พิมพ์หน้านี้ - (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: RIRIN ที่ 12-10-2016 08:25:59

หัวข้อ: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 12-10-2016 08:25:59
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ 

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า  หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


。◕‿◕。สารบัญ。◕‿◕。


นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งสิ้น


ミ●。.:-Intro- (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3490760#msg3490760) ミ●。.:
ミ●。.:- 1 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3500719#msg3500719) ミ●。.:
ミ●。.:- 2 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3507220#msg3507220) ミ●。.:
ミ●。.:- 3 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3516189#msg3516189) ミ●。.:
ミ●。.:- 4 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3529422#msg3529422) ミ●。.:
ミ●。.:- 5 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3543623#msg3543623) ミ●。.:
ミ●。.:- 6 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3548200#msg3548200) ミ●。.:
ミ●。.:- 7 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3556094#msg3556094) ミ●。.:
ミ●。.:- 8 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3560132#msg3560132) ミ●。.:
ミ●。.:- 9 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3564656#msg3564656) ミ●。.:
ミ●。.:- 10 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3568603#msg3568603) ミ●。.:
ミ●。.:- 11 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3571646#msg3571646) ミ●。.:
ミ●。.:- 12 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3576123#msg3576123) ミ●。.:
ミ●。.:- 13 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3579224#msg3579224) ミ●。.:
ミ●。.:- 14 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3584346#msg3584346) ミ●。.:
ミ●。.:- 15 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3587654#msg3587654) ミ●。.:
ミ●。.:- 16 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3590421#msg3590421) ミ●。.:
ミ●。.:- 17 - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3594091#msg3594091) ミ●。.:
ミ●。.:- THE END - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56054.msg3596022#msg3596022) ミ●。.:

(http://upic.me/i/8x/13062325_268707736799908_3506051958289774475_n.jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47247.0)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 12-10-2016 08:48:25
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-Intro-






   ท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาลที่มีเพียงแสงจันทร์คอยนำทาง สายลมหอบกลิ่นคาวเลือดลอยมาแตะจมูก และแว่วเสียงอื้ออึงกรีดร้อง รวมไปถึงเสียงโลหะกระทบกันที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้มาเรื่อยๆ แต่มันไม่ได้ทำให้ผมหวาดกลัวเลยสักนิด

   “บานาเระนาไซ”

เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นบ่งบอกได้ถึงอำนาจและทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ในทันทีว่านี่คือ ‘คำสั่งเด็ดขาด’ ที่บอกให้ผมหนีไป

การหนีเอาตัวรอดเมื่อเกิดปัญหาไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชายแบบผมเลยสักนิด และผมก็มั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่ได้พึงใจที่จะทำแบบนี้แม้แต่น้อย ถ้าหากไม่ใช่เพราะความจำเป็นบางอย่างที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ในเวลานี้ผมคงจะถือดาบอย่างสมเกียรติชายชาตินักรบอย่างแน่นอน

ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทที่ผมไม่เคยจะเข้าใจความหมายได้เลยสักครั้ง

“คิมิโวะ มิทซุเคะรุ”

ถ้าการที่คนตรงหน้าบอกให้ผมหนีไปคือคำสั่ง ผมก็จะสั่งให้คนตรงหน้า ‘ตามหาผมให้เจอ’ เช่นกัน แต่ก็มีแค่เพียงความว่างเปล่าและความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ

“อิทซุมาเดะโมะ อะนาตะฮะ วะตาชิ โวะ มิทซุเคะดะดะชิเตะกุดะไซ”
ไม่ว่านานแค่ไหน ท่านจะต้องหาข้าให้เจอ..

นี่ไม่ใช่คำขอร้อง และไม่ใช่คำสั่ง ทว่ามันเป็น ‘คำอธิษฐาน’ ของผม คำอธิษฐานที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ยินและรู้ดีว่าไม่มีวันที่มันจะเป็นจริง

สายลมในค่ำคืนที่แสงจันทร์ดั่งสีเลือดเย็นยะเยือกราวกับจะตัดขั้วหัวใจอันแข็งแกร่งของผมให้ขาดรอนได้ในฉับพลัน แต่เสี้ยววินาทีถัดมาผมก็หันหลังก้าวขาวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปอีกเลย

จวบจนนานแสนนาน...

“ซัดโตะ อะนาตะ โวะ มัตเตะรุ”
ข้าจะรอท่าน


   






เฮือกกก

เปลือกตาของผมเปิดโพลง หอบหายใจหนักหน่วง เหงื่อซึมไรผมตรงหน้าผากจนเปียกชื้นราวกับเพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ผมควานหาปุ่มสวิตซ์โคมไฟตรงหัวเตียงเพื่อให้แสงสว่างสีนวลช่วยให้ผมมองเพดานห้องนอนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมฝัน นับตั้งแต่จำความได้ผมฝันเรื่องเดิมแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉากเดิมๆ คำพูดเดิมๆ และมีเพียงแค่ผมกับความว่างเปล่าที่ก่อเกิดขึ้นเป็นหลุมกรวงโบ๋ภายในหัวใจเช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงผมไม่แม้แต่จะรู้จักอักษรคันจิสักตัว หรือแม้แต่ซีรีย์ญี่ปุ่นสักเรื่องก็ไม่เคยสนใจคิดจะดู แต่ในความฝันผมกลับเข้าใจและพูดมันออกมาได้อย่างชัดเจน ผมท่องทุกประโยคในความฝันได้อย่างขึ้นใจ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายก่อนที่ผมจะตื่น


ซัดโตะ อะนาตะ โวะ มัตเตะรุ...
ข้าจะรอท่าน


“รออยู่นานแระเนี่ย รีบๆ มาสักทีเหอะ”
บ่นออกมาด้วยความรำคาญและส่ายหน้าให้กับความฝันที่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเบื่อในชีวิตของผม ก่อนจะลุกขึ้นไปหานมอุ่นๆ ดื่มสักแก้วแล้วค่อยกลับมานอนต่อ

การฝันอยู่แต่เรื่องเดิมซ้ำวนแบบนี้ หากเป็นคนอื่นต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก ผมเองก็คิดว่ามันแปลกครับ แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะตามล่าหาวิธีการอยากรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะดูดวง ทำนายโชคชะตา ค้นหาตัวเลข หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คนส่วนใหญ่ชอบทำกันเมื่อเกิดความฝันแปลกๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อหรือลบหลู่อะไรหรอกนะครับ แต่ผมเป็นคนที่เชื่อในสันชาตญาณของตัวเองมากกว่า
   
“คิดว่าคงจะไม่นานแล้วมั้ง”
ขณะที่กำลังพึมพำกับตัวเองพร้อมๆ กับจิบนมอุ่นในแก้ว ผมก็สัมผัสได้ถึงไอลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเข้ามาในห้องครัว ไม่ต้องตกใจจนขนหัวลุกกันนะครับ ลมเย็นๆ พัดเข้ามาในบ้านแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะบ้านของผมเป็นบ้านสวนแถมเป็นบ้านเรือนไทยไม้สักทองทั้งหลัง ผมอยู่มาตั้งแต่แบเบาะมั่นใจได้ครับว่าไม่มีสิ่งลี้ลับใดๆ ทั้งนั้น

ก่อนกลับห้องนอนผมแวะเดินออกไปนอกชานเพื่อสูดอากาศเย็นฉ่ำชื่นใจเฮือกใหญ่ สบายใจและสมองโล่งแล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้นเข้านอนได้ แต่ยังไม่ทันจะล้มตัวลงนอน  ไอโฟนลูกรักก็ร้องทักว่ามีข้อความเข้ามา ผมจึงหยิบขึ้นมาเปิดหน้าจอดู

‘ชั้นกับคุณแม่จะกลับไทย’

ผมไม่ได้ยินดียินร้ายกับเนื้อหาในข้อความ เพราะรู้ว่าคนส่งเจตนาจะบอกให้ผมแค่ได้รู้ไว้ว่าควรจะทำตัวยังไงเมื่อถึงเวลานั้น
เจ้าของข้อความนี้คือ นางสาวศศิ จินตเลิศวิวัฒน์ หรือที่ใครต่อใครรวมตัวผมเองเรียกว่า ‘คุณเดือน’ เธอเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของผมและผมก็เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของเธอ ชื่อของเราแปลว่าดวงจันทร์เหมือนกัน อีกทั้งเรายังเกิดวันเดียวเดือนเดียวและปีนักษัตรเดียวกัน ใช่แล้วล่ะครับอายุเราห่างกัน 12 ปี แต่เรากลับเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่แทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มีบริษัทและทำธุรกิจอยู่ที่ฮ่องกงดังนั้นคุณเดือนจึงเติบโตมาเป็นนักธุรกิจโดยสายเลือด แตกต่างจากผมที่อยู่กับคุณตาคุณยายที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะหย่านมด้วยซ้ำ และไม่รู้ว่าด้วยเหตุนี้รึเปล่าเราทั้งคู่จึงไม่มีความสนิทเฉกเช่นพี่น้องให้แก่กันแม้แต่นิดเดียว

สงสัยกันใช่มั๊ยล่ะครับว่าทำไมผมถึงต้องแยกจากครอบครัวแบบนี้ เรื่องมันมีอยู่ว่า.. ช่วงที่คุณแม่ตั้งท้องผมเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ และวันที่ผมลืมตาขึ้นมาบนโลกนี้ บริษัทของครอบครัวเกิดภาวะวิกฤตอย่างหนัก พวกท่านจึงตัดสินใจฝากผมไว้กับคุณตาคุณยายและคุณลุงคุณป้าที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่ยังเป็นทารกตัวน้อยๆ และไม่น่าเชื่อครับเพียงแค่เดือนเดียวที่ผมห่างจากอกบุพการี ธุรกิจของครอบครัวก็ดีขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่าพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยทีเดียว

เมื่อผมอายุ 2 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ก็มารับผมกลับไปอยู่ด้วย ซึ่งวันที่ผมเหยียบเท้าเข้าสู่จินตเลิศวิวัฒน์  คุณปู่ก็เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตแบบกะทันหันจนทุกคนพากันมองว่าผมเป็นตัวกาลกินี หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือตัวซวย แต่นี่ยังไม่ใช่จุดพีคนะครับ พีคสุดๆ คือตอนผมอายุ 7 ขวบ คุณพ่อคุณแม่คงคิดว่าทุกคนคงจะลืมเรื่องของผมไปแล้ว พวกท่านจึงกลับมารับผมอีกครั้ง วันที่ไปถึงฮ่องกงคุณพ่อคุณแม่มีงานด่วนเข้ามาพอดี ท่านทั้งสองคนจึงแยกไปบริษัทและให้ผมกลับบ้านกับคุณอาและภรรยาที่มารอรับ ระหว่างทางฝนตกหนักมาก คุณอาก็เหมือนจะเมาแถมยังทะเลาะกับภรรยาตลอดทางจึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น รถไถลตกข้างทางซึ่งเป็นภูเขาค่อนข้างชัน รถพังยับเยิน คุณอาและภรรยาเสียชีวิตคาที่ทั้งคู่ มีแต่ผมคนเดียวที่รอดปลอดภัยได้แผลกลับมาแค่รอยถลอกตรงหน้าผากและหัวเข่าเท่านั้น ถ้าเป็นที่ไทยคงมีคนแห่มาติดทองและขอเลขเด็ดจากผมเต็มไปหมด แต่เหตุเกิดที่ฮ่องกงและเกิดกับครอบครัวจินตเลิศวิวัฒน์ ครั้งนี้นอกจากผมจะถูกตราประทับตรงหน้าผากว่าเป็นตัวซวยแบบจริงจังแล้วยังถูกสั่งห้ามเหยียบเข้าตระกูลจินตเลิศวิวัฒน์ ไปตลอดชีวิต

แน่ะ เรื่องแค่นี้อย่าคิดว่าจะทำให้ผมกลายเป็นเด็กมีปัญหานะครับ เอาตามความจริงจากใจเลยก็คือผมมีความสุขและโคตรจะสุขสบายมากกว่าครับ เพราะนอกจากจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับงานธุรกิจแล้ว ผมยังเป็นหลานชายสุดสวาทขาดใจของคุณตาคุณยาย และเป็นลูกรักหัวแก้วหัวแหวนของพ่อต้อมและแม่มลซึ่งเป็นพ่อแม่บุญธรรมของผม พ่อต้อมคือพี่ชายของคุณแม่หรือก็คือคุณลุงแท้ๆ ของผมนั่นเองส่วนแม่มลก็เมียพ่อต้อมยังไงล่ะครับ ท่านทั้งคู่แต่งงานกันมาสามสิบกว่าปีแต่ไม่มีลูก ผมจึงได้เป็นลูกรักเพียงคนเดียวโดยไม่มีใครมาแบ่งปัน คุณตาของผมเป็นอดีตข้าราชการครู ชาวบ้านชาวช่องเกือบทั้งจังหวัดนับถือคุณตามากๆ ทุกคนจะเรียกว่าคุณตาว่าครูเอี่ยมครับ ส่วนพ่อต้อมเมื่อก่อนก็ทำธุรกิจแต่ไปๆ มาๆ ก็ทิ้งงานธุรกิจมาจับจอบจับเสียมทำสวนไร่นาแทน แถมทำเป็นแบบชีวภาพด้วยนะครับ รายได้ต่อปีเกินเจ็ดหลักเลยทีเดียว ยิ่งถ้าหากฤดูไหนผลผลิตเหลือเยอะ คุณยายกับคุณแม่มลก็จะเอามาทำขนมไปขายที่ตลาดหรือไม่ก็แปรรูปให้เก็บไว้ได้นานๆ ขายบ้างแจกบ้าง แต่ผมนี่กินกันพุงกางเลยล่ะครับ และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมีความฝันอยากจะเรียนด้านการเกษตรเพื่อจะได้มาช่วยพัฒนาสวนไร่นาและช่วยเบาแรงพ่อต้อมด้วยครับ

อ่อ ผมลืมแนะนำตัวใช่มั๊ยครับ ชื่อของผมคือ นายศศิน พินญุโธ นามสกุลของคุณตาน่ะครับ หรือจะเรียกผมง่ายๆ แบบกันเองว่า ‘จันทร์’ ก็ได้ แต่ถ้าให้ดีต้องมีคำสร้อยต่อท้ายว่า ‘สุดหล่อ’ ด้วยนะ ไม่เช่นนั้นอาจจะผิดจันทร์ได้ หุหุหุ

กระผม จันทร์สุดหล่อ ปีนี้อายุ 17  จบจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังอันดับของจังหวัด ซึ่งผมไม่ได้มีดีแค่หน้าตา นิสัยก็ดี ครอบครัวก็ดี๊ดี การศึกษายิ่งดีเข้าไปอีก คะแนนแอดมิดชั่นที่ดีทำให้ผมได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยตามที่ตั้งใจ ดังนั้นถ้าใครอยากจะจีบผมเชิญมากรอกใบสมัครทิ้งไว้ได้เลยนะครับ ^^



.
.
.
.
.


TBC  :oni1:





น้อมกายสวัสดีคนอ่านที่น่ารักทุกท่าน รินกลับมาแล้วค่ะ
ฝากนิยายเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจท่านผู้อ่านด้วยนะคะ  :hao5:


หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: Zyse ที่ 12-10-2016 09:10:55
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
มายินดีต้อนรับกับเรื่องใหม่ค่าา
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 12-10-2016 09:21:04
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 12-10-2016 10:18:48
เรื่องใหม่มาแล้ว ฮิ้ววว ~ 
กรอกใบสมัคร ไว้เลย
รออ่านตอนหน้ายาวๆ   
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-10-2016 10:46:40
มาลงชื่อรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-10-2016 11:11:12
พระเอกจะเป็นใครหนอ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 12-10-2016 12:43:58
มาลงชื่อรอด้วยคนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-10-2016 13:33:00
รออ่านเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 12-10-2016 14:06:36
มาขอรออ่านด้วยคนนะคะ น่าติดตามมากๆๆๆๆๆค่ะ อยากรู้แล้วค่ะว่าใครคืออีกคนในความฝันคนนั้น ขอบคุณมากๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-10-2016 14:29:39
เง้ออออ......กำลังอ่านเพลินๆ ค้างเลย
น่าสนใจ ตามติด    ชีวิตจันทร์สุดหล่อ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เกิดมาพร้อมกับความฝันซ้ำๆแปลกๆ
พาความซวยเข้าตระกูล ไม่ว่าธุรกิจครอบครัวตกต่ำ
ทั้งปู่ อาชาย อาสะใภ้ ด่าวดิ้น 
ต้องอยู่กับบ้านเรือนไทยกับตายาย
พ่อต้อมแม่มล แต่จันทร์กลับชอบ
แล้วนี่พี่ศศิ จะกลับไทย จะมีอะไรเกิดขึ้นนะ ? :katai1: :katai1: :katai1:
ชอบบบบ  รอออออ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 12-10-2016 14:48:03
น่าติดตามจ้า รอๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-10-2016 15:20:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 12-10-2016 18:35:14
รอมานาน
มาสักทีและน่าติดตามมากๆ ค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 12-10-2016 18:58:30
มาลงชื่อรออ่านด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-10-2016 20:01:23
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 12-10-2016 20:59:53
เห็นชื่อคุณรินแล้วกดเข้ามาทันทีเลยค่ะ มีความเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นอีกแล้ว
สารภาพว่าตอนแรกเห็นชื่อเรื่องผ่านๆแล้วนึกว่าเรื่องของน้องไอเด้ง แต่เปล่าาา เปิดเรื่องใหม่แล้ววววว จะติดตามนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 12-10-2016 21:46:06
ง่อววววว เรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-10-2016 00:51:14
จะไม่พลาดดดดด
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 14-10-2016 15:58:53
แวะมากรอกใบสมัครเป็นแฟนน้องจันทร์สุดหล่อค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥
เริ่มหัวข้อโดย: B.Lumi ที่ 20-10-2016 16:32:52
 :pig2: :กอด1: :mew1:
กลับมาพร้อมเรื่องใหม่ที่น่าติดตาม
อ่านกำลังเพลิน ๆ จันทร์สุดหล่อ ก็....ค้างไว้
รออ่าน ๆ ขอยาวๆ เลยนะคะ



 :impress2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿.。.:*ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน♥ [2559/10/28]
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 28-10-2016 11:31:36
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-1-






รุ่งอรุณที่แสนสดใส ผมตื่นเช้าด้วยจิตใจที่เบิกบานมาทำบุญตักบาตรกับคุณยายและแม่มลเหมือนทุกวัน แต่วันนี้พิเศษนิดนึงเพราะเมื่อวานผลสอบแอดมิดชั่นออกมาเป็นที่น่าพอใจครับ ผมจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้เรียนตามที่ตั้งใจไว้ทุกอย่าง นี่ล่ะครับน้องจันทร์สุดหล่อหลานครูเอี่ยมยายสร้อยและลูกพ่อต้อมแม่มล นอกจากหน้าตาจะดีมากแล้ว นิสัยผมก็ดี๊ดี แถมยังเรียนดีอีกต่างหาก อยากเป็นแฟนผมมั๊ยละครับ

“คุณจันทร์โว้ยยย!”

“สัส!” สะดุ้งกับเสียงตะโกนที่ความดังทำเอาแก้วหูของผมสะเทือน แต่พอสติกลับมาผมก็รีบเหวี่ยงสายตาใส่ตัวการครับ

“ใจลอยไปถึงไหนเนี่ยครับ”

ใครใจลอย? ผมหันซ้ายหันขวามองหาคนที่ไอ้โซ่บอกว่าใจลอยแต่ก็ไม่เห็นมีใครสักคน หรือมันจะพูดกับต้นมะม่วง?? ผมหันไปมองหน้าไอ้โซ่อีกครั้ง มันนั่งมองผมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นผสมการรู้ทัน ผมจึงจิ๊ปากใส่ไปหนึ่งที

“มีอะไร?”

ไอ้โซ่เป็นเพื่อนผมเองครับ เกิดปีเดียวกัน มันเกิดต้นปีเลยแก่เดือนกว่าผม เราโตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน (แต่ทำไมมันสูงกว่าผมล่ะ?) มันเป็นลูกชายคนเล็กของลุงฟ้อนกับป้าณีคนงานเก่าแก่หัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญของพ่อต้อม จะว่าไปไอ้โซ่เป็นมากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำครับ พูดง่ายๆ ว่าเป็นเหมือนญาติพี่น้องสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของผมเลยก็ว่าได้ครับ

“เมื่อกี้ผมถามคุณจันทร์ว่า.. คุณเดือนเธอจะหมั้นกับพ่อม่ายมหาเศรษฐีญี่ปุ่นจริงเหรอครับ?”

“เหรอ?” เลิกคิ้วแอ๊บแบ๊วถามกลับมันไป

“อ้าว”

เป็นไงล่ะ เผือกต่อไม่ได้ถึงกับทำหน้าเหวอเลย ฮ่าๆ เห็นแบบนี้ก็สงสารมันเหมือนกันนะครับ อุตส่าห์ตั้งใจมาเผือกเต็มที่แต่โดนผมตัดอารมณ์แบบนี้จ๋อยเลยล่ะสิ

“ไม่รู้” นี่ผมตอบตามความจริงครับ อย่าว่าแต่เรื่องคุณเดือนจะหมั้นกับใครเลย ขนาดจะหมั้นวันไหนผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

“ถ้าอยากรู้ทำไมโซ่ไม่ไปถามคุณตาคุณยาย หรือไม่ก็แม่มลล่ะ อ้อ.. ป้าณีต้องรู้แน่ๆ”

“ถามแล้ว”

“หืม??” ถามแล้ว?? แล้วคุณมึงมาถามผมอีกเพื่อ?? ก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบ้านโน้นหรอก ไอ้นี่กวนตีนนี่หว่า

“แน่ะ” มันทำยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วยื่นมือมาหยิกแก้มผม

“ชั้นไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” รีบเถียงมันกลับครับ เพราะผมไม่ใช่พวกชอบเผือก

ไอ้โซ่เงียบไปหลายวินาที ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ ว่า ‘อืมๆ ไม่อยากรู้ก็ไม่อยากรู้’ ผมจึงแอบเหลือบมองมันไปนิดนึง ก่อนจะรีบหันกลับแกล้งทำเป็นเงยมองหามดแดงแฝงพวงมะม่วง

“ว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนชื่อ อิเคดะ ยู ผมลองไปเสิร์ชหาในกูเกิ้ลดูโปรไฟล์แล้วก็พบว่านอกจากคำว่า ‘พ่อม่าย’ เพราะภรรยาเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุแล้วที่เหลือก็ ‘เพอร์เฟค’ ครับ”

“มดแดงเยอะจริงโว้ย” ยืนยันครับว่าผมไม่ได้ฟังที่ไอ้โซ่มันพูด ตอนนี้ผมกำลังสนใจมดแดงอยู่ต่างหาก

“ตระกูลอิเคดะนี่เป็นตระกูลเก่าแก่แถมยังเป็นตระกูลนักธุรกิจรายใหญ่ชนิดที่ว่ารวยอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเชียวนะครับ”

“รังมันอยู่ไหนวะเนี่ย?”

“เมื่อสองปีก่อนทายาทสาวสวยเพียงคนเดียวจากตระกูลนี้ก็แต่งงานกับคนไทยนะครับ ตามข่าวรู้สึกว่าลูกเขยคนเล็กของตระกูลนี้จะเป็นคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลที่ครูเอี่ยมแกไปตรวจสุขภาพอยู่ทุกปีนี่แหละครับ”

“โอ๊ยยย! ไอ้มดแดงบ้า แมร่มเอ้ย! กัดเจ็บฉิบหาย”

“ผมเห็นรูปคุณหนูอิเคดะในข่าวเมื่อตอนแต่งงานกับคุณหมอ ทั้งคู่โคตรน่ารักโคตรหล่อเหมาะสมกันทีเดียว ก็น้องสาวน่ารักขนาดนั้น ก็ไม่แปลกที่ว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนจะโคตรหล่อด้วย”

“อะแฮ่มๆ”

“แต่ถึงยังไงคุณจันทร์ของโซ่ก็หล่อที่สุดในปฐพีครับ”

“หึหึหึ”

“ว่าแต่มดแดงมันไม่กัดคุณจันทร์แล้วเหรอครับ?”

“มดแดงอะไร? ชั้นเห็นแค่สไปเดอร์แมนชักใยอยู่ตรงโน้น” ชี้มือมั่วๆ ไปแล้วรีบจ้ำเท้าหนีไอ้คุณโซ่ครับ เพราะตอนนี้ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ

ขึ้นบ้านมาผมก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอนทันที นั่งประจำที่หน้าคอมพ์เตรียมจิ้มชื่อๆ หนึ่งลงไปในหน้าเว็บเสิร์ชเอ็นจิ้นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นและกังวลแบบแปลกๆ ขนาดนี้

“จันทร์”

เหยดดดดดดดดดดดดดดดด สะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้เลยครับ

“ค ครับ”

“ยายเห็นหนูรีบร้อนขึ้นบ้านมา มีอะไรรึเปล่าลูก?”

รีบส่ายหน้าปฏิเสธสิครับ

“ผมสบายดีครับยาย”

“สบายดีแล้วทำไมหน้าซีด เหงื่อโซกขนาดนี้ล่ะลูก?”

“อ่อ ค คือ..”

“มลเอ้ยย มล! มาดูลูกจันทร์หน่อยเร็ว ไม่สบายแล้วเนี่ย”

เอาแล้วไง งานเข้าแล้วไงไอ้จันทร์เอ้ยยย

“ย ยายจ๋า หนูไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ”

ไม่ทันแล้วล่ะครับ เสียงแม่มลมามาพร้อมฝีเท้าอันรวดเร็ว

“จันทร์เป็นอะไรเหรอคะคุณแม่?”
และไม่เกินอึดใจก็แห่กันมาทั้งบ้าน เอิ่มมมมมมม....... แล้วแบบนี้ผมก็เลยยังไม่ได้เห็นหน้าคนที่ไอ้โซ่บังอาจชมว่า ‘เพอร์เฟค’ น่ะสิครับ T^T


.
.


 หลังจากสถานการณ์ความห่วงใยที่ทุกคนมีให้ผมเริ่มคลี่คลาย บ้านสวนก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ตกเย็นคุณตากับพ่อต้อมออกไปงานแต่งงานลูกสาวนายห้างใหญ่ในตัวเมือง ดังนั้นมื้อเย็นวันนี้เหลือแค่ผมกับคุณยายและแม่มล
 
“กินเยอะๆ นะลูก จะได้ตัวโตทันเพื่อนเค้า”

คุณยายตักกับข้าวของโปรดใส่ให้ผมจนแทบล้นจาน ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธหรอกครับ ฝีมือทำกับข้าวของคุณยายสุดยอดสำหรับผมอยู่แล้ว ผมเป็นประเภทที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนดื่มนมมากแค่ไหนความสูงก็ไม่ได้พัฒนาล้ำหน้าไปเท่าที่ควร บางทีผมก็กลุ้มใจนะครับ ก็ดูไอ้โซ่สิ กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆ แต่มันสูงกว่าผมตั้งเกือบยี่สิบเซนติเมตร ทั้งๆ ที่บุพการีผู้ให้กำเนิดผมก็สูงโปร่งเฉลี่ย 170 เซนติเมตร ด้วยกันทั้งคู่ หรือแม้กระทั่งคุณตาพ่อต้อมและแม่มลก็มีระดับความสูงในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด จะเหลือก็แค่คุณยายนี่แหละครับที่ตัวเล็กกะทัดรัดและผมก็คิดว่าผมได้กรรมพันธุ์จากท่านมาเต็มๆ เสียด้วย

“วันมะรืนคุณแม่กับคุณเดือนจะมาค้างที่บ้านสวนกับเรานะลูก”

แม่มลมองหน้าผมแล้วยิ้มบางๆ ด้วยความรักและเอ็นดู ผมก็พยักหน้ารับฟังพร้อมกับตักข้าวใส่ปากไปด้วย ผมได้รับข้อความเรื่องการมาเยือนของคุณแม่กับคุณเดือนตั้งแต่เมื่อวานแต่ก็ไม่ได้รู้รายละเอียดว่าจะมาเมื่อไหร่และมาทำอะไร รู้แค่ว่านี่เป็นการกลับมาบ้านสวนครั้งแรกในรอบ 5 ปีของพวกท่าน

“เห็นบอกว่าจะมาคุยเรื่องงานหมั้นของคุณเดือน และจะพาว่าที่คู่หมั้นมาไหว้ตายายตามธรรมเนียม”

“อ่อ”

“เค้าจะจัดงานหมั้นกันเดือนหน้าที่ฮ่องกง ตากับยายไม่ได้ไปร่วมงานกับเค้าหรอก”

“อ่อ ครับ”

“จันทร์เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เพราะฉะนั้นหนูต้องอยู่ต้อนรับคุณแม่กับคุณเดือนรู้มั๊ยลูก?”
ในความหมายของคุณยายก็คือให้ผมทำตัวปกติ ไม่ต้องคิดมาก แม่มลก็พยักหน้าเออออเห็นด้วยกับคุณยาย

“ครับยาย” ผมรับปากคุณยายด้วยรอยยิ้ม ผมเป็นลูกหลานบ้านนี้จะให้ผมหนีไปไหนจริงมั๊ยล่ะครับ

ถ้าถามว่าผมคิดถึงพวกท่านมั๊ย ไม่ได้เจอกันนานตั้งห้าหกปี ผมขอตอบตามตรงว่ามีบ้างครับ แต่มันก็ไม่ได้มากมายแบบที่เรียกว่าโหยหาอ้อมกอดของบุพการีหรือต้องการความใจดีจากพี่สาวอย่างที่ใครหลายคนต้องการ นั่นอาจเป็นเพราะผมได้รับความรักจากทุกคนที่บ้านสวนแห่งนี้มากจนเพียงพอแล้วต่างหาก



.
.




วันมะรืนมาไวกว่าที่คิด เสร็จจากมื้อเช้าผมก็เตรียมตัวเข้าสวนกับคุณตาและพ่อต้อมตามปกติ เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์ผมก็จะต้องไปอยู่หอพักในรั้วมหาวิทยาลัย แม้จะมีไอ้คุณโซ่ตามไปอยู่เป็นเพื่อนแต่ชีวิตก็คงจะไม่เหมือนอยู่ที่บ้านสวนหรอกครับ คิดทีไรก็รู้สึกใจหายทุกครั้ง

พักเรื่องเรียนไว้ก่อน ตอนนี้มาเรื่องงานไร่งานสวนกันดีกว่า ผมก็ไม่ได้อยากจะโม้อะไรมากมายแค่อยากจะบอกว่าคุณตากับพ่อต้อมเป็นเกษตรกรที่ทำการเกษตรทฤษฏีใหม่ตามแนวพระราชดำริของในหลวง ดังนั้นบ้านเราจึงไม่มีวันยากจนข้นแค้น มีกินมีใช้อย่างเพียงพอ เอาไว้วันหลังผมค่อยอธิบายเกี่ยวกับการเกษตรทฤษฏีใหม่นี้ให้ทุกคนฟังล่ะกันนะครับ

หลังจากไปดูคนงานตัดทุเรียนอยู่พักใหญ่ผมก็ชวนไอ้โซ่แยกกับคุณตาและพ่อต้อมมาที่โรงเพาะเห็ดที่ผมเป็นคนริเริ่มอยากจะทำด้วยตัวเอง โดยมีคุณตากับพ่อต้อมเป็นครูคอยแนะนำครับ หลังจากศึกษาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต ผมก็ตัดสินใจเพาะเลี้ยงเห็ดนางรมฮังการีและเห็ดนางฟ้าภูฐานดำ และวันนี้ผมก็จะลงมือทำฮอร์โมนเร่งดอกด้วยวิธีชีวภาพ เริ่มจากเอานมสดกับน้ำตาลทรายตามสัดส่วนผสมกวนให้เข้ากัน จากนั้นก็เทน้ำปริมาณครึ่งลิตรลงไปผสมแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ วิธีทำและใช้วัตถุดิบง่ายๆ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

“เดี๋ยวเอาใส่กระบอกน้ำแล้วฉีดที่ปากถุงเห็ดได้เลย”

“จัดไปครับลูกเพ่จันทร์”

“ถ้าถุงไหนเห็ดมันดูดอกเล็ก ดอกผอม ก็ให้ฉีดน้ำหมักชีวภาพคู่ไปด้วยเลยนะ”
น้ำหมักชีวภาพผมหมักเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน วันนี้ได้เอาออกมาใช้แล้วล่ะครับ

“รับทราบครับ!”
ไอ้โซ่ทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งเสร็จแล้วก็ลงมือปฏิบัติทันที

เมื่อไหร่ที่ผมลงมือทำการเกษตร ผมจะรู้สึกอิ่มเอมใจและจะจดจ่ออยู่เฉพาะเรื่องตรงหน้า อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมกำลังสนอกสนใจกับการบำรุงเห็ดลูกรักอย่างขะมักเขม้นจนลืมเรื่องอื่นไปเสียสนิท

“คุณจันทร์”

“หืม?”

“ใกล้เที่ยงแล้วนะครับ”

“ถ้าหิวก็กลับไปก่อน”

“ไม่ได้หิวครับ”

ในเมื่อยังไม่หิวก็จะรีบกลับทำไม ทำงานให้เสร็จแล้วค่อยกลับจะดีกว่า ผมจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ แต่เพราะเสียงฮึดฮัดจากคนข้างๆ ทำให้ผมต้องเหลือบมองนิดนึงครับ

“ผมว่าคุณจันทร์กลับขึ้นบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่านะครับ”

“ทำไม?”

“ก็คุณแม่ของคุณจันทร์กับคุณเดือนจะมาถึงบ้านสวนตอนเที่ยงยังไงล่ะครับ”

เออ.. ลืมสนิทเลย

“แน่ะ. อย่าบอกนะว่าลืม”

“อะไร? ใครลืม? แค่จะทำงานให้เสร็จก่อนไง”

ฝ่ายตรงข้ามหรี่ตามองผมอย่างจับผิด ผมเลยต้องแกล้งหันกลับมาเร่งมือทำงาน บางทีก็น่าเบื่อนะครับพวกชอบรู้ทันเนี่ย
จนแล้วจนรอดกว่าจะเสร็จก็เลยเที่ยงไปเกือบครึ่งชั่วโมง คุณยายให้เด็กวิ่งมาตามที่โรงเพาะเห็ดถึงสองรอบ ไอ้โซ่ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ไม่ใช่ว่าผมจะพิรี้พิไรอะไรหรอกนะครับ แต่ผมเป็นคนเริ่มที่จะเพาะเลี้ยงเห็ดผมก็ต้องลงมือทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเองจะมาทิ้งกลางคันแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หน้าเน่อมือไม้ไม่ทันจะได้ล้างให้สะอาดผมกับไอ้โซ่ก็รีบติดปีกเหาะขึ้นบ้านทันที

“จันทร์มาแล้วเหรอลูก”

แม่มลเห็นผมเดินขึ้นบ้านมาก็ร้องทักเสียงหวานเลยครับ ผมจึงรีบคลานเข่าไปนั่งฉีกยิ้มอยู่บนพื้นข้างๆ คุณยายกับคุณตา

“สวัสดีครับ คุณแม่ คุณเดือน” พนมมือไหว้หญิงสาวที่นั่งบนเก้าอี้รับแขกฝั่งตรงกันข้ามด้วยรอยยิ้มละมุน

ทั้งสองท่านรับไหว้ผมพร้อมระบายยิ้มน้อยๆ เอ่อ.. แบบฝืนเฝื่อน

“ขอโทษด้วยครับ พอดีหนูฉีดฮอร์โมนเร่งดอกเห็ดอยู่น่ะครับ”
บอกตามความจริงด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดครับ

“ไม่เป็นไร หนูไปล้างหน้าล้างตาเถอะ เดี๋ยวมากินข้าวกัน” คุณตาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน

ผมไหว้ขอโทษทุกคนอีกรอบก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องนอนตัวเอง จัดการทำความสะอาดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยแล้วกลับออกมาตรงโต๊ะอาหารอีกครั้ง ซึ่งทุกคนนั่งประจำที่กันแล้วล่ะครับ และแน่นอนว่าระหว่างกินไปพวกผู้ใหญ่ก็มีเรื่องพูดคุยกันไปด้วย

“เป็นไง คุณเดือนอาหารถูกปากมั๊ย?”

คุณตาชวนหลานสาวคนสวยคุย

“ค่ะ อร่อยทุกอย่างค่ะ”

“อยู่ที่โน่นแม่เค้าทำอาหารให้กินแบบนี้บ้างรึเปล่า?”

“โถ คุณพ่อคะ ยุ้ยจะเอาเวลาที่ไหนมาเข้าครัวล่ะคะ ลำพังแค่งานที่บริษัทก็เหนื่อยและไม่มีเวลามาทำอะไรแบบนี้หรอกค่ะ”
คุณแม่ของผมรีบแย่งตอบครับ ผมแอบเห็นคุณตาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

“ยุ้ยคงจะเหนื่อยน่าดูสินะลูก ผอมลงไปเยอะเลย” คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เหนื่อยสิคะ ยุ้ยกับคุณเดือนจึงกลับมาไทยได้แค่ไม่กี่วัน ไม่งั้นทางคุณโก้รับงานหนักอยู่คนเดียวจะไม่ไหวเอาค่ะ”

“ทางโน้นเค้ามีครอบครัวเค้าช่วยอยู่ไม่ใช่รึ?” นี่เป็นคำถามจากพ่อต้อมครับ

“มันก็ไม่เหมือนกันหรอกค่ะพี่ต้อม”

ทุกคนเงียบกันไปอึดใจ ผมได้ยินเสียงคุณแม่ถอนหายใจเบาๆ

“บริษัทนี้คุณโก้กับยุ้ยเป็นคนก่อตั้งลงแรงกันมา อีกอย่างบริษัทนี้คุณโก้กับยุ้ยก็ตั้งใจจะยกให้คุณเดือนอยู่แล้วจริงอยู่ว่าญาติๆ ฝั่งคุณโก้ช่วยดูแลแต่มันจะเหมือนดูแลเองได้ยังไงล่ะคะ”

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งจนผมรู้สึกอึดอัดแบบแปลกๆ จึงแอบเหลือบตาขึ้นมองคุณตากับพ่อต้อมที่กำลังก้มหน้ากินข้าวด้วยท่าทางเหมือนจะเหนื่อยหน่ายบางอย่าง ในขณะที่คุณยายและแม่มลมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

มื้อเย็นดำเนินไปอย่างเงียบๆ อีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งป้าณีเดินเข้ามาเติมกับข้าวบนโต๊ะ คุณแม่ก็เริ่มบทสนทนาอีกครั้ง เรียกความสนใจจากทุกคนให้เงยหน้าจากจานข้าวได้ดีทีเดียวครับ

“ที่ยุ้ยกับคุณเดือนมาครั้งนี้ ก็ว่าจะพาว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนมาไหว้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
คุณแม่ส่งยิ้มให้คุณเดือนนิดนึงก่อนจะอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

“คุณอิเคดะ ยู เป็นลูกชายคนรองของตระกูลอิเคดะ ซึ่งเป็นตระกูลที่เก่าแก่และร่ำรวยมากของญี่ปุ่นเลยนะคะ”

“เป็นพ่อม่ายด้วย?”

“ใช่ค่ะพี่ต้อม คุณอิเคดะเป็นพ่อม่าย ภรรยาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลังแต่งงานกันได้แค่สองเดือน”

“อืม พ่อม่ายเมียตาย ไม่มีลูกติด”

“หล่อ รวย และเก่งมากๆ ด้วยนะคะ”

“ตกลงนี่สเปคแม่หรือสเปคลูกสาวกันแน่”

“พี่ต้อมคะ!”

“พอแล้วต้อม แหย่น้องอยู่ได้”

แหม่ กำลังมันส์เลยทีเดียว คุณยายไม่น่าขัดพ่อต้อมเลยนะครับ

“แล้วรู้จักมักจี่เค้าดีแล้วใช่มั๊ย?”
รอบนี้คุณตาเป็นคนถามบ้างครับ

“ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันให้มากหรอกค่ะ แค่คุณเดือนมั่นใจว่าใช่ก็คือใช่ค่ะ”
หลานสาวคนเดียวของคุณตาตอบด้วยความมั่นใจ แต่ผมคิดว่ามันทะแม่งๆ อยู่นะครับ

“หมายความว่ายังไง?” นั่นไง คุณตาคงจะรู้สึกเหมือนผมแน่ๆ

“คุณตาไม่เข้าใจตรงไหนเหรอคะ?”

อ้าว เฮ้ย! ทำไมคุณเดือนพูดย้อนคุณตาแบบนี้เนี่ย

“เมื่อครู่คุณแม่ก็อธิบายเกี่ยวกับคุณอิเคดะไปแล้วว่าเป็นใครมาจากไหนซึ่งเพียงเท่านั้นคุณเดือนก็คิดว่ามันโอเคแล้วค่ะ”

“ดีจริงๆ” ช้อนส้อมในมือพ่อต้อมรวบวางลงบนจานทั้งๆ ที่เพิ่งทานไปได้ไม่ถึงครึ่งจานด้วยซ้ำ

“คุณลุงต้อมไม่พอใจอะไรรึเปล่าคะ?”

“คนแก่บ้านนอกแบบลุงก็เป็นแบบนี้แหละ”

“หมายความว่ายังไงคะ?”

“คุณเดือนไม่เข้าใจตรงไหนเหรอ?”

เหยดดดดดดดดด เป็นไงล่ะ โดนพ่อต้อมย้อนกลับบ้างหน้างี้หงิกเป็นตะขอเชียว หึๆๆ

“คุณแม่ดูพี่ต้อมสิคะ”

คุณแม่ก็แปลกนะครับ แทนที่จะห้ามปรามหรือตำหนิลูกสาวตัวเอง กลับมาว่าพี่ชายซะงั้น

“เอาล่ะๆ ต้อมก็พอเถอะ นานทีปีหนจะได้เจอกันสักที”

ผมรู้ครับว่าคุณยายแค่พูดเพื่อตัดความรำคาญ

“แล้วตกลงยังไงกันล่ะ คุณเดือนกับว่าที่คู่หมั้นแค่เจอหน้ากันแล้วถูกใจก็หมั้นกันเลยแบบนั้นใช่มั๊ย?”

ขอบคุณคุณยายที่ถามคำถามนี้ครับ คุณแม่หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ในขณะที่คุณเดือนมีใบหน้านิ่งเรียบซะจนผมอ่านความรู้สึกไม่ได้เลยครับ

“คุณเดือนก็ใช่ว่าจะอายุน้อยๆ ซะเมื่อไหร่ ทางคุณอิเคดะเองก็เป็นผู้ใหญ่กว่าตั้งสามปี”

คำตอบจากคุณแม่ทำเอาเงียบกริบกันทั้งโต๊ะเลยทีเดียวครับ คุณยายกับแม่มลเลิกคิ้วตาโตด้วยความตกใจ ทางด้านคุณตากับพ่อต้อมก็ทั้งถอนหายใจและส่ายหน้า ส่วนผมนะเหรอ? แค่ทำตาปริบๆ แล้วตักข้าวเข้าปากกินอย่างเงียบๆ ต่อไป

“พรุ่งนี้ช่วงสายคุณอิเคดะและญาติๆ เค้าจะมาที่นี่ ยังไงก็ช่วยต้อนรับให้อย่างดีด้วยนะคะ”

จบประโยคของคุณเดือน ผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมาทางผม

“คุณอิเคดะเค้าชอบเมืองไทยและสนใจวัฒนธรรมวิถีความเป็นอยู่แบบไทยมาก คุณแม่และคุณเดือนจึงต้องการจะให้คุณอิเคดะประทับใจบ้านสวน ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ที่บ้านสวนค่ะ”

พูดมาซะยาว แถมคุณเดือนยังเน้นย้ำประโยคสุดท้ายพร้อมกับปลายหางตามาทางผม

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก แม้ที่นี่จะบ้านนอก แต่ตามั่นใจว่าบ้านสวนมีแต่สิ่งที่ดีที่งาม”
ฝ่ามือหยาบกร้านแต่ทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่นของคุณตาลูบลงบนหัวของผม เล่นเอาคุณแม่กับคุณเดือนวางช้อนและยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทบจะพร้อมกัน

“ยุ้ยกับคุณเดือนอิ่มแล้วเหรอคะ?”
แม่มลที่นั่งเงียบมานานเอ่ยปากทักบ้าง

“อิ่มแล้วค่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวยุ้ยกับคุณเดือนกลับก่อนละกัน ไว้พรุ่งนี้จะมาใหม่ค่ะ”

“อ้าว ไม่ได้ค้างคืนที่นี่ด้วยกันหรอกเหรอคะ?”

“เห็นทีจะไม่ค่ะ กลับไปพักที่โรงแรมจะสะดวกเรื่องติดต่องานกับทางโน้นมากกว่าค่ะ”

คุณตาพยักหน้ารับโดยไม่มีการยื้อยุดฉุดกระชากให้พักด้วยกันก่อนและดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่มีความอยากในอาหารกันแล้วครับ แต่เดี๋ยวก่อน ทุกคนยังไม่ได้กินของหวานกันเลยนะ วันนี้คุณยายอุตส่าห์ลงไปเก็บข้าวโพดที่ท้ายสวนตั้งแต่เช้าเพื่อมาทำแกงบวดข้าวโพดให้กินกัน คุณยายบอกว่าเป็นของโปรดคุณแม่นี่นา

“มีแกงบวดข้าวโพดนะครับ คุณยายลงมือทำด้วยตัวเองเลยนะครับ”

ไม่รอช้า ผมลุกขึ้นวิ่งเข้าครัวไปยกหม้อแกงบวดกลิ่นหอมๆ ที่อุ่นกำลังดีออกมาโดยมีไอ้โซ่ช่วยถือถ้วยถือช้อนตามมาติดๆ แล้วก็ช่วยกันตักใส่ถ้วยเสิร์ฟให้ผู้ใหญ่ครับ วนตั้งแต่อาวุโสสูงสุดอย่างคุณตาและไล่มาจนถึงคุณแม่ ท่านก็รับไปแบบนิ่งๆ แต่เมื่อถึงคุณเดือนเท่านั้นแหละครับ


เคล้ง!!!


ถ้วยแกงบวดถูกปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย

“อย่าเข้ามาใกล้ชั้น!”
พี่สาวตวาดเสียงแหว ผมเองก็ได้แต่ยืนสตั๊นเหมือนถูกสต๊าฟ มันรวดเร็วมากจนผมตั้งสติไม่ทัน จนกระทั่งผมได้ยินเสียงพ่อต้อมที่ดังแข็งกร้าวขึ้นนั่นแหละครับ สติสัมปชัญญะของผมจึงกลับมา

“กลับไปได้แล้ว!”
นานมากแล้วที่ผมไม่เคยเห็นพ่อต้อมโกรธขนาดนี้ ทำเอาคุณแม่และพี่เดือนยังตกใจยกมือไหว้ลาคุณตาคุณยายอย่างรีบร้อน

ผมมองแผ่นหลังของผู้ให้กำเนิดผมและผู้หญิงอีกคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับผมเดินลงบันไดบ้านไปด้วยความหน่วงในหัวใจเล็กๆ ว่าทำไมทั้งสองท่านถึงไม่รู้จักถนอมน้ำใจคนแก่เลยสักนิด คอยดูเถอะ ผมจะกินแกงบวดข้าวโพดคนเดียวให้หมดหม้อเลย ชิส์---




.
.
.
.
.

TBC....  :oni1:



มาต่อแล้วนะคะ
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ ที่ยังจำรินได้ ขอบคุณมากจากใจนะคะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 28-10-2016 11:46:58
คนแรกเลย เย้ๆ :katai2-1:
เดี๋ยวมา edit นะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-10-2016 12:27:55
สงสารจันทร์อะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2016 14:12:39
 :z3: อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-10-2016 14:21:59
หนูจันทร์สู้ๆ :sad11:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-10-2016 14:24:08
ตบได้มั้ย อีชะนีสองตัวนั้นนะ ไม่น่าเลยจิงๆ ไม่น่าเกิดมาเป็นคน
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-10-2016 16:50:57
ทำไมอะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 28-10-2016 17:20:47
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 28-10-2016 20:19:17
สงสารน้องอะ ว่าแต่ยูนี่พระเอกใช่มั้ย
มาต่อบ่อยๆน้า :mew2:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: jinholmemin ที่ 28-10-2016 21:54:50
พระเอกคือใครน้ออออ จันทร์ก็อย่าได้แคร์นะมีทั้งตาทั้งยายพ่อต้อมแม่มลแล้วก็โซ่ แลดูมีความสุขกว่าเยอะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-10-2016 22:15:49
รู้สึกเหมือนคุณแม่กับคุณเดือนไม่ใช่ลูกหลานบ้านนี้เลยอ่ะ ดูแปลกแยกพิกล
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-10-2016 23:05:27
คุณเดือน มารยาทแย่มากกกก
กลัวน้องจันทร์ จะส่งความซวยให้สินะ
กลัวมากขนาดนี้ แล้วมาบ้านสวนทำม้าย
รู้ทั้งรู้ว่า น้องอยู่บ้านสวน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 29-10-2016 00:15:33
จันทร์น่าสงสาร แต่ก็สดใสน่ารักสมวัยจริงๆน้าา
คนอ่านอยากเจอคุณคู่หมั้นของเดือนไวๆละ 55555
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 29-10-2016 07:36:07
ลูสาวคนเล็กแต่งกับหมอเจ้าของโรงบาล
เอ๋ ใช่น้องไอกับพี่หมอเปรม และน้องเปี๊ยกมั้ยน่าา
อิอิ
ดีใจจัง ได้อ่านนิยายของคุณรินอีก
ตามมาตั้งแต่เรื่องของน้องเปี๊ยกแล้วค่ะ
ชอบมากกก

ว่าแต่พี่ชายน้องไอ คุณยูเนี่ย เป็นคนยังไงน่าา
แต่ตอนนี้เกลียดอิพี่เดือน คนไม่ดีมากๆ
ท่าทางจะไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นหรอก นางร้ายชัดๆ
รออ่านต่ออย่างจดจ่อนะคะ
อยากเห็นคุณเดือนดับหน้าหงาย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 29-10-2016 12:54:50
มาต่อไวๆ เลยค่ะ :z3:


แด่คุณแม่ยุ้ยและคุณเดือน  :z6:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 29-10-2016 13:50:52
อีแม่กับอีเดือนนี่ตัดออกจากกองมรดกเลยนะคุณตาคุณยาย ไม่เห็นหัวน้องจันทร์ดีนัก
อีแม่นี่ก็นะ น้องจันทร์ก็ลูกที่หล่อนเบ่งออกมาจากหอยเหมือนกันป้ะ แต่ดีแล้วละ ที่น้องไม่สนิทกับแม่แย่ๆแบบหล่อน อีเดือนด้วย คิดว่าอยู่ตปท.จะชนชั้นสูงไง๊?
ยู คือพระเอกป่าว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 29-10-2016 19:49:58
อิคุณยุ้ยนี่หรือแม่??? **เรียกคุณเปื่อยยุ่ยแทนได้มั๊ย??? :z6:
อิคุณเดือนนี่นะเหรอพี่สาว??? **นี่ก็เรียกคุณไส้เดือนแทนนะคะ

น้องจันทร์มีชีวิตที่บ้านสวนนี่แหละค่ะดีที่สุดแล้ว
ไม่ต้องไปสนใจคนที่นิสัยไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 29-10-2016 20:50:03
เห็นชื่อคุณรินแล้วรีบเข้ามาอ่านอย่างไว

ปูเรื่องได้น่าสนใจมากค่ะ
น้องจันทร์น่าเอ็นดูและเป็นเด็กที่โชคดีมาก
น้องคิดถูกแล้วค่ะที่ไม่เอาเรื่องพ่อแม่พี่สาวมาคิดมาก
ก็ดูแม่สิคะ ชื่ออะไรนะ เปื่อยยุ่ย? กับคุณไส้เดือน (อันนี้ลอกความคิดเห็นด้านบนมาค่ะ ชอบมาก 55)

อิเคดะ ยู ตระกูลเดียวกับน้องไอปะเนี่ย กรี๊ดๆๆ

รอติดตามนะคะ มาต่อไวๆ นะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 30-10-2016 07:30:31
มาต่อไวๆ นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 30-10-2016 14:41:05
 :o8 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-10-2016 14:45:24
รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 30-10-2016 15:57:12
รังเกียจน้องตัวเอง แต่อย่าลืมนะคะว่าสายเลือดเดียวกันค่ะ เอ๊ะ! ถ้าอย่างนี้แสดงว่ารังเกียจสายเลือดตัวเองด้วยรึป่าวน้าาา อิพี่เดือน คนไร้มารยาท 55555555
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-10-2016 16:01:40
ถ้าเราบอกว่าหมั่นไส้อิคุณแม่กับอิคุณเดือนไรเนี้ยตั้งแต่ตอนแรกจะผิดมั้ยยยย :z13:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-10-2016 19:03:02
มันไม่แปลกที่คนอื่นจะโทษหนูจันทร์ว่า เป็นตัวซวยนะ แต่พี่สาวแท้ๆ ทำไมรังเกียจน้องขนาดนี้เพราะอะไร (พ่อกับแม่ยังพยายามพาน้องจันทร์ไปอยู่ด้วยเพราะงั้นเลยไม่คิดว่าแย่นะคะ)
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 30-10-2016 21:47:47
เห็นชื่อนักเขียนแล้วรีบพุ่งเข้ามาเลยค่ะ  :impress2:

น้องจันทร์หนูโชคดีแล้วค่ะลูกที่หลุดพ้นจากครอบครัวมาได้ อยากดึงน้องจันทร์เข้ามากอด
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 30-10-2016 23:44:45
ไม่ใช่คุณแม่กับพี่สาวของน้องจันทร์หรอกค่ะ นี่มันตัวร้ายชัดๆ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 31-10-2016 01:58:06
นี่แค่ตอนแรกนะคะ บอกเลยค่ะ เกลียด!!!! เกลียดอิคุณเดือน มารยาทนี่คงไม่มีเลยสินะ พูดจาก็ไร้สัมมาคาระวะ คุณเดือนคงไม่เหมาะ เอาอิเดือนไปแทนล่ะกัน บ้าบอ ทั่งแม่ทั้งลูกสาว ตรรกะในการคิดนี่แย่สุดๆ  :m16: :m16: :m16:

อิเคดะ ยู พ่อม่าย เพราะเมียตายหลังแต่งสองเดือน ช่วยสงเคราะห์ให้คุณเดือนด้วยนะคะ เอาแบบ หมั้นกัน 2 วัน เเล้ว อิคุณเดือนตาย อะไรแบบเนี่ยอ่ะค่ะ แลดูสะใจพิลึก

เฮ้ออออออ จันทร์เอ้ยยยยย ไม่น่าเกิดมามีแม่แล้วก็พี่สาวแบบนี้เลย ดีนะที่มีตายาย พ่อต้อมแม่มล ป้าณี แล้วก็โซ่ อยู่ ชีวิตหนูถึงได้มีคุณค่า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 31-10-2016 16:32:00
แค่ตอนที่ 2 ก็อยากจะตบคุณพี่สาวของน้องจันทร์แระ
พี่คิดว่าหนูโชคดีมากแล้วลูกที่ไม่ต้องเติบโตในครอบครัวของคุณพ่อคุณแม่และพี่สาวโรคจิต นี่ญาติๆยังไม่โผล่มานะ ถ้าโผล่มาครบคงจิตบกพร่องทั้งตระกูล อยู่บ้านสวนดีแล้ว น่ารักน่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 31-10-2016 21:19:29
ชั้น = ฉัน นะคะ เราว่า อ่านชั้นๆ มันขัดๆ นิยายสนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 31-10-2016 21:20:00
นี่แค่ตอนแรกนะคะ บอกเลยค่ะ เกลียด!!!! เกลียดอิคุณเดือน มารยาทนี่คงไม่มีเลยสินะ พูดจาก็ไร้สัมมาคาระวะ คุณเดือนคงไม่เหมาะ เอาอิเดือนไปแทนล่ะกัน บ้าบอ ทั่งแม่ทั้งลูกสาว ตรรกะในการคิดนี่แย่สุดๆ  :m16: :m16: :m16:

อิเคดะ ยู พ่อม่าย เพราะเมียตายหลังแต่งสองเดือน ช่วยสงเคราะห์ให้คุณเดือนด้วยนะคะ เอาแบบ หมั้นกัน 2 วัน เเล้ว อิคุณเดือนตาย อะไรแบบเนี่ยอ่ะค่ะ แลดูสะใจพิลึก

เฮ้ออออออ จันทร์เอ้ยยยยย ไม่น่าเกิดมามีแม่แล้วก็พี่สาวแบบนี้เลย ดีนะที่มีตายาย พ่อต้อมแม่มล ป้าณี แล้วก็โซ่ อยู่ ชีวิตหนูถึงได้มีคุณค่า

เป็นความเห็นที่เลิศสุดค่ะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 01-11-2016 13:42:39
แค่ตอนแรกก็แทบอยากจะทุ่มอิเดือนลงน้ำ  :z6:

อยากอ่านต่อ :z3:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 01-11-2016 15:21:24
เรื่องใหม่ของคุณ RIRIN  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 01-11-2016 22:18:03
 :z13: คนอ่านรออยู่จะขาดใจแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 03-11-2016 20:50:20
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 03-11-2016 21:21:18
จะมีตอน 2 ต่อมั๊ยน๊า
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-11-2016 20:29:44
เรื่องใหม่ของรินมาแย้วววววววววว
เรื่องนี้ปังไม่ปัง ต้องดูที่นางร้ายค่ะ
ร้ายยยยยยเอาซะรู้สึกชิงชัง
น้องจันทร์ก็น่าร๊ากกกกกก

เป็นกำลังใจให้ริรินน้าาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: thevicious ที่ 04-11-2016 20:49:47
 :beat: :beat: :beat: นังพี่สาว
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: B.Lumi ที่ 05-11-2016 12:34:24
 :katai1:
อยากข่วนหน้าพี่เดือนจริงๆ

มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 05-11-2016 16:12:36
ว๊ายยยยยตายแล้วๆอะไรกันค่ะอิคุณยุ้ยกะคุณเดือนหงายมาถึงก็ออกลายเลยหรอ แหม่ๆๆมันน่าจับมุดน้ำร่องสวนนะค่ะเหอๆๆ เป็นกำลังใจให้นะค่ะคุณน้องจันทร์คนสวยและน้องริรินผู้แสนเลอโฉม~~~~รอนะค่ะ จะรอตบสองแม่ลูกค้า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 06-11-2016 02:13:52
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-2-






   
เมื่อคืนผมฝัน... ฝันแบบเดิม เหตุการณ์เดิมๆ แต่จะต่างกันก็ตรงที่ผมเห็นแววตาวูบไหวภายในดวงตาคู่คมนั้นได้อย่างชัดเจน และมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตื่นสาย

กระจกสะท้อนเงาตัวผม นี่คือผมเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี แม้จะเติบโตมาตามแบบลูกชาวสวนชาวนาทั่วไป แต่ผิวที่ขาวจัดบวกกับรูปร่างหน้าตาที่ถอดแบบคุณยายมาไม่ผิดเพี้ยนและในความฝันนั้นก็เป็นเหมือนเงาในกระจกตรงหน้าไม่ผิดเพี้ยนเช่นกัน


‘อิทซุมาเดะโมะ อะนาตะฮะ วะตาชิ โวะ มิทซุเคะดะดะชิเตะกุดะไซ’
ไม่ว่านานแค่ไหน ท่านจะต้องหาข้าให้เจอ..

   

“อะไรกันคือสาเหตุที่ทำให้คนหนึ่งคนเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้??”
ยกมือขึ้นวางแนบบนอกด้านซ้ายของตัวเอง ผมถามเงาในกระจกและคำตอบที่ได้รับก็คือรอยยิ้ม

ผมยิ้มหวานให้ตัวเองในกระจกหนึ่งครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องนอน แค่เปิดประตูก็เจอไอ้คุณโซ่ยืนหน้าทะเล้นอยู่แล้วครับ ลูกกะตากลมโตสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ทำไมคุณจันทร์แต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ??”
ทักทายผมซะเสียเซลล์เลยครับ ผมรีบก้มสำรวจตัวเอง ผมใส่เสื้อยืดลายทหารกับกางเกงวอร์มเก่าๆ ที่ผมใช้ใส่ทำงานในสวน
   
“ทำไม? วันนี้แต่งแล้วดูหล่อเป็นพิเศษ?”

“อย่าหล่อไปกว่านี้เลยครับ สงสารลูกเด็กเล็กแดงในหมู่บ้านมันบ้างเถ๊อะ”
ใบหน้าคมคายฉีกยิ้มประจบ แต่ผมกลับรู้สึกทะแม่งๆ ยังไงชอบกล แต่ช่างมันเถอะครับ ผมออกไปดูน้องเห็ดของผมดีกว่า

“คุณจ้านนนน” มันเกาะแขนรั้งผมไว้

“อะร๊ายย?”

“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น กลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเถอะครับ”

“เหตุผล?”

“ว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนกำลังจะมาที่บ้านสวนยังไงล่ะครับ”

“แล้ว?”

“ก็ไม่แล้วไง ก็แค่คุณจันทร์ของไอ้โซ่แต่งตัวให้ดูดีเป็นการเป็นงานเท่านั้นเองยังไงล่ะครับ”

“แล้วชุดที่ใส่อยู่เนี่ยไม่เป็นการเป็นงานตรงไหน?”
เจอคำถามของผมไป ไอ้โซ่ยืนทำหน้าเป็นหมางงเลยครับ

“ชั้นใส่ชุดนี้ไปทำงานอยู่นี่ไง ทำงานแบบจริงจังด้วย”
เข้าโรงเพาะเห็ดเสร็จแล้วจะไปดูงานในสวน เห็นมั๊ยว่าชุดนี้โคตรเป็นการเป็นงานเลยนะครับ คำตอบของผมทำเอาไอ้โซ่ไปต่อไม่ถูก ได้แต่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็เกาหัวหงิกๆ

“จันทร์”

“ครับแม่มล”

ผมหันไปยิ้มให้แม่มลที่กำลังจะเดินถือถาดดอกมะลิไปให้คุณยาย

“วันนี้จันทร์ไม่ต้องเข้าสวนสักวันนะลูก”

อ้าว??

“ไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยตามที่โซ่บอกด้วย”

เฮ้ย??

“เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ออกมาหาแม่กับยายที่นอกชานนะลูก”

ใบหน้าสวยส่งรอยยิ้มละมุนให้ผมก่อนจะเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ ที่ดังอยู่ใกล้ๆ ผมจึงตวัดหางตาใส่ไปหนึ่งที ไอ้โซ่เงียบกริบเลยครับ

“เดี๋ยวผมไปช่วยครูเอี่ยมลงต้นไม้ตรงริมรั้วก่อนนะครับ”

ร่างสูงโปร่งของไอ้คุณโซ่วิ่งฉิวหายไปทิ้งให้ผมยืนทำหน้าเซ็งเพียงลำพัง จะอะไรกันนักหนาเนี่ย ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ ก็แค่เปลี่ยนจากกางเกงวอร์มเก่าๆ เป็นกางเกงขาสามส่วนลายทหารให้เข้ากับเสื้อ แหม เท่ห์ระเบิดไปเลยใช่มั๊ยครับ

โผล่หน้าหล่อๆ ออกมาสำรวจนอกห้องนอน แล้วค่อยๆ ย่องลงมาลานบ้าน ซึ่งคุณตากำลังยืนคุมไอ้โซ่ น้าสุขและน้าหมาย ช่วยกันเอาต้นมะลิ ชบา และพุดซ้อนที่เพาะชำไว้เมื่อหลายเดือนก่อนลงดินตรงริมรั้วแซมต้นเล็บครุฑ เห็นแบบนี้แล้วมือไม้ก็คันยิกๆ อยากจะช่วยด้วยอีกแรงครับ

“ตาจ๋าาา จันทร์ช่วย”

ทุกสายตาหันมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ยกเว้นเพื่อนรักอย่างไอ้โซ่ครับที่ขมวดคิ้วแล้วมองผมจากหัวจรดเท้าและจากเท้าจรดหัว คงตะลึงในความหล่อของผม

“ไม่ต้องหรอก.. เดี๋ยวเลอะเทอะ ยายกับแม่มลจะบ่นตาเอา”

“โธ่--- ตาจ๋า เลอะก็ล้างออกได้นี่นา”

ฉีกยิ้มหวาน ไถแก้มไปกับต้นแขนของคุณตาแค่นี้ท่านก็ใจอ่อน ผมจึงถลกแขนเสื้อแล้วลงมือได้เลยครับ

รั้วบ้านสวนทำแบบง่ายๆ เป็นรั้วไม้เตี้ยๆ แล้วมีต้นเล็บครุฑปลูกชิดรั้วไม้เป็นพุ่มแน่นแนวยาวโดยรอบ คุณยายกับแม่มลเก็บใบเล็บครุฑมาทำอาหารบ่อยๆ อร่อยเชียวนะครับ ส่วนพวกไม้ดอกนอกจากปลูกเอาไว้เพื่อความสวยงามแล้ว สาวๆ บ้านนี้ยังเก็บไปถวายพระได้อีกด้วย

ลงมือยังไม่ทันไร ทุกคนก็ต้องหยุดมือแล้วเงยหน้าไปตรงลานบ้านที่ตอนนี้มีรถตู้คันหรูสีดำเงาวับขับมาจอดใต้ต้นมะขาม

“สงสัยจะมากันแล้ว”

คุณตาพูดขึ้นแล้วหันมามองที่ผม

“ไปล้างไม้ล้างมือเถอะลูก”

“เดี๋ยวจันทร์เอาต้นไม้ลงให้เสร็จแล้วจะรีบตามไปดีกว่าครับ”

ส่งยิ้มหวานจนตายิบหยี คุณตาก็ทำได้แค่อมยิ้มแล้วพยักหน้าตกลง

คุณตาหันหลังเดินไปแค่ไม่กี่ก้าว คนจากรถตู้ก็ทยอยลงกันมา เนื่องจากประตูรถตู้อยู่อีกฝั่ง ผมจึงมองไม่เห็นแขกผู้มาเยือน รู้แค่ว่ามากันหลายคนทีเดียวครับ โดยส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้ชาย
 
“อะแฮ่มๆ”

กระแอมไอให้กับยีราฟข้างๆ ครับ ไอ้โซ่ น้าสุขและน้าหมายคอยื่นคอยาวกันอย่างพร้อมเพรียง

“แหม คุณจันทร์อย่าขัดสิครับ น้าก็แค่อยากจะดูคู่หมั้นคุณเดือนตัวจริงว่าจะหล่อเหมือนในอินต้าเน็ตที่ไอ้โซ่มันเคยเอาให้ดูรึเปล่า”

น้าหมายอธิบายยาวมาขนาดนี้ผมก็ได้แต่ตวัดหางตาไปมองไอ้โซ่ที่ตอนนี้ทำตัวอำพรางไปกับพุ่มกอเล็บครุฑส่องมองด้วยความเผือกชนิดที่ตาแทบไม่กระพริบ ห้ามคนเผือกนี่ห้ามยากนะครับ เพราะฉะนั้นก็ปล่อยๆ ไป ส่วนผมรีบทำงานให้เสร็จจะดีกว่า

“แม่จ้าวโว้ยยยย”

อุทานออกมาพร้อมกันสามเสียง ผมนี่รีบเงยหน้าขึ้นจากดินด้วยความตกใจเลยครับ

“สวยยิ่งกว่านางเอกละครหลังข่าวที่เมียข้าดูทุกวันซะอีก”

“เป็นบุญตาไอ้สุขจริงๆ”

“เนื้อคู่ไอ้โซ่มาเกิดแล้วโว้ยย”

ไม่ต้องแปลกใจครับที่ทุกคนอุทานด้วยความตะลึงพรึงเพริดขนาดนั้น แม้แต่ผมเองก็ได้แต่มองค้างกลืนน้ำลายอึกๆ เพราะหญิงสาวรูปร่างเล็กกะทัดรัด ผิวขาวอมชมพู ผมซอยสั้นแต่ด้านหน้ามัดจุกเปิดโชว์หน้าผากสวยๆ ใบหน้ากลม แก้มป่องเป็นสีชมพูระเรื่อ ปากนิดจมูกหน่อย ใส่เสื้อยืดลายกราฟฟิคพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นและรองเท้าผ้าใบ บวกเพิ่มความสดใสด้วยการอุ้มน้องหมาหน้าย่น ออร่าความน่ารักทำให้คุณเดือนดับสนิทไปเลย ผมบรรยายซะขนาดนี้ทุกคนพอจะเห็นภาพมั๊ยล่ะครับ นี่ไม่ใช่เนื้อคู่ไอ้โซ่หรอกครับแต่เป็นเนื้อคู่ของผมนี่แหละ

“อ้าว คุณจันทร์จะไปไหนล่ะนั่น?”

น้าสุขดึงสติกลับมาได้ก่อนจึงรีบร้องทักผมที่ลุกขึ้นอย่างไวแล้วอ้อมไปทางหลังบ้าน ผมไม่ได้ตอบหรอกครับเวลานี้ขอวิ่งไปตั้งหลักเพื่อทำคะแนนก่อน หึหึ

ขึ้นมาบนบ้านทางประตูด้านหลังได้ผมก็รีบย่องเข้าห้องนอน ล้างหน้าล้างตา เปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ดูดีที่สุดออกมาใส่ซึ่งเด็กบ้านนอกแบบผมก็ไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนมอะไรหรอกครับ แค่มีหน้าตาเป็นอาวุธใส่เสื้อยืดสีดำเรียบๆที่ซื้อจากในห้างกับกางยีนส์สีซีดแค่นี้ก็เรียบร้อยและดูดีมากโข เสร็จแล้วก็พรมน้ำอบไทยนางลอยและหวีผมสักหน่อย อื้อหือออ หล่อระเบิดไปเลยครับหลานชายครูเอี่ยม

ออกจากห้องนอนมาก็มองซ้ายแลขวาเหมือนเดิมครับ เมื่อเห็นว่าทางโล่งก็ค่อยๆ ย่องไปห้องรับแขก แม่มลที่กำลังชะเง้อมองหาผมอยู่เห็นผมเป็นคนแรกเช่นเคย ท่านยิ้มดีใจแล้วรีบพยักหน้าให้ผมเข้าไปหาไวๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ที่นั่งยิ้มตาเชื่อมอยู่ข้างแม่มลอีกฝั่งนั่นมันเพื่อนรักหักเหลี่ยมหล่อของผมนี่นา เรื่องแบบนี้ไอ้โซ่มันไวกว่าผมจริงๆ

ผมคลานเข่าเข้าไปแทรกนั่งข้างๆ ไอ้โซ่ จากนั้นก็ยกมือไหว้ทุกคนตามมารยาทไม่ได้สนใจจะมองหน้าใครแบบจริงจัง ยกเว้นสาวน้อยอ้อยควั่นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งขวามือมีน้องหมาน้อยนั่งตาแป๋วอยู่บนตัก มองจากมุมที่ผมนั่งคือประจันหน้ากันจังๆ ให้ได้น้ำลายหกกันเลยทีเดียว

“คนนี้ลูกชายคนเล็กของรวินทร์นิภากับคุณวิฑูรย์ ชื่อศศิน เรียกจันทร์ก็ได้”

คุณยายแนะนำผมให้คนที่ยังไม่รู้จักได้รู้จักครับ ผมจึงฉีกยิ้มแจกทุกคนแบบลวกๆ แทบจะไม่ได้มองหน้าครบทุกคนด้วยซ้ำโดยเฉพาะคุณแม่และคุณเดือนที่ท่านคงจะไม่ค่อยอยากได้ยินสถานะตัวตนของผมสักเท่าไหร่ แต่คุณแม่ก็ยังรักษามารยาทด้วยการแปลเป็นภาษาอังกฤษสาวน้อยสุดน่ารักของผมฟังครับ เธอตั้งใจฟังมากแถมยังทำหน้าแบ๊วแล้วพึมพำเป็นภาษาญี่ปุ่นอะไรสักอย่างที่ผมไม่อาจจะเข้าใจได้ แต่รู้แค่ว่าโคตรน่ารัก แม้เสียงจะห้าวไปนิดแต่จริตจะก้านให้ผ่านคร้าบ

อ่อ.. มาถึงตรงนี้ผมเพิ่งสังเกตว่าคุณเดือนไม่อยู่ตรงนี้นี่นา มีแต่คุณแม่ที่นั่งข้างๆ คนน่ารัก และที่นั่งตัวติดประชิดเหมือนกาวตราช้างทางด้านซ้ายของสาวน้อยคือผู้ชายหน้าหล่อคมเข้มร่างสูงสง่าผ่าเผย ขนาดใส่แค่เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนส์สีซีดยังดูดียิ่งกว่านายแบบหรือพระเอกแนวหน้าของเมืองไทยซะอีกครับ

‘ครูเอี่ยมให้พ่อพาคุณเดือนกับว่าที่คู่หมั้นและเพื่อนๆ ของว่าที่คู่หมั้นลงไปดูการเกษตรของเรา’
ไม่ต้องเอ่ยปากถามใคร คำตอบก็ลอยมากระทบหูผมเบาๆ เป็นเสียงพรายโซ่กระซิบ

‘ที่นั่งอยู่เนี่ยคือคุณอิเคดะ ไอ น้องสาวคนเดียวของคุณอิเคดะ ยู และที่นั่งจนแทบจะเกยตักกันอยู่นั้นชื่อคุณหมอเปรม’

‘อืม’

ทำหน้านิ่งกระซิบอืมๆ ตอบไปแต่ในใจนี่ลิงโลดแล้วครับ คนน่ารักชื่อไอ..

‘คุณหมอเปรมเป็นผัวคุณหนูไอ’

‘อืม’

ยูเลิฟไอ--- ฮิ้ววววว

“เฮ้ย!! ว่าไรนะ?!!”

สติเพิ่งมาครับ มะกี้หูแว่วหรือยังไง ไอ้คุณโซ่ช่วยพูดให้ชัดๆ อีกทีสิ!

"มีอะไรกัน?”

พ่อต้อมส่งเสียงนิ่งและทำตาดุๆ มา ผมจึงเพิ่งได้รู้ตัวครับว่าเมื่อกี้โพล่งอุทานเสียงดังไปหน่อย หันมองโดยรอบทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมเป็นจุดเดียวกันเชียว ผมก็เลยได้แต่ส่งยิ้มเจียมเนื้อเจียมตัวกลับไปให้ทุกคน แต่ถ้าลองเงี่ยหูฟังดีๆ ทุกคนจะได้ยินเสียงดัง ‘โผล๊ะ’ ที่ดังออกมาจากอกด้านซ้ายของผมครับ

คุณตาชวนผู้ชายที่ไอ้โซ่บอกว่าชื่อคุณหมอเปรมคุยเรื่องทั่วไปโดยมีคุณแม่คอยเป็นล่ามให้สาวน้อย ผมจึงถือโอกาสนี้ถอยออกมาทำใจ ไอ้โซ่ทำท่าจะลุกขึ้นตามมาแต่ผมห้ามมันไว้เพราะคนอกหักแบบสดๆ เลือดยังซิบๆ อยากขอเวลาอยู่คนเดียวสักพัก
ตอนมาขึ้นทางครัวหลังบ้าน ตอนกลับก็กลับลงทางเดิมครับ จะต่างกันก็ตรงที่ตอนมามาด้วยหัวใจระริกระรี้แต่ตอนกลับนี่หัวใจเหี่ยวแล้วเหี่ยวอีก ทำไมคนหล่อแบบผมถึงได้อาภัพเรื่องความรักนักก็ไม่รู้ ตั้งแต่จำความได้ไม่ว่าจะแอบชอบใครเป็นอันต้องกินแห้วตลอด ถ้าบอกว่าหล่อๆ แบบนี้ไม่เคยมีแฟนสักคนจะมีใครเชื่อมั๊ยครับ

“เฮ้อออ”

ถอนหายใจด้วยความเซ็ง ผมก็แค่อยากจะรู้จักความรักแบบหนุ่มสาวบ้างเท่านั้นเอง


+
+
+


เดินแก้เซ็งมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าโรงเพาะเห็ดของตัวเอง ความเซ็งก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ไม่มีแฟนก็ไม่เห็นจะตาย สู้ทำงานการเกษตรก็ไม่ได้สบายใจกว่าเยอะเลย

อ่อ ผมเคยบอกว่าจะอธิบายเกี่ยวกับการทำการเกษตรทฤษฎีแนวใหม่ตามแนวพระราชดำริของในหลวงเอาไว้ใช่มั๊ยครับ เอาล่ะ ตอนนี้ผมว่างแล้วผมจะอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ให้ฟังว่า หลักสำคัญที่สุดของการเกษตรทฤษฎีใหม่ก็คือ ‘พอกินตลอดปี’ หรือก็คือให้เกษตรกรมีความพอเพียง โดยเลี้ยงตัวเองได้ในระดับชีวิตที่ประหยัด ยึดหลักพึ่งตนเองได้อย่างมีอิสรภาพ ทั้งนี้ ชุมชนต้องมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

การเกษตรทฤษฎีแนวใหม่กำหนดการจัดแบ่งพื้นที่เป็น 30-30-30-10 คือ ขุดสระร้อยละ 30 ปลูกข้าวร้อยละ 30 ปลูกพืชไร่ พืชสวน ร้อยละ 30 ที่อยู่อาศัยร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด และเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจผมขอยกตัวอย่างครอบครัวของผมนะครับ ครอบครัวของผมมีพื้นที่ 15 ไร่ แบ่งเป็นนาข้าว 5 ไร่ พืชไร่พืชสวน 5 ไร่ สระน้ำ 3 ไร่ ขุดลึก 4 เมตร จุน้ำได้ประมาณ 19,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่เพียงพอที่จะสำรองไว้ใช้ยามฤดูแล้ง ที่อยู่อาศัยและอื่นๆ 2 ไร่ แค่นี้แหละครับ ง่ายๆ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และผมนี่แหละที่จะเป็นคนรุ่นใหม่ขอเดินตามรอยเท้าพ่อครับ

“พ่อหมอคะ พี่ดาวกับน้องเดือนอยากจะไปดูปลาตรงโน้น”

“ไปสิลูก แต่ห้ามวิ่ง เดินจูงมือกันไป”

กำลังอธิบายเพลินๆ ก็มีเสียงพ่อลูกที่ไหนไม่รู้มาขัดจังหวะ ด้วยความสงสัยผมจึงชะโงกหน้ามองตามเสียงสักหน่อย เห็นแผ่นหลังของเด็กประมาณ 4-5 ขวบ ชายหญิง 2 คนเดินผ่านไปไวๆ และที่อยู่ห่างจากสายตาของผมไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นผู้ชายหน้าตาดีถึงดีมาก 2 คนกำลังยืนสนทนากัน คนหนึ่งสูงหล่อตี๋ใส่แว่น ส่วนอีกคนตัวโตและสูงกว่าไปอีกคนนี้หล่อคมเข้มแต่หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนกันนะ???

“เดินตามกูมาทำไม?”

พี่ชายใส่แว่นหยุดเดินแล้วหันไปถามพี่ชายคมเข้มด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงสุดๆ

“ผมไม่ได้เดินตามคุณหมอสักหน่อย”

“กวนตีน”

ใบหน้าคมเข้มที่ผมคิดว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนยกยิ้มแบบกวนตีนจริงๆ แหละครับ

“พี่ดาวกับน้องเดือนอยากให้อาปลื้มไปดูปลาด้วยใช่มั๊ยครับ?”

แน่ะ มีแกล้งตะโกนถามเด็กๆ อีก

“ใช่ค่ะ/ครับ”

เสียงเด็กน้อยตอบกลับมาตามประสาใสซื่อ คนตัวสูงกว่าก็ยิ้มระรื่นเชียวครับ

“เห็นมั๊ยล่ะครับว่าผมไม่ได้เดินตามคุณหมอสักหน่อย”

คนที่ถูกเรียกว่าคุณหมอยังคงทำหน้านิ่ง อีกฝ่ายยิ้มกริ่มแล้วออกเดินต่อ และช่วงจังหวะที่เดินผ่านคุณหมอเพื่อไปหาเด็กๆ นั้น น้ำเสียงทุ้มนุ่มก็พูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “...แต่ผมแค่เดินทางเดียวกับคุณหมอต่างหาก”

เอิ่ม.. ผมกำลังจะรู้สึกขนลุกอยู่แล้วทีเดียวถ้าไม่มีคำว่า ‘สัส’ ออกมาจากปากของคุณหมอดับบรรยากาศชมพูอมม่วงซะก่อน

เอาเป็นว่าผมรู้แล้วล่ะครับว่าบุคคลแปลกหน้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่นี่คงจะเป็นคณะของว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนเป็นแน่ ว่าแต่คนไหนล่ะคือคนที่จะมาเป็นพี่เขยของผมในอนาคต? ที่แน่ๆ ไม่ใช่ทั้งคู่เมื่อกี้ชัวร์เพราะเป็นคนไทยทั้งคู่และดูเหมือนจะมีเมียมีลูกแล้วด้วย

“เฮ้ย! นึกออกแล้ว”

ผู้ชายสูงยาวเข่าดีหน้าตาคมเข้มดูแพงหรูคนเมื่อกี้นั่นมันเหมือนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ น้องนางคนน่ารักนี่หว่า นั่นมันคือคนที่ไอ้โซ่บอกว่าเป็นพระสวามีของน้องนางไม่ใช่รึไง? แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ ที่สำคัญกว่านั้นคือทำไมมาพูดจาและส่งสายตาวิ้งวับแปลกๆ กับพี่หมอตี๋หล่อ?? มีเมียเป็นสาวน้อยน่ารักขนาดนั้นแล้วนี่มึงยังจะมีผัวอีกเหรอ????  ไม่ได้การแล้วโว้ย!! เพื่อสิทธิและเสรีภาพของสตรี ไอ้จันทร์สุดหล่อคนนี้จะเปิดโปงทุกอย่างเอง

จ้ำเท้าเดินกลับบ้านในสมองก็คิดหาคำพูดไปด้วย ถ้าไปพูดอย่างเดียวไม่มีหลักฐานมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นผมควรที่จะหาวิธีให้น้องไอจังมาเห็นภาพแบบเดียวกับที่ผมเห็นให้ได้ แต่เดี๋ยวนะ.. น้องไอเป็นสาวญี่ปุ่นนี่หว่า เราจะพูดยังไงวะ??
หยุดเท้าแล้วยกมือขึ้นเกาหัวยิกๆ อย่างใช้ความคิด ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเปลี่ยนแผน ว่าแล้วก็หันหลังกลับเดินไปตามทางเล็กๆ ของร่องสวน จุดหมายปลายทางอยู่ที่สระน้ำที่ใช้เป็นแหล่งน้ำในหน้าแล้งและยังใช้เลี้ยงปลาหลากหลายชนิดไว้ทั้งกินและขาย ผมคิดว่าที่นั่นคงจะมีฉากเด็ดๆ ให้ผมได้ถ่ายคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานแน่นอน

เพิ่งจะเดินกลับมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงของคุณเดือนก็ต้องทำให้ผมทิ้งภารกิจทุกอย่างแล้วรีบวิ่งหลบเข้าไปในโรงเพาะเห็ดอีกครั้ง พี่สาวคนสวย(น้อยกว่าน้องไอ) เดินหน้างอง้ำมากับลุงฟ้อน

“อิเคดะซัง อิเคดะซางงงง แวร์อาร์ยู?”

ที่แท้ก็กำลังตามหาว่าที่สามีอยู่นี่เอง

“ไปไหนของเค้านะเนี่ย?!”

“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ไม่ไปไหนไกลหรอก และรับรองว่าไม่มีอันตรายด้วย ยกเว้นจะเดินเหยียบหัวงู”

“เงียบไปเลยก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ”

อื้อหือ อารมณ์หงุดหงิดแล้วไปลงกับคนอื่นได้ไงเนี่ย นั่นลุงฟ้อนแก่กว่าคุณพ่ออีกนะ

ขอเบ้ปากอย่างเอือมระอาให้พี่สาวนิดนึงนะครับ ว่าแต่คุณว่าที่คู่หมั้นเค้าไปเดินอิท่าไหนถึงได้หลงทางกัน สวนไร่นาของเราก็ออกจะโล่งเตียน ไม่ได้รกเป็นป่าสักหน่อย อีกอย่างคนงานก็อยู่กันเต็มสวน งงจริงๆ ว่าไปเดินหลงกันได้ยังไง?? และผมก็ขอบอกเลยว่ามันเป็นการเสียเวลาอย่างยิ่งในการจะมาแอบดูคุณเดือน อีกทั้งผมก็คิดดีแล้วว่าเมียในอนาคตของผมที่ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของโลก ถึงจะอย่างนั้นผมก็ขอไม่เอาผู้หญิงที่มีนิสัยอย่างคุณเดือนเด็ดขาด ต่อให้เป็นพี่สาวสายเลือดเดียวกันแต่ผมก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าคุณเดือนเป็นผู้หญิงที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมสักนิดครับ

ผมค่อยๆ ถอยหลังเพราะตั้งใจจะย่องออกไปทางอีกฝั่งของโรงเพาะเห็ด แต่ดันชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจังจนแทบเสียหลัก
 
“โอ๊ะ!”

ร่างของผมถูกสองแขนแข็งแรงของใครบางคนประคองรับไว้ก่อนจะเซล้มลง และด้วยสัญชาตญาณผมรีบหันหลังเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย และนั่นเป็นวินาทีที่ผมสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นระดับขั้วโลกจนทำให้ร่างกายของผมสั่นสะท้านจนถึงขั้วของหัวใจ

“ชู่ว์---”

นิ้วเรียวยาวแตะลงบนริมฝีปากของผมและมันเป็นเพียงปราการเดียวที่กั้นไม่ให้ริมฝีปากของอีกฝ่ายเข้าใกล้มากกว่านี้  ใบหน้าที่ชาดิกกลับรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่ผะแผ่วอยู่บนพวงแก้ม ดวงตาของเราทั้งคู่จดจ้องประสานกัน


ผมจำได้..
ผมจำดวงตาคู่นี้ได้เป็นอย่างดี..


ภายใต้ความเงียบผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระทึกอย่างชัดเจน นั่นเป็นเสียงหัวใจของผมหรือของอีกฝ่ายกันแน่ แล้วทำไมผมจึงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ผมอยากขืนตัวจะบอกอีกฝ่ายว่าให้ ‘ปล่อย’ แต่ผมไม่สามารถควบคุมริมฝีปากของตัวเองได้ ไม่มีเสียงใดๆ เปล่งออกมาจากผมและฝ่ายตรงข้าม แต่ผมกลับได้ยินเสียงของตัวเองที่แว่วสะท้อนเป็นประโยคเหมือนอย่างในความฝัน จะแตกต่างกันก็ตรงที่ครั้งนี้มันเป็นเสียงสะอื้นที่สุดแสนโศกตรม


   ‘คิมิโวะ มิทซุเคะรุ’
   ตามหาผมให้เจอ...




หยดน้ำไหลรินจากหางตาของผมโดยไร้สาเหตุ ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในขณะนี้ได้ รู้แค่ว่ามันเจ็บปวดและทรมานจนแทบจะขาดใจ ผมขยุ้มมือตรงชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับว่าต้องการจะยึดไม่ให้คนตรงหน้าหายไปไหน


        ‘อิทซุมาเดะโมะ อะนาตะฮะ วะตาชิ โวะ มิทซุเคะดะดะชิเตะกุดะไซ’
   ไม่ว่านานแค่ไหน ท่านจะต้องหาข้าให้เจอ..



หากแม้นใครได้ยินคงคิดว่านี่คงเป็นการอ้อนวอนขอร้องที่น่าเวทนาที่สุด แต่ผมกลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกได้ว่ามันคือ ‘คำอธิษฐาน..’ จากหัวใจที่รวดร้าวอย่างแสนสาหัสต่างหาก

เหมือนว่าทุกอย่างหยุดนิ่ง รวมไปถึงร่างกาย และหัวใจของผมเช่นเดียวกัน ผมไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวใดๆ จากภายนอก จะมีเพียงแค่ปลายจมูกโด่งที่ปัดผ่านผิวแก้มผะผ่าวที่เปรียบได้ดั่งเป็นวินาทีต้องมนต์ราวกับปาฏิหาริย์ ความหนาวเหน็บถูกแปรเปลี่ยนเป็นละอองของไออุ่น ขั้วหัวใจที่เย็นเหยียบราวกับโดนแช่แข็งมานานแสนนานบัดนี้ได้ถูกหลอมละลายด้วยเปลวเพลิงละมุนอุ่นซ่านไปทั้งอก และมันก็ทำให้ผมหายใจไม่ออก

“ฮึก...”

เขื่อนน้ำตาพังทลายพร้อมกับลมหายใจที่อ่อนแรง



‘มิทซุเค็ตตะ..’
เจอแล้ว....



เสียงแผ่วเบาราวสายลมกระซิบด้วยภาษาที่ผมไม่คุ้นเคยแต่ทว่ากลับเข้าใจในความหมาย และนี่คือการรับรู้สุดท้ายก่อนที่สติของผมจะดับวูบลง


.
.
.
.
.


TBC..  :oni1:




ดีใจจังเลยค่ะที่คนอ่านยังไม่ลืมกัน รินขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ   :hao5:
และขอแสดงว่ายินดีกับคุณแม่ยุ้ยและคุณเดือนด้วยนะคะสำหรับชื่อใหม่ --- เปื่อยยุ่ย และ ไส้เดือน  :katai2-1:
ฮ่าาาาาาาาาาาา  :t2:


**พูดไม่ค่อยเก่งแต่รัก(ทุกความคิดเห็น)หมดใจ** :กอด1:
หัวข้อ: Re: 。◕‿◕。Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -1- [59.10.28] P.1
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 06-11-2016 02:14:54
ชั้น = ฉัน นะคะ เราว่า อ่านชั้นๆ มันขัดๆ นิยายสนุกมากค่ะ



ขอบคุณมากๆ นะคะ รินแก้ไขแล้วค่ะ  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2016 03:07:01
 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-11-2016 06:01:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-11-2016 07:02:49
จำกันได้ทั้งคู่เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 06-11-2016 09:10:28
เจอแล้วววววว :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-11-2016 09:42:43
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 06-11-2016 09:52:00
คุณจันทร์น่ารักมากเลย ว่าแต่น้องไอ หมอเปรม ปลื้มก็มา แล้วหมอนี่คือใครหนอ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 06-11-2016 09:54:52
มิทซุเค็ตตะ !! เจอแล้ว !!
เค้าเจอกันแล้ววว   
กรี๊ดดดดดด > //////// < 
ตื่นเต้น ค้าง ขออ่านตอนต่อไปเลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 06-11-2016 11:29:36
อ๊ากกกกก น้องไอ พี่เปรม พี่ปลื้ม และอีกคนคือพี่หมอดินใช่มั๊ยยยย มาครบทีมแบบนี้น่ารักที่สุด
น้องจันทร์ก็น่ารักมากกกก :hao6:

อยากอ่านต่อ ไวๆๆ มาต่อตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะคุณริน  :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 06-11-2016 11:32:14
พี่ปลื้มกับพี่หมอดิน?? มีลูกด้วย หืออออออ
ได้ไงน่าาา
น้องจันทร์ไม่ต้องกลัวอกหักนะจ๊ะ
คู่หนูมาแล้ววว
เวลคุมทูวายแลนด์น่าาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-11-2016 11:40:15
หวายๆๆๆๆ เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 06-11-2016 14:01:12
เจอกันแล้วววววว :hao5: แต่น้องจันทร์คะหนูพรมน้ำอบไทยแทนน้ำหอมหรือ5555
แต่ขอพื้นที่หวีดน้องไอกับพี่หมอเปรมหน่อย กรี๊ดดดดดดด คิดถึงมาก เอาคู่นี้มาให้แม่ยกเจอบ่อยๆนะคะพลีส
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-11-2016 16:02:56
เจอแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 06-11-2016 19:13:24
น้ำอบไทยนางลอย ฮ่าาาาาา น่าเอ็นดูจริงนายเอกเรื่องนี้


รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 06-11-2016 20:08:49
หลงรักน้องจันทร์เพราะน้ำอบไทยนางลอยเลยนะเนี่ย แล้วก็ขอกรี๊ดกังๆใครครอบครัวเปรมไอและน้องเปี๊ยก กรี๊ดๆๆๆ มาแค่แว่บๆ แต่แม่ยกกรี๊ดลั่น  :hao6:

เจอกันแล้ว เจอกันแล้วววว อยากอ่านต่อมากๆ เลยค่ะ ค้างมากๆๆๆ อย่าให้รอนานนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 06-11-2016 21:09:22
มาแล้วๆ ขออ่านก่อนนะคะ :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 06-11-2016 21:28:49
จำกันได้ทั้งคู่,?
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-11-2016 22:35:23
งะเจอแล้วละมันจะเปงไงเนี่ย มีปีศาจอยู่อีก 2 ตัวเนี่ย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 07-11-2016 08:33:21
เจอกันแล้วแต่เหมือนปัญหากำลังจะตามมาด้วย -เหลือบมองแม่เปื่อยยุ่ยกับคุณพี่ไส้เดือน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 07-11-2016 11:29:56
กลัวจะมีดราม่าศึกชิงพระเอกระหว่างพี่สาวและน้องชายจังค่ะ คงไม่มีเนอะ อย่างนี้สงสารจันทร์แย่เลย มาทีหลังเค้าอ่ะ แต่อยากให้เอาคืนนังพี่เดือนแบบแสบๆจัง 5555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 07-11-2016 14:57:42
ตอนอ่านเรื่อง Miracle of love ใหม่ๆ แอบคิดว่าต้องดราม่าแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ ความรู้สึกเหมือนกับเรื่องนี้เลย เรายังคงเชือว่าความน่ารักสดใสของน้องจันทร์จะฆ่าความดราม่าได้ทั้งหมด


เปื่อยยุ่ย กับไส้เดือน ใช่จริงๆ ค่ะ  o18
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 07-11-2016 16:59:07
 :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 07-11-2016 19:22:45
ใจร้ายยยมากกก ขาดตอนเนะ แต่จะรอน้าาาา
รอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอ :katai5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 07-11-2016 20:56:53
เจอกันแล้ว!
แววดราม่ามาตั้งแต่ตอนแรก แต่เราก็ยังไม่ตกหลุมคุณริน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 07-11-2016 20:58:20
ตอนอ่านเรื่อง Miracle of love ใหม่ๆ แอบคิดว่าต้องดราม่าแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ ความรู้สึกเหมือนกับเรื่องนี้เลย เรายังคงเชือว่าความน่ารักสดใสของน้องจันทร์จะฆ่าความดราม่าได้ทั้งหมด


เปื่อยยุ่ย กับไส้เดือน ใช่จริงๆ ค่ะ  o18


เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 07-11-2016 22:52:34
ค้างงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 08-11-2016 08:42:51
ดีใจจังกลับมาแล้ว :bye2: :bye2: :bye2:
รอผลงานดีๆนะค่าาาา
 :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 08-11-2016 10:41:40
ตอนอ่านเรื่อง Miracle of love ใหม่ๆ แอบคิดว่าต้องดราม่าแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ ความรู้สึกเหมือนกับเรื่องนี้เลย เรายังคงเชือว่าความน่ารักสดใสของน้องจันทร์จะฆ่าความดราม่าได้ทั้งหมด


เปื่อยยุ่ย กับไส้เดือน ใช่จริงๆ ค่ะ  o18



เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ค่ะ :z2:


 :a11: :a11: :a9:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 08-11-2016 20:14:46
ทิ้งไว้ค้างแบบนี้อย่าให้รอนานนะคะ :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 10-11-2016 14:10:42
พรุ่งนี้จะได้อ่านตอนใหม่มั๊ยน๊า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 10-11-2016 17:07:22
เรื่องนี้ดี๊ดี...... o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 11-11-2016 13:33:42
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 15-11-2016 10:32:08
 :katai5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 15-11-2016 22:03:32
 o13 สนุกค่า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of WISH✿♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -2- [06.11.59] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 17-11-2016 13:02:40
'เจอแล้ว' เค้าเจอกันแล้ว แค่คำเดียวทำเราน้ำตาตกเลย เข้าใจหัวอกคนรอแล้ว มันทรมานสุดๆ แต่มันเป็นว่าที่คู่หมั้นของอีไส้เดือนแน่ๆ อีพี่สาขี้อิจฉานั่นน่ะ แต่ก็นะแค่ว่าที่เพราะจริงๆคนที่เค้ารอไม่ใช่แกอีใส้เดือนแต่คือคุณหนูจันทร์ต่างหาก แกแต่งไปสิได้ตายเหมือนเมียเก่ามันแน่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 18-11-2016 10:06:52
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน




-3-





“คุณจันทร์”

“อืม...”

“ตื่นได้แล้วครับ นอนทับตะวันแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก”

นอนทับตะวันเหรอ? ใคร? ผมพยายามจะหันไปมองแต่ก็เจอแค่ความมืด เอ๊ะ! นี่ผมหลับตาอยู่เหรอ? แล้วทำไมเปลือกตาถึงได้หนักอึ้งแบบนี้ล่ะ???

“คุณจันทร์จะตื่นดีๆ หรือจะให้ไอ้โซ่ช่วยปลุก?”

เดี๋ยวๆ ใจเย็นไว้เพื่อน อยากจะยกมือขึ้นห้ามแต่แค่จะเปิดเปลือกตาผมยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเลยครับ ผมต้องใช้ความพยายามในการควบคุมร่างกายอยู่พักใหญ่และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ดวงตาของผมเปิดโพลงจ้องเพดาน ลมหายใจหอบน้อยๆ ไม่นานนักใบหน้าคมคายเลื่อนเข้าบดบังสีนวลของฝ้าเพดาน คิ้วเข้มของไอ้โซ่ขมวดเข้าหากัน

“คุณจันทร์เป็นอะไร? ท่าทางยังกับโดนผีอำ”

ผมกระพริบตามองคนตรงหน้าเพื่อเรียกสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมองไปทางนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ท้องฟ้าทอสีแดงอมส้มบอกเวลายามโพล้เพล้ จากนั้นก็หันมองดูนาฬิกาเข็มสั้นตรงเลขหกพอดีครับ

“อืม... โดนผีอำ”

“เหยดดดดดดดดดดดดด”

สิ้นคำสบถ ร่างยาวๆ ก็กระโดดโหยงขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผมด้วยหน้าตาล่อกแล่กหวาดระแวงทุกอย่างรอบกายตามประสาคนกลัวผี

“จะกลัวทำไมเนี่ย คนที่โดนผีอำคือฉันนะ”

“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ”
เออ.. มีแบบนี้ด้วยแฮะ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ลุกๆ จะไปล้างหน้า”
ผมเดินลงจากเตียง ไอ้โซ่ก็เดินตามผมติดๆ มายืนเฝ้าหน้าห้องน้ำด้วยนะครับ

“คุณจันทร์”

“ว่า?”
ล้างหน้าไปด้วยก็ต้องขานรับตอบไปด้วย

“ผมอยากรู้ว่าผีอะไรมันกล้าอำคุณจันทร์?”
แปลกนะครับคนกลัวผีมักจะชอบฟังเรื่องผี

“ผีญี่ปุ่น”

“หืม??? ผีโกโบริเหรอ?”
นี่ก็คิดได้นะ

“ฉันเหมือนอังศุมาลินปะล่ะ?”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไอ้โซ่คงจะขมุบขมิบปากเหลือบตามองบนกับคำตอบของผมเป็นแน่ ถ้าหากขาผมยาวกว่านี้คงได้ยกถวายมันไปสักที ผมจึงทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้แล้วเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูจนแห้งสนิท รู้สึกสดชื่นขึ้นมากครับ และก็ทำให้ผมเพิ่งนึกอะไรออก

“โซ่.. ฉันมานอนในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คนถูกถามกระพริบตาทำหน้าเอ๋อ แล้วยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ

“คุณจันทร์ไม่รู้ แล้วผมจะรู้มั๊ยเนี่ย”
แหม— ให้มันได้แบบนี้สิครับ รู้ได้ทุกเรื่อง ทีเรื่องสำคัญไม่รู้ขึ้นมาซะงั้น

“ไอ้โซ่ก็จะถามคุณจันทร์อยู่เนี่ยว่าแอบมานอนหลับทับตะวันอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?”

สำรวจตัวเองหน้ากระจกและมองฝ่ายตรงข้ามผ่านเงาในกระจก ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังทำหน้าครุ่นคิด ผมรู้ว่าไอ้โซ่อาจจะโกหกคนอื่นได้แต่มันไม่มีวันจะโกหกผมอย่างแน่นอน และผมก็ไม่ใช่พวกที่ชอบตอแยมากความอยู่แล้ว อีกอย่างคำตอบสำหรับเรื่องนี้ผมนี่แหละที่เป็นคนรู้ดีที่สุด แต่ดันจำไม่ได้ซะงั้น เพราะฉะนั้นอย่าไปโทษใครเลยครับ

“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณจันทร์เข้ามานอนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าเมื่อเที่ยงน้ามลให้ผมมาตามคุณจันทร์ไปกินข้าว ผมเดินหาทั้งไร่ทั้งสวนก็ไม่เจอ แต่มาเจอคุณจันทร์นอนหลับอยู่ในห้อง ผมปลุกให้ไปกินข้าวก็ไม่ตื่น ผมเลยคิดว่าคุณจันทร์จะหนีพวกแขกเหรื่อที่มากันซะอีก เลยไปบอกน้ามลว่าคุณจันทร์กินข้าวกับผมที่ในครัวเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง”

เอาจริงๆ ผมไม่เคยนอนกลางวันยาวขนาดนี้ และแม้จะยังสงสัยและข้องใจ แต่คำอธิบายยาวเหยียดของไอ้โซ่ทำให้ผมต้องหลุดยิ้มออกมา

“หนีทำไม? ฉันเป็นเจ้าของบ้านนี้นะเฟ้ย”

“คุณจันทร์คิดแบบนี้ไอ้โซ่ก็สบายจายยย”
มีการทำหน้ากวนตีน ยักคิ้วแบบนักเลงให้ผมด้วย เท่ห์ตายล่ะ ฮ่าๆ

“ไปกินข้าวเถอะ หิวแล้ว” ตัดบทด้วยเสียงท้องที่ร้องประท้วง

เดินกอดคอกันออกมาจากห้องอย่างทุลักทุเลเพราะความสูงที่ต่างกัน อย่าบอกใครนะครับว่าเราโตมาด้วยกัน นี่ขนาดว่าผมแทบจะดื่มนมแทนน้ำแล้วนะเนี่ยความสูงของผมไม่พัฒนาขึ้นเลยสักนิด

“มาเร็วๆ ลูก อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”
แม่มลที่กำลังชะเง้อคอรออยู่รีบกวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม ว่าแต่ทำไมคุณแม่กับคุณเดือนยังอยู่ล่ะเนี่ย??? ผมคิดว่าพวกท่านจะกลับกันไปหมดแล้วซะอีก ผมหันมองหน้าไอ้โซ่เพื่อขอคำตอบ และมันก็กระซิบตอบมาว่า ‘คืนนี้เขาค้างที่บ้านสวนกันครับ’ ผมจึงทำได้แค่พยักหน้าเงียบๆ แล้วไอ้โซ่ก็ชิ่งวิ่งหนีไปกินข้าวในครัวอย่างไวทิ้งให้ผมเดินฉีกยิ้มเดินเข้าไปร่วมวงคนเดียว

ตามมารยาทอีกเช่นเคยครับ มาช้าให้ผู้ใหญ่รอก็ต้องยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกับแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาตำหนิและดูแคลนจากคุณแม่และคุณเดือน ด้วยการสนใจมองเมนูบนโต๊ะแทน อื้อหือ-- หมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่เจียวหมูสับทรงเครื่อง ผัดผักหวานป่ากับน้ำมันหอย แกงเลียงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง แล้วยังมีแกงป่าผักหวานใส่ปลากรอบ แสบท้องด้วยความหิวทันทีครับ แม้จะเป็นอาหารพื้นบ้านแต่ฝีมือแม่มล คุณยาย และป้าณี ผมการันตีว่าอร่อยทุกอย่างและผมก็ชอบทุกอย่างโดยเฉพาะผักหวานป่าที่ไม่ต้องซื้อหาที่ไหน มีอยู่ในไร่ในสวนเรานี่แหละครับ ว่าแต่คุณตากับพ่อต้อมไปไหนเนี่ย ผมหิวแล้วนะ

“มาแล้วเหรอลูก?”
พ่อต้อมก็ส่งเสียงมาแล้วครับ ผมยืดตัวส่งยิ้มให้คุณตาและพ่อต้อมที่เดินมาจากนอกชานอีกฝั่ง แต่รอยยิ้มของผมก็ต้องค่อยๆ หุบลงเพราะบุคคลที่เดินตามพวกท่านมา

“คนนี้คือน้องจันทร์ใช่มั๊ยครับ?”
ผู้ชายรูปร่างสูงสมส่วน ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ที่ผมจำได้แม่นยำว่านั่งใกล้สาวน้อยคนสวยของผมและคนที่ผมเจอตรงสวนหลังบ้านเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าสามารถฆ่าผู้หญิงได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกร่างกายเย็นวาบและชาหนึบไปทั้งตัวได้เท่ากับผู้ชายอีกคน

“อ่อ.. วันนี้ยังไม่ได้เจอกันนี่นา”
พ่อต้อมที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษมองผมแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปแนะนำผมให้ผู้ชายรูปร่างสูงอีกคนที่หน้าตานิ่งเรียบเฉยชาฟังเป็นภาษาอังกฤษ เห็นพ่อต้อมเป็นแค่เกษตรกรชาวสวนชาวไร่แบบนี้แต่จบปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศเชียวนะครับ เรื่องภาษาอังกฤษนี่พูดได้ไฟแล่บเลย

“จันทร์สวัสดีพี่เขาสิลูก นี่คุณอิเคดะแฟนคุณเดือนเขา ส่วนนี่คุณปลื้มชลล์เพื่อนของคุณอิเคดะ คืนนี้พวกพี่เขาจะค้างที่บ้านเราด้วย”
ในอกด้านซ้ายก็เต้นเร็วแรงจนรู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งอก

“จันทร์”
ราวกับว่าผมโดนมนต์สะกดให้สมองหยุดสั่งการและร่างกายหยุดการเคลื่อนไหว

“จันทร์.. ไหว้พี่เขาสิลูก”

“อ.. อ่อ..” แรงกระตุกจากคุณยายที่ยืนข้างๆ ทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัว

ผมยกมือขึ้นไหว้แขกทั้งสองคนโดยพยายามหลบสายตาคู่คม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมได้ยินเสียงคุณเดือนพูดขึ้นว่า ‘เรียกร้องความสนใจ..’ แม้เสียงของเธอจะเบาแต่ก็ได้ยินกันทั้งโต๊ะ แต่ทุกคนก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมอย่างพร้อมเพรียง

“กินข้าวกันเถอะ มีแต่อาหารพื้นบ้านไม่รู้จะถูกปากกันรึเปล่า?”
คุณตาที่นั่งหัวโต๊ะเชิญทุกคน แล้วก็ไม่ลืมที่เป็นห่วงเป็นใยผู้มาเยือน คุณปลื้มชลล์ตอบว่าชอบอาหารพื้นบ้านด้วยเสียงหนักแน่น ส่วนคุณเดือนก็รีบเป็นล่ามแปลภาษาให้แฟนตัวเองฟัง ผมไม่กล้าแม้แต่จะแอบมองว่าคนตอบกำลังทำหน้ายังไง

“คุณอิเคดะเขาชอบค่ะ” คุณเดือนตอบแทนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหวาน

ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า ทุกคนก็ลงมือกินได้ ผมเองก็ขอก้มหน้าก้มตากินเพราะหิวจริงๆ แต่ทั้งที่หิวผมกลับกินอะไรไม่ค่อยได้ ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ในอกด้านซ้ายก็ปวดหนึบแปลกๆ และผมก็ยังรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลา ลองเงยหน้าแอบมองรอบโต๊ะหลายต่อหลายครั้งแต่ทุกคนก็ทั้งกินและคุยกันไม่มีใครจ้องผมสักคน จะมีก็แต่แม่มลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ท่านส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเลื่อนจานผัดผักหวานป่าน้ำมันหอยของโปรดให้ผม

“กินแต่ผักแต่หญ้าจะไปโตทันคนอื่นเขาได้ยังไง”
มือที่กำลังจะตักผัดผักต้องชะงักค้างกลางอากาศ

“จันทร์แกชอบกินผักน่ะ โดยเฉพาะผักหวานป่านี่ของโปรดเลย”
คุณยายอธิบายคุณแม่ด้วยรอยยิ้มพลางตักหมูทอดกระเทียมพริกไทยใส่จานให้ผม

“ก็ถึงว่าไงถึงได้ตัวแค่นี้”
ในคำประชดประชันนี้ใครๆ ก็ฟังออกว่ามีความห่วงใยปะปนอยู่ แม้จะน้อยนิดก็ผมก็ยังสัมผัสได้ ผมจึงหันไปส่งยิ้มให้คุณแม่แทนคำขอบคุณ และบังเอิญได้สบกับดวงตาคมเข้มพอดิบพอดี อาการครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ดวงตาคู่นี้ และความรู้สึกแบบนี้ผมคิดว่าผมจำมันได้ดี เพียงแต่ผมไม่มั่นใจว่ามันป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงความฝันที่ผมเรียกว่าผีอำกันแน่
ขึ้นชื่อว่าลูกผู้ชายต้องกล้าหาญ ผมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วผ่อนออกเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะหันกลับไปจ้องตากลับเอาให้มันรู้กันไปว่าคนหรือผี แต่... ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มองมาที่ผมสักหน่อยนี่ครับ?? เขากำลังคุยอยู่กับคุณเดือนสายตาก็จดต่ออยู่ที่คุณเดือนไม่มีท่าทีจะสนใจผมด้วยซ้ำ เอ๋--- หรือว่าผมอุปาทานไปเองหว่า???

เพื่อความมั่นใจผมแอบมองทุกคนรอบโต๊ะอีกครั้งจากนั้นก็ตั้งสติกลับมาสนใจข้าวในจานของตัวเอง และตอนนี้ผมก็ขอเชื่อความรู้สึกและสัญชาตญาณว่ามันคือความจริงครับ ไม่มีผีอำและไม่มีอุปาทานใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมอยู่กับความฝันเรื่องเดิมที่วนซ้ำกันอยู่อย่างนั้นมาสิบกว่าปี ผมจำได้ทุกรายละเอียดโดยเฉพาะดวงตาคู่ที่ทำให้ผมเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ..

ตลอดมื้อเย็นผมไม่ได้สนใจในบทสนทนาของพวกผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ นอกจากแค่เรื่องราวของคุณปลื้มชลล์ที่ทายาทนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณอิเคดะ นอกจากจะอยู่ในวงการธุรกิจเหมือนกัน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือคุณปลื้มชลล์เป็นน้องชายฝาแฝดของคุณเปรมนทีป์ซึ่งเป็นน้องเขยของคุณอิเคดะ พูดถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกยอกในอกขึ้นมาทันที คนที่นั่งแนบชิดกับสาวน้อยอ้อยควั่นของผมที่แท้ก็คือคุณหมอเปรมนทีป์สามีของเธอครับ กระซิกๆ



.
.
.



จบมื้อเย็นด้วยดี ผมปล่อยให้พวกผู้ใหญ่เขาคุยสนทนากันต่อแล้วก็แอบย่องออกมาหาชู้รักอย่างไอ้คุณโซ่ พรุ่งนี้เราทั้งคู่จะตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเอาปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อไปขายที่ตลาดครับ ผมลืมบอกทุกคนใช่มั๊ยว่าทุกอย่างที่อยู่ในรั้วบ้านสวนไม่เคยขายผ่านพ่อค้าคนกลาง คุณตากับพ่อต้อมสอนผมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและการใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงเสมอว่าถ้าเหลือกินในบ้านก็ค่อยเอาไปขายที่ตลาด ทำเอง ปลูกเอง และขายเอง กำไรก็เอามาหมุนเวียนใช้ในครอบครัว บ้านเราจึงไม่เคยลำบากและไม่เคยขาดแคลนมีให้กินให้ใช้ตลอดทั้งปี 

นัดแนะเรื่องงานที่ต้องทำพรุ่งนี้กับไอ้โซ่เสร็จสรรพก็นั่งคุยเรื่องสาวๆ กันต่ออีกนิดหน่อย ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่ไอ้โซ่มันแอบชอบน้องสมายล์ลูกสาวกำนันเทพครับ และเนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องตื่นก่อนไก่โห่บวกกับผมรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนจะไม่สบายดังนั้นไอ้โซ่จึงอาสามานอนเป็นเพื่อน 

“โซ่..”
สะกิดเรียกคนที่นอนหลับหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างๆ

“ไอ้โซ่..”
ท่าทางมันจะหลับสนิทจริงๆ แต่ผมนี่สิข่มตาให้หลับเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ

หลังจากพลิกตัวไปมาจนเหนื่อย ในหัวก็ปวดตุบๆ ผมจึงลุกขึ้นนั่งนวดขมับตัวเองและมองเข็มนาฬิกาที่เดินติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก บอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง สงสัยเมื่อตอนกลางวันผมจะนอนเยอะไปหน่อยกลางคืนจึงนอนไม่หลับ แบบนี้คงต้องพึ่งนมอุ่นสักแก้วอีกตามเคย
ออกจากห้องนอนแล้วเดินไปบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายตรงระเบียงนอกชานสักหน่อย ผมเงยดูพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่แขวนอยู่บนผืนฟ้าสีเข้ม แล้วประดับประดาด้วยดวงดาวระยิบระยับนับล้านไม่ว่ามองกี่ครั้งก็รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่ง นี่แหละครับเสน่ห์ของบ้านสวน 

สมองโล่งขึ้นแล้วก็ต้องตามด้วยนมอุ่นๆ สักแก้วรับรองหลับสบายแน่นอน ว่าแล้วก็หันหลังกลับตรงไปห้องครัวกันเลยครับ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน แค่หันหลังมาก็ขนลุกเกลียวเลยทีเดียว

 “เหี้ย!!”
มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?! ถ้าผมตกใจจนเยี่ยวราดขึ้นมาจะว่าไงเนี่ย ดีนะที่ผมไม่ใช่คนกลัวผีเลยเรียกสติกลับมาได้อย่างว่องไว

“มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ขอเท้าสะเอวถามผู้ชายที่สูงเป็นเสาไฟฟ้าตรงหน้าหน่อยนะครับ ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมตระหนักได้ว่าตัวเองเตี้ยมากแค่ไหนและเพื่อเป็นการสร้างสมดุลแห่งความเท่าเทียม และไม่ต้องให้ผมเงยหน้าคุยจนเมื่อยคอ ผมจึงขอเว้นระยะห่างถอยไปตั้งหลักสัก 2 ก้าว ระหว่างนั้นก็แอบสำรวจฝ่ายตรงข้ามไปด้วย

สูงยาวเข่าดี ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ คิ้วดกดำคมเข้ม ดวงตาดำขลับคมลึกยากจะอ่านความหมาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง สวมเสื้อยืดเนื้อดีสีขาวกับกางเกงวอร์มแบรนด์กีฬาชื่อดัง รวมๆ แล้วก็หล่อดีนะ แต่น้อยกว่าผมนิดนึง

“นี่คุณ.. ผมถามทำไมไม่ตอบ?”

“อ่อ.. ลืมไปครับว่าคุณพูดภาษาไทยไม่ได้นี่หว่า”
ถามเองตอบเองก็เป็นนะผมเนี่ย

“โกเมนนะไซ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย

“ห๋า? อะไรนะ? แถวนี้ไม่มีต้นไทร แล้วจะมาก้มหัวให้ผมทำไม?”
 อะไรของเขาว่ะเนี่ย? ผมลองมองแบบประเมินสถานการณ์ครู่นึงแล้วจึงพูดต่อ

“คุณชื่ออะไรนะ? ยูเหรอ? นอนไม่หลับรึไงคุณ?”
รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจแต่ผมอยากจะพูดภาษาไทยอะ ใครจะทำไม?

“นอนไม่หลับสินะ งั้นเอานมอุ่นๆ สักแก้วมั๊ย?.. เอาละกัน”
ถามแล้วก็ตอบให้อีกฝ่ายเรียบร้อยก่อนจะเดินนำพามาไปที่ครัว ผมรินนมใส่แก้วกระเบื้องสองแก้วแล้วยกเข้าไมโครเวฟ ระหว่างรอเวลา ผมก็หันไปสนทนากับอีกฝ่าย(?)

“พูดภาษาไทยก็ไม่ได้แล้วมาชอบคนไทยทำไมเนี่ย?”
รอดูปฏิกิริยาฝ่ายตรงข้ามนิดนึง เมื่อเห็นว่ายังนิ่งผมก็พูดต่อได้ ฮ่าาา

“จะจีบคนไทยก็ต้องพูดภาษาไทยให้ได้สิคุณ”

“อ่อ.. เดี๋ยวนะ คุณชื่ออะไรนะ อิเคดะ ยู ใช่มั๊ย?”
ผมพูดชื่อถูกปะเนี่ย? แต่เห็นเจ้าตัวยังคงยืนนิ่งใบหน้าก็นิ๊งนิ่งเรียบเฉยจนดูเหมือนคนเย็นชาแสดงว่าผมพูดชื่อเขาถูกแน่นอน

“ยู ที่แปลว่า คุณ หรือ เธอ ใช่มั๊ย?”
คนตรงหน้านิ่ง ผมจึงพยักหน้าหงึกๆ ให้ตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นผมเรียก พี่คุณ พี่คุณ เหมือนเรียกพี่นิชคุณก็ได้น่ะสิ ฮ่าาา”
อย่าเพิ่งคิดว่าผมบ้านะครับ ผมแค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไปก็เลยหาเรื่องคุยไปเรื่อย


ติ๊ก..


เสียงเตือนไมโครเวฟช่วยผมไว้พอดี

“ดื่มซะสิจะได้หลับสบาย”
ผมยื่นแก้วนมที่กำลังอุ่นพอดีให้อีกฝ่าย มือใหญ่รับแก้วจากผม ทำให้บังเอิญปลายนิ้วของเราชนกัน สัมผัสเพียงแผ่วเบาแต่ทำเอาผมสะดุ้งเหมือนโดนไฟลวก และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องจ้องดวงตาคู่คมแบบตรงๆ

นิสัยของผมคือเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรให้มากความ ผมไม่ชอบเอาเปรียบใครและไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ผมเป็นคนตรงไปตรงมาหรือที่พ่อต้อมบอกว่าถึงตัวจะเล็กแต่ใจต้องนักเลง เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมขอพูดออกไปตรงๆ แม้จะเป็นการพูดอยู่คนเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจสักนิดก็ตาม

“คุณไม่รีบใช่มั๊ย? นั่งคุยด้วยกันก่อนสิ”
นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะหันพยักเพยิดหน้าและปุ้ยปากไปที่เก้าอี้ข้างๆ กัน อีกคนก็นั่งตามอย่างว่าง่ายและถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปเอง ผมคิดว่าผมเห็นรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคมนั่นแว่บนึงนะ

พอเอาเข้าจริงก็แอบประหม่านิดๆ นะครับ อากาศในตอนกลางคืนของบ้านสวนเย็นสบายแต่ทว่าเหงื่อผมกลับซึมเต็มทั่วแผ่นหลัง ยิ่งเมื่อไหร่ที่ผมมองหน้าอีกฝ่ายแบบตรงๆ ลมหายใจของผมก็ยิ่งติดขัด

 “เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่มั๊ย?”
หลังจากคำถามนี้หลุดออกจากปากผมก็แทบอยากจะตบปากตัวเองสักทีสองที แมร่มเอ้ย! เริ่มประโยคแรกได้แต๋วแตกเหมือนจีบสาวเลย มีคำถามเป็นร้อยอยู่ในใจทำไมปากมันหลุดคำถามนี้ออกมาได้ฟร๊ะ! แต่โชคดีที่คู่สนทนาไม่เข้าใจภาษาไทยผมจึงรอดตัวไม่ต้องตบปากตัวเอง 

เงียบไร้ซึ่งคำตอบ เพราะคนถูกถามไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพูด แต่ผมก็ยังอยากจะพูดมันออกมาทั้งหมด พูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในหัวใจ ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ โดยไม่คิดจะหลบสายตาตรงหน้า แล้วจู่ๆ ผมจะรู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งอก เมื่อไหร่ที่ได้สบดวงตาคู่คมที่ลึกล้ำตรงหน้า มันทำให้ผมหายใจลำบากเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะต้องอดทนให้ถึงที่สุด

“คุณทำให้ผมหายใจไม่ออก”
ผมกำรอบแก้วนมจนเกร็งแน่น และพยายามควบคุมสีหน้าและโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุด แต่มันก็ทำไม่ได้

“เมื่อตอนสาย.. ที่.. โรงเพาะเห็ด นั่นคือ.. คุณ.. ใช่มั๊ย?” เสียงของผมสั่นและกระท่อนกระแท่น

ความอุ่นจากแก้วนมที่ถืออยู่ในมือหายไปและกลับกลายเป็นความเย็นเฉียบ จนผมไม่สามารถประคองแก้วได้อีกต่อไปจึงต้องวางมันลงบนโต๊ะ พร้อมกับที่ร่างกายของผมเริ่มจะหมดแรงเอาเสียดื้อๆ เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่??

มือใหญ่จับต้นแขนของผมไว้แล้วดึงให้ร่างของผมอยู่ในวงแขนแกร่ง น่าแปลกที่ผมไม่สามารถจะต้านทานหรือขัดขืนใดๆ ได้เลย

“คุณ....”

อาจจะเป็นเพราะความเงียบที่โรยตัวอยู่ในค่ำคืน ผมจึงได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายมันเต้นเป็นจังหวะมั่นคงผสานรวมกับอ้อมแขนที่กระชับแน่น มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และคุ้นเคยอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และมันคงนานมากจนผมไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดเหล่านั้นได้เลย จะมีเพียงแค่เรื่องเดียวนั่นคือ ‘ความฝัน’ ที่เป็นเหมือนฉากละครฉายซ้ำวนไปวนมาเหมือนจะตอกย้ำฝังในจิตใจ

ถ้าหากความฝันคือจุดเชื่อมโยงของเรื่องราว ณ ตอนนี้...

“คุณมาที่นี่... เพราะคุณเดือน หรือ.. เพราะผมกันแน่?” น้ำเสียงของผมสั่นเครือและกระบอกตาก็ร้อนผ่าวอย่างไร้สาเหตุ

เพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลก็ตอนที่คนตัวโตกว่าเช็ดน้ำตาบนแก้มให้ ดวงตาของเราทั้งคู่ไม่ละออกจากกัน แม้ผมจะไม่สามารถเดาความหมายทางสายตาของอีกฝ่ายได้แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในดวงตาคู่นั้นคือเงาของผมเอง

“ทซึกิ...”
เสียงทุ้มที่แฝงได้ด้วยอำนาจและความแข็งแกร่งเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ และผมก็ไม่ต้องการแบบนี้

“คุณควรจะไปเรียนภาษาไทยเพื่อมาพูดอธิบายให้ผมเข้าใจสิ.. ฮึก”

ให้ตายเหอะ! ลูกผู้ชายอย่างผมไม่เคยอ่อนแอจนถึงขั้นร้องไห้ให้ใครเห็นได้ง่ายๆ หรอกนะ แต่ทำไมเวลานี้ผมถึงได้อ่อนแอและเจ็บปวดซะเหลือเกิน ได้โปรด ช่วยพูดอะไรออกมาให้ผมได้เข้าใจอย่าให้ผมต้องติดอยู่ในวังวนที่ผมหรือใครไม่สามารหาคำตอบได้อีกเลย ฮึก...

“อย่าร้องไห้สิ.. ทซึกิ..”
ถ้ามันทำได้จะมีลูกผู้ชายคนไหนอยากจะร้องไห้เป็นสาวน้อยแบบนี้บ้างล่ะ? ฮึก.. ฮือออ.. เฮ้ยยย!! ผมรีบปาดน้ำตาแล้วมองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจชัดๆ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ????

“รอนานมั๊ย?”

ภาษาไทย????
ผู้ชายญี่ปุ่นที่คุณเดือนและคุณแม่บอกว่าพูดภาษาไทยไม่ได้กำลังพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงชัดถ้อยชัดคำอยู่กับผม????


ยังไม่ทันที่ผมจะได้รับคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม ใบหน้าคมเข้มที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งดุจนักรบเผยรอยยิ้มละมุนชนิดที่ทำเอาโลกของผมหมุนคว้างด้วยความเคลิ้มไหว และเมื่อริมฝีปากบางค่อยๆ โน้มลงมาใกล้.. ใกล้.. และใกล้จนแตะริมฝีปากของผม เมื่อนั้นโลกทั้งใบของผมก็หยุดหมุน สรรพสิ่งรอบกายหยุดการเคลื่อนไหว ความปั่นป่วนรวดร้าวที่เป็นดั่งระเบิดเวลาที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจมาเนิ่นนานแสนนานถูกทำลายลงอย่างสิ้นซากและแสนง่ายดาย


ทว่า.. นี่มันคือจุดจบหรือจุดเริ่มต้นกันล่ะ?




.
.
.
.


TBC...  :oni2:





มาแล้วๆๆๆ ตอนที่ 3 มาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้คนอ่านรอกันตลอดเลย  :m17:
สงสัยนิยายเรื่องนี้จะมีอาถรรพ์ค่ะ แต่งจบ 1 ตอน รินไม่สบายไป 1 อาทิตย์ตลอดเลย  :a6:

ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบและติดตามเรื่องนี้นะคะ อย่าเพิ่งทิ้งน้องจันทร์ไปไหนนะคะ  :impress:

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 18-11-2016 10:08:40
ตอนอ่านเรื่อง Miracle of love ใหม่ๆ แอบคิดว่าต้องดราม่าแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ ความรู้สึกเหมือนกับเรื่องนี้เลย เรายังคงเชือว่าความน่ารักสดใสของน้องจันทร์จะฆ่าความดราม่าได้ทั้งหมด


เปื่อยยุ่ย กับไส้เดือน ใช่จริงๆ ค่ะ  o18


เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ค่ะ :z2:


ติดตามกันไปเรื่อยๆ และตลอดจนจบนะคะ อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-11-2016 10:42:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 18-11-2016 11:38:18
มาแล้ววววววว  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-11-2016 13:00:31
เขาเจอกันแล้ว  :กอด1:
หมั่นไส้ยัยคุณเดือนสุดๆ  :serius2: ทำตัวไม่น่าเข้าใกล้เลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 18-11-2016 13:03:54
อิอิ น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-11-2016 13:18:01
โอ้ยยยยยยย ฮาตรงที่พูดไทยได้นี่แหละ
อ่านแล้วลั่นเลย
เจ้าจันทร์ของเราก็พล่ามซะน้ำไหลไฟดับ เพราะเข้าใจว่าเค้าฟังไม่รู้เรื่อง
555555555555555555
ขออีกๆ ตอนหน้ามาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 18-11-2016 13:31:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 18-11-2016 14:02:17
หมั่นไส้เดือนแรงมาก อะไรคือการทำตัวเป็นนางร้ายใส่น้องตัวเอง จันทร์ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-11-2016 14:19:20
นายจันทร์ปล่อยไก่ตัวใหญ่เลยครับผม
อิอิ
พี่เค้าฟังออกพูดได้จ๊ะหนู เงิบเบาๆ
สมกับการรอคอย สนุกมากกก

แล้วพี่หมอกับลูกหายไปไหนนนนนอ่า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 18-11-2016 14:40:52
ไม่เข้าใจอิคุณไส้เดือน จะโทษว่าคุณแม่เปื่อยยุ่ยเลี้ยงมาไม่ดีหรือเพราะสันด-นของตัวเองกันแน่ น้องจันทร์ไปเหยียบตาปลาก็ไม่ใช่ จะมาแขวะน้องทำไมไม่ทราบ  :z6:

ฮา น้องจันทร์มากลูก  :t2: พูดไปเยอะเลยคิดว่าพี่เขาไม่เข้าใจสินะ ฮ่าาาาาาาา แต่ที่ไหนได้ แน่ะ มีถามว่า รอนานมั๊ยด้วย อิอิ  :z2:  ณ จุดนี้แอบสะใจอิคุณไส้เดือนเบาๆ  o18
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-11-2016 14:51:12
ได้คุยกันแล้วๆๆ คุยกันสามคำข้ามไปจูบเลย ดีงาม คึคึ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-11-2016 18:36:52
อยากอ่านอีก ><
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-11-2016 19:22:32
ลงชื่อตามอ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 18-11-2016 19:52:45
เป็นบุญของน้องจันทร์เหลือเกินที่ไม่ถูกเลี้ยงมาให้นิสัยแบบอิไส้เดือน  :z6:
ขำน้องจันทร์ ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อแถมโดนจุ๊บปิดปากอีกต่างหาก อร๊ายยยย  :-[ อยากให้อิไส้เดือนมาเห็นฉากนี้จริงๆ หมั่นไส้นางมาก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 18-11-2016 19:58:17
ได้คุยกันแล้ว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-11-2016 21:26:09
แล้วยู จะทำอย่างไรต่อ
เป็นว่าที่พี่เขย แต่ชอบน้องจันทร์
เดี๋ยวยัยไส้เดือน ก็หาว่าน้องแย่งผู้ชายของตัวเองแน่เลย
หรือว่ายัยไส้เดือน เข้าหายู ก่อนเพราะยู หล่อ รวย
หรือยัยไส้เดือน โมเมไปเองว่า ยู ชอบตัวเอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-11-2016 21:47:31
ทำไมถึงหมดสติทุกทีเลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 19-11-2016 02:44:43
แมนๆคุยกันนนน ฮาาาา :o :o
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 19-11-2016 09:11:27
พระเอกเรื่องนี้มาแรงมาก พูด 2 ประโยคจับจูบเลย  :hao6:
น้องจันทร์น่ารักอะ แต่พี่สาวน้องนี่สิ ยี้ อิไส้เดือน :beat:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 19-11-2016 13:06:49
นี่ขนาดน้องจันทร์ยังไม่ทำอะไร อิคุณไส้เดือนยังทำตัวน่ายี้ขนาดนี้ ถ้าหากน้องจันทร์ชูปาดูวับกับว่าที่คู่หมั้นของตัวเองขึ้นมาไม่อ๊วกไปเลยเหรอเนี่ย ดูสิแค่เค้าคุยกันไม่กี่คำเค้าก็ม๊วฟกันแระ ถ้าคุยกันมากกว่านี้คง  :oo1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 19-11-2016 13:08:24
อยากอ่านอีก ><

อีกเสียงค่ะ อยากอ่านอีกกก  :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 19-11-2016 20:45:25
ค้างอีกแล้ว   :ling1:

แต่ตอนนี้ขอ  :beat: คุณไส้เดือนสักทีเถอะค่ะ หมั่นไส้จริงๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 19-11-2016 23:05:05
จะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้
ว่าที่พี่เขยกลับกลายเป็นคนที่ผูกพันมานาน
นี่ถ้ายัยใส้เดือนรู้นะคงกรี๊ดบ้านแตกหาว่าน้องแย่งของพี่ ทั้งๆที่จริงแล้วเค้ารอคอยซึ่งกันและกันมาโดยตลอด // เชื่อว่าความน่ารักสดใสของหนูจันทร์จะสยบนางมารร้ายและลบล้างมาม่าได้อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 20-11-2016 10:09:23
ทำไมรู้สึกสมน้ำหน้ายังไส้เดือนอยู่ลึกๆ เนี่ย :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-11-2016 11:24:08
โอ้ยยยย คือจำกันได้
 คือพูดไทยได้เพราะปาฏิหาร์ยด้วยรึเปล่า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 20-11-2016 16:58:46
ชักจะเริ่มสนุกมากขึ้นแล้วล่ะสิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 20-11-2016 17:00:02
โอ้ยยยยยยย ฮาตรงที่พูดไทยได้นี่แหละ
อ่านแล้วลั่นเลย
เจ้าจันทร์ของเราก็พล่ามซะน้ำไหลไฟดับ เพราะเข้าใจว่าเค้าฟังไม่รู้เรื่อง
555555555555555555
ขออีกๆ ตอนหน้ามาต่อไวๆน้าา

ฮาตอนนี้เหมือนกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 21-11-2016 19:31:26
 :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 24-11-2016 10:35:00
รอคอย ลอยคอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 25-11-2016 09:06:41
ตามมาจากน้องไอค่ะ เนื้อเรื่องแนวนี้อีกแล้ว ชอบบบบบบ
นายเอกของเราก็ซนๆเหมือนกันนะเนี่ย พระเอกเลยต้องนิ่งๆ :hao3:
พระเอกเพิ่งจะพูดไม่กี่ประโยค แต่เราชอบไปแล้วล่ะ
ในที่สุดก็หากันเจอ เอ็นดูน้องมากๆนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 25-11-2016 11:38:05
เล่าได้นวลนิ่มมาก ป้าชอบ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-11-2016 11:43:03
 เพิ่งมาอ่านคับ สนุกมาก ชอบเลย ชอบบุคคลิกจันทร์ ดูภายนอกไม่มีอะไรแต่เอาเรื่องเหมือนกัน พอเจอพระเอกก็ระทวยไปเลย
 รออ่านต่อตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 25-11-2016 21:36:59
ติดตามผลงานคนแต่งมาจากเรื่องที่แล้ว แต่งได้สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 30-11-2016 20:13:15
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 03-12-2016 09:38:20
น่ารักจัง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -3- [18.11.59] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 05-12-2016 19:16:44
 o13 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 07-12-2016 20:47:52
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน




-4-






ตลาดเช้าในตัวอำเภอมีทุกวันจันทร์และวันศุกร์ พ่อค้าแม่ค้าเริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่อย่างคึกคักตั้งแต่ตีสี่ ถ้าหากเป็นพ่อค้าแม่ค้าขาจรก็เอาใบตองมาวางขายบนพื้น แต่ถ้าขาประจำก็จะมีแคร่ไม้เป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าแคร่ไม้จากสวนครูเอี่ยมก็เป็นขาประจำเช่นเดียวกัน เนื่องจากบ้านสวนของผมทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมตามทฤษฏีใหม่ ดังนั้นผลผลิตจากการเกษตรจึงมีตลอดปีและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล มีรายได้ไม่เคยขาดแถมไม่มีพ่อค้าคนกลางมาเก็งราคาสินค้าอีกด้วย ทำเอง ขายเอง เลี้ยงตัวเองได้ ดำเนินชีวิตตามที่พ่อหลวงท่านสอนไว้แล้วจะมีความสุขครับ

เมื่อวานพ่อต้อมให้คนจับปลาจากในบ่อและวิดปลาจากในนาได้ปลามาเยอะมากมายหลากหลายชนิด ทั้งปลาสลิด ปลาดุกนา ปลาหมอ และปลาช่อน หลังจากแบ่งปันให้คนงานที่มาช่วยก็ยังเหลือมากพอที่จะเอามาขาย เช้าวันนี้ผมกับไอ้โซ่จึงต้องเป็นพ่อค้าปลาที่หน้าตาดีที่สุดทั้งตลาด ผมมีหน้าที่นำเสนอและเรียกลูกค้า ส่วนไอ้โซ่รายนั้นได้รับวิทยายุทธจากป้าณีในการแล่ แถ หั่น สับ ปลามาอย่างชำนาญ แค่ลูกค้าบอกว่าจะให้ทำยังไงกับปลาพ่อค้าโซ่จัดให้ได้อย่างสวยงาม

เอาใบตองที่พ่อต้อมตัดไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานปูรองแคร่ก่อนแล้วจึงจัดปลาแต่ละชนิดลงบนใบตองอีกที ไอ้โซ่นั่งประจำที่หน้าเขียง ส่วนผมก็ยกตาชั่งมาวางเยื้องหน้าตัวเอง ฟ้ายิ่งสว่างคนยิ่งคึกคักครับ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไม่มีสะดุด แม้แต่ผมที่ถ้านับจริงๆ ก็ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่กลับไม่รู้สึกง่วงหรือปวดหัวสักนิด หน้าตาก็ยังหล่อสดใสตามสไตล์นายศศินเหมือนเดิม แต่ความจริงแล้วผมมีความเกร็งแอบซ่อนอยู่ สาเหตุที่มาของความเกร็งนั้นคืออะไรก็ลองถามผู้ชายตัวโตที่นั่งหน้านิ่งเป็นรูปปั้นหินข้างๆ ผมดูสิครับ

“ไปนั่งรอที่รถก็ได้นะครับ”

กระซิบด้วยเสียงที่ผมคิดว่าจะไม่สามารถลอยไปกระทบหูคุณชายโซ่ได้ แต่คำตอบที่ได้รับนอกจากความเงียบแล้วก็ยังมีใบหน้าที่นิ่งเรียบและดวงตาเฉี่ยวที่ดุดันเป็นองค์ประกอบอันแสนเยือกเย็น ช่างเป็นผู้ชายที่มีรังสีจิตสังหารได้น่ากลัวจริงๆ แบบนี้ลูกค้าของผมจะหนีหายไปหมดรึเปล่าเนี่ย? ชักกลุ้มแล้วล่ะสิ ตั้งแต่ออกจากบ้านและขึ้นรถมาพี่แกนั่งเงียบมาตลอดทาง ถามอะไรก็ไม่ตอบ ผมล่ะแปลกใจเหลือเกินว่าคุณแม่กับคุณเดือนคุยเล่นและหัวเราะกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไงทั้งๆ ที่หน้าตาของคู่สนทนาพร้อมจะฆ่าคนตายได้ทุกเมื่อขนาดนี้

“ไม่ถามแล้วก็ได้” ผมพึมพำเบาๆ กับตัวเองนะครับ แต่พ่อค้าโซ่ก็ยังหูไวเหลือเกิน

“ถามอะไรเหรอครับคุณจันทร์?”

“อ่อ.. ถ.. ถามว่าหิวมั๊ย?”

“คุณจันทร์หิวเหรอ?”

“แค่อยากได้ชาเย็นสักถุง ตาจะได้สว่างๆ หน่อย” ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีกลบเกลื่อนนิดนึง

“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ ว่าแต่... คุณเขาจะเอาด้วยมั๊ย?”
ไอ้โซ่ส่งสายตาปริบๆ ให้ผม แล้วจะให้ผมทำยังไงได้นอกจากหันไปถามอีกคน

“คุณจะเอาชาเย็นหรือกาแฟเย็นมั๊ย? เจ้านี้ทำอร่อยนะ เข้มข้นสุดๆ”
คนถูกถามมองหน้าผมเป็นสายตาเย็นชาที่ให้ความรู้สึกเย็นวาบทั่วแผ่นหลัง

“คุณจันทร์ล่ะก็.. ถามภาษาไทยแล้วคุณเขาจะเข้าใจมั๊ย?”

เข้าใจสิ ทำไมจะไม่เข้าใจ หมอนี่พูดภาษาไทยชัดแจ๋วเลยนะ ผมมองคนตัวโตเพื่อรอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการนิ่งเฉยเหมือนเดิม ผมยอมแพ้แล้วล่ะครับ

“ของฉันเอาเหมือนเดิม ส่วนของ... กาแฟเย็นโบราณล่ะกัน”

รับออร์เดอร์แล้วไอ้โซ่ก็ลุกขึ้นรีบเดินไปร้านน้ำเจ้าประจำอย่างคล่องแคล่ว ผมรอให้ไอ้โซ่เดินไปลับตาแล้วจึงหันมาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

สงสัยกันใช่มั๊ยล่ะครับว่าทำไมว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนถึงได้มานั่งส่งกระแสจิตสังหารอยู่ตรงนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อคืน หลังจากที่เรา.. อืม... แบบว่า... แตะปากกัน?? สติของผมกระเจิงไปครู่ใหญ่แต่เมื่อตั้งหลักได้ผมก็วิ่งหลบเข้าไปในห้องนอน ข่มตาให้หลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่น ออกจากห้องมาก็เจอพ่อต้อมยืนฟุดฟิดฟอไฟอยู่กับบุรุษญี่ปุ่น และแค่ประโยคเดียวจากพ่อต้อมที่หันมาบอกกับผมว่า ‘พาพี่เขาไปดูตลาดบ้านเราด้วยสิลูก’ ผมก็ต้องสละที่นั่งให้ผู้ชายตัวโตๆ มาเบียดด้วย ลองกระซิบถามแล้วว่าตามมาทำไม? แต่ก็ได้แค่ความเงียบนั่นแหละครับเป็นคำตอบ ผมจึงไม่ถามอีกเลย

“เป็นใบ้รึไง?”

แน่ะ ทีแบบนี้ล่ะยิ้มได้ บรรยากาศจิตสังหารหายไปเปลี่ยนเป็นความหล่อละลายใจได้แค่พริบตาเดียว แล้วทำไมแก้มผมถึงได้ร้อนผ่าวๆ แบบนี้ล่ะ??

“กวนส้นตีน”

บุ้ยปากใส่ไปด้วยทีนึง และช่วงจังหวะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายก็ดีดลงตรงริมฝีปากของผม

“โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย”

แมร่ม! ดีดมาได้นี่ปากนะเว้ย ไม่ใช่หนังยาง เจ็บฉิบหาย แล้วดูสิทำคนอื่นเจ็บแล้วยังจะมาทำหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เรียกชื่อสิ”

น้ำเสียงทุ้มพูดนิ่งๆ คล้ายเหมือนเป็นคำสั่ง แต่ผมก็ไม่แคร์หรอกนะ จะให้ผมเรียกคุณอิเคดะเหมือนคุณเดือนน่ะเหรอ?? ไม่มีทางเด็ดขาด

“ไม่!”

ปฏิเสธอย่างชัดเจน จากนั้นก็เบนสายตาไปมองบรรยากาศรอบๆ ผู้คนเริ่มหนาตาขึ้นบ้างแล้วครับ และผมก็เห็นหลังไอ้โซ่ไวๆ สงสัยจะเดินไปซื้อปาท่องโก๋ตรงหน้าตลาด ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเบาๆ ลอยมาประทบหู ‘ดื้อ’ ผมนี่หันขวับไปมองทางต้นเสียงเลยครับ

“คุณว่าใคร?”

“ทซึกิ..”

ใบหน้าคมตอนที่เอ่ยชื่อนี้นิ่งเรียบไร้ความรู้สึก แม้แต่ดวงตาคู่ดำเข้มก็ยังลึกล้ำยากจะเดาความหมาย และทั้งๆ ที่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่า ‘ทซึกิ..’ คือใคร แต่ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพูดชื่อนี้ออกมา ผมก็สามารถรับรู้ถึงความอบอุ่นในน้ำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี
ดวงตาคมเข้มจ้องสะกดให้ผมหยุดสายตานิ่ง

“ทซึกิ.. แปลว่าดวงจันทร์”

จบประโยคนั้นคำถามแรกที่สวนขึ้นมาในความคิดก็คือ ‘ดวงจันทร์..หมายถึงผมหรือคุณเดือน??’

ฝ่ามือใหญ่แนบลงบนแก้มของผม ในอกด้านซ้ายเต้นระทึกราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง

“มิกิ.. ก็แปลว่าดวงจันทร์..”

คิ้วของผมขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกชื่อที่ไม่คุ้นหู

“มิกิ.. พี่สาวของนาย”

เจ็บ.. ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจที่เต้นระทึกอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เหมือนถูกบีบอย่างแรงด้วยคีมเหล็กร้อนๆ ผมปัดมือที่ประคองแก้มของผมออก แล้วหันหน้ากลับมามองความเป็นจริงอันแสนวุ่นวายของตลาดเช้าอีกครั้ง ซึ่งพอดีกับที่ไอ้โซ่เดินถือถุงชาเย็นและกาแฟเย็นรวมทั้งปาท่องโก๋มาเต็มมือพร้อมกับคุณป้าคนหนึ่งที่เดินมาหยุดยืนหน้าแผงปลาของผม

“ปลาสลิดนี่ขายยังไง?”

“ตัวใหญ่กิโลละสองร้อยห้าสิบ ตัวเล็กกว่าหน่อยกิโลละสองร้อยครับ”
คุณป้าจิ้มๆ ตัวปลาดูความแน่นของเนื้อและความสดอยู่ครู่เดียว

 “เอาตัวใหญ่กิโลนึงละกัน ป้าจะเอาไปทำปลาสลิดแดดเดียว พ่อค้าทำปลาให้ป้าด้วยนะ เดี๋ยวป้ากลับมาเอา”
หยิบปลาที่คุณป้าเลือกขึ้นชั่งกิโลให้เห็นกันชัดๆ ว่าไม่โกง

“ขอบคุณครับ”
รับแบงค์สีม่วงไว้ก่อนจะทอนกลับ ระหว่างนั้นไอ้โซ่ก็เอาปลาไปตัดหัว และควักไส้แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเตรียมใส่ถุงรอคุณป้าเดินวนกลับมารับสินค้าอีกรอบ ส่วนผมก็เอาแบงค์เมื่อครู่มาตบๆ ลงบนแผงเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ไม่นานลูกค้าก็ต่อคิวเลือกปลากันเต็มหน้าร้าน เกินครึ่งเป็นลูกค้าประจำครับ ทำให้ยังไม่ทันจะ 7 โมงเช้า ผมกับไอ้โซ่ก็ขายปลาได้หมดทั้งแผง เพราะฉะนั้นเก็บของกลับบ้าน แต่ก่อนจะกลับเราจะต้องไปซื้อของเข้าครัวให้คุณยาย แม่มล และป้าณี ด้วยครับ

“คุณจันทร์..”

“หืม?”

“ทำไมปล่อยให้คุณพี่เขาเดินคนเดียวล่ะครับ?”

ผมเหลือบมองคนที่ไอ้โซ่กำลังพูดถึง ฝ่ายนั้นเดินตามหลังพวกเราอยู่ห่างๆ หรือจะพูดให้ถูกก็คือผมเลิกสนใจอีกฝ่ายตั้งแต่พูดไม่เข้าหูแล้วครับ

“ถ้าเป็นห่วงก็ไปเดินกับเขาสิ”

“งอน?”

ตวัดหางตาใส่ไอ้คนที่ยืนอมยิ้มกรุบกริบอยู่ข้างๆ ไปหนึ่งที ใครงอน?

“คุณเขาไปทำอะไรล่ะครับ คุณจันทร์ของไอ้โซ่ถึงได้งอนแบบนี้”

“พูดให้ดีๆ ใครงอน?”

“โอเค.. ไม่งอนก็ไม่งอน”

ผมเป็นผู้ชายนะครับ ผู้ชายทั้งแท่งและก็ชอบผู้หญิงด้วย อย่าเข้าใจผิดว่าผมเป็นตุ๊ดหรือเกย์ถึงจะได้ทำแง่งอนเหมือนผู้หญิง ยกเว้นแต่เรื่อง เอ่อ.. จูบ.. เมื่อคืนเท่านั้นที่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่คิดรังเกียจเมื่อโดนผู้ชายคนนี้จูบ ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกราวกับว่าถวิลหาอ้อมกอดนี้มานานแสนนาน ความอบอุ่นและอ่อนโยนที่ได้รับเหมือนเข้ามาเติมรอยกลวงโบ๋ในหัวใจให้เต็ม มันอิ่มเอม และคุ้นเคย อย่างกับว่าเราทั้งคู่รู้จักกันมานาน ทั้งที่ความจริงแล้วเราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน..




.
.
.
.




แปดโมงเช้าคือเวลาที่พวกเรากลับถึงบ้าน รถยังไม่ทันจะได้เลี้ยวเข้ารั้วผมก็เห็นสายตาอาฆาตแค้นของคุณเดือนที่ยืนรอแฟนอยู่ตรงหัวกระไดบ้าน ผมเดินขึ้นบ้านโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น แม้กระทั่งท่าทางขยะแขยงที่คุณเดือนทำใส่ตอนที่ผมเดินผ่าน มื้อเช้าผมก็ขอปฏิเสธเพราะอิ่มซาลาเปาปาท่องโก๋มาจากตลาดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผมแค่อยากจะอาบน้ำเต็มแก่เพราะรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวเต็มแก่ อีกทั้งยังง่วงนอนอีกต่างหาก

ใช้เวลาอาบน้ำครู่ใหญ่รู้สึกเบาตัวขึ้นเยอะ แต่กลับไม่รู้สึกง่วงเหมือนก่อนหน้านี้สักนิด แต่งตัวเสร็จผมก็นั่งลงตรงขอบเตียงใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมที่เปียกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนั้นปรากฏตัว ผมเป็นคนเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมาตลอดเพราะฉะนั้นในครั้งนี้ผมก็เชื่อว่าความเกี่ยวข้องระหว่าง 'อิเคดะ ยู' กับผู้ชายที่อยู่ในความฝันนั้นมีความเชื่อมโยงถึงกันอย่างแน่นอน

ในความฝันผมเป็นคนเอ่ยประโยค ‘อิทซุมาเดะโมะ อะนาตะฮะ วะตาชิ โวะ มิทซุเคะดะดะชิเตะกุดะไซ’  ซึ่งมีความหมายว่า ‘ไม่ว่านานแค่ไหน ท่านจะต้องหาข้าให้เจอ..’ ประโยคที่ไม่ใช่การร้องขอแต่เป็นการพูดออกมาจากความรู้สึกอันแสนเจ็บปวดและทรมาน มันจึงเป็นดั่งคำ ‘อธิษฐาน’ อันแรงกล้าและนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทั้งคู่ถูกผูกมัดกันไว้ทำให้ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งโดยที่ฝ่ายตรงข้ามอาจจะไม่ได้ต้องการทำตามคำอธิษฐานของผม แต่เพียงแค่จำเป็นต้องทำด้วยเหตุผลบางอย่างเท่านั้น หรือไม่บางทีตัวแปรสำคัญของเรื่องราวอาจจะเกี่ยวข้องกับคุณเดือนด้วยก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะรู้ว่าผู้ชายที่ชื่ออิเคดะ ยู ได้รับรู้เรื่องเกี่ยวกับความฝันแบบเดียวกับผมรึเปล่า? ทำไมเค้าถึงทำเหมือนกับว่ารู้จักและคุ้นเคยกับผมมานานนักหนา

“จันทร์”
สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลัง ผมหันกลับไปทางต้นเสียง แม่มลยืนส่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงประตูห้องนอน เมื่อผมส่งยิ้มกลับแม่มลจึงค่อยเดินเข้ามาในห้องแล้วหันไปปิดประตูไว้เหมือนเดิม

“นั่งใจลอยเชียว.. เป็นอะไรรึเปล่าลูก?”
แม่มลหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ

“แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ”
ผู้หญิงที่ผมผูกพันยิ่งกว่าแม่บังเกิดเกล้าอมยิ้มน้อยๆ

“น้องจันทร์โกหกไม่เก่ง”
คนบ้านนี้ชอบรู้ทันผมจริงๆ เลยครับ เพราะแบบนี้ผมจึงโกหกอะไรใครไม่เคยสำเร็จเลยสักอย่าง โดนแม่มลจับติดขนาดนี้ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้

“น้องจันทร์ไม่ชอบคุณอิเคดะเหรอลูก?”
ถามมาตรงๆ แบบนี้แสดงว่าไอ้คุณโซ่ต้องเล่าอะไรให้แม่มลฟังแน่ๆ

“เปล่าสักหน่อย” ผมตอบตามความจริงนะครับ แม่มลไม่ต้องหรี่ตามองผมแบบนั้นก็ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เพราะต่อไปเค้าจะมาเป็นพี่เขยของลูกนะ”
ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาฉมวกมาปักลงกลางอกแบบนี้ล่ะครับ โคตรเจ็บเลย..

“เดี๋ยวคุณตากับพ่อต้อมจะพาคุณเดือนกับคุณอิเคดะไปขอฤกษ์จากหลวงตาที่วัด.. ลูกไปกับพวกเขาด้วยสิ.. หลวงตาถามถึงลูกอยู่หลายครั้งแล้ว”
พอจะรู้มาบ้างครับว่าหลวงตาถามหาผมหลายครั้งแต่เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยยังไม่ได้ไปกราบท่านสักที แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอเป็นวันอื่นที่ไม่ใช่วันนี้ไม่ได้เหรอ??

“จันทร์..”
เพราะผมเงียบไปนานแม่มลจึงเรียกและมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง

“ยังไงซะลูกก็ควรจะมีส่วนร่วมในฐานะลูกชายของคุณแม่ยุ้ยและน้องชายของคุณเดือนนะ ต่อให้ใครไม่ยอมรับแต่สายเลือดมันตัดกันไม่ขาดหรอกนะลูก”

เรื่องนี้ผมรู้ครับ คุณตา คุณยาย พ่อต้อมและแม่มลพูดกับผมมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่คุณแม่และคุณเดือนหรือใครอื่น สาเหตุมันทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวผมเองนี่แหละ 

“แม่มลให้โซ่ไปด้วย.. โอเคนะ?”

มาแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกหรอกนะแม่มล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปฏิเสธไม่ลงหรอกครับ ผมพยักหน้ารับแบบจำยอม แม่มลจึงดึงผมเข้าไปจูบหน้าผากหนึ่งที

“เตรียมตัวเถอะลูก”
แม่มลลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง แต่ก่อนที่บานประตูจะถูกปิดแม่มลก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา

“ลูกชายตัวน้อยของแม่มลโตแล้วสินะ.. อาทิตย์หน้าก็จะไปอยู่หอพักในกรุงเทพแล้ว”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยอีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างยังเอ่อล้นไปด้วยความยินดีปนความเหงาและใจหาย อ่อ.. นั่นสิ อีกไม่นานผมก็ต้องเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้วนี่นา ผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยครับ เมื่อคิดได้ขึ้นมาผมเองก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกัน



.
.
.
.
.



ก่อนออกเดินทางไปวัดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านแค่กิโลเมตรกว่าๆ คุณปลื้มชลล์ก็ขอตัวกลับกรุงเทพไปก่อนเพราะมีงานด่วนต้องจัดการ แหม.. เสียดายจังเลยครับ เพราะผมตั้งใจว่าจะแอบตีสนิทกับนักธุรกิจหนุ่มหล่อระดับประเทศสักหน่อย เผื่อในอนาคตจะได้มีเส้นมีสายกับเค้าบ้าง เฮ้อ.. โชคไม่เข้าข้างผมเอาซะเลย

เดินทางแค่สิบนาทีนิดๆ ก็ถึงจุดหมายแล้วครับ บรรยากาศของวัดในต่างอำเภอค่อนข้างจะเงียบสงบกว่าในตัวเมือง ยิ่งวัดแห่งนี้ไม่ใช่วัดประจำอำเภอ เป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางท้องทุ่งนาก็ยิ่งสงบร่มรื่น แต่ถึงอย่างนั้นวัดแห่งนี้ก็สร้างมาหลายสิบปีตั้งแต่คุณตายังไม่เกิดโน่นแหละครับ มีพระจำวัดอยู่แค่ 4 รูปซึ่งล้วนแต่เป็นพระชราอาวุโส อีกทั้งยังเป็นวัดที่ไม่เคยมีการจัดงานวัดใดๆ แต่ชาวบ้านชาวช่องแถบนี้และใกล้เคียงต่างแวะเวียนมาทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระและทุกเทศกาลงานบุญไม่เคยขาด ตอนผมอายุย่าง 13 ปี ผมกับไอ้โซ่ก็มาบวชเณรอยู่กับหลวงตาที่วัดนี้แหละครับ

สี่ล้อจอดลงที่จุดหมายผมกับไอ้โซ่ก็เดินนำขึ้นไปบนศาลาวัด หลวงตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่พอดี เราทั้งคู่จึงรีบคลานเข่าเข้าไปกราบท่าน จากนั้นก็บีบนวดประจบ

“ไม่ต้องมาประจบข้าเลย”

อย่างที่บอกแหละครับ หลวงตาท่านถามหาผมกับไอ้โซ่จากคุณตาคุณยายที่มาทำบุญที่วัดบ่อยๆ แต่เราก็ยังไม่มีโอกาสเข้ามากราบท่านสักที เป็นธรรมดาที่หลวงตาจะโกรธครับ

“ไม่ให้ประจบหลวงตาที่เคารพแล้วจะให้พวกผมประจบใครล่ะครับ”
ไอ้โซ่หยอดคำหวาน เราทั้งคู่ส่งยิ้มยาหยีให้หลวงตา

“ถุย..”
อื้อหือ.. เต็มหน้าผมกับไอ้โซ่เลยครับ แต่ก็ทำให้หลวงตาหัวเราะออก แล้วเขกกบาลผมกับไอ้โซ่คนละทีจากนั้นก็พยักหน้ารับไหว้คุณตากับพ่อต้อมที่นั่งอยู่บนพื้นตรงหน้า

“ว่าไงโยมเอี่ยม โยมต้อม”

“วันก่อนที่ผมเคยเรียนหลวงตาไปว่าจะพาหลานสาวกับแฟนของเขามาให้หลวงตาดูฤกษ์ให้หน่อยน่ะครับ”

กระดาษใบเล็กๆ ที่คงจะจดชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด และเวลาตกฟากของคุณเดือนและว่าที่คู่หมั้นถูกส่งให้หลวงตา
อ่อ.. ผมลืมบอกไปครับว่าหลวงตาท่านเก่งเรื่องคำนวณดวงชะตาและก็พวกจับยามสามตาอะไรพวกนี้ แต่ใช่ว่าท่านจะดูให้ใครได้ง่ายๆ หรอกนะครับ ไม่เคยมีใครบังคับท่านได้และน้อยคนนักที่ท่านจะดูให้ ยกเว้นเรื่องพวกฤกษ์ยามดีที่ใช้ในงานมงคลเท่านั้นแหละที่หลวงตาจะตรวจดูให้ทุกคนที่มาขอ ส่วนเรื่องดูดวงคุณยายเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนคุณพ่อคุณแม่เอาผมมาฝากไว้กับคุณตาคุณยาย ทุกคนที่บ้านก็พาผมมาให้หลวงตาท่านรดน้ำมนต์ แล้วหลวงตาท่านจับมือของผมจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า ‘เด็กคนนี้มีบุญวาสนาสูงมาตั้งแต่ชาติปางก่อน..’ ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้คุณยายเล่าให้ผมฟังเพียงเพื่อแค่ให้สบายใจรึเปล่า แต่เอาเป็นว่าพวกท่านได้เลี้ยงผมมาอย่างดีจริงๆ ครับ

“หลวงพ่อครับ นี่แม่ยุ้ย วรินทร์นิภา ลูกสาวผมที่ทำธุรกิจอยู่ฮ่องกงไงครับ”
คุณตาแนะนำคุณแม่เป็นอันดับแรก เพราะนานมากแล้วที่คุณแม่ไม่ได้มากราบท่าน ครั้งล่าสุดคงเป็นเมื่อตอนมาขอฤกษ์เปิดบริษัทกับคุณพ่อ นั่นก็เกือบ 20 ปีมาแล้วครับ เมื่อหลวงตาพยักหน้ารับ คุณตาก็หันไปทางคุณเดือน

“คนนี้หลานสาวครับ.. ลูกสาวคนโตของแม่ยุ้ย ชื่อ ศศิ หรือเดือน.. ครับ”
คุณเดือนที่วันนี้มวยผมสูงใส่ชุดเดรสสีขาวสะอาดตาขับเน้นผิวให้ดูละเอียดอ่อนหวานก้มลงกราบหลวงตา

“ส่วนพ่อหนุ่มคนนั้นแฟนของยัยเดือน เป็นคนญี่ปุ่นครับหลวงพ่อ พูดไทยไม่ได้แต่เดี๋ยวยัยเดือนแกจะแปลให้แฟนเค้าฟังเอง”

จบประโยคแนะนำตัวของคุณตาผมล่ะอยากจะเบ้ปากมองบนให้กับคนญี่ปุ่นพูดไทยไม่ได้ซะจริงๆ ตอแหลล่ะสิไม่ว่า ชิส์-- ถ้าทำได้ผมอยากจะประกาศให้กึกก้องศาลาวัดเลยว่าผู้ชายที่ชื่ออิเคดะ ยู เค้าพูดไทยได้คร้าบบบ พูดชัดซะด้วย แต่ผมมันพระเอกแมนๆ ไม่อยากหักหน้าใครหรอกครับ

ดวงตาของพระผู้ใหญ่วัยแปดสิบเศษมองทุกคนตามที่คุณตาแนะนำและหยุดสายตาที่คนสุดท้าย ท่านนิ่งเงียบไปนานก่อนจะยิ้มออกมา

“พ่อหนุ่มมาจากยี่ปงสินะ”

ยี่ปงคือญี่ปุ่นนั่นแหละครับ หลวงตาท่านกวักมือเรียก คุณเดือนจึงสะกิดให้แฟนของตัวเองขยับเข้าไปหาหลวงตา แต่ที่มีตั้งเยอะแยะทำไมถึงมานั่งแหมะอยู่ข้างผมล่ะ ผมจึงขยับตัวออกห่างเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายก็ทำเนียนขยับเข้ามาเบียด แบบนี้เรียกว่ากวนตีนใช่มั๊ยเนี่ย??

หลวงตาที่นั่งขัดสมาธิอยู่เอนตัวลงเล็กน้อยแล้วใช้ศอกวางยันบนหน้าขาจากนั้นก็ทิ้งปลายมือลงตรงหน้าผม แต่จากสายตาของหลวงตาแล้วเป้าหมายคือผู้ชายญี่ปุ่นตัวโตที่แกล้งเนียนนั่งเบียดผมอยู่ต่างหาก แต่เพราะทุกคนกำลังเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเพราะต่างรู้ดีว่าหลวงตากำลังจะตรวจดวงชะตาเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จึงไม่มีใครสนใจผมที่ต้องนั่งเกร็งทำตัวลีบเป็นกล้วยทับสักคน

คุณเดือนดูจะดีใจมากกว่าใครรีบบอกให้แฟนตัวเองส่งมือให้หลวงตา ดวงตาคู่คมหันมามองทางผมเล็กน้อยแต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันมองไปทางอื่น แต่ก็แอบเหลือบมองนิดนึงตอนที่หลวงตาสัมผัสมือใหญ่

เมื่อดวงตาที่ผ่านโลกแห่งธรรมมาเกินครึ่งชีวิตหลับตาลงความเงียบก็ปกคลุมไปชั่วขณะ ทุกสายตาจดจ้องไปยังจุดๆ เดียวนั่นคือหลวงตา หัวใจของผมเต้นระทึกและรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก จวบจนหลวงตาลืมตาขึ้นผมก็จิกมือที่เกร็งเครียดลงบนหน้าขาของตัวเอง

“เจอแล้วสินะ..”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยเผยรอยยิ้มบางเบา

“รักษาไว้ให้ดี.. เพราะถ้าหากคลาดกันอีกก็จะคลาดกันตลอดไป”
คุณเดือนเป็นล่ามแปลภาษาให้คนรักเข้าใจด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่คนฟังมีใบหน้านิ่งเรียบเฉยชายังไงก็ยังคงอย่างนั้น เมื่อหลวงตาปล่อยมือคนตัวโตก็ก้มลงกราบอย่างนอบน้อม

“เมื่อสักครู่หลวงตาหมายความว่ายังไงเหรอเจ้าคะ?”
คำถามที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นนี่เป็นของคุณแม่ผมเองครับ แต่หลวงตาก็ไม่ได้ตอบอะไรหรือก็คือหลวงตาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินด้วยการหยิบสมุดคู่ใจขึ้นมาจดๆ ขีดๆ เขียนๆ ตัวเลข

“จะหมั้นหมายกันเมื่อไหร่ก็ได้.. เอาฤกษ์สะดวกของทั้งคู่ก็ได้.. ถือเป็นมงคลสะดวก”
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่และคุณเดือน

“แล้วฤกษ์แต่งงานล่ะเจ้าคะ?” คุณแม่ถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด

สมุดบันทึกเก่าๆ ในมือของหลวงตาถูกปิดแล้ววางลงข้างๆ หลวงตายังคงยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้แจ้งมองออกไปยังต้นโพธิ์ใหญ่ที่ยืนต้นสง่าอยู่กลางวัด

“พระพุทธเจ้าท่านให้หลักคำสอนสำหรับท่านผู้เป็นใหญ่หรือที่เรียกว่าพรหมวิหารสี่เอาไว้ อันประกอบด้วย หนึ่งเมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีต่อผู้อื่นและตัวเอง.. สองกรุณา คือ มีจิตใจสงสาร อยากให้เขาพ้นทุกข์ เป็นจิตที่สูงกว่าและยากกว่าเมตตา เป็นความปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์.. สามมุทิตา คือ พลอยยินดีเมื่อเขาได้ดีมีความสุข ทำจิตยากกว่า กรุณาอีก เขาได้ดีกว่าเรา เราไม่อิจฉา ยินดีมีความสุขกับเขาด้วยความสุขอยู่กับความพอใจ.. และสี่.. สุดท้ายคืออุเบกขา คือการวางเฉย ยิ่งยากกว่ามุทิตาจิตอีก  ต้องเข้าใจกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ต้องมีปัญญาจึงจะเกิดอุเบกขาได้”

จู่ๆ หลวงตาก็เทศนาเรื่องพรหมวิหาร 4 ทำเอาทุกคนแอบมองหน้ากันงงๆ แม้แต่ผมกับไอ้โซ่ยังเดาใจหลวงตาไม่ออกเลยครับ และยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อหลวงตาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยคล้ายจะจ้องตากับคุณเดือน

“อยู่กับปัจจุบัน.. เท่าทันอารมณ์.. ให้อภัย.. และปล่อยวาง..”

“เอ๊ะ.. ยังไงเหรอคะ?!”

คุณเดือนโพล่งออกมาเสียงดังอย่างไม่พอใจ คุณตากับพ่อต้อมต้องหันไปส่งสายตาดุคุณเดือนจึงได้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป จากนั้นก็ก้มลงกราบขอโทษหลวงตา แต่จากแววตาผมรู้ได้ว่าคุณเดือนกำลังเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองไว้ หลวงตาหัวเราะขึ้นเบาๆ พร้อมกับยกมือโบกว่าไม่ถือสาก่อนจะหันไปทางคุณแม่ของผมที่มีสีหน้ากังวลฉายชัด

“กิจการราบรื่นดีนะ”

“อ่อ.. ดีเจ้าค่ะ”

“สามีภรรยาเกื้อหนุนกันมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะหลวงตา”

คุณแม่ก้มลงกราบหลวงตาพร้อมกับกล่าวขอลา โดยไม่ลืมที่จะกระตุกดึงแขนลูกสาวและเชิญว่าที่ลูกเขยลงจากศาลาไปก่อน คุณแม่คงจะพาคุณเดือนออกไปสงบสติอารมณ์ก่อน ดังนั้นตอนนี้บนศาลาจึงเหลือผม ไอ้โซ่ คุณตา และพ่อต้อมครับ

“ไอ้จันทร์เอ็งไปอยู่กับโยมพี่ยี่ปงเขาสิ”

อะไรนะหลวงตา?? ผมเงยหน้ามองหลวงตาชนิดที่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มกลางหน้าผาก

“หืม??”

“ยังไงเหรอครับหลวงพ่อ?”

พ่อต้อมเอ่ยถามความเพิ่มเติมจากหลวงตา สมัยคุณตากับพ่อต้อมหนุ่มๆ ก็เคยบวชเรียนอยู่กับหลวงตามาก่อนครับ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจะรู้ดีว่าหลวงตาท่านเป็นคนยังไง สิ่งที่ท่านเอ่ยพูดออกมาล้วนมีความหมายและความเป็นไปทั้งสิ้น ทุกคนนั่งพนมมือรอฟังคำตอบจากหลวงตาอย่างตั้งใจ แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนเท่านั้น

“โยมเอี่ยมไม่ต้องห่วงหรอก.. ไอ้จันทร์มันจะไม่มีวันทิ้งที่นี่”

คราวนี้คุณตาและพ่อต้อมหันมามองผมแทบจะพร้อมกัน แม้ในแววตาจะมีความกังวลแต่ก็มีความเชื่อมั่นในตัวผมปนอยู่เช่นกัน ผมรู้ครับว่าทุกคนยังไม่กระจ่างแจ้งและทุกคนยังคงมีความสงสัยในสิ่งที่หลวงตาพูดอยู่ในใจ แต่นั่นคือคำถามที่ทุกคนจะต้องกลับไปคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ยากเกินความสามารถของคุณตาและพ่อต้อม

หลวงตาเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเอนตัวพิงกับหมอนอิงแล้วหยิบหนังสือธรรมะที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ เป็นอันรู้กันครับว่าต้องกราบลากันได้แล้ว แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ

“หลวงตาครับ.. คุณตากับพ่อต้อมเขามาหาหลวงตาเพราะเรื่องคุณเดือนนะครับ”

ผมคลานเข้าไปบีบเท้าแล้วฉีกยิ้มให้หลวงตา ขืนไม่ได้คำตอบเรื่องฤกษ์แต่งงานกลับไปคุณเดือนได้ฟาดงวงฟาดงาใส่คนบ้านสวนแน่ๆ ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

“คุณเดือนคือใคร?” หลวงตาถามผม

“พี่สาวผมไงครับ”

“ถูกต้อง.. โยมคนนั้นคือพี่สาวของเอ็ง”

ยังไม่ทันจะหายงง หลวงตาก็ยกขันน้ำมนต์มาราดเทลงบนหัวผมทั้งขัน ปิดท้ายด้วยการเอาท้ายขันเคาะหัวอีก 3 ครั้ง เรียกเสียงหัวเราะครืนของคุณตา พ่อต้อม และไอ้โซ่ อืม.. บุญในครั้งนี้ซึมลึกไปถึงจุดซ่อนเร้นใต้กางเกงชั้นในเลยทีเดียวครับ -*-





.
.
.
.
.
.

 TBC ... :mc1:





มาช้ากว่าที่ตั้งใจไว้  :o12: ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนหน้าสัญญาว่าจะไม่เกิน 10 วันแน่นอน อย่าเพิ่งทิ้งหรือลืมกันนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 07-12-2016 21:17:11
คนแรก!!! :hao6:

คุณพี่ยูของเราดูจะมุ้งมิ้งเหมือนกันนะเนี่ย เผลอเป็นแต๊ะอั๋งน้องจันทร์ตลอด หุหุหุหุ หลวงตารู้ใช่มั๊ยคะว่าอะไรคืออะไร ยังไง แต่บอกตามตรงนะคะว่าไม่ชอบยัยไส้เดือนจริงๆ ไม่ชอบมากกกกก :z6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 07-12-2016 21:20:43
หมั่นไส้นังพี่สาวซะจริง ๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2016 21:31:14
มาพร้อมคำปริศนา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-12-2016 21:34:04
ยู มาตามจันทร์ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แต่ทำม้าย มียัยไส้เดือนมาขวางล่ะ :katai1: :katai1: :katai1:
แถมชื่อแปลว่าพระจันทร์เหมือนกันซะอีก
แล้วยู ทำไมพูดไทยได้ล่ะ
หลวงพ่อว่าจันทร์ ต้องไปญี่ปุ่น
แสดงว่าจันทร์ต้องไปญี่ปุ่นจริงๆกับยู :mew1: :mew1: :mew1:
น้ำมนต์ทั้งขันของหลวงพ่อ
คงทำให้จันทร์แคล้วคลาด
จากอันตรายทั้งปวงสินะ
โดยเฉพาะจากยัยไส้เดือน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-12-2016 21:42:38
หลวงตาจัดให้ 55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 07-12-2016 21:57:19
ที่ว่าถ้าปล่อยไปอีกก็จะคลาดกันไปตลอดนี่คือคุ๊ยูกับน้องเดือนใช่มั้ยคะ ^^
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 07-12-2016 22:26:26
เกี่ยวอะไรกับพรหมวิหาร 4 อ่าาหลวงต๊าาาาาาาา
 
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-12-2016 22:50:52
คุณยูเนียนตลอด
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 07-12-2016 23:12:18
สนุกค่ะ รอตอนต่อไป :bye2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 07-12-2016 23:19:03
ถ้าคลาดกันคราวนี้ก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ เพราะฉะนั้น... รักกันไวๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-12-2016 00:52:03
อยากจะให้มาเร็วๆจิงๆ ไม่เคยผิดหวังที่ตามอ่าน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-12-2016 01:34:55
ไส้เดือนจะมีความสุขได้ยังไง? ไม่ว่านางจะมีแฟนเป็นใครก็ตามนางไม่มีทางมีความสุขเพราะว่านาไม่มี พรหมวิหารสี่

นางไม่เคยเมตตาใคร ไม่เคยรักใคร่ มีความปรารถนาดีให้ใคร

ไม่เคยนึกสงสาร คิดช่วยใครให้พ้นทุกข์

ไม่เคยมีความยินดีให้ผู้อื่น เห็นคนอื่นอยู่ดีมีสุขไม่ได้ มีจิตขุ่นข้องหมอมัวอารมณ์สียได้กับแค่เรื่องที่ไม่ถูกใจ

ไม่เคยวางเฉย ละไว้ซึ่งอคติ

ไม่ว่านางจะได้อะไรเลอค่าขนาดไหนนางไม่มีวันที่จะมีความสุขได้หรอก  ขนาดน้องนุ่งนางยังรังเกียจจนออกนอกหน้านอกตา

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-12-2016 05:36:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-12-2016 08:01:59
รอดูต่อไปว่าจันทร์จะไปอยู่กับพี่ยูได้ยังไง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-12-2016 08:17:27
สงสัยหอพักในมหาลัยของจันทร์จะเป็นบ้านท่านยูเสียละมั้ง
หลวงตาบอกมาขนาดนี้ ไปอยู่กับพี่เค้านะจ๊าาา
คุณเกือนเหมือนจะขาดมารยาทในทุกๆครั้งเลย
ปรี๊ดแตกง๊ายง่าย นี่หรือคุณหนูผู้ดี

คุณอิเคดะค่ะ พูดบ้างก็ได้มั้ง
หรือนี่เก็บอาการดีใจที่ได้เจอจันทร์ไว้
เก็บลึกเชี๊ยะ ที่ออกมามีแค่แอบเนียนๆเต๊าะสินะ

รออ่านนะคะ อย่าหายไปนาน คนอ่านอยากอ่านต่อมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 08-12-2016 09:25:20
มาแล้วๆๆๆ จองไว้ก่อนนะคะ
เดี๋ยวกลับมา edit ค่าาา  :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-12-2016 11:11:50
คุณพี่วีนแตกอีกแน่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 08-12-2016 12:01:49
อ่านแบบเพลิดเพลินมากเลยค่ะ ยาวมากตอนนี้
แล้วก็ได้ข้อคิดให้ไปขบคิดกันทั่วหน้า รวมทั้งเราด้วย :hao3:
หลวงตาพูดมานี่อะไร ยังไง น้องจันทร์ต้องไปอยู่กับว่าที่พี่เขย?
ขนาดกับหลวงตาคุณเดือนคนสวยยังแทบจะไม่ละว้นเลยเถอะ
นับประสาอะไรกับน้องชายที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียด
อย่าว่าแต่พี่สาวเลย คนเป็นแม่แท้ๆยังเป็นไปได้ขนาดนี้ :เฮ้อ:
ลูกจะได้ใครมาล่ะ ก็ได้มาจากคนที่เลี้ยงดู อบรม สั่งสอนนั่นแหละ
อยากจะรู้สาเหตุที่น้องจันทร์ไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัวแท้ๆขนาดนี้จริงๆ
มันร้ายแรงถึงขั้นว่าไม่อยากหายใจเอาอากาศร่วมกันเลยเหรอ
ก็เห็นทุกคนที่เลี้ยงดูน้องจันทร์มา อยู่ดีมีสุขกันทุกคนนี่เนอะ
เป็นกำลังใจให้น้องจันทร์และพี่ยูนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 08-12-2016 12:04:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 08-12-2016 17:18:42
เกลียดอิคุณเดือนมาก แต่คิดว่าน้ำมนต์ของหลวงตาจะช่วยให้อุปสรรคที่จะเจอข้างหน้าผ่านไปได้นะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 08-12-2016 19:38:48
คุณเดือนนี่อุปสรรคชิ้นใหญ่จริงๆ เอือมกับนิสัยของนาง หน้าตาก็ดี มีการศึกษา แต่มารยาทติดลบจังค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 08-12-2016 21:56:22
เอาพี่สาวไปเก็บเร็วๆที เกลียดนางเหลือเกิน  :katai1:
พี่ยูรีบๆสะบัดนางทิ้งเร็วๆ อย่าได้แคร์ใคร รีบๆเอาดวงจันทร์ของตัวเองมาไว้ใกล้ๆตัวเลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 08-12-2016 22:38:26
รอดูต่อไปฮะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 08-12-2016 22:53:00
ที่ใช้ให้ไส้เดือนอยู่กับปัจจุบันคือไม่มโนไปเองใช่มั๊ยว่านายยูนั่นเป็นของตัวเองเพราะจริงๆแล้วเค้าเกิดมาเพื่อนเป็นของหนูจันทร์ // ยู นายต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรักครั้งนี้แล้วล่ะ แต่อีคุณแม่กับใส้เดือนมันคงไม่ยอมแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mickey199663 ที่ 08-12-2016 23:34:00
แต่ทำไมพระเอกต้องหมั้นกับคุณเดือนด้วยอ่ะ ตอนนี้ก็หาน้องเจอแล้วนี่ ถ้ายังยอมหมั้นเดี๋ยวก็คลาดกับน้องอีกหรอก แต่จากที่หลวงตาบอกน้องจากจะไม่ได้แต่งงานแล้ว แม้แต่หมั้นก็คงไม่ได้หมั้นมั้ง ก็วันหมั้นบอกแค่ว่าแล้วแต่สะดวก พร้อมเมื่อไหร่เมื่อนั้น เพราะไม่มีฤกษ์สินะ 555555555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 08-12-2016 23:53:34
คุณยูหน้ามึนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 10-12-2016 10:00:46
หลวงตาาาา o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 12-12-2016 19:43:05
เรื่องที่แล้ว ปาฏิหาริย์แห่งรัก อ่านแล้วสนุกเลยมาตามอ่านเรื่องนี้ต่อ
ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน :กอด1: ก็สนุกน่าติดตามไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 13-12-2016 20:38:29
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 14-12-2016 11:03:11
คิดว่าจะมาไม่ทันตอนนี้
ขอให้น้ำมนต์ของหลวงตาปัดเป่ายัยไส้เดือนออกไปจากชีวิตน้องจันทร์กับคุณยู
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 14-12-2016 11:32:13
อืมมมมมม ..... ปล่อยวางยากสุดจริง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 14-12-2016 17:05:24
 ตามมาจาก Miracle of love ค่ะ แค่ออกมาแว่บนึงก็คิดถึงหมอเปรมกับน้องไอแล้วค่ะ รอบนี้ลุ้นคุณยูกับน้องจันทร์กันต่อไป  :katai4:

ว่าแต่ขอแอบถามคุณรินนิดค่ะว่าคุณยูเป็นลูกพี่ลูกน้องของน้องไอใช่มั้ยคะ เหมือนจะจำได้ว่าน้องไอเป็นลูกสาว เอ๊ย ชายคนเดียว??

แล้วจะรอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 15-12-2016 13:12:29
อ่านแบบเพลิดเพลินมากเลยค่ะ ยาวมากตอนนี้
แล้วก็ได้ข้อคิดให้ไปขบคิดกันทั่วหน้า รวมทั้งเราด้วย :hao3:
หลวงตาพูดมานี่อะไร ยังไง น้องจันทร์ต้องไปอยู่กับว่าที่พี่เขย?
ขนาดกับหลวงตาคุณเดือนคนสวยยังแทบจะไม่ละว้นเลยเถอะ
นับประสาอะไรกับน้องชายที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียด
อย่าว่าแต่พี่สาวเลย คนเป็นแม่แท้ๆยังเป็นไปได้ขนาดนี้ :เฮ้อ:
ลูกจะได้ใครมาล่ะ ก็ได้มาจากคนที่เลี้ยงดู อบรม สั่งสอนนั่นแหละ
อยากจะรู้สาเหตุที่น้องจันทร์ไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัวแท้ๆขนาดนี้จริงๆ
มันร้ายแรงถึงขั้นว่าไม่อยากหายใจเอาอากาศร่วมกันเลยเหรอ
ก็เห็นทุกคนที่เลี้ยงดูน้องจันทร์มา อยู่ดีมีสุขกันทุกคนนี่เนอะ
เป็นกำลังใจให้น้องจันทร์และพี่ยูนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 15-12-2016 13:13:09
เพิ่งตอนที่ 4 แต่เกลียดอิพี่เดือนนี่เกลียดทะลุยันจบเรื่องเลยแน่ๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 18-12-2016 20:01:56
รออยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 18-12-2016 20:02:59
อ่านแบบเพลิดเพลินมากเลยค่ะ ยาวมากตอนนี้
แล้วก็ได้ข้อคิดให้ไปขบคิดกันทั่วหน้า รวมทั้งเราด้วย :hao3:
หลวงตาพูดมานี่อะไร ยังไง น้องจันทร์ต้องไปอยู่กับว่าที่พี่เขย?
ขนาดกับหลวงตาคุณเดือนคนสวยยังแทบจะไม่ละว้นเลยเถอะ
นับประสาอะไรกับน้องชายที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียด
อย่าว่าแต่พี่สาวเลย คนเป็นแม่แท้ๆยังเป็นไปได้ขนาดนี้ :เฮ้อ:
ลูกจะได้ใครมาล่ะ ก็ได้มาจากคนที่เลี้ยงดู อบรม สั่งสอนนั่นแหละ
อยากจะรู้สาเหตุที่น้องจันทร์ไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัวแท้ๆขนาดนี้จริงๆ
มันร้ายแรงถึงขั้นว่าไม่อยากหายใจเอาอากาศร่วมกันเลยเหรอ
ก็เห็นทุกคนที่เลี้ยงดูน้องจันทร์มา อยู่ดีมีสุขกันทุกคนนี่เนอะ
เป็นกำลังใจให้น้องจันทร์และพี่ยูนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

 o13

เห็นด้วยอีกเสียงค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 18-12-2016 21:48:15
คิดถึงน้องจันทร์
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -4- [7.12.59] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 26-12-2016 13:44:07
มานั่งรอน้องจันทร์ค่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 26-12-2016 14:03:10
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน





-5-






ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขที่ผมรอคอยก็มาถึงเมื่อยานพาหนะคันหรูสีดำวาวได้นำพาสตรีและบุรุษขับเคลื่อนออกจากรั้วบ้านสวนไปจนลับตา

“ไม่ต้องฉีกยิ้มหน้าบานขนาดนั้นก็ได้ครับคุณจันทร์”

เพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจมองหน้าผมแบบเอือมๆ แต่เพราะผมกำลังอารมณ์ดีจัด ผมจึงขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียง และผมก็คิดว่าคนที่เพิ่งจากไปก็คงจะดีใจไม่น้อยไปกว่าผมหรอกครับ

เวลาตลอดช่วงบ่ายผมใช้มันไปกับการทำงานการเกษตร ตะวันเริ่มคล้อยต่ำคนงานทยอยกลับจวนจะหมดไร่หมดสวน จะมีก็แต่พ่อต้อมกับลุงฟ้อนเดินตรวจตรารอบๆ อย่างไม่เร่งรีบอยู่ไม่ไกลจากผมนัก ผมรีบวิ่งเข้าไปสมทบแต่ก็โดนพ่อต้อมไล่ให้กลับขึ้นบ้านไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมกินมื้อเย็นกันเสียก่อน

ตามประสาเด็กว่านอนสอนง่าย ผมจึงได้มายืนอยู่ใต้ฝักบัวพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแบบนี้ยังไงล่ะครับ

“อารมณ์ดีจริงจริ๊งงง”
ออกมาจากห้องน้ำก็เจอคำประชดประชันของไอ้คุณโซ่

“ปกติฉันก็อารมณ์ดีแบบนี้อยู่แล้ว” ยักไหล่ตบท้ายด้วยหนึ่งที

“เหรออออ.. ครับ”

เอ่อ.. ถ้าไม่เชื่อกันก็ไม่ต้องมาเบ้ปากแล้วมองอ่อนแบบนั้นเลยนะเฟ้ย ชิส์

“งอนแก้มป่องเชียว”

“ไม่ได้งอนเฟ้ยยยย!”

“โอ๋เอ๋.. คุณจันทร์ของไอ้โซ่”

“ชิส์”

จบด้วยการกอดคอเพื่อนซี้ลงสวนตรวจไร่และไปดูปลาในบ่อกันดีกว่า และตอนนี้น้องเห็ดของผมที่บ่มเพาะไว้ก็เริ่มจะผลิดอกออกผลให้ได้ชื่นใจกันแล้วครับ



.
.
.
.




อย่างที่ใครหลายคนบอกไว้ว่าเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊ปเดียวก็ได้เวลาเก็บของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าเพราะอีก 2 วันข้างหน้า ผมจะต้องออกไปสู่อีกสังคมที่ไม่คุ้นเคย แต่อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนรักไปอยู่เป็นเพื่อน ไอ้โซ่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเปิดโดยที่ผู้เรียนใช้วิธีการเรียนด้วยตนเองในเวลาและสถานที่ที่สะดวก และแน่นอนว่าไอ้โซ่มันเลือกสาขาเกี่ยวกับการเกษตรแบบเดียวกับผม

“คุณจันทร์ โทรศัพท์มือถือคุณจันทร์อยู่ไหนเหรอ?”

“ห๊า??”

โทรศัพท์มือถือ??? อยู่ไหนหว่า??? ตั้งแต่พ่อต้อมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วผมนับจำนวนครั้งที่ใช้ได้เลยครับ ก็ผมไม่รู้จะเอาไว้โทรหาใคร สาวๆ ก็ไม่มี เพื่อนก็มีไอ้โซ่คนเดียวนี่แหละ พ่อ แม่ ตา ยาย ป้าณี ลุงฟ้อน ก็เจอหน้ากันทุกวัน อยากจะคุยด้วยก็แค่เดินไปหาพวกท่าน เบอร์โทรที่บันทึกไว้ก็มีแค่เบอร์ของพ่อต้อม และเบอร์บ้านเท่านั้น ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ชิ้นนี้เลยสักนิด ชาร์ตแบตครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ผมยังจำไม่ได้เลยครับ ผมรู้นะทุกคนกำลังมองว่าผมโคตรบ้านนอกเลยใช่มั๊ย? ผมก็ยอมรับแล้วไง ไม่แคร์ด้วย มีปัญหาอะไรเคลียร์กับเพื่อนผมได้เลย

“ตรงโต๊ะหัวเตียงมั้ง..”

ขายาวๆ ของไอ้โซ่ก้าวตางไปเปิดลิ้นชักตรงหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่นอนตายอยู่หลายเดือนขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลัง จากนั้นก็เอาไปชาร์ตแบต

“จะเอาไปทำอะไรเหรอ?”

“เราจำเป็นต้องใช้นะคุณจันทร์ ไม่งั้นจะโทรกลับมาบ้านยังไงล่ะครับ”

“อ่อ.. เออๆ”

พยักหน้าเห็นด้วย ผมก็ลืมคิดข้อนี้ไป

“แล้วโทรศัทพ์มือถือของนายล่ะ?”

ไอ้โซ่มันก็มีโทรศัพท์มือถือนะครับ ไอ้โซ่ใช้บ่อยกว่าผมอีก แต่ส่วนใหญ่ใช้โทรหาสาวๆ ของมันมากกว่า

“เอาไว้แม่ ผมจะได้ใช้เครื่องของคุณจันทร์โทรหาแม่ได้ไง”

“อ่อ.. เออๆ”

นั่นสินะ ป้าณีกับลุงฟ้อนแกไม่มีเครื่องมือสื่อสารอิเล็คทรอนิกส์สักอย่างนี่นา

“ว่าแต่คุณจันทร์จัดกระเป๋าเสร็จรึยัง? ให้ไอ้โซ่ช่วยมั๊ย?”

“ไม่เป็นไร ใกล้เสร็จแล้วล่ะ”

ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ไอ้โซ่ก็ไถลตัวไปนั่งอยู่ข้างกระเป๋าของผมแล้วครับ ส่วนผมนะเหรอ? กำลังเลือกของใช้จำเป็นหน้าโต๊ะกระจก น้ำอบไทยนางลอยกับแป้งฝุ่นเภสัชกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ เป็น 2 สิ่งที่ถ้าผมไม่ได้ใช้จะทำให้ขาดความมั่นใจไปครึ่งร้อยล่ะครับ

ผมถือของใช้ที่สุดแสนจะจำเป็นของตัวเองไปใส่ลงในกระเป๋า แอบมองหน้าไอ้โซ่แว่บนึง ถ้าถามว่าตื่นเต้นและเป็นกังวลมั๊ย? ตอบตามตรงแบบไม่มีกั๊กว่ามากครับและผมก็คิดว่าไอ้โซ่ก็คงจะไม่ต่างจากผม นั่นเพราะเราทั้งคู่เป็นเด็กบ้านนอกขนานแท้ อาจจะเคยตามพ่อต้อมไปทำธุระในกรุงเทพหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยอยู่ห่างจากพ่อต้อมเกิน 10 เมตร ทำธุระเสร็จก็กลับบ้านไม่เคยค้างอ้างแรมในเมืองหลวงด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องอยู่ให้ได้ บ้านก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ มากมาย เดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ลูกผู้ชายจะกลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้จริงมั๊ยครับ

 “ยาย แม่มล และแม่ณีเตรียมของแห้งไว้ให้ไปทำกินที่กรุงเทพฯ กระเป๋าใหญ่กว่ากระเป๋าเสื้อผ้าเราสองคนรวมกันซะอีก”

“ฮ่าาา พวกท่านคงกลัวเราจะอดตาย”

ไอ้โซ่หัวเราะเบาๆ ตามผม จะว่าไปเรื่องพวกงานบ้านงานครัวไม่ใช่งานที่ผมถนัดแม้แต่น้อย แต่เพื่อนรักของผมนี่แหละครับงานครัวก็ไม่เคยขาด งานบ้านไม่เคยบกพร่อง งานสวนงานไร่ก็ชำนิชำนาญ เรื่องจีบสาวก็พลิ้วไหว เรื่องเรียนก็หัวไว ขยันขันแข็งแบบสุดๆ ดูๆ ไปนี่มันคุณสมบัติของพระเอกชัดๆ แล้วผมล่ะ? ตัวประกอบ???? เอ่อ.. ผมเองก็ชักจะสงสัยอยู่เหมือนกัน

“โซ่....”

“หืม?”

ผมจ้องหน้าหล่อๆ ของไอ้โซ่ ดวงตาเราสบกัน

“ชั้นรักแกว่ะ”

กูขอเถอะ บทพระเอกเนี่ย T^T

“หืมมม???? คุณจันทร์พูดอะไรเนี่ย? ขนลุก”

คนถูกบอกรักทำท่าขนลุกขนพองแต่มองๆ แล้วเหมือนกำลังขยะแขยงมากกว่า ทำเอาความมั่นใจในหน้าตาของผมลดฮวบฮาบ เชอะ ชิส์  ผมไม่ได้งอนนะครับแต่แค่น้อยใจเล็กๆ เท่านั้น

“ว่าไงหนุ่มๆ จัดกระเป๋ากันถึงไหนแล้ว?”

แม่มลเข้ามาได้จังหวะพอดีบพอดี ผมเลยรีบส่งสายตาออดอ้อนร้องขอความยุติธรรม แต่แม่มลก็มองข้ามมันไป โฮ------- มีแต่คนใจร้ายยยย

“อะไรเหรอครับ?”

ขณะที่ผมกำลังร่ำไห้กระซิกๆ อยู่ในใจ แม่มลก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ไอ้โซ่

“เบอร์โทรคุณปลื้มชลล์เพื่อนคุณอิเคดะไงล่ะ คุณปลื้มเค้าบอกไว้ก่อนกลับกรุงเทพฯ ว่าถ้าหากพวกลูกอยู่กรุงเทพฯ แล้วติดขัดหรือมีปัญหาอะไรให้โทรหาพี่เค้าได้ตลอดเวลา”

“แต่เราไม่ได้สนิทกับพี่เค้าสักหน่อยนี่ครับ”

ดวงตาคมเข้มของไอ้โซ่หันมามองผมนิดนึงเป็นเชิงถามว่าสนิทกับคุณเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี้รึเปล่า ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบครับ พูดกันยังไม่ถึงห้าคำเลยด้วยซ้ำ

“คุณอิเคดะเค้าฝากให้คุณปลื้มชลล์ช่วยดูแลพวกลูกเอาไว้”

“หืม????”

ฝากอะไร? ฝากใคร? ฝากทำไม? ทำไมต้องฝาก? คนนะครับไม่ใช่สิ่งของจะมาฝากกันแบบนี้ได้ยังไง อยากดูแลก็มาดูแลเองสิ ฝากแมวไว้กับปลาย่างแบบนี้ไม่ได้นะเฟ้ย แต่เดี๋ยวนะ! เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ๆ นี่ผมคิดอะไรออกไปเนี่ย???

“เมมเบอร์ไว้ในโทรศัพท์มือถือสิลูก”

เด็กดีอย่างไอ้โซ่ก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของผมที่ชาร์ตแบตกดๆ จิ้มๆ อย่างชำนิชำนาญ

“พรุ่งนี้จะไปขายผักกันที่ตลาดไม่ใช่เหรอลูก? รีบจัดของให้เสร็จแล้วเข้านอนกันได้แล้ว”

ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับลงบนหน้าผากของผม และลูบหัวไอ้โซ่ด้วยความเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นออกจากห้องไปมาไวไปไวจริงๆ ครับคุณแม่มลสุดที่รักของผม

มัวแต่มองส่งแม่มลหันกลับมาอีกทีไอ้โซ่รูดซิปปิดกระเป๋าให้ผมเรียบร้อยแล้วครับ

“นอนเถอะครับ ผมง่วงแล้ว”

“อ้าว ไม่นอนด้วยกันเหรอ?”

“เป็นสาวเป็นนางชวนผู้ชายนอนด้วยแบบนี้มันไม่งามนะครับคุณจันทร์”

“ใครเป็นสาวเป็นนาง?! พูดให้ดีๆ ดาบชี้หน้าแกอยู่เนี่ยตาบอดรึไง?”

เด้งให้ดูด้วยเลย

“ก็ของคุณจันทร์เล็กนิดเดียว ไอ้โซ่เลยเข้าใจผิด อิอิอิ”

พูดจบมันก็หลุบตัวออกไปจากห้องอย่างว่องไว หลบไม้แขวนเสื้อที่ผมเขวี้ยงใส่ได้อย่างฉิวเฉียด ชิชะ! เดี๋ยวนี้ปากหมาขึ้นนะเนี่ยไอ้เพื่อนเวร!!




.
.
.
.




วันเดินทางมาถึงไวเหลือเกินอย่างกับเป็นเรื่องโกหก.. ต่อให้บอกว่ายังไม่พร้อมแต่ก็ต้องพร้อมแล้วล่ะครับ หลังจากทานมื้อเช้ากันเสร็จเราก็ออกเดินทางกันในตอนสาย ป้าณีกับลุงฟ้อนส่งไอ้โซ่แค่หน้าบ้าน ไอ้โซ่กอดป้าณีแน่นๆ แล้วกราบตรงอกลุงฟ้อน ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ผมรู้ว่าในใจของมันไม่ได้ต่างไปจากผม ความจริงแล้วมหาวิทยาลัยที่ไอ้โซ่เลือกเรียนนั้นสามารถเรียนด้วยตัวเองที่บ้านได้แบบสบายๆ แต่เพราะผมนี่แหละครับที่ทำให้มันต้องเป็นคอยเป็นเงาตามติดคอยดูแลผมไปทุกที่ ด้วยเหตุนี้ผมจึงยอมให้ไอ้โซ่เป็นพระเอกได้โดยไม่ด่านักเขียน
 
ต้นไม้ที่เขียวขจีค่อยๆ หายไปจากสายตาแล้วแปรเปลี่ยนเป็นตึกรามบ้านช่องเมื่อรถขับเคลื่อนเข้าสู่เขตเมือง ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเศษก็ถึงเมืองหลวง แต่กว่าจะถึงปลายทางก็ต้องแวะหาอะไรกินมื้อเที่ยงกันก่อน และตอนนี้ผมก็รู้แล้วล่ะครับว่าการจราจรอันแสนโหดร้ายมันเป็นยังไง

บ่ายสองโมงเศษก็ถึงจุดหมาย พ่อต้อมจอดรถบนตึกชั้นสาม แล้วทุกคนก็เดินตามพ่อต้อมไปที่ลิฟท์ พ่อต้อมกดชั้น 18 และเราก็หยุดลงที่หน้าห้อง 1808 จากนั้นพ่อต้อมก็หยิบการ์ดในกระเป๋าแตะตรงหน้าประตู ทันทีที่เห็นภายในห้องผมก็หมดความอดทนครับ

“ที่นี่ที่ไหนอะครับพ่อต้อม?”

เป็นผมเองนี่แหละที่ถามขึ้นมาเพราะความสงสัยมันอัดอั้นมาตั้งแต่พ่อต้อมยังไม่ดับเครื่องยนต์เลยด้วยซ้ำ ที่นี่ที่ไหน?? เรามาผิดที่กันรึเปล่า?? ใครก็ได้ช่วยตอบผมที

“หอพักพวกลูกไงจ๊ะ”

คนตอบคือแม่มลครับ ตอบผมเสร็จก็ประคองคุณยายไปนั่งที่โซฟา ในขณะที่คุณตาและพ่อต้อมกำลังเดินสำรวจทั่วห้อง มีแต่ผมกับไอ้โซ่นี่แหละที่ยืนมองหน้ากันเป็นคำถามว่า ‘หอพัก’ มันหรูกันขนาดยังกับโรงแรมแบบนี้เลยเหรอ?????? ตกแต่งเรียบแต่หรูหรามาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าทุกชิ้นเป็นของแพงแสนแพง แล้วไหนจะมีสองห้องนอน เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน และรวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องครัวครบชุด

“คอนโดห้องนี้เดิมเป็นของพี่ชายของคุณปลื้มชลล์ แล้วขายต่อให้พี่ชายของเมียเค้า แต่เจ้าของใหม่อยู่ต่างประเทศเลยปล่อยให้เช่าในราคาถูกมาก คุณปลื้มชลล์เลยแนะนำพ่อให้พาเราสองคนมาพักที่นี่ ไกลจากมหาลัยหน่อยแต่การเดินทางสะดวก นั่งรถไฟฟ้าเอาแป๊ปเดียวก็ถึง”

คนเป็นพ่อคงจะเห็นลูกยืนอึ้งตะลึงค้างอยู่นานจึงหันมาอธิบายให้ฟังแบบเข้าใจในรวดเดียว และนั่นทำให้ผมตั้งคำถามขึ้นในใจว่า ‘คุณปลื้มชลล์อีกแล้วเหรอ??’ บ้านเราไปสนิทชิดเชื้อกับนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีของประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย??

“มีสองห้องนอนนะลูก เลือกแบ่งกันเองนะ”

คุณตาสำรวจเสร็จก็มานั่งพักข้างๆ คุณยาย แล้วพวกผู้ใหญ่ก็พูดคุยกันในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเด็กๆ อย่างผม

ผมกับไอ้โซ่จึงมองหน้ากันอีกรอบ

“ผมเอาห้องซ้ายละกัน”

พูดจบไอ้โซ่ก็เดินตรงดิ่งไปเปิดประตูห้องที่มันเลือก ผมเห็นมันยืนตาค้างอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไป คราวนี้ก็ถึงตาผมบ้าง ผมเดินไปห้องด้านขวาและแค่เปิดประตูเท่านั้นแหละครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของไอ้โซ่ทันที แม่จ้าวโว้ยยยยนี่มันยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวอีกนะเนี่ย

“เค้าให้พ่อต้อมเช่าเดือนละเท่าไหร่?”

รีบชะโงกหน้าออกมาถามก่อนครับ

“สองพันห้าร้อย”

“ห๊าาา!!!!”

ไม่ใช่เสียงของผมคนเดียวนะครับ บวกเสียงไอ้โซ่ที่ยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าห้องมันด้วย พ่อต้อมมั่นใจนะว่านี่เป็นราคารายเดือนไม่ใช่รายคืน

“จะตกใจทำไมกัน ก็เจ้าของห้องคนใหม่ที่ใช้เช่าเนี่ยก็ว่าที่พี่เขยเรานั่นแหละ”

“ห๋าาา??!!”
รอบนี้เป็นเสียงผมคนเดียวครับ และก็เรียกสายตาให้ทุกคู่มองมาเป็นจุดเดียว เอ่อ... ผมแค่ตกใจเท่านั้นเองว่าโลกอะไรจะช่างบังเอิญขนาดนั้น ทำไมทุกคนต้องมองเหมือนว่ากำลังจับผิดอะไรผมอยู่

“เอาของในกระเป๋าไปใส่ตู้เย็นให้ลูกสิ”

ขอบคุณคุณยายที่ช่วยพูดขัดจังหวะช่วยดึงดูดความสนใจจากทุกคน ผมจึงถือโอกาสหลุบตัวกลับเข้ามาในห้อง การตกแต่งยังคงเรียบหรูเหมือนด้านนอกแต่ห้องนี้จะเน้นโทนฟ้า คราม และเทา บอกตามตรงครับว่าไม่กล้าแม้แต่จะวางกระเป๋าบนพื้นเพราะท่าทางพรมที่ปูพื้นอยู่จะราคาแพงโข ครั้นจะเอาเสื้อผ้าราคาถูกๆ ในกระเป๋าไปแขวนในตู้ก็ยิ่งรู้สึกอเนจอนาถตัวเองเหลือเกิน

“อิเคดะ ยู...”

เหลือบตามองบนเพดานแล้วเอ่ยชื่อเจ้าของคอนโดหรูห้องนี้อย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ในอกด้านซ้ายกลับเต้นตูมตามอย่างประหลาด

อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมเป็นคนเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ผมมั่นใจว่าผู้ชายที่ชื่ออิเคดะ ยู คือคนๆ เดียวกับคนที่วนเวียนอยู่ในความฝันของผม และเราก็ได้เจอกันแล้ว ส่วนจะตกหลุมรักกันตอนไหนนั้นผมเองก็ไม่ทันจะรู้สึกตัว ฮ่าาาาา บ้ากันไปใหญ่แล้วครับ ผู้ชายคนนั้นคือคนที่จะมาเป็นพี่เขยของผมในอนาคต หรือถ้าเป็นจริงตามที่ผมคิดมีหวังคงโดนคุณเดือนฆ่าล้างโคตรแน่ แต่.. โคตรผมกับโคตรคุณเดือนก็โคตรเดียวกันนี่หว่า?? งั้นก็ตายหมู่ละกัน ผมไม่ยอมตายคนเดียวหรอก เหอๆๆ

“หัวเราะคนเดียว??”

เฮือกกก! ตกใจเยี่ยวแทบราด ไอ้โซ่เข้ามาประชิดตัวผมตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

“เดี๋ยวนี้ใจลอยบ่อยนะครับ ยิ้ม หัวเราะคนเดียว?”

บ่นอะไรไม่ทราบ? แล้วเข้ามาทำไมไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“คุณจันทร์มีความรักแหงๆ”

“อะไร? พูดให้มันดีๆ?”

“พูดว่า ‘มีความรัก’ เนี่ยมันไม่ดีตรงไหนครับ?”

“ก ก็ไม่ดีตรงที่มันไม่จริงยังไงเล่า”

“ไม่จริงก็ไม่จริง หน้าไม่เห็นต้องแดงเลยนี่นา”

รีบยกมือจับหน้าตัวเองอย่างไวพร้อมตวัดหางตามองเงาในกระจก เออ.. แดงจริงๆ ด้วย

“อากาศมันร้อนนี่หว่า ต้นไม้สักต้นก็ไม่มี”

ยกมือปัดๆ หน้าแสดงท่าทางว่าร้อนจริงๆ แม้จะรู้ว่าคนอย่างไอ้โซ่ไม่มีวันเชื่อผมหรอก ดูได้จากรอยยิ้มมุมปากนั่น หมั่นไส้โว้ยไอ้พวกชอบรู้ทันเนี่ย

“คุณจันทร์เอาของออกมาจัดเองได้นะ?”

ขอบคุณนะที่ช่วยเปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนประเด็น ผมก็รีบพยักหน้าตอบทันทีว่า ‘ได้’ อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าโตๆ กันแล้ว อายุก็เท่ากันไม่ต้องมาคอยดูแลกันเหมือนผมเป็นคุณหนูขนาดนั้นก็ได้

เพื่อนที่ดีที่สุดของผมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้อง ส่วนผมก็สำรวจโน่นนี่นั่นในห้องนอนอีกครู่หนึ่งก็เดินตามไอ้โซ่ออกมา

คุณยายกับแม่มล จัดของและคุยกันงุ้งงิ้งตามประสาผู้หญิงอยู่ในครัว ในขณะที่คุณตา พ่อต้อม และไอ้โซ่ รวมกลุ่มกันยืนดูวิวทิวทัศน์เมืองหลวงอยู่นอกระเบียง ผมหันมองทั้งสองฝั่งแล้วก็ตัดสินใจหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาดีกว่า ขอเวลาปรับร่างกายและจิตใจให้ยอมรับกับสภาพแวดล้อมรอบตัวนักนิด

ปิ๊งป่องงงงงงงง


‘เหี้ย!!’

นี่คือเสียงอุทานในใจของผมเองครับ ตูดที่กำลังจะแตะโซฟากระเด้งออกมาโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจเสียงที่ดังกระหึ่มขึ้นท่ามกลางความเงียบ อย่าว่าแต่ผมเลย แม้แต่คุณยายกับแม่มลยังตกใจและอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน

“เสียงกริ่งแบบนี้แสดงว่ามีคนมา”

อารามตกใจทำให้ผมเลิ่กลั่กจึงเรียกเสียงหัวเราะจากพ่อต้อม ท่านตบไหล่ผมเบาๆ แล้วบอกให้ผมกับไอ้โซ่เดินไปกดปุ่มกล่องสี่เหลี่ยมๆ ข้างประตูทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกริ่ง เมื่อผมกดปุ่มตามที่พ่อต้อมแนะนำปุ๊ปหน้าจอก็ฉายภาพผู้มาเยือนที่ยืนอยู่หน้าประตูทันที โอ้โหววว นี่ถ้าเป็นที่บ้านเราแค่ตะโกนเรียกหน้าบ้านก็ได้ยินไปถึงหลังบ้านไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีแบบนี้เลย ว่าแต่คนที่มาหาเราเนี่ยคือ....

“คุณปลื้มชลล์!!??”

เสียงผมกับไอ้โซ่ประสานออกมาพร้อมกัน

“อ้าว.. ถ้างั้นก็รีบเปิดประตูให้พี่เค้าสิลูก”

 บานประตูเปิดออก คุณปลื้มชลล์ที่หล่อราวกับเทพบุตรก็ส่งยิ้มให้ทันที ผมกับไอ้โซ่ยกมือไหว้และฉีกยิ้มกลับแทบไม่ทัน
ตอนอยู่บ้านสวนผมก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากมาย รู้แค่ว่าเป็นคนรวยที่หล่อระดับพระเอกหนัง แต่พอมาเจอแบบนี้ผมจึงเพิ่งรู้ว่าคนอะไรจะหล่อเนี๊ยบได้ตั้งแต่ปลายผมจรดส้นเท้าได้ขนาดนี้เนี่ย ยิ่งการพูดและท่วงท่าที่ยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ของผม ดูดีมีระดับกว่าดาราหรือพระเอกในละครหลังข่าวของคุณยายกับแม่มลซะอีก

“เกรงใจพ่อคุณแย่เลย เป็นธุระให้แล้วยังอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พอดีผมมาธุระแถวนี้อยู่แล้ว และอีกอย่างก็คนกันเองทั้งนั้น”

ประโยคสุดท้ายทำไมต้องเหลือบมองมาทางผมด้วยล่ะครับ แต่ไหนๆ พี่เค้ามองมาผมก็มองต่อไปที่ไอ้โซ่ละกัน แล้วก็ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่เค้าคุยกันอยู่นานสองนาน คุณปลื้มก็หันมาทางผมอีกครั้ง

“เป็นไง ชอบมั๊ยครับ?”

ถามผมเหรอ??? แต่ดูจากสายตาแล้วก็คงเป็นผมนี่แหละ

“อ่อ.. ครับ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไอ.. น้องสาวของยูและก็.. เป็นพี่สะใภ้ของผมน่ะครับ เธอจะมาพาน้องทั้งคู่ไปเซอร์เวย์แถวๆ นี้และมหาวิทยาลัยนะครับ”

“ครับ ขอบคุณครับ”

ไอจัง.. ชื่อนี้ทำให้ผมใจสั่นระริกระรี้เชียวครับ ถ้าไม่ติดคำว่า ‘พี่สะใภ้’ ที่แสดงสถานะว่ามีสามีแล้วอะนะ และก็อีกชื่อ.. ‘ยู’ ..ดูเหมือนว่าพี่เขยในอนาคตของผมคนนี้จะเอาใจใส่น้องเมียดีจังเลยนะครับ ส่งเพื่อนมาดูแลแล้วยังส่งน้องสาวคนสวยมาคอยแนะนำอีก ให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้ก็ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าคุณเดือนรู้เรื่องพวกนี้รึเปล่า???

 “น้องโซ่?”

“ค ครับ”

“น้องเรียนมหาวิทยาลัยเปิดใช่มั๊ยครับ? เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไอเค้าจะพาไปดูมหาวิทยาลัยของน้องด้วยนะ”

“ขอบคุณมากครับ”

เป็นคนหล่อที่ใจดีและพูดจาไพเราะน่าฟังเสียจริง ดูคุณยายกับแม่มลของผมสิครับ นั่งมองไปยิ้มไปจนน้ำลายจะหกแล้วครับ
นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงขวัญใจพ่อยกแม่ยกอยู่คุยต่ออีกหน่อยก็ขอตัวกลับ อย่างว่าแหละครับอาชีพของเค้าคือนักธุรกิจทุกเวลานาทีเป็นเงินเป็นทองไปหมด แค่สละเวลาแวะมาดูแลเด็กบ้านนอกอย่างพวกผมก็เป็นเกียรติอย่างสูงแล้วครับ ว่าแต่ผมขอคิดก่อนนะครับว่าพรุ่งนี้จะแต่งตัวยังไงให้หล่อและดูดีสมกับที่ได้รับเกียรติจากสาวสวยจะมารับพาไปท่องเมืองกรุง แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วล่ะครับ




.
.
.
.
.


TBC..  :oni1:




ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ สำหรับความล่าช้า  :dont2:
น้อมรับความผิดอย่างนอบน้อมค่ะ  :o7:






หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 26-12-2016 14:19:05
พี่ยูดูใส่ใจแต่ไม่โผล่มาเลย หายไปไหนอ่าาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2016 14:23:15
ตามต่อ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 26-12-2016 14:34:53
 คิดถึงน้องจันทร์ ♡♡♡♡♡♡♡♡

น้องจันทร์มาอยู่ใกล้ๆ งี้แล้วคุณยูจะทำยังไงต่อน้าาา ว่าแต่น้องจันทร์อย่าไปเผลอแอบชอบน้องไอนะพี่เปรมเค้าหวง  :hao6:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่า จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-12-2016 14:53:30
สงสัยว่าทำไมปลื้มมาวอแวกับบ้านนี้จัง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-12-2016 14:56:20
 :heaven
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-12-2016 15:43:56
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-12-2016 16:00:08
จันทร์มีความหึงหวงเองเบาๆ
พระเอกก็แสดงแค่ต่อหน้าจันทร์สินะ

ต่อๆๆๆ อย่าหายนะ เรารออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 26-12-2016 18:38:16
ชะแว่บแอบมาอ่าน เดี๋ยวกลับมาอีดิท
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-12-2016 18:54:09
ยังกะคุณปลื้มเป็นพระเอก ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2016 19:00:51
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-12-2016 19:48:51
พี่ปลื้มต้องรู้อะไรๆ แน่เลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-12-2016 19:55:37
เข้ากรุงล้าววว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 26-12-2016 19:57:17
ค่าห้องคอนโดนี่ราคาเหมือนให้เปล่าเลย 555555
แถมยังส่งตัวแทนไว้เทคแคร์ดูแลจันทร์อย่างดีอีก
พระเอกไปไหนนน สงสัยค่าตัวแพง
ปล. ปลื้มชลนี่เราขอได้มั้ย สเป็คเลยคนนี้
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-12-2016 20:30:07
เปนพระเอกคิวทองจริงๆ หรือว่าค่าตัวแพง
ทำไมออกมาแต่ชื่อเนี่ยคุณยู

ห้องแห่งความลับจินะ ห้องนี้น้องไป น้องเปี๊ยกแล้วก็อิพี่ปลื้มชล พี่หมอเปรม รู้จักเป็นอย่างดี
รออ่านต่อจ๊าาา
หลังว่าคุณอิเคดะ ยูจะยอมออกมาแสดงบ้างน่าาาา เดี๋ยวเค้าช่วยค่าตัวเป็นจูบจากน้องจันทร์ ฮ่าา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-12-2016 22:58:03
พี่ยูเนียนน้ะเนี้ยยย o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 27-12-2016 00:22:34
พระเอกเรานี่ไม่มีเงินค่าตัวหรอ?? มาๆๆเดี๋ยวออกให้ // คราวนี้แหละ ความสัมพันธ์จะต้องคืบหน้า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 27-12-2016 09:52:14
เห็นเงียบๆ ไม่แสดงตัวแต่ฟาดเรียบกริ๊บนะจ๊ะ  :laugh:
ส่งทั้งเพื่อน ทั้งน้องมาดักทางหมดทุกด้าน ชอบๆๆ 
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 27-12-2016 09:53:11
พระเอกเรานี่ไม่มีเงินค่าตัวหรอ?? มาๆๆเดี๋ยวออกให้ // คราวนี้แหละ ความสัมพันธ์จะต้องคืบหน้า


เดี๋ยวช่วยหารเรื่องค่าตัวพระเอกด้วยค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 27-12-2016 10:07:36
ดูท่าทางแล้วพ่อพระเอกของเราคงเข้าใจที่หลวงตาพูดใช่มั๊ยคะ
แต่ติดตรงที่ว่าความสัมพันธ์ตอนนี้เป็นว่าที่พี่เขยของน้องจันทร์
ก็เลยออกหน้าเองไม่ได้ เลยต้องผ่านมาทางคุณปลื้มชลล์แทน
พระเอกรีบออกมาแสดงตัวนะคะ น้องจันทร์เขารอให้มาดูแลอยู่ :-[
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1 และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 27-12-2016 10:59:10
เหมือนไม่มีอะไรแต่เราเชื่อว่าคุณยูพระเอกของเรามีอะไรเด็ดๆ ไว้แน่ๆ
ดูได้จากการส่งเพื่อนสนิทมาออกหน้า แล้วยังจะส่งน้องไอ(กรี๊ดแพร๊พ)มาเป็นแม่สื่อ(?)
น้องไออยู่ในฐานะคุณหนูตระกูลอิเคดะก็ต้องเป็นผู้หญิง แม่สื่อถูกแล้วสินะ
ว่าแต่น้องจันทร์อย่าหล่อมากนะลูก เดี๋ยวเจอพี่หมอเปรมเข้าไปจะหนาว อิอิ

ตอนหน้ามาไวๆ ตามสัญญานะคะ รออ่านอยู่ค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-12-2016 13:43:25
บอกได้คำเดียวว่าคุณยู คุณร้ายมาก!  :z1:

รอนานมากกกเลยสำหรับตอนนี้ และจะรอตอนต่อไป :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-12-2016 13:44:35
อ่อ.. ขอ +1 เป็ดให้นะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 27-12-2016 15:53:37
เฮ้ยย มาแล้ว  :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 27-12-2016 16:27:00
รอนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 27-12-2016 16:58:37
น้องไอจะโป๊ะแตกไหมเนี่ยว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิง55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 27-12-2016 20:56:54
พระเอกเรื่องนี้ดูแล้วน่าจะร้ายกาจนะเนี่ย :z1:
เดี๋ยวจะได้เจอน้องไอกับพี่หมอเปรมแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: caramel ที่ 27-12-2016 22:49:24
 :katai5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 28-12-2016 09:25:31
น้องจันทร์ลูกอะไรคือน้ำอบไทยนางลอยกับแป้งเภสัชกลิ่นมาดามคือของใช้จำเป็นของหนูเหรอลูก  :jul3: เอาเถอะๆๆ แม่เชื่อว่าหนูใช้อะไรก็น่ารัก  :laugh: แต่ตอนหน้าแม่ขอกรี๊ดน้องไอกับพี่หมอเปรมรอไว้ก่อนนะ  :-[
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 28-12-2016 09:46:32
คุณปลื้มวอแวกับคุณจันทร์จังเลยอะ หรือพี่ยูสั่งมาหรอ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 28-12-2016 13:27:59
ถ้าจำไม่ผิด พี่ปลื้มคู่พี่หมอดินไม่ใช่เหรอ?? อุ๊ปส์!  :impress2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 28-12-2016 23:01:52
เป็นกำลังใจให้น้องจันทร์่าฟันภัยร้ายอย่างไส้เดือนกับเปื่อยยุ่ยไปให้ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-12-2016 23:02:09
รอต่อปายยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 28-12-2016 23:13:57
สาธุ
หลวงตาท่านเทศน์สอนแล้ว เรื่องพรหมวิหาร4
ไส้เดือนไม่มีสิ่งนี้ จะมีความสุขได้ไง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 28-12-2016 23:20:37
พี่ปลื้มเลยคิดถึงพี่เปรมน้องไอเลย
น้องจันทร์ก็สู้ๆนะ อย่าทิ้งความรักครั้งนี้ไป ว่าแต่พี่ยูหายไปไหน
ฝากแต่คนอื่นเขามา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 30-12-2016 11:20:31
รอตอนต่อไป ตามสัญญาของนักเขียนนะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 30-12-2016 12:41:25
ขอตอนยาวๆได้ไหมอ่าาา ชอบมากกก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -5- [26.12.59] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 31-12-2016 15:44:31
อยากเห็นหน้าอิไส้เดือนตอนรู้ว่าแฟนตัวเองดูแลเอาใจใส่น้องชายที่ตัวเองเกลียดมากขนาดไหน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 02-01-2017 04:45:36
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-6-









คุณหนูไอมาตรงตามเวลานัด 9 โมงเช้า รถตู้คันหรูสีขาวสะอาดตาจอดรอให้ผมและไอ้โซ่เดินขึ้นไปนั่งเบาะหลังสุด ตอนแรกคุณหนูเธอก็บอกให้นั่งเบาะหลังต่อจากเธอ แต่คุณเปี๊ยกสุนัขเลี้ยงของคุณหนูไอนอนหลับแผ่หราอย่างสบาย ผมกับไอ้โซ่รู้สึกเจียมตัวจึงขออันเชิญตัวเองไปอยู่เบาะท้าย

จริงอย่างที่ว่า ‘สิ่งที่คิดและความเป็นจริงมักจะต่างกันเสมอ’ ผมคิดว่าวันนี้ผมหล่อและดูดีที่สุดเพื่อที่จะได้เดินเคียงคู่คุณหนูอิเคดะไอ แต่ความเป็นจริงก็คือความหล่อของผมอยู่แค่ระดับพื้นๆ แถมยังดูเหมือนเด็กบ้านนอกอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับนายแพทย์เปรมนทีป์ อัศววิรุณฉาย.. ถูกต้องแล้วล่ะครับ คนที่เดินเคียงข้างคุณหนูอิเคดะไอคือสามีของเธอครับ.. ไม่ใช่ผม T^T

“กินอะไรกันมารึยัง?”

คนที่กำลังอยู่ในความคิดหันมาถามด้วยรอยยิ้มเจิดจ้าแจ่มจรัสทำเอาหัวใจของผมแทบกระเด็นหลุดออกมาจากอก

“อ อ อ่อ.. ก กินข้าวไข่เจียวกันมาแล้วครับ”

“ข้าวไข่เจียว?”

เอียงคอถามอย่างน่ารัก ผมกับไอ้โซ่ก็รีบพยักหน้าหงึกๆ คนถามยิ้มจนดวงตาคู่เล็กหยักโค้ง

“พี่เปรม ไออยากกินข้าวไข่เจียว พรุ่งนี้เช้าพี่เปรมทำให้ไอกินหน่อยนะ”

“ทำกินเองก็ได้ไม่ใช่รึไง?”

“แต่ไออยากกินฝีมือพี่เปรมนี่นา.. นะ.. น๊า..”

แค่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนยังทำให้ใจอ่อนยวบแต่นี่คนอ้อนเป็นสาวน้อยหน้าใสกริ๊ก ผมสีดำขลับแล้วดัดลอนใหญ่รับกับใบหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะดังนั้นต่อให้ใจแข็งเป็นหินผมว่าก็ต้อยยอมศิโรราบ

“พี่ก็อยากกินฝีมือไอ”

อ้าว... เสียงคุณหมอนิ่งยิ่งกว่าน้ำ ณ จุดเยือกแข็งอีกครับ แต่ๆๆ ทำไมคุณหนูไอถึงได้ยิ้มกริ่มแบบนั้นล่ะ??

“ถ้างั้น.. เราผลัดกัน.... ทำ”

เจ้าของเรือนผมดัดลอนสีดำดุจเส้นไหมเคลื่อนริมฝีปากสีชมพูแนบชิดใบหูของอีกฝ่าย ถ้าหากตาของผมไม่ฝาดผมคิดว่าผมเห็นลิ้นเล็กๆ แล่บเลียและขบเบาๆ ตรงติ่งหูด้วย และถ้าหากหูของผมไม่เพี้ยน ผมคิดว่าได้ยินประโยคแผ่วเบาของคุณหนูไอที่กระซิบด้วยเสียงแหบซ่านว่า ‘ผลัดกัน.. กิน’

แม่จ้าวเว้ยยย แค่ตกลงจะทำและจะกินข้าวไข่เจียวทำไมถึงได้ให้ทำผมขนลุกและใจสั่นระริกขนาดเนี้ยเนี่ยยยย ผู้หญิงอะไรสวย น่ารัก และยังจะเซ็กซี่ขยี้ใจชายเหลือเกิ๊นนนนน  ไม่ไหวแล้วล่ะครับ ถ้าขืนยังมองภาพตรงหน้าอยู่แบบนี้ผมอาจจะมีใจผิดศีล 5 ข้อ 3 ก็เป็นได้ ผมจึงต้องหาอะไรทำอย่างเช่นชวนไอ้โซ่คุย แต่...

“เฮ้ย! เป็นไร?”

ต่อให้ตกใจกับใบหน้าที่แดงจัดของไอ้โซ่แค่ไหนแต่ด้วยความเกรงใจเจ้าของรถผมก็ทำได้แค่เปล่งเสียงในระดับความดังกระซิบเท่านั้น

“ไม่สบายเหรอ?” 

แก้มไอ้โซ่แดงก่ำอย่างน่ากลัว ผมรีบใช้มืออังหน้าผากวัดอุณหภูมิด้วยความเป็นห่วง

“ผ ผมไม่เป็นอะไรครับ”

ตอบเสียงตะกุกตะกักแถมมีกลืนน้ำลายหลายอึกด้วย มันเป็นอะไรของมันเนี่ย? หรือจะเมารถ???

“เมารถ?”

ไอ้โซ่ส่ายหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มแหยๆ ยังกับไปทำอะไรผิดมา

“บ๊อกๆ”

เหยดดดด ตกใจแทบช็อคเมื่อจู่ๆ มีเสียงทักทายพร้อมลูกกะตาโตๆ โผล่มาจากเบาะหน้า

“เอ๋--- ใครไม่สบายเหรอน้องเปี๊ยก?”

“บ๊อกๆ บ๊อก”

เอ่อ... นี่คุณหนูไอกำลังพูดกับน้องหมา???? พอพูดจบก็เบนสายตามาที่ไอ้โซ่

“น้องโซ่เมารถงั้นเหรอ?”

คนถามเอียงคอมองไอ้โซ่ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยปนห่วงใย ในขณะที่น้องเปี๊ยกก็เอียงคอทำหน้าย่นมองไอ้โซ่ด้วยลูกกะตากลมกิ๊ก เอาสิครับโดนกดดันทั้งจากคนและจากน้องหมาขนาดนี้ไอ้โซ่จะตอบว่ายังไง

“ป เปล่าครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่.. เอ่อ.. เป็นโรคภูมิแพ้กรุงเทพน่ะครับ”

หน้าตา ท่าทาง น้ำเสียง และคำตอบจับพิรุธได้ซะขนาดนี้ ถ้าใครเชื่อก็บ้าแล้วล่ะครับ ผมหันไปมองคุณหนูไอที่หลังจากได้ฟังคำตอบไอ้โซ่แล้วเธอก็เอาแต่ยิ้มหวาน แถมด้วยยักคิ้วข้างเดียวสองครั้งก่อนจะ...

“เมืองหลวงควันและฝุ่นมากมาย.. พี่สูดดมเข้าไปร่างกายก็เป็นภูมิแพ้
ผู้หญิงที่กรุงเทพก็อันตราย.. เพราะพวกเธอหลายใจหัวใจพี่เองก็แพ้”

อื้อหือออออ ถ้าคนน่ารักเป็นโรคภูมิแพ้กรุงเทพขนาดนี้ นอกจากผมจะยอมยกใจให้คุณหนูไอไปครอบครองแล้ว ผมยังจะขอมอบตัวถวายให้อีกด้วย ผู้หญิงอะไรโดนใจผมไปซะทุกช็อตจริงๆ

“อื้มมม”

กำลังจะถลำตัวผิดศีลอยู่แล้วละครับ โชคดีที่คุณหมอเปรมนทีป์ส่งเสียงขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน และก็ทำให้บรรยากาศของผมและไอ้โซ่เข้าสู่โหมดเงียบกริบกันทั้งคู่ จะมีก็แต่คุณหนูไอที่คุยกับน้องชายที่ชื่อเขื่อนสลับกับสนทนากับน้องเปี๊ยกจนถึงจุดหมายนั่นคือมหาวิทยาลัยของผมเองครับ

 “พี่เขื่อนเขาเป็นศิษย์เก่าที่นี่ ยังไงเดี๋ยวให้พี่เขื่อนเขาแนะนำดีกว่านะ”

ลงมาจากรถปุ๊ปคุณหนูไอก็ยกหน้าที่ให้พี่เขื่อนทันที ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินตามพี่เขื่อนไป

ตอนอยู่ในรถคุณหนูไอแนะนำว่าพี่เขื่อนเป็นน้องชายของคุณหมอเปรมนทีป์และคุณปลื้มชลล์ซึ่งก็เหมือนน้องชายของเธอด้วย จริงๆ แล้วพี่เขื่อนหน้าตาดีนะครับ โดยเฉพาะดวงตาเรียวสวยเหมือนกวางเลย แต่ติดตรงที่พี่เขาไม่ยิ้มแย้ม ยิ่งพี่คนขับรถที่เป็นหนุ่มร่างใหญ่ล่ำบึ๊กชาวอาทิตย์อุทัยเนี่ยยิ่งแล้วใหญ่ เอาแต่ทำหน้านิ่งเรียบเหมือนไม่แคร์สรรพสิ่งบนโลกนี้เลยสักนิด พอหันไปทางคุณหนูไอเจอคุณหมอเปรมนทีป์เข้าไปผมพูดได้คำเดียวว่านี่แหละคือนิยามของคำว่าหล่อวัวตายควายล้ม หล่อล่มบ้านล่มเมือง หล่อละลายจนผู้ชายยอมกลับใจเป็นหญิง! หล่อขนาดนี้แล้วยังมีเมียน่ารักมากอีกด้วย ผมยังแอบหลงรักเมียเค้าเลย เหอๆๆ ออกนอกประเด็นไปนิดนึง

คุณปลื้มชลล์และคุณเปรมนทีป์เป็นฝาแฝดที่พ่อแม่ช่างปั้นเสียจริง คนนึงหล่อดี๊ดีดูเป็นผู้ชายที่เป๊ะทุกระเบียบนิ้วแถมยังดูเพลย์บอยนิดๆ ส่วนอีกคนหล่อเหี๊ยเหี้ย นิ่ง เงียบ ขรึม น่าลึกลับ น่าค้นหา น่าไขว่คว้ามาแอบอิง เอาจริงๆ คือความหล่อของทั้งคู่ทำให้ผมเป็นผู้ชายแมนๆ ปีนต้นมะพร้าวแข่งกับลิงเล่นอย่างผมยังระทวยได้เลยครับ

กลับมาที่เรื่องของผมกันต่อ มหาวิทยาลัยของผมมีชื่อเสียงเรื่องวิชาการด้านการเกษตร และระหว่างที่พี่เขื่อนพาเดินดูตึกเรียนและแนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย ดูท่าทางว่าเมื่อก่อนพี่เขื่อนจะป๊อปอยู่พอสมควรเพราะแม้จะจบไปนานหลายปีแต่อาจารย์หลายท่านก็ยังจำพี่เขื่อนได้ เราใช้เวลากันพอสมควรในการเดินดูรอบๆ คณะเรียน จนพี่เขื่อนหยุดถามว่ามีอะไรสงสัยอีกมั๊ย? ซึ่งแน่นอนว่ามีครับ..

“เอ่อ.. ขอโทษนะครับ ผมอยากจะรู้วิธีการเดินทางจากที่พักมามหาวิทยาลัยโดยรถเมล์ หรือรถไฟฟ้าน่ะครับ”

ตามที่คุณปลื้มชลล์บอกไว้ผมนึกว่าคุณหนูไอจะแนะนำเรื่องการเดินทางซะอีก แต่นี่นั่งรถอย่างหรู แอร์เย็นฉ่ำมายังกับคุณชายแน่ะ แล้วถ้าถึงวันจริงผมจะมายังไงล่ะเนี่ย

“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยววันจริงจะมีคนพาคุณจันทร์มาด้วยวิธีที่ว่าอีกรอบ”

“ห๊ะ?”

“คุณจันทร์คือคนของตระกูลอิเคดะ ดังนั้นทุกอย่างจะถูกจัดการไว้อย่างดีและปลอดภัย”

“ห๋า!?”

พี่เขื่อนก้มหัวให้ผมเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินนำกลับไปทางลานจอดรถ ทิ้งให้ผมยืนงงทบทวนคำพูดที่พี่เขื่อนทิ้งไว้ ‘คุณจันทร์คือคนของตระกูลอิเคดะ’ เฮ้ยย!! ตั้งแต่เมื่อไหร่??? เข้าใจอะไรผิดกันรึเปล่าเนี่ย???? รีบวิ่งไปแก้ตัวให้ตัวเองสิครับรออะไร ยกเว้นซะว่าพอเจอหน้าคุณหมอเปรมนทีป์เท่านั้นแหละ ขากรรไกรของผมหุบฉับและห่อตัวให้ลีบเล็กที่สุด ไม่ทราบว่าช่วงที่ผมไม่อยู่มีใครไปเหยียบตาปลาของคุณหมอรึเปล่าครับถึงได้หน้าตาบึ้งตึงเหมือนยักษ์โมโหขนาดนี้

“เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเถอะ”

ขอบคุณที่ความสดใสของคุณหนูไอยังช่วยผ่อนคลายให้ผมกล้าหายใจหายคอ และผมตั้งใจว่าจะแอบกระซิบถามไอ้โซ่บนรถสักหน่อย แต่คุณหนูไอกับคุณหมอเธอย้ายตัวเองไปนั่งเบาะหลังสุดแล้วให้ผมกับไอ้โซ่นั่งเบาะหน้าแทน ส่วนตรงกลางยังคงโดนยึดพื้นที่โดยน้องเปี๊ยกเช่นเดิม และระหว่างทางไปร้านอาหารนั้นผมกับไอ้โซ่ก็นั่งตัวเกร็งไม่กล้าแม้จะมองตากันด้วยซ้ำเพราะเสียงเบาหวิวที่ดังมาจากเบาะหลังมันชวนสยิวกิ้วเหลือเกินครับ

ผมกับไอ้โซ่ถูกพามาทิ้งไว้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นครับ แถมยังยึดโทรศัพท์มือถือของผมไปด้วย และอย่าถามเลยว่าอาหารที่คุณหนูสั่งไว้ให้อร่อยมั๊ย? แต่ช่วยเปลี่ยนคำถามว่าเด็กบ้านนอกอย่างผมกับไอ้โซ่กินวาซาบิเป็นกันรึเปล่าจะดีกว่า และอย่าพูดถึงเรื่องบนรถเมื่อครู่นะครับ เราทั้งคู่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นจริงๆ

“คุณจันทร์กินผัดบะหมี่นี่สิครับ รสชาติโอเคอยู่นะ”

จานผัดบะหมี่ใส่ไก่ กะหล่ำปลี และแครอท ถูกเลื่อนมาตรงหน้า และนี่คงจะเป็นเมนูเดียวที่ผมคิดว่าอร่อย

“พวกเขาจะทิ้งเราไว้รึเปล่าครับคุณจันทร์?”

“ไม่หรอก”

ตอบเพื่อให้เพื่อนสบายใจแต่ในใจคือผมเองก็แอบกลัวเหมือนกัน

“แล้วเดี๋ยวเขาจะพาไปไหนกันต่อเหรอครับ?”

“ไปดูมหาวิทยาลัยโซ่ไง”

ตอบไปตามที่คุณปลื้มชลล์บอกไว้เมื่อวาน คนฟังพยักหน้ารับแต่สีหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวล

“พวกเขาไม่มีวันทิ้งเราหรอก และก็ไม่มีใครทำอะไรที่ไม่ดีกับเราด้วย เพราะนั้นอย่ากังวลไปเลย”

“คุณจันทร์จะมั่นใจ?”

“ไม่รู้สิ.. แต่สัญชาตญาณมันบอกว่าพวกเขาเป็นคนดี”

ไอ้โซ่พยักหน้าอีกรอบ แล้วเราก็เปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเรื่องอาหารที่วางอยู่เต็มพื้นที่บนโต๊ะ คุยไปกินไปเรื่อยๆ มันก็กินได้และกินกันเกือบหมดนะครับ ยกเว้นพวกปลาดิบของดิบทั้งหลาย ไม่รู้ว่าที่ร้านมีบริการใส่กล่องกลับบ้านรึเปล่า ผมอยากจะห่อกลับไปให้ไอ้โซ่ทำผัดเผ็ดกินกับข้าวร้อนๆ ซะเหลือเกิน

“เป็นไงอิ่มกันรึยัง?”

หายไปเป็นชั่วโมงคุณหนูไอก็กลับมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อและมีเหงื่อซึมตามไรผมเหมือนไปแอบวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาสักสิบรอบ แต่ก็มิอาจบั่นทอนความน่ารักลงไปได้

“อิ่มแล้วครับ” อิ่มนานแล้วด้วย

คุณหนูโปรยรอยยิ้มให้พวกผมก่อนจะหันไปพยักหน้าให้พี่เขื่อน ฝ่ายนั้นก็ก้มศีรษะให้คุณหนูเล็กน้อยแล้วก็เดินตรงไปที่เคาเตอร์ ส่วนผมและไอ้โซ่ได้แต่เดินตามคุณหนูออกจากร้านมาจนถึงรถที่มีสารถีร่างใหญ่ยืนรออยู่ข้างรถ และมีคุณหมอเปรมนั่งรออยู่ด้านใน แล้วสถานการณ์ก็กลับมาเป็นปกตินั่นคือผมกับไอ้โซ่ประจำที่เบาะหลังเหมือนเดิมครับ

ไม่ผิดตามที่คิดไว้เพราะเป้าหมายต่อไปคือมหาวิทยาลัยของไอ้โซ่ แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยเปิดแต่ก็มีห้องเรียนแบบทางไกลและมีห้องสมุดใหญ่โตไว้ให้บริการแก่นักศึกษา แต่ดูจากระยะทางจากที่พักมาแล้วไอ้โซ่แอบกระซิบบอกผมว่าขอใช้บริการห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยของผมแทนน่าจะสะดวกกว่า

วันนี้เดินทางไปแค่ 2 ที่แต่เหนื่อยเหมือนเดินทางไกลข้ามจังหวัด มิหนำซ้ำยังใช้เวลาเกือบทั้งวัน มื้อเย็นคุณหนูเธอจะพาเราทั้งคู่ไปเลี้ยงอีกนะครับ แต่ผมกับไอ้โซ่แกล้งบอกว่าเหนื่อยมากๆ อยากจะพักผ่อน เพราะเข็ดกับอาหารญี่ปุ่นเมื่อเที่ยงถึงจะกินหมดแต่มันไม่ถูกปากเอาซะเลย

“ขอบคุณมากๆ นะครับ”

ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหนูอิเคดะไอและสามี ตลอดจนพี่สารถีกล้ามใหญ่และพี่เขื่อน

“ไม่ต้องเกรงใจนะ ยังไงต่อไปเราต้องเจอกันตลอดอยู่แล้ว”

ฝ่ามือนุ่มตบลงเบาๆ บนหัวไหล่ของผม

“นี่โทรศัพท์เครื่องใหม่ เบอร์เก่ายังอยู่ครบ และพี่ก็เมมเบอร์ของทุกคนที่สำคัญไว้ให้หมดแล้ว”

ผมกับไอ้โซ่มองหน้ากันเลิ่กลั่กกับโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่กว่าฝ่ามือ 2 เครื่องที่ถูกยื่นมาตรงหน้า และคุณหนูคงจะขัดใจกับเราทั้งคู่เธอจึงจัดการจับสิ่งของใส่มือผมกับไอ้โซ่ซะเอง

“ขึ้นไปพักผ่อนได้แล้ว”

คุณหนูไอผลักผมกับไอ้โซ่เข้าไปในลิฟท์พร้อมโบกมือลา เมื่อประตูลิฟท์ปิดลงผมกับไอ้โซ่ก็ยืนมองหน้ากันโดยไร้คำพูดจนถึงห้องพัก

“คุณจันทร์”

“ว่า?”

“ไอ้โซ่ใช้ไอ้นี่ไม่เป็นหรอกนะ”

มองตามนิ้วที่ชี้ ‘ไอ้นี่’ ของไอ้โซ่จึงได้รู้ว่ามันคืออะไร

“ฉันก็ใช้ไม่เป็น”

นี่ผมพูดจริงนะครับ ไอ้วัตถุที่มีแต่หน้าจอแบนๆ ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยเนี่ยผมเคยเห็นแค่ในทีวีและมันไม่เคยอยู่ในความคิดที่จะซื้อมาใช้ในชีวิตประจำวันของผมเลยด้วยซ้ำ

“เรื่องนี้ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้หิวแล้ว”

เรื่องปากท้องต่างหากล่ะครับที่สำคัญสำหรับชีวิตผม

“อยากกินน้ำพริกอะ”

“น้ำพริกกะปินะครับคุณจันทร์ ง่ายดี เดี๋ยวไอ้โซ่จัดให้”

พูดจบไอ้โซ่ก็ลุกขึ้นเข้าครัวทันทีครับ น้ำพริกกะปิกับหมูหวานฝอยกินกับข้าวสวยร้อนๆ ชวนให้คิดถึงบ้าน และแบบนี้ล่ะครับที่เรียกว่าอร่อยสุดๆ สำหรับผมและไอ้โซ่



.
.
.
.
.
.
.




หลังจากกินอิ่มและใช้โทรศัพท์ของคอนโดโทรกลับไปรายงานตัวที่บ้านกันเรียบร้อยแล้ว ผมกับไอ้โซ่ก็ออกไปนอนกางพุงหาแสงดาวบนท้องฟ้าทะมึนกันที่ระเบียงอยู่พักใหญ่จนหนังตาเริ่มจะหย่อน จึงแยกย้ายกันกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง วันนี้เราตกลงกันว่าเพื่อให้คุ้นชินกับสถานที่ดังนั้นเราจะลองแยกนอนกันคนละห้องตามที่เลือกกันไว้ครับ

อาบน้ำจนสบายตัวก็ได้เวลานอน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเจออะไรบ้าง ขอนอนเอาแรงไว้ก่อนละกัน และช่วงจังหวะที่กำลังเคลิ้มๆ อยู่นั้นเสียงสั่นสะเทือนเบาๆ ก็ดังรบกวนโสตประสาทให้ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างหงุดหงิด

“อะไรวะเนี่ย?”

ผมหยิบวัตถุที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู หน้าจอส่องสว่างวาบเป็นสีเขียวและมีตัวอักษรเป็นภาษาอังกฤษเขียนว่า ‘Your Someone’

“คืออะไรวะ?”

ต้องทำอะไร? ต้องทำยังไง? ไอ้โซ่หลับรึยังเนี่ยช่วยกูด้วยยย? มันจะระเบิดมั๊ย?! ด้วยความกลัวและเท่าที่จำได้จากในโฆษณาผมจึงแตะๆ จิ้มๆ หน้าจอแบบมั่วๆ ไปเอาให้มันหยุดสั่นก็พอ และมันก็สำเร็จครับ อาการสั่นสะเทือนจากตัวเครื่องหยุดลง แต่มีเสียงดังขึ้นแทน

‘ทซึกิ?’

เสียงนี้...
หัวใจของผมกระตุก ร่างกายชาวาบราวกับเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ

‘ฮัลโหล ทซึกิ.. ได้ยินฉันมั๊ย?’

อ่านชื่อหน้าจอซ้ำๆ ‘Your Someone’ ทำไมต้องใส่ชื่อแบบนี้ไว้ในโทรศัพท์ของผมด้วย และทำไมต้องเป็นชื่อของคนๆ นี้ด้วย

‘ทซึกิ?’

สูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนออกก่อนจะพูดกรอกสายกลับไป

“คุณ?”

นั่นคุณจริงๆ เหรอ?

‘ได้ยินแล้วสินะ’

“คุณ?”

‘อืม’

“คุณ.. คุณอยู่ไหนน่ะ?”

‘บ้าน’

บ้านที่ไหน? ด้วยความสงสัยทำให้ผมเงียบไปครู่หนึ่ง และอีกฝ่ายคงจะรู้จึงได้ตอบคำถามใหม่อีกครั้ง

‘ญี่ปุ่น’

“ห๊า!?”

นี่ตกใจจริงนะครับ อยู่ตั้งไกลแล้วโทรหาผมทำไม??

‘ฉันอยากเห็นหน้าเธอ.. ทซึกิ’

คำตอบที่ได้รับทำให้ผมเงียบไปเพื่อใช้ความคิด ผมเพ่งมองหน้าจอสีเขียวนิ่งๆ ก่อนจะตอบออกไปแบบเต็มเสียง

“ไม่!”

‘ทำไม?’

“ผ ผมกำลังจะนอน ไม่ใช่สิผมนอนหลับไปแล้วต่างหาก”

‘แสดงว่าถ้ายังไม่นอนก็เห็นหน้าได้’

“ไม่ได้ทั้งนั้น!”

เสียงหัวเราะเบาๆ จากปลายสายทำให้ผมเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง

‘วันนี้เหนื่อยใช่มั๊ย?’

“อืม”

‘ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเหรอ?’

“ก็.. พอกินได้” โดยเฉพาะผัดบะหมี่อะนะ

‘ไม่ชอบสินะ’

“ก็บอกว่าพอกินได้ไง”

ใครจะโง่บอกว่าไม่ชอบกันเล่า เดี๋ยวเอาไปบอกคุณหนูไอจะทำให้เธอเสียน้ำใจเปล่าๆ แต่ไม่รู้ว่าคำตอบของผมจะทำให้คนฟังรู้สึกแย่ด้วยรึเปล่าเพราะเงียบไปเลย..

“ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบคนญี่ปุ่นสักหน่อย”

คนญี่ปุ่นในที่นี้ผมหมายถึงคุณหนูอิเคดะไอนะครับ ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด

‘ฉันรู้’

รู้อะไร?? ทำเป็นรู้ดี แล้วทำไมผมถึงต้องยิ้มด้วยเนี่ย

“คุณโทรหาผมได้ยังไง?”

‘ใช้โทรศัพท์อยู่นี่ไง’

“กวนตีน”

หัวเราะอีกแระ คนเค้าด่าให้อยู่เนี่ยยังมาหัวเราะ อิตานี่ท่าจะบ้า

“คุณโทรหาผมทำไม?”

‘คิดถึง’
น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูมั่นคงและไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พาลให้หัวใจของผมเต้นระส่ำและพองโต

 “ผมไม่ใช่แฟนคุณ”

‘เธอเป็นน้องชายของมิกิ’

หัวใจดวงที่เบ่งบานเมื่อครู่โดนบีบอัดให้แฟ่บลงจนเจ็บแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“คุณไปโทรหาแฟนคุณเถอะ”

‘ทซึกิ..’

“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเพราะฉะนั้นไม่ต้องโทรหาผมอีก”

‘เธอรู้.. ว่าเธอเป็นใครสำหรับชั้น’

“ผมจะวางสาย”

‘ทซึกิ.. เธอรู้.. ฉันรู้ว่าเธอรู้’

“ใช่ผมรู้! ผมรู้ว่าผมเป็นน้องชายของคนที่คุณรักยังไงเล่า!”

ฮึก.. ผมเกลียดตัวเอง ผมเกลียดความสับสนทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผู้ชายที่เคยเจอหน้าแค่ไม่กี่ครั้ง พูดคุยแค่ไม่กี่หน และที่สำคัญคือเป็นคนรักของคุณเดือน เขาทั้งคู่กำลังจะหมั้นกันในเร็ววันนี้ แล้วทำไมหัวใจของผมถึงได้สุขและทุกข์เพราะผู้ชายคนนี้ด้วย

‘เธอรู้.. ว่าเธอเป็นใครสำหรับชั้น’

“ผมไม่รู้! ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”

‘หลับตา.. และเปิดใจสิ.. ทซึกิ’

ฮึก..

‘เธอรอฉัน.. และฉันตามหาเธอเพื่ออะไร?’

แม้ว่าผมจะมั่นใจว่าคุณคือผู้ชายที่อยู่ในความฝันคนนั้นที่ทำให้ผมเจ็บปวดกับการเฝ้ารอ แต่ผมไม่รู้ว่าคำอธิษฐานที่แสนเจ็บปวดของผมนั้นคืออะไร? คุณเป็นใครสำหรับผมและผมสำคัญแค่ไหนสำหรับคุณ? ผมไม่รู้จริงๆ

“ผมง่วงแล้ว”

ขอตัดบทด้วยคำโกหกที่ปลายสายก็คงจะรู้ว่ามันไม่จริง

‘เธอจะฝันดี’

น้ำเสียงที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความจริงใจและอ่อนโยนทำให้ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของผมอุ่นซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด และมันก็เหมือนกับทุกครั้ง คนที่ทำให้หัวใจของผมเจ็บปวดเจียนตายก็คือคนเดียวกับที่ทำให้หัวใจของผมกลับมาฟื้นขึ้นได้ใหม่อีกครั้งเช่นกัน

แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ดับไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังมองมันอยู่อย่างนั้น ความง่วงหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย แล้วผมจะนอนหลับฝันดีได้ยังไงทั้งที่สมองยังคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่แบบนี้


อิเคดะ ยู...
คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมคุณถึงมีอิทธิพลกับความรู้สึกของผมขนาดนี้....






.
.
.
.
.
.

TBC..  :oni1:





สวัสดีปีใหม่คนอ่านทุกท่านนะคะ
ขอให้มีความสุขมากมายตลอดปีและตลอดไปนะคะ  :L2:


อยู่กับน้องจันทร์จนจบด้วยนะคะ  :m13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 02-01-2017 05:53:29
น้องไอทำอะไรหลังรถนะ บอกเจ้มาน่าาา
อย่าให้เด็กเห็นจิเดี๋ยวใจแตกหมด แม้ๆๆๆๆ
มาทำให้คิดถึงนะเนี่ย น้องเปี๊ยก พี่หมอ น้องไออออ
แถมมีเขื่อนกับแฟนมาด้วย คิดถึงทุกคนเลยย

ทำยังไงคุณยูถึงจะสลัดเดือนหลุดละเนี่ย
ทำจันทร์เสียใจอยู่นะ มาหาเลย
ออกมาแค่เสียง สงสัยค่าตัวแพงมากจริงๆ


สวัสดีปีใหม่ค๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 02-01-2017 07:35:39
งานดี ชอบบบบบ มาต่อไวๆนะจ้ะ Happy new year จ้า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-01-2017 07:43:58
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-01-2017 08:14:06
พี่ยูมีแผนจะทำอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 02-01-2017 08:40:42
รอบนี้มาไว ดีใจมากกก วิ่งไปอ่าน :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 02-01-2017 10:33:43
พี่เปรมน้องไออออพวกหนูทำอะไรกันที่เบาะหลังเหรอลูกกกก :haun4:
ขนาดโผล่มาแค่นี้พวกหนูยังทำให้พี่กำเดาแทบทะลัก
หุหุหุหุ พี่ชอบบบบบบ :hao6:

ส่วนคุณยูขาาา รีบมาง้อน้องเลยนะ อยากเห็นหน้าก็ต้องรีบมาสิ
แล้วก็เคลียร์อิไส้เดือนให้น้องจันทร์ด้วยนะ ไม่งั้นพี่งอน! **แล้วใครจะง้อพี่หว่า :katai5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2017 14:02:44
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-01-2017 14:52:28
น้องไอคนแซ๊บบบบ แอบไปทำอะไรกับคุณหมอคะ 555555
เมื่อไหร่คุณยูจะมาหาคุณจันทร์อีกหว่า
อยากให้มาอยู่ด้วยกัน อิอิ

สวัสดีปีใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 02-01-2017 15:30:08
คุณพี่ยูนี่ค่าตัวแพงสินะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 02-01-2017 17:15:43
เขินพี่หมอเปรมกับน้องไอหนักมาก :hao6:

พระเอกของเรา คุณยูรีบมาเถอะค่ะ เด็กงอนแล้วนะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ
รอตอนต่อไปนะคะ รีบๆ มาแบบนี้น๊าาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 02-01-2017 17:16:15
เขินพี่หมอเปรมกับน้องไอหนักมาก :hao6:

พระเอกของเรา คุณยูรีบมาเถอะค่ะ เด็กงอนแล้วนะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ
รอตอนต่อไปนะคะ รีบๆ มาแบบนี้น๊าาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-01-2017 18:06:41
น้องเปี๊ยกสัมผัสได้
ว่าโซ่......เขินไอกะหมอเปรม
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-01-2017 19:32:20
ยังไงน้อออ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-01-2017 19:37:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 02-01-2017 20:40:41
พี่ยูมีแผนจะทำอะไรกันแน่

คิดแบบเดียวกันเลยค่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 02-01-2017 20:44:16
แล้วแบบนี้เมื่อไหร่มันจะชัดเจน เพราะคำสัญญาคำอธิษฐานนั่นสินะ แต่ทำไมถึงไม่เผยตัวตนออกมานะ  // รอตอนต่อไป สู้ๆนะไรท์
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-01-2017 23:20:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-01-2017 23:54:57
❤️ HAPPY NEW YEAR 2017 ❤️
สวัสดีปีไหม่ ๒๕๖๐
ขอให้ไรท์ มีความสุข มากกกกกกก
。◕‿◕。

พี่หมอ ไอ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ไอ เซ็กซี่กับพี่หมอมากๆ
แถมทำอะไรไม่รู้ ให้โซ่หน้าแดงเลย
อุูย....คนอ่านก็อยากรู้ด้วยอะ  :ling1: :ling1: :ling1:
น้องเปี๊ยก เขื่อน กับพี่ปลื้ม ก็มาด้วย
ไอ มีความสัมพันธ์กับยู สินะ
ทำไม จันทร์ต้องเป็นน้องของมิกิ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 03-01-2017 05:50:27
อู้ย.........เขาทำอะไรกันในรถ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 03-01-2017 08:46:28
เหมือนจะชัดเจนแต่ก็ไม่ พี่ยูทำอะไรซักอย่างทีมันลุ้น
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 03-01-2017 13:01:14
หมั่นไส้ยูจัง55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 03-01-2017 13:15:44
ตอนนี้จะไม่พูดถึงน้องไอกับพี่หมอเปรมไม่ได้เลย
เล่นมาทำอย่างนี้เดี๋ยวเด็กก็ใจแตกกันพอดีสิ :z1:
พูดถึงเรื่องน้องจันทร์ กลายเป็นคนของตระกูลอิเคดะแล้ว
คำว่าคนของตระกูลอิเคดะ ปัจจุบันกับอนาคตไม่เหมือนกันสินะ
ตอนนี้ก็เป็นน้องชายว่าที่ภรรยาไปก่อนแล้วกันนะพี่ยู
กับน้องจันทร์น่ะต้องค่อยๆตะล่อม อย่าผลีผลามเกินไป
เอาใจช่วยพี่ยูค่ะ อยากให่้มีคนมาดูแลน้องจันทร์ :กอด1:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1 และเป็ดค่ะ
ป.ล. ยอมรับว่ารอเรื่องนี้มาอัพอย่าใจจดใจจ่อ ^^
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 03-01-2017 21:36:20
เอาจริงๆ นะคะ ตอนนี้อยากเห็นหน้านังไส้เดือนตอนรู้ว่าแฟนตัวเองเอาใจใส่คนที่ตัวเองเกลียดขนาดไหน o18
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 03-01-2017 21:38:02
ตอนนี้จะไม่พูดถึงน้องไอกับพี่หมอเปรมไม่ได้เลย
เล่นมาทำอย่างนี้เดี๋ยวเด็กก็ใจแตกกันพอดีสิ :z1:
พูดถึงเรื่องน้องจันทร์ กลายเป็นคนของตระกูลอิเคดะแล้ว
คำว่าคนของตระกูลอิเคดะ ปัจจุบันกับอนาคตไม่เหมือนกันสินะ
ตอนนี้ก็เป็นน้องชายว่าที่ภรรยาไปก่อนแล้วกันนะพี่ยู
กับน้องจันทร์น่ะต้องค่อยๆตะล่อม อย่าผลีผลามเกินไป
เอาใจช่วยพี่ยูค่ะ อยากให่้มีคนมาดูแลน้องจันทร์ :กอด1:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1 และเป็ดค่ะ
ป.ล. ยอมรับว่ารอเรื่องนี้มาอัพอย่าใจจดใจจ่อ ^^


โดนใจมากค่ะ โดยเฉพาะรอเรื่องนี้แบบใจจดจ่อ :)
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 04-01-2017 12:11:32
+ 1 เป็ดให้เลยค่ะ ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ชอบวิธีการเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 05-01-2017 15:00:25
มันไม่งามนะลูกจันทร์ขา ปล่อยให้ผช กอดได้เยี่ยงไร เราต้องจัดก่อนสิค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 05-01-2017 15:51:22
ไปเลยน้องจันทร์เก็บข้างของอย่างไวๆ เดี๋ยวชะนีเดือนคาบไปแดก :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 05-01-2017 16:18:50
ค้างอะค้างบอกได้คำเดียวเลยยยยยยยย
 มาต่อไวๆนะค่ะ รอน้าาาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-01-2017 17:25:05
 :jul :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-01-2017 21:55:15
มาหาน้องจันทร์ได้และค่ะพี่ยู น้องรออออออ :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 10-01-2017 13:55:19
 :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -6- [02.01.60] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 10-01-2017 19:55:22
วันนี้จะได้อ่านตอนต่อไปมั๊ยหนอ :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 12-01-2017 20:30:55
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-7-






“โอนิจางงง”
 
หญิงสาวร่างเล็กน่ารักในชุดเอี๊ยมกระโปรงยีนส์ยืนส่งยิ้มโบกมือให้ผมทันทีที่ประตูอัตโนมัติตรงช่องทางผู้โดยสารขาเข้าเปิดออก และความสดใสที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ผมระบายยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทุกครั้ง

อิเคดะ ไอ เธอเป็นลูกสาวของคุณอิเคดะ เจโกะ ผู้มีฐานะเป็นลูกสาวคนกลางและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณปู่ของผมซึ่งเป็นประมุขแห่งตระกูลอิเคดะในรุ่นปัจจุบัน ดังนั้นถ้านับกันตามสายเลือดคุณอิเคดะ เจโกะ ก็คือคุณอาของผม และอิเคดะ ไอ ลูกสาวของเธอก็คือน้องสาวของผม และเนื่องจากทายาทสายตรงของตระกูลอิเคดะทั้งหมดล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้นซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผม เพราะฉะนั้นไอจังจึงเป็นทายาทคนสุดท้องและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของตระกูล

คุณอาเจโกะได้แต่งงานกับผู้ชายไทยและได้อาศัยอยู่ในเมืองไทยเกือบสามสิบปี ดังนั้นไอจังจึงเป็นสาวน้อยลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เติบโตและดำเนินชีวิตในประเทศไทยมาโดยตลอด จนเมื่อ 7 ปีที่แล้วคุณปู่ได้รับคุณอาเจโกะกลับเข้าสู่ตระกูลอีกครั้ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้เจอกับน้องสาวคนนี้ แม้เราจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่สายเลือดของตระกูลก็เต็มเปี่ยมอยู่ในตัวเธอ และแม้ว่านานๆ ครั้งเธอและสามีจะเดินทางไปพักผ่อนที่ญี่ปุ่นแต่ผมก็ยังเอ็นดูน้องคนนี้มากหรืออาจจะพูดได้ว่าผมสนิทกับไอจังมากกว่าน้องชายบางคนที่เติบโตมาด้วยกันเสียอีก แน่นอนครับว่าเธอเป็นคนสอนภาษาไทยให้ผม ในวงการธุรกิจและคนในครอบครัวอิเคดะต่างรู้จักเธอในฐานะคุณหนูอิเคดะ ไอ ที่น่ารักและมากความสามารถภรรยาของนายแพทย์เปรมนทีป์ อัศววิรุณฉาย แต่ผมและคนในครอบครัวที่ไทยต่างรู้จักเธอในฐานะมัณฑนากรรุ่นใหม่ไฟแรง พบรัก รัชชารักษ์ แต่ไม่ว่าจะในฐานะไหนหรือเพศอะไร ‘ไอจัง’ ก็คือน้องของผมครับ

“น้องเปี๊ยก สวัสดีโอะจิซังสิครับ”
ขึ้นมานั่งในรถปุ๊ปก็เจอลูกชายสุดที่รักของไอจังเค้าเลยครับ

“บ๊อกๆ”

“น้องเปี๊ยก บอกว่า  คนนิจิวะ โอะจิซัง, โดโซะ โยโระชิขุ”
แม่ไอกินวุ้นแปลภาษามาให้เรียบร้อยแล้วครับว่า ‘สวัสดีตอนกลางวันและขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ’ ผมในฐานะโอจิซังหรือคุณลุงของน้องเปี๊ยกก็ต้องตอบขอฝากเนื้อฝากตัวเช่นกันกลับไป

“โดโซะ โยโระชิขุ”

วันนี้ไอจังขับรถมินิคันโปรดมารับผมด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีรถบอดี้การ์ดขับตามหลังแบบประชิด ซึ่งบอดี้การ์ดคนสนิทของผมก็อยู่ในรถคันนั้นด้วย

“มารอบนี้พี่ชายจะอยู่กี่วัน?”

“หนึ่งเดือน”
คำตอบของผมทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูงพร้อมกับหันมามองหน้าผมแว่บนึง

“มานานแบบนี้ถ้าไอไม่ได้น้องจันทร์มาเป็นพี่สะใภ้มีเคืองนะเนี่ย”
โปรดทิ้งภาพลักษณ์สาวหวานน่ารักของคุณหนูไอทิ้งไปก่อนนะครับ ตอนนี้เราอยู่ในรถด้วยกันสองคนจึงมีแค่ตัวตนจริงๆ ของกันและกัน

“ไหนยิ้มสิ พี่ชายลองยิ้มให้ไอดูสิ”

“หืม?” เกี่ยวอะไรกับการยิ้ม?

ฉายาของผมในวงการธุรกิจคือ ‘ซามูไรหน้าเดียว’ หันปลายดาบไปทางเป้าหมายใดเป็นอันต้องสำเร็จแต่ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มของผมเลย ยกเว้นไอจังและใครบางคนที่ผมเพิ่งจะตามหาเค้าเจอ

“ไอตกหลุมรักพี่เปรมแบบหน้ามืดตามัวก็เพราะพี่เปรมยิ้มให้ไอบ่อยๆ นี่แหละ”

หรี่ตามองคนพูด แก้มใสแดงระเรื่อคงเพราะเขิน ไอจังจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อพูดถึงคนรัก คู่นี้เค้ารักกันมากครับ เป็นความรักที่เติมเต็มให้แก่กันอย่างลงตัว แต่มีใครเชื่อบ้างครับว่าไอจังอายุใกล้จะเข้าเลขสามแล้ว

“พี่ชายยิ้มแล้วโคตรหล่อเลยรู้ตัวบ้างปะ?”

เลิกคิ้วมองคนถามประมาณว่า ‘จริงเหรอ?’ หรือถ้าจะให้พูดกันตามตรง ผมเองยังลืมไปด้วยซ้ำว่าใบหน้าของตัวเองเวลายิ้มแล้วมันเป็นยังไง

“ก็ไอบอกอยู่นี่ไง”

อ่อ.. ผมพยักหน้าแล้วก็เผลออมยิ้ม

“แบบนี้แหละ แบบที่อยู่กับไอนี่แหละพี่ชายหล่อที่สุด”

“อาริกาโต”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ชายหล่อที่สุดก็จริงแต่พี่เปรมโคตรหล่อยิ่งกว่า”
คนพูดยืดอกและใบหน้าน่ารักก็เชิดขึ้นอย่างภูมิอกภูมิใจในความหล่อของสามี เห็นแบบนี้ก็หลุดหัวเราะในความน่าเอ็นดูไม่ได้จริงๆ ครับ

สี่ล้อเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมืองที่การจราจรติดขัด ช่วงที่รอสัญญาณไฟจราจรผมจึงเอ่ยถามถึงเรื่องที่เคยขอให้ไอจังช่วยเหลือเป็นภาษาญี่ปุ่น

“อะโนโกะ วะ โดอุเด็ทสึก๊ะ?”
ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าในความคิดเห็นของคนในครอบครัว ‘เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?’

“คาวาอิเด็ทสึเนะ ฮอนโตะอุนิอิกิโตะอุโกะอุชิทันเดะสุ”
สาวน้อยของผมยิ้มแป้นตอบกลับเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นเดียวกันว่า ‘น่ารักดีและรู้สึกถูกชะตา’ แต่หลังจากนั้นก็ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะถามกลับมาว่า ‘พี่ชายมั่นใจแล้วใช่มั๊ย?’

“โอนิจัง ฮอนโตะอุเด็ทสึก๊ะ?”
ครางตอบในลำคอว่า ‘อืม’ ผมมั่นใจ คนถามก็พยักหน้ารับทราบทว่าคิ้วยังคงขมวด พอดีกับที่จำนวนตัวเลขสีแดงนับถอยหลังเหลือแค่หลักสิบ ไอจังจึงหันกลับไปสนใจถนนอีกครั้งแต่ก่อนที่สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวไอจังก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาคล้ายจะพึมพำกับตัวเองมากกว่าคุยกับผม

“ไดจิ นะ ฮิโตะ, วะสุเระตะคุไนฮิโตะ, วะสุเระชาอิเคไนฮิโตะ”
คนที่สำคัญ.. คนที่ไม่อยากลืม.. คนที่ลืมไม่ได้..

สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถด้านหน้าเริ่มเขยื้อน ไอจังหันมาส่งยิ้มให้น้องเปี๊ยกและผม

“คิเสะคิ”

หืม?? ผมทวนคำของไอจังอีกครั้ง

“คิเสะคิ?”

“ภาษาไทยเรียกว่า ‘ปาฏิหาริย์’ ครับ”

จบประโยคคนพูดก็ตั้งใจขับรถมองถนนต่อไป ทิ้งให้พี่ชายอย่างผมนั่งใช้ความคิดอยู่เงียบๆ คนเดียวจนถึงคอนโด

“พี่เปรมจะมารับพี่ชายตอนห้าโมงเย็นนะคะ”
ใบหน้าใสระบายรอยยิ้มในภาพลักษณ์สวยหวานตามแบบฉบับคุณหนูอิเคดะไอ

“เราจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิวต้อนรับพี่ชายกันครับ”
ปิดท้ายด้วยการขยิบตาข้างเดียวส่งวิ๊งตามสไตล์ตัวตนของพบรัก รัชชารักษ์



.
.
.
.
.
.



ห้าโมงเย็นน้องเขยเสร็จจากงานก็มารับผมที่คอนโดตรงเวลา แต่ถึงอย่างนั้นบอร์ดี้การ์ดก็ยังคอยติดตามผมอยู่อย่างไม่คลาดสายตาและยังได้รับคำเชิญจากคุณอาเจโกะให้ร่วมงานปาร์ตี้ได้อีกด้วย

แม้การจราจรจะทำให้เรามาถึงงานปาร์ตี้เกือบหนึ่งทุ่ม แต่ทุกคนก็ยังรอด้วยสีหน้าสดใส  ปาร์ตี้เป็นไปอย่างเป็นกันเอง นอกจากครอบครัวของคุณอาเจโกะ ก็ยังมีปลื้มชลล์ และครอบครัวของเพื่อนบ้านที่คุณอาเจโกะและไอจังรักและนับถือเสมือนญาติ  แต่สีสันของงานคงจะเป็นเด็กฝาแฝดลูกครึ่งวัยกำลังซนสองคนชื่อพี่ดาวและน้องเดือนเป็นลูกชายของคุณหมอดิน คนที่ไอจังนับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ปลื้มชลล์ตามจีบมานานถึงห้าปีและจนถึงตอนนี้ก็ยังจีบไม่ติด

ผมกับปลื้มชลล์เราจบไฮสคูลจากเมืองนอกที่เดียวกัน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นรูมเมทกัน แต่เมื่อเรียนจบปริญญาตรีปลื้มชลล์เลือกเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดิม ในขณะที่ผมกลับไปเรียนต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่นเพื่อจะได้ศึกษางานควบคู่ไปด้วย เราทั้งคู่ยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่ของตัวเองจนได้มาเจอกันอีกครั้งในงานแต่งงานของไอจัง เพราะน้องเขยของผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของปลื้มชลล์ ในเมื่อโลกมันกลมทำให้ผมได้มาเจอเพื่อนเก่าและด้วยการทำงานในสายวงการธุรกิจเหมือนกันเราจึงติดต่อกันมากขึ้น ซึ่งนี่คือจุดที่ทำให้ผมได้เจอกับนักธุรกิจไทยสาวคนเก่งอย่างคุณศศิ จินตเลิศวิวัฒน์ คนที่เพียงแค่ได้เห็นหน้าก็รู้ว่าเราต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอที่จะมาเจอกันนานแค่ไหน..

“พี่ชายเอาเบียร์อีกสักกระป๋องมั๊ย?”
เสียงของไอจังทำให้ผมหลุดออกจากความคิด แล้วหันไปส่ายหน้าปฏิเสธน้องชาย ถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้ไอจังอยู่ในตัวตนที่แท้จริงนั่นคือพบรัก และผมก็คิดว่าถ้าไม่ติดเงื่อนไขและข้อตกลงของคุณปู่และคุณย่าผมเองก็ชอบให้น้องชายเป็นแบบนี้มากกว่า

พวกผู้ใหญ่เข้าไปดูโทรทัศน์ด้านในกันหมดแล้ว ครอบครัวของน้องชายของคุณหมอดินก็กลับไปสักพักแล้ว ส่วนคุณหมอดินก็พาเด็กๆ ไปนอนโดยมีปลื้มตามไปช่วยแต่ผมคิดว่าตามไปจีบคุณหมอดินมากกว่า ลานสนามหน้าบ้านในตอนนี้จึงมีแค่ผม ไอจัง น้องเขยและน้องเปี๊ยก ห่างออกไปก็มีแม่บ้านสองคน เขื่อน โทชิโอะ และมาซารุ บอร์ดี้การ์ดของผม ซึ่งทั้งหมดกำลังช่วยกันเก็บข้าวของ

“พี่ชายเอาจริงใช่มั๊ย?”

พยักหน้ารับ

“ถ้าพี่ชายมั่นใจว่าเด็กคนนั้นคือคนที่คุณทวดรองเคยทำนายไว้แล้วพี่ชายจะทำยังไงกับคุณว่าที่คู่หมั้นครับ?”

“ทซึกิจะเป็นคนตัดสินใจ”

“แล้วระหว่างพี่สาวกับน้องชาย.. พี่ชายรักใคร?”
ดวงตาคู่ใสจับจ้องดวงตาของผมเพื่อรอฟังคำตอบ ไม่ต่างจากน้องเปี๊ยกที่นั่งอยู่บนตักของไอจังดวงตากลมโตนั่นก็มองมาที่ผมเหมือนแม่ของมันไม่มีผิด

“พบรัก”
คุณหมอเปรมคงจะเกรงใจผมจึงปรามคนรักเบาๆ คนถูกปรามก็ทำหน้ายู่เหมือนเด็กถูกขัดใจ

“ถ้าคุณทวดรองยังอยู่ไอจะถามเรื่องของพี่ชายให้หมดเลยจะได้ไม่ต้องสงสัยอยู่แบบนี้”
บ่นพึมพำแล้วก็พองแก้มงอน พอแม่งอนน้องเปี๊ยกก็ครางหงิงตามเลยครับ เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้จริงๆ และก่อนที่น้องชายจะโดนน้องเขยดุอีกรอบผมจึงต้องหาเรื่องคุยต่อ

“คนที่พี่รักคือคนที่พี่เคยร่วมพิธีด้วยกัน”

“พิธี?”
ตาลุกวาวทั้งแม่ไอและลูกเปี๊ยกเลยครับ คุณหมอเปรมยังส่ายหน้าให้เลย

“ทซึกิมีจิตวิญญาณของซามูไร”

“แล้วคุณมิกิล่ะครับ?”

“เธอคือพี่สาวของทซึกิ”

“อ๋า---- หรือว่ามิกิก็คือคุณเดือน?”
การคาดเดาของไอจังทำให้ผมเงียบ

“ในอดีตพี่ชายถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณมิกิ ทั้งๆ ที่รักกับทซึกิ”
ไอจังกับน้องเปี๊ยกยังคงจ้องหน้าผมและผมเองก็ไม่คิดจะหลบตา

“วันหนึ่งคุณมิกิจับได้ว่าพี่ชายไม่ได้รักเธอ เลยสั่งคนให้ไปทำร้ายทซึกิซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง”
นี่น้องชายของผมดูละครหลังข่าวมากไปรึเปล่าครับ?

“โซ่ ยู โคะโตะ ค่ะ!”
จู่ๆ ก็ร้องออกมาว่า ‘เรื่องมันเป็นแบบนั้นนี่เอง’ จนผมและคุณหมอเปรมต้องแอบหัวเราะเบาๆ พูดเองแล้วก็เออเอง สรุปความทุกอย่างเรียบร้อยเลยครับ เก่งจริงๆ

อ่อ ผมลืมเล่าเรื่องคุณทวดให้ทุกคนฟัง ความจริงแล้วคุณทวดสายตรงของผมเป็นนักธุรกิจครับ แต่ท่านมีน้องชายที่ดวงตามองไม่เห็นทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด น้องชายของท่านออกบวชตั้งแต่อายุได้แค่ 5 ขวบ ท่านรอให้ผมโตพอที่จะเข้าใจในสิ่งที่ท่านบอกเล่าแล้วจึงให้คุณปู่พาผมไปเจอ ท่านบอกผมว่าท่านรอผมมานานแสนนานเพื่อที่จะได้บอกเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ผมได้รู้ และหลังจากที่ท่านพูดเรื่องของผมจนหมดไม่นานท่านก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ราวกับว่าท่านได้ทำหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็เคยเล่าเรื่องราวบางส่วนให้กับไอจังฟัง ย้ำว่าแค่บางเรื่องครับ จะมีเพียงแค่เรื่องเกี่ยวกับอดีตที่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จะมีเพียงก็แค่ผมและคุณปู่เท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมด

“พี่ชาย”

“หืม?”

“โอนิจัง! ยารุ นาระ อิมะ ชิคะ ไน!”
น้องชายสุดน่ารักชูกำปั้นเพื่อให้กำลังใจพร้อมกับบอกว่า ‘ถ้าจะทำก็ทำเลยตอนนี้!’ ผมก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ไม่รู้สักนิดว่าน้องชายต้องการจะให้ผมทำอะไร ฝั่งทางด้านน้องเขยก็มีการถอนหายใจให้ภรรยาตัวเองเบาๆ

“ดึกมากแล้ว คุณยูคงอยากจะกลับไปพักผ่อน”
คุณหมอเปรมคงจะเกรงใจผมแบบสุดๆ จึงพูดตัดบทขึ้นมา ไอจังบุ้ยปากใส่คนรักไปหนึ่งทีแต่ก็ยอมอย่างว่าง่าย

“งั้นเดี๋ยวไอเข้าไปตามแม่ก่อน”
พูดจบก็ลุกขึ้นอุ้มน้องเปี๊ยกวิ่งหายเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับคุณอาเจโกะ ผมบอกลาญาติผู้ใหญ่และสัญญาว่าตลอดเวลาที่อยู่เมืองไทยผมจะมาทานอาหารที่บ้านนี้บ่อยๆ แค่นั้นคุณอาก็ยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วครับ



.
.
.
.
.



ขากลับผมกลับด้วยรถส่วนตัวโดยมี ‘มาซารุ’ บอร์ดี้การ์ดคนสนิททำหน้าที่เป็นคนขับ ถ้าถามว่าเมื่อถึงที่พักตอนนี้ผมต้องการจะพักผ่อนมั๊ย? ตอบตามตรงคือใช่ แต่ทว่ามีบางอย่างที่ผมอยากจะทำก่อนกลับเข้าห้องของตัวเอง ดังนั้นระหว่างทางก่อนจะถึงห้องพักผมจึงล้วงหยิบไอโฟนในกระเป๋าแล้วกดโทรออก ฟังสัญญาณรอสายประมาณ 30 วินาทีปลายสายจึงกดรับ

“นอนแล้ว?”

‘นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วล่ะครับคุณ?’

ฟังจากน้ำเสียงงัวเงียก็รู้ว่านี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการประชดประชันแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมใจ

‘คุณควรจะโทรแฟนคุณ ไม่ใช่โทรหาน้องชายแฟน’

“เมื่อคืนฝันดีมั๊ย?”

‘อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ’

“เมื่อคืนก่อนวางสายฉันบอกให้เธอฝันดี”

‘คุณเป็นเทพเจ้าแห่งความฝันรึไง?’

พูดไปกี่คำก็โดนสวนกลับทุกครั้ง และน่าแปลกตรงที่ผมรู้สึกชอบใจ

“ฉันเป็นคนที่เธอรออยู่ต่างหาก”

คำตอบของผมทำให้ปลายสายเงียบ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ความคิด ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เร่งเร้าและทำเพียงแค่มองตัวเลขไต่ลำดับชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงเลข 18 ประตูลิฟท์เปิดออก ผมเดินนำโดยมีมาซารุเว้นระยะห่างตามด้านหลัง

‘ผมไปรอคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?’

“ตลอด.. จนกระทั่งตอนนี้”

เงียบอีกครั้ง..

คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองหลวง ผมรู้จักที่นี่เพราะปลื้มชลล์เป็นคนแนะนำ และด้วยความสะดวกสบายเหมาะแก่การติดต่อธุรกิจ มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ติดรถไฟฟ้า จึงนับว่าเป็นทำเลที่ดีผมจึงตัดสินใจซื้อห้อง Penthouse แบบ 2 ชั้น คือชั้น 18 และ 19 ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในห้อง หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้รู้ว่าห้องพักฝั่งตรงกันข้ามเป็นของน้องเขยของผมเอง ผมจึงขอซื้อต่อมาอีกที

เดินมาจนถึงหน้าประตู 1809 และประตูฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องกันแค่ 1 เมตร คือห้อง 1808 ปลายสายที่เงียบไปนานก็ยอมส่งเสียง

‘มั่ว’

“เธอเป็นคนบอกให้ฉันตามหาเธอ”

‘เมื่อไหร่?’

“เธอรู้ดี.. ทซึกิ”

‘ถ้าอย่างนั้นคุณบอกผมมาตามตรง คุณเป็นใครกันแน่?’

“อิเคดะ ยู”

‘กวนตีนว่ะ!’

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละครับว่าคนหน้าเดียวแบบผมจะหลุดฟอร์มได้ง่ายขนาดนี้ แม้แต่มาซารุเองก็คงจะแปลกใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้เลยแม้แต่ภรรยาเก่า จนกระทั่งได้เจอไอจังคน น้องชายที่สอนให้ผมรู้จักรอยยิ้ม แต่คนที่ทำให้ผมเข้าใจคำว่า ‘ความสดใส’ อย่างแท้จริงคือเด็กหนุ่มที่ผมเฝ้าตามหามานาน

“ชั้นอยากเจอเธอ”

‘ทำไม?’

“คิดถึง”

‘ไปบอกพี่สาวผมโน่น’

“ฉันกำลังบอกเธอ”

‘จะจีบผมรึไง?’

“ถ้าใช่?”

เจอคำตอบของผมไปอีกฝ่ายถึงกับเงียบไปอีกแล้วครับ ผมจึงหันไปมองมาซารุ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องได้ก่อน ส่วนผมขอยืนมองตัวเลขมงคล 1808 ต่ออีกสักครู่

‘ไอ้หัวงู!!’

ผมพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ

“ฉันไม่เคยจีบมิกิ”

‘ไปหลอกเด็กเลยโน่น’

“หลอกอยู่นี่ไง”

‘ชาติหน้าเถอะ!’

“รอมานานแล้ว ขอชาตินี้แหละ”

‘นี่พูดไม่รู้เรื่อง?’

“เธอต่างหากที่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง”

‘อย่ามาใส่ร้าย คอยดูนะผมจะฟ้องคุณเดือนให้หมด’

“มิกิไม่มีวันเชื่อเธอ”

เสียงฟึดฟัดขัดใจดังขึ้นจากปลายสาย

‘จะนอนแล้วโว้ย!’

“เธอควรจะตอบก่อน อย่าเสียมารยาทสิ”

‘ตอบอะไรอีกวะ?’

“ก่อนหน้านี้เธอถามว่าอะไรล่ะ? ฉันตอบ ‘ใช่’ ไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอควรจะต่อให้จบ”

ความเงียบเข้ามาครอบครองพื้นที่เป็นรอบที่สี่ คงกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะผม จนใกล้จะครบนาที ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยคล้ายจะมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชนะดังขึ้น

‘เอางี้นะ ถ้าคุณมาหาผมได้ในตอนนี้ผมจะยอมให้คุณจีบผม’

กระต่ายน้อยได้ตกหลุมนายพรานซะแล้ว ผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

“เปิดประตูสิ”

‘คุณไปยืมประตูโดเรม่อนมารึไง?’

“ขอซื้อเลยต่างหาก”

อีกฝ่ายกำลังลงจากเตียงและเดินออกจากห้องนอนมาที่ประตู และเพราะคงจะส่องดูตรงช่องตาแมวแล้วไม่เห็นใครจึงได้มั่นใจว่าตัวเองชนะแน่นอน

‘ถ้าเปิดแล้วไม่เจอผมจะเรียกคุณว่าไอ้ตุ๊ด!’

“ถ้าเปิดเจอ?”

‘ผมจะยอมเป็นผัวคุณ!’

สิ้นเสียงมั่นใจอันแกล้วกล้าบานประตูก็เปิดออก พร้อมกับโทรศัพท์ในมือเล็กร่วงหล่นบนพื้นด้วยความตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ริมฝีปากเล็กๆ ที่ช่างต่อปากต่อคำนั้นอ้าค้าง ร่างเล็กยืนนิ่งมองมาที่ผมราวกับถูกสต๊าฟ ผมจึงใช้จังหวะนี้เข้าประชิดตัว รวบเอวเล็กเข้ามาแนบชิดแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่ม ด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวผมจึงถือโอกาสสอดลิ้นทักทายในโพรงปาก และนั่นก็ทำให้คนในอ้อมกอดได้สติคืนมา

“อื้อๆๆ อ่อยยย อ๊อยยย”

ยิ่งดิ้นขลุกขลักผมก็ยิ่งรัดแน่น และบดขยี้พร้อมหยอกล้อลิ้นเล็กมากยิ่งขึ้น ถ้าหากจะถอดความรู้สึกของผมออกมาเป็นคำพูดคงมีแต่คำว่า ‘คิดถึง’ อยู่นับหมื่นล้านล้านคำ

ก่อนที่อีกฝ่ายจะขาดอากาศหายใจผมจึงยอมปล่อยริมฝีปากสีแดงก่ำช้ำให้เป็นอิสระ แล้วเปลี่ยนมาขบเน้นๆ ที่ซอกคอแทน

“อื้ออออ กัดทำพ่อง!”

กำปั้นหนักๆ ทุบลงบนแผ่นหลังของผม

“ฉันแค่ประทับตราคำพูดของเธอ”

แนบหน้าผากลง ดวงตาอยู่ห่างแค่ครึ่งคืบ ปลายจมูกชนกัน

“เป็นผัวพี่ต้องทำตัวดีๆ นะน้อง”

คำว่า ‘สัด!’ ถูกพ่นใส่หน้าผมเต็มๆ

“เป็นเกย์รึไงวะ?!”

ผมส่ายหน้า

“เป็นเพราะเธอต่างหากที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้”

“ผมไปทำอะไรให้คุณเนี่ย?!”

“คำตอบนี้อยู่ที่ตัวเธอเอง”

คิ้วบางขมวดแน่น พร้อมกัดฟันกรอด ดูก็รู้ว่าคงจะโกรธผมน่าดู ทำให้เสียหน้าและ(เกือบ)เสียตัวขนาดนี้ ผมจึงยอมปล่อยอ้อมแขนแล้วจับร่างเล็กหมุนกลับเข้าห้องของตัวเองไป

“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวแต่เช้าไม่ใช่รึไง?”

“ฝ.....”

โครม!!

ถูกปิดประตูใส่หน้าโครมใหญ่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้พูดคำว่าฝันดีเลยด้วยซ้ำ เด็กหนอเด็ก แต่ก็สนุกดีเหมือนกันครับ น่ากลัวว่าผมคงจะซาดิสนะเนี่ย

ผมเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง มาซารุยืนรอผมอยู่ตรงหน้าโซฟาพร้อมกับค้อมศีรษะให้ผมเล็กน้อย

“อ๊ทสุคาเระซามะ”

กล่าวขอบคุณมาซารุสำหรับการทำงานดูแลผมในวันนี้ มาซารุค้อมศีรษะรับและรอให้แน่ใจว่าผมเดินเข้าห้องนอนล็อคห้องเรียบร้อยแล้วตัวเองจึงค่อยพักผ่อน

คืนนี้ท้องฟ้าสีเข้มมองไม่เห็นแม้แต่ดวงดาว คำทำนายเกี่ยวกับชาติกำเนิด การสูญเสีย และเรื่องราวต่างๆ ในอดีตชาติของผมที่คุณทวดบอกไว้ตั้งแต่เด็กล้วนเป็นจริงทุกอย่าง เรื่องราวที่ผ่านมาไม่อาจจะกลับไปแก้ไขได้ แต่พลังศรัทธา ความมุ่งมั่นแห่งจิตใจที่ต่างฝ่ายได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้จะเป็นตัวแปรสำคัญที่เชื่อมโยงมาถึงชาติปัจจุบัน และผมมีเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้นที่จะจัดการหัวใจของตัวเอง..

พรุ่งนี้เจอกัน ทซึกิ..











.
.
.
.


TBC... :oni1:


พระเอกเรื่องนี้เป็นนักธุรกิจที่ค่าตัวแพง ดังนั้นการออกสื่อทุกครั้งต้องได้กำไร(จากน้องจันทร์) ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 12-01-2017 21:52:54
ได้เจิมคนแรกเลย  :hao6:





แว่บไปอ่านแล้วจะตามมาอีดิทค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-01-2017 21:55:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2017 21:57:18
ท่าทางจะกำไรดี
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2017 22:11:24
ระวังโดนข้อหาค้ากำไรเกินควรนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-01-2017 22:13:52
ไม่ค่อยเลยนะคุณยู
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-01-2017 22:32:53
จันทร์ ยอมรับได้แล้ว
อุตส่าห์ตามเจอกันในชาตินี้แล้ว
มิกิ ไส้เดือน ชาตินู้นนนนน เป็นพี่สาว
ชาติก่อนโน้น ก็ทำร้ายน้องตัวเอง
ชาตินี้ยังตามมาอีก ทั้งที่เขาไม่รักตัวเองซะหน่อย
มีแววว่าจะทำร้ายจันทร์ อีกแน่เลย
แล้วที่มาเป็นคู่หมั้น เพราะเหตุใดกัน  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-01-2017 23:18:29
ลืมไปแล้วนะเนี่ยะว่า ไอจังคือใคร จนอ่านมาถึงพบรัก อ๋อเลยทีนี้ 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 12-01-2017 23:26:54
จูจุ๊บบบบบ น่ารัก 55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-01-2017 23:35:55
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-01-2017 00:38:04
โอ้ยยย!! คนเจ้าแผนการมารวมตัวกันขนาดนั้น จะสู้ไหวมั้ยลูก. 5555

คงได้แต่สมยอมอ่าเนาะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 13-01-2017 00:58:00
น้องจันทร์เสียตัวไปเยอะอยู่นะเนี่ยะ คราวนี้พระเอกคงจะได้ออกบ่อยๆแล้วใช่ม่ะ?
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B.Lumi ที่ 13-01-2017 10:02:46
 :katai4:

เอ๊ะ !!
น้องไอมาทำให้พี่หวั่นไหวจากน้องจันทร์นะนิ ^ ^

ไม่ได้ ๆ ต้องดึงสติกลับมา

เดี๋ยวรีบตามอ่านเลยนะ


หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 13-01-2017 11:08:17
สมทบทุนค่าตัวให้คุณยู เพื่อกำไรที่ควรค่าแก่คนอ่านค่ะ  :hao6:

ตอนนี้แบบนั่งอมยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ  :-[
น้องจันทร์เอ้ยยย หนูไปไหนไม่รอดแน่ลูก  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 13-01-2017 11:08:51
โอ้ยยย!! คนเจ้าแผนการมารวมตัวกันขนาดนั้น จะสู้ไหวมั้ยลูก. 5555

คงได้แต่สมยอมอ่าเนาะ


จริงค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 13-01-2017 14:56:31
ว้าปมาอย่างไว


พี่ยูร้ายกาจจจจจจจจจจจจจมากกกกกกกกกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 13-01-2017 21:25:05
เหมือนนายเอกเรื่องนี้กำลังจะถูกฝ่ายพระเอกล่อลวงยังไงก็ไม่รู้
ฝั่งพระเอกนี่จัดมาเต็มขนาดนี้ น้องจันทร์จะไปสู้อะไรเขาได้ล่ะ
แค่มาถึงวันแรกก็ถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ อีกตั้งเดือน จะขนาดไหน
เห็นเงียบๆไม่คิดว่าพี่ยูจะเป็นคนอย่างนี้เลยนะคะ :o8:
พระเอกเขาว่ามาอย่างนี้ น้องจันทร์ล่ะคะว่ายังไง :-[
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:


หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-01-2017 22:11:15
ค่ากำไรกับน้องจันทร์ก็น่าจะได้เยอะอยู่นะ
ออกมาเยอะๆละพี่ยู

คิดถึงน้องเปี๊ยกมากกกกก กอดแน่นๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 14-01-2017 07:18:17
เสร้จแน่ๆ น้องจันทร์เอ้ย  :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 14-01-2017 16:38:55
มีน้องเปี๊ยกโผล่มาด้วย โอ้ยยยย คิดถึงๆ 
 
ยังไม่ชอบใจเท่าไหร่เพราะยูทำตัวไม่เคลียร์เรื่องคู่หมั้น 
 
เพราะฉะนั้นตอนนี้เราอยู่ทีมจันทร์
 
 ยู ก็ จง ตาม ง้อ จันทร์ ต่อ  ไป !!!
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 14-01-2017 16:58:18
พ่อนักธุรกิจ เจอน้องจันทร์ทีไรเอากำไรทุกทีแถมคิดดอกเยอะขึ้นทุกครั้ง แต่ชอบนะ อิอิ  :hao6: น้องไอกับน้องเปี๊ยกคิดถึงงง มาหอมแก้มมาๆๆๆ ม๊วฟๆๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 14-01-2017 17:00:10
โอ้ยยย!! คนเจ้าแผนการมารวมตัวกันขนาดนั้น จะสู้ไหวมั้ยลูก. 5555

คงได้แต่สมยอมอ่าเนาะ


จริงค่ะ  :hao6:

 :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-01-2017 18:17:10
 :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 14-01-2017 23:11:38
แทบไม่มีคำอธิบายใดๆ เลยสำหรับพระเอกเรื่องนี้  :z1:
เอาเถอะค่ะ อยากจะได้กำไรจากน้องจันทร์เท่าไหร่ก็ได้คนอ่านยอม  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 15-01-2017 21:12:00
อยากอ่านต่อ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 16-01-2017 07:28:11
พี่ยูรุกเร็วจริงๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-01-2017 13:25:41
อยากอ่านต่อแล้วว
วืาจดรุกยังไง มีเวลาแค่เดือนเดียว เวลาเป็นเงินเป็นทอง เพราะฉะนั้น ขอให้ได้กำไรทุกตอนนะคะ พี่ยู 55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 17-01-2017 09:56:35
มันต้องมีอะไรอยู่ในอดีต อยากรู้ๆๆๆๆ อยากอ่านต่อมากๆ ค่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 18-01-2017 09:17:45
สมแล้วที่พระเอกเรื่องนี้เป็นนักธุรกิจ :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 18-01-2017 10:21:26
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-8-






โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต และโปรดอย่าถามว่าอดีตฉันเคยรักใคร.. เอิ่มม ไม่ใช่พี่แจ้ ดนุพล นะครับ นี่ผมเอง จันทร์สุดหล่อหลานครูเอี่ยมเองครับ แต่ที่คิดถึงเพลงนี้ขึ้นมาเพราะทุกคนคงอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตชาติของผม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการระลึกชาติหรือย้อนเวลากลับไปหาอดีตได้ เรื่องเดียวที่ผมรู้คือความฝันและความฝันนั้นก็มีแค่เรื่องเดียว เรื่องเดิม อีกทั้งคนๆ เดิมที่อยู่ในความฝันก็ยังโผล่มาเหมือนผีแล้วมากัดต้นคอผมให้ได้เป็นรอยอีก ถูกต้องแล้วครับคนที่ผมกำลังเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใยอยู่ตอนนี้ก็คือ ไอ้หัวงูที่ชื่อยู นั่นแหละครับ

“คุณจันทร์เป็นอะไรเนี่ย?”

กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ดีๆ ก็โดนไอ้คุณโซ่ตีมือดัง ‘เผี๊ยะ!’ เพราะผมเอาแต่เกาต้นคอจนเห่อแดงเป็นปื้น

“ถ้าคันก็ทายาสิครับ แล้วรีบๆ แต่งตัวแล้วออกไปกินข้าว เดี๋ยวก็สายกันพอดี”
บ่นยิ่งกว่าแม่มลอีกนะครับเนี่ย แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี

วันนี้ผมต้องไปมหาวิทยาลัยเป็นวันแรก ดังนั้นไอ้โซ่จึงลุกขึ้นมาปลุกผมตั้งแต่ตี 5 และตั้งใจจะออกจากห้องพักตอน 6 โมงเช้าเพราะเราจะต้องไปศึกษาการเดินทางโดยรถไฟฟ้ามหานครและเผื่อเวลาหลงทาง แต่ทุกคนรู้อะไรมั๊ยว่าจริงๆ แล้วไอ้โซ่มันตื่นก่อนผมตั้งนานเพื่อที่จะมาเตรียมทำข้าวต้ม กุนเชียงทอด และยำไข่เค็ม ให้ผมกินมื้อเช้า นี่ละครับเหตุผลที่ผมไม่เคยดื้อเวลามันบ่นเลยสักครั้ง

“คุณจันทร์อย่าลืมโทรหาครูเอี่ยมก่อนออกจากห้องนะครับ”
ตะโกนสั่งมาจากในครัว ผมก็ได้แต่ตะโกนกลับไปว่า ‘เรียบร้อยแล้ว’ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะต้องเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองและยังเป็นก้าวแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ผมก็เลยต้องโทรไปขอพรเอาฤกษ์เอาชัยจากพระในบ้านของผมเท่านั้นเอง

แต่งตัวในชุดนักศึกษาแบบถูกกฎระเบียบเป๊ะพร้อมสะพายกระเป๋าผ้าที่แม่มลซื้อให้เป็นของขวัญจากตลาดแล้วเดินออกมานั่งกินข้าวต้มกับไอ้โซ่

“คุณจันทร์ตื่นเต้นมั๊ย?”

“มาก”

“คุณจันทร์ของไอ้โซ่เก่งอยู่แล้ว”
รอยยิ้มโคตรจริงใจถูกส่งมาให้ นับว่าเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมสำหรับผมเลยครับ ว่าแต่ทำไมไอ้โซ่ไม่แต่งตัวล่ะ?

“แล้วทำไมยังใส่ชุดนอน??”
คนถูกถามก้มลงมองสำรวจตัวเองแบบงงๆ

“ก็ผมตื่นมาทำกับข้าวให้คุณจันทร์ไงครับ”

“อ้าว!”
แล้วไม่ไปด้วยกันรึไง? ไม่ได้นะโว้ย! อย่าทิ้งให้ผมไปคนเดียวเชียวนะ นี่มันกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรรัตนโกสินทร์ไม่ใช่ทุ่งนาบ้านสวนนะโว้ยเพื่อน คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายไม่เคยได้ยินรึไง?


ปิ๊งป่องงงงงงงง


เสียงสัญญาณที่พ่อต้อมเคยบอกว่ามีแขกมาหาดังขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้งแทบสำลัก ใครกันมาเยี่ยมเยียนเราในเวลาเช้าแบบนี้ ผิดกับคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามที่ทำเพียงเลิกคิ้วนิดๆ แล้ววางช้อนลุกขึ้นเดินไปกดปุ่มข้างประตูจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียง ‘กริ๊ก’ ปลดล็อค... อ้าวเฮ้ย! จะเปิดประตูให้ใครเข้ามาในห้องก็ปรึกษากันก่อนสิเพื่อน

“คุณจันทร์กำลังทานข้าวอยู่ในครัวครับ คุณพี่ทานข้าวด้วยกันสิครับ”
ด้วยน้ำเสียงอันมีสัมมาคาราวะของไอ้โซ่ ทำให้ผมต้องรีบชะโงกคอมองไปทางประตูด้วยความสงสัย แล้วก็ได้พบว่าชีวิตของผมมันคงถึงทางตันแล้วจริงๆ ล่ะครับ

ไอ้โซ่เดินนำแขกที่ผมไม่ได้เชิญเข้ามานั่งข้างๆ ผม แถมยังตักข้าวต้มใส่ถ้วยบริหารเสิร์ฟให้อีกด้วย

“ไม่ต้องเกรงใจนะครับคุณพี่ทานให้อร่อยเลยครับ ทานกันเสร็จแล้วไม่ต้องเก็บล้างนะครับ วางไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวผมมาจัดการเอง ยังไงผมรบกวนฝากคุณจันทร์ด้วยนะครับ”
พูดยาวยืดอย่างคล่องแคล่วแถมปิดท้ายด้วยยกมือไหว้คู่สนทนา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้นัดแนะกันมาเรียบร้อยแล้ว แต่จะตอนไหนเมื่อไหร่ไว้ว่างๆ ค่อยจับไอ้โซ่มาบีบคอเค้นออกมาครับ

“คุณจันทร์อย่าดื้อกับคุณพี่เค้านะครับ”
แน่ะ มีมาสั่งกันอีก สั่งเสร็จแล้วแทนที่จะอยู่เป็นเพื่อนกันต่อไอ้โซ่ดันเดินกลับเข้าห้องตัวเองทิ้งให้ผมนั่งงงเป็นหมาหงอยอยู่คนเดียว 

“กินข้าวต่อสิ”

“มาได้ยังไง?”

“ก็เดินเข้ามาเมื่อกี้ไง”

ตอบกวนตีนอีกแล้วครับ ผมรู้ว่าคนตรงหน้าของผมเข้าใจคำถามว่าผมหมายความถึงไปหลอกลวงเพื่อนของผมยังไงถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้ต่างหาก

“ตัวแค่นี้เหวี่ยงเก่งนะเนี่ย”

“มากกว่านี้ก็เก่ง เพราะฉะนั้นอย่ามากวนตีนบ่อยๆ”

นี่ผมกำลังพูดจริงจังนะครับ แต่คนฟังเอาแต่นั่งอมยิ้ม แบบนี้มันเรียกว่าท้าทายกันนี่หว่า

“รู้แล้วว่าเก่ง กินข้าวต่อเถอะ”

อ้าวเฮ้ย! ทำไมไม่กวนตีนต่อเล่ากำลังมันส์เลย แล้วดูสิครับมีการตักยำไข่เค็มให้ผมโดยเลือกเฉพาะแค่ไข่แดงส่วนตัวเองกินไข่ขาว คิดว่าแมนตายล่ะไอ้เสือไบหัวงูเอ้ย! คิดว่าจะได้แอ้มก้นผมง่ายๆ รึไง ชิส์ แต่... ทำไมแค่โดนเอาใจนิดหน่อยหัวใจของผมมันสั่นระริกระรี้แบบนี้ละเนี่ย

โอเคครับ ยอมแพ้กับความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจ ต่อให้ทำเป็นหยิ่งไปแต่ข้างในมันหวั่นไหวทุกที เพราะผมรู้ดีว่าคนๆ นี้คือคนที่ผมรอมานานจริงๆ

เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ และผมก็ปล่อยให้อีกฝ่ายตักกับข้าวใส่ถ้วยให้เรื่อยๆ จนอิ่ม ผมจึงลุกขึ้นเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วให้ตัวเองและส่งให้คนที่เอาแต่นั่งอมยิ้ม

 “ถ้าจะจีบผมแบบจริงจังก็จัดการเรื่องคุณเดือนให้เรียบร้อยซะ”
จะถือว่าเป็นคำสั่งก็ได้นะเพราะผมเอาจริงครับ

“ฉันไม่เคยเป็นแฟนกับมิกิ”

“ตลก.. ไม่เป็นแฟนแต่จะหมั้นกันเร็วๆ นี้”
ขอเบ้ปากพร้อมมองบนได้มั๊ยละครับ

“มันเป็นการเข้าใจผิด”

“ยังไง?”

“ตั้งแต่ครั้งแรกฉันเคยบอกคุณรวินท์นิภาไปว่าอยากจะเจอลูกสาวของคุณ เธอก็เลยคิดว่าฉันสนใจในตัวมิกิ แต่จะพูดไปฉันก็สนใจในตัวมิกิจริงๆ นั่นแหละเพราะมิกิคือตัวแปรสำคัญที่จะนำให้ฉันได้มาพบกับเธอ.. ทซึกิ..”

“คุณหลอกใช้พี่สาวผม?”

“มันเป็นโชคชะตา”

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเคลียร์ให้ผมด้วยก่อนชะตาผมจะถึงฆาต”
คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่พอใจ ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดรึเปล่า

“คุณเดือนคงฆ่าผมตายแน่ๆ ที่แย่งผู้ชายของเธอ”
ดวงตาสีเข้มดูดุดันขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกว่ากำลังถูกตัดพ้อ และมันทำให้ผมเจ็บปวดลึกๆ อยู่ภายในใจ

“แล้วเธอจะยอม... เหมือนเมื่อก่อนรึไง?”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาทำให้ผมชาวูบไปทั้งตัว ราวกับว่าผมเคยทำอะไรผิดพลาดมาก่อน และราวกับว่า... ผมเคยทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวดจนปางตาย

“อย่าทำให้ซ้ำรอยเดิมอีก ขอแค่เธอเข้มแข็งและไม่ปล่อยมือไปจากฉัน”
อดีต หรือ ความฝันนั้น คนที่เจ็บปวดที่สุดคือผมหรือคนตรงหน้ากันแน่?

“งั้นก็จับมือไว้สิ”
ผมยื่นมือออกไปตรงหน้าโดยไม่ลังเล และในเสี้ยววินาทีผมก็เห็นแววตาอันคมกล้าวูบไหว ยามที่ฝ่ามือใหญ่อันแสนอบอุ่นโอบรัดประสานมือของผมไว้ ดวงตาของเราประสานกันแน่นิ่ง ร่างกายก็พลันสั่นสะท้านราวต้องมนต์ในมโนใต้สำนึกผมเห็นภาพผู้ชายตรงหน้าสวมชุดแบบผู้ชายญี่ปุ่นโบราณ ผมยาวปรกหน้า สวมกิหรือเสื้อผ้าดิบสีแดงเลือดนกคู่กับฮากามะหรือกางเกงสีเทาเข้มและในมือก็มือถือดาบไว้แน่น ในขณะที่ตัวผมสวมชุดกิโมโนสำหรับผู้ชายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมเนื้อดีสีน้ำเงิน

จู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ทซึกิ”

ผมรีบปาดหยาดน้ำตรงหางตา สูดลมหายใจเพื่อเรียกสติพร้อมกับยกยิ้มมุมปากให้คนตรงหน้า

“จับไว้ให้แน่นๆ ละกัน หลุดมือเมื่อไหร่ ไอ้จู๋ของคุณก็หลุดเมื่อนั้น”

กระชับมืออีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ยักคิ้วหนึ่งที ก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบกระเป๋าผ้าเพื่อเตรียมตัวออกไปพบโลกกว้างในรั้วมหาวิทยาลัย




.
.
.
.
.


เท่าที่เคยดูหนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เวลาที่เหมยลี่กับลุงเจอกันบนรถไฟฟ้ามันก็ไม่ได้เบียดเสียดจนแทบจะได้เสียกันนี่หว่า แต่ชีวิตจริงมันแตกต่างกันเหลือเกินครับ คลื่นชีวิตมหาศาลพร้อมใจกันบดเบียดเข้ามาจนแผนหลังผมแนบแน่นไปกับผนังรถไฟส่วนด้านหน้าก็เป็นแผ่นอกของผู้ชายที่ชื่ออิเคดะยู ผมละอยากรู้จริงๆ ว่าเขาใช้น้ำหอมอะไรทำไมมันถึงทำให้จมูกของผมติดแหง็กอยู่ตรงเต้ากล้ามแน่นๆ ได้อยู่หมัด

“คุณใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรเหรอ?”

“ทำไม?”

“ก็หอมดี”
นี่ผมพูดจริงๆ นะครับ ปกติผมไม่ชอบน้ำหอมฝรั่งเพราะมันทำให้ผมแสบจมูก แต่กลิ่นที่เขาใช้มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย

“ไว้คืนนี้มาที่ห้องสิ”

“ห้อง?”

“หนึ่งแปดศูนย์เก้า”

ขอใช้ความคิดนิดนึงครับ ผมอยู่ห้องหนึ่งแปดศูนย์แปดแล้วพี่เขาอยู่หนึ่งแปดศูนย์เก้า อืม.. ชัดเจนเห็นแจ้งเลยครับ

“นี่กะตามจีบผมจริงจังถึงขนาดมาอยู่ห้องฝั่งตรงกันข้ามเลยเหรอ?”

“จะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอด้วย”

“เฮ้ย! เอาจริงดิ”
ตกใจจริงๆ นะครับ แต่ระดับดวามดังของน้ำเสียงไม่ได้เว่อร์วังอะไรหรอกเพราะอยู่ในที่สาธารณะ เพราะฉะนั้นเอาแค่ได้ยินมุ้งมิ้งกันสองคนก็พอ

ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ ใกล้มากจนผมเริ่มระแวงกลัวจะมีใครแอบถ่ายคลิปพวกเราไปลงโซเชียลแบบที่เห็นในข่าวบ่อยๆ ยิ่งตอนนี้ผมใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศซะด้วย มันไม่ดีไม่งามครับอย่าทำตามเชียวนะ ผมจึงต้องใช้มือดันหน้าอกกว้างเอาไว้ แล้วเอียงหน้าหลบ ให้ใบหูสัมผัสลมหายใจอุ่นพร้อมคำกระซิบชวนสยิว

“เอา.. จริงสิ”
แจ่มแจ้งขนาดนี้จะให้ผมแก้ผ้าตรงนี้เสียเลยดีมั๊ยครับ และเพื่อไม่ให้ใจเตลิดเลยเถิดไปมากกว่านี้ผมควรดึงสติกลับมาอย่างไว

“มาตามจีบเด็กแบบนี้งานการไม่ทำบ้างรึไง?”

“ถ้าไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเป็นสินสอดขอลูกชายเขาล่ะ”

เอาเข้าไปสิ หยอดได้เป็นหยอด ผมล่ะอยากจะรู้จักคนสอนภาษาไทยคุณเขาจริงๆ

“รู้ไว้ก็ดี ผมน่ะหลานรักลูกรัก”
จะบอกให้พ่อต้อมเรียกให้หนักเลยคอยดู

“อ่อ คุณแม่กับคุณเดือนไม่ยอมง่ายๆ แน่”

“อีกไม่นานเธอคงต้องรับมือ”

“แล้วคุณจะช่วยผมยังไง?”

“เธอคือคนของฉัน ทซึกิ.. ขอแค่เธอเข้มแข็งและเชื่อใจฉัน.. แค่นั้น”

อีกแล้วครับ น้ำเสียงและแววตาสะท้อนความผิดหวัง ผมชักจะเริ่มมั่นใจแล้วว่า ‘ทซึกิ’ ในอดีตคงได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำร้ายจิตใจผู้ชายตรงหน้าผมแน่นอน ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ทำร้ายคุณอิเคดะยู แต่เป็นคุณอิเดะยูในอดีตต่างหาก

“ผมไม่ใช่ทซึกิ.. แต่ผมคือศศิน คุณเรียกผมว่าจันทร์ก็ได้ และจันทร์คนนี้ก็จะไม่เป็นเหมือนทซึกิคนนั้นหรอกนะ”
ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้พูดแบบนี้ออกมา อาจจะเป็นใต้จิตสำนึกหรือเพราะผมไม่ใช่ทซึกิคนเดิมอีกต่อไป

“จันทร์”
ดวงตาสีเข้มกลับมาส่องประกายคมกล้าเช่นเดิม และผมก็ชอบเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อผมจริงๆ

“พี่ยู”

“หืม?”
ใบหน้าคมเอียงคอน้อยๆ พร้อมอมยิ้มเหมือนไม่เชื่อว่าได้ยินสรรพนามที่ผมเพิ่งเปล่งเสียงออกไป ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่ามันทั้งหล่อและน่ารักจนใจสั่นริกๆ เลย ผู้ชายตัวโตๆ คิ้วเข้มหน้าดุ๊ดุจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย

“อ อีกนานมั๊ยกว่าจะถึง?”
หลบตาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างไวก่อนที่ผมจะระทวยไปมากกว่านี้

“สถานีสุดท้าย ประมาณอีกยี่สิบนาที”

“ส่งจันทร์เสร็จแล้วพี่ยูจะกลับเลยมั๊ย?”
แน่ะ ยิ้มอีกแล้ว กะอีแค่เรียกแทนตัวว่าจันทร์กับพี่ยูแค่เนี๊ยะต้องยิ้มใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ?

“จะมารับ?”
แกล้งถามไปแบบนั้นแหละครับ รู้หรอกว่าต้องทำงาน

“ต้องไปทำงานต่อสินะ”
อีกฝ่ายพยักหน้า

“แล้วพี่ยูไปทำงานยังไง นั่งรถไฟฟ้าไปแบบนี้อีกนะเหรอ?”

“มาซารุเอารถมารับ”

“มาซารุ?”

“ลูกน้องคนสนิท”
แหม ต้องมีคำว่า 'คนสนิท' ต่อท้ายด้วยนะ

“สนิทแค่ไหนแล้วหล่อมั๊ย?”

“หึง?”

“แล้วจันทร์มีสิทธิปะละ?”

คำตอบคือรอยยิ้มและการพยักหน้า ผมนี่ยิ้มแฉ่งเลย

“เธอไม่ใช่ทซึกิจริงๆ”

“ไม่ใช่ทซึกิแล้วไงล่ะ? ไม่ชอบแล้ว?”

“ชอบมากกว่าเดิมต่างหาก”
บ้าไปแล้ว.. แต่ที่บ้าหนักสุดคือตัวผมเองนี่แหละ แค่โดนหยอดนิดหน่อยก็ยิ้มแก้มแทบจะแตก

ด้วยความเขินผมเลยแกล้งจิ้มกล้ามเนื้อตรงหน้าท้องไปจึกๆ รู้เลยครับว่าคนตรงหน้าออกกำลังกายเป็นประจำอย่างแน่นอน เราทั้งคู่เงียบกันไปครู่หนึ่ง เสียงประกาศแจ้งสถานีดังขึ้น ผู้คนเริ่มขยับตัว เมื่อรถไฟฟ้าจอดสนิท บานประตูฝั่งซ้ายเปิดคนที่อยู่ด้านในก็ทยอยออก คนที่อยู่ด้านนอกก็เบียดกลับเข้ามา และตอนนี้ผมใกล้จะเป็นกล้วยทับแล้วล่ะครับ แนบสนิทชิดเชื้อแบบมีเสื้อผ้ากั้นกับคนตัวโตซะจนต้องใช้แขนตัวเองโอบรอบเอวสอบเอาไว้ ความสูงของผมอยู่ในระดับแผงอกอันแข็งแรงด้วยความอยากรู้ผมจึงแอบขยับหูแนบฟังเสียงจังหวะหัวใจสักหน่อย หึหึหึ  ตกลงผมเป็นเกย์ใช่มั๊ยครับเนี่ย???

“มีหนึ่งคำถาม”
กำลังสับสนใจเพศของตัวเองอยู่ดีๆ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทุ้มจรุงหัวใจ

“ว่า?”
เงยหน้าขึ้นมองตาปริบๆ แม่จ้าวเว้ยย-- เพิ่งเห็นข้อดีของความเตี้ยก็วันนี้แหละครับ มุมเสยแบบที่อีกฝ่ายก้มลงมามองมันดีต่อหัวใจเหลือเกิน

“เธอจำฉันได้ตั้งแต่ครั้งแรกใช่มั๊ย?”
จะตอบว่าไงดีล่ะครับ ในฝันผมก็เห็นแค่ดวงตา จำได้แค่ดวงตาเท่านั้น และตอนนี้ผมก็กำลังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอยู่

“ในความฝันผมอ่านความหมายในดวงตาคุณไม่ออก”

“เพราะทซึกิ.. เกลียดและโกรธฉัน”

“เกลียดและโกรธ?”

“สักวันเธอจะรู้คำตอบนั้นเอง”

ผมไม่รู้หรอกครับว่าสักวันนั้นมันคือวันไหนและเมื่อไหร่ เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตละกันครับ

“อย่าพูดถึงทซึกิอีกเลย พูดถึงพี่ยูกับจันทร์ดีกว่า”
ยิ้มจนตาปิดแก้เขินให้เลยครับ

“อยากรู้เรื่องอะไร?”

“ทุกเรื่องของอิเคดะยู”

“คืนนี้จะเล่าให้ฟัง”

“ห้ามมอมเหล้าจันทร์นะ โนแอลกอลฮอล์โอเค๊?”

“โอเค”
โดนหยิกแก้มด้วยครับ ให้ตายเถอะ เขินจนตัวจะแตกแล้วเนี่ยเมื่อไหร่จะถึงสักที แต่จะว่าไปอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ มันอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยไม่มีความตะขิดตะขวงใจเลยสักนิดอย่างกับว่าเราทั้งคู่รู้จักกันมานาน



.
.
.
.
.




หลังจากส่งผมจนถึงหน้าคณะ กิจกรรมมากมายที่ถูกเตรียมไว้สำหรับน้องใหม่ก็ทำให้ผมเกือบปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะเพื่อนร่วมคณะที่ผมคิดว่าคงจะเป็นลูกชาวสวนหลานเกษตรกรแบบผมแต่ที่ไหนได้ครับ 90% เป็นเด็กในเมืองกรุงนี่แหละ ยังสับสนว่าวัวคือควายกันอยู่เลย  และยิ่งกว่านั้นเมื่อนับรวมกันแล้วประชากรในคณะโดยส่วนใหญ่ก็ยังเป็นสตรีเพศมากกว่าบุรุษเพศอีกนะครับ แต่ถึงยังไงไอ้จันทร์หลานครูเอี่ยมก็ยังคงเป็นคนเดิม แม้ใครจะมองด้วยสายตาชื่นชมในความบ้านนอกคอกนาแต่มันกลับทำให้ผมภูมิใจตรงที่ว่าผมเลือกเรียนในสิ่งที่ผมสามารถจะนำความรู้กลับไปพัฒนาบ้านเกิดได้จริงครับ

เช้ายันเย็นกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยวันแรกเล่นเอาผมหมดสภาพเลยครับ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพียงแค่เดินมาถึงหน้าคณะและได้เห็นหน้าของคนที่ทำตามสัญญา บอกว่าจะมารอรับกลับผมก็หายเหนื่อยเลยละครับ

“อย่าบอกนะว่านั่งรอทั้งวัน”

คนฟังหัวเราะในลำคอพร้อมส่ายหน้า

“บอกแล้วไงว่าต้องไปทำงานหาเงินค่าสินสอด”
ผมขอชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจเพราะถ้าขืนพูดออกไปกลัวว่าจะทำให้ได้ใจครับ

“วันนี้คงเหนื่อยทั้งวัน เปลี่ยนเป็นนั่งรถกลับมั๊ย?”
ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน และผมก็รู้ครับว่ารถส่วนตัวพร้อมคนขับของคุณชายอิเคดะมันหรูหราขนาดไหน แต่วันนี้ขอปฏิเสธก่อนละกันครับ

“ไม่เหนื่อยรึไง?”
ใบหน้าคมก็จุดรอยยิ้มละลายหัวใจ

“เหนื่อยครับ แต่ถ้าจันทร์นั่งรถพี่ยูกลับแล้วถ้าวันไหนพี่ยูไม่ได้มารับจันทร์จะกลับที่พักยังไง สอนมาแล้วต้องสอนขากลับด้วยสิ”
เหตุผลของผมฟังแล้วสมน้ำสมเนื้อใช่มั๊ยครับ แต่ทำไมผมได้ยินเสียงคุณเดือนด่าว่า ‘แร่ดสิ้นดี!’ ดังแว่วอยู่ในหัวก็ไม่รู้ หึหึ

และเราก็เดินทางกลับด้วยการใช้บริการรถไฟฟ้ามหานครอีกเช่นเคย ขามาว่าคนเยอะแล้วขากลับนี่หฤโหดมากกว่าอีกครับ เบียดเสียดอัดแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋องอย่างที่ผมต้องการให้เป็น หึหึหึ แต่อย่างที่บอกว่าผมมีบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวเพราะฉะนั้นต่อให้ความอึดอัดยัดเยียดมีมากแค่ไหนผมก็ยังสามารถยืนหลับคอพับคออ่อนซบหน้าอกแน่นๆ ชนิดที่ว่าไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดจนถึงปลายทาง เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดเลยว่าผมจะได้ไปนั่งดมน้ำหอมในห้องฝั่งตรงกันข้ามรึเปล่า เพราะถึงห้องพักปุ๊ป ได้อาบน้ำจนสบายตัวและกินข้าวจนอิ่ม ดังนั้นแค่หัวถึงหมอนผมก็หลับเป็นตายจนยันเช้าเลยครับ




.
.
.
.
.
.


TBC..  :oni1:






น้องจันทร์อย่าใจง่ายสิลูกกกกก อย่าใจง๊ายยยยยย ***เสียงจากรินเอง ฮ่าาาาา :m4:


หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -7- [12.01.60] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 18-01-2017 10:32:17
จันทร์ ยอมรับได้แล้ว
อุตส่าห์ตามเจอกันในชาตินี้แล้ว
มิกิ ไส้เดือน ชาตินู้นนนนน เป็นพี่สาว
ชาติก่อนโน้น ก็ทำร้ายน้องตัวเอง
ชาตินี้ยังตามมาอีก ทั้งที่เขาไม่รักตัวเองซะหน่อย
มีแววว่าจะทำร้ายจันทร์ อีกแน่เลย
แล้วที่มาเป็นคู่หมั้น เพราะเหตุใดกัน  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อืมม น่าคิดๆๆ ค่ะ  :m28:
ต้องเรียกน้องไอมาช่วยนั่งคิดด้วย คนนี้เจ้าแผนการ  แต่ต้องเป็นความลับนะคะ :m26:

ฮ่าาาาาาาาาาา  :m4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 18-01-2017 10:36:17
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆ นะคะ
และขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนที่ 8 นะคะ
หวังว่าจะอยู่ด้วยกันจนจบเรื่อง และรินจะมาลงแต่ละตอนให้เร็วขึ้นนะคะ
ริน + เป็ดให้ทุกความคิดเห็น แทนคำขอบคุณจากใจค่ะ 
:กอด1:  :L2:  :3123:  :L1:
[/b]
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-01-2017 10:42:07
รุกหนักน่าดูพระเอกค่าตัวแพงคนนี้
น้องจันทร์เองก็ยอมรับได้แล้วม้าง
อยากคุณใส้เดือนดิ้น
หึหึ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2017 11:21:18
 o13 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-01-2017 12:11:47
คะลูก ไม่ค่อยเลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 18-01-2017 12:45:10
แหม รุกจริงรุกจัง ไม่ขาดทุนซักตอนสินะ 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 18-01-2017 14:06:47
เรื่องดูพลิกผัน ตามต่อจ้าา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 18-01-2017 14:29:25
ขอหวานๆ  หวานแบบน้ำตาลขึ้นตา น่ารักกก :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-01-2017 18:35:36
นักธุรกิจเค้าทำงานกันแบบนี้เอง
แต่ไม่รู้ใครกำไรกว่ากันนะ ระหว่างพี่ยูกับน้องจันทร์เนี่ย
เหมือนจันทร์จะน่าอิจฉาเลย
ได้ซบอกแน่นๆของพี่ยูทั้งไปทั้งกลับ ดี๊ดีนะ
พี่ยูขี้อ่อย เอ๊ะหรือว่าทั้งคู่
 สลัดคุณเดือนออกให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-01-2017 19:46:17
ตอนนี้ก็ดีนะ แต่ถ้าถึงตอนที่คุณยูกับคุณเดือนจะต้องแต่งงานกันจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-01-2017 20:14:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2017 21:10:54
ทซึกิ ชาติโน้นนนน มาเป็นจันทร์ชาตินี้
กลับทำให้พี่ยู รักมากชอบมากกว่าเดิม เจ๋งมาก
จันทร์ ให้คำแนะนำดีมากกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
“ถ้าจะจีบผมแบบจริงจังก็จัดการเรื่องคุณเดือนให้เรียบร้อยซะ
แปลกดี แค่อยากเจอ แล้วกลายมาเป็นคู่หมั้นได้ไวมาก
แสดงว่าไม่ฟัง ไม่ฟังอะไรเลย ตู่อย่างเดียว
คงเพราะพี่ยู หล่อ ด้วยเลยมัดมือชกไม่ยอมปล่อย
ถ้าพี่ยู ขี้เหร่ คงไม่สนใจใช่ปะ
นี่ถ้าพี่ยู บอกทางไส้เดือนให้เข้าใจว่าไม่ได้หมั้น ไม่เคยหมั้น
ไม่ฟ้าถล่ม นางยักษ์ออกโรง ฟาดหัวฟาดหาง
เอ่อ....มีหางจริงๆก็ดีนะชะนีไส้เดือน
จับเข้าสวนสัตว์ซะเลย เป็นสัตว์ป่าสงวนอยู่แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-01-2017 21:44:36
ชักจะเห็นด้วยกับเสียงของคุณเดือนในจินตนาการของจันทร์แล้วล่ะว่า แรดสิ้นดี (พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 19-01-2017 01:38:00
หนูจันทร์ใจง่ายไปมั๊ลูก แต่ก็นะ ความผูกพันในใจเป็นสายใยเชื่อมโยงกันนิ่ ต้องจับมือกันให้มั่นนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 19-01-2017 02:32:46
อ่อยเนียนสไตล์ลูกจันทร์
จันทร์เอ้ยต่อให้หนูไม่อ่อย พี่ยูเขาก็พร้อมยกสินสอดมาสู่ขออยู่แล้วลูก
หรือเอาแบบโงหัวไม่ขึ้น5555
สู้ๆค่ะจะติดตามจนจบต่อไป ตอนหน้ามาเร็วเน้อรออยู่ค่า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-01-2017 06:09:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-01-2017 07:44:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 19-01-2017 09:18:58
ให้มันได้แบบนี้สิ พอกันทั้งพี่ยูและน้องจันทร์ ป้าชอบบบ  :hao6:
บอกเลยว่ารอสะใจนังไส้เดือนอยู่  :z2:

มาต่อไวๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 19-01-2017 14:57:42
ตอนนี้ประเด็นคืออยากจะรู้เรื่องในอดีต อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พี่ยูในอดีตมีสายตาที่ตัดพ้อ และทำไมทซึกิถึงได้โกรธและเกลียดพี่ยูในอดีต แล้วไหนจะนังไส้เดือน ยี้ๆๆๆ

มาต่อไวๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 19-01-2017 14:59:14
ทซึกิ ชาติโน้นนนน มาเป็นจันทร์ชาตินี้
กลับทำให้พี่ยู รักมากชอบมากกว่าเดิม เจ๋งมาก
จันทร์ ให้คำแนะนำดีมากกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
“ถ้าจะจีบผมแบบจริงจังก็จัดการเรื่องคุณเดือนให้เรียบร้อยซะ
แปลกดี แค่อยากเจอ แล้วกลายมาเป็นคู่หมั้นได้ไวมาก
แสดงว่าไม่ฟัง ไม่ฟังอะไรเลย ตู่อย่างเดียว
คงเพราะพี่ยู หล่อ ด้วยเลยมัดมือชกไม่ยอมปล่อย
ถ้าพี่ยู ขี้เหร่ คงไม่สนใจใช่ปะ
นี่ถ้าพี่ยู บอกทางไส้เดือนให้เข้าใจว่าไม่ได้หมั้น ไม่เคยหมั้น
ไม่ฟ้าถล่ม นางยักษ์ออกโรง ฟาดหัวฟาดหาง
เอ่อ....มีหางจริงๆก็ดีนะชะนีไส้เดือน
จับเข้าสวนสัตว์ซะเลย เป็นสัตว์ป่าสงวนอยู่แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


 o13  o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 19-01-2017 18:03:14
ชอบน้องจันทร์จังเลย รู้ใจตัวเองแล้วก็ลุยเต็มที่
คนพี่ก็บอกอยู่แล้วว่าหาเงินมาสู่ขอลูกชายบ้านนี้
เรื่องในอดีตปล่อยมันไป มาสร้างอนาคตกับพี่ยูดีกว่า
เสนอให้พี่ยูกับน้องจันทร์ใช้บริการรถไฟฟ้าทุกวันนะคะ
เพิ่งรู้ว่าคนแน่นๆในรถไฟฟ้ามันดีอย่างนี้นี่เอง :-[
เห็นทีพี่ยูไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนแล้วล่ะนะ
แค่มารับมาส่งกันวันแรกก็ทำเอาเขินขนาดนี้ :o8:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 19-01-2017 19:34:37
แบบนี้เลยน้องจันทร์ต้องแบบนี้สิลูกถูกใจอิพี่ที่สุด ไหนๆ ก็หนีไม่พ้นสู้ทำตามใจตัวเองแล้วเดินหน้าเต็มที่ สุดยอดเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 19-01-2017 20:06:43
น้องจันทร์ของเจ้  ยกนิ้วให้ในความอ้อยเลยค่ะ ได้ใจเจ้สุดๆ คิดจะเป็นนายเอกมันต้องแบบนี้สิค่ะ ไม่งั้นไม่ทันกินหรอค่า(ว่าไปแล้วน้ำลายไหลแทน)
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 20-01-2017 06:54:08
ถูกใจ! อยากอ่านต่อไวๆ แล้วค่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-01-2017 09:33:59
น้องจันทร์รถอ้อยคว่ำมากเลยค่า :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 20-01-2017 17:53:31
แบบนี้แหละที่ต้องการ ต่อไปก็รอลุ้นนังไส้เดือน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 20-01-2017 17:54:58
น้องจันทร์รถอ้อยคว่ำมากเลยค่า :hao7:

ฮารถอ้อยคว่ำ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-01-2017 22:01:20
แหมมม พอยอมรับว่าชอบ จันทร์ก็ไม่มีพลาดจะใกล้ชิดเลยนะ 55555
ยูรู้เยอะแล้วใช่ไหม ถึงบอกน้องแบบนั้น

แต่ก็นะ ไปเคลียร์ว่าที่คู่หมั้นก่อนไหม

จันทร์บอกจะสู้ ยูก็ต้องปกป้องด้วยนะ ดูแล้วพี่สาวร้ายมาก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 21-01-2017 17:20:25
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 21-01-2017 22:52:25
มาเชียร์น้องจันทร์ ชาตินี้อย่าได้ยอม
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 22-01-2017 16:25:54
คู่นี้กำลังเริ่มดี
แต่พี่สาวคงไม่อยู่เฉยแน่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-01-2017 16:34:33
น้องจันทร์ดูท่าทางแสบมาก น่าจะพอสู้พี่เดือนได้ละมั้ง 55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 22-01-2017 19:35:53
คุณจัันทร์ที่สวนครูเอี่ยมปลูกอ้อยด้วยหรือจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 22-01-2017 21:38:15
เข้มข้นขึ้นแล้วล่ะ ชักจะสนุกเมื่อนึกถึงหน้าคุณไส้เดือนแล้วละสิ อิอิอิ  o18
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 24-01-2017 09:21:24
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -8- [18.01.60] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B.Lumi ที่ 24-01-2017 11:16:46
 :mew1:

รีบหาเงินค่าสิดสอดด่วน ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 25-01-2017 00:31:34
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-9-









“คืนนี้เป็นคืนเดือนแรม มองนภาไม่แจ่ม แลแอร่มแค่แสงดารา
ดาวสุกใสอยู่ปลายฟากฟ้า แสงแจ่มเหนือมวลดารา เป็นทั้งดาวฟ้า ดาวใจ
ฮื้อ ฮือ ฮือ ฮือ  หื่อฮือฮื้อฮือฮือหื่อ ....”

ไอ้โซ่เกากีตาร์ขับขานเพลงกล่อมผมนอน แต่ภาพพี่ภาคกับดาวพระศุกร์ยุคศรรามและกบสุวนันท์ลอยชัดกลางท้องฟ้าสีทะมึนไร้แสงดาวและเดือนของเมืองหลวงสะท้อนอารมณ์ของผมในตอนนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะมันทั้งหม่นหมอง คิดถึงบ้าน คิดถึงคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้อง แต่ผมก็ไม่สามารถไปหาใครได้เลยเพราะร่างกายมันแทบแหลกกับกิจกรรมสานสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องนี่แหละครับ ถ้าจะพูดไปทำไร่ทำสวนมันดูเหนื่อยกว่าก็จริง แต่อากาศที่แสนบริสุทธิ์ของบ้านสวนก็ทำให้สดชื่นลืมเหนื่อยได้เหมือนกัน ผิดกับเมืองกรุงลิบลับครับไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรืออะไรที่ทำให้ผมรู้สึกเพลียง่ายเหลือเกิน นี่แค่ผ่านมาสองสามวันผมยังหมดสภาพขนาดนี้ ถ้าอยู่จนกว่าจะเรียนจบร่างกายของผมไม่มีแต่สารพิษสะสมอยู่รึไงเนี่ย??

“เปลี่ยนเพลงได้ปะ?”

“คุณจันทร์อยากฟังเพลงอะไรครับ?”

นั่นสิ ผมอยากฟังเพลงอะไร? หรือไม่ฟังเลยจะดีกว่า??? คิดไปคิดมาผมก็เพิ่งนึกออกว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องของตัวเอง ลืมถามไอ้โซ่มันเลยครับว่ามันลงทะเบียนออนไลน์ด้วยระบบแล้วรึยัง

“นายลงทะเบียนรึยัง?”

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“หืม?”
คิ้วของผมขมวดแบบอัตโนมัติ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เราไม่มีคอมพิวเตอร์ดังนั้นถ้าจะลงทะเบียนไอ้โซ่ก็ต้องไปหาร้านอินเตอร์เน็ตซึ่งผมควรที่จะต้องไปเป็นเพื่อนมันไม่ใช่รึไง และความฉงนที่ฉายอยู่บนหนังหน้าหล่อๆ ของผมคงจะทำให้ไอ้โซ่เข้าใจความสงสัยของผม

“น้องสมายล์เอาโน๊ตบุ๊คมาช่วยจัดการให้แล้วล่ะครับ”

“น้องสมายล์?”

ยังจำสาวน้อยบ้านนาลูกสาวกำนันหวานใจไอ้โซ่ได้มั๊ยครับ? แล้วน้องสมายล์มาทำอะไรที่นี่???

“น้องสมายล์มาเรียนมอปลายที่กรุงเทพน่ะครับ น้องเขาพักอยู่บ้านญาติเห็นบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่”
ไอ้โซ่อธิบายด้วยรอยยิ้ม ผมเข้าใจครับ ไอ้โซ่มันตามจีบน้องสมายล์มาตั้งหลายปีน้องเค้าก็ไม่เคยเหลียวแลแต่อยู่ดีๆ มาหาถึงที่พักเลยนี่สิครับผมว่ามันแปลกๆ อยู่นะ

“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้ให้น้องสมายล์ขึ้นมาบนห้องหรอกครับ แค่นั่งคุยกันตรงล็อบบี้ข้างล่างเท่านั้นเอง”

พยักหน้ารับ ไม่ได้หวงห้องหรอกครับ และผมก็ไว้ใจไอ้โซ่ด้วยว่ามันไม่มีวันทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด แต่ผมไม่ไว้ใจน้องสมายล์ต่างหาก

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
ส่งยิ้มหวานเพื่อความสบายใจครับ จากนั้นก็ขยับตัวนอนตะแคงมองหน้าไอ้โซ่

“คุณจันทร์มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ?”

นี่แหละครับที่เค้าเรียกว่ามองหน้าก็รู้ใจ

“ฉันชอบผู้ชาย”
เอาจริงๆ ผมยังไม่แน่ใจเลยครับว่าผมเป็นเกย์รึเปล่า ผมมั่นใจนะว่าตัวเองโคตรแมนและหล่อบรรลัยกระชากใจสาว แต่ทำไมกับพี่ยูผมถึงได้ใจสั่นระทวยทุกครั้ง แค่คนเดียวเท่านั้นนะครับที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกสนิทใจเหมือนว่าเรารู้จักกันมานานแสนนาน

“แล้วยังไงเหรอครับ?”

ผิดคาดนิดหน่อยครับ เพราะผมคิดว่าถ้าผมพูดออกไปว่าชอบผู้ชาย ไอ้โซ่จะต้องมีปฏิกิริยาบางอย่างกลับมาอย่างแน่นอนแต่นี่มันทำหน้านิ่งๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่มีท่าทีแปลกใจหรืออะไรเลยสักนิด

“ก็ฉันชอบผู้ชายไง แบบที่มันคิดว่าเรียกว่าเกย์.... รึเปล่า?”
ท้ายประโยคผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเพื่อนสนิท เพราะผมยังสับสนในตัวเองอยู่เลยครับ

“ก็แล้วยังไงล่ะครับ คุณจันทร์จะไปแปลกเพศเหรอ?”

“บ้ารึไง!?”

“อ้าวไม่แปลงเพศ ก็แล้วยังไงล่ะครับ?”
คู่สนทนาของผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ผมเองก็เกาหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงแล้วเหมือนกัน ตกลงนี่ผมพูดไม่รู้เรื่องหรือไอ้โซ่มันโง่ไม่เข้าใจกันแน่ครับเนี่ย

“ปัญหาของฉันก็คือฉันกำลังสับสนว่าฉันชอบผู้ชายแบบที่เกินกว่าเพื่อนพี่น้อง แบบอยากเอาเค้ามาทำเมีย แบบนี้ชาวโลกเค้าเรียกว่าเกย์ใช่มั๊ย?”

“ก็... ครับ”

“แล้วถ้าฉันเป็นเกย์ ที่บ้านจะว่ายังไง ดันบอกให้เขาไปสู่ขอแล้วซะด้วย ถ้าที่บ้านรับไม่ได้ฉันควรจะทำยังไง?”
ปัญหาใหญ่สำหรับชีวิตของผมเลยนะครับเนี่ย

“อ่อ.. คุณจันทร์กังวลเรื่องนี้นี่เอง”
ใบหน้าคมคายตามแบบฉบับลูกทุ่งของไอ้โซ่ระบายรอยยิ้มอ่อนโยน มันทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาได้หลายระดับเพราะอย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าไอ้โซ่ไม่ได้รังเกียจถ้าผมจะเป็นเกย์

“ครูเอี่ยมกับลุงต้อมแกไม่ว่าอะไรคุณจันทร์หรอกครับ แกให้คุณจันทร์เป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนยายกับน้ามลก็ตามประสาผู้หญิงแหละครับ จะให้มายอมรับเรื่องแบบนี้แบบปุบปับมันก็ไม่ได้หรอก คุณจันทร์ต้องให้เวลาพวกท่านบ้าง”

ผมเองก็เดาทางไว้แล้วแหละครับว่ามันต้องเป็นแบบนี้ คุณยายกับแม่มลคือกุลสตรีไทยทุกระเบียบนิ้ว ขนบธรรมเนียมประเพณีต้องถูกต้องทุกอย่าง ยิ่งพวกท่านรักผมมากแค่ไหนก็เท่ากับว่าพวกท่านตั้งความหวังไว้กับตัวผมมากเท่านั้น มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาหากคุณยายกับแม่มลจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ในทันที ดังนั้นผมไม่โกรธพวกท่านหรอกครับ เป็นผมเองต่างหากที่ผิดและทำให้ท่านผิดหวัง

“ส่วนเรื่องสินสอดคุณจันทร์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ครูเอี่ยมแกไม่ให้น้อยหน้าใครหรอก ยิ่งหลานเขยรวยขนาดนั้นก็ต้องสมน้ำสมเนื้อหน่อย”
พูดจบแล้วมีการยักคิ้วให้ผมด้วยนะครับ สำหรับเรื่องนี้อยากจะบอกว่ามันแน่นอนอยู่แล้วครับ ก็ผมเป็นหลานรักนี่นา แต่เดี๋ยวนะ..

“เมื่อกี้ว่าไงนะ???”

“เรื่องอะไรครับ???”

“ก็เมื่อกี้พูดเหมือนทุกคนรู้เรื่องของฉันกับ....”

มาถึงตรงนี้ดันรู้สึกกระดากปากกระดากใจขึ้นมาซะงั้น

“กับ... คุณพี่ยูน่ะเหรอครับ?”

เฮ้ยย! นั่นไง รู้เรื่องจริงๆ ด้วยตกใจนะครับเนี่ย รู้ได้ยังไงทั้งที่ผมเพิ่งจะตกลงปลงใจยอมเป็นสามีพี่ยู เฮ้ยย ไม่ใช่สิแค่ยอมให้เขาจีบเมื่อไม่กี่วันนี่เอง

“รู้กันทั้งบ้านสวนตั้งแต่คุณพี่เขามาพร้อมคุณแม่ของคุณจันทร์และคุณเดือนโน่นแหละครับ”

“หมายความว่ายังไง???”

“ก็คุณพี่เขามาทาบทามสู่ขอคุณจันทร์ไม่ใช่คุณเดือน”

“ห๊า!???”

“เรื่องเป็นมายังไงผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าคนที่คุณพี่เขาขอหมั้นหมายไว้ก่อนคือคุณจันทร์ ผมได้ยินเต็มสองหูเพราะคุณพี่เขาพูดเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำต่อหน้าครูเอี่ยมกับลุงต้อม”
ไอ้โซ่อธิบายด้วยน้ำเสียงเนิบนาบเหมือนไม่มีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้น ตรงกันข้ามกับผมที่หัวใจแทบจะวายอยู่รอมร่อ

“อีกเรื่องที่ผมแน่ใจคือคุณแม่ของคุณจันทร์และคุณเดือน แต่ผมเดาว่าพวกท่านยังไม่รู้เรื่องนี้ หรือรู้แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้”
ไม่ไหวแล้วครับ ก่อนที่อกจะแตกตายผมขอไปถามต้นเหตุให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า

“อ้าว! คุณจันทร์จะไปไหนครับ?”

ต่อให้ไม่ได้หันไปตอบ แต่ไอ้โซ่ก็คงจะรู้ว่าผมกำลังจะไปไหนซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้ไปไหนไกลนอกจากห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
คนที่เปิดประตูให้ผมคือคุณมาซารุ เราเคยเจอกันหลายครั้งแต่ด้วยรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ใบหน้านิ่งเรียบ ดวงตาเรียวชี้ขึ้น ให้บรรยากาศของนักรบโบราณทำให้ผมต้องห่อตัวลีบโดยอัตโนมัติทุกครั้ง คุณมาซารุพูดไทยไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นถ้าผมจะคุยด้วยก็ต้องใช้ภาษามือนี่แหละ

“โดโซะ โอะไฮริ คุดะไซ”
ยังไม่ทันจะได้เริ่มยกมือยกไม้คุณมาซารุก็ผายมือเชิญผมเข้าไปในห้องซะก่อน แล้วหลังจากที่ผมเข้ามายืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางห้องเพ้นเฮ้าท์ อันหรูหราอลังการยังกับบ้านหนึ่งหลัง คุณมาซารุก็พูดอะไรบางอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกหนึ่งประโยคซึ่งผมใช้การเดาจากการผายมืออีกเช่นเคยว่าเชิญขึ้นไปด้านบน พี่ยูคงจะอยู่ชั้นบนสินะ ก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณคุณมาซารุ จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองครับ

ชั้นสองไม่ได้มีแค่ห้องโล่งๆ มันมีห้องอีกทั้งฝั่งซ้ายและขวา แถมยังมีห้องเล็กๆ อยู่ตรงปีกขวาอีกหนึ่งห้องที่อยู่ติดระเบียง มันจะลึกลับซับซ้อนทำไมมากมาย ผมสอดส่ายสายตามองหาคนที่ต้องการจะเจอและใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปทางห้องเล็กตรงปีกขวา แน่นอนว่าสันชาตญาณของผมถูกต้องครับนั่นคือในห้องนี้มีคนอยู่ ผู้ชายสวมชุดแบบญี่ปุ่น เขากำลังยืนอยู่ตรงระเบียง ใบหน้าที่ผมเห็นเพียงครึ่งเสี้ยวแหงนเงยมองท้องฟ้าอันมืดมิด เส้นผมยาวถูกรวบไว้ ปลายผมพริ้วไหวไปตามแรงลม แม้จะไม่เห็นใบหน้าและดวงตาแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหงา เศร้า และโดดเดี่ยว มันทำให้ผมหดหู่ใจอย่างประหลาดอย่างกับว่าต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายติดอยู่ในความโศกตรมคือตัวผมเอง

“ขอบคุณที่ตามหาผม”
ผู้ชายในชุดแบบญี่ปุ่นหายไป ตรงหน้าผมในตอนนี้มีเพียงชายหนุ่มในชุดนอนผ้าแพรเนื้อดี ใบหน้าคมคายหันมามองผม ดวงตาสีเข้มหรี่ลงเล็กน้อย ผมจึงได้รู้สึกตัวว่าที่ผมเห็นเมื่อครู่คงเป็นภาพซ้อนทับจากในอดีต

“ขอบคุณที่ตามหาผมจนเจอ”
พูดซ้ำประโยคเดิมเมื่อครู่ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้พูดออกไปแบบนี้ รู้แต่เพียงว่าเหมือนมันมีบางอย่างค้างคาอยู่ในจิตใจ และถ้าหากว่าผมไม่แสดงออกหรือพูดมันออกมามันจะทำให้อะไรต่อมิอะไรย่ำแย่ลงกว่าเดิม

สองเท้าก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกกลัว ผมหยุดยืนนิ่งๆ เมื่อระยะห่างลดลงในระดับที่สามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตาคมเข้ม

“ผมไม่รู้ว่าในอดีต ทซึกิ.. เคยทำร้ายคุณยังไงบ้าง แต่เพียงแค่คำอธิษฐานของทซึกิในตอนนั้นแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คุณมาตามหาผมในตอนนี้”
จ้องมองลึกไปในดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าในค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์และแสงดาว

 “ผมในตอนนี้ไม่ใช่ทซึกิ.. และคุณในตอนนี้ก็คืออิเคดะยู..”
สองแขนของผมโอบกอดรอบเอวสอบไว้ แนบแก้มไปกับแผ่นอกกว้างอันแสนอบอุ่นเพื่อบดบังหยดน้ำตาที่รินไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจอย่างไร้สาเหตุ

“เธอเห็นอะไร?”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเป็นคำถามที่ผมไม่อยากจะตอบ จึงทำได้แค่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ

“ผมไม่ใช่ทซึกิ”

“ฉันรู้”
ฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของผมไว้ ดวงตาของเราสอดประสานกัน

“ทุกครั้งที่เธอมองมาที่ฉันแล้วร้องไห้ เธอเห็นอะไร?”

ถ้าจะโกหกคงโดนจับได้แน่ๆ

“ผมไม่รู้..”
คนที่ผมเห็นซ้อนทับกับพี่ยูนั้นคือใครและมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนสำหรับผมกันนะ

“เธอเห็นฉัน?”
ผมส่ายหน้า ถึงคนๆ นั้นจะหน้าเหมือนคนตรงหน้ายังกับฝาแฝด แต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกันสักหน่อย

“พี่ยูก็อยู่ตรงหน้าจันทร์นี่ไง”

คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ดวงตาคู่คมจ้องตาผมไม่กระพริบ ผมเองก็ไม่คิดจะหลบสายตาเช่นกัน

“จันทร์เป็นทซึกิให้พี่ยูไม่ได้หรอกนะ”

“ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว”
สองแขนแกร่งโอบกอดผมไว้แนบอก

“อย่างที่เธอบอกว่าอดีตก็คืออดีต แม้โชคชะตาหรือปาฏิหาริย์จะทำให้เราในอดีตกลับมาเจอกัน แต่ใช่ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะกลับไปซ้ำรอยเดิมเสียทุกอย่าง”

พยักหน้าเห็นด้วย ทำให้ใบหน้าที่นิ่งเรียบมาตลอดจุดรอยยิ้มบางเบา

“พี่ยูเคยเห็นตัวเองในอดีตมั๊ย?”

คนตอบส่ายหน้า

“ฉันเองไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการรำลึกอดีต ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องตามหาใครคนหนึ่งจากเสียงอธิษฐานที่ดังก้องอยู่ในความฝัน ซึ่งใครคนนั้นในอดีตเป็นคนที่ฉันรักและอาจจะเป็นคนเดียวกับที่นำพาความเจ็บปวดมาให้”

ภาพอันแสนโดดเดี่ยวของชายหนุ่มนักรบในชุดแบบญี่ปุ่นโบราณซ้อนทับคนตรงหน้าเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็กลับกลายเป็นอิเคดะยูเหมือนเดิม แต่ทว่าหัวใจของผมกลับเจ็บปวดบาดลึกราวกับโดนใครเอามีดมากรีดลงกลางใจและชั่วพริบตาความรู้สึกนั้นมันก็หายไปด้วยจุมพิตแสนอบอุ่นที่ฝังลงตรงหน้าผาก

“อดีตเรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันที่ฉันได้รับรู้มันตรงกับความรู้สึกและสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ต้องการจากภายในหัวใจนั่นคือยังคง.. รัก.. ไม่เปลี่ยนแปลง”

ยังคงมั่นคงในรัก.. ทั้งๆ ที่โดนทำร้ายให้เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ?

“ชักจะอิจฉาคุณทซึกิแล้วล่ะสิ”
นี่ผมพูดจริงนะครับ คนบ้าอะไรทำให้ผู้ชายตามมารักข้ามภพข้ามชาติได้

“ทซึกิควรจะอิจฉาเธอต่างหาก”

“อิจฉาจันทร์เนี่ยนะ?”

ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“เพราะฉัน.. จะรักและปกป้องเธอให้มากกว่า.. ทซึกิ”

แม่จ้าวโว้ยยย ตอนนี้ขอช่างแมร่มอดีตมันไปก่อนเถอะครับ เพราะผมเพิ่งเข้าใจคำว่าเขินจนตัวจะแตกก็วันนี้แหละครับ เห็นผมยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหินแบบนี้แต่จะมีใครรู้ว่าภายในอกด้านซ้ายมันเต้นโครมครามยิ่งกว่าจังหวะซุมบ้าซะอีก แล้วปากเนี่ยจะฉีกยิ้มอะไรนักหนาแบบนี้เขาก็รู้หมดสิว่าผมดีใจจนออกนอกหน้าแค่ไหน

“ถ้าตัดอดีตออกไป พี่ยูก็ตกหลุมรักจันทร์ตั้งแต่ครั้งแรกเลยใช่มั๊ย?”
นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ ยิ่งริมฝีปากบางระบายรอยยิ้มก็ทำเอาตัวของผมแทบจะลอย ให้ตายเถอะ! ความรักมันทำให้เลือดลมสูบฉีดดีขนาดนี้เลยเหรอ???

“แล้วพี่ยูตั้งใจจะมาสู่ขอจันทร์ตั้งแต่แรกเลยเหรอ?”

ยิ้มแล้วส่ายหน้า เอ๋? หมายความว่าไงครับเนี่ย?

“ที่ตั้งใจมาตลอดหลายสิบปีคือเจอเมื่อไหร่จะปล้ำทันทีต่างหาก”

“ห๊ะ!?”

พูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย?!!

“ถ้าวันนั้นไม่เป็นลมไปซะก่อนก็คงจะดี”

น้ำเสียงและสีหน้าแววตาไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด ผมแทบอยากจะร้องออกไปว่า ‘ดีกับผีละสิ!!’ นับเป็นความโชคดีของผมที่เป็นลมล้มตึงลงไปซะก่อน เพราะถ้าให้พูดกันตามตรง ผมเองก็ยังไม่พร้อม นี่สะสมความแมนมาสิบแปดปี จู่ๆ จะให้เจอปุ๊ปก็จับเป็นผัวปั๊ปผมยังรับม่ายด้ายยย

“อีกอย่างฉันต้องทำให้มันถูกต้องตามประเพณี”

ณ จุดนี้ผมขอขอบคุณขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่ทำให้ผมยังคงยืดเวลาในการรักษาความเป็นชายไว้ได้อีกสักหน่อย และค่อยหายใจได้ทั่วท้องขึ้นมานิดนึงครับ

“คุณแม่กับคุณเดือนรู้เรื่องนี้รึเปล่า?”

“ฉันบอกคุณรวินท์นิภากับคุณศศิไปว่าต้องการจะมาประเทศไทยเพราะฉันรู้ว่าจะต้องได้เจอเธอ”

“แต่คุณแม่กับคุณเดือนบอกทุกคนว่าพี่ยูจะมาพูดคุยเรื่องการหมั้นหมายระหว่างพี่ยูกับคุณเดือน”

“คุณแม่และพี่สาวของเธอเป็นคนพูด.. ไม่ใช่ฉัน”
เพราะแบบนี้ไงล่ะครับมันถึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่เนี่ย

“ฉันได้พูดความจริงกับญาติผู้ใหญ่ของเธอไปทั้งหมดแล้ว”

“ทุกคนที่บ้านสวน?”

พยักหน้าตอบแบบไม่มีความลังเลเลยสักนิด แต่ผมนี่ใจแป้วไปแล้วครับ เพราะนั่นหมายความว่ามีผมแค่คนเดียวที่เพิ่งรู้เรื่องนี้

“ลางสังหรณ์ว่าคุณแม่กับคุณเดือนคงเดือดพล่าน”
ประโยคนี้ผมพูดกับตัวเองแบบว่าภาพคุณแม่กับคุณเดือนจ้องมองผมอย่างอาฆาตแค้นลอยอยู่เต็มในหัวเลยล่ะครับ แล้วดูคนก่อเรื่องสิครับยังมาหัวเราะ ‘หึหึ’ ใส่ผมอีก

“ถ้าจะแก้แค้นทซึกิที่เคยทำคุณเจ็บปวดก็อย่าดึงผมเข้าไปยุ่ง ..เพราะผมไม่ใช่ ‘ทซึกิ’
ขอเหวี่ยงนิดนึงครับ แอบเคืองที่มาหัวเราะใส่กัน แน่ะ! ดูสิครับนี่ผมกำลังเคืองอยู่นะยังจะมียิ้มอีก

“เธอคือคนของตระกูลอิเคดะ”

“จันทร์ยังไม่ได้ตกลงจะรับหมั้นพี่ยูสักหน่อย”
แค่เพิ่งเริ่มคบได้ไม่กี่วันจะมายัดเยียดให้เป็นคนตระกูลเดียวกันซะแล้ว คนอย่างไอ้จันทร์หลานครูเอี่ยมไม่ได้ใจง่ายนะครับ

“ขอโทษ.. ฉันพูดผิด”

ก็ดีครับ ทำผิดแล้วขอโทษแบบนี้ผมก็ยอมอภัยให้ได้

“ทซึกิต่างหากที่เป็นคนของตระกูลอิเคดะ”

คิ้วของผมขมวดฉับเลยครับ ทซึกิ.. อีกแล้ว

“จันทร์คือหลานชายของคุณครูเอี่ยม และเป็นว่าที่คู่หมั้นของฉัน.. อิเคดะยู”

โอเคครับ พูดแบบนี้ค่อยน่าฟังขึ้นมาหน่อย

“แล้วยังไงต่อครับ?”

“พรุ่งนี้หลังจากข่าวถูกปล่อยไปในช่วงเช้าตลาดหุ้นของบริษัทอาจจะตกลงนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นช่วงเย็นเราจะปิดตลาดด้วยผลกำไรจากข่าวการร่วมทุนกับบริษัทในเครืออัศววิรุณฉาย”

เอ่อ.. เดี๋ยวนะครับคุณนักธุรกิจ พอดีผมอยู่กับท้องไร่ท้องสวนมาตั้งแต่เด็ก ผมจึงไม่เข้าใจในเรื่องที่คุณพูดครับ

“ไว้พรุ่งนี้เธอจะรู้เอง”
นั่นคือผมต้องกลับไปนอนแล้วตื่นขึ้นมาจะรู้คำตอบเองแบบนั้นนะเหรอ?

“ส่วนคืนนี้จะให้สอนการเป็นภรรยาที่ดีก่อนมั๊ย?”
ฝ่ามือใหญ่นวดคลึงอยู่ตรงบั้นเอว ทำไมผมถึงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนใกล้จะเสียตัวแบบนี้ล่ะครับ

“ผ ผิดแล้ว ผมเป็นผัวคุณต่างหาก”
อย่ามามั่วนะเฟ้ยยย ลูกผู้ชายอย่างผมต้องเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น! แล้วหยุดเลยนะไอ้หัวเราะ ‘หึหึ’ เนี่ย! ถ้าไม่ติดจะโดนมองว่าใจง่าย ผมคว้าคอมาจูบปากไปนานแล้ว

“โอเค.. เธออยู่บน”

ต้องแบบนั้นสิถึงจะถูก ผมนี่แหละคือผู้นำ!

“จะกลับไปนะ...”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบว่าจะกลับไปนอน ริมฝีปากของผมก็โดนประกบด้วยริมฝีปากบาง มันรวดเร็วหนักหน่วง ลิ้นอันคล่องแคล่วเข้ายึดครองภายในโพรงปากของผมโดยสมบูรณ์แบบ ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับปลายคางของผมไว้ และอีกข้างก็นวดคลึงอยู่บนสะโพก มันทำให้ร่างกายผมระทวยเคลิ้มไหวจนแทบหายใจไม่ออก

“อืมม”
ทุบแผ่นอกกว้างเพื่อขออากาศหายใจ และในขณะที่ผมกำลังหอบเอาอากาศเข้าปอด เสียงทุ้มแหบพร่าก็กระซิบแผ่วชิดริมหูของผม 

“เพราะพรุ่งนี้เธอมีเรียน..”
หยุดประโยคไว้แค่นั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ สองแขนแกร่งโอบรัดจนตัวผมจมลงไปในอ้อมกอด และผมก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่ร้อนผ่าวอยู่ตรงหน้าท้องของผม

“ฉันจะให้มาซารุไปส่งเธอถึงหน้าห้อง”
จู่ๆ ก็ปล่อยผมออกจากอ้อมกอดแล้วหันหลังเดินหายออกไปจากห้อง ผมยืนงงอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เห็นคุณมาซารุมายืนอยู่ไม่ไกลนัก

“คุณอิเคดะเขาไม่ออกมาส่งผมเหรอ?”
ผมถามคุณมาซารุด้วยความสับสน เขาเป็นอะไรของเขานะ??

ไม่มีคำตอบใดๆ ก็แน่นอนล่ะครับคุณมาซารุฟังภาษาไทยเข้าใจซะที่ไหน ผมจึงทำได้แค่เดินกลับไปห้องตัวเองโดยมีคุณมาซารุมาส่งถึงหน้าประตูจริงๆ

กลับเข้าห้องมาไอ้โซ่หลับไปแล้วครับ ผมเองก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแอบลูบริมฝีปากของตัวเองนิดหน่อย คนบ้าอะไรจูบเก่งชะมัด และจังหวะที่กำลังเขินอายม้วนต้วนอยู่นั้นผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์มือถือมีข้อความแสดงสายที่ไม่ได้รับ 1 สาย และชื่อที่โชว์อยู่นั้นก็คือ ‘คุณเดือน’

น่าแปลกนะครับที่ผมไม่ได้รู้สึกกลัว แปลกใจ หรือกังวลอะไรทั้งนั้น ผมทำเพียงแค่ยกยิ้มตรงมุมปากกับชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ กดปุ่มปิดเครื่อง แล้วก็นอนหลับยาวจนถึงเช้าเลยครับ




.
.
.
.
.


TBC...  :oni1:





อ่านความคิดเห็น เจอว่าน้องจันทร์ทำไร่อ้อย ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :z1: รินเองก็ไม่แน่ใจเดี๋ยวขอโทรถามครูเอี่ยมแป๊ปนะคะว่าน้องจันทร์มีไร่อ้อยส่วนตัวรึเปล่า  :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-01-2017 01:05:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2017 01:56:17
อือฮือ~~~ หวานฉ่ำ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 25-01-2017 06:14:36
หวานมาก  :mew2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 25-01-2017 07:54:01
 มาตามอ่านรวดเดียวหลายตอนแล้วจิกหมอนมาก ♡♡♡

น้องจันทร์ขาไว้เชิงตามหลักกุลสตรี(?)หน่อยค่ะ เข้าใจนะว่าพี่ยูกร๊าวมากกกก แต่น้องจันทร์จะเคลิ้มตามทุกครั้งไม่ได้นะคะ และการอ่อยแบบที่รู้ัตัวและไม่รู้ตัวของทั้งสองคนอีก เหมือนอ่านเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วมี filter แห่งรักอยู่ตลอดเวลา

ส่วนเรื่องคุณเดือน พี่ยูต้องเร่งจัดการนะ เอาจริงๆ ดูพี่เดือนไม่น่าจะยอมง่ายๆ แน่ๆ กลัวจันทร์จะโดนพี่สาวรังแก พี่ยูต้องปกป้องน้องนะ  :hao5:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ แล้วจะรออ่านตอนต่อไปค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-01-2017 08:00:01
ยอดเยี่ยม ความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทแนบเนื้อ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ยู จันทร์ จูบกันแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
จันทร์ รู้แล้วว่ายู ไปเจรจาหมั้นหมายตัวเองกับทางบ้านแล้ว
อืมม......การที่จันทร์ แยกออกจากครอบครัวจริงๆของตัวเอง
แล้วมาอยู่กับครอบครัวใหม่ มีพ่อแม่ ยาย ที่รักจันทร์ อย่างจริงใจ
มาเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่สาวที่อิจฉา คอยแย่งความรัก
ก็เป็นผลดีกับจันทร์มากกว่าไม่ดี มันเหมือนมีกำแพงแบ่งออกจากกัน
ซึ่งถ้าเกิดอะไร บาดหมางกัน แระปะทะทางอารมณ์ มันจะน้อยลง
ซึ่งมันต้องเกิดแน่ๆ อยู่แล้ว และไม่ใช่มาจากทางจันทร์แน่ๆ
ที่มีสายเข้าจากไส้เดือน คงไม่ใช่รู้เรื่องหมั้นที่ไม่ใช่ตัวเองนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-01-2017 09:05:07
สองคนนี้แต่งงานไป จับมือไปปลูกไร่อ้อยกันเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 25-01-2017 09:56:36
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด เขินนนนนนน  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 25-01-2017 11:48:20
รู้เลยว่าน้องจันทร์ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี
น้องไม่ใช่เด็กก้าวร้าว เมื่อมีปัญหาก็พร้อมจะเดินหน้าไม่วิ่งหนี
ผิดกับนังไส้เดือน  :beat:
เอาจริงๆ ตอนนี้ติดใจปมเรื่องในอดีตนิดนึง
ทซึกิ เคยทำร้ายพี่ยูในอดีต???
แต่ก็อย่างที่พี่ยูว่า อดีตก็คืออดีต มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
รู้แค่ยังรัก ก็จะยังคงรักเหมือนเดิม
อร๊ายยย ทำไมเขิน  :hao6:
พี่ยูเจอปุ๊ปอยากปล้ำปั๊ป
ส่วนน้องจันทร์อยากอยากออนท็อป
คนอ่านขอตายอย่างสงบ  :oo1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-01-2017 13:13:12
อ้าว เกมส์พลิก เราก็เข้าใจเหมือนน้องจันทร์นะว่า คุณยู มาขอหมั่นคุณเดือน แต่กลายเป็นมาขอหมั้นน้องจันทร์ซะงั้น
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 25-01-2017 13:50:59
ป้าจะรีบเคลียร์งานมาตามน้องจันทร์ด่วนๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-01-2017 14:59:21
ยอดนักธุรกิจเจ้าแผนการ ดีจริงๆ
หวานกันเว่อๆ ดีงามมากกก
ไส้เดือนไปขุดดินไป อย่ามายุ่งแถวนี้
คิดเองเออเองเรื่องคู่หมั้นยังไม่พอดีเรอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 25-01-2017 18:06:05
 o13 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ah-chan ที่ 25-01-2017 18:59:58
จะว่าไปก็อยากดูฉากสองพี่น้องฉะ(?)กัน

//เริ่มบ้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 25-01-2017 19:01:55
ดีนะคะลูก ที่พี่เค้ายังยั้งไว้น่ะ หึหึ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-01-2017 21:48:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 26-01-2017 12:39:02
 o13  o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 26-01-2017 15:56:59
อ่านจบตอนนี้แล้วกระตุกยิ้มมุมปากตามน้องจันทร์เลยทีเดียว :oo1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 26-01-2017 18:27:08
อ่านตอนนี้แล้วเห็นแจ้งเลยว่า ทั้งคุณแม่และพี่สาวนี่ขี้ตู่สิ้นดี
เป็นฝ่ายหญิงทำอย่างนี้มันไม่งามเลยนะคะคุณแม่
เป็นน้องจันทร์ก็ว่าไปอย่าง :laugh: (ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด)
สรุปคือที่ให้น้องจันทร์มาอยู่ที่นี่เป็นแผนของครูเอี่ยมหรือเปล่าคะ
กลัวพี่สาวจะอาละวาดก็เลยเอาเรื่องเรียนพ่วงมาด้วยอย่างเนียนๆ
นี่เดานะคะอย่าถือสาหาความ ปลื้มปริ่มที่ทุกอย่างลงตัว
ว่าแต่น้องจันทร์จัดตำแหน่งให้ตัวเองแล้วเหรอจ๊ะ
อยู่ข้างบนซะด้วย :o8: ร้อนแรงใช่เล่น
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
 
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 26-01-2017 19:22:35
ทำไมพี่ยูหื่นขนาดนี้ ชอบ!
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-01-2017 19:39:48
 :pig4: รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 26-01-2017 20:20:08
นอกจากเห็นแววดราม่าระหว่างสายเลือดแล้ว ดิชั้นยังเห็นแววความเสียตัวของน้องจันทร์อีกด้วย  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 26-01-2017 20:46:57
อ้อยเข้าไปลูก อ้อยได้อ้อยดี แบบนี้อิเคดะยูจะไปไหนรอด // คุณไส้เดือนโทรมาทำไม?? รู้ความจริงแล้ว?? // จริงๆเค้าขอหนูจันทร์หมั้น อร้ายยยยย ดีกับใจ // พรุ่งนี้มันต้องมีข่าวใหญ่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 26-01-2017 20:54:37
หวานนนนมดกัดชอบๆๆน่ารักทั้งคู่ :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 26-01-2017 23:21:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 27-01-2017 10:09:45
อยากเห็นหน้านางไส้เดือนจริงๆๆ เลยยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 27-01-2017 10:20:59
อ้อยเข้าไปลูก อ้อยได้อ้อยดี แบบนี้อิเคดะยูจะไปไหนรอด // คุณไส้เดือนโทรมาทำไม?? รู้ความจริงแล้ว?? // จริงๆเค้าขอหนูจันทร์หมั้น อร้ายยยยย ดีกับใจ // พรุ่งนี้มันต้องมีข่าวใหญ่แน่ๆ


 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 27-01-2017 12:35:38
มาน้อยจางงงง ขอยาวๆๆๆๆ นึกว่าจะเสร็จกันแล้วซะอีก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-01-2017 15:37:50
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-01-2017 22:36:46
น้องจันทร์ แม่เลี้ยงไร่อ้อยยยย :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 28-01-2017 06:41:33
นี่แหละที่เค้าบอกว่าเด็กจะดีได้อยู่ที่การเลี้ยงดู
ถึงน้องจันทร์จะโดนพ่อแม่พี่น้องแท้ๆ ไม่สนใจใยดี
แต่ก็มีตายายลุงป้าที่ฟูมฟักเลี้ยงดูมาด้วยความรัก
ความคิดทุกอย่างเลยไม่เหมือนนังไส้เดือน

แล้วพรุ่งนี้จะมีข่าวอะไรเหรอคะพี่ยู
ต้องซื้อหนังสือพิมพ์รอมั๊ย?
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-01-2017 13:18:17
หมี่เหลืองแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 30-01-2017 09:25:54
 :katai4: :katai4: :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 30-01-2017 15:22:00
วันนี้จะได้อ่านตอนใหม่มั๊ยน๊า  :z13:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -9- [25.01.60] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 31-01-2017 09:24:56
น่าติดตามมาก o13 รอตอนต่อไปครับ +
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน-10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 31-01-2017 15:16:58
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-10-






พาดหัวข่าวใหญ่ทุกหน้าหนังสือพิมพ์ในฉบับเช้าวันนี้ ‘หนุ่มไทยสเน่ห์แรงคว้าหัวใจมหาเศรษฐีพ่อม่ายแดนปลาดิบ’ เอากับพี่เขาสิครับ จู่โจมแรงเปิดประเด็นในที่แจ้งแบบนี้แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากจะต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์จากแม่มลและคุณยายที่โทรมาหาผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันจะโห่ แม้ท่านจะไม่ได้เอ่ยถามตรงๆ เพราะคงยังทำใจยอมรับเรื่องที่ผมจะหาลูกสะใภ้ตัวสูงแต่เหนือกว่าการยอมรับในเรื่องเพศก็คือความรักที่มีให้ผมนี่แหละครับ

เนื้อหาในข่าวใช้ชื่อผมเป็นนามสมมติว่านายเอและบอกแค่ว่าเป็นคนจังหวัดอะไรเท่านั้น รายละเอียดอย่างอื่นไม่มีกล่าวถึงแม้แต่น้อย ถ้าคนที่ไม่รู้จักผมจริงๆ ก็ไม่มีทางจะเดาถูกหรอกครับ ตรงกันข้ามกับมหาเศรษฐีพ่อม่ายแดนปลาดิบที่เอ่ยตั้งแต่ชื่อสกุล ชาติตระกูล การศึกษา ตลอดจนมีการอ้างถึงน้องสาวคนสวยอย่างคุณหนูไอและสามีของเธอด้วย แค่นี้ก็รู้แล้วใช่มั๊ยครับว่าคนให้ข่าวเลือกที่จะปกป้องใคร? แต่ถ้ามองข้ามเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจไป ผมก็ควรจะทำใจเตรียมรับมือกับคุณแม่และคุณเดือนแบบเต็มๆ ไว้ได้เลยป่านนี้คงจะเดือดดิ้นพล่านเตรียมเอาน้ำกรดมาราดรดหัวผมแล้วล่ะครับ

มีเรื่องให้ปวดหัวแต่เช้า อีกทั้งคนก่อเรื่องก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนมานั่งทานมื้อเช้าอย่างอารมณ์ดีกับผมและไอ้โซ่ จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้อง 2 คนให้คอยมาดูแลผม เสร็จแล้วก็ไปทำงาน ให้มันได้แบบนี้สิครับวันนี้ผมเลยต้องอ้อนไอ้โซ่ให้มามหาลัยเป็นเพื่อนและอยู่รอจนถึงบ่ายเพื่อกลับห้องพักพร้อมกัน ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องข่าวหรืออะไรหรอกนะครับ เพียงแต่มันรู้สึกกดดันแปลกๆ ที่มีคนคอยแม้พี่ตัวยักษ์หน้าโหดยังกับยากุซ่าจะเฝ้าดูแลตลอดเวลา ยังไงซะผมขอพกเพื่อนสนิทมาอยู่ใกล้ๆ ด้วยกันจะอุ่นใจมากกว่า

แต่จะว่าไปข่าวก็ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ กับผม ทุกคนในคณะก็ไม่มีใครสนใจผมสักคน ยิ่งตอนนี้ทุกคนมุ่งมั่นเรื่องคัดเลือกดาวเดือนคณะ แม้ว่าผมจะหน้าตาดีสักแค่ไหนแต่ความสูงไม่ผ่านก็ไม่อยู่ในสายตากรรมการอยู่ดีเพราะฉะนั้นรอดตัวไป จะมีก็แค่เรื่องกิจกรรมออกค่ายสานสัมพันธ์นี่แหละที่ผมเริ่มจะเบื่อเอามากๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบทำกิจกรรมหรือไม่อยากรู้จักเพื่อนใหม่หรอกนะครับ แต่ผมคิดว่ามันเยอะเกินไป หลังเลิกเรียนสัปดาห์ละ 3 วัน แล้วไหนจะวันหยุดเสาร์อาทิตย์แทนที่ผมจะได้กลับไปช่วยงานที่บ้านสวนก็ต้องมาจมอยู่กับกิจกรรมโน่นนี่นั่นที่รุ่นพี่สรรหามาให้ทำกันไม่หยุดหย่อน แล้วนี่มาอีกแล้วครับออกค่าย เพิ่งเรียนได้ไม่เท่าไหร่จะนัดแนะกันออกค่ายอีกแระ แม่เจ้าโว้ยยยย นี่พ่อแม่และตายายส่งผมมาเรียนนะครับไม่ได้ให้มาทำกิจกรรมสานสัมพันธ์กันมากมายขนาดนี้ ป่านนี้น้องเห็ดที่ผมเพาะเชื้อไว้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คิดถึงจังเลยยยย T^T

“คุณจันทร์เป็นอะไร? ไม่สบายรึเปล่าครับ?”

หย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้ามไอ้โซ่แล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง ทำเอาไอ้โซ่ที่นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลารอผมอยู่ในห้องสมุดตกอกตกใจรีบเอามือแตะแก้มอังหน้าผากผมพัลวัน

“เหนื่อย”

“เรียนไม่สนุกเหรอครับ?”

ผมส่ายหน้า

“เรียนอะสนุกจะตาย แต่กิจกรรมเยอะชิบหาย”

“อ่อ..”
ถึงบางอ้อ ไอ้โซ่ก็หัวเราะ จนผมต้องเหวี่ยงสายตาใส่ นี่ผมกำลังจริงจังนะเนี่ยไม่เห็นจะน่าขำสักหน่อย

“คิดถึงบ้านใช่มั๊ยล่ะครับ?”

“อืม”
ไม่ได้คิดถึงธรรมดา แต่คิดถึงมากที่สุด

“ไม่งอแงสิครับ”
รอยยิ้มของไอ้โซ่เติมกำลังใจให้ผมได้เสมอ แต่ผมลืมอะไรไปรึเปล่าว่าไอ้โซ่เองก็คงจะคิดถึงบ้านไม่น้อยไปกว่าผมหรอก เมื่อคิดได้ก็รีบส่งยิ้มกลับไปแล้วกลับมาร่าเริงสดใสเหมือนเดิม

“วันนี้คุณจันทร์ไม่ต้องทำกิจกรรมตอนเย็นไม่ใช่เหรอครับ งั้นเราไปเดินตลาดนัดจตุจักรกันมั๊ย?”

นั่นสินะ นี่ก็เพิ่งจะบ่ายสองโมงเองนี่นา ตั้งแต่เป็นเด็ก กทม. ผมกับไอ้โซ่ก็ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนกันเลยครับ ยังไงซะจตุจักรก็เป็นทางผ่านกลับที่พัก แวะเดินเที่ยวสักหน่อยจะเป็นไรไป

“เป็นความคิดที่ดี เราไปกันเถอะ”
เรื่องแบบนี้ไม่ควรตัดสินใจนานครับ ลุกขึ้นคว้าคอไอ้โซ่แล้ววิ่งฉิวเลย




.
.
.
.




ตลาดนัดจตุจักร เป็นตลาดนัดในกรุงเทพมหานครที่แม้แต่ผมที่อยู่บ้านนอกมาตั้งแต่เกิดก็ยังรู้จักชื่อเสียง แต่อย่างว่าแหละครับ สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงมักจะต่างกันเสมอ นั่นคือของแพงสุดขีดและอากาศก็ร้อนสุดใจ ดังนั้นแค่ผมได้ดอกบานชื่นสีแดงและสีม่วงอมแดงมา 1 กระถาง เราก็ลงความเห็นว่ากลับที่พักกันเถอะ

ได้แอร์เย็นๆ ของรถไฟฟ้าทำให้หายใจโล่งขึ้นมาหน่อย ช่วงบ่ายๆ แบบนี้คนไม่เยอะเหมือนช่วงเช้ากับเย็น ผมกับไอ้โซ่จึงได้นั่งยาวไปจนถึงปลายทาง และระหว่างเดินทางกลับที่พักนั้นโทรศัพท์มือถือของผมก็สั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกง

ครืดๆ

หยิบขึ้นมาดู แค่เห็นชื่อคิ้วของผมก็ขมวดเข้าหากันแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่กดรับเลือกเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

“ทำไมไม่รับล่ะครับ?”

“ให้ถึงห้องก่อน เดี๋ยวท่านก็คงโทรมาใหม่”
เพราะชื่อ ‘คุณแม่’ ที่โชว์อยู่หน้าจอของผม ทำให้ไอ้โซ่พยักหน้ารับเห็นด้วยโดยไม่ลังเล และเมื่อถึงห้องพักไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมจึงกดรับสายแล้วนั่งคุยข้างๆ ไอ้โซ่

“สวัสดีครับ”

‘ทำอะไรอยู่?’

“เพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยครับ”

‘อยู่กับใคร?’

“โซ่ครับ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ผมเองก็เงียบรอฟังเช่นเดียวกัน

‘เรียนเป็นยังไงบ้าง?’

“ดีครับ ผมชอบ”
ผมได้ยินเสียง ‘อืม’ เบาๆ ตอบกลับมา

‘ตั้งใจเรียนให้จบจะได้กลับไปช่วยที่บ้านสวน’

“ครับ”
เรื่องนี้มันเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้ว ครอบครัวที่บ้านสวนคือความสุขของผมแล้วจะให้ผมทิ้งไปได้ยังไง และหลังจากที่ผมตอบกลับไป ท่านก็เงียบไปนานกว่าครั้งแรก นานเกือบครบนาทีจึงมีเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังมาจากปลายสาย

‘รู้ใช่มั๊ยว่าฉันโทรมาทำไม?’

“ไม่ทราบครับ”
ตอบตามตรงผมไม่รู้ในเจตนาของท่านหรอกครับ สิ่งที่ผมรู้มีเพียงเรื่องเดียวคือน้อยครั้งมากที่คุณแม่จะโทรศัพท์มาหาผมโดยตรงแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่จำได้คือตอนผมอายุ 12 ปี ผมไม่สบายเป็นไข้เลือดออกต้องนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ แต่เมื่ออาการดีขึ้นท่านก็โทรมาถามอาการของผมด้วยตัวเอง จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 6 ปีแล้วครับ นั่นหมายความว่าถ้าท่านไม่ร้อนใจจริงๆ ท่านจะไม่กดเบอร์โทรของผมเด็ดขาด

‘ถ้าอย่างนั้นฉันจะพูดตรงๆ.. ฉันขอให้เธอหยุดเรื่องที่คิดจะทำและเป็นอยู่ในตอนนี้ซะ’

“หยุดเรื่องอะไรเหรอครับ? เรื่องเรียน?”

‘ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กฉลาด’

ถือเป็นคำชมรึเปล่าครับเนี่ย??? แต่ถึงยังไงผมก็ขอพยักหน้าให้กับตัวเองโดยที่คุณแม่ไม่รู้เพื่อยอมรับว่าผมฉลาดจริงๆ นั่นแหละครับ
 
‘เลิกทำตัววิปริตวิปลาสสักที’

อ้าว นี่ผมกลายเป็นไอ้โรคจิตตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมหันมองไอ้โซ่ที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดผมรู้ครับว่ามันได้ยินเสียงจากโทรศัพท์และก็ดูจะไม่พอใจกับประโยคของคุณแม่ที่เพิ่งพูดจบไปเอามากๆ ด้วย ผมจึงชู 2 นิ้วพร้อมยักคิ้วให้ไอ้โซ่รู้ว่าไม่ได้สะเทือนจิตใจผมสักนิดเดียว
 
“คุณแม่รู้ได้ยังไงล่ะครับ?”

‘อย่าให้วงศ์ตระกูลต้องเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้’

“ผมใช้นามสกุล ‘พินญุโธ’ ครับ”
สงสัยคุณแม่จะลืมไปว่าผมไม่ได้ใช้นามสกุล ‘จินตเลิศวิวัฒน์’ เหมือนท่าน

‘นี่ย้อนฉันรึไง?!’

“ขอโทษครับ ผมแค่พูดตามความจริง”

‘ความจริงที่ว่าแกวิปริตทางเพศอย่างนั้นเหรอ!’

อื้อหือออออออ แรงนะครับประโยคนี้

“ถ้าคุณแม่คิดแบบนั้นผมก็โอเคนะครับ”

‘ไอ้ลูกไม่รักดี!’
น่าแปลกนะครับที่เสียงตวาดแหวที่สวนกลับมาทำให้ผมยิ้มได้ แม้นานทีปีหนจะได้เจอหน้าคร่าตาแม่บังเกิดเกล้าแต่ผมกลับนึกภาพตอนท่านโกรธผมจนตัวสั่นออก และคงมีแค่ผมนี่แหละครับที่ทำให้ท่านระเบิดอารมณ์ประสาทเสียได้ขนาดนี้

“ถึงผมจะไม่รักดี แต่ผมก็รักคุณแม่นะครับ”
หยอดซะหวานแบบนี้แต่นี่คือคำพูดจากใจของผมเลยนะครับ พูดครั้งแรกด้วยเลยแอบมีเขินนิดหน่อย แหะๆ เพราะคุณแม่เป็นผู้ให้กำเนิดผมมา ต่อให้ไม่ได้เลี้ยงดูเชิดชูผมต่อสังคมว่าเป็นลูกแต่ก็นับว่าท่านเมตตามากมายที่ทิ้งผมไว้กับครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง และต่อให้ใครต่อใครในตระกูลจินตเลิศวิวัฒน์จะรังเกียจไม่นับญาติกับผม แต่ท่านก็ยังให้ผมเรียกท่านว่า ‘แม่’

ไม่รู้ว่าคุณแม่กำลังซาบซึ้งหรือกำลังโกรธผมจนลมจับไปแล้วกันแน่ถึงได้เงียบนานขนาดนี้ ผมเช็คด้วยการมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังเป็นสีเขียวนั่นแสดงว่าท่านยังไม่วางสาย ผมเองก็ไม่ได้เร่งอะไรจึงฆ่าเวลารอด้วยการลุกขึ้นเดินออกไปนอกระเบียง นั่งยองๆ มองกระถางต้นบานชื่นที่เพิ่งซื้อมา

‘กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังไม่สาย ฉันรู้จักคุณหมอเก่งๆ จะช่วยเธอเอง’

“ผมไม่ได้ป่วยนะครับ”
คุณแม่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?

‘แต่สิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ปกติ’

“ความรัก.. มันเป็นเรื่องผิดปกติเหรอครับ?”
ผมสงสัยจริงๆ นะครับถึงได้ถาม การที่จู่ๆ ผู้ชายแมนๆ อย่างผมเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายและเจาะจงว่าต้องเป็นคนนี้คนเดียวนั้นมันก็เป็นเรื่องที่แปลกใจอยู่พอสมควร ซึ่งทุกวันนี้บางครั้งผมก็ยังสับสนในตัวเองอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ คุณตากับพ่อต้อมก็ไม่เคยว่าอะไรเพราะท่านให้ผมเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนคุณยายกับแม่มลแม้จะยังทำใจยอมรับไม่ได้แต่ท่านก็ยึดความสุขของผมเป็นสำคัญ

‘ความรักบ้าบออะไรถึงได้ผิดเพศแบบนี้!’

“ความรักเค้าจำกัดเพศด้วยเหรอครับ?”

‘อย่ามาแกล้งโง่!’

ขอถอนหายใจสักเฮือกจะได้มั๊ยครับ คุณแม่โกรธมากจริงๆ และต่อให้ผมพูดอะไรไปก็คงจะไม่เข้าหูท่านไปซะหมด ผมจึงเลือกที่จะเงียบ และจังหวะที่ผมลุกขึ้นยืนเพื่อจะเงยดูท้องฟ้าที่ถูกฉาบด้วยแสงสีส้มของยามเย็น ผมก็ต้องสะดุ้งจนตัวโยนกับร่างสูงใหญ่ที่ยืนทำหน้ายักษ์นิ่งค้ำหัวของผมอยู่.. มาเมื่อไหร่วะเนี่ย??? ไม่ให้สุ้มให้เสียงกันบ้างเลย... กำลังอ้าปากจะต่อว่าคนตรงหน้าแต่ความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามา

“ผมคิดว่าคุณแม่คุยเรื่องนี้กับผมคงไม่มีประโยชน์อะไร คุณแม่ควรจะไปคุยกับคนต้นเหตุดีกว่านะครับ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมด”
พูดจบก็ส่งโทรศัพท์ยัดใส่มือใหญ่ซะเลย ฝ่ายนั้นก็รับไปแนบหูโดยไม่มีลังเล ซึ่งแน่นอนครับว่าพี่ยูคุยเป็นภาษาอังกฤษ แค่ประโยคแรกก็รัวซะเร็วจนผมฟังแทบไม่ทัน เอาเป็นว่าให้พวกเขาคุยกันเองดีกว่าผมขอตัวก่อนละกัน  แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาผมก็โดนจับข้อมือไว้ แล้วยังเปลี่ยนโหมดการโทรเป็นเปิดลำโพงให้ผมได้ยินเสียงคุณแม่แบบชัดๆ อีกด้วย

“ขอโทษนะครับคุณยุ้ย เราพูดภาษาไทยกันเถอะครับ”

‘เอ๋?????’

“ต้องขอโทษที่ผมไม่เคยบอกว่าผมพูดภาษาไทยได้ครับ”

‘นี่มันอะไรกัน?’

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะบอกคุณยุ้ยว่าลูกชายของคุณยุ้ยไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ถ้าจะกล่าวโทษหรือเอาผิดก็คงจะเป็นผมเพียงคนเดียว”
น้ำเสียงนิ่งเรียบพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำแต่ทว่าสุภาพจนคนฟังเป็นฝ่ายเงียบไป

“ผมได้เรียนคุณยุ้ยมาตั้งแต่ต้นว่าผมกับคุณศศิเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น เราไม่มีทางเป็นอะไรที่เกินเลยมากกว่านั้นได้”
นิ้วเรียวยาวทั้งห้าประสานนิ้วของผมไว้

“และต้องขอโทษอีกครั้งหากการที่ผมขอไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่บ้านสวนจะเป็นการทำให้คุณยุ้ยและคุณศศิเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยืนยันกับคุณศศิหลายครั้งว่าผมไม่ได้คิดเรื่องหมั้นหมายกับเธอ ซึ่งเธอเองก็ยอมรับพร้อมเข้าใจเป็นอย่างดี และผมก็คิดว่าคุณศศิได้เรียนเรื่องนี้ให้คุณยุ้ยทราบแล้ว”
ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมผมต้องพยักหน้าเออออตามคำอธิบายของพี่ยูด้วยเนี่ย

‘เรื่องนั้น...’
ดูเหมือนว่าคุณแม่กำลังใช้ความคิดเพื่อเรียบเรียงคำพูดของตัวเองอยู่พี่ยูเองก็รอฟังอย่างมีมารยาท แต่ที่แน่ๆ คงจะเป็นคำพูดที่สุภาพกว่าคุยกับผมเป็นแน่ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะมีการนับถือกันในทางธุรกิจหรือทางสังคม

‘ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอถามคุณอิเคดะตรงๆ จะได้มั๊ยคะ?’

“ครับ”

‘คุณเป็นเกย์?’
ตรงประเด็นเลยล่ะครับ ผมเองก็อยากจะรู้คำตอบเหมือนกัน

“ผมชอบผู้หญิงครับ ภรรยาเก่าของผมเธอเป็นคนดีมาก แต่เพราะเราไม่ได้เกิดมาคู่กัน เธอจึงด่วนจากผมไปซะก่อน”

เอ่อออ ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้ล่ะครับ อยากจะสะบัดมือทิ้งแต่ก็โดนบีบซะจนนิ้วชา ผมจึงทำได้แค่ยืนฟังอย่างอดทนอยู่เงียบๆ

‘ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้มันคือเกมส์ทางธุรกิจรึไงคะ?’

“ไม่ใช่ครับ”
เว้นจังหวะด้วยการดึงผมเข้ามากอด

“ภรรยาเก่าของผมคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมไว้ใจ.. แต่ศศิน.. คือผู้ชายคนเดียวที่ผมรัก.. แค่คนนี้คนเดียวที่ผมจะปกป้องด้วยความรัก.. ศศินคือโชคชะตาและปาฏิหาริย์ของผม”
พี่ยูกำลังคุยกับคุณแม่ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกเหมือนกำลังโดนสารภาพรัก โปรดลืมความเจ็บใจเรื่องคนรักเก่าของพี่ยูไปเถอะครับ ตอนนี้ร่างกายของผมร้อนผ่าวๆ เหมือนคนเป็นไข้ และอยากจะบิดม้วนตัวให้เป็นเกลียวด้วยความเขินอายแบบสุดๆ เลยล่ะครับ

‘หึ’
ถ้าหูของผมไม่ได้ฝาด ผมคิดว่าคุณแม่กำลังหัวเราะด้วยเสียงที่คล้ายเย้ยหยัน หลังจากนั้นท่านก็เงียบไปนานหลายนาทีแต่ก็ไม่ได้วางสาย และก็เป็นคุณแม่เองที่เอ่ยทำลายความเงียบและความอึดอัดทั้งหมด

‘รบกวนคุณอิเคดะดูแลศศินด้วย’

ผมมั่นใจว่าผมได้ยินชัดเจนเต็ม 2 หู น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปมาพร้อมกับความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจก็คือ ‘คุณแม่เป็นห่วงผมอย่างนั้นเหรอ?’ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั๊ย?

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
คำรับปากของพี่ยูคงจะหนักแน่นพอจึงทำให้คุณแม่เป็นฝ่ายวางสายไปก่อนโดยไม่เอ่ยคำลาใดๆ ทิ้งท้าย และน่าแปลกนะครับที่ในอกด้านซ้ายของผมมันรู้สึกวูบโหวงจนน่าใจหายราวกับว่าผมจะไม่ได้ยินเสียงของคุณแม่แบบนี้อีกต่อไป

มือที่กอบกุมผมไว้คลายออก ผมก้มลงมองปลายนิ้วที่ชาดิกของตัวเองและสายตาก็สะดุดเข้ากับดอกไม้สีสดใสที่อยู่ในกระถาง

“พี่ยูรู้จักต้นไม้นี่มั๊ย?”
ผมย่อตัวลงยกกระถางดอกไม้ขึ้นมาวางไว้บนระเบียง

“นี่เค้าเรียกว่าต้นบานชื่น นี่ก็ดอกบานชื่น”
ชี้ที่ต้นและชี้ที่ดอก

“บานชื่น?”
ออกเสียงถูกต้องแล้วครับ ผมพยักหน้ารับ

“เธอชอบต้นบานชื่น?”

“จันทร์ชอบต้นไม้ทุกต้นบนโลกนี้”
ทุกต้นจริงๆ นะครับ นับรวมถึงหญ้าที่ใครๆ ก็กล่าวหาว่าเป็นวัชพืชด้วย

“ที่จันทร์ซื้อต้นบานชื่นเพราะเห็นมันแล้วก็ทำให้คิดถึงพระราชดำรัสของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย”
พูดจบก็หยุดมองหน้าคนฟังนิดนึงเพราะกลัวคนฟังจะไม่เข้าใจ แต่ผิดคาดครับ

“ฉันเคยอ่านพระราชประวัติของพระองค์”
แบบนี้ผมก็พูดต่อได้สบายเลยสินะ

“พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า... ต้นไม้นี่มันคล้ายๆ คน ต้นบานชื่นนี้ฉันไม่ได้ปลูกด้วยเมล็ด แต่ไปซื้อต้นเล็กๆ ที่เขาเพาะแล้วมาปลูก แต่มันก็งามและแข็งแรงดี เพราะอะไรเหรอ? นั่นเพราะคนที่เขาขายนั้นเขารู้จักเลือกเมล็ดที่ดี และดินที่เขาใช้เพาะก็ดีด้วย นอกจากนั้นเขายังรู้วิธีว่าจะเพาะอย่างไร ซึ่งฉันไม่สามารถทำได้เช่นเขา เมื่อฉันเอามาปลูกฉันต้องดูแลใส่ปุ๋ยเสมอ เพราะดินที่นี่ไม่ดีต้องคอยรดน้ำพรวนดินบ่อยๆ ต้องเอาหญ้าและต้นไม้ที่ไม่ดีออก เด็ดดอกใบที่เสียๆ ทิ้ง คนเราก็เหมือนกัน ...”

ผมท่องจำพระราชดำรัสของพระองค์ได้ขึ้นใจเลยล่ะครับ แต่จริงๆ พระราชดำรัสของสมเด็จย่ายังมีต่อ แต่ผมหยุดไว้แค่นี้แล้วหันมาถามคนที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ

“พี่ยูเข้าใจมั๊ย?”

“เธอกำลังคิดถึงคุณรวินท์นิภาและคุณมลธิรา”
อะไรจะรู้ใจผมได้แม่นยำขนาดนี้ครับ ผมกำลังคิดถึงคุณแม่ผู้ให้กำเนิดและคุณแม่ที่เลี้ยงดูผมมาอยู่จริงๆ

“จันทร์ก็เหมือนกับต้นบานชื่น คุณแม่คลอดและเลี้ยงดูผมมาอย่างดีแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ก็ตาม และท่านก็คงจะรู้ว่าแม่มลสามารถที่จะดูแลต้นบานชื่นต่อจากท่านได้เป็นอย่างดีที่สุด”
พระราชดำรัสของสมเด็จย่าในตอนท้ายที่ผมไม่ได้อ่านก็คือ ..ถ้ามีพันธุ์ดีเมื่อเป็นเด็กก็แข็งแรงฉลาด เมื่อพ่อแม่คอยสั่งสอน เด็ดเอาของที่เสียออก และหาปุ๋ยที่ดีใส่อยู่เสมอ เด็กคนนั้นก็จะเป็นคนที่เจริญและดีเหมือนกับต้นและดอกบานชื่นเหล่านั้น

“เธอเป็นเด็กดี”

“จันทร์ไม่ใช่เด็กดี แต่จันทร์ได้รับการสั่งสอนมาดีต่างหาก”

“เธอต้องการจะบอกอะไรกับฉันรึเปล่า?”
รู้ทันอีกแล้ว..

“คุณเดือนไม่เหมือนคุณแม่หรอกนะครับ”
ประโยคสุดท้ายก่อนที่คุณแม่จะวางสายจากพี่ยูดังก้องอยู่ในหัวของผม

“คุณแม่ต่อให้ท่านไม่ได้เลี้ยงดูผม แต่ท่านก็คลอดผมมาดังนั้นความเป็นแม่จึงไม่มีวันตัดกันขาด ผมสัมผัสได้ในเสี้ยวเล็กๆ ของความห่วงใยที่ท่านมีให้ผม”
แม้จะน้อยนิดแต่มันก็คือความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้ผมรู้ว่าควรภูมิใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้

นิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มของผมเบาๆ เราทั้งคู่มองตาและเงียบกันไปครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าของเสียงทุ้มจะเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน

“มิกิ..”

ชื่อที่พี่ยูเอ่ยออกมาทำให้ผมรู้สึกหนาวตรงสันหลัง

“คุณเดือนไม่เคยคิดว่าจันทร์เป็นน้องชาย”

“ฉันรู้..”

“ยังไงเหรอครับ?”

“ถ้าฉันบอกว่าพี่สาวเธอเป็นผู้หญิงอันตรายเธอจะเชื่อมั๊ย?”

ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้ม

“ถ้าฉันบอกว่าพ่อกับแม่ของเธอทำธุรกิจสุจริตไว้เพื่อบังหน้าเธอจะเชื่อรึเปล่า?”

คำตอบของผมคือการพยักหน้า

“จันทร์รู้..”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย นั่นแน่ คิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะเก่งและฉลาดทันคนขนาดนี้

“จันทร์เคยได้ยินคุณตาบ่นกับพ่อต้อมเรื่องธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่ทำ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมคุณแม่ถึงไม่อยากจะกลับมาเยี่ยมญาติฝั่งตัวเองบ่อยๆ”

“กลัวมั๊ย?”
ส่ายหน้าครับ ผมไม่กลัวจริงๆ

“จันทร์มีสุดยอดนักรบซามูไรแห่งแดนอาทิตย์อุทัยคอยปกป้องอยู่ไม่รู้รึไง?”
นักรบซามูไรที่คอยเฝ้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้าด้วยสายตาโศกเศร้าคนนั้นตอนนี้เขาจะรู้ตัวรึเปล่าว่าเขามีความสามารถพิเศษที่คว้าเอาดวงจันทร์มาครอบครองไว้ได้แล้ว หึหึ 

“ย ยิ้มอะไรเล่า?”

“อยากให้เธออายุยี่สิบไวๆ”

“หืมม?? ทำไม??”

“สัญญากับคุณตาและคุณพ่อต้อมของเธอไว้ว่าจะไม่แตะต้องเธอจนกว่าจะเธอจะบรรลุนิติภาวะ”

ฮ่าาา แน่ละสิครับ ถ้าขืนนอกลู่นอกทางผมตอนนี้รับรองโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่

“เสียใจด้วยนะครับ”
อิอิ อดทนรอให้สามีบรรลุนิติภาวะก่อนนะที่รัก

“ไม่เห็นจะต้องเสียใจ เพราะฉันมีแต้มสะสมไว้ตั้งสองปี”

ตาขวาเริ่มกระตุกเป็นบอกลางบอกเหตุไม่ดีแล้วล่ะครับ แล้วสายตากรุบกริบกับการกระตุกรอยยิ้มตรงมุมปากนั่นคืออะไร เหี้ยยยยยยย ทำไมถึงได้หล่อบรรลัยแบบนี้

“ต แต้มสะสมอะไร?”

ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ สองแขนแกร่งโอบรัดผมไว้แนบอก ปลายจมูกของเราชนกัน ผมมั่นใจว่าพี่ยูต้องสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นดังโครมครามของผมแน่ น่าอายมั๊ยละครับ แบบนี้เขาก็จับไต๋ได้หมดว่าผมเองก็คิดไม่ซื่อ..

“หนึ่งจูบเท่ากับหนึ่งยก”

หืม??? ยก?? ยกอะไรวะ?? นับยกชกมวยรึไง??? เฮ้ยยยเดี๋ยวววว อ.. อื้มมมมมมมมม คนบ้าอะไรจูบเก่งชิบหาย!!





.
.
.
.
.




TBC...  :oni1:





ใครเก่งคณิตศาสตร์บ้างคะ???
1 จูบ = 1 ยก ในหนึ่งวันเจอกัน 2-3 ครั้ง พี่ยูก็ขโมยจูบน้องจันทร์ตลอด
อีก 2 ปีน้องจันทร์ก็จะบรรลุนิติภาวะ รวมแล้วเป็นกี่ยกคะ????  :oo1:


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย วาร์ปไปอนาคตเลยได้มั๊ยคะ ฮ่าาาาาาาาาา  :hao6:

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 31-01-2017 15:44:53
:mc4: [แจ้งข่าวค่ะ]  :mc4:

◆นิยายเรื่อง Miracle of Love ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก ตอนนี้รินเปิด Pre-Order อยู่นะคะ
สามารถดูรายละเอียดได้ที่เพจ RirinRiya ค่ะ


◆นิยายเรื่อง Miracle of Love ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก
และ Miracle of Wish ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน
ทั้ง 2 เรื่องนี้มีวางขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 45
วันที่ 29 มีนาคม - 9 เมษายน 2560 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ค่ะ
รายละเอียดรินจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ ^^


รักเสมอ จากรินเอง  :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-01-2017 16:12:04
เลี่ยงไม่ได้เลยสินะ จ้องจะกินน้องตลอด
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 31-01-2017 16:53:06
ระบบแต้มสะสมนี่คืออะไร แล้วอีกตั้งสองปีกว่าน้องจันทร์จะบรรลุนิติภาวะ เริ่มแอบสงสารน้องจันทร์ในอนาคตซะแล้ว แต่ว่าลำเอียงค่ะเข้าข้างคุณยู อย่าลืมนับแต้มและใช้แต้มที่สะสมไว้ให้ครบนะคะ  :hao6: :hao6:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2017 17:08:03
 :impress2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 31-01-2017 18:21:47
สารภาพเลยค่ะว่าเริ่มกลัวนังไส้เดือนขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว และจากตอนนี้ก็พอจะสัมผัสได้ว่าคุณแม่เปื่อยยุ่ยก็พอจะมีส่วนดีอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจพี่ยู (พี่ยูรวยกว่า อิอิ) หรือเพราะโดนพี่ยูพูดความจริงใส่จึงจนมุมเถียงไม่ออกกันแน่ แต่ยังไงก็ช่าง เชื่อว่าพี่ยูดูแลน้องจันทร์ได้ ว่าแต่ไอ้ระบบสะสมแต้มเนี่ยเป็นระบบที่นักธุรกิจได้กำไรล้วนๆ เลยนะคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 31-01-2017 18:24:12
:mc4: [แจ้งข่าวค่ะ]  :mc4:

◆นิยายเรื่อง Miracle of Love ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก ตอนนี้รินเปิด Pre-Order อยู่นะคะ
สามารถดูรายละเอียดได้ที่เพจ RirinRiya ค่ะ


◆นิยายเรื่อง Miracle of Love ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก
และ Miracle of Wish ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน
ทั้ง 2 เรื่องนี้มีวางขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 45
วันที่ 29 มีนาคม - 9 เมษายน 2560 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ค่ะ
รายละเอียดรินจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ ^^


รักเสมอ จากรินเอง  :3123: :L1:




เก็บตังค์ไปสอยในงานสัปดาห์หนังสืออยู่ค่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 31-01-2017 19:29:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 31-01-2017 19:41:38
คุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจอะไร ถึงขนาดที่พี่ยูบอกว่าคุณเดือนอันตรายน่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-01-2017 20:41:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-01-2017 20:52:07
คุณแม่ยอมง่ายๆ ซะงั้น หรือเตรียมทำอะไรอยู่กันนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 31-01-2017 21:06:42
ที่น่ากลัวที่สุดคือพี่สาวสินะ กังวลแทนน้องจันทร์เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-01-2017 21:07:46
กดเครื่องคิดเลขแพร๊บ!! 555
น้องจันทร์ปากเปื่อยก่อนเสียจิ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 31-01-2017 21:39:53
โอ้ยยย เค้ามีสะสมแต้มกันด้วยอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2017 22:22:16
คุณยู นับจูบ จดใส่สมุดไว้หรอเนี่ย
สองปี จูบวันละสามครั้ง
คิดถูกเปล่าเนี่ย  365*2*3 = 2190 ยก
จันทร์ ทุกวันจะลุกจากเตียงไหวมั้ยเนี่ย
ไหนจะของเก่า บวกของใหม่  :hao7: :jul1: สลบแน่ๆ
ฟังที่แม่พูด ไม่รู้สึกว่ารักจันทร์เลยสักนิด
ด่าว่าวิปริตผิดปกติ ผิดเพศ
ความรักลูก แบบที่ให้คนอื่นเลี้ยง
โทร มาหาตอนป่วยลูกป่วยหนึ่งครั้งตลอดชีวิตจันทร์
แต่อยู่กับไส้เดือนคลอดเวลา
แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าเขามีลูกแค่คนเดียวเป็นลูกสาวเท่านั้น
แล้วมาฝากจันทร์ให้ยูดูแล
ไม่ต้องฝากหรอก เขาดูแลได้โดยไม่ต้องบอก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 31-01-2017 22:57:11
คุณยู นับจูบ จดใส่สมุดไว้หรอเนี่ย
สองปี จูบวันละสามครั้ง
คิดถูกเปล่าเนี่ย  365*2*3 = 2190 ยก
จันทร์ ทุกวันจะลุกจากเตียงไหวมั้ยเนี่ย
ไหนจะของเก่า บวกของใหม่  :hao7: :jul1: สลบแน่ๆ
ฟังที่แม่พูด ไม่รู้สึกว่ารักจันทร์เลยสักนิด
ด่าว่าวิปริตผิดปกติ ผิดเพศ
ความรักลูก แบบที่ให้คนอื่นเลี้ยง
โทร มาหาตอนป่วยลูกป่วยหนึ่งครั้งตลอดชีวิตจันทร์
แต่อยู่กับไส้เดือนคลอดเวลา
แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าเขามีลูกแค่คนเดียวเป็นลูกสาวเท่านั้น
แล้วมาฝากจันทร์ให้ยูดูแล
ไม่ต้องฝากหรอก เขาดูแลได้โดยไม่ต้องบอก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณนะคะที่ช่วยคำนวณ
2190 ยก โอ้ววววว น้องจันทร์จะจ่ายพี่ยูแบบผ่อนรายวันยังไงละเนี่ย  :-[  :oo1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 01-02-2017 08:56:41
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-02-2017 19:02:09
น้องจันทร์ไหวนะ

อีกสองปี ตอนนี้อ่อยไปเรื่อยๆ อิอิ

แม่ปล่อยละ
แล้วอิผี เอ้ยพี่เดือนว่าไง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 01-02-2017 20:52:26
  อิอิ พี่ยูรู้นะคิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 01-02-2017 21:41:01
คุณเดือนนี่ต้องร้ายมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 02-02-2017 10:48:40
ให้ความรู้สึกเหมือนคุณแม่ยุ้ยไม่ได้ร้ายอะไรสักเท่าไหร่ ที่ด่าน้องจันทร์แรงๆ เหมือนมันมีอะไรแอบแฝงประมาณว่าให้เลิกยุ่งกับพี่ยูเพราะกลัวหรือกังวลอะไรมากกว่านะ คนที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นคุณพี่แล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 02-02-2017 13:45:07
ความร้ายกาจของคุณแม่เป็นแค่ฉากบังหน้า??? **เดานะคะ
แต่พี่ยูขาาาาาาาาาาาาาาาาา สมแล้วค่ะที่เป็นนักธุรกิจ
ระบบสะสมแต้มกับน้องจันทร์เนี่ย พี่ยูไม่มีคำว่าขาดทุนเลยนะคะ  :z1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 02-02-2017 13:45:53
ความร้ายกาจของคุณแม่เป็นแค่ฉากบังหน้า??? **เดานะคะ
แต่พี่ยูขาาาาาาาาาาาาาาาาา สมแล้วค่ะที่เป็นนักธุรกิจ
ระบบสะสมแต้มกับน้องจันทร์เนี่ย พี่ยูไม่มีคำว่าขาดทุนเลยนะคะ  :z1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 02-02-2017 14:13:38
พึ่งมีเวลามาตามอ่าน ผ่านไปตั้ง10ตอนแล้วอ่ะ สนุกมากกก เอ็นดูจันทร์และใฝ่ฝันอยากจะได้พี่ยูจังค่ะ // :beat: โดนจันทร์ตบ!!

รู้สึกชอบระบบสะสมแต้มของพี่ยูจังเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 02-02-2017 15:34:37
จองพื้นที่ ว่างแล้วจะแว่บมาตามอ่านนะคะ :man1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 02-02-2017 20:53:21
กะจะมาออกความเห็นเรื่องแม่ แต่พอเจอระบบสะสมแต้มของพี่ยูเข้าไป  :a5: ตายๆๆๆ สุดยอดนักธุรกิจจริงๆ ค่ะ  :z1: :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 03-02-2017 14:21:42
ตอนนี้อ่าน 2 รอบเลยค่ะ
เพราะสงสัยในตัวคุณแม่ มันต้องมีอะไรแน่ๆ
แต่ประโยคระบบสะสมแต้ม อ่านวนหลายรอบมาก
พระเอกของเราสมเป็นนักธุรกิจจริงๆ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-02-2017 21:03:51
จ้าาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 04-02-2017 12:35:30
ระบบสะสมแต้ม :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 05-02-2017 02:52:12
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน




-11-







   
“โอ๊ะ โอ๊ยย จ เจ็บๆ เบาๆ หน่อยสิพี่ยู”

“นี่เบาสุดๆ แล้วนะ”

“แต่จันทร์เจ็บนี่นา อูยยย ตรงนั้นๆๆ”

“ตรงนี้? เจ็บเหรอ?”

พยักหน้ารัวๆ แบบน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลเลยครับ

“อ๊ะ อ โอ๊ยย ม ไม่ไหวแล้ว”

“อีกนิดเดียว อดทนหน่อย”

“ม ม่ายยยไหว พ พออเถอะ”
ส่ายหน้าพร้อมทุบหัวไหล่พี่ยูตุบตับเพื่อคลายความเจ็บ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ครับ มือพี่ยูหนักจะตาย(ห่า) บอกจะนวดเท้าให้แต่ผมว่ากำลังจะหักเท้าผมมากกว่านะเนี่ย T^T

แน่ะ ทุกคนกำลังคิดอะไรลึกซึ้งกันรึเปล่าครับ?? พี่ยูแค่กำลังนวดเท้าให้ผมอยู่ต่างหาก สาเหตุเกิดจากกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเมื่อวานทำเอาเท้าของผมระบม ก็รุ่นพี่เล่นให้เดี๋ยวลุกนั่งเดี๋ยวเดินสลับวิ่งทั้งวัน ปกติอยู่บ้านสวนใส่แต่อีแตะหนีบพอมาใส่รองเท้าผ้าใบมันก็ไม่สบายเท้าอีก นี่ขนาดผมอุตส่าห์เลือกคู่ที่แพงสุดจากร้านในตลาดแล้วนะครับ จ่ายเงินไป 299 บาท แต่ท่าทางจะไม่คุ้มเอาซะเลย โดนรองเท้ากัดจนนิ้วเป็นแผลไม่พอแถมยังเมื่อยเท้าซะจนแทบจะเดินไม่ไหว ถ้าไม่เสียดายตังค์ผมคงได้เขวี้ยงรองเท้าทิ้งแล้วเดินตีนเปล่ากลับที่พักนานแล้วละครับ

“แบบนี้โอเคมั๊ย?”

“ด ดี อืมมม”

หมอนวดจำเป็นใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นกำลังดีประคบเท้าทั้งสองข้างของผม ถ้ารู้ว่าฟินขนาดนี้หน้าจะประคบให้ผมตั้งแต่แรกดีกว่านวดจนเท้าผมแทบจะหัก แต่ที่ฟินหนักกว่าก็ตรงหมอนวดนี่แหละครับ ผมนอนยาวบนโซฟาแล้วเอาเท้าวางบนหน้าขาของพี่ยู แค่ผมบ่นเรื่องปวดเมื่อยเท้าพี่ยูก็ให้ลูกน้องไปหาซื้อยาทาแก้ปวดเมื่อยมาสารพัดจากนั้นก็แปลงร่างจากนักธุรกิจเป็นหมอนวดเท้าให้ผม แม้มือจะหนักไปหน่อยแต่มันก็ดีต่อใจสุดๆ เลยล่ะครับ อิอิ

“น้องโซ่ไปไหน?”

“สาวมารับไปกินติม”

พูดถึงไอ้โซ่แล้วหมั่นไส้ครับ ไม่ได้หมั่นไส้ไอ้โซ่แต่น้องสมายล์ต่างหากที่นับวันผมชักจะไม่ชอบขึ้นเรื่อยๆ ตอนอยู่บ้านสวนผมแค่รู้สึกเฉยๆ เห็นเพื่อนชอบเพื่อนรักผมก็โอเค แต่ตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพฯ ผมคิดว่าน้องสมายล์กำลังคิดไม่ซื่อกับเพื่อนรักของผมอยู่ คิดดูสิครับจากคนที่ไม่เคยดูดำดูดี รังเกียจไอ้โซ่หาว่าเป็นแค่ลูกแม่บ้านก้นครัวบ้านครูเอี่ยมจู่ๆ พอไอ้โซ่ได้มาเป็นหนุ่ม กทม. อยู่คอนโดหรู ก็เช้าถึงเย็นถึง ไอ้โซ่มันเก่งทุกเรื่องก็จริงแต่เรื่องผู้หญิงมันตามมารยาร้อยเล่มเกวียนไม่เคยทันสักที เป็นห่วงมันแต่จะให้ไปห้ามโผงผางว่า ‘ฉันไม่ให้ไป’ ก็ไม่ได้อีก ต่อให้เป็นเพื่อนรักหรือสนิทกันมากแค่ไหนเรื่องหัวใจเนี่ยคือจุดอ่อนเลยนะครับ

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”

“จันทร์ไม่ชอบน้องสมายล์”
ถามมาก็ตอบไปตรงๆ นี่แหละ ไม่มีความลับและไม่มีอะไรจะกั๊ก

“เหตุผล?”

“ก็ไม่ชอบ”

บางทีเรื่องชอบไม่ชอบมันก็ไม่ต้องการเหตุผลปะ??? ก็ตอบแบบนี้แล้วทำไมต้องยิ้มหล่อขนาดนั้นไม่ทราบ แล้วทำไมพอพี่ยูยิ้มหล่อแล้วผมก็มองไปทางอื่นไม่ได้สายตาต้องโฟกัสอยู่แค่จุดเดียว ทำไมผมต้องกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองด้วย เอ๊ะ???? นี่ผมเป็นอะไร???

“เฮ้ยยยย!”

จู่ๆ พี่ยูก็จับแขนทั้งสองข้างของผมแล้วดึงขึ้นลอยหวือแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้จากที่นอนอย่างราชากลายมานั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักพี่ยู ทุกอย่างไวมากจนผมตั้งสติไม่ทันเลยครับ และด้วยกลัวจะหงายหลังตกพื้นผมจึงเอาแขนโอบรอบคอเจ้าของตักไว้ ดวงตาของเราสอดประสานกันในระยะแค่คืบ หัวใจของผมเต้นระส่ำ

“อีกสองอาทิตย์ฉันจะต้องกลับไปญี่ปุ่น”

“ทำไมเร็วจัง”
ในอกด้านซ้ายเปลี่ยนจากเต้นระส่ำเป็นใจหายวูบ

“ไปกับฉันมั๊ย?”

“แต่ตอนนั้นผมต้องไปออกค่าย”
มือใหญ่บีบสะโพกของผม ทำเอารู้สึกเสียววาบแปลกๆ จนผมต้องเกร็งตัว

“ฉันต้องการเธอ”
เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบชิดติดใบหู จนผมต้องย่นคอแล้วหลับตาปี๋กับความรู้สึกสยิวจนขนลุก

“ก ก็อยู่ต่อสิ กว่าผมจะเรียนจบอีกตั้งสี่ปี”
มาจีบผมทิ้งไว้แล้วจะชิ่งหนีไปแบบนี้ไม่ได้นะ บอกว่าจะไปขอหมั้นหมายก็ยังไม่จัดการให้เรียบร้อยเลยจะหนีกลับไปก่อนได้ยังไง

คนฟังส่ายหน้าพร้อมกับจุดยิ้มตรงมุมปาก โอ้ววววแม่จ้าว หล่อบันเทิงรื่นเริงชวนให้เสียตัวจริงๆ เลยครับ ยิ้มหล่ออย่างเดียวไม่พอยังมางับจมูกผมอีกแล้วไหนจะขยำสะโพกพร้อมขยับขย่มเบาๆ อีก พี่ยูเล่นอะไรเนี่ย?? แล้วทำไมร่างกายของผมถึงได้ร้อนวูบวาบไปหมดเลยล่ะ???

“อ่ะ?”
เพราะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้สะโพกมันเหมือนว่าผมกำลังนั่งทับอะไรแข็งๆ?

“เดี๋ยวก่อนพี่ยู ไม่รู้ว่าผมนั่งทับอะ... เฮ้ยย!!”

ยังไม่ทันจะควานหาเลยครับว่านั่งทับอะไร พี่ยูก็ลุกขึ้นพรวดพลาดจนผมแทบจะหงายหลังตกโซฟา ยังดีที่คนตัวโตกว่าเหวี่ยงผมกลับมานั่งแทนตัวเองที่เดินหายวับเข้าไปในห้องน้ำได้ทัน ด้วยความเป็นห่วงก็วิ่งตามไปหน้าห้องน้ำสิครับ ไม่สบายอะไรตรงไหนรึเปล่าเนี่ย?? หรือปวดท้อง???

“พี่ยูเป็นอะไรรึเปล่า??”
   

ปิ๊งป่องงงงงงงง


ยังไม่ทันได้คำตอบจากคนในห้องน้ำเลยครับ เสียงออดจากหน้าประตูก็ดังขึ้นซะก่อน ใครกันนะมาได้จังหวะพอดิบพอดี แต่คงไม่ใช่ไอ้โซ่แน่นอนเพราะมันมีคีย์การ์ดเข้าห้องไม่ต้องกดออดให้เสียเวลา

“ใครมา?”

ยังอุตส่าห์ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ แต่ทำไมเสียงมันแหบๆ สั่นๆ แบบนั้นละครับ ชักเป็นห่วงแล้วสิ แต่ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหนสองขาของผมก็วิ่งไปดูหน้าประตูแล้วรีบวิ่งกลับมาบอกพี่ยู

“คุณปลื้มชลล์ครับ”

ตะโกนตอบกลับจากหน้าประตูห้องน้ำ แล้วยืนรอคำสั่งต่อไป แต่รออยู่พักนึงก็ไม่ตอบผมเลยเดินไปเอาหูแนบกับประตูห้องน้ำได้ยินเสียงพี่ยูครางฮึมฮัม(?)เบาๆ ผมจึงเคาะประตูถามว่า ‘จันทร์เปิดประตูให้คุณปลื้มได้ใช่มั๊ยครับ?’

“อืมมมม”

อืม? นี่คือเปิดได้ใช่มั๊ยครับ? แต่เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันห้องผมนี่นา แล้วทำไมผมต้องถามพี่ยูด้วยหว่า?? เอ๊ะ! ยังไง??? ผมกำลังสับสนอะไรอยู่รึเปล่าครับเนี่ย? คิดแล้วก็งงตัวเอง แต่ก็เดินไปเปิดประตูให้คุณปลื้ม

“สวัสดีครับคุณปลื้มชลล์”

“สวัสดีครับน้องจันทร์”

คุณปลื้มชลล์รับไหว้ผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและหล่อเหลาเหมือนทุกครั้งที่เจอ จากนั้นก็หันไปคุยภาษาอังกฤษกับคุณมาซารุ 2-3 ประโยค แล้วคุณมาซารุก็บอกต่อไปยังลูกน้องอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่พี่ยูสั่งให้คอยตามดูแลผมนั่นแหละครับ จบประโยคของคุณมาซารุ ลูกน้องร่างยักษ์ก็ทยอยขนของมากมายเข้ามากองไว้ในห้องของผม

“เอ่อ...”
เอาไงดีล่ะครับ พี่ยูก็อยู่ในห้องน้ำไม่ยอมออกมาสักที สงสัยจะท้องเสียหนักนะเนี่ย

“ยูล่ะ?”
หลังจากคุณปลื้มหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามหาเพื่อนของตัวเอง

“อยู่ในห้องน้ำครับ”
ชี้ให้ด้วยว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน คุณปลื้มก็พยักหน้ารับแล้วนั่งรอตรงโซฟา

“ว่าแต่ของพวกนี้???”
เยอะแยะไปหมดมันคืออะไรครับเนี่ย?

“อ่อ.. ของน้องจันทร์กับของน้องโซ่ไงล่ะ”

“ห๋า??”
เหวอสิครับ คุณปลื้มซื้อของมาให้ผมกับไอ้โซ่มากขนาดนี้เลยเหรอ แล้วถ้าดูไม่ผิด กล่องลังใหญ่ๆ 2 กล่องนั่นน่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ซะด้วย เฮ้ยๆๆ ผมกับไอ้โซ่ไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายให้หรอกนะ

“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่มีหน้าที่ซื้อ แต่คนจ่ายคือคนโน้น”
ส่งสายตาไปทางห้องน้ำเพื่อให้รู้ว่า ‘คนโน้น’ ที่พูดถึงอยู่นั้นคือใคร ถ้าอย่างนั้นไว้เอาไว้ค่อยเคลียร์กับพี่ยูละกันครับ ตอนนี้ผมต้องหาน้ำเย็นๆ มารับรองแขกก่อน

“จริงสิ.. เมื่อกี้เหมือนพี่จะเห็นน้องโซ่นั่งคุยกับเด็กผู้หญิงอยู่ตรงล็อบบี้”

“อ่อ.. ใช่ตัวเล็กๆ ผมยาวแล้วก็รวบผมแบบยุ่งๆ รึเปล่าครับ?”
ถามกลับพร้อมกับรินน้ำเย็นใส่แก้วแล้วถือมาเสิรฟให้คุณปลื้ม

“น่าจะใช่นะ”

“ชื่อสมายล์ครับ เด็กบ้านเดียวกันเห็นบอกว่ามาเรียนต่อที่กรุงเทพ”
ตอบคำถามแล้วนั่งบนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับคุณปลื้ม ผมแอบหันไปมองทางประตูห้องน้ำแว่บนึงด้วยความเป็นห่วงว่าทำไมพี่ยูเข้าห้องน้ำนานจังเลยล่ะเนี่ย?

“ว่าแต่วันนี้น้องจันทร์ว่าทั้งวันเลยใช่มั๊ยครับ?”

“อ๋อ. ค...”

“ว่างแล้วทำไม?”

ยังไม่ทันจะได้ตอบเลยครับ คนที่อยู่ในห้องน้ำก็เดินออกมาแล้วตอบแทนผมซะงั้น ฟังเสียงนิ่งและใบหน้าเฉยชาแบบนั้นแต่ใบหูนี่แดงแจ๋เลยล่ะครับ ตายล่ะ พี่ยูไม่สบายแน่ๆ เลย

“ฉันไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรนายใช่มั๊ย?”
ขัดจังหวะอะไรครับ?? แล้วทำไมคุณปลื้มถึงต้องอมยิ้มแล้วทำตากรุบกริบเหมือนจับผิดอะไรพี่ยูแบบนั้นด้วย ผมชักสงสัยแล้วล่ะสิ

“จันทร์.. พี่ขอน้ำเย็นๆ สักแก้วสิ”

หืม???? พี่ยูเรียกชื่อผมแล้วยังแทนตัวเองว่าพี่ นี่ผมไม่ได้หูฝาดหรือหูเพี้ยนไปใช่มั๊ยครับ? แต่ดูจากสายตาของคนพูดแล้วคงเป็นเรื่องจริง แล้วทำไมผมถึงต้องยิ้มกว้างขนาดนี้ด้วยเนี่ย เขินจังเลยยย หนีเข้าครัวไปเอาน้ำเย็นให้พี่ยูดีกว่า

ครัวก็ไม่ได้อยู่ไกลจากห้องรับแขกสักเท่าไหร่ ผมจึงยังได้ยินบทสนทนาของ 2 หนุ่มอย่างชัดเจน อ่อ บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่ได้แอบฟัง มันแค่ดังเข้าหูผมเฉยๆ เรื่องของเรื่องก็คือพี่ยูขอให้คุณปลื้มช่วยไปซื้อของใช้ที่จำเป็นให้ผมและไอ้โซ่ อันประกอบด้วยเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และอื่นๆ อีกจิปาถะ โดยคุณปลื้มมีข้อแลกเปลี่ยนว่าผมจะต้องไปโรงพยาบาลกับคุณปลื้ม แต่พี่ยูขอผัดว่าให้ไปวันหลังเพราะวันนี้ผมปวดเท้าไม่อยากให้เดินเยอะกลัวจะยิ่งระบม ซึ่งเหตุผลของพี่ยูกลับเข้าทางคุณปลื้มตรงที่ว่านั่นแหละคือเหตุผลที่จะให้ผมไปพบคุณหมอดิน อืม.. พอฟังมาถึงตรงนี้ผมก็ยกแก้วน้ำไปส่งให้พี่ยูพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณปลื้ม

“คุณปลื้มจะใช้ผมเป็นข้ออ้างเพื่อไปเจอคุณหมอดินเหรอครับ?”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละครับว่าเวลาที่คุณปลื้มชลล์เขินเนี่ยจากหล่อวัวตายควายล้มเปลี่ยนเป็นน่ารักตะมุ้งตะมิ้งเลยล่ะครับ

“อะแฮ่ม”
แน่ะ.. แค่มองคุณปลื้มนานไปนิดนึงแค่เนี๊ยะทำมาเป็นกระแอม หึงอะดิ อิอิ

“ไปดูของสิว่าชอบรึเปล่า?”
โดนจับได้ก็มาทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง นี่ถ้าไม่ติดว่าหล่อขั้นเทพแบบพี่โดมปกรณ์ลัมผมไม่ยอมลุกขึ้นเดินมาแกะเปิดถุงเสื้อผ้าและกล่องรองเท้าง่ายๆ หรอกนะ อีกทั้งยังต้องทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินบทสนทนาของพี่ยูกับคุณปลื้มด้วย แต่อย่างว่าแหละครับว่าผมเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและมีมารยาทพอที่จะไม่สอดแทรกเรื่องของผู้ใหญ่ ผมจึงทำได้แค่ดูราคาเสื้อกับกางเกงที่มีเกินกว่า 10 ตัวแล้วได้แต่ร้องกรี๊ดอยู่ในใจว่าเสื้อห่าอะไรตัวละพันกว่าบาท ผ้าก็บางโคตรบางไม่ได้สวยดีเด่นอะไรทำไมถึงได้แพงขนาดนี้ แค่นั้นยังไม่พอเมื่อเจอรองเท้าผ้าใบที่ราคาคู่ละเกินครึ่งหมื่น ผมถึงกับต้องลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหายาดมในห้องนอนก่อนจะเป็นลมล้มพับไปซะก่อน นี่พวกนักธุรกิจเขารู้จักคำว่า ‘พอเพียง’ กันบ้างมั๊ยครับเนี่ย??

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

คงเห็นผมวิ่งหุนหันเข้าห้องนอน พี่ยูเลยเดินตามมาดูว่าผมเป็นเป็นอะไร

“พี่ยูรู้จักคำว่าพอเพียงมั๊ย?”

คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย

“ซัฟฟีฌ-เอ็นท?”

sufficient แปลว่าพอเพียง สำเนียงอังกฤษชัดเป๊ะมาเลยครับ ผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เพราะไปต่อไม่ถูก เอาไว้ค่อยโทรไปเล่าให้คุณตากับพ่อต้อมฟัง แล้วให้พวกท่านสอนว่าที่หลานเขยคนนี้เองดีกว่า

“จ จะไปหาคุณหมอดินกับคุณปลื้มมั๊ยครับ?”

“ไปสิ”
คุณปลื้มโผล่หน้ามาตรงประตูห้องนอนตอบแทนพี่ยู แล้วหน้าพี่ยูตอนหันไปมองหน้าเพื่อนทำเอาผมเสียวสันหลังวูบ แต่ดูท่าคุณปลื้มจะชินกับพี่ยูในโหมดโหดแบบนี้จึงไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรแถมยังยิ้มหล่อและยักคิ้วกลับมาอีก

“น นั่นสิพี่ยู”
พยายามฉีกยิ้มกลบเกลื่อนความโหดเหี้ยมบนใบหน้าของพี่ยู แล้วก็กระซิบบอกเบาๆ เอาพอแค่ได้ยินกันสองคนว่า ‘ช่วยเหลือเขาให้สมหวังในความรักมันได้บุญหนักนะครับ รักของเราจะได้สมหวังด้วยไง’ แค่นั้นแหละคนหน้าโหดเปลี่ยนโหมดเป็นคนน่ารักเลยล่ะครับ

เมื่อตกลงกันได้ผมก็ขออนุญาตลงมาตามไอ้โซ่ที่ล็อบบี้ และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ที่ผมได้เจอน้องสมายล์ อย่างที่บอกไว้แหละครับว่าตอนอยู่บ้านสวนเราเจอกันผมก็รู้สึกเฉยๆ น้องเขาก็ถือว่าเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่ง น้องสมายล์อายุน้อยกว่าพวกผมประมาณ 2 ปี ตัวเล็ก ผมยาวถึงกลางหลังแล้วน้องเขาก็ชอบมัดไว้หลวมๆ บางครั้งผมแอบคิดว่ามันดูรกรุงรังเหมือนผมไม่เคยเจอหวี แต่ใบหน้าถือว่าน่ารักใช้ได้เลยทีเดียว ตอนนี้น้องสมายล์ก็ยังเหมือนเดิมครับแต่ที่เปลี่ยนไปคือการแต่งตัวและความจัดจ้านของใบหน้า เด็กสาวอายุ 16 ปี จำเป็นต้องแต่งหน้าหนาขนาดนี้?? และต้องใส่เกาะอกกับกางเกงขาสั้นมาเจอผู้ชายแบบนี้เหรอครับ? นี่ผมไม่ได้หัวโบราณไปใช่มั๊ย?

“นี่คุณจันทร์ น้องสมายล์จำได้มั๊ย?”

“จำได้สิคะ ใครจะไม่รู้จักคุณจันทร์หลานครูเอี่ยมบ้างล่ะคะ”

เด็กสาวยกมือไหว้ผม ส่วนผมก็แค่พยักหน้ารับไหว้ครับ

“คุณจันทร์มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“เดี๋ยวเราต้องไปธุระข้างนอกกัน คุณปลื้มชลล์รออยู่”

“อ้าว เหรอครับ”

“สมายล์ไปด้วยสิคะ”

คิ้วขวาของผมกระตุกยิกๆ ทันทีที่บทสนทนาระหว่างผมและเพื่อนรักโดนสอดแทรก ไอ้โซ่เองก็คงจะตกใจและลำบากใจพอดู

“เห็นทีจะไม่ได้ พอดีพวกพี่ไม่ได้ไปเที่ยวแต่ไปธุ-ระ”
ผมตั้งใจเน้นคำสุดท้ายของประโยค

“งั้นแสดงว่าถ้าครั้งไหนที่พวกพี่ไปเที่ยวกันสมายล์ก็ไปด้วยได้สิคะ”

อื้อหือออ หน้าด้านกว่านี้มีอีกมั๊ยครับเนี่ย บอกตรงๆ ว่าผมไม่ถูกชะตาน้องสมายล์ในปัจจุบันนี่จริงๆ เลยล่ะครับ ผมมองหน้าไอ้โซ่ที่ทั้งซีดและเจื่อนไปฉนัดตา ผมรู้ครับว่าไอ้โซ่มันชอบน้องสมายล์มากแต่ในขณะเดียวกันมันก็เกรงใจผมมากกว่า

“ไม่ได้ทั้งนั้นครับ”
ตอบแบบตรงๆ แถมยกยิ้มอ่อนให้ด้วย คนฟังหน้าเสียไปนิดนึง แตกต่างกับไอ้โซ่ที่หน้าถอดสีไปแล้วล่ะครับ และก่อนที่เพื่อนรักของผมจะลำบากใจไปมากกว่านี้ผมขอพูดให้หมดเปลือกไปเลยดีกว่าครับ

“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าน้องมีเจตนายังไงที่จู่ๆ ก็มาสนใจเพื่อนของพี่ทั้งที่ไม่เคยดูดำดูดีมาก่อน แต่ไม่ว่าจะเพราะโซ่มันได้มาเรียนในกรุงเทพ ได้อยู่คอนโดหรู หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ พี่ขอพูดตามตรงว่าเลิกยุ่งกับเพื่อนพี่เถอะ เพื่อนของพี่ไม่มีสิ่งที่น้องอยากได้หรอก และกลับไปตั้งใจเรียนจะดีกว่า”
ที่พูดมาเพราะเห็นว่าน้องเขาเป็นคนบ้านเดียวกัน ลุงกำนันพ่อของน้องสมายล์ก็เป็นคนดี ถ้าลุงกำนันรู้ว่าลูกสาวคนเดียวของท่านมาคอยตามผู้ชายแล้วไม่สนใจเรียนแบบนี้ผมคิดว่ามันไม่ดีไม่งามสักเท่าไหร่หรอกนะครับ แต่แทนที่เด็กสาวจะเข้าใจ ผมกลับได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูกแทน

“กะจะเก็บไว้กินเองก็บอกมาเถอะ”

คิ้วของผมขมวดฉับเลยครับ

“เป็นเกย์ไม่ใช่รึไง? ได้ข่าวว่าได้ผัวรวยแถมแย่งผัวพี่สาวมาด้วย?”

“สมายล์! พูดจามั่วแบบนี้ได้ยังไง ขอโทษคุณจันทร์เดี๋ยวนี้นะ!!”

ผมยกมือห้ามไอ้โซ่ไว้ ถ้าถามว่าโกรธมั๊ยก็ตอบว่าโกรธมาก แต่ลูกผู้ชายเค้าไม่ต่อปากต่อคำกับผู้หญิงหรอกนะครับ และผมก็ยึดตามคำสอนของสมเด็จย่าจากในหนังสือเกี่ยวกับธรรมะของสมเด็จย่า 360 ข้อ เรื่อง การสอนให้คนรู้จักรักษาและระงับอารมณ์ สมเด็จย่าทรงสอนว่า ‘เมื่อมีความโกรธก็ให้พยายามหยุดนิ่งเสียก่อน จนหมดความโกรธ แล้วถึงพูดถึงเรื่องที่ทำให้โกรธต่อไป’ ดังนั้นผมจึงต้องนิ่งก่อนครับเพื่อระงับความโกรธ นิ่งเพื่อให้มีสติและคิดได้ถี่ถ้วนมากขึ้น ผมทบทวนคำพูดของน้องสมายล์ในใจแล้วก็ยิ้ม

“ใช่ครับ พี่เป็นเกย์ แฟนพี่รวยมากๆ ด้วย แต่เรื่องแย่งแฟนพี่สาวน้องสมายล์คงจะได้ข่าวผิดไป และเอาไว้ได้ฤกษ์มงคลพร้อมแต่งเมื่อไหร่พี่จะเชิญการ์ดให้น้องสมายล์ไปทางลุงกำนันละกันนะครับ”
ไม่มีอะไรจะดีไปกว่ายอมรับความจริงครับ แม่มลสอนเสมอว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ผมยิ้มส่งท้ายให้น้องสมายล์ก่อนจะหันหลังเดินกลับขึ้นห้องโดยมีเสียงตะโกนของเด็กสาวดังไล่หลังว่า ‘ระวังตัวไว้เถอะ!’ และไม่รู้ทำไมใบหน้าของคุณเดือนจึงได้แว่บขึ้นมาในห้วงความคิด ราวกับว่าคุณเดือนกำลังจ้องมองผมอยู่ ซึ่งผมคงคิดไปเองมากกว่า

ผมหยุดยืนมองเลขลิฟท์ที่ไล่ระดับชั้นลงมาพร้อมกับบริหารเท้าไปด้วย ปวดตุบๆ เลยล่ะครับ ไม่นานนักสัญญาณลิฟท์ก็ดังขึ้นที่ชั้น G และประตูก็เปิดออกพอดีกับที่ไอ้โซ่วิ่งกระหืดกระหอบตามผมเข้ามาเข้าลิฟท์ได้ทัน ในลิฟท์มีผมกับไอ้โซ่แค่ 2 คน ทันทีที่ประตูลิฟท์ปิด ไอ้โซ่ก็ยกมือไหว้ผมแบบท่วมหัว

“ขอโทษนะครับคุณจันทร์”

“เฮ้ย! ทำไรเนี่ย!!”
รีบเอามือของไอ้โซ่ที่พนมไหว้ผมลงครับ มาไหว้กันแบบนี้อายุผมจะสั้นลงมั๊ยเนี่ย?

“ไหว้ขอโทษคุณจันทร์แล้วก็ขอบคุณคุณจันทร์ยังไงล่ะครับ”

เรื่องขอโทษผมพอจะเข้าใจ แต่เรื่องขอบคุณเนี่ยมันคืออะไรกัน??

“ขอบคุณเรื่องอะไร?”

“ก็ต่อจากนี้ไปน้องสมายล์คงไม่กล้ามายุ่งกับไอ้โซ่แล้วล่ะครับ แหะๆ”

มีหัวเราะแหะๆ ต่อท้ายด้วยเว้ย หมายความว่าไงของมันเนี่ย ผมหรี่ตามองไอ้เพื่อนรักอย่างจับผิด

“ก็น้องสมายล์เปลี่ยนไปตั้งเยอะ และน้องเขาคงคิดว่าไอ้โซ่คนนี้โง่ละมั้งครับ”

“อ้าว รู้แล้วทำไมยังไปยุ่งกับน้องเขาอีกล่ะ”

“ก็ยังคิดวิธีไม่ออกน่ะครับ แหะๆ”

เออ ให้มันได้แบบนี้สิครับพ่อพระเอก ผมจึงกลายเป็นตัวร้ายตัวอิจฉาขึ้นมาทันที แต่ไม่เป็นไรครับ เพื่อเพื่อนรักคนเดียวและคนดีของผมจะให้ผมรับบทเป็นโจรป่าหน้าหล่อก็ยังได้ ว่าแล้วก็คว้าคอมันโยกไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว แป๊ปเดียวก็ถึงชั้น 18 แล้วครับ

“ว่าแต่ที่คุณจันทร์บอกว่าจะออกไปธุระ เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”
ไอ้โซ่ถามขึ้นตอนออกจากลิฟท์ชั้น 18

“พี่ยูกับคุณปลื้มชลล์จะพาไปหาหมอ”

“คุณจันทร์เป็นอะไรเหรอครับ?”

ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้

“ไม่ได้เป็นอะไร แค่.. ตีนนี่”
หยุดเดินแล้วชี้ไปที่เท้าทั้งสองข้างของตัวเอง เอาเข้าจริงผมว่าตอนนี้มันระบมจนบวมแล้วล่ะครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะครับว่ารองเท้าแค่คู่เดียวทำให้เท้าของผมมีแผลเหวอะหวะและระบมได้ถึงขนาดนี้

“เฮ้ย! ทำไมมันบวมแบบนี้ล่ะครับ?”

ยิ่งไอ้โซ่ตกใจผมก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ มันคงเกิดจากการอุปาทาน แต่ที่บวมขึ้นเนี่ยคงเพราะผมเดินลงไปตามไอ้โซ่นี่แหละครับ จากที่ระบมอยู่แล้วเลยบวมขึ้นมา

“อ้าว! แล้วจะวิ่งไปไหนวะนั่น?!”
จู่ๆ ไอ้โซ่ก็วิ่งฉิวทิ้งผมไปอย่างไว อีกประมาณ 10 เมตรก็ถึงห้องแล้วมันจะมาทิ้งอะไรกันตอนนี้เนี่ย? แต่คงไม่ต้องรอคำตอบแล้วล่ะครับ เพราะทันทีที่ไอ้โซ่มันเปิดประตูห้องผมก็ได้ยินเสียงมันตะโกนบอกคนในห้องซะลั่น

“คุณพี่ยูคร้าบบบบ ไปอุ้มคุณจันทร์หน่อยสิครับเท้าคุณจันทร์บวมมากเลย”

และไม่เกิน 30 วินาทีหลังจากนั้น ร่างของผมก็ลอยหวือขึ้นในอ้อมแขนของพี่ยู เอิ่มมม... จะทำอะไรก็ให้เกียรติความเป็นลูกผู้ชายของผมบ้างก็ได้นะครับ แค่เจ็บเท้าไม่ใช่ขาหักยังเดินได้และแผลที่มีก็อยู่ห่างไกลจากหัวใจ แต่ไหนๆ พี่ยูก็อุ้มผมแล้วผมขอซบหน้าลงบนไหล่หลบความเขินอายก่อนละกัน


.
.
.
.
.

มีต่อด้านล่างนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 05-02-2017 02:52:36

คุณปลื้มชลล์ขับรถนำไปก่อน ส่วนพี่ยู ผมและไอ้โซ่มีคุณมาซารุเป็นสารถีให้ขับตามไปอีกคัน กว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาจนถึงโรงพยาบาลที่คุณหมอดินทำงานอยู่ได้ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยล่ะครับ

จากที่สอบถามกับพี่ยูผมได้รู้ว่าคุณปลื้มตามจีบคุณหมอดินมาหลายปีแล้วครับ ทั้งคู่รู้จักกันเพราะคุณหนูไอน้องสาวสุดน่ารักของพี่ยูนี่แหละ และที่น่าอึ้งที่สุดก็คือคุณปลื้มเคยเป็นคนรักเก่าของคุณหนูไอ แต่ไปไปมามาไม่รู้บุพเพอาละวาดยังไงคุณหนูไอถึงได้แต่งงานกับพี่ชายฝาแฝดของคุณปลื้มแทน พี่ยูบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับคุณปลื้มมากเพราะฉะนั้นขอข้ามไม่พูดถึงละกันครับ เอาเป็นว่าเพราะอกหักจากคุณหนูไอจึงทำให้คุณปลื้มได้เจอกับคุณหมอดินซึ่งเป็นคนที่คุณหนูไอรักและนับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว  อีกทั้งยังเป็นพ่อม่ายเมียทิ้งและมีลูกติดอีก 2 คน แหม.. เล่ามาแค่นี้ก็ชักอยากจะรู้จักคุณหมอให้มากกว่านี้แล้วล่ะครับ แต่จะว่าไปผมก็เคยเจอคุณหมอดินและลูกๆ ครั้งหนึ่งตอนที่ไปบ้านสวน แม้จะแอบมองจากในโรงเพาะเห็ดแต่ก็พอจะรู้ครับว่าคุณหมอดินคนนี้หล่อใช่ย่อย

ถึงโรงพยาบาลพี่ยูก็มีงานด่วนเข้ามาเลยต้องฝากผมและไอ้โซ่ไว้กับคุณปลื้มชลล์ เรื่องพี่ยูไม่อยู่ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ติดตรงที่ผมต้องนั่งรถเข็นนี่แหละที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้พิการเต็มขั้นยังไงชอบกล และดูท่าทางคุณปลื้มชลล์จะเป็นลูกค้าวีไอพีของโรงพยาบาลเพราะแค่บอกว่าขอตรวจกับคุณหมอภูฤทธิ์ พี่ๆ พยาบาลก็จัดการให้เสร็จสรรพ ส่งผมมายังแผนกกุมารเวชตามต้องการ แค่นั่งรถเข็นยังพอทนแต่ต้องมานั่งรถคิวกับเด็กน้อยทั้งหลายนี่สิที่ผมรู้สึกกระดากอายอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่ไอ้โซ่ยังแอบหัวเราะ ผมจึงได้แต่นั่งก้มหน้าแคะขี้เล็บฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ไม่นานคุณพยาบาลก็เดินมาเข็นรถเข็นเข้าห้องตรวจที่มีชื่อหน้าห้องว่า ‘นายแพทย์ภูฤทธิ์ พละไกรศาสตร์’ 

“สวัสดีครับ น้องศศิน”

วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าคุณหมอดินของคุณปลื้มแบบชัดๆ บอกเลยครับว่าเป็นความหล่อแบบตี๋อินเตอร์จริงๆ ยิ้มหวานแถมยังพูดเพราะอีกต่างหาก

“ไม่สบายตรงไหนเหรอครับ?”

“เท้าครับคุณหมอ”
ชี้ไปที่เท้าครับ อย่าถามนะครับว่าอายมั๊ย? ระดับนี้เรียกว่าโคตรอายเลยดีกว่า

“บวมเลย มีแผลถลอกด้วย ไปทำอะไรมาครับ? เดี๋ยวขึ้นไปนอนบนเตียงตรวจนะครับขอดูแผลหน่อย”
ผมควรจะตอบคำถามก่อนหรือควรจะขึ้นไปนอนบนเตียงตรวจให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยตอบดีครับ?? เอาเป็นว่าผมเลือกทำพร้อมกันดีกว่า ปีนขึ้นเตียงพร้อมตอบคำถามนี่แหละจะได้ไม่เสียเวลา

“รองเท้ามันกัดน่ะครับ”
ตอบเสียงเบาๆ ด้วยความอายสุดๆ คนอะไรจะโอเว่อร์ได้เท่าผมที่แค่โดนรองเท้ากัดถึงกับต้องมาหาหมอ แต่คุณหมอก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกอายไปกว่าเดิม ใบหน้าภายใต้แว่นตาที่กำลังตรวจดูเท้าผมยังคงอ่อนโยน คุณหมอลองขยับ บีบ และงอ เท้าของผมดูพร้อมกับถามทุกครั้งว่าปวดมั๊ย? ปวดระดับไหน? ผมก็ตอบไปตามความจริงทั้งหมดครับ เสร็จแล้วคุณหมอก็หยิบกระดานขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ

“แสดงว่าพอรู้ว่ารองเท้ากัดก็ยังทนใส่อยู่แบบนั้นทั้งวันใช่มั๊ยครับ?”

“อ่า.. ครับ”

คุณพยาบาลช่วยประคองผมลงจากเตียงไปนั่งหน้าโต๊ะตรวจ คุณหมอมองผมพร้อมกับรอยยิ้มละมุน

“อันดับแรกคือต้องเปลี่ยนรองเท้านะครับ”

“ค ครับ”

“เท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญนะครับ มันมีผลกระทบไปถึงขาและกระดูกสันหลัง ซึ่งมันจะเป็นอันตรายมากๆ ถ้าหากเรายังไม่ใส่ใจ เพราะฉะนั้นการเลือกรองเท้าที่ดีซื้อแพงหน่อยแต่คุณภาพดีจะทำให้สุขภาพเราดีไปด้วยนะครับ”

“ครับคุณหมอ”

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์งดเดินหนึ่งวัน นอนดูซีรี่ย์อยู่บ้านได้ใช่มั๊ยครับ?”

ซีรี่ย์???? เอิ่มม อยากจะถามคุณหมอเหลือเกินว่าขอเปลี่ยนเป็นดูสารคดีสัตว์โลกหรือรายการเพื่อการเกษตรจะได้มั๊ยครับ แต่ผมก็ไม่กล้าถามอย่างใจคิดจึงได้แค่พยักหน้าตอบ

“ได้ครับ”

“ผู้ปกครองมาด้วยมั๊ยครับ? หมอจะต้องแนะนำเรื่องการดูแลน้องศศินนิดนึง”

ในที่สุดคำถามที่ผมรอคอยก็ถึง ผมค่อยหายใจได้ทั่วท้องขึ้นมาหน่อยเมื่อภารกิจของผมใกล้บรรลุแล้วล่ะครับ

“มาครับมา รออยู่หน้าห้องคุณหมอนี่แหละครับ”
ผมพยักหน้ารัวๆ คุณหมอก็ยิ้มซะน่ารักเชียว พี่พยาบาลจึงออกไปตามผู้ปกครองจำเป็นของผมเข้ามาพบคุณหมอ ผมนี่ตื่นเต้นตามไปด้วยเลยครับ และทันทีที่ผู้ปกครองของผมปรากฏตัว ใบหน้ายิ้มแย้มของคุณหมอก็เปลี่ยนไปแม้กระทั่งน้ำเสียงที่อ่อนโยนก็หายไป

“มาทำไม?”

“มาเป็นตัวแทนผู้ปกครองให้น้องศศินครับ”

คนตอบตอบด้วยรอยยิ้ม คุณหมอหันมามองผมเพื่อยืนยันคำพูดของคุณปลื้ม ผมก็ได้แต่ฉีกยิ้มแล้วพยักหน้ารับว่าใช่ครับผมโดนบังคับมา..

“ต้องการอะไร?”

อื้อหืออ เสียงคุณหมอเหวี่ยงแบบเอาเรื่องมากครับ ถ้าเป็นไปได้ผมล่ะอยากวาร์ปหายออกไปจากตรงนี้จริง

“แล้วคุณหมอหลบหน้าผมทำไมล่ะครับ?”

สาบานได้เสียงคุณปลื้มสั่นมาก และผมก็เห็นว่าดวงตาคู่คมนั้นแดงก่ำมากด้วย แตกต่างจากคุณหมอที่ใบหน้าฉายแววโกรธขึ้งอย่างชัดเจน นี่พวกเขามีเรื่องบาดหมางอะไรกันครับเนี่ย? ใครรู้บ้างช่วยบอกผมหน่อยครับ

“ออกไป!”

เสียงเข้มกดต่ำจนผมยังกลัว ผมหันมองหาคุณพยาบาลคนเมื่อครู่ แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาครับ สงสัยโดนคุณปลื้มซื้อตัวไว้แล้วแหงๆ

“กูบอกให้มึงออกไปแล้วไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก”

ไอ้โซ่!! เข้ามาพาฉันออกไปจากสถานการณ์สงครามนี่ที ฮืออออออออออ กลัวคุณหมอดินจนฉี่จะราดแล้ว แต่เมื่อหันไปมองทางคุณปลื้ม อารมณ์ผมก็เปลี่ยนครับ ถ้าเปรียบว่าคุณหมอดินคือไฟตอนนี้คุณปลื้มก็คงโดนไฟหลอมละลายไปจนหมดแล้วล่ะครับ

“คุณหมอดิน.. ผมขอโทษ”

ลูกผู้ชายจะไม่ยอมคุกเข่าให้ใครง่ายๆ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ แต่ตอนนี้ลูกผู้ชายอย่างคุณปลื้มกำลังคุกเข่าให้คุณหมอดิน ใบหน้าคมเข้มที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอบัดนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อะไรกันนะที่ทำให้คุณปลื้มเจ็บปวดได้ขนาดนี้และทำให้คุณหมอดินต้องโกรธมากแบบนี้

“คุณจะดุด่าหรือต่อยผมให้กระอักเลือดไปเลยก็ได้แต่ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง”

ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งยอมทิ้งศักดิ์ศรีลงคุกเข่า แต่อีกฝ่ายกลับกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น ความเงียบปกคลุมบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ผมได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ

“ผมรักคุณ”

ในที่สุดผมก็ได้เห็นน้ำตาของลูกผู้ชายอย่างคุณปลื้ม น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมคำสารภาพที่ทำให้ผมแทบจะร้องไห้ตาม แต่ดูท่าว่าคุณหมอดินจะไม่ได้ซาบซึ้งใจเหมือนผม คุณหมอคว้าคอเสื้อของคุณปลื้มขึ้นแล้วชั่วพริบตาเดียวหมัดหลุนๆ ก็ตรงเข้าปะทะใบหน้าหล่อๆ ของคุณปลื้มแบบเต็มแรง


พลั่ก!


“เหี้ยแล้ว!!!!!!”

นี่เป็นเสียงของผมเองครับ ใครก็ได้มาช่วยคุณปลื้มชลล์หน่อยคร้าบบบบเลือดกบปากแล้วนั่น!! ผมมาทำอะไรที่นี่เนี่ยยยยยยยยยยยยย ToT



.
.
.
.
.
.
.


TBC..  :oni1:


ตอนนี้ยาวนิดนึงอย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -10- [31.01.60] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 05-02-2017 02:54:22
คุณยู นับจูบ จดใส่สมุดไว้หรอเนี่ย
สองปี จูบวันละสามครั้ง
คิดถูกเปล่าเนี่ย  365*2*3 = 2190 ยก
จันทร์ ทุกวันจะลุกจากเตียงไหวมั้ยเนี่ย
ไหนจะของเก่า บวกของใหม่  :hao7: :jul1: สลบแน่ๆ
ฟังที่แม่พูด ไม่รู้สึกว่ารักจันทร์เลยสักนิด
ด่าว่าวิปริตผิดปกติ ผิดเพศ
ความรักลูก แบบที่ให้คนอื่นเลี้ยง
โทร มาหาตอนป่วยลูกป่วยหนึ่งครั้งตลอดชีวิตจันทร์
แต่อยู่กับไส้เดือนคลอดเวลา
แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าเขามีลูกแค่คนเดียวเป็นลูกสาวเท่านั้น
แล้วมาฝากจันทร์ให้ยูดูแล
ไม่ต้องฝากหรอก เขาดูแลได้โดยไม่ต้องบอก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ขอบคุณมากๆ นะคะคำนวณผลกำไรของระบบสมแต้มให้พี่ยูด้วย น่ารักมากเลยค่าาาาาา  :-[ :-[
 :กอด1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 05-02-2017 06:24:45
 คุณยูนี่ดูแลน้องจันทร์จนอิจฉา แต่เราว่าเราเดาได้นะว่าคุณยูวิ่งเข้าห้องน้ำไปทำอะไร  :-[

น้องจันทร์เองก็อาจต้องดูนะว่าความพอเพียงไม่เท่ากับการใช้ของถูก การลงทุนกับเรื่องสุขภาพเป็นผลดีกว่าในระยะยาว แต่ถ้าจุดประสงค์คืออยากอ้อนคุณยู ทุกคนจะไม่ทักท้วงค่ะ 555

หงะ คุณปลื้มกะคุณหมอดินทะเลาะอะไรกัน น้องจันทร์ต้องหลุดไปอยู่กลางสมรภูมิอย่างนี้ดูแลตัวเองด้วยนะ อยากเห็นคู่นี้มุ้งมิ้งกันมั่ง หรือถ้าจะกรุณามี spin off คู่นี้ก็จะดีใจมากค่ะ //me กอดขาอ้อนน  :impress2:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-02-2017 07:08:10
 :mew1:ค
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-02-2017 08:15:03
55555 ตลกคุณจันทร์ น้องซื่อมาก แต่ทำให้อินได้ง่ายมาก เขินจริง พูดจริง ตรงจริง 555
แล้วไม่รู้ว่าพี่ยูเป็นอะไรไปอีก คุณจันทร์ต้องเทรนให้หนัก

ยูขึ้นง่ายไปนะ เก็บกดหรอ แล้วขี้หวงมาก กับเพื่อนก็ไม่เว้น

โซ่ 55555 รอดแล้วใช่ไหม อย่าลืมมาช่วยคุณจันทร์ด้วยนะถ้าโดนทำแบบที่ขู่


หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-02-2017 09:32:15
 o22 หมอ!!! ต่อยคนต่อหน้าคนไข้ไม่ดีนะค๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-02-2017 11:02:50
คุณปลื้มทำอะไรไว้นี่พี่ดินถึงโกรธขนาดนี้ (ไม่ใช่ว่าได้กันไปแล้วนะ สายมโน)
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-02-2017 11:25:48
จันทร์น่าจะโดนแขวะเรื่องพี่ยูอีกบ่อยๆแน่นอน TT
แถมคุณเดือนจะมาวีนเมื่อไหร่ก้อไม่รู้ ><
คุณหมอกับเฮีบปลื้มทะเลาะอะไรกันนนนนน!!!
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 05-02-2017 11:42:25
โซ่เข้ามาช่วยคุณจันทร์ด่วน!!
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 05-02-2017 12:31:46
น้องจันทร์เป็นคนตลก5555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 05-02-2017 13:23:18
เอาแล้วงัย คุณจันทร์เป็นพยานในเหตุการณ์ไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 05-02-2017 14:07:20
นี่พลาดตรงไหนไป ปลื้มกับดิน โกรธอะไรกันตอนไหนนนนน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2017 14:09:37
 :a5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-02-2017 14:12:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 05-02-2017 14:43:35
คุณน้องจันทร์ของเจ้บอบบางได้อีก แถมมาเป็นพยานรักให้คุณปลื้มกับหมอดินอีก :z2: สู้ๆเค้าน้าคุณปลื้ม
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 05-02-2017 16:58:49
น้องจันทร์เอ้ยยย หนูนั่งทับอะไรเหรอลูก ถถถถถถ  :z1: พี่ยูก็นะ มีการขยำแล้วจับขย่ม เป็นไงล่ะงานเข้าเลย  :-[
โซ่ ดีใจด้วยนะ หลุดพ้นเพราะคุณจันทร์คนดีเลยนะเนี่ย ฮ่าา อ่อ น้องจันทร์ลูก รองเท้ามันสำคัญอย่างที่คุณหมอดินว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ๆๆๆๆๆ พี่ดินกับคุณปลื้มเกิดอะไรขึ้น :a5: น้องจันทร์ลูกกกตกใจมากมั๊ยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 05-02-2017 18:24:42
พัฒนาการของน้องจันทร์ตอนนี้คือเข้าที่เข้าทางมาก น้องยอมรับและทำตามหัวใจแต่ก็ยังเชื่อฟังเป็นเด็กดี  :katai2-1: ส่วนคู่ของคุณปลื้มกับพี่หมอดิน ช็อคแพร๊พ  :a5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 05-02-2017 18:28:47
คุณปลื้มทำอะไรไว้นี่พี่ดินถึงโกรธขนาดนี้ (ไม่ใช่ว่าได้กันไปแล้วนะ สายมโน)



มโนด้วยคน  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 05-02-2017 20:06:47
เซ็งมากเหมือนถูกกรรไกรตัดอารมณ์ดังฉับ
กำลังจะรู้เรื่องค้างเลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2017 20:39:48
คุณปลื้มทำอะไรไว้นี่พี่ดินถึงโกรธขนาดนี้ (ไม่ใช่ว่าได้กันไปแล้วนะ สายมโน)
แหะๆ.......คิดเหมือน
คุณปลื้มไปได้หมอดินตอนเมาปะ
จันทร์ ไม่รู้เลยว่านั่งทับไอ้ที่แข็ง มันอาราย
เล่นเอาคุณยู ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำด่วนเลย
ชะนีสมาย ถูกซื้อตัวจากไส้เดือนปะเนี่ย
คำพูดคำจาดูร้ายกาจเกินเด็กบ้านๆ
ส่อสันดานเลว ที่ถึงสอนแล้วก็ไม่ฟัง
       :L1: :1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-02-2017 22:43:01
ยัยเด็กยิ้มต้องมาช่วยพี่เดือนสร้างเรื่องให้จันทร์แน่ๆ
แล้วคุณหมอทำไมโหดกับคุณปลื้มขนาดนั้น หรือคุณปลื้มไปทำตัวไม่น่ารักอะไรไว้
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2017 00:05:19
แอร๊
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 06-02-2017 07:21:24
ตอนใหม่มาแล้ว :man1: +
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 06-02-2017 10:41:58
น้องจันทร์ 555555555 นั่งทับอะไรเหรอ จะเอามือไปจับอีก ไม่สงสารพี่ยูรึไง  555 :hao6: :hao6:

น้องยิ้มคะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเถอะค่ะ  เด็กบ้าอะไรปากดีจริงๆ :beat:

คู่คุณปลื้มกับพี่ดิน อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เกิดอะไรขึ้นนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 06-02-2017 10:42:39
คุณปลื้มทำอะไรไว้นี่พี่ดินถึงโกรธขนาดนี้ (ไม่ใช่ว่าได้กันไปแล้วนะ สายมโน)


น่าคิด หุหุ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 06-02-2017 11:13:54
ณ จุดนี้สงสารพี่ยู 555  :z1: น้องจันทร์ต้องเข้าใจพี่ยูให้มากกว่านี้นะลูก  :z1:
น้องสมายล์จริงๆ แล้วชื่อ(E)ยิ้มใช่มั๊ย พอเข้ามาอยู่ในกรุงเลยเปลี่ยนชื่อเป็นสมายล์ ตอนทำนา ข้าชื่อ ยิ้ม พอเข้า ในเมือง ชื่อข้าเฟื่อง เลื่องลือ เป็นแร่ด หน้าปก หนังสือ เออ เอ้อ เอิง เอ่ย ข้าเปลื่ยนชื่อ เป็นสมายยล์   o18 -ด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ-  :jul3: แต่ก็แอบคิดนะคะว่าอิคุณไส้เดือนจะเป็นคนส่งน้องยิ้มมาทำอะไรสักอย่าง

พี่ดินนนนนนนนนนนนนนนนนนนเทพบุตรของน้องพี่ต่อยคุณปลื้มทำไมอะ อย่าบอกนะว่า.........  :oo1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-02-2017 12:15:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 06-02-2017 19:19:25
ปลื้มมากเลยค่ะ อ่านทีเดียวสองตอนรวดเลย
ตอนที่แล้วเราแอบชื่นชมคุณแม่น้องจันทร์นิดหน่อยค่ะ
ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะไม่รักและพูดจาทำร้ายจิตใจกัน
แต่ลึกๆแล้วเหมือนคุณแม่จะกันน้องจันทร์ออกไปจากพี่สาวนะ
ทำให้รู้สึกว่าจริงๆแล้วคนที่ร้ายที่สุดนี่คงเป็นพี่สาว

ส่วนตอนล่าสุดอย่าให้พูดเลยค่ะ
คนที่น่าอิจฉาที่สุดชั่วโมงนี้คงไม่พ้นน้องจันทร์แน่นอน
มีคนคอยดูแลปรนนิบัติขนาดนี้ เป็นเราก็คงปริ่ม
แต่ก็มีเรื่องของน้องสมายล์มาให้ได้ขบคิดกันอีก
ว่าตัวละครตัวนี้ต่อไปจะสร้างปัญหาใหญ่ให้หรือเปล่า
อยู่ๆก็โผล่มา แล้วมาแบบไม่ค่อยเป็นมิตรซะด้วย
พี่ยูก็จะไม่อยู่ หวังว่าระหว่างนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ
ป.ล. น้องจันทร์ไม่น่าไปเป็นพยานรักให้พี่ปลื้มเลย ฮาร์ดคอร์ได้อีก




หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 06-02-2017 23:57:16
เจอคู่พี่ปลื้มกับพี่ดินเข้าไป  :a5: ใจเย้นนนนนนนนนนค่าาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 07-02-2017 01:22:40
อยากอ่านคู่หมอดินกับปลื้มมั่งอ่ะ ทะเลาะอะไรรุนแรงขนาดนั้น // หนูจันทร์นี่น่ารักยังไงอย่างงั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 07-02-2017 10:51:57
 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 07-02-2017 19:18:12
ปลื้มมากเลยค่ะ อ่านทีเดียวสองตอนรวดเลย
ตอนที่แล้วเราแอบชื่นชมคุณแม่น้องจันทร์นิดหน่อยค่ะ
ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะไม่รักและพูดจาทำร้ายจิตใจกัน
แต่ลึกๆแล้วเหมือนคุณแม่จะกันน้องจันทร์ออกไปจากพี่สาวนะ
ทำให้รู้สึกว่าจริงๆแล้วคนที่ร้ายที่สุดนี่คงเป็นพี่สาว

ส่วนตอนล่าสุดอย่าให้พูดเลยค่ะ
คนที่น่าอิจฉาที่สุดชั่วโมงนี้คงไม่พ้นน้องจันทร์แน่นอน
มีคนคอยดูแลปรนนิบัติขนาดนี้ เป็นเราก็คงปริ่ม
แต่ก็มีเรื่องของน้องสมายล์มาให้ได้ขบคิดกันอีก
ว่าตัวละครตัวนี้ต่อไปจะสร้างปัญหาใหญ่ให้หรือเปล่า
อยู่ๆก็โผล่มา แล้วมาแบบไม่ค่อยเป็นมิตรซะด้วย
พี่ยูก็จะไม่อยู่ หวังว่าระหว่างนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ
ป.ล. น้องจันทร์ไม่น่าไปเป็นพยานรักให้พี่ปลื้มเลย ฮาร์ดคอร์ได้อีก


 o13  o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 07-02-2017 23:42:15
สารภาพว่าลืมไปแล้วค่ะว่าหมอดินนี่ใคร...
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-02-2017 00:07:51
ขอวาร์ปด่วนๆค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-02-2017 06:21:43
สงสารพี่ยูจริงๆ
ห้องน้ำคือที่พึ่งสินะ

พี่หมอดินพี่ปลื้มมม มีเรื่องอะไรกันนน
พี่ปลื้มแอบมีกิ๊กเรอะ อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 08-02-2017 21:07:26
กว่าน้องจันทร์จะบรรลุนิติภาวะ พี่ยูจะลงแดงไปก่อนมั๊ยเนี่ย  :z1: ส่วนคู่ปลื้มดิน  :a5: o22
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 08-02-2017 21:57:23
โถๆๆๆ น้องจันทร์ของพี่ต้องอยู่ท่ามกลางสมรภูมิ  :hao7: เราขอ spin off ปลื้มชลกับหมอดินที พลีสสสส

ว่าแต่พี่ยูหายเข้าไปทำอะไรในห้องน้ำน้อ :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 09-02-2017 09:26:12
 :hao3: แทนที่จะมารักษาขามาเป็นพยานรักแทนซะงั้น
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 10-02-2017 09:49:27
เจอฉากปลื้มดินเข้าไป  :a5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 11-02-2017 02:48:31
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน




-12-






ปลื้มชลล์คือเพื่อนของผม เราเรียนและเป็นรูมเมทกันตั้งแต่อยู่ไฮสคูล แม้จะแยกย้ายกันไปหลังจบปริญญาตรี แต่เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในวงการธุรกิจ ความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมไม่เคยเห็นปลื้มยอมเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้มาก่อน

“อูยยย เบาๆ หน่อยสิพี่ชาย”

“ยังปากดีนะมึง”

ผมนั่งมองคุณหมอเปรมนทีป์ทำแผลให้น้องชายฝาแฝดที่เบ้าตาเขียวปั๊ด ปากเจ่อ และหน้าบวมเป่ง ดูก็รู้ครับว่าคุณหมอเปรมตั้งใจลงน้ำหนักมือให้ปลื้มได้เจ็บ ก็เพราะคู่กรณีที่ลงมือเป็นคุณหมอดินซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่คุณหมอเปรมนับถือมากๆ และยิ่งกว่านั้นคุณหมอดินถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่คนสำคัญของทางฝ่ายไอจัง ซึ่งพอรู้ข่าวก็รีบบึ่งมาที่โรงพยาบาลป่านนี้คงจะอยู่กับคุณหมอดินและคาดว่าอีกไม่นานคงได้ขึ้นมาอาละวาดบนห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นแน่

ละสายตาจากภาพตรงหน้าหันมามองเด็กหนุ่ม 2 คน น้องโซ่นั่งกินขนมเค้กกับน้ำผลไม้ไปพลางมองคุณหมอกำลังทำแผลให้คนเจ็บไปพลาง ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมทำหน้าเจ็บตามเสียงร้องโอดครวญทุกครั้ง

“ยังไม่หายตกใจเหรอ?”

“อ โอเคแล้วครับ”

ตอบว่าโอเคแต่หลับตาปี๋ตอนที่คุณหมอเปรมป้ายเบตาดีนลงบนแผลตรงแก้มของคนเจ็บ

“ฉันไม่น่าจะปล่อยเธอไว้”

“เฮ้ย! ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยครับ ตอนนั้นจันทร์แค่ตกใจ แต่ตอนนี้โอเคแล้วจริงๆ”

ยืนยันขนาดนี้ผมคงต้องเชื่อแล้วล่ะครับ

“ว่าแต่.. คุณปลื้มจะเสียโฉมมั๊ยครับ”

“ไม่หรอก”

ต่อให้เสียโฉมก็กลับมาหล่อได้ ถึงแม้ปลื้มจะไม่ได้รับช่วงต่อกิจการโรงพยาบาลจากคุณตาและไม่ได้เรียนหมอเหมือนอย่างคุณเปรมแต่ปลื้มก็เป็นผู้ถือหุ้นคนสำคัญของโรงพยาบาลเช่นเดียวกับคุณเปรมที่ต่อให้ไม่ใช่นักธุรกิจแต่ก็มีกรรมสิทธิ์และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในเครืออัศววิรุณฉาย

“พี่ปลื้ม!!!!!!!”

จู่ๆ ชายหนุ่มตัวเล็กใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยโทสะเปิดประตูห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาแบบไม่ต้องให้สัญญาณใดๆ เข้ามาปุ๊ปก็ตรงดิ่งไปที่คนเจ็บกระชากออกมาจากท่าน ผอ. ทันที มือเงื้อมขึ้นเตรียมต่อยลงเต็มแรงแต่คงเพราะเห็นใบหน้าของคู่กรณีเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำและบาดแผล กำปั้นจึงเปลี่ยนทิศพุ่งตรงไปที่หน้าท้องอย่างแรง


อั่ก!


ชีวิตของผมผ่านเรื่องตีรันฟันแทงมาก็เยอะพอสมควร แต่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกจุกแทนเพื่อนจนต้องลุกขึ้นเดินไปประคองคนที่นอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่บนพื้นขึ้นมานั่งบนโซฟาในท่าสบาย ปลื้มคงจะทั้งจุกและเจ็บจนร้องไม่ออกและผมก็ได้แต่ตบบ่าปลอบใจ  เห็นคนต่อยตัวเล็กแบบนั้นแต่แรงเยอะเท่ากับผู้ชายตัวโตๆ เลยทีเดียว บางทีอาจจะแรงเยอะกว่าผู้ชายตัวโตด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวผ่านการฝึกทักษะการต่อสู้ของตระกูลมาอย่างเข้มงวด

“พอแล้ว”

ก่อนที่หมัดที่ 2 จะฮุกซ้ำเข้าที่เดิม คุณหมอเปรมจึงต้องออกโรงห้ามด้วยการคว้าตัวคนใจร้อนไว้แล้วดึงเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขน

“ปล่อยไอเลยนะพี่เปรม! ไอจะแก้แค้นให้พี่ดิน”
เสียงดังใส่คุณหมอเปรม แต่ดังแค่เสียงเท่านั้นครับ ไม่มีดิ้นหรืออาละวาดแม้แต่น้อย แต่สายตาของไอจังที่มองสามีนั้นมีความหมายว่า ‘ปล่อย’

มองสภาพของปลื้มในตอนนี้ผมคิดว่าปลื้มได้รับบทลงโทษที่เพียงพอแล้ว และที่สำคัญที่สุดก็คือแม้จะโดนต่อยจนหน้ายับขนาดนี้แต่ปลื้มได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดแล้วนั่นคือได้โอกาสแก้ตัวในสิ่งที่มันทำผิดพลาดไป และนั่นก็หมายความว่าทางคุณหมอดินเองก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้มันอยู่บ้าง แต่ที่ลงมือหนักด้วยเพราะความโกรธและไม่ได้โกรธธรรมดา เป็นใครก็คงต้องระเบิดครับก็เพื่อนของผมดันไปขืนใจตอนเขาเมานี่นา..

“ยาเมะเต.. ไอจัง”
ร้องขอให้พอแค่นี้เถอะ

“โอนิจัง!”
เคยยอมง่ายๆ ซะที่ไหนละครับน้องคนนี้ ยู่หน้าแก้มป่องแสดงความไม่พอใจขึ้นมาทันทีเลย เดือดร้อนให้คุณหมอเปรมต้องลูบหัวปลอบใจ และด้วยความหมั่นเขี้ยวผมเองก็ลุกขึ้นไปแกล้งดีดจมูกสักที

“โฮชิซึเกะ.. ไอจัง”
รู้ครับว่าไอจังโกรธมาก แต่ผมก็ขอให้ไอจังใจเย็นลงกว่านี้  คุณหมอเปรมที่รู้จักคนรักของตัวเองดีกว่าใครโยกหัวของคนใจร้อนไปมาก่อนจะจูบหนักๆ ลงบนกลางกระหม่อม แค่นี้แหละครับได้ผลชะงักเลย

“วากะริมัตตา---  โอตโต! โอนิจัง!”
ใบหน้างอง้ำพูดด้วยน้ำเสียงประชดว่า ‘เข้าใจแล้วคร้าบ-- คุณสามี! คุณพี่ชาย!’ แค่นี้ผมก็รักษาชีวิตของปลื้มชลล์เอาไว้ได้แล้วล่ะครับ ผมเดินไปตบบ่าเพื่อนแสดงความดีใจที่รอดชีวิตจากเงื้อมมือของไอจังมาได้ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม

“ใคร?”

หืม? ผมหันไปมองหน้าคนถามแล้วก็หันไปมองรอบๆ ห้อง ซึ่งผมคิดว่าจันทร์น่าจะรู้ทุกคนในห้องนี้ทั้งหมด

“คนไหน?”

ถามกลับไปแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาเป็นการเหวี่ยงสายตาแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

“น่ารักดีนะครับ”

คำอธิบายเพิ่มเติมคือความน่ารักซึ่งในห้องนี้นอกจากจันทร์แล้วสำหรับผมก็คงมีแค่ไอจัง

“อืม”

พยักหน้ารับว่าไอจังน่ารักจริงๆ

“แต่นิสัยแย่ไปหน่อย”

เอ๊ะ! ผมคิดว่าจันทร์คงไม่ได้หมายถึงไอจังแล้วมั้งครับ

“เธอพูดถึงใครอยู่?”

“ก็คนน่ารักของพี่ยูยังไงล่ะ?”

“หืม??”

ในขณะที่ผมขมวดคิ้วด้วยความงง อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มและจิกตาใส่ผมจนอดขำไม่ได้ เหลือบมองเลยไปที่น้องโซ่ฝ่ายนั้นส่ายหน้าไปมาให้ผมแต่สายตาเหล่ไปทางไอจัง สมองของผมประมวลผลแว่บนึงก็ถึงบางอ้อ ท่าทางจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันแล้วล่ะครับ

“สงสารคุณหนูไอ สามีเป็นเสือไบแถมพี่ชายยังสนับสนุน”

ก่อนที่เรื่องจะบานปลายผมเลยต้องกวักมือเรียกต้นเหตุมาเคลียร์ พีคสุดก็ตอนที่ผมกวักมือแล้วไอจังขานรับซะน่ารักนี่แหละครับ คนที่นั่งข้างๆ ผมถึงกับหน้างอเป็นตะขอเลยทีเดียว หรือจะพูดให้ถูกก็คือจันทร์ ‘หึง’ ผมอยู่ หึๆ

“พี่ชายมีอะไรเหรอครับ?”

“เคลียร์ให้หน่อย”
แค่ส่งสายตาแว่บเดียวคนฉลาดอย่างไอจังก็เข้าใจแล้วครับว่าผมต้องการอะไร ใบหน้าน่ารักระบายรอยยิ้มพร้อมหัวเราะเบาๆ ผมจึงลุกขึ้นให้ไอจังนั่งแทน ระหว่างนั้นผมก็ชวนน้องโซ่เดินไปดูวิวเมืองหลวงในมุมสูงจากหน้าต่างบานกระจก และก็พูดคุยกับปลื้มและน้องเขย ผมไม่รู้ว่าไอจังคุยกับอะไรกับจันทร์บ้าง แต่สังเกตจากสีหน้าของจันทร์ที่มีครบรสทุกอารมณ์เริ่มตั้งแต่ไม่พอใจ เหวอ งง เจื่อน ยิ้ม และเขินอาย แค่นี้ก็พอจะรู้ว่ามันจะผ่านไปด้วยดี


.
.
.
.



เรื่องปลื้มกับหมอดินต่อจากนี้ต้องปล่อยให้ทั้งคู่ค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันเอง ส่วนผมก็ต้องมีเรื่องที่ต้องจัดการเช่นกันและเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ผมจะต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะกลับไปญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเวลาน้อยลงทุกที

ตลอดทางกลับคอนโดจันทร์เอาแต่นั่งเงียบชวนคุยก็ไม่ยอมคุยและเอาแต่หลบตา เมื่อส่งสายตาไปถามน้องโซ่ฝ่ายนั้นก็ส่งซิกมาว่า ‘งอน’ ผมเองก็ได้แต่แปลกใจเพราะคิดว่าไอจังจะเคลียร์เรื่องให้แล้วซะอีก ผมจึงให้มาซารุแวะร้านอาหารทานมื้อเย็นที่ร้านอาหาจีนที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าร้านทุกคนก็ต้องหยุดชะงักด้วยคำพูดที่ลอยมาตามลมว่า ‘อยากกินส้มตำ’ พร้อมกับส่งสายตาไปทางร้านรถเข็นข้างถนน วินาทีนี้ผมรู้แล้วว่าผมโดนเล่นซะแล้ว มีการปรายหางตามามองผมเชิงท้าทายว่า ‘กล้ารึเปล่า?’ ผมจึงต้องผายมือเชิญไปทางรถเข็นกล้าท้าผมก็กล้าลองครับ

หากจะให้พูดกันตามตรงนั่นก็คือผมทานอาหารรสจัดไม่เก่งครับ โดยเฉพาะอาหารไทยประเภทยำ ต้มยำ และแกง หรือไม่ว่าจะเมนูอะไรก็แล้วแต่ที่มีส่วนผสมของพริกผสมอยู่ถ้าแค่เม็ดเดียวยังพอทนแต่ถ้าเกินกว่านั้นผมคงไม่ไหวจริงๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะครับ ผมไม่เก่งเรื่องพูดง้อใคร เพราะฉะนั้นถ้ามันทำให้จันทร์สบายใจผมก็ทำได้ทั้งหมดครับ

เพื่อไม่ให้สะดุดตาจนเกินไป ผมจึงถอดสูทตัวนอกออกแล้วฝากไว้กับมาซารุ ตอนแรกมาซารุจะตามผมมาด้วยแต่ผมคิดว่ามาซารุไม่ควรจะมาทนกินอาหารรสจัดแบบที่ตัวเองไม่ถนัดด้วยกันกับผม ดังนั้นผมจึงสั่งให้บอร์ดี้การ์ดคนสนิทสั่งอาหารจีนจากร้านอาหารมากิน แม้มาซารุจะลำบากใจแต่ในเมื่อเป็นคำสั่งก็ต้องทำตาม

“ป้าครับ ส้มตำปูปลาร้าแบบแซ่บๆ ลาบหมู น้ำตกหมู ไก่ย่างสองไม้ และข้าวเหนียวสามกระติ๊บครับ”
นั่งที่โต๊ะปุ๊ป จันทร์ก็ตะโกนสั่งอย่างคล่องแคล่ว ผิดกับน้องโซ่ที่ทำหน้าลำบากใจ

“คุณพี่ยูโอเคมั๊ยครับ”

ผมพยักหน้าตอบว่าโอเค ตลอดชีวิตของการเป็นทายาทตระกูลอิเคดะผมผ่านเรื่องมากมายจนถึงขั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก็เยอะแล้วจะกลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้ครับ

ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ คนที่บอกว่าอยากกินก็ลงมือกินทันทีครับ น้องโซ่คงจะเห็นใจผมจึงบอกให้ผมปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนพอดีคำแล้วจิ้มน้ำในแต่ละจานเพื่อชิมรสชาติก่อน แต่ผมคิดว่าคงจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่เพราะดูจากใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดตั้งแต่คำแรกของคนเจ้ากี้เจ้าการแล้วก็พอจะรู้ว่าคงเผ็ดเอาเรื่องแน่นอน ลูกผู้ชายเดินหน้าแล้วถอยไม่ได้ครับ ผมจึงใช้ส้อมตักเส้นมะละกอแค่ 2-3 เส้นเข้าปากแล้วตามด้วยข้าวเหนียว

“สุมิมาเซ็น วากะซามะ”

เพิ่งกินได้คำแรกเสียงที่คุ้นหูของมาซารุกล่าว ‘ขอโทษที่รบกวนคุณชาย’ ก็ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง ซึ่งแม้ใบหน้าของมาซารุจะนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่สายตาที่มองมาที่ผมนั้นบอกให้รู้ว่ามีเรื่องเร่งด่วน ผมจึงรีบพยักหน้าอนุญาต มาซารุค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเข้ามากระซิบความที่ข้างหูของผม

“เราต้องกลับกันแล้ว”

เด็กหนุ่ม 2 คนมองผมอย่างงงๆ ปนสงสัยแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถามอะไร

“อีกสิบนาทีเดี๋ยวจันทร์จะตามไปที่รถ”

“ไม่ได้”

ใบหน้าน่ารักแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจูงมือเพื่อนเดินนำผมไป เมื่อถึงรถลูกน้องคนสนิทอีก 2 คนของผมก็รออยู่แล้ว มาซารุก็เปิดประตูให้จันทร์และเด็กหนุ่ม และผมก็หันไปสั่งลูกน้องทั้ง 2 คนให้ดูแลคนในรถให้ดีด้วย

“โอเนไง เนะ”

“ไฮ้!, โกะชินไพนาคุ วากะซามะ”

ลูกน้องฝีมือดีที่ผมไว้ใจค้อมรับคำสั่งด้วยเสียงหนักแน่นไม่ต้องให้ผมเป็นห่วงอะไร เสร็จแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นประจำที่คนขับรถส่วนอีกคนก็นั่งเบาะหน้าข้างคนขับรถ เครื่องยนต์ดังขึ้นพร้อมกับกระจกหน้าต่างตรงเบาะหลังของรถถูกเลื่อนลง

“ทำไมไม่ไปด้วยกัน?”

“ฉันมีงานด่วนต้องทำ”

“ถึงห้องแล้วส่งข้อความบอกฉันด้วยและห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด”
จันทร์เป็นคนฉลาดและไม่เซ้าซี้ให้มากความเพียงแค่นี้ก็คงพอจะเข้าใจสถานการณ์ เด็กหนุ่มพยักหน้ารับแล้วจ้องมองผมไม่วางตาก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้น แล้วสี่ล้อก็เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ แต่เพียงแค่ไม่กี่เมตรล้อที่หมุนก็หยุดลงและกระจกหน้าต่างรถก็ถูกเลื่อนลงอีกครั้ง

“พี่ยู!”
เสียงตะโกนและใบหน้าที่โผล่ออกมาจากหน้าต่างทำให้ผมรีบเดินเข้าไปหาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายลงมาจากรถ และยังไม่ทันจะอ้าปากถามว่ามีอะไรคนที่เรียกก็ยืดตัวโผล่ออกมาจากหน้าต่างรถใช้ริมฝีปากสีสวยแตะลงผะแผ่วบนริมฝีปากของผม

“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
คำกระซิบที่ได้ยินกันเพียงแค่เรา 2 คนทำให้ผมอดจะยิ้มไม่ได้ แต่เนื่องจากในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเพิ่มความหวาน ผมจึงทำเพียงลูบหัวของอีกฝ่ายแล้วออกคำสั่งให้ลูกน้องเคลื่อนรถออกไปโดยเร็วที่สุด


.
.
.
.


มาซารุขับรถพาผมมาจนถึงเขตปริมณฑลและจอดลงหน้าคลินิกแห่งหนึ่งพอดีกับที่เสียงข้อความแจ้งเตือนของผมดังขึ้น แค่เห็นชื่อก็ทำให้ริมฝีปากของผมวาดโค้งเป็นรอยยิ้ม ถ้าจำไม่ผิดผมสั่งว่าถ้าถึงห้องแล้วให้ส่งข้อความมาบอกแต่ข้อความที่ส่งมาคือ ‘อาบน้ำเสร็จแล้วครับ’ และ ‘จันทร์กำลังจะนอน’ พร้อมแนบรูปประกอบเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวร่างเล็กบอบบางใส่เสื้อยืดกับกางเกงบ๊อกเซอร์อวดเรียวขายืนเซลฟี่ตัวเองอยู่หน้ากระจก มาซารุลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ผม ดังนั้นผมจึงต้องหยุดความคิดทุกอย่างเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าเสื้อแล้วลงจากรถ

บุรุษร่างสูงบึกบึนที่ยืนรออยู่หน้าคลินิกพร้อมด้วยลูกน้องของผมอีก 1 คน ค้อมศีรษะให้ผมอย่างนอบน้อมพร้อมทักทายผมอย่างสุภาพ

“คมบังวะ วากะซามะ”

“อาริกาโตะ โทชิโอะ”
กล่าวขอบคุณโทชิโอะกลับด้วยความซาบซึ้ง

ทชิโอะหนุ่มชาวญี่ปุ่นและถือว่าเป็นบอร์ดี้การ์ดมือหนึ่งของตระกูลอิเคดะ คุณชายใหญ่ของตระกูลเคยเอ่ยขอโทชิโอะให้เข้าร่วมทีมกับตัวเองจากคุณปู่แต่โดนปฏิเสธเนื่องจากโทชิโอะถูกเลี้ยงดูและปลูกฝังมาจากคุณนากามุระผู้ซึ่งบอร์ดี้การ์ดทุกคนนับถือว่าเป็นอาจารย์ คุณนากามุระรับใช้คุณอาเจโกะหรือคุณแม่ของไอจังมาตั้งแต่คุณอาท่านยังแบเบาะ ดังนั้นบอร์ดี้การ์ดทุกคนที่อยู่ในการดูแลของคุณนากามุระจึงมีหน้าที่รับใช้ลูกหลานทุกรุ่นที่สืบเชื้อสายของคุณอาเจโกะ และนี่คือหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตระกูลใหญ่ๆ เกิดการแย่งชิงอำนาจกัน พ่อฆ่าลูก พี่ฆ่าน้อง น้องหักหลังพี่ และลูกเผาพ่อ แต่นับว่าโชคดีที่เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในตระกูล ทว่าในอนาคตก็ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ ด้วยเหตุนี้คุณปู่จึงตัดปัญหาปกป้องหลานที่เกิดจากลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยการต้องโกหกคนทั้งโลกว่าลูกของคุณน้าเจโกะเป็นผู้หญิง อีกทั้งทรัพย์สมบัติและอำนาจที่ยกให้ไอจังก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับของหลานคนอื่นๆ

ถ้าถามว่าบอร์ดี้การ์ดมีความสำคัญยังไง ผมขอบอกว่าบอร์ดี้การ์ดไม่ใช่คนรับใช้นะครับ บอร์ดี้การ์ดของตระกูลอิเคดะทุกคนได้รับการสนับสนุนทางการศึกษาทั้งบู๊และบุ๋นตามแต่ความพอใจของเจ้าตัว พวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน พี่ น้อง เพราะเขาคือผู้ที่ระวังภัยให้เราโดยยึดหลักความปลอดภัยของเราสำคัญที่สุด และความปลอดภัยของตนเป็นเรื่องรอง ต้องใช้ความคิดก่อนตัดสินใจเหตุการณ์โดยอยู่บนพื้นฐานของความเด็ดขาดและชัดเจน ฝึกฝนตนเองเสมอเพื่อความปลอดภัยของเจ้านายเมื่อเหตุใดๆ มาถึง และต้องเคารพการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นการที่เราจะมีบอร์ดี้การ์ดที่ดีและสามารถไว้วางใจได้สักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด และถ้าถามว่าทำไมโทชิโอะซึ่งเป็นบอร์ดี้การ์ดของไอจังถึงมาอยู่ที่นี่ นั่นเพราะผมขอร้องให้ไอจังช่วยเรื่องนี้เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น อำนาจที่ผมมีจึงไม่สามารถครอบคลุมได้ดั่งใจ โทชิโอะจึงต้องทำหน้าที่แทนเจ้านายนั่นคือเจรจาเปิดทางให้ผม และตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของโทชิโอะแล้ว

“โดโซะ โคะฉิระเอ๊ะ วากะซามะ”
เมื่อโทชิโอะขอตัวลากลับ มาซารุก็ผายมือให้ผมเดินเข้าไปในคลินิก โดยด้านนอกมีลูกน้องยืนเฝ้าอยู่ที่รถ 1 คน หน้าประตูคลินิกแขวนป้ายปิดทำการและหรี่ไฟให้มีความสว่างน้อยลง เมื่อเข้ามาด้านในก็เจอคุณหมอเจ้าของคลินิกและพยาบาลผู้ช่วยยืนหน้าซีดยกมือไหว้ผมอยู่หลังเคาท์เตอร์ ผมพยักหน้ารับไหว้แล้วให้มาซารุยืนรอผมอยู่ตรงนี้ จากนั้นผมก็เดินไปยังห้องตรวจ
หน้าประตูห้องตรวจมีลูกน้องอีก 1 คนยืนอยู่ หลังจากค้อมศีรษะให้ผมแล้วลูกน้องก็ถอยไปยืนรอผมห่างจากห้องตรวจไปอีก 3 ก้าว

“พ พวกคุณเป็นใคร?!”
นี่คือคำทักทายแรกจากเด็กสาวที่นั่งหน้าซีดตัวสั่นผมเฝ้ายุ่งเหยิงอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องตรวจ

“ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องรู้”
ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ จ้องหน้ากับคนบนเตียง

ตรงหน้าของผมเป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอเป็นเด็กสาวจากครอบครัวที่มีพร้อมทุกสิ่งแม้ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็มีกำลังพอที่จะส่งลูกสาวเพียงคนเดียวให้เล่าเรียนได้สูงที่สุดเท่าที่เธอพอใจและใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายอย่างพอเพียง แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นของเธอก็ดับวูบลงเพียงเพราะขาดความยับยั้งชั่งใจในชั่วขณะ

“ล แล้วต้องการอะไร? หนูไม่มีให้คุณหรอกนะ”
ภายใต้ใบหน้าที่ฉาบแต้มด้วยเครื่องสำอางจนทำให้ดูอายุเกินกว่าความเป็นจริงไปเยอะนั้นปิดบังความอ่อนแอและความทุกข์ตรมเอาไว้จนน่าตกใจ

“ฉันจะมาช่วยเธอ”
ดวงตาที่ดูแข็งกร้าวแทบตลอดเวลา บัดนี้เหลือแต่เพียงความไร้เดียงสาและอ่อนแอ เธอหัวเราะ ‘หึ’ ด้วยเสียงเย้ยหยันที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

“แม้แต่ตำรวจยังช่วยฉันไม่ได้ อย่ามาหลอกหนูให้โง่เลย”

“ฉันไม่ใช่ตำรวจและฉันก็ช่วยเธอได้”
คนฟังเงียบไป และดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องมองผมไม่วางตา

“สมายล์ ”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเบิกตาโต

“สมายล์ ลูกสาวเพียงคนเดียวของกำนันฟ้อน กำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก แต่น้าเพียรเมียใหม่ของกำนันก็ดูแลเอาใจใส่และรักเธอเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง”

“ค คุณรู้จักฉัน?”

“การจะช่วยใครสักคนฉันจำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลก่อน”

“แล้วทำไมคุณถึงต้องช่วยฉัน? คุณต้องการอะไร?”

นับว่าเป็นเด็กที่ฉลาดพอตัวครับ เพราะถ้าหากเป็นคนอื่นคงรีบเกาะขาผมแล้วร้องไห้อ้อนวอนให้ช่วยเร็วๆ

“ฉันแค่ต้องการให้คนที่อยู่เบื้องหลังของเธอเปิดเผยตัวออกมา”

“ค คุณเป็นมาเฟียเหรอ?”

ผมส่ายหน้า

“เธอไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน เอาเป็นว่าฉันช่วยเธอได้แล้วกัน”

“แล้วหนูจะเชื่อคุณได้ยังไง?”

“มันอยู่ที่การตัดสินใจของเธอเอง เธอมีสิทธิที่จะเชื่อและไม่เชื่อฉัน และตอนนี้เราก็มีเวลาไม่มาก”

เธอเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิด

“คุณจะช่วยฉันยังไง?”

เป็นคำถามที่ดีมากครับ

“ฉันสามารถช่วยให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างปลอดภัยและหลุดพ้นจากขุมนรกที่เธอเจออยู่นี้ซักที”
คำตอบของผมคงจะไปจี้จุดใจดำของเธอเข้า น้ำตาของเด็กสาวจึงทะลักไหลออกมาอย่างกับเขื่อนพัง

“ข ขอถามคุณอีกหนึ่งคำถาม ฮึก.. ฉันต้องทำยังไง?”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รวมทั้งเด็กในท้องก็จะยังคงอยู่ หลังจากฉันจัดการทุกเรื่องเสร็จเรียบร้อยเธอก็จะได้กลับไปอยู่บ้านโดยที่จะไม่มีใครซ้ำเติม และไม่ว่าเด็กคนนี้จะมีที่มายังไงแต่ก็นับเป็นหนึ่งชีวิตเช่นเดียวกับเธอ หลังจากนี้ไปเธอแค่ดูแลตัวเองและเด็กให้ดีก็พอ”

มือเล็กยกมือปิดหน้าเอาไว้ ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจะมีเพียงการพยักหน้าซึ่งนั่นหมายความว่าเธอตกลง

หลายคนสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องทำตัวเป็นพระเอกมาช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งด้วย ผมขอตอบตามตรงว่ามีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็คือปกป้องคนรัก แล้วถ้าถามว่าสมายล์เกี่ยวข้องยังไงกับคนรักของผม นั่นเพราะเธอคือเด็กสาวผู้โชคร้ายที่ตกหลุมรักดวงจันทร์โดยที่ดวงจันทร์ไม่เคยรู้ตัวและไม่เคยจะสนใจเธอด้วยซ้ำ แม้เธอจะพยายามเข้าหาคนที่เธอแอบรักแค่ไหนแต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีว่ามันเจ็บปวดเพียงใด เพราะในอดีตผมเองก็ตกหลุมรักดวงจันทร์ดวงนี้เช่นเดียวกัน

สมายล์โชคร้ายยังไง? ก็ตรงที่มีใครบางคนใช้ความรักของเธอเป็นตัวล่อให้เธอเข้าติดกับดักอันแสนโหดร้าย เธอโดนข่มขืนและบังคับข่มขู่ทำร้ายร่างกายให้ขายตัว และเมื่อเธอท้องก็ถูกบังคับให้มาทำแท้ง แม้ที่นี่จะเป็นคลินิกถูกกฎหมายแต่เบื้องหลังก็คือคลินิกทำแท้งภายใต้การควบคุมของแก๊งค์ค้ามนุษย์ บนเตียงแห่งนี้นอกจากจะใช้ตรวจคนไข้อย่างถูกต้องแล้วมันยังใช้ฆ่าชีวิตไร้เดียงสาอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน และผมก็คิดว่าตอนนี้ข่าวเรื่องที่ผมมาที่นี่คงกระจายไปถึงหูผู้อยู่เบื้องหลังเรียบร้อยแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ

 ปล่อยให้เด็กสาวร้องไห้ ผมลุกขึ้นยืนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเพิ่งคิดได้ว่าลืมพูดบางอย่างไป

“อ่อ.. ฉันลืมไปว่ามีเรื่องหนึ่งที่เธอจะต้องทำ”
ฝ่ามือที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาลดลง ดวงตาบวมแดงมองหน้าผม

“เลิกชอบจันทร์ซะ”
ผมไม่รู้ว่าเด็กสาวทำหน้าหรือมีสายตายังไงกับคำพูดสุดท้ายของผม แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือนี่คือสิ่งเดียวที่เธอต้องทำ เพราะเธอจะไม่มีวันสมหวังเพราะโชคชะตาของเด็กหนุ่มคนนั้นถูกกำหนดให้อยู่เคียงข้างผมเท่านั้น

ลูกน้องของผมพาเด็กสาวออกทางด้านหลังคลินิก ผมกลับขึ้นรถและมาซารุก็ขับออกจากหน้าคลินิกอย่างไว


.
.
.
.



มีต่อด้านล่างนะคะ  :a14:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -11- [5.2.60] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 11-02-2017 02:52:19
.
.
.
.
.


เที่ยงคืนครึ่งคือเวลาที่ผมกลับถึงคอนโด ผมยืนมองหน้าประตูห้อง 1808 อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเจ้าของห้องแทนการกดออดตรงหน้าประตู เสียงเรียกสายดังอยู่นานจนถูกตัด ผมจึงตัดสินใจกดซ้ำอีกครั้งและครั้งนี้ก็ได้ผล ปลายสายกดรับและก็ได้ยินเป็นเสียงกุกกัก

“จันทร์”

‘ห หืม??’

เสียงงัวเงียจนน่าสงสาร

“ลุกขึ้นมาเปิดประตูให้พี่หน่อย”

‘ห๊ะ? อ่อ.. อืมๆ’

ด้ยินเสียงขยับเคลื่อนไหว ลุกขึ้นมาเปิดประตูแต่ไม่ได้กดวางสายโทรศัพท์แบบนี้คงจะท่าทางจะเมาขี้ตาอย่างหนักครับ ผมจึงเป็นฝ่ายวางสายซะเอง จากนั้นก็หันไปรับของจากมาซารุ พร้อมขอบคุณสำหรับการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยในวันนี้ มาซารุค้อมศีรษะลงตอบรับด้วยความยินดีก่อนกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

ผมยืนฟังเสียงก๊อกแก๊กจากด้านในประตูอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเปลือกตายังปิดอยู่รึเปล่าถึงได้ปลดล็อคนานขนาดนี้ ความจริงแล้วผมมีคีย์การ์ดห้อง 1808 แต่ไม่อยากจะใช้เพราะอยากจะแกล้งให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินมาเปิดประตูจะได้หายง่วงยังไงล่ะครับ ยืนรออยู่ซักพักบานประตูก็เปิดออก ใบหน้างัวเงียยับยู่ผมเผ้ายุ่ง ดวงตาปรือ คอเสื้อยืดที่ใส่นอนตกลงเผยโชว์ไหล่เนียนขาว ภาพที่เห็นทำให้ผมหลุดยิ้มกว้าง

“ไปล้างหน้า”

คนรับคำสั่งอ้าปากหาวพร้อมขยี้ตาแต่ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่าง่าย แบบนี้ผมรักตายเลยครับ ระหว่างนั้นผมก็เดินเข้าครัว หยิบจานชามมาใส่ของที่ซื้อมาแล้วนั่งรอ ว่าแต่ผมให้ไปล้างหน้าไม่ใช่ไปอาบน้ำทำไมกลับออกมาตัวเปียกซกแบบนี้ แล้วเสื้อหายไปไหน สงสัยคงเปียกจึงถอดออกเหลือแต่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ท่าทางเจ้าตัวคงไม่รู้เลยสินะว่ามันทำให้ผมลำบากใจมากแค่ไหนกับการควบคุมตัวเอง

เด็กหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม มองของในจานอยู่นานสองนานราวกับว่ารอให้สมองที่ยังไม่ตื่นเต็มที่กำลังประมวลผลลัพธ์ออกมา

“ส้มตำ? ลาบ? น้ำตก?”

ผมพยักหน้าตอบว่า ‘ใช่’

“กินสิ”

ขยับจานส้มตำให้เข้าไปใกล้อีกนิด

“ร้านที่เธออยากกินเมื่อตอนค่ำไง”

ดวงตาคู่สวยมองหน้าผม คิ้วขมวดและหรี่ตาลงจากนั้นก็เบิกตากว้าง สงสัยจะเดาได้แล้วล่ะครับว่าผมใช้วิธีไหนถึงได้ส้มตำมาในเวลาดึกดื่นแบบนี้

“จ่ายไปเท่าไหร่?”

“แค่สองพัน”

“ห๊า?!”

อุทานเสียงดังเดี๋ยวก็ทำน้องโซ่ก็ตื่นหรอก แล้วยังมาทำตาโตเท่าไข่ห่านอีกครับ

“ใครเขากินส้มตำกันตอนเที่ยงคืนกันเล่า?! แล้วบ้ารึเปล่าเขาปิดร้านไปแล้วยังจะไปจ่ายตั้งสองพันให้เขาตำส้มตำให้เนี่ยนะ!”

ก็แค่สองพันแลกกับของที่คนรักอยากกินมันไม่คุ้มเหรอครับ ผมว่ามันคุ้มค่ามากเลยนะเนี่ยจะเสียงดังทำไม

“เธออยากกินไม่ใช่รึไง?”
มาซารุต้องขับรถวนและลงไปถามคนแถวนั้นว่าบ้านคนขายส้มตำรถเข็นอยู่ที่ไหน กว่าจะหาเจอก็หลายชั่วโมงถ้าไม่ใช่เพราะคนตรงหน้าผมไม่มีวันใช้งานมาซารุแบบนี้หรอก

เด็กหนุ่มเอาแต่นั่งมองหน้าผมเงียบๆ ก่อนจะพึมพำเบาๆ ว่า ‘อืม’

“เดี๋ยวฉันกินเป็นเพื่อน”

“พี่ยูกินเผ็ดไม่ได้ไม่ใช่รึไง?”

รู้ตั้งแต่แรกว่าผมกินเผ็ดไม่ได้แต่ก็ยังแกล้งกัน แต่ไม่เป็นไรครับเมื่อกี้ผมได้แกล้งคืนไปแล้ว ถือว่าไม่ขาดทุนครับ

“แล้วทำไมไม่ซื้อไก่ย่างกับข้าวเหนียวมาด้วยล่ะ”

“ของหมด”
ไก่หมดและข้าวเหนียวก็ต้องรอนึ่งอีกนาน ผมจึงเอาเท่าที่แม่ค้ามี จันทร์พยักหน้าแล้วลุกขึ้นหยิบจานไปตักข้าวมาให้ผม

“คลุกกินกับข้าวไปก่อน ไม่งั้นท้องจะเสียเอาได้นะครับ”

เป็นห่วงผมด้วย น่ารักจริงๆ ผมนั่งมองอีกฝ่ายตักส้มตำเข้าปากแล้วบอกว่า ‘แซ่บ’

“หายงอนแล้วใช่มั๊ย?”

คำถามของผมทำเอาคนฟังถึงกับสำลักไอค่อกแค่ก น้ำหูน้ำตาหน้าแดงไปหมด แต่เมื่อค่อยยังชั่วขึ้นก็เหวี่ยงตาใส่ผมทันที

“น นี่อย่าบอกนะว่า.. ทั้งหมดนี่คือ..ง้อ??”

อ้าว เด็กฉลาดอย่างศศินทำไมถึงเพิ่งรู้ตัวล่ะครับเนี่ย

“กลับไปเลย!! จันทร์จะนอนแล้ว!!!!!!!”

กระชากผมลุกขึ้นแล้วผลักออกจากประตูแค่นั้นยังไม่พอยังปิดประตูใส่หน้าผมดัง ‘ปัง!’ ปล่อยให้ผมยืนงง ผมทำอะไรพลาดไปหรือไม่ชัดเจนตรงไหนรึเปล่า??? แต่เท่าที่คิดก็ไม่มีนะครับ

.
.
.
.
.
.
.


TBC..   :oni1:




ตอนนี้มาแบบยาวอีกแล้ว แฮ่  :katai4:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ อ่านทุกข้อความทุกคำทุกตัวอักษรแล้วดีต่อใจจริงๆ ค่ะ
+1 เป็ดน้อยทุกคน รักนะคะคนดีของพี่ยู **ระวังน้องจันทร์ด้วยนะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-02-2017 07:13:28
จันทร์หึงที่พี่ยูบอกว่าไอน่ารัก
และงอนที่พี่ยูไม่บอกว่าคุณหนูกับไอเป็นคนเดียวกัน
พี่ยูอุตส่าห์ง้อ พอรู้ว่าพี่ยูรู้ว่าหึงก็เขินอีก
หนีเข้าห้องซะเลย
หรือแกงค์ค้ามนุษย์
เป็นกิจการของครอบครัว ที่ไส้เดือนทำ :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 11-02-2017 07:56:11
แงงง ขอโทษที่ตอนนี้แอบโฟกัสเรื่องพี้ปลื้มกับคุณหมอดินมากกว่าพี่ยูกับร้องจันทร์นะคะ พี่ปลื้มไปฉวยโอกาสกับคุณหมอดินนี่เองเลยโดนเข้าไปแบบนั้น งานนี้พี่ปลื้มต้องทำคะแนนหนักละไม่งั้นคุณหมอดินไม่หายโกรธง่ายๆ แน่  :hao3: :hao3:

น้องสมายนี่มีคนอยู่เบื้องหลังนี่เอง สงสารเหมือนกัน ได้แต่หวังว่าพี่ยูจะช่วยน้องได้และจัดการพวกที่ทำอย่างนั้นให้เรียบร้อยด้วยนะ

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-02-2017 08:13:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 11-02-2017 09:02:06
ยาวมากกก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 11-02-2017 09:31:12
 :pig4:   :pig4:

 o13 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-02-2017 10:29:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2017 11:29:46
 :man1: รักจัง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 11-02-2017 12:31:09
เจ็บแทนคุณปลื้มเลย แต่ก็นะดันไปทำแบบนั้นกับพี่หมอดินนี่นา ยังดีที่พี่เปรมกับพี่ยูห้ามไว้ไม่งั้นโดนน้องไอจัดเพิ่มได้ตายจริงแน่ๆ แล้วคือขำคู่พี่ยูกับน้องจันทร์ เดี๋ยวนี้น้องจันทร์มีหึงมีหวงนะ แล้วไหนจะแกล้งพี่ยูอีก แต่ขอโทษนะลูก พี่เค้าเป็นนักธุรกิจ พี่เค้าหัวการค้า เค้าไม่ขาดทุนหรอก ระดับพี่ยูต้องกำไรเท่านั้น จ่ายค่าส้มตำไปสองพันยังไม่สะเทือนขนหน้าแข้งเลย   :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-02-2017 16:28:27
55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-02-2017 18:08:59
พี่ยูง้อน้องด้วยส้มตำตอนเที่ยงคืนนี่นะ 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 11-02-2017 20:47:01
คิดถึง ไอจังกับหมอเปรม...น้องจันทร์กับพี่ยูก็งอนกันน่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-02-2017 21:33:10
ตรงนี้อ่านงงๆ เล็กน้อย

เสียงดังใส่คนที่คุณหมอเปรมก็จริงแต่เชื่อมั๊ยครับว่ายืนนิ่งไม่กล้าดิ้นแม้แต่น้อย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 11-02-2017 21:47:12
โอ๊ยยย พี่ปลื้มห้อยพระอะไรเนี่ยถึงได้รอดมาได้แบบนี้ ไปทำพี่ดินแบบนี้นี่เองมันก็สมควรแล้วล่ะ  :z1:
คู่เปรมไอเนี่ยยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะคะ  :man1:
น้องยิ้ม.... แอบชอบน้องจันทร์เลยเข้าทางโซ่ว่างั้น แล้วไม่ต้องเอาความรักมาอ้างเลยนะ ทำตัวเองล้วนๆ  โชคดีแค่ไหนที่พี่ยูช่วยไว้ หวังว่าจะไม่มาก่อความรังควานให้น้องจันทร์และโซ่อีกนะ :m16:
เดี๋ยวนี้เค้าง้อกันด้วยการซื้อส้มตำมากินกันตอนเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 11-02-2017 22:22:22
น้องจันทร์ก็แค่หึงเองงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-02-2017 22:29:46
เด็กยิ้มเจออะไรอยู่ ท่าทางจะแรงพอตัว
พี่ยูมีวิธีการง้อโดยส้มตำเนี่ยนะ เอาที่สบายใจค่าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-02-2017 23:13:08
มีความรู้สึกว่าปลื้มโดนไปแค่ 2 ที น้อยไปนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-02-2017 00:34:05
เมียเด้กอ่าเนาะ เข้าใจยากหน่อย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 12-02-2017 08:00:41
ห้ามน้องไอทำไมคะเนี่ย ที่จริงน่าจะให้ซัดพี่ปลื้มไปอีกสักตุ้บสองตุ้บ  เหอๆๆ
กะไว้แล้วว่าน้องยิ้มต้องมีเบื้องหลัง พี่ยูสู้ๆ นะ  :katai2-1:
ซื้อส้มตำในราคา 2 พัน แต่น้องจันทร์งอนหนักกว่าเดิม ก็เพราะพี่ยูง้อผิดจุดรึเปล่า  :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 13-02-2017 15:04:44
สำหรับตอนนี้ต้องเรียบเรียงคำที่จะเม้นท์นิดนึง
เนื่องจากยาวมาก และมีหลากหลายอารมณ์
เอาเรื่องของสมายล์ก่อนเลย อันนี้ค่อนข้างเกินความคาดหมาย
คิดอยู่ว่าต้องมีอะไร อยู่ๆก็เข้ามามีบทบาทกับน้องจันทร์
แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงขนาดนี้ เลวใช้ได้เลยสำหรับคนอยู่เบื้องหลัง
ต้องมีอิทธิพลพอสมควรนะ ถึงได้ทำครบวงจรอย่างนี้ได้
มีบางอย่างที่ทำให้เราคิดว่าพี่สาวจันทร์คือคนๆนั้น
เป็นเพียงแค่การคาดเดานะคะคุณคนเขียน  :m23:
มาถึงเรื่องพี่ยูและน้องจันทร์.....ตอนนี้ก็พ่อแง่แม่งอนกันพอกรุบกริบ
พี่ยูไม่ผิดหรอกค่ะที่มาง้อน้องตอนเที่ยงคืนพร้อมส้มตำ
แต่ประเด็นคือ พี่ยูรู้จริงๆเหรอคะว่าน้องงอนเรื่องอะไร
เราว่าถ้าพี่ยูไม่พูดว่ามาง้อ น่าจะดีกว่านี้นะคะ :laugh:
กลายเป็นว่ามาสะกิดให้น้องโมโหหนักกว่าเดิมซะอีก
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ


หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 13-02-2017 17:38:47
สงสารเด็กสมายด์เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 14-02-2017 10:57:08
เอาแล้วไง ใครบงการสมายล์อยู่นะ อยากรู้แล้วสิ หรือจะเป็นไส้เดือน // พี่ยูน่ารักอ่ะ ยอมทำทุกอย่างให้หนูจันทร์จริงๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -12- [11.2.60] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 14-02-2017 11:31:02
อยากอ่านพี่หมอดินนน
ไปพลาดท่าพี่ปลื้ม ตอนไหนเนี่ยย อยากรู้
น้องจันทร์คนแมนแสนงอน พี่ยูหลงตายเลย
ส้มตำสื่อรัก แซ่บลืมมม
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 15-02-2017 00:03:48
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-13-













ร่างกายอ่อนเพลียจนต้องดื่มเครื่องดื่มผสมเกลือแร่แทนน้ำ สาเหตุจะเกิดจากอะไรได้ถ้าไม่ใช่ส้มตำ ลาบหมู และน้ำตก จะเททิ้งก็เสียดายเงินสองพันบาท จะเก็บไว้กินตอนเช้าก็กลัวจะไม่อร่อย ผมจึงจัดการกินทุกอย่างไม่เหลือแม้แต่ถั่วฝักยาวแล้วผลที่ได้ก็คือขรี้แตกทั้งคืนครับ T^T

ด้วยความเป็นห่วงไอ้โซ่ก็อุตส่าห์หิ้วปีกผมมาส่งถึงหน้าห้องเรียน นี่ถ้าทำได้มันคงเข้าไปนั่งเรียนกับผมแล้วล่ะครับ  คิดแล้วหางคิ้วก็กระตุกยิกๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีเรียนวิชาที่ต้องเก็บคะแนนเข้าห้องผมคงไม่แบกสังขารมาเรียนหรอก แล้วที่ทำให้ผมเคืองยิ่งกว่าส้มตำราคาสองพันบาทก็คือพี่ยูไม่เคยบอกเรื่องคุณหนูไอให้ผมรู้ ปล่อยให้ผมหน้าแตกแหกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นถ้าจะง้อผมก็ต้องมาอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังด้วยตัวเองไม่ใช่ส่งให้คุณหนูไอมาเคลียร์หรือไม่ใช่ซื้อส้มตำในราคาแพงเกินเหตุมาง้อ ทีเรื่องธุรกิจพันล้านล่ะคิดได้แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ดันคิดไม่ได้ ชิส์

“คุณจันทร์รอตรงนี้นะ เดี๋ยวผมไปเรียกแท็กซี่ก่อน”
โบกมือบอกไอ้โซ่ว่าไม่ต้องไปจากนั้นก็ชี้ไปที่บุรุษร่างใหญ่ในชุดสูทที่เดินหน้านิ่งตรงมาที่พวกผม ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั๊ยครับว่าคนหันมองกันเป็นตาเดียวเลย

“คอนนิจิวะ คุณมาซารุ ครับ”
ไอ้โซ่ขโมยซีนด้วยการค้อมศีรษะทักทายตอนบ่ายให้คุณมาซารุแล้วก็ปิดท้ายด้วยการยกมือไหว้ แล้วตกลงมันจะพูดญี่ปุ่นหรือว่าไทยกันแน่เนี่ย? แต่ก็ตามใจไอ้โซ่มันครับ ถ้าทำแล้วเพื่อนสบายใจผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ที่แน่ๆ ได้ข่าวแว่วมาว่าน้องสาวคนเล็กของคุณมาซารุน่ารักมาก แค่นี้ไอ้โซ่ก็ตาลุกวาวอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาทันที

คุณมาซาะรุค้อมศีรษะทักทายกลับแล้วก็เดินนำเรามาที่รถ หลังจากนั้นผมก็หลับยาวจนถึงคอนโดเลยครับ กลับมาก็ไม่ได้เจอตัวการที่ทำให้ผมหมดสภาพหรอกครับ เพราะพี่ยูติดประชุมผู้บริหารอยู่ที่บริษัทกับคุณหนูไอ พี่ยูบอกว่านักธุรกิจไม่มีวันหยุดเพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงจำเป็นจะต้องตามเกมส์และรู้ให้ทันคู่ต่อสู้อยู่เสมอ เมื่อพูดถึงตรงนี้ผมก็ย้อนกลับมามองตัวเอง ทั้งที่ผมเข้ามาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยได้ครึ่งเดือนแล้วแต่เชื่อมั๊ยครับว่าผมยังไม่มีเพื่อนสักคน ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่นะครับเพียงแต่ทุกครั้งที่เพื่อนในห้องรวมกลุ่มกันทุกคนจะพูดคุยแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ตามไม่ทันตลอด ทุกคนก็จะมองผมด้วยสายตาแปลกๆ จนตอนนี้มีศัพท์แสลงของชาวคณะที่บัญญัติขึ้นใหม่ว่า ‘ชาวจันทร์’ ตอนแรกผมก็งงว่ามันแปลว่าอะไรแต่ตอนนี้ถึงบางอ้อแล้วครับว่ามันหมายถึงคนตกยุค ล้าหลัง ตามเทรนด์ไม่ทัน ถ้าเพื่อนคนไหนตามเทรนด์ไม่ทันก็จะถูกเรียกว่าชาวจันทร์ทันที ผมควรจะดีใจมั๊ยครับที่ชื่อของผมกลายเป็นคำฮิตของคณะ แต่ยังดีหน่อยครับที่เวลาทำงานกลุ่มพวกผู้หญิงจะชวนผมไปอยู่ด้วย สาเหตุเพราะผมช่วยพวกเธอทำงานได้และไม่ขี้บ่น ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากจะสนิทกับผมอยู่ดี แล้วไหนจะเรื่องที่ต้องออกค่ายสานสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องสิ้นเดือนนี้อีก ยิ่งคิดเรื่องนี้ทีไรก็ยิ่งคิดถึงบ้านครับ

ประตูห้องนอนของผมถูกเปิดออก แว่บแรกผมแอบหวังว่าจะให้เป็นพี่ยูแต่มันก็ได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะจะมีใครไปได้นอกจากไอ้โซ่ มันเดินถือถาดอาหารคนป่วยมาวางให้ผมข้างเตียง ยกมืออังหน้าผากวัดไข้

“เดี๋ยวทานโจ๊กสักนิดจะได้ทานยานะครับ”

เพื่อไม่ให้ไอ้โซ่เป็นห่วงมากกว่านี้ผมจึงต้องลุกขึ้นนั่งกินโจ๊กตามคำสั่ง แต่กินไปได้ไม่กี่คำก็รู้สึกผะอืดผะอมจึงส่งถ้วยโจ๊กคืน รับยามาใส่ปากดื่มน้ำตามจนหมดแก้วแล้วล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม รอบนี้หลับลึกเลยครับ



.
.
.
.



ท่ามกลางนภาอร่ามนวลด้วยแสงจันทราดวงโต ท้องฟ้าในฤดูใบไม้ผลิช่างสดใส แม้อากาศในช่วงกลางคืนจะหนาวจนต้องห่อตัวแต่ผมกลับคือว่ามันช่างสดชื่นเหลือเกิน

“ทซึกิ?”
เสียงเรียกทำให้ผมที่กำลังสูดกลิ่นซากุระยามค่ำคืนต้องรีบค้อมตัวแล้วหันกลับไปทำความเคารพเจ้าของเสียงผู้ซึ่งเป็นท่านแม่ของผม

“คมบังวะ โอก้าซะมะ”

“ทซึกิ.. น้ะหนิ โอ๊ะ ชิเต๊ะอิมัสก๋า?”

ท่านแม่ยืนอยู่ตรงนอกชาน แสงของดวงจันทร์ถูกบดบังด้วยเงาไม้อีกทั้งแสงจากโคมตะเกียงที่คนรับใช้ถือไว้ก็อยู่ห่างจากท่านแม่หลายก้าวจึงทำให้ผมมองใบหน้าท่านได้ไม่ชัดเจน

“วาตาชิ กะ ซันโปชิมาเซ็น”
ตอบท่านว่าออกมาเดินเล่น และท่านก็เหมือนจะไม่เชื่อจึงถามผมซ้ำว่ามาเดินเล่นจริงเหรอ?

“ซันโปชิมาสุ?”

“ไฮ้, วาตาชิ กะ คินโจ โอ๊ะ ซันโปชิมาเซ็น”

ค้อมศีรษะลงไปอีกระดับก่อนจะตอบว่า ‘ครับ, แค่ออกมาเดินเล่น’ หลังจากนั้นท่านก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ‘อากาศมันหนาว ไปนอนได้แล้ว’ แบบที่ผมคุ้นชิน

“ซะมุอิ เดสเนะ, โซะโรโซะโร เนรุ คาชิระ”

ท่านยืนอยู่ที่เดิมอีกครู่หนึ่งแม้ผมจะมองไม่เห็นใบหน้าของท่านแต่ผมรู้ว่าสายตานั้นกำลังตำหนิผมอยู่ ผมจึงค้อมตัวลงต่ำและหดตัวให้เล็กที่สุด จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากไปผมจึงค่อยๆ เงยหน้ากลับขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ 

สายลมพัดให้กลีบซากุระหลุดปลิวไหว กลีบหนึ่งร่วงมาติดอยู่ตรงปลายจมูก ผมดึงมือที่ซุกไว้ในเสื้อออกมาหยิบกลีบดอกซากุระแล้วเงยหน้าขึ้นมองความงามที่สะพรั่งอยู่บนต้น แค่ปีละครั้งเท่านั้นที่มันจะเบ่งบานงดงามเช่นนี้

“ทซึกิ?”

ความคิดทุกอย่างของผมหยุดลง ดวงตาที่กำลังชื่นชมความงามของดอกไม้เปลี่ยนทิศเพ่งพิศในเงาตรงหน้าด้วยหัวใจที่คาดหวัง ทุกก้าวย่างที่เข้ามาใกล้ทำให้จิตใจเต้นระทึกและน้ำตาก็พาลจะไหลเมื่อได้เห็นดวงตาสีเข้มที่เฝ้าคอย หากแสงจันทร์ในคืนนี้ไม่เจิดจ้าผมคงไม่รู้ว่าใบหน้าที่เข้มขึงนั่นประดับรอยยิ้มของบุรุษนักรบไว้

ผมพยายามจะเปล่งเสียงออกไปแต่ด้วยความดีใจที่คับแน่นไปทั้งอกกลับทำให้หาเส้นเสียงของตัวเองไม่เจอ จนกระทั่งสองแขนอันแข็งแกร่งดึงผมเข้าไปโอบรัดไว้ ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นสาปคาวเลือดยังคงคลุ้งติดกายและนี่คือหลักฐานที่ทำให้ผมตระหนักได้ว่าพรที่ผมเฝ้าอธิษฐานต่อเทพนักรบนั้นเป็นจริงแล้ว

“อ โอะคะเอะรินะไซมะเซ, โอะนี่ซะมะ”
มันเป็นความยินดียิ่งกว่าสิ่งใดที่ได้รับ ‘ยินดีต้อนรับการกลับมาครับ, ท่านพี่ชาย’

“ไอต๊ะขัตตะ.. ทซึกิ”
เสียงทุ้มกล่าวคำคิดถึงก้องชิดริมหู ริมฝีปากที่แห้งผากจรดลงบนขมับของผม มันคือความคิดถึงที่สะสมมาเนิ่นนานผ่านมาถึงสองฤดูกาลกว่าจะได้พบเจอ ความหนาวของค่ำคืนไม่มีผลใดๆ อีกต่อไปเมื่อผมได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ ‘ไอต๊ะขัตตะ.. โอะนี่ซะมะ’ ผมเองก็คิดถึงท่านพี่ชายเช่นเดียวกัน.. คิดถึงเหลือเกิน..

ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงนวลกระจ่าง กลบแสงวาววับของดวงดาวจนสิ้น สายลมพัดพาความหนาวปะทะผิวแก้มแต่เพียงแค่ได้ซุกใบหน้าลงกลางอกอันแข็งแกร่งก็ได้พานพบกับความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่โหยหา ถ้าหากผมมีเวทมนต์ผมอยากจะหยุดช่วงเวลาทั้งหมดนี้ไว้ให้มีแค่เราสองคนเท่านั้น แต่เพราะว่าผมเป็นเพียงแค่คนธรรมดาไม่มีเวทมนต์ คาถา อาคม หรือสิทธิใดๆ ทั้งนั้น

“โอะคะเอะรินะไซ.. อะนะตะ..”

ในที่สุดความสุขที่ไขว่คว้าไว้ได้แค่เพียงเสี้ยวก็มลายหายไปราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน แม้ผมจะไม่ได้หันไปมองแต่น้ำเสียงนิ่งเรียบและกดต่ำทุกคำพูด ‘คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?’ ก็ทำให้แผ่นหลังของผมเย็นเยียบ

สองแขนที่โอบรัดผมไว้คลายออกแล้วค่อยดึงผมไปไว้ด้านหลัง แผ่นหลังอันกว้างเปรียบเสมือนเกราะกำบังชั้นดี ผมจึงไม่อาจรู้ว่าเจ้าของประโยคเมื่อครู่มีสีหน้าเช่นใด

“ทาไดมะ โมโดริมาชิตะ.. มิกิ”
ร่างสูงตรงยืนนิ่งไม่ไหวติงพร้อมกับตอบอีกฝ่ายกลับไปว่า ‘กลับมาแล้วครับ.. มิกิ’


มิกิ?..   



.
.
.
.
.


   
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาราวกับโดนของร้อนลวก ผมพยายามตั้งสติและบอกตัวเองว่าผมแค่ฝันไป แม้ว่าตั้งแต่ที่ได้เจอพี่ยูผมจะแทบไม่ได้ฝันถึงเรื่องราวเดิมๆ อีกเลย แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ผมมักจะเห็นพี่ยูเป็นภาพซ้อนทับกับอดีต ยกเว้นแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่ความฝันของผมเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เรื่องราวเดิมๆ และมีบางความรู้สึกที่เพิ่มเติมขึ้นมา..

“สวัสดีครับน้องจันทร์ เจอกันอีกแล้วนะครับ”
คุณหมอดินยืนส่งยิ้มละมุนละไมให้ผมอยู่ข้างเตียง อ้าว! เฮ้ย! เดี๋ยว! นี่ผมไม่ได้นอนอยู่บนเตียงที่คอนโดหรอกเหรอ?

“เป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกปวดหัวอยู่รึเปล่า?”
อ้าปากจะตอบแต่เสียงมันไม่มีแถมรู้สึกเจ็บในลำคอไปหมดเลยล่ะครับ

“เจ็บคอเหรอ?”
ระหว่างที่ผมกำลังพยักหน้าตอบให้คุณหมอดิน ผมก็พอจะจำได้เลาๆ ว่าเมื่อคืนไข้ผมขึ้นสูง และนั่นคงเป็นสาเหตุให้ผมมานอนตากแอร์อยู่ในห้องคนป่วยวีไอพี

“อ้าปากให้คุณหมอดูหน่อยนะครับ”
พูดเพราะและยิ้มหวานขนาดนี้ถ้าไม่ทำตามก็บ้าแล้ว คุณหมอใช้ไฟฉายขนาดเล็กส่องในลำคอของผม

“คอแดง.. หยุดดื่มน้ำเย็นไปก่อนนะครับ แล้วคุณหมอจะจัดยาอมให้ด้วย น้องจันทร์ชอบรสส้มหรือสตอเบอร์รี่ครับ?”
คุณหมอทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอน 4 ขวบ ตอนที่ผมมีแฟนคนแรก ลึกๆ ข้างในมันหวั่นมันไหวแปลกๆ
คุณหมอรู้ไหมผมเหมือน 4 ขวบอีกครั้ง

“รสส้มครับ”
อ้าวเฮ้ย! คนที่ตอบนั่นไม่ใช่ผม ใครกัน?? หันไปมองหน้ามันซิ บังอาจขัดจังหวะนัก แต่พอเห็นหน้าเท่านั้นแหละ อายุของผมก็เด้งกลับมา 18 ปีอย่างรวดเร็ว

“อาการเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ?”
ผู้ชายที่ยืนอยู่คนละฝั่งเตียงกับคุณหมอดินและเป็นคนเดียวกับที่ตอบแทนผมไปเมื่อครู่เอ่ยถามคุณหมอด้วยเสียงเรียบนิ่ง แตกต่างจากคุณหมอที่ยิ้มหวานซะเหลือเกิน

“ไข้ลดแล้ว อาการท้องเสียก็ไม่มีแล้ว แต่ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง เดี๋ยวน้ำเกลือหมดถุงก็อนุญาตให้พาน้องจันทร์กลับบ้านได้แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ”
ผมยกมือไหว้คุณหมอดินผู้อ่อนโยนแล้วก็แอบขนลุกแว่บนึงเมื่อนึกถึงภาพนักมวยที่ปล่อยหมัดใส่คู่ต่อสู้ต่อสู้จนเลือดอาบ
บานประตูปิดลงคุณหมอดินและคุณพยาบาลออกไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับ... นักรบซามูไรหนุ่มรูปงามที่มีนามว่า ‘อิเคดะยู’

พี่ยูกดน้ำจากกระติกน้ำร้อนใส่แก้วมาส่งให้ผมค่อยๆ จิบ จนในคอรู้สึกสดชื่นขึ้นมา ผมจึงลองเทสเสียงตัวเองเหมือนเทสเสียงไมค์ 1 2 3 ฮัลโหลๆ จนได้ที่แต่ก็ยังแหบอยู่ดีนั่นแหละครับ

“ไอต๊ะขัตตะ.. โอะนี่ซะมะ”

“หืม???”

ไม่แปลกหรอกครับที่พี่ยูจะคิ้วขมวดขนาดนั้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ภาษาญี่ปุ่นหลุดออกมาจากผมด้วยน้ำเสียงแหบสเน่ห์ แถมยังเป็นประโยคอันสุดแสนจะโรแมนติก..คิดถึงเหลือครับบบบบท่านพี่

“เธอฝัน?”

เห็นใบหน้าเคร่งเครียดแล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ครับ

“แล้วถ้าไม่ฝัน แต่จันทร์แค่อยากจะพูดคำนี้กับพี่ยูล่ะ?”
แน่ะ พอผมอ่อยแบบนี้ล่ะมีทำตากรุบกริบใส่เชียว ผมจึงเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันหน้าไปมองคนที่ดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ฝ่ามือใหญ่ปัดปอยเส้นผมที่ปรกหน้าผากออกให้ผม

“ท่านนักรบ. ท่านชื่ออะไรเหรอครับ?”
ถ้าหากในชาติที่แล้วผมชื่อทซึกิ.. แล้วอีกคนเล่าชื่ออะไร?

“ไม่รู้..”

“ไม่รู้เหรอ?”

“เธอรู้?”
ส่ายหน้าสิครับก็เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แฮ่ ^^

“แต่จันทร์เรียกพี่ยูว่า ‘โอนี่ซามะ’
คนฟังก็นั่งฟังอย่างตั้งใจแล้วอมยิ้ม

“นั่นแปลว่าพี่ชาย”

“’งั้น.. เราเป็นพี่น้องกันเหรอ?”
แกล้งถามไปอย่างนั้นแหละครับ คนถูกถามก็หรี่ตามองซะจนผมรู้สึกสำนึกผิด ต่อให้ภาพในอดีตจะไม่ชัดเจน แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเป็นมากกว่าพี่น้องแน่นอน อาจจะลึกซึ้งถึงขั้น.... อืม... ด้วยกันแล้วก็ได้ เอ๊ะ?? นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย??

“โอนี่ซามะ..”
มองหน้าพี่ยูแล้วเรียกสรรพนามเหมือนอย่างในความฝันอีกครั้ง

“เรียกแบบนี้แล้วทำให้พี่ยูคิดถึงทซึกิมั๊ย?”

“ทซึกิ.. คือความรักที่มีอยู่ในความฝัน แต่จันทร์.. คือความรักในโลกแห่งความจริง”

โอ๊ยยย ตายไปเลยยยย หมอดินครับผมขอยาลดเบาหวานหน่อยครับ

“แต่จันทร์อยากจะเป็นทั้งคนในฝันและในความเป็นจริงของพี่ยู.. แค่จันทร์คนเดียวนะ”
ยืดอกแล้วฉีกยิ้มโชว์เหงือก โชว์โหนก เอาให้หน้าบานไปเลยครับ

“โอ๊ยยย เจ็บนะพี่ยู”
จู่ๆ ก็มาดีดหน้าผากใส่เฉยเลย แรงไม่ใช่น้อยๆ นะนั่น หน้าผากเป็นรอยแดงแน่ๆ

“ป่วยอยู่ไม่ใช่รึไง?”

“ก็ป่วยอยู่นี่ไง เนี่ยๆๆ เพลียจะแย่แล้ว แค่กๆ”
ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งหาย จนไอค่อกแค่ก ต้องขอน้ำอุ่นมาจิบอีกรอบ

“จันทร์ยังงอนพี่ยูอยู่นะ”
พูดออกไปทั้งที่เสียงแหบๆ นี่แหละครับ

“รู้แล้ว.. ไว้หายป่วยก่อนแล้วจะเริ่มง้อใหม่”

รู้สึกดีขึ้นมาทันทีครับ ผมล้มตัวลงนอนเพราะอีกหลายชั่วโมงกว่าน้ำเกลือจะหมดถุง

“ร ....”
แค่อินโทรตั้งท่าจะพูดต่อก็โดนพี่ยูเอานิ้วชี้มาแตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้ผมหยุดพูดได้แล้ว ผมรู้นะว่าพี่ยูคงจะทนฟังเสียงแหบอันทรงสเน่ส์ของผมไม่ไหวเอาเป็นว่าหยุดพูดแล้วก็ได้เพราะเจ็บคอจริงๆ ครับ

“ไม่ว่าเธอจะเห็นอะไรในอดีต.. และไม่ว่าในอดีตนั้นฉันจะเป็นใคร.. แต่จงรู้ไว้ว่ามีสิ่งเดียวที่ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนก็คือความรู้สึกฉันมีต่อเธอ”

อื้อหืออออ.. ไปต่อไม่ถูกเลยครับ ผมเขี่ยนิ้วเรียวยาวเล่นแก้เขิน

“ในอดีตฉันรักทซึกิ.. แต่ตอนนี้ฉันรักเธอเพราะตัวเธอเองไม่ใช่เพราะทซึกิ”

แก้มผมจะแตกแล้วครับ

“พักผ่อนซะเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว”

บ้าที่สุด! มาทำให้เขินจนตัวแทบบินแล้วจะหลับตาได้ยังไงล่ะทีนี้ แต่คิดอีกทีผมก็อยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้วจริงๆ นั่นแหละครับ แต่เป็นบ้านสวนนะไม่ใช่คอนโด..


.
.
.
.
.
.


หลังจากออกจากโรงพยาบาลผมก็กลับมาใช้ชีวิตนักศึกษาอย่างปกติ ตื่นเช้าไปเรียน เย็นทำกิจกรรม ค่ำกลับมานั่งหน้าคอมพ์ทำงานกลุ่มและการบ้านมากมาย กว่าจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืน ไอ้โซ่เองก็อ่านหนังสือและช่วยหาข้อมูลบ้าง วันไหนอยากหาข้อมูลเพิ่มก็ไปมหาวิทยาลัยกับผม และวันทั้งวันไอ้โซ่ก็หมกตัวอยู่ในห้องสมุดนั่นแหละครับจะได้เห็นหน้าก็ตอนที่ผมโทรให้ออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกัน ไอ้โซ่บอกว่าห้องสมุดนี่แหละคือคลังปัญญาของมัน

ไม่รู้ว่าผมอุปาทานไปเองรึเปล่าว่าตั้งแต่เข้ามาเรียนในเมืองหลวงร่างกายผมอ่อนแอลงทุกวัน ยิ่งตอนนี้ผมว่าถ้าผมคลานขึ้นเตียงได้ผมก็อยากจะทำ แต่ติดตรงที่เตียงผมโดนยึดครับ

“เพ่ยู----”
ลากเสียงยาวด้วยความอ่อนอกอ่อนใจให้คนที่นั่งพิงหลังกับหัวเตียงจิ้มไอแพดทำงานอย่างสบายใจโดยไม่คิดจะสนใจเจ้าของห้องเลยสักนิด

“อืม?”

“จันทร์ง่วงงงงงง”
แค่เงยหน้ามาดูสภาพผมนิดนึงเนี่ยมันจะทำให้ธุรกิจพันล้านของคุณพี่ขาดทุนมั๊ยครับ

“ก็นอนสิ”
มีเหลือบมองผมนิดนึงแล้วตบที่พื้นที่บนเตียงข้างๆ  ก่อนจะกลับไปขยับนิ้วบนหน้าจอสี่เหลี่ยมต่อ ให้ตายเถอะ นี่มันจะมากไปแล้วนะ!
 
ตุบ!

กระโดดขึ้นเตียงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายนี่แหละครับ ผมขอยึดพื้นที่คืนด้วยการนอนฉีกแข้งฉีกขาก่ายทับผู้บุกรุกซะเลย

“ใครสอนให้อ่อยแบบนี้?”

หืม??? อ อ่อย? พี่ยูหมายถึงใคร??

“เธอนี่มัน..”

จู่ๆ ก็เขวี้ยงไอแพดทิ้งซะงั้น เฮ้ยๆๆ พี่คร้าบบนั่นมันไม่ใช่เครื่องละบาทสองบาทนะครับพี่ และขณะที่ผมกำลังจะพุ่งตัวไปคว้าเทคโนโลยีราคาแพงให้ทันก่อนตกลงบนพื้น ร่างของผมก็ถูกรวบให้นอนหงายอยู่ใต้ร่างคนตัวโตแบบไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ยยย! อุ๊บบส์”
แม้ผมจะฉลาดแต่รู้มั๊ยครับว่าบางเวลาผมก็ตามไม่ทันเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่โดนพี่ยูจู่โจมแบบถึงเนื้อถึงตัว ปากประกบปากอย่างเช่นขณะนี้ มันทำให้รอยหยักในสมองของผมไม่ทำงานแม้แต่น้อยเพราะฉะนั้นก็ยึดหลักตามความรู้สึกแล้วกันนะครับ... อืมมมม แบบว่าจูบของพี่ยูมันทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ

“อืมมมม”
ใบหน้าขยับเปลี่ยนองศารับการสอดแทรกของลิ้นอุ่น มันทำให้ร่างกายของผมค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิขึ้นทีละนิดจน.. ผมคิดว่านอกจากำลังจะขาดใจตายแล้วอวัยวะจุดสำคัญของผมก็แปลกๆ ไปด้วย ไม่ได้การละครับ ผมทุบไหล่คนด้านบนเพื่อขอเวลานอกหอบเอาอากาศเข้าปอดหน่อยครับ

พี่ยูยอมให้อิสรภาพแก่ผมแต่ริมฝีปากก็ยังสาละวนอยู่บนใบหน้า ติ่งหู และลำคอ

 “อ๊ะ!”

ทำไมชอบงับคอผมจังเลยเนี่ย? แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมมีเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างฉับพลันมากกว่า อย่าบอกนะว่าแค่จูบก็ทำให้ผมเกิดอารมณ์??? และเพื่อจะไขข้อข้องใจผมจึงเลื่อนมือของตัวเองลงไปพิสูจน์ความจริงที่ว่า.. ทำไมตรงนั้นของผมมัน ‘ใหญ่’ จังเลยเนี่ย???


เฮืออกก!

นั่นไม่ใช่เสียงผมครับ ต แต่... ผมเงยหน้ามองพี่ยูที่ตอนนี้ทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังอดทนอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้

“จ จันทร์ขอโทษ..”
แฮ่ ไม่ได้ตั้งใจครับ มิน่าถึงว่าขนาดมันถึงได้มโหฬารชอบกล

“รับผิดชอบด้วย..”

เอ๋------????

เดี๋ยวๆๆ พี่ยูจะทำอะไรน่ะ??? ย อย่านะ อย่าน๊าาาาาา ‘เฮือกกกกก’ ครั้งนี้เป็นเสียงของผมเองครับ


.
.
.
.
.
.



TBC..  :oni1:




ยะฮู้ววววววววววววววววว ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววว อิอิอิ



รินอ่านความคิดเห็นของหลายๆ คนแล้วย้อนกลับไปอ่านทวนตอนที่ 12 อีกครั้งก็ได้แต่นั่งเขกหัวตัวเอง  :a6:
ขออภัยคนอ่านทุกท่านในความสะเพร่า รินยอมรับผิดว่าลืม Proof ตอนที่ 12 ค่ะ ข้ามตอนไปได้ยังไงก็ไม่รู้  :sad2:
และขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ

รักมากมาย รักเธอมากมาย
ไม่มีหน่วยวัดได้ หรอกความรักนี้

:give2:

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-02-2017 01:34:00
 :impress2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-02-2017 02:24:39
 :hao7: พวกเขาทำอารายกานน้าาา~~~
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 15-02-2017 02:31:19
น้องจันทร์จะรับผิดชอบยังไง
 
คุณริ๊นนนนนนนน แพนกล้องกลับมาก่อนนนนนน
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-02-2017 07:41:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-02-2017 08:08:00
เสร็จแน่น้องจันทร์
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 15-02-2017 08:35:40
น้องจันทร์จะรับผิดชอบยังไง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2017 10:28:51
ชาวจันทร์ / ชาวโลก อารายก๊านนนน :m16: :m16: :m16:
ตายๆ......เพื่อนในห้องร้ายมาก มาว่าจันทร์
ขำ  จันทร์ เข้าใจว่าแค่จูบ ก็ทำให้เกิดอามณ์
ล้วงมือลงไปพิสูจน์ แล้วก็ได้เรื่อง  o22 o22 o22
ทำไม ของจันทร์ มันใหญ่โตอย่างเนี้ย
เอ้อ.....มันเป็นของพี่ยูนี่เอง
แถมพี่ยูว่า "รับผิดชอบด้วย"
แนะๆ......ขึ้นเองแท้ๆ มาโมเมให้จันทร์รับผิดชอบ
ไรท์.......ตัดจบอีกและ / ค้างๆๆๆๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-02-2017 11:16:06
แจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 15-02-2017 13:39:14
อ๊ายยยยยยย ตัดจบได้ค้างมากกก ห้ามแพนกล้องขึ้นเพดานนะคะ ขอตอนต่อไปด่วนๆ ค่าาา  :serius2:  :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 15-02-2017 14:06:21
น้องจันทร์ขี้อ่อยจริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 15-02-2017 17:09:27
ตัดได้ตะเตือนไตวายมากกกค่ะ แต่ก็แอบฮามากกก  :z1: จับผิดเหรอลูก 55555 รับผิดชอบด้วยนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 15-02-2017 19:08:56
ฟินค่าฟินนนนนอยากได้สาละมีแบบนี้อะ จะเอาๆ แง้ๆๆๆมีอย่างที่ไหนซื้อส้มตำของโปรด(เราเอง)มาง้อ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-02-2017 19:29:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 15-02-2017 20:41:22
ทำไมตอนนี้สั้น
ทำไมค้าง  :jul3:  :z3:

พระเอกของเราได้กำไรตลอดเรื่องจริงๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 15-02-2017 20:48:34
อย่าแพลนกล้องไปที่โคมไฟเช่นนี้!!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 15-02-2017 22:12:48
ตั้งใจกะว่าอ่านจบจะมาพิมพ์แสงดความคิดเห็นเยอะมาก
แต่พอเจอฉากสุดท้ายเข้าไป พังเพดาน โคมไฟ ให้หมดเลยยยยยย  :oo1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-02-2017 23:06:41
พี่ยู จะให้น้องรับผิดชอบยังไง
น้องยังเด็กๆ ท่องไว้ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-02-2017 07:26:22
น้องจันทร์อ่อยโดยไม่รู้ตัวเหรอนิ ^^
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-02-2017 21:56:18
 ำอพไรก๊านนนนน!!!
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 17-02-2017 16:38:25
หนูจันทร์นี่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ // อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แค่จับมือกันให้มั่นคงแล้วก้าวไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 20-02-2017 15:00:37
 รออยู่ค่ะ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 20-02-2017 19:17:19
แลวแล่วแล่วแล้วอะจึกๆค้างงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-02-2017 21:08:24
กลัวยัยเดือนนี่สิ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -13- [15.2.60] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 21-02-2017 15:49:46
มิกิ ก็คือยัยไส้เดือนนี่นา  :hao4:
ถถถถถ ร้องเฮือกกกกกกแล้วอะไรต่อละพ่อคุณ อย่าเพิ่งตัดฉากไปสิ  :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 22-02-2017 12:11:51
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน



-14-






   
“คุณจันทร์ตื่นได้แล้วครับ”
เสียงไอ้โซ่เข้ารบกวนโสตประสาทจนต้องขมวดคิ้วแล้วย่นคอซุกเข้าใต้หมอน

“คุณจ้านนนนน”
แสบแก้วหูขนาดคงจะหนีไม่พ้นต้องตื่นแน่นอน

“อือๆๆ ตื่นแล้ว”
ขานรับไปก่อนเอาให้เพื่อนรักได้สบายใจ ไอ้โซ่เองก็เงียบไปครู่ใหญ่ผิดวิสัยจอมตื๊อจนผมต้องผงกหัวและเปิดเปลือกตาขึ้นมอง จึงได้รู้ว่าไอ้โซ่กำลังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง

“คุณจันทร์”
เสียงที่เรียกผมมันเบาหวิวจนรู้สึกใจหายและไม่กล้าแม้แต่จะกระดุกกระดิกตัว ผมครางตอบ ‘อือ’ ในลำคอ ไอ้โซ่หันหน้ามาสบตากับผม ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มแบบฝืดๆ จากนั้นก็ยกมือชี้ไปที่กองผ้าห่มแบบสโลว์โมชั่น

“คุณจันทร์ฝันเปียก?”

หืมม???? ตาโตหูตั้งกับประโยคของไอ้โซ่ และยังไม่ทันที่ผมจะแก้ตัวหรือถามความใดๆ เพิ่มเติม ไอ้โซ่ก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างไวแล้วจิ้มจึกเข้าที่คอ

“แล้วที่คอนี่.. รอยอะไรครับ?”

ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดพร้อมยกมือขึ้นลูบที่คอตัวเอง

“ย..”

“อย่าตอบว่ายุงหรือมดกัด..”

อ้าว เฮ้ยยย! โดนดักทางแบบนี้แล้วผมจะตอบว่าไงละ ไอ้โซ่เหลือบหางตามองผมแล้วทำเสียง ‘จิ๊จ๊ะ’

“ไอ้โซ่ไม่เคยสอนให้คุณจันทร์ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้นะครับ”

คนเพิ่งจะตื่น สติยังไม่ทันจะครบสมบูรณ์พอจะคิดหาคำตอบได้ทันก็อย่าเพิ่งมั่วสิครับคุณเพื่อน ขอคิดหาคำแก้ตัวนิดนึงก่อนไม่ได้รึไง

“อ อะไรเล่า?”
แก้ตัวไม่ทันก็ตีหน้ามึนไปก่อนละกัน แต่ท่าทางไอ้โซ่จะไม่เชื่อหรอกครับ ยกมือเท้าสะเอวจ้องหน้าผมยังกับองค์แม่มลเข้าประทับร่าง

“รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยเสียตัวให้คุณพี่ยูก็ได้นี่ครับ ของคุณจันทร์เล็กนิดเดียวไม่อายคุณพี่ยูเขารึไง?”

เดี๋ยวๆๆ ทำไมมันฟังทะแม่งๆ เหมือนโดนหลอกด่าชอบกล

“อ้าว มัวแต่นั่งทำตาโตอ้าปากพะงาบๆ อยู่นั่นแหละ ลุกขึ้นไปอาบน้ำสิครับ ไอ้โซ่ต้องรื้อผ้าปูที่นอน กับผ้าห่มไปซักอีก”

ตกลงไอ้โซ่มันเป็นห่วงผมจริงๆ ใช่มั๊ยครับเนี่ย? แต่ผมเล่นบทตีหน้ามึนก็มึนให้ขั้นสุดครับ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างมึนๆ นี่แหละง่ายสุด



.
.
.
.
.




โดนไอ้โซ่บ่นพึมพำจนถึงมหาวิทยาลัยมันจึงยอมหยุดให้ผมได้ไปเรียนส่วนตัวมันเองก็ไปสิงสถิตอยู่ในห้องสมุดเช่นเคย และจากการที่ไอ้โซ่มาเรียนกับผมแทบจะทุกวันทำให้พักนี้มีเพื่อนผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘สาววาย’ เข้ามาทำความรู้จักผมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลไปยังคำฮิตประจำคณะอย่าง ‘ชาวจันทร์’ ที่นอกจากจะใช้เรียกพวกหัวโบราณล้าหลังแล้วยังรวมถึงรักร่วมเพศประเภทไม้ป่าเดียวกันด้วย ถูกต้องแล้วครับผมกับไอ้โซ่เราทั้งคู่ถูกมองว่าเป็นคู่รักกัน เรียกได้ว่าเรื่องของผมแต่ละเรื่องดังยิ่งกว่าดาวเดือนคณะซะอีก แต่ถามว่าเราแคร์มั๊ย? แล้วไง? ใครแคร์??? พ่อแม่ส่งผมให้มาเรียนครับไม่ได้ให้มานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้

หมดวิชาคาบบ่ายรุ่นพี่ก็นัดประชุมเรื่องออกค่ายที่จะมีขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า แจกกำหนดการเวลาและกิจกรรมพร้อมกับจับฉลากคู่นอนเต้นท์ละ 3 คนซึ่งคละรุ่นพี่รุ่นพี่น้องกันครับ โดยมีกล่องใส่ชื่อรุ่นพี่ปี 2 ถึง 4 เอาไว้แยกเป็นชายหญิงอย่างละกล่องแล้วให้รุ่นน้องปี 1 ไปจับ ผู้ชายก็จับกล่องผู้ชาย ผู้หญิงก็จับกล่องผู้หญิง ผมนั่งมองเพื่อนๆ จับฉลากก็ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นเต้นแต่เมื่อถึงคิวผมเท่านั้นแหละจับฉลากขึ้นมาแล้วเอ่ยชื่อรุ่นพี่ผู้โชคดีทั้ง 2 คนปุ๊ปเสียงกรีดร้องกลองรัวกึกก้องลั่นลานกิจกรรมเลยทีเดียว ส่วนผมนะเหรอ? ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆ

หมดไปอีก 1 วันสำหรับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย วันนี้คนที่มารับผมกับไอ้โซ่เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาละอ่อนใสกริ๊กที่ชื่อว่า ‘พบรัก’ ครับ

“จำน้องเปี๊ยกได้มั๊ย?”

ผมกับไอ้โซ่พยักหน้าพร้อมกัน ใครจะจำน้องเปี๊ยกไม่ได้บ้างละครับ ขึ้นมาบนรถมินิคูเปอร์คันเล็กแต่ราคาไม่เล็กตามขนาดนอกจากจะเจอเจ้าของรถแล้วยังมีน้องชายของเจ้าของรถสี่ขาอีกตัวนึงด้วยนะครับ หน้าตายับย่นแต่น่ารักและฉลาดแสนรู้ที่สุด

“ไหนๆ ก็รู้แระ เรียกพี่ว่าพี่ไอละกัน”

“ครับ พี่ไอ”

ระหว่างทางพี่ไอก็ชวนคุยโน่นนี่นั่นจนลืมไปเลยว่าเมื่อก่อนตอนเจอคุณหนูไอครั้งแรกผมกับไอ้โซ่นั่งเกร็งขนาดไหน และที่สำคัญคือลบภาพคุณหนูแสนหวานสาวในฝันของผมทิ้งไปได้เลยเพราะถึงแม้พี่ไอจะตัวเล็กหน้าเด็กและหน้าตาน่ารักสักแค่ไหนแต่เมื่อเป็นตัวของตัวเองแบบนี้แล้วนิสัยแมนสุดๆ เลยครับ นี่แหละไอดอลแบบที่ผมหามานาน

“เดี๋ยวเราหาอะไรกันกินก่อนแล้วค่อยเดินดูของละกันนะ”

“ครับ”

ลูกพี่ว่าไงพวกผมก็ว่าตามนั้นแหละครับ อ่อ ลืมบอกไปว่าวันนี้พี่ไออาสาพาผมกับไอ้โซ่มาซื้อของใช้จำเป็น เพราะจะให้ผมไปพึ่งพาพี่ยูก็คงจะต้องรอไปอีกครึ่งชาติกว่านักธุรกิจคิวทองจะว่าง

กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงห้างดังใจกลางเมืองหลวงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งความจริงแล้วห้างนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่พักสักเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมกับไอ้โซ่ก็ไม่เคยออกมาเดินเที่ยวสักทีด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ชอบบรรยากาศผู้คนจอแจดังนั้นวันหยุดก็มักจะหมกตัวพักผ่อนอยู่ในห้องซะมากกว่า

“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

พี่ไอเลือกร้านอาหารสุกี้ยอดฮิตเพราะคงคิดว่าง่ายสุดสำหรับพวกผม แต่ดูจากราคาเมนูแล้วผมคิดว่าให้พี่ไอเป็นคนสั่งให้น่าจะดีกว่านะครับ

“อ้าว สั่งสิ”

“พี่ไอสั่งมาเถอะครับพวกผมกินได้หมด”
จะกินจนหมดให้คุ้มกับราคาเลยล่ะครับ

“เอางั้นนะ?”

“คร้าบบบ”

หลังจากกวาดสายตาดูเมนูครู่หนึ่ง พี่ไอก็สั่งรวดเดียวจนผมกับไอ้โซ่ฟังแทบไม่ทัน และเมื่อพนักงานรับออร์เดอร์เสร็จน้องเปี๊ยกที่หลบอยู่ในกระเป๋าผ้าก็โผล่หน้าออกมาส่งสายตากลมใส พี่ไอบอกว่าพาน้องเปี๊ยกมาเดินเล่นในห้างบ่อยๆ จนรู้มุมหลบสายตาผู้คนและพนักงาน น้องเปี๊ยกก็ฉลาดนะครับไม่มีส่งเสียงหรือสร้างความรำคาญใดๆ เลย บางครั้งผมยังแอบคิดว่าน้องเปี๊ยกฟังและเข้าใจทุกเรื่องที่พวกเราพูดกันด้วยซ้ำ

ไม่นานพนักงานก็เดินมาเสิร์ฟอาหารจนเต็มโต๊ะ กินกันไปคุยกันไปจนอิ่มพี่ไอก็ชวนไปเดินช้อปปิ้งย่อยอาหารกันต่อ และขณะที่กำลังเดินตามพี่ไอช้อปปิ้ง ผมก็เห็นป้ายโฆษณาภาพยนตร์ญี่ปุ่นโบราณเรื่องหนึ่ง มันทำให้ผมหวนคิดถึงความฝันครั้งล่าสุด อ้อมกอดอันแสนคิดถึงที่เต็มไปด้วยกลิ่นสาปคาวเลือดจากชุดเกราะซามูไร ในความฝันมีสัมผัสที่คุ้นชิน โดยเฉพาะแผ่นหลังกว้างที่เป็นเหมือนดังเกราะกำบังคอยปกป้องผม และคิดไปคิดมาก็พาลทำให้คิดถึงเรื่องเมื่อคืน.. ฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมมือของผมไว้ให้ขยับเคลื่อนไหว รูด และรั้ง จน...

“จริงเหรอน้องจันทร์?”

ห ห๊า??? อะไรเหยอ???

“อ อ่อ ครับ”
ก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ไอกับไอ้โซ่คุยเรื่องอะไรกันแต่เพื่อกลบเกลื่อนความใจลอยก็ต้องเออๆ ออๆ ไปก่อนล่ะกัน

“ใจลอยและหน้าแดงแบบนี้คิดอะไรอยู่เอ่ย??”

อ้าว โดนจับได้ว่าใจลอยซะงั้นแล้วทำไมทั้งคู่ต้องหันมามองผมด้วยสายตาจับผิดแบบนั้นล่ะ???

“เพลงเพราะนะเนี่ย”

ยังไม่ทันจะคิดหาข้อแก้ตัว จู่ๆ พี่ไอก็เปลี่ยนประเด็นแบบโค้กหักศอก แล้วลากผมกับไอ้โซ่เดินเข้าไปในโซนเครื่องเขียน แต่ผมเห็นนะว่าพี่ไอหันไปขยิบตากับไอ้โซ่ด้วย

“ฟังสิครับคุณจันทร์ เพลงนี้ไง”

เออๆ ฟังก็ได้ หยุดสนใจสิ่งรอบข้างแล้วตั้งใจฟังเพลงที่เปิดอยู่ในโซนเครื่องเขียน

... ท้องทะเลท้องฟ้ามีเพียงแค่เรา ท่ามกลางหาดทรายขาว
แสงดวงดาวพร่างพราว ประกายสวยงาม
ดั่งบนสวรรค์เปิดทาง ให้คนอ้างว้างอย่างฉัน
บอกความในใจให้เธอได้ฟัง โอกาสอย่างนี้ ต้องพูดไป...

“ว่าทั้งหัวใจ มีแต่เธอนั้น อยากให้เชื่อกัน พยานคือฟ้าที่เฝ้าดู”

ท่อนนี้พี่ไอกับไอ้โซ่ประสานเสียงกันร้องคลอตามเบาๆ ว่าแต่ทำไมต้องเหลือบมองมาทางผมพร้อมกันด้วยครับเนี่ย ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ฟังเพลงต่อไป จะว่าไปผมก็ชอบเพลงนี้มาตั้งนานแล้วเพราะมันน่ารักดี ฟังกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อ

..แล้วเธอคิดอย่างไรเมื่อได้รู้บอกที อยากฟังจากปากเธอ
หากเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆ เหมือนกัน
แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา
แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ...

อ้าวเฮ้ย! ฟังเพลงอยู่ดีๆ แล้วทำไมใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อและสายตาที่แสนเร่าร้อนของพี่ยูถึงลอยวาร์ปเข้ามาในหัวของผมได้ละเนี่ย???
...และฉันจะขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ
ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ....

“และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา เหมือนเธอ...”
เหยดด ผมเผลอแหกปากออกมาเสียงดังเชียว แล้วเป็นไงล่ะครับทีนี้ ผมก็ตกเป็นเป้าสายตาจากทุกคนน่ะสิ ไม่ใช่แค่พี่ไอ ไอ้โซ่และน้องเปี๊ยกนะครับ คนที่อยู่ในโซนเครื่องเขียนหันมามองผมเป็นตาเดียว เล่นเอาผมอายจนต้องย่อตัวลงนั่งแล้วยกมือปิดหน้าเอาไว้ ไอ้พี่ยูบ้าเอ้ย! ทำผมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวัน คราวหน้าจะไม่ให้เข้ามาในห้องนอนอีกเลยคอยดู!

เพลงยังคงบรรเลงไป ผมก็ได้แต่ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงคอ งานนี้ต้องโทษพี่ยูคนเดียวเลยล่ะครับ เมื่อคืนดันทะลึ่งมาสอนผมช่วยตัวเองให้ถึงจุดสุดยอดไม่พอยังบังคับให้ผมช่วยแท่งยักษ์มโหฬารให้พ่นน้ำอีก แค่คิดก็อ๊าอิยาอิยา.. เหมือนในเพลงนั่นแหละครับ และก่อนที่ผมจะอายจนต้องดึงเสื้อมาปิดหน้า ท่อนฮุคก็วนกลับมาอีกรอบ ความเงียบและความรู้สึกอ๊าอิยาอิยา ของผมก็ปิดฉากลงด้วยรอยยิ้มที่มาพร้อมกับเสียงประสานของพี่ไอและไอ้โซ่ในท่อนจบของเพลง

“แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ...”

หืมมม?? ผมเงยมองพี่ไอกับไอ้โซ่ตาปริบๆ ไอ้โซ่ยักคิ้วให้ผม พี่ไอก็ต่อยลงบนหัวไหล่ผมเบาๆ เหมือนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ โอเคครับ ผมจะเชื่อพี่ไอคิดซะว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติดินฟ้าอากาศลมฝนล่ะกัน   



.
.
.
.
.



อย่าถามว่าผมกับไอ้โซ่ได้อะไรกลับมาจากห้างหรูเช่นนั้นบ้าง เอาเป็นว่าเค้ก ขนม น้ำผลไม้ และของในซุปเปอร์มาเก็ตจำพวกผักสดและของแห้งทั้งหมดที่อยู่ในตู้เย็นขณะนี้เป็นของสมนาคุณจากพี่อั้ให้ผมและไอ้โซ่ได้ติดไม้ติดมือกลับมา

หลังจากอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้วผมกับไอ้โซ่ก็มานั่งคุยโทรศัพท์กับคนที่บ้านสวนให้พอได้หายคิดถึง จากนั้นไอ้โซ่ก็เปิดทีวีฟังข่าวสารบ้านเมืองไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วย ส่วนผมก็นอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาข้างๆ ไอ้โซ่นี่แหละ อ่านไปอ่านมาหนังตาก็หย่อนจนเผลอหลับไป และนี่เป็นอีกครั้งครับที่ทำให้ผมฝัน.. ความฝันของเรื่องราวในคืนฤดูใบไม้ผลิ เรื่องเดิม แบบเดิม ซ้ำที่เดิม วนลูปเหมือนกับความฝันเมื่อครั้งก่อนที่ผมจะเจอพี่ยู..

ในความฝันมีเรื่องราวมากมายที่น่าจดจำ ทั้งความงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งภายใต้แสงจันทร์ อีกทั้งอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นและความคิดถึงที่ล้นปรี่เต็มหัวใจ แต่สันชาตญาณของผมกลับไม่ได้โฟกัสอยู่ที่สิ่งสวยงามเหล่านั้น มีแค่เพียงภาพที่ผมมองไม่เห็น ภาพที่ถูกแผ่นหลังอันแข็งแกร่งบดบังเอาไว้ราวกับว่าไม่ต้องการให้ผมได้เผชิญกับเขาคนนั้น เจ้าของน้ำเสียงอันไพเราะแต่ทว่าเฉียบขาดและทรงอำนาจ... มิกิ?

“คุณจันทร์?”

ผมสะดุ้งตื่น

“ฝันร้ายเหรอครับ?”

ไอ้โซ่มองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง ผมจึงส่ายหน้าเพราะจะตอบว่าฝันร้ายก็ไม่ใช่แต่จะตอบว่าฝันดีก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน

“กี่ทุ่มแล้วเนี่ย?”

“สี่ทุ่มครับ คุณจันทร์ลุกขึ้นไปนอนในห้องเถอะ”

ผมพยักหน้ารับแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่ผมกลับนอนไม่หลับ.. พลิกตัวไปมาก็แล้ว นับแกะก็แล้ว ข่มตายังไงก็ไม่หลับ ไม่หลงเหลือความง่วงแม้แต่นิดเดียว ผมนอนฟังเสียงเข็มนาฬิกาทำงานไปเรื่อยๆ จนความอดทนหมดลงจึงลุกขึ้นมานั่งขยี้หัวตัวเองเล่น ขณะนี้เวลา 23 นาฬิกา 14 นาที ถ้าผมจะเดินไปเคาะประตูห้อง 1809 จะดูน่าเกลียดมั๊ยน๊า???

“เฮ้อออ”
ถอนหายใจให้ตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหยิบนมมา 1 กล่อง แล้วเดินออกจากห้องไปหยุดยืนอ่านตัวเลข 1809 อยู่พักใหญ่ สุดท้ายมือก็เผลอไปกดออดหน้าห้องจนได้ ซึ่งแน่นอนครับคนเปิดประตูคือคุณมาซารุ ผมค้อมศีรษะขอโทษที่มารบกวนในตอนดึกพร้อมทั้งฉีกยิ้มหวานและส่งนมในมือให้คุณมาซารุ ได้โปรดอย่าคิดว่ามันเป็นสินบนนะครับ

คุณมาซารุรับนมจากผมด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเคย จากนั้นก็ผายมือเชิญผมเข้าไปในห้อง และเหมือนเดิมครับเจ้านายของคุณมาซารุยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานชั้น 2


ก๊อกๆ


แม้ประตูจะเปิดไว้แต่เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทผมจึงเคาะประตูหน้าห้อง คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นมองผม วินาทีที่สบตากันผมกลับเห็นพี่ยูเป็นภาพของคนที่อยู่ในอดีต เส้นผมยาวที่ถูกรวบไว้ด้านหลังหลุดลงมาปรกใบหน้าคมเข้มเล็กน้อย แววตาคู่นั้นฉายชัดถึงความเจ็บปวดแม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็ทำให้ภายในอกด้านซ้ายของผมสะท้านวูบไหว

“จันทร์..”

“พ พี่ยู?”
ตอนนี้คนตรงหน้าของผมกลับมาเป็นอิเคดะยูคนเดิม คิ้วเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อย ก่อนจะวางปากกาแล้วลุกขึ้นเดินมาหาผม

“เธอร้องไห้?”

หืม?? ยกมือขึ้นแตะๆ บนแก้ม จึงได้รู้ว่าผมร้องไห้จริงๆ

“เธอเห็นอะไร?”

“ซามูไร”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม

“ผมเห็นพี่ยูในอดีต”

“ฉันในอดีต? ทำไม?”

นี่แหละครับคือคำถามที่ผมเองก็อยากรู้เช่นกัน ทำไมทุกครั้งที่ผมเห็นภาพซ้อนทับของพี่ยูในอดีตผมจะต้องร้องไห้คล้ายจะสำนึกผิดอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าไปยึดติดกับอดีตให้มองแค่ปัจจุบันมีผมและมีพี่ยูเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะทำยังไงอดีตก็ยังคงมาวนเวียนราวกับต้องการจะบอกอะไรกับผม อะไรบางอย่างที่มีแค่ตัวผมเองนี่แหละที่สามารถหาคำตอบได้ คำตอบของความจริงที่ทซึกิปิดบังไว้..

“พี่ยูรู้บ้างมั๊ยว่าในอดีตทซึกิเป็นคนยังไง?”

“ฉันรู้ในรายละเอียดมากนัก ฉันแค่สัมผัสได้ว่าทซึกิแตกต่างจากเธอในตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน และรู้แค่ว่าทซึกิโกรธฉัน”

“โกรธเรื่องอะไร?”
พี่ยูส่ายหน้า

“นั่นแสดงว่าเราไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง”

“ฉันรู้เท่าที่คุณปู่ทวดบอกไว้ และรู้เท่าที่สันชาตญาณของฉันจะสัมผัสได้”

“คุณปู่ทวดของพี่ยูบอกอะไรพี่ยูไว้อีกบ้าง? โดยเฉพาะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณซามูไร ทซึกิ และมิกิ..”

พี่ยูเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเราประสานกันแน่นิ่ง

“มิกิคือพี่สาวของทซึกิ เธอทั้งคู่เป็นบุตรของท่านโชกุน ฉันในอดีตเป็นซามูไรที่ท่านโชกุนหมายหมั้นจะให้แต่งงานกับมิกิ แต่หลังจากที่ท่านหญิงผู้เป็นท่านแม่ของทซึกิสิ้นไป ท่านโชกุนก็ให้ฉันดูแลทซึกิและให้เราเข้าพิธีชุโดกัน”

“พิธีชุโด.. คืออะไรเหรอครับ?”

“ชุโด คือ ประเพณีแห่งสายใยรักที่เปรียบได้ดัง ‘ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณของซามุไร’ สำหรับสังคมซามุไร นี่ถือว่าเป็นประเพณีที่มีเกียรติ เป็นการปฏิบัติที่สำคัญ”

คนอธิบายไม่อธิบายแค่เปล่าๆ สายตาส่องประกายวาววับมือก็ขยับกระชับสะโพกผมไว้ แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนมีใครเอาไฟมาอังไว้บนใบหน้าแบบนี้ละครับ

“พ พี่ยู..”
เรียกสติก่อนสตาร์ท เฮ้ย! เรียกสติแล้วมาต่อกันครับ หายใจลึกๆ คิดถึงหน้าตายายและพ่อต้อมแม่มลไว้ ‘ส่งลูกมาเรียนไม่ได้ให้มาหาผัว’ เพราะฉะนั้นห้ามเคลิ้มเด็ดขาด!

“พี่ยูฟังจันทร์นะ.. ในความฝันของจันทร์ คุณซามูไรบอกให้ทซึกิหนี.. หนีจากอะไรสักอย่างที่มันคงจะน่ากลัว แล้วทซึกิก็อธิษฐานให้คุณซามูไรตามหาเขาให้เจอ ในความรู้สึกตอนนั้นทซึกิเจ็บปวดอย่างที่สุด และผมคิดว่าทซึกิมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ปิดบังคุณซามูไรเอาไว้”

“เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”

“พี่ยูลองคิดดีๆ สิ พี่ยูตามหาจันทร์เพราะความรักที่คุณซามูไรมีต่อทซึกิใช่มั๊ย? แต่เหตุผลที่ทซึกิต้องการให้คุณซามูไรตามหาล่ะ? จันทร์คิดว่านอกจากเหตุผลที่ทซึกิเองก็รักคุณซามูไรแล้วมันยังมีเหตุผลอื่นด้วย”

“เกี่ยวกับมิกิอย่างนั้นเหรอ?”

“จันทร์เองก็ไม่แน่ใจแต่จันทร์คิดว่าจันทร์อยู่เฉยๆ หรือทิ้งมันไว้แบบนี้ไม่ได้ จันทร์จึงจำเป็นต้องหาคำตอบ”

“นั่นอาจจะทำให้เธออาจจะตกอยู่ในอันตราย”

“จันทร์จะไม่เป็นอะไรเพราะจันทร์มีพี่ยูอยู่ตรงนี้แล้วไง.. ไหนหันหลังสิ”
จับพี่ยูหมุนตัว ตอนนี้ผมยืนอยู่ด้านหลังของพี่ยู แผ่นหลังกว้างแข็งแรงบดบังผมแทบมิดแบบนี้แหละ คือคนๆ นี้คนเดียวที่คอยปกป้องผมไว้เสมอ

“สมมติว่าในมือของพี่ยูมีดาบของซามูไรและมีคนร้ายยืนอยู่ตรงนั้น”
ชี้ไปที่พื้นที่ว่างด้านหน้าของพี่ยู ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอแต่ถึงอย่างนั้นพี่ยูก็ยังแสดงบทบาทตามที่ผมกำกับ มือทั้งสองข้างยกดาบของซามูไรขึ้นด้วยท่วงท่าที่มั่นคงและแข็งแกร่ง ผมยกมือขึ้นวางบนแผ่นหลังที่เปรียบดั่งเหมือนเกราะกำบังคุ้มภัย ชุดนอนผ้าแพรที่พี่ยูสวมใส่เปลี่ยนเป็นสัมผัสหยาบกระด้างของผ้าดิบ ปลายผมยาวที่ถูกรวบไว้ด้านหลังระอยู่บนหลังมือของผม

“โอนี่จัง..”

“หืม?”

คนที่รับบทเป็นซามูไรยืดแผ่นหลังตรงแล้วหันกลับมามองหน้าผม

“จันทร์จะกลับไปเป็นทซึกิ.. จันทร์จะเปิดใจตัวเองในฐานะทซึกิ..”

“เพื่อ?”

“จันทร์อยากจะรู้ความลับที่ทซึกิซ่อนไว้.. เพราะนั่นเป็นเหตุผลเดียวที่จะทำให้คุณซามูไรไม่ต้องรอคอยทซึกิอย่างทรมานอีกต่อไป”

เหตุผลของผมทำให้คนฟังเงียบ ฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าของผมไว้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกกลัวในการที่จะเปิดใจเผชิญหน้ากับเรื่องราวในอดีต แต่ถ้าหากคุณซามูไรยังคงจมอยู่กับความทรมานนั่นก็หมายความว่าจิตใจส่วนลึกของพี่ยูในปัจจุบันก็ยังคงถูกรบกวน เช่นเดียวกับผมที่ต่อให้พยายามหนีทซึกิสักแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยหนีพ้นเลยสักครั้ง เพราะจิตวิญญาณของทซึกิยังคงซ้อนทับอยู่ในตัวผม อดีตของเราทั้งคู่ทำให้เราได้มาเจอกันไม่ใช่เพียงเพราะ ‘รัก’ แต่มันยังมีเหตุผลบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนไว้

“ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น ฉันก็มีหน้าที่ปกป้องเธอ”

“น่ารักที่สุดเลยแฟนใครเนี่ย?”

“แฟนน้องจันทร์”

อั่ยยะ! ตอบถูกใจ งั้นผมให้จูบเป็นรางวัลละกัน สบตาให้หวานฉ่ำแล้วเขย่งเท้า คว้าคอหมับโน้มมาประทับริมฝีปากเลยสิครับรออะไร



.
.
.
.
.
.



TBC...  :oni1:






นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของรินล้วนๆ นะคะ เรื่องราว เหตุการณ์ และข้อมูลต่างๆ ล้วนเอามาดัดแปลงให้เข้ากับเนื้อเรื่องและใช้เพื่อเพิ่มอรรถรสเท่านั้นค่ะ





รักคนอ่านและ + เป็ด ทุกความคิดเห็นนะคะ
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆ เลยนะคะ  :hao5:
[/b]
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-02-2017 13:07:28
แหม ขนาดเครียดๆ ยังจะแอบหวาน 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-02-2017 13:27:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 22-02-2017 13:52:33
นึกอะไรไม่ออกนอกจาก อ้อร้อจริงๆลูกชั้น 5555555555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 22-02-2017 13:52:53
น้องไอ น้องเปี๊ยกกกกมาให้หอมแก้มคนละฟอด


มีแววว่าจะเริ่มไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ซะแล้วสิ
ยิ่งได้ยินชื่อ มิกิ อิคุณไส้เดือนแน่ๆ เลย :beat:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-02-2017 14:01:20
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 22-02-2017 15:02:47
ในความเครียดมีความน่ารัก
และในความน่ารักมีความเครียด
อ่านไปยิ้มไป และก็เครียดไปด้วยในตอนเดียว  :hao5:

น้องจันทร์ลูก เก็บอาการนิดนึงก็ดีนะคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 22-02-2017 17:37:55
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-02-2017 18:18:42
มีอะไรมากกว่าที่เห็นหรือนี่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 22-02-2017 18:43:11
ตามหาความจริงกันต่อไป  :katai4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-02-2017 19:09:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-02-2017 19:47:24
หวานนนนนนน แต่กลัวยัยคุณพี่แผลงฤทธิ์เนี่ยสิ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-02-2017 20:20:22
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 22-02-2017 21:25:12
เค้าจะเปิดใจกันแล้ววววว มันต้องมีเงื่อนงำบางอย่างที่เกี่ยวกับมิกิแน่ๆ ขอให้ทำสำเร็จนะหนูจันทร์คนขี้อ่อย (อย่าลืมนะ 1 จูบ=1 ยก)
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 22-02-2017 21:36:53
น้องจันทร์นี่อ้อยได้ทุกสถานการณ์จริงๆ ไม่หื่นเลย ไม่สักนิดดดด :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-02-2017 22:23:34
พ่อแม่ให้มาเรียนนะ ไม่ได้ให้มาหาสามีนะน้องจันทร์
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-02-2017 22:36:06
มีความซับซ้อน มิกินี่ท่าจะร้ายไม่เบา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-02-2017 22:59:09
บ่นจะอ่อย จะแสดงออกก้อชัดเกิ้น 5555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 22-02-2017 23:22:01
เข้ามาส่องบ่อยมากทั้งที่รู้ว่าไม่ได้อัพทุกวัน
งงตัวเองเหมือนกันจะเข้ามาส่องบ่อยๆเพื่อ5555
จัทร์นับวันนี่อ่อยพี่ยูหนักมาก
ยอมได้เหรอคะเฮีย! อย่างนี้ต้องจัดให้หนัก อ่อยให้อยากแล้วจากไป5555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-02-2017 23:34:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 22-02-2017 23:54:15
อ๊าอิยาอิยามากน้องจันทร์ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 23-02-2017 10:25:10
เดี๋ยวๆๆๆ น้องจันทร์ของแม่ ใจเย็นๆ ลูก นั่นพี่ยูเค้านับเข้าระบบสะสมแต้มอยู่นะลูกรู้รึยัง  :hao6:



เอาล่ะ เราว่าเรื่องมันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ ติดตามต่อไปค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 23-02-2017 13:57:47
แฟนน้องจันทร์  อิย๊า :o8:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 23-02-2017 20:24:13
อ่านทันแล้ว สนุกมากๆครับ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 23-02-2017 23:03:41
กลัวความจริง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-02-2017 01:04:05
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 24-02-2017 12:25:48
มั่นใจว่าพี่ยูปกป้องน้องจันทร์ได้ แต่ที่หวั่นใจคือมิกิอะ ต้องใช่ไส้เดือนแน่ๆ เลย  :beat:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 24-02-2017 13:39:04
นับวันน้องจันทร์ของพี่ยูจะยิ่งอัพเลเวลนะคะ :z1:
จะโทษพี่ยูฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ก็น้องจันทร์ขยันอ่อยขนาดนี้
แม้ว่าบรรยากาศการตามหาความจริงจะเครียดขนาดไหน
ก็ถูกสยบด้วยความหวานของทั้งสองคนเข้าให้ทุกที
พูดถึงอดีต..... คุณพี่สาวนี่ร้ายมาแต่ไหนแต่ไรสินะ
ขนาดในฝันไม่เห็นหน้าแต่ก็รับรู้ได้ถึงรังสีความน่ากลัว
แต่น้องจันทร์คนนี้น่ะไม่เหมือนในอดีตหรอกนะ
เอาเป็นว่า เรามาตามหาความจริงไปด้วยกันเนอะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-02-2017 18:58:01
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -14- [22.2.60] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-02-2017 00:37:52
อยากให้จันทร์กับพี่ยูสมหวัง
ขอให้ผ่านเรื่องราวทุกอย่างไปได้ด้วยกันนะคะ

น้องยู แม่ว่าอย่าอ่อยพี่เค้ามากเลยลูก
ระวังจะไม่ถึงตอนเรียนจบหน่ออออออ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 27-02-2017 00:33:30
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน

-15-






เปิดใจยอมรับทซึกิ..

พูดมันง่ายครับ แต่ลงมือปฏิบัตินี่สิโคตรยากเลย ศึกษาจากในละครลึกลับย้อนอดีตหลังข่าวที่คุณยายกับแม่มลชอบดูกันแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้สักนิด ละครก็คือละครคนแต่งแค่จินตนาการขึ้นมามันไม่ได้เหมือนกับชีวิตจริงสักหน่อย แล้วผมจะทำยังไงดีละเนี่ย??

“นั่งหน้ายุ่งเชียว คุณจันทร์ของไอ้โซ่เป็นอะไรไปอีกแล้วละครับเนี่ย?”

“พอจะรู้วิธีการติดต่อกับจิตของตัวเองบ้างมั๊ยอะ?”

ไม่รู้ว่าคำถามของผมยากเกินไปรึเปล่าจึงทำให้ไอ้โซ่ยืนมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า ถ้าหากเป็นในการ์ตูน บนหัวของไอ้โซ่คงจะมีนกอีกาบินผ่านพร้อมด้วยจุดจุดจุดเรียงตามมาเป็นแถว เอาเป็นว่าช่างมันเถอะเพื่อน ผมโบกมือปัดให้มันรู้ว่าไม่เป็นไร

ไอ้โซ่พยักหน้า 2-3 หงึก แล้วเดินเข้าครัวไปแบบเงียบๆ แต่ผ่านไปสักพักไอ้โซ่ก็เรียกผม

“คุณจันทร์”

ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวีหันกลับไปมอง

“ผมคิดว่าหลวงตาน่าจะตอบคำถามของคุณจันทร์ได้นะครับ”

จริงด้วยสิ ทำไมผมลืมพระอาจารย์ของผมไปเสียสนิทละเนี่ย? ผมขอบคุณไอ้โซ่แล้วรีบลุกขึ้น

“คุณจันทร์จะไปไหนล่ะครับนั่น?”

“ไปหาหลวงตาไง”
ตะโกนตอบก่อนจะผลุนผลันออกจากห้อง และหลังจากที่บานประตูปิดลงสิ่งที่ผมเพิ่งคิดได้ก็คือ.. ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้านสวนนี่หว่า??

“คุณจันทร์”
เสียงไอ้โซ่นั่นแหละครับ มันเปิดประตูห้องชะโงกหน้าออกมาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ผม

“กลับเข้ามาตั้งสติในห้องก่อนเถอะครับ”
ส่งยิ้มแห้งสนิทยิ่งกว่ากลับไปพร้อมยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปตั้งสติใหม่ตามที่เพื่อนรักมันบอก เอาจริงๆ ผมเครียดตัวเองกับเรื่องนี้มากเลยนะครับเนี่ย

ถ้าจะกลับบ้านสวนผมก็ต้องโดดเรียนพรุ่งนี้กับวันศุกร์แต่ก็ยังพอขอสมุดเลคเชอร์จากเพื่อนผู้หญิงได้ แล้ววันเสาร์อาทิตย์ผมจะต้องไปออกค่ายยิ่งกว่านั้นพี่ยูก็ต้องกลับญี่ปุ่นอีก ทำไมมันประดังประเดเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดเนี่ย วันนี้พี่ยูก็ติดงาน จะโทรไปรบกวนพี่ไอก็เกรงใจ มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็บ่ายสามโมงเย็น ถ้าจะนั่งรถไปหมอชิตก็คงทัน..


ปิ๊งป่องงงงงงงง


กำลังนั่งเครียด เสียงออดที่ดังขึ้นก็ทำเอาผมสะดุ้งสิครับ ไอ้โซ่เดินเอาถุงขนมมันฝรั่งที่มันกินค้างไว้เดินมาวางบนโต๊ะหน้าผมแล้วเดินไปดูที่จออินเตอร์โฟน

“คุณปลื้มชลล์กับคุณหมอดิน?”
ไอ้โซ่หันมาบอกผมด้วยใบหน้าฉงนปนสงสัยว่าแขกทั้งคู่มาผิดห้องรึเปล่า? ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้ากลับไปว่าไม่รู้ แต่ก็บอกให้ไอ้โซ่เปิดประตู

“สวัสดีครับ”
ผมกับไอ้โซ่ยกมือไหว้เพื่อนพี่ยูและพี่ชายของพี่ไอ ลมอะไรหอบพวกพี่มาครับเนี่ย? ตั้งแต่วันศึกนองเลือดครั้งนั้นผมยังกลัวไม่หายเลย แต่ถึงจะสงสัยยังไงแขกมาเยี่ยมเยือนถึงห้อง ผมกับไอ้โซ่ก็ต้องต้อนรับขับสู้อย่างดีมีน้ำมีขนมอะไรก็เอาออกมาครับ

“คุณหมอดินเขาอยากจะมาขอโทษน้องจันทร์น่ะครับ”

“ขอโทษผมเหรอครับ?”

ขอโทษเรื่องอะไรหว่า?? หันไปมองหน้าไอ้โซ่แว่บนึง แต่ไอ้โซ่ก็ส่ายหน้ากลับมาว่าไม่รู้เหมือนกัน

“ก็เรื่องที่โรงพยาบาลวันนั้นไงครับ”
คุณหมอดินเป็นคนเฉลย ผมกับไอ้โซ่จึงได้ร้องอ้อออกมาซะเสียงดัง เรียกรอยยิ้มละมุนดุจปุยนุ่นของคุณหมอดินให้ได้เคลิ้มกันนิดนึง

“พี่หมอต้องขอโทษด้วยที่ทำการณ์เกินกว่าเหตุแบบนั้นต่อหน้าคนไข้ มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสถานพยาบาลโดยเฉพาะเมื่อมีคนไข้ที่ยังคงเป็นเยาวชนอยู่ด้วย”

“ไม่เป็นไรครับพี่หมอดิน ผมไม่ได้โกรธหรือถือสาอะไรเลยครับ ตอนนั้นแค่ตกใจแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกเลย”

ใจจริงผมอยากจะพูดว่าผมเข้าใจอารมณ์ของพี่หมอดินครับ เป็นใครใครก็โกรธแต่ก็คงได้แค่คิดอยู่ในใจเพราะยังไงซะคุณปลื้มก็เป็นเพื่อนพี่ยูแถมยังเคยช่วยเหลือผมกับไอ้โซ่ตั้งหลายอย่าง แล้วดูคุณปลื้มตอนนี้สิเอาแต่นั่งเงียบ แบบนี้รู้เลยครับว่ากลัวคุณหมอดินมากแค่ไหน เหอๆ

“ไม่เป็นไรไม่ได้หรอกครับ ยังไงซะพี่หมอก็รู้สึกผิดอยู่ดี”

โอ๊ยยย ตายๆๆ พี่หมอดินครับอย่าทำหน้าสำนึกผิดแบบนั้น คนหล่อมาทำอะไรแบบนี้แล้วผมใจคอไม่ดีเอาซะเลย คุณปลื้มได้โปรดช่วยผมหน่อยเถอะครับ ผมกลัวใจตัวเองเหลือเกิน

“งั้นเอางี้มั๊ยครับ น้องจันทร์กับน้องโซ่ยังไม่ทานข้าวเย็นกันใช่มั๊ย? ให้พวกพี่ไปเลี้ยงมื้อเย็นเป็นการไถ่โทษจะได้รึเปล่า?”

เป็นความคิดที่ดีมากครับคุณปลื้ม

“แบบนี้ก็ดีครับ แต่ผมขอเลือกสถานที่เองได้มั๊ยครับ?”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ”
พี่หมอดินตอบพร้อมส่งรอยยิ้มแบบนี้ก็เข้าทางผมเลยครับ ผมแอบส่งสายตาไปให้ไอ้โซ่อีกรอบ

“ถ้าไม่เป็นการรังเกียจผมขอเป็นมื้อเย็นที่บ้านสวนจะได้มั๊ยครับ?”

“บ้านสวน?”

“ใช่ครับ บ้านของผม.. บ้านสวนครับ”

ก็เข้าใจครับว่ามันอาจจะไกลไปสักหน่อยแต่ผมเชื่อว่าระดับคุณปลื้มชลล์สามารถพาผมไปได้ทันมื้อเย็นแน่นอน และคำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำของผมทำให้พี่ชายใจดีทั้งสองคนส่งรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้พร้อมคำตอบที่ว่า..

“ไปกันตอนนี้เลย”

อ้าว อย่ามัวแต่กระโดดร้องเย้ๆ ด้วยความดีใจ รีบลุกสิครับแล้วเดินตามพี่ๆ เขาไปให้ไวเลยครับ


.
.
.
.
.




บอกแล้วไงครับว่าระดับคุณปลื้มชลล์นั้นสามารถทำได้แน่นอน ออกเดินทางจากคอนโดตอนบ่ายสามโมงเย็น และเราก็มาถึงบ้านสวนกันตอนที่ถึงเวลาเชิญธงชาติลงจากยอดเสา เมื่อมาถึงแม่มลกับป้าณีก็จัดโต๊ะอาหารรอไว้เรียบร้อยแล้วเพราะก่อนออกเดินทางผมโทรบอกที่บ้านไว้แล้ว และไม่ลืมที่จะโทรไปขออนุญาตพี่ยูด้วย พี่ยูยังบอกว่าจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วจะตามมา

คิดถึงๆๆๆ มีใครเข้าใจความรู้สึกของผมกับไอ้โซ่มั๊ยครับว่าความคิดถึงบ้านของพวกเรามีมากแค่ไหนชนิดที่ว่าพอลงจากรถปุ๊ปก็วิ่งกระโดดกอดทุกคน จากนั้นก็วิ่งรอบบ้านด้วยเท้าเปล่า นี่ถ้าพ่อต้อมไม่ห้ามไว้ผมคงจะวิ่งรอบไร่รอบสวนเพื่อจูบและกอดต้นไม้ทุกต้นแล้วล่ะครับ

“ต้องขอโทษแทนหลานด้วยนะครับที่ทำให้ต้องลำบากขับรถมาถึงนี่”
ตามสไตล์ครูเอี่ยมครับ ดีใจอยู่หรอกที่หลานกลับบ้านแต่ก็เกรงใจตรงที่คนมาส่งนี่แหละครับเพราะระยะทางก็ไม่ได้ใกล้ๆ และก็ตามมารยาทครับ คุณปลื้มกับคุณหมอต้องตอบว่าไม่ได้ลำบากอะไรและทำด้วยความเต็มใจ

“จะขับรถกลับคืนนี้เลยเหรอคะ กว่าจะถึงคงค่ำมืดดึกดื่น ถ้าไม่รังเกียจคืนนี้นอนค้างที่นี่ด้วยสักคืนสิคะ”
แม่มลยิ้มหวานเชื้อเชิญแขกทั้งสองคน

“ไม่รังเกียจเลยครับ ผมเองก็ติดใจธรรมชาติที่นี่ตั้งแต่รอบที่แล้วแล้วล่ะครับ แต่คุณหมอดินนี่สิครับไม่ทราบว่าติดงานอะไรรึเปล่า?”
คุณหมอดินส่งยิ้มแบบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้คนที่หันมาถาม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณปลื้มกำลังคิดอะไรอยู่ คงเข้าทางนักธุรกิจจอมวางแผนแล้วล่ะครับ เจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ได้นอนห้องเดียวเตียงเดียวกับคุณหมอดินอีกต่างหากคำว่ากำไรลอยเต็มหน้าผากคุณปลื้มเต็มไปหมด ความจริงแล้วคุณปลื้มก็ไม่ต่างจากพี่ยูหรอกครับ ระหว่างทางก็โทรคุยงานเป็นระยะ ในรถก็มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเอกสารงานสำคัญไว้พร้อมทุกสถานการณ์ พี่ไอเคยบอกว่ามีสามีเป็นคุณหมอต้องทำใจเรื่องเวลาแต่ผมว่ามีแฟนเป็นนักธุรกิจก็ต้องยอมรับข้อนี้ให้ได้เหมือนกัน

เอาล่ะๆ ผมขอหยุดเรื่องเชียร์คู่รักคู่ลุ้นของผมกันไว้แค่นี้ก่อนเพราะกลิ่นหอมๆ ของอาหารสารพัดเมนูที่คุณยาย แม่มล และป้าณีเตรียมไว้ให้พวกเรานั้นมันทำให้น้ำย่อยในกระเพาะของผมร้องลั่นด้วยความหิว

กินกันไปคุยกันไปอย่างครื้นเครง หลังจากมื้ออาหารพวกผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันต่อ ผมกับไอ้โซ่ขอตัวออกมานั่งรับลมบนแคร่ใต้ต้นมะม่วง และถือโอกาสขอโทรไปปรึกษาพี่ไอเรื่องที่จะโดดกิจกรรมออกค่ายในวันเสาร์นี้ พี่ไอตอบกลับมาแค่สั้นๆ ว่าเดี๋ยวให้พี่เขื่อนจัดการให้ไม่ต้องห่วง ผมจึงได้โล่งอกเหมือนยกภูเขาทิ้งไปอีกหนึ่งเรื่อง นอนดูดาวกับไอ้โซ่อีกสักพักป้าณีก็ออกมาเรียกลูกชาย ผมเองก็ลุกจะกลับขึ้นบ้านแล้วเหมือนกันแต่รถที่ขับเข้ามาจอดในรั้วบ้านทำให้ผมต้องหยุดเท้าลงแล้วยืนรอจนคนบนรถเปิดประตูลงมา

“มาไวกว่าที่คิดนะเนี่ย”

“เพราะรู้ว่ามีคนคิดถึง”
ไม่เถียงครับ ผมได้แต่ยิ้มกว้างแล้วเดินไปจูงมือสุดหล่อของผมขึ้นบ้าน โดยไม่ลืมที่จะหันไปเชิญคุณบอร์ดี้การ์ดด้วย แต่กลับต้องแปลกใจเพราะไม่ใช่คุณมาซารุ

“คุณมาซารุไปไหนเหรอครับ?”

“ไปทำงาน”
ตอบแบบนี้ก็คือไม่มีอะไรจะถามต่อแล้วครับ ผมหันไปค้อมศีรษะให้คุณบอร์ดี้การ์ดที่คุ้นหน้าเพราะเคยเจอกันบ่อยครั้งแต่ก็ยังจำชื่อไม่ได้สักทีพร้อมกับผายมือเชิญขึ้นบ้านด้วย

ครูเอี่ยมกับพ่อต้อมยืนรอว่าที่หลานเขยอยู่ตรงหัวกะไดบ้าน ทักทายกันอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทสนมชิดเชื้อ เห็นแล้วก็รู้เลยครับว่าต้องแอบติดต่อและแอบเจอกันลับหลังผมแน่นอน

วงสนทนามีเพิ่มขึ้นการคุยก็ออกรสมากขึ้น ผมว่าคงจะคุยกันอีกนานผมจึงกลับเข้าห้องนอนอาบน้ำจนสบายตัวประแป้งกับน้ำอบไทยจนหอมฟุ้งก็ออกมาดูอีกรอบ ซึ่งทุกคนกำลังลุกขึ้นแยกย้ายไปพักผ่อนกันพอดี พ่อต้อมหันมาสั่งให้ผมดูแลพี่ยูให้ดีด้วย นี่พ่อต้อมไม่คิดจะหวงลูกชายสักนิดเลยเหรอครับ

“พี่ยูทานอะไรมารึยัง?”

คนตอบส่ายหน้า

“งั้นไปอาบน้ำก่อนครับ เดี๋ยวจันทร์จะเตรียมข้าวไว้ให้”

ให้ความรู้สึกเหมือนสามีภรรยามั๊ยละครับ ก็เขินดีเหมือนกันนะเนี่ย อ๊ะๆๆ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเรานอนห้องเดียวกันนะ เพราะแม่มลจัดห้องให้พี่ยูอยู่ห่างจากห้องผมคนละฝั่งปีกบ้านเลยล่ะครับ ฮ่าๆ

พี่ยูหายเข้าไปในห้องร่วมชั่วโมง ผมเองก็ใช้เวลาอยู่ในครัวร่วมชั่วโมงเหมือนกัน นานๆ จะลงมือเข้าครัวทำอะไรแบบนี้เองสักที แม้จะไม่ใช่งานถนัดแต่ก็พอจะมีวิชาครูพักลักจำเมนูง่ายๆ ติดตัวบ้าง และดูจากวัตถุดิบในครัวผมจึงเลือกทำข้าวต้มร้อนๆ กินกับไข่เจียว ผัดผักบุ้ง และยำกุนเชียง และผมก็เตรียมทั้งตะเกียบและช้อนไว้ให้ครบเลยครับ

“จันทร์ทำเองหมดทุกอย่างเลยนะ”
รีบโม้ไว้ก่อน อิอิ   คนฟังก็หรี่ตามองมาเหมือนจะไม่เชื่อ ตักใส่ปากแต่ละทีนี่ผมลุ้นจนน้ำลายเหนียว พี่ยูกินไปหลายคำแต่ก็ไม่เห็นจะแสดงสีหน้าหรือท่าทางว่ารสชาติเป็นยังไง สงสัยก็คงจะอร่อยนั่นแหละ

“อร่อยละสิ อิอิ”

ผู้ชายตัวโตที่กำลังเคี้ยวผัดผักอยู่มองหน้าผมแล้วอมยิ้ม จากนั้นก็คีบทุกเมนูป้อนใส่ปากผม เอิ่มม.. ผัดผักบุ้งจืดสนิท ไข่เจียวก็โคตรเค็ม ส่วนยำกุนเชียงผมบอกรสชาติไม่ถูกเลยครับ รู้แค่ว่าเข้าปากปุ๊ปก็แทบจะถุยออกมาเลยครับ

“พี่ยูไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวจันทร์ไปปลุกไอ้โซ่ให้มาทำให้ใหม่ดีกว่า”

“ไม่เป็นไร”

“แต่...”

“ฉันอยากกินฝีมือเธอ”

จะว่าดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอก แต่ถ้าท้องเสียขึ้นมาผมไม่รับผิดชอบด้วยนะ

“มันก็กินได้ไม่ถึงกับแย่”
พูดเสร็จก็นั่งกินต่อไปเรื่อยๆ ผมรู้ครับว่ามันคือคำปลอบใจแต่มันก็รู้สึกผิดอยู่ดี นี่ถ้ารู้ว่าโตขึ้นมาจะมีผัวผมคงฝึกเข้าครัวตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ

“ไว้ครั้งหน้าจันทร์จะแก้ตัวใหม่นะ”

ใบหน้าคมสันจุดรอยยิ้มตรงมุมปาก ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงเอาเป็นว่าไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ความหล่อเบอร์แรงของพี่ยูจะทำให้ผู้ชายแมนๆ อย่างผมยอมเป็นเกย์

“พี่ยู”

“หืม?”

“พรุ่งนี้เช้าไปหาหลวงตากันนะ”

คนฟังพยักหน้า

“แล้วพรุ่งนี้พี่ยูจะกลับกรุงเทพกี่โมง?”

ยังไม่ทันจะตอบ เสียงโทรศัพท์ของพี่ยูก็ดังขัดขึ้นซะก่อน ไม่ต้องถามผมนะครับว่าเขาคุยเรื่องอะไรกันเพราะภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น จะเดาจากสีหน้าของพี่ยูก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เวลาคุยเรื่องงานพี่ยูจะหน้านิ่งมากชนิดที่ไม่รู้ได้เลยว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน

“งานยุ่งเหรอครับ?”

“เบื่อมั๊ย?”

“จันทร์จะเบื่อได้ยังไง ดูสิพี่ยูยุ่งแค่ไหนก็ยังมีเวลาให้จันทร์ได้ตลอด”

นี่ผมพูดจริงนะครับไม่ได้พูดแค่เอาใจ ถ้าเทียบกันแล้วผมก็แค่เด็กผู้ชายที่โคตรจะธรรมดาคนหนึ่งแตกต่างกับพี่ยูแทบจะทุกอย่าง แต่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันแทบจะมองไม่เห็นความแตกต่างนั้นเลย

พี่ยูอมยิ้มกับคำตอบของผมแล้วก็นั่งกินข้าวต่อไปเงียบๆ ผมรู้ว่าพี่ยูไม่ได้หิวอะไรมากมายหรอกแต่ก็นั่งกินจนข้าวหมดถ้วย ขณะที่พี่ยูดื่มน้ำผมก็ลุกขึ้นเก็บจานและจะยกเอาไปล้างแต่ก็ถูกมือใหญ่ฉุดดึงให้ผมกลับลงมานั่งที่เดิมก่อน ดวงตาคมเข้มมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา

“ที่ญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัยที่ดีเกี่ยวกับการเกษตรโดยเฉพาะ”

“แล้ว?”

“เรียนจบแล้วเธอสามารถนำความรู้กลับมาพัฒนาที่นี่ได้”

“แล้วไงครับ?”

“มีสาขาเกี่ยวกับการเกษตรหลากหลาย ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบ”

ทำไมผมต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มด้วยละเนี่ย

“พี่ยูอยากให้จันทร์ไปอยู่กับพี่ยูเหรอ?”

“แล้วมีใครไม่อยากจะอยู่ใกล้คนรักบ้าง?”

ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมเวลาเขินมากๆ จะต้องบิดชายเสื้อด้วย มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะระเบิดตัวเองให้ได้แต่ไม่รู้จะระบายออกทางไหนนี่เอง

“แต่จันทร์ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นสักตัว”

“ฉันหาครูเก่งๆ สอนเธอเอง”

“จะให้ลูกเขาหลานเขาไปอยู่ด้วย ขอพ่อแม่เขารึยัง?”

“ท่านบอกว่าเธอเรียนจบเมื่อไหร่ก็ให้กลับมาผูกข้อไม้ข้อมือได้เลย”

“สรุปคือเตรียมทุกอย่างไว้ให้จันทร์หมดแล้วใช่มั๊ยเนี่ย?”

“พร้อมแม้กระทั่งเรือนหอ”

อั่ยยะ!!!

บทจะตรงก็ตรงเกินไปมั๊ยครับคุณพี่ไม่สงสารผมบ้างรึไง เขินจนไม่รู้จะบิดตัวท่าไหนแล้วเนี่ย แล้วคนบ้าอะไรไม่รู้พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้านิ่งมากแตกต่างจากผมที่ยิ้มจนหน้าบานยิ่งกว่าจานใส่ไข่เจียวซะอีก จะเอายังไงก็เอาเถอะครับ ตายายพ่อแม่ว่าไงผมก็ว่างั้นแหละ >///<



.
.
.
.
.



เช้านี้อากาศสดใส ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์พร้อมกับเสียงไก่โก่งคอขัน วันนี้จันทร์สุดหล่อหลานครูเอี่ยมขอแว๊นพาสก๊อยหนุ่มญี่ปุ่นหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่ไปถวายหลวงตาที่วัด และบอกเลยนะครับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พี่ยูนั่งมอเตอร์ไซด์ ฮ่าๆ นั่งเกร็งเกาะผมแน่นไปตลอดทางเลยล่ะครับ

มาถึงวัดผมก็รับปิ่นโตมาหิ้วเองแล้วเดินนำพี่ยูไปที่กุฏิของหลวงตา ซึ่งเจ้าของกุฏินั่งเจียนหมากอยู่บนแคร่หน้ากุฏินั่นแหละครับ ผมเข้าไปกราบแนบตักหลวงตา จากนั้นผมกับพี่ยูก็ถวายปิ่นโต ถามสารทุกข์สุขดิบของหลวงตาพร้อมกับด้วยบีบนวดเอาใจท่านสักหน่อยเพราะนานๆ จะเจอกัน

หลวงตาก็หันไปถุยน้ำหมากลงกระโถน แล้วก็ถามผมกับพี่ยูด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“มีอะไรก็ว่ามา”

“ผมแค่อยากจะมาขอทานความรู้จากหลวงตาเกี่ยวกับเรื่องจิตในอดีตชาติ เราสามารถติดต่อกับจิตในอดีตชาติได้มั๊ยครับหลวงตา?”

ท่านฟังคำถามของผมแล้วหลับตาเงียบไปนาน เมื่อลืมตาขึ้นก็มองหน้าผมและจ้องหน้าพี่ยูอยู่ครู่ใหญ่

“จิต พระพุทธศาสนาจำกัดความคำว่า จิต ไปในทางธาตุรู้หรือธาตุคิด เกิดดับไปตามแต่ที่จิตจะเหนี่ยวสิ่งใดขึ้นมาจับไว้ จิตจึงเป็นความคิดที่เกิด ๆ ดับ ๆ”

ตั้งใจฟังและคิดตามนะครับ อย่าได้พลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีเพราะหลวงตาไม่มีการอธิบายซ้ำรอบสองแน่นอน

“ในทางพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าจิตเป็นตัวตนที่แท้จริงแต่ถือว่าเป็นสิ่งที่อาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างทำให้เกิดขึ้น ตามกฎแห่งอนัตตา นั่นคือทุกสิ่งไม่มีตัวตนที่จริงแท้ คือไม่มีตัวตนอันเป็นแก่น เหมือนต้นไม้ย่อมอาศัยดิน ราก ใบ แสงแดด อากาศ กิ่ง ทำให้มีตัวตนที่เรียกว่าต้นไม้ขึ้น สรรพสิ่งดูเหมือนมีตัวตนเพราะอิงอาศัยกันและกันเกิดขึ้น เมื่อแยกออกก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เช่นเดียวกับจิตอย่างไม่มีข้อยกเว้น”

เว้นจังหวะให้ผมยกกระโถนให้หลวงตาถ่มน้ำหมากนิดนึงครับ ท่านเคาะหัวผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“ในเมื่อจิตของคนที่เอ็งต้องการจะติดต่อนั้นไม่มีตัวตน ดังนั้นเอ็งจะต้องอาศัยเหตุปัจจัยที่จะทำให้มันมีตัวตนขึ้นมา”

“แล้วจะหาเหตุปัจจัยนั้นได้จากที่ไหนเหรอครับหลวงตา?”

“เดี๋ยวมันจะมาเอง”
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยวางลงกลางกระหม่อมของผมแล้วลูบแผ่วเบาราวกับกำลังปลอบโยน

“มันจะมาพร้อมกับเวรกรรมบุญบาปเก่าที่เอ็งเคยสร้างไว้ในชาติที่แล้ว”

“หลวงตาพูดซะน่ากลัวเลย”

“เอ็งเคยได้ยินมั๊ย? คนที่บุญวาสนาสูงนั้นมักจะมีบาปกรรมที่ก่อไว้สูงตามไปด้วย”
คำถามของหลวงตาทำให้ผมนึกไปถึงเมื่อครั้งที่ผมยังแบเบาะ หลวงตาเคยพูดถึงผมไว้ว่า ‘เด็กคนนี้มีบุญวาสนาสูงมาตั้งแต่ชาติปางก่อน..’ อย่าบอกนะว่านั่นหมายถึงผมก่อบาปกรรมไว้เยอะ???

“สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เห็น สิ่งที่คิดอาจไม่ใช่อย่างที่คิด สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่อย่างที่เป็น ชาติที่แล้วเอ็งเป็นหมาชาตินี้เอ็งเป็นหมูแล้วหมูในชาติที่แล้วอาจจะมาเป็นหมาก็ได้”

“หลวงตาหมายความว่ายังไงครับ?”

ผมรู้สึกใจคอไม่ดียังไงชอบกล แต่หลวงตาก็ไม่ได้ตอบอะไรผมอีก โน่นครับสายตาของหลวงตาไปหยุดอยู่ที่พี่ยูแทน

“นักรบใช้ดาบฆ่าผู้คนเป็นร้อยเป็นพัน สุดท้ายดาบเล่มนั้นก็กลับมาฆ่าตัวเอง”

เอ๋??? หลวงตาพูดแบบนี้หรือว่าคุณซามูไรโดนฆ่าตายด้วยดาบของตัวเองเหรอครับ? ผมมองหลวงตาสลับกับพี่ยู ใบหน้าของหลวงยังคงมีรอยยิ้มบางเบาให้ความรู้สึกถึงความเมตตา

“จำคำสอนของข้าไว้.. ธรรมดาความรักนี้ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการ คือประการแรกได้เป็นมารดาบิดา ธิดาบุตร พี่น้องชายพี่น้องหญิง สามีภรรยา หรือสหายมิตรกันในภพก่อน เคยอยู่ร่วมที่เคียงกันมา ความรักเหล่านั้นย่อมไม่ละจากกันจึงยังคงติดตามไปแม้ในภพอื่น เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อนอย่างหนึ่ง อีกประการคือความรักนั้นย่อมเกิดเพราะความเกื้อกูลกันในปัจจุบันอันนี้ เหมือนดอกอุบลเกิดในน้ำเหมือนดอกอุบลเมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุสองประการ คือน้ำและเปือกตม”

เปลือกตาของหลวงตาปิดลงอีกครั้ง หลวงตาไม่ได้หลับครับผมรู้ว่าท่านกำลังใช้สมาธิอยู่ และหลังจากผ่านไปหลายนาทีท่านก็ลืมตาขึ้นมองหน้าผม

“ตรงกันข้าม... ความเคืองแค้น ความโกรธ โลภโมโทสัน ความอิจฉาริษยา หรือศัตรูคู่อาฆาตที่ร่วมกันสร้างเวรก่อกรรมด้วยกันมา ความร้อนเหล่านั้นก็ย่อมไม่ละจากกันยังคงติดตามไปแม้ในภพอื่นเช่นกัน”

จากคำที่หลวงตาบอกทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิครับ

“ไปยี่ปงกับพี่เขา”

อ้าวเฮ้ย จู่ๆ ทำไมหลวงตาเปลี่ยนเรื่องได้ละเนี่ย แล้วจะให้ผมตามผู้ชายไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองกับเขาเนี่ยนะ แบบนั้นภาพลักษณ์ของผมก็เป็นเสียหายสิครับหลวงตา

“ไปได้ไงล่ะครับหลวงตา ไอ้จันทร์ยังต้องเรียนหนังสือนะ”

“ถุย!”

อื้อหืออ หลวงตาเล่นถ่มน้ำลายลงกระโถนแบบเถียดหน้าผมไปนิดเดียวแล้วมองผมประมาณว่า ‘ตอแหล’ ผมเองก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ จากนั้นหลวงตาก็โยนวัตถุบางอย่างใส่ผม ดีนะที่ผมรับทันจึงได้รู้ว่ามันเป็นตะกรุดอันจิ๋ว ผมจึงรีบยกมือไหว้ท่วมหัวได้ของขลังของดีมาคุ้มครองแล้วโว้ย

“ตะกรุดมันช่วยเอ็งไม่ได้หรอก”

อ้าว ช่วยไม่ได้แล้วให้ผมมาทำไมเนี่ย???

“คนที่ช่วยเอ็งได้นั่งอยู่นั่น”

หืม?? ผมหันไปมองหน้าพี่ยู

“แต่เมื่อถึงเวลานั้น.... เขาจะยังช่วยเอ็งรึเปล่าข้าก็ไม่รู้นะ”

เฮ้ยยย หลวงตาพูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย

“ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจของโยมเองว่าจะเลือกจบมันด้วยวิธีใด..”

ประโยคนี้หลวงตาพูดกับพี่ยูครับ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกในอกวูบโหวงและเจ็บปวดลึกราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงอยู่ตรงตำแหน่งที่เรียกว่าหัวใจ ผมรู้ว่าความกลัวที่ผมกำลังจะเผชิญไม่ได้เกิดจากการที่จะได้ติดต่อกับทซึกิแต่เป็นความกลัวเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่ถูกได้ปิดบังไว้ต่างหาก...



.
.
.
.
.
.
.


 :oni1:




อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ใกล้จะจบแระน๊าาาาาา กำลังเจ้มจ้นเลย #คิดเองเออเอง ฮ่าๆๆๆ  :z1:

+1 เป็ดทุกความคิดเห็นนะคะ
รักน๊าาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Moonuglygirl ที่ 27-02-2017 01:10:39
คนแรกกกก. 5555+
ชอบพี่ยู!!!! 
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: arnis ที่ 27-02-2017 01:13:07
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-02-2017 01:31:46
จะออกไปเผชิญโลกกว้างแล้ว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 27-02-2017 01:32:46
มันอะไรยังไงกันแน่ล่ะเนี่ย ชาติที่แล้วพี่ยูแค้นน้องมากหรอเลยต้องมาเจอกันอีกชาตินี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-02-2017 06:25:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-02-2017 07:07:47
ยังไงกันละนี่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 27-02-2017 07:15:44
ความลับเยอะจังหลวงตา 

แล้วแบบนี้น้องจันทร์จะเข้าใจ

เปล่าเนีย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-02-2017 09:06:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 27-02-2017 09:37:30
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-02-2017 13:04:51
อย่าบอกนะว่า ชาติที่แล้วทสึกิฆ่าพี่ยูน่ะ ทโนไปไกลล่ะ ^^
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 27-02-2017 13:44:54
เริ่มกลัวตามน้องจันทร์แล้วอะ
แต่เดี๋ยวๆๆ จะจบแล้วเหรอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-02-2017 15:33:49
ลุ้นแรงมากก :confuse:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 27-02-2017 18:57:42
ลุ้นมากกก #เดินวนรอบห้อง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 27-02-2017 18:58:21
ห๊ะ!! ใกล้จบแล้วววว?? รอน้าค้าบบบ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-02-2017 19:28:15
ความรัก ความแค้น อาฆาตพยาบาท
ตามติดมาทุกภพ ทุกชาติ
นี่สิ ที่ไส้เดือนตามมาแย่งคุณยูของจันทร์
ทั้งที่ชาตินู้นนนนนนน ไม่ได้รักกันกับตุณยู
มีแต่ความอยากครอบครองคุณยู
และอิจฉาริษยาจันทร์ แท้ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 27-02-2017 20:29:17
อะไร ยังไง  :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-02-2017 20:34:23
ใกล้จบ  o22  ยังไม่รู้ปมในอดีตเท่าไหร่เลย :mew5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-02-2017 21:03:52
เครียดๆ เบาๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-02-2017 21:19:15
ห้ามจบบบบ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 27-02-2017 21:56:42
ลุ้นอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-02-2017 22:28:21
งง หลวงตาพูดเหมือนว่ามิกิกับทสึกิ สลับกันมางั้นแหละ
ตกลงจันทร์คือใครในอดีตกันแน่
หมู หมา งงเด้ งงเด้

พี่ยูเลือกทีจะตายแทนที่จะฆ่าตัวทสึกิรึเปล่า

ขอให้ทุกคนปลอดภัยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 28-02-2017 11:43:32
ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวขอบอก เมื่อเวลานั้นมาถึงหวังว่าพี่ยูจะไม่ทิ้งน้องนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 01-03-2017 09:49:22
เอาแล้วไง  :a5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 01-03-2017 09:55:26
หลวงตาพูดแบบมีให้คิด มันต้องหักมุมแน่ๆ เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-03-2017 10:06:24
เดี๋ยวๆ ... อย่าเพิ่งจบนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 01-03-2017 19:48:44
แย่าเพิ่งจบนะคะ กำลังสนุกเลยอะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 02-03-2017 09:18:38
อยากอ่านต่อแล้วอะ รู้สึกว่ามันลุ้นมากกกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 03-03-2017 10:00:22
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน


-16-






ถ้าถามว่าผมรู้สึกเช่นไรกับคำตอบที่ได้รับฟังจากจันทร์ แน่นอนครับว่ามันมีความผิดหวังแทรกปนอยู่แต่ในขณะเดียวกันผมก็เข้าใจในเหตุผลของเจ้าตัว จันทร์ยังไม่พร้อมที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นตามที่ผมและทุกคนสนับสนุน จันทร์มีเหตุผลหลายอย่างที่อธิบายให้ผมและทุกคนฟังและสรุปได้ว่าจันทร์จะขอเวลาให้ตัวเองเรียนจบปริญญาตรีเสียก่อนแล้วหลังจากนั้นจะไปต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่น เก็บเกี่ยวความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผมก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของคนที่ผมรักเพื่อให้เขาได้ทำตามความฝันและตามความตั้งใจของตัวเองเป็นดีที่สุด

เอาเป็นว่าเรื่องญี่ปุ่นขอพักไว้จนครบ 4 ปีแล้วค่อยว่ากันใหม่ ตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่ผมต้องจัดการให้เรียบร้อย นั่นคือหลังจากกลับมาจากกราบหลวงตาที่วัดเมื่อวานนอกจากมีเรื่องคำสอนที่ซ่อนปริศนาไว้ให้ขบคิดแล้วก็ยังมีสายลับปริศนาที่แอบตามผมและจันทร์โผล่มาอีก ความจริงแล้วลำพังแค่ตัวผมและมีบอดี้การ์ดฝีมือดีอย่างซากิอยู่ด้วยอีกหนึ่งคนก็คงพอจะรับมือไหวแต่คนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเด็กหนุ่มที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรมากกว่า นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องเรียกมาซารุให้รีบตามมาที่บ้านสวนโดยเร็วที่สุด

ปลื้มชลล์กับคุณหมอดินกลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว และตามกำหนดพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางกลับญี่ปุ่นเพราะมีงานและภาระหน้าที่มากมายรอให้ผมกลับไปสะสางจัดการ ดังนั้นเมื่อทานมื้อเที่ยงกันเสร็จผมจึงขอตัวลากลับก่อน ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแม้จะมาเยือนบ้านสวนแค่ไม่กี่ครั้งแต่ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ที่นี่ อาจจะเพราะญาติผู้ใหญ่ทุกคนที่นี่ใจดีและเห็นผมเป็นลูกหลานคนหนึ่ง แม้พวกท่านจะไม่ได้สนับสนุนในความรักของผมและจันทร์แต่พวกท่านก็ไม่ได้รังเกียจ สิ่งที่พวกท่านแคร์มากที่สุดก็คือจันทร์ อะไรก็ได้ที่ทำให้ลูกหลานของท่านมีความสุขพวกท่านก็จะเปิดใจและพร้อมที่จะทำความเข้าใจยอมรับมัน นี่แหละครับที่เรียกว่าสายใยของครอบครัวอย่างสมบูรณ์

จันทร์ขออนุญาตกลับกรุงเทพฯ มาพร้อมกับผมด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการจะไปส่งผมที่สนามบินด้วยตัวเอง ส่วนน้องโซ่อยู่ต่อที่บ้านสวนอีกหนึ่งคืนและจะเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับคุณอาต้อมและคุณลุงฟื้น ตอนนี้ในรถจึงมีซากิทำหน้าที่สารถี มาซารุนั่งเบาะหน้าคู่กับซากิ และผมนั่งเบาะหลังคู่กับจันทร์   

เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวอำเภอก็ปรากฏความผิดปกติให้ต้องระวังตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามไม่ให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างผมรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเด็ดขาดด้วยกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายกังวลใจไปด้วย ผมใช้วิธีสื่อสารกับลูกน้องด้วยภาษาญี่ปุ่นและส่งสัญญาณทางสายตา และหลังจากการประเมินสถานการณ์มาได้ระยะหนึ่งจนใกล้จะเข้าสู่เขตกรุงเทพฯ ก็พอจะเดาได้ว่าฝั่งตรงกันข้ามคงแค่สะกดรอยตาม ไม่ได้คิดจะลงมือหรือก่อเหตุอะไรอย่างแน่นอน ที่สำคัญก็คือเป้าหมายน่าจะเป็นผมมากกว่าจันทร์

“ชิเซนโชเมะสึ”
มาซารุรายงานว่ารถปริศนาได้หายไปแล้ว ผมพยักหน้ารับและส่งสายตาให้ซากิขับรถกลับคอนโดได้ และเพราะผมมัวแต่กังวลเรื่องอื่นจึงลืมไปว่ามีดวงตาคู่ใส่คู่หนึ่งกำลังมองอยู่ เมื่อหันไปสบตาอีกฝ่ายก็หลบทันที อีกทั้งยังแกล้งฝืนยิ้มเหมือนต้องการจะกลบเกลื่อนไม่ให้รู้ว่าตัวเองกำลังน้อยใจ

ตลอดการเดินทางจันทร์ชวนผมคุยโน่นนี่นั่นมาตลอดแต่ผมก็เอาแต่ถามคำตอบคำ หรือแม้กระทั่งไม่ทันได้ฟังว่าจันทร์กำลังพูดเรื่องอะไร

“จันทร์”

“หืม?”
เด็กหนุ่มหันมายิ้มจนตาปิด ยิ้มแบบที่รู้ได้ทันทีว่ากำลังฝืนความรู้สึกของตัวเองมากแค่ไหน

“เมื่อครู่เธอพูดว่าอะไรนะ?”

“จันทร์แค่จะบอกว่าไว้พี่ยูว่างเมื่อไหร่ก็ค่อยบินมาหาจันทร์ก็ได้”
ริมฝีปากระบายรอยยิ้มทว่าดวงตากลับฉายแววตัดพ้อ มันทำให้ผมยิ่งพูดอะไรไม่ออก ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าความรู้สึกเมื่อทำให้คนรักเสียใจมันเป็นยังไง

“หรือถ้าพี่ยูไม่ว่าง.. ก็ไม่เป็นไรหรอก”
ท้ายประโยคเบาหวิวและสั่นเครือ ใบหน้าน่ารักเบือนหนีหันมองวิวทิวทัศน์ข้างถนน   

“ฮึก..”

แม้อีกฝ่ายจะเอามือปิดปากไว้แต่คงไม่มีคนโง่ที่ไหนจะไม่รู้ว่ามันคืออาการของคนกำลังร้องไห้ ซึ่งผมรู้ดีครับว่าลูกผู้ชายที่รักในศักดิ์ศรีอย่างจันทร์ไม่ใช่คนที่จะเสียน้ำตาง่ายๆ ยกเว้นว่าเจอเรื่องที่สะเทือนใจจริงๆ และผมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุนั้น นี่ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีครับ

ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ด้วยแขนข้างเดียว และด้วยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้ได้สบตากันในระยะประชิด

“เคยร้องไห้ให้ใครแบบนี้รึเปล่า?”

“ลูกผู้ชายที่ไหนเขาร้องไห้กันเล่า!”

หลักฐานคือน้ำหูน้ำตาเขลอะทั่วหน้าขนาดนี้แต่ยังเถียงเสียงแข็ง ผมจึงหยิกจมูกรั้นไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าของจมูกก็ยู่หน้าและดิ้นขลุกขลักจะผลักออกจากอ้อมแขนของผมแต่มีเหรอที่ผมจะยอม แรงแค่นี้จะสู้ผมไหวได้ยังไงยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น พร้อมกับกระซิบข้างๆ หู

“ถ้าเธอบอกว่าคิดถึงและอยากเจอฉัน.. ฉันก็จะมาหา”

ต่อยตรงอกผมดัง ‘อั่ก’ เอาซะเต็มแรงจนผมแอบจุกเล็กๆ ไม่ถึงกับสะเทือนอะไรมากมาย

“งั้นจันทร์พูดทุกวันเลยคอยดู!”
คำพูดที่หนักแน่นประกอบกับสายตาที่จริงจังทำให้ผมอดจะยิ้มกว้างเสียไม่ได้

“ทำคนอื่นเสียใจแล้วจะมายิ้มอะไรอีกเล่า!”
ตวาดใส่หน้าแล้วออกแรงหยิกหน้าท้องของผม รอบนี้เจ็บจริงอะไรจริงแต่จะให้แสดงอาการว่าเจ็บก็คงจะไม่ได้เพราะในรถมีลูกน้องนั่งอยู่ด้วยถึงสองคน เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้เวลาโกรธโคตรโหดเลยนะครับเนี่ย

“โกรธหรือไม่พอใจอะไรกันก็พูดออกมาสิ! อย่ามาทำเฉยแล้วเงียบใส่แบบนี้อีก!”

“ไม่ได้โกรธ”

“อย่ามาโกหก!”

“จริงๆ”
ให้สาบานก็ได้ว่าผมไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรคนในอ้อมแขนเลยสักนิด ใบหน้างอง้ำจ้องผมเขม็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยู่ปากเล็กน้อย   

“แล้วที่จันทร์ชวนคุยด้วยทำไมไม่คุย เอาแต่นิ่งอยู่ได้”
อารมณ์เย็นลงมานิดนึงแล้วล่ะครับ

“ฉันผิดเองเพราะมัวแต่คิดเรื่องงาน”

“ถ้ากำลังยุ่งก็บอกจันทร์สิ ไม่ใช่ปล่อยให้จันทร์พูดเป็นคนบ้าอยู่ได้คนเดียว”

“ขอโทษ”

กดจูบลงบนหน้าผากมนเพื่อย้ำให้รู้ว่าผมรู้สึกผิดจริงๆ

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”

“อืม”

“ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ให้บอกห้ามเอาแต่เงียบ”

“ตกลง”

“ถึงจันทร์จะยังเป็นเด็กในสายตาของพี่ยูแต่จันทร์ก็ไม่ได้โง่ที่จะแยกแยะไม่ออกว่าไหนเรื่องงานไหนเรื่องเล่น”

“ฉันรู้”

“และไม่ว่าจันทร์จะทำผิดสักแค่ไหนก็ห้ามหันหลังให้จันทร์เด็ดขาด พี่ยูจะต้องฟังเหตุผลของจันทร์ก่อนเสมอเข้าใจมั๊ย?”

“แน่นอน”

“มองแค่จันทร์ แค่จันทร์คนนี้คนเดียว”

“ฉันสัญญา”

ใบหน้างอง้ำเปลี่ยนเป็นอมยิ้มกลั้นเขิน แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาที่เอ่อน้ำเมื่อครู่ตอนนี้กลับมาทอประกายสดใสอีกครั้ง ร่างเล็กขยับตัวเบียดเข้ามาแนบชิดมากขึ้นจากนั้นก็โน้มใบหน้าฝังลงตรงลำคอของผมแล้วก็กัด..

“อืม..”

ผมหลับตากลั้นความเจ็บให้เด็กหนุ่มขบกัดคอจนพอใจ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าคงจะเป็นรอยฟันแน่ๆ แต่ก็คุ้มครับเมื่อแลกกับเสียงหัวเราะสะใจเบาๆ

“ใครสอนให้ทำแบบนี้?”

“ก็เห็นพี่ยูชอบกัดคอจันทร์ จันทร์เลยกัดกลับบ้างไง”
ตอบเสร็จก็มีฉีกยิ้มภูมิใจอีกนะ สรุปแล้วคือความผิดของผมเหรอครับเนี่ย.. ลูกน้องก็คงจะรู้กันหมดครั้งนี้แหละว่าผมเป็นประเภทซาดิสชอบกัดคอคนรัก แต่เท่าที่ผมจำได้ผมว่าผมแค่ขบแล้วดูดเบาๆ พอให้ขึ้นรอยแดงเท่านั้นนะไม่เคยขบกัดแบบนี้เลยสักครั้ง

“สงสัยฉันคงต้องสอนเธอใหม่”

คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นหรี่ตาลงคล้ายจับผิด

“จะหาข้ออ้างมานอนห้องจันทร์อีกอะดิ”

หมดกันครับ ภาพลักษณ์เจ้านายและฉายานักธุรกิจซามูไรหน้าเดียวตอนนี้โดนเด็กหนุ่มที่ชื่อจันทร์ทำลายล้างจนไม่เหลือแล้วครับ และผมก็ทำได้แค่หัวเราะในลำคอ ‘หึๆ’ เท่านั้น เอาไงก็เอาแล้วแต่ความพอใจของพ่อคุณเลยละกัน


.
.
.
.



ฝ่ารถติดของเย็นวันศุกร์มาถึงคอนโดก็ใกล้ค่ำ และเพื่อความสะดวกจึงแวะทานมื้อเย็นในร้านอาหารพาสฟู้ดใกล้ๆ คอนโด ส่วนเรื่องกระเป๋าเดินทางและเอกสารสำคัญต่างๆ คงจะต้องให้มาซารุจัดการให้เพราะเมื่อมาถึงห้องจันทร์ก็จับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังจูงพาผมเข้าห้องตัวเองอีกต่างหาก

เข้ามาในห้อง เจ้าของห้องก็เปิดทีวีให้ผมดูพร้อมหาน้ำและขนมมาบริการเต็มโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปนอกระเบียงและกลับเข้ามาพร้อมกระถางดอกไม้สีแดงและสีชมพูอมม่วง

“ดอกบานชื่นสีแดงมีความหมายถึงความเชื่อใจและจงรักภักดี ส่วนสีชมพูอมม่วงมีความหมายว่าความรักครั้งสุดท้าย..”
เจ้าของกระถางอธิบาย ยิ้มให้ดอกไม้ในกระถางก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ผม

“จันทร์ให้พี่ยู”
กระถางในมือถูกมาตรงหน้า และผมก็รับมันไว้

“รักษามันดีๆ นะ”

ผมรู้ว่าคนพูดกำลังหมายถึงอะไร ผมวางกระถางดอกไม้ไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาเด็กหนุ่มก็หย่อนก้นลงนั่งตาม ผมมองดอกไม้สีสันสดใสที่อยู่ในกระถางใบเล็กด้วยรอยยิ้มอยู่ครู่หนึ่งหัวทุยเล็กก็วางซบอิงลงบนบ่า

“พี่ยูอยากจะมีอะไรกับจันทร์มั๊ย?”
หืม?? ว่าไงนะ? ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ย?

“จันทร์พอจะรู้แล้วล่ะว่าเวลาที่ผู้ชายกับผู้ชายเขามีอะไรกันเขาต้องทำยังไงกันบ้าง”

“มาแก่แดดอะไรเอาตอนนี้?”

“แล้วอยากมีรึเปล่าละ?”
ยืดตัวนั่งหลังตรงมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ

“ฉันสัญญากับคุณตาและคุณพ่อของเธอไว้”

“แสดงว่าอยาก..”

แน่ะ มีอมยิ้มลอยหน้าลอย

“จันทร์ไม่ได้สัญญากับใครไว้สักคน เพราะฉะนั้นถ้าจันทร์เริ่มก่อน พี่ยูก็ไม่ผิด”

ผมหรี่ตามอง ใบหน้าน่ารักโน้มลงมาจนปลายจมูกของเราแทบจะชนกัน

“เป็นเด็กดีนะที่รัก เดี๋ยวน้องจัดการเอง”

ชักจะไม่ค่อยมั่นใจแล้วครับว่ารู้ดีเรื่อง sex จริงๆ ทฤษฎีกับปฏิบัติมันต่างกันนะเด็กน้อย ผมหยิกแก้มใสไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว

“อย่าคิดว่าจันทร์พูดเล่นนะ”

เอากับเขาสิครับ พูดเสร็จก็ถอดเสื้อตัวเองโชว์ผิวขาวเนียนทันทีแถมยังใจดีมาแกะกระดุมเสื้อให้ผมด้วยอีกต่างหาก ผมเกลี่ยข้างแก้มเนียนที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขิน

“ถ้าเริ่มแล้ว.. ฉันจะไม่หยุดนะ”

ยักคิ้วตอบด้วยนะครับ อยากรู้จริงๆ อะไรที่ทำให้จันทร์คึกคักได้ขนาดนี้ แต่เรื่องหาคำตอบผมคงรอไว้หลังจากทำให้คนรักของผมพอใจเสียก่อน

ริมฝีปากนิ่มแตะผะผ่าวลงบนริมฝีปากของผม ดวงตาของเราสบกันแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เปลือกตาเรียวจะปรือลงอวดแพขนตาเรียงตัวสวยพร้อมกับแนบริมฝีปากลงอีกครั้งและบดเบียดอย่างเก้ๆ กังๆ แม้มันจะเป็นจูบที่ไม่ประสีประสาแต่กลับปลุกอารมณ์ของได้ง่ายยิ่งกว่าระดับมืออาชีพเสียอีก และถ้าหากผมแอบช่วยขยับมุมองศาให้เข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้นมันคงไม่ผิดกติกาใช่มั๊ยครับ?

“อืมม”
ผละจูบออกจากกัน ร่างเล็กขยับขึ้นมานั่งคร่อมตักผม แต่แค่แป๊ปเดียวก็ถอยกลับลงจากตัก คิ้วบางขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังลังเลบางอย่างจากนั้นจึงกลับขึ้นมานั่งคร่อมตักใหม่ ผมก็ปล่อยตามใจไม่ขอห้าม ผใยึดคติที่ว่าอะไรที่คนรักมีความสุขผมก็มีความสุขไปด้วย อยากทำอะไรก็ทำแต่ผมขอแค่แอบช่วยโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ก็พอ

“พี่ยูเอนหลังลงไปหน่อยสิ จันทร์ทำไม่ถนัด”

เอาหมอนอิงมาวางรองตรงพนักวางแขนไว้แล้วผมก็เอนหลังลง มองคนตัวเล็กรูดซิปกางเกงให้ผมอยู่ มือบางวางลงบนอันเดอร์แวร์แล้วนวดคลึงเบาๆ แค่ไม่นานมังกรที่นอนสงบนิ่งก็ผงาดสู้มือครับ คนที่นั่งอยู่บนตัวผมก็เบิกตาโตเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวลงมานอนทับผมแล้วประกอบจูบอีกครั้ง

“ถอดกางเกงให้จันทร์หน่อยสิ”

มีหรือที่ผมจะกล้าขัดใจ จัดการถอดให้ทั้งกางเกงและอันเดอร์แวร์รวดเดียวเลย ตอนนี้คนบนร่างของผมก็เหลือแค่ผิวขาวเรียบเนียนเปลือยเปล่า ผมอดใจไม่ไหวต้องลูบไล้เคล้นคลึงทุกสัดส่วนโดยเฉพาะสะโพกที่ช่างเหมาะพอดีมือเสียจริง และด้วยความเงอะงะของคนรักผมจึงช่วยขยับมือบางให้รวบทั้งของผมและของเจ้าตัวขยับเสียดสีพร้อมกัน แบบที่เคยสอนเมื่อครั้งก่อน เด็กหัวไวอย่างจันทร์จึงเรียนรู้ได้เร็ว

“อ่ะ”
ไม่นานแก่นกายของเราทั้งคู่ก็ขยายโต แต่ในส่วนของผมยังไม่เต็มที่ครับมันยังตื่นตัวได้อีกตอนนี้ให้เด็กน้อยที่ไวต่อความรู้สึกของผมถึงจุดสุดยอดไปก่อน

“อ๊าาา”
น้ำสีขาวขุ่นทะลักออกมาเต็มหน้าท้องของผมพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ผมชอบฟัง ผมโอบกอดร่างเล็กล้มตัวลงนอนหอบหายใจบนแผ่นอก

“มีโลชั่นมั๊ย?”
กระซิบถาม คนถูกถามก็พยักหน้าหงึกๆ อยู่สองสามครั้งจึงขยับตัวลุกขึ้นไปหยิบเบบี้ออยล์มาส่งให้ผม เตรียมพร้อมและชำนาญขนาดนี้ผมรู้ได้ทันทีว่าต้องมีคนสอนมาแน่ๆ แต่เอาเป็นว่าผมจะยกผลประโยชน์นี้ให้ตัวเองแล้วกันนะครับ

ร่างเปลือยเปล่ากลับขึ้นมานั่งคร่อมผมอีกครั้ง และส่วนนี้คงเป็นหน้าที่ของผมในการช่วยจัดการตระเตรียมช่องทางก่อนเริ่มของจริง ซึ่งแน่นอนว่าผู้นำมือใหม่ป้ายแดงต้องอยู่ด้านบน และถึงแม้ว่าบทเพลงรักจะดำเนินไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ถือว่าโอเคมากสำหรับผม ทว่าทางฝั่งของท่านผู้นำนั้นผมขอยืนยันด้วยเสียงแทนละกันนะครับ

“อ๊ะ อ่ะ พ พี่ยู”

“พ พ ยู จ เจ็บ อ่ะ”

“จ จันทร์ เจ็บ อื๊อออ”

“อ๊า อื้ออ”

“ช ช้า อ๊า อ๊ะ”

“ต ตรงนั้น อ่ะ”

“อ่ะ อืมม”

“อ่ะ อ่ะ”

“อ๊าาา”

อืมมมม ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วยังไงล่ะครับว่าถ้าเริ่มแล้ว.. ผมก็จะไม่หยุดกลางคันแน่นอน และคืนนี้ยังอีกยาวไกลไม่ต้องเร่งรีบมากมาย ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเนิบนาบเรื่อยๆ เอาที่ท่านผู้นำพอใจและมีความสุขที่สุด ส่วนผมนั้นไม่ขออะไรมาก แค่ต้องได้กำไรเท่าตัวเท่านั้นเอง


   

.
.
.
.



ความสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วแค่ไหน เช้าวันแห่งการจากลาก็มาถึงเร็วแค่นั้น..

สนามบินสุวรรณภูมิยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติ หลังจากเช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ผมก็เดินกลับมาหาไอจังคนสวยกับคุณหมอเปรม และเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนหน้าซีดเผือดเพราะมีไข้อ่อนๆ ก็จะไม่ให้ไข้จับได้ยังไงล่ะครับ เมื่อคืนอวดเก่งซะขนาดนั้น นี่ขนาดผมพยายามยับยั้งอารมณ์ไม่ให้รุนแรงอย่างถึงที่สุดแล้วนะครับ เอาเป็นว่าแค่ท่าเดินกะโผลกกะเผลกเนี่ยใครเห็นก็รู้แล้วล่ะครับว่าโดนอะไรมา ไอจังก็ส่งสายตาหยอกล้อซะจนผมรู้สึกสำนึกผิดเลย 

“ถ้าจันทร์บอกว่าคิดถึงและอยากเจอพี่ยูจะต้องรีบเคลียร์งานมาหาจันทร์นะ”

“อืม”

จูบหน้าผากมนที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติ ผมอยากจะให้จันทร์นอนพักอยู่ที่ห้องมากกว่าแต่เจ้าตัวก็ยังดื้อจะมาส่งผมให้ได้

“ตั้งใจเรียนและดูแลตัวเองให้ดี”

“รู้แล้วครับ”

“ฉันจะพยายามเคลียร์งานเพื่อจะได้มาหาเธอบ่อยๆ”

“นั่นเป็นสิ่งที่พี่ยูต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
สองแขนเรียวโอบกอดรอบเอวและซบหน้าลงกับแผ่นอกของผม

“จันทร์รักพี่ยูนะ”

“ฉันก็รักเธอ”

ใบหน้าซีดเซียวเงยมองผม เสี้ยววินาทีนั้นผมเห็นคนตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มในชุดยูกิโมโนของผู้ชายเนื้อผ้าทำด้วยผ้าไหมอย่างดีและที่สำคัญคือมีตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ...ทซึกิ.. แววตาที่ผมเห็นเหมือนกับว่าทซึกิกำลังร้อนรนใจอะไรบางอย่าง และมันก็ทำให้ในอกด้านซ้ายของผมวูบโหวงขึ้นมาทันที

“ไอจัง”

“ไฮ้”

ผมหันไปเรียกไอจังที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไอจังขานรับแล้วรีบเดินมาหาผม

“คาเระ โอะ อิโม่โตะ นิ อะสุเครุ”
ผมฝากจันทร์ไว้กับไอจัง

“ไฮ้! ชิมปัยชิไนเด่ะ เน๊ะ โอนี่จัง”
ไอจังรับปากด้วยความเต็มใจ และบอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ถึงแม้ว่าผมมั่นใจในศักยภาพของทีมบอร์ดี้การ์ดของคุณหนูอิเคดะไอ ทว่าหน้าที่หลักของพวกเขาเหล่านั้นคือดูแลเจ้านายของตัวเอง ดังนั้นการดูแลคนรักของผมจึงเป็นเพียงแค่หน้าที่รอง

“กลับไปพักผ่อนที่คอนโด ห้ามออกไปไหนจนกว่าคุณพ่อและน้องโซ่จะมาถึง”

“ครับ”
ประทับจูบบนหน้าผากมนอีกครั้ง ถ้าหากจันทร์ตัดสินใจไปญี่ปุ่นกับผมด้วยคงไม่ต้องกังวลมากขนาดนี้ แต่ยังไงซะผมยังคงเชื่อว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังอยู่ในขอบเขตที่ผมสามารถควบคุมได้นั่นหมายความว่าอันตรายที่ผมเป็นกังวลจะไม่เกิดขึ้นกับจันทร์ไปอีกพักใหญ่

เมื่อบอกลากันพอเป็นพิธี ผมก็เดินเข้าด้านในพร้อมกับมาซารุและลูกน้องอีกสองคนเพราะใกล้ถึงเวลาเดินทางแล้ว ผมพยายามที่จะไม่หันกลับไปมองด้านหลังด้วยกลัวว่าจะอดทนไม่ไหวที่จะไม่ฉุดพาคนรักขึ้นเครื่องกลับไปญี่ปุ่นด้วยกัน และขณะที่กำลังนั่งรอฟังเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องอยู่นั้น มาซารุก็เดินมากระซิบบางอย่างที่ผมให้ผมต้องกระตุกยิ้มอย่างพอใจแล้วหันไปมองบุคคลที่สาม

“สวัสดีค่ะ คุณอิเคดะ ยู”

“สวัสดีครับ คุณศศิ”

“ถ้าฉันรู้ว่าคุณพูดไทยได้ชัดขนาดนี้คงไม่ปล่อยไก่ไปเป็นเล้าแน่”

“คุณไม่เคยถามผมต่างหาก”

หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมในตอนนี้คือ ศศิ จินตเลิศวิวัฒน์  หรือเธอก็คือคุณเดือน นักธุรกิจสาวสวยและมากความสามารถของเกาะฮ่องกง ตั้งแต่แยกกันที่บ้านสวนเมื่อเดือนก่อนเราก็ไม่ได้เจอและไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

“คุณบินไฟท์นี้เหรอคะ? แหม บังเอิญจัง”

ถ้าหากมีสาวสวยมาพูดแบบนี้กับผู้ชายไหนคงได้ตกหลุมพรางแห่งความ ‘บังเอิญ’ เป็นแน่ แต่ไม่ใช่สำหรับผมครับ เพราะผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“คุณจะไม่ถามอะไรฉันสักคำเหรอคะ?”

“คุณตามผมทำไม?”

ริมฝีปากสีแดงชาดระบายรอยยิ้มขบขัน

“น่าเศร้าจังเลยนะคะ เดี๋ยวนี้เราเหมือนเป็นคนอื่นกันไปซะแล้ว”

เธอไม่ตอบคำถามของผม และยังจะเลี่ยงประเด็นสนทนาไปเป็นเรื่องอื่น

“คุณไม่เคยเป็นคนอื่นครับ”

“เอ๋?”

“สำหรับผม คุณเป็นเพื่อนร่วมวงการที่ดีและยังเป็นพี่สาวของศศิน.. คนที่ผมรัก”

ใบหน้าสะสวยแสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็สามารถควบคุมอารมณ์แล้วกลับมาระบายรอยยิ้มเช่นเดิมได้ภายในไม่กี่วินาที

“ฉันตามคุณเพราะฉันแค่คิดถึงคุณ..”

มันคือคำตอบของคำถามที่ผมถามไปก่อนหน้า เธอวนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงประกาศให้ผู้เดินทางขึ้นเครื่อง ผมจึงลุกขึ้นเดินขึ้นเครื่องพร้อมกับคุณเดือน อย่างน้อยคนที่ผมกลัวที่สุดก็อยู่ตรงนี้นั่นหมายความว่าจันทร์จะยังคงปลอดภัย

แม้ผมกับคุณเดือนจะนั่งในชั้นโดยสารพิเศษเหมือนกันและที่นั่งก็อยู่ใกล้กัน แต่หลังจากนักบินประกาศนำเครื่องขึ้นผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับเธออีกเลย จนกระทั่งสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง มาซารุเดินมาจากอีกห้องชั้นโดยสารด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและกระซิบบางอย่างกับผมนั่นจึงทำให้ผมต้องเริ่มบทสนทนากับคุณเดือนอีกครั้ง

“คุณแม่ของคุณต้องการอะไรจากจันทร์?”

คำถามของผมทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มขบขัน

“แหม.. แม่ลูกกันนะคะ”

ถ้าหากเป็นคนอื่นผมจะไม่แปลกใจสงสัยแต่นี่เป็นคุณรวินทร์นิภากับลูกชายที่ไม่เคยใส่ใจดูแล ผมคิดว่าผมคาดเดาอะไรบางอย่างพลาดไปแน่ๆ และขณะที่ผมจ้องมองเธอเพื่อต้องการคำตอบ ผมจึงได้รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าผมในขณะนี้ไม่ใช่คุณเดือน แต่มันเป็นภาพซ้อนทับของใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก หญิงสาววัยกลางคนในชุดกิโมโนหรูหราที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ระดับสามัญชน

“คุณคิดว่าฉันเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้มาตลอดสินะคะ”

ในแววตาที่มองผมนั้นช่างอ่อนโยนแต่ทว่าก็แฝงไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ

“หัวใจของฉันเศร้ามาตลอดเพราะคุณเหมือนคนตาบอดนี่แหละค่ะ”

เธอคือใคร?.... เธอไม่ใช่มิกิ!



.
.
.
.
.
.

TBC..  :oni1:




โอ๊ยยยย  อีก 2 ตอนจะจบแล้ว รินตื่นเต้นจังเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2017 10:25:03
ภาคสองกำลังจะมา?
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 03-03-2017 10:38:25
อกอิแป้นจะระเบิด ขอต่อจนจบเลยได้มั๊ยคะ
แล้วจะรีบไปสอยตอนพิเศษเพิ่มในงานสัปดาห์หนังสือ  :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-03-2017 10:43:35
อะไรกัน...เริ่มขมวดปมแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: jinholmemin ที่ 03-03-2017 11:14:57
เฮ้ยยยย หมายความไง หรือจริงๆแล้ววิญญาณมิกิอยู่ในร่างแม่ของจันทร์ หือ?????
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-03-2017 12:58:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 03-03-2017 13:05:35
หา จะจบและเหรอ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 03-03-2017 14:02:00
เค้าได้กันแล้วค่ะ ไหนว่ารอเรียนนจบบบ ได้ข่าวน้องเพิ่งเข้าเรียนเด้อออออ แล้วคือยังไงงง สรุปใครคือมิกิ แม่ของจันทร์หรอออ โอ้ยลุ้นอะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-03-2017 14:19:27
อ่านแล้วอุทานเบาๆ กำ สรุปคุณพี่ไม่ร้าย แล้วใครกันที่จะเป็นตัวร้าย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-03-2017 14:55:36
เอิ่ม คือรายยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-03-2017 15:18:50
ยัยเดือนนี่ร้ายนะ จัดการเลย เป็นห่วงน้องจันทร์
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-03-2017 15:49:38
อะไรเนี่ยยยนน
เล่นสลับวิญญานกันเรอะ
ตกลงใครคือใครในอดีต ปัจจุบัน
เครียดค๊าาาาาา

อย่าบอกนะว่าจากพี่น้องในอดีต ตอนนี้คือแม่ลูก??
ถึงได้ไม่ดูดำดูดีจันทร์เลย??
ม่ายจริงน่าาาาาาา

โอ๊ยยย ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-03-2017 18:57:12
เฮ้ยยยย หมายความไง หรือจริงๆแล้ววิญญาณมิกิอยู่ในร่างแม่ของจันทร์ หือ?????
อย่างนี้หรือ
แม่ถึงไม่รัก ไม่เลี้ยง ไม่ใส่ใจลูกชายเลย
อกอีแม่ แล่เนื้อเถือหนังลูก ชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: r.saranya ที่ 03-03-2017 20:21:09
ตอนนี้มี 2 อารมณ์ คือกำลังจิกหมอนกับน้องจันทร์ออนท็อปพี่ยูอยูดีๆ โดนกระชากอารมณ์ลุ้นจนคิ้วผูกโบว์กับตัวร้าย แต่นั่นไม่พีคเท่าโดนคุณรินตัดตอน  :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-03-2017 21:36:32
อะไรๆ งง แล้วนะนิ ตกลงจะมาร้ายแบบไหนนิ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 03-03-2017 22:53:41
จันทร์ หนูอยากหรอลูกกกก ?? 5555 ห๊ะ!? จะจบ?? งงงงงงง  :ling3:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 03-03-2017 23:44:48
ถ้าเดือนไม่ใช่มิกิแล้วใครคือมิกิ แม่ของจันทร์หรอ? กำลังเข้มข้นขึ้นทุกที แล้วอิแม่นี่มันต้องการไรอีก ยังไม่จบอีกนะ #ขอให้ปลอดภัยทั้งคู่
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 04-03-2017 03:36:20
 o13 o13 o13. น้องจัทนร์ร้อนแรงมาก
ลุ้น...ลุ้น.....เป็นไงต่อ
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-03-2017 08:30:30
คุณจันทร์ของไอ้โซ่ ทำไมเป็นคนแบบนี้ ขี้อ่อยหนักมากกนะ มีความเซี้ยว
แต่เข้าใจจันทร์นะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอ ก็ขอรอยจารึกไว้ให้คิดถึงกัน

ยูชัดเจนมาก แต่สมควรโดนงอน พอคิดเรื่องงานเครียดแล้วไม่สนใจน้อง

ยิ่งอ่านตอนท้ายยิ่งใจเต้นค่ะ มิกิคือแม่ของจันทร์หรอ โอ๊ยยยยยย ลุ้นค่ะ

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-03-2017 11:14:14
 :o :o :a11: :o :o
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 04-03-2017 21:19:50
ไม่ๆๆๆๆ อย่าเพิ่งจบ
ม่ายยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 06-03-2017 18:05:38
กดดัน!!! ลุ้นมากค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 06-03-2017 19:33:57
ขอมุดเตียงน้องจันทร์ อยากมุด มุด มุด มุด  :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-03-2017 19:36:15
เดือนไม่ใช่มิกิ งั้นใครล่ะ  :mew5: อย่าบอกนะว่า......  :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 06-03-2017 23:43:59
เอาแหล่ววววว ผิดฝาผิดตัวไปอีกสินะ มิกิคิอแม่เหรอ อะไร ยังไง ตอนใหม่ต้องมาาาาาา
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-03-2017 23:47:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 07-03-2017 11:47:37
ถามว่าเครียดไหม...เครียด
ถามว่าน่ารักไหม...มาก
ถามว่าอินไหม...สุดๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 07-03-2017 11:49:19
ความลับซ้อนเร้นมากมาย
ใกล้จะจบแล้วเหรอ...ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 07-03-2017 12:38:09
อะไรยังไง สับสน
ที่รู้อย่างเดียวคือเขาได้กัน 55555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 07-03-2017 14:43:46
อ่านไป.... ก็ลุ้นไป o13 สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -16- [3.3.60] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 08-03-2017 12:52:19
 :hao7:  :katai1:  :ling1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 09-03-2017 02:12:53
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน






-17-





พี่ยูมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบ ผมเองก็มีการเรียนที่ต้องรับผิดชอบ ตอนนี้ก็แค่ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น..

หลังจากพี่ไอแวะมาส่งที่คอนโดเจ้าตัวตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนรอจนกว่าพ่อต้อม ลุงฟ้อน และไอ้โซ่มาถึงในตอนเย็น แต่เพราะผมรู้สึกอ่อนเพลียจากการพักผ่อนไม่เพียงพอแถมยังมีไข้รุมๆ จึงอยากจะนอนพักมากกว่าครั้นจะให้พี่ไอมานั่งเฝ้าก็ใช่เรื่อง

“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ไออยู่เป็นเพื่อน”

“ครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่นอนพักผ่อนก็หายแล้วครับ ไม่เชื่อถามคุณหมอเปรมดูสิครับ”

พี่ไอที่วันนี้แต่งตัวน่ารักสดใสสมเป็นคุณหนูอิเคดะไอหันไปมองหน้าสามีเพื่อขอคำยืนยัน คุณหมอเปรมนทีป์พยักหน้ายืนยันพร้อมอธิบายคนรักเพิ่มเติม

“กินยาลดไข้ แล้วนอนพักผ่อนให้เต็มที่ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”

เจอคำยืนยันจากคุณหมอเปรมแบบนี้พี่ไอก็ต้องยอมเชื่อฟังแต่ด้วยความเป็นห่วงก่อนจะกลับพี่ไอก็ยังหันกลับมาย้ำกับผมอีกหลายรอบว่า ‘ถ้าอาการไม่ดีขึ้นรีบโทรหาพี่ทันทีเลยนะ’ 

ทุกคนกลับไปหมดแล้ว ผมยืนมองบานประตูที่ปิดสนิทอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลงบนโซฟามองเข็มนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังอย่างเลื่อนลอย  จากนั้นก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกหาแม่มลและคุณยาย ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ผมถึงได้รู้สึกเหงาและคิดถึงบ้านขึ้นมา แต่พอแม่มลรับผมก็แสร้งทำเป็นถามว่าตอนนี้พ่อต้อมเดินทางถึงไหนแล้ว คำตอบที่ได้รับคืออีกหลายชั่วโมงกว่าพ่อต้อม ลุงฟ้อน และไอ้โซ่จะมาถึงเพราะระหว่างทางพวกท่านต้องแวะทำธุระอีกหลายแห่ง ผมชวนแม่มลคุยต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะวางสาย และก็เอาแต่นั่งมองหน้าจอที่ไร้แสงไร้ภาพใดๆ อยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที อีกไม่กี่ชั่วโมงพี่ยูก็คงจะเดินทางถึงญี่ปุ่น ผมยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาและผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ไข้

ผมฝันอีกแล้ว....

มันเป็นค่ำคืนหนึ่งในฤดูกาลอันหนาวเหน็บ สีขาวโพลนของเกล็ดละอองหิมะโปรยปลิวไปทุกพื้นที่ แม้ผมจะไม่ชอบความหนาวที่ทิ่มแทงเข้าถึงกระดูกแต่ผมกลับชอบสีขาวของหิมะ

ยูกิ แปลว่า หิมะ.. และเป็นชื่อของท่านแม่..

ในความทรงจำสีจาง ท่านแม่เป็นคนสวยและฉลาดเฉลียว เป็นมิไดซามะหรือภรรยาหลวงของท่านเซอิไทโชกุนที่ฝ่ายในเทิดทูนรักใคร่ อ้อมกอดของท่านแม่อบอุ่นเพียงใดสัมผัสนั้นยังอ้อยอิ่งอยู่ในทุกห้วงคะนึง และแม้เวลาเหล่านั้นจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใดแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเลือนหายไปจากใจนั่นคือสาเหตุการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของท่านแม่ ต่อให้ไม่มีใครเคยเอ่ยถึงแต่ทว่าภายในใจยังหวนรำลึกอยู่เสมอ   

“ทซึกิ?”
เสียงเรียกที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีทำให้ผมต้องหยุดคิดเรื่องทุกสิ่งแล้วหันไปค้อมศีรษะให้ผู้หญิงวัยกลางคนในชุดกิโมโนหรูหราที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตู ท่านหญิงผู้นี้ก็คือผู้รั้งตำแหน่งมิไดซามะคนปัจจุบันและเป็นคนที่ผมต้องใช้สรรพนามเรียกว่า ‘โอก้าซามะ’ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือผมจำเป็นจะต้องเรียกว่า ‘ท่านแม่’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ทซึกิ.. น้ะหนิ โอ๊ะ ชิเต๊ะอิมัสก๋า?”
นี่ถือว่าเป็นคำถามประจำตัวผมเลยก็ว่าได้ ‘ผมกำลังทำอะไรอยู่?’ ท่านมักจะถามผมแบบนี้ทุกครั้งที่เจอ ราวกับว่ากำลังจดจ้องมองผมอยู่ทุกขณะ

“คมบัง ยูกิกะฟุรินินัตเตะ คิเรเดส”
ก็แค่ตอบไปตามความเป็นจริงที่ว่าคืนนี้หิมะตก และผมก็คิดว่ามันสวยดี

“ยูกิ?”
ราวกับจงใจเหมือนจะย้ำคำว่า ‘ยูกิ’

“อะนะตะโนะโอก้าซามะกะ นัทซึกะชีเดสเน๊ะ?”
ผมคิดว่าประโยค ‘เธอคงกำลังคิดถึงท่านแม่อยู่สินะ?’ นี้ไม่ใช่คำถาม แต่เหมือนคำตอกย้ำให้ได้รู้มิไดซามะคนปัจจุบันคือใครต่างหาก และผมก็ทำเพียงใช้ความเงียบแทนคำตอบ

“คาไวโซ โดจิ”
ประโยคที่เพิ่งจบไปกล่าวถึงผมว่า ‘เด็กน้อยอย่างผมช่างน่าสงสารเสียจริง’ แต่คนที่พูดไม่ใช่ท่านแม่ น้ำเสียงที่ไพเราะและแฝงไปด้วยอำนาจเช่นนี้มีเพียงคนเดียว

“มิกิ.. โอโตโตะโนะทาเมะนิ อะโซบิไอเทะโวะ ซากะซุฮะสุเดส”
ถ้าฟังเพียงผิวเผินคล้ายว่าท่านแม่มีความห่วงใยต่อผมด้วยกลัวว่าผมจะเหงาจึงได้สั่งให้พี่สาวหาเพื่อนเล่นให้น้องชายเช่นผมบ้าง แต่เนื่องจากมีเสียงหัวเราะเบาๆ ต่อท้ายประโยคดังนั้นต่อให้เด็กอมมือก็คงจะฟังรู้ว่ามันเป็นการเยาะเย้ยเสียมากกว่า

“วาตาชิวะ โอโตนะนินาริมาชิตะ”
ปีนี้ผมอายุสิบห้า จึงแย้งออกไปว่าผมโตจนเกินกว่าจะมีเพื่อนเล่นได้แล้ว นั้นจึงเป็นสาเหตุให้เสียงหัวเราะเงียบลง ต่อให้ผมไม่เงยหน้ามองก็พอจะรู้ว่าผมทำให้คนฟังไม่พอใจสักแค่ไหน

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาย่างก้าวอย่างแช่มช้า ผมจุดรอยยิ้มตรงมุมปาก แม้ยังคงค้อมศีรษะแต่ก็เดาได้ว่าใครกันที่อดรนทนไม่ไหวจนต้องก้าวข้ามผ่านธรณีประตูมาหยุดยืนตรงหน้าผม

“ไฮ.. โซเดสเนะ”
คนตรงหน้าย้ำว่าผมโตแล้วจริงๆ

“ทซึกิ.. อะนะตะโนะอาเนะโนะวาตาชิโตะโดจินโนะ โกะชุจินโวะโมตเตะเดคิเตะ โอโตนะนินาริมาชิตะ”
และย้ำอีกครั้งว่า ‘ผมโตพอที่จะมีสามีคนเดียวกับพี่สาวอย่างเธอได้แล้วสินะ’ ด้วยน้ำเสียงไพเราะเสนาะหูคล้ายกระซิบแต่กดต่ำลึกจนมันทำให้ผมต้องแอบซ่อนรอยยิ้มไว้อย่างแนบเนียนที่สุด

หญิงสาวผู้มีเรือนผมดำขลับยาวถึงกลางหลังนามว่า ‘มิกิ’ เธอคือบุตรสาวคนโตของท่านเซอิไทโชกุน เป็นบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากมิไดซามะคนปัจจุบัน เธอมีงามและแตกฉานในเรื่องกาพย์โคลงกลอนเป็นอย่างมาก เธอจึงได้รับความเมตตาจากท่านโชกุนเป็นอย่างมาก และที่สำคัญก็คือเธอถือกำเนิดในวันคืนพระจันทร์เต็มดวงกลางฤดูร้อนเช่นเดียวกันผม ทว่าเธอลืมตาดูโลกก่อนผมไม่กี่ชั่วโมง เธอจึงกลายเป็นพี่สาวของผม ชื่อของเราทั้งคู่แปลว่าพระจันทร์เหมือนกัน

“โอซาคินิ.. โอก้าซามะ.. โอเนซามะ..”
หิมะหยุดตกแล้ว ผมเองก็ไม่มีอะไรที่อยากจะคุยต่อดังนั้นจึงค้อมศีรษะให้ทั้งท่านแม่และท่านพี่สาวเพื่อขอตัวกลับไปพักผ่อน และจังหวะที่ผมหันหลังเดินจากมานั้น

“โคโนะเซไคนิวะ ฮิมิทซึกะอาริมาเซ็นโยะ”
ท่านพี่ทิ้งท้ายไว้ว่า ‘ความลับไม่มีในโลกหรอกนะ..’ ผมไม่รู้ว่าท่านจงใจจะพูดกับผมหรือแค่บ่นขึ้นมาลอยๆ แต่มันก็ทำให้ผมอดที่จะกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้

ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ตอบโต้ ผมเดินกลับเรือนพักของตัวเอง มองสีขาวโพลนระยิบระยับจับตาเมื่อต้องแสงจันทร์ผ่านบานหน้าต่าง และย้ำกับตัวเองภายใจใน.. ท่านแม่ของผมมีเพียงคนเดียว คนรักของผมก็ต้องเป็นของผมแค่คนเดียว และที่สำคัญผืนฟ้าสีรัตติกาลก็มิอาจมีจันทราได้สองดวง...


เฮือกกก


ความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองจู่ๆ ก็พลัดตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่ทำให้ผมสะดุ้งตื่น ผมหอบหายใจอย่างหนัก หัวใจก็เต้นแรง แสงภายนอกจ้าเกินไปทำให้ผมต้องกระพริบตาอยู่หลายต่อหลายครั้งเพื่อปรับสมดุลทางการมองเห็น แล้วภาพที่พร่าเลือนก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

“คุณแม่?”

คนตรงหน้าระบายยิ้มบางเบาแต่ทว่าสายตาที่มองผมไร้ซึ่งความหมายใดๆ วินาทีนั้นผมจึงได้สติกลับมาแล้วรีบหันมองสำรวจรอบกาย

ที่นี่ที่ไหน?
แล้วทำไมคุณแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

“ใช่แล้วลูกชาย.. ฉันคือแม่ของเธอ”
คนพูดระบายรอยยิ้ม ถูกต้องครับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมนี้คือผู้ให้กำเนิดผม คำถามเดิมเวียนกลับมาอีกครั้ง ‘ทำไมคุณแม่ถึงได้มาอยู่ที่นี่?’ และ ‘ที่นี่คือที่ไหน?’

ขณะที่กำลังมึนงงกับสถานการณ์ ผู้ชายร่างฉกรรจ์สองคนก็เดินตรงเข้ามาหิ้วปีกผม

“คุณแม่.. นี่มันอะไรกันครับ!?”

“ชู่ว์.. อย่าเอะอะสิเด็กน้อย”
แววตาที่มองมาและลักษณะการพูดที่ฟังแปลกไปก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างประหลาด

“อ๋อ.. ฉันลืมไปว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อย”
ริมฝีปากยังคงระบายรอยยิ้ม คุณแม่โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอ่ยประโยคแผ่วเบาแต่ทว่าผมได้ยินชัดเจน

“เธอโตแล้ว...”
น้ำเสียงแบบนี้... เหมือนเคยได้ยินที่ไหนกันนะ??

“ค คุณคือใคร?”
เหมือนคนบ้ามั๊ยครับ? ทั้งที่เห็นอยู่ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือบุพการีผู้ให้กำเนิดตัวเองมาแท้ๆ แต่ยังถามคำถามโง่ๆ ออกไป นั่นเพราะน้ำเสียงที่ไม่ว่าจะฟังกี่ทีก็ช่างไพเราะจับใจและยังแฝงด้วยพลังอำนาจ.. เหงื่อเม็ดเล็กซึมทั่วแผ่นหลังของผม

คนถูกถามไม่ได้ตอบ คุณแม่หันหลังกลับแล้วเดินนำไปที่รถตู้คันหรูที่จอดรออยู่ไม่ไกลนัก ในขณะที่ผมถูกใครก็ไม่รู้กระชากลากถูให้เดินตามคุณแม่ไปและยัดผมเข้าไปในรถ แรงผลักทำให้หน้าผมคะมำคว่ำลงไปนอนตัวงออยู่กับช่องแคบๆ ระหว่างเบาะ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอคุณแม่ส่งยิ้มให้แต่ไม่มีวี่แววว่าจะช่วยฉุดผมให้ลุกขึ้น และตอนนี้นี่เองที่ผมเพิ่งรู้ว่าแขนและขาไร้เรี่ยวแรงเพียงใด แค่จะยันแขนพยุงตัวให้ลุกขึ้นยังทำไม่ได้ นี่เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผมเนี่ย

ผมมองคนที่นั่งไขว่ห้างไม่ยินดียินไร้ใดๆ ทั้งสิ้น

“ฉันโทรบอกคนที่บ้านสวนแล้วว่าเธออยู่กับฉัน”
ใบหน้าของผู้ให้กำเนิดประดับรอยยิ้มอ่อนหวาน

“แม่.. แค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกบ้างก็เท่านั้น.. เหตุผลนี้จะมีใครคัดค้านบ้างนะ”
มันคือการเสแสร้งแกล้งทำ คุณแม่คงจะโกหกทุกคนได้แนบเนียนไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครคิดจะปล่อยผมมาแบบนี้ได้ง่ายๆ ความหวังเล็กๆ ที่เคยแอบคิดว่าเยื่อใยระหว่างความสัมพันธ์แม่ลูกนั้นมีอยู่จริงได้พังครืนลงมาจนไม่เหลือซากเศษชิ้นดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมถึงกับอยากจะร้องไห้เลยสักนิด

“คุณแม่จะพาผมไปไหน?”
คนฟังหัวเราะขึ้นคล้ายว่าคำถามของผมเป็นเรื่องขบขัน

“เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”
ใบหน้าที่ผมคุ้ยเคยเป็นอย่างดีโน้มลงมาใกล้ ดวงตาของเราสบกัน และมันก็ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ

“ค คุณเป็นใคร?”

ไม่มีคำตอบ จะมีเพียงรอยยิ้มพรายที่หยักขึ้นตรงมุมปากสีชาดที่หยักขึ้น ผมพยายามถดตัวหนีอย่างสุดฤทธิ์ แต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะพื้นที่วางเท้าระหว่างเบาะเปรียบได้ดังเครื่องพันธนาการชั้นดี

“ต้องการอะไร?”

ความกลัวกอบกุมหัวใจผมไว้จนแทบไม่เหลือซึ่งความกล้าหาญ การแต่งกายตามยุคสมัยเปลี่ยนเป็นชุดกิโมโนลายดอกไม้บานสะพรั่งหรูหรา เส้นผมสีดำขลับขับผิวขาวเนียนให้ผ่องผุดผาด งดงาม.. ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามเสียจริง แต่ทว่าแค่ชั่วอึดใจคล้ายว่าหญิงสาวจะสำลักอะไรบางอย่าง ของเหลวสีข้นก็ทะลึกออกมาตรงมุมปากทั้งที่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม แตกต่างจากดวงตาคู่สวยที่ฉายชัดซึ่งความเคืองแค้นและหยิ่งยโส

เลือดหยดลงบนแขนของผม ทีละหยด ทีละหยด จนมือของเต็มไปด้วยเลือด.. ผมลนลานหวีดกลัว กลิ่นคาวลอยคลุ้งเตะจมูกจนน่าสะอิดสะเอียน ในท้องปั่นป่วนจนอยากจะขย้อนของเก่าออกมาแต่สติของผมก็ดับวูบลงเสียก่อนจะได้รู้ว่ามันคือความฝันหรือความจริง


.
.
.
.
.
.



ลำคอแห้งผาก.. สมองหนักอึ้ง..

“ตื่นได้แล้ว..”

ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วกวาดสายตาไปโดยรอบ ความมืดและความหนาวเหน็บที่โอบล้อมทำให้อดไม่ได้ที่จะห่อไหล่ลง

“ตื่นก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ตื่นอีกเลย”

ประโยคที่ดังขึ้นทำให้ผมเลื่อนสายตาไปมองช้าๆ แล้วพยายามเค้นเสียงพูดจากลำคอที่เจ็บแสบด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“คุณแม่?”

“ว่าไง.. ลูกรัก”

เสียง ‘หึ’ ที่ต่อท้ายประโยคทำให้ผมตระหนักได้ว่านี่แหละคือความจริง..

ไม่มีอะไรจะพูดและไม่มีคำถามใดๆ เพราะต่อให้ถามไปสักเท่าไหร่ก็คงจะไม่ได้คำตอบ ผมงอตัวแล้วกอดตัวเองให้แน่นขึ้นด้วยอากาศช่างหนาวซะเหน็บเหลือเกิน อย่าถามว่าทำไมผมไม่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีหรือต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอด ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำอย่างนั้นแต่ร่างกายของผมตอนนี้ไม่ต่างจากคนเป็นอัมพาต แค่จะกระพริบตาผมยังรู้สึกว่ามันเหนื่อยเสียจริง

“รู้มั๊ยว่าฉันรอเวลานี้มานานแค่ไหน?”

“ตอนที่ฉันเธอออกมาดูโลก ความรู้สึกของฉันในตอนนั้นทั้งสะใจและเจ็บปวด.. เกือบยี่สิบปีที่ผ่านฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตายจนนับครั้งไม่ถ้วน ฉันพยายามอดทนรอเพื่อให้ถึงวันที่เธอและเขา.. ได้เจอกัน”

เขา.. คือใคร?? แต่คนเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือ ‘พี่ยู’ ..

ทำไมคุณแม่ต้องทำแบบนี้? ทำไมคุณแม่ถึงเกลียดผมนักหนา? ทำไม? และ ทำไม? ผมอยากจะเอ่ยคำถามเหล่านี้ออกไปแทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่เสียงที่ออกจากลำคอของผมช่างเบาหวิวเสียจนเสียงยุงกระพือปีกยังดังเสียกว่า

ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ชั่วขณะ ผมนอนมองปลายเท้าของคุณแม่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากผม จากรองเท้าหนังมีส้นของผู้หญิงค่อยๆ ถูกซ้อนทับจนกลายเป็นรองเท้าไม้ที่เรียกว่าเกี๊ยะ ชายกางเกงผ้าเสื้อดีกลับกลายเป็นชายชุดกิโมโนยาวระพื้น..

ท่ามกลางความเงียบคล้ายจะเป็นเสียวสวดมนต์แทรกหวิวมากับสายลม เส้นขนลุกชัน หนาววาบกลางสันหลัง เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่แว่วเสียงเหล่านั้นก็ค่อยๆ ทวีความชัดเจนขึ้น แต่ไม่ใช่เสียงสวดมนต์อีกต่อไป สายลมหอบกลิ่นคาวเลือดลอยมาแตะจมูกพร้อมกับเสียงอื้ออึงกรีดร้องอย่างโหยหวน รวมไปถึงเสียงโลหะกระทบกัน บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงความฝันก่อนที่จะได้เจอกับพี่ยู..

อากาศหนาวถึงขั้วกระดูกแต่เหงื่อกลับซึมเต็มหน้าผากและแผ่นหลัง.. ใครก็ได้มาช่วยผมที.. พี่ยู.. ช่วยผมด้วย..

“ทซึกิ.. โอะหิสะฉิบุริเดส”

ผมจำได้ว่าผมไม่เคยเรียนรู้และไม่เคยสนใจเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นเลยสักนิด นอกจากในความฝันแล้วผมไม่เคยที่จะเข้าใจ ขนาดพี่ยูพูดกับคุณมาซารุผมก็ยังไม่แม้แต่จะกระดิก แต่ทำไมตอนนี้ทั้งๆ ที่ผมมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่ผมกลับเข้าใจว่าหญิงสาวในชุดญี่ปุ่นโบราณตรงหน้ากำลังพูดว่า ‘ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ.. ทซึกิ..’

“ทซึกิโนะ โคะโตะโอ๊ะ โบะเอะเตะรุ?”

ริมฝีปากสีแดงระบายรอยยิ้มพร้อมถามผมว่าผมจำเธอได้รึเปล่า?.. แค่คำถามง่ายๆ แต่ทำนบน้ำตาของผมกลับไหลออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ภายในอกด้านซ้ายเจ็บหนึบเหมือนมีใครเอามีดมากรีด

ไม่ใช่...

พยายามออกแรงส่ายหน้าปฏิเสธว่าผมไม่ใช่ทซึกิ.. ผมคือศศิน ผมคือจันทร์ ต่างหาก.. ได้โปรดอย่ายัดเยียดให้ผมเป็นทซึกิอีกเลย

ภาพตรงหน้าถูกสลับซ้อนทับกลับเป็นคุณแม่ของผมอีกครั้ง ท่านระบายยิ้มให้ผม

“เธอจำที่นี่ได้มั๊ย?”

ใบหน้าของบุพการีผินไปด้านขวาทำให้ผมต้องพยายามขยับองศามองตาม และผมก็ได้รู้ว่าที่นี่คล้ายวัด หรือไม่ก็ศาลเจ้า มีแผ่นไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือแขวนเรียงรายไว้มากมายทั่งห้อง บนแผ่นไม้เขียนตัวอักษรด้วยพู่กันโดยใช้หมึกสีดำ

“ตรงนี้”

เรียวนิ้วชี้ไปยังจุดที่มีกระจกรูปแปดเหลี่ยมวางไว้..

“ดูตัวเองให้ดีสิ.. ว่าเธอเป็นใครกันแน่?”

จู่ๆ แสงสีนวลก็วาบขึ้นในบานกระจกที่มีฝุ่นจับหนาเขลอะ แล้วผมก็ได้แต่เบิกตาค้างกับภาพที่สะท้อนอยู่ในเงาของกระจกแปดเหลี่ยม

เด็กหนุ่มในชุดกิโมโนเงาวับดูแว่บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนสามัญชนธรรมดา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าใบหน้าและรูปร่างของเด็กคนนั้นเหมือนผมทุกย่างราวกับฝาแฝดหรือไม่ก็คนๆ เดียวกัน

นั่น.. ตัวผม?? ไม่ใช่สิ นั่นคือ.. ทซึกิ??

ในมือของเด็กหนุ่มถือดาบที่อาบด้วยเลือด ร่างมากมายเมื่อครู่บัดนี้นอนล้มทับเป็นกองพะเนิน มันคือภูเขาศพขนาดย่อม ด้านหน้าของเด็กหนุ่มคือหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งในท่าคุกเข่า เพียงชั่วอึดใจปลายดาบก็เสียบแทงเข้าตรงช่องท้องของหญิงสาว
ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง..

เส้นผมสีดำขลับยังคงพริ้วสยายและชุดกิโมโนงดงามลวดลายดอกไม้บัดนี้ถูกฉาบย้อมด้วยสีแดงข้น เด็กหนุ่มปล่อยด้ามดาบแล้วดึงมือของหญิงสาวที่เหลือเพียงร่างที่ไร้วิญญาณมากอบกุมด้ามดาบไว้แทน จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น ใบหน้านั้นผินมองมาทางผม ริมฝีปากฉ่ำของเหลวคาวข้น

ผมยาวดำขลับขับผิวหน้าขาวซีดอย่างกับคนขาดเลือด ดวงตากลมโตจ้องมองผมจนปูดโปนด้วยความแค้นเคืองทำเอาเส้นขนทุกอณูบนร่างของผมลุกชัน ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ และต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบของคุณแม่วางลงบนแก้มของผม

“แกฆ่าฉัน แกฆ่าท่านแม่ของแม่ฉัน แกฆ่าทุกคนที่ฉันรัก แกทรมานพวกเรา..”

ม่านน้ำรินไหล ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเจ็บปวดจนแทบจะทะลุกออกมา สมองของผมชาหนึบไปหมด คิดอะไรไม่ออก พูดออกมาก็ไม่ได้ ตอนนี้จึงทำแค่นอนขดกอดตัวเองร้องไห้กับความหวาดกลัว

“โอดะ เรียวมะ..”
ชื่อของใครคนหนึ่งถูกเอ่ยขึ้น

“รักอย่างนั้นเหรอ?”
คนพูดระเบิดหัวเราะออกมา

“แกแย่งเขาไปจากฉัน แกหลอกใช้เขาเพื่อให้บรรลุถึงอำนาจ.. แล้วแกก็ฆ่าเขา โดยใช้ชื่อฉัน”
ประโยคสุดท้ายใช้น้ำเสียงกดต่ำย้ำลึกจนคล้ายเสียงสะอื้น

“แกโยนความผิดทุกอย่างให้ฉันกับท่านแม่ เราทั้งคู่ถูกจองจำอย่างทรมานด้วยคำสาปแช่งที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ แม้แต่สุสานหรือป้ายวิญญาณก็ไม่มี แต่... สุดท้ายสวรรค์ก็เมตตาให้เราทั้งคู่ได้กลับมาเจอแก”

เพราะม่านน้ำเอ่อล้นอยู่ทั้งสองตาผมจึงไม่รู้ว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร

“คำว่าเลวมันยังน้อยเกินไปสำหรับคนอย่างแก.. ทซึกิ”

คุณแม่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะลั่นประโยคที่ทำให้ผมชาหนึบไปทั้งตัว

“ฆ่าฉันสิ”

ไม่..

“ทำเหมือนที่แกทำฉันในอดีต”

ผมพยายามกระพริบตาไล่หยาดน้ำแล้วมองหน้าบุพการี

“ฆ่าฉัน.. ”

ไม่.. มันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ ผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มิกิ ไม่ใช่อดีต แต่ผู้หญิงคนนี้คุณคือคุณแม่ของผม ต่อให้ท่านจะไม่เหลือเยื่อใยให้แม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นท่านก็คือผู้ให้ชีวิตนี้แก่ผม

“แกกำลังคิดว่าฉันคือแม่ของแกใช่มั๊ย ถูกต้องแล้วล่ะ.. สวรรค์เมตตาที่ส่งแกให้เกิดมาเป็นลูกของฉัน.. เพราะอะไรนะเหรอ?.. ลองคิดดูสิว่าลูกที่ฆ่าแม่ตัวเองมันจะเลวสักขนาดไหนกันนะ?”

แล้วภาพของคุณแม่ถูกซ้อนทับด้วยผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง ริมฝีปากสีชาดก็กระอักลิ่มเลือดออกมาก่อนจะทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น หากแต่ถึงอย่างนั้นดวงตาดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองผมแน่นิ่ง ถ้าผมมองไม่ผิดดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะนั้นสั่นระริกไปด้วยความเจ็บปวดและทรมาน เธอกำลังร้องไห้..

“เอาตราบาปที่แกยัดเยียดให้ฉันมานับร้อยปีคืนกลับไป!”

ร่างของผมสะท้านเฮือก..

ถึงจุดนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามิกิต้องการอะไร.. ความเจ็บปวดของผมแลกกับการปลดปล่อยความทุกข์ทรมานให้เธอและแม่ของเธอ และนี่ใช่มั๊ยคือความลับที่ทซึกิปิดซ่อนไว้..

ความลับที่ทำให้ประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือน..

รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายที่มีทั้งหมดใช้ดาบแทนไม้ค้ำยันประคองให้ตัวเองลุกขึ้นนั่งคุกเข่า จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงดาบออกจากฝัก แม้จะไม่รู้สาเหตุอะไรที่ทำให้ทซึกิต้องกระทำการโหดร้ายทารุณเช่นนั้นไว้ในอดีต แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ดวงจิตของทซึกิเองก็ไม่เคยสุขสงบและอยู่อย่างเจ็บปวดมานับร้อยปีเช่นเดียวกัน รวมทั้งความจริงอีก

ผมดึงดาบออกจากฝัก คมดาบสะท้อนเงาวับแม้อยู่ในที่มืด ผมจับด้ามดาบไว้ให้มั่นคงที่สุด ในเมื่อผมในอดีตคือคนก่อ ดังนั้นก็มีแต่ผมเท่านั้นที่จะจบทุกอย่างได้ ด้วยดาบที่เคยอาบเลือดเล่มนี้ปลดปล่อยความทุกข์ทรมานของทุกดวงจิตที่ถูกจองจำจากการกระทำของผมทั้งหมด รวมทั้ง ‘โอดะ เรียวมะ..’ ถ้าหากว่าท่านคือนักรบซามูไรที่แสนเศร้าคนนั้น ได้โปรดจงรู้ไว้ว่า.. ความรักที่ทซึกิมีให้ท่านมาจากดวงใจที่แท้จริง

ฉึก!!


“จันทร์!!!”




.
.
.
.
.
.


TBC...  :sad2:





เผลอหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ลุกขึ้นฉี่เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้ลงนิยายนี่หว่า...
ตื่นๆๆๆ   :freeze:




รักคนอ่านและรักทุกความคิดเห็น + 1 เป็ด ทุกคนค่าาา  :give2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 09-03-2017 03:06:53
โอ้วกำลังรออยู่เลย
ปมเปิดออกบ้างแล้ว
อย่าบอกว่าจันทร์แทงตังเองนะลูก
ว่าแต่พี่ยูแกรู้เรื่องนี้หรือยังล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 09-03-2017 03:45:13
คืออาร๊ายยย จันทร์ยอมแทงแม่หรือแทงคัวเองงง มีความมึนงงนัก :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-03-2017 05:34:18
ซับซ้อนมากกกกกก
แม่ในอดีตที่ไม่ใช่แม่
แม่เลี้ยงในอดีต ที่ย้ำว่านี่ฉันนะไม่ใช่แม่เธอ
พี่สาวในอดีตที่บอกว่าโตแล้วที่จะใช้สามีคนเดียวกับพี่ได้ /เหอะ
ก็สามีที่ว่ามันของใครกันแน่ มาแย่งสามีน้องเองไม่ใช่รึ
ทซึกิ ที่ฆ่าแม่ของแม่ของแม่ปัจจุบัน งงๆ
คงมีเหตุผลให้ฆ่านะ อยู่ๆใครจะไปฆ่าฟันกันลอยๆ
แบบตัวเองชั่ว ไม่รับรู้ ชั่วได้ฝ่ายเดียวปะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-03-2017 06:07:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-03-2017 08:01:38
น้องจันทร์ ลูก!!!
อย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้น
ต้องมีเหตุผลสิ ที่ทำไปในอดีตนะ
อย่าให้อดีตเมื่อนานมากแล้ว มาตัดสินอนาคตนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-03-2017 09:13:07
 :o :o :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-03-2017 09:53:17
เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-03-2017 10:12:18
มึน
ใกล้จบแล้วสินะ... รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 09-03-2017 11:29:05
ม่ายยยยย ไม่ๆๆๆๆ   :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-03-2017 11:32:29
แทงตัวเอง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Wrwrwr ที่ 09-03-2017 11:34:27
น้องจันทร์ ลูก!!!
อย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้น
ต้องมีเหตุผลสิ ที่ทำไปในอดีตนะ
อย่าให้อดีตเมื่อนานมากแล้ว มาตัดสินอนาคตนะ

ใช่ๆ น้องจันทร์อย่าทำอะไรแบบนั้นนะลูก! :hao7:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-03-2017 12:29:47
ง่ะ อะไรกันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-03-2017 12:43:06
น้องจันทร์ทำร้ายตัวเองเพื่อจบปัญหาทุกอย่างเหรอ
น้องจันทร์กับทสึกิ คนละคนกันนะ อย่าเอามารวมกัน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2017 13:12:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 09-03-2017 18:56:17
 :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-03-2017 19:19:21
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 09-03-2017 19:36:27
 :ling1: ตัดฉึบ!! คืออะไร!????
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 09-03-2017 20:16:21
ตะเตือนไตมาก น้องจันทร์อย่านะลูก อย่านะแม่ขอ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 09-03-2017 23:09:36
 :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-03-2017 23:26:40
กราบบบบบ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 10-03-2017 08:18:00
หนูจันทร์อย่าทำไรบ้าๆนะ ทซึกิกับหนูคนละคนกัน อย่าเอามาเกี่ยวกันสิ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 10-03-2017 10:28:11
อ๊ายยยยยยยยยยย นี่มันอะไรก๊านนนนนนน
ไม่นะไม่ โอ๊ย เลือดไหลในหัวใจ
น้องจันทร์อย่าเป็นอะไรนะ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-03-2017 10:36:27
ไม่นะ!!!
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 10-03-2017 13:11:37
ใจจิขาดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :a5: :sad4: :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-03-2017 20:02:42
จันทร์แทงเข้ากระจกใช่ไม๊ลูกกก~~ สรุปพี่เดือนคือแม่ของทซึกิเมื่อชาติก่อน ส่วนคุณแม่คือมิกิในชาติก่อนใช่ไม๊
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 11-03-2017 07:16:34
ช็อคมากกก อย่านะน้องจันทร์ อย่านะลูก :katai1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-03-2017 07:50:10
โอ๊ยยยย เรื่องในอดีตย้อนมาทำลายกันในปัจจุบัน
ต้องแค้นกันขนาดไหน ถึงตามหากันมานานขนาดนี้

แล้วทำไมทซึกิถึงฆ่า ต้องมีอะไรมากกว่าโยนบาปให้คนอื่นหรือเปล่า

จันทร์แทงตัวเองหรอ มันจะจบยังไง ในเมื่อใจยังอาฆาต
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 12-03-2017 13:12:33
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน



-18-










หมดสติไปหลายวัน ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ได้แต่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงเพื่อรักษาตัวต่อร่วมเดือน ถ้าจะให้พูดกันตามตรงผมเองก็จำอะไรได้ไม่มาก รู้แค่ว่าผมอยากจะจบปัญหาทุกอย่างโดยการใช้ดาบแทงเข้าช่องท้องของตัวเองแบบเต็มแรงไม่มียั้งดังนั้นแผลของผมจึงฉกาจฉกรรจ์มาก ถ้าพี่ยูไม่ตามไปผมคงได้กลายเป็นคนบาปจากการทำอัตตวิบากกรรมเป็นแน่ และที่รู้อีกอย่างก็คือทุกครั้งที่ผมลืมตาขึ้นผมจะเจอผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ข้างเตียงเสมอ บางครั้งก็ฟุบหลับ บางครั้งก็นั่งทำงาน หรือบางครั้งก็นั่งกุมมือผมไว้.. คนๆ นั้นก็คือพี่ยู

“โอ๊ย”
แค่ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนฝ่าเท้าแล้วขยับเก้าเดินช้าๆ ความเจ็บปวดก็แล่นริ้วจากช่วงท้องลุกลามไปจนถึงกระดูกสันหลัง ฝ่ามือใหญ่เช็ดหยดน้ำตรงหางตาให้ผมก่อนจะลูบศีรษะปลอบโยน

“อย่าเกร็งสิ.. ค่อยๆ ขยับ แต่ถ้าไม่ไหวก็พอแค่นี้ก่อน”

เงยหน้ามองเจ้าของแขนแกร่งที่ประคองผมไว้ ปกติพี่ยูเป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างดีไม่เคยปล่อยให้หนวดเคราโผล่แม้แต่เส้นเดียว แต่ดูตอนนี้สิมีไรหนวดตรงคางด้วยดูแล้วก็หล่อมาดเข้มดีเหมือนกันนะเนี่ย

“ถ้าอยากจะหายไวๆ ก็อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้บ่อยนัก”

“พี่ยูจะทำอะไรจันทร์เหรอครับ?”

คำตอบที่ได้รับเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ และจมูกโด่งที่ฝังลงกลางกระหม่อม จากนั้นพี่ยูก็ประคองผมกลับไปนั่งบนรถเข็น
บ่ายสี่โมงเย็นของฤดูใบไม้ร่วงแดดร่มลมตกเร็วกว่าฤดูร้อน สายลมที่พัดก็เริ่มมีไอเย็นทำเอาคนที่อยู่ในประเทศที่มีแต่อากาศร้อนตลอดปีแบบผมต้องห่อไหล่ นี่ขนาดพี่ยูให้ใส่เสื้อคลุมไหมพรมไว้ผมยังรู้สึกว่าลมเย็นปะทะผิวเนื้อเลย

“หนาวเหรอ? กลับเข้าด้านในก่อนมั๊ย พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

ลืมบอกไปครับว่าตอนนี้ผมรักษาตัวอยู่ที่บ้านของพี่ยู หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือผมอาศัยตระกูลอิเคดะเป็นที่พักพิงนั่นแหละ เนื้อที่ของตระกูลอิเคดะมีอยู่สิบกว่าไร่และได้แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนให้ลูกหลานสร้างบ้านของตัวเองภายในรั้วเดียวกัน โดยทุกหลังเป็นทรงญี่ปุ่นโบราณเหมือนกันหมด มีบ้านหลักเป็นที่พักของคุณปู่คุณย่าและคุณพ่อคุณแม่ของพี่ยู ส่วนบ้านของพี่ยูอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พี่ยูเล่าว่าบ้านหลังนี้เคยใช้เป็นเรือนหอกับภรรยาคนแรกแต่หลังจากภรรยาเสียไปครบ 1 ปี คุณปู่ของพี่ยูก็สั่งให้รื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ทั้งหลังและผมก็เป็นผู้มีเกียรติคนแรกที่ได้มาใช้บริการค้างอ้างแรมแบบฟรีๆ ที่นี่ น่าภูมิใจมั๊ยละครับ

“จันทร์อยากเดินเล่นกับพี่ยูต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ?”
ส่งสายตาอ้อนวอน เอาจริงๆ ผมเบื่อการอุดอู้อยู่ในห้องมากครับ นอนอยู่บนเตียงมาเกือบเดือนก็อยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างไรบ้างยิ่งได้อยู่กับคนที่เรารักด้วยแล้วมันยิ่งดีต่อใจจริงๆ นะครับ แล้วคุณคิดว่าผมอ้อนขนาดนี้มีเหรอที่พี่ยูจะไม่ยอม แต่ก่อนจะไปเดินเล่นพี่ยูก็เรียกเด็กรับใช้ให้เอาผ้าคุลมมาคลุมให้ผมก่อน

ล้อรถเข็นขยับเลื่อนอีกครั้งให้ผมได้ชื่นชมธรรมชาติภายในสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น ต้นไม้หลายต้นใบร่วงจนเหลือแค่ลำต้น บางต้นใบไม้ก็เปลี่ยนเป็นสีอมส้มอมแดงสวยแปลกตา ผมชี้ให้พี่ยูหยุดนั่งพักลงตรงม้าหินใต้ต้นอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จักแต่รู้แค่ว่ามันได้บรรยากาศโรแมนติกดีจังเลย พี่ยูจัดผ้าคลุมให้ผมจนมั่นใจว่าอบอุ่นดีแล้วจึงหย่อนก้นลงนั่งบนม้าหิน ส่วนผมนั่งบนรถเข็นแล้วคว้ามือใหญ่มากุมไว้แก้หนาว ผมส่งยิ้มให้พี่ยู

“พี่ยูเล่าให้จันทร์ฟังได้รึยังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหนและเป็นยังไงบ้าง?”
ตั้งแต่รู้สึกตัวผมรับรู้แค่ว่าไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นโดยเฉพาะทุกคนที่บ้านสวน ซึ่งพี่ยูบอกแค่ว่าคุณแม่พาผมมาหาพี่ยูที่ญี่ปุ่นแต่ดันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ดังนั้นพี่ยูจึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและการดูแลทั้งหมดของผมเอง แหม.. ดูเป็นพระเอกใช่มั๊ยละครับ ผมยังได้รับอนุญาตให้วิดีโอคอลคุยไลน์กับทุกคนที่บ้านสวนได้ทุกวันจนผมรู้สึกดีขึ้นแทบจะไม่กังวลอะไรอีก ยกเว้นอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยให้ผมได้ยินเลยแม้แต่คนเดียวนั่นคือเรื่องของคุณแม่..

“คุณรวินทร์นิภาปลอดภัยและสบายดีไม่ต้องห่วง”

คำตอบของพี่ยูทำให้ผมรู้สึกโล่งอกก็จริงแต่ผมอยากได้คำอธิบายที่มากกว่านี้ ผมจึงกระชับมือใหญ่ให้แน่นขึ้นเพื่อให้รู้ว่าผมพร้อมที่จะรับฟังทุกเรื่อง

พี่ยูเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะหันมาปัดปอยผมตรงหน้าผากให้ผมแล้วจากนั้นก็เริ่มเล่าตั้งแต่ผมถูกคุณแม่วางยาและพาตัวมาที่ญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าด้วยสถานะแม่ลูกจึงไม่มีใครสงสัยติดใจอะไร คุณแม่พาผมไปที่ศาลเจ้าของตระกูลโอดะหรือก็คือตระกูลของโชกุนคนสุดท้ายของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ในส่วนนี้พี่ยูไม่ได้เล่ารายละเอียดว่าทำไมคุณแม่ถึงต้องพาผมไปที่นั่นโดยให้เหตุผลว่าเรื่องเหล่านั้นคุณปู่และคุณย่าของพี่ยูจะเป็นคนคลี่คลายให้ผมฟังด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะฉะนั้นนั่นหมายความว่าผมจะต้องได้เจอกับคุณปู่พี่ยูอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมพี่ยูถึงรู้ว่าคุณแม่พาผมไปที่นั่นเรื่องนี้พี่ยูบอกว่าคุณเดือนเป็นคนบอกพี่ยูเอง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าพี่ยูจะเลิกติดตามและขัดแข้งขัดขาเกี่ยวกับธุรกิจมืดของจินตเลิศวิวัฒน์โดยเด็ดขาด

หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเกือบจะทำอัตวินิบาตกรรมนั้น คุณเดือนก็พาคุณแม่กลับโรงแรมและเดินทางกลับฮ่องกงในเย็นวันรุ่งขึ้น ตอนนี้พวกท่านทุกคนสบายดี ทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเล็ดลอดไปถึงหูตำรวจหรือนักข่าว

“ผมอยากจะไปเจอคุณแม่และคุณเดือน”
คำขอของผมทำให้พี่ยูเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง

“ไว้ให้เธอหายดีเมื่อไหร่แล้วฉันจะพาไป”
ผมพยักหน้ารับ

“อ่อ จันทร์ต้องไปพบคุณปู่และคุณย่าของพี่ยูด้วยใช่มั๊ย? เมื่อไหร่ครับ?”

“คุณปู่จะมาหาเธอเอง”

ผมร้อง ‘อ่อ’ ในใจ.. แต่เดี๋ยวๆๆ เฮ้ย! แบบนี้ก็ได้เหรอ??! ให้ผู้ใหญ่ระดับประมุขของตระกูลอิเคดะมาหาผมเองเนี่ยนะ? ไม่ดีม๊างงงงงง???? และผมคงจะตกใจมากไปหน่อยเจ้าของบ้านจึงได้แต่อมยิ้มพร้อมใช้นิ้วเกลี่ยข้างแก้มผมเบาๆ

“เธอคือคนสำคัญของที่นี่”

“ตระกูลอิเคดะเนี่ยนะ?”
คำตอบคือเสียง ‘อืม’ ในลำคอ

“จันทร์คิดว่าจันทร์เป็นคนสำคัญของคุณอิเคดะยูคนเดียวซะอีก นี่จันทร์เข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ?”
เออ.. นี่ผมพูดจริงๆ นะ แต่ทำไมพี่ยูถึงได้ขำล่ะ มันไม่ตลกเลยนะครับคุณพี่

“ข้างนอกลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย เรากลับเข้าข้างในกันเถอะ”

อ้าวเฮ้ย! อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิ จะโวยวายมากก็ไม่ได้เพราะปวดแผลผมจึงได้แค่ทำหน้าตาเหรอหราอ้าปากค้างกลางอากาศ แต่แล้วจู่ๆ ก่อนจะเข้าประตูบ้าน จมูกโด่งๆ ก็กดลงบนแก้มของผม ท่ามกลางสายตาของคนรับใช้ 5-6 คน..  อืมมมมมมม..... นี่ใช่มั๊ยที่เขาเรียกว่าการกระทำมันก็ชัดเจนมากกว่าคำพูด >///<


.
.
.
.
.


วันรุ่งขึ้นพี่ยูมีเรื่องมาเซอร์ไพร้ผมแต่เช้านั่นคือการพาแม่มลกับไอ้โซ่มาอยู่เป็นเพื่อนผม เชื่อมั๊ยครับว่าผมดีใจแทบอยากจะกระโดดกอดทั้งคู่ แต่ติดตรงที่เจ็บแผลเหลือเกินจึงทำได้แค่ร้องไห้โฮและไม่ยอมให้แม่มลและไอ้โซ่อยู่ห่างจากสายตาแม้แต่นาทีเดียวเพราะกลัวว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน ตื่นขึ้นมาแล้วทั้งคู่หายไปผมจะทำยังไงล่ะ?? 

ได้กำลังใจดีขนาดนี้ อาการของผมดีขึ้นจนคุณหมอเอ่ยชมว่าผมดูแลตัวเองดี และวันนี้แหละครับที่คุณปู่และคุณย่าของพี่ยูจะมาทานมื้อเย็นกับพวกเรา อย่าถามนะครับว่าผม แม่มล และไอ้โซ่คุยภาษาญี่ปุ่นเข้าใจรึเปล่า? ตอบชัดๆ เลยว่าไม่กระดิกสักตัวครับ แต่ทางตระกูลอิเคดะเขาเตรียมตัวมาดี นั่นคือเขายังมีล่ามมาด้วย แปลแบบประโยคต่อประโยคโดยมีพี่ยูช่วยเสริมบ้างในบางเรื่อง ซึ่งคุณปู่คุณย่าท่านคุยกับแม่มลเกี่ยวกับการเกษตรและเรื่องอาหารไทยเสียมากกว่า ผมกับไอ้โซ่แค่นั่งกินไปและฟังผู้ใหญ่เขาคุยกันเท่านั้น จนกระทั่งจบมื้ออาหารก็ย้ายไปที่ห้องนั่งเล่น มาถึงตรงนี้ผมก็เป็นตัวเด่นของเรื่องแล้วล่ะครับ

คุณปู่กับคุณย่าของพี่ยูแตกต่างจากคุณตาคุณยายของผมอย่างสิ้นเชิง คนจะเป็นผู้นำตระกูลใหญ่และร่ำรวยขนาดนี้ได้จะต้องเป็นคนยังไงกันนะ? ผมเองนึกภาพไม่ออกจริงๆ แต่เท่าที่รู้ก็คือท่านทั้งสองเหมือนมีพลังอำนาจบางอย่างแฝงอยู่ในทุกการเคลื่อนไหว ทุกรอยยิ้ม และทุกคำพูด จึงไม่แปลกใจที่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ยูซึ่งเป็นหลานและพวกท่านจะดูห่างเหินจนบางครั้งก็ดูเหมือนเจ้านายและลูกน้องเสียมากกว่า

แม่มลและไอ้โซ่ขอตัวแยกออกไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ผู้นำตระกูลอิเคดะถามผมว่าผมพร้อมที่จะรับรู้เรื่องราวของ ‘ทซึกิ’ มั๊ย? ผมพยักหน้าตอบว่า ‘ครับ’ อย่างมั่นใจแต่ก็แอบสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่หลายครั้งเพื่อลดความเกร็งเครียดจนคุณผู้หญิงของตระกูลอิเคดะก็มองผมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนคล้ายจะเอ็นดู

ประมุขของตระกูลอิเคดะมองผมด้วยใบหน้านิ่งเรียบอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่าเรื่องทั้งหมดที่จะเล่าให้ผมฟังนั้นเป็น ‘ความลับ’ ของตระกูลอิเคดะ ซึ่งผู้ที่สามารถรับรู้เรื่องเหล่านี้ได้จะมีแค่ผู้นำของตระกูลเท่านั้น เพราะฉะนั้นแม้แต่พี่ยูเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ที่ผมมีสิทธิได้รับฟังนั้นเพราะผมคือคนที่คุณปู่ทวดของพี่ยูเคยกล่าวถึงไว้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่ยูหาตัวผมเจอก็จงเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้ผมได้ฟัง..

เรื่องราวเกิดขึ้นในศตวรรษที่สิบเก้า ไดเมียวแห่งตระกูลอิเคดะได้ส่งบุตรสาวที่มีความงามพร้อมความเฉลียวฉลาดนามว่า ‘อิเคดะ ยูกิ’ เข้าถวายเป็นฝ่ายในแด่ท่านโอดะโชกุน และเนื่องจากความโดดเด่นที่ถูกตาต้องใจท่านโชกุนจึงยกให้อิเคดะ ยูกิ ขึ้นเป็นมิไดซามะหรือภรรยาหลวง แต่เวลาผ่านไปหลายปีมิไดซามะก็ไม่มีวี่แววจะให้กำเนิดทายาทแก่ท่านโชกุน จนบุตรของอนุภรรยาท่านอื่นเริ่มเติบใหญ่และมีบทบาทมากขึ้น จึงเป็นเหตุให้ไดเมียวแห่งตระกูลอิเคดะว้าวุ่นใจจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะให้บุตรสาวตั้งครรภ์ ใครว่าที่ไหนมียาดีก็ให้คนไปกว้านซื้อแล้วให้ซามูไรฝีมือดีลักลอบนำเข้าไปส่งให้มิไดซามะ หลังจากนั้นให้หลังท่านยูกิมิไดซามะก็ตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชายที่แข็งแรงและน่ารักแก่ท่านโชกุนนามว่า ‘โอดะ ทซึกิ’...

“โอดะ.. ทซึกิ”
ผมทวนชื่อนั้นด้วยหัวใจที่กระตุกวูบ มือทั้งสองข้างของผมเริ่มสั่นจนต้องเกร็งกำไว้แน่น พี่ยูเองก็คงจะสังเกตเห็นความตึงเครียดของผม จึงดึงมือผมไปกุมไว้

ฟังเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคิ้วเข้มของพี่ยูขมวดแน่นทำเอาผมเริ่มใจคอไม่ดี รีบจดจ้องริมฝีปากของล่ามแบบไม่กระพริบตาและประโยคที่หยุดออกมาก็คือ..

“ความลับก็คือ.. ทซึกิไม่ใช่ลูกชายของท่านยูกิมิไดซามะกับท่านโชกุน แต่เป็นลูกชายที่เกิดจากซามูไรคนลักลอบส่งยาให้ซึ่งก็คือคนรักเก่าของท่านกิมิไดซามะนั่นเอง”

ลมหายใจของผมสะดุด ในอกด้านซ้ายเจ็บลึกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับว่าความลับที่ทซึกิเก็บงำมานานหลายร้อยปีกำลังจะถูกเปิดเผย

“เมื่อทซึกิอายุย่างเข้าสิบห้า ก็เริ่มระแคะระคายว่ามีคนล่วงรู้ความลับของตนมากขึ้น ด้วยกลัวว่าความลับของตนจะรั่วไหลจึงวางแผนสังหารผู้สนับสนุนมิไดซามะจากตระกูลไดเมียวเฮนจิจนสิ้น จากนั้นก็โยนความผิดให้กับโอดะ มิกิ ด้วยเหตุผลที่ว่ามิกิโกรธแค้นตนเรื่องแย่งความรัก.. ความโกรธใดจะเท่าความโกรธแค้นของอิสตรี..”

ทุกคำพูดที่ล่ามแปลออกมาทำให้ลำคอของผมแห้งผากและเหงื่อไหลซึมทั่วแผ่นหลัง ผมหันมองหน้าพี่ยูด้วยสายตาที่พร่ามัว
ก่อนจะมีการจัดพิธีแต่งงานระหว่างเรียวมะและมิกินั้น ทซึกิได้ขอให้ท่านโชกุนอนุญาตให้ตนเองเข้าพิธีชุโดกับเรียวมะตามประเพณีของซามูไร หรือที่เรียกว่าประเพณีสายใยแห่งรักของเหล่าซามูไร นี่จึงเป็นสาเหตุให้มิกิและผู้เป็นแม่โกรธแค้นทซึกิอย่างถึงที่สุด ทซึกิใช้จุดนี้เป็นข้ออ้างเพื่อโยนความผิดให้มิกิ .. ช่างเป็นแผนการที่แยบยลยิ่งนัก และเพราะถูกป้ายความผิดจึงไม่มีป้ายดวงวิญญาณและไม่มีใครจัดพิธีสวดส่งวิญญาณให้ท่านทั้งคู่ สินะคือสาเหตุที่ทำให้ดวงวิญญาณของท่านเฮนจิมิไดซามะและบุตรสาว โอดะ มิกิ จึงไม่มีวันสงบเสียที..

 “ผ ผมไม่ใช่ทซึกิ”
นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่ผมยืนยันได้ว่าผมไม่ใช่ทซึกิจริงๆ เพราะผมจะไม่มีวันกระทำการชั่วช้าแบบนั้นอย่างแน่นอน

“ถูกต้อง.. เธอไม่ใช่ท่านทซึกิ.. ฉันคิดว่าเธอเป็นเพียงตัวแปรที่ท่านทซึกิใช้สื่อสารเท่านั้น”
ล่ามแปลประโยคของคุณผู้หญิงแห่งอิเคดะ ดวงตาของท่านส่องประกายความอ่อนโยน

“ตระกูลอิเคดะจัดพิธีสวดส่งวิญญาณให้บรรพชนทุกปี และเราคิดว่าวิญญาณของท่านทซึกิคงไปสู่สุขตินานแล้ว แต่ที่หลงเหลืออยู่คงเป็นเพียงจิตที่อยากจะลบล้างความผิดที่เคยกระทำในอดีต และจิตดวงนั้นก็คือส่วนลึกในจิตใจของเธอ”

ทซึกิ.. นายไม่ใช่ตัวเอกของเรื่องนี้ แต่เป็นตัวร้ายต่างหาก.. ผมร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว พี่ยูโอบผมไว้แล้วบีบไหล่เบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

ท่านผู้ใหญ่ของตระกูลผ่อนคลายบรรยากาศด้วยการให้สาวใช้ยกขนมและรินชาร้อนๆ ให้ทุกคน เมื่อเห็นว่าผมหยุดร้องไห้ดีแล้ว คุณปู่ของพี่ยูก็ให้คนรับใช้นำอะไรบางอย่างมาวางบนโต๊ะ เมื่อเปิดดูจึงรู้ว่าเป็นรูปภาพโบราณ นักรบซามูไรคนหนึ่งถือดาบที่มีตราสัญลักษณ์บางอย่างไว้ในมือ แม้ภาพจะเลือนลางแต่ผมก็จำได้ในทันทีว่ามันคือภาพของซามูไรที่ผมมักจะเห็นเป็นภาพซ้อนทับกับพี่ยู

“นี่คือรูปของท่านโอดะ เรียวมะ.. ท่านทซึกิได้ให้จิตรกรฝีมือดีเป็นคนวาดและท่านทซึกิก็เก็บไว้กับตัวเสมอตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต”

โอดะ เรียวมะ.. บุคคลคนนี้ได้รับการอธิบายว่าเป็นเพียงบุตรชายบุญธรรมของท่านโอดะโชกุน เป็นซามูไรที่ท่านโชกุนไว้วางใจและยังมอบหน้าที่ทางการทหารสำคัญๆ ให้เรียวมะดูแลหลายอย่าง รวมทั้งยังให้ดูแลคุ้มกันบุตรชายผู้เป็นทายาทของตระกูลอย่าง ‘โอดะ ทซึกิ’ และยังถูกวางตัวให้เป็นคู่แต่งงานกับ ‘โอดะ มิกิ’ บุตรสาวที่เกิดจากมิไดซามะจากตระกูลไดเมียวเฮนจิ ซึ่งเป็นบุตรสาวที่ท่านโชกุนรักและหวงแหนมากที่สุด

เรียวนิ้วที่ผ่านล่วงเลยวัยเกษียณมานานบรรจงชี้ไปที่รูปดาบในมือของท่านซามูไร.. ผมตั้งใจฟังคำแปลจากล่ามมากกว่าฟังอาจารย์บรรยายในชั้นเรียนเสียอีก

“ดาบนี้มันหายไปและไม่มีใครเคยพบเจอแต่เมื่อไม่นานมานี้มันกลับปรากฏขึ้นและมันก็ปักอยู่บนตัวเธอ”

มันคือดาบที่คุณแม่เป็นคนยื่นมันให้ผมด้วยตัวเอง

“ท่านโอดะ เรียวมะ.. เสียชีวิตยังไงเหรอครับ?”

คุณปู่คุณย่าของพี่ยูมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า.. ผมเกือบจะหมดหวังแล้วเชียวแต่จู่ๆ คุณปู่ก็เหมือนจะนึกอะไรออก ผมนี่รีบฟังคำแปลแบบหูตั้งหางชี้

“มันเป็นเรื่องเล่าสืบต่อมาคล้ายตำนานจึงไม่อาจรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ..ในคืนฤดูร้อนพระจันทร์เต็มดวงท่านเรียวมะเป็นคนปกปิดความผิดให้ท่านทซึกิและยังช่วยให้หนีออกจากตระกูลโอดะ แล้วตนเองก็กลับไปรายงานท่านโชกุนพร้อมกับศพหนึ่งศพว่าท่านทซึกิเสียชีวิตแล้ว นั่นจึงเป็นข้อสันนิษฐานว่าท่านเรียวมะทำผิดกฎของซามูไรด้วยการหักหลังเจ้านาย ดังนั้นจึงได้ทำฮาราคีรีตนเอง”

โหดร้าย! ผมตะโกนความเจ็บปวดอยู่ภายในใจ

ภาพความฝันที่วนเวียนอยู่กับผมมาตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งมันหายไปเมื่อได้เจอพี่ยูฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ ในภาพฝันนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักรบเอ่ยคำสั่งให้ทซึกิหนีไป และทซึกิได้ลั่นวาจาดั่งคำอธิษฐานขอให้นักรบผู้นั้นตามหาตนเองให้เจอ.. ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหนก็ขอให้ได้เจอกัน เพราะคำอธิษฐานนั้นจึงทำให้ผมกับพี่ยูได้เจอกันและนำมาซึ่งการเปิดเผยความลับของอดีตกาล

“ถ้าหากเรื่องราวเป็นอย่างเรื่องเล่าสืบต่อกันมาจริง นั่นหมายความว่าเธอเป็นคนปลดปล่อยเขา.. ท่านเรียวมะได้รับการปลดปล่อยด้วยเลือดของเธอที่อาบดาบเล่มนั้นแล้ว”

นั่นหมายความว่านับจากนี้ผมจะไม่เห็นภาพซ้อนทับของพี่ยูเป็นคุณซามูไรอีกต่อไป

“เลือดจะต้องล้างด้วยเลือดเหรอครับ?”

“นั่นอาจเป็นสิ่งที่ท่านทซึกิต้องการ.. ดาบเล่มนั้นอาบเลือดคนที่ตัวเองรักก็ต้องล้างด้วยเลือดของตัวเอง”
พี่ยูที่นั่งเงียบมานานเอ่ยตอบผม จนทำให้ผมต้องหรี่ตามอง ตั้งแต่ฟังเรื่องมาตั้งแต่ต้นนี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมมีความรู้สึกอยากจะยิ้มและร้องไห้ไปพร้อมกัน

“จันทร์จะพยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องโรแมนติกล่ะกันนะครับ”
ขอบคุณคุณล่ามที่ไม่แปลประโยคของผมและพี่ยูให้คุณปู่คุณย่าฟัง

ตอนจบของเรื่องราวก็คือตระกูลโอดะเกิดภาวะขัดแย้งภายในและล้มเหลวอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้ท่านโชกุนต้องสูญเสียบุตรชายและบุตรสาวอันเป็นที่รักถึงสองคน ดังนั้นท่านโอดะโชกุนจึงสละตำแหน่งและถวายอำนาจของโชกุนคืนแก่จักรพรรดิเมจิในสมัยศตวรรษที่สิบเก้า ซึ่งเป็นยุคเดียวกับที่ชาติตะวันตกเข้ามามีบทบาทและตระกูลอิเคดะก็ผันตัวเข้าสู่วงการค้าขายอย่างเต็มตัว

“ทซึกิเสียชีวิตเหรอครับ?”

“ทซึกิ.. กลับมายังตระกูลอิเคดะ และขึ้นเป็นผู้บุกเบิกทางการค้ากับชาติตะวันตกในนาม อิเคดะ ทซึกิ”

อึ้งยิ่งกว่าอึ้ง.. มิน่ามันถึงเป็นความลับของตระกูลอิเคดะ เพราะฆาตกรมือสังหารและต้นเหตุผู้ทำให้ตระกูลโอดะโชกุนล่มสลายได้กลายมาเป็นบรรพบุรุษผู้บุกเบิกความร่ำรวยของตระกูลนี่เอง มันเป็นเรื่องเศร้าที่ยิ่งกว่าเศร้านะครับ คนร้ายตัวจริงกลายเป็นมหาเศรษฐีพรั่งพร้อมไปด้วยครอบครัวและบริวาร ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามต้องทนทุกข์อยู่กับวังวนแห่งทรมานไม่จบไม่สิ้น ทุกข์เพราะโกรธแค้น และทุกข์เพราะรัก..

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมยังแอบนึกเสียใจที่ไม่เชื่อคำของหลวงตาตั้งแต่ต้นที่ให้ผมตามพี่ยูกลับญี่ปุ่น ถ้าหากผมทำตามที่ท่านบอกผมคงได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก่อนจะเจอเหตุการณ์ร้ายๆ เป็นแน่... เฮ้อออ กลับไปคงต้องให้หลวงตาเขกกะบาลกับเอาน้ำมนต์รดหัวครั้งใหญ่ซะแล้ว


.
.
.
.
.



เรื่องราวมันถึงตอนจบแล้วล่ะครับ...

แม้ผมจะไม่ใช่ทซึกิแต่ในเมื่อทซึกิเลือกให้ผมเป็นคนช่วยลบล้างความผิดพลาดของตนเองที่เคยก่อไว้ในอดีต ผมก็จะทำให้ถึงที่สุด และผมก็คิดว่าผลกรรมทั้งหมดที่ทซึกิก่อไว้เจ้าตัวคงได้รับมันแล้ว เพราะจากคำบอกเล่าเรื่องราวของบรรพบุรุษผู้นำความมั่งคั่งมาสู่ตระกูลอิเคดะนั้น ต่อให้มีชีวิตยืนยาวเกือบ 100 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่นั้นไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะแม้แต่สักครั้งเดียว ต้องจมอยู่กับความทุกข์ทางใจที่หาทางหลุดพ้นไม่ได้จวบลมหายใจสุดท้ายก็ได้แต่กอดรูปภาพของคนที่ตัวเองรักเอาไว้เท่านั้น..

“โอเคมั๊ย?”
พี่ยูถามผมด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เห็นผมยืนมองประตูรั้วอยู่นานสองนาน

ตามสัญญาครับ หลังจากที่แผลของผมหายสนิทเป็นปลิดทิ้งพี่ยูก็พาผมมาที่ฮ่องกงเพื่อให้ผมมาเจอคุณพ่อคุณแม่และคุณเดือนนั่นเอง

“โอเครับ”
ผมตอบพี่ยูด้วยรอยยิ้ม

“ฉันจะรออยู่ตรงนี้”
พยักหน้ารับพร้อมกับยกแขนคล้องคอบอร์ดี้การ์ดประจำตัวของผมลงมาหอมแก้มขอกำลังใจฟอดใหญ่ จากนั้นก็กดกริ่งหน้าประตู ไม่นานนักสาวใช้ก็เดินมาเปิดประตูเชิญผมเข้าไปภายในบ้าน

พี่ยูคงแจ้งมาก่อนล่วงหน้าว่าผมขอพบบุพการี ดังนั้นพวกท่านจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คุณพ่อเป็นคนเดินมารับผมที่หน้าประตู บอกตามตรงครับว่าผมเกือบจะจำหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองไม่ได้ซะด้วยซ้ำ

“ทำไมยังตัวเท่าเดิม? ที่โน่นเขาไม่มีนมวัวให้ดื่มรึไง?”
นี่คือคำทักทายแรกของคุณพ่อเมื่อเจอหน้าผมเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เอ๊ะ! หรือมากกว่านั้นนะ???? ผมก็ได้แต่ฉีกยิ้มหน้าเจื่อน คือถ้าคุณพ่อจะพูดว่าผมเตี้ยก็พูดออกมาตรงๆ ก็ได้นะครับ ผมว่ามันเจ็บน้อยกว่าประโยคที่เพิ่งจบไปเสียอีก

ในตัวบ้านหรูหราฟู่ฟ่าตามฐานะของคนมีอันจะกิน คุณแม่และคุณเดือนนั่งอยู่ในห้องรับแขก คุณพ่อตะโกนบอกว่าผมมาถึงแล้ว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ผมก็ได้แต่เดินตามคุณพ่อไปเงียบๆ ท่านยังใจดีหันมาถามว่าผมอยากกินอะไรมั๊ย? แถมยังบอกว่าจะให้คนส่งพวกของบำรุงเกี่ยวกับสร้างเสริมกล้ามเนื้อและกระดูกไปให้และยิ่งกว่านั้นยังจะหาหมอเก่งๆ ให้ผมไปลองฝังเข็มเพิ่มความสูงดูอีกต่างหาก ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยล่ะครับยิ้มรับอย่างเดียวดีที่สุด แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณพ่อคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด

“คุณยุ้ย.. ลูกมาแล้วน่ะ”

“พี่โก้คะ เมื่อสักครู่ลูกค้าโทรมาสอบถามเรื่องงาน พี่โก้โทรกลับไปคุยกับเขาหน่อยสิคะ”

คุณพ่อรับโทรศัพท์จากคุณแม่แล้วเดินออกไปด้านนอก ช่วงจังหวะที่เดินสวนผมออกไปคุณพ่อหันมายิ้มและยกมือขยี้หัวผมเล่น ทำเอาในอกของผมสะท้อนก้อนสะอื้นขึ้นมาแทบจะทันที ตลอดชีวิตของผมนี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมมีความรู้สึกว่าคุณพ่อไม่ใช่คนแข็งกระด้างและเย็นชาอย่างที่ผมคิดมาตลอดเลยสักนิด

“สวัสดีครับ”

ยกมือไหว้สวัสดีแต่ไม่มีใครหันมามองหรือรับไหว้ผมสักคน ผมจึงย่อตัวลงคลานเข่าเข้าไปหาท่านทั้งสองคน จากนั้นก็ก้มกราบลงตรงเท้าของคุณแม่และคุณเดือน

“บาปกรรมที่ทซึกิก่อไว้ใหญ่หลวงนัก ทซึกิเองก็ได้รับผลกรรมที่ก่อไว้แล้ว ขอให้คุณแม่และคุณเดือนอโหสิกรรมต่อกันเถอะครับ”
ผมนิ่งอยู่อย่างนั้นอยู่นานจนน้ำตาไหลออกมาหยดลงบนหลังเท้าของคุณแม่

“ผมไม่ใช่ทซึ..”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบประโยค คุณเดือนก็แทรกขัดขึ้นมาเสียก่อน

“จากนี้ไปเธอไม่ใช่ลูกชายของคุณแม่ และไม่ใช่น้องชายของฉันอีก”

ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสะสวยที่ส่งแววตาเย็นยะเยือกมาให้

“จงทำตัวเองให้ตายและหายไปจากชีวิตของฉัน อย่าได้เอ่ยหรือคิดถึงกันแม้แต่นิด และอย่ามาเผาผีกันเด็ดขาด”
สายตาที่มองมาก็ราวกับว่าผมเป็นคนแปลกหน้า ผมได้แต่นิ่งอึ้งตัวชาวาบอยู่อย่างนั้น จะมีเพียงอย่างเดียวที่เคลื่อนไหวก็คือหยดน้ำตาที่ไหลลงอาบทั้งสองแก้ม

“ไม่ใช่เป็นแค่เงา.. แต่จงเป็นอากาศธาตุ ถ้าหากวันหนึ่งวันใดข้างหน้านับจากนี้ฉันเห็นแม้แต่เงาของเธอ นั่นหมายความว่าวันนั้นเธอจะไม่มีลมหายใจบนโลกใบนี้อีกต่อไป”

สิ้นเสียงประโยคของผู้ให้กำเนิด ท่านทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินจากผมไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้ผมนั่งตัวแข็งทื่อเจ็บปวดเหมือนมีใครเอาฆ้อนมาทุบตรงแสกหน้า แม้ว่าผมจะเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านความเจ็บปวดที่ยาวนานไม่อาจลบล้างได้ในพริบตาเดียว แต่สิ่งที่ผมอยากจะให้ท่านรับรู้ก็คือผมไม่ใช่ทซึกิ.. อย่าเอาแค่หน้าตาของผมที่เหมือนกับทซึกิไปฝังรวมไว้กับอดีตที่โศกตรมของพวกท่านเลย ต่อให้ไม่สนใจใยดีกันมาตั้งแต่ต้นแต่ถึงยังไงซะสายเลือดก็ตัดกันไม่ขาดไม่ใช่รึไง และที่สำคัญ.. ผมคือจันทร์ ผมคือนายศศิน พินญุโธ ไม่ใช่ ทซึกิ ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มมือเปื้อนเลือดคนนั้นสักหน่อย ต่อให้หน้าตาจะเหมือนกันสักแค่ไหนแต่เราก็เป็นคนละคนกัน

คำอุทธรณ์ของผมไร้ความหมาย...

ผมเดินกลับออกมาจากครอบครัวจินตเลิศวิวัฒน์โดยไม่ได้ล่ำราใครสักคน แม้แต่สาวใช้ก็ยังมองผมแปลกๆ ระหว่างทางกลับโรงแรมที่พักผมอดกลั้นต่อไปไม่ไหวจึงปล่อยโฮออกมาอย่างไม่คิดจะอายใคร สำหรับลูกผู้ชายอย่างผมนี่คือการร้องไห้ที่หนักหนาที่สุดในชีวิต สายเลือดมันตัดกันไม่ขาดหรอก.. ใครๆ ก็บอกผมอย่างนี้และผมก็บอกตัวเองเสมอเหมือนกัน.. ที่แท้มันก็แค่คำพูดปลอบใจตัวเองเท่านั้น..

วันรุ่งขึ้นผมขอให้พี่ยูช่วยทำป้ายชื่อของเฮนจิมิไดซามะและโอดะ มิกิ ไปไว้ที่ศาลเจ้าของตระกูลโอดะเพื่อที่ต่อจากนี้ไปวิญญาณทั้งสองดวงจะได้รับการสวดวิญญาณ พี่ยูรับปากว่าจะจัดการให้โดยเร็วที่สุด และนี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำแทนทซึกิได้

หลังจากนั้นไม่นานข่าวการเสียชีวิตด้วยการของลูกชายนักธุรกิจไทยคนดังของเกาะฮ่องกงก็ตีหราแผ่ทุกหน้าหนังสือพิมพ์ ระบุสาเหตุว่า ‘ฆ่าตัวตายประชดรักจากแฟนเกย์’  ซึ่งแน่นอนครับว่าโดนประณามจากสังคมจนยับเยินว่าโง่ไม่มีหัวคิดและสมควรตาย แต่ดีหน่อยครับตรงที่ในเนื้อข่าวใช้แค่นามสมมติทั้งหมด ดังนั้นตอนครูเอี่ยมอ่านหนังสือพิมพ์จึงแค่ได้ยินคำบ่นว่าเด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่รู้จักคิด.. และนอกจากไอ้โซ่แล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกเลย
   

.
.
.
.
.


มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 12-03-2017 13:13:26

ชีวิตของผมกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง..

นักศึกษาผู้นำเทรนด์ ‘ชาวจันทร์’ คือผมเองครับ นายศศิน พินญุโธ..

หลุดพ้นจากกิจกรรมรับน้องตลอดปีรับพี่ตลอดชาติมาได้ผมก็มุ่งแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว ไอ้โซ่ก็สนุกกับการเรียนในแบบของมัน อ่านหนังสือในห้องสมุดที่คณะผมจนจะครบทุกเล่มแล้วมั้งครับ เรายังคงไม่แคร์ขี้ปากชาวบ้านเหมือนเดิมและยิ่งกว่านั้นคือไอ้โซ่มันจีบน้องสาวของคุณมาซารุติดแล้วล่ะครับ ไปอยู่ญี่ปุ่นกับผมแค่เดือนเดียวได้สาวกลับมาเลย ผมล่ะนับถือมันจริงๆ

อ่อ.. ผมแอบรู้ความลับของพี่ยูมาเรื่องหนึ่งครับ น้องสมายล์บอกกับผมว่าที่ตัวเองได้มีชีวิตใหม่อย่างทุกวันนี้ก็เพราะพี่ยูช่วยเหลือไว้ และที่ทำให้ผมเกือบช็อคก็คือ น้องสมายล์แอบชอบผมตั้งแต่เรียนประถมแล้วล่ะครับ ที่เห็นไปหาไอ้โซ่ที่คอนโดทุกวี่วันก็เพราะอยากจะเจอหน้าผมต่างหาก โอ้วววว... ผมนี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะเนี่ย อิอิอิอิ แต่ตอนนี้น้องสมายล์ไม่ได้ชอบผมแล้วล่ะ เธอมีเป้าหมายว่าจะเรียนให้จบปริญญาตรีด้านเกี่ยวกับอาหารแล้วจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ ในตัวเมืองและจะเลี้ยงลูกสาวของเธอให้ดีที่สุดครับ ได้ฟังแบบนี้ก็ดีใจไปกับน้องสมายล์ด้วยจริงๆ

ส่วนเรื่องความรักของผมกับพี่ยูก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเดิมแต่เพิ่มเติมคือความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน พี่ยูก็ยังคงทำงานของตัวเองว่างเมื่อไหร่ก็จะบินมาหาผม ในขณะที่ผมก็ใช้ชีวิตนักศึกษาของตัวเองไป ปิดเทอมเมื่อไหร่ก็บินไปหาพี่ยูบ้าง เพราะถึงยังไงซะผมก็สัญญากับพี่ยูว่าจะไปต่อปริญญาโทด้านการเกษตรที่ญี่ปุ่นอย่างน้อยก็ 3 ปีที่จะได้อยู่กินด้วยกัน แหะๆๆ แล้วพี่ยูยังบอกผมอีกว่าถ้าหากทายาทรุ่นหลานรับงานต่อเมื่อไหร่ก็จะวางมือจากงานธุรกิจแล้วมาอยู่บ้านสวนกับผมไปจนแก่เลยล่ะครับ

“คุณจันทร์ขับรถระวังๆ นะครับ!! อย่าซิ่งล่ะ!”

ไอ้โซ่ตะโกนไล่หลังผมมาจากในครับ ผมก็ได้แต่ขานรับว่า ‘โอเคๆ’ แล้ววิ่งฉิวลงไปยังลานจอดรถ ไม่ต้องถามนะว่าผมจะไปไหน อ๊ะๆ บอกก็ได้ว่าจะไปสนามบินเพื่อรับพี่ยูน่ะสิ เดี๋ยวนี้ผมมีรถขับเองแล้วนะ พ่อคุณทูนหัวซื้อไว้ให้ได้ใช้เผื่อมีธุระจำเป็นแต่ก็ไม่ค่อยได้ขับหรอกครับนานๆ จะจับพวงมาลัยสักที จึงเป็นธรรมดาที่ไอ้โซ่มันจะเป็นห่วง

สนามบินสุวรรณภูมิยังคงคลาคล่ำด้วยผู้คน ผมมาถึงก่อนเวลานานเป็นชั่วโมงแต่ด้วยความตื่นเต้นก็เอาแต่ยืนจ้องหน้าจอมอร์นิเตอร์ยักษ์ไม่วางตา รอคำว่า ‘Landing’ อย่างใจจดจ่อ จนในที่สุดคนที่ผมคิดถึงแบบสุดๆ ก็เดินออกมา แมร่มเอ้ยยย หล่อสัส! และระดับความหล่อทำลายล้างนั้นก็ทำให้ผมเข้าพุ่งชนกระโดดตะปปกอดแบบไม่อายเลยล่ะครับ อ่อ แต่แอบอายคุณมาซารุนิดนึงก็ได้ แหะๆ

“คิดถึงๆๆ”

พี่ยูหัวเราะเบาๆ

“อยู่นี่แล้วไง”
มือใหญ่ขยี้หัวผมเล่น ผมเดินควงแขนพี่ยูไปลานจอดรถ ผมรับหน้าที่เป็นสารถีให้พี่ยูที่เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ นั่งสบายๆ แต่พี่ยูคงจะเหนื่อยจริงจังเพราะกว่าจะเคลียร์งานได้แต่ละครั้งก็คงจะหนักน่าดู ดังนั้นแค่รถเคลื่อนได้สักพักพี่ยูก็ผล็อยหลับไป ระหว่างที่รถติดสัญญาณไฟจราจรผมก็เลื่อนเบาะให้พี่ยูได้นอนสบายขึ้น แถมยังแอบกุมมือใหญ่ขึ้นมาจุ๊บตรงหลังมือไปหลายที ก็คนมันคิดถึงนี่นา

ถึงคอนโดก็ได้เวลาใกล้เที่ยงคืน ผมกลับเข้าห้องล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเสร็จแล้วก็กลับมาเคาะประตูห้องพี่ยู

“จันทร์อยากจะนอนกอดพี่ยู”

“แน่ใจ?”

“ที่สุด”

“แค่กอด?”

“ถ้ามากกว่านั้นเดี๋ยวจันทร์จัดการเอง”

ลูกผู้ชายอย่างผมพูดจริงทำจริงนะครับ ผมตั้งมั่นกับตัวเองแล้วว่าจะต้องเป็นเกย์ฝ่าย ‘รุก’ ให้ดีที่สุด เพราะเท่าที่ไอ้โซ่มันบอกไว้ว่าถ้าเป็นเกย์ฝ่ายรุกจะเจ็บตัวน้อยกว่าฝ่ายรับ ผมจึงต้องแย่งรุกพี่ยูก่อนทุกครั้งยังไงล่ะครับ อิอิ แต่ผลงานที่ได้จากการรุกเช้าวันถัดมา ผมนี่ลุกไม่ขึ้นเลย TvT

.
.
.
.
.
.
.
.


The End






จบแล้วนะคะ จบแบบจริงจังมากกับเกย์สายรุกอย่างน้องจันทร์  :laugh:
สุดท้ายขอขอบคุณทุกคนมากๆๆ สำหรับการติดตาม
หลังจากนี้ทุกท่านสามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ทางเพจ RirinRiya เหมือนเดิมนะคะ


รักคนอ่านมากมาย...
จากใจ
ริริน
 :pig4: :L1: :pig4:



หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-03-2017 13:30:56
จบแล้วกับความคาดใจตั้งแต่อดีต
คุณแม่คือมิกิ และคุณเดือนเป็นแม่ของมิกิ อันนี้เราเข้าใจถูกใช่ไหมคะ
แต่ยังสงสัยกับเรื่องครอบครัวจันทร์นิดนึง คุณพ่อนี่พ่อแท้ๆ ไหมคะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 12-03-2017 13:52:24
จบแล้ววว กลั้นหายใจอ่านกันเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วทซึกิก็คือคนที่ร้ายที่สุด ตรงจุดนี้เราเข้าใจมิกิและคุณแม่ของเธอนะ มันไม่ผิดหรอกที่จะไม่ให้อภัยทซึกิ แต่อย่ามาลงที่น้องจันทร์ได้มั๊ย นั่นลูกคุณนะ แอบเศร้าตามน้องจันทร์นิดนึง แต่ไม่เป็นไร น้องจันทร์ยังมีครอบครัวบ้านสวนและมีพี่ยู แค่นี้ก็พอแล้วเนอะ

น้องจันทร์ลูก น้องควรเข้าใจคำว่า รุก ใหม่นะ ฮ่า  :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: simpleyaoi ที่ 12-03-2017 13:55:59
จบแล้วกับความคาดใจตั้งแต่อดีต
คุณแม่คือมิกิ และคุณเดือนเป็นแม่ของมิกิ อันนี้เราเข้าใจถูกใช่ไหมคะ
แต่ยังสงสัยกับเรื่องครอบครัวจันทร์นิดนึง คุณพ่อนี่พ่อแท้ๆ ไหมคะ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ คิดว่าคุณพ่อโก้ของน้องจันทร์น่าจะเป็นพ่อแท้ๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตใดๆ นะคะ คิดว่าคงทำแต่งานมากกว่า คุณแม่และลูกสาวคงไม่บอกอะไร
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-03-2017 14:11:24
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ.  แล้วแต่งมาอีกน้า
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-03-2017 14:49:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-03-2017 14:59:12
ถ้าจันทร์ในอดีต หรือทซึกิ ร้ายต่อแม่ต่อพี่สาว
ชาติปัจจุบัน มาเกิดเป็นลูก เป็นน้อง
สิบแปดปีไม่เคยดูดำดูดี ยังไม่ชินอีกหรือ
เขาก็ทำเหมือนไม่ใช่ลูก ใช่น้องมาตลอด
มาวางยาพร่ำพูดให้รู้ว่า ทซึกิ ร้ายกับพวกเขา
จนส่งดาบให้ แล้วจันทร์ก็แทงตัวเอง
จันทร์ จะไปอาวรณ์หา เสียใจอีกทำไม
เพราะจันทร์ก็ไม่ใช่ทซึกิ ซักหน่อย
ตัดขาดกันไปเลย เพราะเขาก็ให้ข่าว
ลูกชาย ฆ่าตัวตายแบบอกหักเพราะรักเกย์
เขาอยากจมกับความโกรธ คลั่งแค้นก็เรื่องเขา
จันทร์เองก็มีแม่มล ตายาย โซ่ และคุณยู ก็พอแล้ว
ขอบคุณไรท์ เขียนเรื่องให้คนอ่านมีความสุข
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-03-2017 15:16:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-03-2017 15:19:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 12-03-2017 15:32:40
คุณแม่กับพี่เดือนก็ยังคงเหมือนเดิม
นี่ลูกนะน้องนะ ถึงจะมีจิตวิญญานแต่ก่อน
แต่ก็ทำไมไม่คิดถึงความเป็นจันทร์บ้าง
นี่คือจันทร์นะ

จันทร์ลูกกก
รุกในความหมายหนูนี่คือออนท๊อปรึเปล่า
พี่ยูคงยอมแค่ให้หนูอยู่บนแค่นั้นแหละนะ อิอิ


ขอตินพิเศษสวีทหวานให้พี่ยูหน่อยค๊าาาาา
ขอน้องรกุเน้นๆ รุกหนักๆไปเลยเนอะ 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 12-03-2017 15:39:33
โอ้ น้องจันทร์สายรุก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2017 15:55:09
แอบประหลาดใจกับคุณพ่อ เออนี่ไม่มีเยื่อใยอะไรต่อกันเลยหรือ **** :pig4: สำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-03-2017 16:20:31
เรื่องในอดีตนี่หักมุมได้อีก

 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 12-03-2017 16:58:55
อ่อ เรื่องครอบครัวของจันทร์แบบนี้คงโอเคที่สุดแล้วล่ะ
แต่ ตลกอันสุดท้าย รุก จน ลุกไม่ไหว 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 12-03-2017 18:32:51
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-03-2017 18:59:59
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 12-03-2017 19:06:37
แอบสงสารจันทร์ แม่กับพี่สาวใจร้ายมาก  รออ่านตอนพิเศษนะคะ อยากอ่านน้องจันทร์รุกพี่ยู 5555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-03-2017 19:08:41
จบแบบน้องจันทร์ต้องตัดขาดจากครอบครัวผู้ให้กำเนิดเลยเหรอคะ น่าสงสารจริงๆ แต่โชคดีที่มีครอบครัวคุณตากับพี่ยู
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-03-2017 19:34:32
ทซึกิมาปล่อยตัวเองกับเรียวมะ
ส่วนมิกิกับมิไดซามะนั่นใครก็ปลดปล่อยไม่ได้หรอก
ถ้าหากว่าสองคนนั้นไม่ปลดปล่อยตัวเอง
หักมุมได้โอเคค่ะ  ในประวัติศาสตร์มีแบบทสึกิเยอะอยู่
คห ส่วนตัวเราไม่คิดว่าทสึกิจะเป็นแบบที่เล่ามาโดยไม่มีสาเหตุ
เรียวมะเองก็รักทสึกิยิ่งกว่ามิกิ
มโนเอาว่าถ้าหากว่ามองอีกมุมหนึ่งอาจจะได้การกระทำของทสึกกิอีกแบบหนึ่ง
แต่ไม่ได้ความว่าทสึกิไม่ผิดอะไรเพราะท้ายที่สุดคนที่ลงมือก็คือทสึกิ
มิไดซามะเองก็เลือดเย็นไม่แพ้กัน
คนที่กลัวว่าเรื่องที่ทสึกิไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงของท่านโชกุนโอดะก็ไม่น่าจะมีแค่
ทสึกิ 

แต่ตัดแล้วน้องจันทร์มีความสุขกับพี่ยูก็ดีแล้วค่ะ
แม่กับพี่สาวก็อยู่ที่ตัวเอง  นรกแท้ๆอยุ่ในใจค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 12-03-2017 20:05:36
หักมุมไปอีกกก แต่น้องจันทร์ลูก สายรุกที่แท้จริงเค้าต้องลุกไหวนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 12-03-2017 21:09:05
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ครับ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 12-03-2017 22:32:25
เรื่องออกข่าวนี่ไม่เข้าใจ
ทำแล้วได้อะไร พ่อจะว่าไง?
หลักฐานด้านการเกิดการตายก็ไม่มี จะเมกข่าว?

ไม่เข้าใจทำไปแล้วได้อะไรฟระ?????


เป็นสองบรรทัดที่เป็นส่วนเกินของเนื้อหามาก

ยิ่งมองว่าแม่กะพี่สาวแค้นเว่อร์ ดูโง่แปลกๆ
แต่ไม่มีอะไรแปลกเท่าพ่อ นี่จัดว่าโคตรบ้า ลูกเมียฆ่ากันตายไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง
นี่โดนผีบังตา?
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 13-03-2017 00:33:52
หักมุมได้อี๊กกก ตอนเรื่องน้องไอก็ทำเอาเหมือนคนบ้าเดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะ ฮ่าาา เรื่องนี้หักมุมตอนจบแบบคาดไม่ถึง แต่เรื่องของแม่น้องจันทร์และพี่สาวบอกเลยค่ะว่าแบบนี้แหละดีแล้ว น้องจันทร์ไม่ต้องร้องนะลูก หนูยังมีครอบครัวบ้านสวนและพี่ยูนะ

คุณพ่อของน้องจันทร์ตามความคิดของตัวเองนะคะ เหมือนว่าจะโดนคุณแม่กีดกันนะหรืออาจจะเป็นคนกลัวเมีย ฮ่าาา ก็ดูสิยังไม่ทันได้คุยกับลูก อิแม่ก็โยนงานหาเรื่องให้ออกไปแระ

น้องจันทร์คนดี รุก จน ลุก ไม่ไหวนี่มันคืออะไรค๊าาา  :oo1:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ และสนุกนะคะ แต่งอีกนะคะ นีกเขียนแต่งสนุกทุกเรื่องเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 13-03-2017 00:35:39
เรื่องออกข่าวนี่ไม่เข้าใจ
ทำแล้วได้อะไร พ่อจะว่าไง?
หลักฐานด้านการเกิดการตายก็ไม่มี จะเมกข่าว?

ไม่เข้าใจทำไปแล้วได้อะไรฟระ?????


เป็นสองบรรทัดที่เป็นส่วนเกินของเนื้อหามาก

ยิ่งมองว่าแม่กะพี่สาวแค้นเว่อร์ ดูโง่แปลกๆ
แต่ไม่มีอะไรแปลกเท่าพ่อ นี่จัดว่าโคตรบ้า ลูกเมียฆ่ากันตายไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง
นี่โดนผีบังตา?


อินใช่มั๊ยคะ?  :a5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 13-03-2017 00:39:08
ฮือออจบแย้ววววว :mew6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 13-03-2017 01:09:42
จบได้สวยถูกใจมาก
ปล่อยวางได้และมีความสุขตลอดไปนะคะน้องจันทร์
ว่าแต่นิยามคำว่า "รุก" ของน้องนี่คืออะไร
แล้วไป "รุก" อิท่าไหนคะถึง "ลุก" ไม่ขึ้นน่ะ
สงสัยรุกจะ "อยู่บน" อย่างเดียวอ๊ะป่าว อย่างนี้ก็กำไรพี่ยูไปค่ะ 55555

รอตอนพิเศษน้าาาาาาา
ริรินสู้ๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 13-03-2017 02:20:34
เรื่องออกข่าวนี่ไม่เข้าใจ
ทำแล้วได้อะไร พ่อจะว่าไง?
หลักฐานด้านการเกิดการตายก็ไม่มี จะเมกข่าว?

ไม่เข้าใจทำไปแล้วได้อะไรฟระ?????


เป็นสองบรรทัดที่เป็นส่วนเกินของเนื้อหามาก

ยิ่งมองว่าแม่กะพี่สาวแค้นเว่อร์ ดูโง่แปลกๆ
แต่ไม่มีอะไรแปลกเท่าพ่อ นี่จัดว่าโคตรบ้า ลูกเมียฆ่ากันตายไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง
นี่โดนผีบังตา?

อินจัดเหมือนกันค่ะ
ว่าแต่คิดได้ไงคะ "พ่อโดนผีบังตา"
เห็นด้วยกับประโยคนี้
แบบเป็นพ่อที่ทำงานอย่างเดียว ลูกเมียไม่ใส่ใจ แถมโดนผีขี้แค้นปิดตาไว้
นี่ถ้ามารู้ทีหลังนะ
เป็นอิฉันคงเฟล แบบกลายเป็นคนโง่ไปเลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 13-03-2017 07:07:42
เขียนดีแล้วจ้า อ่านเพลินๆ แต่พล็อตยังอ่อนไปหน่อย

- สมัยน้องจันทร์ยังเด็ก เกิดเหตุการณ์ต่างๆจนโดนตราหน้าว่าตัวซวย บังเอิญหรือมีใครจัดฉาก?

- พี่ยูกับน้องจันทร์ในภพที่แล้วรักกันหรือเปล่า? พาร์ทอดีตบอกว่าน้องจันทร์เข้าพิธีกับพี่ยูเพื่อจะได้โยนความผิดให้พี่สาว แต่ไม่ได้พูดถึงว่าใครรักใครจริงๆบ้างไหม

- ดาบต้องโดนเลือดน้องจันทร์ถึงจะถอนคำสาปได้? ตกลงคำสาปคืออะไรและมีผลยังไง? ทำไมต้องทนรอให้น้องจันทร์ได้เจอพี่ยูก่อน? พอเจอกันแล้วทำไมถึงรีรอ ไม่ลงมือทันที?

- เท่าที่อ่าน พ่อน้องจันทร์เป็นนักธุรกิจธรรมดา แต่แม่กับพี่สาวทำงานด้านมืด? แล้วพี่ยูไปขวางทาง? แล้วตอนหลังพี่ยูช่วยน้องจันทร์โดยยอมแลกกับการไม่ไปขวางธุรกิจของแม่น้องจันทร์อีก??? งงจุงเบย  :really2:

- ตอนจบปล่อยข่าวว่า"ลูกชายคนเล็ก"ตาย แล้วคนที่บ้านสวนไม่ช็อคเหรอคะ? น้องจันทร์ไม่ได้เก็บซ่อนตัว พี่ยูเองก็เป็นนักธุรกิจ การเจอพ่อ/แม่/พี่/คนรู้จักโดยบังเอิญในอนาคตยังถือว่าเป็นไปได้น้า

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 13-03-2017 08:15:32
รู้แย่างเดียวตอนนี้คือ ขอตอนพิเศษจัดเต็มด้วยนะคะ จะไปสอยยย

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 13-03-2017 09:13:49
เขียนดีแล้วจ้า อ่านเพลินๆ แต่พล็อตยังอ่อนไปหน่อย

- สมัยน้องจันทร์ยังเด็ก เกิดเหตุการณ์ต่างๆจนโดนตราหน้าว่าตัวซวย บังเอิญหรือมีใครจัดฉาก?

- พี่ยูกับน้องจันทร์ในภพที่แล้วรักกันหรือเปล่า? พาร์ทอดีตบอกว่าน้องจันทร์เข้าพิธีกับพี่ยูเพื่อจะได้โยนความผิดให้พี่สาว แต่ไม่ได้พูดถึงว่าใครรักใครจริงๆบ้างไหม

- ดาบต้องโดนเลือดน้องจันทร์ถึงจะถอนคำสาปได้? ตกลงคำสาปคืออะไรและมีผลยังไง? ทำไมต้องทนรอให้น้องจันทร์ได้เจอพี่ยูก่อน? พอเจอกันแล้วทำไมถึงรีรอ ไม่ลงมือทันที?

- เท่าที่อ่าน พ่อน้องจันทร์เป็นนักธุรกิจธรรมดา แต่แม่กับพี่สาวทำงานด้านมืด? แล้วพี่ยูไปขวางทาง? แล้วตอนหลังพี่ยูช่วยน้องจันทร์โดยยอมแลกกับการไม่ไปขวางธุรกิจของแม่น้องจันทร์อีก??? งงจุงเบย  :really2:

- ตอนจบปล่อยข่าวว่า"ลูกชายคนเล็ก"ตาย แล้วคนที่บ้านสวนไม่ช็อคเหรอคะ? น้องจันทร์ไม่ได้เก็บซ่อนตัว พี่ยูเองก็เป็นนักธุรกิจ การเจอพ่อ/แม่/พี่/คนรู้จักโดยบังเอิญในอนาคตยังถือว่าเป็นไปได้น้า

 :pig4:


ตอบจากความคิดส่วนตัวนะคะ

- คิดว่าตอนเด็กไม่น่าจะเป็นการจัดฉากค่ะ เพราะเท่าที่ดูแม่และพี่สาวร้ายกับจันทร์คนเดียว ไม่ได้ร้ายกับคนในครอบครัว จึงคิดว่าคงไม่จัดฉากฆ่าคนในครอบครัวเพื่อจัดฉากให้น้องเป็นตัวซวย

-พี่ยูกับน้องจันทร์ในชาติที่แล้ว หรือก็คือเรียวมะกับทซึกิ ในส่วนนี้ดูความรักของทั้งคู่ได้จากหลายๆ บท อย่างในความฝันตอนที่ทซึกิยืนรอเรียวมะใต้ต้นซากุระ นั่นคงเป็นความรู้สึกที่แท้จริงที่ทซึกิมีให้เรียวมะ หรือพี่ยูเองก็เคยบอกว่ารักจันทร์ ที่ทำให้ได้มาเจอกันอีกครั้งก็เพราะรัก

-คิดว่าเลือดของน้องจันทร์ไม่ได้ล้างคำสาปนะคะ ไม่น่าจะมีคำสาปนะคะ เพียงแต่ดวงวิญญาณและดวงจิตของแต่ละคนยังไม่ได้รับการปลดปล่อยมากกว่า เรียวมะตายด้วยการทำฮาราคีรีเพราะทำผิดกฏซามูไรในการช่วยคนรักไว้ แต่เพราะคำอธิษฐานของน้องจันทร์ทำให้ดวงจิตของเรียวมะยังคงเฝ้าตามหาทซึกิ มันจึงเหมือนว่าทซึกินี่นแหละที่เป็นคนฆ่าเรียวมะ หรือการที่ทซึกิให้คนวาดรูปเรียวมะจนวันสุดท้ายของชีวิตก็ยังคงรักเรียวมะไม่งั้นคงไม่เก็บรูปเรียวมะไว้กับตัวตลอด  คุณปู่ของพี่ยูบอกว่าดาบเล่มนั้นของเรียวมะหายไปไม่มีใครเคยเจอคงอาจจะเพราะในชาตินี้แม่และพี่สาวของจันทร์ได้เก็บไว้ แต่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าดาบจะช่วยให้ดวงจิตของเรียวมะหลุดพ้นได้ มิกิคงคิดว่าเอาดาบของคนที่ตัวเองรักมาส่งให้น้องจันทร์เพื่อเป็นการแก้แค้น

-เท่าที่อ่านพ่อน้องจันทร์เป็นนักธุรกิจธรรมดา แต่แม่กับพี่สาวทำงานด้านมืด? แล้วพี่ยูไปขวางทาง? แล้วตอนหลังพี่ยูช่วยน้องจันทร์โดยยอมแลกกับการไม่ไปขวางธุรกิจของแม่น้องจันทร์ // ตรงนี้ไม่งงนะคะ พี่ยูเคยไปขวางทางของธุรกิจแม่และพี่สาวน้องจันทร์ตอนไปช่วยน้องสมายล์ยังไงละคะ

-เรื่องปล่อยข่าว เนื้อหาระบุแค่นามสมมติ คนที่รู้เรื่องจริงๆ คงมีแค่น้องจันทร์ โซ่ และพี่ยู ตามความคิดนะ ตรงส่วนนี้ไม่ได้เป็นส่วนเกินของเนื้อหาแต่คิดว่าเจตนาของคุณรินคืออยากให้มันชัดเจนตรงที่ว่าคุณแม่กับพี่สาวจงใจประกาศย้ำให้น้องจันทร์รู้ว่าได้ตัดขาดจากกันจริงๆ ส่วนจะถามต่อว่าแล้วไม่กลัวโดนขุดคุ้ยเหรอ เท่าที่ดูระดับพี่ยูคงไม่ปล่อยไว้หรอกค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็เอามาจากเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้ทั้งหมดนะคะ ถ้าอ่านแล้วคิดตามมันก็มีคำตอบในตัวของมันเองอยุ่แล้ว พล็อตแนวนี้อาจจะอ่อนไปสำหรับมือสมัครเล่นแต่ก็รู้ว่านักเขียนเองก็พยายามเต็มที่ ได้แค่นี้ถือว่าดีแล้วค่ะ เรื่องหน้าต้องสนุกกว่าเดิมแน่ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 13-03-2017 10:29:07
จบแล้วๆๆ
คุณแม่กับพี่สาวร้ายใช่เล่นนะนั่นนะ อ่านไปอินไป คงมีคนอินเหมือนเราเยอะเลยใช่ม้าาา
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Mickey199663 ที่ 13-03-2017 10:56:17
เรื่องออกข่าวนี่ไม่เข้าใจ
ทำแล้วได้อะไร พ่อจะว่าไง?
หลักฐานด้านการเกิดการตายก็ไม่มี จะเมกข่าว?

ไม่เข้าใจทำไปแล้วได้อะไรฟระ?????


เป็นสองบรรทัดที่เป็นส่วนเกินของเนื้อหามาก

ยิ่งมองว่าแม่กะพี่สาวแค้นเว่อร์ ดูโง่แปลกๆ
แต่ไม่มีอะไรแปลกเท่าพ่อ นี่จัดว่าโคตรบ้า ลูกเมียฆ่ากันตายไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง
นี่โดนผีบังตา?

เห็นด้วยค่ะ เราว่ามันยังไม่เคลียร์หลายอย่างเลยนะ โดยเฉพาะพ่อเนี่ย ทำเอางงสุด
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กดอยดาว ที่ 13-03-2017 11:54:06
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ รอไปซื้อหนังสือในงานนะ  :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 13-03-2017 14:15:54
สงสารน้องจันทร์ เข้าใจนะ แต่เซ็งแม่กับพี่สาวมาก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 13-03-2017 18:22:06
น้องจันทร์น่ารักกกกมากค่ะคุง
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 13-03-2017 18:22:58
มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งไปอีกก :z1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 13-03-2017 20:42:54

เห็นด้วยค่ะ เราว่ามันยังไม่เคลียร์หลายอย่างเลยนะ โดยเฉพาะพ่อเนี่ย ทำเอางงสุด

คาดว่านักเขียนคงจะมาเฉลยบางปมในตอนพิเศษนะคะ
อันนี้เดาล้วนๆ 5555
แต่ความน่าจะเป็นก็มี อิอิ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 13-03-2017 22:09:43
 :katai4: :katai4: :katai4:
ทซึกิของหนูวววสว
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 13-03-2017 22:25:04
จบแล้วววว เรื่องนี้ถ้าเอาแบบอ่านเอาสนุก ก็จะบอกว่า สนุกมากค่ะ มีลุ้นๆบาง แต่พออ่านเอาจริงๆแล้ว เราว่ายังมีอีกหลายปมเลยที่อ่านแล้วยังคง งง อยู่บ้าง ที่ไม่เคลียที่สุด ก็เป็นตอนจบนี่แหละค่ะ อะไร จะแค้นได้ขนาดนี้ นี่น้องจันทร์คือลูก นะค่ะ ลูกในใส้ที่ตัวเองเบ้งออกมา เราจะไม่พูดถึงตัวพี่สาวน่่ะ เอาแค่แม่อย่างเดียว งงค่ะ มันเป็นตรรกะแปลกๆของตัวแม่มากๆค่ะ แล้วครอบครัวที่บ้านสวนหล่ะค่ะ ถ้าจะไม่ตกใจ ก็แสดงว่ารู้กันอยู่แล้ว อย่างนี้หรือค่ะ .... เอาเป็นว่าเราอาจจะ อ่านแล้ว อินเกินไปหน่อยเลยสงสัยแค่นั้นเองค่ะ ....

ปล.เราจะติดตามเรื่องต่อๆไปของคนเขียนนะค่ะ.ขอยคุณสำหรับเรื่อวสนุกๆค่ะ

 :z2: :z2:  :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-03-2017 23:08:55
อยากจะรุก แต่วันต่อมานิลุกไม่ไหวเลยฮะ 555
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-03-2017 06:07:09
ดราม่านิดนึง สงสารจันทร์ ต้องถูกตัดขาดอยากครอบครัว อันนี้คือเหตุผลหนึ่งที่แม่ไม่พาไปด้วยแต่แรกไหม
แต่ก็โชคดีที่จันทร์ไม่ได้โตมากับแม่ ถึงไม่ผูกพันมาก เสียใจบ้าง เจ็บบ้าง แต่มีครอบครัวอบอุ่นดูแล จันทร์รอดค่ะ

ยกนิ้วให้พี่ยูนะ อยู่ข้างจันทร์ตลอด แถมโดนจันทร์รุกหนักมากด้วย 5555
จันทร์จิตใจดี น้องจัดการอารมณ์ตัวเองได้ดี แต่จันทร์คิดไปได้ว่าจะรุกรอด เป็นไงล่ะ ลุกไม่รอดเลย

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ส่งท้ายได้น่ารักเลย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: PinkCaramel ที่ 14-03-2017 09:20:25
เราว่าเราเข้าใจนะ ไม่งงนะ จะว่าไม่อินก็ไม่ใช่ นี่โคตรอินเลย หักมุมได้แบบร้อง หืมมมมมมมมมมม หนักมาก ตั้งแต่น้องไอยันน้องจันทร์ไม่เคยเดาใจนักเขียนได้ถูกเลย  :z1: สงสารน้องจันทร์ก็จริงแต่จบได้น่ารักมากค่ะ  :oo1:

เก็บใส่ลิสต์ เตรียมสอยในงานจ้า และเป็นกำลังใจให้นักเขียนน๊าาา รอเรื่องต่อไปด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 14-03-2017 12:52:45
ขอบคุณริรินครับที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่าน :L2:
แล้วก็ขอตอนพิเศษ เกย์สายรุกของน้องจันทร์ด้วยน้าาาาาา5555 :hao6:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 14-03-2017 14:36:17
อยากได้ตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 14-03-2017 18:45:39
 o13 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 14-03-2017 22:30:10
ค่ะน้องจันทร์เป็นเกย์สาย 'รุก' :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-03-2017 21:12:04
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 16-03-2017 21:27:47
เรื่องพ่อนี่ไม่งงเพราะถ้าพ่อรักจันทร์คงไม่ทิ้งจันทร์ให้คนบ้านสวนเลี้ยงจนโต

แล้วพ่อก็ไม่ได้ไปหาจันทร์เป็น 10 ปี มันก็เหมือนกับว่าพ่อไม่นับว่ามีลูกคนนี้มาแต่แรก

ขอบคุณ RIRIN ค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-03-2017 23:30:22


อั๊ยย่ะ......

หักมุม

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 17-03-2017 15:14:43
อ้าว. ตกลงเรื่องปล่อยข่าวเสียชีวิต.  เป็นฝ่ายแม่เหรอคะ.    แล้วในอนาคตนางทั้ง. 2.  จะไม่กลับไปหา.  ตากับยายของ. จันที่บ้านสวนเหรอคะ.  นั่นพ่อแม่ที่แท้จริงของนางนะ. มีงี้ด้วย.   หรือเจอจัน นางจะทำอย่างไร.   มโนไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 18-03-2017 08:04:35
เอ๋ แล้วนี่พ่อน้องจันทร์รู้เรื่องน้องตายมั้ย?  น้องจันทร์น่าร้ากกกกก พี่ยูเท่ห์มากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 19-03-2017 12:08:08
เข้ามาอ่านอีกทีก็ย้ายมาอยู่ห้องจบซะแล้ว ช้าจริงเรา :m23:
จบแบบสงสารและเห็นใจน้องจันทร์อยู่เหมือนกันนะ
แม้ว่าตอนนี้จะมีความสุขดี ยิ้มได้หัวเราะได้เหมือนเดิม
แต่บาดแผลที่ได้มา ทั้งทางร่างกายและจิตใจนี่สิ
สารภาพว่ามันทำให้เราร้องไห้เลยล่ะ  :sad4:
ยิ่งตอนที่ไปพบครอบครัว เป็นอะไรที่บีบอารมณ์มากๆเลย
คุณพ่อที่แสนดี คุณแม่และพี่สาวที่แสนจะเกลียดชังตัวเอง
คนที่ไม่ปล่อยวางกับอดีตมีแต่จะทุกข์และทรมานตัวเอง
น้องจันทร์บอกตัวเองและคนอื่นเสมอว่าตัวเองเป็นใคร
ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง มีความสุขกับปัจจุบัน นั่นคือน้องปล่อยวาง
มีความสุขกับปัจจุบันอย่างนี้ไปเรื่อยๆนะน้องจันทร์ :hao3:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ นิยายของคุณสนุกมากจริงๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 20-03-2017 00:01:49
อีแม่กับอีพี่ก็เหลือเกินจริงๆ โพดดด ลูกกับน้องเจ้า
ของดุ๊น่ะ ผีบ้า
น้องจันทร์ควรมาเป็นเมียพี่นะ อั้ยยย
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 28-03-2017 16:03:20
สนุกมากค่ะ
แต่แอบคิดว่าเนื้อเรื่องน่าจะยาวกว่านี้สะอีก
เหมือนปมหลายๆอย่างไม่ค่อยเคลียเท่าไหร่
แต่จบแบบนี้โอเคค่ะ น้องจันทร์น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: TAETAEBAE ที่ 23-05-2017 15:30:54
ตอนเด็กถูกหาว่าเป็นตัวซวยเนี่ย ..เราว่าโดนจัดฉากอ่ะ ไม่งั้นจะเกิดเรื่องได้ไงทุกครั้ง บังเอิญหรอ เราว่าไม่ใช่อ่ะ จะมีเฉลยมั้ยอ่ะค่ะ ฮืออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Unnie ที่ 26-07-2017 11:47:13
เปิดมาอ่านอีกรอบทั้งที่ซื้อนิยายแล้วนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 31-07-2017 23:27:54
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 31-08-2017 07:55:34
สนุกค่ะ ชอบชาวจันทร์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 31-08-2017 21:37:30
เจ็บปวดแทนจันทร์เรื่องพี่สาวกับแม่มาก
แต่อย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับคนที่รักตลอดไปนะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 13-03-2018 06:49:01
เรื่องราวหักมุมมากๆเลยค่ะ สนุกมากค่ะ
สงสารจันทร์
ขำคู่ปลื้มกับพี่ดิน
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -15- [27.2.60] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 14-03-2018 00:42:54
ชาติที่แล้วจันทร์เป็นคนฆ่ายูด้วยดาบของยูเองแน่ๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -17- [9.3.60] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 14-03-2018 01:42:03
 :a5: o22 โอ้ววว พีค! คนที่คิดว่าใบ่กลับไม่ใช่ อมก

ตอนท้ายจันทร์แทงตัวเองใช่มะ?
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 14-03-2018 02:05:09
อ้าว. ตกลงเรื่องปล่อยข่าวเสียชีวิต.  เป็นฝ่ายแม่เหรอคะ.    แล้วในอนาคตนางทั้ง. 2.  จะไม่กลับไปหา.  ตากับยายของ. จันที่บ้านสวนเหรอคะ.  นั่นพ่อแม่ที่แท้จริงของนางนะ. มีงี้ด้วย.   หรือเจอจัน นางจะทำอย่างไร.   มโนไปค่ะ

เราก็คิดเหมือนคห.นี้เลยค่ะ  :a5: มันจะงงๆหน่อย

แต่ก็ช็อคตรงถึงขนาดตัดขาดแม่ลูกกันเลย แบบ โอ้โห  :o12:

/// เพิ่งจะรู้ว่าน้องจันทร์เป็นเกย์รุก  แต่แน่ใจนะว่าน้องเข้าใจถูกแล้วอ่ะ  :laugh:  สายรุกที่เจ็บตัวตลอดจนลุกไม่ขึ้น  :m20:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 25-12-2018 10:47:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 12-01-2019 15:35:10
 :katai2-1:ขอบคุณค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-03-2019 19:23:21
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: brave on better ที่ 02-03-2020 00:19:31
สนุกมากค่าา  o13
นี่ตามมาจากรักเต็มใจ แล้วต่อด้วยทุกเรื่องของริรินเลย ขอบคุณที่ผลิตผลงานดีๆให้ได้ติดตามนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 09-04-2020 09:53:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ๋Jennay ที่ 10-04-2020 21:31:14
อารมณ์เหมือนด้ายแดงเลย แต่ความพีคความไรมาเต็ม ยังดีที่จบดี ไม่งั้นเราต้องน้ำตาย้อยทั้งเรื่องแน่เลย