ปราบซ่า
ตอนที่21
[ซ่า]
ในตอนเช้าผมกลับขึ้นไปที่ห้อง และทำในสิ่งที่ควรทำเป็นสิ่งแรก ปลุกพลอยที่กำลังนอนหลับให้ตื่น เมื่อเช้าแล้ว ได้นอนหลับแล้ว ก็ควรกลับไปได้สักที
“ซ่า ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้หรือไง” พลอยทำหน้าอ้อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะได้ผลอยู่หรอก แต่ใช้กับไม่ได้เวลานี้
“ไม่ได้ รีบล้างหน้าแต่งตัวแล้วกลับไปได้แล้ว”
“อย่าใจร้ายสิซ่า”
“ถ้าใจร้าย ซ่าไล่กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เร็วๆ”
“เหอะ” พลอยกระแทกทั้งเสียงและเท้า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
เป็นชั่วโมงกว่าพลอยจะแต่งตัวเสร็จ ผมไม่รออะไรทั้งนั้น ลากแขนพลอยออกจากห้อง ลงไปส่งขึ้นรถที่หน้าคอนโด
“ซ่า ถ้าคืนนี้...”
“ไม่มีคืนนี้ พลอยไม่ต้องมาหาซ่าแล้ว เราเลิกกันแล้ว จบกันแล้ว ซ่าไม่คิดจะกลับไปคบกับพลอยอีก”
“เพราะว่าซ่าหันไปชอบผู้ชายแล้วใช่ไหม”
คำพูดของพลอยสะกิดความสงสัยที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืน ที่พลอยพูดว่าผมนอนกับผู้ชายแลกเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆพี่ปราบก็โผล่มา จนทำให้ผมลืมซักไซ้พลอยว่าไปเอาเรื่องไร้สาระมาจากไหน ผมคงถามให้รู้เรื่องไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมขี้เกียจจะพูดอะไรให้มากความ
“ก็แล้วแต่พลอยจะคิดแล้วกัน ถ้าคิดแล้วพลอยไม่กลับมาหาซ่าได้ก็จะดีมาก ลาเลยแล้วกัน” ผมโบกมือไปที แล้วหันหลังเดินกลับเข้าคอนโด
กลับขึ้นมาบนห้อง ผมก็เดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง จากนั้นก็หลับยาวจนถึงบ่าย
พี่ปราบเงียบหายไปเลยตั้งแต่เมื่อคืน ไม่มีทั้งข้อความทั้งสายโทรเข้า ผมกลัวว่าพี่ปราบจะโกรธที่ผมเอาคนอื่นเข้ามาในห้อง ยังไงห้องๆนั้นก็เป็นของพี่ปราบ แม้ว่าผมจะจ่ายค่าเช่าอยู่ก็ตาม
จนผมมาทำงานที่ร้านจนเกือบจะได้เวลาเลิกงาน พี่ปราบถึงได้แวะมา แต่เขาไม่ได้มาหาผม พี่ปราบหายไปคุยกับอาเจบนห้องทำงาน จนร้านปิดพี่ปราบถึงได้ลงมา
“อ้าวซ่า ยังไม่กลับเหรอ หรือว่ารอเจ้าปราบ” อาเจทักผมงงๆ ตอนนี้นอกจากผมกับพี่ผู้จัดการร้านอีกคนก็ไม่มีคนอื่นแล้ว
“อ่อ ครับ” จะว่ารอพี่ปราบก็ใช่ ทั้งๆที่พี่ปราบก็ไม่ได้บอก ไม่รู้ด้วยว่าพี่ปราบว่างพอที่จะคุยกับผมไหม
พี่ปราบมองหน้าผมก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก แค่พี่เขายิ้ม ผมก็รู้สึกโล่งใจได้หน่อย บางทีผมอาจจะคิดมากเกินไป พี่ปราบอาจจะไม่ได้ไม่พอใจผมก็ได้ เป็นผมที่คิดมากไปเอง
“งั้นอากลับก่อนนะ บอกป๊าเราด้วยว่าเรื่องงานเดี๋ยวอาจัดการให้” อาเจหันไปคุยกับพี่ปราบ ก่อนจะพูดลากลับบ้านกับผม “อาไปแล้วนะซ่า พักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้อาให้หยุดนะ ไม่ต้องมาทำงาน ไปเที่ยวกับปราบก็ได้ พักผ่อนกันสักหน่อยจะได้มีแรง”
ผมไม่ทันได้ตอบรับเรื่องหยุดงานไปพักผ่อนอะไรนั่น อาเจก็โบกมือบ๊ายบายแล้วเดินออกไป พี่ปราบหันมายักคิ้วให้ผมทีนึง
“ไง รอกูมีอะไรหรือเปล่า” คำถามที่ถามผมแบบนี้โคตรไม่ใช่พี่ปราบเลย แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าพี่ปราบไม่พอใจผมชัวร์ รอยยิ้มเมื่อตะกี้นี้เป็นผมคิดเข้าข้างตัวเองไปเอง
“กลับไปคุยที่ห้องได้ไหม ผมพี่เรื่องจะคุยกับพี่อ่ะ” คืออาเจเขาปิดร้านแล้ว ผมกับพี่ปราบก็ควรจะรีบออกจากร้าน
“วันนี้กูจะไปนอนคอนโดกูนะ คอนโดที่กูอยู่” พี่ปราบบอก นั่นหมายความว่าเขาจะไม่ไปที่คอนโดที่ผมอยู่ และถ้าผมอยากจะคุยกับเขา ก็ต้องตามเขาไปนั่นแหละ ทำไมผมรู้สึกว่าพี่ปราบกำลังงอนผมอยู่เลยวะ อย่าบอกนะว่าพี่ปราบชอบผมอย่างที่ไอ้หวายบอกจริงๆ
ไม่อ่ะ เป็นไปไม่ได้
“งั้นผมไปนอนที่คอนโดพี่ก็ได้ ผมว่าห้องพี่ต้องมีเหล้าไม่ก็เบียร์แน่ๆ ดีเลยผมยิ่งอยากๆอยู่” ผมยักคิ้วคืนให้พี่ปราบ ก่อนจะเดินตามพี่ปราบไปขึ้นรถ มุ่งหน้าไปคอนโดสุดหรูที่ผมไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน ก็ตั้งแต่ผมเช่าคอนโดห้องเล็กของพี่ปราบ ผมก็ไม่เคยมาที่นี่เลย จะมีแต่พี่ปราบที่แวะไปหาผมที่ห้องแล้วนอนค้างอาทิตย์ละครั้งสองครั้งเท่านั้น
พี่ปราบขับรถยิงตรงรวดเดียวถึงคอนโด ระหว่างทางพี่ปราบเงียบไม่พูดไม่จา นับเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่นั่งในรถพี่ปราบแล้วเงียบขนาดนี้ แม้แต่เพลงก็ไม่เปิด
เข้ามาในห้องของพี่ปราบ เจ้าของห้องก็เดินไปกินน้ำ ผมมองสำรวจห้องอย่างที่ชอบทำ ตู้เก็บเหล้าตรงนั้นผมชอบเดินไปดู แต่ไม่เคยได้สัมผัสเลยเพราะพี่ปราบเขาหวง ห้องพี่ปราบก็ยังเหมือนเดิม สะอาดเรียบร้อย ไม่รกเละเทะเหมือนห้องที่ผมอยู่
“นั่งลงสิ ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับกูไง” พี่ปราบวางกระป๋องเบียร์ตรงโต๊ะหน้าโซฟาทั้งหมดสี่กระป๋อง ผมรีบนั่งลงแล้วหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่ม
เบียร์นอกนี่มันรสชาตินุ่มลิ้นดีจริงๆ
หลังจากที่ได้แอลกอฮอล์เข้าร่างกายแล้วพอสมควร ผมก็กล้าที่จะพูดในสิ่งที่อยากพูดกับพี่ปราบ แม้ว่าผมจะไม่กล้าสบตาพี่ปราบก็ตาม
“เมื่อคืน ผมขอโทษนะพี่” พูดขอโทษจบ ผมก็กระดกเบียร์อีกอึกนึง เขาว่าคนเราจะกล้าขึ้นเมื่อเมามาย
“ขอโทษเรื่องอะไร” ทั้งๆที่รู้ แต่พี่ปราบกลับยังถาม เพราะเขารู้ว่าผมไม่ชอบพูดหรืออธิบายอะไร แต่ถ้าอยู่กับพี่ปราบ ผมไม่เคยได้ปิดปากเงียบ อย่างน้อยก็ต้องมีสักครั้งสองครั้งในห้าครั้งที่ต้องเปิดปาก
“เรื่องที่พลอยมานอนที่ห้อง” แต่ผมก็ทำได้เท่าที่ผมทำได้
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ผมก้มหน้า เลยไม่รู้ว่าพี่ปราบจ้องหน้าผมอยู่ จนกระทั่งผมรู้สึกว่ามันนานเกินไป เลยเงยหน้าขึ้นมอง ความรู้สึกบางอย่างถูกสื่อผ่านแววตาคมส่งตรงมาให้ผม ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้หัวใจผมหวิวและสั่นแบบแปลกๆ
“ไหนเล่าให้กูฟังสิว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
“พลอยมาหาผมที่ทำงาน เมื่อคืนครั้งที่สอง พลอยถูกทำร้ายมาและไม่มีที่ไป เลยขอมาพักกับผมคืนหนึ่ง ผมไม่ได้อยากให้อยู่หรอก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง” ผมเล่าเรื่องไม่เก่งนัก เท่าที่พอเรียบเรียงได้ก็มีเท่านี้ แต่พี่ปราบขมวดคิ้วคล้ายไม่พอใจ ก่อนที่คิ้วเข้มจะคลายตัวออก พี่ปราบยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด แล้วถอนหายใจ
“มึงยังรักเขาอยู่?”
รักเหรอ
บอกไม่ถูกว่ายังรักไหม แต่ผมยังไม่เคยลืมว่าผมกับพลอยเคยคบกัน และก็เคยมีช่วงเวลาดีๆด้วยกัน
แต่มันจบไปแล้ว ต่อให้รักผมก็ไม่อยากรื้อฟื้น
“ผมแค่สงสาร”
ยังไงก็เคยรักกันมาก่อน
“ให้กูเดานะ ถ้ากลับมาหามึงได้ และยิ่งถูกทำร้ายมา ก็แสดงว่าเขาต้องการกลับมาคบกับมึง”
พี่ปราบเป็นคนเก่งที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดี
“ทำไมพี่เดาเก่ง” ผมหัวเราะ แต่ใจไม่ได้ขำตาม
ถ้ายังรักอยู่แล้วยังไง ผมไม่เคยลืมคนที่เคยหักหลัง คนที่เคยทำให้ผมเจ็บเพราะไว้ใจมากเกินไป
“แต่ผมไม่กลับไปหรอก เข็ดแล้ว” ผมยิ้มเยาะตัวเอง
“แน่ใจว่าจะไม่กลับไป”
“แน่ใจดิพี่ ถึงผมจะโง่นะ แต่ผมไม่คิดจะกลับไปหาคนที่หักหลังผมหรอก”
ไม่มีทาง
“งั้นก็อย่าไปให้ความหวังเขา กูเข้าใจว่าคนที่เคยรักเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ จะตัดใจไม่ช่วยเลยก็ไม่ได้ แต่ต้องดูด้วยว่าเขาหวังอะไรไหม ถ้าเขาไม่หวังจะกลับมาคบกับมึง มันก็ดี แต่ถ้าเขาหวัง เชื่อเถอะเขาต้องว่าที่มึงช่วยเหลือเป็นเพราะมึงยังรักเขาอยู่ กูชอบที่มึงยังเป็นเด็กมีน้ำใจนะ ยังไงก็ผู้หญิง ดึกดื่นแบบนั้นก็คงปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ แต่ก็ต้องแสดงให้ชัดเจนว่ามึงไม่คิดจะกลับไปคบกับเขาแล้ว ถ้ามึงอย่าตัดเขาออกจากชีวิตจริงๆ”
ผมคิดว่าผมชัดเจนพอแล้วกับสิ่งที่แสดงต่อพลอยเมื่อคืน ไม่สนหรอกว่าพลอยจะเชื่อไหม ผมไม่กลับไปซะอย่าง พลอยก็ทำอะไรผมไม่ได้
“อีกอย่างกูไม่ชอบด้วยที่มึงพาใครไปที่ห้องแบบนั้น กูหวง” และแล้วพี่ปราบก็พูดออกมาว่าเขาไม่ชอบให้ใครไม่ยุ่มย่ามที่ห้อง
“ผมขอโทษพี่ ผมก็คิดแหละว่าพี่หวงห้องอ่ะ คราวหลังผมไม่พาใครมาแล้ว แต่พวกไอ้หวายมาได้ใช่ไหมพี่”
“เออ แล้วก็นะ...กูไม่ได้หวงห้องอย่างที่มึงคิด”
“อ้าว” งงเลย ถ้าไม่ได้หวงห้องแล้วหวงอะไร ทำไมถึงห้ามไม่ให้คนอื่นมาที่ห้อง คงไม่ใช่ว่าหวง...
หรือผมควรจะถามออกไปเลยดี เรื่องที่สงสัย
ผมยังมีสิทธิ์ในการถามเรื่องที่อยากถามได้วันละข้อ แล้วผมควรจะถามว่าอะไรดี ถามว่าพี่ปราบชอบผู้ชายเหรอ หรือพี่ปราบชอบผมหรือเปล่า พี่ปราบเป็นเกย์ ไม่สิ ไอ้หวายบอกพี่ปราบเป็นเสือไบ คือได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจริงหรือมั่ว คิดไปคิดมาแล้ว ผมว่าถามคำถามง่ายๆก่อนแล้วกัน
ถ้าให้ถามว่าพี่ปราบชอบผมไหม ผมว่าผมไม่พร้อมจะฟังคำตอบ
ดีไม่ดีเกิดไม่ใช่ขึ้นมา พี่ปราบคงคิดว่าผมเพ้อเจ้อแล้วคิดว่าผมแม่งโคตรหลงตัวเอง
“เป็นอะไร นั่งเงียบไปเลย” พี่ปราบทักถามผมที่กำลังเรียบเรียงประโยคคำถาม
“พี่ปราบ วันนี้ผมขอใช้สิทธิ์ถามคำถามพี่หนึ่งข้อ”
“เอาสิ เดี๋ยวกูไปหยิบเบียร์มาเพิ่มก่อน จะเอาด้วยไหม” พี่ปราบลุกขึ้น รวบหยิบกระป๋องเปล่าไว้ในมือเพื่อเอาไปทิ้ง
“จัดมาสิพี่ ไม่ต้องถามหรอก” ของชอบผมอยู่แล้ว กินแทนข้าวยังได้เลย
พี่ปราบเดินหายไปในโซนครัว ก่อนจะกลับมาพร้อมกับเบียร์สองกระป๋อง พอเว้นช่วงผมก็เริ่มป๊อดที่จะถามเรื่องนั้น เลยตัดสินใจดื่มเบียร์ย้อมใจไปอีกครึ่งกระป๋องรวด
“อ่ะ มีอะไรจะถามก็ถามมา” พี่ปราบดูพร้อมตอบ แต่ผมกลับไม่พร้อมที่จะถาม แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถามๆไป เรื่องที่สงสัยจะได้รู้ความจริงสักที
“พี่ปราบ...” พี่ปราบอะไรดีวะ
“หืม อะไรของมึง อ้ำๆอึ้งๆ จะพูดอะไรก็พูด”
กูแม่ง เอาวะ ถามก็ถาม
“พี่ปราบเป็นไบแบบได้ทั้งชายและหญิงเหรอพี่”
ถามออกไปแล้ว พี่ปราบดูจะไม่ตกใจกับคำถามของผม เขาแค่นั่งจ้องหน้าผม สีหน้าเรียบเฉยเหมือนผมถามเรื่องดินฟ้าอากาศ
“เอ่อ คือไอ้หวายมันบอกอ่ะ” ผมพูดต่อ
“เออ กูเป็นไบ ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง”
“พี่ชอบผู้ชายเหรอ” ถึงจะคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ เพราะไอ้หวายน่าจะรู้จักพี่เขาดีกว่าผม และเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันเล่นๆ แต่พอได้ฟังความจริงจากปากพี่ปราบเองแล้ว ก็อึ้งไปเหมือนกัน
คนอย่างพี่ปราบแม่งโคตรเพอร์เฟคเลยไง แมนด้วย ไม่ได้เหมือนไอ้มิว หรือตุ๊ดเด็กแถวบ้าน แถมบางครั้งพี่ปราบก็มองผู้หญิงสวยๆหน้าอกใหญ่ๆด้วย ถ้าไม่บอกผมก็ไม่คิดว่าแกจะชอบผู้ชาย
“ทำไม ตกใจเลยหรือไงมึง”
“ตกใจดิพี่ พี่ชอบผู้ชายจริงๆอ่ะนะ” ขออีกสักที แบบกระจ่างแจ้งกันไปเลย
“เออ กูชอบผู้ชาย ผู้หญิงกูก็ชอบ กูได้หมดถ้าถูกใจ กูไม่รู้หรอกว่าคนอื่นมองยังไง แต่การที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกัน รักกัน มันไม่จำกัดหรอกว่าเพศไหน มันขึ้นอยู่ที่ว่าพวกมึงเข้ากันได้หรือเปล่า เข้าใจกันหรือเปล่า มึงคิดว่ารักคืออะไร สำหรับกูรักก็คือรัก รักคือความเข้าใจและการยอมรับ”
“ผม...ไม่รู้”
ผมไม่เคยคิดสนใจผู้ชาย และผมไม่ได้สนใจผู้หญิงเยอะขนาดนั้น ตั้งแต่โตมาผมมีแฟนแค่สองคน คนแรกก็ตอนเด็กมากๆ กับพลอยที่คบตั้งแต่ผมเรียนมัธยมต้นแล้ว และที่คบกับพลอยก็ไม่ใช่เรื่องหน้าตาหรืออะไร เพราะตอนนั้นพลอยเข้าใจผมมากที่สุด เข้าใจว่าผมเป็นคนยังไง ผมมีปัญหาอะไร ครอบครัวเป็นยังไง มีพลอยคนเดียวที่เข้าใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คนที่เข้าใจผมคนเดียวตอนนี้คงเป็นพี่ปราบ
ความรักของผม บางทีก็อาจจะเหมือนกับพี่ปราบนั่นแหละ
“ถ้ามีคนที่เข้าใจมึงมากๆ ดีกับมึงทุกอย่าง รับที่มึงเป็นมึงแบบนี้ และรักมึงที่เป็นผู้ชาย แต่คนๆนั้นก็เป็นผู้ชายเหมือนกับมึง มึงก็จะปฏิเสธเขาอย่างนั้นหรือไง”
“ผม...ผมไม่เคยคิดจะคบกับผู้ชาย”
คำถามนี้ยากเกินไปที่ผมจะตอบ
“งั้นวันนี้กูขอถามมึงบ้าง มึงรังเกียจไหมที่กูเป็นแบบนี้”
ผมรีบส่ายหัวทันที “ผมไม่มีทางรังเกียจพี่หรอกน่า ไอ้มิว พี่ปราบจำได้ใช่ไหม มันก็เป็นเกย์เหมือนกัน”
สุดท้ายจะเพศไหนก็คนอยู่ดี
“งั้นก็ดีที่มึงไม่รังเกียจกู กูง่วงแล้ว แยกกันอาบน้ำแล้วกัน”
“ครับ”
ผมแอบมีเสื้อผ้าใส่นอนไว้ที่ห้องพี่ปราบ แค่เข้าไปหยิบในลิ้นชักที่พี่ปราบยกให้ผมทั้งชั้น แล้วมาอาบน้ำข้างนอก ผมอาบเสร็จแล้ว พี่ปราบยังอาบไม่เสร็จเลย ผมก็เลยชิงนอนก่อน แต่ว่าวันนี้ผมเลือกที่จะนอนที่โซฟาข้างนอก ทุกที่ครั้งก่อนๆผมจะนอนในห้องนอนของพี่ปราบ แต่ผมคิดว่าวันนี้ นอนข้างนอกคงดีกว่า
ผมไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ว่า ถ้าพี่ปราบคิดอะไรกับผมจริงๆ ซึ่งผมยังไม่กล้าถาม ก็เลยคิดว่าถ้ามันยังคลุมเครืออยู่แบบนี้ ผมขอนอนแยกดีกว่า
“ซ่า ทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง”
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อถูกเจ้าของห้องเรียก งัวเงียลืมตามองก็เจอพี่ปราบยืนกอดอกค้ำหัวอยู่
“ไม่เป็นไรพี่ ผมนอนโซฟาได้” ผมบอก พร้อมที่จะปิดตาลงอีกรอบ
“สรุปคือมึงรังเกียจกู” พี่ปราบถามเสียงกดต่ำ ดูเหมือนแกจะเริ่มไม่พอใจ
“เปล่าพี่ ดึกแล้ว พี่ไปนอนเถอะ”
“...”
“ผมไม่ได้รังเกียจจริงๆนะ”
“มึงแน่ใจว่าไม่รังเกียจ”
“ผมแน่ใจ”
แต่ผมไม่พร้อมที่จะเข้าไปนอนกับผู้ชายที่อาจจะคิดแบบนั้นกับผม
“งั้นก็แล้วแต่มึง” พี่ปราบเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะออกมาอีกรอบ พร้อมกับผ้าห่มผืนใหญ่ พร้อมกับปรับอุณหภูมิแอร์ให้ผมเสร็จสรรพ ก่อนเข้าห้องนอนก็บอกฝันดี
คนที่เป็นแค่พี่น้องกัน เขาทำแบบนี้กันจริงๆเหรอวะ
ผมรู้ตัวว่าผมกำลังปิดหูปิดตาตัวเอง แต่ผมแค่ไม่อยากรับรู้ กลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ปราบจะเปลี่ยนไป
แต่ถึงผมจะปิดหูปิดตาตัวเองยังไง เพื่อไม่ต้องรับรู้ความรู้สึกของพี่ปราบ แต่คนอื่นเขาไม่ได้มองผ่านเหมือนผม ผมพยายามที่จะไม่สนใจเวลาที่พี่ปราบมาหาผมก่อนเลิกงานทุกๆวัน แล้วพี่ๆในร้านก็จะสะกิดกันแล้วก็แอบกระซิบ
แรกๆผมก็ไม่รู้ คิดว่าพวกเขาก็คงจับกลุ่มคุยกันไปเรื่อย แต่ถามว่ารู้สึกแปลกไหม มันก็แปลกแหละ บางครั้งก็ถูกแซวว่าผมเป็นเด็กพี่ปราบ อย่าแกล้งผมมาก เดี๋ยวพี่ปราบมาจัดการ ผมก็คิดว่าพวกเขาพูดเล่นๆไง แต่ครั้งนี้ที่มาได้ยินกับหูมันเริ่มจะไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆแล้ว
“เอาจริงๆเฮียปราบคือโคตรหล่อ โคตรดูดี ถึงพัชมันจะนิสัยดี แต่ดูยังไงก็ไม่เข้ากัน”
“เออ นั่นดิ ที่จริงถ้าเฮียปราบแกชอบผู้ชายนะ ก็หาได้ดีกว่านี้หรือเปล่า”
“พวกแกก็พูดกันไป ไอ้พัชมันก็มีดีของมันแหละมั้ง ไม่งั้นเป็นเด็กพี่ปราบไม่ได้หรอก ดีไม่ดี ลีลาบนเตียงมันอาจจะดีก็ได้นะเว้ย”
“เออ อาจจะจริง หรือไม่เฮียแกก็อาจจะไม่ได้จริงจัง คนระดับเฮียปราบนะ ต้องคบกับคนรวยๆมีการศึกษามากกว่านี้อยู่แล้วแหละ”
“นั่นดิ แกคงอาจเล่นๆกับพัชก็ได้”
“แต่ถ้าคบเล่นๆ ก็น่าจะหาได้ดีกว่านี้ไหม”
“พี่ปราบกับพัชให้อารมณ์ดอกฟ้ากับหมาวัดเลย ว่าไหมแก ฮ่าๆๆ”
ผมก็รู้นะ ว่าไม่มีใครไม่เคยถูกนินทา แม้แต่พระพุทธเจ้ายังถูกนินทาเลย และที่ผ่านมาชีวิตผมถูกด่าทั้งต่อหน้าและลับหลังมาเยอะ แต่ผมไม่เคยสนใจ ถ้าไม่ไหวมากๆก็ต่อยปากแม่งแค่นั้นจบ จะได้หยุดเห่า แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน
สุดท้ายคนอย่างผมก็ลากพี่ปราบให้มาสกปรกด้วย ที่พี่ปราบถูกมองไม่ดีก็เพราะมารู้จักกับคนอย่างผม
ใครจะมองผมเสียหายๆยังไงก็ได้ ไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่ใช่คนที่ให้ผมกิน แต่ผมยอมไม่ได้ที่จะมีคนว่าพี่ปราบแบบนั้น
และวิธีแก้ปัญหาที่คนโง่อย่างผมคิดได้อย่างเดียวก็คือ ผมต้องอยู่ให้ห่างพี่ปราบเข้าไว้ พี่ปราบจะได้ไม่ต้องมาแปดเปื้อนเพราะผม
แต่มันไม่ง่ายหรอก เพราะพี่ปราบก็คือพี่ปราบ
ผมคิดว่าวันนี้พี่ปราบจะไม่มา แต่พอเลิกงานก็เจอพี่ปราบนั่งรออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ที่โคตรสวย สวยมากๆ สวยเหี้ยๆ ถ้ารถคันนี้เป็นผู้หญิง ผมว่าผมเจอเนื้อคู่อ่ะบอกเลย
“ไงมึง เห็นรถใหม่กูแล้วตะลึงไปเลย” พี่ปราบทักขำๆ ผมละสายตาจากรถมองเจ้าของที่กำลังยิ้มหล่อมีความสุข
“สวยวะพี่ คิดไงหันมาขี่มอเตอร์ไซค์” ผมถามอย่างอยากรู้ ถึงแม้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ของพี่ปราบจะเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ไม่ใช่เวฟร้อยยี่สิบห้าเหมือนของผมก็ตาม และท่าทางว่าจะแพงมากด้วย สีดำมันเงาไปทั้งคัน ดูดุดันโคตรเท่
“ที่จริงกูชอบรถทุกประเภท พี่ริชเปิดอู่ซ่อมรถ กูเห็นและซึมซับมาแต่เด็ก เจอรุ่นนี้ถูกใจก็เลยซื้อ”
ผมเดินไปดูรอบๆตัวรถ พลางลูบคลำเล็กน้อยด้วยความชอบใจ ชาตินี้ผมจะมีปัญญามีรถมอเตอร์ไซค์สวยๆแบบนี้ไหมวะ ถ้าไม่ติดว่าผมอยากเว้นระยะห่างกับพี่ปราบ ผมคงขอพี่เขาลองขี่ดูแล้ว
“ป่ะ กลับคอนโดมึงกัน กูเพิ่งได้รถมาวันนี้ เลยพามาให้มึงซ้อนเป็นคนแรกเลยนะ” พี่ปราบก้าวขายาวๆคร่อมรถ
สิ่งที่เคยทำอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกตะขิดตะขวงแปลกๆ ที่จะต้องนั่งรถกลับไปกลับพี่ปราบ กลับไปที่คอนโดผม และมองจากกระเป๋าเป้ข้างหลังพี่ปราบแล้ว คืนนี้พี่เขาจะต้องนอนค้างที่ห้องผมแน่
“ไม่เป็นไรพี่ ผมนั่งรถไฟฟ้ากลับเองได้ พี่กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” ผมปฏิเสธ อีกอย่าง ถ้าจะให้ผมขึ้นไปซ้อนพี่ปราบ มันคงไม่เหมาะ ถึงรถมอเตอร์ไซค์จะคันใหญ่ แต่ที่นั่งมันเล็กนิดเดียว และส่วนมากรถแบบนี้คนซ้อนมักเป็นผู้หญิง เพราะเบาะรถจะเทไปข้างหน้า ถ้าไม่มีใครสงสัยว่าพี่ปราบอาจจะคิดเกินเลยกับผม ผมก็คงไม่ต้องมาคิดอะไรวุ่นวายแบบนี้
ผมหันกลับไปมองในร้าน ก็เห็นพนักงานที่ยังไม่กลับมองจ้องมาทางผมกลับพี่ปราบ คำนินทาเมื่อตอนเย็นก็แวบกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
‘ที่จริงถ้าเฮียปราบแกชอบผู้ชายนะ ก็หาได้ดีกว่านี้หรือเปล่าวะ’
‘พี่ปราบกับพัชที่ให้อารมณ์ดอกฟ้ากับหมาวัดเลยวะ’
คิดแล้วแม่งโคตรแย่ แย่ของคำว่าแย่คือแย่เหี้ยๆ
“ขึ้นมารถมาเร็วๆซ่า วันนี้กูเหนื่อย อยากรีบกลับไปอาบน้ำพักผ่อน” พี่ปราบเร่ง มือก็ยุ่งกับการใส่หมวกกันน็อคสีดำสีเดียวกับรถ
“ไม่เอาอ่ะพี่ วันนี้ผมอยากนอนคนเดียว ผมกลับเองได้” ผมทำเป็นเดินเลี่ยงๆออกมาให้ห่างจากตัวรถ
“อะไรของมึงเนี่ย กูบอกอยู่ว่าจะไปนอนด้วย ขึ้นมาเร็ว จะได้รีบไป”
“ไม่งั้นเราแยกกันไปก็ได้ เจอกันที่คอนโดเลย” ผมพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ แต่การที่ผมไม่ยอมไปกับเขานั่นแหละโคตรผิดปกติ พี่ปราบถึงไม่ยอมให้ผมเลี่ยง
“มึงมีปัญหาอะไรซ่า ไหนบอกกูดิ มึงก็ชอบมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่อยากซ้อน”
“รถพี่คันใหญ่ ผมไม่ขึ้นไปซ้อนหรอก รถแบบนี้คนซ้อนข้างหลังมันต้องผู้หญิงดิ”
ผมพูดตามที่คิดก็ส่วนหนึ่ง ใครจะไปกล้านั่งซ้อน อีกส่วนคือ คนในร้านยังมองมาอีก ถ้าผมขึ้นไปซ้อนท้ายรถพี่ปราบ มันจะต้องมีเรื่องเสียๆหายๆระหว่างผมกับพี่ปราบออกมาอีกแน่ ถึงผมจะไม่สนใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชอบ ยิ่งไม่อยากให้พี่ปราบต้องถูกพูดถึงแบบเสียๆหายๆอีกด้วย
“เอาตรรกะอะไรคิด ประสาทนะมึง ขึ้นมาเร็วๆ กูร้อน”
“ไม่เอา พี่ไปเถอะ”
“อย่าเรื่องมากได้ไหม”
“ก็ผมไม่ชอบ มันเหมือนผู้หญิงถ้าขึ้นไปนั่ง”
“เชื่อกูเถอะ ถ้ามึงขึ้นมานั่งไม่มีใครว่ามึงเป็นผู้หญิงหรอก สูงก้างซะขนาดนี้ ใครมองเป็นผู้หญิงกูว่าตาบอดอ่ะ ไอ้เด็กนี่ คิดได้ว่าตัวเองจะเหมือนผู้หญิง อย่างไอ้หวายกูจะไม่ว่าเลย สรุปจะขึ้นไหม”
คราวนี้พี่ปราบแม่งไม่เข้าใจผมเลย
“ผมไม่ชอบอ่ะพี่”
ไม่ชอบที่มีคนบอกว่าผมขายตัวนอนกับผู้ชาย
ไม่ชอบที่ทุกคนบอกว่าผมกับพี่ปราบมีอะไรกัน
ไม่ชอบที่ผมทำให้พี่ปราบต้องลดตัวลงมาเกลือกกลั้วด้วย
ถ้าพี่ปราบชอบผมจริงๆ แล้วทุกอย่างระหว่างผมกับเขามันจะเปลี่ยนไป
ผมไม่ชอบที่สุด
“มึงลองหรือยังถึงบอกว่าไม่ชอบน่ะ มึงลองก่อนดิ ลองขึ้นมา มึงอาจจะชอบก็ได้”
“ถึงลองผมก็ไม่ชอบ”
ทั้งการซ้อนท้ายรถในสถานะการณ์ตอนนี้ และคบกับผู้ชายด้วยกัน
“ก็ลองก่อนดิ มึงอาจจะชอบก็ได้”
“พี่ให้ผมขี่แล้วพี่ซ้อนไหมล่ะปราบ” ผมแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ ถึงจะอยากขี่ แต่คิดว่าไม่ดีกว่า
“ไม่ได้ นี่รถกู กูขี่ได้คนเดียว เว้นแต่ว่า...” พี่ปราบเว้นช่วง
“อะไร” ผมก็ถามกลับและรอฟังอย่างลืมตัว
“คนที่จะขี่ได้นอกจากกูต้องเป็นเมียกูเท่านั้น”
“...!”
“เอาไหมล่ะ กูจะได้ให้ขี่”
“เหี้ย” ผมหลุดปากอุทานอย่างไม่ตั้งใจ พี่ปราบไม่ได้โกรธ เขาแค่หัวเราะแล้วส่ายหัวเท่านั้น
“เอ้า ด่ากูซะงั้น เร็วๆ อย่าต้องให้ลงจากรถไปลาก ไม่งั้นมึงได้อายยิ่งกว่าซ้อนมอไซต์กูร้อยเท่า”
สุดท้ายผมก็กลับมาที่คอนโดด้วยการซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ปราบ ตลอดทางผมนั่งเกร็งเอนตัวไปข้างหลัง มือทั้งสองข้างจับที่ตัวจับด้านหลังไว้แน่น ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงซ้อนก็จะต้องนั่งกอดเอวคนขี่แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า เพราะทรงของเบาะที่ลาดเอียงไปข้างหน้าบังคับ
มาถึงห้องพี่ปราบก็ออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง ผมก็เลยเข้าไปอาบน้ำก่อนที่พี่ปราบจะใช้ต่อ
แต่งตัวเตรียมจะนอน ผมก็ยืนมองไปที่เตียง ผมคงจะไม่ต้องคิดอะไรมาก กระโดดขึ้นเตียงนอน แล้วปล่อยให้พี่ปราบตามมานอนบนเตียงกับผมทีหลัง แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้ความจริงบางอย่าง
ดังนั้น คืนนี้ผมก็เลยตัดสินใจขนหมอนกับผ้าห่มมานอนบนโซฟาตัวใหญ่ ถึงจะรู้ว่ายังไงพี่ปราบก็ต้องถามว่าทำไมผมถึงไม่นอนบนเตียง แต่จะให้ปล่อยผ่านแล้วปล่อยให้เป็นแบบเมื่อก่อนมันก็ไม่ใช่
พอพี่ปราบออกมา เขามองผมที่นอนเล่นเกมในโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ จนกระทั่งแต่งตัวเรียบร้อย ปิดไฟเตรียมเข้านอน เสียงพี่ปราบก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“อึดอัดใช่ไหม ที่รู้ว่ากูชอบผู้ชาย” เพราะไม่มีแสงไฟ ผมจึงไม่รู้ว่าพี่ปราบทำหน้ายังไง แต่เสียงของเขาค่อนข้างเบาหวิว
“เปล่าครับ” แต่ผมเลือกที่จะโกหก แม้จะรู้ว่าพี่ปราบไม่มีทางเชื่อ
“คืนนี้อยากจะใช้สิทธิ์ในการถามคำถามกูไหม” พี่ปราบเสนอขึ้นมา
ผมเองก็อยากถาม แต่ก็กลัวคำตอบ แต่ผมเองก็ไม่อยากอยู่อย่างอึดอัดอีกต่อไป
“พี่ปราบชอบผมหรือเปล่า”
“...” พี่ปราบเงียบ แต่ดูไม่ได้ตกใจ ไม่มีคำปฏิเสธว่าที่ผมพูดไม่เป็นความจริง ความเงียบกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดที่สุดในเวลานี้
“พี่ปราบ ไอ้หวายบอกผมว่า พี่อาจจะชอบผม แบบ...เป็นคนรัก ไอ้หวายมันโกหกผมใช่ไหมพี่” ตอนที่ถาม ผมกำลังคาดหวังให้คำตอบมันออกมาว่า พี่ปราบไม่ได้ชอบผม ไอ้หวายมันคิดไปเอง แต่คำตอบที่ได้ เขย่าสมองผมจนมึนงงไปหมด
“ไม่หรอก ไอ้หวายไม่ได้โกหก แต่กูชอบมึงจริงๆ ชอบมึงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักชอบใครอีกคนหนึ่งได้”
ผมเพิ่งรู้สึกว่า สิทธิ์ถามคำถามได้หนึ่งข้อ มีข้อเสียก็ตรงที่ว่า คำตอบจะต้องเป็นความจริง ห้ามโกหกเด็ดขาด
ความรู้สึกของพี่ปราบ ก็เป็นเรื่องจริงที่ผมหลีกหนีไม่ได้
“กูขอถามมึงบ้างนะซ่า”
“...”
“มึงรังเกียจกูมากไหม”
ไม่...ผมไม่เคยรังเกียจ แต่เพราะผมก็คือผม และผมกับพี่ปราบ มันไม่มีทางเป็นไปได้
“ไม่ครับ แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่”
อย่าลดตัวลงมารักคนอย่างผมเลย ผมมันไม่คู่ควรหรอก
....................................................................................
ให้เวลาน้องมันหน่อยนะพี่ปราบ เด็กมันไม่เคย ถึงจะรู้สึกดียังไง มันก็ปฏิเสธไว้ก่อน ต้องกลัวต้องคิดมากเป็นธรรมดา จะเปลี่ยนชายแท้ให้มารักกับผู้ชายด้วยกัน ก็ต้องใช้เวลานิดนึง
เอาล่ะค่ะท่านผู้ชม อีกไม่นานแล้วจริงๆที่สองคนนี้จะรักกัน แต่ก็จะรักกันได้ ก็ต้องผ่านคลื่นดราม่าไปอีกลูกก่อนนะ ว่าแต่จะเอาคลื่นลูกใหญ่หรือลูกเล็กดี 5555555
มาเอาใจช่วยให้น้องซ่าและพี่ปราบกันค่า
ใครที่แวะกลับมาอ่าน ทั้งคนเก่าคนใหม่ ริริขอบคุณมากนะ โดยเฉพาะคนที่เม้นให้ รักที่สุดเลย มีกำลังใจไปปั่นต่อได้อีกเยอะ
แล้วเจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ ดีไม่ดีอาจมาถึงสองตอนเลยนะเธอ หึหึ
วันนี้จบไว้แค่นี้ค่ะ บ๊ายบายย