@คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59  (อ่าน 104237 ครั้ง)

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
«ตอบ #30 เมื่อ12-09-2016 08:02:38 »

ลำไยแม่จริง   อมพระอยู่ได้ จะพูดก็ไม่พูด

ออฟไลน์ peeranatyaikaew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
«ตอบ #31 เมื่อ12-09-2016 08:25:53 »

สงสารรครามจับใจ :mew4: :hao5:  อิคุณนายยยทำไมใจร้ายยยยยยยยยยยย :angry2: :fire:  ติดตามต่ออออออ :katai1:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
«ตอบ #32 เมื่อ12-09-2016 11:35:42 »

รอตอนต่อไปปปปปปปปปป

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
«ตอบ #33 เมื่อ12-09-2016 12:40:00 »

เพิ่งไปตามอ่านอีกเวปหนึ่งมา
สนุกมาเลยค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
สนุกจัง โหดดี

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สงสาร

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ซับซ้อนจัง ติดตามติดตาม   สงสารครามที่สุด

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารครามอะ ลุ้นมากอะคนนั้นเค้าเป็นใคร

ออฟไลน์ Minzero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ลุ้นนนนนนน โอ๊ยยตอนนี้เดาไปหมดว่าเพราะอะไรพระเอกเราถึงบ้า เอ๊ะ รึจะเกี่ยวกับสมบัติ? :serius2:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ลึกลับ ซับซ้อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ destiny_dr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แง่ะ ทำไมนี่ว่าครามไม่น่าสงสารเลอ เขาก่อเรื่องเอง ทำตัวเอง ก็ควรต้องรับผิดชอบตัวเอง

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4]
«ตอบ #41 เมื่อ17-09-2016 16:10:28 »

                 ความมืดเข้าปกคลุมแทนแสงสว่าง ยิ่งมืดยิ่งทำให้ผมกลัวมากขึ้น โดยเฉพาะในเวลานี้ ชีวิตของผมคงจบสิ้นแล้วสินะ… ถูกไล่ให้มาอยู่ที่นี่กับคนบ้าที่ข่มขืนตัวเอง ไม่มีใครช่วยผมได้เลย…
                ผมมองกระท่อมที่แสนเงียบเหงาหลังจากที่เสียงคลั่งของร่างสูงใหญ่เงียบลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองกุญแจของกระท่อมที่กลับมาอยู่ในมือผมอีกครั้งเพราะแม่ยัดใส่มือผมไว้ก่อนที่ท่านจะกลับไป และคำพูดของแม่ที่กระซิบกับผม
                ฝากดูแลเขาแทนแม่ด้วยนะ
                ทำไมในเวลานี้แม่ยังเป็นห่วงคนที่ทำร้ายผม ทำไมยังให้ผมที่ถูกทำร้ายทั้งกายและใจดูแลคนบ้าแบบนั้นอยู่อีก… คนบ้านั่นเป็นใครกันแน่ มีความสำคัญแค่ไหนแม่ถึงต้องย้ำให้ผมดูแลแทน
                ผมกอดตัวเองแน่นเพราะอากาศเริ่มหนาว ก่อนที่ความง่วงจะเริ่มเข้ามาแทนที่ความเจ็บช่วงล่าง
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               
                “อ๊ากกกกกกกกก”
                เฮือกกก!
                เสียงตะโกนคลั่งทำให้ผมผวาตื่น ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว คนข้างในกระท่อมคงตื่นและร้องตะโกนคลั่งทันทีที่ลืมตา
                “เอาคืนมา! ไม่ให้ไป! เอาคืนมา!”
                ผมอุดหูตัวเอง ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น… ผมกลัวจนจะบ้าตามอยู่แล้ว จะให้ผมทำยังไง… ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมอยากกลับบ้าน
                ปังๆๆ “กลับมา!! อ๊ากกก” ทั้งคลั่งทั้งทุบประตูจนกระท่อมสะเทือนไปทั้งหลัง
                “พอได้แล้ว… พอ…”
                ปังๆๆๆ “อ๊ากกกกก”
                ปังๆๆๆ
                ผัวะ!
                เสียงดังสนั่นพร้อมกับบานประตูที่หลุดออกจากตัวกระท่อม ผมเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพังประตูออกมาได้ แม้มันจะเก่าแต่ก็เกินแรงจะกระแทกให้หลุดออกมา ผมค่อยๆ กระเถิบหนีแต่ขาไม่มีแรงให้ลุกยืน ทั้งตัวทั้งขาของผมมันสั่นไปหมด ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินออกมา ใจผมเต้นตึกตักด้วยความกลัว แค่เห็นเขา ผมก็นึกถึงเรื่องในวันนั้นแล้ว วันที่แสนโหดร้ายและเปลี่ยนชีวิตของผมให้เป็นแบบนี้ ผมค่อยๆ ลุกจะวิ่งหนี แต่เสียงเหยียบใบไม้ทำให้เขาหันมามองผมทันทีและรีบวิ่งมาหา
                “ไม่! อย่าเข้ามา ผมกลัว!” ผมจะวิ่งหนีแต่ก็ทรุดลงไปอีกเพราะยังเจ็บช่วงล่าง
                “ฮึก..ก..ก ยะ..อย่าเข้ามาผมกลัว” ผมกอดเข่าซุกตัว
                ฟุบ!
                “คิดถึง!”
                เขากระชากตัวผมไปกอดแน่นแล้วพูดว่าคิดถึงตลอดเวลา
                “คิดถึง คิดถึง… หาเจอแล้ว…”
                ผมหลับตา กัดฟันแน่น… กลัวจนตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
                ฟึ่บ!
                ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกอุ้มเข้าไปในกระท่อม
                “ปล่อย! ผมไม่เข้าไป อย่าทำผมอีก ผมเจ็บ ฮึก..ก… ผมกลัว!” ผมพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่งแต่ก็ไร้ผล เขาอุ้มผมเข้ามาในกระท่อมและวางผมลงนั่งอย่างเบามือ
                “อย่าเข้ามา! ไปให้พ้น ไอ้บ้า! ฮือๆๆ”
                “ดื่มน้ำไหม”  ขันน้ำถูกวางลงตรงหน้า
                ผมกระเถิบตัวหนีติดผนัง
                “ดื่มน้ำ…”
                “ไม่!”
                “ดื่มน้ำ”
                “ไม่!”
                “ดื่มน้ำ! ดื่ม!” เขาจับหน้าผมแล้วพยายามกรอกน้ำเข้าปาก
                “อั่ก! อื้อ!” ผมพยายามเม้มปาก แต่เพราะเขาบีบปากจึงต้องดื่มน้ำจนหมดขัน
                “แค่กๆๆ อ่อก..ก..ก...” ผมสำลักน้ำจนไอตัวงอ น้ำออกมาทั้งทางปากและจมูกจนแสบไปหมด
                “เอาอีกไหม”
                “ฮึก..ก…” ผมยกมือไหว้  “ผมไหว้ละ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมกลัว”
                “อย่ากลัว… อยู่ด้วยกัน อยู่คนเดียว… เหงา…”
                ผมส่ายหน้าแล้วกอดตัวเองร้องไห้ คนๆ นี้บ้า… เขาอาจฆ่าผมก็ได้…
                ฟึ่บ! จู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก
                “หอม… หอมมาก”
                ผมเบิกตากว้าง หรือเขาจะ!...
                “อย่า!!”
                แคว่กกกกก
 
+++++++++++++++++++++++++++++
 
                ก่อนฟ้าสาง…
                ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบแต่ความเจ็บปวด ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกนั่งเมื่อการถูกทารุณทางร่างกายหยุดลง ราวกับเดจาวู ผมต้องเจอกับเรื่องเดิมสถานการณ์เดิมที่ต้องตื่นขึ้นมาในสภาพที่น่าอายและเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ผมอาจจะตายในไม่กี่วันนี้ก็ได้ ไข้กลับมาอีกแล้ว… แต่ไม่มีทั้งยา ไม่มีคำพูดปลอบโยนของแม่… มีแต่ความหนาวและความกลัว
                “ฮึก..ก...”
                ผมกอดเข่าตัวเองร้องไห้ก่อนที่จะสลบไปอีกครั้ง
                ‘ฟ้า…..’
                ใครเรียกชื่อผมงั้นเหรอ…
                “อะ..อืม”  มือใครบางคนสัมผัสที่ใบหน้าของผม
                ‘ฟ้า…’
                “ใครน่ะ”
                ‘พี่เอง จำได้ไหม’
                “จำไม่ได้… ผมจำไมได้”
                เคร้งงง! บางอย่างตกกระทบพื้นไม้เสียงดังทำให้ผมสะดุ้งตื่น แต่ก็ต้องผวาเฮือก เมื่อเจอร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ใกล้ๆ
                “ปะ..ไปให้พ้น ฮึก ไป!” ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บไปทั้งร่างกาย เสียงก็แหบเพราะพิษไข้ ปวดหัว ตัวร้อนปนกันไปหมด สาเหตุหนึ่งคงเพราะผมนอนด้วยสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ทั้งคืน และเพราะประตูกระท่อมถูกพัง ลมจึงเข้ามาได้
                “คุณทำเเบบนี้กับผมทำไม… ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว! ฮึก..ก…”
                มือหนาเอื้อมมาจะจับ ผมรีบลุกนั่งกระเถิบหนี แต่กลับถูกกระชากให้เข้าไปใกล้
 
                “โอ๊ย!” ร่างกายผมเจ็บระบมทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ยิ่งถูกกระชากแบบนี้ผมถึงกับทรุดตัวในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่มีแรงขัดขืน
                “จะไปไหน… จะหนีเหรอ… อยู่ด้วยกัน อย่าไป!”
                “คุณทำร้าย… ไม่อยากอยู่”
                “ทำร้าย… ไม่ทำร้ายแล้ว อยู่ด้วยกันนะ ฟ้า…”
                คำเรียกชื่อทำให้หัวใจผมสั่น แววตาไหวระริก ผมชื่อฟ้าคราม ทุกคนเรียกผมว่าคราม… แต่มีเพียงพี่คนนั้นที่อยู่ในความทรงจำเท่านั้นที่เรียกผมว่าฟ้า... แต่เขาคนนี้…
                “ชื่อผม…”
                “ฟ้า… จำได้ เคยบอกว่าชื่อฟ้าครา… ชื่อฟ้า…”  เขาจะเรียกชื่อผมว่าฟ้าครามแต่ก็ขมวดคิ้ว คงเพราะจำชื่อเต็มผมไม่ได้ นั่นสินะ ผมเคยบอกชื่อกับเขา เขาคงจำได้แค่คำว่าฟ้าเท่านั้น
                “ปะ..ปล่อยผมเถอะ”
                “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยจะหนีไปใช่ไหม!” เขาตวาดจนผมหดตัวในอ้อมกอดเขา
                “มะ..ไม่หนี ผมไม่หนี ถึงหนีไปผมก็ไม่มีที่ไปหรอก”
                “มะ..ไม่หนีใช่ไหม”
                “ไม่หนี…” ผมใจเต้นตึกตักลุ้นว่าเขาจะทำยังไงต่อไป และสุดท้ายเขาก็ค่อยๆ คลายแขนแกร่งออกจากตัวผม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมปล่อย
                “ผมอยากอาบน้ำ อยากใส่เสื้อผ้า” ถึงผมจะไม่สบาย แต่จากสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมคงจะทนอยู่เฉยๆ โดยไม่อาบน้ำต่อไปไม่ได้ เพราะเนื้อตัวผมเลอะไปทั้งเหงื่อ คราบจากน้ำสีขาวขุ่น และรอยเลือด
                ฟุบ!
                จู่ๆ เขาก็อุ้มผม
                “จะ..จะทำอะไรผม”
                “ห้องน้ำ… อาบน้ำ… ฝนเคยพาไปอาบน้ำ แต่ไม่ชอบอาบน้ำ เกลียดอาบน้ำ” เขาพูดถึงแม่ผมแล้วพาผมออกไปข้างนอกกระท่อม แม้จะไม่มีใครอยู่ แต่ผมในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ก็รู้สึกอายเหมือนกัน เขาพาผมมาที่ห้องน้ำที่ทำด้วยสังกะสีล้อมรอบซึ่งสร้างอยู่ใกล้ๆ กัน
                “อาบน้ำ”
                “ผมอาบเองได้ แต่ช่วยหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่อยู่ตรงนั้นมาให้หน่อยได้ไหม” ผมค่อยๆ เข้าไปในห้องน้ำแล้วชะโงกหน้าบอกให้เขานำกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางไว้บนพื้นดินหน้ากระท่อมมาให้
                “ได้…” เขารีบทำตามที่บอก ผมปิดประตูห้องน้ำลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่
                ปังๆ เสียงเคาะประตูห้องน้ำทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
 
                “เปิด! เปิด!” เขาทุบประตูห้องน้ำเสียงดังจนเข่าผมอ่อนด้วยความกลัว แล้วค่อยๆ เปิด ประตูถูกกระชากออกพร้อมกับอ้อมแขนแกร่งที่ดึงผมไปกอด
                ฟุบ! “อย่าทิ้ง อย่าไปไหน อย่าไป…”
                “ผมไม่ได้ไปไหน ผมอาบน้ำ”
                “อย่าปิดประตู”
                ผมอึ้ง “ผมต้องปิด จะอาบน้ำ”
                “ห้ามปิด!”
                ผมสะดุ้งเฮือก แล้วพยักหน้ารับ
                “งั้นคุณหันหลังได้ไหม ผมอาย…”
                “อาย...” เขาขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ
                “แค่หันหลังเท่านั้น รอผมอาบน้ำเสร็จค่อยหันมานะ… ผมไม่หนีแค่อาบน้ำ”
                “แค่อาบน้ำ…” เขาทวนคำพูดผม
                “ชะ..ใช่”
                เขาพยักหน้าแล้วหันกลับไป
                ผมรู้สึกเกร็งมาก แต่ก็กลั้นใจใช้ขันตักน้ำราดตัว รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำอีกจนผมรู้สึกอับอายในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แม้จะอายที่ต้องอาบน้ำในที่เปิดโล่งโดยไม่ปิดประตู ทั้งยังมีคนยืนอยู่หน้าประตูแบบนี้อีก แต่เพราะระบมไปทั้งร่างกาย ผมจึงรีบไม่ได้มากนัก เวลาผ่านไปสักพักผมก็อาบน้ำจนเสร็จ
                “ขอกระเป๋าเสื้อผ้าให้ผมหน่อย” ผมเอ่ยบอก เขาหันมาพร้อมยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้และมองร่างกายผมไม่วางสายตา ผมรู้สึกไม่ดี กลัวเขาจะมีอารมณ์อีกจึงรีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกาย
                “หะ..หันไปอีกครั้งด้วยครับ”
                “..…”
                “เอ่อ… ผมจะใส่เสื้อผ้า”
                เขาค่อยๆ หันหลังไปอย่างเชื่อฟัง ผมก็เลือกชุดมาใส่ สักพักเขาก็หันมามองผมที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
                ฟุบ!
                เฮือกกก
                “จะ..จะทำอะไรน่ะ!” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็อุ้มผมขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะวางผมลงนั่งบนแคร่ไม้ซึ่งค่อนข้างผุและโทรมที่หน้ากระท่อม
                “รออยู่ตรงนี้นะ”
 
                “คะ..ครับ” ผมจับหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามด้วยความกลัว คิดว่าเขาจะอุ้มผมไปทำแบบนั้นอีก
                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในกระท่อมแล้วถอนหายใจอีกครั้งก้มหน้างุดมองพื้นดิน… ความรู้สึกของผมตอนนี้ช่างหดหู่ เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ ถ้าผมหนีไปตอนนี้ผมจะหนีทันไหมนะ แล้วผมจะหนีไปที่ไหน… ต่อให้หนีไปจากที่นี่ได้ แต่จะหนีให้พ้นจากคุณนายก็ต้องผ่านบ้านใหญ่และออกทางประตูรั้วอยู่ดี… สรุปคือหนีไปไหนไม่ได้…
                เฮือก ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มือหนาก็จับที่แก้มผมและลูบ ได้กลิ่นแป้งลอยมาแตะจมูก
                “อาบน้ำเสร็จต้องทาแป้ง ฝนบอก” เขายิ้มแล้วทาแป้งที่ใบหน้าให้ผม
                ผมรีบจับมือเขาให้หยุดเพราะปริมาณแป้งเริ่มเยอะขึ้น ถ้าขืนให้ทาต่อ แป้งคงหมดกระป๋องและใบหน้าผมคงขาววอกแน่ๆ
                “คราม! ครามเอ๊ย!” เสียงเรียกทำให้ผมรีบลุกแต่ก็ทรุดนั่งเพราะความเจ็บ เห็นป้าดา ลุงโชค พี่อาจ เดินมาพร้อมกับข้าวของหลายอย่าง
                “ป้ากับลุงเอาของมาให้ ทั้งของกินของใช้”
                “ขอบคุณครับ” ผมค่อยๆ เดินไปหา
                “อ้าว เป็นอะไรคราม ทำไมเดินแบบนั้น สีหน้าก็ไม่ดีเลย ไข้ขึ้นอีกแล้วเหรอ” ป้าดารีบเดินมาหาผมพร้อมยื่นมือแตะหน้าผาก
                “ตัวร้อนเชียว ป้าเอายามาให้ด้วย แต่ยังไงกินข้าวเช้าก่อนนะ ป้าเอามาให้หลายถุงเลยคงพอกินวันนี้ทั้งวัน”
                “ขอบคุณครับ”
                ลุงโชคเองก็เดินมาจับหน้าผากผมและบอกให้ผมดูแลตัวเองให้ดีๆ ทั้งยังบอกว่าขนผ้าห่มมาให้กันหนาวด้วย
                “แล้วหน้านั่นทำไมขาวแบบนั้นล่ะ”  พี่อาจหัวเราะใบหน้าของผมแล้วเดินมาหา พอผมใช้มือจับหน้าตัวเองก็มีแป้งร่วงตามมาด้วย
                “อย่าเข้าใกล้! ไป!” จู่ๆ ร่างสูงก็ตวาดพี่อาจเสียงดัง จนทุกคนตกใจ
                พี่อาจรีบเดินไปหลบหลังลุงโชคทันที
                “จะตวาดทำไม คนกันเองทั้งนั้น” ลุงโชคเอ่ยกับร่างสูง
                ป้าดาส่ายหน้า แล้วหันมาคุยกับผมต่อ
                “คราม พวกป้าขนของต่างๆ มาให้เท่าที่จะขนมาได้นะ ของกิน ของใช้ ยารักษาต่างๆ ก็หอบกันมาหมด”
                “ขอบคุณทั้งสามคนมากเลยนะครับ”
                “ครามก็เหมือนลูกป้านั่นแหละ ทุกคนเอ็นดูและเป็นห่วงครามมากรู้ไหม”
                ผมพยักหน้า น้ำตาคลอ เมื่อป้าดาลูบหัวผมและลุงโชคตบบ่า
                “ขาดเหลืออะไรรีบบอกเลยนะ พวกเราจะผลัดกันมาหาคราม เอาของมาให้… แต่คงจะมากันบ่อยนักไม่ได้ เพราะนางปรางมันจับตาดูอยู่ และฝนเองก็มาไม่ได้เหมือนกัน” พอพูดถึงชื่อแม่ น้ำตาที่คลออยู่ก็หยดลงอาบแก้ม
                “ดูแลแม่แทนผมด้วยนะครับ…”
                “ไม่บอกก็ดูแลอยู่แล้วละครามเอ๊ย” ลุงโชคพูด
                “อดทนหน่อยนะคราม เดี๋ยวคุณนายก็ให้อภัย” พี่อาจบอกทั้งที่ยังอยู่ห่างจากผมและสายตายังจับจ้องร่างสูงเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้าย
                “ดูแลตัวเองให้ดีนะคราม ยิ่งไม่สบายแบบนี้อีก กินยาให้ตรงเวลานะ ห่มผ้าหนาๆ ด้วยล่ะ ยิ่งอยู่กลางดงกลางป่าแบบนี้อีก ยุงก็เยอะ เฮ้อ… ป้าล่ะเป็นห่วงไปหมด”
                “ครับ ผมจะดูแลตัวเองให้ดี”
                “ถ้าอย่างนั้นพวกป้ากลับก่อนนะจ๊ะ แล้วจะมาหาใหม่” ป้าดากอดผมก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับไป
                …ทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงความเงียบ… ผมมองของใช้ต่างๆ แล้วจะขนของเข้าไปในกระท่อม แต่ผมกลับถูกอุ้มให้ไปนั่งบนแคร่ไม้เหมือนเดิม
                “กินข้าว” เขาบอกแล้วใช้ฟันกัดถุงแกงจืดจนแตกเลอะเทอะ ผมห้ามไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเทแกงลงบนแคร่ไม้แล้วรีบหาชามมาใส่
                “คุณกินเถอะ ผมไม่หิว” ผมพูดแล้วเทข้าวสวยใส่ชามให้เขา
                “กินข้าวและกินยา” เขาจ้องผมตาเขม็งแล้วยื่นช้อนให้ ส่วนตัวเองก็ใช้มือหยิบข้าวกินอย่างหิวโหย แต่สายตาของเขายังคงเพ่งมองผมเมื่อเห็นว่าผมยังไม่กิน ผมจึงจำใจกินแม้จะไม่หิว เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธอีก
                “แค่กๆๆ” เพราะกินไปทั้งที่ยังไม่หิวเลยฝืดคอ
                เขารีบวิ่งเข้าไปในกระท่อมและตักน้ำใส่ขันมาให้ดื่ม ผมรีบยกดื่มหลายอึกแล้วถอนหายใจ มองคนตรงหน้าที่มีทีท่าร้อนรน
                “มะ..ไม่เป็นไรนะ”
                ผมส่ายหน้า… เขายิ้มเห็นฟันแม้จะมีหนวดเคราปิดบัง
                “ขอบคุณครับ…”
                เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะใช้มือหนาลูบใบหน้าของผม “...ขอบคุณ?... เป็นครั้งเเรกที่ได้ยิน ดีใจ… ดีใจมากๆ เลย”
                ผมยิ้มนิดๆ ถ้าหากผมไม่ทำอะไรขัดใจเขา บางทีผมอาจจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาได้… แต่ผมหวังว่าผมจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาตลอดไป
 
 

 

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
กลัวเหมือนกัน ต้องยอมๆไปก่อน

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ทำไมแม่ไม่บอกอะไรหน่อยอ่ะ

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
พระเอกเป็นบ้าได้ไง คุณนายไม่ใช่แม่พระเอกแน่เลย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตามลุ้นต่อ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอตอนต่อไปนะคะ^^

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ
สงสารก็แต่..? เรียกยังไงดี คนบ้า
เหมือนจะโดนกระทำมาเยอะนะ
ไม่แน่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น รวย แต่โดนทำให้กลายเป็นบ้า นี่ก็เดากันไป น้องฟ้ารีบปรับตัวรีบดูแลคนบ้าให้หายนะ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากครับ รีบมาต่อนะครับ

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5]
«ตอบ #49 เมื่อ20-09-2016 15:55:49 »

                หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปกับการใช้ชีวิตร่วมกับคนปริศนา ผมยังกลัวเขาเหมือนเดิม แต่ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนตอนแรก และเขาก็ไม่ได้แตะต้องผมในพฤติกรรมแบบนั้นอีก มีบ้างที่มากอดมาหอมแก้ม แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังทำร้ายให้ผมยอมเขาเหมือนในตอนแรกๆ เพราะผมบอกว่าถ้าไม่เชื่อฟังคำพูดของผม ผมจะหนี และนั่นทำให้เขาคลั่งกลัวผมหายไปจนยอมทำตามแต่โดยดี
                การใช้ชีวิตในกระท่อมปลายสวนคล้ายกับการใช้ชีวิตอยู่กลางป่ากลางเขาเพราะขาดปัจจัยหลายอย่าง ไม่มีทั้งหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ไม่มีตู้เย็น ไม่มีพัดลม ต้องก่อฟืนทุกครั้งเวลาจะทำอาหาร         ไม่มีอาหารสด มีแต่อาหารแห้งและอาหารกระป๋อง ตอนกลางวันก็ใช่ว่าจะเย็นสบาย ต้องหาเสื่อมาปูใต้ร่มไม้เพราะในกระท่อมร้อน ส่วนกลางคืนนั้นอากาศหนาว เพราะกระท่อมไม่มีประตู ทั้งยังกลัวสัตว์เลื้อยคลานอีก ถึงแม้จะลำบากขาดอุปกรณ์หลายอย่าง แต่ของใช้ที่พวกลุงๆ ป้าๆ ขนมา รวมถึงของที่แม่ฝากมาให้ก็มากมายพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้
                “นี่กินได้ไหม” ร่างสูงนั่งจุมปุ๊กข้างๆ ผมที่กำลังก่อฟืนเพื่อหุงข้าว ถ้าเป็นเด็กคงน่าเอ็นดู แต่ไม่ใช่กับร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรังคนนี้
                “กินได้ ปลากระป๋อง”
                เขายังงง ผมจึงเอื้อมไปหยิบมาและแกะฝาออกให้
                “เดี๋ยวกินกับข้าวนะ”
                เขาพยักหน้าดีใจและนำปลากระป๋องไปใส่ถ้วยเพื่อรอข้าว
                เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าหลายคู่จนผมต้องลุกขึ้นมาดูก่อนที่จะเบิกตากว้าง
                “คราม!”
                “คุณเพชร!…”
                “ตาเพชร! แกจะทำบ้าอะไรฮะ” คุณนายรีบยื้อหยุดคุณเพชรไม่ให้เข้ามาหาผม
                “ปล่อยนะแม่ ผมจะพาครามกลับบ้าน… คราม พี่มารับกลับ”
                ผมยืนอึ้ง… เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเพชรถึง…
                “ถ้าพี่อยู่บ้าน พี่ไม่มีทางให้ครามมาอยู่ที่นี่แน่ เพราะพี่ไม่อยู่ แม่จึงทำกับครามแบบนี้!”                                น้ำเสียงตวาดผู้เป็นแม่จนคุณนายอมรเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
                “ตาเพชร! นี่แกบ้าหรือไง… มันเป็นผู้ชาย และนั่นก็ไอ้บ้าผัวมัน!”
                คุณเพชรกำหมัดแน่น “ไม่มีทาง! ครามไม่มีทางทำอย่างที่แม่พูดแน่ๆ ใช่ไหมคราม…    กลับบ้าน! ฉันมารับ…”
                ผมยืนอึ้งทำตัวไม่ถูก
                “นี่แกจะเอามันทำเมียจริงๆ ใช่ไหมฮะ!”
                “แม่! ผมจะพาครามกลับ”
                “ตาเพชร!”
                คุณเพชรเดินมาหาผมพร้อมกับจับข้อมือ “กลับบ้านกับพี่นะ”
                แม้ผมจะไม่ค่อยมีความรู้สึกที่ดีกับคุณเพชรมากนัก แต่คำว่า ‘กลับบ้าน’ ก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวและมีความหวัง ยิ่งคำว่าพี่ที่เอ่ยออกมาทำให้ผมค่อยๆ คลี่ยิ้ม
                “คุณเพชร…”
                ปึก!
                “กรี๊ดดดดดดด” เสียงกรีดร้องของคุณนายดังขึ้นพร้อมกับร่างของคุณเพชรที่ล้มลงและสลบแน่นิ่งไป ผมเบิกตากว้างมองร่างสูงใหญ่ที่กำหมัดแน่นและต่อยคุณเพชรจนสลบ ทั้งๆ                      ที่คุณเพชรตัวค่อนข้างใหญ่พอสมควร แต่แค่โดนต่อยก็ถึงกับสลบแบบนี้แปลว่าแรงหมัดต้องแรงมาก
                “กรี๊ดดด ตาเพชร!!! ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลที!” เหล่าคนใช้วิ่งวุ่นสับสน และเป็นจังหวะเดียวที่แม่วิ่งมาพอดี
                “แม่…” ผมเอ่ยเรียกชื่อจะเข้าไปหา แต่คุณนายกลับตวาดขึ้นไม่ให้แม่มาหาผม
                “พวกแกยืนบื้ออยู่ทำไม ไปทำร้ายไอ้บ้าสิ มันทำตาเพชร ฮือๆๆ เพชร! ทำใจดีๆ ไว้นะลูก แม่เรียกรถพยาบาลแล้วนะ”
                คนใช้เก่าอึกอัก ไม่มีใครทำตามคำสั่ง แต่สำหรับคนใช้ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นานกลับรีบปรี่เข้ามาหาร่างสูงทันที และแน่นอนว่าร่างสูงเตรียมจะทำร้ายกลับ หากแต่คำพูดของผมทำให้เขาหยุดชะงัก
                “อย่าทำร้ายพวกเขานะ!”
                ปึก! ไม้และก้อนหินถูกปาไปยังร่างสูงทันที ไม้แผ่นหนาตีไปที่ลำตัวไม่ยั้ง
                “มะ..ไม่ ยะ..อย่า” ผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ปิดปากเมื่อเขาถูกทำร้าย! พวกลุง ป้า และแม่รีบอ้อนวอนคุณนาย แต่กลับถูกคุณนายด่าพร้อมคำขู่ว่าหากใครช่วยจะไล่ออกให้หมด
                “ไม่! อย่าทำร้ายเขา!” ผมรีบไปยื้อคนที่กำลังทำร้ายร่างสูงออกแต่ก็ไร้ผล
                “ฮือๆ อย่าทำเขา… ไม่! เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก อย่า!”
               
                ผมถูกผลักจนล้มเพราะเข้าไปขวาง ได้ยินเสียงหลายคนเรียกชื่อและจะเข้ามาหา โดยเฉพาะแม่ที่กรีดร้องและกำลังร้องไห้ แต่ถูกทุกคนกอดรั้งไว้ไม่ให้มาเพราะคุณนายขู่ไว้ว่าถ้ามาช่วยผมจะถูกไล่ออก ความวุ่นวายและเสียงเนื้อกระทบไม้ยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง
                “อย่าทำร้ายเขา!” ผมลุกแล้วยื้อคนที่กำลังจะพุ่งไปตีที่หัว ยื้อจนสุดแรงแต่ก็ถูกศอกฟาดจนล้มลง
                “ฟ้า! อ๊ากกกกก” ร่างสูงเห็นผมล้มลงก็พยายามจะลุกทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บ เขาฝ่าคนที่รุมทำร้ายแล้ววิ่งมาหาผม เหมือนเป็นภาพช้าที่ผมเห็นไม้ตีไปที่หัวของเขาอย่างจังจนร่างของเขาร่วงหล่นและสลบเหมือดคาปลายเท้าของผม
                ผมปิดปากตัวเองแล้วร้องไห้
                “ไม่!” ผมกรีดร้องแล้วพุ่งไปกอดคนตัวใหญ่ที่นอนฟุบ เนื้อตัวช้ำ มีเลือดไหลอาบบนหัว พวกคุณนายรีบหามคุณเพชรไปที่บ้านใหญ่เพื่อรอรถพยาบาลที่กำลังจะมา ผมร้องขอให้คุณนายช่วยพาคนในอ้อมกอดผมไปโรงพยาบาลด้วย แต่กลับถูกด่าและทิ้งคำพูดไว้
                “ตายไปเลยก็ดี ไอ้บ้า!!”
                ผมนั่งอึ้งกำมือแน่นมองคุณนายที่กำลังเร่งเดินจากไป
                “อย่าตายนะ! ฮือๆ ฟื้นขึ้นมาสิ” พวกแม่รีบเข้ามาหาผม ทุกคนดูตกใจและร้องไห้ก่อนจะรีบพาร่างสูงเข้าไปในกระท่อมและทำแผลให้
                “ตะ..ต้องพาไปโรงพยาบาล”  ป้าอรเอ่ยเสียงสั่น
                “แต่คุณนายไม่ให้… ออกไปจากที่นี่เลยนะ” ลุงสงวนเสียงสั่นไม่ต่างกัน
                “จะตายไหมอ่ะป้า” พี่อาจถามป้าพร
                “พูดมากน่า เดี๋ยวข้าตบปากเลย”
                ทุกคนร้องไห้…
                ผมมองคนที่นอนสลบแล้วสะอื้นหนักกว่าเดิม เพราะผมบอกกับเขาว่า ‘อย่า’ เขาถึงไม่สู้ แต่ถ้าเขาสู้ ทุกคนก็จะเป็นอันตราย…
                “คราม…”
                “ฮึก… แม่… ผมผิดเอง เพราะผม… ฮือๆ“
                “อย่าโทษตัวเองเลยลูก… ไม่มีใครผิด… แต่เป็นเพราะโชคชะตา ฮึก..ก…”  ผมกอดแม่แน่น อ้อมกอดที่ผมได้แต่คิดถึง แต่พอได้กอดจริงๆ กลับได้แต่ร้องไห้ไม่มีรอยยิ้มเลย
                ทุกคนช่วยกันทำแผล ให้กินยา เช็ดตัวให้เท่าที่จะทำได้และนั่งเฝ้าอยู่กับผมจนตะวันคล้อย เป็นสัญญาณว่าต้องกลับไปที่บ้านใหญ่แล้ว
                “ยาแก้ปวด แก้อักเสบ ครามต้องให้เขากินให้ตรงเวลานะลูก คืนนี้เขาต้องเป็นไข้หนักแน่นอน… พรุ่งนี้เช้าพวกแม่จะช่วยนะ”
                “ถะ..ถ้าเขาไม่หาย… พาไปโรงพยาบาลได้ไหมครับ…”
                ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนที่แม่จะเอ่ยตอบ
                “เขาไม่สามารถที่จะออกจากที่นี่ได้ถ้าคุณนายไม่อนุญาต…”
 
ooooOoooo
 
                ผมนั่งเฝ้าคนที่นอนนิ่งไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อกลางวันจนตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะช่วงอกที่ขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่ามีลมหายใจ ผมคงคิดว่าเขาตายไปแล้วแน่ๆ
                “ปวดหัว… ปวด…”
                ผมรีบลุกไปนั่งใกล้ๆ
                “คุณ… คุณลุกมากินยาก่อน”
                “ปวดหัว…”
                ผมมองยาที่ถูกบดจนละเอียดละลายกับน้ำใส่ไว้ในช้อนเพื่อให้เขากินได้สะดวก แต่ตอนนี้แม้แต่สติเขายังไม่มี แล้วจะได้กินยาตอนไหน
                “คุณ… ลุกมากินยาเถอะ”
                “ไม่ไหว… เจ็บ”
                ผมถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจใส่ยาเข้าปากตัวเอง อมไว้แล้วจับริมฝีปากของร่างหนาที่นอนอยู่ให้อ้า บีบจมูก และกรอกยาที่อยู่ในปากผมส่งต่อให้อีกฝ่าย
                “แค่กๆ ขะ..ขม”
                ผมพ่นลมหายใจ อย่างน้อยก็ได้กินยาแล้ว… ตามด้วยผ้าชุบน้ำเช็ดตามตัวและหน้าผาก เพื่อลดไข้
                “ผมขอโทษ ผมคงทำให้ได้แค่นี้ แต่คุณต้องอดทนนะ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ” ผมเอ่ยเสียงสั่น แม้เราจะเริ่มต้นกันได้ไม่ดีนัก แม้ผมจะกลัวเขาอยู่บ้าง แต่เห็นเขาเจ็บและทรมานแบบนี้ผมก็ทนไม่ได้เหมือนกัน และยิ่งเขาเจ็บเพราะผมอีก ผมจับมือหนาที่ร้อนด้วยพิษไข้แล้วบีบเบาๆ นั่งเฝ้าไข้เขาทั้งคืนจนถึงเช้า..........
                “โอ๊ย!” เสียงร้องทำให้ผมที่นั่งสัปหงกรีบลืมตาตื่น
                “คุณ! จะลุกไปไหน” ผมรีบยื้อให้เขานอนลงตามเดิม
                “คุณบาดเจ็บอยู่นะ”
                “เจ็บ… เจ็บ! ยะ..อย่าตี! อย่าตีเจ็บ! ฮือๆ” เขาร้องไห้ คนตัวใหญ่ร้องไห้เหมือนเด็กแบบนี้ผมก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก แต่ก็ก้มไปกอดปลอบเขา
                “ไม่มีใครตี… อย่าร้องไห้”
                ตอนเช้าผมทำอาหารให้เขา มีแค่ข้าวต้มเปล่าๆ ใส่น้ำปลาให้เท่านั้น แต่เขาก็กินง่าย ทั้งยังบอกว่าอร่อยอีกเพราะผมเป็นคนป้อน หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ให้เขากินยา เปลี่ยนผ้าพันแผลที่หัว และทายาแก้ฟกช้ำตามส่วนอื่นๆ ให้ ตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว แม้ยังมีไข้แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานมาก
                ส่วนแม่ ป้า ลุง นั้นไม่ได้มาหาผม คงเพราะคุณนายสั่งไม่ให้ใครมา… ผมนั่งเฝ้าจนเขาหลับไปอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะลุกไปหยิบอุปกรณ์เพื่อปลูกผัก ดินที่นี่อยู่ในป่าจึงพออุดมสมบูรณ์บ้าง มีใบไม้เป็นปุ๋ย มีไส้เดือนพรวนดินให้
                ทำแปลงปลูกผักได้ครึ่งวันผมก็รีบเข้าไปในกระท่อมเพื่อปลุกให้คนตัวใหญ่ตื่นมากินข้าวและกินยา เขาไม่ยอมกินข้าวด้วยตัวเอง แต่จะให้ผมป้อน พอกินยาเสร็จ เขาก็นอนหลับไปอีกครั้งแต่กลับเพ้อ
                “มะ..ไม่… อย่าตาย… อ๊ากกกกก!!!“ เขาตะโกนสุดเสียงจนผมสะดุ้งเฮือก แต่ก็จับมือเขาไว้แน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทางจิตใจ เขาบีบมือผมกลับทั้งๆ ที่ยังไม่รู้สึกตัว
                “คะ..คิดถึง… อยู่ด้วยกัน… เหงามากๆ” ผมบีบมือเขาแน่นขึ้น ความรู้สึกสงสารแล่นเข้ามาในหัวใจ เขาใช้ชีวิตแบบนี้มานานแค่ไหนนะ… ชีวิตที่ถูกขัง ชีวิตที่โดดเดี่ยว ตั้งแต่ผมจำความได้ก็เห็นแม่นำอาหารมาให้เขาตลอด… เขาทุกข์ทรมานมานานแค่ไหนกัน
                ความเกลียดชังที่มีต่อเขาค่อยๆ อ่อนลง ถึงจะเกลียดที่ถูกข่มขืน แต่นั่นคงเพราะเขาไม่รู้จักคนอื่น รู้จักแต่แม่ของผม… และเมื่อเจอผมเขาจึงปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศตัวเองออกมา
                ผมมองใบหน้าที่ครึ้มไปด้วยหนวดเคราซึ่งตอนนี้กำลังหลับสนิทอีกครั้ง
                “อายุคุณเองก็คงเยอะแล้วสินะ ความต้องการถึงสูง… ผมจะลืมเรื่องที่คุณทำกับผม… เพราะคุณเองก็น่าสงสาร…”
                หลังจากนั้นสองวัน อาการของเขาก็ดีขึ้นจนเกือบหายสนิท สามารถช่วยงานและทำให้ผมหัวเราะและยิ้มได้ การใช้ชีวิตของเราสองคนจึงเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
                “ฟ้า…” ผมหันไปตามเสียงเรียกขณะกำลังตำน้ำพริก
                มงกุฎดอกไม้ถูกสวมลงบนหัวผม
                “สวย… ไปเก็บมาจากตรงโน้น ฟ้าสวย…”
                ผมสัมผัสมงกุฎที่อยู่บนหัวแล้วยิ้มเหมือนมองเด็กไร้เดียงสา
                “ขอบใจนะ”
                ร่างสูงยิ้มแป้นแล้วมานั่งกอดผมจากด้านหลัง “ดีใจฟ้าอยู่ด้วย… ฟ้าอยู่ด้วยมีความสุข”
                “ผมจะตำน้ำพริกนะ คุณไปอาบน้ำเถอะ”
                เขายู่หน้า “ไม่ชอบ”
               
 
                “คุณไม่ได้อาบน้ำมาสองสามวันแล้วนะ อีกอย่าง คุณอาบน้ำไม่ค่อยสะอาดใช่ไหม ตอนที่ผมเช็ดตัวให้มีแต่ขี้ไคล หนวดเคราและผมรุงรังนี่อีก ผมอยากจะตัดและโกนให้หมดเลย… คราวหลังต้องขอให้พี่อาจเอากรรไกรกับที่โกนหนวดมาให้แล้ว”
                “แต่ไม่อยากอาบน้ำนี่”
                “ไม่ฟังคำพูดผมแล้วเหรอ”
                เขาตาโตแล้วพยักหน้า “ฟังๆ จะฟังนะ ฟ้า…”
                ผมค่อยๆ สัมผัสแผลตรงหัวของเขาที่ถูกตีด้วยไม้จนกลายเป็นแผลเป็น โชคดีที่ไม่ร้ายแรงอะไรมากมาย แต่ผมก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า แต่เพราะไม่สามารถไปหาหมอได้จึงได้แต่รักษาไปตามอาการเท่านั้น
                ผมถอนหายใจเพราะรู้สึกผิดที่เขาถูกทำร้ายเพราะเชื่อฟังคำพูดของผม แต่ถ้าผมไม่ห้าม เขาคงอาละวาดและทำร้ายคนอื่นเหมือนที่ทำร้ายคุณเพชร
                นึกถึงคุณเพชรแล้วผมรู้สึกไม่ดีเลย คุณนายต้องไม่ยอมอยู่เฉยแค่นี้แน่…
 
ooooOoooo
 
                “ฉันไม่ยอมนะ ฉันไม่เลี้ยงมันแล้ว!” เสียงของคุณนายอมรแทบจะกรีดร้องลั่นห้องพิเศษของโรงพยาบาล เพราะลูกชายเพียงคนเดียวถูกทำร้ายโดยไอ้บ้านั่น
                “ใจเย็นสิคุณหญิง”
                “เย็นอะไรคุณเกริก ตาเพชรบาดเจ็บขนาดนี้เนี่ยนะ! ไม่เอา ฉันไม่เลี้ยงมันแล้ว ฉันจะเอามันไปทิ้ง ไม่สิ ฉันจะฆ่ามัน!”
                “คุณหญิง ถ้าฆ่ามัน สิ่งที่เราทำมาหลายปีก็จะเสียเปล่านะ”
                “เหอะ! มันบ้า มันจะจำอะไรได้ เลี้ยงมันให้เสียข้าวสุก! แถมเมียมันยังทำให้ตาเพชรไปลุ่มหลงอีก ทั้งผัวทั้งเมีย ฉันจะไล่มันออกจากบ้านให้หมด!... โธ่ ตาเพชร” คุณหญิงพูดแล้วมองไปยังบุตรชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ แม้จะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่เธอก็แค้นอยู่ดี
                “คุณหญิง ผมว่าอย่าเพิ่งทำอะไรเลยดีกว่า ปล่อยไปก่อนเถอะ”
                “คุณจะรออะไร มันบ้านะ มันไม่รู้อะไรหรอก”
                “แต่มีมันคนเดียวที่รู้นะ พ่อกับแม่มันก็ตายไปแล้ว มีมันคนเดียวที่รู้และบอกเราได้”
                คุณหญิงเม้มริมฝีปากแน่น
                “อีกอย่างคุณก็มีแผนการที่จะช่วยให้เรารู้ความลับเร็วขึ้นแล้วนี่… รอไปก่อนดีกว่าไหม”
                “ก็ได้…ฉันจะรอ” เธอพูดพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นโทร
            คำพูดของสองสามีภรรยาที่พูดถึงการฆ่าคนได้ทำให้ปรางซึ่งกำลังจัดของอยู่ที่ฝั่งครัวในห้องพิเศษนี้ถึงกับชะงักและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้จะฟังไม่ค่อยได้ศัพท์แต่ก็พอจับความได้ว่าทั้งสองคนจะฆ่าไอ้บ้าและคราม… แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ฆ่า เธอจึงถอนหายใจอย่างแรง ไม่ใช่เพราะโล่งอก แต่เพราะไม่พอใจที่ไม่ฆ่า เพราะเธอต้องการกำจัดครามออกไปจากชีวิตของเพชร ปรางกัดเล็บตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกแผนการบางอย่างออก...
 

               

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5]
« ตอบ #49 เมื่อ: 20-09-2016 15:55:49 »





ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่6]
«ตอบ #50 เมื่อ20-09-2016 15:57:01 »

                 ‘จำได้ไหมน้องฟ้า….. ที่พี่บอก’
                ‘จำไม่ได้… ผมจำไม่ได้… ผมขอโทษ’
                ‘ที่พี่บอกน้องฟ้าก็คือ……’
                ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืน ความฝันเกี่ยวกับพี่คนนั้น แต่ผมก็ยังจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร และคำพูดสุดท้ายที่เขาบอกกับผมคืออะไร แม้กระทั่งใบหน้าก็เลือนลาง
                “ฟ้า!” เสียงหัวเราะร่วนของคนตัวใหญ่ที่มาพร้อมกับปลาช่อนตัวโต
                “นี่คุณไปเอาปลาช่อนมาจากไหน”
                “โน่น” มือชี้ไปทางที่มา ผมเบิกตากว้าง
                “คุณไปจับปลาตรงสระน้ำที่ศาลามาเหรอ”
                “ใช่… ให้ฟ้า”
                “คุณอย่าไปตรงนั้นอีกนะ ถ้าคุณนายเห็นจะเดือดร้อนรู้ไหม”
                เขาทำหน้างงแต่ก็พยักหน้ารับ ผมมองปลาช่อนที่เขาจับได้แล้วยิ้ม อย่างน้อยก็มีกินไปอีกมื้อละ ว่าแต่ ทำอีท่าไหนถึงได้ปลามา
                “อาบน้ำแล้วใช่ไหม” ผมถามเขาเมื่อเรากินข้าวด้วยกัน
                 เขาเบือนสายตาหลบไปทางอื่น “อาบแล้ว”
                “โกหก ตัวยังเหม็นอยู่เลย คงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชุดใช่ไหม”
                เขายังคงก้มหน้ากินต่อไม่สนใจ
                “กินข้าวเสร็จอาบน้ำเลยนะ”
                “ไม่… ก็ได้” พอเห็นผมจ้องหน้า เขาก็เปลี่ยนคำพูดแล้วกินข้าวต่อ
                แต่เมื่อผมเห็นวิธีการอาบน้ำของเขาก็ทำให้ผมอึ้งแทบจะเป็นลม อาบน้ำแบบนี้แล้วมานอนกอดผมทุกคืนเนี่ยนะ อาบน้ำโดยการเอาน้ำมาแปะมาลูบแขนลูบขาทั้งๆ ที่เสื้อผ้ายังใส่อยู่เลย
                “นี่คุณ อาบน้ำ ไม่ใช่เอาน้ำมาแปะตัว”
                “หนาวอ่ะ”
                “เฮ้อ งั้นถอดเลย ผมจะอาบให้”
                เขาหยุดชะงักมองหน้าผม
                “ผมจะอาบน้ำให้… ถอดเสื้อผ้าซะ”
                เขาคงอึ้งที่จู่ๆ ผมก็ให้ถอดเสื้อผ้า ไม่คิดว่าเขาจะอายเป็นด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะให้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเลย ผมให้เขาปิดประตูห้องน้ำก่อนแล้วค่อยถอดเสื้อผ้า ก่อนจะส่งผ้าเช็ดตัวให้พันปกปิดช่วงล่าง ผมจึงเข้าไปอาบน้ำให้
                “แสบตา แสบ” เขาโวยวายเมื่อแชมพูบนหัวไหลผ่านใบหน้า
                “อดทนหน่อยสิคุณ” ผมขยี้ผมของเขาแล้วเอาพวกเศษต่างๆ ที่ติดบนเส้นผมออก
                “แสบตา!”
                “ไหน..ไหน…” ผมล้างมือแล้วย่อตัวมองเขาที่นั่งอยู่
                “แสบมากไหม” ผมใช้มือเช็ดฟองออก
                เขามองหน้าผมนิ่ง… เราสองคนมองหน้ากันก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายละจากใบหน้าของเขาไปสระผมให้ต่อ
                รู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆ คงเพราะหน้าอยู่ใกล้กันเกินไป
                “ฟ้า…”
                “อะ..อะไร…”
                “…อยากเรียก…” เขายิ้มตาหยี
                ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า
                หลังจากสระผมเสร็จ ผมก็ลงมือขัดขี้ไคล ขัดตัว เหมือนแม่ที่อาบน้ำให้ลูก แต่พอเห็นหนวดเครา ผมก็รู้สึกไม่พอใจ อยากโกนให้จริงๆ
                “ขาวไหม”
                ผมหันไปมองเขาขณะที่ผมกำลังซักผ้า แล้วก็ต้องหัวเราะเมื่อเห็นคนตัวใหญ่ทาแป้งบนใบหน้าซะขาววอก แถมยังเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด อีกไม่นานคงไม่มีแป้งใช้แน่ๆ
                “หึ แป้งหมดกระป๋องแล้วมั้ง ทำไมทาซะขาวแบบนี้ล่ะ”
                เขายิ้มแล้ววิ่งมากอดผมจากด้านหลัง “แป้งหอม…แต่ฟ้าหอมกว่า…”
                ผมเกร็งเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็โดนกอด แต่ก็ยอมให้เขากอดแต่โดยดี
                “รักฟ้านะ… รักฟ้าที่สุดเลย อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
                ผมนิ่งไม่ตอบอะไรกลับไป แต่ใจแอบสั่นไหวนิดๆ
                “คราม! คราม!” เสียงเรียกทำให้ผมหยุดซักผ้า ผมรีบล้างมือแล้วเดินไปพบเจ้าของเสียง    พี่ปรางเดินมาหาทำหน้าไม่ชอบใจคล้ายขยะแขยงเมื่อเห็นร่างสูงข้างๆ ผม
                “พะ..พี่ปราง” ผมเอ่ยเรียกไม่เต็มคำนัก เพราะตอนนี้ความรู้สึกดีที่เคยมีให้พี่ปรางมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
                “มีอะไรเหรอครับ”
                “ขอคุยด้วยหน่อย… เป็นเรื่องด่วนมากๆ…”
                “เรื่องด่วนเหรอครับ…”
                “ใช่… ตะ..แต่คุยสองคนนะ เอาไอ้บ้านี่ไปที่อื่นก่อน” พี่ปรางชี้ไปที่คนร่างสูงใหญ่ที่กำลังกอดผมอยู่อย่างหวงแหน
                “ก็ได้ครับ คุณ… ไปเดินดูแปลงผักนะครับว่าขึ้นหรือยัง เดี๋ยวผมขอคุยกับพี่ปรางก่อน”
                เขากอดผมนิ่งเหมือนคิดก่อน แต่ก็ทำตามแต่โดยดี แววตาที่ส่งไปทางพี่ปรางก็บ่งบอกว่าไม่ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน
                “นั่งก่อนสิครับ พี่ปราง” ผมบอกพี่ปรางให้นั่งลงบนแคร่ไม้
                “มะ..ไม่ล่ะ แค่มาบอก”
                “แล้วมีอะไรเหรอครับ”
                “ครามต้องหนี!”
                ผมขมวดคิ้วด้วยความงง
                “หนีอะไรครับ?”
                “หนีไปจากที่นี่น่ะสิ พวกคุณท่านกำลังจะตามฆ่าไอ้บ้าและครามรู้ไหม”
                ผมอึ้งไปพักหนึ่งด้วยความงง พวกคุณท่านจะฆ่าพวกผมเหรอ… ไม่จริงหรอก ก็คุณท่าน… หรือว่าเพราะทำร้ายคุณเพชร ทุกอย่างจึง… แต่ถึงกับต้องฆ่าทิ้งเลยเหรอ
                “จะ..จริงเหรอครับพี่ปราง”
                “จริงสิ! วันนี้พี่ไปโรงพยาบาลกับพวกคุณท่าน ได้ยินคุณท่านพูดว่าจะฆ่าทั้งสองคน         พรุ่งนี้!”
                ร่างกายผมสั่นเทิ้มด้วยความกลัวและความเศร้า จะฆ่าพวกผมจริงๆ น่ะเหรอ… ทำไมถึงได้โหดร้ายกันขนาดนี้… ผมคิดผิดไปสินะที่เคารพพวกท่านมาโดยตลอด เป็นเจ้านายที่ต้องเทิดทูน เพราะแม่เป็นคนสอนสั่งว่าให้ภักดีกับพวกคุณท่าน แล้วตอนนี้อะไร ถึงแม้คุณเพชรจะได้รับ               บาดเจ็บ แต่การลงโทษแบบนี้มันเกินไป… เขาเห็นคนเป็นอะไร…
                “ผมแจ้งตำรวจดีไหมพี่ปราง”
                พี่ปรางเบิกตากว้างอึกอักก่อนจะเอ่ยพูด
                “ยะ..อย่าเชียวนะ! คิดว่าคนใช้อย่างครามจะชนะคดีเหรอ นั่นน่ะคนรวยนะ ใช้อำนาจทุกอย่างในคดีอยู่แล้ว!... มีทางเดียวก็คือหนี! อย่าแจ้งตำรวจเชียวนะ!”
                “แต่…”
                “แจ้งไปก็เท่านั้นแหละ เรื่องยังไม่เกิดขึ้นนี่ ตำรวจจะเชื่อไหมล่ะ… เอาเป็นว่าครามต้องหนีคืนนี้เลยนะ…” พี่ปรางพูดพร้อมกับหยิบบางอย่างมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยัดใส่มือผม
                “นี่กุญแจรั้ว พี่ไปขอตาสงวนมา… คืนนี้หนีได้เลยนะ พี่จะพาไปที่รั้วให้”
                “นะ..หนี แล้วผมจะหนีไปไหนล่ะครับ”
                “จะรู้ได้ไงล่ะ! หนีๆ ไปก่อนเถอะ อยากตายนักหรือไง!” พี่ปรางพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย
                “แล้วแม่... ผมต้องรีบไปหาแม่… ผมจะพาแม่หนีไปด้วย!” ผมรีบลุกแต่พี่ปรางยั้งไว้
                “จะบ้าหรือไง! ตอนนี้ครามไปบ้านใหญ่ไม่ได้นะ”
                “ตะ..แต่ผมจะหนีไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ผมต้องพาแม่ไปด้วย…”
                “นี่อยากให้น้าฝนโดนฆ่าตายด้วยเหรอไง บุญแค่ไหนแล้วที่คุณท่านไม่ฆ่าน้าฝนด้วย ถ้าพาน้าฝนหนีมีหวังได้โดนฆ่าไปด้วยแน่ๆ”
                “ฮึก..ก… แต่ผม…..”
                “เอาเป็นว่าคืนนี้หนีไปนะ… ฉันจะมาเรียกเมื่อทุกอย่างโอเค” พูดจบ พี่ปรางก็รีบเดินจากไป ผมทรุดนั่งร้องไห้อย่างสิ้นหวัง… ผมต้องหนีจริงๆ ใช่ไหม ...จะหนีไปไหน… จะทิ้งแม่ไว้เหรอ… ทั้งยังไม่มีเเม้เเต่คำบอกลา…
                “ฮึก..ก…”
                “ผักยังไม่ขึ้นเลยฟ้า... ฟ้า!... ฟ้าร้องไห้เหรอ” คนตัวใหญ่ตะโกนด้วยความตกใจแล้วรีบเข้ามากอด
                ผมกอดตอบแล้วปล่อยโฮ
                “ฟ้า… อย่าร้องไห้… ร้องไห้ทำไม โดนคนนั้นทำร้ายเหรอ” เขาเตรียมจะไปหาพี่ปราง   แต่ผมรีบรั้งไว้
                “ไม่ใช่...”
                “แล้วฟ้าร้องไห้ทำไม…”
                ผมกลั้นสะอื้นแล้วตอบอย่างเจ็บปวด “เราสองคน….ต้องหนี….”
                “.....”
                “คุณท่านจะฆ่าเราพรุ่งนี้ เราต้องหนี… ฮึก..ก… หนีไปกันสองคน…”
                เขานิ่งแต่ก็กอดผมไว้เหมือนเดิม
                “หนี… ไปกับฟ้าเหรอ”
                “อืม… หนี… เราอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว…”
 
ooooOoooo
 
                เพล้งงง! เสียงจานในครัวหล่นแตก ทำให้ทุกคนหยุดมือที่กำลังทำอาหารกลางวันแล้วหันไปยังต้นเสียง
                “ฝนเป็นอะไร”
                “ขะ..ขอโทษนะดา คือฉันเผลอปัดจานร่วงน่ะ”
                “เฮ้อ… ใจลอยอะไรล่ะ”
                “…ฉันเป็นห่วงคราม… หลังจากวันนั้นพวกเราก็ไม่ได้ไปหาเลย… ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
                ปรางที่กำลังเช็ดจานแอบหัวเราะอย่างสะใจ เพราะคืนนี้พวกมันสองคนจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ และหลังจากนั้นก็จะโดนไล่ฆ่าของจริง พอครามออกไป ศัตรูหัวใจที่คอยเกาะแกะคุณเพชรก็หายไปเช่นกัน
                “ยิ้มอะไรของเอ็งนางปราง”
                “ไม่มีอะไรนี่ป้า…”
                “อ้าว ตาสงวนไปทำอะไรมา เหงื่อซ่กเชียว” พรเอ่ยถามขณะปรุงอาหาร เห็นตาสงวนเดินหอบเหงื่อโทรมกาย
                “ข้าทำกุญแจประตูรั้วหายน่ะสิ”
                “ว่าไงนะ!” ทุกคนตกใจ
                “หายที่ไหนล่ะ”
                “ถ้ารู้จะหาไหมล่ะ แม่ดา… แต่ข้าว่าข้าเอาไว้ในห้องตรงที่ประจำ แต่มันกลับหายไป”
                “ข้าก็บอกแล้วว่าให้หัดล็อกห้องซะบ้าง... เอ็งโดนคุณท่านด่าแน่” พรเอ่ยต่อ
                “เฮ้ย ไม่มีใครขโมยกุญแจประตูรั้วหรอก ข้าคงทำหายนั่นแหละ เฮ้อ... ข้าล่ะเครียด”
                “เดี๋ยวเสร็จงานแล้วพวกฉันจะช่วยหานะ เฮ้อ... พักนี้ทำกุญแจหายกันบ่อยจริง พอแก่ก็เริ่มหลงๆ ลืมๆ กันหมด”
                ปรางยกยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ
 
ooooOoooo
 
                แปะ!
                “ฟ้า… ยุงกัดแล้ว”
                ผมกับร่างสูงกำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้รอพี่ปรางมาพาหนี นอกจากเสื้อผ้าที่ใช้ผ้าผืนบางห่อ ก็มีเงินเก็บจำนวนหนึ่งของผมเท่านั้นที่เอาติดตัวไปด้วย
                “ยุงก็กัดคุณนะ…” ผมใช้มือไล่ปัดยุงให้เขา เขายิ้มแล้วนอนหนุนตักผม
                “เราจะไปไหนกันเหรอฟ้า”
                ผมนิ่งยากจะเอ่ยตอบ “ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้…”
                “ที่ไหนที่มีฟ้า… อยู่ได้ทั้งนั้น…”
                “จริงสิ ผมจะบอกคุณตั้งนานแล้วว่าจะตั้งชื่อให้คุณ... เพราะคุณควรมีชื่อ” ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังซึ่งกำลังทำตาลุกวาวดีใจเมื่อผมจะตั้งชื่อให้
                “ผมอยากให้คุณชื่อว่าหินผา… เพราะคุณแข็งแกร่งดั่งหินผา เอ่อ… คุณชอบไหม”
                “ชอบที่สุดเลย หินชอบชื่อนี้!” เขาลุกนั่งแล้วกอดผมแน่น “หินชอบฟ้า! รักฟ้าที่สุดเลย!”
                ผมยิ้มแล้วตบหลังตอบเบาๆ
                “แหวะ!” เสียงของใครบางคนดังขึ้น ผมผละกอดจากหินแล้วหันไปมอง
                “พี่ปราง”
                “เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม ตามมา”
                เราสองคนเดินตามพี่ปรางอย่างระมัดระวัง กลางคืนเงียบสงัดทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ทั้งกลัวว่าจะมีคนมาฆ่า และเสียใจว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
                “กุญแจไม่ได้ทำหายใช่ไหม”
                “ครับ…” ผมหยิบกุญแจออกมา
                “ไขประตูรั้วนี่ซะ แล้วก็รีบๆ ออกไป”
                “พี่ปราง ผมขอไปลาแม่ก่อนได้ไหมครับ แค่แป๊บเดียวเอง แล้วผมจะรีบมา”
                “ไม่ได้! จะมัวช้าอะไร รีบไปได้แล้ว” พี่ปรางแย่งกุญแจจากมือผมไปแล้วเปิดรั้วออก
                “พี่ปราง……”
                “ไปได้แล้ว ไม่ต้องกลับมาอีกนะ”
                พี่ปรางจับตัวผมและผลักออกไปข้างนอก ส่วนหินก็เดินตามผมออกมา ก่อนที่พี่ปรางจะล็อกกุญแจรั้วกลับตามเดิม
                “ฝากดูแลแม่แทนผมด้วยนะครับ ฮึก… บอกแม่ว่าผมรักแม่มากๆ และก็ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลอีกแล้ว ฮือๆๆ” ผมบอกทั้งน้ำตา
                “เออๆ พวกแกก็ไปๆ ได้ละ แล้วจำไว้นะว่าห้ามกลับมาอีก!” พี่ปรางเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่รอฟังแม้คำขอบคุณจากผม
                ผมยืนอยู่อย่างสิ้นหวัง แล้วผมจะไปอยู่ที่ไหน...
                “ฟ้า…..” มือหนาบีบมือผมแน่น “ยังมีหินนะ จะอยู่ข้างๆ ฟ้า”
                ผมพยักหน้าทั้งน้ำตาแล้วจูงมือหินไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย เราสองคนนั่งคอยตรงป้ายรถเมล์ หลังจากที่เดินทิ้งระยะห่างจากบ้านมาพอสมควร
                “ง่วงนอน…” หินพูดแล้วนอนหนุนตักผม
                “นอนเถอะ ถ้ารถมาผมจะเรียกนะ”
 
 
                ผมปัดยุงให้เขาแล้วลูบหัว ถ้าถามว่าผมโกรธเขาไหมที่เป็นตัวต้นเหตุ ผมเคยโกรธ…        แต่เรื่องเกิดขึ้นแล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้ และหน้าที่ผมตอนนี้ก็คือดูแลเขาตามที่แม่ขอร้องไว้
                ผมมองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นอนหนุนตักผมไม่ต่างจากเด็กน้อย ใครจะคิดว่าคนที่นอนหนวดเฟิ้มคนนี้เพิ่งจะเคยออกมาสู่โลกกว้าง ตลอดทางที่เดินมาด้วยกันเขาหวาดกลัวตลอดเวลา เห็นรถผ่านไปก็แทบจะวิ่งหนีเพราะไม่เคยเห็น แต่เขาก็พูดปลอบใจผมเช่นกันว่า
                “หินจะอยู่ข้างๆ ฟ้านะ” พูดปลอบทั้งที่เสียงและมือสั่น
                “ตอนนี้มีแค่เราสองคนจริงๆ แล้วนะ… ผมจะดูแลคุณเอง” ผมพูดบอกเขาที่นอนหลับตา
                หลังจากนั้นสักพักรถเมล์ก็มา เราสองคนขึ้นไปนั่งอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะสิ้นสุดตรงไหน… ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อค้นหาคำตอบของโชคชะตา…..
 

 
 

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เพชรก็น่ารักนะจริงๆ
แค่ไม่ได้เป็นพระเอก  :ling2:

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
หินผา.. น่ารักกกกกกก ><
ปมเยอะดี น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ รอค่ะะะ

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สู้ๆนะทั้งสองคน อย่ายอมแพ้นะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จะเป็นยังไงต่อไปน่ะ  ลุ้นต่อ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอตอนต่อไปค่ะ :katai5:

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ทำไมดูคุณนายมีอิทธิพลจัง ทุกคนกลัวกันหมด

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ปรางนี่เข้าขั้นนะ  แม่เขาขนาดนั้นยังคิดจะได้เพขรอีกหรอ   :m31:

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้ๆนะทั้งสองคน ขอให้ไปอยู่ในที่ดีๆละ   :sad4: :o12:

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ขอบคุณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด