บทที่ 3 ลีลา
กลับมาที่ปัจจุบัน ทุกวันสงกรานต์หมู่บ้านดอนไฟไหม้จะจัดงานประจำปีขึ้นมาเพื่อหาเงินทำบุญซ่อมแซมต่อเติมวัด งานก็
จัดเหมือนๆกับทุกๆปี ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือลำวงย้อนยุค แต่ปีนี้ออกจะแปลกแหวกแนวก็ตรงนี้ไม่ได้มีสาวรำวงแค่อย่างเดียวที่จะ
ชวนให้เสียตังซื้อตั๋วขึ้นไปสนุกด้วย แต่มีเพิ่มหนุ่มรำวงขึ้นมาเป็นตัวเรียกแขกสาวแก่แม่หม้ายให้พากันกระดี๊กระด๊าเป็นปลากระดี่
ได้น้ำเมื่อเห็นหนุ่มหล่อยืนรออยู่บนเวที
หนึ่งในหนุ่มรำวงมีไอ้หนุ่มผมยาวใส่เสื้อลายดอกห้อยพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองอ๋อย ไอ้หนุ่มคนนี้ก็คือไอ้มิ่งลูกสมุน
มือขวาของพี่เจิด มันมั่นอกมั่นใจในความหล่อไม่ลูกพี่ของมัน มันเสยผมขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสะบัดหน้าไล่เหงื่อระหว่างรอรำวงรอบ
ถัดไป มันคงจะไม่ได้มายืนอยู่บนเวทีนี้หากว่าพี่เจิดไม่หึงเมียหวงเมียจนออกนอกหน้าแล้วหลอกล่อมันขึ้นมาเป็นหนุ่มรำวงแทน
ไอ้มันก็เชื่อคนง่าย คิดว่าจะมีสาวๆเห็นในความหล่อของหนุ่มผมยาวผิวเข้มอย่างมันแล้วควักตังซื้อตั๋วขึ้นมารำวงด้วย แต่รอบแล้ว
รอบเล่าก็ยังไม่เจอสาวๆสักคน มีแต่สาวแก่แม่ม่ายที่มาเต้นสีส่งยิ้มอวดน้ำหมากแดงแจ๋ ส่วนพี่เจิดลูกพี่ของมันก็ลากเมียลงไป
จากเวทีแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้ ทิ้งให้มันต้องเต้นส่ายเอวอยู่กับสาวเหลือน้อยหลายต่อหลายรอบ
จะว่ามันสนใจแต่จะออกลีลาท่าเต้นเด็ดๆอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะระหว่างส่ายเอวเต้นไป ตาก็มองหาน้องจันทร์เจ้า หวัง
ว่าน้องจันทร์เจ้านางฟ้าของมันจะเดินผ่านมาข้างเวทีให้ได้ชื่นใจ แต่ถ้าจะให้ดีไอ้มิ่งคนนี้คงจะได้ขึ้นสวรรค์ถ้าหากน้องจันทร์เจ้า
ซื้อตั๋วมาซื้อรอบรำวงของมัน
และเหมือนว่าสวรรค์จะมีตาเมื่อไอ้มิ่งเหลือบตาออกจากคู่เต้นแล้วไปเจอเข้ากับน้องจันทร์เจ้าในชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่อง
นางฟ้าชัดๆ ไอ้มิ่งนี่แทบจะกระโดดลงจากเวทีแล้วไปทักทายน้องจันทร์เจ้า แค่ให้ได้ยินเสียงหวานหูก็ยังดี นางฟ้ายังไงก็เป็น
นางฟ้า โดดเด่นท่ามกลางชาวบ้านนับสิบนับร้อย
“นางฟ้า”ไอ้มิ่งรำพึงรำพันทั้งที่เสียงเพลงจังหวะสามช่าดังสนั่น
“แหม พ่อหนุ่มนี่ก็ปากหวาน นางฟงนางฟ้าอะไรกัน”
ผลั๊ว!!
ฝ่ามือทุบมาที่อกให้ไอ้มิ่งสะดุ้ง ละสายตาจากน้องจันทร์เจ้าไปมองคู่เต้นของมัน จ้องมองดูสาวเหลือน้อยทำท่าเขินอายใส่
พูดจาเขินอายใส่มันก็พอแรงอยู่แล้ว แต่น้ำหมากสีแดงแจ๋นี่สิ พ่นมาใส่จนมันเด้งเอวหลบแทบไม่ทัน
“อะ เอ้ย ฉันไม่ได้ชมยายสักหน่อย”
ความเป็นคนตรงไปตรงมาทำให้มันรีบแก้ต่างจนคู่รำวงของมันยิ้มกริ่มอวดฟันสีแดง
“แหม่ เรียกพี่สิจ๊ะ อย่าเรียกยายเลยนะ”ไม่พูดแค่นั้น แต่ดันทะลึ่งยื่นมือมาหยิกเอวให้ไอ้มิ่งได้ใจหายวาบ
“จะดีเหรอจ๊ะ”ไอ้มิ่งยิ้มแห้ง
“ดีสิ ไม่ต้องอายไปหรอกน่าพ่อหนุ่ม”
ยายเยยอะไร ไม่เรียกทวดก็บุญเท่าไรแล้ว เอาอายุของมันสองคนมารวมกันยังไม่เท่ายายตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่จะขัดก็
เดี๋ยวจะหาว่าไอ้มิ่งรังแกคนแก่ อีกอย่างไอ้มิ่งคนนี้มีอะไรที่ต้องสนใจมากกว่ายายตรงหน้ามากมาย
“ไปไหนแล้ว”ไอ้มิ่งพึมพำอีกหน มองหาน้องจันทร์เจ้า
แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ใจเต้นโครมครามแทบจะออกมาดิ้นกลางเวที มันยกมือขึ้นมาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก นึกว่ามันตาฝาดที่
เห็นน้องจันทร์เจ้ายืนซื้อตั๋วอยู่หน้าโต๊ะขายตั๋ว ยิ่งแล้วใหญ่เหมือนกับถูกศรรักปักอกเมื่อน้องจันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วยิ้ม
ให้ อย่าบอกนะว่าน้องจันทร์เจ้าซื้อตั๋วจะมารำวงกับมัน จากที่หน้ามุ่ยๆอยู่ก็ยิ้มจนปากบานเป็นจานดาวเทียมส่งให้นางฟ้าของมัน
จนเพลงจบรอบเมื่อไรไม่รู้มันก็ยังยืนยิ้มอยู่กลางเวทีมองตามน้องจันทร์เจ้าตาหวานเยิ้ม เดือดร้อนหนุ่มรำวงคนอื่นต้องเดิน
มาสะกิดให้มันไปนั่งรอรำวงรอบถัดไป ไอ้มิ่งเลยเงอะงะๆใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ริมเวที มือไม้สางผมสางเผ้า
ยาวยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทางเตรียมตัวรำวงกับน้องจันทร์เจ้า น้องจันทร์เจ้าต้องซื้อตั๋วรำวงขึ้นมารำวงกับมันแน่ ไอ้มิ่งมันใจร้อย
เปอร์เซ็นต์
“ยิ้มอะไรของมึงวะไอ้มิ่ง ปากบานจะเป็นกระด้งอยู่แล้ว”หนุ่มรำวงคนข้างๆอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหน
“เอ้า!! กูก็ยิ้มของกูไปเรื่อยสิโว้ย”
ยิ้มไปเรื่อยนั่นแหละ ยิ้มรอน้องจันทร์เจ้ามารำวงด้วยกัน คราวนี้ล่ะ มันจะได้อวดลีลาการเต้นของมันว่าสะเด็ดสะเด่าไม่แพ้พี่
เจิด
“แล้วพี่เจิดไปไหนล่ะวะ”
“กูจะไปรู้เรอะ ตัวไม่ได้ติดกันนี่หว่า”
ถ้าเป็นแต่ก่อนพี่เจิดอยู่ไหนไอ้มิ่งก็อยู่นั่น แต่เดี๋ยวนี้พอมีลูกมีเมียไอ้มิ่งคนนี้ก็เป็นได้แค่อดีต ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวประจำ
แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ไอ้มิ่งใจเต้นตุ๋มๆต่อมๆรอรำวงรอบถัดไปใจจดจ่อ
รวดเร็วทันใจเชือกกั้นเวทีก็เปิดให้รอบถัดไปขึ้นมา ไอ้มิ่งยืนขึ้นมายืดอก จัดเสื้อจัดแสง เสยผมในท่าเท่ๆก่อนจะสะบัดตา
ไปมองน้องจันทร์เจ้า มันจะไม่อะไรหรอกถ้าปากที่ยิ้มกว้างเป็นจานดาวเทียมของมันจะไม่หุบลงทันทีที่หันไปเห็นพี่แจ่มยืนอยู่
ข้างน้องจันทร์เจ้าแถมยังส่งยิ้มมาให้มันก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกเหมือนจะทักทาย ไอ้มิ่งสะดุ้งเมื่อเห็นว่าน้องจันทร์เจ้าส่งตั๋วที่เพิ่ง
จะจ่ายตังซื้อไปหมาดๆให้พี่แจ่ม แล้วพี่แจ่มก็กำลังเดินดุ่มๆขึ้นมาบนเวทีแล้วด้วย
“ฉิบหายแล้วไหมล่ะ”ไอ้มิ่งกร่นด่า
มันร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พี่แจ่มเดินเอาตั๋วไปให้สาวรำวงนุ่งสั้นคนอื่น ไม่ได้เดินตรงมาหามัน แต่เหมือนกับว่ามันทำบาปไว้
หนายังไงไม่รู้ ไอ้มิ่งถอยหลังกรูด แทบอยากจะกระโดดลงเวทีเมื่อไอ้คนที่เดินยิ้มหน้าหล่อมาแต่ไกลเดินตรงมาหามันแล้วยื่นตั๋ว
มาให้
“อะ อะไรของมึง”
“ตั๋วครับ”เสียงทุ้มหูบอกมันก่อนจะยิ้มหวาน ถึงพี่แจ่มจะยิ้มหวานให้มันแต่เบื้องหลังรอยยิ้มมันไม่ได้หวานเลยสักนิด
“กูไม่รำวงกับผู้ชายโว้ย”ไอ้มิ่งประกาศกร้าว
“พี่แจ่มก็ไม่รำวงกับผู้หญิงเหมือนกันครับ”
“งะ งั้นมึงก็ไปรำวงกับคนอื่นสิวะ กูไม่รำวงกับมึงหรอก”
“แต่พี่แจ่มให้น้องจันทร์เจ้าซื้อตั๋วให้เพราะอยากจะรำวงกับน้องมิ่งนะครับ”
เสแสร้งอะไรปานนั้น พูดไปพลางทำหน้าเศร้าไป มือก็ถือตั๋วยื่นมาให้ค้างเอาไว้พาลให้คนอื่นหันมามอง หันมามองไอ้มิ่งไม่
ว่า แต่สายตาคนอื่นที่หันมามองเนี่ย เหมือนกับด่าทอว่าไอ้บ้านนอกอย่างไอ้มิ่งไปแกล้งคุณชายอย่างพี่แจ่มยังไงไม่รู้
“ระ รอบเดียวนะมึง”
ทนสายตาชาวบ้านไม่ไหวเลยเอื้อมไปกระชากตั๋วในมือขาวๆมายัดใส่กระเป๋า ตาก็มองคู่รำวงตัวสูงดูมีสง่าราศีอย่างพี่แจ่ม
หน้าด้านฉิบหาย ไอ้มิ่งไม่เคยเจอใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน แต่ว่าคุณชายอย่างไอ้แจ่มเนี่ยนะจะรำวงเป็นกับชาวบ้านเขา แค่คิด
ก็ตลกแล้ว คิดได้ก็ยิ้มเยาะเย้ยในขณะที่เพลงจังหวะสามช่าดังขึ้นอีกรอบ
“ยิ้มอะไรครับ”
“กูจะยิ้มอะไรก็เรื่องของกู มึงจะรำก็รำไป อย่ามายุ่งกับกูล่ะ”บอกก่อนจะส่ายเอวตามเสตป
แค่มันเต้นไปตามเรื่องตามราวไม่สนใจพี่แจ่มก็พอ ปล่อยให้พี่แจ่มมันรำวงบ้าบอของมันไปคนเดียว ไอ้มิ่งเต้นไปพลางก้าว
เท้าจะเดินหนี พอก้าวขาได้ก้าวเดียวเท่านั้นแหละ แขนก็ถูกดึงแรงๆให้มันไม่ทันได้ตั้งตัว
“เฮ้ยยยยย!!!!”
ไอ้มิ่งหงายท้องไปตามแรงดึง ตาสองข้างหลับตาสนิทเมื่อคิดได้ว่ามันต้องหงายท้องตึงก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นเวทีแน่ มันโดน
พี่แจ่มแกล้งอีกแล้ว ครั้งนี้ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยนับสิบอีกต่างหาก
แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยนี่หว่า ก็เลยลืมตาขึ้นดู พอลืมตาเท่านั้นแหละ ตาก็โตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นหน้าหล่อๆ
เจ้าของยิ้มหวานอยู่ห่างจากหน้ามันแค่คืบ แถมเอวของมันก็ถูกรั้งเอาไว้ไม่ให้ล้ม ไอ้ท่าแปลกๆแบบนี้เหมือนมันจะเคยเห็นที่ไหน
นะ ใช่ท่าเต้นรำแบบในหนังที่เคยดูรึเปล่าวะ ไอ้แบบที่ว่าผู้หญิงหงายท้องไปแล้วผู้ชายโอบเอวเอาไว้ ถ้าใช่ล่ะก็เหมือนอย่างที่พี่
แจ่มกับมันทำอยู่ตอนนี้เลย
“มะ มึงทำอะไรของมึงวะ!!”ไอ้มิ่งถาม ยกมือขึ้นดันอกของพี่แจ่ม
เหมือนมันมัวแต่ตกใจ คราวนี้มันเลยถูกเหวี่ยงออกมาจากอ้อมแขนของพี่แจ่มอีกรอบทั้งที่มือข้างหนึ่งถูกคว้าไปจับเอาไว้
อายแทบแทรกแผ่นดินหนีกันเลยทีเดียว
“เต้นรำกันครับ”
“ตะ เต้นรำบ้าบออะไรของมึง วะ เหวยยยย!!”
เอาอีกแล้ว ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวเอวแล้วดึงให้เต้นเดินตาม นี่มันเวทีรำวงนะโว้ย ไม่ใช่ฟลอเต้นรำ ชาวบ้านชาวเมืองเขามอง
กันหมดแล้ว แค่ผู้ชายตัวโตคู่กันบนเวทีรำวงก็พอแรงอยู่แล้ว แล้วนี้ห่าเหวอะไรของพี่แจ่ม จับไอ้มิ่งหมุนไปหมุนมาจนเวียนหัว
ไอ้มิ่งที่ไม่ได้ตั้งตัวโดนจับเหวี่ยงแล้วเหวี่ยงอีก บ้างก็โดนดึงเข้าไปกอด บ้าบอคอแตก ลีลาที่ว่าเด็ดของมันยังสู้ท่าพิศดารของพี่
แจ่มไม่ได้เลย
“ปล่อยกูนะไอ้แจ่ม”
“พี่แจ่มไม่ปล่อยหรอก”พูดไปก็เหวี่ยงไอ้มิ่งออกมาอีกรอบ
“ไอ้หน้าด้าน”
นี่ถ้าไอ้มิ่งต่อยพี่แจ่มกลางเวทีรำวงไอ้มิ่งจะผิดมากไหววะ พี่แจ่มเป็นญาติพี่เจิดกับหลานพ่อมุ่ยก็จริง แต่ไอ้มิ่งคนนี้คันไม้
คันมือใจแทบขาด เร็วกว่าความคิดก็ส้นเท้าของมันเนี่ยแหละ ไอ้มิ่งคนซื่อกระทืบส้นเท้าลงไปหวังจะได้กระทืบเท้าผู้ดีให้ได้เจ็บ
กันบ้าง ข้อหาที่มาแกล้งจับมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมากลางเวทีรำวงแบบนี้
ตุ๊บ!!
อุตส่าห์เล็งแต่ก็พลาด กระทืบเอาพื้นเวทีเต็มแรง หวัดตาไปมองก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ไกลแค่หางตา
“เป็นเด็กไม่ดีเลยนะครับ”
ไม่พูดเปล่าแต่ดึงเอาไอ้มิ่งเข้าไปกอด ชาวบ้านจะเห็นรึเปล่าไม่รู้ แต่ไอ้มิ่งเห็นไอ้มิ่งสัมผัสได้ แก้มสีเข้มๆของมันถูกจมูก
โด่งของพี่แจ่มเฉียดเข้ามาให้ได้ร้อนวูบ ความที่มัวแต่หงุดหงิด ไหนจะไม่มีสาวๆมารำวงด้วย ไหนจะน้องจันทร์เจ้านางฟ้าของมัน
ซื้อตั๋วแต่ดันเอาไปให้พี่แจ่ม แล้วยังมาถูกพี่แจ่มแกล้งเหวี่ยงไปมากลางเวทีอีก มันไม่น่าตกปากรับคำพี่เจิดมาเป็นหนุ่มรำวงแทน
ไอ้มะลิเลย
“มะ มึงจะพากูไปไหน”
รู้ตัวอีกทีเพลงก็หมดรอบ แขนถูกดึงให้เดินตามลงมาจากเวทีหน้าตาเฉย ไอ้มิ่งเลยออกปากตะโกนถามออกไปด้วยความ
ตกใจ ตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นพี่แจ่มล้วงแบงค์พันออกมาจ่ายให้คนขายตั๋ว
“แจ่มเหมารอบน้องมิ่งทั้งคืนเลยนะครับ พอรึเปล่า”
งานเข้าแล้วไหมล่ะ จำไม่ได้เลยว่าพี่แจ่มถามความเห็นจากมันเมื่อไรว่าจะเหมารอบทั้งคืน เป็นตัวอันตรายไม่น่าเข้าใกล้ก็
พอแรงอยู่แล้ว ยังจะเสือกเป็นพวกเอาแต่ใจอีก พอนึกย้อนไปถึงวีรกรรมที่พี่แจ่มทำกับมันเอาไว้แต่ละอย่างก็ขนลุกขนพอง
“มะ มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยว่าจะลากกูไปไหน กูไม่ไป”ไอ้มิ่งขืนตัว
เอาสิวะ แรงคุณชายอย่างพี่แจ่มกับแรงคนทำไร่ทำนาอย่างไอ้มิ่งใครมันจะแรงเยอะกว่า อย่างพี่แจ่มน่ะเหรอวะจะสู้ไอ้มิ่ง
ได้ ไอ้มิ่งคนนี้โตเป็นหนุ่มหล่อแล้วนะโว้ย ไม่มีวันจะปล่อยให้พี่แจ่มมาแกล้งทะลึ่งได้เหมือนเมื่อก่อนหรอก ที่โดนเหวี่ยงๆกลาง
เวทีก็แค่ไม่ตั้งตัว แค่นั้นเอ๊งงง
“ไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่าครับ”
“ที่เงียบๆอะไรของมึง กูไม่ไปกับมึงหรอกนะ”
ที่เงียบๆอะไรของพี่แจ่มไอ้มิ่งไม่รู้หรอก แต่ไอ้มิ่งคงจะเหนื่อยกับการออกลีลาบนเวทีรำวงเลยไม่มีแรงเหลือพอจะสู้แรง
ของพี่แจ่ม มันเลยถูกลากออกจากลานวัดเดินมาทางท้ายวัด
-------------------------------------------------------------
มีต่อ