:katai5:ต่อเลย
“เออ นั่นส่วนหนึ่ง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ไอ้แมทต่างหาก มันไม่เคยรับสายใครเวลาทำกับกูเลยนอกจากพ่อแม่มันอะ แต่นี่รุ่นน้อง..ไอ้สัสแค่รุ่นน้อง!” ผมระบายอารมณ์ ตะโกนแข่งกับเสียงเพลงของผับ
“รุ่นน้องคนนั้นคงมีธุระสำคัญมากๆ ก็ได้นะเว้ย” เต้พยายามกล่อม แต่ผมกระดกเหล้าเข้าปากเป็นว่าเล่น
“ธุระเหี้ยไร บ้านแม่งบึ้มหรอ ถ้าไม่รับสายก็ไม่มีทางรู้ เวลาแบบนั้นอะ แมทมันเคยสนใจอะไรที่ไหน ใครจะเป็นจะตายมันไม่แคร์หรอก” เต้ถอนหายใจเบาๆ ส่วนผมก็ดื่มต่อไป
มันเป็นคนนอก มันคงเข้าใจผมยากนิดหนึ่งว่าเพราะอะไรเรื่องแค่นี้ผมถึงต้องหงุดหงิดขนาดนี้ ผมยกเหล้าต่อไปเรื่อยๆ รีบกิน รีบเมา ไม่ถึงชั่วโมงดีเสียงมือถือก็ดังพร้อมกับร่างของกล้ากำลังเดินมาที่โต๊ะ ในขณะที่ผมจองมองสายเรียกเข้าชื่อแมท เต้ก็อธิบายเรื่องของผมให้กล้าฟัง
“ไม่รับละมึง” เต้ถาม
“ไม่เว้ย กูไม่รับ กูไม่กลับบ้านด้วย คนอื่นสำคัญนักก็ไปเอากันเลย!” แทบปามือถือลงกับพื้นเพราะยังโมโหไม่หาย แม้เหล้าจะพร่องไปมาก แต่สติผมกลับยังแจ่มชัดอยู่
“แหมๆ เรื่องแค่นี้มึงอย่าเยอะ ตัวมึงใช่จะดีไอ้บอม มึงนอกใจแมทไปหาผู้หญิงตลอด”
“มันคนละประเด็นกันเว้ย!” ผมรีบเถียงกล้าทันที
“มันอาจเป็นประเด็นเดียวกันก็ได้ถ้าเด็กที่แมทให้ความสำคัญนั้นเป็นมากกว่ารุ่นน้อง” สิ่งที่ไอ้กล้าพูดมันเป็นสิ่งที่ผมแอบคิดลึกๆ ผมกลัวที่มันจะเป็นแบบนั้น คำอธิบายของแมททมันสมเหตุสมผล ผมเชื่อมันนะ แต่พอเจอแบบนี้ ความเชื่อที่มีมันก็ไขว่เขว
ผมกำมือถือในมือแน่น นั่งก้มหน้าตัวสั่นเทา น้ำตามันกำลังซึม...หัวใจเต้นแรงจนแทบผิดจังหวะ ผมไม่กล้าคิดมากไปกว่านั้นว่าแมทกับเด็กคนนั้นเป็นมากกว่ารุ่นพี่ รุ่นน้องจริงไหม ผมอยากเชื่อในสิ่งที่มันพูด และเก็บแค่ความรู้สึกแน่วแน่ว่ามันมีแค่ผมคนเดียว มันไม่มีคนอื่นและจะไม่มีวันมี
เด็กคนนั้นมันน่ารัก น่ารักกว่าผมจนผมเทียบไม่ติด ดูแล้วเวลาอ้อน ใจคนถูกอ้อนคงละลายได้ง่าย ผมไม่เหมือนเด็กคนนั้น ผมแตกต่างอย่างมาก มันควไม่ผิดถ้าสมมุติแมทจะเอนเอียงไปทางเด็กคนนั้น
“เฮ้ยกล้า มึงอย่าพูดให้บอมคิดมากสิวะ มันไม่เป็นแบบนั้นหรอก แมทรักมึงคนเดียวมึงก็รู้” เต้ดึงผมากอด ลูบหลังผมเบาๆ
“โทษๆ กูแค่แหย่เล่น...ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะคิดมากเรื่องนี้” เสียงอ่อนลง มันรู้สึกผิดจริงๆ ผมสัมผัสได้ แต่มันไม่มีใครผิดสักหน่อย เรื่องนี้คนที่ผิดมันคือแมทต่างหาก
ผมขยับออกจากอ้อมกอดของเต้ ยกเหล้าดื่มต่อไม่สนใจ น้ำตาที่เคยไหลก็ปาดมันทิ้งซะ...ผมจะคิดไปเองหรือเปล่าแมทคงอธิบายให้ผมฟังได้ แต่ต้องเป็นตอนที่ผมกล้ารับฟังมากกว่านี้ อารมณ์เย็นลงงกว่านี้ ผมกับมันคบกันมาตั้งนานแล้ว ระหว่างเรา...มันคงไม่จบง่ายๆ แค่นี้หรอกใช่ไหม
“มันจะไม่ทิ้งกูใช่ไหม....”
“มันไม่ทิ้งหรอก...มันรักมึงแค่ไหนมึงก็รู้ดี” เต้ตบบ่าผมเบาๆ ผมพยักหน้า พยายามเชื่อคำพูดของมันและพยายามเข้มแข็งไปในเวลาเดียวกัน....
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเรารัก เราผูกพันกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งคิดและเจ็บกับมันมากเท่านั้น ผมสลัดเรื่องแมทออกจากหัวไม่ได้ ถึงเหล้าเข้าปากมากกว่าครึ่งกลมแล้วก็ตาม สติสตางเลือนราง แต่ความรู้สึกกลับแจ่มชัด ผมกลายเป็นคนดราม่าอะไรได้มากขนาดนี้เลยหรอวะ
ผมไม่เคยทำใจเผื่อเอาไว้อะสิ ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งแมทมันอาจจะมีคนอื่น มันอาจจะหมดรักผม หรือเบื่อผม ผมคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นที่รีกของมัน เป็นที่หนึ่งของมันเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ ถึงแมทจะไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนปานนั้น แต่มันพูดเสมอนะว่ามันรักผม มันหวงผม คำพูดพวกนั้นแหละที่ทำให้ผมไม่เคยเผื่อใจเลย
แล้วดูตอนนี้ดิ...ความเสี่ยงที่แมทจะมีคนอื่นเกิดขึ้นแล้ว ผมทำใจให้ยอมรับมันไม่ได้ ผมยอมไม่ได้ที่จะต้องโดนแมทมันทิ้ง เราอยู่กันมาไม่ใช่เดือนสองเดือน แต่เป็นปีๆ ถึงผมจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ในชีวิตผมก็มีมันเป็นส่วนหนึ่ง ผมคิดถึงตอนที่ไม่มีมันไม่ออกจริงๆ
“อย่าทำเป็นเศร้าสิวะ มาร้านทั้งทีก็หนุกหนานหน่อย” เต้แซะไหล่ผมเบาๆ
“ก็พยายามหนุกอยู่ แต่ทำไม่ได้นี่หว่า” ว่าแล้วก็ยกเหล้าดื่ม
“แปลกนะ ทีมึงยังไปมีคนอื่นได้เลย ทำไมพอแมทมันจะมีบ้าง มึงถึงต้องเศร้าขนาดนี้ กูว่า มันก็แฟร์ๆ ดีนี่หว่า” กล้าตั้งคำถาม ผมรู้ว่ามันไม่มีเจตนาแซะผมเลยสักนิด แต่มันก็จี้ใจดำผมอยู่ดี
“กูไม่รู้ กูรู้แต่กูไม่ยอม แมทต้องมีกูแค่คนเดียวสิ” ผมหันไปเถียงกล้า
“ก่อนจะให้เขามีแค่มึง มึงก็ช่วยมีแค่เขาได้ไหมวะ”
“ไม่ได้...” ผมว่าเสียงแผ่ว กล้าตบกะบาลตัวเองแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
คือ...เรื่องบางเรื่องคนเราก็เปลี่ยนกันยากถึงขั้นเปลี่ยนไม่ได้เลยก็มี และไอนิสัยที่ต้องมีผู้หญิงในชีวิตของผมมันก็เปลี่ยนยาก แต่เดิมผมชอบผู้หญิงอยู่แล้วนี่ ตอนนี้รักแมทแต่ก็ขาดผู้หญิงไม่ค่อยได้ นานๆ ได้กับพวกเธอสักที ผมจะรู้สึกชีวิตเติมเต็มมากๆ ครั้นจะให้ผมเลิกกับแมทแล้วไปคบหญิงเลยผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมน่ะรักมัน...
มันฟังดูเชื่อยากนะ การกระทำของผมเหมือนไม่รักแมทเลย จะบ้าหรอ ถ้าไม่รักจะพยายามปกปิดเรื่องคนอื่นทำไม เพราะรู้น่ะสิว่าถ้าแมทรู้ แมทจะเสียใจขนาดไหน ผมไม่อยากให้ในเสียใจไง เลยพยายามอย่างสุดความสามารถแบบนี้ เฮ้อ...ผมรักมันขนาดนี้ มันยังทำกับผมได้คอเลยอะ
“เด็กผู้ชายคนนั้นน่ะ...” ผมพูดขึ้นลอยๆ ไอ้คนในโต๊ะสองคนก็กระเด้งตัวนั่งดีๆ เพื่อฟังในสิ่งที่ผมจะพูด
“มันโคตรน่ารักเลยวะพวกมึง” พอได้ฟัง ทั้งสองก็ถอนหายใจยาวๆ เต้ยื่นเหล้าแก้วมันมาให้ผมซัดก่อนจะชงให้ตัวเองใหม่ ส่วนผมยกแก้วตัวเองตามปิดท้ายไป
รู้ตัวนะว่ากินแบบโคตรจะเยอะ ได้ยินไอ้เต้สั่งหล้ากลมที่สามแล้ว คนที่กินหนักๆ ก็มีแค่ผมกับเต้ ซึ่งปกติผมไม่กินหนักขนาดนี้ แต่ไอ้เต้เนี่ยเป็นปกติของมัน กล้าดื่มไม่บ่อย ชงไม่เข้ม คอมมันอ่อนกว่าเราทั้งสองคนมากอยู่ นั่งกินเหล้าเพียวๆ ไปสักพักกล้าก็เริ่มบ่นอยากได้กับแกล้ม เต้จัดให้กล้าตามใจเจ้าตัว นานๆ กล้าจะยอมออกมาดื่มสักที แต่พอไอกล้ามันได้กับแกล้ม เหล้าก็ชักจะพร่องเร็วขึ้น
นี่เราสามคนมาแข่งกันเมาใช่ไหม...
“สมน้ำหน้ามึงบอม มึงมันแรด ผัวมึงเลยไม่รัก” กล้าจัดเป็นพวกปากหมาอยู่แล้ว พอเหล้าเข้าไปมากๆ หมาในปากมันก็เริ่มออกมาเผ่นผ่าน
“อ่าวๆ ไอ้กล้า มึงอย่ามาด่ากูนะ กูแค่ทำสิ่งที่พระเจ้าต้องการ” ผมเถียงคอเป็นเอ็น คือเหล้าเข้ากระเพาะผมไปไม่น้อยเหมือนกันครับ
“อะไรวะสิ่งที่พระเจ้าต้องการ” กล้าชักสีหน้างง เต้ก็เอาเหล้าจ่อปากงงๆ เหมือนกัน
“ก็การสืบพันธุ์ไงวะ เพศผู้ต้องผสมพันธุ์กับเพศเมียเว้ย!”
“งั้นก็เลิกกับแมทแล้วไปทำภารกิจสืบพันธุ์ของมึงสิวะ” ไอ้กล้ายกเหล้าหมดแก้ว กระแทกลงโต๊ะดังตึง ผมก็ไม่ยอมแพ้ ซัดหมดแก้ว กระแทกโต๊ะให้ดังกว่ามัน
“ไม่!!!”
“ไอ้ห่าน!” พอผมปฏิเสธเรื่องเลิกกับแมท ไอ้กล้าก็ด่าสวนทันควัน
ก็ผมบอกแล้วนี่ว่า ผมไม่อยากเลิกกับแมท ผมรักมันนะเว้ย ผมอยากอยู่กับมันไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่คบกันมา ถึงจะมีเรื่องผู้หญิงของผมที่ทำให้เรางอนๆ กันบ้าง นอกนั้นเราทั้งคู่ต่างก็ไปกันได้ดี พวกเรามีอะไรมักจะคุยตรงๆ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่คือการปรับนิสัยของเราให้เข้ากันได้เวลาต้องอยู่บ้านร่วมกันมากกว่า นอกนั้นเราเข้ากันได้ดีไม่มีจุดบกพร่องเลย มันจะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่ทั้งเราและเขาเข้ากันได้ดีราวกับเคมีเราตรงกัน
ผู้ชายอย่างแมทน่ะ...หาแทบไม่ได้แล้วละครับ
รอยยิ้มอ่อนโยนประดับใบหน้าตลอดเวลา อบอุ่น สุภาพและน่ารักในเวลาเดียวกัน จริงที่เวลาแมทอยู่กับผมจะติดเย็นชา พูดน้อย บางทีถึงขั้นไม่พูดเลยก็มี แต่ผมไม่เคยคิดว่าส่วนนี้ของมันจะเสียหายตรงไหน เรียกได้ว่าคือตัวตนที่แท้จริงของมัน และเปิดเผยต่อผมเท่านั้น นั่นคือความรู้สึกที่ว่าเราพิเศษกว่าใครๆ ผมเลยชอบและไม่อยากให้ใครได้รับรู้ถึงมุมเงียบๆ ของมันเลย แค่คิดว่าคนอื่นนอกจากผมจะได้รู้...ก็ปวดใจขึ้นมาแล้ว
“ถึงกูจะเจ้าชู้ แต่กูรักมันคนเดียวนะเว้ย” ผมบอกกับเพื่อนทั้งสองน้ำเสียงเศร้าๆ รู้สึกอยากจะร้องไห้ เป็นไปได้ผมอยากกอดมันแล้วบอกว่ากูไม่ยอมนะ กูไม่ยอมให้มึงมีใคร มึงต้องมีกูคนเดียวเท่านั้น แต่ก็ได้แค่คิด ผมไม่อยากเห็นหน้ามันในตอนนี้ เพราะผมกลัว กลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมา...
“อืม กูรู้ๆ กูเข้าใจ” โคตรรักเต้เลยวะ เพื่อนที่เข้าใจ ไอ้กล้าแม่งแดกแต่เหล้า เมาคอพับไปละ ผมเองก็เวียนหัวชนิดไม่ไหวจะเคลีย เอนหลังพิงพนัก ปิดตาตัวเองลงแล้วนึกถึงวันเก่าๆ ของผมกับแมท แต่แล้วภาพของดิวกับแมทกลับลอยเข้ามาในหัว...น้ำเสียงนุ่มไพเราะที่เอ่ยเรียก รอยยิ้มสดใสและท่าทางที่น่ารัก แมทยิ้มตอบ ดึงดิวเข้าสู่อ้อมกอดก่อนจะจูบเบาๆ ที่หน้าผาก
‘พี่แมทรักน้องดิวนะครับ...’
แม่ง...ความฝันบัดซบ!
ผมรู้ว่าผมกำลังฝันอยู่ มันเป็นฝันร้ายที่ผมโคตรเกลียดเลย แต่ผมก็ยืนมองภาพของดิวกับแมทก่อนกัน ลูบไล้ใบหน้าซึ่งกันและกันก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากเข้าหาฝ่ายตรงข้ามตนอย่างช้าๆ น้ำตาผมไหลพรากๆ หัวใจปวดร้าวราวกับจะระเบิดออก ผมทรมานเหลือเกิน อยากจะเดินหลบไปจากตรงนี้ ไม่มองภาพที่แสนร้าวรานใจแต่ก็ทำไมได้ รู้ทังรู้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน ทว่าสมองกลับสั่งการให้เจ็บปวดเหมือนกับมันได้เกิดขึ้นจริงๆ
ผมบอกแล้ว...ผมไม่ยอม
ผมไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆ จะรั้งแมทเอาไว้ได้ไหม แต่ถ้าถามตัวเองว่าจะยอมปล่อยแมทไปไหมบอกเลยว่า หัวใจผมมันตะโกนดังๆ ประโยคเดียวว่าไม่ยอมเด็ดขาด แต่ความรู้สึก บางครั้งมันก็เจ็บและปล่อย แบบปล่อยให้เขาได้ไป ได้เจอคนที่ใช่และชอบสำหับเขาเถอะ ผมก็ยังสรุปกับตัวเองไม่ได้ เหตึการณ์จริงเกินขึ้นเราจะเอายังไงหรือมีสติมากพอจะตัดสินใจไหมก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มนุษย์ทุกคนมีมุมมืดที่อยากจะกักขังที่เรารักเอาไว้กับเราคนเดียวทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครอยากยกแฟนตัวเองให้ใครหรอก
“บอม...มะมึงร้องไห้ทำไม”
“เรื่องของกู!!” ผมยังไม่ตื่น ยัเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้ว่ามีคนมาเรียก มาใช้มือประกบแก้มทั้งสองข้างของผมเอาไว้พลางถามไถ่น้ำเสียงอ่อนโยน
เสียงแบบนี้...ไอแมท
“ก็อย่างที่เล่าให้ฟังแหละ มันคิดมาเรื่องเด็กที่ชื่อดิว กูไม่เคยเห็นมันคิดมากจนเป็นแบบนี้ ดูเสื้อผ้ามันสิ ไม่เครียดจริงไม่มีทางใส่ออกมาหรอก” ไอ้เต้เล่าเรื่องของผมให้แมทฟัง ผมได้ยิน ผมรับรู้มากพอสมควร แต่ผมไม่ยอมปรือตาขึ้น มันสลึมสลือ ไม่รู้ว่าอันไหนฝัน อันไหนจริง มันสัมผัสได้ทั้งสองเลยนี่นา
“บอมกูขอโทษ กูกับน้องเขาก็เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง”
“ไม่ต้องมากลโกหกกูเลย กูเห็นนะ...กูเห็นพวกมึงจูบกัน!!!” ตาไม่เปิด แต่คิดว่าขี้หน้าด่าแมทถูกแน่ๆ เสียงมันมาทางนี้นี่ ทางตรงข้ามกับที่ไอ้เต้ในนั่ง
“จูบกันด้วยหรอ?” ผมพยักหน้าให้คำพูดไอ้เต้
“ใช่ กูเห็น!”
“ที่ไหน” เต้มันสวนถาม คราวนี้ผมเริ่มปรือตามองมัน สมองประมวลผลไปด้วย
“ไม่รู้ กูหลับตาแล้วมันเห็น” เห็นตาอีกฝ่ายโตแปลกๆ มึงทำหน้าตะลึงคำตอบกูหรอ ผมโมโหเลยผลักหัวมันแรงๆ ไปหนึ่งที
“บอม กลับกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแมทอธิบายให้บอมฟังเองนะเรื่องของแมทกับดิว” ผมหันขวับไปทางเสียงแมท
“ไม่ กูไม่กลับ กูไม่ฟังมึง...มึงมันนอกใจกู!!” ผมเริ่มตื่นเต็มตาเมื่อตะคอกแมทเสียงดัง แต่ไม่ต้องห่วงใครจะมาสนใจเรา เสียงเพลงมันดังกว่าเสียงผมอยู่ดีนั่นแหละครับ
“กูไม่ได้นอกใจมึงเลยนะบอม มึงคิดไปเอง”
“เออใช่ กูคิดไปเอง มึงทิ้งกูแล้วรีบไปรับสายมันทันทีนี่คือกูคิดไปเอง ไหนจะไปคุยกันตรงระเบียงไม่ให้กูได้ยินอีก การกระทำของมึงมันไม่น่าคิดเลยนะแมท” ผมเถียงอย่างไม่ยอม ลุกขึ้นชี้หน้ามันอีกด้วย ถึงภาพที่เห็นจะเบลอๆ แต่ผมด่าถูกคนแน่
“กูถึงบอกว่าจะอธิบายให้ฟังไง” แมทใจเย็น เอาคำพูดสุภาพและท่าทีที่อ่อนกว่ามาตะล่อม แต่ผมไม่โง่หรอก!
“ไม่ กูไม่ฟังคำโกหกของมึง!!” ผมหันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากโต๊ะ แมทมันลุกขึ้นมาขวาง ผมผลักมัน แต่กลายเป็นตัวเองที่เซล้ม ก่อนที่ร่างไร้การทรงตัวนี้จะถึง วงแขนแข็งแรงของแมทก็ช้อนเอวประครองผมไว้เสียก่อน
ในระยะประชิด ตาสบตา ผมเห็นแววตาเป็นห่วงและวิตกกังวลของแมทได้ชัดเจน แม่ง ใจพาลอ่อนไปหมด เลยต้องรีบละสายตาไปทางอื่น มองเลยออกไปไม่สนมันตรงหน้า พอยืนดีๆ ได้สำเร็จผมก็ผลักแมทอีกรั้ง มันไม่ดึ้อดึง ปล่อยตัวผมแล้วยืนมองผมที่เอนไปมาทั้งที่พยายามตั้งตัวเองให้ตรง
“กลับบ้านเราเถอะบอม”
“ไม่ กูไม่กลับ!!!” ผมตะคอกมันอีก ผมจะไม่อ่อนข้อให้ สิ่งที่แมททำมันทำร้ายจิตใจผม เพราะงั้นอย่าหวังว่าผมจะยอมง่ายๆ
“มันดื้อมากนักก็ตุ๋ยท้องแม่ง พากลับไปคุยกันบนเตียงด้วยภาษากาย จบเรื่อง ง่ายๆ” เสียงอ้อแอ้อของกล้าดังออกมา มันเมาหลับไปแล้วไม่ใช่หรอ หรือมันเพิ่งตื่นจากเมาเหมือนกับผม
แมทหันไปมองร่างคอพับคอ่อนของกล้าแล้วค่อยหันมามองผม ไม่มองธรรมดา แต่ไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และจากปลายเท้าขึ้นมาที่หัวอีกรอบหนึ่ง หน้านิ่งๆ ของมันน่าหมั่นไส้ที่สุด ผมหันหน้าไปทางที่จะเดินไป แค่ก้าวเดียว แมทก็ขวางเอาไว้ คราวนี้เขาไม่ล๊อค ไม่จับ แค่ยืนขวาง ผมก็มอง แล้วหันไปทางตรงข้ามเพื่อจะเดินไป แต่ก็อีกแหละ แมทมาขวางอีกอยู่ดี
“หลบไปสิวะ”
“ไม่อ่ะ กูขอโทษนะ...แต่ยังคืนนี้เราต้องเคลียกัน” จบประโยค หมัดลุ่นๆ ของแมทก็พุ่งเข้าลิ้นปี่ผมอย่างจัง!
ท่ามกลางสายตาของเพื่อนที่มองอย่างตกตะลึง กล้าตื่นเต็มตา มองสิ่งที่มันได้แนะนำให้กับแมท ก็รู้หรอกว่าแนะนำไปขำๆ ไม่มีใครคิดว่าแมทจะทำจริง ร่างของผมค่อยๆ ทรุดลง เข่าอ่อน ขาพับขางอไปหมด แมทรีบหิ้วปีกผมไว้ทันที มันมองหน้าทุกคนในโต๊ะ ยิ้มบางๆ กล่าวขอบคุณน้ำเสียงสุภาพแล้วก็จากไป โดยลากผมที่แทบไม่มีแรงเดินออกมาด้วย ที่ที่มันพามาก็คือรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของมันนั่นแหละ จะไปยังไง...ผมถามกับตัวเองก่อนจะดิ้นเพื่อหาทางหนีจากแมท แต่ไม่รอดหรอกครับ ผมเมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาจุกเพราะโดนต่อยอีก จบกันเลยละชีวิต...
แมทจับผมนั่งหน้าเกยกับตัวถังรถ ส่วนมันนั่งหลังและก้มมาขับ กูยอมรับในความพยายามของมันเลยครับ ครั้นจะดิ้นหนีอีก ตอนรถมันแล่นอย่างนี้มีหวังได้ไปนอนโรงบาลแทนนอนที่ห้องแน่ๆ ผมต้องหมอบลงไปกับตัวรถ สงบเสงี่ยมไม่รั้นใส่ เอาจริงๆ มันเวียนหัวและจุกครับ เลยหมดฤทธิ์ไปเยอะ นั่งไปนั่งมาก็สลึมสลือ ตาจะปิดอีกรอบ สิ่งรอบด้านกลายเป็นภาพเลือนลางสำหรับผมไปซะแล้วละ
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนแมทพยายามจะเอาผมลงจากรถของมัน ทุลักทุเลชิบ ตัวผมเล็กกว่ามันก็จริง แต่ไม่มาก ผมลืมตา ผลักมันแล้วเอาร่างตัวเองพิงกับรถไว้ อาการจุกผมหายแล้ว แต่อาการเมา พรุ่งนี้จะหายเปล่ายังไม่รู้เลยครับ
“เดินเข้าบ้านไปดีๆ บอม”
“ทำไมกูต้องทำตามที่มึงสั่งด้วยฮะ! เห็นกูเป็นไร ขี้ข้าอ๋อ สั่งจัง” ผมใส่อารมณ์กับแมทเต็มที่ แมทถอนหายใจ มันดูเหนื่อยกับการรั้นไม่ฟังของผม
“กูขอละบอม เข้าบ้าน” มันย้ำ ซ้ำยังก้าวเข้ามากดดันผมอีก
“ไม่!! กูไม่เข้า!!” แมทส่ายหัว มันไม่ฟังผมแล้วล่ะแบบนี้ สายตาดุๆ จ้องมองผมก่อนที่มันจะเอามือมาอุดปาก จากนั้นต่อยผมอีกรอบให้จุก แล้วอุ้มขึ้นลิฟต์มา ถึงมันจะหนัก แต่มันพยายามแบกร่างของผมมาจนได้
ถึงห้อง แมทเอาผมมาโยนลงบนเตียงแล้วถึงได้เปิดไฟ ผมรีบกระเด้งตัวนั่ง กลัวมันจะเข้ามาทำตามที่กล้ามันพูด “นอนคุย” เอาเข้าจริงๆ มันได้คุยกันที่ไหนละ มีอืออาเต็มห้องไปหมด เข้าใจอะไรกันบ้างถามจริง มันก็แค่ทำให้เรื่องขุ่นเคืองหายไปเพราะโดนเร้าโลมเท่านั้นแหละ ความซาบซ่านปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ให้หายไป แต่! ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะใช้วิธีนี้ง้อตลอดอะสิ เรื่องอะไร ผมไม่ยอม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเป็นเรื่องใหญ่ของคนที่รักกันนะเว้ย
“ดิวอะมันเป็นรุ่นน้องกู”
“กูไม่ฟัง!” ผมแรกทันทีที่แมทเริ่มพูด แทรกเสียงดังมากๆ อีกต่างหาก
“แต่มึงต้องฟังบอม”
“ไม่!!!” คราวนี้ตะโกนลั้นห้อง แมทรีบเข้ามาปิดปากผม แต่ไม่สำเร็จ ผมดิ้นและร้องตะโกนให้สุดๆ ถึงนี่จะเป็นคอนโดอย่างหรู ข้างห้องไม่ได้ยินเสียงเราแน่ๆ เพราะงั้นตัดใจเรื่องใครได้ยินแล้วเข้ามาช่วยไปได้เลย เพียงแต่ว่าแมทมันไม่ชอบเสียงดังแบบนี้เท่านั้นเอง ผมอยากให้มันเครียด อยากให้มันประสาทแดกตายๆ ไปเลย ผมเครียดของผมตั้งขนาดนั้น มันควรจะได้รับความเครียดของผมไปบ้างดิ
“ถ้ามึงไม่หยุดฟัง จะหาว่ากูใจร้ายไม่ได้นะบอม” แมทเดินเข้ามาช้าๆ ท่าทางค่อนข้างคุกคาม แต่ผมที่เมาอยู่มีหรือจะกลัว
“กูไม่หยุด! อยากจะทำไรกูก็ทำเลย แล้วอย่าคิดว่าหลังจากนี้เรื่องมันจะจบลงง่ายๆ กูไม่ปล่อยให้มึงกับมันอยู่กันอย่างมีความสุขหรอกมึงคอยดู”
“มึงนี่บ้าไปใหญ่แล้ว” มันยีหัวตัวเอง อารมณ์เสียหนักสิมึง กูก็อารมณ์เสีย ไม่ใช่มึงคนเดียว
มันมองไปรอบห้องสักพัก มองตาผม เห็นชัดเลยว่าผมไม่มีทางยอมมันเด็ดขาด ไม่ว่าตอนนี้ผมจะเมาหรือไม่เมา เรื่องแบบนี้ผมก็ไม่อ่อนข้อให้มันหรอก เรื่องอะไรจะต้องยอมให้มันทำร้ายจิตใจเราด้วยละ มันแอบไปกุ๊กกิ๊กกับคนอื่นเลยนะ มันหักหลังผมเลยนะเว้ย!
หลังจากมองหน้าผมไปพักใหญ่ มันก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วดิ่งมากดร่างผมลงกับเตียง ผมดิ้นรน ผมเอาตัวรอดสุดๆ ทำทุกวิธีทางที่จะหลุดพ้นเงื้อมมือของไอ้แมท แต่มันก็จับมือผมผูกติดกับหัวเตียงได้ ซ้ำยังเอาผ้ามายัดปากผมอีก ถึงจะลำบาลำบน เจ็บตัวกันไปบ้างแต่มันก็ทำสำเร็จ ผมมองมันด้วสายตาแข็งกร้าว แมทนั่งคร่อมช่วงเอวผมไว้ กันไม่ให้โดนเตะหรือถีบ ท่าทางมันดูเหนื่อย แต่ไม่เท่าผมที่หอบหายใจตาพร่าตามัวไปหมด
“ฟังกูนะบอม...กูกับดิวเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกัน แล้วที่กูต้องหยุดเพื่อไปรับสายมันก็มีสาเหตุ น้องมันอยากจะเซอร์ไพรส์แฟนด้วยแหวน ซึ่งแฟนมันอะก็เพื่อนกู น้องมันกังวลมาก มันกลัว มันตื่นเต้นไปหมด กูเลยบอกว่าถ้ามีอะไรก็โทรมาหาพี่ได้เลย กูแค่ให้กำลังใจน้องเขา น้องเขาขี้อายมากไปหน่อยเท่านั้นเอง อันที่จริงอะ...กูควรมีตัวตนอยู่ในงานเซอร์ไพรส์แฟนของดิวด้วยซ้ำ แต่เพราะกูคิดถึงมึง กูเลยรีบกลับมาหามึง” ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของแมทยามเล่าให้ผมฟัง ใจผมจึงเย็นลง ยิ่งไม่ได้ดื้อ ดิ้นพล่านๆ ด้วย ทำให้ฟังทุกคำพูดนั้นได้ชัดเจน
เอาจริงๆ นะเว้ย...ลึกๆ ผมก็รู้แหละว่าต้องมีสาเหตุ แต่แบบ...มันอดคิดมากไม่ได้ มันไขว่เขว มันกังวลใจไปหมด เพราะแมททำในสิ่งที่มันไม่เคยทำมาก่อน
“กูรู้นะว่าที่ทำให้มึงคิดมากเพราะกูรับสายน้องเขา แถมยังไปคุยกันที่ระเบียงอีก แต่ในความจริงมันไม่มีอะไรเลย กูรับปากน้องเขาไว้เท่านั้น และที่ไปคุยข้างนอกก็เพราะในห้องมันมีเสียงทีวี” แมทโน้มตัวลงมาหา ใช้ริมฝีปากประทับบนหน้าผากและลากมาที่ปลายจมูกอย่างอ่อนโยน
เห้อะ...วิธีนุ่มนวนแบบนี้ได้ผลกับผมทุกทีสิหน่า!!
“มึงก็รู้...ว่ากูรักมึงคนเดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมา กูยังแสดงให้มึงเห็นไม่มากพอหรอ” ผมหลบสายตาเศร้าๆ ของแมท เพราะเรื่องนี้มันพูดถูก มันไม่เคยมีใคร ไม่เคยกุ๊กกิ๊กกับใครเลยตั้งแต่คบกับผมมา เรียกได้ว่ารักเดียวใจเดียวตลอด จะเกเรก็มีแต่ผมนี่แหละ
“กูรัก กูหวงมึงอย่างกับอะไรดี มึงรู้ดีอยู่แก่ใจนะบอม” มือนุ่มแต่แข็งแรงดันปลายคางให้กลับมาเผชิญหน้า สบตากับแมทอีกครั้ง
“อย่าโกรธกูเลย กูขอโทษ...กูรักมึงคนเดียว” ปลายนิ้วเรียวนั้นค่อยๆ เกี่ยวเอาผ้าที่ปิดปากผมออก พร้อมๆ กับที่แมทกำลังเคลื่อนริมฝีปากสีสดเข้ามาใกล้
“ให้อภัยกูนะ กูจะไม่ทำให้มึงคิดมากอีกแล้ว...” ความนุ่มละมุนกับกลิ่นลมหายใจหอมๆ กำลังอบอวลอยู่ตรงปากของผม เปลือตาปิดลงและรับรู้ถึงความอ่อนโยนที่แมทได้มอบให้ หัวใจเต้นระรัว คำพูดของมัน การกระทำของมัน ละลายความโกรธของผมจนไม่เหลือซากเลย
“แต่กูดีใจนะ ที่มึงหึงกู...มึงรักกูมากเหมือนกันใช่ไหม” ดวงตาคมจ้องรอคำตอบด้วยความหวัง ผมพยักหน้า เสหน้าไปทางอื่นเล็กน้อย
“อืม”
“กูดีใจที่สุดเลย” ไอ้สึสแมท มึงแม่งชอบทำตัวเป็นแมทน่ารักๆ ใส่กูเวลากูเคืองกูโกรธมึงทุกที...ทำแบบนี้ ใจกูก็อ่อนหมดสิ ใครมันจะไปใจร้ายใส่มึงได้ลงคอ
เฮ้อ...ไอ้ที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปทั้งหมดเนี่ย เพื่ออะไรวะ?!!
**********************