I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: I BITE :: Chapter.22 Count To Three (06/04/2560)  (อ่าน 35620 ครั้ง)

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: I BITE :: Chapter.17 Who'll Stop The Rain (27/01/2560)
«ตอบ #60 เมื่อ27-01-2017 21:59:14 »

โจกลายเป็นคนที่ทำให้เดฟเป็นพระเอกในใจฟลอยด์แบบชัดเจน
ตกลงเราควรขอบคุณเขาเนอะ...ถึงแม้จะอยากซ้ำแผลที่โดนต่อยอีกหลายครั้ง 555

ลุ้นตอนต่อไปค่ะว่าเดฟจะได้ไปต่อหรือไม่ อิอิ

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: I BITE :: Chapter.17 Who'll Stop The Rain (27/01/2560)
«ตอบ #61 เมื่อ27-01-2017 22:33:30 »

รู้สึกอบอุ่นแทนฟลอยด์เลย เดฟฟฟฟฟนายทำเราเขินนโอ้ยยยยยย  :ling1:

ออฟไลน์ toru10969

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: I BITE :: Chapter.17 Who'll Stop The Rain (27/01/2560)
«ตอบ #62 เมื่อ28-01-2017 00:51:08 »

 :monkeys: เดฟอบอุ่นมาก
รอบนี้ลุ้นมาก จะเป็นยังไงต่อ ฟลอยด์กับเดฟจะเลือกทางเดินเส้นกันต่อ :ling1:

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.18 Behind The Wall (28/01/2560)
«ตอบ #63 เมื่อ28-01-2017 02:31:22 »


18_
Behind The Wall




สีหน้าแบบนั้น..

มุมปากผมกระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กๆ เพราะท่าทางของอีกฝ่ายไม่หลุดลอดสายตาไป แม้เจ้าตัวจะพยายามกดมันไว้แค่ไหนก็ตาม

เดฟชะงักค้างไปแทบจะในทันทีที่ได้ยิน ดวงตาที่มองมาให้ความรู้สึกเหมือนกับร่างกายกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หัวใจผมเต้นกระตุกแรงจนเจ็บหน้าอก ก่อนที่ใบหน้าจะเบือนออกในตอนที่เดฟโน้มใบหน้าเข้ามา

ลมหายใจอุ่นร้อนแตะค้างอยู่ตรงข้างแก้ม

ผมกระชับวงแขน สัมผัสเนื้อเสื้อยืดตรงปลายนิ้ว หลายๆ อย่างตีกันอยู่ภายในจนผมนึกรำคาญตัวเองขึ้นมา

“หาอะไรดื่มกันไหม” ผมถามออกไป สายตาทิ้งลงที่พื้น ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนาที่ยังจรดปลายจมูกกับผิวเนื้อของผม

“อยากดื่มอะไร” เขาถามกลับเสียงเรียบ เป็นอีกครั้ง ที่ผมสำนึกได้ว่าทำให้อีกฝ่ายต้องตกที่นั่งลำบากจากการพยายามฝืนตัวเอง

แต่ตัวผมในตอนนี้.. ให้ความสนใจกับความจริงข้อเท่าเทียบได้เป็นศูนย์

เดฟสูดลมหายใจเข้าลึก ยาวนาน ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมาราวกับกำลังตั้งสมาธิ ฝ่ามือที่สอดอยู่ใต้บั้นท้ายผมค่อยๆ คลายออกช้าๆ ปล่อยตัวผมให้กลับไปยืนนิ่งอยู่บนพื้นอีกครั้ง

ใช้เวลาอยู่พอสมควร กว่าเดฟจะผละตัวออกไปได้แบบสมบูรณ์ ร่างสูงดูงุ่นง่าน ก้าวนำผมไปยังห้องครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับขวดแจ็คแดเนียลถึงสองขวด

อย่างน้อยก็ดีกว่าเบียร์.. ในตอนที่ทั้งร่างกายผมเต็มไปด้วยเหล้าแบบนี้

“ขอบคุณ” ผมพึมพำ ทิ้งแผ่นหลังตัวเองพิงกับโซฟาที่ยวบลงไปจากน้ำหนักตัว เดฟทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้จนอยู่ในระยะเอื้อมถึง

กลิ่นที่ผมไม่ได้สัมผัสมานานเจือปนอยู่ตรงปลายจมูก ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปในริมฝีปากพร้อมกับรสร้อนที่บาดขัดตามลำคอ

ผมไม่ใช่คอแอลกอฮอล์.. พูดให้ถูกก็คือ ไม่ใช่คนที่ดื่มมันบ่อยครั้งนักในชีวิต

มีเพียงแค่ช่วงเดียวเท่านั้นที่ผมเสพเอาความมึนเมาพวกนี้เข้าไปในร่างกาย ช่วงที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินที่มีอยู่กับอะไรอีกแล้ว.. ช่วงที่ไม่มีใครที่ผมจะต้องคอยห่วงว่าจะรู้สึกไม่ถ้าได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวของผม

ช่วงที่ผมเหลืออยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้

ในตอนนั้น ผมใช้มันเป็นเครื่องมือในการก้าวผ่านแต่ละวัน ทุกความรู้สึกสะอิดสะเอียน โศกเศร้าและหงุดหงิดถูกระบายลงกับการนั่งเงียบๆ อยู่มุมคลับและดื่มพวกมันเข้าไปราวกับน้ำเปล่า

มอมเมาให้ความรู้สึกนึกคิดผิดรูปไปจากเดิม ก่อนจะพาตัวเองกลับไปนอนบนเตียง สบตากับผู้ชายที่ผมไม่แม้แต่จะรู้จักมาก่อน คนแล้วคนเล่า

ชีวิตที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่างถูกใช้จ่ายไปเรื่อยๆ จนผมนึกรังเกียจตัวเองจนทนไม่ไหวขึ้นมา

แล้วรถกระบะคันใหญ่ที่กำลังจะขับผ่านหน้าไปก็กระตุกความคิดแปลกประหลาดขึ้นมา ผมเริ่มเหยียดแขนออกไปข้างหน้า สัญลักษณ์ที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต รู้ตัวอีกที ผมก็ขึ้นไปอยู่หลังรถคันนั้นแล้ว รถที่มุ่งหน้าไปที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่แม้แต่จะสนใจในข้อนั้นด้วยซ้ำ

บ้าบิ่นเหลือเกิน ตัวผมในเวลานั้น..

ถ้าถูกจับได้ อาจจะตายแล้วโดนยัดศพไว้ที่ไหนสักที่ก็ได้ หรือไม่บางที.. ก็อาจจะแค่ถูกซ้อมแล้วลากกลับไปที่เดิม ถึงแม้ใครๆ จะกล่าวเยินยอว่าไม่มีใครกล้าทำอันตรายผมก็ตาม ด้วยความที่เป็นหน้าเป็นตาและเป็นลูกรักของที่นั่น

ผมหลุดหัวเราะออกมากับความคิดในหัว

ก่อนจะระลึกได้ว่าไม่ใช่ตัวเองที่นั่งอยู่ที่นี่คนเดียว เดฟจ้องมองมา เขายกแจ็คขึ้นดื่มช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก

เสียงหัวเราะเริ่มแผ่วเบาลง จนกลายเป็นความเงียบในที่สุด ผมแต้มรอยยิ้มเล็กๆ ไว้ตรงมุมปาก สบตากับอีกฝ่ายเนิ่นนานราวกับกำลังเล่นเกมแข่งจ้องตา

รู้ตัวอีกที.. ผมก็ไม่สามารถขยับการมองเห็นไปไว้ที่ไหนได้อีก

คิ้วเข้มที่พาดอยู่เหนือดวงตาคมดุ โหนกแก้ม จมูกโด่งสวย ริมฝีปาก.. ผมจ้องมองทุกอย่างไปเรื่อยๆ พร้อมกับความทรงจำเก่าๆ ในหัวที่เริ่มหลุดลอยหายไป

เข็มนาฬิกาขยับไปข้างหน้าเป็นจังหวะคงที่ เพราะว่าเงียบมากเกินไป เสียงของเข็มถึงได้ดังลั่นราวกับมันมาเคลื่อนที่อยู่ข้างหู

ความร้อนเริ่มลุกลามใหญ่โต แผ่ขยายขึ้นมาจนถึงขมับและครอบครองพื้นที่ใต้เปลือกตา ขวดแจ็คที่เหลืออยู่น้อยนิดถูกทิ้งลงตรงช่วงหน้าท้องเพราะฝ่ามืออ่อนเปลี้ยไปหมด

เดฟจ้องมองทุกการกระทำด้วยความนิ่งงัน เพราะหลอดไฟที่เปิดอยู่นั้นอยู่ไกลออกไปจากบริเวณนี้ ผมเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา

ไม่รู้ จนกระทั่งร่างกายยืดตัวขึ้น แล้วเดินตรงไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

เสียงขวดแก้วปะทะกับพื้นไม้ที่มีพรมรองอยู่ ผมหายใจเข้าออกไร้จังหวะจากความประหม่าที่สุม สัมผัสเปียกๆ ตรงหน้าท้องกับเนื้อเสื้อเชิ้ตที่แนบชิดเสียดสีสร้างความรำคาญเล็กๆ ตอนขยับ

ผมหลุบตาลงต่ำ เสียงหายใจดังก้องอยู่ในกกหู ย้ำเตือนว่าผมอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ

“…” ผมเผยอปากเล็กน้อย ตอนแรกนั้น ตั้งใจว่าจะพูดอะไรสักอย่างออกไป

อะไรสักอย่าง..

เดฟกำลังตั้งใจฟัง เขามองมาอย่างรอคอยว่าผมกำลังจะทำอะไรต่อไป แล้วความหงุดหงิดหัวเสียก็แทรกขึ้นกลางสมอง พร้อมๆ กับความรู้สึกของการทำอะไรไม่ถูก และยิ่งทำอะไรไม่ถูกหนักขึ้นไปอีก เมื่อขวดแจ็คที่ควรจะอยู่ในมือของเดฟ ตอนนี้ถูกกำแน่นอยู่ในมือของผม

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..

ที่แย่งมาถือเอาไว้

“.. โอเคหรือเปล่า” เขาถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ ฝ่ามือขยับขึ้นแตะหลังมือผมเบาๆ

ผมเม้มปาก ใบหน้าสะบัดส่ายไปมา พร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ถี่รัวขึ้น ขวดเหล้าในมือตกลงนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น

ผมคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง..

แม้กระทั่งตอนที่หัวเข่ากดทาบเข้าตรงสะโพกแข็งแรง หน้าท้องเสียดสีกับร่างกายอุ่นร้อน ขณะที่ฝ่ามือจิกแน่น รับเส้นผมนุ่มนิ่มให้แทรกตัวตามง่ามนิ้ว

สัมผัสอุ่นลากไล้เข้าตรงหลังสะโพก พร้อมกับริมฝีปากที่ผมจงใจบดเบียดลงไป

ถูก.. หรือ ผิด

ผมตัดสินอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว

เรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันในปาก ผมเอียงใบหน้าให้ได้องศา ขณะที่ร่างกายยืดสูงขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่เหนือกว่า ใบหน้าของเดฟแหงนเงยขึ้นตามง่ายๆ ราวกับไม่ต้องการจะผละหลุดจากผมแม้แต่วินาทีเดียว ฝ่ามือทั้งสองข้างไล้ลงตามกรอบหน้า ลำคอ และหยุดวางนิ่งๆ บนบ่ากว้าง

ในช่องอกถูกเติมเต็มด้วยความวูบไหวรุนแรง

ไม่โอเคเลยสักนิด..

เสียงหอบหายใจดังวนอยู่รอบตัว ผมผละใบหน้าออก จ้องมองเดฟที่ดูเหมือนกำลังตามใจผมมากๆ ด้วยการไม่ขัดอะไรสักอย่าง สัมผัสจากปลายนิ้วไล้วนอยู่ตรงช่วงเอว

ผมขยับตัวเล็กน้อย ได้ยินเสียงยวบยาบจากโซฟา ก่อนที่ใบหน้าจะโน้มต่ำลงหาอีกฝ่ายอีกครั้ง ขณะที่ลำตัวเบียดเข้าหาจนแทบไม่มีช่องว่างตรงกลาง

เรียวแขนของผมสั่นเบาๆ ไม่ต่างจากทุกส่วนในร่างกาย จูบนั้นยังดำเนินต่อไปยาวนานตามการเรียกร้องของผม

มันก็น่าขำอยู่เหมือนกัน.. ที่ผมรู้จักตัวเองดี พอๆ กับรู้ว่าจะปฏิเสธตัวเองยังไง

 

จากแค่การประชดโง่ๆ ชั่ววูบ

กลับกลายเป็นความรู้สึกโหยหาอ้อมกอดอย่างแท้จริงไปได้

ความกังวล ความหวาดกลัว ความรู้สึกรังเกียจที่มีอยู่มากมาย ถูกย่อยสลายหายไปหมด เพียงเพราะผมไม่สามารถยั้งตัวเองได้อีกต่อไป

ในท้ายที่สุดแล้ว ถ้าจะมีใครเจ็บกับการตัดสินใจนี้

คนคนนั้นก็อาจจะเป็นผม

... เพียงแค่คนเดียว

 

“กอดผม.. เดี๋ยวนี้”

 


tobecontinued.




____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.18 Behind The Wall (28/01/2560)
«ตอบ #64 เมื่อ28-01-2017 02:38:00 »


18_
Behind The Wall

(ต่อ)




“ฉันพูดว่ายังไง” เดฟกดเสียงต่ำ หน้าผากชื้นเหงื่อกดแนบกับหน้าผากผม

จะไม่ทนแล้ว..

“มองหน้า” เขาออกคำสั่งห้วนสั้น ดวงตาฉายประกายจริงจัง “มองแค่ฉัน.. เห็นแค่ฉัน ทำได้ไหม”

ผมเม้มปาก.. นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ากลับไป

“ดี”

แล้ววินาทีนั้น.. ผมก็สำนึกได้ชัดเจน ว่าจะไม่มีคำว่า ‘ยกเลิก’ สำหรับครั้งนี้

เดฟผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ใบหน้าเคร่งเครียดค่อยๆ เลือนหายไปจนกลายเป็นใบหน้าปรกติ ริมฝีปากอุ่นกดทาบลงมาบนปากผม ขบเม้มแรงๆ ราวกับจะลงโทษ ลิ้นร้อนแทรกตัวเข้ามา กวาดต้อนเอาทุกอย่างที่ผมมี เสียงน้ำลายดังขัดหู ขณะที่ลมหายใจของผมเริ่มติดขัด

พอเปลือกตากำลังจะหรี่ปิดลงเพราะภาพในสมองถูกตีรวนปะปนกัน ฝ่ามือแข็งแรงก็บีบเข้าที่กรอบหน้าผม พร้อมกับคำสั่งเด็ดขาดที่ดังชัดเจน

“ลืมตา”

ดวงตาเปิดกว้างอีกครั้ง ความร้อนเริ่มไล่วนจนถึงขมับ ผมทิ้งสายตาลงที่ใบหน้าอีกฝ่าย เดฟเองก็จับจ้องผมไม่วางตา ขณะที่ใบหน้าคมดุลดระดับลงไปเรื่อยๆ จูบร้อนกดทาบลงที่แผ่นอก ปลายลิ้นลากเลียจนผมเผลอเกร็งตัวตาม

หน้าท้อง.. เชิงกราน.. ริมฝีปากนั่นกดลากผ่านไปทุกที่โดยไม่ฝากร่องรอยอะไรไว้

กางเกงที่ผมสวมอยู่ถูกปลดแล้วรูดลงด้วยความรวดเร็ว เสียงหอบหายใจดังขึ้นชัดเจน คล้ายกับว่าเป็นเสียงของตัวของผมเอง

ลมหายใจถูกปล่อยออกหนักๆ ผ่านริมฝีปาก ตอนที่โคนขารับรู้ถึงปลายลิ้นและจูบจากอีกฝ่าย ผมเกร็งขา เริ่มรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาที

“อื้อ!..” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น สติหมุนคว้าง ตอนที่อีกฝ่ายใช้มือกอบกุมตัวตนของผมไว้ เดฟช้อนตาขึ้นมา เก็บทุกรายละเอียด ทุกท่าทางที่ผมแสดงออกไป

ปลายนิ้วจิกขยำผ้าปูด้านล่างจนยับ ผมเริ่มออกแรงทึ้งมันตามความอัดอั้นที่สุมอยู่ในร่างกาย ก่อนที่สติผมจะแตกละเอียดเป็นเสี้ยวเล็กๆ ตอนที่รับรู้ถึงลมหายใจอุ่น

“ไม่ สกปรก!” ผมหลุดตะคอก ร่างกายผุดลุกขึ้นนั่งขึ้นทันที ก่อนที่เรี่ยวแรงในร่างกายทั้งหมดจะถูกกระชากออกไป เพราะปลายลิ้นที่แตะละเลงลงมา

“ฮื่อ!” ผมกัดฟันแน่น ทิ้งศีรษะตัวเองให้แหงนเงย ปลายนิ้วจิกทึ้งเส้นผมของอีกฝ่ายแรง สัมผัสที่กระตุ้นช่วงล่างยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

เร่งเร้าสลับเนิบนาบจนผมเหมือนสูญเสียจังหวะการหายใจที่แท้จริงไป

แล้วทุกภาพที่มองเห็นในหัวก็แตกกระจายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ลอยคว้างออกไปจากการมองเห็น

ทั้งร่างหอบหายใจหนัก ผมทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้า ก่อนจะหล่นอยู่ในวงแขนอีกฝ่ายที่ไถลตัวขึ้นมารับพอดิบพอดี ฝ่ามืออุ่นสอดรัดเข้าที่เอว กอดแน่นราวกับกลัวผมจะหลุดมือไป

หน้าผากผมซบลงตรงไหล่กว้าง ฝ่ามือขยำชายเสื้ออีกฝ่าย ขณะที่ใบหูอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร

นอกจากเสียงของเดฟที่ดังชัดจนน่าตกใจ

“ตรงไหนกันที่สกปรก” เขาพึมพำ ฝ่ามือไล้วนแผ่นหลังผมเป็นรูปวงกลมซ้ำไปซ้ำมา

ผมค่อยๆ ปรับจังหวะหายใจตัวเองช้าๆ จนกลับมาเป็นปรกติ ใบหน้ายังกดฝังอยู่กับลาดไหล่แข็งแรง

เป็นคนดี.. มากเกินไป

ผู้ชายคนนี้ กำลังผลักผมให้ตกลงไปในหลุมลึก

หลุมที่ผมจะไม่มีวันปีนขึ้นมาได้อีก ..

“ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว เข้าใจไหม” เขาทอดเสียงอ่อน ขณะที่ผมค่อยๆ ผละร่างตัวเองออก สิ่งสกปรกที่เลอะติดอยู่ที่ปากอีกฝ่าย

ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะคลายออก..

ปลายนิ้วโป้งขยับขึ้นปาดมันออกช้าๆ

ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องโกหกที่หลอกลวงให้ผมตายใจ หรือเป็นความจริงที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของผม ผู้ชายคนนี้ ..

ทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ ว่ากลายเป็นตัวผมเองหรือเปล่า ที่อยากกระโดดลงไปในหลุมนั้นด้วยความเต็มใจ

และการที่ต้องยอมรับคนอื่นเข้ามาในชีวิต ก็เป็นเหมือนการประกาศว่าพ่ายแพ้

“คุณกำลังจะทำให้ผมล้มลง”

เดฟหลุดยิ้มเหยียดออกมา ริมฝีปากสะบัดหนีปลายนิ้วของผม ก่อนจะโน้มเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

“แล้วถ้าฉันล้มลงไปด้วยล่ะเป็นไง” ผมนิ่งชะงัก ขณะที่อีกฝ่ายกดจูบเข้าที่ใต้ใบหู “สกปรกไปด้วยกัน แบบที่เคยพูดไง”

แรงขบเม้มเล็กๆ ย้ำชัดเหนือผิวเนื้อ

เป็นอีกครั้ง ที่ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกล่อหลอก

จูบหนักๆ กดลงที่ลาดไหล่ พร้อมกับแรงกระชับจากวงแขนที่โอบรัดผมอยู่

ผมผ่อนลมหายใจตัวเองช้าๆ แผ่นอกเริ่มขยับขึ้นลงเพราะสัมผัสจากมืออีกฝ่ายเริ่มไล้วนสลับบีบเค้นช่วงสะโพก

“ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว” เขาพูด

นั่นเป็นประโยคสุดท้าย ที่เหมือนกระชากผมออกจากการทรงตัวบนเส้นด้าย

ปลายนิ้วสอดไล้เข้าในเส้นผม ร่างของเดฟถูกพลิกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับสะโพกที่กดลงนั่งตรงกลางตัวอีกฝ่าย

ผมเท้าแขนกับเตียง โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน รับฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในช่องอก

“ไม่ต้องกังวลเหมือนกัน”



“เพราะผมก็กำลังจะแสดงให้คุณเห็น.. สิ่งที่ผมเป็นจริงๆ”

ริมฝีปากเลื่อนชิดข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนถูกปล่อยออกไปแตะไล้จนผมรับรู้ได้ถึงการเกร็งตัว รอยยิ้มเล็กๆ ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปาก ขัดกับดวงตาที่นิ่งสนิท “ตั้งใจดูล่ะ”

มือของเดฟกลับมาแตะที่สะโพกผมแทนการตอบรับ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เช่นเดียวกับผมที่หยุดทุกความคิดที่เดือดพล่านในหัว ริมฝีปากกดแตะผิวเผินเหนือผิวเนื้อ ลากย้ำไปจนถึงรอยบุ๋มเล็กๆ ตรงคอ ร่างกายที่บดเบียดอีกฝ่ายอยู่ค่อยๆ ผละออกจนเหลือระยะห่างระหว่างเรา ผมเสียดสีช่วงขาตัวเองกับสะโพกแข็งแรง รับรู้ถึงแรงกดหนักๆ จากฝ่ามืออุ่น

หัวเข่าทั้งสองข้างเกร็งเพื่อต้านแรงกดอยู่บนผ้านวม.. เพราะเขาอีกฝ่ายต้องการให้ผมทาบกลับลงไปใหม่แบบเมื่อครู่

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้

ผมช้อนตาขึ้นมอง ปลายนิ้วถูกยกขึ้นสัมผัสช่วงอกอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนลากลงต่ำอย่างจงใจ พร้อมกับปลายลิ้นที่แตะเข้ากับช่วงลำคอ เสียงครางต่ำหลุดลอดออกมาให้ได้ยิน ผมขยับตัวขึ้นสูง เริ่มย้ำสะโพกเพื่อสัมผัสร่างกายตัวเองกับอีกฝ่าย ขณะที่ริมฝีปากบดเบียดทาบปากอีกฝ่ายช้าๆ เป็นจังหวะเนิบนาบ

ศีรษะขยับเอียงไปมาเบาๆ หลุดเสียงหัวเราะต่ำๆ ในลำคอออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าเดฟกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์แบบไหนตอนนี้

ปลายลิ้นผมกวาดไล้ริมฝีปากล่างอีกฝ่าย ก่อนที่ผมจะรีบปิดปากให้สนิททันทีเมื่อเดฟเริ่มส่งลิ้นกลับมา

เสียงครางแหบที่ได้ยิน ฟังดูเหมือนเขากำลังจะสติแตก

แรงบีบที่สะโพกผมแน่นขึ้น พร้อมกับการกดร่างผมให้ล้มลงบนตัว ความตกใจเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เผลออ้าปาก แรงสอดเกี่ยวจากปลายลิ้นแทรกตัวเข้ามาทันที เสียงหอบหายใจที่ดังลั่นในตอนนี้กลับกลายเป็นเสียงของตัวผมเอง

ร่างของผมถูกพลิกกลับลงไปอยู่ด้านล่าง ผมกัดริมฝีปากล่างเบาๆ สบตากับเดฟที่จ้องมองมาด้วยสายตาที่แปลกไป

.. ราวกับเดฟคนนั้น ได้กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมแทบไม่รู้จัก

ดวงตาสีเข้มเปล่งแสงขัดกับความมืดที่รายล้อมอยู่รอบตัว ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกร้อนยามจ้องมอง ไล่มาจนถึงริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อย สัมผัสจากฝ่ามือขยำขึ้นมาจนถึงช่วงเอว ไล่กลับไปตรงสะโพก ฝากรอยแดงจากการบีบไว้บนผิวเนื้อของผม ก่อนจะหยุดสัมผัสดิบหยาบลงที่ต้นขาด้านใน

ผมทิ้งศีรษะลงกับผ้าปูเตียง ดวงตาเกลือกต่ำสบกับอีกฝ่ายไม่หลบเลี่ยง เสียงหายใจถูกปล่อยออกผ่านริมฝีปากที่อ้าออกเมื่อเดฟขยับมือสูงขึ้น ฝ่ามือแตะทาบเข้าที่หลังมืออีกฝ่าย ไล้วนปลายนิ้วกลางเป็นรูปวงกลมซ้ำๆ ก่อนลากผ่านจนสัมผัสเข้ากับผิวกายของตัวเอง

เรียวขาถูกยกขึ้น จงใจแตะข้อพับขาด้านในกับต้นแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทุกสัมผัสเกิดขึ้นจากความตั้งใจ ผมรู้ดี ว่าการสัมผัสเพียงเล็กน้อยในบางส่วนสร้างความรู้สึกได้มากกว่าการสัมผัสจาบจ้วงตรงๆ

และทฤษฎีนั้นใช้ได้ผล.. ผมกะพริบตา มุมปากขยับขึ้นยิ้มเล็กๆ ตอนที่เห็นเดฟเผลอกลั้นหายใจ

แล้วเสียงครางก็หลุดแผ่วออกจากลำคอ ผมกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับลมหายใจที่ถูกสูดเข้าลึก ปลายนิ้วกดแทรกเข้าไปในร่างกายตัวเอง ฝ่าเท้าขยับลากกับผ้าปูจนเกิดเสียงเสียดสี

อาจจะเพราะว่าไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มาสักพัก.. ความรู้สึกแปลกๆ ถึงได้เข้าเกาะกุมสัมผัส

แต่ถึงจะรู้สึกแปลกแค่ไหน ความคุ้นชินก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผมหลุดเหยียดยิ้มออกมา

แรงสอดแทรกหยุดชะงักลงกะทันหัน ผมผงกหัวขึ้นมา สบตากับเดฟที่ขมวดคิ้วแน่น สายตามองต่ำลงไปเรื่อยๆ จนหยุดเข้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย ที่บีบแน่นอยู่ที่ข้อมือผม

ไม่เข้าใจ ..

ประโยคนั้นกระแทกเข้ากลางสมอง

“ทำอะไร” เดฟถามเสียงห้วน ผมถอนหายใจออกมา รอยยิ้มกลวงๆ ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปาก

“เตรียมตัวเอง ให้คุณไง” สิ้นคำพูดนั้นไม่ทันถึงวินาที ริมฝีปากคล้ำก็กระแทกจูบเข้ามาแรงๆ จนรับรู้ได้ถึงความเจ็บ ลิ้นร้อนกดเหนือลิ้นของผมราวกับกำลังปราม จูบครั้งนี้สร้างความรู้สึก ราวกับกำลังถูกสั่งสอน ปลายนิ้วเลื่อนหลุดออกจากช่องทางของตัวเองเพราะการบังคับจากร่างสูง ข้อมือของผมถูกตรึงนิ่งอยู่กับเตียง

“ฮื่อ..” ผมเริ่มส่งเสียง ริมฝีปากเห่อช้ำจนแสบ กับอากาศหายใจที่เหมือนจะหมดลง แต่จูบนั้นยังคงอยู่ ราวกับเดฟไม่สนใจฟังคำวอนขอของผม

หนึ่งวินาที.. สี่วินาที.. สิบวินาทีหลังจากนั้น ดวงตาของผมเริ่มพร่าเลือน ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกไป

ส่วนล่างถูกบดเบียดเข้ามา พร้อมกับวงแขนที่กระชับตัวผมไว้

โกรธอะไร.. คำถามที่ผมหาคำตอบไม่ได้ดังลั่นอยู่ในหัว

เดฟเม้มปาก ดวงตาจ้องมองมาอย่างหาเรื่อง “อยากได้แบบนี้เหรอ” เขาถามเสียงห้วน

ผมเม้มปาก หัวใจเต้นกระหน่ำจากหลายๆ ความรู้สึก

ไม่ตอบคำถาม.. ผมจ้องสบตากลับไปด้วยใบหน้าที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ พอเห็นแบบนั้น เดฟก็หลุดสบถออกมา ต้นขาข้างหนึ่งของผมถูกกระชากยกขึ้นสูง เสียดกับกางเกงที่อีกฝ่ายใส่อยู่ พร้อมกับจูบหยาบคายที่บังคับแทรกเข้ามาเป็นรอบที่สอง

คราวนี้ผมยกมือขึ้นทุบหน้าอกเขาแรง แรงบีบรัดตรงต้นขาสร้างความระคายเคือง ไม่ต่างจากลิ้นที่กวาดเข้ามาลึก

“อื้อ!” ผมเริ่มออกแรงสะบัดตัว ลมหายใจถูกโกยเข้าปอดอย่างบ้าคลั่ง ตอนที่เดฟยอมถอยออกไป

รอยยิ้มหยันฉายขึ้นชัดอยู่เบื้องหน้า “ไม่ชอบใช่ไหม”

เขาถาม แรงบีบปล่อยออกจากต้นขา ย้ายมาไว้ตรงปลายคางของผม ใบหน้าถูกจับตรึงไว้ไม่ให้หันหนี “ไม่ชอบแบบนี้ใช่ไหม ตอบ”

ผมเม้มปาก ความรู้สึกรั้นๆ ไล่ลามอยู่ตามจมูกและคาง หัวใจเต้นหน่วงหนืดจนอึดอัด

“ตอบ”

“ไม่” ผมพึมพำ ปลายนิ้วขยำเข้าที่ไหล่กว้าง “ไม่ชอบ”

เดฟทิ้งสายตาลงที่หน้าผม ลมหายใจถูกปล่อยออกผ่านปลายจมูก การเม้มปากเกิดขึ้นไม่กี่วินาที ก่อนที่สีหน้าตึงเครียดเมื่อครู่จะสลายไปราวกับเป็นแค่ภาพลวงตาที่ผมคิดเห็นไปเอง จูบนุ่มนวลกดแนบลงที่ขมับ ป้ายแท็กสีเงินที่อีกฝ่ายสวมคออยู่ในระดับเดียวกับสายตาของผม

“ถ้าไม่ชอบก็อย่าทำแบบนั้นอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “อย่าทำ เหมือนกับฉันเป็นหนึ่งในลูกค้าของนาย”

!

ผมเบิกตากว้าง ทั้งร่างเหมือนถูกโยนลงไปในน้ำเย็น ต้นขาไล่ไปจนถึงปลายนิ้วเท้าชายิบไร้ความรู้สึก

“ฉันไม่ได้เป็นลูกค้าของนาย.. ไม่ได้อยากเป็นคนพวกนั้น” จูบกดไล่ลงจนถึงข้างแก้ม ก่อนจะผละออกไป

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของฉัน.. มันเป็นเรื่องของนาย เรื่องของเรา” แรงบีบรุนแรงถูกเปลี่ยนเป็นการนวดเบาๆ ราวกับเอาใจ “เข้าใจชัดเจนไหม”

สายตาจริงจังจ้องตรงมา “ถ้าไม่อยากให้ฉันปฏิบัติกับนายแบบนั้น.. อย่าปฏิบัติเหมือนฉันเป็นพวกนั้น”

ความจุกเล็กๆ แล่นปราดขึ้นตรงคอหอย ผมหลับตาแน่น ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

“ขอโทษ” เดฟส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้มจางๆ แต้มอยู่บนใบหน้า

“เข้าใจละ” เขาพึมพำ แนบหน้าผากลงมากับหน้าผากผม ลมหายใจอุ่นแตะอยู่ตรงปลายจมูก สร้างความรู้สึกดีจนน่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการจ้องมองในระยะใกล้

แต่ความรู้สึกที่ผมกำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้ .. เหมือนกับกำลังโดนอีกฝ่ายเล้าโลมอย่างร้ายกาจ

เพราะสายตาเป็นประกาย กับรอยยิ้มที่มองเห็น เขาเอียงหน้าเล็กน้อย “นายอาจจะเก่งเรื่องเซ็กส์..” เสียงพูดเนิบนาบ เว้นจังหวะให้ผมสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะฮุคเข้าเต็มๆ ท้องผมด้วยประโยคถัดไป “แต่ไม่เคยทำรักใช่หรือเปล่า”

ริมฝีปากของผมเผยอออก ราวกับร่างกายต้องการตอบโต้อะไรสักอย่างกลับไป แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่หลุดลอดออกจากลำคอ เดฟเลิกคิ้ว เขาค่อยๆ ดันกายลงต่ำ ใบหน้าเลื่อนผ่านผิวเนื้อเปลือยเปล่าของผมพร้อมกับการปล่อยลมหายใจร้อนให้คลอเคลียเหนือผิว

ผมเผลอกลั้นหายใจ

“คราวนี้ นายนั่นแหละ ที่จะต้องเป็นคนตั้งใจดู” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ร่างจะสะดุ้งเพราะปลายลิ้นที่ดุนดันตรงยอดอกทีเผลอ ฝ่ามือไล้ลงต่ำ ก่อนจะหยุดวางบนท้องน้อย

ผมกัดฟัน ดวงตาปรือปิดแน่นยิ่งทำให้ทุกสัมผัสชัดเจนขึ้นไปอีกในความคิด เส้นผมของเดฟไล้ผ่านร่างกายผมลงไปช้าๆ เรียวขาถูกยกขึ้นพาดบนไหล่กว้าง ทั้งร่างของผมสะดุ้งเฮือกกับจูบหนักแน่นที่กดลงตรงโคนขา ขบเม้มย้ำๆ อย่างหยอกล้อ

ปลายนิ้วกำผ้าปูติดเข้ามาในฝ่ามือ ก่อนจะออกแรงขยำแรงๆ ขณะที่ร่างกายเริ่มทุรนทุรายจากการหยุดหายใจนานๆ ฟันสบเข้าหากันพร้อมกับทั้งร่างที่เกร็งจนสั่น

“อ๊ะ…” เสียงร้องเล็ดลออดออกจากคำ ผมเผลอแอ่นตัว ปลายเท้าจิกเข้าที่แผ่นหลัง สัมผัสฝ่าเท้ากับเสื้อที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ หัวสมองหมุนคว้างพร้อมกับความซ่านที่แล่นปราดขึ้นตามแนวสันหลัง ปลายลิ้นร้อนแตะย้ำลงตรงช่องทาง แรงบีบตรึงสะโพกของผมเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี

“อื้อ เดฟ!” ผมจิกเกร็งฝ่ามือแน่น เสียงหอบหายใจดังลั่นอยู่ในกกหู ความร้อนไล่ลามกลืนกินทุกส่วนในร่างกาย แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะถี่

สัมผัสบุกรุกเริ่มกดแทรกเข้าด้านล่าง ปลายนิ้วของเดฟรุนรานเข้ามาช้าๆ ไม่เร่งรีบ เพราะหลับตาอยู่ ผมถึงมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากใบหน้าของเดฟที่เหมือนติดค้างอยู่ตรงเปลือกตา

ริมฝีปากล่างถูกกัดจนได้รสสนิม เสียงร้องหลุดลอดออกไปเป็นระยะทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ประเภทที่ปล่อยเสียงตัวเองออกไปง่ายๆ สัมผัสเลื่อนเข้าออกตอกย้ำทุกประสาทการรับรู้ ผมบิดตัวไปมา ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างกายถูกสาดด้วยอะไรร้อนๆ มากขึ้นเท่านั้น

“บอกให้ตั้งใจดูไง” แล้วเสียงกระซิบแหบต่ำระยะใกล้ก็เรียกเปลือกตาให้เปิดขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเดฟอยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ จูบร้อนแรงทาบทับลงมา พร้อมกับนิ้วที่ถูกถอนออกไป รับรู้ได้โดยไม่ต้องมอง ว่าอีกฝ่ายกำลังร้อนรนแค่ไหนกับการถอดกางเกงให้ตัวเอง

“ถามครั้งสุดท้ายนะ เจนิน” ชื่อของผมถูกปล่อยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทั้งร่างชะงักไปทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับความรู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อที่ถาโถมเข้ามา

ผมไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน.. ตอนที่ใครสักคนเรียกชื่อนั้นออกมา ขณะที่อยู่บนเตียง

ไม่เคยรู้สึก จนกระทั่งถึงวันนี้

ฝ่ามือของเดฟประคองเข้าที่ใบหน้า แรงเสียดสีเกิดขึ้นเบาๆ แถวต้นขา หัวเข่าของเดฟกดฝังแน่นอยู่กับเตียง “นาย เป็นของฉัน อยู่กับฉัน ด้วยความเต็มใจแล้วใช่ไหม”

พอถูกถามตรงๆ ความเขินอายแปลกๆ ก็เต้นพล่านในเส้นเลือด

ผมเผลอเบือนหน้าหนี ก่อนจะที่ฝ่ามือนั้นจะบังคับให้ผมหันกลับไปสบตา แววตาคมดุฉายแววเว้าวอน ตอนที่เจ้าตัวกำลังร้องขอผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ใช่ไหม”

ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูก เรียวขาด้านในถูกยกขึ้นจนสัมผัสกับเอวสอบ ผมโอบรัดร่างกายอีกฝ่ายไว้แน่น พร้อมกับปลายนิ้วที่ขยำเข้าแรงๆ ตรงเส้นผมละเอียด

“ใช่”

เฮือก!

ทั้งร่างของผมกระตุกเกร็ง ใบหน้าสะบัดแหงนเงย เรียวขาที่กอดรัดอีกฝ่ายสั่นไหวจนเกือบจะร่วงหลุด ถ้าไม่มีฝ่ามือแข็งแรงช้อนรับเอาไว้

ตัวตนของเดฟกดลึกเข้ามาจนสุดในครั้งเดียว ย้ำชัดถึงการมีตัวตนอยู่ในร่างกายของผม เสียงหอบหายใจถี่ดังผสมกันมั่วไปหมดในอากาศ เดฟพรมจูบลงบนใบหน้าผมสะเปะสะปะ ขณะที่สะโพกแข็งแรงเริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้าแต่หนักแน่น

ผมกัดฟัน ทั้งร่างสั่นไปหมด ลำคอถูกงับเบาๆ ตามมาด้วยแรงดูดดึงที่ผิวเนื้อ

นั่นนับเป็นครั้งแรก ที่อีกฝ่ายทำรอยบนร่างกายนี้

ทำเป็นครั้งแรก หลังจากได้รับคำอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้วงั้นเหรอ

หัวโบราณไม่เบา.. ผมหลุดยิ้มออกมา ขณะที่ทั้งร่างขยับแรงจากการกระแทกกระทั้นที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้

ช่วงอารมณ์ของผมถูกดึงขึ้นสูงเรื่อยๆ จนฝ่ามือที่สอดแทรกอยู่ในเส้นผมอีกฝ่ายออกแรงกดให้ใบหน้านั้นลดต่ำลงมาใกล้

เสียงหอบหายใจยังเป็นเสียงที่ชัดเจนที่สุด ไม่นับเสียงเนื้อกระทบกันที่ให้ความรู้สึกหยาบโลน “ได้โปรด..”

ผมปล่อยขาตัวเองให้ตกลงบนเตียง เดฟชะงักไปเล็กน้อยกับคำขอนั้น ผมไม่แน่ใจนักว่าเขาเข้าใจมันว่ายังไง แต่แล้วทั้งร่างก็ถูก

พลิกให้นอนคว่ำ สะโพกถูกจับยกขึ้นเหนือเตียง พร้อมกับหัวเข่าทั้งสองข้างที่กดลงจนผ้าปูจมลงไปตามน้ำหนักตัว

หน้าท้องแข็งแรงแนบประกบชิดแผ่นหลัง ผมเริ่มแอ่นตัว เหงื่อไหลซึมลงตรงขมับทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องเย็นสบาย ร่างกายโยกคลอนเป็นจังหวะถี่รัว พร้อมกับแรงฟอนเฟ้นจากฝ่ามือตามสะโพกและบั้นท้าย

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้สร้างความสับสนลึกๆ ในใจ

ว่าผู้ชายคนนี้.. จริงๆ แล้วเป็นคนประเภทไหนกันแน่

เดี๋ยวอ่อนโยน เดี๋ยวดิบเถื่อน.. เดี๋ยวพร่ำประโยครื่นหู เดี๋ยวหลุดสบถหยาบคาย..

ลิ้นอุ่นร้อนตวัดเลียติ่งหู ก่อนที่แรงขบเม้มจะตามมา ผมคว้ามือสะเปะสะปะไปด้านหลัง สัมผัสเข้ากับผิวเนื้อเปลือยเปล่า ปลายเล็บจิกลึกลงไปยังสะโพกแข็งแรงที่เคลื่อนที่ไม่หยุด

“แม่งเอ้ย” เสียงสบถห้วนดังขึ้นแผ่วเบา ฟังดูห่างไกลทั้งๆ ที่ริมฝีปากนั้นแนบชิดอยู่ที่หู ดวงตาของผมพร่าเลือน ลมหายใจตีกันวุ่นวายจนหาจังหวะที่แท้จริงไม่ได้ ความร้อนสุมอยู่ตามข้อพับ รวมไปถึงเหงื่อที่ชโลมอยู่ตรงหัวเข่า

มือของเดฟลากผ่านแผ่นหลังของผมแรงๆ

“นายทำฉันล้มแล้ว” เขากระซิบเสียงเครียด “ตกหลุมเข้าจังๆ เลย”


นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่สติของผมรับรู้ ก่อนที่ใบหูจะถูกแทรกด้วยเสียงลมหายใจและอัตราชีพจรที่ถี่รัวของตัวเอง

 


tobecontinued.




____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: I BITE :: Chapter.18 Behind The Wall (28/01/2560)
«ตอบ #65 เมื่อ28-01-2017 02:47:35 »

น่อววววว เเต้มเสมอ1-1 ตกอยู่ไปในหลุมเดียวกัน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: I BITE :: Chapter.18 Behind The Wall (28/01/2560)
«ตอบ #66 เมื่อ28-01-2017 08:58:52 »

แอ่ะ.....เดฟ สะดุดใจ ชอบเจนิน ตั้งแต่สบตากับเจนินแล้ว
ตอนนี้ตกหลุมรักเจนิน ทั้งตัวและ
เจนิน ก็เขิน สะเทิ้นกับเดฟ เป็นคนแรกเหมือนกัน
ที่ผ่านมา ไม่มีใครเข้าถึงใจเจนิน เลย
ไม่เคยชอบ รู้สึกเขินกับใครทั้งนั้น
เพราะเขาเหล่านั้นเป็นแต่ลูกค้า
เดฟ เจนิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รู้สึกดีไปกับทั้งคู่ คนอ่านโลกสวย วายมาก  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: I BITE :: Chapter.18 Behind The Wall (28/01/2560)
«ตอบ #67 เมื่อ28-01-2017 12:28:40 »

ลงหลุมไปแล้วครับบเสมอ 1-1 และคาดว่าจะมีอีกหลายๆหลุมตามมาาาา อิอิ เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ค่ะะะะะ เย่  :katai2-1:

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.18 Behind The Wall (28/01/2560)
«ตอบ #68 เมื่อ28-01-2017 15:25:05 »


18_
Behind The Wall

(ต่อ 2)





ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ..

ใบหูได้ยินเสียงเข็มของนาฬิกาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็นจังหวะเดิมๆ ดวงตาสอดส่ายหามันจนเจอ ก่อนที่สมองจะบันทึกเอาไว้ว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่อยู่ตกลงแน่นิ่งอยู่ตรงข้อพับแขน ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ชันตัวขึ้นนั่งห้อยขาลงจากเตียง แล้วดึงมันขึ้นวางทาบบนไหล่อีกครั้ง

เดฟจากไปแล้ว เพราะโทรศัพท์ที่ดังขึ้นหลังจากจบเรื่องทุกอย่างไม่ถึงสิบนาที พูดให้ถูกก็คือเมื่อสิบนาทีที่แล้ว

ผมไม่รู้ว่าใครโทรหาเดฟเวลานี้ ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายต้องรีบร้อนออกไป

ผมไม่ได้น้อยใจ หรือเกิดความรู้สึกเชิงลบอะไรทั้งนั้น.. ไม่รู้สินะ

อาจจะดีก็ได้ ในเวลาแบบนี้ .. ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองตามลำพัง

… ไม่รู้สิ

ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น พอจะเข้าใจอยู่ว่าผมทำให้อีกฝ่ายต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากๆ หลายครั้งแล้ว ในครั้งนี้ คนที่ต้องรับทุกอารมณ์ที่กักเก็บไว้ถึงได้เป็นผม ดวงตามองฝ่าความมืดในห้องไป เขาปิดไฟให้ผมก่อนจากไป เพราะคิดว่าผมผล็อยหลับแล้ว

ลมหายใจถูกสูดเข้าลึก ก่อนจะผ่อนออกมาราวกับต้องการปรับทุกอย่างในร่างกายให้กลับมาเสถียรเหมือนเดิม ผมลากเท้าตัวเองไปข้างหน้าช้าๆ ไม่รีบร้อน ออกจากห้องนอน แล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ แทซที่นอนอยู่มุมห้องโผล่เข้ามาในสายตา มันเดินยืดยาดมาหาผมช้าๆ ก่อนที่ร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนสั้นแน่นๆ จะกระโดดขึ้นมาบนโซฟาเดียวกับผม

ร่างกายเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะว่าแทซไม่เคยเข้าใกล้ผมขนาดนี้มาก่อน

ทุกความระแวดระวังเกิดขึ้นได้ไม่ถึงห้าวินาที ก่อนที่ผมจะเผลอถอนหายใจแรงๆ อย่างโล่งอก เพราะมันแค่ขึ้นมา หมอบลงแล้วเกยใบหน้าเข้าที่ต้นขาเปลือยของผม

เหมือนเจ้านายไม่มีผิด

ผมนิ่งคิด ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งๆ ที่ตาสบอยู่กับหมาตรงหน้า ฝ่ามือค่อยๆ ขยับเข้าหาช้าๆ พยายามไม่เร่งเกินไปเผื่อว่ามันจะเกิดเปลี่ยนใจกัดผมขึ้นมาในตอนหลัง พอแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีเหตุการณ์นองเลือดแบบนั้นเกิดขึ้น ผมถึงวางมือตัวเองลงไปบนหัวแทซ ปลายนิ้วเกลี่ยขนสั้นสีดำสนิทเบาๆ

แทซส่งเสียงฟืดฟาดในจมูก ก่อนที่ปลายลิ้นจะลากเลียผิวเนื้อของผมช้าๆ พร้อมกับหัวที่ขยับหันองศาไปมา

หัวใจของผมเต้นสะดุด เพราะลิ้นนั้นลากเลียทาบทับบริเวณเดียวกับที่เดฟทำรอยเอาไว้

เหมือนกันจนน่าโมโหเลยทีเดียว.. ผมขมวดคิ้ว ตัดสินใจละความสนใจจากแทซ สายตาปะทะเข้ากับซองบุหรี่กับไฟแช็กของเดฟที่อีกฝ่ายลืมเอาไว้บนโต๊ะ

ผมเม้มปาก หยิบมันมาถือไว้ เสียงไฟแช็กดังลั่นขัดความเงียบในห้อง ก่อนที่ปลายบุหรี่จะขึ้นสีแดงจากการจุดติด

ผมจรดมันเข้ากับริมฝีปาก ก่อนจะออกแรงสูบรับรสแสบร้อนเข้ามาในลำคอ

สมองหมุนคว้างจากหลายๆ ภาพที่ถาโถมเข้ามา ผมส่ายหน้าโดยไม่รู้เหตุผล ร่างกายค่อยๆ ปรับเอนนอนตะแคงบนโซฟา เบียดแผ่นหลังเข้ากับโซฟา ผมห่อตัวเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองสีแดงที่คุอยู่ตรงปลายมวน

รอยยิ้มเล็กๆ ฉายขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนกลายเป็นยิ้มกว้าง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะแหบแผ่วที่เล็ดลอดออกจากคอ

เสียงหัวเราะที่ดังต่อเนื่องกินเวลาหลายวินาที ก่อนจะค่อยๆ เจือจางลง

ถูกแทรกแทนที่ด้วยก้อนสะอึกที่แล่นขึ้นจุกตรงคอ

ผมเม้มปากแน่น ฝ่ามือยกขึ้นปิดริมฝีปาก ทั้งร่างสั่นเล็กๆ โดยที่ผมไม่แม้แต่จะสนใจควบคุมมัน

น้ำอุ่นใสหยดแรกไหลออกจากดวงตา กลิ้งผ่านผิวเนื้อแล้วหยดลงบนโซฟา ผมกัดฟันแน่น แต่ก้อนที่ค้างอยู่ตรงช่องคอก็ขยายตัวใหญ่ขึ้น เสียดบาดหลอดลมจนต้องไอโขลกออกมา หวังให้ความเจ็บปวดนั้นบรรเทาลง

กลายเป็นเสียงสะอื้น.. ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกทรมานสาหัส

เสียงร้อง ที่คงทำให้คนฟังรู้สึกสงสาร .. ทำให้ผมสงสาร

แต่เจ้าของเสียงนั่น กลับกลายเป็นตัวของผมเอง

ผมจรดบุหรี่เข้าปากตัวเองอีกครั้ง ดวงตาจ้องมองควันสีเทาที่ลองลอยในอากาศ อ้อยอิ่ง เชิญชวนไม่ให้ละสายตา

หลายๆ อย่างประเดประดังเข้ามาในความคิด ผมนึกรังเกียจที่ตัวเองมานั่งนึกถึงอะไรที่ไม่อยากนึกถึง

ความรู้สึกวูบโหวงในช่องอก อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

ฝ่ามือที่ปิดปากอยู่ค่อยๆ เลื่อนลง สัมผัสร่างกายตัวเอง ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนหยุดที่หน้าท้อง ร่องรอยสีเข้มยังติดกระจายเป็นวงกว้างอยู่ตรงนั้น

ความสับสนที่แม้แต่ผมยังหาคำตอบไม่ได้

ในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนคลั่งไคล้ในตัวผมคืออะไรกันแน่

สิ่งที่ทำให้เขาชอบในตัวผม

 

แท้จริงแล้ว คืออะไรกันแน่

 




____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #69 เมื่อ28-01-2017 17:29:33 »


19_
Dancin' With Mr. Gray






เสียงที่กุกกักดังปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหล อาจจะเพราะความรู้สึกปวดหน่วงตรงเบ้าตาลามไปถึงบริเวณขมับ ทำให้ผมยังไม่ลืมตาขึ้นมองในทันที ร่างกายรับรู้ได้ถึงการผงกหัวของแทซที่นอนซบอยู่ตรงขา ไออุ่นที่คลอเคลียอยู่รอบๆ ตัว ค่อยๆ ปัดเป่าความเย็นชืดของบรรยากาศให้หลุดออกจากร่างกาย

เส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากของผมถูกปัดเบาๆ

“ทำไมถึงมานอนตรงนี้” เสียงที่ได้ยินฟังดูคุ้นหู ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนสบเข้าจังๆ กับสายตาของเดฟที่มองมาในระยะใกล้ ร่างสูงนั่งยองๆ บนพื้นพลางแนบข้อศอกลงบนโซฟา

ผมยังไม่ตอบในทันที คล้ายสมองก็กำลังประมวลผลเพื่อหาคำตอบนั่นเหมือนกัน ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นนั่ง ปล่อยร่างของตัวเองให้อยู่ในวงแขนของเดฟที่เหยียดปิดทางออกโดยสมบูรณ์อย่างไม่คิดจะทำอะไร

“กลิ่นบุหรี่..” เดฟเปรยขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับดวงตาที่ตวัดมองหลักฐานบนโต๊ะ มวนบุหรี่มากมายถูกดับลงลวกๆ บนนั้น “ไม่รู้ว่าสูบด้วย”

เขาหันกลับมาสบตา ขณะที่ผมดันไหล่ตัวเองขึ้นเล็กๆ แทนการตอบรับต่อประโยคนั้น

“ขอโทษ” ผมพูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบแปร่งที่หลุดลอดออกจากลำคอทำให้เผลอขมวดคิ้วตอนได้ยิน มันออกมาพร้อมกับความเจ็บเสียดที่แล่นขึ้นในลำคอ

“ไม่เป็นไร” เขาพึมพำ ดวงตาที่มองมาให้ความรู้สึกทอดอ่อนและเต็มไปด้วยประกายที่แปลกไป “ลุกออกมาตั้งแต่ตอนไหน”

พอได้ยินแบบนั้น ความเงียบก็เริ่มแทรกเข้าแทนที่ ผมเม้มปาก ความฝืดเฝื่อนเย็บติดริมฝีปากไว้ไม่ให้คลายออกจากกัน รวมถึงความร้อนตรงเบ้าตาที่ดูเหมือนจะขยายตัวเป็นวงกว้าง

แทนที่การกระทำแบบนั้นจะทำให้สถานการณ์ตรงหน้ายากขึ้น แต่เดฟก็ยังคงเป็นเดฟอย่างสมบูรณ์แบบ พฤติกรรมที่หลุดลอดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจถูกประเมินอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องพูดอธิบายอะไร

เดฟ.. เป็นผู้ชายที่เหมือนจะรู้จักตัวผมดีจนน่ากลัว พอๆ กับการเป็นผู้ชายที่ดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมเลยสักนิด

ฝ่ามืออุ่นสอดแตะเข้าตรงช่วงสะโพก ลากผ่านเนื้อเสื้อเชิ้ตด้วยจังหวะเชื่องช้าคงที่ ร่างสูงยืดตัวขึ้นสูง ก่อนจะแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากผม ดวงตาสบลึกเข้ามาราวกับกำลังแสดงความจริงใจด้วยการเปิดให้ผมมองเห็นทุกอย่างในระยะใกล้

“..ขอโทษ โดนเรียกตัวออกไปกะทันหัน” เสียงทุ้มติดแหบเล็กๆ อธิบายสั้นๆ “ไม่ได้ตั้งใจทิ้งให้นายอยู่คนเดียว”

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้น ผมแสร้งหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบเลี่ยงสายตาจริงจังคู่ตรงข้าม ก่อนที่ร่างกายจะถูกกระชับเมื่อทำแบบนั้น

“เฮ้ มันอาจจะฟังดูเหมือนข้อแก้ตัว” เขาผละใบหน้าออกไป ก่อนที่ร่างกายผมจะสัมผัสได้ถึงแรงกดจากริมฝีปาก จูบหนักแน่นแนบอ้อยอิ่งลงที่ลาดไหล่ ขบเม้มผิวเนื้อผ่านผ้าบางๆ ที่ขว้างกั้น “แต่เชื่อเถอะ ถ้าเลือกได้.. อยู่ตรงนี้กับนายทำให้รู้สึกดีกว่าออกไปเจอพวกเฮงซวยนั่นเป็นไหนๆ”

ผมกระตุกยิ้ม หัวใจเต้นกระตุกกับสิ่งที่ได้ยินราวกับกำลังตะโกนปฏิเสธ ใบหน้าเผลอเบือนออกด้านข้าง

เหมือนเดิม.. ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปในตอนนี้

ความคิดติดลบมากมายลอยพล่านอยู่ในสมอง การปฏิเสธความรู้สึกพวกนั้น พร้อมๆ กับการแก้ตัวให้ทั้งตัวเองและเดฟก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไปไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด

“ไม่เชื่อ?” เขาถามเสียงสูง ใบหน้าล้อเลียนพร้อมกับการเลิกคิ้วสูงทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำตัวงี่เง่าไปเองคนเดียว ร่างกายถูกล็อคแล้วดึงเข้าหาตัว วงแขนโอบรัดผมแน่น ต้นขาทั้งสองข้างแนบชิดอยู่กับช่วงเอวแข็งแรง

“ทำอะไร” ผมรีบถามกลับ ร่างกายแข็งค้างจากความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากไล่กดซ้ำๆ ตรงไหล่ ก่อนจะแนบจูบสุดท้ายเนิ่นนานเหนือผิวเนื้อ พร้อมกับดวงตาเป็นประกายที่ช้อนขึ้นมอง

“ลูกผู้ชายต้องดูการกระทำก่อนคำพูดใช่หรือเปล่า” ลมหายใจอุ่นคลอเคลียผ่านเสื้อบางๆ ฝ่ามือของเดฟลากลงต่ำ ขณะที่ปลายนิ้วกดเน้นผ่านช่วงกระดูกสันหลัง “แสดงให้เห็นไง ว่าฉันหลงนายจนอยากจะอยู่ตรงนี้แทบตาย”

ความรู้สึกแปลกประหลาดพุ่งเสียดท้องน้อย อีกฝ่ายยืดตัวขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่ฉกวูบเข้าตรงลำคอ ร่างกายของผมรวนไปหมดจนเผลอกระทำขัดกับคำสั่งที่สมองสั่งการ ช่วงคอถูกเปิดเนื้อที่มากขึ้นจากการทิ้งศีรษะไปด้านหลัง ฝ่ามือของผมขยำแน่นอยู่ตรงบ่ากว้าง การกัดฟันแน่นแทนการกลั้นเสียงร้องอยู่ในการจับจ้องของอีกฝ่าย

เดฟผละใบหน้าออกไป ก่อนที่ริมฝีปากจะประทับลงหนักๆ ตรงคางอีกครั้ง แรงรัดที่แน่นขึ้นราวกับอีกฝ่ายต้องการบีบให้ร่างผมแหลกทำให้เผลอส่งเสียงประท้วงเล็กๆ ในลำคอออกมา

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มขึ้นในความมืด หลังการสบถเบาๆ ติดริมฝีปาก

“แม่ง.. ถ้าไม่อยากขาดใจตาย” เสียงทุ้มต่ำกระซิบลอดไรฟัน “หยุดทำหน้าแบบนั้น หยุดส่งเสียงนั่นเดี๋ยวนี้”

เป็นไปตามคำสั่ง ผมหยุดทุกการกระทำเผลอไผลที่ดำเนินอยู่ ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดลึกเป็นจังหวะเนิบช้า ก่อนที่ใบหน้าจะผงกกลับมาสบตากับเดฟตรงๆ

เกมจ้องตาเกิดขึ้นอีกครั้ง

และคราวนี้กลายเป็นผมเองที่ค่อยๆ เผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมาตรงมุมปาก เพราะสีหน้าสับสนของคนตรงหน้าแสดงออกชัดแม้อยู่ในความมืด

แต่ยิ้มนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะริมฝีปากที่เคลื่อนเข้ามาประชิด สัมผัสอุ่นบดเบียดเชื่องช้า ก่อนที่ผมจะใช้มือดันไหล่กว้างออก

“ไม่.. ผมยังไม่อยากตายตอนนี้” ผมพูด เห็นสีหน้าจริงจังพยักเบาๆ ก่อนที่แผ่นหลังจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือที่เริ่มขยับอีกครั้ง

“เดฟ” นั่นไม่ใช่การปรามสักทีเดียว แต่โทนเสียงที่เข้มและเด็ดขาดขึ้นก็ทำให้อีกฝ่ายชะงักทุกการกระทำ ใบหน้าสะบัดลงต่ำ พร้อมกับลมหายใจที่ถอนออกมาแรงๆ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

ฝ่ามือผละออกจากตัว พร้อมๆ กับปลายนิ้วที่ตรงเข้าจับเสื้อของผมแล้วเริ่มต้นกลัดกระดุมให้

ผมทอดมองอีกฝ่าย ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากเราทั้งคู่อีก เดฟติดกระดุมให้ผมไปเรื่อยๆ มีสัมผัสหยอกเย้าจากหลังนิ้วแตะเข้าที่ลำตัวเป็นระยะราวกับต้องการจะแกล้ง ก่อนที่เขาจะผละตัวออกไป

“ใกล้เช้าแล้ว อยากนอนพักหรือเปล่า” เขาถาม ดวงตาปราดมองแทซที่เริ่มลุกขึ้นเหยียดตัว “ดูเหมือนนายนอนหลับไปไม่ถึงสองชั่วโมง”

“ผมคงนอนไม่หลับแล้วล่ะ” ผมส่ายหน้าประกอบคำพูด ฝ่ามือวางทาบที่ขาของตัวเอง “มีอะไรหรือเปล่า”

เดฟยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับแทซที่กระโดดลงจากโซฟา วิ่งวนไปรอบๆ บ้านแล้วหยุดนั่งอยู่ตรงประตู

“อยากให้ไปที่คลับด้วยกันหน่อย แต่ฉันต้องพาแทซไปวิ่งก่อน” เขาเหลือบตามองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนัง “ถ้าไม่นอน นายอาบน้ำรอเลยก็ได้”

“ถามได้ไหมว่าไปทำไม”

เดฟนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มออกมาจางๆ

“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”

 

 

 

 

“อ้าว ไอ้หนูคนนั้นน่ะเอง ฟลอยด์ หายไปนานนะ” กันเตอร์ทักขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบ สัมผัสได้ว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายดูฝืดเฝื่อนกว่าที่เคยพบเห็น

“ขอบคุณครับ” ผมพูด รับขวดเบียร์ที่อีกฝ่ายยื่นให้อย่างไม่คิดขัดใจ ดวงตากวาดมองบรรยากาศอึมครึมรอบๆ คลับ ผู้ชายร่างใหญ่หลายคนนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะใหญ่ตัวเดิม คราวนี้ไม่มีแอชคนนั้นที่ผมเคยเห็น

สิ่งที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ไม่มีเสียงหัวเราะครื้นเครงและบรรยากาศที่ดีเหมือนกับครั้งแรกนั่น ไม่มีเลย ..

หนึ่งในนั้นหันมาทางเราแล้วพยักหน้าทักทายเดฟที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของผม สีหน้าจริงจังสวมเป็นหน้ากากติดอยู่บนใบหน้าของทุกคน เดฟยกมือแตะไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างของผมไปยังโต๊ะนั้น ฝ่ามือวางทาบลงบนโต๊ะตัวใหญ่ พร้อมกับใบหน้าที่โน้มลงต่ำ เขารับฟังอะไรสักอย่างจากคนพวกนั้น พยักหน้าสองสามครั้ง แล้วเดินกลับมาทางผม

“มานี่สิ” เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินนำผมขึ้นไปยังชั้นสอง บันไดส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนเคยยามที่ต้องรับน้ำหนักตัวของผู้เดินผ่าน

ข้างบนยังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ที่มีเพิ่มมา เห็นทีจะเป็นกล่องลังขนาดใหญ่ที่วางซ้อนกัน กลมกลืนไปกับลังเบียร์มากมาย เดฟเดินนำผมไปด้านในสุด บานประตูเก่าๆ ที่ผมคิดว่าเสียหรือไม่ก็เป็นห้องเก็บของที่ล็อคตาย สีฟ้าอ่อนซีดๆ  พร้อมรอยขีดข่วนสะเปะสะปะ เขาเปิดมันออก เผยให้เห็นทางเดินยาวๆ ประตูไม้เนื้อดีอีกสามบาน และบันไดลงไปด้านล่างที่ผมไม่เคยเห็นอีกหนึ่ง

มั่นใจว่าในตอนนี้ สายตาของผมเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่เดฟก็แค่มองมา และยังไม่อธิบายอะไรให้ได้ยินทั้งนั้น

เขาเดินนำไป หยุดยืนที่ประตูบานหนึ่งซึ่งอยู่ด้านในสุด กุญแจดอกเล็กถูกหยิบขึ้นมาไข ข้างใน เป็นห้องนอนเล็กๆ มีเตียงขนาดห้าฟุตวางชิดผนัง โปสเตอร์วงดนตรีที่ผมไม่รู้จักแปะเต็มผนัง ปะปนไปกับหน้าหนังสือพิมพ์และรูปภาพเหตุการณ์สีขาวดำ มีโต๊ะทำงาน พรมเช็ดเท้าสีเทาหม่น โทรทัศน์เครื่องเล็กวางอยู่บนชั้น ตู้เก็บหนังสือ กระจกตั้งพื้น โซฟาตัวเล็ก ทุกอย่างถูกวางอัดกันอยู่ภายในห้อง

ไฟในห้องสว่างขึ้น พร้อมกับบานประตูที่ปิดลงเสียงดัง เดฟก้าวผ่านร่างของผมไป หยุดยืนอยู่ตรงข้างเตียง ดวงตาจ้องสำรวจผมไม่วางตา ขณะที่ผมเองก็กวาดตามองรอบๆ ห้องไปเรื่อยๆ

“ที่นี่คืออะไร” ผมถาม  คำตอบที่ต้องการไม่ใช่คำอธิบายว่านี่คือห้องนอนหรือห้องน้ำ แต่เป็นรายละเอียดที่มากกว่านั้น

“ห้องของฉัน” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียง “เป็นยังไงบ้าง”

ผมหันซ้ายหันขวาอีกครั้ง ฝ่ามือขยับขึ้นแตะแขนของตัวเอง “ก็.. ดี”

“อยากมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า” เขาถามด้วยใบหน้าจริงจัง ขณะที่ผมรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางสมอง

“อะไรนะ” ผมถามทวน เสียงที่เปล่งออกไปแห้งตีบอยู่ในลำคอ

ความไม่เข้าใจซัดเข้าตบใบหน้า

เดฟแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผมด้วยความเฉยชา ก่อนจะกล่าวย้ำ

“ฉันอยากให้นายย้ายมาอยู่ที่นี่”

พอผมเงียบ เดฟก็ค่อยๆ หยัดตัวขึ้นยืน ฝ่าเท้าก้าวตรงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับน้ำเสียงเด็ดขาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังออกคำสั่ง

“นายจะไม่อยู่ที่บ้านนั้นอีก ตกลงไหม นายจะอยู่ที่นี่”

!!

“หมายความว่ายังไง” ตัวผมในตอนนี้ ได้แต่ถามคำถามซ้ำไปซ้ำมาราวกับเป็นคนโง่ ใบหน้านิ่งเรียบ ขัดกับหัวใจที่ร่วงลงไปอยู่ที่พื้น

“หมายความตามที่พูด” เดฟตอบ สีหน้าเคร่งเครียดติดค้างอยู่บนใบหน้า

ผมก้าวถอยหลัง ในช่วงที่ความเงียบโรยตัว หัวสมองก็พยายามตีความหมายและสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะมองมุมไหน จะคิดกลับไปกลับมากี่รอบ ผลลัพธ์ที่ได้ในหัวก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด

ผมเหยียดยิ้ม ดวงตาเริ่มแข็งกร้าวขึ้น ก่อนจะถูกกลบซ่อนไว้อย่างรวดเร็ว

“เข้าใจแล้ว” ผมพึมพำ เอี้ยวตัวหลบมือของเดฟที่ขยับเข้าหา “ถ้างั้น ผมจะไปเอง”

“ไป?” เดฟทวนคำ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น พร้อมกับดวงตาสับสนที่เริ่มฉายความไม่พอใจออกมา “นายพูดว่าไป”

“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมอยู่ด้วยแล้ว ก็แค่พูดมาตรงๆ” ผมส่ายหน้าเบาๆ สองสามครั้ง “ถ้าไม่อยากให้อยู่ด้วยแล้ว ผมจะเป็นคนไปเอง แค่นั้น..”

เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ก่อนจะถูกกลบลงในเสี้ยววินาทีต่อมาด้วยแรงกระแทกจากบานประตู ร่างของผมถูกผลักไปข้างหน้า พร้อมกับแผ่นหลังที่ถูกเบียดอย่างจงใจจากอีกคน

“นายกำลังผิดคำสัญญา” เดฟกดเสียงต่ำ ลมหายใจอุ่นแนบชิดอยู่ข้างใบหู แรงบีบกำแน่นอยู่รอบช่วงเอว ผมหายใจแรง หลายๆ ความรู้สึกตบตีกันอยู่ในช่องท้อง

อึดอัด

“จำไม่ได้เหรอ ว่าเคยสัญญาอะไรไว้” เขาถามย้ำ ขณะที่ผมเผลอเกลือกตาขึ้นด้านบน รอยยิ้มปลอมๆ สว่างชัดบนริมฝีปาก

“คำสัญญาอะไรนั่นคงไม่มีความหมายแล้วมั้งในตอนนี้.. พูดออกมาตรงๆ สิ” ผมปิดเปลือกตาลงแน่น ก่อนจะเปิดอีกครั้งแล้วจับจ้องดวงตาไปที่บานประตูไม้ตรงหน้า

“นายกำลังเข้าใจผิด” น้ำเสียงที่ได้ยินเริ่มอ่อนลง พร้อมกับแรงบีบตรงช่วงเอวที่คลายลงจนกลายเป็นแค่การลูบไล้ไปมาเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ให้โอกาสคุณอธิบาย” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่การส่ายหัวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวก็ดูขัดแย้งจนเห็นได้ชัด ร่างของผมถูกพลิกให้หันกลับไป

บานประตูถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากคล้ำได้รูป

ผมค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นสูง ก่อนจะหยุดที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม “ทำไมถึงพาผมมาที่นี่”

เกมวัดใจเกิดขึ้นชั่วครู่ เดฟจ้องตาผม ในขณะที่ผมก็ทำแบบเดียวกันโดยไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก แล้วอีกฝ่ายก็หลุดถอนหายใจออกมาแรงๆ พร้อมกับวงแขนที่เกี่ยวร่างของผมไปไว้ในอ้อมกอด ริมฝีปากกดชิดลงมาที่ขมับ ก่อนที่เขาจะทาบคางลงกับไหล่ของผมนิ่ง

“รู้ไหม ฉันไม่อยากให้นายต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้เลย” เขากระซิบ

“คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด” ผมเบือนหน้าออก “ไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้ ถ้ามันทำให้ลำบากใจมากขนาดนั้น”

“ถ้าฉันไม่พูด นายก็จะไป” วงแขนที่โอบรอบตัวอยู่กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย “ฉันพูดถูกไหม”

ผมไม่ตอบคำถาม ไม่แน่ใจนักว่าคำตอบของตัวเองจะออกมาเป็นแบบไหน เพราะในหัวหมุนคว้างไปหมด

เดฟผละตัวออกไป ฝ่ามือลากขึ้นตามช่วงแขน ก่อนจะหยุดนิ่งที่ลาดไหล่ ดวงตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความจริงจังและกระวนกระวาย

เดฟที่เคยฉายความนิ่งขรึม เคร่งเครียด และออกประโยคคำสั่งนั่นกับผมเมื่อครู่ ในตอนนี้ราวกับกลายเป็นคนละคน

“มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น อะไรบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อคนในกลุ่มของฉัน และอาจจะส่งผลต่อทุกคนที่พวกเราเกี่ยวข้องด้วย” เขาจ้องมองมาอย่างไม่หลบสายตา “ถ้านายจำได้.. เด็กผู้ชายที่เคยไปอยู่เป็นเพื่อนนายที่บ้าน”

“เรย์” ผมพูดชื่อในความทรงจำออกไป มองเห็นการพยักหน้ารับเล็กๆ พร้อมกับดวงตาที่แข็งกร้าวขึ้นของคนตรงหน้า

“เรย์..”   เขาทวน “หายไปจากการดูแลของเรา”

ผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อมากนัก แต่ก็ยังคงยืนเฉยๆ แล้วปล่อยให้เขาอธิบายต่อโดยไม่ได้ถามขัด

“ฉันไม่อยากให้นายหายไปแบบนั้น ไม่อยากให้นายต้องเจอกับอะไรที่อาจจะไม่ดี” เสียงทุ้มเงียบชะงักไป ฝ่ามือที่จับไหล่ผมอยู่ค่อยๆ ขยับขึ้นช้าๆ จนแบแนบกับผิวแก้ม ปลายนิ้วโป้งอุ่นเกลี่ยไล้เบาๆ ผ่านริมฝีปาก “ฉันไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นบ้าไปเหมือนกับเขาคนนั้น ไม่อยากจะต้องเสียใจแล้วก็รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเพราะความไม่รู้อะไรเลย”

เรื่องที่อีกฝ่ายกำลังพูด แน่ชัดว่าอยู่ห่างไกลความเข้าใจของผม

แต่กระแสประหลาดบางอย่างที่จับได้จากตัวของอีกฝ่าย ทำให้แม้แต่ผมที่ไม่รู้อะไรเลยใจหายวาบ หลายๆ อย่างที่สุมอยู่ในตัวเบาโหวง เหลือเพียงแค่มวลลมที่หมุนอยู่ในช่องท้อง กับอะไรสักอย่างที่บีบก้อนเนื้อในอกจนเสียดไปหมด

“ดังนั้นถ้านายจะช่วย..” เขาปิดเปลือกตาแน่น สีหน้าอึดอัดใจระบายอยู่ทั่ว “ช่วยอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาของฉันได้หรือเปล่า”

ผมเม้มปาก ความคิดที่จะไปในตอนแรกแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

ปลายนิ้วยกขึ้นแตะเปลือกตาของอีกฝ่ายแผ่วเบา พร้อมกับร่างกายที่ขยับเข้าชิด ไออุ่นที่สัมผัสได้ทำให้ใจอ่อนยวบ ผมสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของอีกฝ่าย

โดยที่ไม่รู้สาเหตุ ความรู้สึกนั้นเผื่อแผ่เข้ามาจนครอบคลุมทุกความรู้สึกของผมด้วยเช่นกัน

“ไม่ไปแล้ว” ผมวาดวงแขนโอบรอบคออีกฝ่าย ดวงตาที่เปิดลืมขึ้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของผมด้านใน “ไม่ไปไหนแล้ว”

สีหน้ากังวลของเดฟเจือจางลง แต่ก็ยังคงไม่หลุดหายไปไหน ปลายจมูกแตะสัมผัสเข้าเบาๆ ที่จมูกของผม ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะบดเบียดเข้ามา

จูบเอาอกเอาใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังได้รับคำขอบคุณ

เดฟสอดแขนเข้ากอดผมอีกครั้ง กอดแน่นราวกับกำลังกลัวว่าผมจะหลุดลอยหายไป

“นายจะปลอดภัย” เขากระซิบเสียงเบาทั้งๆ ที่ริมฝีปากยังแตะค้างอยู่ ฝ่ามือกดผ่านผิวแก้มของผมหนักๆ เพื่อยืนยันในสัมผัสที่กำลังเกิดขึ้น

ผมยกยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก ฟันคมๆ งับลงเบาๆ ที่ปากล่างของอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยออกในเวลารวดเร็ว

“คุณก็จะปลอดภัยเหมือนกัน”

ดวงตาคู่ตรงข้ามฉายรอยยิ้มออกมา เช่นเดียวกับผมที่เริ่มยิ้มกว้างยิ่งขึ้น

ขัดกับในใจที่กำลังกู่ร้องเสียงดัง รับรู้ถึงความกังวลและอันตรายที่วิ่งตรงเข้าหา

 


“คุณก็จะปลอดภัยเหมือนกัน ..”









หลังจากนั้น เดฟก็ออกจากห้องไป พร้อมกับเสียงโวยวายของทุกคนที่พร้อมใจกันดังขึ้น

ผมลอบเดินออกจากห้อง หยุดยืนอยู่ตรงบันไดขั้นที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นถ้าไม่จ้องตรงมาทางนี้ ผู้ชายที่ชื่อว่าแอชยืนอยู่ท่ามกลางทุกคน ใบหน้าเคร่งขรึมที่เคยไม่แสดงอารมณ์ ตอนนี้เต็มไปด้วยหลายๆ อย่างตีกันอยู่ในนั้น

ดวงตาที่วูบไหว เป็นอีกอย่างที่ผมมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้จะยืนอยู่ไกลมากก็ตาม

แล้วพวกเขาก็จากไป .. เสียงฮาร์เลย์กระหึ่มดังเข้ามาภายในคลับ กินเวลาไม่ถึงสองนาทีก่อนจะเงียบสงบลง ผมเม้มปาก ชั่งใจระหว่างการลงไปนั่งคุยเล่นกับกันเตอร์ กับการกลับเข้าไปในห้องแล้วใช้เวลาอยู่กับตัวเอง

แล้วผมก็เลือกทางเลือกหลัง

เดินกลับเข้าไปในห้อง กดล็อคประตู ทิ้งสายตาลงกับอะไรสักอย่างที่ไม่อยู่ในสายตา หัวสมองฉายภาพความคิดแบบเดิมๆ ความคิดที่จะตรงเข้าจู่โจมในทุกช่วงเวลาที่มีโอกาส

นานพอสมควรแล้ว ที่ผมหนีออกจากที่นั่นมาที่นี่ .. บางครั้งก็นึกสงสัย ว่าเขาคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ ถึงจะบอกว่าไม่มีอะไรให้นึกถึงในสถานที่ห่วยแตกแบบนั้นอีก แต่ก็มีหลายครั้งที่ใบหน้าคุ้นตานั่นลอยเด่นชัด พร้อมกับรอยยิ้มปลอมๆ แบบที่เป็นภาพลักษณ์ประจำตัว

‘ถ้าวันหนึ่งนายหายไป ฉันคงจะเสียใจมาก’

ผมเหยียดยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ถ้าเลือกได้ ก็ไม่คิดจะเปิดเผยมันให้ใครเห็นอีก ร่างกายล้มลงนอนบนเตียง กลิ่นที่คุ้นเคยเจือจางอยู่รอบกาย ถึงแม้จะอ่อนบางกว่าที่บ้าน แต่ผมก็สามารถตอบได้โดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน ว่านี่คือห้องของเดฟจริงๆ

เปลือกตาค่อยๆ หรี่ปิดลง ความมืดเข้ามาเยี่ยมเยือนถึงที่

ไม่มีการต่อสู้กันเองในหัว ไม่มีการพยายามปฏิเสธภาพในอดีตเหล่านั้นเหมือนกับวันอื่นๆ

ผมหลับไปง่ายๆ เพียงเพราะแค่ร่างกายยอมจำนนต่อความโศกเศร้าในความทรงจำ
 


tobecontinued.



____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
« ตอบ #69 เมื่อ: 28-01-2017 17:29:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #70 เมื่อ28-01-2017 17:31:15 »


19_
Dancin' With Mr. Gray

(ต่อ)





เช้าวันรุ่งขึ้น ..

ไม่มีแม้แต่เงาของเดฟที่คลับ เขาหายไป พร้อมกับผู้ชายกลุ่มใหญ่น่ากลัวที่มักจะนั่งอยู่ตรงนั้น เหลือไว้เพียงผู้ชายร่างผอมสูงผมสีน้ำตาล ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับแจ็คเก็ตหนังสีดำที่โผล่เข้ามานั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่ที่บาร์ กับกันเตอร์

ผมถูกขอร้องจากผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น ไม่ให้ออกไปไหนในตอนนี้

รวมถึงห้ามไปที่ทำงานด้วยเช่นกัน ..

ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ กับคำขอไร้ที่มาที่ไปนั่น แต่ผมก็ยอมทำตามง่ายๆ โดยไม่คิดจะโต้เถียง ทั้งวันนั้นหมดไปกับการนั่งเฉยๆ ฟังเพลงที่กันเตอร์เปิด กินอาหารที่กันเตอร์ทำ แล้วก็กินเหล้าที่กันเตอร์ยื่นให้

พอตกเย็น ผมเห็นผู้ชายคนนั้นรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง และท่าทางโกรธจัดที่แสดงออกมา เขาหันไปพูดอะไรสักอย่างกับกันเตอร์ที่ตั้งใจฟัง

แล้วบรรยากาศก็ถูกกดให้อึมครึมมากขึ้นยิ่งกว่าเก่า

เสียงพูดคุยหายไปจากคลับ พร้อมกับเสียงเพลงร็อคบาดหูที่ถูกกระชากให้รุนแรงและอึกทึกมากกว่าเดิม

ห้าทุ่ม.. ผมก็พาตัวเองกลับเข้าไปในห้องคับแคบ สอดร่างผ่านผ้าห่มผืนหนา นึกสงสัยและตั้งคำถาม

ว่าสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ยังอยู่ในแผนการเดียวกับตอนที่ผมตั้งใจหนีออกจากเนวาด้าหรือเปล่า

ชีวิตสงบสุขและเป็นปรกติที่ผมเฝ้าฝันถึง

ใช่ชีวิตแบบเดียวกับที่ผมกำลังเจออยู่ตอนนี้จริงๆ หรือเปล่า











I'm gonna love you like nobody's loved you,

Come rain or come shine.

High as a mountain and deep as a river,

 

เสียงเพลงที่แว่วเข้ามาในโสตประสาท ปลุกผมให้ตื่นขึ้น เปลือกตากะพริบถี่ๆ ก่อนจะเปิดลืม แสงไฟสลัวๆ ในห้องเกิดจากไฟจากด้านนอกที่สาดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเล็ก

เสียงตกกระทบหนักๆ ดังเป็นจังหวะสะเปะสะปะมาจากข้างนอก

 

Come rain or come shine.

 

กลิ่นฝน กลิ่นแอลกอฮอล์ กับสายตาที่จับจ้องมา ผมขยับลุกขึ้นนั่ง ประสานสายตาเข้าพอดีกับเดฟที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาปลายเตียง

ขวดเบอร์เบิ้นถูกยกขึ้นชิดริมฝีปาก แม้กระทั่งตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อรับมันลงคอ ดวงตาสีเข้มนั่นก็ยังจับจ้องผมไม่วาง

“เดฟ..” ผมออกปากทัก ในชั่วนาทีแรก เขาตอบโต้กลับมาเป็นความเงียบสนิทที่เปล่งผ่านลำคอ ร่างสูงยังคงยกเหล้าในมือขึ้นดื่มกินไปเรื่อยๆ ขณะที่ผมเองก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม



You're gonna love me like nobody's loved me,

Come rain or come shine.

 

เสียงหายใจแผ่วเบาที่ปล่อยผ่านปลายจมูก ดังย้ำในช่องหู ผมไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ตอนที่เดฟยืดตัวขึ้นยืน แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง

ฝ่ามือขยับมาข้างหน้า ก่อนจะแบหงายค้างกลางอากาศ

“ขอมือหน่อย” นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาพูดขึ้น ผมทิ้งสายตาที่ฝ่ามือตรงหน้าโดยที่ยังไม่ขยับตัว

“จะทำอะไร..”

“ส่งมือมา เร็ว” เขาเอ่ยย้ำ ดวงตากลืนเป็นสีดำไปกับเงา ใบหน้านิ่งเรียบคาดเดาไม่ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่

ผมขบฟันลงริมฝีปากล่างเบาๆ เว้นช่องว่างให้เข็มวินาทีเคลื่อนตัวไปข้างหน้าชั่วครู่ ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มขยับเขยื้อน เข่าทั้งสองข้างกดลงกับเตียงนุ่ม ผมโน้มตัวไปข้างหน้า ไขว่คว้าเอาฝ่ามือของอีกฝ่ายมาจับไว้แน่น

แล้วทั่งร่างก็ถูกดึงจนหล่นลงจากเตียง เดฟประคองร่างของผมเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปนั่งที่พื้น ฝ่ามืออีกข้างสอดเข้าตรงช่วงเอว สัมผัสขวดเหล้าหนักๆ กับแผ่นหลังของผม

ทั้งร่างเกร็งเล็กๆ ขณะขยับเบาๆ ไปตามการชักจูงของอีกฝ่าย

ขยับเบาๆ ไปตามดนตรีจากแผ่นเสียงที่หมุนวนอยู่บนชั้นวางของด้านหลัง

ผมกล้าสารภาพว่าตัวเองไม่ใช่นักเต้นที่เก่งมากนัก ในชีวิตนี้ ผมเต้นนับครั้งได้ แต่ความสบายใจที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็ทำให้ผมยอมทำตามที่อีกฝ่ายต้องการไปเรื่อยๆ ท่อนแขนที่โอบอยู่ด้านหลังผละออกเป็นระยะในตอนที่เดฟยกเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะสอดกลับเข้ามาใหม่

เส้นโค้งจากหน้าผาก ปลายจมูกและริมฝีปากตรึงสายตาของผมให้หยุดนิ่ง แสงไฟที่สาดเข้ามายิ่งขับให้ทุกอย่างในตอนนี้ก้ำกึ่งระหว่างความจริงและภาพฝัน

“รู้ไหม ว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่กลับมาเห็นนายนอนอยู่บนเตียงนี่” เสียงเกริ่นถามดังขัดขึ้นในความเงียบ

ฝ่ามือที่ประสานกันอยู่ผ่อนน้ำหนัก แขนที่อยู่ตรงช่วงเอวขยับลงต่ำ พร้อมกับร่างของผมที่หงายตกลงในช่วงอากาศ หยุดชะงักค้าง กินเวลาเนิ่นนานพอที่ดวงตาจะไล่กวาดลงจนเห็นสร้อยแท็กสีเงินที่อีกฝ่ายสวมใส่

ผมไม่ตอบคำถาม.. ทิ้งน้ำหนักลงศีรษะ ขยับเอียงช้าๆ ตามจังหวะเพลงที่ได้ยิน ก่อนทั้งร่างถูกดึงขึ้นอีกครั้ง

ริมฝีปากกดซับลงที่หน้าผาก ลมหายใจอุ่นตอกย้ำว่าตัวตนของอีกฝ่ายนั้นเป็นของจริง ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา

“โล่งใจ.. ดีใจจนแทบเป็นบ้า” เสียงทุ้มกระซิบต่ำ “เหมือนกับคำวิงวอนที่มีต่อพระเจ้าเป็นจริง”

ผมหลุบตาลงต่ำ ฟังเสียงดนตรีที่ค่อยๆ แผ่วเบาจนกลืนหายไปกับความเงียบ

ฝ่ามือแตะไล้แผ่นหลังกว้างช้าๆ ขยับสูงขึ้นจนปลายนิ้วเอื้อมสัมผัสลาดไหล่แข็งแรง ผมกดใบหน้าตัวเองลงกับช่วงบ่ากว้าง ก่อนที่ใบหน้าจะเบือนออกไปแสวงหาอะไรสักอย่างจากนอกหน้าต่าง

ดนตรีจากเพลงใหม่ค่อยๆ เริ่มขึ้นช้าๆ เสียงกีต้าร์ทำให้หัวใจเต้นกระตุก ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจหันใบหน้ากลับไปเผชิญกับเดฟที่ยังคงจ้องมองมา

ริมฝีปากขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้มากขึ้น จนเป็นผมเองที่เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย

เพราะอะไรบางอย่างในร่างกายกำลังจรดจ่อ ราวกับผมกำลังนับวินาทีเพื่อเฝ้ารอ

เรียวลิ้นแตะสัมผัสกันเนิบช้า แรกสัมผัส ให้ความรู้สึกยั่วยวน กลิ่นแอลกอฮอลด์ซึมซาบเข้ามาในลมหายใจ ผมขยับเอียงใบหน้า ปลายจมูกเสียดสีกับผิวเนื้ออุ่น

 

 

Well, minutes seemed like hours, an hour don't it seem like days?

Seems like my baby would stop her old evil way,


รสชาตินิ่งลึกของ Heaven Hill ไหลเข้ามาในช่องปาก ผมกลืนมันลงลำคออย่างเต็มใจ รับรู้ถึงชีพจรที่กระตุกถี่

ผมมองตรงไปข้างหน้า มองเห็นความต้องการที่ฉายชัดอยู่ในนั้น

ไม่ใช่จากเดฟ..

ความต้องการ ระบายชัดเจนอยู่บนใบหน้าของผม ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเข้ม

กลับกลายเป็นผมเอง ที่ถูกมอมเมาจนเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงออกมา

“..คิดถึง” ผมพึมพำ ปัดป่ายปลายนิ้วบนบ่ากว้างไปมาเบาๆ มองเห็นฝ่ามือของตัวเองขยับขึ้นสูง พร้อมกับปลายนิ้วเรียวยาวที่จรดลง ลากไล้ไร้รูปร่างเนิบช้า

หัวสมองรับรู้ถึงการล่อลวงที่เด่นชัดผ่านแววตาคู่ตรงข้าม

ไม่ค่อยแน่ใจนัก ว่าเป็นเดฟที่ผลักผม หรือเป็นตัวของผม ที่ดึงกระชากร่างสูงเข้าหา

สัมผัสยวบยาบดันชิดแผ่นหลัง พร้อมกับศีรษะที่แหงนตกลงบนหมอนสีขาว ปลายนิ้วลากไล้ผ่านผิวเนื้อตรงเอว สอดผ่านเสื้อยืดที่ผมสวมใส่

เสียงฝน.. เสียงเพลงบลูส์จากแผ่นเสียงเก่าๆ ที่ตกสะดุดเป็นระยะ.. เสียงอื้ออึงดังซ้ำวนในช่องสมอง

และเสียงหอบหายใจของผมที่ดังชัดในห้องมืด

เดฟสอดกระแทกตัวตนเข้ามา ขณะที่ผมเบียดตัวรับ จมูกโด่งกดลงข้างมุมปาก กับสายตาจริงจังที่เพ่งผ่านความพร่ามัว

ผมกำลังสูญเสียหน้ากากที่สวมใส่อยู่ ..

เรียวขาของผมถูกยกขึ้นสูง ปลายนิ้วจิกลึกลงบนผิวเข้ม

เสียงของเดฟฟังดูห่างไกล เลื่อนลอย แต่กลับตอกย้ำหนักแน่นในความรู้สึก

 

“คิดถึง”









เสียงลูกบิดประตู.. ฝีเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะมั่นคง.. กับสามวินาทีที่ความสงบยังคงลอยตัวอยู่ในห้อง

“นี่มันอะไรกันเนี่ย”

เสียงทุ้มหนักแน่นอยู่ในลำคอ ผมกะพริบตาถี่ ดวงตารับรู้ถึงความสว่างที่สาดเข้านัยน์ตา การมองเห็นที่พร่ามัวค่อยๆ ถูกปรับจนทียบเท่าปรกติ

พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของผู้หญิงแปลกหน้า.. ที่ผมไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อน

ไม่.. ไม่ใช่คำว่าแปลกหน้าสักทีเดียว

ถ้าจะดูกันที่หน้าตา ผมคิดว่าใบหน้าที่จ้องค้างมาทางนี้ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

“นาย” เธอเกริ่น ใบหน้ากดต่ำลงพร้อมกับดวงตาที่เกลือกขึ้นจ้องผมราวกับจับผิด หัวคิ้วที่ผ่านการแต่งทรงมาขมวดเข้าหากันแน่น “ใครน่ะ”

ผมอ้าปาก พยายามควานหาคำพูดของตัวเองในอากาศ ดวงตาจ้องสบกลับไป เมื่อรู้สึกพ่ายแพ้ ถึงได้ลากกลับมามองเดฟที่ยังนอนนิ่งอยู่ข้างๆ

“นั่นเขาใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นถามเสียงสูง ฝ่าเท้าสาวเข้ามาใกล้ช้าๆ “เดฟ”

“เดฟ..” ผมที่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ช่วยเขย่าท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักเพื่อช่วยปลุก

“เดฟ!” เสียงตะคอกดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับหนังสือเล่มหนาจากบนชั้นวางของด้านหลังที่ถูกเขวี้ยงกระแทกจนเกิดเสียงดัง

เดฟผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงตาฉายประกายไม่พอใจ ขณะที่ฝ่ามือยกขึ้นแตะหางคิ้วตัวเอง “เหี้ยอะไร”

แล้วดวงตาสีเข้มก็เบิกกว้าง

เช่นเดียวกับผมที่มีสีหน้าคล้ายๆ กัน ตอนที่ได้เห็นทั้งสองคนยืนอยู่ในกรอบรัศมีสายตาเดียวกัน

ผู้หญิงคนนั้น.. ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบขนตาดกหนา จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูปฉายรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกไม่ดีนัก เส้นผมสีบลอนด์อ่อนที่มีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำติดอยู่ตรงโคนผม

เหมือนกันอย่างกับเป็นคนเดียวกัน ..

“ดาเบรีย” เดฟหลุดชื่อออกจากปาก

“เหี้ยอะไรเหี้ยอะไรล่ะ” เธอทวนคำพร้อมกับเลิกคิ้วสูง ดวงตาถลึงมองเดฟอย่างเอาเรื่อง “เราเพิ่งไปช่วยพวกเขามาเมื่อวาน ทุกคนวุ่นวายกันไปหมดแล้วแกทำบ้าอะไรอยู่”

“ไม่เอาน่ะ” เดฟว่า

“นี่ ซื้อกินเหรอ” ผู้หญิงที่ชื่อดาเบรียปรายตามองผม “ซื้อกิน หรือไปหิ้วมาจากที่ไหน”

“เหลวไหลดาเบรีย เธอก็รู้ว่าฉันไม่พาพวกนั้นขึ้นมาบนนี้” เดฟส่ายหัว ปลายนิ้วแตะเข้าเบาๆ ที่ช่วงเอวเปลือยของผมที่ซ่อนอยู่หลังผ้าห่มผืนหนา

อาจจะเป็นการเช็คว่าจะเกิดท่าทางต่อต้านหรือปฏิเสธอะไรหรือเปล่า

พอผมไม่ได้สะบัดหรือขยับตัวหนี เขาก็ลากสัมผัสหนักๆ ทิ้งไว้หนึ่งครั้งก่อนจะผละไป

“นี่ฟลอยด์”

“ฉันไม่ได้ถามชื่อ” ดาเบรียพูดแทรกขึ้นในทันที ฝ่าเท้าก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นจนชิดกับเตียง ก่อนร่างโปร่งจะหย่อนตัวลงนั่ง ฝ่ามือกดแนบกับที่นอน ขณะที่ใบหน้ายื่นเข้ามามองผมอย่างสำรวจ

เหมือนจนน่ากลัว

นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมคิดได้ในตอนนี้

“นายเป็นอะไรกับเขา” เธอถามเสียงเรียบ

“ผม..” ดวงตาของผมถูกตรึงให้ชะงักค้างอยู่กับที่ คำตอบมากมายวิ่งรวนอยู่ในสมอง แต่ไม่มีคำพูดไหนเลยที่ร่วงหลุดออกจากปาก

แล้วท่อนแขนแข็งแรงก็ยกขึ้นคั่นระหว่างร่างของผมกับดาเบรีย สีหน้าของเดฟติดจะหงุดหงิด ดวงตาสีเข้มฉายแววขุ่นเล็กๆ

“เขาอยู่กับฉัน” เดฟนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะอธิบายต่อสั้นๆ “ที่บ้าน”

ดาเบรียหลุดสีหน้าประหลาดใจออกมา มุมปากกระตุกเล็กๆ จนไม่แน่ใจว่าเกิดจากการยิ้มหรือความไม่พอใจ

“นายนี่เอง ต้นเหตุที่ทำให้ฉันไม่ได้เข้าไปในบ้านหลังนั้น”

ดวงตาดุหรี่ลง ก่อนที่ริมฝีปากภายใต้ลิปสติกสีเข้มจะค่อยๆ เผยรอยยิ้ม

“เคลียร์กันหน่อยไหม”





 

พอผมไม่ตอบ อีกฝ่ายก็เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง ดวงตาจ้องลึกเข้ามา ก่อนที่ร่างโปร่งจะยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง รองเท้าบู้ทมีส้นสีน้ำตาลกระทบกับพื้นจนเกิดเสียงเป็นจังหวะ ดาเบรียหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง

“ฉันจะรอข้างนอก แต่งตัวแล้วออกมา” ดวงตาสีเข้มตวัดมองเดฟหลังจากจบประโยค “นายด้วย ย้ายตูดเส็งเคร็งนั่นออกมาจากเตียงแล้วก็ตามมา”

พอประโยคคำสั่งจบลง เจ้าตัวก็ก้าวออกจากห้องพร้อมเสียงปิดประตูลั่นที่ดังไล่หลัง ความเงียบยังโรยตัวอยู่ร่วมนาที จนผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือที่แตะทาบเข้าที่เอว

“นั่น.. นั่นคือ..” ผมส่ายหน้าเล็กๆ ตามความสับสนที่เกิดขึ้นในหัว คิ้วขมวดเข้าหากัน ขณะที่ดวงตาสลับมองระหว่างเดฟกับบานประตูที่ปิดสนิท

“พี่สาว” เขาตอบ สัมผัสจากปลายนิ้วลากไล้ขึ้นสูงตามกระดูกสันหลัง “ฝาแฝดน่ะ”

ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักกับคำตอบที่ได้รับ อาจจะเพราะด้วยหน้าตาที่คล้ายคลึง ทำให้นึกสงสัยตั้งแต่แรกเห็นว่าต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด บวกเข้ากับท่าทางและพฤติกรรมที่เหมือนถอดแบบกันมา

ผมรับฟัง ไม่มีคำตอบหรือประโยคใดหลุดออกจากปากอีกหลังจากนั้น ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้..

ไม่มีความคิดอะไรในหัวเลยแม้แต่น้อย

มันว่างเปล่า เป็นความกลวงที่ขยายตัวยิ่งใหญ่ แค่เพราะนึกถึงเรื่องที่ผมกำลังพบเจออยู่ …

ถึงจะโดนมองด้วยสายตาแบบนั้น แต่ไม่มีความหวาดกลัวอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

ไม่มีความรู้สึกเชิงนั้นเลยสักนิด

สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกในตอนนี้.. คือความวิตกกังวลเล็กๆ

ใบหน้าพยักขึ้นลงแทนการรับรู้อย่างเป็นทางการ ผมขยับตัวลงจากเตียง ผละตัวเองออกจากมือของเดฟ สองขาหย่อนลงข้างเตียง สัมผัสปลายเท้าเข้ากับพื้นแข็งๆ

รับรู้ถึงสายตาที่มองตามมา

ก่อนที่เราจะต่างคนต่างแต่งตัวให้ตัวเอง ผมทำทุกอย่างไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่แสดงความกังวลหรือความคิดในหัวตัวเองออกมาให้เดฟรับรู้ด้วย

เสียงรูดซิปกางเกงดังขึ้นเป็นเสียงสุดท้าย ผมขยับตรงไปที่บานประตู ก่อนที่ทั้งร่างจะหยุดชะงักเพราะฝ่ามือที่คว้าจับเข้าที่สะโพก

“ไม่เป็นไรนะ” เขาพูด เพราะสายตาจับจ้องอยู่ที่ประตู ผมถึงไม่รู้ว่าเขาพูดมันออกมาด้วยสีหน้าแบบไหน “ไม่มีอะไรหรอก”

แล้วผมก็หันกลับไป เส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าถูกปัดเบาๆ จากปลายนิ้วเรียวยาว ผมช้อนตาขึ้นมองสบ ก่อนที่เดฟจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้

จูบเอาอกเอาใจแตะประทับเข้าที่ริมฝีปาก

“นายอยู่กับฉัน เป็นคนสำคัญ.. เธอจะเข้าใจ” ปลายนิ้วแตะประคองเข้าที่กรอบหน้า ไล้ลงจนหยุดอยู่ตรงสันกราม

ผมวูบไหวกับคำพูดที่ได้ยิน ความร้อนไล่ลามเข้าที่ช่วงแก้ม

เดฟเลิกข้างหนึ่งขึ้นสูง สีหน้าพึงพอใจตอนที่ได้เห็นท่าทางที่ผมเก็บไว้หลุดออกมา

“เขินเหรอ.. จูบเมื่อกี้น่ะ”

สุดท้ายแล้วคนที่น่าจะรู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นคนที่ถามมันออกมา

.. สิ่งที่มีผลกับผม ไม่ใช่การสัมผัสกันทางร่างกาย

แต่เป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเมื่อครู่ต่างหาก คำพูดจริงจังที่ค่อยๆ แทรกตัวตนผ่านกำแพงที่ผมตั้งไว้เข้ามา

ตอกย้ำให้ผมรับรู้ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ผิวเผินเหมือนที่ผ่านมา



____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #71 เมื่อ28-01-2017 18:51:20 »

+เป็ดค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #72 เมื่อ28-01-2017 20:06:25 »

เดฟ คนจริง ทำให้ฟลอยด์ เข้มแข็ง มั่นใจ
“นายอยู่กับฉัน เป็นคนสำคัญ.. เธอจะเข้าใจ”
ทำถูกต้องแล้วเดฟ ดีมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ที่ให้ความมั่นใจกับฟลอยด์
เพราะฟลอยด์ตัวคนเดียว ต้องไม่มั่นใจ ว้าเหว่ แน่ๆ  :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #73 เมื่อ28-01-2017 21:22:40 »

รู้สึกถึงความว่างเปล่า

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #74 เมื่อ28-01-2017 21:27:32 »

ทำไมเดฟเท่ขนาดนี้!!!! พ่อคุณ นอกจากจะดิบเถื่อนเซ็กซี่แล้วยังมั่นคงจริงใจ

ฮือออออิจฉาฟลอยด์ได้มะ

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #75 เมื่อ28-01-2017 21:40:37 »

เดฟหนักแน่นดีจริงๆ ทำแล้วดีทำแล้วเท่ทำต่อไปปป55555

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
Re: I BITE :: Chapter.13 Strange Brew (25/01/2560)
«ตอบ #76 เมื่อ29-01-2017 20:44:17 »

เป็นนิยายเรื่องแรกเลยมั้งครับ ที่ตัวเอกเคยทำเรื่องไม่ดีมาก่อน แล้วมีความคิดที่เป็น consciousness ที่ดี ปกติหายากมากนะครับที่จะมีแนวแบบนี้ออกมา นิยายส่วนมากจะทำให้พอตัวเอกมีพื้นของการค้าประเวณี แล้วก็จะบ้าเซ็กซ์บ้ากามอะไรไปตามเรื่อง หรือไม่ก็คือใช้ตัวเข้าแลกเพื่อทำนู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ได้สะท้อนถึงค่านิยมของการรักษาคุณค่าของจิตใจตัวเอง ไม่ได้เป็นการดึงจิตสำนึกที่ดีและสร้างระบบการคิดที่สมจริงออกมา

แต่เจนีนไม่ใช่ทั้งหมดนั่น สารภาพตอนแรกเลยครับว่าพออ่านเจอว่าเจนีนเคยค้าประเวณีมาก่อนนี่ผมแบบ เรื่องนี้จะออกแนวกามๆอีกเรื่องรึเปล่าวะเนี่ย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เจนีนเป็นตัวอย่างที่ดีของมนุษย์ที่ทำเรื่องเลวร้ายไม่ใช่เพราะอยากจะทำ แต่เพราะเขาถูกบีบให้ทำเพื่อความอยู่รอด และเขาเองเมื่อทำแล้ว 'ก็ไม่ได้เสพติดหรือหลงมัวเมา' กับสิ่งนั้นๆ เขาไม่ได้ชอบเซ็กซ์ เขาทำเพราะต้องดูแลแม่และเขาไม่ได้มีโอกาสที่ดีอย่างอื่น เมื่อไม่มีแม่แล้ว เจนีนเองก็พยายามหนีออกจากวังวนนี้อย่างสุดกำลัง ทำอะไรก็ได้ที่จะไม่ลดคุณค่าของเขาลง เขายอมที่จะได้เงินน้อยลง แต่มีคุณค่าของจิตใจตัวเองมากขึ้น เขาไม่ยอมที่จะพึ่งพิงคนอื่นที่อาจจะเรียกค่าตอบแทนเป็นร่างกายของเขา เขาต้องการที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง นี่เป็นข้อคิดเชิงค่านิยมสังคมที่ดีมากๆ และควรสะท้อนให้เยาวชนอ่านและซึมซับครับ

สังเกตว่าเจนีนมีความคิดที่ต่อต้านการค้าประเวณีทุกครั้ง เขาเกลียดการทำแบบนี้ เขารู้ว่าการทำแบบนี้ผิด และเขาก็ 'ไม่ยินดี' รวมถึงถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ยินยอมที่จะทำ (ขัดกับหลายๆตัวละครที่เรามักจะเห็น ปากบอกไม่ดีๆไม่ทำๆ แต่พฤติกรรมทั้งเรื่องคุณมีเซ็กซ์มากกว่า 4-5 บทหรือแม้กระทั่งยอมไปพึ่งคนอื่นที่สุดท้ายก็มาจบที่เซ็กซ์ ทำให้นี่มันก็คงไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณพูดน่ะนะ)

สิ่งที่ต้องพูดต่อมาก็คือตัวพระ ตัวพระเรื่องนี้โดดเด่นครับ ในแง่บุคลิกนะ ไม่ใช่ในแง่รูปลักษณ์ ถ้าเราพิจารณาว่านิยายเรื่องนี้มีพื้นหลังของชีวิตตัวละครเป็นสีเทาจนเกือบดำกันแทบทุกคน ถ้าเป็นนิยายพื้นหลังประเภทนี้ ส่วนมากจะเมนไปโฟกัสที่พระเอกหล่อล่ำรวย นางเอกอยากทำดี บลาๆ สุดท้ายพระเอกก็ปู้ยี่ปู้ยำและรักกัน(?) พระเอกเป็นเพอร์เฟกต์แมนที่ทำเรื่องติดกิเลสได้ทุกอย่าง โนสนโนแคร์ความรู้สึก แต่สักพักก็จะรักกันด้วยความดีของนางเอก(??) นี่เป็นพล็อตนิยมครับ

แต่เดฟไม่ใช่ ในแง่รูปลักษณ์ เขาตรงกับข้างบนเกือบหมดเลยครับ แต่ในแง่นิสัย เดฟแตกต่างมาก เขารู้ว่าเจนีนรู้สึกกับจิตใจของตัวเองยังไง แล้วก็เคารพกับความรู้สึกนั้น เดฟให้เกียรติเจนีนในฐานะมนุษย์คนนึงที่ควรได้รับโอกาสที่สอง มันเป็นบุคลิกที่โดดเด่นมาก แล้วพอมันแสดงออกเป็นพฤติกรรม มันก็ยิ่งทำให้ตัวละครนี้มีความแปลกใหม่และน่าชื่นชมพอๆกับตัวนางมากขึ้นไปอีก

สรุปแล้วคือคาแรกเตอร์ของเรื่องนี้มี 'นัยยะของความดี' แฝงอยู่ได้อย่างดีมาก ไม่ใช่ความดีที่เราพบเห็นทั่วๆไป แต่เป็นเรื่องของจิตสำนึกที่พยายามเข้มแข็ง การให้เกียรติคนที่เคยทำเรื่องไม่ดีและพยายามแก้ไข แค่นี้ก็ทำให้ผมแทบจะเรียกว่าเรื่องนี้เป็นนิยายที่ดีมากๆเรื่องนึงแล้วครับ

นี่ยังไม่นับการบรรยายที่ลื่นไหล การเล่าเรื่องที่ให้โทนเหมือนดูหนังต่างประเทศแนวดาร์คปนสืบสวนอยู่ เรื่องผมคิดว่าเน้นเรื่องบทพูดกับเรื่องความรู้สึกของเจนีน สิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขารู้สึก แค่นี้มันก็มีเสน่ห์มากพอในระดับหนึ่งแล้วโดยไม่ต้องมีการบรรยายองค์ประกอบเพิ่มเติม การใช้ภาษาก็ถือว่าดีเลยครับ น่าติดตามอ่านต่อมาก

ที่ควรระวังนิดหนึ่งคือต้องเลือกว่าจะให้ปมไหนเด่นกว่ากัน ปมความรู้สึกของตัวละครที่จะค่อยๆมีการพัฒนา หรือจะเล่นปมใหญ่ของสังคมในเมืองประหลาดๆนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าเน้นปมแรกให้เด่นกว่าจะดี เพราะตัวคาแรกเตอร์แน่นมาก มีมิติที่เด่นมากพอจะทำให้เห็นตอนจบของปมความรู้สึกแล้วสามารถทำให้ผู้อ่านจบแบบ 'อิ่ม' ได้โดยไม่ค้างคา และเราไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสเรื่องปมใหญ่ของสังคมด้วยซ้ำครับ แต่อาจจะต้องมีการสอดแทรกเพื่อรู้ความเป็นไปของสองคนนี้ในอนาคตหน่อยเพื่อทำให้โทนเรื่องจบได้อย่างลื่นไหล


ใช่เลยค่ะ เห็นด้วยมากๆ นิยายเรื่องนี้ดีจริงๆ อ่านรวดเดียว 19 ตอน โคตรสนุก หยุดอ่านไม่ได้ วางไม่ลง รอตอนต่อไปใจจดจ่อค่ะ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #77 เมื่อ29-01-2017 22:08:53 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: I BITE :: Chapter.19 Dancin' With Mr. Gray (28/01/2560)
«ตอบ #78 เมื่อ30-01-2017 00:39:20 »

พระเอกดีเกิ๊นตอนนี้

ออฟไลน์ mecinzano505

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #79 เมื่อ04-02-2017 17:19:49 »


20_
Unnatural Space






โต๊ะไม้บริเวณชั้นสอง.. การสบตา.. ความเงียบ และสายตาที่มองมาอย่างพิจารณา

ผมขยับตัวเล็กน้อย ได้ยินเสียงจุดไฟดังมาจากเดฟที่นั่งข้างๆ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนที่ไฟแช็กสีแดงเข้มจะถูกโยนลวกๆ ลงบนโต๊ะ

“มีอะไรก็รีบพูดเถอะน่า..” เดฟพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ดวงตาเหลือบมองผมที่ยังเอาแต่นั่งนิ่ง “อย่าไปกดดันเขานักเลย”

ดาเบรียยักไหล่เบาๆ ก่อนที่ปลายนิ้วจะยกขึ้นกรีดไล่เส้นผมตัวเอง ก็ดูเป็นท่าทางที่ดูมีเสน่ห์ดี ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจให้มันมีความหมายอะไรก็ตาม

“เป็นใครมาจากไหนล่ะ” ดาเบรียถาม ผละมือออกจากผมแล้วหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เสียงไฟแช็กดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงียบลง

“เนวาด้า” ผมตอบกลับไปสั้นๆ พลางแอบลอบมองท่าทางของคนข้างตัว ผมไม่รู้ว่าเดฟรู้หรือยัง เรื่องสถานที่ที่ผมจากมา

แต่ท่าทางนิ่งเงียบและสูบบุหรี่ต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ทำให้ผมคลายวิตกทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ลง

ต่อให้รู้ว่ามาจากที่ไหน ก็คงไม่สำคัญอะไรแล้ว

เขารู้จักผม.. ในแบบที่ผมเป็นจริงๆ ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเคยทำอะไรมา

“เนวาด้า” ดาเบรียทวนคำตอบ ใบหน้ากดต่ำพร้อมกับดวงตาที่ช้อนจ้องผมเขม็ง แล้วก็ทำให้ผมผิดคาดด้วยการเลิกถามเรื่องนั้นไปดื้อๆ ราวกับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอหยุดพูด บุหรี่มวนยาวถูกยกชิดริมฝีปาก “อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมนิ่งไปกับคำถาม เพราะสมองกำลังพยายามนึกย้อนและนับออกมาเป็นคำตอบ แต่แล้วดาเบรียก็พูดขัดขึ้นอีกครั้ง

“ไม่สำคัญหรอก” เธอนิ่วหน้า ดวงตาคมดุตวัดมองเดฟที่นั่งเงียบอยู่ข้างผม “ร้อนรนมากนักหรือไง กับอีแค่ชวนคุยไม่กี่ประโยค”

ผมเหลือบตามองเดฟทันที

ไม่มีอะไรเลยที่ใกล้เคียงกับคำว่าร้อนรนที่เพิ่งได้ยิน.. เขานิ่งโดยสมบูรณ์แบบ ดวงตาเบนกลับมาสบกับผม พร้อมกับคิ้วที่ยกขึ้นสูง

“ชื่ออะไร.. นายน่ะ” เธอหันกลับมาคุยกับผมอีกครั้ง

“ฟลอยด์ครับ”

“ฟลอยด์” ดาเบรียพยักหน้า ใบหน้านิ่งเรียบเริ่มให้บรรยากาศที่ดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก “ฉันก็ถามไปอย่างนั้น.. ที่เข้าใจนายผิดไปตอนแรก ก็ขอโทษด้วย”

“ไม่เป็นไร” ผมตอบกลับไปง่ายๆ มองเห็นรอยยิ้มเล็กๆ จุดติดที่มุมปากสวย

“ดูๆ ไปก็หน้าตาดีใช้ได้” เธอเกริ่นชม ก่อนจะเท้าศอกเข้ากับโต๊ะแล้วเพ่งมองหน้าผม “น่าจะไปมีอนาคตที่ดีได้กว่านี้”

ผมเงียบ ได้แต่ยิ้มจางๆ กลับไปเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร

กับเดฟที่หลุดสบถเบาๆ พลางหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาสูบ

“ฉันก็ประหลาดใจ ที่เขาเอานายมาที่นี่ ปรกติถ้าเป็นคนนอก..” ริมฝีปากสีเข้มหยุดไปราวกับเล่นจังหวะ “ก็น่าจะพาไปที่โรงแรม”

“หุบปากน่ะ พระเจ้า” เดฟสบถทั้งๆ ที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก

ดาเบรียหลุดยิ้ม ก่อนที่ร่างโปร่งจะยืดขึ้นยืนเต็มความสูง ปลายนิ้วเรียวยาวกดบุหรี่ลงกับโต๊ะ ขณะที่ผมกับเดฟขยับยืนตาม

“ดูแลเขาให้ดีๆ ก็แล้วกัน.. พวกโสเภณีกับเด็กใจแตกในเมืองนี้อยากได้ผู้ชายคนนี้จนตัวสั่น” ประโยคที่ได้ยินชะงักเท้าผมให้หยุดอยู่กับที่ ดาเบรียกระตุกยิ้มเล็กๆ ดวงตาฉายประกายประหลาดตอนเห็นเดฟแสดงท่าทางหัวเสียออกมา

“รีบร่ำลาซะ เราต้องไปธุระกัน ฉันจะรอข้างล่าง” เสียงผู้หญิงทุ้มๆ ติดแหบออกคำสั่ง ขณะที่ดวงตาสีเข้มเหลือบมองผม “ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมกะพริบตา พยายามเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย สบตากับเดฟเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องโดยไม่รอฟังคำพูดอะไรเพิ่ม

แต่เสียงฝีเท้าแปลกปลอมที่ดังไล่หลังทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเดินตามเข้ามาด้วย เสียงประตูปิดลง ผมสูดลมหายใจลึก รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา

ผมยกมือปิดปาก เท้าเดินนำไปข้างหน้า เพื่อหลีกทางให้เจ้าของห้อง.. เห็นภาพเคลื่อนไหวอยู่ปลายสายตา ว่าเดฟเดินนำไปนั่งที่เตียง ก่อนที่ร่างของผมจะถูกกระตุกเข้าหาจนเกือบเสียหลัก

แรงฝืนเล็กๆ เกิดขึ้นจากร่างกาย ยังปักหลักยืนนิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างขาภายใต้กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม วงแขนของเดฟสอดโอบช่วงสะโพก พร้อมกับกระชับให้ผมขยับเข้าใกล้มากกว่าเดิม

“เป็นอะไร” เขาถาม ผมหลุบตามองแพขนตาและดวงตาสีเข้มที่มองมาอย่างรอคอย

“ไม่.. ผมแค่” ผมนิ่วหน้า ความรู้สึกลำบากใจวิ่งปราดเข้าร่าง

“ฉันอยากให้นายพูดนะ.. พูดออกมาว่าคิดอะไรอยู่” ใบหน้าเข้มขยับเข้าใกล้ ก่อนที่ปลายจมูกและริมฝีปากจะกดแนบเข้ากับหน้าท้องของผม ลมหายใจอุ่นร้อนที่ทะลุผ่านเนื้อผ้าทำให้เผลอเกร็งตัว

ปลายนิ้วจิกขยำเสื้อตรงลาดไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“ ผมแค่” ผมเลื่อนสายตาขึ้นมอง จ้องตรงผ่านอากาศไปหยุดที่วอลเปเปอร์บนผนังอีกฝั่ง “รู้สึกไม่ค่อยดี.. จากคำบางคำ”

ผมรู้ว่าเขารู้ ว่าผมหมายความถึงคำไหน

เดฟผละใบหน้าออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง “ฉันไม่อยากให้นายคิดมากเรื่องนี้อีก เธอไม่ได้หมายถึงนาย นายไม่ใช่พวกนั้นแล้วในตอนนี้ นายคือฟลอยด์.. ฟลอยด์ ที่ทำงานอยู่ก้นครัวที่สกปรกแล้วก็เสียงดังไง”

ผมไม่ตอบ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน พร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น

ถึงจะรู้ว่าไม่ต้องคิดมาก.. แต่มันก็เป็นความเคยชินไปเสียแล้ว

คำบางคำ กลายเป็นคำต้องห้ามที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับมันก็ตาม

แต่ความผิดบาปที่เกิดขึ้นแล้วในชีวิต ตอกย้ำซ้ำๆ ลงไปบนจิตสำนึกและความทรงจำ

ย้ำเตือนว่าผมเคยกระทำอะไรลงไป

“ก็แค่..” ผมจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ความขุ่นมัวในภาพการมองเห็นก็หยุดทุกอย่างลง เดฟนิ่งไปเกือบนาที เช่นเดียวกันกับผมที่จิกปลายเล็บเข้าที่เสื้ออีกฝ่ายแน่น

แล้วทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงลงแรงๆ ในจังหวะที่เผลอไผล ผมปิดเปลือกตาแน่นตามกลไกร่างกาย ก่อนจะเหลือบลืมขึ้นอีกครั้งแล้วมองเห็นใบหน้าของเดฟในระยะใกล้

ร่างสูงใหญ่คร่อมทับชิดร่างของผม

“นายไม่ใช่คนพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว” เขาย้ำ กดปลายจมูกเข้าที่ขมับแล้วชะงักค้างไว้ “แล้วตอนแรก นายก็ดูไม่ได้อยากได้ฉันด้วยนี่ ออกแนวจะเป็นวิ่งหนีด้วยซ้ำถ้าจำไม่ผิด”

ผมสบตากับอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ใบหน้านิ่งเฉย แต่กลับจับสัญญาณแปลกประหลาดที่เต้นรัวในช่องอกได้ชัดเจน

แล้วเดฟก็ผละใบหน้าออกไป ก่อนพยายามจะเขย่าทุกอย่างให้พังเละอีกครั้งด้วยการเผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาหรี่ลงคล้ายกับจะจับผิด ฝ่ามืออุ่นไล่บีบช่วงเอว เค้นไล่สัมผัสหนักๆ ลงต่ำเรื่อยผ่านสะโพกและต้นขา

หัวใจของผมเต้นแรง พร้อมกับใบหน้าที่เผลอเบือนหนีอย่างพ่ายแพ้

“เอ๊ะ.. หรือว่าอยากได้กันแน่นะ”









“เขาเป็นคนยังไง” ผมถามเกริ่น สบตากับกันเตอร์ที่ชะงักมือที่กำลังเช็ดแก้วไป ก่อนจะหลุบตาลงมองฝ่ามือตัวเองบนเคาน์เตอร์ “เดฟน่ะ”

เพราะว่าตอนนี้ทุกคนออกไปกันเกือบหมด ทั้งคลับจึงเหลือแค่ผม กันเตอร์ กับผู้ชายคนเดิมที่ถูกใช้ให้เฝ้าคลับ และลูกค้าสูงอายุประปรายที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงมุมคลับ พูดคุยเรื่อยเฉื่อยสลับเสียงหัวเราะที่ปล่อยออกมาให้ได้ยินเป็นบางที

“ฉันนึกว่านายจะรู้เรื่องนั้นดีกว่าฉัน” กันเตอร์ตอบพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นสูง แก้วใบใสถูกวางลงอย่างบรรจงลงบนชั้น ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงผ้าเช็ดลงกับโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ

“ทำไมไม่ไปถามแอช ไม่ก็ดาเบรีย.. สองคนนั้นรู้เรื่องนี้ดีกว่าทุกคนในคลับรวมกันเสียอีก”

ผมโคลงหัวเบาๆ ไม่เชิงเห็นด้วยกับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรออกไป

“แค่ลองพูดในมุมของคุณดูก็ได้” ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะมาจากผู้ชายแก็งค์ที่นั่งอยู่ถัดไปสามเก้าอี้ เขาชื่อว่าแรม เป็นลูกชายของผู้ชายร่างท้วมใหญ่ที่ชื่อว่าแซม ผู้ชายที่คาดที่ปิดตาเอาไว้ข้างหนึ่งเหมือนกับพวกโจรสลัดในหนัง

“ถ้ามองในมุมเรา…” เขาเกริ่น ดวงตาเหลือบมองกันเตอร์ พร้อมกับสีหน้าเหมือนรู้กัน “เขาก็เป็นเหมือนพระเจ้านั่นแหละ ดูแลและให้ทุกอย่างที่พวกเราต้องการ เพียงแค่ร้องขอ”

“นายนอนห้องเดียวกับเขาไม่ใช่หรือไงล่ะ ทำไมพวกเราจะไปรู้จักเขาดีกว่านายกัน” แรมถาม พร้อมกับมุมปากที่กระตุกยิ้มเล็กๆ ขัดกับดวงตาที่นิ่งสนิท

“เดฟเป็นคนดี” กันเตอร์ที่เงียบไปนานพูดขึ้นบ้าง เสียงพูดนั้นดึงสายตาของแรมให้ผละออกจากผมไป “ไม่เคยดูถูกใครสักคนในเมืองนี้ ให้เกียรติผู้หญิงและเดินตามลำดับอาวุโสอย่างเคร่งครัด.. ผู้หญิงในทีนี้ ฉันหมายถึงผู้หญิงทุกคน นายเข้าใจใช่ไหม ทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งโสเภณีที่คนในแก็งค์ชอบพามาที่นี่ หรือสาวโพลแดนซ์ที่เต้นรูดเสาตามไนท์คลับ”

ผมรับฟังด้วยท่าทางสงบ นึกย้อนถึงคำพูดของดาเบรียที่เพิ่งได้ยินไป

‘ดูแลเขาให้ดีๆ ก็แล้วกัน.. พวกโสเภณีกับเด็กใจแตกในเมืองนี้อยากได้ผู้ชายคนนี้จนตัวสั่น’

นั่นอาจจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงมากนัก ..

“โอลินเคยเกือบโดนเขาล่อตาย เพราะแค่ตบหน้าโสเภณีที่หิ้วมาได้จากข้างทาง มีปากเสียงกันในตอนเช้าที่ชั้นสอง สภาพดูไม่ได้เลยล่ะ ขนาดได้ชื่อว่าเป็นหลานของเดฟแท้ๆ” แรมเล่าด้วยโทนเสียงเรียบเฉย ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ผ่านแก้วเหล้า ก่อนจะยกขึ้นกระดกลงลำคอ

กันเตอร์แต้มยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปาก “ก็เพราะได้ชื่อว่าเป็นหลานไง ถึงได้โดนหนักมากถึงขนาดนั้น.. นายก็ระวังตัวเอาไว้ เขาค่อนข้างเซนซิทีฟกับเรื่องแบบนี้ ตอนนั้นนายอาจจะเด็กเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราว แต่ถ้านายจำเพื่อนสนิทของเขาได้..”

“น้านาเดีย ผมต้องจำได้แน่นอนอยู่แล้ว” แรมเปรยเสียงเบา ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุม กันเตอร์แค่พยักหน้ารับเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ประเด็นนั้นจะถูกจบลงราวกับเขาทั้งคู่ไม่ต้องการเอ่ยถึง

ผมรับฟัง สิ่งที่หลุดลอยมาให้รับรู้ จดจำและเก็บเอาไว้ในสมอง รู้เท่าที่พวกเขาอนุญาตให้รู้ การไม่กระเหี้ยนกระหือรือและแสดงออกจนเกินพอดีเป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำ

แรมหยุดคุยกับผมไป แต่ก็ปล่อยให้ผมนั่งฟังเรื่องที่เขาคุยกับกันเตอร์โดยไม่ได้ออกปากไล่ ผมได้รู้อะไรหลายๆ อย่างมากขึ้นเกี่ยวกับเขาคนนี้

อายุเพิ่งจะ 19 ลาออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไป และเพราะว่าพ่อของเขานับถือกับเดฟเหมือนพี่น้อง เขาถึงจัดตัวเองเป็นหนึ่งในหลานของเดฟด้วยความยินดี พอตกเย็น ผู้หญิงท่าทางแรงจัดในชุดน้อยชิ้นก็เดินนวยนาดเข้ามาหาอีกฝ่ายถึงบาร์ กอดกระซิบอะไรบางอย่างใส่กัน ก่อนที่เขาทั้งคู่จะลุกออกไป

เดฟกำลังจะกลับมา..

กันเตอร์บอกแบบนั้น ผมพยักหน้า และเหลือบตามองนาฬิกาสีที่ผนัง เข็มเวลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ กับผมที่เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย

ราวกับร่างกายกำลังรอคอย

ใบหน้าของเดฟเจือจางอยู่ในการมองเห็น ผมขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า กดศีรษะลงบนท่อนแขนที่วางนิ่งอยู่บนเคาน์เตอร์ ดวงตากะพริบเป็นระยะ

ความอยากพูดคุย อยากพบหน้า อยากได้ยินเสียง


ผมทำอะไรกับมันไม่ได้เลย นอกจากปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่กับหลุมที่นับวันจะยิ่งลึกและกว้างขึ้นเรื่อยๆ


tobecon.

____
#เดฟฟลอยด์

1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ

Cinzano 505.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
« ตอบ #79 เมื่อ: 04-02-2017 17:19:49 »





ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #80 เมื่อ04-02-2017 18:15:26 »

มาแล้วววเย้   :hao7:
ฟลอยด์เริ่มรู้สึกกับเดฟมากขึ้น
แล้วใช่ม้ายย มีคิดทงคิดถึงดั้วว งิิงิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #81 เมื่อ04-02-2017 18:46:16 »

โอ้.....เดฟ เป็นที่ต้องการของโสเภณี
และเด็กใจแตกทุกคนในเมือง
เพราะเดฟ เท่ ดูเป็นผู้นำ
ให้เกียรติผู้หญิง ปกป้อง ดูแลทุกคนได้
ก็ไม่แปลกที่ฟลอยด์จะตกหลุมเสน่ห์
หลงรักเดฟเหมือนคนอื่นๆ
แต่เดฟ เลือกฟลอยด์ เป็นคนสำคัญก่อนเลยนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #82 เมื่อ04-02-2017 20:12:48 »

หลังจากที่เดฟป่วยเป็นโรคเจนินลิซึมแล้ว เจนินก็กำลังจะป่วยเป็นโรคเดฟลิซึมด้วยสิน้าาา~~ :hao7:

ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #83 เมื่อ04-02-2017 20:15:18 »

ชอบเดฟมากๆ อยากให้ฟลอยด์หลุดพ้นกับอดีตได้ มั่นใจในความรักของเดฟเถอะนะ เรากลัวใจฟลอยด์><

ออฟไลน์ Minerey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #84 เมื่อ05-02-2017 01:56:25 »

อ้ากกกกกก ชอบบรรยากาศเรื่องนี้มากค่ะ อึมครึมๆ อ่านรวดเดียวไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว55555

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #85 เมื่อ05-02-2017 17:09:20 »

ออกแนวหน่วงๆ มันเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุขเป้นความทุกที่ไม่ถึงกับเศร้า

ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: I BITE :: Chapter.20 Unnatural Space (04/02/2560)
«ตอบ #86 เมื่อ05-02-2017 21:57:14 »

ตอนที่เจนินเข้ามาในเมืองนี้ ทำให้นึกถึงบรรยากาศชั่นเรื่องFrom Dusk Till Dawn เพราะคิดว่าจะแฟนตาซี มีสัตว์ประหลาด งู ผีดูดเลือด 5555555555 เด่อไปอี๊กกกกก

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.0 Yesterday's Pain (20/01/2560)
«ตอบ #87 เมื่อ18-02-2017 23:29:18 »

ตามมาจากแอชเรย์

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.5 Evictions On The Door (22/01/2560)
«ตอบ #88 เมื่อ19-02-2017 01:41:01 »

ที่แท้ฟลอยด์ชื่อจริงๆคือเจนินสินะ ว่าแต่เดฟถูกชะตาจริงดิ :z1: แล้วใครเนี่ยมาเคาะประตู แอช? หรือคนที่อู่ซ่อมรถคนนั้น? ใครอ่ะ ครายยย :serius2:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: I BITE :: Chapter.7 Lean On Me (22/01/2560)
«ตอบ #89 เมื่อ19-02-2017 01:54:11 »

พวกไรอันสินะ  :fire: เดฟต้องจัดการมันนะ  :katai1: ต่อจากนี้เรื่องราวคงบู๊น่าดู อ้อ เดฟสินะเป็นคนไปเผาที่เก็บซ่อนยาของไรอัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด