คนเคียงข้าง
ตั้งแต่ที่ไอ้วิกับไอ้มุมมาเคลียร์กับผมในวันนั้น ผมก็นั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าที่รู้สึกกับพี่ปรอทมันเป็นความรู้สึกหลงใหลเพียงชั่ววูบหรือว่าเป็นความรักกันแน่
ผมค่อยๆ คิดอย่างใจเย็น พอตรองตกก็รู้สึกอารมณ์ดีจนทำให้ตื่นมาตั้งแต่เช้า ว่าจะไปบอกเรื่องที่ตัดสินใจและปรึกษากับไอ้วิอีกที แต่พอลงมาจากห้องก็เจอคนที่ไม่เจอมานานมาก ‘พี่รัชต์ - วิรัชต์’ พี่ชายของไอ้วิลูกพี่ลูกน้องอีกคนของผมนั่งส่งยิ้มมาให้ ผมรีบวิ่งไปหา ยกมือไหว้เรียบร้อย ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมแขนที่อ้าไว้รอด้วยความคิดถึง พี่รัชต์จับผมฟัดจนไอ้วิเอ่ยปากแซวถึงได้ยอมปล่อย
“แหมพี่รัชต์ เกรงใจน้องแท้ๆ บ้างค่ะ กับวิไม่เห็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างนี้เลย” วิรงรองมันมองเราทั้งสองด้วยความหมั่นไส้
พี่รัชต์หัวเราะขำๆ ยีหัวผมด้วยความเอ็นดูก่อนจะตอบน้องบังเกิดเกล้าไป
“ก็เรามันไม่น่ารักเหมือนน้องกีนี่” ไอ้วิหันไปค้อนพี่ชายตัวเองงอนๆ
ถ้าไอ้วิเหมือนน้องแท้ๆ ของเจ๊รตี ผมก็เหมือนน้องแท้ๆ ของพี่รัชต์นี่แหละครับ ตั้งแต่เด็กๆ ในขณะที่วิมันติดเจ๊รตีแจจนก็อปนิสัยกันมา ผมก็ตามพี่รัชต์ต้อยๆ ไม่ห่าง เพราะพี่รัชต์ชอบออกโรงปกป้องและตามใจผมมากกว่าใครในบ้าน
พี่รัชต์เป็นเหมือนพี่ชายคนโตของทั้งสองบ้าน ด้วยอายุที่มากกว่าเราสามคนและนิสัยที่อบอุ่นอ่อนโยน ใจดีและพึ่งพาได้ ทำให้เราทั้งสามคนทั้งรักเคารพและเชื่อฟังพี่ทุกอย่าง พี่รัชต์มีอาชีพเป็นทหาร นานมากกกกถึงจะกลับมาบ้านสักที พี่แกชอบอยู่ตามตะเข็บชายแดนยิ่งกว่าบ้านของตัวเองซะอีก จนบางทีเราแทบจะลืมไปแล้วว่ามีพี่ชายกับเขาอีกหนึ่งคน
มีแต่คนบอกว่าพี่รัชต์หน้าตาผ่าเหล่า เพราะในขณะที่เราทั้งสามคนรูปร่างและหน้าตาแทบจะก็อปกันมาคือผิวขาวๆ ตาโตๆ ปากแดงๆ พี่รัชต์กลับมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้ม ยิ่งทำงานกลางแจ้งผิวยิ่งคร้ามแดด หน้าดูดุขึ้นกว่าเดิมจนไอ้วิมันแซวว่าเป็นทหารหรือผู้ก่อการร้ายกันแน่ น้ามาลัยบอกว่าพี่รัชต์หน้าตาเหมือนคุณปู่มากกว่าพ่อตัวเองอย่างน้าทักษ์อีก
พี่รัชต์กับวิมากินข้าวที่บ้านผม ส่วนน้ามาลีกับน้าทักษ์เข้าสวนไปแล้ว พอกินข้าวเสร็จพ่อกับแม่ก็ตามน้าทั้งสองเข้าสวนไป เหลือแค่เราสี่คนที่มานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก ผมเดินออกไปรดน้ำต้นไม้ที่สวนข้างๆ บ้านก่อนตามที่แม่ฝากไว้ ระหว่างที่รดน้ำอยู่ไอ้มุมก็ไลน์มาบอกในไลน์กลุ่ม (มีผม, ไอ้มุมกับไอ้วิ) ว่าตอนนี้อยู่หน้าบ้าน ผมเลยบอกมันไปว่าอยู่ที่สวนให้เข้ามาเลย
ไอ้มุมเดินถือขนมหอบใหญ่มาหาบอกว่าแม่กับพี่ปรอทซื้อมาฝาก เราสองคนเดินออกมาหน้าบ้าน มุมก็บอกว่าพี่ปรอทมาด้วยแต่คอยอยู่ที่รถ พี่ปรอทขอเจอผมหน่อยได้ไหม ผมหันไปมองที่รถ แค่รู้ว่าพี่มันอยู่ในนั้น หัวใจก็เต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น ถึงจะตัดสินใจแล้ว แต่ผมดันปอดแหกเลยปฏิเสธไป ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก อยากเจอก็อยาก อีกใจก็รู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะเจอพี่มันตอนนี้ ให้ผมได้ตั้งตัวอีกนิดเถอะ มันกะทันหันเกินไปผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ
ระหว่างที่มุมเดินกลับไปบอกพี่ปรอทที่รถ พี่รัชต์ก็เดินออกมาหา บอกว่าเจ๊รตีให้มาตาม ผมยังไม่ทันได้บอกไอ้มุม ก็โดนพี่รัชต์ลากเข้าบ้านมาซะก่อน
พอมาถึงห้องรับแขกก็เห็นเจ๊รตีนั่งกอดอกเหยียดยิ้มอยู่ ส่วนไอ้วินั่งทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ หันมามองหน้าพี่รัชต์ถึงปากจะยังยิ้มแต่ตาดุๆ นั้นฉายแววคาดคั้นจนผมขนลุก ฮือ ไอ้วิเล่นผมซะแล้วไหมล่ะ พี่รัชต์ดึงผมไปนั่งที่โซฟาแล้วก็นั่งกดดันจากฝั่งตรงข้าม
“เล่ามาครับ” คะ... ใครก็ได้ช่วยด้วย พี่รัชต์เวอร์ชั่นนี้ผมกลัววววว ขนาดเจ๊รตียังไม่กล้าหือ นับประสาอะไรกับผมที่อ่อนที่สุดในบ้านล่ะครับ ระหว่างที่รวบรวมกำลังใจอยู่ ไอ้มุมก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน ผมถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอกแล้วหันไปมองไอ้มุมแทน ขอเวลาตั้งตัวแป๊บนึงก็ยังดีครับ
“สวัสดีครับ ผมมุมครับเป็นเพื่อนวิกับกี พี่...” ไอ้มุมยกมือไหว้ สายตาจ้องไปที่พี่รัชต์ พี่รัชต์ก็ยกมือรับไหว้ก่อนตอบ
“พี่ ‘เสือ’ ครับ” หือ พี่รัชต์เล่นอะไร ‘เสือ’ เป็นฉายาตอนเด็กๆ ของพี่รัชต์ ด้วยความที่หวงพวกเราสามคนมากยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ใครกล้ามาแกล้งนี่เป็นเรื่อง มีแต่คนบอกว่าตอนเด็กๆ พี่รัชต์ดุอย่างกับเสือ พวกผู้ใหญ่จึงเรียกว่า ‘ไอ้เสือ’ ซึ่งเหมาะกับหน้าตายิ่งกว่าชื่อจริงซะอีก (ผมว่าชื่อพี่รัชต์ฟังดูมุ้งมิ้งขัดกับหน้าตาพิกล)
ไอ้มุมหันมามองหน้าผมที่กำลังนั่งเอ๋ออยู่อย่างต้องการคำอธิบาย แล้วก็หันไปมองไอ้วิกับเจ๊รตีที่นั่งเฉยๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้โดยไม่มีคำอธิบายหรือขยายความเกี่ยวกับพี่รัชต์เพิ่มแต่อย่างใด มันก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกลากลับบ้าน
ผมไม่แปลกใจที่ไอ้มุมมันไม่รู้จักพี่รัชต์ เพราะอย่างที่บอกนานๆ พี่แกจะกลับมาบ้านซะที กลับมาทีก็ไปขลุกอยู่บ้านเพื่อน ทำให้ไม่ได้เจอกันซะทีพอๆ กับพี่ปรอทนั่นแหละ แถมพี่รัชต์ยังไม่ชอบถ่ายรูป ชอบเป็นตากล้องให้ซะมากกว่า รูปหมู่ครอบครัวจึงขาดรูปพี่รัชต์ตลอด
สักพักก็มีเสียงไลน์จากโทรศัพท์ดังขึ้น ไอ้มุมมันไลน์มาถามว่าพี่รัชต์เป็นใคร เจ๊รตีชะโงกไปดูของไอ้วิแล้วก็แสยะยิ้ม ทั้งคู่กระซิบกระซาบคุยอะไรกันสักอย่าง ไอ้วิก็กดตอบไลน์ยิกๆ ส่วนพี่รัชต์ก็หันหน้ามากดดันผมเหมือนเดิม จนผมต้องวางโทรศัพท์ไว้ไม่ได้ดูต่อว่าไอ้วิตอบไอ้มุมว่ายังไงอีก เฮือก! ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมกำลังใจ
ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่รัชต์ฟังทั้งหมด พี่รัชต์นั่งฟังเงียบๆ สงสัยตรงไหนก็ถามเป็นระยะๆ มีไอ้วิคอยเล่าแทรกในส่วนที่ผมทำลืมๆ ไป มึงไม่ต้องให้ความร่วมมือมากขนาดนี้ก็ได้นะวิ พี่รัชต์ถามว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่ปรอท ถามถึงขั้นที่ว่าผมจะทำยังไงต่อไป พอซักฟอกจนสะอาดพี่รัชต์นิ่งไปสักพักก็โน้มตัวมาข้างหน้า ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแต่ตาเป็นประกายวาววับจนทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว
“กีจะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะขอทดสอบพี่ปรอทของกีหน่อย” ฟังดูเหมือนประโยคคำถาม แต่ที่จริงมันเป็นประโยคบอกเล่า บอกให้รับรู้ไว้เฉยๆ มากกว่า ซึ่งผมจะไปว่าอะไรได้ครับ ในเมื่อเจ๊รตีกับไอ้วิยิ้มชั่วร้ายเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างนั้น เสียงส่วนน้อยอย่างผมก็ได้แต่จำใจยอมรับ (โชคดีนะครับพี่ปรอท)
ผมนั่งอ่านไลน์ที่ไอ้วิมันโต้ตอบกับไอ้มุมก็ได้แต่งง ไอ้วิมันบอกว่าพี่รัชต์ชื่อเสือเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อที่แวะมาเยี่ยมแล้วมันก็บอกว่าพี่เสือกำลังตามจีบผม แถมพ่อกับแม่ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยพร้อมเปิดทางให้เต็มที่ มันแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะสมกับที่มันชอบอ่านนิยายจริงๆ แถมไอ้วิมันยังห้ามไม่ได้ผมตอบไลน์กลุ่ม ไลน์ส่วนตัวกับไอ้มุมก็ห้าม ให้ผมอยู่เฉยๆ เผด็จการจริงๆ คนบ้านนี้ แต่ผมก็ทำตามแต่โดยดี เพราะอยากจะรู้ว่าทั้งสามคนคิดจะทำอะไรกันแน่
วันรุ่งขึ้นพี่รัชต์มาที่บ้านแต่เช้าบอกว่าอยากไปดูหนัง เราสี่คนนั่งรถไปที่ห้างใกล้บ้าน พอซื้อตั๋วหนังเสร็จกว่าหนังจะเริ่มก็อีกนาน เลยเดินดูของรอเวลากันเรื่อยๆ ระหว่างที่ดูเสื้อผ้ากันอยู่ ไอ้มุมก็เข้ามาทักพร้อมกับพี่ปรอทที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วส่งสายตาเว้าวอนมาให้จนผมต้องหลบตาวูบ เพราะรู้สึกว่าหน้ามันร้อนผ่าวแถมหัวใจยังเต้นกระหน่ำจนเหมือนหัวใจจะวายซะให้ได้ พอยกมือไหว้พี่มันแล้วพี่รัชต์ก็เดินเข้ามาบัง ยกมือรับไหว้ทั้งคู่แล้วก็ชวนพี่ปรอทกับไอ้มุมไปดูหนังด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ระหว่างเดินดูของ ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พี่รัชต์จูงมือผมตลอดอย่างกับเด็กอนุบาล พอจะดึงมือออกพี่ก็กำแน่นขึ้นแถมส่งสายตาดุๆ มาให้ ฮือ ยอมแล้วครับ อย่ากินหัวผมเลย ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย ผมเคยขัดพี่แกได้ที่ไหนล่ะครับ พอเผลอไปสบตาพี่ปรอทก็ได้รับสายตาตัดพ้อมาให้ตลอด โอย! ผมจะบ้า อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้มากครับบอกตรงๆ
พอถึงเวลาเข้าโรงหนังผมค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย แต่โล่งได้แป๊บเดียว พอจะเข้าที่นั่งผมโดนดันไปดันมาไม่รู้อีท่าไหนได้เข้าไปนั่งติดกับพี่ปรอทพอดี (ซื้อตั๋วไม่พร้อมกันแล้วได้มานั่งติดกันได้ยังไงหว่า บังเอิญจริงๆ) ไอ้นั่งข้างกันนี่ไม่เท่าไหร่ ปัญหาคือพี่มันไม่ได้มองจอหนังเลยนั่งจ้องแต่หน้าผมเนี่ย นี่หน้าคนครับพี่ไม่ใช่หนังหน้า เอ๊ย! หน้าหนัง มองกันขนาดนี้คิดว่าผมจะดูหนังรู้เรื่องไหมครับ ส่วนพี่รัชต์ก็เรียกร้องความสนใจสะกิดชวนกินป๊อบคอร์นกับน้ำอัดลมตลอด เล่นเอาผมเหงื่อแตกพลั่กๆ ทั้งที่แอร์เย็นๆ นี่แหละ
ออกมาจากโรงหนังก็เที่ยงกว่าๆ พอดี พี่รัชต์ชวนทุกคนไปกินข้าวด้วยกัน ระหว่างกินข้าวพี่แกมานั่งข้างๆ ผมแล้วก็ตักนั่นตักนี่ให้ใส่จานให้พร้อมยิ้มหวานเจี๊ยบจนผมแทบจะเป็นเบาหวานตายคาจานข้าว ถามจริงๆ นี่พี่เมาน้ำอัดลมหรือเปล่าครับ ส่วนพี่ปรอทที่นั่งตรงข้ามก็ได้แต่มอง พอสบตากับพี่รัชต์ก็แทบจะมีกระแสไฟแล่นเปรี๊ยะๆ แล้วคิดว่าผมจะกินข้าวลงไหมครับ ผมอยากจะร้องไห้ ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองจานข้าวเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนพี่รัชต์เรียกเก็บเงินนี่ผมแทบจะถอนหายใจเฮือก เดินออกมาจากร้านได้ผมก็รีบจ้ำกลับรถ ไม่ไหวครับ โดนอำนาจมืดกดดัน ผมรับมือไม่ไหว ขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน แต่พอลงไปถึงลานจอดรถ พี่ปรอทก็รั้งพี่รัชต์ไว้
“ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ” พี่รัชต์ยิ้มรับ แล้วหันมาโยกหัวผมด้วยความเอ็นดูกว่าปกติ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเกินความจำเป็น
“น้องกีไปรอที่รถก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ตามไป” ผมมองหน้าพี่รัชต์แล้วเหลือบไปมองพี่ปรอทด้วยความกังวล
“ไปสิครับ” อูย ย้ำเสียงหนักๆ แบบนี้ต้องรีบหนีอย่างไวครับ ไอ้วิมันลากผมไปพอพ้นสายตามันก็พาไปแอบฟังอยู่ข้างเสาใกล้ๆ แล้วหัวเราะคิกคักกับเจ๊รตีสองคน ส่วนไอ้มุมก็ตามมางงๆ เออ มึงไม่ได้งงคนเดียวหรอกมุม ณ ตอนนี้กูก็งงเหมือนกัน
“มีธุระอะไรกับพี่เหรอครับ” พี่รัชต์ยืนกอดอกถามพี่ปรอทยิ้มๆ
“พี่คิดยังไงกับน้องกีครับ” พี่ปรอทถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อืม... น้องกีเหรอ ก็น่ารักดีนะ ทั้งซื่อ ทั้งน่าฟัด ทั้งน่ากอด” ท้ายประโยคลากเสียงยาวแล้วเหยียดยิ้มด้วยสีหน้าที่กวนอวัยวะเบื้องล่างสุดๆ ท่าทางเหมือนจะยังไม่หายเมาน้ำอัดลม ผมละเป็นห่วงพี่ผมจริงๆ นะ
“พี่เสือ! ถ้าพี่ไม่คิดจริงจังก็อย่ามายุ่งกับน้องกี” พี่ปรอทเริ่มพูดเสียงดังขึ้น
“แล้วปรอทมีสิทธิ์อะไรมาห้ามพี่” พี่รัชต์ยังมีสีหน้ายียวน แต่เปลี่ยนท่าจากกอดอกเป็นเอามือเกี่ยวกระเป๋ากางเกงไว้ แต่ละท่าน่าหมั่นไส้หมั่นพุงจนผมอยากจะซื้อไปทิ้ง พี่รัชต์เวอร์ชั่นนี้นี่ผมไม่เคยเห็นเลยจริงๆ
“ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่มีสิทธิ์ แต่บอกให้พี่รู้ไว้ก่อนว่าผมรักน้องกี และผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้องเด็ดขาด ถ้าพี่ไม่จริงจังกับน้อง ผมก็จะขัดขวางให้ถึงที่สุด”
อ๊ากกกก ฟังแล้วเขินจนอยากจะมุดพื้นคอนกรีต ไอ้วิกับไอ้มุมส่งยิ้มล้อเลียน ส่วนเจ๊รตีนี่ทำท่าเหมือนอยากจะอ้วก ผมถลึงตาใส่ทั้งพี่ทั้งเพื่อนแก้เขิน ก่อนจะหันไปฟังต่อ
“หึๆ เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้สิครับ น้องกีทั้งน่ารัก” ทอดเสียงไว้สักพัก “แล้วก็น่ากิน แถมป้ามาลีกับลุงกฤษณ์ก็เปิดทางให้ขนาดนี้ ถ้าพี่ปล่อยให้หลุดมือ ไม่ได้ชิมสักครั้ง พี่ก็โง่สิครับ” หน้าพี่รัชดูชั่วช้ายิ่งกว่าตัวร้ายละครหลังข่าวซะอีก นะ... น่ากลัว ใครก็ได้เอาพี่รัชต์ที่แสนดีคนเดิมมาคืนผมที
“พี่เสือ!!” พี่ปรอทเรียกพี่รัชต์เสียงดังด้วยความโมโห ทำท่าจะพุ่งเข้าไปต่อยพี่รัชต์ จนผมต้องวิ่งออกจากหลังเสาเข้าไปห้าม
“หยุดนะพี่ปรอท!” พี่ปรอทชะงัก แต่พี่รัชต์ดันมือไวสวนไปหนึ่งหมัดจนพี่ปรอทล้มลง
“พี่ปรอท” ผมกำลังจะวิ่งไปดูพี่ปรอทแต่โดนพี่รัชต์ดึงกลับมา พี่ปรอทเช็ดเลือดที่มุมปาก ไอ้มุมที่วิ่งตามมาก็มาพยุงพี่ปรอทลุกขึ้น
“น้องกีบอกไปซิ ว่าน้องกีจะเลือกใคร” พี่รัชต์ถามผมที่กำลังยืนมึนกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่
“พี่...”
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ว่าน้องเลือกพี่” คือ ผมไม่ได้เลือกใครคร้าบ ผมจะเรียกชื่อพี่ ทำไมพี่ผมเป็นคนแบบนี้วะ
“ในเมื่อน้องกีเลือกพี่แล้ว ต่อไปห้ามปรอทมายุ่งกับน้องกีอีก เข้าใจนะ” พูดจบก็ลากผมเดินออกไป
“ไม่ครับ จนกว่าพี่จะรับปากว่าจะไม่ทำร้ายน้องกี ไม่งั้นผมก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”
พี่รัชต์แอบยิ้มขำๆ สมใจแล้วล่ะสิ ต่อยเค้าจนปากแตกขนาดนั้น แต่พี่แกก็แค่ยักไหล่อย่างยียวน แล้วเราก็เดินจากมา ผมหันไปมองพี่ปรอท พี่มันมองมาด้วยสายตาห่วงใยจนผมใจอ่อนยวบ
พอขึ้นรถได้ ทั้งสามคนก็แปะมือกัน ผมได้กระพริบตาปริบๆ มอง
“พี่รัชต์น่าจะต่อยเผื่อรตีอีกสักหมัด” เจ๊รตีสายโหดพูดขึ้นมาเป็นคนแรก ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วละว่าทั้งสามคนเล่นอะไรกัน (ความรู้สึกช้าไปนะลูก)
“ฮ่าๆๆๆ พอเถอะ นั่นก็โดนไปเต็มๆ แล้ว เดี๋ยวคนแถวนี้จะร้องไห้ซะเปล่าๆ” อยู่ดีๆ ก็โดนแซวจนผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที
“เหอะ รตียังไม่สะใจเลย”
“จะว่าไปก็สงสารพี่ปรอทเหมือนกันนะคะพี่รตี ที่ผ่านมาก็โดนไปหลายดอกแล้ว โดนวิตบไปสองที ไอ้มุมอีกหนึ่งหมัด บวกกับหมัดหนักๆ ของพี่รัชต์อีกหมัด” ไอ้วิมันเสริมให้ พอได้ยินอย่างนั้นเจ๊รตีก็ทำท่าพอใจขึ้นมาอีกหน่อย
พี่รัชต์หันมายิ้มให้ผม โยกหัวเบาๆ แล้วบอก
“พี่ให้ผ่าน” หือ ผ่านอะไร อะไรผ่าน ผมงง พอเห็นผมทำหน้าเอ๋อใส่พี่รัชต์ก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู
“พี่ปรอทของกีน่ะ พี่ให้ผ่าน พี่ยอมรับแล้ว หนักแน่น จริงใจดี อนุญาตให้กีคบด้วยได้ แต่ถ้าทำกีเสียใจเมื่อไหร่ บอกพี่ พี่จะกลับมาจัดการให้ทันที” ผมยิ้มกว้างยินดีที่พี่รัชต์ยอมรับ แล้วก็ยินดีที่ผมเลือกคนไม่ผิด
เราแวะตลาดสดซื้อของมาทำอาหาร เพราะเย็นนี้จะมีเลี้ยงต้อนรับพี่รัชต์กันนิดหน่อยที่นานๆ พี่แกจะยอมห่างจากตะเข็บชายแดนสุดที่รักมาได้ เรามาตั้งเตาย่างกันที่สนามหน้าบ้าน ทั้งกินทั้งเม้าท์กันจนคอแห้งเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ในบ้านมีแต่เสียงหัวเราะ ได้อยู่ท่ามกลางคนที่รัก ผมมีความสุขมากที่สุด พอผู้ใหญ่แยกย้ายกันไปนอน ก็เหลือแต่เราสี่คน แต่ละคนเผากันเองให้พี่รัชต์ฟังเต็มที่ เสียดายที่เจ๊รตีมีคนไข้ด่วน ทำให้ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยมีพี่รัชต์ไปส่ง ดีที่งานเลี้ยงเราปลอดแอลกอฮอล์เลยไม่ต้องเป็นห่วงมาก
ผมกับไอ้วิคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับห้อง พออาบน้ำเสร็จ ผมก็มานั่งปลดล็อคเบอร์โทรศัพท์ ปลดล็อคไลน์พี่ปรอท แล้วก็โทรหาไอ้มุม เพราะรู้ว่าป่านนี้มันก็ยังไม่นอนหรอก น่าจะยังเล่นเกมอยู่ ผมโทรไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ไอ้มุมฟัง แล้วก็ฝากบอกไปถึงพี่ปรอทว่าถ้ายังมั่นใจในความรู้สึกที่มีต่อผม ก็ให้รู้ว่าผมขอให้โอกาสพี่ปรอทอีกครั้ง ทำไมผมไม่โทรหาพี่ปรอทเลยเหรอครับ โธ่! ก็ผมมันปอดแหกไง จะอะไรล่ะ แหะๆ (ตอนหลังไอ้มุมมันมาเล่าให้ฟังว่าพี่มุมขับรถมาที่บ้านผมตอนตี 1 เอ่อ! พี่จะมาปล้นบ้านผมเหรอครับดึกขนาดนี้)
พอรุ่งเช้าพี่ปรอทกับไอ้มุมก็มานั่งเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะรับแขกกับคุณพ่อคุณแม่ เข้ามาพูดคุยทำความรู้จักและขอโอกาสคบกับผม ที่จริงพี่มันแทบจะยกพานดอกไม้ธูปเทียนแพมาขอขมาพ่อแม่ผมด้วย แต่ผมไม่อนุญาต เวอร์ไปไหมครับพี่ กูอายครับ อีกอย่างผมไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดในคืนนั้นให้พ่อกับแม่ฟังครับ ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ เจ๊รตีที่หยุดอยู่บ้านพอดีถามผมว่าจะให้วางยาในแก้วน้ำเลยไหม เดี๋ยวพี่จัดให้ เอ่อ พี่ครับ ได้ข่าวว่าพี่เป็นแพทย์ไม่ใช่ฆาตกร โหดจริงจัง พี่ใครวะ ส่วนพี่รัชต์ก็ขู่พี่ปรอทไว้ก่อนกลับไปทำงานว่าถ้าทำให้ผมเสียใจ จะกลับมาจัดการเอง พี่ปรอทก็ยิ้มหน้าบานรับคำอย่างหนักแน่นว่าจะไม่มีวันทำให้ผมเสียใจแน่ ผมก็ได้แต่เขินเมื่อได้รับสายตาล้อเลียนจากทุกคนในบ้าน เอาที่สบายใจเลยครับ ล้อได้ล้อไป ไม่คิดว่าผมจะอายเลยรึไง ฮึ่ย!
หลังจากนั้นมาพี่ปรอทก็อัญเชิญตัวเองมาที่บ้านผมแทบทุกวัน เช้าถึงเย็นถึงเลยทีเดียว เช้าแวะมาหาก่อนออกไปทำงาน พอเย็นๆ หลังเลิกงานก็ลากไอ้มุมมาหาผมที่บ้าน มากินข้าวบ้านผมแทบทุกวัน คิดเงินได้ไหมครับ มันเปลือง ฮ่าๆๆ ผมบอกว่าไม่ต้องมาบ่อยขนาดนั้นก็ได้ ผมกลัวจะเหนื่อย แต่พี่ปรอทบอกไม่เป็นไร มันเป็นความสุขของพี่ พี่พูดโดยไม่อาย แต่คนฟังอย่างผมอายครับ งื้อ ส่วนไอ้มุม วันไหนเจ๊รตีอยู่บ้านก็ชอบไปกวนประสาทพี่ผม แถมสายตาที่มองกันก็...หึๆ คู่นี้ชักจะยังไงๆ แล้วครับ สักวันผมจะง้างปากไอ้มุมให้ได้ ไม่บังอาจไปง้างปากเจ๊รตีหรอกครับ ผมกลัวตาย
แต่แบบนี้ก็ดีครับ ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันจริงๆ แถมอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ผมก็เป็นห่วง กลัวว่าความรักของเพศเดียวกันมันจะไม่ยืนยาว ท่านกลัวผมจะเสียใจ พอได้โอกาสพี่ปรอทก็แสดงความจริงใจให้เห็นอย่างเต็มที่ ว่างๆ ก็ไปช่วยพ่อดูแลต้นไม้ ช่วยแม่ถือของที่ตลาด มาช่วยผมทำกับข้าว จนตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านไปแล้วครับ อะไรก็ลูกปรอท ลูกปรอทจนผมหมั่นไส้ แอบหยิกพุงพี่มันไปหลายที ช่วงนี้ชีวิตดี๊ดีครับ อิจฉาผมล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆ
**************************
คืนนี้มีนัดกับหน้ากากนักร้องค่ะ เลยเอาน้องกีมาฝากไว้ก่อน ฝากลูกสาว เอ๊ย! ลูกชายไว้ด้วยนะคะ