I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)  (อ่าน 35555 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.10 Foxy Walk (23/01/2560)
«ตอบ #90 เมื่อ19-02-2017 02:24:30 »

โง้ยยยยย เจนินลูกกก เดฟเขาหมายถึงความรัก หมายถึงหัวใจงี้เปล่า  :katai1: เข้าใจกันไปคนละทางเลย

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.12 Buried Alive In The Blues (24/01/2560)
«ตอบ #91 เมื่อ19-02-2017 03:03:21 »

หวังว่าในครั้งต่อไป เจนินคงไม่คิดมากกับชื่อดาเบรีย
และเทรซคงไม่ใช่ตัวก่อเรื่องในวันข้างหน้า
หรือแม้แต่ผช.ที่อยู่ในเดอะรูซคนนั้นหรอกนะ

 :call: :call: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2017 04:13:39 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.13 Strange Brew (25/01/2560)
«ตอบ #92 เมื่อ19-02-2017 04:19:02 »

ช่วยเพราะอยากได้อะไรตอบแทน.....

อย่างเช่นโจตอนนี้อ่ะหรอ คิดอะไรอยู่อ่ะโจ หืมมม

และก็ฟลอยด์ลืมอะไรหรือเปล่า ยังไม่ได้บอกเดฟเลยนะ ว่ามาที่นี่กับโจอ่ะ

ป.ล. หวังว่าไทเลอร์คงไม่มาทำอะไรฟลอยด์หรอกนะ

นีย่า หล่อนคงไม่นำความเดือดร้อนมาให้ฟลอยด์หรอกนะ


ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #93 เมื่อ19-02-2017 06:05:44 »

ขอบคุณนะคะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
กลัวจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นมาอีก :hao5:  :hao4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #94 เมื่อ19-02-2017 11:12:43 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #95 เมื่อ20-02-2017 13:52:28 »

นิยายเรื่องนี้เราพลาดไปได้ยังไงกัน!!!!!! ตอนนี้เราอ่านในโทรศัพท์พิมพ์ไม่สะดวกเลย ตอนหน้าจะคอมเม้นจุใจไปข้างให้เหมือนกับที่นักเขียนะพิมพ์ยาวสะใจ ขนาดนี้นะคะ รอติดตามค่ะะ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #96 เมื่อ22-02-2017 18:30:20 »

สนุกมาก  มาต่อไวๆนะ  ชอบบรรยากาศในเรื่องอึมครึมดี

เดฟโคตรเท่ห์  พระเอกในฝันเลย

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #97 เมื่อ23-03-2017 23:04:15 »


21_
Death of a Party






เสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่งดังเข้าใบหู ผมเพ่งฝ่าความมืดสลัวไป จับจ้องทะเลและหาดทรายที่ทอดตัวยาวอยู่ตรงหน้า

ผมกะพริบตา รับกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยผ่านปลายจมูก ความเย็นชื้นไล่ลามเข้าที่ลำคอ

เสียงเครื่องยนต์ฮาร์เลย์ที่ดังลั่นมาตลอดทางค่อยๆ แผ่วลงจนนิ่งสนิท หยุดห่างออกจากทางเดินลงหาดแค่ไม่ถึงห้าก้าวเท่านั้น

“นึกขึ้นได้ ว่านายยังไม่เคยมาที่นี่”

เดฟเกริ่นขณะขยับตัวลงจากรถ ดวงตาสีเข้มหลิ่วมองผมชั่วพริบตา ก่อนเขาจะย่นจมูกเบาๆ เมื่อได้ยินประโยคที่ผมพูด

“ก็คุณเป็นคนพูดเอง ว่าผมไม่ควรมา” ผมแสร้งทำหน้านิ่ง “อาจจะโดนคนเมายาลากไปทำอะไรก็ได้”

เดฟหลุดยิ้มกว้าง ใบหน้าขยับส่ายไปมา

“อะไร” ผมถาม จ้องมองอีกฝ่ายไม่กะพริบ “คุณพูดแบบนั้นจริงๆ นี่”

“แล้วกลัวหรือเปล่า” เขาเลิกคิ้ว ดวงตาหรี่เล็กลงเมื่อผมเริ่มส่ายหน้าช้าๆ

“คุณอยากได้ยินคำตอบแบบไหน” ผมช้อนตาขึ้นสบ รับรู้ถึงท่อนแขนที่เบียดเข้ากับช่วงลำตัวอย่างจงใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่เดฟชอบทำ

กักตัวผมไว้ในวงแขน.. สร้างความรู้สึกเสียเปรียบและพ่ายแพ้ให้โดยไม่ได้ร้องขอ

“คำตอบแบบไหนก็ได้..” เขาทอดเสียงอ่อน ขัดกับดวงตาที่ชวนให้รู้วูบโหวงในช่องท้อง “ที่ฉันมีส่วนได้ส่วนเสียในนั้น”

ผมหลุดหัวเราะ ใบหน้าแหงนขึ้นสูง ลมทะเลที่พัดจนเส้นผมปลิวแทบไม่ได้แตะส่วนอื่นของร่างกายผมเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงที่เบียดชิดอยู่เหมือนปิดกั้นผมออกจากทุกอย่างรอบตัว

เสียงคลื่นทะเล เสียงนก ลมแรงๆ และความวุ่นวายในช่องความคิด

บังคับให้ผมรับรู้ถึงแค่ตัวตนของเขาเท่านั้นในเวลานี้

เสียงหัวเราะแผ่วเบาลง ผมสูดลมหายใจลึก ก่อนจะสบตากับเดฟที่จ้องมองมา

“ถ้าอย่างนั้น.. ก็คงจะตอบว่าไม่กลัวเลยสักนิด” ผมตอบ ใบหน้าขยับเอียงเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ดวงตายังไม่เลื่อนหลุดจากดวงตาคู่ตรงข้าม หัวใจเต้นแรงขึ้น มันเป็นเพราะผมรู้ดีถึงความหมายของสิ่งที่กำลังจะเอ่ย

“คนขี้ยาพวกนั้น ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงถ้าบังเอิญได้พบเจอ” เดฟไม่พูดอะไรออกมา ราวกับเขารู้ว่านั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่ผมต้องการจะพูด

ผมปลดสายตาออกจากอีกฝ่าย ก่อนจะมองผ่านช่วงไหล่แข็งแรง หยุดนิ่งที่น้ำทะเลสีดำสนิท

“มีอะไรที่น่ากลัวกว่านั้นเยอะในสถานที่นี้.. อะไรบางอย่างที่ทำให้หัวสมองหมุนคว้าง”

ดวงตาของเดฟเข้มขึ้นในความรู้สึก ใบหน้านิ่งเฉยจับจ้องมองผมในระยะใกล้

ผมเลื่อนสายตากลับไปสบกับเดฟ มองเห็นร่องรอยประหลาดแฝงตัวมาในการจ้องมองครั้งนี้

แต่เพราะเขาไม่ได้พูดอะไรขัดออกมา ผมถึงเริ่มพูดต่ออย่างไม่เร่งรีบ

“ทำให้สูญเสียความเป็นตัวเอง.. สร้างความรู้สึกสุขจนน่าใจหาย พร้อมๆ กับความวิตกกังวลจนแทบจะเป็นบ้าตาย”

รอยยิ้มเครียดเผยตัวขึ้นเหนือริมฝีปาก ผมฉาบเคลือบมันไว้ด้วยความนิ่งงันที่จงใจสร้างขึ้นกลบ ฝ่ามือบีบเข้าหากันแน่น

“อะไรบางอย่าง ที่ทำให้อ่อนแออย่างเลี่ยงไม่ได้”

ผมสูดรับอากาศเข้าไปในปอด พยายามระงับทุกความซ่านที่ปะทุขึ้นภายใน สายตาของเดฟที่มองมา ผมรู้ว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสื่อ

เพราะว่าอะไรบางอย่างที่ว่านั่น..

“ทั้งๆ ที่ฟังดูน่ากลัวออกขนาดนั้น แต่มันอยู่ตรงหน้าของผมนี่เอง” ผมพึมพำ แตะปลายนิ้วเข้าที่กรอบหน้าได้รูป ก่อนที่ฝ่ามือจะค่อยๆ ลดต่ำลงจนวางนิ่งอยู่ที่หน้าตักเหมือนเดิม

“อยู่ใกล้ จนน่าตกใจ”

แล้วความเงียบก็เข้าเกาะกุมช่องว่างระหว่างเรา เดฟก้มหน้าลงต่ำ ฝ่ามืออบอุ่นวางซ้อนเหนือมือของผมพลางออกแรงกระชับไม่แรงนัก เสียงลมจะหวีดหวิวอยู่ข้างใบหู ตอนที่เดฟขยับใบหน้าเข้ามาใกล้

“คุณน่ากลัวกว่าเห็นๆ.. กลัวถูกคุณลากเอาไป ดีกว่ากลัวพวกขี้ยาตั้งไม่รู้เท่าไหร่” ผมพลิกสถานการณ์ เพราะเขตที่ผมจงใจเหยียบย่างเข้าไปเมื่อครู่ ทำให้รู้สึกอึดอัดจนกลายเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว

เดฟหลุดหัวเราะแผ่วเบา เสียงทุ้มต่ำคลอเคลียอยู่ข้างใบหู ขณะที่ริมฝีปากอุ่นกดแนบอยู่ตรงขมับ ไล่ลงย้ำๆ ตามผิวเนื้อ จนหยุดนิ่งที่ลาดไหล่

“ลากเลยเหรอ ถึงขนาดต้องให้ใช้กำลังกันขนาดนั้น” เดฟกระซิบเย้า “แน่ใจแล้วหรือเปล่า”

“หึ” ผมหลุดเสียงหัวเราะห้วนสั้น ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กๆ ค้างเอาไว้เนิ่นนาน ก่อนจะจางหายไปเมื่อเดฟแตะริมฝีปากลงมา

ไม่รุกล้ำ ไม่ล่วงเกิน..

มีเพียงลมหายใจอุ่นเท่านั้นที่เป็นสัมผัสชัดเจน รองจากแรงกดจูบเหนือปาก

“ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว.. เช่นเดียวกันกับความวิตกพวกนั้น” อีกฝ่ายพูดเนิบช้า แต่ชัดเจนในความรู้สึก ฝ่ามือแข็งแรงลูบผ่านเส้นผมของผมด้วยสัมผัสหนักๆ ก่อนจะหยุดค้างที่หลังต้นคอ

ปลายนิ้วชี้เกลี่ยไล้บนผิวเนื้อ

“มีแต่ความสุขเท่านั้นที่สิ่งนั้นจะมีให้ ดังนั้นฉันขอนายได้หรือเปล่า”

หน้าผากของเดฟแนบชิดกับหน้าผากของผม ดวงตาจริงจังจ้องมองมาในระยะใกล้ สะท้อนให้เห็นตัวผม

ผม.. .ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่มองเห็น ในดวงตาสีเข้มคู่นี้

ดวงตาที่ฉายแววอ้อนวอน ร้องขอ ไม่ต่างกับน้ำเสียงที่ทอดอ่อนชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม

“หยุดฝืนตัวเอง แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางของมัน.. ถ้าสิ่งนั้นขอนายแบบนี้ นายจะว่ายังไง”

“…”


“ถ้าฉันขอนายแบบนี้ นายจะว่ายังไง”









 

ผมไม่ตอบคำถาม

แน่นอนว่าเหตุผลหลักก็คือไม่รู้

ไม่รู้ว่าจะทำตามคำขอนั้นได้หรือเปล่า .. หรืออาจจะเป็นไม่รู้ ว่าตัวเองได้ทำแบบนั้นไปแล้วหรือยัง

ลดการ์ดตัวเองเพื่อยอมให้อีกฝ่ายเข้ามา

ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก ..

สายตาที่มองมา ผมรู้ดีว่าเดฟกำลังคาดหวังคำตอบแบบไหนอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของผม ที่จะทำให้ความหวังของใครเป็นจริงขึ้นมาด้วยการตอบอะไรที่แม้แต่ตัวเองยังไม่แน่ใจออกไป

การซื้อความสบายใจด้วยคำพูดสวยหรู ไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดนัก

ความเงียบโรยตัวช้าๆ ผมจับจ้องดวงตาคู่ตรงข้ามไม่วางตา แน่นอนว่าเราทำแบบนั้นกันอยู่หลายนาที แค่มองหน้ากันไปเรื่อยๆ พร้อมรับกลิ่นทะเลที่ผมไม่คุ้นเคยเข้าร่างกาย

ระยะห่างที่มีอยู่น้อยนิดสร้างความรู้สึกแปลกประหลาด แต่ไม่ใช่ความอึดอัดหรือกดดัน

แล้วเดฟก็ยอมแพ้ในที่สุด.. เขาถอนหายใจออกมา พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ แต้มติดตรงมุมปาก แต่เดฟก็ยังเป็นเดฟ ถึงแม้จะยอมแพ้และก้าวถอยหลังให้ แต่ความมั่นใจก็เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ สลักสักติดตัวตนของอีกฝ่ายไว้

“สักวันหนึ่ง..” เขาพึมพำ กดจูบหนักๆ ตรงขมับของผม ก่อนจะผละออกไป ดวงตาสีเข้มกะพริบแผ่วเบา “สักวันหนึ่ง”

เขาย้ำออกมาแบบนั้น

และผมรู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง

“สักวัน” กลายเป็นผมบ้าง ที่เป็นฝ่ายพูดคำนั้นออกไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ

ว่าคำพูดนั้น ผมกำลังสื่อสารมันกับตัวเอง.. หรือกับผู้ชายตรงหน้ากันแน่

สีหน้าของเดฟเรียบเฉย เขาสะบัดหน้าไปทางทะเล ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นจะฉวยจับเข้าที่ข้อมือของผม ออกแรงดึงให้เดินตาม พาผมเข้าใกล้ทะเลสีดำและคลื่นที่สาดเข้ามา ยิ่งเดินเข้าใกล้มากเท่าไหร่.. ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างกายถูกดูดเข้าไปในมิติลึกลับบิดเบี้ยวมากเท่านั้น

แล้วเราก็หยุดเดิน ปลายเท้าห่างจากฟองสีขาวไม่ถึงหนึ่งก้าว ผมสูดลมหายใจลึก ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมา รับรู้ถึงการสอดประสานตรงเรียวนิ้ว เดฟเกาะกุมมือผมไว้หลวมๆ ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยสัมผัสผ่านหลังมือผมเป็นจังหวะเอื่อยๆ ก่อนจะหยุดนิ่งลง

“มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง” ผมเปรยออกไป นอกจากเสียงคลื่น ความเวิ้งว้างสีเข้ม กับภาวะไม่คุ้นเคยที่กดดันให้หัวใจผมเต้นหน่วงหนืด ผมสัมผัสไม่ได้ถึงอย่างอื่นในสถานที่แห่งนี้

“ไม่เห็นเหรอ” เดฟถามกลับมา เขาเลิกคิ้วสูง สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งตอนที่ผมพยักหน้าเบาๆ เขาเบือนหน้ากลับไปที่ทะเล ทิ้งสายตาลงที่อะไรสักอย่าง ก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ “งั้นก็ลองไม่มองดู”

ผมไม่เข้าใจในประโยคนั้น.. สีหน้าสงสัยฉายชัดออกไป มองเดฟที่เคลื่อนตัวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“หลับตา” ผมกะพริบตา และยังไม่ทำตามคำสั่งที่ได้ยินในทันที ไม่ทำ จนกระทั่งเดฟยื่นปลายนิ้วมาแตะเบาๆ ตรงหางคิ้ว

“หลับตาสิ”

แล้วความมืดก็มาเยือน

พอหลับตา ทุกอย่างก็ดูจะเด่นชัดขึ้นมาในความรู้สึกนึกคิด ทุกประสาทสัมผัสของผมตื่นตัว เสียงลม เสียงคลื่น ทุกอย่างพาให้หัวใจเต้นถี่เกินความจำเป็น

อะไรสักอย่างแตะเข้าตรงเรียวขา ผมชะงักเบาๆ ก่อนจะสรุปในใจว่ามันคือฝ่ามือของเดฟ ฝ่ามือแข็งแรงล็อคข้อเท้าของผมเอาไว้ ออกแรงบังคับให้ยกขึ้น ก่อนรองเท้าที่สวมใส่อยู่จะเลื่อนหลุดออกไปช้าๆ

เพราะไม่เคยเข้าใกล้ทะเล.. ผมถึงไม่เคยรู้มาก่อน ว่าหาดทรายให้ความรู้สึกละเอียดมากขนาดนี้ สัมผัสถี่เล็กแทรกซึมเข้าตามร่องนิ้วเท้า และผมได้แต่ขยับไปมากับสัมผัสแปลกประหลาดที่ไม่เคยรู้จัก

“มา” ฝ่ามือถูกฉวยจับไว้อีกครั้ง เสียงทุ้มต่ำดังผสมกับเสียงทะเล ผมเม้มปาก และขืนตัวไว้เล็กน้อย อะไรบางอย่างในตัว กระตุกให้ผมยืนนิ่งอยู่กับที่

อาจจะเป็นความกลัว.. อาจจะเป็นสัญชาติญาณที่ปกป้องตัวเอง

เรามักจะกลัวอะไร ที่ไม่รู้จักเสมอ

เดฟไม่ได้กระชากหรือออกแรงดึงให้ผมเดินต่อ เขาเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ จับมือผมเอาไว้อย่างนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกด้วยซ้ำ แขนที่ยกขึ้นสูงกลางอากาศ ผมรู้ได้ถึงระยะห่างที่เรามีให้กัน

ในภาพความคิดตอนนี้ เดฟยืนอยู่ในรัศมีที่ผมไม่คุ้นเคย ยืนอยู่ในน้ำทะเลที่ผมไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น

สัมผัสเย็นๆ ซัดแตะเข้าที่ปลายนิ้วเท้า ผมกระตุกเท้าถอยหลัง ก่อนที่สมองจะเริ่มทำความเข้าใจ ว่าสิ่งนั้นก็เป็นแค่น้ำเย็นๆ

คลื่นซัดเข้ามาอีกครั้ง.. แตะปลายเท้าของผมแผ่วเบา แล้วลากถอยกลับไป เป็นอย่างนั้นอยู่ร่วมนาที จนร่างกายของผมเริ่มคุ้นเคยกับมัน

แล้วปลายเท้า ก็ก้าวไปข้างหน้าช้าๆ

ผมไม่รู้ว่าการกระทำนั้นส่งผลอะไร ไม่รู้ว่าเดฟมีสีหน้าแบบไหนตอนเห็นผมเริ่มเดิน ภาพในหัวที่ผมมี สิ่งเดียวที่ลอยเด่นชัดท่ามกลางความมืดของใบหน้าของอีกฝ่าย

สัมผัสละเอียดเล็กลากติดตรงฝ่าเท้า กับความเย็นเยียบที่คลอเคลียอยู่ตรงตาตุ่ม ผมเริ่มรู้สึกตัว ว่าเดินลงไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับฝ่ามือที่เริ่มบีบแน่น

น้ำทะเล.. อยู่ที่สะโพกของผม ร่างกายโอนเอนจากความไม่สมดุลภายในน้ำ

ผมเริ่มหายใจถี่รัว ฝ่ามือชื้นเหงื่อจนเหมือนจะลื่นหลุดจากเดฟเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเขาก็หยุดเดิน หยุดเดินในระดับความสูงน้ำทะเลที่อยู่ตรงช่วงเอว

“ไม่มีอะไรต้องกลัว เห็นไหม” เสียงนั้นอยู่ใกล้ๆ ใบหู สร้างความรู้สึกสบายใจให้เกิดขึ้น ก่อนที่มันจะดับลงด้วยความรวดเร็วเพราะฝ่ามือที่เลื่อนหลุดออกไป

ผมถูกทิ้งให้ยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นถี่รัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความกลัวแล่นซ่านขึ้นกลางสมอง ผมเปล่งเสียงเรียก และเริ่มกวาดมือไม้สะเปะสะปะกลางอากาศ

คลื่นที่ซัดเข้าตัว ไม่ได้เป็นเพียงแค่น้ำเย็นๆ อีกต่อไป มันเป็นอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ผมรู้สึกกลัว สติสุดท้ายของผมกรีดร้องหวีดแหลมอยู่ข้างใบหู ผมเหมือนถูกผลักให้อยู่ในสภาวะอึดอันนั่นร่วมชั่วโมง

“ลืมตา” เสียงทุ้มต่ำนั่นปลดผมออกจากทุกความคิด เปลือกตาเปิดลืมขึ้นแทบจะในทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ร่างของเดฟไม่อยู่ในการมองเห็น ไม่มีอะไรสักอย่าง นอกจากภาพทะเลสีดำขนาดใหญ่ ท้องฟ้าสีเข้ม กับดาวดวงเล็กๆ ที่กระจัดกระจายบนฟ้า

ลมหายใจอุ่นเป่ารดเบาๆ หลังใบหู ท่อนแขนแข็งแรงสอดรัดเข้าตรงช่วงเอว พร้อมกับฝ่ามือข้างหนึ่งที่ยกขึ้นจับปลายคางของผม

แผ่นหลังเบียดสัมผัสกับร่างกายอุ่นร้อน และผมไม่เคยคิดมาก่อน ว่าร่างกายนี้จะให้ความรู้สึกปลอดภัยและน่าโหยหาได้เท่านี้

“เห็นหรือยัง” นั่นเป็นคำถาม ใบหน้าของผมถูกตรึงให้อยู่กับที่ สายตารับภาพตรงหน้าเข้ามาในการรับรู้

คลื่นขนาดใหญ่.. น้ำทะเลสีดำ.. ท้องฟ้า ดวงดาว และร่างกายที่เบียดชิดอยู่ด้านหลัง

ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ความกังวลใจพวกนั้นละลายหายไป ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน ที่เริ่มคุ้นชินกับสภาพรอบตัว และเริ่มรับรู้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจ

ผมหลุบตาลงต่ำ มองครึ่งร่างของตัวเองที่ถูกกลืนหายไปในเงาดำมืด ฝ่ามือแบออกและแตะลงเบาๆ เหนือผิวน้ำ ลากไล้เป็นวงกลม ก่อนจะทิ้งให้มันลอยนิ่งๆ น้ำสีเข้มไหลผ่านเข้ามาในอุ้งมือ

ผมสะบัดมือขึ้นจากน้ำ ถอยหลังเพิ่มหนึ่งก้าวเพื่อเบียดตัวเองเข้าหาอีกคน ก่อนที่ร่างจะถูกพลิกให้หันกลับไป ดวงตาสีเข้มกลับมาอยู่ในการมองเห็นของผมอีกครั้ง

“เป็นยังไง” เขาถามสั้นๆ แพขนตาหลุบลงทาบผิวเนื้อเมื่ออีกฝ่ายกะพริบตา

ผมยกฝ่ามือขึ้น ก่อนจะกำเอาเสื้อที่เปียกโชกของเขาไว้ในมือ

“กลัวแทบตาย”

เดฟหลุดยิ้มกว้างออกมาตอนที่ได้ยินคำตอบ “แล้วยังไงอีก”

ผมเม้มปาก แม้กระทั่งในตอนนี้ ร่างกายก็ยังตื่นตัวรับสัมผัสในทะเลให้เด่นชันในห้วงความรู้สึก

“งั้นกลับกันเถอะ” เดฟพูดตัดบท เมื่อเห็นว่าผมเอาแต่เงียบไม่ตอบคำถาม เขาแตะมือเข้าที่ข้อศอกของผมเบาๆ ขณะเดินถอยหลังกลับไปยังฝั่ง ประคองให้ผมเดินตามโดยไม่แสดงท่าทางว่าจะปล่อยมืออีก

หนึ่งก้าว.. สองก้าว.. สามก้าว..

ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบใบหน้า หยดน้ำเล็กๆ เกาะติดตามไรผมและผิวเนื้อ

สี่ก้าว.. ห้าก้าว..

ผมหยุดเดิน พร้อมกับมือที่กำเสื้อเดฟไว้แน่น

“เดี๋ยว” ผมร้องออกไปแบบนั้น จับจ้องเดฟที่มองมาด้วยใบหน้าสงสัย ชั่งใจอยู่ชั่วครู่กับความคิดในหัว

“ผมขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม” น้ำเสียงของผมฟังดูแปลกแปร่ง ภายในปั่นป่วนไปหมดราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นปั่นขยี้

“ได้” เดฟตอบรับ ก่อนที่จะได้ยินคำขอเสียอีก

ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า รอฟังสิ่งที่ตะโกนก้องอยู่ในหัวของผม ปลายนิ้วสั่นเล็กๆ ก่อนจะสงบลง

ผมสบตากับเดฟนิ่ง

พร้อมกับความต้องการที่ถูกเปล่งออกไป

 

 

“ขอจูบ.. ได้หรือเปล่า”

 

ดวงตาของเดฟเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย

.. และผมได้รับสิ่งที่ต้องการ โดยไม่ต้องร้องขอซ้ำเป็นครั้งที่สอง






tobecon.

____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #98 เมื่อ23-03-2017 23:07:30 »


21_
Death of a Party

(ต่อ)



 

“หายกันไปนานจนฉันไม่คิดว่าจะกลับเข้ามากันอีกแล้ว” กันเตอร์ร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นร่างผม เดฟก้าวเท้าตามมาติดๆ เนื้อตัวเปียกปอนไม่ต่างจากผม ทุกคนในคลับมองมาด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นล้อเลียนเมื่อเห็นสิ่งที่ร่างสูงถืออยู่ในมือ

รองเท้าผ้าใบที่เปียกโชกของผมถูกอีกฝ่ายวางลงลวกๆ ตรงขั้นบันได ถึงแม้ว่าเดฟจะถอดมันออกก่อนที่จะพาผมลงไปในทะเล แต่เพราะมัวแต่สนใจเรื่องอื่นและวางมันทิ้งไว้ตรงนั้น คลื่นที่ซัดเข้ามาถึงได้ทำให้มันอยู่ในสภาพไม่ค่อยดีนัก ยังไม่นับถึงพวกทรายและหินเม็ดเล็กๆ ที่แทรกเข้าไปอยู่ข้างใน

“เขามาที่นี่หรือยัง” เดฟเปรยถาม หลังจากกวาดตามองรอบๆ คลับ

กันเตอร์เลิกคิ้ว พลางยักไหล่เบาๆ เมื่อได้ยินคำถาม “มาแล้ว กลับไปแล้ว มาไม่ทันถึงสิบนาที ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดาว่าคงรีบกลับไปดูเรย์ที่บ้าน..” ดวงตาของกันเตอร์ฉายแววประหลาดออกมาชั่วครู่ “สั่งอะไรสักอย่างกับพวกชาร์ลี แล้วก็รีบออกไป บอกไว้ด้วย ว่าให้นายเข้าไปหาพรุ่งนี้เช้า”

ต้นแขนของผมถูกกำไว้หลวมๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงรั้งให้ผมนั่งลง ขั้นบันไดยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนเดิมตอนที่ต้องรับน้ำหนักตัวคน เดฟพยักหน้ากับสิ่งที่กันเตอร์บอกเล่า ขณะทรุดตัวลงนั่งลงบนพื้น

แพขนตาสีเข้ม สันจมูก และดวงตาที่หลุบลงต่ำ ผมมองเห็นนิ้วโป้งและนิ้วชี้เรียวยาวกำอยู่ตรงข้อเท้า ปลายนิ้วปัดเอาทุกเศษทรายที่ติดเท้าผมอยู่ออก ก่อนผมจะจบทุกฉากที่มองเห็นอยู่ด้วยการกระตุกเท้ากลับเพราะทนทุกสายตาที่เพ่งมองมาไม่ไหว

มากกว่านั้นก็คือ เป็นผมเองที่รู้สึกพ่ายแพ้ต่อการกระทำเมื่อครู่นี้ แพ้จนต้องหลบหนีออกมา ก่อนที่ความรู้สึกนึกคิดจะเตลิดไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“หนีทำไม ยังไม่หมดเลย” เขาท้วงด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขัดกับดวงตาที่เป็นประกายจนน่าหมั่นไส้ ใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงชัดถึงความสนุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ผมกวาดดวงตามองทุกคนในแก็งค์ที่พร้อมใจกันมองกลับมา

“ผมทำเองได้ ไม่เป็นไร” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งขึง พยายามอย่างมากที่จะไม่หลุดท่าทางอะไรพิลึกๆ ออกมา ทั้งๆ ที่ภายในร่างกายกำลังรวนถึงขีดสุด

แล้วเดฟก็หลุดยิ้มออกมา คิ้วเข้มๆ เลิกขึ้นสูงขณะที่อีกฝ่ายเอียงหน้าเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะได้ขยับปากพูดอะไรสักอย่างออกมา เสียงบานประตูที่ถูกกระชากเปิดออกก็เรียกทุกสายตาให้หันไปมองก่อน

เดฟผุดลุกขึ้นยืนทันที พร้อมๆ กับเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่ดังลอดเข้ามาแทนที่ความเงียบสงบเมื่อครู่ วัยรุ่นผู้ชายที่ชื่อแรมกับโอลินที่ผมจำได้ว่าเป็นหลานของเดฟมีสีหน้าตื่นตกใจ ขณะช่วยกันหามร่างปวกเปียกของใครสักคนเข้ามาภายในคลับ

ทุกคนที่นั่งกินเบียร์หรือทำกิจกรรมอยู่ลุกฮือ ไม่ต่างจากผมที่ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นยืน บันไดขั้นที่สามสูงพอที่จะทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่กลางร้าน ผู้ชายที่ผมจำได้ดี เส้นผมสีบลอนด์กับผิวกายขาวซีด ตอนนี้ซีดเผือดหนักกว่าที่เคยเห็นในความทรงจำ พร้อมกับรอยแผลฟกช้ำและคราบเลือดที่ติดอยู่ตามร่างกายและใบหน้า

ร่างที่สั่นเบาๆ ถูกวางลงนอนหงายบนพื้น ท่ามกลางทุกคนที่ลุกไปยืนมุงดู ไม่ต่างจากเดฟที่ก้าวไปตรงนั้นช้าๆ

ผมถูกห้ามให้ยืนอยู่กับที่ จากท่อนแขนแข็งแรงที่ยกขึ้นกั้นกลางอากาศ ดันให้ผมยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม ปลายนิ้วแตะสัมผัสกับผนังเย็นชืดไว้ ทำได้เพียงมองแผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไปทุกที

ดาเบรียเป็นเพียงคนเดียว ที่ไม่สนใจจะเข้าไปยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินมาหยุดยืนไม่ห่างจากผม ตรงพื้น ห่างลงไปสามขั้นบันได เธอทำเพียงแค่ยืนกอดอกนิ่งๆ มองภาพเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ดวงตาคมดุปราดมองหน้าผม จ้องค้าง ก่อนจะเบือนกลับไป

พร้อมกับคำพูดที่ดังขึ้น

“ฉันจะไม่ถาม ว่าเพราะอะไรนายถึงอยู่ที่นี่ตอนนี้” ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าสวย สลับกับมองเดฟที่ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างๆ เบน

“เราไม่ได้ต้องการคนที่สมบูรณ์แบบ..” เสียงของดาเบรียยังดังเข้าหูผมอย่างต่อเนื่องด้วยโทนเสียงราบเรียบปราศจากอารมณ์ที่คาดเดาได้

“เราไม่ได้ต้องการอะไรไร้สาระพวกนั้นด้วยซ้ำ” เธอพึมพำแผ่วเบาในท้ายประโยค “แต่ที่ข้างกายเขา มีไว้สำหรับคนที่หนักแน่นมากพอ”

“…” ขณะที่ผมเอง ก็ยังคงทำได้แค่หุบปาก รับฟังและรับรู้ภาพตรงหน้า

เดฟในตอนนี้ เหมือนเริ่มหลุดจากการควบคุมตัวเองทีละน้อยๆ.. ใบหน้าติดดุเคร่งเครียด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น

เปลือกตาของผมกะพริบแผ่วเบา สัมผัสขนตาที่ให้ความรู้สึกหนักอึ้งกับผิวแก้มเปลือยเปล่า

มองฝ่ามือขาวซีดที่กำเสื้อของร่างสูงไว้แน่น

เหมือนเดิม.. ยังคงไม่มีความคิดหรือคำพูดใดแล่นหลุดออกจากปากของผม แม้กระทั่งตอนที่ดาเบรียหันกลับมาสบตาและถามคำถาม

คำถามที่เริ่มห่างไกลจากการรับรู้ของผมขึ้นทุกที

“นายแน่ใจเหรอ ว่าใช่คนคนนั้น”

ผมไม่แน่ใจ ว่าดาเบรียต้องการสื่อสารอะไรกันแน่ .. ทุกอย่างในตอนนี้ หลุดลอยเหนือความเข้าใจของผมไปไกล

ปลายนิ้วที่ขยำเสื้ออยู่ร่วงผล็อย ตกแน่นิ่งลงบนท่อนแขนแข็งแรง ผมมองเห็นการคว้าจับ มองเห็นการกุมมือ และมองเห็นสายตาที่แสดงชัดถึงความวิตกกังวล

สุ้มเสียงของเดฟเริ่มฟังดูห่างไกล ผมได้ยินคำถามมากมายดังออกจากปากของอีกฝ่าย มองเห็นรอยยิ้มอ่อนแรงและใบหน้าเศร้าหม่น

ผมมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในความรู้สึกที่ว่าเวลาได้หยุดเดิน หรือเดินช้าลงจนแทบไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหว

“มองหน้าฉัน มองหน้าฉัน.. แม่งเอ้ย! โทรหาโรงพยาบาล!” ผมได้ยินเสียงตะคอกของเดฟ ท่าทางฉุนเฉียวที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจต้องการ

มองเห็นใบหน้าของเบนที่ซีดเผือด แต่กลับมีรอยยิ้มอ่อนๆ แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปาก

“ไม่เห็นต้องแตกตื่นมากขนาดนี้เลย..” เขาพูด “คุณกำลังทำให้ผมดีใจ”

และผมกำลังได้ยิน สิ่งที่ไม่คิดว่าอยากได้ยิน

ทุกเส้นเสียงในอากาศเหมือนถูกเขย่าเป็นคลื่นถี่เล็ก ก่อนจะถูกกระชากรวบให้ตึงจนเกิดเสียงแหลมเสียดในช่องหู

“แม่ง! ห้ามหลับตา อย่าหลับตา! บี ฉันบอกให้ลืมตาก่อน! โทรหาโรงพยาบาลหรือยัง ส่งคนไปพาจูเลียมาที่นี่เดี๋ยวนี้!” เสียงของเดฟเล็กแหลมบิดเบี้ยวผิดไปจากปรกติ เขาก้มหน้าลงตะคอกร่างผอมบางที่นอนอยู่ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับคนในแก็งค์ที่ยืนอยู่เสียงดัง ฝ่ามือของผมร่วงหล่นลงกลางอากาศ ผละสัมผัสเล็กๆ ที่ยึดติดระหว่างปลายนิ้วกับผนังเอาชืดให้ห่างออกจากกัน

ฝ่าเท้าพาผมก้าวถอยหลังช้าๆ ขยับพาตัวเองกลับไปชั้นบน ขยับพาให้ภาพตรงหน้าห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ดาเบรียมองมา แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร หรือไม่ ก็เป็นเพราะผมเองไม่ได้สนใจในจุดนั้น

ภาพที่มองเห็นถูกเปลี่ยนไปแล้ว กล่องลัง ขวดเบียร์ว่างเปล่า ความมืดสลัวตรงมุมห้อง บานประตู กลิ่นที่คุ้นเคยและร่างของผมที่ทรุดนั่งบนเตียง

แต่ภาพเมื่อครู่ยังติดแน่นอยู่หลังม่านตา

ผมนึกสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเบนคนนั้น.. ทั้งบาดแผลและสภาพราวกับคนที่ถูกซ้อมมาอย่างหนัก

ผมนึกสงสัย ว่าเดฟคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ตอนที่เห็นภาพทั้งหมด รู้สึกอย่างไร และมีความคิดจะทำอะไรตอนที่นั่งอยู่ตรงนั้น

 

มากกว่าอะไรทั้งหมดที่กล่าวมา

ผมนึกสงสัย ว่าความรู้สึกชาๆ สลับปะปนกับการกระตุกลั่นในร่างกายจนน่าหงุดหงิดที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร


ผม.. เป็นอะไรกันแน่









 

เสียงบานประตูที่ถูกเปิดไม่ได้ดึงสายตาของผมให้หันไปมอง มีไม่กี่ชื่อโผล่เข้ามาในหัว ใครจะกล้าเปิดเข้ามาในห้องนี้เวลานี้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของห้อง

ผมทิ้งสายตาลงที่ฝุ่นบนชั้นวางของ จับจ้องมันมานานจนลืมไปแล้วว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ ขณะที่ในหัวก็วุ่นวายกับการคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยอย่างที่ผมไม่คิดแม้แต่จะหยุดหรือควบคุมมัน

ฝุ่นแปลกปลอมยังลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า.. คราบสีเทาอ่อนไร้น้ำหนักที่จะถูกปัดทิ้งให้หายไปเมื่อไหร่ก็ได้

ผมหลุดยิ้มออกมา ตอนที่ได้ยินเสียงถอดเข็มขัด ตามมาด้วยร่างของเดฟที่ขยับเข้ามาใกล้ หยุดยืนบดบังสิ่งที่ผมกำลังจ้องมองอยู่

ใบหน้าคมเข้ม ยังมีร่องรอยความไม่สบายใจตกค้าง

“เป็นยังไงบ้าง” ผมเปรยถามออกไป ดวงตาเหลือบขึ้นสบกับอีกฝ่ายที่มองมานิ่ง

“โดนซ้อมมา โดนเอาตัวมาปล่อยทิ้งไว้ไม่ห่างจากที่นี่ เขาเดินมาเรื่อยๆ แล้วล้มลงที่หน้าคลับ” เดฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

ผมพยักหน้ารับรู้ และไม่คิดจะถามอะไรต่อหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวนั้น

ไม่มีความอยากรู้ ว่าใครเป็นคนทำ ไม่อยากรู้ว่าเพราะอะไร ในตอนนี้.. ผมไม่อยากรู้แม้กระทั่งสิ่งที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัวของผมมาตั้งแต่เมื่อครู่ อย่างคำถามที่ว่าเดฟรู้สึกยังไง

เพราะพอมาจ้องมองในระยะใกล้ ทุกความรู้สึกที่ระบายอยู่บนสีหน้าตรงข้าม ตอบทุกคำถามในหัวของผมโดยไม่ต้องเอ่ยถาม

“เป็นอะไรหรือเปล่า” กลายเป็นเดฟที่ถามขึ้นมาแทนในคราวนี้ ดวงตาสีเข้มจับจ้องผมไม่วาง ขณะเขาขยับร่างเข้ามาใกล้ “คิดอะไรอยู่”

ผมชะงักเล็กๆ ฝ่ามือยกขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง พร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงต่ำ

ผมมองฝ่ามืออีกข้างที่ยังวางนิ่งอยู่บนหน้าตัก มันแข็ง เกร็ง และชาจนผมไม่สามารถขยับมันได้

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลังจากเว้นระยะไว้เกือบนาที ผมก็ตอบคำถาม พร้อมทั้งเสียงหัวเราะฝืดเฝื่อนที่ดังลอดออกมาด้วย ใบหน้าขยับเงยขึ้นอีกครั้ง สบตากับเดฟที่ยังไม่ละสายตาไปไหน “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”

อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ถัดจากผมไปไม่ถึงหนึ่งเอื้อมมือ

ฝ่ามืออุ่นวางทาบลงบนต้นขา ออกแรงบีบกระชับจนรับรู้ถึงตัวตน

“ทำไมถึงยังโกหก ทั้งๆ ที่ทุกอย่างแสดงอยู่บนสีหน้าของนาย” เขากะพริบตา พลางปล่อยให้ความเงียบเข้าทำงาน

หัวใจผมเต้นกระตุกกับการโดนจับได้ โดยที่ไม่รู้ตัวเอง ผมปิดฝ่ามือไว้ที่ริมฝีปาก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อดับทุกความว้าวุ่นที่ตีกันอยู่ในสมอง

“ถ้านายไม่พูด ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง” เดฟกระซิบ เสียงทุ้มต่ำทอดอ่อนชวนให้รู้สึกดี ฝ่ามือที่วางอยู่บนต้นขาของผมขยับยกขึ้น ก่อนจะวางลงอีกครั้งบนหลังมือของผม ออกแรงกระชับแผ่วเบาแล้วพลิกให้หงายนิ่ง

“ถ้าไม่พูดอะไรเลยสักอย่าง.. ฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ตัวยังไง หรืออธิบายตรงจุดไหนให้นายเข้าใจ”

“ผม..” ผมชะงักสิ่งที่กำลังจะพูด ชั่งใจ พลางมองอีกฝ่ายที่ช้อนตาขึ้นสบอย่างรอคอย

ความรู้สึกผิดลอยชัดในห้วงความคิด.. เพราะไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกันแน่ ผมถึงได้ตีความหมายทุกอย่างในตอนนี้ว่างี่เง่า

ผมกำลังงี่เง่า ไร้เหตุผล และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะเป็น

“ผมไม่รู้ ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร” ผมยอมตอบในที่สุด แม้จะพยายามเรียบเรียงทุกอย่างให้ออกมาเข้าใจง่ายแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ไม่แม้แต่จะเข้าใจตัวเอง

“บางทีอาจจะเป็นโกรธ” ผมพึมพำ ภาพการจับกุมมือนั่นลอยเด่นในตา “.. แต่ก็อาจจะไม่ใช่”

เดฟรับฟังอย่างสงบ ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังพร่ำเพ้อเรื่องไร้สาระอยู่ ผมถึงได้กล้าพูดต่อ

“บางที อาจจะเป็นความรู้สึกของการโดนหักหลัง” ผมเม้มปาก ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ เมื่ออีกเสียงในหัวออกมาปฏิเสธคำกล่าวนั้นด้วยตัวเอง

“แต่คุณก็ไม่ได้หักหลังผม หรือทำอะไรแบบนั้น”

เดฟหลุดยิ้มจางๆ ออกมา ฝ่ามือของผมถูกกระชับให้แน่นขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาวสอดสัมผัสเข้ากับนิ้วผมช้าๆ

สร้างความรู้สึกเหนียวแน่นและมั่นคง

“หรือบางที อาจจะเป็นแค่ความอิจฉา” ผมตอบสิ่งสุดท้ายที่คิดได้ในใจพลางลอบมองว่าอีกฝ่ายมีท่าทางอย่างไรตอนได้ยิน

พอเห็นร่องรอยความสงสัยและการชะงักงัน ผมก็พูดต่อ

“อาจจะเป็นความอิจฉาก็ได้ จริงๆ แล้ว..” ผมตัดสินใจหลบสายตาด้วยการก้มหน้าลง คำสารภาพที่ตกค้างอยู่ถูกกระเทาะออกมาจนหมดเปลือก “คุณอ่อนโยนเกินไป เป็นคนดีมากเกินไป แล้วก็ทำให้เสียนิสัย”

..

“ทำให้กลายเป็นคนขี้หวงแล้วก็ไม่มีเหตุผล”

ใบหน้าของผมถูกเชยขึ้นทันทีที่พูดจบประโยค รอยยิ้มที่ฉาบเคลือบอยู่บนริมฝีปากตรงหน้าทำให้รู้สึกร้อนรน

“ไม่เลย” เขาพึมพำทั้งใบหน้ายิ้มๆ ฝ่ามือสัมผัสเข้าที่ตัว ก่อนร่างของผมจะถูกดึงให้ขยับเข้าหาจนกลายเป็นการนั่งซ้อนเกยกัน

ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดช่วงเอวไว้แน่น ขณะที่ปลายจมูกอุ่นแตะเบียดกับจมูกของผม

“ฉันเองก็ไม่เคยเห็น.. การหึงหวงที่มีเหตุผลเท่านี้มาก่อน” สิ้นคำพูด ความร้อนก็ไล่ลามทั่วใบหน้าและลำคอ ผมเลือกที่จะเบือนหน้าหนี ก่อนจะถูกบังคับให้หันกลับมาเพราะช่วงตัวถูกรัดแน่นขึ้น

แล้วจูบเอาอกเอาใจก็ประทับลงตรงมุมปาก กดย้ำซ้ำๆ จนผมเผลอนิ่วหน้าเพราะรู้สึกกระดากปนจั๊กจี้กับไรหนวดที่สัมผัสใบหน้า

“ถ้านั่นเป็นการหวง ฉันก็ไม่รู้จะแก้ตัวอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความดีใจที่เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่สมควร” เดฟเอียงคอ รอยยิ้มยังติดค้างอยู่บนใบหน้า

“แต่ถ้านั่นเป็นความอิจฉา” ฝ่ามือที่วางนิ่งอยู่ตรงช่วงเอวขยับสูงขึ้นจนกลายเป็นการลูบหลังกลายๆ “ฉันก็อยากยืนยันให้นายรู้ ว่าไม่มีอะไรที่ต้องอิจฉาในเรื่องนี้”

“…”

“คนที่มีมากกว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปอิจฉาคนที่ไม่มีอะไร” เขาอธิบายด้วยโทนเสียงเรียบเฉื่อย ชักจูงให้ผมคล้อยตามได้โดยไม่ต้องออกแรงบังคับ

“และที่มากไปกว่านั้น..” เดฟหยุดมือที่ลูบหลังผม ก่อนจะขยับมันมาแตะช่วงแก้มของผมแล้วออกแรงลูบช้าๆ “เขา รับเรื่องนี้แทนนาย”

ประโยคบอกเล่าดังแผ่วเบาเข้าใบหู ภายในผมกระตุกสั่นกับสิ่งที่ได้ยิน

ผมยังคงนิ่งเงียบในช่วงแรกที่ได้รับรู้ ก่อนจะหลุดถามออกไปในที่สุด

“หมายความว่าไง”

ดวงตาของเดฟหลุบต่ำ สีหน้าที่ไม่ชวนให้รู้สึกสบายใจลอยคว้าง คิ้วเข้มนิ่วหากัน ไหนจะรอยยิ้มที่ค่อยๆ จางหายไป

“พวกมันคิดว่าเขาคือนาย” คราวนี้ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกจากลำคอของผม เดฟส่ายหน้าเบาๆ สองสามครั้ง ปลายนิ้วเลื่อนลงต่ำ ก่อนที่เขาจะสัมผัสหลังนิ้วชี้เข้าที่คางของผมแล้วออกแรงดันให้ขยับสูง

 


“.. คิดว่าเขาคือคนรักของฉัน”





____
#เดฟฟลอยด์

ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ เพราะว่าติดงานที่มหาวิทยาลัยแล้วก็ธุระส่วนตัวที่พร้อมใจกันอัดใส่หน้า
เลยหายไปนานมากเลย
ไม่มีอะไรจะแก้ตัว นอกจากบอกว่าจะพยายามเขียนมาลงให้ได้บ่อยๆเยอะๆเหมือนเมื่อก่อนนะคะ
.โค้ง

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #99 เมื่อ23-03-2017 23:22:09 »

กรี๊ดดดดดดดด ฟลอยด์ลูกเปิดใจรับเดฟเข้าไปเถอะนะ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
« ตอบ #99 เมื่อ: 23-03-2017 23:22:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #100 เมื่อ24-03-2017 02:18:50 »

แต่งสนุกมากก :L2: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ayame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #101 เมื่อ24-03-2017 07:57:27 »

แต่งได้สนุกค่ะ อ่านแล้วแอบอิจฉาฟลอยด์ที่ได้เจอผู้ชายแบบเดฟ  :hao5:
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #102 เมื่อ24-03-2017 22:41:25 »

มาอีกเยอๆ นะคะ ^^

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.21 Death of a Party (23/03/2560)
«ตอบ #103 เมื่อ06-04-2017 21:16:18 »


22_
Count To Three





“ตื่นแล้วเหรอ มากินนี่ก่อนสิ ก่อนที่มันจะเย็นไปมากกว่านี้” กันเตอร์พยักพเยิดไปทางแซนวิชชิ้นใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง โดยไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยเรียกซ้ำสอง ผมก็ก้าวเท้าตรงไปยังบาร์ทันที

“ขอบคุณ กันเตอร์” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย พลางหยิบอาหารตรงหน้าขึ้นมากิน มองกันเตอร์ที่ยิ้มกลับมาด้วยใบหน้าใจดี

“เขาได้บอกไหมว่าจะกลับมาที่นี่กี่โมง เดฟน่ะ”

ผมส่ายหน้าเบาๆ ถึงจะรู้สึกตัวตอนที่เดฟลุกออกจากเตียงไปตอนเช้า แต่ผมก็ไม่ได้ลืมตาหรือลุกขึ้นมาพูดคุยอะไร แค่นอนหลับตานิ่งๆ รับฟังเสียงฝ่าเท้า การขยับตัว เสียงเสียดสีของเสื้อผ้าและการปิดประตูออกไปเท่านั้น

กันเตอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างเราถูกขัดขึ้นพอดีจากผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาสั่งเครื่องดื่ม และยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กันเตอร์ที่รับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย

อีกฝ่ายเหลือบมองผมที่นั่งอยู่ ฝ่ามือยกขึ้นขยับหมวกแก๊บสีดำที่สวมใส่อยู่เล็กน้อย ก่อนจะกระดกช็อตเหล้าที่ได้แล้วเดินออกจากร้านไป

ทุกความสนใจเบนกลับมาหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์อีกครั้ง เขาฮัมเพลงด้วยเสียงทุ้มต่ำตามเพลงที่เปิดอยู่ในคลับ หยิบแก้วช็อตที่ว่างเปล่ากลับไปวางไว้ในอ่างล้างจาน และเดินวนกลับมาที่เดิม

“กันเตอร์” ผมตัดสินใจเรียกออกไป พอได้รับความสนใจ ความคิดในหัวก็ถูกปล่อยออกมา “มีงานอะไรให้ผมทำหรือเปล่า”

พอพูดออกไปแบบนั้น กันเตอร์ก็หลุดสีหน้าตกใจออกมา

“ผมหมายถึง.. ล้างจาน ทำความสะอาด หรืออะไรพวกนั้น” ผมรีบพูดต่อ จับจ้องสีหน้าที่ผ่อนลงคล้ายโล่งใจตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าในตอนนี้คือสิ่งที่ผมกำลังร้องขออยู่

เพราะผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปทำงานที่ร้าน ไม่ให้ออกไปไหนเกินรัศมีสองช่วงตึกจากที่นี่ นั่นหมายถึง นอกจากการนั่งฟังเพลง คุยกับกันเตอร์และพวกเด็กวัยรุ่นในแก็งค์ที่แวะเวียนมานั่งเล่นแล้ว

ผมก็ไม่มีอย่างอื่นให้ทำอีก

ในตอนแรก ผมคิดว่าคำขอนั้นจะอยู่ไม่นาน อย่างน้อยก็อาจจะแค่สองสามวันที่เดฟจะกักตัวผมไว้แบบนี้เพื่อความสบายใจของตัวเขาเอง ซึ่งผมก็ยอมทำตามง่ายๆ ไร้ข้อโต้แย้ง ในขณะที่วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความหวังในการออกไปทำงานของผมยิ่งริบหรี่ ราวกับเรื่องนี้หลุดลอยออกจากสมองของอีกฝ่ายไปแล้ว.. และแน่นอน หลุดลอยออกไป พร้อมกับความสบายใจของตัวผมเองด้วย

พอไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ความรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์และไร้ค่าก็แทรกซึมเข้าเส้นเลือด

ผมหายใจเข้าออกไร้แก่นสาร นั่งเฉยๆ นับวันเวลาให้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

รอเดฟกลับมาหา ใช้เวลาด้วยกัน นอนหลับ รับรู้ว่าเดฟออกไป และรอเดฟกลับมาหาอีกครั้ง

ผมไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้.. ไม่ได้หมายถึงเดฟหรือทุกคนที่นี่ แต่ผมหมายถึงตัวเอง

ความสบายกายที่มาพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ติดค้างในใจ ไม่ใช่อะไรที่ผมโหยหา

“นายอยากทำอะไร” กันเตอร์เปรยถาม เขาเคาะปลายนิ้วลงกับเคาน์เตอร์จนเกิดเสียงกระทบเบาๆ

“อะไรก็ได้.. เริ่มจากล้างพวกแก้วนั่นให้คุณก่อนเลยก็ได้นะ ผมสัญญาจะไม่คิดเงินสักเหรียญเดียว” ผมทำหน้าตาจริงจังประกอบการพูด ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะหลิ่วตา

“พวกนั้นน่ะฉันล้างเองใช้เวลาไม่ถึงห้านาที แต่ถ้านายอยากทำอะไรสักอย่าง.. ฉันขอมอบงานที่โหดสุดในวันนี้ให้เลย” กันเตอร์ว่า ก่อนจะหันหลังไปทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับจานสีขาวขนาดใหญ่

มันคือออมเลทที่มีเบคอนและชีสอยู่ในนั้น

“นี่คือ..” ผมหลุบตามองจานตรงหน้า

“อาหารเช้าของคนที่อยู่ข้างบนนั้น” เขาเหลือบตาขึ้นมองด้านบน “เดฟซื้อมาให้ฉันก่อนจะออกไปหาแอช เดาว่านายคงลำบากใจ แต่ไม่มีใครยอมเอาขึ้นไปให้เขาสักคน”

“ของคนที่อยู่ข้างบน” ผมทวนประโยค พยายามค้นหาว่าใครคือคนคนนั้น ก่อนที่กันเตอร์จะเฉลยออกมา

“เบนน่ะ” คำตอบทำให้ผมชะงักไปทั้งตัว “เขานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เดฟสั่งให้พักห้องว่างถัดจากห้องพวกนาย”

ผมจับจ้องอาหารในจานนิ่ง รับรู้ถึงการแผดเสียงไม่พอใจของความรู้สึกในร่างกาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความนิ่งงันที่จงใจปล่อยออกมากลบสิ่งนั้นมันมากเกินไปหรือว่ายังไง กันเตอร์ถึงได้พูดดักออกมาเสียงอ่อย

“นี่ ถ้าลำบากใจ..”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมพูดขัด ดวงตาช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายตรงๆ “เดี๋ยวผมเอาขึ้นไปให้ก็ได้”

ผมแสร้งยิ้มให้กันเตอร์อีกครั้งเป็นการยืนยันคำพูด ไม่แน่ใจนักว่าเขามองมาด้วยสายตาแบบไหน เพราะความสนใจของผมหลุดลอยออกจากตรงนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

รู้ตัวอีกที จานออมเลทก็อยู่ในมือ และฝ่าเท้าของผมก็ยืนถ่วงน้ำหนักอยู่หน้าบานประตูไม้

เสียงเคาะดังขึ้นสองสามครั้ง ผมทำมันไปโดยไม่มีความคิดอะไรสักอย่างในหัว นิ่งรออยู่เกือบนาที ความเงียบที่ได้รับกลับมาทำให้ต้องเคาะซ้ำลงไปอีก

“ใคร” เสียงตอบรับห้วนสั้นจากข้างใน ทำให้เผลอถอนหายใจออกมา

คราวนี้บานประตูถูกเปิดออกด้วยมือของผมโดยไม่ได้ร้องขออนุญาตหรือตอบคำถามก่อนหน้านี้ ภายในห้องไม่มีอะไรมากนัก ราวแขวนผ้าสีดำเรียบๆ เตียงนอน พรมเช็ดเท้า โซฟา และชั้นวางของที่ไม่มีอะไรวางอยู่

เบนนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ร่างโปร่งสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา ใบหน้าเบือนออกไปนอกหน้าต่าง เขาหันกลับมาสบตากับผม ใบหน้าแสดงความประหลาดใจออกมาชั่วครู่ ก่อนจะจางหายไป

“มีอะไร”

“ผมเอาอาหารขึ้นมาให้” ผมตอบ พลางวางจานไว้บนโต๊ะเล็กตรงหัวเตียง “วางไว้ตรงนี้นะ”

เบนมองการกระทำของผมโดยไม่ตอบรับอะไร ริมฝีปากสีซีดเม้มเข้าหากันแน่น ตอนที่เห็นอาหารในจาน ดวงตาเลื่อนลอยดึงให้ผมสงสัย ว่าอะไรคือสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในหัวตอนนี้

“รู้หรือเปล่า..” เขาเกริ่นเสียงแหบ “เขายังรักฉันอยู่”

สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องแบบนี้

ผมไม่ตอบคำถามนั้น.. ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคือคำถามที่ต้องการคำตอบ

ในความรู้สึกของผม มันก็แค่ประโยคบอกเล่า ที่ปล่อยออกมาเพื่อสร้างความคิดแง่ลบชั่วพริบตา ไม่ได้มีผลอะไรมากไปกว่านั้น

“เงียบทำไม ตกใจที่ได้รู้หรือไง” เบนถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงติดเยาะ ท่าทางเลื่อนลอยในตอนแรกถูกกลบมิดด้วยภาพใหม่ที่เจ้าตัวจงใจสร้างขึ้น รอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากสนับสนุนให้ใบหน้าที่ซีดเผือดดูร้ายขึ้นจนน่าตกใจ

แต่การเสแสร้งเพื่อข่มแบบนั้น ไม่ได้ทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมเลยแม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ของผมจะเจอแต่อะไรพวกนี้มาเยอะ จนสิ่งที่พบเจออยู่กลายเป็นเรื่องเล็กเด็กน้อยไปในทันที อีกอย่างก็คือผู้ชายคนนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าจะต้องลงไปงัดด้วย มองยังไงก็เป็นแค่เด็กธรรมดาๆ

ผมส่ายหน้าเบาๆ ฝ่ามือทั้งสองข้างวางทาบกับกางเกงยีนส์ของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตกลงนิ่งๆ ข้างลำตัว ผมจ้องใบหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตา

รอยยิ้มเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงสนทนานี้.. ผมรับรู้ถึงการฉีกยิ้มของตัวเอง ทั้งๆ ที่ดวงตานิ่งสงบปราศจากความรู้สึก

“ที่ผมเงียบ เพราะผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องตอบ .. แต่ถ้าคุณอยากฟัง ผมก็จะบอกว่าผมไม่รู้” ผมว่า มองเห็นเบนที่หลุดหน้าเสียออกมา

ริมฝีปากเริ่มคลี่ยิ้มกว้างขึ้นจนเห็นฟัน ผมแสร้งหลุบตาลงต่ำ

“เพราะตอนที่อยู่ด้วยกัน เขายังไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นให้ผมฟังสักที”

เด็ก..

ผมสรุปคำจำกัดความนั้นในหัว เด็กทั้งเบน.. เด็กทั้งการกระทำของผมที่ตอบโต้กลับไป

ผมไม่ชอบวิธีการตอบกลับแบบนี้เท่าไหร่นัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เห็นผลลัพธ์เร็ว แล้วก็จบเกมไร้สาระนี่ได้โดยไม่ทำให้เสียเวลาและอารมณ์โดยเปล่าประโยชน์

“ผมไปนะ อาหารวางอยู่ตรงนี้ คุณกินเสร็จก็เอาลงไปให้กันเตอร์ด้วย เขาอยู่ที่บาร์” ผมพูดสรุป ก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้อง ไม่มีเหตุผลอะไรในการอยู่ตรงนี้ให้นานกว่านี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

เท้าขยับได้ไม่ถึงสามก้าว เสียงของตกกระทบพื้นก็ดังเสียดใบหู ผมหันใบหน้ากลับไปมอง สบเข้าจังๆ กับใบหน้าหาเรื่องของเบนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

ก่อนที่สายตาจะเบนลงต่ำ จ้องมองอาหารที่เคยน่าทานบนจน ซึ่งตอนนี้หมดสภาพอยู่บนพื้นพรม บางส่วนกระเด็นมาไกลจนเลอะรองเท้าใส่ในบ้านที่ผมสวมอยู่

ลำบากใจจะแย่.. ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆ ถึงไม่อยากรับหน้าที่นี้

เอาแต่ใจตัวเอง

นั่นเป็นอีกหนึ่งคำจำกัดความที่แล่นปราดเข้ามาในห้วงความคิด

ยังคงไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกจากเราทั้งสองคน ผมยืนมองเศษอาหารนั่นอยู่อีกร่วมนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงด้วยการถอนหายใจ

“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว”

เบนเงียบ ปฏิกิริยาตอบรับเดียวที่ได้ในตอนนั้นคือการยกมือขึ้นกอดอก

“ผมกำลังถาม” ผมกดเสียงต่ำ พร้อมทั้งใบหน้าจริงจังที่จงใจยกขึ้นมาแสดง

“21 ทำไม” เสียงตอบสะบัดห้วนสั้น

ไม่มีความรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจเกิดขึ้นในตัวของผม ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ดูจะเด่นชัดในร่างกายคือความว่างเปล่า

รู้สึกว่างเปล่าต่อทุกการกระทำ ทุกคำพูด และสายตาที่ได้รับจากคนคนนี้

ราวกับว่ามันไม่ส่งผลอะไรเลยกับตัวผม

ผมหลุดยิ้มจางๆ ออกมาตอนที่สำนึกได้แบบนั้น ดวงตาหลุบลงมองฝ่ามือ และเศษอาหารบนพื้น

“ต่อให้ไม่นับว่าผมโตกว่า ผมก็อยากสอนคุณอยู่ดี อายุ 21 ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว คุณควรเริ่มฝึกควบคุมตัวเองได้แล้ว” ผมถอยหลังเพิ่มหนึ่งก้าว หยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบานประตูที่ปิดสนิท

“อาหารพวกนี้ ผมจะเก็บให้คุณก็ได้ ในฐานะที่เห็นว่าคุณไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำความสะอาดมัน.. แต่นี่คือบทเรียนที่คุณต้องเรียนรู้ ทำอะไร ต้องหัดจัดการกับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง” ผมพูดรัวเร็ว อีกฝ่ายอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมก็เลือกที่จะแทรกขัดมันก่อนที่เขาจะได้โอกาสนั้น

“เก็บให้สะอาด ก่อนที่เดฟจะกลับมา” ผมส่งสายตาจริงจังไปให้ ฝ่ามือเอื้อมแตะลูดบิดประตูพร้อมกับเปิดมันออก

มองใบหน้าของคนทำอะไรไม่ถูกนั่นเป็นครั้งสุดท้าย

มองเศษอาหารจากบุชคอร์เนอร์นั่นอีกเป็นครั้งสุดท้าย

“รู้ใช่ไหม ว่าเขาจะพูดหรือรู้สึกยังไง ถ้ากลับมาเห็นอาหารที่เขาตั้งใจซื้อให้คุณแบบนี้”









เบนไม่ยอมออกมาจากห้องเลยทั้งวัน นับตั้งแต่ที่ผมเอาอาหารเข้าไปให้.. ผมไม่รู้ว่าเขายอมทำความสะอาดสิ่งที่ตัวเองเป็นคนสร้างแล้วหรือยัง ตัวผมเอง พอรู้ว่ามีอีกฝ่ายอาศัยอยู่ชั้นบน ก็ไม่มีความคิดจะกลับขึ้นไปที่ชั้นสองอีกเลย รวมถึงที่ห้องของตัวเองด้วย

“เป็นยังไงบ้าง เขายอมกินไหม” นั่นเป็นประโยคแรกที่เดฟพูด หลังจากเดินเข้ามาภายในคลับ กันเตอร์ยักไหล่แทนคำตอบว่าไม่รู้

หลังจากนั้น เดฟถึงค่อยๆ เบนสายตากลับมาสบกับผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์

“ไง” เขาทักเสียงอ่อน ฝ่ามือใหญ่วางลงบนเส้นผมของผมเบาๆ

“ไง” ผมตอบกลับไปในแบบเดียวกัน รับรู้ถึงความรู้สึกว่างเปล่าที่เพิ่มมากขึ้นในร่างกาย

บรรยากาศกลวงๆ แปลกๆ ระหว่างเราสร้างความหงุดหงิดและอึดอัด

แต่ผมก็ยังคงไม่พูดหรือแสดงท่าทางแปลกปลอมออกไป.. เหมือนเดิม

ไม่พูดหรือแสดงท่าทางอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งตอนที่สายตาหลุบลงมองสิ่งที่อีกฝ่ายถือไว้ในมือ.. อย่างถุงกระดาษของบุชคอร์เนอร์

เดฟทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ประตูคลับที่เปิดขึ้นก็ดึงสายตาผมให้หันไปมองก่อน ใบหน้าคุ้นตาชวนให้รู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวในครั้งนี้

“โจ?” ผมร้องทัก พร้อมๆ กับเดฟที่หันมองตามในทันที

“เฮ้..” เขาร้องทัก พอเห็นเดฟ โจก็แสดงท่าทางประหม่าออกมา ฝ่ามือสองข้างลูบย้ำๆ ที่ขาของตัวเอง ก่อนที่เขาจะพยักพเยิดไปทางประตูด้านหลัง “ขอคุยด้วยได้ไหม”

ใบหน้าของเดฟยังคงนิ่งเฉยตอนที่ผมลอบมอง มีเพียงฝ่ามือที่ยังวางอยู่บนหัวของผม ไม่ขยับเขยื้อนออกไปไหน

ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก กับการค่อยๆ เบี่ยงตัวออกจากที่นั่งอยู่ รับรู้ถึงสายตาของเดฟที่จ้องมา

แต่ผมไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองตอบ

“ได้สิ”

ความเย็นชาคุกรุ่นอยู่ที่ด้านหลัง ผมเม้มปาก และสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ขณะก้าวยาวๆ พาตัวเองออกมาด้านนอกของคลับ หลบมุมคุยกับอดีตเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้พบเห็นมาสักพัก

“เห็นนายไม่ได้ไปทำงานเลย.. ฉันก็เลย..” โจเริ่มบทสนทนาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน “แวะมาดูว่านายสบายดี”

“สบายดี” ผมพูดขึ้นสั้นๆ เลือกที่จะกอดอกแล้วพิงแผ่นหลังเข้ากับผนัง “งานนั่น คงไม่ได้กลับไปทำแล้วด้วย.. ไม่รู้สิ”

พูดเองก็นิ่วหน้าเอง ผมไม่ชอบใจกับความรู้สึกนี้ แต่ก็ดูเหมือนจะมีคนไม่ชอบใจกับมันมากกว่าตัวผมเองอีก

“อะไรนะ ทำไมล่ะ” โจท้วงขึ้นด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม ดวงตาไม่พอใจตวัดมองไปทางประตูคลับ “เขาให้นายออกเหรอ”

“นายไม่อยากพูดถึงเขา หรือมีปัญหาอะไรที่นี่หรอก” ผมเตือนสติ ดวงตาช้อนขึ้นมองใบหน้าที่ชะงักไปชั่วครู่

“หรือว่า เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ” โจยังไม่หยุดการคาดเดาภายในหัวตัวเอง เขาขยับเข้ามาใกล้ ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ส่ายปฏิเสธข้อสรุปที่ได้ยิน

“เพราะฉันใช่ไหม เพราะสิ่งที่ฉันทำกับนาย”

“ไม่โจ.. ไม่ใช่” ผมสวนกลับ “ฉันไม่ชอบสิ่งที่นายทำก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผล”

“งั้นฉันขอโทษได้ไหมล่ะ” แล้วเขาก็ชิงพูดขึ้นมา ราวกับรอจังหวะนี้มานาน ดวงตาจริงจังจ้องผมไม่กะพริบ “รับไว้ได้ไหมล่ะ คำขอโทษของฉันน่ะ ตอนนั้น ฉันไม่ได้.. ไม่ ฉันไม่ได้มีเจตนาให้นายรู้สึกไม่ดีแบบนั้น.. ฉัน แค่.. ฉันแค่”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพยายามพูดอะไรหรอก” ผมตัดบท ในตอนนั้น ผมรู้สึกโกรธ เพราะโจเป็นหนึ่งในคนที่ผมคิดจะให้ใจ ให้ความสนิทในฐานะเพื่อน ฐานะที่ไม่ใช่คนแปลกหน้าธรรมดาๆ แต่ความโกรธนั้นแตกต่างจากความเกลียด

ผมโกรธในตอนนั้น ไม่ได้หมายถึงมันจะกินเวลายาวนานมาจนถึงวันนี้

ยิ่งห่างหายกันไป เวลาก็ช่วยละลายความรู้สึกพวกนั้นให้จางลง

ผมยังคงจำได้ ว่าโจทำตัวไม่ดีแล้วก็พูดจาไม่ดีกับผม แต่นั่นก็เป็นเหมือนแค่ความทรงจำ เป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นและผมจำได้.. ในตอนนี้ ผมไม่มีแม้แต่ความต้องการจะเข้าใจ ว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไมในตอนนั้น

“ฉันรับไว้ก็ได้ คำขอโทษ” ผมหมายความตามที่พูดจริงๆ

แต่การรับคำขอโทษ ก็ไม่ได้หมายถึงว่าผมจะยอมหรืออยากกลับไปสนิทหรือให้ความสนใจเหมือนอย่างเดิม

เพราะความทรงจำนั้น ผลักให้ผมรู้สึกเอียนกับผู้ชายคนนี้

“จากนี้ก็คงไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนเมื่อก่อน ยังไงถ้าแวะผ่านไปทางนั้น จะเข้าไปทักทายนะ” ผมรีบพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ ใบหน้าที่แสดงความดีใจออกมาเลือนหายไปราวกับเมื่อกี้ผมแค่ตาฝาด

“ฉัน.. คงต้องกลับเข้าข้างในแล้ว” ผมเหลือบมองบานประตู ทุกความฟุ้งซ่านถูกปัดออกจากใจ ก่อนที่ร่างของผมจะชะงักอยู่กับที่เพราะสัมผัสที่กำรอบต้นแขน

ดวงตาเหลือบมองฝ่ามือแปลกปลอมนั่นนิ่ง

“ขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ว่าแล้วเจ้าของมือก็รีบชักมือกลับ

ผมก้มหน้า รอยยิ้มเล็กๆ ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปาก ดวงตาเหลือบสบกับอีกฝ่าย “ขอบใจนะที่วันนี้อุตส่าห์มาถึงนี่”

โจดูตกใจกับคำขอบคุณไร้ที่มาที่ไปของผม ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มที่ส่งกลับคืนมา

“อืม”

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมพูดคุยกับโจ การที่เขามาวันนี้ ลบเรื่องติดค้างในใจผมไปได้หนึ่งเรื่อง ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่มากนักในตอนนี้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้

กลับเข้ามาเผชิญกับปัจจุบันภายในคลับ เดฟนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่ผมเคยนั่งพร้อมกับบุหรี่มวนยาวในมือ ดวงตาฉายความพึงพอใจออกมาตอนที่มองเลยไหล่ผมไปแล้วกับความว่างเปล่า

“ขึ้นข้างบนกัน” เดฟออกปากชวนทั้งที่ใบหน้านิ่งเรียบ เขาขยับลุกขึ้นยืน พร้อมกับฉวยฝ่ามือผมไปกำไว้

“อะไร ที่เพิ่งจะเวลาเท่าไหร่เอง” ผมส่งเสียงท้วง

“ขึ้นข้างบนกัน” อีกฝ่ายยืนยันคำเดิมอย่างเอาแต่ใจ และเพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ทำให้เดือดร้อน ผมถึงได้ยอมปิดปากแล้วเดินตามการจับจูงนั่นไปง่ายๆ

ยังไม่ทันจะเดินเข้าห้อง ความพอดิบพอดีก็บังเกิดขึ้นราวกับนี่เป็นบทละครแก้เครียดฆ่าเวลาของพระเจ้า เบนที่ไม่ยอมออกจากห้องมานาน หยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเราไม่ถึงห้าก้าว ใบหน้าซีดจ้องมองเดฟ รวมไปถึงฝ่ามือของผมที่ถูกจับไว้ด้วยใบหน้านิ่งตึง

ผมเกือบจะไม่คิดไม่รู้สึกอะไรแล้ว ถ้าสัมผัสอุ่นตรงมือไม่ผละออกไปตอนที่เบนเดินเข้ามาใกล้ ผมหรี่ตา จ้องมองมือของเดฟที่ขยับขึ้นกลางอากาศ จับปลายคางของเบนแล้วออกแรงพลิกให้หันไปมา

“ลุกไหวแล้วเหรอ แผลเป็นยังไง” เขาเปรยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ ขณะที่ดวงตาของเบนอัดแน่นไปด้วยประกายประหลาด มันดูมีชีวิตชีวา และเจือเต็มไปด้วยความหวัง

และก่อนที่เดฟจะผละมือกลับ ฝ่ามือผอมบางก็คว้าจับเอาไว้แน่นพลางแนบใบหน้าตัวเองเข้าหาสัมผัสอุ่น การวอนขอฉายชัดบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำ

“ดี..” เบนเปรยเรียกเดฟเสียงสั่น ใบหน้าคล้ายคนกำลังจะร้องไห้ บรรยากาศที่ถูกแผ่ออกมาจากด้วยเต็มไปด้วยความอึดอัด ผิดกับเดฟที่ชะงักนิ่งไป

“คุยกันนะ..” คำร้องขอถูกส่งมาตรงๆ

เดฟนิ่งไปชั่วครู่ ลมหายใจถูกปล่อยออกมาเร็วๆ พร้อมกับใบหน้าที่สะบัดต่ำ เสียงสบถเล็ดลอดออกจากลำคอ

“ทำไมถึงอยากคุยอะไรได้ตลอดเวลาเลยนะ” เดฟถามกลับเสียงเบา

“เพราะคุณไม่เคยตั้งใจฟังผมเลยสักครั้งไง” เบนเถียง ก่อนจะเกลือกตาขึ้นมองด้านบนลวกๆ ล้อน้ำใสๆ ที่เคลือบอยู่ในนั้นกับแสงไฟที่สาดมาจากด้านบน

ในตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอะไร

มันเป็นความรู้สึกที่.. นิ่งงันมากกว่าเมื่อวานนี้หลายเท่านัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับตอนที่เดฟเหลือบตาขึ้นสบ มันคือการร้องขอเช่นเดียวกัน

“ผมเข้าห้องก่อนนะ”

และผมสนองคำขอนั้นอย่างคนไม่มีทางเลือก

เมื่อวานนี้ ผู้ชายคนนี้สอนให้ผมสัมผัสกับความมั่นใจ

ก่อนที่ในวันนี้มันจะโดนกระชากกลับไป โดยที่ผมไม่แม้แต่จะได้มีโอกาสตั้งตัว

ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ผมได้รับ ถูกยัดเยียดให้ ไม่ว่าจะจากความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

คือความรู้สึก

ของการไม่มีที่ยืน





tobecon.

____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #104 เมื่อ07-04-2017 11:40:43 »

 :hao5: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #105 เมื่อ07-04-2017 16:59:27 »

หน่วง ไม่รู้เหมือนหน่วงของหน้ากากทุเรียนป่ะ
เดฟ กำลังทำอะไร ดูติดพันกับเบน
ถ้าฟลอยด์ จะห่างๆไป ก็ไม่แปลกนะเดฟ
เป็นเพราะเดฟ เอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #106 เมื่อ07-04-2017 18:41:19 »

ถ่านไฟเก่า มันเป็นอะไรที่........  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #107 เมื่อ08-04-2017 10:31:13 »

คุณเดฟค่ะ...อย่าให้ถ่านมันคุนะคะ แหมน่าเอาน้ำเย็นราดให้มันมอดซะจริง
#ทำไมฉันพึ่งเจอนิยายเรื่องนี้เนี้ยยยยย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #108 เมื่อ08-04-2017 10:46:56 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #109 เมื่อ09-04-2017 03:05:54 »

 กรี๊ดดดดดดดดด  :ling1: เบน ฉันให้แก :z6:  เดฟ :fcuk:   o9 o9 o9 ปวดใจกับเดฟ ไปเถอะฟลอยด์ ไปตายเอาดาบหน้ากันมะ ฮือ :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
« ตอบ #109 เมื่อ: 09-04-2017 03:05:54 »





ออฟไลน์ ijuney

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #110 เมื่อ13-04-2017 08:09:03 »

สนุกมากกรีบมาต่อนะ ส่วนเดพเลิกยุ่งกับแฟนเก่าสักทีเถอะ โกรธแทนฟลอยด์

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #111 เมื่อ14-04-2017 03:17:12 »


22_
Count To Three

(ต่อ)



 

เข็มนาฬิกาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ ผมพาตัวเองมาหยุดนั่งที่ริมหน้าต่าง มองผ่านกระจกสีชาออกไปด้านนอก รถรา ฮาร์เลย์และเสียงพูดคุยดึงแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ ผมได้ยินเสียงหัวเราะของวัยรุ่นในแก็งค์ที่จับกลุ่มสูบบุหรี่กันอยู่ด้านหน้าคลับ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่กันแน่ กว่าจะได้ยินเสียงเปิดประตูแทรกเข้ามา

ผมหันกลับไปมอง เพราะรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากด้านหลัง เดฟยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเคร่งเครียดไม่ได้ถูกปรับให้ดีขึ้นในทันที มีอะไรบางอย่างกวนใจอีกฝ่ายอยู่

และผมอาจจะรู้ดี ว่ามันคืออะไร

“มันไม่มีอะไร”

นั่นเป็นสิ่งแรกที่เขาพูดขึ้นหลังจากกลับเข้ามาในห้อง ผมสบตากลับไปในความเงียบ รับรู้ถึงความจริงจังและการยืนยันคำพูดที่หนักแน่น

ลมหายใจถูกปล่อยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะแผ่วเบา

“ผมยังไม่ทันว่าอะไร” ผมแสร้งพูดพลางส่งยิ้มกลับ ก่อนที่มันจะเลือนหายไปเมื่อผมสำนึกได้ว่าไม่มีอะไรน่าตลกในเรื่องนี้ “คุณมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ คุยกับใครก็ได้ที่คุณอยากคุย ผมจะไม่ว่าอะไรหรอก.. นั่นไม่ใช่สิทธิ์ที่ผมมี”

“ฟังที่พูดสิ” เดฟพึมพำเป็นจังหวะเนิบช้า พร้อมๆ กับร่างที่ขยับเข้ามาใกล้ เขาพาตัวเองกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมๆ แบบที่ชอบทำ กักตัวผมไว้ในวงแขน พร้อมกับยื่นความรู้สึกของการตกเป็นรองให้

ถึงแม้จะสบตากลับไปไม่หลบ แต่ลึกๆ ผมก็รู้ดี ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายแพ้อีกครั้งในบทสนทนานี้

“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น นายสามารถพูดสิ่งที่นายรู้สึกได..”

“แต่ผมไม่มีอะไรจะพูด” ผมหลุดพูดแทรก ทั้งๆ ที่นั่นไม่ใช่วิสัยปกติที่จะทำ ความร้อนแปลกประหลาดแผดเผาในช่องอก ทำให้รู้สึกอึดอัดและอยากดิ้นรนออกจากที่นี่

“ถ้าฉันคุยกับเบน นายจะไม่ว่าอะไรจริงๆ น่ะเหรอ” เขาเลิกคิ้ว จรดลมหายใจอุ่นร้อนเข้าที่ผิวแก้มของผม แตะสัมผัสแผ่วเบาโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “ไม่มีอะไรจะพูด.. ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วย” น้ำเสียงตวัดสูงแสดงคำถาม

ความรู้สึกแปลกปลอมปะปนเข้ามาในการรับรู้ ผมหลุดส่งเสียงหยันในลำคอ ขณะที่เดฟยังไม่ยอมผละตัวออกไป

 “แล้วที่พูดออกมานั่น..” เขาผละใบหน้าออกไป เว้นระยะห่างระหว่างเราไว้เกือบคืบ “ใจดี หรือว่าแค่ถ่อมตัวกันแน่”

ผมเลี่ยงคำถามด้วยความเงียบ เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัวของอีกฝ่ายเพราะระยะห่างที่มีอยู่น้อยนิดแสดงทุกอย่างให้เห็น

“ดี” เดฟพูดเสียงห้วน ดวงตาสีเข้มจ้องผมเขม็งพร้อมกับปล่อยให้เวลาดำเนินไปช้าๆ ฝ่ามือข้างหนึ่งค่อยๆ รูดลงจากผนังที่ผมพิงอยู่ คว้าจับเข้าที่สะโพกก่อนจะออกแรงบีบหนักๆ

ผมกำลังจะอ้าปากขอให้ปล่อย แต่เสียงก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอ พร้อมกับใบหน้าที่สะบัดหันหนีตามกลไกของร่างกายเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร ริมฝีปากที่ฉกวูบเข้ามาเมื่อครู่ เบียดชิดอยู่ที่สันกราม

“ถ้างั้นทำไมนายถึงเป็นแบบนี้”

ผมทิ้งสายตาลงที่ลูกบิดประตู ฝ่ามือกำแน่นที่ช่วงอกแข็งแรง

ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจแผ่วเบา

“หันหน้ากลับมา” อีกฝ่ายออกคำสั่ง โดยที่ไม่ต้องรอให้ผมตอบรับหรือทำตาม ฝ่ามือแข็งแรงก็ล็อกเข้าที่ปลายคาง บังคับให้ผมหันทันทีที่พูดจบ

น่าแปลกที่สีหน้าของเดฟไม่เป็นไปตามที่ผมคาดเดา ความหงุดหงิดที่เคยฉายชัดอยู่ละลายหายไปจนเกือบหมด ปลายนิ้วโป้งอุ่นเกลี่ยที่แก้มผมเบาๆ ลากลงพลางปาดผ่านริมฝีปากอย่างจงใจ

“ถ้าไม่ได้ไม่พอใจ ไม่ได้รู้สึกอะไร ทำไมถึงทำท่าทางแบบนี้” เขาตั้งคำถามพร้อมกับมองมาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ “ไม่เห็นต้องเก็บเอาไว้เลยสักนิด ทำไมถึงคิดว่าไม่มีสิทธิ์.. นายพาผู้ชายคนอื่นออกไปคุยนอกสายตาฉัน ฉันไม่พอใจ ฉันจำเป็นต้องมีสิทธิ์อะไรพวกนั้นด้วยหรือไง”

ผมกะพริบตา แปลกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “อะไรนะ.. คุณหมายถึงผม กับโจเหรอ”

เดฟไม่ตอบคำถาม เขาใช้ดวงตาสีเข้มมองมานิ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าลงต่ำแล้วหลุดสบถออกมาโดยที่ผมจับใจความไม่ได้ “หึงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว หึงจนอยากรู้ว่าถ้าฉันทำแบบนั้นบ้าง นายจะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า”

“นั่นมัน..” ผมหลุดครางเสียงอ่อน เพิ่งรับรู้ว่าพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิมของอีกฝ่ายที่หน้าห้องเกิดจากอะไร

“หึงจนอยากปิดปากนี่ไว้ จะได้ไม่ต้องไปคุยกับใครที่ไม่ใช่ฉัน” ปลายนิ้วของเดฟวนกลับมากดนิ่งอยู่เหนือริมฝีปากล่าง ก่อนที่น้ำเสียงจะทอดแผ่วเบาในประโยคต่อมา “เมื่อไหร่จะเลิกเป็นแบบนี้สักที ปากหนัก ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้สึกอะไรตลอดเวลาแบบนี้น่ะ”

ผมหลบตา ภายในเริ่มกระตุกรวนจากคำพูดตรงๆ ของอีกฝ่าย

“ก็ผมเป็นแบบนี้..”

เดฟสูดลมหายใจลึก ใบหน้าแหงนเงยขึ้นจนเส้นผมตกลงระต้นคอ ฝ่ามือขยับออกจากใบหน้าผม หยุดค้างไว้ที่ผนังแข็งๆ เหมือนเดิม เวลาผ่านไปเกือบนาที ผมไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว จนกระทั่งเขาเริ่มพูดอีกครั้ง

“เอางี้ เล่นเกมกันดีไหม..” เดฟก้มหน้าลง พลางช้อนดวงตาขึ้นมองผม ประกายประหลาดเล็ดลอดออกมา ราวกับเขาเพิ่งคิดอะไรดีๆ ออก “คนชนะได้จูบคนแพ้”

“ไม่เอา” ผมรีบตอบแทบจะในทันทีที่ได้ยิน “เสียเปรียบเห็นๆ”

รู้ได้เลยว่าเสียเปรียบ โดยไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรองนานด้วยซ้ำ

“งั้นคนแพ้ได้จูบก็ได้” อีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“ไม่เอา”

คราวนี้เดฟขมวดคิ้วมุ่น เขาหลุดชักสีหน้าออกมา พลางกดตาจ้องผมนิ่ง

“ผมเล่นแล้วได้อะไร” กลายเป็นผมที่ต่อบทสนทนานี้ด้วยตัวเองเพราะทนสีหน้านั่นไม่ไหว

“ได้จูบฉันไง”

ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูก “ไม่”

เริ่มรู้สึกว่าร่างกายตัวเองรวนไปจากเดิม แค่เพราะมองเห็นภาพการกระทำแบบนั้นชัดเจนในหัว จูบของเดฟให้ความรู้สึกที่แปลกไม่เหมือนจูบอื่นๆ ในชีวิต มันเหมือนการโยนเอาระเบิดหรืออะไรสักอย่างเข้ามาในร่างกาย ทำให้รู้สึกร้อนและแปรปรวน ทั้งๆ ที่ภายนอกดำเนินไปอย่างเชื่องช้า

“ทำไม” เดฟถามเสียงสูง พร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้น ใบหน้าติดดุเอียงเล็กน้อย

 “ไม่เห็นจะอยากเลย” ผมกลั้นใจตอบไปห้วนๆ ใบหน้าเบือนหลบสีมองมาในระยะใกล้

“ไม่..” เดฟปฏิเสธห้วนสั้น ใบหน้าขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม ไม่ต่างจากตัวที่เบียดเข้ามาจนชิด “ทำไมถึงหน้าแดง”

ผมกัดริมฝีปากแน่น ทุกอย่างที่เก็บไว้ตอนนี้ถูกระบายออกไปทางสีหน้าจนหมด ผมรู้ข้อนั้นดี ไหนจะความร้อนที่ไล่ลามตรงใบหูและขมับนี่อีก

“รู้ไหม นายไม่มีสิทธิ์เลือกหรอกนะ” เดฟพูดเสริม รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นตรงมุมปากขณะที่เขาผละใบหน้าออกไป ฝ่ามือใหญ่คว้าจับเข้าที่ข้อมือพลางออกแรงกระตุกให้เดินตามไปที่เตียง

ร่างสูงขยับขึ้นไปนั่งขัดสมาธิด้วยท่าทางสบายๆ ขณะที่ผมเองก็ขยับนั่งใกล้ๆ เมื่อเห็นสายตาแสดงคำสั่ง โดยไม่รอให้ผมตอบตกลง เขาก็เริ่มพูดถึงเกมที่จะเล่นทันที “ฉันกับนาย ผลัดกันถามคำถามทีละข้อ ฉันจะนับถึงแค่สาม ถ้าโกหกหรือไม่ตอบ..”

ประโยคถูกเว้นเอาไว้แค่นั้น และผมรู้ดีว่ามันคืออะไร

ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ ใจหนึ่งอยากลุกหนีออกไป อะไรบางอย่างลึกๆ ในตัวกู่ร้องเตือนว่าคำถามที่จะได้รับต้องไม่ใช่คำถามง่ายๆ ธรรมดา

แต่อีกใจหนึ่ง.. ผมก็มองเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำความรู้จักผู้ชายคนนี้

“ถือว่าตกลงแล้วนะ” เดฟยิ้ม ก่อนจะเริ่มคำถามแรกด้วยคำถามที่ผมไม่คาดไม่ถึง

“ชอบฤดูไหนที่สุด.. 1.. 2..”

“ใบไม้ผลิ” ผมตอบ สับสนนิดหน่อยกับคำถามที่เพิ่งได้ยิน ผู้ชายตรงหน้านี้ชอบทำอะไรหลุดออกไปจากการคาดเดาเสมอ ผมน่าจะรู้สักที “แล้วคุณล่ะ”

อาจจะเพราะยังไม่ชินกับเกมแบบนี้ และผมไม่รู้ว่าควรจะต้องถามอะไร การถามกลับเป็นกระจกแบบนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ถูกหยิบมาใช้ และเดฟหลุดยิ้มออกมาพร้อมกับสีหน้าราวกับรู้อยู่แล้วว่าผมจะทำแบบนี้

“ฤดูร้อน” คำตอบนั่น ผมว่ามันก็เข้ากับเขาดี

“นายไม่ชอบฤดูอะไร..1..”

“ผมไม่ชอบฤดูหนาว” ผมมองเห็นเดฟพยักหน้า “แล้วคุณล่ะ..1..2..”

“ฉันจะไม่ชอบสักฤดู ถ้าไม่มีนายอยู่ที่นี่ด้วย”

ผมชะงัก รู้สึกถึงเลือดลมที่ตีวนใต้ผิวหนัง ฝ่ามือเผลอกำเข้าหากันแน่น และเดฟดูพึงพอใจกับท่าทางที่ผมหลุดออกไป แล้วรอยยิ้มพร้อมทั้งใบหน้าสบายๆ นั่นก็หายไปราวกับกดปุ่มหยุด

“นายคุยอะไรกับผู้ชายคนนั้น” เสียงของอีกฝ่ายจริงจัง

“.. เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน แค่มาถามว่าทำไมไม่ไปทำงานเลย แค่นั้น” สีหน้าของเดฟดีขึ้นหลังจากได้ยิน คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันค่อยๆ คลายออกช้าๆ จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายถามกลับ “แล้วคุณล่ะ”

...

“คุณคุยอะไรกับเบนคนนั้น” ในยามปกติ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะถามคำถามแบบนี้ออกไป แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เดฟเป็นคนที่เริ่มมันขึ้นก่อน และคงไม่แปลกอะไรถ้าผมจะถามกลับในคำถามเดียวกัน

“เขาบอกว่าขอโทษ อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม” เดฟตอบไวราวกับคำตอบนั้นถูกเตรียมในหัวมาก่อนแล้ว “นายตอบเขาไปว่าอะไร..1..”

“ผมบอกว่าคงไม่ได้กลับไปทำแล้ว ขอบคุณที่ช่วยเหลือมาตลอด” ผมตอบ และคราวนี้ชะงักคำถามที่จะถามไว้ในคอ ยังไม่กล้าถามออกไป และยังไม่อยากได้ยินคำตอบที่จริงจัง

เดฟกำลังมองมาอย่างรอคอย และเมื่อผมไม่พูดอะไร เขาก็ชิงตอบเองโดยที่ผมไม่ต้องถาม

“ฉันตอบกลับไป ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะขอแบบนี้อีก.. ในเมื่อฉันไม่มีวันทำแบบนั้น”

ในตอนนั้น ตอนที่ได้ยิน.. เหมือนทุกความกังวลในใจตัวผมถูกสลายหายไปหมด แค่เพียงประโยคเดียว ทำให้เกิดความสบายใจได้จนน่าตกใจในอำนาจของลมปาก

“แล้วตกลงว่านาย หึงฉันบ้างหรือเปล่า” คำถามนี้ทำให้ลมหายใจของผมสะดุด ดวงตาของเดฟหรี่ลง ก่อนที่เสียงทุ้มจะเริ่มนับ นับตัวเลขไปเรื่อยๆ ขณะที่ข้างในผมกระวนกระวายจนแทบคลั่ง

“1.. 2..” เดฟหยุดไว้ที่เลขสอง ราวกับจะยืดเวลาเพื่อช่วยต่อชีวิตของผม ความครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ เกาะกุมทั่วผิวกาย ผมจิกปลายนิ้วลงกับหน้าตัก ความสับสนในหัวกำลังหวีดร้อง

“..3”

รอยยิ้มที่มองเห็นทำให้ผมหลุดจากการเป็นตัวเอง ร่างกายไม่กล้าขยับเขยื้อน แม้กระทั่งตอนที่เดฟออกแรงดึงผมให้ขยับเข้าหา ทั้งร่างถูกยกขึ้น ก่อนจะวางให้นั่งซ้อนบนตักแข็งแรง ท่อนแขนอุ่นสอดรัดเข้าที่หลัง ออกแรงดันให้ตัวผมยิ่งขยับเบียดใกล้กว่าเดิม

จูบในครั้งนี้ให้ความรู้สึกราวกับโดนลงโทษ ตักตวงและแนบชิดเข้ามาลึกซึ้งเหมือนจะกระชากเอาทุกความจริงที่ผมไม่ยอมรับออกมา

เสียงลมหายใจหอบดังอยู่ในกกหู ผมเบือนหน้าหนี ใบหูร้อนฉ่าสัมผัสได้ถึงแรงขบเม้มแผ่วเบา “ถามต่อสิ”

“ผม..” ผมผงะถอยหลัง ร่างกายเกร็งเครียดจนสั่นเบาๆ ก่อนที่ผมจะสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์

“คุณ ชอบกินอะไร” ผมเปลี่ยนเรื่อง แน่นอนว่าจะไม่ถามกลับด้วยคำถามจำพวก ‘แล้วคุณล่ะ’ อีก ในเมื่อเขาเพิ่งพูดกรอกหูอยู่ปาวๆ เมื่อครู่ว่าหึงหวงแค่ไหน

“1...2..”

ผมไม่คิดว่าคำถามที่ถามไปยากจนเดฟตอบไม่ได้ แต่เหมือนอีกฝ่ายต้องการจะแกล้งผม ด้วยการปล่อยให้ต้องพูดเยอะขึ้นทั้งๆ ที่เสียงยังสั่นอยู่แบบนี้

ร้าย..

“ฉันกินได้ทุกอย่าง นายจะทำหรือซื้ออะไรให้กินฉันก็ชอบทั้งนั้น” ผมหลุดหัวเราะสั้นๆ ออกมากับการจีบที่เพิ่งได้รับ

บ้าชะมัด ผู้ชายคนนี้

เดฟไม่ยอมถามกลับ มีเพียงดวงตาที่กะพริบแผ่วเบา มันเข้มขึ้นราวกับจะดึงดูดให้ผมจมลึกไปในการมอง แรงกอดกระชับขึ้นคล้ายป้องกันผมหนีหายไป

ผมนึกสงสัย ว่าคำถามในรอบนี้จะเป็นคำถามแบบไหน

แต่ความสงสัยนั้นก็มีตัวตนอยู่ไม่นาน

“ชอบฉันไหม” เดฟถาม ก่อนจะย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เริ่มที่จะรู้สึกชอบผู้ชายคนนี้บ้างหรือยัง”

ผมนิ่งไปราวกับถูกแช่แข็ง กับคำถามแบบนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในร่างกายตัวเอง จับสัมผัสไม่ได้ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ หรือเสียงเซ็งแซ่ในหัว ความนิ่งงัน ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นพร้อมกันจนผมแยกแยะมันไม่ออก

สิ่งเดียวที่ระลึกได้ตอนนี้ มีแต่คำถามนั้นดังซ้ำไปซ้ำมา

ไม่รู้ว่าเดฟหยุดนับเลขไปตอนไหน แต่เรียวลิ้นที่กวาดย้ำในโพรงปากทำให้ผมรู้ว่าผมนิ่งคิดเกินเวลาไปมาก ผมถูกกวาดต้อนให้วิ่งไปในทิศทางที่เขาต้องการ เรียวขาขยับชันขึ้น ขยับเสียดสีช่วงสะโพกของอีกฝ่าย ปลายเท้าสัมผัสกับผ้าปูเตียงที่เย็นจากอากาศรอบตัว

ริมฝีปากอุ่นผละออกไปแล้ว แต่ความรู้สึกร้อนและละลายเป็นอะไรเหลวๆ ยังติดค้างอยู่ในห้วงความรู้สึก

ผมกลืนน้ำลาย เลือกที่จะแหงนหน้าขึ้นสูง ทิ้งสายตาให้จรดจ่ออยู่กับเพดานเก่าๆ

ภายในช่องอก ยังไม่หยุดเต้นรัวจนน่าอึดอัด

ริมฝีปากของเดฟกดทาบลงมาอีกครั้ง ขบกัดเบาๆ ตรงช่วงคอ ผมเผลอเกร็ง ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำบงการ

“ถาม”

“.. คุณ” ผมควานหาเสียงของตัวเองในอากาศ ดวงตาปิดแน่น “กำลังทำอะไรอยู่”

ได้ยินเสียงหัวเราะ พร้อมกับจูบที่พรมลงจนหยุดที่ซอกคอ “กอดนายไง” ไม่พอ ยังมีการรัดตัวผมแน่นขึ้นเสริมคำตอบอีกด้วย

“ชอบฉันแล้วหรือยัง” คำถามเดิมถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ผมเม้มปาก จ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง

“ผมเพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ได้ด้วย”

เดฟไม่ตอบ แล้วก็ไม่ปฏิเสธอะไรออกมา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายวาบบนริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะเริ่มนับ “1...”

“ขี้โกงนี่” ผมท้วง มองเห็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้นราวกับเขาไม่สนใจคำกล่าวหานั้น

“2…” น้ำเสียงทุ้มทอดเนิบช้า ก่อนที่ผมจะยกสองมือขึ้นดันอกอีกฝ่ายไว้

เดฟเลิกคิ้ว ดวงตาหลุบต่ำมองการกระทำนั้นด้วยสีหน้าที่เริ่มกลับมานิ่งสงบ เดฟไม่ได้พยายามดึงผมเข้าหาหรือดันตัวเองเข้ามาบังคับจูบ ผมเกือบจะสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะหลุดร้องอุทานออกมาเพราะร่างกายที่โดนผลักถอยหลังไปในทิศทางที่ไม่ได้เตรียมใจไว้

แผ่นหลังสัมผัสกับเตียงนิ่ม พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาคร่อมทับโดยไม่เว้นจังหวะให้หนี “…3”

เสียงดังขึ้นห้วนๆ ฝ่ามือของผมวางเกะกะอยู่ข้างลำตัว ยังไม่ทันจะยกขึ้นมาช่วยเหลืออะไรตัวเอง ริมฝีปากร้อนก็กดเบียดลงมา ศีรษะของผมถูกลูบด้วยสัมผัสหนักๆ จากฝ่ามือ ใบหน้าถูกจับบังคับให้ขยับเงยขึ้นรับจูบที่อีกฝ่ายมอบให้

มือทั้งสองข้างเผลอตวัดขึ้นวางบนไหล่กว้าง ผมจิกกำเสื้อยืดใต้ฝ่ามือไว้แน่น เสียงครางประท้วงในลำคอหลุดลอดออกมาเมื่อร่างกายเริ่มทนไม่ไหว เสียงดูดดึงริมฝีปากล่างดังขึ้นอีกเป็นเสียงสุดท้าย ก่อนที่เดฟจะผละถอยกลับไป พร้อมกับปากของผมที่เริ่มเห่อช้ำ

“ไม่เล่นแล้ว” ผมร้อง หลังจากพยายามโกยลมหายใจตัวเองกลับเข้าปอดอยู่ร่วมนาที แต่เดฟก็ยังปักหลักอยู่ที่เดิม นอกจากจะไม่ลุกขึ้นแล้วยังจรดริมฝีปากลงมาใหม่อีกครั้ง แตะทาบกรอบหน้าของผม พรมจูบย้ำๆ ลงต่ำ.. ช่วงคอ กระเดือก หลุมเล็กๆ ตรงกลางไหปลาร้า แผ่นอกของผมยกขึ้นสูงพร้อมกับการกลั้นหายใจ เมื่อฟันคมๆ ลากผ่านผิวเนื้อที่ลอยขึ้นมาเพราะกระดูก ดวงตาหลุบมองร่างของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ขยับลงต่ำ

“เดฟ” ผมส่งเสียงเรียก มองเห็นการชะงักเล็กๆ ของอีกคน “ไม่เล่นแล้วได้ไหม”

ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไปเมื่อเดฟเผยรอยยิ้มออกมา

“ถือว่านั่นเป็นคำถามนะ.. ไม่ได้” เดฟคลานเข่ากลับขึ้นมาอยู่ที่เดิม ฝ่ามือยกขึ้นปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าผมอยู่ออก ก่อนที่ปลายนิ้วจะจับมันทัดเข้าที่หลังใบหู “ฉันปล่อยนายไว้นานเกินไปแล้ว”

ผมเม้มปาก ทั้งๆ ที่น้ำเสียงเนิบช้าทอดอ่อน แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเอาจริงเอาจังกว่าทุกทีในเสียงที่ได้ยิน

“ชอบฉันบ้างหรือเปล่า” เดฟเว้นช่องว่างระหว่างใบหน้าเราไว้เกือบสองฝ่ามือ ดวงตาจ้องลึกเข้ามาในตาผมราวกับจะแสวงหาคำตอบหรือความรู้สึกแบบที่เขาชอบทำ

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มในตอนนี้ เจือแน่นไปด้วยความคาดหวัง

ผมไม่คิดว่าการพูดออกไปเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากคือการยอมรับความคิดนั้นกับตัวเอง

ผมจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้ ผมจะเคว้งคว้างถ้ามองไปแล้วไม่เห็นเดฟอยู่ในสายตา ผมจะอ่อนแอและเอาแต่เรียกร้องให้อีกฝ่ายเข้ามาเติมเต็ม ผมจะไม่ใช่ผมคนเดิม คนที่สามารถทำอะไรด้วยตัวเองและไม่ต้องการคนอื่นอีกต่อไปแล้ว

การยอมรับความคิดแบบนั้น ทั้งๆ ที่นั่นเป็นตัวตนที่ผมยอมรับในตัวเองมาตลอดทั้งชีวิต เป็นเรื่องที่ยากกว่าที่เคยคิดเอาไว้

ผมหลบตา ใช้ความคิดอย่างหนักในการชั่งตวงความรู้สึกที่แท้จริง

ผมไม่อยากได้อะไรที่ฉาบฉวย ไม่อยากดึงความรู้สึกปลอมๆ มาเรียกว่าเป็นของจริงและทำให้ตัวเองอ่อนแอโดยไร้ประโยชน์

แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ผมแก้มันไม่ได้ภายในหนึ่งหรือสองนาที

เดฟถึงได้ดูเหมือนถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเขาอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อมมือออกไป

“คิดจะเอาความคลุมเครือมาแลกความชัดเจนไปอีกนานแค่ไหน”

ผมยังหลบตา ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำแบบที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ ไม่ใช่ไม่คิดตาม ระหว่างที่เว้นหน้าที่ให้ความเงียบเข้าทำหน้าที่แทนอย่างตอนนี้

“ฉันแก้ตัวทุกครั้งที่นายเข้าใจผิด ยืนยันทุกครั้งที่นายเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ ฉันบอกว่าฉันชอบนาย แล้วอะไรทำให้ฉันไม่สมควรได้รับการกระทำพวกนั้นกลับคืนเหรอ” เดฟหยุดมือที่ลูบหัวผม ก่อนจะดึงกลับไป ดวงตาคมหรี่ลง ขณะที่ใบหน้าแสดงคำถาม “ฉันไม่คู่ควรพอหรือทำอะไรผิดไปตรงไหนเหรอ”

ผมเม้มปากแน่น และคราวนี้เดฟไม่ยอมนับเลขสักตัว เขาปล่อยให้ผมใช้เวลาเท่าที่ต้องการเพื่อหาคำตอบในคำถามนี้

“ถ้ารู้สึกเหมือนฉันก็แค่พูดออกมา.. ถ้าไม่รู้สึก ไม่ได้ชอบเลยสักนิด ก็แค่พูดออกมาเหมือนกัน ทำไม่ได้เหรอ” เดฟหลุดเร่งเร้าเมื่อผมปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่าที่ควรจะเป็น แววตาที่ฉายชัดถึงความหวังและความมั่นใจ เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นวิตกกังวลเมื่อผมยังเอาแต่เงียบและจมอยู่กับความคิดในหัวของตัวเอง

ภายในร่างกายผมกำลังทำงานอย่างหนัก ทุกๆ อย่างผิดแผกและไม่เหมือนเดิม

ชอบ.. หรือไม่ชอบ

ยอมรับ.. หรือปฏิเสธ

“ก็ถ้าไม่ได้คิดอะไรกันเลย หรือฉันไม่ควรจะได้ยินคำพวกนั้น.. ก็ช่างมันแล้วกัน”

ดวงตาของเดฟหม่นวูบจนน่าใจหาย เขาสะบัดหน้าลงต่ำพร้อมหลุดรอยยิ้มกลวงๆ ออกมา ขณะที่ผมก็ยังเอาแต่ต่อสู้กับเสียงในหัว ทุกอย่างในตอนนี้บีบบังคับให้ผมรู้สึกกดดัน และยิ่งทำให้ร้อนจนอยู่ไม่ติดที่เมื่อเดฟทำท่าจะผละออกไป

เดฟชะงัก ฝ่ามือเท้าเข้ากับเตียง ขณะที่ท่อนแขนเหยียดตรงคล้ายคนกำลังจะลุก ดวงตาสีเข้มหลุบลงมองมือผมที่กำเสื้อยืดตรงหน้าท้องตัวเองไว้

“คุณยังไม่ได้นับถึงสาม” ผมท้วง

เดฟจ้องกลับมาด้วยแววตานิ่งเรียบ ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา แต่เขาก็ยอมหยุดแล้วเริ่มนับ

“1..” เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าผมกำลังทำบ้าอะไร เหมือนกันกับที่ผมไม่เข้าใจในตัวเอง

“2…” เดฟลากเสียงเอื่อยเฉื่อย ดึงเวลาให้ยาวนานขึ้น และเหมือนเดิม ผมยังคงเงียบ รับโอกาสที่เขามอบให้ พร้อมทั้งปล่อยให้มันหมดไปโดยไม่คิดจะทำอะไรเพิ่ม

“3..” หลังจากเลขสุดท้ายถูกปล่อยออกมา ทั้งผมและเขาก็โดนผลักเข้าสู่ความเงียบอย่างสมบูรณ์ เดฟมองมาด้วยสายตาเหมือนไม่เข้าใจในการกระทำของผม ก่อนที่รอยยิ้มจางๆ จะปรากฏขึ้นและร่างกายที่เริ่มถอยหลังออกไปอีกครั้ง

“เดี๋ยว” ผมพูดขัดอีกครั้ง ชัดเจนในตัวเองแล้วว่าที่ผมยังเอาแต่รั้งอีกฝ่ายอยู่แบบนี้เป็นเพราะอะไร

“เมื่อกี้ผมแพ้ไม่ใช่เหรอ” ดวงตาของผมหลุกหลิกไปมา เริ่มทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้จะต้องพูดอะไรให้เข้าท่าในเวลานี้

เดฟมองมาอย่างสงบ ขณะที่ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะเส้นผมสีดำสนิท

“จูบสิ”

พอถูกบีบ การกระทำโง่ๆ ที่ส่งตรงจากสมองก็ถูกกระทำโดยปราศจากการไตร่ตรองเช่นทุกที ทั้งๆ ที่เริ่มรู้ว่าแล้วว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงพูดมันออกมาไม่ได้สักที

เดฟส่ายหน้าเล็กๆ สองสามครั้งราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนที่ฝ่ามือของผมจะถูกปัดออก พร้อมกับริมฝีปากที่เบียดทับลงมา แต่จูบนี้แตกต่างออกไปจากจูบครั้งก่อนๆ เดฟแค่แตะริมฝีปากแนบชิด ค้างอยู่ชั่วครู่แล้วผละออกไป

ผมผวาไขว่คว้าร่างของอีกฝ่ายไว้ เริ่มรู้สึกอึดอัดในช่องอก และมันเริ่มขยายตัวเป็นวงกว้างจนผมต้องรีบหาทางทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆ พวกนี้

“อย่าไป” ผมห้าม ขณะที่ดวงตาประสานกับเดฟที่ยังนิ่ง “รู้ไหมว่าผมคิดอะไรอยู่.. 1..2…”

“3” ผมนับมันโดยไม่เว้นจังหวะให้เขาคิดนาน “ชนะ”

เดฟขมวดคิ้ว คล้ายกับเขากำลังสับสนในการกระทำที่ดำเนินอยู่ของผม แต่ผมคิดอะไรไม่ออกสักอย่างเดียวในเวลานี้ มีเพียงร่างกายที่ขยับไปเรื่อยๆ ฝ่ามือออกแรงดึงเดฟให้ขยับเข้าใกล้อีกครั้ง ก่อนจะวางทาบลงตรงต้นคออุ่น ผมไล้ปลายนิ้วโป้งผ่านใบหู หยุดค้างตรงสันกรามที่บดเข้าหากัน

กลายเป็นผมเองที่ดันตัวขึ้นจูบอีกฝ่ายพลางใช้ฟันกัดเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างจนเดฟอ้าปากออก ฝ่ามือที่ค้างอยู่ตรงท้ายทอยขยับเปลี่ยนเป็นใช้ท่อนแขนกอดจนแน่น จูบเนิ่นนานยิ่งตีสติที่ฟุ้งซ่านของผมให้แตกกระจาย ความร้อนไล่ลามตั้งแต่ช่วงขมับไปจนถึงเปลือกตา เราผละออกจากกัน ก่อนที่ผมจะขยับริมฝีปากเข้าชิดกับเขาอีกครั้ง

“อย่าไป”

เดฟหลุดสีหน้าครุ่นคิดออกมา ก่อนที่เขาจะผุดลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเหมือนเดิมโดยกระชากร่างของผมตามไปติดๆ มือใหญ่คว้าจับเข้าที่ปลายคางพร้อมออกแรงบีบบังคับไม่ยอมให้หันหน้าหนี

ผมรู้ว่าในครั้งนี้ ผมได้รับโอกาสอีกครั้ง

“นายรู้สึกยังไงกันแน่... ชอบฉันหรือเปล่า” เขาถามซ้ำอีกครั้ง พร้อมตรึงดวงตาผมไว้ดวงความจริงจัง ไร้ซึ่งการล้อเล่นบนใบหน้าอีกต่อไป

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างยากลำบาก ความรู้สึกติดขัดค้างคาอยู่ตรงปลายจมูกและลำคอ มือทั้งสองข้างยกขึ้นวางทาบมือของเดฟที่ล็อกใบหน้าผมอยู่เบาๆ ออกแรงดึงให้เขายอมปล่อยออกพลางแนบริมฝีปากลงไปหนักๆ

เดฟมองการกระทำนั้นด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก จนกระทั่งผมขยับตัวขึ้นสูงแล้วโถมตัวใส่วงแขนที่อ้ารับ จูบดื้อดึงเอาแต่ใจถูกยื่นให้อีกฝ่ายด้วยตัวผมเอง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมถึงเลิกทำแบบนั้น

มีไม่กี่อย่างที่ยังติดค้างอยู่ในห้วงความทรงจำ

เรียวลิ้นอุ่นชื้น ฝ่ามือที่บีบช่วงเอว ตักกว้างที่ผมนั่งทับอยู่ ลมหายใจคลอเคลียอยู่ตรงจมูก และดวงตาสีน้ำตาลเข้มอมดำ

น้ำใสๆ เจือจางอยู่ในดวงตา ผมกดหน้าผากลงที่บ่ากว้าง มองเส้นผมที่ตกลงบนช่วงไหล่อย่างคนคิดอะไรไม่ออก

“.. ชอบ”

ลมหายใจของเดฟชะงักไปเสี้ยววินาที ผมเอียงศีรษะ หันสายตาเข้ากับลำคอและผิวสีแทน “ชอบ.. จนรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้เลย”

นั่นเป็นคำสารภาพแรกที่ผมยอมมอบให้อีกฝ่าย

ได้ยินเสียงเม็ดฝนตกกระทบหน้าต่าง จากเบาเริ่มกลายเป็นดังขึ้นเรื่อยๆ

ได้ยินเสียงอื้ออึงในกกหู

พร้อมกับจูบที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้คำถามคั่นกลาง กับวงแขนอุ่นที่กอดรัดร่างของผมไว้ทั้งคืน







____
#เดฟฟลอยด์


1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #112 เมื่อ15-04-2017 02:06:52 »

เขาบอกชอบกันเเล้วค่าาาาาา ไม่สิ  :z2: ต้องบอกว่าฟลอยบอกชอบเดฟแล้วววววว ลุ้นและดีใจแทนเดฟจริงๆขอหวานๆอีกอย่ามีดราม่ามาขัดเลยยย เอาบีออกไปไกลๆด้วย5555555  :hao6:

ออฟไลน์ ijuney

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #113 เมื่อ18-04-2017 22:58:27 »

สนุกมากก รีบมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #114 เมื่อ22-04-2017 03:29:12 »

โอ้โห รักเรื่องนี้มากแบบมากกกกกก
มากกกกกกก รักผู้ชายแบบเดฟมากกกกก
อันตรายแต่แบบ ดูเป็นคนดีจริงๆ
น่าอิจฉาเจนินมากๆ เอาจริงๆเธอไม่ควรเล่นตัว
อย่างที่บอก ไม่ใช่แค่โสเภณีกะเด็กนะที่อยากได้
ใครๆก็อยากได้เขา พูดเลย
สมน้ำหน้านังบี ทิ้งเขาไปเป็นไงล่ะ หึหึ และห้องติดกันด้วยนะ
นอนไม่ต้องหลับกันแล้ว จมกองน้ำตาไป
ยัยเจนินก็ชอบปากแข้ง จะอะไรนักหนาหะะะ บอกไปสิ ชอบก็คือชอบบบ
อย่ามาเล่นตัววววววว ไม่งั้นจะแย่งแล้วนะ  :katai4: :katai4:
รักคนเขียนค่ะ ภาษาเหมือนเป็นนิยายแปลเลย
ขอบคุณนะคะที่แบ่งปัน  :mew1:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #115 เมื่อ22-04-2017 12:57:50 »

เฮียเดฟ!!! หนูดีใจด้วยนะ ในที่สุดเมียเฮียก็ยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วอ่ะ :mew4: :mew4: อย่าทำร้ายฟลอยด์น้อยนะหลังจากนี้อ่ะ :katai5:

//รอร๊อรอ~

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #116 เมื่อ22-04-2017 13:40:38 »

ฮั่นน่อววววววว ที่แท้เดฟหึงนี่เอง  :hao7:  :serius2:

ออฟไลน์ R.michi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #117 เมื่อ07-02-2018 02:18:49 »

โอ้ยยย เรื่องนี้มันดี ชอบ :katai2-1:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #118 เมื่อ26-05-2018 18:13:48 »

มาอ่านตอนที่เค้าไม่มาต่อฮือๆๆๆ :o12:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
«ตอบ #119 เมื่อ21-06-2018 21:06:59 »

รอ ไรท์มาต่อนะ  สนุกมากกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด