[END]►รักอิสระ◄ ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่อีกแล้ว 30/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]►รักอิสระ◄ ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่อีกแล้ว 30/12/18  (อ่าน 341316 ครั้ง)

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #30 เมื่อ30-01-2017 22:27:03 »


 ตอนที่ 6

พี่อิสคนดี

 

เช้านี้ผมรีบตื่นแต่เช้าแล้วออกไปเรียน ก่อนออกจากบ้านเลยไม่ได้เจอหน้าใครนอกจากย่า ย่าไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่ผมหายไปสองคืนแล้วก็บอกว่าป้าไม่ได้พูดถึงเลย ก็คงมีความจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าต่อให้ผมจะหายไปไหนมันก็ไม่มีใครเดือดร้อนเลย...ผมไม่ได้สำคัญ

ผมเดินเรื่อยๆ ไปโรงเรียนอย่างไม่รีบร้อนเพราะมีเวลาเหลือเฟือ เดินมองฟ้า มองเมฆที่มืดครึ้ม วันนี้ฝนก็คงจะตกอีกเช่นเคย

                                                       

“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว...”

 

หือ? เพลงนี้?

 

“หนูมาลี มีลูกแมวเหมียว ขนมันปุยคล้ายสำลี...”

 

เสียงเพลงทำสองขาผมหยุดชะงัก ยกเป้ที่สะพายหลังอยู่ขึ้นฟังจึงได้ยินว่าเสียงมันมาจากตรงนั้น ผมล้วงเข้าไปข้างในแล้วหยิบมือถือที่กำลังร้องเพลงนั้นออกมา พี่อิสตั้งริงโทนเสียงเดียวกับของเขาเอาไว้ให้ด้วยและคนที่โทรเข้ามาก็มีแต่เขาคนเดียว

 

พี่อิสระ♥

 

“สวัสดีครับ”

“สุภาพเกิ๊น! กูหยาบๆ อยู่นี่ยิ่งถ่อยเลยเนี่ย จะพูดเพราะอะไรนักหนา”

“อ้าว แล้วพี่จะให้รับว่าไง”

“ฮัลโหล โย่เย่ อะไรก็ว่าไป”

“พี่มีอะไรเปล่าอะ”

“ไม่มีอะ แค่อยากรู้ว่ามึงรับโทรศัพท์เป็นเปล่า”

“ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะพี่”

“เออ รับเป็นก็ดี”

“ไหนบอกว่าให้โทรตอนมีเรื่องด่วนเท่านั้นไง พี่ไม่ได้มีเวลาว่างมาคุยโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอ”

“แน่ะ หัดยอกย้อน กูเป็นคนซื้อโทรศัพท์ให้ กูจะโทรตอนไหนก็ได้เว้ย! แล้วนี่ไปโรงเรียนยัง”

“กำลังไปครับ”

“แล้วป้ามึงว่าไงมั่งอะ”

“ยังไม่เจอหน้าเลย”

“เออๆ”

“เป็นห่วงเหรอ”

“กูเปล่า! แต่ไอ้พวกเหี้ยนี่มันกดดันกู ให้กูโทรมาถามเนี่ย”

“โดนกดดันบ่อยเนอะพี่เนี่ย”

“เออดิ! งั้นแค่นี้”

ตู๊ด...ตู๊ด...

กดวางสายไปรวดเร็วอย่างนั้น ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเก็บมือถือเข้าเป้ไปเหมือนเดิม เดินมาสักพักก็ถึงโรงเรียน ผมไม่ได้มาโรงเรียนวันหนึ่งแต่โชคดีที่ไม่มีการบ้านอะไรต้องตามส่ง หลังจากจบคาบวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นคาบสุดท้ายก่อนพักกินข้าว เมธีมันรีบไปพบครูวิชาเคมีเพราะมันไม่เข้าใจบทเรียนและให้ผมไปรอที่โรงอาหารเลย ผมกำลังเก็บของขณะที่เพื่อนในห้องทยอยออกไปกันหมดแล้ว

“ปกรณ์”

“...”

“ปกรณ์!”

ผมหันไปมองตามเสียงครูที่หันมาเรียก หันซ้ายหันขวาก็เห็นว่าในห้องมีแต่ผมคนเดียว

“ปกรณ์ เธอช่วยยกนี่ไปที่ห้องครูหน่อยได้ไหม”

“ได้ครับ” ผมตอบรับแล้วยกเล่มรายงานทั้งหมดเดินตามครูออกไป ระหว่างนั้นครูหันมาบอกกับผม

“ขอบใจมากนะจ๊ะปกรณ์”

“ครูครับ”

“ว่าไงปกรณ์”

“ผมชื่อปวินท์ครับ”

รอยยิ้มของอีกฝ่ายค้างชะงัก ได้แต่มองตากันในความเงียบครู่หนึ่ง ครูยกมุมปากยิ้มแห้งๆ ก่อนก้าวเท้าฉับๆ เดินนำไปก่อน ขนาดครูที่นั่งจ้องตากันทุกวันยังลืมชื่อผมเลย...ไร้ตัวตนเลเวลอัป

“ไอ้ปิง!”

ผมหยุดเท้าขณะที่กำลังหอบรายงานไปไว้ห้องพักครู ไม่ต้องหันไปดูเจ้าของเสียงเรียกก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไอ้ยิม

“มีอะไร”

“กูขอรายงานคืนก่อน กูก๊อปไอ้เดย์มาแล้วลืมลบชื่อ อยู่ไหนวะ นี่ไง เล่มนี้ของกู” มันชี้ไปที่รายงานเล่มเกือบสุดท้าย

“เดี๋ยวหาที่วางก่อน...”

“ไม่ต้อง กูรีบ”

ฟึบ!

“เฮ้ย!” ผมโวยลั่นเพราะมันดึงเอารายงานเล่มเกือบสุดท้ายออกไป เป็นเหตุให้สี่สิบกว่าเล่มข้างบนร่วงกระจายลงพื้น มันยักไหล่หน่อยๆ ก่อนรีบวิ่งออกไปจากตรงนี้ ทิ้งให้ผมได้แต่ถอนใจเบาๆ แล้วนั่งลงกับพื้นเก็บรายงานทั้งหมดคนเดียว สายตาที่กวาดมองรายงานที่กระจายอยู่ตามพื้นเห็นมือหนึ่งยื่นเข้ามาช่วยเก็บจึงต้องเงยหน้ามอง...ช็อกห้องสองและแสงออร่าของเขา

“ต่อยให้ไหม”

“ฮะ?” ผมร้องถามพลางกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจคำถามเมื่อครู่

“ก็ไอ้คนที่ชอบแกล้งปิงไง ต่อยให้ไหม”

“เฮ้ย ไม่เอา”

“ยอมให้มันแกล้งอยู่ได้”

“เดี๋ยวมันเบื่อก็เลิกแกล้งเองแหละ”

“ใจเย็นเหลือเกินนะ” ช็อกว่าแล้วเอารายงานในมือตีใส่หัวผมเบาๆ  ผมหดคอลงเล็กน้อยตอนที่ถูกตี โดนสันอะ เจ็บนะ

“ให้ช่วยถือไหม จะไปห้องพักครูวิทย์ปะ”

“ไม่เป็นไร”

“นี่ก็จะไปเหมือนกัน เอามาดิ” เขาว่าแล้วยกรายงานไปจากผม เหลือไว้ในมือผมสี่ห้าเล่มก่อนเดินนำไปที่ห้องพักครูหมวดวิทยาศาสตร์

“เร็วๆ ดิ” เมื่อคนที่เดินนำไปหันมาเรียก ผมจึงรีบก้าวช่วงขาสั้นๆ ตามให้ทันไปเดินข้างๆ เขา ระหว่างทางเกือบจะทุกคนที่เดินสวนกันจะหันมาทักทายช็อก เพราะแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเขา แล้วเขาก็เพิ่งได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่น คนดีศรีมัธยมซึ่งมีพิธีมอบรางวัลหน้าเสาธงไปเมื่อเช้านี่เอง เพิ่มความฮอตแบบทวีคูณ

“หวัดดีช็อก”

“หวัดดีครับ”

“ไงพี่ช็อก นักเรียนดีเด่น”

“อย่าแซวๆ”

“พี่ช็อกหล่อจังวันนี้”

“หล่อทุกวันเหอะ”

ช็อกก็ฮอตตามประสาของช็อก ผมที่เดินมาด้วยกลายเป็นวิญญาณ ทุกคนเดินผ่านและเฉียดไหล่ไปแบบไม่มีใครมองเห็น...ไร้ตัวตนเลเวลตันแล้ว

 

...

 

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ทำงานจนถึงเที่ยงคืนเพราะพรุ่งนี้พี่อีมจะกลับมาทำงานตามปกติ หลังเลิกงานผมเดินตรงกลับบ้านเหมือนเคย แต่เดินมาได้ครึ่งทางฝนก็เทลงมาไม่หยุด ไม่รู้ว่านี่มันฤดูอะไรกันแน่ ผมวิ่งเข้ามาหลบหน้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่ปิดไปแล้ว ยืนรอให้ฝนหยุดแต่มันไม่ยอมหยุดสักที ยืนอยู่ตรงนี้มืดๆ คนเดียวก็น่ากลัวแปลกๆ จึงตัดสินใจปลดเป้มากอดเอาไว้ ดึงหมวกฮู้ดขึ้นคลุมหัวแล้ววิ่งฝ่าฝนกลับบ้านเลย กลับมาถึงบ้านเจอป้าที่ยังไม่นอนกำลังนั่งอยู่ที่หน้าทีวี ผมหยุดยกมือไหว้เขาแต่ถูกสวนกลับมาด้วยคำบ่นลั่น

“ตัวเปียกจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม พื้นเลอะเทอะหมด มึงมาเช็ดเลยนะ!”

ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วตรงเข้าห้อง รีบถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบลวกๆ หยิบผ้าแห้งมาเช็ดกระเป๋า เปิดดูให้แน่ใจว่าข้างในไม่มีอะไรเปียก ในกระเป๋าไม่มีอะไรมากนอกจากสมุดเล่มหนึ่งกับขนมปังไส้กรอกที่ยังไม่ได้กินชิ้นหนึ่ง

 

“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว...”

 

แล้วก็ลืมไปเลยว่าในนั้นมีโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วยจนกระทั่งมันส่งเสียงร้องจึงรีบกดรับ

“ว่าไงพี่อิส”

“ไม่สวัสดีครับแล้วเหรอ”

“ก็พี่บอกว่าไม่ต้องสุภาพ”

“ว่าง่ายนะมึงเนี่ย เชื่องกว่าหมาที่เคยเลี้ยงอีก”

“พี่อิส เดี๋ยวต่อยเลย โทรหาผมทำไมเนี่ย ว่างมากเหรอ”

“กูมีธุระด่วน”

“มีอะไรเหรอ”

“กูจะถามว่ามึงซื้อขนมปังที่ไหน อร่อยดี กูชอบ”

“เนี่ยเหรอเรื่องด่วน”

“เออ ด่วนสำหรับกูละกัน ตกลงร้านไหน”

“ไม่ได้ซื้อ ได้ฟรีมาจากร้านที่ทำงาน”

“เหรอ แล้วกูไปซื้อได้ไหม”

“ได้ดิ ก็เขามีไว้ขาย”

“เออ แล้วนี่ถึงบ้านแล้วใช่ปะ”

“ครับ เพิ่งถึงเลย”

“เปียกฝนปะ กูเห็นฝนตก”

“เปียกสิจะเหลือเหรอ”

“ระวังไข้แดกละกัน”

“ผมไม่ป่วยง่ายๆ หรอกน่า”

“เฮอะ ป่วยขึ้นมากูจะสมน้ำหน้าให้ จะไปยืนสมน้ำหน้ามึงถึงบ้านเลย”

“ไอ้ปิง! กูบอกให้มึงมาเช็ดพื้น!” เสียงป้าที่ดังมาจากข้างนอกเรียกความสนใจทั้งหมดของผมไป จึงรีบบอกลาพี่อิสแล้วกดวางสาย

“พี่อิส แค่นี้ก่อนนะ”

“อ้าว เฮ้ย...”

ผมยัดมือถือเข้าไปใต้หมอน ก่อนป้าจะเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี ปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดรับฟังคำสั่งของป้าที่พูดซ้ำ

“กูบอกให้มึงไปเช็ดพื้นไง”

“ครับๆ”

“เมื่อกี้มึงพูดกับใคร กูได้ยินเสียงคุย”

“ปิง...คุยคนเดียวครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินออกมาข้างนอก

“ประสาทแดกนะมึงเนี่ย”

ผมไม่ได้สนใจคำพูดของป้า ไปหยิบผ้ามาถูพื้นที่ผมทำเปียกเมื่อกี้ เสร็จแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงที่นอนทั้งๆ ที่หัวยังเปียกอยู่เพราะขี้เกียจลุกไปอาบน้ำ ล้วงเข้าไปใต้หมอนหยิบมือถือที่ยัดเข้าไปเมื่อครู่ออกมาแล้วจ้องมันอยู่อย่างนั้น แค่มองมือถือเฉยๆ  ไม่ได้เปิดหน้าจอหรือทำอะไรกับมันเลยก่อนจะหลุดยิ้มออกมาบางๆ  โทรศัพท์นี่ดีจัง อยู่ห่างกันตั้งไกล ยังได้ยินเสียงกันได้ด้วย ชอบจัง...หมายถึงโทรศัพท์นะ

 

...

 

ต่อให้กลางคืนจะนอนดึกแค่ไหนแต่ในทุกเช้าผมจะต้องตื่นเร็วเสมอ คงเป็นเพราะความเคยชิน เช้านี้ของผมก็เหมือนเมื่อวาน ผมเดินถือขนมปังกินมาเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ เก็บไส้กรอกไว้กินตอนสุดท้ายเหมือนทุกที

“หลินปิง!”

ผมหันขวับไปมองเสียงที่คุ้นเคย เจ้าของจักรยานเก่าๆ คันนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหา ผมเหลือบตามองไส้กรอกในมือ ก่อนจะรีบยัดมันเข้าปากตัวเองอย่างรวดเร็ว

“ง่ำๆๆๆ!”

พี่อิสใช้เท้าเบรกจักรยานแล้วหยิบถุงบางอย่างที่วางอยู่ในตะกร้าส่งให้ผม

“กูซื้อขนมปังมาฝาก”

ฮะ?

“แค็กๆ!” ผมสำลักไส้กรอกที่อัดเข้าไปเต็มปากเพราะรีบกินไปหน่อยมันเลยทรยศด้วยการเข้าไปติดอยู่ในคอ

“เป็นอะไรของมึง”

“ติดคอ!”

“เอ้า! ตะกละไง ตะกละ”

พลั่ก!

พี่อิสเข้ามาทุบหลังให้ ไส้กรอกก็หลุดออกจากคอพอดี รอดตายหวุดหวิด แต่ไม่แน่ใจว่าควรขอบคุณหรือด่าเพราะพี่อิสตีหลังแรงจนเข่าทรุดลงกับพื้น ดีที่เขาคว้าแขนผมเอาไว้ได้ทันเพื่อช่วยให้ทรงตัวขึ้น

“เชี่ย! กูตบเบาๆ เองนะ”

“พี่อะ เจ็บหลังเลย”

“เปราะบางเกิน แล้วอะไร แดกยังไงให้ติดคอ”

“กลัวพี่แย่ง”

“เฮอะ! สมน้ำหน้า!”

ผมได้แต่เหลือบตามองเคืองๆ แล้วเลื่อนไปยังถุงขนมปังที่ตะกร้าหน้าจักรยาน

“ไหนอะ ซื้ออะไรมาฝาก”

“ไม่ฝากละ เปลี่ยนใจไม่ให้แดก เสือกหวงกูก่อน”

“ง่ะ!”

“ไม่ต้องทำหน้าดัดจริต ไม่ให้แดก”

“แต่พี่ทำผมเจ็บหลังนะ เป็นรอยแน่ๆ”

“ไหนมาดู”

“เฮ้ย!” ผมโวยลั่นเพราะพี่อิสจับผมหันหลัง ถอดเป้แล้วดึงเสื้อคลุมผมขึ้น

“มาดูหน่อย”

“เฮ้ยพี่! ไม่เอา!”

“อย่าดิ้นสิวะ!”

พี่อิสดึงทั้งเสื้อคลุมและเสื้อนักเรียนผมออกจากกางเกงได้สำเร็จ ถกเสื้อด้านหลังขึ้นแล้วก็พูดออกมาหน้านิ่งๆ

“เออ แดงจริงด้วย”

“ก็พี่ตบแรง”

“มึงขาวเหอะ โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็แดงไม่ใช่หรือไง อีกอย่างกูช่วยไม่ให้ไส้กรอกติดคอมึง ทั้งๆ ที่มึงควรตายด้วยความตะกละตะกลามของมึงไปแล้ว ที่จริงมึงควรขอบคุณกูนะ”

“ขอบพระคุณครับ” ผมหันไปพูดขณะที่ยัดเสื้อเข้าในกางเกง ถ้าพิจารณาหน่อยก็คงเข้าใจว่าประชด แต่คนอย่างพี่อิสคงจะไม่เสียเวลาพิจารณาหรอก

“เออ จำใส่กะลาหัวที่มึงครอบด้วยผมทรงผมอะไรของมึงก็ไม่รู้เอาไว้ว่ากูคือผู้มีพระคุณของมึง”

ผมหันมองตาขวางอีกที มาว่าทรงผมอีก เด็กม.ปลายใครเขาๆ ก็ไว้รองทรงเว้ย!

“งั้นผมไปเรียนแล้วนะ”

“เออ แล้ววันนี้เลิกงานกี่โมง”

“สามทุ่มครับ”

“อือ ไปเรียนเหอะ”

“ไม่ให้ขนมปังแน่นะ”

“ไม่”

“ใจร้าย”

“เออ กูมันคนไม่มีหัวใจไง” เขาผลักหัวผมทีหนึ่งก่อนจะปั่นจักรยานออกไป ผมเดินเข้าโรงเรียนเหมือนอย่างเคย เมื่อถึงคาบเรียนก็เปิดเป้ล้วงเข้าไปหยิบปากกา แต่กลับพบสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้ผมนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ามันคือขนมปังไส้กรอกสองชิ้น หลุดยิ้มออกมานิดๆ  ไม่รู้ว่าคนมือไวเอามาใส่ไว้ตอนไหน ผมเพิ่งรู้จักกับพี่อิสเลยไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนยังไง เท่าที่รู้คือเป็นคนพิลึกแล้วก็ปากหมา...แต่ว่าใจดีมากๆ เลย

...

 

วันนี้เวลาทำงานผมแค่สี่ชั่วโมงเลยเสร็จไวกว่าที่คิด ยังไม่ทันเหนื่อยเลยก็ได้เวลาเลิกงาน แถมวันนี้ผมยังหน้าบานตลอดการทำงานเพราะเงินเดือนออก แถมได้เยอะด้วยเพราะก่อนหน้านี้เลิกดึกหลายวัน วันนี้ก็เลยเดินตัวปลิวออกจากร้านหลังเลิกงาน ตั้งใจจะไปแวะหาอะไรอร่อยๆ กินเพื่อให้รางวัลตัวเองเสียหน่อย ก่อนเสียงมือถือที่ดังขึ้นจะทำให้หยุดชะงักกลางทาง 

 

“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว”

 

มันเปลี่ยนเสียงยังไงอะ...ตั้งใจว่าจะถามพี่อิสทีหลังแต่มีหวังเขาคงไม่ยอมให้ผมเปลี่ยนแน่ๆ  ส่ายหัวเบาๆ กับความคิดของตัวเองแล้วกดรับ

“ครับพี่อิส”

“เลิกงานยัง”

“เลิกแล้ว”

“อือ ก็ดี กลับบ้านดีๆ”

“พี่อยู่ไหนอะ”

“กูก็อยู่บ้านกูดิ”

ผมกำลังจะตอบกลับไปแต่สายตามองไปเห็นหัวของคนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากกำแพงตรงหัวมุมถนน คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเพราะหัวนั้นคุ้นเหลือเกิน ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเป็นคนที่คิดเอาไว้ แล้วกรอกเสียงลงไปในสายโทรศัพท์

“บ้านพี่อยู่ตรงนี้เหรอ”

“เชี่ย!” เขาสะดุ้งเฮือกแล้วกระโดดออกไปอย่างตกใจ เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นผมก็ถอนใจทีหนึ่ง

“เดี๋ยวนี้นอนในถังขยะเหรอ” ผมว่าแล้วชี้ไปที่ถังขยะสามสีข้างๆ

“กูอุตส่าห์แอบ”

“หัวโผล่อะ”

เขาเหลือบตาไปมองกำแพงแล้วพูดพึมพำคนเดียว

“กำแพงเหี้ยนี่จะสร้างให้มันสูงๆ หน่อยไม่ได้หรือไงวะ”

“พี่มาทำอะไรเนี่ย”

“ก็ผ่านมาเฉยๆ”

“เดี๋ยวนี้ผมเจอพี่บ่อยมากเลยอะ”

“ทำไม ไม่อยากเจอหรือไง”

“อ๋อ เข้าใจละ พี่ตามดูผมใช่ปะ”

“ทำไมกูต้องตามดูมึงด้วย!” หันมาพูดเสียงดังด้วยใบหน้ายุ่งๆ

“เป็นห่วงผมอะดิ”

“กู...” เขาอึกอักที่จะตอบ ผมจึงแทรกสวนกลับไป

“อ๋อ หรือโดนพวกพี่ปรินซ์กดดันอีก โดนกดดันมาใช่ไหม ฮะๆๆ”

“เออ!” เขาตะคอกกลับมาตอนที่ผมกำลังเซ้าซี้

“เออนี่คือ...?”

“โดนกดดันเว้ย! แล้วก็...เป็นห่วงนิดหน่อย” เสียงพูดเบาๆ แบบไม่เต็มปากเต็มคำกับใบหน้ายุ่งๆ ทำผมหลุดยิ้มออกมานิดหน่อย ฝ่ามือของเขายกขึ้นผลักหัวผมเบาๆ ทีหนึ่ง

“เออพี่อิส วันนี้ผมเงินเดือนออก ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันปะ ผมเลี้ยงเอง”

“จะมาเลี้ยงกูทำไม เก็บตังค์ไว้ใช้เหอะ”

“ก็ผมอยากขอบคุณพี่ที่ให้ผมไปนอนบ้านไง พี่อยากได้คำขอบคุณรสชาติเหมือนอะไร”

“สเต๊ก” คนที่บอกให้ผมเก็บตังค์ไว้ใช้สวนกลับมาทันควัน ผมจึงหันไปพยักหน้าหงึกๆ เพราะอยากกินด้วยเหมือนกัน

“เอาดิ ไปเลย ร้านไหน นำไป”

“เลี้ยงจริงอะ”

“จริงสิ”

“กูไม่ปฏิเสธนะ เพราะกูเป็นพวกหิวตลอดเวลาแต่เสือกไม่ค่อยจะมีกิน”

“ครับ วันนี้ผมรวย”

จริงๆ ก็มีเรื่องที่ต้องขอบคุณเขาหลายเรื่อง ขอบคุณที่ให้ไปนอนบ้าน ขอบคุณที่ซื้อมือถือให้ ขอบคุณที่ใจดีกับผม และขอบคุณที่เป็นห่วง...เพราะผมไม่ได้รับความห่วงใยจากใครมานานมากแล้ว

To be continued.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 18:41:40 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #31 เมื่อ30-01-2017 22:38:43 »

ยิ่งอ่านยิ่งพบความน่ารักกกกก ปิงโชคดีจังที่มาเจอพี่อิส และเบื่อป้ามากๆ ผู้ใหญ่แบบนี้ไม่ชอบเลย

ออฟไลน์ TR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #32 เมื่อ30-01-2017 22:55:11 »

พี่อิสคนดีจริงๆด้วย โอ๊ยโอย อยากได้อย่างพี่อิสมาไว้ครอบครองสักคน
ดีใจแทนหลินปิง อยู่ว้าเหว่มานาน เจอความห่วงใยสไตล์พี่อิสคนซึน ไม่รักไม่ได้แล้วนะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ppreaww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #33 เมื่อ30-01-2017 22:56:02 »

น่ารักๆ อ่านแล้วย้มตลอดเลย :-[

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #34 เมื่อ30-01-2017 23:01:33 »

ทำไมอ่านไปชักมันเขี้ยวพี่อิส รู้สึกว่าพี่จะน่ารักเกินไปละ ฮา

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #35 เมื่อ31-01-2017 01:33:08 »

กลียดโคตรเหง้าตระกูลป้า โดนเฉพาะอิฟ่าง รู้สึกผิดมากไหมที่ทำให้คนๆ นึงจ้องเจ็บขนาดนั้น รักปิงกับพี่อิส อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #36 เมื่อ31-01-2017 05:28:35 »

เกลียดโคตรเหง้าตระกูลป้า โดนเฉพาะอิฟ่าง รู้สึกผิดมากไหมที่ทำให้คนๆ นึงต้องเจ็บขนาดนั้น รักปิงกับพี่อิส อิอิ
ช่าย.....เลย เกลียดฟ่าง น่ารำคาญที่ซู้ด
พี่อิส น่าร้ากกกก
แหม....ห่วงใยเอง แล้วอ้างพวกปรินซ์กดดัน
เขากดดันทีเดียว อ้างยาว...เลย
มีตามมาแอบดูตอนเลิกงานด้วย  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #37 เมื่อ31-01-2017 09:01:37 »

อยากให้พี่อิสมีงานดีๆ เฮียจะได้มาสู่ขอน้อง อิอิ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #38 เมื่อ31-01-2017 09:22:29 »

กลัวความราบรื่นนี้จะอยู๋กับน้องปิงไม่นาน
ชอบพี่อิสกับน้องปิงมากๆ ค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #39 เมื่อ31-01-2017 09:47:04 »

น่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
« ตอบ #39 เมื่อ: 31-01-2017 09:47:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 6] 30-01-17
«ตอบ #40 เมื่อ31-01-2017 11:29:50 »

น้องปิงทำพี่น้ำตาแตกไปหลายรอบเลย :sad4:
เอาใจช่วยนะ น้องปิงสู้ๆ :กอด1:
ถึงพี่อิสจะไม่เต็มบาท แต่พี่แกก็พึ่งพาได้อยู่นะ :hao3:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #41 เมื่อ01-02-2017 23:09:57 »


ตอนที่ 7

วิถีอิสระ ‘1’

 

อิสระ :

 

ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแจ้งเตือนไลน์ที่ดังไม่หยุด ยกมือแงะขี้ตาแล้วคว้ามือถือมาเปิดดู ก่อนจะเห็นว่าเป็น ลันลินา น้องสาวเวอร์ชันมนุษย์ที่กำลังรัวสติกเกอร์เหมือนกันมาเป็นสิบๆ ตัว กวนตีนอะไรเนี่ย บ้านพ่อมึงไม่มีนาฬิกาหรือไง ไม่รู้เหรอว่ากี่โมงกี่ยาม แล้วส่งเหี้ยอะไรมารัวๆ  มึงบ้าหรือเปล่าฮะ! ผมด่าอยู่ในใจแล้วพิมพ์ข้อความกลับไปด้วยความเกรี้ยวกราด

 

“ว่าไงคะ”

 

น้องสาวคนนี้ผมรักมาก โมโหแค่ไหนก็ด่าไม่ลงจริงๆ  หลังจากที่ส่งข้อความนั้นไป วินาทีเดียวอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

 

“ได้รับของขวัญวันเกิดที่ส่งมาแล้วน้า”

 

ลินาส่งรูปตัวเองถ่ายคู่กับกล้องถ่ายรูปที่ผมส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดแนบมาให้ดู

 

“เซอร์ไพรส์มากๆ เลย”

 

เซอร์ไพรส์ห่าอะไรล่ะ มึงเล่นอ้อนตั้งแต่วันเกิดปีที่แล้วยาวมายันวันเกิดปีนี้ ลองไม่ซื้อให้สิคงจะโดนด่าพ่อให้ ไม่ได้รู้เลยว่าราคากล้องนั่นมันแพงขนาดที่พี่มันต้องอดมื้อกินมื้อไปวันๆ  ผมยิ้มนิดๆ ตอนที่น้องส่งรูปคู่กับกล้องมาให้ดูอีกสามสี่รูป

 

“ใช้ดีๆ ล่ะ แล้วก็อย่าดื้อ”

“ค่า คิดถึงนะ ว่างๆ ก็มาหากันบ้าง หนูรักพี่อิสค่ะ”

 

น้องสาวส่งสติกเกอร์แทนคำขอบคุณอีกสองสามตัวเป็นอันจบบทสนทนา ผมยังคงยิ้มเมื่อนึกไปถึงน้องสาวที่อยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด ที่จริงแล้วผมกับลินาเป็นพี่น้องคนละแม่ ผมไม่ชอบครอบครัวใหม่ของพ่อเลย แต่ลินาเป็นข้อยกเว้น เพราะน้องสาวผมน่ารักมาก ผมเป็นพวกใจง่ายกับตัวอะไรที่มันลักษณะเหมือนน้องสาว ขาวๆ เล็กๆ นุ่มๆ ฟูๆ ถ้านิสัยเหมือนน้องสาวด้วยก็ยิ่งหลงหน้ามืดตามัวเลย ผมตั้งใจจะนอนต่อหลังจบบทสนทนานั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้นอนดีๆ เพราะวางมือถือลงไม่ถึงครึ่งนาทีเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีก

 

“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว...”

 

ผมหันขวับไปมอง นึกไม่ออกว่าใครจะโทรมาแต่เช้า จึงคว้าขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็น ไอ้เชน จริงๆ ควรเรียกมันว่าคุณเชน เพราะมันเป็นคนป้อนงานและจัดการติดต่อลูกค้าให้ผมเรื่อยๆ แต่ด้วยสันดานการทวงงานที่ไม่เคยปรานีหรือใจดียืดหยุ่นเวลาให้เลย โหดร้ายกับผมตลอด ผมก็เลยให้เกียรติมันด้วยการเรียกอย่างนั้น

 “ว่าไง”

“เช็คออกแล้วนะครับคุณอิสระ มารับด่วนๆ เลยโว้ย”

“แหม กว่าจะออกได้ กูจะไปนั่งขอทานบนสะพานลอยอยู่แล้ว รายได้ดีกว่านั่งวาดรูปอีก”

“เออ ออกแล้วนี่ไง จะเข้ามาเอาเลยเปล่า”

“เดี๋ยวค่อยไป กูยังไม่ลุกจากที่นอนเลยเนี่ย”

“เออๆ ตามใจ”

ผมกดวางสายแล้วยิ้มนิดๆ  งานที่แล้วแหกหูแหกตาทำข้ามวันข้ามคืน แต่ดีที่ได้เงินเยอะหน่อย พอจะอยู่รอดไปเป็นเดือนๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สองสามเดือนมานี่แดกบะหมี่ซองละหกบาทจนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ละ รีวิวได้ทุกรสทุกยี่ห้อเลยเหอะ

พอรู้ว่าได้เงินแล้วอารมณ์ดี ผมก็เลยลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้าน เพราะวันนี้ยังไม่เห็นไอ้ปรินซ์โผล่หัวมาทำเวรงานบ้าน ที่จริงก็ไม่อยากใช้งานน้องมันมาก แต่เศษซากความสกปรกก็เกิดจากพวกมันทั้งนั้น หอบงานมาทิ้งเอาไว้ที่นี่ รกจนบ้านจะกลายเป็นรังหนูอยู่แล้ว หยิบจับอะไรไปทิ้ง ทำอะไรของมันหายไปชิ้นหนึ่งก็โดนโกรธอีก

ที่จริงไอ้ปรินซ์กับไอ้โอมมันเป็นสายรหัสผม ส่วนไอ้ปอนด์เป็นสายเสือก ตอนที่ผมอยู่ปีสี่พวกมันอยู่ปีหนึ่ง ก็เลยเป็นสายรุ่นสุดท้ายที่ผมยังรู้จักอยู่ ถัดจากรุ่นมันไปผมก็ไม่ค่อยได้เจอแล้ว ส่วนไอ้สองรุ่นก่อนหน้าพวกมันพอเรียนจบก็แยกย้ายกันไป ไม่กลับมาให้เห็นหัวอีกเลย

 ผมหยิบจานข้าวของบังเอิญขึ้นมา จริงๆ ก็ยังอาลัยอาวรณ์ต่อการจากไปของบังเอิญที่ตายแบบปุบปับเพราะถูกไอ้เปรี้ยว หมาหน้าปากซอยฟัดจมเขี้ยว ตายต่อหน้าต่อตาอย่างช่วยเอาไว้ไม่ทัน ถึงจะยังทำใจไม่ได้แต่สุดท้ายก็คงต้องปล่อย ผมถอนใจเบาๆ แล้วทิ้งจานข้าวของบังเอิญลงถังขยะ เก็บกวาดบ้านต่อ ทำนั่นทำนี่ไปเพลินๆ ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง เลยอาบน้ำแต่งตัวออกไปรับเช็ค ขึ้นเงินเสร็จก็ตั้งใจจะไปหาอะไรอร่อยๆ กินให้ชื่นใจ กำลังจะเดินไปป้ายรถเมล์นั่งรถไปห้างแต่เปลี่ยนใจกะทันหันเพราะคิดอะไรขึ้นได้ ผมหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาหลินปิง วันนี้วันอาทิตย์คงไม่ได้ทำงาน ปล่อยให้เสียงรอสายดังสองสามครั้งอีกฝ่ายก็กดรับ

“ครับพี่อิส”

“อยู่ไหนอะ”

“อยู่บ้านครับ”

“ไปหาอะไรกินกัน วันนี้กูเลี้ยง” หลอกแดกน้องมันมาหลายที พอมีเงินก็เลยอยากจะเลี้ยงมันคืนบ้าง

“ไปปล้นเงินมาเหรอ”

“กวนตีน ออกมาเร็วๆ เลย เดี๋ยวไปรอหน้าบ้าน”

“เฮ้ย เดี๋ยวพี่ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

“ให้ไว...” คำพูดหยุดชะงักตอนที่ได้ยินเสียงคนอื่นแทรกเข้ามาในสาย

“ไอ้ปิง! มึงมีโทรศัพท์ด้วยเหรอ! เอามาดูสิ มึงไปเอาของใครมา มีคนให้ปิงมา แฟนปิงเหรอ ไหนขอดูหน่อย ข้าวฟ่าง เอามานี่! โห! มือถือรุ่นใหม่ด้วยนะแม่! เอาคืนมานะข้าวฟ่าง!”

หัวคิ้วขยับเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงดังวุ่นวายจากหลายๆ คนถกเถียงกันไปมา

“ปิง” ผมส่งเสียงเรียกเบาๆ แต่แน่นอนว่าไม่มีเสียงของปิงตอบกลับมา

“เอามา! อย่า! ไอ้ปิง! มึงอยากโดนตีหรือไง!”

“ปิง!”

ผมกดวางสายแล้วรีบวิ่งไปทางบ้านปิง ก่อนสองขาหยุดชะงัก เดี๋ยว! กูไม่ควรวิ่ง กูเริ่มแก่แล้วและต้องฉลาด จึงหันขวับไปโบกแท็กซี่แล้วกระโดดขึ้นไปอย่างไว

“ไปบ้านปิงครับ!”

“บ้านใครนะครับ” ลุงคนขับแท็กซี่หันมาถาม ตอนที่เรามองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนผมนึกชื่อหมู่บ้านของปิงแล้วรีบพูดออกไปใหม่ ไม่ถึงสิบห้านาทีลุงแท็กซี่ก็พาผมมาถึงหน้าหมู่บ้านปิง ผมจ่ายค่าแท็กซี่โดยไม่รอตังค์ทอน แค่สามบาทแหละไม่เป็นไรหรอก

ก่อนรีบวิ่งไปยังหน้าบ้านปิง กดกริ่งสองสามครั้งก็ไม่มีใครออกมาเปิดให้ หันซ้ายหันขวามองไม่เห็นใครผ่านมาผมก็เลยกระโดดข้ามรั้วเข้าไปแม่ง รั้วสูงแค่หน้าอกเลยข้ามมาอย่างได้ง่ายๆ แต่พอเข้ามาในบ้านก็เลยเห็นว่ารั้วมันไม่ได้ล็อก

ผีบ้าผีบอ กูจะกระโดดให้เสียวจู๋ทำไม ฉิบหาย!

ผมตรงเข้าไปในบ้านปิงอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ทรามตั้งแต่กระโดดข้ามรั้วบ้านเขามาแล้วแหละเลยไม่ต้องไปกังวลเรื่องมารยาทตรงนั้น ว่าแต่...กูมาถูกบ้านไหมเนี่ย

“มึงอย่าอวดดีให้มากนะ! ถ้ามึงเก่งนักก็เก็บข้าวเก็บของออกจากบ้านกูไปเลย ออกไปเลย!”

ผมชะโงกหน้าเข้าไปในบ้านหลังจากได้ยินเสียงนั้น ก่อนจะเดินพรวดเข้าไปข้างใน การปรากฏตัวของผมทำให้คนในบ้านหันขวับมามองเป็นตาเดียว

“หวัดดีครับ” ผมยกมือขึ้นทักทาย หญิงวัยกลางคนที่ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าเป็นป้าของปิงหันขวับมาเสียงดังใส่ผมทันที

“มึงเป็นใคร!”

“พี่อิส...” ปิงที่นั่งกองอยู่กับพื้นเอ่ยเรียกชื่อผมเบาๆ ผมพยักหน้ารับ กำลังจะยื่นมือไปดึงให้ปิงลุกขึ้นแต่ถูกเสียงดังของป้าแทรกขึ้นมาขัด

“มึงเข้ามาในบ้านกูทำไม!”

“ผมมาหาปิงครับ”

“แล้วเข้ามาในบ้านกูได้ยังไง!”

ผมไม่ได้ตอบคำถามป้าปิงแล้วกวาดตามองสภาพบ้านที่ดูเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจาย เสื้อผ้าถูกโยนออกมากอง หนังสือเรียนถูกทิ้งระเนระนาด เศษกระจกที่น่าจะมาจากกรอบรูปที่แตกละเอียดร่วงกราวอยู่ที่พื้นข้างๆ

...นี่มึงทะเลาะกันหรือมีใครวางระเบิดที่นี่เนี่ย

คิ้วผมขมวดเข้าหากันเมื่อหันไปมองสภาพปิง ที่ขาและหัวเข่าทั้งสองข้างมีเลือดไหลซึมออกมาคงเพราะถูกเศษกระจกบาด ผมนั่งลงไปแล้วยกมือจับเข่าของเขา เจ้าของแผลสะดุ้งนิดหนึ่งจนต้องเบามือลง

“เจ็บไหมเนี่ย”

ปิงพยักหน้ารับ

“นี่มึง กูถามว่ามึงเข้ามาได้ยังไง!” ป้าของปิงเข้ามากระชากแขนผมเต็มแรง ผมจึงลุกพรวดขึ้นอย่างเอาเรื่อง มาเตะเนื้อต้องตัวชาย ชายไม่ยอมนะ!

“ผมกระโดดข้ามรั้วมา แต่ที่จริงรั้วไม่ได้ล็อกนะครับ” ตอบไปตามความจริงยิ่งเพิ่มความโมโหให้อีกฝ่าย

“มึงบุกรุกบ้านกูเหรอ!”

“ผมมาหาปิง”

“พี่เป็นแฟนปิงเหรอ” เด็กผู้หญิงผมยาวตัวเล็กๆ เอ่ยถาม ผมจำชื่อที่ปิงเล่าให้ฟังไม่ได้ แต่คงเป็นไอ้ตัววุ่นวายที่ปิงบ่นว่ารำคาญ อ้าปากพูดแค่สองประโยคผมก็รำคาญอย่างที่ปิงว่าแล้ว

“ว่าไง พี่เป็นแฟนปิงเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ” ผมหันไปตอบ

“แล้วพี่เป็นใครอะ”

“ไม่เสือกสิคะ”

เด็กคนนี้อ้าปากค้าง รวมถึงป้าของปิงที่หันขวับมามอง ถึงเด็กนี่จะหน้าตาน่ารักก็เหอะ แต่ไม่ใช่น้องสาวกู กูด่าได้

“มึงบุกรุกบ้านกูแล้วยังจะมาด่าลูกกูอีกเหรอ! แฟนมึงใช่ไหมไอ้ปิง!” คนเป็นป้าหันขวับกลับไปหาปิง เด็กนั่นได้แต่ส่ายหน้า นิ้วมือสองข้างจิกเข้าหากันอย่างหวาดกลัว ผมจึงหันไปตอบคำถามนั้นแทน

“ผมเป็นแค่คนรู้จักของปิงครับ ไม่ใช่แฟน”

“แล้วมึงมาที่นี่ทำไม!”

ผมถอนใจเบาๆ เรียกสติ คนที่เอาแต่ตะคอกเสียงดังใส่ทำผมหัวเสียจนเกือบจะหลุดด่าสวนกลับไป ถ้าหากระงับใจเอาไว้ไม่ได้คงปล่อยเหี้ยหลุดจากปากไปหลายตัวแล้ว...ดีนะที่เป็นคนมีมารยาท

“พี่อิส พี่กลับไปก่อนนะ” ปิงยันตัวเองขึ้นมาแล้วหันมาหาผม

“ไปด้วยกันดิ”

“เดี๋ยวผมตามไป นะ กลับไปก่อน”

“ออกไปทั้งคู่นั่นแหละ ไสหัวออกไปจากบ้านกูเลย ไป!” ป้าของปิงตะโกนลั่นแล้วหยิบเสื้อผ้าที่เดาว่าน่าจะเป็นของปิงโยนใส่เป็นเชิงไล่

“นี่ป้า...” ผมหันขวับไปหาป้าของปิงอย่างหมดความอดทนจนต้องพูดอะไรสักอย่าง

“...”

“ทำไมป้าต้องรุนแรงกับปิงมันด้วย ทำไมต้องตีมันขนาดนี้”

“แล้วมึงเสือกอะไร มึงเป็นแค่คนอื่นเกี่ยวอะไร!”

“ผมเป็นคนอื่นยังคิดได้เลย แล้วนี่ป้าเป็นป้า เป็นคนในครอบครัวทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยอะป้า แก่แล้วทำไมคิดไม่ได้อะ”

“ไอ้เหี้ยนี่!”

“ทำไมครับ!” ผมก้าวเท้าเข้าไปหาป้าของปิงตอนที่เธอยกมือขึ้นสูงทำท่าจะตบผม

“กูเป็นป้ามัน กูจะด่ายังไงก็ได้!”

“ปิงมันทำอะไรผิดนักหนาอะ จะด่ามันไปถึงไหน”

“กูจะด่าจนกว่ากูจะตายนี่แหละ!”

“งั้นป้าก็ตายเร็วๆ สิครับ”

“พี่อิส!” ปิงยกมือขึ้นปิดปากผมตอนที่พ่นคำพูดชวนโดนตบออกไป มือเล็กๆ พยายามจะปิดปากไม่ให้ผมพูดต่อ ผมอ้าปากกัดมือปิงไปทีหนึ่ง

“อ๊า!” คนถูกกัดร้องลั่นแล้วชักมือออกไป อยากมาสกัดดาวรุ่ง กัดแม่งเลย

“ถ้ามึงรักมึงเอ็นดูมันมาก ก็เอามันไปอยู่ด้วยเลย”

“ผมถือว่าป้าอนุญาตแล้วนะ” ผมว่าแล้วก้มลงไปเก็บหนังสือของปิงใส่กระเป๋า หยิบโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอแตกหล่นอยู่กับพื้น หอบเสื้อผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาแล้วหันมากระชากมือปิงให้เดินตาม

“ไปดิ!”

“พี่...”

“จะอยู่ให้โดนตีหรือไง อยู่กับคนบ้า ประสาทแดกตาย”

“ไอ้เหี้ยนี่”

“ป้าอย่า!”

เพียะ!

ปิงหน้าหันเพราะถูกคนเป็นป้าตบเข้าฉาดใหญ่ ผมกำหมัดแน่นอย่างเดือดๆ เพราะกันปิงเอาไว้ไม่ให้ถูกตบไม่ทัน ความโกรธของผมพุ่งสูงสุดจนเกือบจะระเบิด แต่สองมือของปิงที่เกาะแขนผมเอาไว้กระตุกยิกๆ ไม่ให้โต้ตอบ

“มึงออกไปเลย ไสหัวออกไปแล้วไม่ต้องกลับมา! จะไปอยู่กับใครก็ไป!!! กูเลี้ยงเด็กอย่างมึงมาได้ยังไงก็ไม่รู้ สันดานเหมือนพ่อแม่มึงไม่มีผิด ไอ้พวกนอกคอก ไอ้เนรคุณ แหม! โตแล้วอยากจะปีกกล้าขาแข็ง ไปเลย! ไสหัวไป!!!”

ผมเก็บของของปิงใส่กระเป๋าแล้วดึงเขาออกมานอกบ้าน ขืนอยู่ต่ออีกนิดอาจจะได้ระเบิดตรงนั้นจริงๆ  คนถูกลากหันมองเข้าไปในบ้านอย่างลังเล ก่อนเลือกที่จะยอมเดินตามผมออกมา ผมก้าวเท้าเร็วๆ ออกมาจนคนข้างๆ ต้องดึงมือผมเอาไว้ให้ช้าลง 

“พี่อิส ช้าหน่อย ผมเจ็บขา”

ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปหาเขา ลืมไปว่าปิงมีแผลอยู่ เลือดที่หัวเข่ายังไหลออกมาเป็นทาง

“นั่งนี่ก่อน” ผมดึงมือปิงไปนั่งที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน ปิงก้มดูแผลตัวเองด้วยใบหน้าเหยเก เศษกระจกเล็กๆ ยังติดอยู่ในแผล ผมถอนใจเบาๆ วางของเขาที่ถือติดมือมาไว้ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ค่อยๆ เขี่ยเศษกระจกออกจากแผล

“ไปโรง'บาลไหม”

“ไม่เป็นไรครับ”

ผมถอนใจเบาๆ แล้วเงยขึ้นไปมองข้างแก้มที่เป็นรอยนิ้วจากการถูกตบ เพราะเขาเป็นคนตัวขาว เลยยิ่งเห็นรอยแดงนั้นได้อย่างชัดเจน ผมเลื่อนสายตาไปมองตาปิง คนถูกมองดูงงๆ นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้หลบตาไป แววตาของปิง มันไร้ความรู้สึก ราวกับว่าทุกอย่างมันดูชินชาไปหมดแล้ว ผมไม่เคยอยากรู้เรื่องของปิง ไม่ชอบเรื่องดราม่าและไม่อยากฟัง แต่ตอนนี้สงสัยเป็นบ้าว่าเด็กคนนี้ผ่านอะไรมามากมายแค่ไหน...มากขนาดไหนถึงทำให้หัวใจเฉยชาจนไร้ความรู้สึกแบบนี้

“เจ็บมากไหม”

“เจ็บ แต่ทนได้” เขาพูดเสียงใสแล้วยิ้มให้บางๆ  ในตอนนั้นผมยกนิ้วชี้เคาะไปเบาๆ ที่อกข้างซ้ายของเขา ในจุดที่ไม่มีแผลแต่น่าจะเจ็บปวดที่สุด ก่อนออกปากถามอีกครั้ง

“ตรงนี้อะ เจ็บไหม”

สีหน้าของปิงเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้วหลบตา ผมจึงรู้สึกผิดที่ถามออกไปแบบนั้น ถ้าหากไม่ถามก็คงไม่กระทบกระเทือนจิตใจ แต่พอถูกถามเหมือนจี้ตรงจุด ความรู้สึกมันเลยถูกปลดปล่อยออกมาผ่านสีหน้าหม่นๆ นั้น ผมเป็นพวกหยาบคายและปลอบคนด้วยคำพูดไม่เป็น ที่ทำได้ก็แค่ดึงเด็กคนนี้เข้ามากอด แล้วเงียบฟังเสียงสะอื้นเบาๆ จากคนที่ซุกอยู่ในอกด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ

 

...

 

ผมพาปิงไปทำแผลที่คลินิกใกล้ๆ แถวนั้นก่อนจะพากลับมาที่บ้าน เห็นรถที่จอดหน้าบ้านก็รู้เลยว่าพวกน้องสายรหัสมันมาถล่มบ้านอีกแล้ว เข้าไปในบ้านก็ได้แต่กลอกตามองสภาพบ้านที่กลับมาโสโครกเหมือนเดิมเพราะกองงานของพวกมัน กูเพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อเช้าเนี่ย!

“ไอ้พวกเวร บ้านกูรกอีกแล้ว!”

“พี่อิส กลับมาแล้วเหรอ”

“อ้าวปิง!”

“หวัดดีครับ” ปิงยกมือไหว้ทักทายไอ้พวกนี้ บอกกี่ทีว่าไม่ต้องไหว้ เอารางวัลหนูน้อยมารยาทงามไปเลยไป

“เฮ้ย! ปิงเป็นอะไรอะ” ไอ้ปอนด์หันมาเห็นขาปิงที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อซทั้งสองข้าง ทั้งไอ้ปรินซ์และไอ้โอมต่างก็หันขวับมาให้ความสนใจ

“แหวกทางสิ ให้น้องมันไปนั่งก่อน” ผมว่า ก่อนไอ้พวกนั้นจะรีบแหวกกองกระดาษที่ขวางทางโซฟาให้ปิงไปนั่ง ทั้งหมดละงานในมือแล้วเขยิบเข้ามาจ้องหน้าปิงกับผมสลับไปมาอย่างรอเอาคำตอบ

“ผมทะเลาะกับป้ามาครับ” ปิงให้คำตอบจนพวกมันกระจ่างแล้วสามัคคีกันหันขวับมามองผมเป็นตาเดียว เป็นแววตาที่ดูเคืองๆ

“มองเหี้ยไรแบบนั้น มันทะเลาะกับป้า ไม่ได้ทะเลาะกับกู”

“ก็เพราะพี่นั่นแหละ ไล่ปิงกลับบ้านอะ”

“บอกแล้วไงถ้าปิงโดนตีอีก มันเป็นความผิดพี่”

“พี่แม่งทำให้ปิงโดนตี”

“พี่ทำให้ปิงเจ็บตัวว่ะ”

“เดี๋ยวๆ”

ผมยกมือเบรกพวกมันที่รุมด่ายับไม่หยุด

“รุมด่ากูงี้ มึงตบกูเลยดีกว่า”

ป้าบ!

ผมหน้าทิ่มลงไปเพราะโดนตบเข้าที่ท้ายทอยเต็มๆ  อ้าปากค้างหันขวับไปมองจึงเห็นว่าเป็นไอ้ปรินซ์ที่ยืนทำหน้าบูดไม่พอใจอย่างแรงอยู่

“ไอ้ปรินซ์ทรพี! มึงตบกูเลยเหรอ!”

“ก็พี่ทำให้ปิงเจ็บ”

“ไอ้พวกน้องเหี้ย!”

“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอ”

ผมหันไปสนใจคำถามไอ้ปรินซ์แล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะผมก็ลืมถามว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร จากที่ได้ยินเสียงลอดมาในสายตอนที่คุยกันอยู่ก็ฟังไม่ได้ใจความเท่าไรนัก

“ป้าเขาเห็นว่าผมมีโทรศัพท์มือถือ คิดว่าผมซื้อโดยไม่ได้บอกเขาก่อน”

“แค่เห็นว่ามีมือถือก็โมโหเลยเหรอวะ”

“ครับ แต่จริงๆ เขาก็พาลไปเรื่อย ขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาด่า ตามประสาเขานั่นแหละครับ” ปิงพูดแล้วยิ้มฝืนๆ  ก่อนไอ้น้องรหัสพวกนี้จะเริ่มโยนความผิดให้ผมอีกระลอก

“พี่อิสแหละ ซื้อมือถือให้น้องไง”

“เออ พี่อิสผิด”

“ไอ้ฉิบหาย! พวกมึงเป็นคนสั่งให้กูซื้อไม่ใช่หรือไง!” ผมหันไปโวยลั่น

“แต่พี่เป็นคนซื้อไง พี่ผิด”

“ไม่รับผิดชอบร่วมกันเลยเหรอไอ้พวกเวร”

“ก็พี่ซื้ออะ แล้วแต่พี่เลย”

“สารเลว”

ผมพูดพึมพำคล้ายพูดคนเดียวแต่เจตนาด่าไอ้เวรตะไลพวกนี้ให้มันได้ยิน มีคนแบบพวกมึงไงอยุธยาถึงเสียกรุงอะ แต่ถึงอย่างนั้นในใจผมก็คิดว่าถ้ามือถือเครื่องนั้นเป็นสาเหตุให้ปิงโดนตีจริงๆ...ผมก็ผิดแหละ

“ปิงเจ็บมากไหมเนี่ย”

“ไม่เป็นไรแล้วครับ”

“โทษพี่อิสคนเดียวเลย”

“พี่อิสผิดเต็มๆ”

“พี่อิสควรตายอะ”

ผมรู้สึกผิดก็จริง แต่จะนั่งเงียบๆ ให้พวกห่านี่ด่าก็ใช่เรื่อง จึงขอยืมคำพูดของป้าปิงมาใช้ไล่ตะเพิดพวกมันออกไปด้วยเสียงดังลั่นบ้าน 

“พวกมึงไสหัวออกจากบ้านกูไปเล้ย!”

...

 

ผ่านไปครึ่งคืน ไอ้พวกทรพีก็พากันไสหัวกลับไป ผมเข้ามาอาบน้ำ ส่วนปิงก็ยังไม่หลับ นั่งมองมือถือหน้าจอแตกแล้วลูบเบาๆ อยู่อย่างนั้น ดูใจลอยจนผมเดินเข้าไปหาเขาก็ยังไม่รู้ตัว เผลอมองเด็กคนนี้แบบหัวจดเท้า ปิงเป็นคนตัวเล็ก แต่ไม่ถึงกับผอมบาง ผิวขาวจนซีด แต่แก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ ได้ง่ายเวลาหัวเราะหรือเขิน และหน้าตาที่อยู่เฉยๆ จะซึมเหมือนคนใกล้ตาย แต่ถ้ายิ้มแล้วจะน่ารักฉิบหาย...ดูรวมๆ แล้วโคตรเหมือนบังเอิญ

“หลินปิง”

คนถูกเรียกสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วหันมามองผม

“เป็นอะไร”

“คิดอะไรเพลินๆ อะครับ เออ พี่อิส...”

“ฮึ?”

ปิงยกมือถือให้ผมดูแล้วพูดเสียงจ๋อยๆ

“ผมว่ามันตายแล้ว”

ผมหยิบมือถือมาดู กดๆ ดูแล้วมันไม่ติด เลยกดค้างที่ปุ่มเปิดเครื่อง พักหนึ่งหน้าจอก็สว่างวาบขึ้นมา ก่อนจะได้ยินเสียงร้องบ่งบอกว่าแบตหมด

“แค่แบตหมดอะ ยังไม่ตาย”

“โหย ตกใจหมดเลย นึกว่าทำพังแล้ว”

“แล้วทำไมมันแตกงี้อะ” ผมถามขณะลุกไปหยิบสายชาร์จมาเสียบ

“ก็ข้าวฟ่างมันแย่งไป ก็เลยแย่งคืนมาแต่หลุดมือ มันเลยฟิ้ว ไปกระแทกผนังห้อง เลยบาดเจ็บสาหัสเลย”

ผมหลุดหัวเราะกับการอธิบายเหตุการณ์ของเด็กนี่ กดดูมือถือที่ยังเล่นได้ปกติ แต่แปลกใจนิดหน่อยที่ตอนให้ไปยังไง มันก็ยังเป็นแบบนั้น เหมือนเครื่องเปล่าเลย ไม่เคยถ่ายรูป ไม่เคยโหลดอะไรเพิ่มเติม และมีแค่ผมที่เป็นสายโทรเข้า ไม่มีสายโทรออกด้วยซ้ำ

“นี่ไม่เคยมีใครโทรหาเลยเหรอ นอกจากกูอะ”

เขาส่ายหน้าหน่อยๆ

“กูสมัครไลน์ไว้ให้ เห็นไหมเนี่ย”

ปิงส่ายหน้าอีก

“หลังเขาเอ๊ย!” ผมว่าแล้วกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ที่สมัครเอาไว้ให้แล้ว ปิงชะโงกหน้ามามองอย่างสนอกสนใจ

“มันใช้ยังไงอะครับ”

“กูแอดเพื่อนไว้แล้ว เห็นไหมนี่คือกู”

“ครับ”

“เวลามึงอยากคุยกับกูก็กดเข้าไปแล้วก็พิมพ์มา อะ ลองส่งสติกเกอร์ก็ได้”

ปิงดูงงๆ ยกมือจิ้มสติกเกอร์ไลน์ที่ผมโหลดเอาไว้ให้แล้วส่งมา ผมกดดูในมือถือตัวเองก่อนส่งกลับไป

“ส่งเป็นเสียงก็ได้นะ กดตรงนี้ค้างไว้...” คำพูดหยุดชะงักตอนที่ปิงกดสติกเกอร์ส่งมาให้ผมอีกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“อันนี้น่ารักดีครับ” ปิงว่าแล้วกดสติกเกอร์ส่งมาอีกตัว

“เออ คุยในนี้จะได้ไม่เปลืองค่าโทร”

“ไม่เสียตังค์เหรอ”

“เสียค่าเน็ตไปแล้วไง กูจ่ายรายเดือนให้ ไม่มากมายอะไรหรอก ไม่ต้องขอบคุณก็ได้”

“ครับ”

“อ้าว ไม่ขอบคุณจริงๆ เหรอ”

“ก็พี่ไม่ได้เต็มใจนี่ ถูกกดดันมาใช่ไหมล่ะ”

“เออ! นอนได้แล้ว ดึกแล้ว” ผมว่าพลางผลักหัวเล็กๆ นั่นด้วยความหมั่นไส้หนึ่งที

“แล้วพี่ล่ะครับ”

“กูมีงาน”

ปิงพยักหน้ารับ ก่อนผมจะลุกเดินออกมาปิงกลับดึงมือผมเอาไว้ น้ำเสียงเรียบๆ เอ่ยชื่อผมเบาๆ

“พี่อิส”

“อะไร”

“ขอบคุณนะครับ”

“...”

“ขอบคุณจริงๆ”

ผมไม่ได้โต้ตอบอะไรนอกจากยกมือลูบหัวปิงเบาๆ แล้วเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างนอก จริงๆ ผมไม่มีงานหรอก แต่ไม่อยากไปนอนเบียด ให้ปิงนอนสบายๆ ดีกว่า ขณะนอนมองเพดานแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมยังคิดถึงเรื่องที่ปิงเจอมาวันนี้ เอาจริงๆ ที่ผมพาปิงออกมาที่นี่มันทำให้ต้องกลับมาทบทวนว่าผมไปเสือกอะไรกับครอบครัวเขาก็ไม่ทราบ

ไม่ได้คิดอยากยุ่งเลยแต่อดสงสารไม่ได้ เพราะผมเข้าใจความรู้สึก คล้ายว่ามองเห็นตัวเองในอดีตในตอนที่มองปิง ผมเองก็เคยมีสภาวะแบบนั้น เป็นคนที่ไม่มีใครเอา หลังจากพ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งคู่เกี่ยงกันที่จะเลี้ยงผม สุดท้ายผมได้ย้ายไปอยู่กับพ่อ แต่ผมก็เข้ากับครอบครัวใหม่ของพ่อไม่ได้ ผมไม่ใช่เด็กที่ยอมใครง่ายๆ เหมือนปิง ก็เลยกลายเป็นปัญหาใหญ่ระหว่างผมกับพ่อและเมียใหม่ เป็นปัญหาเรื้อรังไม่จบสิ้น ผมกลับมาอยู่กับแม่ก็ไม่ได้เพราะแม่เองก็มีครอบครัวใหม่เหมือนกัน แถมลูกใหม่ของแม่ที่ลักษณะเหมือนลิงอีกสามตัวซึ่งน่ารำคาญมาก ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ดีหรอก แต่ผมเป็นของผมแบบนี้ ผมค่อนข้างเอาแต่ใจและใช้ชีวิตอย่างอิสระ เป็นอิสระสมชื่อ หรือจริงๆ แม่ควรตั้งชื่อผมว่า สงบ วะ จะได้เป็นคนสงบเสงี่ยมกว่านี้สักหน่อย

แต่เพราะเป็นอิสระไง เลยต้องมีทางเดินเป็นของตัวเอง การอยู่คนเดียวเลยเป็นทางเลือกสุดท้ายของผม แม่ใจดียกบ้านหลังนี้ให้เป็นที่ซุกหัวนอน ก่อนหน้านี้พ่อส่งเงินให้ใช้จนเรียนจบ ผมติดต่อกับพ่อแม่เรื่อยๆ  ถ้าตัดปัญหาเรื่องครอบครัวใหม่ของทั้งคู่ออกไป เขาก็คือพ่อแม่ที่ผมยังรักอยู่ ถึงเขาจะไม่ต้องการผมแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยเลิกรักพวกเขาเลย

ติ๊ง!

เสียงไลน์ดึงผมออกจากภวังค์ความคิด หยิบมือถือมาดูจึงเห็นว่าเป็นสติกเกอร์จากปิง

เออ นี่ก็เล่นไม่เลิก

ผมส่งสติกเกอร์ตัวที่บอกว่าฝันดีส่งกลับไป เป็นเชิงไล่ให้ไปนอน

“พี่อิส”

“เชี่ย!” ผมลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟาเพราะปิงเดินออกมาโผล่ที่ปลายโซฟา

“ตกใจอะไรอะ”

“ตกใจมึงนี่แหละ ออกมาทำไม”

“ทำไมผมไม่มีสติกเกอร์ตัวนี้อะ” ปิงชูหน้าจอให้ดูขณะพูดถึงสติกเกอร์ตัวที่ผมส่งไป

“มันต้องโหลด”

“โหลดให้หน่อยดิ” ตาแป๋วกะพริบปริบๆ ด้วยใบหน้าที่เหมือนบังเอิญของผมไม่มีผิด แค่ยกหัวคิ้วขึ้นนิดๆ และเชิดปากหน่อยๆ มันเลยดูเหมือนกำลังอ้อน หลอกล่อให้ผมใจอ่อนด้วยตากลมๆ ของมัน

“เออ เดี๋ยวโหลดให้!”

หาเรื่องเสียตังค์อีกกู!

ผมโหลดสติกเกอร์ผ่านเครื่องตัวเองแล้วส่งเป็นของขวัญให้ปิง จนคนข้างๆ พอใจ ก็เกือบหมดตัวพอดี ทางที่ดีคือไล่มันไปนอนดีกว่า ไม่งั้นล้มละลายแน่นอน ปิงยอมไปนอนง่ายๆ อย่างที่บอก ผมเองก็กะจะนอนเหมือนกัน

ติ๊ง!

อะไรอีกโว้ย! ผมเปิดเข้าไปเห็นเป็นข้อความเสียงจึงกดฟัง

 

“พี่อิสๆ ฝันดีนะๆ”

 

มุมปากของผมมันยกขึ้นเองอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงใสๆ ผ่านข้อความเสียงนั้น ผมจึงกดสติกเกอร์รูปหมีทำท่าโอเคกลับไปแล้ววางมือถือลง

ติ๊ง!

ไอ้เด็กนี่...

ติ๊ง!

ติ๊ง!

ติ๊ง!

ผมกำมือถือแล้วเดินเข้าไปในห้อง ก่อนตะโกนลั่น

“ไอ้หลินปิง! นอนโว้ย! นอน!”

“แหะๆ ก็มันน่ารักทุกตัวเลย”

“เดี๋ยวกูเตะแม่ง! นอนเลย!”

“ครับๆ นอนครับ”

ผมชี้หน้าคาดโทษ ตบสวิตช์ปิดไฟแล้วกลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟา มือไปถูกหน้าจอมือถือที่เปิดไลน์ค้างเอาไว้ กดไปโดนข้อความเสียงที่ปิงส่งมาเมื่อกี้อีกทีพอดี เสียงนั้นจึงดังขึ้นมาอีก

 

“พี่อิสๆ ฝันดีนะๆ”

 

ผมขยับยิ้มออกมาอีกครั้งแล้วตอบอยู่ในใจ...เออ ฝันดี

 

To be continued. 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 18:42:16 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #42 เมื่อ01-02-2017 23:45:15 »

แหม พี่อิสกับพวกทรพี (ฉายา จากพี่อิส) นี่น่ารักดีเหมือนกัน

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #43 เมื่อ01-02-2017 23:46:49 »

เกลียดครอบครัวปิง  :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #44 เมื่อ01-02-2017 23:54:37 »

ปิง หลุดจากนรกบ้านป้าและ
หลุดจากฟ่าง ผีเปรต / ป้า ยมบาล
จะได้เป็นผู้เป็นคนหน่อย
ตกนรกมานานเลย
บ้านพี่อิส เหมือนเป็นสวรรค์ละ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ queenrulet

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #45 เมื่อ02-02-2017 00:02:51 »

น้องปิงน่าร้ากกกกกกกก เขินตัวแตกเบยยยย :ling1: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #46 เมื่อ02-02-2017 00:12:11 »

ถ้าเราเป็นอิส เราจะตบหน้าป้ากับลูกแม่งสักที ผู้หญิงแบบนี้นี่ไม่สมควรให้เกียรติ ฮึ่ยยย

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #47 เมื่อ02-02-2017 00:35:59 »

รำคาญปิงน่าจะตบอิป้าซักที  เอาให้หนักคนแบบนี้ ป้าก็ป้าเถอะจัดหนักทั้งแม่ทั้งลูกแม่ม

ออฟไลน์ moosawvans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #48 เมื่อ02-02-2017 00:46:25 »

รักพี่อิส กับน้องปิงหลังเขา  :hao7:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #49 เมื่อ02-02-2017 10:23:12 »

อยากกินเด็กก็ต้องเปย์บ้างอะไรบ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
« ตอบ #49 เมื่อ: 02-02-2017 10:23:12 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #50 เมื่อ02-02-2017 15:38:24 »

อยากพุ่งเข้าไปจิกหัวตบนังป้าซักที  :fire:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #51 เมื่อ02-02-2017 17:07:58 »

อร๊าย พี่อิสๆ ฝันดีนะ
เคลิ้มเลยล่ะสิ
ชอบน้องปิงมากเลย ดีแล้วลูกหนูจะได้มีชีวิตของหนูสักที
 :กอด1:

ออฟไลน์ ammie_mn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #52 เมื่อ02-02-2017 23:34:02 »

เนื้อเรื่องดีมาก สนุกกระชับอ่านแล้วไม่ค้างแต่ละตอนจบแล้วประทับใจ ชอบคาแร็คเตอร์ทุกตัวละครเลย ปิงน่ารักถูกใจมากกกก  :L1:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 7] 01-02-17
«ตอบ #53 เมื่อ03-02-2017 02:27:28 »

น่ารักกกก

ปล.ไส้กรอกชีส พี่อิสนี่จังมาก ความคิด เอาซะหัวเราะลั่นห้อง

ปริ๊นก็น่ารักชะมัด

อิป้านี่ ตากฏหมายแล้ว ฟ้องได้ไหมนั่น ทำร้ายร่างกายเกินไปนะ เลวจริงอินังฟ่างอีก เสือกอะไรเบอร์นั้น สงสารย่าไปอีก เห้อ


ปิงออกมาใช้ชีวิตตัวเองเนอะ ทำงาน เก็บตังเรียน สู้ ๆ เข้า

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #54 เมื่อ03-02-2017 23:33:45 »

ตอนที่ 8

นมเปรี้ยววันละขวด

 

ผมลุกขึ้นจากเตียงในตอนสายๆ ของวันถัดมา หันไปมองรูปวาดดอกแดนดิไลออนที่ผนัง เป็นอีกครั้งที่เข้ามานอนในห้องของพี่อิส นาฬิกาที่หัวเตียงบ่งบอกเวลาว่าสายเกินกว่าจะไปเข้าเรียนแล้ว ทั้งๆ ที่ปกติผมจะตื่นเช้า แต่พอได้นอนที่นี่ผมกลับตื่นสายทุกที เช้านี้เลยไปโรงเรียนไม่ทันอีกแล้ว เดินออกมาข้างนอกเห็นพี่อิสกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี มือหนึ่งก็กดมือถือเล่นไปด้วย จังหวะที่เดินออกไปเขาก็หันมาเห็นผมพอดี

“ไงมึง นอนกินบ้านกินเมือง”

“ไปโรงเรียนไม่ทันอีกแล้วอะ”

“เฮอะ ขาเป๋ขนาดนี้ยังจะไปอีกหรือไง กูไม่ปลุกเพราะเห็นว่ามึงเจ็บขาไง ขาดเรียนไปเหอะ”

ผมเดินกะเผลกเข้าไปนั่งข้างๆ เขา

“ตอนเย็นก็ไม่ต้องไปทำงานหรอก โทรไปลาเลย”

ผมพยักหน้าหน่อยๆ  จริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น แต่เพราะแผลมันตึงๆ ทำให้เดินลำบากนิดหน่อย แล้ววันนี้ก็ขี้เกียจมากด้วย ได้ลางานก็คงดี

“อะ” พี่อิสเอาหลอดเจาะขวดนมเปรี้ยวสองขวด แล้วส่งให้ผมขวดหนึ่ง

“ผมไม่ชอบกินนมอะ”

“กินเข้าไปเหอะ ขี้ง่ายดี”

“พี่นี่...”

“เออ กินเหอะน่า จะได้โตเร็วๆ”

ผมรับขวดนมเปรี้ยวมาดื่มตามที่เขาบอก รสชาติของนมเปรี้ยวดีกว่านมวัวรสจืดที่ผมไม่ชอบ ก็เลยพอจะกินได้

“นั่งกินนมกับมึงแล้วนึกถึงน้องสาว เมื่อก่อนต้องกินนมพร้อมกันทุกวันเลย”

“แมวพี่กินนมเปรี้ยวด้วยเหรอ”

“กูหมายถึงน้องสาวจริงๆ เว้ย เป็นคน”

“อ๋อ...พี่มีน้องสาวด้วยเหรอ”

“อือ แต่คนละแม่นะ”

“แล้วครอบครัวพี่...” ผมหยุดคำถามเพราะเห็นหน้าพี่อิสที่หันมามอง เหมือนไม่อยากให้ถาม แต่เขาก็หันมาตอบด้วยสีหน้าที่ปรับให้เป็นปกติ

“บ้านแตกไปนานละ กูอยู่คนเดียวตั้งแต่สิบแปด”

ผมพยักหน้านิดๆ แล้วก้มหน้าลงไปดูดนมต่อ

“แต่ไม่เหงาหรอกนะ เพราะไอ้พวกเหี้ยนั่นมันถล่มบ้านกูบ่อยๆ แล้วตอนนี้ก็มีมึงมาอยู่ด้วยนี่ไง”

ผมพยักหน้าอีกที มุมปากยกขึ้นนิดๆ

“กูถามบ้างได้ไหม ทำไมป้ามึงเขาต้องไม่ชอบมึงด้วยวะ”

“เขาไม่ชอบแม่ผมอะ แม่พาพ่อหนีไป”

“โอ้โฮ แม่มึงเปรี้ยวว่ะ”

“แล้วก็ท้องแบบไม่ได้แต่งด้วย พอพ่อแม่ผมตายก็ไม่มีใครอยากเลี้ยงผม ย่าเอาผมมาเลี้ยง แต่คนที่บ้านก็ไม่ค่อยพอใจหรอก ใครจะอยากมีภาระ”

“ชีวิตมึงนี่เหมือนซินเดอเรลล่าเลยเนอะ”

“ครับ?”

“แต่เป็นซิลเดอเรลล่าเวอร์ชันมีกระจู๋”

“พี่!” ผมเผลอยกมือทุบแขนเขาเบาๆ  อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะ

“ล้อเล่นเว้ย แหม ทำเป็นอาย หรือมึงไม่มีกระจู๋”

“พี่ต้องกรองมุกนะ”

“อ้อๆ โทษๆ” เขาว่าแล้วยกมือเคาะหัวผมเบาๆ

“ผมขอถามอีกคำถามหนึ่ง”

“ว่า?”

“ทำไมพี่ถึงให้ผมมาอยู่บ้าน ทั้งๆ ที่เราก็เพิ่งรู้จักกัน”

เขาเงียบ แสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่นานจนผมแทรกขึ้นมาก่อน

“เพราะสงสารผมเหรอ”

“เฮ้ย ไม่ใช่เว้ย เพราะมึงเหมือนบังเอิญไง กูอยากได้แมวตัวใหม่พอดี”

“เอาความจริงเหอะ”

“เออ! สงสาร แต่ไม่ได้พูดให้มึงรู้สึกแย่นะเว้ย กูเองก็เคยเป็นแบบมึง พอเห็นมึงแล้วก็เลยสงสารไง”

“ขอบคุณนะครับ”

เขาหันขวับมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

“ขอบคุณที่สงสารผม”

ผมไม่ได้คิดว่าการถูกสงสารเป็นเรื่องไม่ดีหรืออะไร ต้องขอบคุณมากกว่าที่อย่างน้อยก็มีคนเห็นใจผม พี่อิสจะสงสารหรือเวทนาผมมากกว่านี้ก็ได้ ไม่เป็นไรเลย

“แต่พี่ไม่ได้ให้ผมมาอยู่บ้านเพราะจะทำแบบที่พี่ปอนด์บอกใช่ปะ”

“ปอนด์มันว่าอะไร”

“หลอกมาเย่”

“สัด!”

“จริงๆ ผมไม่เข้าใจหรอกว่าเย่แปลว่าอะไร”

“ไม่ต้องรู้หรอก”

“บอกหน่อยสิ ตกลงมันแปลว่าอะไรครับ”

“เย่คือ...เอ่อ...คือฆ่าให้ตาย แบบว่าจริงๆ กูคือฆาตกรโรคจิตฆ่าหั่นศพคนมาหลายร้อยแล้ว”

“เชื่อนะ”

“พ่อมึงดิ! เอาเป็นว่ามึงไม่ต้องรู้หรอก ไม่ได้สำคัญอะไร” เขาพูดปัดๆ

“แล้วตกลงพี่จะเย่ผมไหมอะ”

“ไม่โว้ย!” พี่อิสกระแทกขวดนมเปรี้ยวลงบนโต๊ะแล้วลุกออกไป

“พี่จะไปไหนอะ”

“ไปขี้!”

โอ้โฮ...นมเปรี้ยวนี่เห็นผลไวแฮะ

...

 

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว พี่อิสออกไปข้างนอก ส่วนผมกำลังทำความสะอาดห้องที่พี่อิสยกให้เป็นห้องนอนของผม สภาพที่ไม่ได้ใช้งานมานานมากทำให้ต้องทำความสะอาดใหม่แทบจะทุกซอกทุกมุม ถ้าทำความสะอาดเสร็จคงเป็นห้องที่น่าอยู่น่าดู เพราะมันกว้างกว่าห้องนอนที่บ้านผมเกือบเท่าตัว แถมมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ผมคิดว่าคงต้องจ่ายค่าเช่าบ้านให้พี่อิสแล้ว เพราะห้องดีๆ แบบนี้มาอยู่ฟรีๆ ก็เกรงใจ

“หลินปิง!”

“ครับ?” ผมขานรับพี่อิสที่เดินเข้ามาเรียกหน้าประตู

“กูซื้อผ้าปูที่นอนมาให้”

เลื่อนสายตามองชุดผ้าปูที่นอนที่เขาถือติดมือมา ริมฝีปากที่ขยับกว้างก่อนหน้าหุบลงเล็กน้อย

“ลายเบ็นเท็นเนี่ยนะพี่”

“ก็กูถามเขาว่าเด็กผู้ชายชอบลายไหน เขาก็เลือกมาให้ ไม่ชอบเหรอ เท่ดีออก”

“พี่อิส พี่ทำเหมือนผมเป็นเด็กประถมอะ ผมม.หกแล้วนะ”

“เอ้า! กูจะไปรู้เหรอ นึกว่าเด็กๆ ชอบ”

“โธ่พี่ ผมจะสิบแปดแล้วนะ จะมาเบ็นทงเบ็นเท็นอะไรเล่า”

“กูอุตส่าห์ปั่นจักรยานไปซื้อมาเลยนะ เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน” เขาแกล้งทำเป็นบ่นแล้วนอนลงบนเตียง มองไปรอบๆ ห้องที่ทำความสะอาดเกือบจะเสร็จแล้วก่อนเอ่ยปากพูดต่อ 

“หลินปิง มึงรู้เปล่าว่าเจ้าของห้องคนเก่าเป็นใคร”

ผมละสายตาจากผ้าปูเบ็นเท็นแล้วหันไปหาเขาที่ทำท่าเหมือนกำลังจะเขย่าขวัญผมให้หลอนไปกับเสียงเบาๆ ที่เขาเปล่งออกมา

“เจ้าของห้องคนเก่าอะ ตายไปแล้วนะ”

“เหรอครับ”

“เออ ตายคาห้องนี้เลยเว้ย!”

ผมเกือบสะดุ้งตอนที่พี่อิสโพล่งเสียงดัง ผมกวาดตามองไปรอบๆ แล้วพยักหน้าหน่อยๆ

“งั้นผมขออนุญาตนะครับ ขอนอนหน่อยนะฮะ”

“โวะ! ไม่สนุกเลย มึงไม่กลัวหน่อยเหรอ กูกะจะแกล้ง”

“ผมไม่กลัวผีนี่”

“เคยกลัวอะไรบ้างไหมมึงเนี่ย”

“ต้องกลัวสิ ผมเป็นแค่เด็กม.ปลายเองนะ”

“อะไรบ้างที่มึงกลัว”

“กลัวพี่ก่อนเลย”

“เดี๋ยวกูเตะกลิ้ง”

“ตอนแรกกลัวจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว กลัวอย่างอื่นมากกว่า กลัวไม่มีที่นอนแล้วก็กลัวไม่มีอะไรกิน”

“ดึงเข้าดราม่าอีก ก็มีที่นอนแล้วนี่ไง เชิญมึงนอนตามสบายเลย อยู่ไปให้นานๆ จนกว่ากูจะไล่มึงออกไปนั่นแหละ”

“งั้นก็อย่าไล่สิ”

“มึงก็ต้องเป็นเด็กดีนะ”

“เกิดมาไม่เคยดื้อสักครั้งเลย” ผมพูดอย่างโอ้อวด พี่อิสพยักหน้ารับขำๆ แล้วยกมือเคาะหัวผมเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ

“ส่วนเรื่องกินก็ไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงก็ไม่อดตาย ถ้ามึงกินบะหมี่ต้มได้ทั้งเดือนแบบกูอะนะ”

ผมหลุดหัวเราะก่อนปรับน้ำเสียงและสีหน้าไปบอกกับเขาอย่างจริงจัง

“ขอบคุณนะพี่อิส”

“ขอบคุณอะไรนักหนาเล่า ชอบทำเหมือนกูเป็นคนดี แล้วนี่เอาผ้าปูไปซักด้วย เดี๋ยวไม่แห้ง”

“เอาไปเปลี่ยนได้ไหมอะ ไม่อยากได้เบ็นเท็น”

“ใช้ๆ ไปเหอะน่า กูยังห่มผ้าลายคิตตี้เลย”

“โคตรไม่เข้ากับพี่ คิดยังไงไปซื้อมา”

“ของน้องสาวกูเว้ย มันมาลืมไว้ กูก็เอามาใช้แม่งเลย มันนิ่มดี อุ่นด้วย”

“น้องสาวพี่อายุเท่าไรเหรอ”

“เท่ามึงมั้ง ม.หกเหมือนกัน”

“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนอะ”

“อยู่ชลบุรี บ้านพ่อกูอยู่ที่นู่นอะ”

“หน้าตาเหมือนพี่ปะ”

“มีคนบอกว่าคล้ายกันนะ ดูรูปไหม กูเอาให้ดู”

ผมพยักหน้าหงึกๆ  เขาจึงควักมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง

“มานอนนี่ดิ” เขาตบที่ข้างๆ บนเตียงเป็นเชิงให้ผมขึ้นไปนอนบนนั้น ผมขยับขึ้นไปนอนข้างๆ เขา ชะเง้อมองแกลเลอรีภาพในมือถือของพี่อิสที่มีอัลบั้มรูปของน้องสาวแยกเอาไว้

“นี่ไง น้องกู ชื่อลันลินา”

ผมดูรูปของน้องสาวพี่อิสที่เขาเลื่อนไปเรื่อยๆ  น้องสาวพี่อิสสวยมาก มีบางมุมที่คล้ายๆ เขาโดยเฉพาะเวลายิ้ม

“นี่เป็นหลีดด้วย สวยไหมล่ะ”

“สวยครับ”

“นี่ตอนไปประกวดวาดภาพได้ที่หนึ่งระดับจังหวัดเลยนะ เก่งได้กู”

“ครับ”

“เป็นนักบาสด้วยนะ ธรรมดาที่ไหน”

ผมแอบหัวเราะเบาๆ พี่อิสเหมือนลุงแก่ๆ กำลังอวดลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจยังไงยังงั้นเลย

“แล้วน้องพี่มีแฟนไหมอะ”

“ถามทำไมวะ”

“ก็ดูเหมือนพี่จะหวงน้องอะ เลยอยากรู้ว่ามีแฟนยัง”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน มันโตแล้วอะ แต่ถ้ามึงจะจีบกูก็ไม่ขัดนะ”

“บ้าดิพี่”

“สวยขนาดนี้ยังไม่ชอบอีกเหรอ มีสิทธิ์อะไรไม่ชอบน้องสาวกู”

“ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้รู้จักน้องสาวพี่ซะหน่อยจะไปจีบได้ยังไงกันเล่า”

“หรือชอบกู?”

“ฮะ!?”

ผมร้องลั่นอย่างสงสัยที่อยู่ๆ ก็ถูกถามแบบนั้น

“อย่างกูนี่ชอบไหม”

“...” ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ได้แต่เงียบมองหน้าเขา พอนอนอยู่ข้างๆ กันแบบนี้ระดับสายตามันเลยเท่ากัน ปกติยืนอยู่จะมองเห็นแค่คางเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้จ้องตากันแบบชัดๆ แล้วผมก็ไม่กล้าหลบตาเลย

“เฮ้ย หน้าแดงทำไมวะ มึงเขินเหรอ”

“ก็พี่จ้องตาอะ!” ผมว่าก่อนลุกพรวดขึ้นแล้วถอยห่างออกมา

“ว้าย เขิน”

“ไม่เขิน”

“อย่ามาโกหก เขินเว้ย ดูคนเราเขิน แอบชอบพี่เหรอจ๊ะ” พี่อิสลุกตามขึ้นมาแซวด้วยท่าทางกวนๆ

“ไม่ใช่!”

“เขินก็บอกว่าเขินดิ กล้าทำกล้ารับ”

“ไม่เขินไง ไม่ใช่!”

“ว้ายๆ”

“พี่อิส เดี๋ยวเตะเลย!”

“เตะสิจ๊ะ เตะมาด้วยความเขินเลย”

“พี่อิสแม่ง!” ผมยกขาตั้งใจจะเตะเขาจริงๆ แต่อีกฝ่ายเอี้ยวตัวหลบเป็นเหตุให้ขาผมเหวี่ยงเข้าไปกระแทกกับขอบเตียงจังๆ จนส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น

“โอ๊ย!”

“เอ้า โง่อีกโง่ เขินแล้วโง่”

“พี่อิส!”

“อะๆ ไม่แกล้งละ เดี๋ยวมีคนเขินตาย”

ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่แล้วหันไปหยิบผ้าขี้ริ้วมาทำความสะอาดต่อ

“เออ เย็นนี้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันปะ จะเลี้ยงตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่อดไง”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ

“อยากกินอะไรอะ”

“อยากกินอะไรที่ไม่เคยกิน”

“อะไรล่ะ จะแดกอะไรก็ว่ามา”

ผมนึกไปถึงอาหารที่อยากกิน จริงๆ มีหลายอย่างที่ผมอยากลองแต่ไม่เคยกิน แต่มีอย่างหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัวเป็นอย่างแรกก็เลยพูดออกไป

“อยากกินหมูกระทะ”

“มึงไม่เคยกินเหรอ”

ผมพยักหน้า พวกร้านหมูกระทะหรือพวกบุฟเฟต์มันเหมาะที่จะไปเป็นกลุ่มๆ มากกว่า ไปคนเดียวคงเหงาแปลกๆ ผมก็เลยไม่เคยลองสักครั้ง

“อยู่แต่ในถ้ำสินะมึงเนี่ย งั้นเย็นนี้ไปกินกัน ชวนพวกไอ้ปรินซ์ไปด้วย”

“ตกลงครับ”

“หน้าบานเชียวมึง หายเขินแล้วดิ”

“พี่ จะวนทำไมเนี่ย!”

“เออๆ เดี๋ยวกูโทรชวนไอ้พวกนั้นก่อน” พี่อิสว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหารุ่นน้องของเขา ปลายสายคงปล่อยให้รอนานจึงได้รับคำทักทายหยาบคายสมเป็นพี่อิส

“ไอ้ห่า! ทำอะไรอยู่วะไม่รับโทรศัพท์ มือถือมีไว้วางทับกระดาษหรือไง! เออ กูจะชวนไปกินหมูกระทะเย็นนี้ ...อ้าว ทำไมวะ เฮ้ย ไว้ก่อนดิ ...อะไรวะ! หลินปิงมันชวนนะเว้ย ...จริงๆ  อ้ะ ไม่เชื่อมึงพูดกับมันเลย”

พี่อิสยื่นมือถือมาแนบหูผมแล้วขยับปากบอกว่าเป็นพี่ปรินซ์

“พี่ปรินซ์ครับ ไปกินหมูกระทะกันนะ”

“ได้สิครับ เดี๋ยวเจอกันตอนเย็น”

“ครับผม”

พี่อิสชักมือถือกลับไปแนบหูตัวเอง

“อีดอกปรินซ์! รู้สึกมึงจะหลงไอ้หมีแพนด้านี่เกินไปแล้วนะ ...เออ ชวนไอ้สองตัวนั้นด้วย ...อะไรอีก พวกมึงนี่งานยุ่งกันเหลือเกินนะ บอกไปว่ากูเลี้ยง! ...แหม ทีงี้ละว่างกันเลยนะไอ้ฉิบหาย ...เออๆ เจอกันที่ร้านเลยละกัน ...โอเค บายครับ” จะลงท้ายด้วยครับทำไมในเมื่อหยาบทั้งกายและใจมาตั้งแต่ต้นจนจบ ผมนึกขำอยู่ในใจ พี่อิสกดวางโทรศัพท์แล้วหันมาหาผม

“รีบทำความสะอาดเลย เดี๋ยวไม่เสร็จ”

“พี่ไม่ช่วยผมหน่อยเหรอ”

“กูเป็นคุณชาย จะทำงานบ้านได้ไง มึงเป็นซินเดอเรลล่ามึงก็ทำไป”

ผมหันมองตาขวาง

“ทำหน้ากวนตีน เดี๋ยวตบตาแตก งั้นเดี๋ยวกูไปซักนี่ให้” เขาว่าแล้วหยิบผ้าปูที่นอนเบ็นเท็นขึ้นมา

“เป็นคุณชายซักผ้าได้ด้วยเหรอ”

“แน่นอน กูเป็นคุณชายจิตใจอารี กูจะช่วยนางซินซักผ้า”

“ขอบคุณนะครับคุณชาย”

พี่อิสหัวเราะเบาๆ ยกมือเขกหัวผมทีหนึ่งแล้วเดินออกไป ส่วนผมหันกลับไปทำความสะอาดต่อ คิดอะไรอยู่ในหัวก็ไม่รู้ จนมุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ สายตาเหลือบไปเห็นตัวเองในกระจกจากประตูตู้ที่เปิดอยู่แล้วสะดุ้งนิดหนึ่ง...หน้าบานอะไรขนาดนั้นอะปิง

 

ผมมานั่งอยู่ในร้านหมูกระทะ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ในรอบสิบเจ็ดปีกว่าๆ  กำลังมองดูชิ้นเนื้อที่วางอยู่บนกระทะมีรู เสียงดังฉ่าๆ และชิ้นเนื้อที่ดีดตัวตอนโดนความร้อนเหมือนมันดิ้นได้ เนื้อหมูค่อยๆ เปลี่ยนสี รอสักพักก็ถึงเวลาที่จะ...

ขวับ!

“พี่อิส!” ผมโวยลั่นตอนที่พี่อิสใช้ตะเกียบช่วงชิงหมูชิ้นนั้นที่ผมรอคอยไปต่อหน้าต่อหน้า อ้าปากกินหมูที่แย่งไปแล้วร้องออกมาเบาๆ

“โอ๊ย ร้อน”

“สมน้ำหน้าอะ แย่งอยู่ได้”

คนแย่งหมูไปได้แต่หัวเราะชอบใจแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

“พี่จะแกล้งปิงทำไมเนี่ย” พี่ปรินซ์ถามหน้ายุ่ง

“ทำไม หลินปิงกู กูแกล้งได้” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมาเกาคางผม ผมได้แต่สะบัดหน้าหนี เรียกชื่อผมว่าหลินปิงจนผมจะแปลงร่างเป็นแพนด้าไปนั่งกินไผ่โชว์ที่สวนสัตว์อยู่แล้ว

“เอานี่ พี่เอาให้” พี่ปรินซ์ว่าแล้วคีบเนื้อในชามตัวเองส่งมาให้ผม

“ขอบคุณครับ”

“นี่ไอ้ปรินซ์ มึงนี่ชักจะเยอะ คิดอะไรกับปิงปะเนี่ย” ผมหันไปมองพี่ปอนด์ที่พูดแซวๆ

“ไอ้บ้า คิดอะไรเล่า”

“ไม่ใช่ว่าโดนจูบไปทีหนึ่งแล้วติดใจนะ”

“พ่อมึงดิ! กูแค่เอ็นดูปิง เหมือนน้องชายที่บ้าน”

“น้องชายห่าอะไร นี่น้องสาวกู เหมือนบังเอิญไหม เหมือนเนอะ” พี่อิสว่าขำๆ แล้วยื่นมือมาเกาคางผมอีกที สายตาของพวกพี่ๆ ที่มองมาพลอยพยักหน้ารับคล้อยตามไปด้วย

“เออ เหมือนว่ะ”

“ดูๆ ไปก็เหมือนนะเนี่ย”

“ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร พอพูดแล้วคิดเลยเนี่ย เหมือนบังเอิญอะ”

“พวกพี่นี่ ผมเป็นคนนะ จะเหมือนแมวได้ไง!”

“ว่าแต่พี่เหอะพี่อิส เอาหลานเขามาอยู่บ้านแบบนี้อะ ป้าเขาจะเอาตำรวจมาจับพี่ปะเนี่ย ปิงมันยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ”

“กูจะบอกกับตำรวจว่าเด็กมันตามกูมาเอง”

“ป้าเขาไม่ยุ่งหรอกครับ เขาจะยินดีซะอีกที่ผมไม่ได้อยู่บ้านเขาแล้ว”

“ไม่ต้องดราม่าเลย แดกเข้าไปๆ” พี่อิสคีบเนื้อในกระทะใส่เข้ามาในชามผม

“พี่อิสไม่ได้หลอกปิงมาเย่จริงๆ ใช่ปะ”

“ไอ้เหี้ยปรินซ์!” พี่อิสโวยลั่นแล้วเอาผักกาดดิบยัดใส่ปากพี่ปรินซ์

“เอ้า ก็ผมเป็นห่วงปิงอะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับพี่ปรินซ์ พี่อิสเขาไม่ฆ่าผมหรอก”

“ฆ่า?”

“ก็เย่แปลว่าฆ่าให้ตายไม่ใช่เหรอครับ”

“โอ๊ย เด็กน้อย โดนพี่อิสหลอกแล้ว เย่เนี่ยมันแปลว่า...”

“ไอ้โอม! หุบปากเลย เรื่องเหี้ยๆ ไม่ต้องสอน!” ผักกาดดิบถูกยัดเข้าปากพี่โอมไปอีกคน

“เย่มันแปลว่าจับปล้ำเว้ยปิง ระวังโดนพี่อิสจับเย่!”

“ไอ้เหี้ยปอนด์!”

ผมหันขวับไปหาพี่อิสเมื่อรู้ความหมาย อีกฝ่ายก็หันมาพอดี ก่อนเราทั้งคู่จะหันขวับกลับไปมองหมูในกระทะแทน ผมกลอกตาไปมาอย่างพูดอะไรไม่ถูก พี่อิสหันไปด่าเสียงนิ่งๆ

“ไอ้พวกบ้า มึงพูดให้หลินปิงมันกลัวกู”

“ถ้าตำรวจจับนี่หลายข้อหาเลยนะพี่เนี่ย”

“เงียบไปเลย เงียบแล้วแดก!”

“จริงๆ แล้วพี่อิสเป็นคนแบบไหนเหรอครับ” ผมเอ่ยคำถามขึ้นมาก่อนถูกคนข้างๆ สวนกลับ

“แหม ไอ้หลินปิง มึงก็ถามเหมือนกูไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เลยเนอะ”

“ก็ผมอยากรู้”

“พี่อิสเหรอ...” เว้นวรรคคำพูดเล็กน้อยด้วยสีหน้าครุ่นคิด พี่อิสแทรกประโยคถัดไปขึ้นมาก่อน

“ตอบดีๆ นะมึง ตอบไม่เข้าหูกูจะให้จ่ายมื้อนี้เอง”

“โอ๊ย! เป็นคนดี ประเสริฐหาใครเปรียบ”

“ใจดีโคตรๆ นี่มันพ่อพระในคราบคนถ่อยชัดๆ”

“ถึงจะปากหมา หยาบคาย จิตใจต่ำตม แต่ในเศษเสี้ยวของความเสื่อมทรามก็ยังเป็นคนดีอยู่นะ”

“จ่ายกันเองเลยนะไอ้พวกเลว!” พี่อิสกำลังจะเอ่ยปากด่าต่อแต่เสียงมือถือก็ดังแทรกขึ้นก่อน เขาขมวดคิ้วตอนพลิกหน้าจอขึ้นมาดู

“เดี๋ยวกูมา” เขาว่าแล้วลุกออกไป ทั้งสามคนรีบหันขวับมารวมหัวกัน

“เมื่อกี้โม้นะ ไอ้ที่ว่าประเสริฐอะ”

“แต่ที่บอกว่าปากหมา หยาบคาย จิตใจต่ำนี่เรื่องจริง”

“แต่ก็ใจดีอยู่นะ แต่ก็เป็นบางเรื่องอะ อะไรที่เขาช่วยได้เขาก็ช่วย แต่ถ้าเรื่องไหนไม่อยากยุ่งก็จะไม่ยุ่งเลย”

“เขาเป็นพวกทำอะไรตามใจตัวเอง ขี้โมโหไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่เคยโกรธอะไรจริงๆ จังๆ หรอก”

“แล้วพี่อิสเขามีแฟนไหมครับ”

“โอ๊ย! ใครจะเอา!”

พวกพี่ๆ พากันหัวเราะครืน ก่อนพี่ปรินซ์จะพูดต่อ

“เอาจริงๆ พี่อิสเคยมีแฟนนะ แต่ว่าเลิกกันไปแล้ว”

“เออ กูลืมไปเลยนะเนี่ยว่าพี่มันเคยมีแฟน”

“เนยอะนะ ไม่ได้ยินชื่อนี้นานแล้วว่ะ”

“นั่นดิ พอเลิกกันก็ไม่เคยได้ยินพี่มันพูดถึงเลย กูไม่เคยเห็นพี่มันเฮิร์ตเลยนะ”

“คีปลุคไงมึง เดี๋ยวไม่เท่ เผลอๆ ไปแอบร้องไห้ในห้องน้ำ แบบเปิดฝักบัวรดหัวแล้วก็ร้องเพลงเศร้าไปด้วยอะ”

“แต่บางทีกูยังเห็นเนยโทรหาพี่อิสอยู่เลยนะ”

“ไม่รู้ดิ พี่อิสไม่ให้เสือกเรื่องนี้ด้วยไง”

“หรือว่าที่กำลังคุยกันอยู่วะ พี่อิสถึงยืนยิ้มหน้าบานขนาดนั้น”

ผมหันไปมองพี่อิสที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่อีกทาง ยิ้มกว้างๆ ระหว่างที่คุย ผมก็เดาไม่ได้ว่ากำลังคุยกับใครอยู่ ก็อาจจะเป็นคนนั้น...อาจจะเป็นแฟนเก่าของเขา

To be continued.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 18:42:48 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ Key Mine

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #55 เมื่อ04-02-2017 00:20:31 »

พี่อิสแม่งกากว่ะ แต่เป็นไอ้กากที่โคตรเท่เลย

อ่านแปปเดียวติดภาษามาเลยอะ 5555555

ออฟไลน์ queenrulet

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #56 เมื่อ04-02-2017 00:45:20 »

อย่าแกล้งน้อง ไอ้พี่อิสสสสสสสสสส
น่ารักจริงเด็กน้อยหอยสังข์ปิงงงง :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #57 เมื่อ04-02-2017 01:10:06 »

พี่อิสจะทำไรก็ได้ แต่อย่าทำปิงเจ็บน้าาาา

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #58 เมื่อ04-02-2017 01:36:47 »

พี่อิสแม่มโคตรกร๊าวใจเลย
กากแต่โคตรเท่
 o13 o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ►รักอิสระ◄ [ตอนที่ 8] 03-02-17
«ตอบ #59 เมื่อ04-02-2017 06:59:41 »

เพิ่งมีคนที่ดีกับปิง ก็พี่อิส นี่แหละ  :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด