Hello Wednesday
แฮปปี้วันพุธค่า
วันนี้เอาน้องเจ้าและพี่นาฏยมาวิ่งเล่นเหมือนเดิมค่า
(ช่วงนี้มีไฟ เขียนมันทั้งวัน) ขอฝากเจ้าขาและพี่นาฏยด้วยค่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่3
“แก...พี่เตบอกว่าพวกพี่นาฏยจะไปตลาดรถไฟ ไปปะ?”
จันทร์เจ้านิ่งไปสักพัก ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า” ใครมันจะกล้าไปล่ะ สนิทก็ไม่สนิท แถมยังถ้าไปเจอบ่อยๆ เขาเกิดสงสัยขึ้นมาทำไง
“อ้าว ทำไมล่ะ” เพื่อนสาวสงสัย
“อย่าเลย ไม่ได้สนิทกัน ไปแล้วจะกร่อยเปล่าๆ” ใจหนึ่งมันก็อยากไปแต่ก็กลัว
เขาเดินหนีเข้าห้องไปเพื่อตัดบท ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะใจอ่อนเอ่ยปากขอตามไปด้วยแน่นอน
หลังจากหมดพลังชีวิตไปกับเลคเชอที่ผ่าน เขาแทบคลานออกจากห้อง
“มึง...เย็นนี้ไปห้าง...ไหม?” ไอ้อัชที่เดินมาด้วยกันถาม
ใจจริงจันทร์เจ้าอยากตอบว่าอยากไปตลาดรถไฟมากกว่า “ก็ได้” ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว แถมวันนี้ศุกร์ด้วย
เขาสองคนเดินไปที่รถของเพื่อนสนิท หลังพาร่างขึ้นมานั่งตากแอร์เย็นๆบนรถ รถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกจากมหา’ลัย
จันทร์เจ้าเสียบสายไอโฟนเข้ากับวิทยุเปิดเพลงฟัง
“อ้าว มึง...ห้างมันต้องเลี้ยวทางนี้นะ มึงขับเลยมาแล้วนะเว้ย” เขาหันไปโวยเพื่อนเมื่อมันขับรถเลยมา
“มึง กูเปลี่ยนใจล่ะ กูอยากไปตลาดรถไฟมากกว่า” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่ได้สนใจเพื่อนที่โดยสารมาข้างๆ อ้าปากค้างไปแล้วเรียบร้อยแล้ว
“ห้ะ!?” มึงอยากจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนกันง่ายๆอย่างนี้เลยเนี่ยนะ มีถามกูก่อนไหมมมม?! “มึงมาเปลี่ยนใจง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ!” นั่งหัวโด่อยู่นี้ ถามสิถาม
“โทษทีมึง กูอยากเดินชิคๆ”
ไปชิคบ้านมึงไป ไอ้เวร เขากระฟัดกระเฟียดในใจ
ริมฝีปากบางเม้มสนิท นัยน์ตากลมโตถลึงใส่คนขับรถ อชิระผิวปากอารมณ์ดี
จันทร์เจ้าเริ่มจะปอดแหกเมื่อรถยนต์ของเพื่อนหาที่จอดแถวๆนั้นได้เรียบร้อย ขณะที่เจ้าตัวก็คุยโทรศัพท์นัดแนะกับเปเปไปด้วย
“เออ...มาถึงแล้ว แกอยู่ไหน?” อชิระกระดิกนิ้วให้เพื่อนตัวเตี้ยกว่าออกจากรถ
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ จันทร์เจ้าก็ได้แต่จำใจลงจากรถ เดินเอื่อยๆตามเพื่อนสนิทที่เดินมาถึงจุดนัด
คนกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่ แถมดูจะเป็นที่สนใจของ ไม่เด่นคงไม่ได้เพราะว่าแต่ละคนดีกรีไม่น้อยหน้ากันเลย สาวเดินเหลียวหลังแล้วเหลียวหลังอีก
“ดีครับ” เพื่อนเขาผงกศีรษะให้กับรุ่นพี่ทั้งกลุ่ม เขาเลยต้องทำตามบ้าง
“สวัสดีครับ”
“ไปหาไรกินก่อนไหม? แล้วค่อยเดินเล่น” เอ็ดมันส์เสนอ
กลิ่นอาหารที่ลอยมาจากที่ต่างๆทำเอาพยาธิเริ่มประท้วง คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย
เดินไปเดินมาหาร้านที่ทุกคนถูกใจ จนเอ็ดมันส์เสนอร้านแฮมเบอร์เกอร์ทรักฟู้ดร้านหนึ่ง ทุกคนลงความเห็นว่าน่าจะกินได้ทุกคนและน่าอร่อย
“เฮ้ย ได้ยังวะ ช้าชิบ” อชิระรู้นิสัยเพื่อนดีเลยว่าเป็นคนที่เลือกของยากมาก เลือกนาน เลือกเยอะ
จันทร์เจ้าขมวดคิ้ว “ก็แม่งมันน่าอร่อยทุกแบบเลยนี่หว่า กูเลือกไม่ถูก”
“มึงก็เลือกๆมาสักอันสิวะ เร็ว คนต่อแถวรอแล้วมึง”
พอเพื่อนกระตุ้น กลัวคนข้างหลังว่าเอาเลยจะหลับหูหลับตจิ้มมาสักเมนูละกัน
“อันนี้สิ อร่อยนะ” เสียงทุ้มข้างหลังแต่ในระยะประชิดทำเอาเขาสะดุ้ง เขาหันควับไปมอง
ร่างสูงของนาฏยยืนค้ำศีรษะเขาอยู่ กลิ่นโคโลนจ์อ่อนลอยเข้าจมูก มือใหญ่ชี้ไปที่เมนูหนึ่งที่อยู่ลิสต์ที่เขาอยากลองเช่นกัน
“เอ่อ...อร่อยหรอครับ?”
“อืม...เคยลองกินแล้ว อร่อยดี”
“งั้นเอาอันนี้ก็ได้ครับ” เขาหันไปบอกคนขายที่ยืนยิ้มอยู่ พอจ่ายเงินเสร็จเขาจึงไปสมทบกับคนอื่นที่ยืนรออยู่
“สั่งจนได้นะมึง” เพื่อนสนิทยิ้ม แต่เกลียดรอยยิ้มล้อเลียนแบบนี้ของมันที่สุด “แหมตอนที่กูบอกให้เลือกๆไปไม่เลือก แต่พอมีคน
มาเลือกให้นี่เอาเลยนะ มึงใจง่ายชิบหาย”
เขาถึงกับต้องรีบกระทุ้งท้องไอ้เพื่อนตัวดีที่ปากสว่าง เดี๋ยวเขาก็ได้รู้กันหมด!
รอสักพักหนึ่ง แฮมเบอร์เกอร์ที่สั่งกันก็มาเสิร์ฟในตระกร้าสานใบย่อม ดูน่ากิน ทั้งตัวแฮมเบอร์เกอร์และเครื่องเคียงถูกจัดวางอย่างดี
“อร่อย...” เขาเลิกคิ้วเมื่อกัดเข้าไปคำโต
เขาแอบเงยหน้ามองร่างสูงที่ก้มหน้าก้มตากัดของตัวเองเข้าไปคำโต เขาแอบทึ่งที่พี่นาฏยสามารถกินได้คำใหญ่ขนาดนั้น แถมไม่มีหกเลอะเทอะ ผิดกับเขาแค่คำแรกซอสก็ไหลเยิ้มจนเกือบถึงมืออยู่แล้ว
“เป็นไงเด็กๆ กินได้ไหม?” เอ็ดมันส์ที่เป็นคนเสนอร้านนี้ขึ้นมาถาม เจ้าตัวฟาดแฮมเบอร์เกอร์จนเหลือแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น
“อร่อยมากค่า” เปเปยิ้มร่า
เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก ยิ่งเมนูที่พี่นาฏยเลือกให้ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่
“น้องเจ้ากินอะไรๆ?” พี่เอ็ดหันมาถาม
เขาชูให้ดู เอาตามจริงเขาก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรเหมือนกัน
“อ้อ...นี่มันเมนูโปรดไอ้นาฏยนี่”
เขาถึงกับหันไปมองคนชอบเมนูอย่างช่วยไม่ได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มมุมปากให้เล็กๆเท่านั้นก่อนจะก้มลงไปกิน
ของตัวเองต่อ แต่เขาคนนี้สิ กลับรู้สึกว่าอากาศร้อนขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ
“กินยังไงเนี่ยคุณ เลอะไปถึงไหนแล้ว” กระดาษทิชชู่ถูกยื่นมาข้างหน้า
จันทร์เจ้ายิ้มแหย มือที่ถูกแฮมเบอร์เกอร์เยิ้มไปด้วยซอสหมดแล้ว รับทิชชู่มาเช็ดมือพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
“รีบกินให้หมดแล้วเดี๋ยวค่อยล้างมือทีเดียว” เสียงทุ้มสำทับมาอีกระลอก
หลังจากที่ใช้เวลาไม่นานจัดการอาหารจนหมด ทุกคนลงความเห็นว่าขอนั่งพักท้องสุกครู่ จันทร์เจ้าหันรีหันขวาหาห้องน้ำเพื่อไปล้างคราบซอสที่เหนียวมือ
“ไหวไหมมึง แถวนี้หาห้องน้ำยากหน่อยวะ” อชิระถาม
เขาจำต้องพยักหน้า ก็จริงอย่างที่ว่าตลาดนัดแบบนี้ห้องน้ำไม่ได้มีทุกจุด
“ไอ้เอ็ด ไอ้โจ้ มึงรอแถวนี้แป๊ป เดี๋ยวกูมา” ยังไม่ทันที่คนอื่นจะได้ถามอะไร นาฏยก็เดินไปแล้ว
“อะไรของมันวะ” โจ้ หนุ่มหน้าตี๋ บ่นขึ้นมา
“กูก็งง ไอ้ห่า”
แต่เพียงไม่นานร่างสูงเฉียดร้อยเก้าสิบออกจะเด่นท่ามกลางประชากรไทยที่ค่าเฉลี่ยความสูงอยู่ที่ร้อยเจ็ดสิบกว่าก็กลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าขวดหนึ่งในมือ
“อะ...” มาถึงก็ยื่นขวดน้ำที่มีไอน้ำผุดประปรายให้กับร่างเล็กกว่า
จันทร์เจ้าเผลอขมวดคิ้วทำหน้างงงวยใส่อีกต่างหาก เอาขวดน้ำมาให้เขาทำไมกัน?
“ครับ?”
“เอาไว้ล้างมือไง แบมือสิ” แต่เหมือนอีกฝ่ายก็ยังคงยืนนิ่ง นาฏยเลยเปิดฝาออก พลางสั่ง “เอ้า งงไรคุณ แบมือออกมา”
มือเล็กถูกฝ่ามือใหญ่กว่ามากคว้าขึ้นมาก่อนจะราดน้ำเย็นๆใส่ “ถูสิ จะได้หายเหนียว”
จันทร์เจ้าทำตามทุกอย่างอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณครับ” ก้มหน้างุด แต่ในใจเต้นตึกตักอย่างดีใจ ทั้งเขินทั้งอาย
“อืม...” นาฏยโยนขวดน้ำที่เหลือไม่มากลงถังขยะแถวนั้น ก่อนหันมาหาเพื่อนตัวเอง “มองห่าไรกันพวกมึง เดินสิวะ”
เอ็ดมันส์ โจ้และคนอื่นๆอมยิ้มเจ้าเล่ห์ จนนัยน์ตาดุถลึงตามอง
“เออ..เดินก็เดินสิ อยู่ตรงนี้กูรู้สึกคันไปหมด” หนุ่มขี้เล่นยิ้ม คิ้วยักจึกๆ
“ทำไมวะไอ้เอ็ด” ลูกคู่ผสมโรง
“แม่งมดขึ้นตาสิ ไอ้สัส ถามมาได้” ก่อนจะหัวเราะดังลั่น แล้วต้องร้องโอดเมื่อเจอฝ่าเท้าใหญ่ๆถีบเข้าที่น่องจนได้ “โอ๊ยยย ไอ้
เชี่ยนาฏย ถีบกูทำไมวะ” ดูเหมือนจะไม่รู้ด้วยว่าทำไรไว้
“สัส!” นาฏยถวายพระพรเพื่อนสนิทไปหนึ่งคำ แล้วก็เดินนำออกไป
ยังไม่วายได้ยินเสียงนกเสียงกาตามหลังไม่หยุดหย่อน
“หุบยิ้มบ้างก็ได้นะมึง หน้านี่กระด้งเรียกพี่” อชิระกระทุ้งสีข้างเบาๆ ทำเอาคนที่ยิ้มอยู่ถึงกับสะดุ้ง
“อะไรของมึงวะ” จันทร์เจ้าหันไปถลึงตาใส่ นานๆทีจะได้ฟินใกล้ๆขนาดนี้ ขอบ้างอะไรบ้างดิวะ
“หน้ามึงอ่ะ ออกนอกหน้าไปแล้ว เดี๋ยวเขาหันมาทำไง” มันคงไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามองพี่นาฏยของมันตาเยิ้มขนาดไหน
“อือ รู้แล้วน้า” ใบหน้าขาวขึ้นสีจางๆ นี่เขาออกชัดขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย
เฮ้อ...ดีนะ ไอ้อัชเตือนก่อน
“เฮ้ย มึงรอแป๊ปดิ กูอยากดูสร้อยข้อมือ” อชิระเรียก เจ้าตัวตะโกนบอกกลุ่มรุ่นพี่ข้างหน้าด้วย “พี่ครับ ผมกับไอ้เจ้าขอแวะร้าน
สร้อยแป๊ปนึงครับ พี่เดินไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพวกผมตามไป”
“มึงจะซื้อไปทำไมวะ” เขาอดถามมันไม่ได้เพราะว่าปกติเห็นไม่ค่อยใส่อะไรให้รกข้อมือ
“พอดีกูเคยเดินผ่าน เห็นสวยดีเลยว่าจะมาดู”
ร้านขายเครื่องประดับที่ส่วนใหญ่ดูแล้วทำจากเงิน ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่หรูอยู่ในที ไอ้อัชยืนเลือกสร้อยข้อมือของมันไปส่วนเขาก็มองซ้ายทีขวาที เห็นร้านขายเสื้อยืดสกรีนลายสวยๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“มึง เดี๋ยวกูไปดูเสื้อร้านนั้นแป๊ปนะ” เขาชี้ไปที่ร้านเสื้อที่ไม่ไกลจากร้านเครื่องประดับ อชิระพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเอามือทำเป็นรูปโทรศัพท์เป็นเชิงว่าเดี๋ยวเสร็จแล้วจะโทรไป
เสื้อที่แขวนอยู่หน้าร้านสองตัวเป็นสิ่งที่ดึงให้จันทร์เจ้าเดินเข้าไปหา เสื้อสีดำสนิทสีดำสกรีนรูปพระจันทร์สีขาวและตัวหนังสือคำว่า “Night” ส่วนอีกตัวข้างๆกันเป็นเสื้อสีขาวล้วนตรงกลางสกรีนลายพระอาทิตย์สีดำและมีตัวหนังสือคำตรงกันข้ามกัน “Day” ถูกสกรีนเอาไว้บนเสื้อ
“สนใจไหมน้อง เหลือคู่สุดท้ายแล้ว” เจ้าของร้านวัยกลางคนเดินออกมาถาม
จันทร์เจ้ายิ้ม “เอ่อ...มีแบบขายแยกไหมครับ” ความจริงเขาอยากได้แค่ตัวสีดำเท่านั้น
“รุ่นนี้เป็นเสื้อคู่ ไม่ทำขายแยกน่ะน้อง”
แอบเสียดายนิดหน่อยแต่เขาไม่มีความจำเป็นต้องซื้อสองตัว
“อ่า…”
“พี่ลดให้เหลือคู่ละสี่ร้อย พี่เหลือลายนี้คู่สุดท้ายแล้ว”
สองตัวสี่ร้อยก็น่าสนใจ แต่ซื้อมาแล้วจะเอาไปใครใส่อีกตัวละ ไอ้อัช? วุ้ย ไม่เอา แม่งเดี๋ยวคนล้อ แค่นี้ก็นึกว่าเป็นแฟนกันอยู่ละ
ระหว่างที่เขาลังเลอยู่ เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหลัง
“งั้นผมขอซื้อครับ”
จันทร์เจ้าเกือบจะหงุดหงิดแล้ว มีที่ไหนคนอื่นกำลังคุยอยู่มาตัดหน้าแย่งซื้อไปเฉยเลย แต่เพราะเสียงทุ้มคุ้นหู รวมถึงกลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆลอยมาแตะจมูก เลยต้องรีบหันหน้ากลับไป ด้วยความที่ไม่ได้ดูให้ดีๆทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แค่ไหนเลยทำให้จมูกรั้นๆกระแทกกับไหล่กว้างดังปัก คนตัวเล็กกว่าร้องโอดโอย รู้สึกแสบจมูกเหมือนหายใจไม่ออก
“โอยย”
“ทำไมคุณไม่ระวังเลย” เสียงดุดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นใหญ่นั่นลูบบนจมูกรั้นๆเบาๆ
นัยน์ตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อย อ้าปากค้างๆพะงาบๆ
จนนาฏยแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทำหน้าเรียบเฉยเหมือนเก่า
หน้าตาเหมือนปลาทองตาโตทำปากพะงาบๆในน้ำ
“เอ่อ…”
“400ใช่ไหมครับพี่ นี่ครับ” คนสูงใหญ่ยื่นเงินให้คนขาย ซึ่งคนขายรีบพับเสื้อสองตัวใส่ถุงให้เรียบร้อย
“ทั้งสองตัวเป็นฟรีไซส์นะครับ ใส่ได้ไม่ต้องห่วง”
นาฏยพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กกว่าดึงให้เดินออกมาจากร้าน
“เอ่อ...พี่ครับ” จันทร์เจ้าละล้าละลังไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี
ร่างสูงหยุดอยู่ตรงที่ว่างแถวๆนั้น ปล่อยข้อมือที่จูงมา ก่อนจะหยิบเสื้อสีขาวสกรีนลายสีดำออกมา
ผลุบ!
จันทร์เจ้ารู้สึกถึงความมืดมิดขึ้นเนื่องจากเสื้อถูกคลุมลงมาบนหน้าตัวเอง “อะไรครับเนี่ย”
“หึ” คนถูกถามไม่ตอบกลับส่งเสียงในลำคอเบาๆ
ใบหน้าขาวมุ่ยลง ปากสีอ่อนเบ้คว่ำจนคนเห็นอยากจะดีดขึ้นมาอย่างหมั่นเขี้ยว “อยากได้ไม่ใช่หรือไง”
“ครับ?” มือขาวดึงเสื้อลงมามอง สีขาวสกรีนลายดำ แต่เขาเล็งไว้คือสีดำต่างหาก
“ก็เห็นอยากได้นี่” เสียงทุ้มบอก ที่จริงเขาเดินมาตามรุ่นน้องสองคนที่เดินแยกออกมา เพราะคนอื่นบอกว่าอยากไปเดินต่อที่
เยาวราช จนพอมาเจอรุ่นน้องร่างสูงใหญ่พอๆกันยืนเลือกเครื่องเงินอยู่ แต่ไม่เห็นร่างเล็กๆอีกคน จนได้คำตอบว่าเจ้าตัวเดินแยกมาร้านขายเสื้อ จึงเดินตามมา พอมาก็เจอเด็กน้อยยืนหน้าเครียด นัยน์ตากลมโตจ้องเสื้อที่แขวนโชว์ตาไม่กระพริบ
“ผม ผมไม่ได้อยากได้สีขาว” จันทร์เจ้าอ้อมแอ้ม ใครมันจะไปกล้าพูดดัง เขายื่นเสื้อคืนให้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับไป
คิ้วคมเลิกขึ้น “อยากได้สีดำ?”
ครับ อยากได้สีดำ จันทร์เจ้าเอ่ยในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป ได้แต่พยักหน้า
“หึ สีดำของผม คุณใส่สีขาวล่ะดีแล้ว เหมาะดี”
สีดำของพี่นาฏย??
เขาเบิกตากว้าง “อ้าว งั้นผมซื้อต่อสองตัวเลยครับ”
“ไม่ขาย ผมซื้อมาก่อน”
“แต่ผมมายืนดูก่อนนะครับ” มีที่ไหนมาตัดหน้าซื้อจ่ายเงินแล้วยังมาขี่ตู่อีก
“แต่ตอนนี้มันเป็นของผม”
ปากเล็กยู่เป็นวงกลม จ้องรุ่นพี่คณะประมงด้วยตากลมๆ
“หึยย” เมื่อสู้ไม่ได้ก็ได้แต่ฮึดฮัด
ร่างสูงลอบยิ้ม ไม่เคยคิดว่าผู้ชายจะทำท่าได้น่าหมั่นเขี้ยวขนาดนี้ ถ้าเป็นเอ็ดทำ เขาคงถีบตูดมันไปแล้ว
“ไปเถอะ คนอื่นรออยู่”
“เดี๋ยวครับ” จันทร์เจ้าเรียกไว้ “เงินครับ 200บาท” ในเมื่อไม่ได้สีดำ สีขาวก็ได้
นัยน์ตาคมมองธนบัตรสีแดงสองใบในมืออีกฝ่ายแล้วส่งตาดุๆไปให้ “ผมไม่รับ”
“ไม่ได้ครับ” แต่รุ่นน้องก็ไม่ยอม
“พี่ซื้อของให้น้องเป็นเรื่องธรรมดา”
แต่ไม่ใช่น้องนอกคอกต่างคณะแน่นอน อันนี้จันทร์เจ้ามั่นใจ “แต่…”
“เอาไว้คุณค่อยเลี้ยงข้าวผมก็ได้ ถ้าคุณไม่สะดวกใจ”
จันทร์เจ้าครุ่นคิด เสื้อหนึ่งตัวกับข้าวหนึ่งมื้อ แถมยังได้ไปกับพี่ที่แอบชอบแล้ว อาจจะดีก็ได้มั้ง
...แค่กินข้าวเท่านั้น…
ใช่! แค่เลี้ยงข้าวเท่านั้น
“ก็ได้ครับ พี่นาฏยอยากทานอะไรรีเควสมาได้เลยครับ”
ใบหน้าคมดุแต้มรอยยิ้มบางๆ “อืม...ไว้ผมจะบอก”
“มากันแล้ว” เสียงของเอ็ดมันเมื่อเห็นร่างของเพื่อนสนิทมาพร้อมกับรุ่นน้องสองคน “ได้อะไรกันมา”
หนุ่มลูกครึ่งอารมณ์ดีเห็นเพื่อนสนิทถือถุงพลาสติกมาด้วย
แต่ดูเหมือนเพื่อนจะไม่ดีด้วย “เสือกจริงไอ้เอ็ด”
คนอื่นได้แต่หัวเราะ ไอ้สองคนนี้ชอบกวนตีนกันไปมา ฝ่ายหนึ่งก็กวนตีนหน้าตาย ส่วนอีกคนก็ชอบแหย่ชอบกวนประสาท เห็นพวกมันตีกันตายเกือบทุกวันแต่ก็เป็นเพื่อนรักกันมาก
“มึงก็เลิกแหย่มันน่า มึงก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไงก็ยังชอบกวนตีนมัน” พอมีคนมาห้ามทัพ เอ็ดมันก็เลิกตอแย
“ไปเยาวราชต่อกันมึง” หนุ่มลูกครึ่งหัวโจกใหญ่ลากทั้งกลุ่มกลับไปขึ้นรถ
จันทร์เจ้าแอบทำหน้าคิดหนัก เพราะเขาอยากกลับบ้านแล้ว เวลาหัวค่ำไปจนถึงดึกจะเป็นช่วงที่ร้านอาหารตามสั่งของที่บ้านจะยุ่งเป็นพิเศษ ทุกทีจะมีคนงานอยู่ช่วยก็ตาม แต่พอคนมาเยอะมากมันก็ทำไม่ทันจริงๆ มือขาวล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากเบอร์ฝาแฝดตัวเอง
“เจ้าเอย...กลับไปช่วยที่ร้านหรือเปล่า?”
[กลับสิ กำลังรอรถ ทำไม?]
“เรายังอยู่ข้างนอกอยู่เลย” จันทร์เจ้าสะกิดอัช พูดเสียงเบา “มึงกูว่ากูต้องกลับบ้านก่อนวะ ที่ร้านท่าจะยุ่ง”
อชิระพยักหน้า “ไปดิ เดี๋ยวกูไปส่ง” เพื่อนสนิทรู้ดีว่ากิจการร้านอาหารตามสั่งของเพื่อนตัวเล็กขายดิบขายดี
“อืม โอเค” ร่างโปร่งตอบรับ ก่อนจะป้องปากคุยโทรศัพท์กับฝาแฝดจนวางสายไป
“เอ่อ...พี่ครับ” จันทร์เจ้าเรียกรุ่นพี่ทั้งกลุ่ม “พอดีผมต้องกลับไปบ้านก่อนนะครับ คงไปเยาวราชต่อไม่ได้” นัยน์ตากลมแอบมอง
รุ่นพี่ร่างสูงใหญ่ที่จ้องทองมาเช่นกัน
“อ้าวงั้นหรือ แล้วกลับไง”
จันทร์เจ้าตอบเอ็ดมันกลับว่า “เดี๋ยวไอ้อัชไปส่งครับ”
“อ่อ โอเค งั้นกลับดีๆนะ” จันทร์เจ้าและอชิระสวัสดีรุ่นพี่ล่ำลาเพื่อนร่วมชั้นปีก่อนจะแยกไปที่รถของเพื่อนสนิท
แต่พอกำลังจะเดิน มือใหญ่ก็แตะเบาๆที่ข้อศอก นาฏยสบตากลมโตที่มองมาด้วยความงุนงง ยิ้มมุมปากบางๆ
“มีไลน์ไหม?”
ครับ?!
“...” จันทร์เจ้านิ่งชะงัก พี่นาฏยขอไลน์เขาไปทำไมกัน
“อย่าบอกคุณจะเบี้ยวเลี้ยงข้าวผม?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย
อ้อ เลี้ยงข้าว! “เอ่อ...TheMoonChanchao ครับ”
นาฏยหยิบไอโฟนขึ้นมา ทำหน้าขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมก่อนจะส่งมันมาให้คนตัวเล็ก “อะ พิมพ์เอง ชื่อยาวเกิน” มือขาวๆเงอะงะรับเครื่องมาถือ ใบหน้าร้อนขึ้น ทุกทีพี่นาฏยค่อยข้างหวงตัว หวงของ ไม่ค่อยชอบให้คนที่ไม่สนิทมายุ่งวุ่นวายกับของของตัวเองเท่าไร แต่ว่านี่กลับยื่นให้เขาเฉยเลย
พอกดชื่อตัวเองเสร็จก็ยื่นโทรศัทพ์คืนเจ้าของไป ร่างสูงรับไอโฟนของตัวเองกลับไป
“แล้วผมจะทักไป”
ใบหน้าขาวพยักหน้าเร็วๆก่อนจะรีบขึ้นรถของเพื่อนสนิทไป ริมฝีปากบางแอบอมยิ้ม คงบอกได้แค่ว่าตอนนี้เขา...ดีใจสุดๆเลยละ
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พี่มีซื้อเสื้อให้น้อง มีการขอแลกไลน์ มีการล้างมือให้
โอยยยย...พี่นาฏย ไม่ชอบอย่ามาให้ความหวังสิค่า น้องเขินหมด ฮ่วยยยยยย

ฮ่าๆๆ หวังว่าจะถูกใจนะค่า สำหรับตอนนี้
บวกเป็ดกับทุกคคอมเม้น ขอบคุณสำหรับกำลังใจน่ารักๆจากทุกท่านนนน
