บทที่ 8
อีกไม่ถึงสองร้อยเมตรก็จะถึงประตูทางเข้าสถานีตำรวจ...ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของหมวดเรียว ศรันย์เปลี่ยนช่องทางเดินรถมาอยู่ช่องซ้ายสุดและลดความเร็วลง วันนี้เขาตั้งใจจะมาทวงคำสัญญาจากหมวดเรียวเรื่องที่จะเลี้ยงอาหารหนึ่งมือ
ความจริงผู้หมวดหนุ่มเป็นคนบอกว่าจะติดต่อไปเอง และห้ามไม่ให้มาหาที่สถานีฯ แต่ศรันย์ไม่สน หลายวันแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้ากวนๆ ของหมวดเรียว ทำให้รู้สึกเบื่อยิ่งนัก เขายอมรับว่าหมวดเรียวทำให้ชีวิตเขามีสีสัน
ขณะนั้นเอง ศรันย์ก็เห็นร่างอวบๆ ของใครคนหนึ่งกำลังเดินมาบนทางเดินข้างถนน จำได้ทันทีว่าคือหมวดชินวัฒน์ คู่หูของหมวดเรียว ศรันย์จึงจอดรถชิดข้างทางแล้วร้องเรียก
“หมวดเรียวไม่อยู่ ไปทำงานให้สารวัตร” ชินวัฒน์รีบบอกเมื่อศรันย์ถามถึงเพื่อน
“ว้า แย่จัง เสียเที่ยวจริงๆ เลย” ศรันย์ถอนหายใจเฮือก
“คุณหาเรื่องมาโรงพักบ่อยๆ แบบนี้ทำไมหรือ ชอบหมวดเรียวใช่ไหม” ชินวัฒน์ยักคิ้ว
“เปล่า ผมแค่อยากเป็นพลเมืองดี” ศรันย์ยักไหล่
“จริงหรือ แล้วที่จงใจจอดรถที่ห้ามจอด ขับรถเร็วเกินกำหนด กระเป๋าตังค์หายซ้ำซากนี่คืออยากเป็นพลเมืองดีใช่ไหม” ชินวัฒน์ทำหน้ารู้ทัน
“แหมคุณหมวดนี่ก็หัวไวจริงๆ” ศรันย์ส่ายหน้า “อ้อ ผมขอถามหน่อย ทำไมติดต่อหมวดเรียวไม่ได้ซักที เบอร์ 081-827xxx เนี่ยโทรไปเท่าไหร่ก็เอาแต่ปิดเครื่อง หมวดมีเบอร์ใหม่ไหม หมวดเรียวคงไม่ได้มีเบอร์โทรอยู่เบอร์เดียวแน่ๆ ผมขอเบอร์ส่วนตัวได้ไหมล่ะ ไม่ใช่เบอร์เรื่องงาน นี่คงให้เบอร์กิ๊กก๊อกอะไรผมมาก็ไม่รู้ ประมาณว่าใช้วันเดียวทิ้ง”
“มาขอเบอร์ส่วนตัวแบบนี้มันง่ายไปหน่อยมั๊ง” ชินวัฒน์ทำหน้ายียวน “คุณลองใช้ความพยายามหน่อยสิ คิดจะจีบตำรวจทั้งที มีมานะหน่อย”
“อืม ถ้างั้นไม่เอาก็ได้ ถ้าหมวดเรียวไม่อยู่ ผมก็ไปหาผู้กองหน้าดุคนนั้นดีกว่า จะได้ร้องเรียนเรื่องถูกตำรวจแกล้ง วิทยุบอกเพื่อนที่ตั้งด่านอยู่ท้องที่อื่นดักจับรถผมและให้ผมมาเสียค่าปรับท้องที่นี้ เข้าข่ายใช้อำนาจโดยมิชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วก็มีอีกเรื่อง คือสมคบคิดกับหมวดเรียว แกล้งขโมยรถผมไปขับ แล้วไปจอดติดป้ายประกาศขายทิ้งไว้ แล้วก็...”
“เฮ้ย อย่านะ” ชินวัฒน์รีบกระโดดเข้ามาแทบจะเกาะประตูรถของศรันย์
“งั้นก็เอาเบอร์โทรมา” ศรันย์เค้นเสียง
“จำไม่ได้”
“ผมไม่เชื่อหรอก ซี้ปึ๊กกันขนาดนั้น ทำไมจะจำไม่ได้ ว่าไง จะให้ผมไปโรงพักตอนนี้เลยไหม ยิ่งเบื่อๆ อยู่ด้วย เวลาเบื่อสุดขีด ผมมักจะทำอะไรไม่ยั้งคิดนะหมวดนะ แล้วที่จะเอาเบอร์เนี่ยก็ใช่จะเอาเบอร์โทรไปเสนอขายประกันอะไรพรรค์นั้นซักหน่อย จะโทรไปเตือนเรื่องแก็งค์แข่งรถต่างหาก ว่าไง อย่าชักช้าสิคุณหมวด จอดรถข้างทางนานๆ แบบนี้เกิดผมถูกจับจะว่ายังไง ถ้ายุ่งยากนัก ผมจะไปรายงานให้ผู้กองหน้าดุคนนั้นฟังแทนก็ได้ ไม่ทงไม่โทรหาหมวดเรียวแล้ว ยุ่งยากนัก”
“บังคับขู่เข็ญเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ชินวัฒน์หน้างอ บ่นอุบอิบ “ได้ทีขี่ม้าไล่เลยนะ”
“เบอร์ครับเบอร์” ศรันย์ยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นเตรียมพร้อมกดบันทึกหมายเลข เมื่อชินวัฒน์บอกหมายเลขใหม่เสร็จแล้วจึงพูดย้ำอีกครั้งว่าเบอร์ที่ให้มาเป็นเบอร์จริง ไม่ใช่เบอร์หลอก
“ไม่จริงให้มาบีบคอตายเลยเอ๊า แต่หมวดเรียวจะรับไม่รับนี่ก็อีกเรื่องนะ จะมาโวยวายกันไม่ได้”
///
ชินวัฒน์ไปคุยกับเรียวและบอกว่าศรันย์ดูห่วงใย และปรึกษาว่าควรเอาเรื่องการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มนักแข่งรถเข้าที่ประชุมจะดีกว่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นการขยายผลจากการปลอมตัวเข้าไปสืบในมหาวิทยาลัย เรียวขอตัดสินใจ แต่คืนนี้จะขอไปกับบอสเสียก่อน
“นี่หมวดเรียว ถามจริงๆ เถอะ ชอบคุณศรันย์ปากมากนี้บ้างไหม ถ้าไม่ชอบก็อุ้มไปซ้อมซะเลย เอาให้น่วม ผมจะชวนหมวดอั่งเปาฝ่ายงานจราจรมาช่วยอีกคน จะได้เข็ดหลาบ ไม่มาตามยุ่งกับหมวดอีก” ชินวัฒน์ยื่นหน้าเข้าไปถามเรียว น้ำเสียงจริงจัง ต่างกับแววตา
“อย่ายุ่งเลย อยู่เฉยๆ
“ไม่ยุ่งได้ยังไง เพื่อนรักกัน ตอนเรียนสามพรานมีอะไรเราก็ช่วยกันมาตลอด เราสามคน คุณ ผม หมวดอั่งเปา ถ้ารำคาญอีตาศรันย์นี่ จัดการซะเลย เอาให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มซักอาทิตย์”
“ไม่ได้รำคาญ” เรียวกระชากเสียงตอบ
“อ้าว ไม่รำคาญแล้วทำไมหลบหน้าเขา” ชินวัฒน์ทำหน้าไม่เข้าใจ
“ไม่ได้หลบ แค่ยังไม่อยากเจอ ตอนนี้ทำงานอยู่ เดี๋ยวจะเสียเรื่อง”
“แต่ผมว่าดูๆ ไปเขาอยากช่วยหมวดนะ อยากช่วยเพราะอยากเป็นพลเมืองดี หรืออยากช่วยเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ อันนี้ก็ต้องคิดกันหน่อย”
“หุบปากได้แล้วไอ้หมวดลูกชิ้น รีบทำงานต่อ อย่าพูดมาก เดี๋ยวปากมีสิ” เรียวถลึงตาใส่เพื่อน
“แล้วคืนนี้ก็จะไปแข่งรถอีกใช่ไหม มันจะได้เรื่องเร๊อ เผลอๆ จะเสียตัวฟรีเปล่าๆ” ชินวัฒน์พูดแล้วถอนหายใจ
“ไปหาข่าวโว้ย ไม่ใช่ไปเสียตัว” เรียวผลักหัวคนที่แกล้งทำหน้ากังวลใจแทน
“ตกลงจะให้คุณศรันย์มารับใช่ไหม”
“ไม่ เดี๋ยวน้องบอสมารับ”
“ว่าแต่ว่าน้องบอสอายุเท่าไหร่วะ เพิ่งเรียนปีสี่ ก็คงแค่ยี่สิบเอ็ดปี เก่งแฮะ อายุแค่นี้เป็นหัวหน้าแก็งค์ เป็นเจ้ามือรับพนันแข่งรถ ส่งยาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอๆ ส่งเด็กด้วย”
“หุบปากไปเลยได้หมวดลูกชิ้น รีบทำงานต่อให้เสร็จ”
“ช่วยกันทำหน่อยสิ เค้าทำอยู่คนเดียว ตัวเองมัวแต่ไปทำอะไรที่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่ง เกิดสารวัตรท่านรู้เข้าจะซวยนะ”
“สารวัตรจะรู้ก็เพราะแกปากมากอยู่นี่ล่ะไอ้ชิน เงียบ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น” เรียวตะคอก
“ก็ได้ งั้นมีอะไรไม่ต้องมาถาม ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมาปรึกษา” ชินวัฒน์แกล้งทำเสียงงอน สะบัดหน้า เรียวมองอย่างขำๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟสองถ้วย
ถ้วยหนึ่งสำหรับตัวเอง อีกถ้วยสำหรับเพื่อนคู่หูขี้งอน เขากับชินวัฒน์รู้จักกันมาตั้งแต่วันที่ไปสมัครสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้น เมื่อเรียนเทอมแรกก็ได้ล่วงรู้ความลับของกันและกันและช่วยเหลือกันหลายครั้ง ยิ่งทำให้สนิทกันเพิ่มขึ้นอีก ครั้นเรียนจบ แม้จะแยกสถานที่ทำงานกันแค่เพียงปีเดียวก็ได้กลับมาทำงานร่วมกัน แทบจะไม่เคยห่างกันเลย
///
ศรันย์โทรศัพท์ถึงเรียวอยู่หลายครั้งแต่กลับได้ยินแต่เพียงเสียงกวนๆ ของเจ้าของโทรศัพท์บอกให้ฝากข้อความเขาจึงกลับอู่อย่างเซ็งๆ เดินตรวจดูความเรียบร้อยพอเป็นพิธีแล้วเข้าไปในห้องทำงาน ไม่นาน สุวัฒน์ลูกน้องคนสนิทก็เปิดประตูเดินเข้ามา ขออนุญาตกลับก่อนเวลาเลิกงานเพราะจะต้องไปรับแฟนเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสของเพื่อน ศรันย์พยักหน้าอย่างเนือยๆ พร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบเงินยื่นให้หนึ่งพันบาทแล้วบอกว่าเป็นรางวัลที่ดูแลอู่อย่างดี
“เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” สุวัฒน์ถาม แกล้งทำหน้าตาแสดงความห่วงใย
“เอ็งอย่าวอน เดี๋ยวเอาเงินคืนและไม่ให้กลับก่อนเวลาซะเลย” ศรันย์รู้ทัน
“ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ”สุวัฒน์พยักหน้าแล้วรีบเดินไปเปิดประตู ก้าวออกไปนอกห้อง และเมื่อแน่ใจว่าอยู่ในระยะที่ห่างเพียงพอสำหรับความปลอดภัยแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “คุณพีทมานะครับ เพิ่งจอดรถหน้าอู่ กำลังจะเดินเข้ามา ท่าทางกำลังต้องการผู้ชาย”
“ไอ้สุวาน” ศรันย์ตะโกน มือจับนิตยสารขว้างมาที่ประตูทันที
พีทมาขอความช่วยเหลือให้ศรันย์ไปเป็นเพื่อนเพราะมีคนจะซื้อรถนิสสันสกายไลนด์ของตัวเองและต้องการลองขับ ศรันย์ตอบตกลงเพราะพอจะรู้จักคนที่จะซื้อรถของพีทอยู่บ้าง
“นัดเจอกันที่ลานแข่งสมาคมบัวลอยไข่หวานคืนนี้ห้าทุ่ม” พีทบอกเวลาและสถานที่นัดหมายให้ศรันย์ทราบ
“คนที่จะซื้อที่ชื่อแจ๊คกี้นี่ใช่คนเดียวกับแจ๊คกี้กลุ่มแบล็กฮอว์กหรือเปล่า” ศรันย์ถาม
“ใช่ครับ แต่ตอนลอง เราสองคนนั่งไปด้วยนะครับ ผมไม่ค่อยไว้ใจแจ็คกี้เลย ถึงได้มาขอให้คุณไปเป็นเพื่อน”
