เธอมีชู้
บทที่ 2
“สีหน้าไม่ดี เมื่อวานงานเข้าสิมึง” ผมมองเต้ตาขวาง
“ก็เออดิ ใครให้มึงไปนั่งแดกเหล้าหน้ามอละวะ ถ้ามึงไม่ไปแดกร้านนั้นงานก็ไม่เข้ากูหรอก สัส นัดแนะกันดิบดีเสือกไปกินตรงที่คนเห็นง่ายๆ” บ่นด้วยความหงุดหงิด ก็ถ้ามันเป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อวานงานก็ไม่เข้าผมปะ ผมกับแมทก็จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน
เมื่อคืนหลังจากผมหนีเข้าห้องไปอาบน้ำนอนด้วยความหงุดหงิด ผมกับแมทก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย มันน่ะพยายามชวนคุยอยู่ แต่ผมเล่นตัว ทำไงได้คนมันเคืองนี่ มาว่าผมแบบนั้นได้ไง คำพูดคำจาหาเรื่องกันชัดๆ
“กูว่ามึงควรโทษความเลวของตัวเองก่อนค่อยไปโทษไอเต้นะ”
“มึงหุบปากไปเลยกล้า ไม่ช่วยกูก็เงียบไป” กล้ามันยื่อมือมาตบปากผมแรงๆ
“ปากดีสัด” แล้วมันก็ไปนั่งหน้ามุ่ยงอนผม แต่ผมไม่โกรธมันหรอก โดนตบปากบ่อยจนเลิกโกรธ เต้ยีหัวกล้าเป็นการแกล้งก่อนจะหันเอาตาปรือๆ มามองผม
“มองเชี่ยไร เพราะมึงเลยเพราะมึง!” ผมตะคอก ทุกอย่างเป็นเพราะเต้คนเดียว เพราะเต้ไม่ยอมไปกินเหล้าที่ห้อง ผมเลยซวย ซวย และซวยยยย
“กูไปแดกเหล้าหน้ามอก็จริงนะ แต่กูนั่งอยู่ข้างในโซนวีไอพี แมทมันเห็นกูได้ไง...” นึกภาพตาม โซนวีไอพีร้านหน้ามอเราค่อนข้างลึก จริงที่หน้าร้านมองเข้ามาเห็นด้านในได้บ้าง แต่ไม่มีทางเห็นโซนนี้แน่ๆ
“มึงอาจจะเดินไปตรงไหนแล้วแมทมันเห็นก็ได้”
“ไม่ กูไม่ได้ลุกไปไหนเลย”
“แหม่ แมทมันอาจจะแวะเข้าไปกับเพื่อนมันก็ได้ป่ะ เรื่องแค่นี่สงสัยอะไรกันนักหนา ที่ไอ้บอมทำตัวอะน่าสงสัยกว่าเยอะ รอดมาตลอดเลยไม่คิดว่าจะโดนจับได้เลยอะสิ” ไอ้กล้าจากที่เงียบไปนานสวนขึ้น ผมกับเต้มองหน้ามันแต่คงเป็นคนละอารมณ์กัน เต้ไหวไหล่ไม่ใส่ใจ ส่วนผมจากตอนแรกที่สงสัยก็รู้สึกเฉยๆ เพราะมันจริงอย่างที่กล้าว่า แมทจะเข้าร้านเหล้าหน้ามอกับเพื่อนก็ไม่เห็นแปลกอะไร
บทสนทนาของผมกับพวกมันจบลงชั่วคราวเมื่ออาจารย์เข้าสอน ผมจึงต้องสนใจการเรียนชั่วคราว กว่าจะถึงเวลาพักที่รอคอยก็กินเวลาไปนานมาก วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า คิดว่าบ่ายๆ จะนัดพี่พู่ไปช๊อปปิ้งกัน เอาใจเธอหน่อยที่เมื่อวานรีบร้อนออกมาก อีกอย่างผมเองก็อยากได้เสื้อผ้าและก็ครีมบำรุงผิว วันก่อนเห็นรีวิวครีมตัวใหม่ของแบรนด์ๆ หนึ่ง น่าสนใจเลยอยากจะไปซื้อมาลองเทสสักกระปุก
“มึง” จบคลาส เดินออกมากล้าก็สะกิดให้ผมดูอะไรบางอย่าง
“แมท” คนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนั่นคือแมท มันมองมาทางนี้ พอเห็นผมเลยเดินตรงเข้ามา
“ดีกล้า ดีเต้” แมทยิ้มละไมให้กับกล้า ท่าทางอบอุ่นอ่อนโยน กล้ามันหลงลุคนี้ของแมทมากนะส่วนเต้ก็ยิ้มตอบ ตาปรือเหมือนจะหลับไม่หลับแหล่สุดๆ
“พวกกูไปก่อนนะ”เต้กอดคอกล้า ลากกันออกไป ทิ้งผมให้อยู่กับแมท จะให้ผมกับมันทำความเข้าใจกันละสิ เห้อะ ฝันไปเถอะ ผมไม่อยากทำความเข้าใจกับคนที่ไม่เคยไว้ใจกันเลยอย่างมัน
“โกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่ใช่ไหม...” มันถามเสียงเรียบ รอยยิ้มของมันดูเศร้าๆ ใจผมพาลอ่อนหมดกันพอดี
“น่าโกรธปะถามจริง” ผมย้อน แมทพยักหน้า
“ขอโทษ ยกโทษให้กูนะ ก็กูหวงมึงอะ...มันก็อดคิดอดระแวงไม่ได้นี่หว่า ยิ่งช่วงนี้กูเองก็ไม่ค่อยว่าง มึงเองก็เที่ยวบ่อยๆ เห็นใจกูหน่อยสิวะ” ท่าทางเศร้าๆ ของแมททำให้ผมใจอ่อนจริงๆ ด้วย ผมถอนหายใจ มองหน้ามันก่อนจะเอื้อมมือไปจูงมันเดินไปด้วยกัน
“กูเข้าใจ แต่ก็อยากให้เชื่อใจกูบ้าง...”
“อืม กูขอโทษ”
“เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นพากูไปช๊อปปิ้งสิ รับรอง หายโกรธเลย” หันไปยักคิ้วให้แมทแบบหล่อๆ มันยิ้มแล้วรีบเดินมาตีคู่กับผม
“ได้สิ แล้วไปกินมื้อเที่ยงด้วยเลย” ผมพยักหน้าเออออไป
ใจจริงก็อยากจะเล่นตัวต่ออีกหน่อย แต่ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของแมทแล้วผมก็ทำตัวใจแข็งอยู่ได้ไม่นานจริงๆ มันเป็นคนค่อนข้างเย็นชา นานๆ ครั้งถึงจะมีมุมนี้ให้ได้เห็น ถ้าเป็นอะไรที่เห็นบ่อยๆ คงไม่หายโกรธง่ายขนาดนี้
ผมตามแมทไปซ้อนมอเตอร์ไซค์ เดินทางไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มอ ใช้เวลาไม่นานครับ มอเตอร์ไซค์มันซ่อกแซ่กได้เลยถึงเร็วมาก ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวสุดๆ จอดรถได้ผมกับมันก็รีบดิ่งเข้าตัวห้างไปตากแอร์ทันที ชื่นใจมากครับ
“กินข้าวก่อนป่ะ...หรือจะไปซื้อของก่อน” แมทจับมือผมเอาไว้ มันถามแล้วมองตรงทางแยก ซ้ายเป็นโซนอาหาร ขวาเป็นโซนเสื้อผ้า
“กินก่อนก็ได้ เดี๋ยวมึงจะหิวซะก่อน ดีไม่ดีตอนนี้หิวแล้วด้วยละสิ”
“รู้ทัน” แมทส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้แล้วเดินจูงมือผมไปทางซ้ายมือ ไม่ต้องเลือกร้านอาหารให้ปวดหัวครับ ผมกับมันมีร้านประจำอยู่แล้ว
เมื่อกลับมาคืนดีกัน เราก็มีเรื่องราวมากมายเล่าสู่กันฟัง อย่างที่แมทพูดนั่นแหละครับ ช่วงนี้แมทงานเยอะเรียนหนัก ทำให้เราไม่ค่อยได้เวลาอยู่ร่วมกันเลย หลายๆ อย่างที่เจอมาจึงสะสมอยู่ในตัวค่อนข้างเยอะ รอเวลาที่จะเล่าให้ใครอีกคนฟัง แต่คนที่เล่าส่วนใหญ่เป็นผมครับ แมทไม่ค่อยพูด แทบไม่พูดเลยนอกจากยิ้มให้ผมตลอดเวลา เขาตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด แค่นั้นก็มีความสุขแล้วละครับ
จบมื้อเที่ยงแมทพาผมไปดูหนังอีกเรื่อง เราจับมือกันตลอดครับ แมทไม่อายคนที่มองมาผมก็ไม่อายเช่นกัน อันที่จริงมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ช่วงคบกันแรกๆ แมทที่เป็นเกย์อยู่แล้วชอบเดินจับมือกับคนรัก แม่เป็นผู้ชายเจ้าตัวก็ไม่แคร์ ส่วนผมที่คบกับหญิงมาตลอดต้องมาจับมือกับผู้ชายก็รู้สึกแปลกๆ อาจชาวบ้านชาวช่องเขามากครับ แต่แมทก็ยังดื้อดึงที่จะทำจนในที่สุดในก็กลายเป็นความเคยชิน
“บ่ายสามวันนี้กูมีเรียน” แมทพูดขณะยืนดูคิวหนัง เรื่องที่เราสนใจจะดูเข้าบ่ายโมงสี่สิบห้า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าออกมาจะทันไปเรียนไหม
“งั้นไม่ต้องดู พากูไปช๊อปดีกว่า” ตามจริงต้องพามาช๊อปสิ แต่พอกินเสร็จแมทก็ชวนมาดูหนังต่อปมเลยลืมความตั้งใจแรก
“กูอยากดูหนังกับมึงนี่หว่า คืนนี้กูกลับดึกด้วย”
“แต่ถ้าดูเข้าเรียนไม่ทันแน่ หนังปกติเกือบสองชั่วโมงทั้งนั้น” แมทพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นไปช๊อปก็ได้”
“ดีมาก ป่ะๆ” ผมลากแมทเดินไปยังโซนขายเครื่องสำอาง
แมทยิ้มบางๆ เดินตามผมโดยไม่อิดออดอะไร ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่ต้องพาผมมาซื้อเครื่องสำอาง ครีมทาผิวอะไรพวกนี้ นับตั้งคืนนั้นที่มันกดผมในห้องมัน มันก็ได้รู้ว่าภายใต้ควาหล่อใสของผมนั้นต้องแลกมากับเงินจำนวนไม่น้อย ผมไม่ได้ศัลยกรรมแต่ผมหมดกับเครื่องสำอางเยอะ นี่ขนาเป็นผู้ชายนะนี่ แรกๆ แมทมันก็แปลกใจ ผู้ชายทาครีมแต่งหน้า แต่พอเจอผมทำบ่อยๆ ก็ชิน เหมือนที่ต้องทำตัวให้ชินกับมันเวลาอยู่ด้วยกันอ่ะ เพราะเวลาอยู่ด้วยกัน แมทจะไม่ค่อยพูด ไม่เหมือนตอนอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง
อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน แมทคอยเดินตามและฟังผมพูดเรื่องครีมประทินผิวต่างๆ นาๆ เข้าร้านนี้ออกร้านนู้น ถูกใจอะไรแมทก็ควักจ่ายให้ มีแฟนรวยก็ดีแบบนี้แหละครับ แต่ใช่ว่าผมจะผลาญเงินแมทแบนี้ตลอดนะ นานๆ ครั้งเท่านั้นแหละ
“แมท นาฬิกเรือนนั้นสวยมากเลยวะ” เครื่องสำอางและครีมต่างๆ ได้มาครบละครับ ตอนนี้มาหยุดอยู่หน้าร้านฬิกาสุดหรู
“เอาไหม” แมทถามยิ้ม
“ซื้อใส่ด้วยกันได้ป่ะ ใส่คู่กัน” ผมตาวาวใส่แมท ราคาของเรือนนี้บอกเลยว่า...ผมไม่มีปัญญาซื้อแน่ๆ
“อื้ม” แมทพยักหน้าแล้วพาผมเข้าไปในร้าน คุยกับพนักงานสาวสวยด้วยวาจาสุภาพ เห็นแล้วหมั่นไส้นิดหน่อย แต่เข้าใจว่านี่คือแมท
ผ่านไปร่าวๆ สิบนาทีนาฬิกาสุดหรูเพิ่งออกใหม่หมาดๆ ก็มาอยู่ที่ข้อมือของเราสองคน ผมจับข้อมมือแมทที่มีฬิกาขึ้นมาเคียงคู่กับข้อมือผม จากนั้นแชะภาพแล้วอัพลงอินสตาร์แกรม แมทแค่มองตามการกระทำของผมนิ่งๆ ยืนอยู่ข้างกันไม่ขยับห่างไปไหน
“ดูดีมากๆ เลย มึงชอบเหมือนกูปะ” เห่อของสุดๆ หน้าบานไปหมดละครับตอนนี้
“มึงชอบกูก็ชอบ” แมทว่าเสียงนุ่ม ผมยิ้มหน้าบานให้มันแล้วพากันเดินต่อ
ยังมีของที่อยากได้อีกครับ!
นอกจากครีม เครื่องสำอาง นาฬิกา ผมยังอยากได้รองเท้าผ้าใบคู่ใหม่กับเสื้อผ้าสักสองชุด ก่อนอื่นต้องเดินดูรองเท้าก่อน ปกติมผใส่รองเท้าหนังหัวแหลมสีดำด้านอยู่ ดูเท่ไม่เบาแต่ก็อยากได้คู่ใหม่ รอบนี้อยากได้ผ้าใบที่กำลังฮิต แต่ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
เดินหาอยู่พักใหญ่ๆ ก็เจอร้านขายรองเท้าแบรนด์ที่อยากได้ ผมตรงดิ่งเข้าไปจับ เลือกสีและไซต์ทันที ได้ดั่งใจปุ้บก็ให้แมทจ่ายเงินรับของปั้บกลับออกนอกร้านได้ทันที แมทถือของส่วนใหญ่ให้ผม มีบ้างที่เล็กๆ น้อยๆ ผมถือ
ได้ลองเท้าต่อไปก็เสื้อผ้าร้านประจำผมเลยครับ แค่เสื้อนักศึกษาสีขาวเรียบๆ ร้านนี้ก็ยังรับออกแบบให้ดูดี ดูเท่แม้จะเรียบง่าย แมทเองก็ใช้เสื้อร้านนี้ เราเดินหาร้านไม่นาน เขาช้ามาได้ก็แยกย้ายกันไปดูเสื้อผ้า เพราะร้านนี้แมทเองก็ช๊อปบ่อยๆ หึหึ แมทน่ะแค่บ่อย แต่ผมอะขาประจำเลย
“เยอะไปไหม” สายตาคมคู้นั้นมองมาที่แขนของผม แขนที่มีเสื้อและกางเกงพาดอยู่ราวๆ ห้าชุด พูนบนแขนจนแมทถึงอึ้ง ส่วนผมก็มองที่มือแมท มีแค่เสื้อกับกางเกงสีดำชุดเดียว
“ก็มันเลือกไม่ถูกนี่นา”
“ใส่หมดหรอวะ”
“หมดดิ้ แป๊บเดียวก็ใส่ครบหมดแล้ว” แมทมองแววตาอ้อนๆ ของผมก่อนจะถอนหายใจ
“อืมๆ” แมทไม่ค่อยปฏิเสธเวลาผมซื้อของแบบนี้ไง ผมถึงกล้าหยิบมาซะเยอะ
จริงๆ แฟนกันควรเกรงใจกันครับ แต่ผมไม่ แมททำผมเสียดิสัยไปนานแล้ว มันตามใจผมเอง บางทีผมพยายามหักห้ามใจ มันก็ดันไปเอาของที่ผมตัดใจแล้วมาจ่ายเงินให้ตลอด สุดท้ายผมก็เสียนิสัย มากับแมททีไรอยากได้อะไรก็หยิบมาหมด ไม่สนคนจ่ายตัง เข้าแต่ละร้านก็หรูๆ ทั้งนั้น ไม่ต้องถามเลยว่าแมทจ่ายไปเท่าไหร่เวลาพาผมมาช๊อปปิ้ง
“กูต้องไปละ เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่ห้องก่อนละกันนะ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
แมทชับรถมาส่งผมที่ห้องตอนบ่ายสองครึ่ง ถือโอกาสเอาของมาเก็บให้เรียบร้อยแล้วออกไป วันนี้แมทจะกลับดึก รายงานและโครงงานกลุ่มของแมทกระชั้นชิดเข้ามามากแล้ว โอ้เอ้มากกว่านี่รับรองไม่เสร็จ และถ้าไม่เสร็นงานนี้ตกยกกลุ่มแน่ๆ ผมก็เห็นใจแมทนะ อยากช่วย แต่ก็ไม่มีอะที่ผมช่วยได้นอกจากเป็นกำลังใจให้กับเขาเท่านั้นเอง ผมเอาของไปเก็บแล้วเอามือถือมากดเปิดโปรแกรมไลน์ แชตหาพี่พู่เพื่อบอกพี่พู่ว่า...
[BomZa : แล้วเจอกันที่ร้านเดิมนะครับพี่พู่คนสวยยยยยย]
พอพี่พู่กันตอบกลับมา ผมก็วางมือถือแล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กางเกงสามส่วนเข้ารูปสีดำเข้าได้ดีกับเสื้อโปโลสีครีม เซ็ทผมให้ดูเป็นทรงเล็กนอยไม่ต้องมากมันจะดูเวอร์ จากนั้นก็ทาครีมบำรุงสำหรับกลางวันซึ่งเป็นสีเบจทำให้หน้าดูเนียนกระจ่างใส ต้องใช้ยี่ห้อดีๆ หน่อยนะครับ มันจะได้ดูเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ทาลิปมันสีพีช ผมชอบสีนี้ ดูธรรมชาติดีแถมหอกด้วย หาซื้อได้ไม่ยากครับ ใช้ของผู้หญิง
วันนี้ผมหยิบแว่นแฟชั่นกรอบชมพูใส่มาด้วย เสริมให้ผมดูเป็นเด็กน้อยน่าเอ็นดูหนักเข้าไปใหญ่เลยทีนี้ ส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนพอใจก็ออกจากห้องเลย จริงๆ อยากถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้เหมือนกัน แต่มันไม่เป็นผลดีถ้าแมทมาเห็น เขาตั้งข้อสงสัยยาวเหยียด ซึ่งผมขี้เกียจจะตอบเหลือเกิน
ผมเลือกที่จะนั่งรถแท็กซี่มาลงที่ห้างสรรพสิค้า ห้างเดียวกับที่มากับแมทเมื่อประมาณเกือบสองชั่วโมงที่แล้ว ผมรีบตรงดิ่งไปหาพี่พู่ในร้านเบเกอร์รี่เจ้าประจำของเรา ก็เห็นเธอนั่งจิบลาเต้ร้อนพร้อมเค้กชิ้นสวย
“โห บอมว่าบอมมาเร็วแล้วนะเนี่ย” ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพี่พู่
“แต่พี่เร็วกว่า” เธอส่งยิ้มสวยๆ มาให้
“พูดแบบนี้จะหาเรื่องลงโทษบอมอะสิ ไม่เอาน้า...บอมไม่อยากโดนลงโทษ” ส่งสายตาออดอ้อนไปให้เธอ พี่พู่ยื่นมือมาหยิกจมูกผมเบาๆ ด้วยความหมั่นเคี้ยว
“ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลย มุกนี้ใช่กับพี่บ่อยๆ ไม่ได้ผลหรอกนะบอม”
“จริงหรอครับ” ผมทำหน้าเศร้า สงสารตาน่าสงสารไปให้อีก แต่ก็ดูรู้แหละครับว่าแกล้งทำ เธอถึงได้ดีดหน้าผากผมดังแป๊ะ เล่นเอาสะดุ้งโหยงเลยเชียว
“จริงๆ เลยน้า เออใช่ วันนี้มีคนบอกว่าบอมเดินจับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งออกมาจากหน้าห้องเรียนด้วยละ” เกริ่นมาแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย
“แล้วไงอะครับ? บอมไม่เก็ตเท่าไหร่”
“ก็ไม่ไงหรอก พี่แคสงสัยว่าใคร เพื่อนบอมคนไหนพี่เคยเจอไหมก็เท่านั้น ถึงพวกนั้นจะบอกว่าคนนั้นน่าจะเป็นแฟนบอมก็เหอะ พี่ว่ามันก็แค่เรื่องเม้าท์ของพวกสาววายอะ” แอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย เรื่องเม้าท์เล่นๆ ของสาววายดันกลายเป็นเรื่องจริงของชีวิตผมซะงั้น
“รูมเมทอะพี่พู่ มันเรียนคนละคณะ วันนี้มันเข้ามาเอาของที่ลืมไว้เฉยๆ” ผมบอกไปด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร
พี่พู่พยักหน้าเข้าใจแล้วก็เริ่มเล่าถึงสิ่งที่พวกสาวๆ บางกลุ่มเม้าท์กัน บ้างก็ว่าผมอะหน้าตาแบบเคะน้อยๆ เหมาะเจาะกับไอ้เต้ที่ดูเป็นเมะเพลบอย ผมคิ้วขมวดไปพักหนึ่งเพราะไม่เข้าใจศัพท์พวกนั้น ตัวพี่พู่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก็เลยต้องฟังไปแบบไม่เข้าใจเอาเสียเลย
พอฟังจบ ผมก็ค้นพบว่าพลังจินตนาการของสาววายนั้นลึกล้ำยิ่งนัก เอาผมเสียวสันหลังวูบๆ เพราะกลัวพวกนางเกิดให้ความสนใจและไปขุดคุ้ยผม ขืนเจอว่าผมคบกับแมทจริง ผมมีหวังเสียพี่พู่ไปแน่นอน รวมทั้งผู้หญิงอีกหลายคนที่ผมกำลังคุยๆ กับเธอในฐานะเพื่อนอยู่
“แต่ก็ช่างพวกนั้นเถอะ ยังไงบอมของพี่ก็ไม่ได้เป็นเกย์อยู่แล้วละเนอะ” ยิ้มหวานตาหยีได้น่ารักน่าฟัดมก ผมยิ้มหวานตอบเหมือนเห็นด้วยกับพี่พู่ แต่ในใจกลับแย้งต่อการกระทำ
ผมพาพี่พู่ไปช๊อปปิ้งในโซนของเครื่องสำอาง เธอบอกไว้ก่อนแล้วละว่าอยากได้เครื่องสำอางเพิ่ม การคบกับผู้หญิงสิ่งที่ควรทำใจไว้เป็นอย่างแรกๆ เลยคือเรื่องเครื่องสำอางที่ล้นบ้านของเธอนี่แหละครับ ผมเป็นผู้ชายแต่งหน้าแต่งตัวว่าเยอะแล้ว เจอผู้หญิงเข้าไปผมนี่เทียบไม่ติด ตอนแรกว่าสิ่งที่ผมทำทุกวันมันน่ารำคาญ แต่พอเจอเหล่าผู้หญิง ผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ดูเล็กจ้อยไปเลย
“บอมซื้อน้ำหอมให้พี่หน่อยสิ...นะคะน้า” ตาปิ๊งๆ กับลูกอ้อนเกาะแขนนี่ใช้ได้ดีจริงๆ
“เอาสิครับพี่พู่” เธอพยักหน้าแล้วตรงดิ่งเข้าไปเลือกน้ำหอมกลิ่นผู้หญิง
ผมเองก็มีความสนใจในน้ำหอมผู้หญิงนะ น่าเอาไปใช้เวลาผมกับแมทจะซัมติงกัน คงให้อารมณ์ที่แปลกและแตกต่างออกไปมาก และแมทน่าจะคลั่งกับร่างกายของผมสุดๆ ไปเลย นึกถึงสีหน้านั้นของมันแล้วก็สยิวแปลกๆ ผมชอบอะ...ชอบดวงตาคมที่จับจ้องมา ริมฝีปากเผยอหอบหายใจโคตรเซ็กซี่ แต่ก็คนละอารมณ์กับพี่พู่อยู่ดี พี่พู่ก็เซ็กซี่นะ เร่าร้อนสุดๆ ไปเลยเหมือนกัน
ระหว่างรอผมเองก็ชักอยากจะลองหาน้ำหอมกลิ่นผู้หญิงดูเผื่อได้ทำตามอย่างที่ใจคิด แต่ส่วนใหญ่น้ำหอมผู้หญิงทำให้ผมนึกถึงบรรดากิ๊กเก่ากิ๊กใหม่ทั้งหลายแหล่เหมือนกันนะเนี่ย พวกเธอชอบใส่น้ำหอมเหมือนอาบมาน่ะ
“อ่าวบอม ดีจ้ะ...มาทำอะไรจ้ะเนี่ย” ผมยิ้มให้กับสาวผู้มาเยือน เธอผมสั้นประบ่า ตัวเล็กน่ารัก ใส่กระโปรงทรงเอสั้นแค่คืบ เสื้อก็ปริเน้นๆ ที่หน้าอกหน้าใจ เธอเป็นเพื่อนที่ผมคุยน่ะครับ
ผมอยากกินเพื่อนจังเลย~
“พาพี่สาวมาซื้อของน่ะ บัวละจ้ะ มาซื้ออะไรเอ่ย”
“บัวก็มาซื้อน้ำหอมจ้ะ แต่ซื้อเสร็จแล้วกำลังจะไปหาอะไรกิน บอมสนใจไปกับเราไหม” ขณะนี้ผมคิดอะไรไม่ทันละครับ สนใจเธอและอยากตามเธอไป
“ไปสิ แต่เดี๋ยวเราบอกพี่เราก่อนนะ รอนี่ละ เดี๋ยวเรามาแป็บเดียว” บัวขานรับอย่างรัก ตัวเล็กแต่น่าเซี้ยะสุดๆ ดูในรูปก็ว่าสุดยอดละนะ เจอตัวจริงนี่ยิ่งเข้าไปใหญ่เลย
ผมเดินกลับมาแถวเดิม หาพี่พู่ที่น่าจะยืนดูน้ำหอมอยู่ร้านเดิม แต่ที่ไหนได้ เธอกลับเดินไปดูร้านอื่นเฉยเลย ผมต้องรีบเข้าไปประกบเธอ กะจะรีบบอกและรีบไป แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อเธอเอาแต่ลองน้ำหอม ปากก็คอยพร่ำถามว่าอันนี้หอมไหม อันนี้ละหอมหรือเปล่า
“อะ สรุปพี่เอาอันนี้แหละ นี่บอม...บอมพี่เลือกได้ละนะ” ผมเหม่อมองไปทางที่เดินกลับมา กลัวบัวจะไม่รอเลยกว่าจะได้ยินพี่พู่เรียกก็กินเวลาไปหลายวิ
“พี่ บอมจ่ายให้เสร็จแล้วบอมขอตัวแป็บนะ เพื่อนมันโทรมาบอกว่าเข้าห้องไม่ได้อะ มันจะต้องเอกสารไปส่งอาจารย์ด้วย เดี๋ยวยังไงพี่พู่ดูของไปก่อนก็ได้ บอมจะรีบกลับมา” พูดเสร็จไม่หือไม่อือ ผมรีบเดินจากไปเลยครับ ก็ยืนรอเธอมาตั้นนานแล้วนี่ ป่านนี้บัวคงรอรากงอกแล้ว พี่พู่ไม่เคืองแน่นอน เพราะผมเป็นแบบนี้บางครั้งเวลาแมทโทรตาม
ต่อข้างล่างจ้าา