ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END  (อ่าน 2133905 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ล่ม

ออฟไลน์ skysky

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
เราว่าค่ายไม่โง่ รับรู้ความรู้สึกความรู้สึกของเติร์ดนะ แต่เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้หรือเปล่า
รอๆตอนหน้า

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
ก็โง่ปายยย โง่จนสงสารอะ o7 o7

ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เจ็บไปอีก

ออฟไลน์ lllittled

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หาหลัวใหม่ให้ลูกชายหน่อยรำพระเอกมากค่ะ55555
ส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่เอียงไปข้างเดียวแบบนี้จริงๆ เช่นการแอบรักนี่แหละแบบอีกฝ่ายทุ่มเทใจอยู่ฝ่ายเดียวทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เอานี่เกลียดมาก555
อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งตัวดิฉันเป็นประเภทถ้าให้ความรู้สึกไปแต่อีกฝ่ายไม่เห็นคุณค่าก็พอจบเลิกจะไปไหนก็ไปผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกมั้ง โอ้ยไม่ชอบความรู้สึกแบบให้เขาอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เกลียดด
ยังดีที่คุณจิตติบอกเป็นแนวคอมเมดี้มีปล่อยมุขให้ฮาเป็นช่วงๆ คลายเครียดดีค่ะ จะรอดูน้ำหน้าอิตาค่าย ทีมลูกชายเต็มที่ หาหลัวใหม่ไปเลยลูกเติร์ด

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
ตอนแรกสงสัยนะว่าค่ายมันโง่จริงๆหรือตีมึนเพื่อรักษาน้ำใจ แต่พอคุณจิตติบอกว่าโง่บรรลัยเราก็จะเชื่อค่ะว่าค่ายโง่จริงๆ 555555

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
โว้ยยย นังค่ายย ทำไมแกบื้อยังงี้   :z3:

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดลึกๆ บ้างก็ได้นะค่าย  :hao4:

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้องค่ายลูกกก ควายน้อยของป้า  :serius2:
ทำเอาน้องเติร์ดอยากเอาหัวมุดส้วมเลย  :laugh:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไม่โง่ธรรมดาด้วยค่ะ แบบว่าโง่มากว่านี้ไม่มีแล้ว
คือคิดว่าเพื่อนไม่จริงจังว่างั้น ก็พยายามคิดนะคะว่าค่ายทำมึนแค่นั้นเอง 5555

แล้วทูที่ลงทุนช่วยน่ะ คุ้มไหม

ปลอบใจเติร์ด เจอเรื่องหนักมากจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 1 *หน้า5 [09/04/60]
« ตอบ #189 เมื่อ: 23-04-2017 13:18:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

ตอนที่ 2
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ามึง



   รักหนอแท้จริงหน้าตาเป็นยังไง หน้าโง่ๆ แบบไอ้ค่ายมั้ยผมอยากรู้

   หลังจากคิดแผนและทำบอร์ดกับไอ้ทูมาทั้งคืน ผลสุดท้ายกลับจบเห่ไม่เหลือซากแห่งความหวัง แถมมันยังดึงผมเข้าไปกอดด้วยความดีใจอีกต่างหาก มึงคิดว่าที่ยอมให้กอดนี่คือยินดีเหรอไอ้สัด แม่มมมมมมม

   พอกอดจนหนำใจมันก็ชักจูงผมเข้าไปในห้องครับ ไม่ได้กะทำมิดีมิร้ายอะไรกันหรอก เพราะไอ้นี่มันแอดวานซ์กว่าคนอื่นเยอะ แม่งเล่นเดินเข้าครัว หยิบมาม่ามาถุงใหญ่แถมใช้เวลาปรุงอย่างพิถีพิถัน เสร็จสรรพเดินมายื่นให้ด้วยสายตามุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจ

   ผมนี่ปริ่มในอกจนแทบร้องไห้โฮออกมา

   ให้กูแดกมาม่าดิบ

   สัด! ทำอะไรให้เกียรติกระเพาะอันอ่อนโยนของกูด้วยไอ้เหี้ย แต่ด้วยความรักเพื่อนกูต้องทำไงครับ นั่งขัดสมาธิจกแดกอยู่หน้าทีวีให้มันสบายใจ ตายตาหลับมั้ยล่ะมึง

   “เอาอีกมั้ย ต้มยำกุ้งนี่ของโปรดมึงเลย”

   “ครั้งหน้ากูขอหมูสับ” ครั้งนี้เค็มจนกระพุ้งแก้มกูชา

   แก๊งโหดชอบมีของกินประจำกลุ่มเวลาเรารวมตัวกันที่ห้องเสมอ ดูหนังทีไรเมื่อมีแอลกอฮอล์ก็มักจะมีของกินเล่น ซึ่งไอ้มาม่าดิบนี่ก็เป็นของกินยอดฮิตในกลุ่มเหมือนกัน ยิ่งไอ้โบนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เลียแดกยันถุงข้างใน โรคไตพร้อมจะถามหาอยู่รอมร่อ

   และเนื่องจากมันเป็นของกินเล่นชนิดเดียวที่เรามีบ่อยๆ ไอ้ค่ายมันเลยทึกทักเอาว่าผมก็ชอบเหมือนกัน เลยซื้อติดตู้ทีเป็นสี่ห้าแพ็ค มึงจะเก็บไว้ทำสังฆทานหมู่เหรอ

   “ได้เสมอ ถ้ามึงต้องการอะไร”

   “มันก็ควรเป็นแบบนั้นมั้ย กูอุตส่าห์ช่วยมึงขนาดนี้” จริงๆ ไม่ได้ช่วยเลย กูทำเพื่อตัวเองล้วนๆ แต่ในเมื่อมันเข้าใจผิด...เออก็ได้ ช่างแม่งไป

   ไอ้ค่ายมันก็หัวเราะมีความสุข ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับคำพูดพราวด์ๆ ของมัน

   “แต่ความจริงถึงมึงไม่เสนอวิธีจีบ กูก็มีปัญญาจีบว่ะ”

   “จ้าไอ้คนหล่อ พ่อคนฮอตของสังคัง”

   “สังคมมั้ยมึง คารมกูดี ลีลากูก็ไม่เบา” ผมหันไปหรี่ตาใส่มันอย่างเหนื่อยใจ เกลียดความผีบ้าของมันฉิบหายแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่เคยเถียงชนะมันสักที

   “กูยอมใจในความเหี้ยของมึง”

   “ผู้หญิงชอบคนเลวเว้ย” อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย กูเอง...กูชอบ

   “แล้วน้องคนที่มึงจะจีบล่ะ ชื่ออะไรวะ” หลังเจ็บใจจากน้องมิลค์ที่เล่นไปคุยซ้อนกับเดือนมอ ไอ้ค่ายก็ตัดอกตัดใจอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมันเล่นๆ แบบนี้กับทุกคนด้วยมั้ง ผมเลยเห็นมันเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยและไม่คิดจริงจังหรืออยู่กับใครนานๆ สักที

   “น้องกิ่ง พยาบาลปีสอง”

   “เจอกันได้ยังไง”

   “เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที เห็นนมใหญ่ดีกูเลยชอบ”

   “แฟนมึงนี่นมใหญ่ทุกคนเนอะ เห็นแล้วใจแตกแบบปุบปับ”

   “คนนี้ไม่ได้กะคบเป็นแฟนว่ะ เหนื่อยแล้ว”

   “ฮะ!” พูดเชี่ยอะไรของมันเนี่ย ไม่คบเป็นแฟนแล้วมึงจะจีบเขาเพื่ออะไร คำตอบนี้ดูย้อนแย้งมากครับ แต่ก็ไม่คิดถามออกไปอีกนอกจากเงียบ แล้วรอให้เจ้าตัวชี้แจ้งแถลงไขด้วยตัวเอง

   “กูกะไม่สร้างความสัมพันธ์หรือมีสถานะแบบผูกมัดกับใครแล้ว มีแฟนก็เหนื่อยตามเอาใจ แถมต้องลำบากรายงานสถานการณ์ตลอด เล่นอยู่แบบควงคนอื่นไปเรื่อย ไม่ผูกมัดกัน ถึงเวลาก็แยกย้ายมันดีกว่าเยอะ”

   โอ้โห! ทุกวันนี้ก็ว่าหนักแล้วนะ ต่อไปไอ้ค่ายมันจะกลายเป็นผู้ชายพันเมียที่โด่งดังของคณะมั้ย แค่คิดผมก็เสียวสันหลังวาบๆ ไอ้ตอนมีอะไรป้องกันตลอดก็จริงแต่กูก็ไม่ชอบให้มันยุ่งกับคนอื่นอยู่ดี

   แม้การไม่ตั้งสถานะของมันกับใครจะพอทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้างก็ตาม

   “มึงคิดว่าไง กูทำแบบนี้ดีมั้ย”

   “เหี้ยดี ชอบๆ” ผมต้องไปบอกไอ้ทูว่ายังไงดีวะ ‘ตอนนี้ไอ้ค่ายมันอาการหนักแล้วนะเว้ย’ อย่างนี้เหรอ

   “รับรู้แต่เรื่องรักของกู ว่าแต่มึงเหอะปฏิเสธคนจนชิน ไม่คิดจะมีใครบ้างเหรอ” ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเสือกเรื่องนี้ของกูเลยนะ แต่ผมก็ยินดีจะตอบกลับไปด้วยคำโกหกกลวงๆ ของตัวเอง

   “ไม่ว่ะ”

   “มึงเคยชอบใครป่ะวะ”

   “เคย” มึงไงไอ้สัด เสือกโง่ ให้บอกโต้งๆ อีกก็คงไม่ทำแล้ว พอดีเป็นคนหน้าบาง...

   “ได้บอกชอบไปมั้ย”

   “ไม่”

   “ทำไม”

   “เป็นมึงก็คงไม่กล้าบอกหรอก”

   “ไอ้เติร์ด นี่มึง...”

   “…”

   “ชอบเมียคนอื่นเหรอวะ”

   โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยไอ้เวร พอเหอะ รักใครไม่ได้ของกูก็ไม่ได้หมายถึงเมียคนอื่นมั้ย ทำไมสมองแม่งคิดได้แต่เรื่องอัปรีย์แบบนี้วะ

   “กูไม่ได้รักหรือบอกรักใครง่ายๆ อย่างมึงนะ”

   “กูก็ไม่ได้รักใครง่าย ที่มึงเห็นนี่แค่ความชอบส่วนบุคคล”

   จ้า เอาที่มึงสบายใจเลยจ้า

   ได้แต่นั่งทำหน้าเอื่อมระอา แดกมาม่าดิบเสร็จก็เดินจากมาอย่างหงุดหงิดใจ ซึ่งเหตุผลนี้ก็ควรยอมรับได้แล้ว เพราะไม่งั้นคงแอบชอบแบบนี้ถึงสองปีไม่ได้ และเมื่อกลับถึงห้องตัวเองผมก็เห็นว่าไอ้ทูกำลังนั่งมีความหวังอยู่ตรงโซฟาพร้อมประโยคโคตรเสือกของมัน

   “เป็นไงบ้างมึง สมหวังมั้ย แชร์กูด้วย”

   “สมหวังเหี้ยไรล่ะ ตอนนี้มันจะไปจีบคนใหม่แล้วเนี่ย”

   “เอ้า ไอ้เวร ไหงเป็นงั้นวะ”

   “มึงก็ไลน์ไปถามมันสิ” จัดการดีดรองเท้าใส่ข้างฝาเสร็จ ก็สาวเท้าไปยังโซฟาแล้วนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ใกล้ๆ หนุ่มเซอร์ของกลุ่ม

   หมดกันที่วางแผนกันมา

   “อะไรยังไง เล่าให้กูฟังหน่อยเดี๋ยวกูช่วย”

   “แผนแอดวานซ์มึงยังไม่รอดเลย น่าจะเอะใจแต่แรกว่าไอ้ค่ายมันโง่ แม่งเสือกเข้าใจว่าที่กูไปเคาะประตูสารภาพรักนั่นคือวิธีบอกรักที่กูเสนอให้มันเอาไว้ใช้จีบสาวเฉย”

   “โง่ฉิบหาย”

   “ใช่มั้ย”

   “กูหมายถึงมึงเนี่ย มันเข้าใจผิดก็รีบแก้สิไม่ใช่เออออไปตามมัน”

   “ตอนนั้นสมองกูตื้อไปหมด คิดห่าไรไม่ออกสักอย่าง ที่สำคัญคือตอนนี้มันดันมาบอกกูอีกว่าจะไม่ผูกมัดกับใคร จะแรดไปเรื่อยๆ แบบทัวร์นาเมนท์ มึงก็คิดดูแล้วกันว่ากูจะไปอยู่ตรงไหนในเวิล์ดทัวร์ของมัน”

   “ไม่ผูกมัดก็ดีสิวะ อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องรู้สึกผิดที่มันมีเมีย”

   “ปลอบใจกูโคตรดีเลยไอ้เหี้ย”

   “กูจะคิดแผนใหม่ให้มึง รับรองได้ผล”

   “แผนเหี้ยอะไรอีก แค่นี้มันยังด้านไม่พอดีเหรอ”

   “ทิ้งความบางของหน้ามึงออกไปแล้วจะดีเอง เชื่อกู”

   ไอ้ทูมันไม่สนเรื่องวิธีการหรอกครับ มันสนใจแต่ผลลัพธ์ แล้วสุดท้ายมันก็ช่วยคิดแผนให้ผมไปใช้จริงๆ พร้อมกับแอคติ้งความตอแหลเต็มขั้นในเช้าวันถัดมา...












   “เป็นอะไรวะไอ้เติร์ด”

   “คือกู...”

   “มีอะไร ทำหน้าเหมือนไม่ได้ขี้” ไอ้ค่ายถามอีก พร้อมกับการกระหน่ำตีนของไอ้ทูอยู่ใต้โต๊ะ นี่คือจะให้กูพูดออกมาจริงดิ ละอายใจตัวเองเหลือเกินครับพี่น้อง

   “คือช่วงนี้ที่บ้านกูมีปัญหาทางการเงินเลยไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าคอนโด แล้วตอนนี้เจ้าของห้องเลยให้ผู้เช่ารายใหม่เข้ามาแล้ว” ผมพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลดตามแบบฉบับรายการวงเวียนชีวิต เกิดมาก็เพิ่งสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เนี่ยแหละ

   “เชี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วทำไมมึงไม่บอกเพื่อน” คราวนี้ไอ้โบนเป็นทุกข์เป็นร้อนขึ้นมาบ้าง กูอยากจะบอกเหลือเกินว่ามันเกิดขึ้นเมื่อคืนตอนกูคิดแผนกับไอ้ทู แต่ด้วยความร้ายของหัวใจนั้นกูเลยต้องตอบกลับไปว่า...

   “เกือบเดือนแล้วมึง”

   เศร้าอีก ทำหน้าให้เสมือนทุกคนบนโลกได้ตายห่าตายเหวลงตรงหน้า ถึงแม้ไม่ได้เรียนการแสดงแต่เด็กภาพยนตร์ก็ควรมีทักษะและฟิลลิ่งจากข้างในบ้าง

   ปีนี้อย่าลืมมอบออสการ์ให้กูนะ ลาลาแลนด์จะต้องหลั่งน้ำตา

   “เก็บไว้ทำไมวะ มึงไม่เห็นพวกกูเป็นเพื่อนเหรอ” ไอ้ทูจัดเต็มบ้าง ปีนี้สาขานักแสดงสมทบอย่าลืมเสนอชื่อมันให้เข้าชิงด้วยนะครับ กูกราบ

   “ไม่อยากให้ลำบากกัน แต่ตอนนี้กูจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเลยจะมาขออาศัยพวกมึงสามคนสลับกันไปอาทิตย์ละวันสองวัน จนกว่าบ้านกูจะพ้นวิกฤต”

   “ห้องไอ้ค่ายมั้ยล่ะ คอนโดมึงมีตั้งสองห้องนอน” ไอ้โบนโพล่งขึ้น เจ้าของชื่อมันเลยกรอกตาคิดอยู่พักนึง

   คือมันไม่ใช่คนไม่เอื้อเฟื้อเพื่อนครับ กับไอ้นี่มันให้เต็มร้อยหมด แต่ที่เห็นคิดนานๆ นี่กลัวจะเป็นเพราะผู้หญิงที่แม่งชอบพามาที่ห้องมากกว่า เหยด กูไม่อยากเจ็บแต่กูต้องไปให้สุดทาง

   “ถ้ามึงลำบากใจก็ไม่เป็นไรเว้ยไอ้ค่าย เดี๋ยวกูจะขออยู่กับไอ้เหี้ยทูกับไอ้โบนไปก่อน ถึงแม้ว่าของของกูมันอาจกระจัดกระจายไปตามห้องของพวกมึงบ้าง อะไรหายก็ช่างมันเถอะเดี๋ยวซื้อใหม่”

   เนียนมั้ย น่าสงสารพอยัง

   แต่เมื่อเห็นสีหน้าเห็นอกเห็นใจของไอ้ค่ายผมก็นึกยิ้มกริ่มในอก ไอ้ทูบอกความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก แค่นี้กูก็ชิดจนแทบไม่เหลือที่ว่างละ แต่ไม่เป็นไร อยากชิดอีก

   “หรือกูจะขายรถแล้วเอาเงินมาจ่ายค่าห้องดี แต่ช่างเหอะกูยอมเหนื่อย นั่งแท็กซี่กับขึ้น BTS ก็สบายเหมือนกัน” พูดไปก็เหลือบตามองไอ้หนุ่มฮอตข้างๆ ไป ตกหลุมพรางกูหรือยังว้า???

   “เออๆ มาอยู่กับกู”

   “ไอ้ค่ายมึงพูดจริงดิ” เยสๆ

   “จริง กูคงไม่ปล่อยให้มึงไปตกระกำลำบากหรอกเพื่อนยาก แต่มึงต้องทำใจเรื่องผู้หญิงของกูหน่อยนะ”

   “สบ๊าย”

   “งั้นวันนี้ไปช่วยขนของ”

   “กูด้วย!” ไอ้เพื่อนรักสองคนที่เหลือพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

   “โห...มันจะดีนะ” แต่เมื่อคืนกูเก็บของรอไว้แล้ว เหลือแต่ขนย้ายอย่างเดียว เหยดดดด

   หลังเลิกเรียนเราเลยขนทัพย้ายของจากห้องผมไปยังคอนโดไอ้ค่าย สถานที่ซึ่งเป็นรังรักของมันกับใครไม่รู้ ผมคงทำใจยากมากถ้ามันพาผู้หญิงเข้าห้อง แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว

   ไอ้ทูกับไอ้โบนช่วยขนของเสร็จมันก็แยกย้ายกลับห้องของตัวเอง คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่ช่วยกันจัดของให้เข้าที่เข้าทางร่วมชั่วโมง รู้ตัวอีกทีร่างสูงของเพื่อนรักก็ไม่อยู่ในห้องนี้แล้ว ผมเลยเดินออกไปดูเห็นมันยืนสูบบุหรี่ทำตัวคูลๆ อยู่ตรงระเบียง

   “ช่วยกูจัดของแค่นี้เครียดเลยเหรอมึง”

   “กำลังคิดอยู่ว่าถ้าผู้หญิงกูเข้ามาในห้องมึงจะรู้สึกอึดอัดมั้ย”

   “มึงเป็นเพื่อนกับกูมากี่ปีแล้ววะ อีกอย่างกูนอนคนละห้องกับมึง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

   “แต่ห้องน้ำมีห้องเดียวไงครับเพื่อนเติร์ด” แถมอยู่ในห้องนอนมันด้วย

   ผมยื่นมือไปขอบุหรี่จากมัน เจ้าตัวเลยส่งต่อมวนที่อยู่ในปากมาให้ ซึ่งผมก็รับมาสูบต่อโดยไม่พูดอะไรนอกจากพ่นควันออกมา พอดีหัวตื้อเหมือนกัน เออว่ะ! ถ้าแม่งกำลังเอากับผู้หญิงตอนกูปวดขี้ขึ้นมาล่ะ ใจสลายเลยนะคราวนี้

   “กูลงไปเข้าข้างล่างได้เว้ย”

   “ได้ไงล่ะไอ้สัด ช่างเหอะ ถึงเวลาค่อยว่ากัน”

   “เออ”

   “อาบน้ำมั้ย”

   “บ้า มึงมาชวนกูอาบน้ำทำไม”

   “คิดอะไรของมึงเนี่ยไอ้ควาย กูใช้ให้มึงไปอาบก่อน ไม่ได้จะอาบด้วยกัน”

   “เหรอๆ” นึกว่าจะได้อาบดูแม่งซะแล้ว เสียดาย~

   “เอาบุหรี่มา จะสูบต่อ”

   “จุดมวนใหม่ดิ”

   “ขี้เกียจ มึงก็สูบแค่นั้นพอแล้ว อย่าเยอะ”

   “อ่ะๆ ขี้หวงจริงโว้ย” ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยื่นบุหรี่สีขาวในมือให้กับเจ้าของ ความจริงมันก็ชอบสั่งผมเหมือนกัน ถ้าวันไหนที่เราสูบบุหรี่ มันสูบสอง ผมจะถูกจำกัดเหลือเพียงหนึ่งมวน ลดหลั่นไปตามปริมาณในแต่ละวัน

   ผมถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ในตะกร้า ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูออกมาพันแล้วเดินเข้าห้องน้ำ พร้อมกับไอ้ค่ายที่กำลังเดินเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน ผมเองก็ไม่ได้เริ่มอาบน้ำหรอกเพราะกำลังจ้องมองของใช้ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ล้างหน้าอย่างสนใจ ปกติเวลามาห้องมันก็ไม่ได้มีเวลามาจ้องหรอกว่าแม่งซื้ออะไรมาใช้บ้าง จนกระทั่งได้ร่วมชายคาเดียวกันในวันนี้

   “สกินแคร์นี่ขอแบ่งครึ่งใช้กับมึงได้ป่ะ” ผมถามติดตลก ร่างสูงที่ชะโงกหน้าเข้ามาในส้วมเลยตอบกลับอย่างรวดเร็ว

   “ตามสบาย”

   “น้ำหอมก็ดี”

   “พ่นได้เต็มที่ แต่อย่าทำให้ผู้หญิงกูงงว่าคนไหนมึง คนไหนกูแล้วกัน”

   “เจลเซตผม เชร้ดดดด”

   “จะขอใช้?”

   “อ่าฮะ”

   “แชร์กับกูทุกอย่างขนาดนี้ เดี๋ยวเอาตัวมึงมาแลกเลยนะ”

   “โอ้โหได้เลยครับ มึงจะเอาตัวหรือจะเอาหัวใจด้วย” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง ไอ้ค่ายมันเลยส่ายหัวไปมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ หน้าเหี้ยนี่แม่งโคตรเลว อารมณ์แบบพร้อมจะฟันสาวได้ตลอดเวลาอ่ะ

   “อ่อยสัด”

   “ไม่ได้อ่อย กูพูดเล่นมั้ย”

   “อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะ”

   “ทำไมวะ”

   “เดี๋ยวเขาจะหลงเอา”

   ง่อววววววววววว ทุกคนหลงกูครับยกเว้นมึง ไอ้เหยดเข้ของพี่!













   คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมได้ใช้ชีวิตในห้องไอ้ค่ายแบบไม่มีกำหนด ปกติมักจะนอนอยู่ห้องมันไม่เกินสองวันตอนแฮงก์เหล้ากับทำโปรเจ็กต์ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป บรรยากาศทุกอย่างเริ่มคุกรุ่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แผนของไอ้ทูผุดขึ้นมาในหัวมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดเอามาใช้นอกจากรอดูสถานการณ์ไปก่อน

   ยังไงไอ้ค่ายมันก็เพื่อนผม เพราะงั้นผมเลยไม่อยากเสียมันไป

   เช้าวันแรกอากาศสดชื่นมากครับ ผู้หญิงคนแรกเคาะประตูห้องตอนหกโมงเศษๆ ด้วยชุดนิสิตรัดนมของเธอ แถมกระโปรงทรงเอยังสั้นกุดจนแทบเห็นกางเกงในอยู่รอมร่อ เกิดมาเคยได้ยินแต่แม่เดินมาปลุกตอนเช้า นี่ผู้หญิงนมโตครับผลัดกันมาปลุกไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวัน เจ็ดวันก็เจ็ดคน มาแบบทุกเฉดสีประหนึ่งทีโอเอ

   แถมผมยังได้เห็นความเสือของมันขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงของไอ้ค่ายเด็ดดวงทุกคน แต่ถ้าวันไหนที่ผมไม่ได้ออกไปดูหนังหรือเที่ยวเล่นกับไอ้โบนและไอ้ทู ผมก็จะไม่เห็นผู้หญิงของมันในห้องเลย เว้นแต่ตอนเช้าที่ยืนอยู่หน้าประตูปลุกเท่านั้น แตกต่างจากวันนี้

   ก๊อกๆ

   ผมขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่งก่อนจะมองหาเจ้าของห้อง แต่เสียงจากฝักบัวทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังอาบน้ำอยู่ แถมตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ปกติถ้าไอ้โหดสองตัวโผล่มามันจะโทรบอกพวกผมก่อน เพราะงั้นตัดประเด็นนี้ไปได้เลย

   ด้วยไม่อยากตะโกนถามไอ้ค่าย ผมเลยเป็นฝ่ายลุกจากโซฟาเดินไปเปิดประตูต้อนรับคนด้านนอกแทน

   “ขุนพล ฮั๊ลโหล่~”

   ฉิบหายแล้ว ใครวะเนี่ย เพราะพอเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละบึ้มเลย ไม่ใช่ระเบิดนะครับ นม! นมใหญ่กว่าหัวกูอีกไม่อยากจะพูด

   “เอ่อ...”

   “อ้าวเติร์ด ขุนพลไปไหนเหรอ” รู้จักกูด้วย แต่จะบอกว่ากิ๊กกับไอ้ค่ายแล้วไม่รู้จักสมาชิกโหดมันก็แปลกเกินไปหน่อย เอาไงดีวะ

   “ไอ้ค่ายอาบน้ำอยู่”

   “หวายยยยย ทำไมเพิ่งอาบน้ำอ่า ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”

   “ก็...ได้มั้ง” ร่างสมส่วนนมเป็นนมตูดเป็นตูดเดินนวยนาดเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะทิ้งแก้มก้นสวยๆ ลงบนโซฟาแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม แหม่...ตาถึงฉิบหาย คนนี้ดีที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาละ

   “เอาน้ำมั้ย” ผมถาม ตั้งท่าจะหมุนตัวแต่ก็ต้องชะงักเท้าฉับพลัน

   “ไม่เป็นไรค่า เดี๋ยวรอขุนพลออกมาก่อน ว่าจะออกไปพร้อมกัน” อ้าว นัดกันไว้เหรอวะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละครับ เรื่องผู้หญิงของมันผมจะไม่ยุ่ง ได้แต่แอบชอบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แบบนี้

   เราเข้าสู่สภาวะเดดแอร์เกือบสิบห้านาที เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ก่อนผมจะเห็นร่างสูงของไอ้ค่ายเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพผ้าขนหนูคาดเอวเพียงตัวเดียว

   “ขุนพล อุ๊บส์!” สาวของมันก็กระแดะฉิบหาย รีบยกมือปิดปากแต่ตานี่โตเป็นไข่ห่าน

   “มาได้ไงเนี่ย เคยบอกแล้วว่าถ้าจะมาให้โทรบอกก่อน” เสียงทุ้มพูดอย่างเครียดๆ ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นเพื่อนอย่างมันพูดแบบนี้กับผู้หญิงสักทีนะครับ

   “ก็อยากมาเจอ เธอบอกว่าอยู่ที่ห้องนี่”

   “อยู่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเวลาไหนก็ได้ บอกแล้วว่าออกไปเจอข้างนอกไง แต่ที่ห้องเพื่อนอยู่”

   “เฮ้ย กูไม่เป็นไร ตามสบายเลย” กูจะนั่งจ้องอยู่ตรงนี้แหละ ดูซิว่ามันจะกล้าฟิตทะลึ่งกันต่อหน้ากูมั้ย เพราะถ้ากล้าจริงก็คงใจหมาสุดๆ แล้วล่ะครับ

   “เห็นมั้ย เติร์ดไม่แคร์”

   “เพื่อนไม่แคร์แต่เราแคร์ไง เธออย่าล้ำเส้นเราสิ”

   “ไหนเธอบอกว่าชอบเรา”

   “เราชอบเธอ แต่เราก็ชอบคนอื่นด้วย” โคตรเหี้ยเลยกูยอมแล้ว ยอมล้าวววววววววว นี่มึงบอกชอบใครไปบ้างแล้ววะเนี่ย หรือชี้เอาก็ได้เลย

   แต่ตอนนี้สนใจผู้หญิงก่อนครับ ทำหน้างอคอหักอยู่ตรงนี้ละ

   “แล้วตกลงจะออกไปข้างนอกมั้ย”

   “ทำไมต้องหงุดหงิด ปกติค่ายไม่พูดกับเราแบบนี้”

   “เราหงุดหงิดเธอเพราะเธอล้ำเส้น ต่อไปถ้าเราไม่บอกก็อย่าเข้ามาในห้องโดยพละการอีก”

   “งั้นวันนี้เราไม่ไปละ งอน”

   “โอเค ตกลงตามนั้น”

   จากนั้นไอ้ค่ายมันก็เดินลากตีนเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูขังตัวเองทันที เกิดมาไม่เคยเห็นโมเมนต์เกรี้ยวกราดของเพื่อนรักขนาดนี้มาก่อน ไอ้ค่ายมันรักเพื่อน แคร์ทุกคนในกลุ่มก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะหวงพื้นที่ห้องให้เพื่อนขออาศัยอย่างผมมากขนาดนี้

   หรือเป็นเพราะว่าช่วงหลังมานี้มันไม่คิดปักใจคบใครเป็นจริงเป็นจัง เงื่อนไขและการเอาใจบางอย่างเลยเปลี่ยนไป กลายเป็นอย่างที่เห็น

   “เอ่อ...”

   “เรากลับแล้วนะ ไว้เจอกันวันหลัง” ไม่ทันได้ตอบอะไรเธอก็เดินจากไปอีกคน คงเหลือผมที่นั่งเคว้งอยู่หน้าทีวีเพียงลำพัง ซึ่งไม่เกินห้านาทีหลังจากนั้นร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนเรียบร้อย

   “ป่ะ”

   “ไปไหนวะ”

   “โทรบอกไอ้โบนกับไอ้ทูละ ไปหาข้าวแดกกัน”

   “ที่ไหน”

   “ร้านเหล้า”

   “พ่องสิ”

   “ถึงอารมณ์กูจะไม่ดี แต่น้องโคโยตี้ต้องมีกิน”

   “ไม่ออกไปกับคนเมื่อกี้วะ”

   “กูไม่ชอบคนไม่เคารพกฎ เลิกพูด”

   “ตั้งแต่กูมาอยู่ด้วย กูทำให้มึงลำบากใช่มั้ย” พูดแล้วก็รู้สึกผิดเลย หรือจะตัดใจยกเลิกแผนการที่ทำมาทั้งหมดดี เพราะตอนนี้ผมทั้งสงสารและเห็นใจไอ้ค่ายมากๆ

   “มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ”

   “ก็คนเหี้ยๆ คนนึง”

   “สัด”

   “กูพูดตามที่เห็น”

   “แล้วมึงก็น่าจะเห็นมาตลอดว่าถ้าให้กูเลือกระหว่างเพื่อนกับผู้หญิง กูจะเลือกใคร”

   “มึงเลือกเพื่อนเหรอ”

   “เปล่า กูเลือกผู้หญิง”

   “พูดทำไมครับไอ้ควาย”

   “แต่ถ้าให้กูเลือกระหว่างมึงกับผู้หญิง”

   “มึงเลือกกูเหรอ”

“กูก็เลือกผู้หญิงเหมือนเดิม”

“สัด! พูดเพื่อ? แล้วกูอยู่ตรงไหนไม่ทราบ”

   “อยู่ที่เดิม ขึ้นอยู่กับการใช้สอย”

   “ยังไง”

   “ผู้หญิงใช้ร่างกาย กับมึงต้องใช้หัวใจ”

   “ง่อววววววววว”

   “พอใจยังครับ เร็วๆ รีบออกไป ถ้าไอ้สองตัวมันรอนาน มึงจ่ายนะ เห็นมันบอกจะคุยเรื่องกิจกรรมคณะด้วยหนิ”

   “เออ!”

   คารมเชี่ยนี่ดีเสมอแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ามันชอบพูดกับคนอื่นเหมือนกันแต่กูไม่สนหรอก แค่ได้ฟังก็ดีใจแล้ว


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   ชีวิตของเด็กปีสามเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ปีๆ หนึ่งนิเทศศาสตร์จัดงานหนักราวกับว่านิสิตไม่ได้จ่ายค่าเทอมเข้ามาเรียน แต่เปย์เงินเผื่อทำกิจกรรมกลุ่มซะมากกว่า อย่างตารางที่ลิสต์ไว้ตั้งแต่ต้นเทอมซึ่งกำหนดวันแน่ชัดเลยก็คือ ละครเวทีนิเทศฯ หนังสั้นชั้นปีของแต่ละกลุ่ม กิจกรรมงานสงกรานต์คอมอาร์ต นี่ยังไม่ได้รวมงานปลีกย่อยที่ไม่ได้กำหนดในตารางอีกมากมาย เรียกได้ว่าปาดเหงื่อตายกันไปตามๆ กัน

   อย่างสัปดาห์นี้เจองานช้างอีกหนึ่งครับ นั่นคือ ‘Nitade Fair’ งานกิจกรรมที่รวมเอาเด็กนิเทศฯ มาออกบูทจัดกิจกรรมและเอนเตอร์เทนเด็กในมหา’ลัย หาเงินเข้ากองกลางสโมสรคณะสำหรับหาทุนทำละครเวทีประจำปี ดังนั้นแก๊งโหดเลยไม่พลาดต้องทำบูทกับเขาด้วย

   “ได้เลขอะไรวะ” ไอ้โบนถาม ก่อนได้ทูจะเปิดหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏภาพถ่ายให้ดู

   “บูท B17 อยู่ติดอัฒจันทร์ ขนาบข้างด้วยบูทสอยดาวของพี่บรีสปีสี่ กับสาวน้อยตกน้ำของน้องปีหนึ่ง”

   “ฉิบหายเลยไอ้เหี้ย เราจะแพ้เขาไม่ได้” ไอ้ค่ายเริ่มผสมโรง

   ที่เราต้องออกมาคิดอะไรจริงจังแบบนี้เพราะมีการแข่งขันเรื่องยอดเงินหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วด้วย ประโยชน์ของมันคือร้านที่ชนะยอดสูงสุดห้าอันดับแรกจะได้รับเลือกให้ขึ้นไปอยู่ในนิตยสารรายเดือนของคณะ และมีสิทธิ์ใช้สตูดิโอโดยไม่ต้องจองหรือต่อคิวเป็นระยะเวลาสามเดือน

   ของแบบนี้ไม่ใช่ขี้ๆ ชิงรักหักสวาทกันมาหลายปีไม่ใช่เพราะแย่งห้อง แต่มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีที่ต้องประกาศกร้าวให้พี่น้องชาวนิเทศฯ รู้ว่า กูนี่แหละคือตัวจริงของคณะต่างหาก

   “กูพอไปสืบมา พวกไอ้เดือนชั้นปีส่วนใหญ่ขายของเว้ย ขายน้ำ ขายลูกชิ้น ขายขนม ทำบูทถ่ายภาพ แบบเจ๋งๆ หน่อยก็ถึงกับเปิดหมวกหาตังค์กันเลยนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “เชร้ดดดดดดดดด แล้วเราจะทำอะไร”

   “รีวิวหนังฉบับโหดๆ มั้ย” ผมเสนออีก เพื่อนมันเลยถามต่ออย่างสงสัย

   “แบบไหนวะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายถาม ผมหันไปมองหน้าเพื่อนรักอย่างไอ้ค่ายที่เป็นเจ้าประจำโรงหนังรอบดึก ไม่ต้องพูดอะไรมากแต่ก็รู้กันดีว่าจะต้องทำยังไง ดังนั้นผมจึงรีบปรับอารมณ์ตัวเองก่อนจะส่งยิ้มตอแหลสัดๆ ไปให้ไอ้โบนกับไอ้ทู

    “สวัสดีครับทุกคน นิเทศแฟร์ได้มาเยือนทุกคนอีกครั้งในรอบหนึ่งปี วันนี้ผมมากับแขกรับเชิญที่ทุกคนไม่ได้ตั้งตารอ เขาคือ ขุนพล อน...อน...อน...”

   “สวัสดีคร้าบ” ไอ้ค่ายยกมือไหว้ ข้างกายมีองครักษ์พิทักษ์ความอัปรีย์อยู่สองคนนั่นคือไอ้ทูกับไอ้โบนที่ต้องมาทนฝืนปรบมือประกอบรายการให้อย่างงงๆ

   “เอาล่ะครับ จะบอกว่าเมื่อวันก่อนมีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้ไปดูตามกระแสโลกโซเชียล เลยเกิดกิจกรรมรีวิวหนังฉบับฮาร์ตคอร์ขึ้น แค่เสียเงินคนละห้าบาทมาทำกิจกรรมกับเรา ตอบถูกรับไปเลยตุ๊กตา ตอบผิดเสียเงินฟรี เรามาเริ่มกันเลยมั้ยครับ” ผมมองหน้าไอ้ทูซึ่งรับบทเป็นคนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

   “อ่ะจัดมา”

   “คุณต้องตอบให้ได้ ว่าหนังที่คุณค่ายพูดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไร เริ่ม!” ผมโยนหน้าที่ไปให้ไอ้หน้าหล่อข้างๆ ก่อนมันจะรับมุกฉึบฉับและตอบกลับอย่างฉะฉาน

   “หนังเรื่องนี้สำหรับผมเหรอ ดีครับ ดีออก”

   “…”

   “แม่งอยากจะเดินไปลูบหลังคนที่ดูแล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะ มันก็แค่หลุมดำในชีวิต มึงต้องก้าวต่อไป แสงสว่างยังรออยู่แค่ต้องผ่านฝันร้ายนี้ไปให้ได้”

   “มันขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

   “คุณมึงครับ หนังเหี้ยมาก พล็อตกลวงสัดหมา หนังห่าอะไรให้นางเอกต่อเรือออกแม่น้ำหวงโห มึงคิดว่าอะแด็ปไททานิคแล้วมันโรแมนติกเหรอ นี่กูเสียดายตังค์ฉิบหาย ขนาดได้บัตรลดราคามาครึ่งนึงกูยังต้องหลั่งน้ำตา” ไอ้ค่ายพูดจบ ผมก็รับช่วงต่อในทันที

   “อ่า จบไปแล้วสำหรับการรีวิวคุณต้องตอบแล้วครับคุณทู หนังเรื่องนี้ชื่อว่า...อะไร”

   “ไอ้ฉิบหาย”

   “ผิดครับ หนังชื่อเรื่องว่าโสดเหงา เขาไม่เข้าใจครับ”

   “กูไม่ได้ทายชื่อหนัง กูด่ามึงอยู่เนี่ยไอ้ฉิบหาย กิจกรรมหัวฟวยอะไรวะ เลิกๆ”

   และกิจกรรมแรกนั้น...ก็ล่มไม่เป็นท่าเหมือนอย่างเคย

   คิดหาวิธีด้วยกันเกือบครั้งชั่วโมงก็หาข้อสรุปไม่ได้ ไอ้โบนมันเลยปิดประเด็นแบบง่ายๆ ด้วยการบังคับ

   “ขายของไปเถอะสัด เรื่องมาก”

   “มันไม่ซิกเนเจอร์ มันต้องมีสตอรี่ดิ”

   “สตอรี่เหี้ยอะไร ร้านนี้ไม่เน้นของ เน้นหน้าตาล้วนๆ แค่กูคนเดียวสาวก็แห่กันมาซื้อครึ่งมอละ” ไอ้หลงตัวเอง ไอ้บ้านไม่มีกระจกส่อง

   “ถ้าขายแบบนี้มันก็เหมือนร้านอื่นดาษๆ ทั่วไป ใครมันจะไปอยากซื้อ ของอย่างนี้มันต้องมีแรงจูงใจ” ไอ้ทูพูดต่อ แต่สีหน้ามันนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าได้ไอเดียใหม่ให้ทำมาหากินแล้ว

   “แรงจูงใจยังไง”

   “มันต้องเอาตัวเข้าแลกนิดหน่อยนะ”

   ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าเอาตัวเข้าแลกของมันหมายถึงอะไร จนกระทั่งวันงานมาถึงทุกอย่างก็กระจ่างแจ้ง...


   ‘ร้านชายฉะกัน ขายไส้กรอกทุกชนิด สั้นๆ พอดีคำ หรือฟุตลองอร่อยสาด โดยคนขายที่อร่อยสาดจนต้องร้องขอเพิ่มอีก’


   นี่มันสโลแกนขายของหรือโฆษณาขายดิลโด้วะ เข้าข่ายเรท ฉ 18+ มาก เคยได้ยินแต่ผู้ชายขายน้ำ กูนี่ผู้ชายขายไส้กรอก แต่เพื่อห้าอันดับแรกเราก็จำต้องแลกกับอะไรหลายๆ อย่างแม้กระทั่ง...

   “กรี๊ดดดดดดพี่โหด ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”

   “ได้คร้าบ” ไอ้ค่ายยื่นหน้าแนบกับน้องผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งพร้อมกับฉีกยิ้มจนปากแทบแหกถึงใบหู ไอ้ทูกับไอ้โบนก็โดนสาวเขียนเสื้ออยู่ ส่วนกูนั้นมีหน้าที่เดียวคือปิ้งไส้กรอก ไอ้สัด ไอ้แดกแรงเพื่อน

   “พี่เติร์ด เท่าไหร่เหรอคะ” น้องผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้ายิ้มอ่อน แถมท่าทางยังดูขี้อายแบบสุดๆ อีก เธอไม่ได้มาคนเดียวครับ เพราะได้พ่วงเพื่อนสาวอีกสองคนมายืนขวยเขินด้วย

   “ถุงนี้สี่สิบบาทครับ” ว่าแล้วก็รีบยื่นถุงไส้กรอกไปให้น้องเขาทันที

   “อะไรนะค้า”

   “สี่สิบ” ผมตอบห้วนๆ

   “ไม่ได้ยินเลยอ่า”

   “จะกินไม่กินครับ เดี๋ยวพี่แดกเองนะ” พูดเท่านั้นแหละน้องแม่งรีบยัดเงินใส่มือกูทันที อย่าอ่อยครับเดี๋ยวของขึ้น ยิ่งโมโหเพื่อนที่มันกินแรงอยู่

   ผมเคยขึ้นชื่อว่าปฏิเสธคนอื่นโหดแค่ไหนในวันนั้น วันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าใครจะมาขอให้เซอร์วิสอะไรผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ขอแค่อย่าเยอะเท่านั้นพอ

   หลักการตลาดที่ไอ้ทูเป็นคนคิดคือนอกจากขายไส้กรอกแล้วยังต้องขายหน้าตาแถมต้องเปลืองตัวกันนิดหน่อย อันเนื่องมาจากพวกแม่งสามตัวมีแฟนคลับเยอะ ทุกคนสามารถขอให้มันทำอะไรก็ได้ เช่นร้องเพลงให้ฟัง ถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยกัน ขอกอด ขอหอม หลังๆ มีคนมาขอเขียนเสื้อ ตอนนี้บอกเลยว่าเสื้อนิสิตขาวๆ ลายพร้อยเป็นเสื้อสงกรานต์แฟนตาซีไปละ

   ไอ้ค่ายโดนหนักสุดจนไม่มีพื้นที่เขียนบนเสื้อ ส่วนใหญ่ก็บอกความในใจที่มีมาแต่นานนม ผมเองก็ไม่น้อยหน้าโดนเหมือนกัน น้องแม่งเขียนจนปลายหมึกแทบจะจิ้มลงร่องตูดกูหลายที ดีที่เบรกทันก่อน

   “พี่ค่ายร้องเพลงให้ฟังหน่อยค่า” เสียงเซ็งแซ่ที่ดังขึ้นใกล้ๆ หู ทำให้ผมต้องปิ้งไส้กรอกไป เงี่ยหูฟังไป

   “เธอสวย~ ทุกนาทีที่เคยสัมผัส”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดด พี่ค่าย บ้า!”

   “ฮ่าๆ” หยอดได้เป็นหยอด บอกกูขี้อ่อยมันแม่งคูณสิบไปเลยครับพี่น้อง

   คุยกับลูกค้าได้สักพัก ร่างสูงก็กลับมาช่วยผมปิ้งไส้กรอกต่อ ทิ้งไอ้ทูกับไอ้โบนให้ร่วมด้วยช่วยกันเปลืองตัวกันอยู่สองคน

   “ขายดีฉิบหายเลย” เจ้าตัวพูดอย่างภูมิใจ

   “ฝีมือกูล้วนๆ”

   “เพราะกูเหอะ แต่มึงปิ้ง กูเลยยอมก็ได้”

   “ดีใจตายห่ามากๆ เลยครับ”

   “ปากดีกับกูจัง อ่ะให้ขออะไรได้หนึ่งอย่าง เลือกมาเลยครับคุณเติร์ด”

   “เล่นเหี้ยอะไรมึงเนี่ย”

   “เอาน่ะ เลือกมา”

   “ร้องเพลงให้ฟังหน่อย” มันกรอกตาไปมาเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อยเปล่งเสียงอันกวนตีนออกมา

   “ทะเลสีดำ ไม่มีเสาไฟ~”

   “เสาไฟพ่อง!”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ฮาเหรอ”

   “ฮากริบเลยมึง”

   “น้องค่าย น้องเติร์ด พี่ขอไส้กรอกหน่อยค่า ขอแบบยาวๆ ตามขนาดน้องสองคนเลยนะ”

   “เดี๋ยวนะครับ ขนาดอะไร”

   “ขนาดตัวค่า เห็นสูงชะลูดตูดปอดกันขนาดนี้จะให้พี่คิดถึงอะไร บัดสีบัดเถลิงที่สุด เดี๋ยวขอเขียนเสื้อน้องค่ายด้วยนะคะ”

   “เต็มแล้วดีออก ขอเขียนเสื้อเติร์ดแทนได้มั้ย”

   “จัดเลยครับ”

   “โฮร่ลลลลลลลลลลล”

   หลังจากแก๊งพี่กะเทยมาบุกรัง พวกผมสี่คนจากแก๊งโหดก็แทบไม่ได้หายใจหายคอกันอีกเลย กิจกรรมนิเทศแฟร์จัดขึ้นตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม เราจัดกันสองวันเต็มๆ แน่นอนว่าพรุ่งนี้กูก็ต้องมาอีก เรียกได้ว่าขายกันจนไม่มีอะไรจะขายกันเลยล่ะ

   ตรงเวทีกลางมีการแสดงของเด็กเอกการแสดงที่กำลังสร้างเสียงฮือฮาเป็นระยะ กิจกรรมนันทนาการหรือเกมส์สนุกสนานรายล้อมอยู่เต็มพื้นที่ ทุกคนมาเพื่อชิงความเป็นหนึ่งและโกยเงินเข้าบูทเป็นกอบเป็นกำ ชายฉะกันก็ไม่ต่าง ตอนนี้แค่สองทุ่มเองไส้กรอกเราก็ขายหมดเกลี้ยง เหลืออยู่ชิ้นเดียวที่มีคนลืมมาเอา ผมเลยต้องยืนแดกระหว่างรอเก็บร้าน

   “อร่อยมั้ย ขอกัดคำนึง” ไอ้ค่ายถามเสียงเรียบ

   “กูกัดไปละ พรุ่งนี้ค่อยรอแดกใหม่เหอะ”

   “กินได้” ว่าแล้วมันก็คว้าไส้กรอกที่ถูกไม้เสียบในมือของผมยัดใส่ปากเข้าไปแบบหน้าด้านๆ

   “กูถุยน้ำลายใส่ละ ลืมบอก” หน้ามันเปลี่ยนสีทันที แต่ก็ยังไม่วายตอบกลับทันควัน

   “ไม่เป็นไร กินน้ำลายมึงกูไม่รังเกียจ”

   โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ฆ่ากูเถอะสัด! ฆ่ากูให้ตายตรงนี้ แล้วจะให้ผมเลิกชอบมันได้ยังไง ที่ผ่านมาแม่งเสือกทำตัวแบบนี้ตลอดเลยไง ยกมือทาบอก ยกตีนทาบหน้า ร้องเหี้ยหนักมากแต่ก็ฟินเหลือเกิน ฮือออออออ













   งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ปลาร้าย่อมมีวันหนอนไช

   หลังจากผมได้รวบรวมเก็บของใส่รถไอ้โบนเรียบร้อยแล้วทุกคนก็เตรียมแยกย้าย พอดีว่าไอ้ค่ายติดรถผมมาด้วยเนื่องจากกลัวชาวีลูกรักโดนอุ้มเพราะไม่มีที่จอดรถเป็นสัดส่วน ส่วนไอ้ทูมากับไอ้โบน มันสองตัวกลับไปก่อนเพราะต้องรีบไปหมักไส้กรอก คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถ แต่เท้าก็เป็นอันต้องชะงัก

   “ค่าย” โอ้ฉิบลอส สาวคนใหม่หน้าตาไฉไล ไฮไลท์ผมสีชมพู

   “ครับผม” ไอ้ควายเพื่อนรักมันก็ตอบด้วยน้ำเสียงแพรวพราว ขนาดขายไส้กรอกเสร็จยังจะมีศึกวันธงชัยกันอีก จิตใจของไอ้เติร์ดนั้นเลยห่อเหี่ยวเป็นไส้กรอกข้ามปีในทันที

   “ที่คุยกันไว้อ่าว่าจะไปส่ง”

   “พอดีมากับไอ้ลิง” มันชี้มาที่ผม คือกูเป็นลิงไปละ

   “เสียใจ”

   “แต่จริงๆ ก็ไปได้ ไอ้เติร์ดมึงไปที่รถก่อนเลยนะ” ท้ายประโยคหันมาคุยกับผม ซึ่งกูก็ห้ามอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินผละออกมาด้วยอาการคอตก

   ไอ้ทู เผื่อมึงยังไม่รู้

   วันนี้มันไปกับผู้หญิงผมสีชมพูอีกคนแล้วว่ะ

   คือที่ผ่านมาคิดเข้าข้างตัวเองหมด บอกจะไม่เสียใจที่มันไปกับคนอื่นแต่สุดท้ายก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้อยู่ดี เป็นงี้ตลอดตั้งแต่เริ่มชอบมันจนถึงปัจจุบัน กูไม่ได้แกร่งขึ้นเลยจริงๆ

   ผมเดินไปเรื่อยๆ คิดทุกอย่างอยู่ในหัว มันตื้อไปหมดคล้ายกับถูกคนปิดสวิตช์ลง แต่จู่ๆ มันก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งจากน้ำเสียงกึ่งเรียกกึ่งตะโกนจากใครคนหนึ่งที่ดังเข้ามาในโสตประสาท

   “ไอ้เติร์ด มึงเดินเลยรถแล้วครับ”

   “หา”

   “อีกนิดเดียวมึงถึงปทุมธานีละไอ้สัด” ประชดกูจัง

   “ยังไม่ไปอีกเหรอวะ” ผมถามด้วยความสงสัย

   “ไปแล้ว แค่ส่งเขาที่รถ”

   “แค่นี้?”

   “ถามมากน่า เร็วๆ กูอยากกลับไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวฉิบหาย” ความเสียใจที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครู่อันตรธานหายไปจนไม่หลงเหลือ ดีใจอ่ะที่สุดท้ายมันก็เลือกผม

   เราเลยจำต้องเดินย้อนกลับไปที่รถ โดยมีไอ้ค่ายนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ขามากูขับ ขากลับให้มันจัดเถอะครับเพราะแขนกูเปลี้ยจากการปิ้งไส้กรอกไปหมดแล้ว

   “เหี้ยฉิบหาย เสื้อพังไปตัวนึง” ยังไม่ทันสตาร์ทรถมันก็บ่นอีก แถมมือยังเอื้อมไปเปิดไฟในรถเพื่อสำรวจลายเส้นสุดแอ็บสแตรกบนเสื้อนิสิตสีขาวด้วย

   “บ่นเพื่อ มึงดูกูก่อน”

   “ฮอตเว่อร์”

   “ของกูอ่ะนิดเดียว แต่ที่ลามมาจักแร้น่ะเขาเขียนถึงมึง” เพราะเสื้อไอ้ค่ายไม่มีพื้นที่เหลือให้เขียนแล้วครับ แม้แต่กระดุมเม็ดใสแฟนคลับมันก็ยังพยายามบรรจงเขียนลงไปจนได้

   แล้วสุดท้ายลำบากที่ใคร ก็ผมไง

   “ก็หล่อ”

   “หน้าหม้อด้วยมึงอ่ะ”

   “เขาเรียกเพลย์บอยครับเพื่อน ไม่งั้นจะมีคนบอกรักกูบนเสื้อมึงเหรอ” มือหนาพยายามดึงปกเสื้อด้านหลังขึ้นมา ผมเองที่เหลือบตามองถึงได้เห็นรางๆ ว่าเป็นข้อความอย่างที่ไอ้มั่นหน้ามันว่าจริงๆ

   ‘รักขุนพล’

   “ใครมันหน้ามืดตามัววะ โดนของแน่ๆ”

   “ต้องเข้าใจนะครับว่ากูฮอต ไก่อ่อนอย่างมึงคงต้องฝึกฝีมือไปอีกนาน ยังไงก็อย่าเพิ่งรีบซักนะครับ ฝากเก็บคำว่ารักให้กูไว้ก่อน”

   “กูไม่ได้ไก่อ่อนครับ มึงดูนี่ก่อนเลย” เรื่องเกทับก็อย่าคิดสู้ ผมรีบโชว์ตัวหนังสือสีชมพูที่เขียนไว้ตรงกระเป๋าเสื้อให้อีกฝ่ายดูทันที

   “ชอบพี่เติร์ด แค่เนี๊ยะ!”

   “มีอีก เดี๋ยวก่อนมึง” ผมกวาดตามองรอบเสื้อตัวเองแต่ก็มองไม่ออกเท่าไหร่เพราะต้องอ่านแบบกลับหัว กระทั่งเสียงทุ้มของเพื่อนรักโพล่งขึ้นมาอีกครา

   “พี่เติร์ดน่ารัก” ดูอีน้องลูกค้าชมกูเข้า...

   “แล้วไง”

   “เออก็จริง” ไอ้ค่ายย้ำอีก ใจสั่นเลยกู แต่ผมต้องพยายามบอกกับตัวเองว่าคำพูดพวกนี้เป็นสิ่งที่มันมักพูดเป็นนิสัยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างออกไป

   “ปากดี”

   “ปากดีอยู่ละ”

   “เดี๋ยวมึงก็ไปชมคนอื่นต่อ”

   “แล้วไง”

    “คนน่ารักมีเป็นร้อย กูรู้ไอ้ควาย”

   “ไม่นะ”

   “...”

   “แค่มึงคนเดียวก็พอ”

   ตอนนั้นเองที่หัวใจของผม...

   บึ้ม!!

   ระเบิดตายห่าไปเลย แค่-มึง-คน-เดียว-ก็-พออออออออออออออออออออออออ
   



กิจกรรมแต่ละคณะเค้าก็มีอะไรให้เล่นสนุกเยอะ
เรื่องก่อนเป็นดนตรี คราวนี้มานิเทศฯ
จิตติจำได้ว่าปีก่อนไปสอยดาวที่งานนิเทศฯ เนี่ยแหละ
ได้ฝอยขัดหม้อมาอันนึง ร้องไห้...

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นเติร์กเราจะคิดเข้าข้างตัวเองงง

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โอ้ยยยย ความหลัวของน้องค่ายนี้
ทำเอาน้องเติร์ดตัวระเบิดบึ้มไปหลายรอบแล้ว   :-[ :-[

ออฟไลน์ มุมิมิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อื้อหื้มม ขยันอ่อยกันจริงๆ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ค่ายแม่งอ่อยแบบนี้เติร์ดไม่มีทางขึ้นจากหลุมได้อ่ะ
เรามีแผนมาเสนอ บอกเลยให้มอมแล้วจับทำฝาชี แล้วค่อยเคลียร์น่าจะง่ายกว่านะ 555

ออฟไลน์ wijii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
จริงๆค่ายรู้เรื่องหมดแต่แค่เก็บไว้ใช่ป่ะ ขยันหยอดจริ๊งงงง


เห็นน้องโบนเลียกินมาม่าดิบก็อยากจะเปย์เพื่อให้น้องอยู่ดีกินดีเหลือเกิน  ติดแต่ป้าเงินเดือนยังออกไม่ตรงเวลาเลย 5555

ออฟไลน์ enjoy0189

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ค่ายแอบคิดอะไรกับเติร์ดรึเปล่า :-[ :-[

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ทำไมค่ายเป็นคนอยางนี้ ที่พูดไปทั้งหมดนั้นอ่อยหรือไม่ได้คิดอะไร เราสงสารเติร์ดอะ

ออฟไลน์ PloySupawadee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค่ายโง่จริง หรือรู้แต่ทำเป็นไม่รู้กันแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถา้ค่ายทำแบบนี้โดยไม่ได้คิดอะไรกับเติร์ดเลย เราจะร้องไห้แทนเติร์ดมันเศร้าฮื้อออออออ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
อิค่ายนี่มันนนนน พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยค่ะ
เปนพวกแบบ พี่ไม่มั่วแค่ทั่วถึงอะ
ขี้อ่อยเบอร์แรง สงสารเติร์ดเลย
ทำขนาดนี้เปนใครก้คิดมะอะ
อยากอ่านพาร์ทค่าย อยากรู้ว่าโง่จริงๆใช่มั้ยย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
เหมือนค่ายจีบเติร์ดอยู่เลยอ่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ค่ายนี่อ่อยไปเรื่อยได้จริงๆ เราสงสารเติร์ดว่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ NongJesZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราว่าค่ายต้องรู้ แต่เนียนๆทำโง่ไง ใช่ป่ะ5555555555555555 อ่อยไปอีก~

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
หัวใจของเติร์ดคงทำงานหนักมาก โดนอ่อยอยู่ร่ำไป

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ค่ายมันร้ายยย.. จิงๆแล้ว อาจรอให้น้องเติร์ดเรา ตายใจก่อนเป่า.. แล้วจับเฉียดทีเดว.. ว่ะฮ่ะฮ่ะ..

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เราเข้าใจเตริ์ดดด เกลียดโมเม้นท์แบบนี้ที่สุดเลย ถถถถถถ จะว่าใช่มันก็ไม่ชัดแบบนั้น จะว่าไม่ใช่มันก็ดูมีเค้า โว้ยยย กูอยากชัดเจน!  :ling1:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ค่ายขยันอ่อยจริงๆ เติร์ดไหวมั้ยยยย หัวใจน่ะ :impress2:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
รถอ้อยคว่ำ again&again กร๊าก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด