
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 22
“เฮ้ย!!”“อืมม...อย่าเสียงดังน่า”
“ไอ้บ้า ลุกไปนะ จะทำอะไร”ผมพยายามพลิกตัวหนีริมฝีปากที่โลมเลียแผ่นอกว่างเปล่า ไม่รู้ว่ามันถอดเสื้อผ้าผมไปตั้งแต่ตอนไหน ร่างกายที่ถูกปลุกเร้าขณะหลับช่างน่าอาย
“อ๊ะ....ไม่...ปล่อย”มือ ที่รูดรั้งแก่นกายไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะพยายามเบี่ยงหนีและดึงออกยังไง สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อแรงของคนด้านบน พื้นที่จำกัดบนโซฟาแคบๆ ไม่มีที่ว่างให้หลบหนี ริมฝีปากร้อนกดแนบตามแผ่นหลัง เสียงลมหายใจติดขัดจากคนที่กดทับแสดงถึงอารมณ์ที่โหมขึ้นเรื่อยๆ
“อื้อ อ....ไม่.....หยุด….อ๊ะ”ผมสะดุ้งด้วยความตกใจที่ถูกดึงจนตัวลอยแล้วถูกจับ ให้นั่งคล่อมอีกคน สภาพน่าอายและน่ารังเกียจ พยามยามดิ้นหนีจากอ้อมแขนแกร่งที่รัดเอวไว้เท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งแน่นขึ้น ทุกที ปากร้อนๆ พรมจูบซอกคอ ลากผ่านตามโครงหน้าก่อนจะบดเบียดริมฝีปากที่ปิดสนิท ลิ้นร้อนชื้นไล้เลียริมฝีปากพร้อมๆ กับนิ้วมือที่คลึงยอดอก แรงโอบกอดที่เอวแน่นจนรู้สึกอึดอัด แผ่นหลังเปลือยเปล่าถูกดันแอ่นรับปลายลิ้นร้อนที่เลื่อนมาโลมเลียยอดอกทั้ง สองข้าง
“อื้มม........หยุด.....ปะ.ปล่อย....อึ๊”เสียงที่พยายามห้าม ปรามเหมือนไม่ได้เข้าโสตประสาทของคนที่เล้าโลมอยู่เลย ต่อให้มือและปากชำนาญขนาดไหนก็ไม่ทำให้คล้อยได้จนขาดสติได้ ความเจ็บปวดที่เคยได้รับยังจำฝังใจ บ่ากว้างที่ปลดกระดุมบางส่วนจนเห็นลำคอ ทางรอดเดียวที่เห็นก็ต้องรีบลงมือทำก่อนจะเตลิดไปมากกว่านี้
“โอ๊ย!!! ปล่อย!”เสียงร้องดังขึ้นทันทีที่ผมก้มลงกัดเนื้ออ่อนตรงซอกคอ และไม่คิดจะปล่อยง่ายๆ ฝ่ามือหนากุมแน่นรอบคอแล้วบีบแรงจนสำลักลมหายใจ ปากคลายออกเพื่อโกยอากาศเข้าปอด ร่างทั้งร่างถูกกดลงบนเบาะโซฟาด้วยมือข้างเดียวที่ยังบีบคออยู่ ผมพยายามตะกุยฝ่ามือหนาให้คลายออก แต่ก็ไม่เป็นผล สองขาที่ถูกเบียดแทรกด้วยร่างคนตรงหน้าพยายามดิ้นสุดแรง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับอิสระภาพ
“....ปะ...ปล่อย...”มือที่ ว่างอยู่ทั้งสองข้างพยายามทุบบ่าจนแทบอ่อนแรง ความพยายามครั้งสุดท้ายด้วยแรงทั้งหมดที่มีก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าซีกซ้าย เพียงครู่เดียวแรงบีบที่คอก็คลายลง ผมอ้าปากโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ริมฝีปากหนาประกบชิดปิดกั้นอากาศอีกครั้ง ถึงจะรังเกียจขนาดไหนแต่ก็ไม่กล้าผลักไสเพราะฝ่ามือที่ยังกุมรอบคออยู่ เรียวลิ้นร้อนชื้นสอดเข้ามาพัวพันอย่างช่ำชอง หากแต่ไม่ได้รับการตอบสนองกลับไปแม้เพียงนิดเดียว
เรียวปากบางถูกบด เบียดจนรู้สึกเจ็บ ปลายลิ้นชุ่มชื้นไล่เลียรูปปากเบาๆ ก่อนจะจูบซับอีกหลายต่อหลายครั้งจนทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองว่ามันกำลังจะทำอะไรต่อ น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว ผมนอนรับสภาพตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ ทำไมผมไม่เป็นบ้าไปซะ ทำไมจะต้องมีสติเพื่อรับรู้เรื่องเลวร้ายที่กำลังจะเกิดซ้ำ เสียงขยับตัวออกห่างไม่นาน ร่างผมก็ลอยหวือขึ้นจากโซฟา
“ไม่! ปล่อย....ปล่อยผมไปเถอะ”ผมอ้อนวอนอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำ พยายายามดันตัวออกห่างจากอ้อมแขนที่อุ้มเดินไปทางห้องนอน แผ่นหลังสัมผัสผ้าปูเย็นชืด พลิกตัวหนีไปได้แค่ครึ่งตัวก็ต้องอยู่ในหว่างแขนที่คล่อมทับ ฝ่ามือร้อนจับไหล่ผมพลิกกลับไปนอนหงาย ตัวผมสั่นแบบควบคุมไม่ได้ หากแต่สติยังคงอยู่ ผมปิดตาสนิท กัดฟันแน่น มือกำผ้าปูที่นอนแน่นจนรู้สึกเจ็บ
“อย่า...”ผมส่งเสียงร้องห้ามอีก ครั้งเมื่อริมฝีปากกดแนบซอกคอ ปลายลิ้นไล้เลี่ยเบาๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงขบเม้มที่ซอกคอหลายครั้ง ฝ่ามือบีบคลึงยอดอกเบาๆ ผมเม้มปากกลั้นเสียงร้อง เรียวขาถูกแยกออกด้วยหัวเข่าก่อนที่ร่างทั้งร่างจะแทรกเข้ามา ไออุ่นจากร่างท่อนบนที่กดลงมาแนบชิดทำให้รู้สึกร้อนเหมือนเอาไฟมานาบ ปลายลิ้นโลมเลียทั่วตัวสลับกับมือที่หยอกเย้าไปทุกสัดส่วนเพื่อกระตุ้น อารมณ์ ฝ่ามือเลื่อนลงสัมผัสสัดส่วนที่ตื่นตัวอย่างห้ามไม่ได้ ผมพยายามปัดป้องแต่กลับถูกล็อคด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ปากหนาขบเม้มดูดดุนยอดอกเพื่อดึงความสนใจ นิ้วมือที่กอบกุมรูดรั้งเร็วช้าสลับกัน ผมยกมืออีกข้างปิดปากตัวเองแน่น หากจะตอบโต้ความเจ็บปวดกลับคืนไป ก็ยังรู้สึกถึงความกลัวและทรมานเมื่อขาดอากาศหายใจอยู่
“อย่าปิดปาก สิ”การยื้อแย่งมือออกจากปากผมจบลงง่ายๆ ด้วยแรงบีบที่ข้อมือ ปากที่เป็นอิสระได้ชั่วครู่ถูกบดจูบ จากที่เจ็บก็เริ่มชา เรียวลิ้นเลาะตามขอบปากก่อนจะสอดเข้ามาพัวพันด้านใน สัมผัสด้านล่างขยับรูดกระชั้นเร็วขึ้น
“อึ่ก!...อื้อ!”ผมส่งเสียง ร้องทั้งที่ปากยังไม่ได้รับอิสระ ปลายนิ้วสอดแทรกร่างกายด้านหลัง ความเจ็บแล่นปราดขึ้นมาพร้อมกับความกลัวที่ฝังใจ
“อึ๊! เวรเอ๊ย!!”มันถอนหน้าออกเมื่อผมตกใจจนเผลอกัดลิ้นมัน รสคาวเลือดยังคลุ้งในปาก ผมอาศัยช่วงที่มันละความสนใจเลื่อนตัวหนีจนชิดหัวเตียง แต่ก็ถูกตรึงไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ ร่างหนาตรงหน้าแทรกเข้ามาหว่างขารวดเร็วจนผมแทบจะนั่งเกยไปบนตัก ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบไว้เหนือหัว ผมมองคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ฝ่ามือร้อนจนแทบลวกผิวคอทำให้ผงะหนีถึงแม้จะรู้ว่าสุดทางแล้ว
ปลาย นิ้วสากลูบลำเบาคอเบาๆ ผมหันหน้าหนีใบหน้าที่กำลังยื่นเข้ามาใกล้ ลมใจกระทบผิวเนื้อคอก่อนปลายลิ้นจะลากเลียซอกคอ ผมแทบจะกลั้นหายใจด้วยไม่อาจเดาอารมณ์และการกระทำของมันได้ เรียวฟันคมๆ ขบเนื้ออ่อนช่วงคอ กัดย้ำเบาๆ เหมือนหยอกล้อ ลมหายใจติดขัดเมื่อนึกไปถึงการกระทำของตัวเอง แรงขบกัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมกลั้นหายใจ เกร็งตัวรับความเจ็บที่เกิดขึ้น แรงกัดบนคอเจ็บหนึบจนน้ำตาซึม หากแต่ไม่กล้าเปล่งเสียงร้อง
“..... อย่าดื้อ....เข้าใจมั้ย”เสียงกระซิบถามสลับปลายลิ้นไล้เลียรอยแผล ผมกัดฟันทนความแสบที่คอเมื่อโดนความชื้นจากเรียวลิ้น ขณะที่ยังไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ความเจ็บที่ช่องทางด้านหลังก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กับเรียวนิ้วฉ่ำเยิ้มที่สอดเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว
“อย่าเกร็งสิ”เสียง ห้วนสั่งขณะที่ยังไม่หยุดขยับนิ้วสอดลึกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ คำสั่งที่ไม่อาจทำตามได้ง่ายๆ ยิ่งขยับตัวหนีก็ยิ่งได้รับสัมผัสรุนแรงมากขึ้น
“จะ...เจ็บ....” เสียงร้องหลุดรอดออกมาจากปาก ทุกวินาทีผมพยายามทำให้ตัวเองกลัวสุดขีด อยากให้ตัวเองเป็นบ้าไปเสียตอนนี้ หรือไม่ก็ถูกทำร้ายจนสลบไปเลยจะดีกว่า
“เจ็บ ก็อย่างเกร็งสิ”ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่ทุกสิ่งเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงเมื่อนิ้วที่สอดอยู่ถูกถอนออกไปปรนเปรอแก่น กายแข็งขืนแทน อารมณ์ที่ดับลงไปเมื่อครู่ถูกปลุกขึ้นช้าๆ ด้วยความช่ำชองและรู้จังหวะ ปากที่จูบไล้ทั่วแผ่นอกเลื่อนมาประกบปากแนบสนิท ปากหนาจูบซับที่หางตาเหมือนจะปลอบโยนแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ น้ำตาแห้งสนิทก่อนริมฝีปากแดงช้ำจะถูกครอบครองอีกครั้งพร้อมความเจ็บปวด เบื้องล่าง
“อื้อ! อื้ออออออ”สะโพกที่คล่อมอยู่บนหน้าขาถูกรั้งขึ้นเพียงครู่เดียว ช่องทางด้านหลังก็คับแน่นด้วยแก่นกายที่สอดเข้ามาไม่ให้ตั้งตัว ความเจ็บที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องพบเจออีกครั้งเกิดขึ้นแล้ว เรียวขาที่เกร็งขืนไว้อ่อนแรงพร้อมๆ กับร่างกายที่อ่อนยวบหมดเรี่ยวแรงขัดขืน มือสองข้างที่เพิ่งได้รับอิสระเกาะบ่าหนาไว้แน่น หน้าผากชื้นเหงื่อซุกแนบซอกคอ แก่นกายถูกขยับรูดเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บ
“อ๊ะ...อืมม.....” ฝ่ามืออีกข้างบีบยอดอกดึงรั้งเบาๆ แต่เรียกเสียงครางที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากตัวเองได้ดี สะโพกถูกคลึงเคล้นก่อนจะรู้สึกถึงการขยับตัวที่เรียกความเจ็บขึ้นมาอีก ด้านล่างมันอุ่นร้อนและคับแน่นจนรู้สึกอึดอัด เจ็บแสบทุกครั้งที่มันขยับแก่นกายเข้าออก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว จะเบี่ยงเบนความเจ็บด้วยวิธีไหนก็เอาไม่อยู่ ถึงจะยอมรับว่ารู้สึกดีอยู่บ้าง แต่ความเจ็บกลับมีมากกว่าหลายเท่า อ้อมแขนกอดเอวไว้แน่นเพื่อรับสัมผัสที่มอบมันกำลังมอบให้อย่างเต็มที่ ริมฝีปากร้อนจูบไซร้ตามซอกคอและแผ่นอก ก่อนจะเวียนขึ้นมาพรมจูบสอดแทรกปลายลิ้นจนเผลอตอบรับออกไป
“อือ อ.......อ๊ะ...”อยู่ดีๆ ร่างทั้งร่างก็ถูกจับพลิกมานอนคว่ำกลางเตียง แก่นกายที่หลุดออกไปทำให้รู้สึกดี แต่ทันทีที่สะโพกถูกรั้งขึ้นสูง ความคับแน่นก็สอดเข้ามาแล้วขยับต่ออย่างรวดเร็ว
“อืมม.....อีกนิดนะ ....ใกล้แล้ว”เสียงแหบพร่าพร่ำพรมจูบแผ่นหลังชื้นเหงื่อ เรียวขาอ่อนแรงจากการโหมแรงด้านบนทำให้เกือบทรุดลงไปหลายรอบ สะโพกยังคงยกสูงด้วยฝ่ามือหนาทั้งสองข้างที่กระชับไว้ เสียงขยับตัวสอดแทรกดังทั่วห้อง ผมก้มหน้ากัดผ้าห่มไว้ ยิ่งขยับมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดและอารมณ์ต่างๆ ก็ยิ่งพุ่งขึ้นสูง เสียงกระทบกันของเนื้อดังเร็วขึ้นพอๆ กับฝ่ามือที่กลับมาปรนเปรอด้านหน้า และขยับรั้งเร็วขึ้นรับกัน เพียงไม่กี่อึดใจ ความอัดแน่นภายในก็ไหลผ่านฝ่ามือ พร้อมๆ กับร่างที่ขยับเร็วและแรงขึ้นจนรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่หลั่งไหลเข้ามามาก จนรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เสียงหอบหายใจฟังชัดขึ้นเมื่อทุกอย่างจบลง คนด้านหลังถอนกายออกเชื่องช้า หยาดรักมากมายไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนซอกขา ร่างผมทรุดฮวบบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาปริบปรือมองคนที่พลิกตัวผมให้หงายขึ้น ปลายผมชื้นเหงื่อถูกปัดออกเบาๆ น้ำหนักที่กดทับอยู่บนเตียงนอนหายไป ผมรับรู้ในขณะที่กำลังจะหลับว่าอีกคนลุกออกไปแล้ว ลอบถอนหายใจปนเหนื่อยหอบออกมาเมื่อรู้ว่ามัน....จบแล้ว......จบแล้วทุกอย่าง จริงๆ.....ความสงสัยที่เคยคิดแต่ไม่ได้เอ่ยถามว่าทำไมผมต้องมาอยู่ที่นี่ ........ตอนนี้.......ได้คำตอบเป็นการกระทำเรียบร้อยแล้ว.....นี่ใช่มั้ย... ที่มันต้องการ
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้หนาวจนเกือบสั่น ผมดึงผ้าห่มขึ้นจนชิดคอ ขยับตัวนอนขดใต้ผ้าผืนหนา หากแต่การขยับเพียงนิดเดียวก็กระเทือนจนเรียกหยาดน้ำตาออกมาได้ ร่างกายปวดเมื่อยทุกสัดส่วน และที่เจ็บที่สุดคือด้านหลังที่ขยับหรือไม่ก็เจ็บไม่ต่างกัน ผมลืมตามองสภาพห้องรอบๆ ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนใคร เสียงเปิดประตูดึงความสนใจให้หันไปมอง แล้วก็ต้องผุดลุกขึ้นเพื่อเตรียมป้องกันตัวเอง ถึงจะเจ็บแต่ก็พยายามฝืนเกร็งตัวลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงอีกฝั่ง ผ้าห่มผืนหนาถูกลากมาพันร่างเปลือยเปล่าไว้แทนเสื้อผ้า
“จะไปไหน”มันยืนพิงประตูที่เพิ่งปิดลง คำถามที่เตือนให้รู้ว่าผมยังมีที่ต้องไปอยู่.....นั่นสิ....วันนี้ผมต้องไปเรียนนี่นา
“ไปเรียน”
“ตลกแล้วมึง แค่ยืนขายังสั่นเลย นอนลงไปดีๆ เลย”
“ไม่ ผมจะไปเรียน อ๊ะ! ปล่อย!! บอกให้ปล่อยไง อย่ามาจับผมนะ!!!”ผมพยายามจะเดินหนี แต่แค่ก้าวไม่กี่ก้าวร่างก็แทบทรุด มันปราดเข้ามาจับตัวผมแล้วดันให้นอนลงบนเตียง แรงกระแทกจากการล้มเบาๆ ยิ่งเพิ่มความเจ็บด้านหลัง ผมต้องอ้าปากครางระบายความเจ็บเบาๆ ไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงรู้สึกระบมมากขนาดนี้ จำไม่ได้ด้วยว่าหลังจากผมหลับไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองอีกหรือเปล่า ลึกๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า...ถ้าครั้งเดียว...ผมจะเจ็บถึงขนาดนี้เลยเหรอ
“ตื่น มาก็โวยวายเลยนะ นอนเงียบๆ ไม่เป็นหรือไง ข้างนอกพวกไอ้นัทมันนั่งกันอยู่ตั้งเยอะ อยากให้มันเข้ามาเห็นนักเหรอ”เท่านั้นแหล่ะครับ ผมรีบปิดปากเงียบเสียงตัวเองทันที แต่ก็ยังถลึงตาใส่มันพร้อมบิดข้อมือออกจากมือมันตลอด
“นอนอยู่นิ่งๆ เข้าใจมั้ย”มันถามผมก็พยักหน้าตอบ พร้อมส่งสายตาไปมองที่มือเป็นเชิงว่าให้ปล่อยได้แล้ว
“หิวยัง”มันปล่อยแล้วก็ถอยไปนั่งริมเตียง
“.........” ผมพลิกตัวหันข้างให้ พร้อมดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมถึงคอ หลับตาลงอย่างไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถาม เส้นผมที่ปรกท้ายทอยถูกลูบเบาๆ ก่อนมือจะเลื่อนลงมาลูบต้นคอ มือที่กำผ้าห่มจิกแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ปากอุ่นกดจูบเบาๆ ก่อนจะปลายลิ้นจะตวัดเลียเรียกความแสบจากรอยแผลเมื่อคืน
“โทษ ที....รอยมันชัดไปหน่อย”มันหมายถึงรอยอะไรผมไม่แน่ใจ รอยฟันที่มันกัดลงมา หรือว่ารอยมือที่มันบีบคอผมจะเกือบตาย....รอยไหนล่ะ...ที่พอจะสนองตอบคำขอ โทษของมัน
“.......ผมอยากอยู่คนเดียว”แทนคำตอบรับของผม มันเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ผมนอนกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้น ปล่อยให้น้ำตาไหล ไม่เข้าใจร่างกายตัวเอง ไม่เข้าว่าทำไม...ทั้งๆ ที่เป็นร่างกายของผม แต่ผมกลับควบคุมมันไม่ได้ ทำไมเมื่อคืนผมไม่เป็นบ้าคลุ้มคลั่งไปซะ ทำต้องต้องมีสติรับรู้และจดจำมันได้ด้วย...ทำไม...ผมต้องมานอนร้องไห้อยู่ ที่นี่......มันเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า.....คนเราทำร้ายกันโดยไม่มีเหตุผล ได้เหรอ....แล้วผม....ต้องทนไปถึงเมื่อไหร่....ทำไมไม่ตายๆ ไปซะ.....ถ้าผมตายไปซะ...... ความเจ็บปวดทางกายคงจะหมดไป....ความเจ็บปวดทางใจก็จะหายไปจากผมด้วยเช่นกัน .....หากแต่ความเจ็บทางใจ.......คงตกไปถึงคนที่รักผมมากที่สุด.....และนั่น ....ทำให้รู้ว่า....ยังต้องทนต่อไป
ผมนอนหลับไปด้วยพิษไข้ เสียงเรียกเบาๆ ปลุกให้ลุกขึ้นมากินยาแล้วผมก็หลับต่อไปเกือบทั้งวัน เหงื่อที่ออกเยอะจนเสื้อชื้นทำให้รู้สึกเหนียวตัวและตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ......ภาพแรกที่เห็นคือ....ผู้ชายที่นั่งหลับพิงหัวเตียงพร้อมหนังสือเล่ม หนาที่ตกอยู่ข้างตัว ผมขยับตัวออกห่างอย่างไม่ไว้ใจ ค่อยๆ ลุกเดินเพื่อออกไปอาบน้ำข้างนอก กว่าจะเดินออกมาข้างนอกได้ก็ต้องเกาะนั่นพิงนี่เพื่อพยุงตัวเองไปเรื่อยๆ อาการมึนหัวจากพิษไข้ยังหลงเหลือนิดหน่อย ความเจ็บด้านหลังก็เหมือนจะดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยเวลาเดินก็ยังไม่ถึงกับทรุดลงไปนั่ง ผมมองหากระเป๋าเสื้อผ้าที่ปกติผมจะเก็บไว้ข้างโซฟา แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว
“จะทำอะไร”เสียงเรียกจากด้านหลังยังทำให้ตกใจได้อยู่เสมอ ผมค่อยๆ นั่งลงบนโซฟาก่อนจะตอบคำถามโดยไม่หันไป
“เสื้อผ้าผมอยู่ไหน”
“ทำไม จะไปไหน”
“....... จะไปอาบน้ำ ไปได้มั้ย ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ขอผมนอนต่อตรงนี้เลยแล้วกัน”ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงยังคงกล้าต่อปากต่อคำกับมัน อยู่เหมือนเดิม อาจเป็นเพราะผมเริ่มแน่ใจแล้วว่า...ผมคงไม่เจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“เสื้อผ้าอยู่ในตู้ในห้องนอน จะอาบก็ไปอาบในนั้น”
“ไม่ ผมจะอาบข้างนอก”ผมลุกขึ้นใหม่อีกครั้งเพื่อไปหยิบของออกมา แต่กลับต้องยืนประจันหน้ากับมันที่ก้าวมายืนข้างหน้า ผมเลยจำเป็นต้องก้าวถอยห่างออกไป
“อย่าดื้อน่า”น้ำเสียงและสีหน้าสอดคล้องกับคำพูด....คำที่มีความหมายว่าผมเป็นฝ่ายทำผิด.....แค่ไม่ทำอย่างที่มันต้องการ....ก็ผิดแล้ว
“........” แทนคำตอบ ผมคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วสาดน้ำที่มีคนกินเหลือใส่หน้ามันหมดแก้ว พร้อมกับขว้างแก้วในมือออกไป แต่โชคดีที่มันหลบทัน แก้วเลยกระแทกกับกำแพงแล้วแตกกระจายลงบนพื้น ขณะที่ผมยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธ มันกลับยกมือเสียผมที่เปียกปรกหน้าผากกลับขึ้นไปด้วยท่าทางเฉยเมย ไม่รับรู้อารมณ์ของผมเลยสักนิด
“ตื่นมาก็หาเรื่องเลยนะมึง”
“ไม่ต้องหามันก็มีเรื่องเข้ามาอยู่แล้วล่ะ”
“....... แม่งน่าจะจับไข้พูดไม่ได้สักสามสี่วันนะมึง ลุกขึ้นมาได้ก็ปากดี มานี่เลยมึง”มันพูดจบก็ก้าวพรวดมาถึงตัวแล้วย่อตัวอุ้มผมขึ้นมา ดิ้นหนีเท่าไหร่ก็มีแต่เพิ่มความเจ็บให้ตัวเอง มันเดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วก็โยนผมลงกลางเตียง ท้าวแขนคล่อมผมไว้ พอจะเลื่อนตัวขึ้นมันก็จับข้อมือผมกดกับเตียง เหตุการณ์เดิมๆ เหมือนจะกลับมาหลอกหลอนผมครั้งแล้วครั้งเล่า
“เมื่อไหร่จะทำตัวว่าง่ายสักที”
“ไม่มีทาง”ถึงร่างกายผมจะสู้แรงมันไม่ได้ แต่ถ้าใจผมยังไม่ยอมแพ้ มันก็บังคับผมไม่ได้
“ก็ดี......ปากดีแบบนี้ให้ตลอดแล้วกัน”
“ไม่นะ!! อื้อออ”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ป.ล. เค้าเปล่าหนีเที่ยวนะ

แค่หลับไม่ยอมตื่นเอง
