[เรื่องสั้น] I love your brother : รักน้องชายเสือกได้กับพี่ ตอนพิเศษ 2 [จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] I love your brother : รักน้องชายเสือกได้กับพี่ ตอนพิเศษ 2 [จบ]  (อ่าน 13623 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อือ ภพนี่ กวนตีนโซ่ซะจริง เล่นกับความรู้สึกโซ่ซะจริง
บอกยักษ์ แซค มาสามัคคีรุมตีนกันดีมะ  :z6: :z6: :z6:
ปากบอกไม่ชอบผู้ชาย แล้วทะลึ่งมาจูบโซ่ เป็นบ้าไร  :z3: :z3: :z3:
ของฝากที่แซคจะให้ยักษ์ คงลับมากๆ จนบอกโซ่ไม่ได้ กร๊ากกกก  :ling1: :ling1: :ling1:
รอตอนใหม่ ไรท์มาไวๆ นะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ภพจะเอาไงกับโซ่เนี่ยยยยยยยย

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ภพมันคงเป็นไบโพล่าร์  ผีเข้าผีออก  หาใหม่เถอะโซ่  อย่าไปสนใจมัน   :z6:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 8

ช่วงเวลาของงานกีฬาภายในของมหาวิทยาลัยเริ่มต้นขึ้น ผมที่ไม่ได้มีหน้าที่แข่งอะไรก็แค่เดินไปเดินมา คอยตามเชียร์ไอ้ยักษ์ ตามเชียร์เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ลงแข่งกีฬากันสารพัด ยกเว้นฟุตบอล ที่ผมไม่นึกอยากไปดูเลย ทั้งที่เพื่อนในกลุ่มอย่างไอ้นุและไอ้เอกก็ลงแข่ง (ไอ้เอกก็เพื่อนในกลุ่มนี่แหละ) เหตุผลก็เพราะผมรู้ว่าถ้าไปก็คงต้องเจอไอ้ภพ ผมทำหน้าไม่ถูกถ้าต้องเจอมัน

"ไอ้โซ่! ไปดูพวกไอ้นุแข่งบอลกัน"

เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจ ไอ้ยักษ์เอ่ยปากชวนผม

"ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจไป"
"อ้าว ทำไมวะ?"
"ก็บอกว่าขี้เกียจ ถ้ามึงไม่มีแข่งอะไรแล้ว กูว่ากลับห้องดีกว่า"
"แต่กูอยากดูฟุตบอลก่อน"
"งั้นกูกลับก่อนนะ จะไปหาอะไรกินด้วย"
"ไม่ไปด้วยกันจริง ๆ หรอวะ?" ไอ้ยักษ์ถามย้ำ ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ และเดินแยกออกมา

จริง ๆ แล้วในใจก็ยังอยากเจอไอ้ภพนะ แต่เพื่อปกป้องความรู้สึกของตัวเอง ผมควรจะอยู่ห่าง ๆ มันไว้
ผมมานั่งกินข้าวที่ร้านประจำ ตลกดีที่เผลอสั่งข้าวไก่กระเทียมทันทีที่ป้าแม่ค้าถาม

"ป้าครับ เอาข้าวไก่กระเทียมอีกจานนึงครับ!"

เสียงไอ้ภพบอก แล้วนั่งลงที่โต๊ะเดียวกับผม

"มึง..."
"ไอ้ยักษ์บอกว่ามึงอยู่ที่นี่" มันชิงพูดก่อนแล้วยิ้มกวน ๆ ใส่ผม

ผมถอนหายใจ

"ทำไมกูไปหาที่สนามบาสก็ไม่เจอเลย?"
"พอดีกูไม่ค่อยว่าง" ผมตอบโดยไม่ได้มองหน้ามัน
"อืม"

ถึงผมจะไม่ได้มองหน้ามัน แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังนั่งจ้องหน้าผมอยู่ จนเด็กเสิร์ฟเอาข้าวมาเสิร์ฟ

"กินที่นี่ให้อิ่มเลยนะพี่ วันนี้ผมไม่วิ่งไปตามแล้วนะ" เด็กเสิร์ฟของร้านบอกแล้วแอบหัวเราะ
"ฮ่า ๆๆ" ไอ้ภพหัวเราะออกมา

ส่วนผมกินไม่ลงแล้ว
...
"ทำไมไม่กินวะ?" ไอ้ภพถาม
"ไม่มีอะไร..."
"มึงโกรธอะไรกูป่ะเนี่ย?"
"เปล่า..."
"งั้นกินเสร็จแล้วไปดูกูแข่งบอลนะ"
"ไม่ว่าง"
"นะ..." ไอ้ภพอ้อนวอน

นาทีนั้น ความรู้สึกทั้งหมดมันจุกอยู่ที่อก จนผมเหมือนจะร้องไห้ออกมาแต่ร้องไม่ออก ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดี ในเมื่อแทบจะไม่มีหนทางเป็นไปได้ที่จะสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้ภพในแบบนั้น เพราะมันก็ประกาศชัดไปแล้วว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชาย และผมก็ไม่อยากให้ความรู้สึกนี้ทำลายความเป็นเพื่อนที่เพิ่งมีระหว่างเรา

"กูกลับก่อนนะ" ผมบอกแล้วลุกขึ้นเพื่อไปจ่ายเงิน แต่ไอ้ภพดึงมือผมเอาไว้
"เฮ้ย อย่าเพิ่งไปดิ!"

ไอ้ภพจับมือผมไว้แน่นแล้วพยายามดึงให้ผมนั่งลง

"อยู่กับกูก่อนนะ"
"อืม..." ผมบอกแล้วนั่งลงตามที่มันขอ
"กินข้าวให้หมดด้วย!" ไอ้ภพสั่ง และผมทำตามมันอย่างว่าง่ายโดยที่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมต้องยอมมันขนาดนี้

หลังจากออกมาจากร้านข้าว ไอ้ภพพาผมเดินมาเรื่อย ๆ ก่อนที่จะไปนั่งพักกันตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างจากสนามฟุตบอลมากนัก เสียงกลอง เสียงของการเชียร์กีฬาดังอื้ออึงไปทั่ว แต่ในมุมนี้กลับดูแล้วรู้สึกสงบกว่าที่มันควรเป็น

"เดี๋ยวอีก 30 นาทีกูก็ต้องไปแข่งแล้ว" ไอ้ภพบอกแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผม
"แล้ว?"
“มึงต้องไปกับกูไง”
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ว่าง”
“กูไม่เชื่อ ไอ้ยักษ์บอกว่าวันนี้มึงว่างทั้งวัน”
“ไอ้ยักษ์บอกอีกแล้วหรอ?”

ไอ้ภพพยักหน้า

“นี่ดีกันแล้วหรอ?”
“ตกลงไปดูกูแข่งนะ”

ผมถอนหายใจอีกรอบ

“ทำไมกูต้องไปด้วยอ่ะ?”
“ก็กูอยากให้มึงไป”
“แต่กูไม่อยากไปไง”
“งั้นกูบังคับ!”
“ทำไมถึงคิดว่าบังคับกูได้อ่ะ?”
“ไม่รู้สิ แต่ก็อยากให้มึงไป”

พูดเสร็จ ไอ้ภพก็ล้มตัวลงนอนที่ตักผม ผมนั่งตัวแข็งทื่อเพราะทำอะไรไม่ถูก

“ทำไมมึงต้องทำแบบนี้ด้วยวะ?”
“ทำอะไร?”
“ที่ทำอยู่ตอนนี้ไง”
“มึงหวั่นไหวหรอ?” ไอ้ภพบอกแล้วยักคิ้วให้ผมแบบกวน ๆ
“มึงกลับไปเกลียดกูเหมือนเดิมไม่ได้หรอ?” ผมบอก เพราะยิ่งมันทำกับผมแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกกับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ผมยอมให้มันเกลียดผมแล้วห่าง ๆ กันไปเลย ยังทำใจง่ายกว่า
“ทำไมอ่ะ?”

ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบ ซึ่งมันเองก็ดูออกว่าผมมีท่าทีที่แปลกไปนับตั้งแต่วันนั้น

“กูเคยเกลียดมึง เพราะกูโทษว่ามึงทำให้ครอบครัวกูปั่นป่วน แต่ความจริงกูแค่เอามึงมาเป็นข้ออ้าง เพื่อหลอกตัวเอง ให้มองข้ามต้นเหตุที่แท้จริง”
“...”
“ตอนนี้กูไม่เกลียดมึงแล้ว”
“แต่กู...”
”ทำไมถึงอยากให้กูเลียดมึงอ่ะ?” ไอ้ภพมองหน้าผมรอคำตอบ
“กูแค่...”
“มึงเกลียดกูหรอ?”
“เปล่า แต่กูไม่ชอบที่มึงทำแบบนี้”
“ทำอะไร?”
“ที่มึงมาทำดีกับกูแบบนี้ มันทำให้กู...อึดอัด” ผมเลือกที่จะโกหกมันออกไป
“กูขอโทษนะ ถ้าทำให้มึงรู้สึกแบบนั้น” ไอ้ภพบอกแล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
“มึงไม่ผิดหรอก กูผิดเองที่คิดมากไป”
“ไอ้โซ่...”
“กูกลับก่อนนะ!”

ผมตัดสินใจที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ ก่อนที่อะไร ๆ มันจะแย่ไปกว่านี้
“มึงรู้มั้ยตอนนี้กูอยากได้อะไรมากที่สุด” ไอ้ภพบอกแล้วลุกขึ้นมาดึงแขนผมเอาไว้
“อะไร?”
“กุญแจมือ”
“...”
“มึงจะได้ไม่ต้องหนีไปไหน จะได้อยู่ข้าง ๆ กูตลอด” ผมเกือบเผลอยิ้มให้กับคำพูดของมันไปแล้ว แต่อีกด้านนึงในหัวก็ยังคอยย้ำกับตัวเองเสมอว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชาย มันไม่ได้ชอบผม
“กูขอโทษ ที่ทำแบบนั้นไม่ได้”
“อืม...” ไอ้ภพบอกแล้วปล่อยมือผมอย่างว่าง่าย
“ขอโทษที่เป็นผู้หญิง แล้วยืนอยู่ข้าง ๆ มึงไม่ได้” ผมบอก

ก่อนที่ผมจะย่างเท้าก้าวเดินไป ไอ้ภพก็จับแขนผมอีกครั้ง

“เดี๋ยวนะ! กูรู้แล้ว ที่มึงแปลก ๆ ไปเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย?”
“อะไรหรอ?” ผมเบือนหน้าหนี เพราะรับรู้ได้ว่าน้ำตาของตัวเองไหลซึมออกมาแล้ว
“มึงนอยด์ เพราะเรื่องที่กูพูดไปตอนนั้นใช่มั้ย?”
“เปล่า...” ผมแก้ตัว
“ไอ้ทึ่มเอ๊ย!” นี่อาจจะเป็นคำด่าที่เบาที่สุด ที่ออกมาจากปากไอ้ภพก็ได้

สิ้นเสียงคำด่านั้น ไอ้ภพก็ดึงผมเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น โชคดีที่ตอนนี้ในบริเวณนั้นไม่มีใครนอกจากผมกับมันสองคน และผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะกำลังช็อกกับสิ่งที่มันทำ น้ำตาของผมไหลซึมออกมาและหยุดลงบนเสื้อของไอ้ภพ น้ำตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้

“กูชอบมึงนะไอ้โซ่...”

ผมรู้สึกราวเหมือนกับคนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจ และในวินาทีก่อนสิ้นใจก็มีคนสวมหน้ากากออกซิเจนให้ ผมเหมือนกำลังจะตายและเกิดขึ้นมาใหม่ในเวลาเดียวกัน
สิ้นคำพูดของไอ้ภพ ผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ราวกับว่าหูของผมมันดับสนิทไปแล้ว ได้ยินเพียงเสียงของหัวใจที่กำลังเต้นราวกับเสียงกลองในเพลงร็อคเมทัล ความอบอุ่นจากอ้อมกอดมันที่แผ่ซ่านมา  คล้ายกับดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว ที่สาดแสงลงมาดับความหนาวเย็นในหัวใจ

สายฝนโปรยลงมาอย่างไม่มีเค้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้แดดแรงจ้า จนตัวเราทั้งคู่เปียกปอน แต่ไอ้ภพก็ยังไม่คลายกอดออกจากผม

“มึงทำให้กูรู้สึกหงุดหงิดแทบคลั่งตาย เวลาที่ต้องอยู่ใกล้ ๆ มึง เวลาที่เห็นหน้ามึง หรือได้ยินเสียงมึง... และกูก็รู้สึกแบบเดียวกัน เวลาที่ไม่ได้เจอมึง”

น้ำตาผมไหลออกมาด้วยความดีใจ จนอาบแก้ม แต่ก็ถูกพลางเอาไว้ด้วยน้ำฝนที่ซัดสาดลงมาอย่างไม่ขาดสาย

“กู...”
“ให้กูพูดก่อน! เพราะกูไม่รู้ว่ากูจะกล้าพูดแบบนี้ได้อีกรึเปล่า” ไอ้ภพบอก
“อืม”
“กูไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เพราะกูไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน มึงคนแรกเลยที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ และกูก็เข้าใจแล้วว่าทำไมน้องกูถึงชอบมึง”
“เดี๋ยวนะ แบบนี้กูจะดูเลวมั้ยเนี่ย? ที่ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง” ผมบอกแล้วหัวเราะออกมา
“กูสิดูเลว บังคับให้น้องกูเลิกกับมึง แต่กูกลับมาชอบเอง”

ผมลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย ว่าต่อจากนี้ไป ถ้าผมตกลงปลงใจกับไอ้ภพ ผมจะมองหน้าน้องภูได้ยังไง และต่อให้เลิกกันไปแล้ว ลึก ๆ ผมก็ยังรักและเป็นห่วงความรู้สึกของน้องภูอยู่เหมือนกัน

“เออ นั่นสิ” ผมบอกแล้วผลักไอ้ภพออกเบา ๆ
“มึงไม่ต้องคิดมากเรื่องมันหรอก มันมีคนอื่นตั้งแต่เลิกกับมึงได้ 3 อาทิตย์แล้ว!”
“ถามจริง? ผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
“มันบอกว่าผู้หญิง”
“ทีอย่างนี้ทำไมไม่ห้ามล่ะ?”
“กูเพิ่งคิดได้ว่ากูไม่ควรไม่ก้าวก่ายชีวิตมันมากเกินไป”
“เออ! แล้วเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้เนี่ยนะ!!” ผมโวย
“แล้วมึงจะมาโกรธกูทำไมอีกเนี่ย มึงยังรักมันอยู่หรอ?” ไอ้ภพถามเสียงเข้ม
“เออ! กูรักน้องมึง!”
“กูให้พูดอีกที!” ไอ้ภพบอกแล้วกอดผมแน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก
“โอ้ย! พอแล้ว ๆ ฮ่า ๆๆ”
“มึงจะพูดมั้ย?”
“พอแล้วเดี๋ยวมีคนเห็น”
“พูดมา! ว่ามึงรักใคร!”
“มึงบังคับความรู้สึกกูไม่ได้หรอก กูไม่ได้เลิกกับน้องมึงเพราะทะเลาะกันหรือเกลียดกันซะหน่อย”

ไอ้ภพคลายกอดจากผมแล้วทำหน้าขึม

“ที่ผ่านมา หลังจากเลิกกัน สำหรับกูอะไร ๆ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป กูยังคิดถึง ยังห่วงมันเหมือนเดิม แม้กระทั่งตอนนี้กูก็ห่วงความรู้สึกมัน ถ้ามันรู้เรื่องนี้จะเป็นยังไง”
“อืม”
“กูยังรู้สึกดี ๆ กับน้องมึงนะ แต่ตั้งแต่กูทำใจได้ ทั้งหมดที่รู้สึกมันก็คือพี่ที่รู้สึกต่อน้องคนนึง ความเป็นห่วงที่มีก็คงเหมือนกับที่มึงเป็นห่วงมันนั่นแหละ”
“แล้ว...?”
“แล้วตอนนี้กูก็มีคนที่กูชอบแล้ว... มันเป็นคนที่ชอบทำให้กูเจ็บตัว ขี้หงุดหงิด อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ จนตามไม่ทัน แต่ถ้ามองไปลึก ๆ แล้ว คน ๆ นั้นทำให้กูรู้สึกอยากอยู่ใกล้ ๆ ถึงแม้จะต้องเจ็บตัว แต่แค่รอยยิ้มเพียงแค่มุมปาก ที่คน ๆ นั้นแสดงออกมา มันทำให้กูรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น”

ไอ้ภพมองหน้าผมแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะดึงมือผมไปจับไว้

“ถ้าตอนนี้น้องมึงมันมีคนอื่นไปแล้วจริง ๆ ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอก ที่เหลือก็แค่มึงจะอธิบายกับพ่อมึงยังไง”
“เวรกรรมตามทัน เหมือนตอนที่กูทำกับน้องกูไว้เลย”
“สมน้ำหน้า! มึงจะได้รู้ว่าตอนนั้นน้องมึงรู้สึกแย่แค่ไหน ที่ต้องคอยปิดบังไม่ให้มึงกับพ่อรู้”
“แล้วมึงจะอยู่ข้าง ๆ กู เหมือนที่เคยอยู่ข้าง ๆ น้องกูมั้ย?”
“ขอคิดดูก่อน”
“อย่าเล่นตัว! กูไม่ได้ว่างทั้งวันนะ” ไอ้ภพทำเสียงเข้ม
“ช่วยทำตัวน่ารักแบบเมื่อกี้ซัก 10 นาทีไม่ได้หรอวะ?”
“มึงก็เลิกกวนตีนซะทีสิ!”
“ฮ่า ๆๆ”
“ตกลงคบกับกูนะ” ไอ้ภพกลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง
“อืม” คำตอบที่มีอยู่ในใจของผมมันชัดเจนตั้งแต่ที่เราจูบกันตอนนั้นแล้ว และเมื่อไอ้ภพเองก็ชัดเจนขนาดนี้ ผมไม่อยากโกหกตัวเองอีกต่อไป
“จริง ๆ นะ?” ไอ้ภพถามย้ำ
“เอออออ...”

จากนั้นมันก็ดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ด้วยความดีใจ และความสุขที่มีภายในใจตอนนี้ ทำให้ผมลืมสังเกตไปเลยว่าฝนหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมเพียงแค่อยากจะจดจำวินาทีนี้เอาไว้ให้ชัดเจน และนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะต้องเจอกับปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมา เช่น การยอมรับของพ่อของมัน

“ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเหอะ เปียกหมดแล้ว”
“กูไม่มีเสื้อเปลี่ยน”
“กูมีเสื้ออยู่ที่ห้องล็อกเกอร์ ไปเอาที่นั่นก็ได้”
“หืม? เอ๋อ... เอ่อ... ฮ่า ๆๆ” ผมหัวเราะออกมา ไอ้ภพทำหน้างง
“ไอ้หื่น! กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้นโว้ย!” ไอ้ภพตบหัวผมเบา ๆ แล้วหัวเราะออกมา
“กูก็ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”
“คนอย่างมึง กูรู้ว่าคิดแน่นอน”
“กูไม่ใช่มึงนะ”

ไอ้ภพโน้มตัวมากระซิบข้างหูผม

“กูต้องแข่งบอล ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวกูไม่มีแรง เอาไว้ทำทีหลังแล้วกัน”

<---o--->

การแข่งขันฟุตบอลจบลง โดยทีมจากมหาวิทยาลัยของผมชนะ ทีมของมหาวิทยาลัยที่ไอ้ภพเรียน 2-1 หลังจากแข่งฟุตบอลเสร็จ ผมกับไอ้ภพก็แยกตัวออกมานั่งพักกันใกล้ ๆ กับสนามบอล

“อ้าว ยังไง? มึงสองคนเนี่ย” ไอ้นุ ร้องถามทันทีที่เห็นผมกับไอ้ภพ  ไอ้ยักษ์ก็อยู่ด้วยเช่นกัน
“จะไปกินปิ้งย่างกับพวกกูเปล่า?”
“ไหนมึงบอกกลับห้องแล้วไง?” ไอ้ยักษ์ถามผม
“มึงไม่ต้องพูดเลย!” ผมบ่นไอ้ยักษ์ ที่มันชอบไปบอกไอ้ภพว่าผมทำอะไรอยู่ที่ไหน
“กูไม่ได้ชนะซักหน่อย ไปด้วยจะดีหรอวะ?” ไอ้ภพถาม
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไปกินกันหลาย ๆ คนสนุกดี กูชวนไอ้กรแล้วด้วย มันบอกเดี๋ยวตามไป”
“มึงไปมั้ย?” ไอ้ภพหันมาถามผม

ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็โดนแซวอีก

“มีปรึกษากันด้วย แล้วนี่ใส่เสื้อเหมือนกันอีก ตกลงยังเนี่ย?” ไอ้นุแซวที่ผมใส่เสื้อบอลที่มีชื่อและเบอร์ของไอ้ภพอยู่กลางหลัง
“ก็ฝนมันตก กูก็เลยเปียก แล้วมันก็เลยให้กูยืมใส่เฉย ๆ”
“เออ เอาเหอะ กูหิวแล้ว”


ในระหว่างที่กำลังกินกันอยู่ พวกไอ้นุก็คอยจับสังเกตระหว่างผมกับไอ้ภพ ที่ดูแปลก ๆ ไป ผมเองก็รู้สึกเขิน ๆ ที่พวกมันเอาแต่แซวแบบนี้ ทั้งที่ปกติก็โดนพวกมันแซวจนเป็นเรื่องปกติ ไอ้ภพเองก็ดูจะมีอาการแปลก ๆ เหมือนกัน ผมแอบเป็นห่วงมันนิดหน่อย กลัวว่ามันอาจจะกำลังรู้สึกอึดอัดอยู่ เพราะมันคงไม่อยากให้ทุกคนรู้ว่ากำลังคบกับผมอยู่
เรานั่งตรงข้ามกัน แต่บางครั้งมันก็คอยตักเนื้อ ตักผักมาให้ผม จนโดนแซวไปตามระเบียบ

“พวกมึงเลิกแซวได้แล้ว ดูดิมือสั่นไปหมดแล้วเนี่ย” ไอ้ภพบอกแล้วหัวเราะออกมาแก้เขิน
“แล้วตกลงยังไงวะ? จะบอกพวกกูมั้ย?” ไอ้ยักษ์ถาม
“ก็... เออออ อย่างที่พวกมึงคิดนั่นแหละ!” พวกเพื่อนผมก็ฮือฮากันใหญ่ ยิงคำถามใส่ผมกับไอ้ภพรัว ๆ จนผมต้องรีบปรามพวกมันเอาไว้
“พอ ๆ จะกินมั้ยเนี่ย? เนื้อไหม้หมดแล้ว”
"กูว่าปิ้งย่างมื้อนี้ไม่ได้ฉลองที่ทีมเราชนะบอลแล้วว่ะ ฮ่า ๆๆ" ไอ้นุบอก

ผมแอบแปลกใจที่ไอ้ภพกล้าบอกออกมาว่ากำลังคบกับผม แต่ไอ้กรเองก็ดูไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย ซ้ำยังดูยินดีด้วยซ้ำ

<---o--->

“มึงกลับเลยป่ะ?” ไอ้ภพถามผม
“เดี๋ยวไปเดินซื้อของกับไอ้ยักษ์ก่อน”
“งั้นกูกลับก่อนนะ”
“อืม”
“ถึงห้องแล้วโทรมาด้วยนะ”

ผมพยักหน้า แล้วเดินแยกออกมากับไอ้ยักษ์สองคน

“มึงแน่ใจใช่มั้ย?”
“เรื่อง?”
“มึงกับไอ้ภพ”
“ทำไมอ่ะ? มึงน่าจะเห็นด้วยนี่ คอยรายงานมันตลอดว่ากูอยู่ไหน”
“กูไม่ได้รายงานซะหน่อย”
“มึงนี่แหละแปลกสุด ทั้งที่ตอนแรกดูมึงไม่ชอบไอ้ภพแท้ ๆ แต่วันนี้กลับเป็นใจให้มันมาคุยกับกู”
“กูเห็นมึงเครียด ๆ เรื่องมัน ก็แค่อยากให้มึงสองคนเคลียร์กัน ไม่คิดว่ามึงกับมันจะตกลงคบกันนี่”
“แค่นั้นจริงหรอ?”
“เออ”

ผมไม่ค่อยปักใจเชื่อเหตุผลของไอ้ยักษ์สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรมันมากไปกว่านี้ เพราะเชื่อว่า ไม่ว่ามันจะมีเหตุผลอะไร ท้ายที่สุดแล้วมันก็แค่หวังดีกับผม

<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->


หุ๊วว~ ทำไมรู้สึกว่าตัวเองพิมพ์แต่ละตอนย๊าววยาว
แต่เนื้อเรื่องกลับไปไม่ถึงไหนเลย ซะงั้น ฮ่า ๆๆๆ
ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะจบแค่ 10-13 ตอนก็พอ
ยังเหลือในส่วนของภู กับแซคอีกนะเนี่ย
 :ling1:
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
คอมเม้นติชม ให้กำลังใจกันได้นะครับ ผู้เขียนชอบอ่าน 555
จะได้รู้ ฟีดแบค ด้วย 

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ดีจัง ภพ โซ่  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ภพแหละ พูดไม่ชัดเจน ทำให้โซ่คิดมาก
พูดว่า "เออ กูไม่ชอบผู้ชาย"
ใครก็ต้องคิดว่าภพไม่อยากมีคนรักเป็นผู้ชาย 
อย่างนี้โซ่ ก็ต้องเข้าใจสิว่าภพไม่ชอบโซ่แบบคนรัก
ดีนะเข้าใจกันได้  :mew1: :mew1: :mew1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 เพิ่งมาอ่านคับ สนุกดี อ่านรวดเดียวเลย
  โซ่สมควรคู่กับภพล่ะ บุคคลิกโซ่ก็ดูอ่อนๆ อีกคนก็ขี้แกล้ง 555

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ยังไงก็ไม่ชอบภพอยู่ดี  โซ่ชอบเข้าไปได้ไง  คนนิสัยเสีย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ภู

กริ๊งงง งงง ง ! เสียงนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียงดังขึ้น
ผมงัวเงียลุกขึ้นแล้วหยิบน้ำเปล่าจากกระบอกที่ตั้งอยู่ข้างนาฬิกาขึ้นมาดื่มเหมือนกับทุก ๆ เช้า

“เตี่ยหวัดดี!”
“วันนี้วันเสาร์นะ จะรีบไปไหนแต่เช้าเนี่ย?”
“ไปเรียนพิเศษไง เมื่อวานผมก็บอกไปแล้วนี่นา”
“แล้วจะไปยังไง? ให้เตี่ยไปส่งมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกแล้วหยิบแซนวิชใส้ทูน่าที่เตี่ยเตรียมเอาไว้ให้ใส่ปาก
“อ้าว ไอ้ภู ไปไหนวะ?” ไอ้ภพเอ่ยถาม
“ไปเรียนพิเศษ”
“เรียนที่ไหนวะ? ”
“แถว ๆ นี้แหละ เตี่ยผมไปแล้วนะ”
“เออ ดูแลตัวเองด้วย”

ไอ้ภพเป็นพี่ชายของผม แต่เราไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ เพราะมันชอบบังคับ ชอบแกล้งผมอยู่เป็นประจำ บางครั้งเราก็มีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ จนเตี่ยต้องหนักใจอยู่เสมอ แต่ทำไงได้ ไม่รู้ว่าผมหรือมันที่อคติต่อกันมากเกินไป จนความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นแบบนี้ไปแล้ว แต่ช่างเถอะ ถึงอย่างไรมันก็เป็นพี่ผมอยู่ดี ถึงแม้ว่า...
ผมชื่อ “ภู” ปัจจุบันอายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สถานภาพตอนนี้เพิ่งโสด เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนเก่ามาหมาด ๆ ด้วยเหตุผลงี่เง่า... เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ อดีตที่ผ่านไปแล้วก็ควรจะปล่อยให้มันผ่านไป และผมก็ไม่ได้เสียใจสักเท่าไหร่
ใครกันนะที่บอกว่าชีวิตช่วงมัธยมเป็นช่วงวัยที่สนุกและมีความสุขที่สุดแล้ว? ใช่สิครับ เพราะสมัยที่คนเหล่านั้นเป็นเด็ก ไม่ต้องมานั่งสอบ Gat Pat ไม่ต้องสอบ O-Net ให้ปวดหัว นอกจากนั้นยังมีสอบยิบย่อยต่าง ๆ นานา จนทำให้ช่วงวัยมัธยมของเด็กรุ่นผมเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะเหนื่อยหน่าย เมื่อเกรดกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญที่จำเป็นต้องใช้เมื่อเราต้องเข้ามหาวิทยาลัย

“มาก่อนผมอีกหรอเนี่ย? ผมว่าผมรีบมาแล้วนะ” ผมเอ่ยทักพี่โซ่ ติวเตอร์ภาษาอังกฤษของผมที่นั่งรออยู่ในร้านที่เรานัดกันเอาไว้
“อื้ม กินอะไรมายัง?”
“ยังเลยครับ”

หลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จแล้ว และพี่โซ่ก็เริ่มสอนจนผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ระหว่างนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น จนเกือบเที่ยง ผมก็ออกไปกินข้าวด้วยกันอีกครั้ง

“ทำไมกินแต่ข้าวไก่กระเทียมอ่ะ? เมื่อเช้าก็กินไม่ใช่หรอ?” พี่โซ่ถาม ผมหัวเราะแก้เขิน เพราะรู้ว่าเหตุผลมันค่อนข้างปัญญาอ่อน
“ปกติ เวลาผมไปกินข้าวนอกบ้านกับพี่ผม มันชอบบังคับให้ผมกินเหมือนมัน”
“ไก่กระเทียมเนี่ยนะ?”
“ครับ”
“ทำไมอ่ะ?”
“พี่ผมมันบอกว่าเค้าจะได้ทำครั้งเดียว จะได้ไม่ต้องรอนาน”
“งั้นเอ็งก็ต้องกินแต่ข้าวไก่กระเทียมตลอดเลยหรอ?”
“ครับ ผมกินจนติดไปแล้ว เวลาไปร้านอาหารตามสั่งก็สั่งแต่เมนูนี้แหละ”
“อืม ตลกดี” ถึงพี่โซ่จะไม่ได้หัวเราะออกมา แต่ผมมองออกว่าในใจพี่เขาคงขำความประหลาดของผมอยู่แน่นอน
“แล้วพี่ชอบกินอะไรอ่ะ?”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
“มันต้องมีอะไรที่ชอบกินเป็นพิเศษบ้างสิ”
“อืมม~ ไอติม” พี่โซ่ทำท่าครุ่นคิด
“ไอติมรสอะไร?”
“ช็อกมิ้นท์”
“โหย กินไปได้ไง รสชาติอย่างกับยาสีฟัน” ผมบอก พี่โซ่หัวเราะออกมา

ไม่รู้ทำไม ผมชอบรอยยิ้มนั้นจัง...



<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 9
ปิดเทอม....
เดทแรก

“มึงอยู่คนเดียวได้แน่นะ?” ไอ้ยักษ์ถามผมขณะหิ้วกระเป๋าขึ้นสะพาย

วันนี้ปิดเทอมวันแรก และไอ้ยักษ์ต้องรีบกลับบ้านของมันที่ภูเก็ต

“เออ กูไม่ใช่เด็กป.2 นะ”
“แต่ระดับสมองมึงอ่ะใช่”
“อยากเอาแผลไปฝากแม่มึงมั้ย?”
“เออ ๆ กูไปซักสองอาทิตย์นะ จะรีบกลับมาให้ทันพี่มึง”
“รีบกลับมาเอาจิ๋*กระป๋องที่ให้ไอ้แซคซื้อให้ละสิ!”
“ส้นตีน!” ไอ้ยักษ์หัวเราะกร๊าก
“กูรู้หรอก คนหื่นกามอย่างมึง ยิ่งกับไอ้แซคด้วยแล้วคงไม่พ้นเรื่องแบบนี้”
“ส่วนของมึงก็ดิลโด้ใช่มั้ย?” ไอ้ยักษ์สวนกลับ
“ส้นตีนสิ! กูไม่ได้ต้องการขนาดนั้น”
“อย่างว่า ตอนนี้มีแฟนแล้วนี่”
“เออ ๆ มึงรีบไปเหอะ เดี๋ยวตกรถจะโทษกูไม่ได้นะ”
“เออ”
“ดูแลตัวเองด้วย ขึ้นรถแล้วก็ไลน์มาบอกกูด้วย”
“เออ มึงก็ด้วย ดูแลตัวเองด้วย” ไอ้ยักษ์บอกแล้วเดินออกจากห้องไป

ในใจผมรู้สึกหน่วง ๆ ไม่ใช่เพราะไอ้ยักษ์ไม่อยู่ แต่เพราะอิจฉา ที่มันมีครอบครัวให้กลับไปหา เทียบกับผมแล้ว ตอนนี้ก็เหมือนตัวคนเดียว เพราะแต่ละคนแยกย่ายกันไปหมด

“ทำอะไรอยู่?” การแจ้งเตือนในไลน์เด้งขึ้นมา ทำให้ผมเลิกคิดถึงเรื่องต่าง ๆ แล้วหันมาสนใจคนในนั้นแทน

ผม : เพิ่งตื่น
ไอ้ภพ : แล้ววันนี้จะไปไหนมั้ย?
ผม : ไม่นะ ทำไมอ่ะ?
ไอ้ภพ : งั้นเดี๋ยวกูไปหานะ ;)
ผม : มาถูกหรอ?
ไอ้ภพ : คิดว่าถูก

ปัง ๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ผม : แปปนะ สงสัยไอ้ยักษ์ลืมของ

ผมลุกไปเปิดประตูให้ไอ้ยักษ์ แต่ปรากฏว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่ไอ้ยักษ์แต่เป็นไอ้ภพ

“เชี้ย!”
“นี่คือคำทักทายใช่มั้ยเนี่ย?” ไอ้ภพหัวเราะที่เห็นผมตกใจ
“มาได้ไงวะ?”
“ก็อยากเซอร์ไพร์ส”
“แล้วมาถูกได้ไงอ่ะ?”
“ไอ้ยักษ์บอก” ไอ้ภพบอกแล้วนั่งลงบนเตียงของผม พลางสายตาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง

ผมแอบเขิน เพราะห้องดูรกไปนิด

“ถามจริง มึงไปคุยอะไรกับมันวะ ทำไมมันดูสนับสนุนมึงจัง”
“มันก็แค่เป็นห่วงมึง ไม่อยากให้มึงอยู่คนเดียวละมั้ง”
“หรอ?”
“มันห่วงมึงจนกูนึกว่ามึงเป็นเมียมันแล้วเนี่ย เดี๋ยวนะ! เตียงก็เอามาติดกัน ตกลงมึงเป็นเมียมันจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย?” ไอ้ภพถาม
“จะคิดแบบนั้นก็ตามใจ”
“โอ๋ ๆ แซวเล่นเฉย ๆ เอง อย่างอนดิ” ผมก็ยังไม่ชินกับมุมนี้ของไอ้ภพซะที

“แล้วมาทำไมแต่เช้าเลยเนี่ย”
“คิดถึง”
“อ้อร้อ!”*
“ก็ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน มึงไม่คิดถึงกูบ้างหรอ?” ไอ้ภพบอกแล้วล้มตัวนอนที่ตักผม
“ไม่อ่ะ”
“แน่ใจ?”
“เออ!” ผมบอกแล้วผลักหัวมันออกจนมันหล่นเตียงไป

ไอ้ภพรีบกระโจนใส่ผม แล้วจับแขนผมกดไว้กับเตียง

“ไม่คิดถึงเลยหรอ?”

มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนจมูกของเราแทบจะชนกัน กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่มันใส่มาก็ยังคงคล้ายกับกลิ่นที่น้องภูเคยใช้

“นิดนึงก็ได้”
ฟอดดด !

ไอ้ภพหอมลงที่แก้มของผมฟอดใหญ่ จนผมต้องรีบดิ้นแล้วผลักมันออกไป เพราะยังรู้สึกเขินอยู่

“ยังไม่หายคิดถึงเลย” ไอ้ภพบอกแล้วก้มลงมาหอมผมอีกครั้ง
“พอแล้ว~” ผมบอกเสียงอ่อย ๆ
“มึงหิวยัง?”
“อืม”
“งั้นลงไปหาอะไรกินกันนะ”
“งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน”
“ยังไม่ได้อาบน้ำอีกหรอ?”
“ทำไมอ่ะ เห็นหรอ?”
“ไหนขอลองดมอีกทีสิว่าเหม็นมั้ย” ไอ้ภพบอกแล้วยื่นหน้ามาหาผม แต่ผมเอามือดันหน้ามันเอาไว้
“มึงเป็นหมาหรอ?”

<---o--->

“กลับเลยมั้ยอ่ะ?” ผมบ่นที่ไอ้ภพพาผมมาถึงเซ็นทรัล เพราะผมอยากนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องมากกว่า
“โหย กินเสร็จก็จะกลับเลยหรอ?”
“ใครใช้ให้พามากินที่นี่อ่ะ กูก็นึกว่าจะไปกินที่ร้านอาหารตามสั่งล่างหอ แล้วมึงดูกูแต่งตัว” ไอ้ภพมองผมที่ใส่รองเท้าแตะเก่า ๆ เสื้อยืดที่ปกติเอาไว้ใส่นอน กับกางเกงขาสั้น ที่ดูรวม ๆ แล้วเหมาะกับการเป็นเด็กเข็นผักในตลาดสดมากกว่า


“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” ไอ้ภพบอกแล้วหัวเราะแบบเกรง ๆ
“แล้วหัวเราะทำไม?”
“แบบนี้แหละ จะได้ไม่มีใครมองมึง แต่งตัวหล่อเกินไป กูหวง!”
“แต่งแบบนี้คนยิ่งมองมากกว่าอีก” ผมบ่นหน้ามุ่ย
“โอ๋ ๆ งั้นเดี๋ยวไปซื้อเสื้อกัน กูซื้อให้”
“ไม่เอาอ่ะ อยากกลับห้องมากกว่า”
“แต่กูอยากดูหนังก่อน ไปดูหนังกันก่อนนะ” ไอ้ภพบอกแล้วเอื้อมแขนมากอดคอผม
“ม่ายยยย”

<---o--->

“จะกินป๊อปคอร์นป่ะ?” ไอ้ภพถาม

สุดท้ายผมก็ต้องยอมมาดูหนังกับมันในสภาพนี้

“ไม่เอาอ่ะ เพิ่งกินข้าวมาเอง”
“เป็นอะไรอ่ะ?” ไอ้ภพถามที่เห็นผมยืนกอดอกตัวเองตัวสั่นอยู่
“หนาว” ผมบอกด้วยเสียงที่สั่นเครือด้วยความหนาว เพราะเสื้อที่ใส่อยู่มันบางมากจริง ๆ
“งั้นไปซื้อเสื้อกัน”
“ไม่เอาอ่ะ แค่นี้เอง”
“อย่าดื้อ!” ไอ้ภพบอกแล้วจับหัวผมเขย่าเหมือนกำลังบ่นเด็กเล็ก ๆ

ใจผมเต้นแรง และรู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดอยู่บนใบหน้าจนต้องหลบสายตามัน

“รีบไปกันดีกว่า อีกยี่สิบนาทีหนังก็เข้าแล้ว” ไอ้ภพบอกแล้วกอดคอผมเดินไปเหมือนเดิม
“อืม”

ไอ้ภพพาผมมาที่ร้านของเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่งเพื่อเลือกเสื้อแจ็คเก็ต แต่ผมปฏิเสธ เพราะเท่าที่ดูราคามันค่อนข้างสูงมาก และเกินความจำเป็นสำหรับผมเกินไป

“ทำไมอ่ะ มันก็สวยดีนะ” ไอ้ภพถามแล้วโชว์เสื้อตัวหนึ่งให้ผมดูอีกครั้งเพื่อตัดสินใจ
“มึงไม่คิดว่ามันแพงเกินไปหน่อยหรอวะ?”
“มันก็แพงนะ แต่จริง ๆ คุณภาพมันก็สมราคาที่เราจะจ่ายไม่ใช่หรอ?”
“แต่กูก็ยังคิดว่ามันเกินความจำเป็นอยู่ดี เสื้อห่าอะไรตัวละตั้งสามพันสี่พัน”
“เอาเหอะ กูอยากซื้อให้”
“ไม่เอา” ผมย้ำ
“พี่ครับ เอาตัวนี้ครับ!” ไอ้ภพไม่สนใจคำพูดผมแล้วรีบเดินไปจ่ายเงิน

ผมจึงเดินออกมาจากร้าน ด้วยความรู้สึกขุ่นมัว

“เอ้า ลองใส่ดู”
“กูบอกว่าไม่เอาไง”
“มึงอย่าดื้อสิ กูซื้อมาแล้ว จะให้เอาไปคืนเขาหรอ?”
“งั้นมึงก็เก็บเอาไว้เอง”
“งั้นเอางี้ กูไม่ให้มึงก็ได้ แต่เสื้อตัวนี้เป็นของเรา โอเคป่ะ?” ไอ้ภพยิ้มแล้วยื่นเสื้อให้ผม
“??”
“มึงก็แค่เก็บไว้ อยากใส่ก็ใส่ แล้วเมื่อไหร่ที่กูจะใส่ กูจะไปเอาที่ห้องมึงเอง เหมือนเราเป็นเจ้าของร่วมกัน”
“...”
“เออน่า ใส่ไปก่อน ดูดิ สั่นไปหมดแล้วเนี่ย” ไอ้ภพบอกแล้วเอาเสื้อมาสวมให้ผม

ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ายังเล่นตัวอยู่ก็ใช่เหตุ พาลจะดูเป็นคนน่ารำคาญซะมากกว่า ผมจึงยอมสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินฝังเพชรตัวนั้นเอาไว้

“มึงใส่สีน้ำเงินแล้วดูขึ้นดีนะ น่ารักดี” ไอ้ภพบอก ผมแกล้งกลอกตาใส่มัน
“ลดความกวนตีนลงหน่อยจะน่ารักกว่านี้เยอะเลย”
“กูก็เป็นของกูแบบนี้แต่แรกอยู่แล้ว ถ้าไม่ชอบแล้วจะมาคบกับกูทำไมอ่ะ”
“กูไม่ได้บอกว่ากูไม่ชอบ แต่ทุกครั้งที่มึงชอบทำตัวกวนตีน มันทำให้กูอยากขย้ำมึงอ่ะ” ไอ้ภพเน้นเสียงตรงคำว่าขย้ำ มันทำให้ผมหัวเราะออกมา

“ไอ้ภพ!” เสียงหนึ่งตะโกนเรียกไอ้ภพจากด้านหลัง

เสียงที่ผมกับไอ้ภพคุ้นชินกันเป็นอย่างดี

“ไอ้ภู!”
ไอ้ภพตกใจที่หันไปเจอน้องชายตัวเองยืนอยู่ข้างหลังกับเพื่อนอีกสองคน

“หมายความว่าไงวะ?” น้องภูถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความโกรธ
“ภู...”
“อะไรวะ?” ไอ้ภพทำเป็นไขสือ
“มึงกับพี่โซ่คบกันหรอวะ?”
“ใจเย็น” ผมพยายามปราม เพราะตอนนี้คนแถวนั้นหันมามองเราทั้งสามคนกันหมด
“ตอบมาดิ!”
“ไปคุยตรงอื่นมั้ย” นาทีนี้เหมือนไร้ตัวตนจากสายตาของทั้งสองคนไปแล้ว
“เออ!” ไอ้ภพอ้อมแอ้ม
“ทำไมมึงทำแบบนี้กับกูวะ? มึงบังคับให้กูกับพี่เค้าเลิกกัน แล้วมึงมาคบเองลับหลังแบบนี้อ่ะนะ!” น้องภูเสียงสั่น กำหมัดแน่น เพื่อนของมันดุจะตกใจนิดนึงที่ได้ยินว่าไอ้น้องภูเคยคบผู้ชาย
“มึงฟังก่อน กูไม่ได้บังคับให้มึงเลิกกันเพราะกูจะคบเอง”
“มึงแม่งเหี้ยว่ะ!” น้องภูตะคอกใส่ไอ้ภพ แล้วพุ่งตัวไปต่อยไอ้ภพเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง ไอ้ภพยืนนิ่งไม่โต้ตอบอะไร

ในตอนนี้ผมรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะผมทั้งห่วงไอ้ภพ และห่วงความรู้สึกของน้องภูไปในเวลาเดียวกัน

“ภูใจเย็นก่อน”
“ผมรักพี่นะเว้ย! เป็นคนแรกเลยที่ผมรักมากขนาดนี้ แต่ผมต้องจบความรักของเราเพราะมัน ทำไมพี่ถึงยังยอมมาคบกับมันอ่ะ?” น้องภูร้องไห้โฮออกมา ทำให้ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
“เฮ้ยมึง ใจเย็น ๆ” เพื่อนของน้องภูคนนึงรีบเข้ามาปลอบ
“เต้ พี่ฝากพาไอ้ภูมันกลับบ้านด้วยนะ” ไอ้ภพบอกกับน้องคนนึงที่เป็นเพื่อนน้องภู
“กูจะบอกเตี่ยเรื่องนี้ มึงจะได้รู้ว่ากูรู้สึกยังไงเวลาที่โดนมึงบังคับให้เลิกกัน” น้องภูชี้หน้าพูดกับไอ้ภพ แล้วเดินจากไปกับเพื่อน โดยหันมามองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกปวดใจมากกว่าเดิม

ไอ้ภพมองหน้าผมแล้วถอนหายใจ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดโดยไม่สนว่าคนรอบข้างกำลังมองเราอยู่

“กูขอโทษนะ” ไอ้ภพบอก

ผมรับรู้ได้ว่ามันกำลังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้ร้องไห้ออกมาต่อหน้าผม

“มึงยังอยากอยู่ข้าง ๆ กูมั้ย?”
“กูทำใจไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่กูบอกตรง ๆ ว่ามันโคตรยากเลยที่กูจะไม่รู้สึกอะไรกับน้องมึงเหมือนที่กูเคยพูดไว้”
ไอ้ภพตัวสั่นด้วยแรงสะอื้น กอดผมแน่นยิ่งขึ้นคล้ายกำลังกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจไปหาน้องภู เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันในมุมอ่อนแอแบบนี้ ทำให้ผมต้องปาดน้ำตาแล้วกลายเป็นฝ่ายปลอบมันแทน

“ยังอยากอยู่ข้าง ๆ กูมั้ย?”
“เออ กูสัญญาแล้วไงว่าจะอยู่ข้าง ๆ มึง”

ไอ้ภพยังคงกอดผมไม่ยอมปล่อย

“ปล่อยได้แล้ว คนอื่นมองกันใหญ่แล้ว”
“กูขอโทษนะ ที่ทำให้มึงต้องมาเจออะไรแบบนี้”
“แล้วมึงอ่ะ เป็นอะไรมั้ยเนี่ย?” ผมบอกแล้วเอานิ้วเช็ดเลือดที่ไหลอยู่ตรงมุมปากของไอ้ภพอย่างเบามือ
“มึงโกรธกูมั้ย?”
“นี่~” ผมจับหน้าไอ้ภพให้มองมาที่ตาของผม เพื่อให้มันได้มั่นใจในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้
“กู รัก มึง!”

ไอ้ภพยิ้มออกมาแล้วยกมือมาปาดรอยน้ำตาที่แก้มของผม

"แต่วันนี้ไม่ดูหนังแล้วนะ คงดูไม่สนุกแล้ว"

<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->

อันดับแรก ขอโทษคร้าบบบบบ ที่ตอนนี้ลงเลทมาตั้ง 1 วัน !!
ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ครับ ยอมรับความผิดแต่โดยดี แฮ่ ๆ  :-[
ตอนนี้พิมพ์ไป จิตตกไป อินจัด ไม่รู้จะสงสารใครดี
ภูก็น่าสงสาร ไอ้ภพก็น่าสงสาร ไอ้โซ่เองก็น่าสงสาร
แต่ละคน ตกอยู่ในที่นั่งลำบากที่ไม่ว่าใครก็เจ็บเหมือนกันหมดเลย
แต่งานนี้คนที่น่าสงสารสุดน่าจะเป็นน้องภูเนอะ ต้องมารู้ว่าแฟนเก่าตัวเอง คบกับพี่ชาย
แถมเค้าทั้ง 2 คน ไม่ได้เลิกกันเพราะไม่ได้รักกันแล้วอีกด้วย
เฮ้ออ ปวดหัว ๆๆ
เพื่อน ๆ ล่ะครับ สงสารใครบ้าง ?
  :katai1:

ออฟไลน์ dena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
3p เลยพี่จบเรื่อง 55555555+ (เราสงสารน้องภู T^T อ่านตอนผมรักพี่มากนะเว้ยนี่น้ำตาไหลเลย T^T)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มันก็น่าให้ภู โกรธ ภพบังคับน้องให้เลิก
ทั้งที่คู่รัก ภู โซ่ ไม่อยากเลิก
แล้วต่อมาภพ มารักกับโซ่ ซะเอง
เรื่องจะวุ่น ถึงขั้นเลิกกันอีกมั้ยเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 10.1

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผมกับไอ้ภพก็กลับมาที่หอทันที โดยไม่ได้ไปดูหนังด้วยกัน เพราะต่างคนต่างไม่มีอารมณ์ที่จะดูแล้ว พอถึงห้อง ไอ้ภพก็เอาแต่นิ่งเงียบ ผมก็พอจะเข้าใจที่มันเป็นแบบนั้น เพราะผมเองก็รู้สึกแย่กับเรื่องนั้นเหมือนกัน
“ผมรักพี่นะ เป็นคนแรกเลยที่ทำให้รักมากขนาดนี้”
เสียงของน้องภูยังดังก้องอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ผมแอบลังเลขึ้นมานิดนึงว่าการที่ผมตัดสินใจคบกับไอ้ภพอาจจะเป็นสิ่งผิดก็ได้
“แต่เรารักมันหลังจากเลิกกับน้องภูมาแล้วนะ...” ผมบอกกับตัวเองในใจ
ผมไม่ได้ผิดที่รักไอ้ภพ แต่ผิดที่ยังคงรู้สึกกับทั้งสองคนอย่างชัดเจนทั้งคู่

ไอ้ภพนั่งอยู่บนโซฟายาวหน้าทีวี ผมจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ มันแล้วเอนตัวลงนอนที่ตักมันบ้าง

“ยังคิดเรื่องนั้นอยู่หรอ?”
“อืม” ไอ้ภพบอกแล้ววางมือของมันลงบนอกผม
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อไป?”
“คืนนี้กูขอนอนที่นี่นะ”
“ไม่กลับไปคุยให้รู้เรื่องก่อนจะดีหรอ?”
“อืม ช่างมันก่อน”
“ถ้าพ่อมึงรู้ว่าเราคบกัน เราต้องเลิกกันมั้ย?”

ไอ้ภพมองหน้าผมก่อนจะยิ้มแล้วบอกว่า

“ไม่หรอก กูโตพอที่จะเลือกเองได้แล้ว”
“อืมม”
“โซ่... กูเลวมากเลยใช่มั้ยวะ? ที่ทำให้เรื่องของเรามาถึงขนาดนี้”
“ทำไมถึงถามแบบนั้นอ่ะ?”
“กูรู้สึกผิดกับน้องกู”
“ไอ้ภพ...”

ผมเรียกชื่อมันแล้วดึงมือมันมาจับไว้

“ครั้งแรกที่เราเจอกัน มึงเกลียดกูแทบเป็นแทบตาย มึงไม่ได้บังคับให้น้องมึงเลิกกับกูเพราะมึงชอบกูซะหน่อย”
“แต่กูก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี”
“ใช่! มึงควรจะรู้สึกผิด ที่ทำให้กูกับน้องมึงเลิกกัน แต่ไม่ใช่รู้สึกผิดเพราะมาคบกับกู”
“....”
“เออใช่ มึงเคยบอกนี่ว่าการที่กูคบกับน้องมึง ทำให้มันเดือดร้อน ยังไงวะ?”
“ลืมไปเลย”
“มึงเคยบอกว่ามีเรื่องไอ้ภูที่จะเล่าให้กูฟัง”
“ทีอย่างนี้มึงจำแม่นเลยนะ” ไอ้ภพบ่น
“กูจำทุกอย่างที่มึงพูดได้หมดนั่นแหละ แม้กระทั่งที่มึงเคยบอกว่า กูเอียนที่ต้องได้ยินเสียงมึงจนแทบจะอ้วกแล้ว!” ผมแกล้งพูดล้อเลียน ไอ้ภพหัวเราะแล้วเขกหัวผมเบา ๆ
“กวนตีนรักษาไม่หายจริง ๆ”
“จะบอกได้ยังว่าเรื่องอะไร?”
“จริง ๆ แล้วกูกับไอ้ภู เราเป็นพี่น้องคนละแม่กัน!”
“ห๊ะ?”
“แม่มันหย่ากับพ่อกูแล้วไปมีแฟนใหม่เป็นฝรั่ง และย้ายไปอยู่ด้วยกันที่นอร์เวย์ ทิ้งไอ้ภูไว้ให้พ่อกูเลี้ยง”
“...”
“พอเค้ารู้ว่ามันคบกับผู้ชาย เค้าก็บินกลับมาด่าพ่อกูถึงที่ไทย แล้วบอกว่าจะพามันย้ายไปอยู่ด้วย”
“แล้วภูมันรู้เรื่องนั้นมั้ย?”
“มันยังไม่รู้ว่าแม่มันจะพามันไปอยู่ด้วย”
“แล้ว...”
“พ่อกู เลี้ยงกูเลี้ยงน้องมาด้วยตัวคนเดียวจนขนาดนี้ อยู่ ๆ เค้าจะมาเอาไอ้ภูไปอยู่ด้วย มึงว่ามันแฟร์มั้ยวะ?”
“อืม...” ผมถอนหายใจ
“จนตอนนี้น้องกูอายุ 17 แล้ว เค้าเคยมาหามันแค่ 2 ครั้ง ทีอย่างนี้จะมาเอามันไป”
“...” ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะถ้าคิดย้อนไป ก็เป็นเพราะผมจริง ๆ นั่นแหละ ที่ทำให้ครอบครัวมันวุ่นวายแบบนี้
“จริง ๆ ก็ควรจะให้มันตัดสินใจด้วยตัวของมันเอง แต่หลังจากสิ่งที่เกิดวันนี้มึงว่ามันจะเลือกยังไง?”
“แล้วพ่อมึงว่ายังไงบ้าง?”
“กูเป็นห่วงพ่อกูนี่แหละ เค้ารักไอ้ภูมาก”
“ไอ้ภูมันไม่ใช่คนอกตัญญู มันไม่ทิ้งพ่อมึงไปหรอกน่า”
“อืม”

ไอ้ภพถอนหายใจบ้าง

“งั้นเอางี้ พรุ่งนี้เราไปคุยกับน้องมึงกัน เดี๋ยวกูคุยเอง”

<---o--->

ในคืนนั้น
ระหว่างที่ไอ้ภพกำลังอาบน้ำอยู่ไอ้ยักษ์ก็โทรมาพอดี ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ไอ้ยักษ์ฟัง

“แล้วมึงยังรักไอ้ภูอยู่รึเปล่าล่ะ?” ไอ้ยักษ์ถาม
“กูก็ไม่รู้ว่ะ? แต่วันนี้ที่เห็นมันเป็นแบบนั้น กูก็เจ็บจนทนไม่ได้เหมือนกัน”
“มึงควรจะชัดเจนกับตัวเอง”
“แต่กูก็รักไอ้ภพนะ กูมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ ๆ มัน แต่พอคิดไปถึงเรื่องนั้นแล้ว หรือกูควรจะตัดทั้งสองคนแล้วถอยออกมาเลย มันจะได้ไม่ทะเลาะกัน”
“มึงอย่าคิดโง่ ๆ ตอนนี้มันทะเลาะกันไปแล้ว และมึงก็รักกันไปแล้ว จะมาทำร้ายกันไปเพื่ออะไร”

ผมจุกกับคำพูดของไอ้ยักษ์ เพราะรู้สึกว่าตัวเองคิดน้อยเกินไปจริง ๆ

“เอางี้ดิ มึงก็*ทรีซั่มกันไปเลย” ไอ้ยักษ์บอกแล้วหัวเราะออกมา
“ส้นตีนสิ! มันใช่เวลาตลกมั้ยเนี่ย?”
“กูล้อเล่น ฮ่า ๆๆ มึงก็แค่ไปคุยกับไอ้ภูให้รู้เรื่อง แค่นั้นแหละ”
“เออ กูก็ตั้งใจไว้แบบนั้น... แล้วนี่ แม่มึงเป็นไงบ้าง?”
“ก็ปกติดี เนี่ย กูเพิ่งมาถึง เค้าก็เตรียมผลไม้กับขนมเอาไว้ บอกว่าให้เอาไปฝากมึงซะแล้ว”
“ฮ่า ๆๆ ฝากขอบคุณแม่มึงด้วย”
“เค้าบอกว่าน่าจะชวนมึงมาด้วย แต่กูบอกมึงอยู่กับผัว”
“ไอ้เชี้ยนี่!”
“กูไปก่อนนะ แม่มาตามไปกินข้าวแล้ว”
“เออ”
“มึงก็ดูแลตัวเองด้วย”

“ไอ้โซ่ ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย!” ไอ้ภพตะโกนเรียกผมจากในห้องน้ำ
ผมจึงวางสายจากไอ้ยักษ์แล้วลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้มัน
“แล้วทำไมไม่หยิบมาแต่แรกวะ” ผมเคาะประตูเรียกมัน

ไอ้ภพเปิดประตูห้องน้ำออกแล้วดึงผมเข้าไปในห้องน้ำกับมัน
“สระผมให้หน่อย”
“อะไร? มึงก็สระเองดิ เดี๋ยวกูเปียกไปด้วย”
“ไม่เอาสระให้หน่อย”
“ม่ายยย~” ผมปฏิเสธ

ไอ้ภพจึงฉีดน้ำใส่ตัวผม

“เฮ้ย! เล่นอะไรเนี่ย เปียกหมดแล้ว!”
“ไหน ๆ ก็เปียกแล้ว มาอาบด้วยกันเลยดิ” ไอ้ภพยิ้มเยาะเย้ยที่แกล้งผมสำเร็จ
“ไม่!” ผมบอกแล้วหันกลับไปเพื่อที่จะเปิดประตูห้องน้ำ
“สระผมให้หน่อยนะครับ” ไอ้ภพดึงผมไปกอดแล้วอ้อนเสียงหวาน แต่นั่นทำอะไรผมไม่ได้หรอก
......
....
..

“โตเป็นควายแล้ว ยังจะให้สระผมให้อีก” ผมบ่น ในขณะที่มือก็ขยุ้ม ๆ อยู่บนหัวมัน
“ก็อยากให้มึงสระให้อ่ะ”
“หลับตา” ผมบอกแล้วเปิดฝักบัวฉีดน้ำเพื่อล้างแชมพูจากหัวมัน
“หันหลังมา เดี๋ยวกูสระให้มึงบ้าง”
“ไม่เอาอ่ะ กูสระเองได้”
“หันหลัง!”

ผมถอนหายใจ แล้วหันหลังให้มันอย่างว่าง่าย

“ทำไมกูต้องยอมมึงตลอดเลยวะ?” ผมบ่นออกมา
“เพราะมึงชอบกูไง กูสั่งอะไรมึงก็ต้องทำตาม”
“กูไม่ใช่ทาสมึงนะ”
“แต่กูก็ไม่เคยสั่งอะไรที่มึงไม่อยากทำเลยนี่”
“มึงรู้ได้ยังไง?”
“งั้นมึงลองบอกมาสิ มีเรื่องไหนบ้างที่กูสั่งแล้วมึงไม่อยากทำ”

ผมนึกย้อนกลับไป ตั้งแต่ที่ค่าย ผมก็ยอมมันมาตลอด

“กูรักมึงนะ” ไอ้ภพบอกแล้วสวมกอดผมจากด้านหลัง
“อยู่ ๆ มาบอกอะไรตอนนี้วะ?”
“เพราะกูยังไม่เคยบอกมึงเลยไง”

ไอ้ภพจับผมหันไปหามัน ในตอนนี้ เราทั้งสองคนอยู่ในสภาพตัวเปียก และมีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ติดตัวกันคนละตัว นอกเหนือจากนั้น ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ไอ้ภพดึงผมไปจูบอย่างนุ่มนวลพลางมือก็ลูบไล้ไปตามตัวของผมจนกระทั่ง
“โอ้ยยยยย! แชมพูเข้าตา!” ผมตะโกนลั่น เพราะแชมพูที่ยังคาอยู่ที่หัวนั้นไหลย้อยลงมาจนเข้าตาผมทั้งสองข้าง ไอ้ภพก็เอาแต่หัวเราะ ก่อนจะฉีดน้ำมาช่วยล้างแชมพูออกจากตาผม

<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2017 09:15:49 โดย Thearz »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ค้างๆๆๆ....... :ling1: :ling1: :ling1:
หรือค้างตอนนี้ ตอนหน้าไม่ค้าง  :hao6:
คนอ่าน ก็คิดอย่างยักษ์นะ 3p ไปเล้ย
ที่จริงโซ่ ตอนอยู่กับน้องภูก็ตามใจน้องนะ
อยู่กับภพ ก็ตามใจภพ
แสดงว่าจิตใจของโซ่ เป็นคนสบายๆ
ชอบตามใจคนอยู่แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ได้โปรด 3p เหอะ 55555555555+ เราเลือกไม่ถูก

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 10.2
ตัดสินใจ...


แสงของดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องปลุกให้ผมตื่นขึ้น แต่เช้านี้แตกต่างจากทุก ๆ เช้าที่ผ่านมา
ไอ้ภพกระชับกอดเมื่อรู้สึกว่าผมกำลังจะลุกขึ้น

“ตื่นแล้วหรอ?”
“อืม ปล่อยก่อน จะไปเข้าห้องน้ำ”
“ไม่เอา อยากกอดแบบนี้นาน ๆ” ไอ้ภพอ้อน
“กูปวดเยี่ยว!” ผมบอกแล้วดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอดของมัน

ไอ้ภพหัวเราะที่แกล้งผมได้อีกแล้ว

ผมยืนมองตัวเองในกระจก แล้วเผลอนึกย้อนไปตอนที่ผมกับไอ้ภพเจอกันที่ค่าย ภาพความทรงจำไล่เรียงเป็นฉาก ๆ จนกระทั่งตอนนี้ ที่ผมกับมันเป็นแฟนกันแล้ว และในขณะเดียวกัน ผมกลับนึกย้อนไปยังตอนที่ได้เจอกับน้องภูครั้งแรก เดทแรก หรือแม้แต่ตอนที่น้องภูบอกรักผม พลันเสียงน้องภูในหัวที่พูดประโยคนั้นก็แว่วเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง

หลังจากปลดทุกข์เสร็จผมก็กลับมานอนที่เตียงต่อ ไอ้ภพดึงผมเข้าไปกอดอย่างเบามือ

“กูมีความสุขจัง”
“เราจะไปบ้านมึงกันตอนไหนดีอ่ะ?”
“ขออยู่แบบนี้ก่อนไม่ได้หรอ? ตอนนี้กูไม่อยากคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น” ไอ้ภพบอกแล้วกอดผมแน่นขึ้น
“ก็ไปคุยให้มันเคลียร์ ๆ ไปเลย”
“มึงอยากไปขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ทำไมวะ?”
“ดูมึงเป็นห่วงน้องกูจังเลยนะ ยังรักมันอยู่ละสิ!” ไอ้ภพบอกแล้วคลายอ้อมแขนออกจากผม
“จะพูดแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมาวะ?”
“แปลว่าจริงใช่มั้ย?”
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจแล้วลุกออกจากเตียง
“ตอบมาดิ!” ไอ้ภพตะคอก
“มึงต้องให้กูพูดอีกกี่ครั้งวะ มึงถึงจะพอใจ แล้วไอ้การที่กูบอกรักมึง หรือสิ่งที่เราทำด้วยกัน มันไม่ได้ให้คำตอบมึงเลยรึไงวะ?”
“แล้วทำไมมึงไม่ตอบมาอ่ะ?”
“มึงอยากได้คำตอบใช่ป่ะ? ใช่! กูรักน้องมึง แล้วกูก็เป็นห่วงมัน เป็นห่วงความรู้สึกมันที่ต้องรู้ว่าพี่ชายตัวเองมาคบกับแฟนเก่าที่ตัวเองเคยคบ กูกับมันไม่ได้เลิกกันเพราะไม่ได้รักกัน มันไม่ได้ทำใจให้ไม่รู้สึกอะไรได้ง่ายขนาดนั้นนะเว้ย!”
“แล้วมึงมาคบกับกูทำไมวะ?” ไอ้ภพน้ำตาคลอ
“เพราะกูรักมึงไง กูรักมึง แล้วก็รักน้องมึงด้วย แต่มันไม่เหมือนกัน สำหรับน้องมึงมันเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่กูมีให้ด้วยความเป็นห่วง เหมือนที่มึงควรจะห่วง”
“ไอโซ่!”

ไอ้ภพทำหน้าตกใจแล้วรีบลุกจากเตียงตรงมาที่ผม

“ทิชชู่อยู่ไหน?” ไอ้ภพถามอย่างร้อนรน
“ทำไม? มีอะไรวะ?”
“เลือดกำเดามึงไหล เงยหน้าไว้ ๆ” มันผลักหัวผมให้เงยหน้าเบา ๆ แล้วพาผมมานั่งที่เตียงก่อจะเดินไปหยิบทิชชู่มาซับเลือด
“เยอะหรอ?”
“ไม่เอาแล้ว ไม่คุยเรื่องเครียด ๆ แล้ว กูขอโทษที่ตะคอกใส่มึงนะ”
“ไม่เกี่ยวกันหรอก มันอาจจะแค่ไหลมาเฉย ๆ มั้ง”

ผมเพิ่งเคยเห็นไอ้ภพดูเป็นห่วงผมขนาดนี้ แอบตลกในใจตัวเองเหมือนกัน ว่านี่คือคนเดียวกันที่ทำผมเกือบพิการ

“มึงเข้าใจที่กูพูดใช่มั้ยภพ กูกับน้องมึงอาจจะมีความรู้สึกแปลก ๆ ต่อกันอยู่ แต่กับมึง มันชัดเจนว่าตอนนี้กูรักมึงแล้ว เพราะงั้นเลิกถามอะไรแบบนั้นซะที”
“บอกว่าไม่ต้องพูดเรื่องนั้นแล้วไง ช่างมันเหอะ”
“กูไม่อยากช่างมัน แล้วปล่อยให้มึงจมอยู่กับความคิดที่มึงคิดเอาเอง”
“อืม เข้าใจแล้วครับ” ไอ้ภพบอกแล้วแกล้งทำท่าตะเบ๊ะ


<---o--->

“เตรียมใจแล้วใช่ป่ะ?” ไอ้ภพถาม

ในตอนนี้เรายืนอยู่หน้าบ้านมันแล้ว ลักษณะเป็นบ้านสองชั้น ไม่เล็กไม่ใหญ่ ที่ชั้นล่างเป็นประตูกระจกบานใหญ่ ที่มีม่านสีฟ้าติดเอาไว้ มองเข้าไปข้างใน ผมเห็นพ่อไอ้ภพนั่งง่วนอยู่ตรงโต๊ะทำงาน
ผมเหลือบขึ้นไปมองที่ชั้นบน ก็เห้นหน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่ และมีผ้าขนหนูลายตัวการ์ตูนพาดอยู่ ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าห้องนั้นต้องเป็นห้องของน้องภู
“สติทช์?”
“ห๊ะ?” ไอ้ภพหันมาถามที่เห็นผมงึมงำ
“หืม?”
“กูถามว่ามึงเตรียมใจดีแล้วใช่มั้ย?”
“อันที่จริงก็กลัว ๆ นิดหน่อย กลัวที่ต้องเจอพ่อมึง โดยที่เค้ารู้ว่ากูเป็นคนทำให้เรื่องวุ่นวายแบบนี้”
“กูจะอยู่ข้าง ๆ มึงเอง” ไอ้ภพบอกแล้วจับมือผมเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนประตูรั้วแล้วพาผมเดินเข้าไป

ทันทีที่ไอ้ภพก้าวเท้าเข้าบ้านไป พ่อมันก็หันมาถามทันที ด้วยเสียงเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความดุดัน

“กลับมาแล้วหรอ?”
“ครับ พ่อนี่ไอ้โซ่...ที่เคยไปเจอกันที่ค่าย” ไอ้ภพแนะนำผมกับพ่อมัน
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แบบล่ก ๆ
“คนเนี้ยหรอ?”
“ครับ?”
“คนนี้หรอที่ให้เอ็งกับน้องต้องทะเลาะกัน?”

ผมหน้าชา ความกล้าที่มีก่อนหน้านี้หายวูบไปหมดเลย

“ไม่ใช่เพราะเค้าหรอก เพราะผมเอง” ไอ้ภพบอก
“ไปตามน้องลงมาสิ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย”

ไอ้ภพพยักหน้าตามคำสั่ง

“คุณอยู่นี่แหละ!” ผมที่กำลังจะก้าวเท้าเดินตามไอ้ภพไป ถึงกับต้องชะงัก

ไอ้ภพหันมามองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง แล้วรีบวิ่งขึ้นไปตามน้องภู

“นั่งลงก่อนสิ ชื่อโซ่ใช่มั้ย?”
“ครับ”
“คุณรู้ใช่มั้ย? ผมมีลูกชายอยู่แค่สองคน มันน่าโมโหนะ ที่คุณมาทำให้ลูกผมทั้งสองคนกลายเป็นเกย์” พ่อไอ้ภพเริ่มเปิดตรงประเด็นจนผมเหงื่อตก
“ครับ...”
“ทำไมล่ะ? ทั้งที่ตอนที่อยู่ที่ค่าย ดูคุณสองคนจะไม่ชอบขี้หน้ากันไม่ใช่หรอ? แถมยังมีเรื่องต่อยตีกันอีก หรือเพราะผมจับคุณสองคนอยู่ด้วยกัน ก็เลยเกิดรักกันขึ้นมา?”

ผมอยากจะบอกเหลือเกิน ว่าถูกต้องครับ! เพราะลุงนั่นแหละ ที่ใส่กุญแจมือให้ผมกับไอ้ภพต้องอยู่ด้วยกัน จนได้กันนี่แหละ

“...” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ
“แล้วกับภูล่ะ? ไปคบกันได้ยังไง?”
“เอ่อ...”
“พ่อ มันไม่ยอมเปิดประตูเลย!” ไอ้ภพโผล่มาช่วยผมไว้ได้ทันเวลาพอดี

พ่อไอ้ภพถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบลูกกุญแจในลิ้นชักของโต๊ะทำงาน แล้วยื่นมาให้ไอ้ภพ

“กูขอไปคุยเองนะ” ผมรีบอาสา เพราะถ้าต้องอยู่กับพ่อไอ้ภพสองต่อสองให้เขาไตร่สวนอีก ผมคงฉี่ราดแน่ เพราอย่างที่ทุกคนเคยทราบ ว่าพ่อมันนั้นมีบุคลิกที่ค่อนข้างดุและน่ากลัวอยู่แล้ว
“จะดีหรอ?” ไอ้ภพถามด้วยความลังเล
“อืม”

ผมรับลูกกุญแจจากไอ้ภพมาแล้วเดินขึ้นมาที่ชั้นสองและหยุดตรงหน้าห้องของน้องภู
ผมไขกุญแจและเปิดประตูเข้าไปด้วยใจมี่สั่นรัว ภายในห้องทาด้วยสีฟ้าสว่าง ทุกอย่างถูกจัดเป็นระเบียบร้อย และถูกตกแต่งด้วยของเล่น และโมเดลที่ส่วนใหญ่จะเป็นโมเดลของ “สติทช์” ตัวการ์ตูนเอเลี่ยนตัวสีฟ้า ของค่าย ดีสนีย์ “สติทช์ไม่ใข่เอเลี่ยนนะพี่ มันเป็นสัตว์ทดลอง” คำพูดของน้องภูแว่วเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง แต่ก่อนที่ผมจะชื่นชมอะไรมากไปกว่านี้ ผมจึงกวาดสายตามองหาน้องภู

“สติทช์!”

น้องภูรีบกระดกหัวขึ้นจากเตียงแล้วหันมาทางผม

“พี่โซ่!”

ผมนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ น้องภูที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยความตกใจที่เห็นผมอยู่ในห้องมัน

“พี่มาได้ยังไง?”
“จะเที่ยงแล้ว ยังนอนอยู่อีกหรอ? ปกติไม่ใช่เป็นคนตื่นสายนี่นา”
“ผม...”
“เอ็งนี่ชอบสติทช์จริง ๆ เนอะ ทั้งผ้าขนหนู ทั้งผ้าปูที่นอน แถมโมเดลเต้มห้องเลย”
“พี่มาทำไม?” น้องภูถามเสียงแข็ง

ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกที่ถูกน้องภูถามแบบนั้น

“พี่ไม่ได้จะมาแก้ตัวนะ แต่เราต้องคุยกัน ทั้งเรื่องของเรา เรื่องของเอ็ง แล้วก็เรื่องของไอ้ภพ”
“ทำไมพี่ทำกับผมแบบนี้?” น้องภูน้ำตาคลอ

ผมจึงเล่าทุกอย่างให้มันฟังทั้งหมด ทั้งเรื่องของผมกับไอ้ภพ และเรื่องที่แม่มันจะมาพามันไปอยู่ด้วย แต่เหมือนน้องภูจะไม่ยินดียินร้ายอะไรนะ

“ถ้าพี่เป็นผม พี่คิดว่าผมจะเลือกยังไง?”
“พี่ก็คง หนีไปไกล ๆ ถึงมันจะเจ็บ...”
“งั้นถ้าผมจะตัดสินใจไปอยู่กับแม่ผม ผมก็ไม่ผิดใช่มั้ย?”
“แล้วเอ็งไม่ห่วงพ่อเอ็งหรอ?”
“พ่อก็มีไอ้ภพแล้วไง จะสนใจผมอีกทำไม?”
“ภู อย่าประชดด้วยวิธีนี้เลย เพราะเอ็งก็รู้ว่าพ่อเอ็งรักเอ็งมาก”
“พี่จะมาเข้าใจอะไรผม?”
“พี่เข้าใจสิ พี่ถึงมาวันนี้ไง... พี่อยากขอให้เอ็งอยู่ที่นี่ กับพ่อเอ็ง กับไอ้ภพ ถึงมันอาจจะทำใจยากหน่อยในช่วงแรก แต่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง”
“ให้ผมอยู่โดยที่พี่ก็มีความสุขกับไอ้ภพให้ผมเห็นอ่ะนะ?”
“ไม่หรอก... พี่จะถอยออกไปแล้วไม่มาให้เอ็งกับไอ้ภพเห็นอีกเลย... เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดพี่เหมือนกัน”
“พี่จะทำแบบนั้นพี่ไม่รักมันหรอ?” น้องภูถาม น้ำตามันไหลหยดลงบนที่นอนจนเกิดรอยเปียกเป็นดวง ๆ
“รักสิ แล้วพี่ก็รักเอ็งด้วย ก็เลยไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อทำร้ายใจเอ็งหรอก”
“ทำแบบนั้นแล้วพี่คิดว่าผมจะมีความสุขหรอ?”

“ไม่หรอก ไม่มีใครมีความสุขหรอกภู แต่ถ้าให้เลือก ให้เอ็งทุกข์ ในขณะที่พี่มีความสุข พี่ก็ไม่เอา”

ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่สามารถทำได้จริง ๆ ยิ่งเห็นน้องภูที่ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตายิ่งแล้วใหญ่ ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ผมพูดไปนั้น เข้าหูไอ้ภพหมด เพราะผมเห็นเงาของมันที่แอบยืนฟังอยู่หน้าห้องสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์

“พี่ยังรักผมอยู่จริง ๆ หรอ?” น้องภูถามผมเสียงสั่น
“อื้ม แต่เป็นความรักแบบพี่ที่มีต่อน้องนะ พี่รู้ว่าระหว่างเราอาจมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น เพราะเราเคยคบกัน แต่...”
“แล้วระหว่างผมกับไอ้ภพพี่รักใครมากกว่า?”
“พี่รักไอ้ภพมากกว่า แล้วก็รู้ว่า ไอ้ภพมันรักเอ็ง มากกว่าที่มันรักพี่ด้วยซ้ำ เพราะงั้นพี่จะไม่เข้ามาทำลายความรู้สึกนั้นระหว่างเอ็งกับมัน”

ผมปาดน้ำตา แล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องนั้นไป

“อยู่ที่นี่เถอะ ทุกคนที่นี่ต้องการเอ็ง”

ผมออกจากห้องมา ไอ้ภพไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ผมรู้ว่ามันต้องเสียใจแน่นอนที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับน้องภู แต่ผมตัดสินใจแล้ว นี่เป็นวิธีเดียวที่มันทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้ และหวังว่าไอ้ภพเองก็คงจะเข้าใจการตัดสินใจของผม เพราะมันเองก็คงไม่มีความสุขอยู่แล้ว ถ้าคบกับผมไปโดยที่ต้องคอยกังวลว่าน้องชายตัวเองจะทุกข์ใจ

“ผมกลับก่อนนะครับ” ผมบอกกับพ่อของไอ้ภพที่ยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน

น้องภูเดินตามลงมาแล้วไปยืนข้าง ๆ พ่อมัน

“ทำไมเตี่ยไม่บอกผมว่าแม่จะมาพาผมไปอยู่ด้วย?”
“จะให้บอกยังไงล่ะ? ก็เตี่ยกลัวเอ็งจะไปจากเตี่ย”
“ผมจะไปได้ไง เตี่ยเป็นคนเลี้ยงผมมานะ ผมจะอยู่กับเตี่ยนี่แหละ แต่...”
“แต่อะไร?”
“ผมขอโทษนะ ที่ทำให้ครอบครัวคุณลุงวุ่นวาย... ฝากขอโทษไอ้ภพด้วยครับ”ผมบอกแล้วเดินออกจากบ้านหลังนั้นมา โดยไม่มีวี่แววของไอ้ภพ

ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อไป แต่คิดว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจลงไปในวันนี้ เป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะถึงแม้มันจะเจ็บ แต่มันคงดีกว่าปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปโดยที่ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความรู้สึกของน้องภูไม่ได้...

<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->


สวัสดีวันอาทิตย์ครับ และต้องขอโทษจริงจัง ที่สัปดาห์นี้ลงนิยายรวนไปหมดเลย 555
เหตุเพราะตอนนี้ผมอยู่ในช่วงเปลี่ยนงาน
จากที่เมื่อก่อนที่ค่อนข้างมีเวลาว่างเยอะหน่อย ตื่นตอนไหนก็ได้ ก็จะพิมพ์นิยายตอนตี1 ตี2
แต่ตอนนี้เพิ่งได้งานประจำ ทำให้เวลาส่วนนั้นต้องเอาไปใช้ในการนอน ! 555

และตอนนี้ขอแบ่งลงให้ 2 พาร์ท
ในส่วนของสัปดาห์หน้านั้น ขออนุญาติไม่รับปากว่าจะลงวันไหนแล้วกันนะครับ
แต่สัญญาว่า ลงให้สัปดาห์ละ 2 ตอนเหมือนเดิมแน่นอน

ขอให้สนุกกับการเสพดราม่านะคร้าบ  :laugh: 555
ปล.1 ประเด็น 3p เนี่ย แอบคิดเหมือนกันนะ เอาเป็น ภพ โซ่ ยักษ์ แทนดีมั้ย? 555
ปล.2 อ้อ! ตอนนี้ก็จบค้างด้วยแหละ ฮ่า ๆๆๆ  :hao6: :laugh: #ผู้แต่งโรคจิต


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มาม่าชามโต เฮ้อ..อออออออ   :ruready

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ภู

“พี่โซ่ครับ... ผมชอบพี่” ผมตัดสินใจบอกชอบพี่โซ่ ตรงหน้าป้ายรถเมล์ เพราะกลัวว่าถ้าผมไม่บอกตอนนี้ อาจไม่มีโอกาสได้บอกอีก
“อะไรนะ?”
“คบกับผมได้มั้ย?”
“ภู...”
“นะครับ” ผมถามย้ำแล้วดึงมือพี่โซ่มาจับไว้
“ภู!”
...
“ภู! ตื่นได้แล้ว!” เสียงพี่โซ่เรียกผมแล้วเอาปากกาเคาะหัวผมเบา ๆ
“โอ้ย! ตื่นแล้ว! ๆ”
“พี่ไปเข้าห้องน้ำแปปเดียว ถึงกับหลับเลยหรอ”
“บ่าย ๆ แบบนี้มันง่วงอ่ะพี่”
“ก็เอาแต่เล่นเกมไม่ยอมหลับยอมนอน” พี่โซ่บ่นเหมือนรู้ทันไปหมด
“ไม่ได้เล่นเกมซะหน่อย อ่านหนังสือหรอก”
“หรอออ?” พี่โซ่ลากเสียงยาวเป็นการบอกว่าไม่เชื่อที่ผมพูด
“คร้าบ! ฮ่า ๆๆ”

“เครปเค้กได้แล้วครับ”

วันนี้ผมพาพี่โซ่มานั่งติวกันที่ร้านขนมที่ผมชอบมากินกับเพื่อน ๆ บ้าง เพราะก่อนหน้านี้พี่โซ่มักจะพาผมไปตามร้านที่พี่ชอบไปมาแล้ว
ภายในร้านตกแต่งด้วยของเล่น และโมเดลต่าง ๆ เต็มไปหมด เห็นแล้วอยากแอบจิ๊กกลับบ้านไปซักตัวสองตัว ฮ่า ๆๆ

“กินอีกแล้วหรอ?” พี่โซ่ถามทันทีที่เห็นพนักงานเอาเครปเค้กของโปรดผมมาเสิร์ฟ
“ก็มันอยากกินนี่ครับ ฮ่า ๆๆ”
“ชิ้นที่สองแล้วนะ กินขนาดนี้ทำไมถึงไม่อ้วนเนี่ย?”
“ผมก็ออกกำลังกายไง ปกติก็เล่นฟุตบอลเป็นประจำอยู่แล้ว”
“รีบกิน จะได้รีบเรียนต่อ”
“พี่มีธุระหรอ?”
“ก็เปล่าหรอก แต่แค่ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ เกรงใจเจ้าของร้านเค้า” พี่โซ่บอก
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นที่นี่นะ นั่งได้ทั้งวัน พี่เจ้าของร้านเค้าใจดี”
“แต่ก็นะ พอวันนี้ให้เลือกร้านเอง ก็รีบบอกให้มาร้านนี้เลย ดูท่าคงจะมาบ่อยละสิ”
“ช่ายยย ที่นี่เป็นร้านในฝันเลยแหละ ฮ่า ๆๆ”
“เด็กน้อย”
“คนแก่ไม่เข้าใจหรอกน่า” ผมแกล้งเยาะเย้ยพี่โซ่ เพราะพี่โซ่ชอบบ่นว่าผมเป็นเด็กอยู่เป็นประจำ
“แหม พี่ก็โตกว่าเอ็งแค่สี่ปีเองนะ อายุเราก็ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่หรอกน่า”
“งั้นผมก็เป็นแฟนพี่ได้ใช่ป่ะ?”
“อะไรนะ?”
“ฮ่า ๆๆ ไม่มีอะไรครับ” ผมแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน ถึงจะพอดูออกว่าพี่โซ่ก็รู้ว่าผมพูดอะไร และดูออกว่าพี่เค้ารู้สึกยังไง แต่ผมอยากจะให้มั่นใจกว่านี้ก่อน ค่อยบอกความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่เขาออกไป
“ถ้าคบกับเอ็งสงสัยพี่คงจะเหนื่อยน่าดูเลยอ่ะ” พี่โซ่พูดออกมา
“ทำไมคิดงั้นอ่ะ”
“ดูแล้วก็คงจะมีสาว ๆ มาจีบไม่น้อย พี่คงเหนื่อยที่ต้องคอยตามละมั้ง”
“แต่ถึงจะมีคนมาจีบ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไปชอบเค้าซะหน่อย ถ้าผมคบกับพี่ผมก็รักพี่คนเดียวไง”
“หืม?”

ผมเผลอหลุดปากพูดออกไปจนได้ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว...

“ผมชอบพี่จริง ๆ นั่นแหละ”
“อะไรนะ?” พี่โซ่ตกใจ แต่หน้าแดง
“อยากลองคบกันดูมั้ยครับ?”
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมอ่ะ? พี่นึกว่าเอ็งชอบผู้หญิงซะอีก”
“ผมก็ชอบผู้หญิง แต่เวลาที่ได้อยู่กับพี่ ได้เห็นรอยยิ้มพี่ ผมโคตรมีความสุขเลย”
“ภู....” พี่โซ่ดูตะลึงไปเล็กน้อย
“คบกับผมนะครับ”
“เอาจริงหรอ?”
“ครับ ผมคิดมาซักพักแล้วว่าจะบอกพี่ แต่กลัวพี่คิดว่าผมเด็กเกินไป”
“ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ ”

พี่โซ่เงียบไปพักนึง ทำให้ผมรู้สึกใจแป้วขึ้นมา กลัวว่าถ้าพี่โซ้ปฏิเสธ จากนี้ไปเราอาจจะมองหน้ากันไม่ติด และผมอาจจะไม่ได้มานั่งกวนพี่เขาแบบนี้อีก แต่

“จริง ๆ พี่ก็ชอบเอ็งเหมือนกันนะ”
“คบกับผมนะครับ” ผมถามย้ำ
“อื้ม!”

วินาทีนั้นผมอยากจะตะโกนให้ลั่นร้าน แต่เกรงใจลูกค้าคนอื่น ๆ ทำได้เพียงแค่เอื้อมไปจับมือพี่โซ่เอาไว้ แล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ


<---o--->

หลังจากวันนั้นที่ผมได้คุยกับพี่โซ่และรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ความโกรธที่ผมมีต่อพี่โซ่ก็หายไป จะเหลือก็แต่กับไอ้ภพ พี่ชายสารเลวของผม ที่ถึงแม้มันจะไม่ได้บังคับให้ผมเลิกกับพี่โซ่เพราะมันอยากคบเองอย่างที่ผมเคยคิด แต่มันก็ทำให้ผมกับพี่โซ่เลิกกันอยู่ดี

ผมอยากจะให้มันเสียใจแบบที่ผมเคยเสียใจบ้าง แล้วก็ได้ผล หลายสัปดาห์มานี้ไอ้ภพเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหน มันไม่กล้าสู้หน้าผม ทั้งที่เมื่อก่อนมันมักจะทำตัวร้าย ๆ ใส่ผมเป็นประจำ ทั้งชอบบังคับให้ผมทำโน่นนี่ แต่ตอนนี้กลายเป็นผมที่ดูจะอยู่เหนือกว่ามันไปแล้ว ไอ้ภพต้องได้เรียนรู้ความเสียใจที่มันเคยทำเอาไว้กับผม

แต่ผมก็เฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอ ว่านี่คือสิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ เหรอ? แล้วผมก็ได้คำตอบ ว่าผมไม่ได้ต้องการให้เรื่องราวมันลงเอยยแบบนี้ ถึงผมกับพี่โซ่จะไม่ได้คบกัน ถึงแม้ว่าเราจะรักกันแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้พี่เขาอยู่ในชีวิตของผมต่อไป และผมก็อยากได้พี่ชายตัวแสบของผมคืนด้วยเช่นเดียวกัน เพราะในความเป็นจริง เรื่องราวต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าผมไม่บังเอิญไปรักพี่โซ่เข้า การตัดสินใจในตอนนั้นของผมมันเหมือนการโดดลงไปในเหวลึก โดยที่ยังมีเชือกผูกโยงกับตัวและพาให้คนอื่นต้องตกลงไปด้วย ทั้งเตี่ย ทั้งไอ้ภพ และพี่โซ่ ตกลงมาพร้อมกันกับผม ทุกคนตกที่นั่งลำบากเหมือนกันหมด
แต่ถึงข้างล่างนี้จะเป็นเหว และถึงแม้ว่าผมมีโอกาสครั้งที่สองให้เลือกใหม่อีกครั้ง ผมก็ยังเลือกที่จะบอกรักพี่โซ่ และปล่อยให้เรื่องราวต่าง ๆ ดำเนินไปดังเดิม เพราะผมตัดสินใจแล้ว ว่าในเมื่อผมเลือกเองตั้งแต่แรก ผมก็จะขอเลือกให้ข้างล่างของก้นเหวนี้ เป็นบ่อน้ำที่เขียวขจี และอบอุ่นไปด้วยความรักก็แล้วกัน

ผมรักพี่โซ่ และรักพี่ชายของผม และอย่างที่ผมบอก ว่าถึงแม้ผมกับพี่โซ่จะกลับมาคบกันไม่ได้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้พี่เขาวนเวียนอยู่ในชีวิตผมต่อไป และนั่นแหละคือความสุขของผม ผมอยากเห็นพี่ชายทั้งสองคนของผมมีความสุข



<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูแล้วภู จะชักจูงให้โซ่ ภพ กลับมาคบกันใหม่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ dena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักน้องภูที่สุดในเรื่องนี้55555555555+ 3pภพโซ่ยักษ์ก็ดีนะ อิอิ :hao6:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 11 พี่ชาย 1

หกโมงเช้า...
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ ที่โทรมาแต่เช้า

“อืม....”
“พี่จะถึงแล้วนะ ตื่นรึยังเนี่ย?”
“ตื่นแล้ว พี่ถึงแล้วก็โทรมาแล้วกัน ผมจะได้ลงไป”
“ลงมาเลย อีกห้านาทีพี่ก็ถึงหอเอ็งแล้ว”
“โอเค”

อย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ พี่แวน เป็นพี่ชายคนโตของผม และเป็นคนที่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของผม เหมือนกับเป็นผู้ปกครองอีกคนนึงเลย หลังจากที่พ่อผมเสียไป
สาเหตุที่ผมต้องตื่นแต่เช้าแบบนี้ ก็เพราะวันนี้ไอ้แซคจะกลับมา และเครื่องลงประมาณแปดโมงเช้า ผมกับพี่แวนจึงต้องรีบไปรอรับมันที่สนามบิน

1 สัปดาห์ผ่านไป หลังจากที่ผมไปบ้านไอ้ภพวันนั้น ทุกอย่างเหมือนกลับมาเป็นเหมือนเก่า เหมือนตอนที่ผมกับมันยังไม่เคยเจอกัน ยกเว้นแต่ใจของผม ที่ยังคงคิดถึงมันอยู่เสมอ และทั้งที่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนั้นของผมมันช่างสิ้นคิดซะเหลือเกิน แต่เมื่อมันลงเอยยแบบนี้ไปแล้ว ผมก็ต้องทำใจยอมรับมัน

“เป็นอะไรรึเปล่า?” พี่แวนถาม
“หืม?”
“ปกติพูดไม่ได้หยุด ทำไมวันนี้ดูเงียบแปลก ๆ”
“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ผมแก้ตัว
“แล้วสอบเป็นไงบ้าง? โอเคมั้ย?”
“โอเคดิ ระดับนี้แล้ว”
“ให้มันจริงเถอะ”

หลังจากนั้นเราก็คุยกัน ตามประสาพี่น้องที่ไม่ค่อยได้เจอกัน เมื่อถึงสนามบิน ผมกับพี่แวนก็รอไอ้แซคกันเกือบครึ่งชั่วโมง
ไอ้แซคดูไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก ที่ต่างกันคือตอนนี้มันตัดผมสั้นทรงสกินเฮดที่ทำให้ดูมีความกวนตีนขึ้นไปอีกหลายระดับ

“พี่แวน หวัดดี” ไอ้แซคทักพี่แวนก่อน
“เออ เป็นไงบ้าง กินอะไรมายัง?”
“กินบนเครื่องมานิดหน่อยแล้ว” ไอ้แซคบอก แล้วยื่นกระเป๋าสัมภาระมันมาให้ผม
“อะไรวะ?”
“ถือ!”
“มาถึงก็ใช้กูเลย” ผมบ่น
“กูอุตส่าห์มาหา หิ้วของฝากมาตั้งเยอะ อย่าบ่นสิวะ” ไอ้แซคบอกแล้วเข้ามากอดคอผม

ผมกับไอ้แซคไม่ค่อยแสดงออกในเรื่องของความรักต่อกันมากนัก อาจเพราะเราต้องห่างกันนาน ๆ การมาเจอกันมันจึงทำให้เราทั้งคู่รู้สึกประหม่านิดหน่อย

“โคตรคิดถึงมึงเลย” ไอ้แซคบอก
“มึงสูงขึ้นป่ะเนี่ย?”
“ใครจะเตี้ยม่อต้อแบบมึงล่ะ?”
“โถ~ สูงขึ้น ไม่ได้แปลว่าสูงแล้ว มึงก็ไม่ต่างกับกูเท่าไหร่หรอก”
“ฮ่า ๆๆ ไอ้สองคนนี้ มาถึงก็กัดกันเลย” พี่แวนขำ



<---o--->


“อยู่กันสองคนได้ใช่มั้ย?”
“อืม พี่ก็ขับรถกลับดี ๆ นะ” ผมบอกพี่แวนที่มาส่งผมกับไอ้แซคที่หอ
“ขอโทษทีที่ไม่ได้อยู่ด้วย ช่วงนี้งานเยอะจริง ๆ เอาไว้ครั้งหน้าพี่บินไปหาแล้วกันเนอะ”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมอยู่กันได้” ไอ้แซคบอก

จริง ๆ แล้วเราตั้งใจกันไว้ว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านกัน แต่พี่แวนติดงานสำคัญเสียก่อน ไอ้แซคจึงตัดสินใจมาอยู่ที่หอผมแทน

“ห้องดูกว้างกว่าที่เห็นตอนสไกป์กันอีกนะเนี่ย”
“โคตรหนักเลย มึงพกบ้านมาด้วยหรอวะเนี่ย!” ผมบ่นแล้ววางกระเป๋าสัมภาระมันลงตรงโต๊ะคอม
“อย่าบ่น ๆ”
“มึงจะอาบน้ำก่อนมั้ย?”
“ไม่อ่ะ ตัวกูก็ไม่ได้เหม็นซะหน่อย ตอนนี้หิวมากกว่า” ไอ้แซคบอกแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หาขนมกิน
“แล้วมึงจะอยู่กี่วันวะ?”
“สองอาทิตย์ มึงอ่ะ เปิดเทอมเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้ดิ แต่คงอีกนานแหละ”
“มึงเรียนยังไงของมึงวะ เปิดเทอมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” ไอ้แซคบ่นขณะที่เคี้ยวขนมอยู่ในปาก
“กูขี้เกียจมานั่งจำนี่หว่า ถึงเวลาเปิดเรียนก็ไป”
“งั้นก็กลับไปญี่ปุ่นกับกูดิ”

ผมหันควับไปหาไอ้แซคที่กำลังง่วนอยู่กับการกินไอศกรีมที่ผมแช่ติดตู้เย็นเอาไว้

“มึงว่าอะไรนะ?”
“อ้าว? กูยังไม่ได้บอกมึงหรอ?”
“บอกอะไร?”
“แม่ฝากเงินมาให้ซื้อตั๋วพามึงกลับไปด้วย”
“เดี๋ยว ๆ กูยังอยากอยู่ที่นี่”
“แค่ไปเที่ยวเฉย ๆ ไม่ได้จะให้มึงไปอยู่เลย เค้าอยากให้มึงไปเยี่ยมบ้าง ถือโอกาสเที่ยวด้วยเลยไง”
“กูไม่ไปได้มั้ยอ่ะ?”
“มึงยังโกรธแม่อยู่หรอ?” ไอ้แซคหันมาถามผม
“...”
“อะไรที่มันไม่ดีมึงก็ลืม ๆ ไปบ้างก็ได้ พ่อกับแม่มีเหตุผลที่ต้องเลิกกันกัน ถึงตอนนั้นเรายังเด็ก ยังไม่เข้าใจอะไร แต่ตอนนี้เราโตพอที่จะเข้าใจได้แล้วนะเว้ย”
“ตอนพ่อเสีย แม่ก็ไม่มา”

ไอ้แซคลุกมานั่งข้าง ๆ ผมแล้วเอื้อมแขนมากอดคอผม

“เลิกอคติได้แล้ว!”
“ก็มึงเป็นคนที่แม่พาไปอยู่ด้วยนี่ ไม่ใช่กู”
“ตอนนั้นมึงเลือกที่จะอยู่กับพ่อเองไม่ใช่หรอ?”
“มันก็ใช่ มึงจะให้กูทิ้งพ่อไปหรอ? แม่ยังมีครอบครัวใหม่ แต่พ่อไม่ได้มีใครนอกจากเรานะ” ผมบอกเสียงสั่น

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ทีไร ผมก็รู้สึกจุกน้ำตาขึ้นมาทุกที

“มึงก็เหมือนกัน ทิ้งกูกับพ่อไป!”
“กูไม่ได้ทิ้ง กูก็กลับมานี่ไง มึงนี่งอแงไม่เปลี่ยนเลย” ไอ้แซคแกล้งดึงหูผมเบา ๆ
“กูไม่ได้งอแงซะหน่อย”
“กูต่างหากที่ต้องอิจฉามึง ไปอยู่ที่โน่นก็ไม่ได้อยู่ง่าย ๆ นะ กูต้องปรับตัวทุกอย่างเลย ตั้งแต่เรื่องภาษา ยันเรื่องอาหารการกิน”
“สมน้ำหน้า”
“เพราะฉะนั้น อันดับแรกวันนี้มึงต้องพากูไปกินอาหารไทยให้เต็มที่เลยนะ ฮ่า ๆๆ”
“เต็มที่แน่ ถ้ามึงเป็นคนจ่าย!”
“เอออ แม่ให้เงินกูมาแล้ว เออใช่! ของฝาก”

ไอ้แซคลุกไปหยิบกระเป๋าของมันมาใบนึง แล้วหยิบถุงกระดาษออกมา

“กูไม่รู้จะซื้ออะไรให้ ก็เลยซื้อรองเท้ามาให้แทน จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ มึงชอบเอารองเท้ากูไปใส่ แล้วขี้ตู่ว่าเป็นของตัวเอง”

ในถุงนั้นมีรองเท้าผ้าใบสีดำคาดขาวอยู่คู่หนึ่ง

“ไม่เคยทำแบบนั้นซะหน่อย”
“มึงเคยทำ ฮ่า ๆๆ”
“แล้วไหนของไอ้ยักษ์อ่ะ?”
“ไม่ได้ ต้องรอให้มันมาก่อนดิ”
“อย่าบอกนะว่ามึงซื้อจิ๋มกระป๋องมาให้มันจริง ๆ ?”
“ฮ่า ๆๆ บ้าดิ ของแบบนั้นกูไม่กล้าหิ้วขึ้นเครื่องหรอก ตอนตรวจสัมภาระกูคงอายตาย”
“ก็กูเห็นมึงสองคนชอบทำลับ ๆ ล่อ ๆ กัน กูก็นึกว่ามันสั่งให้มึงซื้ออะไรแบบนั้นมาให้”
“เปล่าเว้ย!”

ผมกับไอ้แซคพากันหัวเราะกับความคิดของผม

“ใส่ได้ป่ะ?”
“เหมือนจะหลวมไปหน่อย แต่ถ้าใส่ถุงเท้าด้วยก็คงจะพอดี”
“กูไม่รู้ว่ามึงใส่ไซส์อะไร ก็เลยเดาเอาว่าคงใส่เท่ากู มึงชอบมั้ย?”
“อืม สวยดี”
“จริงใจหน่อยสิวะ!”
“ฮ่า ๆๆ เออ กูชอบ ขอบใจมึงมากครับพี่!”
“งั้นตอบแทนกูโดยการพากูไปกินข้าวเดี๋ยวนี้ กูหิวแล้ว!”


<---o--->


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...

“ไอ้โซ่ กูอยากกินอันนี้!” ไอ้แซคชี้ไปที่เมนูของร้านอาหารร้านหนึ่งแล้วตาลุกวาวเหมือนเด็กเห็นของเล่น
“ลาบทอดเนี่ยนะ?”
“เออ เนี่ยแหละ กูนึกชื่อไม่ออก”
“แต่เมื่อกี้มึงเพิ่งกินส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว แล้วก็ผัดหมี่ไปเองนะ”
“เออ เร็ว ๆ คนเต็มร้านเลย เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”

หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมพาไอ้แซคตะเวนกินไปทั่ว และจะมีเมนูที่ผมต้องกินกับมันทุกวันเลย ก็คือ ส้มตำ ผมก็ต้องตามใจมัน เพราะเห็นว่าอยู่ที่โน่นมันคงไม่ได้กินอะไรแบบนี้

“กินขนาดนี้ทำไมมึงไม่อ้วนวะ?” ผมบ่น
“กูก็ออกกำลังกายไง ปกติอยู่ที่ญี่ปุ่นกูก็เล่นเทควันโด้นะ”

ผมเผลอนึกถึงตอนที่บ่นน้องภูกินเครปเค้ก ตอนนั้นมันก้ตอบคล้าย ๆ แบบนี้เมือนกัน

“ถามจริง?”
“สายดำครับผม!” ไอ้แซคบอกแล้วทำท่ายืดอกอวดผม
“แล้วมึงมีแฟนรึยังเนี่ย?”
“ไม่มีอ่ะ สเปคกูไม่ใช่สาวญี่ปุ่น กูชอบคนไทยมากกว่า”
“เห็นชอบดูหนัง AV กูก็นึกว่าชอบแบบญี่ปุ่นซะอีก” ผมแซว
“ส้นตีนสิ! มึงเหอะ มีแฟนรึยัง?” ไอ้แซคถามกลับบ้าง
“กู...” ผมอ้ำอึ้ง เพราะไอ้แซคยังไม่รู้ว่าผมชอบผู้ชาย
“ยังไง ๆ ?”
“ไม่มีอ่ะ”
“กูไม่เชื่อ”
“กูไม่ค่อยอยากมีแฟนตอนนี้”
“นี่กูแอบสงสัยเหมือนกันนะเนี่ย ว่ามึงกับไอ้ยักษ์เป็นแฟนกันรึเปล่า เห็นดูสนิทสนมกันจัง”
“โวะ! พวกมึงนี่ก็เนอะ”
“ใครจะไปรู้ เห็นบอกว่ายังไม่มีแฟน กูนึกว่ามึงจะเบี่ยงเบนไปแล้วซะอีก”
“เอ่อ...”

ไอ้แซคก้มหน้าก้มตากินต่อไป แล้วหยุดชะงัก เงยหน้ามามองผมด้วยสายตาพิฆาต

“หรือมึง....?”
“อะไร?”
“มึงเป็นเกย์หรอ?” ไอ้แซคยิงตรง
“เฮ้ย! ป่าววว!”
“อย่าโกหกกู! บอกมา!”

เอาไงดีวะ?... ผมคิดในใจ

“อย่าเงียบ! ตอบกูมา!” ไอ้แซคขึ้นเสียง
“เออ!” ผมเหงื่อตก แล้วคิดในใจ ทำไมพี่กูมันดุจังวะ?
“ถามจริง?”
“ก็... เออ~ กูไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“ไอ้เชี้ยยักษ์นี่มันดูแลน้องกูยังไงวะ? ทำไมมันปล่อยให้มึงเป็นอย่างนี้”
“ไม่เกี่ยวกับมันหรอก กูก็เป็นของกูแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
“ทำไมกูไม่รู้?”
“กูไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึกชัดเจนว่ากูไม่ได้ชอบผู้หญิงก็ตอนอยู่ม.ปลายแล้ว”
“แม่ง...”
“ทำไมวะ? มึงผิดหวังมากเลยหรอ?” ผมถามด้วยความน้อยใจ
“แล้วมีแฟนไปกี่คนแล้ว? ที่เป็นผู้ชายอ่ะ”
“มึงจะถามทำไมเนี่ย”
“กูถามก็ตอบมา!”
“สามคน!”

ไอ้แซคทำหน้าตกใจเล็กน้อย

“แล้วมึง...”
“พอ ๆ กูรู้ว่ามึงจะถามอะไร เรื่องพวกนั้นมึงไม่ต้องห่วง ถึงกูมีกูก็ป้องกันดีอยู่หรอกน่า”
“กูยังไม่ได้ถามเลย มึงนี่แม่ง... เฮ้อ!” ไอ้แซคถอนหายใจ
“ทำไมวะ? ที่กูเป็นแบบนี้มันผิดมากเลยหรอวะ?”
“เปล่า แต่กูไม่ได้รังเกียจนะ เพราะตอนอยู่ที่โน่นมันก็มีเรื่องพวกนี้จนกูรู้สึกว่ามันปกติไปแล้ว แต่แค่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวขนาดนี้ไง”
“มึงไม่ต้องแก้ตัวหรอก”
“กูไม่ได้แก้ตัว กูแค่เป็นห่วงมึง แล้วก็ตกใจนิดหน่อย”
“...”
“ไอ้โซ่ อย่าเงียบดิ!”
“...”
“มึงเป็นน้องกู กูจะเกลียดมึงได้ยังไงวะ? อย่างอนดิ”
“กูไม่ได้งอน แค่รู้สึกเฟลนิดหน่อย กูก็เข้าใจนะว่ามึงคงผิดหวัง แต่กูก็เป็นไปแล้วไง มันเปลี่ยนไม่ได้แล้ว”
“กูก็บอกว่ากูไม่ได้ผิดหวัง แค่ตกใจ”

ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยที่กล้าบอกความจริงกับไอ้แซคไป

“ไอ้ยักษ์นี่ก็ทำงานไม่ได้เรื่องเลย กูอุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีก ว่ามีอะไรต้องบอกกู” ไอ้แซคบ่น
“กูสั่งมันเองแหละ ว่าไม่ให้บอกมึง กูอยากให้มึงรู้จักปากกูเองมากกว่า”
“แล้วพี่แวนรู้มั้ย?”
“รู้แล้ว ตอนแรกก็โกรธกูเหมือนกัน แต่เค้าก็พยายามทำความเข้าใจจนยอมรับได้”
“แล้วตอนนี้มึงคบกับใครอยู่รึเปล่า?”
“ก็... ไม่มีแล้ว”
“มีอะไรจะบอกกูอีกมั้ย?”
“มี แต่มึงเพิ่งจะช็อกไปเมื่อกี้ กูคิดว่ามึงควรจะเข้าใจอะไรไปทีละอย่างก่อนดีกว่า”
“แล้วแต่ งั้นกูขอถามกลับคำนึง... มึงเป็น เซเมะ หรือ อุเคะ?”
“อะไรคือ เซ... เคะ??”
“เอ่อ... ฝ่ายบุก หรือ ฝ่ายตั้งรับ” ไอ้แซคอธิบาย
“มึงถามว่ากูเป็นรุกหรือเป็นรับ? หรืออีกนัยนึงคือมึงกำลังถามกูว่า กูไปเอาเค้าหรือกูโดนเอาหรอ?”
“กูไม่ได้คิดขนาดนั้น! แต่เป็นเกย์มันก็ต้องมี...ประเภท ถูกป่ะ?”
“กูไม่บอก!”
“เออ! มึงไม่บอกกูก็เดาได้แล้วว่ามึงต้องเป็นฝ่ายรับ ไม่งั้นมึงคงไม่อายกูจนไม่กล้าพูดหรอก”
“มึงจะให้กูบอกว่ากูโดนเอา เวลามีคนถามว่ากูเป็นแบบไหนหรอ?”
“จริง ๆ ซะด้วย ฮ่า ๆๆ”
“ไอ้เชี้ยแซค!”
“มึงพูดออกมาเองนะ”
“พอ ๆ จะกินต่อมั้ยเนี่ย?”
“อิ่มแล้ว อิ่มพอดีเลย”
“งั้นก็ไปจ่ายตัง กูอยากกลับห้องแล้ว”
“ไม่เอา ไปดูหนังก่อน”
“ดูหนังอะไร? กูง่วงแล้ว”
“กูเบื่ออยู่ห้องเฉย ๆ นี่ กูบินมาจากญี่ปุ่นเพื่อมานอนอยู่ที่หอมึงหรอ?”
“เออออ ไปก็ได้ ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลย”
“น่ารักมากน้องชาย ฮ่า ๆๆ”

ทำไมนะ... ทำไมผมต้องยอมตลอดเลย ไม่ว่ากับใคร


<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->

ต้องขอโทษอีกแล้วววว  o1
ที่อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้มาลงให้เลย
ต้องยอมรับตรง ๆ เลยครับว่า ตอนนี้เป็นตอนที่พิมพ์ไว้ล่าสุดแล้ว
ไม่มีสต็อกไว้เลย เพราะอย่างที่เคยบอกไว้ในตอนก่อนหน้านี้แล้ว
ว่าตอนนี้ ผู้เขียนอยู่ในช่วงเปลี่ยนงาน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาพิมพ์นิยายเท่าไหร่
พอถึงวันหยุดปุ๊บ ก็พยายามเค้นสมอง และกรั่นกรองออกมา... ตั้งแต่ 5 ทุ่ม จนถึงตอนนี้... ตี 1
เพิ่งได้ตอนเดียวนี่แหละ

พยายามสุด ๆ แล้วครับ เพราะผมไม่อยากเขียนส่ง ๆ ไป เพื่อให้ลงทันเวลา
พยายามกรองแล้วกรองอีก ถ้าตรงไหนพิมพ์ผิดหรือตกหล่นยังไง ขออภัยด้วยนะครับ  :call:

พักเรื่องดราม่าไว้ก่อน แล้วอมยิ้มกับไอ้แฝดกันดีกว่าเนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2017 00:27:39 โดย Thearz »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่แซคเป็นตัวแปรอะไรรึป่าว ?? ตกลงโซ่เลิกกะภพจริงๆอ่ะ  รอ..ออออออ   :z3:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 12  พี่ชาย 2


“มึงรอตรงนี้แปปนะ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน”

ผมบอกให้ไอ้แซคนั่งรอผมอยู่ที่หน้าโรงหนัง ก่อนจะเดินไปทำธุระที่ห้องน้ำ จนเสร็จกิจ กลับมาก็เห็นว่าไอ้แซคกำลังนั่งคุยกับใครอยู่ คนที่ผมค่อนข้างคุ้นตา

“ไอ้ม่อน!?” ผมร้องทักไอ้ม่อนด้วยความแปลกใจ ที่เห็นมันนั่งอยู่กับพี่ผม

ไอ้ม่อนยิ้มแหย ๆ มันคงตกใจที่รู้ว่าผมมีฝาแฝด รึไม่ก็คงทักผิดไปแล้ว

“มากับใครวะ? แล้วนี่รู้จักกันด้วยหรอ?”
“กูจะไปรู้จักได้ยังไง กูนึกว่าเป็นมึง”
“ฮ่า ๆๆ เออ ๆ นี่พี่กู ชื่อไอ้แซค”
“เออ ตอนนี้กูรู้แล้ว” ไอ้ม่อนบอก
“ใครคือไอ้ภพ?”

ผมตกใจนิดหน่อยที่ไอ้แซคถามถึงไอ้ภพขึ้นมา

“ทำไมวะ?”
“ทำไมมึงไม่บอกกูว่ามึงเกือบขาหักจนต้องเข้าเฝือก?”
“เอ่อ...” ผมอ้ำอึ้ง
“เพื่อนมึงเล่าให้กูฟังหมดแล้ว”
“กูขอโทษ กูนึกว่าเป็นมึง กูก็เลยถามไปว่ามึงเป็นไง” ไอ้ม่อนรีบแก้ตัว
“ก็...กูไม่อยากให้มึงเป็นห่วงนี่ แล้วก็แค่เท้าพลิก ไม่ได้ขาหักซะหน่อย”
“แต่มึงก็ควรจะบอกกู ไหนบอกว่ามีอะไรจะไม่ปิดบังกันไงวะ?”
“เออ กูขอโทษ ตอนนี้กูก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี่ไง”
“แล้วใครคือไอ้ภพ?”
“เอ่อ...”

ไอ้แซคทำหน้าดุ มันตลกดีที่ผมกลับรู้สึกเกรง ๆ ทั้งที่ใบหน้านั้นก็ไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อุบัตติเหตุนิดหน่อยเอง”
“มึงตอบไม่ตรงคำถาม”

เมื่อโดนไอ้แซครุกหนัก ผมจึงต้องยอมเล่าทุกอย่างให้ไอ้ภพฟัง แต่ก็เล่าถึงแค่ตอนที่อยู่ที่ค่ายเท่านั้น ผมไม่ได้บอกมันว่าผมกับไอ้ภพเคยคบกัน เพราะไอ้แซคดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“เรื่องแบบนี้ยังจะปิดบังกันอีก”
“ก็กูไม่ได้เป็นอะไรมาก แถมหายดีแล้วด้วย ก็เลยไม่คิดว่าจำเป็นต้องบอกนี่หว่า”
“มึงนี่มัน...”
“ไอ้โซ่ กูไปก่อนนะ พอดีหนังจะเริ่มแล้ว” ไอ้ม่อนพูดแทรกขึ้นมา
“อ้าว มึงก็มาดูหนังหรอ?”
“เออ มึงก้มาดูหรอ?”
“ใช่ นั่งแถว C มึงอ่ะ?”
“กูนั่ง F โคตรไกลกันเลย” ไอ่ม่อนบอกพลางเอาตั๋วหนังขึ้นมาโชว์
“เออ โชคดีเว้ย เอาไว้ค่อยเจอกัน” ผมบอกลาไอ้ม่อน
“พี่...แซค ผมไปก่อนนะ”
“มึง! ไอ้แซคเกิดก่อนกู 2 นาที มึงไม่ต้องสุภาพกับมันก็ได้” ผมบอกแล้วหัวเราะกับท่าทางของไอ้ม่อนที่ดูเกรงใจไอ้แซค
“กูดูน่าเคารพมากกว่ามึงไง”
“ตรงไหนวะ?”


<---o--->


“เฮ้อออ” ไอ้แซคทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่ตะลอนกันมาทั้งวัน
“ไม่คิดจะไปอาบน้ำหน่อยหรอ?”
“เออ พรุ่งนี้ต้องรีบไปทำพาสปอร์ตแล้วนะ กว่าจะได้ เดี๋ยวจะไม่ทัน”
“กูยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะไป”
“ต้องไป กูสั่ง!”
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ

หลังจากนั้นไอ้แซคก็ลุกไปอาบน้ำ ส่วนผมนั่งจัดของกับเสื้อผ้าของไอ้แซคที่มันเพิ่งซื้อมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!  เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจึงเงี่ยหูฟังให้แน่ใจว่ามีคนเคาะห้องผมจริง ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!  เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ผมจึงลุกไปเปิดประตู ในใจก็ยังสงสัยว่าใครมาเคาะเอาป่านนี้ แถมผมก็ไม่ได้นัดใครเอาไว้

“ภู...”

ผมเปิดประตูออกไป ก็พบว่าคนที่ยืนอยู่นั้นคือน้องภู

“ผมขอเข้าไปได้มั้ย?” น้องภูบอกด้วยเสียงเรียบ ๆ
“เอ่อ... อืม... เข้ามาดิ”

ผมพาน้องภูเข้ามาในห้อง พลางชะเง้อมองที่ประตูห้องน้ำ ว่าไอ้แซคยังอาบน้ำอยู่ใช่ไหม

“พี่ยักษ์อยู่ด้วยหรอ?”
“เอ่อ... เอาไว้ค่อยอธิบายทีเดียว แล้วมานี่มีอะไรรึเปล่า?”

น้องภูมองหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดว่า

“ผมคิดถึงพี่”

ผมได้แต่นิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก

“ผมอยากมาคุยกับพี่ให้รู้เรื่อง”
“พี่ว่าทุกอย่างก็เคลียร์แล้วนะ”
“มันไม่มีอะไรเคลียร์หรอก พี่คิดว่าการที่พี่หนีทุกอย่างออกมาแบบนี้แล้วมันจะจบหรอ?”
“...”
“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง แต่ผมไม่มีความสุขเลยซักวัน ตั้งแต่วันนั้น”
“พี่ว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว”
“พี่หลอกตัวเอง...” ผมรู้สึกจุกกับคำพูดของน้องภูจนอยากจะร้องไห้ออกมา

ใช่ ผมหลอกตัวเองอยู่... ถ้าไอ้แซคไม่ได้กลับมา... ถ้าผมอยู่คนเดียว ผมก็คงเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว

“ทางที่พี่เลือก มันไม่ได้มีผลดีกับใครเลย ทั้งผม ทั้งไอ้ภพ แล้วก็ตัวพี่เอง” น้องภูบอก
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง? พี่ยอมจบทุกอย่างเพื่อให้เอ็งกับไอ้ภพกลับมาคืนดีกัน”
“ไม่จำเป็นเลยพี่ ผมไม่ได้ต้องการให้พี่ทำอะไรแบบนั้นเพื่อผม”
“...”
“เฮ้อ...” น้องภูถอนหายใจ

เสียงไอ้แซคอาบน้ำเงียบไปแล้ว ผมคิดว่าน้องภูคงต้องตกใจแน่ถ้าเจอไอ้แซค

“ผมผิดเอง ทั้งที่รู้ว่าเราคบกันไม่ได้ แต่ตอนนั้นผมก็ยังไปขอพี่เป็นแฟน”
“ไม่หรอก”
“ผมรู้ว่า ไม่ว่ายังไงเตี่ยจะไม่โอเคกับเรื่องนี้ รู้ว่าไม่ว่ายังไงคบกันไปต้องเลิกกันแน่ แต่ผมก็ยังไม่ห้ามใจ”
“มันไม่ใช่ความผิดใครหรอก ตอนนั้นเราแค่รักกัน”
“ตอนนี้ผมก็รักพี่...”

น้องภูบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“แต่ไม่ได้รักแบบนั้นแล้ว”
“หืม?”
“ผมอยากให้พี่กลับไปคบกับไอ้ภพ!” น้องภูบอกแล้วเอื้อมมือมาจับมือผมไว้
“เฮ้ย!” ไอ้แซคตะโกนลั่น

น้องภูตกใจ หันไปตามเสียง กลับตกใจยิ่งกว่า ที่เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นมีใบหน้าเดียวกันกับผม

“ไอ้เชี้ยนี่! เรียกดี ๆ ก็ได้มั้ง ตกใจหมด” ผมบ่น
“มานั่งจับมือกัน ไม่ได้เกรงใจกูเลยนะ แล้วไหนมึงบอกว่าไม่มีแฟนไง? ไอ้เด็กนี่ใคร?” ไอ้แซคยิงคำถามรัว ๆ
“เอ่อ...” น้องภูอ้าปากค้าง
“นี่น้องภู เป็นน้องของ...ไอ้....ภพ!”
“น้องไอ้คนที่ทำให้มึงเกือบพิการใช่ป่ะ?”
“แค่เท้าพลิกโว้ย!”
“แล้วมึงมาทำไม?” ไอ้แซคหันไปถามน้องภูที่ยังเหวออยู่
“เอ่อ...”
“โทษที พี่ไม่เคยบอกว่าพี่มีแฝด ก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะแนะนำให้รู้จักซักเท่าไหร่” ผมแกล้งพูดเสียงดังในประโยคหลัง
“มึงมาทำไม?”
“มึงพูดกับน้องมันดี ๆ หน่อยก็ได้มั้ง ดุเป็นหมาเลย!”
“มาคุยกับพี่โซ่ครับ” น้องภูตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง
“ทำไมมึงไม่พาพี่มึงมาด้วยล่ะ? กูอยากเจอพอดีเลย” ไอ้แซคทำเสียงดุ
“ไปแต่งตัวไป!” ผมไล่ไอ้แซค

ไอ้แซคหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินหลบไปแต่งตัว ผมหันมายิ้มให้น้องภูที่ดูหวาด ๆ

“ไม่ต้องไปกลัวมันหรอก ไอ้แซคมันก็เป็นแบบนี้”
“พี่ไม่เคยบอกว่ามีฝาแฝด”
“พี่มีโอกาสให้บอกมากกว่า ปกติเราก็คุยกันแค่เรื่องของเรานี่ แต่พี่ก็เคยบอกนะว่าพี่มีพี่ชายอีกสองคน” ผมบอกเตือนความจำให้น้องภู
“ดุกว่าไอ้ภพอีก!”
“หรอ? อืม...”
“แล้วพี่ว่ายังไง? ที่ผมขอพี่”
“อะไรหรอ?” ผมถามย้ำ เพราะตอนนั้นไม่ทันได้ฟัง
“กลับไปหาไอ้ภพได้มั้ย?”
“ทำไมอ่ะ? เอ็งโอเคหรอ?”
“ผมโอเคแล้ว เพราะหน้าตาหล่ออย่างผมหาแฟนใหม่ได้ง่ายอยู่แล้ว”
“แหม มั่นใจเหลือเกิน”
“ฮ่า ๆๆ จริง ๆ ก็อาจจะไม่โอเคหรอก แต่ผมจะรู้สึกแย่มากกว่า ที่ทำให้พี่สองคนเลิกกันเพราะผม”
“แล้วไอ้ภพมันเป็นยังไงบ้าง?”
“หนักกว่าผมตอนเลิกกับพี่อีก มันเอาแต่อยู่ในห้อง เปิดเพลงทั้งวัน ไม่ออกไปไหนกับใครเลย”
“เปิดเพลง เต้นอยู่ในห้องคนเดียวด้วยความดีใจละมั้ง”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า”
“กลับไปเถอะนะครับ” น้องภูอ้อนวอน
“ภู พี่ไม่ใช่คนตัดสินเรื่องนี้หรอก พี่ทิ้งมันมานะ มันอาจจะเกลียดพี่ไปแล้วก็ได้ เพราะตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ไม่เคยโทร หรือไลน์มาเลย”
“เป็นใครได้ยินแบบนั้นก็ต้องเสียใจ ผมผิดที่ตอนนั้นปล่อยให้พี่เลือกแบบนี้ เพราะผมยังโกรธอยู่ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว กลับไปคืนดีกับพี่ผมเถอะนะ”

ผมไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึก ณ ตอนนี้อย่างไรดี มันเป็นความรู้สึกหน่วง ๆ ที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก แต่ผมรู้ว่าผมกำลังดีใจและมีความสุขอยู่ ที่คิดว่าจะได้กลับไปคบกับไอ้ภพอีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะยอมยกโทษให้ผมหรือไม่ แต่ไม่เป็นไร ถึงมันยังโกรธผม ผมก็จะต้องทำให้มันหายโกรธผมให้ได้

“อืม...”


<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->

อื้อหืออออ~ ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะนั่งพิมพ์จนถึงเที่ยงคืนแล้วจะไปนอน
หันมาดูนาฬิกาอีกที อ้าว จะตีหนึ่งแล้ว! พรุ่งทำงานต้องง่วงนอนแน่เลย ฮ่า ๆๆ :really2:
แต่ไหน ๆ พิมพ์เสร็จแล้ว ก็ลงให้เลยแล้วกัน
บอกไว้ก่อนว่า ก่อนลง สแกนไปแค่ครั้งเดียว ตรงไหนพิมพ์ผิด พิมพ์พลาด บอกกันได้นะครับ
เพื่ออรรถรสในการอ่าน
ปล. ใกล้จบแล้วละ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และแจกเป็ดให้กันนะครับ
กระผมขอสัญญาว่า จะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นไปกว่านี้ เพื่อจะได้เขียนเรื่องสนุก ๆ ออกมาให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ
  :call: :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไรท์ อดหลับอดนอนเขียนเรื่อง  :mew1: :mew1: :mew1:
ซาบซึ้งมาก  :pig4: :pig4: :pig4:
เอาใจช่วยกับงานใหม่ของไรท์ นะ
。••★•◕✿◕‿◕✿◕••★••。
ก็นึกเหมือนกันว่าโซ่ตัดสินใจอย่างนี้มันไม่ดีกับทุกคน
แต่โซ่เป็นคนรอมชอม ประนีประนอม
ใจอ่อน ตามใจคน ไม่อยากให้ภูเจ็บ พี่น้องทะเลาะกัน
เลยเลิกกับภู โธ่.....ภู ต้องมาเจ็บช้ำ
เพราะความใจอ่อนของโซ่
รอดูโซ่ ง้อภู  ภูง้อ ยากหรือเปล่านะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เชียร์พี่แซคกะน้องภู    :call:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 13.1

หลังจากที่วันนี้ผมไปทำพาสปอร์ตกับไอ้แซคเสร็จแล้ว ผมก็พามันไปตะลอนหาของกินเหมือนเดิม เพราะอีกไม่กี่วันมันก็ต้องกลับญี่ปุ่นแล้ว

“กินเสร็จแล้วมึงจะกลับไปก่อนก็ได้นะ” ผมบอกกับไอ้แซค
“ทำไมวะ? มึงจะไปไหน?”
“กูจะไปหาไอ้ภพ”
“กูไปด้วย!”
“เฮ้อ...”
“ไม่อยากให้กูไปด้วยหรอ?”
“ก็รู้อยู่ว่าถ้ามึงไปจะเกิดอะไรขึ้น”
“ทำไมวะ? กูก็แค่อยากจะไปดูหน้าคนที่น้องกูจะคบด้วย ผิดหรอ?”
“ตามใจมึงแล้วกัน แต่ถ้ามึงกวนตีนอีกกูจะไม่ไปญี่ปุ่นกับมึงนะ”

ไอ้แซคยักไหล่แบบกวนประสาท

ผมจำใจให้ไอ้แซคตามไปด้วยทั้งที่ไม่ค่อยไว้ใจมันสักเท่าไหร่นัก

<---o--->

“พี่ถึงแล้วนะ” ผมส่งไลน์ไปบอกน้องภู
“รอแปปนะ เดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้”

ไม่ถึง 2 นาที น้องภูก็ออกมาเปิดประตูให้ผมกับไอ้แซค

“พี่แซค หวัดดีครับ”
“อืม” ไอ้แซคพยักหน้ารับไหว้
“ไอ้ภพไปเตะบอล อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วแหละ”
“พ่ออยู่รึเปล่า?”
“อยู่ครับ”

ที่ผมกลัวมากกว่าการเจอหน้าไอ้ภพ ก็คือการที่ต้องมาเจอพ่อมันนี่แหละ ทำลูกชายเขาเบี่ยงเบนไม่พอ ยังจะไปหักอกทำให้มันเสียใจกันทั้งสองคนอีก

“เอ่อ... สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อไอ้ภพที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอม พ่อมันมองลอดแว่นมาที่ผมแล้วหันไปมองไอ้แซคต่อด้วยความแปลกใจ
“นี่กูทำงานมากไปจนตาลายเลยหรอวะ?”
“สวัสดีครับ ผมเป็นพี่ไอ้โซ่ ชื่อแซคครับ”
“เป็นฝาแฝดกันหรอ?”
“ครับ” ผมตอบแทน
“มาหาภพหรอ?”
“ครับ”
“นั่งรอก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวมันก็คงกลับ”
“ไปรอบนห้องผมมั้ย?” น้องภูหันมาถาม
“มึงรอนี่แหละ กูอยากคุยกับไอ้ภูหน่อย” ไอ้แซคบอก
“มึงจะทำอะไร?”

ผมถามด้วยความตกใจ เพราะไม่รู้ว่าไอ้แซคมันต้องการจะทำอะไร มันยิ่งเป็นคนที่คาดเดาได้อยากอยู่ด้วย

“แค่คุย” มันบอกแล้วเกาะแกมผลักไหล่น้องภูให้เดินนำไป

น้องภูหันมามองผมแบบเกร็ง ๆ

ผมนั่งรอไอ้ภพตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น โดยมีพ่อของมันนั่งทำงานอยู่ด้วย พลางหันมาถามไถ่เรื่องราวต่าง ๆ ผมเป็นระยะ

“ทำไมถึงยังกล้ามาที่นี่อีกล่ะ?” พ่อไอ้ภพถามผมขณะที่สายตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอม
“ผม...ไม่คิดว่าผมควรมาหรอก หลังจากที่ทำเรื่องไว้ขนาดนั้น”
“รู้มั้ยว่าหลังจากวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“ภูเล่าให้ฟังบ้างแล้วครับ”
“อืม... แสดงว่าที่กลับมาเนี่ย เพราะไอ้ตี๋มันไปตามมาใช่มั้ย?”
“ครับ”
“หมายความว่าจริง ๆ แล้วไม่ได้อยากจะกลับมาหรอ?”
“ไม่ใช่หรอกครับ”

พ่อไอ้ภพจ้องหน้าผมเอาคำตอบ

“ผมรู้ว่าสร้างปัญหาให้ครอบครัวลุง แต่ถึงอย่างนั้น...”
“ทำไมหรอ?”
“ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังรักไอ้ภพอยู่ดี แต่ที่ไม่กลับมากเพราะผมห่วงความรู้สึกของภู”
“ก็สมควรอยู่หรอก” พ่อไอ้ภพบอก ผมรู้สึกหน้าชา
“ผมรู้... ลุงมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบผม ผมขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”

พ่อไอ้ภพถอนหายใจแล้วพูดต่อ

“จริง ๆ แล้วมันก็ทำใจยากนิดนึงนะ ที่อยู่ ๆ ต้องรับรู้ว่าลูกชายตัวเองกลายเป็นเกย์”
“...”
“แต่ลุงเองก็ผ่านอะไรมาเยอะ จนรู้ว่าความรักมันเป็นยังไง ถ้านี่เป็นความรักของลูกชายลุง และถ้าทั้งสองคนอยู่ในขอบเขตที่ไม่...ไม่เลวร้ายกันจนเกินไป ลุงก็ควรจะปล่อยให้มันทั้งสองคนได้เลือกเอง”

ผมรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของพ่อไอ้ภพเล็กน้อย

“ถ้าอยากจะคบกัน ก็ต้องพากันไปในทางที่ดีเข้าใจมั้ย?”
“ลุงหมายถึง....?”
“ตั้งแต่ที่เอ็งไปครั้งก่อน ลุงไม่เคยมีความสุขเลย เพราะต้องเห็นลูกชายตัวเองเสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไร จนตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วว่า ถ้าไอ้ภพมันรักเอ็งจริง ๆ ลุงก็ไม่ควรที่จะไปกีดกันความรักของเอ็งทั้งสองคน”
“ขอบคุณครับ” ผมเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ส่วนไอ้ตี๋ ลุงว่ามันก็คงยังรู้สึกอะไรอยู่บ้างแหละ แต่ไอ้นี่มันรักพี่มัน ถึงภายนอกจะดูไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ลึก ๆ แล้วมันทั้งสองคนรักกันมาก จนยอมเจ็บแทนกันทั้งคู่ แต่ถ้าตอนนี้คุยกันรู้เรื่องแล้วก็คงโอเค”
“ผมก็ไม่คิดว่าน้องจะทำใจได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ยังไงผมก็จะระวังก็แล้วกันครับ”


<---o--->


“พวกพี่ไปรอบนห้องผมมั้ย?” ผมหันไปถามพี่โซ่กับพี่แซค เพราะคิดว่าทั้งสองคนคงอึดอัด ถ้าต้องอยู่กับเตี่ยผม
“มึงรอนี่แหละ กูจะคุยกับไอ้ภูหน่อย” พี่แซคบอกแล้วผลักไหล่ผมให้เดินนำไป ผมหันไปมองพี่โซ่ เพราะในใจผมก็รู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ พี่แซคอยู่เหมือนกัน
“มึงจะทำอะไร?”
“แค่คุย”

ผมพาพี่แซคขึ้นมาที่ห้องของผม พอถึงพี่แซคก็สั่งให้ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ทั้งหมดเลย ตั้งแต่ที่ผมเริ่มคบกับพี่โซ่ จนถูกไอ้ภพบังคับไอ้เลิกกัน และที่พี่โซ่ไปเข้าค่ายแล้วเจอกับไอ้แซค จนกระทั่งทั้งสองคนคบกัน และเลิกกันไปในวันนั้น พี่แซคดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี

“พี่นี่หน้าเหมือนพี่โซ่เลยเนอะ เหมือนจนผมแยกแทบไม่ออกเลย แต่พี่จะดูดุกว่านิดหน่อย”
“ไอ้นี่ กูไม่ได้ให้มาสังเกตหน้ากู แล้วสรุปตอนนี้มึงรู้สึกยังไงกับไอ้โซ่กันแน่?”
“ถ้าให้พูดตรง ๆ ผมก็ยังรักพี่โซ่อยู่นะ แต่...”
“แต่อะไร?”
“แต่พอรู้ว่าพี่โซ่มีแฝด ผมก็คิดว่าจะเบนเข็มมาหาพี่แทนไง ฮ่า ๆๆ”
“ส้นตีนสิ! อยากโดนกูเตะใช่มั้ย?” พี่แซคทำท่าจะตบผม แต่ก็หัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆๆ ล้อเล่นครับ จริง ๆ แล้วผมไม่อยากให้ไอ้ภพมันมานั่งเศร้าอยู่แบบนี้ พอมันเศร้า เตี่ยก็เครียดตามไปด้วย มันทำให้ที่บ้านผมช่วงนี้ไม่มีใครมีความสุขเลย”
“ขนาดนั้นเลยหรอ?”
“มันอาจจะฟังดูเว่อร์ แต่พี่โซ่เหมือนเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนในบ้านผมมีความสุข พอคิดแบบนั้นแล้ว ผมก็อยากให้พี่ชายผมกับพี่โซ่กลับมาคบกัน ส่วนผมอีกเดี๋ยวถ้ามีแฟนใหม่ก็คงจะเลิกคิดเรื่องพี่โซ่ไปเอง”
“กูละอิจฉาพี่มึงจริง ๆ ที่มีน้องแบบนี้”
“ทำไมอ่ะ? มีน้องแบบพี่โซ่ไม่ดีตรงไหน?”
“ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แค่กำลังจะบอกว่ามึงนี่เป็นน้องที่โคตรดีเลย”
“แหน่ะ ๆ ชอบผมละสิ”
“ไอ้ภู ถ้ามึงเล่นอย่างนี้อีก กูจะตบให้หัวทิ่มจริง ๆ นะ” พี่แซคบอกแล้วตบหัวผมเบา ๆ ไปทีนึง
“ขอโทษครับ ฮ่า ๆๆ”


<---o--->


“มึงมาทำไม!?” ไอ้ภพยืนอยู่หน้าประตูถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“ไอ้ภพ...”
“มึงจะมาที่นี่ทำไมอีก? มึงต้องการอะไรอีก?” ไอ้ภพดึงตัวผมออกมาหน้าบ้าน ถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกได้ถึงความโกรธ

ผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องโกรธผม และในตอนนี้อาจจะถึงขั้นเกลียดไปแล้วก็ได้

“กูแค่อยากจะมาคุยกับมึง”
“มึงจะคุยอะไรอีก ทุกอย่างที่มึงพูดวันนั้นมันชัดเจนหมดแล้ว”
“ถ้างั้นกูก็แค่อยากจะขอโทษ ที่ทิ้งมึงไปแบบนั้น”
“มึงจำได้มั้ย? วันนั้นกูบอกว่าจะอยู่ข้าง ๆ มึง แต่มึงกลับเป็นคนที่ทิ้งกูไป”
“กูรู้ว่ากูผิด แต่กูอยากให้มึงเข้าใจที่กูตัดสินใจวันนั้น”
“กูต้องเข้าใจอะไรอีกวะ?” ไอ้ภพตะคอก

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาอาบแก้ม

“ตอนนั้น ที่น้องมึงถามกู ว่ากูรักใครมากกว่ากัน ระหว่างมึงกับมัน กูไม่รู้ว่ามึงอยู่ฟังคำตอบนั้นมั้ย? ถ้าไม่กูจะบอกให้มึงฟังอีกครั้งก็ได้ว่ากูรักม!!”

ไอ้ภพไม่รอให้ผมพูดจนจบ มันผลักผมจนผมล้มลง แขนฟาดเข้ากับประตูรั้ว

“กูไม่อยากรู้คำตอบของมึงหรอก!”

สิ้นเสียงไอ้ภพพูด ไอ้แซคที่เห็นเหตุการณ์อยู่พอดีก็พุ่งตัวเข้ามาแล้วต่อยเข้าที่หน้าไอ้ภพอย่างแรงจนมันลมลงไปเหมือนกัน
และเมื่อมันได้เห็นว่าคนที่ต่อยมันนั้นมีใบหน้าเดียวกันกับผม มันถึงกับช็อคจนอาจจะลืมความเจ็บไปเลยก็ได้
“ที่ผ่านมามึงยังทำน้องกูเจ็บไม่พออีกหรอ?” ไอ้แซคถามขณะที่มาช่วยพยุงตัวผม
“มึง...เป็นใคร?” ไอ้ภพถามเสียงสั่น
“มันไม่สำคัญหรอกว่ากูเป็นใคร เพราะนับจากวันนี้ไป มึงจะไม่ได้เห็นหน้ากูหรือน้องกูอีก!”
“ไอ้แซค...” ผมน้ำท่วมปาก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“มึงเป็นอะไรมั้ย?” ไอ้แซคถาม ผมปาดน้ำตาแล้วส่ายหน้า
“พี่แซค ใจเย็น ๆ ก่อน” น้องภูบอกกด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ
“น้องมึงเล่าทุกอย่างให้กูฟังหมดแล้ว ทำไมไม่รู้ กูกลับคิดว่ามึงควรจะเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ดีที่สุด แต่มึงกลับไม่เข้าใจอะไรเลย น้องกูมันรักมึง และน้องมึงก็รักมึงเหมือนกัน จนยอมเป็นฝ่ายเจ็บ ไปขอร้องให้ไอ้โซ่กลับมาคืนดีกับมึง... แต่มึงกลับรักแค่ตัวเอง มองเห็นแต่ตัวเอง ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง”
“พอแล้ว...” ผมห้าม
“ตอนแรกกูคิดนะ ว่าถ้าน้องกูมันรักมึงจริง ๆ กูก็จะไม่ยุ่งกับความรักของมัน แต่เห็นมึงแล้วกูบอกตรง ๆ ว่ากูไม่ยุ่งไม่ได้”

ไอ้ภพมองผมแล้วน้ำตาไหลออกมา ผมรู้ว่าทุกอย่างที่มันทำลงไปนั้น ทำไปด้วยอารมณ์ล้วน ๆ ผมก็ยังเชื่ออยู่ว่าลึก ๆ แล้วมันก็ยังคงรักผมอยู่เหมือนที่ผมรักมัน แต่ตอนนี้สถานการณ์อาจเปลี่ยนไปแล้ว ไอ้แซคอาจโมโหจนสั่งห้ามไม่ให้ผมกับไอ้ภพคบกันก็ได้ ถึงแม้ว่าผมจะสามารถขัดขืนไม่ทำตามก็ได้

“บอกลากันซะให้จบตรงนี้ เพราะอีก 3 วันกูจะพาน้องกูกลับไปญี่ปุ่น!” ไอ้แซคประกาศกร้าว
“ไอ้แซค...” ผมตกใจที่มันพูดออกมาแบบนั้น
“พี่แซค ผมขอร้องอย่าทำแบบนั้นเลย ผมรู้ว่าพี่ผมมันโง่ แล้วก็ชอบใช้กำลังมากกว่าสมอง แต่... อย่างที่ผมบอกกับพี่ ว่าพี่โซ่เป็นความสุขของทุกคนในบ้านผม ถ้าพี่ทำแบบนั้นทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้นะ”
“หาคนใหม่เถอะ กูไม่ให้น้องกูต้องมาทนมือทนตีนพี่มึงหรอก แล้วโดนแค่นี้มันยังน้อยไป ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่มึงทำไว้กับน้องกู”
“ไอ้โซ่...กูขอโทษ” ไอ้ภพลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาที่ผม แต่ไอ้แซคขวางเอาไว้
“ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้ มึงได้ลงไปกองที่พื้นแน่”
“พอแล้ว...”
“กูขอคุยกับไอ้โซ่สองคนได้มั้ย?”
“เสียดายจัง หมดเวลาแล้ว พอดีเดี๋ยวต้องไปหาอะไรกินกันต่อ” ไอ้แซคบอกด้วยน้ำเสียงกวน ๆ

ไอ้ภพก้มหน้า เอามือปาดน้ำตาแล้วสะอื้นออกมา ผมเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกันเพราะทนเห็นมันในสภาพนั้นไม่ไหว

“ไอ้แซค... กลับเถอะ” ผมบอกเพราะไม่อยากให้ไอ้แซคมันทำอะไรไปมากกว่านี้
“มึงได้ยินมั้ย? นั่นแหละ คำพูดสุดท้ายของมันที่มึงจะได้ยิน” ไอ้แซคบอกแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ

ผมเดินออกจากบ้านไอ้ภพมาด้วยใจที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะคิดว่าการมาของผมครั้งนี้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยกลับทำให้แย่ลงไปกว่าเดิมอีก ในใจก็นึกโกรธไอ้แซคที่มันทำลงไปแบบนั้น

ไอ้แซคเดินมากอดคอผมแล้วยิ้มออกมา

“ยิ้มหาพ่อมึงหรอ?”
“พ่อมึงกับพ่อกูเนี่ยคนเดียวกันมั้ย?” ไอ้แซคย้อน
“-วย!” ผมด่ามัน ไอ้แซคหัวเราะออกมาแล้วบอกกับผมว่า
“มึงไม่ต้องกลัวหรอก ถ้ามันยังรักมึงจริง ๆ ภายใน 3 วันนี้เดี๋ยวมันก็ไปหามึงเอง”

"มึงมันเลว!"


<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่เเซคนี่แสบ แอบเห็นแวว พี่แซคกะน้องภูแล้ว ลุ้นๆๆๆๆๆ   :impress2:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
สมน้ำหน้าภพแล้ว
คราวหลังก็มีสติเยอะๆนะ
 :laugh:

ออฟไลน์ Thearz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนที่ 13.2

“เลิกงอนกูได้แล้ว!”
“เงียบไปเลย!” ผมบ่นไอ้แซคเสียงดังขณะที่เดินอยู่ในหอกำลังจะกลับห้อง
“กูก็บอกไปแล้วไง ว่ากูแค่อยากลองใจมันเท่านั้น”
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย แล้วไปต่อยมันทำไม?”
“ก็มันทำมึงก่อนนี่”

ผมเงียบ พอคิดย้อนไปก็เข้าใจว่าทำไมไอ้แซคถึงโกรธขนาดนั้น

“รองเท้าใครวะ?” ไอ้แซคถามเมื่อเห็นว่าหน้าห้องของผมมีรองเท้าวางอยู่คู่นึง
“ไอ้ยักษ์คงกลับมาแล้ว”

ในตอนนั้นเองไอ้ยักษ์ก็เปิดประตูออกมาพอดี

“กูกำลังจะโทรหาพอดีเลย แต่ได้ยินเสียงมึงซะก่อน” ไอ้ยักษ์บอกแล้วหันไปไหว้ไอ้แซค
“หลบดิ!” ผมบอกแล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง
“เป็นอะไรวะ?”
“มันงอนกู”
“งอนเรื่องอะไรกันอ่ะ?”
“ไว้ก่อน ขอเคลียร์กับมึงก่อนเรื่องมันก่อน ที่ตกลงกันไว้คือมีอะไรมึงต้องบอกกู แต่มึงปิดบังกูหลายเรื่องมาก”
“โหย พี่ จะให้ผมทำยังไงอ่ะ? ก็ไอ้โซ่มันไม่ให้บอก” ไอ้ยักษ์รีบแก้ตัว
“มึงเชื่อมัน แต่มึงไม่เชื่อกูหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นพี่ แต่ถ้าผมบอกมันก็โกรธผมนะสิ”
“มึงไม่ต้องไปโทษมันหรอก ทำให้มันลำบากใจซะเปล่า ๆ” ผมบอก
“แล้วตกลงมีเรื่องอะไรกัน?”

หลังจากนั้นไอ้แซคก็เล่าทุกอย่างให้ไอ้ยักษ์ฟัง

“แต่ก็สงสารไอ้ภพมันนะ”
“แต่มันผลักไอ้โซ่จนแขนไปกระแทกกับประตูรั้วเลยนะ มึงคิดว่ากูควรจะอยู่เฉย ๆ หรอวะ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็สมควรแล้วแหละ ผมเคยบอกมันแล้ว ว่าอย่าทำให้ไอ้โซ่เจ็บตัวอีก”
“มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่กูทำ” ผมแย้ง
“เออ อันนั้นก็จริง ทั้งที่กูก็เคยบอกมึงไปแล้วเหมือนกัน ว่าอย่าตัดสินใจโง่ ๆ”
“มันใช่เวลาจะมาซ้ำเติมกูมั้ย?”
“ไอ้ยักษ์ ไหน ๆ มึงก็เป็นคนนึงที่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอด เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กูฟังอีกทีสิ เอาตั้งแต่มันเจอกันครั้งแรกเลย กูฟังมาจากไอ้ภูบ้างแล้ว อยากฟังจากมึงบ้าง เอาไว้ประกอบการตัดสินใจว่ากูควรจะทำยังไงต่อไป”
“มึงจะทำเชี้ยอะไรอีก? ตอนนี้ยังแย่ไม่พอหรอวะ?” ผมบ่น
“มึงเงียบไปเลย ขอกูคุยกับไอ้ยักษ์ก่อน”
“ตามใจมึงสองคนก็แล้วกัน อยากจะทำเชี้ยอะไรกับชีวิตกูก็ตามสบายเลย” ผมบอกแล้วลุกไปนอนบนเตียง

ไอ้ยักษ์กับไอ้แซคออกไปคุยกันที่นอกระเบียง ผมไม่รู้ว่ามันคุยอะไร หรือตกลงอะไรกัน แต่ผมเหนื่อยเต็มทนแล้ว เพราะวันนี้เจอแต่เรื่องที่หนักหัว

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีการแจ้งเตือนจากไลน์เข้ามากว่า 30 ข้อความ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นของไอ้ภพคนเดียว

“ไอ้โซ่... กูขอโทษ”
“อย่าไปไหนจากกูนะ อย่าทิ้งกูไปอีก”
“กูขอโทษ มึงยกโทษให้กูนะ”
“กูขอโทษ”

มีแต่ข้อความแบบเดียวกันนี้ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งทันทีที่ผมเปิดอ่าน ไอ้ภพก็รู้ได้ทันทีว่าผมได้อ่านข้อความของมันแล้ว

ไอ้ภพ : “มึงอยู่ห้องใช่มั้ย? กูไปหานะ”
ผม  : “ยังไม่ต้องมาหรอก มาตอนนี้ก็โดนไอ้แซคแกล้งอีก”
ไอ้ภพ : “โซ่ กูขอโทษนะ ทุกเรื่องเลย”
ผม : “เลิกขอโทษได้แล้ว กูเข้าใจที่มึงโกรธกู”
ไอ้ภพ : “ขอโทษที่ทำมึงเจ็บตัวอีกแล้ว”
ผม : “กูไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก มึงอ่ะ? เป็นไงบ้าง? เจ็บมั้ย?”
ไอ้ภพ : “นิดหน่อย ;)
ผม : “ขอโทษแทนไอ้แซคด้วยนะ”
ไอ้ภพ : “ทำไมมึงไม่เคยบอกเลยว่ามีแฝด”
ผม : “ก็มันยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเรื่องนี้นี่ ช่างมันเถอะ”
ไอ้ภพ : “อืมมม... มึงยกโทษให้กูได้มั้ย?”
ผม : “ที่กูไปหามึงวันนี้ ก็เพราะจะไปขอโทษมึงนะ”
ไอ้ภพ : “กูไม่โกรธมึงแล้ว กูรู้แล้วว่ากูมันโง่เอง”
ผม : “อืม”
ไอ้ภพ : “โซ่... มึงจะไปญี่ปุ่นจริง ๆ หรอ?”

ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบมันกลับไป

ผม : “ใช่!”
ไอ้ภพ : “อย่าทิ้งกูไปแบบนี้ดิ :'(
ผม : “แค่นี้ก่อนนะ ไอ้แซคมาแล้ว กูไม่อยากให้มันรู้ว่าเราคุยกัน”
ไอ้ภพ : “ไม่เอา ถ้างั้นกูไปหานะ”

ไอ้ภพยังดื้อดึง

ผม : “งั้นไปเจอกันที่ร้านข้าวข้างม.นะ เดี๋ยวกูไปรอที่นั่น”

ตอนนี้ไอ้แซคกับไอ้ยักษ์กำลังคุยกันอยู่ที่ระเบียง ผมจึงอาศัยจังหวะนี้ หลบออกจากห้องไปรอไอ้ภพที่ร้านอาหารตามสั่งข้างมหาลัยที่ผมเคยไปกินกับไอ้ภพ

ผมนั่งรอไอ้ภพที่ร้านเกือบ 40 นาที มันจึงโทรมาหาผม

“มึงอยู่ไหน?” เสียงไอ้ภพถาม
“กูก็อยู่ที่ร้านข้าวไง ก็บอกว่าจะรอที่นี่ มึงอ่ะ? ทำไมยังไม่ถึงอีก?”
“กูอยู่ในม. มึง มึงเข้ามาหากูในนี้ได้มั้ย?”
“ไปทำอะไรในม. วะ?”
“มาเอาของที่ห้องล็อคเกอร์ มึงรีบเข้ามาเร็ว ๆ เลย” ไอ้ภพบอก
“ทีอย่างนี้สั่งใหญ่เลยนะ กูกลับไปโกรธเหมือนเดิมดีมั้ยเนี่ย? มึงจะได้ทำตัวดี ๆ หน่อย”
“โอ๋ ๆ ขอโทษครับ รีบมาหาเค้านะตัวเอง” ไอ้ภพแกล้งพูดประชด

ผมหัวเราะ พอวางสายจากไอ้ภพผมก็รีบออกจากร้านแล้วเดินตรงไปหามันที่ห้องล็อกเกอร์ทันที
ไอ้ภพนั่งรอผมอยู่ในห้องล็อคเกอร์ มันยังคงใส่ชุดบอลตัวเดิมเหมือนตอนที่อยู่ที่บ้าน เพราะหลังจากที่คุยกันในไลน์ มันก็คงรีบออกมาเลย

“ไอ้ภพ!” ผมเรียก

ไอ้ภพเดินตรงเข้ามาหาแล้วดึงผมเข้าไปกอดทันที โดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากของเราทั้งสองคน โชคดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม จึงไม่มีนักศึกษามาใช้ห้องล็อกเกอร์มากนัก จะมีก็แต่นักกีฬาว่ายน้ำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ผมสวมกอดมันกลับตามที่ใจต้องการจะทำมาตลอด กลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ กับกลิ่นหอมที่คล้ายกับกลิ่นของช็อกโกแลต และยังมีกลิ่นหอมเย็นที่รวมกันอยู่อย่างลงตัว ทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ในอ้อมกอดของมันแบบนี้นาน ๆ

“มาเอาของหรอ?” ผมแกล้งถามมัน
“ก็อยู่ที่ร้านข้าวมันกอดไม่ได้อ่ะ” ไอ้ภพบอกแล้วหอมแก้มผมฟอดนึง
“พอแล้ว เดี๋ยวมีใครเข้ามา”
“ไม่มีหรอก กูเช็คหมดแล้ว”
“หึหึ กูไม่น่าหลวมตัวมาเลย”
“ทำไมอ่ะ? มึงไม่อยากเจอกูหรอ?”
“ถ้าไม่อยากก็คงไม่มาหรอก” ผมบอก

ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายกอดมันก่อนบ้าง ซึ่งไอ้ภพก็กอดตอบ และระดมจูบผมจนผมต้องผลักมันออกเบา ๆ เพราะก็ยังกังวลว่าอาจจะมีใครเข้ามา

“แล้วนี่ มึงต้องไปญี่ปุ่นจริง ๆ หรอ?”
“อืม...”

ไอ้ภพน้ำตาคลอ

“ไม่ไปไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องไป”
“แต่กูไม่อยากให้มึงไป ถ้ามึงไปอยู่ที่โน่นแล้วกูจะทำยังไง?”
“กูไปแค่สองอาทิตย์เอง ไปอยู่โน่นเราก็ยังคุยกันได้”
“สองอาทิคย์?” ไอ้ภพถามย้ำ
“เออ”
“แต่พี่มึงบอก...”
“มันแค่แกล้งมึง แล้วก็อยากลองใจมึงดู ว่ามึงจะทำยังไง”
“มึงสองคนนี่กวนตีนไม่แพ้กันเลยเนอะ” ไอ้ภพบอกแล้วปาดน้ำตา ที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาเพราะดีใจหรือเสียใจ
“แต่ตอนแรกมันก็คิดจริงจังนะ ที่ว่าจะให้กูไปอยู่ญี่ปุ่น”
“ทำไมวะ?”
“เพราะ... เรื่องนี้ละมั้ง” ผมโชว์แขนข้างที่มีรอยถลอก ซึ่งเกิดจากตอนที่มันผลักผมจนแขนไปฟาดกับประตูรั้ว
“กูขอโทษ...”
“มันรู้ทุกเรื่องระหว่างเรา และมันก็คงประเมินจากอะไรหลาย ๆ อย่าง จนคิดว่ามันไม่โอเคที่มึงคบกับกู”
“กูจะทำอะไรได้บ้างวะ?”
“ภพ... พ่อมึงบอกกับกูคำนึง มึงอยากรู้มั้ยว่าเค้าพูดว่าอะไร?”

ไอ้ภพพยักหน้า พลางเอามือมานวดที่แขนผม

พ่อมึงบอกว่า ถ้ามึงกับกูจะคบกัน ก็ต้องพากันไปในทางที่ดี มึงพอจะเข้าใจมั้ย? กูรู้ว่าจริง ๆ แล้วไอ้แซคมันก็แค่เป็นห่วงกู เหมือนที่พ่อมึงเป็นห่วงมึง ทุกอย่างที่มันแสดงออกมา มันแค่อยากแน่ใจว่าคนที่กูจะคบด้วย ต้องไม่ทำให้กูเจ็บ ไม่ว่าในทางไหน”
“อืม”
“แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้... ยังใช้แต่อารมณ์ ใช้แต่กำลัง ไม่มีเหตุผลแบบนี้ ก็ไม่ต้องรอให้ไอ้แซคมาบอกให้เราเลิกกันหรอก เพราะกูคิดว่ากูก็คงจะไม่ทนเหมือนกัน”
“กูขอโทษ กูสัญญานะว่าจากนี้ไปจะไม่ทำให้มึงเจ็บอีก”
“มึงไม่ต้องสัญญาหรอก เพราะวันนึงเราอาจทำตัวไม่น่ารักใส่กัน วันนึงเราอาจจะเคยชินกับการมีกันจนลืมความสุขเหมือนในตอนนี้ วันนั้นมึงอาจจะทำตัวร้ายกาจใส่กูก็ได้ ก็ขอแค่ให้มึงจำสิ่งที่มึงพูด จำความรู้สึกที่มึงอยากจะมีกูอยู่ข้าง ๆ แบบนี้เอาไว้เท่านั้นเอง”
“แต่มึงก็ต้องกวนตีนให้น้อยลงหน่อยด้วยนะ เข้าใจมั้ย?”
“ไม่ได้หรอก ฮ่า ๆๆ”

ไอ้ภพหัวเราะแล้วดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง

“พอแล้ว เดี๋ยวมีคนเข้ามา”
“งั้นตามมานี่!” ไอ้ภพบอกแล้วดึงมือให้ผมเดินตามมันไปที่ห้องอาบน้ำ

ภายในห้องอาบน้ำจะเป็นห้องอาบน้ำรวม และมีห้องเดี่ยวอยู่ทั้งสองฝั่ง ไอ้ภพผลักผมเข้าไปแล้วถอดเสื้อตัวเองออกโชว์ผิวขาว ๆ ของมัน

“มึงจะทำอะไร?!”

มันไม่ตอบ แต่ดันผมจนตัวชิดกับฝนังห้องอาบน้ำและจูบอย่างหื่นกระหาย จนทำให้ผมรู้สึกอ่อนระทวยไปหมด

“ไม่เอา เดี๋ยวมีคนเข้ามา!”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก” ไอ้ภพบอกแล้วบรรเลงเพลงจูบกับผมต่อ

.....

จนกระทั่งทุกอย่างจบลงด้วยเสียงซ่า ๆ ของน้ำที่ไหลจากฝักบัว...


<---o--->

“ยิ้มอะไร?!” ผมบ่นไอ้ภพที่เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ตั้งแต่ออกมาจากห้องล็อกเกอร์แล้ว
“เปล่า! แค่มีความสุขเฉย ๆ ไม่คิดว่ามึงจะ...”
“หยุดพูดไปเลย! เพราะมึงนั่นแหละ เริ่มก่อน”
“แต่มึงก็เต็มที่ไม่ใช่หรอ?” ไอ้ภพบอกแล้วแกล้งยื่นหน้ามาใกล้ ๆ ผม
“กูบอกให้หยุดพูดไง!”
“โอ๋ ๆ ไม่พูดแล้ว ๆ”
“แล้วนี่ จะไปไหนต่อมั้ย?”
“ไปห้องมึงได้ปะ?”
“มึงกล้าไปหรอ? ตอนนี้อยู่ทั้งไอ้แซค ทั้งไอ้ยักษ์เลยนะ”
“ถ้ามึงอยู่ข้างกู ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
“แต่วันนี้มึงกลับไปก่อนดีกว่า กูไม่อยากให้ไปทะเลาะกันอีก”
“งั้นขออยู่กับมึงต่ออีกแปปนึงได้มั้ย? ยังไม่หายคิดถึงเลย” ไอ้ภพทำท่าอ้อน
“งั้นไปหาอะไรกินกัน”

<---o--->

เดินทาง...

“ไอ้ภพไม่มาส่งหรอ?” ไอ้แซคหันมาถามผมระหว่างรอขึ้นเครื่อง ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“อ้าว ไอ้นี่มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?” พี่แวนถาม
“อย่าให้เล่าเลยพี่ โคตรปวดหัวกับมัน”

ตอนนี้ไอ้แซคยอมรับให้ไอ้ภพคบกับผมแล้ว มันบอกว่า มันไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะนี่คือความรักของผม แต่มันจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ ถ้าเกิดวันไหน ไอ้ภพทำผมเสียใจ มันจะกลับมาเล่นงานไอ้ภพทันที

“มันขนาดนั้นเลยหรอวะ? แบบนี้แปลว่ามึงก็รู้แล้วสิว่าไอ้โซ่มันชอบผู้ชาย”
“อืม รู้แล้ว”
“แล้วทำไมถึงไม่ให้แฟนมาส่งด้วยล่ะ?” พี่แวนถามผม
“แค่ไปเที่ยวนะพี่ ไม่อยากให้มันมาส่งแล้วรู้สึกว่าจะต้องห่างกัน ไม่อยากให้รู้สึกเศร้าอ่ะ”
“อย่างนี้แหละ เขาเรียกข้าวใหม่ปลามันใช่ป่ะไอ้ยักษ์
“ใช่เลยพี่ ฮ่า ๆๆ” ไอ้ยักษ์ที่มาส่งผมก็เออออไปกับไอ้แซคด้วย
“ว่าแต่น้อง แล้วมึงล่ะ? มีแฟนรึยังเนี่ย?” พี่แวนหันไปถามไอ้แซคบ้าง
“กวนตีนแบบนี้ใครจะไปเอามัน”
“เรื่องกวนตีนมึงก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากูเลยนะ มึงยังมีแฟนได้เลย ทำไมกูจะมีบ้างไม่ได้ กูแค่ชอบชีวิตโสดมากกว่าหรอก” ไอ้แซคแย้ง
“ไม่มีใครเอามากกว่า”

พอผมพูดจบ ไอ้แซคก็ตบหัวผมดังเพี๊ยะ จนคนข้าง  ๆ หันมามอง

“ปากดีนัก”
“เฮ้ย ๆ อย่าตีกัน ๆ” พี่แวนทำเป็นห้าม แต่ก็หัวเราะออกมา
“จริง ๆ ทั้งสองคนอยู่ห่าง ๆ กันก็ดีนะพี่ อยู่ด้วยกันแล้วผมว่าคงปวดหัวน่าดู” ไอ้ยักษ์หันไปคุยกับพี่แวน
“นี่ไง! / นี่แน่ะ!” ผมกับไอ้แซคใจตรงกัน หันไปตบกะโหลกไอ้ยักษ์คนละทีพร้อมกัน

“โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบิน...... เที่ยวบินที่ TG 220 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ขอเชิญผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ที่ประตูทางออกหมายเลข 17 โปรดขึ้นเครื่องได้ที่ประตูทางออกหมายเลข 17 ขอบคุณค่ะ”

เสียงประกาศขึ้นเครื่องของสนามบินดังขึ้น ผมกับไอ้แซคจึงลาพี่แวนกับไอ้ยักษ์ที่มาส่ง

“พี่แวน ขับรถกลับดี ๆ นะ”
“บอกแม่นะ ว่าเดี๋ยวอีกสามวัน พี่บินตามไป” พี่แวนบอก
“มึงอยู่คนเดียวได้นะ” ผมถามไอ้ยักษ์
“กูไม่ใช่พวกขี้เหงาอย่างมึงนะ ทำไมกูจะอยู่คนเดียวไม่ได้ล่ะ”
“เออครับ มึงมันเก่ง”
“แน่นนอนอยู่แล้ว พี่แซค เอาไว้เจอกันนะครับ ดูแลเพื่อนผมดี ๆ ด้วย”
“มึงไม่ต้องมาสั่งกูหรอก”

หลังจากที่ล่ำลากันจนเสร็จแล้ว ผมก็ลากกระเป๋าเดินตามไอ้แซคไป

ผม : “กูขึ้นเครื่องแล้วนะ”
ไอ้ภพ : “ถึงแล้วบอกกูด้วยนะ”
ผม : “อื้ม”
ไอ้ภพ : “กูรักมึงนะ”

“คุยกับไอ้ภพหรอ?” ไอ้แซคหันมาถามผม
“เออ”
“แล้วมึงจะบอกแม่เรื่องนี้มั้ย?”
“ไม่รู้สิ มึงคิดว่าไงอ่ะ?”
“บอก ๆ ไปเหอะ”
“กูก็คิดงั้น แม่ก็คงจะไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวกูอยู่แล้ว”
“มึงเลิกนอยด์เรื่องนี้ได้แล้ว ถ้าแม่ไม่คิดถึงมึงเค้าไม่ให้กูมาพามึงไปหาหรอก”
“แม่สั่งให้มึงมาหรอ?”
“กูอยากมาเอง แต่แม่สั่งให้พามึงกลับไปด้วย”
“อืม...”

ผมคิดในใจว่าแม่อาจจะคิดถึงผมจริง ๆ ก็ได้ แต่มันก็เกิดคำถามขึ้นมาในหัวอีก ว่าทำไมเพิ่งมาคิดถึงเอาตอนนี้

“เออ ใช่! กูลืมบอกมึงไป ตอนนี้มึงไม่ได้เป็นน้องคนเล็กแล้วนะ”
“หมายความว่าไงวะ?”
“ก็ตอนนี้มึงมีน้องอีกคนนึงแล้วไง ชื่อ ‘โชตะ’ ตอนนี้เพิ่งจะขวบกว่า”
“ขวบกว่า? แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู?”
“แม่ไม่ให้กูบอก เพราะกลัวมึงจะไม่โอเคที่แม่มีลูกอีกคนนึง”
“กูดูร้ายขนาดนั้นเลยหรอวะ? ทำไมแม่จะต้องกลัวว่ากูรู้สึกอะไร?”
“เค้าแคร์ความรู้สึกมึงต่างหาก”
“มันก็สายไปอยู่ดี”
“มึงนี่ไม่รู้จักโตเลยเนอะ ยังงอแงเหมือนเด็กที่งอนพ่อแม่เวลาที่พ่อแม่ไม่ซื้อของเล่นให้”
“มึงอยู่กับแม่งมึงก็พูดได้สิ” ผมโกรธที่โดนไอ้แซคว่าแบบนี้
“ก็เพราะกูอยู่กับแม่ไง กูถึงเข้าใจเหตุผลทุกอย่างที่แม่ทำลงไป”
“...”
“มึงโกรธแม่ที่แม่ไม่พามึงไปอยู่ด้วย แต่มึงไม่รู้หรอก แม่เค้าอยากพามึงไปอยู่ด้วยจะตาย แต่เค้าเห็นว่าตอนนั้นชีวิตยังลำบากอยู่ ไม่อยากให้มึงมาลำบากด้วย”
“ขอกูไปฟังทุกอย่างจากปากแม่เองแล้วกัน”
“เออ! เดี๋ยวมึงเจอหน้าน้องแล้วมึงจะไม่อยากกลับไทย”
“ขนาดนั้นเลยหรอ?”

ผมมัวแต่เถียงกับไอ้แซคอยู่จนลืมคุยกับไอ้ภพไปเลย จนมันแอบงอนผมที่ไม่ตอบกลับมัน

ไอ้ภพ : “ไม่บอกกลับหน่อยหรอ?”
ไอ้ภพ : “ไอ้โซ่.......”
ผม : “เฮ้ยย! ขอโทษ ไอ้แซคมันกวน”

“กูรักมึงเหมือนกัน สองอาทิตย์กูก็กลับแล้ว รอกูด้วย แล้วก็อย่าไปแรดที่ไหนล่ะ? อย่าให้รู้นะว่าตอนกูไม่อยู่มึงแอบไปไหนกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นกูจะกลับมาพาน้องมึงไปอยู่ญี่ปุ่นกับกูด้วยเลย !!” ผมกดอัดเสียงแล้วส่งไปให้ไอ้ภพ มันฟังแล้วส่งข้อความกลับมา

ไอ้ภพ : “ไม่แรดแน่นอนคร้าบ ที่รัก”

<---o--->


2 วันก่อนหน้านั้น

ในช่วงนี้ร้านอาหาร หรือสถานที่หลาย ๆ แห่งต่างพากันตกแต่งร้าน และประดับไฟในดูสวยงามตามเทศกาลปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง เสียงเพลง พรปีใหม่ ดังระงมไปทั่ว พาให้รู้สึกถึงความสุขของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะด้วยความร่าเริงของเด็ก ๆ

“โซ่...แบบนี้กูก็ไม่ได้เคาท์ดาวน์กับมึงอะดิ!”
“ก็คงงั้น เอาไว้เราเคาท์ดาวน์ตอนวีดีโอคอลกันก็ได้”
“เวลามันไม่ตรงกันนะ”
“เออเนอะ”
“มึงไม่ไปไม่ได้หรอ?” ไอ้ภพถาม ผมถอนหายใจ
“จริง ๆ กูก็ไม่ได้อยากไปหรอก แต่แม่กูเค้าอยากให้กูไปเยี่ยมบ้าง”
“แม่มึง? อยู่ญี่ปุ่นหรอ?”
“อืม”
“จะว่าไป มึงไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวมึงให้กูฟังเลย แม้กระทั่งมีแฝดก็ไม่เคยบอก ตอนกูเห็นมันตอนแรกกูนึกว่ากูหลอนจนมองเห็นมึงสองคน”
“หลอนดิ เจอต่อยเข้าไปขนาดนั้น”
“ที่กูไม่สู้ เพราะกูทำไม่ลงหรอก ก็หน้าเหมือนมึงขนาดนั้น”
“หรอ? แต่ไม่รู้ทำไมเนอะ อยู่กับมึงทีไรกูมีเรื่องให้เจ็บตัวตลอดเลย”
“ขอโทษ” ไอ้ภพทำหน้าเศร้า

ผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวผมทั้งหมดให้ไอ้ภพฟัง มันฟังอย่างตั้งใจ และพอจะรู้สึกได้ว่าครอบครัวผมกับครอบครัวของมันมีอะไรคล้าย ๆ กัน เราเติบโตมาโดยขาดความรักจากคนเป็นแม่เหมือนกัน นั่นทำให้ผมเป็นคนที่ชอบการถูกดูแลเอาใจใส่ เหมือนที่ไอ้ยักษ์ชอบทำให้ผม หรือแม้แต่การเทคแคร์ของไอ้ภพก็ทำให้ผมรู้สึกวางใจที่ได้อยู่ใกล้ ๆ มันเช่นกัน

“ชีวิตเรานี่คล้าย ๆ กันเลยเนอะ” ไอ้ภพบอก
“ก็คงงั้น ต่างกันตรงที่มึงยังมีพ่อ แต่กูไม่เหลือใครเลย นอกจากพี่ชายสองคน”
“มึงยังเหลือแม่มึงอีกคนนึงไง”
“ไม่หรอก ถ้าเค้าเห็นกูอยู่ในสายตา เค้าคงไม่ทิ้งให้กูอยู่แบบนี้หรอก”
“กูว่าผู้ใหญ่ก็คงมีเหตุผลนั่นแหละ ทุกอย่างมันมีเหตุผลเสมอ”
“มึงคิดแบบนั้นหรอ?”
“อย่างน้อย ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้เราได้เจอกันนะ”
“ฮ่ะ ๆๆ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย” ผมหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรวะ? เกี่ยวสิ ถ้ามึงไปอยู่ญี่ปุ่นด้วยกูกับมึงก็คงไม่ได้เจอกัน”
“ไม่คิดว่ามึงจะมีมุมน้ำเน่าแบบนี้ด้วย”
“เขาเรียกโรแมนติกเว้ย!” ไอ้ภพแก้ตัวหน้าแดง
“ก็คงงั้นแหละ”

เราหัวเราะกันทั้งคู่ จากนั้นไอ้ภพก็ดึงมือผมไปกุมเอาไว้

“ถ้าวันนั้น ตอนที่อยู่ที่ค่าย กูแค่ปล่อยให้มึงเป็นแค่อากาศธาตุ ไม่สนใจมึง เราก็คงไม่ได้มารักกันเหมือนตอนนี้หรอก จริง ๆ แล้วบางทีเราอาจจะเป็นคู่กันตั้งแต่แรกก็ได้”
“ทำไมคิดงั้นอ่ะ?” ผมถาม
“ก็ตอนนั้น เราจับฉลากได้นอนเต้นท์เดียวกัน มึงไม่คิดว่ามันจะบังเอิญเกินไปหรอ? ที่คนที่เกลียดกันสองคน จะมาจับฉลากได้เลขเดียวกัน และต้องมานอนเต็นท์เดียวกัน”
“เราไม่ได้เกลียดกัน... มึงคนเดียวที่เกลียดกู”
“โซ่... กูเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่มึงถึงไม่พามึงไปอยู่ด้วย เพราะแม่งกวนประสาทแบบนี้ไง แม่มึงคงคิดว่าถ้ามึงกับไอ้แซคอยู่ด้วยกัน คงปวดหัวตาย”
“เออ!”
“แต่กวนตีนแค่ไหนกูก็ยังรักมึงนะ”
“ตบหัวแล้วลูบหลัง”
“แต่กูก็ชอบนะ ชอบที่มึงเป็นมึงแบบนี้”
“หรอ? แล้วนอกจากนั้นมีอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่มีหรอก แค่อะไร ๆ ที่มันรวมมาเป็นมึง กูก็รักหมดนั่นแหละ”
“ไปหัดพูดจาแบบนี้มาจากไหนเนี่ย?” ผมถามเพราะปกติไอ้ภพเป็นคนที่ไม่โรแมนติกขนาดนี้
“ตั้งแต่ตอนที่คิดว่าต้องเสียมึงไปนั่นแหละ ถึงรู้ว่าตอนที่ยังมีเวลา กูต้องทำดีกับมึงไว้เยอะ ๆ”
“กูก็จะพยายามเป็น... แฟน... ที่ดีของมึงแล้วกัน”

ในนาทีนั้นที่เราอยู่ด้วยกัน... ช่วงที่ในสายตาของผมมองไปข้างหน้าแล้วเห็นไอ้ภพอยู่ตรงนั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่า ปีนี้ซาตาคลอสได้ให้ของขวัญกับผมแล้ว และผมสัญญาว่าผมจะรักษาของขวัญชิ้นนี้ของผมอย่างดี



มาถึงตอนนี้... นิยายเรื่องนี้อาจจบลง แต่ความรักของผมกับไอ้ภพยังคงดำเนินต่อไป
ในขณะที่คุณกำลังอ่านเรื่องราวของผม ถ้าเป็นตอนเช้า ผมก็คงกำลังงัวเงียขี้ตา ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของไอ้ภพ  ถ้าคุณอ่านตอนกลางวัน  ผมกับไอ้ภพก็คงกำลังกินข้าวที่ร้านใดร้านหนึ่ง และไอ้ภพอาจกำลังสั่งข้าวไก่กระเทียมเมนูเดิมมากินอีกเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยก็ได้ หรือถ้าคุณอ่านตอนกลางคืน ตอนนี้ผมกับไอ้ภพก็คงกำลังนอนดูทีวี หรือไม่ก็ดูหนังกันอยู่ หรืออาจจะกำลังทะเลาะกันอยู่ก็ได้
ผมเพียงแค่อยากจะบอกว่า ในทุกลมหายใจเข้าออกของคุณในทุก ๆ วันต่อจากนี้ ผมกับไอ้ภพจะยังมีความรักให้กันอยู่เสมอ และกำลังมีความสุขอยู่ด้วยกันในมุมใดมุมหนึ่งของโลกใบนี้



<----O<<::::::======[ จบบริบูรณ์ ]======::::::>>O---->


ในที่สุดก็จบแล้วละ  :mc4:
หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขไม่มากก็น้อยนะครับ
ก่อนอื่นต้องขออภัยอีกครั้งนึง ถ้าตรงไหนผู้เขียนพิมพ์ผิดไป พิมพ์ดึก ๆ บางทีมันก็มีเบลอ ๆ บ้างอ่ะครับ แฮ่ ๆๆ  :really2:
และต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันจนมาถึงตอนจบนะครับ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ
ความเห็นของคุณจะช่วยให้ผู้เขียนพัฒนางานชิ้นต่อ ๆ ไปให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :3123: :L2: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2017 23:51:08 โดย Thearz »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มาถึงตอนนี้... นิยายเรื่องนี้อาจจบลง แต่ความรักของผมกับไอ้แซคยังคงดำเนินต่อไป
ชื่อแซค ต้องเป็นภพ หรือเปล่า
พ่อภพ แซค คนอ่าน คิดตรงกัน
ภพ ชอบใช้อารมณ์ กำลัง รุนแรงกับโซ่ตลอด
เจอกัน จนรักกัน มีแต่ทำให้โซ่เจ็บตัว
พ่อภพพูดดีมากเลย
ถ้าสองคนจะคบกัน ก็ต้องพากันไปในทางที่ดี
มีแววนะ ว่าแซคกับภู จะสานสัมพันธ์กัน
แล้วยักษ์ล่ะ จะมีคู่กับเขาปะ
       :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด