ตอนที่ 9
“คุณแพทจะกลับเลยหรือเปล่าครับ” กานต์รักเอ่ยถามคนข้างตัวขึ้นเมื่อทั้งสองยื่นนิ่งอยู่หน้าร้านอาหาร
บอกตรงๆเลยว่าตอนนี้สติเขานั้นยังกลับมาไม่เต็มร้อยนัก ตลอดมื้ออาหารไม่มีบทสนทนาอะไรระหว่างเรานอกจากต่างฝ่ายต่างนั่งทานอาหารไปเงียบๆ กระทั่งถึงเวลาคิดเงินอีกฝ่ายก็เป็นคนล้วงบัตรเครดิตยื่นให้กับพนักงาน พอจะถามถึงเรื่องค่าอาหารก็โดนสายตาคมดุจ้องมองจนไม่กล้าพูดต่อ
“อืม”
“งั้นก็...แยกกันตรงนี้เลยนะครับ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้บางๆแม้ในใจจะรู้สึกสั่นไหวด้วยความวูบโหวง
ไม่อยากจากเลย
“ฉันไม่มีรถกลับ แซมกับโจเซฟต้องไปทำงานด่วน...นายไปส่งฉันหน่อยแล้วกัน” คนเจ้าเล่ห์พูดออกมาเสียงนิ่ง ใบหน้าคมเรียบเฉยทั้งที่ในใจนั้นกำลังกระยิ้มกระย่องกับแผนการของตัวเอง
“...ดะ...ได้ครับ” เสียงหวานเอ่ยสั่นพร่าด้วยความแปลกใจแต่แน่นอนว่ากานต์รักไม่คิดจะปฏิเสธ ใจดวงน้อยกลับดีใจด้วยซ้ำ
“จอดรถไว้ชั้นไหน”
“ชั้นB1ครับ...งั้น...ไปกันเลยนะครับ” แพทริกพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามคนตัวบางเพื่อไปยังลานจอดรถ
ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าลิฟต์ สายตาคมจับจ้องแผ่นหลังตรงหน้าจนกานต์รักรู้สึกเห่อร้อนตามลำตัวราวกับกำลังถูกแผดเผาด้วยสายตาของคนด้านหลัง
ติ๊ง
เสียงลิฟต์ดังขึ้นเป็นสัญญาณเมื่อมันมาถึง ดวงตาโตเหลือบมองคนร่างสูงเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไป เพราะจำนวนคนที่มีมากจึงทำให้ภายในห้องโดยสารเคลื่อนที่นี้ค่อนข้างแออัด แพทริกรั้งให้คนตัวเล็กขยับมายืนอยู่ข้างหน้าโดยมีตัวเองยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดบนหัวบ่งบอกความใกล้ชิดจนกานต์รักอดใจเต้นแรงไม่ได้
“ขอทางด้วยครับ”
เสียงที่ดังขึ้นจากคนด้านหลังทำให้จำต้องขยับตัวมาอีกด้านเพื่อเปิดทาง ทว่าเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่กานต์รักจึงแทบไม่ได้ยิน แพทริกมองคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งก่อนมือหนาจะรั้งไหล่บางให้ขยับหลบ การกระทำที่ทำให้แผ่นหลังเล็กแนบกับอกแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตเนื้อดีอย่างแนบแน่น
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจของกานต์รักเต้นสั่นรัวราวกับมีใครมาตีกลองอยู่ข้างใน ความใกล้ชิดนั้นใกล้เสียจนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆจากคนที่แนบชิดอยู่ด้านหลัง
มือหนายังคงไม่ละออกไปยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขาโดนคุณแพทริกกอดเอาไว้ทั้งตัว กานต์รักทั้งอยากให้ถึงที่หมายเร็วๆและอยากให้เวลาเดินช้าลงกว่านี้อีกซักหน่อย สองความรู้สึกตีกันไปหมด กระทั่งมาถึงชั้นที่ต้องเดินออก ฝ่ามือหนาก็เลื่อนลงจากไหล่มายังมือบางแล้วรั้งให้ก้าวตาม
“รถอยู่ตรงไหน”
“...”
“กานต์รัก?”
“คะ ครับ” เพราะสายตาใสเผลอจ้องมองเพียงมือที่จับกันนิ่งจนไม่ได้ยินว่าเสียงทุ้มนั้นเอ่ยถาม ใบหน้าหวานซับสีเลือดจางๆเมื่อความรู้สึกตอนนี้กำลังสั่นคลอนหัวใจอย่างหนัก
“ฉันถามว่ารถจอดอยู่ตรงไหน” แพทริกเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง
“...ตรงนั้น...ครับ” สัมผัสจากมือใหญ่ส่งผลให้สมองไม่ทำงานเท่าที่ควร เสียงที่ตอบออกไปจึงไม่มั่นคงนัก
มือคุณแพทอุ่น...อุ่นมากจนไม่อยากปล่อยเลย
ร่างสูงสาวเท้าไปตามทางที่มือบางชี้ไป กระทั่งเอ่ยถามว่ารถคันไหนร่างเล็กจึงขยับก้าวนำก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าAston Martin DB11
แค่รถก็บ่งบอกความไม่ธรรมดาจนแพทริกหันมามองใบหน้าหวานอีกครั้ง แอสตันมาร์ตินคันนี้พึ่งเปิดตัวไปไม่นานนัก สนนราคาอยู่ที่ราวๆยี่สิบล้านบาท ส่วนเรื่องสมรรถนะของมันนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่ราคากับสัญลักษณ์ของยี่ห้อรถก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี
เรื่องประวัติของกานต์รักนั้นยังคงติดค้างอยู่ในใจหากแต่รู้ดีว่าต่อให้พยายามแค่ไหนถ้าเจ้าตัวไม่พูดออกมาเองแพทริกก็ไม่มีวันได้รับรู้
“กุญแจรถ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนมือเล็กจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมันออกมา
แพทริกเปิดประตูรถฝั่งขวาก่อนจะดันร่างเล็กให้ขยับเข้าไปนั่งแล้วปิดประตู ส่วนตัวเองนั้นก็ก้าวมานั่งฝั่งคนขับ
“เอ่อ...วันนี้คุณแพทริกคิดจะแวะไปทานขนมที่ร้านหรือเปล่าครับ” กานต์รักเอ่ยถามสารถีหน้าหล่อที่ขับรถให้เพื่อทำลายความเงียบ
“คิด... แต่ดีแล้วที่ติดงานอยู่เลยยังไม่ได้เข้าไป”
“รักลืมบอกไปเลยว่าวันนี้มีนัด” เจ้าของร้านเบเกอรี่เอ่ยออกมาเสียงอ่อยยามคิดว่าหากคนตัวสูงแวะไปแล้วไม่ได้เจอคงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สุด เป็นเพราะความตื่นเต้นจึงทำให้ลืมเลือนไปว่าพี่ชายนั้นจะกลับมา
“สนิทกันมากไหม?”
“ครับ?”
“กับเพื่อนที่มาด้วยวันนี้สนิทกันมากไหม” ยิ่งเอ่ยถึงเสียงทุ้มยิ่งห้วนขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม แพทริกรู้สึกหงุดหงิดจนความเร็วของรถเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ก็...มากครับ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลย”
คนไม่รู้ตัวเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆในขณะที่แพทริกนั้นกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด ห้องโดยสารตกอยู่ในความเงียบเมื่อชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีกกระทั่งรถเข้ามาจอดสนิทในอาคารของแพทริก เบรนเนแกน
กานต์รักกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวเมื่อต้องขยับไปนั่งอีกฝั่งเพื่อขับรถกลับ ทว่าเมื่อเอี้ยวตัวกลับมาหาอีกคนที่นั่งอยู่ร่างเล็กก็ถูกรั้งเข้าหาพร้อมกับถูกจู่โจมด้วยริมฝีปาก
“อือ...”
เสียงครางในลำคอดังขึ้นอย่างแผ่วเบาเมื่อความวาบหวามดึงรั้งให้ตกอยู่ในวังวนแห่งสัมผัสร้อน ลิ้นหนาไล้วนดูดดึงความหอมหวานอย่างเอาแต่ใจ มือเล็กของกานต์รักขยุ้มชายเสื้อตัวแพงของอีกคนไว้แน่นเพื่อระบายความตื่นเต้น ดวงตาโตหลับพริ้มให้ความรู้สึกซึมซับทุกอย่างในความมืด ความนุ่มหยุ่นแทรกซึมกวาดต้อนไปทั่วจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ
“อะ อืม...”
เสียงครางอื้ออึงดังคละเคล้าไปกับเสียงดูดดึง ก่อนร่างเล็กจะค่อยๆโอนอ่อนเข้าหาอกกว้างอย่างอ่อนแรง มือหนาข้างหนึ่งรั้งกรอบหน้าเล็กให้เป็นไปตามต้องการส่วนอีกข้างนั้นก็เคล้นคลึงสะโพกบางภายใต้เสื้อเนื้อดีไปมา ความร้อนแรงเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นตามอารมณ์จนกานต์รักรู้สึกเหมือนกำลังจะหลอมละลายเพราะสัมผัสตรงหน้า
แพทริกผละออกให้อีกคนได้หายใจ ไม่นานนักก็ฉกเรียวปากลงไปครอบครองความหอมหวานตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ
“อ๊ะ อื้อ”
มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อเพื่อสัมผัสความเนียนนุ่มอย่างถือสิทธิ์ จากเอวบางไล่ขึ้นจนกระทั่งถึงเม็ดตุ่มไต่สีหวาน ข้อนิ้วแกร่งสะกิดไล่วนจนมันแข็งสู้มือตามแรงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ ความเสียวปลาบเล่นงานกานต์รักจนเสียงหวานเปล่งออกมามากกว่าเดิม
ความหึงหวงเข้าครอบงำจนในหัวของแพทริกนั้นมีแต่คำว่าอยากครอบครอง ไม่ว่าจะตัวหรือหัวใจของคนตรงหน้าก็จะต้องเป็นของเขาทั้งหมด
“คะ คุณแพท”
เสียงหวานเอ่ยสั่นเมื่อริมฝีปากร้อนละออกจากปากเล็กบวมเจ่อลงไปยังซอกคอบาง แรงขบเม้มนั้นไม่เบานักจนกานต์รักหลุดเสียงร้องหากแต่ไม่ได้ห้ามหรือคิดจะผลักไส ใบหน้าเล็กเอียงหลบราวกับให้ความร่วมมือจนคนทำยิ่งได้ใจทั้งดูดดึงและขบกัดอย่างตีตราเป็นเจ้าของ มือหนายังคงฟ้อนเฟ้นลูบไล้จนคนถูกจู่โจมด้วยสัมผัสหวามไหวมึนเบลอไปหมด
“ดะ อึก เดี๋ยวครับ”
เสื้อที่สวมใส่อยู่กำลังจะถูกรั้งขึ้นจนเจ้าของรีบเอ่ยเสียงสั่น กานต์รักต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปล่งเสียงออกมาให้เป็นคำ ริมฝีปากของแพทริกหยุดกึกหากแต่ยังไม่ได้ผละออกไปไหน
“ทำไม!” เสียงทุ้มห้าวกระซิบก้องใกล้ผิวเนื้อจนความร้อนลามไล้ผิวราวกับกำลังโดนเผาไหมด้วยลมหายใจร้อนจัด
“นะ ในรถ...มัน...เดี๋ยวมีคนเห็น...คะ ครับ” แม้ที่นี่จะเป็นอาคารของแพทริก เบรนเนแกนหรือเป็นชั้นบนสุดซึ่งมีความเป็นส่วนมากแต่กานต์รักก็ยังรู้สึกกว่ามันไม่เหมาะ
ภายในรถคับแคบเพราะมีเบาะเพียงสองที่นั่ง จะให้เลยเถิดกันในนี้มัน...มะ ไม่ได้
“ไม่มีใครขึ้นมาได้นอกจากฉัน”
ทันที่รู้ว่าคนตัวเล็กกังวลเรื่องอะไรพอพูดจบมือหนาและเรียวปากได้รูปก็จัดการทำหน้าที่ของมันต่อ เสื้อของกานต์รักหลุดออกจากตัวไปอย่างรวดเร็ว แม้จะกังวลทว่ารู้ดีว่าคงขัดอีกคนไม่ได้จึงปล่อยไปตามที่คนเอาแต่ใจต้องการ
เสียงครางหวานดังออกจากริมฝีปากบวมเจ่อเมื่อเม็ดกลางอกถูกครอบครองด้วยปากร้อน อีกข้างก็โดนเคล้นคลึงให้ทั้งเจ็บและเสียดเสียว กานต์รักไม่มีสติพอจะรู้ตัวอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งยามกางเกงพอดีตัวถูกปลดแล้วรั้งลงไปพร้อมกันทั้งชิ้นนอกชิ้นใน
ร่างเล็กถูกช้อนอุ้มยกขึ้นมานั่งคร่อมหน้าขาแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว ช่วงล่างของคนที่เปล่าเปลือยทั้งหมดเสียดสีกับกางเกงเนื้อดีจนรู้สึกแปลกๆ แพทริกไม่รอช้าเมื่ออีกคนถูกฉุดรั้งโดยความร้อนแรงจนแทบไม่รู้สึกตัว มือแกร่งเลื่อนต่ำลงมายังสะโพกบางแล้วยกขึ้น กระดุมกางเกงถูกปลดลงก่อนจะตามมาด้วยซิบที่ถูกรูด
มือหนารั้งทุกอย่างลงจนความใหญ่โตดีดผึงออกมา แพทริกรูดรั้งเตรียมความพร้อมให้ตัวเองเพียงไม่กี่ครั้งก่อนจะค่อยๆแทรกกายผ่านความฝืดแน่นเข้าไป
เฮือก
“อึก...ฮะ...” ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดจนแทบห่อเลือดเมื่อความใหญ่โตเบียดแทรกเข้ามา สะโพกบางถูกรั้งให้กดลงในขณะที่สะโพกหนาก็ขยับสอดลึกขึ้น ความเจ็บปร่าแล่นเข้าเล่นงานจนกานต์รักต้องสูดหายใจเข้าลึกอย่างอดทน รู้ดีว่าหากยิ่งเกร็งก็จะยิ่งเจ็บจึงพยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลายที่สุด
ลิ้นร้อนตวัดเลียเม็ดสีสวยช่วยให้ความเสียวซ่านกลับมาอีกครั้ง พลันช่วยให้ความคิดที่จดจ่อกับความเจ็บปวดนั้นถูกดึงความสนใจไป แพทริกใช้จังหวะนั้นค่อยๆแทรกกายเข้าไปจนหมด กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นเมื่อความอุ่นร้อนคับแน่นตอดรัดแก่นกายตุบๆ
“อย่ารัดฉันแน่นนัก...เดี๋ยวเสร็จ”
“อ๊ะ...อึก...รัก...ไม่รู้”
ใบหน้าเล็กส่ายสะบัดไปมาอย่างไม่รู้จะจัดการกับความเสียวซ่านนี้อย่างไร ปากบางที่เปล่งเสียงออกมานั้นจับใจความแทบจะไม่ได้ด้วยซ้ำ
แพทริกไม่ได้เคลื่อนไหวกระทั่งคนด้านบนเริ่มผ่อนคลายลงสะโพกหนาจึงค่อยๆขยับกายอีกครั้ง
“อ๊ะ...อะ...คะ คุณแพท...ฮึก”
จากความเชื่องช้าหนักแน่นเริ่มเปลี่ยนเป็นรัวเร็วจนตัวกานต์รักสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ มือหนาจับสะโพกเล็กเพื่อช่วยประคองยิ่งทำให้แก่นกายนั้นสอดลึกเข้าไปจนสุด จุดกระสันถูกกระทั้นเข้าหาจนกานต์รักน้ำตาซึมด้วยความเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นคละเคล้าไปกับทั้งเสียงหอบหายใจและเสียงครวญคราง รถคันหรูโยกสั่นไหวแต่ในขณะนี้สติไม่ได้มีมากพอจะสนใจอะไรทั้งสิ้น
สะโพกหนาเสือกไสรัวเร็วขึ้นเมื่อเสียงครางหวานดังขึ้นเรื่อยๆ ภายในความนุ่มอุ่นร้อนตอดรัดจนแพทริกต้องกัดฟันแน่น เส้นเลือดข้างขมับและลำคอปูดโปนอย่างอดกลั้น หยาดเหงื่อไหลซึมไปทั่วร่างทั้งที่ในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ
กระทั่งเมื่อทั้งสองแทบทนไม่ไหวริมฝีปากได้รูปก็ดูดดึงเข้าหากันเพื่อระบายความเสียวอันร้อนแรง ลิ้นเล็กดูดดึงไล้เลียไปมาสะเปะสะปะ ความซ่านกระสันที่ได้รับมันมากมายราวกับจะขาดใจ
“ฮึก...ฮะ..ไม่ไหว...ระ รัก...อื้อ...ไม่ไหว”
“อืม...ไม่ไหว...ก็ปล่อยออกมา”
แพททริกเอ่ยบอกเสียงสั่นพร่าเมื่อตัวเองนั้นก็กำลังจะทนไม่ไหวเช่นกัน เสียงสะโพกกระทบกันดังขึ้นตามจังหวะ ก่อนช่องทางเล็กจะตอดรัดถี่รัว กานต์รักเชิดหน้าขึ้นเปล่งเสียงครวญครางในขณะที่แพทริกเองก็หอบหายใจรุนแรงเพื่อระบายความปวดหนึบ
แรงตอดรัดมากขึ้นกระทั่งคนทั้งสองทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างเล็กค้างนิ่งกระตุกรัดจนสะโพกเล็กสั่นระริก กานต์รักปลดปล่อยออกมาจนเปรอะเสื้อเชิ้ตของคนใต้ร่างไปหมด ในขณะที่แก่นกายใหญ่ก็ฉีดพ่นหยาดน้ำขุ่นข้นจนเต็มช่องทางสีกุหลาบ ความเสียวซ่านเกิดขึ้นรุนแรงจนสะโพกหนากระตุกตาม ใบหน้าคมซบลงตรงกลางอกบางนิ่ง ลมหายใจร้อนถูกผ่อนออกมาอย่างเหนื่อยหอบ
“อะ...ดะ เดี๋ยว...ครับ” เสียงหวานใสเอ่ยออกมาแหบแห้งเมื่อรู้สึกว่าสะโพกหนากำลังเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ความแข็งขืนขยับขยายบ่งบอกอารมณ์ของเจ้าของจนกานต์รักรีบเอ่ยห้ามลนลาน
แค่รอบเดียวเขาก็รู้สึกเหมือนจะไม่ไหวแล้ว
“ไม่ฟัง...จะเอา” แพทริกพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะปิดปากบางไม่ให้เอื้อนเอ่ยอะไรได้อีก ความร้อนแรงเริ่มขึ้นภายในห้องโดยสารคับแคบนี้อีกครั้งและอีกครั้ง
กระทั่งร่างเล็กนั้นรับไม่ไหวสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“อืม เรื่องนั้นเลื่อนออกไปก่อนบอกว่าฉันติดธุระด่วน ประชุมวันนี้ก็ยกยอดไปเป็นตอนเย็นของพรุ่งนี้...จัดการให้เรียบร้อย”
เสียงทุ้มเอ่ยสั่งงานจนเรียบร้อยก่อนจะกดตัดสายแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างไม่ใยดี
เนื้อตัวเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ถูกปกปิดเฉพาะช่วงล่างขยับมาใกล้ชิดกับร่างบอบบางนั้นอีกครั้ง สายตาคมจ้องมองใบหน้าเล็กที่นอนซบกับหมอบใบใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ลมหายใจถูกผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ ไหล่มนที่โผล่พ้นผ้าห่มหนาเต็มไปด้วยรอยรักที่แพทริกสร้างเอาไว้
สายตาคมจดจ้องอยู่อย่างนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนแพทริกจะฉุกคิดได้ว่าความไม่พอใจที่เกิดขึ้นนั้นมันอาจจะเป็นความรู้สึกบางอย่างที่วิ่งแว๊บเข้ามาในหัว...
มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูอีกครั้งก่อนจะพิมพ์บางอย่างแล้วกดค้นหา สายตาคมกวาดอ่านตัวอักษรบนหน้าจออย่างละเอียดก่อนจะกดเข้าไปอ่านกระทู้หนึ่งซึ่งเตะตาเข้าอย่างจัง
ผู้ชายเวลาหึงจะแสดงออกยังไงคะ? เพราะความรู้สึกนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเลยซักครั้งจึงต้องลองเสิร์ชหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่าเป็นอย่างไร มันจะใช่ในตอนนี้ที่เขาเป็นอยู่หรือไม่
จะดูฟู่ฟี่ หงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล แล้วไม่ยอมรับด้วยว่าหึง
ตาขวาง เสียงแข็ง หน้านิ่ง
ออกอาการฟึดฟัดแต่ยังนิ่ง สังเกตหน้าตาจะเปลี่ยนไป ดูเหมือนสงบแต่ไม่สงบ กำลังกายจะเพิ่มขึ้นจากไหนไม่รู้เหมือนคนกำลังโมโหแต่เก็บอาการ
เขาว่าผู้ชายขี้หึงมากเท่าไหร่ก็เจ้าชู้เท่านั้นนะครับ
เห็นกระทู้แล้วคิดถึงพี่ชายกับแฟน คือแฟนของพี่ชายมักจะมาคุยกับเราเพราะสนิทกัน พี่ชายเรานิสัยเงียบๆขรึมๆ(ขี้เก๊ก)นั่นแหละค่ะ เราเลยลองถามแฟนพี่ชายว่าเคยเห็นพี่ชายหึงไหม เขาบอก...พี่ชายเราบทจะหึงก็หึงแรง ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับกดอย่างเดียว ประโยคสุดท้ายของคอมเมนท์นี้ให้คำตอบแพทริกได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่ม ดวงตาคมหันมองคนข้างตัวอีกครั้งก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วขยับกายเข้าหา
“นายเป็นของฉัน...คนเดียวเท่านั้น” หากคนหลับได้ยินคงจะดีใจกว่าอะไรทั้งสิ้น
ร่างหนาขยับตัวนอนลงแล้วรั้งเรือนร่างบอบบางให้นอนซบอยู่ในตำแหน่งเดิม เสียงครางอื้ออึงเพราะถูกรบกวนการนอนดังขึ้นก่อนจะเงียบลงเมื่อฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไหล่เปล่าเปลือยราวกับปลอบประโลม
23.53 น. ร่างเล็กที่สลบไปเมื่อตอนเย็นค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แม้จะรู้สึกหนังอึ้งและอ่อนล้าไปทั้งร่างหากแต่เพราะรู้สึกกังวลกับบางอย่างจึงต้องลืมตาขึ้น
“คะ คุณแพท” เสียงแหบแห้งเหนื่อยอ่อนดังขึ้นจนคนที่ถูกเรียกซึ่งกำลังนั่งทำงานผ่านไอแพดหันมา ยามเห็นว่าอีกคนตื่นแล้วคนตัวสูงในชุดนอนเรียบร้อยจึงวางงานในมือลงแล้วขยับมานั่งข้างเตียงฝั่งที่กานต์รักนอนอยู่
“ตื่นแล้วหรือ?” คนถูกถามพยักหน้าตอบเบาๆเนื่องจากไม่มีแรงที่จะตอบนัก
“ระ รัก...ต้องโทรบอก...คน...ทะ...ที่ร้าน”
“ฉันจัดการให้แล้ว”
“ระ เหรอครับ...รัก...อยากอาบน้ำ” คนพูดเว้นจังหวะไปนานก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว
แม้จะถูกเช็ดตัวให้แล้วทว่าความรู้สึกก็ยังไม่สดชื่นเท่า แพทริกมองหน้าคนนอนอยู่นิ่งก่อนจะพยักหน้ารับ ผ้าห่มผืนหนาถูกตวัดออกจากร่าง แม้จะอายแค่ไหนแต่ก็ไม่มีแรงจะปัดป้อง กายบางจึงถูกช้อนอุ้มเข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่มีอะไรปกปิด
แพทริกวางคนในอ้อมแขนลงในอ่างก่อนจะหันไปเปิดน้ำอุ่นให้ไหลลง ทันทีที่หัวเล็กเอนพิงกับขอบอ่างได้ดวงตาโตที่มีแววเหนื่อยล้าก็ปรือปิด คนทำนั้นรู้ดีว่าอีกคนเหนื่อยแค่ไหนเพราะตัวเองนั้นใส่แรงไม่ยั้ง กานต์รักก็ตัวเท่านี้จะดูท่าทางอ่อนแรงขนาดนี้ก็คงไม่แปลก
ร่างสูงขยับลุกขึ้นยืนแล้วถอดทุกอย่างออกจากร่างก่อนจะก้าวลงไปอยู่ในอ่างเดียวกัน คนหลับนั้นรู้ตัวเพียงแค่สะลึมสะลือแต่ไม่มีแรงจะลืมตาขึ้นมอง สัมผัสได้เพียงว่าฝ่ามือหนาลูบไล้ตามลำตัวทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุม แม้นิ้วมือหนาจะสอดหมุนวนเข้ามาภายในช่องทางคับแคบเพื่อเอาบางสิ่งที่คั่งค้างออกกานต์รักยังทำได้เพียงแค่ส่งเสียงอื้ออึง
แพทริกอาบน้ำให้ไปจนถึงกระทั่งแต่งตัว ร่างเล็กอยู่ในชุดนอนของเจ้าตัวซึ่งยังคงอยู่ในตู้เช่นเดิมเรียบร้อย กลิ่นแป้งจากกายบางนั้นหอมกรุ่นเสียจนนึกอยากจะรังแกอีกรอบ
เรือนร่างของคนสลบไสลถูกวางลงบนเตียงนุ่มอีกครั้ง ผ้าห่มผืนหนาถูกคลี่คลุมให้จนถึงลำคอ จมูกโด่งเป็นสันกดลงบนหน้าผากเนียนเกลี้ยงก่อนจะผละออกมาทำงานต่อ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
กว่าที่คนถูกดูดพลังงานไปจะตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเช้าของอีกวัน กานต์รักตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยความรู้สึกมึนงงในหัว ก่อนความทรงจำจะหลั่งไหลเข้ามาในให้ความเห่อร้อนลามไปทั่วตัวด้วยความเขินอาย
แกร๊ก
ยังไม่ทันจะได้ทำใจหรือเตรียมตัวมากกว่านั้นประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกจากผู้ที่เป็นเจ้าของ แพทริกมองร่างบางที่นั่งตัวแดงนิ่งบนเตียงแล้วเดินเข้าหา มือหนาวางลงบนหน้าผากเล็กเบาๆเมื่อสัมผัสว่าไม่ได้ร้อนก็ผละออก
“หิวหรือยัง” ดวงตาโตเบิกมองใบหน้าคมพร้อมกับพยักหน้ารับหงึกหงัก
“งั้นก็อาบน้ำก่อนจะได้ออกไปทานข้าว”
ร่างสูงขยับเข้ามาก่อนจะโน้มตัวลงสอดแขนแข็งแรงเข้าใต้ร่างแล้วช้อนกานต์รักขึ้นอุ้ม เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นก่อนแขนเล็กจะตวัดโอบรอบคอแกร่งตามสัญชาตญาณ แพทริกอุ้มอีกคนเข้ามากระทั่งถึงในห้องน้ำก่อนจะวางลงในอ่าง
“มะ ไม่ต้องครับ...เดี๋ยวรักทำเอง”
เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกระรัวเมื่อมือหนากำลังจะรั้งเสื้อนอนให้หลุดออกจากตัว แม้จะยังมึนๆอยู่บ้างทว่าความอายกลับยังคงทำงาน ส่วนเมื่อคืนนั้นเป็นเพราะเหนื่อยมากจึงไม่มีแม้แต่แรงจะเอ่ยห้าม แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“แน่ใจนะ?” แพทริกมองหน้าคนในอ่างพร้อมกับเลิกคิ้วถาม
“ครับ รักทำเองได้...คุณแพทออกไปก่อนนะครับ” เสียงที่เปล่งออกมานั้นมีแววออดอ้อนโดยไม่รู้ตัวจนแพทริกเผลอมองอีกคนนิ่ง ลืมไปว่ากานต์รักร้องขอให้ออกไป
“...นะครับ”
“อืม” ลมหายใจหนักถูกผ่อนออกก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
กานต์รักมองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะหันมาจัดการตัวเองเมื่อแน่ใจว่าแพทริกออกไปแล้ว นานพอสมควรกว่าจะอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย ร่างเล็กพันผ้าเช็ดตัวรอบกายก่อนจะเดินออกมาด้านนอกซึ่งเป็นห้องแต่งตัว เอื้อมมือไปเปิดตู้ที่เคยเป็นส่วนของตัวเองออกก่อนจะพบว่าทุกอย่างยังคงอยู่ในนั้นเช่นเดิมจนใบหน้าหวานระบายยิ้มเต็มหน้า
เมื่อแต่งตัวจนเสร็จแล้วเรียบร้อยกานต์รักจึงเดินออกมา ห้องนอนกว้างไม่มีร่างสูงอยู่ในนั้น ขาเรียวจึงขยับก้าวต่อไปยังด้านนอก
“คุณแพททำอะไรครับ” ร่างเล็กเดินมาจนถึงห้องครัวก่อนจะเห็นแพทริกง่วนกับการจัดจานอยู่บนโต๊ะจึงเอ่ยถาม
“หิวแล้วก็กินข้าวซะ” คนพูดเดินมาหยุดทางด้านหลังก่อนจะดุนดันให้นั่งลง อาหารหลากหลายอย่างวางเรียงรายอย่างน่าทาน ที่สำคัญนั้นคือมีเมนูยำที่กานต์รักชอบ ใบหน้าหวานจึงแย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ขอบคุณครับ”
กานต์รักเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน ใบหน้าคมพยักรับก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ต่างฝ่ายต่างนั่งทานอาหารโดยไม่ได้พูดคุยอะไรทว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นกลับไม่ได้อึดอัดเลยซักนิด ตรงกันข้ามมันกลับรู้สึกดีเสียจนใบหน้าหวานประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆอยู่ตลอดเวลา
เมื่อทานข้าวจนเรียบร้อยกานต์รักก็อาสาเก็บโต๊ะและล้างจานชามโดยที่แพททริกก็ไม่ได้เอ่ยห้าม