(◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20  (อ่าน 109083 ครั้ง)

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พรุ่งนี้จะได้อ่านตอนใหม่มั๊ยน๊า

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
'เจอแล้ว' เค้าเจอกันแล้ว แค่คำเดียวทำเราน้ำตาตกเลย เข้าใจหัวอกคนรอแล้ว มันทรมานสุดๆ แต่มันเป็นว่าที่คู่หมั้นของอีไส้เดือนแน่ๆ อีพี่สาขี้อิจฉานั่นน่ะ แต่ก็นะแค่ว่าที่เพราะจริงๆคนที่เค้ารอไม่ใช่แกอีใส้เดือนแต่คือคุณหนูจันทร์ต่างหาก แกแต่งไปสิได้ตายเหมือนเมียเก่ามันแน่

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน




-3-





“คุณจันทร์”

“อืม...”

“ตื่นได้แล้วครับ นอนทับตะวันแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก”

นอนทับตะวันเหรอ? ใคร? ผมพยายามจะหันไปมองแต่ก็เจอแค่ความมืด เอ๊ะ! นี่ผมหลับตาอยู่เหรอ? แล้วทำไมเปลือกตาถึงได้หนักอึ้งแบบนี้ล่ะ???

“คุณจันทร์จะตื่นดีๆ หรือจะให้ไอ้โซ่ช่วยปลุก?”

เดี๋ยวๆ ใจเย็นไว้เพื่อน อยากจะยกมือขึ้นห้ามแต่แค่จะเปิดเปลือกตาผมยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเลยครับ ผมต้องใช้ความพยายามในการควบคุมร่างกายอยู่พักใหญ่และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ดวงตาของผมเปิดโพลงจ้องเพดาน ลมหายใจหอบน้อยๆ ไม่นานนักใบหน้าคมคายเลื่อนเข้าบดบังสีนวลของฝ้าเพดาน คิ้วเข้มของไอ้โซ่ขมวดเข้าหากัน

“คุณจันทร์เป็นอะไร? ท่าทางยังกับโดนผีอำ”

ผมกระพริบตามองคนตรงหน้าเพื่อเรียกสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมองไปทางนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ท้องฟ้าทอสีแดงอมส้มบอกเวลายามโพล้เพล้ จากนั้นก็หันมองดูนาฬิกาเข็มสั้นตรงเลขหกพอดีครับ

“อืม... โดนผีอำ”

“เหยดดดดดดดดดดดดด”

สิ้นคำสบถ ร่างยาวๆ ก็กระโดดโหยงขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผมด้วยหน้าตาล่อกแล่กหวาดระแวงทุกอย่างรอบกายตามประสาคนกลัวผี

“จะกลัวทำไมเนี่ย คนที่โดนผีอำคือฉันนะ”

“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ”
เออ.. มีแบบนี้ด้วยแฮะ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ลุกๆ จะไปล้างหน้า”
ผมเดินลงจากเตียง ไอ้โซ่ก็เดินตามผมติดๆ มายืนเฝ้าหน้าห้องน้ำด้วยนะครับ

“คุณจันทร์”

“ว่า?”
ล้างหน้าไปด้วยก็ต้องขานรับตอบไปด้วย

“ผมอยากรู้ว่าผีอะไรมันกล้าอำคุณจันทร์?”
แปลกนะครับคนกลัวผีมักจะชอบฟังเรื่องผี

“ผีญี่ปุ่น”

“หืม??? ผีโกโบริเหรอ?”
นี่ก็คิดได้นะ

“ฉันเหมือนอังศุมาลินปะล่ะ?”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไอ้โซ่คงจะขมุบขมิบปากเหลือบตามองบนกับคำตอบของผมเป็นแน่ ถ้าหากขาผมยาวกว่านี้คงได้ยกถวายมันไปสักที ผมจึงทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้แล้วเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูจนแห้งสนิท รู้สึกสดชื่นขึ้นมากครับ และก็ทำให้ผมเพิ่งนึกอะไรออก

“โซ่.. ฉันมานอนในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คนถูกถามกระพริบตาทำหน้าเอ๋อ แล้วยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ

“คุณจันทร์ไม่รู้ แล้วผมจะรู้มั๊ยเนี่ย”
แหม— ให้มันได้แบบนี้สิครับ รู้ได้ทุกเรื่อง ทีเรื่องสำคัญไม่รู้ขึ้นมาซะงั้น

“ไอ้โซ่ก็จะถามคุณจันทร์อยู่เนี่ยว่าแอบมานอนหลับทับตะวันอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?”

สำรวจตัวเองหน้ากระจกและมองฝ่ายตรงข้ามผ่านเงาในกระจก ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังทำหน้าครุ่นคิด ผมรู้ว่าไอ้โซ่อาจจะโกหกคนอื่นได้แต่มันไม่มีวันจะโกหกผมอย่างแน่นอน และผมก็ไม่ใช่พวกที่ชอบตอแยมากความอยู่แล้ว อีกอย่างคำตอบสำหรับเรื่องนี้ผมนี่แหละที่เป็นคนรู้ดีที่สุด แต่ดันจำไม่ได้ซะงั้น เพราะฉะนั้นอย่าไปโทษใครเลยครับ

“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณจันทร์เข้ามานอนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าเมื่อเที่ยงน้ามลให้ผมมาตามคุณจันทร์ไปกินข้าว ผมเดินหาทั้งไร่ทั้งสวนก็ไม่เจอ แต่มาเจอคุณจันทร์นอนหลับอยู่ในห้อง ผมปลุกให้ไปกินข้าวก็ไม่ตื่น ผมเลยคิดว่าคุณจันทร์จะหนีพวกแขกเหรื่อที่มากันซะอีก เลยไปบอกน้ามลว่าคุณจันทร์กินข้าวกับผมที่ในครัวเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง”

เอาจริงๆ ผมไม่เคยนอนกลางวันยาวขนาดนี้ และแม้จะยังสงสัยและข้องใจ แต่คำอธิบายยาวเหยียดของไอ้โซ่ทำให้ผมต้องหลุดยิ้มออกมา

“หนีทำไม? ฉันเป็นเจ้าของบ้านนี้นะเฟ้ย”

“คุณจันทร์คิดแบบนี้ไอ้โซ่ก็สบายจายยย”
มีการทำหน้ากวนตีน ยักคิ้วแบบนักเลงให้ผมด้วย เท่ห์ตายล่ะ ฮ่าๆ

“ไปกินข้าวเถอะ หิวแล้ว” ตัดบทด้วยเสียงท้องที่ร้องประท้วง

เดินกอดคอกันออกมาจากห้องอย่างทุลักทุเลเพราะความสูงที่ต่างกัน อย่าบอกใครนะครับว่าเราโตมาด้วยกัน นี่ขนาดว่าผมแทบจะดื่มนมแทนน้ำแล้วนะเนี่ยความสูงของผมไม่พัฒนาขึ้นเลยสักนิด

“มาเร็วๆ ลูก อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”
แม่มลที่กำลังชะเง้อคอรออยู่รีบกวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม ว่าแต่ทำไมคุณแม่กับคุณเดือนยังอยู่ล่ะเนี่ย??? ผมคิดว่าพวกท่านจะกลับกันไปหมดแล้วซะอีก ผมหันมองหน้าไอ้โซ่เพื่อขอคำตอบ และมันก็กระซิบตอบมาว่า ‘คืนนี้เขาค้างที่บ้านสวนกันครับ’ ผมจึงทำได้แค่พยักหน้าเงียบๆ แล้วไอ้โซ่ก็ชิ่งวิ่งหนีไปกินข้าวในครัวอย่างไวทิ้งให้ผมเดินฉีกยิ้มเดินเข้าไปร่วมวงคนเดียว

ตามมารยาทอีกเช่นเคยครับ มาช้าให้ผู้ใหญ่รอก็ต้องยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกับแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาตำหนิและดูแคลนจากคุณแม่และคุณเดือน ด้วยการสนใจมองเมนูบนโต๊ะแทน อื้อหือ-- หมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่เจียวหมูสับทรงเครื่อง ผัดผักหวานป่ากับน้ำมันหอย แกงเลียงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง แล้วยังมีแกงป่าผักหวานใส่ปลากรอบ แสบท้องด้วยความหิวทันทีครับ แม้จะเป็นอาหารพื้นบ้านแต่ฝีมือแม่มล คุณยาย และป้าณี ผมการันตีว่าอร่อยทุกอย่างและผมก็ชอบทุกอย่างโดยเฉพาะผักหวานป่าที่ไม่ต้องซื้อหาที่ไหน มีอยู่ในไร่ในสวนเรานี่แหละครับ ว่าแต่คุณตากับพ่อต้อมไปไหนเนี่ย ผมหิวแล้วนะ

“มาแล้วเหรอลูก?”
พ่อต้อมก็ส่งเสียงมาแล้วครับ ผมยืดตัวส่งยิ้มให้คุณตาและพ่อต้อมที่เดินมาจากนอกชานอีกฝั่ง แต่รอยยิ้มของผมก็ต้องค่อยๆ หุบลงเพราะบุคคลที่เดินตามพวกท่านมา

“คนนี้คือน้องจันทร์ใช่มั๊ยครับ?”
ผู้ชายรูปร่างสูงสมส่วน ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ที่ผมจำได้แม่นยำว่านั่งใกล้สาวน้อยคนสวยของผมและคนที่ผมเจอตรงสวนหลังบ้านเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าสามารถฆ่าผู้หญิงได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกร่างกายเย็นวาบและชาหนึบไปทั้งตัวได้เท่ากับผู้ชายอีกคน

“อ่อ.. วันนี้ยังไม่ได้เจอกันนี่นา”
พ่อต้อมที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษมองผมแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปแนะนำผมให้ผู้ชายรูปร่างสูงอีกคนที่หน้าตานิ่งเรียบเฉยชาฟังเป็นภาษาอังกฤษ เห็นพ่อต้อมเป็นแค่เกษตรกรชาวสวนชาวไร่แบบนี้แต่จบปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศเชียวนะครับ เรื่องภาษาอังกฤษนี่พูดได้ไฟแล่บเลย

“จันทร์สวัสดีพี่เขาสิลูก นี่คุณอิเคดะแฟนคุณเดือนเขา ส่วนนี่คุณปลื้มชลล์เพื่อนของคุณอิเคดะ คืนนี้พวกพี่เขาจะค้างที่บ้านเราด้วย”
ในอกด้านซ้ายก็เต้นเร็วแรงจนรู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งอก

“จันทร์”
ราวกับว่าผมโดนมนต์สะกดให้สมองหยุดสั่งการและร่างกายหยุดการเคลื่อนไหว

“จันทร์.. ไหว้พี่เขาสิลูก”

“อ.. อ่อ..” แรงกระตุกจากคุณยายที่ยืนข้างๆ ทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัว

ผมยกมือขึ้นไหว้แขกทั้งสองคนโดยพยายามหลบสายตาคู่คม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมได้ยินเสียงคุณเดือนพูดขึ้นว่า ‘เรียกร้องความสนใจ..’ แม้เสียงของเธอจะเบาแต่ก็ได้ยินกันทั้งโต๊ะ แต่ทุกคนก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมอย่างพร้อมเพรียง

“กินข้าวกันเถอะ มีแต่อาหารพื้นบ้านไม่รู้จะถูกปากกันรึเปล่า?”
คุณตาที่นั่งหัวโต๊ะเชิญทุกคน แล้วก็ไม่ลืมที่เป็นห่วงเป็นใยผู้มาเยือน คุณปลื้มชลล์ตอบว่าชอบอาหารพื้นบ้านด้วยเสียงหนักแน่น ส่วนคุณเดือนก็รีบเป็นล่ามแปลภาษาให้แฟนตัวเองฟัง ผมไม่กล้าแม้แต่จะแอบมองว่าคนตอบกำลังทำหน้ายังไง

“คุณอิเคดะเขาชอบค่ะ” คุณเดือนตอบแทนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหวาน

ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า ทุกคนก็ลงมือกินได้ ผมเองก็ขอก้มหน้าก้มตากินเพราะหิวจริงๆ แต่ทั้งที่หิวผมกลับกินอะไรไม่ค่อยได้ ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ในอกด้านซ้ายก็ปวดหนึบแปลกๆ และผมก็ยังรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลา ลองเงยหน้าแอบมองรอบโต๊ะหลายต่อหลายครั้งแต่ทุกคนก็ทั้งกินและคุยกันไม่มีใครจ้องผมสักคน จะมีก็แต่แม่มลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ท่านส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเลื่อนจานผัดผักหวานป่าน้ำมันหอยของโปรดให้ผม

“กินแต่ผักแต่หญ้าจะไปโตทันคนอื่นเขาได้ยังไง”
มือที่กำลังจะตักผัดผักต้องชะงักค้างกลางอากาศ

“จันทร์แกชอบกินผักน่ะ โดยเฉพาะผักหวานป่านี่ของโปรดเลย”
คุณยายอธิบายคุณแม่ด้วยรอยยิ้มพลางตักหมูทอดกระเทียมพริกไทยใส่จานให้ผม

“ก็ถึงว่าไงถึงได้ตัวแค่นี้”
ในคำประชดประชันนี้ใครๆ ก็ฟังออกว่ามีความห่วงใยปะปนอยู่ แม้จะน้อยนิดก็ผมก็ยังสัมผัสได้ ผมจึงหันไปส่งยิ้มให้คุณแม่แทนคำขอบคุณ และบังเอิญได้สบกับดวงตาคมเข้มพอดิบพอดี อาการครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ดวงตาคู่นี้ และความรู้สึกแบบนี้ผมคิดว่าผมจำมันได้ดี เพียงแต่ผมไม่มั่นใจว่ามันป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงความฝันที่ผมเรียกว่าผีอำกันแน่
ขึ้นชื่อว่าลูกผู้ชายต้องกล้าหาญ ผมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วผ่อนออกเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะหันกลับไปจ้องตากลับเอาให้มันรู้กันไปว่าคนหรือผี แต่... ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มองมาที่ผมสักหน่อยนี่ครับ?? เขากำลังคุยอยู่กับคุณเดือนสายตาก็จดต่ออยู่ที่คุณเดือนไม่มีท่าทีจะสนใจผมด้วยซ้ำ เอ๋--- หรือว่าผมอุปาทานไปเองหว่า???

เพื่อความมั่นใจผมแอบมองทุกคนรอบโต๊ะอีกครั้งจากนั้นก็ตั้งสติกลับมาสนใจข้าวในจานของตัวเอง และตอนนี้ผมก็ขอเชื่อความรู้สึกและสัญชาตญาณว่ามันคือความจริงครับ ไม่มีผีอำและไม่มีอุปาทานใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมอยู่กับความฝันเรื่องเดิมที่วนซ้ำกันอยู่อย่างนั้นมาสิบกว่าปี ผมจำได้ทุกรายละเอียดโดยเฉพาะดวงตาคู่ที่ทำให้ผมเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ..

ตลอดมื้อเย็นผมไม่ได้สนใจในบทสนทนาของพวกผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ นอกจากแค่เรื่องราวของคุณปลื้มชลล์ที่ทายาทนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณอิเคดะ นอกจากจะอยู่ในวงการธุรกิจเหมือนกัน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือคุณปลื้มชลล์เป็นน้องชายฝาแฝดของคุณเปรมนทีป์ซึ่งเป็นน้องเขยของคุณอิเคดะ พูดถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกยอกในอกขึ้นมาทันที คนที่นั่งแนบชิดกับสาวน้อยอ้อยควั่นของผมที่แท้ก็คือคุณหมอเปรมนทีป์สามีของเธอครับ กระซิกๆ



.
.
.



จบมื้อเย็นด้วยดี ผมปล่อยให้พวกผู้ใหญ่เขาคุยสนทนากันต่อแล้วก็แอบย่องออกมาหาชู้รักอย่างไอ้คุณโซ่ พรุ่งนี้เราทั้งคู่จะตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเอาปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อไปขายที่ตลาดครับ ผมลืมบอกทุกคนใช่มั๊ยว่าทุกอย่างที่อยู่ในรั้วบ้านสวนไม่เคยขายผ่านพ่อค้าคนกลาง คุณตากับพ่อต้อมสอนผมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและการใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงเสมอว่าถ้าเหลือกินในบ้านก็ค่อยเอาไปขายที่ตลาด ทำเอง ปลูกเอง และขายเอง กำไรก็เอามาหมุนเวียนใช้ในครอบครัว บ้านเราจึงไม่เคยลำบากและไม่เคยขาดแคลนมีให้กินให้ใช้ตลอดทั้งปี 

นัดแนะเรื่องงานที่ต้องทำพรุ่งนี้กับไอ้โซ่เสร็จสรรพก็นั่งคุยเรื่องสาวๆ กันต่ออีกนิดหน่อย ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่ไอ้โซ่มันแอบชอบน้องสมายล์ลูกสาวกำนันเทพครับ และเนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องตื่นก่อนไก่โห่บวกกับผมรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนจะไม่สบายดังนั้นไอ้โซ่จึงอาสามานอนเป็นเพื่อน 

“โซ่..”
สะกิดเรียกคนที่นอนหลับหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างๆ

“ไอ้โซ่..”
ท่าทางมันจะหลับสนิทจริงๆ แต่ผมนี่สิข่มตาให้หลับเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ

หลังจากพลิกตัวไปมาจนเหนื่อย ในหัวก็ปวดตุบๆ ผมจึงลุกขึ้นนั่งนวดขมับตัวเองและมองเข็มนาฬิกาที่เดินติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก บอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง สงสัยเมื่อตอนกลางวันผมจะนอนเยอะไปหน่อยกลางคืนจึงนอนไม่หลับ แบบนี้คงต้องพึ่งนมอุ่นสักแก้วอีกตามเคย
ออกจากห้องนอนแล้วเดินไปบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายตรงระเบียงนอกชานสักหน่อย ผมเงยดูพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่แขวนอยู่บนผืนฟ้าสีเข้ม แล้วประดับประดาด้วยดวงดาวระยิบระยับนับล้านไม่ว่ามองกี่ครั้งก็รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่ง นี่แหละครับเสน่ห์ของบ้านสวน 

สมองโล่งขึ้นแล้วก็ต้องตามด้วยนมอุ่นๆ สักแก้วรับรองหลับสบายแน่นอน ว่าแล้วก็หันหลังกลับตรงไปห้องครัวกันเลยครับ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน แค่หันหลังมาก็ขนลุกเกลียวเลยทีเดียว

 “เหี้ย!!”
มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?! ถ้าผมตกใจจนเยี่ยวราดขึ้นมาจะว่าไงเนี่ย ดีนะที่ผมไม่ใช่คนกลัวผีเลยเรียกสติกลับมาได้อย่างว่องไว

“มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ขอเท้าสะเอวถามผู้ชายที่สูงเป็นเสาไฟฟ้าตรงหน้าหน่อยนะครับ ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมตระหนักได้ว่าตัวเองเตี้ยมากแค่ไหนและเพื่อเป็นการสร้างสมดุลแห่งความเท่าเทียม และไม่ต้องให้ผมเงยหน้าคุยจนเมื่อยคอ ผมจึงขอเว้นระยะห่างถอยไปตั้งหลักสัก 2 ก้าว ระหว่างนั้นก็แอบสำรวจฝ่ายตรงข้ามไปด้วย

สูงยาวเข่าดี ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ คิ้วดกดำคมเข้ม ดวงตาดำขลับคมลึกยากจะอ่านความหมาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง สวมเสื้อยืดเนื้อดีสีขาวกับกางเกงวอร์มแบรนด์กีฬาชื่อดัง รวมๆ แล้วก็หล่อดีนะ แต่น้อยกว่าผมนิดนึง

“นี่คุณ.. ผมถามทำไมไม่ตอบ?”

“อ่อ.. ลืมไปครับว่าคุณพูดภาษาไทยไม่ได้นี่หว่า”
ถามเองตอบเองก็เป็นนะผมเนี่ย

“โกเมนนะไซ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย

“ห๋า? อะไรนะ? แถวนี้ไม่มีต้นไทร แล้วจะมาก้มหัวให้ผมทำไม?”
 อะไรของเขาว่ะเนี่ย? ผมลองมองแบบประเมินสถานการณ์ครู่นึงแล้วจึงพูดต่อ

“คุณชื่ออะไรนะ? ยูเหรอ? นอนไม่หลับรึไงคุณ?”
รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจแต่ผมอยากจะพูดภาษาไทยอะ ใครจะทำไม?

“นอนไม่หลับสินะ งั้นเอานมอุ่นๆ สักแก้วมั๊ย?.. เอาละกัน”
ถามแล้วก็ตอบให้อีกฝ่ายเรียบร้อยก่อนจะเดินนำพามาไปที่ครัว ผมรินนมใส่แก้วกระเบื้องสองแก้วแล้วยกเข้าไมโครเวฟ ระหว่างรอเวลา ผมก็หันไปสนทนากับอีกฝ่าย(?)

“พูดภาษาไทยก็ไม่ได้แล้วมาชอบคนไทยทำไมเนี่ย?”
รอดูปฏิกิริยาฝ่ายตรงข้ามนิดนึง เมื่อเห็นว่ายังนิ่งผมก็พูดต่อได้ ฮ่าาา

“จะจีบคนไทยก็ต้องพูดภาษาไทยให้ได้สิคุณ”

“อ่อ.. เดี๋ยวนะ คุณชื่ออะไรนะ อิเคดะ ยู ใช่มั๊ย?”
ผมพูดชื่อถูกปะเนี่ย? แต่เห็นเจ้าตัวยังคงยืนนิ่งใบหน้าก็นิ๊งนิ่งเรียบเฉยจนดูเหมือนคนเย็นชาแสดงว่าผมพูดชื่อเขาถูกแน่นอน

“ยู ที่แปลว่า คุณ หรือ เธอ ใช่มั๊ย?”
คนตรงหน้านิ่ง ผมจึงพยักหน้าหงึกๆ ให้ตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นผมเรียก พี่คุณ พี่คุณ เหมือนเรียกพี่นิชคุณก็ได้น่ะสิ ฮ่าาา”
อย่าเพิ่งคิดว่าผมบ้านะครับ ผมแค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไปก็เลยหาเรื่องคุยไปเรื่อย


ติ๊ก..


เสียงเตือนไมโครเวฟช่วยผมไว้พอดี

“ดื่มซะสิจะได้หลับสบาย”
ผมยื่นแก้วนมที่กำลังอุ่นพอดีให้อีกฝ่าย มือใหญ่รับแก้วจากผม ทำให้บังเอิญปลายนิ้วของเราชนกัน สัมผัสเพียงแผ่วเบาแต่ทำเอาผมสะดุ้งเหมือนโดนไฟลวก และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องจ้องดวงตาคู่คมแบบตรงๆ

นิสัยของผมคือเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรให้มากความ ผมไม่ชอบเอาเปรียบใครและไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ผมเป็นคนตรงไปตรงมาหรือที่พ่อต้อมบอกว่าถึงตัวจะเล็กแต่ใจต้องนักเลง เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมขอพูดออกไปตรงๆ แม้จะเป็นการพูดอยู่คนเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจสักนิดก็ตาม

“คุณไม่รีบใช่มั๊ย? นั่งคุยด้วยกันก่อนสิ”
นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะหันพยักเพยิดหน้าและปุ้ยปากไปที่เก้าอี้ข้างๆ กัน อีกคนก็นั่งตามอย่างว่าง่ายและถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปเอง ผมคิดว่าผมเห็นรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคมนั่นแว่บนึงนะ

พอเอาเข้าจริงก็แอบประหม่านิดๆ นะครับ อากาศในตอนกลางคืนของบ้านสวนเย็นสบายแต่ทว่าเหงื่อผมกลับซึมเต็มทั่วแผ่นหลัง ยิ่งเมื่อไหร่ที่ผมมองหน้าอีกฝ่ายแบบตรงๆ ลมหายใจของผมก็ยิ่งติดขัด

 “เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่มั๊ย?”
หลังจากคำถามนี้หลุดออกจากปากผมก็แทบอยากจะตบปากตัวเองสักทีสองที แมร่มเอ้ย! เริ่มประโยคแรกได้แต๋วแตกเหมือนจีบสาวเลย มีคำถามเป็นร้อยอยู่ในใจทำไมปากมันหลุดคำถามนี้ออกมาได้ฟร๊ะ! แต่โชคดีที่คู่สนทนาไม่เข้าใจภาษาไทยผมจึงรอดตัวไม่ต้องตบปากตัวเอง 

เงียบไร้ซึ่งคำตอบ เพราะคนถูกถามไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพูด แต่ผมก็ยังอยากจะพูดมันออกมาทั้งหมด พูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในหัวใจ ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ โดยไม่คิดจะหลบสายตาตรงหน้า แล้วจู่ๆ ผมจะรู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งอก เมื่อไหร่ที่ได้สบดวงตาคู่คมที่ลึกล้ำตรงหน้า มันทำให้ผมหายใจลำบากเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะต้องอดทนให้ถึงที่สุด

“คุณทำให้ผมหายใจไม่ออก”
ผมกำรอบแก้วนมจนเกร็งแน่น และพยายามควบคุมสีหน้าและโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุด แต่มันก็ทำไม่ได้

“เมื่อตอนสาย.. ที่.. โรงเพาะเห็ด นั่นคือ.. คุณ.. ใช่มั๊ย?” เสียงของผมสั่นและกระท่อนกระแท่น

ความอุ่นจากแก้วนมที่ถืออยู่ในมือหายไปและกลับกลายเป็นความเย็นเฉียบ จนผมไม่สามารถประคองแก้วได้อีกต่อไปจึงต้องวางมันลงบนโต๊ะ พร้อมกับที่ร่างกายของผมเริ่มจะหมดแรงเอาเสียดื้อๆ เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่??

มือใหญ่จับต้นแขนของผมไว้แล้วดึงให้ร่างของผมอยู่ในวงแขนแกร่ง น่าแปลกที่ผมไม่สามารถจะต้านทานหรือขัดขืนใดๆ ได้เลย

“คุณ....”

อาจจะเป็นเพราะความเงียบที่โรยตัวอยู่ในค่ำคืน ผมจึงได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายมันเต้นเป็นจังหวะมั่นคงผสานรวมกับอ้อมแขนที่กระชับแน่น มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และคุ้นเคยอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และมันคงนานมากจนผมไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดเหล่านั้นได้เลย จะมีเพียงแค่เรื่องเดียวนั่นคือ ‘ความฝัน’ ที่เป็นเหมือนฉากละครฉายซ้ำวนไปวนมาเหมือนจะตอกย้ำฝังในจิตใจ

ถ้าหากความฝันคือจุดเชื่อมโยงของเรื่องราว ณ ตอนนี้...

“คุณมาที่นี่... เพราะคุณเดือน หรือ.. เพราะผมกันแน่?” น้ำเสียงของผมสั่นเครือและกระบอกตาก็ร้อนผ่าวอย่างไร้สาเหตุ

เพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลก็ตอนที่คนตัวโตกว่าเช็ดน้ำตาบนแก้มให้ ดวงตาของเราทั้งคู่ไม่ละออกจากกัน แม้ผมจะไม่สามารถเดาความหมายทางสายตาของอีกฝ่ายได้แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในดวงตาคู่นั้นคือเงาของผมเอง

“ทซึกิ...”
เสียงทุ้มที่แฝงได้ด้วยอำนาจและความแข็งแกร่งเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ และผมก็ไม่ต้องการแบบนี้

“คุณควรจะไปเรียนภาษาไทยเพื่อมาพูดอธิบายให้ผมเข้าใจสิ.. ฮึก”

ให้ตายเหอะ! ลูกผู้ชายอย่างผมไม่เคยอ่อนแอจนถึงขั้นร้องไห้ให้ใครเห็นได้ง่ายๆ หรอกนะ แต่ทำไมเวลานี้ผมถึงได้อ่อนแอและเจ็บปวดซะเหลือเกิน ได้โปรด ช่วยพูดอะไรออกมาให้ผมได้เข้าใจอย่าให้ผมต้องติดอยู่ในวังวนที่ผมหรือใครไม่สามารหาคำตอบได้อีกเลย ฮึก...

“อย่าร้องไห้สิ.. ทซึกิ..”
ถ้ามันทำได้จะมีลูกผู้ชายคนไหนอยากจะร้องไห้เป็นสาวน้อยแบบนี้บ้างล่ะ? ฮึก.. ฮือออ.. เฮ้ยยย!! ผมรีบปาดน้ำตาแล้วมองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจชัดๆ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ????

“รอนานมั๊ย?”

ภาษาไทย????
ผู้ชายญี่ปุ่นที่คุณเดือนและคุณแม่บอกว่าพูดภาษาไทยไม่ได้กำลังพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงชัดถ้อยชัดคำอยู่กับผม????


ยังไม่ทันที่ผมจะได้รับคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม ใบหน้าคมเข้มที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งดุจนักรบเผยรอยยิ้มละมุนชนิดที่ทำเอาโลกของผมหมุนคว้างด้วยความเคลิ้มไหว และเมื่อริมฝีปากบางค่อยๆ โน้มลงมาใกล้.. ใกล้.. และใกล้จนแตะริมฝีปากของผม เมื่อนั้นโลกทั้งใบของผมก็หยุดหมุน สรรพสิ่งรอบกายหยุดการเคลื่อนไหว ความปั่นป่วนรวดร้าวที่เป็นดั่งระเบิดเวลาที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจมาเนิ่นนานแสนนานถูกทำลายลงอย่างสิ้นซากและแสนง่ายดาย


ทว่า.. นี่มันคือจุดจบหรือจุดเริ่มต้นกันล่ะ?




.
.
.
.


TBC...  :oni2:





มาแล้วๆๆๆ ตอนที่ 3 มาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้คนอ่านรอกันตลอดเลย  :m17:
สงสัยนิยายเรื่องนี้จะมีอาถรรพ์ค่ะ แต่งจบ 1 ตอน รินไม่สบายไป 1 อาทิตย์ตลอดเลย  :a6:

ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบและติดตามเรื่องนี้นะคะ อย่าเพิ่งทิ้งน้องจันทร์ไปไหนนะคะ  :impress:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2016 13:15:53 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
ตอนอ่านเรื่อง Miracle of love ใหม่ๆ แอบคิดว่าต้องดราม่าแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ ความรู้สึกเหมือนกับเรื่องนี้เลย เรายังคงเชือว่าความน่ารักสดใสของน้องจันทร์จะฆ่าความดราม่าได้ทั้งหมด


เปื่อยยุ่ย กับไส้เดือน ใช่จริงๆ ค่ะ  o18


เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ค่ะ :z2:


ติดตามกันไปเรื่อยๆ และตลอดจนจบนะคะ อิอิ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2016 10:24:57 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เขาเจอกันแล้ว  :กอด1:
หมั่นไส้ยัยคุณเดือนสุดๆ  :serius2: ทำตัวไม่น่าเข้าใกล้เลย

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
โอ้ยยยยยยย ฮาตรงที่พูดไทยได้นี่แหละ
อ่านแล้วลั่นเลย
เจ้าจันทร์ของเราก็พล่ามซะน้ำไหลไฟดับ เพราะเข้าใจว่าเค้าฟังไม่รู้เรื่อง
555555555555555555
ขออีกๆ ตอนหน้ามาต่อไวๆน้าา

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หมั่นไส้เดือนแรงมาก อะไรคือการทำตัวเป็นนางร้ายใส่น้องตัวเอง จันทร์ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
นายจันทร์ปล่อยไก่ตัวใหญ่เลยครับผม
อิอิ
พี่เค้าฟังออกพูดได้จ๊ะหนู เงิบเบาๆ
สมกับการรอคอย สนุกมากกก

แล้วพี่หมอกับลูกหายไปไหนนนนนอ่า

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่เข้าใจอิคุณไส้เดือน จะโทษว่าคุณแม่เปื่อยยุ่ยเลี้ยงมาไม่ดีหรือเพราะสันด-นของตัวเองกันแน่ น้องจันทร์ไปเหยียบตาปลาก็ไม่ใช่ จะมาแขวะน้องทำไมไม่ทราบ  :z6:

ฮา น้องจันทร์มากลูก  :t2: พูดไปเยอะเลยคิดว่าพี่เขาไม่เข้าใจสินะ ฮ่าาาาาาาา แต่ที่ไหนได้ แน่ะ มีถามว่า รอนานมั๊ยด้วย อิอิ  :z2:  ณ จุดนี้แอบสะใจอิคุณไส้เดือนเบาๆ  o18

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ได้คุยกันแล้วๆๆ คุยกันสามคำข้ามไปจูบเลย ดีงาม คึคึ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นบุญของน้องจันทร์เหลือเกินที่ไม่ถูกเลี้ยงมาให้นิสัยแบบอิไส้เดือน  :z6:
ขำน้องจันทร์ ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อแถมโดนจุ๊บปิดปากอีกต่างหาก อร๊ายยยย  :-[ อยากให้อิไส้เดือนมาเห็นฉากนี้จริงๆ หมั่นไส้นางมาก

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วยู จะทำอย่างไรต่อ
เป็นว่าที่พี่เขย แต่ชอบน้องจันทร์
เดี๋ยวยัยไส้เดือน ก็หาว่าน้องแย่งผู้ชายของตัวเองแน่เลย
หรือว่ายัยไส้เดือน เข้าหายู ก่อนเพราะยู หล่อ รวย
หรือยัยไส้เดือน โมเมไปเองว่า ยู ชอบตัวเอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทำไมถึงหมดสติทุกทีเลย

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
แมนๆคุยกันนนน ฮาาาา :o :o

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พระเอกเรื่องนี้มาแรงมาก พูด 2 ประโยคจับจูบเลย  :hao6:
น้องจันทร์น่ารักอะ แต่พี่สาวน้องนี่สิ ยี้ อิไส้เดือน :beat:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
นี่ขนาดน้องจันทร์ยังไม่ทำอะไร อิคุณไส้เดือนยังทำตัวน่ายี้ขนาดนี้ ถ้าหากน้องจันทร์ชูปาดูวับกับว่าที่คู่หมั้นของตัวเองขึ้นมาไม่อ๊วกไปเลยเหรอเนี่ย ดูสิแค่เค้าคุยกันไม่กี่คำเค้าก็ม๊วฟกันแระ ถ้าคุยกันมากกว่านี้คง  :oo1:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อยากอ่านอีก ><

อีกเสียงค่ะ อยากอ่านอีกกก  :katai4:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ค้างอีกแล้ว   :ling1:

แต่ตอนนี้ขอ  :beat: คุณไส้เดือนสักทีเถอะค่ะ หมั่นไส้จริงๆ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
จะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้
ว่าที่พี่เขยกลับกลายเป็นคนที่ผูกพันมานาน
นี่ถ้ายัยใส้เดือนรู้นะคงกรี๊ดบ้านแตกหาว่าน้องแย่งของพี่ ทั้งๆที่จริงแล้วเค้ารอคอยซึ่งกันและกันมาโดยตลอด // เชื่อว่าความน่ารักสดใสของหนูจันทร์จะสยบนางมารร้ายและลบล้างมาม่าได้อยู่แล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด