Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน
-7-
“โอนิจางงง”
หญิงสาวร่างเล็กน่ารักในชุดเอี๊ยมกระโปรงยีนส์ยืนส่งยิ้มโบกมือให้ผมทันทีที่ประตูอัตโนมัติตรงช่องทางผู้โดยสารขาเข้าเปิดออก และความสดใสที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ผมระบายยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทุกครั้ง
อิเคดะ ไอ เธอเป็นลูกสาวของคุณอิเคดะ เจโกะ ผู้มีฐานะเป็นลูกสาวคนกลางและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณปู่ของผมซึ่งเป็นประมุขแห่งตระกูลอิเคดะในรุ่นปัจจุบัน ดังนั้นถ้านับกันตามสายเลือดคุณอิเคดะ เจโกะ ก็คือคุณอาของผม และอิเคดะ ไอ ลูกสาวของเธอก็คือน้องสาวของผม และเนื่องจากทายาทสายตรงของตระกูลอิเคดะทั้งหมดล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้นซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผม เพราะฉะนั้นไอจังจึงเป็นทายาทคนสุดท้องและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของตระกูล
คุณอาเจโกะได้แต่งงานกับผู้ชายไทยและได้อาศัยอยู่ในเมืองไทยเกือบสามสิบปี ดังนั้นไอจังจึงเป็นสาวน้อยลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เติบโตและดำเนินชีวิตในประเทศไทยมาโดยตลอด จนเมื่อ 7 ปีที่แล้วคุณปู่ได้รับคุณอาเจโกะกลับเข้าสู่ตระกูลอีกครั้ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้เจอกับน้องสาวคนนี้ แม้เราจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่สายเลือดของตระกูลก็เต็มเปี่ยมอยู่ในตัวเธอ และแม้ว่านานๆ ครั้งเธอและสามีจะเดินทางไปพักผ่อนที่ญี่ปุ่นแต่ผมก็ยังเอ็นดูน้องคนนี้มากหรืออาจจะพูดได้ว่าผมสนิทกับไอจังมากกว่าน้องชายบางคนที่เติบโตมาด้วยกันเสียอีก แน่นอนครับว่าเธอเป็นคนสอนภาษาไทยให้ผม ในวงการธุรกิจและคนในครอบครัวอิเคดะต่างรู้จักเธอในฐานะคุณหนูอิเคดะ ไอ ที่น่ารักและมากความสามารถภรรยาของนายแพทย์เปรมนทีป์ อัศววิรุณฉาย แต่ผมและคนในครอบครัวที่ไทยต่างรู้จักเธอในฐานะมัณฑนากรรุ่นใหม่ไฟแรง พบรัก รัชชารักษ์ แต่ไม่ว่าจะในฐานะไหนหรือเพศอะไร
‘ไอจัง’ ก็คือน้องของผมครับ
“น้องเปี๊ยก สวัสดีโอะจิซังสิครับ”
ขึ้นมานั่งในรถปุ๊ปก็เจอลูกชายสุดที่รักของไอจังเค้าเลยครับ
“บ๊อกๆ”
“น้องเปี๊ยก บอกว่า คนนิจิวะ โอะจิซัง, โดโซะ โยโระชิขุ”
แม่ไอกินวุ้นแปลภาษามาให้เรียบร้อยแล้วครับว่า
‘สวัสดีตอนกลางวันและขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ’ ผมในฐานะโอจิซังหรือคุณลุงของน้องเปี๊ยกก็ต้องตอบขอฝากเนื้อฝากตัวเช่นกันกลับไป
“โดโซะ โยโระชิขุ”
วันนี้ไอจังขับรถมินิคันโปรดมารับผมด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีรถบอดี้การ์ดขับตามหลังแบบประชิด ซึ่งบอดี้การ์ดคนสนิทของผมก็อยู่ในรถคันนั้นด้วย
“มารอบนี้พี่ชายจะอยู่กี่วัน?”
“หนึ่งเดือน”
คำตอบของผมทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูงพร้อมกับหันมามองหน้าผมแว่บนึง
“มานานแบบนี้ถ้าไอไม่ได้น้องจันทร์มาเป็นพี่สะใภ้มีเคืองนะเนี่ย”
โปรดทิ้งภาพลักษณ์สาวหวานน่ารักของคุณหนูไอทิ้งไปก่อนนะครับ ตอนนี้เราอยู่ในรถด้วยกันสองคนจึงมีแค่ตัวตนจริงๆ ของกันและกัน
“ไหนยิ้มสิ พี่ชายลองยิ้มให้ไอดูสิ”
“หืม?” เกี่ยวอะไรกับการยิ้ม?
ฉายาของผมในวงการธุรกิจคือ
‘ซามูไรหน้าเดียว’ หันปลายดาบไปทางเป้าหมายใดเป็นอันต้องสำเร็จแต่ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มของผมเลย ยกเว้นไอจังและใครบางคนที่ผมเพิ่งจะตามหาเค้าเจอ
“ไอตกหลุมรักพี่เปรมแบบหน้ามืดตามัวก็เพราะพี่เปรมยิ้มให้ไอบ่อยๆ นี่แหละ”
หรี่ตามองคนพูด แก้มใสแดงระเรื่อคงเพราะเขิน ไอจังจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อพูดถึงคนรัก คู่นี้เค้ารักกันมากครับ เป็นความรักที่เติมเต็มให้แก่กันอย่างลงตัว แต่มีใครเชื่อบ้างครับว่าไอจังอายุใกล้จะเข้าเลขสามแล้ว
“พี่ชายยิ้มแล้วโคตรหล่อเลยรู้ตัวบ้างปะ?”
เลิกคิ้วมองคนถามประมาณว่า
‘จริงเหรอ?’ หรือถ้าจะให้พูดกันตามตรง ผมเองยังลืมไปด้วยซ้ำว่าใบหน้าของตัวเองเวลายิ้มแล้วมันเป็นยังไง
“ก็ไอบอกอยู่นี่ไง”
อ่อ.. ผมพยักหน้าแล้วก็เผลออมยิ้ม
“แบบนี้แหละ แบบที่อยู่กับไอนี่แหละพี่ชายหล่อที่สุด”
“อาริกาโต”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ชายหล่อที่สุดก็จริงแต่พี่เปรมโคตรหล่อยิ่งกว่า”
คนพูดยืดอกและใบหน้าน่ารักก็เชิดขึ้นอย่างภูมิอกภูมิใจในความหล่อของสามี เห็นแบบนี้ก็หลุดหัวเราะในความน่าเอ็นดูไม่ได้จริงๆ ครับ
สี่ล้อเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมืองที่การจราจรติดขัด ช่วงที่รอสัญญาณไฟจราจรผมจึงเอ่ยถามถึงเรื่องที่เคยขอให้ไอจังช่วยเหลือเป็นภาษาญี่ปุ่น
“อะโนโกะ วะ โดอุเด็ทสึก๊ะ?”
ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าในความคิดเห็นของคนในครอบครัว
‘เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?’ “คาวาอิเด็ทสึเนะ ฮอนโตะอุนิอิกิโตะอุโกะอุชิทันเดะสุ”
สาวน้อยของผมยิ้มแป้นตอบกลับเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นเดียวกันว่า
‘น่ารักดีและรู้สึกถูกชะตา’ แต่หลังจากนั้นก็ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะถามกลับมาว่า
‘พี่ชายมั่นใจแล้วใช่มั๊ย?’“โอนิจัง ฮอนโตะอุเด็ทสึก๊ะ?”
ครางตอบในลำคอว่า
‘อืม’ ผมมั่นใจ คนถามก็พยักหน้ารับทราบทว่าคิ้วยังคงขมวด พอดีกับที่จำนวนตัวเลขสีแดงนับถอยหลังเหลือแค่หลักสิบ ไอจังจึงหันกลับไปสนใจถนนอีกครั้งแต่ก่อนที่สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวไอจังก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาคล้ายจะพึมพำกับตัวเองมากกว่าคุยกับผม
“ไดจิ นะ ฮิโตะ, วะสุเระตะคุไนฮิโตะ, วะสุเระชาอิเคไนฮิโตะ”
คนที่สำคัญ.. คนที่ไม่อยากลืม.. คนที่ลืมไม่ได้..
สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถด้านหน้าเริ่มเขยื้อน ไอจังหันมาส่งยิ้มให้น้องเปี๊ยกและผม
“คิเสะคิ”
หืม?? ผมทวนคำของไอจังอีกครั้ง
“คิเสะคิ?”
“ภาษาไทยเรียกว่า
‘ปาฏิหาริย์’ ครับ”
จบประโยคคนพูดก็ตั้งใจขับรถมองถนนต่อไป ทิ้งให้พี่ชายอย่างผมนั่งใช้ความคิดอยู่เงียบๆ คนเดียวจนถึงคอนโด
“พี่เปรมจะมารับพี่ชายตอนห้าโมงเย็นนะคะ”
ใบหน้าใสระบายรอยยิ้มในภาพลักษณ์สวยหวานตามแบบฉบับคุณหนูอิเคดะไอ
“เราจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิวต้อนรับพี่ชายกันครับ”
ปิดท้ายด้วยการขยิบตาข้างเดียวส่งวิ๊งตามสไตล์ตัวตนของพบรัก รัชชารักษ์
.
.
.
.
.
.
ห้าโมงเย็นน้องเขยเสร็จจากงานก็มารับผมที่คอนโดตรงเวลา แต่ถึงอย่างนั้นบอร์ดี้การ์ดก็ยังคอยติดตามผมอยู่อย่างไม่คลาดสายตาและยังได้รับคำเชิญจากคุณอาเจโกะให้ร่วมงานปาร์ตี้ได้อีกด้วย
แม้การจราจรจะทำให้เรามาถึงงานปาร์ตี้เกือบหนึ่งทุ่ม แต่ทุกคนก็ยังรอด้วยสีหน้าสดใส ปาร์ตี้เป็นไปอย่างเป็นกันเอง นอกจากครอบครัวของคุณอาเจโกะ ก็ยังมีปลื้มชลล์ และครอบครัวของเพื่อนบ้านที่คุณอาเจโกะและไอจังรักและนับถือเสมือนญาติ แต่สีสันของงานคงจะเป็นเด็กฝาแฝดลูกครึ่งวัยกำลังซนสองคนชื่อพี่ดาวและน้องเดือนเป็นลูกชายของคุณหมอดิน คนที่ไอจังนับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ปลื้มชลล์ตามจีบมานานถึงห้าปีและจนถึงตอนนี้ก็ยังจีบไม่ติด
ผมกับปลื้มชลล์เราจบไฮสคูลจากเมืองนอกที่เดียวกัน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นรูมเมทกัน แต่เมื่อเรียนจบปริญญาตรีปลื้มชลล์เลือกเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดิม ในขณะที่ผมกลับไปเรียนต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่นเพื่อจะได้ศึกษางานควบคู่ไปด้วย เราทั้งคู่ยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่ของตัวเองจนได้มาเจอกันอีกครั้งในงานแต่งงานของไอจัง เพราะน้องเขยของผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของปลื้มชลล์ ในเมื่อโลกมันกลมทำให้ผมได้มาเจอเพื่อนเก่าและด้วยการทำงานในสายวงการธุรกิจเหมือนกันเราจึงติดต่อกันมากขึ้น ซึ่งนี่คือจุดที่ทำให้ผมได้เจอกับนักธุรกิจไทยสาวคนเก่งอย่างคุณศศิ จินตเลิศวิวัฒน์ คนที่เพียงแค่ได้เห็นหน้าก็รู้ว่าเราต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอที่จะมาเจอกันนานแค่ไหน..
“พี่ชายเอาเบียร์อีกสักกระป๋องมั๊ย?”
เสียงของไอจังทำให้ผมหลุดออกจากความคิด แล้วหันไปส่ายหน้าปฏิเสธน้องชาย ถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้ไอจังอยู่ในตัวตนที่แท้จริงนั่นคือพบรัก และผมก็คิดว่าถ้าไม่ติดเงื่อนไขและข้อตกลงของคุณปู่และคุณย่าผมเองก็ชอบให้น้องชายเป็นแบบนี้มากกว่า
พวกผู้ใหญ่เข้าไปดูโทรทัศน์ด้านในกันหมดแล้ว ครอบครัวของน้องชายของคุณหมอดินก็กลับไปสักพักแล้ว ส่วนคุณหมอดินก็พาเด็กๆ ไปนอนโดยมีปลื้มตามไปช่วยแต่ผมคิดว่าตามไปจีบคุณหมอดินมากกว่า ลานสนามหน้าบ้านในตอนนี้จึงมีแค่ผม ไอจัง น้องเขยและน้องเปี๊ยก ห่างออกไปก็มีแม่บ้านสองคน เขื่อน โทชิโอะ และมาซารุ บอร์ดี้การ์ดของผม ซึ่งทั้งหมดกำลังช่วยกันเก็บข้าวของ
“พี่ชายเอาจริงใช่มั๊ย?”
พยักหน้ารับ
“ถ้าพี่ชายมั่นใจว่าเด็กคนนั้นคือคนที่คุณทวดรองเคยทำนายไว้แล้วพี่ชายจะทำยังไงกับคุณว่าที่คู่หมั้นครับ?”
“ทซึกิจะเป็นคนตัดสินใจ”
“แล้วระหว่างพี่สาวกับน้องชาย.. พี่ชายรักใคร?”
ดวงตาคู่ใสจับจ้องดวงตาของผมเพื่อรอฟังคำตอบ ไม่ต่างจากน้องเปี๊ยกที่นั่งอยู่บนตักของไอจังดวงตากลมโตนั่นก็มองมาที่ผมเหมือนแม่ของมันไม่มีผิด
“พบรัก”
คุณหมอเปรมคงจะเกรงใจผมจึงปรามคนรักเบาๆ คนถูกปรามก็ทำหน้ายู่เหมือนเด็กถูกขัดใจ
“ถ้าคุณทวดรองยังอยู่ไอจะถามเรื่องของพี่ชายให้หมดเลยจะได้ไม่ต้องสงสัยอยู่แบบนี้”
บ่นพึมพำแล้วก็พองแก้มงอน พอแม่งอนน้องเปี๊ยกก็ครางหงิงตามเลยครับ เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้จริงๆ และก่อนที่น้องชายจะโดนน้องเขยดุอีกรอบผมจึงต้องหาเรื่องคุยต่อ
“คนที่พี่รักคือคนที่พี่เคยร่วมพิธีด้วยกัน”
“พิธี?”
ตาลุกวาวทั้งแม่ไอและลูกเปี๊ยกเลยครับ คุณหมอเปรมยังส่ายหน้าให้เลย
“ทซึกิมีจิตวิญญาณของซามูไร”
“แล้วคุณมิกิล่ะครับ?”
“เธอคือพี่สาวของทซึกิ”
“อ๋า---- หรือว่ามิกิก็คือคุณเดือน?”
การคาดเดาของไอจังทำให้ผมเงียบ
“ในอดีตพี่ชายถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณมิกิ ทั้งๆ ที่รักกับทซึกิ”
ไอจังกับน้องเปี๊ยกยังคงจ้องหน้าผมและผมเองก็ไม่คิดจะหลบตา
“วันหนึ่งคุณมิกิจับได้ว่าพี่ชายไม่ได้รักเธอ เลยสั่งคนให้ไปทำร้ายทซึกิซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง”
นี่น้องชายของผมดูละครหลังข่าวมากไปรึเปล่าครับ?
“โซ่ ยู โคะโตะ ค่ะ!”
จู่ๆ ก็ร้องออกมาว่า
‘เรื่องมันเป็นแบบนั้นนี่เอง’ จนผมและคุณหมอเปรมต้องแอบหัวเราะเบาๆ พูดเองแล้วก็เออเอง สรุปความทุกอย่างเรียบร้อยเลยครับ เก่งจริงๆ
อ่อ ผมลืมเล่าเรื่องคุณทวดให้ทุกคนฟัง ความจริงแล้วคุณทวดสายตรงของผมเป็นนักธุรกิจครับ แต่ท่านมีน้องชายที่ดวงตามองไม่เห็นทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด น้องชายของท่านออกบวชตั้งแต่อายุได้แค่ 5 ขวบ ท่านรอให้ผมโตพอที่จะเข้าใจในสิ่งที่ท่านบอกเล่าแล้วจึงให้คุณปู่พาผมไปเจอ ท่านบอกผมว่าท่านรอผมมานานแสนนานเพื่อที่จะได้บอกเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ผมได้รู้ และหลังจากที่ท่านพูดเรื่องของผมจนหมดไม่นานท่านก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ราวกับว่าท่านได้ทำหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็เคยเล่าเรื่องราวบางส่วนให้กับไอจังฟัง ย้ำว่าแค่บางเรื่องครับ จะมีเพียงแค่เรื่องเกี่ยวกับอดีตที่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จะมีเพียงก็แค่ผมและคุณปู่เท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมด
“พี่ชาย”
“หืม?”
“โอนิจัง! ยารุ นาระ อิมะ ชิคะ ไน!”
น้องชายสุดน่ารักชูกำปั้นเพื่อให้กำลังใจพร้อมกับบอกว่า
‘ถ้าจะทำก็ทำเลยตอนนี้!’ ผมก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ไม่รู้สักนิดว่าน้องชายต้องการจะให้ผมทำอะไร ฝั่งทางด้านน้องเขยก็มีการถอนหายใจให้ภรรยาตัวเองเบาๆ
“ดึกมากแล้ว คุณยูคงอยากจะกลับไปพักผ่อน”
คุณหมอเปรมคงจะเกรงใจผมแบบสุดๆ จึงพูดตัดบทขึ้นมา ไอจังบุ้ยปากใส่คนรักไปหนึ่งทีแต่ก็ยอมอย่างว่าง่าย
“งั้นเดี๋ยวไอเข้าไปตามแม่ก่อน”
พูดจบก็ลุกขึ้นอุ้มน้องเปี๊ยกวิ่งหายเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับคุณอาเจโกะ ผมบอกลาญาติผู้ใหญ่และสัญญาว่าตลอดเวลาที่อยู่เมืองไทยผมจะมาทานอาหารที่บ้านนี้บ่อยๆ แค่นั้นคุณอาก็ยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วครับ
.
.
.
.
.
ขากลับผมกลับด้วยรถส่วนตัวโดยมี
‘มาซารุ’ บอร์ดี้การ์ดคนสนิททำหน้าที่เป็นคนขับ ถ้าถามว่าเมื่อถึงที่พักตอนนี้ผมต้องการจะพักผ่อนมั๊ย? ตอบตามตรงคือใช่ แต่ทว่ามีบางอย่างที่ผมอยากจะทำก่อนกลับเข้าห้องของตัวเอง ดังนั้นระหว่างทางก่อนจะถึงห้องพักผมจึงล้วงหยิบไอโฟนในกระเป๋าแล้วกดโทรออก ฟังสัญญาณรอสายประมาณ 30 วินาทีปลายสายจึงกดรับ
“นอนแล้ว?”
‘นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วล่ะครับคุณ?’ฟังจากน้ำเสียงงัวเงียก็รู้ว่านี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการประชดประชันแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมใจ
‘คุณควรจะโทรแฟนคุณ ไม่ใช่โทรหาน้องชายแฟน’“เมื่อคืนฝันดีมั๊ย?”
‘อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ’“เมื่อคืนก่อนวางสายฉันบอกให้เธอฝันดี”
‘คุณเป็นเทพเจ้าแห่งความฝันรึไง?’พูดไปกี่คำก็โดนสวนกลับทุกครั้ง และน่าแปลกตรงที่ผมรู้สึกชอบใจ
“ฉันเป็นคนที่เธอรออยู่ต่างหาก”
คำตอบของผมทำให้ปลายสายเงียบ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ความคิด ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เร่งเร้าและทำเพียงแค่มองตัวเลขไต่ลำดับชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงเลข 18 ประตูลิฟท์เปิดออก ผมเดินนำโดยมีมาซารุเว้นระยะห่างตามด้านหลัง
‘ผมไปรอคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?’“ตลอด.. จนกระทั่งตอนนี้”
เงียบอีกครั้ง..
คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองหลวง ผมรู้จักที่นี่เพราะปลื้มชลล์เป็นคนแนะนำ และด้วยความสะดวกสบายเหมาะแก่การติดต่อธุรกิจ มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ติดรถไฟฟ้า จึงนับว่าเป็นทำเลที่ดีผมจึงตัดสินใจซื้อห้อง Penthouse แบบ 2 ชั้น คือชั้น 18 และ 19 ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในห้อง หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้รู้ว่าห้องพักฝั่งตรงกันข้ามเป็นของน้องเขยของผมเอง ผมจึงขอซื้อต่อมาอีกที
เดินมาจนถึงหน้าประตู 1809 และประตูฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องกันแค่ 1 เมตร คือห้อง 1808 ปลายสายที่เงียบไปนานก็ยอมส่งเสียง
‘มั่ว’“เธอเป็นคนบอกให้ฉันตามหาเธอ”
‘เมื่อไหร่?’“เธอรู้ดี.. ทซึกิ”
‘ถ้าอย่างนั้นคุณบอกผมมาตามตรง คุณเป็นใครกันแน่?’“อิเคดะ ยู”
‘กวนตีนว่ะ!’ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละครับว่าคนหน้าเดียวแบบผมจะหลุดฟอร์มได้ง่ายขนาดนี้ แม้แต่มาซารุเองก็คงจะแปลกใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้เลยแม้แต่ภรรยาเก่า จนกระทั่งได้เจอไอจังคน น้องชายที่สอนให้ผมรู้จักรอยยิ้ม แต่คนที่ทำให้ผมเข้าใจคำว่า
‘ความสดใส’ อย่างแท้จริงคือเด็กหนุ่มที่ผมเฝ้าตามหามานาน
“ชั้นอยากเจอเธอ”
‘ทำไม?’“คิดถึง”
‘ไปบอกพี่สาวผมโน่น’“ฉันกำลังบอกเธอ”
‘จะจีบผมรึไง?’“ถ้าใช่?”
เจอคำตอบของผมไปอีกฝ่ายถึงกับเงียบไปอีกแล้วครับ ผมจึงหันไปมองมาซารุ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องได้ก่อน ส่วนผมขอยืนมองตัวเลขมงคล 1808 ต่ออีกสักครู่
‘ไอ้หัวงู!!’ผมพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ
“ฉันไม่เคยจีบมิกิ”
‘ไปหลอกเด็กเลยโน่น’“หลอกอยู่นี่ไง”
‘ชาติหน้าเถอะ!’“รอมานานแล้ว ขอชาตินี้แหละ”
‘นี่พูดไม่รู้เรื่อง?’“เธอต่างหากที่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
‘อย่ามาใส่ร้าย คอยดูนะผมจะฟ้องคุณเดือนให้หมด’“มิกิไม่มีวันเชื่อเธอ”
เสียงฟึดฟัดขัดใจดังขึ้นจากปลายสาย
‘จะนอนแล้วโว้ย!’“เธอควรจะตอบก่อน อย่าเสียมารยาทสิ”
‘ตอบอะไรอีกวะ?’“ก่อนหน้านี้เธอถามว่าอะไรล่ะ? ฉันตอบ
‘ใช่’ ไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอควรจะต่อให้จบ”
ความเงียบเข้ามาครอบครองพื้นที่เป็นรอบที่สี่ คงกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะผม จนใกล้จะครบนาที ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยคล้ายจะมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชนะดังขึ้น
‘เอางี้นะ ถ้าคุณมาหาผมได้ในตอนนี้ผมจะยอมให้คุณจีบผม’กระต่ายน้อยได้ตกหลุมนายพรานซะแล้ว ผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ
“เปิดประตูสิ”
‘คุณไปยืมประตูโดเรม่อนมารึไง?’“ขอซื้อเลยต่างหาก”
อีกฝ่ายกำลังลงจากเตียงและเดินออกจากห้องนอนมาที่ประตู และเพราะคงจะส่องดูตรงช่องตาแมวแล้วไม่เห็นใครจึงได้มั่นใจว่าตัวเองชนะแน่นอน
‘ถ้าเปิดแล้วไม่เจอผมจะเรียกคุณว่าไอ้ตุ๊ด!’“ถ้าเปิดเจอ?”
‘ผมจะยอมเป็นผัวคุณ!’สิ้นเสียงมั่นใจอันแกล้วกล้าบานประตูก็เปิดออก พร้อมกับโทรศัพท์ในมือเล็กร่วงหล่นบนพื้นด้วยความตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ริมฝีปากเล็กๆ ที่ช่างต่อปากต่อคำนั้นอ้าค้าง ร่างเล็กยืนนิ่งมองมาที่ผมราวกับถูกสต๊าฟ ผมจึงใช้จังหวะนี้เข้าประชิดตัว รวบเอวเล็กเข้ามาแนบชิดแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่ม ด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวผมจึงถือโอกาสสอดลิ้นทักทายในโพรงปาก และนั่นก็ทำให้คนในอ้อมกอดได้สติคืนมา
“อื้อๆๆ อ่อยยย อ๊อยยย”
ยิ่งดิ้นขลุกขลักผมก็ยิ่งรัดแน่น และบดขยี้พร้อมหยอกล้อลิ้นเล็กมากยิ่งขึ้น ถ้าหากจะถอดความรู้สึกของผมออกมาเป็นคำพูดคงมีแต่คำว่า
‘คิดถึง’ อยู่นับหมื่นล้านล้านคำ
ก่อนที่อีกฝ่ายจะขาดอากาศหายใจผมจึงยอมปล่อยริมฝีปากสีแดงก่ำช้ำให้เป็นอิสระ แล้วเปลี่ยนมาขบเน้นๆ ที่ซอกคอแทน
“อื้ออออ กัดทำพ่อง!”
กำปั้นหนักๆ ทุบลงบนแผ่นหลังของผม
“ฉันแค่ประทับตราคำพูดของเธอ”
แนบหน้าผากลง ดวงตาอยู่ห่างแค่ครึ่งคืบ ปลายจมูกชนกัน
“เป็นผัวพี่ต้องทำตัวดีๆ นะน้อง”
คำว่า
‘สัด!’ ถูกพ่นใส่หน้าผมเต็มๆ
“เป็นเกย์รึไงวะ?!”
ผมส่ายหน้า
“เป็นเพราะเธอต่างหากที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้”
“ผมไปทำอะไรให้คุณเนี่ย?!”
“คำตอบนี้อยู่ที่ตัวเธอเอง”
คิ้วบางขมวดแน่น พร้อมกัดฟันกรอด ดูก็รู้ว่าคงจะโกรธผมน่าดู ทำให้เสียหน้าและ(เกือบ)เสียตัวขนาดนี้ ผมจึงยอมปล่อยอ้อมแขนแล้วจับร่างเล็กหมุนกลับเข้าห้องของตัวเองไป
“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวแต่เช้าไม่ใช่รึไง?”
“ฝ.....”
โครม!!
ถูกปิดประตูใส่หน้าโครมใหญ่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้พูดคำว่าฝันดีเลยด้วยซ้ำ เด็กหนอเด็ก แต่ก็สนุกดีเหมือนกันครับ น่ากลัวว่าผมคงจะซาดิสนะเนี่ย
ผมเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง มาซารุยืนรอผมอยู่ตรงหน้าโซฟาพร้อมกับค้อมศีรษะให้ผมเล็กน้อย
“อ๊ทสุคาเระซามะ”
กล่าวขอบคุณมาซารุสำหรับการทำงานดูแลผมในวันนี้ มาซารุค้อมศีรษะรับและรอให้แน่ใจว่าผมเดินเข้าห้องนอนล็อคห้องเรียบร้อยแล้วตัวเองจึงค่อยพักผ่อน
คืนนี้ท้องฟ้าสีเข้มมองไม่เห็นแม้แต่ดวงดาว คำทำนายเกี่ยวกับชาติกำเนิด การสูญเสีย และเรื่องราวต่างๆ ในอดีตชาติของผมที่คุณทวดบอกไว้ตั้งแต่เด็กล้วนเป็นจริงทุกอย่าง เรื่องราวที่ผ่านมาไม่อาจจะกลับไปแก้ไขได้ แต่พลังศรัทธา ความมุ่งมั่นแห่งจิตใจที่ต่างฝ่ายได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้จะเป็นตัวแปรสำคัญที่เชื่อมโยงมาถึงชาติปัจจุบัน และผมมีเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้นที่จะจัดการหัวใจของตัวเอง..
พรุ่งนี้เจอกัน ทซึกิ..
.
.
.
.
TBC...
พระเอกเรื่องนี้เป็นนักธุรกิจที่ค่าตัวแพง ดังนั้นการออกสื่อทุกครั้งต้องได้กำไร(จากน้องจันทร์) ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา