บทที่ 7 (7.2)
“คุณ...ใช่ซอยนี้ใช่ไหม?” ร่างสูงถามจันทร์เจ้า หลังจากที่บอกทางคนขับมาสักระยะ รถยนต์คันหรูมาหยุดที่หน้าปากซอยในแถบกลางกรุงอีกครั้ง
“ครับ พี่นาฏยจอดหน้าปากซอยก็ได้ครับ” เห็นเซเว่นหน้าปากซอยแล้วแอบอยากซื้อขนมก่อนเข้าบ้าน
“งั้นผมจอดตรงนี้นะ” รถมาหยุดตรงที่หน้าทางเท้าพอดี
“ขอบคุณครับ เอ่อ คุณแม่ครับผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ” จันทร์เจ้าไหว้ลาผู้อาวุโสกว่า ก่อนจะหันไปขอบคุณรุ่นพี่ที่มาส่ง “พี่นาฏยขอบคุณที่มาส่งครับ”
“ไว้ไปกินข้าวกับแม่นะลูก เดี๋ยวแม่ให้พี่นาฏยไปรับ” คุณหญิงยิ้มถูกใจ ชวนอย่าเป็นกันเอง
“อ่าครับ...” แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้ารับปาก เขากับพี่นาฏยไม่ได้สนิทอะไรถึขนาดนั้น เขาไม่กล้าคิดเข้าข้าตัวเองหรอกว่าพี่นาฏยจะมารับเขาตามที่แม่บอก
“แล้วเจอกันนะลูก” เขาค้อมหัวอีกครั้ง
“เดินดีๆละคุณ”
เดินน่ะเดินดีแน่ครับ แต่ที่ไม่ดีนะ หัวใจเขาเอง...มันแกว่งๆเหมือนคนเดินเซไปเซมา
“ดังใหญ่ละนะมึง” เสียงกวนประสาททำเอาขาจะกระตุกของเพื่อนสนิท
“อะไรอีก” จันทร์เจ้าบ่น อากาศร้อนอบอ้าวก็หงุดหงิดพอแล้ว
“ไปกินชาบูไรวะ ไม่ชวนกูสักนิด” ร่างสูงของเพื่อนสนิทวางกระเป๋าแฟ้มไว้บนโต๊ะ
“กูเลี้ยงข้าวคืนพี่นาฏยเฉยๆ” ปากเล็กขมุบขมิบ
“จ้ะ เลี้ยงข้าว” จันทร์เจ้าถลึงตามองเพื่อนก่อนจะเสหันไปค้นกระเป๋าตัวเอง จนรู้สึกถึงการสั่นๆสิงครั้งในกระเป๋าตัวเอง ไอโฟนถูกหยิบขึ้นมา
ตากลมๆมองโนติฟิเคชั่นของแอพลิเคชั่นสีเขียวที่ขึ้นเตือน
Nathya: มะรืนนี้ว่างไหม?
พี่นาฏย!
ใบหน้าขาวๆขึ้นสีนิด มองทางเพื่อนสนิทที่ไม่ได้สนใจตัวเองแล้วรีบพิมพ์ยุกยิก
TheMoonChanchao: มีเรียนถึงสี่โมงครับ
Nathya: แม่ผมชวนไปกินข้าวตามที่บอกคุณไว้ ไปได้หรือเปล่า?
กินข้าว? อ้อ! ที่แม่พี่นาฏยเคยเกริ่นไว้ๆ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจัง นึกว่าพูดตามมารยาท
Nathya: โอเค
ส่งตอบกลับมาแค่นั้นแล้วก็หายไปเลยครับ ทำเอาจันทร์เจ้าเกาจมูก งงอ่ะ พอส่งเครื่องหมายคำถามกลับไปอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ เลยคิดว่าคงเข้าเรียนไปแล้ว ไม่ได้ส่งอะไรไปอีก
แล้วที่ว่าโอเคนี่คือยังไงเนี่ย ขอคำจำกัดความที่มากกว่านี้หน่อยสิ
พอเลิกเรียน ไอ้คำว่าโอเคทำเอาจันทร์เจ้าต้องคิ้วขมวดมุ่น ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าพี่นาฏยจะมา!
มาไม่ธรรมดาด้วย!
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อช็อปของคณะเด่นสะดุดตายืนพิงรถยนต์คันหรูของตัวเองที่จอดเด่นอยู่หน้าคณะ ใบหน้าคมดุก้มมองโทรศัพท์ ไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบหรือสายตาที่เรียกได้ว่าทิ่มแทงเลยทีเดียว
จันทร์เจ้าชะงักกึกเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ ขายาวๆก้าวเข้ามาใต้ตึกคณะ นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กที่ยืนทื่อจนต้องหัวเราะในใจ
“ไปยัง?”
“...” สงสัยจิตหลุดไปเรียบร้อย
“เป็นอะไรคุณ ผมมารับไง”
มารับ! มารับ! มารับ
ฮอลลลล ได้ยินไหมพี่น้องชาวคณะทุกท่านพี่นาฏยเขามารับๆ
“มารับ?” หุบปากฉับถามกลับงงๆ
คิ้วเข้มเลิกขึ้น “ก็ที่แม่ผมชวนไปกินข้าวไง ผมมารับนี่”
อ้อ ใช่ เกือบลืม! แต่พี่ไม่ได้บอกสักคำว่าจะมารับ เล่นบุกมาถึงคณะแบบนี้! ชีวิตเขาจะเหลืออะไร โดนฟันเละแน่ หมายถึงโดนถามโดนแซวแน่
...คิดแล้ว…
...หัวใจหวั่นไหวนะพี่นาฏย…
ร่างสูงสะกิดคนจิตลอยอีกครั้ง “ไปคุณ”
ครับ ตอนนี้พี่จะลากไปลงนรก จันทร์เจ้าพร้อมไปลงกะทะทองแดงด้วยแล้วครับ “งั้น อัชกูไปก่อนนะ”
อชิระได้แต่โบกมือเป็นนางงามร้อยเวทีโบกมือลาเพื่อนราวกับโดนคัดออกท่ามกลางสายตาคนดูหลายสิบคู่
...เฮ้อ…
เพื่อนเขาดังกระฉ่อน เดือนประมงปีสามสุดขรึมมารับถึงหน้าคณะ! ชีวิตเพื่อนจะกลายเป็นเซเลปทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
จันทร์เจ้าย้ายร่างตัวเองขึ้นมานั่งบนนรถอย่างงงๆ ทั้งประหม่าทั้งเขินไปหมด
“เราจะไปไหนกันครับ?” ถามเสียงสั่น ไม่กลัวพี่นาฏยเอาไปขายหรอก แต่กลัวใจตัวเองมากกว่า
“หึ ไม่พาไปขายชายแดนหรอกคุณไม่ต้องร้อง” เห็นร่างเล็กๆกล้าๆกลัวเหมือนกระต่ายตื่นตูมแล้วอดสงสารไม่ได้
“ฮื้อ” เสียงเล็กร้อง หน้าขาวๆขึ้นสีเรื่อจางๆ “นั่นละครับจะไปไหน”
“ไปบ้านผมสิ แม่ผมรออยู่” อ้อ บอกตั้งแต่แรกก็จบ
แต่…?! อะไรนะ?!
บ้าน?!
บ้านใคร?!
“บ้าน?” หน้าเขาคงเหวอไปหน่อยพี่นาฏยถึงยิ้มขนาดนั้น “บ้านใครนะครับ?”
“อ้าว ถามอะไรตลก บ้านผมสิคุณ” บ้านพี่ยาฏยไม่ใช่อยู่ทางใต้หรอ?
“อ้าว บ้านพี่นาฏยอยู่ใต้นี่ครับ?” ถามอย่างลืมตัว
นาฏยเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้ปิดบังว่าเขาเป็นจีนที่บรรพบุรุษอพยพไปอยู่ทางใต้ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใส่ใจถึงรู้เรื่องของเขาด้วย “คุณรู้ว่าบ้านผมอยู่ไหน?”
เฮือก! ตายละ เผลอจนได้ “ก็...ก็เคยได้ยินคนอื่นพูดๆกันนะครับ”
“อือ หรอ” นาฏยพึมพำไม่ได้ติดใจอะไร
เกือบไปแล้วไหมล่ะ จันทร์เจ้า!
พอรถเลยเขตเมืองเล็กน้อย นาฏยก็เร่งความเร็ว นาฏยตบไฟเลี้ยวเข้าหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นบ้านสไตล์ยุโรปที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไร หลังหนึ่งคงไม่ต่ำกว่าหลักสิบล้านไปจนถึงร้อยล้านได้
จันทร์เจ้าตาโตเมื่อรถยนต์คันหรูจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่ “ใหญ่จัง”
“อือ บ้านพี่ซื้อไว้ ใครมากรุงเทพฯก็มานอนบ้านนี้” นาฏยลงจากรถหลังจากเอาเข้ามาจอดในโรงจอด ยังมีรถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูและรถสปอร์ตสีดำเงาวับจอดเรียงอยู่
จันทร์เจ้าพยักหน้า “โห รถสวยจัง” เขาเป็นเพียงคนฐานะปานกลางไม่ได้ไม่มีเงินจนไม่มีกินแต่ก็ไม่รวยถึงขนาดซื้อรถหรูๆมาจอดประดับบ้านได้ ที่บ้านเขาใช้แค่รถญี่ปุ่นเจ็ดที่นั่งเท่านั้นเอง
“รถพี่ชายผมน่ะ ของผมมีแค่คันที่ผมขับ” มือใหญ่ชี้ไปที่รถตัวเอง “เข้าบ้านเถอะคุณ”
พอเดินผ่านเข้าประตูบ้านมา แอร์เย็นฉ่ำปอดก็ปะทะหน้า จนอดยิ้มไม่ได้
“มาแล้วหรือคะ” เสียงฟังดูว่าเป็นหญิงเกินวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับร่างท้วมๆของหญิงท่านหนึ่งเดินออกมา รอยยิ้มแย้มใจดีพร้อมกับรอยเหี่ยวย่นแต่ไม่ได้ลดความใจดีบนใบหน้าลงสักนิด “คุณนาฏยมาช้าจริง คุณหญิงท่านรอสักพักแล้ว”
คนโดนเอ็ดยิ้มบางๆยกมือไหว้ แล้วเข้าไปกอดร่างท้วมเบาๆ “รถติดนะครับยายน้อม ผมรีบขับแล้วนะ” เสียงทุ้มติดออดอ้อนทำเอาจันทร์เจ้าแอบอมยิ้ม
ไม่รู้ว่าพี่นาฏยก็มีมุมเด็กน้อยเหมือนกัน แม้จะไม่ค่อยเข้ากับหน้าเท่าไรนัก แต่มันทำให้ใบหน้าคมดุดูอ่อนโยนลงด้วย
“พาน้องมาแล้วหรือคะ” ยายน้อมยิ้มมองร่างเล็กตากลมๆอย่างสนใจ คนโดนมองรีบยกมือไหว้นอบน้อม
“สวัสดีครับ”
“นี่ยายน้อมพี่เลี้ยงสุดสวยของผมเอง” แม้เสียงจะขรึมๆตามประสา หน้าก็นิ่งๆ แต่ดวงตาแอบระริก หญิงสูงวัยตีไหล่กว้างเบาๆ
“ล้อยายน้อมหรือคะ”
“เปล่านะ ผมพูดจริง ยายน้อม นี่จันทร์เจ้ารุ่นน้องผมเอง”
พี่เลี้ยงวัยสาว(เหลือน้อย)ของนาฏยกวักมือเรียกคนตัวเล็ก “มาเถอะค่ะ คุณหญิงรออยู่”
ผ่านโถงเข้าบ้านมาก็เป็นห้องนั่งเล่นขนาดกว้างตกแต่งสวยงาม คุณหญิงของบ้านนั่งยิ้มอยู่
“มาแล้วหรือลูก” นาฏยเลิกคิ้ว เมื่อคุณหญิงเข้ามาจับแขนจับหัวคนตัวเล็กที่ยกมือไหว้สวยงาม
...สงสัย ‘ลูก’ ที่ว่า จะไม่ได้หมายถึงเขาสักนิด…
“สวัสดีครับคุณป้า”
“แม่สิลูก น้องของนาฏยก็เหมือนลูกแม่” จันทร์เจ้ายิ้มรับ
“ครับ”
“มาๆ แม่จะโชว์ฝีมือเองวันนี้ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?” คุณหญิงจูงคนตัวเล็กเข้าไปในครัว นาฏยเห็นแล้วจึงเดินเลี่ยงขึ้นไปที่ห้องตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุด
ลงมาอีกครั้งในชุดไปรเวทสบายๆเสื้อยืดคอวี กางเกงสามส่วน ดูบ้านๆแต่ไม้แขวนนี่ระดับนายแบบ ตาคมดุเห็นรุ่นน้องหนุ่มก้มหน้าก้มตาตำอะไรบางอย่างในครก
“คุณทำอะไร?”
จันทร์เจ้าเกือบทำสากหลุดมือ “อ้อ ผมช่วยแม่ตำพริกแกง แม่บอกจะทำผัดสะตอ”
นาฏยพยักหน้า ผัดสะตอเป็นหนึ่งในอาหารที่เขาชอบรวมถึงอาหารใต้อย่างอื่นเพราะเขาเป็นคนชอบกินเผ็ด รสจัด
“คุณทำอาหารเป็นด้วยหรือ”
จันทร์เจ้าสะดุ้งโหยง เหงื่อไหลเล็กน้อย กลัวความลับที่ตัวเองส่งข้าวกล่องให้อีกฝ่ายทุกวันจะแตก “ก็พอได้ครับ อาหารง่ายๆ” ตอบเลี่ยงๆไปก่อน ใครจะบอกว่าบ้านเปิดร้านอาหารตามสั่งละ
“อือ” ร่างสูงๆเดินเข้ามาใกล้ขึ้น จนใกล้จันทร์เจ้ามากที่สุด ร่างเล็กก็ตำไปก้มหน้างุดๆไป พี่ก็ยืนมองไปจ้องไป “หอมดี”
มาทิ้งระเบิดให้คนอื่นขาดใจตายเพราะความเขินก่อนจะเดินเลี่ยงไปนอกครัวแทน
...พี่นาฏย…
...เอาอีกแล้วนะ…
มาพูดนิ่งๆแล้วก็เดินหายไป
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า เราจะทำตามสัญญา~ ร้องเพลงมาเลยค่า มาลงให้ตามสัญญาแล้วค่า
บอกก่อนเลยว่าลงในมือถือแทบจะทำให้ความดัยขึ้นตาค่า ตัวเล็กมาก จัดหน้าก็ยาก ถ้าวันนี้
การจัดหน้าแปลกอ่านไม่สะดวกขออภัยล่วงหน้านะค่า เดี๋ยวกลับจากโตเกียวแล้วจะมาแกให้ค่า
ตอนนี้พี่นาฏยพาน้องเข้าบ้านนน เอ้ยย ไปกินข้าวที่บ้านน้า ไม่มีใดๆในกอใผ่ทั้งสิ้นทั้งปวง
พี่นาฏยนางไม่ได้อ่อย ไม่อ้อย ไม่ได้จีบนะ แม่ชวนมากินข้าวเฉยๆนะ บอกให้ทุกคนรู้ไว้ อิๆ
ขอบคุณทุกการติดตาม บวกเป็ดตามให้ทุกคนทีหลังค่า
ขออภัยหากมีคำผิดประปราย มาแก้มาบอกได่ คนเขียนไม่กัดน้า อิๆๆ
ปล.1 วณิพกพเนจรอาจจะมาช้าหน่อย เพราะยาวกว่าพี่นาฏยแถมจัดหน้ายาก ต้องรวบรวมลมปราณแรงกล้าในการเพ่งจนตาจะทะลุ
ปล.2 พี่นาฏย น้องเจ้าอาจจะมาช้าเหมือนกันเพราะ แหะๆๆ จะบอกว่าที่พิมพ์ไว้หมดสต้อก (พิมพ์ในมือถือลำบากมาก) และคนเขียนเพลิดเพลินกับความร้อนระอุในโตเกียว เที่ยวไม่เพลินนะ ร้อนตับแตก กลับบ้านมาสลบเพราะร้อนเกิน เลยไม่ได้พิมพ์นิยายเลย ขอโทษชั้นสุด ขอความเห็นใจ

ปล.3 แวะเวียนไปเยี่ยม พูดคุยได้ที่บ้านหลังน้อย เพจเฟสบุ้ค(วันนี้ไม่ได้แปะลิ้งเพราะแปะลำบาก ขอฝากไปดูลิ้งได้ที่รีพลายก่อนหน้า)
ขอบคุณอีกครั้งค่า น้อมรับทุกความผิดที่มาช้าและจะมาช้าอีกเนืองๆเพราะยังอยู่โตเกียว
เยิฟฟฟฟฟ จุ้บ