พิมพ์หน้านี้ - เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Silvan ที่ 12-09-2016 20:09:28

หัวข้อ: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 12-09-2016 20:09:28
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทนำ 12/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 12-09-2016 20:10:51
เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์

   บทนำ
   
What the hell!!!
   
นี่มันอะไรกันฟะ ทำไมผมต้องหมั้นกับเจ้าสไลม์สีทองมีปีกตรงหน้านี่ด้วยอ่ะ ผมเงยหน้ามองดูท่านพ่อท่านแม่ด้วยความฉงน ก็เจ้าตัวตรงหน้านี่อ่ะมันไม่มีรูปร่างอย่างมนุษย์เสียด้วยซ้ำอ่ะ ซวยจริงๆเกิดชาติใหม่ทั้งทีทำไมท่านพ่อท่านแม่ถึงทำกับผมอย่างนี้……
   
ครับ ผมชื่อฟีล่าครับ ชาตินี้ของผมผมเกิดเป็นมังกรน้ำ ผมมีดวงตาสีเขียวและเส้นผมสีฟ้ากับผิวที่ขาวอมชมพูเสียจนน่าชื่นชม ใครๆก็ชมว่าผมรูปงามทั้งนั้นแม้แต่ท่านพี่ที่ว่ารูปหล่อสุดสุดยังชมผมว่าสวยอยู่บ่อยๆ อันที่จริงก็ไม่ค่อยชอบหรอกที่ถูกชมว่าสวยแต่ช่วยไม่ได้นี่ผมห้ามความคิดคนอื่นเขาได้ที่ไหน
   
ผมจำเรื่องราวในชาติก่อนได้อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ที่จำได้แม่นคือก่อนตายผมเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีที่พลานามัยสมบูรณ์พร้อมครับ ก็ง่ายๆรถชนตายถึงได้มาอยู่ตรงนี้ไง
   
ปัจจุบันตอนนี้ผมในวัยเจ็ดขวบกำลังเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ ว่าด้วยการถูกจับหมั้นกับเจ้าชายเผ่าสไลม์ซึ่งสไลม์ในโลกนี้ไม่ต่างกับสไลม์ที่ผมเห็นในสื่อบันเทิงเมื่อชาติก่อนของผมเท่าไหร่นัก
   
เจ้าพวกนี้มีหลายขนาดและหลายสีสัน รูปร่างเป็นก้อนกลมๆและโปร่งแสง หากว่าคุณๆคิดว่าพวกสไลม์กระจอกก็นับว่าคิดผิด เพราะในโลกที่ผมเกิดใหม่สไลม์ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับมังกรและเป็นศัตรูคู่อาฆาตตลอดการเสียด้วย

   แล้วทำไมผมถึงได้จับพลัดจับพลูหมั้นกับสไลม์ได้นะหรือ ก็ท่านพ่อท่านแม่น่ะสิ พยายามจะสงบศึกกับราชาสไลม์ด้วยการยกผมให้แต่งงานกับเจ้าชายเผ่าสไลม์
   
ให้ตายสิเอาอะไรมาคิดกันนี่ ผม กับเจ้าสไลม์สีทองมีปีกตัวขนาดเท่าลูกบอลนี่นะจะแต่งงานกันในอนาคต ถามหน่อยเถอะเราจะมีเซ็กส์กันอีท่าไหนอ่ะ ขอโทษเถอะที่ผมหยาบคาย ไม่สิที่สำคัญกว่านั้นผมกับเจ้าสไลม์นี่น่าจะเป็นตัวผู้ด้วยกันทั้งคู่ จะมีลูกด้วยกันได้ยังไงวะ
   
โห คำถามล้านแปดแปลเปลี่ยนใบหน้าของผมให้บิดเบี้ยว ผมชี้นิ้วไปยังเจ้าชายสไลม์แล้วแผดเสียงถามพวกผู้ใหญ่ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ผมเป็นคู่หมั้นกับเจ้าสไลม์ตรงหน้า

   “ท่านพ่อท่านแม่ครับถ้าข้าคิดไม่ผิดเจ้าตัว..เอ้ย…เจ้าชายนาดีลเป็นผู้ชายใช่ไหมครับ อย่างนี้ถึงแต่งงานไปเราก็มีทายาทไม่ได้สิ”

   “มีได้สิเจ้าชายฟีล่า โดยปกติพวกเราเผ่าสไลม์จะสืบพันธ์ด้วยการคลอดด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาคู่อยู่แล้ว เรื่องทายาทเจ้าชายอย่าได้กังวลไป”

   What the fuck!!!   

   ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหม ราชาสไลม์สีทองตัวมหึมาบอกว่าพวกสไลม์สืบพันธ์ด้วยการแบ่งร่าง แล้วอย่างนี้จะแต่งงานทำไมอ่ะ ปุจฉาเจ้าชายสไลม์เกิดมาด้วยการที่ราชาคลอดออกมาเองด้วยหรือเปล่า ตอนนี้เครื่องหมายคำถามในจินตานาการลอยอยู่เหนือหัวของผมเต็มไปหมด

   “แต่ถ้าหากว่าเจ้าอยากจะคลอดเอง เผ่าสไลม์เราก็มีวิธีทำให้เจ้าคลอดบุตรได้นะเจ้าชาย นาดีลบุตรชายของเราก็คลอดออกมาด้วยมารดาที่เป็นชายต่างเผ่าเช่นกัน”
   
คำพูดของราชาสไลม์เฉลยอะไรได้หลายอย่าง เล่นเอาผมขนลุกเลยให้ตายสิพับผ่า ผมยอมให้เจ้าชายสไลม์แบ่งร่างออกมาเองยังจะดีเสียกว่า ถ้าหากว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับเจ้าสไลม์ตัวนี้ได้แล้วล่ะก็
   
“ท่านพ่อท่านแม่ครับน้องยังเด็กไปหรือเปล่าครับที่จะมีคู่หมั้น ทำไมไม่รอให้เขาโตก่อนแล้วค่อยให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง”
   
Good job มากท่านพี่เอียน ผมหันไปยิ้มให้ท่านพี่ที่อายุห่างจากผมสี่ปีอย่างมีความหวัง ให้ตายสิถ้าจะมีใครที่เข้าข้างผมก็มักจะเป็นท่านพี่เอียนนี่แหละ
   
“เงียบนะเอียน พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้ว” ท่านแม่เอ่ยเสียงเย็นเพียงท่านแม่ปลายตาเย็นเยียบไปท่านพี่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้อีก
   
ตายล่ะวาผมต้องยอมเป็นคู่หมั้นให้เจ้าสไลม์สีทองมีปีกตัวนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วหรือนี่ ให้ตายสิใครก็ได้ปลุกผมให้ตื่นทีเถอะ



หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทนำ 12/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2016 20:24:04
ชอบบบบ น่าสนใจ ตามต่อละ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทนำ 12/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 12-09-2016 20:35:42
แปลกดีค่ะ จะรอติดตามน้า   แฟนซีด้วย
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทนำ 12/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 12-09-2016 20:43:45
น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทนำ 12/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 12-09-2016 20:55:08
น่าสนใจ  น่าสนุก
ขอติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่1 13/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 13-09-2016 12:05:56
ตอนที่1
   
“งื้อ สบายจุงเบย” ผมพึมพำขณะนอนหลับ ตอนนี้ผมกำลังหลับสบายอยู่บนเตียงอุ่นๆของผม ผมได้ยินเสียงนกที่ด้านนอกหมายความว่าเวลานี้น่าจะเป็นตอนเช้าแล้ว แต่ก็นั่นแหละผมยังไม่อยากตื่นเลย เพราะผมรู้สึกอุ่นสบายราวกับถูกห่อหุ้มด้วยอะไรบางอย่าง
   
เดี๋ยวนะถูกห่อหุ้ม!!!
   
ผมรีบลืมตาขึ้นมา พอลืมตาขึ้นมาได้ผมก็แผดเสียงโวยวาย เพราะอะไรนะหรือก็เจ้าชายนาดีลเอาอีกแล้วนะสิ เขาเข้ามานอนกับผมแถมยังกลืนกินผมเข้าไปในร่างของเขาเสียด้วย ใช่แล้วตอนนี้ผมอยู่ในร่างสไลม์โปร่งแสงสีทองมีปีกซึ่งขยายขนาดให้ใหญ่พอจะกลืนกินผมเข้าไปได้
   
“ปล่อย ปล่อยข้านะ”

ผมใช้กำปั้นทุบผิวหนังจากด้านในร่างของนาดีล จริงๆแล้วพวกสไลม์นั้นนุ่มนิ่ม แต่บทจะทำให้แข็งขึ้นมาพวกเขาก็สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่าเหล็กกล้าเสียอีก แต่ไม่ใช่กับตอนนี้เสียทีเดียว พนังในร่างของเจ้าชายนาดีลนั้นยืดหยุ่นไม่ว่าผมจะทุบเท่าไหร่ก็ไม่เจ็บมือ ผมเคยใช้เวทมนต์โจมตีนาดีลจากภายในปรากฏว่านาดีลจะเปลี่ยนสีไปตามธาตุของเวทย์มนต์ยกตัวอย่างเช่นถ้าใช้น้ำโจมตีเขาจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า
   
แน่นอนว่าการเปลี่ยนสีมาจากการที่เขาดูดซับพลังการโจมตีเวทย์ให้หายไป โจมตีทางกายภาพก็ไม่ได้ โจมตีทางเวทย์ก็ไม่ได้ หมายความได้อย่างเดียวคือต้องรอให้เจ้าชายนาดีลคายผมออกด้วยตัวเอง
   
“เจ้าบ้า เจ้าบ้า เจ้าบ้า ปล่อยข้าออกไป” ผมอาละวาดเหมือนทุกที ถึงหนึ่งสัปดาห์มานี้จะโดนเล่นงานเกือบทุกวัน แต่จะให้ทำใจชินนี่ผมทำไม่ได้หรอก
   
“ถ้าหากเจ้ายังไม่ปล่อยข้าออกไปล่ะก็ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนข้าจะถอนหมั้นเจ้าให้ได้” พอผมยื่นคำขาด เจ้าชายนาดีลก็พองตัวร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีซีดๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูและกลับเป็นสีทอง เปลี่ยนไปมาตามลำดับก่อนจะแตกออกดังป๊อบ นั่นแหละผมจึงหลุดออกมาจากภายในของเจ้าชายนาดีล
   
เจ้าชายนาดีลไหลย้วยเป็นน้ำไปตามพื้นก่อนจะค่อยๆจับเป็นก้อนกลมๆอีกครั้งคราวนี้เขาอยู่ในขนาดปกติเท่ากับลูกบอลไม่ได้ใหญ่พอจะกลืนกินผมเข้าไปอย่างเมื่อครู่
   
“ข้าปล่อยเจ้าแบบนี้ หมายความว่าเจ้าจะไม่ถอนหมั้นข้าแล้วสินะ”
   
ชิ! ผมอยากจะต่อยหน้าเขานักถ้าเขามีหน้าให้ต่อย แต่ก็นั่นและเขาเป็นสไลม์ตัวนุ่มนิ่มถึงผมทุบเขาไปเขาก็ไม่เจ็บ มีแต่ผมนั่นแหละที่จะเจ็บใจ
   
“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าห้ามกลืนข้าเข้าไปอย่างนี้อีก” ผมกอดอกยืนค้ำหัวเขาด้วยท่าทีเอาเรื่อง ผมจำได้นะว่าเคยบอกเขาไปหลายครั้งแล้ว
   
“ก็ข้าเป็นห่วงเจ้านี่แล้วก็ไม่รู้ว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับเจ้าเมื่อไหร่ หากว่าเจ้าอยู่ในร่างของข้า เจ้าจะปลอดภัยนะ”
   
“ก็บอกว่าข้าไม่เป็นไรไง ข้าอยู่ในอาณาจักรของข้า ข้าจะบาดเจ็บได้ยังไง เจ้าสไลม์หน้าโง่”
   
ผมชี้หน้าด่าเขาป่าวๆ ให้ตายสิยิ่งอยู่ใกล้เจ้าชายนาดีลผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้โมโห มันน่าโมโหไหมล่ะ เพราะมันไม่ใช่แค่เวลานอนที่เขาฉวยโอกาสกลืนกินผมหรอก แต่เวลาปกติ ถ้าเกิดว่าเขาตัดสินใจว่าผมอยู่ในอันตรายเขาก็จะทำมันอีกเช่นกัน
   
“ทำให้ว่าที่คู่หมั้นเดือดร้อนได้แบบนี้ ถ้าจะให้ดีน่าจะสำนึกตัวนะว่าตัวเองเหมาะสมจะเป็นคู่หมั้นอยู่อีกไหม”
   
“ท่านพี่เอียน” ท่านพี่เข้ามาในห้องของผมในสถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่นพอดี พอเห็นหน้าท่านพี่ผมก็คลายจากความหงุดหงิด ผมกระโดดเข้าไปเกาะแขนท่านพี่ออดอ้อนเหมือนเคย
   
“ท่านพี่ช่วยบอกเจ้าชายนาดีลทีสิว่าให้เลิกทำแบบนี้เสียที” ผมปลายมองดูนาดีลตอนนี้เขากำลังพองตัวและตีฟองปุดๆภายในร่างกลมๆโปร่งแสงของตัวเอง รู้ล่ะว่าเขาต้องไม่พอใจเพราะเขาตีฟองไปด้วยปลิ้นปากไปด้วยเหมือนเด็กๆ
   
“เฮ้อถ้าพี่ช่วยได้พี่คงทำไปแล้วคิดหรือว่าพี่ไม่พูดเรื่องนี้กับท่านพ่อท่านแม่” ผมปลายตามองเจ้าชายนาดีล ให้ตายสิผมเกลียดเขานักเพราะเขาเป็นสไลม์จอมกวนประสาทที่สุด ตอนนี้เขากำลังพองตัวจนใหญ่เท่ากับขนาดกลืนวัวเข้าไปได้ทั้งตัวและกำลังยิ้มกว้างดวงตาของเขาวิบวับเป็นประกายแบบดวงดาวยามค่ำคืนเลยเชียวล่ะ
   
“แต่อย่าได้ใจไปล่ะ” ท่านพี่ปลายตาจิกไปยังเจ้าชายนาดีล “พี่ว่าจะลองพูดถึงธรรมเนียมระหว่างชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานดูซักครั้ง อันที่จริงหากยังไม่แต่งงานไม่ว่าที่ไหนเขาก็ไม่ให้นอนห้องเดียวกันหรอก”
   ผมอดขำไม่ได้ เพราะตอนนี้เจ้าชายนาดีลกลายเป็นสไลม์สีซีดๆและเริ่มย้วยไปตามพื้น
   
“ท่านจะไม่พูดเรื่องนี้กับท่านพ่อตาแม่ยายใช่ไหม” เจ้าชายนาดีลถามเสียงระโหย เขายังยืดย้วยเป็นน้ำอยู่บนพื้น
   
“แน่นอนว่าข้าต้องพูด” ผมยิ้มกว้างให้ท่านพี่ก่อนจะส่งยิ้มเยาะให้เจ้าชายนาดีล เราสองพี่น้องพากันออกจากห้องนอนของผมทิ้งให้เจ้าสไลม์บ้านั้นย้วยอยู่บนพื้นต่อไป
   
ผมโดนเกาะติดไปเสียทุกที่ ในขณะเดียวกันผมก็เกาะติดท่านพี่เอียนอยู่เหมือนกัน ผมหงุดหงิด ท่านพี่เอียนเองก็ดูหงุดหงิด พวกเราสองพี่น้องหงุดหงิดที่มีสไลม์สีทองมีปีกเกาะติดกับพวกเราไปเสียทุกที่ ให้ตายสินี่เรายังไม่ได้หมั้นกันอย่างเป็นทางการเลยนะ
   
“นี่ เจ้าชายนาดีล เว้นระยะห่างจากว่าที่คู่หมั้นบ้างไม่ดีหรือ” ท่านพี่เอียนกล่าวเตือนได้ตรงใจผมนัก ผมละอยากให้เขาอยู่ห่างๆผมบ้างซักหนึ่งวันก็ยังดี
   
“การคอยดูแลว่าที่คู่หมั้นก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งนะ” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างขณะกระพรือปีกพรึบพั่บบินตามพวกเราที่เดินหนีมาติดๆ
   
“อย่างนั้นเจ้าชายนาดีลคงจะตามเรามาใช่ไหมหากพวกเราจะแอบกันออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก”
   
ผมมองดูท่านพี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา คิดไม่ถึงว่าคนที่ไม่เคยทำผิดกฎอย่างท่านพี่จะพูดออกมาแบบนี้ แอบหนีพวกผู้ใหญ่ไปเล่นนอกปราสาทหรือ ฟังดูอันตรายแต่ช่างหอมหวานชวนดึงดูดนัก ตั้งแต่เกิดมาจนอายุได้เจ็ดปีผมไม่เคยออกไปนอกปราสาทเลย ดังนั้นพอท่านพี่เปิดประเด็นผมก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
   
“ท่านจะพาคู่หมั้นของข้าออกไปจริงหรือ ท่านไม่กลัวว่าน้องชายจะเป็นอันตรายหรือไง ด้านนอกยังมีพวกต่อต้านการเขียนสัญญาสงบศึกอยู่นะ ท่านก็รู้นี่ว่าสัญญาสงบศึกจะครบถ้วนก็ต่อเมื่อข้ากับฟีล่าฉลองงานหมั้นกัน”
   
“หากท่านกลัวก็ไม่ต้องตามมานะ” พอกล่าวจบท่านพี่เอียนก็กลายร่างเป็นมังกร เพราะท่านพี่มีอายุได้สิบเอ็ดปีแล้วร่างมังกรของท่านพี่จึงใหญ่พอให้ผมขึ้นไปนั่งบนหลังได้
   
“ล่าก่อนเจ้าชายนาดีล” ท่านพี่พาผมบินออกไปนอกวัง ผมมองดูร่างสไลม์สีทองมีปีกที่ค่อยๆเล็กลงไปเรื่อยๆจากบนท้องฟ้าจนมองไม่เห็นอีก
   
“ท่านพี่คิดแผนสลัดเจ้าชายนาดีลแบบนี้ออกได้ยังไง” ผมถามหลังจากท่านพี่พาบินมาจนถึงทุ่งดอกไม้นอกเมือง
   
“พี่ก็แค่วัดใจกับเขาเท่านั้น ว่าเขาจะกล้าหาญแค่ไหน ที่ไหนได้เขาขี้ขลาดมากกว่าที่คิด” ท่านพี่หัวเราะหึหึ แล้วเด็ดดอกไม้มาเสียบที่หูของผม อันที่จริงผมไม่ค่อยชอบแบบนี้หรอกเพราะมันดูผู้หญิงจ๋าชอบกล แต่ก็ไม่ได้รังเกลียดเพราะเป็นการกระทำของท่านพี่ที่ผมเคารพ
   
“ฮ่าฮ่าฮ่า นึกไม่ถึงว่าเราจะมีโอกาสทองถึงขนาดนี้” โดยไม่ทันตั้งตัวเจ้าของเสียงจู่โจมท่านพี่จนกระเด็นลอยไปกระทบกับหินก้อนยักษ์ ไวจนผมงง รู้ตัวอีกที มังกรสีแดงตัวใหญ่ก็ยืนค้ำหัวผมอยู่ ผมสลับมองระหว่างเจ้ามังกรแดงกับท่านพี่พบว่าท่านพี่หมดสติไปเพราะแรงกระแทก
   
“ฮ่าฮ่าถ้าจับเจ้าชายไป ราชาคงจะทบทวนเรื่องสงบศึกกับพวกสไลม์สินะ” จังหวะนั้นเองผมร่ายเวทย์ซัดลูกบอลน้ำเข้าใส่มันหวังว่ามันจะได้ผล แต่เพราะพลังเวทย์ของผมยังอ่อนเกินไป เจ้ามังกรแดงเพียงใช้กรงเล็บปัดลูกบอลน้ำก็แตกกระจายทันที
   
“เลิกดิ้นรนแบบเปล่าประโยชน์น่า” มังกรแดงใช้กรงเล็บตรึงผมไว้กับพื้น ตอนนี้ได้แต่นึกถึงคำพูดของเจ้าชายนาดีลขึ้นมา ทั้งโกรธตัวเองและเสียใจอย่างหนักที่เมินเฉยต่อคำเตือนของเจ้าชายนาดีล ทว่าในตอนนั้นก้อนกลมๆสีทองที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงก็ปะทะเข้าที่ใบหน้าของมังกรแดง ผมแทบตกตะลึงเพราะมันคือเจ้าชายนาดีลนั่นเอง
   
“กรร” มังกรแดงละมือจากผมและพยายามจัดการกับเจ้าชายนาดีล แต่เจ้าชายนาดีลนั้นโจมตีด้วยการดีดตัวเองเข้าใส่มังกรแดงครั้งแล้วครั้งเล่า มังกรแดงร้องด้วยความเจ็บปวด ในตอนนั้นมังกรแดงก็เซแถดๆล้มลงมาจะทับตัวผม
   
เร็วกว่าที่ใครจะคาด เจ้าชายนาดีลพุ่งเข้ามาหาผมไปพร้อมกับพองตัว เขากลืนกินผมเข้าไปในร่างเหมือนอย่างที่เคยทำ
   
ตึง
   
เสียงของหนักๆล้มทับลงมาบนร่างของผม ผมหลับตาปี๋ แต่เมื่อไม่รู้สึกว่าเจ็บตัวหรืออึดอัดจึงลืมตาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผมมองโลกภายนอกจากภายในร่างที่โปร่งแสงของเจ้าชายนาดีล
   
ตอนนี้ร่างของเจ้าชายนาดีลเป็นสีเทา และร่างของเขาแข็งเหมือนเหล็กกล้า เพราะถึงจะโดนมังกรแดงยักษ์ล้มทับแต่ก็ยังคงสภาพรูปทรงเอาไว้ได้โดยไม่บุบสลาย
   
“ทนอึดอัดแป๊บนึงนะ” นาดีลน่าจะพูดกับผม หลังจากที่เขาพูดจู่ๆเขาก็บีบอัดร่างกายจนเล็กลงเกือบจะเท่ากับตัวผมแล้วพองร่างขึ้นฉับพลัน เขาขยายร่างใหญ่โตกะทันหันจนดีดร่างของมังกรแดงกระเด็นออกไป และนั่นยิ่งทำให้เจ้ามังกรยักษ์โกรธมากขึ้น
   
“หนอยไอ้สไลม์บัดซบ” มังกรเตรียมจะพุ่งเข้าใส่พวกผม แต่จังหวะนั้นเจ้าชายนาดีลก็เกร็งร่างขณะที่เกร็งร่างเขาก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
   
“อาจจะมึนหัวหน่อยนะ” เจ้าชายนาดีลบอกผม ก่อนจะดีดร่างสีน้ำเงินของตัวเองเข้าใส่มังกรแดง เขาดีดร่างเข้ากระแทกเจ้ามังกรแดงหลายครั้ง ทุกครั้งที่ดีดโดนกระแสไฟฟ้าจำนวนมากจากร่างกายของเจ้าชายนาดีลจะส่งผลกระทบต่อร่างของมังกรแดง ใช่แล้วมังกรแดงถูกไฟช๊อตจนชาทุกครั้งที่นาดีลดีดตัวเข้าใส่
   
“ไหวไหมฟีล่า” เจ้าชายนาดีลถาม
   
“ไม่ไหวมึนหัวไปหมดแหล่ว” ได้ยินดังนั้นเขาจึงคายผมออกในที่ปลอดภัย ก่อนจะขยายตัวใหญ่ขึ้นๆ แล้วอ้าปากกลืนกินมังกรแดงเข้าไปในคำเดียว
   
“อ๊ะ กะ…กินเข้าไปทำไม….” ผมขนพองสยองเกล้าไปหมด ผมน่าจะเดาได้จากประสบการณ์ในชาติก่อนของผม แต่ผมก็อยากจะให้มันไม่เป็นอย่างที่ผมคิด
   
“กำลังย่อยรอแป๊บน้า” เจ้าชายนาดีลพูดกับผมด้วยน้ำเสียงระรื่นสุดๆ ภายในร่างอันใหญ่โตของเขาผมเห็นมังกรแดงกำลังถูกน้ำย่อยในร่างย่อยจนค่อยๆเปื่อย
   
“กลัวหรือ” เจ้าชายนาดีลถามผม พอเห็นผมอึ้ง เจ้าชายนาดีลก็เปลี่ยนสีตัวเองเป็นสีทึบตอนนี้ผมไม่สามารถมองเห็นมังกรแดงได้อีกแต่ก็รู้ตัวล่ะว่ามันกำลังถูกย่อย
   
ให้ตายสิผมน่าจะรู้นะว่าพวกสไลม์มันโหด อย่างพวกสไลม์ในเกมส์ดังๆก็ล้วนแต่ขาโหดกันทั้งนั้น ผมควรจะจำเอาไว้ในหัวว่าไม่ควรจะไปมีเรื่องกับเจ้าชายนาดีล
   
เอิ๊ก
   
ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อได้ยินเสียงเจ้าชายนาดีลเรออกมา เขาคงย่อยมันเสร็จแล้วใช้เวลาแค่ห้านาทีเองเท่านั้นด้วย ไวอย่างเหลือเชื่อ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลค่อยๆหดขนาดตัวลงก่อนจะกระโจนเข้ามากลืนผมเข้าไปอีกครั้ง
   
“ไม่ ไม่น้า “ ผมโวยวายเสียงดัง แน่ล่ะหากเขาเผลอย่อยผมไปล่ะจะทำไง
   
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้ากลับปราสาทเท่านั้น ฮิฮิ ข้าจะเผลอย่อยคู่หมั้นที่น่ารักอย่างเจ้าได้ไงล่ะ แต่ถ้านอกใจก็ไม่แน่นะ” ตอนท้ายประโยคจู่จู่เขาก็เปลี่ยนร่างเป็นสีทะมึนๆ ผมใจหายวาบแต่พอเขาเปลี่ยนสีกลับเป็นปกติแล้วหัวเราะเสียงใสผมก็อาละวาดอยู่ในร่างของเขาเพราะโกรธที่เจ้าชายนาดีลแกล้ง
   
“กลับกันเลยไหม”
   
“จะกลับได้ยังไงท่านพี่ยังนอนสลบอยู่เลย” ผมท้วง
   
“จริงด้วยแฮะ” พอสำนึกได้ว่าลืมอะไรไปนาดีลก็อ้าปากแล้วกลืนท่านพี่เข้ามาด้วยอีกคน ก่อนจะกระพือปีกพาพวกเราบินกลับไปยังปราสาทด้วยความเร็วจนผมอดทึ่งไม่ได้

   
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่1 13/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 13-09-2016 12:40:33
อย่าเปลี่ยนร่างกลับเป็นคนน่ะเจ้าชาย
ชอบร่างแบบนี้รักกันแปลกๆดี
และที่สำคัญอยากเห็น nc กับนายเอก
ทั้งๆที่ร่างเป็นสไลม์แบบนี้แหล่ะค่ะ555
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่1 13/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-09-2016 13:55:43
เจ้าชายนาดีล แข็งแกร่ง
ปกป้องฟีล่า คู่หมั้นได้สบายเลย
นาดีล ดูรักฟีล่า นะ ตามดูแล ปกป้องตลอด
ขนาดฟีล่าเพิ่งเจ็ดขวบเอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่1 13/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กเลี้ยงแมว ที่ 13-09-2016 22:15:02
พระเอกเป็นสไลม์ อื้อหืมมม นี่มโนล่วงหน้าไปยันบทอัศจรรย์ละจ้ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 14-09-2016 11:51:29
ตอนที่2

   
หลังจากผ่านงานฉลองหมั้นเมื่อปีที่แล้ว เจ้าชายนาดีลกับราชาสไลม์ก็อยู่กับพวกเราตลอดฤดูใบไม้ผลิก่อนจะพากันกลับอาณาจักรไสลม์ไป
   
ปีนี้ผมอายุได้แปดขวบ และกำลังเริ่มฝึกฝนอาวุธและเวทย์มนต์ตามลำดับ ผมทำได้ไม่ดีนักในการฝึกอาวุธ แต่ทำได้ดีที่เดียวในการฝึกเวทย์มนต์ ผมเริ่มใช้เวทย์มนต์น้ำได้รุนแรงขึ้น และตอนนี้ก็มีความสนใจในศาสตร์แห่งการรักษา เพียงแต่ว่ายังไม่ได้เริ่มเรียนก็เท่านั้น
   
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจแรงจนท่านพี่เอียนที่ฝึกซ้อมอาวุธลดอาวุธลง
   
“เป็นอะไรไปฟีล่า”
   
“ก็นี่มันฤดูใบไม้ผลิแล้วนี่ครับ”
   
“อ้อจริงด้วย” ท่านพี่ทำสีหน้าบูดบึ้ง เห็นได้ชัดว่าท่านพี่เองก็ไม่ชอบใจเหมือนกันและน่าจะรู้แล้วว่าผมถอนหายใจเพราะอะไร ก็จะอะไรเสียอีกเล่า หากพูดถึงฤดูใบไม้ผลิย่อมหมายถึงการมาของเจ้าชายนาดีล พวกผู้ใหญ่ตัดสินว่าทุกทุกปีจะเปิดโอกาสให้ผมกับนาดีลได้อยู่ด้วยกัน จึงได้เลือกเอาฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่นาดีลจะมาอยู่ที่ปราสาทของเรา
   
“แต่พี่ยังไม่ยอมแพ้เรื่องหาวิธีถอนหมั้นระหว่างเจ้ากับเจ้าชายนาดีลนะ”
   
ท่านพี่ลูบหัวผมไปมา แต่ก็นั่นแหละตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องหมั้นเท่าไหร่แล้ว ถ้าจะคิดให้ดี ยังไงเจ้าชายนาดีลก็เป็นแค่สไลม์อ่ะ อ๊ะ อ๊ะ อย่าทำเป็นไม่รู้สิ คุณน่าจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร
   
ผมหมายถึงเรื่องบนเตียงไงครับ ในเมื่อเขาเป็นสไลม์ผมไม่เห็นหนทางไหนที่เราจะร่วมรักกันได้ นี่เป็นข้อดีหนึ่งอย่าง เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องร่วมรักกับผู้ชายด้วยกันอ่ะ
   
แล้วอีกอย่างนะผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะอยู่กับเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้ตอนนี้ผมยังจะแหยงเขาอยู่จนยังไม่สามารถเป็นเพื่อนสนิทได้ก็ตาม แต่ผมจะพยายามครับ สู้สู้นะ!!!ฟีล่า
   
หลังจากที่ผมตัดสินใจว่าจะวางสถานะของเจ้าชายนาดีลไว้ตรงไหน วันถัดมาเจ้าชายนาดีลกับคณะก็เดินทางมาถึง เขามาถึงในตอนช่วงเย็นของวันที่สดใส
   
“ฟีล่า” พอเจ้าชายนาดีลเห็นผม เขาก็โดดเข้าหาแล้วกลืนผมเข้าไปในร่างโปร่งแสงของเขาทันที ผมไม่ตกใจเท่าไหร่เพราะชาชินแต่ท่านพี่ถึงกับรักษาท่าทีเอาไว้ไม่อยู่ชักดาบออกมาหมายจะฟันเจ้าชายนาดีลให้ขาดกลางเสียให้ได้
   
“ใจเย็นน่าเอียน”
   
“ใช่แล้วจ๊ะเอียนเก็บดาบเถอะ” ท่านพ่อกับท่านแม่ห้ามปรามท่านพี่เอียนพร้อมกับหัวเราะคิกคิก ดูเหมือนการที่ผมถูกงาบเข้าไปทั้งตัวดูจะเป็นเรื่องขำขันของท่านพ่อท่านแม่ แต่ท่านพี่เอียนดูจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งท่านพี่เก็บดาบลงอย่างไม่เต็มใจ
   
“คิดถึ๊งคิดถึง” นาดีลพูดด้วยเสียงระริกระรื่น พร้อมกับโยกตัวไปมาราวกับจะเหกล่อมผมที่อยู่ด้านในร่างของเขา ฮึ่ม!! อดทนไว้ ผมว่าผมควรจะชินได้แล้ว แต่นี่มันก็ผ่านไปหลายเดือนแล้วที่ผมไม่ได้เจออะไรแบบนี้ ดังนั้นผมจึงอดหงุดหงิดไม่ได้
   
“เจ้าชายนาดีลคงจะรักฟีล่ามากสินะคะ แหม โชคดีของฟีล่าที่คู่หมั้นทั้งรักทั้งหลงแบบนี้” ไวพอพอกับที่ท่านแม่จบประโยคร่างโปร่งแสงของนาดีลเปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้วแตกดังป๊อบ ผมหลุดออกจากภายในของนาดีลแล้ว ตอนนี้เขายืดย้วยเป็นน้ำอยู่บนพื้น
   
“ท่านแม่ยายอย่าพูดเรื่องจริงสิครับ ข้าอายนะ” ท่านพ่อท่านแม่หัวเราะครืนใหญ่ แต่ผมนี่สิที่เกิดอาการหมั้นไส้ ท่านพี่เอียนเองก็ไม่ต่างกัน ผมเห็นท่านพี่กัดฟันกรอด คงจะหมั้นไส้พอๆกับผมนั่นล่ะไม่น่าจะมีอะไรมาก
   
“ฟีล่าเราไปอาบน้ำกันเถอะ พี่ฝึกอาวุธมาทั้งวันรู้สึกเหนียวตัว” ท่านพี่จับมือผม ผมคิดว่าไปอาบน้ำก็ดีเหมือนกันเพราะนี่มันก็เย็นมากแล้ว ดังนั้นจึงปล่อยให้ท่านพี่ลากจูงออกไปจากที่ตรงนั้นแต่ทว่า
   
“จะไปอาบน้ำกันหรือ ให้ข้าไปอาบด้วยสิ” ท่านพี่หยุดชะงักการก้าวเดินแล้วหันคอกลับไปมองด้วยใบหน้าที่เหมือนกับยักษ์ก็ไม่ปาน

   “ท่านว่าอะไรนะครับ” ท่านพี่ยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
   
“ข้าว่าจะขออาบกับพวกเจ้าด้วยไง แหมทำเป็นไม่ได้ยินนะ คนซื่อบื้อ” นาดีลปลิ้นปากแล้วตีฟองปุดๆในร่างดูแล้วช่างน่าหมั้นไส้นัก
   
“ข้าว่าข้าขอปฏิ….”
   
“ให้เจ้าชายนาดีลไปอาบน้ำด้วยสิจ๊ะ” ท่านพี่ยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านแม่ก็เสนอแนะ ผมเห็นนะท่านพี่กัดฟันกรอดอีกแล้ว ผมละปลาบปลื้มจริงๆทีท่านพี่ทั้งรักทั้งเป็นห่วงผมขนาดนี้
   
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามมาสิครับเจ้าชาย” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้าง พริบตาที่เจ้าสไลม์ร่างสีทองมีปีกจะกระโจนเข้ามาตะครุบกลืนผมเข้าไปอีกครั้ง ผมชี้หน้าเจ้าชายนาดีลข่มขู่เขาก่อนที่เขาจะทำได้สมใจ
   
“หากกลืนข้าเข้าไปอีกล่ะก็ เจ้าก็ไม่ต้องมาอาบน้ำกับข้า” ได้ฟังดังนั้นนาดีลก็ห่อเหี่ยวลงทันใด เขาเปลี่ยนเป็นสีซีดๆแล้วไหลย้วยเป็นน้ำไปตามพื้น ตอนนี้เขาเคลื่อนตามพวกผมมาในสภาพไหลย้วยไปตามทางด้วยรูปร่างที่เหมือนเมือกสีซีดๆ
   
เมื่อไปถึงห้องอาบน้ำท่านพี่ก็เปลื้องผ้าออก แต่ผมนี่สิที่ยังไปไม่ถึงไหน อาจเป็นเพราะกระดุมเสื้อผมดันไปอยู่ที่ด้านหลัง ผมจึงยักแย่ยักยันพยายามเอื้อมมือไปแต่ไม่ถึงซักที
   
“ใครก็ได้ช่วยปลดกระดุมให้ที” ผมพูดว่าใครก็ได้แต่ก็นั่นแหละผมไม่ได้หมายถึงเจ้าชายนาดีลแน่ๆ แต่เพราะดันพูดว่าใครก็ได้ เจ้าชายนาดีลจึงตีความว่าเขาน่าจะช่วยได้ ฉับพลันร่างที่เคยย้วยเป็นเมือกใสก็เปลี่ยนเป็นทรงกลมและพองขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าชานาดีลกระโจนเข้าใส่แล้วกลืนกินร่างของผมเข้าไปอีกแล้ว
   
“ทำอะไรน่ะ” ท่านพี่โวยวายยกใหญ่ แน่นอนไม่ใช่แค่ท่านพี่ผมก็โวยวายด้วยเหมือนกัน
   
“ปล่อย ปล่อยข้านะนาดีล” ผมอาลาวาดทุบตีนาดีลจากภายในร่าง แต่นาดีลยังทำเฉย ตอนนี้ท่านพี่ชักดาบออกมาเสียแล้ว
   
“ปล่อยฟีล่าเดี๋ยวนี้นะ เจ้าไสลม์ชั้นต่ำ”
   
“ใจเย็นน่าแค่จะถอดเสื้อผ้าให้เองน้า” เจ้าชายนาดีลหัวเราะระรื่น ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกต เสื้อผ้าของผมกำลังถูกกรดจากภายในร่างกายของเจ้าชายนาดีลละลาย
   
“อึก…..ไม่นะ” ผมหวีดร้อง น่าอายน่าอายที่สุด ตอนนี้เสื้อผ้าของผมถูกละลายและกำลังเปิดเผยร่างเปลือยทีละนิดอย่างหมิ่นเหม่ มันทำให้ความทรงจำในอดีตชาติวิ่งผ่านเข้ามาในสมองเหมือนแผ่นฟิล์ม ความทรงจำที่ว่าก็คือความทรงจำที่ผมเคยดูอนิเมะxxxที่ตัวร้ายโปะสไลม์เพื่อจะย่อยเสื้อผ้าของนางเอกแล้วลงมือข่มขืนก่อนที่พระเอกจะมาช่วย
   
สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างจากสาวน้อยที่ถูกลวนลาม เจ้าสไลม์บ้ามันลวนลามผมอยู่ชัดๆ ตอนนี้ผมส่งเสียงร้องให้ท่านพี่ช่วยเอาผมออกไป แต่ทว่าท่านพี่กลับยืนตะลึงมองดูเสื้อผ้าของผมค่อยๆถูกย่อยและหลุดออกจากร่างทีละชิ้น ให้ตายสิมันน่าดูตรงไหน มีอะไรให้ตกตะลึงอ่ะครับท่านพี่
   
“ท่านพี่ เอาข้าออกไปที” ผมทุบร่างนาดีลจากภายในแล้วตะโกนให้ท่านพี่ช่วย โชคดีที่ท่านพี่ได้สติ ท่านพี่ใช้ดาบฟันลงมาอย่างแรง แต่ดาบอันคมกริบดันดีดกลับเมื่อสัมผัสถูกร่างของนาดีล
   
“บัดซบ” ท่านพี่สบถ ตอนนี้ท่านพี่เริ่มร่ายเวทย์โจมตีใส่นาดีลอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่เวทย์มนต์ที่อันตรายนักแต่ก็รุนแรงมากสำหรับเด็กวัยสิบสองอย่างท่านพี่ ตอนนี้ร่างของนาดีลเปลี่ยนเป็นสีแดง สีน้ำเงิน และสีฟ้าตามธาตุของเวทย์มนต์ทีท่านพี่ใช้โจมตี ซึ่งก็คือไฟ สายฟ้า และน้ำ ตามลำดับ
   
“บ้าเอ๊ยนี่มันอะไรกัน” ท่านพี่หอบแฮ่กๆดูเหมือนจะเริ่มจนปัญญา ทำไงได้ถึงจะช่วยตอนนี้ก็สายไปแล้ว ผมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าในร่างของนาดีลไปเสียแล้ว
   
“ว๊ายผิวข๊าวขาว เนียนนุ่มมากอีกด้วย” นาดีลทำเสียงกระเส่าตอนนี้ร่างของเขาเป็นสีชมพูแปร๊ด เจ้าบ้าเอ๊ยอย่าบอกนะว่าเห็นร่างเปลือยของผมแล้วเกิดชอบขึ้นมาอ่ะ แต่ผมสงสัยนะ สไลม์อย่างเจ้าชายนาดีลจะมีอารมณ์ใคร่เหมือนสัตว์เทวะที่แปลงร่างเป็นมนุษย์อย่างพวกเราได้หรือเปล่า
   
“ปะ ปะอาบน้ำกันเถอะ” เขาคายผมออกมาหลังจากพูดจบ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะอารมณ์ไหนโกรธ ทึ่ง หรือว่า เสียใจ แต่ท่านพี่นี่สิส่งสายตามองเจ้าชายนาดีลอย่างมาดร้ายเชียวล่ะ
   
“ถูสบู่ให้หน่อยสิ ฟีล่า” เจ้าชายนาดีลสั่งผม ผมนี่อึ้งไปเลย หลังจากเขาทำเรื่องอุกอาจอย่างการลวนลามผม เขายังทำเฉยสั่งให้ผมปรนนิบัติเขาได้อีกเหรอ แต่ก็เอาเถอะถ้าเขากล้าสั่งผมก็กล้าทำแหละ
   
เย็นวันนั้นท่านพี่ดูจะสงบปากสงบคำกว่าปกติ ในขณะที่นาดีลดูมีความสุขที่ได้อาบน้ำกับผม เจ้าสไลม์บ้านี่ใช้งานผมอย่างกับทาส ทั้งถูสบู่ทั้งราดน้ำให้ แต่ก็ช่วยไม่ได้นะในเมื่อร่างกายของเขามันนุ่มนิ่มไปหมดเหมือนสัตว์เล็ก ดังนั้นผมจึงสนุกไม่น้อยที่ได้อาบน้ำให้เขาล่ะ
   
เช้าวันถัดมาผมตื่นขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก ตอนนี้ผมอยู่ในร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีล ให้ตายสิถึงจะเตือนหรือด่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจง่ายๆ
   
“ปล่อยจะไปอาบน้ำ” เขาไม่ยอมปล่อยผม แต่พาผมเด้งดึ๋งไปตามทางจนไปถึงห้องอาบน้ำ ผมเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย มันสบายก็จริงแต่ผมแค่ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายกับผม
   
“ให้ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ไหม”

   “อย่าแม้แต่จะคิด ข้าถอดเองได้” ผมขู่ฟ่อ เจ้าชายนาดีลค่อยๆคายผมออกจากร่าง เมื่อเป็นอิสระ ผมก็เริ่มเปลื้องผ้าแล้วอาบน้ำ
   
หลังจากนั้นใช้เวลาจนถึงเที่ยง ผมเข้าเรียนกับพวกอาจารย์หลายท่าน พอเรียนครบทุกวิชาผมก็รีบมุ่งหน้าไปหาท่านพี่โดยมีเจ้าชายนาดีลบินตามมาติดๆเหมือนเป็นเงา
   
“ขอโทษนะฟีล่า พี่ว่าจะฝึกเวทย์มนต์กับอาวุธเพิ่มขึ้น” ท่านพี่บอกผมหน้าเศร้าๆ แต่ไม่วายมองนาดีลด้วยสายตาอาฆาตแค้น ผมเดานะว่าพี่ชายคงรู้สึกเสียหน้าที่จัดการกับนาดีลไม่ได้เลย ดังนั้นจึงเพิ่มเวลาการฝึกเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว
   
ให้ตายสิ พอไม่มีท่านพี่เล่นด้วยผมก็เหงานะ ผมนั่งหงอยให้เจ้าชายนาดีลดูเป็นเวลานานนับชั่วโมงจนแม้แต่จอมทะเล้นอย่างนาดีลยังห่อเหี่ยวตามไปด้วย
   
“ไปเล่นนอกปราสาทกันดีไหม”
   
“เอ๋” ผมเอียงคอมองดูเจ้าสไลม์สีทองมีปีกตัวขนาดเท่าลูกฟุตบอลด้วยความฉงน สงสัยว่านับจากก่อเรื่องไปเมื่อปีที่แล้วท่านพ่อท่านแม่จะยังยอมให้ผมออกไปเล่นนอกปราสาทอีกหรือ แต่ ทว่า พอนาดีลเป็นผู้ขอทำไมมันกลับง่ายกว่าที่คิดก็ไม่รู้
   
“เอาพวกทหารตามไปด้วยดีไหมจ๊ะ” ท่านแม่ถาม นาดีลบอกว่าเขาจะพาองครักษ์ส่วนตัวของเขาไป ท่านแม่จึงได้เลิกเป็นห่วง บ่ายวันนั้น ผมกับนาดีลจึงออกไปเที่ยวเล่นกันในทุ่งดอกไม้ที่ผมเคยออกไปเมื่อปีที่แล้ว
   
“ฟีล่าชอบดอกไม้หรือ”

   “ใครๆเขาก็ชอบดอกไม้กันทั้งนั้นแหละ” ผมเบ้ปากใส่เจ้าชายนาดีล ตอนนี้ไม่ห่างไปนัก พวกสไลม์องครักษ์พยายามตั้งกระโจมและเตรียมอาหารให้ผมกับนาดีล
   
“อ่าจริงสิ ในป่าข้าเห็นมีดอกไม้สวยๆกว่านี้อีกนะ เดี๋ยวจะไปเอามาให้” นาดีลกุลีกุจอ

   “อ๊ะรอด้วยสิ” ผมบอกแล้ววิ่งตามเขาที่บินช้าๆนำผมเข้าไปในป่าติดๆ

   ในป่าของที่โลกนี้ต่างกับโลกที่ผมเกิดในชาติก่อนอยู่หลายอย่าง ต้นไม้ดอกไม้ดูจะสวยงามกว่าสมกับเป็นโลกแฟนตาซีจนผมอดตะลึงไม่ได้ นาดีลพาผมลึกเข้าไปในป่า ลึกขึ้นลึกขึ้น จนในที่สุด ก็พบกับทุ่งดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางป่าลึก
ที่ตรงกลางของทุ่งดอกไม้ ผมเห็นอัญมณีสีรุ้งอันใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่ที่ตรงนั้น
   
“นั่นอะไรน่ะ ไม่ใช่ดอกไม้นี่” ผมถามเขา เพราะตอนแรกเขาบอกว่าจะพามาดูดอกไม้ชัดๆ   

“นั่นเป็นหินคริสตัลที่หายากน่ะนานนานจะเกิดขึ้นในป่าซักที นอกจากนั้นจะเกิดเฉพาะในที่ที่มีแต่ดอกไม้ ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นดอกไม้ก็ไม่แปลกใช่ไหม”
   
นาดีลกระซิบบอกผม เขาดูตื่นเต้น ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะทึ่งนะแหละ เนื่องจากในโลกของผมหินสวยงามจะเกิดตามภูเขา แต่เจ้าหินคริสตัลนี่ดันเกิดในป่าเสียนี่
   
“อยากได้ไหม”
   
ผมส่ายหน้าไปมา ถึงมันจะสวยก็จริงแต่มันจัดอยู่ในสถานะเครื่องประดับมากกว่า ผมจึงไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่นาดีลนี่สิ เขาบินไปแล้วถอนมันออกจากบริเวณนั้นมาอย่างรวดเร็ว
   
จังหวะที่นาดีลง่วนอยู่กับการเก็บอัญมณีนั้นผมก็นึกอะไรสนุกๆได้ ผมจะแกล้งแอบเขาดีกว่า ให้เขาตกใจเล่นแล้วก็โผล่มาจ๊ะเอ๋แบบขำๆ
   
คิดได้อย่างนั้นผมก็เริ่มเดินหาที่ซ่อนที่พอจะหลบได้ ในที่สุดผมก็ตัดสินใจจะหลบหลังดอกไม้ดอกใหญ่ใกล้ๆนั่น ผมหัวเราะคิกคิกตั้งใจจะรอจังหวะให้เจ้าชายนาดีลผ่านมาทางที่ผมแอบอยู่ แต่ทว่า
   
“อ๊ะ” ผมถูกเถาของเจ้าดอกไม้ขนาดยักษ์มัดจนเป็นบ๊ะจ่างในพริบตา เวลาลำบากอย่างนี้ผมพยายามร่ายเวทย์น้ำโจมตีดอกไม้ยักษ์ แต่แทนที่จะทำให้มันบาดเจ็บหรือว่าปล่อยตัวผม เจ้าดอกไม้นี่มันดันชอบที่ผมซัดลูกบอลน้ำใส่ซะงั้น
   
แย่แล้วๆๆๆ นี่ผมจนมุมอีกแล้วหรือนี่ ในตอนที่ผมเริ่มจะภาวนาให้เจ้าชายนาดีลหาผมเจอเสียที เขาก็หาผมพบได้จริงๆ เจ้าชายนาดีลพองตัวจนใหญ่โตก่อนจะกลืนทั้งผมทั้งดอกไม้ยักษ์เข้าไปพร้อมกัน

   อั๊ยยะ!!! นี่เขาคิดจะย่อยมันอีกแล้วหรือ เขาลืมไปหรือเปล่าว่าผมยังตัวติดกับเจ้าดอกไม้นั่น เขาอาจจะลืมคิดไปก็ได้ ก็ใช่สิ เขาเป็นแค่สไลม์น้อยๆจะฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ได้ไง ตอนนี้ผมเริ่มจะร้องไห้ด้วยความกลัว ผมหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บปวดจากการโดนกรดในร่างของนาดีลย่อยไปพร้อมกับเจ้าดอกไม้ยักษ์

   “เจ้านี่น้า ถ้าไม่มีข้าอยู่ คงจะอยู่ไม่ได้แน่ๆ” นาดีลพูดกับผม ผมลืมตาขึ้นเมื่อไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด หลังจากลืมตาผมพบว่าเจ้าดอกไม้ดอกยักษ์กำลังถูกย่อยอย่างรวดเร็ว แต่กรดในร่างของนาดีลนั้นไม่ได้ย่อยตัวผมไปด้วย ตอนนี้เองผมก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ตอนที่เขาย่อยเสื้อผ้าผม ผมก็ไม่ถูกย่อยไปด้วยนี่นะ
   
“ อึก….ขอบใจนะ” ผมยังสะอื้นอยู่นิดๆเพราะเพิ่งผ่านห้วงเวลาแห่งความตายมา ตอนนี้ผมเริ่มคิดนะว่าจะไม่ทำตัวเกเรหรือดื้อแพ่งใส่นาดีลอีก ก็ทำไงได้ล่ะผมสร้างความเดือดร้อนจนต้องให้นาดีลช่วยเป็นครั้งที่สองแล้วนี่นะ
   
ถ้าจะให้พูดผมสำนึกในบุญคุณของเขาจริงๆที่ช่วยผมเอาไว้เสมอๆ ดังนั้นไม่แปลกใช่ไหมที่ผมจะรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เขาทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมออกจะรำคาญด้วยซ้ำ
   
“นี่ ปล่อยข้าออกไปสิ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” พอหายกลัวผมก็เรียกร้องให้เขาปล่อยผมออกจากภายในร่างกาย
   
“ไม่ได้” เจ้าชายนาดีลปฏิเสธพอถูกขัดใจผมก็ชักจะออกอาการดื้อแพ่งขึ้นมาอีกแล้ว
   
“ทำไมเล่า”
   
“ก็ถ้าเจ้าไปเจอพวกอันตรายอีกแล้วข้าไปไม่ทันล่ะ” ตอนนี้ร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีลเป็นสีทะมึน ดูจากสีแล้วท่าทางเขาจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก

   “แต่ว่าข้าอยากเดินเอง” ผมลองยืนกรานความต้องการด้วยเสียงอ่อยๆอีกครั้ง
   
“ไม่ได้” ผมคอตกกับคำขาดของเจ้าชายนาดีล แน่ล่ะถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ ในเมื่อผมอยู่ในร่างเขาแล้วต่อให้ผมอาละวาดผมก็ไม่มีทางได้ออกไป ที่สำคัญผมไม่มีหน้าไปอาละวาดใส่คนที่มีบุญคุณในการช่วยชีวิตผมได้หรอก
   
“แต่ว่าน้า…..” เจ้าชายนาดีลลากเสียงยาวอย่างมอนสเตอร์เจ้าเล่ห์
   
“แต่ว่าอะไรหรือ”

   “ถ้าเจ้าจูบข้าล่ะก็นะฟีล่า ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระก็ได้ ดีไหมล่ะ”
   
จูบ!!! แค่จูบเองหรือ?ให้ตายสิผมไม่รีรอรับข้อเสนอทันที แค่จูบกับสไลม์เองมันจะยากตรงไหนล่ะ แต่ทว่าเขาเรียกร้องให้ผมจูบเขาที่ปาก
   
ตอนนี้ผมจึงจดจดจ้องๆว่าตรงไหนกันแน่ที่คือปากของเขา แน่นอนปากของสไลม์นั้นกว้าง แต่เวลาปิดปาก เราจะแทบมองไม่เห็นว่าปากของสไลม์นั้นอยู่ตรงไหน เพราะร่างกลมๆนุ่มๆนั่นกลืนกันเป็นเนื้อเดียวไปหมด

   แต่วินาทีถัดมาผมก็ยอมรับกับตัวเองว่าความรู้ของผมมันน้อยไป เจ้าชายนาดีลบีบปากจู่จนเป็นปากเล็กขนาดพอเหมาะให้ผมจูบได้เสียนี่ เป็นภาพที่ทั้งน่าขันและน่าหมั้นไส้
   
“เอ่อ….อือ…” ผมลังเล แต่เมื่อถูกเร่งเร้ามากมากเข้า ผมก็แนบจูบลงไปที่ปากจู่นั่น
   
นุ่มนิ่มไปหมด นี่คือความรู้สึกที่ได้จากการจูบ เอาล่ะเมื่อคิดว่าการจูบปากน่าจะเพียงพอได้แล้วผมจึงขยับปากถอนจูบแต่เจ้าชายสไลม์บ้าๆดันใช้ปากดูดตัวผมเข้าไปในร่างเสียอีก บ้าที่สุด!!!
   
“ทำอะไรเนี่ย” ผมโวยวายอาละวาดในร่างของเขา บ้าบ้าที่สุดนี่มันจูบหรือว่าอะไรกันแน่ นี่มันเป็นการกลืนเข้าแบบทานอาหารเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ขยะแขยง ขยะแขยงสุดสุด
   
“เข้าเรียกว่าจูบแบบดูดดื่มนะน้า” เจ้าชายนาดีลที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีชมพูแปร๋นพูดด้วยเสียงลั๊นลา โกรธ นี่กลายเป็นว่าผมต้องมาอยู่ในร่างของเขาอีกแล้ว และเขาก็ไม่ทำตามสัญญา เจ้าชายนาดีลพาผมบินกลับบ้านทั้งที่ผมยังอยู่ในร่างเสียอย่างนั้น
   
ให้ตายเถอะ
   
“ไอ้สไลม์จอมลวงโลก” ผมได้แต่ร้องตะโกนอย่างหัวเสียอยู่ในร่างของนาดีลระหว่างที่เขาพาผมกลับปราสาท

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-09-2016 12:17:52
ขุ่นพี่เอียนนี่ จะเป็นตัวร้ายป่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 14-09-2016 14:08:23
ทำไม...ชั้นขำว่ะยามนึกภาพตามไอ้ตอนจูบดูดดื่ม55555 :ruready
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 14-09-2016 14:31:13
น่ารักกกกกก
ตลกอ่ะ555555
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-09-2016 15:41:07
นึกถึงโพริ่งแองเจิ้ลในแร็ค
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 14-09-2016 16:16:07
ฮาแบบแปลกๆ สรุปว่าชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-09-2016 19:39:44
สไลม์ แข็งแกร่ง ปกป้องฟีล่าสบายๆ เลย :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-09-2016 23:37:16
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-09-2016 08:39:50
นารักตัง555 หมั่นไส้นาดีล
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่3 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 09:51:10
ตอนที่3
   
ผมอดมองดูสร้อยคอประดับคริสตัลสีรุ้งที่ได้มาเมื่อปีที่แล้วจากเจ้าชายนาดีลไม่ได้ พอมองเจ้าสิ่งนี้แล้วก็นึกถึงหน้าเจ้าชายนาดีลปฏิเสธไม่ได้ว่าผมคิดถึงเขามากอยู่เหมือนกัน ป่านนี้เจ้าชายสไลม์บ้าๆนั่นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ
   
นั่นแหละ ผมไม่มีทางรู้จนกว่าจะได้พบหน้าเขา แต่อีกไม่นานหรอก ตอนนี้ผมอายุได้สิบขวบแล้ว ร่างมังกรของผมเองใหญ่พอที่จะบินข้ามดินแดนไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการเดินทางไปอาณาจักรไสลม์ครั้งนี้ผมจึงบินไปด้วยตัวเองกับ พวกทหารองครักษ์ที่พากันติดตามมาด้วย
   
พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไปที่อาณาจักรสไลม์ ก็ท่านพ่อท่านแม่น่ะสิ ท่านตัดสินใจตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วว่าจะให้ผมไปเยี่ยมที่อาณาจักรไสลม์ ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะต้องไปอยู่ถาวรที่นั่นหลังแต่งงาน
   
ผมใช้เวลาบินอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ ในที่สุดก็ถึงอาณาจักรสไลม์จนได้ ผมและคณะค่อยๆร่อนลงบนพื้นดินที่หน้าปราสาทอันใหญ่โตของอาณาจักรสไลม์
   
พอร่อนลงพื้นเรียบร้อยพวกผมก็กลายร่างเป็นมนุษย์ ทหารองครักษ์ที่มาด้วยกันยื่นสารส่งให้ทหารสไลม์รับไป ใช้เวลาไม่นานนักเมื่อทหารสไลม์กลับมา พวกเขาก็เชิญพวกผมเข้าไปในปราสาท

   ปราสาทของอาณาจักรสไลม์นั้นใหญ่โตมากพอที่พวกมนุษย์จะประกอบกิจกรรมต่างๆได้ ตอนแรกผมคิดว่าปราสาทของพวกเขาจะเล็กพอพอกับขนาดของพวกเขาเสียอีก
   
แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น พวกเก้าอี้ เครื่องใช้ต่างๆ เป็นขนาดใช้สอยแบบอย่างของพวกที่มีร่างเป็นมนุษย์ทั้งหมด ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อยทีเดียว
   
ผมและคณะเดินตามทหารสไลม์ไปจนถึงห้องโถงขนาดใหญ่ ที่นั่นบนบัลลังค์มีราชาสไลม์สีทองขนาดใหญ่อยู่ตรงนั่น และข้างๆมีชายหนุ่มผู้งดงามคนหนึ่งยืนอยู่เคียงกัน
   
“ถวายความเคารพราชาและราชินี” ทหารสไลม์พากันส่งเสียงนำ ผมกับคณะทำตามอย่างนอบน้อม ด้วยเหตุนี้ผมจึงเดาได้ว่าผู้ชายหน้าตางดงามคนนั้นน่าจะเป็นราชินีของอาณาจักรสไลม์ไม่ผิด
   
“ไม่ต้องมากทำเนียมหรอกเจ้าชายฟีล่า ยังไงเจ้าก็เหมือนเป็นลูกของข้าอีกคนนะ” ราชาสไลม์พูดกับผมอย่างเป็นกันเอง  ตอนนี้เองที่จู่จู่กล่องดำก็ผุดขึ้นในความคิดของผม ราชินีคนงามตรงหน้าน่าจะเป็นแม่ของเจ้าชายนาดีลและมีราชาสไลม์สีทองร่างยักษ์เป็นพ่อ
   
จากที่ราชาสไลม์เป็นผู้เล่า เขาบอกว่าราชินีเป็นคนคลอดเจ้าชายนาดีลออกมาด้วยตัวเอง อั๊ยยะ!! แล้วทำไงถึงคลอดออกมาได้ง่ะ อยากรู้อยากรู้ขึ้นมาติดหมัด

   “เจ้าชายนาดีลเสด็จแล้ว” เสียงแซ่ซ้องของทหารสไลม์ทำให้รู้ว่าเจ้าชายนาดีลมาถึง
   
เอ๊ะ!! มันแปลกๆอยู่นะ ปกติเวลาเจอหน้ากัน เจ้าชายบ้านั้นต้องกระโจนเข้ามากลืนกินผมเข้าไปอย่างทุกครั้ง แต่นี้แค่ยิ้มทักทายให้ผมแล้วก็บินเข้าไปออดอ้อนออเซาะท่านแม่ของเขา
   
What???
   
แปลกมาก บอกไม่ได้ว่ารู้สึกดีหรือไม่ดี เพราะในอกของผมมันรู้สึกหวิวๆยังไงชอบกล ไม่ชอบเลยแฮะความรู้สึกแบบนี้
   
“ท่านฟีล่าคงหิวเราไปทานอาหารกันดีกว่า นี่ก็เที่ยงพอดีเลย” ผมตอบรับคำชวนของราชินีหรือท่านแม่ของนาดีล หลังจากร่วมโต๊ะอาหารผมถึงได้รู้ว่า ท่านราชินีมีชื่อว่าท่านฟรานซิส
   
ตอนนี้ผมหมั้นไส้เจ้าชายนาดีลอย่างหนัก ก็อะไรล่ะ ปกติเขาต้องมาวอแวกับผมอยู่ตลอด แต่พออยู่ต่อหน้าท่านแม่คนงามเขาก็เมินผมสนิท จะว่าไงดีล่ะตอนนี้ผมอธิบายอารมณ์ตัวเองไม่ถูกเลย ให้ตายสินี่ผมเป็นอะไรไปกันแน่นะ
   
แต่ก็นั่นแหละยิ่งมองดูท่านแม่คนงามของนาดีลมากเท่าไหร่ ถึงจะงดงามแค่ไหนแต่เขาก็เป็นผู้ชายแน่ๆล่ะ ไอ้ที่ผมสงสัยอยู่ตอนนี้ก็เลยฉวยโอกาสถามมันไปเสียเลย

   “ท่านฟรานซิสครับ”
   
“เรียกท่านแม่สิจ๊ะ” ท่านฟรานซิสบอกผม
   
“ครับท่านแม่…คือข้าอยากรู้ว่า ราชามาริกกับท่านแม่ทำอย่างไรถึงได้คลอดเจ้าชายนาดีลออกมาได้” อยากรู้จริงๆอ่ะให้ตายสิ ถึงจะพยายามจินตนาการอยู่หลายอย่างก็เถอะ แต่มันก็สู้รู้ความจริงจากปากผู้มีประสบการณ์ไม่ได้ซักนิด
   
“เออ….” ตอนนี้ราชาสไลม์กับเจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบอกชอบใจ แต่ท่านฟรานซิสนี่สิหน้าแดงแปร๊ดเหมือนเอาสีแดงมาทา
   
“เอ่อ….คือ เอาไว้ถึงเวลาเจ้าชายนาดีลบุตรเราจะเป็นผู้บอกเจ้าเองนะฟีล่า” ราชามาริกตอบแทนท่านฟรานเซสที่พยักหน้าหงึกๆทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลส่งยิ้มกว้างมาให้ผมดูเขาจะชอบอกชอบใจอะไรบ้างอย่าง ผมอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากให้เจ้าชาย
   
แต่อดติดใจไม่ได้จริงๆอ่ะ มันเป็นเรื่องน่าอายขนาดนั้นเชียวเหรอ สไลม์กับมนุษย์ ผมจินตนาการการร่วมรักระหว่างสองเผ่าพันธุ์ไม่ออกจริงๆอ่ะ ให้ตายสิ แต่ถ้ามันน่าอายมาก อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ อดขนพองสยองเกล้าไม่ได้เลยแฮะ
   

หลังจากทานอาหารเสร็จ ท่านฟรานเซสก็แนะนำให้นาดีลพาผมชมรอบๆเมือง เจ้าชายนาดีลก็พาผมไปตามที่ร้องขอ แต่น่าแปลกเขาไม่เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการผมอยากทุกที ก็อะไรล่ะ ก็ไอ้การกลืนผมเข้าไปในร่างแล้วพาเดินเหมือนทุกทีไง
   
“นี่คือเพื่อนสนิทของข้าเองนะฟีล่า” เจ้าชายนาดีลแนะนำสไลม์สีแดงให้ผมรู้จัก สไลม์สีแดงตัวนี้มีชื่อว่าราอูล
   
“ยินดีที่ได้รู้จักท่านคู่หมั้น ข้าราอูลครับ”
   
“อา….ยินดีที่ได้รู้จักนะราอูล” ผมทักทายเขากลับ หลังจากนั้นพวกเราก็พากันเดินไปรอบๆเมือง เป็นอีกครั้งที่ผมเกิดหงุดหงิด ก็อะไรล่ะเจ้าชายนาดีลเล่นเอาแต่พูดกับราอูลจนลืมผมไปเลย โอ๊ยผมอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูกเลยล่ะ
   
“นี่” ผมลองเรียกเจ้าชายนาดีลจากด้านหลัง ก็ใช่สิเขาเดินนำหน้า ทิ้งผมเดินเคียงคู่ไปกับเพื่อนของเขาราวกับไม่มีผมอยู่เลยนี่

   “นี่ ได้ยินหรือเปล่า”
   
พอผมเริ่มจะเสียงดัง เจ้าชายนาดีลกับราอูลก็หันกลับมามอง นาดีลนั้นทำหน้าสงสัย แต่ราอูลนั้นทำสีหน้าแปลกๆ
   
“มีอะไรสนุกๆทำบ้างไหม ข้าเบื่อ” ผมบอกความต้องการออกไป

   “แทนที่จะถามว่ามีอะไรสนุกๆบ้างไหม น่าจะถามกลับบ้างว่าท่านคู่หมั้นทำอะไรเป็นบ้างไหมต่างหากนะครับ”

   “เอ๊ะ” ผมเอียงคอมองดูราอูล ชักงงว่าเจ้าสไลม์สีแดงนี่หมายความว่าอย่างไร
   
“อ่าว อย่าลืมสิครับ ว่าท่านกำลังจะมาเป็นเจ้าสาวให้เจ้าชายของเรา แน่นอนว่าคุณสมบัติเฉกเช่นนักรบของเจ้าชายเราได้รับการพิสูทธิแล้วจากการที่ช่วยท่านหลายครั้งหลายหน….”  ผมอึ้ง แต่ก็อดถลึงตาใส่เจ้าชายนาดีลไม่ได้ นี่เขาเอาเรื่องน่าอายของผมไปเล่าให้เพื่อนของเขาฟังด้วยหรือนี่ แต่เจ้าสไลม์บ้านั้นดันทำไม่รู้ไม่ชี้แถมผิวปากอีกแน่ะ โกรธแล้วนะ
   
“แล้วยังไง”  ผมถามราอูลเสียงห้วน ไม่มีการถนอมน้ำใจใดใดทั้งนั้น
   
“ก็คุณสมบัติของเจ้าสาวไงล่ะครับ ตามที่ข้าฟังมาท่านต่อสู้ไม่เก่ง ดังนั้นการบ้านการเรือนน่าจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”
   
ชะ!!! พูดอะไรของนายกันวะ เจ้าสไลม์แดงนี่ เอาเหตุผลอะไรมาวัดว่าสู้ไม่เก่งจะต้องเก่งงานบ้าน ผมไม่เก่งงานบ้านทั้งชาตินี้และชาติที่แล้วนั่นแหละ ไม่อยากจะอวดหรอก
   
“ทำอะไรได้บ้างล่ะครับ ปักผ้า ทำอาหาร…” ผมอึกอักเมื่อราอูลเริ่มไล่คุณสมบัติของเจ้าสาว แถมเจ้านาดีลยังจ้องมาตาเป็นประกาย จะกดดันกันหรือไงวะครับ
   
“ข้าทำไม่เป็นทั้งนั้นแหละ ก็ข้าเป็นผู้ชายนี่” ผมบอกไปตามตรง แน่ล่ะจะโกหกทำไม
   
“ทำไม่ได้ก็ต้องหัดทำครับ” ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าถูกราอูลไล่ต้อนให้เดินไปตามทางราวกับทหาร โดยมีเจ้าชายนาดีลกระพรือปีกบินตามมา เสียงผิวปากของนาดีลกวนประสาทผมที่สุดเลย

   “ข้าชื่อมาธาร์ค่ะท่านฟีล่า ข้าเป็นแม่ของราอูล” แม่ของราอูลเป็นสไลม์สีเขียวตัวใหญ่ ผมรู้จากเธอว่าเธอเป็นแม่นมให้เจ้าชายนาดีล
   
“เริ่มจากทำขนมปังกันดีไหมคะท่านฟีล่า” ผมพยักหน้าหงึกหงัก ตอนนี้นี่เองที่ผมได้เห็นการนวดแป้งอย่างน่าอัศจรรย์ของพวกสไลม์
   
“ท่านฟีล่าลองทำบ้างนะคะ” ผมลองนวดแป้งดูบ้าง ไม่ยากอย่างที่คิด แต่แปลกใจว่าทำไม ราอูลถึงได้เริ่มทำด้วยเหมือนกัน
   
“ข้ากลัวท่านคู่หมั้นจะเหงาแค่นั้นล่ะครับ” อ๊ะนี่ผมแค่ใช้สายตาเท่านั้นเองนะ เขารู้ได้ไงอ่ะ ให้ตายสิเป็นพวกประหลาดเหมือนเจ้าชายนาดีลไม่ผิด
   
“เอาล่ะที่นี้ก็จุดเตา” หวานหมูผมล่ะแค่จุดเตาใครก็ทำได้ ผมใช้เวทย์มนต์บทหนึ่งสร้างไฟขึ้นมา มันไปได้ด้วยดีล่ะ แต่มันแย่ตรงที่ว่า เตาทำขนมในโลกนี้ยังเป็นเตาขนมแบบโบราณ ที่ต้องคอยดูอยู่ตลอดเวลาว่าขนมจะสุกเมื่อไหร่ นี่ล่ะ สุดท้ายขนมปังของผมที่ทำออกมาก็ดูเกรียมอย่างเห็นได้ชัด ผิดกันกับของราอูล
   
“น่าเสียดายนะคะ แต่ก็ไม่แย่เท่าที่คิดหรอก” ถึงจะพยายามปลอบใจ แต่เห็นรอยยิ้มเจื่อนๆของมาธาร์ผมก็เข้าใจดีล่ะ แถมราอูลยังพูดไม่รักษาน้ำใจเสียอีก
   
“แหม ท่านคู่หมั้น อย่าบอกนะว่าจะเอาขนมปังนี่ให้เจ้าชายของเรากิน ขืนกินเขาไปได้ท้องเสียพอดี” ผมคอตก ตอนนี้ได้แต่ยืนมองนาดีลกินขนมปังที่ราอูลเป็นคนทำ เจ้าชายบ้ากินไปชมไปว่าขนมปังของราอูลอร่อยอีกต่างหาก

   น้อยใจ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่ก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้ ในตอนนั้นผมฉวยโอกาสที่เจ้าชายนาดีลสวาปามขนมที่ราอูลและมาธาร์ทำไม่เลิกปลีกตัวออกมาพร้อมกับขนมปัง
   
“ให้ตายสิ ก็แค่ครั้งแรกเอง ทำไมต้องทำท่าเหมือนข้าเป็นคนไร้ความสามารถขนาดนั้นด้วยนะ” ผมบ่นไปเรื่อย ตอนนี้ผมเดินเตร่ออกมานอกเมือง ไม่มี่พวกทหารยามสไลม์เฝ้าอยู่ คงจะกำลังผลัดเปลี่ยนเวรล่ะมั้ง
   
ผมเดินหาที่เหมาะๆ มองหาที่ที่จะมีนกมากมากเพื่อจะโปรยขนมปัง แต่จู่จู่ผมก็ร่วงลงไปด้านล่างโดยไม่ทันตั้งตัว
เจ็บ เจ็บไปหมดทั้งตัว ผมเงยหน้าขึ้นมองจากหลุมด้านล่าง คงมีนายพรานขุดเพื่อดักสัตว์แน่แน่
   
ผมตัดสินใจจะแปลงร่างเป็นมังกรบินขึ้นจากหลุม แต่แย่แล้ว!! หลุมมันเล็กเกินไปร่างมังกรของผมถ้าจะกางปีกบิน ปีกของผมมันกว้างกว่าหลุมลึกนี่มาก
   
คอตก นี่ผมประสบเคราะห์กรรมเพราะความสะเพร่าของตัวเองอีกแล้วหรือนี่ อยากร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ 
   
“บ้า บ้าที่สุด เพราะเจ้าชายสไลม์บ้าๆนั่นแหละ” ผมโวยวาย รู้อยู่ว่าไม่ใช่ความผิดของนาดีล แต่เพราะทั้งกลัว เสียใจ น้อยใจ จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ไปโทษว่าเป็นความผิดของเขาไป
   
“ ฟีล่า” อา….เขาเจอผมแล้ว ผมหยุดร้องไห้ทันที และทำเมินเฉยเจ้าชายนาดีล แต่จะให้เฉยได้ไงในเมื่อเขาโดดลงมาในหลุม ขยายขนาดแล้วอ้าปากพยายามจะกลืนผมเข้าไปในร่างเหมือนเคย
   
“ไม่ต้องเลยนะ ข้าออกไปเองได้” ผมปฏิเสธเขาด้วยที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญา
   
“โกรธอะไรข้าหรือเปล่าฟีล่า” เจ้าชายนาดีลลดขนาดลงมาจนเท่าลูกฟุตลบอลอีกครั้ง
   
“ข้ามีสิทธิโกรธด้วยหรือไง ในเมื่อเจ้าไม่สนใจข้าอีกแล้วนี่”
   
“ใครบอกว่าข้าไม่สนใจฟีล่ากันฮึ”

   “ก็การกระทำของเจ้าไงล่ะ……” พอผมบอกเขาไปด้วยเสียงเย็นชา นาดีลก็ทำสีหน้าฉงน ผมจึงอดไม่ได้ที่จะบอกความในใจออกไป ทั้งเรื่องแปลกที่เขาไม่เข้ามาคลอเคลียอย่างเคย ทั้งเรื่องที่เขาเอาแต่สนใจท่านแม่และเพื่อนของเขา
ปลอยให้ผมเหงา
   
“อ้า…..นี่ฟีล่าหึงข้าหรือ”
   
“ไม่ได้หึงเฟ้ย” ตอนนี้ผมหน้าแดงไปหมด ไม่รู้ว่าอายหรือว่าโกรธ แต่ผมอนุมานเอาเองว่าผมอยู่ในระยะหวงเพื่อนซึ่งเป็นอาการของเด็กในวัยนี้ก็เป็นได้
   
“ข้าไม่ได้หึงเจ้าซักนิด” แทนคำตอบจู่จู่นาดีลก็กลืนกินผมเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดวูบเดียวออกจากหลุมลึก ว่องไวจนผมคิดอะไรไม่ทัน
   
“ข้าไม่ได้ทำเมินเจ้านะ แต่ข้าเอาเรื่องที่เจ้าหงุดหงิดเสมอเวลาที่ข้าเขาใกล้ไปปรึกษาราอูล เขาก็บอกข้าว่าให้ข้าเว้นระยะห่างแล้วให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้าบ้าง ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ฟีล่าเหงา”
   
“ข้าไม่ได้เหงาเสียหน่อย” ผมอ้อมแอ้มตอบไป ยอมรับว่าตอนนี้เริ่มจะเสียใจแล้วที่บอกความในใจออกไปจนหมด ผมได้แต่นิ่งเงียบให้เจ้าชายนาดีลพาร่างผมไปตามทางโดยไม่ต่อต้าน

   “ ฟีล่า….ฟังนะ….” ผมคอยฟังอย่างเงียบๆ รอดูว่าเขาจะพูดอะไร

   “เจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็นแล้วล่ะ แล้วข้าก็เป็นคนรักเดียวใจเดียวเสียด้วยสิ แค่อยากจะบอกเอาไว้ว่าข้าไม่มีวันหมดรักเจ้าง่ายๆแน่ เข้าใจนะ”

   ใบหน้าของผมเห่อร้อน ตลกตรงที่ผมเกิดความรู้สึกนั้นกับเจ้าสไลม์เสียได้ ใครๆก็หน้าแดงทั้งนั้นล่ะถ้าหากว่าถูกสารภาพรักร้อนแรงอย่างนี้
   
ไม่นะ ตอนนี้ผมกลายเป็นหนุ่มประหลาดที่มีรสนิยมประหลาดไปแล้วหรือนี่ ผมพยายามปฏิเสธตัวเองว่าไม่ได้เริ่มชอบเจ้าชายนาดีล แต่ทำอย่างไรได้ล่ะผมไม่สามารถหยุดให้ตัวเองรู้สึกดีกับคำบอกรักของนาดีลได้เลย ให้ตายสิ ผมเป็นอะไรไปแล้ว



หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่3 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 15-09-2016 10:08:54
เราเริ่มจิ้นไปถึง nc แล้วอ่ะ คงหนุบหนับๆน่าดู
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่3 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 15-09-2016 11:12:26
น่ารัก  สนุก  ตลก
และฟินมาก
ถึงพระเอกจะเป็นสไลม์555
จริงๆเราไม่ชอบอ่านแนวแฟนตาซี
แต่เรื่องนี้บรรยายได้อย่างน่ารัก  ไม่เบื่อเลย
อยากติดตามอยากรู้ไปทุกตอน
อดจะเอ็นดูหนูฟีล่าไม่ได้ 
แอบอยากให้ราชาและราชินีสาธิตวิธีการมีลูกให้ดูจัง
ขำ มาก ฮ่าๆๆ

ปล.อยากให้อัพทุกวันจัง   แอบเหลือบไปเห็นคนเขียนอัพเว็บอื่นไปแล้วหลายตอน
แต่เรายังไม่อ่านหรอกน่ะ  เราจะรออ่านที่นี้   จะได้เม้นท์ให้ทุกตอนเลย ><
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่3 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 14:48:58
ตอนที่4

   
ปีนี้ผมอายุได้สิบเอ็ดขวบแล้ว หลังจากผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีที่แล้ว ไม่รู้ทำไมปีนี้ผมเฝ้ารอฤดูไบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเฝ้ารอที่จะได้พบกับเจ้าชายนาดีล
   
พวกคุณคงแปลกใจที่ตอนนี้ผมเริ่มชอบเจ้าชายนาดีลขึ้นมาแล้ว ก็แน่ล่ะ ตอนไปอยู่ที่อาณาจักรสไลม์ผมสนุกน่าดูเลย เจ้าชายนาดีลชวนผมทำนู้นทำนี่ไม่ได้หยุด เราเข้าป่า ไปเที่ยวที่น้ำตก ฝึกทำอาหาร เรียนหนังสือ หรือแม้แต่นอนด้วยกัน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมสนิทกับเขาจนเรากลายเป็นเพื่อนสนิทกันม๊ากมากไปแล้ว
   
จะว่าไปตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะแปลกๆ ผมรู้สึกว่าร่างกลมๆนุ่มๆสีทองมีปีกของนาดีลนั้นช่างน่ารัก นั่นยังรวมไปถึงนิสัยที่บางครั้งก็ช่างแกล้งของเขาอีกด้วยแต่โดยปกติแล้วเจ้าชายนาดีลนั้นมีนิสัยกล้าหาญและเปิดเผยเสียเป็นส่วนใหญ่
   
เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ชอบที่เขามาวอแว แต่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว เพราะผมรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมากกว่าที่คิด ส่งผลให้ปีนี้ผมเฝ้ารอคอยการมาเยี่ยมเยือนของนาดีลทั้งๆที่ปีก่อนหน้านั้นผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้ และแล้วเวลานั้นก็มาถึง
   
“นาดีล” พอได้เห็นหน้าผมก็เข้าไปกอดเจ้าชายนาดีลก่อนที่เขาจะทำอะไรเสียอีก ตอนนี้เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างและกำลังหัวเราะชอบอกชอบใจ
   
“แหมคู่หมั้นรักกันดีจริงๆ” ท่านแม่พูดไปยิ้มไป ท่านพ่อเองก็ยิ้มอยู่เช่นกัน แต่ทำไมนะท่านพี่เอียนทำหน้าบึ้งตึงเสียจนผมแปลกใจ
   
“ท่านแม่ให้นาดีลนอนกับข้านะครับ” ผมขอร้องท่านแม่ ก็นั่นแหละนับจากที่ผมรู้สึกว่าเจ้าชายนาดีลน่ารัก ผมก็ค้นพบว่าผมชอบนอนกอดร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีลมากกว่าที่คิด ที่ค้นพบได้ก็เพราะตอนไปพักที่อาณาจักรสไลม์ผมกับเจ้าชายนาดีลมักจะนอนด้วยกันบ่อยครั้ง
   
“ได้สิจ๊ะลูกรัก” พอท่านพ่อท่านแม่อนุญาตพวกเราก็ดีใจกันยกใหญ่ หลังจากวันนั้นผมกับนาดีลก็ทำตัวติดกันไปเสียทุกที่
   
“หมู่นี้เจ้าเอาแต่ทำตัวติดกับเจ้าชายนาดีลนะน้องพี่” จู่จู่ท่านพี่ก็พูดขึ้นมาระหว่างที่พวกเรานั่งทานกลางวันกันในสวนดอกไม้ของปราสาท
   
“เอ่อ….” ผมรู้สึกอึดอัดที่จะตอบเพราะท่านพี่น่ะสิเล่นใช้สายตาของสัตว์ร้ายจ้องมองมาที่ผม
   
“แหมท่านพี่ก็ข้ากับฟีล่าเป็นคู่หมั้นกัน เราจะสนิทกันมันจะแปลกตรงไหนล่ะ” นาดีลตอบคำถามแทนผมนั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของท่านพี่ดูร้ายกาจขึ้นไปอีก
   
“ฟีล่าไหนเจ้าเคยบอกว่าเกลียดที่ต้องเป็นคู่หมั้นของเจ้าหมอนี่ไง”
   
“เอ่อ….คือ…..ข้า…..” ผมไม่สบายใจต่อคำถามและการแสดงออกของท่านพี่เลย อย่างแรกผมไม่เข้าใจว่าท่านพี่โกรธอะไรอยู่แน่ อย่างที่สองผมลำบากใจกับคำพูดทำร้ายจิตใจของท่านพี่ที่อาจจะทำร้ายนาดีล ถึงแม้ว่ามันจะเคยเป็นความคิดจริงๆของผมมาก่อนก็ตาม แต่ทว่าก็ตอนนี้ผมไม่ได้เกลียดนาดีลแล้วนี่นา
   
“ฟีล่าเจ้าเกลียดข้าอย่างนั้นหรือ” เจ้าชายนาดีลหันมาถามผม ให้ตายสิผมลำบากใจชะมัด
   
“ข้าเคยเกลียดเจ้า แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าข้าชอบนิสัยเจ้านะ แล้วข้าก็คิดว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ถึงแม้จะตะขิดตะขวงใจเรื่องที่เราเป็นคู่หมั้นกันอยู่นิดหน่อย”
   
“ทำไมถึงตะขิดตะขวงล่ะ” นาดีลกระพริบตาปริบๆ เอาวะถ้าเขาอยากรู้ผมก็จะตอบ
   
“ก็เจ้าเป็นสไลม์นี่ร่างกายของเจ้าแตกต่างจากข้ามาก แถมเราสองคนยังเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่” ผมชี้แจงให้เขาเห็นกำแพงสูงที่กั้นระหว่างเราให้เจ้าชายนาดีลเข้าใจ ตอนนี้ท่านพี่แสยะยิ้มดูแล้วช่างร้ายกาจ
   
“เอาเถอะถึงเจ้าจะไม่มั่นใจในตัวข้า แต่ข้ามั่นใจว่าจะทำให้ฟีล่ามีความสุขได้ไปทั้งชีวิตนั่นแหละ” ผมยิ้มน้อยๆให้เขา อันที่จริงผมยอมรับเรื่องที่เป็นคู่หมั้นกับเจ้าชายนาดีลได้แล้วนั่นก็เพราะผมค้นพบว่าผมชอบเขามากกว่าที่คิด อีกอย่างเราสองคนถึงเป็นคนละสายพันธ์กันแต่ก็สามารถอยู่ด้วยกันแบบเพื่อนสนิทไปทั้งชีวิตได้ ซึ่งผมได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว
   
“ข้า…ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเจ้าในฐานะเพื่อนสนิทไปทั้งชีวิตนี่แหละ” เจ้าชายนาดีลส่งเสียงไม่ชอบใจพร้อมทั้งปริ้นปาก แน่นอนว่าเขาตีฟองปุดๆในร่างโปร่งแสง
   
“เราเป็นคู่หมั้นกัน พอถึงเวลาเราในที่สุดเราจะกลายเป็นสามีภรรยากันต่างหาก ฟีล่าจอมซื่อบื้อ….เอาเป็นว่าท่านพี่คงเห็นแล้วว่าฟีล่าไม่ได้เกลียดข้าอีกต่อไป ท่านเข้าใจแล้วนะ” ท้ายประโยคเจ้าชายนาดีลหันไปพูดกับท่านพี่ ท่านพี่เอียนขบฟันเข้าหากันดังกรอด ผมไม่เคยเห็นท่านพี่เคยโกรธใครขนาดนี้มาก่อน หรือแม้แต่ทำสีหน้าแบบนี้ให้ผมเห็นไม่เคยเลยจริงๆ
   
หลังจากนั้นท่านพี่ก็แปลกๆไป ท่านพี่เอียนคอยหลบหน้าหลบตาผม ทำเอาผมหดหู่ใจเพราะไม่เคยถูกท่านพี่เอียนทำแบบนี้กับผมมาก่อนเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าท่านพี่โกรธอะไรกันแน่
   
“ฟีล่าเป็นอะไรไป” เจ้าชายนาดีลถามผมขณะที่เราทานกลางวันด้วยกัน พอถูกเรียกผมก็พึ่งรู้ตัวว่าผมเอาแต่เหม่อลอย ยอมรับล่ะว่าผมพยายามคิดหาวิธีการคืนดีกับท่านพี่ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าท่านพี่โกรธอะไรอยู่นั่นแหละ
   
“ก็ท่านพี่เอียนนะสิ หมู่นี้ท่านพี่เอาแต่หลบหน้าข้าตลอดเลย” ผมระบายความขัดข้องออกไป
   
“ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมท่านพี่ของเจ้านี่เป็นพี่ชายแท้ๆหรือเปล่า”
   
“ถามอะไรอย่างนั้น ก็ต้องพี่ชายแท้ๆสิเจ้าบ้า” ผมเอ็ดนาดีลเบาๆ ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แต่หงุดหงิดเล็กน้อยกับคำถามที่ดูแปลกๆของอีกฝ่าย
   
“ข้าว่าไม่มีอะไรหรอกมั้งอาจจะหวงเจ้าก็ได้ ก็หมู่นี้ข้ากับเจ้าตัวติดกันตลอดเลยนี่นะ”
   
พอนาดีลพูดขึ้นมาผมก็นึกขึ้นได้ หมู่นี่ผมเอาแต่เล่นสนุกอยู่กับนาดีลจนลืมท่านพี่เอียนไปเสียสนิท ทำไงได้ท่านพี่เอาแต่ฝึกฝนวิชาต่างๆจนเวลาว่างไม่ค่อยมีเลยนี่นะ
   
“อย่างนั้นทำไงดีล่ะ นาดีลช่วยคิดหน่อยสิ”
   
“ถึงข้าจะเหงาเล็กน้อย แต่เจ้าไปเล่นกับพี่ชายเจ้าบ้างก็ได้น้า”
   
“อ้าวแล้วจะไม่ไปด้วยกันหรือ” ผมถาม
   
“ก็ท่านพี่เจ้าเขาไม่ค่อยชอบข้า ข้าว่าเจ้าไปง้อเพียงลำพังจะดีกว่านะ” ผมเริ่มจะเห็นด้วยกับนาดีล ผมเริ่มจะรู้เลาๆว่าท่านพี่ไม่ชอบนาดีลเอามากๆ อาจจะเป็นเพราะคล้อยตามผมที่ผมเคยเกลียดนาดีลก็เป็นได้ แต่ไม่เป็นไรผมจะค่อยๆทำให้ท่านพี่เอียนเป็นมิตรกับนาดีลให้ได้ หากท่านพี่ลองคบหากับเขาดูรับรองว่าท่านพี่ต้องชอบนิสัยนาดีลแน่ๆ
   
ผมรีบวิ่งไปตามหาท่านพี่ ผมถามพวกสาวรับใช้ให้วุ่นวายไปหมด จนรู้ว่าท่านพี่อยู่ที่ลานฝึกอาวุธผมจึงรีบไปที่นั่นทันที
   
เมื่อไปถึงผมเห็นท่านพี่อยู่บริเวณทางเดินใกล้ๆกับหัวมุมกับท่านเสนาบดี ตอนนั้นผมก็มีความคิดดีดีว่าจะแกล้งให้ท่านพี่ตกใจเสียหน่อยจึงย่องเข้าไปบริเวณมุมอับรอจนท่านพี่พูดคุยเสร็จ
   
“ท่านก็รู้ว่าท่านไม่ใช่บุตรชายแท้ๆของราชาและราชินี แต่ท่านก็อย่าลืมสิว่าท่านเป็นถึงบุตรของราชาคนก่อน”
   ผมตกใจกับคำพูดของท่านเสนาบดี ความจริงที่ว่าท่านพี่ไม่ใช่พี่แท้ๆของผมทำเอาผมอึ้งอยู่ไม่น้อย
   
“ท่านรู้ไหมว่าราชาและราชินีวางแผนจะยกบัลลังค์ให้เจ้าชายฟีล่าหลังจากเข้าพิธีวิวากับเจ้าชายสไลม์ที่น่าชังนั่น ท่านคิดดูสินอกจากจะยกบุตรชายให้แต่งงานกับศัตรูยังจะยกบัลลังค์ให้มันครองอีก แล้วตัวท่านล่ะจะเหลืออะไร”
   
ตกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นึกไม่ถึงว่าท่านพ่อท่านแม่จะวางแผนเอาไว้เช่นนี้ ท่านพี่ยังคงนิ่งเงียบปล่อยให้เสนาบดีพูดต่อไป
   
“ข้าสนับสนุนท่านเสมอนะเจ้าชายเอียน เพราะอย่างไรท่านก็คือหลานข้า เป็นบุตรชายเพียงผู้เดียวที่ลูกของข้าคลอดออกมา ขอเพียงท่านพูดคำเดียวข้าพร้อมจะสนับสนุนท่านในทุกๆทาง”
   
หลังจากพูดจบเสนาบดีก็จากไปโชคดีที่เสนาบดีเดินไปอีกทางไม่ได้เดินมาทางที่ผมหลบอยู่ แต่ท่านพี่นี่สิเดินมาและพบกับผมเข้าพอดี
   
“ฟีล่า”
   
“ท่านพี่”
   
หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็พากันมายังห้องนอนของท่านพี่เอียน เราสองคนอยู่ที่ริมระเบียง ที่นั่นสายลมอุ่นพัดมาเป็นระลอก ผมมองดูทัศนียภาพของเมืองที่เห็นได้ชัดจากห้องของท่านพี่เอียน
   
“เจ้าคงได้ยินที่เสนาบดีพูดกับข้าแล้ว”  ไม่นึกว่าท่านพี่จะเปิดประเด็นเร็วแบบนี้ ตอนนี้ผมเป็นกังวลใจอย่างหนักกลัวว่าท่านพี่เอียนจะเปลี่ยนไป
   
“ข้าไม่สนหรอกท่านพี่ ถึงแม้พวกเราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆแต่ข้าจะรักท่านในฐานะพี่ชายแบบนี้ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง” ผมยืนยันด้วยความจริงใจ แต่ไม่รู้ทำไมท่านพี่มีสีหน้าเจ็บปวด ด้วยเกรงว่าท่านพี่จะร้องไห้ผมโถมเข้ากอดรัดท่านพี่ที่ตอนนี้ตัวสูงกว่าผมไปไกลมากเพราะอายุได้สิบห้าปีแล้ว
   
“ท่านพี่เชื่อข้าเถอะ ข้าจะเป็นน้องของท่านตลอดไป และท่านไม่ต้องกังวลข้าไม่มีวันแย่งบัลลังค์อันเป็นสิทธิของท่านพี่ไปอย่างเด็ดขาด”
   
ท่านพี่ไม่พูดอะไรออกมาซักคำทำเอาผมที่กอดเอวเอาไว้ใจเสีย ผมเงยหน้าขึ้นมองท่านพี่ ท่านพี่ทำสีหน้าปวดร้าวหนักยิ่งกว่าเก่า
   
“ทั้งบัลลังค์และตัวเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นของข้า” ท่านพี่ไม่ร้องไห้อีกแล้วแต่ท่านมีสีหน้าดุดันจนผมนึกกลัว ผมไม่ได้ยินว่าท่านพี่พูดว่าอะไร นั่นก็เพราะสายลมหนักที่พัดแรงและเพราะท่านพี่พูดกระซิบเสียงแผ่วราวกับจะสาบานกับตัวเอง


   
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่4 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 15-09-2016 15:08:23
เขินท่านพี่เอียนมาก
นางแอบชอบฟีล่าแน่ๆเลย
จะเกิดรัก 3 เส้าระหว่างคนกับสไลม์ไหมน่ะ 5555
ทำไมถึงเขียนได้สนุก   น่ารัก  ไม่น่าเบื่อแบบนี้*0*
ทั้งๆที่พล็อตแนวเด็กๆมากเลยน่ะ
ถ้าคนเขียนไม่เก่งจริง  เราคงทิ้งไว้กลางทางแน่ๆ
แต่เรื่องสนุกมากๆ
เราจะอ่านไปจนกว่าจะตายกันไปข้าง
ขอบคุณมากๆค่ะที่วันนี้ใจดีลงให้อีกตอน
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่4 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-09-2016 15:23:41
ก็ตะหงิดๆใจ ว่าเอียน กับฟิล่า ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ
เอียน ดูรักฟิล่า เกินน้องจริงๆ
รอ ตอนต่อไป
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่4 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 15:39:57
ตอนที่5
   
อีกไม่นานจะมีงานฉลองครบรอบวันเกิดอายุสิบห้าของผม ผู้คนในปราสาทและอาณาจักรพากันวุ่นวายเพื่อเตรียมการอย่างยิ่งใหญ่ อันที่จริงผมไม่อยากให้จัดงานอะไรอย่างนี้ เคยปฏิเสธท่านพ่อท่านแม่ไปทุกปี แต่ก็ไม่สามารถขัดใจพวกท่านได้
   
นอกจากนั้นปีนี้งานฉลองวันเกิดของผมยังมีความสำคัญมากกว่าทุกปี ท่านพ่อท่านแม่เตรียมจะจัดงานอภิเษกให้ผมกับเจ้าชายนาดีล
   
รู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อย ไม่สิ ไม่แค่หน่อยแล้วล่ะ ชาติที่แล้วของผมเด็กอายุสิบห้ายังอยู่ในช่วงวัยเรียนอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่นี่สิไม่รู้จะร้อนใจอะไรนักหนา
   
ตอนแรกผมก็พยายามค้านที่จะจัดงานแต่งงานเร็วแบบนี้ ผมคัดค้านตั้งแต่ปีที่แล้ว เจ้าชายนาดีลก็เหมือนกันแทนที่จะช่วยพูดกันบ้าง เขากลับเอาแต่หัวเราะชอบใจ ไม่มีท่าทีจะหวงแหนอิสระของตัวเองบ้างเลย
   
ให้ตายสิถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขามีใจให้ผม แต่แต่งงานเร็วขนาดนี้ ผมคิดว่าไม่นานเราทั้งคู่อาจจะมีปัญหาชีวิต ประมาณว่าพออยู่ด้วยกันตลอดเวลาจริงๆอาจจะเข้ากันไม่ได้
   
แต่ปัญหามันไม่จบแค่ที่เราสองคนนี่สิ ปัญหาคือถ้าการแต่งงานของเราไม่ราบรื่น ความสัมพันธ์แบบมิตรภาพของเผ่ามังกรกับเผ่าสไลม์ก็จะไม่ราบรื่นไปด้วย คิดๆดูแล้วนี่มันเรื่องใหญ่เชียวล่ะ
   
ที่ผมยอมแต่งงานกับนาดีล อย่างแรกสุดคือเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเผ่า ถึงแม้จะไม่อยากก็เถอะ อย่างที่สองที่ผมยอมแต่งกับเขาต้องยอมรับว่าผมค่อนข้างชอบพอเขามากกว่าที่คิด ชอบในแบบที่เขาเป็นสไลม์นี่แหละ
   
ชอบแบบเป็นคู่หู ชอบแบบเพื่อนสนิท เหมือน ซาโตชิกับปิกาจู ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเจ้าชาย
นาดีลลึกซึ้งกันในรูปแบบนี้แหละ
   
ตามแผนที่ท่านพ่อท่านแม่วางเอาไว้ หลังจากฉลองงานวันเกิดของผมก็จะจัดงานแต่งงานของผมกับเจ้าชายนาดีลในวันถัดไปทันที ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็ต้องเรียกว่าโกหก
   
แต่งงานนะครับ ถึงจะกับผู้ชายแถมไม่ใช่มนุษย์ด้วยก็เถอะ ตอนนี้ผมสงสัยนะว่าหลังแต่งงาน ผมจะต้องย้ายไปอยู่กับนาดีลที่อาณาจักรสไลม์หรืออยู่ที่อาณาจักรมังกรเหมือนเดิม
   
ผมคิดนะว่าทางที่ดีให้ผมไปอยู่ที่อาณาจักรสไลม์ดีกว่า เพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมก็กลัวว่าท่านพ่อท่านแม่จะยก
บัลลังค์ให้กับผม นั่นก็เพราะปัจจุบันทั้งท่านพี่ทั้งผมไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งรัชทายาท ดังนั้นบางครั้งเจ้าชายนาดีลจึงบอกผมว่าผมเองก็มีสิทธิที่จะขึ้นครองราชเช่นกัน
   
โถ่ๆๆๆเอาอะไรมาคิดกันนะ จะให้คนที่ไม่ประสาอย่างผมขึ้นครองประเทศ เชื่อเขาเลย ผมทำไม่ได้แน่ๆ ไหนจะงานเอกสารมากมาย ไหนจะประชาชนที่ต้องดูแล ถ้าเลือกได้ผมขอไม่รับภาระจะดีกว่า
   
อีกอย่างท่านพี่เอียนปีนี้อายุได้19 ท่านพี่เอียนนั้นยิ่งเติบโตก็ยิ่งสมบูรณ์พร้อม จนบางครั้งผมอดปลื้มที่มีพี่ชายอย่างท่านพี่เอียนไม่ได้
   
และไม่ว่าจะในทางลับหรือทางแจ้ง ผมก็มักจะสนับสนุนให้ท่านพี่ขึ้นครองราช ผมพยายามชี้ให้ท่านพ่อท่านแม่เห็นเสมอๆว่าท่านพี่นั้นเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากกว่าผมด้วยการทำตัวไม่เอาไหน
   
ยกตัวอย่างเช่นเวลาซ้อมการต่อสู้ผมก็เอาแต่โดดบ้างไม่ตั้งใจ เวลาเรียนก็แกล้งตอบคำถามไม่ได้บ้างทำให้ท่านอาจารย์ปวดหัวบ่อยๆ ผลที่ได้ก็ทำให้ท่านพ่อท่านแม่อ่อนอกอ่อนใจไม่น้อย
   
บางครั้งพวกท่านพ่อท่านแม่ก็พูดว่าจะไม่เก่งวิชาป้องกันตัวก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยในวิชาการปกครองควรจะทำให้ดีกว่านี้ นั่นล่ะผมได้แต่อมยิ้ม ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจหรืออ่อนด้อยในวิชาการปกครองแต่หลักๆเลยคือผมแกล้งตอบคำถามผิดๆไป ท่านพ่อท่านแม่จะได้ตัดใจเลิกหวังให้ผมครองบัลลังค์คู่กับนาดีลเสียที
   
ตอนนี้ผมเดินอยู่ในปราสาทตามหาท่านพี่เอียน จริงๆก็แค่อยากจะอ้อนท่านพี่บ้างแล้วก็ทวงของขวัญวันเกิดที่ท่านพี่สัญญาว่าจะให้ แน่นอนว่าเรื่องนี้ผมไม่พลาดแน่ๆ ปีที่แล้วท่านพี่พาผมไปเที่ยวนอกอาณาจักรเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ไม่รู้ว่าปีนี้จะให้อะไร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะไปเที่ยวที่ไกลแบบปีที่แล้วอีก เพราะท่านพ่อท่านแม่ไม่ค่อยอนุญาตให้ผมออกนอกอาณาจักรเสียเท่าไหร่
   
"ฟีล่า ได้ข่าวจากพวกสาวใช้ว่าตามหาพี่อย่างนั้นหรือ" หลังจากที่ตามหาท่านพี่ไม่พบจนยอมแพ้ จู่จู่ท่านพี่เอียนก็มาหาถึงยังห้องส่วนตัว ผมรีบวิ่งเข้าไปหาท่านพี่ด้วยท่าทางดีใจ
   
"ก็ใช่สิครับ"
   
"ตามหาพี่มีอะไรหรือ"  ผมฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่า พลางแบมือยื่นไปตรงหน้าท่านพี่
   
"ของขวัญวันเกิดของข้าล่ะครับ" ท่านพี่หัวเราะเบาๆก่อนจะใช้กำปั้นเคาะกะโหลกผม
   
"เจ็บนะท่านพี่ ตีข้าทำไม" หลังจากเคาะกะโหลกยังไม่พอ ท่านพี่เอียนใช้มือทั้งสองข้างดึงแก้มซ้ายแก้มขวาของผมจนใบหน้าของผมยืดตึงและผิดรูป ให้ตายสิทำไมต้องรุนแรงด้วยนะ
   
"ท่านพี่ พอ พอก่อน" ผมร้องโอดโอยและพยายามบอกให้ท่านพี่ปล่อยมือจากแก้มของผม ในที่สุดท่านพี่ก็ยอมปล่อยมืออย่างอิดออด
   
"ท่านพี่ใจร้าย"  ผมใช้มือทั้งสองข้างลูบแก้มเพื่อบรรเทาอาการเจ็บนิดๆที่เกิดจากการดึงของท่านพี่ ตอนนี้ท่านพี่ยิ้มจนตาหยี ในตอนนั้นจู่จู่ท่านพี่ก็ใช้มือเชยคางผมแล้วจุมพิตเบาๆลงมาที่หน้าผาก
   
"ถ้าอยากได้ของขวัญก็ต้องรอ"
   
"ท่านพี่ ท่านพี่จะไม่บอกหน่อยหรือว่าท่านจะให้อะไรกับข้า" ผมยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างน้อยๆก็อยากจะรู้ก่อนอ่ะว่าท่านพี่จะให้อะไรกันแน่ ทว่าในตอนนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง
   
"เข้ามาได้" ผมบอก ไม่รอช้าทหารนายหนึ่งก็เข้ามาในห้องพร้อมกับยื่นสารบางอย่างให้ท่านพี่ ท่านพี่เปิดอ่านมัน แน่ล่ะผมอยากจะรู้ด้วยเหมือนกัน ผมพยายามยืดตัวขึ้นไปให้เท่าๆกันกับท่านพี่
   
"อยากอ่านหรือ" ท่านพี่ถามยิ้มๆก่อนจะยื่นม้วนกระดาษมาให้ผมอ่าน 'เตรียมการพร้อม คืนนี้เป็นเวลานัดของเรา' ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนเอาไว้อย่างนี้ ผมกระพริบตาปริบๆมองท่านพี่ด้วยความสงสัย
   
"ท่านพี่นี่คือจดหมายรักใช่หรือเปล่า" ผมลองหยั่งเชิงถาม เพราะเนื้อหาของจดหมายมันบอกชัดว่านัดแนะให้ท่านพี่ไปทำอะไรบางอย่าง เอาล่ะสิ ท่านพี่อาจจะมีคนรักแอบเอาไว้ก็ได้ ทำไมนะผมไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ท่านพี่ออกจะหล่อเหลาและฉลาดจะเป็นไปได้ยังไงที่ท่านจะไม่มีคนรักเลยซักคนทั้งที่ถูกผู้หญิงตามห้อมล้อมขนาดนี้
   
"ท่านพี่ อย่าโกหกข้านะท่านมีคนรักแล้วใช่หรือไม่" ท่านพี่หัวเราะน้อยๆให้กับท่าทางที่ออกไปทางคาดคั้นของผม
   
"ถ้าพี่มีคนรักแล้วเจ้าจะทำอย่างไร"
   
"ก็ต้องยินดีด้วยสิครับ บางทีท่านก็ทำให้ข้ากังวลนะเรื่องที่ท่านไม่ชายตาแลสาวๆคนไหนเลย ถึงมันออกจะเร็วเกินไปแต่ข้าก็อยากอุ้มหลานนะท่านพี่" ผมระรื่นสุดๆดีใจกับท่านพี่ที่ท่านมีคนรักเสียที แต่ท่านพี่นี่สิกลับทำหน้านิ่งสายตาของท่านพี่ที่มองมายังผมดูปวดร้าวชอบกล ทำไมนะ ทำไมท่านพี่ถึงทำสายตาแบบนั้น
   
"ท่านพี่เอียน เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ท่านทำหน้าเหมือนกำลังเจ็บปวด"  ตอนนั้นจู่จู่ท่านพี่ก็คว้ามือของผมขึ้นไปทาบที่บริเวณหัวใจของท่านพี่ ผมงงไปหมดแต่ก็ปล่อยให้ท่านพี่ทำตามใจ
   
"ถ้าบอกว่าข้าเจ็บที่ใจล่ะ"
   
"เอ๊ะ" ผมเอียงคอมองดูท่านพี่ แปลกใจกับคำพูดคำจาที่ดูแปลกไป
   
"ถ้าข้าบอกว่าข้าเจ็บที่ใจเจ้าจะช่วยรักษาเยียวยามันไหม"
   
"แน่นอนสิครับก็เราเป็นพี่น้องกันนี่นา" ผมยิ้มกว้าง ไม่รู้ทำไมวันนี้ท่านพี่มาแปลก แต่รอยยิ้มหยันซึ่งติดจะดูร้ายกาจบนใบหน้าของท่านพี่ทำให้ผมต้องหุบยิ้มด้วยความงง ไม่เข้าใจจริงๆทำไมวันนี้ท่านพี่ดูอารมณ์แปรปรวนไปหมด
   
"หลังจากเฉลิมฉลองวันเกิด เจ้าจะแต่งงานกับเจ้าชายนาดีลสินะ" ผมผงกหัวหงึกหงักให้กับคำถามของท่านพี่
   
"หากว่าอยากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะ ถ้าเจ้าไม่ชอบเจ้าไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับนาดีลหรอก" ท่านพี่พูดกับผมด้วยสีหน้าอ่อนโยนดังเช่นปกติ อดจะดีใจไม่ได้ล่ะท่านพี่ก็ยังเป็นท่านพี่ยังคงเป็นห่วงผมเช่นเดิม แต่เรื่องแต่งงานกับนาดีลนั้นผมตัดสินใจไปนานแล้ว และไม่เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิเสธจะมีผลดีต่อส่วนรวมและตัวผมตรงไหน
   
"ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากับนาดีลเราเข้ากันได้ดี" เป็นอีกครั้งที่สีหน้าของท่านพี่เปลี่ยนไปเป็นดุดันดูร้ายกาจ การเปลี่ยนสีหน้าฉับพลันทำให้ผมสะดุ้ง พริบตาเดียวเช่นกันท่านพี่เหมือนจะรู้ว่าผมกลัว ท่านพี่เปลี่ยนสีหน้ากลับมาอ่อนโยนเช่นเดิม
   
"พี่ต้องขอตัวก่อนนะ นี่ใกล้จะได้เวลานัดแล้ว ฟีล่าก็นอนพักผ่อนเสียเถอะ" ท่านพี่บอกลาอย่างกะทันหัน ผมสับสนไปหมด หลังจากที่ท่านพี่ออกจากห้องไปก็ได้แต่ครุ่นคิดหาสาเหตุของสีหน้าที่เอาแต่เปลี่ยนไปมาของท่านพี่กับอาการซึ่งดูไม่ปรกติ


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ดีใจจังเลยค่ะที่มีคนเข้ามาเม้นมากกว่าที่คิด

คุณคนอ่านชมเราจนเราเท้าไม่ติดพื้นแล้วค่ะ55555

คือนิยายเราเรื่องนี้เราเขียนเองยังคิดเลยว่ามีจุดที่น่าเบื่ออยู่หลายจุด

เพราะฉะนั้นจะรีบทยอยเอาลงจนไล่ตอนปัจจุบันที่เอาลงในเว็บอื่นให้ทัน

จะได้ชดเชยตอนที่น่าเบื่อจนเม้นไม่ลงไป55555

กลัวไม่มีคนเม้นค่า :hao5:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่5 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-09-2016 15:47:52
กรี๊ด อยู่ดีๆก็อยากเชียร์พี่เอียน
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่5 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 16:10:50
ตอนที่6
   
ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเนื่องจากเสียงอึกทึกครึกโครมจากด้านนอก ไม่รอช้าผมรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูเพื่อเปิดออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
   
“กรุณากลับเข้าไปในห้องครับท่านฟีล่า” เมื่อผมเปิดประตูออกไปก็พบกับทหารที่ด้านนอกพวกเขาไม่ใช่ทหารธรรมดาแต่เป็นถึงระดับนายกอง ผมรู้ได้จากการแต่งตัวของเขา ผมประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขามาเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องและห้ามไม่ให้ไปไหน
   
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผมถามเสียงแข็งและไม่ยอมทำตามง่ายๆ
   
“กรุณาเข้าไปด้านในเถอะครับท่านฟีล่าอย่าให้พวกเราลำบากใจ” พวกทหารทำหน้าตาขึงขัง แต่เสียงอึกทึกที่ยิ่งนานยิ่งดังต่อเนื่องทำให้ผมไม่ไว้ใจ ในที่สุดผมก็ตัดสินใจร่ายเวทย์น้ำใส่พวกเขาแล้วฉวยโอกาสวิ่งหนีมา
   
“จับท่านฟีล่าเอาไว้” พวกทหารที่ถูกผมเล่นงานวิ่งไล่ตามไม่ลดละ เมื่อออกมายังทางเดินผมพบว่าพวกทหารของอาณาจักรเรากำลังสู้รบกันเอง เกิดอะไรกันแน่นะ ตอนนี้ผมสับสนไปหมด ในตอนนั้นคนที่ผมนึกถึงเป็นคนแรกคือท่านพี่เอียน ผมพยายามวิ่งตามหาท่านพี่ แต่พวกทหารจำนวนมากก็พยายามไล่จับผม แต่ก็ใช่ว่าจะจับผมได้ง่ายๆ
   
“ล้อมท่านฟีล่าเอาไว้” ตอนนี้ผมถูกพวกทหารล้อมเอาไว้ ผมจนมุมอยู่ที่สวนดอกไม้ของปราสาท ตอนนี้ผมไม่ไว้หน้าใครร่ายทั้งเวทย์น้ำและเวทย์มนต์ทุกอย่างที่ผมเรียนมาโจมตีเข้าใส่เหล่าทหารซึ่งพยายามจะจับผมกลับไปอย่างไม่ลดละ

“เฮ้ยพวกแกระวังอย่าให้ท่านฟีล่าบาดเจ็บนะ” ทหารซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าตะโกนบอก แต่ก็สายไปแล้วดูเหมือนว่าในกลุ่มทหารจะมีพวกที่บันดาลโทสะจากการจู่โจมสะเปะสะปะของผม เขาพุ่งเข้ามาหมายจะจัดการกับผมด้วยดาบ เนื่องจากไม่มีอาวุธ ผมจึงกลายร่างเป็นมังกรแล้วก็จัดการกับพวกที่คิดจะเข้ามาทำร้ายได้อย่างละมุนละม่อม
   
“บ้าเอ๊ยกลายร่างจนได้” หนึ่งในทหารที่ล้อมผมเอาไว้สบถออกมา ตอนนี้ผมกลายร่างแล้วและพร้อมจะจัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยที่เข้ามาระรานผมด้วย
   
ผมเป็นมังกรน้ำครับตามปกติ พวกมังกรจะใช้เวทย์มนต์ได้ตามธาตุที่ตัวเองถือกำเนิด จะมีบ้างบางประเภทที่สามารถใช้เวทย์มนต์ธาตุอื่นได้อย่างเก่งกาจ ยกตัวอย่างเช่นท่านพี่เอียน ถึงท่านพี่จะเป็นมังกรไฟแต่ก็สามารถใช้เวทย์มนต์ธาตุอื่นได้คล่อง ตัวผมเองนอกจากธาตุน้ำที่ตัวเองใช้เป็นปกติก็ใช้เวทย์มนต์ธาตุอื่นได้บ้าง
   
แต่ที่ใช้แล้วรุนแรงที่สุดเห็นจะเป็นธาตุน้ำธาตุประจำของผม ดังนั้นผมจึงไม่รอช้า ใช้ร่างมังกรบินขึ้นไปในอากาศ ใช้เวทย์มนต์บทใหญ่สร้างมวลน้ำจำนวนมหาศาลแล้วใช้น้ำโถมเข้าหาพวกทหารจำนวนมากที่กรูกันเข้ามาหมายจะเล่นงานผม
   
“อ๊ากกกกกกกก” เสียงโหยหวนของพวกทหารดังไปทั่ว พวกเขาถูกน้ำซัดและไหลไปตามแรงคลื่นที่บ้าคลั่ง ในตอนนั้นโดยไม่คาดคิดท่านพี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
   
“ฟีล่า กลับร่างเดิมเดี๋ยวนี้” ท่านพี่ที่ลอยตัวอยู่เหนือคลื่นยักษ์สั่งผม ด้วยความโล่งใจที่ได้พบหน้าคนที่ไว้วางใจผมหยุดอำนาจเวทย์มนต์ของตัวเองก่อนจะบินเข้าไปหาท่านพี่ในร่างมังกร
   
“ท่านพี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
   
“กลับร่างเดิมก่อน” ท่านพี่ยืนยันคำสั่งเดิมด้วยเสียงนุ่มนวล ในที่สุดผมก็ยอมทำตามในที่สุด
   
“ท่านพี่ครับทำไมพวกทหารของพวกเราถึงได้สู้กันเอง” ท่านพี่ไม่ตอบคำ แต่จับมือผมแล้วจูงมือนำไป ผมเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
   
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นตอบสิครับ” ไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย ท่านพี่เอียนดูแปลกไปกว่าที่เคย การที่ท่านพี่เลือกที่จะไม่พูดทำให้ผมเกิดความไม่ไว้วางใจ ในตอนนั้นนายทหารระดับนายพลซึ่งผมคุ้นหน้าก็เข้ามารายงานบางอย่างกับท่านพี่
   
“ราชาและราชินีอยู่ในที่คุมขังเรียบร้อยแล้วฝ่าบาท” ผมแทบไม่เชื่อหู ผมค่อยๆแหงนหน้ามองดูท่าทีของท่านพี่
   
“ท่านพี่โกหกใช่ไหม” ผมอยากจะให้ท่านพี่ตอบออกมาว่ามันไม่ใช่ ผมไม่อยากจะเชื่อว่าท่านพี่จะทำเรื่องเลวทรามอย่างการก่อกบฏ
   
“ท่านพี่ครับบอกข้าสิว่ามันไม่จริง” ผมถามเขาอีกครั้ง แต่ท่านพี่กลับไม่สนใจผมท่านพี่ออกคำสั่งกับพวกทหาร
   
“จัดการกับพวกกระด้างกระเดื่องให้หมด ข้ามีธุระกับฟีล่าอีกเดี๋ยวจะตามไป” คำพูดของท่านพี่เป็นเสมือนคำตอบ และผมเริ่มจะอาละวาดไม่เชื่อฟังท่านพี่อีกต่อไป
   
“ท่านพี่ปล่อยข้านะ ข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่” ผมบอกพร้อมกับพยายามขืนตัวไม่ให้ท่านพี่เอียนลากจูงไปตามทาง แต่ไหนเลยจะสู้แรงของท่านพี่ได้ เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมเชื่อฟังง่ายๆ โดยไม่ทันคาดคิดท่านพี่จัดการร่ายเวทย์มนต์บางอย่างใส่ผม ในตอนนั้นจู่จู่หนังตาผมก็เริ่มหนักใช่แล้วผมสลบไปแทบจะในทันที
   
เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่านอนอยู่บนเตียงและไม่ได้อยู่คนเดียวท่านพี่เองก็อยู่ในห้องด้วย ผมใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองตอบท่านพี่ที่มองมายังผมด้วยแววตาอ่อนโยน
   
“ท่านพี่ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
   
“อีกไม่นานเราจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกัน” เหมือนว่าคำพูดของผมจะแสดงออกทางสีหน้าท่านพี่ลูบหัวผมเบาๆแล้วพูดกับผมด้วยเสียงที่ราวกลับจะปลอบโยน “อย่าตกใจไปนักสิ พี่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรที่ไหนเจ้าก็น่าจะรู้”
   
“เลวร้ายสิท่านพี่ทำได้อย่างไรท่านก่อกบฏ แล้วท่านพ่อท่านแม่ล่ะ ท่านจะทำอย่างไรกับพวกเขา”
   
“พี่สัญญาว่าจะไม่ฆ่าพวกเขาถ้าเจ้าตกลงจะเป็นราชินีครองอาณาจักรมังกรเคียงข้างพี่”
   
“จะได้อย่างไรท่านพี่ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว”
   
“ถอนหมั้นมันจะยากเย็นแค่ไหนกันเชียว” ท่านพี่ส่งยิ้มละมุนละไมมาให้ท่านพี่กุมมือผมแล้วใช้มือลูบเบาๆราวกลับจะปลอบโยน
   
“ท่านพี่คงลืมไปแล้วว่าการแต่งงานของข้ากับเจ้าชายนาดีลเป็นสาระสำคัญในสนธิสัญญาสงบศึก ท่านจะยอมให้แผ่นดินลุกเป็นไฟอย่างนั้นหรือ” ผมพยายามชี้ให้เห็นข้อเท็จจริง ในตอนนี้ดวงตาของท่านพี่วาวโรจน์ประดุจเสียร้าย แล้วท่านพี่ก็หัวเราะออกมาด้วยท่าทางร้ายกาจ
   
“ป่านนี้เจ้านาดีลมันคงตายไปแล้วละมั้ง พี่ส่งกองทัพของพี่ลอบโจมตีมันระหว่างเดินทางมาอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรมังกร”
   
ราวกับว่าหัวใจของผมได้ล่วงลงไปกองที่พื้นจริงๆ เจ้าชายนาดีล เจ้าชายสไลม์รูปทรงกลมสีทองนุ่มนิ่มกับปีกสีขาวน่ารักน่าชังนั่น เขาถูกจัดการไปแล้วนะหรือ นั่นหมายความว่าผมจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกแล้ว โดยไม่ตั้งใจน้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
   
“ท่านพี่ทำได้อย่างไร ท่านฆ่าคู่หมั้นของข้า ไม่เพียงแค่นั้นท่านยังคิดทำลายอาณาจักรเราด้วยหรือ”
   
“รบกับพวกสไลม์ก็ช่างมันปะไร ไหนๆพวกเรากับมันก็ไม่เคยจะอยู่ด้วยกันได้อยู่แล้ว หลังจากเราแต่งงานกัน พี่จะฉวยโอกาสที่พวกมันยังตามหาเจ้านาดีลอยู่บุกโจมตีพวกมันโดยไม่ให้ตั้งตัว”
   
ท่านพี่บ้าไปแล้ว ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้ท่านพี่เลิกความคิดโง่ๆ ที่มากไปกว่านั้นผมไม่เข้าใจอย่างหนักทำไมท่านพี่ถึงยอมเสียทุกอย่างเพื่อที่จะแต่งงานกับผม ท่านพี่รักผมอย่างนั้นหรือ แต่ถึงกระนั้นจะยอมให้ท่านพี่ทำตามใจไม่ได้ ดังนั้นผมตัดสินใจจะจัดการกับท่านพี่ก่อนจะไปช่วยท่านพ่อท่านแม่ ผมวางแผนจะทำให้ท่านพี่สลบแล้วจับท่านพี่เป็นตัวประกัน
   
“อ๊ะ….อะไรกัน” ผมงงไปหมดเมื่อไม่สามารถกลายร่างเป็นมังกรได้ตามที่ใจคิด ท่านพี่เหมือนจะรู้ว่าผมต้องการอะไร ท่านพี่ส่งยิ้มน้อยๆมาให้อย่างสบายอารมณ์
   
“คิดจะกลายร่างเป็นมังกรมันไม่ง่ายนักหรอก”
   
ผมพยายามหาสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะทำให้ผมกลายร่างไม่ได้ แต่คิดจนหัวแทบระเบิดก็ยังไม่เข้าใจ
   
“ท่านพี่ร่ายเวทย์มนต์สาปข้าไว้หรือ”
   
“แหวนแต่งงานของเราไงฟีล่า แหวนต้องสาปนี่ทำให้เจ้าไม่สามารถใช้เวทย์มนต์หรือกลายร่างเป็นมังกรได้” ตอนนี้ผมสังเกตเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมแล้ว ผมพยายามอย่างหนักที่จะถอดมันออกจากนิ้ว
   
“อย่าเสียเวลาเลยฟีล่า มันจะถอดออกได้ก็ต่อเมื่อข้าตายแล้วเท่านั้น หรือไม่ก็ข้าเป็นคนถอดให้เจ้าเองซึ่งมันไม่มีวันนั้นแน่ๆ”
   กล่าวจบท่านพี่ก็ขยับกายเข้าหาผม ท่านพี่คว้าเอาผมเข้าไปกอดรัดก่อนจะประทับจูบลงมาบนหน้าผาก
   
“ข้ารักเจ้านะฟีล่า แม้เจ้าจะไม่เต็มใจแต่อีกไม่นานเราจะสมรักกันอย่างแน่นอน” ท่านพี่หลับตาพริ้มแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหมายจะจุมพิตผมแต่ผมเบือนหน้าหนี ผมรับไม่ได้จริงๆที่เขาทรยศทั้งผมและท่านพ่อท่านแม่ หากจะบอกว่าเขาทำเพราะรักผม มันก็มีอีกตั้งหลายวิธีไม่ใช่หรือ ทำไมไม่บอกรักผมเสียตั้งแต่ก่อนหน้านั้นล่ะ ท่านพี่มีเวลาอยู่ข้างๆผมตั้งมากมาย หากเราสองคนรักกันผมเชื่อว่าท่านพ่อท่านแม่ต้องยอมรับฟัง
   
แต่นี่ท่านกลับจับท่านพ่อท่านแม่ไปขัง นอกจากนั้นยังสั่งฆ่านาดีล ด้วยเหตุผลพวกนี้ทำให้ผมโกรธท่านพี่จนไม่อยากจะมองหน้าด้วยซ้ำ
   
“เจ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของท่านพ่อท่านแม่อย่างนั้นหรือฟีล่า” ผมหันไปมองท่านพี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ทำไมกันนะทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ก็ดีต่อท่านพี่มาก
   
“ทำไมทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ดีต่อท่านพี่มากขนาดนั้น”
   
“จูบข้าสิฟีล่า” ท่านพี่ยังคงดื้อแพ่ง ในตอนนี้ผมไม่กล้าเสี่ยงขัดขืนเพราะไม่รู้ว่าท่านพี่จะลงมือทำอะไรกับ

ท่านพ่อท่านแม่บ้าง ผมจึงได้ยื่นริมฝีปากขึ้นไปจูบท่านพี่ คิดว่ามันจะจบอย่างง่ายๆในระยะเวลาพริบตา แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ท่านพี่กอดรัดผมแน่นและใช้ปลายลิ้นดุนดันให้ผมเปิดปากก่อนจะสอดปลายสิ้นเข้ามาพัวพันกับลิ้นของผมอย่างจาบจ้วงรุกเร้า
   
“อึก…..อื้อ….” อยากจะผลักท่านพี่ออก ผมหายใจหายคอแทบไม่ทัน ท่านพี่ร้อนแรงและดุดันจนผมตัวสั่นเทา ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าท่านพี่จะผละจากผม
   
“เจ้าอยากรู้สินะว่าทำไมข้าถึงทำอย่างนี้” ตอนนี้ท่านพี่ทำสีหน้ายโส ผมได้แต่รอคำตอบ
   
“เพราะข้าไม่พอใจที่ท่านพ่อท่านทำสัญญาสงบศึกกับราชาสไลม์ ไอ้เจ้าราชาสไลม์นั่นมันฆ่าพ่อที่แท้จริงของข้า มันฆ่าราชาองค์ก่อนในสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างเผ่ามังกรกับเผ่าสไลม์”
ผมทรุดลงกับพื้น นึกไม่ถึงว่าท่านพี่จะมีความแค้นกับราชามาริก ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยเล่าให้ผมฟัง ผมสับสนไปหมด แต่ก็เริ่มไม่แปลกใจที่ท่านพี่จะจงเกลียดจงชังเจ้าชายนาดีลมากยิ่งกว่าใคร
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่6 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 16:13:08
ตอนที่7
   
เป็นเวลาสามวันแล้วนับจากที่ท่านพี่หายหน้าไป ระหว่างนั้นพวกสาวใช้จะนำเสื้อผ้าและอาหารเข้ามาอำนวยความสะดวกให้ผม ตอนนี้ผมถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในห้องและไม่สามารถรับรู้ข่าวสารด้านนอกได้เลย
   
“ท่านพ่อท่านแม่จะเป็นอย่างไรบ้างนะ” ผมพึมพำกับตัวเอง สามัญสำนึกเตือนผมให้รับรู้ว่าหากยอมเชื่อฟังท่านพี่เอียนท่านพ่อท่านแม่จะปลอดภัย
   
“ต้องยอมแต่งงานกับท่านพี่เอียนจริงๆหรือนี่” พอคิดว่าจะต้องแต่งงานก็อดนึกถึงเจ้าชายนาดีลไม่ได้ ท่านพี่บอกว่าได้ส่งคนไปฆ่าเขา แต่ผมไม่อยากให้เจ้าชายนาดีลตายเลย ยอมรับว่าเสียใจมากและคิดถึงเขาอย่างยิ่ง
   
“เจ้าบ้านาดีลเอ๊ย ทั้งที่คิดว่าจะเก่งกว่านี้แท้ๆ ดันมาพลาดท่าจนได้นะ” ระบายความอัดอั้นด้วยการขว้างหมอนไปยังตู้เสื้อผ้า ไม่ได้ช่วยอะไรนักแต่ก็อดไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น
   
“นาดีล” ผมได้แต่เรียกชื่อของเจ้าชายสไลม์ ยอมรับเลยว่าทุกครั้งที่ผมเดือดร้อนเขามักจะมาช่วยผมได้ทันท่วงทีเสมอ ตอนนี้ก็เหมือนกันผมอยากให้เขามาช่วยผมกับท่านพ่อท่านแม่
   
ทว่าในตอนที่ผมกำลังเศร้าและหมดหนทางดวงตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ระเบียงห้อง ให้ตายสิผมเห็นมือคน เจ้าคนที่ว่ากำลังปีนป่ายขึ้นมาทางระเบียงแล้วในที่สุดเขาก็กระโดดขึ้นมายืนบนพื้นในส่วนของระเบียงอย่างสง่างาม
   
“แอบเข้ามาได้ยังไงนี่” นั่นคือคำแรกที่ผมถามคนแปลกหน้า “ไม่สิถ้าเข้ามาได้เจ้าก็ต้องออกไปได้สินะ”
   ผมถลาเข้าไปหาเจ้าคนที่ผมอนุมานไว้ว่าน่าจะเป็นโจรแล้วเริ่มต้นทำการค้ากับเขา
   
“นี่ถ้าหากเจ้าพาข้ากับท่านพ่อท่านแม่หนีไปยังอาณาจักรสไลม์ได้ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม” เจ้าโจรเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ท่าทางของเขาดูสับสนก็แน่ล่ะจะมาฉกฉวยสิ่งมีค่าแต่กลับถูกเจ้าของบ้านขอให้พาหนีเสียอย่างนั้น อาจจะเห็นว่าผมคิดสั้น แต่ทำไงได้ผมมีทางเลือกแค่ทางนี้
   
“นี่เจ้าจะบอกว่าไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างข้าอย่างนั้นหรือ” เจ้าโจรเปิดปากพูดออกมาเป็นครั้งแรก “แล้วเจ้าว่าจะให้รางวัลอย่างงดงามนี่จะให้อะไรกันล่ะ”
   
เจ้าโจรยกยิ้มยียวน เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้สังเกตใบหน้าเจ้าโจรนี่ชัดๆ หากจะบอกว่าเป็นโจรป่าถ้านับจากการมองดูด้วยตาเปล่าไม่รวมพฤติกรรมคงไม่มีใครคิดว่าเป็นโจรแน่ๆ เพราะรูปลักษณ์ของเจ้าโจรคนนี้ช่างหล่อเหลาเป็นความหล่อเหลาแบบที่หามองไม่ได้ง่ายๆ
   
“เจ้าคงไม่รู้สินะว่าข้าเป็นใคร ข้าคือฟีล่า เจ้าชายอันดับสองของอาณาจักรมังกร ถ้าเจ้าช่วยพาข้าและท่านพ่อท่านแม่ไปหาคู่หมั้นที่อาณาจักรสไลม์ได้แน่นอนว่าคู่หมั้นของข้าต้องตอบแทนเจ้าอย่างเต็มที่แน่”
   
“อ้อ……ที่แท้ก็เจ้าชายฟีล่าคนงามนี่เอง ถึงว่ารูปลักษณ์ช่างงามล้ำเหนือคนทั่วไป” ตอนนี้เจ้าโจรบ้าส่งยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยมาให้ ให้ตายสินี่อย่าบอกนะว่าเจอพวกโจรปล้นสวาท ตอนนี้ผมเริ่มระแวงขึ้นมาแล้ว เพราะเจ้าโจรบ้านี่เริ่มขยับเข้ามาใกล้จนเกินความจำเป็น
   
“นี่เจ้าชาย” เจ้าโจรบ้ากระซิบที่ข้างหูของผม “ไม่ได้ข่าวหรือว่าเจ้าชายนาดีลโดนโจมตีระหว่างการเดินทางจนหายสาบสูญ”
   
ผมหน้าซีดเผือด พยายามปักใจว่าเรื่องที่ท่านพี่บอกนั้นไม่เป็นเรื่องจริง แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจากเจ้าโจรก็รู้สึกใจหาย นาดีลนะนาดีล อย่าบอกนะว่าเจ้าตายไปแล้วจริงๆ ผมไม่อยากจะยอมรับความจริงข้อนี้เลย
   
“ข้าเชื่อว่านาดีลจะต้องมีชีวิตอยู่ และข้าจะเดินทางไปหาเขาที่อาณาจักรสไลม์พร้อมกับท่านพ่อท่านแม่ด้วย”
   
“เจ้าพูดถึงขนาดนี้ เจ้ารักเจ้าชายสไลม์นั่นหรือไง”

   “อะ…..อะไรนะ” ถูกล้วงลึกขนาดนี้ผมชักจะประหม่า
   
“ว่าไงล่ะเจ้ารักเจ้าชายสไลม์นั่นหรือไง”
   
“ร…เรื่องนั้น ก็เขาเป็นคู่หมั้นข้าก็….ข้า…” เอ๊ะ ทำไมผมต้องตอบคำถามเจ้าโจรบ้านี่ด้วยนะคิดได้ผมก็ตวัดตาวาวมองขู่ “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
   
“เอาเถอะไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ข้าเดาได้จากพฤตอกรรมของเจ้าชายแล้วล่ะ เพราะถ้าเจ้าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเจ้าชายนาดีล เจ้าคงยอมแต่งงานกับราชาเอียนไปแล้วใช่ไหมล่ะ”
   
“เอ๊ะ” ผมทำหน้าตกใจ ไม่เข้าใจว่าเขามารับรู้เรื่องของผมได้อย่างไร
   
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยเจ้าชายน้อย ว่าที่ราชาองค์ใหม่ประกาศไปทั่วว่าจะแต่งงานกับเจ้าหลังจากขึ้นครองบัลลังค์” ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเจ้าโจรทำสีหน้าร้ายกาจเหมือนกับไม่พอใจผมขึ้นมาเสียอย่างนั้น
   
“แน่ใจนะว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานแล้วขึ้นเป็นราชินีของเผ่า มันดีกว่าจะต้องแต่งงานกับสไลม์ที่ไม่มีแม้แต่ร่างกายของมนุษย์ไม่ใช่หรือ”
   ไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าโจรบ้านี่ต้องการอะไรกันแน่ ผมเม้มปากเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ
   
“ข้ากำลังจ้างเจ้าให้พาข้ากับท่านพ่อท่านแม่ไปที่อาณาจักรสไลม์อยู่นะ หากว่าข้าอยากจะแต่งงานกับท่านพี่เอียนเหตุใดข้าจะต้องว่าจ้างเจ้าด้วยล่ะ” ผมตวาดเขาก่อนจะมารู้สึกเสียใจที่หลัง ผมเสียงดังเกินไปตอนนี้นางกำนัลเคาะที่หน้าประตูของผม
   
“ท่านฟีล่าคะเกิดอะไรขึ้น”
   
“ข้าฝันร้าย ไม่ต้องเข้ามานะข้าจะนอนแล้ว” เหมือนว่าพวกเธอจะเชื่อ ผมกับเจ้าโจรเราจ้องตากันอย่างเงียบๆอยู่หลายอึดใจ
   
“ตกลงเจ้าจะช่วยข้าไหม” ผมเริ่มจะท้อใจเสียแล้ว หากไม่มีคนนอกคอยช่วยพาผมไปหาท่านพ่อท่านแม่แล้วพากันหนี ผมที่ถูกผนึกทั้งร่างมังกรและพลังเวทย์เอาไว้จะทำอะไรได้
   
“เจ้าจะให้อะไรเป็นสิ่งมัดจำล่ะ” แทนคำตอบผมถอดสร้อยขอประดับคริสตัลที่เจ้าชายนาดีลให้เป็นของขวัญแก่ผมเมื่อนานมาแล้วให้เจ้าโจร เจ้าโจรผิวปากชอบใจทันที
   
“ของหายากนะ ใครกันหนอที่ให้เจ้าของสิ่งนี้แก่เจ้า”
   
“คู่หมั้นของข้า” ผมตอบเสียงห้วน
   
“คู่หมั้นของเจ้าคงจะรักเจ้าน่าดูสินะ” ผมไม่ตอบคำถามของเจ้าโจร แต่ผมรู้ล่ะว่านาดีลเขารักผมมาก
   
“แล้วนี่เจ้ามีแผนแล้วหรือยัง” ให้ตายสิพอถูกเจ้าโจรสะกิดผมก็นึกขึ้นมาได้ ผมยังไม่มีแผนการใดใดทั้งนั้น และที่แน่ๆผมไม่รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ถูกขังเอาไว้ที่ไหน ตอนนี้หน้าของผมแดงก่ำด้วยความอดสูและอับอายต่อความเขลาของตัวเอง แต่เจ้าโจรบ้านี่กลับหัวเราะ
   
“ไร้เดียงสาจริงๆน้าเจ้าชาย ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าจะยอมร่วมมือกับเด็กน้อยที่ไม่ได้เตรียมแผนการอะไรไว้เลย” เจ้าโจรบ้าหัวเราะไม่เลิกทั้งแสยะยิ้มร้าย ตอนนี้ผมอับอายอย่างหนักแต่ก็เถียงไม่ได้เพราะผมไม่ได้คิดแผนการอะไรไว้จริงๆ รู้สึกดีนิดหน่อยที่ถูกต่อว่าแค่คำว่าไร้เดียงสา ไม่ได้ถูกปรามาศด้วยคำที่รุนแรงกว่านั้น
   
“คบเด็กสร้างบ้านจริงจริ๊ง” เจ้าโจรบ้าโลงศีรษะไปมาแล้วทำเสียงจิจ๊ะในปาก
   
“เจ้าจะยอมเสียสละตัวเพื่อท่านพ่อท่านแม่ได้ไหมล่ะ” เจ้าโจรแสยะยิ้มร้าย ผมได้แต่มองดูรอยยิ้มนั้นอย่างหวาดหวั่น
   
ผมนั่งรอการมาของท่านพี่อยู่ในห้อง ตอนนี้เจ้าโจรหลบอยู่ในห้องของผมกินอยู่ด้วยกันมาหนึ่งวันแล้ว  แผนที่เจ้าโจรเป็นคนบอกจะเริ่มก็ต่อเมื่อท่านพี่มาพบกับผมที่ห้องนี้
   
“ฟีล่าพี่เข้าไปนะ” ในที่สุดท่านพี่ก็มา ไม่รอช้าเจ้าโจรรีบเข้าไปหลบที่ใต้เตียงของผม
   
“ท่านพี่” พอท่านพี่เข้ามาผมก็โผเข้ากอดท่านพี่ทันทีแล้วเริ่มบีบน้ำตา
   
“ข้าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่” ท่านพี่ดูลนลานกว่าที่คิด ท่าทางของท่านพี่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยอย่างน้อยท่านพี่ก็ยังมีหัวใจกับเขาบ้าง
   
“ท่านพี่ข้ามาคิดดูแล้วข้าเองก็ไม่ได้รังเกียจท่าน หากท่านสาบานว่าจะรักข้าเพียงผู้เดียวตลอดไปข้าก็พร้อมจะแต่งงานกับท่าน”

   “จริงหรือฟีล่า” ท่านพี่เลิกคิ้วขึ้นดูท่าทางเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด “เจ้ามีข้อแม้อะไรหรือเปล่า”
   ท่านพี่ฉลาดนักผมได้แต่ก้มหน้าปาดน้ำตาแล้วพยักหน้าหงึกหงึก
   
“หากท่านพี่ไม่ว่าอะไรให้ข้าได้พบกับท่านพ่อท่านแม่ซักครั้ง” ตอนนี้ท่านพี่ทำสีหน้าเลื่อนลอยคล้ายจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มันทำให้ผมลุ้นระทึกกลัวว่าแผนการของผมจะไม่บรรลุผล
   
“เจ้าพูดออกมาแล้วนะว่าจะยอมแต่งงานกับพี่ เจ้าไม่มีสิทธิเปลี่ยนใจอีกแล้วนะ” ผมพยักหน้าหงึกๆ หลังจากนั้นท่านพี่ก็จูงมือผมพาผมไปยังท้องพระโรงซึ่งเคยเป็นที่ว่าราชการของท่านพ่อท่านแม่ ที่นั้นผมได้พบกับท่านพ่อท่านแม่
   
“ไปหาพวกท่านสิ” ท่านพี่บอกผม แต่ตอนนี้ผมตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกเพราะตรงหน้ามีคริสตัลรูปร่างท่านพ่อท่านแม่ตั้งอยู่ตรงกลางท้องพระโรง
   
“อย่าได้ทำหน้าเช่นนั้น ท่านพ่อท่านแม่ร่ายเวทย์มนต์สาปร่างกายให้หลับไปเช่นนี้ ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าท่านพ่อท่านแม่จะตื่นจากการหลับใหลก็ต่อเมื่อท่านอยากจะตื่นเอง ระหว่างนี้ต่อให้ทุบทำลายหรือใช้เวทย์มนต์ใดใดโจมตี พวกท่านก็ไม่มีวันบุบสลาย”
   
พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตอนนี้ท่านพี่ปล่อยให้ผมอยู่ตามลำพังกับท่านพ่อท่านแม่ที่กลายเป็นหินคริสตัล เมื่ออยู่ตามลำพังผมค่อยๆเดินตรงเข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่
   
“ท่านพ่อท่านแม่ครับข้าจะทำอย่างไรต่อไปดี” ผมเฝ้าแต่ถามคำถามนี้อยู่หลายนาที ผมคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไป ยอมแต่งงานกับท่านพี่หรือ แต่ผมไม่ได้คิดเช่นนั้นกับท่านพี่ นอกจากนั้นท่านพี่ยังลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะทำสงครามกับพวกสไลม์ หากเป็นเช่นนั้นจริงเผ่ามังกรจะลำบากอีกมาก
   
“นาดีลถ้าเจ้าอยู่กับข้าด้วยก็ดีสิ” ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าหากไปที่อาณาจักรสไลม์แล้วจะได้พบกับเจ้าชายนาดีล ถ้ามีเขาอยู่ตอนนี้คงจะช่วยแก้ปัญหาที่ผมคิดไม่ตกได้ดีขึ้น
   
“ว่ายังไง” หลังจากที่ท่านพี่พาผมกลับมาที่ห้องท่านพี่ก็ขอตัวไปสะสางงานต่อดังนั้นตอนนี้ผมจึงยืนคิดว่าจะตอบคำถามเจ้าโจรอย่างไรดี
   
“ตกลงว่าเจ้ายังอยากหนีไปที่อาณาจักรสไลม์อยู่ไหม” เจ้าโจรถามผมอีกครั้งหลังจากผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
   
“อึกอักอย่างนี้คงไม่อยากไปที่อาณาจักรสไลม์แล้วล่ะสิ เจ้าคงอยากแต่งงานกับราชาเอียนมากกว่าสินะ ก็ช่วยไม่ได้นะเขาทั้งหล่อและฉลาดน่าดูเลยนี่”
   
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าโจรนี่ต้องคอยประชดประชัน ตอนนี้ผมเครียดไปหมด เรื่องความปลอดภัยของท่านพ่อท่านแม่ผมวางใจได้เปราะหนึ่ง แต่ถ้าหากผมหนีไปขอความช่วยเหลือจากราชามาริกเผ่ามังกรกับเผ่าสไลม์จะต้องทำสงครามครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
   
“เจ้าว่าท่านพ่อท่านแม่จะอยู่ในสภาพนั้นตลอดไปไหม”
   
“ตามที่เจ้าเล่าให้ฟังก็คงจะอยู่ในสภาพนั้นจนกว่าพวกท่านจะพอใจล่ะมั้ง” เจ้าโจรยักไหล่
   
“เจ้าลองคิดดูแล้วกันแต่ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหน สงครามก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี”
   
ผมเห็นด้วยกับเจ้าโจร ผมคิดนะว่าการที่ท่านพ่อท่านแม่ต้องอยู่ในสภาพนั้นอาจเป็นเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับท่านพี่ และการที่ไม่ยอมคืนร่างเดิมนั่นก็เป็นเพราะไม่เห็นด้วยกับการครองบัลลังค์ของท่านพี่ด้วยเช่นกัน
   
อยากพบ อยากพบหน้าเจ้าชายนาดีลอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไปที่อาณาจักรสไลม์อาจจะได้พบกันอีกครั้งก็เป็นได้ หากให้เลือกด้วยใจเหนือกว่าเหตุผลแล้วล่ะก็ผมก็อยากที่จะไปยังอาณาจักรสไลม์อีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นค่อยเริ่มคิดต่อไปว่าจะทำอะไรต่อคงยังไม่สายไปกระมั้ง ผมก็ได้แค่ปลอบใจตัวเองอยู่แบบนี้

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่7 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 15-09-2016 16:14:38
มารอตอนต่อไปปป :katai4: :katai4://ปาดอภัยยยย
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 p2 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 16:16:03
ตอนที่8
   
ผมตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะทำอะไรกันแน่ ระหว่างยอมแต่งงานกับท่านพี่แล้วอยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่ที่นี่ หรือหนีไปอาณาจักรสไลม์ขอความช่วยเหลือจากราชามาริก
   
ระหว่างที่นั่งครุ่นคิดผมก็อดลอบมองเจ้าโจรประหลาดที่ยึดเตียงของผมราวกับเป็นเตียงของตัวเองไม่ได้ สามสี่วันมานี้เจ้าโจรประหลาดนี่กินอยู่กับผมโดยไม่ยอมไปไหน เขาอ้างว่าในเมื่อได้ค่าจ้างมาแล้วก็จะรอจนกว่าผมจะตัดสินใจได้
   
แปลก ตามปกติแล้วใครๆก็อยากได้ทรัพย์สินมาโดยไม่ต้องลงแรงทั้งนั้น แต่เจ้าโจรนี่ผิดวิสัย หากเป็นคนอื่นถ้าผมยังลังเลอยู่แบบนี้คงตัดสินใจหลีกหนีทิ้งให้ผมเผชิญความลำบากด้วยตัวเอง
   
ในความแปลกและประหลาดใจ ผมกลับรู้สึกขอบคุณเจ้าโจรคนนี้ที่อุตส่าห์อยู่รอการตัดสินใจของคนเอาแต่ใจอย่างผม แต่ว่าผมสงสารเจ้าโจรนี่ผมจึงตัดสินใจอะไรบางอย่าง
   
“เจ้าไปเถอะ”
   
“หา” เจ้าโจรขมวดคิ้วเข้าหากัน โจรประหลาดนี่ทำหน้าเหมือนผมพูดจาไร้สาระอะไรออกมาอีก
   
“พูดอย่างนี้คงตัดสินใจจะแต่งงานกับราชาเอียนแล้วล่ะสิ” เจ้าโจรทำหน้าบึ้ง ไม่เข้าใจจริงๆว่าไม่พอใจอะไรขึ้นมาอีก
   
“เปล่า ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้ามาเสี่ยงชีวิตเอากับความไม่แน่ใจของข้า”
   
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบคิดเข้าสิ” ผมเม้มปากเข้าหากันแน่น เขาก็พูดได้สิ ถึงแม้ว่าท่านพี่จะก่อกบฏแต่เขาก็ไม่ได้ลงมือทำร้ายท่านพ่อท่านแม่ ในความคิดของผมท่านพี่เอียนไม่ได้เลวร้ายจนกู่ไม่กลับ ดังนั้นผมจึงลังเลที่จะไปขอความช่วยเหลือจากราชามาริก
   
“เจ้าดูเหมือนมีอะไรคิดไม่ตก ถามจริงๆเถอะเจ้าอยากแต่งงานกับราชาเอียนนักหรือถึงได้รีรออยู่แบบนี้ เจ้ามีใจให้เขาใช่ไหม”
   
ผมเบ้ปาก นี่ผมกับเจ้าโจรวนมาพูดเรื่องนี้กันอีกแล้วหรือ อะไรก็ไม่รู้เจ้าโจรนี่คอยแต่จะวนถามว่าผมชอบหรืออยากแต่งงานกับท่านพี่เอียนใช่ไหม เขาทำเหมือนกับว่า…… ไม่สิ ไม่มีทางแน่ๆอ่ะ คนเพิ่งพบหน้ากันประเดี๋ยวประด๋าวเจ้าโจรนี่จะหึงผมนะหรือ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
   
“ข้าแค่คิดว่าท่านพี่เอียนไม่ได้เลวร้าย แค่ไม่อยากให้ท่านพี่จบลงด้วยความตายภายใต้เงื้อมือของราชามาริก”
   
“เจ้าก็เอาแต่ห่วง ท่านพี่ของเจ้า เจ้าไม่ห่วงเจ้าชายนาดีลคู่หมั้นเจ้าบ้างหรือไง”
   
“ห่วงสิ คนที่เป็นคนอื่นอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอก คู่หมั้นอย่างนาดีลข้าก็เป็นห่วง กับคนที่เป็นพี่น้องกันมาโดยตลอดข้าเองก็ปรารถนาให้เขาพบเจอสิ่งที่ดีเหมือนกัน ข้ารู้ดีว่าจุดจบของกบฏต้องพบเจอกับสิ่งไหนดังนั้นข้าจึงได้เป็นห่วงท่านพี่เอียน” เจ้าโจรฟังแล้วถอนหายใจแรง เขาเอาแต่ส่ายหน้า คงจะเหนื่อยหน่ายในพฤติกรรมของผมมาก แต่ก็นั่นแหละเขาคงไม่เข้าใจความห่วงใยระหว่างพี่น้องหรือเยื่อใยที่ตัดไม่ขาด ก็เขาเป็นคนอื่นนี่นา
   
“เอาเป็นว่าเจ้าอยากแต่งงานกับพี่ชายของเจ้าหรือไม่ข้าอยากรู้แค่นั้น” ผมต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจบ้าง คำถามนี้ผมตอบเขาไปหลายครั้งแล้วและจะตอบเหมือนเดิม
   
“ข้าไม่ได้รักท่านพี่เอียน ข้าไม่อยากแต่งงานกับเขาหรอก”
   
“ก็นั่นนะสิ ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบไปจากที่นี่กันเถอะอย่าช้าอยู่เลย” ในตอนที่เจ้าโจรจะเข้ามาจับมือผมเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง เจ้าโจรรีบเข้าไปหลบใต้เตียงอีกครั้ง
   
“ท่านฟีล่าเสนาบดีคาลอสขอพบเจ้าค่ะ”
   
“เสนาบดีคาลอส” ผมพึมพำกับตัวเอง ผมจำเขาได้ดี เขาคือคนที่เป็นท่านตาที่แท้จริงของท่านพี่ แปลกปกติท่านพี่จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาในห้องของผมเพราะกักบริเวณผมอยู่ แต่นี่เสนาบดีคาลอสกลับได้รับอนุญาตให้มาพบผมต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ
   
“ให้เข้ามาได้” ผมบอกสาวใช้ ไม่นานนักเสนาบดีคาลอสก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง
   
“เป็นอย่างไรบ้างท่านฟีล่า” เสนาบดีคาลอสเริ่มพูดกับผมเขาทำความเคารพผมตามธรรมเนียม
   
“ท่านฟีล่าขอข้านั่งได้หรือไม่”
   
“เชิญท่านนั่งเถอะ” พอผมอนุญาตเขาก็ขยับไปนั่งตรงชุดเก้าอี้รับแขกของผม ผมยืนตัวเกร็งเพราะไม่ไว้วางใจในตัวคาลอส
   
“ท่านฟีล่ามานั่งด้วยกันสิ” ผมลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยอมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
   
“ข้านำใบชาคัดพิเศษของข้าติดตัวมาด้วยมามาข้าจะชงให้ท่านดื่ม” ไม่รอช้าคาลอสเริ่มต้นชงชาอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนักชาอุ่นกำลังพอดีก็ถูกวางอยู่ตรงหน้าผม
   
“เอ้า….ท่านฟีล่าดื่มสิ” ถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มผมจึงต้องดื่มชาลงไปอย่างเสียไม่ได้
   
“อา…..ดีดี เอาอีกถ้วยนะ” คาลอสรินชาให้ผมอีกถ้วยผมรับมาอย่างงงๆ
   
“ท่านเสนาบดีคงไม่ได้มาเพื่อที่จะดื่มช้ากับข้าเฉยๆใช่หรือไม่” ผมเริ่มเข้าประเด็น ต่อให้ไม่ใช่ผมคนปกติก็ย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าคนอย่างเสนาบดีจะเข้ามาเยี่ยมผมก็น่าจะมีเรื่องสำคัญอะไรแน่ๆ
   
“อา…..ถ้าอย่างนั้นมาเข้าเรื่องกันเลย ยังไงท่านก็ดื่มชาของข้าเข้าไปแล้วนี่” คาลอสหัวเราะหึหึก่อนจะพูดต่อ
   
“ท่านตัดสินใจแต่งงานกับเอียนแล้วหรือยัง”
   
“ถ้าเป็นไปได้ข้าจะไม่แต่ง” ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ ส่งผลให้คาลอสหัวเราะชอบใจยกใหญ่ ทำไมนะผมรู้สึกไม่ไว้วางใจเขาเอาเสียเลย
   
“ท่านไม่อยากแต่งท่านตัดสินใจเองได้หรือ” คาลอสยิ้มหยันให้ผม ให้ตายสิเขามาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่
   
“ข้าคิดนะว่าตอนแรกจะปล่อยให้ท่านแต่งงานกับเอียนตามที่เอียนต้องการ……” คาลอสเว้นจังหวะเขาครุ่นคิดไปพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ ผมรออยู่ว่าเขาจะพูดอะไร
   
“แต่การให้เอียนแต่งงานกับเชื่อพระวงศ์ของพวกมนุษย์น่าจะมีประโยชน์กว่า ท่านเองก็รู้จักอาณาจักรทางตะวันออกซึ่งเป็นศูนย์รวมของพวกมนุษย์ใช่ไหม ท่านไม่คิดหรือว่าตำแหน่งราชินีสำคัญถึงเพียงนั้น”
   
“ถ้ามันสำคัญนักทำไมไม่ไปบอกท่านพี่เอียนเสียล่ะ”
   
“เฮ้อ ก็ถ้าหุ่นเชิดมันเอาแต่หลงใหลได้ปลื้มเอากับตุ๊กตาจนไม่คิดถึงอนาคต ผู้นำที่แท้จริงอย่างข้าก็ต้องลงมือจัดการเองนี่สิ”
   
หุ่นเชิด นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม คาลอสเห็นท่านพี่เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้นหรือ หรือว่าการที่เขายุยงให้ท่านพี่ก่อกบฏมาโดยตลอดเพียงเพื่อให้เขามีอำนาจ
   
“ท่านเอาความจริงอันแสนต่ำช้าของท่านมาพูดแบบนี้ท่านไม่กลัวข้านำเรื่องไปบอกท่านพี่หรอกหรือ”
   
“ฮ่าฮ่าฮ่า” จู่ๆคาลอสก็หัวเราะชอบใจ ผมขนลุกอย่างบอกไม่ถูกแค่คิดว่าเขามีแผนการร้ายอะไรอยู่ผมก็แทบทนนั่งเฉยไม่ได้
   
“ท่านฟีล่ายังคิดว่าข้าจะไว้ชีวิตให้ท่านนำเรื่องนี้ไปพูดกับหลานชายข้าหรือ ท่านก็น่าจะรู้ดีว่าข้าต้องกำจัดตัวไร้ประโยชน์ให้พ้นจากราชาหุ่นเชิดของข้าอยู่แล้ว”
   
ตอนนี้ผมผุดลุกขึ้นยืนอย่างระวังระไว หากเขาจะฆ่าผมตอนนี้มันคงง่ายกว่าพลิกฝามือ ทว่าจังหวะนั้นผมปวดที่หน้าอกโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมทรุดลงกับพื้น ปวดตุบๆเหมือนมีใครเอามือมาบีบหัวใจ
   
“ออกอาการแล้วสิ”
   
“เจ้าวางยาข้าหรือ” ผมเค้นเสียงถามเขาตอนนี้ผมหอบแฮ่กๆหมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะพูดออกมาเป็นคำ
   
“ไม่ต้องห่วงนะศพเจ้าจะสวยงามเชียวล่ะเจ้าจะเหมือนแค่นอนหลับฝัน” คาลอสหัวเราะเสียงดัง น่าแปลกที่ไม่มีสาวใช้คนไหนเข้ามาดู คงจะเป็นพวกเดียวกันไม่ผิดแน่ ในตอนนั้นเจ้าโจรก็โผล่พรวดออกมาจากใต้เตียง
   
“แกเป็นใคร ทหา….” คาลอสถูกเจ้าโจรเล่นงานจนสลบก่อนที่จะได้ตะโกน ถึงแม้จะอึกกะทึกน่าดูแต่กลับไม่มีใครเข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซักคน
   
“ข้าคงจะตายแน่ๆ” ผมบอกเจ้าโจรที่ประคองผมเอาไว้ในอ้อมกอด ตอนนี้ผมเจ็บที่หัวใจอย่างมากรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย
   
“เจ้าจะต้องไม่ตายฟีล่า จะต้องไม่ตายข้าขอสาบาน”
   
“อย่าปลอบใจข้าเลย” ผมพยายามหัวเราะ นึกขอบคุณที่เจ้าโจรยังอยู่กับผมในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
   ตอนนี้เจ้าโจรทำอะไรบางอย่างเขาเอาจี้คริสตัลที่นาดีลเคยให้ผมบดละเอียดแล้วผสมกับน้ำ
   
“อะไรหรือ” ผมถาม
   
“เงียบ แล้วดื่มนี่ซะ” เมื่อถูกสั่งผมก็ทำตามอย่างไม่มีข้อสงสัย ไหนๆก็จะตายอยู่แล้วจะกังวลอะไรอีกล่ะ
ผมดื่มเข้าไปจนหมดถ้วย ก่อนจะค่อยหลับตาลง ผมรู้สึกว่าเปลือกตาของผมหนักอึ้ง อา….นี่ผมคงสิ้นลมแล้วแน่ๆใช่ไหม
ผมคิดอย่างเลื่อนลอย   

ท่ามกลางสติที่เลือนรางผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะต่อต้านการหลับลึกตลอดกาล ให้ตายสิเจ้าโจรประหลาดร้องไห้ เขากำลังร้องไห้ไห้ผม
   
ท่าทางแบบนี้มันทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ทำไมเจ้าโจรนี่ถึงไม่เป็นนาดีลนะ ในเมื่อมีอะไรหลายๆอย่างช่างคล้ายกับนาดีลเหลือเกิน
   
เอ๊ะ!!!หรือว่าเขาจะคือนาดีลกันนะ ผมแอบหัวเราะกับสมมุติฐานของผม ถ้าเขาเป็นนาดีลจริงผมจะดีใจอย่างที่สุด ตอนนี้ผมเหมารวมไปแล้วว่าเจ้าโจรนี่จะต้องเป็นนาดีลแน่ๆ
   
“นาดีล” ผมเผลอเรียกชื่อคนที่คิดถึงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหลับไปจริงๆ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ

ให้ได้พอลุ้นกันบางเดี๋ยวจะเอามาลงอีกระลอกหนึ่ง

เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 15-09-2016 18:10:57
รออ่านต่อ คงไม่เป็นไรนะฟีล่า :ling3:
เพิ่งเข้ามาอ่าน อัพไวมากคะ สนุกมาก รออ่านต่อ  คนแต่งสู้ๆ นะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-09-2016 18:49:17
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 15-09-2016 20:03:31
สนุกมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

อยากอ่านอีกกกกกกกกกก. อิอิ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 15-09-2016 20:22:45
 :hao5:ไม่นะฟีน่าา
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-09-2016 21:01:05
นาดีล เวอร์ชั่นคน?
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 15-09-2016 21:45:30
แปลก สนุกดีค่ะ รอติดตามตอนหน้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-09-2016 22:03:24
อยู่ๆก็ดราม่า ฮือออ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 16-09-2016 08:09:40
โธ่  อุตส่าห์อยากดู nc
ระหว่างคนกับสไลม์
ไม่นึกว่าจะมีร่างคน
เวลาจิ๊จ๊ะก็ไม่แปลกอ่ะดิ TT
อิอิ  เรานี่รสนิยมแปลกเหมือนฟีล่าจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่8 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 16-09-2016 16:20:58
ตอนที่9
   
พอผมลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าถูกใครบางคนนอนกอดเอาไว้แน่น อาใช่แล้วเจ้าโจรนี่เองที่นอนกอดผมเอาไว้แน่น ผมไม่แน่ใจว่านอนหลับไปนานกี่วัน แต่ระหว่างที่นอนหลับกลับรู้สึกว่าตัวเองฝันอยู่ตลอดเวลา ผมฝันว่าเจ้าโจรคอยดูแลเอาใจใส่ผมที่เอาแต่นอนอยู่บนเตียง
   
“มันไม่ใช่ฝันสินะ” พูดกับตัวเอง ตอนนี้ผมขยับร่างกายไม่ได้ ไม่ใช่แค่ไม่มีแรงเพราะเพิ่งพ้นจากความตาย แต่ถูกคนตัวใหญ่กว่ามากๆนอดกอดรัดเสียแน่น ให้ตายสิเขาทำให้ผมคิดถึงนาดีลขึ้นมา
   
พูดถึงว่าถ้าตอนนี้นาดีลอยู่เขาคงจะดูแลและนอนกอดผมเอาไว้อย่างนี้เช่นกัน ไม่สิน่าจะเรียกว่าอมเอาไว้มากกว่า เมื่อคิดถึงความทรงจำที่แสนอบอุ่นที่คุ้นเคยผมก็หัวเราะออกมาได้ ในตอนนั้นผมก็นึกถึงข้อเท็จจริงขึ้นมาได้
   
เจ้าโจรนี่บดจี้คริสตัลที่นาดีลเคยให้มาให้ผมกินเสียแล้ว อันที่จริงตอนนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าจากบทเรียนซึ่งเคยเรียนมา เจ้าคริสตัลพิเศษนี้เป็นยาอายุวัฒนะและต้านยาพิษทุกชนิด ถ้าเอาไปขายคงได้เงินจำนวนมากอยู่
   
แต่เจ้าโจรกลับเอามาใช้รักษาผมเสียนี่ มันชวนให้คิดอยู่นะ กับคนที่พบกันครั้งแรกมาลงมือช่วยกันขนาดนี้ แถมยังอุตส่าห์ใช้ค่าจ้างของตนเพื่อนายจ้างอย่างสูญเปล่า
   
ให้ตายสิหรือว่าเขาก็คือนาดีลจริงๆ แต่ทำไมเขาต้องโกหกผมด้วยนะ ที่แปลกไปกว่านั้นผมไม่ยักรู้ว่าเขามีร่างมนุษย์กับเขาด้วย ก็ตั้งแต่รู้จักกันมาเจ้าชายนาดีลไม่เคยเผยร่างมนุษย์ให้ผมเห็นเลยซักครั้ง
   
จะใช่นาดีลหรือเปล่าผมเฝ้าเอาแต่คิดวนไปวนมาอยู่นานนับตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จังหวะนั้นคนที่นอนกอดผมก็ทำท่าจะตื่นผมรีบแกล้งหลับกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมแอบบมองดูหน้าเขาตอนหลับ

   ระหว่างที่แกล้งหลับก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของเจ้าโจร ตอนนี้เจ้าโจรนั่งอยู่บนเตียงข้างๆผม และกำลังใช้มือลูบไล้ใบหน้าของผมเบาๆ
   
“ฟื้นซักทีสิฟีล่า เจ้าเอาแต่หลับอยู่แบบนี้รู้ไหมว่าข้าทรมานใจนะ”
   ทรมานใจ ทำไมเจ้าโจรต้องทรมานใจ ด้วยเหตุผลข้อนี้ทำให้ผมมั่นใจกว่าครึ่งว่าเขาอาจจะเป็นเจ้าชายนาดีลก็เป็นได้
   
“นาดีล”

   “ฟีล่า” เจ้าโจรทำหน้าดีใจและทำท่าจะโผเข้ากอดผมแต่เขาก็ชะงักแล้วใช้มือเกาที่คอไปมา เขาเบ้หน้าด้วยท่าทางกวนโมโหอย่างที่สุด
   
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นข้ากัน” คนที่ยอมรับออกมาแล้วว่าเป็นใครหรี่ตามองดูผม ท่าทางของเขาเหมือนเด็กเกเรที่ถูกแย่งของเล่นไป
   
“แปลกแฮะก่อนหน้านั้นยังทึกทักเอาเองว่าข้าเป็นโจรอยู่เลย”
   
แทนคำตอบผมโผเข้ากอดรัดเขา นาดีลทำอะไรไม่ถูกตอนแรกเขาลังเลว่าจะเอามือวางไว้ที่ไหนแต่สุดท้ายเขาก็กอดรัดผมตอบ
   
“ข้าคิดถึงเจ้าที่สุดเลย”
   
“ข้าก็เช่นกันฟีล่า” เขาใช้มือลูบหลังผมไปมา น่าแปลกแทนที่ผมจะโกรธที่ถูกเขาหลอกตอนนี้กลับมีแต่ความโล่งใจอย่างที่สุด พอโล่งใจสิ่งที่ผมนึกถึงเป็นสิ่งที่สองรองจากนาดีลก็คือท่านพี่

   “นาดีลเราต้องกลับไปบอกท่านพี่เรื่องคาลอสนะ” แทบจะในทันทีนาดีลดีดนิ้วเข้าทีหน้าผากของผมดังป๊อก
   
“เจ้าโง่หรือเปล่า ท่านพี่ของเจ้าน่าเป็นห่วงตรงไหน ตัวเจ้าต่างหากที่น่าเป็นห่วง” ผมพริบตาปริบๆมองดูนาดีลทำสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ตอนนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ นาดีลเล่นงานคาลอสจนสลบแล้วพาผมหนีมาและผมเป็นคนรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของคาลอส เขาจะยอมปล่อยให้ผมมีชีวิตต่อไปอีกหรือ
   
“ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วสิ” ดูเหมือนเจ้าชายนาดีลจะเดาความคิดจากสีหน้าของผมได้ เขายังคงฉลาดเป็นกรดเหมือนเดิม
   
“แต่ว่า…..” ผมยังคงลังเล บอกตามตรงผมไม่อยากปล่อยท่านพี่เอาไว้ตามลำพังกับเจ้าคาลอสอะไรนั้น
   
“ฟังนะฟีล่า” นาดีลทำหน้าขรึมเขาใช้มือทั้งสองข้างจับบนบ่าทั้งคู่ของผม
   
“ตราบใดที่ท่านพี่ของเจ้ายังมีประโยชน์ เจ้าเสนาบดีอะไรนั่นไม่มีทางฆ่าเขาอย่างเด็ดขาด…..กลับกันหากเจ้ากลับไปเพื่อบอกความจริง เจ้าจะถูกบังคับให้แต่งงาน ถูกจับขัง และไม่แน่ว่าเอียนจะเชื่อที่เจ้าพูดด้วย และสุดท้ายเจ้าอาจจะถูกลอบฆ่าอีกหลายครั้งจนกว่าเจ้าจะตาย อันตรายถึงขนาดนั้น ต่อให้เจ้าอยากกลับไปแต่ข้าจะไม่ให้เจ้าไปอย่างเด็ดขาด”
   
“แต่ว่า” ผมยังไม่ยอมแพ้
   
“ฟีล่าที่รัก เจ้าเคยบอกว่าเอียนเป็นคนฉลาด และข้าก็คิดว่าเขาฉลาดเหมือนกัน เขาโตแล้วอย่างน้อยคงไม่หลงกลใครง่ายๆ”
   
“แล้วท่านพ่อท่านแม่ล่ะเราจะปล่อยให้ท่านพ่อท่านแม่แข็งเป็นคริสตัลอยู่อย่างนั้นหรือ”

   “นั่นต้องไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว หลังจากเรากลับไปแต่งงานกันที่อาณาจักร ในฐานะชายาของข้า ข้าต้องช่วยเจ้ายกกองทัพมาช่วยท่านพ่อท่านแม่เจ้าอย่างแน่นอน”
   
“ยังไงก็เลี่ยงสงครามกับท่านพี่ไม่ได้จริงๆนะหรือ” รู้สึกอยากจะร้องไห้ แล้วตอนนั้นขอบตาผมก็ร้อนผ่าวน้ำตาเอ่อล้นที่ดวงตาอย่างไม่อาจห้าม เดือดร้อนนาดีลต้องมาคอยเช็ดน้ำตาให้
   
“ฟีล่าอย่าลืมนะว่าพี่เจ้าเป็นกบฏ หากว่าเขาไม่ยอมสำนึกผิดก็มีแต่จะต้องสู้กัน และผลจากการสู้กันจะทำให้ผู้คนกี่ร้อยกี่พันคนตาย สุดท้ายเมื่อเขาพ่ายแพ้ถึงไม่ต้องตายแต่ก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดี เจ้าควรทำใจเสียเถอะนะ”
   
“ข้าเข้าใจ” ผมปาดน้ำตาไปพร้อมกับผงกหัวหงึกๆ จังหวะนั้นนาดีลก็รวบผมเข้าไปกอดรัดแล้วหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แต่ก็นั่นแหละด้วยเพราะไม่คุ้นชินกับร่างมนุษย์ของเขาพบจึงผลักเขาออกโดยแรง
   
“ท…ทำอะไรของเจ้ากันหะ”
   
“ก็อะไรเสียอีกล่ะก็ปลอบโยนว่าที่เจ้าสาวของข้าไง…..อะไรกันเมื่อกี้ยังทำหน้าเรียกร้องให้ข้าหอมแก้มเจ้าอยู่เลย คนซื่อบื้อ” ผมมองดูนาดีลยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผมนี่นะหรือทำหน้าเหมือนเรียกร้องให้เขาหอมแก้ม ให้ตายสิผมกำลังเสียใจต่อชะตากรรมของท่านพี่อยู่ต่างหาก
   
“อย่ามาตู่นะข้าไม่ได้….ไม่ได้จะทำหน้าตาเรียกร้องให้เจ้าหอมแก้มเลย” ผมเถียงเขาด้วยคำพูดตะกุกตะกัก
   
“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกร้องให้จูบแหละตอนนี้เจ้าเรียกร้องให้ข้าจูบอยู่ใช่ไหมนี่” นาดีลหัวเราะชอบใจก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหาอย่างช้าๆที่แน่แน่เขาทำปากจู๋ น่ากลัว!!!น่ากลัวมาก!!!ตอนเป็นสไลม์ต่อให้เขาทำเจ้าชู้ยักษ์แบบนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่

   แต่นี้พอมาเป็นคน บอกตามตรงรู้สึกหวั่นใจกลัวเกรงอนาคตข้างหน้ายังไงบอกไม่ถูก อ๊ะ!!! ให้ตายสิๆ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขามีร่างกายอย่างมนุษย์นั่นหมายความว่า ผมกับเขาก็……
   
ไม่นะ ตอนนี้ผมนึกถึงการร่วมรักของชายกับชายขึ้นมาเสียแล้ว แน่นอนล่ะไม่ว่าจะยุคสมัยไหนหรือเกิดชาติที่เท่าไหร่ การร่วมรักระหว่างชายกับชายก็มีหลักการเหมือนกันหมดอย่างแน่นอน
   
ตอนนี้ผมนึกถึงราชามาริกกับท่านฟรานซิส พวกท่านร่วมรักกันแบบไหนตอนนี้ผมไม่ต้องเดาแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียว ทำยังไงถึงให้ผู้ชายคลอดลูกได้ ผมยังต้องอาศัยให้นาดีลบอก แต่ผมไม่อยากรู้ซักนี๊ดดดดดด ซักนิดก็ไม่อยากรู้อ่ะ ชั่วพริบตาที่รู้สึกหวาดกลัวต่ออันตรายผมยกเท้าขึ้นแล้วถีบเข้าที่ยอดอกนาดีลเต็มๆ

   “ทำอะไรน่ะฟีล่า” นาดีลเอียงคอถามให้ตายสิเขาทำหน้าตาใสซื่อดูแล้วน่ารักน่าชัง แต่ในทางกลับกันผมกลับขนลุกขนพองอย่างหนัก เข้าใจว่าถีบเขาไปเต็มแรง แต่นาดีลก็ยังคงคืบหน้าเข้าใกล้ผมตอนนี้เขาใช้มือคว้าเอาข้อเท้าของผมเอาไว้แล้วจุมพิตลงมาเบาๆ
   
“จูบที่เท้าก็ดีเหมือนกันน้า เท้าของเจ้าข๊าวขาว” ไม่น้าๆๆๆๆๆ เขาไม่แค่จูบที่เท้าของผมแต่กำลังเริ่มต้นไล้เลียมันอีกด้วย เลวร้ายสถานการณ์นี้เลวร้ายที่สุด หากผมไม่ทำอะไรซักอย่าง ผมคงเสียพรหมจรรย์ก่อนที่จะได้แต่งงานแน่ๆ
   
“น…นาดีล”
   
“ว่าไง” เขาตอบรับคำผมสั้นๆแต่ยังไม่เลิกไล้เลียปลายเท้าของผม ตอนนี้ใบหน้าของผมแดงก่ำสติสตางค์ชักไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันจักกะจี้ ไม่สิ มันอธิบายไม่ถูกเมื่อถูกปลายลิ้นนุ่มนิ่มสัมผัสไปทั่วเท้าแบบนี้
   
“ขะ…..ข้าอยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงกลายร่างเป็นคนได้”  ได้ผลเขาหยุดเลียเท้าผมแล้ว แต่ยังไม่วายใช้มือของเขาหยอกเย้าปลายเท้าผมเล่นไปมา
   
“เรื่องปกตินี่นามังกรยังมีร่างมนุษย์ทำไมสไลม์อย่างพวกเราจะมีไม่ได้”
   
“แต่ข้าไม่เคยเห็นพวกสไลม์ในอาณาจักรเจ้ากลายร่างเป็นคนเลย”
   
“ก็เวลาอยู่ในร่างมนุษย์ความเก่งกาจของพวกเราจะลดลงฮวบฮาบเลยนี่นา แถมอยู่ในร่างสไลม์มันก็สะดวกกว่า เลยไม่มีใครเขาชอบอยู่ในร่างมนุษย์กัน”
   
พูดจบเขาก็ขยับร่างกายทาบทับร่างของผม ให้ตายสิผมไม่รู้จะต่อต้านเขาด้วยวิธีไหน ในที่สุดเข้าก็ประกบจูบลงมา นาดีลใช้ปลายลิ้นเข้ามาพัวพันกับลิ้นของผม เป็นจูบที่แตกต่างกับจูบของเขาตอนที่เป็นสไลม์อย่างมาก และแตกต่างกับตอนที่จูบกับท่านพี่
   
“นาดีล…..อย่าได้โปรด” ผมฉวยโอกาสร้องห้ามเขาขณะที่เขาเปลี่ยนมุมประกบจูบนับครั้งไม่ถ้วน ให้ตายสิผมยังไม่พร้อมที่จะเสียตัวให้ใครตอนนี้ ผมยังไม่เรื่องอีกมากให้ต้องครุ่นคิด นอกจากนั้นยังกลัวมาก เพราะการร่วมรักของผู้ชายด้วยกันผมรู้ได้จากความทรงจำในการเสพสื่อบันเทิงเมื่อชาติก่อนของผม มันน่าจะเจ็บมาก
   
“อย่าทำหน้าเหมือนข้ารังแกเจ้าอย่างนั้น….พับผ่าสิเหมือนข้าเป็นผู้ร้ายเลยนะ”
   
“ก็ผู้ร้ายจริงๆนี่” พอถูกผมต่อว่าเขาก็ค่อยๆผละออก ตอนนี้เขานั่งเกาหัวแกรกๆอยู่ข้างๆผม รู้รับได้ว่านาดีลรู้สึกผิด แต่ยังไม่วายไม่ไว้วางใจเขาขยับหนีให้ห่างจากรัศมีการถูกจับกด
   
“เจ้าบอกว่าร่างมนุษย์ไม่สะดวก ทำไมไม่กลับเป็นสไลม์เสียล่ะ” ผมถามเขาตอนนี้ผมขยับไปอยู่อีกฝากของเตียง แล้วก็สะดุ้งอีกครั้งเมื่อนาดีลแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
   
“ก็น้าอยู่ในร่างนี้ น่าจะทำให้เจ้ามีความสุขได้มากกว่านี่นา” มีความสุขกับผีนะสิ ผมถลึงตาใส่ พอถูกมองค้อนมากๆเข้านาดีลก็ยักไหล่
   
“ล้อเล่นน่า ที่อยู่ในร่างนี้ก็เพราะว่าพวกมังกรกำลังตามล่าข้าในร่างสไลม์อยู่ ไอ้จะให้ปะทะกันซึ่งๆหน้าก็ไม่กลัวหรอก แต่ขี้เกียจให้มาตามตอแย แถมตอนนี้ข้ายังมีเจ้าเดินทางมาด้วยอีกคน”
   
พอนึกถึงว่าถูกตามล่า ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้พลังเวทย์ทั้งหมดถูกแหวนที่ท่านพี่เอียนสวมให้ผนึกเอาไว้ ตอนนี้ผมเริ่มจะกังวล
   
“ข้าคงจะเป็นภาระให้นาดีลแน่ๆ เพราะว่าไม่สามารถกลายร่างได้แถมพลังเวทย์ยังถูกผนึกเอาไว้เสียอีก”
   
ผมยื่นมือให้นาดีลดูแหวนพร้อมทั้งเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับมันให้เขาฟัง
   
“หมอผีของเผ่าเราน่าจะแก้คำสาปนี้ได้ เจ้าไม่ต้องห่วงนะฟีล่า” ผมพยักหน้าหงึกหงึก หากนาดีลพูดว่าทำได้ ผมก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
   
“นี่…ข้าหลับไปกี่วันแล้ว”
   
“สามวัน” ไม่ต่างจากที่ผมคิดเท่าไหร่นักโดนยาพิษร้ายแรงขนาดนั้นหลับไปแค่สามวันนับว่าโชคดีแล้ว
   
“ถึงว่าร่างกายข้าถึงไม่ค่อยมีแรง”
   
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวข้าจะไปหาของกินมาให้ เจ้านอนพักเสีย เราจะอยู่ที่นี่ซักพักดูอาการเจ้าแล้วเราค่อยเริ่มเดินทางต่อกัน”

   กล่าวจบนาดีลก็จุมพิตที่หน้าผากของผมก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป น่าแปลกทั้งที่หมู่นี้เจอแต่เรื่องร้าย แต่เพียงมีนาดีลอยู่ด้วยเท่านั้นผมรู้สึกสบายใจอย่างไม่อาจอธิบายได้ นีมันไม่ใช่ว่าผมรู้สึกกับเขาเกินกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้วหรอกหรือ
คิดมาถึงตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าใบหน้าของผมเห่อร้อน สุดท้ายเพื่อไม่ให้เอาแต่คิดถึงเรื่องของเจ้าชายนาดีล ผมจึงต้องขุดเอาเพลงซึ่งเป็นที่นิยมจากความทรงจำในชาติที่แล้วหลายต่อหลายเพลงออกมาร้องติดต่อกันเป็นเมดเล่ย์

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มีต่ออีกตอนค่ะ

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 16-09-2016 16:23:48
ตอนที่10
   
ผมรู้จากนาดีลมาว่ากระท่อมที่เราใช้กบดานอยู่ตอนนี้เป็นกระท่อมกลางป่านอกเมืองหลวงของเผ่ามังกรซึ่งน่าจะเป็นที่พักชั่วคราวขอตอนนี้ตรงหน้าผมนาดีลง่วนอยู่กับการทำอาหารให้ผมทาน อันที่จริงผมเองก็สามารถทำได้อยู่สองสามอย่างและช่วยเป็นลูกมือให้เขาได้ แต่เจ้าชายนาดีลกลับบอกให้ผมนั่งดูเฉยๆ
   
ผมมองเสี้ยวหน้าของเจ้าชายนาดีล ใบหน้าที่ดูตั้งอกตั้งใจทำอะไรบางอย่างของเขาช่างดูน่ารัก คิดๆดูแล้วตอนที่เขาอยู่ในร่างสไลม์ก็น่ารักมาก ร่างกลมๆสีทองมีปีกทั้งหยุ่นและนุ่มแค่คิดก็รู้สึกหมันเขี้ยวแล้ว
   
“ให้ตายสิ” จู่ๆนาดีลก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไปมาก่อนจะหันมาแล้วส่งยิ้มร้ายให้
   
“เจ้าเอาแต่จ้องหน้าข้า แถมยังอมยิ้มอยู่แบบนี้ ตั้งใจจะยั่วยวนข้าหรืออย่างไรกันฟีล่า”
   
“ข้าเปล่านะ” ผมรีบปฏิเสธ บอกได้เลยว่าลนลานอย่างมาก แค่จ้องหน้าแล้วคิดว่าเขาน่ารักก็เป็นการยั่วยวนด้วยหรือให้ตายสิเขาอ่านใจผมได้หรืออย่างไรนะ
   
“อยากบอกให้รู้ไว้นะฟีล่า ว่าข้ากำลังอดทนอยู่ ถ้าเป็นไปได้อย่าแสดงท่าทางยั่วยวนให้มากนัก”
   
อย่างนี้ก็ได้หรือ? เขาห้ามไม่ให้ผมแสดงท่าทางยั่วยวน แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไปยั่วยวนเขาที่ตรงไหน ไม่ยุติธรรมเขาพูดอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง
   
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะว่าการแสดงออกแบบไหนของข้าที่มันยั่วยวนเจ้า”
   
“แค่เจ้าเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นก็เป็นการยั่วยวนอย่างหนึ่งแล้ว” นาดีลใช้นิ้วบีบจมูกผมหยอกเย้าแล้วหันไปจัดการปรุงอาหารต่อ ผมหน้าบึ้งและใช้มือถูจมูกไปมา
   
“เอาล่ะเสร็จแล้ว ไปรอที่โต๊ะทานอาหารได้เลย” นาดีลบอกผมและเขาไม่ยอมให้ผมทำแม้แต่จะช่วยเตรียมจานชาม สุดท้ายผมต้องมานั่งรออยู่หน้าโต๊ะอาหาร รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ประโยชน์ชอบกลแฮะ
   
“ทานเยอะๆเลยนะ” นาดีลวางถ้วยซึ่งมีสตูว์เนื้ออยู่เต็มลงตรงหน้า กลิ่นหอมของเครื่องปรุงทำให้ผมน้ำลายสอ ผมรีบลงมือกินทันทีเมื่อเขาอนุญาต
   
“กินเยอะๆนะ ตัวเจ้าผอมบางไปหน่อย ข้าอยากให้เจ้ามีน้ำมีนวลกว่านี้ ไม่งั้นเวลากอดข้าก็กลัวว่าเจ้าจะหักกลางเสียก่อน”
   
“เอ๊ะ” ผมชะงักนิดหนึ่งที่จริงแค่สงสัยว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไรเพราะว่าผมนั้นไม่ทันได้ฟัง
   
“กินสิ” นาดีลยิ้มกว้างเขาคะยั้นคะยอให้ผมกินมากๆแต่ด้วยขนาดตัวของผมแค่เขาตักมาพูนชามแค่ชามเดียวผมก็เต็มตื้อแล้ว
   
“กินอีกหน่อยไหม” เขาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าเพราะอิ่มมากแล้วจริงๆ
   
“ข้าอยากให้เจ้ากินอีกหน่อย กินเยอะๆจะได้แข็งแรงไวไว พอเจ้าแข็งแรงเราจะได้รีบออกเดินทาง”
   
พูดถึงออกเดินทางผมก็เริ่มกังวลอีก สงครามกับท่านพี่ สงครามระหว่างเผ่ามังกรและเผ่าสไลม์ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะยืดเวลาออกไปให้มันเกิดขึ้นช้าลง
   
“คิดอะไรของเจ้าอีกล่ะ” นาดีลถามพร้อมกับใช้มือดึงแก้มทั้งสองข้างของผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ
   
“ทำอะไรของเจ้าหาเจ้าบ้านาดีล” พอผมโวยวายเจ้าชายนาดีลก็เลิกดึงแก้มผม ผมลูบแก้มเบาๆด้วยยังชาไม่หาย
   
“ก็เจ้านั่นแหละที่ผิด นี่คงไม่ได้คิดจะถ่วงเวลาหรอกใช่ไหม” เขารู้ทุกอย่างราวกับเป็นพยาธิในท้องของผมอย่างนั้นแหละ
   
“หากเจ้ายังทำเหมือนลังเลอยู่แบบนี้อีกข้าจะโกรธแล้วนะ” นาดีลกอดอกแล้วสะบัดหน้าหันไปอีกทาง เขาทำแก้มป่องพร้อมกับแอบปลายตามองมาเป็นระยะๆ
   
ให้ตายสิเขาทำท่าแบบนี้แทนที่ผมจะรู้สึกผิดมันกลับทำให้ผมรู้สึกขำมากกว่าอ่ะ ในที่สุดผมก็หัวเราะออกมาจริงๆ
   
“ขำอะไรกันฮึ อย่าบอกนะว่านี่เจ้ากำลังยั่วยวนข้า” นาดีลแสยะยิ้มร้ายให้ผม ผมเลิกหัวเราะในทันที ให้ตายสิหัวเราะนี่ก็เป็นการยั่วยวนด้วยหรือ ชักจะบ้ากามเกินไปแล้ว
   
“ทำไมเจ้าถึงได้เป็นคนลามกแบบนี้หะ ทำอะไรก็หาว่าข้ายั่วยวนไปหมด” ด่าว่าไม่ขาดคำดีนาดีลก็คว้ามือของผมไป เขาจุมพิตลงบนแต่ละนิ้วของผมไปด้วยส่งสายตาเป็นประกายวาววับมาให้ไปด้วย
   
“ก็ข้ารักเจ้า ในสายตาข้าไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักเย้ายวนไปหมดแหละ”
   
“ถ้าข้านั่งถ่ายท้องอยู่เจ้าจะยังคิดว่าข้าน่ารักไหมล่ะ” ผมเลือกที่จะพูดถึงเรื่องที่ใครๆเขาไม่พูดกัน แต่ก็นั่นแหละนั่นมันเป็นเรื่องธรรมชาติอ่ะ แค่อยากรู้จริงๆว่าเขาจะยังคิดว่าผมยังดูยั่วยวนอยู่ไหม
   
“แหม….อยากเห็นเหมือนกันนะเจ้าทำให้ดูหน่อยสิ” เขาตรงเข้ามาอุ้มผม ไม่นะบ้าไปแล้ว จะหยอกกันเล่นแบบนี้ก็แรงไปผมไม่เอาด้วยนะ
   
“ปล่อยๆข้านะนาดีล”
   
“อ้าวทำไมล่ะ ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นเจ้าตอนนั่งถ่ายเหมือนกันนะ ไม่เห็นแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันดูเป็นไง”
   
เขาหัวเราะฮ่าฮ่า แต่ตอนนี้ผมหน้าซีดเผือดไปหมด ให้ตายสิเจ้าคนไร้ยางอาย ใครมันจะไปอยากถ่ายท้องให้คนอื่นดูล่ะ ในที่สุดผมก็รู้สึกว่ายิ่งผมโวยวายเขาก็ดูจะชอบอกชอบใจ ผมจึงตีหน้านิ่งมองดูนาดีลด้วยสายตาเย็นชา เอาสิถ้าเขายังไม่รู้ตัวอีกผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
   
“ข้าล้อเล่นน่า” นาดีลยิ้มเจื่อน ท่าทางที่ดูสำนึกผิดของเขาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
   
“นี่ข้าอยากอาบน้ำ” ผมบอกเจ้าชายนาดีลที่อุ้มผมอยู่ ตอนนี้ผมรู้สึกเหนียวตัวมาก
   
“จะแอบไปถ่ายท้องรึ” นาดีลยังไม่เลิกพูดเรื่องเดิม ผมจึงทุบหมัดเข้าที่อกเขาเต็มแรง เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบอกชอบใจ
   
“เอาล่ะ ข้าจะเลิกแกล้งเจ้าแล้วมาข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำ”
   
ในที่สุดนาดีลก็พาผมมายังน้ำตกที่ห่างออกไปจากกระท่อมกลางป่าอีกนิด
   
“ว้าว น้ำใสดีจัง” ผมวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า รู้สึกสดชื่นจนลืมเรื่องที่นาดีลแกล้งผมไปจนหมด ตอนนี้ผมเริ่มเปลื้องผ้าออกทีละชิ้น หากว่าไม่ได้ยินเสียงผิวปากของเจ้าชายนาดีลผมคงแก้ผ้าออกจนหมดไปแล้ว
   
“มัวมองอะไรอยู่รีบไปสิ” ผมไล่คนที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มให้ไปที่อื่น แต่เจ้าชายน่าดีลเหมือนจะไม่เข้าใจ
   
“ให้ข้าอาบด้วยคนสิ”
   
“ไม่ ข้าอยากอาบคนเดียว” ผมกอดอกยืนกราน
   
“อย่างนั้นข้าจะอยู่เฝ้าเจ้าตรงนี้แล้วกัน”
   
“ไม่ เจ้ากลับไปที่กระท่อมสิ” ผมยังยืนยันคำเดิม ให้ตายสิตอนนี้ผมชักกลัวแล้ว ยังไงผมก็ไม่อยากจะถอดเสื้อผ้าเผยร่างเปลือยให้เจ้าชายนาดีลเห็น ก็ผมไม่รู้นี่ว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆกับผมหรือเปล่า
   
“กลัวอะไรผู้ชายด้วยกัน” ก็เพราะว่าเป็นผู้ชายด้วยกันนะสิถึงได้กลัว
   
“เราเป็นคู่หมั้นกันไม่ใช่หรือ ร่างเปลือยเจ้าข้าก็เคยเห็นมาแล้ว อาบน้ำด้วยกันก็ยังเคยเลยนะ” ไม่พูดเปล่าตอนนี้นาดีลสาวเท้าเข้ามาใกล้ กดดันผมจนต้องเดินถอยหลัง ให้ตายสิผมถอยมาจนสุดทางเดินแล้วนะ
   
“เจ้ารังเกลียดข้าหรือว่ากลัวอะไรกันแน่” ตอนนี้เขาเข้ามาประชิดจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจ นาดีลโน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของผมแล้วเล่นจ้องตา ให้ตายสิผมกลัวเขาอ่ะผมทนจ้องตากับเขาได้ไม่นานผมก็หลบตา
   
“ข….ข้า…กลัว…;ว่า”
   
“หือ” ผมก้าวเท้าถอยหลังอีกแล้ว ลืมไปเลยว่าผมถอยหลังมาจนสุดทางแล้ว ผมล่วงลงไปแต่โชคยังดีที่นาดีลคว้าเอาไว้ได้ทันผมจึงไม่ล่วงลงไปในน้ำทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้า
   
“ระวังตัวหน่อยสิ” เขาดุผมในขณะที่ผมถลึงตาเข้าใส่เขา ผมไม่ได้เป็นคนผิดนี่ เขาเองต่างหากที่แกล้งไม่เลิก
   
“เอาล่ะ หากเจ้าอยากอาบคนเดียวข้าจะไม่กวน ข้าจะกลับไปรอเจ้าที่กระท่อมนะฟีล่า” ในที่สุดเขาก็ไปได้เสียที ผมโล่งใจอย่างที่สุด
   
“เอาล่ะ” ผมพูดกับตัวเองแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้า เมื่อถอดเสื้อผ้าจนหมดก็หย่อนตัวลงไปในน้ำ รู้สึกสดชื่น ตามปกติผมแทบไม่ได้อาบน้ำในน้ำตกอย่างนี้หรอก ตอนนี้ผมจึงดำผุดดำว่ายแบบรื่นเริงสุดๆ
   
เมื่ออาบน้ำจนพอใจแล้วผมก็ขึ้นจากน้ำรอจนตัวแห้งแล้วเริ่มแต่งตัว ผมเดินกลับไปยังกระท่อมอย่างสบายอกสบายใจ แต่ทว่าเมื่อเห็นกระท่อมผมก็เห็นทหารของเผ่ามังกรด้วย นั่นทำให้ผมตัดสินใจแอบอยู่หลังต้นไม้รอดูสถานการณ์
   
“นาดีลล่ะ” ผมไม่เห็นนาดีล ตอนนี้พวกทหารกำลังค้นภายในกระท่อม พวกทหารมีไม่มากมีจำนวนแค่สิบสองคน แต่กระนั้นหากพวกเขาเจอผมที่ตอนนี้ปกป้องตัวเองยังไม่ได้เห็นที่ผมจะโดนจับหรือโดนฆ่าเอาง่ายๆ
   
“หาให้เจอ ท่านคาลอสบอกว่าถ้าหาเจอก็ให้ฆ่าได้เลย”
   
ผมใจหายวาบ เป็นอย่างที่เจ้าชายนาดีลคิดเอาไว้ คาลอสส่งคนมาตามฆ่าผม ให้ตายสิตอนนี้นาดีลไปไหนนะ ในตอนที่คิดเช่นนั้นผมก็ถูกกอดรัดจากด้านหลัง ผมแทบหวีดร้องหากคนที่กอดผมเอาไว้ไม่ใช่เจ้าชายนาดีล
   
“เจ้าบ้าอย่าทำให้ตกใจสิ” ผมเอ็ดนาดีลเบาๆ แต่นาดีลจรดปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของผมแล้วส่งเสียงชู่เป็นสัญญาณบอกให้ผมเงียบก่อน
   
“ก็นึกอยู่แล้วว่าเราหยุดอยู่ที่ป่านี่นานไป” นาดีลหัวเราะหึหึ ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้มันจะน่าขำตรงไหน อดที่จะทุบเขาไม่ได้ล่ะแล้วก็ทุบลงไปจริงๆ
   
“มันน่าหัวเราะตรงไหน”
   

“ก็นะ…..แค่คิดว่าตอนนี้เจ้าคาลอสคงลำบากน่าดู ส่งทหารมาน้อยแบบนี้ คงเป็นปฏิบัติการลับที่สวนทางกับเอียนแน่ๆ” เฮ้อที่แท้ก็สนุกกับความเดือดร้อนของคาลอสนี่เอง แต่ผมก็ยังไม่คิดว่ามันน่าขำอยู่ดี
   
“ไม่เห็นน่าขำยิ่งคาลอสลำบาก เขาจะยิ่งส่งนักฆ่าที่เก่งๆมา เจ้ามีข้าเป็นตัวถ่วงแบบนี้เจ้าจะไม่ลำบากหรือไง”
 นาดีลฉีกยิ้มกว้างให้ผมแทนคำตอบ
   
“แค่ฆ่าให้หมดก็หมดเรื่องใช่ไหม” กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็ย่างสามขุมออกจากที่กำบัง ให้ตายสิผมไม่ห่วงเขาซักนิดตอนนี้ผมสงสารพวกทหารที่ตามฆ่าผมมากว่า
   
“เฮ้ยแกเป็นใครวะ”
   
“อาจจะเป็นพวกนายพรานก็ได้” พวกทหารพากันถกเถียงกับการปรากฏตัวของนาดีล ผมได้แต่แอบลุ้นว่าการต่อสู้จะเริ่มต้นเมื่อไหร่
   
“เฮ้ย แกเห็นเด็กหนุ่มผมสีฟ้าบางหรือเปล่า” ที่เขาพูดนั่นหมายถึงผม แต่เมื่อเจ้าชายนาดีลยังยืนนิ่งไม่ตอบคำ เจ้าพวกทหารก็เริ่มหัวเสีย
   
“ฆ่ามันทิ้งไปเสียดีกว่า” ในที่สุดทหารคนที่พูดก็ชักดาบเข้าโจมตีนาดีล แต่พอดาบกระทบถูกนาดีลเท่านั้นดาบก็หักเป็นสองท่อน พวกหทารตกใจกันน่าดูที่ดาบหัก ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน ไหนล่ะที่ว่าพออยู่ในร่างมนุษย์แล้วความเก่งกาจจะลดลงฮวบฮาบ
   
“เอาล่ะ” นาดีลหักข้อมือตัวเองเสียงดังกรอบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเป็นมิตร
   
“เรามาเริ่มกันเสียทีดีไหม”
   
พลันนาดีลโจมตีคนที่อยู่ใกล้สุดด้วยการชกเข้าที่ท้อง คนซึ่งถูกชกคนแรกกระเด็นหวือไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่จนหักแล้วตายคาที่ทันที พวกทหารที่เหลือเห็นดังนั้นก็ตกใจสุดขีด แต่ก็ยังมีความกล้าดาหน้าเขาไปจัดการกับเจ้าชายนาดีลพร้อมๆกัน ดาบที่ถูกฟันและแทงนาดีลทั้งหมดหักสะบั้น สร้างความตื่นตะหนกให้กับพวกทหารทั้งสิบเอ็ดคนที่ยังเหลืออยู่

   “อย่าได้คิดว่าจะหนีพ้นนะ ข้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าคาบข่าวไปบอกเจ้านายตัวเองแน่ๆ” นาดีลหัวเราะหึหึ สำหรับพวกทหารมังกรระดับต่ำที่ส่วนใหญ่เป็นลูกครึ่งมนุษย์และกลายร่างเป็นมังกรไม่ได้คงน่ากลัวอย่างที่สุด
   
นาดีลใช้ความเร็วสูงสุดตามจัดการกับพวกหทารที่พากันวิ่งหนี พวกนั้นทั้งหมดตายด้วยการออกหมัดเพียงหมัดเดียวแทบจะทุกคน ฟีล่าได้แต่สงสารพวกทหารที่ทำได้แค่หนีตายโดยไม่มีทางสู้ แต่สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตด้วยกันทั้งหมด ไม่มีใครหนีจากเงื้อมือของนาดีลได้พ้น

 

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 16-09-2016 17:17:12
นาดีลโหดมาก หึหึว่าที่เจ้าสาวข้าใครอย่าแตะ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 16-09-2016 18:42:59
นาดีลทำฟีล่าเขินอีกแล้ว
แต่เราก็ฟินนาดีลตอนหยอดฟีล่า
ในร่างสไลม์มากกว่า
น่ารักดี555
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: namnuer ที่ 16-09-2016 19:57:15
ทำไมรู้สึกว่านาดีลเท่อ่าาาาาา :-[ :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2:
แต่็ก็ชอบตอนที่อยู่ในร่างสไลม์เหมือนกันนะดูน่ารักนุ่มนิ่มไปหมดดดดดด555 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-09-2016 21:32:13
อยากให้ฟีล่าปกป้องตัวเองได้มากกว่านี้จัง แต่ก็โดนกักเวทอยู่นี่สิ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 17-09-2016 04:02:31
ท่าจะเป็นหมอนข้างที่ดี 55555
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 17-09-2016 11:40:33
ตอนที่11
   
หลังจากออกจากป่ามาได้ผมกับเจ้าชายนาดีลก็พบกับถนนซึ่งเป็นทางตรงไปยังหมู่บ้านเราตัดสินใจจะเดินตามทางเข้าไปยังหมู่บ้านนั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของผมยังไม่กลับมาเป็นปกติเท่าที่ควร
   
"เดินไหวไหม" นาดีลถามผมด้วยประโยคนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตามปกติถ้าผมจะเดินทางไกลอย่างนี้มักจะอยู่ในร่างมังกร การที่ต้องออกมาเดินไกลๆในสภาพนี้บอกได้เลยว่าไม่ชินซักนิด
   
"ถ้าไม่ไหวให้ข้าอุ้มเจ้าไหม" ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่อยากจะเป็นภาระนาดีลไปมากกว่านี้
   
"นั่นอะไรน่ะ"  ผมชี้ให้นาดีลเห็นคนกลุ่มหนึ่งถืออาวุธครบมือและกำลังทำการล้อมเกวียนคันหนึ่งเอาไว้
   
"พวกโจรหรือเปล่า"
   
"อาจจะใช่" นาดีลตอบเสียงเย็นชา ผมตีความว่าเขาคงไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวาย แต่ผมทนเห็นคนเดือดร้อนไม่ได้จึงได้ออกปากขอร้องนาดีลทั้งๆที่รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองก็ย่ำแย่เช่นกัน
   
"ช่วยเขาเถอะนะนาดีล" นาดีลเกาหัวแกรก เจ้าฃายสไลม์ดูยุ่งยากใจ
   
"แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"
   
"อื้อ" ผมผงกหัวขึ้นลง

   "เฮ้ยแกเป็นใครวะ" หนึ่งในกลุ่มโจรร้องถามเมื่อนาดีลกับผมเดินเข้าไปใกล้ ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นพวกมนุษย์ทั้งหมด ตอนนี้ชายกลางคนเจ้าของเกวียนซึ่งเป็นเป้าหมายมองตรงมาที่พวกเราเช่นกัน

   "หากยังรักตัวกลัวตายก็ไปให้พ้นเสีย" นาดีลเตือนพวกโจร แต่พวกมันกลับหัวเราะกันยกใหญ่

   "พูดบ้าอะไรของแกวะ"

   "ดูก็รู้ว่าพวกข้าคนเยอะกว่าแถมแกยังมีผู้หญิงมาด้วยไม่ใช่หรือ"

   ให้ตายสิชักโกรธแฮะนี่เห็นผมเป็นผู้หญิงหรอกหรือนี่ แต่ถึงจะดูอ่อนแอและตอนนี้ก็ค่อนข้างป่วย กระนั้นก็เชื่อแน่ว่ากับพวกโจรกระจอกพวกนี้ไม่น่าจะทำอะไรผมได้
   
"เฮ้ยน้องหนูน่ารักจังน้า" โดยไม่ทันตั้งตัวก็ถูกหนึ่งในกลุ่มโจรกอดรัดเข้าที่ด้านหลัง ให้ตายสิผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ไวเท่าความคิดผมกระทืบเท้าลงบนปลายเท้าของเจ้าโจรที่อยู่ด้านหลังตามด้วยโขกศีรษะกลับหลังเข้าที่หน้ามันเต็มๆ ตอนนี้มันผละจากผมด้วยความเจ็บปวดแล้วร้องโอดโอย ผมจึงฉวยโอกาสคว้าเจ้าโจรตัวดีเหวี่ยงทุ่มไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ เจ้าโจรกระแทกกับต้นไม้แล้วสลบแน่นิ่งไป
   
"แก" พวกโจรโกรธมาก ในขณะที่นาดีลผิวปากด้วยท่าทางอารมณ์ดี
   
"จัดการนังผู้หญิงนั้น" พวกโจรพร้อมอาวุธครบมือกรูกันเข้ามาหาผม ผมได้แต่ยักไหล่คว้าเอาดาบของเจ้าโจรคนแรกที่ล่วงอยู่บนพื้นรับมือพวกโจรอีกสามสี่คนที่ดาหน้าเข้ามา

   พวกมันอ่อนหัดกว่าที่คิด หลังจากพวกโจรกรูกันเข้ามาทีละคนสองคนผมก็จัดการปลดอาวุธทีละคนไปตามระเบียบ สีหน้าของพวกมันล้วนตกตะลึง ให้ตายสิอย่าดูถูกผมไปนัก ยังไงผมก็เป็นถึงเจ้าชายของเผ่ามังกรที่เฉี่ยวชาญการต่อสู้นะ กับโจรกระจอกถ้าผมสู้ไม่ได้ คงอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง
   
ในที่สุดเมื่อแต่ละคนเข้ามาทำร้ายผมไม่ได้แถมอาวุธในมือก็ถูกผมยึดไว้เสียหมด พวกมันก็ได้แต่ล่าถอยไปจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว นาดีลปรบมือให้ผม
   
"อะไรกันให้ข้าออกแรงอยู่คนเดียวเลย" ผมทำท่ากระเง้ากระงอด แต่ก็แค่แกล้งทำเท่านั้นแหละ ใจจริงแล้วผมค่อนข้างภูมิใจที่สามารถจัดการกับพวกโจรได้ทั้งที่ยังไม่ค่อยแข็งแรงดี
   
"แต่เจ้าก็ทำได้ดีไม่ใช่หรือ ทำได้ดีสมกับเป็นว่าที่ภรรยาของข้าเลยน้า" นาดีลไม่พูดเปล่าเขาขยี้มือลงบนศีรษะของผม ผมยิ้มจนแก้มปริรู้สึกดีที่มีคนเอ่ยชม
   
"เอ่อ ขออภัยครับ" พวกเราสองคนหันไปหาคนพูด คนพูดคือชายวัยกลางคนซึ่งเป็นเจ้าของเกวียนที่ถูกโจรล้อมปล้น ท่าทางเขาดูสับสนและไม่ค่อยไว้วางใจเราเท่าไหร่

   "ท่านต้องการเงินค่าช่วยเหลือเท่าไหร่หรือครับ" 

   "ไม่เป็นไรหรอกครับผมไม่ได้ต้องการเงินตอบแทน" ผมรีบพูดแทนนาดีล เจ้าชายเผ่าสไลม์ทำสีหน้าเหมือนกลืนยาขม เขากระซิบที่ข้างหูของผม
   
"ไม่เอาเงินเลยจะดีหรือ"

   "ดีแล้วน่า" ผมบอกเขาเบาๆแต่ดูเหมือนชายเจ้าของเกวียนจะได้ยิน เพราะตอนแรกชายเจ้าของเกวียนก็ทำหน้าเหมือนกินยาขมเช่นกัน เอ....หรือว่ากลัวผมจะเรียกค่าจ้างแพงกันนะ แต่พอผมบอกไปอีกครั้งว่าไม่เอาเงินชายเจ้าของเกวียนก็ยิ้มกว้างจนแทบแก้มปริ

   "ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวนะครับ" ชายเจ้าของเกวียนถูมือเข้าหากันไปมา ตอนนี้นาดีลเดาะลิ้นเสียงดัง อา....นาดีลคงจะโกรธชายเจ้าของเกวียนแน่ๆ เพราะแม้แต่ผมยังสังเกตเห็นลักษนะนิสัยที่ค่อนไปในทางไม่ดีของชายคนนั้น

   "ท่านพ่อคะ" ในตอนนั้นเด็กหญิงวัยสิบสองก็ออกมาจากด้านในของเกวียน

   "เพื่อตอบแทนบุญคุณให้พวกเขาเดินทางไปกับเราก็ได้นี่คะ"

   พอได้ฟังคำของเด็กหญิง เจ้าชายนาดีลก็ทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ แต่ผมเห็นนะชายเจ้าของเกวียนที่น่าจะเป็นพ่อทำสีหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยกับลูกสาว เอาเถอะเห็นสีหน้าแล้วผมก็ไม่อยากไปรบกวนแล้วล่ะ แต่เจ้าชายนาดีลนี่สิ
   
"ถ้าอย่างนั้นก็ขอติดรถเข้าเมืองด้วยก็แล้วกัน" ผมหันควับไปหานาดีลแล้วพยายามบอกใบ้ว่าไม่เอาแต่นาดีลกระซิบบอกกับผมว่า

"เจ้าออกแรงมากจนเหงื่อแตกอ่อนล้าขนาดนี้จะเดินไหวได้อย่างไร อีกอย่างเราเดินถ่อมๆเข้าหมู่บ้านอาจจะเป็นจุดสังเกตได้"

   อดเห็นด้วยกับนาดีลไม่ได้ อีกอย่างผมเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ผมเริ่มจะอ่อนล้าจริงอย่างที่เจ้าชายเผ่าสไลม์ว่า ผมจึงต้องทำตามที่นาดีลบอกทั้งที่รู้สึกลำบากใจที่จะพึ่งพาชายเจ้าของเกวียนที่ดูท่าทางไม่เต็มใจที่จะให้เราร่วมเดินทางด้วย
   
"พี่สาวชื่ออะไรหรือคะ" พอพวกเราขึ้นไปบนเกวียนเด็กหญิงก็ตั้งคำถามทันที
   
"ข้าชื่อโรสนะคะ" เด็กหญิงยิ้มจนตาหยี
   
"พี่ชื่อ....."
   
"นางเป็นภรรยาข้าชื่อเดียน่าน่ะ ส่วนข้าชื่อดีน" ผมหันไปมองเจ้าชายนาดีลอย่างงงไม่เข้าใจว่าเขาจะโกหกทำไม แต่ก็ตามน้ำไปเพราะเข้าใจว่าเจ้าชายเผ่าสไลม์น่าจะมีเหตุผลแน่ๆ
   
"พี่ชายกับพี่สาวมีบุตรหรือยังคะ" จู่ๆก็ถามถึงลูกของเราเสียอย่างนั้นผมรีบปฏิเสธผัลวันในขณะที่เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบใจ ผมอดจะมองค้อนเขาไม่ได้

   "จริงด้วยสินะ ข้าไม่เห็นพวกท่านอุ้มลูกของท่านข้าไม่น่าถามโง่ๆ" โรสตีหัวตัวเองเบาๆแล้วแลบลิ้นออกมาดูแล้วท่าทางน่าเอ็นดู ผมชักชอบเด็กคนนี้เสียแล้วสิ
   
"ข้าเองก็กำลังเดินทางไปหาคู่หมั้นของข้าค่ะ"

   "จะไปเยี่ยมคู่หมั้นหรือ" ผมถาม
   
"เปล่าคะจะไปแต่งงานแล้วไปอยู่ที่นั้นถาวรเลย" โรสยิ้มเจื่อนๆดูท่าทางเธอโศกเศร้ากว่าที่คิดยามที่พูดเรื่องนี้ออกมา ในทางกันผมเองก็ตกใจอย่างมาก
   
"เจ้าเพิ่งอายุสิบสองจะแต่งงานแล้วหรือ"

   "ค่ะ" ยิ่งพูดยิ่งมีสีหน้าเศร้าโรสตอนนี้ดูย่ำแย่ชอบกล

   "บอกตมตรงนะคะข้ากลัวค่ะ ข้าไม่รู้ว่าว่าที่สามีของข้าจะดีกับข้าหรือเปล่า" ประโยคนี้โรสกระซิบให้ผมกับเจ้าชายนาดีลฟัง แต่เหมือนผู้เป็นพ่อจะได้ยินชัด
   
"จะไม่ดีได้อย่างไรเล่าโรส กัสเป็นลูกชายพ่อค้าใหญ่เจ้าแต่งงานกับเขาจะช่วยให้สถานการณ์ที่บ้านเราดีขึ้น เจ้าไม่อยากให้พ่อสบายหรือ"
   
ผมชักไม่ชอบใจพ่อของโรสขึ้นมานิดๆ ไม่เข้าใจว่ามันสถานการณ์ไหนกันถึงต้องบังคับให้ลูกสาววัยสิบสองรีบแต่งงาน
   
"กิจการของครอบครัวข้าไปได้ไม่ดีเลยค่ะ แต่เดิมเราเคยเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยมากนะคะ" โรสยิ้มเศร้าๆ พาให้บรรยากาศอึมครึมไปด้วย คงจะมีแต่นาดีลเท่านั้นที่นั่งผิวปากเป็นทองไม่รู้ร้อน หมั้นไส้นักผมจึงใช้มือหยิกเข้าที่แขนเขาเต็มแรง ได้ผลเจ้าชายเผ่าสไลม์สะดุ้งกระพริบตาปริบๆมองดูผมอย่างงงๆ
   
"ว่าแต่ท่านพี่เดียน่า ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ใช่ไหมคะ"
   
"ใช่" ผมตอบไปโดยไม่คิด ตอนนั้นนาดีลบีบข้อมือผมแน่นผมจึงต้องปิดปากเงียบโดยไม่พูดอะไรต่อ

   "พวกเราเป็นเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในป่าน่ะ"
   
"ว้าวข้าเพิ่งเคยเห็นเอลฟ์เป็นครั้งแรก" โรสปรบมือชอบอกชอบใจ
   
"พวกท่านสวยหล่ออย่างที่ข้าจินตนาการเอาไว้" ผมพยักหน้าอือออ ตอนนี้สมองผมเริ่มจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว นาดีลคงต้องการปกปิดฐานะของพวกเราผมลืมไปเลยจว่ากำลังหนีการตามล่าอยู่
   
"แต่ช้าได้ยินว่าพวกเอลฟ์มีผมสีทองเจิดจ้า ท่านพี่ดีนยังพอเข้าใจเพราะท่านมีผมสีทอง แต่ท่านพี่เดียน่ามีผมสีฟ้านี่คะ"
   
"จริงด้วยท่านมีผมสีฟ้า ท่านต้องไม่ใช่เผ่าเอลฟ์แน่ๆ" ตอนนี้พ่อของโรสตั้งข้อสงสัยออกมาบ้าง เจ้าชายนาดีลถึงกับเดาะลิ้นเสียงดัง
   
"เอ่อคือข้า" ผมอึกอัก ด้วยไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ในตอนนั้นพ่อของโรสก็อุทานดังอ๊ะออกมาเสียงดัง
   
"มีอะไรหรือคะท่านพ่อ" โรสถาม
   
"เปล่า....เปล๊า..." พ่อของโรสหัวเราะเสียงดัง
   
"โรสที่สีผมของเดียน่าเป็นสีฟ้าเพราะว่าย้อมผมนะ เจ้าคงเข้าใจรสนิยมของพวกผู้หญิงสินะในเมื่อเจ้าเองก็เป็นผู้หญิง"
   
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง พวกพี่สาวในหมู่บ้านของข้าพวกนางก็ชอบย้อมผมเป็นสีต่างๆเหมือนกันคะ"
   
"นี่...โรสเจ้าพอจะมีผมย้อมผมสีดำให้เดียน่ายืมใช้ไหมละ" นาดีลถามโรส
   
"มีคะมี เป็นสินค้าที่ยังพอเหลือของเราค่ะ" ผมมองดูโรสค้นหาผงย้อมให้กองสัมภาระ เมื่อหาเจอเธอก็ยื่นส่งให้เจ้าชายนาดีล
   
"ที่รักข้าเบื่อผมสีฟ้าของเจ้าแล้ว ลองย้อมผมเป็นสีดำดูบ้างนะ" ผมรับผงย้อมมาจากเจ้าฃายนาดีล ได้แต่ถอนหายใจปิดปลง หากจะหนีให้พ้นผมคงต้องลงมือปลอมตัว
   
"เออจริงสิแล้วเสื้อผ้า โรสพอจะมีเสื้อผ้าขนาดพอดีกับเดียน่าบ้างซักชุดไหม"เจ้าชายนาดีลถาม ตอนนี้ผมนึกขึ้นได้ว่าเสื้อผ้าผมเลิศหรูอลังกาลและเป็นจุดเด่นมาก เฮ้อ...เปลี่ยนก็ดีเหมือนกัน
   
"พอมีค่ะ"  ไม่นานนัก โรสก็หาเสื้อผ้าผู้หญิงเจอจนได้เธฮยื่นให้ผม
   
"เฮ้ พวกเราถึงหมู่บ้านกันแล้วนะ" พ่อของโรสร้องบอก ผมและนาดีลยับงติดเกวียนของโรสเข้าไปในหมู่บ้านจนถึงโรงแรมเล็กซึ่งเป็นที่พัก แต่ทว่า
   
"ดูเหมือนที่พักจะเต็ม เราคงต้องไปหาที่อื่น" พ่อของโรสบอก เจ้าชายนาดีลได้แต่ยักไหล่
   
"อาการเป็นอย่างไรบ้าง" เขาหันมาถามผม
   
"เฮ้อเหงื่อเจ้าออกมากนักคงจะนอนกลางป่าไม่ได้เสียล่ะมั้ง" ประโยคนี้เขากระซิบให้ผมฟัง ให้ตายสิทำเอาผมรู้สึกผิดเลยที่เป็นตัวถ่วงเจ้าชายนาดีล
   
"เอาล่ะไปพักที่โรงแรมข้างหน้านั้นกันดีกว่า" เจ้าชายนาดีลชี้นิ้วไปยับงตึกที่ค่อนข้างหรูหรา ตอนนี้เองที่โรสทำหน้าเจื่อน ในขณะที่พ่อของโฏรสทำหน้าไม่พอใจ
   
"ให้ตายสิครับอย่างนั้นเราคงต้องแยกกัน ข้ากับโรสไม่มีเงินพอจะพักที่นั่นหรอก"
   
ตอนนี้โรสกับพอกลับขึ้นไปบนเกวียนโรสโบกมือลาพวกเราด้วยสีหน้าเหกมือนยังไม่อยากจากพวกเราไป
   
"เอ่อนี่...." ผมเขย่ามือเจ้าชายนาดีล
   
"เรายังมีเงินมากน้อยเท่าไหร่" นาดีลได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของผม

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มีต่อค่ะ

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 17-09-2016 11:43:21
ตอนที่12
   
ในที่สุดโรสและพ่อของเธอก็ได้มาพักที่โรงแรมเดียวกันกับพวกผมจนได้ โรสดูดีใจมากที่มีโอกาสได้อยู่ร่วมกับพวกเราอีกหน่อย
   
“เสียดายจริงๆค่ะทีพี่เดียน่ากับพี่ดีนจะแยกเดินทางกับพวกเราหลังจากนี้” โรสทำหน้าผิดหวังจากใจจริงนั่นยิ่งทำให้ผมนึกเอ็นดูเธอมากขึ้นไปอีก

   “โรสรีบเข้ามาพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้เช้าจะต้องรีบเดินทาง อย่าไปรบกวนคนอื่นเขาเลย” พ่อของโรสพูด โรสทำหน้าเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดกับผมอีกหน่อย

   “ไปเถอะโรสพี่กับดีนเองก็จะพักผ่อนเหมือนกัน”
   
“ค่ะ” โรสรับคำก่อนจะเดินไปยังห้องของเธอ ดังนั้นผมจึงหมุนตัวกลับเตรียมจะเข้าห้อง
   
“เอ๊ะท่านพ่อจะไปไหนคะ” ผมได้ยินเสียงของโรสเพราะยังไม่ได้เข้าห้อง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูว่าพ่อของโรสกับโรส
   
“ธุระของผู้ใหญ่น่า” ผมมองดูพ่อของโรสเอ็ดเด็กน้อย พอเขาเดินผ่านผมเราสบตากันแวบหนึ่ง พ่อของโรสหลบตาผม แปลกเหมือนมีอะไรชอบกลๆอยู่นะ ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ผมก็ไม่ได้เอามาเป็นสาระสำคัญ ผมกลับเข้าไปในห้องของผมในนั้นนาดีลรอผมอยู่แล้ว
   
“มาแล้วหรือจ๊ะที่รัก” เจ้าชายนาดีลส่งยิ้มหวานมาให้ผม เจ้าชายบ้าบ้านั่นนอนตะแคงรอผมบนเตียงหลังใหญ่ที่มีเพียงหลังเดียว
   
“รีบๆมานอนด้วยกันสิจ๊ะ” นาดีลตบมือลงบนเตียงดังปุปุ ให้ตายสิลืมไปเลยว่าผมต้องนอนกับเขา ผมเดินตัวเกร็งๆแล้วไปนั่งลงตรงริมเตียง ในตอนนั้นนาดีลก็ใช้ท่อนแขนรวบเอวผมเข้าไปกอด
   
“เอวเล็กจังเลยน้า” นาดีลหัวเราะคิกคักทำเอาผมขนลุกขนพองแล้วเริ่มต้นดิ้นสลัดตัวให้หลุดจากการกอดรัด พอดิ้นหลุดผมก็ไปยืนตัวแข็งอยู่กลางห้อง
   
“อ่าวไม่มานอนละจ๊ะที่รัก”

   “ข้าจะไม่นอนเตียงเดียวกับเจ้าเด็ดขาดนาดีล”
   
“อ้าวทำไมล่ะ”

   “ก็ข้า…..ข้าอึดอัดนี่น่านอนไม่สะดวกเลย” ผมโกหก สาเหตุที่แท้จริงที่ไม่ยอมนอนด้วยก็เพราะว่าตอนนี้เจ้าชายนาดีลอยู่ในร่างมนุษย์ แล้วก็ตั้งแต่เขาอยู่ในร่างนี้ผมรู้สึกว่าความบริสุทธิ์ของผมไม่ปลอดภัย
   
“แต่เมื่อก่อนเราก็นอนด้วยกันออกบ่อยไปนี่นา” นาดีลยังคงยิ้มกว้างเขาพยายามตะล่อมผมให้ยอมนอนเตียงเดียวกับเขา

   “แต่ต้องไม่ใช่เจ้าในร่างนี้”

   “ทำไม” ผมอายที่จะบอกว่ากลัวเขาล่วงเกินผม และผมกลัวว่าหากบอกความในใจไปเขาจะแกล้งผมด้วยการลงมือทำจริงๆ

   “เจ้าทำเหมือนรังเกลียดข้าอย่างนั้นล่ะฟีล่า” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลทำหน้าเศร้า โธ่อยู่ๆมาทำหน้าตาน่าสงสารแบบนี้ผมก็ลำบากใจสิ
   
“ข้าไม่ได้รังเกลียดเจ้าเสียหน่อยนะ” ผมแก้ตัว

   “ถ้าอย่างนั้นก็นอนด้วยกันได้สิ” นาดีลยังคงตีหน้าเศร้า
   
“มะ….ไม่ดีกว่า”

   “เข้าใจล่ะถ้าอย่างนั้นข้าจะไปนอนที่พื้นก็ได้” ผมอุทานดังเอ๊ะ ไม่นึกว่าเจ้าชายนาดีลจะเข้าใจอะไรง่ายๆอย่างนี้ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลลงจากเตียงมานอนคุดคู้อยู่ด้านล่าง แถมยังปลายตามองมาที่ผมอย่างเศร้าๆ ดูแล้วเป็นภาพที่น่าเวทนาชอบกล
   
อา………ให้ตายสิผมสงสารเขาทำไมกันนะ
   
“เข้าใจแล้ว เจ้ามานอนบนเตียงกับข้าก็ได้” ในที่สุดผมก็ยอมจำนน พอได้รับอนุญาตเจ้าชายนาดีลก็โดดขึ้นเตียงแทบจะในทันที เขายิ้มกว้างอย่างผู้มีชัย

   “ให้ตายสิหรือว่าจะเปลี่ยนใจดีนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอาพร้อมกลับขยับกายไปยังเตียงแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆเจ้าชายนาดีล
   
“จะเปลี่ยนใจไม่ได้น้า คำพูดลูกผู้ชายคืนคำไม่ได้นะ” เจ้าชายนาดีลทำหน้าตาขึงขัง ผมหมั้นไส้เขาจริงๆถึงได้ตีลงไปที่แขนของเขา นาดีลแกล้งร้องโอดโอยด้วยท่าทางดัดจริตที่สุด

   “ที่รักตีข้าทำไม”
   
“ก็น่าหมั้นไส้นี่นา” มองมองค้อนเขา
   
“อย่างนี้ต้องล้างแค้นคืนเสียล่ะมั้ง” ไม่พูดเปล่านาดีลใช้มือทั้งสองข้างจี้เอวของผม บ้าที่สุดผมบ้าจี้มากเสียด้วย
   
“หยุดๆนะเจ้าบ้า” ผมดิ้นพล่านไปมาในอ้อมแขนของนาดีล เขาไม่ยอมหยุดจี้ผมง่ายๆ ให้ตายสิน้ำตาไหลพรากเลยครับ

   “ข้ารักเจ้านะ” ถูกกระซิบบอกรักพร้อมกับจูบลงมาที่ซอกคอผมตัวแข็งทื่อ ตอนนี้นาดีลหยุดจี้ผมแล้ว ผมค่อยๆขยับกายออกห่างจากตัวเขาไปที่ริมเตียงอย่างระแวดระวัง

   “เจ้า…..เจ้าคงจะไม่ทำอย่างที่ข้าคิดสินะ” ผมถามเสียงตะกุกตะกัก
   
“อยากทำใจแทบขาด” นาดีลแสยะยิ้มร้ายทำเอาผมสะดุ้งคว้าแจกันที่ข้างเตียงขึ้นมาเป็นอาวุธ

   “จะทำอะไรหรือฟีล่า” เจ้าชายนาดีลถามเสียงยานคางฟังแล้วกวนโมโหที่สุด

   “ก็จะใช้แจกันเผ่นกบาลเจ้านะสิ”
   
“ใจร้าย” นาดีลหัวเราะคิกคักด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ผมขนลุกขนพองไปหมด ตอนนี้นาดีลขยับเข้ามาใกล้ผมอย่างช้าๆ ผมจึงกวัดแกว่งแจกันไปมาในอากาศข่มขู่เขา แต่นาดีลก็แย่งแจกันไปจากมือผมง่ายๆแล้วโยนทิ้งออกนอกหน้าต่างไป
   
“อย่านะ” ผมดันใบหน้าของเจ้าชายนาดีลที่โน้มเข้ามาใกล้พร้อมกับตะโกนห้าม โชคยังดีที่นาดีลยอมหยุดตามที่ผมร้องห้าม
   
“เรายังไม่ได้แต่งงานกันนะ” ผมบอกเขา แต่ก็นั่นแหละผมหยุดเขาไม่ให้ล่วงเกินได้เพียงแค่ก่อนถึงวันแต่งงานเท่านั้น ผมรู้ดีว่าไม่อาจหยุดเขาได้ตลอดไป ซึ่งระยะเวลานี้เป็นระยะเวลาที่ผมพยายามทำใจรับสภาพของหน้าที่คู่แต่งงานที่ดีอยู่
   
“นี่หมายความว่าถ้าเราแต่งงานกันแล้วเจ้าจะยอมสินะ” นาดีลถามเสียงเจ้าเล่ห์

   “เจ้าก็รู้นี่ว่าข้ามีทางเลือกเสียที่ไหน” ผมบ่นแต่นาดีลกลับหัวเราะฮาฮา เข้าคว้าผมเข้าไปกอดรัดแล้วหอมแก้มผมดังฟอด ไม่ทันได้ตั้งตัวจริงๆจึงทำได้แต่กระพริบตาปริบๆ

   “ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอน้า” นาดีลทำเสียงหวานพอเขาปล่อยผมผมก็กระถดไปยังริมเตียงอีกฝาก

   “ไม่ต้องหนีไปไกลขนาดนั้นหรอก ข้าไม่ทำอะไรเจ้าแล้วถ้าหากว่ากลัวล่ะก็…..” แทนคำตอบควันจำนวนมากก็ระเหยออกมาจากร่างของเจ้าชายนาดีลตอนนี้ร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยควันสีขาว ผมได้ยินเสียงระเบิดเบาๆดังป๊อบ พอควันหายไปผมก็พบว่าเจ้าชายนาดีลอยู่ในร่างสไลม์สีทองทรงกลมมีปีกซึ่งเป็นร่างต้นของเขา
   
“นาดีล” บอกได้เลยว่าผมดีใจมาก ผมคิดถึงร่างสไลม์ของเขาสุดหัวใจ ดังนั้นจึงโผเข้ากอดรัดร่างนิ่มๆนั้นแล้วจูบลงไปฟอดใหญ่ๆ

   “แหม….ช่างลำเอียงเสียจริงนะ” นาดีลทำเสียงงุ้งงิ้งเหมือนไม่พอใจ ก็ช่วยไม่ได้นี่ที่ผมจะลำเอียงก็ในร่างสไลม์นี่ผมจะมั่นใจได้ว่าตนเองจะปลอดภัยจากการล่วงเกินของเขา

   “ฟีล่า”

   “หืม” ผมยังคงเอาแก้มของผมถูไถกับสไลม์สีทองไม่เลิก ก็ร่างกายของเขามันนุ่มนิ่มน่ากอดและชวนคิดถึงนี่นา
   
“ข้าจะรอให้ถึงวันอภิเษกสมรสของเรานะ” ผมชะงักแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ตายสิทำไมต้องพูดย้ำบ่อยๆนักนะเจ้าชายบ้า

   “ฟีล่า”
   
“อะไรอีกล่ะ” ผมชักหงุดหงิดแล้วนะ

   “เจ้าอย่าลืมย้อมผมเสียใหม่ด้วยนะ มันจะช่วยให้เราเดินทางผ่านชายแดนอาณาจักรไปได้ง่ายอีกหน่อย”
   
พอเจ้าชายนาดีลเตือนผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เราวางแผนกันไว้ว่าจะปลอมตัวด้วยการย้อมสีผมของผมแล้วแต่งตัวเป็นผู้หญิง

   “รีบทำเข้าสิข้าอยากเห็นเร็วๆ” ผมงงไม่เข้าใจว่าเขาอยากดูอะไรแต่ก็ทำตาม
   
“อย่าลืมใส่ชุดผู้หญิงด้วยน้า” นาดีลกำชับ

   “เข้าใจแล้วน่า”

   ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นใช้ผงย้อมกับเส้นผมของผมทันที ผมไม่เคยใช้มาก่อนโชคดีที่มีใบอธิบายการใช้แนบมากับห่อผงย้อมด้วย ใช้เวลานับชั่วโมงในที่สุดผมของผมทั้งหมดก็กลายเป็นสีดำสนิท

   เป็นสีผมที่เคยคุ้นมาก่อน ในความทรงจำในอดีตชาติที่มีอยู่ครึ่งๆกลางๆ ผมจำได้ว่าผมเคยมีสีผมดำสนิทแบบนี้   “ข้าดูเป็นไงบ้างนาดีล” ผมถาม

   “ดูดีมาก เอ้ารีบใส่ชุดผู้หญิงสิ” ผมพยักหน้าหงึกหงึก แล้วค่อยๆเปลืองผ้าออก ผมลืมไปเลยว่าเจ้าชายนาดีลอยู่ในห้องด้วยรู้ตัวก็ตอนที่เขาผิวปากแล้วเด้งขึ้นเด้งลงเบาด้วยท่าทางลั๊นลา

   “เจ้า….อย่ามองข้าเปลือยนะ” ผมชี้หน้าเจ้าชายนาดีลมือไม้สั่น ตั้งแต่รู้ว่าเขามีร่างมนุษย์ด้วยผมก็มียางอายขึ้นมาทันที

   “บู้…..ขี้งก” เจ้าชายนาดีลพองตัวแล้วปริ้นปาก เขาไม่ยอมทำตามที่ผมบอกง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละเมื่อผมยืนกรานไม่ยอมทำอะไรเสียทีเขาก็ยอมหลับตาปล่อยให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยสะดวก

   “เสร็จแล้ว” พอผมบอกเขา เจ้าชายนาดีลก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
   
“ว้าว” เจ้าสไลม์ร่างสีทองทำดวงตาเป็นประกายปากที่ฉีกยิ้มได้กว้างอยู่แล้วฉีกยิ้มได้กว้างกว่าเดิมอย่างน่าอัศจรรย์
   
“น่ารัก สวย อย่างที่ข้าจินตนาการเอาไว้เลย” เจ้าชายนาดีลโดดเด้งไปมารอบๆตัวผมทำเอาผมตาลายไปหมด ท่าทางเขาดูดีใจเหลือเกินที่เห็นผมในชุดผู้หญิง
   
“เสียดายจริงๆถ้าเป็นที่อาณาจักรสไลม์บ้านเกิดข้า คงหาชุดที่สวยงามกว่านี้ให้เจ้าได้ใส่ ตัดสินใจแล้วในงานอภิเษกของเราข้าจะให้เจ้าใส่ชุดเจ้าสาว”
   
เจ้าชายนาดีลทำตาเป็นประกายแล้วโดดมาไปโดดมารอบตัวผมไม่หยุด ผมทำได้แต่หัวเราะเฮอะๆด้วยความปลงกับอนาคตที่อยู่ในเงื้อมือของเจ้าชายนาดีล


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 17-09-2016 12:10:23
นาดีลเป็นพระเอกที่น่ารักดี บางทีง้องแง้เป็นเด็กๆ บางทีก็โหดดด  :laugh:

พ่อโรสน่าจะสงสัยแล้วไปตามพวกทหารมาหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 17-09-2016 15:22:06
ขอเม้นท์ตามความรู้สึกจริงๆ
ถ้าคนเขียนไม่ชอบก็ขอโทษด้วยน้าค่ะ
คนเขียนเขียนดีค่ะ   แต่ติดที่ว่า
เราไม่ฟินฉากที่เจ้าชายกลายร่างเป็นคนเลย
ไม่ว่าจะตอนหยอด  ตอนหอม  ตอนกอดฟีล่า
ถึงจะหล่อเหลา เท่ห์แค่ไหนก็เถอะ  มันดูดาษดื่นกลืนไปกับนิยายเรื่องอื่นๆ
แต่เราชอบร่างที่เป็นสไลม์มากๆๆๆๆๆๆ
คนเขียนเขียนดีมากๆๆๆ  เราฟิน   เรายิ้ม  เราชอบ
เรามีความสุขที่ได้เห็นฉากฟีล่ากับเจ้าชายในร่างสไลม์
มันดูมีเสน่ห์มากๆๆๆๆ   แต่เรารู้ว่าคนเขียนเปลี่ยนบทไม่ได้
เปลี่ยนพล็อตไม่ได้   และคงมีคนอ่านบางส่วนที่ชอบร่างคน
แต่เราแค่บอกในสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆน่ะคะ
และยังคงแอบหวังว่าจะได้เห็นฉาก NC ของฟีล่า
กับเจ้าชายในร่างสไลม์อยู่   เพราะเราเขินและชอบมาก
ไม่คิดว่ามันจะวิตถาร  วิปริตเลย(ความคิดเห็นส่วนตัวน่ะคะ)
เพราะหากเป็น NC ฉากเจ้าชายนาดีลในร่างมนุษย์มันก็กลืนไปกับนิยายเรื่องอื่นๆที่หาอ่านได้ง่ายๆ
ปล.ขอบคุณมากๆที่เขียนฟีล่าที่น่ารักน่าชังกับเจ้าชายสไลม์สุดน่ากอดมาให้อ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-09-2016 15:31:13
เราก็ชอบนาดีลร่างสไลม์ค่ะ แต่เนื้อเรื่องตอนนี้มีเหตุผลรองรับเรื่องที่นาดีลต้องใช้ร่างมนุษย์อยู่นะคะซึ่งเราก็โอเค

ไม่ไว้ใจพ่อโรสเลย ต้องไปแจ้งทางการแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 17-09-2016 15:59:36
โอว  กำลังมัน รอตอนต่อไปค่ะ 
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 17-09-2016 16:28:10
พ่อของโรสน่าสงสัยสุดๆ เลย

รู้สึกว่าฟีล่ากับนาดีลน่าจะหวานกันได้มากกว่านี้อีกน้า รู้สึกไม่ค่อนฟินกับนาดีลร่างมนุษย์เลยอ่าา
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-09-2016 19:58:51
 :jul1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 17-09-2016 20:47:41
เราก็ชอบตอนร่างสไลม์เหมือนกัน  น่ารักมาก ๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 17-09-2016 23:44:57
ดุ๋งๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่10 16/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-09-2016 05:23:10
เอียนรักฟีล่ามากจนทำให้มองข้ามความผิดชอบชั่วดีไป บวกกับความแค้นที่พวกสไลม์ฆ่าพ่ออีก เลยโดนชักจูงง่ายสินะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 18-09-2016 11:19:35
ตอนที่13
   
เช้าตรู่ของวันใหม่ก่อนที่จะเดินทางผมกับเจ้าชายนาดีลที่ตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์ เดินลงมายังชั้นล่างของโรงแรมเพื่อที่จะรับประทานอาหารเช้าที่นั่นพวกเราพบกับโรสและพ่อนั่งรออาหารเช้าอยู่
   
"พี่เดียน่า พี่ดีน" โรสโบกมือหยอยๆ
   
"มานั่งด้วยกันสิคะ" ผมไม่รอช้าทำตามคำชวนของโรส ผมพาเจ้าชายนาดีลไปร่วมโต๊ะกับโรสและพ่อ
   
"อรุณสวัสดิ์ครับ" ผมเอ่ยทักพ่อของโรสพอเป็นพิธี คนถูกทักส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ ให้ตายสิเหมือนเขาไม่เต็มใจจะให้พวกผมมานั่งด้วยอย่างไรชอบกล
   
"โรสสั่งอะไรไปบ้าง" ผมถาม
   
"เราสั่งซุปกับขนมปังไปค่ะ" ผมพยักหน้าแล้วคิดว่าเช้าๆอย่างนี้ทานอาหารเบาๆก็ดีเหมือนกันจึงเรียกบริกรมาสั่งอาหารเลียนแบบโรสบ้าง
   
"ข้าอยากทานเนื้อนะที่รัก" เจ้าชายนาดีลกระซิบบอกผม ผมจึงสั่งอาหารกับบริกรให้เขาเพิ่ม
   
"ท่านพี่เดียน่าอยู่ในชุดนี้สวยมากเลยค่ะ" ผมยิ้มให้โรส ถึงแม้ว่าลึกๆจะไม่ค่อยชอบนักที่ต้องแต่งตัวแบบนี้แต่ทำอย่างไรได้ก็กำลังปลอมตัวเพื่อหลบหนีอยู่นี่นา
   
"แล้วตกลงพี่เดียน่ากับพี่ดีนจะเดินทางไปที่ไหนกันคะ"  พอถูกล้วงลึกผมก็อดไม่ได้ที่จะลอบส่งสายตาขอความเห็นกับเจ้าชายนาดีล พอเห็นเขาพยักหน้าผมก็บอกออกไปตามตรง
   
"เราจะเดินทางผ่านชายแดนทางทิศใต้ไปน่ะ" ผมตอบแค่พอให้เข้าใจแต่เลี่ยงตอบสถานที่ที่จะไปจริงๆ
   
"ถ้าอย่างนั้นเราก็เดินทางไปด้วยกันได้อีกหน่อยสิคะ"  โรสที่ค่อนข้างกระตือรือร้นหันไปขอร้องพ่อของเธอ ผมตั้งตัวไม่ติด

   "นะคะท่านพ่อท่านพ่อบอกเองนี่นาว่าจะเดินทางไปทางลัดแล้วก็ต้องผ่านชายแดนทางใต้เหมือนกัน"
   
"ก็ถ้าลูกอย่างให้พวกเขาเดินทางไปกับเราพ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก อีกอย่างต้องตอบแทนบุญคุณที่อุตส่าจ่ายค่าที่พักให้อีกด้วย"
   
"อย่างนี้ก็ต้องตอบแทนบุญคุณกันไปมาไม่จบไม่สิ้นสิ" จู่ๆเจ้าชายนาดีลก็เอ่ยขึ้นมา ผมชักเห็นด้วยกับเขานะว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่โรสนี่สิมองมาที่พวกเราด้วยสายตาเว้าวอน
   
เฮ้อ.....ผมได้แต่ถอนหายใจ ผมเข้าใจว่าโรสคงจะเหงาและกลัวที่ต้องไปแต่งงานกับคนแปลกหน้าทั้งที่อายุยังน้อย เอาเถอะเดินทางไปกับโรสด้วยอีกหน่อยก็แล้วกัน
   
"ถ้าโรสอยากให้พี่กับดีนเดินทางไปด้วยล่ะก็ พี่ก็ขอรบกวนอีกนิดแล้วกัน" โรสยิ้มจนแก้มปริ หลังจากพวกเรารับประทานอาหารเรียบร้อย ทั้งหมดก็เริ่มต้นออกเดินทาง
   
"พี่เดียน่าคะดูนั่นสิดอกไม้สวยจังเลยนะคะ"  ผมได้แต่ยิ้มเพราะตลอดการเดินทางในครั้งนี้โรสดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ เธอชี้ชวนให้ผมดูทัศนียภาพและของสวยงามไปตลอดทาง
   
"อยากลงไปเก็บดอกไม้ตรงนั้นจังเลยค่ะ ถ้าเอาประดับผมพี่เดียน่าคงจะงดงามมากขึ้นแน่ๆ" ผมยิ้มน้อยๆให้กับความต้องการแบบเด็กสาวของโรส นึกไม่ถึงว่าโรสจะขอให้พ่อของเธอหยุดรถแล้วลงไปเก็บดอกไม้จริงๆ

   "ท่านพ่อคะช่วยหยุดก่อนได้ไหมคะข้าอยากเก็บดอกไม้ตรงนั้น" ตอนแรกนึกว่าพ่อของโรสจะไม่อนุญาตแต่ก็ยอมหยุดระหว่างทางปล่อยให้ลูกสาวทำตามใจ ก็นะพ่อลูกกันจะตามใจกันแบบนี้ผมก็ไม่แปลกใจ
   
"ท่านพี่เดียน่าไปด้วยกันนะคะ" ถูกโรสจูงมือแล้วพาไปยังทุ่งดอกไม้ที่พวกเราเดินทางผ่าน อดตามใจโรสไม่ได้เพราะลึกๆแล้วผมเอ็นดูเธออยู่
   
"ท่านดีนดื่มชาซักนิดไหมครับ" ผมได้ยินคำเชิญชวนจากพ่อของโรสผมหันไปมองดูเจ้าชายนาดีลเมื่อเห็นเขาพยักหน้าแทนคำตอบผมจึงเดินลึกเข้าไปในทุ่งดอกไม้ปล่อยให้ เจ้าชายเผ่าสไลม์นั่งดื่มชากับพ่อของโรส
   
"พี่เดียน่าคะ ข้าจะทำมงกุฏดอกไม้ให้นะคะ" หลังจากรวบรวมดอกไม้ได้จำนวนมากโรสก็เริ่มลงมือประดิดประดอยนำดอกไม้หลากสีมาทำตามใจต้องการ เมื่อเธอสร้างมงกุฏดอกไม้สำเร็จเธอนำมันมาประดับบนหัวของผม
   
"ลั๊นลา" โรสฮัมเพลงไปเรื่อยแล้วเริ่มต้นทำมงกุฏดอกไม้อันต่อไป ผมไม่อยากจะขัดใจเธอแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หากชักช้าไม่รีบเดินทางโรสจะเข้าหมู่บ้านถัดไปไม่ถัดค่ำ เธออาจจะต้องนอนกลางดินซึ่งตรงนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอ
   
"โรส เรารีบกลับไปดีกว่าไหม" โรสยังคงฮัมเพลงเบาๆและทำเป็นไม่สนใจ แต่ไม่นานนักเธอก็ยิ้มเศร้าๆแล้วหยุดการทำมงกุฏดอกไม้
   
"ขอโทษนะคะพี่เดียน่า"
   
"ขอโทษทำไม"
   
"ข้าแค่อยากจะยืดเวลาเดินทางให้นานอีกหน่อย คือข้ากลัวนะค่ะ" ถึงเธอไม่บอกผมก็เดาได้ โรสคงไม่อยากแต่งงานกับลูกชายพ่อค้าที่พ่อแนะนำแน่ๆ คงจะกลัวอนาคตจึงได้พยายามยืดเวลาออกไป
   
"แต่ว่าข้าควรจะทำใจให้ได้สินะคะ" โรสพยายามยิ้มผมได้แต่ลูบศีรษะเธอไปมาเป็นการปลอบโยน ในตอนนั้นผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูเจ้าชายนาดีล
   
เขาหลับ เจ้าชายนาดีลกำลังนอนหลับ ให้ตายสินี่เขายังนอนไม่พออีกหรือไงนะ ตอนนี้พ่อของโรสเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
   
"โรสไปกันเถอะ" เมื่อมาถึงพ่อของโรสก็จับมือโรสแล้วลากจูงเหมือนเร่งรีบ ผมตั้งใจจะเดินตามพวกเขาไปทว่าในตอนนั้น ชายแ ปลกหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเรา
   
"อ้าวให้ตายสิ นี่พวกแกยังอยู่อีกหรือ" ชายแปลกหน้าถามด้วยท่าทางยโส ตอนนี้ผมเริ่มประมวลความคิดอย่างรวดเร็วและเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
   
"ข้ากับลูกสาวกำลังจะไปขอรับ ท่านเองก็อย่าลืมเงินรางวัลของเรานะขอรับ" คำตอบชัดเจนขึ้นเมื่อได้ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ ผมอดส่งสายตาตั้งคำถามไปยังโรสไม่ได้ อยากจะรู้เหลือเกินว่าเธอรู้เห็นเป็นใจด้วยไหม
   
"ไปสิลูกพ่ออย่าดื้อ" แทบจะได้รับคำตอบในทันทีโรสมีสีหน้างุนงงอย่างที่สุด
   
"พ่อคะคนแปลกหน้านี่เป็นใคร"
   
"อย่าอยากรู้นักเลยน่าไปเร็ว"
   
พ่อของโรสพยายามดันร่างโรสให้เดินไปตามทาง จังหวะนั้นโรสก็สลัดหลุดจากพ่อของเธอแล้ววิ่งมาหาผม คงจะสงสัยว่าทำไมผมไม่เดินตามไปด้วย แต่ในจังหวะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสายตาของผมกลายเป็นเหมือนภาพเคลื่อนไหวอย่างช้าๆขณะที่โรสวิ่งเข้ามาหาชายแปลกหน้าก็ซัดมีดตรงมาที่ผมเช่นกัน มันรวดเร็วจนผมขยับเข้าหาเธอไม่ทันการ
   
"โรสหลบไป" ผมพยายามบอกเธอ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้มีดที่ถูกซัดมาจำนวนมากปักเข้าตามร่างกายของเธอจนมิดด้าม และมีดพวกนั้นก็พุ่งผ่านเฉียดร่างผมไปจนผมได้บาดแผลเช่นกัน
   
"โรส" ผมถลาเข้าไปรับร่างของโรสที่ร่วงไปกองกับพื้น เธอหมดลมหายใจไปแล้วดวงตาคู่สวยของเธอยังคงลืมอยู่บอกชัดว่าเธอตายอย่างกระทันหัน
   
"โธ่โรส ไม่น่าโง่เลย" พ่อของโรสเริ่มต้นร้องไห้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเหี้ยมเกรียมของชายแปลกหน้าพ่อของโรสก็วิ่งหนีไปทิ้งผมให้เผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพัง
   
"เอ้าดิ้นรนเสียหน่อยสิ ข้าไม่ชอบฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้หรอกนะ" ศัตรูของผมโยนดาบลงมากองตรงหน้า ผมปลายตามองสิ่งนั้น ยอมรับว่ายังอาลัยที่ต้องปล่อยมือจากร่างไร้วิญญาณของโรส แต่ผมก็เก็บดาบที่พื้นขึ้นมา
   
"ได้ข่าวว่าเจ้าชายถูกผนึกพลังเอาไว้ อย่างนั้นข้าจะสู้กับเจ้าด้วยเชิงดาบล้วนๆก็แล้วกัน"
   
ตอนนี้ผมกับศัตรูล้วนตั้งท่าพร้อมปะดาบ แทบจะในทันทีฝ่ายตรงข้ามตวัดดาบลงบนแขนของผม เรียกเลือดแรกจากผมได้
   
"ถามอะไรหน่อยเจ้าคือเจ้าชายฟีล่าใช่ไหม" ศัตรูถามผม ผมอดเหยียดยิ้มเย้ยหยันมันไม่ได้
   
"เจ้าเล่นงานข้าทั้งที่ไม่แน่ใจนี่นะ" ศัตรูของผมหัวเราะฮาฮาพร้อมกับกระโดดข้ามหัวผมแล้วตวัดดาบย้อนกลับมายังแผ่นหลังที่ไร้การคุ้มกัน ด้วยคาดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนั้นผมหันกลับแล้วปัดเอาดาบออกได้ทันท่วงที
   
"แหมถึงจะไม่แน่ใจ แต่สัญชาติญาณมันบอกว่าเจ้าต้องใช่คนที่ข้าตามฆ่าแน่ๆ" กล่าวไปพร้อมกระหน่ำแทงดาบเข้ามามากมายผมพยายามหลบอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่วายได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ
   
เร็ว ผมคิดได้ว่าผู้ชายคนนี้มีความเร็วเหนือกว่าผมมาก เขาไม่น่าจะใช่คนธรรมดา
   
"เจ้าเป็นชาวมังกรสินะ" ผมถาม
   
"อา.....เป็นนักฆ่าที่ท่านเสนาบดีเลี้ยงดูมากับมือเลยล่ะ...อุ๊บในเมื่อเจ้ารู้แล้วก็สมควรจะตายได้แล้วนะ" นักฆ่าของคาลอสเข้าโจมตีผมเต็มกำลังด้วยแรงที่มากกว่า เขากระหน่ำฟันลงมาจนผมต้องตั้งรับและเอาแต่หลบ แต่ก็นั้นแหละเล่นโถมเข้าหาขนาดนี้ ผมจึงฉวยจังหวะที่เข้าถลันเข้าหาซัดทรายเข้าใส่ดวงตา
   
"อ๊ากกกกกก" เจ้านักฆ่าร้องโหนหวนผมไม่รอช้าแทงดาบไปที่มันจนทะลุกลางอก
   
"ฮ่าๆๆๆๆๆ" คนถูกแทงหัวเราะร่วน ผมได้แต่เดาะลิ้น ลืมไปเลยว่าสำหรับเผ่ามังกรอย่างเราแค่นี้คงไม่ตายง่ายๆ
   
ตอนนี้ต่อหน้าต่อตาผมเจ้านักฆ่าค่อยๆกลายร่างทีละนิด ผมก้าวเท้าถอยหลังพยายามคิดว่าจะต่อสู้อย่างไร้กับมังกรตัวใหญ่ทั้งที่ตนเองถูกผนึกความสามารถเอาไว้ทั้งหมด
   
แต่แทบไม่มีใครคาดคิดเจ้าชายนาดีลที่ผมคิดว่าเขาหลับเพราะถูกวางยาก็พุ่งพรวดเข้ามาใช้ดาบที่อยู่บนพื้นตัดคอของเจ้านักฆ่าขณะที่กำลังพยายามกลายร่างขาดสะบั้นในดาบเดียว หัวของเจ้านักฆ่าที่กลายเป็นมังกรไปแล้วกลิ้งขลุกๆมาตรงหน้าของผม ผมมองดูมันด้วยสายตาเย็นชา
   
สาสมแล้ว ผมไม่มีความเห็นใจมันซักนิด เพราะว่าเจ้านี่เป็นคนฆ่าโรสที่ผมเอ็นดูนักหนา
   
"ทำไมมาช่วยช้าจัง" ผมถามเจ้าชายนาดีลที่ตอนนี้ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้
   
"ข้าขอโทษนะฟีล่า ตอนแรกข้าคิดว่าจะยอมตามน้ำดื่มชาที่สงสัยแล้วค่อยขับพิษออกทางผิวหนัง แต่ว่าจำนวนพิษที่มีมันมากไปหน่อยเลยต้องเสียเวลานาน เจ้าคงจะไม่โกรธข้าสินะ" เจ้าชายนาดีลทำหน้าเศร้าๆ ผมรู้ว่าเขาสำนึกผิดมากแค่ไหน ผมจะโกรธเขาได้อย่างไร ต้องโกรธตัวเองสิที่ทำให้โรสต้องมาผัวพันจนถึงแก่ความตาย
   
"เป็นความผิดของข้าที่ทำให้โรสต้องมาตาย" ผมกล่าวโทษตัวเองแต่นาดีลเหมือนไม่เห็นด้วย
   
"จะใช่ได้อย่างไร ข้าไม่เห็นเหตุการณ์ก็จริง แต่คนผิดคือเจ้าพ่อบ้านั่นที่ขายเราต่างหาก"
   
"แต่ว่านาดีล....ข้า" ขอบตาผมร้อนผ่าว คำพูดต่อมาของผมจุกอยู่ที่อก สะอื้นโดยไร้เสียงจนไม่สามารถกล่าวคำพูดต่อไปได้
   
"ข้าผิดเองที่ไม่ได้คิดล่วงหน้าหรือเตือนเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้" เจ้าชายนาดีลเข้ามากอดรัดผม
   
"ข้าควรจะเตือนเจ้าว่าระหว่างหลบหนีเราไม่ควรให้ความสนิทสนมกับใคร"
   
"ไม่ เจ้าไม่ผิด ข้าต่างหากที่ผิด หลายครั้งที่ข้าควรจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง แต่ข้าก็ยังเอาแต่ทำตัวไร้เดียงสา สุดท้ายเหตุการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้นจนได้"
   
"ฟีล่า" เจ้าชายนาดีลเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้นไปสบตา เขาโน้มใบหน้าลงมาหมายจะจูบผม เขาคงอยากปลอบโยนแต่ผมไม่มีอารมณ์เช่นนั้นผมจึงเบือนหน้าไม่ยอมรับจูบของเจ้าชายนาดีล
   
"เราต้องฝังศพให้โรสนะ" ผมบอกเจ้าชายนาดีลแล้วเดินเข้าไปหาศพโรสที่นอนอยู่บนพื้น
   
"ให้ข้าช่วยเถอะ" นาดีลอาสา ในวันนั้นเราสองคนช่วยกันสร้างหลุมศพให้กับโรสที่จากไปด้วยวัยอันไม่สมควร และตอนนี้ผมก็เริ่มที่จะตระหนักถึงสถานการณ์ซึ่งน่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆได้หลังจากที่ตนเองนั้นคิดน้อยจนเกินไป


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai


วันนี้เอามาลงตอนเดียวคะแถมค่อนข้างจะดราม่าอีกต่างหากหวังว่าจะมีคนเม้นเราบ้างน้า5555 กลัวไม่มีคนเม้น

อ๋ออีกนิดค่ะ เรามีข้อความถึงคุณคนอ่าน

เรื่องncก่อนที่คุณคนอ่านจะมาชี้แนะเรา เรามีncอยู่ในใจหลายฉากค่ะ เนื่องจากเราเป็นคนเขียนncไม่ค่อยเก่ง

และเรื่องนี้เรายังลังเลว่าจะจัดเต็มncดีไหม เพราะเราพยายามเขียนให้มันมุ้มมิ้งไปตลอดทั้งเรื่องกลัวจะไม่เข้ากับเนื้อหา

แต่ก็นั่นแหละพอคุณคนอ่านมากระตุ้นเรา เราก็ปรึกษากับน้องสาวเราอย่างคร่ำเคร่งถึงความเป็นไปได้

คือต้องบอกว่าเราคิดไว้หลายอย่างมาก แต่ก็เขียนออกมาแล้วค่ะ และได้เอาลงที่ธัญวลัยแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณคนอ่านหรือเปล่า

ตอนนี้หลักๆคือเราเองยังไม่แน่ใจเลยว่าncอันนี้คนอ่านจะถูกใจกันหรือเปล่า เพราะไม่ใช่ncแบบจัดเต็มอะไร ออกแนวพยายามให้มันเบาๆลงด้วยซ้ำ 555555

อยากให้คุณคนอ่านไปลองอ่านดูแล้วคอมเม้นให้จังเลยค่ะ แต่ถ้าจะรอเราลงเรื่อยๆที่เล้าเป็ดจนถึงตอนนั้นก็ได้นะคะ

ขอบคุณที่ชี้แนะแนวทางค่ะ

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่13 18/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-09-2016 14:38:07
โรสตายโหดมาก   โหดแบบนึกไม่ถึงเพราะเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างมุ้งมิ้งมาตลอด555
แต่ชอบน่ะคะมันเป็นจุดเปลี่ยนหลายอารมณ์ดี  มีน่ารัก  มีดราม่า
ทำให้เป็นนิยายที่มีพล็อตซับซ้อนมากขึ้น
ส่วนเรื่อง NCที่จะให้ไปอ่าน   ได้เลยค่ะ
แต่คนเขียนต้องบอกก่อนน่ะว่าอยู่ตอนที่เท่าไหร่  เดี๋ยวหาไม่เจอ^^
แล้วเราก็เม้นท์ที่ธัญวลัยไม่เป็นอ่าค่ะ   สะดวกเม้นท์ที่นี่มากกว่า
ถ้าอย่างไรจะลองอ่านดูแล้วจะมาวิจารณ์ให้กระทู้นี้น่ะคะ :)
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่13 18/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-09-2016 14:55:41
โถ่โรสลูกไม่น่าเลย เพราะมีพ่อแบบนั้นแท้ๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่13 18/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-09-2016 14:58:25
ไปอ่านมาแล้ว  โอ๊ย  ฉากแต่งงานน่ารักมาก
ส่วนเรื่อง NC  ที่มีทั้ง 2 รูปแบบนั้น
ถือว่าทำการบ้านได้ดีเลยค่ะเพราะว่าจะได้รองรับ
ผู้อ่านที่ไม่รู้ว่าชอบแบบไหน
ในส่วนของ NC  ร่างคนขอไม่วิจารณ์น่ะคะ
ส่วน NC ร่างสไลม์ เราไม่ได้มองว่ามันทุเรศ   วิตถารอะไรเลย(ในความคิดของเรา)
มองว่าเป็นรูปแบบการร่วมเพศในอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่ตอบสนองรสนิยมของคนที่เบื่อ NC แบบชาย-ชายที่มีอยู่ดาษดื่น
อ่าน  NC ชายชายมากไปก็จะเบื่อ   
แต่เราชอบ NC ในร่างสไลม์มากน่ะคะ
ไม่ใช่แง่ของการอ่านแล้วเกิดอารมณ์อะไรหรอก
แต่มันฟิน  มีรสชาติ  สนุก   ตื่นเต้นกว่าร่างคน
เรารู้ว่าคนเขียนคงลำบากใจที่จะเขียนแบบนี้ตามคำเรียกร้องของเรา *0*
แต่สำหรับ NC ในตอนที่ 23 นี้ถือว่าดีใช้ได้เลย
เราให้ 8/10 ค่ะ
ที่หักไป 2 คะแนนเพราะรู้สึกว่าอารมณ์มันน่าจะสุดได้มากกว่านี้
ฟินกว่านี้  เขินกว่านี้   อยากให้นาดีลร่างไสล์มหื่นแบบหน้าตายปนแบ๊ว
ใช้คำที่ดึงอารมณ์คนอ่านได้มากกว่านี้   เช่น
"ดูสิฟีล่า  ข้างในของเจ้าตอดรัดข้าจังเลย"ร่างนุ่มนิ่มนั่นยิ้มร่า
ดีใจที่เห็นผมตอบสนองเจ้าชายสไลม์บ้า

แต่เราเข้าใจว่าคนเขียนยังไม่กล้าเขียน  กลัวออกมาไม่ดี
หรือกลัวโดนคนหาว่ารสนิยมแปลก
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่13 p2 18/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 18-09-2016 18:23:55
 :z3:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่12 17/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-09-2016 21:50:06
ไอ้พ่อค้าขายลูกนั่น จะต้อทำอะไรที่ไม่ดีมากแน่ๆ

ฟีล่าใส่ชุดเจ้าสาวก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่13 p2 18/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: LiPzTicK* ที่ 18-09-2016 23:26:31
ชอบบๆๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่14 p2 20/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 20-09-2016 12:51:08
   ตอนที่14
   

ยอมรับว่ายังเศร้าไม่หายเกี่ยวกับการตายของโรส แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนั่งหมดอาลัยตายอยากจนไม่เป็นอันทำอะไร ตอนนี้ผมกับเจ้าชายนาดีลเร่งเดินทางไปให้ถึงชายแดนของอาณาจักรสไลม์ หลายวันมานี้เราตัดสินใจอยู่ให้ห่างจากผู้คนดังนั้นเราจึงอาศัยนอนกันกลางป่ามากกว่าที่จะเข้าไปหาที่พักในหมู่บ้าน
   
วันนี้นับว่าเป็นวันโชคดีอีกวันที่ผมกับเจ้าชายนาดีลพบกับบ้านที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้บริเวณชายป่า พวกเราไม่รอช้าใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่มั่นในการพักอาศัยในวันนี้
   
“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็น่าจะอยู่ได้นะ” เจ้าชายนาดีลพูดผมมองไปรอบๆบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่น โชคดีที่ในบ้านมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆทิ้งเอาไว้
   
“มีเปลเด็กด้วย” ผมบอกเจ้าชายนาดีลก่อนจะเดินเข้าไปตรงเปลเด็กผมเห็นข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับเด็กทารกวางอยู่ที่นั่น
   
“แปลกนะที่พวกเขาทิ้งบ้านไป” ผมพูดเจ้าชายนาดีลเริ่มต้นลงมือทำความสะอาดภายในบ้าน เห็นแบบนั้นผมก็ลงมือทำตามแบบเขา
   
“อาจจะประสบเคราะห์อะไรบางอย่างจนไม่อาจกลับมาก็ได้น่าฟีล่า อย่าคิดถึงเรื่องคนอื่นให้เครียดเลย” ผมเห็นด้วยกับเจ้าชายนาดีล ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดีถ้าเราเร่งมือทำความสะอาดอีกหน่อยคงพอที่จะพักอาศัยผ่านค่ำคืนนี้ไปได้อีกคืน
   
“นาดีลถ้าอย่างนั้นข้าไปตักน้ำมาให้แล้วกันนะ” หลังจากเราทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยเป็นเวลาบ่ายนิดๆ ผมก็อาสาไปตักน้ำยังลำธารที่อยู่ไม่ไกลนักแบ่งเบาภาระให้เจ้าชายนาดีล
   
“ระวังตัวด้วยล่ะ” เจ้าชายนาดีลเตือน ผมผงกหัวแทนคำตอบ
   
 ผมคว้าเอาถังไม้เดินไปตามทางซึ่งผู้อาศัยเดิมน่าจะทำไว้ เดินไม่นานนักผมก็เห็นลำธารอยู่ลิบๆ จึงรีบสาวเท้าเดินตรงไปหวังว่าจะตักน้ำซักหลายๆถังให้ทันก่อนถึงช่วงเย็น
   
แต่เมื่อเดินไปถึงที่ริมลำธารผมก็ต้องตกใจอย่างหนักผมพบกับผู้หญิงที่บาดเจ็บสาหัสในอ้อมแขนของเธอมีเด็กทารกอยู่คนหนึ่ง ไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปดูอาการคนเจ็บ
   
“อา…..” ผมได้แต่ร้องคราง หญิงสาวแปลกหน้าถูกฟันด้วยดาบบริเวณหลังเป็นบาดแผลใหญ่ ขณะที่ผมตัดสินใจจะช้อนอุ้มตัวเธอ ข้อมือของผมก็ถูกเธอคว้าเอาไว้แน่น
   
“ช่วยพาเด็กไปหาพ่อของเขา ท่านไรอันที่เมืองมูนไลท์ สร้อยคอของเด็กจะเป็นตัวยืนยันว่าเด็กเป็นใคร” พอเธอพูดจบเธอก็หมดสติไป ผมตรวจชีพจรเธอดูด้วยความวิตกกังวล เธอตายแล้ว แถมยังทิ้งเด็กทารกอายุประมาณสี่เดือนเอาไว้ให้ผมดูแลอีกด้วย
   
เอาล่ะสิเกิดภาระโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเสียแล้ว ผมนิ่งอึ้งอยู่นานก่อนจะตัดสินใจช้อนเอาตัวทารกขึ้นมาอุ้ม เด็กน้อยยังคงนอนหลับพริ้มอยู่ ผมพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ทำให้เด็กตื่น

“ทำอะไรนะฟีล่า” ตกใจนิดๆเมื่อถูกทักแต่ยังคุมสติได้อยู่ ผมหันไปประจันหน้ากับเจ้าชายนาดีล

   “อา…..ลูกใครกัน” ผมได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้กับเจ้าชายนาดีลแทนคำตอบ
   
หลังจากผมเล่าเหตุการณ์บังเอิญอันแสนพิศดาลให้เจ้าชายนาดีลฟัง คนฟังมีสีหน้าเคร่งขรึมไปตลอดการเล่า ผมไม่รู้ว่านาดีลเขาคิดเห็นอย่างไรในเมื่อเขาเอาแต่ฟังเงียบๆ
   
“แล้ว….ตกลงว่านี่เราจะพักการหนีชั่วคราวเพื่อส่งเด็กทารกนี่ให้ถึงบ้านหรอกหรือ” ผมปั้นหน้าไม่ถูกเลยเมื่อนาดีลทำสีหน้านิ่งๆ เดาเอาว่าเขาคงไม่เห็นด้วยที่จะเอาเวลาไปเสียเพื่อคนแปลกหน้า แต่ว่าผมไม่สามารถทิ้งทารกน้อยนี่ไว้โดยไม่ดูดำดูดีได้ ถึงแม้ว่าตัวผมเองจะอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นกัน
   
“ข้าอยากให้เด็กนี่กลับไปถึงมือคนเป็นพ่อ” คนฟังเลิกคิ้ว เจ้าชายนาดีลทำสีหน้าประหลาดใจ
   
“ข้านึกว่าเจ้าจะเข็ดกับการเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้อื่นแล้วเสียอีก นี่….เจ้าทำใจได้แล้วหรือฟีล่า” ผมเม้มปากเข้าหากันกับคำถามของเจ้าชายนาดีล อันที่จริงผมตัดสินใจมาได้พักหนึ่งแล้วว่าจะไม่เอาแต่จมอยู่กับความเสียใจ ดังนั้นเรื่องของโรสก็คือเรื่องหนึ่งเรื่องของทารกนี่ก็เรื่องหนึ่ง
   
“นาดีล ถึงจะรู้ว่าอาจจะต้องเดือดร้อนหนัก แต่แค่ครั้งนี้ ข้าไม่สามารถเมินเฉยปล่อยทารกนี่ไปตามยถากรรมได้”
   
“เข้าใจล่ะ” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างพลางใช้มือขยี้ศีรษะผมอย่างหมันเขี้ยว ท่าทางเขาดูดีใจต่อการตัดสินใจของผม
   
“ตอนแรกข้าก็กลัวว่าเจ้าจะจิตตกจนไม่เป็นอันทำอะไรเสียอีก เจ้าเข้มแข็งสมแล้วที่เป็นที่รักของข้าเลยน้า” ผมได้แต่พยายามปั้นยิ้ม ไม่แปลกใจที่เจ้าชายนาดีลจะคิดอย่างนี้ก็หลายวันที่ผ่านมาผมเอาแต่เศร้าและพูดจากับเจ้าชายนาดีลนับคำได้ ต้องขอโทษเขาจริงๆที่ผมเอาแต่ทำให้เป็นห่วง
   
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
   
“แค่เจ้าหายเสียใจก็พอแล้วน่า อีกอย่างนะเรายังมีปัญหาใหญ่รออยู่อีกมากนะ” ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ ให้ตายสิผมลืมไปเลยว่าระหว่างนำตัวทารกนี่ไปส่งที่บ้านผมต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูเด็กน้อยนี่เต็มๆ ดังนั้นตอนนี้เจ้าชายนาดีลจึงไปจับวัวป่าแม่ลูกอ่อนมาที่บ้านพักชั่วคราวของเรา
   
“โชคดีจังเลยน้าที่บ้านหลังนี้เจ้าของเดิมเคยมีเด็ก” เจ้าชายนาดีลฮัมเพลงไปพร้อมกับรีดนมวัวลงภาชนะที่เตรียมไว้ ตอนนี้ผมทึ่งในความชำนาญของเจ้าชายนาดีลเป็นอย่างมากจนถึงขนาดอุ้มทารกเข้าไปดูใกล้ๆ
   
“เจ้ารีดนมวัวเก่งจัง ข้าไม่รู้มาก่อนเลย”
   
“อยากทำไหมล่ะ”
   
“ไม่…ไม่ดีกว่า” ผมปฏิเสธ ในตอนนั้นทารกในมือก็ลืมตาตื่นแล้วร้องโยเย เจ้าชายนาดีลผู้ชาญฉลาดสันนิษฐานว่าทารกน้อยคงจะหิวนม ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ถูกต้อง
   
“กินเก่งจังเลยน้า” เจ้าชายนาดีลดูชอบอกชอบใจ ตอนนี้ผมป้อนนมทารกด้วยขวดนมอันเก่าที่เคยเป็นสมบัติของเจ้าบ้านเดิมและล้างมาสะอาดดีแล้ว
   
ผมใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ทารกน้อยจะอิ่มหนำ พอได้ดื่มนมจนพอใจ เด็กน้อยเจ้ากรรมก็ฉี่ออกมาเป็นรายการถัดไป เด็กน้อยร้องโยเยอีกครั้งเพราะตัวเปียกตัวผมเองตอนนี้ก็เปียกไปด้วยฉี่ของทารกน้อยเช่นกัน
   
“ฉี่ออกมาเสียแล้ว” ผมบอกเจ้าชายนาดีล
   
“เอามาให้ข้าจัดการดีกว่าฟีล่า” ผมส่งทารกให้เจ้าชายนาดีล
   
“ในสัมภาระของเราน่าจะมีผ้าสะอาดที่นำมาทำเป็นผ้าอ้อมได้อยู่น้า” เหมือนเขาจะพูดกับตัวเอง พอคว้าหยิบผ้าอ้อมจากสัมภาระได้ เจ้าชายนาดีลก็ตักน้ำจากบ่อน้ำขึ้นมาเพื่อต้มน้ำอุ่น
   
“รอแป๊บน้าคนเก่ง” ผมได้แต่มองดูเจ้าชายนาดีลหยอกเย้าทารกน้อยในระหว่างรอให้น้ำอุ่น ตอนนี้ผมเริ่มจะคิดนะ เจ้าชายนาดีลนี่เลี้ยงเด็กเก่งกว่าที่คิด เขาไปจำวิธีเลี้ยงเด็กมาจากไหนน้า
   
“ดูสิหัวเราะใหญ่เลยท่าทางจะชอบอาบน้ำอยู่เหมือนกันนะ” ผมตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นเด็กทารกหัวเราะชอบใจยามที่เจ้าชายนาดีลหย่อนลงไปในอ่างน้ำอุ่น ตอนนี้เจ้าชายนาดีลวักน้ำเบาๆรินรดตามร่างกายของทารก มือของเขาท่าทางจะเบามากผมมองดูด้วยความพิศวง
   
“อยากลองทำดูบ้างไหม” เจ้าชายนาดีดยิ้มกว้างให้ผม
   
“มะ….ไม่ดีกว่า” เป็นอีกครั้งที่ผมปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่อยากลองทำดูบ้างแต่กลัวว่าตัวเองจะมือไม้ไม่เบาพอจะอาบน้ำให้เด็กนี่สิ
   
“เอาน่ามาลองทำดู” พอถูกคะยั้นคะยอมากๆเขาก็เลยยอมทำตามจนได้ ผมค่อยๆทำตามวิธีที่เจ้าชายนาดีลบอกอย่างเบามือและละเอียดลออสุดท้ายการอาบน้ำให้ทารกน้อยก็เสร็จสิ้น
   
“เก่งมาก” เจ้าชายนาดีลใช้มือขยี้หัวผมไปมาเบาๆ ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกตที่สร้อยคอที่ทารกสวมอยู่มีจี้เป็นเหรียญทองที่สลักตัวอักษรเอาไว้
   
“ลีโอ” ผมอ่านตัวอักษรบนเหรียญ บนเหรียญทองเขียนเอาไว้ว่าแด่ลีโอผู้เป็นบุตรของไรอันแห่งมูนไลท์ เหรียญนี่ถือเป็นเบาะแสตามหาพ่อของเด็กน้อยได้อย่างดี ผมจึงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และรีบบอกสิ่งที่พบให้นาดีลฟัง
   
“อ้อ…พ่อหนูนี่ชื่อลีโอหรอกหรือ…ลีโอน้อย นี่นาดีลกับฟีล่าพ่อแม่ชั่วคราวของหนูน้า” นึกไม่ถึงว่าเจ้าชายนาดีลจะชอบเด็กขนาดนี้ ผมได้แต่อมยิ้ม
   
“นาดีลชอบเด็กน่าดูเลยนะ”
   
“อื้อ” นาดีลรับคำเขายอมรับง่ายๆ แต่ถึงเขาไม่ต้องบอกผมก็รู้ได้จากพฤติกรรมของเขา
   
จากนั้นผมก็อาสารับหน้าที่ทำอาหารเองเป็นครั้งแรก เพราะไม่อยากกวนเจ้าชายนาดีลที่ดูท่าทางพึงพอใจที่ได้ดูแลเด็ก หลังจากเรารับประทานอาหารเสร็จ เจ้าชายนาดีลก็ยังคงง่วนกับทารกน้อยไม่เลิก
   
“ฟีล่านอนไปก่อนก็ได้นะ”

   “จะดีหรือ”
   
“อื้อ ลีโอยังไม่หลับง่ายๆเดี๋ยวคงต้องอยู่ดูแลสักพัก” ผมมองดูเจ้าชายนาดีลอุ้มลีโอคอยกล่อมให้เด็กน้อยนอนหลับ โดยคาดไม่ถึงอยู่ๆเจ้าชายก็ร้องเพลงกล่อมเด็กออกมาเป็นเพลงที่ไพเราะมากจนผมรู้สึกชื่นชม

   “นาดีลเจ้าชอบเด็กน่าดูเลยนะ” ผมพูดประโยคเดิมซ้ำอีกแล้ว
   
“อ้อชอบสิ แต่ถ้าเป็นลูกของข้ากับเจ้าข้าจะรักใคร่และเอ็นดูมากกว่านี้อีก” นาดีลค่อยๆวางลีโอลงในเปลเด็กขณะพูดเดาว่าเด็กน้อยคงหลับสนิทแล้ว
   
“เจ้าอยากมีลูกกับข้าหรือ” ผมตื่นเต้น ถึงจะพอเดาคำตอบได้อยู่บ้างแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลยังไม่ตอบคำเขาเลือกที่จะเดินมาหาผมที่นอนอยู่บนเตียง โน้มตัวลงมาแล้วประทับจูบลงบนหน้าผากของผม
   
“ข้ารอให้เจ้าอนุญาตให้ข้าทำได้อยู่นะ” ผมหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลขยับขึ้นมาบนเตียงมานอนอยู่ข้างๆผม

   “จ….เจ้าสัญญาว่าเวลากลางคืนจะกลายร่างเป็นสไลม์เพื่อนอนกับข้านี่นา” ผมเรียกร้องเอาคำสัญญาจากนาดีล คนถูกเรียกร้องได้แต่อมยิ้มแล้วหัวเราะหึหึ ดูเจ้าเล่ห์เจ้ากลจนผมอดหวั่นใจไม่ได้ แล้วก็เป็นดังที่คาดเจ้าชายนาดีลจุมพิตลงมาที่ปากผมแผ่วๆหนึ่งครั้งอย่างรวดเร็วเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ติด
   
“เฮ้อ มีว่าที่ภรรยาใจร้ายแบบนี้ จะให้ทำไงได้ เอาไว้ถึงวันแต่งงานของเราเมื่อไหร่ข้าจะล้างแค้นให้สมอยากเลย” ผมตัวแข็งทื่อกับคำขู่ของเจ้าชายนาดีล ตอนนี้คนขู่ยอมเปลี่ยนร่างเป็นสไลม์แล้วแต่ผมก็ยังระแวงไม่หาย ดังนั้นคืนนั้นทั้งคืนผมจึงตื่นๆหลับๆไม่ได้นอนเต็มตาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


พรุ่งนี้จะเอาตอนต่อมาลงอีกนะคะ
   
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่14 p2 20/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 21-09-2016 06:05:29
 :hao5: เรื่องนี้น่ารักแปลกๆดี ชอบ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่14 p2 20/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-09-2016 08:33:28
 :o8:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่14 p2 20/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 21-09-2016 09:54:07
นาดีลน่ารักอ่าาา
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่15 p3 21/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 21-09-2016 12:56:25
ตอนที่15
   
เนื่องจากนอนแบบหลับๆตื่นเพราะระแวง คืนนั้นทั้งคืนผมถึงได้รู้ว่าการเลี้ยงเด็กมันลำบากขนาดไหน ทุกครั้งที่ผมลืมตากลางดึกผมจะเห็นเจ้าชายนาดีลลุกขึ้นมาคอยกล่อมให้ลีโอตัวน้อยหยุดร้องไห้
   
"นาดีล เจ้าไม่ง่วงนอนหรือ ถ้ายังไงเดี๋ยวข้าดูลีโอให้แทนเองเจ้าไปนอนเถอะ"
   
"สบายมาก เจ้านอนเถอะฟีล่า" เห็นเขาตั้งใจดูแลเด็กทารกขนาดนี้ ตัวผมก็รู้สึกผิดที่เอาแต่คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสลวนลามยามค่ำคืน
   
"ฟีล่าหากว่าเจ้ายังไม่ยอมนอนล่ะก็หลังจากข้ากล่อมลีโอจนหลับแล้ว เรามาสนุกกันหน่อยดีไหมล่ะ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้กับรอยยิ้มทะลึ่งตึงตังของเจ้าชายนาดีล แสดงความต้องการด้านมืดชัดเจนมาขนาดนี้ผมเลยรีบข่มตานอนหลับด้วยกลัวว่านาดีลจะชวนเล่นบ้าๆยามค่ำคืน ซึ่งผมเดาว่าคนบ้ากามอย่างเขาต้องชวนเล่นทะลึ่งๆแน่ๆ
   
"ฟีล่าตื่นเถอะ" ผมถูกเรียกด้วยเสียงอ่อนโยน แต่เพราะยังรู้สึกว่านอนไม่พอเลยยังดื้อด้านที่จะนอนต่อ
   
"หากเจ้าไม่ลุกข้าจะถือว่าเจ้าอนุญาตให้ข้าทำอะไรก็ได้นะ"
   
ให้ตายสิทำอะไรก็ได้มันกว้างและน่าหวาดเสียวเกินไป ผมรีบลุกขึ้นทันทีโดยไม่ต้องให้เขาพูดซ้ำสอง
   
"รีบทานข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักเราจะเดินทาง" ดังนั้นผมจึงไปล้างหน้าล้างตาและแปรงฟันก่อนจะกลับมายังโต๊ะทานอาหาร ที่ฝั่งตรงข้ามเจ้าชายนาดีลง่วนอยู่กับการป้อนนมให้ลีโอ
   
ให้ตายสิ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาดูกระปรี้กระเปร่านัก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้นอนกี่ชั่วโมงแต่เจ้าชายนาดีลไม่ดูอิดโรยหรืออารมณ์เสียตามประสาคนอดนอน
   
"นาดีลเจ้าได้นอนบ้างหรือเปล่า"
   
"ได้นอนซี้ ประมาณสามสี่ชั่วโมงได้"
   
น้อย เขานอนน้อยเกินไปจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดเอามากๆที่ปล่อยให้เจ้าชายนาดีลดูแลลีโอเพียงคนเดียว ทั้งๆที่ผมเป็นคนนำลีโอกลับมาแท้ๆ
   
"นาดีลครั้งต่อไปให้ข้าดูแลลีโอเองเถอะนะ"
   
"จะดีรึ" นาดีลทำเสียงเหมือนกำลังเย้าแหย่
   
"ดีสิ ข้าไม่อยากเอาเปรียบเจ้า" เจ้าชายนาดีลได้แต่อมยิ้มเขาไม่พูดอะไรต่อ พอเห็นผมทานอาหารอิ่มแล้วเขาก็ส่งลีโอมาให้ผมอุ้มแล้วเริ่มทานอาหารในส่วนของเขา
   
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เตรียมตัวออกเดินทาง เนื่องจากมีเด็กไปด้วยเราจึงต้องเตรียมพร้อมหลายอย่างในส่วนของจำเป็นเกี่ยวกับลีโอ
   
จากนั้นเราไม่สามารถเดินกลางแดดจ้าได้เหมือนทุกครั้งเพราะมีลีโอติดมาด้วย การเดินทางจึงล้าช้ากว่าที่เคย พอใกล้เวลาเที่ยงเราก็จะพักการเดินทางหาที่พักผ่อนซึ่งตามปกติเราจะพักกันสั้นๆแค่เวลาบ่ายคล้อยๆแล้วเดินทางต่ออีกนิดจึงจะเริ่มหาที่พัก แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเดินทางอย่างเร่งรีบได้เพราะเป็นห่วงสุขภาพของลีโอ
   
ตอนนี้เราเดินทางมากับลีโอมาได้ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วและกำลังหาที่พักหลบแดด บังเอิญเจอร้านขายอาหารเล็กๆริมทาง พวกเราจึงเข้าไปพัก
   
"ยินดีต้อนรับค่ะ" หญิงสูงอายุร่างอวบเดินออกมาต้อนรับ ตอนนี้ภายในร้านยังคงไม่มีลูกค้าดูท่าว่าพวกผมจะเป็นลูกค้ารายเดียวของเที่ยงวันนี้
   
"รับอะไรดีคะ"
   
"ขอเนื้อวัว ซุปหัวหอมอย่างละสอง แล้วก็นมวัวอุ่นด้วยนะ" เจ้าชายนาดีลสั่งอาหารกับหญิงร่างอวบซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของร้าน
   
"อุ้ยตายจริงท่านจะเอานมวัวให้เด็กทานหรือคะ" หญิงเจ้าของร้านทำตาโตเจ้าหล่อนจ้องมาที่ผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
   
"อ้า....จริงสิแม่ของเด็กยังอายุน้อยและผอมมาก คงจะไม่มีน้ำนมพอแน่ๆ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้ขอสันนิษฐานของเจ้าของร้าน
   
"มารีน มารีนมานี่หน่อยเร็ว" เจ้าของร้านส่งเสียงเรียกใครซักคนผมเดาว่าน่าจะเป็นผู้หญิงไม่นานนักเจ้าของชื่อก็เดินออกมาจากด้านใน
   
"อะไรคะท่านแม่" เจ้าของชื่อมารีนออกมาพร้อมกับอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน ผมเริ่มงงนิดๆว่าจะเรียกเธอมาทำไม
   
"มารีนช่วยให้นมทารกของลูกค้าหน่อยสิ แม่ของเด็กยังอายุน้อยและมีน้ำนมไม่พอ"
   
"ได้สิคะท่านแม่" มารีนยื่นทารกให้เจ้าของร้านไปอุ้ม เจ้าของร้านหายไปยังหลังร้านพร้อมลูกของมารีน หลังจากนั้นผมก็ยื่นส่งลีโอให้มารีนแบบงงๆ
   
"ลูกของพวกท่านน่ารักจังเลยนะคะ" มารีนหันมาพูดคุยกับผมขณะเปิดเสื้อเผยให้เห็นทรวงอกเพื่อป้อนนมให้ลีโอต่อหน้าผมและเจ้าชายนาดีล ผมอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆมารีนก็เปิดอกโชว์ แต่สำนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองปลอมตัวเป็นผู้หญิงจึงพยายามทำท่าทางให้ปกติไม่ตื่นเต้นมากเกินไป
   
"พวกท่านจะไปที่ไหนหรือคะ อ้าจริงสิ ถ้ามาพักทานอาหารที่ร้านเรา ก็น่าจะไปที่เมืองมูนไลท์ข้าไม่น่าถามเลย" มารีนหัวเราะน้อยๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยกันสัพเพเหระกันนิดหน่อยและผมไม่ลืมถามถึงพ่อของเด็ก
   
"อา....ท่านหมายถึงท่านไรอันแห่งมูนไลท์หรือเปล่าคะ ท่านเป็นมหาเศรษฐีประจำเมืองค่ะมีอิทธิพลมากทีเดียว" ผมหันไปพยักหน้ากับนาดีล พอจะรู้เป้าหมายที่ต้องไปแล้ว จังหวะนั้นเจ้าของร้านร่างอวบก็นำอาหารที่เราสั่งมาวางบนโต๊ะ
   หลังทานอาหารเสร็จเรานั่งพักในร้านพูดคุยกับมารีนและเจ้าของร้านอีกหน่อย เราทราบว่าเดินทางไปอีกนิดก็น่าจะถึงเมืองมูนไลท์ได้ก่อนเย็นดังนั้นเราจึงรีบเดินทางต่อจนถึงหน้าประตูเมือง
   
"เจ้ามาทำอะไรที่เมืองนี้ ไม่ใช่คนเมืองนี้นี่" ทหารที่หน้าประตูเมืองถามเรา เจ้าชายนาดีลตอบคำถามแทนผม
   
"เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน เราพาลูกของเรามาเยี่ยมญาติที่นี่ครับ" ทหารที่เฝ้าประตูดูจะเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ก่อนจะเข้าเมืองพวกทหารเรียกร้องเงินค่าผ่านทาง เจ้าชายนาดีลจึงต้องจ่ายเงินให้ตามธรรมเนียม
   
"ในที่สุดก็เข้ามาได้เสียที ตอนแรกข้านึกว่าเราจะถูกจับได้เสียแล้ว" ผมถอนหายใจโล่งอก เรื่องที่ผมกลัวก็คือท่านพี่อาจจะส่งหมายจับผมมาแถวที่เมืองนี้ก็เป็นได้
   
"อาจจะไม่ส่งหมายจับมาที่เมืองนี้ก็ได้ ก็ทางนี้เป็นเส้นทางอ้อมหากเราจะเดินทางไปอาณาจักรสไลม์" ผมพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับเจ้าชายนาดีล ตอนนี้เราเข้าไปหาที่พักในเมืองด้วยกันพวกเราตัดสินใจว่าเอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยเดินทางตามหาพ่อให้กับลีโอ
   
เช้าวันถัดมาพวกเราก็พากันลงมาที่ร้านอาหารชั้นล่างของโรงแรม พวกเราสั่งอาหารหลังจากสั่งเราก็ถามบริกรเกี่ยวกับมหาเศรษฐีไรอัน
   
"อา....ท่านไรอันหรือขอรับ ท่านอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนินกว้างทางเหนือขอรับ ว่าแต่ท่านมีธุระอะไรกับท่านเศรษฐีหรือครับ"
   
"เราเป็นญาติห่างๆของท่านเศรษฐีนะ มาเยี่ยมท่านเพราะมีเรี่องสำคัญ" เจ้าชายนาดีลโกหกหน้าตาย ผมได้แต่นิ่งเงียบทั้งที่ในใจกังวลอยู่เหมือนกันว่าอาจจะมีคนสงสัย
   
"เจ้าไปโกหกอย่างนั้นทำไม" ผมกระซิบถามเจ้าชายนาดีล
   
"มีคนแอบตามเราอยู่น่ะสิ เลยโกหกให้พวกมันสับสน" ผมตกใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่ามีคนตามผมเริ่มหันมองไปรอบๆข้างแล้วพบกับกลุ่มคนแปลกๆที่ลอบมองมาพลางซุบซิบอะไรบ้างอย่าง
   
"คงไม่ใช่เจ้าคนกลุ่มนั้นหรอกนะ" ผมกระซิบถาม
   
"ใช่หรือไม่ใช่พอเดินออกจากโรงแรมเดียวก็รู้" เราสองคนรีบทานอาหาร รู้สึกจิตใจไม่สงบเมื่อรู้ว่ามีผู้ไม่หวังดี คงไม่ใช่ว่าเป็นนักฆ่าของคาลอสหรอกนะ ให้ตายสิขนาดเราเดินทางอ้อมมาขนาดนี้ยังตามมาถูกอีกหรือ
   
เมื่อทานอาหารเสร็จเราสองคนก็ออกจากโรงแรม ตอนแรกเราเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนก่อนจะเริ่มเดินไปยังที่ที่มีผู้คนน้อยลง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะเดินไปยังคฤหาสน์ของเศรษฐีไรอัน
   
"หยุดนะพวกแก" ผมกับเจ้าชายนาดีลถูกคนกลุ่มหนี่งเรียกให้หยุดในทางเปลี่ยว กลุ่มคนประมาณเก้าถึงสิบคนเข้ามาล้อมพวกเราเอาไว้
   
"ได้ยินว่าเจ้าเป็นญาติของเจ้าไรอันอย่างนั้นหรือ ท่าทางจะมีเงินอยู่นะ ส่งเงินมาซะดีดี" โจรกระจอกเองหรอกหรือนี่ ผมโล่งอก ตอนนี้เจ้าฃายนาดีลแสยะยิ้มร้ายออกมา
   
"ลูกพี่ดูสิเด็กนั่นมันใช่เจ้าเด็กลูกของไรอันใช่หรือเปล่า" หนึ่งในกลุ่มโจรร้องถามโจรที่น่าจะเป็นหัวหน้า ผมรอว่าพวกมันจะเผยอะไรออกมาจากปากของพวกมันอีก
   
"เฮ้ยแก แกเอาเด็กทารกนี่มาจากไหน เด็กทารกนี่เป็นของพวกเรานะเว้ย"  เจ้าชายนาดีลได้ฟังแล้วหัวเราะฮาฮา
   
"มีหลักฐานอะไรว่าเด็กเป็นของพวกเจ้า"
   
"ก็สร้อยคอประดับเหรียญทองนั่นไงวะ" พวกโจรตะโกนบอกพลางทำท่าคุกคาม แต่ก็นั่นแหละพวกผมไม่ได้กลัวซักนิด
   
"แต่ที่เหรียญนี่มันบอกชัดอยู่นาว่าพ่อของเด็กนี่น่าจะเป็นเศรษฐีไรอัน" เจ้าชายนาดีลทำเสียงยียวนไปพร้อมกับหัวเราะ ดูเหมือนว่าพวกโจรจะหมดความอดกลั้นจึงกรูกันเข้ามาหวังทำร้าย
   
"พวกแกทำอะไรน่ะ" เสียงตะคอกถามดังมาจากกลุ่มคนที่ควบม้ามาจากทางคฤหาสน์ พวกเขาหยุดม้าลง แต่พวกโจรดูจะไม่สนใจใครทั้งนั้นถึงจะเป็นกลุ่มคนมาใหม่พวกมันก็เข้าเล่นงานด้วยเหมือนกัน โชคร้ายกลุ่มคนที่มาใหม่มีกันแค่สี่คนมีจำนวนน้อยกว่าพวกโจร
   
"ฟีล่าเจ้าหลบไปข้างหลัง" เจ้าชายนาดีลสั่งผม ผมทำตามที่เขาสั่งเพราะกังวลกับลีโอที่หลับอยู่ในอ้อมแขน
ใช้เวลาไม่นานนักผู้มาใหม่กับเจ้าชายนาดีลก็จัดการกับพวกโจรได้หมด ผู้มาใหม่กับคนของเขามัดพวกโจรทั้งสิบคนเอาไว้
   
"พวกท่านสองคนคงไม่ใช่คนเมืองนี้สินะข้าไม่คุ้นหน้าเลย" ชายผู้เป็นหัวหน้าของคนกลุ่มใหม่ถามพวกผม
   
"ข้าชื่อดีน ส่วนนี้เดียน่าภรรยาของข้า" เจ้าชายนาดีลตอบ
   
"แล้วพวกท่านจะไปไหนกัน พวกท่านมาทางนี้คงไม่พ้นไปยังคฤหาสน์ของตระกูลสเฟลละมั้ง" ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มซักถาม
   
"ใช่แล้วข้าจะไปพบท่านเศรษฐีไรอัน" เจ้าชายนาดีลตอบเนือยๆ
   
"ท่านมีธุระอะไรกับท่านไรอันรึ
   
"อา...ข้าจะไม่อ้อมค้อมละนะยังไงพวกท่านก็คงมาจากคฤหาสน์อยู่แล้ว ข้านำบุตรชายของท่านไรอันมาคืน"
   
"ว่าอะไรนะ" ตอนนี้ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มทำสีหน้าน่ากลัว เขาไม่รอช้าเดินเข้ามาหาผม ตอนแรกผมลังเลที่จะให้เขาเข้ามาใกล้เด็ก แต่พอเห็นว่าเขาต้องการหลักฐาน ผมจึงให้เขาดูสร้อยคอซึ่งเป็นหลักฐาน
   
"อา.....แล้วสาวใช้ที่ไปด้วยล่ะ"
   
"ข้าพบกับผู้หญิงที่นำเด็กมาด้วย แต่นางตายแล้วนางน่าจะมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มข้าจำได้แค่นี้" ผมตอบคำถามให้กับคนถาม ผมเริ่มเอะใจหรือว่าคนคนนี้จะเป็นพ่อของเด็กกันนะ
   
"นายท่านผู้หญิงผมน้ำตาลเข้มน่าจะเป็นลิลี่ไม่ผิดแน่ครับ" หนึ่งในผู้ติดตามพูดกับนายท่านของเขา
   
"ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเจ้าไม่ใช่โจรเรียกค่าไถ่" ถูกถามแบบนี้ทำให้ผมอดรู้สึกแย่ไม่ได้ เจ้าชายนาดีลได้แต่ยักไหล่ก่อนจะสั่งให้ผมคืนลีโอให้คนที่น่าจะเป็นพ่อของเด็ก
   
"พวกเราคืนเด็กให้เจ้าแล้วอย่างนั้นขอตัว" หลังจากคืนเด็กให้พวกเราก็ปลีกตัวจากมา ตอนนี้เรากลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง หดหู่ยังไงชอบกล ไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณก็จริง แต่ถูกมองในแง่ร้ายเช่นนี้ก็ทำใจได้ยาก
   
"พ่อของเด็กจะยอมรับลีโอว่าเป็นลูกไหมนะ ขนาดเราเอาเด็กมาส่งยังคิดว่าเราเป็นโจรเรียกค่าไถ่เลยนี่"
   
เจ้าชายนาดีลระบายลมหายใจยาวเหยียด เขาส่งยิ้มอ่อนใจมาให้ผม
   
"จะยอมรับเด็กหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคิด ฟีล่าเราทำดีมากแล้วนะที่เอาเด็กมาส่งให้ถึงที่"
   
"แต่ว่า" ผมยังไม่ยอมเลิกคิดมากง่ายๆตอนนั้นเองจู่ๆเจ้าชายนาดีลก็งับฟันลงมาที่บ่าของผม
   
 เจ็บ!!!
   
"ทำบ้าอะไรของเจ้า" ผมร้องโวยวายตอนนี้เขารวบเอาร่างของผมเข้าไปกอดแล้วงับลงมาบนแก้มของผม
   
"เจ้าบ้าเจ้าเป็นหมาหรือไงข้าเจ็บนะ" เจ้าชายนาดีลไม่ยอมหยุดง่ายๆเขางับลงมาบนท่อนแขนของผมอีกที
   
"ลงโทษไงล่ะ เจ้าอยากดื้อด้านไม่เชื่อฟังข้าทำไม" กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็กดผมลงบนเตียงขบกัดไปทั่วตามจุดต่างๆบนร่างกายของผม
   
 ไอ้โหด!!!
   
 ผมพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่สู้แรงเขาไม่ได้เลย
   
"พอ พอได้แล้ว"
   
"ถ้าเจ้ายอมเข้าใจที่ข้าพูดได้เมื่อไหร่ข้าจะพอ"
   
"เข้าใจเข้าใจแล้ว" ผมหอบหนักแล้วก็น่วมไปทั้งตัว การที่เขามาขบกัดตามร่างกายแบบนี้นอกจากจะเจ็บแล้วมันทำให้ผมเกิดความรู้สึกอย่างอื่นขึ้นมาด้วยดังนั้นจึงอยากให้เขาหยุดเสียที

   "เข้าใจแล้วก็ดี ถ้าอย่างนั้นนอนซะ" ผมพลิกตัวนอนตะแคงพยายามรีบหลับให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเสี่ยงให้เจ้าชายนาดีลหาเรื่องทำร้ายร่างกายผมไปมากกว่านี้ ในที่สุดผมก็หลับลึกได้จริงๆ
   
เช้าวันถัดมาผมตื่นขึ้นมาโดยมีเจ้าชายนาดีลนอนกอดอยู่ พอผมขยับตัวยุกยิกเขาก็ลืมตาตื่นทันที
   
"อรุณสวัสดิ์" นาดีลพูดกับผม
   
"อรุนสวัสดิ์ นี่เจ้าปล่อยข้าเถอะข้าอยากลุกจากเตียงแล้ว" เจ้าชายนาดีลยิ้มกริ่ม ตอนแรกนึกว่าจะโดนแกล้งอะไรอีกแต่เขาก็ขยับออกจากตัวผมปล่อยผมให้เป็นอิสระ จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะเรียกที่หน้าประตู

   "นายท่านขอรับท่านไรอันสเฟลรอท่านอยู่ที่ด้านล่าง" ผมกับเจ้าชายนาดีลมองหน้ากัน แปลกใจนิดๆว่าหลังจากยัดเยียดตำแหน่งโจรให้เราแล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก
   
"บอกท่านไรอันว่าอีกสิบห้านาทีเราจะลงไป" เจ้าชายนาดีลบอกกับคนของโรงแรม ไม่รอช้าเรารีบทำความสะอาดร่างกายแล้วแต่งตัวเสียใหม่
   
ที่ส่วนร้านอาหารของโรงแรม ไรอันพ่อของลีโอรอเราอยู่ที่นั่น น่าแปลกที่ร้านอาหารไม่มีคนอยู่เลยนอกจากพวกเรา ผมมองซ้ายทีขวาทีอย่างประหลาดใจ

   "ไม่ต้องแปลกใจสาวน้อย ข้าจองชั้นล่างนี้ไว้หมดแล้ว" ผมเข้าใจในที่สุด ไรอันเรียกพวกเราให้ไปนั่งบนเก้าอี้ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เรา
   
"ต้องขอโทษด้วยที่ข้าเสียมารยาทกับท่านเมื่อวาน ตอนนี้ข้ารู้ความจริงแล้ว ภรรยาที่หนีมาได้จากพวกโจรก่อนหน้านั้นชี้ตัวให้ข้ารู้ว่าพวกที่โจมตีพวกท่านคือคนร้ายที่แท้จริง" ผมโล่งใจที่ในที่สุดไรอันก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้เสียที

   "แล้วที่ท่านมาครั้งนี้ล่ะมีธุระอะไรกับเรา" เจ้าชายนาดีลถาม

   "ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากจะให้พวกท่านเดินทางออกจากหมู่บ้านเราโดยเร็ว" ผมมองดูเจ้าชายนาดีลทีไรอันทีบรรยากาศชักเริ่มกดดันแปลกๆ อยากจะรู้นักว่าทำไมถึงพยายามไล่เราออกไปจากเมืองทั้งที่เข้าใจพวกเราแล้วแท้ๆ
   
"อา.....พวกท่านคงตกใจแต่จะไม่อ้อมค้อมล่ะ ทางการกำลังตามหาคนอยู่ ถึงแม้รายละเอียดมันจะไม่ใกล้เคียงกับท่านเท่าไหร่ แต่พวกท่านก็เป็นคนแปลกหน้า ข้าไม่อยากให้พวกท่านเดือดร้อนโดนกักตัวเอาไว้ เพราะบ่ายวันนี้จะมีการกักนักเดินทางแปลกหน้าเพื่อให้ท่านเจ้าเมืองสอบสวน"
   
ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยกับข้อเท็จจริงที่ไรอันบอกตอนนี้ผมมองดูว่าเจ้าชายนาดีลจะมีปฏิกริยาอย่างไร ทว่าเขานิ่งกว่าที่คิด
   
"แล้วท่านจะตอบแทนเราที่ช่วยท่านอย่างไร" เจ้าชายนาดีลถาม
   
"ข้าจะให้จดหมายผ่านทางกับท่านรับรองว่าท่านจะเดินทางผ่านเมืองต่างๆได้ง่ายๆในฐานะคนงานของข้า" ไรอันยื่นจดหมายที่มีตราสัญลักษณ์และข้อความด้านในมาให้ เจ้าชายนาดีลเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในเป็นจดหมายขอผ่านทางเพื่อไปทำการค้าไม่มีอะไรมากกว่านั้น

   "อีกอย่างข้าเตรียมรถม้าบรรจุสินค้าให้ท่านใช้บังหน้า ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านจะใช่ผู้ร้ายที่ทางการต้องการหรือเปล่า แต่ก็ขอตอบแทนที่ท่านนำลูกข้ามาคืน" กล่าวจบไรอันก็ก้มหัวให้พวกผมเป็นการขอบคุณ
   
"ท่านอยู่ทานอาหารเสียหน่อยแล้วค่อยออกเดินทางเถอะ" กล่าวจบไรอันก็ขอตัวกลับ เราสองคนทานอาหารกันจนอิ่มก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยใช้รถม้าของไรอันเป็นพาหนะ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จะเอามาลงเรื่อยๆวันละตอนนะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามาเม้นนะคะ

ดีใจค่ะที่ยังมีคนเม้นอยู่บ้าง เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่15 p3 21/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-09-2016 17:37:55
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่15 p3 21/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 21-09-2016 18:16:35
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่15 p3 21/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-09-2016 20:37:02
เจ้าชายนาดีล ฟีล่า :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่16 p3 27/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-09-2016 14:57:32
ตอนที่16
   
หลังจากได้รับสถานะปลอมๆมาจากมหาเศรษฐีไรอัน การเดินทางของพวกเราก็ราบรื่นขึ้นมาก ตอนนี้ผมกับเจ้าชายนาดีลเดินทางมาจนใกล้จะถึงชายแดนของอาณาจักรสไลม์แล้ว หากผ่านเข้าอาณาจักรสไลม์ไปได้นาดีลบอกว่าเราจะปลอดภัยจาการตามล่าถึง70เปอร์เซ็นต์เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาณาจักรสไลม์นั้นเต็มไปด้วยป่าและนานาไปด้วยเผ่าพันธุ์มอนเสตอร์รวมถึงอมนุษย์จำนวนมาก การที่จะบุกเข้ามาตามล่าใครจึงไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่สันทัดต่อภูมิประเทศในเขตนี้
   
เวลานี้ไม่ไกลจากอาณาเขตชายแดนพวกเราตั้งแคมป์ในป่า เพราะตัดสินใจจะเดินทางผ่านชายแดนในช่วงดึกเผื่อว่าท่านพี่เอียนอาจจะส่งคนมาดักรอตรงทางผ่านชายแดน
   
แล้วก็เป็นจริงดังคาดตรงชายแดนของอาณาจักรสไลม์มีพวกทหารตั้งกระโจมอยู่ ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นทหารของเผ่ามังกรไม่ผิด
   
“เอายังไงต่อไปดีนาดีล” ผมกับเจ้าชายนาดีลแอบมองอยู่บนเนินเขาไม่ห่างไปจากบริเวณที่ทหารตั้งค่ายอยู่นัก
   
“ฝ่าไปเลยดีไหม” เจ้าชายนาดีลหัวเราะเสียงใส แต่ในที่สุดเราก็ตัดสินใจลองทำเนียนเดินทางผ่านโดยใช้จดหมายของไรอันดู
   
“หยุดหยุดรถม้าเดี๋ยวนี้” พอเราไปถึงด่านตรวจพวกทหารก็เข้ามาดักหน้าแล้วสั่งให้เราหยุดรถ
   
“เจ้าเป็นใครแล้วกำลังจะไปไหน” ผมได้ยินเสียงทหารตั้งคำถามจากด้านนอกตอนนี้ผมนั่งรออยู่ในรถม้า
   
“ข้ากับภรรยากำลังเดินทางไปส่งสินค้าตามที่นายท่านสั่งขอรับ”

   “ส่งไปที่ไหนทางนี้เป็นชายแดนของอาณาจักรสไลม์ไม่ใช่รึ”
   
“จะนำไปส่งที่หมู่บ้านวินสโมกซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ขอรับ”
   
“ขอดูด้านในหน่อย” ผมเกร็งตัวด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่ทหารมังกรเปิดประตูเข้ามาด้านใน ผมก็แสร้งก้มหัวประหลกๆทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม
   
“เจ้าเป็นภรรยาของเจ้าคนข้างนอกเรอะ” ทหารที่เข้ามาตรวจถามผม
   
“ใช่เจ้าค่ะ” ผมเริ่มจะเหงื่อตกเพราะพวกทหารจ้องมองดูผมเนิ่นนาน โธ่เอ๊ยคงไม่ใช่ว่าความแตกหรอกนะ
   
“ฮึ่ม….เจ้านี่รูปงามน่าดูนะ” จู่จู่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้นิ้วเกี่ยวเชยคางให้เงยหน้าไปสบตา ผมเห็นนะแววตาหื่นกระหายของทหารตรงหน้าทำเอาผมขนลุกเกรียวเลยทีเดียว ไม่น้า ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนหากว่าทหารตรงหน้านี่ลวนลามผม ไม่พ้นต้องถูกผมกับเจ้าชยนาดีลเล่นงาน ผลที่ได้อาจทำให้สถานภาพของผมกับเจ้าชายนาดีลถูกเปิดเผยก็เป็นได้
   
“เฮ้ย!ทำอะไรน่ะ” ทหารอีกคนโผล่หน้าเข้ามาทำให้ทหารที่ลวนลามผมชักมือกลับ
   
“อย่าทำตัวรุ่มร่ามเรามาทำงานอย่าก่อปัญหา” ทหารที่ลวนลามผมทำหน้าเสียดายก่อนจะร่วมมือกับทหารที่ตักเตือนลงมือตรวจสินค้าบนรถม้า
   
“ไม่มีอะไรผิดปกติ” พวกทหารทั้งสองคนยืนยัน ผมโล่งอกในทันทีคงจะปล่อยพวกผมให้ผ่านไปได้แล้วสิ
   
“ปล่อยผ่านไปได้” ทหารที่ตรวจสินค้าตะโกนบอกทหารด้านนอกก่อนจะผละจากไปทิ้งให้ผมอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง

   “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวนะขอรับ” นาดีลพูดด้วยเสียงพินอบพิเทา
   
“เดี๋ยวก่อน” บรรยากาศเริ่มไม่ดีแล้ว เพราะยังไม่ทันจะได้ออกรถก็ถูกห้ามเอาไว้อีกครั้ง หัวใจของผมเต้นตุบๆถี่ยิบด้วยความตื่นเต้น
   
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้ามีคนผ่านมาทางนี้ให้บอกกับข้า” นั่นคือเสียงของท่านพี่เอียนไม่ผิด ซวยแล้วไม่นึกว่าท่านพี่จะมาดักรอด้วยตัวเองที่ชายแดน ผมเหงื่อแตกพลั่ก รอคอยว่าเจ้าชายนาดีลที่อยู่ด้านนอกจะทำอย่างไร
   
“เจ้าเดินทางมากับใคร” ท่านพี่เอียนถาม
   
“ภรรยาของข้าครับ”
   “ขอข้าดูหน้าหน่อยสิ” ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงเข้ามาเรื่อยๆ ผมตัวแข็งค้างเนื่องด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอีกเสียง
   
“เฮ้อ หลานข้าเจ้าไม่น่าจะเดินทางมาที่ชายแดนนี่เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตาก็ดีแล้ว แล้วนี่อะไรเจ้าตั้งใจจะตรวจดูคนผ่านทางด้วยตัวเองทั้งหมดเชียวหรือ” ไม่ผิดแน่เป็นเสียงของคาลอส นึกไม่ถึงว่าคาลอสเองก็จะมาที่นี่ด้วย
   
“อ๊ะ….แก” คาลอสอุทาน ผมเดาว่าเขาคงจำโฉมหน้าของเจ้าชายนาดีลได้ ก็แน่ล่ะเขาทันได้เห็นใบหน้าของนาดีลแวบหนึ่งก่อนสลบไปโดนทำร้ายแบบนั้นคงไม่มีวันลืมง่ายๆ
   พริบตานั้นเสียงทุบหนักๆก็ดังขึ้น ผมได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากด้านนอก ตายล่ะนี่เจ้าชายนาดีลคงตัดสินใจต่อสู้แล้วแน่ๆ
   
“ทำอะไรของแก” ท่านพี่เอีบนตะคอกเสียงกร้าว ผมได้ยินเสียงชักดาบ ตอนนี้เสียงดาบกระทบกันดังแกร๊งๆดังอยู่ที่ด้านนอก
   
ควรชะโงกหน้าออกไปดูดีไหมนะ
   
ผมได้แต่ลังเล ในที่สุดก็ตัดสินใจได้จึงเยี่ยมหน้าออกไปรับรู้สถานการณ์เลวร้ายที่ด้านนอก เมื่ออกไปที่ด้านนอกผมเห็นศพของทหารนอนตายเกลื่อน นอกจากนั้นท่านพี่เอียนกับเจ้าชายนาดีลกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
   
“แกเป็นใครกันแน่” ท่านพี่ตวาดถามขณะใช้ดาบปัดป้องกรงเล็บที่ทำจากสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธของเจ้าชายนาดีล
   
“คนซื่อบื้อเอ๊ย เจ้าจำเสียงข้าไม่ได้แล้วอย่างนั้นรึ ไม่สิจะมีกี่คนกันที่สามารถไล่ต้อนเจ้าได้แบบนี้” เจ้าชายนาดีลหัวเราะไปไล่ต้อนท่านพี่เอียนไปด้วยเชิงยุทธที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เจ้าชายนาดีลแทงกรงเล็บซ้ายที่ขวาทีทำเอาท่านพี่ป่วนปั่น ทุกครั้งที่ดาบของท่านพี่ประทะกับกรงเล็บจะเกิดประจุไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบ ท่านพี่นิ่วหน้าคงจะรู้ว่าถึงจะแค่โดนถากด้วยกรงเล็บก็จะถูกสายฟ้าจำนวนมหาศาลเล่นงานเอาจนเจ็บหนัก
   
ผมมองดูไปรอบตัวไม่ไกลนักผมเห็นคาลอสนอนสลบอยู่ คิดว่าน่าจะโดนเจ้าชายนาดีลต่อยเอาจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ ผมแสยะยิ้ม สมน้ำหน้าให้กับการถูกทำร้ายของเจ้าคนเลว
   
“ท่านพี่” ผมตะโกนเรียกเสียงดังหมายจะให้ท่านพี่เอียนสนใจแล้วก็ได้ผล ท่านพี่เอียนดีดตัวหลบจากการโจมตีของเจ้าชายนาดีล ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผมแต่ก็ถูกนาดีลขัดขวาง เจ้าชายนาดีลเอาตัวบังผมให้พ้นจากรัศมีของท่านพี่
   
“ฟีล่า เจ้านี่มันเป็นใคร” ท่านพี่ถามเสียงแข็งกร้าว เจ้าชายนาดีลหัวเราะหึหึพลางทำสีหน้าเย้ยหยัน
   
“ท่านพี่ก็น่าจะคิดได้ว่าจะมีใครที่ไหนยอมช่วยข้า”ผมบอก
   
“อ้อ…..ที่แท้ก็เจ้าสวะนาดีล….ไม่น่าเชื่อเจ้ามีร่างมนุษย์ด้วย” ท่านพี่มองดูนาดีลด้วยสายตาไม่เป็นมิตรในมือกำดาบเอาไว้แน่นคงเตรียมที่จะเล่นงานนาดีลเป็นระลอกสอง
   
“แต่ก็ช่างเถอะมันจะมีร่างมนุษย์หรือไม่ก็ไม่สำคัญ…..ฟีล่าเจ้าต้องกลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้”
   
“ท่านพี่ข้าจะไม่กลับไปจนกว่าท่านจะตาสว่าง ท่านกำลังถูกคาลอสหลอกใช้”
   
“เจ้าพูดอะไรของเจ้าฟีล่า”
   
“คาลอสแค่อยากใช้ท่านพี่เป็นหุ่นเชิด เขาถึงได้พยายามยุแยงให้ท่านพี่ชิงบัลลังค์จากท่านพ่อท่านแม่”
   ผมบอกความจริงออกไปจนได้ หวังว่าพอรู้ความจริงท่านพี่จะเปลี่ยนใจ แต่ที่ไหนได้ท่านพี่ยกยิ้มหยันแล้วหัวเราะ
   
“เรื่องนั้นพี่ก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว เจ้าช่างไร้เดียงสานักฟีล่า อย่าลืมสิว่าเส้นทางของบัลลังค์ราชาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาใช้ข้าข้าใช้เขา นับเป็นเรื่องปกติของการครองบัลลังค์อยู่แล้ว” ถอนหายใจหนักหน่วงคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะอยู่ในแผนการของท่านพี่อยู่แล้ว แต่เจ้าชายนาดีลก็หัวเราะหยามหยันออกมาส่งผลให้ท่านพี่เอียนไม่พอใจ
   
“เจ้าหัวเราะอะไร”
   
“หัวเราะในความหยิ่งผยองของเจ้านะสิ” เจ้าชายนาดีลยังไม่เลิกหัวเราะ ตอนนี้ท่านพี่โกรธจนกัดฟันกรอด
   
“เจ้าคงไม่รู้สินะว่าคาลอสตั้งใจฆ่าฟีล่านับครั้งไม่ถ้วนเพื่อเปิดทางให้เจ้าแต่งงานกับเจ้าหญิงของเผ่ามนุษย์”
   ท่านพี่อึ้งไปเล็กน้อย

   “มีเรื่องนี้ด้วยหรือฟีล่า”  ท่านพี่ถามผมแต่นาดีลกลับเป็นคนตอบคำถามแทน
   
“เจ้าคิดว่าทำไมฟีล่าต้องย้อมสีผมแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อปลอมตัวด้วยล่ะ คงไม่คิดนะว่าแค่หนีการตามล่าของเจ้าอย่างเดียว”
   
“ท่านพี่ คาลอสส่งนักฆ่าไล่ตามล่าข้าครับ”
   
“ใช่แล้ว” คาลอสที่กลายร่างเป็นมังกรสีเขียวขนาดมหึมาไปแล้วพูดแทรกระหว่างการสนทนาของพวกผม ผมตกใจเล็กน้อยที่เห็นคาลอสฟื้นแล้วและแปลงร่างเป็นมังกรอย่างรวดเร็ว
   
“เจ้าทำโดยพละการทำไมคาลอส” ท่านพี่ตะคอกเสียงห้วน
   
“แหมๆหลานตาตาทำเพื่อเจ้านะ การแต่งงานกับเจ้าหญิงเผ่ามนุษย์จะทำให้เราได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานพวกเผ่าสไลม์ได้คงลืมคิดไปล่ะสิ”
   
“แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าฟีล่า”
   
“เฮ้อให้ตายสิ” คาลอสทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
   
“ข้าเบื่อพูดกับเด็กไม่มีสมองแล้ว” ในตอนนั้นคาลอสในร่างมังกรก็พ่นควันสีเขียวออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าชายนาดีลเปลี่ยนร่างกลับเป็นสไลม์ เจ้าชายนาดีลพองตัวจนใหญ่โตแล้วอมผมเข้าไปในปาก ป้องกันไม้ให้ควันสีเขียวจำนวนมากกระทบกับร่างกายของผม แต่ท่านพี่นี่สิเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวจึงจมหายไปกับควันสีเขียวไปทั้งร่าง
   
“อั่ก…..แก…..” ผมได้ยินเสียงทรมานของท่านพี่ผ่านกลุ่มควันนั่น ผมร้อนใจอย่างมากแต่เจ้าชายนาดีลยังไม่มีที่ท่าจะขยับจากตรงที่ยืนอยู่ เมื่อควันสีเขียวระเหยไปบนท้องฟ้าผมเห็นท่านพี่คุกเข่าทรุดอยู่บนพื้น
   
“อ้าวยังอยู่อีกหรือหลานตา” คาลอสหัวเราะดูท่าทางจะชอบใจที่ท่านพี่ทรมาน
   
“แกทำอย่างนี้ทำไม แกไม่อยากใช้ท่านพี่เป็นหุ่นเชิดแล้วหรือ ถ้าแกฆ่าท่านพี่แกจะได้ประโยชน์อะไร” ผมตะคอกถาม
   
“หุ่นเชิดที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ต้องกำจัดทิ้ง เหมือนราชาองค์ก่อนพ่อของมันไงล่ะเจ้าชายฟีล่า” คาลอสแสยะยิ้มน่ารังเกียจ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดออกมา
   
“ถ้าราชาองค์ก่อนไม่แพ้สงครามต่อราชาสไลม์จนเพี้ยนไปแล้วล่ะก็ข้าคงจะไม่ฆ่าเขาทิ้งในสนามรบหรอก”
   
“เจ้าหมายความว่ายังไง” ท่านพี่เอียนเค้นเสียงถาม
   
“เอาเถอะไหนเจ้าก็จะตายแล้วตาจะบอกให้ก็ได้ เจ้าราชาขี้ขลาดคนก่อนนั่นแพ้ราชาสไลม์แค่ครั้งเดียวก็จะทำสัญญาสงบศึก จะให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าแล้วความแค้นสุมอกของข้าล่ะลูกชายทั้งห้าของข้าล้วนตายด้วยมือของพวกสไลม์ทั้งนั้น ราชาขี้ขลาดไร้ประโยชน์แบบนั้นข้าก็ต้องจัดการเด็ดทิ้งไปเสียไม่ให้ขวางหูขวางตา แต่นึกไม่ถึงว่าแทนที่หลานโง่เง่าของข้าจะได้ครองราชย์ เจ้าชายหน้าโง่คนน้องกลับได้ครองราชย์เสียนี่ แล้วแผนการของข้าก็พังทลายอีกเพราะมันคิดเหมือนพี่ชายมันไม่มีผิด แถมต่อมาแผนการเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ของข้าก็มาพลาดอีกครั้ง พวกเจ้าคงจำได้สินะมังกรที่ข้าส่งไปทำร้ายพวกเจ้าตอนที่ยังเด็ก”
   ตอนนี้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตได้ เจ้ามังกรแดงที่พยายามจับตัวผมไป นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนของคาลอส
   
“สารเลว” ท่านพี่เอียนตะคอกด่า ตอนนี้ร่างของท่านพี่เปลี่ยนเป็นสีซีดๆมองแล้วน่าเวทนานัก ผมเริ่มจะกระวนกระวาย
   
“นาดีลช่วยท่านพี่เอียนด้วย” ทันทีที่ผมขอร้อง เจ้าชายนาดีลก็บีบอัดร่างสไลม์ของตัวเองแล้วดีดเข้าใส่คาลอสในร่างมังกร เสียงกระแทกดังถนัดถนี่รุนแรงจนคาลอสถึงกับกระอักเลือดออกมา ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนาดีลยังดีดตัวเข้าใส่อีกนับครั้งไม่ถ้วนไม่เปิดโอกาสให้คาลอสได้ตอบโต้
   
“อั่ก….แก…..” คาลอสตะลีตะลานอย่างหนัก ผมที่อยู่ในร่างของเจ้าชายนาดีลถึงแม้จะรู้สึกมึนศีรษะแต่ว่าเต็มใจเพราะต้องการที่จะให้เจ้าชายนาดีลจัดการกับคาลอสให้สิ้นซาก ตอนนี้ร่างสไลม์ของเจ้าชายนาดีลเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน กระแสไฟฟ้าจำนวนมากแปลบปลาบตามเนื้อตัวด้านนอกของร่างสไลม์ ผมเดาว่าเขาคงจะปิดบัญชี
   
แต่พริบตาที่เจ้าชายนาดีลผนึกธาตุสายฟ้าลงบนร่างของเขาคาลอสก็ช่วยโอกาสบินหนีไปเสียก่อน เจ้าชายนาดีลทำท่าจะบินตามล่าแต่ผมก็ห้ามเอาไว้
   
“นาดีลช่วยท่านพี่เอียนก่อนเถอะ” เพราะคำสั่งของผมเจ้าชายนาดีลถึงได้เลิกการตามล่า เจ้าชายนาดีลเด้งดึ๋งๆไปหาท่านพี่เอียน
   
“เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า” เหมือนท่านพี่จะรังเกียจและไม่ยอมให้เจ้าชายนาดีลช่วยเหลือ แต่ผมก็ไม่ลดละวอนขอนาดีลหลายครั้ง
   
“ข้ามีคริสตัลวิเศษอยู่อีกอันหนึ่ง เจ้ากลืนมันลงไปเพื่อระงับพิษซะ”
   
ตอนนี้ในร่างของเจ้าชายนาดีลปรากฏคริสตัลแบบเดียวกับที่เคยให้ผมรู้สึกอัศจรรย์ที่ของชิ้นนี้โผล่มาในร่างของเจ้าชายนาดีลในที่ที่ผมอยู่ตอนนี้ทั้งที่ตอนแรกไม่มีวี่แววว่าจะมีมันอยู่ซักนิด
   
“กลืนเข้าไปซะ” นาดีลคายคริสตัลลงตรงหน้าท่านพี่ แต่ท่านพี่กลับเมินเฉย
   
“อยากตายหรือไง” นาดีลทำเสียงเยาะหยัน
   
“ให้ข้าตายดีกว่ารับความช่วยเหลือของเจ้า” ถึงแม้จะจวนเจียนหมดแรงแต่ท่านพี่ยังคงดื้อแพ่ง ไม่รู้ว่าเพราะผมเอาแต่เฝ้าวอนขอให้ช่วยท่านพี่หรืออย่างไร เจ้าชายนาดีลกลืนคริสตัลเข้ามาในปากก่อนจะพองตัวให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่า เขาใช้ปริมาณพื้นที่ที่ตรงส่วนที่ไม่มีผมอาศัยอยู่ ยืดตัวนุ่มนุ่มจนเป็นรยางค์เข้าพันรัดร่างของท่านพี่เอียน อาศัยที่ท่านพี่เอียนไม่มีแรงต่อต้าน จุมพิตป้อนเอาคริสตัลผ่านทางปาก ด้วยความคาดไม่ถึงท่านพี่กลืนลงไปในพริบตา
   
“แก…..แก….” ท่านพี่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็นั่นแหละเหมือนว่าจะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกพิษได้อีก ท่านพี่เอียนสลบเหมือดไปทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่
   
“ท่านพี่เอียน….นาดีลท่านพี่คงไม่ได้ตายหรอกใช่ไหม”
   
“สบายบรื๋อ แค่สลบเพราะทนเจ็บไม่ไหว หรืออาจจะเสียขวัญที่ต้องปากต่อปากกับข้าก็ได้น้า” ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆตอนนี้นาดีลใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายที่จำลองให้เหมือนมือทั้งสองข้างอุ้มท่านพี่เอียนเอาไว้โดยไม่ยอมกลืนเข้ามาเหมือนตัวผม เขาบอกผมว่าท่านพี่เอียนยังติดพิษอยู่หากกลืนเข้ามาอาจจะแพร่เชื้อให้ผมด้วยก็ได้ ดังนั้นเราจึงเดินทางผ่านเข้าอาณาจักรสไลม์กันสามคนไปทั้งอย่างนั้น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปนานรีบกลับมาทยอยลงแล้วนะคะ

ไปพักสมองนานจนลืมอัพนิยายลงเลยไม่ว่าจะที่ตรงไหน55555

ขออภัยค่ะ

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่16 p3 27/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 27-09-2016 16:30:00
มารออ่าน o13
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่17 p3 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 28-09-2016 17:34:11
ตอนที่17
   
พวกผมถูกนาดีลพาบินมารวดเดียวก็มาถึงหมู่บ้านวินสโมกซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ เจ้าชายนาดีลบอกกับผมว่าต้องการพาท่านพี่เอียนมาดูอาการพักหนึ่งก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
   
เจ้าชายนาดีลยังคงอุ้มท่านพี่ด้วยมือจำลองที่สร้างขึ้นจากส่วนนุ่มนิ่มของร่างกายเขา ตอนนี้เขาคายผมออกจากปากแล้วและเราอยู่ตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อทหารเอลฟ์เห็นเจ้าชายนาดีลพวกเขาก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม
   
“ยินดีต้อนรับครับเจ้าชายนาดีล ข้าจะรีบนำข่าวที่ท่านมาเยือนไปแจ้งท่านลอร์ดฟินกอน”
พวกเราถูกขอให้นั่งพักอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน แต่ถึงจะเรียกว่าหมู่บ้าน วินสโมกก็ดูใหญ่โตและอลังการเกินกว่านั้นไปมาก และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้มาเยือนหมู่บ้านของพวกเอลฟ์ นั่นเป็นเพราะเอลฟ์นั้นแต่เดิมเป็นพันธมิตรกับเผ่าสไลม์
   
นอกจากนั้นเผ่าสไลม์ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกมอนสเตอร์หลายเผ่าไม่ว่าจะเป็นอ็อค ก็อบลิน หรือแม้แต่พวกลิซาร์ดแมนเพราะเผ่าพันธ์พวกนี้ล้วนอาศัยอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรสไลม์และพึ่งใบบุญกันอยู่
   
ต่างจากเผ่ามังกรที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเดี่ยว เพราะพวกเราสันโดษและเหย่อหยิงเกินกว่าที่จะคบหากับพวกเผ่าพันธุ์ที่คิดไปเองว่าต่ำชั้นกว่า คิดแล้วก็อดห่วงอนาคตของเผ่าพันธุ์ตัวเองไม่ได้ หากยังโดดเดี่ยวอย่างนี้ต่อไปเห็นทีภายภาคหน้าจะลำบากไม่น้อย
   
เรื่องนี้คาลอสเองก็คงจะเล็งเห็นดังนั้นผมไม่แปลกใจที่เขาจะพยายามหลอกล่อให้ท่านพี่แต่งงานกับเจ้าหญิงของเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์นั้นมีคนแคระและเอลฟ์เป็นพันธมิตรด้วย หากจะรบกับเผ่าสไลม์จำเป็นมากที่จะต้องมีเผ่าอื่นคอยสนับสนุน
   
“นาดีลเจ้ารู้ไหมว่าท่านพี่จะฟื้นเมื่อไหร่” ผมถามและเริ่มจะกังวลเพราะตลอดวันหนึ่งที่เดินทางมาท่านพี่เอาแต่หลับ นอนหายใจรวยรินราวกับคนใกล้จะสิ้นลม
   
“ไม่ต้องห่วงน่า ตอนที่เจ้าถูกพิษก็นอนหลับไปถึงสามวันเหมือนกัน ที่ข้าพาเจ้าและพี่ชายมาพักที่วินสโมกก็เพื่อให้ท่านฟินกอนช่วยเหลือนี่แหละ” ผมพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ แต่เจ้าชายนาดีลนี่สิดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจเขาปริ้นปากพร้อมกับตีฟองปุดปุดในร่าง
   
“เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือฟีล่า”
   
“ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ข้าแค่เป็นห่วงเพราะท่านพี่หลับนานเกินไปเท่านั้น” ตอนนี้เจ้าชายเปลี่ยนสีร่างสไลม์ของเขาเป็นสีทึบๆดูแล้วท่าทางจะงอนน่าดู
   
“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะแกล้งพี่เจ้าเพราะเป็นศัตรูหัวใจกันหรอกใช่ไหม” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลพ่นควันออกจากร่างดังปู๊นๆทั้งทั้งที่ร่างกายของเขาน่าจะไม่มีรูขุมขนหรือรูให้พ่นควันสักนิด แต่ก็ยังพ่นควันออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ อัยยะนี่ท่าทางผมจะไปสะกิดต่อมโกรธอะไรเขาเข้าแล้ว
   
“ข้าไม่ได้คิดนะ ข้า….ข้า….” ผมอึกอักไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ในตอนที่ผมลนลานอย่างหนักเจ้าชายนาดีลก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังทำเอาผมที่เหงื่อตกงงไปหมด
   
“ข้าล้อเล่นน่า ฟีล่านี้หลอกง่ายจริงจริ๊ง”
   
งอน ยอมรับเลยว่างอนหนักมาก ไม่ชอบเลยที่เขามาล้อเล่นแบบนี้ดังนั้นจึงไม่ยอมพูดจากับเจ้าชายนาดีลอีกถึงแม้เขาจะพยายามง้องอนในรูปแบบไหนก็ตาม
   
“เจ้าชายนาดีลท่านฟินกอนอณุญาตให้เข้าพบได้ครับ” ทหารเอลฟ์เดินเข้ามารายงาน พวกเขาเดินนำพวกผมเข้าไปในหมู่บ้าน เนื่องจากหมู่บ้านกว้างราวกับเมืองๆหนึ่งจึงถูกเชิญให้นั่งรถม้าเพื่อพาเข้าไปในหมู่บ้าน
   
“ยังงอนอยู่อีกหรือฟีล่า” ผมทำเมินเจ้าชายนาดีลโดยการทำเป็นไม่มองหน้าอยากมาล้อเล่นแบบนั้นทำไมล่ะ
   
“เอาเถอะข้าจะรอให้เจ้าหายโกรธข้านะ” หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างเงียบ เสียงรถม้าวิ่งดังกุกกักดังเสียจนผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ ผมอยากให้เจ้าชายนาดีลง้อให้มากกว่านี้นี่นา แต่เขาก็ทำนิ่งเฉยเหมือนถูกปั่นหัวอยู่ยังไงชอบกลนะ ผมควรจะเลิกเล่นตัวแล้วให้อภัยเขาดีกว่าไหมนะ
   
ผมแอบลอบมองดูเจ้าชายนาดีลจาดด้านข้าง ตอนนี้เจ้าชายนาดีลกระพรือปีกบินพั่บๆมองดูทัศนียภาพด้านนอกจากในรถม้าพร้อมกับผิวปากเป็นทำนองเพลงไปเรื่อย ท่าทางอารมณ์ดีน่าดู หรือว่าผมจะต้องเป็นฝ่ายไปง้อเขาซึ่งเป็นฝ่ายแกล้งก่อนจริงๆ ไม่ยุติธรรมเลยซักนิด
   
“นา…” ยังไม่ทันจะเอ่ยปากเรียกรถม้าก็หยุดเคลื่อนที่เสียก่อน พวกทหารเอลฟ์เชิญให้เราลงจากรถ พวกผมถูกพาเข้าไปในอาคารสวยงามและเลิศหรูซึ่งน่าจะสมฐานะของท่านลอร์ดฟินกอนโดยมีทหารบางคนช่วยแบกร่างของท่านพี่ตามหลังมา
   
“อา…..เจ้าชายนาดีลยินดีที่ได้พบท่าน” เมื่อพบหน้าลอร์ดฟินกอนก็เอ่ยทักเจ้าชายนาดีลอย่างมีไมตรีจิตร ท่าทางพวกเขาดูสนิทกันมากเพราะลอร์ดฟินกอนเข้ามากอดเจ้าชายนาดีลหนึ่งครั้งก่อนจะวางเจ้าชายลง
   
“แล้วนี่คือ…..” ลอร์ดฟินกอนตั้งคำถามด้วยใบหน้าสงสัยแน่ล่ะเขาไม่เคยเห็นผมมาก่อนนี่นะ
   
“นี่คือคู่หมั้นของข้าเองท่านลอร์ด เจ้าชายฟีล่าแห่งเผ่ามังกร” เจ้าชายนาดีลโดดเด้งดึ๋งๆไปรอบๆตัวผมขณะแนะนำ เขายิ้มกว้างดูท่าทางจะมีความสุข
   
“คู่หมั้นของข้าสวยมากใช่ไหม ท่านลอร์ดฟินกอน” อยากจะทุบเขาให้หนักๆ อยู่ๆก็มาป้อยออวดอ้างเกินจริงต่อหน้าคนอื่นทำเอาผมอับอายจนหน้าแดง
   
“งาม งดงามอย่างที่ท่านว่านั้นแหละเจ้าชายนาดีล” เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบใจพลางเด๋งดึ๋งไม่เลิก ปวดหัวเสียแล้วสิอยากให้เขาเลิกทำตัวบ้าๆเสียที
   
“แต่เจ้าชายนาดีลข้าได้ยินมาว่าเจ้าชายฟีล่าจะแต่งงานกับราชาองค์ใหม่ของเผ่ามังกรไม่ใช่หรือ” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลหยุดกระโดดแล้ว พวกเราสองคนทำหน้าเคร่งขรึมเกือบจะพร้อมๆกัน
   
“เรื่องมันยาวท่านฟินกอน” กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็ขอให้พวกทหารนำร่างที่สลบอยู่ของท่านพี่เข้ามา ลอร์ดฟินกอน ทำหน้าฉงนอย่างที่สุด
   
“นี่คือ” ลอร์ดฟินกอนตั้งคำถาม
   
“นี่คือราชาเอียน ราชาเอียนถูกพิษจากผู้ทรยศ” เจ้าชายนาดีลตอบเสียงขรึม ตอนนี้เองผมไม่รอช้าขอให้ลอร์ดฟินกอนช่วยท่านพี่
   
“ท่านลอร์ดฟินกอน เจ้าชายนาดีลบอกว่าท่านน่าจะช่วยท่านพี่ได้ ได้โปรดเถอะครับช่วยท่านพี่ด้วย” สิ้นคำพูดของผมลอร์ดฟินกอนก็เข้าไปสำรวจดูท่านพี่เอียน
   
“ข้าให้เขากลืนคริสตัลวิเศษเข้าไปก่อนที่จะพามา” นาดีลบอกพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ๆท่านฟินกอน
   
“อา…..ถ้าได้กินคริสตัลแห่งซาเอรอสเข้าไปก็ไม่มีอะไรน่าห่วงล่ะ ก็แค่รอให้เขาฟื้นและพักรักษาตัวเท่านั้น เจ้าชายฟีล่าท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะ” จากนั้นลอร์ดฟินกอนก็ปรบมือเรียกข้ารับใช้เข้ามา
   
“พาคนผู้นี้ไปพักผ่อนที่ห้องรับรองที่ดีที่สุดจัดหญิงรับใช้คอยดูแลส่วนตัวด้วย” จากนั้นเหล่าข้ารับใช้ชายก็นำร่างของท่านพี่เอียนไปผมอยากจะตามไปด้วยแต่ก็ลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะอยู่พูดคุยกับลอร์ดฟินกอนต่อไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
   
“พอเห็นราชาเอียนเป็นแบบนี้ ข้าก็เริ่มจะเชื่อข่าวลือแล้วสิที่ว่าเผ่ามังกรมีผู้นำคนใหม่”
   ผมไม่แปลกใจเกี่ยวกับข่าวที่ลอร์ดฟินกอนเล่า แต่สนใจในสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปอย่างมาก
   
“ผู้นำคนใหม่มีชื่อว่าคาลอส น่าจะเป็นตาของราชาเอียนใช่หรือไม่ เจ้าชายฟีล่า”
   
“ใช่ครับ นอกจากนั้นคาลอสยังเป็นคนทำร้ายท่านพี่ด้วยพิษของมังกรอีกด้วย” ผมกำหมัดแน่นพยายามไม่แสดงออกถึงความโกรธที่เริ่มพลุ่งพล่าน ถึงแม้ท่านพี่เอียนจะทำผิดมากแต่ก็อดโกรธแทนท่านพี่ไม่ได้
   
“เรื่องช่างดูจะวุ่นวายเสียเหลือเกินไหนช่วยเล่าเท้าความให้ข้าฟังทีเถอะ หากไม่เป็นการรบกวนเจ้าชายฟีล่ามากเกินไป”
   
“ไม่เลยครับ” ผมส่ายหน้าไปมาแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวอย่างคร่าวๆให้ลอร์ดฟินกอนฟังถึงแม้จะกระอักกระอ่วนใจที่ต้องเล่าถึงปัญหารักๆใคร่ๆ แต่ก็กลัวมากกว่าว่าลอร์ดฟินกอนจะไม่ยอมให้ที่พักพิงแก่ท่านพี่ดังนั้นจึงเล่าไปอย่างไม่ปิดบังมังก
   
“ไม่นึกเลยว่าเผ่ามังกรจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น อันที่จริงเราก็เคยเป็นตัวกลางพยายามขอให้เผ่ารสงบศึกกับเผ่าสไลม์มาหลายครั้ง แต่เจ้าชายฟีล่าก็คงเข้าใจ เผ่ามังกรเย็นชายโส พวกเขาเห็นพวกเราต่ำชั้นกว่าและไม่เคยฟังใคร”
   
ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่อาจเถียงออกไปได้ เพราะตามประวัติศาสตร์ที่ได้เรียนมากับท่านอาจารย์ แม้แต่อาจารย์ยังสอนให้ผมเหย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของสายเลือดอันแข็งแกร่ง

แต่เนื่องจากผมมีความคิดอ่านเป็นของตัวเองที่ได้มาจากชาติก่อนอย่างละนิดละหน่อย ผมจึงเห็นว่าความยโสหรือความทระนงในเผ่าพันธุ์ของชาวมังกรมันออกจะเลยเถิดไปหน่อยนอกจากนั้นท่านพ่อท่านแม่ของผมยังสอนอยู่เสมอว่าให้อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้จะได้เป็นที่รัก ผมก็พยายามอย่างที่สุดนะที่จะทำตามคำสอนของท่านพ่อท่านแม่

“แล้วนี่เจ้าชายฟีล่าจะทำอย่างไรต่อไป” ผมอึ้งเมื่อถูกถาม ตอนแรกผมคิดว่าจะแต่งงานกับเจ้าชายนาดีลตามคำสาบานแล้วขอให้เจ้าชายยกกองทัพไปปราบท่านพี่ที่เป็นกบฏ แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าท่านพี่ก็เป็นผู้เสียหาย

ตอนนี้ผมต้องเริ่มคิดใหม่ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป หลักๆคือผมกังวลเรื่องรักๆใคร่ระหว่างท่านพี่ผมและเจ้าชายนาดีล นอกจากนั้นยังกลัวว่าเมื่อไปถึงอาณาจักรสไลม์ราชามาริกและเจ้าชายนาดีลจะสั่งลงโทษท่านพี่ตามความผิดที่ได้ทำเอาไว้ ผมแค่ไม่อยากให้ท่านพี่ถูกทำร้ายไปมากกว่านี้

“ข้า…..ข้ายังไม่ทราบเหมือนกันครับว่าจะทำอย่างไรต่อไป” ลอร์ดฟินกอนเลิกคิ้วต่อคำตอบของผม โชคดีที่เจ้าชายนาดีลขัดจังหวะกู้สถานการให้ผม

“ท่านลอร์ดเอโอฟีโอนอร์ ดีเนนเดล ล่ะครับ” ผมสงสัยว่าคนที่เจ้าชายนาดีลเอ่ยถึงเป็นใคร แต่ก็ทำนิ่งเอาไว้เพราะเจ้าชายช่วยแก้สถานการณ์ให้ผมอยู่ ตอนนี้ลอร์ดฟินกอนหัวเราะชอบใจก่อนจะเรียกคนใช้ให้มาหา

“ไปเรียก เอโอ ฟีโอนอร์ กับดีเนนเดลมา”

ไม่นานนักบุคคลเจ้าของชื่อทั้งสามก็มาถึง หนึ่งในนั้นสองคนเป็นหญิงสาวที่งดงามสะคราญตาและอีกหนึ่งเป็นเด็กหญิงวัยแปดขวบที่น่าตาหน้าเอ็นดูอย่างยิ่ง เมื่อทั้งสามเห็นเจ้าชายนาดีลก็พากันเข้ามาห้อมล้อมแล้วแย่งกันกันกอดรัดเจ้าชายนาดีลกันจ้าละหวั่น คนถูกกอดหัวเราะชอบใจ

“คิดถึงเจ้าชายนาดีลที่สุด”

“ท่านไม่ได้มาเยี่ยมพวกเรานานแล้วนะคะ”

“ไหนของฝากละคะท่านพี่”
   
พวกสาวๆทำเสียงเจี๊ยวจ๊าว ดูวุ่นวายไปหมด เจ้าชายนาดีลไม่มีที่ท่าว่าจะรำคาญ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าภายในจิตใจมันปั่นป่วนยังไงชอบกล
   
“อา….หยุดๆก่อน เอโอ ฟีโอนอร์ ดีเนนเดล ข้าดีใจที่ได้พบน้องสาวอย่างพวกเจ้านะ แต่ข้าก็ภูมิใจนำเสนอที่จะแนะนำคนของข้าให้รู้จัก” ตอนนี้พวกสาวๆหยุดส่งเสียงดังพวกเธอมองมาที่ผมอย่างสนอกสนใจ
   
“นี่คือฟีล่าคู่หมั้นของข้าเอง” หนึ่งในสองสาวมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่เด็กหญิงที่อายุน้อยที่สุดนี่สิมองผมประหนึ่งว่าผมเป็นศัตรู
   
“แนะนำตัวสิพวกเจ้า” เจ้าชายนาดีลบอกพวกสาวๆ พวกเธอจึงเริ่มแนะนำตัวกับผม
   
“ข้าดีเนนเดล เป็นพี่สาวคนโตค่ะ” ผมมองดีเนนเดลซึ่งมีผมหยักศกสีทองและผิวขาวผุดผ่องเธอยิ้มกว้างให้ผมก่อนที่คนต่อมาจะแนะนำตัวเธอมีผมเส้นตรงยาวสีทองแต่ผิวออกไปทางสีแทนนิดๆ

   “ข้าฟีโอนอร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะท่านฟีล่า” ผมเดาว่าเธอน่าจะเป็นน้องสาวคนรอง อดไม่ได้ที่จะมองต่อไปยังเด็กหญิงคนสุดท้ายที่ถลึงตาใส่ผมไม่ลดละ เธอกระฟัดกระเฟียดไม่ยอมทำความรู้จักกับผม
   
“ข้าไม่อยากแนะนำตัวกับศัตรูหัวใจค่ะ” ประกาศกันโต้งๆ ผมได้แต่มองดูเจ้าชายนาดีลว่าเขาจะมีปฏิกริยาอย่างไร แต่เขาเอาแต่หัวเราะ โธ่เอ๊ยนี่ผมต้องกลายมาเป็นศัตรูของผู้หญิงหรือนี่
   
“ตายแล้ว ขอโทษด้วยนะคะท่านฟีล่าเอโอพูดจาเลื่อนเปื้อนก้าวร้าวท่านคงไม่ถือสานะคะ” ดีเนนเดลไม่พูดเปล่ายังหยิกเข้าที่แขนของเอโอ เด็กหญิงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
   
“แนะนำตัวกับท่านฟีล่าเสีย” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถต่อต้านพี่สาวได้เอโอจึงแนะนำตัวกับผมอย่างเสียไม่ได้
   
“ข้าเอโอค่ะ เป็นหญิงสาวที่น่าจะมีโอกาสได้เป็นคู่หมั้นของท่านพี่นาดีลก่อนท่านค่ะ”
   
“อย่าพูดจาไร้สาระนะเอโอ” ดีเนนเดลตีแขนเอโอดังผัวะ ผมตั้งใจจะขอร้องเหมือนกันว่าอย่าไปตีเอโอเลยแต่ในตอนนั้นฟีโอนอร์ก็พูดจาชวนให้ผมอึ้งเสียก่อน
   
“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะคะท่านฟีล่าก่อนหน้าที่พวกท่านจะหมั้นกับเจ้าชายนาดีล พวกเราสามคนถูกวางตัวว่าคนใดคนหนึ่งอาจจะต้องหมั้นกับเจ้าชายนาดีลเหมือนอย่างท่านตอนนี้ แหมนึกแล้วข้าก็เสียดายอยู่นะคะฮิฮิ”
   
“พอพอได้แล้ว” ดีเนนเดลพยายามปรามน้องๆของพวกเธอ ข่าวสารใหม่เกี่ยวกับเจ้าชายนาดีลทำให้ผมอึดอัดใจไปหมด ยิ่งการที่พวกสาวๆแสดงท่าทางว่ายังชอบเจ้าชายนาดีลอยู่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทุบ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมมองดูดีเนนเดลพยายามยามต้อนน้องสาวของเธอไปตามทางจนลับตาไป

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาต่อแล้วจ้า
   
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่17 p3 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-10-2016 16:07:08
เรื่องพลิกเร็วดีนะเนี่ย เอียนรู้เรื่องเร็วกว่าที่คิกไว้เยอะเลย ^^
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่18 p3 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 01-10-2016 16:11:00
ตอนที่18
   
หลังจากพูดคุยเรื่องสำคัญกับลอร์ดฟินกอนเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็พากันมายังห้องที่ถูกจัดเอาไว้ให้ ผมกับเจ้าชายนาดีลยังคงนอนห้องเดียวกัน นั่นเป็นเพราะเจ้าชายนาดีลเป็นคนขอกับลอร์ดฟินกอนด้วยตัวเอง
   
เมื่อมาถึงที่ห้องพัก ผมยังจิตใจไม่สงบ เหมือนว่าไม่อาจสลัดภาพของเอโอที่มองมาด้วยสายตาเป็นศัตรูได้ นอกจากนั้นยังร้อนระอุแบบแปลกๆกับความสนิทชิดเชื้อที่เจ้าชายนาดีลมีต่อสามสาว
   
“นี่….นาดีล จริงหรือที่เอโอบอกว่าพวกนางเคยถูกวางตัวเป็นคู่หมั้นของเจ้ามาก่อน” ถามออกไปเพราะอัดอั้นตันใจชอบกล นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้นับจากเจ้าชายนาดีลให้ความสนิทสนมกับราอูลเพื่อนสนิทจนผมอดอิจฉาไม่ได้
   
“เรื่องนี้เองหรอกหรือ” เจ้าชายนาดีลหัวเราะเสียงดัง ฉุนนิดๆที่ผมอุตส่าห์รวบรวมความกล้าถามอย่างจริงจังแต่เขากับเห็นเป็นเรื่องตลก

   “จริงอยู่ว่าเคยถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นกัน แต่อย่าไปสนเลยยังไงตอนนี้ข้าก็เป็นคู่หมั้นของเจ้าแล้วข้าก็รักเจ้าที่สุด” ผมหน้าแดงก่ำไม่คาดคิดว่าเขาจะบอกรักผมกะทันหัน คำพูดอันร้อนแรงของเจ้าชายนาดีลทำให้ผมใจเต้น
   
ไม่นะ เจ้าหัวใจบ้าเต้นให้เบาและช้าลงกว่านี้หน่อยสิ

   ผมใช้มือกุมหน้าอกตัวเองหวังว่ามันจะช่วยชะลอจังหวะหัวใจที่เต้นตุบๆลงบ้าง แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย คืนนั้นผมหลับอยู่บนเตียงกับเจ้าชายนาดีลซึ่งอยู่ในร่างสไลม์ ระหว่างที่เขาหลับผมก็แอบตื่นเฝ้ามองดูเสี้ยวหน้ากลมๆนุ่มนิ่มจนในที่สุดก็เผลอหลับไปด้วยความเพลีย

   เสียงเคาะประตูดังถี่ถี่ที่หน้าห้องของพวกผม ผมกับเจ้าชายนาดีลสะดุ้งสุดตัว อารมณ์เสียนิดๆที่มีคนเสียมารยาทเคาะประตูรัวๆปลุกให้ตื่นแต่เช้าตรูดูแล้วช่างไร้กาลเทศะ
   
“ท่านพี่นาดีลค่ะข้าเอโอเองคะช่วยเปิดประตูที” ที่แท้เอโอนี่เองผมได้แต่ถอนหายใจ สุดท้ายก็เดินไปเปิดประตูห้องด้วยไม่อาจทนให้อีกฝ่ายเสียงดังรบกวนต่อไปอีก เมื่อเปิดประตูเอโอเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มในทีแรกเป็นนางเสือร้ายแทบจะในทันที
   
“ทำไมท่านฟีล่าถึงมานอนในห้องเดียวกันกับท่านพี่นาดีลได้ล่ะคะนี่” ผมส่งยิ้มแหยๆไปให้ไม่รู้จะตอบยังไง

   “ข้าเป็นคนขอท่านฟินกอนเองล่ะว่าจะพักห้องเดียวกับฟีล่า” เจ้าชายนาดีลตอบเสียงงัวเงีย แต่ไม่นานนักหรอกเขาก็ตาใสปิ๊งแล้วรีบกระพือปีกบินเข้ามาหาผมผมยื่นมืออกไปรับร่างนุ่มนิ่มของเขามาไว้ในอ้อมกอด

   “ส่งท่านพี่นาดีลมาให้ข้าเถอะค่ะท่านฟีล่า” แทบจะในทันทีที่ผมได้อุ้มเจ้าชายนาดีล เอโอก็ขอเจ้าชายนาดีลจากมือของผม บรรยากาศขมุกขมัวลอยฟุ้งอยู่รอบตัวระหว่างผมกับเอโอ
   
“เร็วหน่อยสิคะ นี่ข้าอุตส่าห์ช่วยไม่ให้ท่านฟีล่าต้องเหนื่อยแรงอุ้มท่านพี่นาดีลนะคะ” ไม่อยากมีเรื่องกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ดังนั้นจึงส่งเจ้าชายนาดีลให้เธอทั้งๆที่รู้สึกไม่ชอบใจลึกๆ ผมไม่ได้เหนื่อยหรือเมื่อยเลยซักนิดกับแค่อุ้มเจ้าชายสไลม์ที่น่ารักนุ่มนิ่มแถมเขายังเป็นคู่หมั้นของตัวเอง แต่ว่านะด้วยผมไม่รู้ว่าถ้าขัดใจเอโอเธอจะแสดงกริยาร้ายกาจแบบไหนออกมาหรือเปล่า เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้นผมจึงยอมโดยละม่อม
   
“ท่านพี่นาดีลไปกันเถอะคะตอนนี้แม่ครัวของเรากำลังเตรียมอาหารอยู่เราไปดูกันนะคะ” เธอพูดด้วยท่าทางร่าเริงแต่ตอนพูดกับผมนี่สิ ผิดกันไปไกล
   
“ส่วนท่านฟีล่าไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนเถอะค่ะ พอท่านเตรียมตัวเสร็จอาหารคงพร้อมบนโต๊ะพอดี เจอกันที่ห้องอาหารนะคะ”
   
“อยู่คนเดียวได้นะฟีล่า” ผมยิ้มให้เจ้าชายนาดีลตอนแรกตงิดๆที่เหมือนถูกกีดกัน แต่โล่งใจขึ้นมาหน่อยที่เจ้าชายนาดีลยังไม่ได้ลืมผมไปเสียทีเดียว
   
“แหม…ท่านพี่นาดีลนี่ละก็ ท่านฟีล่าก็โตแล้วนะคะ จะห่วงอะไรหนักหนา เอ๊ะหรือว่าท่านฟีล่ายังเป็นเด็ก” ขมวดคิ้วนิดๆ คิดไปเองหรือเปล่านะว่าถูกเด็กหญิงประชดประชัน เฮ้อ……เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพวกผู้หญิงเวลามีความรักจะน่ากลัวได้ขนาดนี้
   
“นาดีลไปเถอะ ยังไงข้าก็ยังไปไหนไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ชำระล้างร่างกาย”
   
“เห็นไหมล่ะคะท่านพี่นาดีล” เอโอร่าเริงสุดๆคงจะดีใจที่กันผมออกไปได้ ตอนนั้นเจ้าชายนาดีลก็ผละจากอ้อมกอดของเอโอ กระพือปีกบินมาหาผมและใช้ปากของเขาจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของผม
   
ดีใจ

   ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจมากเกินกว่าที่จะโกรธหรืออายที่เขาอาจหาญจูบผมต่อหน้าคนอื่น แต่เอโอนี่สิแทบกรี๊ดออกมาเธอกระทืบเท้าอย่างแง่งอนคว้าเอาร่างของเจ้าชายนาดีลไปกอดรัด ปากก็พูดว่าท่านพี่นาดีลชักช้าไปแล้วก่อนจะรีบวิ่งจากไป นั่นแหละถึงจะจากไปแต่ยังไม่วายส่งสายตาท้าทายมาที่ผมอีกด้วย ได้แต่ถอนหายใจจริงๆ
   
หลังจากเอโอและเจ้าชายนาดีลลับตาไปผมก็ไปที่ห้องอาบน้ำเริ่มต้นชำระล้างร่างกายแล้วแวะไปที่ห้องของท่านพี่เอียนดูอาการท่านพี่ที่ยังคงหลับสนิทจนมีคนมาเชิญให้ไปยังห้องอาหาร

   ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเมื่อผมไปถึง และที่ข้างๆของเจ้าชายนาดีลมีเอโอนั่งอยู่ เอาเถอะแค่ที่นั่งทานอาหารผมไม่คิดมากหรอก ขณะที่มองดูว่าจะนั่งตรงไหน ดีเนนเดลและฟีโอนอร์ก็กวักมือเรียกผมไปนั่งใกล้ๆพวกเธอ

   “พวกข้านึกว่าท่านหลงทางเสียแล้วค่ะท่านฟีล่า” ดีเนนเดลเอ่ยพูดกับผมเป็นคนแรก

   นั่นสิคะท่านฟีล่ามาช้ามาก…..ปล่อยให้พวกเราหิ้วท้องรอท่านเพียงคนเดียว” ถูกเอโอเหน็บแนมเสียแล้วผมได้แต่ทำใจเพราะรู้ตัวดีว่าเด็กหญิงมองผมเป็นศัตรูความรัก

   “ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
   
“ไม่รอนานขนาดนั้นหรอกค่ะท่านฟีล่า ใช่ไหมคะท่านพ่อ” ฟีโอนอร์หันไปถามความเห็นท่านฟินกอน ลอร์ดฟินกอนเองก็ดูจะไม่ถือสาผมเขาส่งยิ้มมาให้ผม

   “ว่าแต่ท่านมัวไปอยู่ที่ไหนมาละคะ” เอโอถามผม เหมือนเด็กหญิงจะไม่ยอมให้จบลงง่ายๆผมได้แต่ลอบถอนใจ
   
“ข้าไปดูอาการท่านพี่เอียนมานะครับ เพราะเป็นห่วงก็เลยเผลอเฝ้านานไปหน่อย”

   “อ๋อ….ถ้าท่านเป็นห่วง ทำไมไม่นอนพักห้องเดียวกันเสียกับท่านพี่ของท่านเสียเลยล่ะคะ” ผมได้แต่อึ้ง ใช่จะโต้ตอบไม่ได้แต่ไม่อยากโต้ตอบและที่อึ้งนั่นก็เพราะไม่คิดว่าเอโอเธอจะเกลียดผมจนหาเรื่องไปเสียทุกเรื่องแบบนี้

   “ท่านพ่อเองก็เห็นว่าไม่สมควรใช่ไหมคะ กับคู่หมั้นที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ให้นอนพักในห้องเดียวกันบัดสีออกจะตายไป ไม่ทราบว่าท่านไม่รู้จักหวงตัวหรือรักศักดิ์ศรีเลยหรือไงคะ”

   วาจาของเอโอช่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าเด็กแค่แปดขวบจะพูดจาร้ายกาจได้ขนาดนี้ในตอนนั้นฟีโอนอร์กลับหัวเราะคิกคักกับคำพูดของน้องสาวผมหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ

   “ขอโทษนะคะที่ข้าอดหัวเราะไม่ได้ท่านฟีล่า” ฟีโอนอร์ขอโทษขอโพยผมแต่ยังหัวเราะไม่เลิก
   
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ การที่ท่านฟี่ล่ากับท่านพี่นาดีลนอนด้วยกัน มันออกจะชัดเจนถึงเพียงนั้น พวกเขาเป็นคนรักกันจะมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมันจะแปลกอะไร”
   
เอโอนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนที่สีหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นแดงสลับกับเขียว แล้วก็ดังคาดเธอแผดเสียงออกมา

   “ไม่จริงใช่ไหมคะท่านพี่นาดีล” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลสะดุ้งเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่ผิวปาก
   
“ท่านพี่นาดีลตอบมาสิคะ”

“พอเสียทีเถอะเอโอ หากเจ้ายังเสียมารยาทไปมากกว่านี้พ่อจะลงโทษเจ้าแล้วนะ”   สุดท้ายแล้วผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านก็ออกโรงจนได้ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของท่านฟินกอนทำเอาคนบนโต๊ะเกือบหยุดลมหายใจ เอโอปล่อยโฮออกมาแทบจะในทันที

“ท่านพ่อกับท่านพี่นาดีลบ้าที่สุด” หลังจากแผดเสียงด่าเอโอก็วิ่งออกไปจากห้องอาหาร ดีเนนเดลดูเป็นกังวลและทำท่าจะตามไป แต่ก็ถูกท่านฟินกอนห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องตาม จะไปโอ๋คนผิดทำไม”

หลังจากนั้นอาหารเช้าก็ผ่านไปด้วยบรรยากาศที่ไม่สู้จะดีนักถึงแม้ท่านฟินกอนและฟีโอนอร์จะพยายามสร้างบรรยากาศอันดี แต่ผมกับดีเนนเดลยังรู้สึกแย่จนไม่สามารถสนุกสนานได้อย่างที่ควรจะเป็น สุดท้ายคนที่ทานอาหารเสร็จเป็นคนแรกและขอตัวออกไปก็เป็นดีเนนเดล ผมเดาว่าเธอคงจะรีบไปปลอบโยนเอโอแน่ๆ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปดูท่านพี่หน่อยนะครับ” พอทานอาหารเสร็จผมก็ขอตัว เจ้าชายนาดีลบอกผมว่าเขาจะอยู่พูดคุยกับท่านฟินกอนอีกหน่อย ดังนั้นในห้องจึงเหลือแค่เพียงท่านฟินกอน เจ้าชายนาดีล และฟีโอนอร์ แต่ว่าก่อนที่ผมจะออกจากห้องดีเนนเดลก็กลับเข้ามาอีกครั้ง

เมื่อมาถึงห้องที่ท่านพี่เอียนนอนอยู่ผมร้องขอให้คนรับใช้น้ำอางบรรจุน้ำอุ่นกับผ้าเช็ดตัวมาให้ ผมเริ่มต้นดูแลท่านพี่ด้วยการเช็ดตัวให้อย่างเบามือ ขณะที่อะไรต่อมิอะไรกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง

“เชิญครับ” ทันทีที่อนุญาตเอโอก็เปิดประตูเข้ามา ดวงตาของผมเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าเธอจะมีธุระกับคนที่เห็นเป็นศัตรูหัวใจอย่างผม

“ท่านทำอะไรอยู่หรือคะ” เธอถามผมพร้อมกับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

“อ้อที่แท้ก็เช็ดตัวให้ท่านพีของท่านนี่เอง พวกท่านนี่รักกันดีนะคะ” ผมไม่รู้จะตอบอะไรจึงได้แต่พยักหน้า มือของผมยังง่วนอยู่กับการเช็ดตัวให้ท่านพี่

“ข้าได้ข่าวว่าท่านพี่ของท่านประกาศว่าจะแต่งงานกับท่าน ทำไมท่านไม่แต่งงานกับท่านพี่ของท่านไปละคะ” ถูกถามเข้าประเด็นที่ผมไม่อยากจะให้มายุ่งเสียแล้ว ไม่อยากจะหงุดหงิดใส่เด็กๆแท้ๆ ผมพยายามปั้นยิ้มแล้วหันไปพูดคุยกับเธอ แต่ทว่าพอหันไปทางเอโอ เด็กหญิงเป่าฝุ่นผงสีทองในมือเข้าใส่หน้าของผม สูดเข้าไปเต็มรัก ผมไอ ขณะที่ไอก็รู้สึกว่าตาพร่ามัว ง่วง ในที่สุดดวงตาผมก็ปิดลง

เสียงพูดคุยของใครบางคนปลุกให้ผมตื่น ผมลืมตาตื่นขึ้น โชคร้ายผมถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกแน่นหนาแถมยังมีผ้ายัดเข้ามาไว้ในปากทำให้พูดไม่ได้ นอกจากนั้นตอนนี้ผมถูกพามาวางไว้บนเตียงเคียงคู่กับท่านพี่เอียน มีผ้าห่มบางๆคลุมร่างของผมเอาไว้ ทำให้ผมพอมองเห็นเหตุการณ์รอบตัวได้ ที่ตรงหน้าผมกับเจ้าชายนาดีลในร่างมนุษย์กำลังกอดกันอยู่

บ้าชัดๆก็ตัวผมยังถูกมัดอยู่ตรงนี้นี่!!!

“นาดีลเจ้ารักข้าไหม” ผมอีกคนตั้งคำถามขณะอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายนาดีล เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮาฮาชอบอกชอบใจ

“แน่นอนสิว่าข้ารักเจ้า คนซื่อบื้อเจ้ารู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม”

“ถ….ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำกับข้าเหมือนที่ผู้ใหญ่เขาทำกันหรือไม่” ผมอึ้งเจ้าชายนาดีลเองก็อึ้งเช่นกัน เริ่มจะรู้จุดประสงค์ของคนร้ายแล้วหากว่าคนร้ายเป็นคนที่ผมคิดซึ่งน่าจะไม่ผิด ผมไม่อยากให้แผนการของเธอสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อตัวผมเองเท่านั้นแต่เพื่อเธอด้วย ผมจะยอมให้เธอมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเจ้าชายนาดีลในร่างของผมไม่ได้

แต่ถึงแม้จะบอกว่าเพื่อเธอก็ตาม แต่ในใจลึกๆแล้ว ใจจริงของผม มันร้อนรุ่มดังไฟเผา อา……ในที่สุดผมก็รู้ตัวจนได้ ผมไม่สามารถทนให้เจ้าชายนาดีลไปมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับใครอื่นได้ ผมในตอนนี้รับรู้ด้วยหัวใจว่าผมนั้นมีใจให้เจ้าชายนาดีลเป็นความรักที่เพิ่งจะรู้ชัดก็ตอนนี้นี่เอง

“เจ้าจะยอมให้ข้ากอดจริงๆนะหรือ” เจ้าชายนาดีลถามสีหน้าจริงจัง ตอนนี้ผมพยายามขยับตัวให้มากที่สุดอย่างน้อยหากผมกลิ้งลงไปกองที่พื้นอาจจะเรียกให้เจ้าชายนาดีลมาสนใจก็ได้ แต่ก็ต้องชะงักไปด้วยความตกใจ เมื่อเอโอในร่างผมโผเข้าจุมพิตเจ้าชายนาดีลด้วยใบหน้าของผมเอง


หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่19-20 p3 3/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 03-10-2016 12:39:47
ตอนที่19

ผมมองดูเอโอในร่างผมจูบกับเจ้าชายนาดีลด้วยท่าทางประหม่า เจ้าชายนาดีลเองก็ดูท่าทางจะประหลาดใจ แต่ก็ยอมรับจูบโดยง่าย เมื่อต่างฝ่ายต่างถอนจูบออกเอโอในร่างผมอิงแอบแนบชิดกับร่างของเจ้าชายนาดีลเป็นการบอกความในบางอย่าง

“เจ้าเป็นใครกันแน่” คำพูดของเจ้าชายนาดีลนั้นคงทำให้เอโอตกใจเธอผวาออกห่างจากตัวเจ้าชายนาดีลสีหน้าพรั่นพรึงของเธอบอกชัดว่ารู้สึกอย่างไร ผมดีใจอย่างมากที่เจ้าชายนาดีลรู้สึกตัวว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ผม

“พูดอะไรของเจ้าข้าก็ฟีล่าไงล่ะ” เอโฮเหมือนจะยังไม่เลิกโกหก เจ้าชายนาดีลยักไหล่ ตอนนี้ผมพยายามอีกครั้งที่จะขยับเลื่อนตัวให้ตกลงจากเตียง

“ฟีล่าเขามียางอายมากกว่านี้ ที่รักของข้าไม่เคยรุกเข้าหาหรือทำตัวร่านราคะแบบนี้มาก่อน” เอโอในร่างผมสะอึกกับคำด่าที่แสนร้ายกาจ เจ้าชายนาดีลเดินตรงมายังเตียงบริเวณที่มีผมอยู่แล้วเลิกผ้าห่มขึ้น เราสองคนจ้องตากัน น้ำตาของผมรื่นขึ้นมาด้วยความดีใจ

“จะซ่อนอะไรน่าจะทำให้เนียนกว่านี้ซักหน่อย ที่เตียงนี่มองดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีคนอยู่สองคน” เจ้าชายนาดีลค่อยๆเอาผ้าที่อุดปากผมออก เขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“เจ้าคือฟีล่าที่รักของข้าใช่หรือไม่”

“นาดีล” ผมเรียกชื่อเจ้าชายนาดีลด้วยความเต็มตื่น ปลื้มปิติยิ่งนักที่เขาไม่หลงกลของเอโอ

“เจ้าคงขวัญเสียสินะ ที่ถูกจับมัดแบบนี้คนดีของข้า” เขาแก้มัดผมออกพลางจุมพิตลงมาบนหน้าผากของผม ดูเหมือนว่าเอโอจะทนมองไม่ได้สุดท้ายเธอก็คืนร่างเดิมทั้งน้ำตา

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะเอโอ”เจ้าชายนาดีลปลายตามองตำหนิไปยังเด็กหญิงโดยไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก แต่เอโอนั้นกลับทนสู้หน้าไม่ได้เองเธอวิ่งหนีออกจากห้องไปทิ้งให้ผมอยู่ลำพังกับเจ้าชายนาดีลอีกครั้ง

“เจ้าโกรธเอโอหรือไม่” เจ้าชายนาดีลถามหลังจากแก้มัดผมจนหมด ยอมรับล่ะว่าโกรธแต่ในเมื่อเรื่องมันจบลงโดยไม่มีใครเสียหายก็ไม่อยากถือสาเอาความอีก

“เอโอเขาคงรักเจ้ามาก”

“แต่ข้าเห็นนางเป็นแค่น้องสาว คนที่ข้ารักจริงๆคือเจ้าข้าเคยบอกเจ้ามาแล้วหลายครั้งหรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ” ถูกตอกย้ำให้รู้ว่ารักมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้คำว่ารักของนาดีลเหมือนเป็นน้ำหวานที่คอยเติมความชุ่มชื่นให้แก่หัวใจของผม ผมแหงนหน้ามองเขาพลางส่งสายตาหวานซึ้งไปให้ ไม่เคยมองใครด้วยสายตาอย่างนี้มาก่อน

“ข้าเองตอนนี้ก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักเจ้าเช่นกัน อาจจะรู้สึกตัวได้ช้าไปหน่อย แต่ว่าข้าเจ็บยิ่งนักยามที่คิดว่าเจ้าจะสานสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคนอื่น”

“ที่รักของข้า เจ้าช่างซื่อบื้อนัก” เจ้าชายนาดีลคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้ผมก่อนจะแนบจูบลงมา จูบของเจ้าชายนาดีลนั้นช่างอ่อนโยน ก่อนที่จะค่อยๆทวีความร้อนแรงอย่างช้าๆ ปลายลิ้นร้อนไล่ต้อนผัวผันปลายลิ้นของผม ไล้เลียไปทั่วโพรงปาก เราเปลี่ยนมุมประกบจูบกันหลายต่อหลายครั้ง เป็นจูบเร่าร้อนที่ทำให้หอบเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆแต่ผมก็ไม่ต้องการที่จะหยุดมัน เราสองคนมัวเมาราวกับอยู่ในความฝัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจูบอย่างตั้งใจและกระตือรือร้นถึงเพียงนี้

“เจ้าจะแต่งงานกับข้าไหมฟีล่า อาจจะฟังดูตลกเพราะเราเป็นคู่หมั้นยังไงก็ต้องได้แต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ข้าก็อยากฟังจากปากของเจ้าซักครั้งหนึ่ง”

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจล่ะก็นะ ข้าจะแต่งกับเจ้า” ผมตอบเสียงกระอ้อมกระแอ้ม ยอมรับละว่าเขินอายอยู่เหมือนกัน

“เจ้ายอมรับแล้วนะที่รัก กลับไปที่อาณาจักรสไลม์เมื่อไหร่ข้าจะรีบจัดงานแต่งงานของพวกเราทันที” ผมพยักหน้า เจ้าชายนาดีลโถมกอดผมจนเราล้มลงไปนอนทับกันบนเตียง ผมกังวลเล็กน้อยเพราะบนเตียงกว้างมีท่านพี่เอียนนอนสลบอยู่ ผมกลัวว่านาดีลจะเรียกร้องให้ผมทำเรื่องเกินเลยเกินกว่าจูบไปอีกระหว่างที่อยู่ในห้องของท่านพี่ ดังนั้นผมจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูท่านพี่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนั้นนั่นแหละที่รู้ว่าท่านพี่ลืมตาอยู่และกำลังมองมาทางนี้

“อ๊ะ” ผมผลักเจ้าชายนาดีลออกแทบจะในทันที คนถูกผลักดูงุนงง แต่ไม่นานนักเมื่อเขารู้ว่าท่านพี่เอียนมองอยู่เขาก็ตีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านพี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามเสียงสั่น อับอายนักที่ถูกคนอื่นเห็นบทรักของผมกับเจ้าชายนาดีล

“ก็นานพอจะเห็นใครต่อใครเข้ามาในห้องนั่นแหละ” ท่านพี่ทำเสียงเย็นชา แต่แทบจะในทันทีท่านพี่ถอนหายใจออกมา

“ฟีล่าช่วยตามหมอมาดูที่สิเหมือนว่าข้าจะขยับตัวไม่ค่อยได้” ผมไม่รอช้าทำตามที่ท่านพี่สั่ง เมื่อท่านหมอมาตรวจท่านหมอให้ความเห็นว่าที่ท่านพี่ขยับร่างกายไม่ได้ดีนักเป็นเพราะอ้อนล้าอย่างหนัก จึงให้พักอีกซักสองสามวัน ดังนั้นผมจึงอาสาอยู่เป็นคนดูแลท่านพี่ด้วยตัวเอง

“ท่านพี่ทานซุปอีกหน่อยนะครับ” ผมยื่นช้อนที่ตักซุปจนล้นไปตรงหน้าท่านพี่เอียน ท่านพี่ยอมทานง่ายๆโดยไม่ปริปาก ตั้งแต่ท่านพี่ฟื้นขึ้นมา เขาไม่ยอมพูดกับผมเลยทั้งบางครั้งยังเหม่อลอยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง พอล่วงเข้าได้วันที่สองท่านพี่ก็ขยับเดินเหินได้แต่ยังต้องมีคนประคองอยู่บ้าง

“ดีจริงๆที่ท่านพี่เดินได้แล้ว” ผมพยายามพูดคุยกับท่านพี่ แต่ท่านพี่ก็ไม่หือไม่อือ นั่นทำให้ผมกังวลใจอย่างหนักจนต้องเอาไปปรึกษากับเจ้าชายนาดีล

“ท่านพี่ไม่ยอมพูดกับข้าบ้างเลย ข้ารู้สึกเหมือนท่านจะเกลียดข้าเสียแล้ว”

“เจ้าลำบากใจที่จะดูแลพี่ของเจ้าหรือเปล่า ถ้าใช่เปลี่ยนให้ข้ารับใช้ไปดูแลแทนก็ได้นะ”

“เปล่า….ไม่หรอกข้าเต็มใจดูแลท่านพี่……ข้าก็แค่เสียใจที่ท่านพี่ทำเย็นชากับข้าทั้งที่เราสนิทกันมากมาก่อน” เพราะด้วยคำพูดของผม เจ้าชายนาดีลจึงกระตุกมือผมนำพาผมไปยังห้องของท่านพี่เอียน ผมทั้งตกใจและงุนงงเพราะตอนนี้เราสองคนอยู่ต่อหน้าท่านพี่เอียนซึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอน

“เจ้าจะเอาอย่างไรเอียน” เจ้าชายนาดีลเปิดประเด็นด้วยเสียงแข็งกร้าว

“เจ้าทำเมินเฉยต่อฟีล่าอย่างนี้ใช่ว่าเจ้าเห็นเขาเป็นศัตรูแล้วใช่หรือไม่”
ท่านพี่เอียนวางหนังสือลงเลยเงยหน้ามองดูเจ้าชายนาดีล ท่านพี่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้

“ข้าไม่มีทางเกลียดฟีล่าได้อยู่แล้ว มีแต่เจ้านั่นแหละที่ทำอย่างไรข้าก็ทำใจให้ชอบไม่ลง”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านถึงเย็นชากับข้านักล่ะครับ” ผมถามออกไปอย่างทนเฉยไม่ได้ รู้อยู่ว่าตัวเองนั้นเห็นแก่ตัวที่พยายามเอาเปรียบความรู้สึกของท่านพี่ แต่ก็ไม่สามารถทนต่อความเย็นชาของท่านพี่ได้

“ขอพวกเราอยู่กันตามลำพัง” เจ้าชายนาดีลเลิกคิ้ว ดูท่าทางจะไม่ยอมให้ผมกับท่านพี่เอียนอยู่ตามลำพังตามที่ท่านพี่ขอ ท่านพี่และเจ้าชายนาดีลประสานสายตาดุดันเข้าหากันชั่วแวบหนึ่งก่อนที่เจ้าชายวนาดีลจะยักไหล่

“เอาเถอะข้าจะยอมให้เจ้าได้พูดคุยตามลำพังกับฟีล่าก็ได้” กล่าวจบเจ้าชายนาดีลก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่

“อย่าให้ใครมาทำอย่างนี้ได้นอกจากข้านะ” อยากจะทุบซักอั๊ก ไม่รู้จะระแวงอะไรท่านพี่หนักหนา ท่านพี่เองก็กำลังป่วยคงไม่มีอารมณ์มาทำเรื่องร้ายกาจกับผมแน่ๆ

“นั่งลงสิ” เมื่อเจ้าชายนาดีลออกไปรอที่นอกห้อง ท่านพี่ก็สั่งผม ผมลากเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียงของท่านพี่

“ขอให้ข้าได้ดูหน้าเจ้าใกล้ๆที่ได้ไหม” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ท่านพี่ตามที่ขอ ท่านพี่ลูบมือมาบนใบหน้าของผมอย่างเบามือ

“เจ้าคงไม่ได้ถูกพิษของคาลอสเล่นงานสินะ”

“ไม่เลยครับ”

“ดีแล้ว” ท่านพี่ถอนมือจากใบหน้าของผม ตอนนี้ท่านพี่มองเมินไปอีกทาง ผมได้แต่เฝ้ารอให้ท่านพี่กลับมาสนใจผมอีกครั้ง ท่านพี่ถอนหายใจออกมาโดยแรง

“ฟีล่า เจ้ารักนาดีลสินะ”

“ครับข้ารักเขา” ตอนนี้ท่านพี่หันมามองหน้าผมเราประสานสายตากันเนิ่นนาน ท่านพี่มองตาผมราวกับจะพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคงคิดกับข้าเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่ง” ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ ไม่อยากให้ท่านพี่เสียใจ แต่ไม่ต้องการจะโกหก หากปล่อยให้ยืดเยื้ออยู่คนที่เจ็บปวดก็คือท่านพี่

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะข้าอยากจะงีบซักพัก” ถูกไล่เสียแล้วผมจึงต้องออกมาที่ด้านนอกอย่างเสียไม่ได้ ผมทำหน้าเศร้าจนเจ้าชายนาดีลต้องเข้ามาจูบเบาๆเพื่อปลอบโยน

“ท่านฟีล่าคะ ท่านพี่นาดีลคะช่วยมากับข้าที่ค่ะ” พวกเราสะดุ้งเมื่อดีเนนเดลโผล่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่พวกเราก็ยอมตามเธอไปอย่างไม่มีข้อกังขา

“ขอโทษนะคะที่ต้องมารบกวนท่านทั้งสอง แต่ท่านอาจจะไม่ทราบเพราะพวกท่านไม่ได้มาทานอาหารร่วมโต๊ะกับเราได้สองวันแล้ว”

“มีอะไรหรือครับดีเนนเดล” ผมถาม

“เอโอนะสิคะ นางไม่ยอมออกจากห้องมาสองวันแล้ว” ผมกับนาดีลตกใจไม่น้อยเพราะมัวแต่วุ่นเกี่ยวกับเรื่องของท่านพี่เอียนจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่นอีกเลย

“ท่านฟีล่าท่านพี่นาดีลคะ ข้ารู้เรื่องที่เอโอก่อเอาไว้แล้วนะคะ”

“ครับ” ผมอึ้งอีกครั้ง ได้แต่อ้าปากพะงาบพะงาบโดยไม่รู้จะเริ่มพูดประโยคไหนดี

“ได้โปรดอย่าเอาไปบอกท่านพ่อนะคะ แค่นี้เอโอก็รู้สึกผิดและกลัวมากพออยู่แล้ว”

“ข้าไม่เอาไปบอกแน่นอนครับ” ผมยืนยัน รู้อยู่ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ก็ไม่อยากให้เป็นตราบาปให้กับเด็กหญิงไปชั่วชีวิต

“ข้าขอบคุณมากจริงๆค่ะ เอโอสำนึกผิดมากจนไม่กล้าออกจากห้อง เธอเอาแต่ร้องไห้ กลัวว่าท่านพ่อจะรู้ความจริงทั้งยังกลัว ท่านพี่นาดีลจะโกรธ ท่านช่วยไปบอกเอโอหน่อยเถอะคะว่าท่านให้อภัยนางแล้ว”

ผมยิ้มให้กับคำขอร้องของดีเนนเดล พวกเราพากันไปยังห้องนอนของเอโอที่นั้น ฟีโอนอร์ช่วยปลอบโยนเอโอที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่เลิก

“ตายจริงในที่สุดพวกท่านก็มากันเสียที” ฟีโอนอร์มีท่าทางยินดี เธอพยายามลากให้เอโอมาเผชิญหน้ากับพวกผม แต่เอโอหลบอยู่หลังฟีโอนอร์พลางสะอื้นไห้

“เอ้า เอโอขอโทษท่านฟีล่ากับท่านพี่นาดีลเสียสิ” ฟีโอนอร์ดันร่างเอโอมาตรงเบื้องหน้าของผมกับเจ้าชายนาดีล
เด็กหญิงช้อนมองพวกผมด้วยสายตาประหม่าและหวาดกลัวดูแล้วน่าเวทนา ผมจึงส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดไปให้เธอ

“ท่านไม่โกรธข้าหรือคะ” เอโอถามเสียงตะกุกตะกัก

“โกรธสิ” เอโอทำทีจะร้องไห้อีกครั้งแต่เมื่อเธอได้ยินประโยคคำพูดถัดมาของผมเธอก็สงบใจได้

“แต่ท่านเอโอก็สำนึกผิดและต้องการจะขอโทษแล้ว ข้าจะให้อภัยท่าน”

“ข้าขอโทษค่ะท่านฟีล่า” เอโอปล่อยโฮออกมาอีกแล้วเธอก้มหัวขอโทษผมยกใหญ่ เธอปลายมองดูเจ้าชายนาดีลด้วยแววตาเศร้าสร้อยคงกลัวว่าเจ้าชายจะไม่ยอมยกโทษให้เธอ

“เอาล่ะในเมื่อเจ้าสำนึกผิดก็ดีแล้ว ข้าที่เป็นพี่ชายจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน” เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างแล้วใช้มือขยี้ไปบนศีรษะของเอโอหมายจะปลอบโยน เอโอโผเข้ากอดเจ้าชายแทบจะในทันที

“ข้าขอโทษค่ะท่านพี่นาดีล ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ดี ดังนั้นได้โปรดให้อภัยข้านะคะ”

“ข้าให้อภัยน้องสาวของข้าได้อยู่แล้วล่ะน่า” เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮาฮา บรรยากาศโดยรอบดูชื่นมื่นขึ้นทันทีเมื่อเจ้าชายนาดีลเปล่งเสียงหัวเราะ

“เอ้าเอโอ เจ้ามีของจะให้เพื่อเป็นการขอขมาท่านฟีล่าไม่ใช่หรือ” ดีเนนเดลพูด ผมกระพริบตาปริบๆไม่นึกว่าจะเตรียมของกำนัลไว้ให้ผมด้วย

“นี่ค่ะ” เอโอยื่นสร้อยคอที่มีคริสตัลวิเศษเป็นจี้ห้อยมาให้ รู้สึกดีใจที่ได้สิ่งนี้เป็นของขวัญ

“ข้าคิดว่ามันน่าจะทำประโยชน์ต่อท่านได้ค่ะ” เอโอพูด

“แน่นอนว่ามันต้องทำประโยชน์ได้อยู่แล้ว ขอบใจมากนะท่านเอโอ” ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วรับของมา ดีใจมากที่ได้คริสตัลวิเศษนี่มานั่นก็เป็นเพราะทั้งผมและท่านพี่ต่างรอดชีวิตมาได้เพราะเจ้าคริสตัลอันนี้

“อ๊ะ….ถ้าอย่างนั้นเราไปทานอาหารกันดีกว่าไหมคะ น่าจะได้เวลาแล้ว” ฟีโอนอร์ชักชวน ดังนั้นพวกเราจึงพากันไปยังห้องอาหาร บ่ายวันนั้นเรารับประทานอาหารด้วยจิตใจที่แช่มชื่นขึ้นอีกนิดถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมจะยังกังวลเรื่องของท่านพี่เอียนอยู่
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่19-20 p3 3/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 03-10-2016 12:42:07
ตอนที่20

ผมตื่นมาแต่เช้าตรู่พอตื่นมาก็พบกับเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์นอนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะจูบลงไปที่ลำตัวเนียนนุ่มด้วยความหมันเขี้ยว

“ตื่นได้แล้วนะนาดีล” ผมเอานิ้วมือจิ้มๆร่างนุ่มนิ่มของเขา รู้สึกว่ามันเพลินนิ้วดีเลยจิ้มไม่หยุด ในตอนนั้นเจ้าชายนาดีลก็ลืมตาใสปิ๊งของเขา

“อย่ามายั่วกันแต่เช้าสิ” ผมกระพริบตาปริบๆแค่หยอกนิดหน่อยก็กลายเป็นยั่วได้หรือ ไม่เข้าใจวงจรความคิดของเจ้าชายนาดีลเลยจริงๆ

“เจ้ามาสัมผัสร่างข้าแบบมีนัยยะอย่างนี้มันทำให้ข้าเกิดอารมณ์น้า” เจ้าชายนาดีลไม่พูดเปล่ายังเด้งดึ๋งเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากผมหนึ่งครั้ง แน่นอนล่ะว่าผมไม่โกรธและไม่รู้สึกถึงอันตราย ก็ในเมื่อเขาไม่ได้กลายร่างเป็นมนุษย์เสียหน่อยนี่นา ดังนั้นผมจึงยอมให้เขาเด้งดึ๋งแล้วจุ๊บๆลงทั่วใบหน้าผมตามใจที่เขาต้องการ

ว่าก็ว่าเถอะถึงจะบอกว่าจุ๊บกัน แต่ในความเป็นจริงน่าจะเรียกว่าเอาร่างมาชนมากกว่า แต่ส่วนใหญ่เจ้าชายนาดีลจะทำปากจู๋ยื่นออกมาแล้วจุ๊บๆจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆสร้างความกระดากและจั๊กจี้ให้ผมอยู่บ่อยครั้ง
   
“พอแล้วน่า” ผมเอ่ยห้ามเมื่อเจ้าชายนาดีลไม่ยอมหยุดพายุจูบของเขาง่ายๆ
   
“พอได้แล้ว” เห็นทีจะไม่ยอมหยุดง่ายๆจริงๆหากว่าไม่มีคนมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องเสียก่อน
   
“ท่านฟีล่าท่านนาดีล มีทหารจากเผ่าสไลม์มาขอเข้าพบเจ้าค่ะ ทุกท่านรออยู่ที่ห้องโถงแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้เมื่อรายงานเสร็จก็จากไป ดังนั้นผมกับเจ้าชายนาดีลจึงรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอย่างเร่งด่วน พอเราไปถึงก็พบกับพวกสไลม์กลุ่มหนึ่ง
   “ราอูล” เจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินออกจากอ้อมแขนของผมแทบจะในทันทีที่ได้พบกับสไลม์สีแดงเพลิงเพื่อนสนิทของเขา ตอนนี้เจ้าชายกับราอูลทักทายกันด้วยวิธีดีดร่างกระทบกันกลางอากาศสองสามครั้ง ดูแล้วทั้งน่าขำและน่ารักในสายตาของผู้มอง
   
“พอท่านส่งข่าวมาทางนกสื่อสารข้าก็รีบเดินทางมาจากอาณาจักรสไลม์ทันที” ราอูลพูดหลังจากทักทายอย่างแน่นแฟ้นกับเจ้าชายนาดีลเรียบร้อยแล้ว
   
“แล้วก็ข้าได้ข่าวอะไรหลายๆอย่างจากท่านฟินกอนมาแล้ว รู้ไหมว่าพวกคนในเผ่าเป็นห่วงท่านกันน่าดู”
   
“เอาน่า เดี๋ยวข้าก็จะกลับไปพร้อมเจ้าแล้วนี่” เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างแต่ดูเหมือนราอูลจะไม่เห็นเป็นเรื่องสนุก ราอูลเบ้ปากเป็นสระอิเห็นแล้วรู้ทันทีว่ารู้สึกยังไง
   
“ท่านก็เป็นเสียแบบนี้นี่ล่ะข้าถึงได้เป็นห่วงท่านนัก บอกตามตรงข้าไม่ค่อยไว้ใจให้ท่านทำอะไรตามใจชอบเสียเท่าไหร่” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮาฮา ความสนิทสนมแน่นแฟ้นของราอูลกับเจ้าชายนาดีลไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ทำให้ผมอิจฉาได้อยู่เสมอ พวกเขาช่างเหมือนสามีภรรยาที่ดูห่วงใยกันอย่างไรชอบกลในสายตาผม
   
“อ้อ…..ท่านคู่หมั้น ข้าลืมทักทายท่านไปเสียสนิท ไม่ได้พบกันนานนะครับ” ผมยิ้มเจื่อนๆตอนนี้ราอูลเด้งดึ๋งๆโผเข้าหาผมทำให้ผมต้องใช้มือรับร่างนุ่มนิ่มของเขา

   “จูบทักทายกันซักทีนะครับ”
   
“หา” ผมงง แต่แทบจะในวินาทีนั้นเขาก็เด้งตัวจากอ้อมแขนของผมจุ๊บหนึ่งทีเข้าที่แก้ม รู้สึกแปลกๆที่ถูกสไลม์ตัวอื่นนอกจากเจ้าชายนาดีลจุ๊บเอา
   
“แหม ท่านนี่ยิ่งโตก็ยิ่งเย้ายวนนะครับ” กล่าวจบเขาก็เด้งออกจากอ้อมแขนของผม ผมยังตะลึงกับคำชมของราอูลไม่หายโดยปกติราอูลมักจะเข้มงวดจู้จี้กับผมราวกับแม่ผัวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่คิดว่าเจอกันครั้งนี้เขาจะชมผมแบบนี้ได้
   
“อิจฉาเจ้าชายของเราเสียจริงจริ๊ง” เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบใจยกใหญ่กับคำพูดของราอูล ตอนนี้ผมชักจะอายขึ้นมาตงิดๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยืนนิ่งๆรอดูสถานการณ์ต่อไป
   
“เอาล่ะๆสนุกกันพอแล้ว ราอูลบอกกับข้าว่าถ้าได้พบเจ้าชายนาดีลก็จะพาท่านกลับเลย ดังนั้นข้าเลยเตรียมรถม้าสำหรับคนป่วยไว้ให้แล้วหวังว่าท่านจะรับไว้นะ”
   
“ขอบคุณมากครับท่านฟินกอนพวกข้าซึ้งในน้ำใจจริงๆ” ราอูลชิงตอบคำถามแทนเจ้าชายนาดีลหลังจากนั้นเป็นเวลารับประทานอาหารเช้า ผมเลือกที่จะไปทานอาหารเป็นเพื่อนกับท่านพี่เอียนปล่อยให้เจ้าชายนาดีลอยู่ในวงสังคมของเขาต่อไป
   
“ท่านพี่ทานเนื้อเสียหน่อยสิครับ” ผมไม่พูดเปล่าใช้มีดหั่นเนื้อลูกหมูวางลงในจานของท่านพี่ เมื่อท่านพี่ยอมทานโดยง่ายผมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
   
“ทานขนมปังด้วยนะครับท่านพี่” ผมรีบหั่นขนมปังให้ท่านพี่ ท่านพี่รับไปแล้วนำมันไปทานกับซุปข้าวโพดเงียบๆ  ผมดีใจที่การทานอาหารกลางวันกับท่านพี่เป็นไปอย่างราบรื่นตอนแรกคิดว่าท่านพี่จะเกลียดผมแล้วปฏิเสธที่จะอยู่ใกล้ชิดกันเหมือนเมื่อก่อน
   
“พี่ได้ยินมาจากพวกหญิงรับใช้ว่ามีทหารของเผ่าสไลม์มารับพวกเจ้า” เป็นครั้งแรกของวันนี้เลยที่ท่านพี่เปิดปากพูดกับผม ผมรีบตอบอย่างกระตือรือร้น
   
“ใช่ครับ เป็นท่านราอูลเพื่อนสนิทของนาดีลเป็นคนมารับ”
   
“แล้วพวกเขาตัดสินใจได้หรือยังว่าจะทำอย่างไรกับสถานะของพี่” ผมอึ้งกับคำถาม คำถามนี้ทำให้ผมเริ่มจะเครียด ผมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการกระทำของพี่มีความผิดร้ายแรง แต่ตอนนี้ท่านพี่เองก็เป็นผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน ผมตัดสินใจว่าเมื่อถึงอาณาจักรสไลม์จะช่วยพูดกับราชามาริกเพื่อไม่ให้ลงโทษท่านพี่ แต่หลังจากนั้นล่ะท่านพี่จะไปไหนแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ตรงนี้แหละที่ผมกลัว กลัวว่าท่านพี่จะหลบหนีหายไปจากพวกเราตลอดกาล
   
“ไม่ต้องห่วงนะครับท่านพี่ ข้าจะช่วยพูดกับราชามาริกและเจ้าชายนาดีลเอง ท่านพี่จะไม่ถูกกระทำเหมือนนักโทษอย่างแน่นอน”
   
“เจ้าอย่าไร้เดียงสาไปนักฟีล่า พี่เป็นกบฏนะเห็นทีว่าครั้งนี้อาจจะถูกจับขังคุกไม่ก็ถูกประหารเสียมากกว่า”
   
“ไม่จริงเลยท่านพี่ ข้าจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด”
   
“เหมือนเจ้าจะมีแผนอะไรในใจอยู่สินะ” ผมสะดุ้งเมื่อเจ้าชายนาดีลปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ท่านพี่เอียนปลายตาคมดุไปยังเจ้าชายนาดีลที่เข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ
   
“ถ้ามีแผนการอะไรก็พูดมาเสียสิ หากข้าเป็นคนพูดด้วยตัวเองท่านพ่อคงจะยอมรับฟังอยู่แล้ว” ผมสูดหายใจเข้าลึกรอฟังว่าท่านพี่มีแผนการอะไร ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแผนการที่ดีสำหรับท่านพี่
   
“ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้ากำลังจะทำสงครามกับเผ่ามังกร ข้าจะให้ความร่วมมือบอกแผนการรับมือทางทหารของเผ่ามังกรทั้งหมดกับพวกเจ้าเพื่อลดโทษลงและแลกกับอะไรบางอย่าง”
   
“ว่ามา” เจ้าชายนาดีลพูดเสียงขรึม ตอนนี้ผมตระหนกไปหมดด้วยไม่รู้ว่าท่านพี่ต้องการอะไรกันแน่
   
“ข้ายอมช่วยเหลือพวกเจ้าในการรบและขอลดโทษตายเป็นถูกเนรเทศแลกกับให้ข้าได้เข้าร่วมในสนามรบด้วยเพื่อที่จะปลิดชีวิตของคาลอสล้างแค้นให้ท่านพ่อที่แท้จริงของข้า”
   
เจ้าชายนาดีลนิ่งขรึมไปอย่างไม่เคยเป็น เขาใช้เวลาคิดนานมากจนผมรู้สึกเกร็งไปหมด แต่ท่านพี่นี่สิยังคงทานอาหารต่อได้หน้าตาเฉย นับถือในความเข้มแข็งของท่านพี่จริงๆ
   
“เจ้าต้องการแค่นี้หรือเอียน” เจ้าชายนาดีลพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน ผมภาวนาให้เจ้าชายนาดีลรับข้อเสนอเพราะเนรเทศย่อมดีกว่าจบลงด้วยความตายอย่างแน่นอน ถึงแม้ผมจะเหงาที่อาจจะไม่ได้เจอท่านพี่แต่ซักวันผมจะตามหาท่านเพื่อพบปะกันซักครั้งเราจะได้เจอกันในที่ไหนซักที่อย่างแน่นอน ผมตั้งใจเช่นนั้น
   
“ข้ายังสามารถร้องขออะไรได้มากกว่านี้อีกหรือ” ท่านพี่ทำสีหน้าราวกับจะประชดประชัน
   
“ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างจะได้หรือไม่ได้ตามที่เจ้าขอข้าจะต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านพ่อเสียก่อน” สิ้นคำพูดของเจ้าชายนาดีล พวกเราต่างก็นิ่งงันไป เมื่อท่านพี่เริ่มต้นทานอาหารอีกครั้ง ผมก็เริ่มต้นหั่นเนื้อลูกหมูตรงหน้าอย่างเก้เก้กังกังจังหวะที่ผมจะเอาชิ้นเนื้อเข้าปาก เจ้าชายนาดีลก็อ้าปากงับแย่งชิ้นเนื้อไปจากซ้อมในมือของผม
   
“ขอข้ากินกับเจ้าด้วยน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระรื่น
   
“เจ้าบ้า เจ้าไม่ได้ทานมาแล้วกับท่านฟินกอนหรอกหรือ”
   
“แต่ข้าอยากทานอีกนี่ อยากทานอาหารเช้ากับเจ้าน้า” เจ้าชายนาดีลเอาร่างนุ่มนิ่มมาถูไถกับผม ผมลนลานหนักกลัวว่าท่านพี่จะไม่ชอบ

   “เกรงในท่านพี่บ้างสิ เราไม่ได้ชวนเจ้าให้มาทานอาหารด้วยเสียหน่อย” ผมเอ็ดเจ้าชายนาดีลเบาๆพลางมองดูท่านพี่เอียนเป็นระยะๆด้วยความเกรงใจ
   
“ท่านพี่เอียนขอโทษนะครับข้าจะพานาดีลออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
   
“ไม่เป็นไร ถ้าเขาอยากท่านกับเราก็ให้เขามาทานด้วยเถอะ” ผมชักรู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ดีแล้วสิถึงแม้ท่านพี่จะอนุญาตให้เจ้าชายนาดีลร่วมโต๊ะด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของท่านพี่นี่สิเย็นชาจนเรียกได้ว่าราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน บรรยากาศลบติดองศาแบบนี้ทำเอาผมขนหัวลุก ไม่สนุก ไม่สนุกอย่างที่คิด
   
“เอ้า ถ้าอยากกินก็รีบกินเสียสิ” ผมยื่นอาหารของผมให้เจ้าชายนาดีล ผมชักจะอิ่มแล้ว ใครมันจะไปทานอาหารลงในบรรยากาศที่แสนจะไม่ปลอดภัยนี่ได้
   
“ป้อนหน่อยน้า” เจ้าตัวร้ายอ้าปากแล้วหลับตาพริ้ม ตอนนี้ท่านพี่คิ้วกระตุก แต่ไม่นานนักท่านพี่ก็ถอนหายใจออกมา
   
“เจ้าก็ช่วยป้อนเขาหน่อยเถอะน้องพี่ ไม่อย่างนั้นเจ้าชายนาดีลคงไม่ยอมอิ่มง่ายๆ”
   ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆส่งให้ท่านพี่ แล้วลงมือป้อนอาหารเจ้าชายนาดีลทีละคำ
   
“อร๊อยอร่อย…..การได้ทานอาหารจากมือคนรักนี่มันดีที่สุดจริงจริ๊ง” น่าหมันไส้ ยิ่งทำเสียงเล็กเสียงน้อยประหนึ่งเย้ยหยันท่านพี่ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าชายนาดีลน่าหมันไส้ ทำไมนะทำไมเขาถึงต้องทำตัวเหมือนจะยั่วโมโหท่านพี่ด้วยก็ไม่รู้ ระหว่างรับประทานอาหารเช้าผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้ท่านพี่ที่ทานเงียบๆเป็นระยะๆ เหนื่อย ช่างเป็นเมื้ออาหารที่แสนจะทำให้เหนื่อยและเครียดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
   
หลังจากอาหารเช้าเจ้าชายนาดีลตัดสินใจจะอยู่พักที่วินสโมกอีกหนึ่งวันเพื่อดูอาการท่านพี่อีกหน่อย ค่ำคืนนั้นในห้องนอนของพวกเรา ผมจ้องหน้าเจ้าชายนาดีลอย่างไม่ลดละมีคำถามมากมายที่จะถามเขาเกี่ยวกับท่านพี่
   
“เจ้าจ้องข้าเอาเป็นเอาตายแบบนี้คงมีคำถามสินะฟีล่า”
   ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิทันที แล้วเริ่มระบายความในใจเมื่อเจ้าชายนาดีลเปิดทางให้ผมได้พูด
   
“เจ้าว่าพ่อของเจ้าจะยอมรับข้อเสนอของท่านพี่ไหม”

   “อาจจะรับและอาจจะไม่รับ” นาดีลพูดเสียงเย็นเยียบ ทำเอาผมคิดในแง่ไม่ดี ตอนนี้อยากให้เขาพูดในทางที่ดีมากกว่า
   
“นาดีลเจ้าต้องช่วยพูดเพื่อท่านพี่ของข้าด้วยนะ” ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้เจ้าชายนาดีล เขาส่งยิ้มอ่อนอกอ่อนใจมาให้ผม
   
“หากว่าข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ารักข้าล่ะก็ ข้าอาจหึงหวงจนลงโทษเจ้าได้เหมือนกันนะ” เจ้าชายนาดีลกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียมทำเอาใจผมตกไปกองอยู่บนพื้น แต่พริบตาเดียวเท่านั้นแหละเขาก็กลับมาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามปกติ
   
“อย่ากลัวไปน่า ข้าไม่ใช่คนใจร้ายที่จะลงโทษเจ้าโดยไม่มีเหตุผลหรอก”ไม่พูดเปล่าเจ้าชายนาดีลเอาร่างเข้ามาออดอ้อนถูไถกับผม
   
“แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้นะ ทั้งที่เอียนทำร้ายกาจกับเจ้าแบบนั้นเจ้าก็ยังให้อภัยเขา ตรงนี้แหละที่ข้าไม่พอใจ” เจ้าชายนาดีลพองลมในปาก ผมได้แต่เอานิ้วจิ้มที่แก้มพองๆของเขาแก้เก้อ
   
“ท่านพี่ไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น หากท่านพี่เลวร้ายจริง ท่านต้องบังคับข่มขืนข้า คงไม่รอให้ข้าหนีไปอย่างนี้”
   
“หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าจะสับท่านพี่ของเจ้าเป็นหมื่นชิ้น” ผมยิ้มเจื่อนๆ เพิ่งจะรู้เนื้อแท้ของเขาก็วันนี้ เขาเป็นสไลม์จอมหึงหวงโดยแท้จริง
   
“นาดีลข้ารักเจ้านะ มีแค่เจ้าคนเดียวที่ข้าคิดว่าข้าจะยอมมอบร่างกายให้” ผมพูดไปทั้งที่ใบหน้าแดงซ่าน คำพูดที่เหมือนกับพวกผู้หญิงแบบนี้ยอมรับว่ากระดากปาก แต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนจะทำให้เจ้าชายนาดีลเชื่อใจผมได้
   
“แน่นอนว่าร่างกายของเจ้าข้าก็อยากได้ แต่หัวใจของเจ้าสำคัญยิ่งกว่าน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรื่น
   
“หัวใจของข้าก็เป็นของเจ้านะนาดีล”
   
“รักที่สุด” เจ้าชายนาดีลทำปากจู๋แล้วเด้งดึ๋งเข้ามาดูดแก้มของผมดังจ๊วบ จั๊กจี้จนอดหัวเราะไม่ได้
   
“เอาล่ะเจ้าทำให้ข้าอารมณ์ดีมาก ข้ารับปากนะฟีล่าข้าจะช่วยท่านพี่ของเจ้าให้ถึงที่สุด” ผมได้แต่พูดขอบคุณเจ้าชายนาดีลนับครั้งไม่ถ้วน คืนนั้นเราสองคนหลับไปในสภาพที่นอนกอดกันอย่างแนบแน่น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

พรุ่งนี้จะเอามาลงเพิ่มนะคะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่19-20 p3 3/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-10-2016 15:12:20
 :-[

เคลียร์กับเอียนแล้ว แต่เราก็ยังอยากให้เอียนเจอคนรักจริง เป็นกษัตริย์ ที่ดีได้นะ

(เอาจริงๆนายเอกเราไปปกครองใครไม่ได้หรอก คิดว่า  :ling3:)
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่19-20 p3 3/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-10-2016 15:15:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่19-20 p3 3/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-10-2016 18:23:51
เจ้าชายนาดีล ฟิล่า   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่21 p3 4/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 04-10-2016 15:42:54
ตอนที่21
   
พวกเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อเตรียมการเดินทางไปยังอาณาจักรสไลม์ ก่อนจะเดินทางจากไปเราล่ำลาท่านฟินกอนและพวกลูกสาวกันอย่างอ้อยอิ่ง
   
“คราวหน้าแวะมาเยี่ยมพวกเราบ้างนะคะท่านฟีล่า” ดีเนนเดลพูดกับผม
   
“ขอให้โชคดีนะคะท่านฟีล่า ท่านพี่นาดีลก็ด้วย” ฟีโอนอร์กล่าวคำอวยพร ตอนนี้เองเพิ่งสังเกตว่าเอโอหลบอยู่หลังพวกพี่สาว
   
“เอ้าๆไปกล่าวคำอำลากับท่านฟีล่าและท่านพี่นาดีลสิเอโอ” ถูกฟีโอนอร์ดันออกมาข้างหน้าด้วยความไม่เต็มใจ เอโอดูประหม่า ผมเข้าใจว่าเธฮยังรู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเองไม่หาย
   
“ขอให้โชคดีนะคะท่านฟีล่า” ผมยิ้มให้เอโอ
   
“ท่านเอโฮก็เหมือนกันครับ” เอโอส่งสายตามองมายังเจ้าชายนาดีลในอ้อมกอดผมด้วยสายตาเศร้าๆ น่าสงสารผมเข้าใจดีว่าเธอยังเด็กจะทำอะไรก็ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การที่เธอสำนึกผิดจากใจจริงได้ผมคิดว่านาดีลเองก็น่าจะเลิกโกรธเธอไปแล้ว และก็จริงอย่างที่ผมคิด
   
“อย่าทำหน้าเสียใจแบบนั้นเอโอ อะไรที่ผ่านไปแล้วถ้าเจ้าสำนึกได้ข้าจะไม่ถือโทษโกรธ น้องสาวของข้าข้าให้อภัยเจ้านานแล้วนะ” เอโอฉีกยิ้มกว้างเธอตั้งท่าจะโผเข้ามากอดเจ้าชายนาดีลแต่ก็ชะงัก

   “ท่านฟีล่าข้าขอกอดท่านพี่นาดีลได้หรือไม่คะ” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ส่งให้เอโอ

   “กอดได้ตามใจเลยครับ” ทันทีที่ได้รับอนุญาตเธอก็กอดรัดเจ้าชายนาดีลด้วยความดีใจ

   “ขอบคุณๆนะคะท่านพี่นาดีลที่ให้อภัยข้า” เมื่อกอดจนพอใจเอโอก็หันมาค้อมหัวให้ผม
   
“ให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำด้วยนะคะ” เอโอน่ารักกว่าที่คิด จนผมอดไม่ได้ที่จะกอดเธอแล้วลูบหัวเบาๆเป็นการปลอบ
   
“เอ๊ะ….เอ่อ….ท่านฟีล่า” เอโอประหม่ากับการปลอบโยนของผม ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูอ่อนๆดูน่ารักน่าชัง
   
“ข้าชักจะหึงแล้วนะฟีล่า” เจ้าชายนาดีลงอนจนแก้มป่องแล้วเปลี่ยนเป็นสีทึบ ทำเอาเอโอลนลานรีบผละห่างจากตัวผม ผมหัวเราะคิกๆรู้สึกสนุกที่ทำให้คนสองคนปั่นป่วนได้
   
“เอโอเจ้าคงไม่ได้ตกหลุมรักฟีล่าหรอกใช่ไหม” นาดีลถามเสียงขรึมจนเอโอทำตัวไม่ถูก เด็กน้อยปลายตามองมาที่ผมแล้วหน้าแดงอีกครั้ง
   
“เปล่าค่ะท่านพี่นาดีล ข้าแค่คิดว่าท่านฟีล่าช่างอ่อนโยนเพียงแค่นั้น” เอโอก้มหน้าลงต่ำ

   “อย่าคิดมาหลงรักว่าที่ภรรยาของข้าเชียวนา ถึงเป็นน้องข้าก็ไม่ให้อภัยนะ” ตอนนี้เอโอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เด็กน้อยส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
   
“ท่านฟีล่าคะ” ด้วยไม่ทันคาดคิดถูกกระตุกแขนให้โน้มตัวลงต่ำ เอโอหอมแก้มผมเบาๆหนึ่งครั้ง เจ้าชายนาดีลโกรธจนถึงกับพ่นควันดังปู๊นๆ เอโอรีบวิ่งไปหลบหลังพี่สาว

   “ท่านพี่นาดีลเองก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะคะ หากถูกใครแย่งไปอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วกัน” ทุกคนพากันหัวเราะ เจ้าชายนาดีลเองก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทาง
   
ตลอดการเดินทางผมนั่งอยู่กับท่านพี่ในรถม้า แต่นอกจากผมกับท่านพี่เจ้าชายนาดีลเองก็อยู่ด้วยเช่นกัน เจ้าชายนาดีลคึกคักไปตลอดการเดินทางเขากระพือปีกดูทัศนียภาพด้านนอกผ่านทางหน้าต่างแล้วผิวปากเป็นทำนองเพลง

   “ฟีล่าเคยเห็นพวกก๊อปลินไหมมาดูสิ” ผมยิ้มเจื่อนๆให้กับอาการวี๊ดว้ายของเจ้าชายนาดีล ยิ่งเจ้าชายนาดีลครื้นเครงเท่าไหร่ ท่านพี่เอียนก็ยิ่งนิ่งงัน ปกติก็ไม่ยอมพูดอยู่แล้วนี่ยังแผ่รังสีขมุกขมัวออกมาบอกชัดว่ารำคาญเจ้าชายนาดีล
   
“จ้าจ้า” ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูพอเป็นพิธี อันที่จริงเคยเห็นก๊อปลินหลายครั้งแล้วจากสมุดภาพ เห็นของจริงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักจึงไม่ตื่นเต้นดังที่เจ้าชายนาดีลหวัง
   
“ว้า…..นึกว่าเจ้าจะตื่นเต้นกว่านี้เสียอีก” เจ้าชายนาดีลแสดงท่าทางผิดหวังผ่านทางสีหน้า ตอนนี้เจ้าชายยืดย้วยเป็นน้ำลงไปกับเบาะด้วยร่างสีซีดๆ

   “อ๊ะ….จริงๆแล้วข้าก็ตื่นเต้นอยู่น้าก็ไม่เคยเห็นของจริงเลยนี่นาเคยเห็นแต่ในสมุดภาพ” ผมแสร้งทำเป็นตื่นเต้น
   
“จริงหรือ” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลกลับเป็นก้อนกลมๆนุ่มๆสีทองอีกครั้ง เขายิ้มกว้างดูระรื่นเราสองคนใช้เวลาหลายนาทีเอาแต่วิจารย์ท่าทางของก๊อปลินซึ่งเดินขบวนผ่านหน้าเราไปแต่ยิ่งดูพวกก๊อปลินยิ่งมีท่าทางโกลาหลแบบแปลกๆ จังหวะนั้นราอูลที่เดินนำอยู่หน้าขบวนก็สั่งให้หยุดการเดินทาง

   “มีอะไรหรือราอูล” เจ้าชายนาดีลถามราอูลที่ชะโงกหน้าเข้ามาในรถม้า

   “หมู่บ้านของก๊อปลินนะสิไฟไหม้ใหญ่เลย” ตอนนี้จึงเพิ่งสังเกตได้พวกก็อปลินที่สับสนอลมานนั้นส่งถังบรรจุน้ำกันเป็นทอดๆเพื่อที่จะดับไฟ พวกผมลงจากรถม้าเพื่อที่จะไปดูเหตุการณ์
   
“ถ้าปล่อยไว้คงจะลุกลามไปกันใหญ่ เอาพวกเราช่วยพวกก๊อปลินหน่อย” เจ้าชายนาดีลออกคำสั่งดังนั้นพวกทหารสไลม์จึงพากันไปที่แม่น้ำใกล้ๆ แต่ระยะทางน่าจะไกลอยู่เพราะเห็นพวกก็อปลินต่อแถวส่งถังน้ำกันยาวเหยียด

   ในตอนนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า หากผมสามารถใช้พลังและกลับร่างเป็นมังกรได้ ไฟแค่นี้ผมสามารถดับมันได้ภายในไม่กี่นาที แต่ทว่าผมถูกผนึกพลังไว้ด้วยแหวนของท่านพี่เอียน ผมก้มมองดูแหวนที่มือของผมนิ่งนาน
   
“ฟีล่า” ท่านพี่ที่ยังอยู่บนรถม้าเรียกผม ผมเดินเข้าไปหา
   
“มีอะไรหรือครับท่านพี่”
   
“ส่งมือมา” ผมส่งมือให้ท่านพี่ทั้งสองข้าง หวังในใจลึกๆว่าท่านพี่จะถอดแหวนต้องสาปออกให้แล้วก็เป็นดังคิดจริงๆ
   
“ไปช่วยพวกก๊อปลินดับไฟซะ”
   
“ขอบคุณมากครับท่านพี่” ผมก้มหัวขอบคุณท่านพี่ก่อนจะวิ่งออกไปยังลานกว้างด้านหน้าของเปลวเพลิง ผมกลายร่างกลายเป็นมังกรน้ำตัวใหญ่ ไม่ได้กลายร่างเป็นมังกรมานานแล้วรู้สึกดีจริงๆ แล้วก็ไม่รอช้าผมใช้เวทย์มนต์ที่ถนัดที่สุดสร้างมวลน้ำจำนวนมหาศาลโถมเข้าใส่เปลวเพลิงที่เผาไหม้หมู่บ้านวูบเดียวไฟก็ดับสนิท
   
พวกก๊อปลินดีใจกันยกใหญ่ตอนนี้พวกเขาพากันมารายล้อมผมในร่างมังกรแล้วกระโดดโลดเต้น เจ้าชายนาดีลรีบเข้ามาสบทบกับผม
   
“ทำดีมากเลยนะฟีล่า ว่าแต่ข้าคิดว่าท่านพี่ของเจ้าจะทำเนียนลืมถอดแหวนให้เจ้าไปเสียแล้วสิ”
   
“ท่านพี่ไม่ใช่คนแบบนั้นน่า” ผมแก้ต่างให้ท่านพี่ พร้อมกันนั้นผมก็คืนร่างเดิมกลับเป็นร่างมนุษย์ เป็นจังหวะเดียวกับที่ก็อปลินซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
   
“ขอบคุณขอบคุณท่านเผ่ามังกรมาก” ก๊อปลินคว้าเอามือผมไปจับแล้วเขย่าๆขึ้นลงด้วยความซาบซึ้งก่อนจะผละจากไปแล้วเริ่มแยกย้ายกันจัดการกับหมู่บ้านและคนเจ็บที่เหลืออยู่ โดยไม่สนใจพวกเราอีก
   
“เสียความรู้สึกไหมฟีล่า” เจ้าชายนาดีลถาม
   
“เรื่องอะไรหรือ”
   
“ก็เรื่องที่ได้แค่คำขอบคุณเล็กๆน้อย แล้วก็ทำเมินพวกเราไง”
   
“อ้อ ไม่เลย แค่ดับไฟเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับข้าอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงกลัวข้าจะคิดมาก”
   
“ดีแล้ว เพราะหัวหน้าหมู่บ้านคงไม่มีเวลามาคอยเอาใจใส่เราแน่ๆ ดูจากความเสียหายที่เกิดขึ้น” ผมมองดูพวกก๊อปลินที่ไม่ได้รับบาดเจ็บวุ่นวายอยู่กับการดูแลพวกคนเจ็บแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
   
“เราควรจะอยู่ช่วยเขาซักนิดไหมนาดีล”
   
“ไม่ต้องหรอก ถ้าพวกเขาอยากให้เราช่วยคงขอร้องไปแล้ว อย่าไปเกะกะพวกเขาจะดีกว่า”
   
ดังนั้นพวกเราจึงออกเดินทางกันอีกครั้ง
   
“เฮ้ เอียน ขอบใจนะที่ถอดแหวนต้องสาปของฟีล่าออกให้” นี่คำแรกที่เจ้าชายนาดีลพูดกับท่านพี่เอียน ท่านพี่ได้แต่พยักหน้าเบาๆตอบรับแต่ไม่ได้หันไปมองเจ้าชายนาดีล
   
“คนอย่างเจ้าคงนึกว่าข้าจะไม่ยอมถอดแหวนให้ฟีล่าล่ะสิ” ท่านพี่เอ่ยเสียงขรึม
   
“ก็นะ หากว่าเจ้าถออดแหวนให้ฟีล่าช้ากว่านี้ หรือไม่ยอมถอด ข้าอาจจะเปลี่ยนใจไม่รับข้อเสนอของเจ้าก็ได้” ถึงตอนนี้ท่านพี่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ท่านพี่ดูเหนื่อย ไม่นานนักท่านพี่ก็หลับตาแล้วนอนพักไปทั้งอย่างนั้น
   
“เจ้าไม่น่าพูดจาหาเรื่องท่านพี่อย่างนั้นเลย” ผมเอ็ดเจ้าชายนาดีลเบาๆกลัวว่าจะไปรบกวนให้ท่านพี่ตื่น
   
“อ่าวข้าพูดเรื่องจริงนะฟีล่า ถึงเอียนจะไม่ยอมถอดแหวนให้เจ้า หมอผีของเผ่าเราก็สามารถทำได้อยู่ดี”
   
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าพูดจาแบบนั้น”
   
“โธ่ ฟีล่า เอียนไม่ได้จิตใจเปราะบางขนาดนั้นหรอก เขาโตแล้วนะ” 
   
“เรื่องนั้นข้าก็เข้าใจน่า” ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ได้แต่นั่งปล่อยให้เวลาผ่านไป ผมเอาแต่นั่งนิ่งๆมองออกไปนอกหน้าต่าง ยอมรับว่ายังเคืองเจ้าชายนาดีลนิดๆแต่พอระยะเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นก็อันตรธานหายไป
   
“นี่” ผมเอานิ้วจิ้มร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีล
   
“หายงอนแล้วรึ”

   “อื้อ” เจ้าชายนาดีลเด้งดึ๋งๆมานั่งบนตักของผม
   
“ข้ายอมรับว่าพูดจาไม่รักษาน้ำใจไปหน่อย เจ้าเองก็อย่าเคืองเลยนะ” เจ้าชายนาดีลถูไถร่างกายเข้ากับตัวผม
   
“นาดีล….อันที่จริงนะ ข้าก็รู้ว่าเจ้าอาจจะไม่ชอบท่านพี่เพราะการกระทำหลายอย่าง แต่ท่านพี่ตอนนี้เองก็เหมือนได้รับโทษอยู่เหมือนกันนะ” เจ้าชายนาดีลทำปากเบ้เป็นสระอิ รู้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดออกมา
   
“เอาล่ะๆข้าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แต่แค่ขอ ช่วยถนอมน้ำใจท่านพี่บ้าง”
   
“ถ้าเจ้ามาขอร้องเสียขนาดนี้ล่ะก็นะ”
   
“ขอบคุณๆเจ้ามากนะ” ผมกอดเจ้าชายนาดีลแนบแน่นแถมระดมจูบลงไปตามร่างนุ่มนิ่มของเขาหลายครั้งแทนคำขอบคุณ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดูชอบอกชอบใจหลังจากปรับความเข้าใจกันได้เราสองคนก็กลับมาคุยเล่นกันได้อีกครั้ง
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่21 p3 4/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-10-2016 18:12:12
พอนาดีลอยู่ในร่างนี้คือดูมุ้งมิ้ง ไม่มีพิษไม่มีภัยมากๆ
ฟีล่านี่จุ๊บใหญ่เลย ไม่เหมือนตอนอยู่ในร่างมนุษย์ 5555555
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่22 p3 5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 05-10-2016 12:31:10
ตอนที่22

การเดินทางอันยาวนานสิ้นสุดลง ในที่สุดก็มาถึงอาณาจักรสไลม์เสียที พวกผมไม่ได้เข้าพบราชามาริกกับราชินี
ฟรานซิสทันที เหตุเพราะว่าเหนื่อยจากการเดินทาง

“นาดีลพรุ่งนี้เจ้าสัญญาแล้วนะว่าจะช่วยพูดกับท่านมาริกเรื่องของท่านพี่” ผมอดห่วงไม่ได้และคงจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้รับคำยืนยันจากปากของเจ้าชายนาดีล

“เชื่อข้าเถอะน่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปพบท่านพ่อก่อนแล้วเจ้ากับเอียนค่อยตามเข้าไปที่หลังตกลงนะ” เจ้าชายนาดีลหาววอดใหญ่เขาดูสะลึมสะลือคงจะเพลียจากการเดินทางมาก ผมเองก็เพลียหนักเช่นกันดังนั้นจึงหลับลึกตามนาดีลไปติดๆ

เช้าวันถัดมาผมและท่านพี่เอียนได้มารอเข้าพบราชามาริกและราชินีฟรานซิสด้วยกัน ผมเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูเป็นหนูติดจั่น กังวลจริงๆว่าราชามาริกอาจจะไม่รับข้อเสนอของท่านพี่

“ตื่นเต้นอย่างนั้นหรือฟีล่า” ท่านพี่ถามผม

“ตื่นเต้นสิครับ”

“มานั่งข้างๆกันนี่มา” ท่านพี่กวักมือเรียกให้ไปนั่งรอข้างๆกันผมทำตามอย่างเสียไม่ได้แต่จิตใจไม่สามารถสงบลงได้เลย

“ฟีล่า ขอบใจนะ” คำขอบใจของท่านพี่ทำให้ผมหยุดว้าวุ่น ตอนนี้ท่านพี่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

“พูดอะไรนะครับ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน ข้าย่อมต้องเป็นห่วงท่านอยู่แล้ว”

“เพราะว่าเป็นพี่น้องกันอย่างไรล่ะ ตอนนี้พี่ถึงคิดว่าพี่ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงไป” ท่านพี่ยิ้มขมขื่นแล้วไม่ยอมพูดอะไรอีก ผมร็ดีว่าท่านพี่คงทรมานกับความรู้สึกผิด จังหวะนั้นเจ้าชายนาดีลก็ออกมาจากห้องด้านใน

“เข้าไปได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ของข้ารอเจ้าอยู่” เจ้าชายนาดีลบอกพลางกระพือปีกบินเข้ามาหาผม ผมรับร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีลเอาไว้

“ท่านพี่สู้สู้นะครับ” ท่านพี่หันมาส่งยิ้มให้กับคำอวยพรของผมปล่อยให้ผมนั่งไม่ติดที่รออยู่ที่หน้าห้องกับเจ้าชายนาดีล

“นาดีลตอนที่เจ้าคุยกับท่านมาริก ท่านมาริกว่าอย่างไรบ้าง”

“อย่างรู้หรือ” เจ้าชายนาดีลทำเสียงเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะอิอิอยู่บนตักของผม

“เจ้าก็รู้ว่าข้าอยากรู้ อย่าลีลาหน่อยเลย” ผมเริ่มจะขุ่น แต่เจ้าชายนาดีลยังทำสีหน้าเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะอิอิไม่เลิก งอนแล้วนะ

“เอาเถอะหากเจ้าไม่อยากเล่าข้าก็ไม่ง้อ” แล้วผมก็แสร้งทำเป็นเมินเจ้าชายนาดีลอยู่หลายนาทีต่อให้เขาพยายามทำตัวยืดย้วยแบบตลกๆให้ดูผมก็แค่ปลายตามองเท่านั้น ในที่สุดเจ้าชายนาดีลก็ยอมแพ้

“เอาล่ะๆ ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ อันที่จริงท่านพ่อฟังข้อเสนอของเอียนที่ข้าเล่าให้ฟังเงียบๆไม่ยอมปริปากพูด เพราะฉะนั้นการจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเอียนจะมีฝีปากโน้มน้าวท่านพ่อได้มากแค่ไหน ขอโทษนะฟีล่าดูเหมือนว่าข้าจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก”

ผมรู้สึกใจหาย แต่ทำอะไรไม่ได้มากนั้น ดังนั้นจึงได้แต่ส่งแรงใจให้ท่านพี่อยู่ที่หน้าประตู ท่านพี่เข้าไปนานนับชั่วโมง บางครั้งก็มีขุนนางเข้าออกห้องทำงานของราชามาริกด้วย สุดท้ายก็ท้องร้องเสียได้ ต้องแวะไปทานอาหารแล้วกลับมานั่งใหม่ รอแล้วรอเล่าจนในที่สุดก็บ่ายแก่ๆจนได้

“ท่านพี่เข้าไปนานจังนะนาดีล”

“นั่นสิน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระรื่นผิดกับผมที่กังวลจนนั่งไม่ติดที่แล้ว

“ข้าเข้าไปดูเสียหน่อยดีไหม” ผมเสนอความเห็นแต่ในตอนนั้นท่านพี่ก็เดินออกมาจากห้องพร้อมๆกับราชามาริก ท่านพี่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

“ฟีล่าพี่มีเรื่องจะพูดด้วย” ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินตามท่านพี่ไปโดยมีเจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินตามมาติดๆ

“ขอเวลาส่วนตัวให้เราพี่น้องจะได้ไหมเจ้าชายนาดีล” ท่านพี่ยิ้มอ่อนหวานให้เจ้าชายนาดีลดูแล้วช่างประหลาด อุตส่าห์ขอร้องอย่างมีไมตรีจิตแต่เจ้าชายนาดีลดูจะไม่ยอมง่ายๆ

“แหม คู่หมั้นกันยังมีอะไรต้องปิดบังกันอีกล่ะ ข้ากับฟีล่ากำลังจะเป็นคนคนเดียวกันอยู่แล้ว อย่ามากีดกันข้าหน่อยเลยน่าท่านพี่” เจ้าชายนาดีลปริ้นปากพร้อมกับตีฟองปุดๆในร่าง อา….หากดื้อแพ่งถึงขนาดนี้ คงจะไม่ยอมให้ผมกับท่านพี่ได้พูดกันตามลำพังง่ายๆ คิดว่าท่านพี่น่าจะโกรธแต่ท่านพี่กับฉีกยิ้มกว้าง

“ก็ตามใจเจ้าสิ” ท่านพี่อนุญาตง่ายๆแล้วเริ่มต้นนำทางพวกเราให้เดินตามอีกครั้งไปจนถึงห้องส่วนตัวของท่านพี่

“ท่านพี่ครับตกลงว่าท่านมาริกรับข้อเสนอของท่านพี่ไหม” พอเราเข้ามาในห้องผมก็รีบถามทันที ท่านพี่ยิ้มให้ผมพร้อมผงกหัวแทนคำตอบ

“ราชามาริกรับข้อเสนอของพี่ พี่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมสงครามได้ ส่วนความผิดของพี่ ราชามาริกบอกว่าไม่อาจตัดสินใจแทนท่านพ่อท่านแม่ได้ ดังนั้นเมื่อปลุกท่านพ่อท่านแม่จากการหลับใหลได้ ท่านพ่อท่านแม่จะเป็นคนมอบบทลงโทษให้ท่านพี่เอง”

“ท่านพี่ท่านพ่อท่านแม่ไม่มีทางลงโทษท่านพี่รุนแรงแน่ๆข้าเชื่อเช่นนั้น”

“ฟีล่า” ท่านพี่เดินเข้ามาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมเห็นเจ้าชายนาดีลเบ้ปากเป็นสระอิ นี่คงจะไม่ชอบใจที่ท่านพี่แสดงความสนิทสนมกับผมแหงๆ

“ข้าทำเรื่องไม่ดีเอาไว้มาก เพราะหลงมัวเมาแต่กับเรื่องความแค้นและตัณหา ข้าเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องได้รับโทษจากท่านพ่อท่านแม่ เพียงแต่ว่าข้าดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องตกตายด้วยน้ำมือคนอื่นแทนที่จะเป็นท่านพ่อท่านแม่ สุดท้ายแล้วข้าก็อยากจะให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นผู้มอบบทลงโทษให้”

“ท่านพี่” อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ ผมได้แต่ปาดน้ำตา คิดถึงสมัยยังเป็นเด็กหรือเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ที่เรายังมีความสุขร่วมกัน

“แต่ว่านะฟีล่า พี่ในตอนนี้คงทำได้แค่ยินดีกับความสุขของเจ้าที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้” ท่านพี่ยิ้มละไม

“ข้าได้หารือกับราชามาริกเรื่องงานแต่งงานของเจ้ากับเจ้าชายนาดีลในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตัดสินแทนได้เพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ ฟีล่าในเมื่อเจ้ารักเจ้าชายนาดีลพี่ขอให้เจ้ามีความสุขนะ”
ตอนนี้เจ้าชายนาดีลโห่ร้องด้วยความชอบใจ เขาโดดออกจากอ้อมแขนของผมแล้วเด้งดึ๋งๆไปรอบๆผมกับท่านพี่

“ตอนนี้ข้ากับราชามาริกลงความเห็นว่า เพื่อให้การยกทัพไปปราบคาลอสเป็นไปอย่างชอบธรรมจึงต้องให้เจ้ากับเจ้าชายนาดีลเป็นสามีภรรยาโดยชอบธรรม เช่นนั้นแล้วการยกทัพไปปราบกบฏจึงจะดูไม่เป็นการแทรกแซงเรื่องภายใน”

“อา…..ครับ” ผมหรี่ตามองดูเจ้าชายนาดีลที่ลั๊นลาโดดดึ๋งอย่างสุดๆ อดหมันไส้ไม่ได้จริงๆ แต่ผมไม่มีข้อคัดค้านใดใดทั้งนั้น กระนั้นก็อดที่จะกังวลถึงอนาคตหลังแต่งงานตามประสาคนใกล้หมดอิสรภาพไม่ได้

“อย่าทำหน้ายุ่งยากใจเช่นนั้นสิ เจ้าทำหน้าเหมือนบุตรสาวที่ไม่อยากออกเรือนอย่างไรอย่างนั้น” ผมคงทำหน้าอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละตอนนี้เจ้าชายนาดีลงอนตุ๊บป่องๆ เขาพองลมในกระพุ้งแก้ม

“เจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าหรือฟีล่า คนใจร้ายข้าหรือก็เฝ้ารอวันที่เราจะได้เป็นสามีภรรยากัน” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลโดดึ๋งดั๋งตรงหน้าผมปากก็เอาแต่พูดบ่นว่าทำไมหรือไม่ใช่ใช่ไหมดูแล้วช่างวุ่วายไปหมด

“พอ….พอได้แล้ว ข้าไม่ได้ไม่อยากแต่งกับเจ้า….ก็แค่….” ผมอึกอักอดวิตกไม่ได้ สิ่งที่ผมกำลังวิตกคือคืนแรกของการแต่งงาน ผมกังวลถึงเรื่องอย่างว่านะแหละครับไม่มีเรื่องอื่น

“ก็แค่อะไร ไหนอธิบายมาสิฟีล่าคนซื่อบื้อ”เจ้าชายนาดีลโดดเหยงๆตรงหน้า เขาโหวกเหวกโวยวายเอาเรื่อง แม้แต่ท่านพี่ยังหัวหมุนไปหมดจนแสดงออกทางสีหน้า

“ให้ตายข้าก็ไม่บอกเจ้าหรอก” ผมแลบลิ้นให้เจ้าชายนาดีล จากนั้นเพราะทนให้เขาเซ้าซี้ไม่ไหวผมจึงกล่าวลาท่านพี่แล้วหนีกลับไปยังห้องนอนเจ้าชายนาดีลรีบตามมาติดๆ

“ฟีล่าเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้านะ” เจ้าชายนาดีลบินตามจี้ไล่หลังยิกๆ ลองได้ตื้อขนาดนี้เห็นทีจะไม่ยอมเลิกง่ายๆ

“ฟีล่าคนใจร้าย ฟีล่าคนบ้า ฟีล่าจอมงี่เง่า” ถึงแม้จะกลับเข้าห้องแล้วยังไม่เลิกโวยวายพร้อมกับโดดึ๋งๆไปรอบๆ
ในที่สุดผมก็ยอมแพ้
   
“เข้าใจแล้วๆ ข้ายอมพูดก็ได้” ผมยอมแพ้แล้วจริงๆจึงตัดสินใจที่จะพูด แต่ก็กระดากปากเขินอายอย่างยิ่ง
   
“ข้า………………….”
   
“ว่าอะไรนะ เอาไหมสิฟีล่า” ผมอึดอัดอย่างยิ่งนี่ต้องให้ผมตะโกนเลยหรือไงนะเจ้าชายนาดีลถึงจะได้ยิน
   
“ข้ากลัว………………”
   
“ฟีล่า เจ้าพูดเบาเสียจนข้านึกว่าเจ้าเป็นคนใบ้แล้วนะนี่” โกรธแล้วนะความนี้ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าชายนาดีลแล้วตะโกนเสียงดัง
   
“ข้ากังวลเรื่องคืนแรกของเราไงล่ะ”
   
“คืนแรก” เจ้าชายนาดีลทำหน้าฉงน บ้าเอ๊ยนี่เขาต้องให้ผมพูดให้ชัดเจนกว่านี้หรือไง
   
“อ๋อ……” เจ้าชายนาดีลลากเสียงเจ้าเล่ห์ ตอนนี้เจ้าสไลม์บ้าหัวเราะอิอิดูแล้วอันตรายสุดๆ
   
“ฟีล่านี่ละก็ ฮิฮิ ….”
   
“หัวเราะอะไร” ผมหน้าบึ้ง
   
“ก็เจ้าน่ารักข้าก็อดยิ้มอดหัวเราะไม่ได้นี่” ผมเบ้ปาก ไม่มีทางคิดในแง่ดีกับสไลม์เจ้าเล่ห์จอมหื่นอย่างเขาแน่
   
“ฟีล่าจ๋า” เจ้าชายนาดีลเข้ามาถูไถร่างกายเข้ากับผม
   
“ข้าสัญญานะว่าคืนแรกของเราเจ้าจะมีความสุขที่ซู๊ดดดดดด” ผมหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงกิจกรรมทางเพศผมคว้าเอาหมอนมาทุบๆๆเจ้าชายนาดีลอย่างบ้าคลั่ง
   
“เจ้าบ้าๆๆๆๆๆ” เจ้าชายนาดีลหัวเราะชอบอกชอบใจพลางโดดหลบการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของผม

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่22 p3 5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 05-10-2016 19:00:56
น่ารักดี ชอบเจ้าชายสไลม์จังค่ะ ฟีล่าก็น่ารัก

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่22 p3 5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2016 19:37:14
อยากรู้เร็วๆ แล้วว่า คืนแรกของสไลม์ กับฟิล่า :ling1: :ling1: :ling1:
จะเป็นไปตามที่สไลม์ สัญญากับฟิล่าหรือเปล่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่23 p3 6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 06-10-2016 19:34:35
ตอนที่23
   
“สวยมาก” ผมได้แต่ยืนเป็นตุ๊กตาปล่อยให้ท่านฟรานซิสจับเปลี่ยนชุดไปมานับสิบๆครั้ง ตอนนี้ผมกำลังลองชุดแต่งงานที่ถูกตัดขึ้นอย่างเร่งด่วนภายในห้าวัน
   
“ชุดนี้ก็ดีนะจ๊ะฟีล่า ฟีล่าชอบหรือเปล่าจ๊ะ” ผมพยักหน้าหงึกๆอันที่จริงชุดทุกชุดที่ลองมาล้วนสวยไปหมดเสียทุกชุด ทำให้แม้แต่ผมเองก็ยังเลือกไม่ถูก
   
“ฟีล่าเลือกมาซักชุดสิจ๊ะ แต่แม่ว่านะ ชุดสีขาวที่ใส่อยู่ตอนนี้เหมาะกับฟีล่าที่สุดแล้วจะ”
   
“เอาชุดนี้ก็ได้ครับ”
   
หลังจากวุ่นวุ่นเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานอีกพักใหญ๋ผมก็ได้พักกับเขาบ้างเสียที อยากเจอหน้าท่านพี่แต่พอรู้ว่าท่านพี่เข้าพบราชามาริกเพื่อปรึกษาเรื่องกลยุทธในการศึกที่ใกล้จะมาถึงผมก็ไม่กล้าจะไปรบกวน ผมเอาแต่วุ่นอยู่กับท่านฟรานซิสเรื่องการเตรียมงานแต่งจนเวลาผ่านไปถึงหนึ่งเดือน
   
“งานฉลองสละโสด”
   
“ช่ายแล้ว” เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างตอนนี้ผมได้กลิ่นแอลกอฮอลจำนวนมหาศาลจากร่างนุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีล
   
“นี่คือเหตุผลของกลิ่นเหล้าที่มาจากตัวเจ้าหรือเจ้าบ้า” ผมเท้าเอวขณะคุยกับเจ้าชายนาดีล คิดอยู่นะหากว่าเขาเมาไม่รู้เรื่องล่ะก็จะไม่ยอมให้มานอนด้วยเด็ดขาด
   
“เหม็นกลิ่นเหล้าเจ้าไปตกถังเหล้ามาหรือไงกันนะ” ผมเบ้ปากให้เจ้าชายนาดีลที่เอาแต่ยิ้มกว้าง สุดท้ายแล้วถึงจะไม่ชอบใจแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมให้เขามานอนข้างๆอยู่ดี
   
“อันที่จริงพวกเราลงไปแช่บ่อเหล้าที่ถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อข้ามา เป็นความคิดของราอูลนะ ข้าแค่ทำตามเพราะเห็นว่าสนุกดี”
   
“ถึงจะโบ้ยว่าเป็นความผิดของราอูลก็เถอะ แต่เจ้าคงไม่ได้ดื่มมาจนเมาใช่ไหม” ผมถามเพราะสงสัย เพราะถึงจะได้กลิ่นเหล้าแรงๆจากตัวเจ้าชายนาดีล แต่เขายังพูดชัดถ้อยชัดคำและไม่มีท่าทางเหมือนคนสเมา
   
“ฟีล่า บอกไว้ก่อนเลยว่าข้านะคอแข็งมาก” ผมพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ ตอนนี้รู้ชัดแล้วว่าเจ้าชายนาดีลคงไม่ได้เมาอย่างที่ผมคิดในตอนแรก
   
“ฟีล่าเจ้าตื่นเต้นหรือไม่”
   
“เรื่องอะไร” ผมแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่แท้จริงแล้วพยายามปกปิดไม่ให้เจ้าชายนาดีลรู้ว่าผมตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ เพราะอย่างนั้นการที่เจ้าชายนาดีลกลับเข้ามาในห้องตอนตีหนึ่งผมคงไม่ตาสว่างแบบนี้
   
“นี่เจ้าไม่ตื่นเต้นเลยหรือเจ้าสาวไหม พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกันแล้วนะ” เจ้าชายนาดีลทำตาโต รู้อยู่แล้วว่าแกล้งทำเป็นตกใจ เพราะในวินาทีถัดมาเขาก็ยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย
   
“แต่ก็ดีน้าถ้าเจ้าสาวไม่ตื่นเต้น คืนแรกของเราคงจะผ่านไปได้ด้วยดี” ผมถอนหายใจ เบื่อเหลือเกินที่เจ้าชายนาดีลกระตือรือร้นแต่กับเรื่องอย่างว่า ตอนนี้ผมชักจะเริ่มปลงแล้ว ยังไงซะก็ดูท่าจะหนีเรื่องนี้ไม่พ้นเพราะยังไงเราก็จะเป็นสามีภรรยากัน
   
“ฟีล่า ข้าปลื้มใจจัง” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรี้
   
“อย่างนั้นหรือ”    
   
“ต้องอย่างนั้นสิ อุตส่าห์รอมาตั้งหลายปีนี่นา ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วล่ะนะว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง”
   
“ไม่คิดบ้างหรือไงว่าอาจจะมีปัญหาให้เราต้องไม่แต่งงานกันก็ได้นะ”
   
“ก็เกือบๆอยู่เหมือนกันนะ ก็เพราะเอียนไง แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่ใช่หรือ” ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงตอนนี้เจ้าชายนาดีลขยับตัวเข้ามานอนใกล้ๆผม
   
“อย่างนี้นับว่าเราสองคนฝันฝ่าอุปสรรคร่วมกันได้หรือเปล่านะ”
   
“ก็ได้อยู่นะ ถึงแม้อุปสรรคจะไม่หนักหนาสำหรับข้าก็เถอะ แต่อะไรหลายๆอย่างก็ทำให้เราแน่นแฟ้นกันขึ้นแบบทุกวันนี้ไง” ผมเริ่มจะง่วง นาดีลเองก็เหมือนกันสุดท้ายเราสองคนก็หลับตาลง
   
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะนาดีล” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะหลับลึกแล้วไปตื่นอีกครั้งในเช้าวันใหม่
   
ถึงแม้จะมีการเตรียมการล่วงหน้าถึงหนึ่งเดือน แต่ในเมื่อเป็นงานอภิเษกของเจ้ารัชทายาทอย่างนาดีล การเตรียมการจึงมีหลายขั้นตอนและวุ่นวายหนัก ตอนนี้นอกจากจะเตรียมงานฉลองยังต้องคอยจัดการกับแขกที่จะมาร่วมงานซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำของเผ่าพันธ์ต่างๆ
   
ท่านฟรานซิสนอกจากจะคอยดูแลผมเตรียมตัวยังต้องแวะเวียนไปดูแลแขกเหรื่อทุกท่าน เวลานี้แขกทุกคนเข้าพักในปราสาทจนครบหมดทุกคนแล้ว และกำลังรอคอยให้เจ้าสาวเจ้าบ่าวออกไปทำพิธี
   
“ตื่นเต้นไหมจ๊ะฟีล่าที่ต้องทำพิธีแต่งงานหน้าลานพิธีต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก หากตื่นเต้นจะดื่มเหล้าซักนิดเพื่อคลายเครียดก็ได้นะจ๊ะ” ผมส่ายหน้าไปมา ยอมรับว่าตื่นเต้นจริงอย่างที่ท่านฟรานซิสคิด แต่ไม่อยากดื่มเหล้าแต่ไหนแต่ไรผมเป็นคนคออ่อนมากอยู่แล้ว
   
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะจ๊ะได้เวลาแล้ว ทุกคนกำลังรออยู่นะ” ผมถูกพาออกไปยังลานพิธี เมื่อไปถึงประชาชนชาวสไลม์และเผ่าต่างๆมากมายอาทิเช่นก๊อบลิน เอลฟ์ลิซาร์ดแมนหรือพวกคนแคระต่างพากันจ้องมองมายังผม โอ๊ยยยยยยเครียดอ่ะ ผมไม่นึกว่าจะต้องมาสาบานรักกับเจ้าชายนาดีลต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
   
ผมเดินไปตามพรมแดงซึ่งทอดยาวไปจนถึงนักบวชประจำเผ่า ที่ตรงนั้นเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ตัวนุ่มนิ่มรอผมอยู่ ตอนนี้ผมพยายามนึกถึงงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆร่วมไปถึงการแต่งงานของชายหญิงในความทรงจำจากชาติที่แล้ว ผลที่ได้คือไม่ต่างกัน มีการสาบานกันต่อหน้านักบวชแล้วแลกแหวนหมั้น ก่อนจะเข้าพิธีจริงผมก็ได้ซักซ้อมกับท่านฟรานซิสมาแล้วเหมือนกัน เมื่อไปถึงตรงหน้านักบวชนักบวชเผ่าสไลม์ก็เริ่มพิธีทันที
   
“ฟีล่า แอสเทียร์ ไอเซนการ์ด เจ้ายินดีจะเป็นภรรยาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับ นาดีล อัล คามาร์ และจงรักภักดีต่อเขาตลอดไปหรือไม่”
   
“ยินดีครับ” ผมตอบอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นนักบวชก็ตั้งคำถามเดียวกันกับเจ้าชายนาดีลบ้าง
   
“นาดีล อัล คามาร์ เจ้ายินดีจะเป็นสามีใช้ชีวิตร่มกับ ฟีล่า แอสทียร์ ไอเซนการ์ด และดูแลให้มีความสุขไปตลอดชีวิตหรือไม่”
   
“ยินดีครับ” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างเมื่อเราต่างคนต่างสาบานกันแล้ว นักบวชก็สั่งให้เราแลกของแต่งงานกัน ท่านฟรานซิสนำแหวนสองวงมาให้ผมกับเจ้าชายนาดีล เจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินเข้ามาใกล้ผม จำแลงส่วนหนึ่งของร่างกายให้เป็นรูปมือแล้วสวมแหวนเข้ามาที่นิ้วนางของผม
   
ในทางกลับกันผมเริ่มจะงงว่าจะสวมแหวนให้เจ้าชายนาดีลอย่างไรดี ในตอนนั้น เจ้าชายนาดีลก็อ้าปากแล้วโดดงับกลืนเอาแหวนหมั้นเข้าไปในร่างโปร่งแสงของเขา นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผมอัศจรรย์ใจ ปริศนาลับที่ว่าเขาเอาสิ่งของไปในตรงส่วนไหนของร่างกายกันทำให้ผมทึ่ง อดนึกถึงตอนที่เขาเอาคริสตัลวิเศษออกมาจากร่างไม่ได้
   
“จูบสาบาน”
   
สิ้นคำสั่งของนักบวช เจ้าชายนาดีลก็กระพือปีกเข้ามาใกล้แล้วจุ๊บแผ่วๆลงบนปากของผม เราสัมผัสกันแค่แตะๆเท่านั้น ผมพอใจที่เราจูบกันแบบเบาๆ เพราะว่าหากต้องจูบกันแบบแนบแน่นผมคงอับอายหนักเพราะว่าเป็นการจูบกันต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก แต่ก็นั่นแหละจูบกับสไลม์ตัวน้อยๆไม่น่าอายหรอกเพราะแตกต่างกับจูบกับเจ้าชายนาดีลในร่างคนไปไกลมาก
   
วินาทีที่เราถอนจูบกัน เสียงโห่ร้องยินดีของประชาชนก็ดังขึ้น ดูเหมือนทุกคนจะยินดีให้กับการแต่งงานของผมกับเจ้าชายนาดีล อดปลื้มปิติไม่ได้ที่มีผู้คนมายินดีอย่างคับคั่ง จากนั้นผมกับเจ้าชายนาดีลก็ถูกพาแห่โชว์ตัวไปรอบอาณาจักร กินระยะเวลากว่าสองชั่วโมงกว่าเราจะได้พัก
   
แต่ยังไม่หมดยังมีงานเลี้ยงฉลองยามค่ำคืนทั้งในปราสาทสำหรับชนชั้นสูงและขุนนางและนอกปราสาทสำหรับพวกประชาชนอีกด้วย
   
ยามค่ำคืนผมหาโอกาสปลีกตัวจากงานมานั่งพักอยู่ที่ริมระเบียงได้เป็นผลสำเร็จ ยอมรับละว่าเหนื่อยมากต่อการพบปะผู้นำของเผ่าต่างๆ บางท่านก็มาแสดงความยินดี แต่บางท่านก็มาพูดเกี่ยวกับการเมืองล้วนๆ เรื่องการเมืองทำให้ผมคิดหนักเกี่ยวกับสงครามที่ใกล้จะเกิดขึ้นไม่ได้
   
พอนึกถึงสงครามก็คิดถึงท่านพี่ ท่านพี่ร่วมงานพิธีตอนเช้าด้วยก็จริงแต่ว่าไม่ได้มาร่วมงานฉลองยามค่ำนี้ด้วย ไม่โกรธที่ท่านพี่ไม่มาร่วมงานเพราะเข้าใจว่าท่านพี่คงอึดอัดหากต้องเจอกับคำถามร้อยแปดของพวกผู้นำเผ่าและขุนนางมากมาย
   
ผมหลบมุมมาพักผ่อนได้ไม่นานนักเจ้าชายนาดีลก็ชวนผมออกกลับเข้าไปในงาน การได้มาหลบพักซักครู่หนึ่งของผมทำให้พอมีพลังงานเหลือไปสู้รบกับพวกแขกที่มาร่วมยินดีได้ เราสองคนอยู่ในงานกันจนถึงห้าทุ่มสุดท้ายท่านมาริกกับท่านฟรานซิสก็ลงความเห็นว่าให้พวกเราไปพักผ่อนกันเสียทีได้แล้ว
   
“ฟีล่า นาดีลลูกรัก คืนนี้เป็นคืนสำคัญของพวกเจ้า ไปพักผ่อนกันได้แล้วนะ” เจ้าชายนาดีลเริงร่าสุดๆ ท่าทางเขาจะคอยเวลานี้มานานแล้ว หัวใจผมเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น ทั้งๆที่เตรียมใจในการผ่านคืนแรกกับเจ้าชายนาดีลมาแล้วแท้ๆนะ แต่ก็ยังอดประหม่าไม่ได้

   ทางเดินที่ทอดยาวไปจนถึงห้องหอของพวกเรากลายเป็นทางเดินที่ยาวนานที่สุด เพราะหัวใจผมเต้นถี่ระรัวจนนับไม่ถ้วน ทั้งยินดีและไม่ยินดีที่ทางเดินไปสู่ห้องหอแสนจะยาวยืด ในใจของผมเต็มไปด้วยความกังวล
   
ผมลอบมองเจ้าชายนาดีลที่กระพือปีกบินเคียงข้างเป็นระยะๆ เจ้าชายนาดีลดูมีความสุข เขาผิวปากท่าทางดูลั๊นลา ต่างกันกับผมที่ยิ่งเข้าใกล้ห้องหอก็ยิ่งตระหนก รู้สึกได้ถึงความชื่นจากเหงื่อบริเวณหน้าผาก

   บ้าเอ๊ย…..นี่ผมกลัว กลัวแบบเดียวกับที่พวกสาวบริสุทธิ์กลัวคืนแรกของวันแต่งงาน คิดอยู่นะว่ามันบ้ามาก แต่ให้ทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อผมรู้แล้วนี่ว่าเจ้าชายนาดีลเขามีร่างมนุษย์ไม่ใช่แค่สไลม์ตัวนุ่มนิ่มที่ไม่น่าจะทำเรื่องบัดสีกับผมได้
   
“ถึงแล้วน้า” เจ้าชายนาดีลใช้มือจำลองของเขาเปิดประตูห้องหอของเรา เขาบินนำผมเข้าไปในห้อง ผมใช้มือลูบหน้าที่ชื้นเหงื่อ พยายามขับไล่ความกังวล
   
“มานั่งข้างๆข้าสิฟีล่า” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลไปนั่งปุอยู่ที่ริมเตียงกว้าง เขาเรียกผมให้ไปนั่งข้างๆหรือ ผมลังเลยืนเก้เก้กังกังอยู่นาน
   
“ฟีล่าคนซื่อบื้อข้าเรียกให้เจ้ามานั่งข้างๆอยู่นะ” นาดีลพองลมในปากอย่างแสนงอน สุดท้ายผมก็ก้าวเดินอย่างไม่เป็นธรรมชาติไปนั่งลงข้างๆเขาตรงริมเตียง
   
อา……..หัวใจผมเต้นระทึกเป็นจังหวะรัวกลองแบบถี่ยิบจนแทบจะหลุดจากออกจากอก บอกไม่ได้เลยว่าตื่นเต้นหรือหวาดกลัวกันแน่ แต่เชื่อเถอะ ผมไม่สามารถหยุดความระทึกนี้ให้สงบลงได้ง่ายๆเลย
   
“ฟีล่าดื่มเหล้าเจ้าสาวหน่อยไหม” เจ้าชายนาดีลใช้มือจำลองเทเหล้าอุ่นที่วางอยู่บนหัวเตียงจากเหยือกลงแก้วส่ง
ให้
   
“อืม...ขอบคุณนะ” ผมรับแก้วมาจิบทีละนิด ถึงรสชาติจะดีแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้ากระดกทีเดียวหมดเพราะกลัวจะโดนนาดีลกลับร่างเป็นคนแล้วจับกดให้สมกับเป็นเจ้าสาวโดยที่ยังไม่พร้อม

แน่นอนว่าผมชอบนาดีลจากใจจริง รู้สึกหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้ๆ แต่จิตใต้สำนึกมันก็ยังยอมรับที่ตัวเองจะต้องเป็นผู้ถูกกระทำไม่ได้อยู่ดี.....นอกจากศักดิ์ศรีความเป็นชายจะค้ำคอแล้ว ผมยังกลัวเจ็บตัวอีกด้วย

“ฟีล่านี่น่ารักจังเลยน้า มาให้ข้าหอมแก้มเสียดีๆ .... ถึงเวลาที่ข้าจะกลายร่างเป็นคนแล้วเอ็นดูเจ้าสาวสินะ อิอิ” เจ้าชายนาดีลเบียดร่างกลมๆ เข้าใกล้ผมมากขึ้นพร้อมกับพูดวลีเหมือนลุงแก่ๆ

นะ น่ากลัวเกินไปแล้ว....ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองซีด พอนึกถึงร่างคนของนาดีลแล้วจะไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ผมชอบนาดีลที่เป็นสไลม์นุ่มนิ่มน่ารักไร้พิษภัยมากกว่า

 “นา...นาดีล อย่างน้อยวันนี้เจ้าไม่กลายร่างเป็นคนได้ไหม เรื่องเข้าหอเอาไว้วันอื่นเถอะนะ ในคืนที่สำคัญแบบนี้ไม่คิดว่ามีอะไรอื่นที่น่าทำมากกว่าเหรอ... อย่างเช่น นั่งจิบน้ำชาอ่านหนังสือประวัติศาสตร์กัน” ผมฉีกยิ้มก่อนจะคว้าหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนาที่บังเอิญวางอยู่แถวนั้นขึ้นมาชูให้เจ้าชายนาดีลดู

“บู่ หนังสือน่าเบื่อนั่นจะไปสำคัญกว่าการเข้าหอของเราได้ยังไง ข้าว่าข้ารีบกลายร่างดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวฟีล่างี่เง่าจะพูดเรื่องไร้สาระยันสว่างซะก่อน” เจ้าชายนาดีลดีดร่างกลมๆ กระแทกหนังสือจนหลุดจากมือผมไปอยู่อีกมุมห้องในทันที

อ่า.....จะยอมให้นาดีลกลายร่างไม่ได้เด็ดขาด เมื่อเห็นว่านาดีลทำท่าจะกลายร่างแล้วผมก็รีบหอมแก้มเขาเบาๆ พร้อมกับออดอ้อนสุดชีวิต เอาวะฟีล่า เพื่อสวัสดิภาพมารยาหน่อยจะเป็นไรไป

“นาดีล... คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนข้าในร่างนี้เถอะนะ อย่างน้อยในคืนส่งตัว ข้าก็อยากอยู่กับเจ้าในร่างที่แท้จริงมากกว่า เรามานั่งคุยกันอย่างสนิทสนมกันดีกว่านะ ให้ข้าบอกรักเจ้าทั้งคืนเลยดีไหม” โอล่า นี่คือท่าไม้ตาย ผมคิดนะว่าเจ้าชายนาดีลน่าตกหลุมพรางของผมเอาล่ะเจ้านาดีล ผมพร้อมที่จะบอกรักนายจนถึงเช้าแล้ว....โยนเรื่องเข้าหอทิ้งลงกรุไปซะเถอะ!!!

“ฟีล่างี่เง่า ในคืนส่งตัวใครเขาอยู่ในร่างที่แท้จริงกัน อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะกลับร่างเป็นมังกรน่ะเจ้าคิดว่าห้องนี้จะพอสำหรับร่างเจ้ารึไง อย่าบอกนะว่าจะให้พวกเราไปสวีทกันกลางแจ้งเพราะในปราสาทนี่นอกจากท้องพระโรงแล้วก็ไม่มีห้องไหนใหญ่พอให้มังกรมานั่งจิบน้ำชาเล่นหรอกนะ” เจ้าชายนาดีลเด้งตัวขึ้นๆ ลงๆ อยู่ข้างๆ ผมแสดงความไม่พอใจ

“ไม่ใช่...หมายถึงข้าอยากผ่านคืนแรกของเรากับเจ้าในร่างสไลม์เท่านั้นเอง...” ผมพูดความรู้สึกออกไปตามตรง ครั้งนี้ได้ผล...เจ้าชายน่าดีลเปลี่ยนท่าทีเป็นกระแซะตัวกลมๆเข้าหาผมแทน

“โธ่เอ้ยก็ไม่บอกแต่แรก.....ฟีล่านี่นี่น้า ช่วยไม่ได้ คืนนี้ข้าจะอยู่ในร่างสไลม์ก็แล้วกัน รีบๆ ก้มหน้ามาให้ข้าจุ๊บๆ สักทีสิก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจกลายร่างเป็นมนุษย์ อ้อ แล้วอย่าลืมบอกรักข้าทั้งคืนอย่างที่พูดด้วยล่ะ” เจ้าชายนาดีลพูดอย่างลำพองใจเป็นที่สุด

แปลว่าผมรอดแล้วสินะ.....

ผมก้มหน้าลงไปจุ๊บกับนาดีลตามที่เขาร้องขอ ผมหลับตาพริ้มและจูบเขาแผ่วเบา น่าแปลกรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาพันรัดร่างเอาไว้

ไม่สิ....ผมกำลังถูกเจ้าชายนาดีลรัดเอาไว้ด้วยร่างกายของเขาแถมยังฉวยโอกาสละลายเสื้อผ้าออกทีละนิด

“อ๊ะ นาดีล...ทำอะไรน่ะ ไหนว่าเราจะนั่งคุยกันทั้งคืนไง” ผมพยายามผลักนาดีลออกไปแต่เหมือนตัวของเขาจะใหญ่ขึ้นจนแทบจะกลืนกินผมไปทั้งร่าง ตอนนี้เสื้อผ้าที่ติดอยู่กับร่างของผมแทบจะละลายหายไปหมด นี่มันบ้าอะไรนี่

“ฟีล่า อย่าดิ้นนักสิ เดี๋ยวข้าก็เผลอละลายเอาร่างของเจ้าไปด้วยหรอก” นาดีลพูดอย่างขำขัน ถึงเขาจะตลกแต่ผมไม่รู้สึกตลกด้วยสักนิด แถมยังรู้สึกแปลกๆตามเนื้อตัว จนอดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเองที่ความสามารถในการขัดขืนลดลงไปเรื่อยๆ

“อึก....อือ....เจ้าทำอะไร...ทำไม่รู้สึกแปลกๆ......” ผมครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ที่ข้างหูได้ยินเสียงหัวเราะของนาดีลดังเบาๆ

“ทั้งที่ตั้งใจว่าจะใช้ร่างมนุษย์เอ็นดูเจ้าก่อน แล้วค่อยตะล่อมให้ยอมมีอะไรด้วยในร่างนี้ทีหลัง ไม่คิดเลยว่าฟีล่าจะเป็นฝ่ายเรียกร้องออกมาเอง แปลว่าเราสองคนใจตรงกันสินะ” เผ่าพันธุ์สไลม์ที่ได้ชื่อว่ามีร่างกายที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร้ขีดจำกัดทำให้ผมได้ประจักก็วันนี้ ระหว่างที่สติผมเริ่มกระเจิดกระเจิงไปด้วยความรู้สึกวาบหวิวเจ้าชายนาดีลก็เริ่มเสียดสีร่างกายนุ่มนิ่มของเขาเข้ากับร่างผมจนความต้องการของผมถูกกระตุ้นจนถึงที่สุด ร่างนิ่มๆ ลื่นๆ ไหลมาพันธนาการรอบตัว ยังไม่รวมส่วนของรยางค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเย้าแหย่ส่วนต่างๆของร่างกายอีกล่ะ

“อ๊ะ....ตรงนั้นไม่ได้นะ อะ อย่า.....อะ อา....” เสียงร้องห้ามของผมเปลี่ยนเป็นครางออกมาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้ว่าแก่นกายของผมถูกรัดและเสียดสี พอมองลงไปก็พบว่ารยางค์นุ่มนิ่มของเจ้าชายนาดีลพันรัดเอาความเป็นชายของผมแล้วเริ่มขยับรูดขึ้นลง
พระเจ้า.....นี่ผมกำลังถูกสไลม์ปล้ำอยู่นี่นา.....

ในตอนนั้นความทรงจำจากชาติที่แล้วก็แล่นวาบเข้ามาในสมอง ในชาติที่แล้วก็มีกลุ่มคนซึ่งนิยมการ์ตูนโป๋ที่นางเอกสาวน้อยถูกลไลม์และระยางค์เข้าโจมตีแบบนี้อยู่เหมือนกัน......การ์ตูนที่ผมแค่มองผ่านๆ และด่าเพื่อนว่ามันเพี้ยนที่อ่านของแบบนี้!!!!

ผมคิดไปได้ยังไงว่าสิ่งมีชีวิตสุดหื่นนี่เป็นพิษเป็นภัยน้อยกว่าร่างมนุษย์

“อึก....ไม่เอาแล้ว....นาดีล พอแล้ว อะ อา....” ผมแทบคลั่งเมื่อถูกรีดเค้นส่วนนั้นจนปลดปล่อยอยู่หลายครั้ง ตอนนี้เจ้าชายนาดีลเอาแต่หัวเราะอิอิ ผมทั้งเสียวซ่านทั้งอับอายแต่ก็ไม่สามารถต่อต้านได้เพราะถูกพันรัดเอาไว้แน่นหนา

“อึกหยุดเถอะ” ผมร้องขอ แต่เจ้าชายนาดีลก็ยังไม่หยุดใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายเข้ารีดเค้นหยาดน้ำจากผมอย่างต่อเนื่อง ในตอนนั้นเรียวขาของผมก็ถูกเจ้าชายน่าดีลจัดท่าทางให้แยกออกกว้าง ผมตกใจจนสะอึกและน้ำตาเริ่มคลอเบ้าเมื่อเห็น ส่วนหนึ่งของร่างกายเจ้าชายนาดีลที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชายยื่นมาตรงหน้า

“ถ้าจะมีความสุขด้วยกันในร่างสไลม์ก็ต้องประมาณนี้ละน้า” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรื่น ในทางกลับกันผมผวาเมื่อคิดว่าเจ้าชายนาดีลจะสอดสิ่งนั้นเข้ามาในร่างกายของผม

“นะ…..นาดีล…..ข้อร้องล่ะ…..ข้าไม่ไหวหรอก” ผมขอร้องด้วยเสียงที่ขาดห้วงเพราะถูกกระตุ้นที่แก่นกายอย่างหนัก ผมคิดหาทางล้านแปดเท่าที่สมองซึ่งอ่อนยวบยาบเพราะความหวามหวานจากการปลุกเร้าจะคิดได้

“มันใหญ่เกินไป เข้ามาไม่ได้หรอก”

“เอ๋…..ใหญ่เกินไปหรือ…..นั่นสิน้า……” ผมยิ้มออกเพราะคิดว่าเจ้าชายนาดีลจะละเว้นผม แต่ไม่ใช่ซักนิด
เจ้าชายนาดีลค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเจ้าส่วนที่คล้ายอวัยวะเพศชายออกจนกลายเป็นรูปมือที่เรียวยาว
   
“ลองอะไรที่มันเล็กช่วยเบิกทางก่อนเจ้าจะได้ไม่เจ็บน้า” ผมปล่อยโฮออกมาแล้วจริงๆ น้ำตาไหลพรากเลยครับ หมดสิ้นแล้วความยางอายที่มี ผมทั้งร้องไห้ทั้งครวญครางเมื่อถูกปลายนิ้วจำลองสอดแทรกเข้ามา ไม่นานนักเจ้าสิ่งนั้นก็ขยับในร่างกายของผม เมื่อถูกกระทบเข้ายังจุดเร้นลับที่ซ่อนอยู่บริเวณบั้นท้ายผมก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ
   
“อึก…..อ้า…..นาดีล…..” ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าร้องไห้เพราะความกลัวหรือว่าเพราะรู้สึกดีเกินจนตาพร่า การที่เจ้าชายนาดีลมากระตุ้นร่างกายผมทั้งทางด้านหน้าด้านหลัง มันทำให้ผมแทบคลั่ง สติสตางค์เริ่มไม่คงที่ไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป
   
“เอ้าๆ เจ้าเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้ทำเอาข้ารู้สึกผิด แต่ได้เห็นเจ้าเป็นแบบนี้แล้วมันทำให้ข้าคึกคักน่าดูเลยน้า…”
   
คอนนี้รู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเจ้าชายนาดีลในร่างขยายใหญ่ขึ้น อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองดูแล้วก็พบว่า ส่วนที่ขยับเข้าออกซึ่งเคยเป็นเพียงปลายนิ้วจำลองได้แปรสภาพกลายป็นท่อนเนื้อโปร่งใส คิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป เพราะว่าขนาดอันใหญ่โตทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าแค่ปลายนิ้วเสียอีก บ้าเอ๊ยนี่ผมกลายเป็นพวกวิตถารไปแล้วอย่างนั้นหรือนี่

“ฟีล่า...อย่าลืมบอกรักสิ ไหนเจ้าว่าจะบอกรักให้ข้าฟังทั้งคืนไงล่ะ” จู่ๆ เจ้าชายนาดีลถามทั้งที่ขยับเจ้าส่วนใหญ่โตเข้าออกไม่หยุด ผมอยากจะบีบคอเขานักถ้าตอนนี้เขามีคอให้บีบ ผมไม่ยอมพูดว่ารักเขาอย่างเด็ดขาด แน่ล่ะเพราะแค่จะหายใจหายคอผมยังทำไม่ทันเลยด้วยซ้ำ

 “เอาเถอะถึงเจ้าจะไม่ยอมพูด แต่เสียงครางหวานๆของเจ้าก็บอกชัดอยู่น้า เจ้ารักข้าใช่ม้าไม่อย่างนั้นคงไม่ทั้งครางทั้งหอบกระเส่าแบบนี้แน่ๆ” ผมพยายามถลึงตาใส่เขาแทนคำตอบ แต่มันสุดจะทนจริงๆการถูกสอดแทรกอย่างโดนจุดทุกครั้งทำให้ผมแทบจะไม่มีสติอีกต่อไปแล้ว ร้ายกาจจริงๆ ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่นึกมาก่อนว่าเขาจะกอดผมด้วยร่างของสไลม์แบบนี้ก็ได้ด้วย

เกือบหนึ่งชั่วโมงที่การเล่นรักระหว่างคนกับสไลม์ดำเนินไป ผมปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกที่ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลก็กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วเหมือนกับผม เขาหัวเราะฮิฮิแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้

“เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างน้า” ไม่รู้ถลึงตาใส่เจ้าชายนาดีลไปกี่ครั้งแล้ว ตอนนี้ร่างกายของผมอ่อนล้าจนแทบกระดิกนิ้วไม่ได้

“ยังจะทำอีกหรือ แค่ร่างสไลม์ยังไม่พอหรือไง”

“ก็อยากลองหลายๆแบบนี้น้า…ตื่นเต้นดีออก สนุกดีด้วย” ถูกบอกด้วยเสียงระริกระรื่น เพราะไม่มีแรงจะต่อต้านอีกแล้วจึงได้แต่ปลิดปลง ตอนนี้ผมถูกเจ้าชายนาดีลจัดท่าทางเสียไหม เขาลากไล้ปลายลิ้นไปตามเนื้อตัวของผมและกระตุ้นที่ยอดออก บ้าเอ๊ยนึกว่าผมหมดแรงแล้วเสียอีก แต่พอถูกกระตุ้นอย่างรุกเร้าอีกครั้งไฟราคะกลับจุดติดขึ้นมาอีกง่ายๆ
เกลียดร่างกายตัวเองเองที่เป็นแบบนี้เสียจริงๆ

“อึก อื้อ นาดีลพอเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”

“จะได้ยังไงข้ายังคึกคักอยู่เลยนี่นา อีกอย่างในร่างนี้ข้าเองยังไม่ได้กอดเจ้าเลยซักครั้งนะ ถ้าไม่ได้ทำล่ะก็รู้สึกว่ามันไม่เท่าเทียมยังไงไม่รู้สิ” เป็นข้ออ้างที่ฟังดูแล้วเห็นแก่ตัวและไร้สะระมาก แต่ห้ามเขาได้เสียที่ไหน ตอนนี้เขาสอดแก่นกายใหญ่โตของเขาเข้ามาแล้ว เมื่อภายในของผมถูกเติมเต็มจนล้นความพึงพอใจอย่างคาดไม่ถึงก็หวนกลับมาอีก

“ฟีล่า เจ้าน่ารักที่สุด….บอกข้าหน่อยสิว่าเจ้าก็รักข้า” ถูกอ้อนขอให้บอกรักอีกแล้ว อ่อนอกอ่อนใจเสียเหลือเกิน แต่หากคิดให้ดีเพราะผมก็รักเขาเช่นกัน ถึงแม้จะโกรธนิดๆที่เจ้าชายนาดีลเอาแต่ทำตามใจชอบแต่ไม่เกลียดเลย นอกจากนั้นตอนนี้ยังมีทั้งอารมณ์รักและหวามไหวจนยากที่จะอธิบาย

“ฮึก....รักนาดีล.....รัก........” หลังจากเริ่มบอกรักอย่างเร้าร้อนไปแล้วครั้งหนึ่ง คำรักก็ถูกพลั่งพลูออกมาเรื่อยๆ การบอกรักระหว่างถูกกระแทกกระทั้นแทรกกายเข้ามาทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจ

“ข้าก็รักเจ้าเหมือนกันนะฟีล่า รักที่สุด”
หลังจากบอกรักซึ่งกันและกัน เจ้าชายนาดีลก็แทรกกายเข้ามาถี่กระชั้นขึ้นทุกที่ คราวนี้ไม่หวาดเสียวเท่าตอนที่เป็นร่างต้นของเขา แต่ความเสียวซ่านที่ได้รับนั้นไม่ต่างกันเลยซักนิด

ค่ำคืนนั้นเจ้าชายนาดีลร่วมรักกับผมหลายครั้งทั้งแบบที่อยู่ในร่างต้นและแบบในร่างมนุษย์สลับกันไปมาจนผมหลอมละลายด้วยความใคร่ ไม่อาจทนต่อการปลุกเร้าของเขาได้และสลบไประหว่างกิจกรรมแห่งรักอันเร่าร้อน
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่23 p3 6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 06-10-2016 21:05:37
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารัก   ชอบ   ฟินนนนนนนนนนน  น่ารักมากกกก
ชอบเอ็นซีสุดๆเลยค่ะ555555
ชอบเอ็นซีมากไม่รู้จะบรรยายยังไงมันฟินได้โล่ห์ค่ะ
ฉากแต่งงานก็น่ารักมากๆ
ขอบคุณคนเขียนด้วยค่ะที่โหวตเราในรางวัลนักอ่าน :)
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่23 p3 6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: LiPzTicK* ที่ 06-10-2016 22:49:00
น่ารักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่23 p3 6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 07-10-2016 00:12:07
ฉาก NC น่ารักดีค่ะ ชอบ แหวกแนวด้วย :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่24-25 p4 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 09-10-2016 18:28:08

ตอนที่24

หลังจากผ่านคืนแรกไปเวลาก็ผ่านไปได้หนึ่งเดือนแล้ว ผมกับเจ้าชายนาดีลนั้นเอาแต่วุ่นวุ่นอยู่กับการแวงแผนและการจัดทัพเพื่อการแย่งอาณาจักรคืนมาจากคาลอส ตามข่าวที่ได้ยินมาสองเดือนมานี้คาลอสแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการ แล้วจัดการมอบตำแหน่งให้ญาติของพวกผมตีต้าที่เพิ่งอายุได้สิบขวบขึ้นเป็นราชาหุ่นเชิด

บอกตามตรงว่าผมเป็นห่วงตีต้ามาก ตีต้าเป็นญาติตัวน้อยที่น่ารักและสนิทกับผมมากรองมาจากท่านพี่ ผมมักจะไปเล่นกับตีต้าประจำ ท่านพ่อท่านแม่ของตีต้าที่เป็นญาติของเราก็เป็นชาวมังกรที่ดีและพวกเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องการเมือง เห็นทีว่าคาลอสคงจะไปหว่านล้อมอะไรบางอย่างกับพวกเขาแน่ๆ วันนี้ทั้งวันหลังจากได้ยินข่าวเรื่องของตีต้า ผมถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็
ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกเจ้าชายชายนาดีลในร่างสไลม์รัดพันเอาไว้ทั้งตัว

“ไม่เอานะ นาดีล วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์” ผมพยายามทำเสียงแข็งบอกเขา แต่เจ้าชายนาดีลหัวเราะอิอิอย่างเจ้าเล่ห์แล้วสอดรยางค์นุ่มนิ่มของเขาเข้าภายในร่มผ้าเพื่อหยอกเย้ายอดอกของผม

“อ๊ะ……นาดีล……ก็บอก…แล้วว่า……” ห้ามไปก็เท่านั้นตอนนี้รยางค์นุ่มนิ่มมากมายสอดเข้ามาตามช่องว่างของเสื้อผ้า ผมได้แต่ร้องครวญครางเมื่อเจ้าชายนาดีลเริ่มเล้าโลมส่วนต่างๆของร่างกายผมโดยเฉพาะตรงเครื่องเพศ

“อึก….เจ้าสไลม์จอมหื่น……อ้า…..”

“ไม่ใช่แค่สไลม์จอมหื่นน้า…..แต่ข้าคือสามีของเจ้าไม่ใช่หรือ….คุณภรรยาก็ต้องยอมให้คุณสามีจิ๊จ๊ะได้ตามใจชอบสิ”

“แต่ต้องไม่ใช่จิ๊จ๊ะกันทุกวันแถมวันละหลายชั่วโมงแบบนี้……เจ้าไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ……อื้อ……” ผมบิดกายพล่านตอนนี้เสื้อผ้าของผมถูกเจ้าชายนาดีลละลายทิ้งอีกแล้ว นึกๆดูแล้วตั้งแต่เราแต่งงานกันมา เฉพาะผมเพียงคนเดียวใช้ปริมาณเสื้อผ้าเปลืองมาก เพราะเจ้าชายนาดีลเล่นละลายมันทิ้งทุกครั้งที่รุกเข้าหาผม

“จะเบื่อได้อย่างไร ในเมื่อข้ามีภรรยาที่น่ารักเย้ายวนขนาดนี้ น่ารักจนอยากจะหยุดเวลาน้ำผึ้งพระจันทร์ของเราเอาไว้แบบนี้ วันนี้ท่านพ่อท่านแม่พูดถึงเรื่องทายาทของเราอีกแล้วนะ” ผมสะดุ้งเฮือกไม่ใช่เพราะตกใจเรื่องคำพูดของท่านพ่อท่านแม่ แต่เป็นเพราะเจ้าชายนาดีลสอดรยางค์ขนาดเท้านิ้วกลางเข้ามาสำรวจในจุดลับบริเวณบั้นท้ายของผมต่างหาก

“อา…..อื้อ…….ไม่เร็ว…..เกินไป….หรือ……อื้อ…..ใน….อา……สงครามแบบ….นี้……” รยางค์นุ่มนิ่มที่สอดแทรกเข้ามาเล่นงานผมไม่หยุด ขณะเดียวกันรยางค์อื่นๆก็จู่โจมหยอกเย้าทั้งแก่นกายและยอดอกจนผมพูดออกมาไม่เป็นคำพูด

 บ๊าเอ๊ย!!!สมองของผมเยิ้มไปหมดด้วยไฟราคะเพราะเขาแท้ๆยังจะมาชวนพูดเรื่องจริงจังแบบนี้ได้อีก แถมยังเป็นเรื่องสำคัญมากอีกต่างหาก เรื่องของทายาทเลยเชียวนะ ทำไมต้องมาปรึกษาในระหว่างตอนทำอย่างว่าด้วย

“ข้าก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่ามันยังไม่เหมาะ แต่ท่านพ่อท่านแม่นี่สิอยากจะอุ้มหลานกันน่าดู เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไรฟีล่า” ตอนนี้รยางค์ในร่างกายของผมขยายใหญ่และเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ผมไม่ตกใจเพราะคุ้นชินกับสถานการณ์นี้ดี ผมจึงปล่อยกายใจเพื่อเตรียมตัวรับความสุขที่จะรุนแรงมากกว่าเดิมแต่ก็ไม่ลืมตอบคำถามของเจ้าชายนาดีลทั้งๆที่จมอยู่กับความเสียวซ่านจนยากที่จะเอ่ย

“ข้า…..อื้อยัง……ไม่อยาก….อึก…,มีทายาท…ตอนนี้……”

“ทำไมล่ะ” เจ้าชายนาดีลทำเสียงขุ่นมัว รยางค์ที่สอดแทรกร่างกายของผมกระแทกเข้าออกหนักหน่วงมากกว่าปกติจนเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นการลงโทษ

“อึก…..เบาๆ….หน่อย…..เจ้า…..อ้า…..เกินไปแล้ว….อื้อ”

“มันดีจนเกินจะทนเลยใช่ไหมล่ะ” เจ้าชายนาดีลทำเสียงเหี้ยม เขาไม่ชะลอหรือลดความรุนแรงของการสอดแทรกให้ผมเลย การทำรุนแรงแบบนี้มันทั้งเจ็บและดีไปพร้อมๆกัน มันทำให้ผมปั่นป่วนระหว่างความคิดที่ว่าต้องการให้หยุดหรือให้เขาทำต่อกันแน่

“บอกมานะฟีล่าทำไมเจ้าไม่อยากมีทายาทของข้าตอนนี้”
เสียงที่ดูจะดุดันของเขาทำให้ผมรู้ว่าเขาโกรธ โธ่เอ๊ยเจ้าสไลม์จอมเอาแต่ใจ หนึ่งเดือนมานี้นับแต่ผมแต่งงานกับเขามาการใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาทำผมให้รู้จักเจ้าชายนาดีลเพิ่มขึ้น ปกติเขาจะใจดีขี้อ้อนเวลาอยู่ต่อหน้าผม แต่อีกโฉมหน้าหนึ่งเขาเป็นจอมหึงหวงและช่างเผด็จการแบบที่ผมคาดไม่ถึง จนบางครั้งเขาก็รังแกผมบนเตียงเป็นการลงโทษอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ก็เหมือนกันผมถูกลงโทษในแบบของเขาอยู่

สไลม์ทุเรศเอ๊ยไหนว่าตอนแรกก็ยังไม่อยากมีทายาทตอนนี้เหมือนกันไงเล่า แล้วทำไมพอผมบอกความในใจถึงได้ต้องมาโกรธมารังแกผมแบบนี้ด้วย

“อึก…..ข้า….มีเหตุผล……อื้อ……”

“ไหนลองบอกเหตุผลมาสิ”
ถ้าอยากจะให้บอกเหตุผลก็ช่วยหยุดรังแกกันเสียทีสิ อยากจะร้องตะโกนบอกเขาออกไป แต่ที่ผมทำได้คือการส่งเสียงครวญครางเพราะเจ้าชายนาดีลไม่ออมมือให้ผมเลยเขากระตุ้นร่างกายของผมไปทุกสัดส่วน ทั้งยังสอดแทรกเข้ามาถี่กระชั้นจนสติสตางค์ของผมวูบไปกะทันหันเพราะการร่วมรักอันรุนแรงและยาวนาน เมื่อตื่นขึ้นมาอีกที เจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ก็ทำสีหน้าเศร้าอยู่ข้างกายผม

“ขอโทษนะที่รุนแรงกับเจ้าไปหน่อย”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว” ผมบอกเขาด้วยเสียงที่แหบแห้งจนน่าตกใจ คงเพราะเมือคืนผมส่งเสียงครางไม่หยุดมาตลอดทั้งคืน

“นาดีล” ผมยังไม่ทันจะพูดเขาก็เข้ามาขอโทษพร้อมกับเอาร่างกายมาถูไถ มันน่ารักก็จริงแต่อดที่จะงอนไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมฟังเหตุผลของผมเลย ทำรุนแรงเสียขนาดนี้อยากจะทุบๆๆเขาให้บี้แบนเสียให้เข็ด แต่พอเห็นเจ้าชายนาดีลตีหน้าเศร้าแล้วเปลี่ยนสีร่างกายเป็นสีซีดๆ ผมก็อดให้อภัยเขาไม่ได้

“ที่ข้าไม่อยากมีทายาทตอนนี้ เพราะไม่อยากให้เจ้าไปสนามรบคนเดียว ข้าอยากไปกับเจ้า”

“อา….ข้าน่าจะคิดได้….ฟีล่าข้าขอโทษนะ”

“ถ้าเจ้าสำนึกผิดจริงๆละก็ข้าจะให้อภัย” ตอนนี้เองที่เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้าง เขาเปลี่ยนจากสไลม์สีซีดๆมาเป็นสีทองสีเดิมของเขา

“ฟีล่าฟีล่าเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าเราจะมีลูกกันได้อย่างไร” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระริกระรื่น ผมตื่นตัวและขนลุกขึ้นมาทันที หมดแรงจนไม่มีเรี่ยวแรงขยับนิ้วเสียด้วยซ้ำคงไม่แปลกใช่ไหมที่ผมจะกลัวเขารุกเข้าหาอีก

“เจ้าคงจะไม่สาธิตวิธีการทำเดี๋ยวนี้หรอกใช่ไหม” ผมทำเสียงพรั่นพรึง

“ไม่หรอกน่า ข้าสำนึกผิดอยู่นะ จะไม่รังแกเจ้าซ้ำในวันนี้แน่ๆ” นั่นค่อยทำให้โล่งใจหน่อย ผมพยักหน้าบอกเขาให้รับรู้ว่าพร้อมที่จะฟังแล้ว

“คืองี้นะตามปกติสไลม์อย่างเราจะมีทายาทด้วยการแบ่งตัวใช่ไหม แถมพวกเรายังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าน้ำเชื้อเหมือนพวกมนุษย์ดังนั้นการจะมีทายาทข้ามเผ่าพันธุ์ได้จึงมีแต่ให้พวกเรากลายร่างเป็นมนุษย์” ผมพยักหน้าเบาๆ สิ่งที่เขาเล่ามาไม่ต่างกับสมมุติฐานของผมเท่าไหร่

“ที่นี้สำหรับภรรยาต่างเผ่าที่เป็นผู้ชาย เรามียาลับพิเศษที่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะไปสร้างมดลูกเทียมในร่างเพื่อใช้เป็นที่อยู่ของทารก โดยปกติถ้าเป็นสไลม์ตั้งท้องเองเราจะมีลูกกันเป็นโขยง แต่กับพวกเป็นเผ่าอื่นเราสามารถทำให้ตั้งท้องได้เพียงครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น แต่ไม่น่าห่วงหรอกนะเพราะการตั้งท้องของเรากินระยะเวลาแค่สามเดือนเท่านั้นแล้วท้องของเจ้าจะไม่ป่องออกมาเหมือนท้องของเผ่าอื่นหรอก เจ้าแค่จะดูเหมือนอวบๆดูมีน้ำมีนวลแล้วก็จะกินเก่งมากเท่านั้น”

“แล้วตอนคลอดข้าจะเจ็บท้องเหมือนพวกผู้หญิงตอนคลอดหรือเปล่า”

“ตอนที่ท่านแม่คลอดข้า ท่านบอกว่าข้าว่าตอนจะคลอดนี้ไม่ปวดหรอก แต่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนอยากถ่ายท้องนิดๆ แต่แทนที่จะออกมาเป็นไอ้สิ่งที่แม่คิดกับเป็นตัวข้าที่ไหลย้วยออกมาเป็นน้ำก่อนจะค่อยๆรวมตัวกันเป็นก้อนอีกครั้งหลังจากย้วยออกมาจากตรงนั้นของท่านแม่”

ประหลาดมากกกกกกกก!!! เป็นการคลอดที่พิศดาลจนผมอึ้ง เจ้าชายนาดีลเอาแต่หัวเราะฮาฮา แต่ผมคิดนะมันออกไปในแนวทางอุจาดชอบกล นี่ผมต้องคลอดลูกออกมาในรูปแบบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้สินะ

“แต่ก็มีบางกรณีนะที่เด็กได้รับเชื้อพันธุ์ของทางฝั่งแม่มามากกว่าดังนั้นเด็กอาจจะอยู่ในท้องนานถึงเก้าเดือนแล้วคลอดออกมาตามแบบปกติ แบบนั้นจะเจ็บปวดมาก ข้าล่ะไม่อยากให้เจ้าได้รับความเจ็บปวดเช่นนั้นเลยจริงๆ” ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ ถ้าให้ผมเลือกผมเองก็เลือกแบบที่น่าจะไม่เจ็บน่าจะดีกว่าแฮะ

“นาดีลเจ้าหากเราจะมีลูกเจ้าอยากให้เด็กที่เกิดมาเป็นมังกรหรือสไลม์มากกว่ากัน”

“จะเป็นแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ทางที่ดีเป็นสไลม์น่าจะดีกว่าเพราะหากเป็นมังกรตอนคลอดออกมาเจ้าคงเจ็บน่าดู เพราะมังกรออกลูกเป็นไข่สินะ”พอเข้าทำหน้าจริงจังปนสงสัยผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ผมรีบบอกวิธีการคลอดบุตรของเผ่ามังกรให้เจ้าชายนาดีลฟัง

“เผ่ามังกรของเราเวลาจะคลอดจะกลับร่างเป็นมังกรล่ะ อาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่ในร่างมังกรพวกเราจะแข็งแรงพอที่จะก้าวข้าวความเจ็บปวดในตอนที่คลอดบุตรได้ ท่านแม่ของข้าบอกว่าท่านใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นในการคลอดข้าออกมา แล้วก็นะมังกรมีลูกอย่างมากสูงสุดก็แค่หนึ่งคนต่อครั้งเท่านั้นคิดว่าถึงข้าจะคลอดออกมาเป็นมังกรก็ไม่น่าจะเจ็บหรอก”

“อย่างนั้นก็ดีเลย แค่เจ้าไม่เจ็บข้าก็พอใจมากแล้ว” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างพร้อมกับเด้งตัวขึ้นๆลง

“ฟีล่าเจ้าตัดสินใจที่จะไปยังสนามรบพร้อมกับข้าแล้วสินะ”

“แน่นอน ข้าย่อมไม่มีทางปล่อยเจ้าไปคนเดียว อีกอย่างข้าเป็นห่วงทั้งท่านพี่และท่านพ่อท่านแม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้านะนาดีลข้าดูแลตัวเองท่ามกลางสนามรบได้ ข้าเองก็ถูกสอนมาให้เป็นนักรบเหมือนกันนะ”

“ข้ารู้น่าว่าเจ้าเก่งฟีล่า แต่เจ้าต้องสัญญานะว่าจะไม่อยู่ห่างกายข้าเวลาอยู่ในสนามรบ ถึงจะรู้ว่าเจ้าเก่งแต่ข้าก็เป็นห่วงเจ้ามากนะ”

“ได้ข้าสัญญาว่าจะไม่ออกห่างจากเจ้าเมื่อถึงเวลานั้น มีอะไรที่อยากจะบอกข้าอีกไหมนาดีล”

“ไม่มีแล้วที่รัก เจ้ารอข้าอยู่นี่นะ ขยับไม่ไหวใช่ไหม เดี๋ยวข้าจะไปนำอาหารเช้ามาให้เจ้าทานบนเตียง” ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่รอช้าเจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินพับๆไปยังประตู เขาใช้มือจำลองเปิดประตูห้องก่อนจะหายไปทิ้งให้ผมนอนพักเอาแรงอยู่บนเตียงรอคอยให้เขากลับมา
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มีต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่24-25 p4 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 09-10-2016 18:30:00

ตอนที่25

ในที่สุดกองทัพสไลม์ก็พร้อมรบ เจ้าชายนาดีลและราอูลออกเดินทางในฐานะแม่ทัพและรองแม่ทัพ ส่วนผมกับท่านพี่ก็ตามไปในกองทัพเช่นกัน ท่านพี่เอียนมาในฐานะที่ปรึกษาทางด้านกลยุทธ ส่วนผมนั้นมาในฐานะผู้ติดตามของเจ้าชายนาดีล ไม่ได้มียศทางทหารอะไรที่จะสั่งการใครได้ แต่กระนั้นผมก็ยังดันทุรังที่จะมา ท่านมาริกเองเมื่อรู้ว่าผมจะมาก็ได้เมตตามอบทหารองค์รักษ์ให้ถึงห้าร้อยนายคอยติดตามดูแล

การเดินทางข้ามผ่านดินแดนของเราเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่นานนักเราก็มาถึงเขตชายแดนของอาณาจักรสไลม์และรุกคืบหน้าเข้าสู้ดินแดนซึ่งอยู่ใต้อาณัติของเผ่ามังกร พวกมนุษย์ที่อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆปล่อยให้กองทัพสไลม์เดินทางผ่านเมืองของตัวเองไปง่ายๆ จวบจนถึงหุบเขามังกรซึ่งเป็นปราการด่านแรกก่อนถึงเขตกำแพงเมืองของอาณาจักรมังกร พวกเราก็พบกับกองทัพพร้อมรบจำนวนมากของทหารลูกครึ่งมนุษย์ที่มีสายเลือดมังกรปะปนอยู่

เสียงแตรเขาเป็นสัญญาณบอกว่าพร้อมรบดังมาจากฝั่งของทหารมังกร ตอนนี้กองทัพสไลม์กับกองทัพมังกรประจันหน้ากันอยู่ ในตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงแหบห้าวดังมาจากผู้ที่น่าจะเป็นผู้นำทัพของเผ่ามังกร ผู้นำคนนั้นอยู่ในชุดเกราะเต็มยศ

“เจ้าพวกสไลม์ คิดอะไรอยู่กันแน่วันนี้ถึงยกกองทัพมารุกรานพวกเรา” คนพูดน่าจะใช้เวทย์มนต์ในการกระจายเสียงเพราะพวกเราอยู่ห่างกันพอสมควรแต่ผมได้ยินชัด

“ข้าเจ้าชายนาดีลรัชทายาทเพียงผู้เดียวแห่งเผ่าสไลม์ที่ยกทัพมาวันนี้ก็เพื่อปราบกบฏช่วยเหลือเผ่ามังกรที่เป็นพันธมิตรของเราให้ปลอดภัย” เจ้าชายนาดีลเปล่งเสียงกังวานดังตอบโต้ ผมกับท่านพี่ได้แต่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ

“น่าขำ ท่านไม่รู้หรือ เจ้าชายนาดีลว่าราชาองค์ใหม่ของเราท่านตีต้ายกเลิกพันธสัญญาระหว่างเผ่าเรากับสไลม์แล้ว ข้ามาร์ค เอ็นเดอร์จะบอกท่านให้เอาบุญ” เมื่อได้ยินชื่อของแม่ทัพผมก็จำได้ทันที ท่านมาร์คเอ็นเดอร์เป็นพ่อของตีต้า ผมสนิทกับท่านผู้นี้มากผมตั้งใจจะแสดงตัวแต่ท่านพี่กับกลายร่างเป็นมังกรแล้วโผบินไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะของพวกเรา

“เจ้าจำข้าได้หรือไม่ มาร์คเอ็นเดอร์”

“ท่าน…..ไม่น่าเชื่อไหนว่าคาลอสบอกว่าท่านตายแล้ว” ท่านพี่เริ่มอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างคราวๆให้ท่านมาร์คฟังอย่างคร่าวๆ

“ท่านจะบอกว่าคาลอสเป็นกบฏลอบสังหารท่านอย่างนั้นหรือ เฮอะน่าขำท่านคิดหรือว่าข้าจะช่วยท่านในเมื่อท่านเองก็เป็นกบฏไม่เห็นต่างกัน” ท่านมาร์คทำเสียงเยาะหยัน ผมจึงตัดสินใจกลายร่างเป็นมังกรโผบินไปบนฟ้าเคียงข้างท่านพี่

“เจ้าชายฟีล่า โอ…..ท่านยังอยู่หรือนี่” ผมไม่ได้ประเมินความภักดีของท่านมาร์คผิดไปจริงๆเมื่อเขาเห็นผม เขาก็จัดโต๊ะเจรจาระหว่างเผ่าทันที ตอนนี้พวกทหารต่างฝ่ายต่างถอยร่นและอยู่ในสภาพเฝ้ารอ ตรงกึ่งกลางระหว่างการประจันหน้า เราตั้งกระโจมเอาไว้เพื่อให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้พูดคุย

“เจ้าชายฟีล่า ดีใจเหลือเกินที่ได้พบ” ท่านมาร์คแสดงความเคารพผมอย่างนอบน้อม โดยทำเมินท่านพี่เอียนไปเสียสนิท แต่ไหนแต่ไรท่านมาร์คก็จงรักภักดีต่อท่านพ่อท่านแม่มาก ตอนที่ท่านพี่ก่อกบฏท่านกับครอบครัวก็ถูกจับขังคุกโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัว

“ข้านึกว่าท่านยังอยู่ในคุกกับครอบครัว ท่านเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น”

“มันเป็นเรื่องที่น่าอดสูอย่างต่อเนื่องของครอบครัวข้าครับท่านฟีล่า” ท่านมาร์คทำหน้าเหมือนกลืนยาขม

“ท่านก็รู้ว่าตอนที่ท่านเอียนก่อกบฏพวกเราทั้งครอบครัวถูกจับขังให้รอวันตายเพราะว่าข้านั้นเป็นจอมทัพของเผ่ามังกรแต่ไม่เข้าร่วมการก่อกบฏ หลังจากนั้นไม่นานคาลอสก็มาหาพวกเราในคุกบอกว่าจะตั้งตีต้าลูกข้าเป็นราชา แถมยังบอกอีกว่าท่านเอียนกับท่านฟีล่าเสียชีวิตไปแล้ว ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆเพราะหากว่าข้าไม่ทำตามคงไม่มีวันได้ออกมาอยู่โลกภายนอกดังเช่นทุกวันนี้”

“ท่านพูดแบบนี้คงจะตั้งใจรบกับเราเสียละมั้ง ในเมื่อลูกชายท่านได้เป็นราชาแล้วนี่นะ” ราอูลเหน็บท่านมาร์คเบาๆ แต่ทั้งผมท่านพี่และเจ้าชายนาดีลลึกๆแล้วก็คงเห็นด้วยตอนนี้ผมกังวลกลัวท่านมาร์คจะกลายเป็นศัตรูไป

“เจ้าชายฟีล่า ข้าจะลืมบุญคุณที่ท่านเคยช่วยชีวิตตีต้าได้อย่างไร ตอนที่ตีต้าป่วยหนักขณะที่ข้าไม่อยู่มีเพียงท่านเท่านั้นที่คอยดูแล ไม่อย่างนั้นตีต้าคงไม่อยู่จนกลายมาเป็นราชาหุ่นเชิดให้คาลอสได้ หากว่าท่านจะกลับมาเพื่อทวงสิทธิของท่านข้าก็ยินดีเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านราชาและราชินียังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่กล้าลืมบุญคุณอย่างแน่นอน”

“สรุปว่าท่านจะช่วยเราสินะ ท่านมาร์ค” เจ้าชายนาดีลถาม

“แน่นอนครับ ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อเรื่องที่ท่านฟีล่ายังมีชีวิตอยู่และแต่งงานกับเจ้าชายวของเผ่าสไลม์ แต่พอเห็นท่านฟีล่าตัวเป็นๆเช่นนี้ทำให้ข้าโล่งใจจริงๆ เจ้าคาลอสพยายามสร้างข่าวบิดเบือนอยู่ตลอดถึงแม้ข้าจะได้ตำแหน่งคืนมาแต่ก็อยู่ในความควบคุมของเจ้าคาลอสทุกฝีก้าว”

“แล้วอย่างนี้การที่ท่านมาพบปะกับพวกเราไม่รู้ไปถึงคาลอสแล้วหรือครับ” ผมตั้งข้อสังเกต

“จะรู้ก็ช่างปะไรท่านฟีล่า ตอนนี้ข้าจะส่งสารไปบอกคนสนิทของข้าให้พาตัวตีต้าหลบหนีไปยังจุดนัดพบ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะนำกองทัพของข้าเข้าร่วมกับท่านบุกเข้าโจมตีจัดการกับเจ้าคาลอสให้สาสม”

“โจมตีเร็วแบบนี้ คาลอสน่าจะไม่ทันตั้งตัวแน่ๆ” เจ้าชายนาดีลเด้งตัวขึ้นๆลงๆ เขาดูมีสีหน้าพึงพอใจ

“ถ้าอย่างนั้นเอาตามนี้วันนี้เราจะตั้งกระโจมพักกันที่นี่คืนหนึ่ง ราอูลเอาคำข้าไปบอกกับพวกทหาร” สิ้นคำสั่งราอูลก็เด้งดึ๋งออกจากกระโจมไป พวกผมอยู่คุยกับท่านมาร์คเรื่องแผนการอีกพักใหญ่ก่อนที่จะแยกย้ายไปพักผ่อนเพื่อเอาแรงให้พร้อมต่อการเดินทางบุกเข้าโจมตีอาณาจักรมังกรในวันพรุ่งนี้

“ฟีล่า เจ้าคิดว่ามาร์คเอ็นเดอร์มีความจริงใจให้เราแค่ไหน” ค่ำคืนนั้นจู่ๆเจ้าชายนาดีลก็เปิดประเด็นเกี่ยวกับท่านมาร์ค ถูกถามอย่างนี้ผมเองก็เริ่มจะกังวล เพราะไม่รู้ว่าระหว่างที่การเมืองของเผ่าเราผกผัน ท่านมาร์คจะมีความคิดอ่านเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด

“ข้าเองก็ไม่กล้าคาดเดา บอกตามตรงข้าเองก็ไม่กล้ารับรองกับเจ้าว่าท่านมาร์คอาจจะไม่ทรยศ”

“อย่างนั้นความน่าเชื่อถือก็อยู่ที่ครึ่งๆสินะ” เจ้าชายนาดีลทำเสียงเคร่งเครียด

“แต่เดิมคืนนี้ข้าตั้งใจว่าจะให้พวกทหารเผ่าเราได้พักผ่อนอย่างสบายๆแต่ข้าก็บอกให้ราอูลบอกพวกเขาให้จัดเวรยามอย่างแน่นหนาเอาไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน…….ฟีล่า เจ้าอย่าทำหน้าเศร้าเช่นนั้นสิ การเมืองก็แบบนี้ มีการระแวงหรือทรยศเป็นเรื่องปกติ” ผมคงทำสีหน้าแบบนั้นออกไปจริงๆ แต่มันก็อดไม่ได้ แค่คิดว่าท่านมาร์คกับตีต้าที่แสนดีจะเปลี่ยนไปเพราะผลประโยชน์ผมก็รู้สึกแย่และอึดอัดใจขึ้นมา

“ฟีล่า มันมีความเป็นไปได้อยู่นะที่เราอาจจะถูกหลอกให้ไปติดกับ อาจจะถูกกองทัพของมาร์คกับคาลอสซึ่งอยู่ในเมืองหลวงตีกระหนาบ อันที่จริงข้าไม่ได้ให้ความไว้วางใจมาร์คเอ็นเดอร์คนนี้เลยเจ้าคงเข้าใจนะ”

“ข้าเข้าใจ” คำพูดของเจ้าชายนาดีลทำให้อดนึกถึงคำพูดของท่านพี่เมื่อตอนกลางวันไม่ได้ ท่านพี่เองก็เตือนผมเหมือนกันว่าอย่าไว้ใจมาร์คกับตีต้าจนเกินไปให้เผื่อใจเอาไว้บ้าง ตอนนี้ผมถอนหายใจออกมาโดยแรง

“ดังนั้นข้าขอเตือนนะฟีล่า ระหว่างอยู่ในสนามรบหรือระหว่างเดินทางอย่าอยู่ห่างจากข้า และอย่าไปอยู่ตามลำพังหรือไปตามคำเชิญของมาร์คเอ็นเดอร์ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ที่ข้าเตือนนี้เพราะกลัวว่าเจ้านั้นจะฉวยโอกาสเรียกเจ้าไปพูดคุยตามลำพังตามประสาคนเคยสนิทกัน เจ้าเข้าใจนะ”

“เข้าใจแล้ว” ผมบอกเขาเสียงอ่อย ตอนนั้นที่หน้ากระโจมก็ได้ยินเสียงเรียกจากพวกทหาร

“เข้ามารายงานได้” พอได้รับอนุญาตทหารสไลม์ก็เด้งดึ๋งดั๋งเข้ามาในกระโจมของผมกับเจ้าชายนาดีล

“ท่านมาร์คเอ็นเดอร์ให้ทหารมาแจ้งข่าวว่า ได้นำตัวท่านตีต้าออกนอกปราสาทเป็นผลสำเร็จแล้วครับ”

“อ้อ…..แล้วข่าวจากสายเราล่ะ” เจ้าชายนาดีลถามต่อ

“สายของเรารายงานว่า คาลอสกระวนกระวายอย่างหนักและเริ่มส่งคนออกตามหาท่านตีต้าแล้วครับ”

“ให้สายของเราตามสืบต่อว่าตีต้าเดินทางไปที่ไหนแล้ว”

“รับทราบครับ” พอได้รับคำสั่งทหารสไลม์ก็ล่าถอยไป เจ้าชายนาดีลหันมาพูดกับผมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“เรื่องแค่นี้เจ้าก็อย่าวางใจเชียวว่ามาร์คจะไม่สร้างเรื่องหลอกเรา อย่าลืมนะฟีล่าคาลอสกับมาร์คอาจจะวางแผนหลอกล่อเราคิดอย่างนี้ก็ได้เหมือนกัน”

“นาดีลหากว่าพวกเราถูกหลอกให้ไปติดกับจริงจะทำอย่างไร” ผมเริ่มจะจินตนาการถึงรูปแบบอนาคตอันเลวร้ายต่างๆ ตอนนี้อยากได้คำยืนยันหรือแผนการแก้ปัญหาทุกรูปแบบจากเจ้าชายนาดีลเพื่อให้รู้สึกสบายใจ

“ฟีล่า เจ้าอย่าได้ดูถูกทหารเผ่าสไลม์เกินไปนัก อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเผ่ามังกรเชียวนะ เรื่องจัดการกับมังกรน่ะพวกเราถนัดนักล่ะ”
เจ้าชายนาดีลหัวเราะอิอิดูแล้วช่างร้ายกาจ ตอนนี้ผมอดนึกถึงเหตุการณ์ที่เจ้าชายนาดีลกลืนเจ้ามังกรแดงเข้าไปทั้งร่างไม่ได้

“นาดีล สไลม์ทุกตัว เขมือบมังกรเป็นอาหารได้เหมือนเจ้าหรือเปล่า”

“เดี๋ยวถึงเวลาแล้วเจ้าจะรู้เองนะที่รักของข้า” เจ้าชายนาดีลหัวเราะเสียงใส

อา……หากว่าเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆผมรู้สึกสงสารพวกทหารเผ่ามังกรขึ้นมาตงิดๆ ยังไงพวกเขาก็เป็นเผ่าเดียวกันกับผมนะมันทำให้ผมอดกังวลแทนพวกเขาไม่ได้เลย ค่ำคืนนั้นถึงแม้จะนอนไม่ค่อยหลับแต่ก็ต้องข่มตานอนให้หลับ หากไม่หลับเจ้าชายนาดีลเขาขู่ว่าจะรุกเข้าหาผมจนกว่าผมจะหลับสนิท จะยอมให้เป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ เรามารบนะ จะให้เอาแต่ทำเรื่องบัดสีอย่างนั้นจนหมดเรี่ยวหมดแรงได้ไง ดังนั้นผมจึงหลับลึกได้อย่างรวดเร็วหลังจากโดนขู่ภายในไม่กี่นาที พรุ่งนี้เช้ายังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก ผมจึงต้องพักผ่อนเผื่อให้พร้อมสำหรับวันต่อไป
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่26 p4 18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 18-10-2016 15:47:05
ตอนที่26

ตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมาก็รู้ตัวว่าผมตื่นสายเสียแล้ว ได้แต่มองหาเจ้าชายนาดีลไปรอบๆกระโจมปรากฏว่าไม่เห็นร่างนุ่มนิ่มของเขาแม้แต่เงา ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อนแล้วถามถึงนาดีลกับพวกทหารสไลม์

"ฝ่าบาทนาดีลเข้าประชุมกับแม่ทัพของเผ่ามังกรตั้งแต่เมื่อตอนตีสามแล้วครับ"

"อย่างนั้นช่วยบอกทีว่าเขาประชุมกันที่ไหน"

"ข้าจะนำทางไปครับ แต่ฝ่าบาทนาดีลบอกว่าถ้าท่านตื่นแล้วให้ไปพบกับคนผู้หนึ่งเสียก่อน"

"ใคร" ผมสงสัยว่าเจ้าชายนาดีลต้องการให้ผมไปพบกับใคร แต่คงจะเป็นคนสำคัญมากแน่ๆถึงต้องการให้ผมพบ

"ท่านตีต้าขอรับ ฝ่าบาทนาดีลบอกว่าได้รับการขอร้องจากท่านผู้นั้นว่าอยากจะพบท่าน"

"ตีต้านะหรือ" ผมเอ่ยเสียงดัง เด็กคนนั้นมาถึงที่นี่แล้วหรือ ช่างเร็วอะไรอย่างนี้ เมื่อวานนี้ยังแทบไม่ได้ยินข่าวคราวอยู่เลย ผมรีบรุดหน้าไปพบตีต้าในทันที

"ท่านพี่ฟีล่า" ถูกโถมเข้ากอดทันทีที่ได้พบหน้ากัน ผมทั้งดีใจทั้งโล่งใจที่ได้พบกับน้องชายที่สนิทสนมกันอีกครั้ง

"คิดถึงท่านพี่ฟีล่าเหลือเกินครับ"

"พี่ก็คิดถึงเจ้าเหมือนกันตีต้า"

"ข้านึกว่าท่านพี่ฟีล่าตายแล้ว คาลอสบอกทุกคนว่าท่านพี่ฟีล่ากับท่านพี่เอียนตายเพราะถูกพวกทหารสไลม์ฆ่าเพื่อล้างแค้นให้เจ้าชายนาดีล"

"เจ้าไม่ได้ยินข่าวเรื่องการแต่งงานของข้าบ้างหรือตีต้า" ตีต้าส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ

"ท่านพี่ ตั้งแต่ข้าขึ้นครองราชอย่างปัจจุบันทันด่วน ข้าก็ถูกควบคุมความประพฤติตลอด ข้าแทบไม่ได้ออกไปไหนและได้ยินข่าวคราวจากใคร เวลาว่างานราชการข้าก็ได้แต่นั่งนิ่งๆทำตามที่คาลอสบอกให้ทำเท่านั้น" พูดถึงตรงนี้ตีต้าก็เริ่มร้องไห้ออกมา ผมได้แต่ลูบหลังปลอบใจน้องชายคนนี้แล้วคอยฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป

"ข้าอึดอัดใจนักท่านพี่ฟีล่า ข้าถูกคาลอสขู่ว่าหากข้าไม่ทำตามที่เขาสั่งเขาจะฆ่าท่านพ่อของข้า ถึงแม้ท่านพ่อจะได้อำนาจคืนมา แต่ก็ไม่ได้อิสระดังเช่นที่ทุกคนคิด"

"แปลก ทำไมคนอย่างคาลอสถึงได้คืนตำแหน่งให้ท่านมาร์คง่ายๆ" ผมตั้งข้อสงสัย ตีต้าปาดน้ำตาบนหน้าแล้วเฉลยข้อข้องใจของผม

"เหมือนว่าจะมีขุนนางกับพวกทหารมากมายคลางแคลงในตัวของคาลอสครับท่านพี่ เนื่องจากเพราะสงสัยเกี่ยวกับการตายของท่านพี่เอียนกับท่าน ดังนั้นจึงมีหลายคนที่เริ่มไม่ไว้ใจคาลอส การที่คืนอำนาจให้ท่านพ่อ อาจเป็นเพราะต้องการคนถ่วงสมดุลทางการเมืองเพื่อไม่ให้พวกคนที่คลางแคลงกระด้างกระเดื่องก็เป็นได้ ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนหนึ่งที่พวกทหารและขุนนางเห็นด้วยกับการกบฏของท่านพี่เอียน อย่างแรกเพราะไม่พอใจการเป็นพันธมิตรกับพวกสไลม์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านพ่อท่านแม่พยายามแก้ไขมานานแต่ยังไม่สามารถกำจัดความไม่ชอบใจพวกสไลม์ในเผ่ามังกรของเราได้หมด อย่างที่สองที่ยอมช่วยท่านพี่ก่อกบฏผมรู้ดีว่าท่านพี่นั้นเป็นที่ชอบพอและได้รับการสนับสนุนจากพวกขุนนางและทหาร การที่ท่านพ่อท่านแม่จะยกบัลลังค์ให้ผมกับเจ้าชายนาดีลจึงเป็นที่ไม่พอใจของพวกเขา

ดังนั้นการตายอย่างเป็นปริศนาของท่านพี่ตามที่คาลอสประกาศ ผมจึงไม่แปลกใจที่คนในเผ่าจะเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวคาลอส โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อ้างว่าท่านพี่ตายด้วยฝีมือทหารสไลม์ ใครจะเชื่อล่ะว่าท่านพี่ที่แสนเก่งกาจจะตายง่ายๆในเขตการปกครองของเผ่ามังกร แถมยังตายทั้งที่มีคาลอสติดตามไปด้วย

"แล้วคาลอสพูดเกี่ยวกับศพของท่านพี่เอียนอย่างไร พวกเขาไม่ได้จัดงานศพให้ท่านพี่หรอกหรือ"

"นี่แหละครับที่ทำให้พวกขุนนางหลายคนสงสัย คาลอสบอกว่าพวกสไลม์วางยาพิษร้ายแรงจนท่านพี่เอียนตาย ดังนั้นเพื่อไม่ให้พิษร้ายแรงจากศพของท่านพี่เอียนกระจายไปในอากาศจึงต้องเผาศพเสียตั้งแต่นอกอาณาเขตเมืองหลวงของเผ่าเรา"

"โกหกแบบโง่ๆ ไม่แปลกที่จะถูกสงสัย" ผมอดยิ้มไม่ได้ รู้สึกดีที่คาลอสไม่สามารถทำตามที่ใจคิดได้

"แล้วนี่ตีต้ามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมถามขณะจูงตีต้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ภายในกระโจมที่พัก

"มาถึงตอนตีสามครับ ต้องขอบคุณหน่วยสอดแนมที่ท่านนาดีลส่งไปพวกเขาเข้าช่วยเหลือพวกเราระหว่างหลบหนีและพามาที่นี่ครับ"

"โชคดีจริงๆเลยนะ" ผมพึมพำ

"ใช่ครับโชคดี ข้าคิดอยู่ว่าหากหนีไม่พ้นข้าอาจจะถูกคาลอสลงโทษหรืออาจจะฆ่าข้าทิ้งแล้วตั้งราชาใหม่ก็ได้"

"ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกตีต้า" ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

"คาลอสทำพลาดเรื่องท่านพี่เอียนแล้ว เขาไม่ยอมเสียเจ้าไปง่ายๆอีกคนแน่"

"ท่านพี่ฟีล่าข้าอยากพบท่านพ่อเหลือเกินครับ แต่ท่านนาดีลบอกว่าข้าจะพบท่านพ่อได้ต่อเมื่อหารือกับท่านพ่อเรียบร้อย" ผมฟังแล้วยิ้มเจื่อนๆ เจ้าชายนาดีลคงหาเรื่องกักตัวตีต้าเอาไว้จนถึงที่สุดจนกว่าจะแน่ใจว่าท่านมาร์คจะไม่หักหลัง

"ท่านพี่ฟีล่าข้ายินดีด้วยกับการแต่งงานของท่านนะครับ" ผมหลุดจากห้วงความคิดเพราะคำอวยพรของตีต้า เด็กน้อยส่งยิ้มยินดีจากใจจริงมาให้ผม ผมใช้มือขยี้หัวตีต้าอย่างหมั่นเขี้ยว

"ข้าจะพูดเรื่องที่เจ้าอยากจะพบกับท่านมาร์คให้เจ้าชายนาดีลฟังเอง คิดว่าอีกไม่นานคงได้รับอนุญาต"

"ขอบคุณมากครับท่านพี่ฟีล่า" ถูกหอมแก้มเข้าให้ ผมได้แต่หัวเราะคิกคักกับความฉอเหลาะของเด็กน้อย เนื่องจากเพราะตีต้าดูจะเหงาและตระหนกกับเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาอย่างกระทันหัน ผมจึงต้องอยู่พูดคุยกับตีต้าเพื่อปลอบขวัญแทนที่จะไปหาเจ้าชายนาดีล

"มาอยู่ที่นี่นี่เอง" เจ้าชายนาดีลกระพือปีกบินพั่บๆเข้ามาในกระโจม ตีต้าดูตกใจ แต่พอเห็นเจ้าชายนาดีลชัดๆ เด็กน้อยก็แสดงความสนอกสนใจ

 "ตีต้านี่เจ้าชายนาดีลสวามีของพี่" ผมเริ่มแนะนำ

"ส่วนนี่ตีต้าญาติสนิทของข้าเอง" ผมแนะนำให้เจ้าชายนาดีลรู้จักกับตีต้า

"ขอโทษด้วยนะท่านตีต้าที่ก่อนหน้านี้เราได้พบกันครู่เดียวแถมไม่ได้แนะนำตัว" เจ้าชายนาดีลฉีกยิ้มกว้างเขาบินโผเข้ามาหาผม ผมรับร่างเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

"ไม่เป็นไรครับท่านนาดีล ทางข้าเสียอีกที่ต้องขอบคุณท่านที่ส่งคนไปช่วยข้าเอาไว้" ตีต้าพูดพร้อมกับค้อมตัวแสดงความเคารพ

"ท่านตีต้าคงอย่างพบท่านมาร์คเอ็นเดอร์ อีกเดี๋ยวท่านพ่อของท่านจะมาหาท่านที่นี่" ตีต้ายิ้มกว้างด้วยความดีใจผมดีใจเช่นกันที่พวกเขาพ่อลูกจะได้พบกัน

"ถ้าอย่างนั้นระหว่างนี้ท่านตีต้าพักผ่อน ข้ากับชายาของข้ามีธุระที่ต้องคุยกันนิดหน่อยครับ"

"เชิญ เชิญเลยครับ ข้าเองต่างหากที่ต้องขอบคุณท่านพี่ฟีล่าที่มาอยู่เป็นเพื่อน" หลังจากนั้นเราสองคนก็ร่ำลาตีต้าแล้วออกมาจากกระโจม เจ้าชายนาดีลเงียบไม่พูดไม่จาจนเรากลับเข้าไปในกระโจมส่วนตัวของเราอีกครั้ง เมื่อกลับไปถึงผมพบว่ามีอาหารเช้าจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว

"กินไปพูดกันไปนะฟีล่า" ผมพยักหน้าแล้วนั่งปุลงตรงหน้าสำรับอาหาร

"ท่านมาร์คเอ็นเดอร์ยินดีจะให้เราคุมตัวตีต้าเอาไว้จนกว่าสงครามจะจบเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณเจ้านะฟีล่า"

"เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ" ผมกระพริบตาปริบๆ

"เพราะว่ามีเจ้าอยู่ท่านมาร์คจึงยอมทำตามข้อเสนอที่ดูเห็นแก่ตัวของข้ากับเอียน ท่านบอกว่าเพี่อแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้าและราชาราชินีองค์ก่อน ท่านจริงใจจนไม่มีอาการน้อยใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ"

"ถึงอย่างนั้นเจ้ากับท่านพี่ก็ทำเกินไปนะ ไม่รู้ว่าจะระแวงอะไรหนักหนา"

"ฟีล่าจอมโง่เง่า หากข้ากับเอียนไม่ทำแบบนี้ มีหรือพวกทหารสไลม์ที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเราจะยอม แค่การยอมเชื่อและทำตามแผนการณ์ร่วมของท่านมาร์คง่ายๆ เราก็พาทหารของเราไปเสี่ยงมากแล้ว เรื่องนี้ท่านมาร์คก็เข้าใจ"

"เฮ้อ ถ้าพวกเจ้าหารือตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วข้าก็ไม่มีอะไรจะค้านหรอก แต่ว่านะจากที่ข้าได้ฟังจากตีต้าแล้วข้าไม่คิดว่าตีต้าจะโกหกหรอก" จากนั้นผมก็เล่าเรื่องที่คุยกับตีต้าให้เจ้าชายนาดีลฟัง

"นับว่าข่าวสารเราตรงกัน จากที่ท่านมาร์คเอ็นเดอร์เล่าและสายสืบเราได้ข่าวมา ผู้คนในเผ่าและขุนนางไม่พอใจกับการตายอย่างปริศนาของเจ้ากับเอียนมากมาย ดังนั้นการร่วมสงครามของเจ้ากับเอียนในครั้งนี้ข้าก็หวังเอาไว้มากว่าพวกทหารหรือพวกขุนนางจะมีปฏิกริยาในทางใดทางหนึ่ง ข้าหมายถึงในทางที่ดีนะ"

"ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น"

"เจ้าไม่ทานอาหารเลยคงไม่ได้เครียดหรอกใช่ไหม" เจ้าชายนาดีลเด๋งดึ๋งๆบนตักของผมเขาส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ผม

"เฮ้อ ก็หลายอย่างมันทำให้ข้าทานไม่ลงเลย" ผมถอนหายใจ

"ถ้าอย่างนั้นข้าป้อนให้น้า" เจ้าชายนาดีลเด้งดึ๋งไปยังจานอาหาร เข้าใช้ปากฉีกเอาเนื้อไก่ปรุงสุกเป็นชิ้นเล็กๆคาบเอาไว้ในปากก่อนจะกระพือปีกบินมาตรงหน้าผม ยื่นปากที่คาบเอาชิ้นไก่เอาไว้
โอ๊ยยยย ตายจริง!!! อย่าบอกนะว่าเข้าจะป้อนอาหารผมด้วยปาก

"อื้อ....อินอิ" เจ้าชายนาดีลบินเข้ามาใกล้ๆปากผม เขาคะยั้นคะยอด้วยเสียงที่พูดไม่ชัด

"เข้าใจแล้ว" ผมยอมตายอย่างเสียไม่ได้ ผมทานอาหารจากปากต่อปากกับเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ เจ้าชายนาดีลพอได้สมใจก็หัวเราะคิกคัก

"ที่นี้เจ้าป้อนข้าบ้าง....เอ๋...เอาอย่างนี้ดีกว่าข้ากลายร่างเป็นมนุษย์น่าจะสนุกตื่นเต้นกว่าสำหรับมื้อนี้นะ" เสียงระเบิดดังปังพร้อมกับควันจำนวนมากกระจายไปรอบกระโจมพอควันจางหายไปเจ้าชายนาดีลก็อยู่ในร่างมนุษย์แล้ว

"รีบป้อนเร็วๆสิ" เจ้าชายนาดีลอ้าปากรอ อยากจะทุบให้เนื้อเขียวจริงๆ ผมฉีกเนื้อไก่ส่งยื่นไปที่ปากของเขา

"ไม่เอาอ่า ใช้ปากป้อนสิ" ถูกเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ แถมยังไม่ยอมง่ายๆเจ้าชายนาดีลเอาแต่งอแงเหมือนเด็กเซ้าซี้จนสุดท้ายผมต้องยอมทำตาม วินาทีที่ผมยื่นปากที่คาบเนื้อไก่เอาไว้เจ้าชายนาดีลก็ประกบปากลงมา
จูบ กลายเป็นจูบไปเสียแล้วหลังจากที่เจ้าชายกลืนกินอาหารผ่านทางปากผม ปลายลิ้นร้อนเข้ามาผัวพันลิ้นของผมทั้งยังชอนไชไปทั่วโพรงปาก

"อึก...อื้อ...พอ..." แทนคำตอบเจ้าชายนาดีลเปลี่ยนมุมประกบจูบกับผมระหว่างจูบก็ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามร่างกายจนผมเริ่มจะรู้สึกร้อนขึ้นมาเสียแล้ว

"นี่มันเวลาทานอาหารเช้านะ" ผมเตือนเขา แต่ฟังเสียที่ไหน เขาจับผมเปลื้องผ้าแล้วระดมจูบไปตามร่างกายเปลือยเปล่าของผม

"อึก....เบาๆหน่อย" ผมเตือนเขาเพราะถูกกัดและจูบเน้นๆไปตามร่างกาย พอถูกดุหลายๆครั้งเพราะเขาไม่เชี่อฟัง เจ้าชายนาดีลก็เปลี่ยนมาใช้ปลายลิ้นลากไล่ไปตามเนินเนื้อของผม

"อึก....อา" เจ้าชายนาดีลหมกหมุ่นอยู่กับยอดอกของผมจนบริเวณนั้นทั้งเปียกชุ่มและบวมเป่ง โดยไม่ทันคาดคิดเข้าเลื่อนริมฝีปากลากปลายลิ้นละเลงลงไปบริเวณจุดเร้นลับบริเวณบั้นท้ายของผม ผมดิ้นพล่านด้วยความสุขสม

"อื้อ....อ๊า" ถูกเลียตรงจุดนั้นซ้ำๆพร้อมทั้งถูกรูดรั้งเครื่องเพศด้านหน้าด้วยมือที่ใช้จับอาวุธอยู่เป็นเนืองนิจ รู้สึกดีราวกับจะขึ้นสวรรค์เสียให้ได้ ยิ่งเจ้าชายนาดีลสอดปลายนิ้วเข้ามาสำรวจและเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นมาถึงสามยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีจนตาพร่า

"พร้อมรับข้าเข้าไปหรือยังที่รัก" เจ้าชายนาดีลกระซิบถามพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

"ข...เข้ามาสิ" เมื่อผมอนุญาติเขาก็สอดร่างเข้ามาในส่วนลึกของผม เราสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

"ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่เรามาหาความสุขในสถานะการณ์อย่างนี้ แต่เจ้าก็เย้ายวนจนข้าอดทนไม่ไหวจริงๆ" ผมถลึงตามองค้อนเขา เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าชายนาดีลเริ่มขยับโยกกาย

อา.....หากบอกว่าผมไม่มีความสุขเวลาถูกเขาโอบกอดก็นับว่าผมโกหก ไม่ว่าจะอยู่ในร่างไหนเจ้าชายนาดีลก็ทำให้ผมอบอุ่นและรู้สึกเป็นสุขยามถูกกกกอด ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องเสียน้ำตาเพราะถูกกลั่นแกล้งบนเตียง

"ข้ารักเจ้านะฟีล่า"

"อึก.....อื้อ....ข้าก็เหมือนกัน" ถึงแม้เราสองคนจะรู้ว่าไม่สามารถจมจ่อมอยู่กับกิจกรรมอันเร่าร้อนได้ทั้งวัน แต่ผมกับเจ้าชายนาดีลก็พยายามกอบโกยความสุขเล็กๆน้อยๆของพวกเราอย่างเต็มที่ก่อนที่การเดินทัพของพวกเราเพื่อบุกโจมตีอีกครั้งจะมาถึง
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่26 p4 18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2016 18:17:35
อื้มม....เอ้อ....ในสถานการณ์แบบนี้
เจ้าชายนาดีล ยังหื่น เสมอต้นเสมอปลาย
เหมือนมาฮันนีมูน ไม่ใช่มารบลย
อ้อ...เป็นรักระหว่างรบนี่เอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่26 p4 18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-10-2016 21:31:12
 :pig4: หื่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่27 p4 19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 19-10-2016 11:43:16
ตอนที่27

หลังจากวางแผนการรบอย่างคร่ำเคร่งกองทัพร่วมระหว่างสไลม์และมังกรก็เดินทางมาถึงหน้าเมืองหลวงของอาณาจักรมังกร เจ้าชายนาดีลไม่รอช้าสั่งให้พวกทหารพังประตูเมืองซึ่งขวางกั้นพวกเราและเหล่ามังกรที่อาศัยอยู่ด้านใน
   
พวกทหารมังกรที่เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูค่อยๆออกมาต้านการจู่โจมของพวกสไลม์ ผมแค่มองยังทึ่งในความแข็งแกร่งของเหล่าสไลม์ เพราะถึงแม้ว่าจะต้องต่อกรกับพวกทหารมังกรที่กลายร่างเป็นมังกรไปก็ยังสามารถสู้กับเผ่าของเราได้อย่างสบายๆจนเหล่าทหารเผ่ามังกรที่อยู่ใต้อาณัติของท่านมาร์คเอ็นเดอร์ไม่จำเป็นต้องออกแรงด้วยซ้ำ
   
“เป็นภาพที่น่าตื่นตาไม่เปลี่ยน” ท่านมาร์คเอ็นเดอร์พูดกับผมและท่านพี่

   “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าพวกสไลม์แข็งแกร่งแต่ไม่คิดว่าจะจัดการกับพวกทหารมังกรที่สามารถกลายร่างเป็นมังกรได้อย่างง่ายๆ”
ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้ท่านมาร์ค ยิ่งมองดูสภาพของเหล่ามังกรซึ่งถูกไล่ต้อนด้วยทหารสไลม์ก็ยิ่งนึกสงสาร พวกทหารสไลม์บางตัวก็ดีดตัวเข้าใส่มังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้าจนร่วงลงมา บางตัวก็พ่นกรดพิษเข้าใส่พวกมังกรจนบาดเจ็บกันระนาว ด้วยร่างที่ยืดย้วยและเหนียวหนืดเหมือนเยลลี่ทำให้บางครั้งการโจมตีด้วยเปลวไฟหรือเวทย์มนต์ก็ไม่สามารถทำอะไรทหารสไลม์ได้เลย

“ไม่นึกว่าจะน่าขยะแขยงกันทั้งเผ่าพันธุ์” ท่านพี่เอียนเอ่ยเสียงเย็นชา จังหวะนั้นการปรากฏตัวของเหล่ามังกรทั้งสามผู้เป็นขุนนางชั้นสูงแห่งสภาขุนนางก็ดูเหมือนว่าจะทำให้รูปการของสงครามดูเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

มังกรทั้งสามขุนนางชั้นสูงซึ่งอยู่มาแต่เดิมประกอบด้วย เอลล่า ลูซิโอ และคาลอส การปรากฏตัวพร้อมกับการโจมตีด้วยท่าไม้ตายที่พวกเขามีทำให้พวกทหารสไลม์ถอยร่นลงมาจากหน้าประตูเมืองที่ใกล้พังทลาย

“กล้าดีนี่พวกสไลม์หลังจากฆ่าราชาคนก่อนของเราไปก็รีบยกทัพมาบุกเราเลยเชียวเรอะ” เอลล่าในร่างมังกรสีแดงเพลิง บินฉวัดเฉวียนไปมาในอากาศ มังกรสาวประกาศศักดาด้วยการพ่นไฟร้อนแรงรุกไล่เหล่าทหารสไลม์ให้ถอยห่างกลับออกมา

“เอ๋…..ข้าคงได้ตาฝาดใช่ไหมนี่ข้าเห็นพวกทหารของเราเข้าร่วมกับพวกสไลม์ด้วยสีธงแบบนี้สังกัดของท่านเอ็นเดอร์ใช่หรือไม่” มังกรสีน้ำเงินนามลูซิโอโผบินอยู่ในอากาศ เสียงของพวกขุนนางทั้งสองดังกังวานมากถึงผมจะอยู่ห่างออกมาก็ได้ยินชัดเจน

“พวกทรยศต้องกำจัดให้สิ้นซากก่อนจะเฟ้นหาราชาองค์ใหม่” คาลอสในร่างมังกรสีเขียวบินอยู่ในอากาศเคียงข้างลูซิโอ พริบตานั้นเพียงชั่วเสี้ยวด้วยความเร็วมังกรขุนนางชั้นสูงทั้งสามก็พุ่งพรวดมายังเหนือศีรษะของพวกผม

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะเอลล่า ลูซิโอ” มังกรขุนนางชั้นสูงมีสีหน้าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาลอสผมรู้สึกได้ว่าร่างของเจ้ามังกรเขียวสั่นเทาด้วยความตระหนก

“นี่คาลอสไหนเจ้าว่าราชาเอียนถูกสไลม์วางยาพิษไปแล้วอย่างไร” เอลล่าเปิดประเด็นถามได้ตรงใจผมอย่างมาก ในตอนนั้นท่านพี่ก็เป็นฝ่ายพูดแทนคาลอส

“ข้าตายหรือไม่พวกเจ้าย่อมสามารถพิสูทธิได้ เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้ายังอยู่ตรงนี้”

“อาจจะเป็นพวกสไลม์ปลอมตัวมาก็ได้นี่นา พวกสไลม์ชั้นสูงบางตัวสามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้” ลูซิโอตั้งข้อสังเกต

“ใช่...ใช่แล้วมันเป็นตัวปลอม” คาลอสรีบเห็นด้วยทันที แต่ด้วยท่าทางที่ลนลานของเจ้ามังกรเลวผู้นี้ ผมรู้สึกว่าท่านเอลล่ากับลูซิโอคงเริ่มสงสัยแล้ว

"อ้าวๆถ้าดูให้ดีตรงนี้มีทั้งราชาเอียน ท่านเอ็นเดอร์และเจ้าชายฟีล่าเสียด้วยนะ” เอลล่าหรี่ดวงตาสีแดงของเธอขณะมองดูพวกผม

“แล้วก็ยังมีข้าเจ้าชายนาดี่ลด้วยอีกคนน้า” เจ้าชายนาดีลเรียกร้องให้ขุนนางทั้งสามหันมาสนใจ

“พวกท่านอาจจะไม่เชื่อว่าเป็นตัวจริงเพราะว่ามีเผ่าสไลม์ชั้นสูงที่กลายร่างเป็นอะไรก็ได้ แต่ข้าสามารถหาข้อพิสูทธ์ให้พวกท่านได้น้า พวกท่านก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกสไลม์ไม่สามารถเลียนแบบสีของหยาดโลหิตของเผ่าพันธ์อื่นได้ เพราะสไลม์อย่างพวกเรานั้นหากแปลงร่างไปเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นเวลาได้แผลหยาดเลือดของเราจะมีสีขาวเหมือนน้ำนม”

“อา…..เป็นเรื่องที่มีแต่ชนชั้นสูงของเผ่ามังกรเท่านั้นที่รู้” ลูซิโอหัวเราะหึหึ ตอนนี้ท่านพี่เอียนชักดาบออกจากฝักคงตั้งใจจะกรีดแผลที่ร่างของตัวเองเพื่อพิสูทธิความจริง แต่จังหวะที่ไม่มีใครคาดคิด เจ้าคาลอสพ่นควันพิษออกมาจำนวนมาก แผนเดิมๆแต่มักจะได้ผล ท่านเอลล่ากับลูซิโอโดนควันเข้าไปเต็มๆ
ส่วนผมยังได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าชายนาดีลเช่นเดิม เว้นแต่ท่านพี่กับท่านมาร์คที่จมหายไปกับควันเหมือนกับพวกทหารสไลม์อื่นๆที่ไม่ทันได้ระวังตัว

“ท่านพี่เอียน” ผมกระวนกระวายหนักเมื่อมองไม่เห็นท่านพี่ ตอนนี้ผมถูกเจ้าชายนาดีลอมเข้ามาในร่างที่โปร่งใส

“นาดีลช่วยท่านพี่ด้วยสิ”

“ไม่ต้องห่วงน่า พี่ของเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก” เจ้าชายนาดีลพูดด้วยเสียงที่ดูมั่นอกมั่นใจ ผมอยากจะเชื่อเขานะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสับสนไปหมด ผมได้ยินเสียงหัวเราะของคาลอส เกลียดมันเสียจนแทบทนฟังไม่ได้

“อ๊ากกกกกกก” ผมได้ยินเสียงร้องโหยหวนของคาลอส พอควันจางหายก็พบว่าแขนข้างหนึ่งของเจ้ามังกรเขียวคาลอสถูกบั่นจนขาด ที่ตรงหน้าของมันตอนนี้ท่านพี่ยืนตระหง่านพร้อมกับดาบที่เปื้อนเลือด


“ท่านพี่เอียน” ท่านพี่หันมาส่งยิ้มบางๆให้ผม ผมโล่งใจที่ท่านพี่ปลอดภัย แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าท่านพี่ต้านทานพิษของคาลอสได้อย่างไร

“ข้าเป็นคนให้คริสตัลวิเศษกับเอียนไป เจ้าสิ่งนี้ถ้าอมเอาไว้ในปากจะสามารถต้านพิษได้ทุกชนิด เจ้าไม่รู้หรอกหรือ” สารภาพตามตรงว่าผมไม่รู้เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเวลาเรียนกับท่านครูไม่ได้ตั้งใจเรียนก็เป็นได้

“เอาเถอะถ้าเป็นคนปกติคงจะคิดวิธีนี้ไม่ออก ก็คริสตัลวิเศษเป็นของหายากเป็นพิเศษการจะหาติดตัวไว้ซักอันไม่ใช่จะมีง่ายๆ” ผมพยักหน้าถี่รัวเป็นเชิงเห็นด้วยกับเจ้าชายนาดีล ตอนนี้ผมรู้สึกฮึกเหิมมาก ศัตรูของพวกเราอยู่ตรงหน้าและท่านพี่เอียนก็จะกำลังจะสำเร็จโทษมัน

“ท่านพี่จัดการเจ้าสารเลวนั่นเลย” ท่านพี่กระตุกยิ้มก่อนพุ่งเข้าหาคาลอสอีกครั้งด้วยความเร็วจนมังกรผู้เฒ่าอย่างคาลอสเคลื่อนหลบไม่ทัน เสียงแหวกอากาศกับเสียงของคมดาบตัดเฉือนชิ้นเนื้อดังฉับ หัวมังกรของคาลอสกระเด็นหล่นปุลงบนพื้น

“เยี่ยม” ผมกับเจ้าชายนาดีลโห่ร้องขึ้นพร้อมกัน ตอนนี้ควันพิษจากคาลอสยังไม่ระเหยดี เจ้าชายนาดีลจึงไม่ยอมปล่อยผมออกไปด้านนอก ท่านพี่เดินตรงไปหาท่านเอลล่ากับท่านลูซิโอที่นอนหายใจหอบ

“พวกท่านกลายร่างเป็นมนุษย์เถอะ ข้าจะได้ช่วยถอนพิษให้” หลังจากสิ้นคำพูดของท่านพี่เอียน ท่านเอลล่ากับลูซิโอก็ค่อยๆกลายร่างเป็นมนุษย์ ในตอนนั้นราอูลที่อยู่ใกล้ๆก็คายคริสตัลวิเศษออกมาจากร่างนุ่มนิ่มสีแดงของเขาสองชิ้น ท่านพี่รับไปแล้วนำไปป้อนให้ท่านเอลล่าและลูซิโอ

“แล้วท่านมาร์คล่ะ” ผมสอดส่ายสายตามองหา พบว่าท่านมาร์คยังยืนอยู่ได้โดยไม่ถูกพิษ ผมสันนิษฐานว่าท่านมาร์คคงได้รับคริสตัลวิเศษไปจากเจ้าชายนาดีลด้วยเหมือนกัน

“นาดีลเจ้าไปหาคริสตัลจำนวนมากอย่างนี้ได้จากที่ไหน”

“จำไม่ได้หรือ ตอนที่เราเจอมันตอนที่เจ้ายังเด็กเจ้าคริสตัลอันนั้นมันใหญ่มากเป็นพิเศษ หลังจากได้มาข้าก็เอามาแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆแล้วเก็บเอาไว้ ก็นั่นแหละน้ามันเป็นของมีค่านี่นา” เจ้าชายนาดีลทำเสียงระรื่น ผมรู้สึกว่าพวกเราช่างโชคดีจริงๆที่บังเอิญได้พบกับเจ้าคริสตัลวิเศษนี้ในตอนที่เรายังเป็นเด็ก

หลังจากพวกเราจัดการเรื่องคาลอสกับเรื่องแก้พิษได้สำเร็จ ท่านมาร์คผมกับท่านพี่ก็แสดงตัวต่อหน้าพวกแม่ทัพและทหารที่เหลืออยู่ พวกคนที่เหลืออยู่ต่างยอมแพ้ทำให้พวกเราไม่ต้องเสียเวลาสู้และสามารถยกกองทัพเข้ายึดเมืองหลวงของเผ่ามังกรได้อย่างง่ายดาย
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่27 p4 19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 19-10-2016 13:22:57
ยาวดีจัง ชนเผ่าสไลม์ดูจะเก่งกว่าเผ่ามังกรเยอะเลยนะเนี่ย นาดีลนี่ดูแลฟีล่าดีมากตลอดเลย ^^
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่28 p4 20/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 20-10-2016 15:56:48
ตอนที่28

“ท่านพ่อท่านแม่” ตอนนี้ผมกับท่านพี่อยู่ในท้องพระโรงต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่ที่กลายเป็นคริสตัลด้วยเวทย์มนต์พิเศษ

“ท่านพ่อครับท่านแม่ครับทุกอย่างสงบลงแล้วพวกเราปราบกบฏได้แล้วครับได้โปรดคืนร่างเดิมเถอะ” ผมเฝ้าวอนขอคำคำนี้อยู่นานนับหลายนาที จนในที่สุดแม้แต่ท่านพี่ที่ยังนิ่งเฉยมาตลอดก็อดเข้ามาช่วยผมไม่ได้

“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ารู้ว่าข้าทำผิดมาก ข้าสำนึกผิดแล้วและรอพวกท่านมาสำเร็จโทษได้โปรดเถอะถ้าไม่เห็นแก่ฟีล่าที่คิดถึงท่านก็เห็นแก่ชาวเผ่าเรากลับมาครองบัลลังค์มังกรอย่างเคยเถอะครับ”
เกิดความนิ่งเงียบอยู่หลายนาที ผมกับท่านพี่ได้แต่สบตากัน ผมเริ่มจะกังวลจากสีหน้าของท่านพี่ท่านพี่เองก็คงจะกังวลเช่นกัน ตอนนี้พวกเราพี่น้องจับมือกันแน่นปลอบโยนกันและกันด้วยเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จะเป็นคริสตัลอยู่อย่างนี้ตลอดไป

“ข้าผิดเองฟีล่า หากพี่ไม่บีบคั้นท่านพ่อท่านแม่พวกท่านคงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้”

“ท่านพี่อย่าได้ลงโทษตัวเองถึงเพียงนั้นถึงแม้ว่าท่านจะทำผิดแต่ท่านได้สำนึกผิดแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ต้องให้อภัยท่านพี่แน่ๆ” ผมพยายามปลอบโยนท่านพี่ ตอนนี้ท่านพี่ดูทรมานใจและหดหู่ ผมเดาว่านับตั้งแต่รู้ความจริงทั้งหมดท่านพี่คงอยู่กับความทุกข์และเฝ้าแต่สำนึกผิดมาโดยตลอด ที่ผมคิดเช่นนั้นเพราะท่านพี่เปลี่ยนไปเป็นคนที่เงียบขรึมอย่างมาก

“ท่านพ่อท่านแม่กลับมาเถอะครับ กลับมาลงโทษลูกทรพีคนนี้ ท่านอย่าได้ทอดทิ้งฟีล่าที่ไม่มีความผิดอีกต่อไปเลย” ท่านพี่หลั่งน้ำตาออกมาผมตกใจมากและไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นิ่งเงียบปล่อยให้ท่านพี่อ้อนวอนท่านพ่อท่านแม่ต่อไปเพียงลำพัง

เราสองคนพี่น้องได้แต่รอให้ท่านพ่อท่านแม่กลับคืนร่างเดิมนานนับชั่วโมง ท่านพี่เลิกร้องไห้แล้วแต่ก็ยังมีแววของความเสียใจอยู่ ขณะที่พวกเราหันหลังกลับเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ลำแสงสีทองที่ส่องสว่างจากเบื้องหลังของพวกเราทำให้เราต้องหันกลับไปมอง ที่ตรงนั้นท่านพ่อท่านแม่ส่งยิ้มมาให้เรา

“ท่านพ่อท่านแม่” ผมโผเข้ากอดท่านพ่อท่านแม่ที่คืนร่างเดิมแล้วแนบแน่น ท่านพ่อท่านแม่จูบผมลูบหลังผมทำให้ผมมีความสุขอย่างที่สุด

“เอียนมาหาแม่สิลูก” ท่านแม่เรียกท่านพี่เอียนที่ได้แต่ยืนมอง ท่านพี่สะดุ้งตัวเบาๆและไม่ยอมทำตามคำขอของท่านแม่

“เอียนมาให้พ่อกับแม่กอดหน่อยสิลูก” ท่านพ่อพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความปรานีท่านพี่เดินเข้ามาหาท่านพ่อท่านแม่ด้วยท่าทีเซื่องซึม เมื่อเข้ามาใกล้ท่านพ่อก็สวมกอดท่านพี่ ผมกับท่านแม่ทำตามท่านพ่อสวมกอดท่านพี่เอาไว้ ครอบครัวของเรากอดกันกลมท่านพี่เอียนร้องไห้อีกครั้ง

“ลงโทษข้าเถอะครับท่านพ่อท่านแม่ข้าพร้อมที่จะรับโทษแล้ว” ท่านพี่ร้องขอขณะที่ถูกสวมกอดแน่น ผมสงสารท่านพี่เหลือเกินเพราะไม่เคยเห็นท่านพี่ร้องไห้มากขนาดนี้มาก่อน ท่านพี่ในความคิดของผมท่านเข้มแข็งและหยิ่งทระนงเกินกว่าที่จะร้องไห้ให้ใครเห็น

“พ่อกับแม่จะลงโทษเจ้าได้อย่างไรล่ะเอียน มันเป็นความผิดของพ่อกับแม่ต่างหากที่ไม่เคยรับรู้ความทุกข์ของเจ้าแถมยังกดดันให้เจ้าทำเรื่องแย่ๆลงไป” ท่านพ่อพูดกับท่านพี่เอียนตอนนี้เราไม่ได้สวมกอดกันอีกแล้ว ท่านพี่เอียนมองดูท่านพ่อท่านแม่ด้วยแววตาแปลกใจผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นทั่วดวงตา

“ในเมื่อเจ้าได้มีโอกาสเป็นราชาแล้วก็จงเป็นราชาที่ดีต่อไป พ่อกับแม่เห็นแล้วว่าลูกได้ทำอะไรบ้างเพื่อเผ่ามังกร การขึ้นครองราชย์ของเจ้าทำให้พวกขุนนางเป็นปึกแผ่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ข้อแม้ที่จะให้เจ้าขึ้นครองราชมีเพียงอย่างเดียวก็อย่าทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างเราที่มีต่อเผ่าสไลม์”

“ท่านพ่อ ท่านคิดดีแล้วหรือครับกับลูกที่เลวอย่างข้า.....”

“อย่าได้พูดเรื่องเก่า สาบานมาสิว่าจะไม่ทำลายสิ่งที่พ่อกับแม่เพียรพยายามสร้างเอาไว้ลงไป”

“ท่านพี่” ผมเรียกท่านพี่ที่ตกอยู่ในภวังค์ ท่านพี่คงกำลังสับสนกับการที่ท่านพ่อท่านแม่ให้อภัยง่ายๆแถมยังยอมให้ท่านพี่เป็นราชาต่อไป สถานการณ์ที่ไปในทางที่ดีมากๆแบบนี้อย่าว่าแต่ท่านพี่เลยแม้แต่ผมก็ยังคาดไม่ถึง

“ท่านพ่อท่านแม่ ตัวข้านั้นบอกตามตรงหากไม่ได้เจ้าชายเผ่าสไลม์ช่วยเอาไว้คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าพวกท่าน มีหรือที่ข้าจะกล้าทำลายไมตรีอันดีระหว่างเผ่าเรากับสไลม์ ข้าไม่ใช่คนเลวขนาดจะลืมบุญคุณของใครได้” ตอนนี้ผมกับท่านพ่อท่านแม่ยิ้มกว้าง ท่านพ่อท่านแม่ดูพออกพอใจต่อคำตอบของท่านพี่

“ข้าสาบานครับท่านพ่อท่านแม่ว่าจะรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างมังกรและสไลม์ต่อไป”

“ดี ดีมาก เท่านี้สงครามนับพันๆปีระหว่างเผ่าเราจะสิ้นสุดลงจริงๆเสียที” ท่านพ่อตบบ่าท่านพี่เบาๆ ท่านแม่ยิ้มแล้วลูบหัวลูบหลังท่านพี่ด้วยความรัก

“เอาล่ะใครก็ได้ช่วยเรียกเหล่าขุนนางมาพบข้าหน่อยเถอะ” ท่านพ่อท่านแม่ตะโกนเรียกไม่นานนักทหารยามก็เข้ามารับคำสั่งของท่านพ่อท่านแม่

การเรียกประชุมขุนนางเพื่อจัดการกับราชบัลลังค์อีกครั้งผ่านไปได้ด้วยดี มีขุนนางจำนวนมากเห็นด้วยกับคำพูดของท่านพ่อที่จะให้ท่านพี่เป็นราชาต่อไป นานนับเดือนที่ท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ช่วยกันวางรากฐานใหม่อีกครั้ง

พวกประชาชนและขุนนางได้รับการบอกเล่าความจริงเกี่ยวกับการกบฏซ้ำซ้อนเสียใหม่ ความผิดของท่านพี่ถูกโยนไปให้คาลอสทั้งหมด ที่ทำแบบนี้เพื่อไม่ให้มีผู้สงสัยความชอบธรรมในการขึ้นเป็นราชาของท่านพี่

ในตอนแรกก็มีผู้ไม่พอใจอยู่บ้าง คนพวกนั้นล้วนเป็นผู้ที่มีความภักดีต่อท่านพ่อท่านแม่อย่างล้ำลึก แต่เพียงท่านพ่อท่านแม่เอ่ยปากเท่านั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูจะง่ายดายไปหมด ผ่านมาได้สามเดือนแล้วที่ผมกับเจ้าชายวนาดีลยังคงอาศัยอยู่ที่อาณาจักรมังกรเพื่อช่วยเหลือท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ ใจจริงของผมแล้วหากเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่กับพวกท่านอย่างนี้ไปเรื่อยๆให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

“ข้ากลับมาแล้วเจ้าอยู่ในห้องหรือเปล่านาดีล” ผมร้องถามก่อนหน้านั้นผมเอาแต่ขลุกอยู่กับท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่จนลืมเวลาไปเลย อันที่จริงตั้งแต่มาอยู่ที่อาณาจักรสไลม์ได้สามเดือนผมทำอย่างนี้ทุกวันเพราะมีความสุขที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า

“อ้าว ทำอะไรอยู่นาดีล” ผมถามเพราะทั้งที่ผมกลับมาหาเขาแล้วแต่เจ้าชายนาดีลยังนั่งหันหลังให้ผมไม่ยอมพูดไม่ยอมจา เห็นได้ชัดว่ามีอะไรผิดปกติ

“นาดีลเกิดอะไรขึ้นหรือ” ผมเดินเข้าไปอุ้มเจ้าชายสไลม์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วนั่งลง ตอนนี้ผมเห็นชัดแล้วเจ้าชายนาดีลพองลมในปากจนแก้มป่องส่งเสียงฮึดฮัดๆดูแล้วท่าทางจะงอนผมอยู่

“เจ้าเป็นชายาของข้าใช่ไหมฟีล่า” เขายังคงงอนจนแก้มป่องไม่เลิก

“ก็ใช่สิ”

“แต่เจ้าทำเหมือนกับว่าเจ้าไม่มีข้าอยู่อย่างไรอย่างนั้น เจ้ายังอยากจะกลับไปอยู่กับข้าที่เผ่าสไลม์อยู่ไหม”
คำพูดของเขาทำให้ผมงง แต่นึกอีกทีคำตัดพ้อของเขาก็สมเหตุสมผมอยู่ ลืมไปเลยว่าสามเดือนมานี้ผมเอาแต่ทำตัวติดกันกับครอบครัวจนเอาใจใส่เจ้าชายนาดีลน้อยลง นอกจากนั้น อ๋อ.....จริงสิผมพูดจาไม่คิดประมาณว่าไม่อยากจากท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ไป อยากอยู่เสียที่อาณาจักรมังกรนี้ไปตลอดชีวิตถ้าทำได้ คิดว่าคงเป็นเพราะแบบนี้เจ้าชายนาดีลถึงได้ระเบิดความแค้นด้วยการทำตัวแง่งอนแบบนี้

“นาดีล....ที่รัก...สวามีของข้าข้ารักเจ้านะ”

“เชอะ” เจ้าชายนาดีลยังคงงอนตุบป่องและสะบัดตามองเมินไปอีกทางผมได้แต่อมยิ้มนึกเอ็นดูท่าทางอันน่ารักของเจ้าของร่างกลมๆนุ่มนิ่มนั่น

“ยอดรักของข้า ทูนหัว จะให้ข้าทำอย่างไรเจ้าถึงจะเชื่อคำพูดของข้ากัน” ผมง้องอนเขาสุดฤทธิ์คำพูดที่ตลอดชีวิตไม่เคยคิดว่าจะพูดกับใครเพราะกระดากอายผมขนเอามาใช้กับเขาจนหมด
ตอนนี้เจ้าชายนาดีลปลายตามองผมเป็นระยะระยะ ผมคิดนะว่าคำพูดเลี่ยนๆของผมน่าจะมีผลกับเขาอยู่ แล้วก็ใช่จริงๆเสียด้วย

“เจ้าจะทำตามที่ข้าร้องขอทุกอย่างหรือเปล่าล่ะ” ผมชะงักนิดๆทำตามทุกอย่างนี่มันกว้างมากเกินไปเกินกว่าที่จะจินตนาการหมด หากว่าเขาขอเรื่องที่ผมทำไม่ได้ขึ้นมาล่ะ

“บู้ๆๆๆๆฟีล่าคนงี่เง่า เจ้าทำหน้าลังเลใส่ข้าอยู่นะ เจ้าเป็นชายาของข้าแท้ๆต้องยอมตามใจข้าบ้างสิ” เจ้าชายนาดีลปลิ้นปากและโดดเด้งดึ๋งๆไปรอบๆตัวผมส่งเสียงงอแงอย่างเด็กพยายามให้ผมรับปากเขาให้ได้ เวียนหัวไปหมดแล้วนะเฟ้ย!!!!

“เข้าใจแล้วน่า อยากได้อะไรก็บอกมาเถอะ ข้ายอมแล้ว”

“จริงนะ” เจ้าชายนาดีลทำตาเป็นประกาย เขาขึ้นมาบนตักแล้วถูกไถร่างของเขากับตัวผมออดอ้อนได้น่าหยิกชะมัด

“ข้าอยากมีลูกกับเจ้าซักคน” พอได้ยินคำขอของเขาผมก็ระบายยิ้มออกมา

“ก็ได้นี่นา”

“จริงรึ” เจ้าชายนาดีลทำตาโต

“ก่อนหน้านั้นพอข้าพูดถึงเรื่องนี้เจ้ายังทำเมินอยู่เลยนี่นา”

“ใครว่าข้าเมินเจ้ากันล่ะ” ผมชักจะงง

“ก็เดือนที่แล้วไงข้าพยายามชวนให้มาทำลูกกันเถอะ เจ้ายังไม่สนใจที่ข้าพูดเลย”

“ก็มันตอนไหนกันเล่า”ผมชักหงุดหงิดละ ผมจำไม่ได้เลยว่าเจ้าชายนาดีลพูดเรื่องนี้กับผมตอนไหน

“ก็ตอนที่เราทำรักกันหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงฉลองคราวก่อนไง” พอถูกเตือนความจำผมก็นึกขึ้นได้ คืนนั้นเป็นงานฉลองครั้งใหญ่จัดกันทั่วอาณาจักร ภายในปราสาทก็มีงานเลี้ยง ในตอนนั้นผมถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มหนักจากทั้งท่านพ่อท่านแม่และพวกขุนนาง ความทรงจำในตอนนั้นมีครึ่งๆกลางๆเพราะตอนนั้นค่อนข้างเมาหนัก แต่ที่จำได้แม่นคือถูกบังคับให้ทำรักระหว่างที่สติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี

“มาถามตอนเอาสติไม่ครบถ้วนแบบนั้นใครเขาจะพูดรู้เรื่องเล่า เหตุการณ์คืนนั้นเราทำกันท่าไหนข้ายังจำไม่ได้เลย”

“ใจร้าย คืนนั้นเราสองคนออกจะเร่าร้อนจะตายไป”

“กับคนเมานี่นะ ข้าจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้หรอก ที่สำคัญคิดเล็กคิดน้อยเก็บความแค้นเอาไว้แบบนี้ต้องไม่ใช่แค่เรื่องนี้แน่ๆ บอกมานะว่าเรื่องอะไรกันแน่”

“ก็เจ้าทำท่าเหมือนไม่อยากจากพ่อแม่ไปนี่นา” เจ้าชายนาดีลทำเสียงกระเง้ากระงอด ไม่ผิดไปจากที่ผมคิดเอาไว้เลย

“การที่เจ้าเอาแต่พูดว่าอยากจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องของเจ้าตลอดไป มันทำให้ข้าน้อยใจ เจ้าเป็นชายาของข้าแล้วเจ้าต้องนึกถึงข้าเป็นอันดับแรกสิ อยากอยู่ที่นี่กับพ่อแม่ก็ได้อยู่แต่อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นว่าที่ราชินีของอาณาจักรสไลม์นะ เจ้าไม่สามารถอยู่กับญาติพี่น้องได้ตลอดไปหรอก” ผมดีดนิ้วใส่เจ้าชายนาดีลทันทีที่เข้าพูดจบ

“ข้ารู้อยู่แล้วล่ะน่าเรื่องนั้นน่ะ เจ้าอย่ามาตอกย้ำหน่อยเลย” ผมแสร้งทำตีหน้ายักษ์ ตอนนี้เจ้าชายนาดีลเปลี่ยนสีเป็นสีซีดๆ แล้วหดตัวเล็กลงกว่าปกติ

“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะลืม” ยังไม่วายพูดจางอแงไม่เข้าท่า แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวไม่ได้ก็ผมเล่นพูดจาเอาแต่ใจทำนองนี้ให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ ช่วยไม่ได้นี่นาที่ผมจะเกิดความอาลัยต่อพวกท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ก็เราเคยอยู่ด้วยกันมานาน

“นาดีล” ผมเรียกเขาพอเขาสบตากับผมผมก็จุ๊บๆลงไปทั่วตัวของเจ้าชายวนาดีลหลายครั้ง

“เรากลับบ้านของเรากันเถอะนะ หากเจ้าบอกว่าอยากมีลูกข้าก็จะมีให้เจ้า ให้ลูกของเราเป็นเสมือนคำมั่นสัญญารักของเราแบบนั้นดีไหม”

“ฟีล่าพูดเหมือนข้าเป็นชายขี้ใจน้อยที่คอยเอาแต่ระแวงไม่เชื่อถือในความรักของเจ้าอย่างนั้นแหละ” เจ้าชายนาดีลยังคงหดตัวอยู่สีตัวของเขายังคงซีดๆอยู่เช่นกัน ท่าทางจะไม่หายตกใจหายงอนง่ายๆ

“จะว่ายังไงดีน้า….ข้าลำบากใจที่เจ้าคอยแต่ระแวงอยู่หรอก แต่ก็โล่งใจนะเพราะมันหมายถึงเจ้ายังเอาใจใส่ข้าอยู่ไงล่ะ ไม่รู้ว่าอีกหลายปีผ่านไปเจ้ายังจะสนใจข้าอยู่อย่างนี้หรือเปล่าน้า” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อย

“ของอย่างนี้ไม่น่าถาม ข้าออกจะรักเจ้าถึงเพียงนี้ ที่สำคัญข้าเป็นฝ่ายตกหลุมรักเจ้าก่อนนะ อย่าดูถูกความรักของข้าเชียว” ตอนนี้เจ้าชายนาดีลพองลมจนกลับมาเป็นขนาดและสีปกติแล้ว ถึงแม้จะงอนที่ผมพูดจาไม่เข้าหูอยู่บ้างแต่เขาก็บินมาจุ๊บๆที่ปากผม

“ฝากตัวด้วยนะฟีล่าจากนี้และตลอดไปอยากให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้า”

“ข้าเองก็เหมือนกันนาดีล คอยดูแลและอยู่ข้างๆข้าตลอดไปนะ” เราสองคนต่างแลกคำสาบานรักแก่กันคืนนั้นเราไม่ได้ทำรักกันแต่ก็นอนกอดกันกลมด้วยความรักและสนิทสนม ในความฝันอันแสนหวานผมฝันว่าเราสองคนยิ้มและหัวเราะอยู่ท่ามกลางทายาทตัวน้อยที่มีทั้งสไลม์และมังกรตัวจิ๋วเยอะแยะจนผมตกใจ แต่ก็นั่นแหละผมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างที่สุดถึงแม้ว่ามันจะเป็นความฝันก็ตาม



หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่28 p4 20/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-10-2016 19:37:41
รอวันที่ฟีล่า มีลูกกับเจ้าชายนาดีล :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่28 p4 20/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-10-2016 20:24:00
น่ารักมุ้งมิ้งเชียว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่28 p4 20/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 20-10-2016 23:17:04
เปิดอ่านเพราะเห็นว่าพระเอกเป็นสไลม์เนี่ยแหละ 555 ไม่เคยเจอมาก่อน
น่ารักดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่28 p4 20/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-10-2016 15:47:42
พล้อตเรื่องแปลกดีค่ะ
รอวันที่จะมีลูกกันนะคะะะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-10-2016 19:06:33
ตอนพิเศษที่   
   
ตอนที่เจ้าชายนาดีลรู้ว่าจะต้องหมั้นกับเจ้าชายของเผ่ามังกรก็เป็นตอนที่เขาอายุได้สิบสี่ปีพอดี ที่เบื้องหน้าของเขาตอนนี้มีรูปวาดของเจ้าชายที่จะกลายเป็นคู่หมั้นซึ่งเผ่ามังกรส่งมาให้เขาได้ดูก่อนที่จะได้พบกับตัวจริง
   
“อ้าวๆๆๆ นี่มันเด็กตัวเล็กๆเลยนี่นา” เจ้าชายนาดีลไม่ได้สนใจต่อคำพูดของราอูลซึ่งเป็นเพื่อนสนิท เขาเอาแต่มองดูเด็กชายในรูปภาพ เส้นผมสีฟ้าดวงตาสีเขียว ปากและพวงแก้มเป็นสีชมพูกับผิวที่ขาวรามกับน้ำนม งดงามและน่ารัก นี่นะหรือเด็กที่จะมาเป็นคู่หมั้นของเขา แต่กระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าช่างภาพของเผ่ามังกรจะวาดภาพออกมาให้งดงามเกินจริง
   
“ยังไงก็คงจะวาดออกมาให้สวยงามเกินจริงนั้นแหละ” เพื่อนสนิทพูดออกมาได้ตรงกับใจของเขามาก เจ้าชายนาดีลนั้นมีความประทับใจในรูปร่างหน้าตาของว่าที่คู่หมั้นเป็นอันดับแรก ดันนั้นจึงคาดหวังไว้สูงต่อรูปลักษณ์อันแท้จริงของว่าที่คู่หมั้นที่จะได้พบกันในอนาคต
   
“มันก็ต้องไม่เหมือนกับในภาพวาดอยู่แล้ว” พอบอกความประทับใจออกไป ราอูลก็พูดจาเยาะหยันหาว่าเขาช่างมีความคิดเป็นเด็กๆ เจ้าชายนาดีลถูกล้อเลียนว่าช่างเป็นคนที่ตกหลุมรักได้ง่ายกับเพียงแค่รูปภาพเพียงรูปเดียว
   
“หน้าตาอาจจะน่ารักจริงๆก็ได้แต่นิสัยอีกเล่าหากเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดีล่ะจะว่ายังไง อย่าลืมสิว่าพวกมังกรเกลียดพวกเราอย่างกับอะไรดี”

   ข้อเท็จจริงที่ราอูลพูดมาเขาก็คิดถึงอยู่เช่นกัน เจ้าชายนาดีลพยายามจินตนาการถึงนิสัยใจคอของเจ้าชายผู้น่ารักในรูปวาด ฟีล่า แอสเทียร์ ไอเซ็นการ์ด นามก็แสนจะไพเราะเพราะพริ้ง ด้วยรูปโฉมและรูปนามเขาจินตนาการถึงนิสัยใจคอของคนในรูปภาพด้วยความสนุกสนาน
   
อาจะเป็นเด็กที่มีนิสัยเอาแต่ใจก็เป็นได้
   
เจ้าชายนาดีลเดาเอาจากจมูกที่เชิดรันขึ้นนิดๆ กับดวงตาคมที่ดูโฉบเฉี่ยวของฟีล่า หากว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจนิดๆแบบพวกเจ้าหญิงหรือพวกราชินีก็ดีเหมือนกันน้า ตัวเขาเองก็มีความคิดที่ว่าอยากจะให้คนในภาพมาคอยทำตัวเอาแต่ใจให้เขาต้องคอยตามเอาใจด้วยอยู่เหมือนกัน
   
พอบอกความคิดแบบนี้ของตนออกไปให้ราอูลฟังก็ถูกมองด้วยสายตาเวทนาแล้วกล่าวหาว่าตนเองนั้นเป็นพวกชอบความเจ็บปวดซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ซักนิด เกี่ยวกับเรื่องลักษณะที่นิสัยของตนเองนั้นเขากับคิดเห็นว่าตัวเรานั้นช่างเป็นคนที่ขี้แกล้งและชอบรังแกคนเสียมากกว่า
   
“นิสัยร้ายๆอย่างท่านจะทนให้ว่าที่คู่หมั้นนิสัยร้ายกาจโขกสับได้เสียเท่าไหร่กันเชียว” นาดีลได้แต่อมยิ้มถูกโขกสับบ้างจะเป็นไรไปนับว่าเป็นรสชาติใหม่ที่น่าลิ้มลองไม่ใช่หรือ สำหรับนาดีลแล้วหากไม่ใช่ว่าถูกใจหน้าตาของฟีล่าอย่างมากแล้วล่ะก็ เห็นทีว่าชีวิตแต่งงานคงเหมือนกินยาขม เพราะอาจจะต้องทนมีชายาที่ได้มาจากการแต่งงานทางการเมืองแล้วยังจะต้องทนอยู่กับภรรยาขี้ริ้วอีกด้วย หากเป็นเช่นนั้นจริงคงทรมานใจน่าดู

   “เห็นท่านระริกระรี้เช่นนี้แล้ว ข้าละอดหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆ ว่าที่คู่หมั้นอะไรนี่คงไม่พ้นนิสัยเอาแต่ใจและเหย่อหยิ่งตามแบบอย่างพวกมังกรแน่ๆเลยเชียว”
   
เจ้าชายนาดีลได้แต่ปล่อยให้คำขู่ของราอูลลอยตามลมไป ด้วยความที่รู้ดีว่าตนเองนั้นเป็นคนเอาแต่ใจเช่นไรและเมื่อตัดสินใจว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ นาดีลจึงไม่นำพาต่อคำพูดขู่ของเพื่อนสนิท
   
“ตื่นเต้นจังเลยน้าอยากจะพบหน้าเร็วๆจริงๆ” พูดในสิ่งที่คิดด้วยอารมณ์ที่ดีอย่างผิดปกติ ได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นราอูลเบะปากเป็นสระอิ นับจากวันนั้นเขาก็นับวันรอที่จะได้พบหน้ากับว่าที่คู่หมั้น

   สวยและน่ารักยิ่งกว่าในรูปเสียอีก
   
วินาทีแรกที่ได้พบกับฟีล่าเจ้าชายนาดีลพึงพอใจยิ่ง และถึงแม้ว่าจะถูกฟีล่ามองดูด้วยสายตาไม่ชอบใจเขาก็ไม่ใส่ใจ เพราะได้หมายหมั้นเอาไว้แล้วว่าเด็กตรงหน้าคือสมบัติของเขา ถึงแม้ว่าจะได้มาด้วยความบังเอิญจากเรื่องทางการเมืองก็ตาม

   เจ้าชายนาดีลรู้ตัวว่าตนเองนั้นไม่เป็นที่ชอบพอของว่าที่คู่หมั้น การได้รับสายตาอันไม่เป็นมิตรหรือดูถูกจากฟีล่าไม่ได้ทำให้นาดีลหดหู่หรือไม่ชอบใจ เขากลับรู้สึกสนุกที่อีกฝ่ายพยายามขัดขืนและพยายามวิ่งหนีความเป็นจริงทั้งที่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็นั่นไงท่าทางโวยวายหัวเสียแต่ไม่สามารถจัดการอะไรกับเขาได้ ใบหน้าที่เหมือนอยากจะร้องไห้ยามถูกเขารังแกมันช่างน่ารักชวนให้เข้าไปกลั่นแกล้งเสียจริง
   
น่ารักจนอยากจะอมเข้ามาไว้ในร่างปกป้องเอาไว้ไม่ให้ใครมาแตะต้องหรือทำให้บาดเจ็บ พอลองทำอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆปรากฏว่าเจ้าตัวต่อต้านเขาน่าดู แต่เจ้าชายวนาดีลกลับชอบอาการกระฟัดกระเฟียดเช่นนั้น มันดูน่ารักดีไม่ใช่หรือ การได้ปั่นหัวคู่หมั้นตัวน้อยทุกๆวันมันทำให้เขาสนุกและเหมือนได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับฟีล่ามากขึ้น
   
แต่ดูเหมือนฟีล่าจะไม่คิดอย่างนั้น ช่างมันปะไร
   
เจ้าชายนาดีลกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ถึงไม่ชอบใจข้าหรืออยากหนี แต่เชื่อเถอะฟีล่าเจ้าไม่มีทางเลือกมากมายนักหรอก เพราะราชาไอดริทและราชินีอลันน่าท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าไม่มีทางยกเลิกการหมั้นของพวกเรา เพราะนั้นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เผ่ามังกรกับเผ่าสไลม์มีความแน่นแฟ้นกันประหนึ่งเป็นสายเลือดเดียวกัน
   
เจ้าชายนาดีลนั้นรู้ตัวดีอยู่ว่านิสัยเสียอีกประการหนึ่งของตนคือการช่างเป็นผู้เอาชนะ นอกจากจะชอบพอรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอของฟีล่า การที่มีอุปสรรคขวากหนามด้วยผู้คนในเผ่ามังกรที่ไม่เห็นชอบมากมายทำให้เขามีความฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น
   
ยิ่งหนีก็ยิ่งต้องการ ยิ่งทำท่าไม่ชอบก็ยิ่งสนุก แถมยังมีอุปสรรคชิ้นโตอย่างความเกลียดชังที่มีต่อเผ่าพันธุ์ของเขาก็ยิ่งเร้าใจไม่ใช่หรือ เรื่องสนุกแบบนี้ยังหาได้จากที่ไหนอีกล่ะ รู้อยู่ว่าตัวเองนั้นเป็นสไลม์นิสัยประหลาดแต่หาได้คิดว่าต้องแก้ไขใหม่แต่อย่างไร
   
แต่ก็มีความคิดที่ว่าหากเกิดวันใดวันหนึ่งเกิดเบื่อฟีล่าขึ้นมาล่ะ อืม.......น่าคิดนะ เจ้าชายนาดีลคิดว่าบางทีความตื่นเต้นในการตามเอาใจหรือไล่ตื้อคนที่เกลียดตนเองอาจจะหมดลงในซักวันหนึ่ง ก็นะมันช่วยไม่ได้นี่ หากมีวันนั้นจริงคนที่ต้องเสียใจย่อมไม่ใช่เขาแน่ คงต้องเป็นฟีล่า แต่เด็กน้อยจอมเอาแต่ใจนี่คงไม่เสียใจหรอกมั้งเพราะท่าทางรังเกียจเขาเสียเต็มประดา
   
กระนั้นเพราะข้าชอบรูปลักษณ์หน้าตาและนิสัยบางส่วนของเจ้าน้าในอนาคตถึงข้าจะหมดรักเจ้า ข้าก็จะดูแลเจ้าอย่างดีน่า คิดถึงอนาคตเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี ตอนนี้เจ้าชายนาดีลนั่งยิ้มและหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ข้างกายของฟีล่าว่าที่คู่หมั้น
   
“เจ้าไม่เบื่อหรือไง ที่ต้องมาคอยตามข้าอยู่แบบนี้” ถูกถามด้วยใบหน้าที่ไม่เป็นมิตร เจ้าชายนาดีลได้แต่หัวเราะอิอิ บอกตามตรงแต่เป็นในใจนะ ยิ่งเจ้าทำหน้าไม่ชอบใจแบบนี้การยิ่งได้ทำเพื่อเอาชนะเจ้ามันยิ่งทำให้ข้ามีความสุขนะสิ
   
“ฮึ่ม......ท่านพ่อท่านแม่บ้าที่สุด ทำไมต้องจับข้าหมั้นกับพวกสไลม์แบบนี้ด้วยนะ”
   
ถึงจะทำหน้าเคียดแค้นแต่เจ้าก็หนีข้าไม่พ้นอยู่ดี เพราะอย่างนั้นทำใจยอมรับเสีบเถอะน่า ข้ารับรองเลยว่าจะเอ็นดูเจ้าที่น่ารักไปตลอดชีวิตเป็นอย่างดีเชียวล่ะ ไม่ได้พูดออกไปแต่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากหนักกว่าเดิม
   
ฟีล่าไม่ปิดบังความไม่ชอบใจที่มีต่อเขา นั่นเป็นเพราะว่าพวกเราอยู่กันตามลำพังในสวน จังหวะนั้นนางกำนัลผู้หนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหา
   
“ท่านฟีล่าองค์ราชินีให้ข้านำขนมมาให้เจ้าค่ะ” นางกำนัลวางขนมลงตรงหน้า เจ้าชายนาดีลอมยิ้มชอบอกชอบใจที่เห็นฟีล่ายิ้มจนแก้มปริ การที่เจ้ายิ้มได้น่ารักน่าชังถือเป็นข้อดีของเจ้านะนี่ น่ารักจริงๆให้ตายสิ
   
แต่ด้วยไม่คาดคิดขณะที่เขาเอาแต่เผลอไผล นางกำนัลที่ไม่น่ามีพิษมีภัยกลับชักมีดสั้นออกมาแล้วหมายจะเข้าทำร้าย มันเกิดขึ้นไวมากและใช่ว่าเขาจะจัดการกับคนร้ายไม่ได้ แต่สิ่งที่ผิดคาดเหนือไปกว่านั้นฟีล่ากลับฉวยจับเอามีดอันคมกริบนั้นไว้หยุดการโจมตีของคนร้ายเอาไว้ได้ชั่วครู่ เจ้าชายนาดีลไม่รอช้าดีดตัวเองเข้าจัดการกับนางกำนัลคนนั้นจนหงายหลังล้มไม่เป็นท่า
   
“อึก.....” พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เปล่งเสียงร้องออกมา ดังนั้นจึงทำให้รู้ว่าฟีล่าเป็นคนที่ช่างมีความอดทนอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าชายนาดีลปรี่เข้าหาเพื่อดูแผลที่มือของฟีล่าด้วยทั้งเป็นห่วงทั้งประหลาดใจ
   
“ฟีล่าเป็นอย่างไรบ้าง”
   
“เจ็บนะสิถามได้” ฟีล่าถลึงตาใส่เขา รู้อยู่แล้วว่าต้องเจ็บเพราะบาดแผลที่มือเป็นรอยแผลเหวอะหวะน่ากลัวอย่างยิ่ง ในตอนนั้นราชาไอดริทกับราชินีอลันน่าก็โผล่หน้ามา
   
เมื่อทั้งคู่เห็นบาดแผลที่มือของฟีล่าราชินีก็ร่ายเวทย์มนต์รักษาบาดแผลให้ในทันที เจ้าชายนาดีลโล่งใจอย่างที่สุด ยิ่งความกังวลลดลงไปทีละนิด ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็เข้ามาแทนทีและเพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
   
ทั้งๆที่เกลียดข้าถึงเพียงนั้น แต่กลับเอาตัวเข้าปกป้องข้าโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยหรือ?
   
คิดอย่างนี้ความรู้สึกบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ในใจแต่ยังไม่รวมตัวเข้ากันดีก็ตกตะกอนทันที รู้สึกร้อนระอุในอก เจ้าชายนาดีลอยากจะรู้จากปากของฟีล่าจริงๆว่าทำไมถึงปกป้องเขาทั้งๆที่เกลียดกันมากจนแสดงออกอยู่บ่อยครั้ง แล้วโอกาสที่จะได้ถามก็ไม่ยากเสียด้วย
   
“เจ้าอยากรู้หรือว่าทำไมข้าถึงปกป้องเจ้า”
   
ใช่ข้าอยากรู้มาก รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าเกลียดข้า แต่การที่เจ้ามาปกป้องข้ามันทำให้ข้าเกิดความรู้สึกอันไม่คาดคิดกับเจ้ามากมายจนข้าสับสน
   
ใช่แล้วมันมากเกินว่าแค่จะพึงพอใจรูปลักษณ์ของเจ้า ยอมรับกับตนเองว่าวินาทีที่เจ้าเอาตัวเข้าปกป้องข้า ข้าเกิดความปลาบปลื้มจนยากจะอธิบาย
   
“ก็เราเป็นคู่หมั้นกันไม่ใช่หรือ อะไรกันเจ้าคิดว่าข้าจะใจร้ายปล่อยให้เจ้าโดนทำร้ายต่อหน้าอย่างนั้นหรือ ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าซักหน่อย”
   
หลังจากพูดได้ไม่ทันขาดคำฟีล่าก็อุทานดังอ๊ะ คงจะเสียหน้าที่ต้องพูดความจริงในใจออกมา คู่หมั้นของเขาหน้าแดงไปทั้งใบหน้า ดวงตากลมโตปลายมองมาที่เขาเป็นระยะๆเพื่อสังเกตสีหน้าของเขาด้วยท่าทางที่ประหม่าที่สุด
   
น่ารัก
   
ตอนแรกนั้นคิดว่าจะมีดีเพียงหน้าตาเสียอีก ความพึงพอใจแบบผิวเผินในตอนแรกถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยการถูกปกป้องจากคนร้ายเพียงครั้งเดียว
   
เจ้าชายนาดีลไม่ได้ชอบแค่รูปลักษณ์อันงดงามหรือท่าทางกวนประสาทชวนให้กลั่นแกล้งอีกต่อไป หากยังพึงพอใจในความโอบอ้อมอารีที่นับวันจะยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
   
ฟีล่านั้นไม่ใช่คนถือตัวตามแบบมังกรทั่วไป เขามักจะมอบความเมตตาให้แก่ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าและใจดีต่อคนอื่นๆเสมอ นอกจากนั้นยังไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใดใด นิสัยแบบนี้ชวนให้นึกรักใคร่และอยากปกป้อง
   
ยิ่งวันคืนผ่านไปความรักที่นาดีลมีให้แก่ฟีล่าก็เพิ่มพูนขึ้นทีละน้อย ความรักที่เริ่มต้นจากความพึงพอใจต่อรูปลักษณ์เมื่อแรกเห็น แต่เพิ่งมาสุกงอมดีตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็ห่วงใยเขาเช่นกัน นานนับปีที่เฝ้ามองความแก่นแก้วและน่ารักของฟีล่ายิ่งกาลเวลาผ่านไปยิ่งมีแต่จะชอบเพิ่มมากขึ้นทุกๆครั้งที่ได้เจอ
   
ความรู้สึกสดใหม่ของความรักและอบอุ่นนี้ไม่จางหายไป ถึงแม้ว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในฐานะสามีภรรยาแล้วก็ตาม ฟีล่าก็ไม่เปลี่ยนแปลงยังเป็นคนสร้างความสุขและความสนุกให้เขาได้เสมอ
   
“ยิ้มคนเดียวอะไรของเจ้า” เจ้าชายนาดีลเปลี่ยนจากยิ้มเป็นหัวเราะอิอิทันทีที่ถูกฟีล่าถาม ใบหน้างดงามของภรรยาที่ส่อชัดว่าตื่นกลัวและหวาดระแวงทำให้สไลม์หนุ่มรู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก
   
“แนะยังไม่หยุดหัวเราะน่าขนลุกนั่นอีก” ยิ่งถูกทักก็ยิ่งอยากแกล้งตอนนี้เขาหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จงใจหัวเราะให้หนักๆเพราะว่าชอบมากตอนที่เห็นสีหน้าหวาดผวาของภรรยา
   
“หากเจ้ายังไม่เลิกหัวเราะบ้าๆข้าจะโกรธแล้วนะ” เสียดายที่ต้องหยุดแกล้งเสียแล้ว ตอนนี้ต้องง้องอนเสียหน่อยด้วยการบินเข้าไปนั่งบนตักแล้วถูร่างนุ่มนิ่มของตนเพื่อออดอ้อน ได้ผลเสมอๆล่ะ ไม่อยากจะอวด
   
“ไหนบอกข้าสิว่าเจ้ายิ้มอะไร”
   
“ข้านึกถึงเรื่องน่ารักๆของเจ้าเมื่อสมัยก่อนนะสิ”
   
“อ๋อ…..อื้อ……ข้านึกว่าเจ้าจะ…….”
   
“นึกว่าอะไรหรือ” เจ้าชายนาดีลอยากรู้ขึ้นมาติดหมัด ท่าทางอึกอักมีพิรุธแบบนี้ใครก็สงสัยทั้งนั้นล่ะไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแน่ๆ
   
“เอ่อ……” ฟีล่าทำท่าจะบ่ายเบี่ยงแต่สไลม์อย่างนาดีลหรือจะยอมง่าย เขาแสร้งทำเป็นโกรธด้วยการเปลี่ยนสีแล้วพ่นควันออกดังปู๊นๆข่มขวัญผู้เป็นภรรยา
   
“หากเจ้าไม่บอกคืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าให้หนักแน่นอนว่าบนเตียงนะน้า” ท้ายประโยคนั้นดัดจริตทำเสียงลั๊นลาเสียหน่อย มันดูน่ารักดีไม่ใช่หรือ นอกจากนั้นการทำเสียงแบบนี้ก็เพราะรู้ว่ามันจะทำให้ภรรยาของเขาทำหน้าพรั่นพรึงชวนยั่วยวนแบบไหนออกมา
   
“ก็ได้ก็ได้ข้าบอกแล้ว…….ข้าแค่นึกว่าเจ้าวางแผนจะทำลูกกับข้าคืนนี้ต่างหาก”
   
ได้ฟังแล้วก็หัวเราะฮาฮา เขาลืมไปเลยว่าเกริ่นกับฟีล่าเอาไว้ว่าพร้อมจะทำลูกกับภรรยาเร็วๆนี้
   
“เจ้าพร้อมแล้วหรือฟีล่า” ทำเสียงส่อกระเส่าข่มขู่อีกฝ่าย ยิ่งเห็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความอายกับท่าทางกระอักกระอ่วนก็ยิ่งชอบใจ
   
“จะว่าพร้อมก็…..มันก็ใช่ ก็เตรียมใจมานานแล้วนี่นา”
   
เขารู้ดีว่าฟีล่านั้นมีความกังวลหลายอย่างเกี่ยวกับการตั้งท้อง ภรรยาของเขากลัวการเปลี่ยนแปลงของสรีระร่างกายที่จะเกิดกับคนท้องเหมือนเด็กหนุ่มทั่วไปที่ไม่เคยตั้งท้อง
   
‘หากว่าข้าท้องป่องออกมาเหมือนคนอ้วนคงจะน่าเกลียดน่าดูนะ’
   
พอเขาถามว่าทำไมคิดเช่นนั้น ฟีล่าก็ตอบว่าเพราะผู้ชายปกติไม่ตั้งท้องนะสิ ถามไปถามมาก็พบว่าที่แท้แล้วก็อายที่จะต้องเดินท้องโย้ไปโย้มาตอนที่อุ้มท้อง แต่เจ้าชายนาดีลกลับคิดว่าหากท้องโย้แบบนั้นจริงๆคงจะดูน่ารักไปอีกแบบแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องน่ารักเพราะว่าอีกฝ่ายอุ้มท้องลูกของเขาเอาไว้นั่นเอง
   
“คืนนี้เรามาเริ่มกันเลยดีไหม”
   
“ก็….ถ้าเจ้าต้องการล่ะก็”
   
มันใช่อยู่แล้วว่าเขาต้องการนาดีลกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วกลายร่างเป็นมนุษย์โดยไม่รอช้า

มีต่อ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-10-2016 19:17:46
หลังจากกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วเจ้าชายนาดีลหยิบกล่องกำมะหยี่จากด้านในลิ้นชักของโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียงออกมา ความจริงให้หมอผีของเผ่าปรุงยาชนิดนี้เอาไว้นานแล้วไม่นึกว่าจะเอามาใช้ได้เร็วถึงเพียงนี้
   
“นี่คือยาที่ใช้สร้างมดลูกเทียมอย่างนั้นหรือ”
   
“ใช่แล้ว” เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างพลางยื่นยาในกล่องกำมะหยี่ให้ภรรยารับไป จากนั้นจึงเทน้ำจากเหยือกลงแก้วยื่นส่งให้ฟีล่า
   
“เป็นอะไรไป” เจ้าชายนาดีลถามเมื่อเห็นภรรยาเอาแต่จดจ้องมองดูยาในมืออย่างลังเล ได้แต่แอบหัวเราะท่าทางประหม่าของภรรยาอยู่ในใจ ท่าทางหวาดระแวงทั้งยังลังเลของเจ้ามันกระตุ้นให้ข้าอยากแกล้งเจ้าน้า เอารีบๆกินเข้าไปสิก่อนที่ข้าจะอดใจไม่อยู่ เจ้าชายนาดีลปั้นหน้ายิ้มแย้มใส่ภรรยาที่มีท่าทางลังเลไม่เลิก เหมือนจะไม่ยอมกลืนลงไปง่ายๆเสียที สงสัยต้องขู่กันเสียหน่อย

   “ถ้าเจ้าทานยาเองไม่เป็น เอาอย่างนี้ไหมให้ข้าป้อนทางปากก็ได้น้า” ไม่พูดเปล่ายังแสดงท่าที่คุกคามอย่างต่อเนื่องจนภรรยาสะดุ้งกาย พอขยับมือไปจะไขว่คว้าฟีล่าก็รีบกินยาเข้าไปอย่างรวดเร็ว เจ้าชายนาดีลแสยะยิ้มพึงพอใจ

   “กินเข้าไปแล้วนะ” ฟีล่ามองมาที่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังขา

   “แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น” นาดีลลอบหัวเราะในใจดังอิอิ แต่แสร้งปั้นหน้าอ่อนโยนจริงจัง นึกสงสารภรรยาอยู่เล็กน้อยจึงไม่อยากแกล้งให้หวาดผวาไปมากกว่านี้

   “ก็รอเวลาซักหน่อยเมื่อตัวยาเข้าไปในร่างมันจะเริ่มสร้างมดลูกเทียมให้เจ้า ใช้เวลาไม่นานหรอก”
   
“แล้วมันจะเจ็บไหม” ท่าทางเป็นกังวลของภรรยาทำให้เขาเกิดความสงสาร ด้วยความที่ยังเยาว์นักแถมยังเป็นผู้ชาย เจ้าชายนาดีลจึงไม่แปลกใจที่ฟีล่าจะกังวลและหวาดกลัว
   
“ไม่เจ็บหรอกฟีล่า เจ้าจะไม่รู้สึกอะไร หลังจากสร้างมดลูกเทียมเสร็จเจ้าแค่จะรู้สึกร้อนตามเนื้อตัวเท่านั้น” เอ่ยปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนหวาน ภรรยาของเขาพยักหน้าหงึกๆสีหน้าผ่อนคลายความกังวลลงไปมาก ว่าแล้วก็พยายามชวนคุยให้ฟีล่าสบายใจขึ้นหน่อย
   
“ฟีล่าที่รัก เจ้าอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว” ภรรยากระพริบตาปริบๆ แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแล้วเริ่มต้นครุ่นคิด สำหรับนาดีลไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวเขาก็พอใจทั้งนั้น หากเป็นไปได้อยากจะมีทั้งชายทั้งหญิง หากเป็นลูกแฝดคงจะดีไม่น้อย

   “เอ่อ......นั่นสินะ......ถ้าเป็นไปได้.....ก็.......” เจ้าชายนาดีลได้แต่อมยิ้มมองดูอาการลังเลของภรรยา น่าแกล้งเสียเหลือเกิน ในที่สุดก็ลงมือแกล้งลงไปจนได้
   
“ข้าอยากมีลูกซักสิบสองคน”
   
“เอ๊ะ” ภรรยาของเขาอุทานเสียงดังด้วยใบหน้าที่ทั้งตกใจทั้งพรั่นพรึง น่ารัก นาดีลอดกระหยิ่มในใจไม่ได้

   “แต่...แต่ว่ามันไม่มากไปหน่อยหรือ....” เสียงสั่นเทาของภรรยากระตุ้นเร้าให้รู้สึกดี นาดีลไม่ปิดบังความใจร้ายของตนอีกต่อไปเขาหัวเราะอิอิและปั้นหน้าเจ้าเล่ห์เกินจริงให้ฟีล่าเห็น

   “ปกติออก เจ้ารู้ใช่ไหมฟีล่าว่าข้าเป็นลูกคนเดียว นั่นก็เพราะท่านแม่เป็นมนุษย์จึงคลอดออกมาได้ที่ละหนึ่ง หลายปีที่ผ่านมาข้าพบว่าการไม่มีพี่น้องนั้นมันทำให้ข้าเหงามาก บอกตามตรงข้าล่ะอิจฉาเจ้ากับพี่ชายเจ้าที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี”

   พอกล่าวจบภรรยาก็เปลี่ยนสีหน้าจากพรั่นพรึงเป็นเห็นอกเห็นใจ แต่เสียงที่เปล่งออกมาก็ยังคงดูสั่นสะท้าน ฮ่าฮ่าฮ่า ท่าทางหวาดกลัวของเจ้าช่างน่ารัก

   “ข้า….ข้าก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามีคนเดียวลูกของเราอาจจะเหงา แต่สิบสองคนมันมากเกินไป เอาซักสองคนไม่ได้หรือ” ภรรยาพยายามต่อรองด้วยใบหน้าแสนอ่อนโยน สำหรับนาดีลจะมีซักกี่คนไม่ใช่ปัญหา หากฟีล่าไม่อยากมีลูกเยอะๆเขาก็ไม่คิดที่จะขัดใจ แต่แค่ซักนิดขอแกล้งเจ้าให้ทำท่าทางน่ารักน่ารักให้มากมากก่อน

   “ไม่ได้หรือฟีล่า......ความสุขความฝันของข้าคือการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางลูกๆมากมายมันดูอบอุ่นมากเลยนะ” แสร้งตีหน้าเศร้า ไม่อยากจะบอกว่าเขานั้นเป็นสุดยอดนักแสดงคนหนึ่ง สามารถบีบน้ำตาให้ไหลออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ เห็นไหมล่ะน้ำตาของเขากำลังคลอเบ้าอยู่ รีบปาดน้ำตาให้ฟีล่าดูในทันใด

   “เอ่อ.......” ภรรยาอึกอักลำบากใจแต่พอเขาตั้งอกตั้งใจบีบน้ำตาให้มากกว่าเก่า ฟีล่าก็ลนลานเข้ามาปลอบ พึงพอใจกับการแสดงอันเก่งกาจของตัวเองจริงจริ๊ง

   “อย่าร้องไห้สิ.....นี่คงไม่ได้เล่นละครอยู่ใช่ไหม” ภรรยาของเขาพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ นับว่ายังมีความฉลาดอยู่บ้างที่รู้ว่าเขาเล่นละคร แต่ในเมื่อทุ่มเทถึงขนาดนี้แล้วต้องเอาให้ถึงที่สุด

   “ฟีล่าคนใจร้าย เจ้าคิดว่าข้าเล่นละครหรือ” ทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ เลิกร้องไห้แล้ว พอไม่ร้องไห้ภรรยาก็ดูจะโล่งใจขึ้น

“เอาล่ะๆ ข้าไม่หาว่าเจ้าเล่นละครก็ได้ เอาอย่างนี้ไหมลดลงซักครึ่งหนึ่งก็ยังดี หกคนก็ถือว่ามากอยู่นะ รับรองว่าเจ้าต้องอบอุ่นจนร้อนแน่” พยายามไม่ฉีกยิ้มออกไปเพราะรู้สึกขัน ภรรยาที่ตั้งอกตั้งใจหว่านล้อมสุดกำลังช่างดูน่ารักและน่าสงสาร
   
“นี่จริงๆนะ มีลูกมากจะยากจนไม่เคยได้ยินหรือ แล้วอีกอย่างนะตั้งสิบสองคน เจ้าจะใจร้ายให้ข้าตั้งท้องติดต่อกันไปอีกกี่ปีกี่เดือนล่ะ นี่แล้วตอนเลี้ยงอีกล่ะถึงแม้ว่าเราจะมีนางกำนัลมากมาย แต่ข้าก็อยากจะเลี้ยงลูกเองนะ จริงๆแล้วซักสามคนกำลังดี แต่หากว่าเจ้าอยากมีเยอะๆข้าคิดว่าหกคนน่าจะเหมาะ”
   
“อื้อ........นั่นสินะ........” แสร้งทำเป็นครุ่นคิดให้ภรรยาลุ้นซักเล็กน้อย ท่าทางตื่นระทึกราวกับกำลังวางพนันในสนามประลองฝีมือชวนให้รู้สึกดี
   
“เอ๋......เอาไงดีน้า..........” ทำเสียงระรื่นพร้อมกับส่งสายตาพราวระยับไปให้ เหมือนว่าภรรยาจะรู้ตัวแล้วว่าเขากลั่นแกล้ง ใบหน้างดงามบึ้งตึงแทบจะในทันที ฟีล่าหยิบหมอนมาทุบๆบนศีรษะของเขา
   
“เจ้าบ้าๆๆๆๆ แกล้งข้าหรือ” หัวเราะเสียงดังต่อความโกรธเกรี้ยวของภรรยา ถูกทุบตีด้วยหมอนไม่มีทางเจ็บแต่ก็ฉวยโอกาสคว้าเอาร่างของฟีล่าเข้ามากอดรัดแล้วโยนหมอนทิ้งไป
   
“ก็เจ้าน่ารัก ข้าถึงได้แกล้งหยอกเจ้าเล่น” ภรรยาในอ้อมกอดถลึงตาใส่

   “เอ.....แต่มีลูกซักสิบสองคนก็น่าสนใจอยู่น้า......”

   “เลิกแกล้งเสียทีเถอะน่า” ภรรยาถอนหายใจด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย เจ้าชายนาดีลง้องอนด้วยการจุ๊บเบาๆไปบนหน้าผาก

   “อย่ามาง้อเสียให้ยาก” อมยิ้มให้ภรรยาที่สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่รอช้าประทับจูบฟอดใหญ่ไปที่แก้มทั้งสองข้างหลังจากจูบก็ถูไถใบหน้าของตนเข้ากับแก้มนิ่มของฟีล่า ได้ผลคนในอ้อมกอดหัวเราะคิกคัก
   
“อย่าน่ามันจั๊กกะจี้นะ” เจ้าชายนาดีลไม่หยุดอยู่แค่นั้นเขาคลายคอเสื้อของภรรยาออกแล้วจุมพิตลงไป ร่างในอ้อมกอดสะดุ้ง แต่ถึงจะตกใจก็ไม่ได้ต่อต้านเขาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงได้ใจเลิกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแผ่นอกนวลเนียน

   “คนลามก” ใบหน้าของคนต่อว่าแดงก่ำ การที่ต่อว่าแต่ไม่ห้ามอย่างนี้ มันก็เหมือนเป็นการเชิญชวนกันอย่างหนึ่ง เจ้าชายนาดีลหัวเราะฮิฮิ ส่งสายตาพิฆาตบอกให้รู้เป็นนัยว่าจะเผด็จศึก
   
“ข้าลามกแบบนี้กับเจ้าคนเดียวน้า”
   
“คนโกหก ข้ารู้พฤติกรรมเจ้ามาจากราอูลแล้วหรอกน่า เจ้ามีทั้งผู้หญิงผู้ชายออกจะเยอะแยะไปหมด” ภรรยาเบ้ปาก ท่าทางแบบนี้คงจะแอบงอนแน่ๆ ดังนั้นจึงรีบง้อแต่เนิ่นๆ
   
“อย่าเอาเรื่องเมื่อก่อนมาพูดสิเดี๋ยวนี้ข้ามีแต่เจ้านะ คนอื่นไม่มีทางอยู่ในสายตาของข้า....เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ.....”
   
“ข้ารู้หรอกนะ ก็เราทำตัวติดกันไปทุกทีเสียขนาดนี้” ฟีล่าท่าทางเขินอายยามเมื่อพูดถึงความเป็นจริง

   “นาดีลข้ารู้สึกร้อนแบบแปลกๆ....คือข้า.........” ท่าทางภรรยาดูกระอักกระอ่วน ฟีล่านั้นเป็นคนขี้อายอย่างหนัก เวลาที่ต้องการตัวเขามักจะอดทนแล้วเก็บความต้องการเอาไว้อยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้เองก็เหมือนกันร่างกายคงร้อนผ่าวด้วยความต้องการแต่ไม่กล้าที่จะบอกความต้องการออกมา ตอนที่มีความต้องการในยามปกติก็นับว่ายากแล้วที่จะพูด แต่นี่เขารู้ดีว่าเกิดอารมณ์ใคร่เนื่องจากยาสั่งที่เข้าไปทำปฏิกริยากระตุ้นและมันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับน้ำเชื้อของบุรุษเพศเข้าไป

   “นาดีล.......” ภรรยาส่งสายตาแฝงความหวั่นใจมาให้ ท่าทางจะรอให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หากถูกมองด้วยสายตาแบบนี้ถ้าเป็นตามปกติก็จะกลั่นแกล้งนิดหน่อยให้หายหมันเขี้ยว แต่นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ อาการแบบนี้เป็นอาการแสดงชัดว่าภรรยาของเขามีร่างกายพร้อมที่จะสร้างทายาทแล้ว

   “ไม่ต้องกลัวนะฟีล่า เจ้าไม่ได้ผิดปกติอะไร แค่ยาที่กินเข้าไปมันกระตุ้นเจ้าให้เกิดความต้องการเกินปกติก็เท่านั้น” พอบอกออกไปฟีล่าก็คลายความหวาดหวั่น สองแขนเรียวคล้องคอของเขาโน้มให้ลงไปจูบ นาดีลสนองตอบการนำเสนอของฟีล่าอย่างเร้าร้อน
   
ลิ้นร้อนๆของพวกเขาพัวพันกันอย่างไม่รู้จักเบื่อ เจ้าชายนาดีลบ้างครั้งก็ถอนจูบเปลี่ยนมุมประกบปาก การไล่ตามเรียวลิ้นของฟีล่าและทั้งดูดดึงทำให้เกิดเสียงจ๊วบๆกระตุ้นให้เกิดความกระสันอยากมากว่าเดิม
   
“อึก....อื้อ......” ขณะที่จูบอย่างมัวเมาเจ้าชายนาดีลก็ถอดเสื้อของฟีล่าออกทีละชิ้นจนเปลือยเปล่า เมื่ออีกฝ่ายอยู่ในสภาพแรกเกิด เขาก็จัดการลากปลายลิ้นไล้เลียไปตามร่างขาวเนียน ฟีล่าแอ่นกายตามการลากลิ้นของเขาด้วยความพึงพอใจ

   “อึก.....เพราะยาหรือ....ข้าถึงมีความต้องการมากจนเกินปกติแบบนี้.......” เจ้าชายนาดีลไม่ตอบคำถามเขาได้แต่ยิ้ม สไลม์หนุ่มปรนเปรอเครื่องเพศของภรรยาด้วยมือและปาก ทั้งชักรูดและไล้เลียจนคนใต้ร่างปลดปล่อยออกมาถึงสองครั้ง
   
อยากจะแทรกกายเข้าไปในร่างของภรรยาโดยไว โชคดีที่ฤทธิยามีผลกระตุ้นให้ช่องทางอันอบอุ่นฉ่ำเยิ้มและอ่อนนุ่มโดยไม่ต้องเตรียมการมากมาย ดังนั้นเจ้าชายนาดีลจึงไม่รีรอสอดความเป็นชายเข้าไปอย่างช้าๆ
   
“อา..........” รู้สึกได้ถึงแรงบีบรัดจากช่องทางคับแคบมันดีเสียจนต้องครางออกมายาวๆ ฟีล่าเองก็เช่นกัน

   “จะขยับแล้วนะ” ภรรยาของเขาพยักหน้าถี่รัว ดูเหมือนจะต้องการจนทนไม่ไหวแล้ว นาดีลคำรามในลำคอเมื่อเข้าไปจนลึกสุด

   “อ้า.......อึก......อื้อ........” ฟีล่าร้องครางไม่หยุดเมื่อเจ้าชายนาดีลขยับถี่รัว ขณะที่ขับกายกระแทกกระทั้นเขาก็ประกบปากจูบฟีล่าอยู่หลายครั้ง การทำไปด้วยจูบไปด้วยสร้างความเสียวซ่านให้อย่างที่สุด
   
“ดีไหมฟีล่า.....อา........”
   
“อึก......ดี......อ๊า.........” เมื่อได้รับคำตอบที่น่าฟังนาดีลก็ขยับหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น คิดอยู่ในหัวว่าคืนนี้คงอีกยาวนานเพราะฟีล่าช่างเย้ายวนกวนราคะเสียจนอดใจไม่กลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้
   
“มีความสุขจริงๆ” เจ้าชายนาดีลพึมพำออกมา
   
“ข้าก็มีความสุขเหมือนกัน” ฟีล่าตอบสนองคำพูดของเขาแทบจะในทันที เจ้าชายนาดีลยิ้มกว้างจากนั้นเขาจึงบรรจงมอบความสุขอันเปี่ยมรักให้กับภรรยายาวนานจนต่างคนต่างหมดแรงไปด้วยกัน

มีต่อ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-10-2016 19:19:54
“ฟีล่าข้ามาแล้ว”
   
เจ้าชายนาดีลตะโกนบอกภรรยา ตอนนี้เขากับภรรยามาอาศัยอยู่ในป่านอกเมืองด้วยกันเพียงลำพัง เหตุผลนะหรือ เพราะฟีล่านี่สิ นับตั้งแต่ตั้งท้องก็กลายเป็นจอมเอาแต่ใจขึ้นมาเสียดื้อๆ
   
“ฟีล่าข้าเอาปลามาให้เจ้ามากมายเลยน้า”
   
เจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์ตัวมหึมาคายปลาที่ยังไม่ตายจำนวนมากออกมาตรงหน้าภรรยา ฟีล่าสวาปามปลาเป็นๆจำนวนมหาศาลเข้าไปในคำเดียว
   
“เป็นไงบ้างที่รัก”

   “อยากได้อีก” ฟีล่าในร่างมังกรน้ำตัวขนาดใหญ่ร้องขอ นับตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งท้องภรรยาของเขาก็กลายร่างเป็นมังกรและหนีออกจากเมืองมาปลีกวิเวกอยู่ภายในป่า การหายหน้าไปอย่างกระทันหันสร้างความวุ่นวายให้แกชาวเผ่าสไลม์เป็นอย่างมาก เจ้าชายนาดีลใช้เวลาถึงหนึ่งอาทิตย์กว่าจะตามหาฟีล่าเจอในป่า เพราะเจ้าตัวดีพยายามหลบหลีกการตามหาอยู่ตลอด
   
“ท้องมันนับวันเอาแต่จะโตขึ้นข้าไม่สบายในเลยที่อยู่ในร่างของมนุษย์ อีกอย่างข้าอยากอยู่เพียงลำพังไปจนกว่าจะคลอดหวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจข้านะ”
   
ให้ตายสิฟีล่า เจ้านี่มันช่างทำให้ข้าเป็นห่วงได้ตลอด อยากจะดุด่าออกไปเช่นนี้ในวันที่ตามหาฟีล่าพบ แต่พอปะเข้ากับท้องป่องๆของภรรยาในร่างมังกรก็ให้นึกสงสารจับใจ ก็เพิ่งท้องเป็นครั้งแรกนี่นะ คงจะทั้งสับสนและหวาดกลัว
เอาเถอะข้าจะยอมตามความเอาแต่ใจของเจ้า
   
ถึงแม้จะยอมตามที่ภรรยาต้องการ แต่จะไม่ยอมปล่อยให้ฟีล่าอยู่ตามลำพังอย่างเด็ดขาด หลายเดือนมานี้เจ้าชายนาดีลมาคอยเฝ้าภรรยาที่เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ทุกหนึ่งอาทิตย์ภายในป่า
   
ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า รู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ ปกติภรรยาก็เป็นคนอ่อนไหวมากอยู่แล้ว ยิ่งพอตั้งท้องแบบนี้ด้วยยิ่งอาการหนักมากกว่าเก่า ทำให้เจ้าชายนาดีลต้องคอยประคบประหงมมากกว่าเดิม เรื่องแกล้งภรรยาที่น่ารักซึ่งเป็นของโปรดก็งดและเลิกไปชั่วระยะหนึ่ง
   
“ฟีล่า เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” ที่ถามนี่เพราะว่าเห็นท้องของภรรยาพองโตจนน่าใจหาย ถึงแม้จะอยู่ในร่างมังกรก็ตามแต่ก็เดาว่าอีกไม่นานน่าจะคลอดออกมาเป็นแน่แท้
   
“นี่เจ้าก็อยู่ในร่างมังกรและตั้งท้องจนจะครบเก้าเดือนแล้วนะ การที่เจ้าไม่ยอมพบหน้าใครแบบนี้มันทำให้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเจ้าจะคลอดลูกออกมาตอนไหน ยิ่งนี่เป็นการตั้งท้องระหว่างมังกรกับสไลม์ครั้งแรกเสียด้วย ข้าเป็นห่วงเจ้านะ”
   
เพราะรู้ดีว่ากำหนดการคลอดน่าจะอีกไม่นานจึงพยายามตะล่อมให้ภรรยายอมเชื่อฟังให้หมอตรวจ แต่จอมเอาแต่ใจกลับส่ายหน้าไปมาแล้วงีบหลับทันที หลายเดือนมานี้นอกจากกินกับนอนภรรยาของเขาไม่ยอมทำอะไรเลย
   
เฮ้อ.....เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงมากนะเจ้ารู้ไหมฟีล่า

   ก็ได้แต่บ่นในใจ ตอนนี้นอกจากเป็นห่วงนาดีลยังรู้สึกเหงาๆ เพราะตั้งแต่ตั้งท้องมาฟีล่าดูจะเงียบขรึมกว่าปกติ ทั้งยังแสดงอาการดุดันทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาเยี่ยมใกล้กับรังนอนของพวกเขา
   
กลายเป็นมังกรขี้ยัวะไปเสียแล้ว
   
ตอนนี้ภรรยาไม่ใช่บุคคลที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นเผ่าพันธุ์อื่นซึ่งเข้ามาใกล้โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต่างหากที่เจ้าชายนาดีลต้องปกป้องจากกรอาละวาดทำร้ายของฟีล่า
   
เหนื่อยใจจริงจริ๊ง
   
เจ้าชายนาดีลได้แต่บ่นกับตัวเอง เพราะหลายครั้งที่ต้องคอยขับไล่พวกอยากรู้อยากเห็นจนบางทีก็กลายเป็นการจู่โจมอย่างโหดร้าย เขาค่อยๆกลายเป็นคนโมโหร้ายตามอย่างภรรยาไปเสียแล้ว
   
ให้ตายสิ ไม่อยากให้มันกลายเป็นอย่างนี้เล๊ย.........
   
นี่ก็เริ่มจะมืดแล้ว เจ้าชายนาดีลค่อยๆขยับเข้าไปนอนอยู่ใกล้ๆมังกรฟีล่าเขาหลับลึกแทบจะในทันที เพราะรู้ดีว่าภรรยาอาจโมโหได้ถ้าเขารบกวนเวลาผักผ่อน
   
เช้าตรู่วันถัดมานาดีลลืมตาตื่นเพราะได้ยินเสียงนกขับขาน ว่าจะกล่าวอรุณสวัสดิ์กับภรรยาก่อนไปหาอาหาร แต่เสียงครางเบาๆของภรรยาทำให้เกิดความเป็นห่วง
   
“ฟีล่าเจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” สังเกตได้ว่าร่างของภรรยาสั่นเทา และครางออกมาเป็นระยะระยะ พอมองสำรวจดูตามเนื้อตัวของมังกรฟีล่าก็พบว่ากำลังพยายามเบ่งคลอดอย่างสุดกำลัง
   
ให้ตายเถอะ ภรรยาของเขากำลังคลอดลูก บ้าเอ๊ยหากตื่นช้ากว่านี้เขาคงจะไม่ทันได้เอาใจช่วยในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้แน่”
   
“ฟีล่าเจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เจ้าเจ็บใช่หรือไม่” มังกรสีฟ้าส่ายหัวไปมาเบาๆ สบายอย่างที่คิด ชั่วจังหวะที่กระวนกระวายนั้นเยลลี่สีดำซึ่งมีปีกมังกรสีทองก็หลุดผัวะออกมาจากร่างตามด้วยเยลลี่สีเงินซึ่งมีปีกขนนกสีขาวพิสุทธิในเวลาถัดมา
   
ฟีล่ากระพริบตาปริบๆมองดูสไลม์ตัวน้อยทั้งสอง ทันทีที่คลอดออกมาอย่างปลอดภัยเจ้าตัวน้อยก็ลืมตาใสปิ๊งร้องเสียงเจื้อยแจ้วสร้างความโกลาหลแทบจะในทันที
   
“ท่านแม่ ท่านแม่ข้าหิว” สไลม์สีดำและสไลม์น้อยสีขาวเด้งตัวขึ้นๆลงๆตรงหน้าภรรยา เจ้าชายนาดีลไม่แปลกใจซักนิดที่ลูกๆของเขาจะพูดจาได้คล่องปร๋อ เพราะเด็กเผ่าสไลม์นั้นจะสืบทอดความทรงจำและทักษะผ่านทางสายเลือดของผู้เป็นมารดา ดังนั้นจึงรู้ความตั้งแต่เกิดไม่เหมือนกับเผ่าพันธุ์อื่น
   
“อา.....เอ้อ......” ฟีล่าครางเสียงอู้อี้ ท่าทางสับสนงุนงงของภรรยาดูแล้วช่างน่าขบขันและน่าสงสาร จะตกใจในพัฒนาการของลูกน้อยก็ไม่แปลก ยังไงภรรยาของเขาก็ไม่เคยเลี้ยงดูเด็กเผ่าสไลม์มาก่อนอยู่แล้ว นาดีลขยับกายดึ๋งดั๋งเข้าหาภรรยาและบุตรทั้งสองพร้อมกับยิ้มกว้าง
   
“เอาล่ะอิซาค อัสรัน มาหาพ่อมาพ่อจะพาเจ้าไปออกล่า” เขาตั้งชื่อให้ลูกตัวน้อยเสร็จสรรพ ฟีล่าที่ได้แต่มองยังคงมึนงงไม่หาย เพราะตอนนี้ลูกสไลม์ทั้งสองเด๋งดึ๋งๆไปรอบๆผู้เป็นแม่พลางร้องขออาหารไม่เลิก แต่ก็นั่นแหละพอพ่ออย่างเจ้าชายนาดีลเสนอจะพาไปหาอาหารปุ๊บด้วยความหิวตามสัญชาติญาณเจ้าลูกตัวแสบทั้งสองก็ปรี่เข้ามาหาเขาทันที
   
“ท่านพ่อท่านพ่อ ใครชื่ออัสรันใครชื่ออิซาคฮะ” สไลม์สีขาวซึ่งมีปีกขนนกตัวจ้อยร้องถามเจ้าตัวนี้ดูกระตือรือร้นและดูวุ่นวายมากกว่าเจ้าสไลม์สีดำปีกทองคนพี่ที่ดูนิ่งมากกว่า ตอนนี้เจ้าสไลม์แสนขาวโดดไปรอบๆตัวเจ้าชายนาดีล
   
“อิซาคคือชื่อของเจ้า” นาดีลตัดสินใจได้ในทันที เขาเรียกขานสไลม์สีขาวว่าอิซาค

“ส่วนเจ้าชื่ออัสรัน” หลังจากรับรู้ชื่อเสียงเรียงนามกันเป็นที่เรียบร้อย เจ้าชายนาดีลก็เริ่มสอนวิธีล่าให้กับลูกทั้งสอง สามพ่อลูกหายไปด้วยกันจนเกือบบ่ายคล้อยจึงกลับมา เมื่อกลับมาถึงเจ้าลูกสไลม์ทั้งสองบินรี่เข้าไปนอนใกล้ๆกับฟีล่าผู้เป็นมารดาแล้วงีบหลับ
   
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างฟีล่า” นาดีลเริ่มบทสนทนาหลังจากพวกลูกๆนอนหลับเรียบร้อยแล้ว
   
“ถ้าหมายถึงร่างกายข้าแข็งแรงดีแล้ว....แต่ว่า” ฟีล่ากระพริบตาปริบๆพลางมองดูลูกน้อยทั้งสอง ดูก็รู้แล้วว่ามีเรื่องอะไรติดอยู่ในใจ โธ่ที่รักหน้าของเจ้ามันอ่านง่ายถึงเพียงนั้น
   
“เจ้ากังวลเรื่องลูกหรือ” เจ้าชายนาดีลถาม
   
“ข้าแค่คิดว่าอิซาคกับอัสรันเขาเหมือนเจ้ามาก....”
   
“เจ้าน้อยใจหรือที่ลูกไม่เหมือนเจ้าเลยซักตัว” เจ้าชายนาดีลถามยิ้มๆ ภรรยาส่ายหน้าไปมาปฏิเสธทันที

   “อย่างนั้นยังมีอะไรให้ติดใจอีก หากว่าเจ้าอยากได้ลูก ที่เหมือนเจ้าซักตัว เอาอย่างนี้ไหมเรามาทำลูกอีกหน ทำกันไปจนกว่าจะได้ลูกที่เหมือนเจ้าซักตัวดีหรือไม่” กล่าวจบภรรยาของเขาก็ทำหน้าพรั่นพรึง ดูแล้วช่างน่าขบขัน รู้สึกว่าฟีล่าของเขาช่างน่ารักมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลยจริงๆ
   
“ข้าว่าเราเว้นระยะซักพักจะดีกว่า แค่เจ้าตัวจ้อยสองตัวที่ซุกซนข้าก็คิดว่าข้าต้องเหนื่อยมากแน่ๆ” เจ้าชายนาดีลหัวเราะอิอิอย่างเจ้าเล่ห์ อดจะหยอกเย้าไม่ได้เลยจริงๆ แต่ก็ขอหยอกแค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้นแล้วเริ่มกล่าวต่อไปอย่างจริงจัง
   
“ฟีล่าตอนนี้เจ้าก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว เรากลับอาณาจักรของเรากันดีกว่าไหม”
   
“อื้อ” ฟีล่าตอบกลับมาแทบจะในทันที วันถัดมาเจ้าชายนาดีลจึงพาภรรยาและลูกๆกลับคืนสู่บ้านเมืองของเขา


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จบแล้วตอนนี้กำลังเขียนเรื่องใหม่อยู่ค่า ขอเวลาซักพักจะเอามาลงอีกแน่นอนค่า

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

   
   

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-10-2016 19:41:51
นึกว่าจะมีตอนเลี้ยงลูกอีกซักตอน  :impress2:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-10-2016 21:26:29
ชอบ ลูกฟีล่า อัสรัน อิซาค :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-10-2016 21:57:22
อาา...จบแล้วว
ท้องตั้ง9เดือนแต่ดันเกิดออกมาเป็นสไลม์
ลูกน่าจะมีอะไรที่พิเศษกว่าสไลม์ทั่วไปรึป่าวนะ
แบบมีร่างคนตามปกติและอาจจะมีร่างมังกรงี้
ก้อุส่าท้องตั้ง9เดือนนี่นาาา
แต่ก้สนุกมากกกเลยค่ะ พล้อตไม่ซ้ำใครดี
เดินเรื่องก้ลื่นมาก เดินเรื่องน่ารักค่ะ น่ารักด้วยบุคลิกตัวละคร
น่าสนใจน่าริดตามด้วยปมต่างๆในเรื่อง
อ่านเพลินๆ ไม่ถึงกับอดหลับอดนอนวางไม่ลง
แต่ก้เป็นแบบที่ว่าอ่านเพลินๆเผลอแปปเดียวก้แบบ อ้าววจบแล้ว555
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 29-10-2016 20:02:18
น่าร๊ากกกกกกก  :ling1: นาดีลลลล ฟีล่าาาา ชอบมากๆเลยค่ะ  o13 ฟินมาก nc นั้น ยังแรงได้อีกนะค่าาา (สายหื่น) ขอบคุณมากค่ะ รอตอนพิเศษค่าาา
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-10-2016 19:42:51

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

ไอเดียดีมากเลยขอรับ

เป็นแนวที่แหวกแนวจริงๆ

หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 31-10-2016 22:05:39
น่ารัก มีแค่สองหรอ เอาอีกดิ 5555 :hao3:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 01-11-2016 02:35:30
ไม่รู้จักสไลม์ อ่านตอนแรกนึกว่าเป็นสัตว์แฟนตาซีพื้นฐานชนิดหนึ่ง 555 ไอเดียแปลกแหวกแนวดีจ้า เวลาเจ้าชายอารมณ์ดีโดดดึ๋งๆ นึกภาพตามแล้วน่ารักมากเลย

ยังอยากต่ออยู่เลยอ่า  :hao3:  แบบว่าให้มีลูกอีกหนึ่ง แล้วเด็กๆก็พากันหนีไปป่วนแดนมังกร เป็นแก๊งค์ 3 ช่าซนๆไรงี้  /คนเขียนงง เจอคนอ่านพูดเองเออเอง 555
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 01-11-2016 12:30:14
อ่าา...โตเร็ว ๆ น้สส  :katai5:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-11-2016 17:22:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 02-11-2016 11:00:19
ปกติก็ไม่ได้ชอบอ่านนิยายแปลกแหวกแนวอะไร แต่เรื่องนี้ทำไมชอบจัง :-[

แอบงงๆ ตรงมีระลึกถึงชาติก่อนตอนเป็นมนุษย์ คือไปเอี่ยวกับเรื่องไหนหรือเปล่าคะ

ขอบคุณคนเขียนค่ะ สนุกมากกกก o13 o13
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 02-11-2016 12:29:47
ชอบตอนพิเศษ ^^ มีลูกแล้วตัดจบเร็วจัง ถ้านิสัยเหมือนพ่อ ฟีล่าโดนแกล้งอ่วมแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 02-11-2016 12:54:52
น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 03-11-2016 12:44:18
คู่นี้น่ารัก #มารอตอนพิเศษ คริคริ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-11-2016 14:17:24
ชอบอ่ะ น่ารักมาก
ปล.ถ้าไม่รบกวนเกินไป อยากจะขอตอนพิเศษตอนเลี้ยงลูกอีกสักนิดเถอะนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 06-11-2016 01:04:29
น่ารักมากๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-11-2016 21:11:26
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-11-2016 16:32:00
แฟนตาซีสุดๆ ชอบมากๆเลย
อยากให้ท่านพีาเอียนเจอคนที่ใช่บ้างอะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AKFC2010 ที่ 16-12-2016 00:18:04
ชื่นชมกับจินตนาการของคนเขียนมากค่ะ
ชอบเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์มากๆ
เวลาอ่านคำบรรยายท่าทาง อารมณ์ต่างๆ ของเจ้าชายนาดีลในร่างสไลม์
รู้สึกชอบมากๆ เขียนบรรยายได้ดี พอนึกภาพตามแล้วมันน่ารักมากๆจริงๆ
และชอบเวลาเจ้าชายนาดีลแกล้งฟีล่าด้วย
อย่างเวลาอมฟีล่าเข้าไปทั้งตัว หรือจูบดูดดื่ม คือทั้งขำทั้งน่ารัก
ลูก2ตัวที่ออกมาก็น่ารัก ชอบมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายสนุกๆและน่ารักมากๆเรื่องนี้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 16-12-2016 20:04:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Meen0064 ที่ 17-12-2016 20:16:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 25-12-2016 20:20:48
ตอนนี้silvanเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็นviolasheepแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทนำ 12/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-03-2018 21:18:39
น่าติดตามค่ะ ท่าทางจะสนุก  o13
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่1 13/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-03-2018 21:29:42
เอ... พี่ชายฟีล่านี่ยังไงนะ แม่งๆนะ ต้องการแค่ทดสอบหรือ

แอบแฝงอะไรไปด้วยกันแน่
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่2 14/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-03-2018 22:46:05
เอียนคิดอะไรกับน้องเปล่าเนี่ย แปลกๆอีกแล้วนะ  o8
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ บทที่4 15/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-03-2018 23:13:24
ว่าแล้ว เอียนต้องรักฟีล่ามากกว่าพี่น้อง  แต่ที่พีคคือไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ

จากนี้ฟีล่าต้องระวังตัวให้มากๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-03-2018 05:36:44
อ่านข้ามวันข้ามคืนทีเดียว สนุกมาก ขอบคุณค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 27-03-2018 08:50:34
สนุกมากเลยค่ะ ตามอ่านข้ามคืนเลย :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 19-09-2018 02:15:39
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 31-12-2018 08:29:25
น่ารักกกกกก หนุบหนับๆดี55555 อ่านเพลินยิงยาวจนจบเลย คุณสไลม์ทั้งรักทั้งหลงฟีล่าจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:13:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Riptide ที่ 05-09-2020 21:26:14
แต่งสนุกมากจ้า น่าร้ากกกก ขอบคุณที่เเต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 07-09-2020 16:49:43
น่ารักมากค่าาาาาา  ทำไมรู้สึกเหมือนจะหลงไหลอัสรันนะ เจ้าสลามน้อยผู้เงียบขรึม >.<
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 10-09-2020 13:47:32
ไม่อยากให้จบเลยสนุกดีค่ะ
เราชอบอ่านแนวแฟนตาซีมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู่หมั้นเป็นสไลม์ ตอนพิเศษ p4 27/10/59 ย้ายได้ค่าจบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Coron ที่ 17-09-2020 18:07:00
ชื่อเรื่องคล้ายanimeเรี่อง Tensei shitara Slime Datta Ken เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว