[END]►รักอิสระ◄ ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่อีกแล้ว 30/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]►รักอิสระ◄ ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่อีกแล้ว 30/12/18  (อ่าน 341302 ครั้ง)

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #60 เมื่อ04-02-2017 08:54:59 »

ดูท่าว่าชีวิตน้องปิงเริ่มสดใส
 :katai2-1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #61 เมื่อ04-02-2017 09:15:25 »

พี่อิสคนกาก... แต่น่ารัก ฮิ้ว...

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #62 เมื่อ04-02-2017 11:55:04 »

น้องปิง จับพี่อิสให้อยู่หมัดเลย ทำให้พี่อิสทั้งรักทั้งหลงซะ
อย่าปล่อยให้หลุดมือไปหาแฟนเก่าได้

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #63 เมื่อ04-02-2017 14:04:19 »

หึงละสิ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #64 เมื่อ04-02-2017 18:48:30 »

 o13

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #65 เมื่อ04-02-2017 23:24:23 »

 o13 :กอด1:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #66 เมื่อ04-02-2017 23:32:51 »

ตอนที่ 9

ชายชรากับเด็กน้อย

             

เพราะบ้านพี่อิสไกลจากโรงเรียนพอสมควรก็เลยต้องตื่นเช้ากว่าปกติ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนเตียงนอน มองผ้าปูที่นอนทีไรก็อดตกใจหน้าเบ็นเท็นไม่ได้ทุกที ตัวเบ้อเร่อเลยเนี่ย ผมที่กำลังเดินออกมาข้างนอกชะงักกึกเพราะพี่อิสยืนอยู่หน้าประตูพอดี

“อ้าว กำลังจะไปเรียก”

“พี่อิสตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”

“ลุกมาทำอาหารเช้าให้นี่ไง” พี่อิสชี้ไปยังโจ๊กคัปกึ่งสำเร็จรูปกับนมรสจืดกล่องหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา

“เทน้ำใส่โจ๊กคัปนี่เรียกว่าทำอาหารเหรอครับ”

“เออน่า ทำได้ก็บุญละ กินเลย เย็นหมดแล้วเนี่ย”

ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ  กำลังจะเดินไปนั่งลงที่โซฟาแต่พี่อิสคว้าไหล่ผมเอาไว้ก่อน มองหัวจดเท้า สายตาไปหยุดอยู่ที่หัวเข่าของผม

“เดี๋ยวนะ”

“อะไรครับ”

“กางเกงมึงนี่สั้นไปไหม”

“ฮะ?” ผมก้มดูกางเกงตัวเองที่สั้นเหนือหัวเข่าขึ้นมานิดหน่อย แต่สำหรับผมก็เป็นความยาวที่กำลังดี ไม่เรียกว่าสั้นด้วยซ้ำ

“กางเกงอะ สั้นจังวะ”

“ไม่สั้นขนาดนั้นนะ”

“แผลที่หัวเข่าก็ยังไม่หาย ไม่อายเขาเหรอ ยาวกว่านี้ไม่มีหรือไง”

“ไม่มีครับ”

“อะไรของมึง สมัยนี้เขานิยมแบบนี้เหรอ มึงจะโชว์ขาอ่อนให้คนอื่นดูหรือไง”

“พี่อิสขี้บ่น”

“เออ กูจะบ่น มึงจะทำไม มึงไปซื้อใหม่เลยนะ เอาให้ยาวถึงแข้งเลย”

“คนอื่นใส่สั้นกว่านี้อีก”

“ก็เรื่องของคนอื่นสิวะ ทำไมต้องไปทำตามเขา”

“สายแล้วๆ ไม่มีเวลาฟังแล้วครับ” ผมตัดบทพี่อิสแล้วนั่งลงกินโจ๊กคัปที่ไม่ร้อนแล้วก็เลยตักเข้าปากแบบรัวๆ  คนข้างๆ ยังบ่นเป็นลุงแก่ๆ ไม่หยุดปาก

“เด็กสมัยนี้ก็แปลก เห็นคนอื่นทำก็ทำตาม ไม่ได้คิดเลยว่ามันควรหรือไม่ควร...”

ผมกินโจ๊กหมดก็ตามด้วยนมอีกกล่อง ปกติไม่ชอบกินนมเลย แต่พี่อิสมองด้วยหางตาตอนที่ผมเมินใส่นมก็เลยต้องยกกล่องขึ้นมาเจาะดูดอย่างช่วยไม่ได้ กินเสร็จก็คว้าเป้ขึ้นสะพายพร้อมจะออกจากบ้านแล้ว

“กูต้องไปส่งไหม”

“ผมไปเองได้ครับ”

“เออ ไปดีๆ  เลิกงานกี่โมงก็ไลน์มาบอกด้วย แล้วขากลับแวะซื้อผ้าก๊อซมาด้วยนะ เอาตังค์ไป” เขาร่ายยาวแล้วควักแบงก์ร้อยส่งให้ผมสองใบ

“ให้ตังค์ทำไมอะ”

“ก็ให้ตังค์ไปโรงเรียนไง”

ผมหลุดหัวเราะออกมาขณะที่พี่อิสขมวดคิ้วแน่น

“พี่อิส พี่อายุเท่าไรอะ”

“ยี่สิบห้า”

“แล้วพี่คิดว่าผมอายุเท่าไร”

“สิบเจ็ดไง”

“แต่พี่ทำเหมือนผมเป็นเด็กประถมอะ พี่เหมือนลุงแก่ๆ ส่งหลานไปโรงเรียนเลย ลุกมาทำอาหารเช้าให้ บ่นนั่นบ่นนี่ แถมให้ตังค์ไปโรงเรียนอีก”

“เอ้า แล้วมึงมีตังค์ใช้หรือไง”

“มีครับ ปกติผมหาเงินใช้เองอยู่แล้ว”

“กูไม่รู้นี่ กูเคยแต่เลี้ยงแมว ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเว้ย แมวกูไม่เคยไปโรงเรียนซะหน่อย”

“พี่ไม่ต้องดูแลผมขนาดนี้ก็ได้ แค่ให้อยู่บ้านก็ขอบคุณมากแล้ว ผมอาจจะเด็กกว่าพี่ แต่ไม่ได้เด็กอย่างที่พี่คิดนะ”

“เออ พูดเหมือนกูแก่เลยเนี่ย”

“ก็ทำตัวแก่มากอะ”

“เดี๋ยวเตะเลย”

“งั้นผมไปโรงเรียนแล้วนะ”

เขาพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่หน้าประตู ก้มลงสวมรองเท้า ก่อนที่พี่อิสจะเรียกผมด้วยชื่อที่เคยชินไปเสียแล้ว

“หลินปิง”

“ครับ?”

“ต่อไปนี้ใช้ชีวิตอย่างที่มึงอยากใช้ ชีวิตมึงเป็นอิสระแล้วนะ”

“เป็นอิสระ...เหรอครับ”

“ใช่ อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด มีอะไรก็บอกกู ไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเดียว ให้ความรู้สึกของมึงเป็นอิสระบ้าง”

ผมได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ ขณะที่อีกคนยังบ่นต่อ

“ที่บอกว่าทำอะไรที่อยากทำ หมายถึงทำแต่เรื่องดีๆ นะ ไม่ใช่ไปทำตัวเกเรจนเสียคน ไม่งั้นกูเตะตัวขาดเลยนะ เรื่องไหนที่กูไม่เห็นด้วยกูจะดุมึงเอง”

“ครับๆ”

“ไปเรียนได้แล้ว”

“ครับลุง”

“ลุงพ่อมึง!” พี่อิสยกเท้าขึ้นเตะผมเบาๆ ก่อนผมจะเดินออกมาจากบ้าน มุมปากขยับเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่ได้ ตลอดทั้งชีวิตผมไม่เคยมีความรู้สึกนี้เลย ไอ้ความรู้สึกที่เดินตัวปลิวออกจากบ้าน มีความสุขแม้ในวันที่อากาศชื้นครึ้มฟ้าครึ้มฝน เพิ่งจะเข้าใจวันนี้เอง...ความรู้สึกที่เป็นอิสระ

 

...

 

วันนี้ที่โรงเรียน ผมต้องมาทำงานตามส่งเพราะเมื่อวานขาดเรียนไป โชคดีที่เมธี เพื่อนแสนดีที่หนึ่งถ่ายรูปการบ้านเอาไว้ให้ลอกก็เลยเอามานั่งปั่นในคาบดนตรี เพราะครูไม่สอนอะไร ปล่อยให้นักเรียนนั่งเล่นเครื่องดนตรีกันไปเอง ผมไม่ค่อยชอบวิชาดนตรีเพราะเล่นอะไรไม่เป็นสักอย่าง สอบทฤษฎีผมคะแนนเต็มตลอด แต่สอบปฏิบัติขึ้นมาเมื่อไรฉิบหายแน่นอน ตอนม.สี่ครูสอนกีตาร์แค่สี่คอร์ด ผมเล่นบอดตั้งแต่ต้นเพลงยันจบ เพื่อนนี่ตามล้อกันยันจบเทอมเลย แต่ก็มีคู่หูสายบอดอย่างเมธีเป็นเพื่อนกันเลยไม่ค่อยเขินเท่าไร

“เด็กๆ หันมาฟังทางนี้หน่อย” ผมละสายตาจากงานแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองครูลัทธพล ครูประจำวิชาดนตรีที่เพิ่งเข้ามาสอนได้ปีแรก ด้วยความที่ครูอายุยังไม่มากและใจดีเป็นกันเอง เด็กๆ ส่วนใหญ่ก็เลยปลื้มครูมากกว่าครูสอนดนตรีคนอื่นๆ

“มีอะไรคะครู”

“ขอทวนเรื่องสอบปฏิบัติครั้งแรกหน่อยนะ จำได้เปล่าว่าตกลงกันไว้ว่ายังไง”

“เลือกเครื่องดนตรีเองแล้วก็เล่นคนละเพลงค่ะ” ผู้หญิงแถวหน้าเป็นตัวแทนตอบ

“ใช่แล้ว ถ้างั้นอีกสองอาทิตย์จะเริ่มสอบครั้งแรกแล้วนะ”

“ฉิบหายละ” ผมเผลอสบถออกมา แต่เป็นจังหวะที่ทุกคนเงียบพอดี เสียงของผมก็เลยดังพอที่จะได้ยินทั้งห้องจนต้องรีบยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง ครูลัทธพลหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

“ฉิบหายแน่นอน ถ้าปกรณ์ยังเอาแต่ทำการบ้านในห้องครู”

“ผม...”

“ไม่ต้องเถียงเลย ครูดูอยู่นะครับ”

“คือผม...”

“แน่ะ! ปกรณ์ ยังจะเถียง”

“ผมชื่อปวินท์ครับครู!” ผมสวนกลับเสียงดังเมื่อครูไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดเลย แค่อยากทวงคืนชื่อจริงของตัวเองให้ครูจำได้บ้าง

“อ้าว ขอโทษทีครับ” ครูลัทธพลยกมือเป็นเชิงขอโทษก่อนจะหัวเราะหน่อยๆ หรือไม่บางทีผมอาจจะไปเปลี่ยนชื่อเป็นปกรณ์ไปเลย น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็ได้

“โอเค งั้นเดี๋ยวอีกสองอาทิตย์เริ่มสอบเลยเนอะ ครูจะสอบแบบเรียงเลขที่นะครับ ใครอยากให้ครูสอนอะไรเป็นพิเศษก็มาหาได้เลยนะ”

ผมตอบรับครูไปพร้อมกับเพื่อนในห้อง ก่อนจะหันขวับไปหาเมธี มันเองก็หันมามองในจังหวะเดียวกัน แค่มองตาก็เข้าใจว่าความฉิบหายวายป่วงกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว คู่หูสายบอดคัมแบ็กแน่นอนเทอมนี้

...

 

หลังเลิกเรียน ผมตั้งใจจะไปทำงาน แต่พอไปถึงร้าน พี่พิงค์เห็นว่าผมเจ็บขาก็เลยไล่กลับมา ทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าไม่เจ็บมาก แต่เขาก็ไม่ยอมให้ผมทำงาน แถมให้ขนมปังมากินอีก ใจดีกับผมจนไม่กล้าจะโต้เถียงอะไรก็เลยได้แต่ทำตามที่บอก แต่เพราะไม่ต้องทำงานผมก็เลยว่างอย่างกะทันหัน เพิ่งเคยมีเวลาว่างหลังเลิกเรียน ไม่รู้ว่าจะเอาเวลาไปทำอะไรดีเลยตั้งใจจะกลับบ้าน

บ้าน...

คิดถึงคำนี้ขึ้นมาด้วยความรู้สึกสับสนนิดหน่อย นึกถึงบ้านของป้าที่ผมเดินออกมาโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากกลับไปที่นั่นเลย เว้นก็แต่ความเป็นห่วงที่มีต่อย่า มันทำให้ผมนึกถึงบ้านหลังนั้นขึ้นมา ผมจึงหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์บ้านซึ่งเป็นเบอร์เดียวที่จำได้ ลังเลนิดหน่อยตอนที่จะกดโทรออก ก่อนจะหลับหูหลับตาจิ้มโทรออกไป ขอให้คนที่รับเป็นย่าทีเถอะ...ได้โปรด

“สวัสดีค่ะ”

“ย่า!” ผมถอนใจโล่งอกเมื่อปลายสายเป็นเสียงย่ารับ

“ปิงเหรอ ปิงใช่ไหม”

“ปิงเอง”

“ไปอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง”

“ปิงโอเคดี”

“แล้วไปอยู่กับใคร ใช่คนที่เข้ามาวันนั้นไหม”

“ใช่ครับย่า ปิงอยู่กับเขา”

“เป็นคนดีไหม ไว้ใจได้หรือเปล่า”

“ไว้ใจได้ครับ เป็นคนดีด้วย ย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“จะไม่ห่วงได้ยังไงล่ะ จะไปอยู่ไปกินยังไง ย่าน่าจะช่วยอะไรปิงได้มากกว่านี้”

“ไม่เป็นไรครับย่า ทุกอย่างโอเคมากเลย ปิงอยู่ไม่ไกลจากย่า อย่าห่วงเลยนะครับ”

“ถ้ายังไงก็โทรหาย่าบ่อยๆ นะ รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีด้วย”

“ได้ครับ ย่าก็ดูแลตัวเองนะ”

ผมกดวางสายจากย่าแล้วถอนใจออกมาเบาๆ ถึงจะเป็นห่วงย่าแต่ผมก็ไม่อยากกลับไปที่นั่นแล้ว คนที่นั่นคงรู้สึกดีกว่าถ้าไม่มีผม เพราะฉะนั้นผมก็จะขอเป็นคนเห็นแก่ตัวและใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้ ทำอะไรที่อยากทำ...ขอเป็นอิสระสักที

...

 

ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านพี่อิส เห็นเจ้าของบ้านกำลังนั่งอยู่หน้าคอม ไม่รู้ว่าใจลอยอะไร ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ เขายังไม่รู้ตัวเลย ผมชะโงกหน้าไปดู เขากำลังใช้ดินสอวาดรูปลงบนกระดาษ มันไม่ได้เป็นรูปวาด เหมือนแค่ขีดๆ เขียนๆ ไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้จริงจัง สายตาเลื่อนมองมือข้างที่จับดินสออยู่ ผมจึงเพิ่งสังเกตเห็นเป็นครั้งแรก...พี่อิสเป็นคนถนัดมือซ้าย

“พี่อิส”

“เชี่ย!”

ผมกระโดดออกมาเพราะตกใจเสียงพี่อิสที่ตกใจผม เขายกมือทาบอกแล้วถอนใจเบาๆ ทำท่าทางเหมือนคนแก่ที่หัวใจเกือบวายแล้วหันมาพูดเสียงดุ

“ไอ้หลินปิง ตกใจหมด!”

“ขอโทษครับๆ”

“แล้วนี่ไม่ทำงานเหรอ”

“เจ้านายไล่กลับมา บอกว่าไม่อยากใช้งานเด็กขาเป๋”

เขาพยักหน้ารับ

“แล้วพี่ทำอะไรอยู่เหรอ เห็นนั่งเหม่อ”

“คิดอะไรเพลินๆ ไม่มีงานทำ ว่างฉิบหาย”

“เออพี่ ผมซื้อขนมมาฝาก” ผมว่าแล้วหยิบโตเกียวหน้าโรงเรียนที่ซื้อมาฝากส่งให้เขา

“ขนมเด็กๆ”

“ไม่กินใช่ปะ”

“กิน หิวอยู่” เขาว่าแล้วยัดโตเกียวเข้าปาก ขณะที่ผมได้แต่อมยิ้มหน่อยๆ  คนแก่กินขนมเด็กๆ

“เออ พี่อิส พี่เล่นดนตรีเป็นไหม” ผมถอดเป้กับเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา พี่อิสเดินมานั่งข้างๆ ผมด้วย

“ไม่เป็นอะ”

“โห่ ไม่เท่เลย”

“เกี่ยวอะไร แค่นี้กูก็เท่มากแล้วเว้ย จะให้กูทำอะไรอีก แล้วถามทำไม”

“ผมมีเรียนวิชาดนตรี ต้องเล่นดนตรีให้เป็นเพลงด้วย แต่ผมเล่นอะไรไม่เป็นสักอย่างเลย ตกแน่ๆ”

“ซ้ำชั้นไปเลยมึง”

“พี่อะ!”

“แล้วนี่มึงจะไม่ซื้อกางเกงใหม่ใช่ไหม” พี่อิสชี้มาที่กางเกงผม วนเข้าเรื่องนี้อีกแล้ว

“ไม่ซื้อแล้ว อีกเทอมเดียวก็จบแล้ว เปลืองเงิน”

“เฮอะ พูดไม่ฟังนะมึง แล้วได้ซื้อผ้าก๊อซมาไหม จะได้ทำแผลให้”

“เออ ลืม” นึกขึ้นได้ก็ตอนที่เขาพูดถึง ลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท

“หลินปิงเอ๊ย เพราะมึงตัดผมทรงนี้ไง มึงถึงได้ขี้ลืม”

“มันเกี่ยวกันไหม!”

“ไม่รู้ กูเหมาหมดแหละ ทรงผมมึงมันขัดตากู”

“รองทรงเว้ยพี่ นักเรียนมันก็ตัดได้ทรงเดียวนี่แหละ สมัยเรียนพี่หัวเกรียนใช่ปะล่ะ”

“เออดิ แต่มึงผมยาวแล้วนะเนี่ย ทิ่มตาแล้ว”

ผมยกมือปัดผมข้างหน้าที่เริ่มยาวจนปิดคิ้ว แต่ข้างหลังยังไม่ยาวมากเพราะตัดครั้งล่าสุดลุงช่างตัดผมเอาข้างหลังออกเยอะไปหน่อย

“ไปตัดเลย มึงจะปล่อยยาวเป็นราพันเซลหรือไง”

“แต่ข้างหลังมันยังไม่ยาวเลยนะ เปลืองตังค์อะ”

“งั้นกูตัดให้”

“ได้เหรอ”

“ได้ดิ” เขาว่าแล้วลุกไปหยิบกรรไกรตัดกระดาษที่โต๊ะทำงานมา ผมกะพริบตาปริบๆ กับท่าทางเอาจริงของพี่เขา ขยับกรรไกรแง้บๆ มาจ่อตรงหน้า แต่ว่าผมไม่มั่นใจเลยสักนิดเลยออกปากปฏิเสธ

“พี่อิส ผมว่าไปร้านตัดผมดีกว่า คงเสียเงินไม่เท่าไร”

“เหอะน่า เมื่อก่อนกูตัดหน้าม้าให้น้องสาวประจำ”

“มันเหมือนกันเหรอ”

“เชื่อพี่สิ”

พี่...

“อยู่เฉยๆ”

ผมอยู่เฉยๆ ตามคำสั่ง ที่ยังนิ่งก็เพราะเมื่อครู่คำแทนตัวเองว่าพี่ยังติดอยู่ในหู น้ำเสียงทุ้มต่ำและคำว่าพี่ฟังดูอ่อนโยนแปลกประหลาด แค่คำเดียวจากปากเขากลับสะกดผมให้อยู่นิ่งได้จริงๆ...พี่อิสก็พูดเพราะๆ เป็นนี่นา

มือใหญ่ของเขาจับผมด้านหน้าของผมลงมา อีกมือค่อยๆ เล็มออกทีละนิด ผมนั่งเกร็งอย่างลุ้นๆ ส่วนเขาเองก็ดูตั้งใจจนไม่กล้าชวนคุยอะไร ได้ยินแค่เสียงกรรไกรดังกระทบกัน

“หลับตาดิ”

ผมหลับตาลงตามคำสั่ง ก่อนพี่อิสจะเป่าลมใส่หน้าเบาๆ

“เสร็จละ”

ผมลืมตาขึ้น เห็นหน้าพี่อิสที่อยู่ใกล้ๆ พอดี ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้ผมรู้สึกว่าพี่อิสโคตรน่ารักเลย เขายกมือขึ้นปัดผมด้านหน้าให้แล้วขยับมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“สัด...แหว่ง”

“งื้อ!” ผมยกมือจับหัวแล้วกะพริบตาปริบๆ  อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะออกมา

“เนียนๆ ไป ไม่มีใครสังเกตหรอก”

“พี่อะ!”

“มันก็ไม่ได้แย่”

ผมได้แต่มองตาขวาง พี่อิสยังคงมองหน้าผมอยู่ สายตาของเขาที่ไม่เลื่อนออกไปไหนเลยทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ขยับปากถามเบาๆ

“พี่มองอะไร”

“ตามึงเป็นสีน้ำตาลด้วยอะ” เขาว่าแล้วยกมือจับคางผมให้อยู่กับที่ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ มองเข้ามาในลูกตาของผมอย่างจริงๆ จังๆ

“ใครๆ เขาก็สีนี้กัน”

“ไม่ดิ นี่น้ำตาลอ่อนเลย เป็นเพราะมึงขาดสารอาหารปะเนี่ย”

พี่อิสยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก พี่อิสกำลังมองตาผมใกล้ๆ ขณะที่ผมก็ได้เห็นพี่อิสแบบใกล้ๆ ด้วยเหมือนกัน ผมไม่กล้าเลื่อนสายตาไปมองส่วนอื่นนอกจากส่วนของดวงตา คิ้วหนาเรียงตัวสวยเข้ากันดีกับตาสองชั้นคมๆ และดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้ม

“พี่อิส! น้องปิง!”

“เชี่ย!” ทั้งผมและพี่อิสรีบผละออกจากกันหลังได้ยินเสียงเรียกที่หน้าประตู พี่ปอนด์ผู้เป็นเจ้าของเสียงเดินเข้ามาพร้อมพี่โอม พี่ปรินซ์อย่างเคย

“ทำอะไรกันอะ”

“เล่นจ้องตากันเหรอ”

“เปล่าเว้ย กูกำลังนั่งดูตาหลินปิงมันอยู่”

“ดูทำไม”

“ก็สีมันแปลกๆ ไม่เชื่อมึงมาดูดิ” สิ้นคำพูดของพี่อิส พวกพี่ๆ ทั้งสามคนก็พุ่งตัวเข้ามาจ้องตาผมแบบจริงๆ จังๆ  ผมรู้สึกขัดเขินขึ้นมาเล็กน้อยกับการมานั่งให้คนอื่นมองตาเล่น เดาว่าหน้าคงแดงไปแล้วเพราะรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า

“แปลกยังไงอะ” พี่ปอนด์ขมวดคิ้วถาม

“เขาเรียกว่าน้ำตาลเฮเซลนัทเว้ย” พี่โอมบอก ผมเพิ่งได้ยินชื่อเรียกของสีน้ำตาลแบบนั้นเป็นครั้งแรก

“สวยดีครับ” พี่ปรินซ์พูดแล้วยิ้มนิดๆ

“พอแล้วๆ พอๆ หลินปิงกูหูแดงหมดแล้วเนี่ย” พี่อิสเข้ามาดึงทั้งสามคนออกไปแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด

“แล้วพวกมึงมาทำไมเนี่ย”

“มาทำงานสิครับ ขออนุญาตเลยนะฮะ มึง ไปขนของมา”

“กูไม่อนุญาตได้ไหมล่ะไอ้ห่า” พี่อิสบ่นเบาๆ ก่อนพวกพี่ๆ จะไปช่วยกันยกของเข้ามา จัดการทำโมเดลกันอย่างดูชำนาญ ผมนึกสนุกเลยขอเข้าไปช่วยด้วย พวกเขาก็เลยให้ผมช่วยตัดอันที่ง่ายๆ เพราะเกิดพลาดไปตัดผิดเดี๋ยวต้องเสียเวลาพวกเขาร่างแบบใหม่อีก ระหว่างนั้นก็ชวนกันคุยไปเรื่อยเปื่อย ส่วนพี่อิสนอนกินป๊อปคอร์นอยู่บนโซฟาสบายๆ

“แล้วปิงไปโรงเรียนยังไงอะ”

“เดินไปครับ”

“เฮ้ย ไกลนะ”

“พี่อิสทำไมไม่ไปส่งน้อง”

“เออได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปส่ง ปั่นจักรยานไป แล้วให้หลินปิงมันนั่งตะกร้าหน้าไป ดีไหม”

“จะบ้าเหรอพี่ ไม่ใช่อีทีนะ” หมายถึงหนังที่เป็นมนุษย์ต่างดาวขี่ตะกร้าหน้ารถของมนุษย์ ผมเคยดูตอนเด็กๆ

“เฮ้ย รุ่นมึงนี่ทันอีทีด้วยเหรอวะ”

“มาดูตอนโตแล้วนี่แหละครับ เมื่อก่อนลุงผมชอบดูหนังมาก ผมก็เลยได้ดูด้วย”

“แล้วมึงชอบดูหนังไหม”

ผมพยักหน้ารับ ผมชอบดูหนังกับลุง แต่พอลุงตายไปก็ไม่มีใครชวนผมดูหนังอีกเลย ไม่เคยเข้าโรงหนังด้วยเพราะค่าตั๋วหนังแพงเกินไปสำหรับผม

“งั้นดูหนังกัน” พี่อิสว่าแล้วลุกไปที่หน้าทีวี ดึงลิ้นชักจากชั้นวางทีวีออกมา ผมแหวกทางที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษเข้าไปหาเขา ก่อนจะเห็นดีวีดีหนังอัดแน่นอยู่ในนั้น คิดว่าสมัยนี้จะไม่มีคนสะสมดีวีดีแบบนี้แล้วซะอีก

“โห โคตรเยอะเลย พี่อิสชอบดูหนังเหรอครับ”

“อือ ชอบดูหนังแต่ไม่ชอบเข้าโรงหนัง รำคาญเสียงดังเกินอะ แล้วมึงชอบดูแนวไหน”

“ดูได้ทุกแนวครับ”

“หนังโป๊ไหม”

“พี่แม่ง!”

“เดี๋ยววันหลังกูส่งไฟล์ให้ เอาไว้ดูคนเดียว”

“พี่อิส ไหนบอกเรื่องเหี้ยๆ ไม่ต้องสอนไง” พี่ปรินซ์หันมาพูดก่อนโยนเศษกระดาษที่ขยำเป็นก้อนมาโดนหัวพี่อิสพอดี

“กูล้อเล่นเว้ย! อันนี้ดูยัง” พี่อิสเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่ดีวีดี ปลายนิ้วไล่ผ่านกล่องดีวีดีไปทีละแผ่น ปากพึมพำชื่อเรื่องไปด้วย คราวนี้ผมเป็นฝ่ายถามบ้าง

“แล้วพี่ชอบดูแนวไหน”

“ที่สุดก็ต้องหนังโป๊อยู่แล้ว”

“พี่! จริงจังสักวินาทีได้ไหมครับ”

“กูดูไม่จริงจังตรงไหนอะ”

“พี่นี่มัน...” ไม่มีคำไหนจะพูดจึงได้แต่ถอนใจออกมาแทน อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ แล้วให้คำตอบใหม่อีกที

“กูชอบหนังรัก”

“...”

“แบบมีฉากเรตเยอะๆ”

ผมหันขวับไปมองคนที่เกือบจะจริงจังแล้วก็ล้อเล่นอีก พี่อิสนี่มันน่า...

“ทำไมต้องมองตาขวางด้วยอะ”

“ไม่พอใจกับความจัญไรของพี่ไง”

“กูนึกว่ามึงจะชินแล้วซะอีก” พี่อิสพูดขำๆ ก่อนเลือกหนังรักเรื่องหนึ่งมาเปิดดู ผมละจากการเป็นลูกมือพี่ๆ ทั้งสามเพราะหมดงานในส่วนที่ผมจะทำได้แล้ว ขยับขึ้นมานั่งบนโซฟาดูหนังกับพี่อิส พอในหนังมีฉากเรตอย่างที่บอกพี่อิสก็ยื่นมือมาปิดตาผม

“ไม่ต้องดูๆ”

“พี่ ผมโตแล้ว”

“มึงนี่แก่แดด”

“มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย” ผมพูดปัด ขณะที่ฉากเลิฟซีนในหนังยังคงไม่จบและยาวนานกว่าที่ผมคิด ผมเลื่อนสายตาจากหน้าจอเหลือบมองไปทางอื่น ก่อนไปสบเข้ากับสายตาพี่อิสที่มองผมอยู่พอดี

“ไหนว่าโตแล้วไง แค่นี้มึงยังหน้าแดงเลย”

“ผมเปล่า”

“เขินหรืออยาก?”

“พี่!” ผมใช้กำปั้นทุบเขาเบาๆ  แต่เขาหันมาเอาคืนผมด้วยการดีดหน้าผาก แรงจนกะโหลกเกือบร้าว ผมจึงหันไปคว้าม้วนกระดาษที่พี่ปรินซ์ส่งให้แล้วใช้เป็นอาวุธ

“มันเจ็บนะโว้ย”

“พี่ทำผมแรงกว่านี้อีก”

“ไอ้แพนด้าทรพี!”

“พี่อิส!” ผมโวยลั่นเพราะพี่อิสคว้าม้วนกระดาษไปจากมือผมอย่างง่ายดายแล้วใช้แขนอีกข้างล็อกคอผมเอาไว้ พริบตาเดียวผมก็ติดแหง็กอยู่กับท่อนแขนของเขาอย่างไร้แรงขัดขืน จนต้องเอ่ยปากยอมขอโทษก่อนเหมือนทุกที

“พี่ ผมขอโทษ”

“จะตีพี่อีกไหม พูดสิ”

“มะ...ไม่ทำแล้วครับ” ผมตอบอึกอัก ชะงักไปกับคำว่าพี่ของเขาอีกแล้ว

“ถ้าทำอีก พี่จะลงโทษนะ”

“ไม่เอา ไม่ทำแล้ว บอกแล้วไม่ทำไง”

“ดีมาก” พูดแค่นั้นก่อนคลายแขนที่ล็อกคอเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ปล่อยผมออก แขนข้างนั้นยังโอบคอผมอยู่หลวมๆ  หลังผมยังแนบอยู่กับตัวของพี่อิสในท่าทางที่ดูคล้ายกำลังถูกกอด ผมค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากตรงนั้นเองในตอนที่อิสดูไม่ได้สนใจอะไร ก่อนความสนใจของพวกเราทั้งหมดจะถูกเทไปที่เสียงหนึ่งซึ่งดังขึ้นที่หน้าประตู

“พี่อิส”

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มกว้างแล้วโบกมือเป็นเชิงทักทายทุกคนในที่นี้ น่าจะเป็นผมคนเดียวที่ไม่รู้ว่าคนที่กำลังเดินเข้ามานั้นเป็นใคร กระทั่งพี่อิสเอ่ยชื่อเธอขึ้นมาผมก็เลยจำได้...

“เนย”

...แฟนเก่าพี่อิสนั่นเอง 

 

To be continued.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 18:43:19 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #67 เมื่อ04-02-2017 23:50:56 »

ตกลงพี่อิสนี่เลิกกับแฟนยังคะเนี่ยยยย  :ling3:

ออฟไลน์ queenrulet

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #68 เมื่อ05-02-2017 00:35:04 »

งื้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
รู้สึกเหมือนจะมีดราม่าาาาาาาาาา
พี่อิสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #69 เมื่อ05-02-2017 01:15:35 »

ก็เลิกกันแล้ว ให้มันจบๆไปปปปป นะพี่อิสส
 :L1: :L1: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
« ตอบ #69 เมื่อ: 05-02-2017 01:15:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 4life

  • R.I.P KT 5-5-13
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 995
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #70 เมื่อ05-02-2017 02:15:39 »

ง่ะ ค้าง :hao5:

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #71 เมื่อ05-02-2017 02:51:47 »

พึ่งเข้ามาอ่าน งือออออ สงสารปิง
ค้างอะ เนยมาทำไมมมม   

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #72 เมื่อ05-02-2017 07:16:18 »

มุกไม่ได้กรอง คำนี้ฮา น้องปิงก็น่ารักขึ้นเรื่อยๆ ชอบเวลาน้องสดใสน่ารักตามวัย
เนย มาทำไม แง้ววววว

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #73 เมื่อ05-02-2017 08:47:34 »

เธอกลับมาทำไม ตอบ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #74 เมื่อ05-02-2017 11:10:16 »

เอาล่ะสิ จะใช่แบบนี้ไหม และคนอกหักคนนี้ จะรักคุณตลอดไป...

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 9] 04-02-17
«ตอบ #75 เมื่อ05-02-2017 14:00:47 »

ยัยเนย มาทำไมเนี่ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #76 เมื่อ05-02-2017 22:07:29 »

ตอนที่ 10

ช็อกโกแลตชิป

 

คนที่เพิ่งเข้ามาหันทักทายทุกคนในบ้านอย่างรู้จักกันดี ก่อนที่สายตาจะมาหยุดนิ่งอยู่ที่ผม นิ่งอยู่อย่างนั้นคล้ายจะรอให้ผมหรือใครพูดอะไร แต่ก็ไม่มีใครพูดจนกระทั่งอีกฝั่งถามออกมาเอง

“นี่คือ...?” เว้นวรรคให้เป็นคำถาม มองหน้าพี่อิสที่หันมาแนะนำแบบลวกๆ เอ่ยเพียงแค่ชื่อไม่ได้บอกสถานะอะไร

“นี่หลินปิง หลินปิง นี่เนย”

ผมยกมือไหว้ตามมารยาทก่อนจะลุกออกมาจากโซฟา เพื่อให้พี่เนยเข้าไปนั่งกับพี่อิสแทน คนมาใหม่ขยับเข้าไปนั่งตัวติดกับพี่อิสจนอีกคนขยับหนีห่างออกไปเล็กน้อย

“แล้วนี่กินอะไรกันยัง เราซื้อขนมมา กินด้วยกันดิ” ยกถุงขนมที่ถือติดมาส่งให้พี่ๆ ทั้งสามคนแต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างทันที ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้กินข้าวกันเลย

“กินแล้ว ยังอิ่มอยู่เลย”

“ใช่ อิ่มมาก อันที่จริงพวกเรากำลังจะกลับแหละ”

“ฮะ?” พี่อิสหันขวับมามองงงๆ

“กลับเลยละกัน ไปนะพี่อิส” พวกพี่ทั้งสามคนสามัคคีกันลุกออกจากตรงนี้ไป เก็บของลวกๆ แล้วเดินไปที่ประตู ผมร้องเรียกพวกเขาเอาไว้ก่อน

“ปิงไปด้วยครับ”

“มึงจะไปไหน!” พี่อิสตะโกนถาม

“ไปซื้อผ้าก๊อซครับ”

“อ๋อ เออ รีบกลับล่ะ มืดแล้วมันอันตราย”

ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินตามพี่ๆ ทั้งสามคนออกมาที่หน้าบ้าน ไม่ได้เจตนาจะออกไปซื้อของหรอก แต่ให้อยู่ด้วยก็รู้สึกแปลกๆ  ผมควรเป็นตัวประกอบฉากที่ต้องรู้กาลเทศะแล้วออกมาในเวลาที่เหมาะสมแบบนี้

“อะไรยังไงวะ ไหนว่าเลิกกันแล้วไง” พี่ปอนด์เปิดประเด็นขึ้นมา

“เออดิ กูก็งงเลย หรือว่าจะรีเทิร์น”

“ไม่รู้ว่ะ พี่อิสแม่งก็ไม่เคยพูดถึงด้วยไง ถามก็หาว่าเสือกอีก”

“พวกพี่ไม่สนิทกับพี่เนยเหรอครับ ทำไมต้องออกมาก่อนด้วยอะ” ผมหันไปถาม

“ไม่ใช่ไม่สนิทนะ แต่อึดอัดว่ะ”

“ไม่รู้ดิ แต่กูว่าเนยมันไม่ค่อยชอบพวกเราเท่าไรหรอก”

“มาหาถึงบ้านคงมีเรื่องอยากจะคุยกันสองคนมั้ง มีพวกเราอยู่ก็ก้างชัดๆ”

“แล้วนี่ปิงจะออกไปไหนเหรอ” พี่ปรินซ์หันมาถามผม ขณะกำลังปลดล็อกรถที่จอดอยู่ริมถนนอีกฝั่งของบ้านพี่อิส

“ไปร้านยาครับ”

“พี่ไปส่งเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ หน้าปากซอยนี่เอง พวกพี่กลับเถอะครับ”

“แล้วรีบกลับเข้าบ้านนะ มันมืดแล้ว”

“ครับ” ผมโบกมือให้พวกเขาก่อนจะเดินออกมาที่หน้าปากซอยเพื่อตรงไปร้านยา ทุกคนเอาแต่ย้ำให้ผมกลับบ้านเร็วๆ เพราะตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ความเป็นห่วงเป็นใยเล็กๆ น้อยๆ นั่นทำเอาผมรู้สึกดีใจแปลกๆ  ปกติตอนที่ทำงานพิเศษแล้วต้องกลับบ้านเที่ยงคืนเป็นประจำ ยังไม่เคยมีใครที่บ้านบอกว่ามันอันตรายเลยสักครั้งเดียว

“ปิง!”

หือ?

ผมหยุดเท้าเพราะเสียงนั่น  ก่อนหันกลับไปจึงเห็นช็อกที่ก้าวเท้าเร็วๆ เข้ามาหา เอ่ยคำถามออกมาก่อนที่ผมจะพูดอะไร

“ปิงอยู่แถวนี้เหรอ เห็นเดินออกมาจากในซอย” พูดประโยคหลังพลางชี้นิ้วเข้าไปในซอยที่ผมเพิ่งเดินออกมา

“เราเพิ่งย้ายมา”

“อ๋อ แล้วนี่จะไปไหนอะ”

“ไปร้านยาพ่อช็อกนั่นแหละ”

“อ้าว เป็นอะไรอีก”

ผมชี้ไปที่หัวเข่าแทนคำตอบ ช็อกขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้าผม

“นี่ถ้าไม่รู้จักปิงมาก่อน คงคิดว่าเป็นพวกอันธพาลตีกับชาวบ้านไปทั่วจนตัวมีแต่แผลนะเนี่ย”

“อันนี้เป็นอุบัติเหตุ”

“ก็อย่างว่าแหละ จ๋องขนาดนี้จะไปตีกับใครได้”

ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ พอกับช็อกที่เอาแต่ยิ้มกว้างๆ  ถ้าไม่ใช่ช็อกผมคงทุบไปแล้วสักทีหนึ่ง

“เออ เมื่อวานไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ”

“รู้ได้ไงอะ”

“เห็นเพื่อนปิงมันนั่งกินข้าวคนเดียวอะ ชื่ออะไรนะ”

“เมธี”

“เออ นั่นแหละ เพราะแผลนี่เหรอเลยขาดเรียนอะ”

ผมพยักหน้านิดๆ

“ขยันเจ็บตัวจริงๆ เลยนะ คือเป็นพวกเสพติดความเจ็บปวดงี้เหรอ”

“บ้าดิ ไม่ได้อยากเจ็บซะหน่อย”

“งั้นก็อย่าเจ็บบ่อยๆ สิ” ช็อกว่าแล้วยกมือมาโยกหัวผมเบาๆ  ช็อกทำแบบนี้เลยรู้ตัวเลยว่าผมเตี้ยกว่าเขามาก ทำไมช่วงนี้อยู่ใกล้ใครก็ดูเตี้ยไปหมดเลย

ผมกับช็อกเดินเข้ามาในร้านยาของพ่อเขา แล้วผมก็ได้ผ้าก๊อซฟรีมาอีก ทั้งๆ ที่ดึงดันจะจ่ายเงินให้แล้วแต่เขาก็ไม่เอา ความเกรงใจคงแสดงออกผ่านสีหน้าชัดไปหน่อย ช็อกก็เลยหันมาพูดขำๆ

“เอาไปเหอะน่า แค่นี้ร้านไม่เจ๊งหรอก”

ผมไหว้ขอบคุณพ่อช็อกอีกที ก่อนจะเดินออกมา ช็อกเอ่ยปากเรียกผมอีกที

“ปิง”

“ฮะ?”

“รีบกลับบ้านปะ”

ผมเหลือบตาไปมองนาฬิกาที่ผนังร้าน เพิ่งออกมาได้ไม่ถึงยี่สิบนาที เดาว่าพี่เนยคงยังไม่กลับและผมก็ไม่อยากเข้าไปขัดสองคนนั้นด้วย เลยหันกลับไปส่ายหน้าให้ช็อกแทนคำตอบ

“งั้นไปกินไอติมกันปะ”

“ฮะ?”

“ไอติมไง ไปปะ”

“ไอติม...”

“งั้นเดี๋ยวมานะพ่อ”

“โอเค ไปส่งปิงที่บ้านด้วยนะ”

“ได้ครับ”

คนเป็นพ่อลูกคุยกันจบก่อนช็อกจะเดินเข้ามาจับไหล่ผมหมุนให้เดินออกไปนอกร้าน ตอนที่สมองผมยังติดอยู่กับคำว่าไอติม ไอติมอะไรก่อน เดี๋ยว...

“นี่คือเราตกลงแล้วเหรอ”

“ไม่รู้แหละ เห็นยืนทำหน้างงอยู่ได้ มาเร็ว”

ช็อกเลื่อนมือจากไหล่มาจับมือผมแล้วจูงให้เดินออกมาร้านไอศกรีมที่อยู่ไม่ไกลจากร้านพ่อเขา เข้าไปในร้านท่ามกลางสายตาคนในนั้นที่มองมา ผมก้มมองมือเราสองคนที่จับกันอยู่เลยดึงมือตัวเองกลับมาอย่างเก้ๆ กังๆ  ช็อกนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งหนึ่ง ผมกำลังจะเดินไปนั่งอีกฝั่งแต่เขาดึงมือผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ

“เราชอบนั่งฝั่งเดียวกันมากกว่า”

“ทำไมอะ”

“ไม่รู้ดิ ชอบอะ”

“แต่คนอื่นเขาก็นั่งคนละฝั่งนะ จะได้หันหน้าคุยกันไง”

“แต่แบบนี้มันใกล้กันกว่าไง”

ผมได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนช็อกจะดึงกระดาษกับปากกามาจดเมนูลงไป จัดการสั่งให้ผมเรียบร้อย ไม่นานไอศกรีมสองถ้วยที่หน้าตาน่ากินก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

“สตรอว์เบอร์รีของเรา”

ช็อกเลื่อนไอศกรีมสีชมพูไปตรงหน้าตัวเองแล้วเลื่อนอีกถ้วยให้ผม

“นี่ของปิง ชิปโกแลตช็อก เอ๊ย ช็อกโกแลตชิป เอ๊ย ถูกแล้ว!”

“ฮึ?” ผมหันหน้าไปมองงงๆ  คนข้างๆ หัวเราะชอบใจ ก่อนเขาจะหยุดขำแล้วปรับสีหน้าเป็นปกติ

“เออ ไม่ตลกก็ได้เว้ย”

มุกห้าบาทสิบบาทไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขบขัน แต่สีหน้ายุ่งๆ ของช็อกในตอนนี้กลับทำให้หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย

“กินเลยนะ”

“เดี๋ยวๆ ถ่ายรูปก่อน” เขายกมือเบรกช้อนของผมที่กำลังจะตักไอศกรีมในถ้วย ก่อนหยิบมือถือตัวเองออกมา ยกขึ้นสูงเพื่อถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า ผมเลื่อนตัวหลบออกจากกล้องแต่ถูกช็อกถองศอกใส่เบาๆ

“มองกล้องดิ”

“เราต้องถ่ายด้วยเหรอ”

“มาด้วยกันก็ต้องถ่ายด้วยกันสิ ยิ้มหน่อย”

ผมฉีกยิ้มนิดๆ ก่อนช็อกจะกดถ่ายแล้วมองดูภาพอย่างพอใจ

“ปิงยิ้มแล้วน่ารักว่ะ”

“ฮึ?”

“ยิ้มบ่อยๆ ดิ ชอบทำหน้าซึม เป็นส้วมเหรอ”

“...”

“ส้วมซึมไง ตึ่งโป๊ะ!”

ช็อกเป็นคนหล่อๆ ปกติเหอะ อย่าเป็นตลกเลย ไม่รุ่งหรอก ผมอยากแนะนำจากใจ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ ส่งไป

“โอ๊ย! เป็นคนอื่นเขาขำไปแล้ว ทำไมไม่ขำอะ” ช็อกว่าแล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมเบาๆ

“กินได้ยังอะ ละลายละเนี่ย”

“กินเลยๆ” เขาว่า ส่วนตัวเองยังจิ้มๆ อยู่ที่หน้าจอมือถือ เพราะนั่งใกล้แบบเฉียดไหล่ผมเลยเห็นว่าเขากำลังอัปโหลดภาพลงแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กที่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนั้นเท่าไรนัก

“ขอเฟซบุ๊กปิงหน่อยดิ”

“เราไม่มี”

“โบราณมาจากไหนเนี่ย”

ริมฝีปากผมคว่ำลงเล็กน้อย ชีวิตที่ไม่ทันสมัยของผมถูกกล่าวหาว่าหลุดมาจากยุคโบราณเสมอเลย ก็ไม่เห็นจะอยากมีเลย เฟซบุ๊กอะไรนั่น...

“งั้น แท็กปิง ผู้ไม่มีเฟซบุ๊ก” เขาพูดพลางจิ้มลงไปบนมือถือเสร็จแล้วหันมาหาผม

“แล้วมีไลน์ปะ”

“อันนี้มี พี่อิสทำให้” ผมรีบบอก

“เออ ถ้าไม่มีนี่จะตกใจแล้วนะ ขอไอดีหน่อยดิ”

“ไอดี?”

“ไอดีไลน์ไง”

ผมวางช้อนไอศกรีมลง แล้วหยิบมือถือออกมาส่งให้เขา

“ขอแค่ไอดี ให้มือถือเลยเหรอ ใจดีว่ะ”

“ไม่ใช่ แต่เราทำไม่เป็น ช็อกทำเองเลย อยากได้อะไรก็หาเอา”

“โห...มนุษย์หินชัดๆ” ช็อกส่ายหัวนิดๆ ก่อนจะหยิบมือถือหน้าจอแตกๆ ไปจากผม

“มือถือผ่านสงครามอะไรมาเนี่ย”

“ยังไม่มีตังค์ซ่อมอะ”

เขาหัวเราะเบาๆ จิ้มนั่นจิ้มนี่อยู่สองสามทีก็คืนให้ผม

“อะคืน เดี๋ยวว่างๆ ไลน์ไปคุยด้วย”

ผมพยักหน้ารับ มองหน้าจอเห็นชื่อที่ปรากฏเพิ่มเข้ามาในไลน์

 

The Shock

 

กับรูปโปรไฟล์หล่อบรรเจิด เป็นรูปเขากำลังนั่งเล่นกีตาร์ ช็อกเป็นนักดนตรีด้วย ทุกๆ งานโรงเรียนผมเห็นเขายืนเล่นกีตาร์อยู่บนเวทีเป็นประจำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยแฮะ

“ทำไม หล่อจนน่าสงสัยเลยเหรอ มองนานเชียว”

“มองกีตาร์เหอะ”

“กีตาร์มันหล่อกว่าหน้าเราเหรอ”

“เล่นยากไหม”

“ไม่ยากนะ ทำไมเหรอ ปิงอยากเล่นเปล่า”

“ไม่อยากเลย แต่เทอมนี้เรามีเรียนดนตรีด้วย”

“อ๋อ เราเรียนไปเทอมที่แล้ว”

“ต้องสอบเล่นเครื่องดนตรีคนละเพลงด้วยปะ”

“เออ มีๆ”

“เราสอบตกแน่ๆ เล่นอะไรไม่เป็นสักอย่างเลย” ผมพูดเสียงเบา ก่อนจะหยิบช้อนมากินไอศกรีมที่เริ่มละลายต่อ

“เราสอนให้เปล่า”

“ฮึ?”

“เล่นดนตรีไง เดี๋ยวสอนให้”

“ได้...ได้เหรอ”

“ได้ดิ ตอนเย็นว่างปะล่ะ มาที่บ้านก็ได้”

“ตอนเย็นเราต้องทำงานอะ”

“เสาร์อาทิตย์ก็ได้ เดี๋ยวสอนหลักสูตรเร่งรัดให้ อาทิตย์เดียวเป็นเลย”

“จริงนะ” ผมหันขวับไปหาเขาอย่างคาดหวัง

“จริง”

“ขอบคุณนะช็อก” ผมพูดพลางยิ้มกว้าง

“แต่ปิงต้องจ่ายค่าจ้างเรานะ”

“เราไม่มีเงินนะ”

“ไม่เอาเป็นเงิน”

“แล้ว...เอาอะไร”

“แค่ยิ้มให้เราแบบนี้บ่อยๆ ก็พอ” ช็อกว่าแล้วยื่นมือมาจับแก้มผมสองข้างแล้วดึงให้ปากยกขึ้นเป็นยิ้ม ใกล้กันแบบนี้ผมเลยได้เห็นหน้าช็อกชัดๆ  ที่ผ่านมาช็อกเป็นเหมือนคนที่ผมดูเอื้อมไม่ถึง ฐานันดรคนละชั้น ช็อกดูห่างไกลจากพวกไร้ตัวตนแบบผม แต่ตอนนี้ผมได้อยู่ใกล้มาก ใกล้แบบ...ช็อกเลย

“ปิง”

“หือ?” ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่เขาเรียก แล้วปล่อยมือออกจากหน้าผม

“ถามจริง ตัดผมร้านไหน แหว่งด้วยเนี่ย”

“เฮ้ย! เห็นชัดเลยเหรอ”

“จะทักนานละ แฟชั่นใหม่เหรอ”

ผมยกมือดึงผมหน้าที่พี่อิสตัดให้ ไหนพี่อิสบอกเนียนไง กลับบ้านไปผมจะโวยวายให้น่าดูเลย หลังจากกินไอศกรีมเสร็จ ช็อกชวนผมคุยแบบไม่หยุดปาก เขาพูดเก่งมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ก็ชอบเขา เป็นคนมีพลังงานเยอะและเป็นพลังงานที่ทำให้คนอยู่ใกล้ๆ รู้สึกดีไปด้วย ก็อยากฟังเขาพูดต่อแต่เห็นว่าเริ่มดึกแล้ว เลยชวนกันกลับบ้าน ช็อกเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านพี่อิส ปฏิเสธแล้วว่ามาเองได้ แต่เขาก็ตามมาถึงหน้าบ้านจนได้

“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ”

“นี่บ้านปิงเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก เรามาอยู่กับพี่ที่รู้จักอะ”

“อ๋อ โอเค งั้นเราไปละ ไว้เจอกัน”

ผมพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นโบกนิดๆ ก่อนช็อกจะเดินออกไป ผมรอให้เขาเดินไปสุดทางแล้วเดินเข้าบ้าน

“ใครมาส่ง!”

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อพี่อิสโผล่มาตอนที่ผมก้มลงไปถอดรองเท้า เงยหน้าขึ้นมาเจอเขายืนเท้าเอวอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าขึงขังผิดปกติ

“เมื่อกี้ใคร”

“เพื่อนครับ”

“แล้วไปไหนกันมา กลับดึกดื่น” พี่อิสชี้ให้ผมไปนั่งที่โซฟาแล้วเดินตามมาถามเสียงเข้ม

“ไปกินไอติมกันมาครับ”

“เป็นเพื่อนที่ไหน มีเพื่อนกับเขาด้วยเหรอมึงอะ”

“ก็เพิ่งรู้จักกันครับ”

“เพิ่งรู้จักกัน แล้วมึงไปกินข้าวกับเขาเนี่ยนะ!”

“กินไอติมครับ”

“เออ นั่นแหละ ไปได้ยังไง”

ผมกะพริบตาปริบๆ มองพี่อิสที่ไม่รู้ว่าโมโหอะไร ใบหน้าบูดบึ้งบ่นต่อไม่หยุด

“เพิ่งรู้จักก็ไปกับมันได้เหรอ ผู้ชายมันไว้ใจได้เหรอ ฮะ?”

“พี่อิส นั่นเพื่อนที่โรงเรียน ผมอยู่ม.หกแล้ว เห็นเป็นเด็กเหรอ แล้วอีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”

“ไม่รู้แหละ หน้าตากะล่อนไว้ใจไม่ได้ คราวหลังจะออกไปไหนกับใครดูหน้าด้วย”

“ผมยังมาอยู่บ้านพี่ทั้งๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกันเลยนะ พี่นี่ไว้ใจได้ไหม”

“กูเป็นข้อยกเว้นเว้ย!”

ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ

“หวงน้องมากเหรอ”

“หวงดิ!”

ผมแกล้งถามกะจะแซวเล่นแต่เขายอมรับเฉยเลย จึงกลายเป็นผมที่นิ่งไปนิดหนึ่ง เขาพูดต่อด้วยเสียงที่เบาลงเล็กน้อย

“ไม่รู้แหละ กูอ่อนไหวง่ายกับตัวอะไรที่เหมือนน้องสาวกู”

“ตกลงผมเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย”

“แพนด้าหน้าแมวไงมึงอะ”

พี่อิสว่าแล้วผลักหัวผมเบาๆ

“แล้วคราวหลังถ้าไปไหนกับใครหรือจะกลับช้าก็บอกกูด้วย”

“...”

“ถ้าการไลน์มาบอกแค่ประโยคเดียวไม่ได้ทำให้มึงตายก็ไลน์มาบอกกูด้วย เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ”

“ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียน”

“ครับลุง”

“เตะแม่ง!”

ผมวิ่งหลบเท้าพี่อิสที่เตะเข้ามาจริงๆ หันไปหัวเราะใส่เขาแล้วเดินเข้าห้อง เบ็นเท็นตัวใหญ่บนที่นอนยิ้มให้ผมเหมือนต้อนรับกลับห้อง ผมถลาเข้าไปทิ้งตัวลงบนที่นอน หนึ่งวันนี้ยาวนานกว่าที่คิด มันไม่ใช่หนึ่งวันที่น่าเบื่อเหมือนที่ผ่านมา ได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอ ทำอะไรที่ไม่เคยทำ พูดอะไรที่ไม่เคยพูด...วันนี้ดีจังเลย

...

 

ในเช้าวันต่อมา ผมเดินออกมาจากห้องหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ได้กลิ่นอะไรไหม้ๆ มาจากในครัวก็เลยเดินตามกลิ่นเข้าไปในนั้น เห็นพี่อิสกำลังบ่นอะไรท่าทางหงุดหงิดอยู่คนเดียว

“ไส้กรอกนี่ไหม้ง่ายฉิบหาย แดกได้ไหมเนี่ย สัด! ร้อน!”

หลังจากมีชีวิตร่วมกับเขามาสักพัก อีกนิสัยหนึ่งของเขาที่ผมสังเกตเห็นคือเขาชอบพูดคนเดียว ไม่ต้องมีคู่สนทนาก็พูดจาเป็นเรื่องเป็นราวได้คนเดียว และที่สำคัญคือบ่นได้ทุกเรื่องจริงๆ

“พี่อิส”

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ” เขาหันมามอง แล้วเลื่อนสายตามาที่กางเกงผม สีหน้าไม่ค่อยพอใจ นี่ขนาดเลือกตัวที่ยาวสุดมาแล้วนะเนี่ย ผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้ไปยังไส้กรอกทอดที่หน้าตาแปลกๆ

“นี่อะไรอะ”

“เฮ้ย อันนั้นกินไม่ได้ กูไม่รู้ว่ามันต้องแกะพลาสติกไง ทอดแม่งไปทั้งเปลือกเลย อะ กินอันนี้” เขาว่าแล้วยกอีกจานมาให้เป็นไส้กรอกทอดที่หั่นเป็นแฉกๆ แต่ดูเหมือนพี่อิสจะหั่นมันหลายแฉกไปหน่อยมันเลยแตกกระจาย บางอันก็ขาดไม่เป็นชิ้น

“กูไม่รู้ว่าทอดไส้กรอกมันจะยากขนาดนี้”

“นี่พี่ทำเองเหรอ” ผมหันไปมองข้าวผัดสองจานที่อยู่ข้างๆ กัน

“เออดิ จะทำโจ๊กคัปให้เดี๋ยวมึงก็ว่ากูอีก”

“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จริงๆ ไม่ต้องลำบากก็ได้”

“กูทำกินเองด้วยไง แต่กินได้เปล่าไม่รู้ มึงลองดิ”

ผมนั่งลงบนโต๊ะกินข้าวแล้วตักข้าวมาคำหนึ่ง เขาใส่แคร์รอตกับถั่วลันเตาเข้าไปในนั้นด้วยผมเลยเอาส้อมเขี่ยออก แต่ถูกลุงเจ้าของข้าวผัดชี้หน้าบ่น

“เขี่ยผัก เดี๋ยวตบเลย”

“โห่ ก็ไม่ชอบ...”

“อยู่กับกูห้ามเลือกแดก กินเข้าไป”

ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วเอาข้าวคำนั้นเข้าปาก คนทำเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างดูลุ้น รสชาติข้าวผัดกระจายในปากของผมเต็มที่เมื่อเคี้ยวไปหนึ่งที...โคตรพ่อโคตรแม่จะหวาน

“อร่อยครับ”

ผมพูดคำนั้นออกไปทำไมนะ คงเป็นเพราะสีหน้าของพี่อิสที่ดูลุ้นหรือไม่ก็ความตั้งใจที่เขาลุกมาทำกับข้าวให้ ผมจึงบอกว่ามันอร่อยเพื่อให้เขาพึงพอใจ

“ไม่ธรรมดาจริงๆ เลยกูเนี่ย ทำอะไรก็ดีไปหมด” เขาพูดยิ้มๆ  หันไปตักไส้กรอกส่วนที่อยู่ในกระทะมาใส่จานแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม ก่อนจะตักข้าวในจานตรงหน้าตัวเองกินบ้าง เคี้ยวไปสองสามทีแล้วเงยหน้ามามองผม

“มึงว่ามันหวานไปไหม”

“ไม่นี่ครับ อร่อยดี”

“เหรอ มึงว่าอร่อยก็คงอร่อย”

เขาว่าแล้วตักใส่ปากอีกคำ คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วส่ายหน้านิดๆ

“แต่กูว่าหวานนะ ฉิบหาย ข้าวผัดหรือฝอยทองเนี่ย แดกลงเหรอ” กินไปบ่นไปแล้วก็หยิบซอสปรุงรสมากระแทกใส่เข้าไป ที่จริงมันก็หวานแหละแต่ไม่ได้แย่ ผมกินได้จนหมดจาน อาจเพราะไม่เคยได้นั่งกินข้าวเช้าที่บ้านก่อนไปโรงเรียนแบบนี้หรือเปล่านะ...มันก็เลยอร่อยด้วยความรู้สึกละมั้ง

หลังกินข้าวเสร็จผมเตรียมตัวจะออกไปเรียน แต่พี่อิสเดินตามออกมาด้วย ล็อกบ้านแล้วเอากุญแจใส่ไว้ในรองเท้าผ้าใบคู่เดิม

“พี่อิสจะไปไหนเหรอ”

“ไปหาเนยอะ มันจะกลับบ้านที่อยุธยาเลยให้กูขับรถไปให้”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ

“ไม่รู้จะกลับกี่โมง ถ้ามึงกลับก่อนก็เอากุญแจในนี้นะ”

“ครับ แล้วนี่...พี่จะไปชุดนี้เหรอ” ผมเลื่อนสายตามองเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ เสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะคู่เดิม

“เออดิ ทำไมอะ”

“ก็น่าจะแต่งตัวให้ดูดี...กว่านี้หน่อย”

“นี่ไม่ดีเหรอ”

“ก็ดี แต่มันเหมือนชุดนอนอะ”

“ชุดนอนต้องแก้ผ้าสิ”

“วู้ พี่นี่”

“เนยมันก็เคยบอกกูนะ ไปบ้านมันให้แต่งตัวดีๆ หน่อย แต่กูไม่เคยแต่งดีกว่านี้เลยอะ”

“ทำไมล่ะครับ”

“ทำตามที่คนอื่นบอกมันก็ไม่สนุกดิ กูชอบทำตามใจตัวเองมากกว่า”

“แต่พี่เนยขอก็น่าจะทำให้นะ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญนี่ อีกอย่าง แค่นี้กูก็เท่มากแล้ว แต่งตัวดีกว่านี้คงหล่อฉิบหาย คนมองคงช็อกตาย”

นิสัยอีกอย่างของเขาที่เพิ่งค้นพบคือมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เพดานของความมั่นใจสูงในระดับที่ผมแตะไม่ถึงแน่ๆ  สูงออกไปนอกโลกแล้ว

“มึงไม่ต้องทำหน้าเหยียดกูขนาดนั้น กูเล่นมุก”

“ไม่ได้คิดอะไรเลย”

“มึงด่าอะไรกูอยู่ในใจใช่ไหม กูได้ยิน”

“เปล่าซะหน่อย!”

“ไปเลย เดี๋ยวไปเรียนสาย” พี่อิสหมุนไหล่ผมให้เดินออกไปพร้อมกัน ก่อนเขาจะแยกไปอีกทางส่วนผมก็เดินตรงไปโรงเรียน

“ปิง!”

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะเสียงเรียกนั้น ก่อนที่มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจะเข้ามาจอดเทียบฟุตปาทที่ผมยืนอยู่

“ช็อก”

“ไปด้วยกันดิ” ว่าพลางพยักพเยิดไปข้างหลังเป็นเชิงให้ผมขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปด้วยกัน

“ไม่เป็นไร เราเดินไปได้”

“จะเดินให้เหนื่อยทำไม ขึ้นมาดิ”

ขณะที่ผมลังเล อีกคนก็เร่งเร้า

“เร็วๆ เดี๋ยวสายนะเว้ย! จะไปไม่ไป!?”

ผมพยักหน้าหงึกๆ เพราะเสียงดังๆ ของเขาแล้วก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปแบบงงๆ  ระหว่างที่ช็อกขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ผมแอบตัวเกร็งเมื่อนั่งซ้อนอยู่ตรงนี้

ปึ้ก!

ผมสะดุ้งเฮือกตอนเขาเบรกติดไฟแดง เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว หน้าผมจึงชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาพอดี

“อะไรปิง นั่งหลับเหรอ”

“เปล่า”

“ก็เบรกเบาๆ เอง หัวกระแทกหลังเราเฉยเลย เจ็บเปล่า”

“ไม่เจ็บ ไม่เป็นไร” จากที่เบรกเมื่อกี้ทำให้ผมเลื่อนเข้าไปชิดเขา เลยถอยตัวเองออกมานิดหนึ่ง

“เขยิบมาก็ได้ แหม” เขาว่าแล้วยกมือมาโอบเอวผมให้เขยิบเข้าไปใกล้เขาจนหน้าผมเฉียดหลังเขา

“เราว่า...ใกล้ไปนะ”

“ไม่รู้ กลัวปลิว” เขาพูดแค่นั้นก่อนสัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวจึงขับไปต่อ ผมขยับหน้าไปมองตรง ปลายจมูกเฉียดเข้ากับเสื้อนักเรียนเรียบๆ ของเขาจนได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจางๆ...คราวนี้ใกล้จนได้กลิ่นช็อกเลย

ไม่ถึงสิบนาทีช็อกก็เลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้าโรงเรียนไปจอดที่ลานจอดรถหลังอาคารเรียน ผมก้าวขาลงจากมอเตอร์ไซค์ ท่ามกลางสายตาคนที่อยู่แถวๆ นี้ซึ่งมองมาแทบจะเป็นตาเดียว ทุกสายตาทำให้ผมรีบหลบตา เงยหน้าขึ้นอีกทีก็ตอนที่ช็อกหันมาถาม

“ตอนเย็นกลับพร้อมกันเปล่า”

“เราต้องไปทำงานอะ”

“อ๋อ โอเค งั้นตอนเช้ามารอเราที่เดิมนะ เดี๋ยวมาพร้อมกัน เข้าใจไหม เข้าใจสิ” ช็อกถามเองตอบเอง จับหัวผมให้พยักหน้าลงไป ผมได้แต่หลุดยิ้มออกมาบางๆ

“งั้นเราไปก่อนนะ”

“เฮ้ย ไม่จ่ายค่าขึ้นมอไซค์หน่อยเหรอ”

“คิดตังค์ด้วยเหรอ”

“ไม่เอาตังค์ เอายิ้ม”

“ฮะ?”

“ยิ้มให้ก่อน”

“...”

“ยิ้มเร็ว” ช็อกจิ้มนิ้วเข้ามาข้างเอวผม จั๊กจี้จนผมต้องยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“พอใจยัง”

“พอใจมาก”

“ไปนะ” ผมโบกมือให้ช็อกหน่อยๆ ก่อนจะเดินออกมา ก้มหน้าหลบตาคนที่มองมาแล้วก้าวเท้าเร็วๆ ให้ผ่านตรงนี้ไป และตั้งแต่ตอนที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์มาโรงเรียนกับช็อก บางอย่างในชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“เฮ้ย นั่นใช่คนที่มากับช็อกเมื่อเช้าปะ”

“เออใช่ๆ คนเดียวกับที่ไปกินไอติมด้วยกันเว้ย”

 

“นั่นคนที่มากับช็อกอะ ชื่ออะไรไม่รู้”

“กูไม่เคยเห็นหน้าเลย”

 

“มึงรู้จักคนนั้นปะ อยู่ห้องมึงอะ”

“อ๋อ ไอ้ปิง”

 

“ปิงไหนวะ!”

“ปิงเฉยๆ อะ คนที่เฉยๆ”

 

“ปิงเป็นใครวะ”

“ไปสืบมาดิ!”

 

“ไอ้ปิง ทำไมคนมองมึงเยอะจังวะ” เมธีหันมาถามตอนที่ผมกับมันกำลังเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกโรงอาหาร ผมก็รู้สึกว่าสายตาของคนอื่นหันมามองผมหลายครั้งอย่างที่ว่าจริงๆ ด้วย

“มึงไปก่อเรื่องอะไรไว้ปะเนี่ย”

“เมื่อเช้ากูมาโรงเรียนกับช็อก เรียกว่าก่อเรื่องไหม”

เมธีทำหน้าครุ่นคิดแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ใช่เหรอวะ”

“ก็ตั้งแต่เช้า คนก็มองกูแปลกๆ แบบนี้เลย เพราะเรื่องนั้นแน่ๆ อะ”

“แล้วมึงมาด้วยกันได้ไงอะ”

“กูย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ๆ บ้านช็อกแล้วเจอกันพอดี”

“คนต้องคิดว่ามึงเป็นอะไรกับไอ้ช็อกแน่เลย”

“กลัวอะ”

“กลัวทำไมเล่า มึงไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย หรือว่าเป็น?”

“บ้า! ไม่ได้เป็นดิ!”

“ปิง!”

ทั้งผมและเมธีหันขวับไปหาช็อกที่วิ่งจากสนามบอลมาหาผม เสียงดังของช็อกทำให้สายตาคู่อื่นหันมามองด้วย ผมกลอกตากลับไปมองเมธีที่กำลังอมยิ้มนิดๆ แล้วหันกลับไปมองช็อกที่วิ่งมาถึงพอดี

“มี...มีอะไรเหรอ”

“หิวน้ำอะ ขอกินน้ำหน่อยดิ”

“ฮะ?”

“หวงเหรอ เมื่อคืนเรายังเลี้ยงไอติมเลย”

“เปล่าๆ เอาไปดิ” ผมหยิบขวดน้ำส่งให้ช็อก เขายกขึ้นดื่มก่อนจะส่งคืนให้ผม

“แต๊งกิ้วนะปิง” ช็อกว่าแล้วยกมือเคาะหัวผมเบาๆ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในสนามบอล เมธียังอมยิ้มกรุ้มกริ่มแม้ว่าผมจะส่ายหน้ายิกๆ ปฏิเสธว่ามันไม่ได้มีอะไร ขณะที่สายตาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็มองมาที่ผมแบบจริงๆ จังๆ  ผมทำได้แต่กะพริบตาปริบๆ แล้วกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ...ผมกลัวแล้วครับ

 

To be continued.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 18:43:50 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #77 เมื่อ05-02-2017 22:28:39 »

ไม่เชื่อว่าเนยจะมาดีเลยยยยย รู้สึกเกลียดนางงงง
ปิงจะไม่โดนอะไรใช่ไหมลูกกก

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #78 เมื่อ05-02-2017 22:33:45 »

รู้สึกไม่ถูกชะตากับเนยอ่ะ 55555555
น้องปิงก็ยังน่ารัก
 :L2: :L2: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #79 เมื่อ05-02-2017 23:06:15 »

ปิงโดนจีบ (แต่เจ้าตัวไม่รู้ววว) พี่อิสหวงน้อง แบบพ่อหวงลูกสาวหรือหวงก้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
« ตอบ #79 เมื่อ: 05-02-2017 23:06:15 »





ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #80 เมื่อ05-02-2017 23:09:59 »

ไม่เชื่อว่าเนยจะมาดีเลยยยยย รู้สึกเกลียดนางงงง
ปิงจะไม่โดนอะไรใช่ไหมลูกกก
ช่าย เลย
พี่อิส ตลก หวงปิงด้วยเรื่องกางเกง สั้น-ยาว
"มึงไปซื้อใหม่เลยนะ  เอาให้ยาวถึงแข้งเลย"
กางเกงขาสั้น จะให้มันยาวถึงหน้าแข้ง พิลึกละ  :ling1: :ling1: :ling1:
ช็อก คิดไรกับปิงแน่เลย
นั่งกินไอติมก็ต้องนั่งฝั่งเดียวกัน จะได้ใกล้ๆ  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #81 เมื่อ05-02-2017 23:35:13 »

เป็นน้องเนยรักโรคจริงหรอคะ ? ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรค่ะ หึ
ช็อกนิไงคะ ชอบจริงหรอ นิคือเดินหน้าจีบแล้วมะ
อิพี่นิก็แอบออกตัวแรงพอตัวนะคะ แต่คิดว่าตอนนี้ไม่น่าจะคิดว่าชอบในลักษณะชู้สาว
หรือเปล่านะ?
หรือจริงๆ ก็ชอบแหละ แล้วเอาแมวที่ตายไปแล้วมาเป็นข้ออ้าง บวกกับสงสารด้วย
ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย

รออ่านต่อนะจ๊ะ
ไม่ต้องดราม่าน้ำตาแตกอะไรเนอะ กลั๊วกลัว แค่เรื่องครอบครัวคนน้องก็ปัญหาสังคมพอร้าววว
ตลกเฮฮา ฟีลกู๊ดแบบนี้ดีแล้ววว

ออฟไลน์ 4life

  • R.I.P KT 5-5-13
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 995
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #82 เมื่อ05-02-2017 23:58:32 »

เราชอบพระเอกอย่างพี่อิส ดูฉลาดมีไหวพริบ
กล้าด่าป้าปิง ถือว่าไม่สุภาพเรี่ยราด
หวังว่านางจะเป็นอย่างงั้นตลอดถ้าชะนีมาร้ายใส่ปิง
ไม่ใช่ฉลาดกับทุกคน เเต่ดูชะนีร้ายๆ ไม่ออก

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #83 เมื่อ06-02-2017 00:04:20 »

เนยดูไม่โอเค ขนาดสามหน่อยังไม่ชอบเลย
ช็อกมาจีบแน่ๆ แน่แท้ แน่นอน เอาล่ะค่ะ คุณพ่อก็จะได้ทำหน้าที่หวงลูกละ
ที่บอกให้ใส่เกงยาวๆ คือน่ารักอ่ะ กับที่ตื่นมาทำกับข้าวให้น้องอีก

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #84 เมื่อ06-02-2017 00:31:57 »

เราไม่กลัวเนยนะ พี่อิสต้องปกป้องปิงได้ แต่แฟนคลับช็อกเนี่ยสิฮื่อออ

ปล.เราจองช็อก ช็อกดีมาก ดีต่อใจ ปกติไม่เคยเขินฉากนายเอกกับพระรองเลย นี่เขินมากจนอยากให้พี่อิสเป็นพี่ชายพอ 555555555555555  :hao7:

ออฟไลน์ queenrulet

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #85 เมื่อ06-02-2017 00:53:17 »

แทบจะแยกร่างให้ฝั่งนึง พี่อิสกับน้องปิง อีกฝั่ง ช็อกปิง
คือแบบเฮ้ย เขินจริงจัง พี่อิสควรหวงน้องมากกว่านี้
เดวปิงติดใจช็อกอดแน่ๆ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #86 เมื่อ06-02-2017 09:36:13 »

พี่อิสคนกากถ้าช้านะระวัง ชคปด(ช็อกคาบไปแดก) หึหึ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #87 เมื่อ06-02-2017 11:07:39 »

 :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ nanami253

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #88 เมื่อ06-02-2017 11:31:03 »

ดูปากพี่นะคะน้องเนย " ออกไปไกลๆ จากพี่อิสของนองปิงสะ"
ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน !! :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 10] 05-02-17
«ตอบ #89 เมื่อ06-02-2017 14:35:37 »

นังเนยนี่ใครคะ ออกไป๊  :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด