ายยย มึง!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 21-08-2017 20:54:53
เอิ่ม เคยคิดว่าประโยค "เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย" มันแรงไปมากๆ

แต่มันใช่เลยอ่ะกับตอนนี้..
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 21-08-2017 20:55:46
#ทีมต่อต้านสันดานไพร่ของไอ้ค่าย :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-08-2017 20:57:03
เอ้า อิค่ายทำท่ามาเหมือนจะดี สุดท้ายสันดานโผล่อีกเหรอ จะมาแก้ตัวว่าเมาว่าน้องมาจูบเองนี่ รับไม่ได้นะ
สงสารเติร์ดจริงๆ เจ็บช้ำซ้ำๆ รักคนอื่นได้ก็รักไปเถอะ ถึงแม้ว่าค่ายจะรักจริงแต่ต้องให้มันสูญเสียซะบ้างจะได้รุ้สึก
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 21-08-2017 20:58:26
ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เติร์ดเข้าใจผิดหรือเหตุการณ์ที่ผู้หญิงทำเองนะ อิค่ายแกไม่ควรได้รับความรักจากเติร์ดอีก ไม่ทีมค่ายแล้วค่ะ ทีมหาพระเอกคนใหม่ให้เติร์ด  จิตติคะหาผู้ชายคนใหม่ให้เติร์ดที    :ling3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 21-08-2017 21:02:05
ปกติเราเป็นเอฟซีค่ายนะ แต่ตอนนี้บอกตรงๆ โคตรร้าวรานอ่ะ ค่ดๆๆๆๆ
ฮือออออออ...ทำไมถึงทำกับฉันได้
 

เอาน่าสักวันเรื่องโดนต่อยจะเป็นเรื่องขำๆ เมาท์กันในหมู่เพื่อน แต่วันนี้รักเราจบแล้ว ทั้งรักเพื่อน และเพื่อนรัก ไม่ว่าครั้งนี้จะเป็นชิงชิงที่เริ่ม หรือเป็นที่อิค่ายไม่ทิ้งลาย ทุกอย่างควรจบ สงสารคนร้องไห้นี่เหนื่อยอ่ะ ต้องทนเห็นหน้ากันไปอีกปีกว่า

จิตติคะ ไหนๆ ก็ร้าวรานกันขนาดนี้ละนะ น้องเปลี่ยนหมวดมาเป็นทราจิดี้พี่ก็ไม่ว่าแล้วค่ะ

ปล. พี่ขอเดาว่า (#มองในแง่ดีสึสๆ) อิค่ายอาจให้น้องช่วยร้องเพลงจีบเติร์ดแล้วนางอาจขอจูบเป็นค่าจ้างอ่ะ แล้วอิค่ายก็ลังเลงัยแล้วโดนปล้ำจูบไรงี้...นี่เข้าข้างอิค่ายจนหยดสุดท้ายละนะ #แถจนถลอกถึงกระดูกละ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 21-08-2017 21:03:27
ตอนนั้นคิดอะไรอยุ่ถึงไปเป็นทีมอีค่าย
เกลียดอ่า ไม่ต้องจอโทษหลอก ไม่ให้อภัย
หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 21-08-2017 21:04:04
อ่านไปนี่เจ็บจนแทบกระอักเลือดแทนเติร์ด  :m16: :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: S. KMICKY ที่ 21-08-2017 21:12:39
อีค่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อิเลววววววว สงสารโหดน้อย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 21-08-2017 21:19:57
ตัดใจเถอะ แม้แต่คำว่าเพื่อนก็อย่าเหลือไว้เลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 21-08-2017 21:22:44
ตอนนี้อ่านแล้วอินมาก หน่วงสุดไรสุด
  คิดเหมือนกันกับเติร์ดเลย นี่ถ้ามองในมุมของเติร์ดนะ ไม่มีความมั่นใจในตัวค่ายเลยว่าค่ายจะเลิกเจ้าชู้ ค่ายจะหยุดที่เติร์ด การจีบของค่ายเหมือนมาเล่นๆ เหมือนเจอของเล่นใหม่งี้ หวงเพื่อน  แบบที่เติร์ดบอกเวลาเป็นเรื่องพิสูจน์(ถูกป้ะ ลืม5555) ถ้าเราเป็นเติร์ดนะ(กำลังมโน)ก็จะเขินตอนโดนจีบแต่ความเชื่อมั่นไม่ได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเลย
  คือถ้าคนเราไม่มีความเชื่อมั่นแล้วจะกล้าถามเรื่องของเขาหรอ โดยส่วนตัวของเรา เราไมากล้าถามนะ กลัวคิดเข้าข้างตัวเองบ้างล่ะ เราไม่โอเค เรื่องนี้ทีมโหดน้อย 5555555
   ค่ายแกควรบริสุทธิใจนะ ถึงจริงๆ มันจะไม่มีอะไร แกก็ควรบอกเติร์ด ถ้าแกรักเติร์ดจริงแกก็น่าจะรู้ว่าเติร์ดไม่สบายใจแต่ถ้าแกรู้แต่อยากแกล้งเติร์ดนะ อยากให้แกเจอทีมโหดน้อยยำตีนจริงๆ มันควรรึป่าว
  รักคนแต่งนะ รักตัวละครทุกตัว  : 55555  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 21-08-2017 21:23:19
ตอนที่แล้วยังทำคะแนนอยู่เลยทำไมตอนนี้ทำตัวเหี้ยแบบนี้ล่ะค่ายย ดีนะที่เรายังอยู่ทีมโหดน้อยไม่ไปไหน
อิค่ายอิเลวอิชั่ววว มันต้องคิดอะไรกับชิงชิงด้วยแหละ
ดูเลิกลักไม่บริสุทธิ์ใจอ่ะ ไหนบอกจะเป็นคนดีเจอชะนีไปก็เหมือนเดิม
โบนซวยก็จริงแต่ดูท่าก็เหมือนรู้เห็นด้วยไม่น้อยอะโดนไปก็ถือว่าชดใช้เมื่อครั้งลองใจล่ะกัน
อยากให้โหดน้อยเลิกยุ่งขาดจังแต่ก็นะมันดันเป็นพระเอก!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-08-2017 21:25:20
ค่ายมีเหตุผลทีดีพอหรือเปล่าทีทำแบบนั้นลงไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 21-08-2017 21:25:45
อยากจะกระอักแทน คงต้องใช้เวลาอีกสามชาติครึ่ง กับเหตุการณ์พิสูจน์ใจอีกเป็นร้อยครั้ง กว่าอิค่ายจะสำนึกได้จริงๆ :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 21-08-2017 21:27:39
อิค่ายโว้ยยยยย   แม่งเจ็บแทนเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-08-2017 21:28:28
 :mew5:  :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-08-2017 21:30:22
เลิกเชียร์เลยจ้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 21-08-2017 21:31:14
โอ้ยยยย อีค่ายยยยยยยยยยย

ไม่รู้จะด่ายังไง เมา อยาก หรืออะไร ไม่รู้แล้ว
เกลียดคนไม่รักษาคำพูดที่สุดเลยอะ
อิน้องชิงชิง ขอเปลี่ยนชื่อให้เป็นชิงชัง
แต่จะโทษก็ไม่ได้ ตบมือข้างเดียวไม่ดังอะ

เติร์ด ไปเลยลูก อย่าไปให้เวลามันอีกเลย โอ้ยย ใจจะขาดเด้ออออ

เราชอบบบบ เราชอบความหน่วงนี้
ถึงจะสงสารลูกเติร์ด แต่เราก็ชอบความหน่วง
อินเหลือเกินแม่เจ้าประคุณเอ้ยยยย

มาต่อเร็วๆเถอะน้าาาา ใจจะขาดแล้วเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 21-08-2017 21:35:07
ขอตอนต่อไปเลยได้มั๊ยยยยย

 :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 21-08-2017 21:35:37
อินังค่ายยยยยยยย คือแบบเกือบดีแล้วอ่ะ เหมือนจะดีขึ้นแต่ก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ เติร์ดลูกกกกก อย่าให้อภัยมันนะ มันไม่มีความหมายแล้วอ่ะ ฮือออออออออ สงสารหนูจังเลยยยย ถ้าเหนื่อยก็มานะลูกนะ หนูต้องเจอใครสักคนที่เป็นของหนูซึ่งคนนั้นไม่ควรเป็นอินังค่ายอีกแล้ว หนูทนมาเกินพอแล้ว อ้อมกอดของเราพี่ว่างเสมอนะ  ////กอด
ปล.คนเขียนใจร้าย ไม่สงสารน้องเติร์ดเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: amisezmin ที่ 21-08-2017 21:37:19
สันดาน...แก้ไม่หายแบบนี้อย่าได้ให้โอกาสอีกเลย :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 21-08-2017 21:38:32
เกลียดอีค่าย เกลียดอีค่าย เกลียดอีค่าย!!! :z6: :z6: :z6:

เลวซ้ำซ้อน ได้โอกาสมาก็ยังไม่รักษาไว้

สงสารเติร์ดมากอ่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 21-08-2017 21:39:51
สันดานมากค่าย! อย่างว่า ของมันเคยได้เคยกิน กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมเถอะค่าย อย่าได้คิดจะมีคนรักจริงจังเลย ว่าแล้วเชียวนึกมาตลอด ว่าค่ายมันจะทำยังไงให้เติร์ดเชื่อใจมันได้ ก็เห็นใส้เห็นพุงกันขนาดนั้น ดีได้ไม่นานสุดท้าย .... หึหึหึ  #โหวตเปลี่ยนพระเอก #เกลียดค่ายจริงจัง  :z6:

แต่ยังให้โอกาส ขออ่านพาร์ทค่ายหน่อย อยากรู้ ที่แกทำไปแกมีคิดอะไร รู้สึกถึงเติร์ดก่อนทำมันลงไปไหม? เผื่อแกจะมีเหตุผลโง่ๆ เหมือนคราวที่แล้ว (ที่แกไปจูบเติร์ดแล้วครางชื่อคนอื่นเพื่อให้เติร์ดเจ็บแล้วเลิกไป) นี่เปิดโอกาสให้อธิบายสุดๆแล้วนะค่าย #กอดอกรอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-08-2017 21:52:44
จบ....
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Tsuikkn ที่ 21-08-2017 21:56:07
โอ้ยพี่โบนของชั้นนน อิค่ายแกทำอะไรของแกก #ทีมโหดน้อย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-08-2017 21:59:14
เอาน้องเติร์ดคืนมาอิค่าย อิเลว ไปตายไหนก็ไป เกลียด...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Tsuikkn ที่ 21-08-2017 22:00:26
 :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 21-08-2017 22:12:55
สันดาน นะไอ้ค่าย หมดคำจะด่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 21-08-2017 22:18:11
หน่วงมากกค่ะ.. จุดนี้...
จิตติ ปล่อยระเบิดไว้.. อย่าหายไปนะ..
รีบกลับกู้ก่อน..
ตอนนี้ แทบจะระเบิดหัวใจไปพร้อมกับเติร์ด แล้ว..
เจ็บไม่หยุด ... เรย..
สงสาร เติร์ด ง่ะ..  >< :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-08-2017 22:32:19
อิค่ายยยยยยย!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 21-08-2017 22:47:07
เหมือนหัวใจจะล้มเหลว มือสั่น ใจสั่น น้ำตาไหล

เหมือนเห็นตัวเองในวันวาน...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 21-08-2017 22:47:15
สงสารเติร์ด เจ็บอีกแล้วลูกชั้น :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 21-08-2017 22:49:13
ต่อไปถ้าเติร์ดไม่สามารถให้ความเชื่อใจกับค่ายได้อีก นั่นก็แปลว่าค่ายทำตัวเองทั้งนั้น สงสารคนที่ไว้ใจแต่กลับมาเจออะไรแบบนี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 21-08-2017 23:00:02
ถ้ารักเติร์ดจริง จะไม่ทำเลวแบบนี้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ค่ายน่าจะตายตั้งแต่รถล้มครั้งที่แล้ว ไปตายซะค่าย!


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 21-08-2017 23:06:44
เบื่ออะ จะให้รู้สึกดีๆกับค่ายขึ้นมาหน่ิอยไม่ได้เลยใช่มั้ย ที่ผ่านมาเป็นเติร์ดไม่เชื่อใจค่าย แต่ตอนนี้เราก็ไม่เชื่อมั่งละ จะเหตุผลห้าเหวอะไรก็เป็นข้ออ้างละ เบื่อๆๆๆ ละก็ต้องมีมุมให้สงสารค่ายเข้าข้างอิค่ายขึ้นมาอีกจนได้อะต่อไป เจอแบบนี้เพื่อนยังไม่อยากเป็นกะมันเลย รู้ว่าเป็นคนรักที่ดีให้ไม่ได้ก็พอเหอะ เราเบื่อดราม่าละ

ท่ดๆค่ะ อินไปหน่อย
ในโมเม้นดราม่าทำไมเราฟินเติร์ดกะโบน โอ๊ยยยยย >////< ไม่น่าโดนขัดจังหวะ

สงสารโบน โอ๊ย ทำกรรมเวรอะไรมาลูกเอ้ย 5555 ถือสิทธิอะไรไปต่อยเค้าวะ  สะใจที่เติร์ดพูดโคด  พอเหอะค่าย นายไม่คู่ควรว่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-08-2017 23:14:26
เหี้ยยยยยยย เกิดอะไรขึ้นเป็นอิค่ายจริงๆเหรอวะ ถ้าจริงแล้วที่ผ่านมาคืออะไรแกทำทุกอย่างเพื่ออะไรค่าย ตอนนี้นะถ้าเป็นแบบผู้หญิงจัดฉากค่ายมึงก็ควรมีสติไม่ใช่สมยอม แต่ถ้าเป็นเติร์ดเข้าใจผิดก็คงต้องเคลียร์กันต่อ แต่ตอนนี้บอกเลยว่าจะร้อง สงสารเติร์ดมากใจพังกันเลยทีเดียว แล้วนี่ฉันต้องหน่วงวนไปจนถึงทิตย์หน้าใช่มั้ย แงงง  :ling3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 21-08-2017 23:16:14
รอคำอธิบายของอิค่าย!!!! สงสารเติร์ดมากกกกกกกก อิค่ายทำไมเป็นงี้ว้ะ โกดดดดดดดดดดดดด :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-08-2017 23:24:59
ฉันเชื่อว่า ค่ายไม่ได้ทำ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 21-08-2017 23:28:24
โหว สุดๆว่ะค่าย  :katai1: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
ถ้าเรื่องจริงทั้งหมดที่ทำให้เติร์ดเห็นฉากนั้นเพราะอารมณ์หื่นของค่ายจริงๆ
ก็ควรปล่อยให้เติร์ดไปหาคนที่ดีกว่าอะ คนที่คู่ควรความรักของเติร์ดมากกว่าอะค่าย
แต่ถ้ามันเป็นเพราะชะนีจู่โจม ก็ควรรีบๆเคลียร์ให้เติร์ดเข้าใจอะ
ตอนนี้เติร์ดเหมือนสติหลุดเลย คนอ่านก็สติหลุดค่ะ อุตส่าอยู่ทีมอิค่ายมาตั้งหลายตอน
มาพลิกล็อคเทกระจาดขนาดนี้ได้ไง!!  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 21-08-2017 23:51:56
ค่าย นายทำเราเสียใจว่ะ o8
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 22-08-2017 00:09:50
วนลูปอีกแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะมีความสุข เทอิค่ายยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: daisyskies ที่ 22-08-2017 00:43:49
อิค่ายยยยยยย ช่วยเป็นพระเอกหน่อยได้ไหมมมมม
ค่าตัวแพงเหรอ ทำตัวสมเป็นพระเอกได้ไม่กี่ตอน
แกจะทำแบบนี้กับน้องเติร์ดไม่ได้!! น้องเติร์ดคราวหน้าอย่าไปยอมมันนะลูก
เลิกรักอิค่ายไปเลย หัวใจแม่เจ็บมาก ลูกโดนรังแกอีกแล้ว ฮือ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 22-08-2017 01:22:29
อิค่ายยยย อิเฮียยยย อิเฬวววววววว
ไม่รู้จะด่ายังไงให้สมกับความชั่วของแก๊

เปลี่ยนพระเอกได้นะคะ ไม่ว่ากัน จบแบบอิค่ายไร้คู่ ยืนดูเติ๊ดมีความสุขกับคนดีๆ ก็ได้นะ ไม่ว่าเลย

เป็นพระเอกที่จันรายยยยได้โล่ ไม่มีการพัฒนา ชั่วช้าและต่ำตม

อินเนอะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: smog09 ที่ 22-08-2017 01:51:15

คือขนาดได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองใหม่อีกรอบ แต่มันก็ยังลงอีหรอบเดิม คือ...พอเถอะเติร์ด อย่าไปยุ่งกับค่ายมันอีกเลย
คนแบบนี้คือกู่ไม่กลับแล้วจริงๆนะ  :ruready คงเป็นคนที่ไม่สามารถเชื้อถืออะไรในตัวได้อีกแล้ว

แต่เดี๋ยวต้องรอดูตอนหน้าก่อนว่าค่ายมันจะอธิบายยังไง เหตุผลฟังขึ้นไหม หวังว่าคงจะไม่ใช่คำแก้ตัวหรือแถแถ่ดๆนาจาาา อีกอย่างเติร์ดเมาด้วย ไม่รู้ว่าเห็นชัดเจนจริงๆไหม (อันนี้คือคิดในแง่ดีสุดๆ)

แต่สำหรับเวลานี้
แด่อิค่าย  :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 22-08-2017 08:55:54
อีค่ายยยยยยย!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 22-08-2017 09:21:54
โอ้ยยยยยยยยยยยยยย อีค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-08-2017 09:38:34
อิค่ายยย เลวมาก!ไม่ต้องผุดต้องเกิดอีกต่อไปแล้วแกอ่ะ แต่เหนือกว่าอะไรสงสารโหดน้อย...และโบนอีกคน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 22-08-2017 10:02:06
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ให้ห่างกันสักพักเถอะ ค่ายยังคงโลเลขนาดนี้ จะมาหยุดที่เติร์ดได้ไง กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมคงไม่ต้องมาระแวงแบบนี้ เหลืออีกแค่ไม่กี่ตอน จะจบแบบไม่คู่กันก็ได้นะคะ ให้เติร์ดไปเจอคนที่ดี แค้นอิค่าย ทำเราไปไม่เป็นมาหลายรอบเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 22-08-2017 10:41:39
เชียร์ให้เลิกกันไปเลย
อย่างค่ายมันไม่มีทางหยุดที่ใครได้หรอก ปล่อยมันไปเลยดีกว่า :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 22-08-2017 11:29:02
สุดท้ายมันก็ทำให้เติร์ดเสียใจอีก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 22-08-2017 11:40:10
สงสารเติร์ด ค่ายทำไมทำแบบนี้ หาคนใหม่ให้เติร์ดเถอะ
คนแบบค่ายไม่เอาแล้ว หน่วงเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-08-2017 12:10:55
โห อิค่าย อิเวงงง
โคตรแย่ สันดานเดิมอ่ะ
สงสารเติร์ดมากๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-08-2017 12:30:49
คือพยายามคิดเข้าข้างอิค่ายว่าผญรุกแล้วเติร์ดไปเจอพอดีรึป่าว
หรือว่าอะไรอย่างอื่นเข้าใจผิดรึป่าว แต่แม่งก้ไม่ใช่
ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าค่ายมันเหี้ยยยย
เติร์ดยืนดูอยู่ซักพักไม่ใช่แค่แปปเดียว
แอบคุยไลน์แล้วมีความลับกับเติร์ดมาเป็นเดือนๆ
เป็นเราคงระแวงว่านี่คือครั้งแรกที่มันนอกใจจริงหรอ เพราะมันคุยกันมานานแล้ว
สุดท้ายคือการที่อิค่ายขอโทษ มันเหมือนเป็นการยอมรับว่ามันทำจริงๆ
สันดานคนมันเปลี่ยนยากนะเติร์ด ไม่อยากให้เติร์ดกลับไปเจ็บแบบเดิมอีกแล้ว
ค่ายมันเหี้ย อาจจะรักจริงๆแต่มันเหี้ยและเจ้าชู้มากมั่วมาก
รักแต่ไม่พร้อมจะหยุดอะ มันอยู่กับใครไม่ได้หรอก แค่นี้ยังทนไม่ได้เลย
แค่นี้ยังไม่คิดถึงใจคนที่ตัวเองรักเลย สุดท้ายมันก้รักแต่ตัวเองนั่นแหละ
หาพระเอกใหม่ให้เติร์ดเถอะะ อิค่ายเลวเกินไปอะ กว่าจะสมหวังเติร์ดคงช้ำไปหมด
จ่อให้หลับจากนี้มันทำดีกว่าที่เคย ก้จะไม่ทีมอิค่ายแล้วอะ
เหมือนโดนหักหลังไปพร้อมกับเติร์ด อุส่าเปลี่ยนใจมาเชียร์ โกรธธธธธธธ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-08-2017 14:05:42
รู้สึกเสียใจที่เคยให้กำลังใจค่ายตอนรู้ตัวว่าชอบเตริด


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 22-08-2017 14:43:49
เมาหรืออะไรกันคะค่าย หรือแกล้งลองใจ หรือยังไง ว๊อยยย @#$%*&^$%
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: jingyo88 ที่ 22-08-2017 16:10:31
เกลียดคนแบบอิค่ายมาก..ทำตัวเลวๆซ้ำซากแล้วมาขอโทษ จะขอโทษทำพ่องอะไร ขอโทษแล้วเดี๋ยวก็ทำเลวๆอีก คือปกติชอบอ่านเรื่องที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตัวเอกรักกัน แต่สำหรับเรื่องนี้ถ้าจะจบแบบอิค่ายตายหรือเติร์ดมีแฟนเป็นคนอื่นที่ดีๆก็ได้นะ เพราะมีความรู้สึกว่าคนอย่างอิค่ายไม่ควรจะได้คนดีๆแบบเติร์ด #เกลียดอิค่ายมาก #ถีบหัวส่งไปไกลๆเติร์ด   :m16: :m31: :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 22-08-2017 16:12:40
อีค่ายยยยยยย!!!! ทำไมสันดานเสียแบบนี้อ่าาาาา
โว้ยยยยย!!!!! ทั้งๆ ที่อะไรๆ  มันกำลังจะดีขึ้นอยู่แล้วอะ
ทำไมนิสัยแบบนี้วะค่ายยยยย ผิดหวังในตัวค่ายที่สุดเลยอะ
 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 22-08-2017 17:03:30
ไม่เอาค่ายแล้วนะ เลวมาก จะทำให้เติร์ดเสียใจไปถึงเมื่อไร ทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้นแล้ว ทำแบบนี้อีกทำไม หรือมันเป็นสันดานไปแล้ว   :z6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 22-08-2017 18:20:04
 :z6:  :z6:  :z6:  จ่าด่าตั่วเฮียก็ยังกลัวตั่วเฮียอายอ่ะ  อิค่ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 22-08-2017 19:40:40
 :z6ไม่ว่าจะทำไปด้วยสาเหตุไหนความรู้สึกที่เสียไปก็เรียกคืนกลับมาไม่ได้แล้วทำไมต้องโกหกกันด้วยตัวเองทำชั่วทำเลวได้ไม่เป็นไรแต่พอเขาทำคืนบ้างกลับโกรธไม่พอใจเห็นแก่ตัวสุดๆกลับไปมั่วอย่างเดิมแล้วเป็นเอดส์ตายไปซะเถอะหาพระเอกใหม่ จบ :m31:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 22-08-2017 19:44:07
กับมาอ่านอีกรอบคือมันอ้างไม่ได้อะ ว่าชะนีจู่โจม เพราะเขียนบรรยายมาว่าเติร์ดดูอยู่นาน และเห็น 'ทั้งคู่' จูบกับนัวเนีย ไม่มีข้อแก้ตัวอื่นแล้วจริงๆ อะ นอกจากความไม่รู้จักพอของมัน 5 วันที่ต้องรอตอนหน้าคือนานมากสำหรับเรา  :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 22-08-2017 19:52:02
เพิ่งมาอ่าน สนุกจุง
ชอบแก๊งโหดน่ารักมาก
ตอนส่งผิดแชทนี่คือฮาสุด เราขำหยุดไม่ได้เลย5555
ปล. เราว่าอิค่ายนี่แหละ สันดานคนเจ้าชู้ มันเปลี่ยนไม่ได้หรอก ของฟรีมีมาทำไมจะไม่เอา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 22-08-2017 19:58:38
ถ้าจะต้องเลิกอีกรอบ ขอเปลี่ยนพระเอกเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 22-08-2017 21:31:50
อิค่ายยยยยยยยยยยยยบย
เป็นเห้อะไรเนี่ยยยยยย โมโหหหห
อ่านตอนนี้จบแล้งร้องไห้เลย ทุกอย่างที่แกอุตส้าห์ทำมามันพังมดแล้วค่าย แม่ง

ตอนที่แล้วหวาน คราวนี้มาม่าเฉย แงงงงง อะไรวะเนี่ยยยยย
อิค่ายยอมรับจริงๆใช่มั้ยว่าจูบ โกรธมากกกกกก  :z6: :a5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Flukcherm ที่ 22-08-2017 23:23:38
นี่ไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรแล้วอ่ะ อยากให้เติร์ดเจ็บหนักๆเสียใจมากๆร้องไห้สุดๆเศร้าสุดๆ แต่แค่วันเดียว แลัวหลังจากนี้เป็นเพื่อนห่างๆกับค่ายพอ อยากให้ะติร์ดไปมีคนรักใหม่มีความสุขชีวิตแฮปปี้ แล้วอีค่ายกลับไปมั่วเหมือนเดิมเหมือนที่อีพี่หมีบอกว่าบางคนมันเลิกไม่ได้ เรียนจบแยกทางกันไป มาเจออีกทีงานแต่งเติร์ดหรือรวมรุนอะไรก็ได้แล้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันพอ อยากให้เติร์ดไม่ต้องเหลือเยื่อใยใดๆให้ค่ายอีกเลย ละก็ขอให้ค่ายรักใครไม่ได้อีกมั่วปตลอดชีวิต จะจริงจังกับใครก็โดนหลอก!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 22-08-2017 23:32:32
สงสารเติร์ด อิค่ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 23-08-2017 01:28:12
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 23-08-2017 01:31:52
นั่นไง สุดท้ายค่ายก็ดีแตกจริงๆ สงสารเติร์ดที่สุดทำไมต้องมาเจอกับคนแบบนี้
เอาคนมาดามใจน้องเติร์ดที ฮือออ เศร้าาาา
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 23-08-2017 01:35:27
ใดๆเล่าโบนล้วนโดนลูกหลง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 23-08-2017 01:36:45
มาคอมเม้นท์รอบ3 หมั่นไส้อีนังชิงชังตอนนั่งตักอีค่าย
มึงก้อนะค่าย ไม่ผลักออก แถมจูบกันอีก กูเสียสละตัวเอง
เข้าไปถีบทั้งมึงทั้งอีนังชิงชังให้ก้อได้นะ #โกรธแทนเติร์ด  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 23-08-2017 04:08:45
 :katai1: :katai1:เลวจริงๆ หรือเติร์ดมองผิดมุม อยากเผื่อใจว่าค่ายไม่ใช่คนเลว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 23-08-2017 06:52:27
สันดานแก้ไม่ได้จริงๆ หรอวะนังค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-08-2017 10:18:40
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 23-08-2017 10:36:53
อีค่ายยยยยยยยยย :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: lowmantic ที่ 23-08-2017 12:08:07
โห มาแบบนี้ไม่อยากให้ happy end เลยเรื่องนี้ สงสารเติร์ดมาก เอาจริงนี่นอกจากค่ายแล้วเราพาลเกลียดโบนไปอีกคนอะ คือโบนก็ไปกับค่ายนะ ไม่คิดเตือนสติเพื่อนบ้างไรบ้างหรอ ไหนออกโรงปกป้องเติร์ดตอนแรกที่ค่ายบอกจะจีบอะ พอมาตอนนี้ทำไมไม่คิดเตือนบ้าง ห้ามปรามบ้าง หรือเพราะนิสัยคล้ายกันเลยไม่คิดมากเรื่องไรแบบนี้ ตอนนี้คืออยากให้เติร์ดเลิกคบทั้งค่ายทั้งโบนอะ เพื่อนกะคนรักแบบนี้อย่ามีดีกว่า คบแต่ทูพอละ ถ้าจะให้ happy end ก็ขอให้ค่ายทุกข์เยอะๆเศร้าเยอะๆนะ ตั้งแต่ต้นมานี่เห็นมีแต่เติร์ดที่เสียใจกับความรักที่มีให้ค่ายอะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: wichta ที่ 23-08-2017 12:19:17
เหลืออีกปีก็เรียนจบละเติร์ด หนึ่งปีนี้คงเข้มแข็งพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีค่าย (อินเนอร์มาเต็มเหมือนลุ้นชีวิตจริงๆ) เวลาจะช่วยได้เติร์ดสู้ๆ ตัดใจให้จบ เจ็บแล้วต้องจำ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 23-08-2017 12:55:30
จะบอกว่าอะไรดีนะ
ท้าทาย. นิสัยเก่า  หรือรักไม่พอ
ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่
แต่ที่ค่ายนอกใจ ก็คือเรื่องจริง
ถ้าคิดว่ายังไม่ได้เป็นแฟนเติร์ดเลยทำได้
แล้วจะเสียใจ โกรธจนชกโบนทำไม
เติร์ดมีค่าแค่ไหน ถามใจดู
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: wochima ที่ 23-08-2017 13:25:52
ให้ทูเป็นพระเอกเลยก็โอเคนะ  เปลี่ยนพระเอกเลยก็ได้ค่ะ   หรือเอาเป็นพระเอกคนใหม่เลยก็ได้ไม่ว่ากัน  ค่ายดูแล้วไม่แมน เหมือนพวกรู้ว่าผิดแต่หน้าด้านทำต่อไปอธิบายไม่ถูก  หรือคนเขียนจะเขียนให้เจอกันตอนทำงานแย้ว อิอิ 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: JahNuna ที่ 23-08-2017 15:25:11
 :serius2:
เกลียดอิค่ายยยยยยย
แกรจะตายที่ไหนนนกะปายยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 24-08-2017 00:42:41
เสมอต้นเสมอปลายจริงๆนะค่าย เรื่องชั่วๆเนี่ย อิค่ายยยยย
ลาก่อย ขอให้น้องเติร์ดได้เจอคนดีๆนะลูก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Moomus ที่ 24-08-2017 01:41:28
โอ้ย ทำไมถึงเป็นคนชอบอะไรแบบนี้ จัดมาอีกครับขอจุกๆ หน่วงๆกว่านี้อีก รักคุณจิตตินะครับ :impress2: o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Bheamphon ที่ 24-08-2017 11:09:25
ไอ่ค่ายแม่มเนียนเกินนะมรึง :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: Bheamphon ที่ 24-08-2017 11:11:41
นำคานชิหัยไอ่ค่ายรุกแรงเว่อ :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-08-2017 21:20:23
 :m15: นี่เราต้องมาเสียน้ำตาให้กับสันดานของอิค่ายเหรอเนี้ย!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: VaLyn_TM ที่ 25-08-2017 00:53:30
โห โคตรเลวโคตรชั่ว มึงทำได้ไงอ่ะ มึงรักเติร์ดจริงเหรอวะ
นี่ตะหงิดตั้งแต่ที่เพื่อนแซวตอนออดิชันแล้วไอ้ค่ายไม่ปฏิเสธละ
นิสัยอย่างไอ้ค่าย ถ้าไม่ใช่นี่ต้องพูดแล้วอ่ะ
ไหนจะเรื่องแอบคุยไลน์อีก ไม่บริสุทธิ์ใจนี่หว่า
อีกอย่างเติร์ดสังเกตเห็นสายตาตอนมานั่งกินข้าวที่มองกันด้วย
เติร์ดที่รู้จักไอ้ค่ายดีที่สุด รู้สึกตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ยังจะเชื่อใจเพราะคิดว่าไอ้ค่ายมันจะหยุด
เรื่องซูบบุหรี่จัดด้วย เติร์ดรู้นิสัยทุกอย่าง สุดท้ายสันดานเก่าก็ออก คงอยากจัดสินะ
เติร์ดไม่ใช่เห็นแป๊ปๆ แต่นัวเนียกันเป็นพักอ่ะ
ถ้าจะบอกว่าผู้หญิงจู่โจม ก็ตอแหลมาก ผู้ชายแรงควายๆเนี่ยสลัดผู้หญิงออกง่ายจะตาย
ชัดเจนที่สุดคือไอ้ค่ายพูดขอโทษ เหอะ คนไม่ได้ทำผิดจะขอโทษเหรอ ถ้าเป็นเรื่องเข้าใจผิดคงอธิบายไปแล้ว เลวว่ะ
สงสารเติร์ด ไม่อยากให้รักมันแล้ว พอเหอะ เจ็บมามากเกินไป  สันดานคน ถ้ามีครั้งที่ 1 ก็ต้องมีครั้งที่ 2 ตัดใจดีกว่า

ปล.เกลียดมากที่บีบคอเติร์ด รักแบบไหนถึงทำร้ายคนที่ตัวเองบอกว่ารักได้ลงคอ
โกรธที่เติร์ดจูบคนอื่นมากขนาดไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: kazu ที่ 25-08-2017 08:12:45
ก็รู้ว่าเติร์ดยังคลางแคลงใจ
ก็รู้ว่าเติร์ดยังไม่เชื่อใจเต็มร้อย
แต่ก็ยังทำนะ
อย่ามาอ้างว่าเพื่อนแกล้ง
อย่ามาอ้างว่าตัวเองเมา
อย่ามาอ้างว่าลองใจเติร์ด
มันไม่ใช่แล้วค่าย คนรักกันเขาไม่ทำให้คนที่รักต้องเสียน้ำตาหรอกนะ

//อินเกินอีกแล้ว  :serius2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
เริ่มหัวข้อโดย: aiann ที่ 25-08-2017 13:32:22
 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 25-08-2017 20:40:07

ตอนที่ 16
สิ่งที่ไม่เคยบอก



   “เติร์ดขอร้อง...อย่าไปจากกู”

   “...”

   “อย่าไปจากกูได้มั้ย” เสียงเครือส่งกลับมาไม่ขาดปาก แต่ที่กูเห็นมึงเลือกเองไม่ใช่เหรอ แล้วที่เจ็บกันอยู่ตอนนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมาจากการกระทำก่อนหน้าของเราทั้งคู่ และเพื่อเป็นการยุติมัน...

   “เราควรเป็นเพื่อนกันจริงๆ ว่ะค่าย” แม้น้ำตามากมายจะไหลลงมาเพราะเสียใจแค่ไหน ผมก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้

   กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แย่ ตรงกันข้าม ไอ้ค่ายอาจมีอิสระที่ได้ทำตามใจตัวเอง ไม่ต้องมาคอยห่วงความรู้สึกของผมว่าจะเป็นยังไง พอใจแค่ไหน ความรักถ้ามันเริ่มต้นด้วยความอึดอัด สักวันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องจบอยู่ดี

   “ไม่ ไม่ กูไม่ให้มึงเป็นเพื่อน กูจะไม่ปล่อยมึงไป” แรงกอดรัดจากอ้อมแขนหนาหนักรัดแรงขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออก อาการวิงเวียนหัวเริ่มหนักขึ้นซึ่งอาจเป็นผลมาจากการร้องไห้อย่างหนัก สุดท้ายก็หมดแรงปล่อยให้อีกฝ่ายรั้งไว้อย่างนั้นโดยไม่มีสิทธิ์ขัดขืน

   “ไอ้ค่าย กูว่ามึงพาไอ้เติร์ดกลับเถอะว่ะ” ผมกำลังจะหันไปมองหน้าไอ้โบน แต่มือหนากลับกดหน้าของผมลงกับไหล่ของมันก่อนเสียงทุ้มต่ำจะตอบกลับไป

   “กูพากลับแน่ ส่วนเรื่องของมึงคงต้องไปเคลียร์กันทีหลัง”

   “เออกูไม่หนีหรอกสัด ต่อยก็โดนต่อยฟรี”

   “มึงจูบคนของกู!”

   “คนของมึงก็เพื่อนกูมั้ย แม่งเอ๊ย!”

   “อ้าวพวกมึง มาทำอะไรตรงนี้วะเนี่ย” ผมจำเสียงของไอ้ทูได้ แต่ไอ้ค่ายก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เงยหน้าขึ้นมามองสถานการณ์ที่เป็นอยู่แม้แต่เสี้ยว มือข้างหนึ่งของมันยึดหลังของผมไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กดหัวผมลงกับไหล่และค้างอยู่อย่างนั้น

   คนที่เพิ่งมาถึงเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงกดต่ำกว่าเดิม

   “ไอ้ค่าย...มึงทำอะไรไอ้เติร์ด”

   “เรื่องนี้กูจัดการเอง”

   “กูถามว่ามึงทำอะไรมัน”

   “ไม่ใช่เรื่องของมึง”

   “ปล่อยไอ้เติร์ด ไอ้เหี้ยกูบอกให้ปล่อย!” ร่างของผมซวนเซไปมาจากการยื้อแย่งของคนสองคน แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกลับมาจมอกของคนเหี้ยๆ อย่างไอ้ค่ายอยู่ดี

   “กูต้องคุยกับเติร์ด ต้องเคลียร์กับมัน”

   “มึงทำมันร้องไห้” 

   “เชี่ยทู...ให้แม่งจัดการกันเองเถอะ แต่ตอนนี้ช่วยพากูไปหาหมอที...จะตายห่าอยู่ละ” ผมได้ยินเสียงฮึดฮัดขัดใจของเพื่อนสนิท ขณะตัวเองก็เอาแต่กลั้นเสียงสะอื้นอยู่กับเพื่อนตัวสูง วินาทีนี้ผมเข้าใจดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่สงบนัก เรื่องเคลียร์ปัญหาต่างๆ ก็ด้วย

   “กูไม่อยากคุยกับมึง กูอยากกลับ” สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนบอกสิ่งที่ต้องการออกไป แค่พาตัวเองออกไปจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุดก็ถือว่าช่วยกันมากแล้ว

   “งั้นกลับกัน” ไอ้ค่ายไม่ปล่อยให้ผมได้โต้แย้งอีก นอกจากรั้งข้อมือของผมให้เดินตามเข้าไปด้านในผับ แสงไฟสลัวกับเสียงเพลงดังกระหึ่มแม่งทำให้รู้สึกปวดหัวมากขึ้น ยิ่งเมื่อคนตรงหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเดิม หน้าของผมก็ร้อนขึ้นเป็นเท่าตัว จนผมต้องชะงักเท้าอยู่กับที่

   “กูไม่เข้าไป” ผู้หญิงคนนั้นยังนั่งอยู่ และภาพที่ไอ้ค่ายกับเขาจูบกันก็ฉายวาบเข้ามาไม่หยุด

   พอแล้ว กูเจ็บพอแล้ว

   “แค่จะเอากระเป๋าตังค์กับกุญแจรถ งั้นรออยู่ตรงนี้ได้มั้ย อย่าไปไหน” ผมไม่ตอบ แต่คงไม่มีแรงจะเดินไปไหนต่อไหนแล้วหรอก โลกโคลงเคลงซะขนาดนี้

   เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ไอ้ค่ายก็เดินไปยังโต๊ะ หยิบเอาของส่วนตัวออกมาก่อนจะพูดกับคนที่นั่งอยู่สักพักหนึ่ง แต่สายตาผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้นเมื่อมันเอาแต่จับจ้องไปที่รุ่นน้องผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานได้ไม่นาน เกลียดตัวเองที่พยายามไม่คิดสุดท้ายก็เป็นกังวล

   ไอ้ค่ายพยายามทำทุกอย่างอย่างลนลานก่อนจะผละออกมาจากคนกลุ่มใหญ่ แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องหยุดอยู่กับที่เมื่อผู้หญิงคนนั้นรั้งข้อมือของมันเอาไว้

   เท้าของผมก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้สาเหตุ คิดหาคำพูดมากมายที่วุ่นวายอยู่ในหัว อาจจะเป็น...ไม่เป็นไรอยู่ต่อเถอะ เดี๋ยวกูกลับเอง หรือ...พรุ่งนี้เจอกันก็ได้ เดี๋ยวกูคงโทรให้ไอ้ทูไปส่ง

   รู้ว่ามันบ้ามากแต่ผมวิตกกับการหาคำพูดพวกนี้จริงๆ จนรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ใกล้ๆ กับร่างสูงของเพื่อนสนิทเรียบร้อยแล้ว

   “พี่ค่าย มีอะไรกันหรือเปล่า” คำถามนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย ผมเลยสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับเปล่งเสียงแปร่งๆ ของตัวเองออกมา

   “ไอ้ค่ายมึง...อยู่....”

   “อย่ายุ่งกับพี่ครับ” คำพูดของผมถูกตัดด้วยประโยคกระด้างกระเดื่องของคนตรงหน้า ก่อนร่างกายจะถูกดึงให้เดินตามสองขายาวๆ ออกจากผับและตรงดิ่งไปยังลานจอดรถอย่างรวดเร็ว

   มือหนากดตัวผมให้เข้าไปภายในรถของมัน ความเงียบปกคลุมไปทั่วพื้นที่แม้รถจะแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วแค่ไหนก็ตาม อาจเรียกได้ว่าเจ็บจนจุก คำถามมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแต่ไม่รู้จะเลือกคำถามไหนมาถามดี สุดท้ายก็ได้แต่เงียบเหมือนอย่างเคย

   ผมเป็นคนร่าเริง ผมเป็นคนร่าเริงมาตลอดจนกระทั่งหลงรักไอ้ค่ายทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

   ผมแค่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ใช้ชีวิตบ้าๆ กับเพื่อน ตั้งใจเรียน และหัวเราะในทุกๆ วัน แต่วันนี้ผมกลับค้นพบว่าตัวเองถลำลึกลงไปมาก มากจนลืมไปแล้วว่าเสียงหัวเราะเป็นยังไง เพราะแม่งเสือกจำได้แค่น้ำตา

   ไอ้ค่ายวนรถเข้ามาตรงลานจอดใต้ดินของคอนโดมัน ผมไม่ได้ทักท้วงใดๆ ที่มันไม่พาผมไปส่งที่ห้อง หลังจากรถดับสนิทร่างสูงก็เปิดประตูพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน คราวนี้แหละครับกระจ่างชัดแน่นอนว่ากูเมามาก ทั้งปวดหัวและเวียนหัว รู้สึกผะอืดผะอมจนอย่างอ้วกอยู่ตรงนี้ แต่ก็ต้องฝืนเอาไว้แล้วค่อยๆ เดินตามเท้าของคนข้างหน้าไป

   “ค่ายกู...” อยากอ้วก

   นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะบอกหลังจากไอ้ค่ายพยายามไขประตูห้องตัวเองด้วยคีย์การ์ด จนมันต้องหันมาถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

   “เป็นอะไร”

   “กู...” พูดไม่จบประโยคดีผมก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองโดยอัตโนมัติ

   “เฮ้ยๆ รอก่อนนะมึง” เท่านั้นแหละครับโลกทั้งใบเหมือนเต็มไปด้วยความอึดอัด การกลั้นอ้วกตัวเองเป็นอะไรที่กูอยากตายมาก ขื่นขมราวกับดมขี้ช้าง

   ไอ้ค่ายลากผมเข้ามาภายในห้อง ซวยสุดคือห้องน้ำที่เสือกอยู่ในห้องนอน กว่าจะลากกันเข้ามาก็แทบหมดเรี่ยวแรง ตาสองข้างพร่าเบลอแต่ต้องประคองตัวเองไปให้ถึง

   “เติร์ดนี่ทีวี มึงอย่าอ้วกตรงนี้นะ”

   มือหนารีบยกมือขึ้นมาปิดปากของผม แต่วินาทีนี้ความอดทนทุกอย่างแม่งไม่หลงเหลืออะไรแล้วเลยปล่อยให้พังเป็นพัง

   อ้วกพุ่งทะลุง่ามนิ้วไอ้ค่ายออกสู่โลกกว้างอย่างรวดเร็ว ภาพที่สั่นไหวและติดเบลอตรงหน้าทำให้ผมดูไม่ออกว่าของใช้อะไรในห้องเละไปแล้วบ้าง รู้แค่ว่าจอโทรทัศน์ตายไปแล้วหนึ่ง

   “ฮือออ อุ๊บ!”

   “เติร์ดไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” แค่ได้ยินคำปลอบจากอีกฝ่ายผมก็ไม่สนอะไรอีกแล้วนอกจากอาเจียนออกมาอีกรอบ หูสองข้างอื้ออึงจนได้ยินเสียงวิ๊ง กลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้งไปทั่วจนอยากร้องไห้

   ผมพยายามสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเพื่อนตัวสูง แล้วเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำด้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่คิดเอาไว้ แต่ความเป็นจริงกลับทำได้แค่ฮึดฮัดอยู่อย่างนั้น มือไม้ปัดป่ายไปมาเหมือนพยายามหาที่ยึดเกาะ และวินาทีนั้นผมก็จับได้อยู่หนึ่งสิ่ง

   เพล้ง!!

   โคมไฟตั้งโต๊ะ

   “เดี๋ยวไอ้เติร์ดมึงอย่าขยับ” ฉึบ!

   “โอ๊ยยยยย” กูจะแหกปากให้ลั่นห้อง ไอ้เหี้ยกูช้าไป เมื่อเท้าทั้งสองข้างเหยียบเข้ากับเศษแก้วเข้าอย่างจัง สายตาที่ใกล้สว่างในคราแรกกลับมาพร่ามัวอีกครั้ง น้ำตามากมายไม่รู้ไหลลงมาได้ยังไง รู้แค่ว่าผมเจ็บจนแทบทรงตัวไม่ไหว

   นี่มันวันเหี้ยอะไรของกูวะเนี่ย ฝันอยู่เหรอ ถ้าฝันรีบตื่นขึ้นมาเลยนะ

   เวลาไม่ปล่อยให้ผมได้เพ้อเจ้อนาน มือหนาก็สอดเข้ามาใต้ข้อพับและอุ้มผมเข้ามาในห้องน้ำ ไอ้ค่ายให้ผมนั่งตรงขอบอ่างก่อนมันจะวิ่งออกไปด้านนอกครู่หนึ่ง แล้วกลับมาพร้อมกับกล่องพยาบาลในมือ

   “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมึงก็ไม่เจ็บแล้ว” คนตรงหน้าเลื่อนอ่างขนาดเล็กที่มีน้ำอยู่จำนวนหนึ่งมาไว้ตรงเท้าที่มีบาดแผล หลังจากมันสาละวนกับการหาไอ้อ่างนี่อยู่นาน “เจ็บนิดนึงนะ มีแก้วเล็กๆ ปักมึงอยู่”

   ผมเงียบเหมือนอย่างเคย มองดูคนที่คุกเข่าตรงหน้ากำลังจัดการกับบาดแผลอยู่เงียบๆ กลิ่นคาวเลือดลอยเตะจมูกจนเวียนหัว ไอ้ค่ายจุ่มเท้าผมลงกับน้ำเปล่าและพยายามทำความสะอาดอย่างตั้งใจ

   “แสบมั้ย” เจ้าตัวถาม

   “กูจูบกับไอ้โบน กูไม่เสียใจด้วยที่จูบกับมัน” พูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็ยังจะทำเหมือนเดิมเพื่อตอกย้ำว่าตัวเองไม่ได้เป็นของตายของใคร

   ยังคงมีอิสระในการเลือกหรือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ต้องแคร์ ไม่ต้องมารอไอ้ค่าย เพราะขนาดมันยังไม่เคยคิดถึงผมแม้แต่นิดเดียวเลย

   “แต่กูเสียใจที่จูบกับเขา” หมายถึงรุ่นน้องคนนั้นเหรอ เสียใจแล้วทำแต่แรกทำไม ถ้าผมไม่อยู่ตรงนั้นก็คงโง่เดินหน้าให้โอกาสมันต่อไปงั้นเหรอวะ แม่งโคตรจะไม่แฟร์กับกูเลย

   “กูตัดสินใจแล้วว่าเราควรเป็นเพื่อนกัน”

   “...!” ผมไม่อยากเจ็บซ้ำซากกับเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว อย่างน้อยชีวิตคนเราก็ควรเดินไปข้างหน้าบ้าง

   “มึงเลิกเจ้าชู้ไม่ได้หรอก”

   “แต่เรามาไกลจากคำว่าเพื่อนแล้วนะเว้ย”

   “แล้วจะทนฝืนทำไมวะ มึงไม่อึดอัดเหรอที่ต้องพยายามรักกูคนเดียวทั้งที่ความจริงแล้วมึงอยากมีอิสระ ยังอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม นี่ไง กูให้โอกาสมึงแล้ว”

   “กูไม่ได้อยากเป็นเหมือนเดิม กูยังอยากมีมึง”

   ผมก้มลงมองคนที่นั่งชันเข่าอยู่ตรงพื้น ก่อนจะขยี้ตาแรงๆ เพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดขึ้น

   “ค่าย...” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงแผ่วเบา

   “กูแค่ขอโอกาส” มือที่กำลังทำความสะอาดแผลบนเท้าของผมสั่นเทา ไอ้ค่ายก้มหน้าไม่คิดเงยคิดมาสบตากัน น้ำในอ่างเริ่มเจือสีแดงจากเลือดที่ไหลออกมาจากปากแผล เชื่อมั้ย ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

   “ไม่...กูไม่โอเค” ผมร้องไห้มามากจนน้ำตาเหือดแห้ง ร้องจนไม่เหลือน้ำตาไว้เสียใจในวันต่อไป ผมเหนื่อยแล้วกับการทุ่มเทความรักให้ใครคนหนึ่งแต่คนคนนั้นกลับไม่เห็นค่าแม้แต่เสี้ยว

   ตั้งแต่ครั้งแรกที่หลงรักเพื่อนในกลุ่ม ผมก็พยายามทำทุกอย่างโดยหวังว่าสักวันไอ้ค่ายอาจเปลี่ยนใจหันมามองผมบ้าง แต่มันกลับพังลงไม่เป็นท่าเพียงเพราะใครอีกคนเดินเข้ามาในชีวิต แล้วอย่างนี้จะให้ผมตอบว่าโอเคได้ยังไง

    “กูเจ็บพอแล้วเวลาที่รู้ว่ามึงไม่เคยแคร์กูเลย กูเป็นใครก็ไม่รู้สำหรับมึง เจ็บที่มึงทำราวกับว่ากูไม่ได้สำคัญอะไร ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งมึงก็เคยบอกรัก ทำไมมึงถึงทำอย่างนั้นวะ” ในหัวผมมันมีแต่คำถามว่าทำไมๆ ซ้ำๆ แต่ผมกลับไม่ได้คำตอบอย่างที่ควรจะเป็นนอกจาก ‘ไม่ต้องรอแล้ว’ จากความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง

   “มึงจะลืมกูได้เหรอ ลืมสิ่งที่ผ่านมาได้เหรอเติร์ด”

   “ถ้าลืมไม่ได้ก็จำใส่หัวไว้ไง”

   “...”

   “จำให้ได้สักทีว่าตัวเองเคยเจ็บยังไง จำให้ได้ว่ามึงทำร้ายกูขนาดไหน จำสักทีแล้วกูคงหยุดคิดถึงมึงได้สักวัน”

   “เติร์ด...”

   “เมื่อก่อนกูยังอยู่ตัวคนเดียวได้ พอมึงเข้ามาชีวิตกูก็เปลี่ยนไป แต่พอวันหนึ่งที่ไม่มีมึงอยู่แล้ว ชีวิตของกูก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม กูไม่ได้สูญเสียอะไรเลยแค่ยังเหมือนเดิม”

   ผมไม่สัญญาว่าผมจะมีความสุขขึ้นเมื่อไม่มีไอ้ค่ายเป็นคนรัก แต่ถ้าวันนี้ผมยังมีมันแล้วรู้สึกเจ็บปวด แม่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องรั้งไว้อีกแล้ว

   เพิ่งรู้! พอผ่านอะไรมามากๆ มันก็ไม่ง่ายอีกเลย ที่จะมองความรักให้สวยงามเหมือนเดิม...

   ตอนเศร้ากูก็ชอบปรัชญาจังเนาะ เลยต้องยกแขนเสื้อเหม็นอ้วกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาที่กำลังคลออยู่ออกอย่างลวกๆ ไอ้ค่ายยังคงก้มหน้าก้มตาล้างเท้าให้ผมราวกับตัดขาดจากโลกภายนอก บางทีเจ้าตัวอาจกำลังใช้ความคิดและยอมรับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่อยู่ก็ได้

   “ไอ้ค่ายกูว่า...”

   “ถอดเสื้อออก” ใบหน้าหล่อเหลาที่ติดแดงก่ำเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสั่งเสียงเรียบ

   “มึงว่าอะไรนะ”

   “จะอาบน้ำให้ แล้วออกไปทำแผลต่อข้างนอก”

   “กูจัดการเองได้ มึงออกไปเถอะ”

   พูดไปก็เหมือนจะเปลืองน้ำลายเปล่าๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ฟังคำพูดผมแม้แต่นิดเดียว กูเศร้าอยู่ อยากตัดมึงออกจากชีวิต แต่ไอ้เพื่อนเหี้ยนี่กลับทำหูทวนลม ยื้อทุกอย่างเอาไว้แม้สุดท้ายจะรู้ดีกว่าไม่มีอะไรเป็นเหมือนเดิม

   “ไอ้ค่ายอย่ายุ่งกับกู” เสื้อหลุดออกจากตัวก่อนเป็นอันดับแรก คราวนี้ก็เป็นกางเกงบ้าง อารมณ์มึนเมาในตอนแรกแทบหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สู้แรงคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี

   “รู้มั้ยว่ากูสามารถปล้ำมึงได้”

   “...”

   “กูสามารถทำเหี้ยๆ กับมึงได้ทุกอย่างแต่กูก็ไม่กล้าทำเพราะกลัวจะเสียมึงไป”

   “แล้วก่อนหน้ามึงจูบเขาทำไมวะ เป็นมึงเองไม่ใช่เหรอที่ทำตัวเอง!” ไอ้ค่ายเงียบ ไม่คิดจะพูดหรือแก้ต่างใดๆ ทั้งนั้น นั่นยิ่งทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันตั้งใจ เปลี่ยนเป็นบ่ายเบี่ยงปล้ำผมถอดเสื้อผ้าอย่างเอาเป็นเอาตายแทน

   ผมถูกลากจากขอบอ่างไปที่ฝักบัว สายน้ำเย็นสาดกระทบร่างกายจนหนาวสั่น มือหนาหยิบแชมพูและครีมอาบน้ำละเลงลงบนตัวผมมั่วไปหมด สีแดงฉานจากบาดแผลไหลปะปนไปกับสายน้ำที่หล่นกระทบพื้น ผมก้มลงมองดูอยู่อย่างนั้นก่อนจะชะงักไป

   ไม่ใช่เลือดจากเท้าของผม

   “ไอ้ค่าย ตีนมึง...”

   “เออเจ็บฉิบหายแล้วเนี่ย เพราะงั้นช่วยอยู่เฉยๆ ได้มั้ย”

   “ตอนไหน”

   “ตอนรีบวิ่งไปอุ้มมึงไง เต็มตีน” เจ้าตัวพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่จากเลือดที่ไหลปะปนกับน้ำไม่ขาดสายก็ทำให้รู้ทันทีว่าแผลคงลึกมาก ลืมไปหมดเรื่องที่อยากด่าหรือโกรธมัน ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการอาบน้ำและจับแต่งตัวราวกับตุ๊กตา

   รู้ตัวอีกทีผมก็มานอนบนเตียง ยื่นเท้าให้แม่งทำแผลอย่างสงบเสงี่ยมไปแล้ว

   “ทำแผลตัวเองยัง”

   “เป็นห่วงกูเหรอ”

   “เปล่า”

   “รู้ตัวป่ะ มึงอ้วกใส่ทีวี หน้าจอนี่เละไปหมด” อ้วกทะลุง่ามนิ้วเลยด้วย กลั้นไม่อยู่จริงๆ ทั้งเสียใจและผะอืดผะอมจนเวียนหัว แต่พอได้อาบน้ำสติก็เริ่มกลับมาอยู่กับตัวทีละน้อย

   “เดี๋ยวกูเช็ดเอง จะเก็บเศษโคมไฟมึงด้วย”

   “นอนเถอะกูทำเอง ขอแค่...พรุ่งนี้ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมก็พอ”

   “เหมือนเดิมดิ กลับไปเป็นเพื่อนกันก็มีความสุขดี”

   “มึงไม่เข้าใจ”

   ในชีวิตของเราทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเรียกว่าการเปลี่ยนแปลง บางครั้งเปลี่ยนแล้วเจอกับความสุข แต่หลายครั้งเราก็เจ็บปวดกับสิ่งที่เปลี่ยนไป ซึ่งเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้

   ไม่ช้าหรือเร็ว เราต่างก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี

   “กูเข้าใจมึงค่าย แต่บางครั้งมึงก็ไม่เคยเข้าใจกูเลย สองปีที่กูจมปรักกับการรักมึง ผลสุดท้ายมึงเห็นมั้ยว่ากูยังเป็นคนเดียวที่เจ็บ”

   “แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูไม่เจ็บวะเติร์ด กูแม่งก็ไม่ต่างกับมึงหรอก” มือหนาทำแผลให้ผมเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งที่เราพูดกันยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ แต่ด้วยความอ่อนเพลียเลยไม่มีเวลามาคิดหาเหตุผลในตอนนี้นอกจากหลับตาลง

   พรุ่งนี้จะเป็นยังไงผมไม่รู้ รู้แค่ว่าในใจลึกๆ ผมก็ยังแคร์มันอยู่เหมือนเดิม แม่งโคตรน่าตบจริงๆ

   ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่แสงไฟในห้องตอนนี้ถูกปิดจนมืดสนิท เตียงที่นอนอยู่อ่อนยวบ รับรู้ถึงใครอีกคนที่กำลังคลานขึ้นมาพลางใช้มือสัมผัสบนแขนของผมเบาๆ ความเย็นนั้นส่งผลให้ผมต้องพลิกตัวหนีแต่สุดท้ายก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของใครอีกคนอยู่ดี

   อ้อมกอดนั้นค่อยๆ รัดแน่นจนรู้สึกหายใจไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ไม่พอใจเป็นการตอบกลับ

   “ไอ้ค่าย อือ” ริมฝีปากเย็นชืดกดลงบนซอกคอผม ก่อนคมฟันจะกัดลงบนผิวเนื้ออย่างแรงจนผมครางออกมาอย่างลืมตัว คนจะหลับจะนอนทำอะไรวะไอ้เหี้ย

   “ไอ้โบนจูบมึงตรงไหน”

   “...” ผมไม่ตอบ

   เจ้าตัวเลยทั้งจูบทั้งกัดไปทั้งซอกคอ เดาว่าความรุนแรงนั้นคงทำให้คอช้ำไม่มากก็น้อย ผมพยายามใช้เข่ากระทุ้งร่างสูงที่คล้ายจะขึ้นคร่อมด้วยแรงที่มี แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านกอดผมแน่นขึ้นจนกระดูกแทบหัก จากนั้นก็เลื่อนริมฝีปากขึ้นไปขบกัดกับริมฝีปากของผมอย่างแรง

   “กูเห็นว่ามันจูบปากมึงด้วย” พูดจบไอ้ค่ายก็สอดลิ้นเข้ามาภายในราวกับตั้งใจจะสูบวิญญาณ สติที่มีอยู่น้อยนิดปลิดปลิวหายไปทันทีที่ถูกรุกจูบอย่างรุนแรง ได้แต่บิดตัวไปมาด้วยความรู้สึกซ่านในอก วนลูปอยู่อย่างนั้นหลายนาที   เมื่ออีกฝ่ายเปิดโอกาสให้ได้หายใจ ผมก็พ่นคำด่าใส่ทันที

   “ไอ้โบนจูบกูแล้วจะทำไม กูควรถามมึงมากกว่าว่ามึงจูบใครไปบ้าง ควรถามมากกว่าว่ากูรู้สึกรังเกียจมึงมั้ย”

   “มึงไม่ได้รังเกียจกูจริงๆ หรอก”

   “มึงมันก็แค่พวกชอบคิดเข้าข้างตัวเอง”

   “ถึงมึงรังเกียจกูก็ไม่ปล่อยมึงไปอยู่ดี เพราะกูรักมึง”

   “ทำไมถึงได้พ่นคำนี้ออกมาง่ายๆ วะ”

   “เพราะกูรักมึง”

   ท่ามกลางความมืดสนิทยามค่ำคืน ผมไม่เห็นแม้แต่สีหน้าของคนที่ตระกองกอดอยู่แม้แต่เสี้ยว จับได้ก็แค่น้ำเสียงที่ติดสั่นเครือเล็กน้อย ทุกครั้งที่ประโชค ‘กูรักมึง’ แว่วเข้ามาในหู แรงกอดรัดจากอีกฝ่ายจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ฝังใบหน้าของผมให้จมลงบนอกกว้างทีละนิดจนแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว

   “กูจะไม่ปล่อยมึงไปเติร์ด ถ้าเลือกได้กูก็จะกอดมึงเอาไว้แบบนี้”

   “แม้กูจะอึดอัดแค่ไหนก็ตามน่ะเหรอ”

   “ใช่”

   เราต่างเงียบหยั่งเชิงกันไปมา นานเหมือนกันกว่าผมจะตัดสินใจพูดบางอย่าง

   “อยากมั้ย”

   “อะไร”

   “มีเซ็กซ์”

   “...”

   “กูรู้ว่ามึงอยากลอง กูให้ฟรีๆ เลยถึงตอนนั้นมึงจะได้รู้ไงว่าชอบหรือเกลียด กูให้โอกาสมึงได้ทำและตัดสินใจว่าจะรักกูต่อหรือจะเดินจากไป” ความรักของไอ้ค่ายก็แค่ขับเคลื่อนไปด้วยเซ็กซ์ ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคตมันก็ยังคงเป็นแบบนั้น

   “ไม่ กูไม่ได้เห็นมึงเป็นที่ระบายความใคร่นะ”

   “แต่ปกติมึงก็ทำแบบนั้น”

   “ต้องไม่ใช่กับมึง”

   “ค่าย ถ้ากูบอกว่าจริงๆ แล้วกูไม่ได้รักมึงล่ะ กูแค่อยากเอาชนะมึงจะโกรธกูมั้ย”

   “ไม่ เพราะมึงไม่ได้คิดแบบนั้น”

   “ทำเหมือนรู้จักกูดีจัง”

   “มึงก็รู้จักกูไปซะทุกอย่าง เรามาไกลกว่าคำว่าเพื่อนไปเยอะแล้วนะเว้ย” ผมหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้า มาไกลกว่าคำว่าเพื่อนก็กลับไปเป็นเพื่อนได้ไม่รู้เหรอ

   ไอ้ค่ายเรียนรู้ที่จะได้รับ และไม่เคยคิดที่จะต้องสูญเสีย มันก็แค่เด็กหวงของคนหนึ่งเท่านั้น

   “อย่างอื่นกูไม่รู้หรอก แต่เติร์ดที่กูรู้จักคือคนที่รักกู”

   “อืม มึงพูดถูก” ผมพึมพำในลำคอ สิ่งที่ผมเป็นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันคือผมยังรักไอ้ค่าย แม้อนาคตจะตัดใจได้หรืออาจเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ที่ยังไม่รู้ แต่ปัจจุบันผมก็ยังมีแค่มัน

   “ส่วนกูก็รักมึง” เสียงทุ้มพูดอีก ผมเลยส่ายหน้าไปมา

   “ไม่ใช่หรอก ไอ้ค่ายที่กูรู้จักไม่ได้รักกู”

   “...”

   “ไอ้ค่ายน่ะ รักแต่ตัวเอง”

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 25-08-2017 20:43:46

   เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น แต่ผมก็ยังคงรู้สึกถึงแรงรัดรึงจากวงแขนหนาหนักของใครบางคนที่พาดผ่านตัวอยู่ อาการวิงเวียนหัวยังค้างคาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่มากแล้ว ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้น ปรับโฟกัสสายตาจนเห็นเพดานสีขาวสะอาดอยู่ตรงหน้า

   ด้านข้างมีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนอนประชิด ฝ่ามือหนาพาดอยู่บนเอวราวกับกาวเหนียว ผมพยายามขยับตัวอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่น แต่ก็เหมือนจะเปล่าจะโยชน์เมื่อไอ้ค่ายลืมตาขึ้นมาหลังจากนั้นแทบจะทันที

   “ตื่นแล้วเหรอ” นี่คือคำทักทายแรกในเช้าวันใหม่ ผมกรอกตาไปมาก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ

   ต้องทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมสินะ แม้ในใจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม

   “หิวมั้ย เดี๋ยวกูหาข้าวต้มในตู้ไปเวฟให้”

   “ไม่ล่ะ กูว่าจะรีบอาบน้ำแล้วกลับห้องเลย”

   “นอนพักต่อก็ได้นี่หว่า”

   “อาจจะไม่แล้ว อยากโทรหาไอ้ทูให้รีบมารับ”

   “กูไปส่งก็ได้”

   “ไม่เว้ย มึงนอนต่อเถอะ อ้อ! เสื้อผ้าของมึงขอยืมต่อนะ แล้วจะเอามาคืนให้” ผมรีบพูดและปิดประเด็นด้วยการกุลีกุจอลงจากเตียง จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำอย่างเร็วรี่

   บาดแผลที่ฝ่าเท้ายังหลงเหลือความเจ็บอยู่เล็กน้อยจนทำให้เดินลำบาก แต่เพราะไม่อยากอยู่กับอีกฝ่ายนานเลยต้องฝืนใจอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใช้สวมนอน ส่วนตัวที่ใส่มานะเหรอ เปื้อนอ้วกจนไม่เหลือสภาพแล้ว

   “เติร์ด ก่อนมึงออกไปกินข้าวต้มก่อนสิ”

   กลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นมาเตะจมูก ผมมองไปที่โต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก เห็นข้าวต้มใส่ชามวางอยู่พร้อมกับน้ำดื่ม  แถมคนทำยังยืนยิ้มแป้นส่งมาให้อีกต่างหาก

   “ไม่ล่ะ ไอ้ทูคงใกล้มาถึงแล้ว”

   “ก็ให้มันขึ้นมาดิ มึงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย”

   “กูอยากกลับว่ะไอ้ค่าย ไว้วันหลังแล้วกันนะ” สิ้นคำพูดนั้นผมคว้ามือถือและสวมรองเท้าเดินออกจากห้องทันที ถึงแม้จะรู้สึกแย่จากการกระทำของตัวเองนิดหน่อยแต่แบบนี้แหละดีแล้ว อีกหน่อยเวลาก็จะเยียวยาเราทั้งคู่เอง

   หลังลงมาจากห้องผมก็เห็นว่าเพื่อนรักอย่างไอ้ทูขับรถมารออยู่ก่อนแล้ว และเพื่อไม่ให้ไอ้ค่ายตามลงมาทันผมจึงรีบแทรกตัวเข้าไปในรถและเร่งให้ไอ้ทูขับออกไปอย่างรวดเร็ว เราเงียบกันพักหนึ่ง เสียงเพลงโพสต์ร็อกที่ดังคลออยู่ช่วยให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้นนิดหน่อย แต่แม่งก็ไม่สามารถปกปิดความอยากรู้ของคนขับข้างๆ ได้อยู่ดี

   “เคลียร์กันยังอ่ะ แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะหนักกว่าเดิม”

   “ไอ้โบนเป็นไงบ้างวะ” ด้วยไม่อยากตอบคำถาม ผมเลยเปลี่ยนเรื่องทันที

   “หน้าแหกสิถามได้ มันร้องโอดโอยฉิบหายตอนกูหามแม่งส่งโรง’บาล”

   “ฝากขอโทษมันด้วยนะ”

   “คิดไงไปจูบมันวะ ประชดไอ้ค่ายเหรอ”

   “...” เงียบอีก พูดถึงไอ้ค่ายทีไรก็เจ็บจี๊ดในใจทีละน้อย

   “เมื่อคืนกูโทรถามเหตุการณ์ในวงเหล้าแล้วนะ”

   “กูไม่อยากฟัง”

   “น้องชิงชิงคนนั้นเป็นฝ่ายรุกไอ้ค่ายนะเว้ย กูไม่อยากให้มึงสองคนเข้าใจกันผิดเพราะเรื่องแค่นี้”

   “แค่นี้เหรอวะ กูเห็นตำตาว่าแม่งบี้ปากกันอยู่”

   “เพื่อนมันบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะอยู่ดีๆ น้องชิงก็ขึ้นคร่อมแล้วบี้ปากไอ้ค่ายเลยไง ไม่มีอินโทร ไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า เป็นใครก็ตั้งตัวไม่ทันป่ะวะ มึงแค่ซวยไปเห็นช็อตเด็ดพอดี”

   “แล้วทำไมมันไม่แก้ตัวกูด้วยเหตุผลนี้วะ”

   “ถ้ามันพูดมึงจะเชื่อมั้ย เหี้ยๆ อย่างไอ้ค่ายใครก็ไม่อยากเชื่อ”

   “เออไง การกระทำหลายอย่างมันฟ้อง” จำได้ว่าตั้งแต่น้องคนนั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายโสต ผมก็เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของไอ้ค่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งไลน์ ทั้งการปรากฏตัวของน้องเขา ทั้งความสนิทสนมเกินความจำเป็น หลายอย่างทำให้ผมไม่สามารถคิดในเชิงบวกได้

   “แล้วนี่จะเอาไง” ไอ้ทูหันมามองผม ก่อนจะเปลี่ยนไปจดจ่อกับการมองถนนตรงหน้าแทน

   “กูจะตัดใจ คงเป็นได้แค่เพื่อน”

   “เสียดายว่ะ เดินทางกันมาไกลจากจุดนั้น สุดท้ายก็กลับไปที่เดิม”

   “ก็ดีกว่าต้องอยู่แบบเจ็บๆ”

   “ไม่ให้โอกาสมันบ้างเหรอวะ”

   “เคยให้แล้ว ไม่รักษาเอาไว้เองก็ควรจบ”

   “สงสารไอ้ค่ายว่ะ”

   “สงสารกูเถอะ”

   “เฮ้อออออออ ทำไมการรักใครสักคนมันเหนื่อยขนาดนี้วะ สู้ไม่รักเหมือนกูยังดีซะกว่า”

   “เลือกได้กูก็ไม่อยากรักใครหรอก”

   รถแล่นไปบนถนนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผมหวนคิดถึงครั้งแรกที่เจอกับไอ้ค่าย พร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเอง มีใครบ้างวะบังคับไม่ให้เริ่มต้นรักใครสักคนได้ แต่ในเมื่อรักได้ก็ควรบอกให้หยุดได้เหมือนกัน
   












   ผมไม่อยากเจอไอ้ค่าย แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตัวในเช้าวันจันทร์อยู่ดี หลังเลิกคลาสเราต่างแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเองในกองละครนิเทศฯ

   ไอ้พี่เชนทร์เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาตบบ่าผม จากนั้นก็ตามด้วยพี่อั้น เดาว่าทั้งคู่คงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันศุกร์แล้ว ดูได้จากบรรยากาศอึมครึมที่เป็นอยู่จากทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายโสตที่ตอนนี้ผมเห็นไอ้ค่ายเลือกปลีกวิเวกมาอยู่ไกลจากรุ่นน้องที่ชื่อชิงชิงค่อนข้างมาก

   “เป็นไงบ้าง ดีกันยังวะ” คำถามคลาสสิกหลุดออกมาจากปากผู้กำกับหุ่นหมี

   “ก็ไม่มีอะไรนี่พี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”

   “เหรอ เสียใจมั้ยที่พูดแบบนั้น”

   “พี่จำได้มั้ยที่เราเคยพูดกัน เรื่องเพื่อนที่เคยหยุดตัวเองเพื่อจะรักใครสักคนอย่างจริงจัง ตอนนี้ไอ้ค่ายเป็นคนส่วนมากที่หยุดไม่ได้ว่ะ”

   “กูก็เห็นมันหยุดแล้วนะ เรื่องคืนนั้นมึงเข้าใจผิดไปเองไม่ใช่เหรอ”

   “ก็ถ้าไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งผมก็คงเชื่ออย่างนั้น แต่นี่ไม่ใช่ไง” แล้วประเด็นมันก็วนมาอยู่ที่เรื่องเดิมๆ คือการหวนนึกถึงภาพนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

   ดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนี้ยังไม่ได้คบกัน เพราะถ้าเราต่างถลำลึกว่ามากกว่าที่เป็น แล้วมารู้ความจริงทีหลังว่าไอ้ค่ายไม่ได้รักผมจริงมันจะเจ็บขนาดไหนวะ

   “ฟุ้งซ่านว่ะมึง ให้กูเรียกชิงชิงมาเคลียร์มั้ย”

   “เหอะ! ไม่ต้อง”

   “ความรักมันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง”

   “แต่ถ้าซ้ำซากขนาดนี้แม่งไม่เรียกอุปสรรคหรอก เรียกเหี้ย”

   “เอาเหอะ ยังไงกูก็ทีมมึงอยู่แล้ว มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ หรือจะบอกไอ้อั้นให้แก้แค้นก็ได้นะ” คนถูกพาดพิงยิ้มแฉ่ง ยืนกดนิ้วเสียงดังกรอดเป็นท่าประกอบด้วย

   โอยยยย ให้ไอ้พี่อั้นแก้ปัญหามีหวังว่าสุดท้ายจะเจอศพไอ้ค่ายลอยอยู่แถวอ่างน้ำคณะมากกว่า

   รุ่นพี่ปีสี่เดินจากไป ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงมุมห้อง หยิบมือถือขึ้นมากดเลื่อนตามข่าวสารไปทั่วเนื่องจากว่างอยู่คนเดียว นี่ยังคิดเลยว่าสักพักคงไปช่วยฝ่ายศิลป์ทำพร็อพประกอบฉากแทน แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเห็นทีผมต้องสู้รบปรบมือกับคนที่เดินส่งยิ้มมาแต่ไกลเสียก่อน

   “ขอนั่งด้วยดิ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขอ ซึ่งแทบไม่รอให้ผมตอบมันก็ทิ้งตูดลงบนพื้นไปแล้ว

   “ว่างเหรอ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้อัดเสียงแล้วหนิ”

   “ก็ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องอัดนี่หว่า หิวมั้ยกูมีขนมติดมา”

   “ขอโทษไอ้โบนหรือยัง” ผมเปลี่ยนประเด็นอย่างเร็วรี่

   “ขอโทษแล้ว”

   “ดีละ เดี๋ยวกูจะไปช่วยฝ่ายศิลป์ทาสี มึง...จะไปด้วยกันมั้ย” เกลียดตัวเองจริงๆ ที่เผลอพูดออกไปแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลายิ้มมีความสุขพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักด้วยท่าทีลิงโลด

   เราเดินออกไปด้านหลังคณะ แหล่งซ่องสุมของฝ่ายศิลป์ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำฉากมากมายมหาศาล แม้จะจ้างช่างมืออาชีพมาทำฉากใหญ่ๆ มากมาย แต่ด้วยงบที่มีจำกัดทำให้เราต้องทำเองค่อนข้างเยอะ

   “อ้าวไอ้เติร์ด ไอ้ค่าย ลมอะไรหอบมาวะเนี่ย” เพื่อนที่ทำหน้าที่นี้ตั้งแต่แรกทักทายขึ้น

   “ว่างงานเลยจะมีช่วย มีอะไรให้กูแสดงฝีมือบ้างวะ” ผมถาม ซึ่งเพื่อนมันก็ยินดีรีบชี้ไปยังฉากใหญ่ของงานที่มีแต่ไม้อัด

   ไอ้ควายยยยยย นี่พวกมึงไม่ได้ลงมือเหี้ยไรเลยนี่หว่า

   “ทาสีพื้นให้พวกกูก่อนแล้วกัน สีขาวอยู่ข้างเสา แปรงก็อยู่ตรงนั้น ขอบใจมากเว้ย” ว่าแล้วก็หันไปสรรสร้างกับการทาสีฉากอาคารเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมมองหน้าไอ้ค่ายเลิกลัก ก่อนขายาวจะก้าวไปหยิบถังสีขนาดใหญ่ออกมาวางไว้ใกล้ๆ กับผม

   “แปรงอันแค่เนี๊ยะ” เผลอพูดอย่างปลงตก ทาสามวันโน่นกว่าจะเสร็จ

   “เดี๋ยวกูช่วย กูทาเร็ว”

   เรานั่งยองๆ บนแผ่นไม้อัด แล้วตั้งหน้าตั้งตาละเลงสีขาวกันทีละมุมไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นไอ้ค่ายก็ชวนผมพูดอยู่หลายเรื่อง จนสุดท้ายก็มาหยุดตรงเรื่องหนังสั้นที่เราแพลนว่าจะทำกัน

   “กูว่าจะเลื่อนเวลาที่เรานั่งรถไฟลงใต้ให้เร็วขึ้นว่ะ กูไปดูปฏิทินมาแล้ว ช่วงต้นเดือนหน้าเป็นวันหยุดยาวห้าวัน เราน่าจะกระชับมิตรกันนะ”

   “แล้วถามไอ้ทูกับไอ้โบนยังวะ”

   “ยัง นี่คุยกับมึงคนแรก เผื่อเห็นด้วยเราจะได้ไปเที่ยวกันไง”

   “ไปทำงานป่ะวะ”

   “ทำงานด้วย ได้เที่ยวด้วย”

   “ก็ถ้าพวกมันตกลงกูยังไงก็ได้”

   “เยส” เคยคุยกันไว้พักหนึ่งแล้วว่าปิดเทอมจะนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปสุราษฎร์ฯ ระหว่างเดินทางก็ใช้เวลาเขียน Screenplay ไปด้วย โดยการเสนอไอเดียกันเรื่อยๆ เผื่อจะคิดอะไรดีๆ ออก

   ถ้าเปลี่ยนมาเดินทางเร็ว บางทีจิตใจทุกคนอาจดีขึ้นเพราะได้พักผ่อนไปในตัว งานนิเทศฯ ช่วงนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างหนัก แม้จะไม่มีสอบแต่ละครเวทีก็ใกล้เข้ามาทุกที หากเคลียร์งานแล้วพาตัวเองปลีกวิเวกได้ก็นับเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน

   “แล้วมีคนอื่นไปด้วยมั้ย” ผมถามไอ้ค่ายอีก

   “ไม่ๆ มีแค่เรา”

   “งั้นก็ยกเรื่องนี้ไปคุยในไลน์ หรือไม่ถ้าเจอไอ้ทูกับไอ้โบนก็ลองถามความเห็นมันซะ”

   “ไม่มีปัญหา แค่มึงโอเคก็ดีแล้ว”

   “อืม”

   “เติร์ด...”

   “ว่า”

   “ที่มึงบอกว่ากูรักแต่ตัวเองอ่ะมึงพูดถูก” มือหนายังคงตวัดแปรงจุ่มสีลงบนพื้นไม้อย่างช่ำชอง มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมด้วยซ้ำ แต่เรารู้ดีว่าเจ้าของคำพูดประโยคนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “กูรักตัวเอง กูเห็นแก่ตัว และเพราะความเห็นแก่ตัวเนี่ยแหละกูถึงได้รั้งมึงไว้ เพราะมึงอยู่ตรงนี้กูถึงมีความสุข ถ้าไม่มีมึงกูคงอยู่ไม่ได้”

   “มึงไม่ผิดหรอกที่จะคิดแบบนี้ แต่ไว้รอวันไหนที่มึงอยากให้กูมีความสุขโดยที่มึงไม่ได้มีส่วนร่วมในนั้น เราค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันเถอะ” ไม่ต้องพัฒนาไปมากกว่านี้แล้ว หยุดอยู่ตรงนี้ก็พอ

   “มึงจะรอกูใช่มั้ย”

   “ไม่รู้”

   “แต่กูรอมึงนะ”

   “อย่าพูดเพื่อกดดันกูเลยว่ะ ถ้าวันไหนที่มึงเจอคนที่ดีกว่ากูก็ไปเถอะ กูไม่อยากรั้งมึงไว้” ไม่แน่พรุ่งนี้มะรืนนี้ไอ้ค่ายอาจเจอใครสักคนที่รับมันได้ในทุกๆ อย่าง รักในสิ่งที่มันเป็นมากกว่าผมก็ได้

   เพราะตั้งเกิดเรื่องในคืนนั้น ความรู้สึกของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...












   Rrrr..!

   สายที่สามแผดเสียงดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือเครื่องประจำ ผมมองไปยังรายชื่อที่ปรากฏตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะเนียนไม่รับสายอีกก็เหนื่อยที่ต้องฟังเสียงเรียกเข้าจากคนขี้ตื๊อแล้ว เลยตัดสินใจรับอย่างจำยอม

   “ว่าไง” กรอกเสียงลงไปเสร็จก็เหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังไปด้วย ตอนนี้ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว

   [เก็บของเสร็จยัง ตื่นเต้นมากพรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้ว]

   ไอ้ค่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ใช่! พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดยาวที่เราแพลนว่าจะนั่งรถไฟไปเที่ยวเพื่อจำลองสถานการณ์และทดลองเขียนบทก่อนถ่ายทำหนังสั้นกันในเทอมหน้า ไอ้ทูกับไอ้โบนก็ตอบตกลงเห็นด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกเอาไว้ก็คือ...

   ทริปนี้จะไม่มีผมในนั้น

   ซึ่งแน่นอนผมบอกไอ้ทูเอาไว้แล้ว มันเข้าใจและตัดสินใจเดินทางกันสามคนโดยไม่ได้บอกไอ้ค่าย อาจเพราะผมบกพร่องในหน้าที่ ยึดความรู้สึกเหนือหน้าที่ของตัวเอง แต่มันคงไม่โอเคเท่าไหร่ที่ตลอดห้าวันนี้เราต้องอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ

   “อืม เก็บเสร็จแล้ว” ผมโกหกอย่างหน้าด้านๆ

   แต่ถ้าบอกความจริงในตอนนี้ ไม่ยกเลิกทริป ไอ้ค่ายก็คงตามมาลากคอถึงที่ห้องซึ่งผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

   [นี่กูเอาเสื้อผ้าไปหลายชุดเลย มีกางเกงชิลๆ ไว้ใส่เล่นน้ำ กล้องถ่ายรูป เสื้อกันฝนนี่ต้องเอาไปด้วยมั้ย]

   “ก็แล้วแต่มึงสิ”

   รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ

   [พาวเวอร์แบงค์ก็ชาร์ตไว้เต็ม ไอพอดเอาไว้ฟังเพลง กีตาร์โปร่ง ขนมก็อัดไปเต็มกระเป๋าเผื่อมึงหิว นี่เอาสมุดจดบันทึกไปให้มึงด้วยเผื่อคิดอะไรได้กลางทาง เติร์ดมึงอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย]

   “มะ...ไม่แล้ว” ทำไมถึงรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อๆ วะ เพียงเพราะไม่ได้ร่วมทริปกับมึงเหรอวะค่าย

   [เฮ้ยกูต้องเอาแมคบุ๊กไปด้วยป่ะ]

   “แล้วแต่มึงสิ”

   [เดี๋ยว แว่นตากับหมวก แปรงสีฟัน ยาสีฟันอีก โอยยยยยยย] เจ้าตัวบ่นระงมผ่านปลายสาย สลับกับเสียงกุกกักไปมาเหมือนกำลังตระเตรียมของอย่างรีบเร่ง

   “เตรียมเสร็จมึงก็ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เดินทางเช้า”

   [กูไม่นอนอ่ะ ไว้ไปนอนบนรถไฟยังได้]

   บางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่เหี้ยฉิบหาย ว่าแต่ไอ้ค่าย เป็นผมนี่แหละที่รักแต่ตัวเอง แคร์แต่ตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายกำลังดีใจอย่างลิงโลดผมกลับนั่งคุยโทรศัพท์นิ่งๆ อยู่บนเตียง

   “มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง”

   [งั้นบอกฝันดีกูหน่อยดิ]

   “อืม ฝันดี”

   [ฝันดีครับ]

   ผมเป็นฝ่ายวางสายก่อน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองมือถืออยู่อย่างนั้น คืนนี้คงเป็นอีกคืนที่รู้สึกอึดอัดและลำบากใจที่สุด เราไม่ค่อยมีทริปยาวไปเที่ยวด้วยกันในกลุ่มเพื่อนเท่าไหร่ มาคราวนี้ก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องผิดสัญญา เพียงแต่...

   ช่างแม่งเหอะ แค่ล้มตัวลงบนหมอนและหลับตา เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อยเอง

   Rrrr..!

   แปดครึ่งเสียงเรียกเข้าทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกให้ผมต้องฉุดตัวเองลุกออกจากเตียง ทันทีที่เห็นปลายสายเป็นชื่อของไอ้ค่ายผมก็ทำหูทวนลมและรอจนกว่าอีกฝ่ายจะเงียบไปเอง

   มันดังอยู่อย่างนั้นสองสามครั้ง จนผมมั่นใจว่าเพื่อนอีกสองคนคงตามไปสมทบแล้วจึงกดปิดเครื่องเพื่อไม่ให้ใครรบกวน

   ช่วงบ่ายคล้อยเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตูก่อนจะเห็นเพื่อนรักที่อยู่คนละชั้นยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า

   “ไอ้ทู!”

   “เออกูเอง มีอะไรให้กินมั่ง หิวฉิบหายเลยว่ะ” มันเดินเกาท้องเข้ามาภายใน ผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงถูกมัดไว้ลวกๆ สภาพที่เห็นตอนนี้ดูยังไงก็ไม่พร้อมสำหรับการเดินทาง ที่สำคัญตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้ว

   “เดี๋ยวนะ มึงไม่ได้ไปสุราษฎร์เหรอ”

   “สุราษฎร์ห่าไรกูเพิ่งตื่น พอดีเห็นมึงอยู่คนเดียวเลยอยากอยู่เป็นเพื่อน”

   “...”

   “เนี่ยเมื่อคืนกูโทรไปบอกไอ้โบนแล้ว มันก็เข้าใจนะ”

   “แล้วมึงได้บอกได้โบนมั้ยว่าทริปนี้กูไม่ไป”

   “ไม่ แต่แม่งคงรู้อยู่แล้วว่ามึงไม่สะดวกใจเท่าไหร่ ไปหาอะไรให้กูแดกทีซิ” เมื่อถูกเร่งมากๆ เลยจำต้องเข้าครัวทำของกินง่ายๆ ให้เพื่อนรักที่ตื่นเอาสายโด่ง ในใจก็นึกเป็นห่วงไอ้เพื่อนสองตัวขึ้นมาครามครัน ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

   “แล้วนี่มึงเปิดมือถือไว้มั้ย”

   “ไม่ กลัวไอ้ค่ายโทรตาม” ไอ้ทูตอบพลางซดบะหมี่ใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย หนีปัญหาเหมือนกูเลย กลัวแม่งกลับมาจะโดนเฉ่งกันทั้งคู่

   “ฉิบหายแน่”

   “พรุ่งนี้ค่อยเปิดเครื่องให้แม่งด่า ถึงตอนนั้นอารมณ์คงดีขึ้นเพราะถึงทะเลเรียบร้อย”

   “ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ”

   “เออนี่รู้ป่ะ น้องชิงชิงลาออกจากทีมแล้วนะ”

   “อะไรยังไง”

   “โดนกระแสบูลลี่จากฝ่ายโสตเนี่ยแหละ แหม...เขาเห็นกันตำตามั้งว่าน้องกล้าได้กล้าเสียกับไอ้ค่ายขนาดไหน ถ้าอยู่ต่อก็คงเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกนาน”

   “อืม” ผมพยักหน้ารับฟังโดยไม่แสดงความเห็น ก็เห็นหลายๆ คนมาบอกให้ผมเลิกคิดมากเพราะไอ้ค่ายไม่ได้เล่นด้วย แต่เข้าใจใช่มั้ยครับ ภาพนั้นยังคงติดตาผมอยู่เลย   

   “ให้อภัยมันเถอะ กูไม่เคยเห็นมันจริงจังกับใครเท่ามึงเลยนะเว้ย”

   “ลองมาเจอเหมือนกูมั้ย”

   “โอเคกูไม่เสือกละ ไปทำบะหมี่มาให้อีกซองซิ หิวจนจะแดกหัวมึงได้อยู่แล้วเนี่ย” ผมส่ายหน้าไปมา แต่ก็ยอมทำตามคำขอของเพื่อนอย่างว่าง่าย ไอ้ทูแดกจนอิ่มแปล้ ล้างชามให้เสร็จมันก็หนีไปอาบน้ำแต่งตัว กลับมาเคาะห้องอีกทีก็ชวนเที่ยวและดูหนังจนดึกดื่น

   เราแยกย้ายตัวใครตัวมันตอนเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขหนึ่ง หลังปิดประตูลงเราต่างก็อยู่ในโลกของตัวเอง ดึกแล้ว ตอนนี้เพื่อนอีกสองคนคงถึงกำลังหลับอยู่ที่ไหนสักแห่ง

   ก๊อกๆ

   ตีสามเสียงเคาะประตูดังอีกรอบ ผมเดินงัวเงียออกไปอย่างโมโห นึกโกรธที่ไอ้ทูชอบสร้างปัญหาตอนดึกดื่น แต่สุดท้ายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่เพื่อนติสต์แตกของตัวเอง หากแต่เป็น...

   “เชี่ยโบน!”

   “เออกูเอง ไอ้เติร์ดมึงไม่ได้ไปเที่ยวกับไอ้ค่ายเหรอ”

   “ไม่ แต่ทำไมมึงมายืนอยู่ตรงนี้วะ” ไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองเป็นแบบไหน แต่หัวใจที่เต้นกระหน่ำและบีบรัดแน่นจนเหมือนหายใจไม่ออกอยู่ตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงใครอีกคนขึ้นมา

   “กูน่าจะถามมึงมากกว่า พอดีกูอยากให้มึงสองคนได้ปรับความเข้าใจกันกูเลยไม่ไป”

   “ไอ้เหี้ยยยยยยยยย” ผมสบถดังลั่น รีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปิดเอาไว้ขึ้นมาพร้อมกับกุญแจรถ

   “เดี๋ยวไอ้เติร์ดมึงจะไปไหน”

   “สถานีรถไฟ”

   “ตอนนี้เนี่ยนะ กูว่าไอ้ค่ายอาจจะกลับห้องไปแล้วก็ได้ มึงลองโทรหามันก่อนเถอะ”

   “เหรอวะ” ผมฉุกคิดได้ ดังนั้นจึงยืนกระวนกระวายเปิดเครื่องอยู่หน้าห้อง ไม่มีมิสคอลทิ้งไว้แม้แต่สายเดียว เดาว่าคนตัวสูงอาจจะกลับไปแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจเลยกดโทรเช็กไปอีกรอบ

   ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...

   “ไม่ติดว่ะ ยังไงกูก็จะไปที่สถานีรถไฟ ส่วนมึงรีบไปปลุกไอ้โบนแล้วแวะไปหามันที่ห้องดู ได้ข่าวยังไงก็โทรบอกกูด้วย”

   “โอเค”

   ต่างคนต่างแยกย้าย ผมพุ่งไปที่รถยนต์ส่วนตัวก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ภาวนาอยู่ในใจว่าไอ้ค่ายคงไม่อยู่ตรงนั้น ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงตีสาม ไม่มีใครบ้ารออยู่หรอก ไม่มี…

   ทันทีที่ไปถึง จุดแรกที่ผมวิ่งไปคือที่ที่เรานัดหมายกันเอาไว้และผมก็เห็นว่ามันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ

   “ไอ้ค่าย”

   เจ้าของชื่อรีบหันขวับมาอย่างไวว่อง ร่างสูงสวมเสื้อฮาวายสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะอยู่หน้าชานชาลา มันนั่งทับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ขณะข้างกายเต็มไปด้วยข้าวของไม่ว่าจะเป็นกีตาร์หรือสัมภาระอื่นๆ

   “โอ้โหปล่อยให้กูรอนานเชียว ไหนอ่ะกระเป๋า”

   “...”

   “กูซื้อตั๋วเผื่อมึงสามคนแต่ตอนนี้สายไปนิดหน่อย ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราซื้อกันใหม่นะ” มันรู้ว่าโดนทิ้งแต่ก็ยังตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนเหมือนเคย

   เท้าที่ก้าวย่างไปหาอีกฝ่ายเริ่มสั่นเรื่อยๆ จู่ๆ ก็รู้สึกอ่อนแอจนอยากปล่อยโฮออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอด

   “กู...ขอโทษ”

   “ไม่เป็นไร คิดว่ามึงติดธุระเลยไม่โทรตามกลัวจะรบกวน แถมตอนนี้แบตก็หมดไปแล้วด้วย”

   “...”

   “ไหนอ่ะ ไอ้ทูกับไอ้โบน”

   “มันยังไม่มา” และตอนนี้ผมก็เดินไปประชิดกับเพื่อนตัวสูงเรียบร้อยแล้ว เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยรอยแดงจากการถูกยุงกัด สภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้บอกได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่โอเคแค่ไหน แต่ทำไมถึงยังฝืนยิ้ม

   “พรุ่งนี้เราเดินทางกันใหม่ รอให้พร้อมๆ ก่อนก็ได้”

   “คงไม่ทันแล้ว”

   “มันฉุกละหุกเนอะ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคราวหน้าไม่อยากให้กูไปด้วยก็โทรบอกก่อนนะ”

   “...”

   “บางทีกูก็สำคัญตัวเองผิดไง”

   “...”

   “บางทีก็เข้าใจไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเราจะกลับมารักกันได้อีก”

   และตอนนั้นเองที่ผมโผเข้ากอดไอ้ค่ายไว้แน่น พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย...



   

ทำคนอื่นมาเยอะ โดนเองบ้างรู้สึกยังค่าย
 :angry2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 25-08-2017 20:59:54
แงงงงงงงงงงงงงง จบตอนแล้วหรอเขายังไม่เคลียร์กันเลยยย

 :z3: :z3: :a5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-08-2017 21:09:13
หน่วงๆเนอะ. มาต่อไวๆน้า อยากรู้ว่าจะจบยังไง
ไหนๆกะ มอบเพลงนี้ให้ค่าย. เพลง พัง(ลำพัง)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 25-08-2017 21:11:46
รักกันเถอะ ยอมรับตัวเองสักทีว่าไม่ทีใครขาดกันได้ อยู่แบบนี้ไปมีแต่เสียใจเสียเวลา ไม่มีใครมีความสุขสักที อนาคตไม่ต้องไปคิดแล้วว่าจะเจ้าชู้รึป่าว จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมมั๊ย มัวแต่คิดก็ไม่มีอะไรดีขึ้น  :mew2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 25-08-2017 21:12:38
สมน้ำหน้าไอ้ค่าย แบรร่  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 25-08-2017 21:14:30
 “มันฉุกละหุกเนอะ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคราวหน้าไม่อยากให้กูไปด้วยก็โทรบอกก่อนนะ”

   “...”

   “บางทีกูก็สำคัญตัวเองผิดไง”

ไม่ได้ทีมค่ายนะคะ แต่เจอประโยคนี้ของค่ายเข้าไปไปต่อไม่เป็นเหมือนกันค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 25-08-2017 21:21:45
 :katai1: จะสงสารอีค่ายก็สงสารไม่สุด โดนขึ้นคร่อมบี้ปากแล้วผลักออกไม่ทันหราาาาาาา
อีชิงชิงนี่ไม่น่าโดนแค่นี้อะ ก....รี่ โอ้ย
เจ็บกันทั้งสองฝ่าย แบบ มันหน่วงอะ
เจ็บกับเติร์ด แต่ก็สงสารอีค่ายที่โดนเพื่อนเท
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 25-08-2017 21:23:35
พอเอาสองตอนมาต่อกันก็สงสารอิค่ายขึ้นมานิดนึง
คือที่สงสารอิค่ายเพราะพี่เชนทร์กับทูมายืนยันนี่แหละค่ะ
ละถ้ามองในมุมอิค่ายบ้าง มันก็ถูกทำร้ายความรู้สึกหลายครั้งอยู่นาา แต่ละครั้งหนักๆทั้งนั้น
ตอนเติร์ดเสียใจก็จริงนะ แต่เติร์ดยังมีทูคอยอยู่ข้างๆ แต่เหมือนพอเป็นค่าย มันแทบจะไม่มีใครให้กำลังใจเลยมั้งเนี่ย
โบนกับทูยังไงก็ทีมเติร์ดเพราะเติร์ดดูเป็นคนเจ็บคนเดียวมาตลอด แต่พอมาคิดมุมค่าย
ใจหน่วงจังค่ะ พอเรารักเค้าแล้วและเค้ารับรู้แต่ให้เป็นฝ่ายวิ่งตามบวกกับผลพวงจากนิสัยเหี้ยๆเมื่อก่อนอีก ชะนีก็มายุ่งอีก
คือคนมันจะปรับตัวถ้าไม่ให้กำลังใจกันเลย มันก็เหนื่อยเหมือนกัน
อ่านตอนที่มานั่งรอตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงตีสาม แถมยังไม่โทรมาตามคิดดูแล้วกันว่ามันก็เจียมตัวอยู่ในระดับนึงนะ
แต่คำพูดของค่ายที่พีคกว่าการกระทำ ฮือออออ ถือว่าเจ๊ากันมั้ยเติร์ด เพราะเรื่องจูบเติร์ดก็เข้าใจผิดเองด้วยแถมยังไม่ฟังอีก
กลายเป็นกลัวค่ายโมโหเลย โมโหร้ายเหมือนกันนะเคอะ เอาใจช่วยตอนหน้าให้เข้าใจกันสักที
ปรับตัวเข้าหากันเรื่อยๆ เหมือนที่พี่เชนทร์บอก ความรักมันต้องมีอุปสรรคอยู่แล้วแหละนะ
พล่ามมายาวมาก เราถูกแอทแทคทุกพาร์ทของความรู้สึกค่าย ฟีลแบบคนเลวก็มีหัวใจอะ นี่ถือว่าไม่เหี้ยด้วยมั้ง แค่คิดจะปรับตัวเพื่อรักใครสักคนก็ถือว่ายังมีข้อดีอยู่นะเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: mashmallow ที่ 25-08-2017 21:24:14
ทำไมตอนนี้สงสารค่าย ฮือออออออ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 25-08-2017 21:24:29
แม่เอ้ยยยยยยยย

สงสารหมดเลย ทั้งเติร์ดทั้งค่าย
เติร์ดลบภาพความชั่วที่ผ่านๆมาไม่ออก
อิค่ายก็ปล่อยไม่ได้

แต่ซีนสุดท้ายที่ทุกคนไม่ได้ตั้งใจเทอีค่ายนี่แบบบบ
สงสารมันเด้ออออ เป็นเราคงโคตรน้อยใจเลยย
คิดว่าเพื่อนเกลียดแน่ๆอะ โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย

คิดว่าจะไม่ค้าง ตอนนี้ค้างฝ่าเดิมมม แอร๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 25-08-2017 21:24:45
ค่ายเรียกคะแนนความน่าสงสารได้อีกแล้ว ตอนที่แล้วเกลียด ตอนนี้กลับมาสงสารมันอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 25-08-2017 21:28:44
อะไรหลายๆอย่าง เรื่องนังชิงๆยังไม่เคลียร์
เรื่องไลน์ค่าย เรื่องกินข้าว เรื่องที่ค่ายปิดเติร์ด
แต่.. ลืมๆกันไปได้ไม๊ ไม่เห็นจะมีใครมีความสุขเลย
เริ่มต้นกันใหม่นะค่าย นะเติร์ด  :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 25-08-2017 21:34:40
เศร้าาาา

แต่ก็ยังโกรธค่ายอยู่ดี เหอะๆ เพราะถ้าไม่ไปเล่นกับเขาเขาก็ไม่กล้ารุกขนาดนั้นหรอก โดนกับตัวเองบ้างก็ดีแล้ว
แต่สุดท้ายเชื่อว่าคู่นี้ก็คบกันแหละ ตัดกันไม่ขาดทั้งคู่  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 25-08-2017 21:35:29
ทำไมประโยคสุดท้ายถึงได้ร้องไห้พร้อมกับเติร์ดเลยวะ :sad4:
ค่ายเอ้ยยย ทำเค้าไว้เยอะอ่ะ รับกรรมต่อไปนะ (ตบบ่าเบาๆ)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-08-2017 21:37:07
ฮืออออออออออ ขอร้องไห้ด้วยคน ประโยคของค่ายมันบีบหัวใจมากเลย :o12:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 25-08-2017 21:45:13
เจอกับตัวเอง คงรู้แล้วเนาะ ว่ามันเจ็บขนาดไหน ตอนที่ลองใจเติร์ดอ่ะ เหมาะสมแล้ว   :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-08-2017 21:49:18
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 25-08-2017 21:55:45
ตอนนี้บอกไม่ได้เหมือนว่าจะเข้าข้างใครดีระหว่างคนที่เหนื่อยกับความรักอย่างเติร์ดกับคนที่พยายามแล้วไม่มีใครเชื่ออย่างค่ายเราว่าออกมาเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆดีกว่า :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 25-08-2017 21:57:09
                                              เรื่องความรักมันก็ทำให้คนดีๆเห็นแก่ตัวได้ทั้งนั้นแหละ
                                                         
                                                            เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง
 
                                                               เพราะกลัวการผลักไส   

                                         แต่ทั้งสองคนมันเดินเลยจุดที่จะเรียกว่าเพื่อนได้เต็มปากแล้วน่ะ

                                                                     ยอมรับกันเถอะ

                                        แต่ก็สงสารเติร์ดน่ะ เเม่ง ร่ักมาตลอด รักแล้ว ตัดใจจนจะได้เเล้ว

                                                        แต่ค่ายก็เพิ่งมาเห็นในวันที่เติร์ด ..>>ตัด ใจ

                                                                 และขอโอกาส เติร์ดก็ให้

                                                           แต่สุดท้ายกลับมาพังเพราะ ชิงชิง
                                                           

                                   ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ทั้งค่ายและเติร์ดเข้าใจกันซั่กที มีความสุขกันสักที

                                                           
                                                           เพรา....... อยากอ่าน NC  55555555

                                                             
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 25-08-2017 21:57:46
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-08-2017 22:01:05
ไม่ไหว ต้องมาคอมเม้นจนได้ น้ำตาไหลพรากก อึดอัดไปหมด เราเปนคนหนึ่งที่เป็นทีมค่าย เชียร์ผู้ชายคนนี้นะ อยากให้คนแบบนี้รักใครสักคน การที่เจ้าชู้ขนาดนี้ เขาต้องขาดอะไรบ้างอย่าง อยากให้มีคนๆหนึ่งมารับฟังตัวเอง สงสารมาก ไอ้โมเม้นที่โนทิ้งนี่โคตรแย่ แย่มาก #ทีมค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 25-08-2017 22:01:54
น้ำตาไหลเลยค่ะ เจอประโยคของค่ายเข้าไป ตอนนี้ขออนุญาตเบนมาทีมค่ายนะคะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-08-2017 22:03:09
ยัง...ยังไม่สาสม คนมันติดภาพว่าค่ายเจ้าชู้ ขี้เอา ไปแล้ว ต่อให้รู้ว่ารอบนี้โดนรุกตั้งตัวไม่ทัน มันก็ยังฟังไม่ขึ้นไหมค่าย?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 25-08-2017 22:05:15
ตอนที่แล้วสงสารเติร์ด ตอนนี้สงสารค่าย

 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-08-2017 22:15:41
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ค่ายพลาดมาก จริงๆ ทำตัวเองจริง ๆ

เติร์ดเริ่มเปิดใจ แต่ก็กลับมาเจ็บกว่าเดิม
ถ้าจะเสียไปอีก ถึงค่ายจะเสียใจ ก็สมควร

---------

โอ๊ยยย ปวดใจ คนหนึ่งก็ไม่บอก คนนึงก็เสียใจ คิดมาก
แล้วเพื่อนก็หวังดี เป็นไงล่ะตอนนี้ ค่ายคิดไปแล้วว่า เพื่อนไม่รัก แถมยังถูกทิ้งด้วย

เริ่มใหม่ไหม พูดกันตรงๆ เอาให้เคลียร์สักที ขอแบบเปิดใจ
จะอยู่จะไป จะห่วงเพื่อน จะสงสาร ก็ให้เคลียร์
เป็นแบบนี้ คิดแทนกันแบบนี้ ยังไงก็เสียใจทุกคน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-08-2017 22:19:13
เจ็บ ค่ายต้องฝืนยิ้มขนาดไหนนะ ใจจะพังไปแล้วหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 25-08-2017 22:22:52
สงสาร :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-08-2017 22:23:48
นี่ไม่ได้อยากทีมค่ายนะ เพราะแม่งเหี้ยจริงๆ แต่ก้สงสารมันอะ เหมือนพยายามเต็มที่แล้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะพลาด แต่พอพลาดไปแล้ว ทุกอย่างคือจบ ที่พยายามทำมาทั้งหมดเหมือนไม่มีค่าเลย
เหมือนความผิดพลาดที่ตัวเองไม่ได้ก่อนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเติร์ดพอดี
เข้าใจเติร์ดว่าคงถึงจุดที่จะกลับมารักตัวเองแล้ว แบบคิดได้เองจริงๆแล้วอะ
แต่มาเจอซีนสุดท้ายซึ่งเราว่าค่ายไม่ได้เตี๊ยมกับเพื่อนไว้แน่ๆอะ แต่ทูกับโบนไม่แน่ใจว่าแพลนกันมารึป่าว
อิค่ายดูน่าสงสารที่สุดก้ซีนนี้อะ น่าสงสารกว่าซีนเลือดท่วมหรือซีนไหนๆอีก
แค่ประโยคประโยคเดียว เหมือนคนที่ยอมรับผลว่าเออนี่อะคือสิ่งที่ตัวเองสมควรโดนแล้วงี้
สงสารมันอะ แต่ก้ยังข้องว่าเติร์ดยืนดูตั้งนานทำไมไม่ผลักออก หรือว่ามันแค่แวบเดียวแต่เติร์ดช้อคอยู่เลยดูนาน

“มันฉุกละหุกเนอะ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคราวหน้าไม่อยากให้กูไปด้วยก็โทรบอกก่อนนะ”
  “บางทีกูก็สำคัญตัวเองผิดไง”


พูดไม่ออกเลย รอค่าาา ใกล้จบแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 25-08-2017 22:29:57
 :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: JahNuna ที่ 25-08-2017 22:32:25
 :sad4: เจอคำพูดของอิค่าย ไม่อยากให้ไปด้วยให้โทรบอก...ถ้าเราเป็นเติร์ดเราก็กอดอ่ะ
ค่ายยยเจ๊ขอโทษ เจ๊ด่าไปเยอะมาก เมื่อกี้ ตอนนี้เจ๊ขอโทษน๊าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 25-08-2017 22:37:26
โอ้ย จะร้องไห้
อ่านตอนที่แล้วนึกไม่ออกจริงๆว่าจะกลับมารักกันได้ยังไง ความเชื่อใจพังไปหมดแล้ว
บอกตรงๆว่าเกลียดคนเจ้าชู้มั่วไปเรื่อยแบบค่ายสุดๆ ความพยายามรั้งเติร์ดไว้ขนาดนี้มันทั้งบ้าทั้งเศร้ามาก

เกลียดยัยชิงชิงจริงๆ ไม่น่าโดนแค่นี้

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 25-08-2017 22:39:32
โอ๊ยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-08-2017 22:48:01
ไม่รุ้จะว่าไงดี แต่ถ้าถามว่าสงสารอิค่ายมั้ยตอบเลยว่าไม่
ถึงแม้ว่าทุกคนจะบอกว่ามันเป็นความเข้าใจผิดก็ตาม แต่ตัวมันเองก็เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเองนี่
อยากให้เติร์ดตัดใจได้มากๆๆๆๆๆ แต่อ้อมกอดตอบจบตอนนี่ สงสัยจะตัดใจยาก

อยากให้เรื่องนี้จบแบบ sad end นะ บางอย่างแค่คำว่ารักมันไม่พอ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-08-2017 22:48:53
ไบโพล่าสถิตมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-08-2017 22:52:49
ชุ้นควรทำตัวยังไงดี แงงงง ทีมเติร์ดนะ แต่อ่านตอนนี้แล้วก็แอบสงสารอิค่าย แต่ก็ด่านางไว้เยอะเหมือนกัน 5555555
ด่าชะนีแดกอ้อยดีกว่า  :beat:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 25-08-2017 22:53:36
ใคร ๆ ก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละค่ายเติร์ด
ไม่มีใครอยากผิดหวังหรอก  :กอด1:

เหมือนว่าค่ายจะได้รับโอกาสอีกครั้งหนึ่ง อย่าทำเสียเรื่องอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 25-08-2017 22:59:28
หน่วงมากก เข้าใจอารมณ์ทั้งสองฝ่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 25-08-2017 23:22:05
ร้องไห้สงสารค่ายมากกกก คือก็เกียดนางนะ แต่แบบ เจองี้ถ้าเป็นคนที่เรารักมันน่าสงสารหว่ะ
ประสบการณ์ตรงให้แฟนตามหา นั่งรอ รู้สึกผิดเบาเบา 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 25-08-2017 23:23:06
ห๊ะ! จบตอน ยังค้างอยู่เลยย
นังค่ายแกทำลูกชั้นร้องอีกแล้ว แล้วทำไมชั้นต้องสงสารแกโอ้ยย
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 25-08-2017 23:26:16
อยากด่า...แต่ด่าไม่ลง
ตอนที่แล้ว เคยเม้นว่า
'เติร์ดมีค่าแค่ไหน'
ตอนนี้คือคำตอบ
โหดน้อย ปิดใจได้ลูก...แต่อย่าปิดหูปิดตา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 25-08-2017 23:31:06
โห เศร้ามากอะ โดนเทหนักขนาดนี้ เราคงเสียใจมากๆอะ ไหนจะยังไม้กล้าโทรตามใคร
แถมยังดูดีใจมากๆขนาดนั้นอีก เศร้าอะ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 25-08-2017 23:43:27
อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นคนโลเลอะเดี๋ยวสงสารเติร์คเดี๋ยวก็มาสงสารค่าย
แต่อารมณ์เติร์คคงเหนื่อยที่จะรัก แต่ก็ตัดไม่เคยขาด
อารมณ์ค่ายคงเหมือนไม่เหลือไรแล้วอะคงคิดแค่เพื่อนพร้อมใจกันเท
เพราะตั้งแต่ตอนแรกๆแล้วอ่ะที่อะไรก็เติร์คแต่กับค่ายทุกคนมีความลับ
เติร์คคือคนที่เพื่อนโอ๋แต่ค่ายไม่ใช่
ยิ่งประโยคสุดท้ายเป็นเราก็คงคิดว่าเพื่อนไม่อยากไปด้วยจริงๆแหละ
ตื่นเต้นตั้งนานสุดท้ายโดนเทแล้วทำได้แค่ยิ้มไม่กล้าแม้แต่จะโทรหา
ค่ายเอ๊ยสู้ต่อไปแต่เรื่องไลน์นังชิงชิงยังไม่เคลียร์น่ะเห่ยย :a14: :a14:
แต่แปลกใจหน่อยโบนไม่รู้ว่าเติร์ดไม่ได้ไปแต่ทำไมมาเคาะห้องเติร์ดอ่ะ :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 25-08-2017 23:59:08
 :o12: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 25-08-2017 23:59:54
ก็เคยเกลียดอิค่ายแต่พอมาตอนนี้ร้องไห้เลยอ่ะ สงสาร สะเทือนใจมาก เอาจริงเจอแบบนี้ก็จุกอ่ะในฐานะเพื่อนก็เหมือนโดนเพื่อนเทหมดจริงๆ ฮืออออ นี่เป็นคนใจอ่อนเด้อออ แพ้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 26-08-2017 00:09:15
รู้สึกโดนคนเขียนจับเหวี่ยงไปมา  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-08-2017 00:13:45
หน่วงเว่อร์มากเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 26-08-2017 00:28:46
อื้อหือ
เจ็บปวดทั้งสองทาง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 26-08-2017 00:29:22
ค่ายทำอะไรนิดหน่อยก็ดูน่าสงสารไปหมด แต่ไม่รู้สิเราว่าค่ายก็เห็นแก่ตัวอยู่ดี
ถึงแม้นางชิงชิงจะเริ่มก่อนแต่แกก็จูบตอบเค้าไม่ใช่หรอ ไม่อยากให้เติร์ดใจอ่อนเลยอ่ะ
พอค่ายทำผิดก็วนลูปเดิม สงสารเติร์ด ฮือออออออออ อินหนักมาก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-08-2017 00:32:19
อิเหรี้ยยยย อิค่ายยยยยกุอุตส่าห์คิดดีว่ามรึงคงไม่ทำแต่มันก็ไม่ใช่ ห่าเอ้ยย อย่าว่าแต่เติร์ดผิดหวังนี่ก็ผิดหวัง เพราะไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นใครจะเริ่มก่อนแต่เอ็งก็ผิดที่ไม่ยอมหนียังไปนัวจูบด้วยอีก จะบอกว่าโดนรุกไม่ทันตั้งตัวก็ไม่ใช่มั้นอะเพราะเติร์ดบอกอยู่ว่ายืนดูอยู่นานจนเห็นว่าผู้หญิงเป็นใคร โอ้ยยยย หะวร้อนเว้ยยย เกรี้ยวกราดไม่เอาแล้วกับอิขุนพล เทอย่างเดียว เกลียดอะ ฮืออ จะร้อง //ขออภัยกับคำหยาบ อินจัด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Tpicha ที่ 26-08-2017 01:24:02
หน่วงเหลือเกิน ฮื่ออ ตอนที่แล้วเกลียดค่ายมาก ตอนนี้สงสารค่ายสุด  :sad4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 26-08-2017 01:45:18
นางค่ายโดนแบบนี้อีกแล้ว :z3:

ฉันทำใจไม่ได้ทำไมนางค่ายต้องโดยทุกคนทิ้งตลอดเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 26-08-2017 03:34:51
จะร้องไห้ อยากให้ทุกคนเริ่มกันใหม่แต่มันก็ยากเพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้สงสารค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 26-08-2017 06:57:10
ฉันทีมเธอตลอดแหละค่าย สรุปจิตติจะกลับไปแนวรักใสๆ ในตอนถัดไปแล้วใช่ไหมคะ ดีค่ะ ป้าเบื่อดราม่าละ ~~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 26-08-2017 08:27:48
สงสารทั้งค่ายทั้งเติร์ด
เอาจริงๆ นะ เหตุการณ์ทั้งหมดที่ไม่เข้าใจกันเพราะไม่คุยกันไง ไม่ถาม ไม่หือไม่อือ
คงจะรักกันได้หรอก
เติร์ดก็เอาแต่คิดไปเอง ค่ายมีไรก็ไม่ยอมบอก
เอวัง...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 26-08-2017 08:37:29
เราสงสารทั้งคู่เลยอ่ะ มันเหมือนที่ไครที่มัน คนรักกันอ่ะ อย่าเอาอดีตมาตัดสินสิ จริงๆๆๆนะ อยากให้มองวันนี้ที่ค่ายทำ เติรด์เปิดใจฟังอ่ะแต่ดข้าละเจ็บมาเยอะ เราจะอยู่ตรงกลางรอพวกเทอนะ แบบว่าร้องไห้เงยอ่ะ เศร้าเสียใจจ มันสะเทือนใจไปหมดเลยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 26-08-2017 09:12:24
 :z3: หน่วงเหลือ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 26-08-2017 09:26:27
โอ่ยย เจอค่ายพูดประโยคนี้ "แต่ถ้าคราวหน้าไม่อยากให้กูไปด้วยก็โทรบอกก่อนนะ” แล้วจุกอะ!
ค่ายคงไม่คิดว่าจะโดนเพื่อนทำแบบนี้ ~ ฮือออ หน่วงในใจจจจจ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 26-08-2017 10:56:17
ไม่สงสารอะ ไม่สงสารสักนิด ทำตัวเองทั้งนั้นเอาตัวเข้าไปยุ่งกับอินั่นแล้วหวังอยากจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฮัลโหลลลล ตลกหรอ ทำไมชอบทำตัวเองให้น่าสงสาร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากคุณมึงทั้งนั้น   เติร์ดน่าสงสารกว่าอีกป่ะ แต่เอาจริงก็แอบลำไยเติร์ดนิดๆ โดนขนาดนั้นแล้วยังอยากเป็นเพื่อนมันอีกหรอออ เห้อ สุดท้ายก็ได้แต่บอกแต่ตัวว่านี่มันเป็นนิยาย ไม่ต้องอินขนาดนั้น 555555

รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับนิยาย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 26-08-2017 12:45:35
ผู้ชายสันดานแบบค่ายเราว่ามันไม่น่าสงสารสักนิดมันเห็นแก่ตัวทีสุด
อย่ามาอ้างว่าผู้หญิงรุก มันนั่นแหละตัวดีมันเล่นด้วยกับผู้หญิงตั้งแต่แรกที่เจอแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นไลน์ ตัวติดกันตอนทำงาน ส่งสายตาเล่นกัน ถามว่าพอผู้หญิงจูบมันก็นัวเนียกับเค้า
ถ้าเตริ์ดไม่ไปเจอ ความสัมพันธ์มันคงคืบหน้าไปกว่านี้แล้ว ถามว่าตอนทำมันคิดถึงใจของเตริ์ดมั๊ย
อยากให้เตริ์ดเลิกกับอิค่ายด้วยซ้ำเพราะสันดานมันเปลี่ยนไม่ได้หรอก
คบกันไปเตริ์ดต้องเจอปัญหาแบบนี้อีกแน่นอนในอนาคต 
555อินจัด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 26-08-2017 13:25:32
อยากให้ถึงตอนจบแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: smog09 ที่ 26-08-2017 15:04:38
ทำไม่นี่ไม่รู้สึกสงสารค่ายมันเลย ก็ทำตัวเองทั้งนั้นน่ะแหละ แหมมม ทั้งไลน์เอย ตัวติดกันตลอดเวลาเอย เหอะๆ แล้วที่บอกว่าผู้หญิงเริ่มก่อนน่ะแกรก็ไปจูบตอบเขาเหมือนกันเหอะว่ะ (จูบนานด้วยนะ) ถ้าเติร์ดไม่มาเห็นนี่คงไม่หยุด คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วม้างงง  :เฮ้อ:

คือจะไปบอกให้เติร์ดไม่สนเรื่องที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ไง เพราะเติร์ดเองก็เจ็บมาเยอะ ความเจ็บปวดมันก็เหมือนบาดแผลที่ค่อยๆกรีดลงลึกในหัวใจของเติร์ดเรื่อยๆ ที่ถึงแม้จะได้รับการดูแลรักษาจนความเจ็บปวดมันหายไป แต่สิ่งที่เหลือไว้มันยังคงมีรอยแผลเป็นอยู่ รอยแผลเป็นที่เมื่อเห็นก็ทำให้นึกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดมันขึ้นมา แล้วตัวเจ้าของเองเมื่อเห็นก็จะรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา

ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ค่ายมันจะไม่ทำให้เติร์ดเสียใจหรือผิดหวังอีก (แต่ดูจากนิสัยอิค่ายที่ยังเหมือนเดิมแล้ว คิดว่าไม่อ่ะ ยังไงในอนาคตต้องมีปัญหาแน่นอน) เพราะสิ่งเหล่านี้นั่นล่ะจะเป็นตัวที่ทำให้เติร์ดหันกลับมามองแผลเป็นนั้นอีกครั้ง

แต่จะบ่นไปไงสุดท้ายก็คงได้กันอยู่ดีนั่นล่ะ เพราะดูยังไงเติร์ดมันก็ตัดไม่ได้หรอก บอกว่าจะตัดกี่ครั้งแล้วก็ไม่เคยเห็นจะตัดได้สักที  เห็นเขาเศร้าเสียใจหน่อย หนูก็วิ่งไปหาเขาแล้วลูกกก แบบนี้มันไม่ใช่ตัดเด้อนางเอยยย  :เฮ้อ:

บ่นซะเยอะเลยเว้ยตรู  :z3://อินจัด 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-08-2017 15:07:25
อ่านตอนค่ายถูกทิ้งทีไร น้ำตาไหลทุกที เราสงสารเติร์ด เพราะเติร์ดเล่าเรื่องไง พอได้อ่านตอนนี้แล้วแบบ เราก็ไม่ได้รู้เรื่องทางค่ายด้วยอ่ะ เลยสงสารมาก 555555555555 อินกับฝั่งพระเอกค่ะ โถ่วๆๆ เท้าเป็นแผล ห้องก็เลอะอ้วก ยังมานั่งตากยุง ก่อนหน้านี้ก็ขาหัก คือสมบุกสมบันมากไงเลยสงสาร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Eearn ที่ 26-08-2017 16:40:56
โอ้ยยยยยยย #ทีมคุมแม่ของอิง่าวค่าย ปวดใจมากค่ะ ถึงค่ายจะเหี้ยแต่หนูเติร์ดอย่าทิ้งค่ายไว้คนเดียวนะรู้กกก แต่วันนี้จะย้ายทีมค่ะ #ทีมจิกหัวหนูชิงชิงมาตบ รักในความโง่ไม่พอยังเสือกเหี้ยของอิค่ายประหนึ่งคลอดอิค่ายมาเอง จะตามปกป้องและคอยด่ามึงไปทุกตอนนะอิน้องค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 26-08-2017 16:56:18
ขอร้องไห้ไปพร้อมๆกับเติร์ด ฮืออออ หน่องค่าย ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 26-08-2017 19:45:18
เฮ้ออออออ อิพี่ค่าย  :เฮ้อ:
ความรักครั้งนี้คงไม่ง่าย สู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 26-08-2017 19:45:35
เอาให้เข็ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-08-2017 21:38:29
เติร์ดถ้ายังไม่ยอมมองค่ายแบบเปิดใจถึงความเปลี่ยนแปลง ก็ต้องอยู่แบบระแวงอย่างนี้ตลอดไป จะไหวเหรอ??
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-08-2017 00:04:22
นี่เราอ่านจากมุมของเติร์ดเท่านั้น และเติร์ดเมา + ระแวงอยู่แล้ว

สิ่งที่เห็นย่อมบิดเบือน

ค่ายเองก็ไม่โทษผู้หญิง แม้จะดูไม่ดีในหลาย ๆ เรื่อง แต่ค่ายไม่เคยกินในที่ลับ ไขในที่แจ้งกับผู้หญิงนะ
และก็จริงอย่างที่ทูว่า ค่ายพูดมาเติร์ดจะฟังเหรอ?

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-08-2017 00:16:24
อย่าบอกนะว่าเติร์ดใจอ่อนอีกแล้ว!? โฮ่~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 27-08-2017 08:23:35
ค่ายมันเด็กเอาแต่ใจ ลูกคนเล็กอะไรก็ต้องได้
ตั้งแต่วางแผนเรื่องแพรวแล้ว ทั้งที่ตอนนั้นรู้ทั้งรู้ว่าถ้าทำเติร์ดต้องเสียใจ
เห็นด้วยซ้ำว่าเพื่อนกินข้าวทั้งน้ำตาเพราะตัวเองมันก็ยังทำ
มีแค่ความคิดเข้าข้างตัวเองโง่ๆ ว่าเพื่ออะไร ก็ไม่พ้นแค่ตัวเอง

ครั้งนี้พอรู้ตัวว่าคิดกับไอ้เพื่อนที่วางแผนเทไปตอนนั้นมากกว่าเพื่อนก็รุกไล่
โดยไม่มองหลังเลยว่าทำอะไรทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจกับเขาเอาไว้
 อาศัยที่รู้ว่าคนมันแอบรักมึงอยู่ก็เต๊าะไปเรื่อย เกือบดีอยู่แล้วจนมาโป๊ะแตกที่น้องชิง
 นางยั่วจนเติร์ดมาเห็นภาพนั้น อันนั้นเราคิดว่าเป็นสถานะการณ์อะนะ ยกประโยชน์ให้ทั้งสองฝ่าย
 แต่หลังจากนั้น เพิ่งผ่านเรื่องนั้น ที่เติร์ดมันยังไม่โอเคกับมึงอ่ะ แล้วมึงก็พยายามทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ่น
 พยายามดึงไอ้อะไรที่ตอนนี้มันพลิกคว่ำคะมำหงายเพราะเรื่องคืนนั้นหวังให้ทุกอย่างมันเหมือนเดิม มองหน้าไอ้เติร์ดมันด้วย  ตอนที่มันวิ่งมาหามากอดร้องไห้มึงจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันแค่สมเพช รู้สึกผิด สงสาร โดยอาจจะไม่เหลือความรักให้มึงแล้วหะใอ้ค่ายย #อิน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: hikari_JH ที่ 27-08-2017 11:16:34
สั้นๆง่ายๆ "เจ็บ" :mew6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 27-08-2017 14:34:27
พล็อตเรื่องตอนนี้เจ้มจ้นที่สุดตั้งแต่อ่านมาเลย
ในแง่ของความรู้สึกสัมผัสได้เต็มๆเลย ว่าค่ายจะรู้สึกอย่างไร
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 27-08-2017 17:25:55
อ่านตอนนี้แล้วสงสารค่ายมากๆอ่ะ เหมือนค่ายรู้สึกว่าไม่มีคนอยู่ข้างๆแล้วเข้าใจอารมณ์นั้นเลย ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 27-08-2017 17:53:53
อ่านไปอ่านมาก็เห็นว่าเติร์ดบางทีก็ด่วนสรุปเกินไปนะ ขนาดมีคนมาบอกว่าค่ายไม่ได้เริ่มก่อนก็ไม่เชื่อ

บ้างทีเติร์ดต้องเข้าใจค่ายด้วยว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรกับเติร์ดแต่ตอนนี้พอรู้ว่าชอบก็พยายามปรับตัวเองเข้าหาให้มากขึ้น

เลิกนิสัยบ้างอย่างให้เติร์ดด้วยซ้ำ ทำดีด้วย อ้อนให้ทำนู้นทำนี่ ถ้าเป็นแต่ก่อนจะสนใจมั้ย

อยากให้เติร์ดคิดให้มากกว่านี้ทันเกมส์สาว ๆ ที่ชอบอ่อยหน่อย สู้ไปเลยแล้วถ้าค่ายยังไม่เลิกจริง ๆ ก็ตัดใจจบกัน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-08-2017 21:06:57
ขอบคุณ :(
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: hikari_JH ที่ 27-08-2017 22:26:21
 :mew6: ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: miejhx_ ที่ 28-08-2017 03:34:03
หงุดหงิดดดด หงุดหงิดตัวเอง ตอนที่แล้วก็เกลียดอิค่าย มาตอนนี้ดันสงสารมัน แต่รวมๆก็ยังสงสารไม่สุดอยู่ดี
นี่เข้าใจนะว่าค่ายมันตัวคนเดียว+โง่+สันดานเก่าอีก
เวลาแย่ก็ไม่มีคนอยู่ข้างๆ พอมีปัญหากับเติร์ดก็ดันโง่ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงอีก แล้วยังนิสัยเก่าที่เป็นใครเห็นภาพบี้ปากกับผู้หญิงก็ไม่มีทางเชื่อหรอกว่าไม่เล่นด้วย
แต่นี่ก็เข้าใจเติร์ดนะ รักก็รัก ตัดใจก็ยากแต่ต้องพยายาม
ยังคงทีมโหดน้อย ไม่ทีมค่ายแน่นอน เพราะนี่ว่าค่ายทำให้เติร์ดรู้สึกแย่หลายครั้งเกินไป ขนาดการมานั่งรอให้ยุงกัดเล่นนี่ยังทำให้เติร์ดรู้สึกผิดเลย
สาบานว่าถ้านี่เป็นเติร์ดเจออิค่ายนั่งพูดตัดพ้อแบบนี้ จะเดินเข้าไปตบหน้าสักฉาดก่อนแล้วบอกให้หยุดบ้าสักที5555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 28-08-2017 21:27:49
คือคนแต่ง เก่งมากเรื่องซีนอารมณ์

อ่านความรู้สึกเติร์ด ก็สงสาร
อ่านความรู้สึกค่าย ก็น่าสงสาร

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อึดอัด
รอคนแต่งมาต่อจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 16 [25/08/60] *หน้า41
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 29-08-2017 14:53:55
 “มันฉุกละหุกเนอะ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคราวหน้าไม่อยากให้กูไปด้วยก็โทรบอกก่อนนะ”

   “...”

   “บางทีกูก็สำคัญตัวเองผิดไง”


เจอประโยคนี้ไป กับสภาพของค่ายตอนนี้

ใจอ่อนหยวบเลย


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 30-08-2017 21:00:12


ตอนที่ 17
ชีวิตเดิมเริ่มใหม่



   ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เราสองคนยืนกอดกันแล้วปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไอ้ค่ายไม่ได้พูดหรือปลอบใจให้ผมหายสะอื้น มันแค่อยู่นิ่งๆ นานนับนาที กระทั่งเราผละออกจากกันถึงได้เห็นว่าดวงตาคมของคนตรงหน้ากำลังแดงก่ำ

   เจ้าตัวไม่ได้ร้องไห้ แต่สิ่งที่เห็นแม่งเจ็บกว่าการที่มันร้องฟูมฟายแล้วด่าทอผมจนกว่าจะพอใจเสียอีก

   “กู...ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้” คงไม่มีคำแก้ตัวใดๆ อีกแล้ว ผมจึงไม่อยากปฏิเสธ

   “เข้าใจ”

   “...”

   “เพราะกูเหี้ยมากใช่มั้ย พวกมึงถึงไม่มา” สิ้นสุดคำพูดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็คลี่ยิ้มบางๆ มาให้ ยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและถาโถมเข้ามาจนผมรู้สึกผิด

   “ไม่ใช่ มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด...ไอ้ทูกับไอ้โบนไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดเป็นความผิดของกูเอง” พูดแล้วน้ำตาผมมันก็พาลจะไหลอีก ไอ้ค่ายเลยเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

   สิ่งที่เป็นในตอนนี้ไม่ใช่มัน ไม่ใช่ค่ายคนเดิมที่เคยรู้จัก

   “มึงไม่ผิด กูเต็มใจที่จะรอเอง”

   “...” ผมพูดไม่ออก ตอนนี้จะบอกว่าทำอะไรไม่ถูกเลยก็ยังได้

   “มึงมากับใคร” เสียงทุ้มถามอีกครั้ง

   “คนเดียว”

   “เหรอ งั้นค่อยๆ ขับรถกลับเถอะ ถ้าเราไม่มีแพลนเดินทางในวันพรุ่งนี้แล้ว กูคิดว่าตัวเองคงต้องกลับห้องแล้วเหมือนกัน” เจ้าตัวก้มตัวลงไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายบ่า พร้อมกับหยิบสัมภาระหลายๆ อย่างขึ้นมา ผมใช้จังหวะนั้นคว้ากระเป๋าใส่กีตาร์ของมันเอาไว้ในมือ

   “กลับด้วยกันสิ” ตลอดหลายสัปดาห์ที่เราต่างหมางเมินกัน มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองต้องทรมานแค่ไหนกับการฝืนความรู้สึกไม่ให้รักไอ้ค่าย ฝืนจนรู้สึกเจ็บไปหมด นี่เหรอวะคือการหาทางออกให้กับตัวเอง

   “กูกลับได้เหรอ”

   “กลับ...ได้” น้ำเสียงที่ตอบกลับไปสั่นเทาเกินควบคุม

   “กลับได้จริงๆ นะ”

   “กลับได้แล้ว มึงไม่ต้องรอแล้ว”

   ร่างสูงพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามหลังผมด้วยความเงียบเชียบ เงียบ...จนรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ

   ไอ้ค่ายไม่ได้เอารถมา มันขนของทุกอย่างใส่แท็กซี่และมานั่งรอเพื่อนอีกสามคนตั้งแต่หกโมงเช้า คืนก่อนมันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผิดกับตอนนี้ที่สีหน้าดูเหงาหงอยลงไปมาก แหงล่ะ โดนทิ้งอยู่ที่สถานีรถไฟข้ามวันเป็นผมก็คงโกรธจนไม่อยากพูดด้วย

   หลังเจอตัวไอ้ค่ายผมรีบติดต่อหาเพื่อนแก๊งโหดอีกสองคนให้สแตนบายรอที่ห้องของผม ส่วนตัวเองก็หันไปจดจ่อกับการขับรถพามนุษย์โดนทิ้งกลับหลังจากพากันร้องไห้น้ำตาแตกที่สถานีรถไฟไปก่อนหน้านี้

   นี่มัน...วาไรตี้ออฟเรียลไลฟ์โคตรๆ

   “หิวมั้ย” เพิ่งนึกออกว่าไอ้ค่ายอาจจะรอจนไม่ได้กินอะไรผมเลยถามด้วยความเป็นห่วง

   “ก็หิวนะ”

   “ตอนเช้ากินอะไรมา”

   “ไม่ได้กิน”

   “ตอนกลางวันอ่ะ”

   “แซนด์วิช ไม่กล้าไปไหนกลัวมึงมาถึงแล้วไม่เจอ มือถือก็ปิดเครื่องไง” รู้สึกผิดอีกแล้วกู

   “งั้นแวะหาอะไรกินก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง เพราะเห็นร้านบะหมี่ตั้งอยู่แถวนั้นเลยถือโอกาสพาคนตัวสูงไปหาอะไรรองท้องก่อน กระเพาะไอ้นี่เที่ยงตรงเกินไป บางทีไม่มีอะไรตกถึงท้องผมกลัวว่ามันจะป่วยเข้า

   “เอาอะไร”

   “มึงสั่งให้หน่อย” ทิ้งท้ายไว้เสร็จสรรพก็ย่างเท้าไปรอที่โต๊ะด้วยสีหน้าซีดเซียว ทิ้งภาระให้ผมบอกเมนูที่เจ้าตัวมักกินประจำกับแม่ค้าแทน

   “ไม่สบายป่ะเนี่ย”

   “เปล่า แต่มึงยกโทษให้กูแล้วเหรอ”

   “กูไปโกรธมึงตอนไหน”

   “ตอนชิงชิงไง” ผมแทบจะรูดซิบปากทันควัน หันไปเหม่อมองท้องฟ้า รถรา และแสงไฟยามค่ำคืนเพื่อเบี่ยงประเด็น

   ไอ้เรื่องนั้นมันก็ยังตงิดใจอยู่บ้าง แต่พอเจอมันถูกทิ้งที่สถานีรถไฟผมก็ลืมทุกอย่างจนหมด อย่างน้อยก็ไม่เคยคิดไว้ว่าเพื่อนจะพากันเทมันขนาดนี้มาก่อน

   “ทุกอย่างที่กูพยายามมามันพังหมดเลย” ผมรู้สึกแย่มากที่ได้ยินประโยคนี้ของเพื่อนตัวสูง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเศร้าสลด ที่ผ่านมาเราเจ็บกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่ารัก

   “มีคนมาบอกกูว่าเขาเข้าหามึงก่อน ทำไมตอนนั้นไม่บอกวะ”

   “มึงไม่เชื่อกูหรอก”

   “แต่กูเห็นตำตา ไม่อยากจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

   “มันไม่ใช่แบบนั้น ตอนที่เขาโถมตัวเข้ามาหากู กูไม่เคยจูบเขากลับ แต่ขณะเดียวกันกูก็อึ้งจนทำตัวไม่ถูก มันไม่ได้เคลิ้ม ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากช็อก กว่าจะผลักเขาออกทุกอย่างที่กูพยายามทำมาก็ไม่เหลือแล้ว”

   ใช่! ไม่เหลืออะไรเลยในตอนนั้น แม้แต่ความไว้วางใจของผมที่มีให้อีกฝ่ายมาตลอดด้วย

   “กูแม่งเหี้ยเองที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่แบบนั้น เหี้ยเองที่หลังผละจากเขากูก็มีความคิดจะปิดบังมึงต่อไปด้วยความเห็นแก่ตัวที่ว่ากูไม่อยากเสียมึงไป แต่มันดันซวยที่มึงยืนอยู่ตรงนั้น ซวยที่มึงมาเห็นความเหี้ยของกูพอดี”

   “คืนนั้นถ้ากูไม่ออกมากับไอ้ทู วันนี้เราอาจดีกันอยู่ก็ได้ แต่กูก็แค่โง่ต่อไป”

   “กูเรียนรู้แล้วว่าต่อไปจะไม่ทำแบบนั้นอีก กูจะไม่โกหกมึง แม่งโคตรไม่มีความสุข จำได้ในวินาทีนั้นที่เห็นมึงวิ่งออกไป ใจกูมันหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว”

   “แถมมาเห็นกูจูบกับไอ้โบนพอดีเลยดิ”

   “อืม”

   “รู้สึกยังไง” ผมก็แค่อยากรู้...ในอารมณ์ชั่ววูบนั้น

   “โกรธจนอยากฆ่าให้ตาย โกรธตัวเองด้วยเนี่ย ทำเหี้ยไรไม่ถูกเลย” เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์มั้งที่ได้มานั่งนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วเคลียร์กันตรงๆ พอได้ระบายก็รู้สึกโล่งใจแปลกๆ หรือจริงๆ แล้วที่ผมรู้สึกอึดอัดมานานมันเกิดจากการปิดกั้นตัวเองและไม่ยอมรับฟังความเห็นของไอ้ค่ายกันแน่

   “บะหมี่มาแล้วค่า” คุยได้สักพักบะหมี่ก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ มือหนาเลื่อนชามของมันมาไว้ด้านหน้าผมก่อนจะพูดเสียงเบา

   “ปรุงให้หน่อย”

   “นี่กูมีเพื่อนหรือมีลูกชายอีกคนวะ”

   “เป็นอะไรก็ได้ขอแค่สำคัญสำหรับมึง” กูจะอ้วก เลยเบะปากใส่ขณะมือจ้วงตักเครื่องปรุงไม่ลดละ ไอ้ค่ายไม่ชอบอะไรเปรี้ยวๆ แต่กินเผ็ด ฉะนั้นก๋วยเตี๋ยวของมันเลยใส่แต่พริกป่นกับน้ำปลาเท่านั้น

    “เสร็จละ กินได้”

   “ขอบคุณคร้าบบบบ” น้ำเสียงเริ่มสดใสขึ้นทันทีที่ของกินถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า คนตัวสูงสวาปามซดโฮกอย่างรวดเร็วจนหมดในชามแรก และระหว่างรอชามที่สองมาเสิร์ฟผมจึงเลื่อนของตัวเองให้แม่งแดกแก้ขัดไป

   “ความจริงมันก็มีหลายอย่างที่ทำให้กูรู้สึกไม่ดีกับมึงมาสักพักแล้ว” และเพื่อไม่ให้ความสงสัยที่ค้างคาใจนานเกินกว่านี้ ผมจึงเอ่ยปากพูดออกไป

   “มีอะไรถามมาเลย”

   “วันออดิชั่นนักร้อง กูเห็นเพื่อนแซวมึงกับรุ่นน้องคนนั้น กูจำประโยคได้ไม่แม่นแต่เพื่อนฝ่ายโสตพูดประมาณว่ามึงชอบเขา” แม้ไม่เห็นว่าไอ้ค่ายทำหน้ายังไงอยู่ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็คงสนุกสนานกันเต็มแก่

   “คนที่พูดอ่ะชอบ แต่ไม่รู้จะลงที่ใครเลยเบี่ยงมาใส่กูต่างหาก”

   “แต่มึงก็ไม่ได้ปฏิเสธ”

   “รอฟังอยู่นานมั้ยเนี่ย”

   “นาน”

   “ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่เพื่อนในกลุ่มจะรู้ว่ากูทำหน้าไม่พอใจใส่มันอยู่”

   “แล้วเรื่องไลน์อ่ะ กูเห็นมึงแอบคุยกับเขา”

   “เพราะไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ”

   “นั่นแหละที่ทำให้ไม่สบายใจ เพราะมึงเลือกมีความลับกับกูมากกว่าพูดแบบนี้ไง”

   “งั้นอยากอ่านมั้ย” มือหนาหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

   “ไหนบอกแบตหมด”

   “เห็นพาวเวอร์แบงค์ของมึงอยู่ตรงเบาะหลังกูเลยหยิบมาเสียบ ถ้ามันทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มึงทำเต็มที่เลย” ใจจริงผมไม่อยากก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของไอ้ค่ายนัก แต่ชีวิตที่ผ่านมาของมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้วางใจได้ หากนี่เป็นคำตอบที่ทำให้ผมหายสงสัย มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุด

   ในคอนแท็กของคนตรงหน้ามีชื่อรุ่นน้องที่ชื่อชิงชิงอยู่จริง แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่ว่าเจ้าของไลน์นี้ถูกบล็อกไว้แล้ว

   ข้อความในอดีตที่ไอ้ค่ายคุยกับเขามีไม่มากนัก ผมเลื่อนขึ้นไปด้านบนสุดเพื่ออ่านตั้งแต่ประโยคแรกด้วยความรู้สึกอธิบายไม่ได้...


ChingChing
พี่ค่ายนี่ชิงชิงเอง
ที่เราเจอกันตรงห้องออดิชั่น

K.Khunpol
อ๋อครับ
ChingChing
วันนี้ขอบคุณมากนะคะ
ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการอัดเสียงชิงถามพี่ค่ายได้มั้ย

K.Khunpol
ครับ
ChingChing
ตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ
K.Khunpol
จะนอน
ChingChing
เหรอคะ งั้นไม่กวนแล้วนะ
K.Khunpol
ครับ
   

   ข้อความของวันนั้นจบลงตรงที่ไอ้ค่ายไม่สานต่อด้วยการตอบกลับใดๆ และทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยกันอีกจนกระทั่งเช้าวันใหม่ ทุกวันจะมีข้อความที่ส่งจากชิงชิงมาทักทายเสมอ ไอ้ค่ายก็ตอบสั้นๆ แค่ประโยคเรียบง่ายอย่างคำว่า ‘ครับ’ จนผมเองยังรู้สึกหงุดหงิดกับคนที่คุยด้วยเลย

   กระทั่ง...


ChingChing
เพื่อนพี่บอกว่าพี่ชอบชิง
K.Khunpol
ใคร
ChingChing
พี่เมฆฝ่ายโสต
K.Khunpol
อ๋อ จริงๆ ไอ้เมฆนั่นแหละชอบน้อง
พี่ไม่ได้ชอบ


   อ่านถึงตรงนี้แล้วผมรู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรบางอย่างไป หรือเพราะที่ผ่านมาระแวงมากเกินถึงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเรื่องทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

   ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาเลื่อนข้อความที่คนทั้งคู่พิมพ์คุยกันไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลานับเดือน ก่อนจับจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ว่าน้องเขาคงชอบไอ้ค่ายมากจริงๆ เพราะดูได้จากภาษาที่ใช้และการทักทายถี่ยิบเกินปกติ


ChingChing
วันนี้ฝ่ายโสตนัดเลี้ยงพี่ค่ายมามั้ย
มาเถอะนะ มีอะไรสนุกเพียบ
ช่วงนี้เงียบหายไปเลย เป็นอะไรหรือเปล่า
พี่ค่าย

K.Khunpol
วันนี้ไม่ว่าง แต่คนอื่นไปครบนะครับ
ChingChing
อยากให้ไปด้วยกัน
นานๆ จะได้สังสรรค์กันสักที
เราเหนื่อยกันมามากแล้ว

K.Khunpol
ชิง พี่ว่า...
เราเลิกคุยกันแบบนี้เถอะ
ChingChing
ชิงทำอะไรผิดรึเปล่า
K.Khunpol
พี่มีคนที่ชอบแล้ว กำลังตามจีบอยู่
เพื่อนพี่ชื่อเติร์ด ถ้าชิงยังจำได้
พี่ไม่อยากให้เติร์ดไม่สบายใจ
ChingChing
เข้าใจค่ะ
แต่พี่เติร์ดก็คงไม่ห้ามไม่ให้พี่มาใช่มั้ย
วันนี้เป็นงานของฝ่ายโสต พี่จะไม่มาเลยเหรอ



   ข้อความตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงเท่านี้ ถึงแม้ไอ้ค่ายไม่ตอบกลับข้อความของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายมันก็ไปฉลองกับฝ่ายโสตอยู่ดี ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้ทั้งหมด จนมาถึงจุดที่เราไม่เข้าใจกันในวันนั้น

   “มึงน่าจะบอกกูให้เร็วกว่านี้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

   “อยากบอกมานานแล้ว แต่มึงไม่เปิดโอกาสให้กูได้ทำแบบนั้นเลย”

   “...”

   “เราทะเลาะกันเป็นอาทิตย์ มีมึงอยู่ใกล้แต่ก็เหมือนโคตรไกล แถมยังปิดกั้นกูอีกต่างหาก”

   เพราะตอนนั้นมันเจ็บมากไง เจ็บจนไม่อยากรับฟังอะไร มีแต่เพื่อนเนี่ยแหละที่คอยพูดกรอกหูพร้อมกับปลอบใจว่าสิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่เรื่องจริง ผมเลือกฟังแค่นี้โดยไม่คิดจะฟังคำอธิบายจากปากของไอ้ค่ายสักนิด

   สุดท้ายกลับพบว่าความคิดนั้นมันแย่บรม

   “ขอโทษ”

   “มึงไม่ได้ผิดเติร์ด กูเหี้ยเองจำไม่ได้เหรอ”

   “ขอโทษที่ไม่เชื่อใจมึง และขอโทษที่วันนี้กูทิ้งมึงไว้”

   “อืม...พวกมึงแม่งปิดมือถือหมด กูเป็นห่วงนะ กลัวจะเป็นอันตราย”

   “ทุกคนปลอดภัยดี จริงๆ แล้วกูก็แค่ไม่อยากเจอมึง”

   “ตรงประเด็นฉิบหาย แล้วไอ้ทูกับไอ้โบนอ่ะ อย่าบอกนะว่ามันก็เกลียดกูด้วย”

   “เปล่า ไอ้ทูตั้งใจอยู่เป็นเพื่อนกู ส่วนไอ้โบนเข้าใจว่ากูจะไปเลยเปิดโอกาสให้เราได้ปรับความเข้าใจกัน สุดท้าย...”

   “กูโดนทิ้ง ขอบคุณครับบบบบบบบ” คนตรงหน้านั่งเดาะลิ้นเสียงดังเป๊าะ เห็นท่าทางแบบนี้กูไม่สงสารละ อยากขอน้ำตาที่เสียไปคืน

   “คิดซะว่าเป็นความฝันละกันนะ” ได้แต่พูดปลอบใจแค่นั้น

   “ฝันร้ายหรือฝันดีล่ะ”

   “คงฝันร้าย เพราะมึงรอนาน”

   “ไม่หรอก ฝันร้ายของกูคือการไม่มีมึงอยู่ต่างหาก”

   เอาซะกูไปไม่เป็นเลย ไม่มีอะไรให้จิ้มด้วยดิ ตอนนี้มือว่างมาก บิดตัวก็ไม่ได้เดี๋ยวไอ้ค่ายรู้ว่าเขิน นี่กูไบโพลาร์สัดๆ เลยนะเพราะก่อนหน้ายังอึนๆ กับมันอยู่เลย

   “เขินเหรอ”

   “เปล่า”

   “ดีละ กูพูดไม่จริง”

   “สัด”

   “แต่ถ้าได้รักกันจริงกูคงกราบกาแฟดำกับ M150 ที่ช่วยให้กูอยู่รอดในชานชาลาจนได้มาเจอมึง” นี่มันสูตรฮีลร่างกายยามสอบเลยนี่หว่า

   “ไหนบอกไม่ลุกไปไหนไง”

   “ตอนนั้นเดินไปเยี่ยวเลยจำต้องแวะซื้อมา คือถ้าไม่ปวดเยี่ยวกูก็นั่งรออยู่ที่เดิมแหละ รู้ป่ะ ตอนนั้นกูแม่งโคตรเหมือนตัวเอกที่มีกล้องดอลลี่อยู่ตลอดเวลาเลยนะเว้ย”

   “ตั้งใจพูดเพื่อปลอบใจหรือตอกย้ำกูกันแน่”

   “ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเลย แต่ไว้ทริปหน้า...”

   “ฮึ?”

   “ไว้ทริปหน้ามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ”

   “อือ”

   “มึงเคยบอกว่าอยากทำหนังสั้นแนวแฟนตาซีตอนจบปีสี่ ส่วนกูไม่เคยคิดอะไรเอาไว้ จนระหว่างที่นั่งรอมึงอยู่ตรงชานชาลากูก็คิดออก” ก๋วยเตี๋ยวชามที่สามเสิร์ฟลงบนโต๊ะ ไอ้ค่ายจับตะเกียบไว้มั่นแล้วคีบบะหมี่เข้าปากแทบจะทันที

   “คิดอะไรควายๆ ออกอีกอ่ะ” คือกูอยากฟังมากกว่านั่งมองมึงแดกตะกละตะกลามอยู่แบบนี้

   “กูอยากเล่าช่วงเวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งรอคนรักของเขาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนๆ นั้นจะโผล่มาเมื่อไหร่ แล้วอยู่ดีๆ ก็เสือกโดนฆ่าตายซะก่อน ตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่ชานชาลา โดนยิงตายแล้วตื่นแบบวนลูป”

   “สัด นั่น Edge of tomorrow”

   “จุดประสงค์ไม่ได้ทำเพื่อก๊อปหนัง แต่จะเอาไว้ตอกย้ำมึงว่าทำให้คนอื่นรอซ้ำซากต่างหาก”

   “โคตรเลว”

   “กูบันทึกเสียงไว้ด้วยนะ อยากฟังป่ะ”

   กลายเป็นผมต้องมาลุ้นอีกเนี่ยว่าจะโดนไอ้ค่ายด่าเป็นภาษาอะไรบ้าง นี่โดนทิ้งมาเกือบวัน ไม่แน่อาจผูกใจเจ็บเอาไว้เยอะ ยิ่งเจอข้อความเสียงเป็นสิบก็ถึงกับร้องโอ้โห ทำไมมึงด่ากูไม่บันยะบันยังขนาดนี้วะ

   “นี่มึงจะฆ่ากูเลยป่ะเนี่ย เยอะฉิบหาย”

   “อัดอั้นตันใจ”

   นาทีนี้ทำใจดีสู้เสือกดเข้าไปที่บันทึกข้อความแรกพลางเหลือบตามองคนที่ก้มหน้าก้มตากินไปด้วย ไอ้ค่ายทำท่าเหมือนไม่สนใจ ผมเลยพุ่งประเด็นมาที่การฟังข้อความจากมือถือแทน


ข้อความเสียงที่หนึ่ง
8 นาฬิกาเวลานัดหมาย ที่นี่คนเดินพลุกพล่านมาก
กูนั่งรอพวกมึงอยู่ตรงชานชาลาหมายเลข 7 ช่วยรีบมาเร็วๆ ดิวะ เดี๋ยวก็ตกรถไฟหรอก


ข้อความเสียงที่สอง
9 โมง ไม่รู้ว่านาฬิกาบ้านแม่งตายหรือเปล่าเพราะตอนนี้รอสองชั่วโมงแล้วยังไม่ยอมโผล่มาสักที
เสียงประกาศดังขึ้นแล้ว รถไฟที่เราต้องนั่งเคลื่อนผ่านไป สมน้ำหน้า...พวกมึงตกรถไฟ


ข้อความเสียงที่สาม
ไอ้สัด 10 โมงแล้วครับไปตายห่าที่ไหนกัน หัดรับโทรศัพท์กูบ้าง


   “ด่าเก่งจังวะ”

   “คลายเครียด”


ข้อความเสียงที่สี่
11 นาฬิกาไร้วี่แววของเพื่อนพ้อง หรือกูควรกลับไปตั้งหลักใหม่


   “แล้วทำไมไม่กลับตั้งแต่ตอนนั้น”

   “เพราะกลัวว่าถ้ามึงมาแล้วไม่เจอจะเสียใจไง”

   “แล้วรอแบบนั้นไม่เสียใจกว่าเหรอ”

   “ถ้าใครสักคนต้องเสียใจ ให้คนคนนั้นเป็นกูเถอะ”


ข้อความเสียงที่ห้า
เที่ยงวันตรงเผง กระเพาะกูร้องดังมากเลยต้องกินแซนด์วิชที่ซื้อติดกระเป๋ามา
พวกมึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ รถยางแบนเหรอ กูเป็นห่วง...


ข้อความเสียงที่หก
บ่ายโมง กูไม่กลัวว่าจะตกรถไฟ หรือรถไฟขบวนไหนจะออกจากชานชาลาอีก
กูกลัวแค่ว่าพวกมึงจะไม่โผล่มามากกว่า


   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 30-08-2017 21:01:43

   ผมนั่งฟังข้อความทั้งหมดในมือถือนับสิบข้อความ ไอ้ค่ายบันทึกเสียงทุกๆ หนึ่งชั่วโมงเพื่อบอกความคิดและสถานการณ์ในตอนนั้น การเฝ้ารอทรมานผมรู้ดี และคิดว่าคนที่กรอกเสียงลงไปนั้นกระวนกระวายแค่ไหนที่ถูกทิ้งให้เคว้งอยู่ลำพัง

   จนกระทั่งหกโมงเย็น ผมก็ไม่ได้ฟังข้อความที่บันทึกเอาไว้อีก

   “แบตหมดน่ะ” เสียงทุ้มบอกอย่างรู้ทัน

   “เหรอ บันทึกเสียงจนแบตหมด”

   “เปล่าหรอก กูโทรจนแบตหมดเลยต่างหาก”

   “ไหนบอกว่าไม่ได้โทรตามกูไง”

   “โทรหามึงแค่ครั้งแรก พอรู้ว่าปิดเครื่องเลยไม่โทรตามอีก กลัวว่ามึงจะรำคาญ เลยหันไปโทรตามมึงจากเพื่อนในเอกแทน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามึงไปไหน ในใจมันกลัวฉิบหายว่ามึงจะเป็นอันตราย รู้มั้ยว่าก่อนหน้าที่รอกูแม่งห่วงว่าตัวเองคงถูกทิ้งแน่ๆ โกรธไปสารพัด”

   “...”

   “แต่พอหลังจากนั้นกูกลับห่วงพวกมึงมากกว่า กลัวว่าจะเป็นอันตราย กลัวไปต่างๆ นานา รู้ตัวอีกทีก็ตอนรุ่นพี่ในคณะโทรมาบอกว่าเจอมึงกับไอ้ทูอยู่ที่ห้างเนี่ยแหละ ใจมันก็โล่งไปเปราะหนึ่ง เอาแต่ปลอบใจว่าเดี๋ยวพวกมึงก็คงมาเลยอยู่ต่อ”

   “ไอ้สัด มึงแม่งหลอกตัวเอง”

   “เออไง แล้วรู้มั้ยว่าถ้าแบตไม่หมดกูจะพูดกับมึงว่ายังไง”

   “ด่ากูมั้ง แบบ...ด่าประโยคที่เจ็บที่สุดเท่าที่มึงเคยพูดมา” เดาว่าอย่างนั้น ไอ้ค่ายรู้ตั้งแต่เย็นแล้วว่าเหตุผลที่ผมไม่มาตามนัดไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ แต่ผมแค่ไม่อยากไป

   “งั้นฟังข้อความที่สิบเอ็ดนะ”

   “ไอ้เหี้ยเติร์ด!”

   “...”

   “ดีแล้วที่มึงไม่เป็นไร กูจะรออยู่ที่เดิม”

   ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมมาลูบหัวผมด้วยความเอ็นดูพร้อมกับฉีกยิ้ม กลายเป็นกูเองเนี่ยแหละที่รู้สึกผิดไปเองเหมือนกรรมตามสนอง

   และผมรู้...

   รออยู่ที่เดิมไม่ใช่สถานที่ หากแต่เป็นความรู้สึกมากกว่า

   “แล้วมึงรู้มั้ย ตอนที่ไอ้โบนเดินมาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าไม่ได้ไปเที่ยวกับมึงกูรู้สึกยังไง”

   “สมน้ำหน้าเหรอ” ผมส่ายหัว

   “รู้สึกเจ็บ”

   “...”

   “ในใจกูได้แต่บอกว่ารีบกลับไปเถอะ ขอให้มึงอย่ารออยู่เลย”

   “แต่กูก็รอมึง เพราะหวังว่าถึงแม้จะไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน แต่อย่างน้อยเราก็ได้กลับบ้านด้วยกันอยู่ดี”

   “มึงรออยู่ตรงนั้นนานมากกว่ากูจะมา”

   “อือฮึ”

   “คืนนี้ไปนอนที่ห้องกูมั้ย” ไม่ได้ชวนนะ แค่ถาม...

   “ก็ตั้งตารอให้มึงพูดคำนี้อยู่เหมือนกัน งั้นกินเสร็จแล้วไปห้องมึงเถอะ กูอยากนอนจะแย่” ไอ้ค่ายกินเร็วกว่าปกติทั้งที่แต่เดิมมันก็กินเร็วอยู่แล้ว ทันทีที่จ่ายเงินเสร็จผมจึงขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด ที่ที่มีเพื่อนอย่างไอ้โบนกับไอ้ทูรออยู่ตรงนั้นด้วย

   หลังจากไขประตูเข้าไป ไอ้ค่ายก็ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนอีกสองคนอย่างเต็มที่ด้วยการกระโดดขึ้นไปเกาะตัวมันแล้วล็อกคอจนแน่น

   “ไอ้ควายค่ายกูขอโทษษษษษ”

   “ปล่อยกูสัด อัก! ปล่อย!” ผมมองร่างสูงดิ้นพล่านไปมา ก่อนเพื่อนสองตัวจะลากบุคคลโดนทิ้งไปยังห้องนั่งเล่นและกระโดดทับจนได้ยินเสียงโอดโอยดังขึ้นมาไม่ขาด

   มันสามตัวเป็นพวกเล่นแรง แต่บางทีกูก็คิดนะว่านอกจากโดนทิ้งแล้ว ทำไมมันต้องโดนทำร้ายให้เจ็บปางตายเป็นการตอบแทนด้วยวะ กว่าจะเคลียร์กันเสร็จก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เตะกันสิบห้านาที ส่วนอีกสิบห้านาทีที่เหลือแม่งหมดไปกับการยืนด่ากัน นี่ก็เพิ่งจับเข่ามานั่งคุยกันดีๆ ได้

   ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมเอกที่ติดต่อมาหาไอ้โบน เพราะหลังจากเปิดเครื่องมันก็ได้พบความจริงที่เจ็บปวดว่าเราได้ทิ้งเพื่อนคนหนึ่งให้รออยู่ที่สถานีรถไฟนานนับสิบชั่วโมง   

   “สรุปมึงหายโกรธกูแล้วใช่มั้ยเพื่อน” ไอ้โบนเอ่ยถามพลางยิ้มสู้

   “มึงคิดว่ากูควรตอบว่าไงพวกเหี้ยเอ๊ย บางทีถ้าจะเบี้ยวนัดช่วยโทรมาบอกกูด้วยครับ คนรอแม่งทรมาน”

   “ก็ส่งไอ้เติร์ดไปกู้หน้าแล้วไง มันห่วงมึงจะตาย”

   “ตอนไหนวะ” ผมแหวใส่ทันที นั่งจับเข่าคุยกันอยู่สามคน สุดท้ายก็วกกลับมาพาดพิงผมอีกจนได้

   “โหยยยย ตอนมันรู้ว่ากูไม่ได้ไปด้วยมันแม่งรีบเหยียบรถไปหัวลำโพงเลย จ้า! ไม่ห่วงเลยจ้า” ประชดบวกแดกดันนี่สันดานไพร่ไอ้โบนเลยครับ รู้สึกคันตีนอยากกระทืบคนแถวนี้ขึ้นมาเฉย

   “แล้วจะกลับกันได้ยังอ่ะ ตีสี่กว่าแล้วเนี่ย”

   “แหมไอ้เติร์ด ไล่กูสองคนเพื่อจะได้สวีตกับขุนพลเหรอครับ”

   “อย่ามาตลกไอ้ทู กูง่วงจะตายห่าละ มีอะไรค่อยมาคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้”

   “เคๆ งั้นกูไปนอนก่อนละ มึงสองตัวก็...อย่าจิ้มๆ กันก่อนซะล่ะ เดี๋ยวไม่ลุ้น” เลว! ผมบ่นตามหลังไอ้ทูกับไอ้โบนจนถึงหน้าประตู ไม่นานความเงียบงันก็กลับมาอีกครั้งเมื่อในห้องเหลือเพียงผมกับไอ้ค่ายที่เอาแต่มองหน้ากันเลิกลัก

   “กูจะไปเปลี่ยนเสื้อใหม่”

   “เปลี่ยนกางเกงด้วยดิ”

   “คิดหื่นอะไรอีกเนี่ย”

   “อะไร กูเป็นห่วงมึงนะกลัวจะมีกลิ่นบะหมี่ติดกางเกงไง” สีหน้าแม่งดูสัปดนมากครับ กูเชื่อก็โง่สุดๆ ละ

   “เดี๋ยวกูจัดการเอง”

   “เปลี่ยนตรงนี้เลยจะได้ไม่เสียเวลา”

   “เวรเถอะ”

   “หากางเกงขาสั้นมาใส่ได้มั้ย ชอบความเซ็กซี่อ่ะ”

   “ไม่มี”

   “กางเกงบอลก็ได้”

   “กูจะนอน ไม่ได้จะออกไปเตะบอล ส่วนมึงไปอาบน้ำก่อนเถอะ ผ้าเช็ดตัวก็อยู่ในตู้เหมือนเดิม” พูดจบก็ส่งสายตาขวางๆ ออกไปให้ด้วยเผื่อมันจะได้สงบปากสงบคำไว้บ้าง เดี๋ยวนะ! ก่อนหน้าที่เจอกันตรงสถานีรถไฟสภาพอย่างกับหมาโดนเจ้าของทิ้ง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเฉย

   “อาบน้ำด้วยกันอีกรอบมั้ย เผื่อกูจะช่วยขัดหลังให้” สาระแน! ความรักระหว่างผมกับมันจะไปกันรอดจริงเหรอวะ ดูจากสภาพไม่น่าจะไหวเพราะความหื่นของไอ้ค่ายมักมาเป็นพักๆ

   “รีบไสหัวไปได้แล้ว รำคาญ”

   “โอเคๆ”

   “อย่าอาบนานล่ะเดี๋ยวหรรมยุ่ย” ผมสำทับไปอีกรอบเป็นเชิงติดตลก

   “ห่วงน้องชายกูไม่แข็งตัวก็บอก” และไอ้ค่ายก็ตอบกลับมาแบบที่กูไม่ตลกอีกเช่นเคย คิดต่างเชิญทางอื่น คิดหื่นเชิญทางนี้

   สิบนาทีให้หลังคนตัวสูงก็เดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เป็นของผม เจ้าตัวกดปิดสวิตช์ไฟอย่างรู้งาน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วโดยไม่ถามความเห็นเจ้าของเตียงอย่างผมก่อน แถมมันยังถือวิสาสะรวบตัวผมเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงโดยไม่ถามสุขภาพกูสักคำด้วย

   “กูอึดอัด นอนดีๆ ได้มั้ยวะ”

   “ก็คนมันมีความสุขอ่ะ นึกว่าจะได้นอนที่หัวลำโพงซะละ”

   “รู้งี้กูให้มึงนอนที่นั่นก็ดี”

   “เดาว่าคนแถวนี้คงนอนร้องไห้”

   “ไม่ได้อยู่ในจุดที่เอะอะก็ปล่อยโฮขนาดนั้นมั้ย” แม้ความเป็นจริงจะใกล้เคียงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็ตาม หมดกันความคูลที่สั่งสมมา

   “โอเคมึงแม่งโคตรเข้มแข็ง โคตรเท่ เพราะงั้นคืนนี้ช่วยเป็นหมอนข้างให้หน่อย พอดีกูชอบนอนเด้าหมอนข้างอ่ะ”

   “ไอ้ฉิบหาย”

   “มีหลายอย่างที่กูชอบแล้วมึงยังไม่รู้ บางทีกูอาจหยิบมันเข้าไปเขียนในบทตอนทำหนังสั้นปีสี่ เช่น การนอนเด้าหมอน ขย่มพื้น เทคนิคโลกสวยด้วยมือเรา การมองนมผู้หญิงในมิติอิโรติก” นี่แม่งคือศาสตร์ห่าเหวอะไรวะ เอาจริงๆ ชีวิตผมต้องมาเจอคนแบบนี้ตามจีบจริงเหรอ สำคัญที่สุดคือกูชอบมันก่อนด้วย

   “ค่าย มึงช่วยหยุดพูดเรื่องแบบนี้ได้มั้ยวะ กูจะอ้วก”

   “งั้นเล่าช่วงเวลาสับสนของกูก่อนจะมารักมึงให้ฟังเอามั้ย”

   “ไร้สาระน่า”

   “รักกับมึงไม่ไร้สาระนะ”

   “มีอะไรก็เล่ามา”

    “ความรู้สึกตอนที่รู้ว่ามึงชอบกูครั้งแรก แม่งอาการเหมือนคนหูดับเลยว่ะ จะบอกว่าไม่เชื่อหูตัวเองก็คงประมาณนั้น รับไม่ได้ สับสน โกรธ สารพัดจะรู้สึก บางทีก็อยากเดินเข้าไปบอกมึงตอนนั้นเลยว่าอย่ารักกูเลย กูดูแลของสำคัญไม่เป็นหรอก” ความรู้สึกในอดีตถูกเล่าเป็นฉากๆ แต่ผมก็เดาถูกตั้งแต่แรกว่าไอ้ค่ายคงคิดแบบนั้นอยู่แล้ว

   เพราะฉะนั้นเลยไม่โต้เถียงหรือถามกลับ นอกจากฟังความในใจของอีกฝ่ายเงียบๆ เท่านั้น

   “ขนาดกระเป๋าตังค์กูยังทำหาย รถกูก็ทำพังไปไม่รู้กี่คันก่อนจะมาใช้ชาวี นับประสาอะไรกับใจมึง ให้กูดูแลสักวันหนึ่งก็คงพังคามือกูแน่ๆ”

   “พังก็พังดิ”

   “ตอนนั้นกูเหี้ยมากนะ ยอมพังจริงเหรอ”

   “กูเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว ถึงรู้ว่าสักวันหนึ่งมึงรักษาใจกูไม่ดี มันก็คือปัญหาของกูที่ต้องดูแลเอง กูรักมึงได้ก็ต้องฮีลตัวเองจากความเจ็บปวดได้ นั่นคือสิ่งที่กูคิดเมื่อนานมาแล้ว ต่างจากตอนนี้...” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กลไกการป้องกันของผมไม่ได้อยู่ที่การฮีลหลังผ่านอะไรมา แต่หมายถึงจะไม่เปิดโอกาสให้มันเกิดขึ้นจนรู้สึกเจ็บมากกว่า แล้วเป็นไง

   ...ทำไม่ได้อยู่ดี…

   “ต่างจากตอนนี้ที่กูทุ่มเทกับการรักมึงสุดตัว ขณะที่มึงยังคงลังเลใช่มั้ย” ไอ้ค่ายกำลังเดาความคิดของผม

   “กูไม่ได้ลังเล กูแค่ไม่ไว้ใจมึง”

   “ก็กำลังพิสูจน์ตัวเองให้มึงเห็นอยู่นี่ไง”

   “บี้ปากผู้หญิงเนี่ยนะ ที่ให้อภัยเพราะเห็นมึงไม่เล่นด้วยหรอกถึงให้โอกาส ไม่อย่างนั้นก็คงจบกัน แม้แต่คำว่าเพื่อนยังไม่อยากคิดเลยว่าจะเหลือหรือเปล่า”

   “โชคดีที่กูยังได้รับโอกาสนั้น ขอบคุณนะเติร์ด”

   “ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอบคุณ”

   “ขอบคุณดิ อย่างน้อยก็มีโอกาสได้รัก”

   แล้วไอ้ค่ายก็ชักแม่น้ำทั้งห้าเล่าเรื่องผู้หญิงในอดีตต่อเกือบชั่วโมงเหมือนเด็กร้อนวิชา แต่กูก็เก่งนะครับที่ทนฟังมันจนถึงตอนนี้ได้

   “ง่วงยัง ถ้าง่วงก็หลับไปได้เลยไม่ต้องฟังหรอก” มันถามเหมือนรู้ทัน แต่วงแขนหนาหนักยังคงกอดผมเอาไว้แน่นไม่คิดปล่อยให้เป็นอิสระสักที

   “ยัง” แม้ตอนพูดออกไปน้ำเสียงจะกลั้วน้ำลาย และสายตาจะเต็มไปด้วยความง่วงงุนแค่ไหนก็ตาม ทำไมวะ ทำไมถึงต้องทนฟังเรื่องเล่าบ้าบอจากมันด้วย

   “นอนได้ไม่ต้องโกหก”

   “ยังไม่ง่วงเลย”

   “นี่ถามจริง”

   “อือ”

   “สรุปแล้วมึงอยากรู้เรื่องความรักที่ผ่านมา หรืออยากรู้เรื่องของกูกันแน่”

   ทำเป็นรู้ดี! แต่ก็คง...เป็นอย่างหลังมากกว่าแหละมั้ง

   











   ทริปเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปสุราษฎร์ฯ พังลงไม่เป็นท่าหลังจากต่างคนต่างเบี้ยวนัดจนไอ้ค่ายโดนทิ้งไว้ที่สถานี แล้วรู้มั้ยว่าแก๊งโหดหาข้อดีของการพลาดทริปครั้งนี้ด้วยเหตุผลอะไร

   ฝนไม่ตก

   ใช่ครับ เพราะทริปของเราคือต้องมีเพื่อน รถไฟ และสายฝน ถ้าไม่มีฝนแม่งคงไม่อิน นั่นคือเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนปัจจุบันฝนตกทุกวันจนรองเท้าแฉะ

   ทางคณะนิเทศศาสตร์และทีมกองละครเวทีจัดผังตารางการขายบัตรใหม่ ถึงแม้ว่าความคืบหน้าของละครจะไปไม่ถึงไหน แต่เพื่อหางบเข้าคณะให้มากที่สุดเนื่องจากเงินของฝ่ายสวัสดิการเริ่มร่อยหรอ เราจึงต้องมีการเปิดขายบัตรรอบพรีเซลขึ้นก่อน

   รอบนี้จะเปิดจองที่แฟนเพจของละครเวทีนิเทศฯ แต่ตอนรับบัตรเราจะแบ่งคนไปตามจุดต่างๆ เพื่อขายบัตรและรับเงินในตอนนั้นเลย ซึ่งหน้าที่หลักเป็นของฝ่ายพีอาร์ แต่เนื่องจากว่าคนไม่พอเลยต้องระดมนักแสดงไปเรียกกระแสด้วย แม้แต่นักแสดงเก่าอย่างไอ้ค่ายก็ต้องออกโรง

   ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ เราก็มีการนัดรวมพลเพื่อรับบัตรที่คนดูจองทางแฟนเพจมาแจกจ่ายกันก่อน

   “ต้องช่วยกันขายบัตรให้ได้ตามเป้านะ ไม่งั้นเข้าเนื้อ” เฮดฝ่ายพีอาร์กำชับเสียงเข้ม ปีนี้วิกฤตหนักกว่าทุกปีจริงๆ

   “ไอ้ฟาน มึงก็ช่วยใช้หน้าหล่อๆ ของมึงหลอกล่อสาวๆ มาด้วย” พระเอกของเรื่องพยักหน้าหงึกหงัก แบกละครเอาไว้ทั้งเรื่องไม่พอยังต้องแบกหน้ามาอ่อยชาวบ้านเพื่อหาเงินอีก ไม่เหลือแล้วศักดิ์ศรีอ่ะ แม่งแดกไม่ได้

   “ขอเสนอว่าแต่ละจุดควรมีแบ็กดรอปของละครเราไปด้วยนะ จะได้เป็นการประชาสัมพันธ์”

   “ดีๆ มีใครเสนออะไรอีกมั้ย”

   “ผมมีวิธี เอา nmd ไอ้ค่ายไปขายสิ รุ่นนั้นปล่อยมือสองได้หลายหมื่นเลยนะ”

   “นั่นของก๊อป”

   “ตอแหล!!”

   “นี่กูไง ค่ายอะราวด์เดอะเวิร์ล” การโต้เถียงของไอ้ค่ายกับไอ้ทูทำให้คนฟังนั่งเกาหัว นอกจากไม่ช่วยแล้วยังทำให้ชาวบ้านเขาเสียเวลากันอีกว่ะ

   “รำคาญว่ะ รีบแยกย้ายไปเถอะก่อนที่ฝนจะตก ฟ้ามืดแล้วเนี่ย” พี่เชนทร์เป็นฝ่ายจบประเด็น เราจึงแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย คนได้จุดอินดอร์หน่อยก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าโชคร้ายก็คงเป็นแก๊งโหดเนี่ยแหละที่ถูกเตะมาอยู่โซนหน้าหอสมุด เข้าไปข้างในก็ไม่ได้ แถมลุงยามยังให้ใช้พื้นที่แค่เพิงหมาแหงน หลบแดดฝนได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น

   ซ่า!!

   “นั่นไง เทลงมาละแม่ง” ดีที่ขนแบ็กดรอปและสัมภาระมาหมดแล้ว เราสี่คนเลยยื่นเรียงแถวหน้ากระดานหลบฝนไปก่อน

   “ทำยังไงก็ได้ให้ฝนหยุดตกเถอะว่ะ” ไอ้ทูจุดประเด็นขึ้น

   “ให้ไอ้เติร์ดไปปักตะไคร้ดิ มันยังซิงอยู่”

   “สังคม...กูกลัวจะแล้งไปถึงชาติหน้า” พูดขนาดนี้ก็ต่อยตัวๆ กับกูเถอะเชี่ยทู

   “ทำอย่างนี้ดิ” คราวนี้ไอ้ค่ายเสนอบ้าง แต่มันไม่ได้พูดอย่างเดียวเพราะเล่นเอื้อมมือด้านๆ มาดึงแก้มของผมจนยืดด้วย

   “ทำแบบนี้ฝนจะได้ไม่ตกเหรอวะ” ไอ้โบนถามอย่างสงสัย เอาจริงๆ กูก็สงสัยด้วย เจ็บด้วยเนี่ย

    “เปล่า แค่หมั่นเขี้ยวไอ้เติร์ดเฉยๆ”

   “โว๊ะ เกินไปมั้ยคนเราอ่ะ” ผมรีบปัดมืออีกฝ่ายออกจากหน้าอย่างเคืองๆ ฝนตกขนาดนี้คงไม่มีคนโง่ฝ่ามารับบัตรชื้นๆ ถึงตรงนี้หรอก แต่จะให้ยืนเตะน้ำที่สาดเข้ามาตรงปลายตีนหรือเหม่อมองหลังคาที่มีเม็ดฝนหล่นกระทบพื้นไม่รู้จบก็คงจะอินดี้กันเกินไปหน่อย เพราะงั้นไอ้ทูเลยเป็นฝ่ายหาเรื่องชวนคุย

   “ฝนตกแบบนี้คิดถึงเมื่อปีก่อนเลย วิ่งฝ่าฝนกันมาเรียน”

   “อ๋อ กูจำไอ้เติร์ดได้ แม่งยังเอาเชือกผูกรองเท้าห้อยคอแล้ววิ่งตีนเปล่ามาคณะอยู่เลย”

   “ทำไมกูไม่รู้เรื่องวะ” จู่ๆ ไอ้ค่ายก็พูดขึ้น ผมสามคนเลยหันขวับไปมองมันก่อนจะระลึกความทรงจำในอดีต

   “ตอนนั้นมึงติดเมียป่ะวะ จำได้ว่าโดดคลาสบ่อยกว่าเข้าเรียนอีก” และไอ้โบนก็เป็นคนไขความกระจ่างให้ ตอนนั้นอย่าพูดว่าไอ้ค่ายติดเมียเลย ติดนมมากกว่า เพราะมันไม่ได้ควงคนเดียวแต่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่ากางเกงใน

   นับเป็นช่วงที่ชอกช้ำระกำใจที่สุดในชีวิตผมแล้วมั้งครับ ปีสองเทอมสอง ช่วงเวลาที่พีคสัดๆ ของการมีความรัก

   “ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เลยมั้งว่าไอ้เติร์ดชอบมึง รู้งี้จีบก่อนก็ดี ปากแม่งนุ่มฉิบหาย”

   “ไอ้โบน ไอ้สัด!” ถ้าไม่ติดว่าผมยืนคั่นกลางอยู่มันทั้งคู่คงถลาเข้าไปคลุกวงในกันเรียบร้อย แต่ทำไมประเด็นต้องพุ่งเป้ามาที่กูอีกวะ

   “เติร์ดแม่งจูบกูเอง”

   “แล้วมึงก็โดนกูต่อยต่อไงจำได้มั้ย”

   “จำได้ลางๆ แต่เพราะจูบไอ้เติร์ดหวานเลยจำได้ดีกว่า”

   “ฆวย”

   “ทีมึงยังอยากทำมิดีมิร้ายไอ้เติร์ดเลย”

   “นั่นสิทธิ์ของกู มึงเป็นแค่เพื่อนอย่าเจ๋อครับ”

   “เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ กูไม่ชอบ” ทุกเสียงเงียบลงถนัดตา หลังจากผมเป็นฝ่ายหยุดประเด็น แหมมึง...คุยกันข้ามหน้าข้ามตาไม่เกรงใจกูเลยนะ

   “ทำยังไงถึงจะชอบ” ไอ้ค่ายถามต่อ

   “ซื้อรถใหม่ให้กูสิ เอาแบบสปอตเท่ๆ ราคาสิบล้านอัพ”

   “มึงชอบแบบนี้จริงดิ เดี๋ยวป๋าจัดให้”

   “กูประชดมั้ย” ไอ้นี่ก็เป็นจริงเป็นจังกับทุกอย่างเลยโว้ย ตอนนี้เขาคงยาวกว่าควายแล้วมั้ง ด้วยความที่จะด่าควายก็สงสารควายผมจึงเบี่ยงประเด็นไปพูดเรื่องใหม่ทันที “แล้วเดี๋ยวแจกบัตรเสร็จจะไปไหนกันต่อ”

   “กลับกับมึงไง” ไอ้ค่ายตอบอย่างไวว่อง ก่อนจะหันไปเขม่นกับไอ้โบนที่ชูโทรศัพ์มือถือขึ้นมาแล้วพูดเป็นเสียงกระซิบ

   “มีนัดกับสาว”

   “แล้วมึงอ่ะไอ้ทู” ผมหันไปถามคนที่เงียบสุดในสถานการณ์ มันแม่งเงียบมาสักพักละ มัวแต่มองฝน มองน้ำ ราวกับกำลังคิดวิตกเรื่องอะไรสักอย่าง

   “กูเหรอ เดี๋ยวกูไปกับรุ่นพี่ แม่งบอกจะมารับไปดูหนัง”

   “อืม” ก็เป็นปกติของมันอยู่แล้ว “ว่าแต่...ดูกับแก๊งไหนวะ”

   “พี่อั้น”

   “ไอ้พี่อั้นเนี่ยนะ มึงไปสนิทกับมันตอนไหน!”

   “โหยยย พี่มันเป็นผู้ช่วยผู้กำกับมั้ย มันก็ต้องมีดีลงานกันบ้างสิวะ”

   “เออ”

   ไม่มีใครถามอะไรกลับไปอีกนอกจากรอให้ฝนหยุดตกเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่มีท่าทางว่าจะหยุดเลย ต่างคนต่างหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเป็นการฆ่าเวลา

   ไม่นานผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งฝ่าสายฝนตรงดิ่งมาหาเราอย่างทุลักทุเล มีจุดประสงค์สองอย่างที่สามารถเดาได้ตอนนี้คือหนึ่ง รีบมาอ่านหนังสือที่หอสมุดมาก หรือสองเลยเวลานัดรับบัตรละครเวทีมาสิบกว่านาทีแล้ว เลยต้องฝ่าฝนมาอย่างจำยอม

   สภาพเปียกปอนแถมยังสั่นงกๆ ทำให้ผมกับเดอะแก๊งต้องรีบหาเสื้อคลุมมาให้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว กระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมา เราทุกคนก็เหมือนกับถูกแช่แข็งอยู่ตรงนั้น

   “มารับบัตรละครเวทีค่ะ” แจม...

   แฟนคนล่าสุดที่เลิกกันไป คนนี้ต้องเรียกว่าแฟนอย่างจริงจังเพราะอยู่ยาวนานที่สุด จะบอกว่ายังไงดี อดีตของไอ้ค่าย ยังตามหลอกหลอนเราอยู่ทุกวัน

   “เอ่อ...อ้อ เดี๋ยวขอชื่อจริงก่อนนะครับ รับบัตรแล้วหลบฝนอยู่ตรงนี้ด้วยกันก่อนก็ได้นะ” คำชักชวนนี้เป็นของไอ้โบน แต่ดูจากสีหน้ามันแล้วก็ดูไม่ได้ยินดีจะให้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่

   “ชื่อสุณิชชา แล้วนี่เสื้อคลุมค่ายเหรอ” นิเทศศาสตร์มีเสื้อคลุมคณะ เป็นสีดำ พื้นหลังปักหลายคำว่า Nitade ตัวเท่าเป้ง แต่คิดว่าคนเป็นแฟนเก่ากันยังไงก็คงจำของหรือกลิ่นของกันและกันได้บ้าง

   “อื้อ”

   “มีความสุขดีนะ” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ อึดอัดอย่างบอกไม่ถูกที่มาอยู่กั้นกลางระหว่างคนสองคนที่มีสถานะเป็นแฟนเก่า และคือกู...เป็นเพื่อนที่คิดไม่ซื่อมาตลอด ตอนนี้แจมก็คงรู้แล้ว

   ตลอดเวลาที่เคยช่วยเหลือเรื่องความรักของไอ้ค่ายกับแจม ผมไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่นัก ถึงจะบอกว่าไม่คิดอะไรแต่มันก็ย้อนแย้งกับตัวเองเหมือนกัน

   “ก็โอเค สุขทุกข์ปะปนกันไป แจมอ่ะเป็นไงบ้าง”

   “ก็ไม่เป็นไงนะ แค่เจ็บ”

   ประโยคนั้นเหมือนเหล็กแหลมเสียบเข้ามาที่ขั้วหัวใจโดยไม่ทันตั้งตัว เกลียดสถานการณ์แบบนี้มาก เลือกได้ก็คงไม่พาตัวเองมาอยู่ในจุดนี้

   “แล้วเติร์ดล่ะ คงมีความสุขดีเนาะ” สักพักคำถามก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมแทน แล้วคือจะให้กูตอบว่าอะไรวะ แฮปปี้ดีเพราะไอ้ค่ายตามจีบอยู่ หรือบัดซบมากๆ ที่เจอมันบดปากกับคนอื่นเมื่อไม่นานมานี้ คำตอบแบบไหนที่ทำให้คนฟังไม่รู้สึกแย่วะ

   เพราะเลือกไม่ได้ว่าจะพูดอะไรออกไปเลยเลือกที่จะเงียบ สักพักไอ้ทูก็สะกิดไหล่ผม แล้วดึงให้ขยับไปอยู่ข้างมัน อย่างน้อยก็ไม่อึดอัดเหมือนตอนอยู่คั่นกลางระหว่างคนสองคนหรอก

   “ฮ่าๆ นี่ฝนก็ตกอยู่เนาะ ไม่มีร่มมาซะด้วยสิ” ไอ้โบนพยายามทำให้บรรยากาศที่คุกรุ่นดีขึ้น ซึ่งก็เหมือนจะไม่เป็นไปตามคาดเมื่อแจมไม่แม้แต่จะหันมาคุยกับมัน กลายเป็นว่าพื้นที่แคบๆ ที่มีคนห้าคนยืนอยู่ถูกกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้

   จะมีก็แต่ไอ้ค่ายเท่านั้นที่ดูไม่ทุกข์ร้อนเท่าคนอื่นๆ ทั้งที่มันคือตัวปัญหา

   “มารับบัตรละครคนเดียวเหรอ” เสียงทุ้มดังแว่วเข้าหู ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ขยายวงกว้างอยู่ตอนนี้

   “ใช่ ซื้อมาสามใบกะไปดูกับเพื่อนสนิทน่ะ”

   “ขอบคุณมากที่ช่วยอุดหนุนคณะเรา”

   “ตอนแรกเห็นค่ายเล่นเป็นพระเอกเลยอยากเข้าไปดู แต่ตอนนี้คงไม่ได้ดูแล้ว”

   “เสียดายเหมือนกัน”

   “ขาหักเป็นไงบ้าง”

   “ถอดเฝือกออกแล้ว เดินได้ตามปกติแค่งดวิ่ง”

   “เราตามข่าวค่ายตลอดเลยแม้จะโดนบล็อก”

   “...!!” ที่ผ่านมาใครผิดมากกว่ากันวะ ผมที่คิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิท ไอ้ค่ายที่รักใครไม่เป็น หรือแจมที่เอาแต่ใจ แต่เราสามคนต่างมีส่วนร่วมที่ทำให้เรื่องทุกอย่างลงเอยแบบนี้

   “ค่ายเคยคิดว่าเราจะกลับมารักกันได้มั้ย”


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 30-08-2017 21:04:37

    ผมถึงกับยืนกลั้นหายใจหลังจากได้ยินอดีตแฟนเก่าของไอ้ค่ายพูดประโยคหนึ่งออกมา ความเจ็บพลันแล่นเข้ามาในความรู้สึก กลัวว่าไอ้ค่ายจะตอบไม่ดี

   แต่ที่กลัวกว่าคือทั้งคู่จะกลับไปรักกันอีกรอบ ผมแม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลยว่ะ

   เมื่อก่อนการแอบรักของผมคือการพิมพ์ข้อความผ่านแชตแล้วมานั่งลุ้นว่ามันจะอ่านหรือไม่อ่าน ตอบหรือไม่ตอบ นั่งลุ้นว่ามันจะคิดลึกซึ้งกับประโยคที่เราทักไปหรือตีมันเป็นคำพูดธรรมดาของความเป็นเพื่อน

   เช่นคำว่าคิดถึงนะ มันจะคิดว่าเป็นคิดถึงแบบไหน

   คำว่ารักนะ มันจะคิดว่ารักเป็นแบบไหน บางทีผมก็มานั่งกังวล ทำได้แค่พิมพ์ข้อความทิ้งไว้แต่ไม่มีโอกาสส่งไป ซึ่งผมไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้ว

   “คิดว่าไม่นะ”

   “เพราะเติร์ดเหรอ”

   “เราเลิกกันก่อนที่ไอ้เติร์ดจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเราอีก เพราะงั้นอย่าให้มันต้องมาเกี่ยวข้องกับการเลิกกันของเราเลย ที่เลิกเพราะค่ายไม่ดีเอง” เพิ่งเห็นครั้งแรก ว่าไอ้ค่ายก็ยอมรับผิดด้วยตัวเอง ปกติแม่งชอบโทษฟ้าโทษดิน โทษโชคชะตาบ้าบอของมัน ทั้งที่มันทั้งนั้นเป็นคนก่อ

   “ค่ายก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ”

   “ยอมรับ”

   “ใจหมา”

   เจ็บสัด! หงอเลยไอ้เสือของกู เลิกกันได้ไม่ดีด้วยไง บอกเลิกกันผ่านโทรศัพท์หลังจากนั้นก็ตัดขาดทุกอย่างราวกับคนไม่รู้จักกัน นี่ถ้าวันหนึ่งมันเกิดขึ้นกับผม ใครจะรับประกันความเจ็บปวดนี้ได้วะนอกจากโทษตัวเองที่เลือกตั้งแต่แรก

   “เป็นเพื่อนกันได้มั้ย” แจมถามอีก

   “คงไม่ได้หรอก เราไม่เป็นเพื่อนกับแฟนเก่า”

   “เข้าใจ เออนี่ฝนไม่ยอมหยุดตกสักที แต่เรารีบคงต้องไปก่อนแล้ว”

   “เอาเสื้อคลุมเราไปสิ อย่างน้อยก็ช่วยบังฝน” แจมไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า แล้วดึงเสื้อคลุมคณะขึ้นมาคลุมหัวแล้ววิ่งฝ่าสายฝนไป ไกลออกไปจนลับสายตา

   ไม่มีคำบอกลามากกว่านั้น ไม่มีรอยยิ้มส่งท้ายให้กันและกัน เป็นการจากลาแค่ต่างคนต่างแยกย้ายแล้วมีชีวิตเป็นของตัวเอง

   จะเจ็บแค่ไหนวะ

   จะร้องไห้หนักแค่ไหน

   จะกอดเสื้อคลุมตัวนั้นแล้วเอาแต่คิดถึงอดีตมั้ย

   ผมคิดไปสารพัด ลองเอาใจตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวผู้หญิงคนนั้น ที่ผ่านมา...ถูกแล้วเหรอที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ถึงแม้ผมจะไม่ได้เป็นคนแย่งความรักของใคร แต่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาอยู่ดี

   “คำว่าใจหมานี่เจ็บจี๊ดดดดดดดไปถึงกะโหลกเลยว่ะ ฮ่าๆ” เห็นเขาไปหน่อยล่ะได้ทีไอ้โบนเลยครับ มันหยอกไอ้ค่ายด้วยรอยยิ้มซึ่งคนโดนพาดพิงก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากตอบกลับเสียงเรียบ

   “กูไม่เจ็บนะ กูด้าน”

   “มึงหักอกคนมาเยอะไง แต่แจมนี่คือคนที่มึงคบนานสุดคนนึงเลยนะ”

   “ก็ไม่ถึงปีป่ะวะ”

   “ถือว่านานในบรรดาผู้หญิงของมึง ครั้งหนึ่งมึงเคยบอกว่าชอบเขามาก”

   “นั่นมันก่อนที่เราจะคบกันต่างหาก ก่อนที่เราจะได้รู้ว่าความรักมันมีเงื่อนไขมากกว่านั้น”

   “...”

   “สักวันเขาก็ต้องไปเจอคนดีๆ ต่อให้ตอนนี้เรายังคบกันอยู่ อนาคตก็ต้องเลิกกันอยู่วันยังค่ำ ความคิดของเราไม่ตรงกัน พยายามไปคนที่เจ็บที่สุดก็คือแจม”

   “ดูเป็นพระเอกนะ แต่มันไม่ได้ฟังขึ้นเลยว่ะ”

   “ก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเองดูดีนี่หว่าก็กูเหี้ยจริง แล้วรู้มั้ยว่าที่ผ่านมาทำไมกูถึงตัดคนคนหนึ่งออกจากชีวิตได้ฉึบฉับขนาดนั้น เพราะกูไม่อยากยื้อไง...ตัดไปเลยเขาก็จะได้ตัดใจ แต่ถ้ายื้อยังติดต่อกันอยู่ มึงคิดว่าเขาจะลืมกูเหรอ มีแต่อยากกลับมาคืนดี สุดท้ายก็เจ็บกันวนลูปไปอีก แบบนี้แหละดีแล้ว”

   “...”

   “ให้มันเป็นปัญหาของกูเถอะ”

   “แต่บางทีกูก็ซวยที่ไปอยู่แทรกกลางระหว่างพวกมึงไงครับค่าย” ผมอดพูดไม่ได้

   “ต่อไปไม่มีอีกแล้ว ขอโทษที่ทำให้มึงต้องมาเจออะไรแบบนี้”

   “...”

   “ขอโทษที่เห็นแก่ตัวไม่อยากเสียอะไรไปสักอย่าง ครั้งหนึ่งกูเคยบอกว่ากูดูแลของมีค่าไม่ได้ แต่มึงก็เป็นสิ่งแรกที่กูอยากดูแลนะ”

   “มึงดูหนังเยอะไปแน่ๆ ขออะไรล้างตาหน่อยเถอะเวรเอ๊ย” หมดมู้ดทันที เมื่อเพื่อนโบนขัดจังหวะ

   เอาเป็นว่าผมรับไว้แต่ก็ไม่ปักใจเชื่อ อย่างที่รู้กันดีวีรกรรมของไอ้ค่ายยาวเป็นหางว่าว วันไหนที่มันพิสูจน์ตัวเองให้เห็นผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด วันนั้นผมถึงให้โอกาสมันได้ดูแล

   ภารกิจขายบัตรท่ามกลางฝนที่เทกระหน่ำลงมายังคงดำเนินต่อไป หลายครั้งที่เราต้องตอบข้อความผ่านแฟนเพจเพราะมีคนแคนเซิลกะทันหันเนื่องจากอากาศไม่เป็นใจ ดังนั้นการขายบัตรเลยกินเวลาไม่นาน ถ้านับจากนี่ยืนง่อยๆ กันอยู่ก็แค่สามชั่วโมง

   แต่ฝนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกเลย

   “เดี๋ยวกูจะเข้าคณะก่อนกลับ”

   “กูด้วย” ไอ้ทูบอกกับไอ้โบนพูดขึ้น

   “กูจะกลับเลย เติร์ดมึงไปกับกู” ไอ้ค่ายมัดมือชก

   “งั้นกูสองคนเอาแบ็กดรอปกลับแล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้นะ” ไม่พูดเปล่าเพื่อนรักทั้งสองก็ช่วยกันแบกแบ็กดรอปเอาไว้เหนือหัวเพื่อใช้เป็นกำบัง

   “เชี่ยค่าย”

   “ว่าไง”

   “อย่าทำเพื่อนกูเสียใจนะ”

   “เออ”

    จากนั้นมันทั้งคู่ก็วิ่งฝ่าฝนไปแบบไม่หันหลังกลับมามองคนข้างหลังแม้แต่เสี้ยว แล้วเมื่อกี้คำพูดของไอ้ทูคืออะไรวะ ฝากฝังเหมือนกูเตรียมจะแต่งงานฟังแล้วเลี่ยนฉิบหายเลย

   “เสื้อกูไม่อยู่แล้ว เอาหนังสือแล้วกัน” หลังมองดูเพื่อนสองคนวิ่งไปจนไกล มือหนาก็แกะกระเป๋าเป้พลางหยิบหนังสือคณะขึ้นมายื่นให้

   “ไม่เอา เปียกแล้วก็อ่านไม่ได้อีก”

   “หนังสือกูไม่สำคัญเท่าหัวมึงหรอก”

   “จริงๆ มึงก็ไม่ได้รักหนังสือขนาดนั้น ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี”

   “เดี๋ยวกูฟาดปากด้วยหรรมเลยนะ”

   “ไอ้ค่าย ไอ้เหี้ย”

    “ฝนตกเดี๋ยวมึงไม่สบาย”

   “กระเป๋ากูก็มีใช้บังได้”

   “มึงหวงหนังสือข้างในจะตายทำไมกูจะไม่รู้”

   “งั้นรออยู่ตรงนี้จนกว่าฝนจะหยุดแล้วกัน” ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะหยุดเมื่อไหร่ก็ตาม

   “เห็นด้วย” เรายืนอยู่เงียบๆ ไม่นานคนข้างๆ ก็ถามต่อ “โกรธกูป่ะที่ยกเสื้อให้แจมไป”

   “โกรธทำไมวะก็ของมึง”

   “ฝนตกหนักกูเลยให้เสื้อไป เพราะวิ่งไปส่งเขาไม่ได้อีกแล้ว”

   “...”

   “แต่กับมึงเรายังต้องเดินไปด้วยกันอีกไกล ไม่ต้องมีเสื้อก็ได้แค่มีกันก็พอ”









TRAILER

   “ใส่เสื้อกันฝนมาทำไมวะ  ไม่เห็นว่าฝนจะตกสักเม็ด”

   “เดี๋ยวแม่งก็ต้องตก”

   “มึงนั่งรถไฟ ไม่ได้จะเดินไปอย่าเว่อร์”

   ผมไม่เข้าใจว่าทำไมสามโหดที่เราว่าคูลนักหนาถึงได้ทำตัวปัญญาอ่อนขนาดนี้ นี่แม่งระริกระรี้มาหลายวันแล้วครับหลังจากปักหมุดและได้วันเดินทางที่แน่นอน

   เวลาเดินเร็วมากในทุกๆ วัน...

   มหา’ลัยปิดเทอมภาคเรียนแรกด้วยการสอบที่ทำเอาหืดจับ นี่เป็นการเดินทางที่แทบไม่ได้วางแผนใดๆ รู้แค่จะไป จุดหมายไม่ได้สำคัญเท่าระยะทาง แถมยังต้องคิดบทกันสดๆ อีกต่างหาก เราแบกเอาคำว่ามิตรภาพใส่ไว้เต็มกระเป๋า มีกล้องตัวโปรดของใครของมัน หนังสือคนละเล่ม กีตาร์หนึ่งตัว เพลงในไอพอดหนึ่งพันเพลง รองเท้าแตะหนีบ แว่นตา และหมวกคนละใบ

   มันกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

   กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ฯ อะเกน











   ฉากที่หนึ่ง ชานชาลาหมายเลขเจ็ด / หัวลำโพง / ตีสี่สี่สิบห้านาที

   “นี่ๆ ตรงนี้” ร่างสูงหยุดยืนอยู่ตรงเบาะนั่งฟากหนึ่ง มันชี้ให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างผมดูก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   เบาะที่เรานั่งเป็นเบาะยาวนั่งได้สองคนหันหน้าเข้าหากัน เพราะงั้นเลยพอกับจำนวนสมาชิกสี่คนพอดีเป๊ะ เวลาเช้ามืดขนาดนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ดูรวมๆ แล้วเหมือนอยู่บนตู้รถไฟสายมรณะมากกว่า

   นานๆ ทีจะมีแม้ค้าเดินหาบของมาขาย พวกน้ำอัดลม ขนมกินเล่น หรือข้าวกล่องเล็กๆ ที่ขายโคตรแพง

   “มึงเริ่มจดเลยไอ้เติร์ด ฉากแรกหลังจากขึ้นรถไฟ...ซื้อไก่ ป้าคร้าบ” ไอ้โบนโบกมือเรียกแม่ค้าไหวๆ

   “เอาอะไรดีคะลูก”

   “ไก่ครับ เอาข้าวเหนียวด้วย”

   “น้ำดื่มมั้ยคะ”

   “โค้กแล้วกัน กระป๋องละเท่าไหร่ป้า”

   “สี่สิบห้าบาทจ้า”

   เหยดแหม่...แพงกว่ากาแฟที่มอกูอีก จำได้ว่ากระป๋องนี้แค่สิบสามบาท แต่ราคากลับโหดบรรลัยแค่ได้ขึ้นมาอยู่บนรถไฟ นี่ผมควรจดเรื่องนี้ลงไปในบทหนังด้วยมั้ยเนี่ย

   “งั้นเอาแค่ไก่พอครับ ข้าวเหนียวไม่ต้อง” จ่ายเงินทอนตังค์กันเสร็จสรรพผมก็เห็นไอ้โบนกับไอ้ทูนั่งแทะซี่โครงกันหรรษา ไหนเนื้อ?

   “กูขอเส้นเรื่องก่อน” อย่างน้อยก็ควรเข้าวิชาการกันบ้าง ไม่ใช่มาเพื่อแดกอย่างเดียว

   “เส้นเรื่องคือความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่เดินทางโดยรถไฟในหน้าฝน เริ่มต้นด้วยคำว่าเพื่อน และลงท้ายด้วยคำว่าแฟน” โอเค กูจะได้เขียนเป็นคอนเส็ปเอาไว้

   “เดี๋ยวค่อยเขียนก็ได้ มึงตื่นแต่เช้านอนก่อนเถอะ” ไอ้ค่ายดึงสมุดออกจากมือผมไปวางไว้บนตัก   

   “กูไม่ง่วง” ดูเชี่ยโบนดิ แม่งยังแทะไก่อยู่เลย

   “งั้นพูดถึงอนาคตของเราดีกว่า”

   “นั่นกูยิ่งไม่อยากพูดเลย”

   “ถ้าเดินทางเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรหนังแม่งจะยิ่งเอื่อยนะ อาจจะต้องเพิ่มสถานการณ์เข้าไป”

   “เช่นสั่งเบียร์ใช่มั้ย แดกไก่กับเบียร์ดูเข้ากัน ป้าคร้าบบบบ” ขอความเข้ากันระหว่างประเด็นที่พูดเมื่อกี้ซิ ย้อนแย้งมากเว่อร์ แล้วป้าแม่ค้าแกก็มาไวยิ่งกว่าขีปนาวุธ

   “เอาอะไรดีคะลูก”

   “เบียร์หมีควายสี่กระป๋องครับ”

   “กูไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธพัลวัน ให้ตายกูก็จะไม่แดกแอลกอฮอล์อีก ลำพังแค่อ้วกทะลุง่ามนิ้วไอ้ค่ายในวันนั้นยังติดตาจนทุกวันนี้เลย

   “ซื้อให้แล้ว เท่าไหร่นะครับ” ป๋าโบนควักจ่ายตังค์เสร็จเราก็มีเบียร์มาถือไว้ในมือคนละกระป๋อง ไอ้ค่ายเป็นคนแรกที่ยกขึ้นมากระดกทีเดียวหลายอึกอย่างไม่รีรอ แป๊บๆ หมดกระป๋องแทบไม่เหลือสักหยด

   “กินมั้ย” มันถามผม

   “ไม่”

   “งั้นกูแดกแทน” ว่าแล้วมือหนาก็คว้าเบียร์อีกกระป๋องไปซดโฮกอย่างรวดเร็ว โอ้โหรักใครให้แดกเบียร์แทนงี้เหรอ ซาบซึ้งสัดๆ

   “สันดานไอ้ค่าย กูซื้อให้ไอ้เติร์ดไม่ได้ใช้ให้มึงมาแดกแทน”

   “มันแม่งเมาแล้วอ้วก ตัวก็มีแต่ผื่นแดงมึงไม่สงสารมันหรือไง อีกอย่างทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์ในตัวมัน”

   “เป็นผัวเมียกันแล้วเหรอ”

   “สัด” รำคาญ!

   “ดูที่รักมึงก่อน ปฏิเสธหน้าตายเลยนะนั่น เจ็บมั้ยไอ้ค่ายเขาไม่ยอมรับมึงอ่ะ”

   “เติร์ด...กูเป็นอะไรสำหรับมึงนะ” เสียงทุ้มต่ำกัดฟันถามแกมบังคับ รู้ทั้งรู้ว่าผมคงไม่ตอบรับให้ไอ้โหดอีกสองคนเก็บไว้แซว มันก็ยังจะถามอีก

   “ไม่ได้เป็นไร”

   “มึงเป็นของกูไง”

   “ตอนไหน!”

   “ไม่ได้เป็นในทางพฤติกรรม แต่ก็เป็นในทางความรู้สึก”

   “กรู้วววววววว เก็บมุกนี้ไว้เล่นที่บ้านเถอะนะครับ ฟังแล้วรู้สึกแดกเบียร์ไม่คล่องคอเลย อะแค่กๆ”

   บางทีผมก็คิดนะครับ ว่าตัดสินใจร่วมทริปกับพวกมันมาเพื่ออะไร เพื่อเที่ยวและดูโลเคชั่นในการทำหนัง หรือมาเพื่อให้มันทั้งสามตัวนั่งเผานิ่งๆ กันแน่










   ฉากที่สอง รถไฟตู้ที่สิบหก / ทางรถไฟ / ตีห้าครึ่ง

   “ป้าขอเบียร์อีกสามป๋องครับ”

   “ได้ค่าลูกกกกกก”

   เหยดแหม่มึงเอ๊ย ตลอดเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงไอ้ค่าย ไอ้โบน และไอ้ทูไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกระดกเบียร์แม้แต่วินาทีเดียว ถุงพลาสติกที่ขอจากพนักงานมาใส่ขยะตอนนี้เป็นที่บรรจุกระป๋องเบียร์เรียบร้อย นี่มึงมาเที่ยวหรือมึงมาเมา!

   “เติร์ดกูคิดออกละ ในบทกูอยากให้มีฉากตัวเอกนั่งเล่นเกมส์ด้วย” ไอ้ทูที่เมาทีไรสมองมักจะบรรเจิดโพล่งไอเดียขึ้นมาให้ฟังเป็นฉากๆ

   “เกมส์ยังไงวะ”

   “แบบที่เราเล่นกันในปาร์ตี้พูลครั้งก่อนไง”

   “จำไม่ได้ เล่นไปเป็นร้อยเกมส์”

   “ก็ที่ให้พูดคำตอบออกมาก่อนแล้วให้ทายคำถามไง”

   “ยังไงวะ วันนั้นไม่ได้เล่นเกมส์นี้” หรือผมเมาเกินกว่าจะจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ ไอ้โบนจึงเป็นฝ่ายสาธิตวิธีเล่นให้ผมฟัง

   “สมมตินะ ถ้ากูพูดว่าเควนติน แทแรนติโนปุ๊บ มึงก็แค่ทายว่าคำถามจะเป็นอะไร แค่นั้น”

   “เข้าใจละ แต่ทำไมต้องยัดบทกากๆ แบบนี้ไปใส่ในหนังสั้นด้วยวะ”

   “มึงแม่งไม่คูลว่ะ สรุปทายว่าอะไร ไหนๆ ก็เล่นละต่อให้จบไปเลย” ไม่ได้ดูหน้ากูเลยครับว่าอยู่ในอารมณ์อยากเล่นหรือเปล่า   

   “ผู้กำกับหนังที่มึงชอบใช่ป่ะ”

   “ถูกต้องนะคร้าบบบบบ สุดยอดมากเพื่อนเติร์ด” สนุกจังเล้ย

   “กูทายมึงบ้างไอ้เติร์ด วิชาการตลาด” ไอ้ทูยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย มันยืดหลังนั่งตัวตรง สายตาจดจ้องมาที่ผมอย่างไม่ลดละ ขอโทษนะ...นี่มึงเล่นเกมส์กำจัดจุดอ่อนกันอยู่เหรอ

   “วิชาที่มึงชอบคืออะไร”

   “ผิด”

   “วิชาที่มึงลงทะเบียนไม่ทันเป็นครั้งแรก”

   “ผิด ตอนที่กูโอดโอยอยู่ในห้องอ่ะเพื่อนรัก”

   “อ๋อ เอฟตัวแรกในชีวิต”

   “ถูกต้องนะคร้าบบบบบ คำถามคือกูติดเอฟวิชาอะไรเป็นวิชาแรก” หัวฟวย นี่มึงล่อตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนี่หว่า การตลาดสำหรับนักนิเทศฯ ง่ายกว่าอมฮอลล์ให้ละลายในปากอีก บ้าบอ

   “กูขอบ้างๆ” แม้แต่ไอ้ค่ายก็ยังเอากับเขาด้วย “Flipped”

   “ง่ายสัด หนังที่กูชอบคือเรื่องอะไร”

   “ผิด” อ้าว

   “หนังที่กูหยิบไปประมูลครั้งแรกในชีวิต”

   “ผิด”

   “คำถามคือหนังที่กูหยิบมาดูบ่อยที่สุดต่างหาก” เกิดความอื้ออึงในกลุ่มเพื่อนไปพักหนึ่ง เดี๋ยวนะ ไอ้ค่ายเกลียดหนังรัก แต่สุดท้ายคำตอบของหนังที่ดูบ่อยๆ กลับเป็นหนังรักเนี่ยนะ

   “ดูจริงป่ะ” ผมถามย้ำ

   “จริงดิ รักจนหัวปักหัวปำแล้วเนี่ย” มันส่งยิ้มมาให้จนปากแทบจะฉีกถึงใบหู “มึงทายกูบ้างดิ”

   “คิดไม่ออก”

   “งั้นกูถามอีกข้อให้มั้ย คำตอบคือตกลง”

   “อะไรวะ ยืมเงินได้มั้ยเหรอ” ในขณะที่ตอบหัวใจกลับเต้นรัวแปลกๆ สายตาของเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็แปลกๆ แม้แต่สีหน้าของไอ้ค่ายเองก็ไม่ต่างกัน

   “ไม่ใช่”

   “ไปเที่ยวกันมั้ย”

   “ผิด กูรู้ว่ามึงรู้ว่ะเติร์ด”

   “กูไม่รู้อะไรเลย มึงจะให้กูทายว่ายังไง”

   “มึงรู้”

   “พรุ่งนี้เลี้ยงข้าวมั้ย”

   “ไม่ใช่”

   “ไปส่งเข้าห้องน้ำหน่อย”

   “รำคาญ บ่ายเบี่ยงอยู่นั่นแหละ คำถามคือเป็นแฟนกันมั้ย”

   “ง่ายอย่างนี้เลยเหรอ”

   “เออ ง่ายอย่างนี้แหละ ตอบมา!”

   “ให้ตอบเหี้ยไร มึงมีอยู่คำตอบเดียวว่าตกลงเนี่ย”

   “เหยดดดดดดดดดดดดดดดดด”

   “สรุปมึงเป็นแฟนกับกูแล้วนะเติร์ด ไหนจุ๊บเหม่งหน่อยซิ” สิ้นสุดคำพูดของไอ้ค่าย มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่หน้าผมแล้วล็อกไว้อย่างแน่นหนา เสี้ยววินาทีต่อจากนั้นมันทำการอุกฉกาจด้วยการจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากผมอย่างแรงจนกะโหลกแทบยุบ

   “เดี๋ยว กูไม่ได้ตกลง” ผมพูดอย่างจริงจัง กระทั่งเสียงยินดีของเพื่อนทั้งสามเริ่มซาลง

   “คือยังไงวะ” ไอ้ค่ายถาม สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

   “เรื่องคบกับมึงแบบคนรัก”

   “...”

   “ขอโทษว่ะ แต่กูว่าไม่ดีกว่า...”

   วินาทีนั้น ผมก็ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ...จางหายไป










เหลืออีกตอนเดียวก็จบแล้ว
รู้สึกใจหายเหมือนกันนะคะ ต่อไปจะไม่มีใครด่าค่ายแล้วคงเงียบเหงาน่าดู ฮ่าๆ
เราสนุกมากตอนได้อ่านคอมเมนต์จากคนอ่าน เพราะนับเป็นเรื่องที่พระเอกโดนด่ามากที่สุด
ต้องคิดถึงมากแน่ๆ

*เพิ่มเติม จิตติจะลงตอนพิเศษให้คนอ่านหนึ่งตอนนะคะ
เป็นฉาก NC ที่คนอ่านหลายคนรอมาทั้งเรื่อง สุดท้ายอยู่ตอนพิเศษ ฮือ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-08-2017 21:20:23
 :z13:
อะไรยังไง ทำไมเติร์ดบอกว่ายังไม่ดีกว่าล่ะะ TTT
ตอนนี้ย้ายมาทีมค่ายนะ 555555555
รอตอนหน้านะคะ รอ nc ด้วย 55555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-08-2017 21:28:37
ความรักมันย้อนแย้งสวนทางเสมอ

แค่หวังว่ามิตรภาพงดงามนี้จะคงอยู่ไปนาน ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Lady~B ที่ 30-08-2017 21:37:14
เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆอ่านจบตอนแล้ว ไม่รู้จะเม้นต์ยังไงดี
อึ้งเป็นเพื่อนอิค่ายอยู่  o22
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 30-08-2017 21:50:22
ค่ายคนกากที่แท้ทรู ขนาดจะจบตอนหน้าอยู่แล้วยังไม่ได้เป็นแฟน ไม่รู้จะสมน้ำหน้ารึสงสารดี
   
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 30-08-2017 21:59:10
 :mewีั เรานึกว่าค่ายจะนกสะแล้ว5555สร้างวีรกรรมไว้เยอะจัด และเติรด์ก็น่ารักมากด้วยย จริงๆชอบที่จิตติเขียนหลายๆๆเรื่องเลย เรื่องนี้แบบบเล่นกับความคิดได้ดีอ่ะเหมือนีิดไปคิดมากทั้งคู่แต่ไม่ถามไม่พูดไม่คุย แต่พอได้เปิดใจมันก็ดีมากเลย ชอบการดำเนินที่เทาๆชมพูแต่ชมพูมาหกว่าแลบปนตลก55555 งงที่เราเม้นม้ะ แต่สรุปคือชอบจนเม้นงงมากๆๆๆเนี้ยละ55555 ชอบจริงๆๆๆๆ แต่จะไม่นอกใจสารวัตรค่ะ ปอึบ!! :mew5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 30-08-2017 22:00:11
เอิ่มมมม...
คุณจิตติิิครับบบบ....
ยังไงครับบบบบ.....
ผมหน่วงแทน อิค่ายแล้ววว...
จะไบโพล่าาาา แล้นนนนน...  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 30-08-2017 22:01:41
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 30-08-2017 22:02:58
อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายก็ อ้าวเฮ้ย
ไรหว้ายังไงเนี่ยเติร์ตแอบบจิตตกสงสารค่ายเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-08-2017 22:21:02
 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 30-08-2017 22:25:21
ตอนนี้สบาย ๆ ดีจังค่ะ อ่านแล้วเหมือนนั่งดูละคร เห็นภาพ เห็นอารมณ์ ทุกฉากเลย

พอใกล้จบก็หมดความด่า เปลี่ยนเป็นความหมั่นใส้แทน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 30-08-2017 22:26:30
โอ้ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 30-08-2017 22:28:07
อื้อหืออ ฟังอิค่ายมันบอกเล่าเรื่องคืนนั้รแล้วอยสกจะตบหัวให้คว่ำ ตบหัวอิค่ายนี่แหละ แหมมมมมมมเป็นเสือมาตั้งเท่าไหร่เจอผู้หญิงรุกแค่นี้ทำเป็นตกใจ ทำไมไม่ผลักออกเร็วๆละโว้ยย ก็สมแล้วที่จะโดนเติร์ดเอาคืน เอาจริงๆคือสงสารอิค่ายแต่มันก็ไม่สุดนะมันมีความหมั่นไส้ปนอยู่ด้วยคือถ้าให้บอกตรงๆก็คือเพราะมันทำตัวเองไงผลมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อย่างเรื่องไลน์นี่ไม่ทีใจก็ควรบล็อกนะไปตอบถึงจะตอบสั้นๆผู้หญิงมันก็คิดว่ามีใจอยู่ดี ก็ต้องมาลุ้นกันว่าตอนจบจะเป็นยังไงแต่เห็นจากที่จิตติสปอยล์ตอนพิเศษคำตอบก็ไม่น่าจะเดาได้ยากแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-08-2017 22:29:04
จะจบแล้วหรอม่ายยยยยน้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 30-08-2017 22:34:13
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-08-2017 22:47:57
หมั่นไส้อิค่ายมากบอกเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 30-08-2017 22:52:05
 :hao5: :hao5: ฮือออออออออ จะจบแล้ว ยังรุ้สึกไม่เต็มอิ่มเลย เหมือนพึ่งเริ่มอ่าน  :sad4:

ณ ใกล้จบแบบนี้ เติร์ดของเรา(?)ก็ยังใจเเข็งอยู่เหมือนเดิม มาตามกันต่อไป ว่าจุดจบของสายซึนจะเป็นยังไง  :hao7: :hao7:

แหมๆๆๆ อิค่ายเฉาเลยจ้าาาาาา หลังจากถูกคนเดิมคนเดียวปฏิเสธเป็นรอบที่ล้าน  :katai3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-08-2017 23:02:58
ถึงจะด่าอิค่ายอย่างหนักหน่วง
ถึงจะสาปแช่งให้มันตายแล้วเปลี่ยนพระเอก
แต่พอคิดดีๆ พอมีเวลาคิด เราก้เดาสาเหตุไม่พลาดจริงๆด้วย
ไม่รู้ว่าเติร์ดจะทำอะไรอะ
แต่พอเห็นค่ายมันดีใจแล้วรอยยิ้มค่อยๆจางหายไปนี่ก้จี๊ดๆนะ
เดาใจเติร์ดไม่ออกเลย เหมือนนางยังระแวงอยู่มากๆอะ
รอตอนจบค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 30-08-2017 23:06:23
อ้าววว หงอยเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 30-08-2017 23:18:02
โถ โถ โถววววว  นุ้งค่ายผู้น่าฉงฉาน
ตัยแล้ว จะได้เป็นหมาเหงาอีกรอบ ละหรอ
เขาไม่ยอมรับอีกแล้วอ่ะ  :hao5: :hao5:
แต่ว่าเราว่าไม่เศร้านะ ตอนหน้าเราว่า มีคนจะโดนด่า
เรื่องระริกระรี้ ออกหน้าออกตาอ่ะ หมั่นไส้ไว้รอเลย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: Eearn ที่ 30-08-2017 23:28:15
#ทีมคูมแม่อิง่าวค่าย ลูกเราจะไม่กากแล้วนะคะ ลูกเราจะมีncแล้วคร่าาา ใจหายหน่อยๆจะไม่ได้ตามด่าอินุ้งค่ายแล้ว จะมีพระเอกซักกี่คนนนะที่โง่กากและเหี้ยได้ในคนเดียวกัน นุ้งเติร์ดน่ารักมากรู้กเล่นตัวอีกนิดเพื่อพิชิตความกากอิค่ายในสเปเชียลนะรู้ก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 30-08-2017 23:43:10
กว่าจะเข้าใจกันได้ ค่ายก็ทำตัวมีความลับไง
ตอนหน้าจะจบแล้วหรอออ ต้องคิดถึงโหดน้อยแน่ๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 30-08-2017 23:45:00
ก่อนจะไปเรื่องค่าย
อั๋นทูนี่ยังไง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 31-08-2017 00:00:43
หักมุมอีกแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 31-08-2017 00:09:50
เหมือนชีวิตโดนเหวี่ยงขึ้นลง ตอนนี้จะขึ้นเรื่อยชิมิ ตอนเราสามคนกับน้ำฝน แอบหมั่นไส้ค่ายนะ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายทิ้งไหงคนโดนอีสาวนั่นเหวี่ยงดันเป็นเติร์ดฟระ จนนังพระเอกปฏิเสธเขาไปชัดๆนั่นแหละคนที่โดนด่าจึงเป็นคนที่สมควร จบตอนที่น้องบอกค่ายมันว่าไม่ตกลง รู้นะว่าค่ายมันเป็นพระเอกแต่เจ็บอัดมาสองปีอ่ะ ขอพิสูจน์มันอีกหน่อยดิ รักง่ายแต่ไม่ง่ายเนอะ
ปล. อั๋นกับทูนี่ยังไงคะ?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 31-08-2017 10:00:43
อ๊ากกกกกกกกกกก อยากอ่าน NC ล๊าวววววววววววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 31-08-2017 10:53:23
เติร์ดจะเล่นอะไรอีกคะลูก
คือนี่เป็นอิค่าย นี่ก็จะด่าเติร์ดแล้วนะลูก
คือหนูจะดึงเกมส์มันไปเพื่ออะไร ทำไมรู้สึกว่าเติร์ดเป็นคนขี้ระแวงขนาดนี้
ไหนเติร์ดบอกว่าที่กล้ารักอิค่ายเพราะว่าเชื่อมั่นว่าจะฮีลหัวใจตัวเองได้
ละพอมาใจตรงกันเหมือนเคลียร์กันรู้เรื่องแล้ว ทำไมยังดึงเกมส์อีกคะ
คบกับมันไปตอนนี้ก็เข้ากับความตั้งใจเดิมของเติร์ดไม่ใช่หรอ อนาคตไม่มีใครรู้หรอกจะไปรอดไม่รอด
แต่เติร์ดก็เป็นคนเลือกเองตั้งแต่แรกนิว่าเลือกรักค่ายมากกว่าตัดใจ
อ่านตอนนี้จะเหมือนปลดแอกยกภูเขาแล้ว มาเจอวลีตอนท้ายไปอีก สีหน้าคนอ่านเปลี่ยนทันทีเลยค่ะ
อยากถามเติร์ดว่า อะไรอี๊กกกก ยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีกหรอลูกก นอกจากกลัวอิค่ายมันทิ้งเนี่ยยยยยยยย
มาขนาดนี้แล้วถอยหลังกลับไม่ได้แล้วนะ เดินหน้าอย่างเดียวพอ จะให้เป็นเพื่อนกันก็ทำไมไม่ได้ ไม่ใช่ค่ายนะที่ทำไม่ได้ เติร์ดต่างหากที่ทำไม่ได้ ความรู้สึกเติร์ดมันชัดเจนซะขนาดนี้แล้วใช่แค่เติร์ดที่ไหนอยากได้ความมั่นคงจากค่าย
ค่ายมันก็อยากได้ความมั่นคงจากเติร์ดเหมือนกันนะ ไม่งั้นมันจะตื๊อบ้าตื๊อบอเอะอะขอคบทำไม มันกลัวเติร์ดจะสลัดมันง่ายๆไง๊
ฮืออออ ยากเย็นจริงว้อยยยยยย ลุ้นค่าาาาาา เดี๋ยวเถอะนะ ถ้าอิค่ายได้คลุกวงในเมื่อไหร่ จะเชียร์ค่ายเอาคืนให้สาสมใจเลยทีเดียว!  :haun4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-08-2017 17:56:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 31-08-2017 19:23:03
เจอคำตอบของเติร์ดแบบนี้.. อยากรู้เลยอะว่าเติร์ดคิดอะไรอยู่
ยังระแวงค่ายอยู่จนไม่สามารถเชื่อใจค่ายได้เลยใช่มั้ย..

โอ่ยย ยิ่งตอนที่รอยยิ้มค่อยๆ หายไปนี่แบบ
แง~ สงสารค่ายอะ แต่ก็มีหมั่นไส้ปนอยู่ด้วยนิดหน่อย

เอาเป็นว่า.. รออ่านตอนจบน้าาาาา ><
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 31-08-2017 20:41:01
เราทีมค่าย เราสตรอง!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-08-2017 21:58:10
อ่ะฮื้อ ใจหาย อยู่กับเติร์ดมาตั้งแต่ยังเจ็บๆหน่วงๆ
ตอนนี้เขาจะรักกันแล้ว อย่าเพิ่งจบเล้ย  :ling1: :ling1:
ปอลอลิง.ขอตอนพิเศษเย้อะๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 31-08-2017 22:58:50
ค่ายคนกากเอ้ยยยย
อะไรยังไงหนูเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-09-2017 13:14:23
อ่าวนึกว่าเตริดจะใจอ่อน

เดี๋ยวๆยังไม่อยากคิดไปเอง รอเตริดพูดต่อตอนหน้าก่อน


ตอนนที่แล้วทำมาซะสงสารค่ายมาก ตอนนี้จะไม่บ่นมัน


5555555555555


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-09-2017 14:06:29
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-09-2017 18:39:38
อิค่ายถ้าแกจบไปแล้วฉันจะด่าใคร #ผิด ผ่ามพามมมม :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-09-2017 21:51:14
โธ่ ค่ายเอ้ย น่าสงสาร รอทั้งที่รู้ว่ารอเก้อ แค่หวังว่าเติร์ดจะมา

เติร์ดก็เปิดใจมากขึ้นแล้ว ฟังมากขึ้น แต่ปิดท้ายไม่สวยนะ ทริปนี้จะมีน้ำตาหรอ ไหนตอนแรกจะมีแค่น้ำฝนไง
หรือเติร์ดจะแกล้งอะไรค่าย วัดใจกันหรอ

ค่ายเอ้ยย ใจเย็นนะ ก็คิดว่าจะเข้าใจกันละเนาะ ไหนได้ โดนตลบหลังซะงั้น

ทูโบนก็กวนประสาท 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-09-2017 23:35:58
จะจบแล้ว?ยังด่าอิค่ายไม่สะใจเลย โฮ่~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 02-09-2017 02:12:27
มามุกไหนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-09-2017 03:05:38
อ้าว กำลังเขินๆเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 03-09-2017 01:41:09
ฮือออออ ถึงค่ายจะทำตัวไม่ค่อยดี แต่เอาใจช่วยค่ายสุดพลังนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-09-2017 00:21:27
อ่านถึงตอนนี้พบว่าตัวเองเป็รไบโพล่าร์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้
ค่ายเคยเหี้ยมากจริง คนอ่านก็รักเติร์ดมากจริง อีพระเอกนี่เรตติ้งด่ำดิ่งอยู่กับปลาทะเลน้ำบึก
ช่วงแรกของเรื่องเรียกว่าสิ้นหวัง รักนี้ไม่มีวี่แวว ยิ่งมาเจอตอนแกล้งกันอีก ใจนี่จะขาด
ทั้งเชียร์และไม่เชียร์คู่นี้ตลอดเวลา จนค่ายดีขึ้น เราก็ดีใจ จนมาเจอนังอิงอิง แร๊ดแรด
ชอคกันไปอีกรอบ แล้วตอนถัดมาก็มาสงสารนังค่ายจนร้อวไห้ไปอีก โดนเพื่อนเท
เป็นนิยายแอบรักที่เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลยค่ะ ลุ้นกันทุกตอน สนุกมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 17 [30/08/60] *หน้า44
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 04-09-2017 11:49:34
จะจบแล้วหรอ ใจหายจัง
ทูกับพี่อั้นมีซัมติงใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 04-09-2017 20:21:58

ตอนที่ 18
ทฤษฎีจีบเธอ



   ฉากที่สอง ภายใน / ตู้รถไฟ / หกโมงเช้า

   “แต่เมื่อกี้มึงพูดว่าตกลง ไอ้โบนกับไอ้ทูก็ได้ยิน” ไอ้ค่ายพูดเสียงแปร่ง เจ้าของชื่ออีกสองคนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

   นับตั้งแต่วันที่มันบี้ปากผู้หญิง ลามมาจนถึงวันที่เจ้าตัวยืนเคลียร์กับแฟนเก่าหน้าหอสมุด ระยะเวลามันก็ไม่กี่เดือนเองนะ ซึ่งแม่งไม่ได้ช่วยรับประกันได้เลยว่าไอ้ค่ายจะไม่ดีแตกหลังจากนี้อีก

   “กูไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น เกมส์ที่มึงเตี๊ยมมาเล่นกับเชี่ยทูแล้วก็ได้โบนนี่อีก กูไม่อิน”

   “กูยังมีข้อบกพร่องตรงไหนที่มึงไม่โอเคอีกวะ”

   “เวลาจะพิสูจน์สิ่งที่มึงเป็นเอง”

   “กูไม่ตายก่อนได้คบมึงในชาตินี้เหรอ”

   “งั้นอยากตายก่อนมั้ย” คนฟังถึงกับรูดซิบปากแทบไม่ทัน เพื่อนอีกสองคนก็คงอึ้งกับคำตอบที่ได้ยินพอสมควร ที่ผมไม่ยังตอบตกลงเพราะคิดว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องรีบร้อน ถ้าไอ้ค่ายอดทนรอได้ผมก็จะให้ราคากับมัน ซึ่งกว่าที่วันนั้นจะมาถึงก็คงอีกนาน

   “กูไม่เล่นเกมส์แล้วนะ จะฟังเพลง” ผมหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วหลับตา ตัดขาดตัวเองตัวเองออกจากโลกภายนอกเพราะไม่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกสงสารไอ้ค่ายไม่น้อย

   ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้ามาในหูของผมอีก อาจเพราะเปิดเพลงเสียงดัง หรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อนอีกสามคนเลือกที่จะเงียบและใช้เวลาส่วนตัวเหมือนกับผม

   รถไฟยังคงเคลื่อนไปข้างหน้า สายลมเบาๆ ที่ตีกระทบกับแสงแดดที่เริ่มร้อนแรงผลักดันให้ผมผินตัวหลบแดด ซึ่งแน่นอนว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็คงรู้สึก

   “เติร์ดมึงนอนดีๆ”

   “อือ” หูฟังถูกดึงออกจากหูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ร่างกายของผมถูกรั้งให้โน้มตัวลงไปนอนบนตักอ่อนนุ่ม และผมก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ นอกจากโอนอ่อนผ่อนตาม

   “Since you've stepped into my life. Like someone brought the vision to the blind~”

   “ไปหัดร้องมาจากไหน” ผมถามเสียงอู้อี้แม้จะไม่ลืมตาขึ้นไปมองคนร้องก็ตาม แต่น้ำเสียงเพี้ยนๆ กับประโยคแปร่งๆ กลับทำให้ผมยิ้มออกมาได้ไม่ยาก

   นี่เป็นเพลงที่ผมมักเปิดฟังในรถ และไอ้ค่ายก็บอกเสมอว่าน่าเบื่อ

   “ทำไม ไม่เพราะเหรอ”

   “อืม ไม่เพราะ”

   “จริงดิ” ผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่สัมผัสเส้นผมและลูบไล้ไปมาเบาๆ

   “ร้องไม่ดีแต่พยายามก็ดีแล้วเว้ย”

   ผมหลับต่อ รู้สึกปลอดภัยที่อยู่แบบนี้ อบอุ่นเมื่อได้นอนตัก แล้วก็มีความสุขที่ได้เดินทาง บางทีหลังจากทริปนี้ผ่านพ้นไปเราทั้งสี่คนอาจเจอกับอะไรที่ดีๆ ก็ได้ใครจะไปรู้

   การเดินทางด้วยรถไฟมีเสน่ห์ของมันอย่างหนึ่ง ตรงที่เราไม่ต้องรีบเร่งให้ถึงจุดหมายโดยไวเพื่อค้นหาความสุขตรงปลายทาง แต่มันสอนให้เราเรียนรู้ที่จะหาความสุขกับประสบการณ์ระหว่างเดินทางมากกว่า

   ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก้มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเวลาเดินไปเกือบสิบโมงเช้าแล้ว ไอ้ค่ายที่ให้ผมยืมตักนั่งหลับจนคอแหงนไปกับเก้าอี้ ส่วนคนที่นั่งอยู่เบาะตรงข้ามก็หายหัว ก่อนจะพบว่ามันทั้งคู่ย้ายไปนั่งตรงที่ว่างถัดไปแทน เนื่องจากรถไฟขบวนนี้แทบไม่มีคน

   “ตื่นแล้วเหรอ” ลุกขึ้นนั่งได้ไม่นานคนตัวสูงก็ลืมตาขึ้น มันเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มนุ่มผิดกับวิสัยของตัวเองมากๆ หรือการปฏิเสธของผมก่อนหน้าจะทำให้สมองอีกฝ่ายกระทบกระเทือนไปแล้ววะ

   “อืม มึงนอนต่อก็ได้นะเดี๋ยวกูให้ยืมตัก”

   “ไม่เอา กูแค่พักสายตาไม่ได้หลับจริงๆ หรอก”

   “หิวมั้ย”

   “ไม่”

   “ดูวิวข้างทางดิ แม่งโคตรสวย” ผมเชื้อเชิญให้คนข้างๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง พื้นที่สีเขียวที่เป็นทุ่งนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยครับ ผมไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดเท่าไหร่ ชีวิตอยู่แต่ในเมือง เพราะงั้นเวลาได้เดินทางไกลๆ เลยรู้สึกตื่นเต้นมาก

   “สวยจริง แต่ฝนไม่ตกลงมาสักหยด”

   “เอาน่า ขอแค่ช่วงที่มาถ่ายหนังจริงขอให้มันตกก็พอ” หวังว่าพยากรณ์อากาศจะพอช่วยอะไรได้บ้าง

   “เติร์ด ชีวิตมึงอยากทำอะไรแผลงๆ มั้ย แบบ...ขอให้ได้ทำก่อนตายอ่ะ” จริงๆ การเดินทางที่ใช้ระยะเวลานานก็จำต้องฆ่าเวลาด้วยการพูด และผมคิดว่าไอ้ค่ายคงไม่มีหัวข้อไหนที่จะชวนผมคุยแล้วเลยยกเรื่องง่ายๆ แบบนี้ขึ้นมาถาม

    แต่จะบอกว่าง่ายก็ไม่เชิงหรอก เพราะเอาเข้าจริง ผมยังไม่รู้ใจตัวเองด้วยซ้ำว่าอยากทำอะไรในชีวิตบ้าง

   “ทำอะไรแผลงๆ เหรอวะ คงไปล่าท้าผีอ่ะ ตามตึกคณะก็น่าลอง แล้วมึงอ่ะอยากทำอะไร”

   “บันจี้จั๊มป์ อยากลองดูสักตั้ง”

   “กูอยากไปแข่งกินมาราธอนด้วย”

   “แดกหนมโก๋อ่ะเหรอ”

   “สัด! กินพวกบะหมี่ หรือไม่ก็โดนัทที่มันอร่อยๆ ดิวะ”

   “กูอยากแบกเป้ท่องโลก”

   “เฮ้ยๆ อันนี้กูก็อยากไป ที่แรกลองอินเดียก่อนเลย ทิเบตก็น่าไปนะ”

   “ชัมบาลาอ่ะเหรอ”

   “อืม”

   “ขอไปด้วยคนดิ”

   “พูดเหมือนจะไปวันนี้พรุ่งนี้” ไม่น่าเชื่อว่าหัวข้อสนทนาง่ายๆ จะกลายเป็นการแลกเปลี่ยนความฝันของเรา และบางอย่างก็ทำคนเดียวไม่ได้ อย่างเที่ยวเนี่ยถ้ามีเพื่อนไปเยอะๆ แม่งก็ยิ่งสนุก ผมแค่หวังว่าวันหนึ่งที่เดินทางไปที่ไหนสักแห่ง ข้างกายจะยังมีไอ้ค่ายกับแก๊งโหดอยู่ตรงนั้น

   “แล้วมีอะไรอีกวะ อยากทำอะไรมากกว่านี้มั้ย” เสียงเข้มถาม

   “อยากดูหนังภาคต่อแบบมาราธอนมั้ง”

   “กูอยากอ่านหนังสือภาคต่อให้จบแบบรวดเดียว”

   “กูอยากนั่งคุยกับคนแปลกหน้า”

   “คุยเรื่องอะไร”

   “อากาศ อาหาร รถติด เรื่องทำบุญอะไรแบบนี้มั้ง เป็นมึงล่ะจะคุยเรื่องอะไร”

   “เซ็กซ์”

   “คิดได้แค่นี้หรือไง” โคตรเหี้ย เชื้อไม่ทิ้งแถว เสือไม่ทิ้งลายของแท้ ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้ไงใครมันจะปักใจเชื่อว่าจะหยุดตัวเองได้ แต่คำตอบที่มันพูดออกมาก็ทำให้ผมอึ้งไปอีก

   “อ้าวหวัดดีคนแปลกหน้า ชื่ออะไรครับ”

   “ไอ้สัด”

   “ขอมีเซ็กซ์ด้วยได้มั้ย”

   “ไปตายก่อนไป”

   “ฮ่าๆ ทำไมคนแปลกหน้าหน้าแดงจังอ่ะครับ”

   “เปลี่ยนเรื่องๆ” ต้องพยายามเบี่ยงประเด็นก่อนจะโดนเผาจนร้อนหน้าไปมากกว่านี้ เชี่ย หรือกูจะลุกไปนั่งกับไอ้สองตัวที่เบาะถัดไปดีวะ

   “ไม่ต้องคิดจะย้ายไปเลยกูรู้ เรายังคุยหัวข้อนี้กันไม่จบเลย” ไอ้ค่ายเหมือนรับรู้ความคิดของผม มันยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้พลางพูดความฝันแผลงๆ ของมันต่อ “แต่กูอยากแต่งงานนะ”

   “...!” คำตอบไม่คาดฝันถูกพูดขึ้น

   “เจ้าชู้อย่างมึงนี่อยากแต่งงานกับเขาด้วยเหรอ”

   “ก็เลิกแล้วไงเลยอยากแต่งงาน เกิดมายังไม่เคยแต่งงานสักครั้งเลยอยากทำมั่ง แล้วงานแต่งก็ต้องมีเจ้าสาวน่ารักๆ จัดแม่งสักพันโต๊ะไปเลย ให้นายกมาเปิดงานด้วยก็คงดี”

   “มึงแม่งโคตรเว่อร์”

   “ไม่ชอบเหรอ”

   “ไม่ว่ะ”

   “ชอบงานแบบไหน”

   “เรียบๆ จัดกันเองในครอบครัวแบบนี้มั้ง”

   “โอเคเดี๋ยวโทรไปบอกแม่ให้”

   โว้ยยยยยยยยยยยย โดนทุกดอกเลยกู เปลี่ยนเรื่องคุยได้มั้ยเนี่ยแม่งเอ๊ย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาให้ไอ้ค่ายเล่นเพราะไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็ถูกมันจับเอาไว้แล้วขยี้จนใจสั่นตลอดเวลา

   “ตามึงบ้าง อยากทำอะไรอีก”

   “กูไม่เล่นแล้ว” ผมแหวใส่เสียงดัง พร้อมกับทำตาขวางใส่ด้วย

   “โกรธกูทำไมเนี่ย”

   “ก็มึงเล่นเหี้ยๆ แบบนี้ไง”

   “เขินก็บอก”

   “ไม่ได้เขิน”

   “เอออีกอย่างที่กูอยากทำ”

   “อะไร”

   “โทรไปหาคนที่กูเคยคิดไม่ดีกับเขาตลอดเวลา แล้วสารภาพความผิดทั้งหมด”

   “โหย มึงคงต้องโทรไปอีกหลายสายเลยล่ะ เคยคิดเลวๆ กับชาวบ้านเขาเยอะซะด้วยสิ”

   “ก็โทรหาแค่มึงมั้ย”

   “มึงเคยเกลียดกูเหรอ”

   “เปล่า กูเคยคิดอยากซั่มมึงให้ขาดใจตายคาอกอยู่บ่อยๆ ว่ะ กูขอโทษนะ”

   ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย!!

   ตอนนี้ผมคิดจะหาไม้ลูกชิ้นสักไม้จากแม่ค้า แล้วเสียบอกไอ้ค่ายให้ตายตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด หรือถ้าไม่ก็มีอีกทางนั่นคือกูต้องเอาไม้นั้นแทงตัวเองแทน แม่งเอ๊ย














   ฉากที่สาม ภายนอก / สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี / สี่โมงครึ่ง (เย็น)

   การเดินทางเวลาหลายสิบชั่วโมงสิ้นสุดลงเมื่อผมกับแก๊งโหดถึงปลายทางอย่างปลอดภัย เรานั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะสมุย แต่เพื่อนยากสองคนแยกไปพะงันเพราะคืนนี้จะมี Full moon party ต่อ ผมกับไอ้ค่ายที่ไม่อยากไปเบียดเสียดกับคนจำนวนมากเลยปลีกวิเวกมาอยู่ในพื้นที่สงบของตัวเองแทน

    ตอนนี้ก็เหลือผมกับไอ้ค่ายแล้วครับที่ต้องอยู่บ้านพักตากอากาศหลังเล็กๆ บนเกาะ เพราะจุดประสงค์ในครั้งนี้อยู่ที่การเดินทางโดยรถไฟ หลังจากนั้นจะแยกย้ายไปทำอะไรก็แล้วแต่ คาดว่าพรุ่งนี้เช้าเพื่อนรักทั้งสองคงกลับมารวมพลกันอีกรอบ

   “เขามีเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่รอบเกาะด้วยนะ”

   “อืม แต่ตอนนี้ขอพักก่อนได้มั้ยวะ เมื่อยฉิบหายเลย” การเดินทางโดยรถไฟหวานเย็นเป็นอะไรที่ใจเย็นมากครับ เพราะใช้เวลาค่อนข้างมาก ดูจากการคืบคลานของขบวนรถ

   โชคดีที่พอตู้โดยสารโล่งหน่อยไอ้ทูกับไอ้โบนก็แบกกีตาร์มาร้องรำทำเพลงให้ฟัง ไม่อย่างนั้นผมคงถูกไอ้ค่ายแทะพรุนจนเหลือแต่กระดูกแล้วครับ

   บ้านพักตากอากาศที่จองเป็นบ้านสองชั้น มีห้องนอนชั้นบนกับชั้นล่าง ซึ่งด้านล่างไอ้ทูกับไอ้โบนจองไว้เผื่อมานอนตายในตอนเช้า ส่วนด้านบนเป็นของผมกับไอ้ค่าย ตอนดูรายละเอียดกันมามันเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียง มีห้องน้ำในตัวแต่เมื่อเข้ามาสำรวจดีๆ แล้วกลับพบว่า...   

   “ไอ้ค่าย ไหนมึงบอกเตียงคู่ไง จองยังไงได้เตียงคิงไซส์วะ”

   “นี่ไงเตียงคู่ นอนกันสองคนได้”

   “ไม่ใช่แล้วเว้ย!”

   “ใช่ดิ มึงบอกอยากได้เตียงคู่ก็นี่ไง” ไอ้ค่ายมันกวนตีนครับ ต้องการเล่นสงครามประสาทกับกูแน่ๆ แต่ในเมื่อจองมาแล้วจะขอเปลี่ยนก็ดูเรื่องมาก เลยจำใจต้องนอนเตียงเดียวกับมันไปก่อน

   ผมยกระเป๋าเป้เข้ามาภายใน ไม่คิดจัดเสื้อผ้าหรือของใช้ใดๆ ทั้งนั้นนอกจากทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มทันที

   “เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนนะ”

   “จะทำอะไรก็ทำ”

   “ให้กูทำอะไรก็ได้เหรอ งั้นกูขอมีเซ็กซ์กับมึงได้ป่ะวะ”

   “มึงไปหื่นที่อื่นเลยไอ้เวร”

   “แล้วมึงนอนอ่อยกูทำไม”

   “กูไม่ได้อ่อยกูง่วง ค่ายกูกราบ ช่วยไปไกลๆ ตีนกูเถอะ”

   เสียงหัวเราะของคนตัวสูงดังขึ้นผะแผ่ว ไอ้ค่ายเดินวนไปเวียนมาในห้องพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี ไม่นานมันก็เดินหายไปในห้องน้ำ ส่วนผมก็ขอใช้เวลากับการพักผ่อนเพิ่มพลังให้ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

   กระทั่งฟ้ามืดแล้ว แสงไฟที่แยงตาผมอยู่ทำให้ต้องลืมตามองบรรยากาศรอบๆ ไอ้ค่ายไม่ได้หายไปไหน มันนอนอยู่ข้างๆ แบบหมดสภาพไม่ต่างกับผม เห็นทีแพลนวันนี้คงไม่มีอะไรทำนอกจากอยู่ที่ห้อง

   ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อผ้าสบายๆ กลับออกมาก็เห็นว่าเพื่อนตัวสูงตื่นรอก่อนแล้ว

   “ลงไปกินข้าวกัน”

   “อืม”

   “ที่มีมีคลับกับบาร์เยอะมาก”

   “หนีแสงสีฉิบหาย สุดท้ายมึงกลับไปในวงจรเดิม”

   “แค่บอกว่ามี ไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย”

   “เหรอออออออ”

   บ้านพักตากอากาศที่ผมกับไอ้ค่ายอยู่มีพื้นที่ส่วนกลาง ด้านหน้าเป็นสระว่ายน้ำ ห้องอาหารอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก เรานั่งกินข้าวเย็นกันที่นี่ ก่อนซื้อขนมและเครื่องดื่มตุนไว้สำหรับคืนนี้

   เมื่อกลับมาที่บ้าน ผมไต่บันไดเล็กๆ ขึ้นไปด้านบน เหนือห้องนอนที่เราอยู่เป็นดาดฟ้ามีพื้นที่เอาไว้สำหรับสังสรรค์และชมวิวยามค่ำคืน ด้านบนมีเก้าอี้ผ้าใบสองตัวให้เอนนอนชมดาว ดูแล้วโรแมนติกมากถ้าไม่นับไอ้คนที่มากับผมด้วยเนี่ย

   “เบียร์เย็นๆ หน่อยมั้ย” นั่นไง พอรู้ว่าผมขึ้นมา ร่างสูงก็ตามมาราวีอย่างไม่ลดละ

   “เออเอามา”

   “นอนด้วยคนสิ”

   “ใครห้ามวะ”

   ผมนอนลงที่เก้าอี้เอนก่อนแล้ว ส่วนไอ้ค่ายก็พยายามดึงเก้าอี้ของมันมาชิดกับผมให้มากที่สุดแล้วทิ้งตัวลงตาม มือหนายื่นเบียร์มาให้ซึ่งผมก็รับเอาไว้ เปิดกระป๋อง และค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศรอบตัว

   “ลมเย็นดีว่ะ” ไอ้ค่ายยังคงเป็นฝ่ายชวนคุย

   “มึงว่าตอนนี้ไอ้โบนกับไอ้ทูจะเป็นยังไงบ้างวะ”

   “คงเต้นจนลืมตายเลยมั้ง เหตุผลที่มันไปที่นั่นก็เพื่อจะได้สนุกลืมโลกของมันไง”

   “แล้วทำไมมึงไม่ไป ความจริงไม่ต้องตามมาอยู่กับกูก็ได้นะ” ค่ายแม่งเป็นคนชอบสังสรรค์ เสียงเพลง และความสนุกสนาน บางทีผมก็อดสงสารไม่ได้ว่าเพราะผมหรือเปล่ามันถึงต้องฝืนตัวเองขนาดนี้

   “กูไม่ได้อยากไปหลีสาวนี่หว่า อยากอยู่หลีมึงที่นี่มากกว่า”

   “เหอะ!”

   “ดาวคืนนี้สวย”

   “เพราะฝนไม่ตกไงฟ้าเลยเปิด”

   “มึงรู้จักดาวอะไรบ้าง”

   “ไม่รู้อะไรเลย กูเป็นคนดูดาวไม่เป็น แต่ชอบดูนะ”

   “เหมือนกัน”

   ต่างคนต่างเงียบ ปล่อยให้บรรยากาศโดยรอบเป็นไปตามธรรมชาติ ด้านบนนี้ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเสียงจอแจของคนโดยรอบ เราได้ยินเพียงเสียงคลื่นที่สาดซัดขึ้นมาบนฝั่งเท่านั้น

   และจู่ๆ เสียงทุ้มของคนเคียงข้างก็เปรยขึ้น...

   “มึงกับกูเรามีครั้งแรกด้วยกันกี่ครั้งแล้ววะ มาเที่ยวสมุยกับมึงครั้งแรก นั่งรถไฟกับมึงครั้งแรก จูบกับมึงครั้งแรก หลงรักมึงครั้งแรก”

   “มันก็เยอะอยู่ แต่กูจำวันที่สารภาพรักกับมึงครั้งแรกได้ดีนะ” ภาพในวันนั้นยังติดตาอยู่เลย วันที่ผมทำแผ่นบอร์ดหลายๆ ใบกับไอ้ทูทั้งคืนเพื่อที่จะบอกรักมัน แต่ผลสุดท้ายกลับเฟลไม่เป็นท่า

   “จำได้”

   “มึงบอกว่าจะเอามุกนี้ไปจีบคนอื่น”

   “แต่ก็ไม่เคยใช้จริงๆ หรอก”

   “กูเอามาจาก Love actually”

   “รู้ เรื่องนั้นเราก็นอนดูด้วยกัน แถมหลายรอบด้วย”

   “ชีวิตเราต้องมีครั้งแรกหลายๆ ครั้ง ตาแฉะเลยมั้ยล่ะ”

    “เติร์ด...” ใบหน้าคมหันมามอง จมูกโด่งๆ ของมันอยู่ใกล้กับแก้มผมมาก ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดกัน

   “หือ”

   “ถามอะไรหน่อยดิ”

   “ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”

   “ถ้าวันนั้นกูไม่บังเอิญเห็นวิดีโอที่มึงสารภาพรัก มึงยังจะบอกชอบกูอยู่มั้ยวะ”

   “คงไม่ อาจจะเก็บเอาไว้”

   “ถ้าหลังจากที่รู้แล้วกูรับไม่ได้ มึงยังจะรักกูอยู่มั้ย”

   “ก็อาจจะรัก แต่ก็ต้องตัดใจด้วยเพราะมันไม่มีหวังแล้วนี่หว่า” ผมยังจำวิธีการมากมายที่คิดค้นเพื่อให้ตัวเองตัดใจได้อยู่เลย แต่ไม่มีใครรู้หรอก พยายามแค่ไหนสุดท้าย...

   ผมก็ยังรักมันเหมือนตอนนี้ไง

   “ถ้าให้เลือกระหว่างความเป็นเพื่อนกับคนรัก มึงจะเลือกให้กูเป็นแบบไหน”

   “เป็นอย่างที่มึงอยากจะเป็น เมื่อไหร่กูพร้อมก็ยอมรับเองแหละ” อีกฝ่ายยิ้ม เอื้อมมือมาผสานมือกับผมแนบแน่นจนไม่เหลือช่องว่าง

   “ถ้าวันหนึ่งกูกลายเป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีอะไรเลยมึงยังจะอยู่กับกูมั้ย”

   “ก็ถ้ามึงยังอยู่กับกู กูก็จะอยู่”

   ทำไมวะ จู่ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาซะอย่างนั้น

   “แล้วถ้าโลกนี้มีคนที่ตรงสเป็กมึงและสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง มึงจะเลือกเค้ามั้ย”

   “ก็คิดเอาแล้วกัน ชีวิตกูเจอคนดีๆ มาเท่าไหร่”

   “...”

   “สุดท้ายก็ยังเลือกคนเหี้ยๆ อย่างมึงเหมือนเดิม”

    ฝ่ามือที่ผสานกันถูกกระชับให้แน่นขึ้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกนอกจากต่างคนต่างยิ้ม บางที...ผมก็อยากให้เวลาเดินไปช้าๆ ให้เราได้สัมผัสกับความสุขจริงๆ ให้เราได้อยู่ด้วยกันจนกว่าจะหลับไป ให้นานกว่านี้อีกหน่อย แม้ความจริงโลกจะยังคงหมุนของมันเหมือนเดิมก็ตาม

   “กูจะดูแลมึงอย่างดี สัญญา...” นานเหมือนกันกว่าความเงียบจะถูกทำลายอีกครั้ง

   “ถ้ามึงรอได้นะ”

   “กูก็ต้องรอได้อยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้”

   “จริงๆ คืนนี้ถ้ามึงอยากไปที่บาร์ก็ไปได้นะ”

   “ไม่อ่ะ มึงไม่อนุญาต แล้วตอนนี้กูก็ไม่อยากไป”

   “อนุญาตแล้ว”

   “เหอะ มีเบียร์อยู่ในมือนี่ไงกูจะไปทำไมล่ะ”

   “ค่าย”

   “ว่าไง”

   “อยากจูบมั้ย”

   “...”

   “คราวนี้จูบได้นะ อนุญาตแล้ว”

   ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรสั่งให้ผมพูดประโยคนั้นออกไป แต่หลังจากสิ้นสุดคำพูดไม่นานริมฝีปากของผมก็ถูกใครอีกคนครอบครองมันไปทั้งหมด จูบนี้ขมเฝื่อนในตอนแรกจากรสชาติของเบียร์ที่เราดื่มเข้าไป แต่ไม่นานก็หอมหวานราวกับบรรยากาศโดยรอบที่เราเผชิญ

   การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าชีวิตเรามีอิสระเสมอ จนกระทั่งได้เจอกับความรักเนี่ยแหละ…















   มหา’ลัยเปิด ภาระหนักของนิสิตนิเทศฯ แบบเราๆ นั่นก็คือการเตรียมงานสำหรับละครเวทีประจำปี หลายคนหัววุ่นมากจนไม่ได้หลับได้นอน ฝ่ายโสตสิบกว่าคนนอนในห้องบันทึกเสียง ส่วนผมที่ไม่ค่อยมีงานเนื่องจากบทเสร็จแล้วก็เปลี่ยนไปทำหน้าที่ประสานงานและขายบัตรกับฝ่ายพีอาร์

   ชีวิตของผมเรียบรื่น มีตื่นเต้นบ้างตอนมีงานใหม่เข้ามา ดังนั้นกราฟชีวิตเลยขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาต่อสภาพจิตใจ

   ไอ้ค่ายยังคงตามจีบผมอยู่ มันพยายามมากจนผมรู้สึกได้ ครั้งหนึ่งผมเคยคิดหาวิธีต่างๆ มากมายเพื่อให้หยุดรักมัน และหนึ่งในวิธีมากมายเหล่านั้นก็คือการหาข้อเสียของอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการตัดใจ

   ผมจำได้ขึ้นใจ ทุกข้อที่เคยคิดถึงในวันนั้นไอ้ค่ายแม่งทำมันซะทุกอย่าง ผิดกับตอนนี้ที่เพิ่งสังเกตเห็น หรือเพราะความรักทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนไป...





ข้อหนึ่ง ขับรถเร็ว

“ไอ้ค่ายเมื่อไหร่จะถึงวะ ถ้าเข้าคลาสไม่ทันกูจะตบให้หัวหลุดเลย”
“รีบอยู่ แต่ขับเร็วไม่ได้เดี๋ยวมึงตายห่าคาเบาะก่อน”
“แต่ก็ไม่ต้องช้าขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
“นี่พอดีกับมึงแล้ว”
“มึงขับเท่าไหร่”
“ยี่สิบ”
“ยี่สิบ! บิ๊กไบค์มึงขับยี่สิบ ขายชาวีทิ้งเหอะสัด รำคาญ”
“ทำไมเดี๋ยวนี้มึงเป็นคนใจร้อนนักวะ เมนส์มาเหรอ”
“โอยยยยยยยยยย ไอ้ค่าย โอยยยยยยยยยย”

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 04-09-2017 20:27:55

   ข้อสอง ไม่รู้จักความพยายาม นิดหน่อยไม่ได้ดั่งใจก็ถอดใจไปซะก่อน

   “มึงกลับได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาไปส่งให้ร้านซ่อม”
   “ก็เผื่อมึงต้องใช้ทำงานคืนนี้ไง เอาเครื่องกูไปใช้ก่อนมั้ยล่ะ ส่วนของมึงกูจะดูให้”
   “กูไม่รีบเว้ย”
   “แต่มึงมีงานส่งวันมะรืนนะ”
   “ก็มึงซ่อมไม่ได้อ่ะ”
   “ได้ อาการนี้กูเคยเป็นรอกูก่อน”
   สองชั่วโมงผ่านไป...
   “ดึกแล้วง่วง พอเถอะไอ้ค่าย”
   “เนี่ยรอมันโหลดเดี๋ยวได้เลย”
   สามชั่วโมงผ่านไป...
   “จะเช้าแล้วเนี่ย”
   “ได้ละเห็นมั้ยว่ากูเก่ง”
   “เอาเวลาที่มึงซ่อมไปนอนก่อนมั้ย ตอนนี้ร้านคอมพ์คงเปิดแล้วมั้งสัด”
   “ดีใจก็บอก ไม่ต้องมาเนียนทำเป็นโมโห” จ้า...เอาที่สบายใจเลยจ้า...








ข้อสาม นิสัยเจ้าชู้และอ่อยไปทั่ว

“มองอะไร”
“กูเปล่า”
“นมใหญ่ดีนะนั่น ไม่อยากเข้าไปจีบเหรอ”
“ก็มองเฉยๆ ให้จีบจริงกูก็ไม่ทำหรอก”
“เพราะอะไร”
“เพราะกูจีบมึงแค่คนเดียว”
ง่อววววววววววว








   ข้อสี่ เห็นทุกคนเป็นแค่วันไนต์แสตนด์

   “เพื่อนๆ คืนนี้ไปร้านเหล้ามั้ย”
   “ร้านไหน”
   “ร้านเฮียตี๋ข้างมอ”
   “ถามเติร์ดก่อน ไอ้เติร์ดไอ้ทูกับเชี่ยโบนชวนมึงไปมั้ย”   
   “ไม่ว่ะ ขอเคลียร์งานละครเวทีก่อนนะ มึงสามตัวไปกันเลย”
   “งั้นกูไม่ไปละ”
   “ไม่สนใจไปหิ้วหญิงแล้วเหรอ เด็ดนะเว้ย”
   “ที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เด็ดมากแล้ว”
   ชิเหยจย้า! โดนหยอดอีกแล้วกู...









   ข้อห้า ผู้หญิงเก่าๆ ของมันล้วนเป็นปัญหา   

   “เติร์ด ถ้ามีเบอร์ที่ลงท้ายด้วย 92 โทรมามึงไม่ต้องรับนะ”
   “ทำไม เบอร์ใครวะ”
   “แฟนเก่ากู ตอนแรกโทรเข้าเครื่องกูก่อนแต่กูบล็อก ส่วนมึงก็ไม่ต้องไปสนใจ เขากับกูไม่ได้อะไรกันแล้ว แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าฝ่ายนั้นจะทำให้มึงปวดหัวด้วย เพราะกูจะทำทุกทางไม่ให้ใครมายุ่งกับมึง”








ข้อหก มันไม่ฉลาด   

“มึงชอบบอกว่ากูโง่”
“ก็มึงโง่จริงอ่ะค่าย”
“แต่กับเรื่องที่มึงรักกูกูรู้นะ ฉลาดพอยัง”
“เอ่อ...”







   ข้อเจ็ด มันไม่เคยรักใครจริง

   “แล้วคนเดียวที่กูรักก็คือมึง...”









   ข้อเสียทุกข้อที่ผมเคยคิดเพื่อตัดใจวันนี้มันไม่สามารถใช้ได้แล้ว ไอ้ค่ายยอมเปลี่ยนตัวเองในทางที่ดีขึ้น แต่นิสัยบางอย่างก็ยังคงเป็นมัน ผมไม่เคยบังคับให้มันต้องทำอะไรฝืนใจ ความรักของเราคือความเข้าใจมากกว่า และไม่ใช่ว่าเจ็ดข้อนั้นจะเป็นข้อบกพร่องทั้งหมดของไอ้ค่าย มันยังมีข้อเสียอีกมากมายซึ่งผมก็พยายามยอมรับและค่อยๆ ปรับตัว

   แปลกแต่จริง นับจากวันที่แอบรักมันเมื่อเกือบสามปีก่อน ตอนนี้ผมกับไอ้ค่ายมาไกลากจุดนั้นมาก

   “ทุกคนเตรียมตัว อีกสิบห้านาทีเริ่มแสดงแล้ว!” เสียงของพี่เชนทร์ดังก้องไปทั่วหลังเวที ที่นั่งด้านหน้าเริ่มมีคนทยอยเข้ามาจนเต็มพื้นที่ ละครเวทีปีนี้มีการแสดงสองรอบ และวันนี้ก็คือรอบสุดท้ายแล้ว   

   เมื่อวานฟานกับพิงค์และนักแสดงทุกคนทำได้ดีมาก วันนี้ก็ต้องดีเหมือนกัน...

   “น้ำหน่อยมั้ยไอ้เติร์ด” พี่เชนทร์ถามพลางยื่นขวดน้ำดื่มมาให้

   “ขอบคุณว่ะพี่ แต่ผมว่าพี่น่าจะต้องการมากกว่านะ” ปากนี่ซีดเชียว ตื่นเต้นเกินไปสิท่า

   ลุ้นหนักสุดก็ผู้กำกับเนี่ยแหละ เมื่อวานผมเห็นพี่มันยืนอยู่ข้างเวทีไม่ขยับไปไหน ขณะที่นักแสดงวิ่งขึ้นลงเวทีวุ่นเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำผม พวกแบ็คสเตจก็ทำงานหนักเหมือนกัน ฝ่ายโสตคุมเสียงอยู่ด้านหลัง ไอ้ทูรับภาระหนักถือกล้องอัดวิดีโอตัวใหญ่ไปตามเวที ดีที่มีทีมภาพคนอื่นมาช่วยเก็บภาพอีกหลายคน

   “มึงๆ จะเริ่มแล้ว”

   พี่เชนทร์สะกิดไหล่ผมยิกๆ

   เสียงพิธีกรลอดผ่านไมค์โครโฟน ม่านสีแดงที่โรยตัวปิดอยู่ยังไม่ขยับเขยื้อน ผู้คนเบื้องหน้ามองตรงมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับซาวน์ที่ค่อยๆ ดังขึ้นเพื่อเรียกความสนใจ

   “และเวลาต่อจากนี้ ขอเชิญพบกับละครเวทีนิเทศศาสตร์ประจำปี 2560 ในเรื่อง...ไลก์เบอรี่ได้เลยค่า”

   ม่านสีแดงถูกดึงขึ้นสูง เผยให้เห็นฉากหลังอลังการที่ฝ่ายศิลป์บรรจงสร้างมันขึ้นมา ความมืดยังคงเกาะกุมพื้นที่อยู่ รอกระทั่งสปอตไลท์ฉายไปยังนางเอกของเรื่องเสียงปรบมือก็ดังขึ้น...

   เป็นช่วงเวลาสองชั่วโมงครึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คราบน้ำตา และความลุ้นระทึก ไม่เพียงแค่ผู้ชมแต่หมายถึงเราที่ร่วมทำและสร้างกันมาตลอดหลายเดือนกว่าจะมีวันนี้ได้

   ละครนิเทศฯ ให้ทุกอย่างกับผม ให้มิตรภาพของคำว่าเพื่อน ให้ความอดทนและมุมานะ ให้เราได้แบ่งเวลาในการใช้ชีวิต และที่สำคัญ...ให้ผมได้ลองก้าวผ่านความกลัวของตัวเองเพื่อเริ่มต้นรักใครสักคนอีกครั้ง

   “ละครใกล้จบแล้ว มาเตรียมตัว”

   เสียงของผู้กำกับหุ่นหมีดังขึ้น ฉากสุดท้ายกำลังปิดตัวลง ทุกคนด้านหลังเวทียืนมองแสงสปอตไลท์ที่ฉายอยู่ตรงกลางเวทีเป็นจุดเดียว จากสว่างค่อยๆ...ดับลงจนมืดสนิท ก่อนเราจะได้ยินเสียงปรบมือและกรีดร้องดังกระหึ่มไปทั่วพื้นที่ พี่น้องนิเทศฯ กอดกันแน่น

   สุดท้ายเราก็กำลังเติบโตไปด้วยกัน

   “ขอบคุณที่ติดตามไลก์บรารี่มาจนถึงช่วงสุดท้าย ละครเวทีเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าหากขาดผู้ชมถูกท่าน และทีมงานนิเทศศาสตร์ของเรา...ผู้กำกับของเรื่องค่า”

   เสียงปรบมือยังคงดังต่อเนื่อง พี่เชนทร์วิ่งขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับค้อมตัวลงเป็นการขอบคุณ แล้วขยับเท้าไปยืนอยู่ตรงกลาง

   “นักแสดงของเรื่อง”

   “วิ้ดวิ้วววววว”

   “ฝ่ายกำกับการแสดง”

   เพื่อนอีกสิบสองคนจับมือกันวิ่งขึ้นไปบนเวทีก่อนค้อมตัวขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

   จากนั้นพิธีกรก็เริ่มประกาศหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไปเรื่อยๆ ทุกคนขึ้นไปจับมือกันบนเวทีและยืนอยู่ตรงนั้นจนกว่าม่านจะลดลงมาปิด

   “และสุดท้าย ทีมเขียนบทค่า”

   มีผมและพี่ย้งยี้วิ่งขึ้นไปเพียงสองคนเพราะพี่เชนทร์แม่งยืนรออยู่บนเวทีก่อนแล้ว พอเราค้อมตัวเป็นการขอบคุณเสียงปรบมือก็ดังขึ้น พี่ย้งยี้วิ่งไปจับมือกับเพื่อนที่อยู่มุมเวที ส่วนผมก็กำลังวิ่งตามไปแต่กลับถูกใครคนหนึ่งเรียกชื่อเอาไว้ซะก่อน

   “เติร์ด”

   “...” ใครวะ!

   “เติร์ด! ตรงนี้” ผมพยายามมองหาเจ้าของเสียง ก่อนจะพบว่าไอ้ค่ายที่ควรยืนอยู่บนเวทีกลับยืนอยู่ด้านล่างแทน มันถือป้ายบอร์ดสีขาวขนาดใหญ่เอาไว้ในมือ เงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง

   “เติร์ด กูมีอะไรจะบอก”

   “กรี๊ดดดดดดดดดด” เกิดเสียงเซ็งแซ่ไปทั่วพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นคนจากบนเวทีหรือฝั่งคนดูที่กำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ก็ตาม

   ไอ้เชี่ยค่ายยยยยย มึงทำอะไรวะ

   ผมเหลือบมองโปรเจ็กต์เตอร์ซ้ายมือที่ถูกติดตั้งอยู่ข้างเวที ตอนนี้มันกำลังฉายภาพที่เป็นหน้าของผมและไอ้ค่ายสลับกันไปมาอยู่ คนดูภายในโรงละครเลยได้ชมภาพสดที่ผมเองก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเท่าไหร่ ตากล้องครับอย่าซูมหน้ากู ฮือ...อาย


‘หวัดดี’


ไอ้ค่ายเปิดแผ่นบอร์ดใบแรกให้ผมดู นี่เคยเป็นข้อความเริ่มต้นที่ผมใช้สารภาพรักกับมันเมื่อนานมาแล้ว และเราก็เอาไอเดียจากหนังเรื่อง Love actually มาใช้เหมือนอย่างเคย

บอร์ดแผ่นที่สองถูกเปิดต่อ


‘วันนี้เป็นเหมือนวันธรรมดา แต่กูมีสิ่งที่ไม่ธรรมดาจะบอกมึง’

บอร์ดแผ่นที่สาม...

‘มึงเป็นเหมือนสิ่งพิเศษ’

บอร์ดแผ่นที่สี่...

‘ไม่ได้พิเศษแบบนี้นะ’

ป้ายต่อมาปรากฏรูปยอดมนุษย์หลายตัว เช่น แบทแมน ซูปเปอร์แมน หรือแม้แต่กัปตันอเมริกา นี่มันป้ายเก่าของผมเลยนี่หว่า ไอ้คนไม่ลงทุน!

บอร์ดแผ่นที่ห้าถูกเปิด...

‘แต่มึงพิเศษกว่านั้น’

บอร์ดแผ่นหก...

‘วันนี้กูเลยอยากจะบอกกับมึงถึงสิ่งพิเศษสำหรับกู’

ผมยังคงมองตามทุกตัวอักษรและอ่านมันอย่างถี่ถ้วน ทำยังไงวะเพื่อไม่ให้ตัวเองอายเวลาอยู่ต่อหน้าคนมากๆ ขนาดนี้ ต้องทำยังไง

‘ดีใจที่เป็นเพื่อนกันมา’

‘ดีใจที่ได้รักมึง’

“กรี๊ดดดดดดดด” หลายคนส่งเสียงระงมเมื่อข้อความล่าสุดถูกเปิดออก

‘ดีใจที่ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างร่วมกัน’

‘มึงคือสิ่งพิเศษ และทำให้กูอยากทำอะไรมากมาย’

‘แต่สิ่งหนึ่งที่กูอยากให้มันเกิดขึ้นที่สุดก็คือ...’

และก็เหลือบอร์ดแผ่นสุดท้ายในมือของคนตัวสูง จิตใจของผมเต้นรัว รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้วทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนขี้แยเท่าไหร่

ข้อความนี้ถูกหันไปอีกด้านทำให้ผมไม่เห็นว่ามันเขียนข้อความอะไรไว้ รอคอยก็แต่เพียงให้อีกฝ่ายหมุนแผ่นบอร์ดกลับมาเท่านั้น

และในวินาทีต่อมา...

‘อยากแก่ไปด้วยกันกับมึง’

“แอร๊ยยยยยยยย”

หูของผมอื้ออึงไปหมด แถมตอนนี้เริ่มจะตาลายขึ้นไปอีก ไอ้ค่ายวางแผ่นบอร์ดทั้งหมดไว้ตรงพื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองที่ผมพร้อมกับยกนิ้วโป้งสองนิ้วขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

   ไอ้สัดนี่! มึงจะก๊อปปี้หนังทุกท่าเลยหรือไง

   ไม่มีคำถามให้ผมตอบ มีเพียงข้อความของมันลอยวนอยู่ในหัว ไม่นานเพลงปิดฉากละครเวทีก็ดังขึ้นพร้อมกับม่านที่ค่อยๆ ลดตัวลงมา ผู้ชมภายในโรงละครส่งเสียงให้กำลังใจพร้อมกับปรบมือไม่หยุด

   ไอ้ค่ายรีบวิ่งขึ้นมาบนเวที จับมือผมไว้แล้ววิ่งไปยืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนนิเทศฯ หากแต่มีประโยคหนึ่งที่เราอาจได้ยินกันเพียงสองคนเล็ดลอดออกมา

   “อืม...มาแก่ไปด้วยกันเถอะ”

   จบแล้วไลก์บรารี่ ละครเวทีที่อยู่ในชีวิตจริง












   สามเดือนต่อมา...

   “อัพวิดีโอลงยูทูปแล้ว มาดูเร็ว”

   “เออๆ”

   ตอนนี้ผมอยู่ห้องไอ้ค่าย เรานัดหมายกันมาที่ห้องนี้ก็เพื่อดูหนังสั้นซึ่งเป็นโปรเจ็กต์จบปีสามด้วยกัน ไอ้ค่ายเป็นคนอัพโหลดวิดีโอลงชาแนลที่ผมดูแล มีไอ้ทูกับไอ้โบนตัดต่อในขั้นตอนสุดท้าย

   เรานั่งสุมหัวกันอยู่สี่คน มองดูจอสี่เหลี่ยมที่กำลังฉายหนังสั้นปีสามฝีมือเราเอง ก่อนข้อความแรกจะปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงรถไฟ สายฝน และคนคุยกัน

   Friend…Train…Rain

   “ใส่เสื้อกันฝนมาทำไมวะ  ไม่เห็นว่าฝนจะตกสักเม็ด”

   “เดี๋ยวแม่งก็ต้องตก”

   ข้อความเดิมๆ ที่เคยคุยกันเมื่อครั้งเดินทางด้วยรถไฟครั้งแรกถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครเพื่อนสี่คน ผู้หญิงสองคน และผู้ชายอีกสอง แม้นักแสดงจะไม่ใช่หนึ่งในสี่แก๊งโหด แต่บอกเลยว่า นี่มันเหมือนกับการพาตัวเองออกไปเดินทางอีกครั้ง

   “แม่งมุกจีบนี่กูเดดแอร์สัดๆ” ไอ้โบนเริ่มพูดถึงฉากที่พระเอกจีบนางเอกด้วยการเล่นเกมส์ทาย

   “แต่กูขำนะ ไม่ได้ซึ้งด้วย”

   “เหี้ย หน้าน้องดาวแม่งอึ้งได้ว่ะ”

   “ชอบซีนนี้สัดๆ นึกว่าไอ้เติร์ดมาเอง”

   “ล้อเข้าไป” ไอ้พวกเหี้ย...

   ความยาวหนังสั้นของเราก็ไม่เชิงจะสั้นเท่าไหร่ เพราะมันปาไปเกือบสี่สิบนาทีเลยทีเดียว เพื่อนมันถึงได้ซื้อน้ำซื้อขนมมานั่งแดกตอนดูกันนี่ไง

   ไม่มีใครสนใจว่าเวลาจะหมุนผ่านไปแค่ไหน เพราะต่างคนต่างกำลังจดจำกับช่วงเวลาที่ได้ย้อนไปถ่ายทำในเหตุการณ์นั้นอยู่ มันทั้งสนุก หัวเราะ ร้องไห้ เครียดและกดดัน ต้องรอฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจกับทีมที่ทำหนังสั้นเพียงสี่คน แล้วเวียนทำมันแม่งจนครบทุกหน้าที่

   กระทั่งซีนสุดท้ายปิดตัวลง ชื่อของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น



กำกับภาพยนตร์
ขุนพล กริชภิรมย์


   หลังจากนั้นตัวหนังสือบนจอก็ค่อยๆ เลื่อนผ่านโดยมีชื่อของเราทุกคนปรากฎอยู่บนนั้น รู้สึกดีใจฉิบหายเลยว่ะที่ครั้งหนึ่งก็มีชื่อเราทั้งสี่คนโผล่มาในหนังสักเรื่อง


Cast
         ปอง   ธนกฤต เศวษฉัตร
         เนม   ปิยะณัฐ ผิวสะอาด
         หญิง   อารียา ผ่องแผ้ว
         กุ้ง   มนัษวีย์ ศิริประชา


บทภาพยนตร์
เตชภณ คุณาปกรณ์

ผู้ช่วยผู้กำกับ
บริภัทร เกียรติกูล

กำกับภาพและกำกับศิลป์
ธนฉัตร ตั้งประเสิร์ฐ

Visual effect
บริภัทร เกียรติกูล

บันทึกเสียงและดนตรีประกอบ
ขุนพล กริชภิรมย์

จัดแสง
เตชภณ คุณาปกรณ์


แก๊งโหดโปรดักชั่น (HOD PRODUCTION)



   เอนเครดิตจบลงตรงที่หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่เพลงยังคงบรรเลงต่อไป ผมโน้มตัวหมายจะปิดหน้าจอแต่มือหนาของไอ้ค่ายกลับรั้งเอาไว้ซะก่อน

   “มีอะไรวะ” ผมถามอย่างแปลกใจ

   “มีอาฟเตอร์เครดิตอีกตัวนึง”

   “ไม่เห็นรู้เลย”

   “เออน่า”

   มันไม่ใช่วิดีโอเคลื่อนไหวหรือฟุตเทจที่ถ่ายเพิ่มเข้ามาหรอกครับ หากแต่เป็นข้อความส่งท้ายที่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นทีละคำและมันทำให้ผมชะงักไปในทันที


เติร์ด

เป็น

แฟน

กัน

มั้ย?
   

   นี่เหรอวะตอนจบของหนัง ตอนจบที่โคตรจะเซอร์ไพรส์แถมเพื่อนยังรู้เห็นเป็นใจอีกต่างหาก ไอ้ค่ายนั่งอยู่ข้างผม มันไม่ได้พูดอะไรต่อเหมือนกำลังเงียบรอคำตอบเพียงอย่างเดียว

   “ไอ้สัด กูไม่รู้จะพูดอะไร” ผมบอกกับมันตรงๆ ใจก็แทบระเบิดอยู่รอมร่อ

   “มึงเป็นทุกอย่างสำหรับกูหมดแล้ว ขาดอย่างเดียวแค่แฟน”

   “เออ! งั้นกูก็เป็นที่มึงขาดอยู่อย่างหนึ่งเนี่ยแหละ”

   “...”

   “เป็นแฟนกัน”

   เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าตอนเกิดเราเกิดคนเดียว ตายก็ต้องตายเพียงคนเดียว

   เพราะเราเลือกไม่ได้ เลยคิดว่าชีวิตก็ควรอยู่คนเดียวให้เป็น

   แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว...

   ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ของเราแม่งเลือกได้เว้ย เลือกได้ว่าจะอยู่กับใคร

   และนี่คือจุดเริ่มต้นในหนังของเรา หนังที่มีผมกับไอ้ค่ายเป็นผู้สร้างด้วยตัวเอง


END




และช่วงนี้ก็มาถึงอีกแล้ว รู้สึกใจหายทุกครั้งเวลาพิมพ์ทอร์กในตอนจบของนิยายทุกเรื่อง
สำหรับทฤษฎีจีบเธอ เราอยู่กันมานานเท่าไหร่แล้ว จิตติย้อนกลับไปอ่านข้อความในวันแรก
26 กุมภาพันธ์ 2017 คือตอนแรกที่เติร์ดกับค่ายเป็นที่รู้จักของคนอ่านทุกคน นับแล้วก็ยาวนานหกเดือนกว่าๆ เลย
แรกเริ่มเดิมทีสิ่งที่คิดอยู่ในหัวจิตติก็คือ แอบรัก และคำว่าคอมมิดี้ เราอยากเขียนเรื่องตลกของคนแอบรักบ้าง
แต่ไปๆ มาๆ กลับพบว่า ‘การแอบรัก’ ใครสักคนหนึ่งมันไม่ตลกจริงๆ
ในบางบริบทที่คิดไว้ตั้งแต่เขียนพล็อตเราขำแทบตาย สุดท้ายลงมือเขียนจริงกลับไม่เป็นอย่างที่นั้น
นั่นเลยเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง ฟีลนิยายเปลี่ยนไปเพราะความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
จิตติเลยอยากขอโทษและทั้งขอบคุณ ขอโทษที่ทำให้มันตลกและสนุกไม่ได้อย่างที่หวัง
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนจบ นับแล้วค่ายก็คงเป็นพระเอกที่โดนด่าเยอะที่สุดของจิตติ
ด่าจนทวิตติดลิมิต บางครั้งคนอ่านก็จะเอาใจช่วยค่ายจนติดลิมิตเช่นกัน
มันดีมากๆ ความรู้สึกแบบนี้ แค่รู้สึกอินกับเรื่องที่เขียนก็ดีใจมากแล้วจริงๆ
แต่หนทางก็ยังคงอีกยาวไกล จิตติจะพยายามนำข้อเสียต่างๆ ที่คนอ่านบอกไปปรับปรุงในงานชิ้นต่อไป
ส่วนเรื่องนี้ก็เลือกเก็บเป็นอีกหนึ่งความทรงจำเช่นกัน ความทรงจำที่ว่าเราได้อ่านนิยายด้วยกัน
รู้จักค่าย เติร์ด แก๊งโหดและรุ่นพี่ตัวกวน รู้จักความรักในอีกมุมมองหนึ่ง
และรู้ซึ้งดีว่า ความรักจริงๆ ไม่ต้องใช้ทฤษฎีหรอก แค่ซื่อสัตย์และจริงใจต่อกันก็พอ
รักเสมอ.




หมายเหตุ จิตติจะลงตอนพิเศษในเว็บให้หนึ่งตอน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะที่ลงให้ได้ไม่หมด
ตอนพิเศษมีทั้งหมด 4 ตอน คือ...

1. ปฏิบัติการยกพลขึ้นเตียง (ลงเว็บ)
   จะทำอย่างไรเมื่อค่ายกับเติร์ดคบกันนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าค่ายจะได้ทำศึกใหญ่สักที
2. อย่าบอกใครว่าเราได้กัน (ในหนังสือ)
   หลังศึกคืนนั้นผ่านพ้น เมียรักก็เป็นอันป่วยจนต้องนอนซม แทนที่ค่ายจะมีเวลาดูแลเติร์ดอยู่ที่ห้อง เพื่อนรักทั้งสองกลับหาเรื่องพาเขาทั้งคู่ออกไปทำภารกิจด่วนซะอย่างนั้น
3. Perk of being together (ในหนังสือ)
   บางความสัมพันธ์ บางความรู้สึกก็อธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร อั้นกับทูก็เช่นกัน...
4. วันง่ายๆ ของค่ายกับเติร์ด (ภาคเมียโหด) (ในหนังสือ)
   สี่ปีหลังจากค่ายกับเติร์ดคบกัน สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงก่อนจะพบว่า...ค่ายได้กลายเป็นคนกลัวเมียโดยสมบูรณ์แบบซะแล้ว


ข่าวดี หนังสือทฤษฎีจีบเธอจะวางแผงที่งานสัปดาห์หนังสือตุลาคมนี้นะคะ
เผื่อคนอ่านอยากสนับสนุนพี่ค่ายกับนุ้งเติร์ดค่า
อีกห้าวันเจอกันกับตอนพิเศษค่า

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 04-09-2017 20:41:57
เกิดมาเป็นค่ายลำบากทำดีคนก็อวยทำตัวเฮงซวยคนก็ด่า แต่ดีที่สุดของค่ายคงเป็นคนที่รักอย่างเติร์ดไม่เคยถอยห่างให้โอกาสตลอด


ปล.เจ็บใจอยากให้คนอื่นเป็นพระเอกเพราะเกลียดที่ชอบทำให้เติร์ดร้องไห้
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-09-2017 20:43:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 04-09-2017 20:56:04
ลำบากจัง

สงสารอีค่ายมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 04-09-2017 21:02:48
กรี๊ดดดดดดด เป้นการขอเป็นแฟนที่น่ารักมากกกกก สมกับเป็นเด็กฟิล์ม สมกับเป็นนังค่ายจริงๆ 555555
รอติดตามตอนพิเศษ แล้วก็รอซื้อหนังสือน้าาาา  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ เรื่องนี้ค่าาาา
^_______________________^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 04-09-2017 21:04:20
จบแล้วววว ขอบคุณค่าา สนุกมากกกก :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 04-09-2017 21:06:03
กรี๊ดดดดดด อิค่ายจบแล้ววววว เราจะคิดถึงแก :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 04-09-2017 21:08:50
จบแบ้ววว... คุณค่าย คุณเติร์ด..  :katai2-1:
ลุ้นไม่รู้จะลุ้นยังไงแล้ววว...  :katai2-1:
คุณจิตติ.. เก่งสุดๆเรยคับ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-09-2017 21:09:01
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจมากค่ะ

ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 04-09-2017 21:11:57
ขอบคุณที่ทำให้อารมณ์ขัดแย้งในบางที


การแอบรักเพื่อน เป็นอะไรที่ไม่สนุกเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-09-2017 21:14:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 04-09-2017 21:19:07
รอหนังสือนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 04-09-2017 21:45:37
จบลงอย่างสวยงาม

ขอบคุณจิตติ ที่แต่งนิยายหลายอารมณ์เรื่องนี้ให้เราอ่าน เราชอบความขำ เราชอบความหน่วง

รอหนังสืออย่างตั้งใจเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 04-09-2017 21:46:16
จบแล้วเหรอ คงคิดถึงมุขจีบเติร์ตมากแน่ๆ
ขอบคุณที่เขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 04-09-2017 21:59:35
จบแบบหนังฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-09-2017 22:08:17
ขอบคุณมาก ๆ จ้า
ด่าค่ายไว้มาก เพราะคนเขียน เขียนดีนั่นเอง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-09-2017 22:12:31
จบซะแล้ว ประทับใจมากเลยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 04-09-2017 22:15:10
จบแล้วใจหายน่าดู คิดถึงแก๊งโหดแน่ๆ

ขอบคุณคนแต่งค่ะ สนุกและน่าติดตามมากๆ ชอบการผูกเรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 04-09-2017 22:24:13
ไม่รู้จะพูดไรดี ชอบอะ ชอบมากๆ ถึงตอนแรกๆจะไม่ค่อยเข้าตามาก แต่อ่านไปอ่านมามันใช่อะ ความเฟรนด์โซน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-09-2017 22:31:51
โอ้ยยยยหลังจากที่ผ่านการด่าอิค่ายกันมาอย่างยาวนานในที่สุดมันก็ได้สมหวังกันสักที แต่แหมส่งท้ายแล้วก็ยังมีเรื่องให้หมั่นไส้นะอิค่ายนะ และนี่คงเป็นเรื่องแรกของจิตติเลยรึเปล่าที่ตัวเอกตกลงปลงใจกันได้ก็ตอนจบแล้ว รอตอนพิเศษนะอยสกรู้ว่าอิค่ายคนกากมันจะมีวิธีล่อลวงเติร์ดยังไง ว่าแต่อีกหนึ่งคู่ที่ตงิดใจไว้แต่ไม่คิดว่าจะจริงก็อั้นทูนี่แหละ แบบร้องเฮ้ยหนักมาก เอาจริงดิ?
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-09-2017 22:48:39
รักเรื่องนี้  :-[
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ นี้ขึ้นมานะคะ สนุกมากค่ะ เราชอบมากก ><
รอตอนพิเศษค่ะ 55555
ปล.คู่ทูอั้นนี่ยังไงงง ใครรุกใครรับเนี่ย 555 เดี๋ยวรอตามจากในหนังสือนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 04-09-2017 22:53:24
รักเช่นกัน^^
รอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 04-09-2017 23:00:12
อยากได้หนังสือแล้วค่าาาา
ขอบคุณมากๆนะคะ อ่านไปลุ้นไปตลอด :hao5:
วันนี้จบแล้ว แอบคิดถึงแก๊งโหดเบาๆ
รอติดตามผลงานต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-09-2017 23:11:35
ในที่สุดดดดด เย่ ชอบที่เติร์ดให้ค่ายรอแบบไม่มีกำหนด จะรีบทำไมล่ะ ดูกันไปยาวๆๆๆ
เพื่อนที่มาเป็นแฟน แค่มองตาก็รู้ใจแล้ว ค่ายจีบได้น่ารักมากนะ จากที่ด่าแทบไฟแลบในช่วงแรก
เปลี่ยนมาสงสารเอาใจช่วยแทบเป็นแทบตายได้เหมือนกัน นิยายสนุกมากค่ะ หลายอารมณ์
เศร้าสุด ซึ้งสุด ฮาก็สุด

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 04-09-2017 23:23:00
รักเรื่องนี้..ไม่อยากให้จบเลยค่ะ..ต้องคิดถึงมากแน่ๆ จากที่เคยร่ำร้องว่าเมื่อไหร่ตอนต่อไปจะมา.. :mew6: :mew6:
ขอบคุณมากนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันกัน ฝากเรื่องอื่นๆที่ยังค้างอยู่ด้วยนะคะ 55555... หลงเลย..รักเลย.. :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-09-2017 23:33:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 04-09-2017 23:36:52
 o13 o13 o13 นิยายจิตติ อ่านทึกเรื่องก็โดนทุกเรื่อง ให้ความรู้สึกเรียลสุดๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-09-2017 23:46:19
รอหนังสือแล้ววววววววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 05-09-2017 00:15:19
ค่ายกับเติร์ด จบแล้วด้วยความเข้าใจให้โอกาส และความพยายาม บอกเลยว่าอยากได้รวมเล่ม แต่ถ้าเป็นแบบ ebook จะรักจิตติเรนมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-09-2017 00:55:14
ค่ายเติร์ดจบแล้วว ติดตามด่าค่ายมาอย่างยาวนานจริงๆค่ะ
ไม่เคยด่าพระเอกหรือตัวละครไหนๆได้มากขนาดนี้มาก่อน
แต่ด้วยความที่เป็นทีมพระเอกในนิยายทุกเรื่อง
สุดท้ายเราก้กลับมาเชียร์ค่าย มาคอยลุ้นไปด้วย
พยายามทำความเข้าใจตัวละครค่าย คนแบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้
แล้วกเพบว่าค่ายทันก้ไม่ได้ผิดอะไรขนาดนั้นนี่หว่ามันแค่โง่มากๆและไม่ระวังตัว
แต่คนแอบรักแบบเติร์ดก้ไม่ได้ผิด แค่ทุกการกระทำของค่ายมักส่งผลรุนแรงเสมอสำหรับเติร์ด
การกระทำของคนที่เรารักมันส่งผลต่อคนที่รักที่แคร์มากเสมอเลยแหละค่ะ
ตอนแรกคาดหวังกับความฟีลกู๊ด อ่านอารมณ์ดี ฮีลตัวเองได้ตามที่ทุกคนคิดว่ามันจะเป็น
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ แล้วพบว่าการแอบรักมันยากกว่านั้นนะ
มันจะฮีลได้ยังไงในเมื่อคนในเรื่องความรู้สึกกำลังหน่วงอยู่ แอบรักเพื่อนตัวเองแบบที่ไม่มีทางสมหวัง
สุดท้ายเราก้พบว่าให้ตัวละครเขียนเรื่องราวของตัวเองมันเป็นอะไรที่มีค่าและน่าจดจำกว่านิยายอารมณ์ดีปกติ
มันเรียลมาก คนแบบค่ายมีจริงๆทั้งตอนเหี้ยมากๆและตอนกลับใจแล้ว
คนแบบเติร์ดก้พบเห็นได้มากมายและเชื่อว่าหลายคนผ่านจุดนั้นไปแล้ว จุดที่เจ็บจนพอไปเอง
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ มันดีมากเลย
ไม่เคยผิดหวังกับนิยายของจิตติเลย
สุดท้ายความรักมันก้แค่นี้จริงๆนั่นแหละค่ะ ไม่ต้องใช้ทฤษฎีอะไร แค่ซื่อสัตย์และไว้ใจกันก้พอแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-09-2017 01:56:05
จบนิยายของคุณจิตติไปอีกเรื่องง

คงคิดถึงนังค่ายเหมือนเดิม :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 05-09-2017 02:19:40
ความพยายามทำตัวดีของค่ายก็ทำให้เติร์ดใจอ่อนในที่สุด
อยากอ่านตอนพิเศษของอั้นกับทู รอหนังสือๆๆ
ขอบคุณมากค่าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: nirapong ที่ 05-09-2017 02:58:46
สมัครมาเพื่อเม้นเลยยย
ขอบคุณจิตติ มากๆ ที่แต่งนิยายได้เรียลล รู้ว่า แต่ละคำ แต่ละประโยค ไม่ง่าย แต่ถ่ายทอดออกมาดีมากกก ขอบคุณที่เติมเต็ม คำว่า แอบรักของเราให้สมบูรณ์ แม้ชีวิตจิงจะผิดหวัง แต่ในโลกนิยาย สมหวังก็โอเค แล้ว ติดตามเรื่องจิตติ ไปทุกๆ เรื่องเลยนะจ้าาา ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-09-2017 03:10:17
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 05-09-2017 08:37:45
เข้าขบวนการคนหลงเมียไปกะสารวัตรเลยจ้าาา555555555555
ขอบคุนนืยายดีๆๆมากค้ะ สนุกมากกกก ร้องไห้ก้ร้องงสุด หัวเร่ะก็หัสเร่ะสุดดด ดีมากๆๆจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Koko58508 ที่ 05-09-2017 10:57:24
Login มาเพื่อเม้นเลย เป็นนิยายที่สนุกมากค่า พอเศร้าก็เศร้าจนหน่วงไปหมด  :katai1:ตอนจบคือดีมาก ประทับใจสุดๆเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-09-2017 13:32:08
การแอบรักมันสนุกค่ะ ถ้าเราไม่คาดหวัง

เราแฮปปี้กับการได้มอง ได้คุย ได้แบ่งปันเรื่องราวดีให้กัน

แต่ถ้าวันใดวันนึง รู้สึกเหมือนมีความหวัง แม้เพียงนิดเดียว

หลังจากนั้นมันไม่สนุกเลย ความต้องการมันมากขึ้นเรื่อยๆ

อยากได้อีก อยากได้ความหวังอีก อยากให้เค้าหันมามอง อยากให้เค้าคุยกับเราคนเดียว

มันมีแต่ความอยากแล้ว 


แล้วเมื่อมันไม่เป็นดังใจ ตอนนั้นก็เหลือแต่ความเจ็บปวดแล้ว

เริ่มรับไม่ได้กับการมองเฉยๆ เริ่มไม่โอเคกับการคุยแบบเพื่อนอย่างเดียว

เริ่มไม่พอใจ เวลาเค้าคุยกับใครคนอื่น


แล้วสุดท้ายตอนจบบางทีมันก็ไม่ได้แฮปปี้เลย



เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ


ให้ค่ายกับเตริดด้วย กว่าจะผ่านกันมาถึงจุดนี้เสียใจกันมาเท่าไหรแล้ว ดูแลกันดีๆนะ




*นี่ตูอินอะไรเบอร์นั้น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 05-09-2017 13:43:52
เฮฮฮฮฮ #ทีมค่ายผู้ชายไม่เคยแห้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-09-2017 13:56:30
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 05-09-2017 15:11:19
ไหน ๆ ก็สมหวังในตอนสุดท้ายแล้วจะมีตอนหวานเป็นตอนพิเศษหรือเปล่าค่ะ

อยากได้อ่ะขอให้มีเถอะสาธุ

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เป็นเนื้อเรื่องที่ดีมากค่ะ แต่งออกมาได้เจ็บปวดและเข้าหาเนื้อเรื่องมาก

จะรอเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 05-09-2017 15:19:24
กว่าจะลงเอยกันได้ อ่านแล้วเครียดตามตัวละคร

ตั้งแต่พาร์ทของเติร์ดเศร้าแอบรัก    ไปๆมาๆกลายเป็นฝั่งค่ายที่เศร้าอีกกว่าเติร์ดจะใจอ่อน

ขอบคุณค่ะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 05-09-2017 15:27:19
เป็นแฟนกันแล้วววว งื้อออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: sasithornae ที่ 05-09-2017 21:17:25
จบแล้วจริงๆแง่งง เป็นอีกเรื่องจริงๆที่มีครบรสมาก เป็นนิยายที่พี่จิตติบอกฟีลกู๊ด แต่ค่อนข้างเสียน้ำตาไปหลายลิตร 55555 ชอบมากจริงๆ ผูกพันมาหลายเดือน พอจบจริงๆแล้วก็ใจหายนิสนุง ฮื่อ จะคิดถึงแก๊งโหด คิดถึงเติร์ดโหดน้อย คิดถึงอีค่ายพระเอกโดนด่ามากที่สุดแห่งปี คิดถึงทุกอย่าง และสุดท้ายขอบคุณพี่จิตติ ที่มากันจนถึงวันนี้ ร้ากกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-09-2017 21:39:45
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-09-2017 22:01:53
ในทีสุดก็ลงเอยกัน หมั่นอิค่ายมากเลยขอบอกตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นพระเอกที่น่าถีบมากในความรุ้สึก
แตืเติร์ดรักอะนะทำไงได้
ขอตอนพิเศษต่อไป หื่นขนาดไหนถามใจอิค่ายดู
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 05-09-2017 23:22:07
จบแล้วววววว กว่าจะมีเวลาเข้ามาอ่านตอนจบได้เรียนยุ่งมากกก รอตอนพิเศษอย่างใจจดจ่อ55555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-09-2017 23:42:52
เรื่องนี้คือที่สุดของอารมณ์ ทำเราปั่นป่วนมาก
รักเติร์ด รักอิค่าย รักจิตติที่สุดด้วย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-09-2017 09:02:39
ไม่อยากให้จบเลย ยังอยากด่าอิค่ายไปเรื่อยๆ ฮ่ะๆ แต่ก็ขอบคุณนะคะเรื่องนี้สนุกมากเลย ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 06-09-2017 11:29:19
 :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 06-09-2017 12:36:23
   ในที่สุดค่ายก็ได้เป็นแฟนกะเติร์ดซะที... แอบรอดู NC ของคนหื่น อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 06-09-2017 22:38:39
อยากอ่านตอนอิค่ายคนกลัวเมียเลยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Imagine_chic ที่ 06-09-2017 22:48:24
อิค่ายเป็นพระเอกที่รู้สึกหมั่นไส้ที่สุดละ
โง่ๆ กากๆ แถมยังหื่น แต่ก็มีมุมน่ารักๆอยู่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 07-09-2017 09:02:20
เย้ๆๆๆๆ  ในที่สุดก็ตกลงเป็นแฟนกันแล้ววววว
แต่ใจหายจัง จะจบแล้วอ่า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 07-09-2017 19:09:27
อ่านตอนจบแล้วก็ทำให้ยิ้มได้จริงๆ
เหมือนใช้ชีวิตผ่านไปแต่ละตอนพร้อมค่ายกับเติร์ดมากๆ
พอได้คบกัน คนเชียร์ก็ยิ้มฟินแล้วค่าาาา
อยากอ่านพิเศษมากๆ รองานหนังสือน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-09-2017 20:37:23
โอ๊ยยย ในที่สุดค่ะ ค่ายคนกากก็สมหวังแล้วนะ
เติร์ดเปิดใจให้บ้าง แต่ตอนนี้ยอมรับได้แล้ว แฮปปี้เวอร์

ทูโบนก็แผนสูงไปเหอะ ความชง ความเชียร์หนักมาก
เป็นเพื่อนที่ดี ไม่ทิ้งไปไหน แค่เปิดโอกาสให้ค่ายได้ทำแต้มเอง

ค่ายก็เรียนรู้มาเยอะแล้ว แล้วมาเลือกเติร์ด อย่าทำให้เติร์ดผิดหวังอีกนะ
ค่ายขยันหยอด ขยันหว่านมากค่ะ หยอกจนเติร์ดแทบจะขุดหลุมให้ตัวเอง

น่ารักดีค่ะ ถึงจะมาแบบผนเศร้าเคล้าน้ำตาในบางช่วง
แต่พอค่ายรู้ตัว คือทั้งสงสาร ทั้งสมน้ำหน้า แต่สุดท้ายคือ สมหวัง
เติร์ดก็เจ็บมาเยอะ เจอมาเยอะ แล้วสุดท้ายก็ได้ค่ายไปครอง

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 07-09-2017 21:09:46
วี้ดดดดดด
ค่ายทำให้เราฟินได้อีก
สุดหล่อของเจ้...
แฮปปี้ มากกกกก จบสวยมากกกกก
ตอนโหดน้อยปฏิเสธนะใจหายแว้บ
ค่ายคนจริง จีบจริง เต๊าะจริง
สุดท้ายเค้าเป็นแฟนกันจริงๆเจ้าค่าาาาาา
ขอบคุณดาวมอนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 08-09-2017 03:10:28
รอตอนพิเศษอย่างใจจดใจจ่อก็ได้แต่หวังว่าค่ายจะไม่รุนแรงแบบสารวัตร :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: sakurako38 ที่ 08-09-2017 13:45:39
ส่วนตัวคิดว่า ค่าย เป็รผู้ชายที่น่ารักคนนึ่งเลยนะ อ่านตั้งแต่เริ่มจนจบ ก็ไม่คิดจะด่าค่ายเลย กลับชอบเสียด้วยซ้ำกับความพยายาม กับความจริงใจ ถือว่าเขียนออกมาได้ดีเอาใจแฟน ๆ ที่ชอบหนุ่มแบบ ค่าย จริง ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 08-09-2017 19:19:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 09-09-2017 00:06:38
ฟีลลิ่งหลังอ่านนิยายของจิตติจบจะลอยกรุ่นแบบนี้ทุกทีเลย
เราบอกไม่ถูก เป็นความสุขปนเศร้านิดๆ เศร้าที่นิยายและทุกบทบาทได้จบลงแล้ว
เวลาอ่านเราจะผูกพันมาก อ่าาา เราขอบคุณจิตตินะ เราชอบมากๆ ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 18 THE END [04/09/60] *หน้า45
เริ่มหัวข้อโดย: miejhx_ ที่ 09-09-2017 01:39:48
ชอบตอนนี้มากๆเลยอะ ถึงจะเป็นตอนจบแล้วก็เถอะ  ชอบอารมณ์แบบนั่งพูดถึงอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงด้วยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชอบอารมณ์ที่อยู่กับตัวเองในบางช่วงด้วย แต่ละพาร์ทคือรู้สึกชัดเจนในอารมณ์ตัวละครมากก
6เดือน18ตอน เหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานก็ว่าไม่นะ แต่จะเป็นช่วงสั้นๆก็ไม่อีกอะแหละ รักแก๊งโหด รักตัวละครทุกตัวเลย ฮืออ
ปกตินี่จะตามอ่านนิยายของพี่จิตติหลังจากจบแล้ว เรื่องนี้เรื่องแรกที่อ่านแบบรออัพ รู้สึกผ่านไปได้ไม่นานเอง แป๊บๆจบแล้ว เพิ่งสังเกตว่า6เดือนก็เพราะพี่จิตตินี่แหละ555555
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเสียดายนิดๆที่เรื่องนี้จบแล้ว แต่เทียบกับความรู้สึกที่ดีมากๆไม่ได้เลย แบบมันfeel goodมากกกก รู้สึกประทับใจในมิตรภาพของแก๊งโหด ถ้าสี่คนนี้มีชีวิต ก็คิดนะว่าพอแก่ไปสี่คนนี้ก็ยังจะนัดกันมากถ่ายรูปรวมอยู่555555

สถานีต่อไป ซื้อเล่มมาเก็บ555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-09-2017 20:40:36

ขออนุญาตลบค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-09-2017 20:42:55


ขออนุญาตลบค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 09-09-2017 20:48:26


ขออนุญาตลบค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-09-2017 21:02:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-09-2017 21:18:35
ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: makuto ที่ 09-09-2017 21:23:15
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 09-09-2017 21:24:31
ดีงามมากกกกกกกก เสร็จไอ้ขุนพลมันจนได้ เป็นเอ็นซีที่น่าเอ็นดูเอามากๆเลยละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-09-2017 21:27:47
 :heaven :heaven :heaven ดีใจกับค่ายด้วยนะ o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 09-09-2017 21:30:59
ลุ้นไปกะอิค่ายเลยเด้อออออ
ในที่สุดก็สำเร็จแล้วนะ /ปาดน้ำตา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-09-2017 21:33:27
ค่าย เกรงใจเมียมากกกกกกกกกก
รักเติร์ด ติดเติร์ด 
จนกลัววันที่ไม่มีเติร์ด แล้วตัวเองต้องตายแน่ OMG
ค่ายกลายเป็นแมวนอนหวดซะแล้ว

แล้วคืนที่ค่ายตะกายเตียงสำเร็จก็มาถึง  :ling1: :ling1: :ling1:
ค่ายรักเติร์ด ถนอมเติร์ดสุดๆ
ถามทุกครั้งที่สัมผัสเติร์ด สุดยอดดดด  :hao5: :sad4: :heaven
จะมีฝ่ายรุกซักกี่คนนะที่เอาใจ อ่อนโยน เห็นใจฝ่ายรับเท่าค่าย
ให้คะแนนค่าย 100% ไปเล้ย

เติร์ด น่ารักมาก แม้กลัว แม้ไม่พร้อม
แต่ทำความสะอาดรอไว้ตลอด  :o8: :-[ :impress2:
ค่าย เติร์ด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
จะมีตอนพิเศษอีกมั้ยนะะะะะ ชอบบบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 09-09-2017 21:47:04
  โอ๊ยยยย เป็น NC ที่ดูเต็มไปด้วยความรักทะนุถนอมจริงๆเลย
 ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้อิค่าย    o13 o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 09-09-2017 21:52:03
ค่ายคนหื่น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 09-09-2017 22:06:31
อิค่ายไม่กากแล้วว  ยะมีก็แต่อิค่ายคนหื่น 2017  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 09-09-2017 22:09:45
หมั่นไส้ค่ายจริง ๆ เลยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: emoemo ที่ 09-09-2017 22:12:06
โอ้ยยยย อิค่ายยยย อิละมุนนนน หมั่นไส้มากกก 5555 แต่ดีใจด้วยยย 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-09-2017 22:18:23
โถ~ ค่าย พ่อคนรักเมีย 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-09-2017 22:39:34
พ่อคนหื่น แต่รักเมียสุดๆ ไม่กากแล้วนะค่ายของเรา  :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-09-2017 23:35:35
ตบมือให้ค่ยคนกากเร๊วววว 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 09-09-2017 23:41:23
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 09-09-2017 23:47:37
ค่านคนกากกลัวเมีย 55555555555
แต่ตอนนี้เค้าไม่กากแล้วนะคะแถมไม่ต้องพึ่งเบียร์ก็ทำได้ อิอิ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-09-2017 23:58:16
พอๆ กับสารวัตรเลย ความหว่านล้อม
ตะล่อมพอให้ชื่นใจ จากนั้น หึๆ เชือด!!
สุดท้ายเราก็ฟิน>\\<
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 10-09-2017 00:09:23
พี่ค่าย.. ละมุนต่อจุดซ่อนเร้น.. 55+
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 10-09-2017 00:17:21
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :pighaun: :impress2: :impress2: :impress2: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 10-09-2017 00:50:15
ค่ายใจดีนะ เติร์ดน่าเอ็นดูมาก แต่ต่อไปค่ายต้องหื่นขึ้นมากแน่ๆ สารน้องเติร์ดเบาๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-09-2017 01:01:35
"คิดการใหญ่ใจต้องเหี้ยม"นี่สโลแกนคุ้นๆนะ ฮ่าๆๆ และนี่คงถือเป็นตอนแรกที่ได้เห็นความละมุนและเอาใจใส่แบบจริงจังจากอิค่าย เป็น nc ที่เหมือนจะหื่นๆแต่จริงๆแล้วดูละมุนมาก อิค่ายได้เมียแล้วก็เตรียมกลัวเมียแบบเต็มรูปแบบได้เลย ฮ่าๆๆ โดนเติร์ดโบกแน่ถ้านอกลู่นอกทางอะ เพจพ่อบ้านใจกล้าไลค์แล้วก็เข้าไปศึกษาวิถีซะนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 10-09-2017 01:19:57
ค่ายไม่กากแล้วนะจ๊ะ55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-09-2017 01:20:42
ได้เป็นเมียซะทีนะค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-09-2017 03:55:49
มันดีมากก กรี๊ดดดดดด  :hao6: :hao6:
สมการรอคอยที่สุดดด
ชอบที่ค่ายคอยถามตลอดอ่ะ แสดงถึงว่าอยากมีความสุขร่วมกันและแคร์เติร์ดจริงๆ  :-[
ขอบคุณจิตติค่ะ ><
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-09-2017 06:04:46
เป็นNC ที่ผ่ายงนไปด้วยการลุ้น ว่าอิค่ายจะทำสำเร็จไหม 55555ดีใจด้วยค่ายยยมีเมียแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 10-09-2017 08:15:00
หมั่นไส้ค่ายจังค่ะ 5555555

ขอบคุณ คุณคนเขียน เราชอบนิยายเรื่องนี้มากเลย
น้ำตาไหลเพราะค่ายก็หลายครั้ง ส่วนความหมั่นไส้นี่มากสุด
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ จบแฮปปี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-09-2017 08:17:13
55555 ค่ายยยย ในที่สุด ก็ฉลองห้าเดือนได้แล้ว
ค่ายคนกลัวเติร์ดมีอยู่จริง ไปซ่ามาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่มาสบยเพราะเติร์ดคนเดียว

จริงๆ เติร์ดก็พร้อมมานานแล้วนะ แต่ก็กลัว
แต่ที่กลัวกว่า ก็คือค่ายนี่เอง 55555

สมใจเลยทีเดียว จัดหนักจัดเต็ม จัดใหญ่จัดโตไปอีก


ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ มีมาอีกก็ได้น้า

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Elektra ที่ 10-09-2017 09:11:20
ซุ่มแอบอ่านมาตลอด ไม่เคยคอมเม้นต์ จริงๆไม่เคยชอบนิยายที่นางเอกจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักพระเอกก่อน มันเหมือนเสียเปรียบยังไงไม่รู้ แต่ก็เข้าใจนะ เพราะเป้นเพื่อนกัน ถ้ามันเกิดกับตัวเรา มีเพื่อนแอบชอบเรารู้เราจะตั๊นไปเลยนะ คือมันรับไม่ได้ เพื่อนก็อยู่ในจุดที่เพื่อนต้องอยู่ ยิ่งเพื่อนที่สนิทมากๆ เราจะตีตัวออกห่าง(ซักระยะ)เลยนะ คืออาจจะเอาเวลานั้นไปคิดไปทบทวนว่าจะแก้ปัญหายังไงเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โอเคมาเข้าเรื่อง สำหรับเติร์ดชอบตรงที่รักอิค่ายแล้วไม่ทำตัวงี่เง่า รู้ตัวดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เติร์ดมันฉลาดนะ วางตัวดีรักเขาแล้วไม่งี่เง่าทำตัวน่าเบื่อ ตรงนี้แหละที่มันได้ใจอีค่าย นิสัยค่ายเจ้าชู้เราไม่ว่านะ คือเข้าใจคำว่าผู้ชายไหม มันไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนมันก็มีสิทธิ์คบหาไปเรื่อย ในเมื่อมันเจอคนที่ใช่ มันก็จะหยุด นี่จะพูดถึงผู้ชายที่สันดานดีๆนะ คนแต่งเก่งนะ ดูการพัฒนาการของการแต่งดีขึ้นตามลำดับ เราชอบมาก เราติดตามมาแต่เรื่องปลาบนฟ้ามาแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 10-09-2017 12:18:25
หมั่นไส้อิค่ายจนวินาทีสุดท้ายนี่ผิดมั้ย555555554
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-09-2017 14:03:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 10-09-2017 14:13:01
คือจะบอกว่า
อ่านนิยายคุณจิตติ
ช่วงตลก ก็ตลกมาก
ช่วงบีบคั้นก็แบบ อยากจะร้อง อึดอัดมาก

นี้จะบอกว่าลัดมาอ่านตอนจบเลยลุ้นไม่ไหว แต่ยังไงจะกลับไปอ่านให้ครบแน่นอน

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 10-09-2017 14:38:02
555555555 อิค่ายโคตรอดทน
ตื่นเช้ามาเติร์ดจะตบไหมให้ทาย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-09-2017 15:18:03
เติร์ดน่ารักมาก
ค่ายไม่โง่ ค่ายเรียนรู้ ฮ่า ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 10-09-2017 15:49:31
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 10-09-2017 17:16:12
อิค่ายยยยยยยยยยย   อิพ่อบ้านใจกล้า 555555555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 10-09-2017 19:49:45
 :haun4: ในที่สุดพี่ค่ายก็ได้ดังที่วาดฝันไว้ หึหึ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-09-2017 20:49:30
 :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 10-09-2017 21:03:06
ได้จัดซะที! เป็นเอ็นซีที่เป็นไปตามประสาไอ้ค่าย หื่น ติส โปร ได้หลังแล้วลืมหน้าแน่นอนงานนี้หนูค่าย  นอกจากจะหมอบราบคาบแก้วให้กับเติร์ดในความเป็นแฟนแล้วเรื่องบนเตียงแกก็ไปไหนไม่รอดแล้ว รอรวมเล่มมมมมมม
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 10-09-2017 21:16:44
 :katai2-1:

อันว่า ค่าย นั้น สำคัญไฉน
คงต้องลองเสี่ยงเข้าไปหากอยากรู้
อย่างบางคนก็ดูท่าจะลุ่มหลงกันน่าดู
ถึงกับยอมเสีย ...  เสีย-วนไปจ้า 
 
(ปล.คำที่ละไว้ให้ใส่สระ “อู” )
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: Imagine_chic ที่ 10-09-2017 22:06:54
ค่ายคนกาก ที่ไม่กากแล้วนะจ๊ะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 10-09-2017 23:01:57
ใช้ความละมุนละม่อมต้อนเติร์ดสุดๆ เก่งจริงๆเชียวนะค่ายเรื่องกามๆเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 10-09-2017 23:21:26
ถือเป็นบทสรุปที่ดีมากๆค่ะ
่ค่ายดีมากค่ะ ฮือออ
คือกลับตัวแบบหน้ามือหลังมือเลยอะ คือรักเติร์ดมากยัง
หมั่นไส้เติร์ดแทนละเนี่ย 55555555555555555555555555  :hao7:
รอหนังสือค่าา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Ahjumma1212 ที่ 11-09-2017 10:37:43
หนังสือมีขายที่เว็บไหมค่ะพี่จิตติ ยังไงช่วยแชร์ที่เฟสด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-09-2017 12:13:39
เบ้ปากให้อิค่าย ฟินจนขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดสิบเลยสิแกอ่ะ!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-09-2017 13:57:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 11-09-2017 23:19:24
ละมุนมากกกกอิค่ายกล่อมจนเติร์ดยอม อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 12-09-2017 00:12:10
ค่ายมันกวนตีนจริงๆ หมั่นไส้มันอ่ะไอ้คนหลงตัวเองได้เติร์ดไปครอบครองแถมเติร์ดก็ดื้อแต่ก็ยอมน่าร๊ากงอแงพอๆกับไทน์คนชิคเลย 
แต่เราชอบคำนี้มากไอ้ค่ายไอ้นรก   :laugh: :laugh:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 12-09-2017 01:12:18
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ก็เลยอ่านรวดเดียวเลย
คือสนุกมากกกกก สงสารกันไปมาวุ่นไปหมด
แต่เห็นถึงความรักที่กว่าจะเข้าใจแล้วชอบมากกกกกก
ชอบทุกตัวละคร :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-09-2017 03:52:59
เป็นNCที่โคตรจะรักและทะนุถนอมเลยอะ
รักเติร์ดได้สมกับที่เกรงใจและรอมานาน
ยกความดีความชอบให้ค่ายไปเลย
เมื่อคนโง่ของเราสำนึกรู้ได้ว่ามีเพชรอยู่ในมือซะที
ขอบคุณค่ะ ตายตาหลับแล้วว55
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 12-09-2017 09:11:43
ค่ายคนกลัวเมีย 55555 แต่นางก็น่ารักของนางนะ
แม้ว่าแรกๆจะทำตัวทุเรศไปเยอะเลย 555
ขอบคุณนักเขียนมากเลยนะค้า
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Chunxx97 ที่ 14-09-2017 03:20:32
เราตามมาจากในทวิต มีคนรีมาเป็นทวิตที่บอกว่าตอนสุดท้ายแล้วพอดี คือเราไม่รู้จักแล้วก็ไม่เคยอ่านที่จิตติเขียน
ชื่อตัวละครแปลกดีเลยกดเข้าไปอ่าน
ตอนแรกที่อ่านเลยก็เฉยๆบางประโยคที่เหมือนจะทำให้ขำ
แต่เราไม่ขำ ยอมรับว่ามันออกจะฝืดๆหน่อย
เหมือนตลกแหละแต่ไม่สุด เหมือนเล่นผิดเวลาไม่ถูกตังหวะที่ควรจะเล่น บางคำบางประโยคก็มีคำที่ฮิตๆพูดกันบ่อยที่เห็นได้บ่อยตามทวิต เช่น เกรี้ยวกราด ต่ำตมไม่หยุด วอแว
คำอื่นๆบลาๆๆคือไม่ใช่มันไม่ดีนะ คือเรารู้สึกส่วนตัวอะนะ แบบบางทีมันก็ดูแปลกๆไม่น่าจะใช้คำพวกนี้เลยในบางบริบท อ่านแล้วมันไม่สมูทในความรู้สึกเรา แต่รวมๆคือดีนะ
ทำเราอินตาม ร้องไห้ได้ รู้สึกไปกับตัวละครเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง5555555 มีจุกบ้างนิดหน่อย อึดอัดตามบ้าง ขอบคุณที่แต่งให้อ่าน เหมือนเราจะเขียนติเยอะกว่าชมไปเนาะ

 แต่สรุปเลยคือเราชอบนะ โอเคเลยครบมีหลายอารมณ์
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 14-09-2017 06:10:08
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 14-09-2017 12:19:31
โอยยย..จบจนได้...ฟินเฟร่อ!!! สิ่งที่ค่ายโดนมันเบาะ นะ..งกับสิ่งที่ค่ายก่อไว้...แต่ชอบที่นางตีมึนเข้าหาเติร์ดแบบไม่แคร์สถานการณ์อะไร...กูจะจีบก้อคือจีบ...ชอบอ่ะ...
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END ฝากย้ายห้องด้วยนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 14-09-2017 23:04:25
สนุกมากสมกับเป็นผลงานคุณจิต
ตามอ่านมาแล้วเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ชอบทั้งนั้นเลย
เรื่องนี้แรกๆเหมือนจะขำ แต่อ่านไปมา เครียดขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ยังคงความสนุกไว้เหมือนเดิม
ตอนแรกสงสารเติร์ท แต่ครึ่งหลังสงสารค่ายอะ

ขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 15-09-2017 07:00:38
^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END ฝากย้ายห้องด้วยนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 17-09-2017 15:33:19
จะติดตามผลงานชิ้นต่อไปน้า ขอบคุณมากครับ :-)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END ฝากย้ายห้องด้วยนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 17-09-2017 22:43:28
รอจบแล้วเพิ่งมาอ่าน
จิตติไม่เคยทำให้ผิดหวัง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 19-09-2017 21:15:33
นี่คือรอให้จบแล้วค่อยอ่านนะ
ดีมากกกก ชอบมากกก
ผลงานคุณจิตติดีทุกเรื่องเลย
ขอบคุณนะ ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ อย่างนี้ออกมา

อยากเก็บเป็นเล่มด้วย แต่ตามไม่ทันทุกที
ตอนเค้าเปิดจองก็จะเป็นช่วงที่เงินไม่ว่างพอดีด้วยอะดิ แอบเสียใจเบาๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 20-09-2017 20:00:39
อิค่ายนางละมุนเพื่อชดเชยความกากได้แล้ว  ปรบมือค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ฟาเรนไฮ ที่ 22-09-2017 19:22:30
 :laugh: :mc4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: CChompu ที่ 23-09-2017 02:18:21
เรื่องนี้คนที่เราชอบที่สุดคือทูค่ะ น่ารักอ่ะ!!
ชอบโมเม้นช่วยเพื่อน หวงเพื่อน ห่วงเพื่อน
อ่านรวดเดียวจบ เขียนได้เพลินดีค่ะ เหมือนเราหลุดไปอยู่ในแกงค์นี้ด้วยเลย
อ่านแล้วอิน โดยเฉพาะฉากที่ทุกคนเทค่ายที่สถานีรถไฟ
(ถึงแม้จะคิดว่าทุกคนทำดีแล้ว ค่ายต้องเจอแบบนี้ล่ะ555555)

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 23-09-2017 18:32:35
สวัสดีค่ะอ่านวันเดียวจบเลย  บอกตามตรงเราเป็นคนที่ไม่อ่านเรื่องที่เป็นดราม่าแต่เพราะชอบคู่สารวัตรกับไทน์มากๆเลยลองอ่านเรื่องนี้ดู ด้วยความคิดที่ว่าน่าจะเป็นแนวโรแมนติค คอมเมดี้ มันก็เป็นนะแต่ก็แค่4หรือ5ตอนแล้วเรื่องมันก็เปลี่ยนแนว ยิ่งอ่านยิ่งติดแล้วก็อินไปกับเรื่องมากๆเลย  คุณเป็นคนเก่งนะคะเราขอชื่นชมเขียนให้เราคล้อยตามมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยไม่อยากแม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกปวดหนึบๆหนักๆหน่วงๆมากแค่ไหนก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านต่อไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีก็ร้องให้ไปอ่านไปอินเข้าขั้นสุดจนถึงตอนที่15ต้องหยุด  ลุกออกจากหน้าจอหยิบกุญแจรถคว้าเป๋าตังค์เดินออกจากห้องไปซื้อกาแฟมานั่งดื่มเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองกันเลยทีเดียว  คนอ่านท่านอื่นจะเป็นแบบเราไหม เราก็ไม่รู้ แต่เราเป็นพวกที่ลองได้อินกับนิยายเรื่องไหนสักเรื่องแล้วถ้าได้ร้องให้มันจะหยุดได้อยากมาก เคยเป็นแบบนี้ตอนอ่านผลงานของคุณkarnsaiiเลยพยายามเลี่ยงเท่าที่ทำได้แต่ด้วยความที่อ่านความคิดเห็นของนักอ่านท่านอื่นประกอบกับความอยากรู้ตอนจบของเรื่องเลยรู้สึกว่ามาพยายามกันสักตั้ง แล้วก็อ่านจบจนได้รู้สึกเหนื่อยค่ะแต่ก็รู้สึกดีที่ได้อ่านจนจบเรื่อง เราไม่เคยแอบรักเพื่อน แต่ก็เข้าใจความเจ็บปวดของรักที่ไม่สมหวัง ถึงนี่จะเป็นแค่นิยายแต่ก็สามารถให้มุมมองใหม่ๆกับเราได้  ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆแบบนี้นะคะที่ทำให้เราอินไปกับตัวเอกของเรื่องได้อย่างง่ายดายกับวิถีชีวิตของนักศึกษามหาลัยหลากหลายคณะ จะติดตามอ่านผลงานของคุณต่อไปนะคะ หวังว่าเรื่องใหม่จะไม่ดราม่าบีบหัวใจกันอีกนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 24-09-2017 18:06:24
โอ้ยยย รักเรื่องนี้ มีทุกอารมณ์จิงๆ  :hao6:
จิตติไม่เคยทำให้ผิดหวัง ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่านน้า  :กอด1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 24-09-2017 21:59:41
ยอมใจ คุณจิตติคนชิค เราอ่านจนเรามีคำถามในใจว่า.... ต้องทำรีเสิร์ชขนาดไหน ถึงจะเขียนเรื่องนี้ออกมาได้ ??
// เรื่องใส ๆ เริ่มออกมาติด ๆ กันแล้ว เรื่องดาร์ก ๆ จะตามมามั้ยคะ?  :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 24-09-2017 22:02:34
เฮ้ยยยยย สนุกมากเลยอ่ะ คือเอาจิงๆ หมั่นไส่ทั้งพระเอกและนายเอกเลย 555555 มันก็น่าสงสารทั้งคู่เลยอ่ะ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของนายเอกนะ กลัวโดนหลอกด้วย ตอนได้ยินที่ค่ายคุยกะโบนในห้องน้ำเรารู้สึกตามไปด้วนเลย กะฉากที่น้องชิงช้า เอ้ย ชิงชิงจูบอ่ะ เปนเรากระฉากตบแล้วจูบอิค่ายแทนแม่ม !!!  5555 เพราะพระเอกเจ้าชู้นายเอกเลยกลัวๆไม่รักษาสัญญาณ สุดท้าย ได้เยกันจ้า ตบมือ 55555555
ปล.ทำไมรู้สึกเหมือนรอบฉากแบบตอนจบมาเนิดนานนน ก๊าก
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-09-2017 18:28:32
สนุกมากเลยยยยย
ชอบอ่านความคิดของค่ายนะ ตลกดี ฮา
ตอนพิเษศนี่แบบละมุนปนหื่น  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 30-09-2017 02:10:43
 :m20: หวายน้ำไม่เอื้อกับดราม่า 55555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 30-09-2017 02:52:39
จากตอน 2 //อิพระเอก โง่แท้..... :z6: :beat: :z6: :beat: :z6: :beat: :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nnew15 ที่ 01-10-2017 00:47:31
bad ending น่าจะเหมาะกับนิยายเรื่องนี้มากกว่า มันค่อนข้างไม่ค่อยแฟร์กับความรู้สึกเติร์ดที่เสียไปสักเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 01-10-2017 21:39:36
เข้ามาอ่านและอยากกระทืบอีค่ายจริงๆ แกเล่นกับความรู้สึกน้องเติร์ดด้วยของเรา ไปอ่านต่อก่อนนะค่ะ กระซิกสงสารเติร์ด
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 02-10-2017 09:52:13
อ่านถึงตอน7แล้วสงสารค่าย. ความในใจของค่ายเราเข้าใจแล้ว ถึงแม้ตอนอ่านเราคิดนะคะว่าทำไมความรู้สึกค่ายเปลี่ยนได้ง่ายๆเลยหรอ. แต่อย่างว่าความรักอาจไม่ต้องการเหตุผล. ชอบสำนวนคนแต่งนะคะ เข้าถึงอารมณ์ของเตริด์  และตอนนี้เริ่มสงสารค่ายที่ต้องเดินหน้ารุก ชีวิตชายฉะกันนั้นน่าติดตามยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 02-10-2017 21:13:31
ตอนแรกจะนึกว่าเติร์ดไม่สมหวังอยู่แล้วเชียว โชคดีจริงๆที่สุดท้ายก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 03-10-2017 17:27:43
อ่านจบแล้ว ชอบมากเลยค่ะ เสียน้ำตาไปเยอะเลย แรกๆ สงสารเจริญดีหลังๆสงสารค่าย มากๆ รอเล่มค่ะ ขอบคุณ จิตติที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 04-10-2017 00:29:14
อ่านจบแล้วค่าาา ลุ้นมากๆ ว่าจะรักกันยังไง

อ่านแล้วทำให้นึกถึงตัวเองที่เคยแอบชอบเพื่อนสนิท

พยามทำให้เขารักตอบแต่ก็ไม่สำเร็จ

พอกลับมาเจอกันอีกครั้งเลยรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่เสียไป

ถ้าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ก็คงมีความสุขมากกว่าไปแล้ว

เพราะฉะนั้นก็เลยอดดีใจไปกับค่ายและเติร์ดไม่ได้ที่สมหวังในรักโดยไม่เสียเพื่อนกันไปก่อน

แต่ก็เกือบๆ ล่ะนะ   :m15:

ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 04-10-2017 19:47:17
ชื่อเรื่องเหมือนจะเป็นนิยายรักหวานๆ น่ารักกุ๊กกิ๊ก
แต่ทำไมอ่านไปแล้วเลาล้องไห้  :o12:
สนุกดีค่ะ  :monkeysad:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 05-10-2017 12:51:25
ลุ้นตามค่ายเลย 555555 ขอบคุณมากค่าาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-10-2017 18:18:12
เป็นคนชอบเรื่องแนวแอบรักอยู่แล้ว และเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ชอบที่เติร์ดโดนขยี้อารมณ์ของการอกหักซ้ำๆซากๆ เจ็บแล้วเจ็บอีก บีบหัวใจดีอ่ะ
แล้วพอค่ายพยายามทำเพื่อเติร์ด ทั้งตอนที่โดนเติร์ดอ้วกใส่ เท้าก็เหยียบเศษแก้ว กับตอนที่โดนเทที่หัวลำโพงนั่น แต่ค่ายก็อดทน นอกจากไม่โกรธแล้วยังทำดีต่ออีกนี่ เรายอมใจเลย สงสารด้วย
 
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
บวกๆจ้า^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: gibebk ที่ 07-10-2017 09:37:32
 :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-10-2017 21:53:42
สมใจอิค่ายและ
คงจัดหนักเลยสินะหลังจากกากมานาน
สงสารก็แต่โหดน้อย งานนี้สะโพกครากกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Phaakram ที่ 16-10-2017 00:53:49
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 17-10-2017 05:37:35
เราชอบทูล่ะ  :m1:  รู้สึกว่าเป็นคนละเอียดอ่อนดี (ซึ่งดูผิดกับคาเรคเตอร์ฟันแล้วทิ้งมากกกก)
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 20-10-2017 06:10:40
เรื่องนี้สนุกมากเลย พล็อตแอบรักเพื่อนสนิทมันมีเยอะก็จริงแต่มันฟินเสมอ

แล้วอ่าน NC เรื่องนี้น้ำตาจะไหล Sex ที่มาจากความรักมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ ...

ขอบคุณครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 22-10-2017 19:17:40
ใครๆ ก็เกลียดอิค่าย


เราก็เกลียด 55 สุดท้ายนางก็น่ารักนะ

ขอบคุณงานเขียนดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: tamin ที่ 22-10-2017 23:09:12
ชอบชอบชอบคือความรุ้สึกจริงๆที่อยากบอกเริ่มอ่านเรื่องแรกเพราะเราคูกัน#คั่นกูตามมาด้วยปลาบนฟ้าและเรื่องนี้คือเรื่องที่3ทั้งยิ้มทั้งฮาและเสียน้ำตาง่ายๆแค่ประโยคสั้นๆของค่ายเป้นกำลังใจเล้กๆอยุ่ตรงนี้นะคะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 23-10-2017 17:36:20
 :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 24-10-2017 02:10:38
ไม่รู้ทำไมซึ้งใจตอนท้ายมาก
เป็นเพื่อนรักกัน ผ่านอะไรกันมามากมาย
แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันได้ทำหนังที่มีชื่อทุกคนอยู่ในนั้น ซึ้งงะ
ไม่อยากให้จบเลยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 24-10-2017 03:05:35
กว่าค่ายจะได้เมีย ประคบประหงมแล้วประคบประหงมอีก
555555 เติร์ดน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 26-10-2017 23:41:32
อิค่ายยยยยยย ช่วงแรกนี่คือเลวมาก พอมาเป็นแฟนล่ะหงอเชียว ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: liarguy ที่ 28-10-2017 17:37:32
ในที่สุด..... ยินดีด้วยนะค่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 28-10-2017 21:36:29
หมั่นไส้คนหลงแฟนจังค่ะ ก็ก็อย่างว่าอ่ะเนอะ

ก็คนรักมันรักแฟนมากนี่นา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 29-10-2017 23:37:12
ฮือ พึ่งอ่านถึงตอน 6 ขอเม้นก่อนว่าหน่วงใจมากเลย แง
เติร์ดออกจะหักดิบเพื่อนไปหน่อย คือถ้าเป็นเราเป้นค่ายคงจะมีความงงมากๆ แหละ
แต่ก็ไม่ควรทดสอบเพื่อนแบบนั้นเช่นกัน โอย
 :z3:

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 30-10-2017 05:22:53
หลังจากตามลุ้นกับค่ายมานานนมว่าจะได้กินเตริด์เมื่อไหร่!?!...และแล้วมันก็มาถึง 5555555 เขินจุง จะตามหปอ่านความไร้สาระของค่ายต่อหปนะ เยิฟฟฟฟฟ :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 30-10-2017 05:23:58
หลังจากตามลุ้นกับค่ายมานานนมว่าจะได้กินเตริด์เมื่อไหร่!?!...และแล้วมันก็มาถึง 5555555 เขินจุง จะตามไปอ่านความไร้สาระของค่ายต่อไปนะ เยิฟฟฟฟฟ :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 04-11-2017 08:07:03
สนุกมากขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-11-2017 11:16:43
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 05-11-2017 00:49:10
 :-[
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 05-11-2017 22:15:13
ชอบบบบบบบบ
ชิบความหน่วงนี้ อ่านแล้วต้องเจ็บ
เจ็บแบบบต้องเอามือกุมอกอ่ะ
เจ็บเกือบทุกตอน มันจี๊ดๆ. มันคิอความรุ้สึกที่ว่าถ้ามีแฟน หรือแอบรักใครสักคน
แล้วเป็นแบบน้องเติร์ด เราจะเจ็บขนาดนี้ไหม

นี่ร้องไห้แบบไม่ได้โฮก แต่น้ำตามันไหลมาเอง
บางทีที่น้ำตาไม่ไหล แต่เหมือนในอกมันก็จุกไปหมด
ชอบความรู้สึกนี้ที่สุดดดดดดด ชอบมากกก

น้องค่ายเป้นตัวละครที่ถ่ายทอดสันดานผู้ชายได้ดีเลย
แต่ขณะเดียวกันก็รักน้องค่ายนะ ชอบตอนที่รอตรงรถไฟ
แล้วบอกว่าบางทีก็สำคัญตัวเองผิดไป โอียยยน้ำตาาาา

อีกสิ่งที่ชอบคือมิตรภาพของเพื่อน และตอนงานของคณะค่ะ รู้สึกเหมือนได้
กลับไปเรียน ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนๆอีกครั้งเลย

ถ้าพลาดไม่ได้อ่นเรื่องนี้คงเสียใจมาก ฮื่ออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 05-11-2017 23:18:06
นิยายเรื่องนี้คืออ่านแล้วอารมณ์ขึ้น-ลงมาก :a5:
ถ่ายทอดอารมณ์คนแอบรักเพื่อนได้ดีมาก  o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 06-11-2017 11:53:52
กว่าจะอ่านจบ..หมอนเปียก ตาบวม ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนน้ำมูก!!!หลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียว  :mew4:
..ชอบมาก เพราะทั้งเติร์ดและค่ายมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริง...อ่านแล้วอิน อ่านแล้วลุ้น รักตัวละครทุกตัวเลย  :L1: และเป็นเรื่องแรกที่ไม่แว่บนิสัยเสียมาอ่านตอนจบให้เสียอรรถรส อ่านรวดเดียวจบไปพร้อม ๆ ความรู้สึกรักของคนสองคน ซึ่งมันดีมาก...เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรักอีกเรื่องนึง ขอบคุณนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 08-11-2017 17:05:41
โอ๊ยยยยย พิค่าย พ่อคนละมุน ลุกขึ้นปรบมือให้พิค่ายคนไม่กากแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: คนเดี๋ยว ที่ 11-11-2017 08:05:33
 :z1: :z1: :z1:
มันสุดๆๆๆอิอิ

นักแสดงเก่งมาก อิอิ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 11-11-2017 09:55:51
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุกมากค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 13-11-2017 20:25:34
ไม่เคยอ่าน NC เรื่องไหนแล้วขำเท่าเรื่องนี้มาก่อนเลย 55555555555 ขำมาก ตลกมาก เขินด้วย ชอบค่ะๆ แอร้ยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนพิเศษที่ 1 [09/09/60] *หน้า47
เริ่มหัวข้อโดย: KLiar ที่ 14-11-2017 19:50:17
ชอบของคุณจิตติทุกเรื่องเลยิ่ะ ไม่ทำให้ผิดหวังเลยยย :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 19-11-2017 08:32:43
^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 30-11-2017 17:12:18
 :เฮ้อ: กว่าจะได้กัน.  :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 03-12-2017 11:09:25
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆจ้ะ เป็นเราเราก็ไม่กล้าบอกอ่ะถ้าชอบเพื่อน ถ้าเพื่อนมาชอบก็คงแปลกๆ555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: PrInCeZzAoFz ที่ 03-12-2017 18:21:25
สงสารเติร์ดมากกกก แต่จะโทษว่าค่ายเหี้ยก็ไม่ได้เพราะแม่งไม่ได้รู้ตัว
คนแอบรักก็ต้องทนเจ็บไป
แต่ที่อยากด่าค่ายจริงไอตรงที่ค่ายกับโบนมาทดสอบความรู้สึกเติร์ดนี่แหละ
โอ้วโหววว เสียความรู้สึกของจริง ดับเบิ้ลสงสารเติร์ดเข้าไปอีก และทีมด่าอิค่ายทันที
แล้วก็เชียร์ให้เติร์ดตัดใจให้ได้ด้วย
แล้วที่พีคดับเบิ้ลความเหี้ยของค่ายไปอีกคือแม่งพอรู้ความจริงแล้ว เสือกสร้างเรื่องทำให้เติร์ดเสียใจหนักไปอีก
เป็นวิธีที่โคตรทำร้ายความรู้สึกเติร์ดเบิ้ลไปอีก คือไม่ต้องทำขนาดนี้เติร์ดก็พยายามตัดใจอยู่แล้ว คิดแบบควายค่ายที่แท้จริง
แต่พอรู้ตัวแอบสะใจเบาๆ ที่เติร์ดเข้มแข็ง แล้วดันกลายเป็นทีมอิค่ายเฉย แอบสงสารยิ่งตอนขับรถล้มแล้วลากสังขารมานี่พีคมาก
ตอนจีบเติร์ดนี่น่ารักดีชอบ ฮ่าๆๆ ถึงบางทีจะเพลียใจกับอิค่ายไปบ้าง
แล้วอิค่ายก็มีเรื่องทำให้เติร์ดเสียใจอีกจนได้
คืออันนี้ในมุมของเติร์ดคือโคตรสงสารทิปเปิ้ลไปเลย คือคนมันเคยมีความเจ็บปวดกับเรื่องทำนองนี่มาเยอะ จะกลัวก็ไม่แปลก
แล้วอิค่ายดันเลือกที่จะไม่พูด คิดแบบควายค่ายกลัวเติร์ดไม่สบายใจ แต่เป็นไงพังเลย
แต่ที่พีคที่สุดอันนี้ร้องไห้เลยโคตรสงสารอิค่าย
คือลำพังเติร์ดเทไม่เท่าไรก็เสียใจอยู่แล้ว
อันนี้เพื่อนดันไม่มาด้วย แล้วคิดว่าเพื่อนแม่งเทอะ อันนี้โคตรสงสารจริงๆ
แต่สุดท้ายเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความค่าย
และแล้วอิค่ายก็เลยกลายเป็นกากค่าย
 :katai2-1: :katai2-1:
แล้วโคตรชอบเวลาพวกทูทีมเติร์ดขัดขวางอะ แต่มีความย้อนแย้งในการเป็นทีมช่วยอิค่ายด้วย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
กวนดีชอบบบบบบ
แล้วก็หมั่นไส้ความมั่นหน้า กับความกวนของอิค่าย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 04-12-2017 12:47:12
อ่านแล้วอินเนอร์มาเต็มมากเลยค่ะเรื่องนี้  ยิ่งตอนที่ค่ายถูกทิ้งที่สถานีรถไฟ  โอ๊ย นี่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรกับน้องค่าย  สงสารมากกกก กูผิดมากใช่ไหมทุกคนถึงทิ้งกู  :o12: :o12: :o12:  อยากขับรถออกไปสถานีรถไฟเดี๋ยวนี้เลย เผื่อเจอคนถูกทิ้งจะได้เก็บกลับบ้าน
คนเขียนเก่งมากเลยค่ะ  ทำให้อินได้ตลอดเรื่อง อ่านตอนแรกก็สงสารเตริ์ดมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Pramooknoi ที่ 07-12-2017 23:25:07
 o13 เยี่ยมเลยค่ะ ชอบมาก ๆๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงดาว ที่ 31-12-2017 00:11:21
โอ้ยย สงสารค่ายว่ะ คือคิดว่าพี่แกไม่ผิดนะเว้ย พี่แกไม่รู้ว่าเพื่อนแอบรักอ่ะ ละพอรู้ก็อยากให้เพื่อนตัดใจจะได้คงสถานะไว้ แต่มันผิดที่ผิดทางตรงมารู้ตัวทีหลังว่าชอบเนี้ยแหละ โคตรสงสาร แต่ก็เข้าใจเติร์ดเหมือนกัน เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 02-01-2018 09:16:54
หน่วงมานาน ใที่สุดค่ายก็ทำได่สำเร็จ ฮ่าาาลุ้นจนตัวโก่งแอบด่าค่ายไปหลายรอบ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Skyinmind ที่ 04-01-2018 16:36:56
ที่สุดของความฟินนนนน :oo1: :z1: :o8:
     :impress2: ฟินเว่อร์คับบบบบ :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 05-01-2018 00:49:59
อ่านรวดเดียว สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 09-01-2018 22:46:43
มีครบทุกอารมณ์เลยยยย สุดยอดดด :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 20-01-2018 22:05:28
 :mew1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: TM_DuckCe ที่ 24-01-2018 13:30:20
 :z3: ฟินจิกหมอน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-01-2018 19:13:01
กว่าชีวิตคนเราจะเดินทางมาถึงจุดๆหนึ่ง เส้นทางบางทีก็เต็มไปด้วยขวากหนาม บางทีก็เกิดจากความไม่พร้อมของคนเดินทาง  จริงๆจะโทษค่าย มันก็ย้อนแย้งกับความจริงที่ว่าความรักบางทีมันก็ไม่เลือกที่จะเกิด สมองไม่สามารถกำหนดมันขึ้นมาได้หรอก ยังดีที่ทั้งสองรู้ตัวก่อนจะสายเกินไป
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 25-02-2018 02:44:48
อยากเทพระเอกตั้งแต่ตอนแรก  :katai4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 25-02-2018 04:31:19
อ่านถึงตอนที่ห้า อยากถามเติร์ดว่าพอได้รึยัง
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 19-03-2018 14:06:47
อ่านมาตั้งแต่เริ่มด่าค่ายมาตลอดเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนให้ด่าได้มากกว่าค่าย ชิงชิง!!!!! ชะนีนางนี้มันร้ายยยย หึหึ ทำร้ายลูกชั้นนนร้องไห้ แต่ว่าค่ายมาทำเอาน่าสงสารตอนถูกทิ้งที่หัวลำโพงเนี่ย สงสารนางงง เพื่อนทั้งสองก็น่ารักนะ รักเติร์ดยิ่งกว่าลูกอีก 555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: cookie12ck ที่ 23-03-2018 21:15:51
โอ้ยยยยยยยยยยย ชอบๆน่ารักดี :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 27-03-2018 11:50:36
มีหลายหลายอารมณ์เลย ขอบคุณคนเขียนด้วยจ้า นิยายดีมากเลย แทบจะครึ่งเรื่องคือหน่วงแต่ไม่ดราม่า เติร์ดคือน่าสงสารมาก เจ็บทั้งตอนแอบรักและเปิดเผย จริงๆเราโคตรไม่พอใจค่ายเลย ถึงจะยอมรับได้แต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อใจ แต่ก็มีมุมที่ทำให้สงสารก็ตอนรอรถไฟนั้น แต่ทั้งหมดก็เพราะตัวค่ายเอง ถึงจะมีการเข้าใจผิดบ้างก็ตาม แต่ถือว่าเป็นนิยายแอบรักที่ดีมากๆเลยจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Wanwalit ที่ 30-03-2018 12:57:46
*ขอเม้นท์เฉพาะตอน ๑ ก่อน
คือนิสัยแบบค่ายนี้ไม่ควรเอาทำพันธุ์ งงว่ารักไปได้ไง สนิทจนรู้เช่นเห็นชาติขนาดนี้  :katai5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 18-04-2018 01:22:15
อ่านมาถึงตอน โง่เซ่อบ้าเพราะความรัก  กลับรู้สึกว่า เติร์ด นั่นแหละที่เอาแต่พูดแต่ในมุมความรู้สึกของตัวเอง ค่ายก็ทำตัวอย่างเพื่อนปกติ ค่ายไม่ได้รักเติร์ดอย่าคนรัก แล้วก็เจ้าชู้ มันก็ไม่ได้ผิดต่อความเป็นเพื่อน เติร์ดต่างหากที่ข้ามเส้นของคำว่าเพื่อนก่อน
ตัวเองตัดใจไม่ได้ ตัวเองไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ไม่ได้แสดงออกให้ค่ายรู้ว่ารู้สึกรักเกินเพื่อน แล้วจะมาคร่ำครวญเพื่ออะไร :m16:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: NOOKNIK21 ที่ 19-04-2018 09:37:11
 :mew1:ขอบคุณที่สร้างนิยายดีๆๆให้เราอ่านกลับมาอ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจ :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 20-04-2018 14:28:53
กว่าเติร์ดจะยอม ค่ายต้องรักษาเติร์ดให้ดีล่ะ ดูแลดีดีด้วย
สนุกมากค่ะ ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: PUN ที่ 09-06-2018 00:32:03
กามมากอิค่าย

อ่านแล้วรู้สึกหน่วงนะ แต่พอค่ายบรรยายสงสารได้ไม่สุดจริง ตลกกก5555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 09-06-2018 06:37:11
^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 12-06-2018 23:04:36
ตลกด้วย เสียน้ำตาด้วย
สงสารทุกฝ่ายเลย :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 14-06-2018 07:56:09
รักกก เรื่องนี้สนุกครบรสมากค่ะ มีสาระด้วย โอ้ยยยชอบ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 15-06-2018 09:16:39
อ่านรวดเดียวจบ สนุกชนิดที่เรียกว่าวางไม่ลง

คือมีหลายอารมณ์มาก ทั้งฮา ซึ้ง เศร้า แถมยังมีแง่คิด

คือแบบเข้าใจอารมณ์ของคนที่แอบรักเพื่อนนะ ว่ามันเจ็บแค่ไหน ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
แต่ก็เข้าใจถึงอารมณ์ของคนเป็นเพื่อนเช่นกัน ว่าเรื่องแบบนี้ มันไม่ควรเกิด ก็นะ สุดท้าย ยังไงก็จบสวยอยู่ดี เราชอบ!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ZeeKiN ที่ 16-06-2018 12:37:43
อ่านรวดเดียวจบ ยาวๆไป  มีทั้งฮา ทั้งซึ้งนี้ทำเราเสียน้ำตาไปหลายถัง  :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 22-07-2018 20:10:43
 :katai2-1:  :katai2-1: ฟิน ในที่สุดก็ได้กัน เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ทั้งที่ซื้อเรื่องนี้มาตั้งแต่ปีก่อน ซื้อแค่เพราะเห็นชื่อจิตติ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 06-08-2018 07:31:45
ฟินนนนนนนนนมาก :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 08-08-2018 15:29:22
feeling แอบรัก มันเจ็บจริง ๆ นั่นแหละ

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 12-08-2018 08:29:41
สนุกมากครับ ลุ้นตั้งนานกว่าเติร์ดจะใจอ่อน ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 15-09-2018 07:13:40
 :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ppu07 ที่ 22-09-2018 19:24:25
ชอบมากถึงขนาดต้องสมัครสมาชิกมาคอมเม้นเลยค่ะ เพิ่งจะมาได้อ่านเอาตอนนี้แต่ก็อ่านรวดเดียวจนจบ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 27-10-2018 12:33:48
กลับมาอ่านอีกรอบ
เวลาอ่านทีไรก็จะมีคำว่า อีค่ายยยยยยยย ในหัวอยู่ตลอด555 นังค่ายนังเด็กโง่ที่น่ารักของชั้น
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2018 03:59:26
เพิ่งรู้ว่าจะได้เป็นซีรี่ย์ ยินดีด้วยนะคะ  :L2: ด่าค่ายในนี้แล้วมันยังไม่พอจะได้ไปด่าต่อในจอแก้วแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 06-11-2018 06:17:51
ดีใจด้วยได้เป็นซีรีย์แล้ว เรากลับมาอ่านใหม่อีกรอบ อยากให้เรื่องอื่นๆของจิตติได้ทำเป็นซีรีย์ด้วย สนุกหลายเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-11-2018 06:58:55
ด่าอิค่ายไว้เยอะตอนเป็นนิยาย เดี๋ยวได้ตามไปด่าในซีรี่ส์แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 06-11-2018 08:55:18
กำลังอ่านอีกรอบพอดี เพิ่งรู้ว่าทำเป็นซีรีส์ด้วย เติร์ดน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Farung ที่ 06-11-2018 10:31:25
 :z3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Maleemol ที่ 06-11-2018 13:33:07
 :-[  :-[  :-[
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 07-11-2018 00:20:49
รอซีนี่ส์ไม่ไหวแล้วววออฟกันคือดี นิยายคือดี ฮืออออออออไม่ไหวแล้ววววอยากดูแล้วววว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: clairienia ที่ 07-11-2018 00:23:08
 :o12: งื้อออออ สงสารเติร์ด ต้องทนเห็นคนที่ชอบควงคนไม่ซ้ำหน้ากับเหตุการณ์เดิมๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-11-2018 03:33:22
 :L1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Nbear ที่ 07-11-2018 10:14:11
 :pig4: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 07-11-2018 16:30:49
หือ หน่วงมาทั้งเรื่อง ฟินตอนสุดท้าย น่ารักจุงเบยยยยยยย รอดูหนังเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 07-11-2018 18:50:58
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ

 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: clairienia ที่ 07-11-2018 20:47:00
 :m16: ค่ายยยย มุงแบบโง่แบบท็อปฟอร์ม อิคนบ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 07-11-2018 21:26:46
อร๊ายยยยย กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังฟินเหมือนเดิม มีความสุข >_<
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Phaakram ที่ 07-11-2018 21:32:56
ขอบคุณนะคะ เข้ามาอ่านรอบ2
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: clairienia ที่ 07-11-2018 22:20:30
เจ็บอ่ะบอกแค่นี้ บอกเลยถ้านี่เป็นค่ายนะ รู้ไปนานแล้วว่าเติร์ดชอบ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: clairienia ที่ 07-11-2018 23:57:49
ไม่ไหววววว แงงงงงง แงงงงงง หน่วงมาก เติร์ดจ๋าาาาา (ลูบหัว)  :mew6:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 08-11-2018 00:10:34
อ่านจบเเล้ว

มีเเต่คนรุมด่าพระเอก เเต่เรามองว่าสิ่งที่ค่ายทำผิดนอกจากเจ้าชู้คือ ชกโบนเเละบีบคอเติร์ท
ลองอ่อยนี่ผิดมากเหรอ? เราว่าตอนเป็นเพื่อนกันค่ายมันก็ดีกับเติร์ทอยู่เเล้ว
ตอนอ่อนก็ไม่ได้ไปให้ความหวัง เเต่เติร์ทกลับโมโหฟูมฟายเเล้วไม่ยอมบอกเหตุผล
ทำเหมือนพระเอกนอกใจทั้งที่เป็นเเค่เพื่อน เเล้วเพื่อนทุกคนก็เข้าข้างนายเอกโอ๋นายเอก
เหมือนพระเอกไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกัน

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: clairienia ที่ 08-11-2018 00:53:14
ค่าจะลองใจเติร์ดใช่มะๆๆๆๆ ชัวร์ป้าบๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: clairienia ที่ 08-11-2018 02:03:44
 :hao3:ค่ายคะ มุงเป็นเอามากนะค่าย
เพ้อเจ้อหนักละค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 08-11-2018 11:45:41
เยี่่ยมไปเลย ในที่สุดเติร์ดก็ยอมมม
 :hao5: :mc4: o13 :hao7:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 08-11-2018 21:47:44
ขอบคุณค่ะไรท์ สนุกดีมีครบรส ฮา
 เศร้าน้ำตามา ซึ้ง ว่าแต่ทูกะอั้นนี่มีต่อมะคะ555 มีแยกเรื่องมะคะจะตามไป อิอิ จะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: May.rinz ที่ 08-11-2018 23:18:39
ชอบการเล่าเรื่องที่ทำให้น้ำตาไหลได้แม้เรื่องจะไม่ได้ดราม่าขนาดนั้น 5555
ส่วนเติร์ดน่ารักแต่อย่าคิดมากนักสิ
อิค่ายก็เจ้าชู้อยู่ได้แต่ชอบตอนจีบเติร์ด
ยังไงก็รอติดตามในซีรีส์ต่อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-11-2018 00:24:58
สนุกมากครับ มีครบทุกรสชาติเลย,,,
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 09-11-2018 13:02:36
โหดน้อยน่ารัก อิค่ายน่าหมั่นไส้
ดีใจที่เติร์ดสมหวัง สงสารน้องมากถึงแม้บ้างครั้งเรื่องที่ทำให้เสียใจจะเป็นเรื่องที่คิดไปเองก็ตาม ก็นะคนมันเคยเสียใจ จะไม่กล้าตั้งความหวังก็ไม่แปลก :เฮ้อ:
ค่ายคนกากก็สุดๆจริงๆ กากจริง เลวจริง และรักจริง  :laugh:
ชอบทูกะโบนด้วย เป็นเพื่อนที่รักเพื่อนด้วยใจ ช่วยเพื่อนอย่างดี ตอนที่คิดว่าอิค่ายไม่ดีกะช่วยกันให้ ตอนที่คิดว่าค่ายจริงจังกะช่วยเชียร์ ฮาปนเศร้าอะแต่กะชอบ :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 11-11-2018 00:22:21
นังค่ายตอนแรกด่าแกไปเยอะมากกก ค่ายรึควายเนี่ย ยิ่งตอนบอกว่าจะเอามุกที่เติร์ดบอกรักไปใช้จีบสาวคนอื่นนี่หมั่นไส้แกมาก พึ่งจะมาสงสารก็ตอนที่รถล้มละวิ่งกลับไปรับเติร์ดที่คณะนี่แหละที่คิดว่าเติร์ดพูดแรงเกินไปจริงๆ ทูโบนเป็นเพื่อนที่น่ารักจริงๆ(ประชด) เป็นเพื่อนที่ดีเลย ปรึกษาได้ ปลอบได้ ให้กำลังใจเก่ง ชงเก่งอีกด้วย แก๊งโหดนี่เขาศีลเสมอกันจริงๆ เศร้าสุดในเรื่องเราว่าน่าจะเป็นตอนที่ค่ายรอเพื่อนที่สถานีรถไฟแล้วบอกว่าขอโทษที่สำคัญตัวเองผิดไป เรานี่น้ำตาไหลเลย แต่ชอบเพลงThe only one อยู่ก่อนแล้ว พอเห็นว่าค่ายร้องไห้เติร์ดฟังด้วย ยิ่งชอบมากกกๆเลย ดีใจด้วยนะคะคุณจิตจิ เรื่องนี้จะได้ทำซีรีย์แล้ว รอดูคุณจุมพลร้องเพลงนี้เลย :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kaoma ที่ 11-11-2018 03:33:39
ขอบคุณครับ ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: TeuyHom ที่ 11-11-2018 16:07:50
น่ารักที่สุดเลยนะ.... #เติร์ดค่าย
สุดท้ายก็มีในสิ่งที่ขาดกันจนได้
 “เออ! งั้นกูก็เป็นที่มึงขาดอยู่อย่างหนึ่งเนี่ยแหละ”
#เป็นแฟนกันมั้ย  :jul1: :impress2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Kantapong ที่ 11-11-2018 22:22:29
เพิ่งอ่านจบ ซีรี่ส์จะหน่วงขนาดไหนเนี่ย เกียมผ้าเช็ดหน้าเลย  :sad4:

ขอบคุณที่แต่งนิยายมาให้อ่าน ชอบภาษาของคุณจิตติเรนมากเลย  :hao5:

เดี๋ยวไปอ่านพี่อาร์คน้องอาร์มต่อ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 12-11-2018 23:31:00
น่ารัก รอชมฉบับซีรีย์ปีหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: aoy_horizon ที่ 13-11-2018 09:38:52
กลับมาอ่านอีก แล้วนึกหน้า ออฟกัน ไปด้วย ฟินเลย
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ
และดีใจด้วยที่ได้เป็นซีรีย์แล้ว แถมได้ ออฟกันมาแสดงด้วย
ตามที่ใจหวังเลยนะคะคุณจิตติ ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 13-11-2018 19:06:46
เข้ามาอ่านรอบที่สองเพราะกำลังจะได้ดูซีรีย์เลยมาทวนความจำหน่อย
และยังคงเสียน้ำตากับเติร์ดเหมือนเดิม  :m15: แต่ก็สนุกมาก  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: PHA25 ที่ 15-11-2018 15:30:14
 :o8:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Chaaaaaaaaaa ที่ 16-11-2018 00:06:06
การดำเนินเรื่องคล้ายเรื่องflippedเลยใช่มั้ยคะ เราก็ชอบเรื่องนี้มากๆเหมือนเติร์ดเลย แง
ไม่คิดว่าพระเอกของเราจะตลกได้ขนาดนี้เลยค่ะ อ่านตอนแรกคือจินตนาการไว้เท่มาก 5555
ขอบคุณมากเลยนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้ได้อ่าน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 16-11-2018 15:47:33
โอ๊ยยยน สงสารเติร์ดดดด ในตอนแรก
มาหน่วงในช่วงกลาง
มาสงสารค่ายในช่วงถูกทิ้ง
ฮืออออ อารมณ์แบบว่า ก็จะมาน่ารักฮาๆในช่วงจีบ งื้อออ หน้าด้านดี 5555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Overdose ที่ 17-11-2018 00:52:15
อ่านไป ยิ้มไปร้องไห้ไป เรื่องดี หน่วงดี เหมือนดูชีวิตตัวเอง แต่ต่างตรงที่ ตอนจบไม่สวยงามเหมือนในเรื่อง เป็นกำลังใจให้ นะคะ ขอให้แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาอีกมากๆ และขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: chooka ที่ 18-11-2018 19:04:11
เขียนดีมากๆเลยค่ะ ชอบๆมากๆ ภาษาที่เขียนเป็นแบบที่เราชอบมากๆ อ่านเพลินมาก จะติดตาผลงานไปตลอดนะคะ ร้องไห้สุดก็ตอนที่ค่ายโดนทิ้งที่สถานีรถไฟ มีความรู้สึกเหมือนว่าทุกคนมีเพื่อนร่วมทุกข์ แต่ค่ายดันไม่มีใครเลย ถึงจะเป็นการเข้าใจกันเองเลยไม่ไปหาค่าย แต่เราก็สะเทือนใจ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: sasi ที่ 21-11-2018 23:16:29
อ่านยาวจนจบ

สารภาพว่าเพิ่งมาตามอ่านเพราะจะเป็นซีรีส์

แรกๆ ฮาเติร์ด หลังๆอินมาก เพราะเราก็เป็นหนึ่งในทีมแอบรักเพื่อนสนิท แต่ต่างที่เราไม่กล้าจะบอกออกไป

เราเองหนักกว่าอีก เพราะถ้านับจริงๆ แอบรักเพื่อนมาปีที่ 20 ได้แล้วมั้ง ใจแป้วทุกครั้งที่เหมือนจะเห็นว่ามันมีคนคุย แต่ก็โล่งใจทุกครั้งที่ตามสืบแล้วไม่ใช่ 555

โคตรเข้าใจอารมณ์เติร์ดเลยอ่ะ


ปล ช่วงหลังแอบสงสารค่าย โดยเฉพาะตอนที่โดนทิ้งที่สถานีรถไฟ เรียกคะแนนจากทีมเติร์ดได้เยอะเลย

อ่านนินยายของจิตติมาได้ 2-3 เรื่องแล้วมั้ง ชอบฟีลทุกเรื่องเลย สร้างผลงานดีๆออกมาอีกนะคับ จะรออ่าน ☺️
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 22-11-2018 08:36:24
พี่ค่ายคนกากจะออกมาเป็นซีรีย์จริงๆ แล้ว ดีใจกับคุณจิตติด้วยนะคะ  :mc4: นอกจากจะซื้อหนังสือแล้วก็จะติดตามซีรีย์ด้วย เพราะชอบ ออฟกัน ที่จะมาแสดงเป็น ค่ายกับเติร์ด อีกต่างหาก ดีจริงๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Wanitcha Jaisamut ที่ 25-11-2018 13:27:17
อ่านจบแล้ว ใช่ระยาเวลา 1วันครึ่ง อยากจะบอกว่าชอบมาก ติดมาก ค่ายเตริ์ด เป็นกำลังใจให้คนเขียนทำงานดีดีแบบนี้ตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ARAYA_YANG ที่ 28-11-2018 15:08:04
หลังจากทราบข่าวว่าออฟกันจะมีเล่นดราม่าคู่กันจากนิยายเรื่องนี้ ก็เลยได้เข้ามาอ่านนิยายดูค่ะ
ชอบมากๆ เลยนะคะ เรื่องราวของทั้งคู่ รวมถึงตัวละครต่างๆ น่ารักมากๆ เลย บรรยายก็ดี ภาษาก็ดีค่ะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ ให้ได้อ่าน จนถึงการได้นำไปเป็นซีรีส์ให้ทั้งสองคนได้แสดงนะคะ

รอติดตามผลงานต่อๆไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kookkikppv ที่ 29-11-2018 09:12:08
ชอบๆๆๆ
 
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 30-11-2018 23:00:13
เก็บเอาไว้~~~~
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Sevenny ที่ 02-12-2018 09:27:15
เหมือนค่ายชอบเติร์ดอยู่เเล้วเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 06-12-2018 19:51:09
เข้ามาอ่านรอบสอง คือชอบมาก
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 08-12-2018 09:41:24
ตอนค่ายอยู่หัวลำโพงคนเดียวนี่กระเทือนใจมาก TT :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: 195millionyears ที่ 15-12-2018 16:16:55
มองอีกมุม ถ้าเราเป็นเติร์ด ยิ่งค่ายรักเติร์ดแบบเพื่อนมาก ยิ่งทำให้ไม่กล้าสารภาพอะ ฮื่อออ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: 195millionyears ที่ 15-12-2018 20:21:32
อหหหสหบกวพล ค่าย นายกลับมาจีบเติร์ดใช่ไหม!!!
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: qluzmew ที่ 20-12-2018 00:07:48
เริ่มอ่านก่อนซีรีส์มา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 31-12-2018 14:44:46
ดีใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 31-12-2018 17:19:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 10-01-2019 12:59:13
เห็นตัวอย่างซีรี่ส์แล้วน่าสนใจเลยตามมาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Suwimon1996 ที่ 24-01-2019 22:19:01
 :laugh:
เพิ่งเข้ามาอ่านนนนนน
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 29-01-2019 06:16:23
เพิ่งได้มาอ่าน ชอบมากเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 04-02-2019 17:37:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-02-2019 18:36:42
ดีใจด้วยที่ออกมาเป็นซีรี่ย์ o13
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 23-02-2019 23:03:39
ไม่รู้อินขนาดไหนแต่ร้องไห้มันเกือบทุกตอน อินจัดชัดเจน สนุกค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 04-03-2019 12:30:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ จะรอดูหนังแสดงต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 07-04-2019 22:00:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 08-04-2019 12:55:06
มาอ่านอีกรอบแล้ว
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ อินทะโลดักฉัน [26/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Iamabtmrk ที่ 26-04-2019 10:32:52
 :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: sse29162 ที่ 28-04-2019 17:53:37
ตามมาจากซี่รีย์และเป็นนิยายที่ทำให้รู้จักเล้าเป็ดเลยขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-05-2019 13:48:06
กลับมาอ่าน อีกรอบ เพราะทู 555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 11-05-2019 15:27:01
ไม่เห็นมีตอนพิเศษเลย
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 25-05-2019 14:59:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 27-05-2019 19:43:43
ฮืออสนุกมากก กว่าจะรักกันคือบีบหัวใจหนักมาก โอ๊ยยยลุ้นยิ่งกว่าอะไร ส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านมากกว่าดูเลยมาชิงอ่านก่อน5555 ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Kengekoung ที่ 05-06-2019 09:30:52
ป๋าค่าย win! 

Sent from my CPH1819 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Onlyoil231 ที่ 08-06-2019 17:08:10
โอ๊ยดีงามมมม

Sent from my CPH1723 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 18-06-2019 15:39:49
สุดยอดครับ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 24-06-2019 08:15:47
ตามมาจากซีรีย์ เพราะสงสัยในความหน่วงของเติร์ด ว่ามีมากน้อยแค่ไหน
สรุปคือ หน่วงมาก แต่ก็ชอบมากเช่นกัน อ่านแล้วค่อยๆดำลึกไปในความรู้สึกของตัวละคร
นักแสดงเล่นได้ดีจริงๆ อินจากซีรีย์แล้ว มาอินกับนิยาย ซึ่งแน่นอนว่ามัน "ดีมาก"
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ และดีใจที่นิยายเรื่องนี้ได้ทำเป็นซีรีย์นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: qwerty ที่ 28-07-2019 00:00:58
สนใจแต่งคู่ อั้นทู ต่อมั้ยคะ 5555555
หัวข้อ: Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 15-12-2020 19:01:30
สงสัยต้องไปตามดูซีรีย์ต่อ ยังไม่เคยดู เพิ่งได้อ่าน
เข้าใจเติร์ดมากที่ชอบค่าย แต่ไม่มั่นใจในตัวค่ายเนื่องจากหลายๆเหตุการณ์
ส่วนค่ายคือให้อภัยตอนที่ขับรถชนแล้วมาหาเติร์ด และสงสารตอนรอที่ชานชาลารถไฟที่สุด
รวมๆแล้วสนุก แต่หน่วงหลายตอน
 :sad4: