“ตกลงแม่จะกลับมาเมืองไทยไหมครับ”
เสียงพูดคุยผ่านเฟซไทม์ดังอู้อี้เพราะคนพูดนอนคว่ำหน้าซุกหมอนแล้วเอาแท็ปเล็ตวางไว้ที่หัวเตียง ภามหาวหวอดเพราะดึกมากแล้ว ตาก็ปรือหมดสภาพได้แต่นอนขดบนเตียง
[“กลับจ้ะ แต่คงหลังจากปีใหม่ไม่แน่ใจเดือนไหน”] มารดาพูดพลางรื้อเสื้อผ้าให้ลูกชายคนเล็กที่หาอะไรไม่เจอสักอย่าง [“ได้ยินมาว่าคุณปู่ป่วยอยู่ คงต้องไปเยี่ยมสักที”]
“หือ? คุณปู่เหรอ?” คราวนี้เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง เอาจริงๆเขาเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองยังมีคุณปู่ด้วย
[“ใช่จ้ะ คุณลุงเขาโทรมาบอก ไม่ต้องทำหน้างงหรอก ภามเจอคุณปู่ครั้งสุดท้ายตอน2ขวบเองมั้ง เจ้าภูมินี่ไม่ได้เจอเลย”]
หืมมม ภามเลิกคิ้วรู้สึกแปลกๆ ก็พอรู้ว่ายังมีญาติเหลืออยู่เมืองไทยบ้างแต่ไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายพ่อ ตั้งแต่เด็กเขาเห็นคุณพ่ออยู่ด้วยกันตลอดไม่เคยพาไปเจอญาติสักครั้ง จนเขาเข้าใจเอาเองว่าพ่อก็คงไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วเพราะกระทั่งงานศพพ่อเขาไม่เห็นญาติฝั่งนั้นสักคน
“ให้ผมไปเยี่ยมปู่ก่อนไหม” สำหรับภามแล้วถ้ายังมีญาติเหลือเขาก็อยากรู้จักเอาไว้เหมือนกัน
คนเป็นแม่ทำหน้าคิดหนัก เธอถอนใจพร้อมกับส่ายหัว [“เอาไว้รอแม่กลับไปดีกว่า จริงๆ ห้องที่ภามอยู่เนี่ยก็ของคุณลุงเขาซื้อไว้ให้ลูกๆนะ”]
“อ้าว นี่ภามมาแย่งเขาใช้หรือเปล่า” ยังไม่ทันได้เจอหน้าลูกพี่ลูกน้องก็ดันแย่งของเขาใช้เสียแล้ว
[“ไม่หรอกจ้ะ เจ้าของห้องอายุพอๆกับภูมิเลยยังอยู่บ้านกับครอบครัว กว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยออกมาอยู่คนเดียวภามคงเรียนจบพอดี ว่าแต่ลูกเขยแม่ไปไหน”]
“ลูกเขยอะไรละแม่!!” ภามโวยลั่นพร้อมๆกับน้องชายที่ว๊ากแตกอยู่ในจอ มารดาของพวกเขาหัวเราะร่วนสนุกสนาน “พี่ดีนก็อยู่บ้านเขาสิ” อุบอิบแก้มแดงก่ำ กระทั่งแม่ยังล้อเขาอีก
[“อ้าว ก็เห็นพี่เขามีกุญแจ แม่ก็นึกว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว”]
“ได้ไงละครับ...” มุดหน้ากับหมอนก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่ง “ใช่แล้ว แม่รู้ได้ไงว่าพี่ดีนมีกุญแจ! แล้วไปรู้เบอร์พี่ดีนได้ยังไงครับ??”
คุณแม่แสนดีส่งสายตาล้อเลียนให้ลูกชาย เธอยักไหล่ตอบด้วยท่าทางมั่นใจว่าลูกต้องไม่รู้แน่ๆ
[“แม่มีสายชั้นดีจ้ะ”]
เจอประโยคนี้เข้าไปภามถึงกับกุมขมับเค้นสมองคิดว่าใครจะเป็นสายให้แม่ได้ เพราะทั้งมะนาว ทีม เดล ไม่น่าจะคุยกับแม่ได้เด็ดขาด
[“พอ เลิกคิดจ้ะ เอาเป็นว่าแม่รู้ว่าพี่ดีนของเราเคยมาค้างที่ห้องก็แล้วกัน”]
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! รู้ได้ไง!??
ภามเอาหน้าพุ่งทิ่มหมอนอีกครั้งไม่กล้าสู้หน้าแม่ตัวเอง ถ้าแม่ยังไม่รู้เรื่องพี่ดีนกับเขาก็คงเนียนๆไปหรอกแต่นี้รู้ทุกอย่างจะให้สู้หน้ายังไง
[“ภาม”]
เสียงที่จริงจังขึ้นทำให้ภามรีบข่มความอายลุกขึ้นนั่งเจี๋ยม แอบสั่นเล็กน้อยว่าจะโดนแม่ดุเอาไหม
[“แม่ไม่รู้หรอกว่าภามกับพี่เขาจะไปถึงขนาดไหนยังไง แต่การที่แม่ยอมปล่อยภามให้อยู่คนเดียวเพราะแม่มั่นใจว่าเราโตพอที่จะตัดสินใจอะไรได้เองแล้ว”] เธอระบายยิ้มเมื่อเห็นว่าลูกชายเริ่มทำหน้าเครียด [“แม่เชื่อในการตัดสินใจของภาม แต่จำไว้ว่าเมื่อทำลงไปแล้วเราต้องยอมรับผลของการกระทำ”]
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึก เขายกมือไหว้มารดาแล้วยิ้มกว้าง “ขอบคุณที่เชื่อผมนะแม่”
[“เอ้า ไม่เชื่อลูกแล้วจะให้ไปเชื่อใครคะคุณ”] เธอหัวเราะร่วน
[“ไม่จริงอ่ะ แม่ไม่เห็นเชื่อผมเลย”] เจ้าภูมิโวยแง้วๆ ไม่เลิก เลยโดนมะเหงกจากแม่ให้หุบปากเงียบ
[“ชื่อของภามหมายถึงพลัง และภามมีสิ่งนั้นอยู่ในตัว มั่นใจหน่อยคุณลูกชายเลิกกลัวได้แล้ว ชื่อนี้ลุงตั้งให้เชียวนะ”]
“อ้าว ชื่อผมคุณลุงตั้งให้เหรอ” เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เมื่อรู้ว่าชื่อตัวเองตั้งโดยคุณลุงที่จำหน้าไม่ได้ เขารู้สึกถึงสายสัมพันธ์บางๆที่เกี่ยวพันตัวเขาเอาไว้กับครอบครัวของพ่อ
ภามอมยิ้ม สงสัยปีใหม่นี้ต้องชวนพี่ดีนไปไหว้คุณพ่อที่วัดเสียแล้ว
[“พ่อเขาบอกมาว่าอย่างนั้นนะแม่ก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้เหมือนกัน ยังไงเอาไว้เจอลุงก็ลองถามดูนะ”]
ภามพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหาวออกมาอีกรอบแล้วมองเวลา ตอนนี้ปาเข้าไปตีหนึ่งแล้วแถมพรุ่งนี้ต้องไปเชียร์ชมรมว่ายน้ำด้วย สุดท้ายเขาก็ทนง่วงไม่ไหวขอตัวกับแม่เพื่อจมดิ่งในนิทรา
----
“ทำอะไร” กรณ์เหลือบมองคนข้างตัวที่ทำอะไรสักอย่างกับข้อมือเขา เมื่อจัดการเสร็จเจ้าตัวก็ผละออกมายิ้มแป้น“ผูกด้ายแดงไง”ตอนนี้ข้อมือของเขาสองคนถูกเชื่อมโยงไว้ด้วยด้ายสีแดง“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง” เคาะเหม่งเจ้าตัวยุ่งไปที “รู้ไหมบางคนเขาถือ ผูกข้อมือด้วยด้ายสีแดงแบบนี้มันลางไม่ดี”อินทัชคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ “อ้าว ผมไม่รู้ ได้ยินสาวๆคุยกันว่าด้ายสีแดงจะผูกคนรักไว้ด้วยกัน เลยเอามาผูกนี่ไง” ชายหนุ่มส่ายหัวกับความคิดคนรัก เขากระตุกข้อมือเล็กน้อยให้อินเอียงเข้ามาใกล้ก่อนจะโอบอินทัชเอาไว้ในอ้อมแขน ริมฝีปากร้อนประทับจูบลงบนรอยแดงที่หน้าผาก“ช่างเถอะ มันก็แค่ความเชื่อ” อินยิ้มกว้าง เขายันตัวขึ้นคร่อมตักชายหนุ่มแล้วทำตาวับวาว“งั้นผมจะสร้างความเชื่อให้พี่ใหม่” ยกข้อมือข้างที่ผูกกันไว้ขึ้นมา “นี่คือด้ายแดงแห่งคำสัญญาที่จะผูกเราสองคนไว้ด้วยกัน” ยักคิ้วให้สีหน้าปลงๆ ของพี่กรณ์ “น้ำเน่า” อินกลอกตา พูดอะไรหวานๆหน่อยไม่เคยได้ผล พี่กรณ์ต้องสวนทำนองนี้เสมอ“ไม่เห็นต้องผูกเลย” กรณ์หลุบตาลงมองด้ายสีแดงที่ข้อมือ เขาขยับรอยยิ้มเล็กน้อย“พี่ไม่ไปไหนหรอก” เสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งและจริงจัง “เราจะอยู่ด้วยกัน” ทำให้หัวใจคนฟังเต้นระรัว“ตลอดไป”สายฝนสาดกระหน่ำจนมองทางข้างหน้าแทบไม่เห็น สองร่างต่างประคองกันวิ่งฝ่าความหนาวเย็นจนมาถึงหน้าคอนโดแปดชั้นที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน กรณ์โอบคนรักแนบอกเงยหน้ามองคอนโดตรงหน้าขมวดคิ้วมุ่นไม่มีทางแล้ว ไม่มีเงิน ไม่มีรถ ไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเปล่า หลังจากหนีคนของพ่อมาจากลานจอดรถที่ร้านอาหาร พวกเขาทิ้งทุกอย่างไว้ที่นั่น จะเหลือก็แต่กุญแจคอนโดที่เพิ่งซื้อในกระเป๋ากางเกง ทั้งๆที่วันนี้พวกเขาตั้งใจจะชวนกันไปหาซื้อของแต่งเข้าห้องเพิ่มอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ด้วยกันหลังเรียนจบ แต่ก็โดนดักเอาไว้ได้เสียก่อนกรณ์แค่นยิ้ม..ไม่มีทางที่พ่อจะไม่รู้เรื่องคอนโดนี้“อิน” เขาบีบต้นแขนอีกน้องที่ยังยืนเงียบ “เหนื่อยไหม” คนถามยังคงมองตึกสูงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอินทัชกอดแขนคนรักแน่น อยากจะบอกว่าไม่เหนื่อยแต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่ พวกเขาสองคนเหนื่อยเหลือเกินและกำลังถึงทางตันกรณ์ไม่รอคำตอบจากน้องอีก แต่ตัดสินใจพาอีกฝ่ายไปหลบในคอนโดอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ หัวใจของชายหนุ่มดำดิ่งสู่ความมืดมิดและเงียบงันเสียงรองเท้าที่เปียกชุ่มกระทบทางเดิน เสียงเครื่องยนต์ทำงานพาลิฟต์เคลื่อนตัวสู่ชั้นบนไร้เสียงพูดคุย“พี่คิดอะไรอยู่” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง อินทัชก็เปิดปากถามทั้งๆที่สั่นไปทั้งตัว แต่อาการเงียบไม่ตอบของกรณ์ยิ่งทำให้เขาหวาดหวั่น สัญญาณเตือนกำลังร่ำร้องดวงตาแข็งกร้าวและอาการตึงเครียดบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังตัดสินใจเรื่องที่น่ากลัว “อินถามว่าพี่คิดอะไรอยู่!!!” ตะคอกดังลั่นห้องพร้อมหยดน้ำตาพร่างพราย “พี่สัญญาแล้วว่าเราจะอยู่ด้วยกัน พี่สัญญาแล้ว!!” ทุบไหล่กว้างย้ำๆ มือใหญ่จับข้อมือที่ทุบตีไว้แน่น อินทัชใจหายจนเย็นวาบไปทั้งตัว ดวงตาของพี่กรณ์ที่มองมาไร้ซึ่งความหวัง ไร้เรี่ยวแรงไร้พลังทุกอย่าง หมดแล้ว...ไม่เหลืออะไรเลย“อย่าทิ้งอินไปนะ ได้โปรด” เสียงร้องสะอึกสะอื้นแหบพร่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง “อย่าทำแบบนี้ พี่สัญญาแล้ว...”กรณ์ปล่อยให้น้ำตาตัวเองร่วงหล่น เขาจ้องมองคนรักไม่คลาดสายตา สองมือประคองแก้มเปียกชื้นลูบสัมผัสช้าๆ พยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างบนใบหน้าเพื่อไม่ให้หลงลืมตรงไหนไป เขาก้มลงพยุงน้องที่ร้องไห้ไม่หยุดพาไปที่โซฟา กอดร่างสะอื้นไห้สั่นสะท้านไว้ในอ้อมแขน ต่างคนต่างขดกอดซึ่งกันและกันปลอบประโลมหัวใจที่ร้าวรานเจียนแหลกสลาย ไม่มีทางหนีได้แต่ซุกตัวราวกับหมาจนตรอกรอเวลาถูกทำร้าย..จนตาย “พี่รักอิน จำไว้นะพี่รักอินมาก”ปัง!!!!!!!เลือดสีแดงสดสาดกระจายพร้อมร่างที่เคยยืนหยัดเอนล้มลงดังใบไม้หลุดจากขั้ว หัวใจของอินทัชแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีอีกแล้วคนที่รัก ไม่มีอีกแล้วสัมผัสจากมืออบอุ่น ไม่มีอีกแล้วไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีพี่กรณ์ของเขาอีกแล้ว “พี่กรณ์!!!!!!!!!!!!!!”----------------
เฮือก!!
ร่างบนเตียงกระตุกเกร็งลืมตาโพลง หัวใจของเขาเต้นแรงเหงื่อท่วมกาย ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตาที่ล้นทะลัก สองมือของเด็กหนุ่มขยุ้มเสื้อจนยับย่นพร้อมลมหายใจหอบกระชั้น
ทรมาน หายใจไม่ออก เหมือนจะตาย
“อึก..” ภามอ้าปากพยายามสูดอากาศเข้าไปแต่ก็ได้ยินแค่เสียงวี๊ดดังขึ้นมา
เลือดสีแดง เสียงกรีดร้องและความเศร้า ชัดเจนกว่าฝันครั้งไหนๆ เขาพยายามยันตัวเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักข้างเตียงแต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่ง สุดท้ายร่างทั้งร่างก็พลิกตกลงมาข้างเตียงอย่างแรง มือสั่นเทากระชากลิ้นชักออกมาสุดแรงจนของข้างในหล่นออกมากระจัดกระจาย ดวงตาพร่าเลือนพยายามมองหาสิ่งที่ต้องการ พอคว้าได้เขาก็หยิบมันพ่นใส่ปากแล้วทิ้งตัวลงตั้งสตินับการหายใจ
ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร
เด็กหนุ่มปลอบตัวเอง เขาค่อยๆหายใจเข้าออกช้าๆเป็นจังหวะ ประจวบกับยาออกฤทธิ์ทำให้หายใจได้สะดวกมากขึ้น เกือบ15นาทีจนอาการสงบภามถึงได้ยันตัวขึ้นนั่งพิงขอบเตียงอย่างอ่อนล้า น้ำตาอุ่นๆทิ้งตัวลงมาไม่ขาดสาย แสงอาทิตย์ระเรื่อยามเช้าค่อยๆส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา พร้อมเสียงสะอื้นไห้ปานขาดใจของคนที่อยู่ข้างเตียง
มหาวิทยาลัย K ผู้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันว่ายน้ำตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เสียงประกาศแจ้งตารางการแข่งขันดังปนเปสับสนกับเสียงพูดคุย กองเชียร์จากมหาวิทยาลัยTเริ่มเข้าสแตนด์เชียร์พร้อมหัวใจฮึกเหิม ถึงจะกดดันไปบ้างเพราะเป็นแชมป์มาสองปีซ้อนแล้วแต่ปีนี้พวกเขายังคาดหวังที่จะเป็นแชมป์อีกในปีที่สาม
“เอ มีแข่งอะไรบ้างนะ ผีเสื้อ ผสม ฟรีสไตล์” มะนาวอ่านตารางการแข่งขันในมือ เธอแอบเหล่เพื่อนสนิทแล้วหันไปสะกิดเดลที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ภามเงียบๆชอบกล”
เดลแอบชะเง้อดูบ้างแล้วก็จริงอย่างที่มะนาวบอก วันนี้ภามมาถึงช้าทำให้คลาดไม่ได้เจอพวกพี่ดีน แถมเจ้าตัวยังใส่แว่นที่โดนแดดแล้วออกสีชา มองดวงตาไม่ค่อยชัดอีกต่างหาก
“ภาม ไม่สบายหรือเปล่า” เดลเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก แต่ก็ได้รอยยิ้มกลับคืนมาแทน
“ไม่เป็นไร”
“หื้อ เสียงแหบนะ” มะนาวร้องทัก
“นอนดึกละมั้ง” ตอบเสร็จภามก็มองไปรอบๆ เหมือนเดิม
สองสาวขมวดคิ้ว แต่ดูอาการมองซ้ายมองขวาของเพื่อนแล้วพวกเธอก็เหมาเอาว่าน่าจะมองหาประธานชมรมว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้นักกีฬาหลายคนก็ออกมาวอร์มข้างสระกันปะปราย
“เอ๊ะ อ้าว พวกพี่ดีนนี่”
เดลโบกมือหยอยๆ เมื่อเห็นกลุ่มนักกีฬามหาวิทยาลัยตัวเองกำลังเตรียมตัว ประธานชมรมว่ายน้ำดูเหมือนจะมองเห็นเลยผละออกจากกลุ่มเดินมาแถวสแตนด์เชียร์ที่ยกสูง
ภามขยับรอยยิ้ม เขาลุกจากสแตนด์มานั่งยองๆตรงขอบรั้ว ความสูงทำให้เขามองสบตาพี่ดีนได้พอดี เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
“สู้ๆนะครับ”
“เป็นอะไร”ภามชะงักกึกหุบยิ้มกับคำถามสวนกลับ ดวงตาสีเทาอมเขียวมองมาอย่างเป็นห่วงจนเห็นได้ชัด
มือใหญ่เอื้อมขึ้นแตะแก้มน้องไล้เบาๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเหมือนไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“ร้องไห้?”
ภามส่ายหัวดิ๊ก “เปล่าครับ” เขาไม่อยากให้พี่ดีนเป็นห่วงตอนนี้
“ถอดแว่นให้พี่เห็นชัดๆ” สะกิดขาแว่นแล้วมองด้วยสายตาคมดุ ภามเม้มปากก่อนจะยอมถอดแว่นออกให้อีกฝ่ายเห็นหน้าเห็นตา
ดีนนิ่งอึ้งไปอึดใจกับใบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่าย เขาลูบขอบตาช้ำเบามือ ดวงตาสีสวยฉายชัดว่าเริ่มจะไม่อยากแข่งแต่อยากพุ่งตัวหิ้วน้องออกไปซักถามอาการมากกว่า
ภามอมยิ้มแล้ววางมือซ้อนทับมือใหญ่สอดนิ้วประสานเอาไว้หลวมๆ ส่วนแก้มก็แนบกับฝ่ามืออบอุ่นดวงตาจ้องมองพี่ไม่วางตา
“ฝันเหมือนเดิมแหละครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้พี่ต้องตั้งสมาธิกับการแข่งเข้าใจไหมครับ” แสร้งพูดจริงจังทั้งที่ทำตัวอ้อนอยู่แบบนั้นจนคนพี่ขยับรอยยิ้มมุมปาก
“ถ้าพี่แข่งชนะจะให้รางวัลไหม” พลันเจ้าสายตาเป็นห่วงกลับฉายแววแพรวพราวเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน
“เอ๊ะ ?” ภามหน้าเหวอ
“พี่อยากได้รางวัลจากภาม” บีบแก้มน้องอย่างหมั่นเขี้ยว
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ เกือบจะบอกว่าเดี๋ยวทำขนมฉลองให้แต่แววตาของพี่ดีนมันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นเนี่ยสิ โดยเฉพาะนิ้วโป้งที่ตอนนี้ขยับมาเกลี่ยริมฝีปากของเขาช้าๆ นุ่มนวลจนสั่นไปทั้งตัว หัวใจของภามเต้นแรงผิดจังหวะ ดวงตาของคนตรงหน้าไม่ปกปิดสักนิดว่าอยากได้อะไรและภามเองก็รู้อยู่เต็มอก ดูก็รู้ว่าพี่ดีนอยากกินอย่างอื่นมากกว่าขนมไทย
“ขี้โกงชะมัด” ขมวดคิ้วใส่คนเจ้าเล่ห์ พยายามทำหน้านิ่งระงับอาการแตกตื่น แต่แก้มแดงล่วงหน้าไปเป็นที่เรียบร้อย
“แล้วให้ไหมครับ” คนพี่ยังแกล้งถามย้ำไล่ต้อนให้น้องหวั่นไหว
ภามหลุบตาลงพร้อมกัดริมฝีปาก ความรู้สึกของเขาไม่มีอะไรให้ต้องทบทวนอีกแล้วจะมีก็แต่ความไม่มั่นใจในตัวเอง เด็กหนุ่มลังเลหยุดคิดแล้วในที่สุดเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยแต่พอเห็นสายตาเป็นประกายก็รีบละล่ำละลักพูดต่อ
“นะ นิดเดียวนะครับ”
ดีนหรี่ตา เด็กน้อยของเขาแดงเถือกไปทั้งตัวแล้วยังอุตส่าห์หาทางต่อรอง เขาหัวเราะในลำคอแล้วขยี้หัวน้องด้วยความเอ็นดู
“พี่ก็มีรางวัลให้เรานะ” พอเห็นภามทำหน้างุนงงอีกครั้งก็ขยายความให้ “ที่ทำสอบได้ไง”
เด็กหนุ่มกำลังจะยิ้มดีใจ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าพี่ดีนเป็นจอมวางแผนที่ร้ายกาจมาก เขาส่งสายตาไม่ไว้ใจให้คนรักแต่ก็โดนบีบจมูกจนแดง
“คิดอะไร ที่พี่จะให้คือรางวัลจริงๆ ไม่เหมือนที่ภามจะให้พี่หรอก”
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมจะให้อะไร” เบะปากยอมลืมเลือนอาการหน้าร้อนไปชั่วคราว
“อยากให้พูดไหม” คนพี่เหยียดยิ้ม
“ฮื้ออออออ” ภามหน้าร้อนผ่าวตีมือใหญ่เพี้ยะๆ เมื่อเถียงต่อไม่ได้ “ไปวอร์มเลยครับจะได้เวลาแข่งแล้วไปเลยยยย” รีบไล่คนนิสัยไม่ดีก่อนที่ตัวเองจะเสียเปรียบมากไปกว่านี้
ดีนหัวเราะชอบใจกับท่าทางจนแต้มของคนรัก เขายอมกลับไปที่กลุ่มอย่างว่าง่ายปล่อยน้องนั่งกอดเข่าแก้มแดงแถมหลบตา วันนี้เขาได้กำลังใจมาเต็มที่จริงๆ
“ถ่ายไว้ไหมแก” เสียงของสาวๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ภามสะดุ้งรีบลุกขึ้นหันหลังกลับที่แต่ต้องชะงักกึก เพราะคนเกือบทั้งสแตนด์มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เด็กหนุ่มโคตรอายไม่รู้จะเอาตัวเองไปซ่อนที่ไหน เขาลืมไปเลยว่าด้านหลังคือนักศึกษาม.Tทั้งนั้น
“โอ้ย พี่ดีนขา แฟนแห่งชาติ” มะนาวดึงทึ้งเพื่อนสาวที่ร่วมด้วยช่วยกันกรี๊ด “มือสั่นไปหมดแล้ว ฮือออ”
“มีจับกงจับแก้ม สกินชิฟกันนัวเนีย” สาวอีกคนหวีดขึ้นมา
“เราไม่เคยเห็นพี่ดีนแบบนี้มาก่อนเลยนะ” เดลอ้าปากค้างแน่นอนว่าไม่ลืมพิมพ์ไลน์บอกพี่ชายอีกคนพร้อมส่งรูปประกอบ เห็นพี่ชายคนโตยิ้มให้แฟนทีเล่นเอาใจสั่น
คนต้นเรื่องหน้าแดงก่ำจนไม่รู้จะแดงยังไง เขารีบไปนั่งข้างๆมะนาวหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองขึ้นมากอดแล้วซุกหน้าลงไปไม่กล้าเผชิญสายตาอยากรู้อยากเห็น ก็เขานั่งหันหลังให้สแตนด์จะไปรู้ได้ยังไงว่ามีใครมองอยู่ พี่ดีนนั่นแหละหันหน้าเข้าสแตนด์แท้ๆทำไมไม่บอกกันบ้าง นิสัยไม่ดีจริงๆด้วย!!
10โมงเช้าหลังวันแข่ง
...บางครั้งภามก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่าไปรับปากอะไรพี่ดีนง่ายๆ
เด็กหนุ่มมองภาพในมือถือแล้วถอนหายใจรอบที่100 ตอนนี้หน้าเพจของชมรมว่ายน้ำเต็มไปด้วยคำแสดงความยินดีกับการเป็นแชมป์สามปีซ้อน ประธานและรองประธานไม่ทำให้ผิดหวังกวาดเหรียญทองกันมาคนละสองสามรายการ ส่วนเด็กรุ่นใหม่อย่างทีมก็ฝ่าเข้าไปสอยเหรียญเงินกลับมาได้ คนอื่นๆในชมรมก็ไม่น้อยหน้าได้กันมาให้เชิดหน้าชูตา

ภามวางมือถือลงข้างเตียงแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาเอาหมอนปิดหน้า จินตนาการไปมากมายจนทนไม่ไหวลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิเอาหมอนทุบเตียงโครมๆหน้าดำหน้าแดงด่าตัวเอง
ไอ้ภาม แกมันไอ้คนลามก!!
หลังจากแข่งเสร็จพี่ดีนไม่ได้มาทวงถามของรางวัลอีก มีแค่พูดคุยกันเรื่องไปนอนแพกาญจนบุรีกับคนในชมรม ซึ่งหลังจากตกลงกันแล้วสรุปว่าพวกเขาจะเดินไปทางไปนอนแพต้นมกราคมก่อนเปิดเทอม ตอนที่พี่ดีนบอกว่าจะเอาเขาไปเที่ยวด้วยคนในชมรมว่ายน้ำไม่มีใครว่าอะไรสักคน จะมีก็แต่สายตาล้อเลียนให้เขาต้องก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร
ทำไงดี
ทำไงดี
ฮืออออออออออ รับปากไปแล้วด้วย เปลี่ยนใจแล้วจะโดนปรับหรือเปล่า
“โอย.............หัวใจ” เด็กหนุ่มจับอกตัวเองที่ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อคิดถึง และยิ่งอาการหนักถ้าใบหน้าของคนรักโผล่ขึ้นมาในความคิดนั้น สุดท้ายภามก็หยิบหมอนขึ้นกอดเอาหน้าซุกงุดๆ
เขาคงจะบ้าไปแล้ว
..ที่ทำตัวเหมือนตกหลุมรักพี่ดีนอีกครั้ง (ต่อรีพลายถัดไป)