ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 13 (13.2)
“ตื่นแล้วหรือ? น่าตีจริงเจ้าเด็กคนนี้ ให้พี่เขารอนานแล้ว” เสียงหม่าม้าบ่นแต่เหมือนจะทะลุหูขวาเข้าหูซ้าย ยูเทิร์นในสมองครู่หนึ่ง
รู้สึกคุ้นๆว่าภาพนี้ เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้ว เหมือนเขากำลังมีอาการที่เขาเรียกกันว่า เดจาวู
“พี่มาได้ไงครับ?” กว่าเขาจะหาเสียงเจอก็เล่นตัวเขาเองลุ้นจนเหนื่อย
“คุณจะไปสวนน้ำนี่” นาฏยเลิกคิ้ว “ผมก็ไป”
“อ้าว แล้วไอ้อัชหายไปไหนครับ?” ไอ้เพื่อนเวรที่บอกจะมารับแล้วทำชิ่ง ทิ้งกูให้เผชิญกับโรคหัวใจ
“เพื่อนคุณเขาไปกับรถอีกคัน”
อ้าวไอ้อัช ไอ้เพื่อนเนรคุณ
“ส่วนคุณ...ไปกับผม” มือใหญ่ชี้ไปที่คนตัวเล็กกว่าแล้วชี้กลับมาที่ตัวเอง
“หา!” นี่เขาไม่ตกลงตอนไหนเนี่ย ใครก็ได้บอกหน่อย จันทร์เจ้าขาโคตรงงอะ
“พร้อมยัง?” ร่างสูงถามหน้านิ่ง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวแอบขำกระต่ายแคระไปหลายทีแล้ว
ดูทำหน้าสิ ตั้งแต่ลงมาจากข้างบน พอเห็นเขาอยู่ในบ้านก็ทำหน้าเหมือนเจอขโมยอยางนั้นแหละ แถมตอนนี้ก็ยืนตากลมไม่ตอบคำถามอีกต่างหาก วิญญาณกระต่ายแคระหลุดลอยไปไหนแล้วล่ะ
“ไปๆ เดี๋ยวจะสายกัน” คุณนัยนายื่นกล่องแซนวิช นมจืดสองกล่องและน้ำเปล่าในถุงผ้ามาให้ลูกชาย “อันนี้เอาไปกินระหว่างทางได้นะลูก เผื่อหิว”
จันทร์เจ้ารับของมาอย่างงงๆ เดินไปขึ้นรถยังงงๆเลย รถยนต์คันเดิมที่เริ่มนั่งบ่อยขึ้นค่อยเคลื่อนตัวออกจากซอยไป
ร่างเล็กกอดกล่องแซนวิชแน่น ใจหนึ่งแอบหิวแต่ไม่กล้ากินบนรถคนอื่น ยิ่งไม่กล้าเอ่ยปากขอไปใหญ่
นาฏยสังเกตุได้ว่าคนตัวเล็กยังเกร็งเขาอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าจะเจอกันหลายครั้ง “คุณ ถ้าหิวก็กินสิ” ดูแล้วคงท่าทางจะหิว ปล่อยให้หระต่ายแคระอดข้าวเช้าเดี๋ยวจะยิ่งแคระเข้าไปใหญ่
“อ่า ขอบคุณครับ…” พอเจ้าของรถอนุญาติ จันทร์เจ้าก็ค่อยๆแกะกล่อง
แซนวิชสองสามไส้ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเหมาะแก่การถือกิน มีทั้งไส้แฮมชีส ทูน่า และปูอัด รวมถึงยังมีขนมปังสองแบบคือแบบปกติแบบโฮลวีทแถมมาด้วย
มือเล็กๆเลือกไส้ที่ตัวเองอยากกินขึ้นมากัด กินไปสองสามชิ้นสลับกับดูดนมในกล่องที่เพิ่งเจาะหลอด จันทร์เจ้าค่อยๆรู้สึกตัวว่าเขาอาจจะเสียมารยาทไปหน่อยเพราะความหิว เขายังไม่ได้ชวนอีกฝ่ายกินด้วยกันทั้งที่อุตส่าห์ถ่อมารับ พี่นาฏยก็คงยังไม่ได้กินอะไรมาเหมือนกันละมั้ง
“เอ่อ…ทานไหมครับ?” เขายื่นกล่องแซนวิชทั้งกล่องไปให้อีกฝ่าย นัยน์ตาคมก้มมองกล่องเหนือหน้าตักก่อนจะเงยหน้ามองถนนราวกับไม่สนใจ จนคนถือเริ่มใจแป้วค่อยๆหดมือกลับ แต่มีเสียงสำทับมาว่า
“ผมขับรถอยู่ กินเองไม่ถนัด” คนขับยังพูดนิ่งๆต่อ “ผมไม่อยากมือเลอะด้วย”
“อ่า…” แล้วจะให้เขาทำไงละเนี่ย รีบควานหาทิชชู่ในเป้เผื่อติดมาด้วย
“ทำอะไรน่ะคุณ”
“หาทิชชู่เตรียมไว้ให้น่ะครับ”
นาฏยเผลอขมวดคิ้ว “ไม่ต้องหรอก คุณถือให้ผมหน่อยละกัน ง่ายดี”
“ถือ?”
“ก็หยิบแซนวิชให้ผมแทนนะสิ”
ตรงๆเลยพี่นาฏยจะให้เขาป้อนแซนวิชให้ระหว่างขับรถเนี่ยนะ?!
มันจะไม่ดูมุ้งมิ้งไปหน่อยเหรอครับ?
แต่ว่าคนขับก็ไม่ได้สนใจจะหยิบแซนวิชมากินเองสักนิด เป็นตัวเขาเองที่ต้องรวบรวมความกล้าอย่างสูงสุดในการหยิบแซนวิชชิ้นหนึ่งยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากได้รูป
นาฏยเหล่ตามองคนนั่งข้างๆที่เอาแต่ก้มหน้างุด รอยยิ้มเหน็บมุมปากอย่างขบขันนิดๆแต่นัยน์ตาคมดูเอ็นดูอีกฝ่ายไม่น้อย ยอมเปิดปากรับขนมปังชิ้นเล็กพอดีคำเข้าปาก รู้สึกว่ารสชาติถูกปากเขาทีเดียวทั้งที่เป็นแค่แซนวิชปกติ
ร่างสูงส่งสายตามาที่ร่างเล็กกว่าเหมือนจะบอกว่าขอเพิ่ม จันทร์เจ้าจึงกลายเป็นคนที่ต้องคอยยื่นแซนวิชเข้าปากอีกฝ่ายสลับกับถือกล่องนมให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อให้คล่องคอ จนหมดกล่องนั่นแหละ รถยนต์คันหรูก็เกือบๆจะมาถึงที่หมายปลายทาง พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงกระเป๋าแขวนหน้ารถยนต์
“รับสิ” เจ้าของโทรศัพท์บอก
จันทร์เจ้าค่อยๆคว้าเครื่องมือสื่อสารสีดำสนิทขึ้นมาแต่ยังไม่กล้ารับ ปล่อยให้มันดังต่อไป
...ก็แน่ละ…
...ใครจะไปกล้ารับโทรศัพท์แทนเจ้าของ…
“เออ...พี่นาฏยคุยเองดีกว่าครับ…” ยื่นคืนไปให้คนขับ แต่โดนบ่นกลับนิ่งๆ
“ผมขับรถอยู่ คุณรับไปเถอะ”
จันทรเจ้ามองรายชื่อคนโทรเข้า
...Edmand…กดปุ่มเขียวๆบนหน้าจอด้วยมื่อสั่นๆ แต่ยังไม่ทันกรอกเสียงลงไปก็มีเสียงจากคนในสายดังลอดออกมา
[มึงถึงไหนล่ะไอ้ห่า!]
“เอ่อ…” จันทร์เจ้าก็บอกไม่ค่อยถูกเหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน จนคนขับบอกให้ “อ้อ อยู่แถว...ครับ”
[อ้าว! นั่นเจ้าหรอ นึกว่าไอ้นาฏย] เอ็ดมันด์ค่อนข้างแปลกใจเพราะปกติเพื่อนสนิทเขาค่อนข้างหวงของ ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง
วุ่นวาย
“อ่าครับ พี่นาฏยคงขับรถอยู่ครับ”
[งั้นบอกมันด้วยว่าเดี๋ยวแวะปั๊ม...กินข้าวก่อน แล้วค่อยเข้าสวนน้ำ] เอ็ดมันด์เอ่ยถึงปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีบริการครบครันทั้งเติมน้ำมัน ร้านอาหาร
“ครับได้ครับ” ตอบรับคนในสายแล้วกดวางไป “พี่นาฏยครับพี่เอ็ดบอกว่าแวะปั๊ม...ก่อนครับ”
นาฏยพยักหน้า ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางซ้ายก่อนจะเบี่ยงเข้าเลนในเพื่อเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันที่เห็นป้ายอยู่ลิบๆ ขับเข้ามาภายในปั๊มก็วนหาที่จอดในแถบโซนร้านอาหาร มีทั้งอาหารฟาสฟู้ดชื่อดังไปจนถึงร้านข้าวแกงธรรมดา
ดูเหมือนพวกเพื่อนๆคนอื่นจะเลือกกินอาหารจานด่วนง่ายๆราคาน่าคบคือร้านขายข้าวแกง ในตัวร้านเห็นมีคนกลุ่มใหญ่นั่งซัดข้าวอยู่
จันทร์เจ้ารีบสาวเท้าเข้าไปหาเพื่อนตัวสูง สะกิดมันขึ้นมา “มึงมานี่สิ”
“อะไรวะ”
“ทำไมมึงทิ้งกูวะ” เขากระซิบเสียงเข้ม ไอ้เพื่อนนิสัยโคตรดีทิ้งเขาไปเฉยๆ
“อะไร?” อชิระเลิกคิ้ว เขาพอดูออกว่าเพื่อนงอแงเรื่องอะไร แต่ในเมื่ออีกคนบอกเขาเองว่าผ่านทางนั้นเลยจะไปรับด้วยเลย เขาไม่รู้หรอกบ้านพี่นาฏยอยู่ไหน แต่ถ้าลองเจ้าตัวบอกเป็นทางผ่าน เขาก็ต้อง (หลับหูหลับตา) เชื่อว่าผ่าน
“อย่ามาเฉไฉ พี่นาฏยโผล่มาบ้านกูตอนแปดโมงเช้า” ทำเอาเขาอยากจะกลับไปนอนคลุมโปงต่อ
“เออน่า มึงก็มาถึงนี่นา อย่าบ่นเลย” อชิระแคะหู ทำหน้ากวนบาทาเพื่อนสนิทมาก “ไปๆแดกข้าว” รุนหลังเล็กให้เดินไปซื้อข้าว
จันทร์เจ้าอิดออดเพราะเขากินแซนวิชบนรถมาบ้างแล้วทำให้ไม่ค่อยหิว “มึงกินแบ่งกับกูไหม? กูไม่หิวมาก”
คนฟังส่ายหน้า เขาเพิ่งกินเหมือนกัน
“งั้นกูไม่กินดีกว่า”
“สั่งสิ”
!!!
เอาอีกแล้ว! คนคนนี้เป็นผีหรือไง เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ วันดีคืนดีมาหลอกหลอนถึงบ้าน
“กินอะไรสั่งสิคุณ” นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กกว่านิ่งๆ เห็ยกระต่ายแคระยังยืนไม่ยอมสั่งอะไร
“ผมไม่ค่อยหิว กินไม่หมดหรอกครับ”
“เดี๋ยวผมกินด้วย” เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร นาฏยเลยหันไปสั่งข้าวราดแกงมาสองอย่าง เป็นไข่พะโล้ในถ้วยเล็ก จานข้าวมีผัด
เผ็ดราดมา จันทร์เจ้าเบ้หน้า เห็นก็แสบท้องแล้ว กินเผ็ดแต่เช้า “หยิบช้อนส้อมมาด้วยสองคู่” พยักเหยิดไปให้อีกฝ่ายหยิบช้อนส้อม ร่างสูงเดินนำไปที่โต๊ะก่อน
จันทร์เจ้าจึงได้แต่มองหน้าเพื่อน อชิระยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ร่างเล็กถอนหายใจ เอาช้อนส้อมจุ่มในน้ำร้อนสักครู่ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ
แต่ว่า...เขาคงจะกินลงหรอก…
ทุกคนกินเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่เขากับพี่นาฏย แถมยังเหมือนโดนจ้องตลอดเวลา โดยเฉพาะพี่เอ็ดมันด์ที่มองพี่นาฏยตาถลน
เขาโดนนัยน์ตาดุมองบังคับให้นั่งลงฝั่งตรงข้าม รอบล้อมไปด้วยผองเพื่อนรุ่นพี่ผู้น่ารัก เคยมีใครบอกไหมเนี่ยว่าอย่าจ้องคนอื่นตอนกินข้าวน่ะ!
จานข้าวที่มีข้าวสวยขาวๆไม่ถูกราดทับด้วยผัดเผ็ดถูกเลื่อนมาไว้ฝั่งเขามากกว่าพร้อมด้วยถ้วยไข่พะโล้ ส่วนฝั่งผัดเผ็ดนั้นเป็นของอีกฝ่ายไป
“กินเร็ว จะได้ไปต่อ” เมื่อโดนกระตุ้น จันทร์เจ้าต้องตักไข่พะโล้เข้าปากตาม
อชิระยิ้มนิดๆ มองหน้ารุ่นพี่ลูกครึ่งตัวสูงใหญ่ที่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ชั้นยอด
...แม่งพะโล้อร่อยไหมไม่รู้…
...แต่ที่รู้ๆคือ…
...ผัดเผ็ดแม่งน้ำตาลหก (มั้ง)...
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขออภัยที่ทำให้รอนานนะค่าาาาา ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกการติดตามค่า
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. วณิพกพเนจรก็มานะค่า ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า