ตอนที่ 7.2
เวสเทียร์กลับมายังถ้ำลอดที่ประทับ เขาพบว่าฝ่ายนั้นทอดกายอยู่บนแท่นเดิมและหลับตาพักผ่อนเงียบๆ แต่เสียงลมหายใจก็บอกองครักษ์ได้ว่าราชาหนุ่มยังไม่หลับ "กระหม่อมขออภัยฝ่าบาท" ร่างโปร่งเคลื่อนกายไปข้างแท่นหิน ฝั่งปลายหางของราชาผู้นำ และรอให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นช้าๆ
"คิดถึงน้องชายขนาดนั้นเชียว"
"กระหม่อมไม่ต้องการรบกวนการพักผ่อนของฝ่าบาทขอรับ"
"เช่นนั้นแล้วองครักษ์คนสนิทจะมีหน้าที่ใดกัน หากไม่ใช่การอยู่เคียงกายเรา" ฝ่าบาทตำหนิด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งนั่นทำให้เวสเทียร์ต้องก้มหน้านิ่ง ด้วยรู้ซึ้งถึงความผิด แต่ไคราห์นก็เหนื่อยหน่ายจะเอาความ และเขารู้ดีว่าเหตุใดเวสเทียร์จึงพยายามหลบหน้าทั้งที่หน้าที่ของเขาคือการอยู่กับราชาตลอดเวลา
...เลขาอาวุโสของเขา
"พวกวาฬหลังค่อมจะมาถึงในสัปดาห์หน้า เป็นไปได้ว่ามารินาการ์ดจะมีโอกาสร่วมงานเทศกาลประจำปีของเซลทิค" ไคราห์นเริ่ม "แม้เจตนารมณ์ของพวกเขาจะเป็นเพียงการเดินทางมาเจรจาขอตัวกลุ่มพรานกลับไป แต่มารินาการ์ดก็ไม่ได้ส่งทูตมายังเซลทิคนานมากแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะกระชับความสัมพันธ์" ฝ่าบาทกล่าวเรื่อย "เราจึงสั่งให้ฟาลนำพิณใหญ่ออกมา เพราะไม่ใช่เพียงกลุ่มวาฬเท่านั้นที่พวกเราต้องต้อนรับ แต่หมายรวมถึงอสูรทะเลที่จะมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันอีกด้วย"
การมาถึงของฝูงวาฬหลังค่อมหมายถึงการมาเยี่ยมเยียนประจำปี ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งหน้าลงใต้เพื่อจับคู่และเลี้ยงดูลูกวาฬ ดังนั้นเพื่ออวยพรให้กับการเดินทางและการเกิดใหม่ ฝ่าบาททะเลเหนือจะร่วมขับขานเพลงไปกับฝูงสัตว์ และชาวเซลทิคจะร่วมการเต้นรำแหวกว่ายใต้แสงจันทร์อีกด้วย แต่ผู้ที่มาร่วมงานไม่ได้มีเพียงวาฬหลังค่อมเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงอสูรทะเลตัวหนึ่งอีกด้วย มันจะแวะเวียนมาปีละครั้งเช่นกัน ตามสัญญาที่ให้ไว้
พวกวาฬชื่นชอบเสียงเพลง และจะสนุกสนานที่สุดหากฝ่าบาทแห่งเซลทิคเป็นผู้บรรเลงเพลงพิณด้วยตนเอง
"ขอรับ" เวสเทียร์ตอบสั้น
วาฬเพชฌฆาตสมองใหญ่ไม่ใช่รึ กระทั่งคาดันน์ยังฉลาดมากแท้ๆ
แต่เหตุใดองครักษ์เผ่าเพชฌฆาตคนโปรดของเขาจึงโง่ทึ่มเสียเหลือเกิน
ฝ่าบาทถอนใจออกยาวๆ ก่อนจะหยัดกายขึ้นนั่ง และวาดมือช้าๆ ไปข้างตัว ราวกับเป็นสัญญาณให้เวสเทียร์ขยับขึ้นมานั่งข้างกันบนแท่นนอน แน่นอนว่าองครักษ์หนุ่มเข้าใจภาษามือนี้ เขาขยับตัวขึ้นมานั่งเคียงกาย ปล่อยให้มือใหญ่จับปอยผมสีดำชื้นขึ้นทัดหูและเผยให้เห็นต่างหูทองประดับมุกที่ฝ่าบาทเคยมอบให้
"ฝ่าบาท..." เวสเทียร์มุ่นคิ้ว เริ่มเข้าใจความหมายของคนตรงหน้าทีละน้อย "กระหม่อมเกรงว่า..."
"กลัวจะถูกเอ็ดเอาหรือไร" ร่างสูงถามเสียงต่ำอย่างรู้ทัน ทำให้คนฟังหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่สีผิวของเวสเทียร์เข้มเสียจนมองแทบไม่ออกว่ากำลังเคอะเขิน
"ฟาลออกไปเชิญพิณใหญ่ตามคำสั่งเรา เจ้าตีความไม่ออกรึ" เวสเทียร์เผลอขบริมฝีปากตนเองเมื่อเข้าใจนัยแฝงที่แท้จริงของราชา เป็นครั้งแรกที่เขาอยากก่นด่าคนตรงหน้าลอดไรฟันว่าทำเรื่องเล็กให้ใหญ่ไม่เข้าท่า แต่อย่างไรนั่นก็เป็นฝ่าบาทไคราห์น และมันก็เป็นความผิดของเขาเองที่ยั่วเย้าเอาไว้ตั้งแต่เช้า
ปลายนิ้วสากแตะริมฝีปากบางแทนการปรามไม่ให้เขากัดตัวเองจนเลือดซึม
เวสเทียร์หลับตาลงช้าๆ แม้จะอยากจูบปลายนิ้วอันอ่อนโยนนั้น แต่มันก็เคลื่อนหนีไล้ไปตามพวงแก้มของเขาเสียก่อน องครักษ์ทำได้เพียงเอียงหน้ากลับไปหาข้อมือหนา แนบริมฝีปากลงบนเส้นชีพจร และเคลื่อนขึ้นไปยังอุ้งมืออุ่นที่ประคองใบหน้าของตนอยู่
ดูเหมือนการกระทำนั้นทำให้ฝ่าบาทพอใจขึ้น "ตรงอื่นบ้างสิ"
"เราเอง... ก็ไม่ได้หูหนวกหรอกนะ"
ร่างโปร่งกลั้นใจ ค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นมองสำรวจคนตรงหน้า ละจากฝ่ามืออย่างนุ่มนวลให้มือใหญ่ขยับไปลูบเส้นผมสีเข้ม ขณะที่เขาแนบริมฝีปากลงบนต้นคอแกร่ง ร่างสูงเป็นฝ่ายเม้มปากบ้างด้วยความไม่คุ้น แต่ราชาหนุ่มคงชอบความรู้สึกเช่นนี้ จึงได้ผ่อนลมหายใจ ปล่อยให้คนตรงหน้าทบทวนสัมผัสที่ค้างคาทีละส่วน
ใจของเวสเทียร์เต้นแรงขึ้นเมื่อเคลื่อนลงต่ำ ลมหายใจอุ่นร้อนลากไล้ผ่านหน้าท้องที่แข็งแน่นด้วยมัดกล้าม และแนบจูบลงแผ่วเบาราวกับไถ่ถามความสมัครใจ หางวาฬขนาดใหญ่ขยับยกทีละน้อย ฝ่าบาทชันขาขึ้นข้างหนึ่ง บังคับตัวเองไม่ให้ทึ้งมือลงไปบนเส้นผมสีเข้มเมื่อริมฝีปากนุ่มฟอนเฟ้นลงต่ำ
ไคราห์นขบกรามด้วยความไม่แน่ใจ... ก็ใครสั่งสอนให้ทำแบบนี้กันหนอ
องครักษ์รวบรวมความกล้า แต่เขาก็กล้าแตะเพียงส่วนปลาย จนกระทั่งได้ยินเสียงสั่นเครือในลำคอด้วยความสุขสม มือใหญ่เกี่ยวร้อยเส้นผมและลูบอย่างอ่อนโยนราวกับปลอบประโลมให้เขาทำแบบเดียวกัน ร่างโปร่งหลับตาลง ก่อนจะครอบครองทั้งหมดของฝ่าบาทด้วยริมฝีปากของตัวเอง
--------------------------------------------------
องค์หญิงอาโกรนาห์สนทนากับราชินีต่างเมืองตามประสาผู้หญิง และแน่นอนว่าคงเป็นการไม่สมควรที่องค์ชายผู้ติดตามจะอยู่ร่วมห้องด้วย เร็กซ์จึงตัดสินใจออกมาจากที่พัก และออกปากถามองครักษ์ในบริเวณนั้นถึงสถานที่ที่คนของของถูกกักบริเวณอยู่ นั่นคือเกลเลสและคณะพรานแห่งมารินาการ์ด
องครักษ์ยามไม่ต้องการบกพร่องในหน้าที่ด้วยการหายไปจากจุดประจำการเพียงเพื่อพาอาคันตุกะเยี่ยมชมอาณาจักร ดังนั้นเขาจึงขอให้องค์ชายรั้งรออยู่สักพักเพื่อให้หน่วยลาดตระเวนที่ไม่ได้มีหน้าที่ในค่ำคืนนี้มาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุย และเมื่อเอ่ยถึงองครักษ์หน่วยลาดตระเวน องค์ชายเร็กซ์ก็ออกชื่อเวทอร์ส หลังจากนึกได้ว่าเขาเคยแนะนำตัวเองว่าเป็นนั่นหน้าที่ของตน
ทำให้ผู้นำองครักษ์ลาดตระเวนฝ่ายใต้ถูกเรียกมารับใช้องค์ชายเร็กซ์
"ฝ่าบาททรงเรียกหากระหม่อมหรือขอรับ" ด้วยความเคยชิน เวทอร์สค้อมหัวลงต่ำและมองเพียงปลาหางสีทองที่สะท้อนแสงจากอำพันวิเศษ และรอฟังเสียงตอบรับจากองค์ชาย ทำให้เขาไม่ทันเห็นเลยว่าอีกฝ่ายพยักหน้า
"ฝ่าบาท..." แต่อย่างไรเวทอร์สก็ไม่กล้าเงยขึ้นสบตาอยู่ดี
"ปลายหางเรามีอะไรอย่างนั้นหรือ เหตุใดเจ้าจึงจ้องอยู่แบบนั้น" องค์ชายตั้งคำถาม และมันก็ทำให้องครักษ์หนุ่มเงยหน้าขึ้นโดยไม่ตั้งใจ และสบมองกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของอีกฝ่าย "แล้วเราเป็นองค์ชาย เจ้าลืมอีกแล้วรึ... ฝ่าบาทคือท่านพี่เรจินา"
"ฝ่า... องค์ชาย..." เวทอร์สตะกุกตะกัก "มีสิ่งใดจะรับสั่ง"
เร็กซ์ทอดยิ้มเอ็นดูก่อนจะออกปาก "เราอยากพบพวกพรานมารินาการ์ด เกลเลส ผู้นำของกลุ่มพรานเป็นองครักษ์คนสนิทของเรา" เวทอร์สคิดว่าตนเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก แต่เขาสัมผัสได้ถึงความห่วงหาอาทรในน้ำเสียงขององค์ชาย เป็นไปได้ไหมว่าองค์ชายผู้นี้กับองครักษ์คนสนิทที่ชื่อเกลเลสจะมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน เช่นเดียวกับฝ่าบาทไคราห์นและท่านพี่เวสเทียร์ของเขา
...องค์ชายเร็กซ์ก็มีพระชายาถึงสี่องค์แล้วไม่ใช่หรือ!!
"ให้กระหม่อมนำทางนะขอรับ"
ว่าแล้วองครักษ์หนุ่มก็ขยับหางว่ายนำอีกฝ่ายไปยังถ้ำใหญ่ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล โดยด้านในสุดก็คือถ้ำลอดของฝ่าบาทไคราห์น แต่หาเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งจะนำพวกเขาเข้าสู่ส่วนที่ใช้กักบริเวณผู้ทำผิดโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นถ้ำลอดขนาดไม่กว้างขวางมากนัก และไม่มีต้นไม้สวยงามดังเช่นส่วนที่ประทับของฝ่าย แต่ก็มีโขดหินให้พอขึ้นไปนั่งได้ เพราะชาวเงือกเซลทิคไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากอากาศเบื้องบนได้ คุกของพวกเขาจึงดูเปิดโล่ง และหากเปลี่ยนร่างเป็นคนก็คงจะวิ่งโทงๆ แหกคุกได้อย่างง่ายดายแน่นอน
แต่ชาวเงือกมีความสัตย์พอที่จะไม่ทำเช่นนั้น...
องครักษ์ยามไม่แสดงสีหน้า แม้ว่าทุกคนจะดูประหลาดใจในการมาถึงขององค์ชายแห่งมารินาการ์ด กลุ่มพรานซึ่งนั่งๆ นอนๆ อย่างไม่มีอะไรทำค่อยหันมา และทำความเคารพโดยพร้อมเพรียง "องค์ชายเร็กซ์..." เกลเลส ผู้นำกลุ่มพรานยิ้มออกมาด้วยความยินดี ทั้งที่ความผิดที่พวกเขากระทำร้ายแรงมากขนาดนั้นแท้ๆ พวกเขาควรจะสลดหดหู่และอ้อนวอนให้ฝ่าบาทไคราห์นยกโทษให้ด้วยซ้ำ
"องค์ชาย... ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วย" แต่ประโยคต่อจากนั้นคือคำขอโทษของผู้นำพราน
องค์ชายเร็กซ์ลอบกลอกตากับตนเอง ขณะเคลื่อนร่างไปยังคนสนิทของตน "พวกเจ้าเป็นอะไรกัน จะต้องให้เราลงโทษลงทัณฑ์อยู่ทุกครั้งที่พบหน้า" ผู้เป็นนายยิ้มอ่อนใจ "ผู้มีสิทธิ์ลงทัณฑ์เจ้าคือฝ่าบาทไคราห์น ฝ่าบาทเรจินาเพียงเดินทางมาไกล่เกลี่ยนเพื่อไม่ให้บทลงโทษหนักหนาสาหัสเกินไป" เกลเลสเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินว่าราชินีผู้นำเดินทางมาถึงเซลทิคด้วยตนเองเพียงเพราะเรื่องของพวกเขา
"เจ้าเป็นประชาชนคนหนึ่ง... มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องปกป้อง"
รอยยิ้มขององค์ชายเร็กซ์ช่างอบอุ่น... ในสายตาของเวทอร์ส อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้ใกล้ชิด โดยไม่มีกฎเกณฑ์ใดมากีดกันราชวงศ์ออกจากประชาชนของเขา และนั่นไม่ใช่ความห่วงหาอาทรที่มีให้เฉพาะบุคคล แต่องค์ชายเร็กซ์ปฏิบัติเช่นนี้กับทุกคนที่เป็นชาวมารินาการ์ด
เกลเลสส่ายหัวและก้มหน้าก้มตาลงด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาขยับหางเบาๆ ครั้งหนึ่งเพื่อลดตัวเองลงอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าองค์ชายเพื่อแสดงความเคารพเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ "องค์ชาย... ฝ่าบาท..."
เวทอร์สเพิ่งสังเกตว่าหางของเกลเลสแตกต่างจากหางขององค์ชาย... และมีหนาม
พวกเงือกปลามีเผ่าที่มีหนามบนหางด้วยรึ...!
"ไม่เอาน่ะ... ลุกขึ้นมา เจ้าเป็นถึงองครักษ์คนสนิทของเรา จะใจจืดใจดำไม่มาช่วยแล้วจักเป็นนายที่ดีได้อย่างไร" กลายเป็นว่าราชวงศ์แห่งมารินาการ์ดรู้จักปลอบโยนผู้ใต้บัญชาอีกด้วย ทั้งที่มันเป็นความอ่อนแอที่องครักษ์ไม่สมควรมีด้วยซ้ำ เวทอร์สมองดูองครักษ์คนสนิทของอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่เขาก็รู้ดีว่านั่นคือวิธีการของมารินาการ์ดหาใช่เรื่องที่เขาจะต้องหัวเสีย
แต่นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่องครักษ์แห่งเซลทิคได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มเงือกที่แข็งแกร่งที่สุด
ชายหนุ่มยืดอกขึ้นน้อยๆ ด้วยความภูมิใจ แม้จะไม่มีร่วมรู้ไปกับเขา
คาดันน์จะต้องเข้าใจความเออออกับตนเองเช่นนี้แน่ ...แต่คาดันน์อยู่ไหนนะ
ว่าแล้วชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่าวาฬยักษ์ที่อยู่กับตนตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาหายตัวไป และเขาคงลืมมันเอาไว้ที่โขดหินเบื้องบน จนป่านนี้เลสซีย์อาจไล่ตะเพิดเจ้าสัตว์กวนประสาทตัวนั้นไปลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลเพื่อรอฝูงของมันมาเก็บกลับไปแล้วก็เป็นได้ และเขาก็ควรดีใจที่มีเวลาสงบสุขเสียทีหลังจากถูกมันกรีดร้องอัดหูมาเกือบสามวันเต็ม
...แต่เปล่าเลย เงือกหนุ่มสะดุ้งสะตัวเมื่อช่วงเอวถูกดุนดันด้วยปลายปากขนาดใหญ่ที่นุ่มหยุ่นเหมือนยาง
"เหวอ!"
ทั้งเกลเลสและองค์ชายเร็กซ์ต่างสะดุ้งกับเสียงนั้น ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองวาฬเพชฌฆาตขนาดยักษ์ที่ตามมาถึงในถ้ำ และส่งเสียง 'คลิก' ระรัวราวกับกำลังตำหนิเวทอร์สที่ทอดทิ้งมันไว้กลางทาง "ที่นี่น้ำตื้น... จะเข้ามาทำกันกัน ประเดี๋ยวก็เกยตื้นพุงถลอกหรอก!" เวทอร์สหันไปเอ็ดสัตว์ยักษ์อย่างลืมตัวว่าอยู่ต่อหน้าอาคันตุกะจากต่างแดนน
...ฟู่!
สัตว์ใหญ่พ่นหายใจแรงๆ ก่อนจะว่ายถอยหลังลงไปอยู่ในบริเวณที่น้ำลึกกว่า ซึ่งนั่นก็คือส่วนใกล้ปากถ้ำ
เกลเลสมองอาการว่ายถอยหลังของมันด้วยความทึ่ง "วาฬว่ายถอยหลังได้รึ!" เวทอร์สหันกลับมา และสององครักษ์ก็มองกันไปมาอยู่ครู่หนึ่งด้วยต่างฝ่ายต่างตกตะลึง เกลเลสไม่เคยคิดว่าจะมีสัตว์ชนิดใดว่ายน้ำถอยหลังได้ ในขณะที่เวทอร์สก็แปลกใจว่าทำไมเผ่าอื่นดูจะตื่นเต้นกับการว่ายน้ำถอยหลังนัก
"นั่นก็เป็นคำถามของเราเช่นกัน" องค์ชายเร็กซ์หัวเราะเบาในลำคอ "หากเจ้าวาฬนี่มาตามถึงที่แล้ว เห็นทีว่าเราคงจะต้องกลับที่พักเสียที" องค์ชายว่า เขาหมุนตัวกลับและเตรียมว่ายออกไปจากถ้ำกักบริเวณ เวทอร์สรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยการปรากฎตัวของคาดันน์ทำลายบทสนทนาขององค์ชายและองครักษ์ของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่เอ่ยปากทักท้วงอะไรด้วยนั่นเป็นประสงค์ขององค์ชายเอง
"เจ้าประจำอยู่หน่วยลาดตระเวนหรือ"
อย่างน้อย... องค์ชายเร็กซ์ก็ดูใจดีกว่าฝ่าบาทไคราห์น
"ขอรับ" เวทอร์สตอบสั้นเพียงเท่านั้น ด้วยไม่รู้ว่าตนควรจะอธิบายอะไรต่อหรือไม่ ราชวงศ์เซลทิคไม่ใกล้ชิดกับประชาชนแบบนี้ ต่อให้เป็นองค์หญิงอาโกรนาห์ หรืออดีตองค์ชายรัชทายาทเดียร์ราฮานก็ไม่เคยลงมาคลุกคลีกับประชาชนหรือองครักษ์ลาดตระเวนขนาดลอยตัวนิ่งๆ และลูบหัวคาดันน์อย่างสนิทสนมแบบนี้
"ผิวเหมือนยางเลยนะ"
องค์ชายเร็กซ์พูดกับวาฬยักษ์ และน่าประหลาดใจที่มันดูจะฟังไม่ออกว่าเป็นคำชมทั้งที่เป็นภาษาเงือกเหมือนกับเวทอร์ส อาจจะหลักการเดียวกันกับที่องครักษ์ฟาเบียงเข้าใจภาษาฉลามทั้งที่เขาไม่คิดว่าพวกมันจะสื่อสารได้ แต่อย่างน้อยคาดันน์ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากฝ่ามือนั้นและเริ่มดุนดันปลายปากขนาดใหญ่เข้าหาเป็นการออดอ้อน
น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก
องค์ชายเร็กซ์อาจจะรู้ในเวลานั้นว่าเวทอร์สไม่ใช่คู่สนทนาที่ดี จากลักษณะ 'ถามคำหนึ่ง ตอบคำหนึ่ง' ทำให้สุดท้ายแล้ว อาคันตุกะจากต่างแดนก็พูดคุยกับวาฬแทนที่จะเป็นเงือกด้วยกัน แม้มันจะไม่เข้าใจ และไม่พูดตอบ ไม่ทำเสียง 'คลิก' หรือกรีดร้องอัดหูอย่างที่เคยทำ แต่สัตว์ใหญ่กลับน่าคบหากว่ามาก และใจง่ายยิ่งกว่าง่าย หลังจากผ่านไปเพียงครู่เดียว มันก็ถึงกับอ้าปากให้องค์ชายสอดมือเข้าไปลูบบนลิ้นสีชมพู
มันชอบการสัมผัสแบบนี้ที่สุด ซึ่งนานๆ ครั้งพวกเขาจะมีเวลาเล่นด้วย
เวทอร์สคิดว่าตนต้องการอากาศ แต่ดูเหมือนว่าองค์ชายจะลืมไปแล้วว่าเขาหายใจด้วยปอด จึงเป็นการยากที่องครักษ์หนุ่มจะปลีกตัวออกไปซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่น่าจะเสียมารยาท "องค์ชาย..." ชาวเซลทิคด้วยกันจะรู้จังหวะหายใจ และพวกเขาสามารถปลีกตัวขึ้นไปได้ แม้ว่าจะอยู่ระหว่างการพูดคุยกับราชาทะเลเหนือก็ตาม
แต่องค์ชายเร็กซ์ลืมไปแล้วจริงๆ ว่าเงือกวาฬต้องกลั้นใจ
"ว่ามาสิ..."
"กระหม่อมขอตัวสักพัก" เร็กซ์เหลือบมองคนพูดด้วยหางตา ด้วยเขากำลังระแวงว่าคาดันน์จะกัดมือหรือไม่หากละสายตาไปมองเวทอร์ส แต่กิริยานั้นเองที่ทำให้องครักษ์หนุ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่พอใจเท่าไหร่ที่เขาพูดน้อย และการเล่นกับวาฬก็เป็นเพียงการประชดประชัน
เหตุใดองค์ชายมารินาการ์ดจะต้องประชดประชันองครักษ์ชั้นลาดตระเวนของเซลทิคเล่า!
"กระหม่อมเป็นองครักษ์ลาดตระเวนฝ่ายใต้..." เวทอร์สตะกุกตะกัก พยายามสานต่อบทสนนทาที่จบลงไปครึ่งชั่วยามที่แล้ว
แต่นั่นทำให้องค์ชายเร็กซ์เข้าใจว่าเขาดึงตัวอีกฝ่ายออกมาระหว่างเวลางาน
"อ้อ... ขอโทษด้วย หากเจ้าต้องทำหน้าที่ก็ไปเถอะ"
...ทำไมองค์ชายผู้นี้จึงขี้ประชดนัก!!
เวทอร์สมุ่นคิ้ว และก้มหน้าลงด้วยความเคยชินเมื่อสนทนากับเชื้อพระวงศ์ "กระหม่อมเพียงแค่พยายามจะแนะนำตัว..." องค์รักษ์หนุ่มว่าต่อไป แม้อากาศที่เหลือในปอดจะเริ่มน้อยลงจนเขารู้สึกมึนชาแล้วก็ตาม "กระหม่อมเป็นน้องชายของผู้นำเผ่าเพชฌฆาต องครักษ์คนสนิทของฝ่าบาทไคราห์น อายุสิบแปดปีขอรับ"
องค์ชายกะพริบตาปริบ... นี่มันการรายงานตัวของลูกสาววัยสิบขวบของเขา แม่หนูวิเวียน
'ข้าคือวิเวียน องค์หญิงสองแห่งมารินาการ์ด อายุสิบขวบ!'
สุดท้ายแล้วเวทอร์สก็สำลักออกมาเป็นฟองอากาศ และนั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คาดันน์เข้าใจว่าอีกฝ่ายกลั้นใจต่อไปไม่ได้แล้ว มันว่ายถอยจากองค์ชายใจดี และพุ่งเข้าใส่เงือกหนุ่มอย่างแรงเพื่อดันเขาขึ้นไปเบื้องบน "เวทอร์ส!" องค์ชายเร็กซ์เองก็ตกใจเช่นกัน อีกทั้งทึ่งกับการตัดสินใจของวาฬใหญ่ที่รวดเร็วทันท่วงที
"แค่ก!" เวทอร์สสำลักน้ำ และอ้าปากสูดหายใจให้เต็มปอด ก่อนจะฟุบลงบนหลังของคาดันน์ด้วยความมึนงง
องค์ชายเร็กซ์ตามขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาไม่ได้อยู่ห่างจากผิวน้ำมากนัก แต่แรงขยับหางของวาฬเพียงครั้งเดียวก็มีพละกำลังมากกว่าเงือกหลายขุม เวทอร์สยังหอบ เขาพยายามตั้งสติเพื่อให้ตนเองกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม แต่เมื่อลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า เขาก็เห็นองค์ชายเร็กซ์ทับซ้อนกันถึงสามร่าง "ฝ่าบาท... กระหม่อมขออภัย..."
"องค์ชาย..." เร็กซ์แก้ไขให้ถูกต้อง "ทำไมองครักษ์วาฬจึงดื้อนัก"
--------------------------------------------------
ในความเป็นจริงแล้ว... วาฬเพชฌฆาต (Orcinus orca) สามารถกลั้นใจได้ราวๆ 20 นาที แต่เพื่อความเว่อร์วังอลังการของชนเผ่าเงือกวาฬ(?) เราขอปรับการกลั้นหายใจเป็น 30-45 นาที (ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะแว้บขึ้นไปหายใจทุกๆ 10 นาทีระหว่างว่าราชการ) ในขณะที่วาฬหลังค่อม (Humpback Whale) สามารถกลั้นใจได้ประมาณ 45 นาที
ถามว่าวาฬชนิดไหนกลั้นใจได้นานที่สุด... วาฬหัวทุย (Sperm Whale) กลั้นใจได้ถึง 90 นาที
วาฬเพชฌฆาตชอบการสัมผัส... และแน่นอนว่าการอ้าปากให้ลูบลิ้นคือโคตรอ้อน 555
สงสารเวทอร์ส โดนลืม... เวทอร์สในตอนนี้อายุ 18 ปีเองล่ะ แต่ถ้าใครรู้จักเวทอร์สในสัญญาสาปสมุทรกับสุดขอบทะเลคราม... นั่นคือเวทอร์สในวัย 38 ปีและ 46 ปีตามลำดับ ความสุขุมจึงต่างกันเยอะมากกก (ละชีวิตนางก็หักเหมาก...เป็นหน่วยลาดตระเวนอยู่เซลทิคดีๆ ต้องไปเป็นองครักษ์ที่มารินาการ์ด)
เราเห็นคนสับสน... แม้ฝ่าบาทเลอาฟร์จะได้ชื่อว่าเป็น "พี่ชาย" แต่ในเรื่องนี้คือนางยังไม่เกิดนะขราาา แต่พวกสาวๆ นี่มีศักดิ์เป็นน้อง ก็เลยต้องเรียกพี่กันหมด มี 3 สาวที่อายุมากกว่าเลอาฟร์ นั่นคือ เอนเนส วิเวียน และอาร์นิเอสที่เพิ่งเกิด >.< (ส่วนแอนนิตา จูรา มาเรีย... เกิดหลังเลอาฟร์) (ถ้ามีคนสงสัยอายุท่านน้าในเรื่องนี้...คือ 40 ปี) (กลับไปมองตัวเลข 18 ของเวทอร์สอีกครั้ง) (นั่นแหละ 22 ปีที่ห่างกันนะจ๊ะ)
...ฝ่าบาทกับเวสเทียร์ทำอะไรกัน อืมมม ก็ไม่เชิง...นะ แต่มัน...อืมมม...นั่นแหละ... อิอิ
จริงๆ มันเขียนสนุกกว่าที่คิดแฮะ... คือไม่เคยเขียนเคะแนวนี้เลย (ปกติเราจะชอบเคะราชินี เมะทั้งหมดจะเป็นทีมบูชาเมี---) (อาจจะยกเว้นคูแรนน์ไว้สักคน แต่งเรียฟก็ไม่ได้แนวยอมทุกอย่างขนาดเวสเทียร์... เวสเทียร์นี่เป็นทีมบูชาสามี---) ก็เลยไม่เคยรู้ว่าเวลาลวมลามกล้ามอก กล้ามท้องของฝ่ายรุกมัน... เออ... ภาษากรีดกรายได้อีกกก แล้วเมะต้องสงวนท่าทีขี้เก็กมากกว่าเคะด้วย คือแบบ...โอ้วววว เป็นความท้าทาย
มาพูดเรื่องราชรถของมาริการ์ดที่เทียมลากด้วย "โลมาธรรมดา" มันเป็นสายพันธุ์หนึ่งของโลมาซึ่งอาศัยอยู่มากแถบไอร์แลนด์ (ทะเลเคลติกนั่นเองงง) ที่ใช้ common dolphin เพราะจริงๆ โลมาฝูงนี้ก็คือของกำนัลของเซลติคให้มารินาการ์ด สมัยที่ส่งพระชายามาแต่งงานกับองค์ชายเร็กซ์ (พระชายาที่ไม่เคยคิดชื่อ... อาดูรนัก...)
และเผ่าของเกลเลสคือเผ่าเงือกสเตอร์เจียนล่ะ... ปลาคาร์เวียร์นั่นเอง... ซึ่งปลาสเตอร์เจียนคือลักษณะแข็งแรงน่ากลัวมากๆ เผ่าของเกลเลสจึงเป็นเผ่าองครักษ์ของมารินาการ์ดที่เทียบได้กับเผ่าเพชฌฆาตของเซลทิค