[จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄  (อ่าน 35169 ครั้ง)

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
* * * *
หยุด! นี่คือการปล้น ส่งหัวใจหมวดมาซะดีๆ
ทำยังไงได้ เห็นบั้นท้ายหมวดแล้วถูกใจมาก ขอเสี่ยงตายจีบนายตำรวจจอมกวนคนนี้หน่อยเถอะ
เรื่องรักกุ๊กกิ๊กของ ศรันย์ ประชาชนเจ้าปัญหา ขอท้าทายอำนาจตำรวจจีบหมวดหนุ่มให้หายเบื่อ
กับหมวดเรียว ตำรวจเจ้าเล่ห์ แต่เท่ จนถูกประชาชนไล่ตามพิชิตกายและใจ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2017 12:26:52 โดย KATAWOOT »

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 1

นายตำรวจหนุ่มผิวขาวใบหน้าคมเข้มกระโดดลงจากรถประจำทางอย่างคล่องแคล่ว ร่างสูงกว่า 183 เซ็นติเมตรวิ่งข้ามถนนช้าๆ พร้อมกับโบกมือทักทายตำรวจจราจรซึ่งกำลังยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้ๆ
ร.ต.ท. เรียว หยุดยืนอยู่ที่เชิงบันไดครู่หนึ่งแล้วอมยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “สมใจพ่อแล้วนะ ตอนนี้ไอ้เรียวของพ่อได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโทแล้วนะครับ” จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องทำงานบนชั้นสอง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งเรียวสังกัดอยู่ ร.ต.ท. ชินวัฒน์ เพื่อนสนิทยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้และกวักมือเรียกพร้อมทำหน้าตาตื่นเช่นเคย
“สารวัตรองค์ลงตั้งแต่เช้าแล้ว ระวังตัวให้ดี” ชินวัฒน์เตือน
“เรื่องอะไร” เรียวถอนหายใจเบาๆ ถามเพื่อนทั้งที่พอจะเดาออกว่าเป็นเรื่องวีรกรรมดันทุรังของตัวเอง
“อ๋อ คงเรื่องที่เมื่อคืนนี้ทีมเราจับเอเยนต์ค้ายาไอซ์ได้มั๊ง” หมวดชินวัฒน์แดกดัน “เพราะคุณทีเดียว ซวยตั้งแต่เช้า คุณท่านสารวัตรเรียกผมเข้าไปด่าจนหูอื้อ นี่ขี้หูยังเต้นระริกระรี้อยู่เลย อะไรนักหนาก็ไม่รู้ ผมไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเล๊ย ท่านกลับด่าว่าคอยสอนให้คุณแหกคอก หารู้ไม่ว่า หมวดเรียวดันทุรังเขาเป็นของเขาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร”
“หุบปากได้แล้วไอ้หมวดลูกชิ้น” เรียวทำเสียงดุใส่เพื่อนคู่หู “พูดมากมากอยู่ได้ แล้วนี่จะโดนด่าเมื่อไหร่”
“คงอีกไม่นานหรอก” ชินวัฒน์ตอบเสียงสะบัด แต่ทันใดประตูห้องทำงานของพันตำรวจตรีธันว์ก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวสองก้าวออกมายืนหน้าประตู มองตรงมายังหมวดทั้งสองซึ่งนั่งอยู่ติดกันก่อนจะหันหลัง เดินกลับเข้าไปในห้องโดยเปิดประตูทิ้งไว้
“ไปเร็วหมวดเรียว เดี๋ยวท่านสารวัตรเคือง ท่านส่งสายตาพิฆาตข้ามห้องโถงกว้างสิบคูณสิบห้าเมตรมาโน่นแล้วว่าเข้าไปให้ถูกด่าซะดีๆ”
เรียวไม่พูดตอบโต้เพื่อนปากมาก หมวดหนุ่มลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา
/// ///
“คุณขัดคำสั่งผม” สารวัตรธันว์พูดขึ้นเสียงเข้มเมื่อหมวดเรียวเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน “ผมสั่งยกเลิกภารกิจ คุณก็ยังดันทุรัง รู้ไหม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกอย่างผิดพลาด ถ้าโชคไม่เข้าข้าง ถ้าผู้กองคมกริชตามคุณไปไม่ทัน”
“ผมเข้าใจครับ” เรียวตอบ
“ผมเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ผมไม่ต้องการเสียใครไปแม้แต่คนเดียว” ธันว์เสียงเข้ม
“ผมกำลังจะได้หลักฐาน พวกนั้นมันกำลังจะยื่นของให้ผมครับ”
“นั่นไม่สำคัญ ชีวิตสำคัญกว่า ไม่ได้คราวนี้คราวหน้าเราก็หาทางใหม่”
“แต่กว่าจะเข้าถึงตัวไอ้ตัวหัวหน้าได้ สารวัตรก็รู้ว่ามันยากขนาดไหน เหลืออีกแค่คืบเดียวเท่านั้น” เรียวยกมือขึ้นมาทำท่า 'คืบเดียว' ประกอบ
“แล้วไง”
“ผมอุตส่าห์ตามมันไปจุดสุดซอย”
“ไปเจอพวกมันรออยู่เป็นโขยง” ผู้บังคับบัญชาแทรก “แล้วคุณก็ไปคนเดียว”
“ผมรอกำลังสนับสนุนอยู่” หมวดเรียวพูดเสียงค่อย
“แต่ผมสั่งยกเลิกภารกิจแล้ว” สารวัตรธันว์สวนกลับเสียงเข้ม “ได้ยินชัดไหมหมวดเรียว ผู้บังคับบัญชาคุณสั่งยกเลิกภารกิจ เมื่อคุณไม่ทำตาม หมายความว่าคุณขัดคำสั่ง”
“แต่ว่า...”
“แล้วเป็นไง คุณเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง” ธันว์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ช้าๆ ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“แต่ผมก็รอดมาได้”
“ใช่ รอดมาได้ แต่ก็เพราะคุณโชคดีที่ผู้กองคมกริชตามไปทัน คุณนี่ดันทุรังจริงๆ เหมือนอย่างที่หมวดชินพูดไม่มีผิด” สารวัตรธันว์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
...เป็นหัวหน้าทีมมาได้หลายเดือนเขาเพิ่งรู้ว่าหมวดเรียวได้ฉายาหมวดเรียวดันทุรังมาจากที่เพื่อนๆ ในหน่วยตั้งให้...
...ชินวัฒน์คือหมวดลูกชิ้นปิ้งเพราะชอบทานลูกชิ้นปิ้งเป็นชีวิตจิตใจและรูปร่างท้วมขึ้นทุกวันจนถูกล้อว่ากำลังจะกลมเหมือนลูกชิ้น ส่วนหมวดณฤมลนั้นได้ฉายาค่อนข้างทะลึ่งเพราะเป็นผู้หญิงห้าวรูปร่างเพรียวบางแต่หน้าอกค่อนข้างใหญ่...
...คนอื่นๆ ต่างก็มีฉายากันหมด ธันว์รู้ว่าตัวเองกับผู้กองคมกริชก็คงได้รับฉายาเหมือนกัน แต่ไม่มีใครยอมปริปากบอกซึ่งเขาคาดว่าเพราะกลัวถูกดุ...
“หมวดเรียว คุณมาทำงานกับหน่วยผมได้หนึ่งเดือนครึ่ง รู้ไหมคุณทำให้ผมถอนหายใจกี่ครั้ง”
“ไม่ทราบครับ ผมไม่ได้นับ” เรียวอดประชดไม่ได้
สารวัตรธันว์นั่งนิ่ง ใบหน้าเรียบตึง นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่างน้อยห้าสิบครั้งเพราะผมต้องถอนหายใจทุกวัน วันละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย บางวันก็หลายครั้ง”
“ผมขอโทษครับผมที่ทำให้สารวัตรเหนื่อย” เรียวทำเสียงขึงขัง ยกมือขึ้นวันทยหัตถ์ผู้บังคับบัญชา
“เหนื่อยอะไร” ธันว์ถาม
“เหนื่อยที่ต้องมาถอนหายใจเพราะผมครับ” เรียวพยายามทำหน้าจริงจังทั้งที่อยากจะหัวเราะขณะที่พูดประโยคนี้
“หมวดเรียว” ธันว์เสียงเข้ม ขมวดคิ้ว ชักจะรู้สึกฉุนกับความขี้เล่นแบบหน้าเรียบๆ ของร้อยตำรวจโทคนใหม่ “ผมไม่ได้ล้อเล่น”
“ผมทราบครับ”
“ไปได้แล้ว” ธันว์โบกมือ
“เอ่อ ขออนุญาตครับ คือว่า...” เรียวแกล้งทำเป็นอ้ำอึ้ง
“อะไรอีกล่ะ”
“หัวผม” เรียวชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง “ไปย้อมคืนเป็นสีดำได้หรือยังครับ”
“เชิญ จะทำอะไรก็ตามใจ” ธันว์ผายมือไปที่ประตูแล้วก้มลงสนใจเอกสารบนโต๊ะ และรอจนกระทั่งตำรวจคนใหม่ประจำหน่วยเดินออกพ้นประตูห้องแล้วจึงเงยหน้ามองตามร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินตรงกลับไปที่โต๊ะทำงานซึ่งเขารู้ดีว่าทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ 'คู่หู' ของ ร.ต.ท. เรียวจะต้องยื่นหน้าข้ามโต๊ะมาถามผลของการที่เขาเรียกเข้ามาพบ จากนั้นตำรวจทั้งสองนายก็จะต้องนินทาเขาอย่างแน่นอน
...ซักวันเถอะ เขาจะติดเครื่องดักฟังสองคนนี้...
/ / / / /
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ร.ต.ท. เรียวเดินขึ้นบันไดด้านข้างของสถานีตำรวจพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี วันนี้ไม่มีภารกิจพิเศษ เขากับเพื่อนประจำหน่วยตกลงกันว่าจะสะสางงานเอกสารจนเสร็จ จากนั้นจึงจะออกหาข่าวในตอนเย็น
เมื่อขึ้นบันไดถึงชั้นสอง เรียวตั้งใจจะแวะเข้าไปในในห้องโถงซึ่งอยู่ด้านหน้าเพื่อทักทายร้อยตำรวจโทมาโนชเพื่อนร่วมรุ่นที่ได้รับการเลื่อนยศพร้อมกัน ขณะที่เปิดประตู เรียวก็ได้ยินเสียงดังและเห็นความวุ่นวายซึ่งเป็นสภาพปกติของทุกวันในห้องนี้ แต่เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังโวยวายลั่นห้องทำให้เขาต้องชะงัก
...ผู้ชายคนเมื่อคืนนั่นเอง!...
“จะให้ผมรอนานแค่ไหน ผมมีธุระด่วนจะรีบไป ชีวิตผมต้องเดินไปข้างหน้านะครับ นาฬิกาผมมันไม่หยุดรอนะจ่า นี่ผมเสียเวลาไปเกือบจะเท่าเวลาชั่วนิรันดรบวกกับอีกหนึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว” เสียงห้าวๆ ของผู้ชายคนนั้นแสดงความหงุดหงิด
“อีกเดี๋ยวเดียวก็เสร็จครับ” ร้อยเวรตอบ
“ความจริงผมไม่ผิด จะต้องให้ผมบอกกี่ครั้ง ไอ้เครื่องหมายจราจรอะไรนั่นมันก็ไม่ชัด ใครจะไปเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง”
“มันหมายความว่าห้ามจอดครับ” ร้อยเวรตอบ เน้นเสียงทุกคำ
“คนอื่นก็จอด” ผู้ชายคนนั้นเถียง
“คนอื่นก็ถูกจับเหมือนกัน”
“แล้วทำไมมีแต่ผมที่ต้องมาโรงพัก” ชายหนุ่มที่โดนตำรวจจับโวยวายเสียงดังขึ้น
“คุณไม่มีใบขับขี่ และคุณก็ฉีกใบสั่งต่อหน้าตำรวจ” ร้อยเวรเสียงดังขึ้นเหมือนกัน
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมใหญ่นะคุณตำรวจ ผมเป็นคนมีหน้ามีตา คุณจะมากักตัวผมเอาไว้แบบนี้ไม่ได้”
“ไหนล่ะบัตรประชาชน ผมจะได้รู้ว่าคุณใหญ่จริง บัตรอะไรคุณก็ไม่มี”
“ผมลืมกระเป๋าเงิน” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กระแทกเสียงหนัก หันซ้ายหันขวาอย่างหงุดหงิด ยกมือขึ้นเท้าเอว เดินไปเดินมาอยู่หน้าโต๊ะของร้อยเวร
เรียวเบิกตากว้าง นึกภาพใบหน้าของชายหนุ่มคนเมื่อคืนซึ่งโดนเขาเอาปืนขู่ให้ขับรถพาหนีจากการไล่ล่าของแกงค์ค้ายาเสพติด
“คุณโทรเรียกคนมาประกันได้เลย ยังไงคุณก็ไปไหนไม่ได้หรอก” ร้อยเวรโบกมือ แสดงท่าทางอยากจะเลิกคุยกับคนเจ้าปัญหา
“แหม เรื่องแค่นี้เองจ่า อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่น่า...” เสียงชายคนนั้นอ่อนลง
“หมวด ผมเป็นร้อยตำรวจตรี คุณไม่เห็นดาวบนบ่าหรือไง” ร้อยเวรทำหน้าฉุน
“ผมตาไม่ดีครับคุณหมวด มองอะไรไม่ชัด เหมือนกับตอนที่ผมมองเห็นเครื่องหมายจราจรข้างถนนไม่ชัดไง แล้วก็มีคนตาไม่ดีแบบผมอีกเยอะแยะ แต่คุณก็ไม่เห็นจะปรับปรุงสีเครื่องหมายจราจรให้มันชัดเจน แล้วจะมาจับผมแบบนี้ มันแฟร์ที่ไหน”
“ตำรวจไม่ได้ทาสีเครื่องหมายจราจร” ร้อยเวรแก้ไขความเข้าใจผิด
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมแค่เปรียบเทียบว่ามันไม่ใช่ความผิดของผมซะทีเดียว ถ้าเครื่องหมายมันไม่ชัด คนขับรถเขาก็มองไม่เห็นใช่หรือเปล่า ยิ่งพวกตาไม่ดียิ่งมองไม่ชัดใหญ่ ทีนี้จะมาจับผมข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด มันก็ไม่ยุติธรรมสิครับคุณหมวด”
เรียวอดส่ายหน้าแทนร้อยเวรไม่ได้กับคำพูดยียวนของชายหนุ่มคนนี้ ความจริงเขาอยากจะเดินเข้าไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์เพราะความสงสาร
ไม่ใช่สงสารคนที่โดนจับมาหรอกนะ แต่สงสารเพื่อนร่วมอาชีพ
ร้อยเวรคงจะต้องปวดหัวอยู่อีกนานหากไม่ปล่อยผู้ชายคนนี้ไป ท่าทางพูดไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ
“ว่าไงคุณ กระเป๋าตังค์ก็ไม่มี จะเรียกใครมาช่วยจ่ายเงินได้หรือยัง” ร้อยเวรพยายามสรุป
“โทรศัพท์ผมแบตหมด ที่ชาร์ตแบตก็ไม่มี หมวดก็คงรู้ว่าไม่มีใครจะพกที่ชาร์ตแบตไปไหนมาไหนหรอกนะ แล้วอีกอย่าง ผมจำเบอร์ใครไม่ได้หรอก มันอยู่ในเครื่อง ตั้งแต่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนผมก็เลิกจำโทรศัพท์ ไม่ได้จดเบอร์ใครเอาไว้ซะด้วย เอางี้ คุณตำรวจ คุณให้ผมไปก่อน แล้วค่อยส่งอินวอยซ์ตามไปเก็บเงินผม”
“ส่งอะไรนะ” ร้อยเวรถามเสียงสูง
“ส่งบิล” ชายหนุ่มผู้ทำผิดกฎจราจรตอบ
“คุณนี่พูดไม่รู้เรื่อง อะไรก็ไม่รู้เรื่อง” ร้อยเวรถอนหายใจ “เอางี้ คุณเสียค่าปรับแล้วก็ไปซะ”
“คุณนั่นล่ะไม่รู้เรื่อง พูดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังไม่เข้าใจ ผมจะเสียค่าปรับได้ยังไงครับ เหตุผลง่ายๆ ถ้ามีเงินถึงจะจ่ายได้ ถ้าผิดถึงจะต้องถูกปรับ แต่ผมไม่มีเงินเพราะผมลืมเอากระเป๋าตังค์มา แต่ที่สำคัญมากว่าการที่ผมไม่มีเงินก็คือผมไม่ผิด ผมบอกผู้กองแล้ว”
“หมวด ผมเป็นแค่หมวด ไม่ต้องมาเพิ่มยศให้” ร้อยเวยส่ายหน้า “แล้วคุณจะไม่ผิดได้ยังไง คุณจอดรถในที่ห้ามจอด หนำซ้ำยังฉีกใบสั่งต่อหน้าตำรวจ”
“ตกลงนี่จะให้ผมผิดให้ได้ใช่ไหม”
“ก็คุณผิดจริง” ร้อยเวรถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จ่ายค่าปรับแค่นี้ก็จบ”
“ผมไม่มีเงิน ลืมกระเป๋าตังค์”
“ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ถูกขังแทนค่าปรับ เอาไหมล่ะ” ร้อยเวรชักจะหมดความอดทน
“อ้าว พูดแบบนี้ไม่น่าฟังเลยนะหมวด จะมาขังผมได้ยังไง ถ้าขังผม ผมก็ต้องมาเสียเวลาที่โรงพักสิ” ชายเจ้าปัญหาส่ายหน้า แต่พลันสายตาหันมามองยังประตูด้านข้างขวาของห้องแล้วเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนมองอยู่จึงรีบอุทานขึ้นว่า
“เฮ้ คุณ คุณนั่นเอง”
เรียวรีบหันหน้าหนีทันทีแล้วเดินตรงรี่ไปที่ประตู แต่ชายหนุ่มเจ้าปัญหารีบวิ่งตามมา โดยมีร้อยเวรตามมาติดๆ
“นี่คุณ บนโรงพักยังจะหนีอีกหรือ” ร้อยเวรส่งเสียงลั่น
“ผมไม่ได้หนี ผมมาหาเงินเสียค่าปรับ” ชายหนุ่มร่างสูงตอบแล้วรีบวิ่งไปขวางทางหมวดเรียว “เดี๋ยวก่อนสิคุณ ผมจำคุณได้ คุณคือคนที่จี้ผมเมื่อคืน”
“ใครจี้ใคร” เรียวตีหน้าซื่อ
“นี่คุณตำรวจ เมื่อคืนผู้ชายคนนี้เอาปืนขู่บังคับผม จับเลยสิ อ้อ ไม่งั้นก็ให้เขาเสียค่าปรับแทนผม เป็นการชดเชยที่ไม่ต้องถูกจับ” ชายหนุ่มเจ้าปัญหาหันไปฟ้องร้อยเวร
“คุณนี่จะบ้าหรือไง” ร้อยเวรโคลงศีรษะ
“ผมไม่รู้จักกับคุณ” เรียวปฏิเสธ
“ผมจำหัวคุณได้ ย้อมผมเป็นเฉดสีเห็นเด่นชัดระยะห้าร้อยเมตร แต่งตัวเหมือนเด็กแร็ฟแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก รูปร่างหน้าตาผมก็จำได้ เสียงก็จำได้ เมื่อคืนคุณทำอะไรกับผมบ้างผมก็จำได้”
“แล้วไง จำได้แล้วไง” เรียวเอียงหน้าท้าทาย
“คุณตำรวจ ได้ยินหรือเปล่า เขายอมรับแล้ว” ชายหนุ่มจอมโวยวายหันมาฟ้องร้อยเวร
“ผมก็ไม่เห็นว่าหมวดจะยอมรับอะไรตรงไหน” ร้อยเวรส่ายหน้า
“หมายความว่าไง” ชายหนุ่มเจ้าปัญหาขมวดคิ้ว
“นี่คุณ เลิกเรื่องมากซะที ผมเสียเวลากับคุณมานานแล้ว เดี๋ยวเปลี่ยนจากเสียค่าปรับเป็นขังคุกแทนจริงๆ ซะหรอก” ร้อยเวรชักจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ผมก็เสียเวลาเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าผมมาเสียเวลาที่นี่ไปกี่นาที ธุรกิจผมเสียรายได้ไปกี่บาทกี่สตางค์ แล้วนี่ผมก็กำลังแจ้งความว่าเมื่อคืนคุณคนนี้เอาปืนขู่ผม บังคับให้ผมขับรถบ้าระห่ำหนีพวกบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ เกือบโดนยิงตายอีกต่างหาก ผมกำลังจะไปสวรรค์ แต่เกือบได้ไปนรกแทน”
“หมวดครับ” ร้อยเวรทำหน้าอ่อนใจ หันไปพูดกับเรียวด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทนกับผู้ต้องหารายนี้
“ปรับกี่บาท ผมจะบริจาคเงินให้เอง” เรียวตัดบท
“บริจาค ฮ่า ฮ่า ฮ่า บริจาค พูดแบบนี้ได้ยังไง ผมไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกที่ไหนจะต้องรับเงินบริจาคใคร”
“แล้วคุณจะเอายังไง๊” ร้อยเวรลากเสียงสูง ใกล้จะหมดความอดทนเต็มที
“ผมต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย” คนเจ้าปัญหาเปลี่ยนเรื่อง
“พูดมาเลยจะเอากี่บาท ไม่เรียกว่าเป็นเงินบริจาคก็ได้” เรียวทำท่าทางใจเย็น
“ปรับห้าร้อยครับ” ร้อยเวรพูดกับเรียวเบาๆ
“โอ้โหคุณ แค่จอดรถหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวจะเอาห้าร้อยเลยหรือ” หนุ่มร่างสูงโวยวายแทรกขึ้นมาทันที “รู้ไหม ห้าร้อยไปสวรรค์ได้ตั้งรอบนึง”
เรียวควักเงินออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งรีบดึงธนบัตรสีม่วงไปทันที
“ให้ยืม” เรียวพูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่ค่าเสียหายนะ และจำเอาไว้ว่าผมกับคุณไม่เคยพบกัน ที่ให้นี่ก็เพราะสงสารร้อยเวรหรอก”
“เคยสิ ทำไมจะไม่เคย” ชายหนุ่มเรื่องมากรีบพูดและห้ามเรียวไม่ให้เดินจากไป “เดี๋ยวก่อนสิ คุณอย่าเพิ่งไป คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“คุณมาจ่ายค่าปรับทางนี้ เราจะได้จบกันซะ” ร้อยเวรพูดเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“ขอเวลาเดี๋ยวได้ไหมคุณผู้หมวด ขอผมคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน เดี๋ยวเขาหนีไปจะยุ่ง นี่ผมยังเจ็บใจไม่หาย ไม่เคยมีใครทำอะไรกับผมแบบนี้มาก่อน เมื่อคืนนี่นะเหมือนกับฝันร้าย อยู่ดีๆ ก็โดนเอาปืนขู่”
“เขาไม่หนีไปไหนหรอก คุณมาจ่ายค่าปรับให้จบเรื่อง ผมรับรองว่าเขาไม่หนีไปไหน” ร้อยเวรรับรอง
“แนใจหรือ คุณโกหกผมระวังจะโดนผมฟ้องนะคุณตำรวจ”
“เอาเลย เชิญได้เลย แต่ตอนนี้เสียค่าปรับก่อน แล้วผมจะพาคุณไปหาหมวดเรียวเอง”
“อะไรนะ หมวดงั้นหรือ” ประชาชนเจ้าปัญหาอุทาน เบิกตากว้าง
“หมวดเรียว ร้อยตำรวจโทเรียว หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ห้องทำงานอยู่ตรงโน้น หมวดเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ” ร้อยเวรอธิบาย “คราวนี้คุณจะมาจ่ายค่าปรับได้หรือยัง”
“รังแกประชาชน” ประชาชนรูปหล่อพึมพำเบาๆ ตามองไปตามทางเดินซึ่งอีกฟากหนึ่งเป็นประตูห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
...หมวดเรียว ตำรวจอะไรชื่อเท่ซะด้วย รูปร่างหน้าตาเหมาะจะไปเป็นดาราหนังวัยรุ่นมากกว่าจะมาเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นึกภาพหมวดหน้าตาเป็นตี๋ญี่ปุ่นคนนี้วิ่งไล่จับโจรไม่ออกเลย ให้ตายสิ...
...แต่ที่แน่ๆ ภาพที่ไม่ต้องจินตนาการเลยก็คือ ขณะที่กำลังเปิดประตูจะขึ้นรถ หมวดตาตี่คนนี้ ขับรถปาดหน้ารถเขาจนไปไม่ได้ ใช้ปืนขู่ บังคับให้เขาขับรถพาหนี...
...ตำรวจอะไรวะ ให้ขับรถหนีโจร ตัวเองก็มีรถ ทำไมไม่ขับหนีเอง...

::: End of Chapter 1 :::
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2017 10:01:09 โดย KATAWOOT »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หมวดเรียว รังแกประชาชน  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ถ้านายเอกเป็นตำรวจ ก็ต้องนิยายของคุณ Katawoot นีแหละ Signature จริงๆ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องของคุณอีกนะคะ  ปลาบปลื้มค่ะ
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 2

ศรันย์เดินตามร้อยเวรกลับไปยังโต๊ะทำงานเพื่อจ่ายค่าปรับแต่ก็อด ‘กวนประสาท’ ร้อยเวรร่างท้วมต่อไม่ได้
“คุณผู้หมวดครับ ผมขอจ่ายสี่ร้อยก่อนได้หรือเปล่า เหลือหนึ่งร้อยผมจะเอาไว้เป็นเงินติดกระเป๋ากลับบ้าน เผื่อมีเหตุฉุกเฉินระหว่างทาง”
“นี่คุณ” นายตำรวจกรอกตา
“โอเคๆ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่ต้องทำหน้าดุ ผมกลัวแล้ว ว่าแต่ว่า คนเมื่อกี้เป็นตำรวจจริงๆ หรือครับ ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ เมื่อคืนนี้คุณหมวดรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผม คุณคนนั้นเขาขับรถปาดหน้าผม เบียดจนผมแถลงข้างทางเกือบไปชนเสาสะพานข้ามแยก แล้วยังทิ้งรถตัวเองมาเปิดประตูขึ้นนั่งรถผมแบบหน้าตาเฉย แล้วบังคับให้ผมซิ่งรถหนีใครที่ไหนก็ไม่รู้ ทีนี้ก็...” ศรันย์พยายามอธิบาย ออกท่าทางประกอบ หน้าตาและน้ำเสียงฟังดูตื่นเต้น
“พอแล้วคุณ ไม่ต้องเล่า” ร้อยเวรยกมือขึ้นห้าม “เอาเงินค่าปรับมา”
“พอผมขัดขืน พี่แกเล่นควักปืนออกมาขู่หน้าตาเฉย” ศรันย์ไม่ยอมหยุด “ตำรวจทำแบบนี้กับประชาชนนี่มันผิดกฎหมายนะครับ เป็นตำรวจต้องดูแลสารทุกข์สุกดิบให้ประชาชนถึงจะถูกใช่ไหม แต่ทำแบบนี้ถือว่ารังแกประชาชนตาดำๆ ผมขอแจ้งความด้วยเลยได้ไหม”
“คุณมีพยานหลักฐานหรือเปล่า”
“ผมโดนจี้ให้ขับรถหนีพวกโจร จะหาพยานที่ไหนได้ล่ะคุณตำรวจ จะให้ไปตามโจรพวกนั้นมาเป็นพยานหรือไง” ศรันย์ใส่อารมณ์
“ถ้างั้นคุณก็ยังแจ้งความไม่ได้” ร้อยเวรพยายามสะกดอารมณ์ แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าทุกข์กำลังอ้าปากจะอุทธรณ์จึงรีบพูดตัดบทขึ้นว่า “คุณไปคุยกับหมวดเรียวก่อนเถอะ คงเกิดการเข้าใจผิดอะไรขึ้น นะคุณนะ ใจเย็นๆ ถ้าหมวดเรียวไม่ยอมรับ คุณค่อยกลับมาหาผม ผมจะรับแจ้งความ”
“คงพูดรู้เรื่องหรอก ตำรวจพรรค์นั้นคงพูดด้วยปืนอย่างเดียวละสิ” ศรันย์พูดกระแทกกระทั้น
“อ้าว ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ระวังจะโดนแจ้งข้อหานะครับ” ร้อยเวรขู่แล้วรีบพูดต่อเมื่อเห็น ‘ประชาชนเจ้าปัญหา’ ทำท่าจะเถียง “เถอะน่า ลองไปคุยกับหมวดก่อน ถามให้รู้เรื่องว่าหมวดทำแบบนั้นทำไม เผลอๆ คุณอาจจะได้รางวัลประชาชนดีเด่นที่ให้การช่วยเหลือตำรวจก็ได้นะ บอกแล้วไง ถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาแจ้งความ ตอนนี้เอาเงินมาก่อน จ่ายค่าปรับให้เสร็จๆ ซะ”
ร้อยเวรเริ่มจะจับทางได้จึงพยายามโน้มน้าวคนที่อยู่ตรงหน้า เพราะตอนนี้ตระหนักแล้วว่าใช้ไม้แข็งไม่เป็นผล รวมถึงหากใช้เหตุผลปรกติธรรมดากับชายหนุ่มคนนี้ก็คงต้องเสียเวลาคุยอีกนานเพราะอีกไม่กี่นาทีตัวเองก็จะออกเวรแล้ว
ส่วนเรื่องชายหนุ่มคนนี้จะหวนกลับมาแจ้งความเอาเรื่องหมวดเรียวก็ขอให้ร้อยเวรคนใหม่ที่จะเข้าเวรต่อจากเขาเป็นคนรับกรรมไปเองก็แล้วกัน
“ขอใบเสร็จด้วยนะครับคุณตำรวจ จะได้มีหลักฐาน เกิดส่งบิลไปเก็บเงินผมอีกจะได้เอาใบเสร็จมายืนยันได้ เงินไม่ใช่น้อยๆ” ศรันย์ทำหน้ามุ่ย
“นี่ครับใบเสร็จ” ร้อยเวรรีบยื่นหลักฐานการรับเงินให้
“ขอถามหน่อย หมวดเรียวนี่เป็น...” ศรันย์ถามร้อยเวรยังไม่ทันจบแต่อีกฝ่ายรีบชิงพูดแทรกขึ้นเสียก่อน
“เอาล่ะ เชิญคุณไปได้” ร้อยเวรตัดบทและเชิญให้ชายหนุ่มผู้ยืนทำหน้าครุ่นคิดอยู่ให้ออกไปพ้นจากหน้าโต๊ะเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังเริ่มจะคุยต่อ
ศรันย์เก็บใบเสร็จค่าปรับใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ในหัวพยายามนึกเตรียมคำพูดกับ ‘หมวดเรียว’ ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นคนที่คุยด้วย ‘ยาก’ พอสมควรเพราะเมื่อครู่ที่ผ่านมานั้น นายตำรวจหน้าอ่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นคนแบบ ‘กวนๆ’ ไม่ใช่เล่น
  // / / / / /

ศรันย์เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแต่กลับไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องแม้แต่คนเดียวจึงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อกำลังจะเดินออกจากห้องก็ต้องสะดุดกึกเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา ชายร่างสูงใหญ่ก้มมองเขาด้วยสายตาดุๆ เลิกคิ้วเล็กน้อยแสดงอาการสงสัยเขาจึงบอกเหตุผลว่าเข้ามาในห้องนี้ทำไม
“อะไรนะ หมวดเรียวนั่นหรือจี้คุณ” พันตำรวจตรีธันว์ถาม
“ก็ใช่นะสิครับ แต่อย่าบอกให้ผมหาหลักฐานมายืนยันนะ เพราะในรถมีแต่ผมกับหมวดแร๊ปคนนั้น ผมหาพยานมายืนยันไม่ได้หรอก ถ้ามีพยานเห็นเหตุการณ์จะเรียกว่าจี้ได้ยังไงใช่ไหมครับ ตอนอยู่ในรถ เขาสั่งให้ผมขับพาหนีใครก็ไม่รู้ พอผมไม่ยอมก็เอาปืนขู่ผม พอผมขัดขืนเขาก็ทำท่าจะทำร้าย ทีนี้ผมก็ต้องยอมขับรถพาหนี คุณรู้ไหม ไอ้พวกที่ไล่ตามมามันยิงรถผม เสียงดังโป้งป้างจนแสบแก้วหู แต่ดีนะฝีมือขับรถระดับผมหักหลบทัน ไม่งั้นบีเอ็มลูกรักผมได้แผลแน่ๆ” ศรันย์อธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมทำท่าทางประกอบคำบอกเล่า
“พอก่อน คุณไม่ต้องเล่า” พตต. ธันว์ยกมือขึ้นห้าม “ผมจะจัดการให้เอง”
“คุณเชื่อผมหรือ” ศรันย์เลิกคิ้ว รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักที่อีกฝ่ายเชื่อง่ายๆ
“คุณกลับไปก่อน แล้วผมจะติดต่อกลับไป”
“แต่ว่า...”
“ผมสารวัตรธันว์ เป็นหัวหน้าหน่วย หมวดเรียวเป็นลูกน้องผม คุณเชื่อใจผมได้” ธันว์พูดเสียงเรียบ ใบหน้าเคร่งขรึม มองตาชายหนุ่มตรงหน้า
“คุณสารวัตรต้องจัดการให้ผมนะ” ศรันย์ย้ำ
“ขอผมสอบสวนว่าเรื่องราวเป็นยังไงเสียก่อน ตอนนี้กำลังจะเรียกประชุมเรื่องสำคัญ ผมจะจัดการ เบอร์โทรคุณเบอร์อะไร” ธันว์ถาม
“...” ศรันย์บอกหมายเลขโทรศัพท์ตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยและไม่จดบันทึกจึงถามขึ้น “ไม่จดเอาไว้หรือครับ”
“ผมจำได้” ธันว์ตอบเสียงเรียบแล้วผายมือไปยังประตู “ขอเวลานิด เชิญครับ”
ธันว์ตัดบทสนทนาแล้วเดินตรงไปยังห้องประชุมของหน่วยซึ่งอยู่ด้านหลังห้องทำงานของเขา ซึ่ง ‘พ่อตัวดี’ คงนั่งรวมอยู่กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยคนอื่นๆ เพื่อรอเขาเข้าไปเปิดการประชุม
...คุณเชื่อผมหรือ...
เชื่อสิ ทำไมจะไม่เชื่อ หมวดเรียวตัวดีทำอะไรห่ามๆ ได้อยู่แล้ว แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมต้องขับรถปาดหน้ารถคันอื่น บีบบังคับให้ชายหนุ่มคนนี้ให้พาหนี
/ / / / /

การประชุมวางแผนเพื่อเข้าจับกุมผู้ค้ายาเสพติดชาวฮ่องก่งซึ่งใช้ไทยเป็นแหล่งกบดานเสร็จสิ้นลงภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง ปิดท้ายด้วยคำสั่งของสารวัตรธันว์ซึ่งพูดสั้นๆ ว่า
“หมวดเรียว ไปพบผมที่ห้อง”
ร้อยตำรวจเอกคมกริชปรายตามองหมวดคนใหม่และหัวหน้าหน่วยก่อนจะลุกขึ้น เดินตัวตรงออกไปจากห้องก่อนใครเช่นเคย กิริยาอาการของผู้กองหนุ่มผู้เคร่งขรึมไม่รอดพ้นสายตาของ ‘เจ้ากรมข่าว’ ประจำหน่วยอย่างหมวดชินวัฒน์ไปได้
“มีคนสงสัย” ชินวัฒน์กระซิบข้างหูเรียว
“อะไรอีกล่ะ”
“ไปทำอะไรมาล่ะคราวนี้ ความวัวไม่ทันหายความฟายก็เข้ามาแทรก ขยันหาเรื่องจริงนะเพื่อนเรา” ชินวัฒน์ทำเสียงอ่อนใจแต่นัยน์ตาระยิบระยับอย่างขบขัน
“เรื่องอะไรยังไม่รู้เล๊ย” เรียวแบะปาก “โดนทั้งปี นี่ทำไมรู้สึกว่าสารวัตรชอบหาเรื่องด่าผมอยู่เรื่อย เขาไม่ชอบที่ผมย้ายเข้ามาอยู่หน่วยนี้หรือไงวะ”
“ไม่ใช่หรอก” ชินวัฒน์ส่ายหน้า “มันมีอะไรในกอไผ่มากมายกว่าหน่อไม้ทีเดียวเชียวล่ะ แล้วอีกอย่าง มีคนไม่ชอบใจในคำสั่งท่านผู้บังคับบัญชาการด้วยล่ะ”
“ใคร” เรียวเลิกคิ้ว “ใครไม่พอใจ”
“ก็ใครที่คอยหรี่ตามองหัวหน้ากับลูกน้องอยู่บ่อยๆ” ชินวัฒน์ยักคิ้ว “แต่หารู้ไม่ ตาเราไวยิ่งกว่าพญาเหยี่ยว ใครทำอะไร หรืออย่างไรในห้องนี้ ไม่รอดพ้นสายตาตี่ๆ ของอาตี๋ชินวัฒน์อย่างเราได้หรอก”
“งั้นนั่งทางในให้หน่อยสิว่าจะโดนท่านด่าเรื่องอะไร” เรียวถาม
“จะเรื่องอะไรซะอีกล๊า” ชินวัฒน์ลากเสียงยาว ทำหน้ารู้ดี
“เรื่องอะไร” เรียวเอียงหน้าเข้ามารอฟังใกล้ๆ
“ก็เรื่องที่คุณไปสร้างปัญหาเอาไว้นะสิ” ชินวัฒน์ตอบ
“ไอ้...” เรียวยกศอกขึ้น” แหม ทำเป็นรู้ดี แบบนี้ไม่ต้องมาพูดเลย ตอบแบบนี้ สุกรที่ไหนก็ตอบได้”
“ขอให้โชคดีนะเพื่อนเรียว Have a good day ได้ยินแต่เรื่องดีๆ เป็นขวัญหู” ชินวัฒน์หัวเราะตาหยี
“เดี๋ยวจะเอาโชคมาฝาก” เรียวลุกขึ้นอย่างเบื่อๆ “ไม่ว่าสารวัตรจะด่าอะไร จะลากเอ็งเข้าไปเกี่ยวด้วยทุกประเด็น ประมาณว่าเป็นคนช่วยคิด แบ่งกันโดนลงโทษห้าสิบห้าสิบ”
“เฮ่ย ไอ้เรียว อย่านะโว้ย” ชินวัฒน์โวยวาย แต่เรียวเดินออกไปจากห้องเสียก่อน ทิ้งให้คนที่ชอบแกล้งล้อเพื่อนนั่งหน้ามุ่ยอยางไม่สบอารมณ์
“โดนอีกแล้วตู ไอ้เรียวทำผิดอะไรเป็นได้โดนด่าตามมันทุกที เฮ้อ เวรกรรม”
// //  //

ศรันย์จอดรถหน้าอู่ซ่อมรถของตัวเองอย่างอารมณ์สียเพราะขากลับถูกเรียกตรวจใบขับขี่ทั้งที่เพิ่งเลี้ยวรถออกจากสถานีตำรวจได้ไม่กี่ร้อยเมตร โชคดีที่มีใบเสร็จค่าปรับตำรวจเลยยอมปล่อย
ข้อหาฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรอีกแล้ว
ศรันย์โยนกุญแจรถลงบนโต๊ะทำงานพลางบ่นไปด้วย “ตั้งแต่เจอตำรวจแร๊ปคนนั้นมีแต่เรื่องซวย หนอย ปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าไม่เคยพบกัน เมื่อคืนก่อนเอาปืนจี้เราเห็นๆ แล้วนี่มาบอกว่าให้ยืมเงิน แทนที่จะชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้เราตกใจ”
“เจ้านาย บ่นอะไรครับ” เสียงของสุวัตน์ ผู้ช่วยมือหนึ่งของศรันย์ดังขึ้นที่ประตู
“บ่นอะไรหนักหัวแกหรือไง” ศรันย์หันไปตอบเสียงห้วนแล้วถามเรื่องการซ่อมรถ “ว่าไง จากัวร์สีเงินทำทันหรือเปล่า”
“อ๋อ คันนั้นลูกค้าบอกว่าไม่ต้องเร่ง เขารอได้ บอกว่านานๆ ก็ได้ ไม่มีปัญหา”
“เฮ้อ” ศรันย์ทรุดตัวลงนั่ง เอนเก้าอี้แล้วยกขาพาดโต๊ะ มือประสานท้ายทอย ตามองเพดานอย่างเบื่อๆ
“ฉันจะมีปัญหานะสิวะ” ศรันย์ถอนหายใจแล้วสั่งลูกน้อง “แกรีบทำให้เสร็จๆ ไป แล้วบอกให้เขามารับรถเร็วๆ ถ้าไม่ยอมมาก็เอาไปส่งให้ถึงที่เลย”
“ทำไมหรือครับ” สุวัฒน์ตีหน้าเซ่อ
“เอ๊ะไอ้นี่ บอกก็ทำเถอะ”
“ผมรู้แล้ว” สุวัฒน์เปลี่ยนเป็นทำหน้าเข้าใจ “เจ้านายกลัวลูกค้าคนนั้นแหงๆ”
“ทำเป็นรู้ดีนะเอ็ง”
“ผมว่า...ไม่ช้าก็เร็ว” สุวัฒน์เอียงหน้า ทำท่าคิด “เจ้านายยอมๆ เขาไปเถอะ เผื่อเขาจะเลิกตอแย”
“ไอ้เปรต” ศรันย์หยิบนิตยสารใกล้มือขว้างใส่ลูกน้องหน้าทะเล้นซึ่งหลบได้เร็วยิ่งกว่าลิง
“เอ แต่ผมว่าก็ดีนะ เอารถมาซ่อมบ่อยๆ รายได้เข้าอู่สม่ำเสมอ”
“ไอ้สุวาน ไสหัวไปให้พ้น พ่อเอ็งยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย” เวลาโกรธ ศรันย์จะเปลี่ยนชื่อให้ลูกน้องคนสนิททันที
“โดนจับมาอีกแล้วหรือครับ” ลูกน้องตัวดียังไม่ยอมไป
“ไป ไปให้พ้น” ศรันย์ตะโกนลั่น “มีลูกน้องอย่างเอ็งนี่ปวดหัวฉิบหาย”

ลูกน้องที่ชอบทำให้เจ้านายปวดหัวเดินฮำเพลงอย่างอารมณ์ดีมาที่รถจากัวร์คันงามซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของอู่ พลันต้องหยุดกึกเมื่อเห็นเจ้าของรถยืนโทรศัพท์อยู่ใกล้รถ แต่เมื่อหันมาเห็นเขาก็รีบจบการสนทนา
“คุณศรันย์มาหรือยังน้อง” ชายหนุ่มรูปหล่อถาม
“มาแล้วครับ อยู่ข้างใน กำลังรอคุณพีทอยู่พอดีครับ” สุวัฒน์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง ผายมือไปยังห้องทำงานด้านในของอู่
“รอ” พีท ชายหนุ่มมาดเนี๊ยบเลิกคิ้ว
“คือเรื่องรถน่ะครับ พอดีมีปัญหาต้องซ่อมต่อ คงทำให้คุณพีทไม่ทันขับไปดูแข่งรถที่พัทยา”
“ไม่เป็นไร ผมมีรถหลายคัน” พีทยักไหล่
“ไม่ได้เร่งคันนี้แสดงว่าหลักๆ ไม่ได้ขับจากัวร์ใช่ไหมครับ” สุวัฒน์ถาม พีทพยักหน้า ตามองเลยไหล่ของสุวัฒน์เข้าไปยังด้านในซึ่งเป็นออฟฟิสของเจ้าของอู่รูปหล่อผู้ที่เขาหลงไหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“คุณศรันย์ก็สนใจรุ่นนี้ล่ะครับ บอกว่าอยากไปลองขับแต่ที่โชว์รูมเขาไม่มีรถ นี่ก็นั่งเซ็งอยู่ข้างใน ท่าทางอยากไปเที่ยวเต็มที่แต่ไม่รู้จะไปกับใคร” สุวัฒน์ ‘รายงานเท็จ’ นึกสนุกที่ได้แกล้งเจ้านายผู้ชอบทิ้งภาระการดูแลกิจการอู่ซ่อมรถให้เขาอยู่เป็นนิจ
เขารู้ว่าพีทชอบศรันย์มาก แต่เจ้านายของเขาพยายามสลัดหนุ่มไฮโซคนนี้ทิ้ง
เหตุผลก็เป็นเหตุผลเดิมๆ นั่นก็คือ ศรันย์ ‘เบื่อแล้ว’
// // //

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ศรันย์ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาดูว่าใครเดินเข้ามาในห้อง รีบตะคอกอย่างหงุดหงิดทันที
“เข้ามากวนบาทาพ่อเอ็งทำไมอีก ไปให้พ้น ไม่มีอารมณ์จะด่าเอ็งแล้ว” ศรันย์เสียงห้วน ยกปลายเท้าขึ้นชี้แทนการโบกมือไล่ลูกน้องตัวดีซึ่งชอบกวนอารมณ์เขาอยู่เป็นประจำ หารู้ไม่ว่า กิริยาท่าทางห่ามๆ และการพูดจาดุดันแบบนี้ พีทเห็นว่า ห้าวและเถื่อนได้ใจอย่างที่สุด
“ดุจังเลยนะครับคุณศรันย์” พีทหัวเราะ
“อ้าว” ศรันย์อุทาน ลืมตาขึ้นมาทันใดแล้วกัดฟันกรอดที่ไอ้ลูกน้องตัวแสบปล่อยให้ ‘ข้าศึก’ บุกเข้ามาโดยไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้าอย่างที่เคยสั่งนักสั่งหนา
“ไม่ได้เข้ามากวนบาทานะครับ อย่าเพิ่งไล่กันนะ” พีทอมยิ้ม มองมาที่เจ้าของอู่ด้วยสายตาวิบวับ
“มารับรถหรือครับ” ศรันย์ยกเท้าลงจากโต๊ะ ทำเสียงเป็นการเป็นงานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มาดูเฉยๆ ครับว่าทำรถถึงไหนแล้ว แต่ไม่ต้องรีบก็ได้นะครับ ผมรู้ว่าอู่คุณศรันย์งานเยอะ เราคนกันเอง ผมรอได้”
“ผมไม่อยากให้รอ อยากให้ได้รถไปใช้เร็วๆ”
“ผมมีนิสสันสกายไลน์ กับออดี้ใช้อยู่” พีทเดินเข้ามานั่งหมิ่นๆ บนขอบโต๊ะของศรันย์ ก้มหน้าลงมองเจ้าของอู่ยิ้มๆ แล้วพูดต่อเสียงทุ้มต่ำว่า “อยากไปลองขับกันไหมคับ รถแรง ก็ควรได้ผู้ชายแรงๆ พาไปซิ่ง”
“ผมไม่ค่อยชอบขับรถเร็ว” ศรัยน์ยังคงพยายามทำหน้าสิ่งเสียงนิ่งอย่างสุดกำลัง
“จริงหรือครับ” พีทเลิกคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มิน่า คุณถึงได้ซื้อบีเอ็มดับบลิว 630 มาขับเล่น”
ศรันย์ไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มบางๆ เพราะรู้ว่าโดนพีทดักคอ เขาหันซ้ายหันขวา คิดหาทางออกให้กับตัวเองว่าทำอย่างไรดีถึงจะ ‘หนี’ การจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวครั้งนี้ได้
“วันนี้ผมมาแท็กซี่ อู่คุณก็อยู่ลึก ช่วยไปส่งผมปากซอยหน่อยได้ไหมครับ”
“ผมจะไปเรียกลูกน้องให้” ศรันย์ลุกขึ้น แต่พีทก้าวเท้าไปยืนขวาแล้วจับแขนชายหนุ่มเอาไว้
“ผมอยากให้เจ้าของอู่ไปส่ง” พีทพูดเสียงต่ำ
“คือว่าผม...”
“ลูกน้องคุณยุ่งซ่อมรถทุกคน มีแต่คุณที่ว่าง อย่าไร้น้ำใจกับลูกค้าประจำสิครับคุณศรันย์ ถือซะว่าเป็นบริการเสริม สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า”
...มาซ่อมรถแล้วต้องให้เจ้าของอู่เสียหนุ่มนี่นะ บริการเสริมแบบไหนกันเนี่ย เพราะรู้ว่าที่พีทบอกให้ไปส่งปากซอย คงไม่ได้แค่ให้ไปส่งปากซอยอย่างเดียว...
...ไปส่งโรงแรมสิไม่ว่า...
...เอาวะ ขนาดนี้แล้ว ถือว่าสั่งลาก็แล้วกัน เสียน้ำซักหน่อยแลกกับความสงบสุขอีกซักอาทิตย์ ต่อไปจะติดกล้องวงจรปิดเอาไว้หน้าห้องทำงาน ไม่ก็ปิดอู่หนีซะเลยให้สิ้นเรื่อง...
...ไอ้สุวัฒน์นะไอ้สุวัฒน์ ไม่ยอมช่วยกันพีทเอาไว้บ้างเลย แบบนี้ต้องหักเงินเดือนมันซักห้าร้อย...
/ / / / /

ร้อยตำรวจโทเรียวเดินออกจากร้านตัดผมอย่างอารมณ์ดี นานเกือบสองเดือนแล้วที่ต้องทนไว้ผมยาว วันนี้เมื่อมีโอกาสจึงตัดเสียสั้นเกรียน ร้านตัดผมนั้นตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกับโรงแรม เขาชอบจอดรถไว้ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่อีกฟากถนนข้างโรงแรมเพราะลานจอดรถกว้างขวาง สะดวกสบายและรู้จักกับยามรักษาการณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี ปรกติเขาไมได้ขับรถไปทำงาน แต่วันนี้จำเป็นต้องขับรถจากที่ทำงานกลับบ้านเพราะได้ขอให้ตำรวจจราจรลากรถของเขามาทิ้งไว้ที่สถานีตำรวจได้สองวันแล้ว
เรียวไม่ชอบขับรถ เหตุผลเพราะอะไรนั้นไม่อาจจะบอกใครได้ มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม
...เสียดาย ให้ลากไปส่งที่บ้านซะก็ดี แต่ถ้าไอ้หมวดลูกชิ้นรู้คงถูกล้อไม่จบไม่สิ้น...
เรียวคิดในใจแล้วพยักหน้าทักทายเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ยืนประจำอยู่ที่ทางเข้าโรงแรมซึ่งเป็นทางเดินกว้างเชื่อมต่อกับศูนย์การค้า
“หมวดครับ เท่มากเลยครับ” พนักงานหนุ่มยกนิ้วให้ ตามองทรงผมใหม่ของนายตำรวจหนุ่มด้วยความชื่นชม
“ขอบใจ” เรียวยิ้มบางๆ แล้วก้มหน้าเดินผ่านพนักงานหนุ่มคนนั้นที่ชอบเล่นหูเล่นตากับเขาอยู่เป็นประจำเวลาที่มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเดินผ่านล๊อบบี้เพื่อมาเรียกแท็กซี่ด้านข้างของโรงแรมกลับบ้าน
...ทรงสกินเฮด ไม่เท่ตอนนี้จะให้เท่ตอนไหน อยากโกนให้เลี่ยนมานานแล้ว เบื่อผมยาวๆ เต็มที แล้วยังต้องย้อมผมหลากสีมาตั้งนาน คันหัวจะแย่...
...เอ แล้วนี่สารวัตรจะด่าหรือเปล่าก็ไม่รู้...
...แล้วสารวัตรมายุ่งอะไรด้วย ลูกน้องตัดผมนี่นะ แต่เราก็ขออนุญาตไปแล้ว...
...ฮื่อ ทำไมสารวัตรธันว์ชอบว่าเราอยู่เรื่อยเลย ทำอะไรไม่ถูกใจซักที...
เรียวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะที่เดินผ่านห้องโถงด้านหน้าของโรงแรมเพื่อไปยังประตูด้านข้าง แต่พลันก็ต้องชะงักเมื่อเกือบชนเข้ากับชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มและกางเกงยีนส์ซีดๆ ซึ่งกำลังเดินคุยโทรศัพท์อยู่ข้างหน้า แต่ทว่ากลับหยุดเดินกระทันหัน
...เฮ้ย นายคนที่ชอบโวยวายนี่นา มาทำอะไรที่นี่...
“น้อง รถพี่มาหรือยัง บีเอ็มดับบลิว 630 สีดำ” ชายหนุ่มคนนั้นลดโทรศัพท์ลง พูดกับพนักงานโรงแรม
“ทะเบียน ส.ส. ตองเจ็ดนะครับ” พนักงานถาม
“ใช่ เร็วๆ เข้า พี่รีบ จะไปรับเด็ก”
...นี่คงมากินข้าวที่โรงแรมนี้ละสิ เมื่อวันก่อนยืมเงินเรา 500 บาทหน้าตาเฉย หมั่นใส้จังเลย ขอแกล้งหน่อยเถอะ...
เท้าไวเท่าความคิด เรียวยื่นเท้าไปขัดขาคนที่อยู่ข้างหน้าจนฝ่ายนั้นเซถลาเกือบไปชนประตู
“โอ๊ย เฮ่ย” ชายหนุ่มร้องลั่น หันหลังมา ใบหน้าโกรธเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นว่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นใคร
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง” เรียวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ใบหน้าราบเรียบ
“คุณนั่นเอง คุณตำรวจที่ชอบรังแกประชาชนด้วยการเอาปืนจี้ให้พาซิ่งรถหนีผู้ร้าย” ศรันย์พูด หน้าตาจริงจัง
“คุณมีหลักฐานหรือเปล่า” เรียวอดต่อปากต่อคำไม่ได้
“หลักฐานอยู่ในความทรงจำผมนี่ไง” ศรันย์ชี้นิ้วเข้าที่ศีรษะของตัวเอง
“ผมว่าคุณจำคนผิด” เรียวยักไหล่ ปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ผมนี่นะจำคนผิด อย่างคุณไม่มีใครจำผิดได้หรอก หน้าตาแบบนี้ ใครเห็นก็ลืมไม่ลง”
...เอ๊ะ หมายความว่ายังไงกันวะ...
เรียวขมวดคิ้ว สงสัยในคำพูดของประชาชนจอมโวยวายคนนี้
“ตกลงคุณจะไม่ยอมรับใช่ไหมว่าคุณทำอะไรกับผมไว้” ศรันย์เอียงหน้าพูดอย่างฉุนๆ “แต่ผมฟ้องหัวหน้าคุณแล้ว เขาบอกว่าเชื่อผมด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่ผมไม่ต้องหาหลักฐานอะไรไปแสดงให้เห็นเลย แสดงว่าคุณคงมีประวัติไม่ใช่น้อย เขาบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ผม คุณเตรียมตัวไว้ให้ดี คราวนี้ล่ะ คุณโดนลงโทษทางวินัยแน่ๆ เจ้านายคุณดุด้วยนะเออ”
...กลัวตายล่ะ สารวัตรธันว์ดุก็จริง แต่เขาไม่กลัวหรอก...
...แล้วที่บอกว่าโดน ‘จัดการ’ นั่นน่ะ โดนไปแล้ว วันนั้นหลังเลิกประชุม สารวัตรธันว์เรียกไปพบที่ห้องทำงานแล้วเทศนายกใหญ่...
...คราวหน้าอย่าทำอะไรห่ามๆ อีก โดยเฉพาะกับประชาชน ถ้ามีใครมาโวยวายแบบนี้อีก ผมจะให้หมวดพักงานหน่วยปฏิบัติการพิเศษไปช่วยจ่าอาคมที่โครงการตำรวจสัมพันธ์...
...สารวัตรธันว์ก็ได้แต่ขู่ ตำรวจฝีมือดีอย่างเขา สารวัตรไม่กล้าให้พักงานหรอก...
...หลายคดี เขาต้องปลอมตัวแฝงเข้าไปหาข่าว และเป็นคนสำคัญที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดกฏหมายได้ทุกครั้ง...
...ยกเว้นคืนนั้นคืนเดียว คืนที่หนีการไล่ล่าของพวกแก็งค์ไดมอนด์จนไปเจอกับนายคนนี้นี่ล่ะ ซวยจริงๆ...
“อ๋อ คุณไปฟ้องผู้บังคับบัญชาผมนี่เอง สารวัตรธันว์ถึงได้โกรธใหญ่ สั่งพักราชการผม” เรียวแกล้งทำหน้าเศร้า
“เป็นไง ซึมไปเลยไหมล่ะ”
“ทีนี้ผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าห้อง ถูกพักราชการก็ถูกงดจ่ายเงินตามวันที่ถูกสั่งพักด้วย เงินเดือนตำรวจก็น้อย” เรียวอยากจะให้ฝ่ายนั้นรู้สึกผิด อยากลองดูว่าจะเห็นแววตารู้สึกผิดของชายหนุ่มพูดมากคนนี้หรือไม่
“จริงหรือ” ศรันย์เลิกคิ้วถามแล้วหลุบตาลงมองพื้น แต่ความจริงมองรองเท้าและกางเกงของนายตำรวจหนุ่ม
...ยี่ห้อหรูซะด้วย คิดว่าศรันย์เป็นหมูหรือไงคุณผู้หมวด คิดจะทำอะไรเนี่ย คิดจะเรียกร้องความสงสารหรือทำให้เรารู้สึกผิดงั้นหรือ ทีตัวเองเอาปืนขู่ให้เราขับรถพาหนีโจรล่ะ ร้ายซะไม่มี...
...เอาเถอะ อยากเล่นเกมกับเรานัก จะลองเล่นด้วยซักเกมสองเกม...
“ผมไม่คิดว่าจะร้ายแรงถึงขนาดนั้น” ศรันย์แกล้งทำเสียงอ่อนลง
“คุณบอกว่าผมเอาปืนไปจ่อหัวขู่คุณ ดีไม่ดีผมอาจถูกสอบวินัย”
“ขนาดนั้นเลยหรือ” ศรันย์ทำหน้าตกใจ “ผมไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น”
“แต่ช่างเถอะ แล้วก็แล้วไป คราวหลังผมจะระวังตัวมากกว่าเดิม” เรียวยักไหล่ ทำหน้าปลง
“เอางี้ คุณพาผมไปพบกับหัวหน้าคุณ ผมจะเสนอถอดถอนการร้องทุกข์” ศรันย์ทำหน้าเห็นใจนายตำรวจที่อาจถูกสอบวินัย
...เสนอถอดถอนการร้องทุกข์ อยากจะหัวเราะจริงๆ เลย ผู้ชายคนนี้คิดอะไรแต่ละอย่างไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน...
แวบหนึ่ง เรียวรู้สึกขำจนอยากจะยิ้ม แต่ก็ต้องฝืนทำหน้าซึม
“นี่ผมจะหาเงินส่งค่างวดรถกับค่าเช่าห้องพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ ค้างค่างวดมาตั้งสองสามงวดแล้ว ดีไม่ดีอาจจะถูกยึดรถ เงินเดือนตำรวจก็น้อย ผมไม่ใช่ตำรวจที่คอยรีดไถเงินประชาชนซะด้วยสิ”
...โทษทีนะ ไม่ได้ตั้งใจด่าเพื่อนร่วมอาชีพเลยซักนิด...
ศรันย์แสร้งทำหน้าสลด แต่ในใจคิดว่า
...เล่นละครเก่งไม่เบา แบบนี้น่าจะส่งไปเล่นละครทีวี...
ศรันย์แกล้งทำหน้ารู้สึกผิด หวังจะให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกสะใจและพอใจที่อุตส่าห์เล่นละครให้เขาดู
...คิดว่าจะเชื่องั้นหรือ ท่าทางกวนๆ ร้ายๆ แบบหมวดคนนี้นี่นะจะยอมถูกลงโทษง่ายๆ เพียงเพราะเขาไปโวยวายกับผู้บังคับบัญชาว่าโดนเอาปืนขู่ให้พาขับรถหนีโจร...
...ตำรวจอะไรวะหนีโจร เป็นตำรวจต้องวิ่งไล่จับโจรสิ...
...จนป่านนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหมวดหน้าขาวคนนี้ อยู่ดีๆ ถึงขับรถปาดหน้าบีบบังคับให้เขาพาขับหนี ทำไมตัวเองไม่ขับหนีเอง รถตัวเองก็ใช่ว่ากระจอก...
...โน่น ลิ่วๆ ไปโน่นแล้ว เดินเร็วจริงๆ อยู่เฉยๆ ก็เดินหนีไปเลย ไม่ล่ำลาซักคำ แบบนี้มันน่านัก...
...น่าอะไรดีว๊า...

::: end of chapter 2 :::

เรื่องนี้มีคนชอบไหมเนี่ย? ห่างหายการเขียนนิยายไปกว่าสี่ปี อาจจะยังฝืดๆ ขออภัยด้วยนะครัช

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ศรัณย์ดูเป็นคนพูดมาก ไม่ยอมคนนะนี่

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 3

ร้อยตำรวจโทเรียวเดินเข้ามาในห้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ แปลกแต่จริง ร้อยตำรวจโทชินวัฒน์มาทำงานก่อนเขา ตอนนี้นั่งหน้ากลมเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ อยู่อย่างมีความสุขเช่นเคย
“หมวดเอียว มามี่หม่อย” ชินวัฒน์ยกมือกวักเรียกเพื่อนคู่หู อาหารเต็มปาก พูดจาไม่ชัด
“กลืนก่อนค่อยพูดก็ได้นะ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก ไม่อยากให้ ส.น. มีผีตายท้องกลมเฝ้า” เรียวส่ายหน้าขำๆ
“ไปทำอะไรมา” ชินวัฒน์ถามหลังจากพยายามกลืนอาหารลงคอจนหมด มือชี้มายังศีรษะของเรียว
“ตัดผมสิ”
“ได้รับอนุมัติแล้วหรือนั่นน่ะ”
“ก็ถามว่าไปย้อมผมคืนเป็นสีดำได้หรือยัง ท่านก็พยักหน้า บอกว่าจะทำอะไรก็ทำ ผมก็เลยตัดผมด้วยซะเลย”
“ทรงอิ๊กคิวซังนี่นะ ตอนที่เล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ ไม่นึกว่าจะเหมือนทิดสึกใหม่แบบนี้”
“เขาเรียกว่าทรงสกินเฮด” เรียวยักคิ้ว
“เฮ้อ หนักใจ” ชินวัฒน์มองศีรษะทุยได้รูปของหมวดเรียวแล้วส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบของกินส่งเข้าปาก แต่ยังไม่ทันจะได้เคี้ยวก็ต้องรีบยกมือขึ้นทำความเคารพผู้ที่เดินเข้ามาในห้อง
“อรุณฉะวัดวับผู้กอง” ชินวัฒน์พูดไม่ถนัด โชคดีที่อาหารในปากไม่เยอะมากนักจึงพูดพอฟังรู้เรื่องอยู่
“อือ” ร้อยตำรวจเอกคมกริชพยักหน้า แล้วหันไปมองศีรษะของหมวดเรียว พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงาน หมวดหนุ่มรูปร่างต่างขนาดทั้งสองมองตามร่างสูงใหญ่ผึ่งผายที่เดินตรงนิ่งเหมือน ‘ผีดิบ’ อย่างที่ชอบนินทาลับหลัง จากนั้นหันมามองหน้ากันเอง
“มันหมายความว่ายังไง” ชินวัฒน์ย่นหัวคิ้ว “ผู้กองขมวดคิ้วนิดนึงแล้วกระตุกมุมปาก อือ คำเดียวสั้นๆ แล้วก็เดินไปเฉยๆ”
“จะไปรู้หรือ ลองตามไปถามดูสิ” เรียวยักไหล่
“คงได้คำตอบหรอก” ชินวัฒน์เบ้ปาก “คนคนนี้ แต่ละวัน พูดนับคำได้ เขาตอบรับคำทักทายยามเช้าของเราด้วยการส่งเสียงว่า อือ นี่ก็ถือว่ายาวมากแล้วนะ”
ยังไม่ทันที่เรียวจะได้ตอบเพื่อนคู่หู เสียงใสแจ๋วก็ดังขึ้นมาก่อนตัว จากนั้นร่างอวบอั๋นของหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา
“หมวดเรียวขา อรุณสวัสดิ์ค่ะ ต๊าย เท่จังเลย หมวดเรียวตัดผมใหม่หรือคะ คมเข้มบาดใจแพรจริงๆ”
“เข้าห้องผิดแล้วหมู่แพร” ชินวัฒน์พูดขึ้น “ลืมทางไปห้องทำงานตัวเองแล้วหรือ”
“แหม อย่าเรียกหมู่แพรซิคะ พังไม่เพราะเลย”  สิบตำรวจเอกหญิงแพรพิไลค้อนขวับ “บอกว่าให้เรียกคุณแพรให้เรียกคุณแพร ทางไปห้องทำงานตัวเองนั่นน่ะไม่ลืมหรอก แต่ที่ต้องแวะมาที่นี่ก็เพราะต้องมาอรุณสวัสดิ์สุดหล่อของแพรเท่านั้นล่ะ ไม่ได้เจอหมวดเรียวตั้งหลายวัน ได้ยินมาว่าไล่บี้โจรตั้งโขยงใช่ไหมคะ สาดกระสุนกลางกรุงกันสนั่น น่าตื่นเต้นจริงๆ ตอนได้ยินข่าว แพรตกใจแทบหัวใจวาย”
“น่าจะวายจริงๆ” ชินวัฒน์พึมพำ แพรพิไลหันมาทำตาขวางใส่ แต่เขาไม่สนใจ หยิบอาหารใส่ปากต่อแล้วเคี้ยวอย่างอร่อย
“หมวดเรียวต้องระวังตัวด้วยนะคะ แพรเป็นห่วง” แพรพิไลหันไปพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับเรียว
“ครับ ขอบคุณมากครับ” เรียกพยักหน้า
“นี่แพรไม่เข้าใจ ทำให้ต้องให้แต่หมวดเรียวเป็นตัวล่อก็ไม่รู้ จะปลอมตัว จะแฝงตัว จะแทรกตัวเข้าไปอยู่กลางพวกโจรก็มีแต่หมวดเรียว ทีหมวดลูกชิ้นเอาแต่นั่งดูต้นทางอยู่ในรถ ปล่อยให้หมวดเรียวเสี่ยงอันตรายอยู่ได้”
“ก็เรียวเขาเก่งนี่ครับ” ชินวัฒน์เบ้ปาก
“นี่ไง เพราะหมวดเรียวห้าวหาญแบบนี้ไง แพรถึงได้...”
“หมู่แพรครับ เสือมาแล้ว” ชินวัฒน์รีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมชี้มือไปยังประตู แพรพิไลหันตาม เห็นร่างสูงบึกบึนของพันตำรวจตรีธันว์เดินเข้ามาจึงรีบกล่าวอำลาหมวดหนุ่มที่เธอหลงไหล
“แพรไปก่อนนะคะหมวดเรียว ถ้าตอนกลางวันไม่ได้ออกไปทำงาน ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ แพรจะรอที่หน้าห้อง”
“ครับผม” เรียวยิ้มบางๆ
“ไปก่อนนะคะคุณหมวดลูกชิ้นหมู” แพรพิไลกระแทกเสียงใส่ชินวัฒน์
“อยากจะไปเชิญซิเชิญไป” ชินวัฒน์ร้องเพลงขึ้นมา ก้มหน้าสนใจอาหารตรงหน้าพลางพูดต่อว่า “ผู้หญิงอะไรไม่รักไม่หลงผู้ชายเต็มตัว”
“สวัสดีครับสารวัตร” เรียวทักทายธันว์ซึ่งพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับเหลือบตามองที่ศีรษะของเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ชินวัฒน์ลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้บังคับบัญชา ปากเม้ม แก้มป่องเพราะกลัวสิ่งที่อยู่ในปากจะหล่นออกมา
“ประชุมแปดโมง” ธันว์พูดสั้นแล้วเดินจากไป แต่ก่อนไป สารวัตรหนุ่มปรายตามองศีรษะของหมวดเรียวอีกครั้ง คราวนี้สายตามีประกายไม่ค่อยพอใจ ซึ่งเรียวเท่านั้นที่สังเกตเห็น ส่วนชินวัฒน์นั้นกำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ ตามองโต๊ะทำงาน
“เฮ้อ” เรียวถอนหายใจเบาๆ
“มันหมายความว่ายังไงกัน” ชินวัฒน์พูดขึ้น “ผู้กองกับสารวัตรนี่สือสารด้วยภาษาท่าทางและภาษาสายตา และภาษามุมปากกระตุกเหมือนกันเด๊ะ”
“จะหมายความว่ายังไง ก็หมายความว่า ทำไมไปตัดผมทรงนี้นะสิวะ” เรียวตอบ
“แล้วมันจะอะไรนักหนากับผมทรงเณรน้อยเข้าพรรษา”
“โกนให้โล้นเลยดีไหม โกนคิ้วด้วย อยากรู้ว่าผู้กองกับสารวัตระทำหน้ายังไง” เรียวทำหน้าขึงขัง
“ท่านทั้งสองก็ช๊อคเลยนะสิ” ชินวัฒน์หัวเราะก๊าก “แล้วก็มอบหมายงานให้หมวดปลอดตัวเป็นพระะไปสืบคดีค้ายาบ้าในวัด หรือไม่ก็คดีพระตุ๋ยเด็ก”
“ไอ้บ้า เดี๋ยวบาปกินหัวหรอก คิดได้ไง” เรียวส่ายหน้า
“กินหัวหลุ่นๆ เลี่ยนๆ ของหมวดก่อนเถอะ” ชินวัฒน์หัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน “เอ แต่ว่าไป ตัดผมทรงนี้หน้าเด็กขึ้นเยอะนะ ประชุมเรื่องคดีเช้านี้อยากรู้นักว่หมวดเรียวคุงจะได้ปลอมตัวเป็นอะไร”
///////

“ทุกคนแยกย้ายไปทำงานได้ แต่หมวดเรียวอยู่คุยกับผมก่อน” สารวัตรธันว์สั่งเลิกประชุมหลังจากใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงอธิบายแผนการทำงานให้ทุกคนในหน่วยปฏิบัติการพิเศษรับทราบ
“อีกแล้ว โดนอีกแล้ว” ชินวัฒน์แอบกระซิบข้างหูเรียว “ขอให้โชคดีนะเพื่อน”
เรียวทำหน้านิ่ง ไม่ตอบอะไรชินวัฒน์ รอจนทุกคนเดินออกจากห้องแล้วจึงขยับไปนั่งใกล้ธันว์
“ระวังตัวด้วย ถึงเป็นสถานศึกษา แต่ก็วางใจไม่ได้” ธันว์ย้ำเรื่องงานมอบหมาย
“ครับผม” เรียวพยักหน้า
“พอได้ข้อมูลและหลักฐานทุกอย่างแล้วก็ส่งต่อให้ผู้กองคมกริช ส่วนคุณ ให้ถอนตัวออกมาทันที คราวนี้ อย่าทำเกินคำสั่ง” ธันว์ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นเคย
“รับทราบครับ”
“แล้วไปทำอะไรกับผมมา” สารวัตรธันว์มองที่ศีรษะทุยได้รูปของหมวดเรียว
“ไปตัดผมมาครับ” เรียวตอบ
“ทรงสกินเฮด”
“สบายหัวดีครับสารวัตร” เรียวยิ้มทะเล้น ยกมือขึ้นลูกศีรษะตัวเอง
“ก็ดี ดูหน้าเด็กขึ้น เหมาะกับจะไปเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เชิญ” สารวัตรธันว์ผายมือให้ลูกน้องเดินนำออกไปจากห้องประชุมก่อน ส่วนตัวเองเดินตามหลังช้าๆ
...ประชด ฟังเสียงสารวัตรก็รู้ว่าไม่ค่อยพอใจ...
...แล้วนี่มายุ่งอะไรกับหัวของเรา ผมของเรา จะตัดทรงอะไรมันก็เรื่องของเรา มาทำท่าหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้...
// // // //

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
สวัสดีค่ะ คุณตำรวจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
สวัสดีครับ หวังว่าคงสบายดีนะครับ ถัารักถ้าชอบคฑาวุธก็ช่วยกดไลค์ให้กำลังใจหน่อยนะครับ ใครกดไลค์ขอให้ได้แฟนทันฉลองวาเลนไทน์

ต่อบทที่ 3 ให้จบ เพราะโพสครั้งเดียวไม่ได้ ระบบบอกว่าเกิน 20000 คำ  :mew2:

...ประชด ฟังเสียงสารวัตรก็รู้ว่าไม่ค่อยพอใจ...
...แล้วนี่มายุ่งอะไรกับหัวของเรา ผมของเรา จะตัดทรงอะไรมันก็เรื่องของเรา มาทำท่าหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้...
// // // //
 


การปลอมตัวเป็นนักศึกษานั้นไม่ยากเลย แค่สวมเครื่องแบบนักศึกษา ร้อยตำรวจโทเรียวก็กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคนใหม่ได้อย่างอย่างแนบเนียน ยิ่งผมตัดสั้นเกรียนก็ยิ่งทำให้หน้าอ่อนสมกับเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง
แต่สิ่งที่ยากคือการนั่งเรียนในชั้นเรียนและตอบคำถามของอาจารย์
ถามอะไรมา ตอบไม่ได้สักอย่าง
เพียงวันแรกเรียวก็ได้เบาะแสบางอย่างเมื่อสามารถเข้ากลุ่มกับนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้ หัวโจกของกลุ่มเป็นนักศึกษาปีสี่ ซึ่งเรียนซ้ำชั้นมาแล้วเป็นปีที่สามแล้วก็ยังไม่จบ
เรียวบ่นว่าไม่ค่อยมีเงินใช้ โจโฉ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะสามารถช่วยเรียวหาเงินได้ คืนวันศุกร์จึงนัดให้ไปเจอกันที่หน้าผับแห่งหนึ่ง

เลิกเรียน เรียวเดินไปยังหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อขึ้นรถประจำทางกลับไปยังสถานีตำรวจ ขณะที่กำลังจะข้ามถนนในมหาวิทยาลัย รถสปอร์ตคันหนึ่งก็ขับผ่านไปด้วยความเร็วพอสมควร ก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดในช่องจอด เบรกรถรถล้อครูดไปกับพื้นเสียงดังลั่นน่าตกใจ
เรียวหันไปมองอย่างฉุนๆ อยากเดินเข้าไปสั่งสอนเสียหน่อย แต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็นนักศึกษาน้องใหม่อยู่จึงทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ เขาเดินข้ามถนนกำลังจะพ้น แต่พลันได้ยินเสียงคนร้องเรียกทำให้ต้องรีบหันหน้าไปมองเพราะฝ่ายนั้นตะโกนเสียงดังฟังชัด
“หมวดเรียว มาทำอะไรที่นี่”
เรียวหันซ้ายหันขวา กลัวคนจะได้ยิน ผู้ชายเจ้าปัญหาคนนั้นพูดต่อว่า
“ทำไมแต่งตัวเป็นเด็กนักศึกษา หรือว่าคุณหมวดมารีดไถเงินเด็ก เอ๊ะ หรือว่าปลอมตัวมาสืบคดีลับสุดยอด”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้” เรียวตะคอกแล้วรีบวิ่งข้ามถนนย้อนกลับไปหาคนปากมาก “คุณจะทักผมทำไมก็ไม่รู้ เดี๋ยวคนรู้หมดว่าผมเป็นตำรวจ”
“อ้าว ก็คนรู้จักกัน” ศรันย์เลิกคิ้ว ทำหน้ากวนๆ “คุณจับผมเป็นตัวประกัน เอาปืนขู่เข็ญบังคับใจ จำไม่ได้หรือคร้าบ คืนร้าวรานคืนนั้นผมยังจำได้เสมอ คุณจี้ผม บังคับให้ขับรถพาหนีโจร ทำไมลืมได้ง่ายดาย”
“ไม่เลิกพูดซักทีนะไอ้เรื่องนี้” เรียวถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“จนกว่าคุณจะยอมรับต่อหน้าร้อยเวรและลงบันทึกประจำวัน ไม่งั้นผมก็จะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน” ศรันย์ยักคิ้ว ทำท่ากวนอารมณ์เช่นเคย “ว่าแต่ว่า คุณหมวดมาทำอะไรที่นี่”
“จะรู้ไปทำไม” เรียวตวัดเสียงถาม “ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไร อย่าบอกนะว่าเป็นอาจารย์สอนที่นี่ มาดไม่ให้แม้แต่นิดเดียว”
“อย่างผมหรือจะเป็นอาจารย์ ไม่เอาด้วยหรอก” ศรันย์แบะปาก
“งั้นคงมาจับเด็กล่ะสิ” เรียวอดแดกดันไม่ได้
“ผมไม่ใช่ตำรวจ ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ จะจับใครได้” ศรันย์ตอบเสียงหยันๆ “ไม่ได้มีปืนในมือเอาไว้ขู่บังคับใครนี่คร้าบ”
เรียวเบ้ปาก ชายหนุ่มคนนี้ประชดได้ประชดดี ทั้งที่ใจหนึ่งไม่อยากจะคุยด้วย แต่เมื่อเจอกันก็อดต่อปากต่อคำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม
“ตอนนี้ผมก็มีปืน อยากโดนขู่อีกหน่อยไหมล่ะ” เรียวทำหน้าดุ เสียงดุ
“ในสถานศึกษาเลยนะหมวด ในมหาลัยก็ไม่เว้นรังแกประชาชนเลยหรือ แต่ผมไม่กลัวหรอก จะกล้าเอาปืนมาขู่ก็ลองดูสิ ผมจะตระโกนให้คนช่วย เจ้าข้าเอ๊ย ตำรวจรังแกประชาชน”
“ตะโกนซะแก่เลยนะ หน้าตาก็ไม่ค่อยแก่เท่าไหร่ แต่ใช้คำพูดโบราณ” เรียวเบ้ปาก ส่ายหน้า
“ขอโทษนะครับคุณหมวด ผมเป็นคนทันสมัย แต่เมื่อกี้ผมประชดเฉยๆ หรอก” ศรันย์ทำเสียงยียวน และหน้าตากวนประสาท
“พูดพอหรือยัง ผมจะได้ไป” เรียวเลิกอยากจะต่อล้อต่อเถียง “แต่ขอร้องนะ ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่ามาเรียกผมว่าหมวด หรืออย่ามาแสดงออกให้คนเห็นว่ารู้จักกับผมเด็ดขาด ผมกำลังทำงานอยู่”
“ปลอมตัวเป็นนักศึกษามาหาเบาะแสอะไรหรือครับ ถามผมสิ มหาลัยนี้ผมรู้จักทุกซอกทุกมุม”
“เป็นขาใหญ่ละสิ” เรียวเหยียดปาก
“ก็พอตัว” ศรันย์เลิกคิ้ว “ขาใหญ่ แขนใหญ่ ใหญ่ทุกอย่าง”
เรียวไม่แน่ใจว่าการพูดเรื่องงานกับชายหนุ่มที่ท่าทางปากไม่มีหูรูดแบบนี้จะดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ จากคนที่บอกว่ารู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดีทุกซอกทุกมุม แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเป็นแค่ราคาคุย
“ช่างเถอะ รู้แค่ว่าผมมาทำงานก็พอ” ในที่สุดเรียวก็ตัดสินใจว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ค่อยน่าเชื่อใจเท่าใดนัก “แต่ขอเตือนนะ ว่าถ้าเจอผมแล้วก็ไม่ต้องทัก ไม่งั้นคุณเจอปืนอีกรอบแน่”
“อุแม่เจ้า ขู่ซะน่ากลัว” ศรันย์แกล้งอุทานก่อนจะเบ้ปาก “เอะอะก็ใช้ปืน อยากจะรู้นัก ถ้าตำรวจอย่างคุณหมวดไม่มีปืนจะทำยังไง”
“ลองดูไหมล่ะ” เรียงเอียงหน้าท้าทาย “จบตำรวจมาไม่ได้เรียนวิธีใช้ปืนอย่างเดียวนะคุณ วิชาต่อสู้มือเปล่าเขาก็สอนมา”
“ไม่ลองครับ ไม่ลอง กลัวแล้ว กลัวจนหัวหดเลยนะนี่” ศรันย์ทำท่าหวาดกลัว แต่นัยน์ตาวิบวับ ฉายแววขี้เล่น “ว่าแต่คุณหมวดเถอะ จะปลอมตัวเป็นนักศึกษาทั้งที ทำไมไม่ปลอมเป็นนักศึกษาไฮโซล่ะ ขับรถเท่ๆ มาเรียน แทนที่จะเดินก๊อกแก๊กกลับบ้านแบบนี้ น่าสงสาร คงเหนื่อยแย่”
...เดินก๊อกแก๊กกลับบ้าน ภาษาอะไรของนายคนนี้นะ...
“จะไปส่งหรือไง” เรียวประชด
“อืม ขอลองคิดดูก่อน” ศรันย์เอียงหน้าคิด กอดอก ตั้งศอกขวาขึ้น ใช้นิ้วโป้งดันคาง ทำท่าคิด ซึ่งเรียวคิดว่าช่างเป็นภาพที่ขวางหูขวางตายิ่งนัก
“คุณหมวดรอหน่อยได้ไหมล่ะ ขอผมเข้าไปเก็บเงินก่อน แล้วจะให้ติดรถไปลงหน้า ส.น.”
เรียวส่ายหน้าอย่างฉุนๆ ปนขำ เลิกต่อปากต่อคำ แล้วก้าวขาเดินเพื่อข้ามถนน แต่ศรันย์เดินตามแล้วเรียกเอาไว้พร้อมกับยื่นมือออกมาทำท่าจะคว้าแขนของนายตำรวจหนุ่มเพื่อยื้อยุดเอาไว้ เรียวหันขวับ ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าห้าม
“อ๊ะๆ อย่านะ อย่ามาทำอะไรแบบนี้ เดี๋ยวก้านคอ”
“โอโห ดุจังแฮะ” ศรันย์ทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อแล้วถอยหนึ่งก้าว
เรียววิ่งเหยาะๆ ข้ามถนนเพื่อตรงไปยังประตูหน้าของมหาวิทยาลัย แต่ไม่วายได้ยินเสียงลอยตามมา
“ทำดุไปเถอะ ถ้าไม่ชักปืนออกมาขู่ จ้างให้ก็ไม่กลัว หน้าตาอย่างคุณหมวด ไม่ได้มีความเหี้ยมแม้แต่นิด บอกว่าเป็นตำรวจประชาสัมพันธ์จะรีบเชื่อเลยทันที”
...พูดมากจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้ กวนอารมณ์ รู้ยังงี้ไม่เอาปืนจี้บังคับให้ขับรถพาหนีไอ้พวกแก็งค์ไดมอนด์หรอก กรุงเทพฯ ก็ออกกว้าง เจอกันแล้วครั้งเดียวก็น่าจะจบไป ทำไมชีวิตเราจะต้องโคจรมาเจอนายคนนี้อยู่บ่อยๆ ด้วยนะ...
////////

“บุพเพเสพสังวาสยังไงล่ะหมวดเรียว” ชินวัฒน์พูดพร้อมทำหน้าทะเล้นเมื่อได้ยินเรียวเล่าเรื่องที่ไปพบกับศรันย์โดยบังเอิญให้ฟัง
“อะไร บุพเพบ้าบออะไร”
“ผมว่าเขาอยากจะปั่มปั๊มหมวดแน่ๆ เท่าที่เล่าให้ฟัง จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เด็ดขาด” ชินวัฒน์หัวเราะลงลูกคอ
“ไม่น่าเล่าให้ฟังเล๊ย” เรียวส่ายหน้าแล้ววางซองปืนคู่ชีพลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงเก้าอี้ ยกขาขึ้นวางพาดบนโต๊ะ
“เดี๋ยวผู้กองคมกริชด่าเอานะ เขาไม่ชอบให้ใครเอาตอเต่าสะระอีนอหนูวางบนโต๊ะ” ชินวัฒน์รีบท้วง
“สารวัตรยังทำเลย” เรียวแย้ง
“นั่นสารวัตร เรามันตัวเล็ก ไหนจะทำเหมือนตัวใหญ่ได้”
“ตัวเองทำไม่ได้ก็พูดมาเถอะ ติดพุงใช่ไหมล่ะ ยกไม่ขึ้นละสิ” เรียวเหยียดปากเยาะเย้ยเพื่อน “ยกเท้าไม่ได้ ยกได้แต่หาง”
“ทำไมจะยกไม่ขึ้น คอยดูนะ” หมวดชินวัฒน์เอนตัวแล้วเม้มปาก พยายามยกเท้าทั้งสองขึ้นวางพาดบนโต๊ะ พร้อมกับส่งเสียงออกมา “อึ๊บ”
“เฮ่ย ได้เหมือนกันนี่หว่า” เรียวอุทาน
“ส.บ.ม.ย.ห. สบายมากๆ อย่าห่วงหนูเลย” ชินวัฒน์หัวเราะ
“ยกมือประสานท้ายทอย เอนตัวพิงเก้าอี้ แหงนหน้ามองเพดานแบบสารวัตรได้ไหมล่ะ” เรียวเลียนแบบท่าทางผู้บังคับบัญชาเวลานั่งคนเดียวในห้องทำงานและใช้ความคิด
“ได๋ครับ” ชินวัฒน์พยักหน้า บีบเสียง แล้วเอนตัว แต่เก้าอี้คงจะเล็กเกินไป และเจ้าตัวอาจจะน้ำหนักเกิน หมวดหนุ่มร่างอวบจึงเกือบเสียการทรงตัวเพราะเก้าอี้เอนไปข้างหลังจนเกือบจะล้ม
“ทำอะไรกัน” ทันใดนั้นเสียงเข้มๆ ก็ดังขึ้น
“ผู้กอง” เรียวอุทานเบาๆ
“เฮ่ย” ชินวัฒน์อุทานเช่นกันแต่เสียงดังกว่า พร้อมกับเสียงดังโครมใหญ่ ตามด้วยเสียงร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ ร้างท้วมๆ ของหมวดหนุ่มกองอยู่บนพื้น มีเก้าอี้ล้มอยู่ข้างๆ เรียวเผลอหัวเราะก๊าก แต่ร้อยตำรวจเอกคมกริชยืนมองหน้านิ่ง
“อูยเจ็บ” ชินวัฒน์คราง
“แฟ้มมหาวิทยาลัย” คมกริชสั่งงานสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องทำงาน ปล่อยให้หมวดเรียวกุมท้องหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล จ่าสิบโทหญิงยุวดีซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าใกล้ประตูลุกขึ้น เดินมาดู แต่พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองด้วยใบหน้าเรียบเฉยเพราะเห็นจนชินแล้ว
“หยุดหัวเราะได้แล้ว ตลกอะไรนักหนา” ชินวัฒน์ทำหน้าเหยเก พยายามลุกขึ้นนั่ง
“ดีนะไม่ได้สวมเครื่องแบบ ไม่งั้นน่าดูกว่านี้” เรียวยังคงหัวเราะด้วยความขำ “อยากลองอีกทีไหมล่ะหมวดลูกชิ้น กระดิกเท้าด้วย แหง๋วๆ อย่างเนี๊ยะ ทำได้ไหม” เรียกยกเท้าขึ้นวางพาดบนโต๊ะ กระดิกเท้าไปมาพลางทำเสียงแปลกๆ ในลำคอเป็นจังหวะเข้ากับการกระดิกเท้า แต่ครั้นนึกได้ว่าผู้กองคมกริชต้องการดูแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องภารกิจปลอมตัวเป็นนักศึกษาเพื่อเข้าไปหาเบาะแสการค้ายาเสพติดในมหาวิทยาลัยจึงรีบลุกขึ้น คว้าแฟ้มแล้วตรงลิ่วไปยังห้องทำงานของรองผู้บังคับบัญชา
// // // //

หมวดเรียวรายงานสรุปให้ผู้กองคมกริชฟังแล้วจึงปิดท้ายว่า ตัวเองมีนัดกับหัวหน้ากลุ่มชื่อโจโฉที่หน้าผับแห่งหนึ่งเพราะฝ่ายนั้นบอกว่ามีลู่ทางหาเงินให้ใช้
“แปลก ไม่น่าเชื่อใจเร็วขนาดนี้” คมกริชพลิกอ่านข้อมูลในแฟ้มทีละหน้าอย่างช้าๆ
“ผมบ่นว่าพักนี้ไม่ค่อยมีเงินใช้ ไอ้โจโฉก็เลยบอกว่ามีทางหาเงินให้ใช้ง่ายๆ มันจะต้องมีอะไรเกี่ยวกับยาเสพติดแน่ๆ เลยครับ ผมตีสนิทกลุ่มนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่ปลอมตัวเข้าไปเรียนแล้วครับ เท่าที่เห็น มีอยู่กันหกคน สกินเฮดทั้งนั้น โชคดีที่ผมตัดผมทรงนี้” เรียวหัวเราะเบาๆ ชี้นิ้วที่ศีรษะตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“ระวังตัวด้วย” คมกริชพูดเบาๆ ปิดแฟ้มแล้วโยนลงบนโต๊ะ
“ครับผม” เรียวพยักหน้า
“ให้หมวดชินไปเป็น...” คนกริชพูดค้าง มองออกไปนอกประตูห้องทำงาน เห็นหมวดชินวัฒน์กำลังเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง จึงเปลี่ยนใจ
“ผมจะไปสแตนบายใกล้ๆ เผื่อมีอะไร”
“ไม่ต้องหรอกครับ งานนี้ผมลุยเดี่ยวได้ แค่หาข่าววันแรก คงยังไม่มีอะไรมาก”
“ก็ไม่แน่ มันอาจได้โอกาส ใช้เด็กใหม่เป็นคนส่งยา”
“ผมจะระวังตัว”
“เหมือนเคย” คมกริชเลิกคิ้ว
“ครับผม” เรียวย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจที่คมกริชพูดเท่าใดนัก
“หมวดเรียว” คมกริชโน้มตัวมาข้างหน้า วางศอกลงบนโต๊ะ มองหน้าเรียวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ถามจริงเถอะหมวด ทำไมคืนนั้นไปจี้ผู้ชายคนนั้นให้ขับรถพาหนี”
“เอ่อ...คือว่า...เอ่อ...” เรียวอึกอัก จะให้บอกความจริงไปเขาก็ทำไม่ได้
“จำไว้ หาข่าวเท่านั้น อย่าเกินคำสั่ง” คมกริชสรุป เมื่อเห็นว่าเรียวดูเหมือนไม่อยากจะพูดต่อ
/ / / / /

หน้าผับจุดนัดพบค่อนข้างเงีบ ผับนี้เป็นผับเล็กๆ ชานเมือง มีรถจอดอยู่ด้านหน้าเพียงสี่คัน แต่ละคันล้วนเป็นรถสปอร์ตแต่งซิ่งทั้งนั้น เรียวยืนรออยู่ไม่นาน รถเบ็นซ์ E220 สีทองใหม่เอี่ยมคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดและลดกระจกลง โจโฉยื่นหน้าออกมาแล้วเรียกให้เรียวเข้าไปหา
“น้องหนุ่ม รู้จักคุณประพจน์สิ พี่พจน์ครับ นี่ไงครับ รุ่นน้องมหาลัยที่ผมเล่าให้ฟัง” โจโฉแนะนำให้รู้จักกับคนขับ เรียวมองผ่านโจโฉไปเห็นชายอายุราวสี่สิบปีนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
เรียวค้อมตัวลง ยกมือขึ้นสวัสดีประพจน์ผู้มองมาด้วยสายตาพึงพอใจ
“ซิงๆ อยู่เลยนะพี่ รับรองคุณภาพ”
...อะไรวะ ชักจะยังไงๆ ซะแล้ว...
“หนุ่มอยู่ปีหนึ่งใช่ไหม อายุสิบแปดหรือยัง” ประพจน์ถามเสียงอ่อน
“เพิ่งสิบแปดครับ” เรียวยิ้มซื่อๆ ทำหน้าตาไร้เดียงสา
“ถ้างั้นขึ้นรถ” ประพจน์พยักหน้า ปลดล๊อคประตู โจโฉเปิดประตูก้าวลงจากที่นั่งข้างคนขับแล้วดันหลังให้เรียวขึ้นนั่งแทน
“ไปไหนพี่” เรียวหันไปถามโจโฉทั้งที่เริ่มเข้าใจแล้วว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
...ไอ้บ้า โจโฉ เสือกพามาขายตัว นึกว่าจะได้ข่าวเรื่องยาเสพติด...
/// /// ///

ประพจน์ขับรถพาเรียวตรงเข้าในเขตเมือง ตลอดทาง มือวางอยู่บนต้นขาแน่นๆ ของนายตำรวจผู้ปลอมตัวเป็นนักศึกษาที่กำลังหาลำไพ่พิเศษ
“ไม่ต้องประหม่า ทำตัวสบายๆ พี่ไม่กัดหรอก” ประพจน์หัวเราะขำ มือลูบไล้ต้นขาของเรียว แล้วบีบเบาๆ
“พี่ครับ แล้วงานที่จะให้ทำนี่คืออะไรครับ” เรียวแกล้งทำเป็นยังไม่เข้าใจ
“อ้าว นี่โจโฉยังไม่ได้บอกหรือ เห็นว่าน้องหนุ่มไม่มีเงินจ่ายค่าหอ ที่บ้านยังไม่ส่งเงินมาให้ กำลังกลุ้มอยู่ พี่ก็เลยอยากช่วย”
“ครับ” เรียวพยักหน้า ยิ้มแหยๆ “พี่โจโฉบอกแค่ว่ามีคนจะให้งานทำ บอกแค่นี้จริงๆ ครับ”
“ไม่เคยละสิท่า” ประพจน์ยิ้มพอใจ
“เคยอะไรครับ” เรียวตีหน้าซื่อ
“งานสบายๆ พี่ให้สองพันเลยนะ ปรกติพี่ไม่ให้ใครเยอะขนาดนี้ แต่เห็นว่าน้องหนุ่มเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง”
“ความจริงจะปีสองแล้วล่ะครับ แต่รีไทร์ เลยต้องกลับไปสอบเข้าใหม่” เรียวสร้างเรื่อง ตีหน้าเศร้าเล็กน้อย “มัวแต่ทำงานหาเงินเลยไม่ค่อยมีเวลาเรียนครับ”
“น่าสงสาร” ประพจน์พูดเสียงอ่อน ยกมือขึ้นลูบแก้มของชายหนุ่ม “ขยันด้วย แบบนี้พี่สนับสนุน”
“ตกลงงานอะไรครับพี่ถึงได้เงินตั้งสองพัน”
“ไม่ต้องห่วง งานสบาย ไม่มีประสบการณ์ก็ทำได้ พี่จะสอนให้เอง ถ้าทำดี มีเพิ่มให้พิเศษนะ บอกตรงๆ เห็นน้องแล้วพี่ถูกใจมาก นานๆ จะเจอแบบนี้ ว่าแต่ว่า มีแฟนหรือยัง”
“ยังครับ โสดครับ ไม่มีพันธะ” เรียวส่ายหน้า พยายามทำตาแป๋วแหววให้ดูอ่อนเดียงสาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในใจรู้สึกกระดากไม่ใช่น้อยที่เป็นนักศึกษาปีหนึ่งทั้งที่ตัวเองอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว
“ตกลงพี่จะให้ผมทำอะไรครับ” เรียวถามอีกครั้ง
“ไม่มากหรอก ไม่ต้องห่วง” ประพจน์ยิ้ม ส่งสายตาวาบหวาน เริ่มเข้าเรื่อง รู้สึกถูกใจเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ มากจนแทบจะรอไม่ไหว อยากเลี้ยวรถเข้าโรงแรมม่านรูดเดี๋ยวนั้นเลย
“หมายความว่า” เรียวขมวดคิ้ว
“กลัวหรือ หนุ่มไม่ต้องกลัวนะ ถ้านี่เป็นครั้งแรก พี่จะสอนให้ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่มีอะไรมาก ใช้มือใช้ปาก นอนคว่ำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” ประพจน์ลดมือลงมาบีบต้นแขนแกร่งของร้อยตำรวจโทเรียวซึ่งใช้ชื่อปลอมว่า ‘หนุ่ม’
“หมายความว่า พี่จะเป็นคน...เอ่อ...” เรียวตะกุกตะกัก
“น่ารัก” ประพจน์หัวเราะร่วน รู้สึกชอบใจที่จะได้เด็กที่ ‘สดๆ ซิงๆ’ อย่างที่โจโฉอวดสรรพคุณ หน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน รูปร่างกำยำล่ำสัน มาดแมน คุณภาพภายนอกเท่าที่เห็นจากสายตานั้นเหนือความคาดหมาย
“ผม...เอ่อ...ผมไม่เคย...แบบว่า...” เรียวตะกุกตะกัก พยายามคิดหาทางออก
“ไม่เคยรับ” ประพจน์พูดต่อให้จบ หัวเราะชอบใจ “ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก ใส่เจลเยอะๆ ดมป๊อบเปอร์ซะหน่อย ยาซักเม็ด แค่นี้ก็เหมือนไปสวรรค์ พี่บอกแล้วไงว่าพี่เสร็จเร็ว ครั้งแรกพี่ไม่เรียกร้องอะไรมากหรอก แต่ครั้งต่อไป หนุ่มเป็นงานแล้ว ก็ค่อยพลิกแพลง”
“ผมไม่มีอะไรซักอย่างเลยครับพี่” เรียวยิ้มแหย
“อะไรกัน” ประพจน์อุทานเสียงเบาๆ
“เจลไม่มี ถุงก็ไม่มีเลยครับ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง”
“ตายแล้ว” ประพจน์ยกมือทาบอก
“ก็ผมไม่รู้ว่าจะมาทำอะไรนี่ครับ” เรียวทำหน้าซื่อ “แล้วพี่มีไหมครับ”
“พี่ไม่มีหรอก ไม่ได้บอกโจโฉไว้ก่อนนี่ ปรกติมันจะให้มาพร้อมกับเด็ก” ประพจน์ส่ายหน้า
“พี่ไม่มีเจลไม่มีถุงเลยหรือครับ”
“เจลกับถุงยางหนุ่มต้องเตรียมเองให้พร้อม” ประพจน์สอน “อย่างอื่นโจโฉต้องเตรียมให้ แต่พี่ลืมไปเองที่ไม่ได้บอก”
“อะไรบ้างหรือครับ” เรียวเลิกคิ้วถาม
“ก็ทุกอย่างที่ต้องการ ป๊อบเปอร์ ไอ๊ซ์ วีร้อย หรืออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ความจริงโจโฉต้องเตรียมไว้ให้ ลูกค้าอยากได้อะไรก็ควักออกมาเลย” ประพจน์อธิบาย
“โอ้โห เอาออกมาเสนอขายเหมือนเซลส์ขายแอมเวย์นี่นะ” เรียวอุทาน ทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ใช่ เก็บเงินเพิ่มเป็นค่าบริการเสริม” ประพจน์ตอบแล้วหัวเราะชอบใจ “แต่พี่ว่ามันคงเห็นว่าน้องหนุ่มยังเป็นเด็กใหม่ก็เลยยังไม่ให้มา แต่ไม่เป็นไร ขาดเหลืออะไรโทรไปสั่งให้เอามาส่ง”
“มีบริการส่งด้วย ที่ไหนครับ” เรียวถาม
...ชักจะได้เรื่องแล้วล่ะสิ เป็นนายหน้าค้าบริการทางเพศ มีบริการเสริมขายยาด้วยอีกต่างหาก มาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว แต่เอาไว้แค่นี้ก่อนเถอะนะ ค่อยหาทางใหม่ ต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ คืนนี้พลาดไปหน่อย...
เรียวคิดหาทางเอาตัวรอด คืนนี้ยังไม่พร้อมลุยเพราะตั้งใจมาเพื่อหาข่าวเบื้องต้นเท่านั้น
“นี่ใหม่สุดๆ แบบไม่รู้อะไรจริงๆ เลยหรือเนี่ย” ประพจน์ส่งสายตาวิบวับให้เรียว รู้สึกชอบใจยิ่งนัก “ปรกติก็โรงแรมนั่นล่ะ แต่คราวนี้พี่ว่าไปที่บ้านพี่ดีกว่า น้องหนุ่มหล่อน่ารักถูกใจพี่แบบนี้ ต้องพิเศษหน่อย แล้วโรงแรมแถวนี้ก็เน่าๆ ทั้งนั้น พี่ไม่ไหว”
“บ้านเลยหรือครับ” เรียวอุทาน
...ตายละหว่า ถ้าเข้าไปถึงบ้าน จะเอาตัวรอดก็คงลำบาก อุปกรณ์เสริมความสุขทางเพศคงมีเพียบ จะหาข้อแก้ตัวก็ไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย...
“พี่ครับ จะรอให้ถึงบ้านทำไม ไปข้างหน้าอีกหน่อยก็มีโรงแรมดีๆ แล้วครับ” เรียวชี้นิ้ว ยื่นมือไปวางที่ต้นขาของ ‘ลูกค้า’
“อ้าว ทำไมรู้”
“ผมเคยพาแฟนเก่าไปครับ” เรียวยิ้มแหยๆ “มีเก้าอี้สุขสันต์ด้วยนะครับพี่ เหมือนในโรงพยาบาลที่หมอใช้ตรวจภายใน”
“จริงหรือ” ประพจน์หันมาทำตาวาบหวาม จินตนาการภาพหนุ่มน้อยขึ้นนอนเอนบนเก้าอี้
“พี่แวะที่นี่เลยนะครับ ไม่ต้องไปถึงบ้านหรอก พี่ทดสอบผมก่อนไม่ดีกว่าหรือ ถ้าผ่านค่อยพาไป ถ้าพี่ไม่รังเกียจ ผมค้างกับพี่ก็ได้ ตอนเช้าจะได้เอ่อ...” เรียวทำหน้าและเสียงออดอ้อน
“อ๊ะ ไหนว่าไม่เคย แหม ลีลาออดอ้อนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” ประพจน์หัวเราะร่า
“ผมเรียนรู้เร็วครับ ผมกลัวพี่จะไม่ชอบผม เกิดพี่เปลี่ยนใจ ไม่อุดหนุม ผมก็ไม่มีค่าเล่าเรียนนะสิครับ” เรียวขยิบตา เผยอปากยั่วเล็กน้อย มือลูบไล้ต้นขาประพจน์สลับบีบเน้นเบาๆ
“งั้นไปเลย พี่แทบจะรอไม่ไหวเหมือนกัน อยากเสียบน้องใจจะขาดอยู่แล้ว” ประพจน์ทำเสียงหื่น ตาเยิ้ม
“ถ้างั้นพี่แวะจอดให้ผมลงไปซื้อถุงกับหล่อลื่นหน่อยนะครับ ผมกลัวเจ็บ” เรียวเอียงหน้าอ้อน เลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ
“ได้จ้ะ พี่จะเบาๆ” ประพจน์บิดแก้มหนุ่มช่างอ้อน ขับรถตรงไปอีกไม่นาน เมื่อเห็นร้านสะดวกซื้อจึงจอดรถห่างไปเล็กน้อย
เรียวลงจากรถ ดึงขอบกางเกงขึ้นให้แน่นกระชับ จงใจอวดบั้นท้ายเต็มที่ หันมายิ้มให้ประพจน์ซึ่งนั่งมองอยู่ในรถ แล้วเดินตรงไปในร้านสะดวกซื้อ ในใจพยายามคิดหาทางเอาตัวรอดจากการ ‘ถูกเสียบ’ ในคืนนี้
...เข้าไปซื้อของ หาคนทะเลาะชกต่อยซักหน่อย คงจะพอรอดพ้น ‘เงื้อมมือมัจจุราช’ อย่างประพจน์ได้ วันหลังค่อยว่ากันใหม่ วันนี้น่าจะได้ข้อมูลเป็นประโยชน์พอแล้ว...
►จบบทที่ 3◄

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หมวดเรียวต้องมีปัญหาเรื่องการขับรถ (เร็ว) แน่เลย
เป็นสายสืบเรื่องยาเสพติด ดันได้เข้ากลุ่มค้าประเวณีไปเสียได้ ฮา สงสัยที่ได้เข้ากลุ่มง่าย ๆ นี่เพราะหน้าตาผ่าน เลยเล็งจะเอารุ่นน้องเป็นสินค้าสินะ

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 4

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้าน นายตำรวจหนุ่มผู้กำลังหาทางเอาตัวรอดก็กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาใครสักคนที่พอจะขอให้ช่วยมีส่วนร่วมในการเล่นละคร ในร้านมีพนักงานเก็บเงินเพียงคนเดียว ยืนทำหน้าบึ้งอยู่หลังเคาท์เตอร์ ท่าทางเบื่อโลกยิ่งนัก ด้านในสุดหน้าตู้เครื่องดื่มมีหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งอุ้มเด็กซึ่งกำลังร้องไห้กระจองอแง ส่วนกลางร้าน ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมกะหร่องกำลังยืนเลือกอาหารกระป๋อง
เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไม่เห็นว่าจะชวนใครทะเลาะได้จึงเข้าไปด้านในสุดของร้านเพื่อเลือกเครื่องดื่มเย็นๆ สักหนึ่งกระป๋อง รออีกสักครู่ เผื่อจะมีลูกค้าคนอี่นเดินเข้ามาอีก
จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่อาจทราบได้ ใกล้ๆ กับหญิงวัยรุ่นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ที่พื้นกำลังเลือกเครื่องดื่มจากในตู้แช่ด้วยอาการหงุดหงิด ปากก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“อะไรวะ ไอ้นั่นก็ไม่มี ไอ้นี่ก็ไม่มี อันที่อยากกินก็ไม่เจอ อันที่เจอก็ไม่อยากกิน แย่ฉิบหาย มาทีไรไม่เคยจะได้กินของที่อยากกินเลยให้ตายสิ เดี๋ยวพ่อก็เปิดร้านเซเว่นเองซะเลย”
เรียวชะงักเพราะเสียงนั้นฟังคุ้น ปรายตาไปมองจึงเห็นว่าผู้ชายขี้บ่นคนนั้นกำลังลุกขึ้นช้าๆ มือกดบั้นเอวพร้อมกับบ่นว่าปวดหลัง
“โอย ปวดเอวฉิบหาย รู้ยังงี้ไม่หักโหมซะก็ดี”
...เวรกรรม เจออีกแล้ว อีตาคนพูดมากคนนี้ทำไมชอบอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง...
...แต่เอ๊ะ คนชอบกวนอารมณ์แบบนี้น่าจะเหมาะชวนทะเลาะเป็นที่สุด เหมาะสำหรับแผนการณ์เอาตัวรอดคืนนี้ เผลอๆ ไม่ต้องเสียเงินจ้างใครให้ทะเลาะด้วย เอาให้เอะอะโวยวายจนร้านพังก็คงได้ จากนั้นจะหลอกให้ตามไปเอาเรื่องถึงหน้าร้าน แล้วทำท่าจะต่อยกัน คราวนี้ก็รอดเงื้อมมือพี่ประพจน์...
มือไวเท่าความคิด เรียวเขย่าน้ำอัดลมกระป๋องในมือแล้วเปิดออกทำให้เครื่องดื่มพุ่งออกมาทันใด กระเด็นไปเลอะขากางเกงของคนที่อยู่ข้างหน้าซึ่งรีบกระโดดโหยงทันทีพร้อมกับโวยวายเสียงลั่น
“อ้าว เฮ่ย อะไรวะ ใครวะ ใครทำ”
เรียวไม่รอช้า เดินตรงไปที่ประตูทางออกของร้าน พนักงานเก็บเงินที่ยืนซังกะตายอยู่หลังเคาเตอร์ ‘ตื่น’ ขึ้นมาทันทีเพราะลูกค้าไม่จ่ายเงินจึงร้องเรียกเสียงลั่น
“เก็บเงินกับพี่คนโน้น” เรียวชี้มือไปยังคนที่โดนน้ำอัดลมหกเลอะเทอะ
“ไม่ได้นะพี่ จ่ายเงินก่อนแล้วค่อยออกจากร้าน” พนักงานห้ามเสียงดัง
เรียวไม่สน มือผลักประตูเดินออกไป พนักงานรีบวิ่งตามออกมาพร้อมๆ กับอีกคนที่เอะอะโวยวายไม่แพ้กัน
“เฮ่ย ไอ้น้อง ทำน้ำอัดลมหกรดแบบนี้แล้วเดินหนีเฉยๆ แบบนี้ได้ไงวะ นักเลงหรือเปล่า”
“คุณนี่เอง” เรียวหยุดเดิน หันขวับไปมองแล้วเลิกคิ้ว ทำเป็นตกใจที่เจอคนรู้จัก
“อ้าว เจออีกแล้ว นักหาเรื่อง”
“คุณจริงๆ ด้วย” เรียวเบ้ปาก ทำหน้ากวน
“ก็ผมนี่ล่ะ จะใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ศรันย์ ประชาชนตาดำๆ ที่โดนตำรวจรังแก” ศรันย์ชี้หน้าตำรวจที่ชอบรังแกประชาชน
“พี่ จ่ายเงินมาก่อนสิ” พนักงานคว้าแขนศรันย์
“ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยโว้ย จ่ายได้ไง” ศรันย์สะบัดแขน หันไปโวยวายใส่พนักงานเก็บเงินผู้ซึ่งรีบชี้มือไปที่เรียวพร้อมกับบอกว่าฝ่ายนั้นเป็นคนบอก
“อะไรกัน คุณกินคุณก็จ่ายสิ” ศรันย์โวย
“คุณยืมเงินผมห้าร้อย ยังไม่ได้ใช้คืน จำไม่ได้หรือไง” เรียวยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มอีกหนึ่งแล้วโยนทิ้ง
“ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง” ศรันย์ตำหนิแล้วหันไปตะคอกพนักงานซึ่งยื่นมือมาดึงแขนเขาไว้ “ไม่จ่ายโว้ย ใครกินก็ไปเก็บกับคนนั้นสิวะ”
“ใจดำ” เรียวผลักศรันย์
“อ้าวๆ หาเรื่อง” ศรันย์ถลึงตาใส่เรียว สะบัดแขนให้หลุดจากมือของพนักงานเก็บเงิน “รังแกประชาชนอีกแล้ว”
“เงินแค่สิบสี่บาท ทำเป็นเหนียว ผมให้คุณห้าร้อยยังไม่คิดอะไรด้วยซ้ำ เห็นแก่ตัวจริงๆ เลย หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ไม่กระจอก เงินแค่นี้ก็จ่ายไม่ได้”
“ก็ด๊าย” ศรันย์พูดเสียงสูง ล้วงกระเป๋าเงินแล้วยืนธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้พนักงาน “น้อง ไม่ต้องทอน พี่ให้ทิป”
“รวยแฮะ” เรียวพูด
“ก็พอตัว” ศรันย์ทำท่าโอ่ “นี่ขนาดหาเงินมาแบบสุจริตนะเนี่ย ถ้าผมรีดไถประชาชนด้วยละก็ คุณเอ๊ย ผมทิปเด็กคนนั้นด้วยใบสีม่วงไปแล้ว”
“คุณหาว่าผมรีดไถงั้นสิ กล่าวหากันซึ่งๆ หน้าแบบนี้จะมากไปแล้ว รู้ไหม ผมจับคุณเข้าคุกข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานได้นะ” เรียวขู่
“ไหนพยาน” ศรันย์หันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหาคนเป็นพยาน
“พยานน่ะไม่มีหรอก ไม่จำเป็น แต่ถึงไม่มีผมก็สร้างพยานเองได้ไม่เห็นจะยาก” เรียวยักไหล่ ทำท่าไม่ยี่หระ
“อ๋อ แน่น๊อน คุณเป็นตำรวจนี่นา ทำอะไรยังไง กับใคร เมื่อไหร่ อย่างไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะพ่อคุณ ผมมันแค่ประชาชนตาดำๆ จะไปมีปากมีเสียงอะไรได้” ศรันย์พูดพร้อมกับยกไม้ยกมือโบกไปมาแสดงอาการไม่สบอารมณ์
เรียวรู้สึกขำ อยากจะหัวเราะกับท่าทางประชดประชันของศรันย์ที่พูดเสร็จแล้วก็ค้อนขวับ สะบัดหน้าอย่างอารมณ์เสีย
“เอาล่ะ ผมขอโทษ” เรียวพูดขึ้น ส่งผลให้คนที่ได้ยินขมวดคิ้ว ทำหน้าแปลกใจที่จู่ๆ ‘คุณตำรวจใจร้าย’ เปลี่ยนท่าทีไปเฉยๆ
“คุณจะมาไม้ไหนอีกละเนี่ย” ศรันย์ไม่ไว้ใจ “เจอหน้าคุณทีไรผมซวยทู๊กที มีเรื่องไม่ว่างไม่เว้น”
“พูดเกินไปแล้ว” เรียวพูดเสียงห้วน “อย่ามาหาเรื่องกันแบบนี้นะ พูดแบบนี้อยากไปนอนสงบสติอารมณ์ในคุกหรือไง”
“อะไรอีกละเนี่ย” ศรันย์โวยวายขึ้นมาอีกครั้ง ยกมือขึ้นเกาศีรษะเพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ “ใครหาเรื่องใครมิทราบคร้าบคุณตำรวจ ผมจำได้ว่าผมอยู่ดีๆ ก็มีคนมาหาเรื่อง”
“มีพยานหรือเปล่า” เรียวเอียงหน้าถามกวนๆ
“มีสิ เด็กแคชเชียร์คนนั้นไง มาเลย เข้าไปข้างในเลย ไปคุยกันให้รู้เรื่อง” ศรันย์คว้าข้อมือคนชอบหาเรื่องดึงให้ตามเข้าไปในร้าน
“ปล่อย” เรียวสะบัดมือแต่ศรันย์จับเอาไว้แน่น
“ผมไม่ปล่อยตำรวจอันธพาลให้ลอยนวยหรอก” ศรันย์ทำท่าขึงขัง “คุณอยากได้พยานมาชี้ตัวผู้ต้องหาคดีหาเรื่องทะเลาะวิวาทใช่ไหมล่ะ ได้เล๊ย” ศรันย์ออกแรงดึง
“ไม่ปล่อยโดน” เรียวใช้มืออีกข้างชี้หน้าขู่
“กลัวตายล่ะ คุณไม่มีมีปืน ผมรู้” ศรันย์ออกแรงฉุดมากกว่าเดิมเพื่อดึงหมวดหนุ่มจอมกวนเข้าไปในร้าน “ไม่มีปืน ผมไม่กลัว”
“พอๆ พอได้แล้ว” เรียวยกมือห้าม
“พออะไร” ศรันย์สงสัย ระวังตัวเต็มที่เพราะไม่อาจไว้ใจหมวดเจ้าเล่ห์คนนี้ได้
“ผมแกล้งล้อเล่นคุณเฉยๆ ผมกำลังทำงาน รถเบ็นซ์คันที่จอดอยู่ตรงข้างหลังนั่นน่ะเป็นผู้ต้องสงสัย” เรียวเปลี่ยนใจ เพิ่งจะนึกได้ว่าหากศรันย์โวยวายว่าเขาเป็นตำรวจรังแกประชาชนก็จะทำให้เสียเรื่อง “ช่วยทะเลาะกับผมหน่อยเถอะ แต่ไม่ว่จะยังไง อย่าพูดว่าผมเป็นตำรวจ ห้ามเปิดเผย”
“ทำไมผมต้องช่วยคุณ” ศรันย์หรี่ตา
“ไม่อยากเป็นพลเมืองดีหรือไง”
“ผมน่ะเป็นพลเมืองดีมาแต่ไหนแต่ไร แล้วเป็นไงล่ะ โดนรังแกมาตลอด จำไมได้หรือ คุณเอาปืนจี้บังคับให้ผมขับรถพาหนีพวกโจรห้าร้อย”
“เฮ้อ” เรียวแหงนหน้า กรอกตา ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนที่อีกฝ่ายไม่ยอมลืมเรื่องนั้นเสียที “เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้นะ”
“ก็จนกว่าคุณจะยอมขอโทษผมเป็นทางการ”
“ขอโทษ ผมขอโทษ” เรียวกระชากเสียง
“ไม่รับคำขอโทษแบบแดกดัน” ศรันย์แบะปาก
“จะให้ทำไง จัดพิธีเป็นทางการ เชิญ ผบ. ตร. มาเป็นพยานหรือไง”
“คุณจ่ายค่าน้ำอัดลมก่อน ร้อยบาท” ศรันย์แบมือรอ
“ไม่จ่าย” เรียวออกแรงดึงแขนกลับแต่ศรันย์ไม่ยอมปล่อย นายตำรวจหนุ่มจึงตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
เรียวย่อตัวลงแล้วมุดตัวลอดใต้แขนของศรันย์ไปทางด้านหลังทำให้ศรันย์ต้องบิดแขนและเอียงตัว นายตำรวจหนุ่มอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเสียการทรงตัวหมุนข้อมือที่ถูกจับอยู่เล็กน้อย และใช้สันมืออีกข้างฟันเข้าที่บั้นเอวของศรันย์จนฝ่ายนั้นสะดุ้ง จากนั้นกระชากข้อมือออกจากมือของผู้ที่จับ ทำท่าจะฟันศอกเข้าที่ใบหน้าของศรันย์ทำให้ ‘ประชาชนที่โดนรังแก’ ต้องรีบยกแขนขึ้นทั้งสองข้างเพื่อตั้งท่าป้องกันตัว
“ไปดีกว่า” เรียวยักคิ้วแล้วรีบเดินหนีไปที่รถของประพจน์เพื่อ ‘ปฏิบัตการขั้นต่อไป’ ศรันย์วิ่งตาม ส่งเสียงโวยวายเช่นเคย
“จะหนีไปไหน”
“เลิกยุ่งกับผมซะที” เรียวตะโกนเสียงดุ และเมื่อเห็นประพจน์ลดกระจกรถจึงรีบดึงคอเสื้อศรันย์เข้ามาใกล้ “บอกไว้ก่อนนะ ห้ามทำให้เขารู้ว่าผมเป็นตำรวจ ไม่งั้นคุณโดนหนักหนาสาหัสจนต้องหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ”
“คิดว่าผมจะกลัวงั้นสิ” ศรันย์ทำหน้าท้าทาย ผลักเรียวจนเซไปกระแทกรถหรู
“เรื่องอะไรน่ะ” ประพจน์ทำหน้าตาตื่น
“พี่ครับ ผมขอโทษ ผมโดนตื้อ” เรียวหันไปยกมือไหว้ ‘ลูกค้า’ แล้หันมาตวาดคนที่ตาม ‘ตื้อ’ ด้วยเสียงฉุนเฉียว “บอกว่าไปไกลๆ ทำไม ถ้ารับเรื่องนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมายุ่ง”
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ จะให้พี่ยืนอยู่เฉยๆ มองแฟนตัวเองมาขายตูดขายตัว พี่ยอมไม่ได้” ศรันย์ตวาดกลับ
เรียวสะอึก เผลอกันไปมองรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครมาได้ยินหรือเปล่า แต่ในใจอดคิดไม่ได้ว่านายคนนี้สมอง ‘เร็ว’ ไม่ใช่น้อยเพราะสามารถสร้างเรื่องให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะเหม็ง
“อย่ามากล่าวหาแบบนี้สิวะ” เรียวขึ้นเสียง
“แล้วจะให้คิดยังไง นั่งรถมากับไอ้หน้าวอกแวมไพร์ทไวไลท์แบบนี้ จะให้คิดว่ายังไง จะขายตัวทำไมไม่เตรียมถุงยางกับเควายให้พร้อม ต้องลงมาซื้อในร้านเซเว่น พอแฟนเห็นก็ว่ามาทัศนศึกษานอกสถานที่ยังงั้นหรือ อ๋อ ตอนนี้เห็นรถเบ็นซ์ดีกว่าซูซูกิของพี่แล้วใช่ไหม คิดว่ามันจะเลี้ยงให้สุขสบายไปจนตายหรือไง” ศรันย์ใส่อารมณ์เต็มที่
...เฮ้ย จะตีบทแตกเกินไปแล้ว อีตานี่ไม่เคยพอดีเลยให้ตายสิ...
เรียวขยิบตาให้ศรันย์ลดเสียงลงเพราะคนกำลังหันมามอง แต่ ‘ผู้ให้ความร่วมมือตำรวจ’  คนนี้ไม่ยอมทำตาม หนำซ้ำกลับเข้ายื้อยุดฉุดแขน ‘แฟน’ ของตัวเองเอาไว้
“ที่รักจ๋า พอซะเถอะกับพฤติกรรมแบบนี้ ถึงพี่ไม่รวยเท่าไอ้เสี่ยหน้าปลาจวดตัณหากลับนี่ พี่ก็หาเลี้ยงน้องไม่ให้อดอยากได้ กลับเนื้อกลับตัวนะ พี่ให้อภัย”
“หุบปาก” เรียวเข่นเขี้ยวใส่ศรันย์
“น้องหนุ่ม นี่มันเรื่องอะไรกัน” ประพจน์ถาม เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะเริ่มมีคนเดินเข้ามามุงดู
“พี่ครับ ผมขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่อย่าโกรธหนุ่มนะครับ มันสุดวิสัยจริงๆ” เรียวหันไปทำเสียงอ้อนวอนประพจน์ “พี่ไปก่อนเถอะ ผมไม่อยากให้พี่เสียชื่อเสียง”
“ห่วงมันมากใช่ไหม มันสำคัญมากใช่ไหม นี่คงขายคงขี่กันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วสิถึงได้อาลัยอาวรณ์กันขนาดนี้ ไป กลับบ้าน ซ้อนท้ายซูซูกิคันเก่าๆ เหมือนเคยนี่ล่ะ” ศรันย์ดึงแขนเรียว
“พอได้แล้ว” เรียวหันไปตะคอกศรันย์แล้วหันไปพูดกับประพจน์ “พี่ครับ ผมขอโทษ ไว้โอกาสหน้านะครับ พี่รีบปิดกระจกเถอะ เดี๋ยวคนจะเห็นพี่ ผมเป็นห่วง”
“หน้าด้าน ไร้ยางอาย แก่จนเป็นพ่อคนแล้วยังจะมาเอากับเด็ก” ศรันย์ชี้หน้าประพจน์ซึ่งรีบปิดกระจกรถทันที
“จะไปไหน ออกมาก่อนสิวะ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเมียกู ไม่รู้จักซะแล้วว่ากูเป็นใคร” ศรันย์หันไปโวยวายเอาเรื่องกับประพจน์
เรียวอาศัยจังหวะที่ศรันย์กำลัง ‘อิน’ กับบทบาทเดินหนีไปเฉยๆ ศรันย์ยังไม่รู้สึกตัวเพราะเอาแต่ชี้หน้าด่าประพจน์ซึ่งกำลังเคลื่อนรถออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ
พอโวยวายจนหนำใจแล้วจึงหันกลับมามองข้างๆ แต่ก็ไม่เห็นหมวดเรียวเสียแล้ว
ศรันย์หันซ้ายหันขวา มองไปรอบๆ ครั้นเห็นว่านายตำรวจตัวดีกำลังโบกมือเรียกแท็กซี่จึงรีบวิ่งตาม
เรียวหันไปมองคนที่วิ่งมาพร้อมกับร้องเรียกชื่อเขาไม่ยอมหยุด โชคดีที่มีแท็กซี่คันหนึ่งจอดรับพอดีจึงรีบขึ้นนั่ง และบอกให้คนขับรีบออกรถ ทิ้งให้ศรันย์ยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่คนเดียวริมถนน
นายตำรวจหนุ่มอมยิ้มขำๆ กับท่าทางเต้นแร้งเต้นกาของศรันย์ พยายามจินตนาการคำพูดโวยวายของศรันย์ ซึ่งก็คงไม่พ้นอะไรที่ว่า เขาหลอกใช้ เขาหลอกหลวง เขารังแกประชาชน
...ก็ประชาชนกวนๆ อย่างศรันย์นี่มันน่ารังแกจริงๆ นี่นา...

ที่มหาวิทยาลัย เรียวโดนโจโฉตำหนิยกใหญ่ว่าทำให้เสียเรื่อง เรียวแก้ตัวว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น และขอรับรองว่าครั้งต่อไปจะไม่ให้เสียงาน
“พี่ก็ไม่บอกผมเลยว่างานอะไร ไม่ได้เตรียมตัวซักนิด นี่ถ้าไม่ต้องลงไปซื้อถุงยางกับเจลก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น” เรียวบ่น
“เออๆ ช่างเถอะ คราวหลังอย่าซวยแบบนี้อีกล่ะ คืนนี้พี่ประพจน์เขาจองแก เตรียมตัวให้พร้อม” โจโฉพูด
“ฮ้า พี่ประพจน์ยังจะเอาผมอีกหรือ” เรียวอุทาน “แล้วพี่เขาไม่โกรธหรือที่โดนแบบนั้น”
“โกรธก็โกรธอยู่ แต่ความอยากมีมากกว่า อย่าให้เสียชื่อล่ะ”
“ผมไม่มีชื่อจะให้เสียหรอก” เรียวเบ้ปาก
“เสียชื่อแก็งค์โว้ย ไม่ใช่ชื่อแก” โจโฉตบหัวเรียว “ทีนี้ไม่ต้องไปไกล แกไปรอที่โรงแรม...เลย สี่ทุ่มพี่พจน์จะไปหา”
“เอางั้นเลยหรือ” เรียวเกาศีรษะแกรกๆ “ทีนี้ผมต้องเตรียมอะไรบ้าง ถุงกับเจลน่ะมีแน่ ซื้อเอาไว้แล้ว อย่างอื่นพี่ประพจน์บ่นว่าพี่ไม่เตรียมให้พร้อม คืนนั้นพี่ประพจน์จะเอาป๊อปเปอร์ แล้วก็อะไรอีกอย่างน๊า ผมจำชื่อไม่ได้”
“แกไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะเอาให้ที่โรงแรม ให้พี่พจน์ถึงก่อน อย่าลืมนะ สี่ทุ่ม ไปก่อนเวลาหน่อย เจอกันตรงข้างๆ ป้ายโรงแรม”

หลังจากแยกกับโจโฉ เรียวก็เดินไปที่โรงอาหารเพราะรู้สึกหิว ตั้งใจว่าทานอาหารอิ่มแล้วถึงจะรายงานผู้กองคมกริช แต่ขณะที่เดินไปใกล้จะถึงโรงอาหารก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังออกมาจากรถที่แล่นเข้าจอดเทียบข้างฟุตบาธ
“แสบจริงๆ เลยนะหมวด คืนนั้นทิ้งกันไปเฉยๆ อุตส่าห์ช่วย”
“บอกว่าอย่าเรียก อย่ามาใกล้ อย่าให้ใครรู้ว่าผมทำงานอะไร ไม่รู้เรื่องหรือไงนะ” เรียวหันขวับไปพูดเสียงห้วนๆ กับคนขับที่ยื่นหน้าออกมาจากรถ
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่ให้ใกล้ได้ยังไง”
“ไม่น่าเล๊ย” เรียวยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง
“รู้จักบุญคุณกันหน่อยก็ดีนะ ผมไม่ใช่หรือที่ทำให้คุณหมวดรอดตัวจากไอ้แก่นั่น”
“บอกว่าอย่าเรียกหมวด ไปไกลๆ ได้แล้ว” เรียวโบกมือไล่
“ไล่จริงเลย ช่างไม่นึกถึงตอนช่วยเหลือเกื้อกูลกันบ้าง”
“นี่นาย...” เรียวส่ายหน้า
“ศรันย์ครับ ศรันย์ ชื่อผมคือศรันย์ ศิวะเมธี”
“พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ เลย ผมกำลังทำงานอยู่ เดี๋ยวก็มาทำให้งานผมเสีย”
“งานอะไร เล่าให้ฟังหน่อยสิ ไม่แน่นะ ผมอาจจะช่วยได้ จำไม่ได้หรือ ผมบอกแล้วไงว่าที่นี่ ผมรู้จักทุกซอกทุกมุม” ศรันย์ยักคิ้ว
“คุย” เรียวแบะปาก
“อ๋อ นึกออกแล้ว งานรับจ๊อบขายตัว ใครเป็นนายหน้าล่ะ จะได้ช่วยอุดหนุน หรือว่าฉายเดี่ยว เป็นนักขายอิสระ ไม่ได้นะคุณหมวด มันต้องมีสังกัด ไม่งั้นหาลูกค้าลำบาก กว่าจะสืบหาข่าวได้ ก้นพรุนหมด” ศรันย์แนะนำ ทำหน้าตาเป็นห่วงเป็นใย
“วอนซะแล้ว” เรียวอยากจะกระชากคอเสื้อคนในรถลากออกมาชกนัก จึงขยับเข้าไปหาศรันย์ แต่ทันใดหางตาก็มองเห็นโจโฉกำลังเดินเข้ามาใกล้
“มีอะไรหรือหนุ่ม” โจโฉร้องถาม เรียวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เมื่อโจโฉเห็นว่าคนในรถเป็นใครก็รีบยกมือไหว้
“หวัดดีครับเฮียศรันย์”
“ว่าไง” ศรันย์พยักหน้าให้แล้วหันไปมองเรียวจากหัวจรดเท้า จากนั้นหันไปส่งสายตาให้โจโฉแล้วกลับมามองเรียวอีกครั้งพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทำประหนึ่งว่าสนใจชายหนุ่มหัวเกรียนผู้ที่เขารู้ว่าเป็นตำรวจปลอมตัวมา
“เด็กผมเองครับ” โจโฉพูดเบาๆ
“เด็ก” ศรันย์เลิกคิ้ว ทำเป็นสงสัย “นี่แฟนนายหรือ มีรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เฮ้ย ไม่ใช่ครับ” โจโฉรีบโบกมือปฏิเสธ “ผมหมายความว่า เด็กคนนี้ทำงานกับผม”
“งานอะไร” ศรันย์ทำเสียงกระซิบกระซาบ “งานอย่างที่พี่คิดหรือเปล่า”
“เฮียคิดว่าอะไรล่ะครับ” โจโฉโน้มตัวลงมาใกล้ๆ ศรันย์ พูดกับชายหนุ่มเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นมองเรียวซึ่งยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก
“น่ารักดี” ศรันย์ยิ้มพอใจ
“พาน้องไปคุยไหมครับ” โจโฉยักคิ้ว ยื่นมือไปดึงแขนให้เรียวขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้ศรันย์ได้เห็นชัดๆ “น้องหนุ่มคุยเก่ง พูดเพราะ สุภาพเรียบร้อย รับรองว่าทำให้เฮียหายเบื่อแน่ๆ”
“ผมมีเรียน” เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ
“เฮ่ย มีเรียนก็โดดสิวะไอ้หนุ่ม” โจโฉหันไปทำเสียงดุใส่ ‘เด็กในสังกัด’
“เดี๋ยวก่อน พี่ต้องไปเก็บเงิน ตอนนี้ไม่ว่าง คืนนี้ดีกว่า พี่จัดปาร์ตี้ที่บ้าน กำลังอยากได้เด็กชงเหล้า” ประโยคสุดท้าย ศรันย์หันไปยักคิ้วใส่นายตำรวจนอกเครื่องแบบ “ว่าไง ชงเหล้าเป็นไหมเราน่ะ”
“เป็นทุกอย่างเลยครับเฮีย” โจโฉรีบตอบแทน “ไม่มีอิดออด เฮียต้องการอะไรน้องหนุ่มทำได้ทุกอย่าง เฮียจะนัดรับที่ไหนบอกผมได้เลย บริการเต็มที่”
“ครบวงจรไหม” ศรันย์ยกมือป้องปาก กระซิบกระซาบราวกับว่ากำลังพูดเรื่องสำคัญ “งานปาร์ตี้มันต้องมีครบถึงจะสนุก”
เรียวยืนนิ่ง ฟังทั้งสองคนนั้นตกลง ‘เรื่องธุรกิจ’ กันจนเสร็จแล้วจึงแยกตัวออกมา ตรงไปยังโรงอาหาร ในใจคิดอะไรหลายเรื่อง
...เอาวะ ขายให้นายศรันย์ปากมากนี่ก็ยังดีกว่าพี่ประพจน์ ไม่ต้องเสี่ยงเสียตัว ตอนแรกยังหนักใจอยู่เลยว่าจะเอาตัวรอดยังไง นายคนนี้ดูๆ ไปก็เหมือนจะช่วยได้อยู่เหมือนกัน...

บ้านของศรันย์คือห้องชุดบนชั้นยี่สิบห้าของคอนโดมีเนียมซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีห้องนอนสามห้อง ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง หรูหราไม่ใช่น้อย
“แล้วยังมีหน้ามียืมเงินห้าร้อยจ่ายค่าปรับ รวยไม่ใช่น้อยนะคุณเนี่ย หากินสุจริตหรือเปล่า” เรียวหันไปมองรอบๆ ห้อง
“ทุกบาททุกสตางค์เลยคร้าบ คุณหมวด” ศรันย์เดินไปที่บาร์เหล้า รินเหล้าใส่แก้วสองใบ เดินกลับมาที่กลางห้อง ยื่นแก้วให้เรียว
“ใส่อะไรหรือเปล่า” เรียวหรี่ตามอง
“ยาปลุกเซ็กส์” ศรันย์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ส่งสายตาค้อนๆ ให้แล้วพูดต่อว่า “ผมไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดต้องมอมยาคนหรอกคุณหมวด นี่คุณต้องขอบคุณผมนะที่ช่วยเหลือคุณ เห็นไหมว่าทุกอย่างง่ายเข้าถ้าได้ความช่วยเหลือจากเฮียศรันย์”
“ถามจริง คุณไปเก็บเงินอะไรกับเด็กนักศึกษา” เรียวรับแก้วเหล้ามาถือไว้ ยังไม่ยกขึ้นดื่ม
“ค่าแต่งรถ” ศรันย์ตอบแล้วนั่งลงบนโซฟา “ลูกค้าหลักๆ ผมก็พวกนักศึกษานี่ล่ะ มหาลัยนี้ขาซิ่งเยอะนะคุณ รายได้ดีไม่ใช่เล่น เพียงแต่ว่าต้องยอมให้มันผ่อนหน่อย เออ ขอผมถามหน่อยซิ ที่ถึงกับต้องลงทุนปลอมตัวเป็นเด็กขายเนี่ย มันคุ้มหรือ เด็กมันแค่เล่นขายของ สู้เอาเวลาไปล่าพวกตัวใหญ่ๆ ไม่ดีหรือ”
“ผมไม่ได้ปลอมตัวเป็นเด็กขาย ก็แค่ซวยที่ไอ้โจโฉมันเป็นพ่อเล้า ทำไงได้ ต้องเลยตามเลย” เรียวยักไหล่ ยกแก้วเหล้าขึ้นมองแล้วหมุนแก้วไปมา
“สายข่าวพวกคุณนี่ไม่ได้เรื่องเลย” ศรันย์ตำหนิ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างแล้วพูดว่า “ดื่มสิคุณหมวด ไม่ได้ใส่อะไรหรอกน่า อย่ากลัวไปหน่อยเลย”
“แล้วคุณรู้ดีนักหรือ งั้นบอกมาซิ พวกไอ้โจโฉมันได้ยามาจากไหน”
“โธ่เอ๊ย” ศรันย์ลากเสียงสูง “แค่ไวอากร้า มันซื้อที่ไหนก็ได้ ร้านขายยาแถวสุขุมวิทมีถมเถไป ร้านหน้าศิริราชขายบนเค้าท์เตอร์เหมือนขายยาแก้ปวดเลยนะคุณหมวด”
“ป๊อปเปอร์ ยาไอซ์นี่นะ พูดเป็นเล่น” เรียวแบะปาก ทำหน้าตาไม่เชื่อที่ศรันย์พูด
“เอ่อ สองอันนั้นต้องพิเศษหน่อย” ศรันย์ยักไหล่ “เอ้า ดื่มซะทีสิคุณหมวด หมุนแก้วเหล้าเล่นอยู่นั่นล่ะ”
“ผมไม่ดื่มเหล้าเวลาทำงาน” เรียวยื่นแก้วคืนให้ศรันย์ “ถ้าไม่รู้ว่าพวกไอ้โจโฉมันรับยามาจากไหน คุณก็หมดประโยชน์ ผมจะกลับล่ะ”
“อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อนสิ อุตส่าห์เสียเงินตั้งสองพันห้า” ศรันย์ลุกขึ้น แบมือออกมาข้างหน้า “ขอเงินคืนด้วย”
“เงินอะไร”
“อ้าว ก็เงินที่จ่ายค่าตัวคุณไง คุณคิดหรือว่าผมจะจ่ายเงินแทนตำรวจฟรีๆ” ศรันย์โวย
“อ้าว ก็ใครบอกให้คุณเสนอหน้ามาจ่ายเงิน”
“อ้าว พูดอย่างนี้ก็สวยสิคุณหมวด อุตส่าห์ช่วยนะ ถ้าไม่ได้ผม ป่านนี้คุณคงไปนอนถ่างขาให้ไอ้หน้าปลาจวดแวมไพร์อึ๊บไปแล้วล่ะ ผมตัดคิวมันเลยนะเนี่ย ยอมจ่ายมากกว่าราคามาตรฐานถึงห้าร้อยบาท” ศรันย์ยกนิ้วทั้งห้ากางออกต่อหน้าเรียว
“หยาบคาย” เรียวถลึงตาใส่ “แล้วไง ไม่เห็นจะได้ข่าวอะไรเลย โธ่เอ๊ย นึกว่ารู้จริงรู้ลึก ที่แท้ก็ไม่รู้อะไรซักอย่าง เสียเวลา”
“ใจเย็นๆ สิคุณหมวด อะไรกันแค่ไม่กี่วันคุณก็กะจะสาวไปถึงต้นตอเลยหรือ ไอ้พวกนี้มันแค่หางแถว ได้ยามาทีละแค่สิบยี่สิบเม็ด ส่งต่อผ่านๆ กันมาไม่รู้กี่ทอด”
“ทำเป็นรู้อีกแล้ว” เรียวเอียงหน้ามองคนที่ทำเป็นรู้ดี เหยียดปาก แสดงอาการว่าไม่เชื่อที่พูด
“ไม่อยากจะพูด เด็กบางคนที่ไปซ่อมรถอู่ผมมันรับจ๊อบส่งยา คุณมาเสียเวลากับไอ้โจโฉเฉยๆ เผลอๆ จะเสียตัวด้วย เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่าๆ” ศรันย์ส่ายหน้า “ไปซิ่งรถกับพวกนั้นยังจะได้อะไรกว่ามาขายตัว แต่เอ๊ะ หรือว่าคุณหมวดถนัดงานสบายๆ ไม่ต้องใช้แรง”
“ปากเสีย” เรียวยกมือขึ้น กำหมัด ทำท่าจะต่อยคนปากเสียซึ่งรีบถอยห่างไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว
“ล้อเล่นหน่อยเดียว ทำเป็นโมโห ดุจังเลย” ศรันย์ค้อน “แล้วตกลงจะได้เงินสองพันห้าคืนไหมเนี่ย คุณสำรองจ่ายให้ผมก่อนแล้วค่อยไปเบิกเงินคืน มันเบิกได้ไม่ใช่หรือ ราชการเขาก็ต้องมีเงินทุนในการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว”
“เซ้าซี้จริงเลย เอาไปห้าร้อยก็พอ” เรียวตัดความรำคาญ ยื่นเงินให้อีกฝ่ายซึ่งรีบรับไปทันทีแล้วยกขึ้นส่องกับไฟ ราวกับตรวจสอบว่าเป็นเงินปลอมหรือเงินจริง
“ค้างสองพันนะคุณหมวด” ศรันย์พูดขึ้นเบาๆ แล้วยิ้มทะเล้นให้นายตำรวจซึ่งเดินตรงไปที่ประตู มองตามร่างสูงนั้นด้วยสายตาพึงพอใจ
“ก้นสวยฉิบหาย” ศรันย์พึมพำเบาๆ แต่เรียวกลับได้ยิน หันขวับมาทำหน้าดุใส่ พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าปราม แต่ศรันย์ไม่หวั่น พูดต่อว่า “ขอบคุณซักนิดก็ไม่มี ใจคอคนเรานี่นะ”
“ขอบคุณ” เรียวพูดเสียงห้วนแล้วเปิดประตูออกไป ปล่อยให้ศรันย์ยืนพิงกรอบประตูมองตามด้วยใบหน้ายิ้มๆ
...ซักวันเถอะคุณหมวด ซักวันเถอะ รู้จักศรันย์น้อยไปแล้ว แบบนี้ต้องเจอดีซักหน่อย...

►จบบทที่ 4◄

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนเลยนะครับ หวังว่าคงทำให้ผู้อ่านได้ยิ้มผ่อนคลายความเครียดได้นะ แล้วเจอกันตอนต่อไป :mew1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เรื่องใหม่! ทันถ่ายทอดสดด้วย!

ตามส่องก้นหมวดเรียว...เอิ่อ....ลุ้นกับชีวิตหมวดจอมซ่ากับประชาชนเจ้าปัญหาต่อไป

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ซิกาแร๊ต

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
คุณ katawoot come back  :-[
ปกติไม่ชอบตำรวจเลยนะ ... ยกเว้นตำรวจของคุณ katawoot
555

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ดีใจจังมีคนจำผมได้ ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่านและเมนท์ สุขสันต์วาเลนไทน์ล่วงหน้านะครับ เรื่องนี้ตำรวจเป็นฝ่ายถูกตามจีบนะครับ ไม่ใช่ตำรวจเจ้าชู้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
คุณ katawoot กลับมาแล้ว อ่านเรื่องของคุณทุกเรื่องเลย สนุกทุกเรื่อง
ดีใจที่กลับมาเขียนอีก จะรอติดตามครับ  :katai2-1:
                     :กอด1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 5

วันนี้เรียวไม่ได้ปลอมตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพราะต้องทำงานอื่นและมีประชุมของหน่วย ในการประชุมวางแผน เขารายงานว่าควรมีการปรับแผนการสืบสวนใหม่เพราะข้อมูลข่าวสารที่ได้มานั้นไม่มีน้ำหนักพอ
...สิ่งที่ศรันย์พูดนั้นน่าสนใจอยู่พอสมควร แต่จะให้แฝงตัวเข้าไปอยู่กับพวกแข่งรถคงจะไม่ไหว ทั้งที่น่าจะได้อะไรเยอะกว่าพวกแก็งค์ของไอ้โจโฉ...
...เขากับรถเป็นของไม่ค่อยจะถูกกัน ไม่งั้นก็คงไม่บังคับให้นายศรันย์ขับรถพาหนีการไล่ล่าหรอก...
“หมวดเรียวถอนตัวออกมา ให้ผู้กองคมกริชเข้าไปทำแทน” พันตำรวจตรีธันว์สรุป
“ผู้กองจะปลอมตัวเป็นนักศึกษาไหวหรือครับ” เรียวโพล่งออกมา ผู้กองคมกริชเงยหน้าขึ้น มองข้ามโต๊ะประชุมมายังเรียวด้วยสายตาขุ่นๆ หมวดชินวัฒน์คู่หู รีบก้มหน้า เม้มปาก กลั้นหัวเราะ ส่วนคนอื่นๆ ในห้องแสดงสีหน้าแตกต่างกัน
“เป็นอาจารย์ ไม่ใช่นักศึกษา” ธันว์ส่ายหน้าเล็กน้อย ยื่นแฟ้มให้ “เอานี่ไปอ่าน ผมให้คุณไปทำงานใหม่”
“งานอะไรครับ” เรียวเผลอถาม
“อ่านเสียก่อน” ธันว์ชี้นิ้วไปที่แฟ้ม พยายามรักษาระดับเสียงให้ปรกติที่สุด วันนี้หมวดเรียวทำให้เขาเกือบต้องยกมือกุมขมับไปหลายครั้งแล้ว

เรียวปิดแฟ้มงานที่ได้รับมอบหมาย กระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ
“งานอะไรก็ไม่รู้ สารวัตรนะสารวัตร ทำยังกับว่าเราเป็นเด็ก”
เรียวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเนือยๆ เดินไปดื่มน้ำ แล้วออกจากห้องทำงานของหน่วย ตรงไปยังส่วนหน้าของสถานีตำรวจเพื่อคุยกับเพื่อน แต่เมื่อเข้าไปในห้องก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็น ‘ประชาชนเจ้าปัญหา’ คนหนึ่งนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะร้อยเวร
...นี่สงสัยคงโดนจับอีกแล้วสิเนี่ย ข้อหาอะไรอีกล่ะ ขับรถเร็วเกินกำหนด จอดรถในที่ห้ามจอด หรือขับรถโดยไม่มีใบขับขี่...
...นายศรันย์นี่ก็ช่างหาเรื่องขึ้นโรงพักจริงๆ เลย...
เรียวไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อเห็นหน้าศรันย์แล้วถึงอยากจะกวน เขารู้สึกสนุกที่ได้ยั่วให้ศรันย์โวยวาย เวลาเห็นใบหน้าขาวๆ ของอีกฝ่ายยับยู่ยี่เพราะขมวดคิ้ว เบ้ปาก และแยกเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำให้เขารู้สึกคลายเครียดได้ดีจริงๆ
“อ้าวคุณ มาทำอะไรที่นี่ ว่างมากหรือไงถึงได้มานั่งเล่นอยู่บนโรงพัก” เรียวทักทายศรันย์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ผมโดนจับนะสิ” ศรันย์ทำเสียงเย็นชา “ข้อหาอะไรรู้ไหม ข้อหาขับรถผ่าไฟแดง”
“ว่าแล้วเชียว”
“ผมไม่ได้ผ่าไฟแดง ผมจะถึงกลางแยกอยู่แล้วไฟถึงเปลี่ยนเป็นสีแดงกระทันหัน” ศรันย์บ่นเสียงดัง
“แสดงว่าพอไฟเหลืองคุณก็รีบเร่งเครื่อง” เรียวกอดอก เอียงหน้าทำท่าคิด “ถ้าผมเป็นจราจรผมก็คงจับ”
“คุณจะให้ผมเบรกหรือไง ถ้าผมเบรก รถก็หยุดอยู่กลางสี่แยกสิคุณตำรวจ” ศรันย์ทำเสียงเหนื่อยหน่าย “เสียเวลาผมจริงๆ เลย งานการไม่ต้องทำมันแล้ว วันๆ ขึ้นแต่โรงพัก”
“ดวงคุณคงสมพงษ์กับโรงพัก แต่คนที่ต้องมาโรงพักบ่อยเป็นคนแบบไหนคุณก็น่าจะรู้”
“ไม่เคยจะอยากมาเล๊ย” ศรันย์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “ซวยจริงๆ ให้ตายสิ โดนจับอย่างไม่ยุติธรรมไม่พอ ยังมาโดนดูถูกอีก”
“ใครไปดูถูกคุณ”
“แล้วที่คุณหมวดกำลังว่าผมนี่จะเรียกว่ายังไงละคร้าบ” ศรันย์กรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันใด พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้นายตำรวจ “แต่ในฐานะที่เป็นคนรู้จักกัน คุณหมวดช่วยผมได้ไหมล่ะ ผมไม่อยากเสียค่าปรับ ถูกตัดแต้มอีกต่างหาก”
“ทำไมต้องช่วยคุณ”
“อย่าลืมนะ คุณเคยทำความผิดกับผมไว้ เป็นหนี้ผมอยู่อีกต่างหาก”
“ผมขอโทษก็แล้วกัน เรื่องวันนั้น ผมจำเป็นต้องทำ เพื่อเอาตัวรอดจากไอ้หน้าปลาจวดคนนั้น” เรียวแกล้งทำหน้าขอโทษ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น แค่นั้นจิ๊บๆ ผมไม่ถือสา แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณเอาปืนจี้ผมบังคับให้ขับรถพาหนีโจรต่างหาก”
“เฮ้อ” เรียวถอนหายใจ “คุณนี่เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้ซะที”
“ก็เรื่องนี้ทำให้ผมเสียขวัญ” ศรันย์ให้เหตุผล
“คุณก็ไปฟ้องผู้บังคับบัญชาของผมแล้ว”
“แต่คุณก็ยังลอยนวล ผู้บังคับบัญชาคุณไม่เห็นจะทำอะไร”
“จะให้ทำอะไร จะให้ลงโทษผมยังไง ไปบำเพ็ญประโยชน์ให้สังคมซักยี่สิบชั่วโมงหรือไง”
“น่าสน” ศรันย์ยักคิ้ว “มาล้างรถที่อู่ผมให้ได้ซักยี่สิบคันเป็นไง”
“ตลกตายล่ะ” เรียวเบ้ปาก
“ว่าแต่ว่า วันนี้ไม่ไปเรียนหรือคุณหมวด” ศรันย์เน้นเสียงที่คำว่า ‘เรียน’ “ระวังจะขาดรายได้นะ”
“วันนี้ประชุมวางแผนงาน แล้วก็ทำงานอื่นบ้างสิ ไม่ได้ปลอมตัวเป็นนักศึกษาอย่างเดียวนะ แตไปพรุ่งนี้วันสุดท้าย แล้วก็จะถอนตัว เลิกภารกิจ ผมมีงานใหม่ สำคัญกว่างานแบบนั้นเป็นร้อยเท่า” เรียวใช้น้ำเสียงแดกดันไม่ได้เพราะไม่ชอบงานใหม่ที่ได้รับมอบหมายแม้แต่นิด
“เสียดาย กะจะเป็นลูกค้าประจำซักหน่อย” ศรันย์ย่นคิ้ว จุ๊ปาก ทำหน้าแสดงความผิดหวัง
เรียวกำลังจะอ้าปากตอบโต้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ดังมาจากข้างหลัง
“หมวดเรียว เชิญทางนี้หน่อย”
เรียวหันขวับ พอเห็นว่าเป็นใครจึงรีบผละจากคนที่กำลังต่อปากต่อคำด้วยทันที ศรันย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ คิดจะเดินตาม แต่ครั้งดวงตาคมกริบของคนหน้าเข้มที่เรียกหมวดเรียวก็เปลี่ยนใจ ดวงตาคู่นั้นฉายแววกร้าว ท่าทางเอาเรื่อง
...เอาวะ ถอยก่อน นี่มันบนโรงพัก ถิ่นของเขา ไม่ใช่ถิ่นของเรา แล้วอีตานี่ก็หน้าดุเหลือเกิน ส่งสายตาข้ามห้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเราก็ไม่ปาน...

ร้อยตำรวจโทเรียวเปิดประตูขึ้นนั่งบนรถของร้อยตำรวจโทชินวัฒน์ซึ่งจอดอยู่ข้างสนามฟุตบอลในมหาวิทยาลัย วันนี้เขาให้เพื่อนคู่หูมารับเพราะจะไปงานเลี้ยงฉลองสมรสของญาติ
“ความจริง สั่งสอนไอ้โจโฉมันหน่อยก็ดี เป็นการสั่งลา หน่อยแน่ บอกว่ามีงานจะให้ทำ ไอ้เราก็นึกว่าจะให้เป็นคนส่งยา ที่ไหนได้ ให้ไปขายตัว” เรียวบ่นฉุนๆ
“งั้นจะรออะไร เอาซะหน่อยสิ หาลูกค้าปลอมซักคน รออยู่ในม่านรูด บอกให้ไอ้โจโฉเอาของมาส่งเพราะลูกค้าอยากอัพยา พอไอ้นั่นมาก็จับเลย” ชินวัฒน์วางแผน
“ลูกค้าปลอมที่ไหน” เรียวสงสัย
“ผู้กองคมกริชไง ท่านอยู่ใกล้ๆ นี่เองไม่ใช่หรือ” ชินวัฒน์เสนอ
“แผนห่วยๆ ไม่ได้เรื่อง ผู้กองคงทำหรอก นั่งรออยู่ในม่านรูดนี่นะ” เรียวเบ้ปาก บอกให้ชินวัฒน์ออกรถ
“เออจริงสิ หมวดเรียวกับผู้กองอยู่กันสองต่อสองในม่านรูด เกิดมีอารมณ์กันขึ้นมามันจะแย่” ชินวัฒน์พยักหน้าหงึกหงักแสดงอาการเห็นด้วย
“ไอ้ปาก...”
“ปีจอ” ชินวัฒน์เติมคำด่าให้ตัวเองแล้วหัวเราะลงลูกคอ “รู้หรอกน่าว่าตัวเองจะด่าเค้ายังไง”
“ปากหมาต่างหาก”
“เราก็อุตส่าห์ใช้คำสุภาพ” ชินวัฒน์เบ้ปากพร้อมกับชี้มือไปที่เข็ดขัดนิรภัยเพื่อเตือนเรียวให้ดึงมาคาดตัว “คาดเข็มขัดซะ เดี๋ยวโดนตำรวจจับ”
เรียวทำตามที่เพื่อนบอก กำลังจะพูดตอบ แต่ทันใดนั้นชินวัฒน์ก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจเพราะมีรถคันหนึ่งขับปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด
“เฮ้ย นักเลงหรือไงวะ กล้าขับปาดหน้าตำรวจมือปราบหรือไอ้นี่ ไม่รู้จักซะแล้วว่าใครใหญ่” ชินวัฒน์ตะโกนแล้วเร่งความเร็วตามแต่ก็ไม่ทันเพราะรถคันนั้นขับเร็วมาก
“ในมหาลัยมันยังซิ่ง ดูมันสิ อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร พ่อจะจับขังคุกตลอดชีวิต” ชินวัฒน์คาดโทษ ลดความเร็วลงเพราะรูว่าตัวเองไม่มีทางตามรถคันนั้นได้ทัน
“ผมรู้ว่าใคร” เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ คิดอยากจะแกล้งเจ้าของรถสปอร์ตคันนั้นขึ้นมาทันใด “ทะเบียนตองเจ็ด คู่ปรับเราเอง”
“แจ๊คพอต หาเรื่องแกล้งประชาชนเล่นกันดีกว่าหมวดเรียว” ชินวัฒน์ตาวาว มือหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบสนับสนุน บอกข้อมูลของรถแรงคันนั้นขณะที่เขากำลังหมุนหาคลื่นความถี่ “ทะเบียนจำง่ายจริงๆ เพื่อนเราคนไหนกำลังตั้งด่านแถวๆ นี้ว๊า”
/ / / / /

ศรันย์สบถเสียงดังพร้อมกับทุบพวงมาลัยรถอย่างหัวเสียเมื่อตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ข้างหน้าโบกให้เขาจอดรถข้างทาง
“กระเป๋าตังค์ผมหายครับคุณตำรวจ นี่กำลังจะไปแจ้งความ” ศรันย์ตอบคำถามเมื่อถูกขอตรวจดูใบขับขี่ แต่ตำรวจทำหน้าไม่เชื่อจึงรีบอธิบายเพิ่มว่า “คุณผู้กองครับ ผมกำลังรีบ นี่ผมจะไปแจ้งความแล้วต้องรีบกลับไปดูพ่อที่โรงพยาบาล พ่อผมไม่สบาย หมอเพิ่งโทรมาบอก”
“คุณกำลังมุ่งหน้าออกนอกเมือง ไปทางนั้นไม่มีสถานีตำรวจหรอก”
“โอ้ว จริงหรือครับ ถ้าคุณสารวัตรไม่บอกผมก็ไม่รู้นะครับเนี่ย” ศรันย์อุทานเหมือนฝรั่ง ทำหน้าตกใจ เพิ่มยศนายตำรวจให้เป็นสารวัตรเผื่อฝ่ายนั้นจะเป็นคนบ้ายอ “เกือบซะแล้วไหมล่ะ ยูเทิร์นข้างหน้าได้เลยใช่ไหมครับ ดีจังเลย ไม่งั้นผมคงเสียเวลาไปอีกไกล เนี่ยคุณพ่อผมคงรอลูกชายคนเดียวไปเยี่ยมจะแย่อยู่แล้ว”
“โรงพยาบาลไหนครับ” ดาบตำรวจไชยาเลิกคิ้ว
“เอ่อ...” ศรันย์พยายามใช้ความคิดเอาตัวรอด
“หรือหมอที่โทรมาบอกคุณไม่ได้บอกชื่อโรงพยาบาล” ดาบตำรวจดักคอ
“บอกสิครับ แต่ตอนนั้นผมกำลังตกใจจนไฟฟ้าในสมองช๊อตไปนิดนึง” ศรันย์ทำตาค้อนใส่คนรู้ทัน “อืม โรงพยาบาลอะไรว๊า ชื่อคุ้นๆ พอดีผมยังไม่ไม่ค่อยชินกับกรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ไปอยู่ซะนาน จำถนนหนทางเมืองไทยไม่ค่อยจะได้”
“โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทหรือเปล่า”
“กล้วยไทย” ศรันย์ทำท่าคิด “อ้อ ใช่ครับใช่ นึกแล้วเชียวว่าต้องใช่ ชื่อเหมือนผลไม้ ตอนที่หมอบอก ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าโรงพยาบาลอะไรชื่อน่ากินชะมัด”
ดาบตำรวจไชยาแอบถอนหายใจเบาๆ เพราะว่าตัวเองเจอ ‘นักซิ่งจอมตอแหล’ เข้าให้แล้ว โชคดีที่หมวดชินวิฒน์เตือนล่วงหน้าก่อนว่าขาซิ่งคนนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวยิ่งนัก ต้องตามให้ทัน ไม่เช่นนั้นผก็จะหาทางแถไปจนได้
“คุณเลื่อนรถไปจอดตรงโน้นก่อน” ดาบตำรวจไชยาชี้มือไปข้างหน้าใกล้ป้อมยาม
“โธ่ ท่านรองผู้กำกับครับ นี่ผมจะรีบไปดูใจพ่อนะครับ อย่าต้องให้เสียเวลาถึงขนาดนั้นเลย” ศรันย์ทำหน้าและทำเสียงอ้อนวอน
“ผมเป็นแค่ดาบตำรวจ ไม่ใช่รองผู้กำกับ”
“ผมว่าราศีรองฯ จับออก มาดให้สุดๆ” ศรันย์แย้ง พยายามหาทางออกต่อ “คือยังงี้นะครับ กระเป๋าตังค์ผมก็ดันมาหาย ทีนี้ก็เลยไม่มี...”
“งั้นหรือ ถ้ากระเป๋าตังค์หาย คุณจะได้แจ้งของหายควบไปด้วยเลยยังไงล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาไปถึงโรงพัก” ดาบตำรวจไชยาเสนอทางออก
ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ ยอมเลื่อนรถเพราะเห็นท่าทางตำรวจคนนี้ไม่ยอมแน่ๆ แต่กระนั้นก็ยังคิดหาทางออกให้ตัวเองต่อ
...แกล้งทำเป็นชักซะเลยดีไหม ตำรวจจะใจร้ายกับคนมีโรคประจำตัวแบบนี้ก็ให้มันรู้ไป...
...ไม่ได้สิ เกิดโดนหามส่งโรงพยาบาลแล้วถูกจับฉีดยา ต้องแย่แน่ๆ เลย เรากับเข็มฉีดยาไม่ค่อยถูกกัน...
...แต่ถ้าให้เป็นคนใช้เข็มฉีดยาส่วนตัวฉีดยาคนอื่นจะไม่ปฏิเสธเลย โดยเฉพาะตำรวจแร๊ปที่ชอบรังแกประชาชนคนนั้น...
...แต่เอ๊ะ มีเบอร์โทรศัพท์ของหมวดเรียวก็คงดี จะได้ขอความช่วยเหลือหน่อย เราไม่อยากถูกยึดใบขับขี่ จะเสนอให้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ถูกปืนจี้บังคับให้ขับรถพาหนีโจร...
“ว่าไงคุณ ขอเชิญลงจากรถด้วยครับ” เสียงดาบตำรวจคนเดิมดังขึ้นข้างประตู แต่ศรันย์ยังไม่ยอมลงจากรถ กลับยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า
“คุณดาบครับ ผมเป็นโรคภูมิแพ้ แถวนี้มันอยู่ใกล้ทุ่งโล่งๆ ใช่ไหมล่ะครับ รู้สึกเหมือนว่าจะมีละอองเกษรดอกไม้ปลิวมาตามลม อาการไซนัสผมต้องกำเริบแน่ๆ ขอผมนั่งอยู่ในรถนะครับ นี่ผมต้องเสียเงินไปตั้งเยอะเพื่อติดตั้งเครื่องกรองอากาศเพิ่มเลยนะครับเนี่ย มาถึงเมืองไทยไม่ทันไร ผมต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ผมแพ้อากาศ”
...กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง ผู้ชายคนนี้จะพูดวกไปวนมาจนทำให้ปวดหัว ในที่สุดก็ต้องไล่ไปให้พ้นๆ ...
ดาบตำรวจไชยานึกถึงคำเตือนจากหมวดชินวัฒน์
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวจะบริการให้ถึงรถ” ดาบตำรวจไชยาเดินตรงไปป้อมตำรวจ มือยกโทรศัพท์ขึ้นโทรศัพท์หาเพื่อนของน้องชายที่ขอร้องให้ดักจับรถบีเอ็มดับบลิว 630 สีดำ ทะเบียนจำได้ง่ายคือ สส 777
“พี่ๆ นั่นลูกชายของท่านสุรินทร์” เสียงของนายตำรวจซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเปรียบเทียบปรับพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบข้อมูลของ ‘ขาซิ่ง’ ผู้นั่งอยู่ในรถหรูสีดำ “สส 777 ชื่อเจ้าของคือศรันย์ ศิวะเมธี ลูกชาย ส.ส. สุรินทร์ เอาไงดีพี่”
“อืม ทำไมหมวดชินไปมีเรื่องกับอีตาเจ้าเล่ห์คนนี้วะ พ่อใหญ่ซะด้วย” ดาบตำรวจไชยาพึมพำขณะรอปลายสายรับโทรศัพท์
“เขียนใบสั่งก็ได้พี่ เอาข้อหาขับรถเร็ว ให้ไปจ่ายค่าปรับที่ สน. ผม” หมวดชินวัฒน์ตอบกลับหลังจากได้ยินดาบตำรวจไชยาเล่า ‘ปูมหลัง’ ของชายหนุ่มคนนี้ให้ฟังและออกตัวว่าไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วยเท่าใดนักเพราะเป็นลูกชายของนักการเมืองใหญ่ในท้องที่เขตที่ตัวเองทำงานอยู่ ทั้งยังเป็นคณะกรรมการพรรคการเมืองดังอีกด้วย
ดาบตำรวจไชยาถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เดินกลับไปยังรถของขาซิ่งเจ้าปัญหา ในใจก็ยอมรับว่าค่อนข้างหวั่นๆ อยู่บ้างที่กำลังเล่นอยู่กับลูกชายของคนใหญ่คนโต

“ฮ้า อะไรกัน ขับรถเร็วเกินกำหนด” ศรันย์โวยวายทันทีเมื่อนายตำรวจยื่นใบสั่งให้ “ผมจะแจ้งความกระเป๋าหายนะครับจ่า มาให้ใบสั่งผมได้ยังไง”
“คุณขับรถเร็วจริงๆ” ดาบตำรวจไชยาพูดเสียงหนักแน่น “อีกอย่าง พ่อคุณไม่ได้ป่วย เมื่อกี้ยังเห็นออกทีวีอยู่เลย”
“ทีวีที่ไหน คุณไปรู้จักพ่อผมได้ยังไง”
“ทีวีในป้อมตำรวจ” ดาบตำรวจไชยาเสี่ยงสร้างเรื่องขึ้นมา
“อ้าว แบบนี้ก็หาว่าผมโกหกล่ะสิ” ศรันย์ชักสีหน้า “พ่อผมป่วยจริงๆ นะครับ ผมจะไปโกหกทำไม ลูกที่ไหนจะแช่งพ่อของตัวเอง บาปกินหัวตายเลย แล้วข่าวในทีวีมันถ่ายกันมาหลายวันแล้วนะครับ พ่อผมเพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาลนี่นา แต่บางที ถึงพ่อผมป่วยก็ยังไปทำงานนะครับ พ่อเป็นคนขยัน ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่อาทิตย์หน้าพ่อก็ต้องไปเมืองจีน ผมยังอดห่วงไม่ได้เลย บอกให้พักก็ไม่ยอม ทำแต่งาน ห่วงแต่คนอื่น ไม่ค่อยจะห่วงตัวเอง แบบนี้ก็เลยป่วยไม่ได้หยุดหย่อนผ่อนคลาย หายใจเข้าออกก็มีแต่งาน”
“พอแล้วคุณ” ดาบตำรวจไชยายกมือขึ้นห้ามเพราะท่าทางศรันย์จะพูดต่อได้แบบน้ำไหลไฟดับ “เอาเป็นว่าคุณไปเสียค่าปรับที่โรงพักก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องเสีย ผมไม่ได้ทำอะไรผิด” ศรันย์โวยวายเมื่อเห็นว่าเหตุผลต่างๆ ที่ตัวเองอ้างมาตลอดนั้นใช่ไม่ได้ผล
“คุณขับรถเร็วเกินกำหนด”
“ผมเปิดครูซคอนโทรลที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเกินกำหนดได้ยังไง” ศรันย์เถียง
“เอ้า นี่ใบสั่ง” ดาบตำรวจไชยาทำหูทวนลม ยื่นใบสั่งให้คนขับที่นั่งหน้างออยู่ในรถ
“ผมเสียเงินตรงนี้เลยไม่ได้หรือจ่า” พออารมณ์เสีย ศรันย์ก็ลดยศดาบตำรวจเหลือแค่จ่า
“ไหนคุณว่ากระเป๋าตังค์หาย”
“พอดีผมล้วงกระเป๋ากางเกงเลยเจอใบร้อย”
“ค่าปรับสามร้อยบาทครับ”
“อ้อ ใบห้าร้อย ผมดูผิดไป” ศรันย์ไปได้น้ำขุ่นๆ
“คุณไปเสียที่โรงพักก็แล้วกัน เอาล่ะ เชิญไปได้แล้วครับ” ดาบตำรวจไชยารีบตัดบทแล้วโบกมือ
“เดี๋ยวก่อนสิหมู่” ศรันย์ร้องเรียกแต่ดาบตำรวจไชยาเดินดุ่มๆ ไปไม่เหลียวกลับมามอง ทิ้งให้ศรันย์แสดงอาการฮึดฮัดอยู่คนเดียว
“ซวยจริงๆ เลย โดนทั้งปี ทำไมจะต้องมามีเรื่องกับตำรวจไม่จบไม่สิ้นด้วยวะ สวรรค์ช่างแกล้งได้แกล้งดีจริงๆ เลย” ศรันย์บ่นแล้วกระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงล้อครูดกับพื้นถนนดังแสบแก้วหู จนตำรวจที่ตั้งด่านอยู่หันมองตามเป็นตาเดียวกัน
/////////

เมื่อเดินขึ้นมาบนสถานีตำรวจเพื่อเสียค่าปรับ ศรันย์ก็ตรงไปยังห้องของหน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งเป็นห้องทำงานของร้อยตำรวจโทเรียวทันที ตั้งใจว่าจะขอ ‘กวน’ หมวดหน้าขาวซักหน่อยก่อนจะไป ‘กวน’ ร้อยเวรคนเดิมที่เขาต้องไปเสียค่าปรับ
ตอนนี้ศรันย์มั่นใจว่าโดนแกล้ง  เขาคิดว่าหมวดเรียวคงวิทยุไปบอกเพื่อนตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ให้ดักจับรถของเขา เมื่อคืนเขาดูใบสั่งแล้วนึกอะไรได้ ด่านตั้งอยู่คนละเขตแต่กลับให้มาเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจแห่งนี้
แต่เขาไม่ยอมใช้เงินตัวเองเสียค่าปรับหรอก ยังไงวันนี้จะขอรีดไถเงินจากตำรวจสักสามร้อยบาท
เมื่อศรันย์เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ต้องชะงัก ตำรวจร่างสูงหนาบึกบึนหน้าดุที่เขาจำได้ว่าเป็นคนเรียกหมวดเรียวให้เดินไปหาเมื่อวันที่ตัวเองมาเสียค่าปรับครั้งล่าสุดกำลังยืนอยู่กลางห้อง ท่าทางหงุดหงิด
...หรือไม่หงุดหงิดก็ไม่รู้ ผู้ชายคนนี้ทำหน้าบึ้งตึงเหมือนอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา...
“มาหาใคร” นายตำรวจนอกเครื่องแบบถามเสียงห้วน
“หมวดเรียว” ศรันย์ตอบด้วยเสียงแบบเดียวกับที่ถูกถาม
“ไม่อยู่ มีธุระอะไร”
“ไม่มีธุระ” ศรันย์ส่ายหน้าแล้วหันหลังเดินออกจากห้อง มือกำลังจะดึงประตูปิด แต่พลันได้ยินเสียงของนายตำรวจมาดเข้มคนนั้นดังตามมา
“ไปราชการหนึ่งอาทิตย์”
ศรันย์อยากจะหันไปถามต่อ แต่เมื่อนึกว่าจะต้องเห็นหน้าดุๆ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อนั้นแล้วก็เปลี่ยนใจ ไม่อยากจะเสวนาด้วย
“นายเป็นใคร” เสียงนั้นถามต่อ คราวนี้ศรันย์นึกฉุนกับมาดเก๊กของฝ่ายนั้นและที่ถูกเรียกว่า ‘นาย’ จึงเปลี่ยนใจอีกครั้ง
...ขอกวนดูเล่นๆ หน่อยเถอะ พ่อตำรวจมาดเท่ ดูซิว่าจะเก๊กไปถึงไหน...
“เป็นเพื่อนสนิทครับ” ศรันย์ทำเสียงอ่อนลง จงใจเน้นเสียงคำว่า ‘สนิท’ เพราะอยากลองเชิงอีกฝ่าย
“สนิทแค่ไหน”
“ก็พอสมควรครับ” ศรันย์เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง “พอดีผ่านมาแถวนี้ เลยอดแวะเข้ามาทักทายน้องเรียวไม่ได้”
“นายชื่ออะไร”
“คุณเป็นเจ้านายน้องเรียวหรือครับ” ศรันย์ไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย “ผมว่าใช่แน่ๆ เหมือนกับที่น้องเรียวเล่าให้ฟังไม่ผิดเลย เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นคนเดียวกัน”
“เล่าให้ฟังว่ายังไง”
“เล่าหลายอย่างเลยครับ แต่สรุปให้สั้นที่สุดได้ว่าเจ้านายดุ” ศรันย์ยิ้มบางๆ แบบกวนอารมณ์
“ผมไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาหมวดเรียว”
“อ้าว งั้นหรือครับ” ศรันย์เลิกคิ้วทำท่าแปลกใจ ความจริงเขาเคยเห็นผู้บังคับบัญชาของหมวดเรียวแล้วตอนที่เข้ามาร้องเรียนพฤติกรรมของตำรวจที่รังแกประชาชน สารวัตรคนนั้นแม้ท่าทางดุ แต่ก็ไม่ดูเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเท่าคนนี้
...อีตานี่ดุกว่าเยอะ ยังกะหมาพิตบูลผสมร็อดไวเลอร์ ดีไม่ดีมีเชื้อโดเบอร์แมนผสมเข้ามาหน่อย...
“ผมกำลังจะวิทยุหมวดเรียว บอกชื่อมาสิ จะได้บอกให้หมวดเรียวรู้”
“บอกว่าคนที่พูดมากๆ อารมณ์ดีๆ น้องเรียวเขาก็รู้ทันทีเพราะเราสองคนสนิทกันครับ” ศรันย์ยิ้มกว้าง แล้วรีบเดินออกจากห้องทันทีเมื่อเห็นมุมปากของนายตำรวจร่างใหญ่กระตุกอย่างไม่ชอบใจ
เสียงหนึ่งในหัวของศรันย์บอกว่า ‘กวน’ แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนอีกเสียงหนึ่งก็เตือนเพิ่มว่า ‘อันตราย’ กวนมากเกินไปอาจโดนต่อย
...ฮึ แสดงอาการเหมือนกับหึงเลย นี่แสดงว่าแอบชอบหมวดเรียวจอมกวนเหมือนกันสิเนี่ย...
...แอบชอบ เฮ้ย เราชอบหมวดเรียวงั้นหรือ...
...ไม่ใช่หรอก ใครจะไปชอบลง กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง ชอบหาเรื่องก็เท่านั้น ใครได้ไปเป็นแฟนปวดหัวตายเลย เราแค่อยากลอง ‘ของใหม่’ เท่านั้น ไม่เคย ‘ได้’ คนในเครื่องแบบซักที...

►จบบทที่ 5◄

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อูยยยยย ชอบบบ โดนใจ หมวดน้องเรียวเป็นที่ต้องการของชายหนุ่มวัยกลัดมัน 555555555

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สนุกมากค่ะ  ยียวน กวนอารมณ์ไม่ต่างกันเลย   :katai2-1:

ออฟไลน์ sm37an2j2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 6
ศรันย์หยิบกุญแจแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน แวะตรวจดูรถที่กำลังทำการซ่อมอยู่โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีจึงเดินตรงไปที่รถคู่ใจของตัวเอง สามวันที่ผ่านนี้เขาเบื่อมาก พีทคอยแวะเวียนมาที่อู่และตื้อเขาจนชักจะทนไม่ไหว
...ไปหาเรื่องกวนประสาทตำรวจหัวเกรียนให้หายเบื่อดีกว่า...
ศรันย์ขับรถมาจอดอยู่ริมถนนใกล้ประตูทางเข้าสถานีตำรวจที่ทำงานของหมวดเรียว จงใจจอดรถในเขตห้ามจอด จากนั้นเดินเข้าไปในสถานีฯ ตรงไปยังหน้าห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชะเง้อมองหานายตำรวจจอมกวน แต่ในห้องทำงานรกๆ ห้องนั้นไม่เห็นมีใครแม้แต่คนเดียว เขาจึงเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้าและนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะร้อยเวร
“คุณมาทำไมอีก” นายตำรวจร่างท้วมที่เคยทะเลาะกับเขาเรื่องค่าปรับถามขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าจำหน้าศรันย์ได้
“ผู้กองจำหน้าผมได้ด้วยหรือ”
“จำฝังใจเลยล่ะจะบอกให้ ว่าไง คุณมาทำไม อย่าบอกนะว่ามาเสียค่าปรับ”
“อพิโธ่ คุณผู้กองครับ อย่ามองกันแบบนี้สิครับ ผมแค่จะมาแจ้งความเรื่องกระเป๋าตังค์หาย”
“แจ้งความเท็จผิดกฎหมายนะครับ” ร้อยเวรยกนิ้วขึ้น แสดงอาการเตือน
“อ้าว เปล่าเท็จนะครับ” ศรันย์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “แล้วปรักปรำกล่าวหาประชาชนถือว่าผิดกฎหมายด้วยไหมครับ”
“เอาล่ะ” ร้อยเวรยกมือทั้งสองข้างขึ้นห้าม “คุณมีอะไรว่ามา ผมจะได้ลงบันทึกประจำวันให้”
“ผมคิดว่ามีคนขโมย” ศรันย์นึกสนุกจึงสร้างเรื่องขึ้นมา
“ใครขโมย”
“อ้าว ถ้ารู้ว่าใครผมจะมาแจ้งความหรือคร้าบคุณผู้กอง ผมก็ไปตามเอาคืนมาแล้วสิ” ศรันย์ถอนหายใจเฮือก ทำท่าทางอ่อนอกอ่อนใจ
“เฮ้อ” ร้อยเวรถอนหายใจเช่นกันเพราะรู้ว่าตัวเองถามพลาดไป “งั้นบอกวันเวลามา”
“สิบหกพฤศจิกายน เอ่อ...” ศรันย์ยกข้อมือดูนาฬิกา “เวลาสิบสามนาฬิกาสิบห้านาที”
“เวลาที่คุณทำกระเป๋าหาย ไมใช่เวลาตอนนี้” ร้อยเวรทำเสียงเอือมระอา
“อ้าว คุณผู้กองก็ไม่ถามให้ชัดเจน” ศรันย์กรอกตา “ไม่ทราบครับ ไม่รู้ว่ามันหายตอนไหน ตอนนั้นผมไม่ได้ดูนาฬิกา ส่วนหายที่ไหนคุณผู้กองอย่าถามนะ เพราะว่าผมไม่รู้สึกตัวว่ามันหายหรอก ถ้ารู้สึกตัวตอนนั้นมันก็คงไม่หาย ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่ากระเป๋าตังค์ผมหายเวลาไหนก็เป็นคำถามที่ผมตอบไม่ได้”
“โว้ย ทำไมตูจะต้องมาเจอประชาชนพันธ์นี้ด้วยวะ” ร้อยเวรเกาศีรษะ บนพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ก็พยายามทำใจเย็น ถามคนที่มาแจ้งความว่า “เอางี้ วันเวลาที่คุณรู้สึกตัวว่ามันหาย คงตอบได้นะ หรือว่าตอนนั้นคุณตกใจเรื่องของหายจนลืมมองนาฬิกา หรือไม่ก็นาฬิกาตายเลยบอกเวลาไม่ได้”
“ไม่มีทาง นาฬิกาผมยี่ห้อโอเมก้าเลยนะครับคุณผู้กอง” ศรันย์ยักข้อมือขึ้นให้ดู
“รวยเหมือนกันนี่เรา กระเป๋าตังค์หายบ่อยๆ ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกมั๊ง”
“แต่มันน่าเจ็บใจนี่สิคุณผู้กอง ผมว่ามันแปลกๆ ทะแม่งๆ อยู่นะ ผมเข้าไปหาคุณหมวดเรียว แล้วก็หลังจากนั้นก็ไม่เห็นกระเป๋าตังค์”
“แสดงว่าคุณก็รู้วันเวลากระเป๋าตังค์หายสิ เมื่อกี้บอกไม่รู้” ร้อยเวรย้อน “หรือจำไม่ได้ว่าเข้าไปหาหมวดเรียวเมื่อไหร่”
“แหมคุณผู้กอง กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปซะแล้ว ผมมันคนความรู้สึกช้า คือยังงี้ วันนั้นผมแวะมาหาคุณผู้หมวดเรียว แต่ไม่มีใครอยู่ คนที่อยู่เป็นตำรวจตัวสูงๆ หน้าเหี้ยมๆ เหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลา”
“คุณมาหาหมวดเรียวทำไม”
“ผมจะเอาเงินมาคืนคุณหมวดเค้า ที่เคยยืมไปจำได้ไหมครับ ตอนนั้นโดนจับแบบไม่ยุติธรรมข้อหาจอดผิดที่ผิดทาง กระเป๋าตังค์ก็หาย คุณผู้กองปรับผมตั้งห้าร้อย ผมไม่มีเงิน พอดีคุณหมวดเรียวเดินเข้ามา ผมก็เลยจำได้ว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็...” ศรันย์เล่าเจื้อยแจ้ว
“ไม่ต้องเท้าความ ผมจำได้หมด” ร้อยเวรยกมือขึ้นปราม “เอาแต่เนื้อๆ น้ำไม่ต้อง”
“ผมก็ไม่ชอบน้ำเหมือนกัน ถึงได้เล่าละเอียดไงล่ะ คุณผู้กองจะได้ไม่เข้าใจผิด”
“ตอนที่คุณเจอตำรวจหน้าเหี้ยมแล้วไงต่อ”
“เขาเป็นอะไรกับคุณหมวดเรียวหรือครับ ทำหน้าดู๊ดุ หน้าตาธรรมดาดุไม่พอหรือไงก็ไม่รู้ ต้องขมวดคิ้วทำเข้มให้คนกลัว ประชาชนจะเข้าไปพึ่งใบบุญซะหน่อยต้องรีบตาลีตาเหลือกออกมา”
“นั่นมันห้องฝ่ายปราบปรามพิเศษ ไม่ใช่ที่ให้ประชาชนร้องทุกข์ ถ้าจะร้องทุกข์ต้องกับร้อยเวรนี่”
“ผมรู้ ผมเข้าใจ ผมถึงมาแจ้งความของหายอยู่นี่ไง ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรอกคุณผู้กอง ว่าแต่ว่า ทำไมเขาทำท่าไม่ชอบหน้าประชาชนตาดำๆ เลยล่ะครับ เขาเป็นอะไรกับหมวดเรียวหรือครับ ผมแค่จะเข้าไปหากระเป๋า”
“ตกลงคุณลืมกระเป๋าตอนไหนแน่”
“ก็...เอ่อ...” ศรันย์พูดมากจนพลาดเอง “ก็ผมเคยเข้าไปหนนึง โดนตะเพิดไล่ออกมา ต้องเป็นตอนที่ลุกลี้ลุกลนแน่ๆ เลย ผมอาจทำกระเป๋าตก ผมเลยต้องย้อนเข้าไปอีกไงล่ะ ว่าจะเข้าไปถามเรื่องกระเป๋า แต่โดนจ้องจะกินหัว ผมก็เลยตาลีตาเหลือกกลับออกมาอีก”
“แสดงว่าคุณมั่นใจว่ากระเป๋าตังค์หายในห้องนั้น”
“ก็อาจเป็นไปได้นะ”
“แต่ไม่มีรายงานอะไรเลย ยิ่งถ้าหายในห้องนั้นก็ต้องมีคนเอามาแจ้งที่นี่ นั่นมันห้องตำรวจเลยนะคุณ”
“อ้าว ของลืมทิ้งไว้ในห้องตำรวจมันหายไม่ไดหรือไงคร้าบ”
“อ้าว แบบนี้ดูหมิ่นเจ้าพนักงานนี่คุณ” ร้อยเวรพูดเสียงเข้ม
“ผมเปล่านะ” ศรันย์รีบปฏิเสธ “เอาเป็นว่าคุณผู้กองลงบันทึกประจำวันให้ผม หายที่ไหนก็ช่างหัวมัน วันเวลาก็กะๆ เอาก็แล้วกัน อ้อ ถ่ายสำเนาให้ด้วยนะครับ ผมต้องเอาไปแจ้งพวกธนาคารทำบัตรเอทีเอ็มกับบัตรเครดิตใหม่ ที่สำคัญคือไปทำบัตรประชาชน พอดีเบื่อรูปตัวเองในบัตรเหมือนกัน มีคนว่าหล่อสู้ตัวจริงไม่ได้ ทำบัตรใหม่คราวนี้ ผมจะแอ๊คท่าให้หล่อเท่ไม่มีที่ติเลยทีเดียวเชียว”
ร้อยเวรทำหน้านิ่งเฉย ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง ประชาชนปากมากจึงอดพูดไม่ได้ว่า
“ยังไม่ถึงเวลาออกเวรหรอกครับคุณผู้กอง เหลือเวลาอีกตั้งสี่สิบกว่านาที”
“รู้ดีอีก”
“แล้ววันนี้งานไม่ยุ่งหรือครับ ไม่มีใครเอาใบสั่งมาส่งให้หรือครับ” ศรันย์เริ่มรู้สึกว่านานเกินไป รถเขาจอดเกือบจะเรียกได้ว่ากีดขวางทางเข้าสถานีตำรวจด้วยซ้ำ แต่จนป่านนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีปัญหาอะไร
“วันนี้เงียบ โจรมันคงจะรู้และอยากให้ตำรวจมีเวลาให้บริการประชาชนที่มีปัญหา” ร้อยเวรอดพูดประชดประชาชนเจ้าปัญหาไม่ได้
“ใชคของผมจริงๆ” ศรันย์พยักหน้า
“โชคดีที่กระเป๋าตังค์หายอีกใช่ไหม”
“โธ่ คุณตำรวจครับ ใครอยากกระเป๋าตังค์หายบ้างล่ะ กระเป๋าผมยี่ห้อแอร์เมสเลยนะครับ” ศรันย์คุย
“กี่ร้อย ซื้อที่ไหน ของผมซื้อหน้าอิมพีเรียลสำโรง 89 บาท”
“คุณตำรวจไม่รู้จักกระเป๋าแอร์เมสเลยหรือ”
“จะอวดว่ากระเป๋าแพงงั้นสิ ใช้กระเป๋าแพงก็แสดงว่ารวย ถ้างั้นเวลาจ่ายค่าปรับทำไมยุ่งยากนัก” ร้อยเวรพูดด้วยน้ำเสียงประชด
“กระเป๋าตังค์หายนี่ครับคุณตำรวจ กระเป๋าตังค์หายจะมีเงินจ่ายได้ยังไง กระเป๋าตังค์มีเอาไว้ใส่เงิน กระเป๋าตังค์หายก็แสดงว่าไม่มีเงิน พอไม่มีเงินอะไรมันก็ยุ่งยากไปหมดทั้งนั้นล่ะ หรือว่าคุณผู้กองจะเถียงผม” ศรันย์ต่อปากต่อคำ ร้อยเวรยกมือขึ้นแสดงอาการว่าไม่อยากเถียง ศรันย์จึงเปลี่ยนพูดเรื่องอื่น “ว่าแต่ว่าผมขอถามหน่อยได้ไหม ตำรวจที่ตัวสูงๆ ดุๆ ชื่อว่าอะไรหรือ แล้วทำไมห้องนั้นไม่มีตำรวจอยู่ซักคน เกิดโจรบุกเข้ามาจะว่ายังไง”
“คุณ โจรที่ไหนจะบุกสถานีตำรวจ” ร้อยเวรถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “คุณนี่สงสัยอะไรแปลกๆ หน่วยปราบปราบพิเศษเขาก็ออกไปทำงานสิครับ นี่คุณ อย่าเพิ่งถาม อย่าเพิ่งชวนผมคุย กำลังพิมพ์บันทึกประจำวันอยู่”
“ผมว่าให้ตำรวจเขียนบันทึกประจำวันด้วยลายมือเหมือนเดิมจะดีกว่า ใครให้ใช้คอมก็ไม่รู้ เสียเวลามาก กว่าจะจิ้มเสร็จ อีกอย่าง ผมชอบอ่านลายมือตำรวจ มันท้าทายความสามารถดี” ศรันย์พูดต่อเจื้อยแจ้ว
ร้อยเวรทำหูทวนลม เพราะรู้ว่าหากตอบโต้ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คงได้คุยจ้อต่ออีกนาน
ขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะและวางใบสั่งลองพร้อมกันพูดว่า “หมวดครับ ใบสั่ง วันนี้รายได้ไม่ดี มีแค่ห้าใบ ช่วงบ่ายหวังว่าคงจะได้เยอะกว่านี้”
ศรันย์ชะเง้อหน้าไปมองเพราะอยากรู้ว่ามีชื่อของตัวเองหรือไม่ แต่เขาอ่านลายมือของตำรวจที่เขียนใบสั่งไม่ออก ร้อยเวรมองเห็นจึงอดพูดกระทบชายหนุ่มเจ้าปัญหาไม่ได้
“ตอนนี้ตำรวจยังใช้มือเขียนใบสั่งอยู่ ไม่ได้ปรินท์คอม ถึงจะชอบความท้าทายคุณก็อ่านไม่ออกหรอก”
“จำได้อีกแฮะ” ศรันย์หัวเราะหึๆ
“ไม่มีของคุณหรอก สบายใจได้”
“มีของผมสิแปลก ทำไมคุณร้อยเวรคิดว่าจะมีของผม”

เมื่อไม่เจอหมวดเรียวและได้กวนตำรวจแก้เบื่อแล้วศรันย์จึงเดินกลับมาที่รถของตัวเอง แต่เมื่อเดินมาถึงเขาก็ต้องตาเหลือก อ้าปากค้าง เพราะ ณ ตรงที่เคยจอดรถไว้นั้น ขณะนี้ว่างเปล่า ไม่มีรถตัวเองจอดอยู่
ศรันย์รีบกลับเข้าไปในสถานีตำรวจ แจ้งความว่ารถหาย และเมื่อร้อยเวรสอบถามรายละเอียด จึงบอกว่าได้จอดรถไว้ในที่ห้ามจอด แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบว่ามีการล๊อครถหรือลากรถเข้ามาในสถานีฯ
“แสดงว่ารถผมโดนขโมย อะไรกัน จอดอยู่หน้าโรงพักยังโดนขโมยได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย” ศรันย์โวยวาย
“จะแจ้งความเลยไหมคุณ” ร้อยเวรถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ตื่นเต้นไปกับศรันย์ด้วย
“แจ้งสิครับ ไม่แจ้งได้ยังไง อะไรกัน จอดหน้าโรงพักยังโดนขโมย ตำรวจไม่ดูแลให้ผมเลย ปล่อยให้โจรมาขโมยได้ง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง แทนที่จะปลอดภัย ทำไมปล่อยให้รถผมหาย” ศรันย์เริ่มคร่ำครวญ
“อ้าวคุณ อย่าพาลสิ ใครบอกให้จอดตรงนั้น”
“ก็นึกว่าจะปลอดภัย ถ้าผมจอดผิดที่ ทำไมไม่ไปรีบล๊อคล้อเอาไว้ นี่ถ้าคุณไปล๊อคล้อเอาไว้ มันก็คงไม่มีใครมาขโมยหรอก” ศรันย์ไม่ยอมหยุดบ่น
“เอาเถอะ คุณใจเย็นๆ แจ้งความไว้ก่อน เดี๋ยวจะตามให้” ร้อยเวรยกมือห้าม
“ผมจะกลับบ้านยังไงล่ะทีนี้ กระเป๋าตังค์ก็หาย เงินก็ไม่มี”
“เดี๋ยวจะให้ยืมสามร้อย ไม่ต้องห่วง จะจัดการให้ คุณนั่งรอเดี๋ยวเดียว”
“เวรกรรม เวรจริงๆ เลย ทำไมซวยอย่างนี้” ศรันย์ยกมือตบหน้าผากของตัวเอง กระแทกหลังเข้ากับพนักพิงเก้าอี้แล้วบ่นไม่หยุด ร้อยเวรต้องปลอบอยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ จากนั้นบอกให้ศรันย์กลับไปก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนและติดตามค้นหารถให้อย่างเร่งด่วน
// /// // // // //

ศรันย์กลับมาที่อู่ซ่อมรถของตัวเองด้วยความหงุดหงิด ความรู้สึกเบื่อที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเช้าหายไปหมดสิ้น
“เพราะหมวดเรียวเลยทีเดียว นี่ถ้าไม่เอาปืนจี้บังคับให้ขับรถพาหนีโจร ก็คงไม่มีวันนี้ รถก็คงไม่โดนขโมย อะไรวะ ตั้งแต่เจอกันวันนั้น ทำไมมีแต่เรื่องซวยๆ” ในที่สุดก็โทษนายตำรวจจอมกวนคนนั้น
ศรันย์เดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในห้องทำงาน สุวัฒน์เปิดประตูห้องเข้ามาสอบถามก็โดนตะเพิดไล่ออกไป ใครก็เข้าหน้าไม่ติด จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ศรันย์จึงรู้สึกสงบลงมาบ้าง
“เฮ้ย สุวัฒน์ปิดร้าน เอารถออก ทุกคนแบ่งกันเป็นสาย ออกไปตามหารถพ่อเอ็งเดี๋ยวนี้ จะเพิ่มโอทีให้สองแรง” ศรันย์เดินออกมานอกห้องทำงาน ยืนประกาศกลางอู่ให้ลูกน้องทุกคนได้ยิน
“มันจะเจอหรือพี่” เสียงสุวัฒน์ผู้ช่วยสนิทดังขึ้น
“ไอ้ปากหมา พูดไม่เป็นมงคล ออกตระเวนหาก่อนสิวะ” ศรันย์หันไปตะคอก “เร็วๆ เข้า เก็บของ ปิดร้าน”
ขณะที่ช่างซ่อมทุกคนกำลังเก็บอุปกรณ์เข้าที่ รถเก๋งแต่งซิ่งคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าอู่ซ่อมรถ ชายร่างผอมสองคนในชุดนักศึกษาลงมาจากรถแล้วเข้ามาในอู่พร้อมกับบอกว่าจะเอารถมาซ่อม
“พี่วัฒน์ ดูรถให้ผมหน่อยสิ เป็นอะไรก็ไม่รู้ เร่งไม่ค่อยขึ้น” เจ้าของรถแต่งซิ่งคนหนึ่งพูดกับสุวัฒน์
“อู่ปิดแล้ว มาวันหลัง” ศรันย์พูดขึ้น
“อ้าว เพิ่งบ่ายสองโมงกว่าเองนี่ครับเฮีย จะรีบปิดไปไหน” ลูกค้าถามด้วยความสงสัยปนผิดหวัง
“ไปตามหารถ” ศรันย์กระแทกเสียง “รถเฮียหาย โดนขโมย เจ็บใจฉิบหาย”
“เอ๊ะ เมื่อกี้เห็นแว๊บๆ หน้าปากซอย ยังนึกอยู่เลยว่าเฮียไม่อยู่อู่อีกแล้ว อุตส่าห์เอารถมาเข้าอู่ จะให้เฮียดูให้เสียหน่อย” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาอีกคนเดินตามเข้ามาหลังเพื่อนพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะ” ศรันย์อุทานเสียงดัง “รถเฮียงั้นหรือ แกตาฝาดหรือเปล่า”
“ไม่ฝาดหรอก ทะเบียนรถเฮียผมจำได้ บีเอ็มสีดำ สส. 777 ถูกไหมล่ะ”
“เฮ้ย พวกเรา ตามมา เร็วๆ เข้า นายสองคน พาเฮียซิ่งตามไปลุยมันเลย ถ้าจับได้ จะซ่อมรถให้ฟรี” ศรันย์วิ่งนำกลุ่มเด็กนักศึกษาออกมาที่หน้าอู่ ชี้นิ้วให้คนที่บอกว่าเห็นรถของเขาขึ้นนั่งบนรถซูบารุอิมเพรสซ่าสีบรอนซ์บนเบาะนั่งข้างคนขับ อีกสองคนกับสุวัฒน์นั่งเบาะหลัง ตัวเองขึ้นนั่งบนที่นั่งคนขับแล้วทะยานรถออกไปโดยเร็ว

ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็ถึงปากซอย เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ ทุกคนในรถต่างช่วยกันมองหา ไม่นานก็โชคดี เห็นรถบีเอ็มดับบลิวสีดำของศรันย์จอดอยู่ข้างถนนหน้าปั๊มน้ำมัน แต่สิ่งที่วางอยู่บนหลังคารถทำให้ศรันย์ต้องร้องออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“อะไรวะ ประกาศขาย” ศรันย์ตะโกน เท้ากระทืบเบรกจอดหลังรถบีเอ็มดับบลิวจนทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ในรถหัวทิ่ม
“โอ๊ย” เสียงคนในรถร้องขึ้นพร้อมกันเพราะหัวโขกเข้ากับเบาะหน้า ส่วนคนที่นั่งอยู่เบาะหน้ารีบพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “เฮ้ย ห้าแสนเองหรือ ถูกอย่างนี้ผมซื้อเล๊ย”
“ไอ้...” ศรันย์หันไปขึงตาใส่แล้วรีบลงจากรถ
“ลูกพ่อ นึกว่าจะถูกพรากจากกันซะแล้ว” ศรันย์แทบจะผวากอดรถบีเอ็มดับบลิวแสนรัก รู้สึกดีใจปนโกรธยิ่งนัก “ใครวะ กล้าล้วงคองูเห่า ขโมยรถกูมาขาย”
“เบอร์นี้อู่เฮียไม่ใช่หรือเนี่ย” เสียงหนึ่งดึงขึ้น
“เออ จริงด้วย” อีกคนหนึ่งเห็นด้วย
“โดนแกล้งแน่ๆ เลยๆ” สุวัฒน์พูดขึ้น “เฮียไปขัดขาใครเข้าให้ล่ะ ถึงโดนแก้เผ็ดอย่างนี้”
“แกล้งงั้นหรือ” ศรันย์ชะงัก
พอได้ยินคำว่าแกล้ง ชื่อแรกที่โผล่เข้ามาให้หัวจะเป็นใครไปไม่ได้
“หมวดเรียว” ศรันย์เค้นเสียงออกมาตามไรฟัน “เล่นแรงเลยนะ”
/////////

พอนึกถึงหมวดเรียวไม่ทันไร หมวดเรียวก็มา นายตำรวจหนุ่มมาดกวนเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมันพร้อมกับเพื่อนคู่หู มาหยุดยืนอยู่ไม่ห่าง ยืนมองชายหนุ่มสี่คนซึ่งยืนอยู่รอบรถบีเอ็มดับบลิว ‘คันนั้น’ ด้วยรอยยิ้มขบขัน
“หมวดเรียว เราไปดีกว่า เจ้าของเขามาแล้ว” ชินวัฒน์สะกิดเพื่อน
“อ้าว คุณหมวดนี่เอง” ศรันย์หันไปเห็นนายตำรวจที่เขาเชื่อว่าแกล้งตัวเอง จึงรีบโวยวายขึ้น “คุณขโมยรถผม ฝีมือคุณใช่ไหม”
“อ้าว กล่าวหากันแบบนี้ โดนจับได้นะคุณ ผมเป็นถึงตำรวจ จะไปขโมยรถคุณทำไม” เรียวทำหน้ายียวน
“จะมีใครถ้าไม่ใช่คุณ” ศรันย์ชี้หน้า เดินเข้าไปใกล้ตำรวจปากแข็ง
“เดี๋ยวฟ้องหมิ่นประมาทซะเลย” เรียวชี้หน้าคืน
“รถผมหายจากหน้าโรงพักคุณ มาจอดขายอยู่ปากซอยเข้าอู่ผม คุณก็ยืนอยู่ตรงนี้เห็นๆ ถ้าไม่ใช่คุณทำแล้วจะใคร” ศรันย์โวย
“มีพยานหรือเปล่า” เรียวเอียงหน้า เลิกคิ้วข้างเดียว พูดลากเสียงยาว
“พยานหรือ นี่ไง ลูกน้องผม ลูกค้าผม” ศรันย์หันหลัง ชี้มือไปยังสี่หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“งั้นหรือ พวกนายเห็นหรือว่าผมขโมย” เรียวก้าวเท้าเข้าไปหาพยานที่ศรันย์กล่าวอ้าง ยืนกางขา เท้าสะเอว กวาดตามองทั้งสี่คน “ใครเห็น บอกมาซิ”
เงียบ ทั้งสี่คนที่เจ้าทุกข์อ้างว่าเป็นพยานไม่มีใครพูดสักคน
“คุณไปข่มขู่พยานแบบนั้น ใครมันจะกล้าพูด” ศรันย์กระชากเสียง
“อ๋อ คงดุไป ถ้างั้นพูดใหม่” เรียวพยักหน้า แล้วพูดใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  “น้องทั้งสี่ครับ เห็นหรือครับว่าพี่ขโมยรถของลูกพี่ของน้องมาจากหน้า สน. ของพี่ แล้วเอามาจอดประกาศขายที่ข้างทาง ถ้าน้องเห็นจริง ขอเรียนเชิญไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจจะได้ไหมครับ แต่น้องทั้งสี่คงจะทราบดีใช่ไหมครับ ว่าการเป็นพยานเท็จนั้นผิดกฏหมาย โดยเฉพาะเป็นพยานเท็จปรักปรำตำรวจ”
“ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยครับ” สุวัฒน์รีบพูด
“ไอ้สุวาน” ศรันย์เดินมาตบศีรษะลูกน้องคนสนิทเบาๆ
“อู่คุณอยู่แถวนี้หรือ” เรียวเปลี่ยนเรื่อง ทำหน้าตาเฉยเมย “ไหน พาไปหน่อยซิ ขอไปดูหน่อยว่ามีพวกแก็งค์รถซิ่งไปมั่วสุมอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
“ไม่ได้มั่วสุมครับพี่ แค่เอารถไปซ่อม” เด็กนักศึกษาคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมาทันที
“หุบปาก เงียบ” เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ ดุเบาๆ
“แสบจริงๆ นะหมวด” ศรันย์หน้าบึ้ง พูดใกล้หูของหมวดเรียว แล้วหันไปบอกให้สุวัฒน์พาลูกค้านักศึกษาทั้งสามกลับไปที่อู่
 “หมวดเรียว แกล้งผมแรงเกินไปแล้วนะ ผมเกือบหัวใจวาย สนุกนักหรือไงได้แกล้งประชาชนตาดำๆ ไม่มีทางสู้” ศรันย์หน้ามุ่ย
“ไม่ได้แกล้ง แค่สั่งสอน” เรียวยักไหล่
“แสบจริงๆ” ศรันย์เบ้ปากใส่นายตำรวจทั้งสองแล้วเดินกระแทกเท้าไปยังรถของตัวเอง ก่อนจะขึ้นรถ หันมามองเรียวด้วยสายตาฉุนๆ เห็นประกายวิบวับในตาของนายตำรวจหนุ่ม
...เจ็บใจนัก ระวังเอาไว้เถอะ เดี๋ยวจะเอาคืน อยากเล่นกับศรันย์นักใช่ไหม ได้เลยคุณหมวด...
////////////

“คิดดูก็น่าสงสารเขาอยู่เหมือนกันนะหมวดเรียว” ชินวัฒน์พูดขึ้นหลังจากกลับมาถึงสถานีตำรวจ
“แหม ตอนชวนทำรีบพยักหน้าเห็นด้วยเลยนะ ตอนนี้มาสงสาร” เรียวเบ้ปากใส่ชินวัฒน์
“พี่แกจะแค้นเราหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่หรอก” เรียวยักไหล่ อมยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าเป็นเราโดนแกล้งแบบนี้ล่ะก็ ฮึ่ม” ชินวัฒน์ทำเสียงในลำคอ แสดงอาการว่าไม่พอใจ “ต้องมีการเอาคืนกันบ้างล่ะ ยกเว้นเสียแต่ว่า...”
“ยกเว้นอะไร” เรียวถามเพราะเพื่อนพูดไม่จบประโยค แล้วปล่อยทิ้งเงียบไปเฉยๆ
“ถ้าเค้าไม่ชอบ เค้าไม่ยอมตัวเองหรอก” ชินวัฒน์แกล้งบีบเสียงพูดจาอ่อนหวานแล้วหัวเราะหน้าทะเล้น
“เดี๋ยวกำปั้นยัดปากเลย เลิกชวนคุยเล่นได้แล้ว ทำงาน สารวัตรนี่ก็อะไรก็ไม่รู้ ให้ทำงานแบบนี้อีกแล้ว” เรียวบ่น
“สารวัตรนี่ก็แปลกๆ นะ อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นนักศึกษาไปหาข่าวอยู่ดีๆ ก็ให้ถอนตัวออกมา หรือว่า...”
เรียวนิ่ง ไม่ตอบโต้ ทั้งที่ชินวัฒน์จงใจพูดไม่จบประโยค ปล่อยให้คนฟังอยากรู้
“หรือว่า...” ชินวัฒน์เอียงคอ ทำหน้าคิด “ไม่อยากรู้หรือหมวดเรียว”
“อยากรู้อะไร” ในที่สุดเรียวก็ถาม
“อยากรู้ว่าทำไมสารวัตรให้หมวดเรียวดันทุรังถอนตัว”
“จะพูดอะไรก็พูดเถอะ อย่าลีลา” เรียวพูดเสียงดุ
“ผมว่าสารวัตรกลัวว่าหมวดเรียวจะพลาดท่าเสียตัวล่ะมั๊ง ถึงได้ให้ถอนตัว งานมันสุ่มเสี่ยงมากเลยนะนั่น ต้องเป็นเด็กขายเพื่อหาข่าว” ชินวัฒน์หัวเราะก๊าก
“พอ ไม่เอาแล้ว” เรียวลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ให้มาทำงานสืบหาเส้นทางโอนเงินของพวกขายยาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบนี้เบื่อจะตายชัก”
“อ้าว ไม่ทำได้ยังไง ก็สารวัตรท่านบัญชามาแล้ว” ชินวัฒน์แย้ง
“แกทำไปเลยไอ้หมวดลูกชิ้น ฉันจะออกไปหาข่าว” เรียวเดินตรงไปที่ประตูห้องทำงาน ชินวิฒน์รีบตามแล้วเตือนว่าจะทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่พอใจ
“ก็บอกไปสิ ว่าไปหาข่าวเรื่องที่เรากำลังทำอยู่ ถ้าสารวัตรถามก็บอกว่าข้อมูลมันขาดหายไป เลยต้องลงพื้นที่ ระหว่างนี้ แกก็รีบค้นข้อมูลให้เสร็จๆ เข้าใจนะ” เรียวกันไปพูดเสียงดุกับเพื่อนคู่หูแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ชินวัฒน์ยืนเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
/// /// /// ///

เรียวก้าวลงจากแท็กซี่ ยืนมองหน้าอู่ซ่อมรถของศรันย์อยู่ชั่วอึดใจแล้วเดินเข้าไปข้างใน ช่างซ่อมแต่ละคนกำลังง่วนอยู่กับงานซ่อมรถ ไม่มีใครหันมาสนใจเขาแม้แต่คนเดียว เรียวจึงเดินเข้าไปด้านในของอู่
มีห้องทำงานอยู่สองห้อง ห้องใหญ่มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคน คนหนึ่ง เป็นหญิงสาวอายุประมาณสามสิบปีต้นๆ กำลังนั่งพิมพ์เอกสารอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียวเดาเอาว่าน่าจะเป็นเลขานุการทั่วไป ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มบุคลิกนุ่มนิ่ม แต่งตัวเนี๊ยบ กำลังใช้เครื่องคิดเลขอยู่อย่างคล่องแคล่ว ส่วนห้องที่เล็กกว่าด้านซ้ายมือค่อนข้างมิดชิดกว่าเพราะมีม่านบังตา แต่ก็ยังพอมองเห็นในห้อง
ศรันย์นอนเอนตัวพิงเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ มือประสานท้ายทอย สองเท้าวางพาดอยู่บนโต๊ะ เรียวเดินเข้าไปแนบหน้ากับกระจกเพื่อให้มองเห็นชัดกว่าเดิม
“เจริญจริงๆ ลูกน้องทำงาน เจ้าของนอนหลับ” เรียวพึมพำเบาๆ ค่อยๆ เลื่อนประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ศรันย์ยังนอนนิ่ง อกสะท้อนขึ้นลงสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าหลับจริง ไม่ใช่แค่เพียงหลับตาพักสายตา
นายตำรวจหนุ่มยืนมองคนที่นอนหลับอยู่บนเก้าอี้อย่างพิจารณา ใบหน้าขาวสะอาดเริ่มมีไรหนวดครึ้มเพราะคงไม่ได้โกนมาหลายวัน คิ้วหนาเข้มวางพาดอยู่เหนือดวงตาซึ่งรอบๆ มีรอยคล้ำเล็กน้อยราวกับอดนอนอยู่เป็นนิจ จมูกโด่งคมเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากเรียวได้รูป ใบหน้าของศรันย์ยามหลับนั้นดูคมเข้มยิ่งนัก
เรียวกระแอมเล็กน้อย ทำเสียงปลุกให้ศรันย์ตื่น แต่ฝ่ายนั้นยังไม่กระดุกกระดิก เรียวจึงเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม เอามือเคาะโต๊ะแต่ศรันย์ก็ยังนอนนิ่ง
“ขี้เซาจริง ถ้าเป็นเรา มีคนเดินเข้าห้องมายืนใกล้ๆ แบบนี้ตื่นตั้งนานแล้ว” เรียวพึมพำแล้วใช้มือตบที่ข้อเท้าของศรันย์เบาๆ
“หมวด...” เสียงศรันย์พึมพำ เรียวเงยหน้าขึ้นมอง ศรันย์ทำปากจิ๊กจั๊กแล้วพึมพำอีกครั้ง “อย่านะ”
“อะไรวะ” เรียวย่นหัวคิ้ว
“ถอยไป...” ศรันย์พึมพำอีก
“ละเมอกลางวันด้วยแฮะ” เรียวยิ้มขำ
“อือๆ” ศรันย์ทำเสียงในลำคอ เรียวกลั้นหัวเราะ รู้สึกขำที่เห็นศรันย์ละเมอ
“หมวด...อย่าดิ้น...”
“หือ” เรียวสงสัย เอียงหน้ามองคนที่นอนอยู่ตรงหน้า
“ก้มลง...หมวด...ก้มสิ” ศรันย์ยังคงละเมอต่อ
“ฝันอะไรอยู่เนี่ย”
“หมวด...ซี๊ด...อูย...”
“หมวดหรือ” เรียวขมวดคิ้ว ได้ยินศรันย์ชัดเจน เริ่มสงสัย
“โอย...กางขาออกซิหมวด...จะเข้าแล้ว...”
“ลามก” เท่านั้นเองเรียวก็เข้าใจว่าศรันย์กำลังฝันเรื่องอะไร
นายตำรวจหนุ่มยืดตัวขึ้น หยิบนิตยสารรถแข่งที่กองอยู่บนมุมโต๊ะขึ้นมา แล้วโยนลงบนโต๊ะแรงๆ แล้วตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกับร้องว่าไฟใหม้ ศรันย์สะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกใจ
“หา ไฟไหม้ที่ไหน อะไรวะ” ศรันย์หันซ้ายหันขวาเลิกลั่ก แต่ครั้นเห็นว่าใครยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้าก็อุทานเสียงดัง “เฮ้ย คุณหมวดเข้ามาได้ยังไง จะมาทำอะไรผม”
“ใครจะไปทำอะไรคุณ” เรียวส่ายหน้า พูดเสียงเข้ม “คุณนั่นล่ะ ทำอะไรอยู่”
“นอนสิครับ ถามได้” ศรันย์เอาขาลงจากโต๊ะ ลุกขึ้นบิดตัวพร้อมส่งเสียงร้องโอดโอยราวกับเจ็บปวดยิ่งนัก เรียวมองนิ่ง แต่พลันลดสายตาลงต่ำ เห็นอะไรบางอย่าง ทำให้ต้องหันหน้าหนี
“ลามกจริงๆ เลย ขนาดฝันยังลามกได้ คนอะไรวะ” เรียวบ่น
“โอ๊ะ ตายห่_” ศรันย์อุทานแล้วใช้มือปิดเป้ากางเกงตัวเอง “ก็คุณเล่นเข้ามาในห้องส่วนตัวแบบนี้ จะมาว่าผมไม่ได้นะ ผู้ชายตื่นนอนมันก็ต้องเป็นแบบนี้ทุกคน”
“เดี๋ยวจะไปรอข้างหน้า มีเรื่องจะคุยด้วย รีบตามออกไป อย่าให้รอนาน” เรียวสั่งแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป ขณะที่ดึงประตูเลื่อนกำลังจะปิด ก็ได้ยินเจ้าของห้องหัวเราะเบาๆ พร้อมกับคำพูดบางอย่าง ทำให้เขากระชากประตูปิดเสียงดังปังด้วยความฉุนเฉียว

►จบบทที่ 6◄

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านและเมนท์นะครับ นิยายมผมไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่นะ เขียนแบบมีสาระไม่ค่อยเป็น อ่านแก้เครียดเพลินๆ ก็แล้วกันนะครับ
สุขสันต์วันวาไลนไทน์

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ซิกาแร๊ต

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เค้าทันกันขนาดนี้ ... สะใจคนอ่านดีจริงๆ  :laugh:

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
หมวดเรียวน่ารักจริงๆ :m20:

ออฟไลน์ TheP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมวดเรียวเสน่ห์แรงงงง
 :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด