ตอนที่ 23 : เข้าแผน
แผนการของควีนคืออะไรเหรอครับ
เอาล่ะ ผมขอย้อนความสักนิดแล้วกัน อย่างที่บอกไปว่าทางคิงส์คลับมีมาตรการคัดกรองคนที่ค่อนข้างเข้มงวด สืบประวัติการเงินรวมทั้งที่อยู่เพื่อระบุตัวตนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับผู้กู้ยืมเงินหลักล้าน จะต้องมีที่อยู่ที่สามารถตามทวงได้
ซึ่งกรณีของเรวันต์นั้น...คือที่อยู่เป็นปัญหา
จะปฏิเสธหรือสั่งห้ามไม่ให้เข้าคลับเลยก็ยังได้ แต่ที่ทางคลับยังประวิงเวลาให้เรวันต์เทียวเข้าเทียวออก เพราะว่ามีการติดต่อมาจากคลับอื่นที่เรวันต์ไปขอกู้ยืมมาแล้วต้องการความช่วยเหลือ น่าสงสัยมั้ยล่ะครับว่าทำไมคนที่ติดหนี้เป็นล้านถึงเดินลอยชายไปมาได้โดยไม่มีคนทวง ทั้งหมดก็เพราะ...เขากำจุดอ่อนของฝ่ายนั้นได้น่ะสิ!
ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน แต่เรวันต์ขโมย ‘ปืน’ ที่เจ้าหนี้คนนั้นใช้ก่อเหตุและตำรวจกำลังตามจับไปเป็นของแบล็กเมล์ ปืนที่มีรอยนิ้วมือติดอยู่ ถ้าส่งให้หน่วยงานราชการจะเป็นยังไงนะ
ด้วยเหตุนี้ทางนั้นเลยไม่กล้าเคลื่อนไหวจนกว่าจะได้ ‘ปืน’ แต่ถึงจะยื่นข้อเสนอแบบยื่นหมูยื่นแมว บอกให้เรวันต์คืนปืนมาแล้วจะยกเลิกหนี้ เรวันต์ก็ไม่ยอมตกปาก แล้วหันมาหาคิงส์คลับเพื่อวางแผนหนี ราวรู้ว่าถ้าส่งปืนคืนเมื่อไหร่รายต่อไปที่จะถูกเก็บคือตัวเอง
เดิมทีคิงส์คลับไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องพวกนี้เลย หากไม่ติดว่าควีนนึกสนใจกับ ‘ที่อยู่’ ของเรวันต์ หรือก็คือ ‘ที่ซ่อนปืน’ ซึ่งไม่มีใครตามไปค้นเจอสักที
อยากรู้นักว่ามันจะพิสดารแค่ไหนกันก่อนตกปากรับคำผมฟังคร่าวๆ จากควีนที่ส่งคนมาสืบรอบหนึ่งแล้ว แต่พอมาเจอด้วยตัวเองก็อดทึ่งไม่ได้!
นี่มันแหล่งกบด่านบ้าบออะไรกัน! ภายนอกเหมือนกับคอนโดกลางเมืองที่ค่อนข้างมีคนพลุ่งพล่านมาก แต่พอเดินผ่านเคาน์เตอร์ต้อนรับเข้าประตูด้านหลังมาทุกอย่างก็มืดสนิท! เรวันต์คอยจับมือผมไว้เพื่อไม่ให้หลง เพราะผมมองไม่เห็นอะไรเลย!!!
ควีนบอกว่าเคยมีคนพยายามตามเรวันต์มาถึงตรงนี้แล้ว แต่ก็ไปต่อไม่ได้เพราะโดนความมืดเล่นงานจนไม่กล้าลงมือ จะให้เดาสุ่มก็ใช่เรื่องในเมื่อที่นี่เองก็มีระบบรักษาความปลอดภัยห้ามบุกรุกมั่วซั่ว เป็นที่พักสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยผู้เข้าพักเองจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าห้องข้างกันนั้นมีใครบ้าง
ให้ความรู้สึกคลับคล้ายกับห้องมืดของปริ้นส์รูม เพราะเล็กแคบและเป็นทางยาวไม่อาจคาดเดาจุดสิ้นสุด แต่เมื่อกางมือแตะผนังข้างๆ ก็เจอกับประตูเรียงอย่างเว้นช่วงขนาบสองฝั่งน่ามึนงง วิธีที่จะหาห้องได้คือการนับจำนวนก้าวจากประตูด้านหน้าสุด เมื่อผมนับถึงก้าวที่ยี่สิบเรวันต์ก็หยุดและรูดการ์ด ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงไขกุญแจใดๆ รู้ตัวอีกครั้งผมก็โดนลากเข้าไปในห้องแล้ว ชักเข้าใจว่าก่อนหน้านี้คนที่ต้องตามติดเรวันต์นั้นลำบากขนาดไหน ถ้าไม่ถูกพาเข้ามาเองก็ไม่มีทางหาเจอเลย!
คำขอร้องเดิมของควีนนั้นต้องการให้ผมจับตามองเรวันต์ ตีสนิท หลอกถามข้อมูลที่นี่ให้มากที่สุดโดยไม่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยง เขาไม่ได้คาดหวังให้ผมต้องลงทุนลงแรง ถือว่าถ้าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตัวบอสเองไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องนี้มากนักเพราะคิงส์คลับแทบไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยแถมยังเสียเวลาอีกต่างหาก
แต่พอผมเสนอตัว ควีนก็นึกสนุกและช่วยวางแผนให้เสร็จสรรพ ใช้โอกาสที่เรวันต์คลายความระวังเพราะถือแต้มต่อที่ช่วยค้ำประกันให้พามาที่ห้อง จากนั้นควีนจะส่งแผนที่ที่แสดงตำแหน่งของผมให้กับอีกแกงค์ซึ่งติดต่อขอความช่วยเหลือมาให้ตามจับหนูตัวนี้กันเอาเอง
หน้าที่ผมมีเพียงมาให้ถึงห้องแฟนเก่า รอให้เจ้าหนี้ที่ว่ามาถึง แล้วหลบหนีออกมาอย่างปลอดภัยโดยจะมีคนของคลับรอรับกลับ ส่วนเช็คนั้นไม่ต้องห่วงเลยเพราะว่าลายเซ็นของบอสนั้นไม่ใช่ของจริงแต่แรกแล้ว...
“พี่วันหาที่พักแบบนี้เจอได้ยังไงครับเนี่ย”
“คนรู้จักแนะนำมาน่ะ” เรวันต์ตอบพลางเปิดไฟ เผยให้เห็นห้องพักขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็ใหญ่กว่าหอพักเก่าที่ผมเคยเช่าอยู่
“ผมขออาบน้ำก่อนนะครับ”
“ตามสบาย” เรวันต์ค่อนข้างปล่อยตัวปล่อยใจ ราวกับว่าห้องนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เห็นท่าทางครึ้มอกครึ้มใจนั่นผมก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อส่งข้อความหา ควีนว่าถึงที่หมายแล้ว บอกจำนวนก้าวนับระยะ และเตรียมดำเนินการตามขั้นต่อไปได้
ควีนส่งสติกเกอร์แมวน้อยรับทราบมาให้
ผมยิ้ม ก่อนจะทำทีเป็นเปิดน้ำ จะได้ฟังเหมือนว่ากำลังอาบน้ำอยู่
มองเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าผมก็เพิ่งจะมาตื่นเต้นเอาตอนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผมเจ็บตัวโดยใช่เหตุ ควีนย้ำว่าให้ผมหาที่หลบไว้จนกว่าเจ้าหนี้จะมาถึง หวังว่าห้องน้ำจะปลอดภัยพอนะ
ผมกำโทรศัพท์แน่น รอจนกว่าจะมีเสียงคนพังประตูเข้ามาแล้วจับตัวเรวันต์พร้อมทั้งรื้อห้องเอา ‘ปืน’ เจ้าปัญหาไป แต่รอไม่ถึงสิบนาทีดีประตูห้องน้ำก็ถูกทุบรัวๆ
“รัญ! ทำแสบนักนะ!!”
ความแตกแล้วเหรอ!?ผมตกใจจนผุดลุกขึ้นมองหาอาวุธเมื่อเรวันต์ทำทีเป็นฝ่ายพังเข้ามาจับตัวผมเองซะงั้น ทั้งที่เจ้าหนี้ยังมาไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ แล้วเขารู้ได้ยังไงว่านี่เป็นแผนของผมกันล่ะ
ผมโทรหาควีนทันที ไม่ต้องเงียบเหมือนกำลังอาบน้ำแล้ว
(( ว่าไงรัญ ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ย ))
ฟังเสียงแสนจะลัลล้านั้นแล้วผมแทบน้ำตาร่วง
“ควีนครับ เจ้าหนี้คนนั้นจะมารึยัง เรวันต์จะพังห้องน้ำเข้ามาทำร้ายผมแล้ว”
(( ว่าไงนะ! หนอยแน่ ฉันเพิ่งได้การติดต่อจากพวกนั้นว่าเพิ่งถึงหน้าที่พักเมื่อนาทีก่อน แล้วเรวันต์รู้ล่วงหน้าได้ยังไง หรือว่าจะมีระบบรักษาความปลอดภัยแจ้งตัวผู้เข้าพักล่วงหน้าด้วย? ช่างหัวมันเถอะ! นายหาอะไรยันประตูไว้ ไม่ก็หาอาวุธปกป้องตัวเองก่อน พวกนั้นน่าจะใช้เวลาเข้าไปไม่เกินห้านาที แต่ฉันจะให้บิชอปที่ส่งไปรับเข้าไปช่วยด้วย ))
“ขอบคุณครับ”
ผมตอบรับขณะมองหาของที่ช่วยยันประตูเป็นอย่างแรก...เอ่อ...ห้องน้ำไม่มีของใหญ่ๆ ขนย้ายได้เลย ช่างเป็นที่หลบแสนน่าเศร้าอะไรอย่างนี้ พอจะมองหาอาวุธ...ผมก็เจอฝักบัวที่น่าจะแข็งใช้ได้ แต่ติดสายโยงเลยถือไม่ถนัด ผมลนลานจนสุดท้ายก็คว้าไม้ดูดส้วมขึ้นมา
อนาถฉิบหาย
เพื่อความปลอดภัยผมเลยเอาแชมพูกับสบู่เหลวบีบใส่พื้นหน้าประตู เผื่อว่าเรวันต์พังเข้ามาได้จะลื่นล้มหัวกระแทกพื้น ช่วยถ่วงเวลาให้ผมอีกหน่อย
“รัญ!” เสียงตะโกนนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะคล้ายจะได้ยินเสียงพังประตูจากข้างนอกดังแว่ว แสดงว่าพวกเจ้าหนี้มาถูกห้องแล้ว!
ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ประตูห้องน้ำก็เปิดพรวดเข้ามาก่อนจนผมสะดุ้งเฮือก และแทบจะขอบคุณพระเจ้าเพราะเรวันต์ร้องเหวอตัวเป๋เซไปมาพยายามทรงตัวบนน้ำลื่นๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสบู่และแชมพู เขามองผมเขม็ง ในมือถือปืนกระบอกหนึ่ง...
นั่นต้องเป็นปืนเจ้าปัญหาแหง!
ผมที่แอบอยู่ในส่วนของฝักบัวหลังม่านลุ้นใจระทึกเมื่อเห็นเรวันต์ล้มโครม พอดีกับประตูห้องที่ถูกพังเข้ามา เจ้าหนี้พาลูกน้องมาด้วยอีกห้าคน เบียดเข้ามาเต็มห้องไปหมด เรวันต์เห็นอย่างนั้นก็ตกใจร้องโวยวาย ยิงปืนลั่นมั่วซั่วจนคนที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาต้องเอี้ยวตัวหลบอยู่หลังประตู ไม่กล้าโผล่มาจับหนูสักคนเดียว
อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า!ผมอ้าปากค้างเมื่อเรวันต์กลับมาทรงตัวได้อีกครั้งด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ห้องพักแห่งนี้ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีทางอื่นหนีนอกจากประตูหน้าที่มีคนยืนออหลบกันเต็มไปหมด ที่ที่ปลอดภัยที่สุดกลายเป็นสถานที่ปิดตายสำหรับเขาจนได้
รวมทั้งผมเองด้วย!
ผมมองเรวันต์ที่เหมือนเลือดเข้าตาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องคิดจับผมเป็นตัวประกันเพื่อหาทางหนีแน่ๆ ผมเป็นคนของคิงส์คลับ ยังไงเจ้าหนี้ก็ต้องไว้หน้าบอสกับควีนไม่กล้าให้ผมบาดเจ็บ ถือเป็นทางรอดสุดท้ายที่ไม่ส่งผลดีกับผมสักนิด!
“นายทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไงรัญ!” เขาตะโกนลั่นขณะเดินจ้ำเข้าใกล้โดยไม่วายหันกลับไปยิงทางฝั่งประตูเป็นระยะเพื่อไม่ให้มีใครกล้าถลาเข้ามาจับตัว
“แล้วพี่ล่ะ...เอาเรื่องนั้นมาขู่ผมให้ต้องยอมติดหนี้แทนได้ยังไง” ผมถามกลับอย่างนึกโมโหไม่แพ้กัน พวกเราควรจะแยกไปทางใครทางมันไม่ต้องมาเจอะมาเจอกันอีกแล้ว เรื่องของเขาผมไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่เพราะเรวันต์เอาจุดอ่อนมาขู่ ผมถึงต้องยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะทำแบบนั้นไม่ได้อีก
“หนี้ของพี่พี่ก็ใช้เองเถอะ!” ผมรอจังหวะเรวันต์เข้ามาใกล้ในระยะแค่เอื้อมแล้วปาไม้ดูดส้วมซึ่งแอบซ่อนไว้ข้างหลังใส่ทันที แฟนเก่าของผมทั้งตกใจทั้งขยะแขยงจนต้องยกมือปัด เป็นโอกาสให้ผมเตะตัดขาร่างนั้นจนล้มโครมไปอีกครั้งพร้อมกระชากม่านห้องน้ำเข้าคลุมอีกฝ่ายทั้งตัว
ผมไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง มุ่งมั่นวิ่งไปที่ประตูทางออกอย่างเดียว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงปืนไล่หลัง พร้อมกับพื้นข้างหน้าที่ถูกกระสุนเจาะเป็นรู ผมใจหายวาบ แต่พอเผลอชะงักขึ้นมา เสียงปืนอีกนัดก็ดังขึ้น
พลันภาพเบื้องหน้าพลิกตลบเมื่อมีคนหนึ่งกระโจนคว้าร่างผมจนล้มโครมไปกับพื้น ก่อนจะตามมาด้วยความเจ็บที่ต้นแขนขวาจนต้องร้องโอดโอย
ผมถูกยิง!
ไม่ทันตั้งสติให้ดีผมก็โดนร่างนั้นลากไปหลบอยู่หลังเตียง จนกระทั่งได้ยินเสียงลั่นไกดังแกรกแต่ไร้กระสุน คนคนนั้นก็หันไปตะโกนใส่กลุ่มคนตรงประตู
“จะรอให้มีคนมาตัดริบบิ้นเหรอครับ ไปจับตัวเขาสิ!”
ยังจะมีอารมณ์ขันได้อีก...แต่สิ้นเสียงนั้นกลุ่มคนที่รอจังหวะอยู่แล้วก็รีบเข้าไปรุมล้อมเรวันต์ในห้องน้ำอย่างไร้ทางสู้ พอวางใจแล้วผมก็ค่อยสำรวจตัวเองว่ายังครบสามสิบสองดีรึแปล่า
ปรากฏว่าผมยังปลอดภัยดีทุกประการ เว้นแต่ต้นแขนขวาที่โดนกระสุนถากปาดเนื้อเหวอะจนเลือดไหลอาบ ถ้าไม่ได้เขาคนนี้ช่วยไว้แผลคงหนักกว่านี้หลายเท่า
“คุณ...บิชอป?” ผมมองเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตัวเอง นั่งชันเข่าโดยดันตัวผมให้หลบอยู่ซอกด้านในตรงหลังเตียงแล้วถามอย่างสงสัย คิงส์คลับมีอัศวินสองคนและบิชอปสองคน ซึ่งอัศวินจะประจำชั้นหนึ่งชั้นสองของคลับ ส่วนบิชอปจะประจำที่คลับและผับอย่างละคน อาจเพราะทำงานที่คลับมาครบปีผมเลยเริ่มลืมบิชอปประจำฝั่งผับบ้างแล้ว
ในความทรงจำของผม บิชอปฝั่งผับเป็นเหมือนเด็กหนุ่มแสนเรียบร้อยมีสัมมาคาราวะ แตกต่างกับคนที่คล่องแคล่วว่องไว และมีสีหน้าพร้อมจะกระโจนไปรุมสกรัมเรวันต์ได้ทุกเมื่ออย่างเขาคนนี้
“เรียกผมว่ากรก็ได้ครับ” เพียงพริบตา บิชอปหรือกรก็หันมายิ้มน่ารักใสกิ้งให้ผมอย่างกับเด็กหนุ่มแสนเนิร์ดไร้พิษภัย...บอกเขาดีมั้ยนะว่าไม่ทันแล้วไอ้น้องเอ๋ย
“รีบไปจากที่นี่กันเถอะ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเอง”
“ขอบคุณนะ”
“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” คล้ายกับว่าเราสองคนเป็นส่วนเกิน หรือไม่ก็จงใจไม่อยากยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว กรพาผมเดินออกจากห้องไม่สนใจว่ากลุ่มเจ้าหนี้จะจัดการกับเรวันต์ยังไง ระหว่างทางยังหันมาชมเชยอีกต่างหาก “คุณมีไหวพริบไม่เลวนะ ตอนที่ควีนโทรมาให้ผมรีบช่วย นึกว่าจะต้องเห็นภาพคุณถูกจับเป็นตัวประกันแล้ว หาทางหนีออกมาเองแบบนี้ช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะเลย”
ผมได้แต่ยิ้มบางๆ ไม่ตอบคำ ก็เพราะคิดว่ายอมเจ็บดีว่าโดนจับนั่นแหละถึงได้แผลโดนยิงมาสมใจ
“ผมจะโทรรายงานควีนก่อน คุณจะติดต่อใครก็ตามสบายนะ”
พอมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าที่พัก บิชอปก็เดินเลี่ยงไปอีกทางแล้วโทรศัพท์หาควีนอย่างที่พูด ผมเองหลังห้ามเลือดคร่าวๆ ชักรู้สึกลังเลขึ้นมา เพราะความตั้งใจตอนแรกคือร่วมมือกับควีนเพื่อเล่นงานเรวันต์ เอาให้เข็ดหลาบชนิดที่เขาไม่มีโอกาสมาเล่นงานผมซ้ำสองอีก จากนั้นก็กลับไปหาราเชนทร์กับคีรีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปัญหาของผมผมจัดการได้ เพราะให้พูดไปก็มีแต่ทะเลาะกันเปล่าๆ
มาผิดแผนตรงบาดเจ็บนี่สิ
ไม่อยากจะนึกถึงปฏิกิริยาของทั้งคู่เลย...แต่คิดมากก็เสียเวลาเปล่า ผมตัดสินใจโทรหาคีรีที่น่าจะคุยด้วยเหตุผลได้ง่ายกว่าราเชนทร์
“อย่าตกใจนะครับ คือว่า...ผมบาดเจ็บนิดหน่อย กำลังจะไปโรงพยาบาล xxx”
------------------
หวยออกที่เบอร์หนึ่งค่า!
งานนี้น้องนิลให้มารับ คือตั้งใจมารับไม่ได้จะมีเรื่อง และเพราะต้องมาเจอกับอีกแกงค์ด้วย ฉะนั้นตัดเก่งออกเลยค่ะ 555 ส่วนพี่เอกนั้นเฝ้าประตูคลับอยู่ (คลับยังไม่ปิด) เลยปลีกตัวมาไม่ได้แม้งานจะเหมาะ หวยเลยออกที่เบอร์หนึ่ง เพราะยังไงก็ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ ถึงจะไม่เก่งเท่าอัศวิน แต่เรื่องไหวพริบก็กินขาด!
เพจนักเขียนที่แอบชูป้ายเชียร์เบอร์หนึ่ง สามีคนที่สองของเราเองค่า 5555 #คนแรกคือพี่เอก