#ตอนที่สาม
ยุทธนาซ่อนรอยยิ้มขบขันไว้ภายใต้ท่าทีนิ่งเฉย เมื่อเห็นคนที่เดินนำห่างไปไม่กี่ก้าวมีท่าทางหลุกหลิกชอบกล ตากลมเหลือบมองเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับมีเรื่องจะพูด ทว่ากลีบปากอิ่มกลับทำแค่เม้มเข้าหากันแล้วคลายออก เป็นอย่างนั้นอยู่สามสี่รอบตั้งแต่เดินออกมาจากร้านเฮียป้างจนเขากลัวว่าปากสวยๆนั่นจะช้ำไปเสียก่อน…
“มีอะไรหรือเปล่า?” เอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
คนถูกถามชะงักเท้า
“เอ่อ.. เปล่าครับ” ส่ายหน้าเบาๆพลางยิ้มแห้งแล้วออกเดินต่อ ยกชาเย็นที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นดูดแก้เก้อ แต่ก็ยังไม่วายเหลือบมองรุ่นพี่ร่วมคณะที่เดินทิ้งห่างมาไม่ไกลอยู่เนืองๆ
ยิ่งเห็นท่าทางที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งให้นึกเอ็นดู คงสงสัยว่าทำไมเขาถึงเดินตามมาแบบนี้ ไอ้ครั้นจะให้บอกไปเลยว่าพักอยู่คอนโดฝั่งตรงข้ามโดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้เอ่ยปากถามก็ใช่เรื่อง จริงๆก็ไม่ได้อยากแกล้งนักหรอก แต่พอเห็นท่าทางหลุกหลิกเหมือนกระต่ายตื่นตูมแบบนี้แล้วมันอดไม่ได้จริงๆ
ยุทธนาชะงักเท้าเมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าหอพักของเดือนสิบ ร่างเล็กกว่ายืนหันหลังให้เขา สูดหายใจลึกคล้ายรวบรวมความกล้าก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ตากลมหลุกหลิกเมื่อเห็นว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว
“อยากให้ช่วยติวเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยนะ” ยุทธนาเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนเมื่อเห็นน้องเริ่มไม่ถูก
“ครับ..” เดือนสิบพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะกระพริบตาปริบๆมองโทรศัพท์มือถือที่อีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้าอย่างงงๆ
เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนที่มองอยู่ได้อีกครั้ง…
“เบอร์ไง เผื่อว่างติววันไหนจะได้โทรมาบอก”
“อ่อ..” ครางรับพลางพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้งแล้วรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายมากดเบอร์ตัวเองลงไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะส่งคืน ร่างสูงกดอะไรอยู่ชั่วครู่จากนั้นโทรศัพท์ของเดือนสิบก็ดังขึ้น เขาล้วงมันขึ้นมาดูสายนั้นจึงตัดไป
“เบอร์พี่เอง.. มีเรื่องอะไรให้ช่วยก็โทรมาได้ ไม่ต้องเกรงใจเข้าใจไหม”
“ครับ..” เป็นอีกครั้งที่เดือนสิบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“เข้าหอไปได้แล้วไป” ยุทธนายิ้มบางให้คนที่ยืนมองเขาตาแป๋ว ร่างโปร่งไม่ได้ทำตามที่เขาบอกในทันที เดือนสิบเม้มปากอย่างช่างใจก่อนจะเอ่ยถามออกมาในที่สุด
“แล้ว.. พี่พักอยู่แถวไหนหรอครับ”
คำตอบไขกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายพยักพเยิดไปทางคอนโดหรูฝั่งตรงข้าม “ใกล้แค่นี้เอง อยากได้คนเลี้ยงข้าวเมื่อไหร่ก็บอก”
.
.
.
วันจันทร์สีเหลืองเช้านี้เดือนสิบเดินทางมามหา’ลัยพร้อมไอ้ปืน เนื่องจากวิชาที่ต้องเรียนวันนี้เป็นวิชาหลักที่เขากับมันลงเรียนด้วยกัน ไอ้ปืนถ่อมารับตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าทั้งที่มีเรียนตอนแปดโมงครึ่ง เพื่อให้เขามานั่งเปื่อยอยู่ในโรงอาหารคณะดูมันเล่นโทรศัพท์ด้วยท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ถามว่าทำไมไม่เอาโทรศัพท์ออกมาเล่นแก้เบื่อเหมือนมันบ้าง ถามว่าเดือนสิบรู้จักแอพลิเคชั่นอะไรกับเขาบ้างจะดีกว่า ขนาดเฟสบุ๊คที่ว่าฮิตคนเล่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง เดือนสิบยังมีมันไว้เพียงแค่ใช้ตามงานเวลาอาจารย์อัพเดตเท่านั้นเลย หน้าไทม์ไลน์ตอนไอ้ปืนสมัครให้โล่งยังไงทุกวันนี้ก็ยังคงโล่งอยู่อย่างนั้น เพื่อนในเฟสมีถึงร้อยคนหรือเปล่าก็ไม่รู้
“สิบ!” มือที่กำลังคนโจ๊กในชามไปมาหยุดชะงักเมื่อไอ้ปืนเรียกซะเสียงดัง
แชะ! แชะ!
และในจังหวะที่เดือนสิบเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางมึนๆมันก็ลั่นชัตเตอร์โทรศัพท์ที่ยกขึ้นมาจ่อรอท่าไว้ในทันที
“เล่นไรของมึง” ไอ้ปืนไม่ตอบ มันยักคิ้วยิ้มกวนๆแล้วก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ต่อ เสียงหัวเราะคิกคักดังมาให้ได้ขมวดคิ้วเป็นระยะพอๆกับเสียงแจ้งเตือนที่ดังมาไม่ขาดสาย
เดือนสิบได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าเท้าคางมองเพื่อนสนิทอย่างเซ็งๆ ตากลมกลอกไปมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อไม่มีอะไรให้สนใจเป็นพิเศษ ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงสี่สิบอีกตั้งเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน ตั้งแต่เข้ามาในโรงอาหารไอ้ปืนก็ซื้อโจ๊กง่อยๆนี่มาประเคนให้เขาถึงที่พร้อมกับชาเย็นแก้วใหญ่ จากนั้นมันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์จนเดือนสิบชักจะเริ่มนอยด์
“เบื่อหรอ กินหนมป่าวเดี๋ยวเลี้ยง” ดูเหมือนไอ้ปืนเพิ่งจะจับสังเกตอารมณ์นอยด์ๆของเพื่อนสนิทได้ มันถึงได้ยอมละความสนใจจากเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาคุยกับเขาซะที เดือนสิบส่งเสียงขึ้นจมูกพลางเบือนหน้าหนี ให้มันรู้ว่าเขานอยด์มันจริงจัง
อาการแบบเด็กๆที่เจ้าตัวไม่ได้แสดงมันออกมาบ่อยนักทำให้เพื่อนสนิทตัวสูงหลุดยิ้มเอ็นดู พาลให้นึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอกัน เด็กตัวขาวหน้าเซ่อๆที่เข้าห้องผิดตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอม แต่จะว่ามันเซ่อคนเดียวก็ไม่ได้เพราะเขาก็ดันเข้าห้องผิดเหมือนกันกับมันอีก ท่าทางเหลอหลาตอนเดินออกไปหน้าชั้นเรียนเพราะอาจารย์บอกว่าไม่มีรายชื่อ ตากลมกระพริบปริบๆมองเขาที่ยืนนิ่งอยู่ข้างกันคล้ายลูกแมวหลง ไอ้ครั้นจะปล่อยไว้ก็ให้นึกส่งสารเลยลากมันติดไม้ติดมือออกไปด้วยกัน
ท่าทางนิ่งๆถามคำตอบคำจนเพื่อนร่วมคณะคิดว่าหยิ่ง แถมห้องเชียร์ก็ไม่ค่อยมาเข้าเลยทำให้มันกลายเป็นแกะดำในหมู่แกะขาวไปใหญ่ เดือนสิบไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นที่สนใจของคนในคณะแค่ไหน ตัวขาวๆตาโตๆปากแดงๆแบบนี้มันน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่ ยิ่งไปตัวติดกันกับไอ้นุที่ถูกเลือกให้เป็นเดือนคณะก็ยิ่งเป็นที่สนใจเข้าไปใหญ่ ติดแต่ท่าทางนิ่งๆพูดน้อยของเจ้าตัวนั่นแหละที่ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าหา จะมีก็แต่ไอ้ปืนนี่แหละที่ทนเห็นท่าทางเหมือนลูกแมวถูกเจ้าของทิ้งเวลาไอ้นุมันไม่อยู่ไม่ได้ จนต้องลากไปไหนมาไหนด้วยตลอด
ยิ่งรู้เหตุผลเรื่องที่มันไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมเพราะต้องทำงานไปด้วยก็นึกทึ่ง คิดไม่ถึงว่าท่าทางเซ่อๆไม่ทันคนแบบนี้กล้าไปทำงานในร้านเหล้าแบบนั้นได้ยังไง ถึงจะเป็นร้านที่ลูกค้าส่วนมากเป็นนักศึกษาในมหา’ลัยก็เถอะ ใช่ว่าจะปลอดภัยซะทีเดียว ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นห่วงเพราะเผลอคิดไปแล้วว่ามันเหมือนน้องชายคนหนึ่งที่ต้องดูแล ก็เลยเทียวไปรับไปส่งมันสลับกับไอ้นุในวันที่มันไม่ว่าง ดีหน่อยที่ช่วงหลังๆมามันได้พี่รหัสฝากฝังให้เข้าทำงานในอู่ซ่อมรถไม่ต้องไปเดินขาขวิดในร้านเหล้าทุกคืน เขาเลยไม่ต้องคอยเป็นห่วงมันมากเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยจนไม่สนใจ…
“งอนกูจริงอ่อ? เดี๋ยวตอนเย็นพาไปเลี้ยงบิงซูร้านพี่อ้อยเลยอ่ะ” ไอ้ปืนว่าพลางยื่นมือมาเขี่ยปลายคางเพื่อนสนิทเบาๆ จนเดือนสิบต้องปัดออกเพราะจักจี้ .ใบหน้าน่ารักที่มักจะนิ่งเฉยอยู่ตลอดบูดบึ้งไม่พอใจ
ท่าทางเหมือนเด็กๆที่มันแสดงออกกับเฉพาะบางคน และไอ้ปืนเป็นหนึ่งในนั้น น่าภูมิใจชะมัด!
“แถมเค้กมะพร้าวนมสดให้ด้วยเลยเอ้า” หน้าตาบูดบึ้งค่อยๆคลายลงเมื่อข้อเสนอเริ่มน่าสนใจขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเหล่ตามองเพื่อนสนิทอย่างไว้ที
“สองก้อนนะ” ไอ้ปืนยิ้มร่าทันทีที่ได้ยินคำตอบ ก่อนจะเลื่อนมือมาขยี้ผมเขาจนยุ่งเหยิง
ใครว่าเดือนสิบเฉยชาหน้าหยิ่งเข้าหายากไอ้ปืนของเถียงขาดใจ ถ้าเข้าถูกจุด.. มันก็แค่ลูกแมวหลงติดเจ้าของเท่านั้นแหละวะ
“งั้นตอนนี้อยากกินไรป่าว เดี๋ยวไปซื้อให้” เดือนสิบนิ่งไปชั่วครู่ กลีบปากเผลอยู่เข้าหากันนิดๆระหว่างกวาดสายตามองไปรอบๆ
“น้ำแข็งใสใส่เฉาก๊วยเยอะๆราดนมเยอะๆด้วย”
“เล่นของแข็งแต่เช้าเชียว” ไอ้ปืนว่ายิ้มๆ
“อยากไง”
“ค้าบๆรอซักครู่นะค้าบ เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้ค้าบ” มันว่าติดตลกก่อนจะเดินแกมวิ่งออกไป
นั่งรออยู่ไม่นานน้ำแข็งใสราดนมฉ่ำๆก็มาวางอยู่ตรงหน้า เรียกรอยยิ้มกว้างที่นานครั้งจะได้เห็นให้ปรากฏบนใบหน้าเนียน และไอ้ปืนก็ไม่พลาดที่จะเก็บช็อตประทับใจนี้ไว้เพื่อเอาไปเผยแพร่ลงในไอจี ซึ่งเกินครึ่งของผู้ติดตามเรียกร้องอยากให้เขาลงรูปมันมากกว่าตัวเองเสียอีก
แชะ! แชะ! แชะ!
เสียงกดชัตเตอร์รัวๆไม่ได้ทำให้เดือนสิบละความสนใจจากของหวานตรงหน้า จะเรียกให้ถูกก็คือเขาขี้เกียจจะสนใจมากกว่า เป็นเรื่องปกติที่ไอ้ปืนมันมักจะแอบถ่ายรูปเขาอยู่บ่อยๆ แต่จะว่าแอบก็ไม่ได้อีกเพราะมันเล่นถ่ายให้เห็นกันโต้งๆนี่แหละ แรกๆก็ไม่ชอบใจหรอก ตาขวางใส่มันก็หลายครั้ง แต่ไอ้ปืนมันก็ยังทำมึน เขาเผลอทีไรเป็นต้องถ่ายทุกที จนขี้เกียจจะพูดจะด่าเลยปล่อยเลยตามเลย
“อร่อยป่ะ” พยักหน้าหงึกหงัก เพราะในปากเต็มไปด้วยเนื้อเฉาก๊วยนุ่มนิ่ม
แชะ!
และไอ้ปืนก็ไม่พลาดที่จะเก็บช็อตนี้ไว้เพื่อ
‘FCเดือนสิบ’ เหมือนเคย…
.
.
.
“โอ้ยยยเหนื่อยชิบหาย ไม่คิดมาก่อนว่ากับการเรียนจะสูบพลังชีวิตกูไปได้ขนาดนี้ นี่ถ้าอ้วกออกมาเป็นตัวแปรได้ตับไตไส้พุงกูคงไม่เหลือ…”
เสียงโอดครวญจากเหล่านักศึกษาวิศวะเครื่องกลชั้นปีที่หนึ่งดังเซ็งแซ่เมื่ออาจารย์ประจำวิชาแคลคูลัสเดินออกจากห้องไป ท่าทางเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้าของแต่ละคนราวกับเพิ่งผ่านสมอรภูมิรบมาหมาดๆ แม้แต่เดือนสิบก็ไม่เป็นที่ยกเว้น ไอ้ปืนยิ่งแล้วใหญ่ บ่นงึมงำตั้งแต่เริ่มเรียนจนตอนนี้มันก็ยังบ่นไม่หยุด
“กูคิดผิดแน่ๆที่มาเรียนคณะนี้… มึงอย่าทิ้งกูนะเว้ยสิบ ขาดมึงไปกูคงใช้ชีวิตสามปีต่อจากนี้แบบโคตรลำบากมึงแม่งเหมือนพ่อพระมาโปรดกูชัดๆ รักมึงชิบหายยย”
ว่าพลางเอนหัวหนักๆของมันมาซบเข้าที่ไหล่เขาอย่างหมดแรง
“เว่อละเชี่ยปืน ลุกเร็ว! จะได้ไปหาอะไรกินกันกูหิวจนตาลายหมดละเนี่ย” บอกพลางไหวไหล่จนมันยอมยกหัวหนักๆออกไป แต่ก็ไม่วายงอแงมุดหัวลงไปถูไถกับโต๊ะแลคเชอร์จนผมยุ่งเหยิง
เหมือนหมาตัวใหญ่ๆเวลาโดนเจ้าของขัดใจ…
เดือนสิบยิ้มขำก่อนจะเลื่อนมือไปขยี้ขนยุ่งเหยิงของมันจนยุ่งขึ้นไปอีก ซึ่งไอ้หมาตัวใหญ่ก็ไม่ว่าอะไรนอกจากครางหงิงๆ ดูๆไปก็ตลกดี
“ไอ้จอมไลน์มาชวนไปกินข้าวด้วยกันอ่ะ” ไอ้หมาตัวใหญ่ผงกหัวขึ้นมาบอกเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ที่ไหน”
“ร้านเจ๊เหมียวข้างมออ่ะไปป๊ะ? พวกมันบอกเดี๋ยวรอใต้ตึก”
“อื้อ ยังไงก็ได้”
.
.
“ช้าโคตรๆ” ไอ้จอมเปิดปากบ่นทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในระยะสายตา ข้างๆกันมีไอ้อิฐที่กำลังนั่งเล่นเกมกดอย่างเมามัน และไม่ได้มีแค่พวกมันสองคนเท่านั้นแต่ยังมีไอ้ตู่กับไอ้เบ้นติดสอยห้อยตามมาด้วย
“ไงสิบ.. ไม่เจอตั้งหลายวันก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ” ไอ้ตู่กวนตีนทันทีที่เขาเบนสายตาไปหามัน
“ส่วนมึงนี่ไม่เจอตั้งหลายวันก็ยังหน้าเหี้ยยย..มเหมือนเดิมนะเชี่ยตู่” เปล่า.. นั่นไม่ใช่เสียงของเดือนสิบ แต่เป็นรุ่นพี่ในคณะที่เพิ่งไปเมาแอ๋ด้วยกันมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เองต่างหาก
“อ้าวพี่ป้อง หวัดดีพี่ ไปไงมาไงถึงมาโผล่ตรงนี้ได้อ่ะ” มันว่าก่อนจะเอนตัวหลบฝ่ามือเล็กๆที่หมายจะเล่นของสูงได้อย่างทันท่วงที
“กูอยู่ตรงนี้มาก่อนมึงอีกไหมล่ะแหม.. กวนตีนแบบนี้สงสัยอยากชูมือขึ้นแล้วหมุนๆกลางลานเกียร์อีกรอบ” ปกรณ์เอ่ยไปถึงวีรกรรมครั้งก่อนที่ไอ้ตู่มันลืมเอาป้ายชื่อมาแถมยังพูดจากวนตีนรุ่นพี่ เลยถูกสั่งลงโทษให้ไปเต้นระบำชาวเกาะหน้าลานเกียร์เกือบชั่วโมง ทุกคนต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจเพราะยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ดี จะเว้นก็แต่เดือนสิบที่ยืนเอ๋อไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะไม่ได้เข้าห้องเชียร์กับคนอื่นเขา
“พี่แม่มโหดร้ายว่ะ กับน้องกับนุ่งอ่ะ” ไอ้ตู่หน้างอ
“ตุ๊ดไอ้สัด”
ซึ่งไม่ได้รับความเห็นใจใด้ๆทั้งสิ้น
“แล้วนี่อีกสองเสือไปไหนอ่ะพี่ ไหงมาคนเดียวได้” ไอ้ปืนถามเพราะไม่เห็นรุ่นพี่ตัวสูงอีกสองคนที่มักจะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
“ไปรออยู่ร้านข้าวละ กูติดคุยกับจารย์โชคเลยให้พวกมันไปก่อน แล้วนี่พวกมึงจะไปกินอะไรที่ไหนกัน”
“ว่าจะไปร้านเจ๊เหมียวอ่ะพี่ ไม่ได้ไปกินนานละคิดถึง” ไอ้จอมตอบพลางทำหน้าเพ้อฝัน
“คิดถึงเจ๊เหมียว?”
“ไม่อ่ะ ลูกสาวเจ๊เหมียวฮ่าๆๆ”
“สัด!”
.
.
.
ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจของใครรึเปล่า เพราะตอนนี้เด็กวิศวะหน้ามนปีหนึ่งทั้งหกได้ระเห็จมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในร้านเจ๊เหมียวเรียบร้อยอย่างที่ตั้งใจไว้ในทีแรก แต่ที่ไม่ได้ตั้งใจคือรุ่นพี่ร่วมคณะชั้นปีสามอีกสี่คนที่มานั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยนี่ต่างหาก
“อยากกินไรสั่งเลยครับน้องๆ เมื่อวานนี้เพื่อนกูถูกหวยเดี๋ยวให้มันเลี้ยง” พี่ป้องยิ้มร่าพลางตบบ่าเพื่อนที่นั่งทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ข้างกันปุๆ
“ตามนั้นแหละน้อง อยากกินไรสั่งเลยไม่ต้องเกรงใจ” เมื่อคนเลี้ยงคอนเฟิร์มปีหนึ่งทั้งหลายก็ยิ้มร่าดี้ด้าขึ้นมาทันที พากันยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่ปรกๆก่อนจะสั่งแบบไม่เกรงใจอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้ก่อนหน้า
“เป็นไงวะพวกมึงเรียนหนักไหม? พอจะไหวกันหรือเปล่า” พี่หินถามขึ้นระหว่างนั่งรอกับข้าวที่เพิ่งสั่งไป
“เอาการเหมือนกันพี่ เมื่อกี้เพิ่งเจอแคลมาสิ้นฤทธิ์เลยเนี่ยรู้สึกเหมือนสมองมันกลวงๆ” ไอ้ปืนถือโอกาสบ่นคนแรก ก่อนจะตามมาติดๆด้วยไอ้อิฐ
“เหมือนกันพี่ เทอมที่แล้วเจอคิสครีตว่าหนักเทอมนี้มาเจออัลกอเข้าไป อ้อหอ.. วิชาเห้อัลไล... เรียนๆไปยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นควายเข้าไปทุกที” รุ่นพี่พากันหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางชักดิ้นชักงอของมัน
“สู้ๆเว้ย ขึ้นปีสูงไปเดี๋ยวพวกมึงเจอหนักกว่านี้อีก แค่นี้จิ๊บๆ”
“เป็นการให้กำลังใจที่ดีมากพี่ ผมฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเลยเนี่ย.. น้ำตาจะไหล” ไอ้จอมว่าพลางทำท่าเช็ดน้ำหูน้ำตาปลอมๆแบบเวอร์วัง เรียงเสียงหัวเราะจากคนทั้งโต๊ะได้อีกรอบ
เว้นก็แต่คนที่บอกว่าจะช่วยติวเทอร์โมฯให้เดือนสิบเมื่อวันก่อน ที่เอาแต่นั่งยิ้มมุมปากเล็กๆตาเป็นประกายแปลกๆ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็น ตาคมๆจับจ้องรุ่นน้องตัวขาวตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านไม่วางตาจนคนถูกมองรู้สึกได้
รอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาบ่อยนักถูกส่งให้กันอย่างเงียบๆ ในจังหวะที่เดือนสิบเหลือบมองและพวกเขาสบตากัน
เป็นไปอัตโนมัติ โดยที่ไม่มีใครรู้สึกอึดอัดหรือขัดเขิน…
รออยู่ไม่นานอาหารก็เริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟ เสียงบ่นระงมเงียบลงแทบจะทันที คำว่ากินอย่างกับห่าลงเป็นยังไงทุกคนคงได้ประจักเมื่อเห็นท่าทางของวิศวะปีหนึ่งที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างหิวโหยไม่พูดไม่จา
“อร่อย” เสียงทุ้มต่ำจากคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามมาพร้อมกับกุ้งตัวเบ้อเร่อถูกวางลงในจานของเดือนสิบ เรียกสายตาจากเพื่อนร่วมโต๊ะให้หันมามองอย่างแปลกใจระคนอึ้งๆ ราวกับภาพตรงหน้าเป็นสิ่งมหัศจรรย์พันลึกที่หาดูได้ยากยิ่งกว่าอะไร
“ขอบคุณครับ” เสียงขอบคุณแผ่วเบาเพราะเริ่มเกร็งๆกับสายตาหลายคู่ที่จับจ้อง
“อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่มอปลาย กูยังไม่เคยได้กินหารที่มันตักให้เลยซักครั้ง” ปกรณ์บ่นกระปอดกระแปดขึ้นมาเหมือนจะตัดพ้อ ทว่าสายตากลับจับจ้องไปยังเพื่อนสนิทที่ตีหน้าเฉยอย่างรู้ทัน
“อะไรยังไงวะเชี่ยยุทธ ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ศิลาเสริม สายตาเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากเพื่อนตัวเล็ก
เดือนสิบเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด เขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้ซักเท่าไหร่…
“ก้มหน้าแดกเงียบๆไปเลยพวกมึง” ยุทธนาปรามเพื่อนตาขวางเมื่อจับสังเกตได้ถึงอาการของรุ่นน้อง ท่าทางหลุกหลิกเขี่ยข้าวไปมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังกินได้ปกติ ไหนจะริมฝีปากสีสดที่เผลอเม้มเข้าหากันอยู่บ่อยครั้ง ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังอึดอัด
.
.
.
“ไปสนิทกับพี่ยุทธตั้งแต่เมื่อไหร่”
ไอ้ปืนถามขึ้นระหว่างที่กำลังขับรถไปส่งเพื่อนสนิทที่อู่ ลอบสังเกตมาตั้งแต่ในร้านแล้วว่าบรรยากาศระหว่างสองคนนี้มันดูแปลกๆ ไอ้เพื่อนเขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่สายตาของรุ่นพี่ร่วมคณะเวลามองมันนี่สิ
ดูก็รู้ว่าไม่ได้เอ็นดูมันในฐานะรุ่นน้องธรรมดาแน่ๆ
“ไม่ได้สนิทซักหน่อย”
เมื่อเพื่อนตอบมาแบบนั้นไอ้ปืนก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เพราะรู้ดีว่าถ้าเรื่องไหนที่เดือนสิบไม่อยากพูดมันก็จะไม่พูด อีกอย่างท่าทางของเพื่อนเขาก็ดูปกติไม่ได้มีอะไรอย่างที่ว่า
ส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็คงต้องคอยจับตามองมากขึ้นล่ะนะ เห็นเงียบๆเฉยๆไม่คิดว่าจะมาสนใจแมวหลงของเขาได้…
*****
ขอบคุณทุกคนที่รอน้องสิบนะคะ แฮ่!
เรื่อยๆมาเรียงๆก่อนเนาะ
ตอนนี้จะเห็นว่าเดือนสิบของเราไม่ได้มีแต่อารมณ์นิ่งนะเออ อารมณ์งอแงน้องมันก็มีค่ะ เอิ้ววว
ใครอยากเห็นลูกแมวหลงติดเจ้าของอย่างพี่ยุทธลงชื่อรอไว้เลย ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่มาแน่ 55555
อยู่เป็นกำลังใจให้เขาไปนานๆนะตัวเอง กอดดด