No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]  (อ่าน 311472 ครั้ง)

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
พ่อเกนน่านักอ่ะ. อิอิ

รอตอนต่อไปที่น้องป่านจะเป็นเชือกรัดพี่เกนนะคะ


 :hao3:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
โอ้ย คู่พ่อช่างเปิดเผย!

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อีพี่เกน น่ารักน่าตบ 5555

ออฟไลน์ oppapp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
แอบเขินพี่เกน อิอิ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : Part Ken & Pan [6]



       ผมขยับตัวแล้วปรือตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาว อ่า นี่ไม่ใช่ห้องผมสินะ เพราะเมื่อคืนผมติดรถไอ้พี่เกนมา แล้วนี่คงเป็นห้องมัน ... ว่าแล้วผมก็รีบหันไปมองเตียงข้างๆ ปรากฏว่าเจ้าของห้องไม่อยู่แล้ว พอคลำที่นอนอีกฝั่งเริ่มเย็นแล้ว คงตื่นก่อนผมนานพอดู

   นอนบิดขี้เกียจก่อนลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำ ใช้เวลานานจนออกมาก็ยังไม่เห็นเงาเจ้าของห้อง ไปไหนของเขาวะ ผมเดินวนไปวนมาหน้าประตูห้อง เสื้อผ้ากลับไปสวมชุดเดิมของเมื่อคืนเตรียมกลับหอ แต่พอยื่นมือไปบิดลูกบิด ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจนเกือบจะชนกับหน้า ดีที่ผมเก่งเลยหลบได้ทันเวลา

   “อ่าว” เสียงคนที่เข้ามาทำหน้าเหวอเมื่อเห็นผมยืนอยู่ห่างประตูประมาณสองก้าว

   “เอ่อ สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ตามอายุ คนที่เข้ามาก็คือคนที่โชว์จูบต่อหน้าผมนั่นแหละ เลขาของพ่อพี่เกน

   “พอดีพี่เอาอาหารเช้ามาให้” ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าไปที่โต๊ะบาร์แล้ววางจานอาหารสองจาน บนจานมีไข่ดาว ไส้กรอกแล้วก็แฮม “เกนไปวิ่ง เดี๋ยวคงมาแหละ”

   “เอ่อ” ผมรีบร้องทักเมื่อเห็นพี่ที่ตัวเล็กกว่ากำลังจะออกจากห้อง

   “ครับ? อ่อ เรียกพี่ว่าพี่ปูนแบบที่เกนเรียกก็ได้” พี่ปูนยิ้มหวานส่งมาให้ รอยยิ้มที่เหมือนดอกไม้กำลังผลิบาน

   “คือผมจะกลับแล้ว” เป็นห่วงรถของผมด้วย

   “ไม่รอเกนล่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว ขานี้ชอบตื่นเช้าไปวิ่ง เห็นกล้ามหน้าท้องมั้ย เซ็กซี่จะตายไป” ผมมองนัยน์ตาพราวกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างระแวง “ไม่ต้องทำหน้ากลัวพี่ขนาดนั้นก็ได้ กินก่อนเลยเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย” พี่ปูนกดตัวผมให้นั่งที่เก้าอี้สูงพร้อมกับเลื่อนจานอาหารเช้ามาให้

   “ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้ตามที่พ่อกับแม่เคยสอนไว้เวลารับของจากผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ที่ผมไหว้กลับทำหน้าบึ้ง

   “ไม่ต้องไหว้พี่หรอก เดี๋ยวพี่ดูแก่” แล้วพี่ปูนก็หัวเราะออกมาพลอยทำให้ผมหัวเราะตาม “ว่าแต่ คบกับเกนแล้วเหรอ” รีบส่ายหน้าเพราะปากเต็มไปด้วยไส้กรอกชีส พี่ปูนหรี่ตาลงอย่างไม่ค่อยเชื่อ

   “จริงๆ นะครับ แล้วนี่ พี่เขาทำร้ายผมเมื่อคืน” ไม่ได้ตั้งใจฟ้อง แต่สถานการณ์มันพาไป ผมชี้ที่มุมปากตัวเองจนพี่ปูนขมวดคิ้ว จะว่าไป ทำไมแผลไม่ค่อยเจ็บแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งโดนเมื่อคืนนี้เอง

   “แผลนี้ อ๋า รู้แล้ว เมื่อคืนเกนมาเคาะประตูขอยาแก้ฟกช้ำ คงไปทาให้เราสินะ” พี่ปูนยิ้มล้อเลียนแต่ผมกลับเบิกตาโต ไอ้พี่เกนเนี่ยนะทายาให้ผม ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า

   คุยได้อีกนิดหน่อยพี่เกนก็เข้ามา ร่างสมส่วนใส่ชุดวอร์มสีดำ ใบหน้ามีเหงื่อผุดอยู่เต็มไปหมด เจ้าของห้องที่เพิ่งไปวิ่งมาเหล่ตามองคนที่ยืนกอดอกยิ้มอยู่

   “มองไร” พี่ปูนแกยิ้มอย่างเดียวไม่ปริปากตอบอะไรจนคนถามส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “เอาข้าวมาให้แล้วก็ออกไปได้แล้ว”

   “ไล่เลยเหรอเนี่ย ก็ไม่ได้อยากอยู่หรอกน่า แล้วก็นะ เลิกทำตัวเป็นคนรวยเอาแต่ใจด้วย เดี๋ยวน้องเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าเอาหรอก จีบไปไม่ติดแหงๆ”

   “พี่ปูน!”

   “จี้ใจดำล่ะสิ ออกไปดีกว่า กินเยอะๆ นะ ถ้ากินกับเกนไม่อร่อย ยกจานไปห้องอีกฝั่งได้เลย” พี่ปูนบอกทิ้งท้ายก่อนรีบวิ่งออกไปเมื่อเจ้าของห้องชี้หน้าแล้ววิ่งไล่

   ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่เกนถึงโคตรๆ เอาแต่ใจ ก็มีแต่คนเอาใจแบบนี้ถึงไม่ค่อยยอมลงให้ใครก่อน ผมมองคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยความสับสน

   “ไม่กินเหรอ” พี่เกนเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วลงมือจัดการอาหารเช้า “ทำไม”

   “พี่ไม่ได้ชอบทำตัวขวางโลกเหรอ” ตอนแรกคิดว่าจะโดนด่า แต่เปล่าเลย คนโดนถามกลับหัวเราะจนผมแปลกใจ

   “มึงคิดว่ากูเลวขนาดนั้น?” ถามปุ๊บก็รีบพยักหน้าปั๊บ “มึงนี่นะ”

   “อ่าว ก็พี่ทำตัวเองให้ดูเลวนี่หว่า อย่างตอนที่สาดไฟรถใส่หน้าผม รู้ทั้งรู้ว่าผมนั่งอยู่แต่ก็ไม่ยอมดับเครื่องสักที เลวมั้ยล่ะ” ร่ายยาวจนลืมสังเกตคนข้างๆ พอหันไปพี่เกนกลับวางมีดกับส้อมลงบนจาน “อิ่มแล้วเหรอ”

   “มึงจำได้แล้ว?”

   “จำอะไรได้?”

   “ก็เรื่องที่เจอกูครั้งแรก”

   “มันแวบเข้ามาในหัวเอง” ผมบอก “เจอคนพฤติกรรมแย่ๆ แบบนั้นไม่มีใครอยากจำหรอก” เบ้ปากใส่คนที่ทำ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้โมโหหรือโกรธอะไร อีกอย่าง เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วผมก็จำความรู้สึกโกรธตอนนั้นไม่ได้

   “กูไม่คิดว่ามึงจะโง่นั่งอยู่ต่อ” แปลว่ากำลังท้าทายผมสินะ ตอนนั้นน่ะ

   “ก็เลยไม่ยอมปิดไฟหน้ารถ? เลวว่ะ” ผมมองคนที่ยิ้มรับคำด่า “นี่ด่านะ”

   “เออกูรู้ รีบๆ กิน จะไปเอามั้ยรถมึงน่ะ”

   “เอา”

   “เอาก็กินสิ จะมองหน้าทำไม”

   “พี่ดีหรือเลวว่ะ มองไม่ออกจริงๆ” ว่าแล้วก็รีบจ้วงไส้กรอกชีสเข้าปากโดยมีสายตาแปลกๆ มอง “อะไร รีบกินสิ จะไปส่งผมเอารถมั้ย”

   “เออ”




   ผมคิดไว้ว่าไอ้ต้อมไม่น่าจะกลับมาไวแบบนี้ มันเหมือนกับบังเอิญมากไปนิดเมื่อรถพี่เกนจอดต่อท้ายรถของพี่ฟลอยด์พอดี ที่รู้เพราะคนข้างผมจำรถเพื่อนตัวเองได้นั่นแหละ พอลงจากรถมาก็รู้สึกกดดันโคตรๆ สายตาไอ้ต้อมมันส่งมาที่ผมแบบห่วงใยและส่งไปที่อีกคนแบบไม่ไว้ใจ คงเพราะตอนแรกหลังจากผมเปิดประตูลงมา พี่เกนมันจะขับรถหนีนั่นด้วย

   หลังจากพี่เกนเปิดประตูลงมา พี่ฟลอยด์ก็รีบดันเพื่อนตัวเองแล้วซุบซิบกันอยู่สองคน ก่อนจะพาเพื่อนหน้าบึ้งมายืนตรงหน้าไอ้ต้อม ผมยิ้มให้เพื่อนตัวเองคล้ายกับบอกว่าสบายดีไม่มีอะไรบุบสลาย

   “ขอโทษ” ทั้งผมและไอ้ต้อมต่างก็พากันทำตาโตเมื่อได้ยิน เป็นคำขอโทษที่โคตรไม่รู้สึกว่ามาจากใจเลยให้ตาย น้ำเสียงจะแข็งไปไหน

   “เสียงแบบนี้ใช่คนที่สำนึกผิดหรือเปล่าครับ” ไอ้ต้อมถามออกไป มันไม่กลัวพี่เกนผมรู้ ส่วนคนโดนถามส่งเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายกับไม่พอใจ

   “เออๆ กูขอโทษ เมื่อคืนกูเมามากไปหน่อย” แหม เมามากไปหน่อยแต่ขับรถพาผมกลับคอนโดได้ แถมพาเข้าห้องซะด้วย เพิ่งรู้ว่าอาการของคนเมามากเป็นแบบนั้น

   พี่เกนที่ว่าแน่ยังเถียงกับไอ้ต้อมไม่ได้จนพี่ฟลอยด์ต้องออกโรงบอกให้แฟนตัวเองหยุดว่า ก็อย่างที่ผมเคยบอก หากคิดจะเถียงกับไอ้ต้อม เหตุผลเราจะกลายเป็นสิ่งที่งี่เง่าไปทันที ก่อนประโยคท้ายๆ เหมือนคนเถียงไม่ได้จะหันมามองผม
 
   “กูไม่เชื่อใจใคร แล้วเพื่อนมึงก็กวนตีนกู” โอ้โห นี่กล้ากล่าวหาผมขนาดนี้เลยเหรอ

   “พี่กวนผมก่อนนี่หว่า”

   “มึงด่ากู”

   “ด่าตอนไหน”

   “มึงว่าดีออก กูได้ยินเต็มสองหู”

   “ดีออกมันเป็นคำด่าตรงไหน”

   “ก็ตรงที่มันเป็นคำด่านั่นแหละ”

   “บ้าว่ะ”

   “มึงมัน!” ถลึงตาใส่คิดว่าผมจะกลัวเหรอ ไม่มีทาง ผมแลบลิ้นกลับไปให้เลยถูกชี้หน้า และพอผมหยุดเถียงไอ้ต้อมที่จ้องอยู่แล้วก็รีบแทรกขึ้นมาปรับสีหน้ากับอารมณ์แทบไม่ทัน เกือบงับลิ้นตัวเองอีก

   “มึงมากับพี่เกนได้ไง รถมึงก็เพิ่งจะมาเอาตอนนี้” โดนคาดคั้นหนักมากพร้อมสายตาสะกิดจิต

   “ก็เมื่อคืนกว่าจะเปลี่ยนยางเสร็จ มันก็ไม่ยอมไปส่ง กูเลยนอนห้องมันซะเลย” ไม่บอกหรอกว่าเผลอหลับแล้วถูกอุ้มขึ้นห้อง ขายหน้าตาย

   “กูรุ่นพี่มึงนะ” ไอ้ต้อมกำลังจะอ้าปากแต่เสียงพี่เกนขัดขึ้นมาซะก่อน และก่อนจะมีเรื่องยาวพี่ฟลอยด์ก็รีบห้าม พี่เกนมองหน้าผมก่อนจะกลับไปขึ้นรถและออกตัวอย่างไวคล้ายกับคนปวดท้อง

   แต่ผมควรสนใจเพื่อนตัวเองมากกว่า โดนแน่ๆ

   และก็จริงผมโดนไอ้ต้อมคาดคั้นจนเหมือนเป็นส้มที่ถูกคั้นเอาน้ำออกจนหมดแล้วเขี่ยทิ้ง ผมกลับมาที่รถตัวเองแล้วขับกลับห้องที่รออยู่



   ภายในหอพักแคบๆ ของผม วันนี้วันหยุดช่างสุขอุราซะจริงๆ ผมตื่นเกือบเที่ยงเพราะท้องร้อง หลังจากเสร็จงานทุกอย่างร่างกายก็อยากพักผ่อน ลุกจากเตียงเดินซุยๆ ไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินมาเปิดทีวีดู

   ...เบื่อ

   อาการเบื่อโลกกลับมาอีกแล้ว นี่แหละที่ผมไม่ชอบการอยู่คนเดียว หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไปคลุกอยู่กับไอ้ต้อม แต่ตอนนี้มันมีแฟนแล้ว ผมคงไปอยู่ด้วยไม่ได้ ขืนไปมีหวังถูกพี่ฟลอยด์เตะโด่งออกมาแหงๆ

   ผมว่า เบื่อแบบนี้ไปเที่ยวกันเถอะ

   แต่งตัวสบายๆ ลากแตะคีบออกจากหอพัก ก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนหรอกครับ ไม่ไกลจากหอพักมีห้างซุปเปอร์สโตร์ ไปหาซื้ออะไรมาตุนไว้ในห้องดีกว่า ผมเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ มีผู้คนเดินผ่านไปมาบางคนก็รีบ บางคนก็เดินเอื่อยแบบผม ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบวันหยุดซะแล้ว

   กว่าจะถึงห้างขาก็แทบลาก อยากจะชิวเองคงโทษใครไม่ได้ ผมลากรถเข็นเพื่อบรรจุของที่ขาด หยิบกระดาษที่ลิสรายการออกมาดู พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เบอร์โทรที่ผมไม่เคยเห็นแต่ชื่อนี่โคตรคุ้น น่าจะเอามือถือผมไปเมมเองแหง

   “ครับ” คีบโทรศัพท์ที่คอขณะหยิบน้ำอัดลม

   “อยู่ไหน”

   “พี่ถามผมเหรอ”

   “เออสิ กูโทรหามึงคงถามหาเพื่อนมึงมั้ง” มีความกวนด้วยนะ

   “อยู่ห้างแถวๆ หอนี่แหละ”

   “เออ”

   พูดจบก็วางไปเฉย อะไรของเขาวะเนี่ย

   ผมเดินหาของที่ต้องซื้อ กระดาษทิชชู่อันไหนดีหว่า ยี่ห้อนี่ยาวกว่า แต่อีกอันนุ่มกว่า หยิบสองอันมาอ่านเทียบความน่าซื้อจนลืมมองว่ามีคนเดินมาด้านหลังพร้อมกระชากอันที่นุ่มกว่าใส่รถเข็น

   “เชี่ย ตกใจ” สะดุ้งจนตัวโยนสิ

   “เรื่องมากจริง”

   “เอ้า มันต้องเลือกดีๆ สิ” เมื่อก่อนผมก็ไม่เลือกหรอกครับ ไอ้ต้อมมันเคยบังคับให้อ่าน จากนั้นก็เหมือนจะติดเป็นนิสัย “พี่เถอะ มาได้ไงแล้วมาทำไม”

   “กูไปหามึงที่หอมาแต่มึงไม่อยู่ที่ห้อง” ผมมองด้านหลังคนที่เข็นรถเข็นของผมไป “แล้วมึงจะซื้ออะไรอีก”

   “หา...เออ ผงซักผ้าแล้วก็ บลาๆๆๆ”

   ผมกับพี่เกนซื้อของนานมาก นั่นเพราะผมเลือกเยอะ ผมไม่ได้เลือกเยอะหรือเรื่องมากนะ มันก็ต้องอ่านก่อนซื้อหรือเปล่า อย่างสบู่อาบน้ำซึ่งผมชอบที่เป็นก้อนมากกว่าเพราะมันประหยัดใช้ได้นานแม้แต่ก้อนเล็กๆ เราสามารถเอามารวมกันแล้วเติมน้ำเขย่าๆ มันก็ใช้ได้ (ไอ้ต้อมมันเคยมาทำให้) แต่พี่เกนบอกให้เอาแต่ครีมอาบน้ำ

   “ครีมอาบน้ำหอมกว่าเยอะ” อยากกรอกตาบนใส่มาก นี่ขนาดว่าจ่ายเงินแล้วยังไม่เลิกพูดอีก

   “แต่ผมชอบใช้สบู่ก้อน ครีมอาบน้ำมันลื่นๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” ที่จริงก็อาบได้หมดนั่นแหละครับ แต่แบบก้อนหาซื้อง่ายกว่า

   “แต่กูจ่ายเงิน” เหตุผลโคตรน่าฟัง

   “แล้วผมขอให้พี่จ่ายหรือไง” ผมเกือบถูกเขกหัวดีที่มือสองข้างของพี่เกนมีถุงเต็มไปหมด
 
   เดินตามคนหน้าบึ้งมาขึ้นรถ ขามาเดินอย่างร้อน ขากลับได้นั่งรถเย็นๆ ค่อยยังชั่ว จะว่าไป พี่เขามาหาผมทำไม หรืออยากมาหาเรื่องทะเลาะกันเฉยๆ แต่พอคิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน มีเพื่อนอยู่ด้วยจะได้ไม่เบื่อ คิดแบบนั้นผมก็นั่งยิ้มอารมณ์ดีจนคนขับรถหันมามอง

   “ยิ้มไรของมึง”

   “เพราะมีความสุขถึงยิ้มไง” หันไปฉีกยิ้มให้คนถามอีกรอบจนโดนหัวเราะใส่

   “อยู่กับกูมีความสุข? ก็ดีนะ”

   คล้ายกับถูกไม้ตียุงช็อตหน้าเมื่อเผลอสบตานัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั่น เหมือนหัวใจมันกระตุกๆ ปากที่ยิ้มก็เหมือนเริ่มยิ้มไม่เต็มที่...ผมว่า ผมเริ่มมีอาการอีกแล้ว

   “ผมว่า...”

   “อะไร”

   “เปล่า”

   มันคล้ายกับรู้สึกแบบที่เคยรู้สึกกับครีม แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจก็เลยไม่กล้าพูด ผมอาจจะหลงรอยยิ้มเวลาไม่เก๊กนั่น หรืออาจจะชอบกล้ามหน้าท้อง เดี๋ยวนะ ทำไมผมคิดไปถึงเรื่องนั้นซะได้ มันไม่ดีต่อหัวใจเลยสักนิดให้ตายสิ

   “มึงหน้าแดงนะ ร้อนเหรอ” รีบพยักหน้าแทนคำตอบ เจ้าของรถยื่นมือไปเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นจนขนเริ่มลุก “หยุดนี้มึงจะไปไหน” คำถามที่ทำให้ผมหันกลับไปมองคนที่ทำให้รู้สึกแปลก เอ๋ วันหยุดหลังงานมหาลัยจะไปไหนดี

   “ไม่รู้เหมือนกัน กลับบ้านคงเหงาเหมือนเดิม” พ่อแม่ผมทำงานตลอดไม่มีเวลาให้ผมหรอก

   “ขี้เบื่อล่ะสิมึงน่ะ”

   “ก็คงงั้นมั้ง”

   “ไปอยู่กับกูมั้ยล่ะ” รีบหันขวับไปมองคนที่ออกปากชวน

   “ไม่ไป” ผมปฏิเสธแม้มันจะน่าสน ห้องนั้นมีทั้งเกมส์ ทั้งหนังสือน่าอ่าน

   พี่เกนใช้หางตามองผมนิดๆ ก่อนหันกลับไปสนใจถนนต่อโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก จนถึงหอที่ผมพักอยู่ นี่ถ้าเดินมาคงถึงนานไปแล้ว ขับรถมันต้องไปวนไกล พอลงจากรถผมก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณคนใจดีอาสามาส่ง

   “มึงไม่คิดจะชวนกูขึ้นห้องกินน้ำสักหน่อยเหรอวะ” พูดมาซะขนาดนี้ผมเลยยิ้มแห้งๆ แล้วเอ่ยชวนไปเลยได้การตอบกลับมาแบบง่ายๆ เรียบๆ “เออ”

   เดินนำคนอยากมากินน้ำเข้ามาในห้อง แม้จะเป็นห้องชายโสดแต่ผมก็เก็บของเรียบร้อยนะครับ เพราะตอนปีหนึ่งห้องรกมาก สกปรกมากสาเหตุจากการไม่มีเวลาเพราะต้องไปรับน้องเข้าห้องเชียร์ ห้องเน่าๆ ทำให้ผมป่วยกระเสาะกระแสะเป็นเดือนจนแม่มาเยี่ยมพร้อมกับสั่งบริษัททำความสะอาดมาดูดฝุ่น ทั้งไรฝุ่น ทั้งตัวอะไรต่อมิอะไรที่ทำให้ผมป่วยอยู่เต็มห้องจนทุกคนแทบอยากจะวิ่งหนี จากนั้นผมก็เริ่มทำความสะอาดมาตลอด ไม่ชอบเลยการไม่สบายเนี่ย มันทำให้ผมต้องนอนอยู่กับที่ไปไหนไม่ได้...มันน่าเบื่อมาก (อยากเพิ่มกอไก่สักล้านตัว)

   พี่เกนเดินดูนั่นดูนี่จนพอใจแล้วกลับมานั่งที่พรมหน้าทีวี พอดีกับผมรินน้ำเย็นไปให้ คนรับไปยกแก้วขึ้นมองอย่างพิจารณาเหมือนหาตัวประหลาดในน้ำ พอมองไม่เห็นอะไรค่อยยกดื่ม

   “พี่เป็นเอามากนะ น้ำผมไม่มียาพิษหรอกน่า” บอกพร้อมเปลี่ยนกางเกงจากยีนส์มาเป็นกางเกงบอลเพราะมันสบายๆ

   “มึงไม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำวะ” นี่ตอบไม่ตรงคำถามแล้วยังถามผมกลับอีก

   “ทำไมต้องเปลี่ยนในห้องน้ำ ในเมื่อพี่กับผมก็ผู้ชายเหมือนกัน” ผมบอก แล้วพาลนึกถึงประตูห้องน้ำที่สะท้อนให้เห็นรูปร่างสัดส่วนอย่างล่อแหลม แม้จะไม่เห็นตัวเป็นๆ ก็เถอะ แต่สมองเรามักจะจินตนาการไปไกลกว่าดวงตาเยอะ

   “มึงหน้าแดงอีกแล้วนะ”

   เพราะพี่นั่นแหละ!

   อยากตะโกนออกไปแบบนี้แต่เลือกที่จะยิ้มตอบกลับไปเฉยๆ

   “พี่มาหาผมทำไมเหรอ”

   “กูอยากมา”

   “อ่อ” ไปต่อไม่เป็นเลยไอ้ป่าน

   “กูจะกลับแล้ว” อยู่ๆ พี่แกก็ลุกพรวดขึ้น หูสองข้างโคตรแดง “ไว้พรุ่งนี้กูจะมารับไปกินข้าว”

   “ดะ เดี๋ยว” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรพี่เกนก็รีบเดินหนีออกจากห้องไป อะไรของเขาวะ แค่ผมมานั่งข้างๆ แค่นี้ หรือไม่ชอบที่ผมนั่งด้วย อ่อ...กางเกงบอลผมขาดที่เป้านั่นเอง แค่นี้ก็ต้องรีบกลับด้วย คงรังเกียจกางเกงที่ขาดแน่ๆ อะไรจะขนาดนั้น แค่เย็บก็ใช้ได้แล้วโธ่




   “มึงลงมาช้า” เสียงทักประโยคแรกหลังจากถูกโทรปลุกตั้งแต่หกโมงเช้า พี่จะตื่นเร็วไปไหน แล้วมารับสิบโมง รู้แบบนี้ผมน่าจะนอนหลับรอ (มากี่โมงก็ไม่บอก แบบนี้ใครจะไปกล้าหลับต่อ)

   “รีบสุดๆ แล้ว” บอกพร้อมเสียงเหนื่อยหอบ “พี่จะเลี้ยงผมเหรอ”

   “เออ อยากกินอะไร” ใจดีซะด้วย ผมฉีกยิ้มให้ก่อนจะนึกว่าอยากกินอะไรดี

   “มังกรเขียว” ผมบอกไป คนเลี้ยงก็พยักหน้ารับ มื้อนี้จะกวาดให้เรียบเลยคอยดู

   แต่พอเอาเข้าจริงผมก็กินได้ไม่เยอะเท่าที่หวัง นั่นเพราะไม่มีคนแย่งกิน เคยกันมั้ยครับที่เวลาซื้ออะไรไปแล้วแย่งกันกินมันจะอร่อยมาก แต่พอซื้อมากินเองมันดูไม่ค่อยอร่อย เหมือนกับตอนนี้ที่พี่เกนกินแบบเอื่อยๆ เลยทำให้ผมเอื่อยไปด้วย

   “ไม่อร่อยเหรอ” ยังมีหน้ามาถามผมอีก

   “อร่อย แต่อิ่มแล้ว” ลูบท้องเป็นสัญญาณเลยถูกขำ

   “แล้วใครวะที่บอกแม่งจะแดกจนหมดร้าน ขี้โม้นี่หว่า” ผมไม่เถียงหรอกครับ เพราะมันคือเรื่องจริง “อยากไปไหนต่อล่ะ” ผมมองหน้าคนที่ถามที่กำลังคีบหมูเข้าปาก

   “พี่ตามใจผมเหรอ” นี่โคตรแปลก หรือพี่เกนมันกินยาลืมเขย่าขวดวะ

   “อืม” มีช้อนตามองแล้วยิ้มอ่อยด้วย แบบนี้ไม่ดีต่อใจไอ้ป่านนะครับบอกเลย

   “ซื้อการ์ตูน” บอกไปงั้นแหละครับ คนถามก็พยักหน้าเบาๆ

   สุดท้ายก็ได้การ์ตูนที่อยากได้ครบทุกเล่มโดยไม่ได้ออกเงินสักบาท มันสบายก็ตรงนี้แหละ

   “มึงซื้อทำไมเยอะแยะวะ” คนออกเงินที่ผมแทบกราบเท้าถาม

   “ก็ผมชอบอ่าน อยู่ห้องคนเดียวโคตรน่าเบื่อ นี่เอาไว้อ่านตอนดึก”

   “เพื่อนมึงบอกว่ามึงมีโรค มึงเป็นโรคอะไร ต้องไปหาหมอหรือเปล่า หรือต้องกินยา”

   “ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงขนาดนั้น แค่เป็นโรคขี้เบื่อ”

   “แล้วทำไมถึงเป็นโรคขี้เบื่อ”

   “คงเพราะตอนเด็กๆ ผมอยู่บ้านคนเดียวด้วยมั้ง ไม่ได้ออกไปไหนอยู่กับตัวเองทั้งวันทั้งคืน นั่งๆ นอนๆ เบื่อก็หลับ มันเลยกลายเป็นโรคนี้ขึ้นมา” ผมบอกตามความจริง เพราะพ่อกับแม่ผมท่านยุ่งมาก ทำงานหามรุ่งหามค่ำที่บริษัท กลับมาผมก็เข้านอนไปแล้ว เดือนหนึ่งแทบไม่ได้เจอหน้า

   “แล้วทำไมมึงไม่หาอะไรทำ นั่งๆ นอนๆ เฉยๆ ทำไม” คนถามยัดหนังสือการ์ตูนผมใส่หลังรถแล้วสอดตัวเข้ามานั่งประจำที่คนขับ

   “ผมเคยเลี้ยงปลานะ ตอนนั้นหายเบื่อไปพักใหญ่เลยล่ะ” ผมยังคิดถึงเจื้อยกับแจ้วได้อยู่เลย ปลาทองสองตัวที่ผมไปเดินเลือกซื้อกับป้าแม่บ้านที่ตลาด “แต่ผมอยู่กับปลาทั้งวันไม่ยอมไปไหนแม่เลยเอาไปปล่อย”

   “มึงนี่พอทำอะไรแล้วจะไม่ยอมทำอย่างอื่นเลยสินะ”

   “ก็มันทำให้หายเบื่อ”

   “แล้วตอนนี้มึงหายเบื่อหรือยัง”

   “หา”

   “อยู่กับกูนี่หายเบื่อบ้างหรือเปล่า”

   สบตาคู่นั้นแล้วใจเต้นแรงอีกแล้ว

   “ก็...นิดหน่อย” ตอบแค่นี้ก็เหมือนกับถูกสุมกองไฟใส่หน้า

   “ก็ดี” ผมหันหน้าหนีเลยได้ยินแต่เสียงพูดและเสียงหัวเราะ



   ...แต่มันไม่ดีต่อใจผมอีกแล้ว



...TBC


พี่เกนกับน้องป่านเหลืออีก 2 ตอนจะจบแล้วค่าาาาา ขอบคุณสำหรับการติดตามคู่นี้นะคะ ส่วนคู่หลักยังมีตอนพิเศษอยู่นะคะ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เดี๋ยวได้หายเบื่อยาวแน่น้องป่าน

 :กอด1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ต่ออีกหลายๆตอนก็ได้ค่ะ คู่นี้น่ารักดี :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เริ่มหวั่นไหวแล้วล่ะสิ~

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : Part Ken & Pan [7]



       ค่ำคืนที่ผมต้องนอนอ่านหนังสือการ์ตูนก่อนนอนผิดแปลกไปจากเดิมเนื่องจากไอ้ต้อมผีเข้าโทรมาชวนไปกินยาดอง กำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดี ได้สักกรึ๊บก็น่าจะทำให้นอนฝันดีไม่น้อย ผมแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงสามส่วนลากแตะไป เพราะร้านที่ไปนั้นแต่งตัวชุดสูทคงไม่เหมาะ เซ็ทผมให้ชี้ๆ ดูเท่เผื่อจะเจอคนถูกใจสักคน

   แต่ทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเปิดประตูมาก็เจอคนตีหน้ายักษ์ยืนอยู่ ผมได้แต่ยกมือไหว้ตามมารยาทแต่อีกคนกลับดูนิ่งขึ้นมาจนผมเริ่มแปลกใจ

   “อะไร”

   “มึงไม่คิดจะชวนกู?”

   “ชวนอะไร”

   “นัดเพื่อนมึงกินเหล้าไม่ใช่เหรอ”

   “พี่รู้ได้ไง” ตาโตสิครับ รู้ได้ยังไงหรือไอ้ต้อมบอก แต่คงไม่ใช่แน่

   “กูเห็นเพื่อนมึงโพสลงหน้าเพจมึง แท็กชื่อมึงพร้อมกับชื่อร้าน” ไอ้เชี่ยดอยเล่นผมแล้ว ผมเห็นมันเพิ่งอัพไปเมื่อไม่นานมานี้ตอนกำลังออกจากบ้านแฟนมัน

   “ก็ไปกับเพื่อน”

   “แล้วกู?” เหมือนพี่เกนมันจะเริ่มตีรวนจนผมได้แต่ยกมือเกาหัวตัวเองจนผมเสียทรง หมดกัน อุตส่าห์เซ็ทมาซะหล่อ

   “เออๆ ไปก็ไป”
 
   ผมขับรถตัวเองมา แต่ตาไม่ค่อยจะมองถนนสักเท่าไหร่ นั่นเพราะคนที่มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคอยมองนั่นนี่จนผมไม่มีสมาธิขับ กว่าจะถึงร้านผมเกือบจะได้ฆ่าคนหมกป่าที่เอาแต่บ่นเรื่องความสะอาดรถของผม พี่เกนก็พูดได้สิ ว่ารถผมสกปรก รถพี่เขาสะอาด นั่นเพราะบ้านพี่เขารวยเขาต้องจ้างคนทำความสะอาดตลอดอยู่แล้ว ผมซึ่งไม่มีเวลาจะให้ไปเก็บกวาดมันก็ไม่ได้ (ข้ออ้างแบบงี่เง่านิดๆ)

   “อย่ากอดคอได้มั้ยเล่า” คือพวกไอ้ต้อมมันกำลังจ้องมา แล้วคนข้างๆ ก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ผมแทบจะทันที บ้าไปแล้ว

   “ไม่ได้” ตอบพร้อมกับทำหน้าลอยไปมาอย่างน่าหมั่นไส้ ผมพยายามสะบัดยังไงก็ไม่หลุดเลยจำใจเข้าร้านไปทั้งอย่างนั้น สายตาไอ้ต้อมกับไอ้ดอยที่มองมาคล้ายกับอยากรู้แต่ไม่มีใครถาม

   มาถึงโต๊ะ ผมรีบยกแขนพี่เกนออกแล้วรีบหนีไปนั่งข้างไอ้ต้อมจนเจอสายตาคาดโทษ ส่วนพี่เกนไปนั่งข้างเพื่อนตัวเองอีกฝั่งแทน ผมรู้ว่าผมกำลังถูกเพื่อนตัวเองจับจ้องอยู่ตลอด แม้จะเริ่มชนแก้วไปแล้วแต่สายตาของไอ้ต้อมก็ยังคงเหล่มอง

   “มาด้วยกันได้ไงวะ” ไอ้ต้อมทนไม่ไหวเอียงตัวมากระซิบถามท่ามกลางเสียงเชียร์ของไอ้ดอยให้คนไม่เคยลองกินยาดองสองคนยกแก้ว

   “มันไปหากูที่ห้อง พอดีกูจะออกมามันเลยมาด้วย” ผมบอกแล้วยกแก้วยาดองขึ้นจิบ กินมากไม่ได้เดี๋ยวต้องขับรถกลับอีก

   “มึงกับพี่เขาสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

   “กูก็ไม่รู้ว่ะ แม่ง อยู่ๆ ก็เข้าหากูเฉย”

   ตอบไอ้ต้อม ตาก็มองคนที่ยกแก้วเล็กๆ ที่มียาดองสีแดงเต็มแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวจนโคตรตลก ผมตอบคำถามจนไอ้ต้อมพอใจมันก็หันไปโวยวายแฟนมันที่ดวลกับพี่เกน นี่กะเมาหัวราน้ำกันสินะ
 
   “คอพี่เขาแม่งอ่อนว่ะ” ไอ้ดอยมันว่า วันนี้มันพาแฟนมันมาด้วยอีกตามเคย

   “ใครจะไปคอทองแดงเหมือนมึง แดกยาดองคนเดียวเป็นโหลแค่เดินเซ เป็นกูตายตั้งแต่ครึ่งโหลแล้วไอ้ห่า” ด่ามันไป ที่จริงผมก็คอแข็งนะครับ แต่ไอ้ยาดองพวกนี้ฤทธิ์มันร้ายนัก ได้ชิมแล้วอ้วกเกือบทุกราย

   ไอ้ดอยยักไหล่ไม่แคร์จนโดนแฟนมันตีเข้าที่แขน ผมได้แต่สมน้ำหน้ามัน ก่อนหันไปสนใจไอ้ต้อมที่มันมองพี่ฟลอยด์อยู่ตลอด คงเพราะเรื่องพ่อพี่เขานั่นแหละ มันเคยบอกผมว่าพี่เขาทะเลาะกับพ่อ พอผมถามมันก็ตอบแบบสบายๆ ผมว่าพี่ฟลอยด์แกคิดถูกแล้วครับที่ชอบไอ้ต้อม มันเป็นที่พึ่งได้ดีมาก

   ท้ายสุด งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา รุ่นพี่สองคนเมาจนฟุบหน้ากับโต๊ะ ไอ้ดอยตัวปลิวไปกับแฟนก่อนใครเพื่อน ผมที่จะช่วยออกเงินค่ายาดองแต่ไอ้ต้อมโบกมือไม่เอาเพราะมันชวนและจะเลี้ยงเอง แทบอยากจะฟังซ้ำหลายๆ รอบว่าไอ้ต้อมขี้งกเลี้ยง

   “เป็นบุญของปากกูมาก” แซวเพื่อนตัวเองจนโดนมันยกขาเตะ

   “เออ เดี๋ยวกูเอาบิลไปเบิกกับคนเมาอีกที” ว่าแล้ว อย่างไอ้ต้อมไม่น่าใจป๋าขนาดนี้ ไม่น่าชมมันเลย

   ผมลองสะกิดพี่เกนที่ฟุบนอนข้างพี่ฟลอยด์ แต่เรียกยังไงก็ไม่ยอมขยับจะมีก็แค่มือที่ปัดไปปัดมาไม่อยากให้แตะตัว เมาขนาดนี้พรุ่งนี้หัวระเบิดแน่ ไอ้ต้อมก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เพราะแฟนมันก็เมาสภาพไม่ต่างกัน พวกเราสองคนพากันหัวเราะก่อนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

   ลำบากไอ้ป่านอีก

   “มึงกลับเถอะว่ะ พี่เกนไม่ไหวแล้ว” ไอ้ต้อมมันว่า ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วยว่ามันไม่ไหวแน่

   “เอาไง” ผมปรายตามองคนเมาทั้งสอง

   “ทางใครทางมันเลยมึง”

   “โอเค”

   ผมหิ้วปีกคนเมาขึ้นมา ตัวมันโคตรจะหนักจนแทบเซลงไปนั่งที่พื้น ยังดีที่เอาขายันไว้ทัน ไอ้ต้อมเห็นก็แทบจะพุ่งมาช่วย แต่พอเห็นผมพอไหวมันก็ขำออกมา

   “ระวังถูกพี่เกนปล้ำนะมึง เมาขนาดนั้น” มันแช่งผมใช่มั้ย

   “เมาเหมือนหมาแบบนี้ กดกูได้ กูยอมเลยสัด” ไอ้ต้อมหัวเราะที่ได้ยินผมตอบ “นี่ก็...ลุกๆ ตัวหนักเหี้ย กินควายมาหรือเปล่าวะ” ออกแรงดึงคนที่คอพับให้ยืนอีกรอบก่อนพาเดินแบบปูไปที่รถ น้ำหนักที่น่าจะมากกว่าผมเทมาจนพยุงแทบไม่ไหว ผมเดินเซไปเซมาเกือบสะดุดขาตัวเองอยู่หลายรอบ คนเมาก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือสักนิด เปิดประตูรถได้ผมก็ผลักให้ไปนั่งไม่สนว่าหัวพี่เกนมันจะโขกกับขอบประตูหรือเปล่า



   ตอนแรกผมกะจะพาคนเมาไปนอนหอตัวเอง แต่คิดไปคิดมาพากลับคอนโดพี่เขาดีกว่า ขืนเอามาอยู่ที่หอก็จะเป็นภาระของผมแน่นอน ห้องพี่เขายังมีพี่ปูนที่เป็นเลขาพ่อพี่เขา มันดีที่สุดแบบนั้น

   ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึง ผมเอาโทรศัพท์คนเมาเพื่อจะโทรเรียกคนด้านบนให้ลงมา แต่คนที่ผมคิดว่าจะเอาคนเมามาให้กลับไปต่างจังหวัด พี่ปูนกับป๋าไปต่างจังหวัด ซวยไอ้ป่านอีกแล้ว ผมเปิดประตูรถลงไปพอดีกับยามวิ่งเข้ามาหา พอเห็นหน้าพี่เกนพี่ยามก็เบิกตาโตแล้วช่วยผมพยุงออกมาจากรถ

   “โห คุณเกนเมาหนักมากเลยนะครับ”

   “อ่าครับ” ไม่รู้จะตอบอะไรไป

   “ปกติผมไม่เคยเห็นคุณเกนเมาแบบนี้สักครั้ง” พูดไปก็ช่วยผมแบกเข้าตัวตึกไป

   “คงเพราะไม่เคยกินยาดองมั้งครับ” คนไม่เคยกินมีสิทธิ์เมาหนักกว่าคนเคยนะครับ

   พี่ยามแกส่งผมกับคนเมาแค่หน้าลิฟต์เท่านั้น ยิ้มให้พร้อมโค้งศีรษะเป็นเชิงขอบคุณก่อนหิ้วคนเมาเข้าลิฟต์แล้วกดชั้นที่พี่เกนอาศัยอยู่ ภายในลิฟต์คนเมาที่ไม่มีสติเริ่มรุ่มร่าม มือไม้ปัดไปมาจนผมต้องตีไปหลายครั้ง ที่ต้องตีเพราะมือมันลูบหลังผม พอดึงออกก็มาลูบด้านหน้า ถ้าไม่เห็นว่าเมาอยู่ผมคงเตะไปแล้ว ลูบอยู่ได้

   พอประตูลิฟต์เปิดผมก็รีบลากคนเมาไปที่ห้อง ล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกงก็ยากโคตรเพราะคนเมาไม่ยอมให้ความร่วมมืออะไรเลย ช่วงที่ผมพยายามล้วงกุญแจ คนเมาเริ่มแปลกๆ แม่งกัดคอผมเฉย แต่พอผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผมหิ้วก็ยังหลับตาคล้ายกับว่าไม่มีสติ

   ประตูห้องเปิดได้ผมก็ลากพี่เกนเข้ามาแล้วทิ้งพี่แกบนเตียงนุ่ม โคตรเหนื่อย พอปรายตามองคนที่นอนบนเตียงในสภาพเมาเละเทะ ชายเสื้อที่ใส่เลิกขึ้นจนเห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวย ไม่ดีต่อใจอีกแล้ว ผมรีบยื่นมือไปปิดหน้าท้องนั่นแต่อยู่ๆ มือที่ยื่นไปปิดกลับถูกยึดไว้เฉย

   “ไอ้พี่เกน” พยายามสะบัดมือที่ถูกยึดไว้ออก แต่ไม่มีท่าทีว่าจะหลุด “ปล่อยสิวะ เมาจริงหรือเปล่าเนี่ย” ประโยคพี่ยามแวบขึ้นมาทันทีว่าไม่เคยเห็นพี่เกนเมา หรือว่า...แกล้งวะ

   เพราะมัวแต่คิดเลยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ถูกดึงลงไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงนุ่มโดยมีคนเมาขึ้นคร่อมเฉย ชิบหายแล้ว คนที่ผมคิดว่าเมามาตลอดทางปรือตาขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   “หึๆ” เสียงเค้นหัวเราะในลำคอทำให้รู้ทันทีว่าถูกหลอก

   “แกล้งเมาเหรอวะเนี่ย” ผมเริ่มโวยวายและดิ้นหนี มือสองข้างถูกจับยึดไว้ขยับแสนจะลำบาก ขาสองข้างยิ่งแล้วใหญ่ ทำอะไรไม่ได้เลยเมื่อคนที่คร่อมผมอยู่ตรงกลางหว่างขา จะถีบก็ไม่ได้ เตะก็ไม่ได้

   “กูเมาจริงๆ”

   “เมาเหี้ยอะไร ปล่อยสิวะ”

   “มึงท้ากูก่อน”

   “ท้าอะไร”

   “ก็บอกถ้ากูกดมึงได้มึงจะยอมไง” เชี่ย ไหนบอกเมาจริงๆ ไงวะ

   “แกล้งเมาตั้งแต่แรกใช่มั้ยเนี่ย” ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากรอยยิ้มร้าย “ไอ้พี่เกน” รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อถูกสายตานั่นจ้องมอง ผมอยากหลบตาแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เม้มปาก

   “กูรู้ว่ามึงก็ใจเต้นแรงกับกู”

   “รู้ได้ไง”

   “ก็กูได้ยิน...อย่างตอนนี้” พูดจบก็แนบหูลงไปที่อกผมทันที “เต้นแรงเหี้ยๆ”

   “มะ มันก็ต้องเต้นสิวะ” จะติดอ่างทำไมเนี่ย

   “กูก็เต้นแรงเหมือนมึง” คำพูดกับรอยยิ้มไม่ดีต่อใจไอ้ป่านอีกแล้ว คราวนี้รุนแรงหนักมาก มากซะจนผมยอมรับจูบที่นุ่มนวลจากคนที่คร่อมผมอยู่

   จูบที่ยังมีกลิ่นหอมของยาดองสูตรพิเศษ จูบที่แทบทำผมละลายคล้ายอยู่ในกองเพลิง ความรุ่มร้อนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่จำเป็นต่อไป ผมเห็นเสื้อตัวเองปลิวไปหน้าตู้หนังสือ จากนั้นก็ได้แต่หลับตา ความเย็นของแอร์เล่นงานได้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกร้อนเป็นไฟเมื่อถูกสัมผัส

   มือนุ่มลูบไล้ตามหลังตามอกจนขนลุกชัน ปากแดงที่เคยก่นด่าผมกำลังดูดเม้มไปทั่วแผงอก ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองชวนให้วาบวามในใจ คนเอาแต่ใจชักนำจนผมแทบดิ้นตายอยู่ในอ้อมแขน

   “เรียกชื่อพี่หน่อยสิครับ” เสียงกระซิบข้างหูพร้อมกับเป่าลมร้อนพานทำให้ขนลุกชันไปทั่วตัว ผมยังคงเม้มปากไม่ยอมส่งเสียงอะไรออกมา คนเอาแต่ใจขำเบาๆ ให้ได้ยินก่อนผ่อนแรงขยับมือจนผมต้องส่งสายตาเว้าวอนเมื่อมันใกล้จะสุดทางเต็มที “นะครับ”

   “พี่...เกน” อยากจะตบหน้าตัวเองสักพันครั้งแต่ความต้องการมันอยู่จุดสูงสุดจนต้องยอมอายพูดออกไป พอชื่อตัวเองหลุดออกมาปากแดงก็ฉกมาจูบย้ำซ้ำๆ

   “มึงโคตรน่ารักเลยว่ะ” ผมหอบหนักมองคนที่ฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกแปลกๆ ที่มีคนช่วยปลดปล่อยความต้องการ ช่วงเวลาที่ผมกำลังจะหยุดหอบ คนที่ชมผมก็เริ่มจัดการสิ่งที่เพิ่งสงบไปเมื่อครู่ให้กลับมาคึกอีกครั้ง “คืนนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”

   ยอมรับว่ากลัวแต่ก็อยากลอง ผมเคยลองกับผู้หญิงแน่นอน แต่กับผู้ชาย พี่เกนเป็นคนแรก แม้จะเคยคบผู้ชายมาหลายคนแต่ก็ไม่เคยล่วงเกินหรือเกินเลยมากกว่าการพูดคุย เผลอแค่นิดเดียวคนเอาแต่ใจก็รีบร้อนจนผมร้องลั่นห้อง แม่ง ไม่ให้โอกาสทำใจเลยให้ตายสิ

      “แม่ง” สบถได้แค่คำเดียวเพราะเจ็บและจุก รู้ดีว่าถูกเล้าโลมจนพร้อมแต่แบบนี้ก็ไม่ไหว เคยเห็นในคลิป มันต้องทำนั่นนี่ก่อนไม่ใช่หรือไง นี่พี่ท่านเล่นใส่ของร้อนเข้ามาจนสุดทางเฉย

   “อย่ารัดกูสิ” ตวัดสายตามองคนพูดอย่างเคืองๆ อยากรัดมั้ย ไม่เลยสักนิด แต่มันหยุดเกร็งไม่ได้ไง ความเจ็บยามจะคลายความรู้สึกมันก็พุ่งขึ้นมาจนต้องเกร็งตามเดิม “ป่านครับ”

   “พี่เอาออกก่อนสิ เจ็บอะ” ผมยื่นมือไปดันหน้าท้องแข็งๆ แต่ก็ถูกมือใหญ่กว่านิดหน่อยจับออก

   “รัดแน่นขนาดนี้จะออกได้ไงเล่า” พี่เกนว่า ก่อนจะช้อนสะโพกผมขึ้นจนขาสองข้างของผมแนบกับอกแกร่ง “หายใจเข้าออกช้าๆ” ผมลองทำตามแม้จะอายโคตรๆ ก็เถอะ พยายามไม่มองภาพที่เห็นตรงหน้า ขนาดเคยเห็นในคลิปบ่อยๆ แล้วนะ ยังไม่หน้าร้อนเท่านี้เลย

   ได้ยินเสียงขำในลำคอเบาๆ ผมปรือตาขึ้นมาเพื่อสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน พี่เกนยิ้ม ยิ้มที่ดูอ่อนโยนแบบไม่เคยเห็นมาก่อน (ปกติยิ้มร้าย) ผมรีบยกมือปิดหน้าเพราะรอยยิ้มแบบนี้มันทำให้ผมใจเต้นแรง คนยิ้มเริ่มคลอนสะโพกจนต้องนิ่วหน้า มันก็ยังเจ็บอยู่นั่นแหละ แค่ไม่มากเท่าตอนแรก

   จากแรกเริ่มที่ค่อยเป็นค่อยไปแปลเปลี่ยนเป็นร้อนแรงและดุดันตามนิสัย ทุกช่วงจังหวะที่ถูกชักนำทำให้ความรู้สึกต่างๆ ปนเปไปหมด สมองที่กำลังคิดหาคำพูดหรือเหตุผลได้ถูกลบออกไปจนเหลือแค่ภาพของคนตรงหน้าที่กำลังมอบความรู้สึกใหม่ให้ ความเจ็บปวดถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกระหาย

   “ซี๊ด สุดยอด” เสียงของคนเอาแต่ใจที่เริ่มผ่อนแรงแล้วถอนของร้อนจนเกือบหมด ผมย่นหน้าเพราะฝั่งฝันของผมอยู่ไม่ไกล ปากกำลังจะท้วงติงคนเอาแต่ใจกลับดันลึกเข้ามาจนหลังผมต้องยกขึ้น เชี่ยเอ้ย มันแกล้งผม

   “พะ พี่แม่ง” ค้อนด้วยตาไปคนแกล้งก็ไม่สะทกสะท้าน เอวที่คลอนไม่ยั้งยังคุมจังหวะจนผมแทบอยากตายไปจริงๆ จนสุดท้ายผมก็ปลดปล่อยออกมา รู้สึกเหนื่อยกว่าการไปสิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบตอนรับน้องซะอีก

   ผมคิดว่าทุกอย่างจบแล้วแต่ที่จริงมันยังไม่จบ ไม่ใช่สิ พี่เกนมันไม่ยอมจบต่างหาก นั่นเพราะพี่เขายังไม่ได้ปลดปล่อยออกมา ผมกัดหมอนแน่นเมื่อเอวที่คลอนใส่มากระแทกไม่ยั้งก่อนรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง จบแล้วสินะ...


   ...คิดว่าเป็นแบบนั้น


   “โอ้ย เบาๆ” มันไม่ยอมจบอย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ

   “กูทนมาเกือบสามปี นี่ยังแค่ดอกนะ ต้นกูยังไม่ได้คิดเลย” นี่ขนาดแค่ดอกนะ แม่ง

   “พี่ไปทนที่ไหนมาวะ” ผมโวยวายเมื่อถูกจับพลิกให้นอนคว่ำหน้าโชว์ก้นงามๆ ให้คนเอาแต่ใจ “เชี่ย” พยายามถีบขาไปด้านหลังแต่จะล้มซะเอง ห่วย

   “ตั้งแต่เจอมึงครั้งแรก...อื้ม...กูก็จองมึงมาตลอด” ทิ่มพรวดเดียวอีกแล้ว แม่งนิสัยโคตรเสีย

   “โคตรมั่ว อ๊ะ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง เบาๆ สิวะ” อยากด่ามากกว่าแต่กลัวขาดใจตายไปซะก่อน

   “ก็กูบอกตอนนี้ไงว่ากูจองมึงด้วยสายตามานาน สมกับที่กูหมายตาไว้จริง” หันไปมองคนที่ตบก้นผมดังเพี๊ยะ เจ็บนะนั่น “ต่อไปนี้ มึงเป็นของกูคนเดียว”

   ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่อยากลองอะไรใหม่ๆ กับคนเอาแต่ใจคนนี้ ผมไม่ได้กลัวการผูกมัดหรอกนะ แต่ผมกลัวการถูกบงการชีวิต ผมกลัวการจะไม่มีอิสระในชีวิต

   “แล้วถ้าผมมองคนอื่นล่ะ”

   “มันตาย”

   ชิบหาย พลาดแล้วไอ้ป่าน สิ่งที่กลัวมันกำลังคืนคลานเข้ามาจนคิดว่าไม่น่าหนีพ้น

   ค่ำคืนแสนเร้าร้อนผ่านพ้นไปและผมคงต้องไว้อาลัยให้กับร่างกายตัวเอง ความอ่อนล้าเล่นงานจนขยับแขนขาลำบาก คนทำนอนเท้าแขนจ้องหน้าผมอยู่ข้างๆ

   “อะไร”

   “มึงน่ารักดีนะ”

   “ชมใช่ป่ะ”

   “เออชม” คนบอกว่าชมหัวเราะออกมา “มึงเป็นเมียกูแล้วนะ” เหล่ตามองนิดๆ

   “รู้”

   “ก็ดี”

   ผมไม่ใช่พวกคนที่จะมานอนร้องไห้หรอกนะครับ ก็อยากลองเอง

   “พี่เคยเอาผู้หญิงมานอนเตียงนี้ป่ะ” พอนึกถึงภาพผู้หญิงของเจ้าของห้องก็พานขมวดคิ้วสงสัย

   “ไม่เคย ห้องนี้ เตียงนี้มีแค่มึงนั่นแหละ” พยายามซ่อนรอยยิ้มจนโดนดีดหน้าผาก “กลัวกูฟันแล้วทิ้งเหรอ”

   “พี่วันไนท์แสตนด์บ่อยจะตาย ทำแบบนั้นกับผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เชี่ยเจ็บ” ถูกดึงปากจนยานโคตรเจ็บ

   “กูทำแบบนั้นกับคนอื่นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นกูจะทนรอมึงมาตั้งสามปีเหรอ”

   “พี่รอเพราะชอบผมเหรอ” อยากจะขยับนอนตะแคงแต่ปวดก้นทำให้ต้องนอนหงายตัวตรงเหมือนเดิม

   “ตอนนั้นกูก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้คงเป็นแบบนั้น” แก้มขาวๆ นั่นขึ้นสีซะด้วย

   “เขินนะเนี่ย” ผมแอบแซว “แล้วทำไมพี่ไม่เข้ามาหาผมเลยล่ะ เห็นควงสาวคนนั้นคนนี้ไปทั่ว”

   “กูกลัวมึงรังเกียจ” เหตุผลน่ารักซะด้วย “แต่พอกูตามมึงมาเรื่อยๆ เลยรู้ว่ามึงก็เคยคบผู้ชายมาก่อน” ข้อมูลแน่นมาก แน่นซะจนตกใจว่ารู้ได้ยังไง

   “พี่รู้ได้ไง”

   “ก็ตามมึงมาตลอด เห็นไปเที่ยวกับไอ้เด็กทันตะ” โห นั่นตั้งแต่ปีหนึ่ง ทันตะคนนั้นเดินเข้ามาขอเบอร์จากนั้นก็คบกันไม่กี่เดือนก็แยกย้าย

   “สโตกเกอร์ใช่มั้ยเนี่ย น่ากลัวว่ะ”

   “ก็แค่กับมึง”

   “แล้วทำไมกับพี่ฟลอยด์แล้วก็เพื่อนผมพี่ดูรังเกียจล่ะ”
 
   “กูคงหวงไอ้ฟลอยด์ด้วยมั้ง” ผมเบิกตาโตมอง หรือว่าสิ่งที่ผมกับไอ้ต้อมสันนิษฐานจะเป็นจริง ที่พี่เกนชอบพี่ฟลอยด์ “คิดว่ากูรักไอ้ฟลอยด์ละสิ”

   “รู้ได้ไง”

   “หน้ามึงมันฟ้อง” ผมเบ้ปากใส่คนว่า “ไอ้ฟลอยด์มันเป็นคนดี กูกลัวมันถูกหลอกเหมือนกู” ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอก เป็นผม ผมก็กลัวว่าไอ้ต้อมจะถูกหลอก “แต่พอรู้จัก ได้ด่ากันบ้างก็พอรู้ว่าเพื่อนมึงเป็นคนดี”

   “มากด้วย”

   ผมหันไปหัวเราะจนเผลอจ้องตาคู่สวยนั่นอีก ใบหน้าขาวค่อยๆ ใกล้เข้ามาจนจมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียกับจมูกของผม

   “ป่าน”

   ปากแดงจูบย้ำๆ ลงบนริมฝีปากของผม ร่างเปลือยเปล่าสมส่วนขยับขึ้นมาคร่อมอีกครั้ง





   “ทะแด เซอร์ไพรส์ เชี่ย!”

   “ชิบหาย”

   “ป๋าปิดตาปูนทำไมเนี่ย ปล่อย”

   “ไม่เอาไม่ดูครับ ตามสบาย คิดว่าป๋ากับปูนไม่ได้เข้ามานะ”

   เสียงปิดประตูดังสนั่นหยุดการกระทำทุกอย่างของพี่เกนและผม เราเหมือนถูกสตาฟฟ์ไว้จนไม่ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย จนผมเริ่มหาเสียงเจอ

   “เราต้องทำต่อมั้ย” พี่เกนมองหน้าผมนิ่งแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

   “ทำต่อก็ได้นะ”

   “เชี่ย ทำต่อก็บ้าแล้ว”

   รีบมุดเข้าไปในผ้าห่มจนไม่อยากโผล่หน้าออกมา ไม่อยากจะคิดไปก่อนเลยว่า ป๋ากับพี่ปูนจะคิดอะไรยังไงไปถึงไหน ที่แน่ๆ พี่เกนที่หลังขาวโผล่จากผ้าห่มกำลังคร่อมผมและเรากำลังจูบกัน ภาพแบบนี้ไม่คิดก็บ้าแล้ว

   ตอนเช้าผมแทบจะก้มหน้าติดจานข้าว พี่ปูนหัวเราะคิกคักจนผมไม่อยากเงยหน้าขึ้นมา ส่วนพี่เกนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ยังคงกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนเดิม ส่วนป๋าของพี่เกนก็คอยหยอดแซวลูกชายบ้าง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับเลยนั่งกินเงียบๆ ต่อไป มีแค่ยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผมเท่านั้น

   “รีบๆ กินสิ เดี๋ยวให้ปูนเอาไข่ลวกมาให้ ไอ้เกนแรงมันเยอะน่าจะเหนื่อย” โอ้ย ไอ้ป่านอยากจะหายตัวมุดลงดิน ยิ่งพี่ปูนหัวเราะร่วนขึ้นพร้อมกันอีก

   “ป๋าอย่าไปแซวสิ นั่นลูกสะใภ้นะ เอากี่ฟองดี สิบฟองดีมั้ย เกนน่าจะแซ่บนะ”

   “มันก็ต้องแซ่บเหมือนป๋ามันอยู่แล้ว”


   ไอ้ป่านจะไม่มาห้องนี้อีก จะไม่มาอีก!!!


.....TBC



น้องป่านจะไม่มาห้องพี่เกนอีกแล้วว .... ได้เหรอ  :o8:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไม่ดีต่อใจเลยนะป่าน ชอบเกนอะ ป่านก็น่ารักๆๆๆ ชอบๆๆรอๆๆ :mew1:  :mew6:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อิน้องเริ่มหวั่นไหวว
อิพี่รุกอีกค่ารุกอีกก

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดด ไม่ต้องไปห้องอิพี่บ่อยๆหรอกค่า
แต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยเถอะ ป่านจะได้ไม่เบื่ออีกมีกิจกรรมเข้าจังหวะ อิอิ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
พี่เกนคงปล่อยให้หนีหรอกนะ ป่าน ไม่รอดอยู่แล้ว :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่เกน ป่าน  :mew1: :mew1: :mew1:
ขำป่านอ่ะ พี่เกนรีบไปทำไมเพิ่งมาแท้ๆ
"อ่อ...กางเกงบอลผมขาดที่เป้านั่นเอง"
พี่เกน พี่ฟลอยด์ เพื่อนกันเหมือนกันแท้
เรื่องความหื่น ความหึง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ป๋ากับพี่ปูนเจอเซอร์ไพรส์กว่า :hao6:

 :pig4: :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
คู่นี้น่ารักดี ละก็สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันทั้งพี่ฝอยพี่เกน ทั้งต้อมป่าน นิสัยไปแนวเดียวกันเลย

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เค้าได้กันแล้วค๊าคุณๆ

 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
พี่เกนจัดหนักจัดเต็มจริงๆเลยนะแกล้งเมาอีกด้วย :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เสร็จพี่เกนจนได้!!

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เกนเจ้าเล่ห์มาก

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : Part Ken & Pan [8][END]



        เปิดเรียนแล้วหลังจากหยุดไปเป็นอาทิตย์ ความเบื่อของผมก็หยุดลงเช่นกันเมื่อร่างกายถูกผูกติดไว้กับคนเอาแต่ใจ ผูกติดไม่ใช่เอาร่างกายมัดติดกันนะครับ แค่มีเงาตามตัวจะไปไหนทำอะไรจะเห็นเงาตามผมเสมอ พอผมบ่นก็ถูกบ่นกลับมากกว่าเดิมจนปล่อยเลยตามเลย เอาตามที่สบายใจเลยครับ

   “พี่จะตามผมไปคณะทำไมเนี่ย” นี่ก็บ่นมาแล้วสามรอบ พี่เกนจอดรถที่คณะตัวเองแล้วเดินมาส่งผมที่คณะ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปส่งหน้าคณะจะได้ไม่ต้องเดิน

   “อยากไป” ได้แต่ถอนหายใจให้กับคนที่เดินเคียงข้าง ผมสังเกตเห็นสาวๆ หลายคนต่างก็ส่งยิ้มมาให้ พี่เกนก็ยิ้มกลับไปแค่นั้น บางรายถึงขั้นเดินมาขวางแต่พี่แกก็ปฏิเสธที่จะให้เบอร์ไป

   ‘พี่จะรีดพิษตัวเองทิ้งแล้วเหรอ’

   ‘ไม่ทิ้งหรอก เพราะพิษกูจะใช้เล่นงานเมียกูคนเดียว’

   คำถามขณะเดินผ่านกลุ่มสาวสวยออกมา ผมละอยากตบกะโหลกตัวเองซ้ำๆ เมื่อได้ยินคำว่าเมียเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น เริ่มเข้าใจหัวอกไอ้ต้อมแล้วว่า การถูกเรียกว่าเมียมันไม่ใช่วิถีของคนหน้าตาดี

   “จะไปส่งถึงหน้าห้องเรียนเลยป่ะ” แกล้งถามไปแบบนั้นซึ่งพี่เกนแม่งเอาจริง จะดึงมือผมขึ้นตึกเฉย ดีที่ผมรั้งตัวไว้ทัน พอดีกับไอ้ดอยเดินมา มันยกมือไหว้พี่เกนพร้อมทำหน้าสงสัยที่เห็นผมอยู่กับรุ่นพี่ต่างคณะที่เคยจะกัดกันอยู่ตลอด พี่เกนจ้องหน้าไอ้ดอยจนเพื่อนผมเริ่มกระอักกระอ่วนในการจ้องกลับ

   “กูไปเรียนก่อน” ก่อนไปยังมิวายหันมามองอีกรอบ ไอ้ดอยถึงกับถอนหายใจเมื่อพี่เกนเดินไปไกล

   “โคตรน่ากลัวเลยว่ะ จ้องเหมือนกูจะไปแย่งเมียพี่เขาอย่างงั้นแหละ หรือว่า...” ไอ้ดอยหันมาหรี่ตามองผม “มึงกับพี่เขา...จริงเหรอวะ” มันทำตาโตเมื่อผมพยักหน้ารับ ผมไม่ใช่คนปิดบังอะไรเพื่อนอยู่แล้ว “ไอ้ป่านกู”

   “ดราม่ามากเพื่อนกู” ตบหัวมันไปแล้วพากันหัวเราะ

   ตอนบ่ายผมกำลังนั่งปรึกษาเรื่องรายงานกันอยู่ ถุงขนมถุงใหญ่ถูกวางลงมากลางวง พอเงยหน้ามองคนวางเป็นแฟนของเพื่อน พี่ฟลอยด์ยิ้มหวานมาให้ผมก่อนถูกพี่เกนตบหัวจนไอ้ต้อมตกใจ

   “ตบหัวกูทำไมวะ” คนโดนตบหัวโวยวาย พี่เกนขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน “แค่กูยิ้มให้เนี่ยนะ ไอ้สัดเกน” แล้วเหมือนจะรู้กันเอง

   “เออ” มองเพื่อนทะเลาะกันแล้วก็แปลกๆ ผมขยับให้พี่เกนนั่งข้างๆ ส่วนพี่ฟลอยด์ก็นั่งข้างไอ้ต้อม สองคนนี้มีไอ้ดอยนั่งคั้นอยู่ “กินข้าวยัง” พี่เกนเลิกจ้องหน้าเพื่อนหันมาถามผมแทน

   “กินแล้วสิ นี่จะบ่ายแล้ว” ผมบอก

   “แล้วไม่ถามเหรอว่ากูกินหรือยัง”

   “ต้องถามเหรอ”

   “ไอ้ป่าน”

   “อะไรเล่า”

   โดนพี่เกนถลึงตาใส่

   “เอ่อ ถ้าจะทะเลาะกันเชิญโต๊ะนั้นเลยครับพี่” ทั้งผมทั้งพี่เกนหันไปมองไอ้ต้อมหลังจากมันพูดจบ ก่อนเราจะลุกไปนั่งอีกโต๊ะจริงๆ

   “เพื่อนมึงไล่กู” มานั่งโต๊ะใหม่พี่เกนก็พูดขึ้นทันที

   “มันก็ไล่ผมเหมือนกันนั่นแหละ”

   “กินข้าวกับอะไร”

   “ถามผมเหรอ”

   “เออสิ จะให้ถามหมาที่ไหน” มันด่าผมหรือเปล่าวะ

   “กินข้าวขาหมู” ตอบเสร็จพี่เกนก็ปรายตามองที่พุงของผม “อะไร”

   “ระวังลงพุง”

   “ไม่กลัว” ตอบอย่างไม่ยี่หระ “แล้วพี่กินข้าวหรือยัง”

   “ยัง”

   “ทำไมไม่กิน”

   “รอกินพร้อมมึง”

   “แต่ผมกินแล้ว”

   “มึงบอกไปแล้ว”

   “นี่พี่กวนผมอยู่ใช่มั้ยวะ”

   “เออ”

   แม่ง โคตรหงุดหงิดจนอยากจะทึ้งผมตัวเองออก พี่เกนยิ้มยี่ยวนจนน่าเตะ ก่อนไอ้ต้อมจะเดินมาสะกิดว่าต้องไปลงแปลงแล้ว พี่เกนเงยหน้ามองแฟนเพื่อนนิ่งๆ ก่อนไล่สายตามองที่มือที่กำลังจับบ่าผมอยู่

   “ผมไปเรียนก่อน” รีบตัดบทกลัวสิ่งที่คิดจะเกิดขึ้น

   กำลังจะเดินผ่านหน้า พี่เกนรีบคว้าแขนผมไว้ก่อนยื่นหน้ามากระซิบแล้วปล่อยให้ผมไปกับเพื่อน เหล่ตามองทิ้งท้ายก่อนซ้อนจักรยานไอ้ต้อมไปที่แปลงผัก


   ‘ตัวมึงอย่าให้ใครแตะ กูแตะได้คนเดียว’




   ลงแปลงวันนี้ทำให้ผมปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว ขับรถกลับหอพักตัวเองพร้อมยาทาแก้ปวดที่แวะซื้อ พอจอดเทียบปุ๊บ รถที่เคยเห็นบ่อยๆ ก็รีบจอดเข้ามาเทียบ เจ้าของรถสวยเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับเปิดประตูด้านผมออก
 
   “อะไร” ถามอย่างงงๆ

   “กลับช้า”

   “ก็เพิ่งเลิก พี่มารอผมเหรอ”

   “เออ ป๋าชวนไปกินข้าว วันนี้พี่ปูนจะทำมื้อใหญ่” มองคนชวนที่ยังทำหน้าบึ้ง สงสัยคงรอนานจริงนั่นแหละ

   ผมพยักหน้ารับคำชวนแต่ขอเอาของขึ้นไปเก็บก่อน พี่เกนเดินตามขึ้นมาด้วย พอมีคนเดินสวนมาแขนยาวๆ ก็ยกขึ้นโอบไหล่แบบอัตโนมัติ แถมยังจ้องหน้าคนมองอีก หาเรื่องชาวบ้านเขาไปทั่วนี่หว่า

   เข้าห้องมาปุ๊บ คนมาด้วยถามหากระเป๋าเสื้อผ้า ผมก็ยังงงๆ เลยชี้ไป คนถามหาเดินไปหยิบออกมาพร้อมกับดึงเสื้อของผมที่อยู่ในตู้ยัดลงในกระเป๋าเฉย

   “พี่ทำไร” รีบวิ่งเข้าไปห้าม

   “เก็บเสื้อผ้ามึงไง”

   “เก็บไปทำไม มันก็อยู่ในตู้ดีอยู่แล้ว” อุตส่าห์รีดเองนะครับนั่น ยับหมดแล้ว

   “ก็ไปนอนที่ห้องกับกู มึงก็ต้องเอาเสื้อผ้าไปสิ” เหมือนได้ยินอะไรไม่ชัดจนผมต้องขมวดคิ้ว

   “ผมเนี่ยนะจะไปนอนห้องพี่”

   “เออ”

   “เมื่อไหร่”

   “ตั้งแต่วันนี้”

   “พี่บ้าหรือเปล่าเนี่ย ไม่เอาโว้ย” พยายามแย่งกระเป๋าแต่ไม่เข้าใจทำไมแรงผมถึงสู้ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยืนดูพี่เกนยัดเสื้อผ้าผมใส่กระเป๋า “แม่งโคตรเอาแต่ใจว่ะ”

   ระหว่างทางผมไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งนิ่ง โกรธด้วย โมโหก็ใช่ ผมไม่ชอบการบังคับที่สุดแต่กลับต้องมาเจอ นี่ใช่มั้ยที่เขาบอกเกลียดสิ่งไหนก็จะเจอสิ่งนั้น พอมาถึงห้อง พี่เกนก็ลากพี่ปูนไปด้านหลังปล่อยให้ผมอยู่กับป๋าพี่เขาสองคน รอยยิ้มเป็นมิตรกับท่าทางสบายๆ เลยพลอยไม่ได้รู้สึกเกร็งเท่าไหร่ วันนี้ป๋าแต่งตัวสบายๆ เสื้อกับกางเกงบอลครบชุด นี่ถ้าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเจอละก็ ใบหน้าอ่อนกว่าวัย แถมหล่อแบบนี้คงคิดว่าอายุประมาณยี่สิบกว่าแน่ๆ

   “ย้ายมาอยู่ด้วยกันซะที่นี่แหละ ไม่เปลืองค่าเช่าหอด้วย” ป๋าแทะเมล็ดแตงโมไปพูดกับผมไป

   “แต่ผมว่า ผมอยู่ที่หอสะดวกกว่า แล้วก็ใกล้มหาลัยกว่าด้วย” ผมส่ายหน้าปฏิเสธเมล็ดแตงโมที่ถูกยื่นมาให้หลังตอบออกไป

   “ทำไม กลัวไอ้เกนได้แล้วทิ้งเหรอ ถ้ากลัวแบบนั้นไม่ต้องคิดมาก เชื้อป๋ามันไม่เคยทิ้งใคร” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาทำให้ร้อนๆ หนาวๆ “แม่เกนเขาทิ้งตั้งแต่เล็ก เลยถูกเลี้ยงตามใจ ส่วนคนที่ทำให้มันนิสัยเสียก็นู้น ปูนนู้น”

   “ป๋ากับพี่ปูนเอ่อ...คบกันมานานแล้วเหรอครับ” ไม่อยากถามแต่อยากรู้

   “ก็ตั้งแต่มันอายุสิบมั้ง เอ หรือสิบเอ็ดวะ ก็นั่นแหละ” ก็นานเหมือนกันแฮะ “ส่วนทำไมหน้ามันไม่ตี๋อินเทรนนั่นเพราะได้เชื้อจากแม่มันมา แม่มันเป็นลูกครึ่งฝรั่ง แต่ตามันได้พ่อ หล่อก็ได้พ่อ” รีบพยักหน้าให้กับสิ่งที่ได้ยิน พยายามไม่หันไปโก่งคออ้วก แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ ที่ว่าพี่เกนหล่อ

   “เอ่อ แล้วป๋าไม่โกรธเหรอที่พี่เกนพาผมเข้าบ้าน” ผมเรียกป๋าจนเริ่มจะชินปาก เคยเรียกลุงแต่ถูกเตะ ตอนนั้นโคตรตกใจที่ป๋าพี่เกนแตะเข้าตูดผมดังป๊าบ

   “โกรธทำไมในเมื่อฉันก็รักกับปูนเหมือนกัน” ยอมรับออกมาตรงๆ อย่างน่าชื่นชม ผมยิ้มให้กับป๋าที่ไม่ปิดบังลูกในสิ่งที่ตัวเองเป็น “ลูกน่ะนะ เลี้ยงให้เชื่อฟังได้แค่ตอนเป็นเด็กเท่านั้น เพราะยังคิดเองไม่ได้ พอโตมาความคิดก็เริ่มมี ไม่เชื่อที่สั่งไปหรอก มีแต่จะทำสิ่งตรงข้ามให้เราปวดหัว”

   “ก็จริง” อันนี้เห็นด้วย “แล้วอดีตที่ถูกหลอกของพี่เกนล่ะครับ”

   “นั่นมันโง่เอง” ผมหัวเราะเมื่อป๋าด่าลูกชายตัวเอง “มาเพ้อพกว่ารักอย่างนั้น รักอย่างนี้ มาขอให้ซื้อคอนโดให้ สุดท้ายถูกหลอกเอาไปจนหมด ไม่โง่ก็ไม่รู้จะด่าว่าอะไรแล้วจริงมั้ย”

   “ทำไมถึงหลอกได้ขนาดนั้นล่ะครับ มันต้องดูออกกันบ้าง”

   “มันโง่ไง อย่างที่บอก ปูนก็อุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีกก็ยังหลง แม่สาวนั่นคงลีลาดีเลยติดใจจนยอมเสียเงินเป็นก้อน” ป๋าพูดเรียบๆ เหมือนไม่อยากใส่ใจ ทั้งที่มันเป็นเงินก้อนใหญ่เลยนะครับนั่น

   “เป็นผมๆ ก็แค้นนะป๋า เงินไม่ใช่น้อยๆ ทั้งคอนโด ข้าวของด้านในไม่มีเหลือ”

   “ก็ใช่ แต่จะฟ้องร้องก็ไม่ได้ในเมื่อคนของเราเต็มใจยกให้เองตอนหลง ของทุกอย่างเลยกลายเป็นเสียค่าโง่ไป” คนไม่รวยจะไม่พูดแบบนี้นะครับเนี่ย ราคาข้าวของรวมคอนโดนั่นไม่ต่ำกว่าล้านแน่นอน

   “เพราะโง่นี่เอง” ผมพึมพำออกมาจนป๋าหัวเราะ ผมคงคิดดังไปใช่มั้ย

   “เธอนี่เป็นคนแรกที่เกนมันเข้าหาเชียวนะ” อยู่ๆ ป๋าก็พูด ดวงตาคมพราวระยับจนเริ่มขนลุก “ฉันเห็นมันสั่งให้ปูนส่งคนไปตาม พอเห็นรูปก็นึกแปลกใจอยู่ที่รู้ว่าเป็นผู้ชาย สงสัยเชื้อพ่อมันจะแรงไปหน่อย” ว่าแล้วก็ขำเอง

   “ป๋าชอบผู้ชายเหรอครับ” ผมถามตรงไปหรือเปล่า เพราะป๋าดูตกใจนิดๆ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนพี่ปูนรีบวิ่งเข้ามาหา

   “ถามได้ดี” พี่ปูนที่วิ่งมาหาถูกดึงให้ลงไปนั่งที่ตัก แม้จะขัดขืดในตอนแรกแต่พอถูกจุ๊บปาก หน้าหวานก็ยิ้มออกมาพร้อมขยิบตาให้คนนั่งตักได้เขิน “แค่ปูนคนเดียว”

   ขนาดไม่ใช่ชื่อผมๆ ยังเขินเลยเหอะ

   “อะไรกันเหรอ” พี่ปูนทำตาโตมองหน้าผมสลับกับป๋า

   “ไม่มีอะไร ป๋าหิวแล้ว ปูนทำเสร็จหรือยัง” ผมมองป๋าใช้จมูกโด่งคลอเคลียแก้มป่อง

   “เสร็จแล้ว เกนเป็นลูกมือด้วยนะ” ช็อตนี้กระพริบตาจนเหมือนคนเป็นโรคร้าย พี่ปูนงับจมูกป๋าเบาๆ เลยถูกลงโทษด้วยการจูบที่ยาวนาน

   เห็นผมเป็นอากาศใช่มั้ยครับเนี่ย

   แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ละสายตาจากคู่รักตรงหน้า พี่เกนยืนจ้องหน้าผมนิ่งก่อนเงยหน้ามองคู่รักที่ทำเอาผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง กลัวไปขัดจังหวะรัก

   “จะกินมั้ยข้าว ถ้าไม่กินก็กลับไปกินกันเองที่ห้องไป๊” อ้าปากค้างเมื่อได้ยินพี่เกนไล่พ่อตัวเอง ส่วนคู่รักที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันที่โซฟาแค่ปรายตามามองทั้งที่ปากก็ยังจูบกันอย่างดูดดื่ม

   ไอ้ป่าน แกจงกลายร่างเป็นหินบัดเดี๋ยวนี้

   ก่อนที่ผมจะกลายเป็นก้อนหินไปจริงๆ พี่เกนก็ดึงให้ลุกออกไปจากฉากเรทแล้วพามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ บนโต๊ะ มีจานข้าวผัดกุ้งวางอยู่ ไม่ใช่กุ้งเล็กๆ นะครับ กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่กว่าหน้าผมอีก

   “นี่ข้าวคนรวยใช่มั้ยเนี่ย” ผมใช้ช้อนตักเนื้อกุ้งขนาดพอดีคำเข้าปาก “อร่อย” เนื้อกุ้งแน่นๆ ช่ำ หวาน หอม อร่อยมาก

   “อร่อยก็กินเยอะๆ แต่ถ้าอยากกินทุกวันก็ย้ายมาอยู่ที่นี่เลย” ผมเหล่ตามองคนพูด ไม่อยากเถียงอะไรเพราะกลัวข้าวพุ่งออกมา “กูพูดจริงๆ ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ ผัวอยู่ที่นี่ เมียก็ต้องมาอยู่ด้วยสิ”

   “พี่พูดแบบนี้กระดากปากบ้างมั้ย ผัวเมียเนี่ย”

   “ไม่”

   “เอาตามที่พี่สบายใจ”

   ผมกับพี่เกนกินกันได้ไม่กี่คำ คนที่โชว์ความหวานของคู่ตัวเองก็เดินโอบกันมา พี่เกนเหล่ตามองพ่อตัวเองนิ่ง แต่ป๋ากลับยักไหล่ไม่สนใจ ผมมองพี่ปูนที่ดูเอาใจป๋าทุกอย่าง ไม่ว่าจะกินข้าวก็จะป้อนถึงปากจนได้รางวัลคือจูบเบาๆ นี่สินะ ที่พี่เกนต้องการ เพราะตอนนี้พี่แกวางช้อนตัวเองลงแล้วหันหน้ามาอ้าปากตรงหน้าผมแทน
 
   “อะไร”

   “อ้า” ไม่ตอบแต่ยังอ้าปากรอ

   “พี่นี่นะ” ผมตักข้าวคำใหญ่ยัดเข้าปากจนพี่เกนแทบสำลัก ป๋ากับพี่ปูนขำหน้าดำหน้าแดง “ขอโทษๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

   “เดี๋ยวกูเอาคืนแน่”

   มื้ออร่อยกำลังจะผ่านไป พี่ปูนหยิบเอามือถือเครื่องแพงขึ้นมากดบันทึกภาพความสุขของพวกเราสี่คน ผมพยายามฉีกยิ้มเท่าที่จะทำได้ นั่นเพราะมีมือปลาหมึกคอยลูบสะโพกผมอยู่นี่ไงจะให้ยิ้มออกก็แปลกแล้ว ตวัดสายตามอง คนทำก็ลอยหน้าลอยตา

   ผมช่วยพี่ปูนเก็บจานเก็บของจนเรียบร้อยก็มานั่งข้างสองพ่อลูกที่กำลังเล่นเกมส์กันอยู่ ผมว่า พ่อพี่เกนนี่เจ๋งดีนะครับ เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน นั่งดูคนเล่นเกมส์ได้สักพักผมก็เดินออกมารับโทรศัพท์แม่ที่โทรมา คงเห็นรูปถ่ายที่ผมเพิ่งอัพโหลดไป

   “ครับ”

   (แกอยู่ไหนน่ะ)

   “อยู่บ้านแฟน”

   (แฟน? ผู้ชายในนั้นน่ะนะ)

   “ครับ”

   (ป่าน นี่แกเป็น...)

   “ผมเป็นผู้ชาย” ยิ้มให้แม่แม้จะไม่เห็น “แต่ผมรักพี่เขา” แม่เงียบไปนานมากจนผมเริ่มใจคอไม่ค่อยดี

   (พ่อกับแม่ขอโทษ ที่ไม่มีเวลาดูแลแกเลย)

   “ผมไม่ได้โกรธแม่กับพ่อสักหน่อย ผมรู้ว่าที่ทำไปก็เพื่อผมทั้งนั้น” ไม่รู้น้ำตามันมาจากไหน ผมพยายามกระพริบไล่ มันก็ยังเอ่อออกมาอยู่ตลอด “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวัง”

   (พ่อกับแม่ไม่เคยผิดหวัง ขอแค่ป่านมีความสุข พ่อกับแม่ก็พอใจแล้ว) ได้ยินเสียงแม่สะอื้นพร้อมกับเสียงพ่อบ่นเบาๆ (ป่านไม่เบื่อแล้วใช่มั้ยลูก)

   “ครับ” ผมยกแขนปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ

   (ดีแล้วๆ พามาให้พ่อกับแม่เจอบ้างนะ)

   “ครับ”

   แม่วางสายไปแล้วแต่ผมก็ยังแนบโทรศัพท์ที่หู เมื่อก่อนผมเป็นโรคขี้เบื่ออย่างที่เคยบอก มีอยู่ช่วยหนึ่งผมเคยขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าที่บริษัทของพ่อ ความเบื่อทำให้ผมเกือบโดดลงไป ดีที่แม่บ้านมาเห็นพอดี จากนั้นมา ผมก็มักจะถูกจับตามองอยู่ตลอด คงกลัวว่าผมจะฆ่าตัวตายอีก

   “ร้องไห้ทำไม” เสียงนิ่งๆ ดังมาจากด้านหลังทำเอาสะดุ้งมือถือเกือบร่วง

   “เปล่า” ส่ายหน้าปฏิเสธไปแต่ถูกมือใหญ่จับหน้าให้หันไปมอง

   “ร้องไห้ชัดๆ ทำไม ใครโทรมาด่า หรือว่าแม่โทรมาตาม” พี่เกนขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม

   “ไม่ใช่สักหน่อย”

   “แล้วอะไร”

   “ป๋ากับพี่ปูนกลับไปแล้วเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่องแต่พี่เกนไม่ยอม มือใหญ่ยังจับหน้าผมไม่ยอมปล่อย “แม่แค่อยากให้ผมพาพี่ไปที่บ้านบ้าง”

   “ก็แค่นี้”

   รอยยิ้มเท่แบบนี้ไม่ดีต่อใจไอ้ป่านอีกแล้ว ที่สำคัญ ไม่มีต่อร่างกายด้วย

   “สองรอบพอแล้วโว้ย พรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า”

        โวยวายไปก็แค่นั้นละครับ เพราะคนเอาแต่ใจก็ยังเอาแต่ใจอยู่วันยังค่ำ



   “เฮ้อ”

   ถอนหายใจรอบที่ล้านมองข้าวของตัวเองที่ถูกเจ้าของห้องจัดแจงเองทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า ตุ๊กตาที่หอบมาหมดหอพัก นี่กะจะให้ผมมาอยู่ด้วยจริงๆ สินะ แล้วที่ผมยอมเนี่ย ก็เพราะพี่ปูนอ้อนวอนแทบจะคุกเข่า สาเหตุมาจากพี่เกนที่ประชดไม่กินข้าว โคตรเด็กเลยว่ะ

   “พี่จะเปลี่ยนที่นอนใหม่” พี่เกนที่เอาหนังสือเรียนผมใส่ชั้นหนังสือหันมาบอก

   “เปลี่ยนทำไม อันนี้มันดีอยู่แล้วนะ”

   “แล้วก็จะเปลี่ยนบานประตูห้องน้ำใหม่” ไม่สนใจที่ผมถามกลับสักนิด

   “เปลี่ยนทำไมเล่า”

   “อ้อ เปลี่ยนรหัสกับกุญแจห้องด้วย”

   “พี่เกนโว้ย สนใจบ้าง ผมถามว่าเปลี่ยนทั้งหมดทำไม”

   ผมเหล่มองพี่เกนที่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาหา แขนยาวๆ รวบผมเข้าไปกอดแล้วดึงนั่งตักที่โซฟา คางแหลมๆ วางเกยบนไหล่

   “ที่พี่ทำเนี่ย ก็เพื่อป่านเลยนะ” สรรพนามเปลี่ยนไปแล้วนะครับเนี่ย คงเพราะอารมณ์ดีสินะ คอยดู อารมณ์เสียเมื่อไหร่ภาษาพ่อขุนรามจะกลับมา

   “ทำเพื่อผม? ยังไง”

   “ก็ที่เปลี่ยนที่นอนก็เพราะป่านจะได้ไม่เจ็บหลังไง เอาแบบเตียงป๋าน่าจะดี” เชี่ย “แล้วที่เปลี่ยนบานประตูห้องน้ำเพราะพี่กลัวป่านเป็นลมล้มแล้วพี่ไม่เห็น เปลี่ยนมาเป็นกระจกใสดีที่สุดเพราะจะได้เห็นไง” เหี้ยแล้ว “แล้วก็...ที่จะเปลี่ยนรหัสกับกุญแจห้องก็เพราะ...”

   “เพราะอะไร” คิดเรื่องชั่วๆ อยู่แน่ หน้าตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้

   “ก็เผื่อเวลาป่านเบื่อเตียงไง เกิดไม่เปลี่ยนป๋ากับพี่ปูนโผล่มาอีก ป่านจะอายนะ” ชิบหาย

   “ไอ้พี่เกน สมองมีแต่เรื่องแบบนี้เหรอวะแม่ง” พยายามตะกายออกจากตักเพราะรู้สึกถึงของอันตรายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์สีดำที่ผมกำลังนั่งทับมันอยู่

   “ป่าน”

   “ไม่ต้องมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลย”

   “ป่านครับ”

   “ไม่ต้องพูดแบบนี้ด้วย”

   “ป่าน”

   “โว้ย บอกว่าห้ามพูด ไม่ต้องพูด”

   “ไม่พูดแต่ทำเลยดีกว่า”

   “เชี่ย”

   ชีวิตผมคงหายเบื่อไปอีกนานแสนนาน เพราะอยู่กับคนเอาแต่ใจคนเดาอารมณ์ไม่ได้ว่าจะมาโหมดไหน แต่ที่แน่ๆ โหมดนี้ผมยังต้องเจอไปอีกนาน


   โหมดหื่นๆ แบบนี้เนี่ย ไอ้ป่านขอตายเลยดีกว่า








   (อีกด้านของประตูห้อง)

   “ป๋า ปูนว่าเราเคาะประตูเลยดีมั้ย ถึงเวลากินข้าวแล้วนะ”

   “เวลาแบบนี้ปล่อยให้พวกเขากินกันเอง เอ้ย หากินกันเองเถอะ เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่าเนอะ”

   “ป๋าก็พูดแบบนี้ตลอด สุดท้ายก็บนเตียงทุกที”

   “โธ่ ก็ปูนน่ารักนี่นา ปะ ไปกินกัน เอ้ย ไปหาอะไรกินกัน”

   “แต่ปูนห่วงเกนกับป่าน”

   “เถอะน่า เกนมันมีป่านแล้วไม่น่าห่วงหรอก ไปครับไป”

   “ป๋าก็”

   โชคดีนะไอ้ลูกชาย เชื้อป๋ามันแรงก็แบบนี้นั่นแหละครับท่านผู้อ่าน   



--- THE END ---


พี่เกนกับน้องป่านจบแล้วค่าาาาาาา  :mc4: :mc4:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจของทั้งคู่ค่า ส่วนตอนพิเศษคู่หลักยังคงมีอยู่นะคะ ไม่ทิ้งกันไปไหนโน๊ะ  :mew1: :mew1:


 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 21:16:21 โดย aiaea83 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด