ความมืดเข้าปกคลุมแทนแสงสว่าง ยิ่งมืดยิ่งทำให้ผมกลัวมากขึ้น โดยเฉพาะในเวลานี้ ชีวิตของผมคงจบสิ้นแล้วสินะ… ถูกไล่ให้มาอยู่ที่นี่กับคนบ้าที่ข่มขืนตัวเอง ไม่มีใครช่วยผมได้เลย…
ผมมองกระท่อมที่แสนเงียบเหงาหลังจากที่เสียงคลั่งของร่างสูงใหญ่เงียบลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองกุญแจของกระท่อมที่กลับมาอยู่ในมือผมอีกครั้งเพราะแม่ยัดใส่มือผมไว้ก่อนที่ท่านจะกลับไป และคำพูดของแม่ที่กระซิบกับผม
ฝากดูแลเขาแทนแม่ด้วยนะ
ทำไมในเวลานี้แม่ยังเป็นห่วงคนที่ทำร้ายผม ทำไมยังให้ผมที่ถูกทำร้ายทั้งกายและใจดูแลคนบ้าแบบนั้นอยู่อีก… คนบ้านั่นเป็นใครกันแน่ มีความสำคัญแค่ไหนแม่ถึงต้องย้ำให้ผมดูแลแทน
ผมกอดตัวเองแน่นเพราะอากาศเริ่มหนาว ก่อนที่ความง่วงจะเริ่มเข้ามาแทนที่ความเจ็บช่วงล่าง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อ๊ากกกกกกกกก”
เฮือกกก!
เสียงตะโกนคลั่งทำให้ผมผวาตื่น ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว คนข้างในกระท่อมคงตื่นและร้องตะโกนคลั่งทันทีที่ลืมตา
“เอาคืนมา! ไม่ให้ไป! เอาคืนมา!”
ผมอุดหูตัวเอง ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น… ผมกลัวจนจะบ้าตามอยู่แล้ว จะให้ผมทำยังไง… ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมอยากกลับบ้าน
ปังๆๆ “กลับมา!! อ๊ากกก” ทั้งคลั่งทั้งทุบประตูจนกระท่อมสะเทือนไปทั้งหลัง
“พอได้แล้ว… พอ…”
ปังๆๆๆ “อ๊ากกกกก”
ปังๆๆๆ
ผัวะ!
เสียงดังสนั่นพร้อมกับบานประตูที่หลุดออกจากตัวกระท่อม ผมเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพังประตูออกมาได้ แม้มันจะเก่าแต่ก็เกินแรงจะกระแทกให้หลุดออกมา ผมค่อยๆ กระเถิบหนีแต่ขาไม่มีแรงให้ลุกยืน ทั้งตัวทั้งขาของผมมันสั่นไปหมด ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินออกมา ใจผมเต้นตึกตักด้วยความกลัว แค่เห็นเขา ผมก็นึกถึงเรื่องในวันนั้นแล้ว วันที่แสนโหดร้ายและเปลี่ยนชีวิตของผมให้เป็นแบบนี้ ผมค่อยๆ ลุกจะวิ่งหนี แต่เสียงเหยียบใบไม้ทำให้เขาหันมามองผมทันทีและรีบวิ่งมาหา
“ไม่! อย่าเข้ามา ผมกลัว!” ผมจะวิ่งหนีแต่ก็ทรุดลงไปอีกเพราะยังเจ็บช่วงล่าง
“ฮึก..ก..ก ยะ..อย่าเข้ามาผมกลัว” ผมกอดเข่าซุกตัว
ฟุบ!
“คิดถึง!”
เขากระชากตัวผมไปกอดแน่นแล้วพูดว่าคิดถึงตลอดเวลา
“คิดถึง คิดถึง… หาเจอแล้ว…”
ผมหลับตา กัดฟันแน่น… กลัวจนตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
ฟึ่บ!
ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกอุ้มเข้าไปในกระท่อม
“ปล่อย! ผมไม่เข้าไป อย่าทำผมอีก ผมเจ็บ ฮึก..ก… ผมกลัว!” ผมพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่งแต่ก็ไร้ผล เขาอุ้มผมเข้ามาในกระท่อมและวางผมลงนั่งอย่างเบามือ
“อย่าเข้ามา! ไปให้พ้น ไอ้บ้า! ฮือๆๆ”
“ดื่มน้ำไหม” ขันน้ำถูกวางลงตรงหน้า
ผมกระเถิบตัวหนีติดผนัง
“ดื่มน้ำ…”
“ไม่!”
“ดื่มน้ำ”
“ไม่!”
“ดื่มน้ำ! ดื่ม!” เขาจับหน้าผมแล้วพยายามกรอกน้ำเข้าปาก
“อั่ก! อื้อ!” ผมพยายามเม้มปาก แต่เพราะเขาบีบปากจึงต้องดื่มน้ำจนหมดขัน
“แค่กๆๆ อ่อก..ก..ก...” ผมสำลักน้ำจนไอตัวงอ น้ำออกมาทั้งทางปากและจมูกจนแสบไปหมด
“เอาอีกไหม”
“ฮึก..ก…” ผมยกมือไหว้ “ผมไหว้ละ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมกลัว”
“อย่ากลัว… อยู่ด้วยกัน อยู่คนเดียว… เหงา…”
ผมส่ายหน้าแล้วกอดตัวเองร้องไห้ คนๆ นี้บ้า… เขาอาจฆ่าผมก็ได้…
ฟึ่บ! จู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก
“หอม… หอมมาก”
ผมเบิกตากว้าง หรือเขาจะ!...
“อย่า!!”
แคว่กกกกก
+++++++++++++++++++++++++++++
ก่อนฟ้าสาง…
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบแต่ความเจ็บปวด ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกนั่งเมื่อการถูกทารุณทางร่างกายหยุดลง ราวกับเดจาวู ผมต้องเจอกับเรื่องเดิมสถานการณ์เดิมที่ต้องตื่นขึ้นมาในสภาพที่น่าอายและเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ผมอาจจะตายในไม่กี่วันนี้ก็ได้ ไข้กลับมาอีกแล้ว… แต่ไม่มีทั้งยา ไม่มีคำพูดปลอบโยนของแม่… มีแต่ความหนาวและความกลัว
“ฮึก..ก...”
ผมกอดเข่าตัวเองร้องไห้ก่อนที่จะสลบไปอีกครั้ง
‘ฟ้า…..’
ใครเรียกชื่อผมงั้นเหรอ…
“อะ..อืม” มือใครบางคนสัมผัสที่ใบหน้าของผม
‘ฟ้า…’
“ใครน่ะ”
‘พี่เอง จำได้ไหม’
“จำไม่ได้… ผมจำไมได้”
เคร้งงง! บางอย่างตกกระทบพื้นไม้เสียงดังทำให้ผมสะดุ้งตื่น แต่ก็ต้องผวาเฮือก เมื่อเจอร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ปะ..ไปให้พ้น ฮึก ไป!” ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บไปทั้งร่างกาย เสียงก็แหบเพราะพิษไข้ ปวดหัว ตัวร้อนปนกันไปหมด สาเหตุหนึ่งคงเพราะผมนอนด้วยสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ทั้งคืน และเพราะประตูกระท่อมถูกพัง ลมจึงเข้ามาได้
“คุณทำเเบบนี้กับผมทำไม… ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว! ฮึก..ก…”
มือหนาเอื้อมมาจะจับ ผมรีบลุกนั่งกระเถิบหนี แต่กลับถูกกระชากให้เข้าไปใกล้
“โอ๊ย!” ร่างกายผมเจ็บระบมทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ยิ่งถูกกระชากแบบนี้ผมถึงกับทรุดตัวในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่มีแรงขัดขืน
“จะไปไหน… จะหนีเหรอ… อยู่ด้วยกัน อย่าไป!”
“คุณทำร้าย… ไม่อยากอยู่”
“ทำร้าย… ไม่ทำร้ายแล้ว อยู่ด้วยกันนะ ฟ้า…”
คำเรียกชื่อทำให้หัวใจผมสั่น แววตาไหวระริก ผมชื่อฟ้าคราม ทุกคนเรียกผมว่าคราม… แต่มีเพียงพี่คนนั้นที่อยู่ในความทรงจำเท่านั้นที่เรียกผมว่าฟ้า... แต่เขาคนนี้…
“ชื่อผม…”
“ฟ้า… จำได้ เคยบอกว่าชื่อฟ้าครา… ชื่อฟ้า…” เขาจะเรียกชื่อผมว่าฟ้าครามแต่ก็ขมวดคิ้ว คงเพราะจำชื่อเต็มผมไม่ได้ นั่นสินะ ผมเคยบอกชื่อกับเขา เขาคงจำได้แค่คำว่าฟ้าเท่านั้น
“ปะ..ปล่อยผมเถอะ”
“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยจะหนีไปใช่ไหม!” เขาตวาดจนผมหดตัวในอ้อมกอดเขา
“มะ..ไม่หนี ผมไม่หนี ถึงหนีไปผมก็ไม่มีที่ไปหรอก”
“มะ..ไม่หนีใช่ไหม”
“ไม่หนี…” ผมใจเต้นตึกตักลุ้นว่าเขาจะทำยังไงต่อไป และสุดท้ายเขาก็ค่อยๆ คลายแขนแกร่งออกจากตัวผม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมปล่อย
“ผมอยากอาบน้ำ อยากใส่เสื้อผ้า” ถึงผมจะไม่สบาย แต่จากสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมคงจะทนอยู่เฉยๆ โดยไม่อาบน้ำต่อไปไม่ได้ เพราะเนื้อตัวผมเลอะไปทั้งเหงื่อ คราบจากน้ำสีขาวขุ่น และรอยเลือด
ฟุบ!
จู่ๆ เขาก็อุ้มผม
“จะ..จะทำอะไรผม”
“ห้องน้ำ… อาบน้ำ… ฝนเคยพาไปอาบน้ำ แต่ไม่ชอบอาบน้ำ เกลียดอาบน้ำ” เขาพูดถึงแม่ผมแล้วพาผมออกไปข้างนอกกระท่อม แม้จะไม่มีใครอยู่ แต่ผมในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ก็รู้สึกอายเหมือนกัน เขาพาผมมาที่ห้องน้ำที่ทำด้วยสังกะสีล้อมรอบซึ่งสร้างอยู่ใกล้ๆ กัน
“อาบน้ำ”
“ผมอาบเองได้ แต่ช่วยหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่อยู่ตรงนั้นมาให้หน่อยได้ไหม” ผมค่อยๆ เข้าไปในห้องน้ำแล้วชะโงกหน้าบอกให้เขานำกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางไว้บนพื้นดินหน้ากระท่อมมาให้
“ได้…” เขารีบทำตามที่บอก ผมปิดประตูห้องน้ำลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ปังๆ เสียงเคาะประตูห้องน้ำทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
“เปิด! เปิด!” เขาทุบประตูห้องน้ำเสียงดังจนเข่าผมอ่อนด้วยความกลัว แล้วค่อยๆ เปิด ประตูถูกกระชากออกพร้อมกับอ้อมแขนแกร่งที่ดึงผมไปกอด
ฟุบ! “อย่าทิ้ง อย่าไปไหน อย่าไป…”
“ผมไม่ได้ไปไหน ผมอาบน้ำ”
“อย่าปิดประตู”
ผมอึ้ง “ผมต้องปิด จะอาบน้ำ”
“ห้ามปิด!”
ผมสะดุ้งเฮือก แล้วพยักหน้ารับ
“งั้นคุณหันหลังได้ไหม ผมอาย…”
“อาย...” เขาขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ
“แค่หันหลังเท่านั้น รอผมอาบน้ำเสร็จค่อยหันมานะ… ผมไม่หนีแค่อาบน้ำ”
“แค่อาบน้ำ…” เขาทวนคำพูดผม
“ชะ..ใช่”
เขาพยักหน้าแล้วหันกลับไป
ผมรู้สึกเกร็งมาก แต่ก็กลั้นใจใช้ขันตักน้ำราดตัว รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำอีกจนผมรู้สึกอับอายในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แม้จะอายที่ต้องอาบน้ำในที่เปิดโล่งโดยไม่ปิดประตู ทั้งยังมีคนยืนอยู่หน้าประตูแบบนี้อีก แต่เพราะระบมไปทั้งร่างกาย ผมจึงรีบไม่ได้มากนัก เวลาผ่านไปสักพักผมก็อาบน้ำจนเสร็จ
“ขอกระเป๋าเสื้อผ้าให้ผมหน่อย” ผมเอ่ยบอก เขาหันมาพร้อมยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้และมองร่างกายผมไม่วางสายตา ผมรู้สึกไม่ดี กลัวเขาจะมีอารมณ์อีกจึงรีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกาย
“หะ..หันไปอีกครั้งด้วยครับ”
“..…”
“เอ่อ… ผมจะใส่เสื้อผ้า”
เขาค่อยๆ หันหลังไปอย่างเชื่อฟัง ผมก็เลือกชุดมาใส่ สักพักเขาก็หันมามองผมที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
ฟุบ!
เฮือกกก
“จะ..จะทำอะไรน่ะ!” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็อุ้มผมขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะวางผมลงนั่งบนแคร่ไม้ซึ่งค่อนข้างผุและโทรมที่หน้ากระท่อม
“รออยู่ตรงนี้นะ”
“คะ..ครับ” ผมจับหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามด้วยความกลัว คิดว่าเขาจะอุ้มผมไปทำแบบนั้นอีก
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในกระท่อมแล้วถอนหายใจอีกครั้งก้มหน้างุดมองพื้นดิน… ความรู้สึกของผมตอนนี้ช่างหดหู่ เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ ถ้าผมหนีไปตอนนี้ผมจะหนีทันไหมนะ แล้วผมจะหนีไปที่ไหน… ต่อให้หนีไปจากที่นี่ได้ แต่จะหนีให้พ้นจากคุณนายก็ต้องผ่านบ้านใหญ่และออกทางประตูรั้วอยู่ดี… สรุปคือหนีไปไหนไม่ได้…
เฮือก ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มือหนาก็จับที่แก้มผมและลูบ ได้กลิ่นแป้งลอยมาแตะจมูก
“อาบน้ำเสร็จต้องทาแป้ง ฝนบอก” เขายิ้มแล้วทาแป้งที่ใบหน้าให้ผม
ผมรีบจับมือเขาให้หยุดเพราะปริมาณแป้งเริ่มเยอะขึ้น ถ้าขืนให้ทาต่อ แป้งคงหมดกระป๋องและใบหน้าผมคงขาววอกแน่ๆ
“คราม! ครามเอ๊ย!” เสียงเรียกทำให้ผมรีบลุกแต่ก็ทรุดนั่งเพราะความเจ็บ เห็นป้าดา ลุงโชค พี่อาจ เดินมาพร้อมกับข้าวของหลายอย่าง
“ป้ากับลุงเอาของมาให้ ทั้งของกินของใช้”
“ขอบคุณครับ” ผมค่อยๆ เดินไปหา
“อ้าว เป็นอะไรคราม ทำไมเดินแบบนั้น สีหน้าก็ไม่ดีเลย ไข้ขึ้นอีกแล้วเหรอ” ป้าดารีบเดินมาหาผมพร้อมยื่นมือแตะหน้าผาก
“ตัวร้อนเชียว ป้าเอายามาให้ด้วย แต่ยังไงกินข้าวเช้าก่อนนะ ป้าเอามาให้หลายถุงเลยคงพอกินวันนี้ทั้งวัน”
“ขอบคุณครับ”
ลุงโชคเองก็เดินมาจับหน้าผากผมและบอกให้ผมดูแลตัวเองให้ดีๆ ทั้งยังบอกว่าขนผ้าห่มมาให้กันหนาวด้วย
“แล้วหน้านั่นทำไมขาวแบบนั้นล่ะ” พี่อาจหัวเราะใบหน้าของผมแล้วเดินมาหา พอผมใช้มือจับหน้าตัวเองก็มีแป้งร่วงตามมาด้วย
“อย่าเข้าใกล้! ไป!” จู่ๆ ร่างสูงก็ตวาดพี่อาจเสียงดัง จนทุกคนตกใจ
พี่อาจรีบเดินไปหลบหลังลุงโชคทันที
“จะตวาดทำไม คนกันเองทั้งนั้น” ลุงโชคเอ่ยกับร่างสูง
ป้าดาส่ายหน้า แล้วหันมาคุยกับผมต่อ
“คราม พวกป้าขนของต่างๆ มาให้เท่าที่จะขนมาได้นะ ของกิน ของใช้ ยารักษาต่างๆ ก็หอบกันมาหมด”
“ขอบคุณทั้งสามคนมากเลยนะครับ”
“ครามก็เหมือนลูกป้านั่นแหละ ทุกคนเอ็นดูและเป็นห่วงครามมากรู้ไหม”
ผมพยักหน้า น้ำตาคลอ เมื่อป้าดาลูบหัวผมและลุงโชคตบบ่า
“ขาดเหลืออะไรรีบบอกเลยนะ พวกเราจะผลัดกันมาหาคราม เอาของมาให้… แต่คงจะมากันบ่อยนักไม่ได้ เพราะนางปรางมันจับตาดูอยู่ และฝนเองก็มาไม่ได้เหมือนกัน” พอพูดถึงชื่อแม่ น้ำตาที่คลออยู่ก็หยดลงอาบแก้ม
“ดูแลแม่แทนผมด้วยนะครับ…”
“ไม่บอกก็ดูแลอยู่แล้วละครามเอ๊ย” ลุงโชคพูด
“อดทนหน่อยนะคราม เดี๋ยวคุณนายก็ให้อภัย” พี่อาจบอกทั้งที่ยังอยู่ห่างจากผมและสายตายังจับจ้องร่างสูงเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้าย
“ดูแลตัวเองให้ดีนะคราม ยิ่งไม่สบายแบบนี้อีก กินยาให้ตรงเวลานะ ห่มผ้าหนาๆ ด้วยล่ะ ยิ่งอยู่กลางดงกลางป่าแบบนี้อีก ยุงก็เยอะ เฮ้อ… ป้าล่ะเป็นห่วงไปหมด”
“ครับ ผมจะดูแลตัวเองให้ดี”
“ถ้าอย่างนั้นพวกป้ากลับก่อนนะจ๊ะ แล้วจะมาหาใหม่” ป้าดากอดผมก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับไป
…ทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงความเงียบ… ผมมองของใช้ต่างๆ แล้วจะขนของเข้าไปในกระท่อม แต่ผมกลับถูกอุ้มให้ไปนั่งบนแคร่ไม้เหมือนเดิม
“กินข้าว” เขาบอกแล้วใช้ฟันกัดถุงแกงจืดจนแตกเลอะเทอะ ผมห้ามไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเทแกงลงบนแคร่ไม้แล้วรีบหาชามมาใส่
“คุณกินเถอะ ผมไม่หิว” ผมพูดแล้วเทข้าวสวยใส่ชามให้เขา
“กินข้าวและกินยา” เขาจ้องผมตาเขม็งแล้วยื่นช้อนให้ ส่วนตัวเองก็ใช้มือหยิบข้าวกินอย่างหิวโหย แต่สายตาของเขายังคงเพ่งมองผมเมื่อเห็นว่าผมยังไม่กิน ผมจึงจำใจกินแม้จะไม่หิว เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธอีก
“แค่กๆๆ” เพราะกินไปทั้งที่ยังไม่หิวเลยฝืดคอ
เขารีบวิ่งเข้าไปในกระท่อมและตักน้ำใส่ขันมาให้ดื่ม ผมรีบยกดื่มหลายอึกแล้วถอนหายใจ มองคนตรงหน้าที่มีทีท่าร้อนรน
“มะ..ไม่เป็นไรนะ”
ผมส่ายหน้า… เขายิ้มเห็นฟันแม้จะมีหนวดเคราปิดบัง
“ขอบคุณครับ…”
เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะใช้มือหนาลูบใบหน้าของผม “...ขอบคุณ?... เป็นครั้งเเรกที่ได้ยิน ดีใจ… ดีใจมากๆ เลย”
ผมยิ้มนิดๆ ถ้าหากผมไม่ทำอะไรขัดใจเขา บางทีผมอาจจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาได้… แต่ผมหวังว่าผมจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาตลอดไป