- ไปค่ายตอนที่ยี่สิบหก : บรรยากาศดีๆ -
“ชูร์!”
ผมทำไม้ทำมือส่งสัญญาณไม่ให้ไอ้เบิร์ดส่งเสียงดังเพราะกลัวว่าคนหลับจะตื่นขึ้นมา ไอ้เบิร์ดแสยะยิ้มทันทีก่อนจะทำหน้าล้อเลียน ก่อนหน้านี้ผมเผลอหลับไปพักหนึ่งแล้วมารู้สึกตัวตื่นก็พอดีกับที่ไอ้เบิร์ดมันกลับมาจากข้างนอก มันถึงกับตาโตเมื่อเห็นพี่ปืนมานอนอยู่ในห้องซ้ำยังนอนกอดผมแน่นอีก ไอ้ห่านี่เลยเปิดปากแซวผมทันที
“เดี๋ยวนี้พาผู้ชายขึ้นหอเหรอวะไอ้แรก”
“หุบปากน่า”
ผมขยับลุกเบาๆ พยายามไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนหลับที่กำลังหลับสบาย
“แล้วผัวมึงมานานรึยังอ่ะ?”
..โป๊ก..
ผมปาด้ามปากกาไปกลางกระบาลมันที่หลบไม่ทันเลยโดนจังๆ จนมันลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ สมน้ำหน้า
“พูดดีๆ ไอ้เบิร์ด”
“เออๆ แล้วพี่ปืนยอดรักของมึงมานานยัง”
“สักพักแล้ว”
“กูซื้อขนมมาฝาก”
“มึงไปไหนมา”
ผมหรี่ตามองไอ้เบิร์ดที่พอมาถึงหอได้พักเดียวก็แวบหายไปเกือบทั้งวัน ดูสิกลับมาก็มืดค่ำแล้ว มันยักไหล่ก่อนจะทรุดตัวนอนแผ่ที่เตียงตัวเอง
“ไปเล่มเกมที่ห้องไอ้สองมา”
ไอ้สองที่ว่านี่เป็นเพื่อนในคณะครับ มันอยู่หอตรงกันข้ามนี่เอง ผมพยักหน้ารับรู้เพราะพอจะรู้ว่าไอ้เบิร์ดมันเป็นคนติดเกมพอสมควร ถ้าผมติดอีกคนคงไม่ได้หลับได้นานแน่ แต่พอดีว่าผมไม่ชอบเล่นเกมมันเลยไม่มีเพื่อนเล่น บางทีต้องระเห็จตัวเองไปเล่นที่ห้องเพื่อนในคณะ
“หิวว่ะ”
ไอ้เบิร์ดลูบท้องตัวเองแล้วทำตาปริบๆ ผมมองไปเลยไปยังคนหลับที่ขยับตัวยุกยิกเพราะเสียงของพวกผมแล้วหนัหลับมาคุยกับไอ้เบิร์ด
“งั้นรอพี่ปืนตื่นก่อนแล้วกัน”
“เออๆ”
มันพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปสนใจมือถือในมือ เห็นมันกดยิกๆ ดูอะไรสักอย่างและสังเกตได้ว่ามันแปลกๆ คือแม่งใส่หูฟังด้วยวะ ปกติไอ้เบิร์ดมันดูอะไรมันไม่ชอบใส่หูฟังด้วยซ้ำ เห็นแล้วสงสัยว่าต้องแอบดูอะไรสักอย่าง! ด้วยความสงสัยผมเลยย่องไปด้านหลังมันแล้วก็พบว่า...
“เหี้ย”
“จุ๊ๆๆๆ เสียงดังทำห่าอะไรเล่ามึงก็ เดี๋ยวพี่ปืนก็ตื่นหรอก”
“มึงดูเหี้ยอะไรเนี่ย”
ผมทุบบ่ามันแรงๆ ภาพตรงหน้าทำให้หน้าแดงใจสั่น เนื้อตัวร้อนวูบวาบเพราะมันคือคลิปโป๊ แล้วไม่ได้โป๊ธรรมดาด้วย แต่มันภาพที่ผู้ชายสองคนกำลังขึ้นขย่มกันด้วยสภาพเปล่าเปลือยอย่างเมามัน ไอ้สัดเต็มๆ ตากูเลย ไอ้เบิร์ดหัวเราะร่วนก่อนจะตบบ่าผมดังอั๊ก
“ศึกษาไว้บ้างมึงอ่ะ”
“ปิดเลยไอ้ห่า” ผมด่ามัน “กูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงเป็นคนสัปดนขนาดนี้”
มันขำก๊ากก่อนจะโบกมือไปมา
“คลิปไอ้สองโว้ย ไม่ใช่ของกู มึงก็รู้ว่ามันมีเมียเป็นผู้ชาย กูเล่าให้มันฟังไงว่ามึงเสร็จขวัญใจชาวค่ายปีนี้ มันเลยฝากคลิปนี้มาให้มึงดู”
“อะ ไอ้เชี่ย”
“กำลังจะกวักมือเรียกมึงมาดูอยู่เนี่ย เสือกมาโผล่ข้างหลังแอบดูแล้วตะโกนซะดัง”
“ก็มึงแม่ง”
ผมรู้สึกว่าเหงื่อออกเต็มผ่ามือ ไอ้เบิร์ดเลยขยับเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูผม
“ศึกษาไว้...ไม่นานจะได้เทิร์นโปร”
“ไอ้สัด”
“ดูทำไมคลิปน่ะ เดี๋ยวกูสอนงานเอง ไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็เป็นงาน” ผมอ้าปากค้างหันขวับไปด้านหลังเห็นพี่ปืนที่ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มายืนกอดอกพูดหน้าตายอยู่ตรงนี้
“เป็นอะไรนะ?”
ผมถามพี่มันเสียงเขียว
“เป็นแฟนกูเนี่ยแหละ”
“โธ่พี่..ผมนึกว่าจะแน่”
เสียงไอ้เบิร์ดร้องเย่วๆ มาจากข้างหลัง พี่ปืนเลยหันยักคิ้วให้มันเป็นการส่งสัญญาณอะไรกันบ้างอย่าง ผมมองคนโน้นคนนี้ที่แล้วหันไปทำหน้ายักษ์ใส่คนเพิ่งตื่นนอน
“หิวข้าวแล้วไปล้างหน้าล้างตาเลย”
“เออ รอกูแป๊บนึง”
คล้อยหลังพี่ปืนผมหันขวับมาทางไอ้เพื่อนตัวดีที่ไหวไหล่ท่าทางกวนตีน
“เมื่อกี้มึงกับพี่ปืนส่งซิกอะไรกัน”
“คิดมากน่า”
“เหอะ!”
“กูรับรองว่ากูไม่มีทางแย่งพี่ปืนไปจากมึงแน่นอน”
“โว๊ะ!”
...Rrrrrr...
ขณะที่ผมกำลังแง่งๆ ใส่ไอ้ห่าเบิร์ดพอดีโทรศัพท์พี่ดังขึ้นมาขัดจังหวะ แล้วไม่นานพี่มันในสภาพใบหน้าเปียกชุ่มก็โผล่ออกมารับโทรศัพท์ทันที นาทีนั้นผมเลยรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายที่ยิ้มรอท่าอยู่
“อืม”
“.....”
“ได้สิเดี๋ยวกูเข้าไป”
พี่ปืนวางสายไปแล้วหันมามองพวกเรา
“แวะไปที่ห้องกิจกรรมที่คณะก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวกูพาไปกินข้าว”
หลังจากนั้นผมก็โดยสารรถพี่ปืนที่จอดอยู่ใต้คอนโดหรูแล้วพ่วงเอาไอ้เบิร์ดมาด้วย พี่ปืนบอกว่าจะแวะเอาแฟลชไดร์ฟไปให้พี่ปิงปองที่ห้องกิจกรรม เห็นว่าในนั้นมีไฟล์งานที่ต้องปริ้นท์สรุปและนำเสนออาจารย์พรุ่งนี้ และห้องกิจกรรมที่ว่านั่นก็เต็มไปด้วยรุ่นพี่ปีสามประชากรชาวค่าย พอรู้ว่าพี่ๆ กำลังยุ่งทำสรุปเกี่ยวกับค่ายส่งอาจารย์เห็นแบบนั้นผมเลยชวนไอ้เบิร์ดหยิบๆ จับๆ งานช่วยพี่ๆ เพราะตั้งแต่มาถึงพี่ปืนแม่งหายไปไหนก็ไม่รู้
“น้องแรก”
“พี่ปิงปอง”
“เป็นไงเราไม่เจอกันตั้งอาทิตย์”
“คิดถึงที่ค่ายครับ”
พี่ปิงปองยิ้มๆ “แรกคงได้ตอบที่เคยถามพี่วันนั้นแล้วใช่มั้ย”
เราจะได้อะไรจากการทำค่าย?
“ผมมีคำตอบในใจแล้วครับ” ผมได้เพื่อนได้มิตรภาพ
ผมได้ความรู้สึกดีๆ ระหว่างชาวค่ายและชาวบ้าน
ผมได้ความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่าง ‘พี่’ กับ ‘น้อง’
และสุดท้าย...ผมได้
‘แฟน’ ซึ่งเป็นผลพลอยได้กลับมาด้วย
“ดีมาก”
พี่ปิงปองตอบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะทำลุกรี้ลุกรนเมื่อไอ้เบิร์ดกำลังจะเดินมาทางนี้พี่แกก็รีบชิ่งไปทางอื่น มันอะไรยังไงกันวะสองคนนี้ ผมส่ายหัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นช่วยพี่ๆ ตัดกระดาษ ไม่นานหลังจากนั้นพี่ปืนก็กลับมาพร้อมสมาชิกแก๊งสี่โจรที่แต่ละคนต่างหอบหิ้วเอาของกินเต็มไม้เต็มมือมาให้คนที่นั่งทำงานกันอยู่ และขณะที่พวกเรากำลังละมือจากงาน กลุ่มเจ่ก็ตามมาสมทบโดยหอบเอาน้ำเปล่าและขนมมาให้พร้อม
“หิวมากมั้ย”
พี่ปืนเดินมาหาผม
“ไม่เท่าไหร่ครับ”
“งั้นกินพวกนี้รองท้องไปก่อนนะ พี่ช่วยงานเพื่อนแป๊บนึงแล้วเดี๋ยวพาไปกินข้าว”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธจนพี่แกเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ผมกินแค่นี้ก็ได้” ผมพยักพเยิดไปยังกองอาหารที่มีเคเอฟซีชุดใหญ่และพิชซ่าถาดใหญ่อีกตั้งสามถาด ไหนจะขนมขมเนยจากพวกเจ่ๆ อีกกินแค่นี้ก็แน่นพุงแล้ว
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไปช่วยเพื่อนทำงานก่อนเถอะ ผมกินแจมๆ กับพี่ๆ ที่นี่ก็อิ่มแล้ว”
“แต่กูอยากพามึงไปกินอาหารดีๆ ที่ร้าน”
“กินที่ร้านไม่สนุกเหมือนกินที่นี่หรอกเชื่อผมเถอะ”
พี่ปืนพยักหน้าแล้วโยกศีรษะผมเบาๆ ผมคิดแบบที่พูดจริงๆ เพราะเคยใช้ชีวิตที่ค่ายร่วมกันมา กินข้าวก็กินพร้อมกัน กินอาหารก็แบบเดียวกันมาทุกมื้อตลอดสามสัปดาห์ มันเลยทำให้ผมเรียนรู้และได้เข้าใจว่าบางครั้งอาหารมื้อหนึ่งๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องหรูหรือดีมาก แต่ผู้ร่วมโต๊ะต่างหากที่จะทำให้อาหารมื้อนั้นมีรสชาติที่ดีขึ้น
และผมก็ชอบการการนั่งล้อมวงกินอาหารพร้อมๆ กับการแย่งน่องไก่กับคนอื่นเหมือนที่แล้วมา
“งั้นมื้อนี้ขอยกยอดไปก่อนนะ”
“ครับ”
“ขอบคุณที่มึงเข้าใจกู”
“อือฮึ”
“คู่นั้นน่ะเลิกหวานใส่กันสักทีมาแดกได้แล้ว รีบมาไอ้แรกเดี๋ยวไก่ทอดก็หมดแล้วเดือดร้อนให้ไอ้ปืนซื้อมาง้อเหมือนไส้กรอกคราวนั้นหรอก”
“ฮิ้วๆๆๆๆ”
เชี่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แม้แต่เรื่องนี้ยังไม่พ้นไปจากสายตาของไอ้พี่เม่นเลยแม่ง ผมแยกเขี้ยวใส่คู่หูขี้แซวที่กวักมือเรียกผมอยู่ไม่ไกล
“ไงไอ้แรก?”
“ไม่ไงอ่ะ”
ผมยักไหล่ตอบพี่เม่นกวนๆ ฝ่ายนั้นเลยสะกิดหัวผมเบาๆ
“ตั้งแต่มีผัวนี่ปากดีขึ้นนะ”
“แฟนก็พอมั้ยล่ะ”
“จากแฟนก็เลื่อนเป็นผัวนั่นแหละ”
พี่นะโมยื่นปากเข้ามาแซว ผมเลยเบ้ปากใส่พวกพี่มันที่ขำห่าอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้
“เฮ้ยแรก”
“ไรพี่”
“มึงชอบธรรมชาติป่าววะ?”
ผมนิ่งไปแล้วนึกตามด้วยไม่รู้ว่าพี่มันจะมาไม้ไหนอีก
“ก็ชอบนะพี่”
“กูว่าแล้ว”
พี่นะโมตบเข่าฉาดท่าทางขึงขังจนผมสะดุ้งโหยง
“อะไรพี่”
“กูว่าแล้วว่ามึงต้องชอบธรรมชาติ แต่กูว่ามึงน่ะไม่น่าชอบเขาหรอก”
เกี่ยวอะไรกับเขาวะ ผมเกาหัวงง
“ชอบดิพี่ เหมือนที่ลานดาวไงผมว่าเขาตรงนั้นสวยดีนะ”
“ไม่หรอกกูว่ามึงน่าจะชอบธรรมชาติ ชอบฟ้า ชอบทะเล แต่ไม่ชอบเขา” พี่เม่นพูดยิ้มๆ
“เพราะน้องแรกเค้าชอบพี่ปืน” อ้ากกกกกกกกก
“ฮิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมอ้าปากค้างมองแก๊งพวกพี่มันตบมุกแล้วทำให้พี่ปีสามคนอื่นๆ ส่งเสียงแซวเป็นลูกคู่ แม่งเอ้ยแล้วประเด็นคือไอ้ตัวที่เป็นประเด็นอย่างพี่ปืนกลับขำไปพร้อมกับคนอื่นๆ ด้วย
“แล้วมึงรู้มั้ยว่าแอบรักกับแอบตดมันเหมือนกันนะ?”
พี่ปืนตะโกนถามกลับมาจากอีกฟากหนึ่งของห้อง
“คำถามห่าอะไรวะฟังแล้วได้กลิ่นมาแต่ไกล”
พี่ต้องที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันพูดขำๆ
“เออน่า”
“กูไม่รู้โว้ยกูยอม”
“มันจะเหมือนกันตรงไหนวะ”
“ก็ตรงที่ได้แต่เก็บไว้ในใจบอกใครไม่ได้ไง”
...อะไรซิ...
“แล้วมึงรู้มั้ยว่าแอบรักกับแอบตดมันเหมือนตรงไหน?”
“ก็ตรงที่ได้แต่เก็บไว้ในใจบอกใครไม่ได้ไงล่ะสัด” “ไอ้เหี้ย”
พี่ปีสามคนอื่นๆ สบถออกมาพร้อมกันก่อนจะเปิดปากหัวเราะขำไปด้วย ให้ตายเถอะ ไอ้รุ่นพี่พวกนี้แม่ง ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะโยนเศษเหรียญไปตรงไหนพี่ปืน
“เอาไปห้าบาทแล้วไปเล่นตรงโน้นเลยไป”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
พี่ปืนหัวเราะขำก่อนจะเดินมาขยี้ศีรษะผมเหมือนว่ามันเขี้ยว โดยไม่สนใจเสียงโห่แซวใดๆ รอบทิศเลยแม่ง พี่มันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าทำให้ผมยืนไม่ตรงแล้วโว้ย
**********************************
~ตัวกลมกับพี่ชายข้างบ้าน~ ผมกำลังนั่งขำไอ้แรกที่ตอนนี้โดยบรรดาพี่ๆ รุมแซว ตั้งแต่วันที่น้องมันกับพี่ปืนเปิดตัวคบกันในวันสุดท้ายที่ค่ายนั่น เห็นน้องมันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกประหนึ่งว่ากำลังปวดขี้แบบนี้แล้วตลกดี ไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนแรกๆ ดูเหมือนคู่นี้จะไม่ลงรอยกันด้วยซ้ำใครจะไปคิดว่าพอจบค่ายแล้วดันเปิดตัวคบกันเฉย ไม่ต่างจากคู่ไอ้บีเพื่อนสาวของผมที่ถูกพี่ปีสี่สอยร่วงลงจากคานเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
อิจฉาวุ้ย!
หันไปทางไหนทำไมมีแต่คนมีความรักกันเต็มไปหมดเลยวะ ผมเบ้ปากก่อนจะจ้วงคุกกี้ในกล่องที่พวกเจ่ๆ หอบมาให้อย่างสำราญ
“ปากเลอะหมดแล้ว”
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วเรียวของคนที่นึกไม่ถึงยื่นมาเกลี่ยเอาเศษขนมที่เลอะขอบปากผมออกให้ และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือคนที่ว่านี่คือคนๆ เดียวกับที่ผมหลงรักมาตลอดหลายปี
“พี่ไกด์”
“มึงนี่ยังกินเลอะเทอะเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเลย”
“ผมไม่ได้มูมมามขนาดนั้นซะหน่อย”
“ก็เลอะไปทั่วขอบปากก็แล้วกัน”
พูดไม่พอยังคว้าเอาทิชชู่มาเช็ดให้ด้วย ฮือ สิ่งที่พี่มันทำให้โคตรทำให้ผมใจสั่นเลย ผมนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้นจนพี่ไกด์ละมือออกไป
“มึงเป็นไข้รึเปล่า?”
“ปะ เปล่า”
“ก็หน้ามึงแดง”
ไอ้เหี้ย! ถ้าอาการผมจะชัดเจนขนาดนี้ ห่าเอ้ย!
“พี่ตาฝาดแล้ว”
“เหรอ????”
พี่ไกด์กดยิ้มมุมปากก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เล่นเอาผมตกใจผงะถอยหลัง และอาการประหลาดนั่นทำให้พี่มันหัวเราะร่วน
“พี่แม่ง”
“จะเขินอะไรนักหนาล่ะมึงนี่?”
“เขินดิ พี่ไม่เป็นผมพี่ไม่รู้หรอก” ผมทำเสียงงุบงิบในลำคอทั้งไม่กล้าเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย “ทำไมพี่เป็นคนขี้แกล้งแบบนี้วะ”
“เขินอยู่อย่างนี้แล้ววันนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ย”
“แล้วพี่จะคุยอะไรเล่า”
“คุยเรื่องของเรา”
ตายๆๆๆๆๆ
ผมแทบจะสะดุดลมหายใจเมื่อพี่ไกด์พูดตรงๆ แบบนี้
“กูชอบมึง” ผมจำได้ดีแม้ในยามหลับใหลว่าได้ยินประโยคนั้นจากปากพี่ไกด์
“พี่พูดจริงรึเปล่า”
“เรื่องะไร?”
“เรื่องวันนั้น”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกจากปากกู กูรับรองว่ามันเป็นเรื่องจริงทุกเรื่อง”
“พี่รู้มั้ย”
ผมมองอีกฝ่ายตรงๆ
“พอแยกกันแล้วผมก็คิดทั้งคืนนะว่าที่พี่พูดแบบนั้นเพราะอยากจะแกล้งผมรึเปล่า ผมไม่อยากมองพี่ในแง่ร้ายแบบนั้น แต่ผมไม่กล้าเข้าข้างตัวเองเลยพี่ไกด์ ผมกลัวไปหมดกลัวพี่หลอกผม ผมเข้าใจแล้วว่าข้อเสียของคนที่รักก่อนคือคาดหวังก่อนและอาจจะเจ็บก่อนอีกฝ่าย”
“.......”
“กูไม่แก้ตัวหรอกเพราะกูเผลอทำให้มึงแอบคิดแบบนั้นจริงๆ”
พี่ไกด์พูดเสียงเรียบ “แต่กูอยากจะบอกอะไรมึงสักอย่าง”
“อะไรครับ”
“ถ้ากูรู้สึกอะไร กูจะเชื่ออย่างนั้นจนหมดหัวใจ” “พูดให้ผมได้ยินอีกครั้งได้มั้ย?”
“ขยับมาใกล้ๆ กูสิ”
ผมชั่งใจไปพักหนึ่งก่อนจะขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ พี่ไกด์ ระหว่างนั้นผมก็เหลียวมองบรรยากาศโดยรอบซึ่งสังเกตว่าทุกคนเริ่มทยอยกับกลับแล้วเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาดึกพอสมควรแล้ว ซ้ำพรุ่งนี้ยังเปิดเทอมวันแรกอีก
“ตัวกลม”
“.......”
“กูชอบมึง” ผมรับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่เลื่อนมากระชับกุมมือกันไว้
“พี่ชอบตัวกลม”
ผมก้มหน้างุดๆ รู้สึกในหัวอื้ออึงไปหมดยิ่งรู้สึกได้ว่าร่างสูงของพี่มันขยับเข้าแนบชิดกันจนหัวไหล่ชนกันในที่สุด
“พี่ไกด์”
“หือ?”
“ถ้างั้นคืนนี้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมได้มั้ย”
เอาวะ! ไหนๆ พี่มันก็เปิดเกมแล้วถ้าผมจะไม่รุกกลับ มันก็ยังไงอยู่ ลองสักตั้งแล้วกัน ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที ในเมื่อคิดว่าทำเต็มที่แล้วผมจะไม่เสียใจในสิ่งที่ลงไป
ผมเงยหน้าเอารอคำตอบจากพี่ไกด์ ซึ่งฝ่ายนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบทำเอาใจร่วงตกไปที่ตาตุ่ม ผมเลยขยับตัวออกห่างจากพี่มันแต่มือคู่นั้นกลับกระชับฝ่ามือผมแน่นขึ้น
“ไปกินเป็นเพื่อนไม่ได้หรอก”
“....”
“แต่ถ้าไปเป็นแฟนนี่ได้อยู่” ว่าไงนะ?
“พี่”
ผมอ้ำอึ้งๆ มองหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มน้อยๆ ท่าทางเจ้าเล่ห์ไม่หยอก
“หน้าแดงทำห่าอะไรเนี่ย กูแค่ขอเป็นแฟนยังไม่ได้ขอแต่งงาน”
“พี่ว่าไงนะ”
ผมนั่งอึ้งจนพี่ไกด์ดีดหน้าผาก
“ตกลงเอายังไงจะให้ไปเป็นเพื่อนหรือให้ไปเป็นแฟน?”
พี่ไกด์หันมาขยิบตาใส่ “ตัดสินใจเร็วๆ นะ เพราะถ้าตอบช้าแล้วกูโดนงาบไปแดกไม่รู้ด้วย”
“ตกลง”
ผมตอบอย่างขึงขัง
“ตกลงว่า?”
“ผมชอบพี่มาตั้งสามปี ขืนปล่อยพี่ไปง่ายๆ ก็โง่เต็มทนแล้ว”
“มึงพูดแล้วนะ”
ฉิบหาย! มึงพูดอะไรออกไปไอ้ห่ากลม ผมผวารีบปิดปากตัวเอง แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะพี่ไกด์แม่งทำตาพราวระยับขนาดนั้น
ตายๆ หัวใจทำงานหนักมาก
~ตัวกลมกับพี่ชายข้างบ้าน~มาดึกหน่อยค่ะวันนี้พอดีติดธุระ
หวีดในทวิตติด #ค่ายสร้างรัก และ #ทีมเมียพี่ปืน