23-…ก็พี่คงไม่สนใจ
"แค่กๆๆ" เสียงไอของคนข้างๆ ที่ดังขึ้นมาตลอดทั้งคืนทำเอาผมกังวลจนนอนไม่หลับจึงต้องค่อยๆ ลุกออกจากถุงนอนแล้วไปรบกวนขอยาจากพวกพี่ที่ศูนย์ฯ พวกพี่กัมป์เลยมาจัดการบอกให้พี่กันย์ลากสังขารไปนอนข้างในที่ดูจะอุ่นกว่าแล้วตกลงกันว่าจะให้ติดรถลงไปโรงพยาบาลในตัวเมืองพร้อมๆ กับพวกพี่ที่ต้องลงไปตลาดทุกวันอยู่แล้ว
"กระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ไอ้กันย์อยู่ไหนวะ?" พี่ทีถามขึ้นในขณะที่ให้พวกพี่กัมป์แบกคนป่วยขึ้นรถกระบะไปก่อนจะเดินมารับของในมือของผมที่เตรียมไว้ให้
"อยู่นี่ครับพี่ บัตรประชาชนอยู่ในช่องแรกนะครับ มีบัตรประกันสุขภาพกับประกันชีวิตอย่างละใบ" ผมถือวิสาสะเปิดกระเป๋าตังค์ของพี่กันย์ออกดูแล้วชี้ไปตรงช่องบัตรแถวแรก
"ผมใส่เงินสดไว้ให้สองพัน ถ้าไม่พอนี่บัตรผมครับ รหัส xxxx พี่ใช้ได้เลย" ผมบอกอีกครั้งก่อนจะดึงบัตร ATM ของผมออกมาแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าพี่กันย์เพิ่มอีกใบ
"นี่เสื้อหนาวกับผ้าพันคอครับ แล้วก็…"
"ไอ้ปืน" เสียงเรียกชื่อจากคนตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ทีอย่างงงๆ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่ถูกส่งมา
"ครับพี่?"
"ขี้หวงขนาดนี้ ไปกับกูเลยมั้ยล่ะ?" พี่ทีถามขึ้นมาก่อนจะส่ายหัวอย่างขำๆ แล้วเตรียมจะหมุนตัวกลับไปยังรถกระบะปล่อยให้ผมยืนมองอย่างงงๆ ก่อนจะคิดได้แล้วกลับไปหยิบกระเป๋าสะพายก่อนจะวิ่งตามไป
"พี่ทีผมไปด้วย"
[Gun's]
“สงสัยคราวหน้าผมคงต้องขอดูเสื้อผ้าพี่กันย์ก่อนจะไปไหนแล้วมั้งครับเนี่ย" เสียงของคนข้างๆ ที่ยังบ่นไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถมาทำให้ผมต้องพยายามฝืนหนังตาที่กำลังจะปิดให้หันไปมองในขณะที่มันก็พยายามกระชับเสื้อหนาวบนตัวผมก่อนจะเอาผ้าพันคอมาพันให้อีกชั้น
"ถุงนอนก็ด้วย ทำไมไม่ซื้อแบบดีๆ มาเลยครับ ก็รู้อยู่ว่าต้องใช้" ผมยังคงนั่งมองใบหน้าด้านข้างของมันอย่างขำๆ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยที่มันยังไม่รู้ตัว ...ก็รู้อยู่หรอกครับว่าห่วง แต่จำเป็นต้องบ่นผมขนาดนี้มั้ย?
"แล้วก็ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ปลอ่ยให้..."
"ไอ้เชี่ยปืน! กูจะไข้แดกตามไปด้วยอีกคนเพราะมึงบ่นนี่แหละ" คำพูดของไอ้ทีทำเอาผมที่แทบจะไม่มีแรงอยู่แล้วถึงกับกลั้นไม่อยู่จนต้องหัวเราะออกมา
"แค่กๆๆ"
"รู้สึกยังไงบ้างครับ?" ไอ้ปืนหยุดบ่นแล้วหันกลับมาสนใจผมทันทีที่เสียงไอดังขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากแล้วดึงตัวผมให้ล้มลงไปนอนบนตักมัน
"ไม่เป็นไร" ทันทีที่ผมตอบออกไปผมก็รู้สึกถึงแรงดีดที่หน้าผากจนต้องลืมตาขึ้นมาดูผู้ก่อการร้ายอย่างฉุนๆ
"กูเจ็บ ไอ้สัด!"
"คนไม่เป็นไรที่ไหนเขาต้องหอบสังขารมาโรงพยาบาลกันบ้างครับ" ไอ้ปืนส่ายหน้าอย่างระอาแล้วจับผมข้างหน้าของผมรวบๆ ขึ้นไปก่อนจะใช้ยางรัดผมที่เอามาจากไหนไม่รู้มามัดให้จนเป็นจุกแล้วหยิบแผ่นลดไข้มาแปะให้บนหน้าผาก
"ชักอยากไม่สบายบ้างแล้วเนี่ย" เสียงไอ้ปูนที่นั่งอยู่ข้างคนขับพูดขึ้นก่อนจะส่งยิ้มล้อๆ มาให้
"ถึงมึงจะป่วยตาย แค่กๆ ก็ไม่ได้แบบนี้หรอกว่ะ"
"รู้ได้ไง น้องปืนเขาอาจะอยากดูแลกูบางก็ได้นะ"
"ขอโทษครับ แค่กๆ นี่น้องกูไง มึงก็ไม่ แค่กๆๆ มีสิทธิ์เนอะ" ผมบอกมันอย่างขำๆ โดยลืมนึกไปว่าผมกำลังนอนอยู่บนตักของคนที่กำลังถูกพาดพิงกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนเงยขึ้นไปเจอมันที่เอาแต่นั่งมองหน้าผมอยู่แล้ว
"แล้วถ้าอยากเป็นมากกว่าน้อง ผมต้องทำยังไงเหรอครับ?"
"อาการเป็นยังไงบ้างครับ?"
"มีไข้ครับ ไอมีเสมหะเล็กน้อย บางทีก็มีน้ำมูกใสๆ ด้วย"
"มีอาการเวียนศีรษะหรือคลื่นไส้อาเจียนมั้ยครับ?"
"มีปวดหัวเป็นบางครั้งครับ แต่ไม่อาเจียน"
"อ้าปากหน่อยครับ"
"อ่ะ คนนี้ครับ"
"ไม่อ้าปากให้หมอดูด้วยล่ะ" ผมพูดขึ้นมาอย่างอดที่จะประชดไม่ได้ ก็ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลไอ้คนที่มาทำหน้าที่เป็นญาติผู้ป่วยเฉพาะกิจก็เล่นตอบคำถามตั้งแต่กรอกประวัติ บอกอาการกับพยาบาลจนเข้ามาพบหมอ ...ขนาดหมอยังเข้าใจผิดว่าคนที่ป่วยคือมันเลยครับคิดดู มันเลยหันมายิ้มแห้งๆ ให้ก่อนจะขยับหลบไปทางด้านหลังเพื่อให้หมอเข้ามาตรวจคนไข้จริงๆ สักที
"เป็นไข้หวัดธรรมดาน่ะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" คุณหมอหันไปบอกไอ้คนข้างๆ แทนที่จะเป็นผมเพราะมันดันทำหน้าลุ้นซะยิ่งกว่าคนป่วยเสียอีก คุณหมอได้แต่หัวเราะอย่างขำๆ ก่อนจะเขียนรายงานผลการตรวจแล้วส่งให้พยาบาลที่มานำทางพวกผมไปที่ช่องรอรับยา
"ดีขึ้นหรือแย่ลงครับ" ไอ้ปืนหันมาถามผมก่อนจะแปะแผ่นลดไข้ที่ก่อนหน้านี้ต้องเอาออกเพราะเข้าห้องตรวจมาแปะให้ใหม่
"กำลังจะแย่ลงเพราะมึงนี่แหละ แค่กๆ" ผมนั่งมองคนที่วันนี้เอาแต่ทำตัววุ่นวายเป็นหนูติดจั่นอย่างขำๆ ก่อนจะแกล้งดุมันไปทำเอาคนฟังที่กำลังพยายามจะทำอะไรสักอย่างอีกครั้งถึงกับหันกลับมานั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนผมเริ่มรู้สึกผิด
"ขอโทษครับ"
"อย่ามาเฉาน่า กูล้อเล่น แค่กๆๆ" ไอ้ปืนหันมายิ้มทันทีก่อนจะเริ่มล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายอีกครั้งแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาพร้อมกับสายหูฟังจากนั้นจัดการเสียบเข้าที่หูผมสรรพเสร็จโดยไม่ขอผมสักคำ
"เพื่อความผ่อนคลายนะครับ" มันส่งยิ้มมาให้พลางเลื่อนดูเพลย์ลิสต์บนหน้าจอก่อนจะกดเล่นเพลง จากนั้นมันก็ถือวิสาสะเอาโทรศัพท์มาใส่ในกระเป๋าเสื้อหนาวของผมแล้วจึงล้วงเอาหน้ากากอนามัยที่ขอพยาบาลมาเมื่อครู่มาสวมให้แล้วก็เดินหายไป ผมมองตามหลังมันไปโดยไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะไปไหนเลยเลิกสนใจแล้วกับมาใจจดใจจ่ออยู่กับเพลงที่มันเปิดให้ฟังก่อนจะหลับตาลงเพราะรู้สึกเหมือนไข้จะกลับมาอีกครั้ง
'อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี'"เพลงเชี่ยอะไรของมันวะเนี่ย" ผมเผลอสบถก่อนจะลืมตาขึ้นมาอย่างขำๆ ทันทีที่เพลงเข้าสู่ท่อนฮุคก่อนจะตัดสินใจล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วเลื่อนไปยังเพลงต่อไป
'เธอคือหวานเย็นดับร้อนข้างในหัวใจที่ฉันมี และรักซะจนตัวฉันเก็บไปคิด เอาเธอมานอนคิดเท่านี้ฉันก็สุขใจ
เธอคือหวานเย็น แค่เห็นหน้าเธอแล้วฉันก็ชื่นใจ ชีวิตที่มีเธอคงสดใส แค่มีเธอมาใกล้ชิดกัน’"อื้อหือ แต่ละเพลง" ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ให้กับความอ่อยของมันที่ยังมีมาให้ได้แม้เจ้าตัวจะไม่อยู่ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจ้าของเพลย์ลิสต์ที่เดินเดินกลับมาพร้อมแซนวิสในมือกับนมสองขวด
"พวกพี่ทีกว่าจะมาน่าจะอีกสักพัก กินอันนี้รองท้องไปก่อนนะครับ" ไอ้ปืนยื่นแซนวิสที่แกะแล้วมาให้ผมก่อนจะหันไปเปิดนมโอวันตินมาเตรียมไว้ให้
"ขอบใจ" ผมยิ้มให้มันก่อนจะรับแซนวิสมาแล้วเริ่มลงมือกินก่อนเพลงในหูผมจะเข้าฮุคของเพลงถัดไปพอดีจนผมเผลอหันไปมองหน้ามัน
‘เพราะเธอเป็นดั่งดาว เกินใจจะไขว่คว้า เอาเธอเข้ามากอด ดึงเธอมาซบตรงไหล่ จริง ๆ ก็รู้ว่าเธอก็คงไม่สนใจ’"ฟังเพลงอะไรอยู่เหรอครับ" มันหันมามองผมอย่างงๆ ที่ผมดันไปจ้องหน้ามันก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อเหลือบมาเห็นหูฟังที่ขาวยังไม่ถูกถอดออกก่อนจะดึงหูฟังข้างหนึ่งไปเสียบเข้ากับหูตัวเอง
‘เพราะเธอเป็นดั่งดาว เลิศเลออย่างใครเขา ฉันทำไม่ไหว มองเธอเพียงแค่ห่าง ๆ ฝันว่าเธอนั้นเคียงข้าง’ ก่อนจะขยับปากออกมาแบบไม่มีเสียงแต่ผมก็พออ่านได้ ...ว่ามันตรงกับเนื้อเพลงท่อนสุดท้าย
‘และต่อให้ฉันจะทำได้เพียงแค่เท่านั้น ฉันก็พอใจ'[Bpuen's]
“พี่กันย์อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ” ผมถามคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วมุดเข้าถุงนอนของผมไป
“กูไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย เพื่อนกูก็มี โว๊ะ!” พี่กันย์บอกด้วยสีหน้ารำคาญเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวหนีไปแล้วหลับตาลง ผมมองคนตรงหน้าที่ไข้ยังขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างอดห่วงไม่ได้ ถึงจะบังคับให้นอนพักตอนกลางวัน แต่เดี๋ยวพอตกดึกอากาศก็เย็นขึ้นอีก ไม่รู้จะไข้จะกลับมาสูงรึเปล่า
“ผมรู้ครับ แต่ผมห่วงนี่นา” คำพูดของผมทำให้คนที่พลิกตัวหนีไปก่อนหน้านี้หันกลับมาก่อนจะสัมผัสได้ถึงแรงสะกิดเบาๆ ที่มือของผมที่กำลังหยิบถุงยาออกมาวางไว้ให้ข้างๆ ถุงนอน
“กูอยู่ได้จริงๆ” พี่กันย์ย้ำก่อนจะส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเอื้อมมาหยิบแผ่นลดไข้ไปแกะเองแล้วแปะลงไปบนหน้าผาก
“แน่นะครับ” ผมถามก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อคนตรงหน้าเริ่มหรี่ตามองก่อนะจะพยายามลุกมาทำหน้าหาเรื่องผม
“ไอ้สัด! เชื่อกูเถ๊อะ จะไปไหนก็รีบไปเลยมึง” พี่กันย์บอกก่อนจะใช้มือดันๆ ผมอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวกลับไปแล้วปิดตาลง
“เดี๋ยวผมกลับมานะครับ ต้องนอนพักนะ อย่าเพิ่งไปวิ่งเล่นที่ไหนนะครับพี่”
“เออ” เสียงที่รับคำออกมาอย่างเริ่มรำคาญทำเอาผมได้แต่ส่ายหน้ากับความกวนของคนตรงหน้าก่อนจะเช็คความเรียบร้อยของของตรงหน้าอีกครั้ง
“ไอ้ปืนพร้อมยัง?” พี่เจเดินมาตามก่อนจะถามอาการพี่รหัสตัวเองสองสามคำ เมื่อเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจึงปล่อยให้คนป่วยนอนต่อแล้วจึงเดินนำออกไป
“หายไวไวนะครับพี่กันย์”
"หินแน่งานนี้" พี่เจที่วันนี้จับได้ฝ่ายจิปาถะเหมือนกันพูดขึ้นในระหว่างที่คนในฝ่ายเกือบสิบคนทยอยลงจากท้ายรถกระบะแล้วมองลงไปยังเนินที่ลาดลงไปข้างล่างด้วยความสูงที่ค่อนข้างชันก่อนจะเห็นกอไผ่กระจายตัวอยู่เป็นหย่อมๆ โดยรอบ
งานวันนี้ของฝ่ายจิปาถะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกอยู่ที่โรงเรียนเพื่อทำหน้าที่คัดแยกหนังสือและอุปกรณ์ที่ยังใช้ได้มาจัดเรียงและทำความสะอาด ส่วนกลุ่มที่สองซึ่งก็คือพวกผมต้องออกมาตัดต้นไผ่เพื่อเอาไปเป็นวัสดุในการทำอุปกรณ์และตกแต่งห้องสมุดตามคำเรียกร้องของพวกฝ่ายก่อและฝ่ายสวน
"ไหวกันเปล่าวะ?" พี่เอ็มซึ่งเป็นพี่ปีสี่หัวหน้าฝ่ายมองไปยังพื้นที่ตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจก่อนจะหันมาถามความเห็นพวกผมที่ยืนอยู่ริมขอบทาง
"มากันขนาดนี้แล้วพี่" พี่เจตะโกนกลับไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน พี่เอ็มทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาบอกคนในฝ่ายทุกคน
"งั้นทำเท่าที่ทำได้ละกัน ไม่ไหวก็แค่กลับโรงเรียน" พอได้สัญญาณพวกผมเลยกระจายตัวกันตามหน้าที่ที่ได้วางแผนกันไว้ คือต้องมีกลุ่มหนึ่งคอยสังเกตการณ์จากข้างบน อีกกลุ่มทำหน้าที่ลงไปตัดไผ่แล้วส่งให้อีกกลุ่มทยอยขนขึ้นมากองไว้ท้ายรถ
"ไอ้ปืนระวังนะเว้ย"
"ครับพี่" ผมบอกก่อนจะค่อยๆ ไถตัวลงไปตามเนินบริเวณที่ไม่ชันนักก่อนจะปีนข้ามไปยืนอยู่บนหินแง่งถัดไปซึ่งอยู่ใกล้กอไผ่ที่พอจะใช้ได้มากกว่าแล้วใช้มีดที่เตรียมมาฟันลงไฟตรงโคนมัน
ฉับ! ฉับ! ฉับ! ตอนนี้ทุกฝ่ายพยายามทำงานแข่งกับเวลาเมื่อบรรยากาศรอบๆ เริ่มมืดลงเพราะใกล้ค่ำเต็มที
"กูว่าตัดอีกสักกอสองกอก็พอแล้วว่ะ" พี่เอ็มตะโกนลงมาก่อนจะช่วยรับไม้ไผ่ที่ตัดแล้วไปวางกองรวมกันไว้บนรถอีกคัน
"เฮ้ยมึง ระวังผึ้ง" เสียงของพี่อีกคนที่อยู่ตรงกอไผ่ใกล้ๆ ตะโกนมาทำให้ผมหันไปมองผึ้งตัวเล็กๆ ที่มาบินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่น่าไว้ใจก่อนจะเหลือบไปเห็นรังของมันที่อยู่ปลายยอดไผ่กอที่ผมฟันอยู่พอดี
"เวรแล้วไง" พี่เอ็มอุทานขึ้นอย่างตกใจก่อนจะรีบบอกให้ทุกคนรีบปีนขึ้นมาอย่างเงียบๆ
"เฮ้ยพี่ อย่าเหยียบตรงนั้น" ผมบอกแทบไม่ทันเมื่อพี่อีกคนที่กำลังปีนขึ้นเผลอปีนไปทางต้นไม้ที่กิ่งดูอ่อนแอสุดๆ จนผมต้องรีบปีนตามไปดึงพี่เขาที่ทำท่าจะเสียหลักให้กลับมาทรงตัวได้แล้วดึงให้ปีนขึ้นมาด้วยกัน
"ขอบคุณมากเว้ย" พี่คนนั้นพูดขึ้นมาพลางหอบหายใจแรงๆ อย่างตื่นตระหนกแล้วรีบปีนขึ้นไป
"ไม่เป็นไรครับ"
"ค่ายปีนี้แมร่งโคตรน่าจดจำ แต่เหนือสิ่งอื่นใดไอ้พวกฝ่ายก่อกับฝ่ายสวนต้องเลี้ยงปลาดิบพวกกูแล้วว่ะงานนี้" พี่เอ็มที่กำลังยืนสังเกตการณ์ฝูงผึ้งเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาในระหว่างที่ผมซึ่งเป็นคนสุดท้ายกำลังปีนขึ้นไป
"อ้าวเชี่ยย พวกมึงระวัง" ผมหันไปมองตามเสียงตะโกนพอดีก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปปะทะกับท่อนไม้ไผ่ที่หลุดจากมือพี่ข้างบนก่อนจะหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงแล้วฟาดเข้าที่ซีกหน้าข้างขวาของผมพอดี
"ฉิบหายละ" พี่เจอุทานขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ ปีนลงมาคว้ามือผมที่เผลอปล่อยออกมาจับหน้าตัวเองอย่างมึนๆ ก่อนจะลากขึ้นไปด้วยกัน
"เฮ้ยกูขอโทษ เป็นไรมากเปล่าวะมึง" พี่ที่เผลอทำไม้หลุดมือพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหา ผมได้แต่ยกมือขึ้นโบกว่าไม่เป็นไรก่อนจะทรุดลงนั่งเพราะยังรู้สึกมึนไม่หาย
"ต้องไปโรง'บาลเปล่าวะ?" พี่เอ็มถามก่อนจะนั่ง ลงข้างๆ เพื่อเช็คอาการ
"ไม่เป็นไรพี่ ขอผมนั่งแป๊บหนึ่ง" ผมบอกก่อนจะพยายามรวบรวมสติให้กลับมาเพื่อที่จะลืมตาขึ้นมองพี่เจที่เข้ามาช่วยพยุงผมไปขึ้นรถ
"พี่กันย์เอากูตายแหงงานนี้"
"โอเคเปล่าวะ" พี่เจถามย้ำในตอนที่รถมาถึงโรงเรียนก่อนจะลากผมไปทางโรงอาหารที่ตอนนี้เหลือแค่พี่ปูนกับพี่เป้ที่รออยู่เพื่อเตรียมอาหารให้เพราะเลยเวลามือเย็นไปนานแล้ว
"ปืนไปโดนอะไรมาอ่ะ นั่งก่อนๆ" ผมได้ยินเสียงพี่ปูนพูดขึ้นอย่างตกใจก่อนจะสัมผัสได้ถึงมือเย็นๆ ที่ยื่นมาแตะหน้าผม
"โอ้ย!" ผมถอยตัวหนีจนพี่ปูนต้องเอามือออก ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่เพราะมันยังชาอยู่ แต่พอมีคนแตะผมถึงรู้สึกได้มากกว่าความชา ...หน้าผมแมร่งโคตรระบมเลยครับตอนนี้
"งั้นเดี๋ยวพี่เอาผ้าชุบนำน้ำอุ่นมาประคบให้นะ ไอ้เจไปเอามาดิ"
"ได้พี่ รอเดี๋ยวนะมึง" พี่เจรับคำก่อนจะรีบเดินไปหาของที่ต้องการจากในครัว
"เอ่อ พี่ปูนครับ" ผมตะโกนเรียกพี่ปูนที่กำลังเดินไปเสียบกาน้ำร้อนก่อนพี่เขาจะหันมามองหน้าผมอย่างงงๆ
"ผมขอน้ำอุ่นแก้วหนึ่งด้วยนะครับ เอ่อ ขอน้ำผึ้งกับมะนาวด้วยถ้ามี"
"เจ็บคอด้วยเหรอ?" พี่ปูนถามขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะเดินไปเปิดฝาตู้เก็บกับข้าวแล้วหยิบขวดน้ำผึ้งกับมะนาวติดมือออกมา
"เปล่าครับพี่ พอดีจะเอาไปให้พี่กันย์"
หลังจากที่พี่ปูนกับพี่เจช่วยปฐมพยาบาลผมมากกว่าครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกดีขึ้น พี่เขาเลยบอกให้กินข้าวเย็นก่อนที่ผมจะขอตัวออกมาโดยมีแก้วน้ำอุ่นที่ผสมน้ำผึ้งกับมะนาวไว้ในมือ
"อ้าว ไม่อยู่นี่หว่า" ผมเดินกลับมาที่เต็นท์ก่อนจะรูดซิปเข้าไปแต่ก็ไม่เห็นคนที่ตอนนี้น่าจะนอนพักอยู่เพราะไม่สบายอย่างที่ควรจะเป็น
'อยู่ต่อเลยได้ไหม อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจ ฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้...'เสียงเพลงที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองที่มาก่อนจะเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมค่ายที่ตอนนี้เริ่มตั้งวงรอบกองไฟกันอย่างอารมณ์ดี ผมวางแก้วน้ำอุ่นในมือลงก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำอุ่นที่พี่ปูนให้ติดมามาประคบหน้าอีกครั้งเพราะเริ่มปวดขึ้นมากกว่าเดิม
"ไปไหนของพี่เขาวะเนี่ย" ผมคิดอย่างกังวลเพราะตอนที่ผมลงไปตัดไผ่ถึงแม้พี่กันย์จะไม่ได้มีไข้สูงเหมือนตอนแรกแต่ก็ยังไม่หายดี ยิ่งตอนนี้ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่
"ไอ้ปืนเป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวโดนไผ่ฟาดหน้า" พี่โฟมที่เดินออกมาจากศูนย์ฯ พูดติดตลกก่อนจะเดินเข้ามาดูอาการ
"ไม่เป็นไรครับพี่"
"แต่กูว่ามึงเริ่มจะเป็นแล้วนะ ช้ำเป็นแถบไอ้ห่า" พี่โฟมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะดินเข้าไปเอายาแล้วส่งมาให้ผมอีกอันหนึ่งถึงแม้ผมจะชูยาในมือให้พี่โฟมดูว่าผมมีอยู่แล้วก็ตาม
"ขอบคุณครับพี่"
"ถ้าไม่ไหวก็บอกนะเว้ย ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวพวกกูพาไปหาหมอ"
"ครับพี่ เอ่อ..พี่โฟมครับ เห็นพี่กันย์มั้ยครับ" ผมถามคนที่กำลังจะเดินไป พี่โฟมหันมาแล้วทำหน้าคิดก่อนจะชี้ไปตรงวงรอบกองไฟ
"มึงไปหาแถวนั้นอ่ะ เดี๋ยวก็เจอ"
'อากาศร้อนๆ ตอนบ่ายๆ กับวันสุดท้ายที่เธอลาไป ภาพเธอเก่าๆ ยังหลอน ยิ่งทำให้ร้อนข้างในหัวใจ...'ผมเดินมาตรงที่ตั้งวงรอบกองไฟที่ตอนนี้ผมเพิ่งเห็นว่ามันไม่ใช่แค่วงดนตรีใสๆ อย่างที่ผมเคยไปออกค่ายตอนมัธยม แต่วงนี้มีทั้งกับแกล้มและเหล้าพร้อม แถมไม่ใช่เหล้าธรรมดาด้วยครับ ...แต่มันคือเหล้าต้ม! เหล้าต้มที่ชาวบ้านแถวนี้ทำเองและน่าจะเป็นคนเอามาให้ด้วยความขอบคุณเพราะผมเห็นคุณลุงท่าทางมีอายุคนหนึ่งกำลังสาธยายดีกรีที่โหดสุดของมันอยู่ข้างๆ พี่กัมป์ประธานค่าย
"พวกเอ็งต้องลองดูสักครั้งแล้วจะติดใจ" ลุงคนนั้นคะยั้นคะยอก่อนยื่นแก้วขนาดพอๆ กับแก้วน้ำธรรมดาที่ข้างในบรรจุน้ำใสๆ ที่ผมว่าฤทธิ์ข้างในมันคงไม่ใสอย่างที่เห็นแน่ๆ
"เอาเลยพี่กัมป์ หมดแก้ว! หมดแก้ว! หมดแก้ว!" เสียงเชียร์ดังขึ้นรอบวงก่อนจะตามด้วยเสียงเฮเมื่อประธานค่ายผู้ที่ดูเหมือนจะทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะกรอกน้ำใสๆ นั้นลงไปจนหมดแก้วตามคำเรียกร้อง
"สุดยอดเลยพี่"
"ให้ผมลองบ้างนะลุง"
"กูบอกแล้วว่าเด็ด ใช่มั้ยวะไอ้กันย์" ชื่อของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาตามเสียงเฮฮาทำให้ผมต้องหันไปมองก่อนจะเจอกับคนที่ผมกำลังตามหาอยู่พอดี
"อ้าวไอ้ปืน นั่งก่อนดิ" พี่ทีที่นั่งอยู่ข้างๆ ทักขึ้นก่อนพี่กันย์ที่มองผมอยู่ก่อนจะทำหน้าตกใจ
"หน้ามึง…" พี่กันย์ถามก่อนจะชี้มาที่หน้าผมในระหว่างที่ผมนั่งลงข้างๆ เพราะพี่ทีขยับที่ว่างให้
"พี่หายดีแล้วเหรอครับ" ผมไม่ตอบคำถามแต่กลับมองคนตรงหน้าอย่างเป็นห่วงก่อนจะยกมือขึ้นไปแตะใบหน้าที่ยังคงมีสีแดงระเรื่ออยู่ แต่สายตาดันจะเหลือบไปเห็นแก้วบรรจุน้ำใสๆ ที่อยู่ในมือของคนที่ได้ชื่อว่ากำลังป่วย
"เกือบๆ แล้วแหละ แค่กๆ แล้วมึงเป็น…"
"พี่กันย์ กินเหล้าเหรอครับ?" ผมได้ยินตัวเองถามออกไปเสียงเรียบอย่างไม่ได้ตั้งใจก่อนจะเสียมารยาทดึงแก้วของคนตรงหน้ามาถือไว้แล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากเอง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเชี่ยวเรื่องเหล้าเรื่องยาขนาดไหน แต่ไม่รู้ทำไม …ผมถึงรู้สึกชาๆ บนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
"คือว่า..."
"งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ" ผมบอกเบาๆ ก่อนจะยื่นแก้วคืนไปให้พี่กันย์แล้วตัดสินใจลุกเดินออกมา
ผมโดนไม้ไผ่ฟาดเข้ากลางหน้า ผมว่าผมก็ยังไม่เป็นไร
ถึงมันจะช้ำ จะบวม จะอักเสบจนผมเริ่มจะมีไข้ ผมก็คิดว่าผมยังทนไหว
แต่ทำไมกับแค่น้ำใสๆ ในมือของคนที่ผมโคตรห่วง ...ถึงทำเอาผมเจ็บไปจนถึงข้างในได้ขนาดนี้
ผมเดินกลับมาที่เต็นท์โดยไม่เห็นเงาของคนที่ผมดันเผลอคิดไปเองว่า …เขาคงจะสนใจผมบ้างสักนิด ผมคิดอย่างหมดแรงก่อนจะทรุดลงนั่งมองแก้วน้ำอุ่นตรงหน้าที่มันคงไม่อุ่นอีกต่อไป
กว่าจะรู้ตัวผมก็ตัดสินใจเทมันลงดินไปแล้ว
"ให้ผม-จีบ-พี่-นะครับ"
"กู-ไม่-ให้"
“เป็น-แฟน-กัน”
“ไม่ว่ะ” "หึ! ไม่น่าพยายาม"