“คุณพีทก็น่าจะรู้ พวกแบล็กฮอว์กนี่แสบๆ ทั้งนั้น” ศรันย์เตือน
“ทำไงได้ครับ เขาจะซื้อรถนี่นา แล้วท่าทางเป็นคนที่มีแนวโน้วที่สุด ผมไม่อยากเก็บสกายไลน์เอาไว้แล้ว จากัวร์ก็ไม่อยากเก็บ ผมจะไปซื้อมัสแตง” พีทเอนตัวมากอดแขนศรันย์เอาไว้ เกลือกหน้ากับต้นแขนของชายหนุ่ม “แล้วไปขับด้วยกันนะครับคุณศรันย์ รถแรงๆ ต้องได้ผู้ชายแรงๆ แบบคุณขึ้นขับ”
“อีกแล้วหรือ” ศรันย์บ่น “ชวนไปขับรถทีไร ผมเหนื่อยแทบหมดแรงทุกที”
“อย่าเพิ่งบ่นสิครับ ยังไม่แก่ซักหน่อย” พีทหัวเราะชอบใจ มือลูบไล้แผ่นอกกว้างของศรันย์ “หนุ่มแน่นกำยำล่ำสั่นลีลาดีแบบนี้ไง ผมถึงอยากชวนไปขับรถ”
“อย่านะคุณพีท นี่ห้องทำงานผมนะ เกิดพวกพนักงานเปิดเข้ามาเห็น มันน่าเกลียด” ศรันย์จับข้อมืลของพีทเอาไว้เพราะกำลังโดนลุกล้ำ มือของคนที่ชอบชวนเขาไป ‘ขับรถแรง’ เริ่มสอดเข้าไปใต้สาบหน้าของเสื้อเชิร์ต
“พักหลังนี่ทำเป็นหวงตัว แต่ก่อนไม่เห็นบ่น” พีทยิ้มแล้วขยับออกห่างเล็กน้อย
“แต่ก่อนกับเดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับ ผมกำลังปรับปรุงตัวเอง”
“ใคร บอกหน่อยสิ คุณกำลังจีบใครอยู่ ถึงต้องเคลียร์ตัวเอง” พีทถาม
“คุณไม่รู้จักหรอก ช่างเถอะครับ” ศรันย์ลุกขึ้น “ผมจะไปเร่งให้เด็กซ่อมจากัวร์คุณให้เสร็จนะ อยู่ที่อู่นานแล้ว ไม่มีที่จะเก็บรถ คุณก็จะได้ประกาศขายซะที”
ศรันย์พูดเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องทำงานไปสั่งการให้ช่างจัดการกับรถจากัวร์ของพีทให้เสร็จภายในเร็ววัน
เขาอยากจะออกห่างจากพีท เพราะอะไรนะหรือ ที่พีทถามเมื่อครู่นี้ว่ากำลังจีบใครอยู่ ถึงต้องเคลียร์ตัวเอง คำตอบนั้นยังไม่แน่ชัด
///
พีทกับศรันย์ยืนรอแจ๊คกี้คนที่จะซื้อรถอยู่ที่ลานกว้างกลางหมู่บ้านร่างซึ่งเป็นที่นัดพบประจำของกลุ่มแข่งรถที่ใช้ชื่อว่าสมาคมบัวลอยไข่หวาน
“ไม่ได้มานานแล้ว เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน” พีทมองไปรอบๆ “นึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกก็ขำนะ คุณซ่าส์มากเลย ใส่เสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์ดริฟท์รถโชว์ คุณรู้ไหม ตอนนั้นที่ผมมาก็เพราะอยากรู้ว่าไอ้สมาคมแข่งรถชื่อตลกๆ แบบนี้มันเป็นยังไง พอมาแล้วก็ติดใจเพราะคุณนี่ล่ะ เฮ้อ ต่อจากนี้คงไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ แบบนั้นอีกแล้ว”
“ผมก็ไม่ได้มาบ่อยหรอกนะ” ศรันย์ออกตัว
“รู้แล้วว่าอายุเกิน” พีทหัวเราะขำ ศรันย์มองตาค้อนเพราะโดนล้อ
“โน่นไงแจ๊คกี้มาโน่นแล้ว คุณนั่งข้างหน้า ผมนั่งเบาะหลัง เผื่อฉุกเฉิน” ศรันย์ชี้มือไปยังชายร่างหนาคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินตรงมาหาเขาทั้งสองคน
“ขอบคุณนะครับคุณศรันย์ที่มาเป็นเพื่อน” พีทหันมายิ้มให้
“ไม่เป็นไรครับ” ศรันย์ตอบ
แจ๊คกี้ขับรถออกมาจากจุดนัดพบ ใช้ความเร็วปานกลางมุ่งตรงออกนอกเมือง และเมื่อเลี้ยวเข้าสู่ถนนวงแหวนรอบนอกจึงเร่งความเร็วสุดกำลัง
พีทถามความพึงพอใจ คนลองขับชมว่ารถขับดีและถูกใจมากและต่อราคา พีทยอมลดให้ห้าหมื่นบาท
“ขอพี่ตัดสินใจซักอาทิตย์นะ แต่ว่าช่วงนี้พี่ขอเอารถไปลองขับซักสามสี่วันได้ไหม อยากจะให้เท้ามันคุ้นกว่านี้หน่อย จะได้ทดสอบให้แน่ใจ พี่รู้สึกว่าว่าครัชมันลึกๆ ยังไงก็ไม่รู้ กะจังหวะไม่ค่อยได้เลย ถ้าได้ขับต่อๆ กันซักสามสี่วันน่าจะดี ตัดสินใจได้ง่ายเข้า”
“ขับไปนานๆ ก็คุ้นเองครับ พี่ปรับครัชซักหน่อยก็ได้แล้ว” พีทตอบ “แต่ว่าเรื่องที่จะเอาไปลองขับหลายๆ วันนี่ผมไม่สะดวก ผมยังเข็ดตอนที่ขายเบ็นซ์ไม่หาย รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ตอนนั้นโดนตำรวจไถตั้งหลายหมื่น”
“ทำไมหรือ” ศรันย์ถาม
“คนที่จะซื้อเอาไปส่งของนะสิ เจอด่านตำรวจ ซวยไปเลย กว่าจะเคลียร์ได้” พีทตอบเสียงเซ็งๆ
“โธ่คุณพีท พี่รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ พี่ขับคนเดียว ไม่ให้เสียมาถึงคุณพีทหรอก ไม่เอารถไปทำอะไรแบบนั้นแน่นอน เอารถไปลองขับทดสอบจริงๆ จังๆ แบบใช้ส่วนตัวจริงๆ รับรองว่าไม่เอาไปทำงาน”
“พี่ส่งด้วยหรือ” ศรันย์ถามแทรกขึ้น ทำเสียงแปลกใจเล็กน้อย แต่หน้าตาแสดงว่าสนใจ “มีทุกอย่างหรือเปล่า นี่ผมเบื่อๆ พวกเจ้าบอสแล้วนะเนี่ย ของขาดอยู่เรื่อย”
“คุณศรันย์เล่นด้วยหรือ” พีทหันไปถามศรันย์อย่างไม่เชื่อหู
“นิดหน่อย นานๆ ที แต่ส่วนมากเพื่อนๆ ผมฝาก” ศรันย์สร้างเรื่องขึ้นมา เขาอยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบอส และคิดว่าแจ๊กกี้อาจจะรู้อะไรบ้าง
“ได้ยินมาว่าบอสจะเลิกแล้วนะ ไม่รู้ทำไมคิดจะล้างมือ แต่ผมว่าเด็กมันใจไม่ถึงพอ หรือไม่ก็แค่ลองทำเป็นงานอดิเรกแค่เดี๋ยวเดียว ลูกคนรวยนี่นะ เบื่อง่าย หมดสนุกแล้วก็เลิก ถ้าคุณศรันย์อยากได้มาเอาที่ผมดีกว่า รับรองคุณภาพทุกอย่าง สินค้าไม่มีขาดแน่นอน คุณพีทล่ะ สนใจบ้างไหม พี่ซื้อรถคุณพีท แล้วคุณพีทก็อุดหนุนพี่หน่อย”
“ให้ตกลงซื้อจริงซะก่อนเถอะครับ โอนเล่มเมื่อไหร่ ผมจะอุดหนุนซักหมื่นสองหมื่น เอาไปฝากเพื่อน” พีทพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“ตกลงเรื่องเอารถไปลองขับจะว่าไง” แจ๊คกี้วกกลับเข้ามาเรื่องรถ
“ไม่สะดวกจริงๆ ครับพี่ ตั้งหลายวัน มันนานไป”
“โธ่ รถมันไม่ใช่ราคาน้อยๆ นะคุณพีท ต้องลองให้แน่ใจหน่อยว่ามันจะชอบจริงๆ เพราะถ้าพี่ซื้อ มันจะอยู่กับพี่ไปอีกนาน”
“ราคาไม่น้อย แต่พี่ก็หาเงินได้ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ส่งแต่ละรอบคงเป็นแสนๆ ล่ะมั๊ง” พีทยังคงหัวเราะ “เอาอย่างนี้ อยากลองเมื่อไหร่บอกผม จะเอามาให้ขับจนพอใจ แต่ลองแล้วผมต้องเอารถกลับ เพราะผมต้องใช้รถ”
“มีหลายคันไม่ใช่หรือ” แจ๊คกี้ท้วง
“มีคันนี้กับจากัวร์แค่สองคันเอง คันอื่นก็รถที่บ้าน ฮอนจ้าแจ๊สเอาไว้แค่ไปจ่ายตลาดกับแม่ ผมทนขับไม่ไหวหรอก จากัวร์ก็ซ่อมไม่เคยเสร็จซะที นี่ไงเจ้าของอู่” พีทเอียงศีรษะชี้ไปที่ศรันย์ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางเบาะหลัง “ขนาดสนิทกับเจ้าของอู่ก็ยังไม่ได้รถซะที น่าตีนัก แต่สกายไลน์พี่ไม่ต้องห่วงนะ คันนี้ไม่เคยเสีย ไม่เคยชน ไม่เคยอะไรทั้งสิ้น สภาพเยี่ยมเพราะผมดูแลดีมาก พี่ได้ไปแล้วจะไม่เสียดายเงินเลย “
///
หลังจากให้แจ็คกี้ลองรถเกือบหนึ่งชั่วโมง พีทกับศรันย์ก็กลับมาที่ลานกว้างกลางหมู่บ้านร้างซึ่งเป็นจุดนัดพบกันในตอนแรก แจ๊คกี้ขอเวลาตัดสินใจและจะให้คำตอบในวันพุธหน้า และหากอยากลองขับอีกก็จะติดต่อนัดหมายกับพีทอีกครั้ง
“คิดว่าเขาจะซื้อไหมครับ” ศรันย์ถามพีทหลังจากที่แจ็คกี้ขับรถออกไปแล้ว พีทยักไหล่ ไม่ตอบออกมาเป็นคำพูด ท่าทางไม่กังวลใจเท่าใดนักว่าจะขายรถได้หรือไม่ได้
“มีคนสนใจอยู่อีกคน ลูก ส.ส. สุชาติ แต่เงินเขาไม่ถึง ต้องขอพ่อเพิ่ม ผมไม่ค่อยอยากขายให้เด็กหรอกครับ เสียเวลา กว่าจะจบเรื่อง ถ้าแจ๊คกี้ไม่เอาผมก็จะเก็บเอาไว้ก่อน ถึงปลายปีค่อยว่ากันอีกที”
ศรันย์พยักหน้ารับฟังแล้วหันไปรอบๆ ลานกว้าง มีรถทยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบเต็มลาน ไม่นานเขาก็เห็นรถของบอส
“สมาคมบัวลอยไข่หวานนี่ครึกครื้นกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะเยอะขนาดนี้ ตอนนั้นมีแค่สิบกว่าคัน” พีทมองไปรอบๆ
“คุณพีทจะอยู่ต่อหรือจะกลับ” ศรันย์ถาม แต่ยังไม่ทันจะฟังคำตอบ สายตาก็มองไปเห็นบอสเดินจูงมือหมวดเรียวมาที่รถ จึงพูดขึ้นทันทีว่า “อยู่ต่อก็แล้วกัน”
“เฮียศรันย์ก็มาด้วย ดีใจจังเลยโว้ย” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ศรันย์หันไปมอง ชายหนุ่มสี่คนเดินเข้ามาหา ท่าทางดีใจอย่างที่พูด
“เฮียช่วยหน่อยสิครับ ช่วยแข่งรถหน่อย ผมจะทุ่มพนันเฮีย ถ้าชนะ พวกผมจะแบ่งเงินให้คนละห้าพัน สี่คนรวมเป็นสองหมื่นเลยนะเฮีย ช่วยหน่อยนะ ตอนนี้พวกเรากำลังหาเงินเสียค่าหน่วยกิต” หนุ่มคนหนึ่งในจำนวนสี่คนอ้อนวอน
“ไม่คุ้มโว้ย ทำไมไม่แข่งเอง” ศรันย์ปฏิเสธ
“ฝีมือพวกผมสู้เฮียไม่ได้ ถ้าจะเอาชนะแบบใสๆ ก็ต้องให้คนขับระดับตำนานแข่ง โธ่ ช่วยหน่อยสิครับเฮีย ถ้าไม่เชื่อมั่นในตัวเฮีย พวกผมไม่มาขอร้องหรอก เฮียชนะแน่ๆ เด็กพี่บอสมันยังอ่อนอยู่ สู้เฮียไม่ได้แน่นอน ผมเห็นฝีมือมันแล้ว นะเฮียนะ ถือซะว่าช่วยลูกนกลูกกาตาดำๆ”
“เออ” ศรันย์พยักหน้า เปลี่ยนใจทันที เมื่อมองไปเห็นบอสหอมแก้มหมวดเรียวซึ่งขณะนี้ปลอมตัวมาในคราบเด็กหนุ่นอ่อนต่อโลกซึ่งกำลังริอ่านใช้ชีวิตกลางคืนกับกลุ่มนักแข่งรถ
“แต่พวกนายไปเพิ่มเงื่อนไขรางวัลสำหรับผู้ชนะเป็นการแลกบัวลอยไข่หวาน” ศรันย์พูดต่อเสียงเข้ม
“บ้าจริงคุณศรันย์ เล่นอะไรแบบนี้” พีทอุทาน มือฟาดเข้าที่ต้นแขนขอคนพูด เด็กหนุ่มสี่คนที่ยืนอยู่พากันหัวเราะ
“เถอะน่า ช่วยเด็กหน่อย มันกำลังหาเงินจ่ายค่าหน่วยกิต แล้วอีกอย่าง ไม่ได้มีการแข่งชิงรางวัลแบบสนุกๆ แบบนี้มานานแล้วใช่ไหมพวกเรา” ท้ายประโยค ศรันย์หันไปพูดกับพวกเด็กหนุ่มทั้งสี่คน
“ใช่ครับใช่ ลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนะพี่” นักศึกษาขาซิ่งรถที่กำลังหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียนรีบพร้อมใจกันพยักหน้า
“พวกแกต้องไปท้าทายแก็งค์ของบอสให้ได้ ถ้าเขาตกลง พี่ก็จะแข่งให้” ศรันย์สั่งการแล้วบอกให้ทั้งสี่ไปจัดการตกลงเรื่องแข่งขันให้เรียบร้อย
“เกลียดคุณจริงๆ เลย” พีทสะบัดหน้า ยกมือขึ้นกอดอก ทำท่างอน
“น่านะคุณพีท คุณไม่ได้เสียหายอะไรเลย แค่สนุกๆ บอสคุณก็รู้จักไม่ใช่หรือ ดูๆ ไปเด็กคนนั้นก็ไม่เลวนะ แค่ไปนั่งอิงแอบแนบชิดเป็นเพื่อนให้เขาแต๊ะอั๋งไม่กี่ชั่วโมง”
“เทียบคุณไม่ได้” พีทเดินเข้ามากอดแขนศรันย์ “ก็ได้ ถ้าอยากสนุกก็จะยอมทำให้สนุก แต่มีข้อแม้ว่าหลังตีสาม คุณต้องอยู่กับผมทั้งคืน”
ฝีมือการขับรถระดับพระกาฬของศรันย์นั้นทิ้งห่างรถคันอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น บอสกับคนอื่นๆ ยืนรออยู่ที่เส้นชัย ศรันย์จอดรถแล้วก้าวลงมายืนเท้าสะเอวมองรถคันอื่นๆ ที่ทะยอยเข้าเส้นชัยพลางหันไปมองบอสด้วยสายตายิ้มๆ บ่งบอกให้รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เรียวยืนกอดอกพิงรถอยู่ข้างๆ หน้าตาเรียบเฉย
“ว่าไง เห็นฝีมือพี่ไหมน้อง” ศรันย์ตะโกนพูดกับพวกที่แพ้การแข่งรถ “ต่อจากนี้ไปก็เป็นพิธีมอบรางวัล”
“พี่บอส พวกผมขอโทษ” ลูกน้องของบอสยิ้มแหยๆใ ห้หัวหน้า แล้วหันมาบ่นให้กับศรันย์ “ก็รถเฮียศรันย์แต่งซะเต็มที่ขนาดนั้น ใครจะสู้ไหว”
“อ้าว แพ้แล้วไม่ยอมรับนี่หว่า รถเอ็งก็แต่งเหมือนกัน ซีซีเยอะกว่าอีกต่างหาก แบบนี้โทษรถไม่ได้หรอก มันต้องฝีมือคนขับด้วย ใช่ใหมพีท” ประโยคหลัง ศรันย์หันมาพูดกับพีท คนฟังสะบัดหน้าหนี แสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็เดินข้ามไปหาบอส
“ว่าไง รางวัล เอามาสิ” ศรันย์หันไปพยักหน้าให้บอส ชี้นิ้วไปที่เรียวซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆ บอสนิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วหันหลังไปจับข้อมือของเรียว ดึงให้เดินมาหาช้าๆ แล้วพาเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าศรันย์
“พี่ขอโทษนะหนุ่ม” บอสพูดกับเรียวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ตีสามพี่จะมารับ ตีสามนะเฮีย” ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับศรันย์
“เฮ้ย อะไรวะ นี่มันอะไรกัน” เรียวโวยวาย เผลอตัวออกท่านักเลงหลังจากแกล้งทำตัวหงิมๆ มาตั้งนาน
“รางวัลสำหรับผู้ชนะไง” ลูกน้องบอสตอบ
“รางวัลอะไร ไหนว่าแลกขนมบัวลอยไข่หวาน” เรียวกระชากเสียงถาม อีกใจหนึ่งก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร และเมื่อพูดเสร็จ คนในกลุ่มที่ยืนอยู่ก็พากันหัวเราะลั่น ยกเว้นบอสและพีท
“นี่ล่ะขนมบัวลอยไข่หวาน” หนุ่มคนหนึ่งใช้นิ้วจิ้มที่แก้มของเรียว นายตำรวจมือปัดมือออก มองตาขวาง
“พี่บอสทำแบบนี้ได้ยังไง” เรียวหันขวับไปต่อว่าบอส
“พี่ขอโทษ” บอสตอบสั้นๆ เม้มปากแล้วเดินไปที่รถโดยมีลูกน้องเดินตาม พีทลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามไป
“กล้าดีมาก อยากเจอของแข็งหรือไงคุณศรันย์” เรียวหันมาตะคอกศรันย์พอให้ได้ยินกันสองคน
“อย่าโวยวายไปสิ เดี๋ยวพวกมันก็รู้ว่าคุณเป็นใคร คุณไม่อยากได้ใจพวกมันหรือ ถ้าคุณไม่ยอมไอ้บอสก็เสียหน้า ถ้าคุณยอม มันก็นับถือใจคุณ คราวนี้คุณก็ล้วงลึกพวกมันได้แล้ว มามะ มาหาเฮีย ให้เฮียได้ชื่นใจหน่อย” ศรันย์ดึงเรียวเข้ามาใกล้ ตบมือเข้าที่ก้นแน่นๆ ของนายตำรวจอย่างแรง ยกมือขั้นโอบไหล่เอาไว้แน่น อาศัยจังหวะที่เรียวตกใจ ซุกจมูกเข้าที่ซอกคอ พร้อมกับทำปากยื่นจูบใต้ซอกหู เรียวสะบัดตัว กำมือ กำลังจะชกศรันย์ แต่บอสและพรรคพวกหันหน้ามามองจึงต้องลดมือลง
มีคนเปิดเพลงแร็ปดังลั่น หลายคนเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ บางคนเริ่มเต้นเข้าจังหวะเพลง ถือขวดเบียร์และขวดเหล้าดื่มกินฉลองกันอย่างสนุกสนาน ปารตี้ของนักแข่งรถยามราตรีเริ่มขึ้นกลางลานคอนกรีตในหมู่บ้านร้าง
เรียวยืนจ้องหน้าศรันย์อย่างเอาเรื่อง อยากจะต่อยหน้ากวนๆ นั้นสักหมัดสองหมัด
“สนุกนักหรือไงคุณศรันย์”
“ผมช่วยคุณต่างหาก”
“ช่วยอะไร อย่ามาทำเป็นพูดดี”
“จะบอกอะไรให้ คุณไปเสียเวลากับเจ้าบอสเฉยๆ ผมรู้มาว่าบอสจะวางมือแล้ว เอาตัวเข้าแลกไม่คุ้มหรอกคุณหมวด เปลืองเนื้อเปลืองตัวเฉยๆ”
“ทำเป็นรู้ดี ทำยังกะรู้ทุกอย่าง จริงหรือไม่จริงนี่อีกเรื่อง โธ่เอ๊ย”
“อ๊ะ ไม่เชื่อก็ตามใจ” ศรันย์ยักไหล่
“เมื่อกี้ไหนพูดว่าจะต้องให้ได้ใจพวกนั้น บอกว่าจะทำให้พวกนั้นนับถือใจผม คุณนี่มันกวนจริงๆ เลย จงใจแกล้งผมใช่ไหม แล้วรางวัลแลกเด็กกันบ้าบอนี่คืออะไร อย่าบอกนะว่าต้อง...”
“โธ่เอ๊ย ไม่มีอะไรมากหรอกน่า แค่เอาตัวเด็กคู่แข่งมาควงมานั่งจีบเล่นถึงตีสามแค่นั้นเอง แค่ทำให้คู่แข่งเสียหน้า” ศรันย์ยักไหล่ ยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“ดูถูกเด็ก ดูถูกคู่ควงตัวเอง พวกคุณนี่น่าสมเพธจริงๆ ถ้าเป็นผู้ชายผู้หญิง ป่านนี้คงเอาสก๊อยไปนอนด้วยแล้วมั๊ง” เรียวเบ้ปากอย่างขุ่นเคือง
“อยากทำแบบนั้นกันบ้างก็ได้นะ” ศรันย์หัวเราะร่า แล้วรีบกระโดดออกห่างเมื่อเห็นเรียวกำหมัดยกขึ้น “อ๊ะๆ อย่านะน้องหนุ่ม เสียอิเมจหมด เดี๋ยวพี่บอสเห็นเข้าจะตกใจ ว่าหนุ่มน้อยน่ารักทำไมกลายเป็นไอ้ตัวร้ายจอมเกเร อะไรกัน เอะอะก็จะใช้แต่กำลังและความรุนแรง ไม่เคยมีความนุ่มนวลอ่อนโยนให้เห็นบ้างเลย แบบนี้เมื่อไหร่จะได้แฟนกับเค้าซะที”
เรียวส่ายหน้าอย่างระอาใจ เลิกใส่ใจศรันย์ที่เอาแต่หัวเราะ หันไปมองบอส จึงเห็นว่าชายหนุ่มมาดขรึมนั่งหมิ่นๆ อยู่บนฝากระโปรงหน้ารถ มือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกง มือขวาถือกระป๋องเบียร์ มองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีมีทีท่าว่าจะหันมาสนใจพีท ‘รางวัล’ ที่ได้แลกมาจากศรันย์
►จบบทที่ 8◄