ธีรชาติผิวปากเป็นทำนองเพลงฮิตจากวงดับเบิลยูที่มีจั๊ก ชวิน ศิลปินคนโปรดของจินดาเป็นผู้ร้องไว้ในขณะที่มือทั้งสองข้างก็หยิบจับวัตถุดิบปรุงอาหารชั้นดีมาหั่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
วันนี้คู่ค้าที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากสวิตเซอร์แลนด์นำช็อคโกแล็ตคุณภาพเยี่ยมมาฝากเขาหนึ่งกล่องใหญ่ๆ
...ถ้าจินดาเห็นรับรองได้ว่าต้องทำตาโตเป็นเด็กๆแน่...
...ก็รายนั้นน่ะชอบกินของหวานระหว่างลุยงานยิ่งกว่าอะไรดี...
แล้วไหนๆก็มีช็อคโกแล็ตระดับพรีเมี่ยมมารอเสิร์ฟปิดท้ายมื้อเย็นแล้ว ธีรชาติก็อยากจะทำจานหลักให้มันสมศักดิ์ศรีสักหน่อย อาหารที่เขากำลังจัดเตรียมอยู่ในครัวตอนนี้จึงดูอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ
...อยากจะเห็นตอนจินดากินไปอมยิ้มเสียจนแก้มตุ่ยไป...
หลายคราวที่พ่อสถาปนิกคนดีออกปากชมเปาะว่าฝีมือการทำอาหารของธีรชาตินั้นเอร็ดอร่อยเหมือนอาหารในภัตตาคารห้าดาว ซึ่งไม่ว่าเมื่อใดที่ได้ยินแบบนั้นหัวใจของผู้บริหารหนุ่มก็เป็นอันต้องพองคับอกทุกครั้งไป
...สนุกที่ได้ดูแล...
...แล้วก็อยากจะดูแลแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ...
เสียงประตูที่ถูกเปิดและปิดลงไปภายในระยะเวลาอันสั้นเป็นสัญญาณบอกให้นักธุรกิจคนดังได้รู้ว่าตอนนี้จินดากลับมาถึงห้องแล้ว
“กลับมาแล้วครับ” นั่นอย่างไร...ถ้อยคำรายงานตัว
รอยยิ้มหล่อเหลาถูกวาดขึ้นบนริมฝีปากได้รูป ชายหนุ่มยังคงไม่หยุดมือที่กำลังปรุงอาหารพลางในใจก็นึกตำหนิตัวเองไปด้วยว่าท่าทางจะเป็นเอามาก..แค่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็ดีอกดีใจหนักหนา ทำอย่างกับว่าเป็นเด็กหนุ่มรุ่นนมเพิ่งแตกพานอย่างไรอย่างนั้น
อดใจรออยู่เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าของจินดาก็แว่วเข้าหูมา วันนี้ประตูเลื่อนบานกระจกของห้องครัวถูกแง้มไว้เล็กน้อย สถาปนิกหนุ่มจึงไม่ต้องเสียแรงเปิด
“สวัสดีครับพี่..ทำอะไรกินเหรอ? หอมไปถึงข้างนอกเลย”
“รอดู” ธีรชาติตอบกลับก่อนจะหันมายักคิ้วหนาเข้มให้คนถามไปเสียหนึ่งที “รับรองว่าคืนนี้จินพุงกางแน่ๆ”
“มีอาหารฝีมือพี่มื้อไหนบ้างที่ผมกินแล้วไม่พุงกาง” จินดากล่าวกลั้วหัวเราะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะธีรชาติหูเฝื่อนไปเองหรืออย่างไรเขาถึงได้รู้สึกว่าสุ้มเสียงของอีกฝ่ายนั้นฟังดูไม่ค่อยแจ่มใสอย่างที่ควรจะเป็นเท่าใดนัก
“ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ก็คงพุงแตกเลยล่ะ..จินไปอาบน้ำรอไป อีกสักพักใหญ่ๆนู่นแน่ะกว่าพี่จะทำเสร็จ”
“ครับ”
แม้ปากจะตอบรับ ทว่าสองขาของนักออกแบบหนุ่มกลับยังหยุดยืนอยู่ที่เดิม
จินดาวางสายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังของคุณพ่อครัวคนเก่งนิ่งๆราวกับกำลังชั่งใจ เรื่องที่ตกลงกับโกวิทไว้เมื่อช่วงกลางวันคือสิ่งที่เขาพกใส่กระเป๋ากลับมาจากออฟฟิศ
...ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ทำไมถึงได้รู้สึกลำบากใจนักก็ไม่รู้...
