บทที่ 11
เสียงคุยเซ็งแซ่ของเด็กบริหารค่อยๆเบาลงเมื่อเห็นความผิดปกติกำลังเข้ามาใกล้ ความผิดปกติที่ว่าไม่ใช่อะไรเลย
พี่นาฏย เดือนประมงฯปีสาม หนุ่มหน้าขรึมที่เคยมาจอดรถรอใครบางคนถึงหน้าคณะบริหาร จนใครต่อใครมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
...ก็ต้องอยากรู้สิ…
...ว่าคนอย่างพี่นาฏย…
...มารอรับใคร…
แล้วก็รู้ว่าคนที่อีกฝ่ายมารอนั้นเป็นเด็กปีหนึ่งของคณะ…
คราวนี้เสียงพูดคุยเงียบกริบเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามายืนหยุดอยู่หน้าโต๊ะพอดิบพอดี ธีรภพที่จ้อมันส์ต้องนิ่งไปเมื่อเห็นนัยน์ตาดุมองเขา บอกไม่ถูกว่ามองแบบไหนแต่ก็รู้สึกว่าเหมือนจะโดคนเขม่นอย่างไรก็ไม่รู้ เขาไม่ได้รู้จักกับคนตรงหน้าเป็นกรส่วนตัวเท่าไร เลยไม่รู้ว่าต้องการอะไรกันแน่
“เอ่อ...พี่นาฏย มีอะไรหรือเปล่า?” อชิระเป็นคนเดียวที่เปิดปากถาม บรรยากาศเริ่มจะแปลกๆ
“อืม...มารับเด็กกลับบ้านน่ะ”
เด็กไหนวะ? อชิระแปลกใจ แต่ก็ต้องพอเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “อ่อครับ...มันหลับไปแล้วครับ”
นาฏยพยักหน้าก่อนจะเข้าไปหาคนที่นอนหลับคอพับไปกับไหล่ของรพี่รหัสตัวแห้ง “คุณ...ตื่น...” สะกิดร่างที่นอนครางฮือเพราะนอนไม่ค่อยสบายตัว หน้าขาวๆซุกลงไปบนไหล่ของพี่รหัสมากขึ้นเมื่อรู้สึกโดนกวน
“เอ่อ...พี่จะทำอะไรครับ” ธีรภพถาม อีกฝ่ายเป็นถึงรุ่นพี่ปีสามทำอะไรคงต้องเกรงใจกันบ้าง ไม่งั้นผิดใจกันไปแล้วมันจะเกิดปัญหา
“ผมจะพาเด็กกลับบ้าน ออกมาซน น่าจับตีก้นให้เข็ด” เย้ยย พูดเหมือนน้องรหัสเป็นเด็กประถามแอบหนีพ่อมาเล่นรถแข่งอย่างนั้นแหละ
“อ่อ ครับ” คงต้องช่วยปลุกด้วยละมั้ง เมาหลับไปขนาดนั้น “เจ้าตื่น มีคนมารับแล้ว”
“อือ...ไม่อาววววว” ธีรภพอยากจะร้องไห้ ไอ้เจ้า ไอ้น้องเวร หลับได้แต่อย่าเอามือมากอด พ่อมึงจะแดกหัวแล้ว
“เจ้า ตื่น” เสียงเข้มๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่น เจ้ากระต่ายจอมซนตัวนี้ยังจะดื้ออีก
หลังจากสะกิดอยู่ไม่นาน เปลือกตาบางๆก็เปิดช้า ตากลมกระพริบตาถี่ๆอย่างมึน เห็นชัดเลยว่าเมาแน่นอน เพราะดูเหมือนตายังลอยๆ มองเห็นอะไรลางๆไปหมด “อืม...ง่วง...” บ่นเสียงงุ้งงิ้ง ทำท่าจะหาที่นอนใหม่ เลื้อยยลงไปกองกับเก้าอี้ นาฏยเข้ามาจับไหล่เอาไว้
“กลับไปนอนบ้านนะ” เสียงทุ้มเข้มบอก มือใหญ่ลูบผมนุ่มๆเบา
“อืม...เอย...เราง่วง...” ยังคงมึนๆบ่นหงุงหงิง คงนึกว่าอยู่บ้าน
“รู้แล้ว ลุกสิ จะได้กลับบ้านนอน” นาฏยพูดเสียงเรียบ แต่นัยน์ตามองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“ขี้เกียจ ลุก” ทำปากเบ้ แก้มพองจนน่าหมั่นเขี้ยว “ขอขี่หลังหน่อย ไอ้อัช...” สาบานนี่ว่าเมาจริงๆ เมื่อกี้ยังพูดกับแฝดที่บ้าน ตอนนี้นึกว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทไปแล้ว
“อืม...” นาฏยหันหลังนั่งย่อลง “คุณจับเขาขึ้นหลังผมหน่อย” ไม่วายหันไปบอกพี่รหัสที่มองตาปริบๆ ธีรภพรีบกุลีกุจอจับร่างน้องรหัสเมาๆนั่นขึ้นไปอยู่บนแผ่นหลังกว้างได้สำเร็จ
จันทร์เจ้าถูกจับแขนให้คล้องคอแกร่งเอาไว้ มือใหญ่ช้อนเข้าที่ข้อพับกระชับให้เรียวขาเกี่ยวเอวเขาให้แน่นกันตก ร่างเล็กพอรู้สึกถึงความอบอุ่นของหลังกว้างครางฮืออย่างสบายอารมณ์ ฝังหน้าลงกับซอกคอแกร่ง ขยับนิดหน่อยเพื่อหามุมสบายแล้วหลับไปอีกรอบ
“อัช ถือกระเป๋าเพื่อนคุณตามผมมาที่รถหน่อย” อชิระหยิบกระเป๋าเรียนของเพื่อนตัวเล็กแล้วเดินตามร่างสูงใหญ่ของรุ่นพี่คณะประมงฯเดินออกไปจากร้าน
พอลับร่างของอีกฝ่ายไป เหล่าเด็กบริหารก็หันมามองหน้ามองตากันปริบๆ ไอ้ที่เมาหลับก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่ไอ้ที่เมาตื่นอยู่ถึงกับสร่างเมา นี่พวกเขาตาไม่ฝาดใช่ไหม? เห็นไอ้จันทร์เจ้าคนนั้นโดนเดือนประมงปีสามสุดหล่อหิ้วออกไปแล้ว...โอ้ มาย บุดด้า ขอปูเสื่อรอเผือกแรงมากจริงๆ
“พี่นาฏย พี่กำลังทำอะไร? พี่รู้ตัวไหมกำลังทำอะไร” เสียงของอชิระหยุดขายาวๆของนาฏยเอาไว้ขณะกำลังจะเดินถึงลานจอดรถ
“ผมทำอะไรผมรู้ตัว...”
“งั้น...ผมเชื่อใจพี่ได้แค่ไหน่าพี่จะไม่ทำให้เพื่อนผมเสียใจ” สิ่งเดียวที่เขากังวลมาตลอดคือการที่เพื่อนตัวเล็กจะต้องเสียใจกับการกระทำทั้งของตัวเองและของฝ่ายตรงข้าม
“ผมคงบอกคุณไม่ได้ว่าผมน่าเชื่อถือแค่ไหน...แต่ว่าผมให้การกระทำของผมเป็นเครื่องพิสูจน์ความไว้ใจของคุณ”
อชิระนิ่งไปสักพัก งั้นเขาจะลองจับตามองการกระทำของฝ่ายไปอีกสักพักละกัน “ผมหวังว่ามันจะทำให้ผมเชื่อพี่ได้นะครับ”
นาฏยไม่ตอบ มือใหญ่ข้างซ้ายกระชับสะโพกเล็กๆไว้มั่น มืออีกข้างเอื้อมขยับมาหยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกง กดรีโมทเปิดประตูเสร็จก็ค่อยๆจับร่างบนหลังเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับดีๆ
คนเมาพอได้นอนบนอะไรนิ่มๆก็ขดซุกตัวนอนสบาย ลมหายใจดังฟี้ๆ
นัยน์ตาคมกริบมองอีกฝ่ายที่ส่งกระเป๋ามาให้เขา อชิระไม่รู้สึกว่ากดดันเพราะสายตาจริงจังคู่นั่นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขารู้สึกถึงความมั่นคงที่อีกฝ่ายส่งมาให้เขา
สุดท้ายอชิระสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วปล่อยออกมาช้า “ผม...ฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ”
...ไม่ใช่แค่ฝากส่งเพื่อนเขาให้ถึงบ้าน...แต่รวมถึง...หลังจากนี้ด้วยต่างหาก…
เขาก็แค่หวังว่าความไว้วางใจที่เขาเดิมพันในตัวอีกฝ่าย...จะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังและรวมถึงไม่ทำให้เพื่อนสนิทของเขาต้องเสียใจ
“ผมยินดี” ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากกระจับสวยนั่นอีก ร่างสูงใหญ่สอดตัวเข้าไปให้ที่นั่งคนขับ ก่อนที่รถยนต์คันสวยจะเคลื่อนตัวออกไป
ระหว่างที่รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวไปตามทาง กรุงเทพฯยามค่ำคืนพร้อมกับแสงไฟดวงเล็กๆกับตามตึกรามบ้านช่องก็ทำให้ดูเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไปในตัว เสียงสั่นครืดๆในกระเป๋าด้านหลังรถทำให้เจ้าของรถหันกลับไปมอง
“คุณๆ...โทรศัพท์” ปลุกเจ้ากระต่ายที่กลายเป็นกระต่ายดื้อไปเรียบร้อยแล้ว แถมไม่ยอมตื่นพลิกตัวหนีเขาอีก
สุดท้ายนาฏยตัดสินใจตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อนจะเอื้อมไปกระเป๋ามา
สายเข้า Chaooeiน่าจะเป็นฝาแฝดตัวเท่าๆกันของอีกฝ่าย สุดท้ายชั่งใจอยู่พักหนึ่งถึงตัดสินใจกดรับ
“ครับ?”
[ฮัลโหล จะกลับบ้านกี่โมงเนี่ย] เสียงที่ฟังเผินคล้ายๆกับคนที่นอนอยู่เบาะข้างคนขับดังลอดออกม
“กำลังกลับ...”
[หืม...ใครอะ อัชหรอ?] เพราะเสียงไม่ค่อยคุ้นหูทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝากของโทรศัพท์ไม่ใช่น้องชายฝาแฝด
“ผมนาฏย”
...นาฏย??...
นายข้าวกล่องนั้น? ทำไมถึงมารับโทรศัพท์ของไอ้เจ้าขาได้ละเนี่ย
[พี่นาฏย? ที่เคยเจอที่ร้าน...] ก็เคยเจอกันที่ร้านปิ้งย่างคราวนู่น
“ใช่ ผมกำลังพาเจ้ากลับบ้าน เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วผมจะโทรไปใหม่”
[ได้ครับ] แม้จะแปลกใจว่าทำไมน้องชายถึงไม่รับโทรศัพท์และอีกฝ่ายถึงกับต้องมาส่ง มันเกิดอะไรกับน้องเขาเปล่าเนี่ย [แล้ว
เจ้ามันอยู่หรือครับ?]
“เจ้าเมาหลับไปแล้วน่ะ ผมกำลังขับรถกลับไปบ้านคุณ แล้วใกล้ถึงผมจะโทรไป”
[อ่อ ครับ รบกวนด้วยครับ]
นาฏยวางสายไปแล้วกลับมาขับรถยนต์เหมือนเดิม
“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่งไอ้เจ้า” จันทร์เอ๋ยยกมือไหว้ร่างสูงที่เปิดประตูลงมา หลังจากรถยนต์มาจอดอยู่ที่หน้าปากซอยเหมือนเดิม จันทร์เอ๋ยที่ได้รับโทรศัพท์ว่าจะถึงหน้าปากซอยในอีกห้านาทีทำให้ต้องรีบออกมา โดยบอกพ่อแม่ไว้ว่าจะไปรับไอ้เจ้าขา รอไม่เกินห้านาทีก็เห็นรถยนต์แล่นเข้ามาจอดเทียบ เปิดออกมาก็เป็นพี่นาฏยนี่ละ
“เขาหลับไปแล้ว คุณปลุกเขาเถอะ” ร่างสูงเท่ากันของแฝดพี่เดินไปอีกฝั่งที่มีร่างของแฝดตัวเองนอนอยู่
“เจ้า ตื่นๆๆ เข้าบ้านกัน” ตีไหล่แฝดด้วยแรงที่ไม่เบาเท่าไรนัก จนเจ้าของรำคาญยอมสะลึมสะลือขึ้นมา แต่ด้วยความที่รู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร
“อืม...จะอ้วกอะ”
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆค่อยไปอ้วกที่บ้านนะ ลุกเร็ว” จันทร์เอ๋ยเห็นท่าเริ่มไม่ดีเลยรีบฉุดร่างของแฝดออกมาจากรถ จันทร์เจ้าออกมายืนโซเซข้างรถ ตายังลืมไม่ขึ้น
“เอย...เราคลื่นไส้” ไอ้แฝดตัวดี ซัดไปเท่าไรละเนี่ยถึงเมาจะอ้วกขนาดนี้
“เออ รีบๆเดินๆ” เข้าไปหยุงร่างของแฝดตัวเอง แต่ว่าร่างสูงใหญ่ก็ตัดสินใจล็อครถและเข้ามาพยุงอีกข้าง
“เดี๋ยวผมช่วย” จันทร์เจ้าไม่ได้ว่าอะไร ดีอีก มีคนตัวใหญ่มาช่วยๆ เขาที่ตัวเท่าๆกันจะไม่ไหวนะสิ
แต่พอเดินๆ สิ่งที่กินเข้าไปก็เริ่มจะเคลื่อนไหวไปตามร่างกายจนเหมือนมันจะจุกรวมอยู่ที่คอแล้วละสิ
“จะอ้วก ไม่ไหวววว” เสียงยานคางอ้อแอ้ หน้าตาขมวดคิ้วมุ่นเพราะรู้สึกพะอืดพะอม
“เฮ้ยยยยย!!!!” จันทร์เอ๋ยต้องร้องออกมาอย่างตกใจเพราะว่าไอ้แฝดน้องมันปล่อยของเก่าออกมาหมดเลย แต่ประเด็นคือไม่ปล่อยลงมาพื้นดีๆเสียด้วย ดันไปปล่อยใส่เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวของอีกคนอย่างเต็มที่ จนเสื้อขาวๆเลอะไปด้วยคราบ จันทร์เอ๋ยเห็นยังต้องยี่หน้าหนี ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเลยว่าจะทำหน้ายังไง
...ไอ้เวรเจ้าขาเอ๋ยยยย…
...แอบชอบเขาแล้วก็ว่าเศร้าแล้ว…
...ที่เศร้ากว่าคือ…
...มึงอ้วกใส่เขานี่ละ...
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
งุยยยยยย สวัสดีค่าาาาาา อิๆๆๆ 
พี่นาฏยมารับเด็กกลับบ้านแล้วนะค่าาาา แต่เห็นมั้ยพี่นาฏยนางเปนคนดีแค่ไหน นางพาเด็กมาส่งถึงบ้านนะค่า ถึงมือผู้ปกครองเลยด้วยยยย 
รักพี่นาฏยบวกเป็ด เอ็นดูน้องเจ้าขาคอมเม้นโลดค่า
ปล. วณิพกพเนจรก็มานะค่า ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า