ตอนที่ 2 : แม้ว่า“มึงจะไปจริงเหรอวะ” ไผ่จ้องตาเพื่อนระหว่างรอคำตอบ “กูรับปากพายุมันไว้ ว่าถ้าพวกมึงคนใดคนหนึ่งไป กูก็จะไปด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นกูจะบอกไอ้พายุว่าพวกกูไม่ว่าง”
“มึงพูดแปลกๆ เห็นไอ้นนท์ทำท่าดีใจเป็นปลากระดี่ได้น้ำ จะได้ไปเที่ยวกับสาวๆ แล้วทำไมมึงถึงบอกว่าไม่ว่าง”
“กู...”
ปัณณ์เห็นไผ่ทำหน้าเหมือนคนคิดหนัก นิ่งอยู่นานก่อนพูดขึ้น
“มึงไหว เอ๊ย! มึงว่างแน่นะปัณณ์”
“กูว่างไม่ได้ไปไหน แต่ขี้เกียจไปนั่งเบื่อ เลยรอดูก่อนว่าพวกมึงจะไปไหม”
“ถ้ามึงคิดดีแล้วกูก็จะไปเป็นเพื่อน”
“เดี๋ยวไอ้ไผ่ ทำไมวันนี้มึงพูดแปลกๆ วะ คิดดีแล้วอะไรของมึง” ปัณณ์ขมวดคิ้ว ในใจเริ่มเต้นแรง หรือว่าไผ่จะจับความรู้สึกของเขาได้
“ก็มึงเป็นเมียไอ้พายุไม่ใช่เหรอ กูก็กลัวมึงไปแล้วช้ำใจตายไง ฮ่าๆ” ไผ่หัวเราะตบท้ายให้รู้ว่าเป็นการเล่นมุก เขาเชื่อว่าถ้าเลือกแซ็วตรงจุด ปัณณ์จะจับไม่ได้ว่าเขารู้เรื่องนี้ ไผ่เฝ้ามองอาการเพื่อนมานาน นานจนแน่ใจว่าปัณณ์แอบชอบพายุ
“มึงนี่เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา” ปัณณ์ลอบถอนใจ เขากลัวว่าไผ่จะจับความรู้สึกของเขาได้
“แล้วมึงจะพักห้องเดียวกับกูกับไอ้นนท์หรือมึงจะพักห้องเดียวกับนารา”
“กับพวกมึงสิวะ กูไม่ได้พิศวาสนารา”
“งั้นก็ตามนั้น” ไผ่ไม่ได้อยากได้คำตอบ เขาถามเพราะไม่อยากให้เพื่อนจับพิรุธได้เท่านั้น เพราะเป็นห่วงความรู้สึกเพื่อนเขาจึงเผลอหลุดปากพูดอะไรแปลกๆ ออกไป ไผ่ไม่อยากให้ปัณณ์ไม่สบายใจ เขาเชื่อว่าเมื่อเพื่อนพร้อม เพื่อนจะบอกเขาเอง
“ปัณณ์เดี๋ยวมึงนอนห้องเดียวกับกู” พายุเดินเข้ามาบอกปัณณ์ที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ พวกเขาเพิ่งเดินทางมาถึงโรงแรมเมื่อสิบห้านาทีที่ผ่านมา
“ไม่เป็นไรกูนอนห้องเดียวกับไอ้ไผ่ไอ้นนท์ได้ ขอโรงแรมเสริมเตียงเอา” ปัณณ์รีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเอย ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีจัดทริปนี้ขึ้นมา
“มึงนอนห้องเดียวกับกูนี่แหละลงตัวพอดี ไม่อย่างนั้นนาราต้องนอนคนเดียว กลายเป็นเปิดห้องแล้วยังต้องมาเสียค่าเตียงเสริมของมึงอีก”
“มึงจะให้เอยนอนห้องเดียวกับนาราเหรอวะ” ไผ่สรุปจากสิ่งที่พายุพูดให้ฟัง
“ใช่ ทั้งหมดห้าห้อง มึงกับไอ้นนท์ กูกับปัณณ์ เอยกับนารา อีกสองห้องเพื่อนเอย โอมกับกล้า มดกับยี่หวา ลงตัว”
“ทำไมมึงไม่ให้นารานอนเตียงเสริมห้องมดกับยี่หว่าวะ กูนอนเตียงเสริมห้องไอ้ไผ่ลงตัวพอดี ไม่ต้องเปิดห้องใหม่อีกห้องให้เปลืองเงิน”
“ไม่คุ้ม เสริมสองเตียงสู้เปิดห้องใหม่เลยดีกว่า เอาน่ากูบอกเอยไปแล้ว กำลังจัดการอยู่” ปัณณ์มองไปที่หน้าเคาน์เตอร์ เขาสบตาเข้ากับเอยพอดี ก่อนที่แฟนเพื่อนจะสะบัดหน้าหนี ปัณณ์ไม่นึกโกรธ ถ้าเป็นเขาก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เอยส่งยิ้มให้กับพายุ เดินนำเพื่อนๆ มารวมกับกลุ่มของปัณณ์
“เดี๋ยวพนักงานจะพาไปห้องพัก พายุไปห้องเอยก่อนไหมคะ”
“ผมต้องเอากระเป๋าไปเก็บ”
“เดี๋ยวกูเก็บให้” ปัณณ์อาสา ความจริงพนักงานยกไปส่งถึงห้องอยู่แล้ว เขาไม่ต้องทำอะไร อย่างมากก็ยกไปวางบนเตียงให้เพื่อนก็เท่านั้น
“โอเค งั้นกูฝากด้วย”
“อืม” ปัณณ์พยักหน้ารับ ดีแล้วที่พายุไปห้องของเอย เขาไม่อยากให้แฟนเพื่อนผิดใจไปมากกว่านี้
“ทำไมมากันไวนักวะ” ปัณณ์ถามหลังจากเปิดประตูให้ไผ่กับนนท์เข้ามาในห้อง
“กูยังไม่ได้จัดของเลย ไอ้ไผ่ลากมาหามึงก่อน” นนท์บ่นเบาๆ เพราะทันทีที่พนักงานออกจากห้อง ไผ่ก็ชวนเขามาหาปัณณ์
“มึงจะจัดห่าอะไร”
“อ้าวกูก็อยากแขวนเสื้อผ้าให้มันดูดีก่อนไหม มึงจะให้กูใส่ยับๆ ต่อหน้าสาวเหรอวะ เพื่อนเอยแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น”
“เพื่อนผู้ชายเอยหล่อๆ ทั้งนั้น ทำไมมึงไม่พูดถึง ไม่คิดว่าเขามากันเป็นคู่บ้างเหรอ ควาย”
“อ้าวไอ้เหี้ยไผ่” นนท์โวยวายเมื่อถูกเพื่อนเปลี่ยนสายพันธุ์ให้
“ตกลงพวกมึงจะมาทะเลาะกันให้กูดูใช่ไหม กัดกันอย่างกับหมา”
“เออดี คนหนึ่งด่ากูเป็นควาย อีกคนด่ากูเป็นหมา เจริญล่ะ” นนท์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เพิ่งสังเกตว่าห้องนี้เป็นเตียงเดี่ยว ไม่เหมือนห้องของเขาที่เป็นเตียงคู่
“กูจะชวนมึงลงไปเดินดูรอบๆ โรงแรม ไม่เคยมาอยากเห็นว่าสวยไหม” ไผ่บอกจุดประสงค์ที่มาหาเพื่อน
“เอาสิ แต่เดี๋ยวกูขอแวะห้องเอยก่อน จะเอากุญแจไปให้พายุเผื่อมันจะเข้าห้อง “
“เออ บอกมันหน่อยก็ดี” ไผ่เห็นด้วย
“ร้อนจะตายห่า พวกมึงจะเดินสำรวจโรงแรมอะไรตอนนี้วะ” นนท์บ่นกระปอดกระแปด แต่ไม่มีใครสนใจฟัง สุดท้ายเขาก็ต้องไปด้วยอยู่ดี
“ไม่อยู่เหรอวะ” ปัณณ์นิ่วหน้าเมื่อเคาะประตูแล้วสองครั้ง แต่ไม่มีเสียงขานรับ และไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดออก
“มึงเคาะเบาไปหรือเปล่า มากูเคาะเอง” นนท์เคาะประตูโครมๆ ติดกันหลายครั้ง สักพักถึงได้ยินเสียงเปิดประตู
“ไง” พายุยืนอยู่เพียงลำพัง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ถูกปลดกระดุมลงมากลางอก มองเห็นรอยลิปสติกจางๆ เปื้อนอยู่
“กู..” ปัณณ์พูดต่อไม่ออก สายตาของเขาจับจ้องอยู่กับร่องรอยสีแดงที่เห็น
“พวกกูจะลงไปข้างล่าง ไอ้ปัณณ์เลยเอากุญแจมาให้มึง” ไผ่ชิงดึงกุญแจออกจากมือของปัณณ์ส่งให้กับพายุ
“แล้วนี่..”
“นาราอยู่ห้องยี่หว่า” พายุชิงตอบ เพราะรู้ว่าไผ่จะถามถึงเรื่องอะไร
“พายุคะ” เสียงเรียกที่ดังมาจากในห้องทำให้ปัณณ์รู้สึกตัว เขายิ้มจืดชืดให้กับพายุ ก่อนเอ่ยขอตัวเบาๆ
“มึงเข้าไปเถอะ พวกกูไปก่อน”
“ถ้ามึงกลับขึ้นมาเร็วก็โทรหากู” พายุบอกปัณณ์
“ไม่เป็นไร กูไปอยู่ห้องไอ้ไผ่ไอ้นนท์ได้ มึงจะกลับห้องเมื่อไหร่ค่อยโทรเรียกกู”
“อีกสองชั่วโมงนัดกันข้างล่างอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มึงไปเจอพวกกูตอนนั้นก็ได้” นนท์ช่วยออกความคิดเห็น เพราะทั้งกลุ่มมีการนัดหมายเวลากันไว้แล้ว
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
“อืม พวกกูไปล่ะ” ปัณณ์เดินออกมาโดยไม่รอไผ่กับนนท์ เขาแค่ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยินอะไรอีก
“เดี๋ยวกูเลี้ยงเบียร์” ไผ่เร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงข้างเพื่อน เขาโอบแขนไปรอบไหล่ปัณณ์ ก่อนตบมือลงบนบ่าเพื่อนเบาๆ
“ถูกหวยมาเหรอมึง ป๋ามาก” นนท์แซ็วความใจปล้ำของเพื่อน นานๆ ถึงจะได้ยินไผ่ออกปากเสียที
“กูเลี้ยงแค่ไอ้ปัณณ์ไม่ได้เลี้ยงมึง”
“อ้าวไอ้ไผ่ ความยุติธรรมอยู่ไหนวะ”
“มึงอยากได้ความยุติธรรมมึงก็ไปฟ้องเอา”
“ฟ้องศาลพระภูมิบ้านมึงสิ ศาลจริงๆ ที่ไหนจะรับเรื่องกู”
“หึ มึงก็รู้นี่หว่า ยังเสือกจะเรียกร้อง”
“เออกูมันเพื่อนหัวเน่าไม่มีใครสนใจ ไอ้พายุก็อีกคน มีเพื่อนแฟนสวยๆ ก็ยกให้ไอ้ปัณณ์ ไม่เคยคิดเผื่อแผ่กู”
“มึงจะบ่นอะไรนักหนาวะ ผีเจาะปากมาพูดหรือไง”
“เรื่องของกู” นนท์ทำหน้างอนเพื่อน เมื่อเกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา
“ว่าแต่เอยนี่สุดยอดเหมือนกันนะ สาด เพิ่งบ่ายเริ่มแล้วเหรอวะ ถึงกับไล่เพื่อนไปห้องอื่น”
“ไอ้นนท์! มึงไม่รู้อะไรอย่าปากเสีย” ไผ่รีบห้ามไม่ให้นนท์พูด เขาไม่ได้สนใจเอย แต่สนใจความรู้สึกของปัณณ์มากกว่า
“กูก็พูดกับพวกมึงนี่แหละ เคยเอาไปนินทากับคนอื่นที่ไหน” นนท์แก้ตัว เขารู้หรอกน่าว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
“เลิกพูดเถอะ มึงเงียบเหมือนไอ้ปัณณ์มันบ้างก็ได้” ไผ่สะกิดเพื่อนทีเดียวสองคน เมื่อเห็นปัณณ์ไม่พูดไม่จา
“มึงไม่ต้องเลี้ยงกู เดี๋ยวกูเลี้ยงพวกมึงเอง ไอ้นนท์ด้วยจะได้เลิกเห่าเสียที” ปัณณ์ตัดปัญหา
“กูรักมึงฉิบหายไอ้ปัณณ์” นนท์ยิ้มออกหันไปยักคิ้วให้ไผ่ ใครว่าการบ่นไม่ได้ผล เห็นไหมไอ้ปัณณ์ยอมเลี้ยงเบียร์เขาแล้ว
“เมากันหรือยัง” พายุแซ็วขำๆ เมื่อเห็นขวดเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมา อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด
“สามคนห้าขวดเล็ก มึงว่าจะเมาไหม” นนท์ถามประชดเพื่อน
“นึกยังไงกินเบียร์ตอนนี้วะ แถมมานั่งตากแดกอยู่ริมหาด เดี๋ยวไข้ได้แดกมึงแทน” พายุถอดเสื้อเชิ้ตลายดอกสีน้ำเงินที่เขาใส่ทับเสื้อยืดสีขาวออก คลุมลงบนศีรษะของปัณณ์
“ไอ้พายุมึงเห็นอะไรไหม” นนท์ชี้มือขึ้นไปบนฟ้าเหนือหัวตัวเอง
“มึงอยากให้กูเห็นอะไรล่ะ” พายุนั่งลงบนเก้าอี้ตัวติดกับปัณณ์ มองนนท์เรียกร้องความสนใจจากเขา
“เห็นไหมว่ากูนั่งอยู่นอกร่มมากที่สุด มึงควรคลุมให้กูไม่ใช่ไอ้ปัณณ์”
“มึงมันหนังหนาไม่ต้องใช้ ไอ้ปัณณ์มันป่วยง่าย กูไม่อยากให้มันไม่สบาย”
“มึงมันก็เป็นแบบนี้” ไผ่บ่นออกมาเบาๆ พร้อมกับเสียงถอนใจยาว
“ทำไม? วันนี้มึงจะงี่เง่าเหมือนไอ้นนท์อีกคนเหรอวะ ได้เดี๋ยวกูถอดเสื้อยืดให้” พายุทำท่าจะถอดเสื้อยืดตัวที่ใส่อยู่ออก ไผ่ต้องรีบห้ามไว้
“ไม่ต้อง หัวกูแข็งพอๆ กับไอ้นนท์นั่นแหละให้ไอ้ปัณณ์คลุมไว้คนเดียวพอ”
“วันหลังรู้ว่าลงมานั่งแบบนี้ก็เอาหมวกมาด้วย” พายุหันไปดุปัณณ์ที่ไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง
“มึงเอาไปเถอะ” ปัณณ์ดึงเสื้อที่คลุมอยู่บนหัวออก ส่งคืนให้พายุ
“คลุมเอาไว้” เสียงดุๆ มาพร้อมกับมือที่จับเสื้อคลุมให้เขาอีกครั้ง มือใหญ่กดทับเสื้อเอาไว้ไม่ให้เขาดึงออก
“ไงมึงสบายตัวแล้วสิ” นนท์อดแซ็วเพื่อนไม่ได้ เมื่อเห็นพายุเปลี่ยนชุดใหม่ลงมา
“หึๆ” พายุเพียงแค่ยกยิ้มที่มุมปาก ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“หัวเราะ ไม่เกรงใจเพื่อนฝูงเลยนะมึง มาถึงไม่ทันไรจัดชุดใหญ่”
“มึงแอบดูกูเหรอ ถึงรู้ว่าชุดใหญ่”
“ไม่รับก็ได้กูเข้าใจ ไปไอ้ปัณณ์เดี๋ยวคืนนี้กูพามึงหนีเที่ยว รับรองแหล่งดี สะอาด ถึงใจ”
“มึงนี่มัน!” ไผ่ส่ายหัว “มีจังหวัดไหนที่มึงไม่รู้แหล่งบ้างไหม”
“มี จังหวัดที่กูไม่เคยไปไง” นนท์ตอบด้วยความภาคภูมิใจ
“ไอ้เหี้ยนนท์ สกปรก”
“กูก็พูดไปอย่างนั้นเองเสือกเชื่ออีก จะไปไหนได้วะ กูกะจะชวนพวกมึงแดกเบียร์อยู่ห้องนั่นแหละ”
“ความคิดดี” พายุเห็นด้วยกับโปรแกรมของนนท์
“มึงไม่ต้องไปกับเอยเหรอวะ” ไผ่ถามเพราะได้ยินว่าหลังจากทานอาหารเย็นแล้ว กลุ่มเอยจะไปเที่ยวกลางคืนต่อ
“ก็พวกมึงไม่ไป”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรมึงไปเถอะ กูแค่ขี้เกียจ ช่วงก่อนเร่งทำงานส่งอาจารย์แทบไม่ได้นอน กูเลยอยากพักให้เต็มอิ่ม” ไผ่เป็นคนออกตัว ขอไม่ไปเที่ยวกับชาวคณะ เพราะเขารู้ว่าปัณณ์คงไม่กล้าปฏิเสธ
“เอาน่า เรื่องของกู กูจัดการเอง”
“ตามใจมึง” ไผ่ไม่โต้เถียงเรื่องนี้อีก เขาแค่ไม่อยากให้ปัณณ์ไปเห็นภาพบาดตา ที่เหลืออย่างไรก็ได้
“พายุ นาราโกรธกูหรือเปล่า” ปัณณ์ถามถึงนารา ผู้หญิงที่บอกชอบเขาผ่านทางเอยมา
“ไม่รู้สิ” พายุยักไหล่ เขาไม่ได้สนใจ
“อืม เดี๋ยวกูหาโอกาสไปขอโทษเอง”
“ไม่ต้องหรอกมั้ง มึงไม่ได้ผิดอะไร ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ บังคับกันได้ที่ไหนวะ” ปัณณ์เม้มปาก ถ้าพายุรู้ว่าเขาชอบจะไม่ใส่ใจแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า
“ไม่ได้ อย่างน้อยกูควรขอโทษเขา ความรู้สึกของคนสำคัญ เวลาบอกชอบใครสักคน ต้องใช้ความกล้ามากกว่าที่มึงคิด”
“กูไม่เคยบอกชอบใคร”
“กูรู้ กูถึงบอกไงว่ามึงไม่เข้าใจ”
“ถ้ามึงไม่ชอบกูจีบนะ กูสนใจนาราว่ะ” นนท์แทรกขึ้นมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าปัณณ์ไม่สนใจจริงๆ
“เรื่องของมึง”
“ทีอย่างนี้พร้อมใจ” นนท์อาฆาตเพื่อนเรียงตัว เมื่อทุกคนตอบเขาด้วยประโยคเดียวกัน ไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือเขาบ้างเลย
Rrrr พายุชะงักการโต้ตอบกับนนท์ มองหมายเลขที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ “สงสัยลงมากันแล้ว”
“อืม งั้นก็ไปกันเถอะ” ปัณณ์ดึงเสื้อออกส่งคืนให้กับพายุ ที่คราวนี้รับคืนไปใส่แต่โดยดี
ปัณณ์มองพายุใส่เสื้อจนเรียบร้อย ถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นแค่ความห่วงใยที่เพื่อนมีให้เพื่อน แต่ปัณณ์หลงรักพายุก็เพราะแบบนี้
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบพายุ ไม่เคยรู้ว่าเขาชอบพายุตั้งแต่ตอนไหน กว่าจะรู้ตัวเขาก็หลงรักเพื่อนสนิทชนิดถอนตัวไม่ขึ้นไปแล้ว
ปัณณ์ได้แต่บอกตัวเองว่า ให้เปลี่ยนความรักเป็นความปรารถนาดี อะไรที่พายุมีความสุขเขาก็ควรมีความสุขด้วย ถึงแม้ต้องเจ็บปวดบ้างแต่เขาก็ยินดี
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
ปูพื้นเรื่องให้รู้จักนิสัยคร่าวๆ ของแต่ละคนในกลุ่มก่อนนะคะ
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin