23
“พี่พี่สวัสดีครับ” ผมหันไปพยักหน้ารับไหว้เด็กปีหนึ่งคณะวิศวะ คณะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลยแต่ดันโดนเคารพเหมือนเป็นรุ่นพี่ประจำคณะเพราะมาสาระแนหน้าบ่อย คิดว่าถ้าหญิงไม่เลือกแอตมาคณะนี้ผมก็คงไม่มีทางมาเหยียบอย่างแน่นอน
นอกจากรุ่นพี่มันจะกวนส้นตีนแล้วรุ่นน้องแม่งก็ยังพอๆกัน เหมือนส่งถ่ายความกวนส้นตีนแบบรุ่นสู่รุ่น ดีนะที่หญิงไม่ได้ซึมซับโรคพวกนั้นมาจากรุ่นพี่บ้าง ไม่งั้นคงปวดหัวตายห่า
ผมนั่งไถมือถือรอหญิงประชุมภาคอยู่ใต้ตึกแต่อยู่ดีๆก็มีคนเดินมานั่งตรงข้ามผม พอเงยหน้ามองก็แทบจะตีนลั่นเตะแม่งตกโต๊ะ
“มึงมานั่งทำไมไอ้หมอ”
“กูก็ไม่ได้อยากนั่งนักหรอก”
“ก็ย้ายไปดิไอ้สัส เก้าอี้ตัวนั้นกูจองแล้ว”
“ไหน ไม่เห็นจองเลย”
“หมึกล่องหน”
“กูหล่อ กูนั่งได้”
เนี่ย... ก็รุ่นพี่แม่งเป็นแบบนี้ไง
“รำคาญลูกตาไอ้สัด ทำไมกูต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับมึง ไปนั่งที่อื่น” โต๊ะคณะมันมีเป็นสิบเสือกมาเลือกนั่งตัวนี้ กวนตีนไหมหล่ะครับถามใจ
“กูมีเรื่องจะถาม” ผมนี่กรอกตาดำทันที
“มึงจีบหมามึงติดแล้วไม่ใช่หรอยังจะมาถามอะไรกูอีก”
“มึงได้กับหญิงยังวะ”
ปึ้ง!!
ผมฟาดโต๊ะเข้าเต็มแรงแล้วกระชากคอเสื้อไอ้หมอทันที ไอ้หมอทำหน้าเบื่อเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมต้องทำแบบนี้
“ถามเหี้ยอะไรของมึง”
“ไอ้สัดพี่ พักรบกับกูหน่อย นี่เรื่องจริงจังในชีวิตกูนะมึง ดูหน้ากูที ตาดำไม่ได้นอนมาทั้งเดือนแล้ว” ไอ้หมอปัดมือผมออกแล้วนั่งลงตามเดิม ไม่ลืมตบโต๊ะป้าปๆให้ผมนั่งลงอีกต่างหาก จากหน้ามันก็ดูโทรมจริงๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหญิงวะ
“ถามคำถามล่อตีนนะมึง”
“ไอ้สัด กูถามเพื่อเอาประสบการณ์โว้ย!!” ไอ้หมอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมเลยต้องเอาหน้าหนี ผู้ชายตัวเท่าหมีสองคนมาทำกระซิบกระซาบกัน ขนลุกจะตายห่า
“ยัง น้องมันยังไม่จบมหาลัยเลย”
“ห๊ะ!! นี่มึงยังอีกหรอ!! “
“กูไม่ได้หื่นกามแบบมึงนะไอ้หมอ”
“แล้วถ้าหญิงอยากรู้อยากเห็นแล้วไปลองกับคนอื่นหล่ะมึง”
“กระทืบไม่เลี้ยง”
“กระทืบไอ้คนนั้น?”
“กระทืบมึงเนี่ยไอ้เหี้ย!! ปั่นทำส้นตีนอะไร หญิงไม่ใช่เด็กแบบนั้น” ไอ้หมอไถตัวลงกับโต๊ะแบบหมดแรง แล้วเรื่องที่ทำให้หมดแรงก็โคตรจะไร้สาระเลย แต่เอาเถอะครับ ด่ามันมากไม่ได้เดี๋ยวเข้าตัวอีกอย่างไอ้หอก็ไร้สาระแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอเห็นผมช่วยอะไรไม่ได้มันก็ลุกออกไปแบบเซ็งๆ คิดว่าในที่สุดก็ได้นั่งรอแบบเงียบๆที่ไหนได้พอมันลุกออกไปไม่ถึงนาทีไอ้มงคลก็เดินบิดตูด บิดสะโพกโยกเอวลงจากตึกมากอดผม
“ผัวขา มารอเมียน้อยหรอออออ” พุงนี่เบียดมาเต็มแขน แต่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แม่งเป็นตุ๊ดคนเดียวที่กล้าเล่นถึงตัวขนาดนี้กับผมเพราะเรามาจากโรงเรียนเดียวกันตอนมัธยม ไอ้มงกอดคอผมบิดซ้ายปิดขวาแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเอาหัวพิงไหล่ผม หนักชิบหาย
“เลิกแล้วใช่ไหมวะ หญิงหล่ะ”
“ยังอ่ะ พวกสต๊าฟเชียร์ประชุมต่อนิดหน่อย”
“คณะมึงนี่วุ่นวายเนาะ” คณะวิศวะนี่เป็นคณะที่ระบบพี่น้องอะไรของพวกมันแข็งแกร่งมากครับ หล่อหลอมมาด้วยความไร้สาระล้วนๆเสือกแข็งแร่งกันแบบงงๆ กิจกรรมภาคกิจกรรมคณะนี่เยอะจนสงสารหญิง แบ่งเวลาทั้งเรียนทั้งเล่นจนไม่ค่อยได้นอน
“สงสารเมียน้อยผัวจริงว่ะ เป็นเฮดภาคก็เหนื่อยเลยแหล่ะ กูเห็นมันจะหลับตั้งแต่ประชุมละ ปีนี้มหาลัยออกกฏรับน้องมาเยอะมันเลยต้องช่วยน้องปีหนึ่งคิดว่าจะรับเด็กที่เข้ามาใหม่ยังไง” พูดแบบนี้ชักสงสารแต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับน้องมันครับ เลือกจะเป็นเฮดภาคแล้วก็ต้องทำตามหน้าที่
“แล้วมึงหล่ะ”
“โอ๊ย สันทนาการอย่างเมียหลวงก็เต้นไปวันๆเนี่ยแหล่ะค่ะ ค่อยนัดประชุมพวกปีหนึ่ง ไม่สิ ต้องเรียกพวกมันปีสองได้ละ เออ ค่อยนัดพวกมันมาซ้อมอีกทีนึง ไม่หนักเท่าเมียน้อยมึงหรอก” บ่นปอดบ่นแปดแต่ก็แอบเห็นความรักคณะของมันอย่างชัดเจน เริ่มจากการที่มันไม่แต่งหน้ามาก่อนเลยแสดงว่าไม่ได้นอนเลยตื่นมาแต่งหน้าไม่ทัน ผมยกมือขึ้นลูบหัวไอ้มงเบาๆ
“มึงนี่โคตรเหมือนเดิมเลยไอ้มง”
“ปากหรือส้นตีนคะผัว มงคลไร มงลง! ”
“พักบ้างนะมึงอ่ะ”
“อย่าอบอุ่นมากค่ะอีพี่ กะเทยหวั่นไหวไม่ตลกนะคะ” ไอ้มงงัดหัวมันขึ้นจากไหล่ผมแล้วเบ้ปาก ไอ้นี่มันเป็นตัวสร้างสีสันมาตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมแล้วครับ มันแฮปปี้กับเวลาคนยิ้ม แต่ก็ชอบโดนรุ่นน้องหลอกคบเอาเงินให้มาร้องไห้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ ปัจจุบันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปครับ มันยังคงร้องไห้กับเรื่องเดิมๆให้ผมต้องขับรถออกไปนังกินเหล้าเป็นเพื่อนตลอด มันเป็นอีกคนนึงที่หลายคนมักจะเมินความรู้สึกมัน อย่างตอนมันโดนบังคับให้ประกวดเดือน มันไม่อยากแต่งแมนๆแต่โดนรุ่นพี่บังคับเลยมาขอร้องให้ผมทำเหมือนจะกระทืบมันตลกๆให้มันลงจากเวทีผมก็ทำให้แลกมากับการโดนจับเป้าจริงๆจากมัน ไอ้เวร
“พี่พี่ สวัสดีครับ พี่มง สวัสดีพี่” ผมพยักหน้ารับไหว้ไอ้ลูกหมาของไอ้หมอ เตี้ยจริงๆครับไอ้นี่ เดาว่าหัวยังไม่พ้นไหล่ผมเลยมั้ง มันนั่งลงตรงข้ามผม ที่เดิมกับที่ไอ้หมอเพิ่งมานั่งไป ไอ้ตัวเล็กหันซ้ายหันขวาก่อนนะค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาหาผม ท่าทางเหมือนไอ้หน้าตีนหมาที่เพิ่งลุกไปเมื่อสิบนาทีก่อนเป๊ะๆ
“ทำหน้าทำตาดูขี้เสือกนะคะน้องอู้”
“ผมมีเรื่องจะมาถามอ่ะ แต่พี่ต้องเก็บเป็นความลับนะ”
“ถามกู?”
“ทั้งพี่พี่ทั้งพี่มงเลย”
“พี่ด้วยหรอคะ? ทำไม น้องอู้สนใจอยากเป็นกะเทยหรอ”
“ไม่ใช่พี่ บะ แบบ แบบว่า แบบเอ่อเพื่อนผมฝากมาถาม เรื่องแบบผู้ชายด้วยกัน เรื่องบนเตียงอ่ะพี่” ไอ้ห่าว่าแล้ว ผมกรอกตาบนแบบเบื่อหน่าย พวกมึงเห็นกูเป็นอะไรวะเนี่ยทั้งผัวทั้งเมีย
“ว้ายตายแล้ว ลามกจกเปรตเศษขยะมากค่ะ พี่กลัว”
“เพื่อนผมฝากถาม!!! เพื่อนผมพี่เพื่อนผม“ ล่กใหญ่ครับล่กใหญ่ ไอ้เด็กตรงหน้ารีบแก้ตัวจนลิ้นพันกัน
“ทำไมเพื่อนมึงกลัวหรือไง?”
“ก็แบบ แบบ อยากรู้ว่าเจ็บไหม อะไรแบบเนี้ยอ่ะพี่” ผมเตรียมอ้าปากจะตอบว่าแหกแน่นอนกูรับรอง กะให้ไอ้เด็กเตี้ยนี่กลัวจนไอ้หมอเหี่ยวแห้งตายคาเตียงไปซะ แต่ไอ้มงก็พูดขัดเสียก่อน
“อู้ยยย ไม่เจ็บเลยค่ะน้องอู้ พี่ผ่านมาแล้วพี่กล้าพูด”
หรอวะ...
ใช่หรอวะ...
“จริงหรอพี่มง แต่ผมเห็นมีแต่คนบอกว่าเจ็บเหมือนเอาแครอทยัดจมูก”
ห๊ะ...
แครอทยัดจมูก?
“มโนล้วนค่ะ พี่บอกเลยว่ามดกัดมากๆ ไม่เจ็บเลยซักนิดเดียวออกจะฟินเสียมากกว่า แบบมันแปล๊ปๆเหมือนเอานิ้วก้อยแคะขี้มูก แต่ถ้าเกิดน้องอู้เจ็บนะคะ แค่บอกพี่หมอว่าเบาหน่อยครับ ผมเจ็บครับ อย่าครับพี่ อ้อนทั้งน้ำตา รับรองมุกนี้ร้อยทั้งร้อย หยุดแน่นอนค่ะ” ไอ้มงหลอกเด็กเบอร์ร้อย ไม่เจ็บก็แย่แล้วแหล่ะ แล้วไอ้เด็กตรงหน้าก็ดันเชื่ออีกต่างหาก
“แน่เลยหรอครับ เห้ย! ผมหมายถึงเพื่อนผมพี่ไม่ใช่ผม!! “
“นั่นแหล่ะค่ะ เพื่อนน้องอู้ก็เพื่อนน้องอู้”
“ขอบคุณมากพี่ ผมไปละ แต่ห้ามบอกใครนะพี่ว่าเพื่อนผมถาม”
“จ้า ไปเถอะจ้า” แล้วไอ้เด็กเตี้ยก็หันมาไหว้ผมแล้ววิ่งออกไปหากลุ่มเพื่อนมันทันที
“มึงก็หลอกเด็กมันไอ้มง”
“ถือว่าทำบุญให้พี่หมอมันหน่อย ช่วยงานภาคกูเยอะ ไม่งั้นรอเป็นชาติไม่ได้แดกน้องมันหรอก”
“พี่” ผมเงยหน้าเมื่อโดนเรียก ปรากฏเป็นหญิงยืนตาปรือโงนเงนอยู่ ผมลุกขึ้นไปขยี้หัวน้องที่รีบซบลงมาที่ไหล่ผมทันทีที่ผมถึงตัว เมื่อวานแทบไม่ได้นอนเลยเพราะมันมีสอบก่อนประชุม เลยอ่านหนังสือสอบจนเกือบเช้า ผมหันไปบ๊ายบายไอ้มงที่ทำหน้าเหม็นความรักอยู่ที่โต๊ะแล้วลากหญิงขึ้นรถท่ามกลางสายตานิสิตทั้งหลาย แต่ก็ชินแล้วครับ มองได้ก็มองไป
หญิงพอขึ้นรถก็พิงหมอนไข่สีเหลืองๆหลับไปเลย ผมได้แต่ขยี้หัวน้องด้วยความเอ็นดูซึ่งก็ได้รับเสียงอื้อเป็นการด่าในลำคอไปหนึ่งทีก็เลยต้องเลิกยุ่ง ระหว่างขับรถออกมาก็สวนกับรถไอ้หมอที่กำลังรอรับลูกหมาของมันอยู่พอดี
หึ...
ก็ขอให้โชคดีแล้วกัน...
.
.
.
กลับมาที่ผมนายแพทย์คนหล่อคนเดิม เพิ่มเติมคืออยู่ทะเลจำได้ใช่ไหมครับว่าของรางวัลในแบล็กบอกซ์เนี่ยมันมีนอกจากรูปโพลารอยด์โง่ๆนั่นแล้วมันก็ยังมีตั๋วไปมัลดีฟด้วย ฟังดูแล้วอยากอุทานคำหยาบว่าทำไมลงทุนขนาดนั้น วันนี้ผมก็ได้รู้เลยครับว่าอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจงบมหาลัย อืมครับ ตอนนี้ผมก็มาอยู่ที่
...พัทยา
แม่งงบหมด เปลี่ยนเป็นที่พักพัทยาแทน มึงมีความตัดงบหน้าด้านๆจากมัลดีฟเป็นพัทยาแล้วจากความหวังว่าผมจะได้พาไอ้อู้เล่นทะเลสองต่อสองที่หาดทรายสีขาวกับกระท่อมเล็กๆก็กลายเป็น
“ไอ้พี มึงถ่ายรูปกูให้ดูคูลหน่อย เอาแบบให้กูดูเข้ากับธรรมชาติได้ดี”
“ไอ้ห่าเติ้ล มึงจะเข้ากับธรรมชาติยังไงวะ”
“เนี่ย เดี๋ยวกูเอาเปลือกหอยมาแนบหน้า มึงถ่ายยังไงก็ได้ให้คนสับสนอันไหนหอยอันไหนหน้ากู”
“กูว่าถ่ายยังไงให้มึงหน้าเหมือนส้นตีนพี่แป๊ะยังง่ายกว่า เนี่ย เหมือนแล้ว!!”
“เอ้า เกี่ยวไรกับกูวะไอ้น้องพี”
พัง...
แม่งมากันทั้งคณะ เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจากเล่นตลกในม.มาเป็นเล่นตลกริมทะเล ผมเหลือบตามองไอ้โยที่ยืนคุยหนุงหนิงอยู่กับเด็กเลี้ยงควายที่ดูมีซัมธิงอะไรกันบางอย่างมาตั้งแต่ตอนไปค่าย เด็กคณะแปลกคนเดียวที่จู่ๆก็โผล่มาในทริปแบบงงๆ ถึงจะเหม็นที่มันมาด้วยแต่ก็วางใจไปหน่อยที่อู้ไม่ใช่ทาร์เก็ตของมันแล้ว
“พี่หมอ กินป่ะ” ไอ้อู้ยื่นหนวดปลาหมึกในมือมาให้ผมถึงปาก ฮุ่ย หงุดหงิดก็จริงครับ แต่พอหันมาเจอไอ้ลูกหมาในชุดเสื้อฮาวายสีแดงดูเป็นทัวร์จีนแล้วก็อดเอ็นดูจนหายหงุดหงิดไปหมดไม่ได้ หลงขั้นสุด ทั้งๆที่มันใส่เสื้อมาเหมือนไอ้แป๊ะแต่ผมกลับคิดว่าไอ้แป๊ะใส่แล้วเหมือนพวกคุณลุงในงานรดน้ำดำหัวมากกว่า
ตอนนี้เราก็มาอยู่ที่ชายหาดหน้าที่พักครับ นั่งชิวกินอาหารทะเล เหมือนเกินวัยจะเล่นน้ำแล้วแถมเพิ่งกลับมาจากรับน้องทะเลประมาณอาทิตย์กว่าๆเอง เลยได้แต่นั่งมองไอ้พวกปีหนึ่งถ่ายรูปกันอยู่ตรงหาด ไอ้โยที่เพิ่งลงทุนถอยกล้องมาใหม่ก็ไปยืนถ่ายรูปให้พวกมัน ถึงหลักๆจะเป็นการตามถ่ายเด็กเลี้ยงควายต้อยๆก็ตามที
“ไอ้เชี่ยพี่แป๊ะ ผมไม่เล่นน้ำ!!” ผมหันไปมองเพื่อนไอ้อู้ที่กำลังโดนหิ้วปีกเตรียมโดนทุ่มลงทะเลอยู่
“ไอ้เติ้ลมึงต้องคนจริงแบบกูสิวะ”
“พี่แป๊ะมึงคนจริงตรงไหนวะ!!”
“ก็บั้งอั๊วะอยู่เยาวราช”
“นั่นคนจีน!!!”
“พ่ามพ้าม!!”
“แน่จริงพี่อย่าให้ไอ้พีไอ้ปันช่วยพี่เด่ะ มาเลโก้กับผมดีกว่า”
“เลโก้ไรวะเติ้ล”
“ตัวต่อตัว!!”
“...”
“อันนี้ไม่ตลกอ่ะเติ้ล”
“อ่ะไอ้สัดปัน นี่มึงเชียร์ใคร”
“ฑิคัมพร”
“...”
“...”
เห้อ แค่จะโยนลงทะเลมึงก็ยังต้องเล่นมุกจริงๆหรอวะ
ไร้สาระจนขี้เกียจมอง ผมย้ายลูกตาดำมาหาของน่าสนใจข้างๆแทน ไอ้อู้นั่งจิ้มนู่นจิ้มนี่กินแก้มป่อง เห็นแล้วมันน่าเหมากุ้งให้กินแก้มป่องที่บ้าน
...แต่บนเตียงนะ
อ่ะชิบหายแล้ว แค่ความคิดก็ลามกแล้วกู
“ไมทำหน้าหิว กินป่ะ ผมแกะให้”
“อยากกิน”
“กุ้งหรือหมึกอ่ะ”
“กินมึงอ่ะ”
อ่า...
ได้รับเป็นหมัดจากกุ้งงอนหนึ่งปั้กที่ไหล่เต็มแรง
“ไอ้ห่าพี่หมอ” มีที่ไหนวะ ด่ากันแต่แก้มแดง โคตรน่ารักเลย
“มึงนี่น่ารักชิบ-“
“แม่งงง ไอ้อู้ พี่แป๊ะจะโยนกูลงน้ำ ไอ้เหี้ย” ยังไม่ทันได้เต๊าะไอ้อู้ เพื่อนมันก็กลับมานั่งที่กันเสียก่อน ผมเลยต้องผละออกจากการยื่นหน้าไปใกล้ ขัดจังหวะจนอยากพ่นกุ้งใส่หน้า
“อื้อ” ไอ้อู้มัวแต่แก้มแดงจิ้มกุ้งแก้เก้อครับ
“ตอบแค่อื้อเนี่ยนะ มึงเปิดโหมดประหยัดคำหรอ มึงช่วยเห็นใจกูหน่อย กูจะโดนรังแก ทั้งที่เป็นคนใจบุญสุนทาน คุณธรรมนำพุง ปกป้องคนท้องและดูแลคนชรา รักเด็ก รักธรรมชาติ รักน้ำ รักปลา รักซากุระขนาดนี้ แม่งทำกันลงได้ไงวะ” บ่นอะไรของมันวะ ไอ้อู้มันก็นั่งฟังผ่านๆครับ พอเริ่มพูดมากมันก็เอากุ้งยัดปากเพื่อนมัน ถ่ายรูปกันเพลินซักพักพวกมันก็กลับมาที่โต๊ะ ตามภาษาคนขี้เมาแต่เอาชื่อคณะมาอ้างครับ ซักพักก็สั่งอบายมุขมากินกัน
ผมแอบลอบมองไอ้อู้ที่วันนี้ดูเงียบผิดปกติ นั่งจิ้มนู่นจิ้มนี่กินไม่พูดไม่จา ระหว่างที่เพื่อนมันก็พูดจนเหมือนไม่เคยพูด
“นี่มึงรู้มะ แดกอาหารทะเลที่ไหนอร่อยสุด”
“ที่ไหนวะพี่แป๊ะ”
“ที่เหม่งจ๋าย”
“เห้ย ทำไมวะพี่!”
“เพราะเหม่งจ๋ายเร๋าก็กิ๋นฟี๋”
“นั่นเหม่งจ่ายแล้วพี่!!”
“แล้วพี่รู้ไหมกินอาหารทะเลที่ไหน คันมาก”
“ที่ไหนวะปันปัน”
“ที่เพชรบุรี”
“ทำไมวะเพื่อน!!”
“เพราะเพชรบุรีหมัดไต่!! บี้แม่งเลย นี่แหน่ะๆ”
“...”
“...”
“ไม่แก้เป็นตัดใหม่ให้หน่อยอ่อ...”
“อ่ะ ชนแก้วละกันไอ้หมัด” ตัดมุกกันหน้าด้านๆ ปล่อยให้ไอ้ปันนั่งขำมุกตัวเองอยู่คนเดียว ผมขำในลำคอเบาๆ คิดว่าไอ้หมาข้างๆก็คงขำเหมือนกัน ที่ไหนได้ นั่งจิ้มปลาหมึกไม่สนใจชาวบ้าน อะไรมันจะคอนเซนเทรดกับการกินอาหารทะเลขนาดนั้นวะ
“เป็นไร”
“หื้อ” อู้หันมามองหน้าผมแล้วส่ายหน้า อืม จะว่าเรียนก็ไม่น่าใช่เพิ่งสอบเสร็จไป ชีวิตมันมีอะไรให้เครียดอีกวะนอกจากมีเพื่อนไม่ปกติเนี่ย อู้ไม่ได้แตะแอลกอฮอลล์ด้วยซ้ำ แต่นั่งซึมๆหงอยๆอยู่ในวงยันแยกย้ายเข้าห้อง
ก่อนหน้านั้นผมลากไอ้พีไอ้เติ้ลเพื่อนมันไปถามว่าอู้เป็นอะไรก็ได้คำตอบมาว่าไม่รู้เหมือนกัน ขนาดเล่นมุกให้ขำก็ไม่ขำ ผมได้แต่เกาหัว ไม่เคยเจอลูกหมาเปิดโหมดหงอยไม่รู้จะรับมือยังไงเลย
“อู้ มึงอยากไปเดินเล่นก่อนไหม?”
“หึ” มันส่ายหัวดุ๊กดิ๊กแต่ยังคงหงอยเหมือนเดิม อะไรวะ ทะเลาะกับที่บ้านหรอ? กูถามใครได้บ้างเนี่ย
“ไปนอนกับเพื่อนไหมวันนี้”
“ไมวันนี้พี่พูดเยอะจังวะ” อู้หันมาถามผมพร้อมกับเร่งให้เปิดห้อง ผมก็งงแต่ก็รีบหากุญแจมาเปิดห้องให้ หรือมันง่วงวะ แต่ก็นอนมาตลอดทางแล้วนี่นา
แม่งเป็นการอยู่ในห้องร่วมกันที่ผมล่กที่สุด ได้แต่นั่งนิ่งเป็นเหมือนแจกันประดับห้องบนเตียง โคตรไม่ชินกับการที่ไอ้หมาโหมดเครียดแถมดุอีกต่างหาก ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงคิดว่าประจำเดือนมาแต่พอเป็นผู้ชายก็ได้แต่งงเดาโรคไม่ได้ นี่เกร็งขนาดจะยกมือขึ้นมาเกาหัวยังไม่กล้าเลยครับ
“พี่หมอ”
“หะ หืม?”
“มามีอะไรกันเถอะ”ห๊ะ?!
หูฝาดแน่ๆ กูหูฝาดแน่ๆ
“มึงจะพูดว่าเราไปหาอะไรกินกันเถอะใช่ไหม?”
“เปล่า ผมพูดว่าเรามามีอะไรกันเถอะ”
ไอ้เชี่ย...
ชิบหายแล้วกู ชิบหายแล้ว
“ห๊ะ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนอู้ ไอ้เหี้ย แป๊ปนึง ขอหายใจก่อนเมื่อกี้เผลอหยุดหายใจไปเกือบนาที ไอ้สัด รู้ตัวไหมเนี่ยพูดอะไรออกมา” ผมได้แต่ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองสองเพี๊ยะเรียกสติ
“รู้ดิ ผมคิดมาตั้งนาน เตรียมใจมาเป็นอาทิตย์เลยนะโว้ย” มันเถียงหน้าแดงก่ำ
“เตรียมใจ? เดี๋ยวอู้ กูงงไปหมดแล้ว อะไรของมึงเนี่ย”
“ก็ยังไงซักวันมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ผมก็ต้องเตรียมใจบ้างป่ะวะพี่ ครั้งแรกมันอาจจะแหกเลยก็ได้นะเว่ยพี่” โอ๊ย กูจะบ้าตาย แหกเหิกอะไรของมันเนี่ย ว่าแล้วเชียวว่าไอ้ตัวไร้สาระไม่น่าจะเครียดเรื่องจริงจังได้ คิดไม่ผิดเสียด้วย แล้วนี่มันใช่เรื่องที่ต้องเถียงกันเรื่องแหกไม่แหกบนเตียงไหมวะเนี่ย
“อย่าบอกนะว่ามึงนั่งซึมมาตลอดทางเพราะเรื่องนี้เนี่ย”
“ผมไม่ได้ซึมผมกำลังไว้อาลัย!!”
“ไว้อาลัยอะไรวะ!!”
“หูรูดไงวะพี่!!”
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูจะบ้าตายยยยยยยยยยยยยย ผมมองหน้าไอ้ลูกหมาที่มันดูจริงจังมากกับการเศร้าโศกเสียใจให้หูรูดตัวเองทั้งๆที่ก็ยังไม่ได้เสียไปด้วย นี่ปั้นหน้าเครียดจริงจังดูพระเอกเอ็มวีอกหักอยู่กับตัวเองมาตั้งนานไม่ได้เศร้าหรือทะเลาะกับใครแต่ไว้อาลัยให้หูรูด โอ้โห หมดคำจะพูดเลยกู
“อู้ มึงไม่ต้องจริงจังอะไรขนาดนั้นก็ได้ ไม่พร้อมก็ไม่พร้อม กูก็ไม่ได้เร่งอะไร” ผมเกาหัวตัวเองพร้อมกับขยี้หัวน้องมันไปด้วย
“ก็ผมพร้อมแล้วนี่ไง พี่อย่าทำผมเขินดิวะ”
“อู้ มึง...”
“มันต้องเกิดขึ้นซักวันอยู่แล้วป่ะวะพี่ วันนี้นี่แหล่ะ ผมพร้อมแล้ว มา เริ่ม”
เริ่มอะไรของมึ้งงงงงงงงงงงงง!!
ผมได้แต่ยกมือขึ้นมาแปะหน้าผากกับไอ้ท่านอนราบไปกับเตียงยกมือขึ้นมากุมที่อกของไอ้ลูกหมา นั่นมึงจะพร้อมมีเซ็กส์หรือกำลังจะลงโลง แค่ท่าพร้อมก็ไม่ใช่แล้ว อู้หลับตาปี๋ขยับปากขมุบขมิบเหมือนสวดมนต์ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเอ็นดู
การที่ผมไม่ให้อู้มันช่วยกลับไม่ได้หมายความว่าผมจะกดดันให้มันทำแบบนี้ เป็นเพราะความไม่พร้อมของผมเอง ผมไม่รู้ว่าเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันมันแต่งต่างจากคนละเพศมากไหม กลัวทำผิดวิธี กลัวทำให้อู้มีความทรงจำแรกที่ไม่ดี ผมจริงจังนะ ความรู้สึกของมันต้องมาก่อน ผมเสิร์ชมาเยอะเหมือนกัน รวมไปถึงขอประสบการณ์จริงจากเพื่อนมาด้วย เหมือนเปิดโลกเลยครับ ความรู้ใหม่ตอนแรกที่ฟังก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
เห้อ...
แต่มีที่ไหนมานอนสวดมนต์ยั่วกันแบบนี้ ปวดหัวกับมันจริงๆ
ผมถอนหายใจก้าวขึ้นเตียงไปคร่อมร่างของอู้ไว้ ผลคือมันหลับตาปี๋จู๋ปากเตรียมตัวแบบโง่ๆจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ โคตรอู้เลยให้ตาย
“อู้”
“หื้อ” มันลืมตาขึ้นมองผมแต่ก็ยังไม่หยุดจู๋ปาก จูบมาเป็นสิบรอบยังจะมาตั้งท่าด้วยจู๋ปากเป็ดอีกหรอวะ
“เรื่องแบบเนี้ย มันต้องอารมณ์พาไป มึงอย่าไปเร่งอะไรมาก” ผมกดจูบลงไปบนปากจู๋ๆนั่นเบาๆแล้วผละออกมาจ้องตากลมที่มองกลับมาแบบงงๆ
“ก็พาไปแล้วนี่ไง”
“พาไปไหน กูคงมีอารมณ์กับการที่มึงนอนสวดมนต์หรอก ไอ้หมา”
“ไม่ได้สวดมนต์นะเว่ย”
“แล้วมึงทำอะไร”
“ขอพร”
“ขอพรให้ใคร”
“หูรูด”
ยังไม่จบกับหูรูดมึงอีกหรอวะ!! ผมตีก้นลูกหมาเบาๆข้อหาทำตัวน่ารักเกินเหตุแล้วล้มตัวนอนข้างๆมัน มาไกลจนถึงหูรูดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ตั้งแต่ต่อยกันหน้าห้องเมื่อตอนเปิดเทอม เริ่มที่ผมโคตรรำคาญมันเลย เป็นเด็กเวรๆที่อยู่ดีๆก็ต่อยหน้าผมมาได้แบบไม่ตั้งตัว ตัวเท่าลูกหมามาทำซ่า ซัดกลับไปเต็มแรงก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนต่อยเด็กมัธยมต้น ไม่พอยังไปเป็นเด็กของศัตรูคู่อาฆาตที่เหม็นขี้หน้ามาตั้งแต่เข้ามหาลัยอีกต่างหาก จากไอ้เด็กเวรวันนั้นสู่ไอ้เด็กเวรวันนี้ ยังคงเวรไม่เปลี่ยน แต่ไอ้ที่เปลี่ยนคือผมเองเนี่ยแหล่ะ
หลงแล้วหลงอีก หลงแบบที่ได้แต่งงว่าคนเรามันจะตกหลุมรักใครซักคนได้ขนาดนี้เลยหรอวะ ความรู้สึกที่พอมีมันมาร่วมชีวิตอยู่ตลอดเวลาเป็นเวลาจะหนึ่งปีนี่มันทำให้ผมผูกพันธ์กับมันได้ขนาดนี้เลยหรอ ผมไม่รู้ว่าอู้จะรู้สึกอะไรกับผมแค่ไหน แต่ผมสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำตอนนี้ว่า
ผมรักมัน
“พี่หมอ จะนอนละอ่อ”
“เปล่า” ผมลืมตามาเห็นไอ้อู้กำลังชะโงกหน้ามาหาผม
“งั้นลุกเลย ยังไม่อาบน้ำจะนอนได้ไง พี่ซกมกชิบหาย”
“อู้”
“ไร”
“จูบหน่อยดิ”
“พี่เหมือนเด็กเพิ่งหัดพูดคำนี้เลยว่ะ”
“งั้นเปลี่ยนก็ได้”
“เปลี่ยนเป็นไร”
“ขอจับตูดหน่อ-“
ปั้ก!!
หมอนนุ่นนี่พอโดนฟาดหน้าแรงๆก็เจ็บเหมือนกันแฮะ
ลุกขึ้นมาอีกทีไอ้ลูกหมาก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้วเรียบร้อย กลับมาเป็นลูกหมาซนๆตัวเดิมแบบนี้ค่อยดีหน่อย
ก็สรุปได้ว่าทริปทะเลวันนี้ของผมก็จบลงเหมือนวันธรรมดาที่ห้อง514 ที่แค่นอนกอดกันบนเตียงเฉยๆไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ความรู้สึกที่มีตัวเล็กๆนอนอยู่ในอ้อมกอดตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้ามันอาจจะไม่ได้ดูโรแมนติกอะไรมากนัก ทั้งตะคริวกินแขน ทั้งน้ำลายเปียกเต็มแขนเสื้อ
... แต่โคตรอบอุ่นหัวใจเลย
---
มาสั้นๆ 55555555555
หายไปเก็บตัวดาวเดือนค่ะ อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