“..พี่ชาติครับ..” ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ธีรชาติหันกลับมามองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ครับ?”
“..คือ..ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่นิดหน่อย..”
คงเป็นเพราะน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังผสมกับสีหน้าสีตาที่หม่นกว่าวิสัยเดิมอยู่เล็กน้อยธีรชาติจึงรับรู้ถึงความไม่ปกติของสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว มีดในทำครัวในอุ้งมือหนาถูกวางลงบนเขียงไม้ดีไซน์สวยตอนนั้นเอง
“มีอะไรเหรอ?”
จินดานิ่งไปครู่ ลูกตาดำขลับในกรอบเรียวรีหลุบต่ำหนีการประเมินของอีกฝ่าย “..วันนี้พี่โก๋รู้เรื่องแล้วล่ะ..”
“..รู้เรื่อง?..”
“เรื่องที่ผมแอบทำงานมาเสนอลิงเกอร์คอร์ปฯด้วยตัวเอง”
“อ้อ..แล้วเขาว่ายังไงบ้าง?”
“พี่โก๋บอกว่าจะไม่บอกป๋าจนกว่าจะถึงวันไฟนอลพรีเซ็นต์” สถาปนิกหนุ่มกล่าวด้วยจังหวะเนิบช้า “...แล้วพี่โก๋ก็บอกว่าเดี๋ยวจากนี้ไปเขาจะมาช่วยผมอีกแรง...”
คิ้วหนาเข้มของธีรชาติขมวดตัวเข้าหากันน้อยๆ
...หากเข้าใจไม่ผิด สิ่งที่เพิ่งจะได้ฟังจากปากของคนตรงหน้าน่าจะหมายความว่า...
“..ผมก็เลยคิดว่าหลังจากวันนี้ผมจะไม่รบกวนพี่แล้วครับ..”
...เหมือนใครยื่นมือมาปล่อยจุกลมยาง...
...ใจที่มันเพิ่งจะพองๆอยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนของธีรชาติค่อยๆเหี่ยวฟีบลงเพียงได้ฟังประโยคเมื่อสักครู่...
“เฮ้ย..ถึงจะมีคุณโก๋มาช่วยเพิ่มอีกคน พี่ก็ยังช่วยจินได้เหมือนเดิมนี่นา ดีซะอีกไม่ใช่เหรอ? ช่วยกันทำสามคนงานจะได้เสร็จไวขึ้น”
“เกรงใจอะพี่ รบกวนพี่มาเป็นเดือนๆแล้ว ผมว่าผมคืนเวลาส่วนตัวให้พี่ดีกว่า อีกอย่างพี่โก๋แกก็เป็นคนทำงานไวมาก โปรฯกว่าผมสักสิบเท่า เพราะ’งั้นผมว่ามีแค่สองคนก็น่าจะเหลือเฟือแล้วครับ ไว้วันไหนเดี๋ยวผมขอพาพี่ไปเลี้ยงข้าวขอบคุณบ้างนะ ซาบซึ้งใจมากจริงๆที่ช่วยกันมาจนถึงวันนี้”
ผู้บริหารหนุ่มผ่อนลมหายใจออกจนสุดปอด ดวงตาคู่คมวางนิ่งแช่ค้างอยู่ที่พื้นผนังเรียบๆ ไม่มีจุดโฟกัส ไม่มีจุดสนใจ
“...จินไม่ได้รบกวนอะไรพี่สักหน่อย...” เขากล่าวออกไปเพียงแผ่วเบาแล้วปล่อยให้บรรยากาศรอบกายเงียบไปอีกนาน
สิ่งที่จินดาเพิ่งพูดมามันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี ในเมื่อรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่สนิทสนมกันมาก่อนหลายปีจะยื่นมือเข้ามาช่วยก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธน้ำใจแล้วยังทู่ซี้ใช้งานคนที่ไม่มีความถนัดมากพอต่อไปเรื่อยๆ หากธีรชาติเป็นจินดา ธีรชาติเองก็คงเลือกทางนั้นเหมือนกัน
...ในเมื่อหาข้ออ้างมายื้อไว้ไม่ได้ เขาจะทำอะไรได้นอกจากต้องปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปตามการตัดสินใจของเจ้าตัว...
“...ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวมากินข้าวกัน...” ผู้บริหารหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้มใจดีก่อนจะหันหลังกลับไปลงมือทำครัวต่อโดยไม่มีการแสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่จินดาเพิ่งจะแจ้งไว้อีกเลย
.
.
.
...อาหารมื้อเย็นวันนี้อร่อยมาก ทั้งจานหลักและของหวาน...
...สมกับเป็นมื้อสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสได้มานั่งกินข้าวในเพนต์เฮาส์ราคาหลายสิบล้านแห่งนี้...
เมื่อครู่ ระหว่างการร่วมโต๊ะอาหารธีรชาติยังคงพูดคุยกับเขาเหมือนปกติ ใบหน้าคมคายเจือรอยยิ้มชวนมองเช่นทุกคราว ไม่มีสิ่งใดผิดแปลก ไม่มีอาการผิดหวัง
...ก็แน่ล่ะ...
...จะผิดหวังทำไม...
...ภาระหายไปจากชีวิตทั้งคนเชียวนะ...
จินดานึกค่อนขอดตัวเองอยู่ในใจว่าคิดอะไรประหลาดนัก นาทีนี้คงมีตัวเขาเพียงผู้เดียวที่รู้สึกห่อเหี่ยวใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลกว่าแม้ดวงตาจะปิดสนิทมาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถข่มใจให้หลับลงได้เสียที
...ทั้งที่เรื่องราวมันก็สมเหตุสมผลออกปานนี้ แต่เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกกระสับกระส่ายนักไม่รู้...
ภายในห้องๆเดิม สุภาพบุรุษสองคนยังคงแบ่งเตียงกันนอนไม่ต่างจากคืนที่ผ่านๆมาแม้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่จินดาจะอาศัยชายคาห้องของธีรชาติเป็นที่ซุกหัวนอนก็ตามที
เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่มันไม่ได้มีอะไรพิเศษหนักหนา ไอ้กิจกรรมหรือบทสนทนาประเภท ‘ทิ้งทวน’ จึงไม่ได้เกิดขึ้น
...ทุกอย่างเป็นปกติจนน่าใจหาย...
จินดาทำแผ่นหลังงองุ้มขดตัวเข้าหากันเหมือนตัวเม่นด้วยหวังว่าการสร้างความอบอุ่นให้ตัวเองด้วยวิธีนี้จะทำให้การดับสติเป็นไปได้ง่ายขึ้น
...รีบๆหลับได้แล้วไอ้จินเอ๊ย...
...ขืนยังไม่เลิกฟุ้งซ่านสักทีมีหวังพรุ่งนี้ลุกไปทำงานลำบากแน่...
ราวกับความรู้สึกนึกคิดเชื่อมถึงกัน ธีรชาติตอบสนองต่ออากัปกิริยาของจินดาแทบจะในทันที
...ร่างกายสูงใหญ่ของผู้บริหารหนุ่มเขยิบเข้าหาคนขี้หนาวด้วยความเคลื่อนไหวอันแผ่วเบา...
ธีรชาติไม่ได้เพียงทาบแผ่นอกเข้ามาชิดเหมือนอย่างครั้งก่อนเท่านั้น หากแต่คราวนี้สัมผัสของนักธุรกิจคนดังยังมาพร้อมกับท่อนแข็งแกร่งทั้งสองข้างที่ค่อยๆเลื้อยเข้ามาโอบรัดรอบเอวของจินดาเอาไว้ด้วย
...คนถูกกอดเผลอตัวกลั้นหายใจราวกับเป็นปฏิริยาอัตโนมัติ...
วันนี้จินดาไม่ได้นอนหันหลังให้อีกฝ่าย ศีรษะของเขาถูกฝ่ามือหนาใหญ่กดให้ซุกลงไปที่บริเวณใต้ไหปลาร้า
...ละเมอบ่อยจัง...
ดวงตาเรียวรีที่บัดนี้ได้เปิดขึ้นแล้วกะพริบปริบๆอยู่สองถึงสามที ไออุ่นจากร่างกายของคนตัวใหญ่กว่าทำให้เขาต้องรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
...ก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจ...
...เพียงแต่ว่าอ้อมกอดในคราวนี้มันมาได้อย่างถูกจังหวะดีเหลือเกิน...
จินดานอนนิ่งชั่งใจอยู่ในท่านั้นนานเกือบนาทีกว่าที่จะได้บทสรุปให้ตัวเอง
...ไหนๆก็เป็นคืนสุดท้ายที่จะมีโอกาสได้คลุกคลีกับธีรชาติอย่างสนิทแนบแน่นแบบนี้แล้ว มันมีบางอย่างที่อยู่ดีๆเขาก็นึกอยากทำขึ้นมา...
...ไอ้สิ่งที่เรียกว่าการ ‘ทิ้งทวน’ นั่นแหละ...
สถาปนิกหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะกลั้นไว้ราวกับว่าตัวเองเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่กำลังจะพุ่งตัวลงสระ เขาค่อยๆขยับมือข้างหนึ่งขึ้นโอบตอบไปรอบลำตัวของผู้บริหารคนดังด้วยท่าทางที่แสนจะเก้กัง
...ไม่กล้ารัดแน่นแบบที่อีกฝ่ายทำกับเขาหรอก ก็กลัวว่าจะตื่นเอาน่ะสิ...
ใบหน้าอ่อนเยาว์ซุกเข้าไปใกล้แผ่นอกกว้างเสียยิ่งกว่าเก่าแล้วต่อจากนั้นเปลือกตาจึงจะค่อยๆทิ้งตัวปิดลงไปอีกครั้ง
...เพิ่งรู้ว่าการนอนท่านี้มันอุ่นเพียงใด...
...อุ่นมากจนไม่อยากให้คืนนี้ผ่านพ้นไปเลยจริงๆ...
.
.
.
รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นข้างริมฝีปากของธีรชาติ มันเป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นท่ามกลางความรู้สึกห่อเหี่ยวที่มีมาตั้งแต่ตอนจินดาเดินเข้ามาบอกว่าจะไม่ขอรับน้ำใจของเขาอีกต่อไป
...ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากเท่านี้อีกไหม...
...ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาทำให้จินดายอมอยู่ใกล้กันหากไม่มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง...
ธีรชาติกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด ดูเหมือนคืนนี้พ่อสถาปนิกคนดีเองก็คงต้องการความอบอุ่นมากกว่าคืนไหนถึงได้ซุกตัวเขามาเสียชิดขนาดนี้
คิดๆไปก็น่าหงุดหงิดเหลือเกินที่เขาไม่สามารถโอบกอดดั่งใจหมายหากอีกฝ่ายไม่ได้หลับ จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคงคืบหน้าเร็วกว่านี้มากถ้าจินดาเป็นผู้หญิงหรืออย่างน้อยก็เป็นเกย์ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ไม่แน่ว่าเมื่อช่วงหัวค่ำเขาอาจจะโพล่งบอกความรู้สึกออกไปแล้วก็ได้...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คีย์การ์ดใบน้อยถูกเจ้าของตัวจริงส่งคืนกลับไปสู่มือของคนเคยอาศัย “ไม่ต้องคืนพี่หรอก จินเก็บไว้เถอะ” ธีรชาติกล่าวเสียงอ่อนพลางวางสายตาจับจ้องไปยังดวงหน้าต้องแสงจันทร์ของอีกฝ่ายนิ่งๆ
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งกันอยู่บนรถ ข้าวของทั้งหมดที่จินดาเคยทิ้งไว้ในเพนต์เฮาส์กลางทองหล่อถูกนำกลับมาสู่บ้านเช่าเก่าโทรมหลังเดิมอีกครั้ง
“ให้ผมเก็บทำไม? ผมคงไม่ได้ไปห้องพี่บ่อยๆแล้ว”
“วันไหนว่างก็แวะมาเที่ยวสิ มากินข้าวกันก็ได้...พี่อยากให้จินเก็บไว้ ห้องพี่ยินดีต้อนรับเสมอ”
“พี่ชาติ...”
“แล้วก็...ถ้ามีอะไรก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ พี่แสตนด์บายรออยู่ข้างสนามแล้วกัน วันไหนคุณโก๋เขาไม่ว่างก็เรียกพี่มาช่วยได้ โอเค?”
จินดามองตอบสายตาของธีรชาติด้วยความรู้สึกวูบโหวงในอก
“ขอบคุณนะครับพี่...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย”
“ไม่เป็นไร..ยินดี” เมื่อสิ้นเสียงฝ่ามือหนาใหญ่ก็วางแหมะลงมาบนศีรษะทุยมน หัวของจินดาถูกโยกไปมาราวกับว่าเขานั้นเป็นเด็ก แต่แม้กระนั้นสถาปนิกหนุ่มก็ไม่ได้นึกขัดข้องแต่อย่างใด
ในตอนนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์ของรถอีกคันที่เคลื่อนเข้ามาจอดอยู่ทางด้านหลังก็เบนความสนใจจากคนทั้งสองไป
“อ้ะ..รถพี่โก๋นี่” จินดาอุทานออกมาเบาๆแล้วจึงไล่สายตามองตามร่างของรุ่นพี่คนสนิทที่เดินตรงเข้ามายังประตูเบนซ์ฝั่งที่เขากำลังจับจองอยู่โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ธีรชาตินั้นเบือนหน้าหนีออกไปนอกรถด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเสียแล้ว
นักออกแบบหนุ่มเลื่อนกระจกให้ลดระดับลงจนสามารถพูดคุยกับโกวิทได้อย่างสะดวกปากสะดวกหู “สวัสดีพี่ นี่ถ้าพี่มาเร็วกว่านี้อีกนิดเดียวสงสัยได้นั่งรอหน้าบ้านแล้วนะเนี่ย”
“เออ กูก็กะเวลาไว้แล้วล่ะว่ามึงจะมาถึงประมาณนี้...สวัสดีครับคุณชาติ” ถ้อยคำที่ท้ายประโยค โกวิทส่งมันออกไปให้ผู้บริหารคนดังที่เพิ่งจะหันมาคลี่ยิ้มแห้งผากไร้ชีวิตชีวาให้เขา
“สวัสดีครับคุณโก๋”
“ที่ผ่านมาต้องขอบคุณคุณชาติมากนะครับที่ช่วยเหลือน้องชายผมมาโดยตลอด สัญญาว่าจากนี้ผมจะไม่ปล่อยให้มันไปกวนใจคุณแล้ว ถ้าดื้อมากเดี๋ยวจะล่ามคอไว้กับกรงเลย” สถาปนิกรุ่นกลางกล่าวกลั้วหัวเราะ ท่าทางดูสดชื่นผิดกับคนฟังลิบลับ
“ผมไม่ใช่หมา!”
“แล้วกูพูดตอนไหนว่ามึงเป็นหมา? มาๆ ลงมาได้แล้ว เดี๋ยวกูช่วยขนของขึ้นห้อง”
กระจกถูกเลื่อนให้ปิดสนิทดังเดิม จินดาหันกลับมาหาคนที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งเขาถึงที่เป็นครั้งสุดท้าย “ขอบคุณอีกทีครับพี่ ผมไปก่อนนะ...ไว้เจอกันใหม่วันพรีเซ็นต์...”
“อืม..เจอกัน”
เมื่อร่ำลากันจบพิธีสถาปนิกหนุ่มก็ตั้งท่าจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ หากแต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร ข้อมือข้างที่อยู่ใกล้ที่นั่งคนขับก็ถูกอีกฝ่ายยึดไว้เสียก่อน
จินดาหันกลับมามองเจ้าของสัมผัสโดยพลัน “..ม..มีอะไรเหรอ?..”
ดวงตาลุ่มลึกของธีรชาติจับจ้องแน่วแน่มาที่เขาโดยไม่ได้สนใจใครอีกคนที่กำลังยืนสังเกตการณ์อยู่ทางด้านนอกตัวรถเลยแม้แต่น้อย
“...โทรฯหาพี่บ้างนะจิน...”
นิ้วหัวแม่มืออุ่นร้อนของนักธุรกิจคนดังที่ขยับลูบไปมาอยู่บนท่อนแขนทำให้จินดารู้สึกเก้อเขินขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
...หากไม่ติดว่ารุ่นพี่คนสนิทกำลังยืนรออยู่ทางด้านนอกนั่น เขาคงประวิงเวลานั่งอ้อยอิ่งติดเบาะให้นานกว่านี้...
“ครับพี่” สุดท้ายนักออกแบบหนุ่มก็ตอบกลับไปสั้นๆเพียงแค่นั้นก่อนจะถึงฤกษ์ที่เขาต้องลงจากรถไปจริงๆเสียที
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853