เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว  (อ่าน 43346 ครั้ง)

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
ไปอ่านมาแล้ว  โอ๊ย  ฉากแต่งงานน่ารักมาก
ส่วนเรื่อง NC  ที่มีทั้ง 2 รูปแบบนั้น
ถือว่าทำการบ้านได้ดีเลยค่ะเพราะว่าจะได้รองรับ
ผู้อ่านที่ไม่รู้ว่าชอบแบบไหน
ในส่วนของ NC  ร่างคนขอไม่วิจารณ์น่ะคะ
ส่วน NC ร่างสไลม์ เราไม่ได้มองว่ามันทุเรศ   วิตถารอะไรเลย(ในความคิดของเรา)
มองว่าเป็นรูปแบบการร่วมเพศในอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่ตอบสนองรสนิยมของคนที่เบื่อ NC แบบชาย-ชายที่มีอยู่ดาษดื่น
อ่าน  NC ชายชายมากไปก็จะเบื่อ   
แต่เราชอบ NC ในร่างสไลม์มากน่ะคะ
ไม่ใช่แง่ของการอ่านแล้วเกิดอารมณ์อะไรหรอก
แต่มันฟิน  มีรสชาติ  สนุก   ตื่นเต้นกว่าร่างคน
เรารู้ว่าคนเขียนคงลำบากใจที่จะเขียนแบบนี้ตามคำเรียกร้องของเรา *0*
แต่สำหรับ NC ในตอนที่ 23 นี้ถือว่าดีใช้ได้เลย
เราให้ 8/10 ค่ะ
ที่หักไป 2 คะแนนเพราะรู้สึกว่าอารมณ์มันน่าจะสุดได้มากกว่านี้
ฟินกว่านี้  เขินกว่านี้   อยากให้นาดีลร่างไสล์มหื่นแบบหน้าตายปนแบ๊ว
ใช้คำที่ดึงอารมณ์คนอ่านได้มากกว่านี้   เช่น
"ดูสิฟีล่า  ข้างในของเจ้าตอดรัดข้าจังเลย"ร่างนุ่มนิ่มนั่นยิ้มร่า
ดีใจที่เห็นผมตอบสนองเจ้าชายสไลม์บ้า

แต่เราเข้าใจว่าคนเขียนยังไม่กล้าเขียน  กลัวออกมาไม่ดี
หรือกลัวโดนคนหาว่ารสนิยมแปลก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2016 20:58:04 โดย คนอ่าน »

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ไอ้พ่อค้าขายลูกนั่น จะต้อทำอะไรที่ไม่ดีมากแน่ๆ

ฟีล่าใส่ชุดเจ้าสาวก็ดีนะ

ออฟไลน์ LiPzTicK*

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
   ตอนที่14
   

ยอมรับว่ายังเศร้าไม่หายเกี่ยวกับการตายของโรส แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนั่งหมดอาลัยตายอยากจนไม่เป็นอันทำอะไร ตอนนี้ผมกับเจ้าชายนาดีลเร่งเดินทางไปให้ถึงชายแดนของอาณาจักรสไลม์ หลายวันมานี้เราตัดสินใจอยู่ให้ห่างจากผู้คนดังนั้นเราจึงอาศัยนอนกันกลางป่ามากกว่าที่จะเข้าไปหาที่พักในหมู่บ้าน
   
วันนี้นับว่าเป็นวันโชคดีอีกวันที่ผมกับเจ้าชายนาดีลพบกับบ้านที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้บริเวณชายป่า พวกเราไม่รอช้าใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่มั่นในการพักอาศัยในวันนี้
   
“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็น่าจะอยู่ได้นะ” เจ้าชายนาดีลพูดผมมองไปรอบๆบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่น โชคดีที่ในบ้านมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆทิ้งเอาไว้
   
“มีเปลเด็กด้วย” ผมบอกเจ้าชายนาดีลก่อนจะเดินเข้าไปตรงเปลเด็กผมเห็นข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับเด็กทารกวางอยู่ที่นั่น
   
“แปลกนะที่พวกเขาทิ้งบ้านไป” ผมพูดเจ้าชายนาดีลเริ่มต้นลงมือทำความสะอาดภายในบ้าน เห็นแบบนั้นผมก็ลงมือทำตามแบบเขา
   
“อาจจะประสบเคราะห์อะไรบางอย่างจนไม่อาจกลับมาก็ได้น่าฟีล่า อย่าคิดถึงเรื่องคนอื่นให้เครียดเลย” ผมเห็นด้วยกับเจ้าชายนาดีล ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดีถ้าเราเร่งมือทำความสะอาดอีกหน่อยคงพอที่จะพักอาศัยผ่านค่ำคืนนี้ไปได้อีกคืน
   
“นาดีลถ้าอย่างนั้นข้าไปตักน้ำมาให้แล้วกันนะ” หลังจากเราทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยเป็นเวลาบ่ายนิดๆ ผมก็อาสาไปตักน้ำยังลำธารที่อยู่ไม่ไกลนักแบ่งเบาภาระให้เจ้าชายนาดีล
   
“ระวังตัวด้วยล่ะ” เจ้าชายนาดีลเตือน ผมผงกหัวแทนคำตอบ
   
 ผมคว้าเอาถังไม้เดินไปตามทางซึ่งผู้อาศัยเดิมน่าจะทำไว้ เดินไม่นานนักผมก็เห็นลำธารอยู่ลิบๆ จึงรีบสาวเท้าเดินตรงไปหวังว่าจะตักน้ำซักหลายๆถังให้ทันก่อนถึงช่วงเย็น
   
แต่เมื่อเดินไปถึงที่ริมลำธารผมก็ต้องตกใจอย่างหนักผมพบกับผู้หญิงที่บาดเจ็บสาหัสในอ้อมแขนของเธอมีเด็กทารกอยู่คนหนึ่ง ไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปดูอาการคนเจ็บ
   
“อา…..” ผมได้แต่ร้องคราง หญิงสาวแปลกหน้าถูกฟันด้วยดาบบริเวณหลังเป็นบาดแผลใหญ่ ขณะที่ผมตัดสินใจจะช้อนอุ้มตัวเธอ ข้อมือของผมก็ถูกเธอคว้าเอาไว้แน่น
   
“ช่วยพาเด็กไปหาพ่อของเขา ท่านไรอันที่เมืองมูนไลท์ สร้อยคอของเด็กจะเป็นตัวยืนยันว่าเด็กเป็นใคร” พอเธอพูดจบเธอก็หมดสติไป ผมตรวจชีพจรเธอดูด้วยความวิตกกังวล เธอตายแล้ว แถมยังทิ้งเด็กทารกอายุประมาณสี่เดือนเอาไว้ให้ผมดูแลอีกด้วย
   
เอาล่ะสิเกิดภาระโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเสียแล้ว ผมนิ่งอึ้งอยู่นานก่อนจะตัดสินใจช้อนเอาตัวทารกขึ้นมาอุ้ม เด็กน้อยยังคงนอนหลับพริ้มอยู่ ผมพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ทำให้เด็กตื่น

“ทำอะไรนะฟีล่า” ตกใจนิดๆเมื่อถูกทักแต่ยังคุมสติได้อยู่ ผมหันไปประจันหน้ากับเจ้าชายนาดีล

   “อา…..ลูกใครกัน” ผมได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้กับเจ้าชายนาดีลแทนคำตอบ
   
หลังจากผมเล่าเหตุการณ์บังเอิญอันแสนพิศดาลให้เจ้าชายนาดีลฟัง คนฟังมีสีหน้าเคร่งขรึมไปตลอดการเล่า ผมไม่รู้ว่านาดีลเขาคิดเห็นอย่างไรในเมื่อเขาเอาแต่ฟังเงียบๆ
   
“แล้ว….ตกลงว่านี่เราจะพักการหนีชั่วคราวเพื่อส่งเด็กทารกนี่ให้ถึงบ้านหรอกหรือ” ผมปั้นหน้าไม่ถูกเลยเมื่อนาดีลทำสีหน้านิ่งๆ เดาเอาว่าเขาคงไม่เห็นด้วยที่จะเอาเวลาไปเสียเพื่อคนแปลกหน้า แต่ว่าผมไม่สามารถทิ้งทารกน้อยนี่ไว้โดยไม่ดูดำดูดีได้ ถึงแม้ว่าตัวผมเองจะอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นกัน
   
“ข้าอยากให้เด็กนี่กลับไปถึงมือคนเป็นพ่อ” คนฟังเลิกคิ้ว เจ้าชายนาดีลทำสีหน้าประหลาดใจ
   
“ข้านึกว่าเจ้าจะเข็ดกับการเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้อื่นแล้วเสียอีก นี่….เจ้าทำใจได้แล้วหรือฟีล่า” ผมเม้มปากเข้าหากันกับคำถามของเจ้าชายนาดีล อันที่จริงผมตัดสินใจมาได้พักหนึ่งแล้วว่าจะไม่เอาแต่จมอยู่กับความเสียใจ ดังนั้นเรื่องของโรสก็คือเรื่องหนึ่งเรื่องของทารกนี่ก็เรื่องหนึ่ง
   
“นาดีล ถึงจะรู้ว่าอาจจะต้องเดือดร้อนหนัก แต่แค่ครั้งนี้ ข้าไม่สามารถเมินเฉยปล่อยทารกนี่ไปตามยถากรรมได้”
   
“เข้าใจล่ะ” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างพลางใช้มือขยี้ศีรษะผมอย่างหมันเขี้ยว ท่าทางเขาดูดีใจต่อการตัดสินใจของผม
   
“ตอนแรกข้าก็กลัวว่าเจ้าจะจิตตกจนไม่เป็นอันทำอะไรเสียอีก เจ้าเข้มแข็งสมแล้วที่เป็นที่รักของข้าเลยน้า” ผมได้แต่พยายามปั้นยิ้ม ไม่แปลกใจที่เจ้าชายนาดีลจะคิดอย่างนี้ก็หลายวันที่ผ่านมาผมเอาแต่เศร้าและพูดจากับเจ้าชายนาดีลนับคำได้ ต้องขอโทษเขาจริงๆที่ผมเอาแต่ทำให้เป็นห่วง
   
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
   
“แค่เจ้าหายเสียใจก็พอแล้วน่า อีกอย่างนะเรายังมีปัญหาใหญ่รออยู่อีกมากนะ” ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ ให้ตายสิผมลืมไปเลยว่าระหว่างนำตัวทารกนี่ไปส่งที่บ้านผมต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูเด็กน้อยนี่เต็มๆ ดังนั้นตอนนี้เจ้าชายนาดีลจึงไปจับวัวป่าแม่ลูกอ่อนมาที่บ้านพักชั่วคราวของเรา
   
“โชคดีจังเลยน้าที่บ้านหลังนี้เจ้าของเดิมเคยมีเด็ก” เจ้าชายนาดีลฮัมเพลงไปพร้อมกับรีดนมวัวลงภาชนะที่เตรียมไว้ ตอนนี้ผมทึ่งในความชำนาญของเจ้าชายนาดีลเป็นอย่างมากจนถึงขนาดอุ้มทารกเข้าไปดูใกล้ๆ
   
“เจ้ารีดนมวัวเก่งจัง ข้าไม่รู้มาก่อนเลย”
   
“อยากทำไหมล่ะ”
   
“ไม่…ไม่ดีกว่า” ผมปฏิเสธ ในตอนนั้นทารกในมือก็ลืมตาตื่นแล้วร้องโยเย เจ้าชายนาดีลผู้ชาญฉลาดสันนิษฐานว่าทารกน้อยคงจะหิวนม ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ถูกต้อง
   
“กินเก่งจังเลยน้า” เจ้าชายนาดีลดูชอบอกชอบใจ ตอนนี้ผมป้อนนมทารกด้วยขวดนมอันเก่าที่เคยเป็นสมบัติของเจ้าบ้านเดิมและล้างมาสะอาดดีแล้ว
   
ผมใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ทารกน้อยจะอิ่มหนำ พอได้ดื่มนมจนพอใจ เด็กน้อยเจ้ากรรมก็ฉี่ออกมาเป็นรายการถัดไป เด็กน้อยร้องโยเยอีกครั้งเพราะตัวเปียกตัวผมเองตอนนี้ก็เปียกไปด้วยฉี่ของทารกน้อยเช่นกัน
   
“ฉี่ออกมาเสียแล้ว” ผมบอกเจ้าชายนาดีล
   
“เอามาให้ข้าจัดการดีกว่าฟีล่า” ผมส่งทารกให้เจ้าชายนาดีล
   
“ในสัมภาระของเราน่าจะมีผ้าสะอาดที่นำมาทำเป็นผ้าอ้อมได้อยู่น้า” เหมือนเขาจะพูดกับตัวเอง พอคว้าหยิบผ้าอ้อมจากสัมภาระได้ เจ้าชายนาดีลก็ตักน้ำจากบ่อน้ำขึ้นมาเพื่อต้มน้ำอุ่น
   
“รอแป๊บน้าคนเก่ง” ผมได้แต่มองดูเจ้าชายนาดีลหยอกเย้าทารกน้อยในระหว่างรอให้น้ำอุ่น ตอนนี้ผมเริ่มจะคิดนะ เจ้าชายนาดีลนี่เลี้ยงเด็กเก่งกว่าที่คิด เขาไปจำวิธีเลี้ยงเด็กมาจากไหนน้า
   
“ดูสิหัวเราะใหญ่เลยท่าทางจะชอบอาบน้ำอยู่เหมือนกันนะ” ผมตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นเด็กทารกหัวเราะชอบใจยามที่เจ้าชายนาดีลหย่อนลงไปในอ่างน้ำอุ่น ตอนนี้เจ้าชายนาดีลวักน้ำเบาๆรินรดตามร่างกายของทารก มือของเขาท่าทางจะเบามากผมมองดูด้วยความพิศวง
   
“อยากลองทำดูบ้างไหม” เจ้าชายนาดีดยิ้มกว้างให้ผม
   
“มะ….ไม่ดีกว่า” เป็นอีกครั้งที่ผมปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่อยากลองทำดูบ้างแต่กลัวว่าตัวเองจะมือไม้ไม่เบาพอจะอาบน้ำให้เด็กนี่สิ
   
“เอาน่ามาลองทำดู” พอถูกคะยั้นคะยอมากๆเขาก็เลยยอมทำตามจนได้ ผมค่อยๆทำตามวิธีที่เจ้าชายนาดีลบอกอย่างเบามือและละเอียดลออสุดท้ายการอาบน้ำให้ทารกน้อยก็เสร็จสิ้น
   
“เก่งมาก” เจ้าชายนาดีลใช้มือขยี้หัวผมไปมาเบาๆ ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกตที่สร้อยคอที่ทารกสวมอยู่มีจี้เป็นเหรียญทองที่สลักตัวอักษรเอาไว้
   
“ลีโอ” ผมอ่านตัวอักษรบนเหรียญ บนเหรียญทองเขียนเอาไว้ว่าแด่ลีโอผู้เป็นบุตรของไรอันแห่งมูนไลท์ เหรียญนี่ถือเป็นเบาะแสตามหาพ่อของเด็กน้อยได้อย่างดี ผมจึงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และรีบบอกสิ่งที่พบให้นาดีลฟัง
   
“อ้อ…พ่อหนูนี่ชื่อลีโอหรอกหรือ…ลีโอน้อย นี่นาดีลกับฟีล่าพ่อแม่ชั่วคราวของหนูน้า” นึกไม่ถึงว่าเจ้าชายนาดีลจะชอบเด็กขนาดนี้ ผมได้แต่อมยิ้ม
   
“นาดีลชอบเด็กน่าดูเลยนะ”
   
“อื้อ” นาดีลรับคำเขายอมรับง่ายๆ แต่ถึงเขาไม่ต้องบอกผมก็รู้ได้จากพฤติกรรมของเขา
   
จากนั้นผมก็อาสารับหน้าที่ทำอาหารเองเป็นครั้งแรก เพราะไม่อยากกวนเจ้าชายนาดีลที่ดูท่าทางพึงพอใจที่ได้ดูแลเด็ก หลังจากเรารับประทานอาหารเสร็จ เจ้าชายนาดีลก็ยังคงง่วนกับทารกน้อยไม่เลิก
   
“ฟีล่านอนไปก่อนก็ได้นะ”

   “จะดีหรือ”
   
“อื้อ ลีโอยังไม่หลับง่ายๆเดี๋ยวคงต้องอยู่ดูแลสักพัก” ผมมองดูเจ้าชายนาดีลอุ้มลีโอคอยกล่อมให้เด็กน้อยนอนหลับ โดยคาดไม่ถึงอยู่ๆเจ้าชายก็ร้องเพลงกล่อมเด็กออกมาเป็นเพลงที่ไพเราะมากจนผมรู้สึกชื่นชม

   “นาดีลเจ้าชอบเด็กน่าดูเลยนะ” ผมพูดประโยคเดิมซ้ำอีกแล้ว
   
“อ้อชอบสิ แต่ถ้าเป็นลูกของข้ากับเจ้าข้าจะรักใคร่และเอ็นดูมากกว่านี้อีก” นาดีลค่อยๆวางลีโอลงในเปลเด็กขณะพูดเดาว่าเด็กน้อยคงหลับสนิทแล้ว
   
“เจ้าอยากมีลูกกับข้าหรือ” ผมตื่นเต้น ถึงจะพอเดาคำตอบได้อยู่บ้างแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลยังไม่ตอบคำเขาเลือกที่จะเดินมาหาผมที่นอนอยู่บนเตียง โน้มตัวลงมาแล้วประทับจูบลงบนหน้าผากของผม
   
“ข้ารอให้เจ้าอนุญาตให้ข้าทำได้อยู่นะ” ผมหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลขยับขึ้นมาบนเตียงมานอนอยู่ข้างๆผม

   “จ….เจ้าสัญญาว่าเวลากลางคืนจะกลายร่างเป็นสไลม์เพื่อนอนกับข้านี่นา” ผมเรียกร้องเอาคำสัญญาจากนาดีล คนถูกเรียกร้องได้แต่อมยิ้มแล้วหัวเราะหึหึ ดูเจ้าเล่ห์เจ้ากลจนผมอดหวั่นใจไม่ได้ แล้วก็เป็นดังที่คาดเจ้าชายนาดีลจุมพิตลงมาที่ปากผมแผ่วๆหนึ่งครั้งอย่างรวดเร็วเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ติด
   
“เฮ้อ มีว่าที่ภรรยาใจร้ายแบบนี้ จะให้ทำไงได้ เอาไว้ถึงวันแต่งงานของเราเมื่อไหร่ข้าจะล้างแค้นให้สมอยากเลย” ผมตัวแข็งทื่อกับคำขู่ของเจ้าชายนาดีล ตอนนี้คนขู่ยอมเปลี่ยนร่างเป็นสไลม์แล้วแต่ผมก็ยังระแวงไม่หาย ดังนั้นคืนนั้นทั้งคืนผมจึงตื่นๆหลับๆไม่ได้นอนเต็มตาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


พรุ่งนี้จะเอาตอนต่อมาลงอีกนะคะ
   

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :hao5: เรื่องนี้น่ารักแปลกๆดี ชอบ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นาดีลน่ารักอ่าาา

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่15
   
เนื่องจากนอนแบบหลับๆตื่นเพราะระแวง คืนนั้นทั้งคืนผมถึงได้รู้ว่าการเลี้ยงเด็กมันลำบากขนาดไหน ทุกครั้งที่ผมลืมตากลางดึกผมจะเห็นเจ้าชายนาดีลลุกขึ้นมาคอยกล่อมให้ลีโอตัวน้อยหยุดร้องไห้
   
"นาดีล เจ้าไม่ง่วงนอนหรือ ถ้ายังไงเดี๋ยวข้าดูลีโอให้แทนเองเจ้าไปนอนเถอะ"
   
"สบายมาก เจ้านอนเถอะฟีล่า" เห็นเขาตั้งใจดูแลเด็กทารกขนาดนี้ ตัวผมก็รู้สึกผิดที่เอาแต่คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสลวนลามยามค่ำคืน
   
"ฟีล่าหากว่าเจ้ายังไม่ยอมนอนล่ะก็หลังจากข้ากล่อมลีโอจนหลับแล้ว เรามาสนุกกันหน่อยดีไหมล่ะ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้กับรอยยิ้มทะลึ่งตึงตังของเจ้าชายนาดีล แสดงความต้องการด้านมืดชัดเจนมาขนาดนี้ผมเลยรีบข่มตานอนหลับด้วยกลัวว่านาดีลจะชวนเล่นบ้าๆยามค่ำคืน ซึ่งผมเดาว่าคนบ้ากามอย่างเขาต้องชวนเล่นทะลึ่งๆแน่ๆ
   
"ฟีล่าตื่นเถอะ" ผมถูกเรียกด้วยเสียงอ่อนโยน แต่เพราะยังรู้สึกว่านอนไม่พอเลยยังดื้อด้านที่จะนอนต่อ
   
"หากเจ้าไม่ลุกข้าจะถือว่าเจ้าอนุญาตให้ข้าทำอะไรก็ได้นะ"
   
ให้ตายสิทำอะไรก็ได้มันกว้างและน่าหวาดเสียวเกินไป ผมรีบลุกขึ้นทันทีโดยไม่ต้องให้เขาพูดซ้ำสอง
   
"รีบทานข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักเราจะเดินทาง" ดังนั้นผมจึงไปล้างหน้าล้างตาและแปรงฟันก่อนจะกลับมายังโต๊ะทานอาหาร ที่ฝั่งตรงข้ามเจ้าชายนาดีลง่วนอยู่กับการป้อนนมให้ลีโอ
   
ให้ตายสิ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาดูกระปรี้กระเปร่านัก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้นอนกี่ชั่วโมงแต่เจ้าชายนาดีลไม่ดูอิดโรยหรืออารมณ์เสียตามประสาคนอดนอน
   
"นาดีลเจ้าได้นอนบ้างหรือเปล่า"
   
"ได้นอนซี้ ประมาณสามสี่ชั่วโมงได้"
   
น้อย เขานอนน้อยเกินไปจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดเอามากๆที่ปล่อยให้เจ้าชายนาดีลดูแลลีโอเพียงคนเดียว ทั้งๆที่ผมเป็นคนนำลีโอกลับมาแท้ๆ
   
"นาดีลครั้งต่อไปให้ข้าดูแลลีโอเองเถอะนะ"
   
"จะดีรึ" นาดีลทำเสียงเหมือนกำลังเย้าแหย่
   
"ดีสิ ข้าไม่อยากเอาเปรียบเจ้า" เจ้าชายนาดีลได้แต่อมยิ้มเขาไม่พูดอะไรต่อ พอเห็นผมทานอาหารอิ่มแล้วเขาก็ส่งลีโอมาให้ผมอุ้มแล้วเริ่มทานอาหารในส่วนของเขา
   
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เตรียมตัวออกเดินทาง เนื่องจากมีเด็กไปด้วยเราจึงต้องเตรียมพร้อมหลายอย่างในส่วนของจำเป็นเกี่ยวกับลีโอ
   
จากนั้นเราไม่สามารถเดินกลางแดดจ้าได้เหมือนทุกครั้งเพราะมีลีโอติดมาด้วย การเดินทางจึงล้าช้ากว่าที่เคย พอใกล้เวลาเที่ยงเราก็จะพักการเดินทางหาที่พักผ่อนซึ่งตามปกติเราจะพักกันสั้นๆแค่เวลาบ่ายคล้อยๆแล้วเดินทางต่ออีกนิดจึงจะเริ่มหาที่พัก แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเดินทางอย่างเร่งรีบได้เพราะเป็นห่วงสุขภาพของลีโอ
   
ตอนนี้เราเดินทางมากับลีโอมาได้ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วและกำลังหาที่พักหลบแดด บังเอิญเจอร้านขายอาหารเล็กๆริมทาง พวกเราจึงเข้าไปพัก
   
"ยินดีต้อนรับค่ะ" หญิงสูงอายุร่างอวบเดินออกมาต้อนรับ ตอนนี้ภายในร้านยังคงไม่มีลูกค้าดูท่าว่าพวกผมจะเป็นลูกค้ารายเดียวของเที่ยงวันนี้
   
"รับอะไรดีคะ"
   
"ขอเนื้อวัว ซุปหัวหอมอย่างละสอง แล้วก็นมวัวอุ่นด้วยนะ" เจ้าชายนาดีลสั่งอาหารกับหญิงร่างอวบซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของร้าน
   
"อุ้ยตายจริงท่านจะเอานมวัวให้เด็กทานหรือคะ" หญิงเจ้าของร้านทำตาโตเจ้าหล่อนจ้องมาที่ผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
   
"อ้า....จริงสิแม่ของเด็กยังอายุน้อยและผอมมาก คงจะไม่มีน้ำนมพอแน่ๆ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้ขอสันนิษฐานของเจ้าของร้าน
   
"มารีน มารีนมานี่หน่อยเร็ว" เจ้าของร้านส่งเสียงเรียกใครซักคนผมเดาว่าน่าจะเป็นผู้หญิงไม่นานนักเจ้าของชื่อก็เดินออกมาจากด้านใน
   
"อะไรคะท่านแม่" เจ้าของชื่อมารีนออกมาพร้อมกับอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน ผมเริ่มงงนิดๆว่าจะเรียกเธอมาทำไม
   
"มารีนช่วยให้นมทารกของลูกค้าหน่อยสิ แม่ของเด็กยังอายุน้อยและมีน้ำนมไม่พอ"
   
"ได้สิคะท่านแม่" มารีนยื่นทารกให้เจ้าของร้านไปอุ้ม เจ้าของร้านหายไปยังหลังร้านพร้อมลูกของมารีน หลังจากนั้นผมก็ยื่นส่งลีโอให้มารีนแบบงงๆ
   
"ลูกของพวกท่านน่ารักจังเลยนะคะ" มารีนหันมาพูดคุยกับผมขณะเปิดเสื้อเผยให้เห็นทรวงอกเพื่อป้อนนมให้ลีโอต่อหน้าผมและเจ้าชายนาดีล ผมอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆมารีนก็เปิดอกโชว์ แต่สำนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองปลอมตัวเป็นผู้หญิงจึงพยายามทำท่าทางให้ปกติไม่ตื่นเต้นมากเกินไป
   
"พวกท่านจะไปที่ไหนหรือคะ อ้าจริงสิ ถ้ามาพักทานอาหารที่ร้านเรา ก็น่าจะไปที่เมืองมูนไลท์ข้าไม่น่าถามเลย" มารีนหัวเราะน้อยๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยกันสัพเพเหระกันนิดหน่อยและผมไม่ลืมถามถึงพ่อของเด็ก
   
"อา....ท่านหมายถึงท่านไรอันแห่งมูนไลท์หรือเปล่าคะ ท่านเป็นมหาเศรษฐีประจำเมืองค่ะมีอิทธิพลมากทีเดียว" ผมหันไปพยักหน้ากับนาดีล พอจะรู้เป้าหมายที่ต้องไปแล้ว จังหวะนั้นเจ้าของร้านร่างอวบก็นำอาหารที่เราสั่งมาวางบนโต๊ะ
   หลังทานอาหารเสร็จเรานั่งพักในร้านพูดคุยกับมารีนและเจ้าของร้านอีกหน่อย เราทราบว่าเดินทางไปอีกนิดก็น่าจะถึงเมืองมูนไลท์ได้ก่อนเย็นดังนั้นเราจึงรีบเดินทางต่อจนถึงหน้าประตูเมือง
   
"เจ้ามาทำอะไรที่เมืองนี้ ไม่ใช่คนเมืองนี้นี่" ทหารที่หน้าประตูเมืองถามเรา เจ้าชายนาดีลตอบคำถามแทนผม
   
"เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน เราพาลูกของเรามาเยี่ยมญาติที่นี่ครับ" ทหารที่เฝ้าประตูดูจะเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ก่อนจะเข้าเมืองพวกทหารเรียกร้องเงินค่าผ่านทาง เจ้าชายนาดีลจึงต้องจ่ายเงินให้ตามธรรมเนียม
   
"ในที่สุดก็เข้ามาได้เสียที ตอนแรกข้านึกว่าเราจะถูกจับได้เสียแล้ว" ผมถอนหายใจโล่งอก เรื่องที่ผมกลัวก็คือท่านพี่อาจจะส่งหมายจับผมมาแถวที่เมืองนี้ก็เป็นได้
   
"อาจจะไม่ส่งหมายจับมาที่เมืองนี้ก็ได้ ก็ทางนี้เป็นเส้นทางอ้อมหากเราจะเดินทางไปอาณาจักรสไลม์" ผมพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับเจ้าชายนาดีล ตอนนี้เราเข้าไปหาที่พักในเมืองด้วยกันพวกเราตัดสินใจว่าเอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยเดินทางตามหาพ่อให้กับลีโอ
   
เช้าวันถัดมาพวกเราก็พากันลงมาที่ร้านอาหารชั้นล่างของโรงแรม พวกเราสั่งอาหารหลังจากสั่งเราก็ถามบริกรเกี่ยวกับมหาเศรษฐีไรอัน
   
"อา....ท่านไรอันหรือขอรับ ท่านอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนินกว้างทางเหนือขอรับ ว่าแต่ท่านมีธุระอะไรกับท่านเศรษฐีหรือครับ"
   
"เราเป็นญาติห่างๆของท่านเศรษฐีนะ มาเยี่ยมท่านเพราะมีเรี่องสำคัญ" เจ้าชายนาดีลโกหกหน้าตาย ผมได้แต่นิ่งเงียบทั้งที่ในใจกังวลอยู่เหมือนกันว่าอาจจะมีคนสงสัย
   
"เจ้าไปโกหกอย่างนั้นทำไม" ผมกระซิบถามเจ้าชายนาดีล
   
"มีคนแอบตามเราอยู่น่ะสิ เลยโกหกให้พวกมันสับสน" ผมตกใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่ามีคนตามผมเริ่มหันมองไปรอบๆข้างแล้วพบกับกลุ่มคนแปลกๆที่ลอบมองมาพลางซุบซิบอะไรบ้างอย่าง
   
"คงไม่ใช่เจ้าคนกลุ่มนั้นหรอกนะ" ผมกระซิบถาม
   
"ใช่หรือไม่ใช่พอเดินออกจากโรงแรมเดียวก็รู้" เราสองคนรีบทานอาหาร รู้สึกจิตใจไม่สงบเมื่อรู้ว่ามีผู้ไม่หวังดี คงไม่ใช่ว่าเป็นนักฆ่าของคาลอสหรอกนะ ให้ตายสิขนาดเราเดินทางอ้อมมาขนาดนี้ยังตามมาถูกอีกหรือ
   
เมื่อทานอาหารเสร็จเราสองคนก็ออกจากโรงแรม ตอนแรกเราเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนก่อนจะเริ่มเดินไปยังที่ที่มีผู้คนน้อยลง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะเดินไปยังคฤหาสน์ของเศรษฐีไรอัน
   
"หยุดนะพวกแก" ผมกับเจ้าชายนาดีลถูกคนกลุ่มหนี่งเรียกให้หยุดในทางเปลี่ยว กลุ่มคนประมาณเก้าถึงสิบคนเข้ามาล้อมพวกเราเอาไว้
   
"ได้ยินว่าเจ้าเป็นญาติของเจ้าไรอันอย่างนั้นหรือ ท่าทางจะมีเงินอยู่นะ ส่งเงินมาซะดีดี" โจรกระจอกเองหรอกหรือนี่ ผมโล่งอก ตอนนี้เจ้าฃายนาดีลแสยะยิ้มร้ายออกมา
   
"ลูกพี่ดูสิเด็กนั่นมันใช่เจ้าเด็กลูกของไรอันใช่หรือเปล่า" หนึ่งในกลุ่มโจรร้องถามโจรที่น่าจะเป็นหัวหน้า ผมรอว่าพวกมันจะเผยอะไรออกมาจากปากของพวกมันอีก
   
"เฮ้ยแก แกเอาเด็กทารกนี่มาจากไหน เด็กทารกนี่เป็นของพวกเรานะเว้ย"  เจ้าชายนาดีลได้ฟังแล้วหัวเราะฮาฮา
   
"มีหลักฐานอะไรว่าเด็กเป็นของพวกเจ้า"
   
"ก็สร้อยคอประดับเหรียญทองนั่นไงวะ" พวกโจรตะโกนบอกพลางทำท่าคุกคาม แต่ก็นั่นแหละพวกผมไม่ได้กลัวซักนิด
   
"แต่ที่เหรียญนี่มันบอกชัดอยู่นาว่าพ่อของเด็กนี่น่าจะเป็นเศรษฐีไรอัน" เจ้าชายนาดีลทำเสียงยียวนไปพร้อมกับหัวเราะ ดูเหมือนว่าพวกโจรจะหมดความอดกลั้นจึงกรูกันเข้ามาหวังทำร้าย
   
"พวกแกทำอะไรน่ะ" เสียงตะคอกถามดังมาจากกลุ่มคนที่ควบม้ามาจากทางคฤหาสน์ พวกเขาหยุดม้าลง แต่พวกโจรดูจะไม่สนใจใครทั้งนั้นถึงจะเป็นกลุ่มคนมาใหม่พวกมันก็เข้าเล่นงานด้วยเหมือนกัน โชคร้ายกลุ่มคนที่มาใหม่มีกันแค่สี่คนมีจำนวนน้อยกว่าพวกโจร
   
"ฟีล่าเจ้าหลบไปข้างหลัง" เจ้าชายนาดีลสั่งผม ผมทำตามที่เขาสั่งเพราะกังวลกับลีโอที่หลับอยู่ในอ้อมแขน
ใช้เวลาไม่นานนักผู้มาใหม่กับเจ้าชายนาดีลก็จัดการกับพวกโจรได้หมด ผู้มาใหม่กับคนของเขามัดพวกโจรทั้งสิบคนเอาไว้
   
"พวกท่านสองคนคงไม่ใช่คนเมืองนี้สินะข้าไม่คุ้นหน้าเลย" ชายผู้เป็นหัวหน้าของคนกลุ่มใหม่ถามพวกผม
   
"ข้าชื่อดีน ส่วนนี้เดียน่าภรรยาของข้า" เจ้าชายนาดีลตอบ
   
"แล้วพวกท่านจะไปไหนกัน พวกท่านมาทางนี้คงไม่พ้นไปยังคฤหาสน์ของตระกูลสเฟลละมั้ง" ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มซักถาม
   
"ใช่แล้วข้าจะไปพบท่านเศรษฐีไรอัน" เจ้าชายนาดีลตอบเนือยๆ
   
"ท่านมีธุระอะไรกับท่านไรอันรึ
   
"อา...ข้าจะไม่อ้อมค้อมละนะยังไงพวกท่านก็คงมาจากคฤหาสน์อยู่แล้ว ข้านำบุตรชายของท่านไรอันมาคืน"
   
"ว่าอะไรนะ" ตอนนี้ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มทำสีหน้าน่ากลัว เขาไม่รอช้าเดินเข้ามาหาผม ตอนแรกผมลังเลที่จะให้เขาเข้ามาใกล้เด็ก แต่พอเห็นว่าเขาต้องการหลักฐาน ผมจึงให้เขาดูสร้อยคอซึ่งเป็นหลักฐาน
   
"อา.....แล้วสาวใช้ที่ไปด้วยล่ะ"
   
"ข้าพบกับผู้หญิงที่นำเด็กมาด้วย แต่นางตายแล้วนางน่าจะมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มข้าจำได้แค่นี้" ผมตอบคำถามให้กับคนถาม ผมเริ่มเอะใจหรือว่าคนคนนี้จะเป็นพ่อของเด็กกันนะ
   
"นายท่านผู้หญิงผมน้ำตาลเข้มน่าจะเป็นลิลี่ไม่ผิดแน่ครับ" หนึ่งในผู้ติดตามพูดกับนายท่านของเขา
   
"ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเจ้าไม่ใช่โจรเรียกค่าไถ่" ถูกถามแบบนี้ทำให้ผมอดรู้สึกแย่ไม่ได้ เจ้าชายนาดีลได้แต่ยักไหล่ก่อนจะสั่งให้ผมคืนลีโอให้คนที่น่าจะเป็นพ่อของเด็ก
   
"พวกเราคืนเด็กให้เจ้าแล้วอย่างนั้นขอตัว" หลังจากคืนเด็กให้พวกเราก็ปลีกตัวจากมา ตอนนี้เรากลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง หดหู่ยังไงชอบกล ไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณก็จริง แต่ถูกมองในแง่ร้ายเช่นนี้ก็ทำใจได้ยาก
   
"พ่อของเด็กจะยอมรับลีโอว่าเป็นลูกไหมนะ ขนาดเราเอาเด็กมาส่งยังคิดว่าเราเป็นโจรเรียกค่าไถ่เลยนี่"
   
เจ้าชายนาดีลระบายลมหายใจยาวเหยียด เขาส่งยิ้มอ่อนใจมาให้ผม
   
"จะยอมรับเด็กหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคิด ฟีล่าเราทำดีมากแล้วนะที่เอาเด็กมาส่งให้ถึงที่"
   
"แต่ว่า" ผมยังไม่ยอมเลิกคิดมากง่ายๆตอนนั้นเองจู่ๆเจ้าชายนาดีลก็งับฟันลงมาที่บ่าของผม
   
 เจ็บ!!!
   
"ทำบ้าอะไรของเจ้า" ผมร้องโวยวายตอนนี้เขารวบเอาร่างของผมเข้าไปกอดแล้วงับลงมาบนแก้มของผม
   
"เจ้าบ้าเจ้าเป็นหมาหรือไงข้าเจ็บนะ" เจ้าชายนาดีลไม่ยอมหยุดง่ายๆเขางับลงมาบนท่อนแขนของผมอีกที
   
"ลงโทษไงล่ะ เจ้าอยากดื้อด้านไม่เชื่อฟังข้าทำไม" กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็กดผมลงบนเตียงขบกัดไปทั่วตามจุดต่างๆบนร่างกายของผม
   
 ไอ้โหด!!!
   
 ผมพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่สู้แรงเขาไม่ได้เลย
   
"พอ พอได้แล้ว"
   
"ถ้าเจ้ายอมเข้าใจที่ข้าพูดได้เมื่อไหร่ข้าจะพอ"
   
"เข้าใจเข้าใจแล้ว" ผมหอบหนักแล้วก็น่วมไปทั้งตัว การที่เขามาขบกัดตามร่างกายแบบนี้นอกจากจะเจ็บแล้วมันทำให้ผมเกิดความรู้สึกอย่างอื่นขึ้นมาด้วยดังนั้นจึงอยากให้เขาหยุดเสียที

   "เข้าใจแล้วก็ดี ถ้าอย่างนั้นนอนซะ" ผมพลิกตัวนอนตะแคงพยายามรีบหลับให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเสี่ยงให้เจ้าชายนาดีลหาเรื่องทำร้ายร่างกายผมไปมากกว่านี้ ในที่สุดผมก็หลับลึกได้จริงๆ
   
เช้าวันถัดมาผมตื่นขึ้นมาโดยมีเจ้าชายนาดีลนอนกอดอยู่ พอผมขยับตัวยุกยิกเขาก็ลืมตาตื่นทันที
   
"อรุณสวัสดิ์" นาดีลพูดกับผม
   
"อรุนสวัสดิ์ นี่เจ้าปล่อยข้าเถอะข้าอยากลุกจากเตียงแล้ว" เจ้าชายนาดีลยิ้มกริ่ม ตอนแรกนึกว่าจะโดนแกล้งอะไรอีกแต่เขาก็ขยับออกจากตัวผมปล่อยผมให้เป็นอิสระ จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะเรียกที่หน้าประตู

   "นายท่านขอรับท่านไรอันสเฟลรอท่านอยู่ที่ด้านล่าง" ผมกับเจ้าชายนาดีลมองหน้ากัน แปลกใจนิดๆว่าหลังจากยัดเยียดตำแหน่งโจรให้เราแล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก
   
"บอกท่านไรอันว่าอีกสิบห้านาทีเราจะลงไป" เจ้าชายนาดีลบอกกับคนของโรงแรม ไม่รอช้าเรารีบทำความสะอาดร่างกายแล้วแต่งตัวเสียใหม่
   
ที่ส่วนร้านอาหารของโรงแรม ไรอันพ่อของลีโอรอเราอยู่ที่นั่น น่าแปลกที่ร้านอาหารไม่มีคนอยู่เลยนอกจากพวกเรา ผมมองซ้ายทีขวาทีอย่างประหลาดใจ

   "ไม่ต้องแปลกใจสาวน้อย ข้าจองชั้นล่างนี้ไว้หมดแล้ว" ผมเข้าใจในที่สุด ไรอันเรียกพวกเราให้ไปนั่งบนเก้าอี้ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เรา
   
"ต้องขอโทษด้วยที่ข้าเสียมารยาทกับท่านเมื่อวาน ตอนนี้ข้ารู้ความจริงแล้ว ภรรยาที่หนีมาได้จากพวกโจรก่อนหน้านั้นชี้ตัวให้ข้ารู้ว่าพวกที่โจมตีพวกท่านคือคนร้ายที่แท้จริง" ผมโล่งใจที่ในที่สุดไรอันก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้เสียที

   "แล้วที่ท่านมาครั้งนี้ล่ะมีธุระอะไรกับเรา" เจ้าชายนาดีลถาม

   "ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากจะให้พวกท่านเดินทางออกจากหมู่บ้านเราโดยเร็ว" ผมมองดูเจ้าชายนาดีลทีไรอันทีบรรยากาศชักเริ่มกดดันแปลกๆ อยากจะรู้นักว่าทำไมถึงพยายามไล่เราออกไปจากเมืองทั้งที่เข้าใจพวกเราแล้วแท้ๆ
   
"อา.....พวกท่านคงตกใจแต่จะไม่อ้อมค้อมล่ะ ทางการกำลังตามหาคนอยู่ ถึงแม้รายละเอียดมันจะไม่ใกล้เคียงกับท่านเท่าไหร่ แต่พวกท่านก็เป็นคนแปลกหน้า ข้าไม่อยากให้พวกท่านเดือดร้อนโดนกักตัวเอาไว้ เพราะบ่ายวันนี้จะมีการกักนักเดินทางแปลกหน้าเพื่อให้ท่านเจ้าเมืองสอบสวน"
   
ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยกับข้อเท็จจริงที่ไรอันบอกตอนนี้ผมมองดูว่าเจ้าชายนาดีลจะมีปฏิกริยาอย่างไร ทว่าเขานิ่งกว่าที่คิด
   
"แล้วท่านจะตอบแทนเราที่ช่วยท่านอย่างไร" เจ้าชายนาดีลถาม
   
"ข้าจะให้จดหมายผ่านทางกับท่านรับรองว่าท่านจะเดินทางผ่านเมืองต่างๆได้ง่ายๆในฐานะคนงานของข้า" ไรอันยื่นจดหมายที่มีตราสัญลักษณ์และข้อความด้านในมาให้ เจ้าชายนาดีลเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในเป็นจดหมายขอผ่านทางเพื่อไปทำการค้าไม่มีอะไรมากกว่านั้น

   "อีกอย่างข้าเตรียมรถม้าบรรจุสินค้าให้ท่านใช้บังหน้า ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านจะใช่ผู้ร้ายที่ทางการต้องการหรือเปล่า แต่ก็ขอตอบแทนที่ท่านนำลูกข้ามาคืน" กล่าวจบไรอันก็ก้มหัวให้พวกผมเป็นการขอบคุณ
   
"ท่านอยู่ทานอาหารเสียหน่อยแล้วค่อยออกเดินทางเถอะ" กล่าวจบไรอันก็ขอตัวกลับ เราสองคนทานอาหารกันจนอิ่มก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยใช้รถม้าของไรอันเป็นพาหนะ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จะเอามาลงเรื่อยๆวันละตอนนะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามาเม้นนะคะ

ดีใจค่ะที่ยังมีคนเม้นอยู่บ้าง เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจ้าชายนาดีล ฟีล่า :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่16
   
หลังจากได้รับสถานะปลอมๆมาจากมหาเศรษฐีไรอัน การเดินทางของพวกเราก็ราบรื่นขึ้นมาก ตอนนี้ผมกับเจ้าชายนาดีลเดินทางมาจนใกล้จะถึงชายแดนของอาณาจักรสไลม์แล้ว หากผ่านเข้าอาณาจักรสไลม์ไปได้นาดีลบอกว่าเราจะปลอดภัยจาการตามล่าถึง70เปอร์เซ็นต์เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาณาจักรสไลม์นั้นเต็มไปด้วยป่าและนานาไปด้วยเผ่าพันธุ์มอนเสตอร์รวมถึงอมนุษย์จำนวนมาก การที่จะบุกเข้ามาตามล่าใครจึงไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่สันทัดต่อภูมิประเทศในเขตนี้
   
เวลานี้ไม่ไกลจากอาณาเขตชายแดนพวกเราตั้งแคมป์ในป่า เพราะตัดสินใจจะเดินทางผ่านชายแดนในช่วงดึกเผื่อว่าท่านพี่เอียนอาจจะส่งคนมาดักรอตรงทางผ่านชายแดน
   
แล้วก็เป็นจริงดังคาดตรงชายแดนของอาณาจักรสไลม์มีพวกทหารตั้งกระโจมอยู่ ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นทหารของเผ่ามังกรไม่ผิด
   
“เอายังไงต่อไปดีนาดีล” ผมกับเจ้าชายนาดีลแอบมองอยู่บนเนินเขาไม่ห่างไปจากบริเวณที่ทหารตั้งค่ายอยู่นัก
   
“ฝ่าไปเลยดีไหม” เจ้าชายนาดีลหัวเราะเสียงใส แต่ในที่สุดเราก็ตัดสินใจลองทำเนียนเดินทางผ่านโดยใช้จดหมายของไรอันดู
   
“หยุดหยุดรถม้าเดี๋ยวนี้” พอเราไปถึงด่านตรวจพวกทหารก็เข้ามาดักหน้าแล้วสั่งให้เราหยุดรถ
   
“เจ้าเป็นใครแล้วกำลังจะไปไหน” ผมได้ยินเสียงทหารตั้งคำถามจากด้านนอกตอนนี้ผมนั่งรออยู่ในรถม้า
   
“ข้ากับภรรยากำลังเดินทางไปส่งสินค้าตามที่นายท่านสั่งขอรับ”

   “ส่งไปที่ไหนทางนี้เป็นชายแดนของอาณาจักรสไลม์ไม่ใช่รึ”
   
“จะนำไปส่งที่หมู่บ้านวินสโมกซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ขอรับ”
   
“ขอดูด้านในหน่อย” ผมเกร็งตัวด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่ทหารมังกรเปิดประตูเข้ามาด้านใน ผมก็แสร้งก้มหัวประหลกๆทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม
   
“เจ้าเป็นภรรยาของเจ้าคนข้างนอกเรอะ” ทหารที่เข้ามาตรวจถามผม
   
“ใช่เจ้าค่ะ” ผมเริ่มจะเหงื่อตกเพราะพวกทหารจ้องมองดูผมเนิ่นนาน โธ่เอ๊ยคงไม่ใช่ว่าความแตกหรอกนะ
   
“ฮึ่ม….เจ้านี่รูปงามน่าดูนะ” จู่จู่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้นิ้วเกี่ยวเชยคางให้เงยหน้าไปสบตา ผมเห็นนะแววตาหื่นกระหายของทหารตรงหน้าทำเอาผมขนลุกเกรียวเลยทีเดียว ไม่น้า ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนหากว่าทหารตรงหน้านี่ลวนลามผม ไม่พ้นต้องถูกผมกับเจ้าชยนาดีลเล่นงาน ผลที่ได้อาจทำให้สถานภาพของผมกับเจ้าชายนาดีลถูกเปิดเผยก็เป็นได้
   
“เฮ้ย!ทำอะไรน่ะ” ทหารอีกคนโผล่หน้าเข้ามาทำให้ทหารที่ลวนลามผมชักมือกลับ
   
“อย่าทำตัวรุ่มร่ามเรามาทำงานอย่าก่อปัญหา” ทหารที่ลวนลามผมทำหน้าเสียดายก่อนจะร่วมมือกับทหารที่ตักเตือนลงมือตรวจสินค้าบนรถม้า
   
“ไม่มีอะไรผิดปกติ” พวกทหารทั้งสองคนยืนยัน ผมโล่งอกในทันทีคงจะปล่อยพวกผมให้ผ่านไปได้แล้วสิ
   
“ปล่อยผ่านไปได้” ทหารที่ตรวจสินค้าตะโกนบอกทหารด้านนอกก่อนจะผละจากไปทิ้งให้ผมอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง

   “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวนะขอรับ” นาดีลพูดด้วยเสียงพินอบพิเทา
   
“เดี๋ยวก่อน” บรรยากาศเริ่มไม่ดีแล้ว เพราะยังไม่ทันจะได้ออกรถก็ถูกห้ามเอาไว้อีกครั้ง หัวใจของผมเต้นตุบๆถี่ยิบด้วยความตื่นเต้น
   
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้ามีคนผ่านมาทางนี้ให้บอกกับข้า” นั่นคือเสียงของท่านพี่เอียนไม่ผิด ซวยแล้วไม่นึกว่าท่านพี่จะมาดักรอด้วยตัวเองที่ชายแดน ผมเหงื่อแตกพลั่ก รอคอยว่าเจ้าชายนาดีลที่อยู่ด้านนอกจะทำอย่างไร
   
“เจ้าเดินทางมากับใคร” ท่านพี่เอียนถาม
   
“ภรรยาของข้าครับ”
   “ขอข้าดูหน้าหน่อยสิ” ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงเข้ามาเรื่อยๆ ผมตัวแข็งค้างเนื่องด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอีกเสียง
   
“เฮ้อ หลานข้าเจ้าไม่น่าจะเดินทางมาที่ชายแดนนี่เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตาก็ดีแล้ว แล้วนี่อะไรเจ้าตั้งใจจะตรวจดูคนผ่านทางด้วยตัวเองทั้งหมดเชียวหรือ” ไม่ผิดแน่เป็นเสียงของคาลอส นึกไม่ถึงว่าคาลอสเองก็จะมาที่นี่ด้วย
   
“อ๊ะ….แก” คาลอสอุทาน ผมเดาว่าเขาคงจำโฉมหน้าของเจ้าชายนาดีลได้ ก็แน่ล่ะเขาทันได้เห็นใบหน้าของนาดีลแวบหนึ่งก่อนสลบไปโดนทำร้ายแบบนั้นคงไม่มีวันลืมง่ายๆ
   พริบตานั้นเสียงทุบหนักๆก็ดังขึ้น ผมได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากด้านนอก ตายล่ะนี่เจ้าชายนาดีลคงตัดสินใจต่อสู้แล้วแน่ๆ
   
“ทำอะไรของแก” ท่านพี่เอีบนตะคอกเสียงกร้าว ผมได้ยินเสียงชักดาบ ตอนนี้เสียงดาบกระทบกันดังแกร๊งๆดังอยู่ที่ด้านนอก
   
ควรชะโงกหน้าออกไปดูดีไหมนะ
   
ผมได้แต่ลังเล ในที่สุดก็ตัดสินใจได้จึงเยี่ยมหน้าออกไปรับรู้สถานการณ์เลวร้ายที่ด้านนอก เมื่ออกไปที่ด้านนอกผมเห็นศพของทหารนอนตายเกลื่อน นอกจากนั้นท่านพี่เอียนกับเจ้าชายนาดีลกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
   
“แกเป็นใครกันแน่” ท่านพี่ตวาดถามขณะใช้ดาบปัดป้องกรงเล็บที่ทำจากสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธของเจ้าชายนาดีล
   
“คนซื่อบื้อเอ๊ย เจ้าจำเสียงข้าไม่ได้แล้วอย่างนั้นรึ ไม่สิจะมีกี่คนกันที่สามารถไล่ต้อนเจ้าได้แบบนี้” เจ้าชายนาดีลหัวเราะไปไล่ต้อนท่านพี่เอียนไปด้วยเชิงยุทธที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เจ้าชายนาดีลแทงกรงเล็บซ้ายที่ขวาทีทำเอาท่านพี่ป่วนปั่น ทุกครั้งที่ดาบของท่านพี่ประทะกับกรงเล็บจะเกิดประจุไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบ ท่านพี่นิ่วหน้าคงจะรู้ว่าถึงจะแค่โดนถากด้วยกรงเล็บก็จะถูกสายฟ้าจำนวนมหาศาลเล่นงานเอาจนเจ็บหนัก
   
ผมมองดูไปรอบตัวไม่ไกลนักผมเห็นคาลอสนอนสลบอยู่ คิดว่าน่าจะโดนเจ้าชายนาดีลต่อยเอาจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ ผมแสยะยิ้ม สมน้ำหน้าให้กับการถูกทำร้ายของเจ้าคนเลว
   
“ท่านพี่” ผมตะโกนเรียกเสียงดังหมายจะให้ท่านพี่เอียนสนใจแล้วก็ได้ผล ท่านพี่เอียนดีดตัวหลบจากการโจมตีของเจ้าชายนาดีล ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผมแต่ก็ถูกนาดีลขัดขวาง เจ้าชายนาดีลเอาตัวบังผมให้พ้นจากรัศมีของท่านพี่
   
“ฟีล่า เจ้านี่มันเป็นใคร” ท่านพี่ถามเสียงแข็งกร้าว เจ้าชายนาดีลหัวเราะหึหึพลางทำสีหน้าเย้ยหยัน
   
“ท่านพี่ก็น่าจะคิดได้ว่าจะมีใครที่ไหนยอมช่วยข้า”ผมบอก
   
“อ้อ…..ที่แท้ก็เจ้าสวะนาดีล….ไม่น่าเชื่อเจ้ามีร่างมนุษย์ด้วย” ท่านพี่มองดูนาดีลด้วยสายตาไม่เป็นมิตรในมือกำดาบเอาไว้แน่นคงเตรียมที่จะเล่นงานนาดีลเป็นระลอกสอง
   
“แต่ก็ช่างเถอะมันจะมีร่างมนุษย์หรือไม่ก็ไม่สำคัญ…..ฟีล่าเจ้าต้องกลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้”
   
“ท่านพี่ข้าจะไม่กลับไปจนกว่าท่านจะตาสว่าง ท่านกำลังถูกคาลอสหลอกใช้”
   
“เจ้าพูดอะไรของเจ้าฟีล่า”
   
“คาลอสแค่อยากใช้ท่านพี่เป็นหุ่นเชิด เขาถึงได้พยายามยุแยงให้ท่านพี่ชิงบัลลังค์จากท่านพ่อท่านแม่”
   ผมบอกความจริงออกไปจนได้ หวังว่าพอรู้ความจริงท่านพี่จะเปลี่ยนใจ แต่ที่ไหนได้ท่านพี่ยกยิ้มหยันแล้วหัวเราะ
   
“เรื่องนั้นพี่ก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว เจ้าช่างไร้เดียงสานักฟีล่า อย่าลืมสิว่าเส้นทางของบัลลังค์ราชาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาใช้ข้าข้าใช้เขา นับเป็นเรื่องปกติของการครองบัลลังค์อยู่แล้ว” ถอนหายใจหนักหน่วงคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะอยู่ในแผนการของท่านพี่อยู่แล้ว แต่เจ้าชายนาดีลก็หัวเราะหยามหยันออกมาส่งผลให้ท่านพี่เอียนไม่พอใจ
   
“เจ้าหัวเราะอะไร”
   
“หัวเราะในความหยิ่งผยองของเจ้านะสิ” เจ้าชายนาดีลยังไม่เลิกหัวเราะ ตอนนี้ท่านพี่โกรธจนกัดฟันกรอด
   
“เจ้าคงไม่รู้สินะว่าคาลอสตั้งใจฆ่าฟีล่านับครั้งไม่ถ้วนเพื่อเปิดทางให้เจ้าแต่งงานกับเจ้าหญิงของเผ่ามนุษย์”
   ท่านพี่อึ้งไปเล็กน้อย

   “มีเรื่องนี้ด้วยหรือฟีล่า”  ท่านพี่ถามผมแต่นาดีลกลับเป็นคนตอบคำถามแทน
   
“เจ้าคิดว่าทำไมฟีล่าต้องย้อมสีผมแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อปลอมตัวด้วยล่ะ คงไม่คิดนะว่าแค่หนีการตามล่าของเจ้าอย่างเดียว”
   
“ท่านพี่ คาลอสส่งนักฆ่าไล่ตามล่าข้าครับ”
   
“ใช่แล้ว” คาลอสที่กลายร่างเป็นมังกรสีเขียวขนาดมหึมาไปแล้วพูดแทรกระหว่างการสนทนาของพวกผม ผมตกใจเล็กน้อยที่เห็นคาลอสฟื้นแล้วและแปลงร่างเป็นมังกรอย่างรวดเร็ว
   
“เจ้าทำโดยพละการทำไมคาลอส” ท่านพี่ตะคอกเสียงห้วน
   
“แหมๆหลานตาตาทำเพื่อเจ้านะ การแต่งงานกับเจ้าหญิงเผ่ามนุษย์จะทำให้เราได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานพวกเผ่าสไลม์ได้คงลืมคิดไปล่ะสิ”
   
“แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าฟีล่า”
   
“เฮ้อให้ตายสิ” คาลอสทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
   
“ข้าเบื่อพูดกับเด็กไม่มีสมองแล้ว” ในตอนนั้นคาลอสในร่างมังกรก็พ่นควันสีเขียวออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าชายนาดีลเปลี่ยนร่างกลับเป็นสไลม์ เจ้าชายนาดีลพองตัวจนใหญ่โตแล้วอมผมเข้าไปในปาก ป้องกันไม้ให้ควันสีเขียวจำนวนมากกระทบกับร่างกายของผม แต่ท่านพี่นี่สิเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวจึงจมหายไปกับควันสีเขียวไปทั้งร่าง
   
“อั่ก…..แก…..” ผมได้ยินเสียงทรมานของท่านพี่ผ่านกลุ่มควันนั่น ผมร้อนใจอย่างมากแต่เจ้าชายนาดีลยังไม่มีที่ท่าจะขยับจากตรงที่ยืนอยู่ เมื่อควันสีเขียวระเหยไปบนท้องฟ้าผมเห็นท่านพี่คุกเข่าทรุดอยู่บนพื้น
   
“อ้าวยังอยู่อีกหรือหลานตา” คาลอสหัวเราะดูท่าทางจะชอบใจที่ท่านพี่ทรมาน
   
“แกทำอย่างนี้ทำไม แกไม่อยากใช้ท่านพี่เป็นหุ่นเชิดแล้วหรือ ถ้าแกฆ่าท่านพี่แกจะได้ประโยชน์อะไร” ผมตะคอกถาม
   
“หุ่นเชิดที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ต้องกำจัดทิ้ง เหมือนราชาองค์ก่อนพ่อของมันไงล่ะเจ้าชายฟีล่า” คาลอสแสยะยิ้มน่ารังเกียจ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดออกมา
   
“ถ้าราชาองค์ก่อนไม่แพ้สงครามต่อราชาสไลม์จนเพี้ยนไปแล้วล่ะก็ข้าคงจะไม่ฆ่าเขาทิ้งในสนามรบหรอก”
   
“เจ้าหมายความว่ายังไง” ท่านพี่เอียนเค้นเสียงถาม
   
“เอาเถอะไหนเจ้าก็จะตายแล้วตาจะบอกให้ก็ได้ เจ้าราชาขี้ขลาดคนก่อนนั่นแพ้ราชาสไลม์แค่ครั้งเดียวก็จะทำสัญญาสงบศึก จะให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าแล้วความแค้นสุมอกของข้าล่ะลูกชายทั้งห้าของข้าล้วนตายด้วยมือของพวกสไลม์ทั้งนั้น ราชาขี้ขลาดไร้ประโยชน์แบบนั้นข้าก็ต้องจัดการเด็ดทิ้งไปเสียไม่ให้ขวางหูขวางตา แต่นึกไม่ถึงว่าแทนที่หลานโง่เง่าของข้าจะได้ครองราชย์ เจ้าชายหน้าโง่คนน้องกลับได้ครองราชย์เสียนี่ แล้วแผนการของข้าก็พังทลายอีกเพราะมันคิดเหมือนพี่ชายมันไม่มีผิด แถมต่อมาแผนการเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ของข้าก็มาพลาดอีกครั้ง พวกเจ้าคงจำได้สินะมังกรที่ข้าส่งไปทำร้ายพวกเจ้าตอนที่ยังเด็ก”
   ตอนนี้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตได้ เจ้ามังกรแดงที่พยายามจับตัวผมไป นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนของคาลอส
   
“สารเลว” ท่านพี่เอียนตะคอกด่า ตอนนี้ร่างของท่านพี่เปลี่ยนเป็นสีซีดๆมองแล้วน่าเวทนานัก ผมเริ่มจะกระวนกระวาย
   
“นาดีลช่วยท่านพี่เอียนด้วย” ทันทีที่ผมขอร้อง เจ้าชายนาดีลก็บีบอัดร่างสไลม์ของตัวเองแล้วดีดเข้าใส่คาลอสในร่างมังกร เสียงกระแทกดังถนัดถนี่รุนแรงจนคาลอสถึงกับกระอักเลือดออกมา ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนาดีลยังดีดตัวเข้าใส่อีกนับครั้งไม่ถ้วนไม่เปิดโอกาสให้คาลอสได้ตอบโต้
   
“อั่ก….แก…..” คาลอสตะลีตะลานอย่างหนัก ผมที่อยู่ในร่างของเจ้าชายนาดีลถึงแม้จะรู้สึกมึนศีรษะแต่ว่าเต็มใจเพราะต้องการที่จะให้เจ้าชายนาดีลจัดการกับคาลอสให้สิ้นซาก ตอนนี้ร่างสไลม์ของเจ้าชายนาดีลเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน กระแสไฟฟ้าจำนวนมากแปลบปลาบตามเนื้อตัวด้านนอกของร่างสไลม์ ผมเดาว่าเขาคงจะปิดบัญชี
   
แต่พริบตาที่เจ้าชายนาดีลผนึกธาตุสายฟ้าลงบนร่างของเขาคาลอสก็ช่วยโอกาสบินหนีไปเสียก่อน เจ้าชายนาดีลทำท่าจะบินตามล่าแต่ผมก็ห้ามเอาไว้
   
“นาดีลช่วยท่านพี่เอียนก่อนเถอะ” เพราะคำสั่งของผมเจ้าชายนาดีลถึงได้เลิกการตามล่า เจ้าชายนาดีลเด้งดึ๋งๆไปหาท่านพี่เอียน
   
“เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า” เหมือนท่านพี่จะรังเกียจและไม่ยอมให้เจ้าชายนาดีลช่วยเหลือ แต่ผมก็ไม่ลดละวอนขอนาดีลหลายครั้ง
   
“ข้ามีคริสตัลวิเศษอยู่อีกอันหนึ่ง เจ้ากลืนมันลงไปเพื่อระงับพิษซะ”
   
ตอนนี้ในร่างของเจ้าชายนาดีลปรากฏคริสตัลแบบเดียวกับที่เคยให้ผมรู้สึกอัศจรรย์ที่ของชิ้นนี้โผล่มาในร่างของเจ้าชายนาดีลในที่ที่ผมอยู่ตอนนี้ทั้งที่ตอนแรกไม่มีวี่แววว่าจะมีมันอยู่ซักนิด
   
“กลืนเข้าไปซะ” นาดีลคายคริสตัลลงตรงหน้าท่านพี่ แต่ท่านพี่กลับเมินเฉย
   
“อยากตายหรือไง” นาดีลทำเสียงเยาะหยัน
   
“ให้ข้าตายดีกว่ารับความช่วยเหลือของเจ้า” ถึงแม้จะจวนเจียนหมดแรงแต่ท่านพี่ยังคงดื้อแพ่ง ไม่รู้ว่าเพราะผมเอาแต่เฝ้าวอนขอให้ช่วยท่านพี่หรืออย่างไร เจ้าชายนาดีลกลืนคริสตัลเข้ามาในปากก่อนจะพองตัวให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่า เขาใช้ปริมาณพื้นที่ที่ตรงส่วนที่ไม่มีผมอาศัยอยู่ ยืดตัวนุ่มนุ่มจนเป็นรยางค์เข้าพันรัดร่างของท่านพี่เอียน อาศัยที่ท่านพี่เอียนไม่มีแรงต่อต้าน จุมพิตป้อนเอาคริสตัลผ่านทางปาก ด้วยความคาดไม่ถึงท่านพี่กลืนลงไปในพริบตา
   
“แก…..แก….” ท่านพี่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็นั่นแหละเหมือนว่าจะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกพิษได้อีก ท่านพี่เอียนสลบเหมือดไปทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่
   
“ท่านพี่เอียน….นาดีลท่านพี่คงไม่ได้ตายหรอกใช่ไหม”
   
“สบายบรื๋อ แค่สลบเพราะทนเจ็บไม่ไหว หรืออาจจะเสียขวัญที่ต้องปากต่อปากกับข้าก็ได้น้า” ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆตอนนี้นาดีลใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายที่จำลองให้เหมือนมือทั้งสองข้างอุ้มท่านพี่เอียนเอาไว้โดยไม่ยอมกลืนเข้ามาเหมือนตัวผม เขาบอกผมว่าท่านพี่เอียนยังติดพิษอยู่หากกลืนเข้ามาอาจจะแพร่เชื้อให้ผมด้วยก็ได้ ดังนั้นเราจึงเดินทางผ่านเข้าอาณาจักรสไลม์กันสามคนไปทั้งอย่างนั้น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปนานรีบกลับมาทยอยลงแล้วนะคะ

ไปพักสมองนานจนลืมอัพนิยายลงเลยไม่ว่าจะที่ตรงไหน55555

ขออภัยค่ะ


ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่17
   
พวกผมถูกนาดีลพาบินมารวดเดียวก็มาถึงหมู่บ้านวินสโมกซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ เจ้าชายนาดีลบอกกับผมว่าต้องการพาท่านพี่เอียนมาดูอาการพักหนึ่งก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
   
เจ้าชายนาดีลยังคงอุ้มท่านพี่ด้วยมือจำลองที่สร้างขึ้นจากส่วนนุ่มนิ่มของร่างกายเขา ตอนนี้เขาคายผมออกจากปากแล้วและเราอยู่ตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อทหารเอลฟ์เห็นเจ้าชายนาดีลพวกเขาก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม
   
“ยินดีต้อนรับครับเจ้าชายนาดีล ข้าจะรีบนำข่าวที่ท่านมาเยือนไปแจ้งท่านลอร์ดฟินกอน”
พวกเราถูกขอให้นั่งพักอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน แต่ถึงจะเรียกว่าหมู่บ้าน วินสโมกก็ดูใหญ่โตและอลังการเกินกว่านั้นไปมาก และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้มาเยือนหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ นั่นเป็นเพราะเอลฟ์นั้นแต่เดิมเป็นพันธมิตรกับเผ่าสไลม์
   
นอกจากนั้นเผ่าสไลม์ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกมอนสเตอร์หลายเผ่าไม่ว่าจะเป็นอ็อค ก็อบลิน หรือแม้แต่พวกลิซาร์ดแมนเพราะเผ่าพันธ์พวกนี้ล้วนอาศัยอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรสไลม์และพึ่งใบบุญกันอยู่
   
ต่างจากเผ่ามังกรที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเดี่ยว เพราะพวกเราสันโดษและเหย่อหยิงเกินกว่าที่จะคบหากับพวกเผ่าพันธุ์ที่คิดไปเองว่าต่ำชั้นกว่า คิดแล้วก็อดห่วงอนาคตของเผ่าพันธุ์ตัวเองไม่ได้ หากยังโดดเดี่ยวอย่างนี้ต่อไปเห็นทีภายภาคหน้าจะลำบากไม่น้อย
   
เรื่องนี้คาลอสเองก็คงจะเล็งเห็นดังนั้นผมไม่แปลกใจที่เขาจะพยายามหลอกล่อให้ท่านพี่แต่งงานกับเจ้าหญิงของเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์นั้นมีคนแคระและเอลฟ์เป็นพันธมิตรด้วย หากจะรบกับเผ่าสไลม์จำเป็นมากที่จะต้องมีเผ่าอื่นคอยสนับสนุน
   
“นาดีลเจ้ารู้ไหมว่าท่านพี่จะฟื้นเมื่อไหร่” ผมถามและเริ่มจะกังวลเพราะตลอดวันหนึ่งที่เดินทางมาท่านพี่เอาแต่หลับ นอนหายใจรวยรินราวกับคนใกล้จะสิ้นลม
   
“ไม่ต้องห่วงน่า ตอนที่เจ้าถูกพิษก็นอนหลับไปถึงสามวันเหมือนกัน ที่ข้าพาเจ้าและพี่ชายมาพักที่วินสโมกก็เพื่อให้ท่านฟินกอนช่วยเหลือนี่แหละ” ผมพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ แต่เจ้าชายนาดีลนี่สิดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจเขาปริ้นปากพร้อมกับตีฟองปุดปุดในร่าง
   
“เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือฟีล่า”
   
“ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ข้าแค่เป็นห่วงเพราะท่านพี่หลับนานเกินไปเท่านั้น” ตอนนี้เจ้าชายเปลี่ยนสีร่างสไลม์ของเขาเป็นสีทึบๆดูแล้วท่าทางจะงอนน่าดู
   
“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะแกล้งพี่เจ้าเพราะเป็นศัตรูหัวใจกันหรอกใช่ไหม” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลพ่นควันออกจากร่างดังปู๊นๆทั้งทั้งที่ร่างกายของเขาน่าจะไม่มีรูขุมขนหรือรูให้พ่นควันสักนิด แต่ก็ยังพ่นควันออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ อัยยะนี่ท่าทางผมจะไปสะกิดต่อมโกรธอะไรเขาเข้าแล้ว
   
“ข้าไม่ได้คิดนะ ข้า….ข้า….” ผมอึกอักไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ในตอนที่ผมลนลานอย่างหนักเจ้าชายนาดีลก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังทำเอาผมที่เหงื่อตกงงไปหมด
   
“ข้าล้อเล่นน่า ฟีล่านี้หลอกง่ายจริงจริ๊ง”
   
งอน ยอมรับเลยว่างอนหนักมาก ไม่ชอบเลยที่เขามาล้อเล่นแบบนี้ดังนั้นจึงไม่ยอมพูดจากับเจ้าชายนาดีลอีกถึงแม้เขาจะพยายามง้องอนในรูปแบบไหนก็ตาม
   
“เจ้าชายนาดีลท่านฟินกอนอณุญาตให้เข้าพบได้ครับ” ทหารเอลฟ์เดินเข้ามารายงาน พวกเขาเดินนำพวกผมเข้าไปในหมู่บ้าน เนื่องจากหมู่บ้านกว้างราวกับเมืองๆหนึ่งจึงถูกเชิญให้นั่งรถม้าเพื่อพาเข้าไปในหมู่บ้าน
   
“ยังงอนอยู่อีกหรือฟีล่า” ผมทำเมินเจ้าชายนาดีลโดยการทำเป็นไม่มองหน้าอยากมาล้อเล่นแบบนั้นทำไมล่ะ
   
“เอาเถอะข้าจะรอให้เจ้าหายโกรธข้านะ” หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างเงียบ เสียงรถม้าวิ่งดังกุกกักดังเสียจนผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ ผมอยากให้เจ้าชายนาดีลง้อให้มากกว่านี้นี่นา แต่เขาก็ทำนิ่งเฉยเหมือนถูกปั่นหัวอยู่ยังไงชอบกลนะ ผมควรจะเลิกเล่นตัวแล้วให้อภัยเขาดีกว่าไหมนะ
   
ผมแอบลอบมองดูเจ้าชายนาดีลจาดด้านข้าง ตอนนี้เจ้าชายนาดีลกระพรือปีกบินพั่บๆมองดูทัศนียภาพด้านนอกจากในรถม้าพร้อมกับผิวปากเป็นทำนองเพลงไปเรื่อย ท่าทางอารมณ์ดีน่าดู หรือว่าผมจะต้องเป็นฝ่ายไปง้อเขาซึ่งเป็นฝ่ายแกล้งก่อนจริงๆ ไม่ยุติธรรมเลยซักนิด
   
“นา…” ยังไม่ทันจะเอ่ยปากเรียกรถม้าก็หยุดเคลื่อนที่เสียก่อน พวกทหารเอลฟ์เชิญให้เราลงจากรถ พวกผมถูกพาเข้าไปในอาคารสวยงามและเลิศหรูซึ่งน่าจะสมฐานะของท่านลอร์ดฟินกอนโดยมีทหารบางคนช่วยแบกร่างของท่านพี่ตามหลังมา
   
“อา…..เจ้าชายนาดีลยินดีที่ได้พบท่าน” เมื่อพบหน้าลอร์ดฟินกอนก็เอ่ยทักเจ้าชายนาดีลอย่างมีไมตรีจิตร ท่าทางพวกเขาดูสนิทกันมากเพราะลอร์ดฟินกอนเข้ามากอดเจ้าชายนาดีลหนึ่งครั้งก่อนจะวางเจ้าชายลง
   
“แล้วนี่คือ…..” ลอร์ดฟินกอนตั้งคำถามด้วยใบหน้าสงสัยแน่ล่ะเขาไม่เคยเห็นผมมาก่อนนี่นะ
   
“นี่คือคู่หมั้นของข้าเองท่านลอร์ด เจ้าชายฟีล่าแห่งเผ่ามังกร” เจ้าชายนาดีลโดดเด้งดึ๋งๆไปรอบๆตัวผมขณะแนะนำ เขายิ้มกว้างดูท่าทางจะมีความสุข
   
“คู่หมั้นของข้าสวยมากใช่ไหม ท่านลอร์ดฟินกอน” อยากจะทุบเขาให้หนักๆ อยู่ๆก็มาป้อยออวดอ้างเกินจริงต่อหน้าคนอื่นทำเอาผมอับอายจนหน้าแดง
   
“งาม งดงามอย่างที่ท่านว่านั้นแหละเจ้าชายนาดีล” เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบใจพลางเด๋งดึ๋งไม่เลิก ปวดหัวเสียแล้วสิอยากให้เขาเลิกทำตัวบ้าๆเสียที
   
“แต่เจ้าชายนาดีลข้าได้ยินมาว่าเจ้าชายฟีล่าจะแต่งงานกับราชาองค์ใหม่ของเผ่ามังกรไม่ใช่หรือ” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลหยุดกระโดดแล้ว พวกเราสองคนทำหน้าเคร่งขรึมเกือบจะพร้อมๆกัน
   
“เรื่องมันยาวท่านฟินกอน” กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็ขอให้พวกทหารนำร่างที่สลบอยู่ของท่านพี่เข้ามา ลอร์ดฟินกอน ทำหน้าฉงนอย่างที่สุด
   
“นี่คือ” ลอร์ดฟินกอนตั้งคำถาม
   
“นี่คือราชาเอียน ราชาเอียนถูกพิษจากผู้ทรยศ” เจ้าชายนาดีลตอบเสียงขรึม ตอนนี้เองผมไม่รอช้าขอให้ลอร์ดฟินกอนช่วยท่านพี่
   
“ท่านลอร์ดฟินกอน เจ้าชายนาดีลบอกว่าท่านน่าจะช่วยท่านพี่ได้ ได้โปรดเถอะครับช่วยท่านพี่ด้วย” สิ้นคำพูดของผมลอร์ดฟินกอนก็เข้าไปสำรวจดูท่านพี่เอียน
   
“ข้าให้เขากลืนคริสตัลวิเศษเข้าไปก่อนที่จะพามา” นาดีลบอกพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ๆท่านฟินกอน
   
“อา…..ถ้าได้กินคริสตัลแห่งซาเอรอสเข้าไปก็ไม่มีอะไรน่าห่วงล่ะ ก็แค่รอให้เขาฟื้นและพักรักษาตัวเท่านั้น เจ้าชายฟีล่าท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะ” จากนั้นลอร์ดฟินกอนก็ปรบมือเรียกข้ารับใช้เข้ามา
   
“พาคนผู้นี้ไปพักผ่อนที่ห้องรับรองที่ดีที่สุดจัดหญิงรับใช้คอยดูแลส่วนตัวด้วย” จากนั้นเหล่าข้ารับใช้ชายก็นำร่างของท่านพี่เอียนไปผมอยากจะตามไปด้วยแต่ก็ลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะอยู่พูดคุยกับลอร์ดฟินกอนต่อไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
   
“พอเห็นราชาเอียนเป็นแบบนี้ ข้าก็เริ่มจะเชื่อข่าวลือแล้วสิที่ว่าเผ่ามังกรมีผู้นำคนใหม่”
   ผมไม่แปลกใจเกี่ยวกับข่าวที่ลอร์ดฟินกอนเล่า แต่สนใจในสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปอย่างมาก
   
“ผู้นำคนใหม่มีชื่อว่าคาลอส น่าจะเป็นตาของราชาเอียนใช่หรือไม่ เจ้าชายฟีล่า”
   
“ใช่ครับ นอกจากนั้นคาลอสยังเป็นคนทำร้ายท่านพี่ด้วยพิษของมังกรอีกด้วย” ผมกำหมัดแน่นพยายามไม่แสดงออกถึงความโกรธที่เริ่มพลุ่งพล่าน ถึงแม้ท่านพี่เอียนจะทำผิดมากแต่ก็อดโกรธแทนท่านพี่ไม่ได้
   
“เรื่องช่างดูจะวุ่นวายเสียเหลือเกินไหนช่วยเล่าเท้าความให้ข้าฟังทีเถอะ หากไม่เป็นการรบกวนเจ้าชายฟีล่ามากเกินไป”
   
“ไม่เลยครับ” ผมส่ายหน้าไปมาแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวอย่างคร่าวๆให้ลอร์ดฟินกอนฟังถึงแม้จะกระอักกระอ่วนใจที่ต้องเล่าถึงปัญหารักๆใคร่ๆ แต่ก็กลัวมากกว่าว่าลอร์ดฟินกอนจะไม่ยอมให้ที่พักพิงแก่ท่านพี่ดังนั้นจึงเล่าไปอย่างไม่ปิดบังมังก
   
“ไม่นึกเลยว่าเผ่ามังกรจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น อันที่จริงเราก็เคยเป็นตัวกลางพยายามขอให้เผ่ารสงบศึกกับเผ่าสไลม์มาหลายครั้ง แต่เจ้าชายฟีล่าก็คงเข้าใจ เผ่ามังกรเย็นชายโส พวกเขาเห็นพวกเราต่ำชั้นกว่าและไม่เคยฟังใคร”
   
ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่อาจเถียงออกไปได้ เพราะตามประวัติศาสตร์ที่ได้เรียนมากับท่านอาจารย์ แม้แต่อาจารย์ยังสอนให้ผมเหย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของสายเลือดอันแข็งแกร่ง

แต่เนื่องจากผมมีความคิดอ่านเป็นของตัวเองที่ได้มาจากชาติก่อนอย่างละนิดละหน่อย ผมจึงเห็นว่าความยโสหรือความทระนงในเผ่าพันธุ์ของชาวมังกรมันออกจะเลยเถิดไปหน่อยนอกจากนั้นท่านพ่อท่านแม่ของผมยังสอนอยู่เสมอว่าให้อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้จะได้เป็นที่รัก ผมก็พยายามอย่างที่สุดนะที่จะทำตามคำสอนของท่านพ่อท่านแม่

“แล้วนี่เจ้าชายฟีล่าจะทำอย่างไรต่อไป” ผมอึ้งเมื่อถูกถาม ตอนแรกผมคิดว่าจะแต่งงานกับเจ้าชายนาดีลตามคำสาบานแล้วขอให้เจ้าชายยกกองทัพไปปราบท่านพี่ที่เป็นกบฏ แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าท่านพี่ก็เป็นผู้เสียหาย

ตอนนี้ผมต้องเริ่มคิดใหม่ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป หลักๆคือผมกังวลเรื่องรักๆใคร่ระหว่างท่านพี่ผมและเจ้าชายนาดีล นอกจากนั้นยังกลัวว่าเมื่อไปถึงอาณาจักรสไลม์ราชามาริกและเจ้าชายนาดีลจะสั่งลงโทษท่านพี่ตามความผิดที่ได้ทำเอาไว้ ผมแค่ไม่อยากให้ท่านพี่ถูกทำร้ายไปมากกว่านี้

“ข้า…..ข้ายังไม่ทราบเหมือนกันครับว่าจะทำอย่างไรต่อไป” ลอร์ดฟินกอนเลิกคิ้วต่อคำตอบของผม โชคดีที่เจ้าชายนาดีลขัดจังหวะกู้สถานการให้ผม

“ท่านลอร์ดเอโอฟีโอนอร์ ดีเนนเดล ล่ะครับ” ผมสงสัยว่าคนที่เจ้าชายนาดีลเอ่ยถึงเป็นใคร แต่ก็ทำนิ่งเอาไว้เพราะเจ้าชายช่วยแก้สถานการณ์ให้ผมอยู่ ตอนนี้ลอร์ดฟินกอนหัวเราะชอบใจก่อนจะเรียกคนใช้ให้มาหา

“ไปเรียก เอโอ ฟีโอนอร์ กับดีเนนเดลมา”

ไม่นานนักบุคคลเจ้าของชื่อทั้งสามก็มาถึง หนึ่งในนั้นสองคนเป็นหญิงสาวที่งดงามสะคราญตาและอีกหนึ่งเป็นเด็กหญิงวัยแปดขวบที่น่าตาหน้าเอ็นดูอย่างยิ่ง เมื่อทั้งสามเห็นเจ้าชายนาดีลก็พากันเข้ามาห้อมล้อมแล้วแย่งกันกันกอดรัดเจ้าชายนาดีลกันจ้าละหวั่น คนถูกกอดหัวเราะชอบใจ

“คิดถึงเจ้าชายนาดีลที่สุด”

“ท่านไม่ได้มาเยี่ยมพวกเรานานแล้วนะคะ”

“ไหนของฝากละคะท่านพี่”
   
พวกสาวๆทำเสียงเจี๊ยวจ๊าว ดูวุ่นวายไปหมด เจ้าชายนาดีลไม่มีที่ท่าว่าจะรำคาญ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าภายในจิตใจมันปั่นป่วนยังไงชอบกล
   
“อา….หยุดๆก่อน เอโอ ฟีโอนอร์ ดีเนนเดล ข้าดีใจที่ได้พบน้องสาวอย่างพวกเจ้านะ แต่ข้าก็ภูมิใจนำเสนอที่จะแนะนำคนของข้าให้รู้จัก” ตอนนี้พวกสาวๆหยุดส่งเสียงดังพวกเธอมองมาที่ผมอย่างสนอกสนใจ
   
“นี่คือฟีล่าคู่หมั้นของข้าเอง” หนึ่งในสองสาวมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่เด็กหญิงที่อายุน้อยที่สุดนี่สิมองผมประหนึ่งว่าผมเป็นศัตรู
   
“แนะนำตัวสิพวกเจ้า” เจ้าชายนาดีลบอกพวกสาวๆ พวกเธอจึงเริ่มแนะนำตัวกับผม
   
“ข้าดีเนนเดล เป็นพี่สาวคนโตค่ะ” ผมมองดีเนนเดลซึ่งมีผมหยักศกสีทองและผิวขาวผุดผ่องเธอยิ้มกว้างให้ผมก่อนที่คนต่อมาจะแนะนำตัวเธอมีผมเส้นตรงยาวสีทองแต่ผิวออกไปทางสีแทนนิดๆ

   “ข้าฟีโอนอร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะท่านฟีล่า” ผมเดาว่าเธอน่าจะเป็นน้องสาวคนรอง อดไม่ได้ที่จะมองต่อไปยังเด็กหญิงคนสุดท้ายที่ถลึงตาใส่ผมไม่ลดละ เธอกระฟัดกระเฟียดไม่ยอมทำความรู้จักกับผม
   
“ข้าไม่อยากแนะนำตัวกับศัตรูหัวใจค่ะ” ประกาศกันโต้งๆ ผมได้แต่มองดูเจ้าชายนาดีลว่าเขาจะมีปฏิกริยาอย่างไร แต่เขาเอาแต่หัวเราะ โธ่เอ๊ยนี่ผมต้องกลายมาเป็นศัตรูของผู้หญิงหรือนี่
   
“ตายแล้ว ขอโทษด้วยนะคะท่านฟีล่าเอโอพูดจาเลื่อนเปื้อนก้าวร้าวท่านคงไม่ถือสานะคะ” ดีเนนเดลไม่พูดเปล่ายังหยิกเข้าที่แขนของเอโอ เด็กหญิงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
   
“แนะนำตัวกับท่านฟีล่าเสีย” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถต่อต้านพี่สาวได้เอโอจึงแนะนำตัวกับผมอย่างเสียไม่ได้
   
“ข้าเอโอค่ะ เป็นหญิงสาวที่น่าจะมีโอกาสได้เป็นคู่หมั้นของท่านพี่นาดีลก่อนท่านค่ะ”
   
“อย่าพูดจาไร้สาระนะเอโอ” ดีเนนเดลตีแขนเอโอดังผัวะ ผมตั้งใจจะขอร้องเหมือนกันว่าอย่าไปตีเอโอเลยแต่ในตอนนั้นฟีโอนอร์ก็พูดจาชวนให้ผมอึ้งเสียก่อน
   
“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะคะท่านฟีล่าก่อนหน้าที่พวกท่านจะหมั้นกับเจ้าชายนาดีล พวกเราสามคนถูกวางตัวว่าคนใดคนหนึ่งอาจจะต้องหมั้นกับเจ้าชายนาดีลเหมือนอย่างท่านตอนนี้ แหมนึกแล้วข้าก็เสียดายอยู่นะคะฮิฮิ”
   
“พอพอได้แล้ว” ดีเนนเดลพยายามปรามน้องๆของพวกเธอ ข่าวสารใหม่เกี่ยวกับเจ้าชายนาดีลทำให้ผมอึดอัดใจไปหมด ยิ่งการที่พวกสาวๆแสดงท่าทางว่ายังชอบเจ้าชายนาดีลอยู่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทุบ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมมองดูดีเนนเดลพยายามยามต้อนน้องสาวของเธอไปตามทางจนลับตาไป

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาต่อแล้วจ้า
   

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เรื่องพลิกเร็วดีนะเนี่ย เอียนรู้เรื่องเร็วกว่าที่คิกไว้เยอะเลย ^^

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่18
   
หลังจากพูดคุยเรื่องสำคัญกับลอร์ดฟินกอนเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็พากันมายังห้องที่ถูกจัดเอาไว้ให้ ผมกับเจ้าชายนาดีลยังคงนอนห้องเดียวกัน นั่นเป็นเพราะเจ้าชายนาดีลเป็นคนขอกับลอร์ดฟินกอนด้วยตัวเอง
   
เมื่อมาถึงที่ห้องพัก ผมยังจิตใจไม่สงบ เหมือนว่าไม่อาจสลัดภาพของเอโอที่มองมาด้วยสายตาเป็นศัตรูได้ นอกจากนั้นยังร้อนระอุแบบแปลกๆกับความสนิทชิดเชื้อที่เจ้าชายนาดีลมีต่อสามสาว
   
“นี่….นาดีล จริงหรือที่เอโอบอกว่าพวกนางเคยถูกวางตัวเป็นคู่หมั้นของเจ้ามาก่อน” ถามออกไปเพราะอัดอั้นตันใจชอบกล นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้นับจากเจ้าชายนาดีลให้ความสนิทสนมกับราอูลเพื่อนสนิทจนผมอดอิจฉาไม่ได้
   
“เรื่องนี้เองหรอกหรือ” เจ้าชายนาดีลหัวเราะเสียงดัง ฉุนนิดๆที่ผมอุตส่าห์รวบรวมความกล้าถามอย่างจริงจังแต่เขากับเห็นเป็นเรื่องตลก

   “จริงอยู่ว่าเคยถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นกัน แต่อย่าไปสนเลยยังไงตอนนี้ข้าก็เป็นคู่หมั้นของเจ้าแล้วข้าก็รักเจ้าที่สุด” ผมหน้าแดงก่ำไม่คาดคิดว่าเขาจะบอกรักผมกะทันหัน คำพูดอันร้อนแรงของเจ้าชายนาดีลทำให้ผมใจเต้น
   
ไม่นะ เจ้าหัวใจบ้าเต้นให้เบาและช้าลงกว่านี้หน่อยสิ

   ผมใช้มือกุมหน้าอกตัวเองหวังว่ามันจะช่วยชะลอจังหวะหัวใจที่เต้นตุบๆลงบ้าง แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย คืนนั้นผมหลับอยู่บนเตียงกับเจ้าชายนาดีลซึ่งอยู่ในร่างสไลม์ ระหว่างที่เขาหลับผมก็แอบตื่นเฝ้ามองดูเสี้ยวหน้ากลมๆนุ่มนิ่มจนในที่สุดก็เผลอหลับไปด้วยความเพลีย

   เสียงเคาะประตูดังถี่ถี่ที่หน้าห้องของพวกผม ผมกับเจ้าชายนาดีลสะดุ้งสุดตัว อารมณ์เสียนิดๆที่มีคนเสียมารยาทเคาะประตูรัวๆปลุกให้ตื่นแต่เช้าตรูดูแล้วช่างไร้กาลเทศะ
   
“ท่านพี่นาดีลค่ะข้าเอโอเองคะช่วยเปิดประตูที” ที่แท้เอโอนี่เองผมได้แต่ถอนหายใจ สุดท้ายก็เดินไปเปิดประตูห้องด้วยไม่อาจทนให้อีกฝ่ายเสียงดังรบกวนต่อไปอีก เมื่อเปิดประตูเอโอเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มในทีแรกเป็นนางเสือร้ายแทบจะในทันที
   
“ทำไมท่านฟีล่าถึงมานอนในห้องเดียวกันกับท่านพี่นาดีลได้ล่ะคะนี่” ผมส่งยิ้มแหยๆไปให้ไม่รู้จะตอบยังไง

   “ข้าเป็นคนขอท่านฟินกอนเองล่ะว่าจะพักห้องเดียวกับฟีล่า” เจ้าชายนาดีลตอบเสียงงัวเงีย แต่ไม่นานนักหรอกเขาก็ตาใสปิ๊งแล้วรีบกระพือปีกบินเข้ามาหาผมผมยื่นมืออกไปรับร่างนุ่มนิ่มของเขามาไว้ในอ้อมกอด

   “ส่งท่านพี่นาดีลมาให้ข้าเถอะค่ะท่านฟีล่า” แทบจะในทันทีที่ผมได้อุ้มเจ้าชายนาดีล เอโอก็ขอเจ้าชายนาดีลจากมือของผม บรรยากาศขมุกขมัวลอยฟุ้งอยู่รอบตัวระหว่างผมกับเอโอ
   
“เร็วหน่อยสิคะ นี่ข้าอุตส่าห์ช่วยไม่ให้ท่านฟีล่าต้องเหนื่อยแรงอุ้มท่านพี่นาดีลนะคะ” ไม่อยากมีเรื่องกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ดังนั้นจึงส่งเจ้าชายนาดีลให้เธอทั้งๆที่รู้สึกไม่ชอบใจลึกๆ ผมไม่ได้เหนื่อยหรือเมื่อยเลยซักนิดกับแค่อุ้มเจ้าชายสไลม์ที่น่ารักนุ่มนิ่มแถมเขายังเป็นคู่หมั้นของตัวเอง แต่ว่านะด้วยผมไม่รู้ว่าถ้าขัดใจเอโอเธอจะแสดงกริยาร้ายกาจแบบไหนออกมาหรือเปล่า เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้นผมจึงยอมโดยละม่อม
   
“ท่านพี่นาดีลไปกันเถอะคะตอนนี้แม่ครัวของเรากำลังเตรียมอาหารอยู่เราไปดูกันนะคะ” เธอพูดด้วยท่าทางร่าเริงแต่ตอนพูดกับผมนี่สิ ผิดกันไปไกล
   
“ส่วนท่านฟีล่าไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนเถอะค่ะ พอท่านเตรียมตัวเสร็จอาหารคงพร้อมบนโต๊ะพอดี เจอกันที่ห้องอาหารนะคะ”
   
“อยู่คนเดียวได้นะฟีล่า” ผมยิ้มให้เจ้าชายนาดีลตอนแรกตงิดๆที่เหมือนถูกกีดกัน แต่โล่งใจขึ้นมาหน่อยที่เจ้าชายนาดีลยังไม่ได้ลืมผมไปเสียทีเดียว
   
“แหม…ท่านพี่นาดีลนี่ละก็ ท่านฟีล่าก็โตแล้วนะคะ จะห่วงอะไรหนักหนา เอ๊ะหรือว่าท่านฟีล่ายังเป็นเด็ก” ขมวดคิ้วนิดๆ คิดไปเองหรือเปล่านะว่าถูกเด็กหญิงประชดประชัน เฮ้อ……เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพวกผู้หญิงเวลามีความรักจะน่ากลัวได้ขนาดนี้
   
“นาดีลไปเถอะ ยังไงข้าก็ยังไปไหนไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ชำระล้างร่างกาย”
   
“เห็นไหมล่ะคะท่านพี่นาดีล” เอโอร่าเริงสุดๆคงจะดีใจที่กันผมออกไปได้ ตอนนั้นเจ้าชายนาดีลก็ผละจากอ้อมกอดของเอโอ กระพือปีกบินมาหาผมและใช้ปากของเขาจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของผม
   
ดีใจ

   ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจมากเกินกว่าที่จะโกรธหรืออายที่เขาอาจหาญจูบผมต่อหน้าคนอื่น แต่เอโอนี่สิแทบกรี๊ดออกมาเธอกระทืบเท้าอย่างแง่งอนคว้าเอาร่างของเจ้าชายนาดีลไปกอดรัด ปากก็พูดว่าท่านพี่นาดีลชักช้าไปแล้วก่อนจะรีบวิ่งจากไป นั่นแหละถึงจะจากไปแต่ยังไม่วายส่งสายตาท้าทายมาที่ผมอีกด้วย ได้แต่ถอนหายใจจริงๆ
   
หลังจากเอโอและเจ้าชายนาดีลลับตาไปผมก็ไปที่ห้องอาบน้ำเริ่มต้นชำระล้างร่างกายแล้วแวะไปที่ห้องของท่านพี่เอียนดูอาการท่านพี่ที่ยังคงหลับสนิทจนมีคนมาเชิญให้ไปยังห้องอาหาร

   ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเมื่อผมไปถึง และที่ข้างๆของเจ้าชายนาดีลมีเอโอนั่งอยู่ เอาเถอะแค่ที่นั่งทานอาหารผมไม่คิดมากหรอก ขณะที่มองดูว่าจะนั่งตรงไหน ดีเนนเดลและฟีโอนอร์ก็กวักมือเรียกผมไปนั่งใกล้ๆพวกเธอ

   “พวกข้านึกว่าท่านหลงทางเสียแล้วค่ะท่านฟีล่า” ดีเนนเดลเอ่ยพูดกับผมเป็นคนแรก

   นั่นสิคะท่านฟีล่ามาช้ามาก…..ปล่อยให้พวกเราหิ้วท้องรอท่านเพียงคนเดียว” ถูกเอโอเหน็บแนมเสียแล้วผมได้แต่ทำใจเพราะรู้ตัวดีว่าเด็กหญิงมองผมเป็นศัตรูความรัก

   “ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
   
“ไม่รอนานขนาดนั้นหรอกค่ะท่านฟีล่า ใช่ไหมคะท่านพ่อ” ฟีโอนอร์หันไปถามความเห็นท่านฟินกอน ลอร์ดฟินกอนเองก็ดูจะไม่ถือสาผมเขาส่งยิ้มมาให้ผม

   “ว่าแต่ท่านมัวไปอยู่ที่ไหนมาละคะ” เอโอถามผม เหมือนเด็กหญิงจะไม่ยอมให้จบลงง่ายๆผมได้แต่ลอบถอนใจ
   
“ข้าไปดูอาการท่านพี่เอียนมานะครับ เพราะเป็นห่วงก็เลยเผลอเฝ้านานไปหน่อย”

   “อ๋อ….ถ้าท่านเป็นห่วง ทำไมไม่นอนพักห้องเดียวกันเสียกับท่านพี่ของท่านเสียเลยล่ะคะ” ผมได้แต่อึ้ง ใช่จะโต้ตอบไม่ได้แต่ไม่อยากโต้ตอบและที่อึ้งนั่นก็เพราะไม่คิดว่าเอโอเธอจะเกลียดผมจนหาเรื่องไปเสียทุกเรื่องแบบนี้

   “ท่านพ่อเองก็เห็นว่าไม่สมควรใช่ไหมคะ กับคู่หมั้นที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ให้นอนพักในห้องเดียวกันบัดสีออกจะตายไป ไม่ทราบว่าท่านไม่รู้จักหวงตัวหรือรักศักดิ์ศรีเลยหรือไงคะ”

   วาจาของเอโอช่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าเด็กแค่แปดขวบจะพูดจาร้ายกาจได้ขนาดนี้ในตอนนั้นฟีโอนอร์กลับหัวเราะคิกคักกับคำพูดของน้องสาวผมหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ

   “ขอโทษนะคะที่ข้าอดหัวเราะไม่ได้ท่านฟีล่า” ฟีโอนอร์ขอโทษขอโพยผมแต่ยังหัวเราะไม่เลิก
   
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ การที่ท่านฟี่ล่ากับท่านพี่นาดีลนอนด้วยกัน มันออกจะชัดเจนถึงเพียงนั้น พวกเขาเป็นคนรักกันจะมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมันจะแปลกอะไร”
   
เอโอนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนที่สีหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นแดงสลับกับเขียว แล้วก็ดังคาดเธอแผดเสียงออกมา

   “ไม่จริงใช่ไหมคะท่านพี่นาดีล” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลสะดุ้งเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่ผิวปาก
   
“ท่านพี่นาดีลตอบมาสิคะ”

“พอเสียทีเถอะเอโอ หากเจ้ายังเสียมารยาทไปมากกว่านี้พ่อจะลงโทษเจ้าแล้วนะ”   สุดท้ายแล้วผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านก็ออกโรงจนได้ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของท่านฟินกอนทำเอาคนบนโต๊ะเกือบหยุดลมหายใจ เอโอปล่อยโฮออกมาแทบจะในทันที

“ท่านพ่อกับท่านพี่นาดีลบ้าที่สุด” หลังจากแผดเสียงด่าเอโอก็วิ่งออกไปจากห้องอาหาร ดีเนนเดลดูเป็นกังวลและทำท่าจะตามไป แต่ก็ถูกท่านฟินกอนห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องตาม จะไปโอ๋คนผิดทำไม”

หลังจากนั้นอาหารเช้าก็ผ่านไปด้วยบรรยากาศที่ไม่สู้จะดีนักถึงแม้ท่านฟินกอนและฟีโอนอร์จะพยายามสร้างบรรยากาศอันดี แต่ผมกับดีเนนเดลยังรู้สึกแย่จนไม่สามารถสนุกสนานได้อย่างที่ควรจะเป็น สุดท้ายคนที่ทานอาหารเสร็จเป็นคนแรกและขอตัวออกไปก็เป็นดีเนนเดล ผมเดาว่าเธอคงจะรีบไปปลอบโยนเอโอแน่ๆ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปดูท่านพี่หน่อยนะครับ” พอทานอาหารเสร็จผมก็ขอตัว เจ้าชายนาดีลบอกผมว่าเขาจะอยู่พูดคุยกับท่านฟินกอนอีกหน่อย ดังนั้นในห้องจึงเหลือแค่เพียงท่านฟินกอน เจ้าชายนาดีล และฟีโอนอร์ แต่ว่าก่อนที่ผมจะออกจากห้องดีเนนเดลก็กลับเข้ามาอีกครั้ง

เมื่อมาถึงห้องที่ท่านพี่เอียนนอนอยู่ผมร้องขอให้คนรับใช้น้ำอางบรรจุน้ำอุ่นกับผ้าเช็ดตัวมาให้ ผมเริ่มต้นดูแลท่านพี่ด้วยการเช็ดตัวให้อย่างเบามือ ขณะที่อะไรต่อมิอะไรกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง

“เชิญครับ” ทันทีที่อนุญาตเอโอก็เปิดประตูเข้ามา ดวงตาของผมเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าเธอจะมีธุระกับคนที่เห็นเป็นศัตรูหัวใจอย่างผม

“ท่านทำอะไรอยู่หรือคะ” เธอถามผมพร้อมกับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

“อ้อที่แท้ก็เช็ดตัวให้ท่านพีของท่านนี่เอง พวกท่านนี่รักกันดีนะคะ” ผมไม่รู้จะตอบอะไรจึงได้แต่พยักหน้า มือของผมยังง่วนอยู่กับการเช็ดตัวให้ท่านพี่

“ข้าได้ข่าวว่าท่านพี่ของท่านประกาศว่าจะแต่งงานกับท่าน ทำไมท่านไม่แต่งงานกับท่านพี่ของท่านไปละคะ” ถูกถามเข้าประเด็นที่ผมไม่อยากจะให้มายุ่งเสียแล้ว ไม่อยากจะหงุดหงิดใส่เด็กๆแท้ๆ ผมพยายามปั้นยิ้มแล้วหันไปพูดคุยกับเธอ แต่ทว่าพอหันไปทางเอโอ เด็กหญิงเป่าฝุ่นผงสีทองในมือเข้าใส่หน้าของผม สูดเข้าไปเต็มรัก ผมไอ ขณะที่ไอก็รู้สึกว่าตาพร่ามัว ง่วง ในที่สุดดวงตาผมก็ปิดลง

เสียงพูดคุยของใครบางคนปลุกให้ผมตื่น ผมลืมตาตื่นขึ้น โชคร้ายผมถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกแน่นหนาแถมยังมีผ้ายัดเข้ามาไว้ในปากทำให้พูดไม่ได้ นอกจากนั้นตอนนี้ผมถูกพามาวางไว้บนเตียงเคียงคู่กับท่านพี่เอียน มีผ้าห่มบางๆคลุมร่างของผมเอาไว้ ทำให้ผมพอมองเห็นเหตุการณ์รอบตัวได้ ที่ตรงหน้าผมกับเจ้าชายนาดีลในร่างมนุษย์กำลังกอดกันอยู่

บ้าชัดๆก็ตัวผมยังถูกมัดอยู่ตรงนี้นี่!!!

“นาดีลเจ้ารักข้าไหม” ผมอีกคนตั้งคำถามขณะอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายนาดีล เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮาฮาชอบอกชอบใจ

“แน่นอนสิว่าข้ารักเจ้า คนซื่อบื้อเจ้ารู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม”

“ถ….ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำกับข้าเหมือนที่ผู้ใหญ่เขาทำกันหรือไม่” ผมอึ้งเจ้าชายนาดีลเองก็อึ้งเช่นกัน เริ่มจะรู้จุดประสงค์ของคนร้ายแล้วหากว่าคนร้ายเป็นคนที่ผมคิดซึ่งน่าจะไม่ผิด ผมไม่อยากให้แผนการของเธอสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อตัวผมเองเท่านั้นแต่เพื่อเธอด้วย ผมจะยอมให้เธอมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเจ้าชายนาดีลในร่างของผมไม่ได้

แต่ถึงแม้จะบอกว่าเพื่อเธอก็ตาม แต่ในใจลึกๆแล้ว ใจจริงของผม มันร้อนรุ่มดังไฟเผา อา……ในที่สุดผมก็รู้ตัวจนได้ ผมไม่สามารถทนให้เจ้าชายนาดีลไปมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับใครอื่นได้ ผมในตอนนี้รับรู้ด้วยหัวใจว่าผมนั้นมีใจให้เจ้าชายนาดีลเป็นความรักที่เพิ่งจะรู้ชัดก็ตอนนี้นี่เอง

“เจ้าจะยอมให้ข้ากอดจริงๆนะหรือ” เจ้าชายนาดีลถามสีหน้าจริงจัง ตอนนี้ผมพยายามขยับตัวให้มากที่สุดอย่างน้อยหากผมกลิ้งลงไปกองที่พื้นอาจจะเรียกให้เจ้าชายนาดีลมาสนใจก็ได้ แต่ก็ต้องชะงักไปด้วยความตกใจ เมื่อเอโอในร่างผมโผเข้าจุมพิตเจ้าชายนาดีลด้วยใบหน้าของผมเอง



ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่19

ผมมองดูเอโอในร่างผมจูบกับเจ้าชายนาดีลด้วยท่าทางประหม่า เจ้าชายนาดีลเองก็ดูท่าทางจะประหลาดใจ แต่ก็ยอมรับจูบโดยง่าย เมื่อต่างฝ่ายต่างถอนจูบออกเอโอในร่างผมอิงแอบแนบชิดกับร่างของเจ้าชายนาดีลเป็นการบอกความในบางอย่าง

“เจ้าเป็นใครกันแน่” คำพูดของเจ้าชายนาดีลนั้นคงทำให้เอโอตกใจเธอผวาออกห่างจากตัวเจ้าชายนาดีลสีหน้าพรั่นพรึงของเธอบอกชัดว่ารู้สึกอย่างไร ผมดีใจอย่างมากที่เจ้าชายนาดีลรู้สึกตัวว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ผม

“พูดอะไรของเจ้าข้าก็ฟีล่าไงล่ะ” เอโฮเหมือนจะยังไม่เลิกโกหก เจ้าชายนาดีลยักไหล่ ตอนนี้ผมพยายามอีกครั้งที่จะขยับเลื่อนตัวให้ตกลงจากเตียง

“ฟีล่าเขามียางอายมากกว่านี้ ที่รักของข้าไม่เคยรุกเข้าหาหรือทำตัวร่านราคะแบบนี้มาก่อน” เอโอในร่างผมสะอึกกับคำด่าที่แสนร้ายกาจ เจ้าชายนาดีลเดินตรงมายังเตียงบริเวณที่มีผมอยู่แล้วเลิกผ้าห่มขึ้น เราสองคนจ้องตากัน น้ำตาของผมรื่นขึ้นมาด้วยความดีใจ

“จะซ่อนอะไรน่าจะทำให้เนียนกว่านี้ซักหน่อย ที่เตียงนี่มองดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีคนอยู่สองคน” เจ้าชายนาดีลค่อยๆเอาผ้าที่อุดปากผมออก เขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“เจ้าคือฟีล่าที่รักของข้าใช่หรือไม่”

“นาดีล” ผมเรียกชื่อเจ้าชายนาดีลด้วยความเต็มตื่น ปลื้มปิติยิ่งนักที่เขาไม่หลงกลของเอโอ

“เจ้าคงขวัญเสียสินะ ที่ถูกจับมัดแบบนี้คนดีของข้า” เขาแก้มัดผมออกพลางจุมพิตลงมาบนหน้าผากของผม ดูเหมือนว่าเอโอจะทนมองไม่ได้สุดท้ายเธอก็คืนร่างเดิมทั้งน้ำตา

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะเอโอ”เจ้าชายนาดีลปลายตามองตำหนิไปยังเด็กหญิงโดยไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก แต่เอโอนั้นกลับทนสู้หน้าไม่ได้เองเธอวิ่งหนีออกจากห้องไปทิ้งให้ผมอยู่ลำพังกับเจ้าชายนาดีลอีกครั้ง

“เจ้าโกรธเอโอหรือไม่” เจ้าชายนาดีลถามหลังจากแก้มัดผมจนหมด ยอมรับล่ะว่าโกรธแต่ในเมื่อเรื่องมันจบลงโดยไม่มีใครเสียหายก็ไม่อยากถือสาเอาความอีก

“เอโอเขาคงรักเจ้ามาก”

“แต่ข้าเห็นนางเป็นแค่น้องสาว คนที่ข้ารักจริงๆคือเจ้าข้าเคยบอกเจ้ามาแล้วหลายครั้งหรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ” ถูกตอกย้ำให้รู้ว่ารักมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้คำว่ารักของนาดีลเหมือนเป็นน้ำหวานที่คอยเติมความชุ่มชื่นให้แก่หัวใจของผม ผมแหงนหน้ามองเขาพลางส่งสายตาหวานซึ้งไปให้ ไม่เคยมองใครด้วยสายตาอย่างนี้มาก่อน

“ข้าเองตอนนี้ก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักเจ้าเช่นกัน อาจจะรู้สึกตัวได้ช้าไปหน่อย แต่ว่าข้าเจ็บยิ่งนักยามที่คิดว่าเจ้าจะสานสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคนอื่น”

“ที่รักของข้า เจ้าช่างซื่อบื้อนัก” เจ้าชายนาดีลคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้ผมก่อนจะแนบจูบลงมา จูบของเจ้าชายนาดีลนั้นช่างอ่อนโยน ก่อนที่จะค่อยๆทวีความร้อนแรงอย่างช้าๆ ปลายลิ้นร้อนไล่ต้อนผัวผันปลายลิ้นของผม ไล้เลียไปทั่วโพรงปาก เราเปลี่ยนมุมประกบจูบกันหลายต่อหลายครั้ง เป็นจูบเร่าร้อนที่ทำให้หอบเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆแต่ผมก็ไม่ต้องการที่จะหยุดมัน เราสองคนมัวเมาราวกับอยู่ในความฝัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจูบอย่างตั้งใจและกระตือรือร้นถึงเพียงนี้

“เจ้าจะแต่งงานกับข้าไหมฟีล่า อาจจะฟังดูตลกเพราะเราเป็นคู่หมั้นยังไงก็ต้องได้แต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ข้าก็อยากฟังจากปากของเจ้าซักครั้งหนึ่ง”

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจล่ะก็นะ ข้าจะแต่งกับเจ้า” ผมตอบเสียงกระอ้อมกระแอ้ม ยอมรับละว่าเขินอายอยู่เหมือนกัน

“เจ้ายอมรับแล้วนะที่รัก กลับไปที่อาณาจักรสไลม์เมื่อไหร่ข้าจะรีบจัดงานแต่งงานของพวกเราทันที” ผมพยักหน้า เจ้าชายนาดีลโถมกอดผมจนเราล้มลงไปนอนทับกันบนเตียง ผมกังวลเล็กน้อยเพราะบนเตียงกว้างมีท่านพี่เอียนนอนสลบอยู่ ผมกลัวว่านาดีลจะเรียกร้องให้ผมทำเรื่องเกินเลยเกินกว่าจูบไปอีกระหว่างที่อยู่ในห้องของท่านพี่ ดังนั้นผมจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูท่านพี่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนั้นนั่นแหละที่รู้ว่าท่านพี่ลืมตาอยู่และกำลังมองมาทางนี้

“อ๊ะ” ผมผลักเจ้าชายนาดีลออกแทบจะในทันที คนถูกผลักดูงุนงง แต่ไม่นานนักเมื่อเขารู้ว่าท่านพี่เอียนมองอยู่เขาก็ตีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านพี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามเสียงสั่น อับอายนักที่ถูกคนอื่นเห็นบทรักของผมกับเจ้าชายนาดีล

“ก็นานพอจะเห็นใครต่อใครเข้ามาในห้องนั่นแหละ” ท่านพี่ทำเสียงเย็นชา แต่แทบจะในทันทีท่านพี่ถอนหายใจออกมา

“ฟีล่าช่วยตามหมอมาดูที่สิเหมือนว่าข้าจะขยับตัวไม่ค่อยได้” ผมไม่รอช้าทำตามที่ท่านพี่สั่ง เมื่อท่านหมอมาตรวจท่านหมอให้ความเห็นว่าที่ท่านพี่ขยับร่างกายไม่ได้ดีนักเป็นเพราะอ้อนล้าอย่างหนัก จึงให้พักอีกซักสองสามวัน ดังนั้นผมจึงอาสาอยู่เป็นคนดูแลท่านพี่ด้วยตัวเอง

“ท่านพี่ทานซุปอีกหน่อยนะครับ” ผมยื่นช้อนที่ตักซุปจนล้นไปตรงหน้าท่านพี่เอียน ท่านพี่ยอมทานง่ายๆโดยไม่ปริปาก ตั้งแต่ท่านพี่ฟื้นขึ้นมา เขาไม่ยอมพูดกับผมเลยทั้งบางครั้งยังเหม่อลอยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง พอล่วงเข้าได้วันที่สองท่านพี่ก็ขยับเดินเหินได้แต่ยังต้องมีคนประคองอยู่บ้าง

“ดีจริงๆที่ท่านพี่เดินได้แล้ว” ผมพยายามพูดคุยกับท่านพี่ แต่ท่านพี่ก็ไม่หือไม่อือ นั่นทำให้ผมกังวลใจอย่างหนักจนต้องเอาไปปรึกษากับเจ้าชายนาดีล

“ท่านพี่ไม่ยอมพูดกับข้าบ้างเลย ข้ารู้สึกเหมือนท่านจะเกลียดข้าเสียแล้ว”

“เจ้าลำบากใจที่จะดูแลพี่ของเจ้าหรือเปล่า ถ้าใช่เปลี่ยนให้ข้ารับใช้ไปดูแลแทนก็ได้นะ”

“เปล่า….ไม่หรอกข้าเต็มใจดูแลท่านพี่……ข้าก็แค่เสียใจที่ท่านพี่ทำเย็นชากับข้าทั้งที่เราสนิทกันมากมาก่อน” เพราะด้วยคำพูดของผม เจ้าชายนาดีลจึงกระตุกมือผมนำพาผมไปยังห้องของท่านพี่เอียน ผมทั้งตกใจและงุนงงเพราะตอนนี้เราสองคนอยู่ต่อหน้าท่านพี่เอียนซึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอน

“เจ้าจะเอาอย่างไรเอียน” เจ้าชายนาดีลเปิดประเด็นด้วยเสียงแข็งกร้าว

“เจ้าทำเมินเฉยต่อฟีล่าอย่างนี้ใช่ว่าเจ้าเห็นเขาเป็นศัตรูแล้วใช่หรือไม่”
ท่านพี่เอียนวางหนังสือลงเลยเงยหน้ามองดูเจ้าชายนาดีล ท่านพี่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้

“ข้าไม่มีทางเกลียดฟีล่าได้อยู่แล้ว มีแต่เจ้านั่นแหละที่ทำอย่างไรข้าก็ทำใจให้ชอบไม่ลง”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านถึงเย็นชากับข้านักล่ะครับ” ผมถามออกไปอย่างทนเฉยไม่ได้ รู้อยู่ว่าตัวเองนั้นเห็นแก่ตัวที่พยายามเอาเปรียบความรู้สึกของท่านพี่ แต่ก็ไม่สามารถทนต่อความเย็นชาของท่านพี่ได้

“ขอพวกเราอยู่กันตามลำพัง” เจ้าชายนาดีลเลิกคิ้ว ดูท่าทางจะไม่ยอมให้ผมกับท่านพี่เอียนอยู่ตามลำพังตามที่ท่านพี่ขอ ท่านพี่และเจ้าชายนาดีลประสานสายตาดุดันเข้าหากันชั่วแวบหนึ่งก่อนที่เจ้าชายวนาดีลจะยักไหล่

“เอาเถอะข้าจะยอมให้เจ้าได้พูดคุยตามลำพังกับฟีล่าก็ได้” กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่

“อย่าให้ใครมาทำอย่างนี้ได้นอกจากข้านะ” อยากจะทุบซักอั๊ก ไม่รู้จะระแวงอะไรท่านพี่หนักหนา ท่านพี่เองก็กำลังป่วยคงไม่มีอารมณ์มาทำเรื่องร้ายกาจกับผมแน่ๆ

“นั่งลงสิ” เมื่อเจ้าชายนาดีลออกไปรอที่นอกห้อง ท่านพี่ก็สั่งผม ผมลากเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียงของท่านพี่

“ขอให้ข้าได้ดูหน้าเจ้าใกล้ๆที่ได้ไหม” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ท่านพี่ตามที่ขอ ท่านพี่ลูบมือมาบนใบหน้าของผมอย่างเบามือ

“เจ้าคงไม่ได้ถูกพิษของคาลอสเล่นงานสินะ”

“ไม่เลยครับ”

“ดีแล้ว” ท่านพี่ถอนมือจากใบหน้าของผม ตอนนี้ท่านพี่มองเมินไปอีกทาง ผมได้แต่เฝ้ารอให้ท่านพี่กลับมาสนใจผมอีกครั้ง ท่านพี่ถอนหายใจออกมาโดยแรง

“ฟีล่า เจ้ารักนาดีลสินะ”

“ครับข้ารักเขา” ตอนนี้ท่านพี่หันมามองหน้าผมเราประสานสายตากันเนิ่นนาน ท่านพี่มองตาผมราวกับจะพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคงคิดกับข้าเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่ง” ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ ไม่อยากให้ท่านพี่เสียใจ แต่ไม่ต้องการจะโกหก หากปล่อยให้ยืดเยื้ออยู่คนที่เจ็บปวดก็คือท่านพี่

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะข้าอยากจะงีบซักพัก” ถูกไล่เสียแล้วผมจึงต้องออกมาที่ด้านนอกอย่างเสียไม่ได้ ผมทำหน้าเศร้าจนเจ้าชายนาดีลต้องเข้ามาจูบเบาๆเพื่อปลอบโยน

“ท่านฟีล่าคะ ท่านพี่นาดีลคะช่วยมากับข้าที่ค่ะ” พวกเราสะดุ้งเมื่อดีเนนเดลโผล่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่พวกเราก็ยอมตามเธอไปอย่างไม่มีข้อกังขา

“ขอโทษนะคะที่ต้องมารบกวนท่านทั้งสอง แต่ท่านอาจจะไม่ทราบเพราะพวกท่านไม่ได้มาทานอาหารร่วมโต๊ะกับเราได้สองวันแล้ว”

“มีอะไรหรือครับดีเนนเดล” ผมถาม

“เอโอนะสิคะ นางไม่ยอมออกจากห้องมาสองวันแล้ว” ผมกับนาดีลตกใจไม่น้อยเพราะมัวแต่วุ่นเกี่ยวกับเรื่องของท่านพี่เอียนจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่นอีกเลย

“ท่านฟีล่าท่านพี่นาดีลคะ ข้ารู้เรื่องที่เอโอก่อเอาไว้แล้วนะคะ”

“ครับ” ผมอึ้งอีกครั้ง ได้แต่อ้าปากพะงาบพะงาบโดยไม่รู้จะเริ่มพูดประโยคไหนดี

“ได้โปรดอย่าเอาไปบอกท่านพ่อนะคะ แค่นี้เอโอก็รู้สึกผิดและกลัวมากพออยู่แล้ว”

“ข้าไม่เอาไปบอกแน่นอนครับ” ผมยืนยัน รู้อยู่ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ก็ไม่อยากให้เป็นตราบาปให้กับเด็กหญิงไปชั่วชีวิต

“ข้าขอบคุณมากจริงๆค่ะ เอโอสำนึกผิดมากจนไม่กล้าออกจากห้อง เธอเอาแต่ร้องไห้ กลัวว่าท่านพ่อจะรู้ความจริงทั้งยังกลัว ท่านพี่นาดีลจะโกรธ ท่านช่วยไปบอกเอโอหน่อยเถอะคะว่าท่านให้อภัยนางแล้ว”

ผมยิ้มให้กับคำขอร้องของดีเนนเดล พวกเราพากันไปยังห้องนอนของเอโอที่นั้น ฟีโอนอร์ช่วยปลอบโยนเอโอที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่เลิก

“ตายจริงในที่สุดพวกท่านก็มากันเสียที” ฟีโอนอร์มีท่าทางยินดี เธอพยายามลากให้เอโอมาเผชิญหน้ากับพวกผม แต่เอโอหลบอยู่หลังฟีโอนอร์พลางสะอื้นไห้

“เอ้า เอโอขอโทษท่านฟีล่ากับท่านพี่นาดีลเสียสิ” ฟีโอนอร์ดันร่างเอโอมาตรงเบื้องหน้าของผมกับเจ้าชายนาดีล
เด็กหญิงช้อนมองพวกผมด้วยสายตาประหม่าและหวาดกลัวดูแล้วน่าเวทนา ผมจึงส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดไปให้เธอ

“ท่านไม่โกรธข้าหรือคะ” เอโอถามเสียงตะกุกตะกัก

“โกรธสิ” เอโอทำทีจะร้องไห้อีกครั้งแต่เมื่อเธอได้ยินประโยคคำพูดถัดมาของผมเธอก็สงบใจได้

“แต่ท่านเอโอก็สำนึกผิดและต้องการจะขอโทษแล้ว ข้าจะให้อภัยท่าน”

“ข้าขอโทษค่ะท่านฟีล่า” เอโอปล่อยโฮออกมาอีกแล้วเธอก้มหัวขอโทษผมยกใหญ่ เธอปลายมองดูเจ้าชายนาดีลด้วยแววตาเศร้าสร้อยคงกลัวว่าเจ้าชายจะไม่ยอมยกโทษให้เธอ

“เอาล่ะในเมื่อเจ้าสำนึกผิดก็ดีแล้ว ข้าที่เป็นพี่ชายจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน” เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างแล้วใช้มือขยี้ไปบนศีรษะของเอโอหมายจะปลอบโยน เอโอโผเข้ากอดเจ้าชายแทบจะในทันที

“ข้าขอโทษค่ะท่านพี่นาดีล ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ดี ดังนั้นได้โปรดให้อภัยข้านะคะ”

“ข้าให้อภัยน้องสาวของข้าได้อยู่แล้วล่ะน่า” เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮาฮา บรรยากาศโดยรอบดูชื่นมื่นขึ้นทันทีเมื่อเจ้าชายนาดีลเปล่งเสียงหัวเราะ

“เอ้าเอโอ เจ้ามีของจะให้เพื่อเป็นการขอขมาท่านฟีล่าไม่ใช่หรือ” ดีเนนเดลพูด ผมกระพริบตาปริบๆไม่นึกว่าจะเตรียมของกำนัลไว้ให้ผมด้วย

“นี่ค่ะ” เอโอยื่นสร้อยคอที่มีคริสตัลวิเศษเป็นจี้ห้อยมาให้ รู้สึกดีใจที่ได้สิ่งนี้เป็นของขวัญ

“ข้าคิดว่ามันน่าจะทำประโยชน์ต่อท่านได้ค่ะ” เอโอพูด

“แน่นอนว่ามันต้องทำประโยชน์ได้อยู่แล้ว ขอบใจมากนะท่านเอโอ” ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วรับของมา ดีใจมากที่ได้คริสตัลวิเศษนี่มานั่นก็เป็นเพราะทั้งผมและท่านพี่ต่างรอดชีวิตมาได้เพราะเจ้าคริสตัลอันนี้

“อ๊ะ….ถ้าอย่างนั้นเราไปทานอาหารกันดีกว่าไหมคะ น่าจะได้เวลาแล้ว” ฟีโอนอร์ชักชวน ดังนั้นพวกเราจึงพากันไปยังห้องอาหาร บ่ายวันนั้นเรารับประทานอาหารด้วยจิตใจที่แช่มชื่นขึ้นอีกนิดถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมจะยังกังวลเรื่องของท่านพี่เอียนอยู่

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่20

ผมตื่นมาแต่เช้าตรู่พอตื่นมาก็พบกับเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์นอนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะจูบลงไปที่ลำตัวเนียนนุ่มด้วยความหมันเขี้ยว

“ตื่นได้แล้วนะนาดีล” ผมเอานิ้วมือจิ้มๆร่างนุ่มนิ่มของเขา รู้สึกว่ามันเพลินนิ้วดีเลยจิ้มไม่หยุด ในตอนนั้นเจ้าชายนาดีลก็ลืมตาใสปิ๊งของเขา

“อย่ามายั่วกันแต่เช้าสิ” ผมกระพริบตาปริบๆแค่หยอกนิดหน่อยก็กลายเป็นยั่วได้หรือ ไม่เข้าใจวงจรความคิดของเจ้าชายนาดีลเลยจริงๆ

“เจ้ามาสัมผัสร่างข้าแบบมีนัยยะอย่างนี้มันทำให้ข้าเกิดอารมณ์น้า” เจ้าชายนาดีลไม่พูดเปล่ายังเด้งดึ๋งเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากผมหนึ่งครั้ง แน่นอนล่ะว่าผมไม่โกรธและไม่รู้สึกถึงอันตราย ก็ในเมื่อเขาไม่ได้กลายร่างเป็นมนุษย์เสียหน่อยนี่นา ดังนั้นผมจึงยอมให้เขาเด้งดึ๋งแล้วจุ๊บๆลงทั่วใบหน้าผมตามใจที่เขาต้องการ

ว่าก็ว่าเถอะถึงจะบอกว่าจุ๊บกัน แต่ในความเป็นจริงน่าจะเรียกว่าเอาร่างมาชนมากกว่า แต่ส่วนใหญ่เจ้าชายนาดีลจะทำปากจู๋ยื่นออกมาแล้วจุ๊บๆจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆสร้างความกระดากและจั๊กจี้ให้ผมอยู่บ่อยครั้ง
   
“พอแล้วน่า” ผมเอ่ยห้ามเมื่อเจ้าชายนาดีลไม่ยอมหยุดพายุจูบของเขาง่ายๆ
   
“พอได้แล้ว” เห็นทีจะไม่ยอมหยุดง่ายๆจริงๆหากว่าไม่มีคนมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องเสียก่อน
   
“ท่านฟีล่าท่านนาดีล มีทหารจากเผ่าสไลม์มาขอเข้าพบเจ้าค่ะ ทุกท่านรออยู่ที่ห้องโถงแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้เมื่อรายงานเสร็จก็จากไป ดังนั้นผมกับเจ้าชายนาดีลจึงรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอย่างเร่งด่วน พอเราไปถึงก็พบกับพวกสไลม์กลุ่มหนึ่ง
   “ราอูล” เจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินออกจากอ้อมแขนของผมแทบจะในทันทีที่ได้พบกับสไลม์สีแดงเพลิงเพื่อนสนิทของเขา ตอนนี้เจ้าชายกับราอูลทักทายกันด้วยวิธีดีดร่างกระทบกันกลางอากาศสองสามครั้ง ดูแล้วทั้งน่าขำและน่ารักในสายตาของผู้มอง
   
“พอท่านส่งข่าวมาทางนกสื่อสารข้าก็รีบเดินทางมาจากอาณาจักรสไลม์ทันที” ราอูลพูดหลังจากทักทายอย่างแน่นแฟ้นกับเจ้าชายนาดีลเรียบร้อยแล้ว
   
“แล้วก็ข้าได้ข่าวอะไรหลายๆอย่างจากท่านฟินกอนมาแล้ว รู้ไหมว่าพวกคนในเผ่าเป็นห่วงท่านกันน่าดู”
   
“เอาน่า เดี๋ยวข้าก็จะกลับไปพร้อมเจ้าแล้วนี่” เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างแต่ดูเหมือนราอูลจะไม่เห็นเป็นเรื่องสนุก ราอูลเบ้ปากเป็นสระอิเห็นแล้วรู้ทันทีว่ารู้สึกยังไง
   
“ท่านก็เป็นเสียแบบนี้นี่ล่ะข้าถึงได้เป็นห่วงท่านนัก บอกตามตรงข้าไม่ค่อยไว้ใจให้ท่านทำอะไรตามใจชอบเสียเท่าไหร่” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮาฮา ความสนิทสนมแน่นแฟ้นของราอูลกับเจ้าชายนาดีลไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ทำให้ผมอิจฉาได้อยู่เสมอ พวกเขาช่างเหมือนสามีภรรยาที่ดูห่วงใยกันอย่างไรชอบกลในสายตาผม
   
“อ้อ…..ท่านคู่หมั้น ข้าลืมทักทายท่านไปเสียสนิท ไม่ได้พบกันนานนะครับ” ผมยิ้มเจื่อนๆตอนนี้ราอูลเด้งดึ๋งๆโผเข้าหาผมทำให้ผมต้องใช้มือรับร่างนุ่มนิ่มของเขา

   “จูบทักทายกันซักทีนะครับ”
   
“หา” ผมงง แต่แทบจะในวินาทีนั้นเขาก็เด้งตัวจากอ้อมแขนของผมจุ๊บหนึ่งทีเข้าที่แก้ม รู้สึกแปลกๆที่ถูกสไลม์ตัวอื่นนอกจากเจ้าชายนาดีลจุ๊บเอา
   
“แหม ท่านนี่ยิ่งโตก็ยิ่งเย้ายวนนะครับ” กล่าวจบเขาก็เด้งออกจากอ้อมแขนของผม ผมยังตะลึงกับคำชมของราอูลไม่หายโดยปกติราอูลมักจะเข้มงวดจู้จี้กับผมราวกับแม่ผัวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่คิดว่าเจอกันครั้งนี้เขาจะชมผมแบบนี้ได้
   
“อิจฉาเจ้าชายของเราเสียจริงจริ๊ง” เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบใจยกใหญ่กับคำพูดของราอูล ตอนนี้ผมชักจะอายขึ้นมาตงิดๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยืนนิ่งๆรอดูสถานการณ์ต่อไป
   
“เอาล่ะๆสนุกกันพอแล้ว ราอูลบอกกับข้าว่าถ้าได้พบเจ้าชายนาดีลก็จะพาท่านกลับเลย ดังนั้นข้าเลยเตรียมรถม้าสำหรับคนป่วยไว้ให้แล้วหวังว่าท่านจะรับไว้นะ”
   
“ขอบคุณมากครับท่านฟินกอนพวกข้าซึ้งในน้ำใจจริงๆ” ราอูลชิงตอบคำถามแทนเจ้าชายนาดีลหลังจากนั้นเป็นเวลารับประทานอาหารเช้า ผมเลือกที่จะไปทานอาหารเป็นเพื่อนกับท่านพี่เอียนปล่อยให้เจ้าชายนาดีลอยู่ในวงสังคมของเขาต่อไป
   
“ท่านพี่ทานเนื้อเสียหน่อยสิครับ” ผมไม่พูดเปล่าใช้มีดหั่นเนื้อลูกหมูวางลงในจานของท่านพี่ เมื่อท่านพี่ยอมทานโดยง่ายผมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
   
“ทานขนมปังด้วยนะครับท่านพี่” ผมรีบหั่นขนมปังให้ท่านพี่ ท่านพี่รับไปแล้วนำมันไปทานกับซุปข้าวโพดเงียบๆ  ผมดีใจที่การทานอาหารกลางวันกับท่านพี่เป็นไปอย่างราบรื่นตอนแรกคิดว่าท่านพี่จะเกลียดผมแล้วปฏิเสธที่จะอยู่ใกล้ชิดกันเหมือนเมื่อก่อน
   
“พี่ได้ยินมาจากพวกหญิงรับใช้ว่ามีทหารของเผ่าสไลม์มารับพวกเจ้า” เป็นครั้งแรกของวันนี้เลยที่ท่านพี่เปิดปากพูดกับผม ผมรีบตอบอย่างกระตือรือร้น
   
“ใช่ครับ เป็นท่านราอูลเพื่อนสนิทของนาดีลเป็นคนมารับ”
   
“แล้วพวกเขาตัดสินใจได้หรือยังว่าจะทำอย่างไรกับสถานะของพี่” ผมอึ้งกับคำถาม คำถามนี้ทำให้ผมเริ่มจะเครียด ผมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการกระทำของพี่มีความผิดร้ายแรง แต่ตอนนี้ท่านพี่เองก็เป็นผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน ผมตัดสินใจว่าเมื่อถึงอาณาจักรสไลม์จะช่วยพูดกับราชามาริกเพื่อไม่ให้ลงโทษท่านพี่ แต่หลังจากนั้นล่ะท่านพี่จะไปไหนแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ตรงนี้แหละที่ผมกลัว กลัวว่าท่านพี่จะหลบหนีหายไปจากพวกเราตลอดกาล
   
“ไม่ต้องห่วงนะครับท่านพี่ ข้าจะช่วยพูดกับราชามาริกและเจ้าชายนาดีลเอง ท่านพี่จะไม่ถูกกระทำเหมือนนักโทษอย่างแน่นอน”
   
“เจ้าอย่าไร้เดียงสาไปนักฟีล่า พี่เป็นกบฏนะเห็นทีว่าครั้งนี้อาจจะถูกจับขังคุกไม่ก็ถูกประหารเสียมากกว่า”
   
“ไม่จริงเลยท่านพี่ ข้าจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด”
   
“เหมือนเจ้าจะมีแผนอะไรในใจอยู่สินะ” ผมสะดุ้งเมื่อเจ้าชายนาดีลปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ท่านพี่เอียนปลายตาคมดุไปยังเจ้าชายนาดีลที่เข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ
   
“ถ้ามีแผนการอะไรก็พูดมาเสียสิ หากข้าเป็นคนพูดด้วยตัวเองท่านพ่อคงจะยอมรับฟังอยู่แล้ว” ผมสูดหายใจเข้าลึกรอฟังว่าท่านพี่มีแผนการอะไร ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแผนการที่ดีสำหรับท่านพี่
   
“ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้ากำลังจะทำสงครามกับเผ่ามังกร ข้าจะให้ความร่วมมือบอกแผนการรับมือทางทหารของเผ่ามังกรทั้งหมดกับพวกเจ้าเพื่อลดโทษลงและแลกกับอะไรบางอย่าง”
   
“ว่ามา” เจ้าชายนาดีลพูดเสียงขรึม ตอนนี้ผมตระหนกไปหมดด้วยไม่รู้ว่าท่านพี่ต้องการอะไรกันแน่
   
“ข้ายอมช่วยเหลือพวกเจ้าในการรบและขอลดโทษตายเป็นถูกเนรเทศแลกกับให้ข้าได้เข้าร่วมในสนามรบด้วยเพื่อที่จะปลิดชีวิตของคาลอสล้างแค้นให้ท่านพ่อที่แท้จริงของข้า”
   
เจ้าชายนาดีลนิ่งขรึมไปอย่างไม่เคยเป็น เขาใช้เวลาคิดนานมากจนผมรู้สึกเกร็งไปหมด แต่ท่านพี่นี่สิยังคงทานอาหารต่อได้หน้าตาเฉย นับถือในความเข้มแข็งของท่านพี่จริงๆ
   
“เจ้าต้องการแค่นี้หรือเอียน” เจ้าชายนาดีลพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน ผมภาวนาให้เจ้าชายนาดีลรับข้อเสนอเพราะเนรเทศย่อมดีกว่าจบลงด้วยความตายอย่างแน่นอน ถึงแม้ผมจะเหงาที่อาจจะไม่ได้เจอท่านพี่แต่ซักวันผมจะตามหาท่านเพื่อพบปะกันซักครั้งเราจะได้เจอกันในที่ไหนซักที่อย่างแน่นอน ผมตั้งใจเช่นนั้น
   
“ข้ายังสามารถร้องขออะไรได้มากกว่านี้อีกหรือ” ท่านพี่ทำสีหน้าราวกับจะประชดประชัน
   
“ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างจะได้หรือไม่ได้ตามที่เจ้าขอข้าจะต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านพ่อเสียก่อน” สิ้นคำพูดของเจ้าชายนาดีล พวกเราต่างก็นิ่งงันไป เมื่อท่านพี่เริ่มต้นทานอาหารอีกครั้ง ผมก็เริ่มต้นหั่นเนื้อลูกหมูตรงหน้าอย่างเก้เก้กังกังจังหวะที่ผมจะเอาชิ้นเนื้อเข้าปาก เจ้าชายนาดีลก็อ้าปากงับแย่งชิ้นเนื้อไปจากซ้อมในมือของผม
   
“ขอข้ากินกับเจ้าด้วยน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระรื่น
   
“เจ้าบ้า เจ้าไม่ได้ทานมาแล้วกับท่านฟินกอนหรอกหรือ”
   
“แต่ข้าอยากทานอีกนี่ อยากทานอาหารเช้ากับเจ้าน้า” เจ้าชายนาดีลเอาร่างนุ่มนิ่มมาถูไถกับผม ผมลนลานหนักกลัวว่าท่านพี่จะไม่ชอบ

   “เกรงในท่านพี่บ้างสิ เราไม่ได้ชวนเจ้าให้มาทานอาหารด้วยเสียหน่อย” ผมเอ็ดเจ้าชายนาดีลเบาๆพลางมองดูท่านพี่เอียนเป็นระยะๆด้วยความเกรงใจ
   
“ท่านพี่เอียนขอโทษนะครับข้าจะพานาดีลออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
   
“ไม่เป็นไร ถ้าเขาอยากท่านกับเราก็ให้เขามาทานด้วยเถอะ” ผมชักรู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ดีแล้วสิถึงแม้ท่านพี่จะอนุญาตให้เจ้าชายนาดีลร่วมโต๊ะด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของท่านพี่นี่สิเย็นชาจนเรียกได้ว่าราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน บรรยากาศลบติดองศาแบบนี้ทำเอาผมขนหัวลุก ไม่สนุก ไม่สนุกอย่างที่คิด
   
“เอ้า ถ้าอยากกินก็รีบกินเสียสิ” ผมยื่นอาหารของผมให้เจ้าชายนาดีล ผมชักจะอิ่มแล้ว ใครมันจะไปทานอาหารลงในบรรยากาศที่แสนจะไม่ปลอดภัยนี่ได้
   
“ป้อนหน่อยน้า” เจ้าตัวร้ายอ้าปากแล้วหลับตาพริ้ม ตอนนี้ท่านพี่คิ้วกระตุก แต่ไม่นานนักท่านพี่ก็ถอนหายใจออกมา
   
“เจ้าก็ช่วยป้อนเขาหน่อยเถอะน้องพี่ ไม่อย่างนั้นเจ้าชายนาดีลคงไม่ยอมอิ่มง่ายๆ”
   ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆส่งให้ท่านพี่ แล้วลงมือป้อนอาหารเจ้าชายนาดีลทีละคำ
   
“อร๊อยอร่อย…..การได้ทานอาหารจากมือคนรักนี่มันดีที่สุดจริงจริ๊ง” น่าหมันไส้ ยิ่งทำเสียงเล็กเสียงน้อยประหนึ่งเย้ยหยันท่านพี่ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าชายนาดีลน่าหมันไส้ ทำไมนะทำไมเขาถึงต้องทำตัวเหมือนจะยั่วโมโหท่านพี่ด้วยก็ไม่รู้ ระหว่างรับประทานอาหารเช้าผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้ท่านพี่ที่ทานเงียบๆเป็นระยะๆ เหนื่อย ช่างเป็นเมื้ออาหารที่แสนจะทำให้เหนื่อยและเครียดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
   
หลังจากอาหารเช้าเจ้าชายนาดีลตัดสินใจจะอยู่พักที่วินสโมกอีกหนึ่งวันเพื่อดูอาการท่านพี่อีกหน่อย ค่ำคืนนั้นในห้องนอนของพวกเรา ผมจ้องหน้าเจ้าชายนาดีลอย่างไม่ลดละมีคำถามมากมายที่จะถามเขาเกี่ยวกับท่านพี่
   
“เจ้าจ้องข้าเอาเป็นเอาตายแบบนี้คงมีคำถามสินะฟีล่า”
   ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิทันที แล้วเริ่มระบายความในใจเมื่อเจ้าชายนาดีลเปิดทางให้ผมได้พูด
   
“เจ้าว่าพ่อของเจ้าจะยอมรับข้อเสนอของท่านพี่ไหม”

   “อาจจะรับและอาจจะไม่รับ” นาดีลพูดเสียงเย็นเยียบ ทำเอาผมคิดในแง่ไม่ดี ตอนนี้อยากให้เขาพูดในทางที่ดีมากกว่า
   
“นาดีลเจ้าต้องช่วยพูดเพื่อท่านพี่ของข้าด้วยนะ” ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้เจ้าชายนาดีล เขาส่งยิ้มอ่อนอกอ่อนใจมาให้ผม
   
“หากว่าข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ารักข้าล่ะก็ ข้าอาจหึงหวงจนลงโทษเจ้าได้เหมือนกันนะ” เจ้าชายนาดีลกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียมทำเอาใจผมตกไปกองอยู่บนพื้น แต่พริบตาเดียวเท่านั้นแหละเขาก็กลับมาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามปกติ
   
“อย่ากลัวไปน่า ข้าไม่ใช่คนใจร้ายที่จะลงโทษเจ้าโดยไม่มีเหตุผลหรอก”ไม่พูดเปล่าเจ้าชายนาดีลเอาร่างเข้ามาออดอ้อนถูไถกับผม
   
“แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้นะ ทั้งที่เอียนทำร้ายกาจกับเจ้าแบบนั้นเจ้าก็ยังให้อภัยเขา ตรงนี้แหละที่ข้าไม่พอใจ” เจ้าชายนาดีลพองลมในปาก ผมได้แต่เอานิ้วจิ้มที่แก้มพองๆของเขาแก้เก้อ
   
“ท่านพี่ไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น หากท่านพี่เลวร้ายจริง ท่านต้องบังคับข่มขืนข้า คงไม่รอให้ข้าหนีไปอย่างนี้”
   
“หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าจะสับท่านพี่ของเจ้าเป็นหมื่นชิ้น” ผมยิ้มเจื่อนๆ เพิ่งจะรู้เนื้อแท้ของเขาก็วันนี้ เขาเป็นสไลม์จอมหึงหวงโดยแท้จริง
   
“นาดีลข้ารักเจ้านะ มีแค่เจ้าคนเดียวที่ข้าคิดว่าข้าจะยอมมอบร่างกายให้” ผมพูดไปทั้งที่ใบหน้าแดงซ่าน คำพูดที่เหมือนกับพวกผู้หญิงแบบนี้ยอมรับว่ากระดากปาก แต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนจะทำให้เจ้าชายนาดีลเชื่อใจผมได้
   
“แน่นอนว่าร่างกายของเจ้าข้าก็อยากได้ แต่หัวใจของเจ้าสำคัญยิ่งกว่าน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรื่น
   
“หัวใจของข้าก็เป็นของเจ้านะนาดีล”
   
“รักที่สุด” เจ้าชายนาดีลทำปากจู๋แล้วเด้งดึ๋งเข้ามาดูดแก้มของผมดังจ๊วบ จั๊กจี้จนอดหัวเราะไม่ได้
   
“เอาล่ะเจ้าทำให้ข้าอารมณ์ดีมาก ข้ารับปากนะฟีล่าข้าจะช่วยท่านพี่ของเจ้าให้ถึงที่สุด” ผมได้แต่พูดขอบคุณเจ้าชายนาดีลนับครั้งไม่ถ้วน คืนนั้นเราสองคนหลับไปในสภาพที่นอนกอดกันอย่างแนบแน่น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

พรุ่งนี้จะเอามาลงเพิ่มนะคะ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :-[

เคลียร์กับเอียนแล้ว แต่เราก็ยังอยากให้เอียนเจอคนรักจริง เป็นกษัตริย์ ที่ดีได้นะ

(เอาจริงๆนายเอกเราไปปกครองใครไม่ได้หรอก คิดว่า  :ling3:)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจ้าชายนาดีล ฟิล่า   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่21
   
พวกเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อเตรียมการเดินทางไปยังอาณาจักรสไลม์ ก่อนจะเดินทางจากไปเราล่ำลาท่านฟินกอนและพวกลูกสาวกันอย่างอ้อยอิ่ง
   
“คราวหน้าแวะมาเยี่ยมพวกเราบ้างนะคะท่านฟีล่า” ดีเนนเดลพูดกับผม
   
“ขอให้โชคดีนะคะท่านฟีล่า ท่านพี่นาดีลก็ด้วย” ฟีโอนอร์กล่าวคำอวยพร ตอนนี้เองเพิ่งสังเกตว่าเอโอหลบอยู่หลังพวกพี่สาว
   
“เอ้าๆไปกล่าวคำอำลากับท่านฟีล่าและท่านพี่นาดีลสิเอโอ” ถูกฟีโอนอร์ดันออกมาข้างหน้าด้วยความไม่เต็มใจ เอโอดูประหม่า ผมเข้าใจว่าเธฮยังรู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเองไม่หาย
   
“ขอให้โชคดีนะคะท่านฟีล่า” ผมยิ้มให้เอโอ
   
“ท่านเอโฮก็เหมือนกันครับ” เอโอส่งสายตามองมายังเจ้าชายนาดีลในอ้อมกอดผมด้วยสายตาเศร้าๆ น่าสงสารผมเข้าใจดีว่าเธอยังเด็กจะทำอะไรก็ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การที่เธอสำนึกผิดจากใจจริงได้ผมคิดว่านาดีลเองก็น่าจะเลิกโกรธเธอไปแล้ว และก็จริงอย่างที่ผมคิด
   
“อย่าทำหน้าเสียใจแบบนั้นเอโอ อะไรที่ผ่านไปแล้วถ้าเจ้าสำนึกได้ข้าจะไม่ถือโทษโกรธ น้องสาวของข้าข้าให้อภัยเจ้านานแล้วนะ” เอโอฉีกยิ้มกว้างเธอตั้งท่าจะโผเข้ามากอดเจ้าชายนาดีลแต่ก็ชะงัก

   “ท่านฟีล่าข้าขอกอดท่านพี่นาดีลได้หรือไม่คะ” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ส่งให้เอโอ

   “กอดได้ตามใจเลยครับ” ทันทีที่ได้รับอนุญาตเธอก็กอดรัดเจ้าชายนาดีลด้วยความดีใจ

   “ขอบคุณๆนะคะท่านพี่นาดีลที่ให้อภัยข้า” เมื่อกอดจนพอใจเอโอก็หันมาค้อมหัวให้ผม
   
“ให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำด้วยนะคะ” เอโอน่ารักกว่าที่คิด จนผมอดไม่ได้ที่จะกอดเธอแล้วลูบหัวเบาๆเป็นการปลอบ
   
“เอ๊ะ….เอ่อ….ท่านฟีล่า” เอโอประหม่ากับการปลอบโยนของผม ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูอ่อนๆดูน่ารักน่าชัง
   
“ข้าชักจะหึงแล้วนะฟีล่า” เจ้าชายนาดีลงอนจนแก้มป่องแล้วเปลี่ยนเป็นสีทึบ ทำเอาเอโอลนลานรีบผละห่างจากตัวผม ผมหัวเราะคิกๆรู้สึกสนุกที่ทำให้คนสองคนปั่นป่วนได้
   
“เอโอเจ้าคงไม่ได้ตกหลุมรักฟีล่าหรอกใช่ไหม” นาดีลถามเสียงขรึมจนเอโอทำตัวไม่ถูก เด็กน้อยปลายตามองมาที่ผมแล้วหน้าแดงอีกครั้ง
   
“เปล่าค่ะท่านพี่นาดีล ข้าแค่คิดว่าท่านฟีล่าช่างอ่อนโยนเพียงแค่นั้น” เอโอก้มหน้าลงต่ำ

   “อย่าคิดมาหลงรักว่าที่ภรรยาของข้าเชียวนา ถึงเป็นน้องข้าก็ไม่ให้อภัยนะ” ตอนนี้เอโอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เด็กน้อยส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
   
“ท่านฟีล่าคะ” ด้วยไม่ทันคาดคิดถูกกระตุกแขนให้โน้มตัวลงต่ำ เอโอหอมแก้มผมเบาๆหนึ่งครั้ง เจ้าชายนาดีลโกรธจนถึงกับพ่นควันดังปู๊นๆ เอโอรีบวิ่งไปหลบหลังพี่สาว

   “ท่านพี่นาดีลเองก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะคะ หากถูกใครแย่งไปอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วกัน” ทุกคนพากันหัวเราะ เจ้าชายนาดีลเองก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทาง
   
ตลอดการเดินทางผมนั่งอยู่กับท่านพี่ในรถม้า แต่นอกจากผมกับท่านพี่เจ้าชายนาดีลเองก็อยู่ด้วยเช่นกัน เจ้าชายนาดีลคึกคักไปตลอดการเดินทางเขากระพือปีกดูทัศนียภาพด้านนอกผ่านทางหน้าต่างแล้วผิวปากเป็นทำนองเพลง

   “ฟีล่าเคยเห็นพวกก๊อปลินไหมมาดูสิ” ผมยิ้มเจื่อนๆให้กับอาการวี๊ดว้ายของเจ้าชายนาดีล ยิ่งเจ้าชายนาดีลครื้นเครงเท่าไหร่ ท่านพี่เอียนก็ยิ่งนิ่งงัน ปกติก็ไม่ยอมพูดอยู่แล้วนี่ยังแผ่รังสีขมุกขมัวออกมาบอกชัดว่ารำคาญเจ้าชายนาดีล
   
“จ้าจ้า” ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูพอเป็นพิธี อันที่จริงเคยเห็นก๊อปลินหลายครั้งแล้วจากสมุดภาพ เห็นของจริงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักจึงไม่ตื่นเต้นดังที่เจ้าชายนาดีลหวัง
   
“ว้า…..นึกว่าเจ้าจะตื่นเต้นกว่านี้เสียอีก” เจ้าชายนาดีลแสดงท่าทางผิดหวังผ่านทางสีหน้า ตอนนี้เจ้าชายยืดย้วยเป็นน้ำลงไปกับเบาะด้วยร่างสีซีดๆ

   “อ๊ะ….จริงๆแล้วข้าก็ตื่นเต้นอยู่น้าก็ไม่เคยเห็นของจริงเลยนี่นาเคยเห็นแต่ในสมุดภาพ” ผมแสร้งทำเป็นตื่นเต้น
   
“จริงหรือ” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลกลับเป็นก้อนกลมๆนุ่มๆสีทองอีกครั้ง เขายิ้มกว้างดูระรื่นเราสองคนใช้เวลาหลายนาทีเอาแต่วิจารย์ท่าทางของก๊อปลินซึ่งเดินขบวนผ่านหน้าเราไปแต่ยิ่งดูพวกก๊อปลินยิ่งมีท่าทางโกลาหลแบบแปลกๆ จังหวะนั้นราอูลที่เดินนำอยู่หน้าขบวนก็สั่งให้หยุดการเดินทาง

   “มีอะไรหรือราอูล” เจ้าชายนาดีลถามราอูลที่ชะโงกหน้าเข้ามาในรถม้า

   “หมู่บ้านของก๊อปลินนะสิไฟไหม้ใหญ่เลย” ตอนนี้จึงเพิ่งสังเกตได้พวกก็อปลินที่สับสนอลมานนั้นส่งถังบรรจุน้ำกันเป็นทอดๆเพื่อที่จะดับไฟ พวกผมลงจากรถม้าเพื่อที่จะไปดูเหตุการณ์
   
“ถ้าปล่อยไว้คงจะลุกลามไปกันใหญ่ เอาพวกเราช่วยพวกก๊อปลินหน่อย” เจ้าชายนาดีลออกคำสั่งดังนั้นพวกทหารสไลม์จึงพากันไปที่แม่น้ำใกล้ๆ แต่ระยะทางน่าจะไกลอยู่เพราะเห็นพวกก็อปลินต่อแถวส่งถังน้ำกันยาวเหยียด

   ในตอนนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า หากผมสามารถใช้พลังและกลับร่างเป็นมังกรได้ ไฟแค่นี้ผมสามารถดับมันได้ภายในไม่กี่นาที แต่ทว่าผมถูกผนึกพลังไว้ด้วยแหวนของท่านพี่เอียน ผมก้มมองดูแหวนที่มือของผมนิ่งนาน
   
“ฟีล่า” ท่านพี่ที่ยังอยู่บนรถม้าเรียกผม ผมเดินเข้าไปหา
   
“มีอะไรหรือครับท่านพี่”
   
“ส่งมือมา” ผมส่งมือให้ท่านพี่ทั้งสองข้าง หวังในใจลึกๆว่าท่านพี่จะถอดแหวนต้องสาปออกให้แล้วก็เป็นดังคิดจริงๆ
   
“ไปช่วยพวกก๊อปลินดับไฟซะ”
   
“ขอบคุณมากครับท่านพี่” ผมก้มหัวขอบคุณท่านพี่ก่อนจะวิ่งออกไปยังลานกว้างด้านหน้าของเปลวเพลิง ผมกลายร่างกลายเป็นมังกรน้ำตัวใหญ่ ไม่ได้กลายร่างเป็นมังกรมานานแล้วรู้สึกดีจริงๆ แล้วก็ไม่รอช้าผมใช้เวทย์มนต์ที่ถนัดที่สุดสร้างมวลน้ำจำนวนมหาศาลโถมเข้าใส่เปลวเพลิงที่เผาไหม้หมู่บ้านวูบเดียวไฟก็ดับสนิท
   
พวกก๊อปลินดีใจกันยกใหญ่ตอนนี้พวกเขาพากันมารายล้อมผมในร่างมังกรแล้วกระโดดโลดเต้น เจ้าชายนาดีลรีบเข้ามาสบทบกับผม
   
“ทำดีมากเลยนะฟีล่า ว่าแต่ข้าคิดว่าท่านพี่ของเจ้าจะทำเนียนลืมถอดแหวนให้เจ้าไปเสียแล้วสิ”
   
“ท่านพี่ไม่ใช่คนแบบนั้นน่า” ผมแก้ต่างให้ท่านพี่ พร้อมกันนั้นผมก็คืนร่างเดิมกลับเป็นร่างมนุษย์ เป็นจังหวะเดียวกับที่ก็อปลินซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
   
“ขอบคุณขอบคุณท่านเผ่ามังกรมาก” ก๊อปลินคว้าเอามือผมไปจับแล้วเขย่าๆขึ้นลงด้วยความซาบซึ้งก่อนจะผละจากไปแล้วเริ่มแยกย้ายกันจัดการกับหมู่บ้านและคนเจ็บที่เหลืออยู่ โดยไม่สนใจพวกเราอีก
   
“เสียความรู้สึกไหมฟีล่า” เจ้าชายนาดีลถาม
   
“เรื่องอะไรหรือ”
   
“ก็เรื่องที่ได้แค่คำขอบคุณเล็กๆน้อย แล้วก็ทำเมินพวกเราไง”
   
“อ้อ ไม่เลย แค่ดับไฟเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับข้าอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงกลัวข้าจะคิดมาก”
   
“ดีแล้ว เพราะหัวหน้าหมู่บ้านคงไม่มีเวลามาคอยเอาใจใส่เราแน่ๆ ดูจากความเสียหายที่เกิดขึ้น” ผมมองดูพวกก๊อปลินที่ไม่ได้รับบาดเจ็บวุ่นวายอยู่กับการดูแลพวกคนเจ็บแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
   
“เราควรจะอยู่ช่วยเขาซักนิดไหมนาดีล”
   
“ไม่ต้องหรอก ถ้าพวกเขาอยากให้เราช่วยคงขอร้องไปแล้ว อย่าไปเกะกะพวกเขาจะดีกว่า”
   
ดังนั้นพวกเราจึงออกเดินทางกันอีกครั้ง
   
“เฮ้ เอียน ขอบใจนะที่ถอดแหวนต้องสาปของฟีล่าออกให้” นี่คำแรกที่เจ้าชายนาดีลพูดกับท่านพี่เอียน ท่านพี่ได้แต่พยักหน้าเบาๆตอบรับแต่ไม่ได้หันไปมองเจ้าชายนาดีล
   
“คนอย่างเจ้าคงนึกว่าข้าจะไม่ยอมถอดแหวนให้ฟีล่าล่ะสิ” ท่านพี่เอ่ยเสียงขรึม
   
“ก็นะ หากว่าเจ้าถออดแหวนให้ฟีล่าช้ากว่านี้ หรือไม่ยอมถอด ข้าอาจจะเปลี่ยนใจไม่รับข้อเสนอของเจ้าก็ได้” ถึงตอนนี้ท่านพี่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ท่านพี่ดูเหนื่อย ไม่นานนักท่านพี่ก็หลับตาแล้วนอนพักไปทั้งอย่างนั้น
   
“เจ้าไม่น่าพูดจาหาเรื่องท่านพี่อย่างนั้นเลย” ผมเอ็ดเจ้าชายนาดีลเบาๆกลัวว่าจะไปรบกวนให้ท่านพี่ตื่น
   
“อ่าวข้าพูดเรื่องจริงนะฟีล่า ถึงเอียนจะไม่ยอมถอดแหวนให้เจ้า หมอผีของเผ่าเราก็สามารถทำได้อยู่ดี”
   
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าพูดจาแบบนั้น”
   
“โธ่ ฟีล่า เอียนไม่ได้จิตใจเปราะบางขนาดนั้นหรอก เขาโตแล้วนะ” 
   
“เรื่องนั้นข้าก็เข้าใจน่า” ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ได้แต่นั่งปล่อยให้เวลาผ่านไป ผมเอาแต่นั่งนิ่งๆมองออกไปนอกหน้าต่าง ยอมรับว่ายังเคืองเจ้าชายนาดีลนิดๆแต่พอระยะเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นก็อันตรธานหายไป
   
“นี่” ผมเอานิ้วจิ้มร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีล
   
“หายงอนแล้วรึ”

   “อื้อ” เจ้าชายนาดีลเด้งดึ๋งๆมานั่งบนตักของผม
   
“ข้ายอมรับว่าพูดจาไม่รักษาน้ำใจไปหน่อย เจ้าเองก็อย่าเคืองเลยนะ” เจ้าชายนาดีลถูไถร่างกายเข้ากับตัวผม
   
“นาดีล….อันที่จริงนะ ข้าก็รู้ว่าเจ้าอาจจะไม่ชอบท่านพี่เพราะการกระทำหลายอย่าง แต่ท่านพี่ตอนนี้เองก็เหมือนได้รับโทษอยู่เหมือนกันนะ” เจ้าชายนาดีลทำปากเบ้เป็นสระอิ รู้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดออกมา
   
“เอาล่ะๆข้าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แต่แค่ขอ ช่วยถนอมน้ำใจท่านพี่บ้าง”
   
“ถ้าเจ้ามาขอร้องเสียขนาดนี้ล่ะก็นะ”
   
“ขอบคุณๆเจ้ามากนะ” ผมกอดเจ้าชายนาดีลแนบแน่นแถมระดมจูบลงไปตามร่างนุ่มนิ่มของเขาหลายครั้งแทนคำขอบคุณ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดูชอบอกชอบใจหลังจากปรับความเข้าใจกันได้เราสองคนก็กลับมาคุยเล่นกันได้อีกครั้ง

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พอนาดีลอยู่ในร่างนี้คือดูมุ้งมิ้ง ไม่มีพิษไม่มีภัยมากๆ
ฟีล่านี่จุ๊บใหญ่เลย ไม่เหมือนตอนอยู่ในร่างมนุษย์ 5555555

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่22

การเดินทางอันยาวนานสิ้นสุดลง ในที่สุดก็มาถึงอาณาจักรสไลม์เสียที พวกผมไม่ได้เข้าพบราชามาริกกับราชินี
ฟรานซิสทันที เหตุเพราะว่าเหนื่อยจากการเดินทาง

“นาดีลพรุ่งนี้เจ้าสัญญาแล้วนะว่าจะช่วยพูดกับท่านมาริกเรื่องของท่านพี่” ผมอดห่วงไม่ได้และคงจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้รับคำยืนยันจากปากของเจ้าชายนาดีล

“เชื่อข้าเถอะน่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปพบท่านพ่อก่อนแล้วเจ้ากับเอียนค่อยตามเข้าไปที่หลังตกลงนะ” เจ้าชายนาดีลหาววอดใหญ่เขาดูสะลึมสะลือคงจะเพลียจากการเดินทางมาก ผมเองก็เพลียหนักเช่นกันดังนั้นจึงหลับลึกตามนาดีลไปติดๆ

เช้าวันถัดมาผมและท่านพี่เอียนได้มารอเข้าพบราชามาริกและราชินีฟรานซิสด้วยกัน ผมเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูเป็นหนูติดจั่น กังวลจริงๆว่าราชามาริกอาจจะไม่รับข้อเสนอของท่านพี่

“ตื่นเต้นอย่างนั้นหรือฟีล่า” ท่านพี่ถามผม

“ตื่นเต้นสิครับ”

“มานั่งข้างๆกันนี่มา” ท่านพี่กวักมือเรียกให้ไปนั่งรอข้างๆกันผมทำตามอย่างเสียไม่ได้แต่จิตใจไม่สามารถสงบลงได้เลย

“ฟีล่า ขอบใจนะ” คำขอบใจของท่านพี่ทำให้ผมหยุดว้าวุ่น ตอนนี้ท่านพี่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

“พูดอะไรนะครับ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน ข้าย่อมต้องเป็นห่วงท่านอยู่แล้ว”

“เพราะว่าเป็นพี่น้องกันอย่างไรล่ะ ตอนนี้พี่ถึงคิดว่าพี่ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงไป” ท่านพี่ยิ้มขมขื่นแล้วไม่ยอมพูดอะไรอีก ผมร็ดีว่าท่านพี่คงทรมานกับความรู้สึกผิด จังหวะนั้นเจ้าชายนาดีลก็ออกมาจากห้องด้านใน

“เข้าไปได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ของข้ารอเจ้าอยู่” เจ้าชายนาดีลบอกพลางกระพือปีกบินเข้ามาหาผม ผมรับร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีลเอาไว้

“ท่านพี่สู้สู้นะครับ” ท่านพี่หันมาส่งยิ้มให้กับคำอวยพรของผมปล่อยให้ผมนั่งไม่ติดที่รออยู่ที่หน้าห้องกับเจ้าชายนาดีล

“นาดีลตอนที่เจ้าคุยกับท่านมาริก ท่านมาริกว่าอย่างไรบ้าง”

“อย่างรู้หรือ” เจ้าชายนาดีลทำเสียงเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะอิอิอยู่บนตักของผม

“เจ้าก็รู้ว่าข้าอยากรู้ อย่าลีลาหน่อยเลย” ผมเริ่มจะขุ่น แต่เจ้าชายนาดีลยังทำสีหน้าเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะอิอิไม่เลิก งอนแล้วนะ

“เอาเถอะหากเจ้าไม่อยากเล่าข้าก็ไม่ง้อ” แล้วผมก็แสร้งทำเป็นเมินเจ้าชายนาดีลอยู่หลายนาทีต่อให้เขาพยายามทำตัวยืดย้วยแบบตลกๆให้ดูผมก็แค่ปลายตามองเท่านั้น ในที่สุดเจ้าชายนาดีลก็ยอมแพ้

“เอาล่ะๆ ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ อันที่จริงท่านพ่อฟังข้อเสนอของเอียนที่ข้าเล่าให้ฟังเงียบๆไม่ยอมปริปากพูด เพราะฉะนั้นการจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเอียนจะมีฝีปากโน้มน้าวท่านพ่อได้มากแค่ไหน ขอโทษนะฟีล่าดูเหมือนว่าข้าจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก”

ผมรู้สึกใจหาย แต่ทำอะไรไม่ได้มากนั้น ดังนั้นจึงได้แต่ส่งแรงใจให้ท่านพี่อยู่ที่หน้าประตู ท่านพี่เข้าไปนานนับชั่วโมง บางครั้งก็มีขุนนางเข้าออกห้องทำงานของราชามาริกด้วย สุดท้ายก็ท้องร้องเสียได้ ต้องแวะไปทานอาหารแล้วกลับมานั่งใหม่ รอแล้วรอเล่าจนในที่สุดก็บ่ายแก่ๆจนได้

“ท่านพี่เข้าไปนานจังนะนาดีล”

“นั่นสิน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระรื่นผิดกับผมที่กังวลจนนั่งไม่ติดที่แล้ว

“ข้าเข้าไปดูเสียหน่อยดีไหม” ผมเสนอความเห็นแต่ในตอนนั้นท่านพี่ก็เดินออกมาจากห้องพร้อมๆกับราชามาริก ท่านพี่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

“ฟีล่าพี่มีเรื่องจะพูดด้วย” ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินตามท่านพี่ไปโดยมีเจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินตามมาติดๆ

“ขอเวลาส่วนตัวให้เราพี่น้องจะได้ไหมเจ้าชายนาดีล” ท่านพี่ยิ้มอ่อนหวานให้เจ้าชายนาดีลดูแล้วช่างประหลาด อุตส่าห์ขอร้องอย่างมีไมตรีจิตแต่เจ้าชายนาดีลดูจะไม่ยอมง่ายๆ

“แหม คู่หมั้นกันยังมีอะไรต้องปิดบังกันอีกล่ะ ข้ากับฟีล่ากำลังจะเป็นคนคนเดียวกันอยู่แล้ว อย่ามากีดกันข้าหน่อยเลยน่าท่านพี่” เจ้าชายนาดีลปริ้นปากพร้อมกับตีฟองปุดๆในร่าง อา….หากดื้อแพ่งถึงขนาดนี้ คงจะไม่ยอมให้ผมกับท่านพี่ได้พูดกันตามลำพังง่ายๆ คิดว่าท่านพี่น่าจะโกรธแต่ท่านพี่กับฉีกยิ้มกว้าง

“ก็ตามใจเจ้าสิ” ท่านพี่อนุญาตง่ายๆแล้วเริ่มต้นนำทางพวกเราให้เดินตามอีกครั้งไปจนถึงห้องส่วนตัวของท่านพี่

“ท่านพี่ครับตกลงว่าท่านมาริกรับข้อเสนอของท่านพี่ไหม” พอเราเข้ามาในห้องผมก็รีบถามทันที ท่านพี่ยิ้มให้ผมพร้อมผงกหัวแทนคำตอบ

“ราชามาริกรับข้อเสนอของพี่ พี่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมสงครามได้ ส่วนความผิดของพี่ ราชามาริกบอกว่าไม่อาจตัดสินใจแทนท่านพ่อท่านแม่ได้ ดังนั้นเมื่อปลุกท่านพ่อท่านแม่จากการหลับใหลได้ ท่านพ่อท่านแม่จะเป็นคนมอบบทลงโทษให้ท่านพี่เอง”

“ท่านพี่ท่านพ่อท่านแม่ไม่มีทางลงโทษท่านพี่รุนแรงแน่ๆข้าเชื่อเช่นนั้น”

“ฟีล่า” ท่านพี่เดินเข้ามาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมเห็นเจ้าชายนาดีลเบ้ปากเป็นสระอิ นี่คงจะไม่ชอบใจที่ท่านพี่แสดงความสนิทสนมกับผมแหงๆ

“ข้าทำเรื่องไม่ดีเอาไว้มาก เพราะหลงมัวเมาแต่กับเรื่องความแค้นและตัณหา ข้าเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องได้รับโทษจากท่านพ่อท่านแม่ เพียงแต่ว่าข้าดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องตกตายด้วยน้ำมือคนอื่นแทนที่จะเป็นท่านพ่อท่านแม่ สุดท้ายแล้วข้าก็อยากจะให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นผู้มอบบทลงโทษให้”

“ท่านพี่” อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ ผมได้แต่ปาดน้ำตา คิดถึงสมัยยังเป็นเด็กหรือเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ที่เรายังมีความสุขร่วมกัน

“แต่ว่านะฟีล่า พี่ในตอนนี้คงทำได้แค่ยินดีกับความสุขของเจ้าที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้” ท่านพี่ยิ้มละไม

“ข้าได้หารือกับราชามาริกเรื่องงานแต่งงานของเจ้ากับเจ้าชายนาดีลในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตัดสินแทนได้เพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ ฟีล่าในเมื่อเจ้ารักเจ้าชายนาดีลพี่ขอให้เจ้ามีความสุขนะ”
ตอนนี้เจ้าชายนาดีลโห่ร้องด้วยความชอบใจ เขาโดดออกจากอ้อมแขนของผมแล้วเด้งดึ๋งๆไปรอบๆผมกับท่านพี่

“ตอนนี้ข้ากับราชามาริกลงความเห็นว่า เพื่อให้การยกทัพไปปราบคาลอสเป็นไปอย่างชอบธรรมจึงต้องให้เจ้ากับเจ้าชายนาดีลเป็นสามีภรรยาโดยชอบธรรม เช่นนั้นแล้วการยกทัพไปปราบกบฏจึงจะดูไม่เป็นการแทรกแซงเรื่องภายใน”

“อา…..ครับ” ผมหรี่ตามองดูเจ้าชายนาดีลที่ลั๊นลาโดดดึ๋งอย่างสุดๆ อดหมันไส้ไม่ได้จริงๆ แต่ผมไม่มีข้อคัดค้านใดใดทั้งนั้น กระนั้นก็อดที่จะกังวลถึงอนาคตหลังแต่งงานตามประสาคนใกล้หมดอิสรภาพไม่ได้

“อย่าทำหน้ายุ่งยากใจเช่นนั้นสิ เจ้าทำหน้าเหมือนบุตรสาวที่ไม่อยากออกเรือนอย่างไรอย่างนั้น” ผมคงทำหน้าอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละตอนนี้เจ้าชายนาดีลงอนตุ๊บป่องๆ เขาพองลมในกระพุ้งแก้ม

“เจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าหรือฟีล่า คนใจร้ายข้าหรือก็เฝ้ารอวันที่เราจะได้เป็นสามีภรรยากัน” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลโดดึ๋งดั๋งตรงหน้าผมปากก็เอาแต่พูดบ่นว่าทำไมหรือไม่ใช่ใช่ไหมดูแล้วช่างวุ่วายไปหมด

“พอ….พอได้แล้ว ข้าไม่ได้ไม่อยากแต่งกับเจ้า….ก็แค่….” ผมอึกอักอดวิตกไม่ได้ สิ่งที่ผมกำลังวิตกคือคืนแรกของการแต่งงาน ผมกังวลถึงเรื่องอย่างว่านะแหละครับไม่มีเรื่องอื่น

“ก็แค่อะไร ไหนอธิบายมาสิฟีล่าคนซื่อบื้อ”เจ้าชายนาดีลโดดเหยงๆตรงหน้า เขาโหวกเหวกโวยวายเอาเรื่อง แม้แต่ท่านพี่ยังหัวหมุนไปหมดจนแสดงออกทางสีหน้า

“ให้ตายข้าก็ไม่บอกเจ้าหรอก” ผมแลบลิ้นให้เจ้าชายนาดีล จากนั้นเพราะทนให้เขาเซ้าซี้ไม่ไหวผมจึงกล่าวลาท่านพี่แล้วหนีกลับไปยังห้องนอนเจ้าชายนาดีลรีบตามมาติดๆ

“ฟีล่าเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้านะ” เจ้าชายนาดีลบินตามจี้ไล่หลังยิกๆ ลองได้ตื้อขนาดนี้เห็นทีจะไม่ยอมเลิกง่ายๆ

“ฟีล่าคนใจร้าย ฟีล่าคนบ้า ฟีล่าจอมงี่เง่า” ถึงแม้จะกลับเข้าห้องแล้วยังไม่เลิกโวยวายพร้อมกับโดดึ๋งๆไปรอบๆ
ในที่สุดผมก็ยอมแพ้
   
“เข้าใจแล้วๆ ข้ายอมพูดก็ได้” ผมยอมแพ้แล้วจริงๆจึงตัดสินใจที่จะพูด แต่ก็กระดากปากเขินอายอย่างยิ่ง
   
“ข้า………………….”
   
“ว่าอะไรนะ เอาไหมสิฟีล่า” ผมอึดอัดอย่างยิ่งนี่ต้องให้ผมตะโกนเลยหรือไงนะเจ้าชายนาดีลถึงจะได้ยิน
   
“ข้ากลัว………………”
   
“ฟีล่า เจ้าพูดเบาเสียจนข้านึกว่าเจ้าเป็นคนใบ้แล้วนะนี่” โกรธแล้วนะความนี้ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าชายนาดีลแล้วตะโกนเสียงดัง
   
“ข้ากังวลเรื่องคืนแรกของเราไงล่ะ”
   
“คืนแรก” เจ้าชายนาดีลทำหน้าฉงน บ้าเอ๊ยนี่เขาต้องให้ผมพูดให้ชัดเจนกว่านี้หรือไง
   
“อ๋อ……” เจ้าชายนาดีลลากเสียงเจ้าเล่ห์ ตอนนี้เจ้าสไลม์บ้าหัวเราะอิอิดูแล้วอันตรายสุดๆ
   
“ฟีล่านี่ละก็ ฮิฮิ ….”
   
“หัวเราะอะไร” ผมหน้าบึ้ง
   
“ก็เจ้าน่ารักข้าก็อดยิ้มอดหัวเราะไม่ได้นี่” ผมเบ้ปาก ไม่มีทางคิดในแง่ดีกับสไลม์เจ้าเล่ห์จอมหื่นอย่างเขาแน่
   
“ฟีล่าจ๋า” เจ้าชายนาดีลเข้ามาถูไถร่างกายเข้ากับผม
   
“ข้าสัญญานะว่าคืนแรกของเราเจ้าจะมีความสุขที่ซู๊ดดดดดด” ผมหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงกิจกรรมทางเพศผมคว้าเอาหมอนมาทุบๆๆเจ้าชายนาดีลอย่างบ้าคลั่ง
   
“เจ้าบ้าๆๆๆๆๆ” เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบอกชอบใจพลางโดดหลบการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของผม


ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
น่ารักดี ชอบเจ้าชายสไลม์จังค่ะ ฟีล่าก็น่ารัก

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อยากรู้เร็วๆ แล้วว่า คืนแรกของสไลม์ กับฟิล่า :ling1: :ling1: :ling1:
จะเป็นไปตามที่สไลม์ สัญญากับฟิล่าหรือเปล่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่23
   
“สวยมาก” ผมได้แต่ยืนเป็นตุ๊กตาปล่อยให้ท่านฟรานซิสจับเปลี่ยนชุดไปมานับสิบๆครั้ง ตอนนี้ผมกำลังลองชุดแต่งงานที่ถูกตัดขึ้นอย่างเร่งด่วนภายในห้าวัน
   
“ชุดนี้ก็ดีนะจ๊ะฟีล่า ฟีล่าชอบหรือเปล่าจ๊ะ” ผมพยักหน้าหงึกๆอันที่จริงชุดทุกชุดที่ลองมาล้วนสวยไปหมดเสียทุกชุด ทำให้แม้แต่ผมเองก็ยังเลือกไม่ถูก
   
“ฟีล่าเลือกมาซักชุดสิจ๊ะ แต่แม่ว่านะ ชุดสีขาวที่ใส่อยู่ตอนนี้เหมาะกับฟีล่าที่สุดแล้วจะ”
   
“เอาชุดนี้ก็ได้ครับ”
   
หลังจากวุ่นวุ่นเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานอีกพักใหญ๋ผมก็ได้พักกับเขาบ้างเสียที อยากเจอหน้าท่านพี่แต่พอรู้ว่าท่านพี่เข้าพบราชามาริกเพื่อปรึกษาเรื่องกลยุทธในการศึกที่ใกล้จะมาถึงผมก็ไม่กล้าจะไปรบกวน ผมเอาแต่วุ่นอยู่กับท่านฟรานซิสเรื่องการเตรียมงานแต่งจนเวลาผ่านไปถึงหนึ่งเดือน
   
“งานฉลองสละโสด”
   
“ช่ายแล้ว” เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างตอนนี้ผมได้กลิ่นแอลกอฮอลจำนวนมหาศาลจากร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีล
   
“นี่คือเหตุผลของกลิ่นเหล้าที่มาจากตัวเจ้าหรือเจ้าบ้า” ผมเท้าเอวขณะคุยกับเจ้าชายนาดีล คิดอยู่นะหากว่าเขาเมาไม่รู้เรื่องล่ะก็จะไม่ยอมให้มานอนด้วยเด็ดขาด
   
“เหม็นกลิ่นเหล้าเจ้าไปตกถังเหล้ามาหรือไงกันนะ” ผมเบ้ปากให้เจ้าชายนาดีลที่เอาแต่ยิ้มกว้าง สุดท้ายแล้วถึงจะไม่ชอบใจแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมให้เขามานอนข้างๆอยู่ดี
   
“อันที่จริงพวกเราลงไปแช่บ่อเหล้าที่ถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อข้ามา เป็นความคิดของราอูลนะ ข้าแค่ทำตามเพราะเห็นว่าสนุกดี”
   
“ถึงจะโบ้ยว่าเป็นความผิดของราอูลก็เถอะ แต่เจ้าคงไม่ได้ดื่มมาจนเมาใช่ไหม” ผมถามเพราะสงสัย เพราะถึงจะได้กลิ่นเหล้าแรงๆจากตัวเจ้าชายนาดีล แต่เขายังพูดชัดถ้อยชัดคำและไม่มีท่าทางเหมือนคนสเมา
   
“ฟีล่า บอกไว้ก่อนเลยว่าข้านะคอแข็งมาก” ผมพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ ตอนนี้รู้ชัดแล้วว่าเจ้าชายนาดีลคงไม่ได้เมาอย่างที่ผมคิดในตอนแรก
   
“ฟีล่าเจ้าตื่นเต้นหรือไม่”
   
“เรื่องอะไร” ผมแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่แท้จริงแล้วพยายามปกปิดไม่ให้เจ้าชายนาดีลรู้ว่าผมตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ เพราะอย่างนั้นการที่เจ้าชายนาดีลกลับเข้ามาในห้องตอนตีหนึ่งผมคงไม่ตาสว่างแบบนี้
   
“นี่เจ้าไม่ตื่นเต้นเลยหรือเจ้าสาวไหม พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกันแล้วนะ” เจ้าชายนาดีลทำตาโต รู้อยู่แล้วว่าแกล้งทำเป็นตกใจ เพราะในวินาทีถัดมาเขาก็ยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย
   
“แต่ก็ดีน้าถ้าเจ้าสาวไม่ตื่นเต้น คืนแรกของเราคงจะผ่านไปได้ด้วยดี” ผมถอนหายใจ เบื่อเหลือเกินที่เจ้าชายนาดีลกระตือรือร้นแต่กับเรื่องอย่างว่า ตอนนี้ผมชักจะเริ่มปลงแล้ว ยังไงซะก็ดูท่าจะหนีเรื่องนี้ไม่พ้นเพราะยังไงเราก็จะเป็นสามีภรรยากัน
   
“ฟีล่า ข้าปลื้มใจจัง” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรี้
   
“อย่างนั้นหรือ”    
   
“ต้องอย่างนั้นสิ อุตส่าห์รอมาตั้งหลายปีนี่นา ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วล่ะนะว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง”
   
“ไม่คิดบ้างหรือไงว่าอาจจะมีปัญหาให้เราต้องไม่แต่งงานกันก็ได้นะ”
   
“ก็เกือบๆอยู่เหมือนกันนะ ก็เพราะเอียนไง แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่ใช่หรือ” ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงตอนนี้เจ้าชายนาดีลขยับตัวเข้ามานอนใกล้ๆผม
   
“อย่างนี้นับว่าเราสองคนฝันฝ่าอุปสรรคร่วมกันได้หรือเปล่านะ”
   
“ก็ได้อยู่นะ ถึงแม้อุปสรรคจะไม่หนักหนาสำหรับข้าก็เถอะ แต่อะไรหลายๆอย่างก็ทำให้เราแน่นแฟ้นกันขึ้นแบบทุกวันนี้ไง” ผมเริ่มจะง่วง นาดีลเองก็เหมือนกันสุดท้ายเราสองคนก็หลับตาลง
   
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะนาดีล” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะหลับลึกแล้วไปตื่นอีกครั้งในเช้าวันใหม่
   
ถึงแม้จะมีการเตรียมการล่วงหน้าถึงหนึ่งเดือน แต่ในเมื่อเป็นงานอภิเษกของเจ้ารัชทายาทอย่างนาดีล การเตรียมการจึงมีหลายขั้นตอนและวุ่นวายหนัก ตอนนี้นอกจากจะเตรียมงานฉลองยังต้องคอยจัดการกับแขกที่จะมาร่วมงานซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำของเผ่าพันธ์ต่างๆ
   
ท่านฟรานซิสนอกจากจะคอยดูแลผมเตรียมตัวยังต้องแวะเวียนไปดูแลแขกเหรื่อทุกท่าน เวลานี้แขกทุกคนเข้าพักในปราสาทจนครบหมดทุกคนแล้ว และกำลังรอคอยให้เจ้าสาวเจ้าบ่าวออกไปทำพิธี
   
“ตื่นเต้นไหมจ๊ะฟีล่าที่ต้องทำพิธีแต่งงานหน้าลานพิธีต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก หากตื่นเต้นจะดื่มเหล้าซักนิดเพื่อคลายเครียดก็ได้นะจ๊ะ” ผมส่ายหน้าไปมา ยอมรับว่าตื่นเต้นจริงอย่างที่ท่านฟรานซิสคิด แต่ไม่อยากดื่มเหล้าแต่ไหนแต่ไรผมเป็นคนคออ่อนมากอยู่แล้ว
   
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะจ๊ะได้เวลาแล้ว ทุกคนกำลังรออยู่นะ” ผมถูกพาออกไปยังลานพิธี เมื่อไปถึงประชาชนชาวสไลม์และเผ่าต่างๆมากมายอาทิเช่นก๊อบลิน เอลฟ์ลิซาร์ดแมนหรือพวกคนแคระต่างพากันจ้องมองมายังผม โอ๊ยยยยยยเครียดอ่ะ ผมไม่นึกว่าจะต้องมาสาบานรักกับเจ้าชายนาดีลต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
   
ผมเดินไปตามพรมแดงซึ่งทอดยาวไปจนถึงนักบวชประจำเผ่า ที่ตรงนั้นเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ตัวนุ่มนิ่มรอผมอยู่ ตอนนี้ผมพยายามนึกถึงงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆร่วมไปถึงการแต่งงานของชายหญิงในความทรงจำจากชาติที่แล้ว ผลที่ได้คือไม่ต่างกัน มีการสาบานกันต่อหน้านักบวชแล้วแลกแหวนหมั้น ก่อนจะเข้าพิธีจริงผมก็ได้ซักซ้อมกับท่านฟรานซิสมาแล้วเหมือนกัน เมื่อไปถึงตรงหน้านักบวชนักบวชเผ่าสไลม์ก็เริ่มพิธีทันที
   
“ฟีล่า แอสเทียร์ ไอเซนการ์ด เจ้ายินดีจะเป็นภรรยาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับ นาดีล อัล คามาร์ และจงรักภักดีต่อเขาตลอดไปหรือไม่”
   
“ยินดีครับ” ผมตอบอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นนักบวชก็ตั้งคำถามเดียวกันกับเจ้าชายนาดีลบ้าง
   
“นาดีล อัล คามาร์ เจ้ายินดีจะเป็นสามีใช้ชีวิตร่มกับ ฟีล่า แอสทียร์ ไอเซนการ์ด และดูแลให้มีความสุขไปตลอดชีวิตหรือไม่”
   
“ยินดีครับ” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างเมื่อเราต่างคนต่างสาบานกันแล้ว นักบวชก็สั่งให้เราแลกของแต่งงานกัน ท่านฟรานซิสนำแหวนสองวงมาให้ผมกับเจ้าชายนาดีล เจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินเข้ามาใกล้ผม จำแลงส่วนหนึ่งของร่างกายให้เป็นรูปมือแล้วสวมแหวนเข้ามาที่นิ้วนางของผม
   
ในทางกลับกันผมเริ่มจะงงว่าจะสวมแหวนให้เจ้าชายนาดีลอย่างไรดี ในตอนนั้น เจ้าชายนาดีลก็อ้าปากแล้วโดดงับกลืนเอาแหวนหมั้นเข้าไปในร่างโปร่งแสงของเขา นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผมอัศจรรย์ใจ ปริศนาลับที่ว่าเขาเอาสิ่งของไปในตรงส่วนไหนของร่างกายกันทำให้ผมทึ่ง อดนึกถึงตอนที่เขาเอาคริสตัลวิเศษออกมาจากร่างไม่ได้
   
“จูบสาบาน”
   
สิ้นคำสั่งของนักบวช เจ้าชายนาดีลก็กระพือปีกเข้ามาใกล้แล้วจุ๊บแผ่วๆลงบนปากของผม เราสัมผัสกันแค่แตะๆเท่านั้น ผมพอใจที่เราจูบกันแบบเบาๆ เพราะว่าหากต้องจูบกันแบบแนบแน่นผมคงอับอายหนักเพราะว่าเป็นการจูบกันต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก แต่ก็นั่นแหละจูบกับสไลม์ตัวน้อยๆไม่น่าอายหรอกเพราะแตกต่างกับจูบกับเจ้าชายนาดีลในร่างคนไปไกลมาก
   
วินาทีที่เราถอนจูบกัน เสียงโห่ร้องยินดีของประชาชนก็ดังขึ้น ดูเหมือนทุกคนจะยินดีให้กับการแต่งงานของผมกับเจ้าชายนาดีล อดปลื้มปิติไม่ได้ที่มีผู้คนมายินดีอย่างคับคั่ง จากนั้นผมกับเจ้าชายนาดีลก็ถูกพาแห่โชว์ตัวไปรอบอาณาจักร กินระยะเวลากว่าสองชั่วโมงกว่าเราจะได้พัก
   
แต่ยังไม่หมดยังมีงานเลี้ยงฉลองยามค่ำคืนทั้งในปราสาทสำหรับชนชั้นสูงและขุนนางและนอกปราสาทสำหรับพวกประชาชนอีกด้วย
   
ยามค่ำคืนผมหาโอกาสปลีกตัวจากงานมานั่งพักอยู่ที่ริมระเบียงได้เป็นผลสำเร็จ ยอมรับละว่าเหนื่อยมากต่อการพบปะผู้นำของเผ่าต่างๆ บางท่านก็มาแสดงความยินดี แต่บางท่านก็มาพูดเกี่ยวกับการเมืองล้วนๆ เรื่องการเมืองทำให้ผมคิดหนักเกี่ยวกับสงครามที่ใกล้จะเกิดขึ้นไม่ได้
   
พอนึกถึงสงครามก็คิดถึงท่านพี่ ท่านพี่ร่วมงานพิธีตอนเช้าด้วยก็จริงแต่ว่าไม่ได้มาร่วมงานฉลองยามค่ำนี้ด้วย ไม่โกรธที่ท่านพี่ไม่มาร่วมงานเพราะเข้าใจว่าท่านพี่คงอึดอัดหากต้องเจอกับคำถามร้อยแปดของพวกผู้นำเผ่าและขุนนางมากมาย
   
ผมหลบมุมมาพักผ่อนได้ไม่นานนักเจ้าชายนาดีลก็ชวนผมออกกลับเข้าไปในงาน การได้มาหลบพักซักครู่หนึ่งของผมทำให้พอมีพลังงานเหลือไปสู้รบกับพวกแขกที่มาร่วมยินดีได้ เราสองคนอยู่ในงานกันจนถึงห้าทุ่มสุดท้ายท่านมาริกกับท่านฟรานซิสก็ลงความเห็นว่าให้พวกเราไปพักผ่อนกันเสียทีได้แล้ว
   
“ฟีล่า นาดีลลูกรัก คืนนี้เป็นคืนสำคัญของพวกเจ้า ไปพักผ่อนกันได้แล้วนะ” เจ้าชายนาดีลเริงร่าสุดๆ ท่าทางเขาจะคอยเวลานี้มานานแล้ว หัวใจผมเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น ทั้งๆที่เตรียมใจในการผ่านคืนแรกกับเจ้าชายนาดีลมาแล้วแท้ๆนะ แต่ก็ยังอดประหม่าไม่ได้

   ทางเดินที่ทอดยาวไปจนถึงห้องหอของพวกเรากลายเป็นทางเดินที่ยาวนานที่สุด เพราะหัวใจผมเต้นถี่ระรัวจนนับไม่ถ้วน ทั้งยินดีและไม่ยินดีที่ทางเดินไปสู่ห้องหอแสนจะยาวยืด ในใจของผมเต็มไปด้วยความกังวล
   
ผมลอบมองเจ้าชายนาดีลที่กระพือปีกบินเคียงข้างเป็นระยะๆ เจ้าชายนาดีลดูมีความสุข เขาผิวปากท่าทางดูลั๊นลา ต่างกันกับผมที่ยิ่งเข้าใกล้ห้องหอก็ยิ่งตระหนก รู้สึกได้ถึงความชื่นจากเหงื่อบริเวณหน้าผาก

   บ้าเอ๊ย…..นี่ผมกลัว กลัวแบบเดียวกับที่พวกสาวบริสุทธิ์กลัวคืนแรกของวันแต่งงาน คิดอยู่นะว่ามันบ้ามาก แต่ให้ทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อผมรู้แล้วนี่ว่าเจ้าชายนาดีลเขามีร่างมนุษย์ไม่ใช่แค่สไลม์ตัวนุ่มนิ่มที่ไม่น่าจะทำเรื่องบัดสีกับผมได้
   
“ถึงแล้วน้า” เจ้าชายนาดีลใช้มือจำลองของเขาเปิดประตูห้องหอของเรา เขาบินนำผมเข้าไปในห้อง ผมใช้มือลูบหน้าที่ชื้นเหงื่อ พยายามขับไล่ความกังวล
   
“มานั่งข้างๆข้าสิฟีล่า” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลไปนั่งปุอยู่ที่ริมเตียงกว้าง เขาเรียกผมให้ไปนั่งข้างๆหรือ ผมลังเลยืนเก้เก้กังกังอยู่นาน
   
“ฟีล่าคนซื่อบื้อข้าเรียกให้เจ้ามานั่งข้างๆอยู่นะ” นาดีลพองลมในปากอย่างแสนงอน สุดท้ายผมก็ก้าวเดินอย่างไม่เป็นธรรมชาติไปนั่งลงข้างๆเขาตรงริมเตียง
   
อา……..หัวใจผมเต้นระทึกเป็นจังหวะรัวกลองแบบถี่ยิบจนแทบจะหลุดจากออกจากอก บอกไม่ได้เลยว่าตื่นเต้นหรือหวาดกลัวกันแน่ แต่เชื่อเถอะ ผมไม่สามารถหยุดความระทึกนี้ให้สงบลงได้ง่ายๆเลย
   
“ฟีล่าดื่มเหล้าเจ้าสาวหน่อยไหม” เจ้าชายนาดีลใช้มือจำลองเทเหล้าอุ่นที่วางอยู่บนหัวเตียงจากเหยือกลงแก้วส่ง
ให้
   
“อืม...ขอบคุณนะ” ผมรับแก้วมาจิบทีละนิด ถึงรสชาติจะดีแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้ากระดกทีเดียวหมดเพราะกลัวจะโดนนาดีลกลับร่างเป็นคนแล้วจับกดให้สมกับเป็นเจ้าสาวโดยที่ยังไม่พร้อม

แน่นอนว่าผมชอบนาดีลจากใจจริง รู้สึกหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้ๆ แต่จิตใต้สำนึกมันก็ยังยอมรับที่ตัวเองจะต้องเป็นผู้ถูกกระทำไม่ได้อยู่ดี.....นอกจากศักดิ์ศรีความเป็นชายจะค้ำคอแล้ว ผมยังกลัวเจ็บตัวอีกด้วย

“ฟีล่านี่น่ารักจังเลยน้า มาให้ข้าหอมแก้มเสียดีๆ .... ถึงเวลาที่ข้าจะกลายร่างเป็นคนแล้วเอ็นดูเจ้าสาวสินะ อิอิ” เจ้าชายนาดีลเบียดร่างกลมๆ เข้าใกล้ผมมากขึ้นพร้อมกับพูดวลีเหมือนลุงแก่ๆ

นะ น่ากลัวเกินไปแล้ว....ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองซีด พอนึกถึงร่างคนของนาดีลแล้วจะไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ผมชอบนาดีลที่เป็นสไลม์นุ่มนิ่มน่ารักไร้พิษภัยมากกว่า

 “นา...นาดีล อย่างน้อยวันนี้เจ้าไม่กลายร่างเป็นคนได้ไหม เรื่องเข้าหอเอาไว้วันอื่นเถอะนะ ในคืนที่สำคัญแบบนี้ไม่คิดว่ามีอะไรอื่นที่น่าทำมากกว่าเหรอ... อย่างเช่น นั่งจิบน้ำชาอ่านหนังสือประวัติศาสตร์กัน” ผมฉีกยิ้มก่อนจะคว้าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนาที่บังเอิญวางอยู่แถวนั้นขึ้นมาชูให้เจ้าชายนาดีลดู

“บู่ หนังสือน่าเบื่อนั่นจะไปสำคัญกว่าการเข้าหอของเราได้ยังไง ข้าว่าข้ารีบกลายร่างดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวฟีล่างี่เง่าจะพูดเรื่องไร้สาระยันสว่างซะก่อน” เจ้าชายนาดีลดีดร่างกลมๆ กระแทกหนังสือจนหลุดจากมือผมไปอยู่อีกมุมห้องในทันที

อ่า.....จะยอมให้นาดีลกลายร่างไม่ได้เด็ดขาด เมื่อเห็นว่านาดีลทำท่าจะกลายร่างแล้วผมก็รีบหอมแก้มเขาเบาๆ พร้อมกับออดอ้อนสุดชีวิต เอาวะฟีล่า เพื่อสวัสดิภาพมารยาหน่อยจะเป็นไรไป

“นาดีล... คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนข้าในร่างนี้เถอะนะ อย่างน้อยในคืนส่งตัว ข้าก็อยากอยู่กับเจ้าในร่างที่แท้จริงมากกว่า เรามานั่งคุยกันอย่างสนิทสนมกันดีกว่านะ ให้ข้าบอกรักเจ้าทั้งคืนเลยดีไหม” โอล่า นี่คือท่าไม้ตาย ผมคิดนะว่าเจ้าชายนาดีลน่าตกหลุมพรางของผมเอาล่ะเจ้านาดีล ผมพร้อมที่จะบอกรักนายจนถึงเช้าแล้ว....โยนเรื่องเข้าหอทิ้งลงกรุไปซะเถอะ!!!

“ฟีล่างี่เง่า ในคืนส่งตัวใครเขาอยู่ในร่างที่แท้จริงกัน อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะกลับร่างเป็นมังกรน่ะเจ้าคิดว่าห้องนี้จะพอสำหรับร่างเจ้ารึไง อย่าบอกนะว่าจะให้พวกเราไปสวีทกันกลางแจ้งเพราะในปราสาทนี่นอกจากท้องพระโรงแล้วก็ไม่มีห้องไหนใหญ่พอให้มังกรมานั่งจิบน้ำชาเล่นหรอกนะ” เจ้าชายนาดีลเด้งตัวขึ้นๆ ลงๆ อยู่ข้างๆ ผมแสดงความไม่พอใจ

“ไม่ใช่...หมายถึงข้าอยากผ่านคืนแรกของเรากับเจ้าในร่างสไลม์เท่านั้นเอง...” ผมพูดความรู้สึกออกไปตามตรง ครั้งนี้ได้ผล...เจ้าชายน่าดีลเปลี่ยนท่าทีเป็นกระแซะตัวกลมๆเข้าหาผมแทน

“โธ่เอ้ยก็ไม่บอกแต่แรก.....ฟีล่านี่นี่น้า ช่วยไม่ได้ คืนนี้ข้าจะอยู่ในร่างสไลม์ก็แล้วกัน รีบๆ ก้มหน้ามาให้ข้าจุ๊บๆ สักทีสิก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจกลายร่างเป็นมนุษย์ อ้อ แล้วอย่าลืมบอกรักข้าทั้งคืนอย่างที่พูดด้วยล่ะ” เจ้าชายนาดีลพูดอย่างลำพองใจเป็นที่สุด

แปลว่าผมรอดแล้วสินะ.....

ผมก้มหน้าลงไปจุ๊บกับนาดีลตามที่เขาร้องขอ ผมหลับตาพริ้มและจูบเขาแผ่วเบา น่าแปลกรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาพันรัดร่างเอาไว้

ไม่สิ....ผมกำลังถูกเจ้าชายนาดีลรัดเอาไว้ด้วยร่างกายของเขาแถมยังฉวยโอกาสละลายเสื้อผ้าออกทีละนิด

“อ๊ะ นาดีล...ทำอะไรน่ะ ไหนว่าเราจะนั่งคุยกันทั้งคืนไง” ผมพยายามผลักนาดีลออกไปแต่เหมือนตัวของเขาจะใหญ่ขึ้นจนแทบจะกลืนกินผมไปทั้งร่าง ตอนนี้เสื้อผ้าที่ติดอยู่กับร่างของผมแทบจะละลายหายไปหมด นี่มันบ้าอะไรนี่

“ฟีล่า อย่าดิ้นนักสิ เดี๋ยวข้าก็เผลอละลายเอาร่างของเจ้าไปด้วยหรอก” นาดีลพูดอย่างขำขัน ถึงเขาจะตลกแต่ผมไม่รู้สึกตลกด้วยสักนิด แถมยังรู้สึกแปลกๆตามเนื้อตัว จนอดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเองที่ความสามารถในการขัดขืนลดลงไปเรื่อยๆ

“อึก....อือ....เจ้าทำอะไร...ทำไม่รู้สึกแปลกๆ......” ผมครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ที่ข้างหูได้ยินเสียงหัวเราะของนาดีลดังเบาๆ

“ทั้งที่ตั้งใจว่าจะใช้ร่างมนุษย์เอ็นดูเจ้าก่อน แล้วค่อยตะล่อมให้ยอมมีอะไรด้วยในร่างนี้ทีหลัง ไม่คิดเลยว่าฟีล่าจะเป็นฝ่ายเรียกร้องออกมาเอง แปลว่าเราสองคนใจตรงกันสินะ” เผ่าพันธุ์สไลม์ที่ได้ชื่อว่ามีร่างกายที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร้ขีดจำกัดทำให้ผมได้ประจักก็วันนี้ ระหว่างที่สติผมเริ่มกระเจิดกระเจิงไปด้วยความรู้สึกวาบหวิวเจ้าชายนาดีลก็เริ่มเสียดสีร่างกายนุ่มนิ่มของเขาเข้ากับร่างผมจนความต้องการของผมถูกกระตุ้นจนถึงที่สุด ร่างนิ่มๆ ลื่นๆ ไหลมาพันธนาการรอบตัว ยังไม่รวมส่วนของรยางค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเย้าแหย่ส่วนต่างๆของร่างกายอีกล่ะ

“อ๊ะ....ตรงนั้นไม่ได้นะ อะ อย่า.....อะ อา....” เสียงร้องห้ามของผมเปลี่ยนเป็นครางออกมาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้ว่าแก่นกายของผมถูกรัดและเสียดสี พอมองลงไปก็พบว่ารยางค์นุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีลพันรัดเอาความเป็นชายของผมแล้วเริ่มขยับรูดขึ้นลง
พระเจ้า.....นี่ผมกำลังถูกสไลม์ปล้ำอยู่นี่นา.....

ในตอนนั้นความทรงจำจากชาติที่แล้วก็แล่นวาบเข้ามาในสมอง ในชาติที่แล้วก็มีกลุ่มคนซึ่งนิยมการ์ตูนโป๋ที่นางเอกสาวน้อยถูกลไลม์และระยางค์เข้าโจมตีแบบนี้อยู่เหมือนกัน......การ์ตูนที่ผมแค่มองผ่านๆ และด่าเพื่อนว่ามันเพี้ยนที่อ่านของแบบนี้!!!!

ผมคิดไปได้ยังไงว่าสิ่งมีชีวิตสุดหื่นนี่เป็นพิษเป็นภัยน้อยกว่าร่างมนุษย์

“อึก....ไม่เอาแล้ว....นาดีล พอแล้ว อะ อา....” ผมแทบคลั่งเมื่อถูกรีดเค้นส่วนนั้นจนปลดปล่อยอยู่หลายครั้ง ตอนนี้เจ้าชายนาดีลเอาแต่หัวเราะอิอิ ผมทั้งเสียวซ่านทั้งอับอายแต่ก็ไม่สามารถต่อต้านได้เพราะถูกพันรัดเอาไว้แน่นหนา

“อึกหยุดเถอะ” ผมร้องขอ แต่เจ้าชายนาดีลก็ยังไม่หยุดใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายเข้ารีดเค้นหยาดน้ำจากผมอย่างต่อเนื่อง ในตอนนั้นเรียวขาของผมก็ถูกเจ้าชายน่าดีลจัดท่าทางให้แยกออกกว้าง ผมตกใจจนสะอึกและน้ำตาเริ่มคลอเบ้าเมื่อเห็น ส่วนหนึ่งของร่างกายเจ้าชายนาดีลที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชายยื่นมาตรงหน้า

“ถ้าจะมีความสุขด้วยกันในร่างสไลม์ก็ต้องประมาณนี้ละน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรื่น ในทางกลับกันผมผวาเมื่อคิดว่าเจ้าชายนาดีลจะสอดสิ่งนั้นเข้ามาในร่างกายของผม

“นะ…..นาดีล…..ข้อร้องล่ะ…..ข้าไม่ไหวหรอก” ผมขอร้องด้วยเสียงที่ขาดห้วงเพราะถูกกระตุ้นที่แก่นกายอย่างหนัก ผมคิดหาทางล้านแปดเท่าที่สมองซึ่งอ่อนยวบยาบเพราะความหวามหวานจากการปลุกเร้าจะคิดได้

“มันใหญ่เกินไป เข้ามาไม่ได้หรอก”

“เอ๋…..ใหญ่เกินไปหรือ…..นั่นสิน้า……” ผมยิ้มออกเพราะคิดว่าเจ้าชายนาดีลจะละเว้นผม แต่ไม่ใช่ซักนิด
เจ้าชายนาดีลค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเจ้าส่วนที่คล้ายอวัยวะเพศชายออกจนกลายเป็นรูปมือที่เรียวยาว
   
“ลองอะไรที่มันเล็กช่วยเบิกทางก่อนเจ้าจะได้ไม่เจ็บน้า” ผมปล่อยโฮออกมาแล้วจริงๆ น้ำตาไหลพรากเลยครับ หมดสิ้นแล้วความยางอายที่มี ผมทั้งร้องไห้ทั้งครวญครางเมื่อถูกปลายนิ้วจำลองสอดแทรกเข้ามา ไม่นานนักเจ้าสิ่งนั้นก็ขยับในร่างกายของผม เมื่อถูกกระทบเข้ายังจุดเร้นลับที่ซ่อนอยู่บริเวณบั้นท้ายผมก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ
   
“อึก…..อ้า…..นาดีล…..” ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าร้องไห้เพราะความกลัวหรือว่าเพราะรู้สึกดีเกินจนตาพร่า การที่เจ้าชายนาดีลมากระตุ้นร่างกายผมทั้งทางด้านหน้าด้านหลัง มันทำให้ผมแทบคลั่ง สติสตางค์เริ่มไม่คงที่ไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป
   
“เอ้าๆ เจ้าเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้ทำเอาข้ารู้สึกผิด แต่ได้เห็นเจ้าเป็นแบบนี้แล้วมันทำให้ข้าคึกคักน่าดูเลยน้า…”
   
คอนนี้รู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเจ้าชายนาดีลในร่างขยายใหญ่ขึ้น อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองดูแล้วก็พบว่า ส่วนที่ขยับเข้าออกซึ่งเคยเป็นเพียงปลายนิ้วจำลองได้แปรสภาพกลายป็นท่อนเนื้อโปร่งใส คิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป เพราะว่าขนาดอันใหญ่โตทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าแค่ปลายนิ้วเสียอีก บ้าเอ๊ยนี่ผมกลายเป็นพวกวิตถารไปแล้วอย่างนั้นหรือนี่

“ฟีล่า...อย่าลืมบอกรักสิ ไหนเจ้าว่าจะบอกรักให้ข้าฟังทั้งคืนไงล่ะ” จู่ๆ เจ้าชายนาดีลถามทั้งที่ขยับเจ้าส่วนใหญ่โตเข้าออกไม่หยุด ผมอยากจะบีบคอเขานักถ้าตอนนี้เขามีคอให้บีบ ผมไม่ยอมพูดว่ารักเขาอย่างเด็ดขาด แน่ล่ะเพราะแค่จะหายใจหายคอผมยังทำไม่ทันเลยด้วยซ้ำ

 “เอาเถอะถึงเจ้าจะไม่ยอมพูด แต่เสียงครางหวานๆของเจ้าก็บอกชัดอยู่น้า เจ้ารักข้าใช่ม้าไม่อย่างนั้นคงไม่ทั้งครางทั้งหอบกระเส่าแบบนี้แน่ๆ” ผมพยายามถลึงตาใส่เขาแทนคำตอบ แต่มันสุดจะทนจริงๆการถูกสอดแทรกอย่างโดนจุดทุกครั้งทำให้ผมแทบจะไม่มีสติอีกต่อไปแล้ว ร้ายกาจจริงๆ ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่นึกมาก่อนว่าเขาจะกอดผมด้วยร่างของสไลม์แบบนี้ก็ได้ด้วย

เกือบหนึ่งชั่วโมงที่การเล่นรักระหว่างคนกับสไลม์ดำเนินไป ผมปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกที่ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลก็กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วเหมือนกับผม เขาหัวเราะฮิฮิแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้

“เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างน้า” ไม่รู้ถลึงตาใส่เจ้าชายนาดีลไปกี่ครั้งแล้ว ตอนนี้ร่างกายของผมอ่อนล้าจนแทบกระดิกนิ้วไม่ได้

“ยังจะทำอีกหรือ แค่ร่างสไลม์ยังไม่พอหรือไง”

“ก็อยากลองหลายๆแบบนี้น้า…ตื่นเต้นดีออก สนุกดีด้วย” ถูกบอกด้วยเสียงระริกระรื่น เพราะไม่มีแรงจะต่อต้านอีกแล้วจึงได้แต่ปลิดปลง ตอนนี้ผมถูกเจ้าชายนาดีลจัดท่าทางเสียไหม เขาลากไล้ปลายลิ้นไปตามเนื้อตัวของผมและกระตุ้นที่ยอดออก บ้าเอ๊ยนึกว่าผมหมดแรงแล้วเสียอีก แต่พอถูกกระตุ้นอย่างรุกเร้าอีกครั้งไฟราคะกลับจุดติดขึ้นมาอีกง่ายๆ
เกลียดร่างกายตัวเองเองที่เป็นแบบนี้เสียจริงๆ

“อึก อื้อ นาดีลพอเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”

“จะได้ยังไงข้ายังคึกคักอยู่เลยนี่นา อีกอย่างในร่างนี้ข้าเองยังไม่ได้กอดเจ้าเลยซักครั้งนะ ถ้าไม่ได้ทำล่ะก็รู้สึกว่ามันไม่เท่าเทียมยังไงไม่รู้สิ” เป็นข้ออ้างที่ฟังดูแล้วเห็นแก่ตัวและไร้สะระมาก แต่ห้ามเขาได้เสียที่ไหน ตอนนี้เขาสอดแก่นกายใหญ่โตของเขาเข้ามาแล้ว เมื่อภายในของผมถูกเติมเต็มจนล้นความพึงพอใจอย่างคาดไม่ถึงก็หวนกลับมาอีก

“ฟีล่า เจ้าน่ารักที่สุด….บอกข้าหน่อยสิว่าเจ้าก็รักข้า” ถูกอ้อนขอให้บอกรักอีกแล้ว อ่อนอกอ่อนใจเสียเหลือเกิน แต่หากคิดให้ดีเพราะผมก็รักเขาเช่นกัน ถึงแม้จะโกรธนิดๆที่เจ้าชายนาดีลเอาแต่ทำตามใจชอบแต่ไม่เกลียดเลย นอกจากนั้นตอนนี้ยังมีทั้งอารมณ์รักและหวามไหวจนยากที่จะอธิบาย

“ฮึก....รักนาดีล.....รัก........” หลังจากเริ่มบอกรักอย่างเร้าร้อนไปแล้วครั้งหนึ่ง คำรักก็ถูกพลั่งพลูออกมาเรื่อยๆ การบอกรักระหว่างถูกกระแทกกระทั้นแทรกกายเข้ามาทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจ

“ข้าก็รักเจ้าเหมือนกันนะฟีล่า รักที่สุด”
หลังจากบอกรักซึ่งกันและกัน เจ้าชายนาดีลก็แทรกกายเข้ามาถี่กระชั้นขึ้นทุกที่ คราวนี้ไม่หวาดเสียวเท่าตอนที่เป็นร่างต้นของเขา แต่ความเสียวซ่านที่ได้รับนั้นไม่ต่างกันเลยซักนิด

ค่ำคืนนั้นเจ้าชายนาดีลร่วมรักกับผมหลายครั้งทั้งแบบที่อยู่ในร่างต้นและแบบในร่างมนุษย์สลับกันไปมาจนผมหลอมละลายด้วยความใคร่ ไม่อาจทนต่อการปลุกเร้าของเขาได้และสลบไประหว่างกิจกรรมแห่งรักอันเร่าร้อน

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารัก   ชอบ   ฟินนนนนนนนนนน  น่ารักมากกกก
ชอบเอ็นซีสุดๆเลยค่ะ555555
ชอบเอ็นซีมากไม่รู้จะบรรยายยังไงมันฟินได้โล่ห์ค่ะ
ฉากแต่งงานก็น่ารักมากๆ
ขอบคุณคนเขียนด้วยค่ะที่โหวตเราในรางวัลนักอ่าน :)

ออฟไลน์ LiPzTicK*

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักกกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด