บทที่ 29 ความลับ
ผ่านภารกิจตะบี้ตะบันสอบกันมาอย่างดุเดือด ก็ได้เวลาปิดเทอม แต่ปิดเทอมใหญ่ครั้งนี้ทำให้เด็กที่เคยทำงานที่ร้านกลับต่างจังหวัดไปซะเกือบหมด ทำให้น้ำนิ่งขอร้องให้ทิมและตาน้ำไปช่วยงานที่ร้าน รวมถึงต้าร์ และเหล่าทะโมนวิศวะที่เข้ามาช่วย
ปฏิบัติการทำเค๊กป๊อปอันลือเรื่องทำให้ต้าร์โดนจัดไปอยู่ฝ่ายทำขายชั่วคราว ปิดเทอมแบบนี้ร้านเปิดเต็มวัน แม้ว่าเด็กจะน้อยลงแต่ก็ยังขายได้เรื่อยๆ เพียวแอบลงเรียนซัมเมอร์โดยที่ไม่บอกใคร เพื่อเทอมหน้าจะได้มีเวลาเตรียมตัว เรียนภาษา
“ทำไมพี่เพียวใส่ชุดนักศึกษา” ต้าร์ถามอย่างสงสัย หลายวันแล้วที่เห็น ก็อดไม่ได้
“เข้าไปช่วยงานอาจารย์อะ ไม่อยากแต่งตัวไม่เรียบร้อย”
“ทุกวันเลยหรอ”
“อือ”
บรรยากาศระหว่าง ตาน้ำ น้ำนิ่ง และเพียว เรียกว่าอยู่ในช่วงอึมครึมก็ว่าได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าน้ำนิ่งยังไม่คุยกับเพียวเหมือนเดิม รวมถึงอาการหน้างอเวลาที่เจอตาน้ำ แต่ระหว่างฝาแฝดนั้นก็มีการคุยกันเหมือนเดิม จะมีก็แต่การหยอกล้อให้เพื่อนเห็น ตาน้ำยังคงหาเรื่องแกล้งน้ำนิ่ง ทุกเวลาที่ว่าง คนโดนแกล้งก็น่างอไปเรื่อยๆ ทุกวัน
ฝาแฝดกลับบ้านอยุธยาอาทิตย์เว้นอาทิตย์ มีเพื่อนๆ ตามไปสรวลเสเฮฮาตลอด คุณตาคุณยายก็ชอบใจนักที่บ้านมีเสียงหัวเราะ
หากแต่อาทิตย์นี้ เหล่าวิศวะมีโครงการต้องไปศึกษาดูเขื่อน ที่กาจนบุรี 3 วัน 2คืน การจัดตารางทำงานใหม่ของร้านก็เกิดขึ้นอีก
“ปิดร้านไปเที่ยวด้วยกันหมดนี่ละ” พอสเอ่ยด้วยอาการอยากเที่ยว
“แม่ด่าตาย ถ้าอยากไปก็ไปกันเถอะ พี่อยู่ได้” ตาน้ำหันมองหน้าคนพูด สายตาดุที่ส่งไปทำให้เพียวต้องหลบตา
“น้ำนิ่งอยากไปรึป่าว” ทิมหันถามคนที่ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ด้วยตั้งแต่ทะเลาะกับฝาแฝดโดยให้เหตุผลว่า’น้ำต้องโดนลงโทษ’
“ถ้าไปแล้วกะทิละ”
“ก็ต้องเอาไปฝากแม่ดู”
“ได้หรอ” คำถามกลับทำให้ทิมอมยิ้ม แอบอยากเที่ยวเหมือนกันสิท่า
“เอาจริงๆ แค่กาญฯ ไปทำไมตั้ง 3 วัน 2 คืนว่ะ โอ๊ย ไอ้เชี้ยน้ำ”
“เสือกได้ทุกเรื่องจริงมึง ความลับทางราชการวิศวะ ไม่เปิดเผยให้บริหารฟัง”
“ไอ้งก!” บรรยากาศที่แปรเปลี่ยนไปก็มีแต่ คนที่เถียงกับตาน้ำเปลี่ยนเป็นต้าร์ แทนที่จะเป็นพอสเหมือนเดิม
“ก็กว่าจะไปถึง กว่าจะเก็บข้อมูล ก็วันนึงละ อีกวันก็สรุปรีพอร์ต ที่นั่นเลย เผื่อมีข้อมูลตกหล่น จะได้เก็บทัน ถ้าวันเหลือก็เที่ยว
เพราะเดี๋ยววิศวะต้องมีออกค่ายอาสาอีก” เป็นทิมที่ทำให้โลกรอบตัวน้ำนิ่งสงบสุขทุกครั้งไป
“ไปด้วย” ต้าร์เอ่ยร้องอีกครั้ง
“มึงนี่แม่งร้องตามทุกงาน” คู่กัดร้องทักอีกรอบ
“เค้าเรียกตามหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเว้ย”
“ นู้นเลย เค๊กมึงนั่นอะ แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไปทำให้เสร็จๆเลย “
โดนไล่ออกจากวงสนทนา ต้าร์ก็ลากพอสเดินบ่นงุบงิ๊บออกไป ตาน้ำสบตาทิมส่งสัญญาณไปที่เพียว
“พี่เพียว จะไปด้วยกันรึป่าว” เพียวเงยหน้ามองตาน้ำ และน้ำนิ่ง รวมถึงคนที่ถาม
“เอ่อ ที่ร้านไม่มีคนอยู่นะสิ” เอาจริงๆ ถ้าไปก็ต้องขาดเรียน 1 วัน แม้ซัมเมอร์จะไม่ยุ่งยาก แต่การที่เรียนโดยเพื่อนไม่มาลงเรียนด้วยนี่ลำบากนะ
“ทิมเอาพี่ที่บ้านมาช่วยเอามั๊ย ถ้าแค่เสิร์ฟคงไม่อยาก”
“อย่าเลย พี่เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลย รู้จักกันแล้วก็อยากให้ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง จะได้สนิทกันไว้ ที่ชวนทิมมาทำงานที่ร้านนี่สนุกจะตาย แถมให้เงินอีก ทิมต้องเกรงใจมากกว่า มีอะไรช่วยได้ก็อยากช่วยนะ” หันมองน้ำนิ่งที่พยักหน้าหงึกๆ การโต้ตอบที่ยังไม่มีคำพูดเอื้อนเอ่ย แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายตอบกลับมาแบบนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“เดี๋ยวพี่ต้องบอกแม่ก่อนละ ว่าแม่ว่าไง เดี๋ยวบอกอีกที”
สุดท้าย ทริปกาญจนบุรีก็มีสมาชิกครบทุกคน ตามที่คุยกันไว้
แก็งค์วิศวะ นำเที่ยวด้วยไปในตัว ไม่ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคว สันเขื่อนศรีนครินทร์ ประตูระบายน้ำ ชุมชนริมพื้นที่เขื่อน
ฝ่ายเด็กวิศวะ ที่ถ่ายรูปเก็บข้อมูลกันไป เหล่าผู้ติดตามก็ถ่ายรูปเล่นกันเองบ้าง โดยเฉพาะ เพื่อนซี้บริหาร ที่มีเพียวเป็นตากล้องให้ เก็บข้อมูลได้พอประมาณก็เข้าที่พักแพริมน้ำ กลุ่มวิศวะนั่งทำรายงาน ผู้ติดตามที่เหลือ ก็พักผ่อนกันไป ต้าร์กับพอส เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน น้ำนิ่งนั่งห้อยขามองอยู่บนที่พัก ทุกอย่างอยู่ในสายตาของตาน้ำและทิม อย่างละไม่ได้ ไม่นานเพียวก็เดินมานั่งข้างๆ ทำให้ตาน้ำขยับจะลุกขึ้น แต่ทิมรั้งไว้ก่อน
“มึงให้เขาคุยกันบ้างเถอะ” คุยนะคุยได้ แต่ใจนะกลัวว่าน้องอยู่ใกล้เพียวแล้วจะมีอะไรผิดพลาด เพราะนึกคิดจนเป็นความเคยชินไปแล้ว ไม่ได้ตอบอะไรทิมกลับ หากสายตายังไม่ละจากแฝดตัวเอง
เพียวเห็นน้ำนิ่งยังมองต้าร์กับพอสเล่นน้ำ ก็เดินเข้าไปหา
“ขอพี่นั่งด้วยได้มั๊ย” ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ขยับตัวไปอีกฝั่ง นั่นก็แสดงว่านั่งได้ น้ำนิ่งคนเดิมที่เลือกคนพูดด้วยกลับมาอีกครั้งหลังจากเกิดเรื่องเขาและตาน้ำ
“น้ำนิ่งโกรธพี่เรื่องน้ำรึป่าว? ถ้าโกรธ พี่ขอโทษนะ” ไม่มีคำตอบจากคนฟัง มีแต่การที่หันมามองหน้า แล้วหันกลับไป
ก็ไม่รู้ว่าโกรธในแบบไหน โกรธที่เป็นเรื่องของคนใกล้ตัวหรือโกรธเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ หรือไม่โกรธดี สับสน
ใจคิดถึงตัวเองและทิมในความรู้สึกที่เป็นอยู่ ทำให้คิดถึงตาน้ำ หันไปมองก็เห็นว่าอีกคนมองอยู่ สายตาที่มองไม่ได้มองเลยไปที่เพียว แต่มองอยู่ที่น้ำนิ่งเท่านั้น ถ้าเป็นความสุขของตาน้ำ ก็ไม่อยากจะขัด
“พี่เพียว ชอบตาน้ำจริงๆหรอ” เพราะฝาแฝดให้คำตอบในความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ จึงอยากรู้ของอีกฝ่ายดู
“ตอนแรก พี่ก็ไม่รู้ตัวหรอก เอาจริงๆ เพราะมองแต่น้ำนิ่งจนเคยชิน ช่วงพี่มีปัญหา เกเร เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง อยู่ดีๆ น้ำมันก็มาหา บอกว่าติวหนังสือให้หน่อย มันจะสอบวิศวะ พอได้ติวให้ มันก็กลายได้ทบทวนให้ตัวเอง หลายอย่างที่น้ำทำ ไม่รู้จะเข้าข้างตัวเองรึป่าวนะ พอพี่ย้อนกลับไปคิด มันเหมือนน้ำทำให้พี่ทุกอย่างทางอ้อม มาให้ติวหนังสือ ทำให้พี่ได้ทบทวนของพี่เอง ให้ทำกับข้าว ทำขนมให้กิน จนเอาไปทำที่ร้านได้ ทุกๆวันพี่ต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมจะติวให้น้ำ จนกลายเป็นพี่เลิกไปเที่ยวกลางคืนเลยละ”
น้ำนิ่งหันมองคู่สนทนาแบบจริงจัง บรรยกาศหวานที่ออกมาระหว่างพูดนี่มันอะไรกันนะ
“ ถามว่าพี่ชอบน้ำรึป่าว ก็คงชอบละ มันอยู่ด้วยกันจนชิน แต่ก็แปลกที่ความเคยชินมันทำให้เรามีความสุขได้ ถึงจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้หงุดหงิดกันบ้าง แต่มันก็ชินมาตั้งแต่เด็กแล้วละ” เพียวพูดจบก็หยุดมองน้ำนิ่ง
“พี่ขออะไรอย่างนะ น้ำนิ่งอย่าบอกน้ำว่าพี่รู้สึกยังไง” เอ่อ… นี่ก็ยิ่งแปลก ชอบเขาแต่ไม่ให้บอก น้ำนิ่งยิ่งคิดถึงความแปลกของ 2 คนนี้
“ทำไมหรอ”
“ พี่ไม่อยากให้น้ำรู้ เพราะเดี๋ยวพี่จะไปเรียนต่อแล้ว ห่างกันไป ความรู้สึกก็คงจะหายไปเอง พี่คิดแบบนั้นนะ ความลับนี้พี่ไว้ใจน้องชายพี่ได้ใช่มั๊ย”
คำพูดนี้ทำให้น้ำนิ่งรู้สึกถูกบาด ตาน้ำไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับเพียว เพียวชอบตาน้ำแต่ไม่อยากให้รู้ เพราะเดี๋ยวก็ห่างกันแล้วทำไมความรู้สึกมันยากจัง ทำไมไม่เข้าใจกันง่ายๆนะ แต่จะทำยังไงได้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับไป
ความรู้สึกที่ได้ความสับสนทำให้น้ำนิ่งหนักอึ้ง ลุกขึ้นหมุนตัวเองเข้าห้องพัก เป็นอีกครั้งที่ตาน้ำขยับจะลุกตาม แต่ทิมก็รั้งไว้
“ถ้ามึงวิ่งตามคนนึง คนที่ไม่ได้ถูกมึงตามจะรู้สึกยังไง” เพราะทิมรู้สึกว่า ตาน้ำก็คงรู้สึกกับเพียวอยู่บ้าง แต่อะไรบางอย่างยังทำให้สับสน เป็นทิมที่วิ่งเข้าไปหาน้ำนิ่งแทน เข้าห้องพัก ก็ปิดรูดม่านสนิท เห็นเป้าหมายยืนนิ่งๆเพื่อปรับตัวเองที่รับไม่ได้กับความสับสนที่ได้รับมาก็เข้ากอด ทิมไม่รู้หรอกว่า 2 คนนั้นคุยอะไรกัน แต่การกระทำของคนตรงหน้าทำให้รู้ว่ากำลังดึงตัวเองกลับสู่ภาวะปกติ เห็นเป้าหมายก็สวมกอดจากด้านหลัง กดจูบที่ท้ายทอยอย่างเคย คนโดนกอดหูแดงไปหมด
“อ๊ะ ทิม”
“คนเก่งทิม เป็นอะไรครับ บอกหน่อย”
“ คุยกับพี่เพียวแล้วรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก” เดาไม่ผิด แต่ไม่อยากถามต่อ คนนี้ต้องรอให้พูดเองทุกอย่าง คนถูกกอดหันหน้าเข้า ทิมขยับหอมที่แก้มใกล้ใบหู คนถูกหอมเอียงหลบเล็กๆ
“เครียดหรอ หืม” ขยับดันตัวคนในอ้อมกอดให้นั่ง ข้างๆ ทีวีบนโต๊ะยาว น้ำนิ่งยกมือคล้องที่คอ
“บอกไม่ถูกเหมือนกัน คงแค่คิดตามไม่ทัน” ทิมขยับให้ตัวเองอยู่ในหว่างขาของอีกคน มือสอดเข้าที่เสื้อด้านหลังลูบไล้สัมผัสราวกับปลอบโยน
“งั้นก็อย่าเพิ่งคิด เดี๋ยวปวดหัวอีก” กระซิบที่หูเบาๆ แล้วขยับมาจูบ จูบแล้วผละออก
“เข้าใจมั๊ยครับคนเก่ง” ขยับจูบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ส่งลิ้นร้อนไล่ชิมริมฝีปากหวาน ไม่นานเจ้าของริมฝีปากก็เปิดรับ จูบครั้งนี้ นุ่มนวล แผ่วเบา ลิ้นที่สัมผัสกันนั้น ราวกับปลอบโยนและให้กำลังใจ
“อื้อ” ทิมขยับมือไล่เสื้อยืดของอีกคนขึ้นมา จนน้ำนิ่งยกมือขึ้นให้ถอดออก ไซร้เข้าที่แก้ม ใบหู คอ ไหล่ ไล่ลงไปจนถึงแผงอก น้ำนิ่งรู้สึกเหมือนลมหายใจจะขาดเสียให้ได้ เพราะลิ้นร้อนนั้น ไล่วนที่ฐาน อยู่นาน มืออีกข้างก็สัมผัสยอดอกอย่างแผ่วเบา ความเสียวซ่านที่ได้รับ ทำให้มือบางขยำเข้าที่ผมอันเดอร์วีคัทของอีกคน เสียดูดเริ่มดังขึ้นทำให้น้ำนิ่งเริ่มเกรณ็งจนเผลอแอ่นอก
เข้าหาแบบไม่รู้ตัว
“อื้อ ทิม” ทิมลากลิ้นลงตามร่างกาย จนถึงสะดือ ไล่วนอยู่อย่างนั้น เพราะคนในอ้อมกอด ช่างหอมหวานไปทั้งตัว ร่างกายที่ดุดันของอีกฝ่าย ทำให้ทิมรู้สึกถึงความต้องการ รั้งร่างบางมาจูบแล้วปล่อย ซ้ำๆ อย่างแผ่วเบา
“พอก่อนนะ” คนตัวสั่น ใจสั่นทำหน้าตื่น
“ ทำ ทำไมหรอ” ทิมขยับกอดอย่างแนบชิด หน้าซุกเข้าที่บ่าบางของอีกคน
“ทิมไม่อยากให้รู้สึกว่า ชวนมาเที่ยว เพราะอยากทำอะไรแบบนี้ ” คำตอบทำให้น้ำนิ่งเขิน แม้จะเตรียมใจมาบ้างว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิด แต่ก็ 2 จิต 2 ใจ เพราะเชื่อใจคนในอ้อมกอด
“แต่ว่า….” จบคำทิมก็ละมือรั้งกางเกงขาสั้นของน้ำนิ่งเพื่อถอดออก ขยับจูบอีกครั้ง
เพราะร่างกายที่แนบชิดกันอยู่ทำให้รู้สึกถึงความต้องการของทั้งคู่ไม่ต่างกัน
“อะ ทิม” มือของอีกคนกอบกุมของตัวเองจนสะดุ้ง นิ้วใหญ่ปาดน้ำใสจากยอดแล้วรั้งขึ้นลง
น้ำนิ่งส่งมือตัวเองเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่าย จูบที่แผงอกอย่างแผ่วเบา
“อะ น้ำนิ่ง อื้อ” เห็นคนตรงหน้ารู้สึกดี น้ำนิ่งก็เพิ่มแรงขยับมือขึ้นลงมากไปอีก มืออีกข้างที่ว่าง กดจิกที่ที่ไหล่หนาระบายความเสียวซ่านอย่างที่เคยทำเวลาโดนจูบ เสียงครางสอดผสานสลับกันไปมา พร้อมกับเสียงขยับมือของทั้งคู่ ไม่นานก็เงียบลง
น้ำนิ่งโผลซบเข้ากับอกของคนที่ยืนอยู่อย่างหมดแรง
“เช็ดก่อน หรือจะไปล้าง” คำถามดังขึ้นอย่างแผ่วเบาทำให้น้ำนิ่งเงยหน้ามอง หาคำตอบไม่ได้เพราะสมองยังคงไม่ประมวลผล
ยกมือของตัวเองที่เลอะน้ำของอีกฝ่ายขึ้นมามอง ทิมคว้ามือนั้นมาซับด้วยกระดาษทิชู่อย่างแผ่วเบา แล้วก้มลงใช้ลิ้นไล่เลียสิ่งที่เลอะเทอะบนตัวของน้ำนิ่งออกจนหมด
“ท… ทิม”
“หืม… "
"ทำไมไม่เช็ดดีๆ”
“ก็อยากเช็ดแบบนี้” ลิ้นร้อนไล่เลียเช็ดคราบ และครอบครองส่วนกลางกายอีกครั้ง ความเสียวซ่านทำให้น้ำนิ่งรู้สึกวูบวาบไปหมด
“ทิมๆ ไม่เอานะ มันสกปรกนะ” ลิ้นร้อนยังคงไล่วนตามความยาวไม่หยุด ทิมใช้ปากขยับเข้าออก หลายครั้ง จนน้ำนิ่งจะปลดปล่อยออกมา ก็ดันหน้าทิมออก แต่ทิมกับกอดรั้งตัวน้ำนิ่งแน่นกว่าเดิม
“ทิม! เอาปากออกมานะ” คำพูดที่เรียบเรียงไม่ปกติของฝาแฝดเกิดจากอาการตกใจ และตื่นเต้นเสมอ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ทิมทำตามแต่อย่างใด ร่างกายน้ำนิ่งปลดปล่อยอีกครั้งโดยที่ทิมไม่ยอมถอนปากออก ความเสียวซ่านที่ได้รับนั้น ทำให้น้ำนิ่งเกร็งจนหอบ
ทิมลุกขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน น้ำนิ่งยกมือเช็ดคราบที่เลอะริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
“รู้แล้วใช่มั๊ย ที่ไม่ทำที่นี่ ไม่ใช่เพราะว่าทิมรังเกียจ แต่แค่อยากกลับไปบ้านเรามากกว่า” ไม่ว่าทิมจะพูดออกมาให้ดูปกติอย่างไร คำพูดพวกนี้น้ำนิ่งก็เขินจนหน้าขึ้นสีทุกทีไป
-----------------------------------TBC-----------------------------
สุขสันต์วันหยุดค่า
อยากไปเที่ยวกาญฯ บ้าง อิอิ
ส่งหนุ่มๆ ไปกันก่อนเนอะ
ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ทุกคนนะคะ
ป.ล.แถมรูปหนูกะทิตัวจริงของคนเขียนให้ แม่นางน้อยเป็นเชื้อรา ต้องตัดขนออกเกลี้ยง
แปลงร่างจากแมวกลายเป็นไฮยีน่าตัวน้อย หมดสวยเลย 