[จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄  (อ่าน 35175 ครั้ง)

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
คุณศรัณย์เอ้ยยย ชาตินี้ตะได้แอ้มหมวดเรียวป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ทำไมเงียบๆ ไป?

ออฟไลน์ Timber Huang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กลับมาต่อเถอะคนเขียน  :mew2:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
สงสารศรัณย์ ไม่น่ามาชอบหมวดเรียวเล้ย

เห้ออออ

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ขอโทษนะครับที่หายไปนานเกินเดือน ตอนนี้ชีวิตต้องกัดฟันสุดๆ เน็ตก็ไม่มี ขอบคุณที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์

♀ บทที่ 21♀

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียวก็ออกไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน สั่งให้ชินวัฒน์กับศรันย์เป็นคนรับผิดชอบล้างจาน แต่ไม่กี่นาทีชินวัฒน์ก็เดิมตามออกมา บอกว่าศรันย์เป็นคนอาสาล้างคนเดียว
"ตกลงคิดได้หรือยังว่าจะแกล้งคุณศรันย์ยังไง" ชินวัฒน์ถาม
"ไม่แล้ว" เรียวส่ายหน้า
"อ้าว ไม่ได้นะ ต้องสั่งสอนเสียหน่อย โทษฐานที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับคุณพีทที่อู่ซ่อมรถ นี่ถ้าเราไม่โผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋แบบนั้นคงเอากันมันส์ไปแล้ว" ชินวัฒน์ทำสีหน้าจริงจัง
"หุบปากเสียทีเถอะไอ้หมวดลูกชิ้น" เรียวพูดเสียงขุ่น "เขาก็คงแค่ตื้อคุณศรันย์นั่นล่ะ ใครกะจะมีเซ็กส์กันในออฟฟิส ทั้งลูกน้องทั้งช่างซ่อมรถอยู่ข้างนอกเยอะแยะ"
"แก้ตัวแทนอีก แบบนี้ก็หมายความว่า..." ชินวัฒน์ทำเสียงล้อเลียน อมยิ้ม เอียงหน้าทำท่าคิด แต่เมื่อเรียวยังยืนเงียบจึงพูดต่อว่า "นี่ถามหน่อยเถอะเพื่อน ถามจริงๆ เลยนะ แบบว่าอยากรู้มาก นี่ชอบคุณศรันย์เข้าไปจริงๆ แล้วใช่ไหมถึงได้ทำเป็นใจเย็นแบบนี้ นี่คงกำลังติดสินใจว่าจะตกลงปลงใจกับเฮียเขาแล้วละสิ แบบนี้ย้ายไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่านะ"
"พูดหมดแล้วใช่ไหม งั้นกลับบ้านได้แล้ว ไปชวนเฮียศรันย์ของนายกลับไปพร้อมกันด้วย ง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้งานใหญ่ เสร็จเรื่องจับบ่อนพนันเราจะลาหนึ่งอาทิตย์กลับบ้าน แม่ให้ไปช่วยเรื่องซ่อมบ้าน ช่างเขารอทำอยู่แล้ว" เรียวตัดบท ชี้มือเข้าไปในบ้านแล้วเร่งเพื่อน
แต่เมื่อนายตำรวจทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นศรันย์นอนแผ่หราอยู่บนโซฟา ท่าทางหลับสนิท แผ่นอกสะท้อนขึ้นตามจังหวะหายใจอย่างสม่ำเสมอ
"โอ้โห เชื่อพี่เค้าจริงๆ เลย ไม่ถึงห้านาทีล้างจานเสร็จก็หลับเสียแล้ว ถอดกางเกงนอนอีกต่างหาก ยังกับว่าจะเตรียมตัวรออึ๊บเจ้าของบ้าน" ชินวัฒน์ชี้นิ้วไปที่ศรันย์
"ไอ้ปากเสีย" เรียวทำเสียงดุ
"เป้าตุงขนาดนี้ท่าทางใหญ่ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย" ชินวัฒน์ยืนเอียงหน้าพิจารณาดูศรันย์
"กางเกงเขาเปียก ล้างจานยังไงวะให้กางเกงเปียกแบบนี้" เรียวมองไปเห็นกางเกงขายาวของศรันย์วางพาดอยู่บนเก้าอี้จึงหยิบขึ้นมาแล้วเดินเอาไปใส่เครื่องอบผ้า จากนั้นหันไปบอกให้ชินวัฒน์กลับบ้านไปก่อน
"แล้วจะเก็บเขาไว้นอนกกที่นี่หรือหมวดเรียว" ชินวัฒน์ถามหน้าทะเล้น หันไปมองศรันย์ด้วยสายตาขำๆ
"ทะลึ่ง เดี๋ยวโดนเตะ" เรียวยกเท้าขึ้น ชินวัฒน์ถอยกรูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู ปากก็ยังพูดว่าต้องหาวิธีแกล้งศรันย์เพื่อเป็นการสั่งสอนให้เข็ดหลาบ
"เลิกพูดเรื่องนี้เสียทีเถอะ" เรียวโคลงศีรษะ
"งั้น ถ้าไม่แกล้งเป็นการสั่งสอนก็ต้องลองใจ" ชินวัฒน์ยังไม่ยอมหยุด "จะได้ให้แน่ใจว่าเขาชอบเราจริงๆ และทิ้งนิสัยเจ้าชู้"
"ดูๆ ไปก็ไม่เห็นจะเจ้าชู้เท่าไหร่นะ เขาก็คงสนุกสนานไปตามประสาคนโสด" เรียวพูดเสียงราบเรียบ
"แต่เขามาจีบนายได้หลายเดือนแล้ว ดูท่าทางก็เหมือนจะจริงจัง ต้องให้แน่ใจสิ ถ้าจะมาเป็นแฟนกันก็ไม่เรียกกว่าโสดอีกต่อไป ของแบบนี้มันต้องทดสอบ"
"ทำยังกับว่าเขาจะมาเป็นแฟนตัวเอง"
"เรารักและเป็นห่วงเพื่อนผู้ไร้เดียงสาหรอกน่า" ชินวัฒน์ให้เหตุผล นั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้านเพื่อสวมรองเท้าพลางยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาอ้าง จนในที่สุดเรียวจึงตัดบทว่าอยากทำอะไรก็ทำ
"อย่าให้ถึงกับเลือดตกยากออกก็แล้วกัน" เรียวย้ำ
"ไว้ใจเพื่อนคนนี้เถอะ" ชินวัฒน์ยักคิ้วแล้วเดินไปขึ้นรถ ขับออกไปจากบ้าน เรียวยืนมองตาม นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับเข้าไปในบ้าน นั่งรอจอกางเกงของศรันย์อบแห้งแล้วจึงไปปลุกให้ลุกขึ้น
"ผมง่วงมาก ขับรถกลับบ้านไม่ไหวหรอก ขอนอนที่นี่นะคุณหมวด" ศรันย์พูดเสียงอู้อี้ ยังไม่ยอมลืมตา
"อย่ามาลีลาหน่อยเลย"
"ถ้าผมขับรถกลับกลางดึกทั้งที่ง่วงนอนขนาดนี้ ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้นะคุณหมวด ไม่ห่วงกันบ้างหรือ ตำรวจเขาก็รณรงค์ไม่ใช่หรือว่าถ้าง่วงไม่ให้ขับ" ศรันย์มีข้ออ้าง
"ผีเสื้อราตรีแบบคุณนะหรือจะง่วงจนขับรถไม่ได้ นี่ยังไม่ตีหนึ่งเลย ผมว่าเวลานี้ปรกติคุณเพิ่งเริ่มออกจากรังไปซิ่งรถตระเวนจับเด็ก"
"แต่ก่อนกันตอนนี้มันไม่เหมือนกับนี่ครับคุณหมวด ผมเปลี่ยนไปแล้ว" ศรันย์ลืมตาขึ้นมา "ตอนนี้ผมเป็นนิวศรันย์"
"กางเกงแห้งแล้ว ใส่ซะ อุจาด" เรียวทำหูทวนลม โยนกางเกงลงบนตักของรันย์ ปิดคลุมท่องล่างของคนที่นอนอยู่บนโซฟา
"แค่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงในนี่นะเรียกว่าอุจาด ถ้าผมแก้หมดทุกชิ้นจะเรียกว่ายังไงล่ะ"
"เรียกว่าทุเรศ" เรียวตอบเสียงเข้ม "ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะคุณศรันย์ กลับบ้านได้แล้ว ผมจะนอน พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า เรื่องสำคัญด้วย"
"ผมขับรถไม่ไหวหรอก" ศรันย์ทำเสียงเหนื่อยล้า "เหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ไหว แขนขาก็หมดแรง ไม่ไหวจริงๆ นะ"
"ถ้างอแงแบบนี้ ทีหลังจะไม่ให้มาอีกแล้ว" เรียวยื่นคำขาด
"ก็ได้" ศรันย์ตอบเสียงสะบัด ยอมลุกขึ้นนั่ง จากนั้นสวมกางเกงช้าๆ ราวกับต้องการยื้อเวลา
"พรุ่งนี้ไม่ต้องโทรหาผมนะ ไม่ว่าง พรุ่งนี้หน่วยจะนำกำลังบุกเข้าจับกุมบ่อนการพนันแล้ว" เรียวพูดเสียงเรียบ นั่งรออย่างอดทน
"แค่จะเข้าลุยบ่อนพนัน ต้องปิดโทรศัพท์ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไง ทำงานแบบต้องทิ้งชีวิตส่วนตัวแบบนี้ไม่ไหวนะคุณหมวด แล้วพวกตำรวจคนที่มีลูกมีเมียไม่แย่หรือ มันจะไม่มีเวลาว่างสักนิดพอที่จะคุยกับแฟนเลยหรือไง" ศรันย์บ่น
"ใครเป็นแฟนคุณ" เรียวหันขวับมาทำเสียงดุ
"คุณหมวดเรียวครับ ถึงขนาดนี้แล้วคุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างนั้นหรือ ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ ไม่งั้นไม่ตามจีบขนาดนี้หรอก ตั้งแต่จีบคุณ ผมต้องเสี่ยงเจ็บตัวและเสี่ยงตายสุดๆ เลยรู้หรือเปล่า"
"ถ้าไม่รีบใส่กางเกงให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวได้เจ็บตัวจริงๆ" เรียวยื่นมือไปหยิบกุญแจรถของศรันย์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างโซฟาส่งให้ แต่เมื่อคนเจ้าปัญหายังคงนั่งนิ่งจึงโยนกุญแจใส่
"ดุจริงๆ เลย ไม่ได้มีความอ่อนโยนกับคนอื่นเขาเลย อ่อนโยนกับผมหน่อยก็ไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันคุณก็เอาปืนจี้ผม ข่มเหงกันแบบคงเส้นคงวาจนถึงตอนนี้"
"จะให้นับหนึ่งถึงสิบไหม ถ้านับถึงสิบแล้วคุณยังไม่สตาร์ทรถ ผมจะเอาปืนจี้คุณอีกที" เรียวพูดเสียงกร้าว ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ท่าทางขึงขัง
ศรันย์ทำหน้างอนๆ บิดขี้เกียจพร้อมกับส่งเสียงน่าหมั่นใส้แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน แกล้งโซเซทำเป็นจะล้ม จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินโผเผไปยังประตูหน้าบ้าน เรียวเดินตามหลัง เมื่อเห็นท่าทางจะเป็นจะตายของศรันย์ก็อดอมยิ้มไม่ได้
"เอาเถอะ พอบุกเข้าจับกุมบ่อนพนันเสร็จแล้วจะรีบโทรหาคุณก่อนเป็นอย่างแรกเลย" เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ ยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองศรันย์ก้มลงสวมรองเท้า
"จริงนะ อย่าโกหกปล่อยให้รอเก้อนะคุณหมวด" ศรันย์เงยหน้าขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายราวกับเด็กจะได้ของเล่น
"เคยโกหกคุณที่ไหน" เรียวทำหน้านิ่ง เมินไปมองด้านข้าง
"จริงด้วย ไม่เคย ไม่เคยเลยจริงๆ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว" ศรันย์เบ้ปาก แต่นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ
"ราตรีสวัสดิ์ ขับรถดีๆ นะ" เรียวไม่ต่อความยาวสาวความยืด พูดขึ้นมาเบาๆ ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง
"นี่คุณหมวดเรียวครับ เรื่องที่อู่ ผม..." ศรันย์มองหน้านายตำรวจหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว" เรียวยกมือห้าม
"ผมโดนพีทลวนลาม ผมขอยืนยัน" ศรันย์ยังดันทุรังจะพูด "ผมไม่ได้สมยอมเลยนะครับ ผมปัดป้อง ผมห้าม ผมขัดขืนแล้ว แต่พีทก็ไม่ยอมหยุด เขาแกล้งผม แล้วเราสองคนก็ไม่เคยมีอะไรกันมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆ ที่ผมเจอคุณโน่นแน่ะ ผม..."
"บอกว่าไม่ต้องพูด คุณนี่พูดมากจริงๆ เลย" เรียวทำเสียงดุ
"ผมกลัวคุณหมวดจะเข้าใจผิด กลัวคุณจะโกรธผม หาว่าผม..." ศรันย์ทำหน้าตาร้อนอกร้อนใจ
"แล้วที่ยืนอยู่ตรงนี้หมายความว่ายังไง" เรียวแทรก "ให้เข้าบ้านมานั่งกินข้าวด้วย ปล่อยให้นอนหลับบนโซฟาอีกต่างหาก หนำซ้ำยังอบกางเกงให้อีก"
"แสดงว่าคุณหมวดไม่ได้โกรธผม" ศรันย์ยิ้มกว้าง ขยับเข้ามาใกล้ ยกแขนขึ้นทำท่าจะสวมกอด แต่เรียวขยับถอยหลับไปหนึ่งก้าว กำหมัดยกขึ้นมา จ้องหน้าศรันย์เขม็ง บอกให้รู้ว่าถ้ายกแขนขึ้นมากอดจะต้องโดนต่อย
"ดุจริงๆ เลย" ศรันย์ค้อน ถอยหลังช้าๆ ยอมเดินไปที่รถ ปากก็บ่นพึมพำไปตลอดทาง ทว่าในใจรู้สึกพองโตที่รู้ว่าเรียวไม่ได้โกรธเขาเรื่องที่เข้าไปเจอพีทกำลังจะทำมิดีมิร้ายตัวเองในห้องทำงาน เมื่อขึ้นนั่งบนรถจึงลดกระจกลง โผล่หน้าออกมาทวงสัญญา "อย่าลืมนะคุณหมวด เสร็จงานแล้วโทรหาผมทันทีนะ ผมจะไปรับไปเลี้ยงฉลองกันสองต่อสอง"
เรียวไม่ตอบ ชี้นิ้วไปที่ประตูรั้วบ้าน ศรันย์ยิ้มกว้าง ค่อยๆ ออกรถ ปล่อยให้นายตำรวจหนุ่มมองตามยิ้มๆ


สุวัฒน์ ผู้ช่วยคนสนิทของศรันย์เปิดประตู้ห้องทำงานของเจ้านายเข้ามาก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าเจ้าของอู่นั้นอยู่ในท่า "มาตรฐาน" นั่นคือนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ เอนตัวไปด้านหลังจนสุด หลับตา มือประสานท้ายทอย ขาทั้งสองไขว้กันวางพาดอยู่บนโต๊ะ
"เจ้านายครับ โทรศัพท์" สุวัฒน์เดินไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
"ไม่รับ" ศรันย์พูดขึ้นมาเบาๆ ทั้งที่ตายังหลับอยู่
"คุณพ่อโทรมาครับ บอกว่าเรื่องสำคัญ"
"แล้วทำไมต้องโทรหาแก" ศรันย์ยังคงหลับตาอยู่ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่นิด แต่เสียงเข้มขึ้น
"ท่านบอกว่าโทรหาคุณเกือบร้อยครั้งแต่ว่าไม่มีใครรับสาย" สุวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วขยับถอยหลังไปอีกสองก้าว
"ไอ้นี่หาเรื่องโดนเตะ" ศรันย์ลืมตา ขยับเท้าก่อนเป็นส่วนแรก
"ท่านพูดเองนะ ผมไม่ได้พูดเกินจริง สาบานได้เลย" สุวัฒน์ทำหน้าจริงจัง
"ถ้ามีใครโทรมาอีก บอกว่าไม่อยู่ ไม่อยากคุยโทรศัพท์ มีอะไรจดโน๊ตเอาไว้" ศรันย์สั่ง ยกขาลงจากโต๊ะ ยื่นมือมารับโทรศัพท์จากลูกน้อง
"รวมถึงหมวดเรียวด้วยหรือเปล่าครับ" สุวัฒน์ยักคิ้ว
"ไอ้นี่ เดี๋ยวเถอะ" ศรันย์ถลึงตาใส่ลูกน้อง ยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวคนช่างยั่ว สุวัฒน์เอามือที่ปิดโทรศัพท์ออก ยกแนบหู บอกให้พนักงานอีกคนโอนสายเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เจ้านาย
ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ แล้วรับโทรศัพท์ด้วยเสียงเนือยๆ แต่ครั้นได้ยินสิ่งที่บิดาพูดก็รีบโวยวายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
"เย็นนี้เลยหรือพ่อ ผมไม่ว่าง มาบอกอะไรกระชั้นชิด ลูกน้องพ่อก็มีตั้งมากมาย ทำไมต้องให้ผมไปทำให้ ไกลถึงระนอง ต้องค้างคืนอีกต่างหาก แล้วท่าทางคงไม่เสร็จง่ายๆ เสียด้วย"
บิดาของศรันย์ต้องอธิบายยืดยาวจนในที่สุดลูกชายคนเดียวจึงตกลง และพูดเสียงอ่อนลง
"ผมไม่ค้างคืนที่สองนะพ่อ ผมจะทำสุดความสามารถ จะจัดการให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วก็จะกลับเข้ากรุงเทพเลย แต่ถ้ายังมีอะไรอีก พ่อต้องไปเอง ผมก็มีธุระของผมที่กรุงเทพเหมือนกัน ทิ้งไปนานไม่ได้"
ศรันย์สนทนากับบิดาต่ออีกครู่หนึ่งแล้ววางสาย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ติดต่อกันแล้วลุกเดินออกไปข้างนอกเพื่อสั่งงานสุวัฒน์
ความจริงเขาแทบไม่ต้องสั่งงานลูกน้องเลยก็ว่าได้ สุวัฒน์ดูแลอู่จนเหมือนจะเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
"แล้วถ้าหมวดเรียวมาหาที่อู่ล่ะครับ" หลังจากที่สุวัฒน์นิ่งฟังเจ้านายสั่งงานจนจบก็อดกวนโมโหไม่ได้
"ไอ้สุวรรณ" ศรันย์ถลึงตา ยกมือขึ้นจะตบหัวลูกน้อง แต่ฝ่ายนั้นเร็วยิ่งกว่าลิง หลบได้ว่องไวยิ่งนัก ศรันย์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วบอกว่าจะออกไปข้างนอก
"อะไรกัน ไปซะแล้ว นี่เพิ่งจะบ่ายสองเองนะครับ" สุวัฒน์ท้วง "วันนี้จ่ายเงินเดือนด้วย"
"แกก็ทำสิวะ ฉันเป็นเจ้าของอู่ จะเลิกงานเมื่อไหร่ก็ได้ แกเป็นลูกน้อง มีหน้าที่ทำงานจนหมดเวลางาน อ้อ อีกอย่างนึง ถ้าคุณพีทมา บอกว่าฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ ถ้าเขาเอารถมาซ่อม ให้บอกว่ารถล้น รับเพิ่มไม่ได้ ซ่อมไม่ทัน ไปอู่อื่น" ศรันย์พูดเสียงห้วนแล้วเดินจากไปทันที
"เวรกรรมเจ้านายข้า" สุวัฒน์เกาศีรษะ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องทำงานของศรันย์เพื่อ 'ทำงานแทนเจ้านาย' ผู้ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อทำงานให้พ่อ แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น สุวัฒน์หันไปมองรอบๆ จนเห็นว่าโทรศัพท์ตกอยู่บนพื้นใต้โต๊ะจึงรู้ว่าศรันย์ลืมโทรศัพท์เอาไว้
"พ่อคุณ ช่างเป็นคนมีระเบียบจังเลย" สุวัฒน์บ่นพึมพำ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายโดนไม่ได้มองดูหมายเลขเรียกเข้าบนหน้าจอเพราะคิดว่าคงเป็นศรันย์ที่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์
"คุณพีทหรือครับ เจ้านายผมไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ครับ จะตามไปตอนนี้ก็ยังทันนะครับ เพิ่งกลับไปเก็บกระเป๋าที่บ้านได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยครับ" สุวัฒน์รับสายแล้วรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพราะรู้ว่าศรันย์คงตะโกนด่าเสียงลั่น แต่เมื่อครั้นเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้งก็ปรากฎว่าวางสายไปแล้ว
แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้สุวัฒน์ก้มลงมองหน้าจอ เห็นหมายเลขเรียกเข้าที่รู้จักเป็นอย่างดี
"ให้ใครเอาโทรศัพท์มาให้หน่อย เดี๋ยวนี้เลย เร็วที่สุดเลยนะ ให้ไอ้ป๋องก็ได้ มันเซียนซิ่งมอเตอร์ไซด์" ศรันย์สั่งลูกน้อง แล้วตามมาด้วยเสียงบ่น "ทำไมแกไม่รีบโทรมาบอกวะว่าลืมโทรศัพท์ นี่โชคดีนะที่มาถึงบ้านพ่อแล้วนึกได้ แกจะรอให้ฉันถึงระนองก่อนหรือไงไอ้สุวรรณ"
"อ้าว แล้วนี่ความผิดของผมหรือ" สุวัฒน์เถียง "ผมก็เพิ่งรู้ตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์นี่ล่ะ ถ้าผมไม่เข้ามาในห้องทำงานลูกพี่ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ตอนโทรศัพท์ดังก็หาแทบแย่ แล้วเสียงก็ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ต้องเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยิน มันตกอยู่ใต้โต๊ะเลยนะครับท่าน"
"ไอ้..." ศรันย์กำลังจะด่าลูกน้องแต่ก็ห้ามใจไว้ได้ "แล้วดูหน้าจอซิว่ามีใครโทรมาหรือเปล่า"
"หมวดเรียวหรือครับ" สุวัฒน์อดกวนไม่ได้อีกแล้ว
"เออ" ศรันย์ตะคอก "ก็รอโทรศัพท์หมวดเรียวนี่ล่ะ นี่ถ้าไม่รอหมวดเรียวโทรมาก็ไม่โทรมาสั่งให้แกเอาโทรศัพท์มาให้หรอก ยอมรับแบบนี้พอใจหรือยัง"
"เมื่อกี้มีสายเข้าหนึ่งครั้ง ผมถึงได้ลงไปคลานสี่ตีนหาโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เดี๋ยวดูให้นะครับ" สุวัฒน์กดพักสายแล้วเรียกดูรายการเรียกเข้า และเมื่อเห็นว่าเมื่อครู่นี้เป็นหมายเลขของใครก็แทบจะกลั้นใจตาย
"ว่าไง" ศรันย์ถาม
"มันไม่โชว์เบอร์ครับ" สุวัฒน์ตอบเสียงเบาแล้วบอกว่าจะรีบให้คนเอาโทรศัพท์ไปส่งให้ เมื่อศรันย์วางสายก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ บรรจงวางโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วยกมือไหว้ "ขอโทษทีนะครับเจ้านาย ล้อเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือไปหน่อย"


เรียววางโทรศัพท์ลง ถอนหายใจเบาๆ ชินวัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ หันมาถามว่าศรันย์จะมารับหรือไม่ ผู้หมวดหนุ่มจึงส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกว่าจะรออีกห้านาทีถึงจะโทรศัพท์ไปอีก
"โทรไปอีกสามครั้งก็พอนะ ถ้าติดต่อไม่ได้เราก็ไปกินข้าวกันสองคน แล้วจะได้ไปส่งที่หมอชิตเลย" เรียวสั่งชินวัฒน์
"อ้าว แล้วจะกลับบ้านเลยทั้งที่ยังไม่ได้เจอคุณศรันย์นี่นะ" ชินวัฒน์แย้ง
"เจอเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่กันแค่นี้เอง"
"ความจริงไปเครื่องบินดีกว่า นี่จะนั่งรถทัวร์มาราธอนไปทำไมก็ไม่รู้"
"แค่คืนเดียวเอง ขึ้นรถแล้วก็หลับ ตื่นเช้าก็ถึง ไปเครื่องบินก็ต้องไปจองตั๋ว ไปรอ ไปอะไรอีก พรุ่งนี้โน่นแน่ะ ไปมันซะคืนนี้เลย ถึงบ้านเร็วกว่าเสียอีก" เรียวยักไหล่
"คุณศรันย์คิดถึงตายเลย" ชินวัฒน์พูดแล้วแอบยิ้ม "เอ๊ะ หรือว่าจะคิดถึงคุณศรันย์ อืม แต่ว่าคงคิดถึงกันและกันจะถูกกว่านะ เพราะจะไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์"
"สองอาทิตย์" เรียวพูดแทรก
"หา ไหนว่าลาแค่อาทิตย์เดียว" ชินวัฒน์ถามเสียงดัง
"หยุดพูดเถอะได้หมวดลูกชิ้น" เรียวส่ายหน้า
"ไหนว่าจับบ่อนพนันเสร็จคุณศรันย์ให้โทรหา บอกว่าอยากกินข้าวด้วยกัน นี่เราก็อุตส่าห์ล้างทองรอ กะจะกินของอร่อยให้เต็มที่" ชินวัฒน์โวยวายเพราะเห็นแก่กิน แต่เรียวลุกขึ้นและเดินหนีออกไปนอกห้องทำงาน ปล่อยให้ชินวัฒน์บ่นอยู่คนเดียวจนเวลาผ่านไปราวสิบห้านาทีจึงเดินกลับเข้ามาบอกว่าให้พาไปเอากระเป๋าเดินทางที่บ้านแล้วไปทานข้าว จากนั้นให้ไปส่งที่สถานีขนส่งสายเหนือ ชินวัฒน์ถามเรื่องศรันย์แต่เรียวบอกว่าโทรศัพท์ไปแล้วถึงสามครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย
"เอางี้ ถึงบ้านแล้วโทรอีกครั้ง ยังพอไปกินข้าวด้วยกันได้อยู่ แต่เราว่าเขาไม่ยอมให้ไปเย็นนี้หรอก น่านะหมวดเรียว พรุ่งนี้ค่อยไป บ้านมันไม่หายไปไหนหรอก"
"ไม่อยากเดินทางกลางวัน ร้อน" เรียวส่ายหน้า "บอกแล้วไงว่าไปกลางคืน นอนตื่นเดียวก็ถึง"
"บอกแล้วไงว่าไปเครื่องบินดีกว่า จะนั่งรถไกลให้เมื่อยก้นทำไม" ชินวัฒน์แย้งอีกครั้ง
"อยากนั่งคิดอะไรไปตามทาง" เรียวตอบเสียงราบเรียบ "หยุดเถียงได้แล้ว ไม่ต้องออกความเห็นอะไรอีก เลิกเซ้าซี้ ขี้เกียจยุ่งยากวุ่นวาย"
ชินวัฒน์ลุกขึ้น รีบตามหลังเพื่อนที่เดินลิ่วๆ ลงไปยังลานจอดรถ ตั้งใจว่าพอถึงบ้านของหมวดเรียวแล้วจะ 'เซ้าซี้' ให้เพื่อนโทรศัพท์ถึงศรันย์อีกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นคนโทรศัพท์เอง


เมื่อถึงบ้านของเรียว ชินวัฒน์รอจังหวะเพื่อนขึ้นไปหยิบกระเป๋าเดินทางบนห้องนอนจึงโทรศัพท์ถึงศรันย์ โชคดีที่ฝ่ายนั้นรับสายทันที
"อะไรนะ คุณไประนอง" ชินวัฒน์แทบจะตะโกนเมื่อศรันย์รับสายแล้วบอกเหตุผลที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกระทันหัน
"ธุระสำคัญมาก พ่อผมถึงกับขอร้อง"
"แล้วผมจะบอกหมวดเรียวยังไง"
"ผมก็โทรหาแล้วตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นหมวดรับสาย" ศรันย์ตอบด้วยเสียงร้อนใจ "โกรธผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่โทรมาหาผมตั้งสามครั้งแล้วผมไม่ได้รับสาย ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่ทำงาน ให้ลูกน้องเอามาให้ พอมาถึงก็เห็นว่าหมวดเรียวโทรมาตั้งสามครั้ง พอได้โทรศัพท์ผมก็รีบโทรกลับทันที กดจนนิ้วหงิกแล้วเนี่ย"
"ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย" ชินวัฒน์พูด "คุณรู้ไหม หมวดเรียวติดต่อคุณไม่ได้ ก็เลยจะกลับบ้าน"
"คุณอยู่กับหมวดเรียวใช่ไหม ให้ผมพูดด้วยหน่อย"
"เก็บของอยู่ชั้นบน รอให้ลงมาก่อน ขึ้นไปตอนนี้เดี๋ยวโดนมันดุ หมวดเรียวกำลังจัดกระเป๋า" ชินวัฒน์ตอบ
"อ้าว ก็ไหนจะกลับบ้าน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่โรงพักหรือ" ศรันย์ถาม
"อยู่ที่บ้าน"
"ก็ไหนบอกว่าจะกลับบ้าน"
"ไม่ใช่บ้านนี้ กลับบ้านนอกโน่น บ้านแม่เค้า หมวดเรียวลากิจไปช่วยแม่ยกบ้าน" ชินวัฒน์ตอบ
"อะไรนะ ยกบ้าน ทำไมต้องยกบ้าน กลับบ้านนอก ที่ไหน ลากิจกี่วัน เมื่อไหร่จะกลับ นี่ผมจะรีบไปทำธุระให้พ่อที่ระนองเสร็จพรุ่งนี้ ช้าสุดก็มะรืนตอนเช้า จะรีบกลับเข้ากรุงเทพเลย ถ้าหมวดเรียวกลับบ้านแม่ที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เจอกันสิ แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นหน้ากัน ไปทั้งที่กำลังงอนผมอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ ง้อคุณหมวดนี่ง่ายเสียเมื่อไหร่ ดุขนาดนั้น" ศรันย์พร่ำยืดยาว
"ใจเย็นๆ สิครับคุณศรันย์ แค่นี้เอง"
"โธ่ เย็นได้ยังไงหมวดชิน แค่ผมมาระนองนี่คุณหมวดเรียวของผมก็คงอยากจะต่อยผมอยู่แล้ว โว้ย เพราะโทรศัพท์แท้ๆ เชียว นี่ถ้าไม่ลืมโทรศัพท์ก็ได้คุยกันไปตั้งแต่ตอนนั้น"
"น่านะ ใจเย็นๆ"
"กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"มันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง ของแบบนี้เรื่องธรรมดา" ชินวัฒน์ปลอบ "ถือเสียว่าเป็นการทดสอบว่าคุณสองคนจะไปกันได้ไหม ถ้ารักกันชอบกันจริงๆ เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้จะกลัวไปทำไม เรื่องใหญ่กว่านี้ยังมี"
"เรื่องใหญ่อะไรกัน"
"ไม่รู้ล่ะ ยังไม่รู้ ก็ไม่แน่ มันอาจจะมีเรื่องอะไรที่ต้องทำให้ปวดหัวเป็นบททดสอบความสัมพันธ์ ว่าคุณรักชอบเพื่อนผมจริงๆ ไม่ใช่แค่กะฟันตำรวจหาประสบการณ์เฉยๆ"
"ผมจริงใจกับหมวดเรียวนะ" ศรันย์พูดเสียงหนักแน่น
"ถ้ายังงั้นคุณก็ต้องเชื่อใจหมวดเรียว เหมือนกับที่หมวดเรียวเชื่อใจคุณ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกลัว คนเราถ้ารักกันชอบจริงๆ เข้าใจผิดกันแค่นี้ก็ต้องปรับความเข้าใจกันได้ ผมว่าห่างกันสองอาทิตย์นี้จะได้เป็นบทพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่า..."
"สองอาทิตย์" ศรันย์โวยวาย "อะไรกันสองอาทิตย์ นานขนาดนั้นเลยหรือ สองอาทิตย์นี่มันครึ่งเดือนเลยนะหมวด"
"โทรศัพท์ก็มี คุณจะไปกลัวอะไร"
"แต่ถ้าหมวดเรียวไม่รับโทรศัพท์ผมล่ะ" ศรันย์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ "เอาแบบนี้ คุณบอกที่อยู่บ้านแม่หมวดเรียวมา เขียนแผนที่ให้ละเอียด กลับถึงกรุงเทพผมจะไปเอา จะตามไปหาหมวดเรียวถึงบ้าน"
"ผมว่าหมวดเรียวไม่ยอมให้คุณไปหาถึงบ้านแม่ที่เชียงรายหรอก คิดได้ไง จู่ๆ จะมีผู้ชายโผล่ไปหาถึงที่บ้าน พ่อแม่พี่ป้าน้าอาน้องนุ่งเขาจะไม่ช๊อคตายหรอกหรือ คุณใจเย็นๆ เอาไว้ก่อนดีกว่า" ชินวัฒน์เตือน ในใจนึกอะไรได้ทันได้
ตอนนี้ล่ะ จะได้พิสูจน์ว่าศรันย์รักเพื่อนของเขาจริง
"แต่ว่า..." ศรันย์อ้ำอึ้ง
"เดี๋ยวผมจะบอกหมวดเรียวว่าคุณลืมโทรศัพท์ ตอนนี้ติดต่อได้แล้ว รอให้เขาจัดกระเป๋าเสร็จก่อนนะ ไม่ถึงห้านาทีหรอก พอลงมาข้างล่างจะบอกเลย คุณก็ตั้งใจขับรถล่ะ"
"หมวดชิน คุณต้องช่วยอธิบายให้หมวดเรียวฟังก่อนนะว่าผมต้องมาระนองด่วนเพราะพ่อขอร้องให้มาช่วยทำธุระ พอหมวดเรียวลงมาให้รีบโทรหาผมเลย หรือไม่คุณก็ยิงเบอร์มา ผมจะโทรกลับไป ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนเดินทาง ไม่งั้นผมไม่มีสมาธิจะทำอะไรแน่ๆ" ศรันย์ย้ำ
หลังจากวางสาย ชินวัฒน์ยิ้มแทบหุบไม่ลง รู้สึกขำศรันย์ยิ่งนัก ตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าฝ่ายนั้นรู้สึกอย่างไรต่อเพื่อนรักของตัวเอง แต่ก็ยังอยากที่จะพิสูจน์ความจริงใจของศรันย์ต่อให้ได้
"ต้องเอาให้แน่ใจสุดๆ หมวดเรียวจอมซ่าส์จะได้มีคู่กับเขาเสียที" ชินวัฒน์พึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนซึ่งกำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ในมือถึอเป้ขนาดย่อมลงมาด้วย
"เมื่อกี้ใครโทรมา" เรียวถาม
"น้องโทรมา มันบอกว่าพ่อกับแม่บ่นคิดถึง ไม่เห็นหน้าตั้งอาทิตย์กว่าแล้ว พอไปส่งนายที่หมอชิตแล้วคงต้องไปกินข้าวที่บ้าน" ชินวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วแอบอมยิ้ม
แผนการณ์พิสูจน์ใจสองคนนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น


►จบบทที่ 21◄


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้หมวดลูกชิ้นแย่งซีนไปตั้งเยอะ
มีแฟนยังหมวดลูกชิ้น จะได้สมัคร
 :hao3:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ปลื้มใจแทนหมวดเรียว มีเพื่อนดี้ดีอย่างหมวดชินเป็นห่วงเป็นใย ดูแลกระทั่งช่วยสกรีนว่าที่แฟนให้ด้วย   :katai2-1:

เฮียศรัณย์เจอบทพิสูจน์ความจริงใจล่ะ สู้ สู้ นะเฮีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซิกาแร๊ต

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โห คุณศรันย์หายไปนานเลย ... นึกว่าถอนตัว ไม่กล้าจีบต่อแล้วซะอีก  :laugh:

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
♀ บทที่ 22♀

ขณะที่นั่งรอทำธุระให้บิดา ศรันย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกหงุดหงิดและร้อนใจยิ่งนัก ตั้งแต่เดินทางจากกรุงเทพมหานครจนมาถึงระนอง ติดต่อหมวดเรียวไม่ได้เลย ครั้นโทรศัพท์ไปบ่นกับชินวัฒน์ ฝ่ายนั้นก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ชินวัฒน์เดาว่าหมวดเรียวคงลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนสักแห่งจึงไม่รับสาย
"คุณมีเบอร์ที่บ้านไหม" ศรันย์ถาม
"มันใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว คุณศรันย์ สมัยนี้ใครใช้โทรศัพท์บ้าน" ชินวัฒน์ตอบ
"ผมหมายถึงบ้านแม่เขาที่ต่างจังหวัด หมวดเรียวไปบ้านแม่ ผมจะโทรไปบ้านที่กรุงเทพฯ ทำไม" ศรันยกระแทกเสียง
"คุณไม่พูดให้ชัดเอง" ชินวัฒน์เถียง "ไม่มีหรอก บ้านแม่หมวดเรียวอยู่กลางป่ากลางเขา โทรศัพท์เข้าไม่ถึง"
"อย่ามาแกล้งล้อผมเล่นหน่อยเลย ไมเชื่อหรอก" ศรันย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด
"จริงๆ ครับ ไม่ได้โกหก คุณรอหน่อยสิ พอหมวดเรียวรู้ตัวว่าหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็คงหาทางติดต่อเราเองล่ะ" ชินวัน์ปลอบ แต่กลับหยอดท้ายแบบตัดกำลังใจว่า "ถ้ามันอยากคุยกับเรานะ"
"หมวดชิน" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "นี่ไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจขึ้นเลยนะ"
"หมวดเรียวเขาไม่ค่อยชอบใช้โทรศัพท์ คุณจะอะไรนักหนา"
"ผมร้อนใจ"
"เรื่องแค่นี้เอง เขาไม่โกรธคุณหรอกน่า อย่าคิดมากไปหน่อยเลย ขนาดเข้าไปเจอคุณกำลังจะเอากับคุณพีทบนเก้าอี้ในออฟฟิส มันยังยกโทษให้คุณเลย แล้วนี่คุณก็มีความจำเป็นต้องไปทำธุระให้พ่อด่วนทั้งที่เป็นคนส่งนักสั่งหนาว่าเสร็จงานแล้วให้รีบโทรหาจะได้มารับแล้วไปทานข้าวด้วยกัน ไม่เห็นมีอะไรต้องโกรธ"
"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" ศรันย์เสียงห้วน
"หรือว่าคุณกลัวหรือร้อนใจว่าหมวดเรียวอาจไม่เชื่อคุณว่ามีธุระด่วนจี๋"
"แค่นี้ คุยกับคุณไม่ได้อะไรดีขึ้นมาเลย จะปลอบให้โล่งใจหรือบั่นทอนกำลังใจก็ไม่รู้"
"คนเรารักกันมันก็ต้องเชื่อใจกันสิ คุณเชื่อใจหมวดเรียวได้ไหมล่ะ แล้วหมวดเรียวจะได้เชื่อใจคุณเหมือนกัน"
♀♀

ร้อยตำรวจโทเรียวลงจากรถโดยสารประจำทางแล้วยืนบิดตัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินยืนอยู่หัวมุมริมถนนหน้าสถานีขนส่งประจำจังหวัดเพื่อเรียกรถรับจ้างไปส่งที่บ้าน แต่ไม่กี่อึดใจก็ต้องเบิกตาด้วยความแปลกใจเมื่อรถเก่งสีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด คนขับรถลดกระจกลงแล้วร้องเรียกชื่อ
"พี่ธาม" เรียวก้าวเท้าเข้าไปหา "มาได้ยังงครับ"
"นั่งเครื่องบินมาลงเชียงใหม่แล้วเช่ารถขับมารอรับเรียวที่นี่" ธามตอบยิ้มๆ
"ทำไมครับ"
"พี่อยากจะคุยกับแม่เรียว"
"พี่ทำแบบนี้ทำไม" เรียวขมวดคิ้ว
"พี่ไม่อยากรอ พี่ต้องการความชัดเจน" ธามตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ทำไมไม่โทรมาก่อน"
"ขึ้นรถสิ" ธามไม่ตอบคำถาม เอื้อมมือไปเปิดประตูดันให้เปิดออก
"พี่จะคุยอะไรกับแม่ผม" เรียวยังคงยืนนิ่ง
"พี่ก็จะบอกว่าพี่รู้สึกยังไงกับลูกชายของแม่ และขอโทษที่รักษาสัญญาไม่ได้"
"สัญญาอะไร" เรียวโน้มตัวลง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จ้องตาของธาม
"ตอนที่เรากลับมาเยี่ยมบ้านตอนเรียนจบนายร้อย พี่คุยอะไรบางอย่างกับแม่ของเรียว" ธามจ้องตาเรียวกลับ พูดช้าๆ ชัดๆ
"พี่ธาม" เรียวอุทาน
"ขึ้นรถ บอกให้ขึ้นรถ" ธามชี้มือไปยังประตูรถที่เปิดอ้าเอาไว้ เรียวจึงขึ้นนั่งบนรถช้าๆ ตามองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด
"อ้าวนี่ โทรศัพท์" ธามยื่นโทรศัพท์ให้ "เรียวลืมไว้ที่ สน. ไม่รู้ตัวเลยหรือ มีคนโทรเข้าเกือบร้อยครั้งได้แล้วมั๊ง พี่เลยต้องปิดเสียงปิดสั่น"
"คุณศรันย์" เรียวพึมพำ ก้มหน้าลงมองหน้าจอโทรศัพท์
"ทะเลาะกันหรือเปล่า" ธามถามแล้วออกรถช้าๆ
"เปล่าครับ" เรียวส่ายหน้า ตอบเบาๆ
"ที่มานี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้ชายคนนี้ใช่ไหม"
"พี่คิดจะคุยกับผมให้เคลียร์ก่อนที่จะโผล่มาที่นี่บ้างไหม" น้ำเสียงของเรียวเข้มขึ้น "จู่ๆ ก็มา แล้วจะไปคุยกับแม่ผม"
"พี่ไม่ทำอะไรเสียหายหรอกเรียว เชื่อใจพี่เถอะ ตอนแรกไม่คิดจะมาตอนนี้หรือมาแบบนี้หรอก แต่พอเห็นว่าจู่ๆ เรียวก็มาแบบนี้ พี่ก็เลยมาแบบนี้เหมือนกัน"
"เหมือนกันยังไง ผมจะมาช่วยที่บ้าน แม่จะซ่อมบ้าน เปลี่ยนหลังคาเปลี่ยนเสา ต่อเติม ทำอะไรหลายอย่าง ต้องยกของต้องทำอะไรเยอะแยะ"
"มีคนช่วยตั้งเยอะ ญาติกันทั้งนั้น พี่ชายก็อยู่ใกล้ ขับรถมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง"
"ก็ต้องมาช่วยกัน"
"น้องชายเรียวเข้ากรุงเทพฯ รู้หรือเปล่า" ธามหันไปถาม
"ผมไม่รู้"
"ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ช่วยกัน เฉพาะพี่ชายกับน้องชายช่วย เรียวไม่ต้องมาก็ได้"
"ผมไม่รู้ว่าทำไมมันเข้ากรุงเทพฯ" เรียวยักไหล่
"หมวดชินรู้ไหม"
"ไม่รู้สิครับ" เรียวยักไหล่อีกครั้งแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปธาม "พี่ธามสงสัยอะไร บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า ถามยังกะซักผู้ต้องหา"
"คิดว่าตัวเองเป็นผู้ต้องหาหรือ" ธามหัวเราะเบาๆ
"พูดกับพี่แล้วปวดหัว"
"ไม่โทรกลับเข้าหรือ" ธามหลุบตาลงมองโทรศัพท์ในมือของเรียว
"เดี๋ยวค่อยโทร" เรียวส่ายหน้าช้าๆ
"หรือกลัวพี่จะยินที่คุยกัน"
"งั้นโทรก็ได้ พี่อยากจะได้ยินใช่ไหมล่ะ"
"บอกเขาไปด้วยนะ ว่าพี่กำลังขับรถพาเรียวไปที่บ้านแม่" ธามหัวเราะเบาๆ
"เขาจะได้โวยวายออกงิ้วออกลิเก ยิ่งเป็นคนเรื่องมากอยู่ด้วย"
"เขาจะหึงพี่หรือ" ธามเลิกคิ้วถาม
"แล้วจะให้เขาทำยังไงล่ะครับ"
"เขาหึงเรียว แสดงว่าเขาคงจะแคร์เรียวมาก"
"ไม่รู้สิ" เรียวเบ้ปาก ยักไหล่ ตามองผ่านกระจกหน้ารถไปข้างหน้า
"แล้วเรียวแคร์เขาหรือเปล่า" ธามถามแต่ไม่รอให้เรียวตอบ พูดต่อว่า "จำที่พูดกับพี่ได้ไหม ที่งานเลี้ยงบ้านพี่ตอนที่พี่กลับมาเมืองไทยใหม่"
"ผมไม่ใช่คนความจำเสื่อม" เรียวพึมพำ
"ถ้าเรียวไม่ชัดเจนกับเขา และไม่ชัดเจนกับพี่" ธามลดความเร็วของรถลงเพื่อจอดรอสัญญาณไฟจราจร หันมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายตำรวจรุ่นน้อง และพูดด้วยเสียงหนักแน่นจริงจัง "พี่จะทำให้มันชัดเจนเอง"
♀♀

ศรันย์ทำธุระให้บิดาเสร็จสิ้นเมื่อเวลาบ่ายสามโมงครึ่งจึงรีบบึ่งรถกลับกรุงเทพมหานครทันที ตรงไปเอาแผนที่บ้านต่างจังหวัดของหมวดเรียวจากชินวัฒน์แล้วจะกลับบ้านไปจัดกระเป่า จากนั้นจะเดินทางตามไป
จะให้เขารอตั้งสองอาทิตย์จนกว่าหมวดเรียวจะกลับกรุงเทพฯ ไม่ไหวหรอก
ครั้งเดียวที่ได้คุยกันทางโทรศัพท์เมื่อเกือบเที่ยง หมวดเรียวบอกว่าถึงบ้านแม่แล้ว น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไม่กวนอารมณ์ ต่างจากหมวดเรียวคนเดิม แบบนั้นต้องโกรธเขาแน่ๆ ส่วนที่ว่าลืมโทรศัพท์นั้นคงเป็นเพียงข้ออ้างไม่อยากจะคุยด้วย พอถึงบ้านแม่แล้วก็คงมีเวลาคิดบ้างจึงโทรศัพท์มาหาเขาอย่างเสียไม่ได้
"ถ้าคุณจะตามไปจริงๆ ก็ไปเอาของที่บ้านหมวดเรียวก่อน มันลืมของฝากที่ต้องเอาฝากญาติ"  ศรันย์นึกถึงคำพูดของชินวัฒน์เมื่อตอนที่เจอกันครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
"อะไรกัน ทำไมขี้ลืมจังเลย นี่ค่ำแล้วนะ ผมจะไม่ทันเครื่องบินเที่ยวสุดท้าย"
"พรุ่งนี้เช้าค่อยไปสิครับ คุณจะเสี่ยงไปซื้อตั๋วที่สนามบินทำไม"
"ผมอยากไปเร็วๆ ผมร้อนใจ"
"อืม แสดงว่าคุณแคร์เพื่อนผมจริงๆ" ชินวัฒน์หัวเราะ
"ขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดอะไรอีก นี่หมวดชิน ผมจริงจังกับหมวดเรียวแค่ไหนคุณก็เห็นมาตลอด ไม่ได้คิดจะจีบเล่นๆ เลยนะ โดนสารพัดก็ยังไม่ถอดใจ ถ้าผมไม่จริงจัง ไม่ยอมถึงขนาดนี้หรอก เพื่อนคุณร้ายน้อยเสียเมื่อไหร่"
"รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ อะไรก็ทำให้คุณวอกแวกไม่ได้"
"คอยดูก็แล้วกัน"
...
ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหันไปมองนาฬิกาและคิดว่าคงไม่ทันเที่ยวบินสุดท้ายแน่ๆ วันนี้รถติดมาก ความจริงตอนนี้น่าจะถึงบ้านหมวดเรียวแล้ว แต่กลับยังไปไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ พอไปเอาของที่บ้านหมวดเรียวแล้ว ไม่อยากจะนึกถึงตอนไปสนามบินเลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าคงต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางเป็นพรุ่งนี้เช้าดีกว่า
ศรันย์แวะรับประทานอาหารรอเวลาให้การจราจรเบาบางลงก่อนแล้วจึงไปที่บ้านของหมวดเรียวเพื่อไปเอาของตามคำบอกของชินวัฒนื เขามาถึงเมื่อเวลาสองทุ่มครึ่ง ตั้งใจว่าจะนอนที่นี่แทนที่จะกลับบ้านของตัวเอง และถือโอกาสนอนบนเตียงของหมวดเรียวเสียเลย
แต่เมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน ศรันย์ก็ต้องชะงักและขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงใครอาบน้ำอยู่บนชั้นสองของบ้าน
ศรันย์ค่อยๆ เดินขึ้นบันได รู้สึกใจเต้นแรง อยากรู้ยิ่งนักว่าใครกันเข้ามาอยู่ในบ้านของหมวดเรียว
แวบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่า คงจะเป็นหมวดเรียวนั่นเอง ที่บอกว่าไปต่างจังหวัดนั้นอาจจะโดนหลอก หมวดเรียวกับชินวัฒน์คงหมั่นใส้เขาเลยรวมหันกันแกล้งให้หัวหมุน
ครั้นมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอน เสียงอาบน้ำก็เงียบไปแล้ว ศรันย์ยืนอยู่ครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของหมวดเรียว
ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ศรันย์อ้าปาก ตาค้าง
ชายหนุ่มร่างสูงมีมัดกล้ามพองามกำลังยืนเปลือยกายอยู่หน้าตู้เส้อผ้า หันหลังให้ ไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้ามา
ผิวกายเนียนขาวสะอาด บั้นท้ายงอนเด่นอวบแน่น สวยพอๆ กับของหมวดเรียว
"หมวดเรียว" ศรันย์เอ่ยเสียงเบา คนที่ยืนเปลือยกายอยู่ค่อยๆ หันมา ทำหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วยิ้มกว้างตาหยี
"หมวดเรียว" ศรันย์พึมพำอีกครั้ง
เขารู้ว่าชายหนุ่มที่ยืนอวดหุ่นอยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่หมวดเรียว รูปร่างพอกันๆ แต่หน้าตากลับเหมือนกันราวกับแกะ ต่างกันเพียงแค่ว่าดูอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย
"พี่ศรันย์แน่ๆ เลย ใช่ไหมครับ ผมเคนครับ น้องชายพี่เรียว" ชายหนุ่มหน้าอ่อนยิ้มกว้าง เดินเข้ามาหาศรันย์ช้าๆ
"หมวดเรียว...เอ่อ...เคน" ศรันย์ครางเบาๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายของหมวดเรียวกำลังยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าตัวเอง
พี่กับน้องรูปร่างหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เคนยืนเปลือยก็ไม่ต่างจากหมวดเรียวยืนเปลือยเท่าไหร่หรอก
"ผมเพิ่งมาถึงตอนเย็นๆ ครับ ร้อนจริงๆ เลยอาบน้ำเสียนานเลย พี่ชินบอกว่าพี่ศรันย์จะมาเอาของ อยู่หลังตู้โน่นแน่ะ พี่มาช่วยผมหน่อย มันหนัก" เคนเดินโทงๆ ไปยังตู้เก็บของมุมห้องทางด้านซ้าย ไม่สนใจจะใส่เสื้อผ้าก่อน ศรันย์มองตาม อดลดสายตาลงมองต่ำไม่ได้
ดูยังไงก็หมวดเรียว เคนเหมือนพี่ชายมาก พี่น้องสองคนคนนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด เพียงแต่เคนดูสดใสร่างเริงและเป็นมิตรกว่า ส่วนหมวดเรียวดูห้าว ออกแนวนักเลง
"โอ๊ะ อะไรตกลงมา" เคนอุทานแล้วก้มลงเก็บของที่พื้นโดยไม่ย่อตัวลงนั่ง ศรันย์จำต้องบังคับตัวเองให้เบือนหน้าออกไปมองด้านข้างพร้อมกับกัดฟัน
...โอ๊ย ทำไมมายั่วกันแบบนี้...
"น้องเคน ใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม" ในที่สุด ศรันย์ก็ตัดสินใจแนะนำ
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อาย ผู้ชายเหมือนกัน"
"นี่กางเกง" ศรันย์หันไปเห็นกางเกงบ๊อกเซอร์วางอยู่ปลายเตียงจึงเดินไปหยิบแล้วยื่นให้น้องชายของหมวดเรียว
"ขอบคุณครับ" เคนหัวเราจนตาหยี "ทำไมหรือครับพี่ศรันย์ พี่เห็นแล้วมีอารมณ์หรือถึงต้องให้ผมใส่กางเกง"
"มันรู้สึกแปลกๆ ที่ยืนคุยกับคนเปลือยกาย" ศรันย์ตอบเสียงเบา
"พี่มาช่วยผมหน่อยสิ" เคนสวมกางเกงอย่างรวดเร็วแล้วเขย่งเท้า ยื่นแขนขึ้นไปหยิบกล่องพลาสติกสีดำซึ่งซึ่งวางอยู่บนหลังตู้ ศรันย์เดินเข้าไปช่วย บอกให้ระวังเพราะกล่องหนัก แต่เคนกลับดึงกล่องแรงๆ จนกล่องตกลงมา ของกระจายเต็มพื้น
"ว้า หล่นจนได้" เคนส่ายหน้าแล้วก้มลงเก็บ บั้นท้ายเบียดแนบอยู่กับต้นขาของศรันย์ซึ่งยืนอยู่ติดผนังมุมห้อง แต่ไม่ถึงอึดใจก็พยายามขยับถอยออกไปจนห่าง
เคนหันมายิ้มกว้างให้แล้วจึงนั่งลงกับพื้น เก็บของเข้าใส่ในกล่อง ศรันย์นั่งลงห่างๆ เพื่อช่วยเก็บอีกแรง
"พี่ชินบอกว่าพี่ศรันย์จะไปสนามบิน แล้วนี่จะทันไหมครับ" เคนเงยหน้าขึ้นถาม
"คงไม่ทันแล้วล่ะ" ศรันย์ส่ายหน้า
"ผมก็ว่างั้น พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางก็แล้วกันนะครับ ผมขอติดรถไปสนามบินด้วย ผมนัดกับเพื่อนไว้ จะไปเที่ยวสิมิลัน"
"อือ" ศรันย์ตอบรับสั้นๆ หันหน้าทางอื่น "แต่พี่ต้องไปเอากระเป๋า"
"ว๊า งั้นผมก็ต้องไปสนามบินเอง" เคนทำหน้าผิดหวัง "นึกว่าจะได้นั่งรถสบายๆ ไปสนามบิน จะไปถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ได้ยินว่ามันไกลมาก ยิ่งกำลังประหยัดเงินค่าแท๊กซี่อยู่"
"ไปด้วยกันก็ได้"
"งั้นพี่จะไปเก็บกระเป๋าแล้วกลับมานอนนี่หรือครับ พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปสนามบินพร้อมกันเลย" เคนยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย ออกอาการดีใจเป็นอย่างยิ่ง
"พี่จะแวะมารับ"
"รบกวนพี่จริงๆ เลย" เคนเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลใจ "งั้นไม่เป็นไร ผมไปเองดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา เดี๋ยวผมยกกล่องไปใส่ท้ายรถพี่เลยนะครับ พี่จะได้รีบกลับบ้านนอนพักผ่าน พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า"
"ไม่เป็นไรหรอก" ศรันย์ส่ายหน้า
"หมายความว่า ไม่ต้องยกกล่องไปที่รถหรือครับ หรือเพราะว่าไม่ต้องรีบนอนก็ได้ ถ้าพี่ไม่ง่วย พี่พาผมไปเที่ยวหน่อยได้ไหม ผมอยากไปเปิดหูเปิดตา ไม่ได้เข้าผับกรุงเทพฯ นานมากแล้ว จะไปคนเดียวก็กลัว"
"จะดีหรือ" ศรันย์ลังเลย "อายุถึงหรือยังเนี่ย"
"ดีสิครับ" เคนพยักหน้าเร็วๆ "ถึงแลว ผมเรียนปีสี่แล้วนะครับ"
"หน้าตายังกะเพิ่งจบม.ปลาย"
"หน้าเด็กกว่าอายุครัรบ พี่เรียวก็หน้าเด็กกว่าอายุ พี่โชก็เหมือกัน ทั้งที่เป็นคนโต แต่หน้าเด็กเกือบพอๆ กับพี่เรียว"
"พี่ชายคนโต" ศรันย์ทวนคำ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"อือ" เคนพยักหน้า "เวลาไปไหนกันสามคน ใครๆ ก็ทักว่าเราเป็นแฝดสาม เพราะหน้าตาเหมือนกันมาก สูงก็พอๆ กัน แต่พี่โชตัวหนากว่าหน่อย เขาชอบเล่นกล้าม"
...แฝดสาม รูปร่างหน้าตาแบบหมวดเรียวอีกตั้งสองคนเชียวหรือ เคน น้องคนเล็ก กับโช พี่ชายคนโต"
"เคนกับโช ชื่อจริงทั้งสองเลยหรือ" ศรันย์ถาม
"ใช่ครับ แม่กับพ่อตั้งชื่อให้สั้นๆ คำเดียว จะได้จำง่ายๆ" เคนหัวเราะแล้วยกกล่องไปวางไว้ชิดผนัง ศรันย์มองตาม ยอมรับว่าอดมองก้นน้องชายหมวดเรียวไม่ได้
ทำไงได้ ก็ใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์ผ้าบางตัวเล็กตัวเดียว แล้วยังก้มๆ เงยๆ อยู่แบบนี้
"พี่ศรันย์อาบน้ำไหมครับ ผมจะเตรียวผ้าเช็ดตัวให้" เคนขยับเข้ามาใกล้ ถามเสียงเบา
"เอ่อ ไม่ต้อง พี่จะกลับไปอาบที่บ้าน" ศรันย์ปฏิเสธ
"จริงสิ พี่ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนี่นา" เคนพยักหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ "งั้นคืนนี้ผมก็อดได้ไปเที่ยวผับ พี่จะกลับบ้านไปอาบน้ำเก็บกระเป๋าแล้วคงนอนเลย พรุ่งนี้เช้าค่อยแวะมารับผมไปสนามบิน
"พี่พาไปก็ได้" ศรันย์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมา
"จริงหรือครับ เย้" เคนเปลี่ยจากสีหน้าเศร้าๆ เป็นยิ้มกว้าง กระโดดเข้ากอดแขนของศรันย์ ประกายตาสดใส "พี่ศรันย์ใจดีจังเลย ถ้างั้นผมเก็บกระเป๋าดีกว่า เที่ยวเสร็จก็ไปนอนบ้านพี่เลย ตื่นเช้าจะได้ออกไปสนามบินด้วยกัน พี่จะได้ไม่ต้องมาส่งผม แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ต้องมารับอีก"
"พูดเองสรุปเองดีจริงๆ เลย" ศรันย์พึมพำเบาๆ มองตามเคนซึ่งรีบวิ่งไปที่ข้างเตียง ก้มลงหยิบกระเป๋าซึ่งวางอยู่บนพื้น แล้วถอดกางเกงบ๊อกเซอร์ของตัวเองออกทันใด เผยให้เห็นบันท้ายแกร่งแน่นขาวเนียนสะอาด
"พี่จะไปรอข้างนอกนะ" ศรันย์ตัดสินใจพูด ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"รอในห้องนี้ก็ได้ครับ แอร์เย็นๆ ข้างนอกร้อน" เคนรีบหันมา เดินเข้ามาคว้าข้อมือของศรันย์ดึงไปที่เตียง แต่ศรันย์ขืนตัวเองเอาไว้และยืนกรานว่าจะไปรอข้างล่างดีกว่าเพราะหิวน้ำด้วย
"เดี๋ยวผมตามลงไป แต่งตัวนานหรอกครับ ผมทำอะไรเร็ว"
"เชื่อแล้วว่าคิดเร็วทำเร็ว" ศรันย์พูดยิ้มๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง ยืนถอนหายใจหน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งอย่างหักห้ามใจ
เขาคิดถึงหมวดเรียวมาก อยากรีบไปหา ไปเจอหน้า ไปจับมือถือแขน แต่นี่มีคนที่เหมือนกับหมวดเรียวราวฝาแฝดเปลือยกายเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ศรันย์ยอมรับว่ามันทำให้ตัวเองรู้สึกหวั่นไหวไม่ใช่น้อย
ไม่ได้นะ เกิดเผลอตัวไปเพียงแค่นิดเดียว ทุกอย่างต้องพังแน่
นั่นน้องชายของหมวดเรียวนะศรันย์เอ๋ย                   
ศรันย์พยายามเตือนตัวเอง รีบเดินลงไปชั้นล่าง ท่องคำว่าขันติไปตลอดทาง
                                                                                                                                                                                                                                                                     

►จบบทที่ 22◄


ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1


 :กอด1:  รัก หมวดเรียว


  คิดถึง คุณศรัณย์....   รีบ ตาม หมวดเรียวไปไวไวนะ  :heaven

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ทดสอบว่าที่พี่เขยใช่ไหม น้องเคน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ยั่วเหลือเกินนะน้องเมียในอนาคต
ถ้าใจไม่แข็งพอนี้ มีพังได้นะเอออ
 o18

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บททดสอบนี้ช่างหนักหนานัก สงสารหัวใจเฮียศรัณย์ จะแข็งพอมั๊ยน้าาาา   :hao3:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อยากให้เฮียคู่กับชิน ธามคู่กับเรียว

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สงสารเฮีย เชียร์ให้ได้กับน้องเรียวดีกว่า ส่วนเรียวจะเอาใครก็เอาซักคนเหอะ

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
♀ บทที่ 23♀

เรียวนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน วันนี้อากาศสดชื่น หอมกรุ่นดินดอกราตรีลอยมาตามลม
ธามนั่งคุยกับแม่ของเขาอยู่ในบ้าน ท่าทางสบายๆ ไม่นานก็ลุกเดินออกมายืนพิงกรอบประตู กอดอกหลวมๆ มองออกมาด้วยสายตาอ่อนโยน
เรียวยังคงนั่งนิ่ง หันมองออกไปยังความมืดเบื้องหน้า ทำเป้นไม่รู้สึกตัวว่าธามมองอยู่
"ไม่อยากรู้เลยหรือว่าพี่คุยอะไรกับแม่" ไม่นาน ธามก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
"เดี๋ยวแม่ก็เล่าให้ฟัง" เรียวตอบเบาๆ โดยไม่หันกลับไปมองคนถาม "หรือไม่พี่ก็อาจจะบอกผม แต่บางทีก็คงอยากจะเก็บเอาไว้ เพราะอยากให้ผมสงสัย"
"งอนหรือครับ" ธามหัวเราะเบาๆ เดินมานั่งข้างๆ มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเรียวซึ่งยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง "หรือโกรธที่พี่ทำแบบนี้"
"ไม่หรอก พี่ก็คงมีเหตุผลของพี่"
"ช่างจะมาเริ่มงานพรุ่งนี้ตอนสายๆ ตอนเช้าแม่เรียวจะให้พี่พาไปวัด" ธามเปลี่ยนเรื่อง
"ทำไมไม่ให้ผมพาไป"
"ตื่นทันหรือ" ธามหัวเราะเบาๆ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ พูดต่อว่า "พี่บอกกับแม่แล้วว่าพี่รักเรียก รักจริงๆ แบบอยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน"
"พี่ธาม"
"แล้วพี่ก็ขอโทษที่ตอนเรียนจบ พี่ไม่ได้ตั้งใจสานสัมพันธ์ต่อ แต่กลับไปเรียนเมืองนอก ทั้งที่ตอนนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชอบเรียวมาก แม่ก็เรียวก็คิดว่าพี่มาจีบลูกท่าน อุตส่าห์ดีใยใจ" ธามเล่าด้วยเสียงเนิบนาบ
"แม่นะหรือ" เรียวสงสัย
"ใช่ ตอนนั้นแม่กลัวว่าจะไม่มีใครมาชอบเรียว" ธามอมยิ้ม
"น้อยไปแล้ว อย่างผมนี่นะจะไม่มีใครมาชอบ" เรียวแกล้งชักสีหน้า
"แม่บอกว่า นิสัยอย่างไอ้เรียว ใครจะมาเอามัว" ธามหัวเราะ ส่วนเรียวทำเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างไม่พอใจ "พี่ก็เลยบอกว่า ผมยังไงล่ะแม่ ไม่งั้นไม่มาถึงนี่หรอก ที่ผมมาไหว้แม่ถึงบ้าน ผมอยากจะดูแลไอ้ตัวดีของแม่" ธามหันไปมงยังความมือเบื้องหน้า พูดเบาๆ ประหนึ่งพูดกับตัวเอง
"แต่พี่ก็ไม่ได้ทำ"
"ตอนนั้นพี่เกือบจะพูดต่อว่า ยกเรียวให้ผมนะครับ แต่ก็ลังเลแล้วหยุดได้ทัน" ธามหันมามองเรียวด้วยสายตาแน่วแน่ "นั่นล่ะ สัญญาที่พี่ให้ไว้กับแม่เรียว พี่รู้สึกผิดมาตลอด ตอนนี้พี่อยากจะทำแบบนั้นอย่างสุดหัวใจ พี่ไม่เหลือความลังเลอยู่แม้แต่นิด พี่อยากจะเดินเข้าไปหาแม่เรียวตอนนี้ แล้วพูดว่า ยกเรียวให้ผมนะครับ ผมจะดูแลเรียวเอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วง แต่พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้"
"พี่ธาม คนอย่างพี่ธาม ยังไงก็ต้องเจอคนดีๆ" เรียวพูดเสียงเบา
"ก็ใช่" ธามถอนหายใจ "แต่ถ้าเรียวยังอยู่แบบนี้ บางทีมันก็ทำให้พี่รู้สึกทรมาน"
"ทรมานยังไง" เรียวขมวดคิ้วสงสัย
"ก็เพราะเรียวยังโสด ไม่มีใคร แต่พี่กลับไม่มีโอกาสได้หัวใจของเรียวนะสิ"
"ผม..."
"เรียวรักคุณศรันย์ไหม ถ้ารัก็ตกลงปลงใจกับเขาเสียสิ ถ้าเรียวกับเขาเป็นแฟนกัน พี่จะได้ถอยอย่างสบายใจ แต่ถ้าจะให้ถอยทั้งที่เรียวยังว่าง มันอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ จะเดินหน้าก็ไม่ได้" ธามส่ายหน้า ถอนหายใจอีกครั้ง "เรียว ตอบพี่มาสิว่าเรียวรักเขา พี่ให้เวลาเรียวแล้วนะ ตั้งแตวันนั้นที่งานเลี้ยงบ้านพี่ เรียวบอกว่ากำลังดูใจกันอยู่ ถ้าตอนนี้ยังไม่คืบหน้าถึงไหน ถ้าเรียวไม่รังเกียจพี่ ให้โอกาสพี่ได้ไหม ลองห่างเขาสักพัก แล้วคบกบพี่เพื่อดูใจกันซักระยะ"
"พี่ธาม จะให้ทำแบบนั้นได้ยังไง แบบนี้ก็เข้าข่ายคบซ้อนหรือรักเผื่อเลือกนะสิ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ"
"แสดงว่าที่หนีมาที่บ้านก็เพราะงอนเขาใช่ไหม งั้นพี่ก็สรุปได้ว่าเรียวรักเขา"
"เปล่า" เรียวส่ายหน้า
"เปล่าไมได้งอน หรือเปล่าไม่ได้รัก" ธามเลิกคิ้วถาม จ้องตาเรียวรอคำตอบ
"พี่ธาม...ผม..." เรียวอ้ำอึ้ง
"อย่าขอเวลาพี่ต่อนะเรียว พี่รอไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เรียวบอกว่ากำลังดูๆ เขาอยู่จนถึงเมื่อวาน พี่ก็ถอยออกห่างๆ ไม่เข้าไปกวนใจอะไรเลย"
"พี่ก็เลยถือโอกาสตอนที่ผมงอนเขา บุกถึงบ้าน คุยกับแม่ผมเลยหรือ"
"ไหนบอกว่าไม่ได้งอนเขา"
"พี่ธาม...ก็..." เรียวอ้ำอึ้ง
"เลิกเรียกแต่ชื่อพี่ได้แล้ว"
"ก็พี่เล่นจี้ผมเหมือนตำรวจสอบสวนผู้ต้องกาห ตลบหน้าตลบหลังแบบนี้ จะให้ผมทำยังไงล่ะ" เรียวทำหน้ามุ่ย
"ตัวเองก็เป็นตำรวจ"
"แต่ผมไม่ใช่สายสอบสวนนะ ผมสายปลอมตัวหาข่าง อีกอย่าง ผมก็แค่เพิ่งเป็นร้อยตำรวจโท ประสบการณ์ก็น้อย ผมรู้ตัวว่าผมไม่เก่ง ชั่วโมงบินต่างกับพี่มากเลย พี่เล่นต้อนผมเข้ามุมแบบนี้ก็แย่สิ"
"งั้นก็อย่าทำให้มันยากไ
"ยากยังไง"
"ก็แบบนี้ไง แบบที่กำลังทำอยู่ เรียวไม่ตัดสินใจเสียที เอาให้แน่สิเรียว ให้มันชัดเจน คนที่รักเรียวเขาจะได้ทำใจ"
"พี่ธาม" เรียวไม่รู้จะพูดอะไรดีมากไปกว่าเรียกชื่อ
"ตกลงคบกับพ่นะ" ธามพูดเสียงนุ่ม แววตาอ้อนวอน แล้วคุกเข่าขวาลงกับพื้น ทำราวกับชายหนุ่มจะขอคนรักแต่งงาน
"พี่ธาม" เรียวเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"พี่ไม่อยากให้ตัวเองเสียโอกาสไปอีกครั้ง คราวนี้พี่จะไม่ปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ เหมือนตอนที่เรียนจบนายร้อย พี่ไม่อยากจะเจอเรียวอีกในอนาคตแล้วมารู้สึกเสียใจและเสียงดายว่าตัวเองไม่ได้ทำจนถึงที่สุด" ธามพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยื่นมือไปจับมือขวาของเรียวเอาไว้แล้วพูดช้าๆ ว่า "เป็นแฟนพี่นะเรียว"
"ไม่" เรียวนิ่งไปชั่วอึดใจแล้วตอบเบาๆ
"ทำไม" ธามถามเสียงเบาโหวง
"ผมรักคุณศรันย"
"แน่ใจหรือ" ธามจ้องหน้าเรียว สายตาคาดคั้น "เขาเป็นคนเจ้าชู้นะ พูดก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ชอบเอะอะโวยวาย ไม่คงเส้นคงวา เอาแน่เอานอนไม่ได้ เจ้าเล่ห์ด้วย ไม่อยู่กับร่องกับรอย เอาแต่ใจตัวเอง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ"
"พี่ธามพูดยังกับว่ารู้จักเขาดีทุกอย่าง" เรียวพูด ในใจก็ยอมรับว่าเห็นด้วยทุกอย่าง
"รับซื้อของโจรอีกต่างหาก ถ้าพี่จะบุกเข้าจับอู่เขารับรองว่าได้ของกลางเป็นชิ้นส่วนรถยนต์เยอะแยะ พี่เช็คดแบคกราวด์เขาหมดแล้ว"
"พี่สืบเค้าถึงขนาดนี้เลยหรือ" เรียวโวยเบาๆ
"แต่ก่อนเคยเป็นเจ้ามือพนันแข่งรถ แต่หลังๆ เลิกแล้ว"
"นั่นไง เห็นไหม เขาปรับปรุงตัวเอง" เรียวพยักหน้า "เขาเปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่เจอกันจนถึงวันนี้ เขาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น"
"แล้วบอกพี่ได้ไหมว่าหนีเขามาทำไม"
"ผมเปล่า" เรียวหันหน้าไปมองด้านอื่นเพราะธามเอาแต่จ้องตา
"เลิกปากแข็งได้แล้วหมวดเรียว" ธามพูดเสียงเข้ม "หรือจะให้พี่สืบเอง"
"ผมงอนที่เค้า...เอ่อ..." เรียวอ้ำอึ้ง ถอนหายใจเบาๆ กอนจะยอมรับว่า "เห็นเขาจู๋จี๋กับคุณพีท อดีตคู่ขาในออฟฟิสที่อู่"
"นั่นไง" ธามพยักหน้า
"แล้วพอโทรไป ลูกน้องเขาก็ล้อว่าเขาจะไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ กำลังไปเก็บกระเป๋า ถ้าคุณพีทจะตามไปก็ยังทัน ถ้าเขาไม่มีอะไรกันลึกซึ้งจริงๆ ลูกน้องก็คงไม่ล้อแบบนี้หรอก แสดงว่ามันก็ต้องมีอะไรบ้าง ถ้าไม่ยังงั้นก็..."
"เรียวก็เลยรีบลางานสารวัตรธันว์แบบฉุกเฉิน กลับมที่บ้านแม่เป็นอาทิตย์" ธามพูดแทรกเป็นการสรุป เรียวไม่ตอบ ยกมือขึ้นกอดอก หันตัวทางอื่นแล้วเดินออกห่าง แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการพูดต่อ ธามมองตามแล้วนั่งลงบนม้านั่งที่ระเบียง เอนตัวเข้ากับพนักพิง เหยียดขาออกไป ถอนหายใจเบาๆ
แค่นี้ก้ได้คำตอบชัดเจนแล้วว่าเรียวรักศรันย์ ส่วนเขานั้นหมดโอกาสแล้ว
"พี่ธามเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมได้ไหม" ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงของเรียวขจึงดังขึ้น ธามหันไปมองแผ่นหลังของชายหนุ่มคนที่เขารักช้าๆ แล้วนั่งนิ่ง ปล่อยให้มีความเงียบระหว่างเขากับเรียว

อีกสิบนาทีจะเป็นเวลาหนึ่งนาฬิกา ศรันย์ชะเง้อมองเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ เห็นเคนกำลังสนุกสุดเหวี่ยง ในใจคิดว่าเรียวกับเคนนั้นเหมือนกันอย่างเดียวคือรูปร่างหน้าตา แต่บุคลิกและนิสัยแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง
ศรันย์แหวกทางเข้าไปถึงดึงตัวเคนออกมาจากฟลอร์เต้นรำกลับมาที่หน้าเคาท์เตอร์บาร์ น้องชายของเรียวยังคงเต้นไม่หยุด ผงกหัวงึกงักเข้ากับเสียงเพลง
"สนุกจริงๆ เลย พี่ศรันย์อยากกลับแล้วหรือครับ ผมขออยู่ต่ออีกซักครึ่งชั่วโมงได้ไหม" เคนทำหน้าอ้อนวอน "นานๆ จะได้ปล่อยผี อัดอั้นมาเป็นเดือนๆ แล้ว"
"นี่มันตีหนึ่งแล้วนะ" ศรันย์ยกแขนขึ้นมาให้เคนดูเวลาในนาฬิกาข้อมือ
"กลัวตื่นไม่ไหวหรือครับ เอาไว้ค่อยไปนอนบนเครื่องบิน นะครับพี่ศรันย์รูปหล่อ พี่ใจดีที่สุดในโลกเลย นี่ถ้าพี่ยังโสด ผมจะจีบพี่เป็นแฟนเลยนะเนี่ย"
"รู้ได้ไงว่าพี่ไม่โสด"
"แล้วพี่โสดหรือเปล่า" เคนแหงนหน้ามอง ทำตาท้าทายพร้อมกับเบียดตัวเข้าแนบชิดต้นแขนของศรันย์ "หรืออยากโสดซักคือไหม"
"พอแล้วเคน ดื่มเข้าไปเยอะแล้ว กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย" ศรันย์ส่ายหน้า จับแขนชายหนุ่มแล้วออกแรงดึงให้เดินตาม
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถศรันย์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนตบหลังเบาๆ ครั้นหันไปจึงเห็นชายหนุ่มรูปหล่อสองคนกำลังมองเขายิ้มๆ
"พี่ศรันย์ เดี๋ยวนี้กินเด็กมัธยมแล้วหรือ"
"ไม่กลัวตำรวจจับหรือพี่ ข้อหาพรากผู้เยาว์"
"ผมอายุยี่สิบแล้ว" ผู้เยาว์ที่กำลังเปิดประตูจะขึ้นรถรีบพูด
"เคน เข้าไปนั่งรอในรถ" ศรันย์หันไปสั่งเสียงเข้มแล้วจึงพูดตอบสองหนุ่มที่เข้ามาทัก
"นี่น้องชายแฟนผม"
"โอ้โห ใจดีจัง พาน้องชายแฟนเที่ยวกลางคืน"
"น้องชายแฟนหล่อน่ารักแบบนี้ พี่เขยที่ไหนก็อยากพาเที่ยว"
"พาเที่ยวแล้วก็พาไปนอน"
"ที่เข้ามาทักนี่เพราะอะไร เบสท์" ศรันย์พูดเสียงเข้มกับคนที่ตัวสูงกว่าอีกคน "พี่กับเขาไม่มีอะไรกัน ถ้าบอกว่าเป็นน้องชายแฟนก็น้องชายแฟนสิ"
"อย่างพี่นะหรือจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน" เบสท์เหยียดปากเล็กน้อยแล้วหันไปหาเพื่อน "ใช่ไหมบูม แกเชื่อพี่ศรันย์ไหม"
"ดูจากประวัติ เชื่อยากอยู่นะ" คนตัวเล็กกว่าชื่อบูมตอบ
"ช่วยไปกระจายข่าวเลยนะ ว่าพี่มีแฟนแล้วเป็นตัวเป็นตนคนเดียวเท่านั้น ชื่อเรียว แล้วน้องชายเขาชื่อเคน เพิ่งมาจากต่างจังหวัดก็เลยอยากเที่ยวผับในกรุงเทพฯ" ศรันย์กระแทกเสียง "แต่ก่อนพี่อาจจะร่อนไปร่อนมา แต่ตอนนี้พี่เลิกแล้วเพราะเจอคนดีๆ พี่รักจริงหวังแต่ เพราะฉะนั้นพี่ไม่กลับไปหาของกินข้างถนนหรอก"
"พี่ศรันย์ มากไปแล้ว มาว่าเบสท์กับบูมเป็นของกินข้างทางแบบนี้ได้ยังไง" บูมกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ
"ขอให้จริงเถอะ" เบสท์พูดเสียงเข้ม หน้าตึงที่โดนเปรียบเปรยเสียหมดราคา "ไปเถอะบูม เขาลืมเราแล้ว ผู้ชายแบบนี้พอได้กินอิ่มแล้วเราก็ไม่อยู่ในสายตา"
ศรันย์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา มองตามจนเบนส์ลากแขนเพื่อนเดินจากไปแล้วจึงขึ้นนั่งบนรถ เคนรีบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มทะเล้นแล้วพูดว่า
"โอโห พี่ศรันย์ เสน่ห์แรงจริงๆ เลย แบบนี้ต้องยกนิ้วให้ อ้อ แต่ก่อนพี่ชอบจอดรถหากินเด็กตามเสาไฟฟ้าข้างทางหรือครับ"
"ทะลึ่ง หุบปากไปเลยนะเคน" ศรันย์หันไปทำเสียงดุ "พี่เปรียบเทียบเฉยๆ หรอก เป็นอุปมา เข้าใจไหม"
"ตกลงพี่รักพี่เรียวจริงๆ หรือครับ เหมือนที่เมื่อกี้พี่บอกว่ารักจริงหวังแต่ง หมายความว่าพี่จะไปขอพี่เรียวจากแม่ผมใช่ไหม""
"พี่เปรียบเปรย เข้าใจไหมเคน"
"แสดงว่าพี่ไม่คิดจะ..." เคนพยักหน้างึกงัก
"รังจริงหวังแต่ หมายความว่ารักจริงๆ ไม่ได้เล่นๆ" ศรันย์พูดช้าๆ ชัดๆ "ไมได้หมายถึงจะยกขันหมากไปสู่ขอแต่งงาน จะให้พี่ไปขอหมวดเรียวจากแม่เคนได้ยังไง" ศรันย์อธิบาย
"โธ่ พี่เอ๊ย อายุขนาดนี้แล้ว ยังคิดแบบนี้อยู่อีกหรือ" เคนยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง
"เงียบไปเลย ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"
"แบบนี้พี่จะไปทันผู้กองธามได้ยังไง รู้ไหมเขาตัดหน้าพี่ไปแล้ว พี่ธามตามไปถึงเชียงรายแล้วรู้ไหม ไปคยกับแม่ผมเรื่องพี่เรียว"
"หา อะไรนะ" ศรันย์ตะโกนเสียงดัง เผลอเหยีบเบรกรถจนหัวทิ่ม
"พี่อยากได้เขาเป็นแฟน พี่ไม่คิดจะไปพูดกับแม่เขาหน่อยหรือ ผู้กองธามมองการณ์ไกลกว่าพี่ เฮ้อ ถ้าเป็นแบบนี้สังสัยผมได้พี่เขยเป็นตำรวจแหงๆ" เคนเอนพิงเบาะ แหงนหน้าขึ้น ทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"ผู้กองธามไปเชียงราย ไหนเล่าให้ฟังซิ มันเรื่องอะรไรกัน อะไรเป็นยังไง นี่มันเรื่องอะไร นี่รวมหัวพากันแกล้งพี่ใช่ไหม ที่มากรุงเทพฯ นี่สมรู้ร่วมคิดกันแกล้งพี่ใช่หรือเปล่า หมวดชินสั่งให้เคนมาหรือหมวดเรียว บอกมาเดี๋ยวนี้เลย แล้วสาบานได้ไหมว่าที่บอกว่าผู้กองธามอยู่ที่เชียงรายไปขอหมวดเรียวนั้นเป็นเรื่องจริง"
"เปลานะครับเปล่า" เคนสายหน้า ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาโบก รีบปฏิเสธ "ผมมากรุงเทพฯ ของผมเอง พี่หมวดชินโทรมาบอกผมที่บ้าน บอกว่าให้เอาของฝากพี่ศรันย์ไปด้วยเพราะ..."
"สาบานซิ" ศรันย์ชี้หน้าเคน
"สาบานให้ถูกผู้ชายเรียงคิดข่มขืนร้อยคนเลยเอ้า" เคนยกนิ้วขึ้นทำท่าเหมือนลูกเสือ
"เคน พี่โดนพี่ชายเคนกับหมวดชินแกล้งบ่อยมากเลยรู้ไหม ถ้าแกล้งพี่อีกครั้ง คราวนี้พี่ไม่ยอมแล้ว ถ้าพี่ไม่ได้หมวดเรียวพี่จะเอาเคนเป็นเมียแทน"
"ยินดีอย่างยิ่งครับผม เดี๋ยวนี้เลยยังได้" เคนรีบพยักหน้า ยิ้มทะเล้น จึงโดนศรันย์ตบหัวเบาๆ ไปหนึ่งที
"ไม่ต้องไม่เที่ยวสิมิลันแล้ว กลับเชียงรายไปพร้อมกับพี่นี่ล่ะ ไปเป็นพยานให้พี่ช่วยพูดกับหมวดเรียว ให้เขาเห็นว่า..."
"เป็นพยานเรื่องอะไร" เคนรีบพูดแทรก
"ก็เรื่องเมื่อกี้ ที่สองคนนั้นเข้ามาอ่อยพี่แล้วพี่ก็ไล่ไป"
"เขามาทักต่างหาก ไม่ได้อ่อย เขาล้อเล้นเฉยๆ"
"เคนก็ได้ยินที่สองคนนั้นพูดทำนองว่าพี่จะกินเด็ก กินเคนน้องชายแฟน แต่พี่บอกว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตน ไม่สนใจอีกแล้ว"
"ไม่หวนกลับไปหากินข้างถนน อันนี้ผมจำได้" เคนพยักหน้า
"เห็นไหมล่ะ เห็นไหม่ว่าพี่จริงใจกับพี่ชายเคน เพราะฉะนั้นเคนต้องช่วยพี่ไปพูดกับหมวดเรียว"
"ทำไมต้องไปช่วยพูด มันมีอะไรที่ต้องเอาคนไปยืนยันความบริสุทธิ์ของพี่หรือไง" เคนทำหน้าสงสัย
"ก็...เรื่องที่โดนสองคนนั้นว่าพี่จะกินเด็ก จะกินน้องชายแฟน เผื่อมันไปเข้าหูหมวดเรียว เดี๋ยวก็เข้าใจผิด" ศรันย์ส่ายหน้า
"พี่ไม่อยากได้ผมหรือพี่ศรันย์ ตอนที่อยู่ในห้องนอน ผมเห็นพี่มองผมตาเป็นมัน กลืนน้ำลายไปตั้งหลายอึก" เคนยักคิ้ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ทำตาปรือ ปากเผยอ
"ตอนนั้นพี่ช๊อคนี่หว่า นึกว่าเป็นหมวดเรียว"
"ถ้าพี่ดื่มเหล้าพอมึตๆ เปิดไฟสลัวๆ ผมก็เป็นพี่เรียวได้นะพี่ ถ้าไม่พูด ทำตัวนิ่งๆ หน้าเฉยๆ เสียงหน่อย พี่แยกไม่ออกหรอกว่าผมเป็นน้องชายพี่เรียว"
"พอที" ศรันย์โบกมือแล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเคนดันให้ออกห่าง "พี่จะไปส่งที่บ้านหมวดเรียว พรุ่งนี้เช้าถึงจะไปรับ"
"อ้าว ไหนว่าคืนนี้จะให้นอนที่บ้านพี่ด้วย" เคนอ้าปากค้าง สีหน้าผิดหวัง "นี่พี่ก็ไม่ไว้ใจตัวเองใช่ไหมล่ะ กลัวเผลอใจหรือไง เมื่อกี้เป็นยืนยันว่ามั่นคงต่อพี่เรียวนักหนา"
"หุบปากไปเลย"
"หุปก็ได้ ไม่พูดอะไรแล้ว" เคนหน้าง้ำ กระแทกตัวลงกับเบาะ ยกมือขึ้นกอดอก จนกระทั่งเมื่อรถจอดติดไฟแดงศรันย์จึงหันไปมองคนที่นั่งนิ่งเงียบ ท่าทางไม่พอใจ ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปากขอโทษ
"พี่กำลังเครียดนะเคน เลยพูดอะไรไปแบบนั้น พี่ขอโทษ"
"ขอโทษที่สั่งให้ผมหุบปากใช่ไหม หรือขอโทษที่กลับคำว่าจะให้ผมไปนอนบ้านด้วยแต่ตอนนี้กลับจะเอาผมไปทิ้งไว้ที่บ้านพี่เรียวเหมือนสิ่งของ"
"พูดเกินไปแล้ว" ศรันย์อยากจะยกมือขึ้นเขกหัวเคนยิ่งนัก ตอนนี้เริ่มจะคิดว่านิสัยเคนนั้นก็ไม่ต่างจากหมวดเรียวเท่าใดนัก นั่นก็คือ 'กวน' จะต่างกันก็แค่ 'วิธีการ'
"ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ" ศรันย์พูดซ้ำๆ "ขอโทษทุกอย่างเลย ขอโทษทุกเรื่อง พอใจหรือยัง"
"ตกลง ผมจะได้ไปนอนบ้านพี่ใช่ไหม"
"เออๆ" ศรันย์ส่ายหน้า แล้วปรายตามองด้านข้าง เห็นเคนยิ้มกว้าง
ความคิดถึงหมวดเรียวยิ่งเพิ่มทวีคูณ ยิ่งมีเคนน้องชายของหมวดเรียวซึ่งรูปร่างหน้าเหมือนกันราวฝาแฝดนั่งอยู่ข้างๆ ใจเขายิ่งร้อนรุ่มดั่งไฟเผา
แล้วคืนนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเคนตัวดีจะแกล้งยั่วอะไรอีก

►จบบทที่ 23◄


ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องเคนสายอ่อย ช่างยั่วจริงๆ ไอ้คนถูกยั่วก็ดูจะยั่วขึ้นง่ายๆ  จะรอดคืนนี้ไปง้อหมวดเรียวหรือเปล่าน้อเฮียศรัณย์   :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
♀ บทที่ 24♀

เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นถี่ๆ ศรันย์งัวเงียลืมตาขึ้นมา เหลือบมองดูนาฬิกาข้างหัวเตียงบอกเวลาตีสามครึ่ง
"พี่ศรันย์ เปิดประตูให้หน่อยสิ" เสียงเคนดังอยู่หน้าห้อง ศรันย์จำต้องลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตู เห็นน้องชายของหมวดเรียวยืนตาปรืออยู่จึงถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนใจ
"ว่าไง มีอะไรอีก โดนผีหลอกหรือไง"
"ขอผมนอนด้วยนะครับ ผมนอนไม่หลับ มันแปลกที่ แล้วก็ไม่คุ้นที่ต้องนอนคนเดียว" เคนพูด
"โตขนาดนี้ ทำไมจะนอนคนเดียวไม่ได้" ศรันย์ขมวดคิ้ว
"ริงๆ นะครับ ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยนอนคนเดียวเลย มันนอนไม่ได้จริงๆ ให้ผมนอนด้วยนะครับ เห็นใจผมเถอะ ผมนอนไม่ดิ้นหลอก ไม่ละเมอ ไม่กรน"
"อย่ามาล้อเล่นอะไรเคน" ศรันย์ยังไม่ค่อยไว้ใจ
"จริงๆ ครับ พี่ไม่เชื่อ โทรไปถามพี่เรียวหรือพี่เชนได้เลย"
"จะบ้าหรือ ตีสามครึ่ง จะโทรไปถามใครได้" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าเด็กหนุ่มซึ่งยืนทำหน้าตาน่าสงสารด้วยความรู้สึกลังเล
"จริงๆ นะครับ ผมนอนไม่หลับจริงๆ ไม่เคยนอนคนเดียว ตอนอยู่ที่บ้าน ถ้าแม่หรือพี่โชไม่ยอมให้ผมเข้าไปนอนในห้องด้วย ก็ต้องเปิดประตูเอาไว้ แล้วผมก็ปูเสื่อนอนหน้าประตู"
"งั้นก็นอนหน้าประตู" ศรันย์สรุป
"โธ่ พี่ศรันย์จะโหดร้ายแบบนั้นเลยหรือ หน้าตาก็หล่อ ผมขอนอนในห้องด้วยเฉยๆ ให้ผมนอนด้วยนะครับ รับรองว่าผมนอนไม่ดิ้น ไม่ทำให้พี่รำคาญแน่นอน" เคนอ้อนวอน
"ดิ้นก็ดิ้นไป นอนบนพื้นนะ ใครจะให้นอนบนเตียงด้วย" ศรันย์ถอนหายใจยาวแล้วพยักหน้าอนุญาต
"โธ่ พี่ศรันย์" เคนทำเสียงโอดครวญ
"แล้วใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่ใช่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวแบบนี้"
"ใส่ไม่ได้หรอกครับ นอนไม่หลับแน่ๆ ผมไม่เคยใส่เสื้อผ้านอน มันอึดอัด" เคนส่ายหน้า
"เด็กบ้า มีปัญหาจริงๆ เลย" ศรันย์อดว่าไม่ได้
"งั้นก็ได้ ผมไปนั่งดูทีวีรอจนเช้าก็แล้วกัน" เคนตีหน้าเศร้า
"ไม่ต้องเลย อย่ามาแกล้งทำหน้าตาน่าสงสาร ถึงพี่ไม่ได้เข้ามานอนด้วย เราก็ต้องตื้อจนได้ ตกลงกันก่อนนะ ให้นอนที่พื้น นอนเฉยๆ ห้ามกวน ห้ามมีเรื่องอะไรอีก" ศรันย์ย้ำ
"ครับๆ" เคยยิ้มกว้าง พยักหน้าแล้วเดินไปนั่งลงที่พื้นปลายเตียง ทำท่าจะเอนตัวลงนอน ศรันย์เดินเข้ามาหา ในมือถือเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวผ้ายืด
"เอ้านี่เสื้อกับกางเกง ใส่ให้เรียบร้อย ไปนอนข้างเตียง ไม่ใช่ปลายเตียงแบบนี้" ศรันย์พูดพร้อมกับยื่นเสื้อและกางเกงให้ เคนรับไปเงียบๆ แล้วคลานไปที่ข้างเตียนด้านซ้าย สวมเสื้อและกางเกงทั้งที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นแล้วชี้มือไปที่หมอนซึ่งวางอยู่บนเตียง ศรันย์หยิบส่งให้พร้อมกับผ้าห่มแล้วขึ้นนอนบนเตียง แต่เมื่อเห็นว่าเคนยังคงนั่งกอดหมอนเอาไว้จึงถามว่ามีอะไรอีก
"เสียดายจริง พี่ศรันย์น่าจะเจอผมก่อนเจอพี่เรียว" เคนพึมพำ ตามองไปข้างหน้า
"ทำไม" ศรันย์ถามเบาๆ
"เปล่า" เคนส่ายหน้าช้าๆ แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอน จากนั้นจึงพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า "ผมแค่รู้สึกดี"
"พี่รักหมวดเรียวนะเคน จะว่ารักแรกก็ว่าได้ พี่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน"
"ถ้าพี่เจอผมก่อน พี่จะชอบผมไหม รูปร่างหนาตาก็เหมือนกันนะ นิสัยใจคอก็เหมือนกัน ตอนที่พี่เรียวเรียนอยู่ก็ทะลึ่งทะเล้นเหมือนผมนี่ล่ะ พอเป็นตำรวจแล้วถึงเรียบร้อยขึ้นมาบ้าง ออกแนวเฮ้วๆ นักเลงๆ หน่อย แต่ความจริงเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ"
"แบบไหน" ทั้งที่อยากจะบอกให้เคนรีบนอน แต่ศรันย์ก็อดที่จะถามไม่ได้เพราะอยากรู้
"พี่เรียวเป็นคนอ่อนโยน นุ่มนวล ขี้ห่วงกังวล ขาดความมั่นใจนิด คิดมาก โลเล" เคนตอบแล้วหัวเราะเบาๆ
"จริงหรือ"
"ป่านนี้คงนอนถอนหายใจอยู่ที่บ้าน"
"ทำไม" ศรันย์ถาม
"ก็คงอึดอัดเรื่องพี่ศรันย์อยู่นะสิ รับรองเลยว่าพี่เรียวนอนไม่หลับแน่ๆ บางทีนะ ถ้าพี่เรียวคิดอะไรไม่ตก ก็จะปลุกผมกับแม่ขึ้นมานั่งคุยกลางดึก ตอนที่ผู้กองธามไปเมืองนอก พี่เรียวกลับไปที่บ้าน นอนไม่หลับ ผมกับแม่ต้องลุกขึ้นมานั่งคุยด้วยทั้งคืน" เคนเล่าให้ฟังแล้วหัวเราะตาม
"หมวดเรียวคุยกับแม่ทุกเรื่องเลยหรือ"
"พวกเราสนิทกัน พี่โชไม่ค่อยเท่าไหร่ เขาไปอยู่หอพักแล้วก็ไม่ได้เป็นเกย์ เลยไม่ค่อยชอบคุยเรื่องผู้ชาย" เคนตอบ
"แล้วเราะล่ะ เป็นหรือ"
ผมนะหรือ" เคนหัวเราะลงลูกคอ "แค่อายุเท่านี้ ผมผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าพี่เรียวถึงสิบเท่าเชียวนะ"
"เก่งจริงนะ ระวังเอดส์ถามหาล่ะ" ศรันย์ทำเสียงประชด
"พี่ศรันย์เคยผ่านมากี่คน ผมว่าอย่างพี่นี่นะ สงสัยนับไม่ถ้วนแน่เลย"
"นอนได้แล้วเคน อย่าชวนพี่คุย พี่ง่วง" ศรันย์ตัดบท
"เสียงไม่เห็นง่วงเลย" เคนท้วง
"ถ้าไม่เลิกชวนคุย จะให้ออกไปนอนข้างนอก" ศรันย์ยื่นคำขาด
"ผมสงสัยจังว่าตอนนี้แม่กับผู้กองธาม ต้องลุกขึ้นมานั่งคุยกับพี่เรียวทั้งคืนหรือเปล่า" เคนพูดเบาๆ แล้วก็เงียบไป ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย ปล่อยให้ศรันย์นอนลืมพาโพลงแทบทั้งคืน

ศรันย์โบกมือให้เคนซึ่งกำลังเดินแยกจากเขาไปยังอีกด้านหนึ่งของสนามบินเพื่อไปขึ้นเครื่อง ส่วนตัวเขาต้องรออีกกว่าสองชั่วโมง ขณะที่มองตามร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่ม ในใจของศรันย์เต็มไปความรู้สึกหลากหลาย
เคนคือภาพสะท้อนของหมวดเรียวสมัยเป็นหนุ่มน้อยที่เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง
ตอนนั้น หมวดเรียวคงช่างพูดช่างจาแบบนี้กระมัง ดื้อนิดๆ กวนหน่อยๆ ทะลึ่งทะเล้น
ศรันย์มั่นใจแล้วว่าตัวเองรักหมวดเรียว และคำพูดสุดท้ายของเคนเมื่อคืนนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัว
อยากรู้นักว่า เมื่อคืนนี้ เรียวปลุกแม่กับผู้ธามขึ้นมานั่งคุยด้วยทั้งคืนหรือไม่
แต่ผู้กองธามคงยอมหรอก ไอ้ที่ตัดหน้าเขาเดินทางไปถึงเชียงรายนี่ก็คงเพราะต้องการเอาชนะ เรื่องที่จะลุกขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนคุยกับหมวดเรียวกเรื่องของเขานั้นอย่าได้หวังเลย
เขาจะสู้กับผู้กองธามได้หรือเปล่า
ทุกอย่างอยู่ที่คนกลางเท่านั้น ถ้าหมวดเรียวมีใจให้เขา ผู้กองธามก็ทำอะไรไม่ได้ แม้จะหล่อ รวย เก่ง หน้าที่การงานดี แต่ความรักสำคัญกว่า
การเดินทางโดยเครื่องบินใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที แต่ศรันย์รู้สืกเหมือนกันว่าเดินทางข้ามประเทศ เวลาช่างยาวนานยิ่งนัก
เมื่อถึงสนามบินปลายทาง ศรันย์เปิดโทรศัพท์มือถือและเห็นข้อความสั้นจากชินวัฒน์จึงรีบเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้นเพราะคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวดเรียวเพราะตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ได้คุยกันก็ติดต่อไม่ได้อีก
ชินวัฒน์บอกว่าจะมีรถมารับ รออยู่ที่หน้าสนามบิน ไม่ต้องมองหาชูป้าย ให้เดินออกไปรอข้างหน้าเลย ศรันย์กังวลเล็กน้อยเพราะคิดว่าอาจจะเสียเวลา ตอนนี้เขาต้องการไปถึงบ้านมารดาของหมวดเรียวให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเดินออกมาจากประตูอาคารผู้โดยสารขาออก ศรันย์ก็ต้องชะงักเพราะเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้กองธามยืนเด่นอยู่ข้างรถเก๋งสีดำ
"หมวดเรียวให้ผมมารับ กลัวคุณจะหลง" ผู้กองธามหันมาพูดกับศรันย์
"ไหนหมวดชินบอกว่า..."
"หมวดชินบอกกับหมวดเรียวบอกก็เหมือนกันล่ะครับ เชิญขึ้นรถ" ผู้กองธามพูดพร้อมเปิดประตูด้านข้างคนขับทิ้งไว้ แล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ
"หมวดเรียวบอกคุณให้มารับ หรือหมวดชินบอกให้มารับ" เมื่อขึ้นนั่งบนรถ ศรันย์ก็ยังอยากได้คำตอบที่ตัวเองสงสัยอยู่
"หมวดเรียวครับ" ผู้กองธามหันมาตอบแล้วออกรถ "อย่าถามรายละเอียดมากกว่านี้เพราะผมไม่รู้ หมวดเรียวบอกสั้นๆ ผมก็เลยช่วย คิดจะถามเหมือนกันว่าทำไม แต่พอโทรกลับไปก็ติดต่อไม่ได้แล้ว  หมวดเรียวเขาแคร์คุณไม่ใช่น้อย รู้ไหมคุณศรันย์"
"ผมก็แคร์หมวดเรียวมาก ถึงได้ตามมาถึงที่นี่"
"ก่อนอื่นเราต้องคุยอะไรกันก่อน" ธามนิ่งไปครู่หนึ่งราวกำลังตัดสินใจบางอย่าง จากนั้นจึงพูดต่อ "คุณคงรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับหมวดเรียว"
"ความรู้สึกผมก็ไม่น้อยไปกว่าคุณหรอก"
"คุณจะทำพังไม่ได้นะคุณศรันย์ ผมเอาคุณตายแน่ สารวัตรธันว์ก็ไม่เก็บคุณไว้เหมือนกัน" ธามพูดเสียงกร้าว
"สารวัตรธันว์ก็ด้วยหรือ" ศรันย์เบิกตากว้าง อุทานออกมาเสียงดัง ไม่อยากจะเชื่อ
"คุณพ่อของหมวดเรียวฝากสารวัตรเอาไว้ให้ช่วยดูแล สองคนนั้นเขาเคยมีบุญคุณต่อกัน นับถือกันมานาน จะเรียกว่าสารวัตรธันว์เป็นผู้ปกครองของหมวดเรียวก็ไม่ผิด ผมไม่ได้ขู่นะ ถ้าคุณทำให้หมวดเรียวเจ็บ มีคนอย่างน้อยสองคนพร้อมที่จะจัดการกับคุณให้ถึงที่สุด"
"นี่นะเรียกว่าไมได้ขู่" ศรันย์เบ้ปาก
"แค่เตือน"
"ที่พูดแบบนี้ จะให้คิดว่าคุณกำลังเปิดทางให้ผมหรือผู้กองธาม" ศรันย์ตัดสินใจถามตรงๆ
"เรียว ขอให้ผมเป็นพี่ชาย" ธามพูดออกมาเสียงเบาโหวง ตามองไปข้างหน้า ขบกรามจนเห็นเป็นสันนูน มือจับพวงมาลัยรถแน่น ศรันย์หันไปมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของนายตำรวจ ใจหนึ่งอดชื่นชมผู้กองธามไม่ได้ ส่วนอีกใจหนึ่งนั้นยังรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง
ผู้กองธามจะยอมง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ พอหมวดเรียวขอให้เป็นพี่ชาย ผู้กองธามก็เลยถอย แต่ก็ยังมาขู่ว่าให้เขาทำดีๆ ไม่งั้นเจอหนักแน่ๆ
"ผมบอกตามตรง ผมไม่เคยรักใคร ครั้งนี้เรียกว่าเป็นครั้งแรกของผม" ศรันย์พูด "แต่ผมจะพยายามให้ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่า มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง แต่มันก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อ..."
"แค่รักก็พอแล้ว" ธามพูดแทรก "แค่รัก คุณก็ทำทุกอย่างได้แล้วล่ะ แต่ถ้าคุณทำให้เขาผิดหวัง แสดงว่าคุณยังรักเขาไม่มากพอ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ให้มีน้ำใจนักกีฬา หลีกทางให้คนที่เขารักมากกว่า ทำได้ดีกว่า"
"หมายความว่าคุณ..." ศรันย์อ้ำอึ้ง
"ผมจะถอย แต่ไม่ได้ความว่าผมจะออกไปจากชีวิตเขา เมื่อไหร่ที่คุณพลาด และหากตอนนั้นผมยังไม่มีใคร ผมก็จะกลับมา"
ศรันย์กลั้นหายใจครู่หนึ่ง แล้ว่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาทีละน้อย ยอมรับว่านี่คือครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกโล่งอกพอๆ กับหนักใจ

ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึงบ้านมารดาของหมวดเรียว บ้านไม้ทรงสูงตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างประมาณเกือบสองไร่ ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ร่มรื่น
"หวังว่าคุณคงไม่ลืมที่เราคุยกัน" ธามย้ำกับศรันย์ " คุณทำเรียวเจ็บ คุณเจอดีแน่ ขอให้โชคดี"
ศรันย์ลงจากรถ มองตามหลังรถเก๋งสีดำของธามด้วยความรู้สึกหลายหลายปนกัน
...คุณทำเรียวเจ็บ คุณเจอดีแน่ ขอให้โชคดี...
"ทั้งอวยพร ทั้งขู่ จะโล่งใจหรือหนักใจดีวะ" ศรันย์บ่นพึมพำแล้วเดินเข้าไปในบ้านไม้ใต้ถุนโล่งซึ่งแฝงอยู่ท่ามกลางต้นไม้นานาพันธ์ เสียงคนดังเอะแอะโวยวาย ชายฉกรรจ์กว่าสิบคนกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้น
ศรันย์เดินเข้าไปในบริเวณบ้านช้าๆ สอดส่ายสายตามองหาเรียวก หรือไม่ก็ผู้หญิงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของบ้าน มารดาของคนที่เขากำลังต้องการพบ ขณะนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ชายร่างผอมอายุประมาณต้นสี่สิบปีบอกว่าคุณเอื้อมพร มารดาของหมวดเรียวไม่อยู่ เพิ่งเข้าเมืองไปซื้อของ ส่วนหมวดเรียวนั้นเดินทางไปจังหวัดบ่อแก้ว ประเทศลาว และสั่งเอาไว้ว่า ถ้าธีรดนย์มาถึง ให้ไปพักที่บ้านปีกไม้ริมน้ำ
"แล้วเมื่อไหร่จะกลับครับ" ธีรดนย์ถาม
"คงเย็นโน่นล่ะครับ ต้องซื้อของเยอะ" ช่างตอบ
"ผมหมายถึงหมวดเรียว"
"ไม่รู้ครับ ไม่ได้บอกไว้ แต่คงไม่นาน ไม่เห็นเอาอะไรไปด้วย สงสัยไปไหวพ่อ จะเอาอะไรก็เดินมาบอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ผมขอตัวไปช่วยเขาทำงานก่อนนะครับ"
ศรันย์กล่าวขอบคุณแล้วเดินไปตามทางเดินโรยกรวดอ้อมไปทางด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ ไม่ถึงห้าสิบเมตรก็เห็นบ้านไม้ซุงหลังเล็กๆ ริมมน้ำ บรรยากาศน่าพัก
"ยังจะหลบหน้ากันอีก หมวดเรียวนะหมวดเรียว" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินขึ้นไปบนระเบียงหน้าบ้าน เห็นแปลขนาดใหญ่แขวนอยู่จึงนั่งลงแล้วเอนตัวนอน ตามองขึ้นไปดูยอดไม้ซึ่งกำลังพริ้วไหวตามแรงลม เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขของหมวดเรียวแต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ติดต่อไม่ได้
ลมเอื่อยๆ อากาศเย็นสบาย เดินทางมากไล หนำซื้อเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ไม่นานศรันย์ก็หลับ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีคนเขย่าแขนปลุก
"คุณ ยุงจะหามเข้าป่าอยู่แล้ว ลุกๆ ไปทานข้าว" เสียงห้าวๆ ดังขึ้น ศรันย์ค่อยๆ ลืมตา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ก้มหน้ามองเขาอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"คุณหมวดเรียว" ศรันย์พึมพำ น้ำเสียงยังรู้สึกงัวเงีย
"ลุกเถอะคุณ ไปทานข้าวก่อนแล้วค่อยมาอาบน้ำ
"หมวดเรียว" ศรันย์สะบัดหัวไล่ความงัวเงีย ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นคนที่มาปลุกตัวเองชัดๆ จึงตระหนักได้ว่าชายหนุ่มซึ่งถอยหลังไปยืนอยู่กลางระเบียงไม้นั้นไม่ใช่หมวดเรียว แต่หน้าตาเหมือนกันราวฝาแฝด ต่างนิดเดียวที่ร่างหนากว่าเล็กน้อย
พี่ชายคนโต!
ตอนนี้เชื่ออย่างที่เชน น้องชายคนเล็กของหมวดเรียวพูดและไม่เหลือความสงสัยใดๆ แล้วว่า สามคนนี้ ใครเห็นก็ต่างพากันคิดว่าเป็นแฝดสาม
โธ่ เมื่อไหร่จะเจอหมวดเรียวตัวจริงๆ เสียที นี่มาเห็นแต่คนที่เหมือนกัน จะไม่ไหวแล้วนะ เหมือนกันนิดหน่อยก็ยังพอว่า แต่นี่เหมือนกันมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าตา รูปร่างก็ไล่เลี่ยกัน บุคลิก ท่าทางการเดินการยืนก็เหมือนกันไปหมด
"ตามมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อ้อ กระเป๋าคุณผมเอาเข้าไปเก็บในบ้านให้แล้ว รีบหน่อยนะคุณ แม่รอทานข้าวอยู่" พูดเสร็จพี่ชายคนโตขอเรียวก็กระโดดลงจากระเบียงหน้าบ้าน ก้าวเท้ายาวๆ เดินจากไปทันที
วิธีการพูดก็แทบไม่ต่างกันเลย เฮ้อ
ศรันย์มองตามร่างสูง อดลดตาลงมองบั้นท้ายไม่ได้
"ขนาดก้นยังเหมือนกันเลย เฮ้อ" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นช้าๆ หันไปเห็นเห็นโอ่งดินใกล้กับบันไดจึงเปิดตักน้ำล้างหน้าแล้วรีบเดินตามไปด้วยความรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้พบหน้ามารดาของหมวดเรียว

คุณเอื้อมพรเป็นสตรีอายุปรายห้าสิบท่าทางใจดี รูปร่างบาง ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตต่างจากลูกชายซึ่งต่างก็มีดวงตาเรียวเล็ก
"ไม่รู้ว่าคุณศรันย์จะทานอาหารเหนือได้หรือเปล่า แต่โชเขาทำไข่เจียวให้เผื่อไว้ วันนี้ทานง่ายๆ ก่อนนะคะ กำลังซ่อมบ้าน ของมันกระจัดกระจาย ทำอะไรไม่ค่อยสะดวก" หลังจากทักทายกัน มารดาของเรียวก็เชิญให้ศรันย์นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร พูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเป็นคนอารมณ์ดี ต่างจากลูกชายซึ่งนั่งหน้าเรียบตึงอยู่ทางด้านขวา
"ผมขอโทษคุณแม่ด้วยนะครับที่มาแบบกระทันหัน" ศรันย์ยกมือขึ้นไหว้
"อีกสองสามวันโน่นเรียวมันถึงจะกลบ คุณจะรอไหวหรือ" โชพูดขึ้นพร้อมกับตักข้าวแล้วยื่นจานให้
"ผมรอได้คับ หรือไม่ผมก็จะตามไป" ศรันย์ตอบ
"ไม่ต้องตามไปหรอก ยุ่งยากวุ่นวายเฉยๆ เดี๋ยวจะหลงทาง เรียวมันก็คงไม่ค่อยจะอยากเจอคุณเท่าไหร่กระมัง ไม่งั้นคงอยู่รอพบแล้วล่ะ" โชคพูดด้วยเสียงค่อนข้างห้วน
"โช รักษามารยาทหน่อย" ผู้เป็นมารดาตีแขนลูกชายแล้วหันมาขอโทษศรันย์ "อย่าถือสานะคะ เขาปากร้ายแบบนี้ล่ะ แต่จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก ปากร้ายแต่ใจดี เห็นไหม เขาทำไข่เจียวให้คุณทาน"
"คงไม่ได้ใส่ยาเบื่อเข้าไปด้วยหรอกใช่ไหมครับ" ศรันย์พูดติดตลกด้วยใบหน้ายิ้มๆ มารดาของเรียวหัวเราะชอบใจ แต่ 'คนที่ทำไข่เจียว' ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทางสีหน้า
"แล้วจริงไหมล่ะแม่ ไม่งั้นเรียวมันคงไม่เป็นบ้าโผล่กลับมาบ้านกระทันหันแบบนี้หรอก ผู้กองธามก็ตามมาแบบไม่บอกไม่กล่าว แล้วคุณคนนี้อีก จู่ๆ ก็โผล่มาเหมือนกัน" โชเถียงมารดา
"เลิกพูดได้แล้วโช ทานข้าวเถอะ แม่หิวแล้ว" มารดาตัดบท
"คุณแม่ครับ" ศรันย์หันไปหาเอื้อมพร แล้วหันไปหาโช "พี่โชครับ ผมขอโทษที่..."
"เรียกผมว่าพี่ ดูหน้าตาผมหน่อยนะคุณ อ่อนกว่าคุณไม่รู้กี่ปี"
"โช" เอื้อมพอเรียกชื่อลูกชายคนโต ส่งสายตาปราม
"ผมเห็นว่าเป็นพี่ชายหมวดเรียว เลยให้ความเคารพ" ศรันย์ชักจะเสียงเข้มขึ้น
"ไม่ต้องมาขอโทษอะไรหรอกค่ะ" มารดาของหมวดเรียวรีบแทรก "แม่รู้ทุกอย่างหมดแล้ว เมื่อคืนเรียวปลุกแม่ขึ้นมานั่งคุยด้วยเกือบทั้งคืน มีอะไรค่อยคุยกันตอนเรียวกลับมานะ ตอนทานข้าวก่อน ส่วนโชก็เลิกพูดเสียที ไหนเมื่อคืนเป็นคนพูดเองว่าไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเกี่ยว ปล่อยให้แม่กับน้องคุยกัน ตัวเองแอบไปนอนเฉย"
"มันอดไม่ได้นี่แม่"
"คุณศรันย์มาถึงนี่ ก็แสดงจุดยืนให้เห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เรื่องของคนสองคน ปล่อยให้เขาจัดการกันเอง ต่างคงต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คุณศรันย์ แม่คิดว่าคงเข้าใจไม่ผิดหรอกใช่ไหมคะ" เอื้อมพรหันมาถามศรันย์
"คุณแม่ทราบ...เอ่อ...ใช่ครับ ไว้ใจผมได้ครับ ผมพร้อมที่จะ..." ศรันย์ตะกุกตะกัก
"ถ้าทำไอ้เรียวเจ็บ ผู้กองธามเอาคุณตามแน่" โชพูดแทรก มารดาตีแขนอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม พร้อมกับห้ามไม่ให้พูดต่อ
ทั้งสามใช้เวลาราวสิบนาทีจึงรับประทานอาหารเสร็จ โชเก็บถ้วยจานไปล้าง ศรันย์เสนอตัวช่วย แต่เอื้อมพรห้ามเอาไว้
"โชเขาชอบล้างจาน ไม่ชอบให้ใครไปยุ่ง คุณมานั่งนี่เถอะ มาเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิว่าเจอกันกับเรียวยังไง เมื่อคืนทุ่ยกัน เรียวเขาไม่เล่าตอนเจอกัน อ้ำอึ้งยังไงก็ไม่รู้ มาเริ่มเล่าถึงคุณตอนที่พากันกลับมาจากหัวหินแล้วเจอผู้กองธามที่วังไกลกังวล"
"คุณแม่ครับ ก่อนอื่นผมขอบอกคุณแม่ก่อนนะครับว่าผมรักหมวดเรียว ก่อนหน้าโน้นผมอาจจะมีความลังเลบ้าง" ศรันย์พยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างระมัดระวังเพราะรู้ตัวว่าตัวเองไปเป็นคนพูดวกไปวนมา
"ตอนนี้แน่ใจแล้วหรือไง" เสียงของโชดังออกมาจากด้านในของครัว เอื้อมพรหันไปมองแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ยกมือแตะแขนของศรันย์
"เรียวเขาก็โทรมาคุยกับแม่นะ พูดถึงคุณบ้าง บอกว่ากำลังดูๆ ผู้ชายคนหนึ่งอยู่"
"บ้าๆ บอๆ พูดมาก ขี้โวยวาย ไม่ค่อยจะเต็มเต็งเท่าไหร่" เสียงของโชดังออกมาอีก "ใช่คนเดียวกันกับคุณหรือเปล่าคุณศรันย์"
"ใช่ครับพี่โช นั่นล่ะผม" ศรันย์อดกระแทกเสียงไม่ได้ ใกล้จะกลับมาเป็นคนขี้โวยวายเหมือนเดิม อุตส่าห์วางมาดนิ่งมาตั้งนาน แต่พอมาเจอพี่ชายคนโตของเรียวก็ใกล้จะหมดความอดทน
"โช ถ้าไม่เลิกกวน แม้จะพาคุณศรันย์ไปนั่งคุยที่อื่นใกลๆ" เอื้อมพูดส่งเสียงดุใส่ลูกชาย
"ผมไม่เคยรักใคร ผมยอมรับว่าตัวเองไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ ลอยไปลอยมา เอาแต่สนุกไปวันๆ เรื่องความรักไม่เคยอยู่ในหัว แต่เมื่อผมมาเจอหมวดเรียว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มันเหมือนกับเจอเนื้อคู่ ผมบอกไม่ถูก พอเห็นมันก็รู้สึกดี คือว่า..." ศรันย์พยามยามอธิบาย
"ไม่ใช่เห็นว่าหน้าตาหล่อดีแล้วอยากได้เฉยๆ หรอกเร๊อ" เสียงกวนของโชดังออกมาอีก
"แม่เข้าใจ ตอนที่แม่เจอกับพ่อก็เหมือนกันแบบนี้ล่ะ พ่อเขาบอกว่ามันเป็นบุพเพสันนิวาส" เอื้อมพรพูดแล้วหัวเราะ
"ความรู้สึกดีๆ มันค่อยๆ เพิ่มขึ้นนะครับคุณแม่ ที่ผมบอกว่าลังเลความจริงไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว คือผมอยากรอจนแน่ใจแล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไง" ศรันย์พูดต่อ แต่เสียงของโชก็ดังขึ้นมาขัดอีก
"แต่ใจตอนที่เรียวมันหนีกลับมาบ้านแล้วคุณก็รู้วาผู้กองธามก็ตามมาใช่หรือเปล่า"
"คุณศรันย์ อดทนกับโชหน่อยนะคะ" เอื้อมพรพูดยิ้มๆ "โชเขาเชียร์ผู้กองธาม"
"งั้นหรือครับ"
"แต่ผู้กองธามเขาคุยกับแม่แล้ว และคงคุยกับเรียวไปเรียบร้อยแล้วด้วยเหมือนกัน ที่เรียวไปเมืองลาวก็เพราะไปไหว้พ่อที่สุสาน พรุ่งนี้ก็คงกลับ ไม่ได้อยู่หลายวันอย่างที่โชพูดหรอก แม่คิดว่าเขาคงอยากคิดอะไรอยู่คนเดียวสักพัก หรือไปเพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง" เอื้อมพรปลอบศรันย์
"ถ้าผมตามไป..." ศรันย์พึมพำ
"อยากไปไหมละ แม่จะให้คนไปส่ง" เอื้อมพรลดเสียงลง ราวกลัวว่าลูกชายคนโตซึ่งกำลังล้างจานอยู่ในครัวจะได้ยิน ศรันย์รีบพยักหน้า เอื้อมพรจึงพูดต่อว่า พรุ่งนี้ให้รีบตื่นแต่เช้า แต่ถ้าเหนื่อยมากตื่นเจ็ดโมงเช้าก็ยังทัน

ทั้งที่นอนน้อยมาหลายคืนและเหนื่อยกับการเดินทาง แต่ศรันย์ก็นอนไม่ค่อยหลับ แม้จะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้หกโมงครึ่ง แต่เขากลับตื่นตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้าเสียอีก
ศรันย์เดินเล่นรอบๆ บ้าน ซึมซับเอาบรรยากาศสดชื่นยามเช้า จากนั้นจึงเดินออกมาหน้าบ้านหลังใหญ่ ร่างสูงของโชกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ พอรู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้จึงหันมามอง
"ทำไมรีบตื่นล่ะคุณ"
"เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับครับ" ศรันย์ตอบไปตามตรง
"แปลกที่ใช่ไหม หรือมัวแต่หนักใจ" โชถามแต่ไม่รอฟังคำตอบ เดินไปปิดน้ำ ปากก็บ่นพึมพำอะไรบางอย่าง จับใจความได้ว่าช่างที่มาซ่อมบ้านเดินเหยียบดอกไม้ที่ปลูกไว้ตายไปหลายต้น ศรันย์หันรีหันขวาง ไม่รู้จะไปไหนดี แต่ทันใดนั้น สายตามองออกไปยังหน้าบ้าน เห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินมาตามถนน
"หมวดเรียว" ศรันย์พูดขึ้นมาเบาๆ ก้าวเท้าตรงไปยังประตูรั้ว แต่โชรีบวิ่งมาขวางหน้า
"เดี๋ยว คุยกันก่อน" โชยกมือขึ้นกั้น
"ทำไมหรือครับ"
"คุณบอกผมมาตรงๆ คุณรักน้องผมจริงๆ ไหม ไอ้เรียวมันยังไร้เดียงสาเรื่องความรัก ทีผู้กองธามก็หนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็คุณ ที่จะว่าไปก็เทียบอะไรไม่กับผู้กองธามเลย" โชพูดเสียงจริงจัง
"รักสิ ถ้าไม่รักจะตามมึงนี่หรือ" ศรันย์ตอบเสียงเข้ม ชักจะเริ่มฉุนพี่ชายของเรียว
"สัญญาอะไรกับพี่ชายมันหน่อยได้ไหม ถ้าคุณทำให้มันมีความสุขไม่ได้ คุณต้องมีสปิริตพอที่จะเดินออกไปจากชีวิตมัน และปล่อยให้ผู้กองธามทำหน้าที่แทน"
"ถึงผมจะถอยไป แต่ถ้าหมวดเรียวรักผม ผู้กองธามเข้ามามันก็ไม่มีประโยชน์"
"แล้วเรียวมันรักคุณหรือ" โชเลิกคิ้วทำหน้ากวนๆ
"นี่ไง ผมถึงได้ตามมานี่ มาเคลียร์กันให้ชัดเจน" ศรันย์รู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อร่างสูงของคนที่เขารักและคิดถึงกำลังเดินเข้ามาใกล้จะถึงประตูบ้าน
"เอายังงี้ คุณพิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนได้ไหมว่ารักน้องผมจริง และพร้อมทีจะดูแลมันได้"
"เอาไว้คุยทีหลังได้ไหม ผมจะไปหาหมวดเรียว" ศรันย์ขยับตัวจะเดินอ้อมโชซึ่งกำลังยืนขวางทางอยู่
"บอกแล้วไงว่ามันไปเมืองลาว" โชพูด
"นั่นไง หมวดเรียวอยู่ตรงโน้น กำลังเดินมาโน่นไง" ศรันย์ชี้มือ โชหันตามแล้วหัวเราะดังลั่น
"นั่นฝาแฝดผม" โชพูดขึ้นแล้วหัวเราะจนตัวโยน
"ฝาแฝด อะไรวะเนี่ย" ศรันย์อุทาน ขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อ
นี่อีกคนหรือ มีคนที่เหมือนหมวดเรียวเพิ่มอีกคนหรือ อะไรกัน ลูกชายบ้านนี้ทำไมหน้าตาเหมือนกันหมดทุกคน
แต่ถ้าโชมีฝาแฝด ทำไมไอ้หนูเคนไม่เห็นพูดอะไร บอกแต่ว่าพี่ชายคนโตก็หน้าตาเหมือนกัน เพียงแต่ตัวหนากว่าเล็กน้อย เวลาไปไหนสามคนก็จะถูกเข้าใจว่าเป็นแฝดสาม
ศรันย์แทบจะกลั้นหายใจเมื่อแฝดของโชเดินเข้าประตูรั้วบ้านมาใกล้ คนนี้หน้าตาเหมือนหมวดเรียวมาก รูปร่างบางกว่าโช ผิวคล้ำกว่าเล็กน้อย หน้านิ่ง ขมวดคิ้ว ตาค่อนข้างดุเหมือนคนเจ้าอารมณ์

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                         

►จบบทที่ 24◄


ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

เฮ้อออออออออ  เหนือ่ยใจแทน :hao5:

กว่า คุณ ศรันย์ จะเจอ หมดเรียว .....ต้องผ่าน  พี่ชาย น้องชาย อีกกี่คนนะเนี่ย

ถ้าไม่ใช่รักแท้  แก คงฟันดะ หมดแล้ว :-[

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บ้านนี้นี่เป็นยังงัยกันนะ สงสารเฮียแล้วจะผ่านด่านโคลนนิ่งหมวดเรียวได้หรือเปล่า 5555

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
สับสนแทนคุณศรัณย์ หมวดเรียวพี่น้องเยอะเหลือเกินน

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ sangzaja122

  • บึนปากให้ทุกๆอย่าง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ถือซะว่ามาฝากเนื้อฝากตัวกับครอบครัวหมวดเรียวทุกคน มาเป็นเขยเขาแล้ว สู้ๆเฮีย

ออฟไลน์ KATAWOOT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
♀ บทที่ 25♀

พี่น้องสี่คนนี้หน้าตาเหมือนกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝาแฝดของโช เพราะตัวไม่หนาเท่าจึงทำให้เหมือนหมวดเรียวมากกว่า เคนก็เหมือน แต่หน้าอ่อนกว่าจึงเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นน้อง
"นี่ไงโชค คนที่เขาบอกว่าเป็นแฟนไอ้เรียว" โชพูดกับแฝดของตัวเองพร้อมกับผายมือไปยังศรันย์ซึ่งกำลังยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดจิต
"แม่ให้มาขับรถพาไปหาไอ้เรียวที่เมืองลาว" แฝดน้องพูดกับแฝดพี่แล้วหันไปหาศรันย์ "เจ็ดโมงไปเลยนะ เดี๋ยวแดดร้อน อย่าลืมบัตรประชาชน ไม่เอาของอะไรไป ค่ำๆ ก็กลับ"
"ต้องไปทำบัตรผ่านแดน คุณเคยไปเมืองลาวไหม" โชถามศรันย์
"แฝดน้องหรือแฝดพี่ครับ" ศรันย์ชี้มือไปยังโชคซึ่งเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในบ้าน โชตอบว่าเป็นน้อง ห่างกันประมาณห้านาที
"จะเหมือนกันอะไรขนาดนี้" ศรันย์พึมพำ เดินตามหลัง แต่โชคเดินเร็วมาก เดี๋ยวเดียวก็หายเข้าในครัวด้านหลังของเรือนใหญ่ซึ่งมีสิ่งของวางระเกะระกะ
โชบอกให้ศรันย์ไปอาบน้ำและบอกว่าจะเอาอาหารเช้าไปให้ที่เรือนหลังเล็ก

เจ็ดโมงตรง รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำก็ออกเดินทางมุ่งสู่ชายแดนไทย-ลาว ตลอดทางคนขับนั่งเงียบ ไม่ชวนคุยแม้แต่น้อย
"เมื่อไหร่จะถึงครับ ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม ถนนก็ไม่มีรถ คุณขับหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเอง" ศรันย์พูดขึ้นมาเพราะรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวแล้ว
"ผมไม่รีบ" คนขับพูดขึ้นเบาๆ สั้นๆ ตามองตรงไปข้างหน้า ตั้งใจขับรถ
"แต่ผมรีบ" ศรันย์แย้ง
"ถ้ารีบทำไมไม่นั่งเครื่องบินไปเอง ไปขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่ ลงเวียงจันทร์แล้วเช่ารถไปบ่อแก้ว พรุ่งนี้เย็นๆ ก็ถึง"
ศรันย์เม้มริมฝีปากเพราะเริ่มไม่พอใจที่โดนประชด ตัดสินใจหยุดต่อปากต่อคำ
"ผมปวดฉี่ แวะปั๊มหน่อยได้ไหม" หลังจากนั่งนิ่งมาเป็นเวลานาน ศรันย์ก็พูดขึ้น คนขับไม่ตอบ แต่ลดความเร็วรถแล้วจอดข้างทาง ชี้นิ้วออกไปนอกรถ
"จะให้ผมฉี่ข้างทางแบบนี้เลยหรือ" ศรันย์โวยเบาๆ แต่ก็ยอมลงจากรถ เดินไปหันหน้าเข้าพุ่มไม้ ไม่นานก็ได้ยินเสียงเร่ง
"เร็วแล้วครับ" ศรันย์ร้องตอบ แล้วบ่นพึมพำ "เร่งจริงๆ เลย ขับรถยังกะเต่า แล้วยังจะมาเร่ง"
"รถสตาร์ทไม่ติด คุณไปเข็นหน่อย" เมื่อศรันย์เดินมาถึงรถ คนขับก็บอกหน้าตาเฉย
"อะไรกัน รถยังใหม่อยู่เลย"
"จะไปไหม" โชคถามเสียงเย็น "ไม่อยากเจอไอ้เรียวเร็วๆ หรือไง"
"เข็นก็ได้" ศรันย์หน้าง้ำ เดินบ่นพึมพำไปหลังรถ ออกแรงเข็นรถจนสุดแรง แต่คนขับก็ยังไม่ติดเครื่องเสียที
"นี่คุณพี่โชคครับ ติดเตรื่องเสียทีสิคร้าบ" ศรันย์ตะโกน รู้สึกเหนื่อยจนหอบ
"เข็นเถอะน่า" คนขับตะโกนตอบกลับแล้วบิดกุญแจ แต่เครื่องยนต์ก็ยังไม่ติด
"เหยียบครัชด้วยสิคุณ" ศรันย์ตะโกนบอก หมดแรงจะเข็นต่ออีกแล้วจึงหยุดยืน ยกมือเท้าสะเอว หายใจหอบเพราะความเหนื่อย
"อะไรกัน แค่นี้ก็หมดแรง ความพยายามน้อยจังเลย" คนขับลงจากรถมายืนมองคนเข็นแล้วส่ายหน้า
"ผมเข็นจนหมดแรงแล้ว คุณก็ไม่สตาร์ทเสียที เมื่อไหร่มันจะติด" ศรันย์ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
"สตาร์ทแล้ว มันไม่ติด"
"เข้าเกียร์สอง เหยียบครัชให้จมแล้วปล่อยเร็วๆ" ศรันย์แนะนำ
"ก็ทำแล้ว"
"ทำไมมันยังไม่ติดอีก รถมันเป็นอะไรเนี่ย วิ่งมาอยู่ดีๆ พอจอดให้ผมฉี่กลับเสียซะแล้ว" ศรันย์ส่ายหน้า ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย
"ถ้าไม่ปวดฉี่ก็ไม่ต้องเสียเวลาหรอก"
"แล้วนี่อีกไกลไปครับ" ศรันย์แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่โดนว่ากระทบกระเทียบ
"ไหนว่าคุณเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ มาดูหน่อยซิ" โชคเดินนำไปยังหน้ารถ
"เออจริงสิ ให้ตายเถอะ เสียแรงเข็นมาตั้งนาน" ศรันย์แหงนหน้า กรอกตา ยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง เดินไปที่หน้ารถ รอให้อีกฝ่ายเปิดฝากระโปรงรถ
"สมองช้าจริงๆ นะคุณ" ศรันย์โดนตำหนิ
"ก็คุณสั่งให้ผมเข็น ผมก็เข็นนะสิ" ศรันย์เถียง ก้มลงสำรวจดูห้องเครื่องยนต์ได้ไม่กี่นาทีก็พูดว่าทุกอย่างปรกติ ไม่มีปัญหา จึงบอกให้โชคลองติดเครื่องยนต์อีกครั้ง เพียงครั้งเดียว เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่ม ศรันย์ปิดฝากระโปรงรถแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนขับซึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าขำๆ
ศรันย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวจึงเดินไปเกาะขอบประตูรถ เอียงหน้ามองคนขับอย่างพิจารณา
"ขึ้นรถสิ จะได้รีบไป" โชคสั่ง มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยรถนิ่ง ตามองตรงไปข้างหน้า แต่ครั้นศรันย์ไม่ขยับตัวจึงหันมาพูดเสียงเข้มขึ้น "คุณศรันย์ ขึ้นรถ จะได้ไปถึงด่านก่อนเที่ยง"
"ด่านอะไรครับ" ศรันย์ถาม หรี่ตาลงเล็กน้อย
"ด่านชายแดนข้ามไปเมืองลาวไง" คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยตอบโดยไม่หันมามอง
"แน่ใจหรือครับว่าด่านไปทางนี้"
"อ้าว ก็แน่ใจสิ ไม่แน่ใจจะพามาทำไม"
"ทำไมถนนมันเปลี่ยวจังเลย ไม่มีรถผ่านไปมาซักคัน มันควรจะมีรถข้ามไปเมืองลาวเยอะแยะไม่ใช่หรือ" จู่ๆ ศรันย์ก็นึกอะไรได้บางอย่าง
"มีทางไปหลายทาง" โชคตอบแล้วยักไหล่
"ทางที่ใกล้กับทางที่ใกลใช่ไหม ผมว่าไปทางนี้ต้องอ้อมแน่ๆ เลย คุณก็ขับรถช้า เมื่อไหร่จะถึง"
"ไม่นานหรอกน่า ขึ้นรถเร็วๆ เข้า มันจะช้าก็เพราะคุณมัวแต่ถามคำถามนี่ล่ะ"
"ถ้างั้น..." ศรันย์เอียงหน้าคิด
"งั้นคุณขับ จะขับเร็วขนาดไหนก็ตามใจ" โชคพูดแทรก เปิดประตูรถออก ลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปยังที่นั่งด้านซ้าย ศรันย์ก้าวถอยหลัง มองตามร่างสูงของแฝดผู้น้องของโช จากนั้นขึ้นนั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถแล้วหันไปพูดกับโชคเพราะเห็นว่าฝ่ายนั้นปรับเอนเบาะลง
"คุณจะนอนหรือ ผมไม่รู้ทาง เดี๋ยวก็หลง" ศรันย์ท้วง
"ตรงไปเรื่อยๆ ถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปอีกประมาณสิบกิโล พอถึงสะพานแล้วก็ให้ปลุก ผมจะได้บอกทางต่อ" โชคพูดแล้วยกมือขึ้นกอดอก หลับตา
ศรันย์ออกรถ ในใจเริ่มคิดว่าบุคลิกของโชคนั้นเริ่มทำให้เขารูสึกว่าคล้ายกับหมวดเรียวมากขึ้นเรื่อยๆ
"ขับดีๆ นะ อย่าให้ตกหลุม ผมจะงีบซักหน่อย" โชคพูดขึ้นเบาๆ ศรันย์ไม่ตอบ มือเปลี่ยนเกียร์แล้วเร่งความเร็ว ผ่านไปเป็นเวลาราวสิบนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา มือกดหาหมายเลขของชินวัฒน์
"เดี๋ยวได้ลงข้างทางหรอก ขับรถไปโทรศัพท์ไป อันตราย" เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้นเบาๆ
"ระดับผมไม่มีทาง คุณคงไม่รู้ว่าฝีมือขับรถของผมนั่นน่ะระดับเทพเลยนะครับ" ศรันย์คุยโอ่
"ถึงทางแยกแล้วเลี้ยวขวานะ ตรงไปอีกสิบกว่ากิโล พอไปถึงสะพานให้ปลุกผม จะได้บอกทางต่อ" โชคย้ำแล้วหลับตาต่อ ศรันย์รอจนชินวัฒน์รับสายโทรศัพท์แล้วจึงพูดขึ้นว่า
"หมวดชิน ติดต่อหมวดเรียวได้บ้างหรือยัง"
"ก็บอกแล้วว่าหมวดเรียวไปเมืองลาว" เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังแทรกขึ้นมา
ศรันย์ไม่สนใจเสียงพูดแทรก คุยกับชินวัฒน์ต่อเรื่องหมวดเรียว
"หมวดชิน คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน หมวดเรียวจะไม่โทรหาบ้างเลยหรือ" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ผมเป็นพี่ชาย มันก็ไม่โทรหา คุณก็บอกว่าตัวเองเป็นแฟน มันก็ไม่โทรหา หมวดชินเป็นแค่เพื่อน"
"หมวดเรียวงอนผมอยู่"  ศรันย์หันไปตอบแล้วพูดโทรศัพท์กับชินวัฒน์ต่อ "นี่หมวดชิน ถ้าได้คุยกับหมวดเรียว ให้บอกนะว่าผมกำลังไปหา"
"พอมันรู้ เดี๋ยวมันได้แอบหนีต่อเข้าพม่าหรอก" คนนั่งข้างๆ ยังคงพูดแทรก
"หนีผมก็จะตาม จะทะลุพม่าขึ้นไปปากีสถาน หรือภูฐานเทือกเขาหิมาลัยผมก็จะไป" ศรันย์พูดเสียงเข้มกับโชคแล้วย้ำชินวัฒน์ว่า หากติดต่อหมวดเรียวได้ ให้โทรศัพท์กลับมาบอกเขาทันที
"เมื่อไหร่จะถึงเสียที" ขับรถต่อมาได้อีกไม่นาน ศรันย์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใกล้จะหมดความอดทน
"อย่าลืมนะ พอถึงแยกให้เลี้ยวขวา ตรงไปจนถึงสะพานแล้วก็..."
"เฮ้ย ผ่านแยกมาแล้ว" ศรันย์โวยวายเสียงดัง รีบแตะเบรกลดความเร็วรถ
"มัวแต่คุยโทรศัพท์ เป็นไงล่ะ เสียเวลาจริงๆ ขับรถก็เร็ว นี่คงเลยมาสิบกิโลได้แล้วมั๊ง ถ้ายังงั้นคงต้องขับไปจนถึงทางแยกหน้าแล้วกลับรถ" โชคตำหนิ
"ผมจะยูเทิร์นตรงนี้เลย" ศรันย์กระแทกเสียง
"ถนนสองเลนแคบๆ แบบนี้ ข้างทางก็เป็นคลอง คุณจะกลับรถได้ยังไง"
"คอยดูผมนะ" ศรันย์พูดเสียงเข้มแล้วเปลี่ยนเกียร์ เร่งความเร็วรถ มือซ้ายดึงเบรกมือพร้อมเหยียบเบรก มือขวาหมุนพวงมาลัยอย่างเร็ว กลับรถกลางถนนเหมือนในฉากไล่ล่าในภาพยนต์แอคชั่น
"โอ๊ย" เสียงคนนั่งข้างๆ ร้องลั่นเพราะตกใจและถูกเหวี่ยงกระแทกกับประตู
"เห็นฝีมือผมหรือยัง นี่ล่ะเขาเรียกว่ายูเทิร์นขั้นเทพ ไม่ต้องรอให้ถึงแยก" ศรันย์หัวเราะ
"นี่คุณ ถ้ารถคว่ำจะว่ายังไง" โชคโวยวาย
"แล้วมันคว่ำไหมล่ะครับ ถนนกว้างๆ แบบนี้ ผมยูเทิร์นได้สบายมาก แคบกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว อยากดูผมดริฟท์รถเข้าโค้งไหม"
"ไม่ต้อง พอแล้ว ลดความเร็วเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง" โชคตะคอก หน้าตาเอาเรื่อง ศรันย์หัวเราะหึๆ ในลำคอ รู้สึกคลายเครียดขึ้นมาทันใด
"ยังไม่ลดความเร็วอีก เดี๋ยวก็เลยแยกอีกหรอก"
"ไม่เลยหรอกน่า ผมกำลังดูถนนอยู่นี่ไง" ศรันย์เถียง ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึงทางแยก จึงเลี้ยวรถแล้วเร่งความเร็วเหมือนเดิม
"เมื่อไหร่จะเลิกขับรถเร็ว ไม่รู้หรือว่ามันอันตราย" คนนั่งอยู่เบาะข้างๆ บ่นพึมพำ
"ฝีมือขับรถระดับเทพอย่างผม ไว้ใจได้หายห่วง ผมไม่เคยมีประวัติลงข้างทาง" ศรันย์อวด
"พอข้ามไปเมืองลาว คุณจะขับแบบนี้ไม่ได้นะ บ้านเขาไม่เหมือนบ้านเรา โดนจับขึ้นมาเสียเวลาเป็นวันๆ เลยนะจะบอกให้" โชคเตือน
"คร้าบคุณพี่โชค ผมเข้าใจแล้วคร้าบ" ศรันย์ล้อเลียน "คุณนี่เหมือนหมวดเรียวจังเลย เอาแต่สั่งสั่งสั่ง"
"คุณว่าน้องผมขี้บ่น พูดมากยังงั้นหรือ" โชคกระชากเสียง
"เปล่าพูดนี่ครับ ผมบอกว่าเอาแต่สั่งสั่งสั่ง ไม่ได้พูดคำว่าขี้บ่นพูดหมากซักหน่อย" ศรันย์ยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ รู้สึกสบายใจขึ้นมาที่ได้ยั่วโมโหคน
"ขอถามหน่อย คุณชอบอะไรในตัวน้องผม ทำไมถึงคิดจะจริงจังกับมัน"
"มันพูดยาก" ศรันย์ส่ายหน้าช้าๆ
"ถ้าบอกไม่ได้ ก็แสดงว่ายังไม่ค่อยมั่นใจ ถ้าคุณรู้สึกชอบจริงๆ ก็ต้องบอกได้ว่าทำไมถึงชอบ"
"ผมไม่ได้แค่ชอบ" ศรันย์หันมาพูด น้ำเสียงหนักแน่น "ผมรักเลยล่ะ"
"ทำไมถึงรัก"
"ก็..." ศรันย์นิ่งไป
"ก็อะไร"
"ก็...เอ่อ..."
"ตอบไม่ได้ แสดงว่าไม่ได้รักจริงๆ" โชคเบ้ปาก
"แหมคุณพี่โชคครับ ของแบบนี้มันไม่ใช่จะอธิบายได้ง่ายๆ ความรู้สึกในหัวใจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน มันก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย เผลอแป๊บเดียว มันก็กลายเป็นความรู้สึกลึกซึ้งซะแล้ว แต่คุณพี่มั่นใจได้เลยว่า ผมรักหมวดเรียวจริงๆ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน"
"ขอถามหน่อย ถ้าคุณเจอผมหรือไม่ก็พี่โชก่อนเจอหมวดเรียว คุณจะชอบเราไหม"
"ไม่รู้สิ" ศรันย์ส่ายหน้า
"แสดงว่าคุณไม่ได้มองแค่ที่รูปร่างหน้าตา ไม่ใช่ว่าเจอหมวดเรียวครั้งแรก คุณก็ชอบเพราะหน้าตาถูกใจหรอกใช่ไหม" โชคถาม
"ผมยอมรับตามตรง มันก็มีส่วนอยู่บ้าง มันบอกยากนะคุณ รู้ไหม เวลาเจอใครบางคน ร่างกายเรามันก็มีอาการขึ้นมาเองเลย เขาเรียกว่าสารเคมีในร่างกายมันมีปฏิกิริยา" ศรันย์พูดยิ้มๆ
"เข้าใจสิ ไม่ใช่คนโง่นะ"
ศรันย์ปรายตามองพี่ชายของเรียวแล้วเผลออมยิ้ม พอพูดเสร็จฝ่ายนั้นก็ปรับเบาะเอน ยกมือขึ้นกอดอก หลับตา แสดงให้เห็นว่าต้องการยุติการสนทนา
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ศรันย์ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะสภาพสองข้างทางเริ่มมีสภาพเป็นป่าทึบจึงลดความเร็วลง ยื่นมือไปสะกิดคนที่เอนตัวนอนอยู่บนเบาะข้างๆ
"นี่คุณพี่โชคครับ แน่ใจหรือว่ามาถูกทาง ทำไมไม่ถึงสะพานเสียที"
"เฮ้ย นี่มันคนละทาง" โชคหันไปมองข้างทางแล้วร้องขึ้นมา
"อ้าว เวรกรรม" ศรันย์ยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วจอดรถข้างทาง หันมาเอาเรื่องกับโชค "นี่คุณตั้งใจจะถ่วงเวลาใช่ไหม ไม่อยากจะให้ผมไปถึงด่านชายแดนเร็วๆ ไม่อยากจะให้เจอหน้าหมวดเรียวเร็วๆ ทำไมคุณไม่ชอบหน้าผม โชก็เหมือนกัน เห็นผมก็เอาแต่กวน เชียร์ผู้กองธามออกนอกหน้า รู้ทั้งรู้ว่าน้องชายตัวเองรักคนชื่อศรันย์"
"แน่ใจได้ยังไงว่าไอ้เรียวมันรักคุณ"
"ผมแน่ใจก็แล้วกัน ไม่งั้นไม่งอนหนีกลับบ้านหรอก" ศรันย์เถียง
"พูดยังกับว่ารู้จักมันดี" โชคเหยียดปาก
"นี่ ขอทีเถอะคุณพี่ เลิกพูดจาบั่นทอนกำลังใจผมเสียที ยังไงพวกคุณก็ขวางทางผมกับหมวดเรียวไม่ได้หรอก ชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องยอมรับและทำใจให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้คือน้องเขย" ศรันย์ชี้นิ้วเข้าที่หน้าของตัวเอง "คุณจะยื้อเวลาไปทำไม ยังไงผมก็ต้องหาทางไปถึงชายแดนให้ได้"
"เมื่อกี้คุณเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา" โชคถอนหายใจ ทำเอือมระอา
"ขวาสิครับ คุณบอกว่าถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวา ตรงไปอีกสิบกิโล ถึงสะพานแล้วให้บอก" ศรันย์ทวนคำพูด
"เฮ้อ ไอ้เรียวมันไปชอบคนไม่เต็มเต็งแบบนี้ได้ยังไงวะ" โชคโยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเลียนแบบที่ศรันย์ทำ
"ไม่เต็มยังไง เลิกทับถมผมเสียที ทั้งคุณ ทั้งโช เอาแต่ข่มผมอยู่ได้ ผมใกล้จะหมดความอดทนแล้วนะ"
"ลองคิดดีๆ ซิ ถึงแยกแล้วเลี้ยวขวา แต่คุณผ่านแยกเลยไปตั้งหลายกิโลเพราะขับรถเร็วและมัวแต่คุยโทรศัพท์ เลยต้องยูเทิร์นท้ามฤตยูกลางถนน พอมาถึงแยกที่ต้องเลี้ยว คุณจะต้องเลี้ยวทางไหน ซ้ายหรือขวา" โชคกระชากเสียง
"ตายห่_" ศรันย์สะบัดหัว ยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับทำเสียงคำรามอยู่ในลำคอ
"ขับเร็วแบบนี้ มาไกลกี่กิโลแล้วล่ะ"
"ทำไมคุณไม่เตือน" ศรันย์เค้นเสียงออกมาตามไรฟันแล้วกลับรถช้าๆ
"ผมนอนหลับตาอยู่ คุณไม่เห็นหรือ"
"ก็น่าจะช่วยกันดูหน่อย" ศรันย์ค้อน
"ใครจะไปคิดว่าคุณจะเฟอะฟะได้ถึงขนาดนี้ แค่นี้ก็พลาด จะไปทำอะไรได้ถึงดูแลชีวิตคนที่คุณรัก" โชคตำหนิ
"มันก็ไม่เหมือนกัน"
"จำไว้นะ ถ้าคุณพลาด ผู้กองธามกับสารวัตรธันว์เอาคุณตายแน่ๆ เลย พี่ชายไอ้เรียวก็ไม่อยู่เฉยๆ หรอก"
"ผมรู้แล้ว ไม่ต้องขู่" ศรันย์กระแทกเสียง เร่งความเร็วของรถ
"พอไปถึงแยก อย่าไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอีกล่ะ รู้ใช่ไหมว่าต้องตรงไป"
"ผิดครั้งเดียวเท่านั้นล่ะครับคุณพี่โชค ขอบคุณที่เตือน" ศรันย์ค้อน ตามองตรงไปข้างหน้า ตั้งใจขับรถ ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงสะพานตามที่โชคบอกไว้
"จอดรถ คุณรอตรงนี้เดี๋ยวเดียว"
"อะไรนะ ทำไมต้องรอ คุณจะไปไหน พอมาถึงสะพานแล้วจะบอกทางต่อไม่ใช่หรือ นี่คุณพี่โชค กำลังถ่วงเวลาใช่ไหม" ศรันย์โวยวาย ชักจะทนไม่ไหวแล้ว
"เปล่า ผมจะลงไปเอาของที่บ้านญาติ เขาจะฝากไปให้ญาติอีกคนที่บ่อแก้ว"
"ทำไมจะต้องมาฝากตอนนี้ คุณก็รู้ว่าผมรีบอยากไปหาหมวดเรียว" ศรันย์ตีหน้าเซ็ง
"คุณอยากไปทางลัดไหมล่ะ เดี๋ยวเดียวถึง"
"ทางลัดอะไรอีกล่ะ อย่ามาแกล้งผมหน่อยเลย แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้ว" ศรันย์สะบัดหน้าหนี
"ญาติผมเขามีเรือหางยาว ข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นฝั่งเมืองลาวที่บ้านห้วยทราย เช่ามอเตอร์ไซด์ขับไปบ่อแก้วได้ไม่ถึงชั่วโมง"
"เข้าประเทศผิดกฎหมาย ถูกจับเดี๋ยวก็ซวย" ศรันย์ส่ายหน้า "คุณรีบไปเอาของเร็วๆ เข้า จะได้รีบไป"
"ถ้าไม่อยากซวยก็เลิกบ่น"
"ร้ายจริงๆ เลยพี่น้องบ้านนี้ นึกว่าหมวดเรียวจะร้ายแล้ว พี่ชายร้ายกว่าอีก มีเจ้าเคนนี่ล่ะที่กวนน้อยหน่อย" ศรันย์บ่นพึมพำ มองตามร่างสูงซึ่งกำลังเดินลงจากถนนตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ห่างจากถนนกว่าร้อยเมตร
ศรันย์ปรับเบาะเอนลง แหงนหน้ามองเพดานรถแล้วหลับตาลงช้าๆ ใจเหม่อลอยถึงใบหน้าของนายตำรวจหนุ่มผู้เข้ามาในชีวิตของเขาอย่างไม่คาดฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่า ครั้งแรกที่เจอกัน ตัวเองถูกขู่บังคับให้ขับรถพาหมวดเรียวหนีจากการไล่ล่าของพวกค้ายาเสพติด พอเขาโวยวาย ไม่ยอม คุณตำรวจนอกเครื่องแบบก็ชักปืนออกมาขู่ แต่ตอนนี้ เขากลับต้องมาไล่ตามหมวดเรียว
ขณะที่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ ศรันย์ก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโครมดังขึ้นที่ท้ายรถ จึงเปิดประตูลงไปดู เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนกองอยู่ที่พื้น ข้างๆ มีจักรยานสภาพเก่าล้มคว่ำอยู่ ล้อหน้าบิดเบี้ยว
"เฮ้ย ไอ้น้อง ชนรถพี่" ศรันย์โวยวาย
"โอ๊ย เจ็บ" เด็กหนุ่มร้องคราง
"ทำไมเฟอะฟะยังงี้ รถจอดอยู่เฉยๆ ก็ขับมาชน เจ็บมากไหมเนี่ย" ศรันย์ก้มลงมอง
"ขอโทษครับลุง" เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
"ไอ้บ้า ลุงที่ไหนวะ ไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะโว้ย" ศรันย์แยกเขี้ยว รู้สึกฉุนขึ้นมาทันที
"ขอโทษครับ" เด็กหนุ่มยิ้มแหย "ผมมัวแต่หันไปมองข้างทาง เลยไม่เห็นรถน้า"
"เออ เรียกน้าก็ยังดี" ศรันย์หันไปสำรวจท้ายรถกระบะ "โชคดีนะไม่มีรอยอะไร ไม่งั้นเอ็งได้เสียเงินแน่ๆ"
"ขอโทษครับพี่" เด็กหนุ่มลุกขึ้น ยกมือไหว้อีกครั้ง แล้วหันไปยืนคอตก มองรถจักรยานของตัวเองแล้วบ่นว่าต้องถูกแม่ด่าแน่ๆ ที่ทำจักรยานพัง
"แล้วแถวนี้มีร้านซ่อมหรือเปล่าล่ะ" ศรันย์ถาม
"มีครับ แต่ผมไม่มีเงินค่าซ่อม" เด็กหนุ่มทำหน้าตาน่าสงสาร
"อ๊ะๆ อย่านะ ไม่ต้องมาขอเงินเลย กลับไปสารภาพผิดกับแม่ดีกว่า จักรยานเก่าๆ แบบนี้ โดนด่าไม่เท่าไหร่หรอก" ศรันย์ชี้หน้าคนซึ่งยืนทำหน้าทุกข์ร้อนใจเกินกว่าเหตุ แต่ทันใดนั้น เด็กหนุ่มคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง หันไปมองอีกทางพร้อมตะโกนออกมาสองคำด้วยเสียงอันดัง
สองคำที่ทำให้ศรันย์ต้องอ้าปากค้างแล้วหันขวับตามไปทันที
"พี่เรียว"
"หมวดเรียว" ศรันย์พึมพำ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เด็กหนุ่มวิ่งผละจากเขาไปทันที ลงข้างถนนตรงไปหาร่างสูงของคนที่กำลังถือถุงพลาสติกใบใหญ่เดินมาตามทางเดินโรยกรวดออกจาก 'บ้านญาติ' ซึ่งเข้าไปเอาของฝากเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา
"พี่เรียวจริงๆ ด้วย พี่เรียวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่เรียวรู้ไหมผมสอบตำรวจติดแล้วนะครับ อาทิตย์หน้าก็จะไปมอบตัว พี่เรียวพาผมไปด้วยนะ" เด็กหนุ่มพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
"หมวดเรียว" ศรันย์เดินตามไปช้าๆ ราวกับละเมอ ตาจับอยู่ที่ใบหน้าของ 'โชค' แฝดคนน้องของโช พี่ชายหมวดเรียว
"ตกลงนะครับ อาทิตย์หน้าผมเข้ากรุงเทพฯ ไปหาพี่เลยนะ เห็นไหม ผมสอบตำรวจได้เหมือนพี่ เก่งไหมล่ะ" เด็กหนุ่มจับแขน 'โชค' เขย่า
"เออๆ เก่งๆ แล้วค่อยคุยกันนะ ตอนนี้พี่รีบไปธุระ"
"งั้นพรุ่งนี้ผมจะขับรถไปหาพี่ที่บ้าน"
ศรันย์ยืนนิ่ง ไม่พูดอะไรสักคำ รอจนเด็กหนุ่มเดินไปจูงจักรยานของตัวเองเข้าบ้านไปเสียก่อนแล้วจึงหันมา 'เอาเรื่อง' กับคนที่ชื่อว่า 'โชค'
"ร้ายจริงๆ เลย ต้มผมเสียจนสุก สนุกนักหรือไงที่ได้แกล้งกัน อยากเห็นผมขาดใจตายหรือยังไง" ศรันย์โวยวาย
"ที่จริงผมต่างหากควรที่จะเป็นคนโกรธเพราะคุณจำผมไม่ได้ อะไรกัน ตั้งแต่หกโมงเช้าจนตอนนี้กี่โมงแล้ว นั่งอยู่ในรถตัวแทบติดกัน เถียงกันมาแทบตลอดทาง คุณยังไม่รู้เลยว่าอยู่กับคนที่ตัวเองบอกว่ารัก"
"คุณตัวคล้ำ" ศรันย์เสียงอ่อนลง
"ผมแค่ตากแดดไม่กี่วันให้ผิวคล้ำ ตัดผมสกินเฮด ใส่เสื้อเชิทร์กางเกงยีนส์เก่าๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปอะไรนักหนา แค่นี้คุณก็ดูไม่ออก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไอ้เดี่ยวมันไม่ได้เห็นผมมาเป็นปีๆ ยืนอยู่ตั้งใกลมันยังรู้เลยว่าผมเป็นใคร"
"ก็มันไม่ได้ถูกแกล้งเหมือนผมนี่นา" ศรันย์เถียง "พี่ชายคุณกับน้องชายคุณก็หน้าตาเหมือนกันมากขนาดนั้น หน้ำซ้ำยังมาบอกว่าเป็นฝาแฝด ชื่อโชค จะให้ผมเถียงว่าไม่ใช่ยังงั้นหรือ เด็กนั่นเป็นญาติคุณ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่รู้เลยว่าคุณมีพี่ชายกับน้องชาย เพิ่งมาเจอเมื่อวันสองวันนี่เอง"
"ขอโทษ"
"อะไรนะ" ศรันย์อึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้
"ขอโทษที่แกล้ง ต่อจากนี้ไปจะไม่แกล้งอีกแล้ว"
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร" ศรันย์เสียงอ่อนลงกว่าเดิม
"ไปเถอะ"
"เดี๋ยวก่อนสิ" ศรันย์จับแขนของคนที่กำลังเดินไปที่รถ ดึงให้ถอยกลับมา แล้วยกแขนอีกข้างขึ้นทำท่าจะโอบกอด
"อย่านะ อย่ามาทำรุ่มร่ามข้างถนน"
"ถ้าผมทำ คุณจะต่อยผมใช่ไหม งั้นก็เชิญเลย ตามสบาย ผมยอม" ศรันย์ปล่อยมือ ยืนนิ่ง "ยอมทุกอย่าง"
"ไม่ต้องมาทำเป็นงอนหรอก ยังไงผมก็ไม่ง้อคุณ ผมเป็นคนง้อคนไม่เป็น แล้วก็ไม่ต้องมาง้อผมด้วย เพราะผมไม่ได้งอน"
"ไม่งอนแล้วหนีมาทำไม"
"ไม่ได้หนี แค่เซ็ง"
"ผมขอโทษ" ศรันย์ทอดเสียงอ่อน "ผมขอโทษจริงๆ นะ เรื่องของพีท ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ผมไม่เคยรักพีท เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน จริงอยู่ ผมเคยมีเซ็กส์กับเขา แต่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง ไม่มีอะไรผูกพันกันจริงๆ วันนั้นที่อู่ เขาก็แค่แกล้งลวนลามผม ตั้งแต่ตอนที่เราไปแข่งรถกันกับพวกไอ้บอส ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับพีทอีก ส่วนเรื่องที่..."
"พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก ขี้เกียจฟัง" เรียวยกมือขึ้นห้าม
"ถ้าไม่ฟัง คุณหมวดจะเข้าใจได้ยังไง"
"แต่ถึงฟังผมก็ไม่ค่อยเข้าใจคุณหรอก" เรียวกระแทกเสียง
"อ้าว พูดแบบนี้ก็หาว่าผมเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องยังงั้นหรือ ก็ทำให้มันยุ่งแบบนี้ มันก็รู้เรื่องยากสิครับ ตกลงคุณหมวดไม่ได้โกรธผมเรื่องพีทหรอกหรือ อ้อ งั้นก็โกรธเรื่องที่ผมไม่ได้ไปรับ เพราะว่าผมต้องไปธุระให้พ่อที่ระนองกระทันหัน มันเรื่องจำเป็นมากนะครับ ผมโทรไปแล้วแต่ติดต่อไม่ได้เสียที แล้วผมก็ลืมโทรศัพท์ คุณหมวดก็ลืมโทรศัพท์"
"คุณศรันย์ บอกให้หยุดพูด"
"แล้วต่อจากนี้จะเป็นยังไง" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้ายังคงกังวลใจ "เรื่องของเราสองคนจะเป็นยังไงต่อ คุณหมวดเรียวครับ ผมรักคุณนะ ผมตามมาที่นี่เพราะผมต้องการแสดงให้เห็นว่า..."
"รัก แต่นั่งอยู่ข้างๆ คนที่ตัวเองรักแล้วไม่รู้ว่าเป็นคนที่ตัวเองรัก ใครรู้เข้าคุณจะอายเขาไหมเนี่ย" เรียวเบ้ปากแล้วเดินไปที่รถอย่างรวดเร็ว
"ก็ผมถูกหลอก" ศรันย์ตะโกน เดินตามมาติดๆ
"นี่คือบทเรียนบทแรก" เรียวเปิดประตูรถ ยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้าศรันย์ "จำที่พูดได้ไหม ที่ว่าถ้าคุณพลาด ผู้กองธามกับสารวัตรธันว์เอาคุณตายแน่"
"ก็อย่าแกล้งผมสิ" ศรันย์หน้ามุ่ย "ผมจะพยายามให้ดีที่สุด ผมรู้ตัวอยู่ว่าตัวเองไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ แต่ผมก็พร้อมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้โอกาสผมบ้างนะ ผมอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนผู้กองธาม แต่ผมรักจริงครับคุณหมวด"
"เลิกเรียกผมว่าคุณหมวดซะที"
"มันติดปากแล้ว ทำไงได้" ศรันย์ยักไหล่
"ไหนว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง นั่นไงล่ะ คุณบอกว่ามันชินแล้ว ทำไงได้ ปล่อยมันไปแบบนั้นล่ะ นั่นก็หมายความว่าคุณก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก"
"โธ่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ" ศรันย์ท้วง "คือว่าเรื่องนี้มันคนละเรื่องกับที่ว่าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง"
"เป็นตัวของตัวเองน่ะดีแล้ว แต่เรียกผมว่าคุณหมวดเรียวเนี่ย อย่าบ่อยนัก" เรียวพูดแล้วขึ้นนั่งบนรถ
"งงจริงๆ เลย จะให้เปลี่ยนหรือไม่ให้เปลี่ยนวะ" ศรันย์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ เดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ยืนมองหมวดเรียว
"จะไปไหมครับคุณศรันย์ มีอะไรอีก"
"ผมรักคุณ" ศรันย์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงหนักแน่น ใบหน้าจริงจัง หมวดเรียวนั่งนิ่ง มองกลับมาด้วยสายตาอ่อนโยน ศรันย์จึงพูดขึ้นว่า "จะไม่พูดอะไรเลยหรือครับคุณหมวดเรียว"
"ขึ้นรถ" เรียวพูดเบาๆ
ศรันย์ยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจแล้วขึ้นรถตามที่บอก หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับยื่นมือไปกุมมือของเรียวเอาไว้ บีบเบาๆ จากนั้นจึงออกรถช้าๆ
"ขับไปจนถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายนะ แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงอีกแยกแล้วก็เลี้ยวขวา พอถึงสามแยกให้ลงทางเบี่ยง จะเห็นป้ายชี้ทางไปวัดเชียงรุ้ง จอดรถที่ลานวัด เราจะไปลงเรือหางยาวข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปวัดบ่อทราย ผมจะพาคุณไปไหว้พ่อ ผมจะไปบอกรักคุณที่นั่น ให้พ่อได้รับรู้ ผมบอกทางครั้งเดียวนะ จะไม่บอกอีก คุณอย่าเฟอะฟะเลี้ยวผิดอีกล่ะ"
"นี่คือบททดสอบใช่ไหม" ศรันย์ถาม
"บททดสอบสุดท้ายแล้ว" เรียวพูดยิ้มๆ แล้วหันหน้าออกไปมองด้านข้างนอกรถ
"ยากเหมือนกันนะคุณหมวด" ศรันย์ทอดเสียงอ่อน
"มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอก ถ้าเราพยายาม" เรียวพูดเบาๆ
"ถ้าเราพยายามด้วยกัน ผมก็จะสู้ตาย" ศรันย์ยิ้ม ตามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า ตั้งใจขับรถ บอกตัวเองในใจว่า ถึงจะมีทางแยกอีกหลายแยก เขาก็จะต้องเลี้ยวให้ถูก
นี่ล่ะคือเส้นทางของเขากับหมวดเรียวที่จะเดินไปด้วยกัน

►จบ ◄

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ ขอบคุณที่คอมเมนท์ ขอบคุณเล้าเป็ด ขอให้มีความสุขสุขภาพดีทุกคนนะครับ สวัสดีครับ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ sangzaja122

  • บึนปากให้ทุกๆอย่าง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งมาตามได้สามวันก็จบแล้ว  :o12: :o12:
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :m1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด