- ไปค่ายตอนที่สิบห้า : คนพิเศษ -
โซเชียลชาวค่ายวันนี้!!!
@เจนยานแม่ เจนสัมผัสได้ว่ามีคนจีบกันในค่ายค่ะ!!
@ผมคือเจ้าโลก หูกระจงควรปลูกให้ห่างจากห้องน้ำคนับ
@เมียน้อยพี่ปืน อยู่ๆ ก็อยากโดนยิง ฮืออออ ผัวขา
@กลุ่มเจ่อยากจะเปย์แต่ผู้ชาย แกร ผู้ที่มาค่ายปีนี้คือดีย์
@รักดีๆ เกิดที่ค่าย พี่ปืนคือผัวที่แท้ทรู
@ปิงปองเจ้าของมังกรเบิร์ด ทำไม่ดีต้องถูกโทษ ทำท่าโปรดต้องเป็นผัวพี่ (วรั้ย)
@แก๊งสี่โจร น้องแรกนี่โสดมั้ย? เพื่อนพี่จะจีบ? (กูเม่น) // ไม่ต้องถามแล้วมั้งกูว่า (นะโมผู้รักธรรมมะและหมีพูร์)
เอ่อแม่งออกตัวแรงขนาดนี้ (ไกท์ > ‘ไกด์’ เขียนแบบนี้ไอ้สัด)
@ผมเป็นบ้า อยากกินดีโด้อีกครับ
@กานซายเมียพี่ปืน กลัวใจว่าพี่ป.กับน้องร.จะได้เสียกันตั้งแต่อยู่ในค่าย (มือมันลั่น อุ๊บส์!)
@GlOmKup ผมจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ครับพี่ไกด์ !!
@แก๊งดอกไม้(สีทอง) มันจะเขินๆ หน่อยเวลาเห็นเพื่อนโดนจีบ^^
“แล่วๆๆๆๆๆๆๆ”
“........”
“อะไรยังไงครับไอ้น้องแรก”
ไอ้เบิร์ดสะกิดไหล่ผมแล้วเคาะปลายนิ้วชี้ไปที่ข้อความบนบอร์ดข้างหน้าซึ่งมีข้อความๆ หนึ่งเขียนด้วยลายมือฉวัดเฉวียนดูแล้วรกตาพิลึก แต่เนื้อความนั้นชวนให้สะดุดใจจนเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ
@แก๊งสี่โจร
น้องแรกนี่โสดมั้ย? เพื่อนพี่จะจีบ?
เชี่ยยยยยยยยยยยย
นี่มันอะไรกันเนี่ย? ผมมองข้อความเหล่านั้นแล้วรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ไม่ต้องพูดถึงมือไม้ที่เริ่มเกะกะทั้งที่มันก็อยู่ของมันดีๆ
“ฮื่อ”
“มึงว่าใครเขียน”
“กูจะไปรู้เรอะ”
ผมตอบปัดๆ ไป “มึงก็รู้ว่าแก๊งนี้แม่งชอบแกล้งกู”
“มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าสิ่งที่พี่มันเขียนจะเป็นความจริง”
“โว๊ะ!”
“ไอ้ห่าแรกมึงหน้าแดง”
ผมจับหน้าตัวเองอย่างไวทำเอาไอ้เบิร์ดหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ผมเลยยกเตะตัดขาแม่ง แต่ลงแรงไปเท่าไหร่ก็ไม่สะเทือนหรอกเพราะขนาดตัวผมกับมันนี่คนละไซส์กันเลย คิดแล้วก็แอบเซ็งในความต่างของร่างกายระหว่างผมกับผม
ไอ้เบิร์ดมันหลบไปมาก่อนจะใช้มือเท่าใบพายของมันโยกหัวผมแรงๆ
“ก็มึงมันน่าแกล้งแบบนี้ไง ใครๆ ถึงชอบแกล้งมึงนัก”
“พวกมึงมันโรคจิตไง”
“เวลามึงทำหน้างอ เบ้ปาก ค้อนไปค้อนมาแม่งโคตรตลก”
ไอ้พวกห่านี่!
“มึงมันตาถั่วไง หน้าอย่างกูนี่แหละที่ผู้หญิงเห็นแล้วต้องสยบแทบเท้า”
“ทำไมตะลึงในความเหียกของมึงเหรอ”
“อ้าวสัด”
...เพี๊ยะ...
ผมตีมือใส่หลังมือมันเพราะไอ้นี่มันเล่นดันปลายคางผมแล้วหันซ้ายหันขวาตามใจชอบทำทีเป็นสำรวจใบหน้า แล้วจิ้มปลายนิ้วที่หน้าผากก่อนจะดีดเบาๆ
“น้ำหน้าอย่างนี้อย่าคิดจะมีเมียเชียวนะกูบอกไว้ก่อน”
“ทำม่ะ?”
ผมเลิกแขนเสื้อทั้งสองขึ้นเหมือนเตรียมพร้อมจะมีเรื่องกับมันถ้าสิ่งที่มันพูดออกมาระคายหูผมสักนิด
“หน้ายี่ห้อนี้รุกใครไม่เวิร์คหรอก ไปเป็นเมียคนอื่นอ่ะดีแล้ว”
“ไอ้เลว”
ไอ้ห่าเบิร์ด
มึงกลับมานี่เลยนะ ไอ้เพื่อนเวร แน่จริงอย่าวิ่งหนีกูสิวะแม่ง ผมวิ่งตามไล่เตะตูดมันที่วิ่งหนีไปรอบๆ ห้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเพราะขบขันผมเสียเต็มประดา
“เสียตูดแน่มึงอ่ะไอ้แรก!”
“ไอ้เชี่ยยย”
ผมนึกโมโหจนหน้าดำหน้าแดง คราวนี้เลยเร่งฝีเท้าวิ่งไปจวนจะถึงตัวมันแล้วแต่ไอ้ห่าเบิร์ดดันเบรกจนตัวโก่งเล่นเอาผมเบรกตัวเองไม่ทันถลาเอาหน้าไปโขกแผ่นหลังมันก่อนจะยืนกระพริบตาปริบๆ เพื่อตั้งสติ
“ฉิบหาย”
“โอ้ย”
“เฮ้ยเป็นไงบ้างพี่”
พี่ปิงปองที่โผล่มาจากไหนไม่รู้โดนไอ้เบิร์ดวิ่งชนจนหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้า จนไอ้ตัวต้นเหตุต้องรีบไปประคองทิ้งให้เพื่อนอย่างผมยืนมึนอยู่พักหนึ่งโดยไม่สนใจห่าอะไรเลย
“น้องเบิร์ด”
พี่ปิงปองที่ทำท่าจะลุกเองแต่พอไอ้เบิร์ดตรงไปประคองถึงกับหยุดขยับร่างกายแล้วทำอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงชวนขบขัน
“เป็นไงบ้างพี่ เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าครับ”
“อื้ม”
“ไหนให้ผมดูหน่อย”
“บ้า”
พี่ปิงปองทำสะดีดสะดิ้งตีต้นแขนไอ้เบิร์ดแล้วทำเขิน เมื่อมือมันเตรียมเลิกชายเสื้อพี่แกดูร่องรอยฟกช้ำแถวบั้นเอว
“จับแล้วให้แม่มาขอเลยนะ”
ไอ้เบิร์ดยิ้มขำก่อนจะส่ายหัวกับท่าทางตลกๆ ของพี่ปิงปอง
“โห่พี่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ไม่ได้ๆ บ้านพี่ถือ จับเนื้อจับตัวกันแล้วถือว่าผิดผีต้องรับผิดชอบ”
พี่ปิงปองเล่าเป็นตุเป็นตะแต่ท่าทางแม่งชวนหัวอยู่ดี ดูก็รู้ว่าใส่สีตีไข้เล่าเอาสนุกมากกว่าจะจริงจัง ไอ้ห่าเบิร์ดนี่มันก็เล่นด้วย ถึงได้กล้าจับข้อมืออีกฝ่ายแล้วเขย่าเบาๆ
“งั้นพี่ต้องรับผิดชอบผมแล้วล่ะที่จับ ‘ของผม’ วันนั้น”
“.......”
พี่ปิงปองอ้าปากค้างจนผมหัวเราะขำ
วันนั้น! วันที่ว่ายังจำกันได้มั้ยครับ ก็วันที่พี่ปิงปองโดนบัดด๊อกแกล้งในห้องอาบน้ำก่อนจะวิ่งพรวดพราดออกมาหาไอ้เบิร์ด แล้วก็....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“เรื่องตั้งนมนานแล้ว นี่ก็ช่างจดช่างจำ”
พี่ปิงปองหน้าแดงแจ๋ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่มาตามพวกเราไปถ่ายรูป”
“ครับ”
พูดจบพี่แกก็เดินเร็วๆ กลับไปโดยมีไอ้ห่าเบิร์ดตะโกนไล่หลังตามไปติดๆ
“ระวังเดินสะดุดนะพี่”
“น้องเบิร์ดก็เหมือนกัน” พี่แกหันมายิ้มเขินๆ “แซวมากๆ ระวังพี่คิดจริงนะ”
“แล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
คราวนี้เป็นผมที่ร้องแซวไอ้เบิร์ดกับพี่ปิงปองที่เดินลิบๆ ไปโน่น
“พี่ปิงปองน่ารักดีว่ะ”
“อืม”
“อย่าบอกนะว่า”
ผมชี้นิ้วใส่มันแล้วยิ้มทำท่าจะแซวแต่มันเสือกด่าสวนผมมาก่อน
“สาระแน!!”
ไอ้เพื่อนเลวมันดีดหน้าผากผมแรงๆ
“มึงชอบพี่ปิงปองเหรอไอ้แรก?”
“พ่องงงงงงงงง”
ผมวิ่งไล่เตะห่าเพื่อนชั่วที่วิ่งหนีไปโน่นอย่างขบขัน จริงๆ ไม่ได้โกรธมันหรอกออกจะตลกขบขันด้วยซ้ำไป แล้วอีกอย่างคืออยากเผือกเรื่องของมันกับพี่ปิงปองด้วยเห็นว่าช่วงนี้ตัวติดกันเพราะพี่แกกำลังจับตาดูพฤติกรรมของพวกเราอยู่ แต่เท่านั้นสังเกตมาสักระยะผมว่าไอ้เบิร์ดมันออกแนวแซวขำๆ มากกว่าไม่ได้คิดอะไรในแนวนั้นแน่นอน
ผมกับมันเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กไอ้เรื่องรสนิยมและนิสัยใจคอมันนี่ผมรู้ดี มันเป็นผู้ชายแท้ๆ อย่างแน่นอนผมรับรองได้และเป็นประเภทผู้ชายสนุกสนานดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทั้งผู้หญิงและเพศที่สามจะเข้าหามันเยอะ ใครคุยด้วยมันก็คุย มันเลยเป็นที่ถูกใจของบรรดากลุ่มเจ่และพี่ปิงปองก็ไม่แปลกหรอก แต่ให้ตายเถอะตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมายังไม่เคยเห็นมันลองคบเพศที่สามเลยว่ะ
หรือจะยุให้มันจีบพี่ปิงปองดีว่ะ
ผมคิดอย่างขำๆ ก่อนจะเดิมตามชาวค่ายคนอื่นๆ ที่ดูตื่นเต้นกันอย่างมาก ก็จะอะไรซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้สนามกีฬาที่พวกเราลงทุนลงแรงมาตลอดสัปดาห์เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แค่ปล่อยให้ปูนมันแห้งแล้วคงจะตีเส้นสนามทีนี้ก็จะเป็นอันเสร็จสมบรูณ์
“มาเร็วแรก”
เพื่อนคนอื่นๆ กำลังกวักมือเรียกผมให้ไปร่วมเฟรมกันถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก สีหน้าทุกคนดูดีใจมากๆ เพราะสิ่งที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันมานานมันเสร็จเรียบร้อยตามปรารถนาเสียที สีหน้าทุกคนดูเหนื่อยอ่อนเพราะวันนี้ต้องทำงานท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด รวมถึงเสื้อผ้าที่เลอะคราบปูนไม่รวมมือไม้ที่เปื้อนดินจนดำไปหมด เรียกว่าสมบุกสมบันกันจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นแววตาที่สะท้านออกมาก็เต็มไปด้วยประกายยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้
“เอาพวกเรายิ้ม”
“ทุกคนทำปากตามพี่ ‘ชีส’ ”
ทุกคนทำตามปากตามพี่ปิงปอง พอกล่าวคำว่าชีสแล้วก็เผยอรอยยิ้มกว้างดูขบขันกันมากแต่ละคน
“เย่ๆๆๆๆๆๆๆ”
ภาพที่พวกเรายิ้มกว้างโดยมีฉากหลังคือสนามกีฬานั่นจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถกระบะของชาวบ้านสามคันมาจอดรอรับพวกเราเพื่อพาไปเล่นน้ำตกท้ายหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี้เท่าไหร่ ถือเป็นรางวัลที่งานสำเร็จวันนี้พี่ปิงปองเลยอนุญาตให้พวกเราออกจากค่ายไปเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลายได้ มันเป็นกิจกรรมที่ไม่บังคับแล้วแต่ว่าใครสมัครใจจะไป เพราะมีบางส่วนขออาบน้ำรออยู่ที่ค่ายส่วนหนึ่ง
อีกอย่างเย็นนี้ชาวบ้านจะมาทำกับข้าวมาเลี้ยงขอบคุณพวกเราที่โรงครัว ทำให้เวรทำอาหารมื้อเย็นไม่ต้องลงแรง ถึงอย่างนั้นเวรทำอาหารวันนี้ต้องอยู่เป็นลูกมือช่วยชาวบ้านด้วยอีกแรง นอกจากนี้ผมจำได้ว่าการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมาพี่ปิงปองบอกว่าหลังจากทำสนามกีฬาเสร็จจะให้พวกเราหยุดพักหนึ่งวันคือพรุ่งนี้ก่อนจะเริ่มทำฝายชะลอน้ำซึ่งเป็นจุดประสงค์อีกอย่างของการมาค่ายครั้งนี้ต่อ จริงๆ แล้วไม่เชิงว่าพวกเราได้พักหรอก เพราะพรุ่งนี้มีงานแต่งงานหนุ่มสาวในหมู่บ้านพวกเราเลยถูกเชิญให้ไปเป็นสักขีพยานกัน
ผมแวบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่พร้อมจะลงน้ำคือเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำสนิทก่อนจะกระโดดขึ้นรถกระบะคันที่ที่ไอ้เบิร์ดรอท่าอยู่ และไม่นานหลังจากนั้นรถกระบะของชาวบ้านก็พาพวกเราลัดเลาะมาท้ายหมู่ก่อนจะขับทะลุเข้าไปในชายป่าก่อนถึงอ่างเก็บน้ำ เสียงสายน้ำไหลตกกระทบพื้นดังก้องไปทั่วทำเอาผู้ที่เพิ่งมีโอกาสมาสัมผัสถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชาวค่ายส่วนหนึ่งที่สมัครใจมาเล่นน้ำต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาน้ำตกสีใสที่ตกกระทบพื้นจนแตกเป็นฟองทำให้เกิดภาพสวยงาม
ภาพตรงหน้าทำเอาตื่นตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่ผมจะหลับตาซึมซับความงดงามทางธรรมชาติตรงนี้ หมู่บ้านแห่งนี้ช่างมีธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ ให้ตายเถอะ ผมลัดเลาะไปตามริมน้ำก่อนจะยื่นปลายเท้าลงไปจุ่มธารน้ำใส ทันทีที่ปลายเท้าสัมผัสความฉ่ำเย็นของสายน้ำก็ทำให้ความเมื่อยล้าตลอดทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง
สำหรับผมแล้วนี่คือธรรมชาติที่บำบัดความอ่อนล้าได้จริงๆ ผมอมยิ้มนั่งอยู่แถวโขดหินเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติ ใกล้ๆ กันนั้นแก๊งดอกไม้กำลังกระโดดลงไปดำผุดดำว่ายกันอย่างสนุกสนาน ซ้ำตอนที่ผมเผลอพวกมันยังอุตส่าห์วักน้ำสาดใส่ผมจนเสื้อผ้าเปียกไปหมด
“เฮ้ย”
“อู้ย เซ็กซี่”
พวกมันทำตาโตตอนที่เสื้อกล้ามสีขาวของผมเปียกจนมันแนบไปกับลำตัว มันน่าประหลาดใจตรงไหนวะ ผมก็มีแขน มีคอเหมือนคนอื่นนั้นแหละ พวกมันทำเว่อร์ไปเอง
“ขาวสัดไอ้แรก”
“มึงก็เว่อร์ไป”
“จริงๆ ถ้ากูเป็นผู้ชายกูจีบมึงไปนานแล้ว”
“........”
ผมส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินหนีไปแถวโขดหินข้างหน้าเพื่อสำรวจธรรมชาติ แต่ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่าหินแถวนี้มันค่อนข้างลื่นหวิดจะล้มหน้าทิ่มหลายรอบ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจจะเดินกลับแต่ยังไม่ทันจะพ้นโขดหินอันใหญ่ผมกลับก้าวพลาดเหยียบตะไคร้น้ำลื่นถลาไปข้างหน้า
“เชี่ยยยยยยย”
“เฮ้ย”
ผมใจหายวาบหลับตาปี๋กลัวหน้าจะฟาดลงพื้น แต่ดีว่ามีมือของใครสักคนคว้าเอวเอาไว้ทัน ผมใจร่วงไปที่ตาตุ่มแทบลืมหายใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองบาดเจ็บที่ใด
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
ฉิบหาย! ผมตกใจยิ่งกว่าลื่นหน้าทิ่มพื้นซะอีก ก็จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่...
“พี่ปืน”
พี่ปืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้าในระยะประชิดซ้ำแววตายังดุดันเหมือนกำลังไม่สบอารมณ์สักอย่าง ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมนึกกลัวว่าบางทีผมอาจจะกำลังทำอะไรให้พี่มันโกรธอยู่
“เอ่อ”
“มึงแต่งตัวอะไรมา”
“ก็”
ผมพูดอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก
เลยได้แต่มองตามสายตาอีกฝ่ายที่กวาดตามองไปทั่งร่างกายของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ววนสายตากลับมาที่เสื้อกล้ามสีขาวที่แนบเนื้อ แววตาดุดันมีประกายเรืองรองขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งมันจ้องแถวๆ หน้าอกผมยิ่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก เลยพยายามจะขยับตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่ประคองเอวผมอยู่
“มีเสื้อทับมั้ย?”
“.....”
ผมส่ายหน้าหวือพี่มันเลยจิ๊ปากเหมือนไม่สบอารมณ์
“มึงบ้ารึเปล่าที่ใส่เสื้อกล้ามมาแบบนี้”
“ก็แค่ใส่มาเล่นน้ำเอง”
“มึงใส่มาล่อพ่อมึงรึไง!” “แล้วทำไมต้องตะคอกใส่ผมด้วย”
“........”
พี่ปืนสูดหายใจแรงๆ เหมือนพยายามจะรวบรวมสติที่กระจัดกระจายของตัวเอง
“ใส่ซะ”
พี่ปืนถอดเสื้อยืดสีดำที่ตัวเองสวมใส่อยู่โยนใส่หัวผม ผมทำตาขวางมองอีกฝ่ายเปลือยอกโชว์กล้ามเนื้อหกลูกตรงท้องซึ่งกระแทกตาจนชวนให้หมั่นไส้
ขี้อวดว่ะ!
“ไม่เอา”
“มึงเป็นเบ้กู”
“อะไรวะ?”
ผมทำหน้าไม่เข้าใจ ขณะที่มือพยายามยัดเสื้อคืนใส่ฝ่ามืออีกฝ่าย
“มึงเป็นเบ้กู กูสั่งให้ทำอะไรมึงต้องทำ”
“พี่แม่งเผด็จการ”
ผมจิ๊ปากทำกระฟัดกระเฟียดเพราะไม่พอใจในสิ่งที่อีกฝ่าย
“ใส่เดี๋ยวนี้”
“ไม่”
“จะใส่ดีๆ หรือจะต้องให้ใช้กำลัง”
“ทำไมว่ะ ก็แค่เสื้อกล้าม ใครๆ เขาก็ใส่กัน”
พี่ปืนยืนจ้องหน้าผมนิ่ง แต่ความนิ่งนั้นทำเอาผมไม่กล้าปากดี สุดท้ายเลยจำใจสวมเสื้อยืดสีดำในมืออย่างไม่ค่อยเต็มใจ พี่ปืนยังคงยืนจ้องผมอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสื้อตัวนั้นอยู่บนตัวในที่สุด
“พอใจรึยัง?”
“อืม”
เสร็จแล้วพี่มันก็เดินหันหลังกลับไปทันที ทิ้งให้ผมได้แต่ยืนแลบลิ้นใส่แผ่นหลังที่เดินจากไป อะไรของแม่งวะ นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป ซ้ำยังทำท่าทางประหลาดแบบนั้นใส่ผมอีก
“อาการชัดมาก”
ไอ้เบิร์ดที่โผล่มาจากไหนไม่รู้มาวางแขนที่ไหล่ผมท่าทางสบาย
“มึงจะพูดอะไร?”
..ป๊าบ!..
“โอ้ย ไอ้ห่าเบิร์ดมึงตบหัวกูทำไมเนี่ย”
“มึงนี่มันซื่อบื้อของจริง ถามจริงนะมึงรู้อะไรกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”
ผมทำหน้างงๆ มันเลยสะกิดหัวผมเบาๆ อีกที
“มึงว่าพี่ปืนชอบพูดจาหรือทำท่าทำทางประหลาดกับมึงมั้ย?”
ผมพยักหน้าแล้วคิดตาม
“ไอ้อาการที่พี่มันแสดงออกเมื่อกี้อ่ะเขาเรียกว่า
‘หึงหวง’ เว้ย”
ผมอ้าปากค้างก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ เรียกสติให้ตัวเอง ไอ้เบิร์ดหรี่ตามองผมแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะ
“ที่เหลือมึงไปคิดเองแล้วกันว่ามันหมายความยังไง”
ไอ้เพื่อนเลว มันพูดให้ผมคิดแล้วชิ่งไปกระโดดน้ำโครมๆ อยู่โน่น ทิ้งให้ผมยืนเซ่อเหมือนโดนค้อนทุบที่ศีรษะแรงๆ ด้วยอาการมึนงง และเพราะมันเลยที่ทำให้ผมเล่นน้ำไม่สนุก ได้แต่วนเวียนสายตาไปที่แก๊งสี่โจรและกลุ่มพี่ปีสามที่เล่นน้ำอยู่อีกฟากหนึ่ง
“กูว่าพี่ปืนชอบมึง” ผมสะบัดศีรษะแรงๆ เหมือนไม่อยากได้ยินความคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น จริงอยู่ว่าพี่มันทำเหมือนห่วงใยผม ทุกการกระทำดูเหมือนคนมีใจให้กัน แต่ดูนั่นสิพี่ปืนมันก็ใจดีไปกับทุกคนนั่นแหละ ดูสิพี่มันเดินดูความปลอดภัยรุ่นน้องผู้หญิงสิ ทั้งยังยื่นผ้าขนหนูให้พี่เปรี้ยวไม่ต่างจากที่ให้ผมใส่เสื้อด้วยซ้ำ
นั่นแสดงว่าใครต่อใครต่างก็ได้รับน้ำใจจากพี่มันไม่ต่างจากผมเลย
ผมไม่ได้พิเศษกว่าใคร ก็แค่รุ่นน้องที่พี่มันใส่ใจเหมือนคนอื่นๆ
แล้วมึงจะโหวงๆ ในใจทำไมวะ? มึงจะรู้สึกแย่ทำไมที่คิดว่าได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันคนอื่น?
ช่างแม่ง!!
คิดไปก็เท่านั้นผมเลยได้แต่ยักไหล่ก่อนจะวิ่งไปร่วมวงเล่นน้ำกับกลุ่มเพื่อนปีหนึ่ง พวกมันกำลังสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนานผมเลยร่วมวงรุมไอ้เขมที่กำลังกลายเป็นเป้าให้คนอื่น แต่ไหงพอวิ่งเข้าทำไมทุกคนถึงเปลี่ยนเป้ามาที่ผมวะ โอ้ย น้ำเข้าปาก
เนิ่นนานจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ พี่ปิงปองถึงได้เรียกพวกเราขึ้นจากน้ำแล้วกลับค่ายกันได้แล้ว ตอนขึ้นจากน้ำที่แหละถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงแล้ว ยิ่งผมลืมเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนซ้ำผ้าเช็ดตัวสักผืนยังไม่มีติดมา มันเลยไม่แปลกถ้าผมจะหน้าซีดปากสั่นแบบนี้
“ปืน กลับคันเดียวกับเปรี้ยวมั้ย”
“เปรี้ยวไปก่อนเลย เดี๋ยวปืนไปดูน้องก่อน”
“เปรี้ยวจะรอนะ”
“ไม่ต้องรอหรอกเจอกันที่ค่ายเลยครับเปรี้ยว”
“แต่ว่า”
ยังไม่ทันที่พี่เปรี้ยวจะเอ่ยรั้งตัวอีกรอบ พี่ปืนก็ผละออกไปช่วยพี่ปิงปองเช็กสมาชิกชาวค่ายที่ทยอยขึ้นรถ กระบะทิ้งให้พี่เปรี้ยวแอบทำหน้าเซ็ง แต่ที่เซ็งกว่าพี่เปรี้ยวน่าจะเป็นผมที่แอบได้ยินบทสนทนารื่นหูของคนทั้งคู่
เหอะ! ที่พูดกับสาวนี่ ‘ปืนอย่างนั้นปืนอย่างนี้’ พูดเพราะจนขนลุก แล้วดูพี่มันคุยกับผมแต่ละคำสิภาษาพ่อขุนทั้งนั้น เห้อ แล้วมึงจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นทำไมวะ
“ขึ้นรถได้แล้ว”
แล้วคนที่ผมแอบนินทาในใจก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พี่ปืนบุ้ยไปที่รถกระบะคันหนึ่งที่จอดรอท่าอยู่ไม่ไกล
“ครับพี่ปืน”
ผมแกล้งลากเสียงยาวรับคำเหมือนจะล้อเลียนอีกฝ่ายจนพี่ปืนคิ้วกระตุกแล้วมองผมนิ่ง แต่เล่นเอาผมวางหน้าไม่ถูก
“เล่นน้ำจนเพี้ยนเหรอ”
“เปล๊า” ผมยักไหล่ “ก็เห็นพี่สุภาพกับผู้หญิงไงเลยอยากพูดบ้าง ผมพูดเพราะกับพี่ไม่ได้รึไง” ผมเบ้ปากแล้วทำเสียงอุบอิบในลำคอ “โคตรสองมาตรฐาน”
“ทำไม? อิจฉาเหรอ?”
“ผมไม่ได้นิสัยตุ๊ดขนาดนั้นเว้ย”
“เหรอ?”
“อ่ะ”
“เชี่ย”
พี่ปืนโยนผ้าเช็ดตัวสีน้ำเงินเข้มใส่หัวผมซึ่งไอ้ผ้าที่ว่าผมจำได้ว่ามันเป็นของพี่มันแน่นอนเพราะเห็นใช้คล้องคอไปอาบน้ำทุกวัน
“อะไรเนี่ย”
“ผ้าเช็ดตัวกู เอาไปเช็ดซะ” พี่ปืนกดยิ้มมุมปาก
“เอ่อแล้วอีกอย่างนะ”
พี่ปืนก้มลงมากระซิบข้างหูผม
“กูจะบอกให้นะว่าเสื้อกูที่มึงใส่อยู่กับผ้าเช็ดตัวผืนนี้กูไม่เคยให้ใครยืม ‘มึงเป็นคนแรกที่ได้ใช้’ พอใจมั้ยครับ? ไอ้คนอยากมาตรฐานสูงกว่าใครเพื่อน” อ้ากกกกก ไอ้พี่ปืนพูด ‘ครับ’ กับผม !!!
เชร้ดดดด หูไม่ไหม้งานนี้จะไหม้งานไหนวะ ไม่ไหวแล้วโว้ยหัวใจเต้นแรงมากเหมือนจะทะลุออกจากอก
“ไปขึ้นรถได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย”
“......”
“กลับไปอย่าลืมกินยากันไว้ด้วยนะครับ‘น้องแรก’ ” น้องแรกพ่อง!
พี่ปืนเคาะศีรษะผมเบาๆ ก่อนแยกออกไป แต่ให้ตายเหอะแววตาที่พี่มันมองผมเมื่อกี้มันคืออะไร? ทำไมผมถึงรู้สึกร้อนเห่อไปทั้งหน้าแบบนี้วะ? นี่ยังไม่นับความรู้สึกที่บอกไม่ถูกในอกอีก ตายๆๆ หัวใจเต้นแรงเกินไปแล้ว
แม่งงงงงงงงงงง
“มึงกัดผ้าเช็ดตัวทำไมเนี่ยไอ้แรก?”
ไอ้เขมเดินมาทักผม
“แล่วๆๆๆๆๆๆๆ”
“แล่วพ่อง”
ผมด่าไอ้เบิร์ดแล้ววิ่งมาหลบที่หลังไอ้เขมพร้อมกับหัวเราะขบขันเพราะอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะพี่มันคนเดียว
พี่มึงคนเดียวเลยที่ทำให้ผม
“ยิ้มเหมือนคนบ้า” อยู่แบบนี้!
ฮืออ ขอบ่นว่าเมื่อกี้อัพใกล้เสร็จแล้วดันโง่ไปกดลบกระทู้เฉยเลย ถถถถ
เราจะเบลอๆ หน่อยนะ ยังไม่หายไข้เลย แค่กๆๆๆๆ
ในส่วนของพี่ปืนอีกประมาณ 2-3 ตอนพี่ปืนจะชัดเจนจนต้องร้อง อู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
หวีดในทวิตติด #ค่ายสร้างรัก และ #ทีมเมียพี่ปืน