ตอนพิเศษ 2
ฌามาออกจะเก้อเขินไม่น้อยในชุดพื้นเมืองของชาวบ้านแถวนี้ กางเกงผ้าขากระบอกสีน้ำเงินเข้มปักลวดลายจากไหมสีแดง เสื้อแขนกระบอกและมีผ้าโพกหัวลายพื้นๆ แถมหน้าตอนนี้ยังถูกแป้งพม่าแปะเป็นลายดอกไม้เต็มสองแก้ม ที่สำคัญผู้คนเป็นสิบกำลังยิ้มแป้นนั่งล้อมรอบเขาเป็นวงกลมเหลือเพียงช่องเล็กๆขนาดสามคนนั่งไว้สำหรับเจ้าสาวเดินมาจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน
ชายหนุ่มวัย 25 ปีกำลังจะได้แต่งงาน…บนดอยท่ามกลางอากาศเย็นสบายในหน้าร้อน แต่พื้นที่ทางนี้ไม่ได้ร้อนมากนักเพราะมีทิวเขาที่สูงกว่าบังแดดแรงจ้าเอาไว้
เพื่อนเจ้าบ่าวผิวซีดกำลังนั่งหัวเราะพูดคุยกับกลุ่มผู้ชายในหมู่บ้านฟากหนึ่งของวงกลม มือถือรุ่นล่าสุดยกมาถ่ายรูปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นเขาแยกเขี้ยวยิ่งหัวเราะถูกใจนักหนา
งานแต่งเขา…แต่เฌอแตมอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนหัวเราะแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บ้างก็ก้มตอบแชทไลน์ที่คงเป็นพ่อกับแม่เขา
ถ้าคุณหญิงกับคุณผู้ชายเขาไม่ติดประชุมบอร์ดบริหารคงจะบินมาร่วมงานแสนสนุกสนานนี่ด้วยแน่ๆ เพราะขนาดตัวไม่มายังอุตส่าห์ส่งสินสอดเป็นแม่ไก่ตัวอ้วนสามตัว กับพ่อไก่อีกสองตัวมาขันยามเช้าให้กับครอบครัวเจ้าสาว
ครอบครัวชาวดอยใช้ชีวิตเรียบง่าย เขาไม่อยากได้เงินเพราะไม่ได้มีเรื่องจำเป็นต้องซื้อหาอะไรพอถามก็บอกแค่ยอมแต่งกับลูกสาวเขาก็เป็นบุญท่วมหัวแล้ว แต่ธรรมเนียมไทยจากคุณหญิงก็ดื้อดึงจนต้องส่งคุณหมอไปตกลง ก็ได้ความว่าอยากได้ไก่…จะได้ออกไข่ไว้กิน ฤกษ์แต่งงานคือวันที่ห้า แม่ก็เลยซื้อไก่จากฟาร์มระดับประเทศส่งตรงมาเป็นสินสอด ยังร้องกะตั๊กๆเพราะตื่นตกใจกับการนั่งรถอยู่ข้างๆเขานี่… สุ่มไก่ก็เป็นอลูมิเนียมกันสังกะสีอย่างดีผูกโบว์สีชมพูรับขวัญลูกสะใภ้
สักพักชาวบ้านก็พากันปรบมือเกรียวกราวมีเครื่องดนตรีท้องถิ่นง่ายๆเล่นเพลงที่เขาไม่เคยได้ยินต้อนรับเจ้าสาวที่สูงเพียงเข่าของเขา…ใส่ชุดพื้นเมืองตัวสวยอ้วนปุ๊กลุ๊กอยู่ในชุดกันหนาวที่โดนห่อเสียหลายชั้น มือเล็กประสานกันบิดไปมาด้วยความขวยเขินจนน่าเอ็นดู
ฌามาคุกเข่าลงและยื่นมือไปข้างหน้าราวกับเจ้าชายในการ์ตูนดิสนีย์ขอเจ้าหญิงแต่งงาน แหวนจักสานง่ายๆถูกสวมไปบนนิ้วป้อมๆหลังจากเจ้าสาวบิดตัวม้วนต้วนแล้วยื่นมือมาในที่สุด
เสียงหัวเราะเสียงปรบมือดังไปทั่วลานหมู่บ้านแม้จะเป็นการแต่งเป็นพิธีเพื่อสานฝันหนูน้อยที่จะมีชีวิตอีกไม่นานนักให้เป็นจริงก็ตาม…
หนูน้อยเป็นมะเร็ง…กระหม่อมบางๆตอนนี้ถูกซ่อนไว้ในหมวกไหมผมเพราะผมร่วงไปหมดแล้ว ค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปกับความขาดความรู้ทำให้ครอบครัวไม่ได้พาไปรักษาจนมันไม่ทัน
ทุกคนเลยพาหนูน้อยกลับมาใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุขที่บ้านตัวเอง…และความฝันของหนูน้อยคือการได้เป็นเจ้าสาวผู้ชายหล่อๆเหมือนพระเอกในทีวี
ฌาม์เดินทางมาหาเฌอแตมในจังหวะที่ทุกคนกำลังเศร้าสร้อยเพราะขนาดคุณหมอผิวซีดดีกรีเดือนมหาลัยยังไม่ใช่สเป็คยัยหนู ฌามามาดนักกีฬาที่ดูคล้ายพระเอกชื่อดังมาดเข้มดันทำยัยหนูปิ๊งตั้งแต่แรกพบเพียงแค่ตามแฟนผิวซีดไปเยี่ยม
สามวันต่อมางานแต่งงานง่ายๆก็เกิดขึ้น ฌาม์เองก็เต็มใจจะสานฝันให้ยัยหนูวัยเจ็ดขวบที่ตัวเล็กเพราะไม่แข็งแรง แต่ก็อดจะเขินไม่ได้เหมือนกัน
ยิ่งเมื่อเช้าตอนเฌอแตมเอาแป้งพม่าขาวๆมาแตะให้ แถมยังอวยพรซะดิบดีราวกับเขาจะแต่งจริงๆ อยากจะฟัดทำโทษแต่ก็กลัวตัวเองจะมีราคีไม่เหมาะจะเป็นเจ้าบ่าวเสียก่อน
งานแต่งงานจบลงโดยที่ทั้งคู่จูงมือกันมาให้ผู้ใหญ่บ้านผูกข้อไม้ข้อมือ คำอวยพรภาษาถิ่นที่ฌาม์ก็ฟังไม่ออกนักรู้แค่ว่าคงจะมีความหมายดีเลยยกมือไหว้ขอบคุณ มงกุฎดอกไม้ถูกสวมลงให้เจ้าสาวและพวงมาลัยคล้องคอดอกกล้วยไม้ป่าของเจ้าบ่าว
เสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน…
เจ้าสาวก็ง่วงหาววอดจนพ่อแม่ต้องรีบพากลับบ้านนอนบอกเพียงแค่จะมาขอบคุณอีกทีคราวหลัง ชาวบ้านบ้านใกล้กันก็ช่วยกันอุ้มไก่กับสุ่มไฮโซจากกรุงเทพกลับไปให้ด้วย
ส่วนเจ้าบ่าวหมดหน้าที่กับเพื่อนเจ้าบ่าวผิวซีดก็นั่งมอไซต์ฮอนด้าชาลีกลับบ้านที่อยู่ไกลออกไปทางเนินเขาด้านหลัง
ฌาม์มองแผ่นหลังบางกว่าของเฌอแตม ผมยาวระต้นคอของคุณหมอผูกเป็นจุกเล็กๆ ปอยผมที่ร่วงหล่นปลิวไปตามลม กลิ่นแป้งพม่าผสมกลิ่นดอกไม้ลอยอ่อนๆอยู่รอบตัวคุณหมอจนต้องสอดแขนกระชับโอบเอวบางแน่นขึ้นอีกนิด
“ทำอะไรประเจิดประเจ้อ”
“หนาวน่ะ ลมมันแรง”
ฮอนด้าชาลีคันเก่าจะไปได้เร็วสักแค่ไหนกัน…หน้าร้อนแบบนี้ขนาดบนเขาเย็นสบายมาวันแรกฌาม์ยังถอดเสื้อนอนเพราะตอนนี้อเมริกาหิมะตก…มารยาสาไถจริงๆ
“แถตลอด”
“แถแล้วได้กอดก็ยอม”
“แต่งกับลูกสาวชาวดอยไปแล้วยังจะมาให้ความหวังหมอจนๆ”
“พอดีรวย มีเมียหลายคนได้…นี่ว่าจะมีอีกสักสิบคน”
“ลงไปเลย”
หมอไม่พูดเปล่ายังจอดฮอนด้าชาลีอีกต่างหาก คนโดนหึงเพราะคำพูดเลยขำก๊ากแต่ก็รู้ว่าหมอพูดเล่นเพราะแหย่กันหอมปากหอมคอก็ไปกันต่อ
เฌอแตมมาอยู่ที่นี่เข้าปีที่สองแล้ว คุณหมอกลมกลืนไปกับชาวบ้านมากขึ้นแถมยังได้ช่วยทำคลอดคนในหมู่บ้านไปหลายคนจนมีเด็กทารกถูกตั้งชื่อคล้ายคุณหมอเพราะชาวบ้านพาปลื้มหมอกันถ้วนหน้า
ตอนนี้เลยมีทั้งน้องแต๋ม น้องแต้ม และน้อง แช่ม(มาจาก เฌอ+แตม) คุณหมอเจ้าของชื่อต้นตำรับเลยภูมิใจยกใหญ่ อาหารแปลกๆก็กินได้หมดเหลือแต่เขาไม่เคยได้กินแกงพื้นเมืองของชาวบ้านเลยเพราะกลิ่นไม่ใช่ รสไม่ได้
บ้านริมดอยก็ยังคงเป็นเช่นเดิม มีแปรงดอกไม้เมืองหนาวปลูกไล่ระดับไปตามเนินเขาเป็นวิวหลังบ้าน กาต้มน้ำที่ก้นหม้อดำเพราะถูกไฟเผา จานชามคุณภาพไม่ดีนักกับช้อนบิ่นๆ
“แล้วซานฟรานเป็นยังไงบ้าง?”
คำถามเนิบๆที่มาพร้อมกับกาแฟสำเร็จรูปชงด้วยน้ำร้อนจากกาน้ำ รสชาติถือว่าห่วยแตกสำหรับคอกาแฟแบบฌามาแต่ได้คะแนนบรรยากาศและผู้ร่วมอรรถรสยิ่งกว่ากาแฟแสนแพงร้านหรูที่ปารีส
“ก็เหมือนเดิม คนจรจัดเยอะไปหมด สองทุ่มก็หาข้าวกินไม่ได้แล้ว หมอกทึมๆคลุมทั้งวัน”
ซาน ฟรานซิสโกเมืองที่เคยเป็นบ้านของฌามาตอนนี้เป็นแค่เมืองที่ผ่านไปนานๆครั้งเพื่อติดต่องาน อย่างคราวนี้ก็ไปอยู่สามวันก่อนจะกลับมาไทย…ไปทำเรื่องขายเพนท์เฮ้าส์ที่ไร้คนอยู่มาหลายปีให้มันจบๆ
“นอนโรงแรม?”
“อือ ผมเลิกนับซานฟรานเป็นบ้านแล้ว ค่าโรงแรมก็แพงใช้ได้”
“แล้วตอนนี้บ้านอยู่ไหน?”
“อยู่บนดอย…หัวใจอยู่ที่ไหนบ้านก็อยู่ที่นั่น”
“เน่าชะมัด”
เสียงหัวเราะแหบๆผสมกับเสียงหัวเราะทุ้มๆ แต่ฌามาไม่ได้โกหกที่บอกว่าบ้านอยู่ที่นี่ ไม่มีหมอนใบไหนนอนสบายเท่าหมอนเก่าๆของเฌอแตม ผ้าห่มเนื้อดีแค่ไหนก็ไม่อยากจะห่มเท่าผ้าลายสก็อตทอหยาบๆของที่นี่ กาแฟที่ว่าอร่อยก็ยังไม่ถูกปากเท่ากาแฟสำเร็จราคาถูกที่ถูกชงโดยคุณหมอ
แค่มีเฌอแตมเขาก็อยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิต…แม้ที่นี่จะไม่มีอะไรเลยนอกจากธรรมชาติและความห่างไกลจนเข้าขั้นล้าหลัง แต่ชีวิตก็ไม่ต้องรีบทำอะไร สโลว์ไลฟ์ของแท้ ฮิปสเตอร์ในร้านกาแฟยังสโลว์ได้ไม่เท่าชีวิตที่นี่
“ไม่เสียดายหรอ ซานฟรานเลยนะ? เมืองโรแมนติก”
“อยากไปอยู่ไหมล่ะ? ไปอยู่ด้วยกันอาจจะโรแมนติกก็ได้”
“ไม่เอา พูดอังกฤษไม่คล่อง อดข้าวแน่หาแดกเองไม่ได้”
“มีผัวรวยไม่รู้หรอ? เอาบัตรไม่จำกัดวงเงินไปรูดเอา”
ยักไหล่กวนๆจนได้หมัดเบาๆต่อยมาที่ไหล่ คนมีผัวรวยถลึงตาใส่แต่ปากกลั้นยิ้มเต็มที่ การอ้อร้อแบบฌามามันก็ทื่อๆดี แต่ก็ให้ความรู้สึกผ่าวๆบนผิวหน้าเหมือนกัน
“แล้วบอสตันสวยไหม?”
“สวยมั้ง ก็ดี เมืองวุ่นวายน่ะคุณ มนุษย์เงินเดือนทั้งนั้น เข้าโบสถ์ไปคุยกับพระเจ้าก็ต้องเสียเงินนะ”
งานบูรณะห้องสมุดชื่อดังกลางบอสตันทำให้เดินผ่านโบสถ์เก่าแก่ของเมืองทุกวันเพราะมันอยู่ตรงข้ามกัน เฌอแตมคะยั้นคะยอให้ถ่ายรูปข้างในโบสถ์มาให้ เลยได้เข้าไปเสียตังค์ทั้งๆที่ปกติเขาไม่ได้ชอบเข้าโบสถ์เท่าไหร่ถ้าไม่ใช่เข้าไปทำงาน
“อย่างกดิ ไหนว่ารวย”
“รวยจ้ารวย ให้ซื้อโบสถ์ก็ซื้อให้ได้ เอาไหม?”
“เอามาทำอะไรเล่า…”
“คุยแต่เรื่องโบสถ์เรื่องบ้าน ไม่ถามถึงคนบ้างหรอว่าสบายดีไหม?”
“ก็ดูสบายดีนี่เลยไม่ถาม”
“เห้อคนเรา มาถึงก็จับเราแต่งงานกับสาวที่ไหนไม่รู้ แล้วยังไม่มีคำหวานชื่นใจสักคำ ใช่สิ…สถาปนิกจนๆจะเอาอะไรไปซื้อใจเธอ”
“เดี๋ยว ทำไมดราม่าล่ะ”
มือซีดยกขึ้นบีบแก้มสากคนขี้น้อยใจ ก่อนจะหัวเราะเมื่อฌามาค้อนวงใหญ่เป็นสาวน้อยขี้งอน แต่ก็งอนได้พักเดียวก็กลับมาหัวเราะกันเหมือนเดิม
“มะรืนนี้กลับแล้วนะ”
“อื้อ… ขอโทษนะต้องลำบากมาหาถึงที่นี่ตลอด”
“สบาย มาหาเมียไกลกว่านี้ก็ไปได้”
“ทำมาพูดดี…ลองไม่มาดิ จะหาผัวใหม่”
“เรื่องหล่อผมไม่รู้ แต่ผมรวยชนะผู้ชายทั้งดอยอ่ะ เอามารวมกันทั้งดอย ให้แปดดอยเลยก็สู้ผมไม่ได้”
“คนแถวนี้เขารวยน้ำใจ”
“แล้วผมไร้น้ำใจตรงไหน ออกจะมีใจให้หมอแถวนี้จนล้นทะลัก”
“เดี๋ยวนี้หัดต่อปากต่อคำ เก่งภาษาไทยแล้วนี่?”
“แหม เสียไปหลายคอร์สต้องได้มั่งล่ะ”
หมดกันความเท่ห์ คุณหมอผิวซีดถึงกับขำคนไทยที่ต้องเรียนภาษาไทย ฌามาไปแอบลงคอร์สคอนเวอร์เซชั่นกับนักศึกษาไทยที่อเมริกามา แถมได้ผู้ชายเกรียนๆคนหนึ่งเป็นอาจารย์ ศัพท์แต่ละอย่างที่สอนกันเล่นเอาเกือบฟังไม่ได้ คุยโทรศัพท์ด้วยกันทีไรแทบจะกดวางสายใส่ทุกที
ไม่ว่าจะเป็น
“เยกันไหมจ๊ะน้องแตมคนสวย…”
หรือจะเป็น
“ค…พี่ใหญ่ฟาดหน้าน้องได้เลยนะ”
มันก็เป็นคำหยาบโลนเข้าใจได้ แต่รูปประโยคเถื่อนๆห่ามๆแบบนี้ฌามาคิดเองไม่ได้หรอกถ้าไม่มีคนชี้นำ สุดท้ายเลยฝากคำด่าไปถึงคนชื่อเป้ อะไรห่ามๆพวกนี้ถึงลดลงแต่ก็กลายเป็นประโยคจำพวก…
“คืนนี้ขอเรือสำเภาพี่ล่องเข้าถ้ำน้องให้น้ำสาดกระทบหินโครมๆ…”
เล่นเอาไม่กล้าถามต่อว่าคนส่งเสียงมาตามสายนี่เข้าใจไหมว่าตัวเองพูดจาสื่อถึงอะไร…
แต่ดูจากสายตาวาวๆตัวเป็นๆยามคุยถึงคุณเป้ที่ว่านี่….ฌามาอัพเกรดเวอร์ชั่นไปไกลทีเดียว
“ช่วงนี้บอสตันหิมะจะตกแล้วนะ ผมกลับไปคงทันก่อนหิมะจะตกหนักจนเครื่องบินลงไม่ได้”
“ใส่ชุดหนาๆล่ะ”
“มีผ้าพันคอแทนใจ อุ่นไปถึงลำไส้ใหญ่”
ขนาดจะโรแมนติกยังอุตส่าห์พกพาความเกรียนมาด้วย ปีก่อนว่าที่คุณหมอไปหัดถักผ้าลายพื้นบ้านมาจากชาวบ้าน เลยหัดทำผ้าพันคอผืนนุ่มลายทางมาได้หนึ่งผืน ที่ไทยอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นแต่คนอยู่ประเทศอากาศหนาวคงได้ใช้
แถมฌามาก็ช่างขี้เห่อใส่ไปทำงานทุกวัน… มีโพสลงเฟสบุ๊คว่าแฟนให้จนเพื่อนสารพัดประเทศเม้นแซวกันยาวเหยียด
“ปีนี้มีอันใหม่ให้”
“หือ?”
คุณหมอลุกขึ้นไปหยิบเสื้อไหมพรมแขนยาวลายทางง่ายๆมาจากตู้ในบ้าน
“โอ้โห”
“เบี้ยวนิดหน่อยนะ…ใส่นอนก็ได้”
“ไม่กล้าใส่ไปทำงานหรอก กลัวเลอะ แต่จะใส่นอนทุกวันเลย ว่าแต่มันไซส์ผมปะเนี่ย?”
ฌามารีบถอดเสื้อเจ้าบ่าวออกจากตัวแล้วเสื้อไหมพรมมาสวมทับ ปรากฏว่ามันสั้นไปนิดหน่อยทำให้ดูเอวลอยๆ ที่พอยกมือก็เห็นสะดือ
“เง้อ ถอดเลย ไม่ต้องเอาไปใส่นะ”
คนกะไซส์ไม่ถูกหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน แต่สถาปนิกเอวลอยรีบเขยิบหนี
“อย่ามายุ่ง เมียให้ ถึงจะเต่อก็จะใส่ คุณเป็นใครจะมาถอดเสื้อเมียผมออก โนวๆ เขยิบไปเลย”
“มันน่าเกลียด”
“ผมรักของผม…อย่าเสือกดิ”
ไม่พูดเปล่าแกล้งหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแนบหู
“ฮัลโหลแตมม ที่ร้ากกมีคนจะมาถอดเสื้อที่ตัวให้เค้าออก เค้าขัดขืนสุดๆเลย”
“ไอ้บ้าเล่นอะไรเนี่ย”
ทั้งเขินทั้งขำ สุดท้ายก็ยอมให้ฌามาขี้เห่อเอาเสื้อสั้นเต่อไปจนได้
คุณหมอกับสถาปนิกนั่งคุยกันอยู่ที่ระเบียงบ้านไปเรื่อยเปื่อย มีเรื่องมากมายมาเล่าให้กันฟังสารพัดให้สมกับที่ไม่เจอกันนาน
“จะว่าไปเราไม่ได้ไปทำพวกกิจกรรมคู่รักเลยเนอะ?”
“ขอโทษนะ มาหาก็ยาก จะไปเดทก็ไม่มีที่ไป มีแต่ป่าแต่เขา”
“ตกเย็นก็ปิดไฟทำลูก ทำยันเช้า ทำแล้วทำอีก…ถ้าคุณเป็นผู้หญิงนี่ผมคงมีลูกไปตั้งทีมฟุตบอลแล้ว ไม่มีอะไรทำเลยนอกจากปล้ำเมีย”
“เบื่อจะปล้ำแล้วหรือยังล่ะ?”
“ไม่อ่ะ…อย่าชวนคุยเรื่องนี้ดิ อยากปล้ำเมียขึ้นมาแล้วเนี่ย”
ไม่พูดเปล่า ดึงมือซีดของคุณหมอมาตะปบกลางลำตัวที่มันตื่นเอาซะอย่างนั้น
“พอเลยกลางวันแสกๆ ไม่เล่น”
“โถ่…ความรักมันไม่เลือกเวลากัน ความหื่นก็เช่นกัน…ปิดประตูเข้าบ้านนอนกันนะแตม…”
“พระอาทิตย์แยงก้นอยู่เนี่ยนะ?”
“เถอะน่า…ผมอยากแยงก้นคุณแล้ว”
“ไม่ขำ”
“ผมจริงจัง…ไปทำลูกกันนะ”
“ทำไปก็ไม่ท้องหรอก”
“เงี่ยนแล้วอ่ะ”
“ใครสอนให้พูดจาแบบนี้วะหา”
“ฮ่าๆ ดุทั้งทีอย่าหน้าแดงดิ…มันดูสมยอมอ่ะ”
“ไม่คุยด้วยละ ไปเดินเล่นดีกว่า”
“แตม ขอร้องอย่าเล่นตัว สุดท้ายก็ต้องเยกันอยู่ดี มาเยให้มันจบๆไป จะได้เยได้หลายรอบๆ ไม่เสียเวลา”
“ไอ้บ้า!”
“ป่ะๆ เข้าห้อง… น้องไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ถ่างขาให้พี่อึ้บอย่างเดียวพอ”
“ไอ้เป้ใช่ไหมสอนพูดจาแบบนี้ เลิกคบมันได้แล้ว”
“โอ๋ไม่เขินนะ เดี๋ยวพี่จัดให้สักสี่ห้าดอก”
“ฌาม์เลิกเรียนภาษาไทยเดี๋ยวนี้!!!”
“ซ้อมชมเมียบนเตียงมาด้วยนะ ลองฟังก่อนอาจจะรีบอยากให้เป้สอนเพิ่ม…”
“อา…ตอดแบบนี้แหละดี จะแตกคารูแล้ว…”
“โอยยยเสียวเหี้ยๆ เมียจ๋าทำไมทำหน้าเงี่….แบบนั้น”
“แตกใส่หน้าที่รักได้ไหม…”
“ฌาม์หุบปาก!!!!!!!!!!!”
“ง้ะ….มามะมาอุดปากพี่ด้วยค…ของน้อง”
“ไอ้ฌาม์!!!!”
“จ๋า….เมียรัก”
พลั่ก!!!
คนกวนตีนก็คือคนกวนตีน…เฌอแตมไม่ใช่สาวน้อยช่างฝันที่จะอยากได้ผู้ชายกวนตีนปากหมามาเป็นคู่ใจ แบดบอยไม่ใช่ตัวเลือกจักกะจี้หัวใจของคุณหมอผิวซีด…. เลยต้อนโดนถีบไปอยู่นอกห้องนอน
อดไปตามระเบียบ…
ริจะเป็นแบดบอยไม่ถามไถ่ความต้องการกัน อยากจะห่าม จะเกรียนไม่ดูทิศดูทาง
สมน้ำหน้าเนอะ…
กลับจากอเมริกาคราวหน้าค่อยว่ากันใหม่นะฌาม์
====================================================
ขอโทษที่มาช้า เค้าป่ววยยยย เป็นไข้หวัดใหญ่
เอาล่ะ มันคงจะเป็นตอนสุดท้ายที่โพสในเว็บนะคะ เนื่องจากต้องเก็บตอนพิเศษไปใส่เล่ม... แบมไม่อยากประสบปัญหาหน้าเกินจนทำให้ได้ตอนพิเศษในเล่มน้อย (แบบที่เกิดกับฟ้าลั่นรัก) ฮือออ T________T
ไม่งั้นจะกลายเป็นตอนพิเศษต้องเพิ่มเล่มเล็ก ซึ่งมันจะเพิ่มเงิน ราคาก็จะแพงขึ้นเนาะ ต้องพยายามยัดไว้ในเล่มเดียว
อย่างต่ำห้าตอนจะไปอยู่ในรวมเล่มนะคะ ฝากติดตามด้วยค่า
สปอยเล็กๆน้อยๆ ก็จะมีฟีลละมุนละไมไปจนถึงเลือดสาดตามประสาคู่รีกไบโพล่านะคะ อิอิ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ติดตามมาโดยตลอด เรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร ฝากติดตามที่แฟนเพจของแบมค่า