แค่ฝัน
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ผมกับไอวิยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังงามของคุณชายองศา ฟังชื่อจริงมันแล้วไม่ชิน บ้านของไอ้มุมนั่นแหละครับ
ป้าบ!!!
“โอ๊ย!” ผมหันไปค้อนไอ้วิที่ซัดฝ่ามือมาเต็มหลัง นี่ถ้าเปิดเสื้อออกคงเห็นหลังผมแดงเถือกแน่ๆ แม่งมือหนักชิบ
“มึงทำร้ายกูทำมายยย”
“มึงจะยืนจ้องประตูบ้านอีกนานไหม จ้องไปเลขมันก็ไม่ขึ้น แต่ถ้าถูละก็ ไม่แน่ หึๆ”
“เออ! เข้าท่านะ ใกล้วันซวย เอ๊ย! วันหวยออกแล้วด้วย พรุ่งนี้รวยครับ พรุ่งนี้รวยยยย” พูดจบก็ปรี่ไปถูประตูอัลลอยด์
ป้าบ!!!
“โอ๊ย!!! มึงจะตีกูทำไมอี๊กกกก” น้ำตาคลอเบ้าเลยครับรอบนี้ ไอ้โหดดดด
“ไร้สาระ” ผมหันไปค้อนมันอีกรอบ รู้สึกว่ามึงเป็นคนพากูออกทะเลก่อนนะวิ เกิดเป็นน้องกีนี่ผิดตลอด
“กูก็ขอเวลาทำใจบ้างเหอะ กูตื่นเต้นจนฉี่จะราดอยู่แล้วเนี่ย”
“นานไป กูเมื่อย” พูดจบก็ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะวิ
“แหมๆๆๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปฝากตัวกับพ่อแม่ผัว เอ๊ย! สามีเหรอจ๊ะน้องกี”
“สามีพ่อง! มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นสามีพี่มันบ้างหรือไง”
“อย่างมึงเนี่ยนะ” พูดจบมันก็กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมทำหน้าเหยียดหยามสุดฤทธิ์ ถ้ามึงจะมองอย่างนี้ มึงเอามีดมาแทงกูเลยเหอะ
“ไปๆ เข้าไปได้แล้ว กูทั้งเมื่อย ทั้งหิว จนจะแดกผู้ชายได้ทั้งตัวแล้ว” แร้งงงส์ได้อีกญาติกู พูดจบมันก็ทั้งผลัก ทั้งดันให้เดินเข้าไปในบ้าน
ที่จริงเราสองคนก็เคยมาที่บ้านของไอ้มุมครับ แต่เข้าไปในตัวบ้านแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่เข้าครัวไปทำอะไรกินก็เข้าห้องไอ้มุมไปเลย บ้านมันทั้งกว้าง ทั้งใหญ่ จนผมต้องเดินตัวลีบเพราะกลัวเผลอไปโดนอะไรแตกคงไม่มีปัญญาใช้ รีบจ้ำๆ ตามไอ้มุมตรงเข้าห้องมันเพราะกลัวหลง จะสร้างให้ใหญ่ไปไหน แทบไม่มีใครได้อยู่บ้านเลย ส่วนไอ้วิมันติดใจศาลาริมน้ำตรงสวนหลังบ้านมากกว่าครับ ตรงนั้น สงบ ร่มรื่น บรรยากาศดีมาก หลังๆ มาพวกเราเลยยึดที่นั่นเป็นฐานทัพ ผมก็พยายามไม่เข้าไปในตัวบ้านถ้าไม่จำเป็น (บ้านเพื่อนนะมึง ไม่ใช่บ้านผีสิง)
อีกอย่างไอ้มุมมันชอบไปขลุกอยู่บ้านผมมากกว่า มันบอกหากันเจอง่ายดี ฟังดูน่าสงสารเชียว ตอนที่ไปบ้านมันได้เจอพ่อแม่มันแทบนับครั้งได้เลยครับ มันบอกพ่อแม่มันยุ่ง มาบ้านผมทีไรก็ชอบมาอ้อนพ่อแม่ผมจนผมกลายเป็นหมาหัวเน่า (เอาความสงสารกูคืนมา) แถมยังชอบไปกวนประสาทเจ๊รตี เจอกันทีไรกัดกันตลอด จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าทั้งคู่จะไม่ใช้ผมเป็นเครื่องมือในการเอาคืนอีกฝ่าย ชีวิตผมมันเศร้าครับ
เราสองคนเดินอ้อมมาถึงสวนหลังบ้าน บริเวณที่จัดงานประดับไฟจนสว่างไสว สนามหญ้าโล่งๆ มีเวทีเตี้ยๆ และโต๊ะสำหรับให้แขกผู้ใหญ่นั่งตั้งอยู่ด้านหน้า ตรงกลางเว้นว่างไว้เหมือนจะใช้เป็นเป็นฟลอร์เต้นรำ มีซุ้มอาหารแบบบุฟเฟต์จัดไว้ตรงท้ายสนาม นอกจากนี้ก็มีโต๊ะกับเก้าอี้กระจายไปตามมุมต่างๆ ของสวน และตอนนี้บางส่วนก็ถูกจับจองโดยหนุ่มๆ สาวๆ หลายกลุ่ม คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนพี่ปรอทกับลูกๆ หลานๆ ของผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน
ผมกวาดสายตามองหาไอ้มุม ยืนอยู่อย่างนี้มันเขินชอบกล เพราะเราสองคนแทบไม่รู้จักใครสักคน เห็นไอ้มุมมันยืนคุยอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง ดูท่าจะเป็นเพื่อนๆ พี่ปรอท พอเห็นพวกผมมันก็ขอตัวเดินมาหาทันที
“กีกี้” ผมกลับตอนนี้ทันไหม เรียกจนคนใกล้ๆ หันมามอง กูอายครับ พอเห็นผมทำหน้าเซ็งใส่มัน ไอ้มุมก็หัวเราะโรคจิต
“ป่ะ ไปหาพ่อแม่กูกัน” พูดจบก็ลากแขนเราทั้งคู่ไป ผมกับไอ้วิดึงออกพร้อมกันแล้วถลึงตาให้มัน ไม่ใช่เด็กอนุบาลนะมึง กูอายคนมั่งเหอะ มันก็ยักไหล่หัวเราะแล้วเดินนำไป วันนี้ดูไอ้มุมมันอารมณ์ดีเหมือนพี้กัญชามาครับ สงสัยดีใจที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า โถ ไอ้เด็กขาดความอบอุ่น
“คุณพ่อคุณแม่ครับ” พอไปถึงไอ้มุมก็เรียกพ่อแม่มัน เมื่อท่านทั้งสองหันมามอง ผมกับไอ้วิก็ยกมือไหว้อย่างสุภาพเรียบร้อย พ่อแม่สอนมาดีครับ ไม่อยากจะคุย
“น้องกี น้องวิ สวัสดีลูก ไม่เจอกันนานเลย แม่คิดถึง” พูดจบก็ดึงพวกผมไปกอดคนละที ส่วนคุณพ่อก็รับไหว้แล้วยืนมองยิ้มๆ
“คุณพ่อคุณแม่ยังหล่อยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” อวยไว้ก่อนครับเผื่อจะได้คะแนนพิศวาสเพิ่ม
“น้องกีก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ส่วนน้องวิก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะจ๊ะ” เอ่อ คุณแม่ครับ ผมเป็นผู้ชาย ขอหล่อดีกว่าไหมครับ ไอ้วิหัวเราะชอบอกชอบใจอยู่ข้างๆ
“น้องมุมพาเพื่อนไปหาอะไรทานนะคะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปรับแขกก่อน ตามสบายนะลูก”
“ครับ,ค่ะ” เราสามคนขานรับ แล้วพากันเดินออกมา โดยมีไอ้วิเดินนำพุ่งเข้าหาซุ้มอาหาร พอตักอาหารเสร็จก็เดินไปนั่งโต๊ะที่ยังว่างอยู่
ผมกวาดสายตามมองไปทั่วงาน ตั้งแต่มาถึง ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ปรอทเลย พี่ปรอทของผมหายไปไหน
“มึงมองหาอะไร” ไอ้มุมถามขึ้นเมื่อเห็นผมยังไม่เลิกชะเง้อคอมอง
“เปล๊า! กูก็มองบรรยากาศทั่วๆ ไปนั่นแหละ” เสียงหัวเราะหึๆ ดังมาจากไอ้คนที่นั่งซัดอาหารเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน ไอ้วิเงยหน้าจากอาหารมาถามให้อย่างรู้ใจ
“พี่มึงล่ะมุม ไม่เห็นมึงพาไปแนะนำเลย”
“อ๋อ พี่กูเพิ่งเลิกงาน ตอนนี้ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวก็คงลงมา พี่กูมาเมื่อไหร่เดี๋ยวพาไปแนะนำ คบกันมาตั้งนานยังไม่เคยเจอกันสักที เพราะพวกมึงแหละพี่กูกลับมาทีไร ชวนมาบ้านก็ไม่มาด้วยสักที” ถ้ารู้ว่าพี่มึงหล่อขนาดนี้กูมานานแล้วครับมุม ผมเลื่อนอาหารให้ไอ้วิอย่างเอาใจ มันส่งยิ้มล้อเลียนกลับมาก่อนจะรับไปเขมือบแต่โดยดี ไอ้มุมมองเราสองคนอย่างสงสัย
“นี่กูพลาดอะไรไปหรือเปล่าวะ พวกมึงดูมีลับลมคมในพิกล”
“ไม่มี๊ แฮ่ม ไม่มีอะไรหรอกน่า” ผมเสยกน้ำขึ้นจิบกลบเกลื่อน
เสียงพูดคุยในดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็เห็นพี่ปรอทเดินเข้ามาในงาน พี่มันยังคงหล่อ ออร่ากระจายเหมือนเดิมครับ ยิ่งเดินมาพร้อมรอยยิ้มก็ยิ่งเจิดจ้าจนตาพร่า เห็นสายตาสาวๆ ในงานแล้วผมไปทุบหัวแล้วลากกลับบ้านเลยได้ไหม
พี่ปรอทเดินไปหาพ่อกับแม่ ท่านพาไปทักทายแขกผู้ใหญ่ในงานจนครบทุกโต๊ะ พี่มันก็เดินไปทักทายกลุ่มเพื่อนๆ ก่อนใครบางคนจะลุกขึ้นมาคล้องแขนอย่างสนิทสนม หัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความยินดีเมื่อครู่ก็เต้นช้าลงทันที แถมยังรู้สึกเสียดๆ ในอกพิกล
“นั่นไง พี่กูมาแล้ว ป่ะ กูจะพาไปแนะนำ” พูดจบไอ้มุมก็ลุกขึ้นแล้วเดินนำไป สงสัยมันจะตื่นเต้นจนไม่ได้สังเกตสีหน้าของผม
ไอ้วิลุกขึ้นมาตบไหล่เบาๆ ก่อนจะดึงมือผมลุกขึ้นแล้วจูงตามไป
“พี่ครับ” ไอ้มุมมันเรียกก่อนจะเบี่ยงตัวให้เราสองคนไปยืนข้างๆ
“นี่เพื่อนสนิทที่มหาลัยมุม ไอ้วิกับกีครับ” เราสองคนยกมือไหว้พี่ปรอทอย่างสุภาพ
“น้องกี” พี่ปรอททำหน้าตกใจเมื่อเห็นผม ผมเสไปมองคนที่เกาะแขนพี่มันอยู่ สวยมากครับ ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็อดจะใช้คำนี้ไม่ได้ คนข้างๆ พี่ปรอทเป็นผู้ชายรูปร่างบอบบาง แต่หน้าสวยมาก ตากลมโตเฉี่ยวเป็นประกายวาววับ จมูกรั้นๆ น่ารัก รับกับริมฝีปากอิ่มแดงเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ยืนคู่กันแบบนี้ดูเหมาะสมกับอย่างกับกิ่งทองใบหยก
ไอ้มุมเห็นปฏิกิริยาของเราก็ทำหน้าสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไร คนข้างๆ ก็พูดมาซะก่อน
“ไปหาพี่ๆ กันเถอะพี่ปรอท ป่านนี้รอกันแย่แล้วครับ” พูดจบก็ลากพี่ปรอทเดินไปโดยพี่มันยังหันกลับมามองผมอยู่ ไอ้มุมมองตามพี่มันไปงงๆ ก่อนจะหันมาถามพวกผมสองคน
“อะไร ยังไง นี่รู้จักกันด้วยเหรอ เล่ามาเลย”
ผมถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่ซุ้มแล้วขอไวน์สองแก้วติดมือกลับไปที่โต๊ะ แล้วซดแม่งจนสำลัก
“แค่กๆๆๆ”
“เฮ้ย!” พวกมันร้องอย่างตกใจ
“เดี๋ยวก็เมาตายห่ากันพอดีหรอกกี” ไอ้วิมันนั่งลูบหลังให้ ผมหันไปมองหน้าแล้วอ้อนมัน
“ขอกีเมาสักวันนะวินะ” เจอไม้นี้ทีไรไอ้วิมันก็ไม่รอดเหมือนกันครับ เพราะนานๆ ผมจะอ้อนมันสักที
“ได้ ให้แค่วันนี้วันเดียวนะกี ไหนๆ ก็ขอพ่อแม่ค้างที่นี่แล้ว ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่” สงสัยมันจะสงสารเลยยอมผม ไอ้วิมันถอนหายใจแล้วตบบ่าผมเบาๆ ผมเลยไปขอไวน์มาตุนแล้วก็นั่งกินไปเรื่อยๆ จนมึน ได้ยินเสียงไอ้วิกับไอ้มุมมันคุยกัน แต่จับใจความแทบไม่ได้แล้ว จนผมวูบหลับไป
ในความฝันอันเลือนราง ผมเห็นหน้าพี่ปรอท พี่มันก้มลงจูบริมฝีปากผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากลากไล้ไปทั่วร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั้งจุดที่น่าอายที่สุด จุดความปรารถนาของผมให้ลุกขึ้น ผมปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับสัมผัสที่ปลุกเร้า รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนจะดึงสติสัมปชัญญะกลับมาได้เพียงครู่เดียว ก่อนจะถูกปลอบประโลมด้วยจูบที่อ่อนหวาน ดึงกลับไปสู่ความฝันอันยาวนานอีกครั้ง
ผมฝืนลืมตาขึ้นมาตามเวลาของนาฬิกาชีวิต ต่อให้นอนดึกแค่ไหนผมก็ตื่นมาเวลาตีห้าทุกๆ วัน เพื่อมาทำกับข้าวให้ที่บ้าน ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน พอมาเรียนมหาวิทยาลัยเลยติดนิสัยนี้ไปด้วย
ผมมองเพดาน รวบรวมความจำอยู่สักครู่ ก็นึกได้ว่าเมื่อคืนมางานเลี้ยงบ้านไอ้มุมก่อนจะเมาแล้วหลับไป ผมขยับตัวหมายจะลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องทิ้งตัวลงใหม่ แค่เมาเหล้า ไหงระบมไปทั้งตัวอย่างงี้วะ ผมยกผ้าห่มขึ้นแล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่า แถมตามตัวยังเต็มไปด้วยรอยจูบ ขยับตัวอีกที ชัดเลย เจ็บเฉพาะจุดชัดเจน
ผมหน้าซีดก่อนจะกวาดสายตาหาตัวต้นเหตุ พอหันไปด้านขวาก็เห็นพี่ปรอทนอนหลับสบายอยู่ไม่ห่าง ผมทั้งโล่งใจและเสียใจ โล่งใจที่อย่างน้อยก็เป็นพี่มัน ยังดีกว่าเจอคนแปลกหน้า แต่เสียใจที่พี่มันทำกับผมแบบนี้ ทั้งๆ ที่มีคนข้างๆ อยู่แล้ว ถึงผมจะเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไร แต่โคตรเสียความรู้สึกเลยครับ เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจจนน้ำตาจะไหล ไม่อยากจะเห็นหน้าแม่งอีกแล้ว
ผมกัดฟันฝืนลุกขึ้นแต่งตัว แล้วออกจากบ้านไปก่อนที่จะมีใครเห็น เมื่อถึงหอก็ส่งข้อความให้วิมันอีกที ก่อนจะล้มตัวนอนคว่ำหน้าแล้วปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมา
ผมสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ หยิบขึ้นมาดูก็ถอนหายใจก่อนกดรับ
“ว่าไงวิ “
“กีเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยจนน้ำตาแทบจะไหลอีกรอบ
“ไม่เป็นไร สบายดี ขอโทษนะที่กูหนีกลับมาก่อน พอดีกูนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ”
“ทำไมเสียงมึงอู้อี้งั้นล่ะ”
“สงสัยจะแฮงค์มั้งมึง”
“เดี๋ยวกูไปหา”
“ไม่ต้องเลยวิ มึงอยู่ห้องอ่านหนังสือไปเถอะ กูไม่เป็นจริงๆ เดี๋ยวก็ใกล้สอบแล้ว แค่กูขอให้มึงไปเป็นเพื่อนเมื่อคืน ก็เสียเวลาอ่านหนังสือมึงมากแล้ว รีบไปอ่านหนังสือไป ไม่ต้องมาเลยนะ ถ้าคะแนนตกไปจะหาว่าไม่เตือน” ผมขู่มันไว้ก่อน เพราะถ้ามันมาเจอผมในสภาพนี้ มันต้องซักผมจนรู้เรื่องแน่ แล้วก็มันก็ต้องห่วงจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือ คณะมันเรียนก็หนัก การแข่งขันก็สูง ผมไม่อยากจะเป็นภาระให้มันเป็นห่วง
“มึงโอเคแน่นะ”
“อือ กูโอเค”
“ถ้ามีอะไรโทรหากูนะ”
“อือ”
“กี”
“หืม”
“มึงยังมีกูอยู่นะ”
“กูรู้”
“กูรักมึงนะ”
“กูก็รักมึงเหมือนกัน”
วิมันวางสายไปแล้ว ผมก็ยิ้มทั้งน้ำตา ผมอาจจะไม่สำคัญสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนในครอบครัว ผมมั่นใจว่าผมมีค่าและเป็นที่รักเสมอ