บทที่ 15.2 วันสำคัญวันกับคนสำคัญ
“น้ำตื่น” น้ำนิ่งลุกขึ้นนั่งแล้วร้องปลุก แต่ตาน้ำคว้าตัวมากอดแล้วก็ขยับเอาตัวเองคร่อมร่าง ทำให้คนปลุกมีท่าทางเหมือนลงไปนอนเหมือนเดิม
“เอ๊า นิ่งตื่น” น้ำนิ่งส่งสายตามองค้อนควับ
“ตื่นสิ ลุก” ก็จะไปลุกได้ยังไง ไอ้พี่มันนอนทับอยู่
น้ำนิ่งขืนตัวเองให้ดันคนที่คร่อมอยู่ลงไปลงไปนอนใต้ร่าง พอตัวเองขึ้นไปอยู่ข้างได้ ก็ดันตัวยืนขึ้นทันที หากแต่คนพี่จับมือรั้งไว้ไม่ให้เดินหนี
“เร็วๆ เดี๋ยวสาย” น้ำนิ่งส่งสายตาดุมองคนที่รั้งแขนตัวเองไว้ แล้วออกแรงดึง พอตาน้ำลุกขึ้นมาได้ ก็คว้าเอวน้องเข้ามากอด
“สุขสันต์วันเกิดนะ” พูดจบก็หอมไปที่แก้มเบาๆ คนน้องหอมก็หอมตอบ ทำให้อ้อมกอดนั้นคลายลง คนโดนปล่อยตัวเลยวิ่งหนีไปอาบน้ำ
อันที่จริง พาเพื่อนมานอนบ้าน ก็ควรจะนอนกับเพื่อนนั่นละ แต่กับฝาแฝดนั้นไม่ใช่ 2 คนจึงแยกกลับมานอนที่เรือนไทย ส่วนเพื่อนๆ ก็จัดสรรให้นอนกันไปคนละห้องที่เรือนรับรอง
สมาชิกพร้อมหน้ากับที่เรือนแพ รอใส่บาตร เป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยาก ที่ยังมีพระบิณฑบาตรทางเรือ
ฝาแฝดช่วยกันใส่บาตร พร้อมแม่และแด๊ด
ใส่เสร็จผู้ใหญ่ก็ขึ้นเรือนไปก่อน เด็กๆช่วยกันเก็บของ
เดินกลับมาที่บ้านตึก ผู้ใหญ่ก็นั่งกันพร้อมหน้าเหมือนเมื่อวาน
น้ำนิ่งเดินเข้าไปกราบที่เท้าแม่ และแด๊ด อย่างที่ตาน้ำทำ คำอวยพรที่เหมือนกันถูกส่งมาให้
“สุขสันต์วันเกิดนะลูกชายคนเล็ก มีความสุขมากๆ แข็งแรงๆ ขอบคุณที่เกิดมาอยู่กับแม่และแด๊ดและครอบครัวเรานะครับ”
น้ำนิ่งกอดแม่และแด๊ดร้องไห้ สะอื้นไปด้วย
“ขอบคุณ….อึก….ที่ให้ชีวิตผมนะครับ”
แล้วก็ขยับกราบคุณตาคุณยายที่ช่วยเลี้ยงดู ปู่ย่า และแม่นมทั้ง 2 คน ผู้ใหญ่ทุกคนน้ำตาคลอกันภาพตรงหน้า เหมือนเช่นเมื่อวาน
แล้วก็เดินมาหาฝาแฝดตัวเอง
ตาน้ำดึงน้ำนิ่งเข้ามากอดน้องจนแน่น
“ขอบคุณที่เกิดมาอยู่ด้วยกันนะ” แต่คนที่พูดนั้น ดันไม่ใช่เจ้าของวันเกิด แต่เป็นฝาแฝดคนพี่ ทำให้น้ำนิ่งน้ำตาไหลออกมาอีก
น้ำนิ่งเดินออกไปหาพอส
“มึงนี่ จะร้องทำไมเนี่ย วันเกิดนะ ขี้แยเหมือนพี่มึงเลย” พอสดุขณะที่กอดก็ลูบหลัง ลูบไหล่ไปเรื่อยๆ
“ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีของกูนะพอส”
แล้วก็ปล่อยตัวเพื่อนรักออก น้ำนิ่งขยับไปหาต้าร์ กอดกันเบาๆ ไม่นาน แล้วก็หันไปหาทิม
ก็เขินเกินกว่าจะขยับตัวไปหา ทำให้ทำตัวไม่ถูกแต่ก็ยังมีรอยยิ้มส่งไปให้ ทิมที่ดูอาการออก ก็ส่งยิ้มกลับมา
'ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจกันดี'
“อ้าว ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวจะสาย” เห็นกลุ่มเด็กคุยเล่นกัน ผู้ใหญ่ก็ต้องเอ่ยปากเตือนถึงเวลาเพราะกลัวจะล่าช้า
รถ 3 คันเคลื่อนตัวออกจากบ้าน ตายา ปู่ย่า และแม่นมทั้ง 2 ไปรถตู้ ตาน้ำและน้ำนิ่งไปกับแด๊ดและแม่ ส่วนพื่อน 3 คนไปด้วยกันเหมือนเดิม
ถึงจุดหมาย ก็เจอกลุ่มทะโมนอีก 3 คนของวิศวะมาจัดข้าวของที่ตาน้ำฝากให้เอามารออยู่แล้ว
“สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า”
ฝาแฝดรู้ว่าตัวเองมี และโชคดีกว่าเด็กเหล่านี้มากนัก จึงอยากที่จะช่วยเหลือ และแบ่งปัน ความรู้สึกของฝาแฝดนี้เพื่อนๆเองก็รับรู้และชอบใจ จึงกลายเป็นธรรมเนียมกันทุกปีตั้งแต่รู้จักกันมา
กลุ่มเด็กวิศวะ เฮฮากันราวกันว่าไม่ได้เจอกันมานานปี
ยืนคุยเล่นกันไม่นาน รถตู้อีกคันก็เข้ามาจอด พอสร้องทักขึ้น
“ พ่อ แม่” คนที่ตามพ่อแม่ของพอสมานั้น ก็หนีไม่พ้นเพียว
ไม่อยากมาก็ไม่ได้หรอก มันเป็นมารยาทที่บ้านฝาแฝดเชิญบ้านนี้มาร่วมทำบุญกันทุกปี
ตาน้ำหน้านิ่งทันที หากแต่น้ำนิ่งกระตุกแขนเตือน เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
การแจกอาหารและของเล่นให้แก่เด็กๆ เป็นไปอย่างสนุกสนาน เหล่าทะโมนวิศวะที่ผ่านค่ายอาสาและการรับน้องมาอย่างเต็มที่ก็ส่งความบันเทิงให้แก่น้องๆ ที่สถานสงเคราะห์เป็นอย่างดี
เสร็จจากสถานสงเคราะห์ ก็ย้ายกันไปที่ร้านอาหารริมน้ำ
แบ่งเป็นโต๊ะ ผู้ใหญ่ และเด็กเช่นเคย หากแต่เพียวขอนั่งกับพ่อและแม่แทน
“พี่เพียว ไม่มานั่งด้วยกันหรอ” น้ำร้องถาม
“ไม่เป็นไร เผื่อแม่จะเรียกใช้ จะได้ไม่ต้องตะโกน”
จบจากร้านอาหารก็ล่วงเลยเข้าช่วงเย็น กลุ่มเพื่อนแยกย้ายกลับกรุงเทพก่อน ฝาแฝดก็กลับไปเอารถที่บ้านอยุธยาแล้วตามไป
ผู้ใหญ่รู้ดี วัยรุ่นเนี่ยมันก็อยากมีงานฉลองกับรุ่นเดียวกัน สมัยนี้น้อยคนนักที่จะกลับมาหาครอบครัวและพ่อแม่ก่อนแต่สำหรับฝาแฝดนั้นไม่ใช่เลย
จุดนัดหมายก็เป็นร้านส้มเหมือนเดิม หากแต่มีโต๊ะของ 5 หนุ่มวิศวะเพิ่มเข้ามา
นั่งกินนั่งเล่นกันอยู่ไม่นาน เสียงตาร์บนเวทีก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ ก็วันนี้วันเกิดเพื่อนผม เดี๋ยวขอร้องเพลงให้เพื่อนผมหน่อยนะครับ”
เสียงเพลง Happy BirthDay ดังขึ้นให้ฝาแฝดได้ยินอีกครั้ง หากไม่ใช่นักร้องประจำวงของต้าร์ เพราะต้าร์ขอร้องเอง
เสียงเพลงอวยพรจบลง น้ำนิ่งเดินไปส่งแก้วให้ต้าร์ หากไฟหน้าเวทีก็ดับลง ขณะทีเวทีกำลังวุ่นวาย เสียงของพี่ส้มเจ้าของร้านก็ดังขึ้นก่อน
“ค่ะ ก็เป็นธรรมเนียมของร้านนี้นะคะ หากว่าเจ้าของวันเกิดได้รับเพลงอวยพรจากทางร้าน ก็ร้องเพลงให้ฟังคืน 1 เพลง แล้วจะได้เหล้าฟรี 1 ขวด” จบเสียงเจ๊ส้มคนสวย เสียงดนตรีก็ดังขึ้น
เพราะกลุ่มวิศวะคุยกันเสียงดังแทบไม่ได้ยินเสียงเจ๊ส้ม พอสจึงส่งสัญญาณมือไปให้ทิมที่นั่งอยู่ตรงข้าม บอกให้หันไปดูที่หน้าเวที เสียงร้องเพลงจากคนที่ปกติไม่ค่อยพูดก็ดังขึ้น
“เธอ เธอเป็นสีชมพู เธอมีโลกของเธออยู่
ที่ฉันไม่อาจล่วงรู้และไม่เคยเข้าไป
ส่วนฉันเป็นสีเทา มีแต่ความเหงารอบๆ กาย
ไม่รู้เลยในความหมายอะไรมากกว่านี้
แต่เธอและฉันก็เดินเข้ามาชิดใกล้
มาทำให้ฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่
เมื่อชีวิตของเราไหลปนกัน
โลกของฉันก็ดูจะเปลี่ยนสีไป
อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน
เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน
โลกของฉันและเธอก็สดใส กว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น
เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา
เราผลัดกันเดินเข้าไป สู่โลกคนละใบ
สุดท้ายก็ต่างไม่รู้ ว่าโลกของใครเป็นของใคร
เมื่อในวันนั้นเธอเข้ามาใกล้ๆ
มาทำตัวฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่
และเมื่อสีของเราไหลรวมกัน
โลกของฉันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทั้งใบ
อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน
เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน
โลกของฉันและเธอก็สดใส กว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น
เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา
โอ้ เมื่อเธอได้เข้ามา ฉันก็ได้เห็นอะไรที่มากกว่า
จากนี้และเรื่อยไป จากนี้ทั้งหัวใจ
ก็คงจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมใช่ไหม
อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน
เมื่อเราต่างเทสี ผสมละลายเข้าด้วยกัน
ก็คงจะเป็นไปตามทฤษฏีที่เขาบอกไว้ว่ามัน
เมื่อสีทั้งสองผสมกันนั้น
ก็คงไม่มี อะไรที่จะเป็นเหมือนเดิมได้อย่างวันนั้น
เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา
*ทฤษฎีสีชมพู – แสตมป์ อภิวัช
เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือยาวนานจากคนในร้าน
ทิมตกอยู่ในภวังค์ตั้งแต่ได้ยินเสียงน้ำนิ่งร้องเพลง
หากตาน้ำและพอส ดันทิมที่ถือดอกกุหลาบที่หยิบจากบนโต๊ะให้เดินไปหน้าเวที
นักร้องของวงต้าร์เดินออกมาส่งแก้วเหล้าให้น้ำนิ่ง ‘คนที่เจอที่สนามบาส’ ทิมเห็นแล้วหยุดชะงักไป
แต่ต้าร์ที่มองมาเห็นทิมพอดี ก็ออกไปรับแก้วนั้นจากเพื่อนตัวเอง แล้วบอกให้กลับไปนั่ง
น้ำนิ่งจะหมุนตัวลงมา แต่ต้าร์รั้งไว้ ส่งสัญญาณให้มองไปยังคนที่กำลังเดินมา เห็นแค่นั้น น้ำนิ่งก็หน้าขึ้นสีอ่อนๆ
ทิมเดินมาจนถึงหน้าเวที ส่งดอกไม้ให้น้ำนิ่ง กระซิบให้ได้ยินกัน 2 คน
“ร้องเพราะนะเนี่ย ครั้งหน้าร้องให้ฟังอีกนะ” ก็หยอดไปแค่นี้แล้วก็เดินกลับไป หากนักร้องจำเป็นหน้าแดงก่ำเหมือนกับเมา
พี่ส้มเดินออกมา พร้อมเหล้าในมือ 2 ขวด
“โอ๊ย..น้ำนิ่งร้องดีขนาดนี้พี่ให้ 2 ขวดเลย มาร้องให้ฟังบ่อยๆนะ จะไล่ไอ้โอมมันออกละ”
“อ้าว…เจ๊ อย่าทำกับน้องตัวเองแบบนี้” เสียงโวยวายดังขึ้นข้างเวที
น้ำนิ่งเดินกลับมานั่งข้างฝาแฝด ส่งเหล้าในมือให้กลุ่มเพื่อนตาน้ำ เอียงหัวพิงไปที่ไหล่
ตาน้ำยกไหล่ขึ้นคล้ายแกล้ง
“ร้องเพลงแค่นี้เหนื่อย อ่อนวะ” พูดแล้วก็ส่งแก้วน้ำป่าวให้ดื่ม
วันสำคัญของชีวิตแบบนี้ฝาแฝดไม่กินเหล้าหรอก เพราะถือว่าเป็นวันดีของชีวิต ไม่ควรมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ที่มานะมาแค่สนุกกับเพื่อนๆ แค่นั้นละ
‘แต่วันเกิดปีนี้ น้ำนิ่งได้รู้แล้ว มากกว่าการได้ให้ ได้รับ นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนแล้ว ก็มีคนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยเพิ่มเข้ามา แค่นี้ก็พอแล้วที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมีค่า เลิกกลัวว่าคนแปลกหน้าจะรังเกียจตัวเอง เพราะการได้รัก และได้รับความรักคือยารักษาที่ดี และวิเศษที่สุด’
-----------------------------------------TBC------------------------------------------
HBD ฝาแฝดครบแล้ว อบอุ่น อบอวนไปด้วยความรักจริงๆ
ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนเม้นท์ คนรอ คนอ่านทุกคนนะคะ
ที่ลงช้า เพราะคนเขียนอยากลงตรงวันเกิดขอฝาแฝดตามที่ตั้งใจ