เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 5
เราเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นในห้างที่ได้เสื้อผ้าของไอ้หัวหอมออกมาอีกถุงใหญ่ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นไปก็เดินเข้าไปช็อปในแบรนด์สวีเดนมา
" กูว่าพอแล้วมั้ง " ไอ้ภาพบอกผมก็พยักหน้ารับ " กูจะเอาของไปเก็บก่อน มึงรอแถวนี้นะ "
" กูจะรอมึงอยู่ในร้านขายหนังสือนะ จะไปซื้อหนังสือการ์ตูนให้ไอ้หัวหอมมัน "
" โอเค " ภาพเดินออกไป ไอ้ตัวเล็กที่มองตามมันเงยหน้าขึ้นมาถามผม
" อาขม อาภาพไปไหน "
“ เอาเสื้อผ้ามึงไปเก็บที่รถ " ผมบอก " หัวหอมไปดูหนังสือกัน กูจะซื้อหนังสือการ์ตูนไว้อ่านให้มึงฟังตอนกลางคืนก่อนนอนไง "
“ ต้องอ่านด้วยเหรอ "
“ แล้วมึงไม่อ่านเหรอ " ผมถาม อีกคนก็ส่ายหน้า
“ ไม่อ่าน กาลิคไม่เคยอ่าน " มันว่า
“ ถ้าอ่านมึงหลับฝันดี " ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ทำหน้างงใส่อีกเหน่ะ สมัยก่อนตอนเด็กๆช่วงเวลาที่มีความสุขคือ ตอนที่แม่นั่งอ่านการ์ตูนให้ฟังก่อนนอน เสียงขึ้นลงเป็นจังหวะบางทีก็ลุ้นบางทีก็ยิ้ม ผมเลยคิดอยากจะซื้อการ์ตูนอ่านให้ไอ้หัวหอมอ่านบ้าง มันจะได้มีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนผม
" จะหลับฝันดีไม่มีบูกี้แมนเหรอ "
" ใช่แล้ว " จูงมืออีกคนเดินเข้าไปในร้านหนังสือที่แบ่งเป็นโซนต่างๆ ตรงมุมหนังสือเด็กนั้นมีเด็กหลายๆคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ ผมปล่อยมือมันให้เข้าไปในนั้น มันที่นั่งลงดูหนังสือข้างๆเด็กคนอื่นด้วยความสนใจ ผมเองก็ละสายตามาหาหนังสือการ์ตูนที่เหมาะกับมันบ้าง
หนังสือการ์ตูนหลากเล่มที่ใช้อ่านก่อนนอนถูกผมเปิด พลิกดูไปมาเลือกเล่มที่น่าสนใจที่สุดมาสองสามเล่ม เป็นหนังสือที่มีภาพ บางอันมาก็เป็นสามมิติ สวยดี
“ อาขม อาขม กาลิคอยากได้ " มันวิ่งเอาหนังสือระบายสีที่มีสติกเกอร์มาให้ผมดู " กาลิคจะเอาไประบายสี "
“ แล้วมึงมีสีเหรอ " ผมถาม มันก็ส่ายหน้า
“ อาขมก็ซื้อให้กาลิคสิ "
“ ชิ้นเดียวนะ ซื้อได้แค่ชิ้นเดียว แน่ใจนะ ว่าจะซื้ออันนี้ "
“ แน่ใจ " มันพยักหน้ารับผมก็ยิ้ม
“ งอแงจะเอาอย่างอื่นด้วยละน่าดู " กาลิคกอดหนังสือการ์ตูนที่ตัวเองอยากได้ไว้ ก่อนจะวิ่งออกไปตอนที่ไอ้ภาพเดินเข้ามา มันที่ชี้ชวนให้ดูหนังสือภาพที่มันอยากได้
“ มึงเสร็จยัง " มันถามผมก็พยักหน้ารับ
“ เสร็จแล้ว กำลังจะไปจ่ายเงิน หัวหอมเอาหนังสือมึงมากูจะไปจ่ายเงิน " ผมบอกอีกคนก็ก็ยื่นหนังสือมาให้
“ แล้วนี่มึงจะไปไหนต่อ "
“ กลับบ้านนอน " ไลฟ์สไตส์สโลวไลฟ์ชิบหาย เดินไปต่อคิวจ่ายเงินระหว่างรอ ผมหันไปเจอหนังสือภาพเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็ก เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาตอนเปิดอ่านผมก็หัวเราะอยู่นาน จนไอ้ภาพเดินเข้ามาถาม " หัวเราะอะไรมึงคนเดียว "
“ หนังสือเลี้ยงเด็กนี่ เค้าบอกว่า เด็กช่วงอายุ 2-4 ขวบจะมีความอยากรู้อยากเห็น จะถามถึงสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ กูเลยคิดถึงคำว่าทำไมของไอ้หัวหอมไง ทำไมอะ ทำไมอะ ทำไมอะ ตลก "
“ มึงตลกง่ายดีนะไอ้เหี้ย " มันว่า ผมก็ยกไหล่
“ ก็คิดถึงมันแล้วกูตลก ซื้อเล่มนี้ด้วยดีกว่า พัฒนาการลูกน้อย "
“ มึงดูจริงจังนะ ทั้งๆที่ว่า บางทีแม่มันอาจจะมารับกลับก็ได้ หลังจากหมดสามเดือนนี้ "
“ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่า แค่สามเดือนเลี้ยงๆไปเถอะ ให้รอดๆไป รอแม่มันมาเคลียร์แล้วจบๆ ทำไมไม่คิดว่า อยากทำสามเดือนนี้ให้มันสนุกวะ กูว่าสร้างความทรงจำไว้ก็ดีนะ ต่อไปถ้ามันไม่ได้อยู่กับเราจริงๆ แต่ไอ้หัวหอมจะมีความทรงจำดีๆของเราติดไป "
“ ความเป็นแม่สูงสัด " มันบ่น
“ ห๊ะ ? “ ผมเอียงหน้าจะหาเรื่องมันอีกคนก็ยกไหล่
“ กูแค่รู้สึกว่ามึงดูแลไอ้หัวหอมดีมาก ยังกับแม่คนเลย "
“ ก็มึงไม่ทำอะ " มันบอก " ถ้ากูไม่ทำอีกคนมันคงต้องอยู่แบบอดๆอยากๆอะ "
“ มึงก็มากไปมั้ง "
“ ไม่มากหรอกไอ้เหี้ย ดูจากสันดานมึงตอนนี้กูยังดูออกเลย ถ้ามีมึงคนเดียวตอนนี้ไอ้หัวหอม แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ได้กินมั้ง แม่งมึงคงเอาแต่นอน "
“ มากไป ถ้าไม่มีมึงกูก็ทำได้เถอะ " เหลือบมองมันด้วยหางตา ไอ้ภาพก็ก้มมองผมแบบหาเรื่อง
“ ลองเลี้ยงมันดูสักวันมั้ยละ แบบไม่มีกู "
“ กาลิค " ภาพก้มลงไปพูดกับอีกคน " ขมบอกว่า มันจะให้กูเลี้ยงมึงคนเดียว มึงโอเคมั้ย "
“ อาขมจะไปไหน " หัวหอมเดินเข้ามากอดขาผมไว้ " กาลิคไม่อยู่กับอาภาพสองคนนะ กาลิคจะอยู่กับอาขมด้วย "
“ เห็นมั้ย ไม่ใช่กูเลี้ยงมันไม่ได้ แต่มันไม่ยอมให้กูเลี้ยงมันคนเดียวมากกว่า "
“ นี่มึงเล่นมุกนี้เลยเหรอ สัด " ยักไหล่ไหวๆ แต่ไอ้หัวหอมก็ยังไม่รู้ตัว ยังคิดว่าผมจะทิ้งมันให้อยู่กับไอ้ภาพสองคนเหมือนเดิม
“ อาขม อาขมอย่าทิ้งกาลิคไป กาลิคไม่อยากจะอยู่กับอาภาพสองคน "
“ ทำไมละ " ผมถาม
“ กาลิคกลัวอาภาพเอากาลิคไปทิ้งอีก " สายตากลมที่มองผม สองมือที่กอดขาไว้แน่น ท่าทางกลัวถูกทิ้งของผมไอ้ภาพก็ถอนหายใจออกมา
“ ตราบาปจนตายแน่มึง ไอ้ภาพเอ้ย " ตบไหล่ร่างสูงเบาๆ ผมย่อตัวลงบอกหัวหอม " มันไม่เอามึงไปทิ้งหรอก มันไม่กล้าหรอก ไม่ต้องกลัว ภาพก็สัญญากับมึงแล้วนี่ว่าจะไม่ทิ้งน่ะ " มันก้มหน้าลงแม้ผมจะพูดยังไงแววตามันก็ยังดูไม่ค่อยเชื่อใจในตัวไอ้ภาพเท่าไหร่ " หัวหอม "
“ กาลิคอยากจะอยู่กับอาขม แล้วก็อาภาพด้วย อยากจะอยู่กับทั้งสองคนเลย ไม่อยากจะอยู่กับแค่อาขมคนเดียว หรือว่าอาภาพคนเดียว กาลิคกลัว "
“ กลัวอะไรวะ ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลย "
“ กลัว กลัวว่าจะอาขมกับอาภาพจะพากาลิคไปให้คนอื่น พาไปให้คนอื่นแบบที่หม่ามี๊ทำ ก็กาลิคไม่อยากจะไปนี่น่า กาลิคอยากจะอยู่กับอาขมกับอาภาพ กาลิคมีความสุขแล้ว "
" ทั้งๆที่มึงมาอยู่กับกูแค่วันเดียวเอง อย่างงั้นเหรอ " ผมถามมันก็พยักหน้ารับ หัวใจผมราวกับถูกบีบรัดแน่นตอนที่ได้ฟังคำพูดของคนตรงหน้า แววตากลมที่สดใสหม่นหมองลงถนัดตา ราวกับว่ามันกำลังคิดถึงเรื่องราวแสนเศร้าของมัน
“ หม่ามี๊ชอบพากาลิคไปให้คนอื่น แต่ว่าไม่ว่าจะพาไปให้ใคร ก็มีใครสนใจกาลิคเหมือนอาขม อาภาพเลย มีแต่คนไม่ชอบกาลิค ไม่รู้ทำไม เค้าถึงไม่ชอบกาลิค แต่กาลิคจะเป็นเด็กของอาขมอาภาพนะ จะไม่งอแง จะไม่ดื้อ แต่อาขมอาภาพอย่าเอากาลิคไปให้คนอื่นเลยนะ อย่าทิ้งกาลิคไปนะ " ผมคว้ามันมากอดไว้แน่นในตอนนั้นผมไม่อยากจะรับฟังอะไรอีก อยากจะให้มันหยุดคิดถึงสิ่งเศร้าๆที่มันต้องเจอมาด้วย
“ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องคิดถึงมัน กูไม่ทิ้งมึงหรอกไม่ต้องกลัว ภาพเองก็ด้วย "
" อื้ม " ไอ้ภาพขานรับก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวมัน
" เราสัญญากันแล้วไง เกี่ยวก้อยแล้วไง มึงจำไม่ได้เหรอ "
“ กาลิค จำได้ " มันพยักหน้ารับ ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ เราไปซื้อของกันดีกว่า ของใช้เข้าบ้าน แล้วก็มื้อเย็น เย็นนี้กินไรกันดี "
ซื้อของใช้ส่วนของไอ้หัวหอมเรียบร้อย พ่วงด้วยของใช้ในบ้านที่ยังขาดอยู่ มื้อเย็นวันนี้เป็นไก่ทอดเคเอฟซีเช็ตใหญ่ เพราะผมกับไอ้ภาพแน่นอนว่าเราทำกับข้าวไม่เป็น ไอ้โมเม้นท์ซื้อของสดกลับไปทำกับข้าวให้มันกิน เพื่อโภชนาการแน่นอนว่าไม่มีทางเกิดอะไรแบบนั้นหรอก
แต่พวกกับข้าวง่ายๆ ผมยังพอทำได้ แต่ไอ้ภาพนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อีกอย่างเราไม่มีอุปกรณ์สำหรับทำครัวหรอก แม้จะมีครัวก็เถอะ ความขี้เกียจมันสูงมาก อาศัยกินข้าวมหาลัยก่อนกลับถ้าไม่มีตังค์ ไม่ก็ฝากท้องกับร้านในห้าง เป็นผู้ชายบอยๆที่ไม่สนใจอะไรพวกนี้โดยแท้จริง แดกได้ทั้งนั้นแหละ ไม่สนคุณประโยชน์ใดๆ ให้มันอิ่มก็พอ
“ ถึงบ้านแล้ว " หัวหอมเปิดประตูบ้านให้พวกผมขนของกันขึ้นมา วางของทั้งหมดลงที่พื้นหน้าห้องช้าๆ ก่อนจะลากตัวเองมานั่งบนโซฟาด้วยความเมื่อยล้า ของเยอะแต่ละโภบอยากจะขนให้หมดทีเดียวสองคนมันก็แบบนี้ ไอ้ภาพผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่มันที่นั่งข้างผม ไอ้หัวหอมก็ทำท่านวดๆ " อาภาพ กาลิคจะนวดให้ อาภาพจะได้มีแรง "
“ โอ๊ยๆ จะเป็นลมแล้ว " ผมแสดงท่าทางที่เหมือนจะเป็นลมอีกคนก็ หยิบกระดาษบนโต๊ะมาพัดให้เบาๆ
“ อาขม อาขมไม่เป็นไรนะ " มันว่าก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมานั่งบนตัก มือน้อยๆลูบแก้มผมก่อนจะหอมแก้ม " กาลิคเพิ่มพลังให้แล้วไม่เป็นไรแล้วนะ "
“ อื้ม " ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่กอดมันไว้ไอ้ภาพก็ท้วง
“ แล้วกูละ ไม่เห็นมึงเพิ่มพลังให้บ้างเลย ลำเอียงเหรอวะ "
“ อาภาพ ลำเอียงคืออะไร " คนโดนถามนิ่งผมก็หัวเราะ
“ ฮ่าๆ โดนเข้าให้แล้วครับ เซ็ตคำถามทำไม ชุด ลำเอียงคืออะไร "
“ ถามอาขมสิ " ไอ้ภาพโยนมาให้ผม ไอ้หัวหอมก็หันมามองหน้าผมเหมือนกำลังรอคำตอบ
“ อ้าว ไอ้สัด นี่มึงโยนขี้ให้กูเหรอ " หุบปากที่กำลังหัวเราะค้างอยู่แค่นั้น
“ อาขม ลำเอียงคืออะไร " คนอยากรู้รบเร้า ภาพก็หัวเราะ
“ ลำเอียงก็คือมันไม่เท่ากันไง " ผมบอก " สมมุติว่ามึงมีขนมอยู่ในถุงหลายชิ้น ถ้ามึงให้ภาพ สามชิ้น ให้กูชิ้นเดียว นั่นก็คือมึงลำเอียง "
“ รำเอียงไม่ใช่แบบนี้เหรอ " มือหนาตั้งวงรำก่อนจะเอียงตัว เด็กน้อยที่เพิ่งคำอธิบายไปจากผมก็ขมวดคิ้ว
“ อย่าไปสนใจคนบ้าเลยหัวหอม " ดึงหน้ามันให้มาสนใจผม
“ แล้วลำเอียงแบบนั้นคืออะไร " ผ่อนลมหายใจออกมา โอยยยยยย ไอ้เหี้ยภาพมึงแม่งงงง
" ฮ่าๆ " ไอ้ภาพหัวเราะ เสียงหัวเราะที่มีความสุข ยิ่งทำให้ผมยิ่งยั๊วะ คือกูยิ่งเหนื่อยๆอยู่ เพลียก็เพลีย ยังต้องมาเคลียร์มุกเหี้ยๆของมึงกับเด็กที่ไม่รู้ประสาอีกเหรอวะ สัด!
“ คือ.." ความโกรธของผมเหมือนกรุ่นขึ้นช้าๆ ตอนที่มองหน้ามันที่ยังหัวเราะไม่หยุด ราวกับภูเขาไฟจะระเบิด " คือการรำชนิดนึง รำคืออะไร คือ การแสดงศิลปะอย่างนึงของไทย การแสดงคืออะไร การแสดงก็คือการทำสิ่งต่างๆให้คนอื่นดู เหมือนกู " ผมง้างมือขึ้นสูง ตบลงไปแรงๆที่หลังไอ้ภาพแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
เพี๊ยะ!!
“ ไอ้เชี้ยยยยยยยขม! กูเจ็บ! ” มันร้องลั่น
“ คราวนี้มึงอยากรู้อะไร เพิ่มเติม ถามไอ้ภาพนะ กูจะไปจัดของละ " ลุกขึ้นจากโซฟาที่ตัวเองด้วยความหงุดหงิด
การตอบคำถามว่าทำไมเยอะๆ ชวนให้ผมอยากจะพ่นไฟออกมาแบบไม่มีสาเหตุ มันหงุดหงิด มันอยากจะหงิกมือทั้งยี่สิบของตัวเอง มันอยากจะตะโกนออกไป แบบ ' โอ๊ยยยย เชี้ย กูไม่รู้แล้วไอ้เหี้ยเอ้ยยย ไปถามคนอื่นไป เลิกถามกูสักทีเถอะ ' โดยไม่สนอะไร แต่ก็ทำไม่ได้ ไง นั่นเด็ก การตอบคำถามคือพัฒนาการของมัน แต่กูก็ทำใจตอบอะไรแบบนี้นานๆไม่ได้เหมือนกันเว้ย!!!
“ ขมโกรธมึงแล้วกาลิค มึงถามเยอะ "
“ ไม่ได้โกรธหัวหอม " ผมบอกก่อนจะชักสีหน้าใส่ไอ้ภาพ คือถ้ามึงไม่ทำเป็นรำเอียงๆ อะไรของมึงแม่งก็จบแล้วไง นี่ไม่จบก็เพราะมึงนั่นแหละ " กูโกรธมึงมากกว่า "
“ อ้าว เรื่องแค่นั้นอะนะ " มันว่า
“ เออ กูรำคาญ! “ ย้ำกับมันเต็มเสียง สีหน้าหงุดหงิดของผมชวนให้ไอ้หัวหอมมีท่าทีแปลกไป และเห็นทีว่าผมในตอนนี้ควรจะใจเย็นลงหน่อยแล้ว " กูไม่ได้โกรธมึงที่มึงถามนะหัวหอม มึงถามได้เพราะมึงอยากรู้ ก็ถามมาได้เลย แต่ไอ้ภาพไม่ช่วยอธิบายเหี้ยอะไรแล้ว ยังมีทำให้กูต้องอธิบายเพิ่มขึ้นอีก กูก็เลยหงุดหงิดไอ้ภาพ กูไม่ได้หงุดหงิดมึงนะ มึงถามได้ " เด็กน้อยพยักหน้ารับมันที่วิ่งจากโซฟามาหาผม สองมือที่กอดผมไว้
" อาขมอย่าหงุดหงิดกาลิคนะ "
“ ไม่หงุดหงิดมึงหรอก " ผมลูบหัวมันผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ อารมณ์ก็เริ่มเย็นลง " มานั่งนี่มา " อุ้มมันขึ้นมานั่งบนเก้าอี้กระดาษบิลที่อยู่ในกระเป๋า พลิกข้างหลังแล้วเขียนคำว่า ' ลำเอียง / รำเอียง ' ลงไป " สองคำนี้อ่านเหมือนกัน แต่เขียนไม่เหมือนกันก็เลยคนละความหมายกัน ลำเอียงอันแรก คือ มึงมีขนมอยู่หนึ่งถุง ให้ไอ้ภาพสามอัน ให้กูอันเดียว นั่นคือลำเอียง มันไม่เท่ากัน ส่วนอันที่สอง คือ รำเอียงแบบนี้ " ผมเปิดคลิปรำในมือถือแล้วยื่นให้มันดู " แบบนี้ เค้าเรียกว่า การรำ มันเอียงไปมา ก็เลย รำเอียง เข้าใจรึยัง "
“ เข้าใจแล้วครับ " หัวหอมยิ้มผมก็ขยี้หัวมัน
“ ต่อไปเวลามีสงสัยอะไรก็ถามกูได้นะ กูไม่ได้หงุดหงิดอะไรหรอก กูอยากจะตอบมึงทุกคำถามเลย " เพราะความเหนื่อย นอนก็น้อยเลยชวนให้หงุดหงิด แต่ต่อไปต้องหัดใจเย็นกว่านี้ ต้องอดทน จะให้เด็กต้องรู้สึกกลัวที่จะถามไม่ได้ หัวหอมต้องถามมันจะได้ฉลาดๆ
“ คิดว่าฝึกความใจเย็นไง อย่าหงุดหงิดน่า " เหลือบมองคนพูดที่ก็ไม่ได้รู้สึกใดๆ ขมวดคิ้วมองมัน ผมเบือนหน้าหนี
“ อย่าทำให้กูต้องเบื่อมึงมากกว่านี้เลยภาพ "
“ อะไรวะแค่นี้โกรธเหรอ เรื่องเล็กๆอะ มึงแม่งอย่าซีเรียสมากนักได้มั้ยวะ มึงตอบมันเอาฮาก็ได้ ไม่ต้องจริงจังหรอก " ผมเงียบขี้เกียจจะเถียงกับมัน
เปิดถุงของที่ซื้อมาจากห้างเอาของกินมาไว้บนโต๊ะ จัดการแยกของใช้ในห้องกับของไอ้หัวหอมไว้คนละส่วนกัน เสื้อผ้าที่ต้องเอามาแยกส่งซักนั่นก็ด้วย
" นี่มึงโกรธจริงเหรอวะ " ไอ้ภาพเดินเข้ามาถามมือหนาดึงไหล่ผมให้หันไปเผชิญหน้า ผมเดินเลี่ยงมาในครัวเอาของที่ต้องเอาเข้าตู้เย็นมาจัดใส่ให้เรียบร้อย มันที่เดินตามมา " ไอ้ขม "
“ กูเหนื่อยภาพ " ผมบอก " มึงคิดว่ามันสนุกเหรอเลี้ยงลูกน่ะมึง มันไม่ใช่เลี้ยงหมานะเว้ย ที่มันจะไม่มีความคิด พูดไม่ได้ มึงจะเชยชมมันแค่ตอนที่มันทำท่าน่ารักๆไม่ได้ มันไม่ได้ง่ายเลี้ยงเด็กน่ะ "
“ แต่มึงก็ไม่เห็นต้องซีเรียสขนาดนั้น "
“ ชีวิตคน มึงจะให้กูทำเล่นๆได้ไง " อีกคนเงียบ " ถ้าไม่ช่วยกันก็อย่าสร้างภาระให้กูเพิ่ม มันไม่ได้ตลกนะมึงที่กูต้องตอบคำถามที่กูรู้แล้ว แต่ต้องตอบให้เด็กเข้าใจน่ะ มันไม่ตลก "
“ ก็ตอนแรกเห็นมึงขำ " ยังจะเถียงอีก
“ อะไรที่มากไปมักไม่ดีหรอก ยกเว้นเงิน " สายตาคมหลบหน้าไปอีกทางมันที่เหมือนอยากจะเถียงต่อตามนิสัย ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่มัน " ภาพ มึงโตจนมีลูกแล้วนะ เล่นก็ได้ แต่ต้องจริงจังบ้างสิวะ "
“ มึงอาจจะมองว่ากูเถียง แต่กูมองว่ามึงจริงจังมากเกินไป ในการตอบคำถามกาลิควะ " มันว่า " กูรู้ว่ามันต้องตอบเพื่อพัฒนาการอะไรนั่น แต่มึงที่จริงจังกับการหาคำตอบขนาดนั้นเหรอวะ เล่นตลกๆก็ไม่ได้เหรอ กูว่ามันจะไม่ใช่เปล่าวะ รีเร็กหน่อยสิวะ อย่าขี้หงุดหงิด มึงเครียดมากไปแล้วนะเว้ย " สองมือจับไหล่ผมก่อนจะบีบเบาๆ " พักก่อนมั้ย มึงเหนื่อยเกินไปรึเปล่า " มือที่เอื้อมขึ้นมาตบเบาๆที่หัว มือที่กำลังจะลูบแต่เปลี่ยนลงมาจับที่ไหล่แทน " กูรู้ว่ามึงทำอะไร มึงจะจริงจังแต่กาลิคถ้ามันจะรับรู้ถึงความจริงจังของมึง มันจะเครียดเอานะ " หันมองไอ้หัวหอมอยู่สักพักก่อนจะหันมาสบสายตากับอีกคน
“ กูคงเหนื่อยไปอะ " การตอบคำถามมากๆอาจจะทำให้ผมหงุดก็เป็นได้เพราะจริงก็อย่างที่มันบอก ก่อนหน้านี้ยังหัวเราะมีความสุขอยู่เลย แล้วยิ่งไอ้ภาพมาโยนคำถามที่รู้สึกว่าต้องตอบยาวอีกเป็นพรืดๆ ก็หงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเพราะไม่อยากจะตอบแล้ว " โทษที "
“ เลิกจัดของแล้วไปแดกก่อนไป " มันกอดคอผมเดินมาที่โต๊ะ ดึงให้นั่งลง ไอ้ภาพเดินไปหยิบจานแล้วก็ช้อนมาให้เรา จัดการตักข้าวให้กาลิคพร้อมกับไก่หนึ่งชิ้น ซึ่งมันก็กินแบบว่าง่าย
หลังมื้ออาหารเย็นจบลง ผมก็ล้าจานทั้งหมดแล้วก็เก็บของทั้งหมดที่ซื้อมาเรียบร้อย เสียงทีวีที่ดังอยู่หันไปมองไอ้ภาพที่นั่งดูการ์ตูนกลับหัวหอมผมก็เอ่ยเรียก " ไอ้หัวหอม อาบน้ำนอนได้แล้ว "
“ แต่ว่ากาลิคยังดูการ์ตูนไม่จบเลย อาขมมานั่งดูด้วยกันก่อนสิ นั่งนี่นะ นั่งๆ " เอื้อมมือตบที่ข้างตัว ผมก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินลงไปนั่งข้างๆมัน " การ์ตูนที่ฉายอยู่ตรงหน้าเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องที่ผมคุ้นเคยดี คือ โปเกม่อน
“ นั่นมันยังมีโปเกม่อนฉายอยู่อีกเหรอวะ "
“ ในช่องการ์ตูนไง " ไอ้ภาพบอก ผมก็พยักหน้ารับ จับได้ว่าเมื่อก่อนติดมากต้องดูทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ติดจนสะพายเป้กับไอ้ภาพสองคนแล้วตามหาโปเกม่อนกันในหมู่บ้าน หลุดหัวเราะออกมาก่อนที่เพลงจบตอนจะดังขึ้นมา ผมลุกขึ้นจากที่นั่งมองคนที่คิดว่าอีกเดี๋ยวต้องต่อรองดูอีกเรื่องแน่ๆ
“ อาขม กาลิคอยากจะดูการ์ตูนอีก "
“ ไม่ได้ มึงต้องไปอาบน้ำแล้ว ก็บอกว่าเรื่องนี้จบไง นี่ไง จบแล้ว คราวนี้ก็อาบน้ำได้แล้ว " บอกมันที่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน ไอ้ภาพก็ยืนขึ้นมันขยำกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะจนกลมก่อนจะโยนใส่ผม
“ ข้าเลือกเจ้าไอ้ขม ใช้ท่าไม้ตายพลังมนุษย์แม่ อุ้มกาลิคไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ "
“ เชี้ยไรของมึง " หลุดพูดออกมาก่อนจะยิ้มขำมันที่ก็ตั้งท่าเหมือนการ์ตูนอย่างดี " ไอ้บ้า ฮ่าๆ "
“ รับมุกสิไอ้สัด " มันพูดเสียงเบาๆตอนที่ก้มลงมองหัวหอม คือกูต้องบ้าไปกับมึงด้วยใช่มั้ย แล้วพลังมนุษย์แม่ของมึงนี่เป็นยังไงละไอ้เหี้ยกูจะรู้มั้ย
“ แล้วต้องรับมุกยังไงละ " ตอบมันเสียงเบาๆ " พลังมนุษย์แม่ ของมึงเป็นยังไงละไอ้เหี้ย "
“ อย่าเข้ามานะ !! “ โปเกม่อนตัวจิ๋วของไอ้ภาพวิ่งออกไปแล้ว ผมที่ยืนงงตรงนั้นอีกคนก็บอก
" วิ่งจับมันสิ ไอ้ขม จับมันไปอาบน้ำ " หันมองไอ้หัวหอมที่วิ่งวนไปมาผมก็เริ่มวิ่งตามจับมัน " ไปเลย ไอ้ขม จัดการมันซะ ฉันเลือกนายแล้ว "
“ อย่าน้าาาาาาาาา อย่าจับกาลิค พลังสายฟ้า " มือเล็กๆทำท่าโยนออกมาใส่ผม ที่ก็ทำท่าหลบ... แล้วทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ สัด
“ ไม่โดนหรอก หลบทัน เว้ย มานี่เลยยยยยย "
“ สู้เค้า ปิจาจูขม "
“ จ๊ะ อีซาโตชิภาพ " หันไปมองแรงใส่มันที่ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังๆ ผมวิ่งไปดักหน้าไอ้หัวหอมที่กำลังจะวิ่งมาก่อนจะคว้าตัวมันมากอดไว้แน่น “ มานี่เลย มาอยู่ในมอนเตอร์บอลซะ " ร่างเล็กดิ้นไปมาก่อนจะสงบลง นี่ก็ทำเหมือนโปเกม่อนทุกอย่าง ผมหลุดยิ้มเอ็นดูมัน
“ กูจับมึงได้แล้ว คราวนี้กูจะสั่งอะไรก็ได้ถูกมั้ย " ภาพบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ จะว่าไปมันก็ฉลาดเว้ย เออ เข้าท่า " กูสั่งให้มึงไปอาบน้ำแล้วเข้านอนได้แล้วไป "
“ แต่ว่า แต่ กาลิคอยากจะเป็นคนจับบ้างอะ กาลิคอยากเป็นซาโตชิบ้าง " มันท้วง
“ พรุ่งนี้ๆ เป็นกันคนละวันนะ วันนี้เป็นโปเกม่อนไปก่อน ไปอาบ้ำได้แล้วไป " ภาพบอกมันก็พยักหน้ารับแบบว่าง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ
อุ้มอีกคนเข้ามาในห้องตอนที่วางลงในตู้อาบน้ำ หัวหอมจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะยื่นให้ผม เปิดฝักบัวอาบน้ำด้วยตัวเอง ผมหันหลังเอาเสื้อใส่ในตะกร้าอีกฝ่ายกปิดน้ำเดินออกมาจากตู้อาบน้ำแล้ว
“ อาบเสร็จแล้วครับ "
“ เดี๋ยวๆ มึงเร็วไปนะกูว่า " ผมบอก " ไปอาบใหม่เลยอะไรกูแค่เดินเอาเสื้อใส่แล้วไปใส่ไว้ในตะกร้ามึงอาบเสร็จละ "
“ สะอาดแล้ว " เสียงเถียงที่ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อสบู่คงยังไม่ได้ถูหรอก
“ อาบน้ำ มาๆ กูอาบให้ " ดึงมันเข้าไปในห้องอาบน้ำอีกรอบ จัดการเปิดน้ำแล้วกดสบู่เหลวของเด็กถูให้เรียบร้อย ผมจจัดการสระผมคนที่ยืนนิ่งๆก็เอามือจับกำแพงไปเรื่อยเปื่อยๆ เสียงฮัมเพลงดังเบาๆ" คราวนี้ก็แปรงฟัน " หยิบแปรงบีบยาสีฟันยื่นให้มันอีกคนก็แปรงไปเรื่อยๆ " แปรงให้ทั่วนะมึง "
“ อื้ออ " มันขานรับพลางยื่นแปรงที่แปรงแล้วให้ผมหลังจากแปรงเสร็จจัดการล้างแปรง ล้างตัวเรียบร้อยก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาห่มให้อีกคน
“ ออกไปแต่งตัวได้เลย "
“ หนาววววววว " มันร้อนบอกตอนที่ออกมายืนนอกห้องน้ำแค่แปปเดียวแล้ววิ่งกลับยืนในห้องน้ำที่เดิม มือเล็กๆปิดประตู " กาลิคหนาว กาลิคไม่ออกไปหรอก "
“ ไม่ออกไปจะยิ่งหนาวนะ " ผมขู่ก่อนจะก้มลงอุ้มมัน " กอดกูไว้ แล้วรีบแต่งตัวไม่หนาวหรอก " วางมันลงบนเตียงอีกคนก็ไม่ยอมออกห่างไปไหน ผมทาแป้งให้มัน " ทาแป้งที่หน้าก่อน ยืนขึ้นดีๆ "
“ กาลิคหนาวววว หนาวจังเลยอาขม กอดกันนะ " เพราะมันไม่ยอมให้ทาดีๆเลยต้องทาแบบตามมีตามเกิดไปแบบนั้นไม่รู้ไปปะส่วนไหนบ้างแต่ช่างมันเถอะ คราวนี้ก็ใส่ชุดนอน เป็นชุดนอนที่เพิ่งซื้อวันนี้แหละ กางเกงในก็ด้วย
“ เรียบร้อย เสร็จแล้ว หายหนาวยัง "
“ หายหนาวแล้วนิดนึง " มันว่าก่อนจะยืนขึ้นเต็มตัว แป้งขาวที่ติดอยู่บนหน้า ไม่ต่างอะไรกับ ตกกระป๋องแป้งมาเลยเอาจริงๆ
" คราวนี้ก็นอนได้แล้ว กูจะอ่านหนังสือการ์ตูนให้ฟัง อยากจะฟังเปล่า "
“ อยากครับ " มันลงไปนอนห่มผ้าเรียบร้อยแบบกระตือรือร้น ผมที่เปิดหนังสือการ์ตูนแบบสามมิติเล่มใหญ่ขึ้นมา มันก็ตื่นตาตื่นใจใหญ่ " โหหห สวยจัง"
“ สวยใช่มั้ยละ " พยักหน้ารับด้วยความสนใจผมปิดไฟในห้องเหลือแต่โคมไฟเอาไว้ เสียงขึ้นต้นชวนลุ้นต่อด้วยน้ำเสียงขึ้นลงจนจบเรื่อง ผมปิดหนังสือลงแต่คนที่คิดว่าควรหลับกลับยังคงนั่งมองผมตาแป๋วอยู่เลย " ไม่มีอาการง่วงเหรอเหรอมึง หลับตามั้ย "
“ ต้องนอนแล้วเหรอ "
“ เด็กดีก็ต้องนอนแล้วละ สามทุ่มแล้ว ยังไม่ง่วงเหรอมึงน่ะ วันนี้เที่ยวทั้งวันน่าจะง่วงนะ " ลูบผมนุ่มๆให้ไปทางเดียวกัน ก่อนที่มือเล็กๆก็ดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้ " กูยังไม่ได้อาบน้ำนะ หัวหอม ไม่เหม็นรึไง "
“ ไม่ครับ อาขมหอม " มันว่าแล้วก็กอดผมแน่นขึ้น " กาลิครักอาขม อยากจะอยู่กับอาขมตลอดไป "
“ กูก็รักมึงนะหัวหอม " ก้มลงหอมลงที่ผมนุ่มๆ แววตากลมก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“ กาลิคมีความสุขที่ได้อยู่กับอาขม อาขมมีความสุขที่ได้อยู่กับกาลิคมั้ย "
“ มีสิ " ผมบอก แม้จะเป็นความรู้สึกที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิต แม้ยังไม่รู้ว่าตัวเองยังจะต้องปรับตัว หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ก็มีความสุขดีที่มีมึงอยู่
......................................................
แต่งไปแต่งมาคล้ายๆ จะต้องเปลี่ยนชื่อเป็น ครอบครัวใหม่หัวใจติดปีก
ให้ฟิวลิ่งแบบ พ่อแม่ไม่พร้อมจะมีบุตร แต่บังเอิญมี ก็วุ่นวายกับการมีบุตรเอามากๆ ตั้งตั้งสติ ต้องข่มอารมณ์
จริงๆเราอยากจะเขียนให้ หัวหอม หรือน้องกาลิค เป็นเด็กซนๆนะ ขี้อ้อน น่ารักๆ นะคะ แต่.. ยังไม่ถึงเวลา
ขอให้ภาพกับขมปรับตัวให้ได้มากกว่านี้หน่อยนึง ดีมั้ยย เพราะยังมีเรื่องสนุกๆรออยู่ อีกมากก
สุดท้ายนี้ ฝากแท็ก #มมชลก ในทวิตด้วยนะคะคนดี
เจอกันตอนหน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า